Professional Documents
Culture Documents
คู่มือสอบปลัดอำเภอ 2564
ควำมรู้ในหลักวิชำทำงกำรเมือง กำรปกครองและกำรบริหำรรำชกำร
1. กำรปกครองระบอบประชำธิปไตยของไทย เริ่มต้นขึ้นในรัชสมัยใด
ก. รัชกำลที่ 7
ข. รัชกำลที่ 4
ค.รัชกำลที่ 5
ง. รัชกำลที่ 6
ตอบ ก. รัชกำลที่ 7
กำรปฏิวัติสยำม พ.ศ. 2475 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศำสตร์ไทยในช่วง
คริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุกำรณ์ดังกล่ำวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนำยน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้
รำชอำณำจักรสยำมเปลี่ยนรูปแบบประเทศจำกระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์ไปเป็นรำชำธิปไตย
ภำยใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบกำรปกครองไปเป็นระบอบประชำธิปไตยแบบรัฐสภำ
เกิดขึ้นจำกคณะนำยทหำรและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่ำ "คณะรำษฎร" โดยเป็นผล
พวงจำกกำรเปลี่ยนแปลงทำงประวัติศำสตร์โลก ตลอดจนกำรเปลี่ยนแปลงทำงสังคมและกำรเมือง
ภำยในประเทศ กำรปฏิวัติดังกล่ำวทำให้ประเทศสยำมมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกพระบำทสมเด็จพระ
มงกุฏเกล้ำเจ้ำอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลำยด้ำน แต่กำรปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับ
เป็นไปอย่ำงเชื่องช้ำซึ่งสร้ำงควำมไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้ำวหน้ำและเสรีนิยม ในปี พ.ศ. 2454 ได้
เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินกำรโดยคณะนำยทหำรหนุ่ม เป้ำหมำยของคณะคือเปลี่ยนแปลง
รูปแบบกำรปกครองและล้มล้ำงระบอบเก่ำและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย
และอำจต้องกำรยกพระบรมวงศำนุวงศ์พระองค์อื่นเป็นพระมหำกษัตริย์แทนด้วย อำจกล่ำวได้ว่ำ
กบฏ ร.ศ. 130 เป็นแรงขับดันให้คณะรำษฎรปฏิวัติ โดยภำยหลังยึดอำนำจแล้ว พระยำพหลพล
พยุหเสนำได้เชิญผู้นำกำรกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่ำวกับขุนทวยหำญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์)
ว่ำ "ถ้ำไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่ำวในโอกำสเดียวกัน
ว่ำ "พวกผมถือว่ำกำรปฏิวัติครั้งนี้เป็นกำรกระทำต่อเนื่องจำกกำรกระทำเมื่อ ร.ศ. 130" กำร
ปฏิวัติดังกล่ำวล้มเหลวและผู้ก่อกำรถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
ทรงเลิกควำมพยำยำมส่วนใหญ่ในกำรปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภำยใต้
ระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำช โดยมีข้อยกเว้นบ้ำงที่โปรดฯ แต่งตั้งสำมัญชนบำงคนสู่สภำองคมนตรี
และรัฐบำล
2. กำรใช้อำนำจของเผด็จกำรแบบอำนำจนิยม มักใช้ในลักษณะใด
ก. รัฐธรรมนูญ
ข. คำสั่งคณะปฏิวัติ
ค. อุดมกำรณ์ทำงกำรเมืองแบบเผด็จกำร
ง. กำลังของกองทัพควบคุม
2
ตอบ ค. อุดมกำรณ์ทำงกำรเมืองแบบเผด็จกำร
อำนำจนิยม (อังกฤษ: authoritarianism) เป็นรูปแบบกำรจัดระเบียบทำงสังคมซึ่งมี
ลักษณะของกำรอ่อนน้อมต่ออำนำจหน้ำที่ ตำมปกติมักตรงข้ำมกับปัจเจกนิยมและอิสระนิยม
ในทำงกำรเมือง รัฐบำลอำนำจเป็นรัฐบำลซึ่งอำนำจหน้ำที่ทำงกำรเมืองกระจุกตัวอยู่กับ
นักกำรเมืองกลุ่มเล็ก
อำนำจนิยม เป็นระบอบกำรเมืองที่มีฐำนอยู่บนอุดมกำรณ์ทำงกำรเมืองแบบเผด็จกำรชนิด
ที่ผู้ปกครองสำมำรถใช้อำนำจเบ็ดเสร็จเด็ดขำดเหนือรัฐ หรือกลุ่มคนใดๆ ในกำรดำรงไว้ซึ่ง
เป้ำหมำยสูงสุด คือ กำรรักษำอำนำจของตน (Kurian, 2011: 103) โดยมักจะไม่คำนึงถึงสิทธิ
เสรีภำพของประชำชน ปิดกั้นกำรแสดงควำมคิดเห็นที่เป็นปฏิปักษ์กับผู้นำ ควบคุมสื่อมวลชน
ผูกขำดกำรใช้อำนำจและจำกัดกำรตรวจสอบ
3.ประเทศไทยมีรูปแบบกำรปกครองแบบรัฐสภำคล้ำยคลึงกับประเทศใด
ก.อังกฤษ ญี่ปุ่น
ข. อินเดีย ฝรั่งเศส
ค. ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย
ง. ซำอุดิอำระเบีย สหรัฐอเมริกำ
ตอบ ก.อังกฤษ ญีป่ ุ่น
รูปแบบของกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
ในประเทศประชำธิปไตยนั้น ไม่ได้มีรูปแบบกำรปกครองเหมือนๆ กันทั้งหมด
นักวิชำกำรได้พยำยำมเสนอหลักเกณฑ์ต่ำงๆ ที่อำจใช้แบ่งรูปแบบกำรปกครองของประเทศ
ประชำธิปไตยมำกมำยด้วยกัน สรุปได้เป็น 2 หลักเกณฑ์ ดังนี้
หลักประมุขของประเทศ แบ่งรูปแบบประชำธิปไตยได้ 2 ลักษณะคือ
1) มีพระมหำกษัตริย์เป็นประมุข พระมหำกษัตริย์จะทรงใช้อำนำจอธิปไตย ซึ่งเป็นของปวงชน
โดยใช้องค์กรแยกกันเป็น 3 ทำงคือ ทรงใช้อำนำจนิติบัญญัติโดยผ่ำนทำงรัฐสภำ อำนำจบริหำร
โดยผ่ำนทำงคณะรัฐมนตรี และอำนำจตุลำกำรโดยผ่ำนทำงศำล ส่วนองค์พระมหำกษัตริย์จะทรง
