You are on page 1of 30

61

บทที่ 5
ความรู้ ทั่วไปเกีย่ วกับจักระ (Chakra )

โยคะศาสตร์ เป็ นศาสตร์ เก่ าแก่ ของโลกมีอายุมากกว่ าห้ าพันปี เป็ นศาสตร์ ทกี่ ล่ าวถึง
แนวทางแห่ งการพัฒนาศักยภาพร่ างกายและจิตใจ เพือ่ มุ่งบาเพ็ญไปสู่ ความหลุดพ้ น ศาสตร์ ทาง
โยคะกล่าวว่า ร่ างกายของมนุษย์ มีจุดสาคัญ 7 จุด ทีเ่ รียกว่ าจักระ(Chakra) ซึ่งเรียงตัวอยู่ตามจุด
ต่ าง ๆ ของร่ างกาย ตามรู ปข้ างบน ตั้งแต่ ศีรษะจนถึงก้ นกบ เมื่อจักระเหล่ านีถ้ ูกกระตุ้นด้ วย
กรรมวิธีต่าง ๆ แห่ งแนวทางโยคะสายต่ าง ๆ ทาให้ จักระทั้ง7 จุดตื่นตัวขึน้ และมีพลังศักยภาพสู งส่ ง
แล้ว จะทาให้ เกิดการเคลือ่ นทีข่ องพลังงานไฟฟ้าของกระแสประสาทสาคัญภายในร่ างกายทีเ่ รียกว่า
พลังกุณฑาลินี เดินทางจากกระดูกก้ นกบไปสู่ สมอง ผลที่เกิดขึน้ จะทาให้ เขากลายเป็ นผู้ทมี่ ี
ศักยภาพทางกายและจิตสู งส่ ง สามารถบรรลุส่ ู การหลุดพ้ นจากวัฏสงสาร และรวมเป็ นหนึ่งกับพระ
เจ้ าในทีส่ ุ ด
62

จักระ" (CHAKRA) คืออะไร

จักระ (CHAKRA) คือ ศูนย์ พลังงาน (FORCE CENTER) ของมนุษย์ ทีอ่ ยู่ในสภาพเป็ นวงล้ อ
หรือกงจักระหมุน
จักระ (CHAKRA) คือ สภาพแห่ งคลืน่ ของพลังทีส่ ามารถเปล่งพลังออกมาได้
จักระ(CHAKRA) คือ บ่ อนา้ พุทใี่ ห้ กาเนิดพลังงานอันแสนมหัศจรรย์ ของมนุษย์ โดยผ่ านการขับ
ฮอร์ โมน เอ็นไซม์ และวิตามิน ออกมาช่ วยทาให้ มนุษย์ สามารถธารงค์ รักษากายภาพแห่ งความเป็ น
มนุษย์ เอาไว้ ได้ หรือเป็ นอะไรทีย่ ิ่งกว่ านั้นได้
63

จักระทั้ง 7 จักระ ประกอบด้ วย


1. มูลธาร (Mrauladha) ทีต่ ้งั บริเวณก้นกบ
2. สวาธิษฐาน (Svadhisthana) ทีต่ ้งั บริเวณท้องน้ อย
3. มณีปุระ(Manipura) ทีต่ ้งั บริเวณท้อง
4. อนาหตะ(Anahata) ทีต่ ้งั บริเวณหัวใจ
5. วิสุทธิ(Visudsha) ทีต่ ้งั บริเวณคอหอย
6. อาชนะ (Ajna) ทีต่ ้งั ใจกลางศีรษะบริเวณหน้ าผาก
7. สหัสราร(Sahasrara) ทีต่ ้งั บริเวณยอดกระหม่ อมศีรษะ
64

ข้ อสั งเกต จะพบได้ ว่าตาแหน่ งทีต่ ้งั ของจักระทั้งเจ็ดนั้น ได้ วางเรียงอยู่สอดคล้ องกับตาแหน่ งทีต่ ้ งั
ของสมองและในไขสั นหลังในร่ างกาย ดังนั้นตามหลักโยคะศาสตร์ ทมี่ ีการฝึ กปฏิบัติการกระตุ้น
การทางานให้ จักระทั้ง 7 ย่อมส่ งผลดีต่อการพัฒนาศักยภาพในการทางานของสมองและระบบ
ประสาทในร่ างกายเป็ นอย่างยิง่
65

นอกจากนีย้ งั มีการค้ นพบว่าตาแหน่ งทีต่ ้งั ของจักระทั้ง 7 นั้นสอดคล้องกับตาแหน่ งที่ต้งั


ของต่ อมไร้ ท่อต่ าง ๆ ในร่ างกายอีกด้ วยอย่างน่ ามหัศจรรย์

ซึ่งจากการค้ นพบดังกล่าวเป็ นทีน่ ่ าประหลาดใจว่ า ความรู้ ด้านเจ็ดจักระทีเ่ ป็ นศาสตร์


เก่าแก่กว่าห้ าพันปี ทาไมจักระทั้งเจ็ด นอกจากจะวางเรียงตามตาแหน่ งของสมองและกระดูกไขสั น
หลังแล้วยังตรงกับตาแหน่ งแห่ งต่ อมไร้ ท่อทีส่ าคัญในร่ างกาย ซึ่งความรู้ เกีย่ วกับต่ อมไร้ ท่อเป็ น
ความรู้ ทางการแพทย์ ในช่ วงสองร้ อยปี ทีผ่ ่ านมาเท่ านั้นเองแต่ ทางโยคะศาสตร์ ได้ ร้ ู ความลับดังกล่ าว
ก่อนทางการแพทย์มาเนิ่นนาน และได้ คิดค้ นกรรมวิธีปฏิบัติในหลาย ๆ วิธีการในอันที่จะกระตุ้นการ
ทางานแห่ งจักระเหล่ านั้น ซึ่งย่ อมมีผลดีต่อการกระตุ้นการทางานของสมองทุกส่ วนและต่ อมไร้ ท่อ
66

รวมทั้งอวัยวะต่ าง ๆ ทีจ่ ักระเหล่านั้นเกี่ยวข้ องไปด้ วย ซึ่งพบว่ ามีผลต่ อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์


ได้ อย่างน่ ามหัศจรรย์ เราสามารถเข้ าใจ และตระหนักถึงความสาคัญอย่างยิง่ ยวดทีจ่ ักระทั้งเจ็ดมี
ต่ อชี วติ มนุษย์ นีไ้ ด้ โดยผ่ านการทาความเข้ าใจถึงการทางานของต่ อมต่ าง ๆ ทีเ่ ป็ นทีต่ ้ งั ของจักรทั้ง
เจ็ด

การทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เพือ่ พิสูจน์ ความมีอยู่แห่ งจักระทั้ง 7

ซึ่งจากภาพถ่ ายทางวิทยาศาสตร์ ทถี่ ่ ายจับคลืน่ ความร้ อนของร่ างกาย ก็สามารถพบลักษณะ


