Professional Documents
Culture Documents
ในการศึกษาเรื่ อง “การแข่งขันในการครองอานาจนาทางความคิดระหว่างพรรคเพื่อไทย
และพรรคประชาธิ ปัตย์ในการหาเสี ยงเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554” ผูว้ จิ ยั ได้รวบรวมและ
ค้นคว้า แนวคิด เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็ นกรอบแนวคิดในการศึกษา
และวิเคราะห์ โดยมีลาดับดังต่อไปนี้
2.1. แนวคิดการครองอานาจนา (Hegemony)
2.1.1. แนวคิดเรื่ อง สงครามยึดพื้นที่ทางความคิด (War of Position)
2.1.2. แนวคิดเรื่ อง กลไกการครองอานาจนา (Hegemonic Apparatuses) และ
กลไกอานาจการใช้อานาจรัฐ (State Apparatuses)
2.2. แนวคิดอุดมการณ์ (Ideology)
2.3. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
14
วัชรพล พุทธรักษา, แนวความคิดการครองอานาจนา (Hegemony) ของกรัมชี่ (Gramsci) : บททดลองเสนอในการ
อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองไทย, 2550, หน้า 2.
15
เพิ่งอ้าง, หน้า 2.
16
วัชรพล พุทธรักษา, รัฐบาลทักษิณกับความพยายามสร้างภาวะการครองอานาจนา, วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริ ญญา
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549, หน้า 26.
18
ปกครองทาอย่างไรจึงสามารถทาให้ชนชั้นผูถ้ ูกปกครองต่างเห็นพ้องยอมรับในอุดมการณ์และวิถี
ชี วิตเช่นนี้ ได้ ทั้งนี้ เพื่อจะหาทางพลิกสถานการณ์ดงั กล่าว เพื่อให้ชนชั้นผูถ้ ูกปกครองทั้งหลายได้
โค่นล้มระบอบเก่าและสถาปนาระบอบใหม่ที่มีอิสรเสรี อย่างเต็มที่17
ส าหรั บ สาเหตุ ที่ ก รั ม ชี ใ ห้ค วามส าคัญ กับ อุ ดมการณ์ เนื่ อ งจากเหตุ ก ารณ์ บ างอย่า งที่ มี
อิทธิ พลต่อแนวความคิดของเขา คือ
1. การปกครองของรัสเซียภายใต้โจเซฟ สตาลิน ซึ่ งมีการขูดรี ดชาวนาเพื่อนาไป
พัฒนาอุตสาหกรรม การใช้ม าตรการโหดเหี้ ยมทาให้กรัมชี มองรัสเซี ยในแง่
ลบ จึงทาให้เขามีแนวทางสังคมนิยมที่แตกต่างจากรัสเซีย
2. การขยายตัวของระบอบฟาสซิ สม์ในยุโรป (ฮิตเลอร์ และมุสโสลินี) ซึ่ งมีฐาน
มวลชนที่ เ ข้ม แข็ง มาก ลัท ธิ ป ฏิ กิ ริ ย าเช่ น นี้ กลับ ได้รั บ การสนับ สนุ น จาก
มวลชนมากโดยเฉพาะจากชนชั้นที่ยากไร้ที่สุดในสังคมซึ่ งน่ าจะฝักใฝ่ ลัทธิ
มาร์ กซิ สต์มากกว่า กรัมชีมองว่ามีสาเหตุจากการที่ลทั ธิ ฟาสซิ สต์ใช้อุดมการณ์
โน้มน้า วมวลชนอย่างได้ผล เช่ น ฮิตเลอร์ ใช้อุดมการณ์ หลัก เกี่ ยวกับความ
ยิ่งใหญ่ของชนเผ่าอารยัน ทาให้สามารถได้รับการสนับสนุนจากชาวเยอรมัน
จานวนมาก ขบวนการฟาสซิสต์ระดมความสนับสนุนจากชาวนาและกรรมกร
ได้อย่างกว้างขวางจนเป็ นฐานอานาจให้มุสโสลินีได้ การปลุกเร้าจิตสานึ กที่
มุสโสลิ นีได้กระทาอย่างได้ผลทาให้กรัมชี เห็นความสาคัญของยุทธศาสตร์
การเรี ยกร้ องความสนับสนุ นจากพลังมวลชนโดยการจัดตั้งกลุ่มต่างๆ ภายใต้
กลไกการครอบงาหลายรู ปแบบ นับตั้งแต่ภายในโรงงานไปจนถึงครอบครัว
และโรงเรี ยน
3. การขาดประสิ ทธิภาพในความเป็ นอันหนึ่ งอันเดียวกันของฝ่ ายซ้าย ซึ่ งมีผลทา
ให้ไม่ส ามารถฉวยโอกาสให้เป็ นประโยชน์ได้ในช่ วงที่ทุนนิ ยมตกต่ าที่สุ ด
(ค.ศ. 1930) แต่ระบอบฟาสซิสต์กลับได้ประโยชน์มากกว่า18
17
เทพฤทธิ์ สุภาสงวน, การกครองความเป็ นใหญ่ทางอุดมการณ์, สารนิพนธ์หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการ
ปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2536, หน้า 16.