เป็นกลำงในทำงกำรเมือง เช่น ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น กัมพูชำ ซำอุดีอำระเบีย เลโซโท โมร็อกโก
เบลเยียม ลิกเตนสไตน์ ตองกำ ซำมัว เป็นต้น
2) มีประธำนำธิบดีเป็นประมุข ผู้ดำรงตำแหน่งประธำนำธิบดีมำจำกกำรเลือกตั้งของ
ประชำชน เช่น โครเอเชีย เบลำรุส ตุรกี อำร์เมเนีย สหรัฐอเมริกำ สหรัฐอำหรับเอมิเรตส์
อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย
4. ข้อดีของกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย คือข้อใด
ก. กำรเลือกตั้งแต่ละครั้งต้องเสียค่ำใช้จ่ำยสูง
ข. ประชำชนทุกคนมีสิทธิแห่งควำมเป็นคนเหมือนกัน
3
ค. กำรดำเนินส่วนใหญ่ล่ำช้ำเพรำะมีหลำยขั้นตอน
ง. กำรจัดสรรทรัพยำกรตรงกับควำมต้องกำรของทุกคน
ตอบ ข. ประชำชนทุกคนมีสิทธิแห่งควำมเป็นคนเหมือนกัน
ข้อดีและข้อเสียของประชำธิปไตย
ข้อดี
1.ประชำชนมีสิทธิ เสรีภำพและเสมอภำค ประชำชนทุกคนมีสิทธิแห่งควำมเป็นคน
เหมือนกันไม่ว่ำยำกดีมีจน เช่น สิทธิในร่ำงกำย สิทธิในทรัพย์สิน ทุกคนมีเสรีภำพในกำรกระทำ
ใดๆ ได้หำกเสรีภำพนั้นไม่ละเมิดสิทธิเสรีภำพของผู้อื่น เช่น เสรีภำพในกำรนับถือศำสนำ เสรีภำพ
ในกำรพูด กำรเขียน กำรวิพำกษ์วิจำรณ์ และทุกคนมีควำมเสมอภำค หรือเท่ำเทียมกันที่จะได้รับ
กำรคุ้มครองโดยกฎหมำย มีควำมเสมอภำคในกำรประกอบอำชีพ เป็นต้น
2.ประชำชนปกครองตนเอง ประชำชนสำมำรถเลือกตัวแทนไปใช้อำนำจนิติบัญญัติ
ในกำรออกกฎหมำยมำใช้ปกครองตนเอง และเป็นรัฐบำลเพื่อใช้อำนำจบริหำร ซึ่งสำมำรถ
สนองตอบควำมต้องกำรของประชำชนส่วนรวมได้ดี เพรำะผู้บริหำรที่เป็นตัวแทนของปวงชนย่อมรู้
ควำมต้องกำรของประชำชนได้ดี
3.ประเทศมีควำมเจริญมั่นคง กำรมีส่วนร่วมในกำรปกครองตนเองทำให้ประชำชนมี
ควำมพร้อมเพรียงในกำรปฏิบัติตำมกฎ และระเบียบที่ตนกำหนดขึ้นมำยอมรับในคณะผู้บริหำรที่
ตนเลือกขึ้นมำและประชำชนไม่มีควำมรู้ต่อต้ำน ทำให้ประเทศมีควำมสงบสุขเจริญก้ำวหน้ำและ
มั่นคง
ข้อเสีย
1.ดำเนินกำรยำก ระบอบประชำธิปไตยเป็นหลักกำรปกครองที่ดี แต่กำรที่จัดสรร
ผลประโยชน์ตรงกับควำมต้องกำรประชำชนทุกคนย่อมทำไม่ได้ นอกจำกนั้นยังเป็นกำรยำกที่จะให้
ประชำชนทุกคนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจและปฏิบัติตำมสิทธิ เสรีภำพทุกประกำร ทั้งนี้เพรำะวิสัยของ
มนุษย์ย่อมมีควำมเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ กำรดำเนินชีวิตของมนุษย์ในสังคมจึงมีกำรกระทบกระทั่ง
และละเมิดสิทธิเสรีภำพของผู้อื่นได้
2.เสียค่ำใช้จ่ำยสูง กำรปกครองระบอบประชำธิปไตย จำเป็นต้องให้ประชำชนไปใช้
สิทธิเลือกตั้งผู้แทน เพื่อให้ปฏิบัติหน้ำที่แทนตน กำรเลือกตั้งในแต่ละระดับต่ำงต้องเสียค่ำใช้จ่ำย
มำก ทั่งงบประมำณดำเนินงำนชองทำงรำชกำรและค่ำใช้จ่ำยของผู้สมัครรับเลือกตั้ง
3.มีควำมล่ำช้ำในกำรตัดสินใจ กำรตัดสินใจในระบอบประชำธิปไตยต้องใช้เสียงส่วน
ใหญ่ โดยผ่ำนขั้นตอนกำรอภิปรำย แสดงเหตุผลและมติที่มีเหตุผลเป็นที่ยอมรับของสมำชิกส่วน
ใหญ่ จึงต้องดำเนินตำมขั้นตอนทำให้เกิดควำมล่ำช้ำ เช่น กำรตรำกฎหมำย ต้องดำเนินกำร
ตำมลำดับขั้นตอนของวำระ อำจใช้เวลำเป็นสัปดำห์เป็นเดือน หรือบำงฉบับต้องใช้เวลำเป็นปี จึง
จะตรำออกมำเป็นกฎหมำยได้
4
5. ข้อใดเป็นรูปแบบกำรปกครองโดยคนส่วนมำก
ก. กำรปกครองแบบคณำธิปไตย
ข. กำรปกครองแบบคอมมิวนิสต์
ค. กำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
ง. กำรปกครองแบบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์
ตอบ ค. กำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
ประชำธิปไตย (อังกฤษ: democracy) เป็นระบอบกำรปกครองแบบหนึ่งซึ่งพลเมืองเป็น
เจ้ำของอำนำจอธิปไตยและเลือกผู้ปกครองซึ่งทำหน้ำที่ออกกฎหมำย โดยพลเมืองอำจใช้อำนำจ
ของตนด้วยตนเองหรือผ่ำนผู้แทนที่เลือกไปใช้อำนำจแทนก็ได้ กำรตัดสินว่ำผู้ใดเป็นพลเมืองบ้ำง
และกำรแบ่งปันอำนำจในหมู่พลเมืองเป็นอย่ำงไรนั้นมีกำรเปลี่ยนแปลงตำมเวลำและแต่ละ
ประเทศเปลี่ยนแปลงในอัตรำไม่เท่ำกัน นอกจำกกำรเลือกตั้งแล้ว ควำมคิดที่เป็นรำกฐำนของ
ประชำธิปไตย ได้แก่ เสรีภำพในกำรชุมนุมและกำรพูด กำรไม่แบ่งแยกและควำมเสมอภำค สิทธิ
พลเมือง ควำมยินยอม สิทธิในกำรมีชีวิตและสิทธิฝ่ำยข้ำงน้อย นอกจำกนี้ ประชำธิปไตยยังทำให้
ทุกฝ่ำยตระหนักถึงผลประโยชน์ของตนและแบ่งอำนำจจำกกลุ่มคนมำเป็นชุดกฎเกณฑ์แทน
6. หลักกำรอำนำจอธิปไตยเป็นของปวงชน หมำยถึงอะไร
ก. ประชำชนเป็นเจ้ำของอำนำจสูงสุดของรัฐ
ข. ประชำชนกระทำอย่ำงใดได้แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
ค. ประชำชนทุกคนเข้ำถึงทรัพยำกรของสังคมอย่ำงเท่ำเทียมกัน