พิเศษของการหมุนวนแห่ งคลืน่ พลังงานแม่ เหล็กไฟฟ้า ตามจุดต่ าง ๆ ในร่ างกายใกล้ เคียงกับทีต่ ้ งั
ของจักระตามคากล่าวของศาสตร์ ทางโยคะ นับว่ าเป็ นการยืนยันความถูกต้ องของความมีอยู่ของ
จักระในร่ างกายมนุษย์ ทางกายภาพ ซึ่งจากภาพถ่ ายทางวิทยาศาสตร์ ทถี่ ่ ายจับคลืน่ ความร้ อนของ
ร่ างกาย พบว่ามีพลังแห่ งคลื่นแม่ เหล็กไฟฟ้ามีลกั ษณะเป็ นคลืน่ ความถี่เฉพาะแตกต่ างกันไปในแต่
ละจักระ
67

ซึ่งสั นนิษฐานได้ ว่าอาจเกิดจากการที่หัวใจได้ สูบฉีดโลหิตจากหัวใจไปยังศีรษะและจาก


หัวใจไปยังร่ างกายส่ วนล่ าง แรงบีบโลหิตจากหัวใจได้ ส่งคลืน่ พลังงานหนึ่งผ่ านหลอดเลือดไปสู่
อวัยวะต่ าง ๆ เมื่อเลือดทีม่ ีคลืน่ พลังงานถูกสู บฉีดผ่ านมาบริเวณต่ อมไร้ ท่อทีม่ ีการฉีดฮอร์ โมนต่ าง ๆ
ออกมาตลอดเวลาในสภาพเป็ นของเหลวทีม่ ีคลื่นพลังงานความถี่เฉพาะ ทาให้ เกิดการปะทะของ
คลืน่ พลังงานเกิดขึน้ ในบริเวณต่ าง ๆ ทีเ่ ป็ นทีต่ ้งั แห่ งต่ อมไร้ ท่อ ทาให้ เกิดคลืน่ ความถี่เฉพาะใหม่ ซึ่ง
เกิดขึน้ เป็ นคลื่นพลังงานถี่เฉพาะในตาแหน่ งต่ าง ๆ ดังรู ป

ทาให้ เกิดการรวมตัวกันกันแห่ งคลืน่ ความถี่เฉพาะเหล่านั้น ในบริเวณอวัยวะส่ วนต่ าง ๆ ที่


เป็ นตาแหน่ งแห่ งต่ อมไร้ ท่อทีม่ ีอยู่ เป็ นคลืน่ ความถี่เฉพาะต่ าง ๆแตกต่ างกันไป เกิดขึน้ จานวน 7
แห่ งตามตาแหน่ งของต่ อมไร้ ท่อทั้ง 7 ต่ อม
68

ความรู้ เกีย่ วกับระบบต่ อมไร้ ท่อและฮอร์ โมนในร่ างกาย


69

ต่ อมไพนีล PINEAL GLAND


ต่อมนี้ถือเป็ น "ต่อมหลัก" ที่ทาหน้าที่ควบคุมต่อมอื่น ๆ อีกที ต่อมนี้ยาวเพียงครึ่ งนิ้ว สี
แดง มีลกั ษณะเหมือนเมล็ดต้นสน หนักเพียง 0.2 กรัม ต่อมนี้จะโตเต็มที่เมื่อมนุษย์มีอายุราว ๆ 7 - 8 ขวบ
หลังจากนั้นจะค่อย ๆ เสื่ อมสภาพลง เชื่อกันว่า ต่อมไพนีลทาหน้ าที่ผลิตฮอร์ โมนทีค่ วบคุมวุฒภิ าวะทางเพศ
กิจกรรมทางเพศ และอิริยาบถต่ าง ๆ ในชีวติ ประจาวัน ฮอร์ โมนนั้นก็คอื เมลาโทนิน (MELATONIN)
นอกจากนี้ต่อมนี้ยงั ผลิตฮอร์โมนเซราโทนิน (SERATONIN) ที่สมั พันธ์อยูก่ บั หน้าที่ของความคิดที่เกี่ยวกับเหตุผล
เป็ นที่เชื่อกันว่าต่อมไพนีลนี้เป็ นต่อมที่มีความฉับไวต่อแสงสว่างเป็ นพิเศษ ต่อมนี้คงจะเป็ นร่ องรอยเดิมของ "ตาที่
สาม" ของมนุษย์ที่ค่อย ๆ หายเข้าไปในสมอง เหมือนกับ "ตาที่สาม" ของจิ้งจก ตุก๊ แก ที่อยูบ่ นศรี ษะ ซึ่งทาหน้าที่
ฉับไวในการรับแสงสว่างและควบคุมลีลาจังหวะธรรมชาติในวงจรชีวติ เป็ นเรื่ องที่น่าสนใจมากที่ต้งั แต่เมื่อหลาย
พันปี ก่อนแล้ว ที่พวกโยคีและพวกเซียนได้พดู ถึง "ตาที่สาม" ซึ่งอยู่ "ตรงศู นย์ กลางของสมอง" โดยกล่าวว่าเป็ น
"ดวงตาแห่ งปัญญาญาณ" ซึ่งถ้าหากได้ผา่ นการฝึ กฝนปฏิบตั ิ และพัฒนาอย่างถูกวิธีตามหลักวิชาโยคะ หรื อวิชาเต๋ า
โดยสามารถควบคุมให้เหมาะสมได้แล้ว ผูน้ ้ นั จะสามารถผนึกตนเองเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกับ "สภาวะทีส่ ู งส่ งทาง
จิตวิญญาณ" ได้
เนื่องจากความฉับไวในการรับแสงของต่อมไพนีลในเวลากลางคืน ท่ามกลางไฟมืด จะทาให้ปริ มาณ
ของฮอร์โมนเมลาโทนินที่หลัง่ ออกมาจากต่อมไพนีลจะสูงมาก ขณะที่ปริ มาณที่ถูกขับออกของฮอร์โมนเซราโท
นินจะลดต่ามาก เมื่อเป็ นเช่นนี้กจ็ ะก่อให้เกิดสภาวะแห่งการพักผ่อนและผ่อนคลายของกายและจิต ทาให้ผนู ้ ้ นั
สามารถหลับได้แต่พอในตอนกลางวัน สิ่ งต่าง ๆ จะเกิดในทางตรงกันข้าม กล่าวคือปริ มาณของฮอร์โมนเมลา
โทนินจะลดลง ขณะที่ปริ มาณของฮอร์โมนเซราโทนินจะเพิม่ มากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดสภาพของความคึกคัก
เคลื่อนไหวที่ปราศจากการพักผ่อน อนึ่งสีเขียวมีบทบาทสามารถลดปริ มาณฮอร์โมนเซราโทนินที่ตอ่ มไพนีลผลิต
ออกมาได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่ องแปลกที่ความเขียวชอุ่มของต้นไม้ ป่ าไม้ จะช่วยส่งเสริ มให้อารมณ์ของคนเรา
สงบ คลายเครี ยด ได้พกั
การฝึ กออกกาลังกายด้วยวิธีโยคะ หรื อวิธีเต๋ า รวมทั้งการฝึ กสมาธิแบบโยคะ หรื อเต๋ า ก็ส่งผลสะเทือน
อย่างสูงต่อการทางานของต่อมไพนีล ในทิศทางที่ทาให้ฮอร์โมนเมลาโทนินเพิ่มขึ้น และฮอร์โมนเซราโทนินล
ดลงเช่นกัน เมื่อเป็ นดังนั้น จิตและกายก็จะผ่อนคลาย สงบ จมดิ่งลงไปสู่สภาวะของความมีสติสานึกที่ลึกล้ ายิง่ ขึ้น
หลักวิชาของโฮโม-เอ็กเซลเลนส์ จึงมุ่งไปยังการฝึ กควบคุมการทางานของต่ อมไพนีล ให้ ขับฮอร์ โมนเซราโทนิน
ให้ น้อยลง เพือ่ เข้ าสู่ สภาวะจิตอันสู งส่ งที่จะประสบกับแสงสว่างอันสุกใส รู ้สึกสุขอย่งดื่มด่าล้ าลึกและเป็ นอันหนึ่ง
อันเดียวกับจักรวาล อันเป็ นสภาวะของการสลายตัวตน (อัตตา) อันเล็กที่ทาลายความแตกต่างแบ่งแยกระหว่าง
ตัวตนของเรากับสรรพสิ่ งรอบ ๆ ตัว

