Professional Documents
Culture Documents
กลุ
เป็นสงิ่ ที่บุคคลจะตอ
้ งทำการรู้ จักตนเอง
กอ่ นวิธีท่ีบุคคลจะรู้ จักตนเองไดช้ ั ดเจนคือ
การสำรวจตนเองทำใหบ ้ ุคคลสามารถมอง
ตนเองอยา่ งชั ดเจนทังในแง้ บ
่ วกแงล่ บ
ความสำค
ความสำคั ญของการรั
ั ญของการรับรู
บรู้ ต
้ ตนเอง
นเอง
● การรับรู้ เก่ียวกับตนเองทางดา้ น
ลักษณะทางกาย
● การรับรู้ เก่ียวกับตนเองทางดา้ น
ลักษณะทางจิต
● การรับรู้ เก่ียวกับตนเองทางดา้ นสงิ่
แวดลอ้ ม
ปป จจั ยั ยทีที่ม่มีตีตอ่ อ่ การร
ั ั จจ การรั บรู
ั บรู้ ้
มีมีสสิ่งิ่งเร เร้ า้ า
ที่จ(Stimulus)
(Stimulus)
ะทำให เ้ กิดการรับรู้ เชน ่
สถานการณ์ เหตุการณ์ สงิ่ แวดลอ ้ ม
รอบกายที ่เป็น คน สัตว ์ และสงิ่ ของ
ประสาทส
ประสาทสั มั มผผั สั ส (( Sense Sense Organs
Organs ))
ที่ทำใหเ้ กิดความรู้ สก ึ สัมผัส เชน่ ตาดู
หูฟัง จมูกได้ กลิน ่ ลิ้นรู้ รส และผิวหนัง
รู้ ร้อนรู้ หนาว
ประสบกา ความรู้ เดิมที่เก่ียวขอ ้ งกับสงิ่ เร้า
รณ์ ที่เราสัมผัส
การแปลความหมายของสงิ่ ที่
เราส
่ ่ ั ม ผั ส
สงิ ทีเคยพบเห็นมาแลว้ ยอ่ มจะอยูใ่ นความทรง
จำของสมอง
เมื่อบุคคลไดร้ ั บสงิ่ เร้า สมองก็จะทำหน้าที่
ทบทวนกับความรู้ ท่ีมีอยูเ่ ดิมวา่ สงิ่ เร้านัน
้ คือ
องค
องคป ์ ระกอบของการรั
์ป ระกอบของการรับรู
บรู้ ต
้ ตนเอง
นเอง
1.สงิ่ เร้าไดแ
้ กว่ ั ตถุ แสง เสยี ง กลิน่ รสตา่ งๆ
2.อวัยวะรับสัมผัส ไดแ ้ ก่ หู ตา จมูก ลิ้น
ผิวหนัง ถา้ ไมส ่ มบูรณ์จะทำใหส ้ ูญเสยี การรับรู้
ได้
3.ประสาทในการรับสัมผัสเป็นตัวกลางสง่
กระแสประสาทจากอวัยวะรับสัมผัสไปยังสมอง
่
4.ประสบการณ์เดิม การรู้ จัก การจำได้ ทำใหก ้ าร
้ ีข้ึน
รับรู้ ไดด
5.คา่ นิ ยม ทัศนคติ
้
6.ความใสใ่ จ ความตังใจ
7.สภาพจิตใจ อารมณ์ เชน ่ การคาดหวัง ความดีใจ
เสยี ใจ
8.ความสามารถทางสติปัญญา ทำใหร้ ั บรู้ ไดเ้ ร็ว
การวิ
การวิเเคราะห
คราะห์ค์ความรู ้ สึกึกนึนึกคิ
วามรู้ ส เก่ี ย่ี ยวก
กคิดดเก วกั บ
ับ
ตนเอง
ตนเอง
Transactional Analysis
1. คนทุกคนเกิดมาในโลกนี้ ดว้ ย
ความรู้ สก ึ กังวล
ทุกขร์ ้ อน และขาดความมั่นคง แต่
ความรู้ สก ึ
นี้ จะลดลงหรื อรุ นแรง ขึ้นอยูก
่ ับ
เพราะมี
ึ ขาดความมั่นคง เป็นสงิ่ T.A.
