You are on page 1of 27

บทที่ 1

ความหมายและขอบเขตปรัชญาการเมือง
บิดาปรัชญาการเมือง
บิดาปรัชญาการเมือง บิดารัฐศาสตร์ สมัยใหม่

Socrates Aristotle Niccolo Machiavelli


469 – 399 B.C. 384 - 322 B.C 1469 - 1527 1
คำถามที่ท้าทายให้คณ
ุ ตอบ
1. ปรัชญาการเมืองต่างจากปรัชญาสังคมอย่างไร ?
2. ใครเป็ นบิดาของปรัชญาการเมือง ?
3. ใครเป็ นบิดาของวิชารัฐศาสตร์ ?
4. ใครเป็ นบิดาของปรัชญาการเมืองสมัยใหม่ ?
5. แบ่งปรัชญาการเมืองออกได้เป็ นกีย่ คุ ?
6. ปรัชญาการเมืองยุคคลาสสิกหมายถึงยุคใด และมีใครบ้าง ?
7. แนวคิดของยุคคลาสสิกเป็ นอย่างไร ?
2
8. สัญญาประชาคมมีแนวคิดมาจากใครบ้าง ?
9. ประชาธิปไตยในยุคปจั จุบนั ได้รบั อิทธิพลอย่างมากจากใคร ?
10. ลัทธิคอมมิวนิสต์เป็ นปฏิกริ ยิ าต่อแนวคิดทางการเมืองแบบ
ไหน เพราะเหตุใด ?

Thomas Hobbes John Locke Jean Jaeques


Karl Marx
Rousseau
1588-1679 1632-1704 1818 - 1883
1712-1778 3
วัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิต
1. ได้ร้คู วามหมายและขอบเขตของปรัชญาการเมือง
2. ได้เข้าใจว่ามนุษย์มีความคิดทางการเมืองอย่างไร
3. ได้เรียนรู้ภาพปรัชญาการเมืองตะวันตกและตะวัน
ออกแบบกว้างๆ

4
5
“... สิ่งสำคัญในการปกครองก็คือ บ้านเมืองนัน้ มี
ทัง้ คนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทกุ คนเป็ นคนดีได้
ทัง้ หมด
การทำให้บา้ นเมืองมีความปกติสขุ เรียบร้อย จึงไม่ใช่
การทำให้ทกุ คนเป็ นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้
คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ
ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
พระบรมราโชวาทในรัชกาลปัจจุบนั
11 ธันวาคม 2512
6
“รัฐศาสตร์เป็ นศาสตร์ภาคปฏิบตั ิ ”
“Politcs is Practical Science”
อริสโตเติ้ล
บิดารัฐศาสตร์ (นักปรัชญาชาวกรีก)

7
“การเมืองเป็ นศิลปะแห่งการเป็ นไปได้”
“Politics is the art of the possible”
อาร์.เอ. บัตเลอร์
นักปรัชญาชาวอังกฤษ

8
1. ความหมายของปรัชญาสังคมและการเมือง
- Social Philosophy ปรัชญาสังคม ได้แก่ ปรัชญาทีว่ า่
ด้วยเสรีภาพ ความเสมอภาค และความยุตธิ รรมในสังคม
นักปรัชญาบางคนใช้คำนี้แทนคำว่า ปรัชญาการเมือง (Political
Philosophy)
(ราชบัณฑิตยสถาน พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ –
ไทย พระนคร : บริษทั อมรินทร์พริน้ ติง้ กรุ๊พ จำกัด, 2532,
น. 103)