(2) ต่ อมพิตทูอทิ ารี PITUITARY GLAND


ต่อมนี้ก็ถือเป็ น "ต่อมหลัก" (MASTER LAND) เช่นเดียวกับต่อมไพนีลมีขนาดใหญ่เท่ากับเมล็ดถัว่ น้ าหนักราว ๆ
0.8 กรัม อันที่จริ งหน้าที่ของต่ อมพิตทูอทิ ารีนี้ เป็ นเพียงสถานีส่งผ่านถ่ ายทอดฮอร์ โมนต่ าง ๆ ไปยังต่ อมอืน่ ๆ
หรืออวัยวะส่ วนอืน่ ๆ ของร่ างกายเท่านั้น โดยที่ต่อมพิตทูอิทารี น้ ีจะต้องรับคาสัง่ และข่าวสารจาก "ไฮโพทาลามัส"
(HYPOTHALAMUS) อีกต่อหนึ่ง
70

"ไฮโพทาลามัส" คืออวัยวะในสมองทีท่ าหน้ าทีป่ ระสานงานระหว่ างระบบประสาทกับระบบต่ อมต่ าง ๆ รวมทั้งยัง


ทาหน้าที่ควบคุมปฏิกิริยาของร่ างกายที่มีต่อสภาวะอารมณ์อนั ปั่ นป่ วนต่าง ๆ ด้วย (อวัยวะ "ไฮโพทาลามัส" นี้มี
ความสาคัญมากที่สุดในหลักวิชาของโฮโม-เอ็กเซลเลนส์ ซึ่งผมคงจะนามากล่าวถึงโดยละเอียดในภายหลัง)
ต่อมพิตทูอิทารี สามารถแบ่งได้ออกเป็ น 3 ส่วน คือ กลีบหน้า กลีบกลาง และกลีบหลัง ฮอร์โมนที่ถูกขับออกมา
จาก "กลีบหน้า" ที่สาคัญมีอยู่ 6 ชนิด ดังต่อไปนี้คือ
(ก) ฮอร์โมนกระตุน้ การเจริ ญเติบโต (STN)
(ข) ฮอร์โมนกระตุน้ ต่อมเพศ (GTH)
(ค) ฮอร์โมนกระตุน้ ต่อมไทรอยด์ (TSH)
(ง) ฮอร์โมนกระตุน้ ต่อมอะดรี นลั (ACTH)
(จ) ฮอร์โมนกระตุน้ ต่อมพาราไทรอยด์
(ฉ) ฮอร์โมนกระตุน้ ต่อมนม (LTH)
จะเห็นได้วา่ ฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจาก "กลีบหน้า" ของต่อมพิตทูอิทารี น้ นั ได้ควบคุมหรื อมีบทบาทอย่างสาคัญ
ต่อการทางานของต่อมหลัก ๆ ในร่ างกายเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว สาหรับฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจาก "กลีบกลาง"
นั้น ที่สาคัญคือ ฮอร์โมนที่ทาให้ผิวหนังเป็ นสี ดาคล้ า ส่วนฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจาก "กลีบหลัง" นั้นที่สาคัญมี
อยู่ 2 ชนิด คือ ฮอร์โมนที่ทาให้ความดันโลหิ ตสูงขึ้นกับดูดซับน้ า และฮอร์โมนที่ทาให้กล้ามเนี้อบริ เวณลาไส้
กระเพาะปั สสาวะหดตัว

(3) ต่ อมนา้ ลาย SALIVARY GLAND


ต่อมนี้นอกจากจะผลิตน้ าลายแล้ว ยังผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมาซึ่งทาหน้าที่กระตุ้น
การเจริญเติบโตของอวัยวะทีแ่ ข็ง ๆ ในร่ างกายคน อย่ างกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยงั มีบทบาทในการชะลอความ
ชราอีกด้วย

(4) ต่ อมพาราไทรอยด์ PARATHYROID GLAND


ต่อมนี้มีขนาดเล็กเท่ากับเมล็ดข้าว อยูต่ ิดต่อมไทรอยด์ดา้ นหลัง ต่อมนี้ผลิตฮอร์โมนออก
มาชนิดหนึ่ง ทีีี่ทาหน้ าทีค่ วบคุมระดับความเข้ มข้ นของแคลเซี่ยมในกระแสเลือด กับช่ วยการเจริญเติบโตของ
กระดูกและฟัน ถ้าร่ างกายขาดฮอร์โมนประเภทนี้ จะทาให้เกิดโรคทางประสาท โรคตา ผิวหนัง ผมหยาบกระด้าง
แต่ถา้ ร่ างกายมีฮอร์โมนประเภทนี้มากเกินไป ก็จะทาให้เป็ นโรคกระดูกเปราะ

(5) ต่ อมไทรอยด์ THYROID GLAND


ต่อมนี้มีลกั ษณะคล้ายผีเสื้ อที่เกาะอยูบ่ นหลอดเสี ยงบนลาคอ ทาหน้าที่คล้ายกับคันเร่ งของรถยนต์ กล่าวคือต่อม
ไทรอยด์น้ ีเป็ นตัวเร่ งการทางานของร่ างกายหรือทาให้ ช้าลง โดยผ่านการควบคุมการเผาผลาญอาหารในร่ างกาย
การควบคุมอุณหภูมใิ นร่ างกายให้ คงที่ กับควบคุมการผลิตพลังงานในร่ างกายให้คงที่ นอกจากนี้ ต่อมนี้ยงั ทา
หน้าที่ควบคุมการเจริ ญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อีกทั้งยังควบคุมกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับของเสี ยใน
ร่ างกายอีกด้วย
71

เพราะฉะนั้นการที่คนเราจะใช้ชีวติ อย่างซึมเซาไร้ชีวติ ชีวา หรื อใช้ชีวติ อย่างคึกคัก กระตือรื อร้น ก็ข้ ึนอยู่
กับฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ที่ขบั ออกมานี้ดว้ ยเช่นกัน โดยปกติในวันหนึ่ง ๆ ฮอร์โมนต่อมไทรอยด์จะถูกขับออกมา
ราว ๆ 1/100 มิลลิเมตร เมื่อมนุษย์เราเริ่ มแก่ตวั ลง ต่อมไทรอยด์กจ็ ะเริ่ มเสื่ อมถอยลงด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึง
ไม่แปลกที่คนชรามักกลายเป็ นคนขี้หนาวทั้งนี้ก็เพราะว่าการเกิดความร้อนในร่ างกายเริ่ มไม่พอเพียง เนื่องจากการ
ทางานของต่อมไทรอยด์เสื่ อมลง