ความรู้ สก T.A.
จูงใจให้
กระทำ ซ่ึงบางทีตนเองก็ไมเ่ ขา้ ใจ
ใน
พฤติกรรมของตนเอง จึงอาจกอ ่
ใหเ้ กิดความ
สับสนใหบ ้ ุคคลที่อยูร่ อบขา้ งดว้ ย
้ เ่ กิดจะ
3. ประสบการณ์และเหตุการณ์ตา่ งๆตังแต
ถูกเก็บไวใ้ นสมองควบคูไ่ ปกับอารมณ์ท่ีเกิดขึ้น
จากเหตุการณ์นัน้ ๆ
T.A.
T.A.
T.A.
ิ ของแตล่ ะคนจะขึ้นอยูก
4. จุดยืนแหง่ ชีวต ่ ับ
ประสบการณ์ท่ีไดร้ ั บมาระหวา่ งวัยทารก
และวัยเด็ก
5. คนเราตอ้ งการแสวงหาการตอบสนอง
ทางสังคม
ประโยชน
ประโยชน์ ข
์ ของ
อง
T.A.
T.A.
1.รู้ จักบุคลิกภาพของตนเอง
2.พัฒนาความสัมพันธ์
3.เขา้ ใจพฤติกรรมผูอ ้ ่ ืน
4.ปรับตัวใหเ้ ขา้ กับผูอ ้ ่ืนได้
5.ใชร้ ั กษาผูป้ ่ วยโรคจิต
โรคประสาท
หล
หลั กการของ
ั กการของ T.A.
T.A.
บุบุคคลิลิกกภาพส
ภาพสว่ ว่ นน การเอาใจใส
การเอาใจใส ่่
บุบุคคคล
คล
( Ego State ) ( Strokes )
จุจุดดยืยืนนแห แหง่ ง่
ชชีวีวต
ิต เกมสช์ ช์ ีวีวต
เกมส ิต
ิ
ิ
( Life Posttion ) ( Life Game )
บุบุคคลิลิกกภาพส
ภาพสว ่ นบุ
่ว นบุคคคล
คล (( Ego
Ego State
State ))
โครงสร้างแบบพอ่ โครงสร้างแบบ
แม่ ผูใ้ หญ่
Parent Ego State Adult Ego state
โครงสร้าง
แบบเด็ก
Child Ego
โครงสร้างแบบ
พ่อแม่
ดุ ขม ่
ดา่ ขู ่
Parent
Parent Ego
Ego -- State
State
ปลอบโ หว่ ง
ยน ใย
ชว่ ย ใหกำ
้ ลัง
เหลือ ใจ
โครงสร
โครงสร้ า้ างแบบ
งแบบ
ผูผู้ ใ้ ใหญ
หญ่ ่
Adult
Adult Ego
Ego -- State
State
หลัก
รอบค การ เหตุ
อบ มี จุด ผล
หมาย
เป็นบุคลิกภาพที่สามารถปรับตัวที่จะ
อยูโ่ ลก
แหง่ ความเป็นจริ งในปัจจุบันนี้ ได้
โครงสร
โครงสร้ า้ างแบบเด็
งแบบเด็กก
Child
Child Ego
Ego State
State
Free
Free Child
Child Natural
Natural Child
Child FC
FC -- NC
NC
Adapted
Adapted Child
Child AC
AC
Little
Little Professor
Professor LP
LP
การรั
การรั บรู
บรู ้
การประเมินหรื อตัดสน ิ บุคคลอืน้ วา่ เป็นคนอยา่ งไร
่
่ บุ
บุคค ่ คล
คล
โดยทัวไปการรับรู้ บุคคลอืนจะใชล ้ ั กษณะทาง
กายภาพของบุคคลนัน ้ เชน ่ หน้าตา ผิวพรรณ รู ปร่าง
หรื อดูบุคลิกภาพตา่ ง ๆ เชน ่ นิ สัยใจคอและการพูดจา