ง. ประชำชนย่อมถือเสียงข้ำงมำกเป็นเกณฑ์ในกำรตัดสินทำงเลือก
ตอบ ก. ประชำชนเป็นเจ้ำของอำนำจสูงสุดของรัฐ
อำนำจอธิปไตยของปวงชน (Sovereignty of the People or Popular Sovereignty)
หมำยถึงแนวคิดที่ว่ำแหล่งที่มำของอำนำจสูงสุดของรัฐ หรือ อำนำจอธิปไตยมีที่มำจำกพลเมือง
ทุกๆคนภำยในรัฐ จึงทำให้บำงครั้งแนวคิดนี้ถูกเรียกว่ำอธิปไตยของมหำชน (popular
sovereignty) ซึ่งก็มีควำมหมำยในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่เน้นให้เห็นถึงรำกฐำนของอำนำจ
อธิปไตยที่มีควำมโยงใยกับประชำชนจำนวนมำกในสังคมในระบอบประชำธิปไตย หรือ ก็คือ
แนวคิดที่ว่ำ “อำนำจเป็นของปวงประชำมหำชน” (power belongs to the people) (Kurian,
2011: 1580-1581)[1]ประชำชนเป็นเจ้ำของอำนำจสูงสุดของรัฐ
7. ข้อดีของกำรปกครองแบบเผด็จกำร คือข้อใด
ก. จัดสรรทรัพยำกรอย่ำงมีประสิทธิภำพ
ข. ปรำบคอร์รับชันได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
ค. สำมำรถตัดสินใจดำเนินกำรได้อย่ำงรวดเร็ว
ง. ออกกฎหมำยได้เหมำะสมกับสิทธิของประชำชน
5
ตอบ ค. สำมำรถตัดสินใจดำเนินกำรได้อย่ำงรวดเร็ว
ข้อดี
1. รัฐบำลสำมำรถตัดสินใจทำกำรอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งได้รวดเร็วกว่ำรัฐบำลระบอบ
ประชำธิปไตย เช่น สำมำรถออกกฎหมำยมำบังคับใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่ำงใดอย่ำงหนึ่งโดยไม่ต้อง
ขอควำมเห็นชอบจำกเสียงข้ำงมำกในรัฐสภำ ช่วยให้กำรปกครองมีประสิทธิภำพและสร้ำงควำม
เจริญก้ำวหน้ำในด้ำนต่ำง ๆ เพรำะเป็นกำรรวมอำนำจสำมำรถสั่งกำรได้อย่ำงรวดเร็ว
2. กำรแก้ปัญหำบำงอย่ำงมีประสิทธิผลกว่ำระบอบประชำธิปไตย เช่น สั่งกำรปรำบกำร
จลำจล กำรก่ออำชญำกรรม และกำรก่อกำรร้ำยต่ำง ๆ ได้อย่ำงเด็ดขำดมำกกว่ำ โดยไม่ต้องเกรง
ว่ำจะเกินอำนำจทีก่ ฎหมำยให้ไว้ เนื่องจำกศำลในระบอบเผด็จกำรไม่มีควำมเป็นอิสระในกำร
พิจำรณำคดีเหมือนในระบอบประชำธิปไตย
ข้อเสีย
1. เป็นกำรปกครองโดยบุคคลเดียวหรือกลุ่มเดียว ย่อมจะมีกำรผิดพลำดและใช้อำนำจเพื่อ
ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องได้โดยไม่มีใครรู้หรือกล้ำคัดค้ำน เกิดกำรทุจริตต่อรำษฎรได้ง่ำย
2. มีกำรใช้อำนำจเผด็จกำร กดขี่และลิดรอนสิทธิเสรีภำพ รวมทั้งประทุษร้ำยต่อชีวิตของ
คนหรือกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มผู้ปกครองเป็นกำรละเมิดสิทธิเสรีภำพของประชำชน
3. ประชำชนส่วนใหญ่ที่ถูกกดขี่และขำดสิทธิเสรีภำพ ย่อมจะไม่สนับสนุนนโยบำยของ
รัฐบำลอย่ำงเต็มที่และอำจพยำยำมต่อต้ำนอย่ำงลับ ๆ ทำให้เกิดควำมไม่สงบภำยในประเทศซึ่ง
เป็นผลจำกควำมไม่พอใจของประชำชนที่ถูกกดขี่ข่มเหงและลิดรอกสิทธิเสรีภำพด้ำนต่ำง ๆ
4. กำรพัฒนำประเทศในด้ำนต่ำง ๆ จะเป็นไปด้วยควำมยำกลำบำก เพรำะจะถูกกีดกัน
จำกประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลก ทั้งด้ำนกำรเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทำให้เกิดควำมโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นกำร
นำประเทศให้เกิดควำมล้ำหลังได้
8. คุณลักษณะประกำรหนึ่งของนักประชำธิปไตย คือ
ก. รู้สึกยอมรับฟังควำมคิดเห็นของบุคคลอื่น
ข. ยึดมั่นในหลักของอำวุโส
ค. นิยมกำรแก้ปัญหำแบบตำต่อตำ ฟันต่อฟัน
ง. ถ้ำเห็นว่ำกฎหมำยไม่ให้ควำมเป็นธรรมก็จะฝ่ำฝืนทันที
ตอบ ก. รู้สึกยอมรับฟังควำมคิดเห็นของบุคคลอื่น
ของนักประชำธิปไตยหรอผู้มีวิถีชีวิตแบบประชำธิปไตย มีดังนี้
1. เคำรพเหตุผลมำกกว่ำบุคคล เช่น ไม่ยึดมั่นตัวบุคคล ไม่ยึดมั่นในระบบอำวุโส ยอมรับ
ในหลักกำรของเสียงข้ำงมำก ฯลฯ
2. รู้จักประนีประนอม เช่น รู้จักยอมรับฟังควำมคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ยึดมั่นในควำมคิดของ
ตนเองเป็นหลัก นิยมกำรแก้ปัญหำด้วยสันติวิธี ไม่นิยมควำมรุนแรง ฯลฯ
6
9. ในระบบรัฐสภำของไทย รัฐธรรมนูญส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำชโองกำร
โปรดเกล้ำฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีคือผู้ใด
ก. ประธำนรัฐสภำ
ข. ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
ค. ประธำนวุฒิสภำ
ง. นำยกรัฐมนตรี
ตอบ ง. นำยกรัฐมนตรี
ในระบบรัฐสภำของไทย รัฐธรรมนูญส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำช
โองกำรแต่งตั้งรัฐมนตรี ได้แก่ นำยกรัฐมนตรี ส่วนผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำชโองกำรแต่งตั้ง
นำยกรัฐมนตรี ได้แก่ ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
10.ข้อใดคือข้ำรำชกำรกำรเมือง
ก. มีวำระในกำรดำรงตำแหน่ง
ข. เป็นข้ำรำชกำรประจำ
ค. เป็นฝ่ำยนำนโยบำยไปปฏิบัติ
ง. ถูกเฉพำะข้อ ก. กับ ข.