(6) ต่ อมไทมัส THYMUS GLAND


ต่อมนี้ต้ งั อยูบ่ นด้านหลังของกระดูกทรวงอก บริ เวณเหนือหัวใจ ในบรรดาอวัยวะภายในทั้งหมด ต่อมนีเ้ ป็ น
อวัยวะทีเ่ สื่อมถอยเร็วทีส่ ุ ด กล่าวคือในวัยเด็กทารก ต่อมนี้จะมีขนาดใหญ่มาก แต่เมื่อแตกเนื้อหนุ่มมันจะค่อย ๆ
หดเล็กลงเหลือเพียง 1/4 ของขนาดเดิมเท่านั้น ต่อมไทมัสนี้มีบทบาทสาคัญในการควบคุมภูมิคุม้ กันโรคใน
ร่ างกายของคนเรา

(7) ตับอ่อน PANCREAS


ตับอ่อนอยูใ่ นบริ เวณเกือบใต้กระเพาะอาหาร ตับอ่อนนอกจากจะหลัง่ นา้ ย่ อยทีใ่ ช้ ในการย่ อยอาหารลงในลาไส้ เล็ก
แล้ ว มันยังหลัง่ ฮอร์ โมนทีม่ ชี ื่อว่ าอินซู ลนิ ออกมาอีกด้ วย อินซูลินมีหน้าที่ช่วยลดปริ มาณของกลูโคสในกระแส
เลือดให้นอ้ ยลง ความบกพร่ องในตับอ่อนจะก่อให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นได้

(8) ต่ อมอะดรีนลั ADRENAL GLAND


ว่ากันว่าต่อมนี้มีความสาคัญรองจากต่อมพิตทูอิทารี เท่านั้น เพราะเป็ นต่อมที่มบี ทบาทเฉพาะยามเกิดเหตุฉุกเฉิน
วิกฤตทีท่ าให้ ต้อง "สู้ " ต่ อมนีจ้ ะผลิตฮอร์ โมน ซึ่งให้ พลังงานในการต่ อสู้ หรือมีพฤติกรรมอย่ างกล้ าหาญในยาม
ฉุกเฉินสู งกว่ ายามปกติถึง 10 เท่ า ฮอร์โมนนั้น เรี ยกว่าอะดรี นาลีนในสภาวะวิกฤตที่ร่างกายจาเป็ นต้องใช้กาลัง
กล้ามเนื้อทุกส่วน สมองของคนเราจะสัง่ การฉับพลันส่งข่าวสารนี้ไปยังต่อมอะดรี นลั ต่อมนี้จะผลิตอะตรี นาลีนอ
อกมา ให้เข้าไปในกระแสโลหิ ต ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยกระตุน้ หัวใจ และช่วยขยายเส้นโลหิ ตที่นาเลือดไปเลี้ยง
กล้ามเนื้อให้ใหญ่ข้ ึน นอกจากนี้ยงั ช่วยกระตุน้ ต่อมเหงื่อให้ทางานเพื่อร่ างกายจะได้เย็นลง อะดรี นาลีนยังช่วย
ถ่วงการเคลื่อนไหวของอวัยวะที่ใช้ในการย่อยอาหารให้ชา้ ลง และช่วยถ่วงการหดตัวของเส้นเลือดให้ชา้ ลงด้วย
ซึ่งจะไปทาให้ตบั ต้องปลดปล่อยน้ าตาลสารองออกมาให้แก่กล้ามเนื้อ ทาให้กล้ามเนื้อมีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่าง
เหลือเฟื อในชัว่ ขณะหนึ่ง อะดรี นาลีนยังทาให้เส้นขนตั้งโด่ชูชนั ขึ้น และขยายช่องตาดากับดวงตาให้เบิกกว้าง เพื่อ
ว่าคนผูน้ ้ นั จะได้ดูน่าเกรงขามยิง่ ขึ้นผูท้ ี่มีต่อมอะดรี นลั ที่ไม่สามารถหลัง่ สารอะดรี นาลีนออกมาได้อย่างเพียงพอ
จะไม่สามารถโต้ตอบต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมทันกาลในทางกลับกัน ถ้าคนใดมีต่อมอะดรี นาลีนอ
อกมามากเกินไปคนผูน้ ้ นั ก็จะอยูใ่ นสภาวะของความตึงเครี ยดทางประสาทอย่างต่อเนื่องยาวนาน

(9) ต่ อมให้ กาเนิดเซลล์ สืบพันธุ์ SEX GLAND


ต่อมให้กาเนิดเซลล์สืบพันธุ์ (ของสตรี คือรังไข่ ของบุรุษคือลูกอัณฑะ) หรื อต่อมเพศนี้จะ
ทาหน้ าทีท่ เี่ กีย่ วกับกิจกรรมทางเพศทั้งหมด ต่อมนี้ไม่เพียงแต่จะผลิตเซลล์สืบพันธุ์ออกมาเท่านั้น หากยังผลิตสาร
ฮอร์โมนที่ควบคุมพัฒนาการทางกายภาพของร่ างกายเรา กับควบคุมพฤติกรรมทางเพศของเราแต่ละคนด้วย
72

ต่ อมเพศจะหลัง่ ฮอร์ โมนแอนโดรเจน (ANDROGEN) กับฮอร์ โมนเอสโทรเจน (ESTROGEN) ออกมา


โดยทีแ่ อนโดรเจนเป็ นฮอร์ โมนเพศชาย และเอสโทรเจนเป็ นฮอร์ โมนเพศหญิง แอนโดรเจนจะเพิ่มมวลของ
กล้ามเนื้อในร่ างกายให้มากขึ้น และโน้มนาให้เกิดพฤติกรรมที่กา้ วร้าวรุ นแรง ส่วนเอสโทรเจนจะเพิม่ ความอ่อน
นุ่ม เพิ่มไขมัน และโน้มนาให้เกิดพฤติกรรมที่ใฝ่ สันติ ในร่ างกายของคนเราทุกคนจะผลิตทั้งแอนโดรเจนและเอ
สโทรเจนออกมา และความได้ สัดส่ วนของฮอร์ โมนสองชนิดนี้ จะทาให้ บุคลิกภาพของคนผู้น้นั มีความสมบูรณ์
ยิง่ ขึน้ (มีเอกภาพระหว่ างหยินกับหยัง)
ขั้นแรกของหลักวิชาโฮโม - เอ็กเซลเลนส์ จะเริ่มทีก่ ารฝึ กฝนจักร "มูลธาร" เพือ่ สร้ างและพัฒนา "ต่ อมเพศ" ให้
เข้ มแข็งก่ อนเป็ นสาคัญ เพราะต่อมเพศนี้แหละ คือแหล่งพลังที่สาคัญที่สุดในการดาเนินกิจกรรมทั้งปวงของ
มนุษย์ หลักวิชาของโฮโม - เอ็กเซลเลนส์น้ นั มุ่งที่จะพัฒนาและควบคุมพลังทางเพศที่รุนแรงนี้ ไปในทิศทางที่
ก่อให้เกิดสติปัญญา และพลังกายที่เข้มแข็งเพื่อนาไปใช้ในการทางานที่สร้างสรรค์
73