9
1. ความหมายของปรัชญาสังคมและการเมือง (ต่อ)
- Political Philosophy ปรัชญาการเมือง ได้แก่ ปรัชญา
ทีศ่ กึ ษาเกีย่ วกับการเมือง การปกครองและรัฐ เช่น ธรรมชาติและ
จุดมุง่ หมายของรัฐ สิทธิอนั ชอบธรรมทีจ่ ะปกครอง สัมพันธภาพ
ระหว่างเสรีภาพของปจั เจกบุคคลกับอำนาจรัฐ
- ปรัชญาสังคมจะศึกษาธรรมชาติและบ่อเกิดของสังคม,
ความสัมพันธ์ระหว่างปจั เจกบุคคลกับรัฐ, สถาบันในสังคม :-
ครอบครัวและการสมรส, การศึกษา, การเมือง, เศรษฐกิจ, ศาสนา
กฎหมาย ฯลฯ
- บทสรุป ปรัชญาการเมืองคือการกระทำทีม่ งุ่ ให้ประชาชน
เป็ นสุข 10
2. ลักษณะของปรัชญาการเมือง

ปรัชญาการเมือง มีลกั ษณะเป็ นแนวคิด ปรัชญา เป็ น


นามธรรม เป็ นอุดมคติ อุดมการณ์ เป็ นความพยายามทีจ่ ะรู้
ธรรมชาติของสิง่ ทีเ่ ป็ นการเมือง และระเบียบทางการเมืองทีถ่ กู และ
ดีพร้อมๆ กัน
ปรัชญาการเมืองจะตัง้ คำถามว่าอะไรเป็ นบ่อเกิดแห่งสังคม
และสังคมมีจดุ มุง่ หมายอย่างไร สังคมรวมกันอยูโ่ ดยยึดหลักอะไร
อะไรคือคุณประโยชน์หรือส่วนดีของการปกครอง การปกครอง
ระบอบใดทีด่ ที ส่ี ดุ ความสัมพันธ์ระหว่างปจั เจกชนกับรัฐควรเป็ น
อย่างไร
11
2. ลักษณะของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
โซเครตีส (469-399 B.C.) ถือว่าเป็ นบิดาของปรัชญา
การเมือง เพราะเป็ นคนแรกทีต่ งั ้ คำถามว่า อะไรคือความดี อะไรคือ
ความกล้าหาญ อะไรคือความยุตธิ รรม อันเป็ นการโยงแนวคิดจาก
เรือ่ งธรรมชาติมาสูม่ นุษย์
การแสวงหาธรรมชาติของความยุตธิ รรม และการตัง้ คำถาม
อื่นๆ ทีเ่ กีย่ วโยงกับมนุษย์และชุมชนการเมือง นี่แหละ คือจุดเริม่ ต้น
ของปรัชญาการเมือง
อริสโตเติล้ ถือว่าเป็ นบิดาของรัฐศาสตร์ เพราะเป็ นผูน้ ำวิธี
การทางวิทยาศาสตร์มาใช้กบั งานเขียนรัฐศาสตร์ของเขา
12
3. ประวัติความเป็ นมาของปรัชญาการเมือง

แนวคิดทางการเมืองเริม่ ต้นด้วยโซเครติสผูเ้ ริม่ ตัง้ คำถาม


อย่างจริงจังว่า อะไรคือความดี ความกล้าหาญ ความยุตธิ รรม
การแสวงหาคำตอบของโซเครติสเกีย่ วกับธรรมชาติของ
ความยุตธิ รรมหรือความดีและการตัง้ คำถามอื่น ๆ ทีเ่ ชือ่ มโยง
ระหว่างมนุษย์ผเู้ ป็ นปจั เจกชนกับรัฐ จึงถือว่าเป็ นจุดเริม่ ต้นของ
ปรัชญาการเมืองโดยแท้

13
3. ประวัติความเป็ นมาของปรัชญาการเมือง (ต่อ)

ท่านได้รบั การยกย่องว่าเป็ นบิดาด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้


1. คำถามทางปรัชญาของท่านทีว่ า่ อะไรคือความดีและความ
ยุตธิ รรมเป็ นการชีใ้ ห้เห็นถึงลักษณะสากล จึงเป็ นการชีใ้ ห้เห็นว่าความดี
และความยุตธิ รรมมีธรรมชาติเป็ นของตนเองเป็ นอิสระจากความเห็นทัง้
ปวง
2. ในทางปฏิบตั คิ ำถามของท่านพยายามทีจ่ ะก้าวออกไปให้พน้
จากขอบเขตของความเห็นทัง้ ปวง พร้อมทัง้ ชีแ้ นะถึงความคงอยูข่ อง
ระเบียบการเมืองทีด่ ที ส่ี ดุ ทีเ่ ป็ นสากล