ตอบ ก. มีวำระในกำรดำรงตำแหน่ง
ข้ำรำชกำรกำรเมือง คือ บุคคลซึ่งรับรำชกำรในตำแหน่งที่รับผิดชอบเกี่ยวกับนโยบำยเป็น
ฝ่ำยกำหนดนโยบำยเกี่ยวกับกำรบริหำรประเทศ และคอยควบคุมฝ่ำยข้ำรำชกำรประจำให้ปฏิบัติ
ตำมนโยบำยที่วำงไว้โดยข้ำรำชกำรกำรเมืองเข้ำดำรงตำแหน่งตำมวิถีทำงทำงกำรเมือง และออก
จำกตำแหน่งตำมวำระหรือมีวำระในกำรดำรงตำแหน่ง ข้ำรำชกำรกำรเมืองส่วนใหญ่กฎหมำยไม่ได้
กำหนดให้ต้องสังกัดพรรคกำรเมืองไม่เพียงบำงตำแหน่งเท่ำนั้นที่ต้องสังกัดพรรคกำรเมือง เช่น
นำยกรัฐมนตรี (ต้องมำจำก ส.ส. ที่ต้องสังกัดพรรคกำรเมือง) ฯลฯ
11. กำรกำหนดโครงสร้ำงเทศบำลของไทยในปัจจุบันมีลักษณะและรูปแบบใด
ก. รัฐสภำ
ข. ประธำนำธิบดี
ค. แบบผสมรัฐสภำและประธำนำธิบดี
ง. แบบมีสภำ
7
ตอบ ข.ประธำนำธิบดี
กำรกำหนดโครงสร้ำงกำรจัดองค์กำรและกำรบริหำรเทศบำลของไทยในปัจจุบันมีลักษณะ
เป็นแบบประธำนำธิบดี (Presidential system) คือ มีนำยกเทศมนตรีและสมำชิกสภำเทศบำลมำ
จำกกำรเลือกตั้งโดยตรงของประชำชน โดยใช้หลักกำรแบ่งแยกอำนำจ (Separation) ตำมแบบ
ประธำนำธิบดีของสหรัฐอเมริกำ
12. แนวคิดในกำรจัดระบบรำชกำรในสมัยรัตนโกสินทร์ได้นำแบบอย่ำงมำจำกที่ใดของโลก
ก. สหรัฐอเมริกำ
ข. ยุโรป
ค. ญี่ปุ่น
ง. เกำหลีใต้
ตอบ ข. ยุโรป
แนวคิดในกำรจัดระบบรำชกำรของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ (ตั้งแต่สมัยรัชกำลที่ 5 จนถึง
ปัจจุบัน) ได้นำแบบอย่ำงมำจำกยุโรป โดยมีหลักหรือลักษณะในกำรจัดองค์กำรและกำรบริหำร
ดังนี้
1. มีกำรจัดหน่วยรำชกำรเป็นระดับ โดยมีสำยงำนอำนำจหน้ำที่และกำรบังคับบัญชำเป็น
ระดับเชื่อมโยงจำกบนสู่ล่ำง
2. ยึดถือกฎหมำยระเบียบข้อบังคับเป็นหลักปฏิบัติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้งำนเป็น
ระเบียบแบบแผนเดียวกัน
3. มีกำรแบ่งงำนกันทำตำมควำมชำนำญ หรือพยำยำมแบ่งงำนเป็นสัดส่วนกัน
4. มีกำรคัดเลือกบุคคลเข้ำรับรำชกำรตำมระบบคุณธรรม
13. องค์กรปกครองท้องถิ่นใดเก่ำแก่ที่สุด
ก. เมืองพัทยำ
ข. เทศบำล
ค. องค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ง. องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด
ตอบ ข. เทศบำล
องค์กรปกครองท้องถิ่นของไทยในปัจจุบันมี 5 รูปแบบ คือ เทศบำล องค์กำรบริหำรส่วน
จังหวัด องค์กำรบริหำรส่วนตำบล กรุงเทพมหำนคร และเมืองพัทยำ ทั้งนี้เทศบำลถือเป็นองค์กร
ปกครองท้องถิ่นที่เก่ำแก่ที่สุด (แต่เดิมสุขำภิบำลถือเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นที่เก่ำแก่ที่สุด แต่
ปัจจุบันได้ยกฐำนะเป็นเทศบำลตำบลหมดแล้ว)
8
18.เงินตรำที่ใช้ในสมัยสุโขทัยมีกำรเรียกตรงกับข้อใดต่อไปนี้
ก. เงินพดด้วงหัวบำกรำชสีห์
ข. เงินพดด้วงขำบำกรำชคช
ค. เงินพดด้วงขำบำกนำครำช
ง. เงินพดด้วงขำบำก
ตอบ ง. เงินพดด้วงขำบำก
เงินตรำที่ถูกนำมำใช้ในสมัยสุโขทัย เรียกว่ำ เงินพดด้วงขำบำก ซึ่งมีลักษณะคล้ำยเงินพด
ด้วงของสมัยอยุธยำ เพียงแต่ตรงปลำยที่งอเข้ำจรดกันนั้นแหลมกว่ำ และไม่มีรอยไม้ค้อนเห็นชัด
เหมือนสมัยอยุธยำ กับมีรอยบำกสองข้ำงตรงส่วนที่งอนั้นเป็นรอยลึก
19. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ตรงกับสำเหตุแห่งควำมเสื่อมที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยำ
ก. ควำมไม่มั่นคงของในกรมมเหสีหลวง
ข. ควำมไม่มั่นคงของสถำบันพระมหำกษัตริย์
ค. ทหำรเสื่อมศรัทธำในพระสงฆ์และวังนอก
ง. กำรขำดควำมมัง่ คั่ง
ตอบ ข. ควำมไม่มั่นคงของสถำบันพระมหำกษัตริย์
สำเหตุแห่งควำมเสื่อมที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยำ มีดังนี้
1. ควำมไม่มั่นคงของสถำบันพระมหำกษัตริย์
2. ควำมขัดแย้งภำยในชนชั้นผู้ปกครองระหว่ำงรำชวงศ์ด้วยกัน ระหว่ำงขุนนำงกับกษัตริย์
ระหว่ำงขุนนำงกับรำชวงศ์ และระหว่ำงขุนนำงกับขุนนำง
3. ข้ำศึกมีควำมเข้มแข็งมำกกว่ำ
4. ระบบกำรปกครองขำดประสิทธิภำพ
10
5. กองทัพที่จัดไปตั้งรับพม่ำมีจำนวนน้อย
24. ระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์ถูกยกเลิกใช้ในสมัยรัชกำลที่เท่ำใด
ก. รัชกำลที่ 3
ข. รัชกำลที่ 4
ค. รัชกำลที่ 5
ง. รัชกำลที่ 7