18
เพิ่งอ้าง, หน้า 17.
19
19
วนัส ปิ ยะกุลชัยเดช, ความสั มพันธ์ ระหว่ างแนวคิดการครองความเป็ นใหญ่ และอุดมการณ์ ของกรัมชี่, วิทยานิพนธ์
รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2548.
21
20
วัชรพล พุทธรักษา, แนวความคิดการครองอานาจนา (Hegemony) ของกรัมชี่ (Gramsci) : บททดลองเสนอในการ
อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองไทย, 2550, หน้า 5-6.
22
21
สุภางค์ จันทวนิช, ทฤษฎีสงั คมวิทยา, พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุ งเทพฯ : สานักพิมพ์แห่ งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552.
22
เกษียร เตชะพีระ, สงครามระหว่างสี ก่อนถึงจุดที่ไม่อาจหวนกลับ, กรุ งเทพฯ : openbook, 2553, หน้า 176.
23
วัชรพล พุทธรักษา, แนวความคิดการครองอานาจนา (Hegemony) ของกรัมชี่ (Gramsci) : บททดลองเสนอในการ
อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองไทย, 2550, หน้า 1.
23
24
กาญจนา แก้วเทพ, การศึกษาสื่ อมวลชนด้วยทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory), กรุ งเทพฯ : ภาพพิมพ์, 2544, หน้า 91– 92.
25
เพิ่งอ้าง, หน้า 92.
26
วัชรพล พุทธรักษา, รัฐบาลทักษิณกับความพยายามสร้างภาวะการครองอานาจนา, วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริ ญญา
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549, หน้า 28.
24
27
เพิ่งอ้าง, หน้า 28.
28
เพิ่งอ้าง, หน้า 28.
29
เพิ่งอ้าง, หน้า 30.
25
30
กาญจนา แก้วเทพ, การศึกษาสื่ อมวลชนด้วยทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory), กรุ งเทพฯ : ภาพพิมพ์, 2544, หน้า 93.
31
เพิ่งอ้าง, หน้า 93.
32
กาญจนา แก้วเทพ, สายธารแห่ งนักคิดทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ การเมืองกับสื่ อสารศึกษา. กรุ งเทพฯ : ภาพพิมพ์, 2551, หน้า
188.
26
33
เพิ่งอ้าง, หน้า 188.
34
เพิ่งอ้าง, หน้า 188-189.
35
เพิ่งอ้าง, หน้า 189.
36
วัชรพล พุทธรักษา, รัฐบาลทักษิณกับความพยายามสร้างภาวะการครองอานาจนา, วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริ ญญา
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549, หน้า 37.
27
กรัมชี่ได้พิจารณาว่า หากพรรคการเมืองพรรคใดกระทาแต่สงครามแห่งการเคลื่อนไหวทาง
การเมือง (War of Movement) นอกจากจะประสบความสาเร็ จได้ยากแล้ว แม้วา่ ได้อานาจรัฐสภามา
ก็ยงั ยากที่จะรักษาอานาจนั้นไว้ได้ยาวนาน ดังนั้น กรัมชี่ จึงได้เสนอว่า ก่อนที่จะมีการทา War of
Movement นั้น จาเป็ นต้องการทาสงครามแย่งชิ งพื้นที่ทางความคิดของประชาชน และพื้นที่ทาง
วัฒนธรรมในสังคม (War of Position) อันหมายความว่า กลุ่มที่จะต้องการจะเปลี่ยนแปลงสังคมนั้น
จะต้องเอาชนะความคิดและจิตใจของคนทุกๆ กลุ่มในสังคม37
การดาเนิ นการช่ วงชิ ง หรื อยึดกุมความคิด ความเชื่อของคนในพื้นที่ประชาสังคมนี้ กรัมชี่
เรี ยกว่า เป็ น “การทาสงครามยึดพื้นที่ทางความคิด” ถ้าสามารถเอาชนะสงครามนี้ เหนือพื้นที่ประชา
สังคมได้สาเร็ จ การสร้างภาวการณ์ครองอานาจนาก็จะสาเร็ จได้อย่างสมบูรณ์และยัง่ ยืนสื บไป38
37
กาญจนา แก้วเทพ, การศึกษาสื่ อมวลชนด้วยทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory), กรุ งเทพฯ : ภาพพิมพ์, 2544, หน้า 91.
38
วัชรพล พุทธรักษา, รัฐบาลทักษิณกับความพยายามสร้างภาวะการครองอานาจนา, วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริ ญญา
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549, หน้า 38.
39
เพิ่งอ้าง, หน้า 38.