เป็นตน้ เงียบขรึ ม ชา่ งคุย ใจดี ใจร้าย พูดเพราะ พูด
หยาบ เป็นตน ้
ความหมายของ
มนุ ษยสั มพันธ ์
้
มนุ ษยสัมพันธจ์ ั ดเป็นทังศาสตร ์ (Science)
และศลิ ป์ (Art) เนื่ องจากมีหลักการ และ
ทฤษฎีท่ีเป็นขอ ้ ความรู้ และการนำหลักการ
หรื อทฤษฎีไปปฏิบัติใหป ้ ระสบ ความสำเร็จ
ไดน ้ ัน ้ งอาศั ยเทคนิ ควิธีการซ่ึงถือเป็น
้ ตอ
ศลิ ปะเฉพาะตัวของแตล่ ะบุคคล
ความสำค
ความสำค
มนุ ษยสัมพันธ์ ชว่ ยทำให ั ญของ
ั ญของ
ม
้ นุ ษยม ์ าอยูร่ ่วม
กันเป็นสังคมมนุ
ไมษยสั
มนุ ว่ า่ สังมพ
ษยสั มพั นธั นธ์ ์ ก หรื อ
คมขนาดเล็
ขนาดใหญ่ แตล่ ะคนที่มาอยูร่ ่วมกันนัน ้ ตา่ ง
ก็มี ความแตกตา่ งกัน (Individual) ความ
แตกตา่ งกันในเรื่ อง ความรู้ ความสามารถ
ประสบการณ์ เจตคติ รสนิ ยม ความคิดเห็น
เชาวน์ปัญญา
องค
องคป ์ ระกอบของมนุ
์ป ระกอบของมนุษยสั
ษยสัมพ
มพั นธ
ั นธ์ ์
เขา้ ใจตนเอง : ทุกคนตอ ้ งรู้ จักตัวเราเองใหม ้ าก
ที่สุด รู้ วา่ อะไรคือจุดออ่ น จุดแข็ง ควรจะปรับแก้
จุดออ่ นอยา่ งไรใหด ้ ีข้ึน ควรจะใชจ้ ุดแข็งของตน
ใหเ้ ป็นประโยชน์อยา่ งไร ขอ ้ ดี ขอ้ เสยี ของตนเอง
คืออะไร อะไรที่จะทำใหก ้ ารทำงานไมเ่ กิดปัญหา
อะไรที่เราโดดเดน ่ ที่จะชว่ ยเพิม ่ ความสำเร็จของ
งานไดด ้ ี
เข
เข ้ า าใจผู
ใจผู ้
เมือเรารู้ จักตนเองอย่ า่ งดีแ้ ลว้ เราก็ควรที่
่ ้
จะเรี ยนรู้ การรู้ จักผูอ อื น
อื
่ ่ นดว้ ยเชน
้ ืน ่ กัน การ
เรี ยนรู้ น้ี ยังหมายถึงการใสใ่ จ ใหค ้ วาม
สำคัญระหวา่ งกัน รวมไปถึงการเคารพซ่ึง
กันและกันดว้ ย การรู้ จักความสามารถ จุด
ออ่ น จุดแข็งของผูอ ้ ่ืน ทำใหเ้ ราสามารถ
ปรับตัวในการทำงานร่วมกันไดด ้ ี
การเข ใจสิ่งิ่ง
การเข้ า้ าใจส
แวดล้ อ้ อมม ่
แวดล
เป็นการเรี ยนรู้ ธรรมชาติของสงิ แวดลอ ้ มที่
อยูร่ อบตัวเรา และบุคคลอื่นซ่ึงมีอิทธิพลตอ่
การดำเนิ นชีวต ิ ประจำวัน และมีสว่ น
สัมพันธก ์ ั บมนุ ษยสัมพันธ์ ไดแ ้ ก่ สภาพ
การณ์เหตุการณ์ปัจจุบัน และในอนาคต
1.ใหค ้ นรู้ จักและเขา้ ใจตนเอง
2.ใหร้ ู้ จักและเขา้ ใจผูประโยชน
ประโยชน
้ ่ ืน
อ ์์
3.ใหเ้ กิดความรักมนุ มนุ ษยสั
ษยสั่ือมพ
ความเช มใจพั นธ
ั นธ ์์