ตอบ ง. รัชกำลที่ 7
เมื่อวันที่ 24 มิถุนำยน 2475 คณะรำษฎรอันประกอบด้วยทหำรบกทหำรเรือ และพล
เรือน ภำยใต้กำรนำของ พ.อ.พระยำพหลพลพยุหเสนำ ได้ร่วมกันลงมือทำกำรปฏิวัติเพื่อยึด
อำนำจกำรปกครองจำกรัชกำลที่ 7 ซึ่งถือเป็นกำรปฏิบัติที่แท้จริงเพียงครั้งเดียวและเป็นกำร
เปลี่ยนแปลงกำรปกครองครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศำสตร์กำรเมืองไทย เพรำะเป็นกำรล้มเลิก
ระบอบกำรปกครองแบบสมบูรณญำสิทธิรำชย์มำเป็นระบอบกำรปกครองแบบประชำธิปไตยใน
ระบบรัฐสภำ
26.คำที่นิยมใช้อ้ำงเพื่อโจมตีทำงกำรเมืองไทยที่ผ่ำนมำในอดีต
ก. อนำคิตส์
ข. คอมมิวนิสต์
ค. ฟำสซิสต์
ง. ยิว
ตอบ ข. คอมมิวนิสต์
คำที่ผู้มีอำนำจในอดีตมักนิยมใช้อ้ำงเพื่อโจมตีทำงกำรเมืองต่อผู้คัดค้ำนหรือฝ่ำยตรงกัน
ข้ำม ได้แก่ มีกำรกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
12
29. ควำมเชื่อใดต่อไปนี้ที่อำจจัดได้ว่ำเป็นควำมเชื่อที่อยู่ในอุดมกำรณ์ประชำธิปไตย
ก. คนเรำเกิดมำไม่เท่ำเทียมกัน แล้วจะมำเรียกร้องควำมเท่ำเทียมกันไปทำไม
ข. ควรให้คนฉลำดเป็นผู้ปกครองบ้ำนเมือง
ค. คนเรำทุกคนต่ำงมีเหตุผล แต่จะอ้ำงเหตุผลเพื่อประโยชน์ส่วนตนมำกกว่ำส่วนรวม
ง. ทุกคนสำมำรถปกครองตัวเองได้
ตอบ ง. ทุกคนสำมำรถปกครองตัวเองได้
อุดมกำรณ์ประชำธิปไตยยึดหลักกำรสำคัญในเรื่องควำมเสมอภำค สิทธิและเสรีภำพ และ
กำรเคำรพในศักดิ์ศรีของมนุษย์ โดยมีควำมเชื่อว่ำคนทุกคนมีควำมเท่ำเทียมกัน มีเสรีภำพที่จะ
กระทำกำรใด ๆ ได้ตำมที่ตนปรำรถนำภำยใต้แวดวงของกฎหมำย และทุกคนมีควำมสำมำรถใน
กำรปกครองตนเอง
13
30. ข้อใดที่ไม่ใช่เป็นสิทธิและเสรีภำพในระบอบประชำธิปไตย
ก. เสรีภำพในกำรพูด เขียนตำมที่อยำกจะทำ
ข. เสรีภำพในกำรนับถือศำสนำ
ค. สิทธิในทรัพย์สิน
ง. สิทธิในที่อยู่อำศัย
ตอบ ก. เสรีภำพในกำรพูด เขียนตำมที่อยำกจะทำ
สิทธิและเสรีภำพในระบอบประชำธิปไตย มีดังนี้
1. เสรีภำพในกำรพูด กำรพิมพ์ (กำรเขียน) และกำรโฆษณำ (หำกไม่ขัดกฎหมำยหรือไม่
ละเมิดสิทธิของผู้อื่นก็สำมำรถกระทำได้)
2. เสรีภำพในกำรนับถือศำสนำ
3. เสรีภำพในกำรสมำคมหรือรวมกลุ่ม
4. สิทธิในทรัพย์สิน
5. สิทธิที่จะได้รับกำรคุ้มครองตำมกฎหมำย
6. สิทธิ์ในบุคคล เช่น เสรีภำพในร่ำงกำย สิทธิในกำรประกอบอำชีพที่ถูกกฎหมำย สิทธิใน
กำรเลือกถิ่นที่อยู่อำศัย ฯลฯ
31. ข้อใดที่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรเลือกตั้งที่แท้จริง
ก. ไม่มีกำรเลือกตั้งในระบบเผด็จกำร
ข. ที่สุดมีกำรเลือกตั้ง ที่นั่นเป็นประชำธิปไตย
ค. ไม่จำเป็นต้องให้ผู้สมัครโฆษณำแนวนโยบำยก็ได้
ง. จะต้องมีกำรลงคะแนนแบบลับ
ตอบ ง. จะต้องมีกำรลงคะแนนแบบลับ
กำรเลือกตั้งที่แท้จริงตำมระบอบประชำธิปไตยนั้นจะต้องมีหลักประกันสำหรับผู้สมัครรับ
เลือกตั้งและผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยผู้สมัครจะต้องสำมำรถโฆษณำหำเสียงแนวนโยบำยของตนได้
อย่ำงเสร็จโดยไม่ถูกกลั่นแกล้ง และผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องสำมำรถเลือกผู้สมัครได้อย่ำงเสรีจริง ๆ
คือจะต้องเป็นกำรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแบบลับ (Secret Ballot)
32. ข้อควำมใดมีควำมเป็นประชำธิปไตยมำกที่สุด
ก.ไม่มีรัฐก็ไม่มีประชำชน
ข.ประชำชนคือรัฐ
ค.รัฐเพื่อประชำชน
ง.ประชำชนเพื่อรัฐ
ตอบ ข.ประชำชนคือรัฐ
14
33.ระบบกำรปกครองแบบประชำธิปไตยของอังกฤษมีลักษณะเด่นตำมข้อใด
ก.ให้อำนำจสูงสุดแก่รัฐสภำ
ข.มีพระมหำกษัตริย์เป็นประมุข
ค.พระมหำกษัตริย์ทรงอยู่ภำยใต้รัฐธรรมนูญ
ง.ใช้ระบบสองสภำและมีพรรคกำรเมืองสองพรรค
ตอบ ก.ให้อำนำจสูงสุดแก่รัฐสภำ
อำนำจสูงสุดหรืออธิปไตยเป็นของรัฐสภำ หมำยควำมว่ำ รัฐสภำมีสิทธิที่จะออกกฎหมำย
หรือยกเลิกกฎหมำยใดๆ ก็ได้ และไม่มีผู้ใดในอังกฤษที่จะเพิกเฉย หรือละเมิดต่อกฎหมำยของ
รัฐสภำ หลักของอำนำจสูงสุดของรัฐสภำนี้หมำยควำมว่ำ ในระบบกำรปกครองของอังกฤษ
อธิปไตยอยู่ที่องค์กรรัฐสภำอันประกอบด้วย สภำขุนนำง สภำผู้แทน และพระมหำกษัตริย์ ฉะนั้น
แม้ว่ำจะมีกำรแบ่งหน้ำที่กันทำ คือ คณะรัฐมนตรีในฐำนะเป็นคณะรัฐบำลของพระมหำกษัตริย์ทำ