28
40
เพิ่งอ้าง, หน้า 38.
41
เพิ่งอ้าง, หน้า 38.
42
เพิ่งอ้าง, หน้า 38.
43
เพิ่งอ้าง, หน้า 38.
29
44
กาญจนา แก้วเทพ, สายธารแห่ งนักคิดทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ การเมืองกับสื่ อสารศึกษา. กรุ งเทพฯ : ภาพพิมพ์, 2551, หน้า
215.
45
เพิ่งอ้าง, หน้า 216.
46
เพิ่งอ้าง, หน้า 218.
33
2.2.1. ประเภทของอุดมการณ์
หากอุ ดมการณ์ คือกรอบวิธีคิดในการสร้ างความหมายต่อตัวเราและโลกรอบตัว หนังสื อ
เรื่ อง สายธารแห่ ง นัก คิ ดทฤษฎี เศรษฐศาสตร์ ก ารเมื องกับสื่ อสารศึ ก ษา ได้จาแนกประเภทของ
อุดมการณ์เอาไว้เป็ น 3 ชุดด้วยกัน คือ
1. อุดมการณ์ หลัก (Dominant Ideology) หรื ออุดมการณ์ที่ชนชั้นปกครองผลิต
และผลิ ตซ้ าขึ้น เพื่อครอบงาให้มวลชนยอมรับและกลายเป็ นกรอบความคิด
กระแสหลัก ของสัง คม ซึ่ ง อัล ธู แซร์ เ ห็ นว่า การดารงอยู่ข องความสัม พัน ธ์
ทางการผลิ ตนั้น จะเป็ นไปได้ก็ต่อเมื่อมีการผลิ ตซ้ า เพื่อสื บทอดอุ ดมการณ์
หลักแบบนี้ โดยฝังลึกอย่างมีประสิ ทธิภาพลงในสามัญสานึกของผูค้ น เช่น ใน
สังคมทุ นนิ ยม จะมีคาพูดที่กล่ าวว่า “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ประโยคนี้
เป็ นกรอบวิธี คิ ดที่ ผลิ ตขึ้ น โดย “คนมื อ ยาว” (อาทิ คนรวย นายทุ น ชนชั้น
ปกครอง) แต่ทว่า จะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็ นอุดมการณ์หลักได้ ก็ต่อเมื่อคน
กลุ่มนี้สามารถทาให้แม้แต่ “คนมือสั้น” เอง (เช่น คนจน แรงงาน ประชาชน)
ก็ยงั ยอมรับที่จะมา “แข่งขันกันแบบสาวได้สาวเอา”
2. อุดมการณ์ ทางเลื อก (Alternative Ideology) คื อ อุดมการณ์ ที่ รอมชอมกับ
ระบบวิธีคิดหลักในระดับหนึ่ง หรื อเป็ นกรอบความคิดที่ยอมรั บในอุดมการณ์
หลักแต่ก็บนเงื่อนไขบางอย่าง (on condition) ตัวอย่างเช่น ประโยคในเพลงที่
กล่าวว่า “คนจนคนรวยไม่ชา้ ก็มว้ ยมรณา” อันเป็ นกรอบวิธีคิดที่เชื่อว่า ยังคงมี
ความแตกต่าง/ไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจระหว่างคนในแต่ละกลุ่มสังคม แต่
กระนั้น ทั้งคนจนและคนรวยต่างก็ตอ้ งอยู่ใ นเงื่ อนไขหรื อกฎแห่ งอริ ยสัจสี่
ด้วยกันทั้งสิ้ น
3. อุดมการณ์ ตรงข้ าม/ต่ อต้ าน (Oppositional/Counter-Ideology) หรื ออุดมการณ์
ที่ป ฏิ เสธกรอบวิธี คิดของอุ ดมการณ์ หลัก และมักจะนาเสนอจิ นตภาพของ
สังคมแบบใหม่ (new social imagination) เพื่อเรี ยกร้องหรื อดึงให้ผคู้ นเข้ามามี
ส่ วนร่ วมต่ อต้า นกับ โครงสร้ า งอุ ดมการณ์ หลัก ของสัง คม ดัง เช่ น ประโยค
คาพูดที่วา่ “จนเงินแต่ไม่จนใจ” หรื อเนื้ อเพลงเพื่อชีวิตที่วา่ “คนจนจนแต่รวย
34
47
เพิ่งอ้าง, หน้า 220.
48
เพิ่งอ้าง, หน้า 221.
35
49
เพิ่งอ้าง, หน้า 221.
50
เพิ่งอ้าง, หน้า 221.
51
เพิ่งอ้าง, หน้า 221-222.