รายละเอียดจักระสาคัญทั้ง 7 จุด
จักระ 1 มูลธาร (ดอกบัว 4 กลีบ)
ตั้งอยู่ตรงกระดูกก้ นกบทีป่ ลายสุ ดของกระดูกสั นหลัง (กระดูกกระเบนเหน็บปล้ องที่ 4) อยู่
ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก เป็ นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็ นพืน้ ฐาน
ของพลังชี วติ และเป็ นกลไกทีท่ าให้ สืบทอดพันธุ์เป็ นมนุษย์ อยู่ในโลกทุกวันนี้

ศูนย์ พลัง สี แดง


ทีต่ ้งั กันกบ
ธาตุ ดิน
ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะทีจ่ ักรควบคุม ต่อมเพศ,ไต
เป็ นรากฐานของระบบจักระหรือระบบพลังงาน
เป็ นพืน้ ฐานของพลังชีวติ และเป็ นกลไกที่ทาให้ สืบ
หน้ าที่
ทอดพันธุ์ทาให้ ร่างกายแข็งแรง มีชีวติ ชี วา มี
สั ญชาตญาณในการต่ อสู้ เพือ่ ตัวเอง มีภูมิต้านทานดี
คีย์โน้ ตและเสี ยงสระประจาจักร์ เสี ยงC("โด"),เสี ยงสระอู
ดนตรีทสี่ ร้ างความสมดุลประจาจักร์ เบสและเครื่องดนตรีให้ จังหวะ
อัญมณี , แร่ ธาตุ อัญมณีสีแดง แร่ ธาตุสีแดง
โปรตีนสี แดง เช่ น พวกเนือ้ แดงต่ าง ๆ ผลไม้ ผัก พืช
อาหาร
สี แดง
จะสามารถมีสุขภาพพลานมัยทีด่ ี แข็งแรง มี
ความสาเร็จในทางวัตถุ แบบนักวัตถุนิยมที่มี
ถ้ ามีคุณภาพหรือได้ เรี ยนรู้ ความสาเร็จ มีความมั่นคงทั้งทางกายและจิตใจ มี
ความอดทน มีความกล้ าหาญในการต่ อสู้ เพือ่ ความ
อยู่รอด
โลภ เป็ นคนเห็นแก่ตัว มีความอ่อนแอ มักโกรธ มี
ถ้ าไม่ มีคุณภาพหรือมีพลังน้ อย
ความเครียด ท้ องผูกเสมอ ปวดตามกระดูกสั นหลัง
74

จักระ 2 สวาธิษฐาน (ดอกบัว 6 กลีบ)


อยู่ตรงปลายก้ นกบ บริเวรณกระดูกเอวปล้ องที่ 1 เป็ นศู นย์ กลางเกีย่ วกับพลังทางเพศ
รวมทั้งความเชื่ อมั่นในตนเองควบคุมระบบการสื บพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสี ยออกจาก
ร่ างกาย (ระบบการขับถ่ าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์ และการคลอด

ศูนย์ พลัง สี ส้ม


ทีต่ ้งั สะดือ
ธาตุ น้ า
ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะทีจ่ ักรควบคุม ต่ อมอะดรีนัล,ตับอ่อน
ควบคุมระบบการสื บพันธ์ การขับกากอาหารและ
หน้ าที่ ของเสี ยออกจากร่ างกาย ให้ เกิดความรู้ สึกทางเพศ
นาอาหารไปหล่อเลีย้ งร่ างกาย ทาให้ มีชีวติ ชีวา
คีย์โน้ ตและเสี ยงสระประจาจักร์ เสี ยงD("เร"),เสี ยงสระโอ
ดนตรีทสี่ ร้ างความสมดุลประจาจักร์ เบสและเครื่องดนตรีประเภทตี,เคาะและเป่ า
อัญมณี , แร่ ธาตุ อัญมณีสีส้ม โกราล แร่ ธาตุสีส้ม
อาหาร ส้ มและนา้ ส้ ม ผลไม้ ผัก พืชสี ส้ม
จะสามารถรู้ จักให้ และรับ ควบคุมอารมณ์ ได้ ดี
ชอบความเปลีย่ นแปลง ยอมรับความคิดใหม่ ๆ
ถ้ ามีคุณภาพหรือได้ เรี ยนรู้
แปลก ๆ รู้ จักยอมตัวอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ ดี มี
ความคิดในทางสร้ างสรรค์ ร่วมกับเพือ่ นมนุษย์
มักมากในกามคุณ มีปัญหาเรื่ องทางเพศ สั บสน
วุ่นวาย เห็นแก่ ตัว อิจฉา ริษยา ต้ องการทีจ่ ะ
ถ้ าไม่ มีคุณภาพหรือมีพลังน้ อย
ครอบครองทั้งทีไ่ ม่ สามารถ มีปัญหาเกีย่ วกับ
กระเพาะ ไร้ สมรรถภาพทางเพศ
75

จักระ 3 มณีปุระ(ดอกบัว 8 กลีบ)


อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสั นหลัง เป็ นศู นย์ กลางของการหยัง่ รู้ ณ จุดนีเ้ ป็ นศูนย์ กลาง
ของร่ างกาย ควบคุมระบบการย่ อยอาหารและการขับถ่ ายของเสี ย

ศูนย์ พลัง สี เหลือง


ทีต่ ้งั กลางหัวใจกับสะดือ
ธาตุ ไฟ
โซล่าเพลกซัส,ต่ อมอะดรีนัล,ตับอ่อน,ม้ าม,ตับ,
ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะทีจ่ ักรควบคุม
กระเพาะอาหารต
ช่ วยให้ ระบบประสาททางานได้ ดี ควบคุมระบบ
หน้ าที่ ย่อยอาหารและการขับถ่ ายของเสี ย ช่ วยการ
สั นดาบ ( metabolism ) ควมคุมอารมณ์
คีย์โน้ ตและเสี ยงสระประจาจักร์ เสี ยงE("มี"),เสี ยงสระอา
ดนตรีทสี่ ร้ างความสมดุลประจาจักร์ ขล่ย เครื่องเป่ า เครื่องสาย และเปี ยโน
อัญมณี , แร่ ธาตุ อัญมณีสีเหลือง แก้ วตาเสื อ ทองคา แร่ ธาตุสีเหลือง
อาหาร ผลไม้ ผัก พืชสี เหลือง
จะสามารถมีความมั่นใจในตัวเอง มีเจตน์ จานงค์
แน่ วแน่ ควบคุมความต้ องการของตนเองได้
ถ้ ามีคุณภาพหรือได้ เรี ยนรู้
ตื่นตัวเสมอ มีอารมณ์ ขัน มีความร่ าเริงแจ่ มใส เชื่อ
ในความเป็ นอมตะ
เป็ นคนทีม่ ีความหวาดระแวง ไม่ เชื่อมั่นในตัวเอง
ถ้ าไม่ มีคุณภาพหรือมีพลังน้ อย มักมีความโกรธ เกลียด มีปัญหาระบบขับถ่ ายและ
ย่อยอาหาร
76

จักระ 4 อนาหตะ (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ)


อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสั นหลัง บริเวณกระดูกสั นหน้ าอกปล้ องที่1,2และ3) เป็ น
ศูนย์ รวมของความรักที่แท้ จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้ วยความเมตตากรุ ณา และความเสี ยสละ
ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้ นเลือด