หน้ำที่บริหำร แต่อำนำจสูงสุดอยู่ที่รัฐสภำ ซึ่งสำมำรถควบคุมกำรปฏิบัติงำนของคณะรัฐมนตรี
ตลอดจนสำมำรถทำหน้ำที่เป็นศำลสูงสุดด้วย กำรทำหน้ำที่เป็นศำลสูงนั้นเป็นบทบำทในส่วนของ
สภำขุนนำง (House of Lords)
รัฐธรรมนูญอังกฤษนั้นจึงไม่ได้แบ่งแยกอำนำจอธิปไตย แต่เป็นกำรแบ่งบทบำทหน้ำที่
ฉะนั้นจึงมีกระบวนกำร รวมอำนำจไว้ที่รัฐสภำ (Fusion of Power) แต่ก็มีสำยสัมพันธ์เชื่อมโยง
กันที่เรียกว่ำ Organic Link โดยสถำบันรัฐสภำกำรที่รัฐสภำอังกฤษวิวัฒนำกำรในรูปนี้ เป็นเรื่อง
ของเหตุกำรณ์ในประวัติศำสตร์มิได้มีควำมจงใจจะให้เกิดระบอบประชำธิปไตยแต่อย่ำงใด อำนำจ
ของรัฐสภำมีเพิ่มขึ้นจำกเดิมเป็นเพียงให้ควำมร่วมมือในกำรเพิ่มภำษีของพระมหำกษัตริย์ ต่อมำ
กลำยเป็นผู้ให้ควำมเห็นชอบ ต่อมำอีกรัฐสภำก็เริ่มมีอำนำจในด้ำนออกกฎหมำย ซึ่งเริ่มต้นเป็นกำร
ตรำกฎหมำย เพื่อแก้ไขขจัดข้อเดือดร้อนของประชำชนเท่ำนั้น ต่อมำขยำยไปเป็นอำนำจนิติ
บัญญัติทั่วไป
ส่วนตำแหน่งนำยกรัฐมนตรี มำจำกำรที่พระเจ้ำยอร์จที่ 1 (George I) แห่งรำชวงศ์
Hannover ซึ่งทรงได้รบั กำรเชิญให้มำปกครองประเทศอังกฤษในช่วง ค.ศ.1715 ซึ่งรำชวงศ์นี้มำ
จำกเยอรมันนี พระองค์จึงทรงไม่เข้ำใจภำษำอังกฤษ ได้ทรงมอบหมำยงำนกำรประชุมสภำ
เสนำบดีให้แก่ เซอร์โรเบิร์ต วอลโปล ทำหน้ำที่เป็นประธำน นี้คือจุดกำเนิดของตำแหน่ง
นำยกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้น เซอร์โรเบิร์ต วอลโปล ได้รับสมญำนำมภำยหลังว่ำ “Primus Inter
Pares” หรือ First among Equals คือ ผู้อันดับ 1 ในจำนวนผู้ที่เท่ำกัน นั้นคือตำแหน่ง Prime
Minister ซึ่งเป็นชื่อเรียกสมัยต่อมำ ในกำรคัดเลือกรัฐมนตรีก็คัดเลือกจำกบุคคลที่จะได้รับเสียง
สนับส่วนใหญ่จำกรัฐสภำ นี้คือจุดเริ่มต้นระบบคณะรัฐมนตรี ซึ่งเปรียบเสมือนคณะกรรมกำรของ
รัฐสภำที่สมำชิกเลือกขึ้นมำ เพื่อทูลเกล้ำ ให้พระมหำกษัตริย์แต่งตั้ง
ผลของกำรปฏิบัติดังกล่ำว ได้กลำยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในสมัยต่อๆ มำ สมัยนี้ธรรมเนียม
ปฏิบัติจะกำหนดให้พระมหำกษัตริย์แต่งตั้งบุคคลที่เป็นหัวหน้ำพรรคที่ได้รับเสียงข้ำงมำกในรัฐสภำ
16
34.ข้อใดเป็นกำรดำเนินกำรตำมแบบประชำธิปไตยโดยตรง
ก.กำรออกเสียงลงประชำมติ
ข.กำรให้ประชำชนเลือกตั้งนำยกรัฐมนตรี
ค.กำรเลือกตั้งสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ง.กำรสมัครเข้ำรับกำรเลือกตั้งเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรด้วยตนเอง
ตอบ ก.กำรออกเสียงลงประชำมติ
กำรออกเสียงประชำมติ (อังกฤษ: referendum) คือ กำรนำร่ำงกฎหมำย ร่ำงรัฐธรรมนูญ
และนโยบำยที่สำคัญของประเทศ ไปผ่ำนกำรตัดสินเพื่อแสดงควำมเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบโดย
ประชำชนผู้เป็นเจ้ำของอำนำจอธิปไตย นับเป็นกำรเปิดโอกำสให้ประชำชนได้มีส่วนร่วมในกำร
ตัดสินใจต่อแนวทำงกำรปกครองประเทศ และถือเป็นประชำธิปไตยทำงตรงแบบหนึ่งซึ่งประชำชน
มีส่วนมีเสียงโดยตรงในกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
35.ข้อใดเป็นอำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร
ก.ฟ้องคดีอำญำที่ผู้เสียหำยร้องขอ
ข.ฟ้องคดีอำญำและเป็นทนำยโจทย์หรือทนำยจำเลยให้ส่วนรำชกำรในคดีแพ่ง
ค.ฟ้องคดีอำญำที่พนักงำนสอบสวนส่งสำนวนมำให้ฟ้อง
ง.เป็นที่ปรึกษำกำหมำยของรัฐบำล
ตอบ ข.ฟ้องคดีอำญำและเป็นทนำยโจทย์หรือทนำยจำเลยให้ส่วนรำชกำรในคดีแพ่ง
อำนำจหน้ำที่โดยทั่วไปของพนักงำนอัยกำร
เมื่อกล่ำวถึงอัยกำรแล้วประชำชนส่วนใหญ่จะไม่ทรำบถึงอำนำจหน้ำที่ของอัยกำรอย่ำง
ถูกต้องแท้จริงจะทรำบแต่เพียงว่ำอัยกำรมีหน้ำที่ฟ้องผู้ต้องหำในคดีอำญำเท่ำนั้นโดยมักจะพูดกัน
ว่ำอัยกำรมีมีหน้ำที่เอำคนเข้ำคุกซึ่งเป็นควำมเข้ำใจที่ไม่ถูกต้องเพรำะไม่มีกฎหมำยฉบับใดให้
อำนำจอัยกำรเอำคนเข้ำคุก ดังนั้น จึงต้องเผยแพร่ให้ประชำชนโดยทั่วไปรู้และเข้ำใจถึงอำนำจ
หน้ำที่ของอัยกำรที่กฎหมำยกำหนดไว้ซึ่งพอจะสรุปได้ ดังนี้
๑.อำนำจหน้ำที่ในกำรอำนวยควำมยุติธรรม ได้แก่ กำรบริหำรงำนยุติธรรมในส่วนฝ่ำย
บริหำรของรัฐเพื่อให้เกิดควำมสงบเรียบร้อยและปลอดภัยในชีวิตร่ำงกำยและทรัพย์สินโดยอัยกำร