36
2.2.3. การทางานของอุดมการณ์
อุ ด มการณ์ ไ ม่ ไ ด้เ กิ ด ขึ้ น มาลอยๆ หากแต่ ต้อ งมี ภ าคปฏิ บ ัติ ก าร (practices) ที่ จ ะท าให้
อุดมการณ์ ต่างๆ ได้รับการผลิ ตซ้ าและธารงรักษาไว้ในชีวิตประจาวันของผูค้ น ทั้งนี้ หนังสื อเรื่ อง
สายธารแห่งนักคิดทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ การเมืองกับสื่ อสารศึกษา ได้สรุ ป ปฏิบตั ิการของอุดมการณ์
(ideology practices) ได้ดงั นี้
1. การท าให้ ดู ร าวกั บ เป็ นธรรมชาติ (Naturalisation) อัล ธู แ ซร์ ไ ด้อ ธิ บ ายว่ า
ภาคปฏิบตั ิการของอุดมการณ์ไม่ได้อยูใ่ นระดับจิตสานึกแบบง่ายๆ แต่ที่สาคัญ
อุดมการณ์ทางานลึกลงไปในจิตไร้สานึ ก (unconscious) หรื อทาให้เราไม่ได้
ตระหนักถึงและรู้สึกราวกับว่ากระบวนการนั้นเกิ ดขึ้นเองตามธรรมชาติหรื อ
เป็ นไปโดยปริ ยาย (naturalized/taken-for-granted) โดยผ่านกลไกต่างๆ
2. การผสมกั น ระหว่ า งความจริ งกั บจิ น ตนาการ (Real-and-Seemingness) ใน
ชี วิตประจาวันของเรานั้น มักจะเชื่ อกันว่า มีการแยกกันระหว่างสองโลกคือ
“โลกแห่ งความจริ ง” (the world of reality) กับ “โลกแห่ งจินตนาการ” (the
world of imagination) แต่อลั ธูแซร์ อธิ บายว่า แทนที่จะแยกระหว่างเรื่ องจริ ง
กับเรื่ องลวงออกจากกัน การทางานของอุดมการณ์จะใช้วิธีการผสมเรื่ องจริ งๆ
กับลวงๆ จนไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย ซึ่ งวิธีการผสมผสานจริ งลวง
ดังกล่าวนี้ จะเกี่ ยวโยงกับโลกของการสื่ อสารเป็ นอย่างมาก ทั้งนี้ เพราะด้าน
หนึ่งสิ่ งที่เราสัมผัสผ่านสื่ อถือเป็ นโลกแห่ งจินตนาการ แต่ในอีกด้านหนึ่ งของ
เราในฐานะผูร้ ับสาร ก็มีโลกแห่งความจริ งบางอย่างอยูล่ อ้ มรอบตัวของเรา แม้
ในขณะที่กาลังเปิ ดรับสื่ ออยูก่ ็ตาม
3. การสร้ างชุ ดความสั มพันธ์ (Structuralist Set of Relations) อุดมการณ์จะ
ทางานผ่านชุ ดโครงสร้างความสัมพันธ์ (Structuralist Set of Relations) ที่
ลาดับแรกจะมีการแบ่งขั้วความหมายออกเป็ น ความสัมพันธ์แบบคู่ตรงข้าม
(Binary Oppositions) และล าดับ ถัด มาก็ จ ะมี ก ารก าหนดชั้น ของคุ ณ ค่ า
(Hierarchy of Values) ลงไว้ในขั้วความสัมพันธ์น้ นั
37
1. หน้ าที่ ในการธารงรั กษาสภาพที่ เป็ นอยู่ (status quo) อัลธูแซร์ ได้ให้คาอธิ บาย
ว่า แม้ในสังคมปั จจุบนั จะมีความขัดแย้งหรื อความไม่เท่าเทียมต่างๆ ซุ กซ่ อน
อยูม่ ากมาย แต่อุดมการณ์มีหน้าที่สาคัญคือ การรักษาสภาพความไม่เท่าเทียม
ดังกล่าวให้สืบทอดต่อไป
2. หน้ าที่ในการให้ คาอธิ บาย (explanation) ในแง่ของการผลิตความสัมพันธ์ทาง
สั ง คมนั้น อุ ด มการณ์ จ ะท าหน้า ที่ ติ ด ตั้ง กรอบหรื อ ให้ค าอธิ บ ายว่ า ท าไม
ความสัมพันธ์ดงั กล่าวจึงเป็ นและไม่เป็ นเช่นนั้น
3. หน้ าที่ในการเรี ยกเพื่อกาหนดตัวตน (interpellation) อัลธูแซร์ ได้เสนอแนวคิด
เรื่ อง การเรี ยกเพื่อกาหนดตัวตน (interpellation) โดยอธิ บายว่า การเป็ นตัวตน
(subject) ขึ้นมาของคนๆ หนึ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แต่มาจากการ