ศูนย์ พลัง สี เขียว


ทีต่ ้งั ทรวงอก
ธาตุ ลม
ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะทีจ่ ักระควบคุม ต่ อมไทมัส,หัวใจ,ปอด
ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต ,หัวใจและระดับ
ไขมันในเส้ นเลือด รับพลังมาจากจักรวาล เทพ
หน้ าที่
หรือวิญญาณชั้ นสู ง ทาให้ เกิดพลังชี วติ ทีส่ มบูรณ์
โลหิตไหลเวียนดี ช่ วยให้ ร่างกายแข็งแรง
คีย์โน้ ตและเสี ยงสระประจาจักร์ เสี ยงF/F#("ฟา"),เสี ยงสระเอ
ดนตรีทสี่ ร้ างความสมดุลประจาจักร์ พิณ ออร์ แกน เปี ยโน และเครื่องสายทั้งหมด

อัญมณี , แร่ ธาตุ หยก เพชร พลอย สี มรกต


อาหาร ผลไม้ ผัก พืชสี เขียว
มีความรักทีแ่ ท้จริง มีอปั ปมัญญาธรรม สงสาร
เพือ่ นมนุษย์ ให้ อภัย ยอมรับความคิดเห็นของ
ถ้ ามีคุณภาพหรือได้ เรี ยนรู้
เพือ่ นมนุษย์ เปิ ดเผย อยู่ร่วมกับเพือ่ นมนุษย์ อย่ าง
มีความสุ ข ไม่ เอารัดเอาเปรี ยบ ไม่ เห็นแก่ ตัว
จะผิดหวังเรื่องความรั ก เอาแต่ ใจตัวเอง ควบคุม
ถ้ าไม่ มีคุณภาพหรือมีพลังน้ อย
ตัวเองไม่ ได้ โรคหัวใจ การไหลเวียนโลหิตไม่ ดี
77

จักระ 5 วิสุทธะ (ดอกบัว 16 กลีบ)


อยู่ตรงบริ เวณเส้ นแนวไหล่ ตัดกับกระดูกสั นหลัง กระดูกคอปล้ องที่ 3 ควบคุมระบบทางเดินหายใจ
และผิวหนัง

ศูนย์พลัง สี นา้ เงินอ่อน หรือสี ฟ้า


ทีต่ ้งั ลาคอ
ธาตุ อากาศ
ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะทีจ่ ักรควบคุม ต่ อมไธรอยด์ ,ต่ อมพาราไธรอยด์ ,ต่ อมนา้ ลาย
ควบคุมระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง การ
หน้ าที่
แสดงออกทางคาพูด เสี ยง การสื่ อความหมาย
คีย์โน้ ตและเสี ยงสระประจาจักร เสี ยงG("ซอล"),เสี ยงสระเอะ อิ อุ และอะ
ดนตรีทสี่ ร้ างความสมดุลประจาจักร พิณ ออร์ แกน เปี ยโน และเครื่ องสายเสี ยงสู ง
อัญมณี , แร่ ธาตุ เพชร พลอย สี นา้ เงินอ่อน
อาหาร ผลไม้ พืชผัก สี นา้ เงินอ่อนหรือสี ฟ้า
มีความสามารถในการแสดงวาทะศิลป์ สื่ อ
ความหมายได้ ชัดเจน พูดแบบถ่ อมตน สร้ างสรรค์
ถ้ ามีคุณภาพหรือได้ เรี ยนรู้
มีความเมตตา เชื่ อถือได้ ให้ เกียรติผ้ อู นื่ สุ ภาพ
อ่อนโยน
ไม่ สามารถสื่ อความหมายได้ อย่างชัดเจน มีปัญหา
ในการพูด ใช้ ความรู้ อย่ างไม่ ฉลาด ขาดการใช้
ถ้ าไม่ มีคุณภาพหรือมีพลังน้ อย
วิจารณญาณ มีความหดหู่ ไม่ ร่าเริง มีปัญหา
เกีย่ วกับไธรอยด์
78

จักระ 6 อาชญะ (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ)


อยู่ตรงกลางหน้ าผาก กระดูกคอปล้ องที่ 1 เปรียบเสมือนนัยน์ ตาของปัญญา ใช้ เป็ นตาที่ 3
(ญาณวิเศษ) สาหรับการติดต่ อกับสิ่ งศักดิ์สิทธิ์เบือ้ งบน ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความ
เฉลียวฉลาด, และระบบประสาท

ศูนย์พลัง สี นา้ เงิน


ทีต่ ้งั หน้ าผากหรือเหนือระหว่างคิว้
ธาตุ แสงสว่าง
ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะทีจ่ ักรควบคุม ต่ อมพิตูอทิ ารี
ควบคุมสติปัญญา ความนึกคิด ความเฉลียว
ฉลาดและระบบประสาท เป็ นตาทีส่ าม ใช้
หน้ าที่
ชีวติ ชีวาแก่สมองส่ วนล่างและระบบประสาท
ให้ เกิดญาณทัศนะ
คีย์โน้ ตและเสี ยงสระประจาจักร เสี ยงA("ลา"),เสี ยงสระโอ
ดนตรีทสี่ ร้ างความสมดุลประจาจักร์ พิณ ออร์ แกน เปี ยโน และเครื่ องสายเสี ยงสู ง
อัญมณี , แร่ ธาตุ อัญมณีสีนา้ เงินแก่ และแร่ ธาตุสีนา้ เงินแก่
อาหาร ผลไม้ พืชผักสี นา้ เงินแก่
จะสามารถเข้ าสมาธิได้ ง่าย เกิดวิปัสสนาญาณ
มีตาทิพย์ จิตใจสงบสุ ข มีความจงรักภักดี
ถ้ ามีคุณภาพหรือได้ เรี ยนรู้
สั มผัสกับสิ่ งทีส่ ั มผัสได้ ยาก มีจินตนาการ
ในทางทีด่ ี
ขาดสมาธิ มีความกลัว ชอบเยาะเย้ย ถากถาง
ถ้ าไม่ มีคุณภาพหรือมีพลังน้ อย เครียด ปวดหัว สายตามีปัญหา ฝันร้ าย เบื่อ
หน่ ายโลกอย่ างไม่ มีเหตุผล
79

จักระ 7 สหัสสราร (ดอกบัว 1,000 กลีบ)


อยู่ตรงกลางกระหม่ อม หรือจุดตัดของเส้ นทีล่ ากจากปลายจมูก ผ่ านกลางหน้ าผาก ตัดกับ
เส้ นทีล่ ากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของ
ร่ างกาย เป็ นศู นย์ ควบคุมทุกจักระ เป็ นจุดรับพลังจักรวาล และทาการกระจายไปทัว่ ร่ างกาย เป็ นจุด
ทีส่ ามารถรักษาอาการเจ็บป่ วย ทีจ่ ักระอืน่ ไม่ สามารถรักษาได้ โดยตรง