ความศรั ทธา
และความไวว้ างใจ
4.ใหเ้ กิดความร่วมมือในการทำงานไปสูเ่ ป้า
หมาย
5.ใหล ้ ดปัญหาความขัดแยง้ ในการทำงาน และ
การยะร่วมกัน
ดว้ ยความสามัคคี
องคป ์ ระกอบที่จะชว่ ยสง่ เสริ มใหเ้ ป็นผูม
้ ี
มนุ ษยสัมพันธท ์ ่ีดี
1.ตอ ้ งมีความเขา้ ใจตนเอง
2.ตอ ้ งมีความเขา้ ใจบุคคลอื่น
3.ตอ ้ งยอมรับความแตกตา่ ง
ของบุคคลอื่น
วิวิธธีสีสรร้ า้ างมนุ
งมนุษษยส
ยสั มั มพพั น
ั นธธท ่
์ ีด่ีดี ี
์ท
บุคลิกภาพที่แสดงออกผา่ นทางการทำความเขา้ ใจ
คำวา่ “บุคลิกภาพภายใน” หมายถึง สงิ่ ที่เป็น
นามธรรม ไมส ่ ามารถจับตอ ้ งได้ แตม
่ องเห็นผา่ น
การกระทำ เชน ่ ทัศนคติ วิสัยทัศน์ เจตคติตา่ ง ๆ
องคก
์ รมักจะเลือกผูท ้ ่ีมีบุคลิกภาพเอื้อประโยชน์ตอ่
องคก์ ร ดังนี้
มนุ ษยสัมพันธด ์ ี บุคคลที่มีมนุ ษยสัมพันธท ์ ่ีดีจะ
สามารถทำงานร่วมกับผูอ ้ ่ืนไดง้ า่ ย การทำงานใน
องคก ์ รเกือบทุกองคก ์ รมักจะมีการประสานงาน การ
มีมนุ ษยสัมพันธท ์ ่ีดีจึงเป็นคุณสมบัติท่ีองคก ์ รหลาย
ชแห
า่ งส ั งเกต ความชา่ งสังเกตเป็นอีกหนึ่ งวิธีในการ
ง่ มองหา
เรี ยนรู้ ผูท ้ ่ีชา่ งสังเกตมักจะเขา้ ใจความรู้ ไดอ ้ ยา่ ง
รวดเร็วเสริ มสร้างศั กยภาพในการทำงาน และเป็น
อีกหนึ่ งบุคลิกภาพที่ดีของคนทำงาน
มีความละเอียดรอบคอบ งานที่ประณี ตมักจะมี
ขอ ้ ผิดพลาดน้อย ผูท ้ ่ีมีความละเอียดรอบคอบจะ
ระมัดระวังไมใ่ หช้ ้น ิ งานเกิดความผิดพลาด สร้าง
ั กที่จะเรี่มยีคนรู
รผลงานที ุณ้ แภาพอยู
ละพัฒเนา ่ สมอ ์ รจำเป็นตอ
องคก ้ งเดิน
หน้าในทุกวัน คนทำงานในองคก ์ รก็เชน ่ กัน
การเรี ยนรู้ และการพัฒนาที่ไมม ่ ีท่ีสน
้ิ สุดเป็น
บุคลิกภาพภายในที่ควรมี
มีความนอบน้อม ความนอบน้อมถอ่ มตนเป็นการ
ึ แรกพบที่ดีตอ
สร้างความรู้ สก ่ ผูพ
้ บเห็น ชว่ ย
ใหก้ ารทำงานราบรื่ น และทำใหผ ้ ูใ้ หญเ่ อ็นดู สอน
งานดว้ ยความรู้ สกึ ที่ดีบุคลิกภาพสง่ ผลตอ่ การ
ทำงานเป็นอยา่ งมาก เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้
ตนเองและองคก ์ ร ซ่ึงบุคลิกภาพสามารถพัฒนา
และปรับเปลี่ยนได้
การรับรู้ ตนเองคือการรู้ จักตนเองจำเป็นตอ ้ งศก ึ ษา
้ สรุ
สรุปปด ้