14
3. ประวัติความเป็ นมาของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
3. แนวคิดของท่านกลายมาเป็ นปรัชญาการเมืองเพราะมุง่ จะ
เปลีย่ นแปลงไปสูส่ งิ่ ทีด่ กี ว่าและมุง่ จะรักษาสิง่ ทีด่ เี อาไว้ไม่ให้เลวลง ดัง
นัน้ การกระทำทางการเมืองย่อมต้องมีความรูใ้ นสิง่ ทีด่ แี ละสิง่ ทีเ่ ลวเป็ น
เครือ่ งนำทางเสมอ
4. ปรัชญาทางการเมืองของท่าน ถือว่าเป็ นแนวคิดทีใ่ กล้ตวั
มนุษย์มากทีส่ ดุ สามารถอธิบายจุดเริม่ ต้นของปรัชญาการเมืองในส่วน
สำคัญว่า ความพยายามทีจ่ ะทดแทนความเห็นในเรือ่ งธรรมชาติของ
การเมืองด้วยความรูใ้ นเรือ่ งธรรมชาติในสิง่ ทีเ่ ป็ นการเมืองรวมทัง้
ระเบียบทางการเมืองทีถ่ กู ต้องด้วย

15
4. ประเภทของปรัชญาการเมือง
สามารถแบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภท ดังนี้
1. ปรัชญาการเมืองคลาสสิก (Classical Political Philosophy)
มีโซเครติสเป็ นผูเ้ ริม่ ต้น สืบทอดและพัฒนาโดยเพลโต้และเจริญ
ถึงขีดสุดในสมัยอริสโตเติล้ โดยมีแนวคิดทีส่ ำคัญคือ เป็ นเรือ่ งการต่อสูเ้ พือ่
ดำรงรักษาและพัฒนาชุมชนขนาดเล็กให้มคี วามเจริญก้าวหน้าในการ
ปกครองตนเอง มีเศรษฐกิจทีพ่ ง่ึ ตนเองได้ ถือว่าเป็ นปรากฏการณ์ทส่ี ำคัญ
ในประวัตศิ าสตร์อารยธรรมของมนุษยชาติ