ที่คนเรามีปฏิ สัมพันธ์กบั ผูอ้ ื่นและโลกรอบตัว ในขณะเดี ยวกัน เมื่อเราเข้าสู่
ระบบความสัมพันธ์กบั ปั จเจกบุ คคลและสังคมรอบตัว เราก็จะถูกเรี ยกเพื่อ
กาหนดตัวตนให้เป็ นแบบต่าง ๆ ซึ่ งโดยปกติแล้วอุดมการณ์จะทาหน้าที่เรี ยก
เร้า (interpellation) ให้คนกลายเป็ นตัวตนตัวเล็กๆ ที่ตอ้ งอ้างอิงหรื อไปขึ้นตรง
ต่อตัวตนตัวใหญ่ เช่น เวลาที่นกั การเมืองหรื อตัวตนตัวใหญ่เรี ยกคนทัว่ ไปว่า
“พี่น้องประชาชนที่เคารพ” เป็ นต้น นอกจากตัวตนจะถูกเรี ยกเร้ าแล้ว อัลธู
แซร์ ย ัง เห็ น ว่ า ตัว ตนเล็ ก ๆ เหล่ า นี้ ยัง จะผัน แปรไปตามตัว ตนใหญ่ ที่
เปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่ งทาให้อตั ลักษณ์ของเราอยูใ่ นกระบวนการที่ยงั สร้างไม่
เสร็ จ หรื อยูใ่ นกระบวนการกลายมาเป็ น (process of becoming) และที่สาคัญ
ในโลกปั จจุบนั นี้ กลไกของการเรี ยกเร้าและสร้างอัตลักษณ์ได้มีประสิ ทธิ ภาพ
มากที่สุดกลไกหนึ่งก็คือ สื่ อ
โดยการวิเคราะห์ปรากฏการณ์การแข่งขันในการครองอานาจนาทางความคิดระหว่างพรรค
เพื่อไทยและพรรคประชาธิ ปัตย์ในการหาเสี ยงเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 จะใช้แนวคิด
การครองอานาจนา (Hegemony) ของ Antonio Gramsci มาอธิ บายโดยนาเอาแนวคิดเรื่ องสงคราม
ยึดพื้นที่ทางความคิด (War of Position) และกลไกการครองอานาจนาและกลไกการใช้อานาจรัฐ
(Hegemonic Apparatuses and State Apparatuses) มาใช้อธิ บายประกอบ กล่าวคือ การทาสงคราม
39
52
ณัฐกานต์ กูลณรงค์, “การสื่อสารทางการเมืองบนเครือข่ ายอินเทอร์ เน็ตในช่ วงการต่ อต้ านรัฐบาลทักษิณ ”, วิทยานิพนธ์
ปริ ญญาโท รัฐศาสตรมหาบันฑิต สาขาวิชาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยเชี ยงใหม่, 2550.
42
53
ชาญชัย ชัยสุขโกศล, เทคโนโลยีกบั การต่ อสู้ ทางการเมืองโดยไร้ ความรุ นแรง : ศึกษากรณีอนิ เทอร์ เน็ตในประเทศไทย,
วิทยานิ พนธ์ปริ ญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553, http://chaisuk.wordpress.com/cv/
43
ทางเทคนิ ค ของปฏิ บ ัติ ก ารลับ และการป่ วนทางวัฒ นธรรม (4) การใช้อิ น เทอร์ เ น็ ต ท าให้ก ลุ่ ม
เคลื่ อ นไหวต้อ งเผชิ ญ กับ “พลวัต ทางเทคโนโลยีข องปฏิ บ ัติ ก ารไร้ ค วามรุ น แรง” โดยเฉพาะ
มาตรการตอบโต้ใ นทางเทคนิ ค และเชิ ง สถาบันจากผูอ้ ยู่ใ นอานาจ ซึ่ ง กุม อานาจเชิ ง โครงสร้ า ง
เทคโนโลยีอยูใ่ นมือด้วย (5) ในสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทุกฝ่ ายล้วนใช้วิธการไร้ความรุ นแรงนั้น
เป็ นปัจจัยที่สร้างความได้เปรี ยบ คือ “ทรัพยากรไซเบอร์ ” อันเป็ นที่มาของ “อานาจเชิงปริ มาณ” ซึ่ ง
สามารถทาให้ใช้กลไกการ “ปิ ดล้อมแบบไร้ความรุ นแรง” ต่อวาระประเด็นและข้อมูลข่าวสารของ
กลุ่มอื่นๆ ได้
อิสริ ยะ ไพรี พ่ายฤทธิ์ 54 ได้กล่ าวถึ ง การใช้อินเทอร์ เน็ตเชิ งการเมืองในประเทศไทย ว่า
ในช่วงที่อินเทอร์ เน็ตเพิ่งเริ่ มแพร่ หลายในประเทศไทย จุดศูนย์กลางของกลุ่มผูส้ นใจด้านการเมือง
ในประเทศไทยอยู่ ที่ “โต๊ ะ ราชด าเนิ น ” (Rajdumnern) ซึ่ งเป็ นส่ ว นหนึ่ งของเว็บ ไซด์ พ ัน ทิ ป