และสำรวจ ทังในด า้ นดีและไม ่ ี สว่ นตัวตนนัน
ประกอบดว้ ยสว่ นตา่ ง ๆ ที่รวมกันซ่ึงบุคคลเหลา่ นัน ้
จะตอ ้ งรับรู้ ตนเองไดแ ้ ละขณะเดียวกันผูอ ้ ่ืนก็ไดร้ ั บรู้
ดว้ ย ดว้ ยเหตุน้ี ทุกคนจึงมี “ตัวตนหรื ออัตตา” ดว้ ย
กันทุกคน ตา่ งกันเพียงวา่ ตัวตนของใครจะไดร้ ั บการ
ขัดเกลา การที่จะรู้ จักและเขา้ ใจตนเองนัน ้ บุคคล
ตอ ้ งเขา้ ใจโลกภายในของตน ซ่ึงจะเป็นตัวกำหนด
บุคลิกภาพของบุคคลใหก ้ ระทำไปตามที่ตนรับรู้
คำถาม
คำถาม
ขขอ้อ ที ่
้ ่ 1.1.การร
ที การรั บรู ั บรู้ ต้ ตนเอง
นเอง
มีมีกก่ีจ่ีจุดุด
ขขอ ้อ ้ ที
ที ่ ่ 2.ความสำค
2.ความสำค ั ญ
ั ญของการร
ของการร ั บรู
ั บรู ้ ต
้ ตนเองมี
นเองมี กก ่ ี ่ี
ดดา้ า้ นและอะไรบ
นและอะไรบ า้ า้ งง
ขขอ ้อ
้ ที
ที ่ ่ 3.ส
3.ส ิ
ง ่ ิ
ง ่ เร
เร ้ า
้ ทำ
าที
ที ่ ่ทำให
ใหเ้ เ้ กกิดิด
ความร
ความรั บรู ั บรู่ ้ ้
ขขอ ้ ทีที่ 4.การวิ
้อ 4.การวิเเคราะห คราะหค ์ค
์ วามรู
วามรู ้ ส
้ ส ึ
ก ึ
ก นึ
นึ ก
ก คิ
คิ ด
ด เก
เก่ ีย่ียวว
กกั บ ตนเอง มีมีกก่ีข่ีขอ
ั บตนเอง ้อ
้
ขขอ ้ ทีที่ ่ 5.บุ
้อ ภาพจำแนกเป็ น
5.บุคคลิลิกกภาพจำแนกเป ็ นกก่ี ่ี
เป็ น
เป ็ นประเภท
ประเภท
ขขอ ที่ 6.บุคคลิลิกกภาพภายนอกมี
้ ่ 6.บุ
้อ ที ภาพภายนอกมี
อะไรบ
อะไรบา้ า้ งง
ขขอ ที
้ ่ 7.
้อ ่
ที 7. บุบุคคลิลิกกภาพภายใน
ภาพภายใน
หมายถึ
หมายถึงงอะไร อะไร
คำตอบ
คำตอบ
ขอ ้ ที่ 1 คำตอบ 2 จุด จุดเดน ่
ขอ ้ ที่ 2 คำตอบ ด้าและจุ นลักดษณะทางกาย
ดอ้ ย ด้านลักษณะทางจิต ด้านสงิ่
แวดลอ ้ ม
ขอ ่
้ ที 3 คำตอบ สถานการณ์ เหตุการณ์ สง่ิ แวดลอ ้ ม รอบกายที่เป็ น
่ ของ ่
คน สั ตว ์ และส
้ ที่ 4 คำตอบ
ขอ ตัวงิ ตนที เป็ นจริ ง ตัวตนที่คิดวา่ เราเป็ น ตัวตนที่
ขอ ่ 5 คำตอบ
้ ทีเราต อ บุคลินกภาพแบบอินโทรเวิร์ท บุคลิกภาพแบบ
้ งการจะเป็
เอกซโทรเวิร์ท
ขอ ้ ที่ 6 คำตอบ การแตง่ กายและทรงผม การเคลื่อนไหวร่างกาย โทนเสียง
ในการพูด การใชส ้ ายตา และระเบียบของร่างกาย
ขอ้ ที่ 7 คำตอบสง่ิ ที่เป็ นนามธรรม ไมส ่ ามารถจับตอ ้ งได้ แตม
่ องเห็นผา่ นการกระ
ทำ เชน ่ ทัศนคติ วิสัยทัศน์ เจตคติตา่ ง ๆ