16
4. ประเภทของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
ปรัชญาการเมืองยุคนี้ พิจารณาเป้าหมายสูงสุดของ
ชีวติ การเมืองคือคุณธรรม โดยเห็นว่าความเสมอภาคหรือ
ประชาธิปไตยไม่ใช่สงิ่ สูงสุด เพราะมนุษย์ไม่ได้ถกู สร้างให้ม ี
คุณธรรมเท่าเทียมกัน การกำหนดให้สทิ ธิแก่มนุษย์ทกุ คน
อย่างเท่าเทียมกันในขณะทีบ่ างคนเป็ นผูส้ งู กว่าผูอ้ ่นื โดย
ธรรมชาติจงึ เป็ นเรือ่ งไม่ยตุ ธิ รรม
สรุปว่า ยุคนี้ถอื ว่ารัฐทีด่ ที ส่ี ดุ ได้แก่รฐั ทีม่ กี ารปกครอง
แบบอภิชนาธิปไตย (Aristocracy หรือรัฐผสม Mixed
regime)
17
4. ประเภทของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
2. ปรัชญาการเมืองสมัยใหม่ (Modern Political Philosophy)
ลักษณะของปรัชญาการเมืองสมัยใหม่ ถือกำเนิดขึน้ ในศตวรรษที่ 16 -
17 เป็ นปฏิกริ ยิ าทีม่ ผี ลต่อคริสต์ศาสนาทีแ่ ตกแยกออกเป็ นนิกายต่างๆ
อันเป็ นสาเหตุอย่างหนึ่งของสงครามกลางเมืองและสงครามระหว่างรัฐที่
ไม่หยุดหย่อน
แนวคิดนี้ สังเกตได้จากงานเขียนของ มาเคียเว็ลลี ฮอบส์
และรุสโซ่ เป็ นต้น อันเป็ นการต่อต้านแนวคิดอุดมการทางคริสต์
ศาสนา ซึง่ มีรากฐานอยูใ่ นปรัชญาการเมืองคลาสสิกอีกทีหนึ่ง
นักปรัชญาการเมืองสมัยใหม่ แม้จะมีแนวคิดทีต่ ่างกันมากมาย แต่ท่ี
เห็นร่วมกันคือ การปฏิเสธโครงร่างของปรัชญาการเมืองคลาสสิกว่าเป็ น
สิง่ ทีเ่ ป็ นไปไม่ได้
18
4. ประเภทของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
มาเคียเว็ลลีถอื ว่าเป็ นบิดาของปรัชญาการเมืองสมัยใหม่
เพราะเขาวิจารณ์แนวคิดแบบยุคคลาสสิกว่าเป็ นแนวคิดทีผ่ ดิ เพราะ
ไปตัง้ สมมติฐานหาเป้าหมายทีค่ ณ ุ ธรรมและคิดว่ามนุษย์เป็ นสัตว์
ทางการเมือง
อันทีจ่ ริง ควรเริม่ มองมนุษย์จากแง่ความเป็ นจริงว่า มนุษย์
เป็ นสัตว์ทช่ี วร้
ั ่ ายและจะต้องถูกบังคับให้เป็ นคนดี สำหรับฮอบส์ก็
ปฏิเสธแนวคิดของยุคคลาสสิก ทีเ่ ห็นว่ามนุษย์จะดีได้เพราะอาศัย
การเมือง เพราะเขาถือว่า ความปรารถนาทีจ่ ะมีชวี ติ รอดต่างหาก
เป็ นรากฐานทีส่ ำคัญทีส่ ดุ ของความยุตธิ รรมและศีลธรรม

19
4. ประเภทของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
แนวคิดของนักปรัชญาการเมืองเหล่านี้ได้นำไปสูก่ ารปฏิบตั ิ
การทางการเมืองในยุคปจั จุบนั รวมทัง้ การศึกษาการเมืองหลายรูป
แบบ เช่น
1. การศึกษาทางการเมืองในเชิงพฤติกรรม
2. การศึกษาทางการเมืองในเชิงสถาบัน
3. การศึกษาทางการเมืองตามโครงสร้างทางการเมือง
4. การศึกษาทางการเมืองตามหน้าทีท่ างการเมือง

20
4. ประเภทของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
3. ปรัชญาการเมืองในปจั จุบนั (Contemporary Political
Philosophy)
ในปจั จุบนั นี้ฐานะของปรัชญาทางการเมืองได้รบั ความสนใจ
น้อยลง ทัง้ นี้เพราะสังคมศาสตร์ได้ยอมรับเอาข้ออ้างทางวิทยาศาสตร์
มาเป็ นบรรทัดฐานของตน โดยมีความเห็นว่าแนวคิดของโซเครติสใน
เรือ่ งความดี ความกล้าหาญ ความยุตธิ รรม เป็ นสิง่ ทีไ่ ม่มหี ลักเกณฑ์ท่ี
แน่นอนตายตัว พิสจู น์ไม่ได้ดว้ ยหลักการทางวิทยาศาสตร์ แนวคิดยุค
คลาสสิกเป็ นเพียงค่านิยมเท่านัน้