(www.pantip.com) กระดานสนทนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2540 ในช่วงแรก
นั้น หัวข้อการสนทนามักอยูใ่ นรู ปของการวิเคราะห์และวิจารณ์ข่าวการเมืองประจาวันมากกว่าการ
ปะทะกันของอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน
หลังจากเริ่ มขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมี
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิ ปไตยเป็ นแกน (ภายหลังถูกเรี ยกว่ากลุ่มคนเสื้ อเหลือง) เมื่อปี
พ.ศ. 2548 ทาให้เกิ ดการวิพากษ์วิจารณ์และสนทนาในประเด็นทางการเมืองมากขึ้น จุดศูนย์กลาง
ของฝ่ ายต่อต้าน พ.ต.ท. ทักษิณ ชิ นวัตร อยู่ที่เว็บไซด์ผจู้ ดั การออนไลน์ (www.manager.co.th) ซึ่ ง
ช่ วงแรกว่าตัวเป็ นหนังสื อพิมพ์ออนไลน์ของเครื อผูจ้ ดั การ แต่หลังจากเครื อผูจ้ ดั การกลายเป็ นคู่
ขัดแย้งกับรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรโดยตรง เว็บไซด์ผจู้ ดั การออนไลน์ได้ขยายบทบาทมา
เป็ นเว็บ ไซด์ ส าหรั บ รณรงค์ท างการเมื อง และเป็ นช่ องทางการสื่ อสารหลัก ของกลุ่ ม พันธมิ ต ร
ประชาชนเพื่อประชาธิ ปไตย ควบคู่ไปกับสถานี โทรทัศน์ ผ่านดาวเทียม ASTV โดยมีการเชื่ อม
เนื้ อหากันระหว่างสื่ อหลายชนิ ด เช่ น นาคลิ ปวิดีโอจาก ASTV หรื อการชุ มนุ มของพันธมิตรฯ
ขึ้นมาเผแพร่ ซ้ าบนเว็บไซด์ผจู ้ ดั การออนไลน์ รวมไปถึงยังเปิ ดให้ผอู้ ่านแสดงความเห็น (comment)
ที่ทา้ ยข่าวแต่ละชิ้น ซึ่ งมีรูปแบบคล้ายกับกระดานสนทนาอีกด้วย55
54
โครงการศึกษา “สื่ อใหม่” ในวิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง, “สื่อออนไลน์ ” BORN TO BE DEMOCRACY,
กรุ งเทพฯ : สานักพิมพ์ PRACHATAI BOOKCLUB, 2554, หน้า 11 – 16.
55
ชาญชัย, อ้างแล้ว
44
56
กานต์ ยืนยง, Cyber Citizen’s Migration, http://www.slideshare.net/sikkha/cyber-citizens-migration
45
57
เชกูวารา (นามปากกา) ลัทธิล่าแม่ มดใหม่ ในค.ศ. 2010 http://biolawcom.de/blog/914/Witch-Hunter-Online-in-
Facebook-in-Thailand.html
58
เพิ่งอ้าง, หน้า 26 – 34.
46
59
เพิ่งอ้าง, หน้า 44 – 51.
60
เพิ่งอ้าง, หน้า 76 – 85.
47
61
เพิ่งอ้าง, หน้า 88 – 96.
48
64
ปานหทัย ตันติเตชา, “ การตลาดทางการเมือง : ศึกษาเฉพาะกรณี การใช้สื่อในการรณรงค์หาเสี ยงเลือกตั้งของพรรค
ไทยรักไทย ในเขตกรุ งเทพมหานคร ”, วิทยานิพนธ์ปริ ญญามหาบัณฑิต ภาควิชาการปกครอง บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, 2546
50
65
ชมพูนุท สุ ขศรี มง่ั มี, “ การศึกษาเปรี ยบเทียบกลยุทธ์การรณรงค์หาเสี ยงเลือกตั้งเป็ นผูว้ า่ กรุ งเทพมหานครของนาย
สมัคร สุ นทรเวช กับ นางสุ ดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ”, วิทยานิ พนธ์ปริ ญญามหาบัณฑิต ภาควิชาการปกครอง บัณฑิตวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2546
66
วัชรพล พุทธรักษา, รัฐบาลทักษิณกับความพยายามสร้ างภาวะการครองอานาจนา, วิทยานิพนธ์ปริ ญญามหาบัณฑิต
ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549.