จะเป็นผู้พิจำรณำพยำนหลักฐำนในสำนวนกำรสอบสวนที่พนักงำนสอบสวนเสนอมำแล้ววินิจฉัยสั่ง
17
คดีตลอดทั้งดำเนินคดีอำญำทำงศำลในฐำนะทนำยแผ่นดินตำมที่ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำ
ควำมอำญำและกฎหมำยอื่นๆบัญญัติไว้ว่ำเป็นอำนำจหน้ำที่ของอัยกำร
๒. อำนำจหน้ำที่ในกำรรักษำผลประโยชน์ของรัฐได้แก่ กำรพิจำรณำให้คำปรึกษำทำงด้ำน
กฎหมำยแก่ส่วนรำชกำรและหน่วยงำนของรัฐตรวจร่ำงสัญญำ ตอบข้อหำรือตลอดจนทั้งกำร
ดำเนินคดีในศำลในฐำนะทนำยควำมของแผ่นดินแทนรัฐบำลหน่วยงำนของรัฐที่เป็นนิติบุคคลที่
ตั้งขึ้นโดยพระรำชบัญญัตหิ รือพระรำชกฤษฎีกำ
๓.อำนำจหน้ำที่ในกำรคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทำงกฎหมำย ได้แก่ กำรคุ้มครองสิทธิ
และรักษำผลประโยชน์ของประชำชนที่กฎหมำยกำหนดไว้ให้เป็นอำนำจหน้ำที่ของอัยกำร เช่น ใน
คดีแพ่งให้อำนำจอัยกำรเข้ำไปคุ้มครองสิทธิของบุคคลไร้ควำมสำมำรถ คนเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
คนสำบสูญกำรร้องขอให้ศำลตั้งผู้จัดกำรมรดก กำรให้ควำมช่วยเหลือทำงอรรถคดี โดยจัดกำร
ทนำยอำสำให้ตลอดทั้งกำรเผยแพร่ควำมรู้ทำงกฎหมำยแก่ประชำชนทั่วไป
อำนำจหน้ำที่ตำมพระรำชบัญญัติอัยกำร
อำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำรตำมพระรำชบัญญัติอัยกำร พ.ศ.๒๔๙๘
๑. ดำเนินคดีอำญำตำมที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ
๒. ในคดีแพ่งมีอำนำจดำเนินคดีแพ่งแทนรัฐบำล
๓.แก้ต่ำงคดีแพ่งหรือคดีอำญำในกรณีที่เจ้ำพนักงำนถูกฟ้องในเรื่องกำรที่ได้กระทำไปตำม
หน้ำที่หรือรำษฎรผู้หนึ่งผู้ใดถูกฟ้องเนื่องจำกกำรที่ได้กระทำตำมคำสั่งของเจ้ำพนักงำนซึ่งได้สั่งกำร
โดยชอบด้วยกฎหมำยหรือเข้ำร่วมกับเจ้ำพนักงำนกระทำกำรในหน้ำที่รำชกำร
๔.ว่ำต่ำงหรือแก้ต่ำงคดีแพ่งให้เทศบำลหรือสุขำภิบำล แต่ต้องมิใช่เป็นคดีที่พิพำทกับ
รัฐบำล
๕. ว่ำต่ำงหรือแก้ต่ำงคดีแพ่งให้นิติบุคคลซึ่งได้มีพระรำชบัญญัติหรือพระรำชกฤษฎีกำได้
ตั้งขึ้นแต่ต้องมิใช่คดีที่พิพำทกับรัฐบำล
๖. เป็นโจทก์ในคดีที่รำษฎรผู้หนึ่งผู้ใดฟ้องเองไม่ได้เพรำะมีกฎหมำยห้ำมไว้เช่น ผู้ใดจะฟ้อง
บุพกำรีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอำญำไม่ได้ แต่เมื่อผู้นั้นร้องขอพนักงำนอัยกำรมีอำนำจเป็น
โจทก์ฟ้องแทนได้
๗. ในคดีที่บุคคลใดถูกลงโทษเนื่องจำกกำรกระทำอันละเมิดต่ออำนำจศำลถ้ำศำลอุทธรณ์มี
คำสั่งให้ปล่อยตัวผู้นั้นไป เมื่ออัยกำรเห็นสมควรจะฎีกำก็ได้
๘. ในกรณีที่บุคคลใดผิดสัญญำประกันที่ทำไว้ต่อศำลอัยกำรมีหน้ำที่ดำเนินคดีในกำรบังคับ
ให้เป็นไปตำมสัญญำ
อำนำจหน้ำที่ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
๑. ร้องขอให้ศำลสั่งให้คนวิกลจริตเป็นคนไร้ควำมสำมำรถและร้องขอให้ศำลเพิกถอน
คำสั่งให้เป็นคนไร้ควำมสำมำรถ
18
๒. ร้องขอให้ศำลสั่งให้บุคคลซึ่งมีจิตฟั่นเฟือนหรือกำยพิกำรและไม่สำมำรถประกอบหน้ำที่
กำรงำนของตนเองเป็นคนเสมือนไร้ควำมสำมำรถและร้องขอให้ศำลเพิกถอนคำสั่งที่ได้สั่งให้เป็น
คนเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
๓. ร้องขอให้ศำลสั่งกำรให้ทำไปพลำงก่อนตำมที่จำเป็นเพื่อจัดกำรทรัพย์สินของบุคคลที่
ไปจำกภูมิลำเนำหรือถิ่นที่อยู่
๔.ร้องขอให้ศำลสั่งตัวแทนรับมอบอำนำจทั่วไปจัดทำบัญชีทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ หรือขอให้
ศำลสั่งให้ผู้จัดกำรหำประกันหรือแจ้งรำยทรัพย์สินหรือถอดถอนผู้จัดกำรหรือตั้งผู้อื่นแทนต่อไป
เมื่อมีเหตุอันสมควร
๕. ร้องขอให้ศำลสั่งให้ผู้ที่ไปจำกภูมิลำเนำหรือถิ่นที่อยู่เป็นคนสำบสูญและร้องขอให้ศำล
สั่งเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนสำบสูญ
๖. ร้องขอให้ศำลแต่งตั้งผู้จัดกำรชั่วครำวในกรณีที่ผู้จัดกำรนิติบุคคลว่ำงลงและถ้ำทิ้ง
ตำแหน่งว่ำงไว้จะเกิดควำมเสียหำย
๗. ร้องขอให้ศำลแต่งตั้งผู้แทนเฉพำะกำรในกรณีผู้จัดกำรนิติบุคคลมีประโยชน์ได้เสียหรือ
เป็นปฏิปักษ์กับนิติบุคคล
๘. ดำเนินกำรในฐำนะเป็นผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิต่อไปในกรณีที่ผู้ตั้งมูลนิธิตำยเสียก่อนที่นำย