ศูนย์ พลัง สี ม่วง


ที่ต้งั กระหม่ อม
ธาตุ รู้ , เจตน์ จานงค์
ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะทีจ่ ักรควบคุม ต่ อมไพนีล ไฮโพทาลามัส
ควบคุมระบบประสาททั้งหมดของร่ างกาย เป็ น
หน้ าที่ ศูนย์ ควบคุมทุกจักระ ให้ ชีวติ ชี วา ช่ วยสมอง
ส่ วนบน
คีย์โน้ ตและเสี ยงสระประจาจักร เสี ยงB("ที"),เสี ยงสระอี
ดนตรีทสี่ ร้ างความสมดุลประจาจักระ พิณ ออร์ แกน เปี ยโน และเครื่ องสายเสี ยงสู ง
อัญมณี , แร่ ธาตุ เพชร , พลอย สี ม่วง
อาหาร ผลไม้ พืชผักสี ม่วง
จะสามารถสั มผัสกับสิ่ งทีเ่ รามองไม่ เห็น เช่ น
วิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ เชื่ อเกีย่ วกับเทพและ
ถ้ ามีคุณภาพหรือได้ เรี ยนรู้ วิญญาณระดับต่ าง ๆ และสามารถติดต่ อได้ มี
เอกภาพ มีอุดมคติ เสี ยสละ เชื่ อเรื่องการเวียนว่ าย
ตายเกิด และชีวติ นอกโลกว่ามีจริง
จะขาดความกระตือรือร้ น สั บสนวุ่นวาย มีความ
ถ้ าไม่ มีคุณภาพหรือมีพลังน้ อย ลังเล ทาตัวแปลก เหินห่ างสั งคม แก่เกินวัย ไม่ เชื่อ
เกีย่ วกับศาสนา
80

สรุปความสั มพันธ์ ของระบบจักระกับอวัยวะภายในร่ างกาย

จักระ 1 (Base Chakra)


• ต่ อมไร้ ท่อและ
อวัยวะที่จักร
ควบคุม
• ต่ อมเพศ,ไต

จักระ 2 (Sex Chakra)


• ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะที่
จักรควบคุม
• ต่ อมอะดรีนัล,ตับอ่ อน
81

จักระ 3 (Solar Plexus Chakra)


• ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะที่
จักรควบคุม
• โซล่ าเพลกซัส,ต่ อม
อะดรีนัล,ตับอ่ อน,ม้ าม,
ตับ,กระเพาะอาหาร

จักระ 4(Heart Chakra)


• ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะ
ที่จักระควบคุม
• ต่ อมไทมัส,หัวใจ,ปอด
82

จักระ 5(Throat Chakra)


• ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะ ที่
จักรควบคุม
• ต่ อมไธรอยด์,ต่ อมพารา
ไธรอยด์,ต่ อมนา้ ลาย

จักระ 6(Ajna Chakra)


• ต่ อมไร้ ท่อและ
อวัยวะที่จักร
ควบคุม
• ต่ อมพิตูอทิ ารี
83

จักระ 7 (Crown Chakra)


• ต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะที่
จักรควบคุม
• ต่ อมไพนีล ไฮโพทาลามัส

จากข้ อมูลข้ างบนนี้ทาให้ เราค้ นพบความสั มพันธ์ ของต่ อมไร้ ท่อและอวัยวะภายในที่แต่ ละ


ต่ อมไร้ ท่อควบคุมอยู่ ซึ่งความสมดุลทีเ่ กิดขึน้ กับจักระทั้ง 7 ย่อมส่ งผลดีกบั การทางานของอวัยวะ
ต่ าง ๆ ทีต่ ่ อมไร้ ท่อเหล่านั้นที่เกีย่ วข้ อง
ซึ่งจากทฤษฎีการบาบัดด้ วยพลังคลืน่ เสี ยง ถ้ าส่ งพลังคลื่นเสี ยงทีม่ ีความถี่เฉพาะทีแ่ ละ
เหมาะสมสอดคล้ องกับคลืน่ ความถี่เฉพาะต่ าง ๆ เหล่ านั้น ก็จะช่ วยกระตุ้นการทางานของต่ อมไร้
ท่อหรือจักระนั้นได้ ดังนั้นการใช้ พลังคลืน่ เสี ยงทีเ่ หมาะสมนอกจากจะช่ วยฟื้ นฟูความไม่ สมดุล
ของจักระและต่ อมไร้ ท่อแล้ว ยังก่อให้ เกิดผลดีต่อการทางานของอวัยวะต่ าง ๆ ทีจ่ ักระเหล่านั้น
เกีย่ วข้ อง
84

ความสัมพันธ์ ของจักระกับระบบสมอง

จากการที่ตาแหน่งของเจ็ดจักระดารงครอบคลุมอยูต่ ามแนวแห่งสมองและไขสันหลัง ซึ่งจาก


การค้นคว้าของนักฝึ กพลังจิตในสาขาแพทย์และวิทยาศาสตร์ ของกลุ่มวิชาพลังจักรวาลใน
ต่างประเทศ ที่มีลูกศิษย์จานวนมากที่มีอาชีพเป็ นนายแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ได้สนใจศึกษา
เรื่ องของการพัฒนาศักยภาพสมองเป็ นพิเศษ ได้ให้ขอ้ มูลสาคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์แห่งจักระ
และสมองส่ วนต่าง ๆ ซึ่ งสามารถสรุ ปความรู ้ที่สาคัญยิง่ ยวดต่อการพัฒนาศักยภาพมนุ ษย์ได้ดงั นี้
สมองส่ วนสัตว์เลือ้ ยคลาน(Reptlalian) สัมพันธ์ กบั จักระ 1-4
สมองส่ วนอารมณ์ (Paleomammalian) สัมพันธ์ กบั จักระ 5-6
สมองส่ วนปัญญา (Neammaian) สัมพันธ์ กบั จักระ 6-7
จากความรู ้ดงั กล่าวถ้าเราต้องการพัฒนาศักยภาพสมองส่ วนใด เราก็สามารถใช้การกระตุน้ จัก
ระหรื อต่อมไร้ท่อที่จกั ระต่าง ๆ เหล่านั้นเกี่ยวข้อง ก็จะสามารถช่วยส่ งเสริ มการพัฒนาของศักยภาพ
สมองส่ วนต่าง ๆ ที่ตอ้ งการได้
85

ซึ่ งในแนวทางของคีตะโยคะ ได้มีการกาหนดแนะนาถึงเครื่ องดนตรี ที่เหมาะสมกับแต่ละ


จักระและสมองแต่ละส่ วนเอาไว้ดว้ ยดังนี้
86

ดนตรีประเภทกลอง,เครื่องเบส
,เครื่องเคาะจังหวะ,แตร,เปี ยโน
กระตุ้นสมองส่ วนสัตว์ เลือ้ ยคลาน
ทาให้ เกิดพลังแห่ งร่ างกายและอารมณ์
87

ดนตรีประเภท
ประเภทขลุ่ย,เครื่องเป่ า,เครื่องสาย
เสียงต่า-กลางและเปี ยโนกระตุ้นสมองส่ วนอารมณ์
ทาให้ เกิดการแสดงออกทางอารมณ์ และสุนทรียภาพ
88

ดนตรีประเภทเครื่องสายเสียงสูง ,ไวโอลีน,ระฆัง
ออร์ แกน,พิณตัง้ กระตุ้นสมองส่ วนปั ญญา
89

ดังนั้น การกระตุ้นการพัฒนา 7 จักระ ก็เท่ ากับการกระตุ้นการพัฒนาสมอง7 ส่ วนและ


ต่ อมไร้ ท่อทั้ง 7 ต่ อม รวมทั้งอวัยวะภายในไปพร้ อมกันด้ วย ความรู้ นีเ้ ป็ นความลึกลับในการพัฒนา
ศักยภาพมนุษย์ กว่ าห้ าพันในปี ของโยคะศาสตร์ ทีส่ ร้ างความอัศจรรย์ ในความรู้ อันลึกซึ้งแห่ ง
ศาสตร์ โยคะทีเ่ ป็ นศาสตร์ สากลแห่ งการพัฒนาศักยภาพร่ างกาย,สมองและพลังจิต สาหรับมนุษย์
แห่ งโลกนี้โดยไม่ มีการจากัดชาติพนั ธุ์และศาสนา
90
ตารางวิเคราะห์คนตาม 7 จักระ