21
4. ประเภทของปรัชญาการเมือง (ต่อ)
แนวคิดปรัชญาการเมืองสมัยปจั จุบนั เน้นทีค่ วามเป็ น
ประชาธิปไตยซึง่ ขัดแย้งกับแนวคิดในยุคคลาสสิกโดยถือว่า
สังคมจะดีขน้ึ หรือเจริญขึน้ ขึน้ อยูก่ บั สถาบันในสังคม เช่น
สถาบันการปกครอง หรือ สถาบันทางเศรษฐกิจเป็ นใหญ่ ไม่ใช่
การอบรมบ่มนิสยั สร้างบุคคลอย่างทีย่ คุ คลาสสิกยึดถือ

22
5. ขอบเขตปรัชญาการเมือง
จะต้องศึกษาแนวคิดทางการเมืองตะวันตกตัง้ แต่ยคุ
โบราณจนถึงปจั จุบนั โดยเฉพาะอย่างยิง่ ปรัชญายุคคลาสสิก
ปรัชญาการเมืองสมัยกลาง สมัยปจั จุบนั สมัยใหม่
ศึกษาแนวคิดทีส่ ำคัญ เช่น อำนาจอธิปไตย ความ
ยุตธิ รรม สิทธิเสรีภาพ สัญญาประชาคม เสรีนิยม สังคมนิยม
ธรรมาธิปไตย เป็ นต้น และศึกษาผลงานของนักปรัชญาตะวันตก
และตะวันออกคนสำคัญเพือ่ เป็ นแนวทางในการอธิบายปญั หาที่
เกิดขึน้ ในระบบการเมืองต่าง ๆ ในยุคปจั จุบนั

23
6. วิธีการทางปรัชญา
เน้นแนวคิดของนักปรัชญาในสมัยต่างๆ ทัง้ ตะวันตกและ
ตะวันออก โดยวิเคราะห์ถงึ ปญั หาและสาเหตุทท่ี ำให้นกั ปรัชญา
เหล่านัน้ คิดเกีย่ วกับเรือ่ งการเมืองมีสว่ นสัมพันธ์กบั รัฐศาสตร์
นิตศิ าสตร์ อภิปรัชญา ญาณวิทยา และจริยศาสตร์ โดยใช้วธิ กี าร
ทางปรัชญานัน้ คือการ วิเคราะห์, สังเคราะห์, วิพากษ์วจิ ารณ์และ
การประเมินคุณค่า

24
7. ความสำคัญและประโยชน์ ของการศึกษาปรัชญาการเมือง

มนุษย์เป็ นสัตว์สงั คมทีไ่ ม่สามารถจะอยูอ่ ย่างโดดเดีย่ วได้


ดังนัน้ มนุษย์จงึ ต้องสร้างกฎกติกาเพือ่ การอยูร่ ว่ มกันอย่างเป็ นสุข
โดยการใช้เหตุผลในการแสวงหาความยุตธิ รรมระหว่างปจั เจกชน
ต่อรัฐ ปจั เจกชนต่อปจั เจกชน รัฐต่อรัฐ
ดังนัน้ ประโยชน์อย่างสูงสุดสำหรับปรัชญาทางการเมืองคือ
การให้มนุษย์หารูปแบบการปกครองทีเ่ หมาะสมทีส่ ดุ ให้ประโยชน์
ทีส่ ดุ แก่ประชาชน

25
สรุป
ปรัชญาสังคม จะศึกษาธรรมชาติและบ่อเกิดของสังคม,
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกบุคคลกับรัฐ, สถาบันในสังคม:
ครอบครัวและการสมรส, การศึกษา, การเมือง, เศรษฐกิจ,
ศาสนา, กฎหมาย ฯลฯ
ส่วนปรัชญาการเมือง จะเน้ นด้านเสรีภาพ ความเสมอ
ภาค และความยุติธรรมในสังคม ธรรมชาติและจุดมุ่งหมาย
ของรัฐ สิทธิอนั ชอบธรรมที่จะปกครอง สัมพันธภาพระหว่าง
เสรีภาพของปัจเจกบุคคลกับอำนาจรัฐ
บทสรุปของปรัชญาสังคมและการเมือง คือมุ่งให้
ประชาชนเป็ นสุข
26
27

You might also like