51
ที่ สาคัญที่ ถูกนามาใช้ เช่ น การสร้ างภาพลักษณ์ ของการเป็ นนักบริ หาร การเป็ นเจ้าภาพประชุ ม
APEC เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดงาน และการได้รับการยอมรับจากต่างชาติ การ
ให้ขอ้ มูลกับประชาชนว่ารัฐบาลทักษิณสามารถชาระหนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ก่อน
กาหนด รวมถึงการเดินสายพบปะประชาชนในพื้นที่ดว้ ยการจัดทัวร์นกขมิ้น เป็ นต้น
ขณะเดี ย วกัน รั ฐบาลทัก ษิ ณ ก็ ไ ด้ดาเนิ น กลไกรั ฐเป็ นเครื่ อ งมื อ ในการเสริ ม สร้ า งความ
เข้มแข็งแก่รัฐบาล รวมไปถึงการสร้างความยอมรับจากสังคมด้วยลักษณะของการบังคับ ประกอบ
ไปด้วย การเพิ่มจานวนที่นง่ั ในสภาผูแ้ ทนราษฎรเพื่อเลี่ ยงการตรวจสอบ การใช้ความเข้มแข็งให้
เป็ นประโยชน์ในการผ่านร่ างกฎหมายและการแทรกแซงองค์กรที่สัมพันธ์กบั อานาจรัฐต่างๆ ได้แก่
การแทรกแซงการทางานขององค์กรอิสระตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2540 องค์กรต่างๆ การ
แทรกแซงสื่ อมวลชน และการเข้าไปมีบทบาทเหนือระบบราชการและกองทัพ เป็ นต้น
รั ฐบาลทัก ษิ ณ ได้ดาเนิ น การใช้ก ลไกการครองอานาจนาควบคู่ ก ัน ไปกับ กลไกรั ฐ เป็ น
เครื่ องมือในการทาสงครามยึดพื้นที่ทางความคิด เพื่อเป็ นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่รัฐบาลเอง
และสร้ างการยอมรับ รวมถึงการสร้างความรู้สึกเห็นพ้องร่ วมกันของผูค้ นส่ วนใหญ่ในสังคม การ
ครองอานาจนาที่ ส มบูรณ์ จะเกิ ดขึ้ นได้เมื่ อรั ฐบาลทักษิ ณสามารถสร้ า งกลุ่ ม ประวัติศาสตร์ หรื อ
สามารถยึด ครองสั ง คมเหนื อโครงสร้ า งสัง คมทั้ง ส่ ว นบนและส่ วนล่ า งขึ้ นมาได้ส าเร็ จ แต่ จาก
การศึกษาพบว่า รัฐบาลทักษิณนั้นไม่สามารถสร้างภาวะการครองอานาจนาอย่างสมบูรณ์ให้เกิดขึ้น
ได้ ทั้งนี้ เพราะรั ฐบาลไม่สามารถดาเนิ นการยึดกุมพื้นที่ประชาสังคมได้อย่างสมบูรณ์ แม้กลไก
นโยบายจะสามารถสร้างการยอมรับและครองใจผูค้ นในสังคมได้ในระดับหนึ่ ง และแม้วา่ รัฐบาล
ทัก ษิ ณ จะสามารถยึด กุ ม พื้ นที่ สั ง คมการเมื องได้ก็ ตาม แต่ รั ฐบาลทัก ษิ ณไม่ ส ามารถสร้ า งกลุ่ ม
ประวัติศาสตร์ ได้สาเร็ จ เป็ นผลให้ภาวะการครองอานาจนาที่สมบูรณ์ ไม่เกิ ดขึ้นในช่ วงเวลาการ
ครองอานาจของรัฐบาลทักษิณ โดยสิ่ งบ่งชี้ที่สาคัญนั้นคือ การปรากฏขึ้นของกลุ่มพลังต่างๆจากชน
ชั้นที่ต่างกันในสังคมที่ดาเนินการตอบโต้การครองอานาจนาของรัฐบาลทักษิณ คือ กลุ่มปั ญญาชน/
นักวิชาการ สื่ อมวลชน กลุ่ มการเมืองภาคประชาชน และกลุ่ ม การเมื องอื่ นๆ ซึ่ ง การดาเนิ นการ
โต้ตอบต่อการครองอานาจนาของกลุ่มพลังต่างๆ จากชนชั้นต่างๆ นั้นเป็ นการแสดงให้เห็นว่า การ
ดาเนิ นการใช้กลไกต่าง ๆ ทั้งกลไกการครองอานาจนาและกลไกรัฐนั้นไม่สมบูรณ์แบบ เพราะยังมี
ผูค้ นอีกจานวนหนึ่งในสังคมตระหนักรู้ได้ถึงการครอบครองความคิดโดยรัฐบาลทักษิณ การออกมา
53
67
ชนิดา ชิตบัณฑิตย์, โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ : การสถาปนาพระราชอานาจนาในพระบาทสมเด็จพระ
เจ้ าอยู่หัว, กรุ งเทพฯ, มูลนิธิโครงการตาราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ , 2550.
54
68
ชนิดา ชิตบัณฑิตย์, มองเศรษฐกิจพอเพียงผ่ านแว่นหลากสี : “เศรษฐกิจพอเพียง” กับ “การสถาปนาพระราชอานาจ
นา” ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั . บทความในการประชุมเชิงวิชาการ เรื่ องเหลียวหลังแลหน้าการเปลี่ยนแปลงสังคมบทอีสาน
ช่วงทศวรรษ 2540-2550 กรณี “เศรษฐกิจพอเพียง : ความรู ้และความไม่รู้”, คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่ วมกับ
สถาบันวิจยั สังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550.