คุณภาพจักระทางด้านลบ คุณภาพจักระทางด้านบวก
จักระ1

อ่อนแอ ไม่มีความสาเร็ จในทางวัตถุ ไม่มีความมัน่ คงทั้งทางกายและจิตใจ มักเห็นแก่ตวั แข็งแรง มีความสาเร็ จในทางวัตถุ มีความมัน่ คงทั้งทางกายและจิตใจ มีความอดทน มีความ
มักโกรธ มักเครี ยด ขาดความกล้าหายในการต่อสู ้เพื่อความอยูร่ อด กล้าหาญในการต่อสู ้เพื่อความอยูร่ อด
มักมีปัญหาท้องผูกเสมอ ปวดตามกระดูกสันหลัง
จักระ2
ไม่รู้จกั การให้และรับ ขาดการควบคุมอารมณ์ที่ดี ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมรับ
ความคิดใหม่ ๆ แปลก ๆ ไม่อาจอยูร่ ่ วมกับครอบครัวได้ดี ไม่มีความคิดในทาง จะสามารถรู ้จกั ให้และรับ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ชอบความเปลี่ยนแปลง ยอมรับความคิดใหม่
สร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ มักมากในกามคุณ มีปัญหาเรื่ องทางเพศ สับสน วุน่ วาย ๆ แปลก ๆ รู ้จกั ยอมตัวอยูร่ ่ วมกับครอบครัวได้ดี มีความคิดในทางสร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อน
เห็นแก่ตวั อิจฉา ริ ษยา ต้องการที่จะครอบครองทั้งที่ไม่สามารถ มนุษย์
มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ ไร้สมรรถภาพทางเพศ
จักระ3
เป็ นคนที่มีความหวาดระแวง ไม่มีความมัน่ ใจในตัวเอง ไม่มีเจตน์จานงค์แน่วแน่ ไม่มี
จะสามารถมีความมัน่ ใจในตัวเอง มีเจตน์จานงค์แน่วแน่ มีความเพียงพอสามารถควบคุม
ความเพียงพอไม่สามารถควบคุมความต้องการของตนเองได้ ขาดการตื่นตัว ขาด
ความต้องการของตนเองได้ ตื่นตัวเสมอ มีอารมณ์ขนั มีความร่ าเริ งแจ่มใส เชื่อในความเป็ น
อารมณ์ขนั และความร่ าเริ งแจ่มใส ไม่เชื่อมัน่ ในตัวเอง มักมีความโกรธ เกลียด
อมตะ
มีปัญหาระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร
จักระ4
ไม่มีความรักที่แท้จริ ง ขาดความสงสารเพื่อนมนุษย์ ไม่มีจิตให้อภัย ไม่ยอมรับความ
คิดเห็นของเพื่อนมนุษย์ ปกปิ ดลึกลับ ชอบอยูล่ าพัง ขาดความสุ ขในการอยูร่ ่ วมกับ
มีความรักที่แท้จริ ง สงสารเพื่อนมนุษย์ ให้อภัย ยอมรับความคิดเห็นของเพื่อนมนุษย์ เปิ ดเผย
เพื่อนมนุษย์ มุ่งเอารัดเอาเปรี ยบ เห็นแก่ตวั เอาแต่ใจตนเอง มักจะผิดหวังเรื่ องความรัก
อยูร่ ่ วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีความสุ ข ไม่เอารัดเอาเปรี ยบ ไม่เห็นแก่ตวั
ควบคุมตัวเองไม่ได้
มักเป็ นโรคโรคหัวใจ การไหลเวียนโลหิ ตไม่ดี
จักระ5
ไม่สามารถสื่ อความหมายได้อย่างชัดเจน มีปัญหาในการพูด ใช้ความรู ้อย่างไม่ฉลาด
มักพูดยกตนข่มท่านขาดการใช้วิจารณญาณ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ขาดความเมตตา มีความสามารถในการแสดงวาทะศิลป์ สื่ อความหมายได้ชดั เจน พูดแบบถ่อมตน สร้างสรรค์
ขาดความน่าเชื่อถือ ไม่ให้เกียรติผอู ้ ื่น ขาดความสุ ภาพอ่อนโยน มีความหดหู่ ไม่ร่าเริ ง มีความเมตตา เชื่อถือได้ ให้เกียรติผอู ้ ื่น สุ ภาพอ่อนโยน
มักมีปัญหาเกี่ยวกับไธรอยด์
จักระ6
ขาดสมาธิ เข้าสมาธิได้ยาก จิตใจไม่สงบสุ ข ขาดความจงรักภักดี มีจินตนาการในทางที่
จะสามารถเข้าสมาธิได้ง่าย เกิดวิปัสสนาญาณ มีตาทิพย์ จิตใจสงบสุ ข มีความจงรักภักดี
ทาลายล้าง มีความกลัว ชอบเยาะเย้ย ถากถาง มักเครี ยด ปวดหัว สายตามีปัญหา ฝันร้าย
สัมผัสกับสิ่ งที่สัมผัสได้ยาก มีจินตนาการในทางที่ดี
เบื่อหน่ายโลกอย่างไม่มีเหตุผล
จักร7
จะสามารถสัมผัสกับสิ่ งที่เรามองไม่เห็น เช่น วิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ เชื่อเกี่ยวกับเทพและ
จะขาดความกระตือรื อร้น สับสนวุ่นวาย มีความลังเล ทาตัวแปลก เหิ นห่ างสังคม แก่เกิน
วิญญาณระดับต่าง ๆ และสามารถติดต่อได้ มีเอกภาพ มีอุดมคติ เสี ยสละ เชื่อเรื่ องการเวียน
วัย ไม่เชื่อเกี่ยวกับศาสนา
ว่ายตายเกิด และชีวิตนอกโลกว่ามีจริ ง

การใช้ ตารางวิเคราะห์ แห่ งสุ ขภาพ 7 จักระ


ให้ ตรวจสอบดูว่าตนเองนั้นมีลกั ษณะทีส่ อดคล้ องกับจักระทางด้ านคุณภาพทางบวก หรื อ
ทางด้ านคุณภาพทางลบ ถ้ ามีลกั ษณะสอดคล้ องกับคุณภาพทางบวก แปลว่ าอวัยวะและจิตใจในส่ วน
ทีจ่ ักระนั้นเกี่ยวข้ องไม่ มีปัญหา แต่ ถ้ามีลกั ษณะสอดคล้ องกับคุณภาพทางลบในจักระใดจักระหนึ่ง
เพียงจักระเดียว โปรดให้ ความระมัดระวังสุ ขภาพร่ างกายและจิตใจทีอ่ าจจะเสื่ อมโทรมไปตาม
คุณภาพแห่ งจักระนั้นตราบเท่ าทีเ่ รายังไม่ ได้ แก้ ไขปรับปรุ งฟื้ นฟูให้ จักระกลับมามีคุณภาพตามเดิม

You might also like