57
69
นฤมล ทับจุมพล. การใช้ สื่อในการสร้ างอุดมการณ์ ทางการเมือง : ศึกษาจากบทเพลงของทางราชการ (พ.ศ. 2475 -
2530). วิทยานิพนธ์ตามหลักสูตรปริ ญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาการปกครอง บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,
2531.
59
70
ปรี ชา ธรรมวินทร, การกล่อมเกลาทางการเมืองโดยผ่ายหนังสือเรียน : วิเคราะห์ หนังสื อเรียนตามหลักสู ตร
ประถมศึกษา พุทธศักราช 2521. สารนิพนธ์หลักสูตรรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2532.
71
หทัยรัตน์ มัน่ อาจ, การสร้ างอุดมการณ์ ชาติเวียดนามผ่ านการศึกษาภาคบังคับระหว่างปี ค.ศ. 1975 – 2003, วิทยานิพนธ์
ตามหลักสู ตรปริ ญญาศิลปศาสตร์ มหาบัณฑิต สาขาวิชาภูมิภาคศึกษา มหาวิทยาลัยเชี ยงใหม่, 2549.
60
แต่ ล ะเวี ย ดนามถื อ ครอง ส่ ง ผลต่ อ อุ ด มการณ์ ห ลัก ที่ ค รอบง าสั ง คม กล่ า วคื อ อุ ด มการณ์ เ สรี
ประชาธิ ปไตยในภาคใต้ และสังคมนิ ยมมาร์ กซิ สม์-เลนินนิสม์ในภาคเหนือ การรวมชาติในระดับ
รัฐในปี ค.ศ. 1975 ถื อเป็ นจุ ดก าเนิ ดของกระบวนการสร้ างรั ฐชาติ เวีย ดนามภายใต้ระบบการ
ปกครองแบบสังคมนิยมมาร์กซิสม์-เลนินนิสม์ที่มีอุดมการณ์โฮจิมินห์เป็ นแนวทาง
ปฏิ บตั ิการสร้ างชาติดว้ ยเทคโนโลยีแห่ งอานาจ โดยเฉพาะกลไกทางการศึกษาภาคบังคับ
ถือเป็ นกลไกสาคัญในการที่จะเป็ นเครื่ องมือในการสร้างอุดมการณ์ชาติเวียดนามผ่านการศึกษา ตาม
แนวคิดของ Louis Althusser ที่วา่ การศึกษาเป็ นกลไกทางอุดมการณ์ที่สาคัญของรัฐ เพื่อนาไปสู่ การ
สร้ างความเชื่ อในการดารงอยู่ในสถานภาพสังคมขณะนั้น ซึ่ งบทบาทของการศึกษาในการที่เป็ น
เครื่ องมื อ ของการส่ ง ผ่า นการ “ถื อ ครองของอุ ดมการณ์ ห ลัก ” ในการที่ จ ะก าหนดและส่ ง ผ่า น
อุดมการณ์หลักของสังคมเพื่อสร้างสังคมการเมืองและสังคมพลเมือง
ระบบอุดมการณ์ ชาติในสังคมเวียดนามก่อนรวมชาติการเลือกใช้อุดมการณ์ชาติชุดใดนั้น
ได้แปรเปลี่ยนไปตามปั จจัยทางการเมืองและกลุ่มขั้วอานาจ ซึ่ งความสาคัญของระบบการศึกษาใน
สังคมเวียดนาม การศึกษาถือเป็ นสถาบันทางสังคมที่มีหน้าที่ในการส่ งผ่านและครอบงาอุดมการณ์
สอดคล้อ งกับ อุ ด มการณ์ ต ามแนวของกรั ม ชี่ แ ละอัล ธู แ ซร์ ที่ ไ ด้เ สนอทฤษฎี ว่า อุ ด มการณ์ เ ป็ น
จิตสานึ กของชนชั้นผูป้ กครอง นาไปสู่ การครองอานาจนา (Hegemony) ที่เป็ นอุดมการณ์หลักไปสู่
ประชาชนโดยส่ งผ่านกลไกทางอุดมการณ์ นัน่ ก็คือ กลไกทางการศึกษา ซึ่ งความสัมพันธ์ระหว่าง
ระบบการเมื องและระบบการศึ ก ษาทั้ง อิ ท ธิ พ ลทางการเมื องที่มี ต่อการศึ ก ษา และอิ ท ธิ พ ลของ
การศึกษาที่มีต่อการเมือง ส่ งผลต่อการกาหนดกลยุทธ์ทางการศึกษาเพื่อที่จะนาไปสู่ การถือครอง
อานาจดังกล่าว