ทะเบียนจะรับจดทะเบียนมูลนิธิ
๙. ร้องขอให้ศำลถอนถอนกรรมกำรหรือคณะกรรมกำรมูลนิธิและแต่งตั้งคนใหม่แทนใน
กรณีที่กรรมกำรหรือคณะกรรมกำรจัดกำรผิดพลำดเสื่อมเสีย
๑๐.ร้องขอให้ศำลสั่งเลิกมูลนิธิและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี
๑๑. ร้องขอให้ศำลสั่งจัดกำรทรัพย์สินของมูลนิธิที่สิ้นสุดลงให้แก่นิติบุคคลซึ่งมี
วัตถุประสงค์ใกล้ชิดกับวัตถุประสงค์เดิมของมูลนิธินั้น
๑๒.ร้องขอให้ศำลตั้งผู้ชำระบัญชีของห้ำงหุ้นส่วนบริษัทที่เลิกกันเพรำะเหตุอื่นนอกจำก
ล้มละลำยโดยไม่มีผู้ชำระบัญชีตำมข้อสัญญำหรือข้อบังคับของห้ำงหุ้นส่วนบริษัทนั้น
๑๓. ร้องขอให้ศำลสั่งเพิกถอนมติของสมำคมที่ลงมติโดยฝ่ำฝืนข้อบังคับหรือกฎหมำย
๑๔. ขอให้ศำลตั้งผู้ชำระบัญชีกรณีที่มีกำรเกิดสมำคมและไม่มีผู้ชำระบัญชี
๑๕. ร้องขอให้ศำลตั้งผู้อื่นนอกจำกสำมีหรือภริยำเป็นผู้อภิบำลหรือผู้พิทักษ์กรณีที่มีเหตุ
สำคัญ
๑๖.ร้องขอให้ศำลพิพำกษำว่ำกำรสมรสเป็นโมฆะ
๑๗. ให้พนักงำนอัยกำรดำเนินคดีแทนเด็กเมื่อศำลส่งคำร้องมำให้ในกรณีที่มีกำรฟ้องคดี
ไม่รับเด็กเป็นบุตร
๑๘. เด็กอำจร้องขอให้พนักงำนอัยกำรยกคดีขึ้นว่ำกล่ำวปฏิเสธควำมเป็นบุตรที่ชอบด้วย
กฎหมำย
๑๙.ร้องขอให้ศำลสั่งถอนอำนำจปกครอง
19
๒๐.ร้องขอให้ศำลตั้งผู้ปกครองและร้องขอให้พิสูจน์ว่ำบุคคลที่ศำลตั้งให้เป็นผู้ปกครองเป็น
ผู้ต้องห้ำมตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
มำตรำ ๑๕๘๗ เพื่อให้ศำลพิพำกษำเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ปกครองและมีคำสั่งเกี่ยวกับผู้ปกครองต่อไป
ตำมที่เห็น
สมควร
๒๑. ร้องขอให้ศำลสั่งให้ผู้ปกครองหำประกันอันสมควรในกำรจัดกำรทรัพย์สินหรือแถลง
ถึงควำมเป็นอยู่ของทรัพย์สินของผู้อยู่ในควำมปกครอง
๒๒.ร้องขอให้ศำลถอนผู้ปกครอง
๒๓. ต้องขอต่อศำลให้มีคำสั่งอนุญำตให้มีกำรรับบุตรบุญธรรมและเลิกรับบุตรบุญธรรม
๒๔.ฟ้องคดีแทนบุตรบุญธรรมเกี่ยวกับกำรขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
๒๕. ร้องขอให้ศำลตั้งผู้ปกครอง
ผู้อนุบำล หรือผู้พิทักษ์ ในกรณีมีมรดกตกทอดแก่ผู้เยำว์หรือบุคคลวิกลจริต
๒๖. ร้องขอให้รัฐบำลให้อำนำจจัดตั้งมูลนิธิเมื่อพินัยกรรมกำหนดไว้
๒๗. ร้องขอให้ศำลจัดสรรทรัพย์สินที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมให้จัดตั้งมูลนิธิให้แก่นิติบุคคล
ในเมื่อมูลนิธินั้นจัดตั้งขึ้นไม่ได้ตำมวัตถุประสงค์
๒๘.ร้องขอให้ศำลตั้งผู้จัดกำรมรดกในกรณีที่เจ้ำมรดกตำยและทำยำทโดยธรรมหรือผู้รับ
พินัยกรรมได้สูญหำยไปหรืออยู่นอกรำชอำณำจักรหรือเป็นผู้เยำว์หรือผู้จัดกำรมรดกหรือทำยำทไม่
สำมำรถหรือไม่เต็มใจจะจัดกำรหรือมีเหตุขัดข้องในกำรจัดกำรมรดกหรือในกำรจัดกำรหรือในกำร
แบ่งปันทรัพย์มรดกหรือข้อกำหนดพินัยกรรมตั้งผู้จัดกำรมรดกไม่มีผลบังคับ
๒๙.เป็นโจทก์ฟ้องคดีที่กฎหมำยห้ำมมิให้รำษฎรฟ้อง เช่น ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ
พำณิชย์มำตรำ ๑๕๖๒ ห้ำมมิให้ฟ้องบุพกำรีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอำญำแต่เมื่อผู้นั้นหรือญำติ
สนิทร้องขอพนักงำนอัยกำรจะยกคดีขึ้นว่ำกล่ำวก็ได้
๓๐.ร้องขอให้ศำลสั่งให้ผู้จัดกำรมรดกหำประกันอันสมควรในกำรจัดกำรทรัพย์สินของ
ทำยำทตลอดจนกำรมอบคืนทรัพย์สินนั้น และแถลงถึงควำมเป็นอยู่แห่งทรัพย์สินของทำยำท
อำนำจหน้ำที่ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
๑. ร้องขอให้ศำลกำหนดโทษแก่ผู้กระทำควำมผิดเสียใหม่ในกรณีที่กฎหมำยที่บัญญัติใน
ภำยหลังเป็นคุณแก่ผู้กระทำควำมผิด
๒.ร้องขอต่อศำลให้สั่งยกเลิกวิธีกำรเพื่อควำมปลอดภัยหรือกำหนดวิธีกำรเพื่อควำม
ปลอดภัยที่เป็นคุณมำกกว่ำวิธีกำรเพื่อควำมปลอดภัยเดิม เมื่อปรำกฎว่ำมีบทบัญญัติของกฎหมำย
ที่บัญญัติในภำยหลังเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่จะสั่งให้มีกำรบังคับวิธีกำรเพื่อควำมปลอดภัยซึ่งเป็นผล
ไม่อำจนำมำใช้บังคับแก่ผู้ที่จะต้องถูกบังคับตำมวิธีกำรเพื่อควำมปลอดภัยหรือนำมำใช้บังคับได้ แต่
กำรใช้บังคับวิธีกำรเพื่อควำมปลอดภัยตำมบทบัญญัติของกฎหมำยที่บัญญัติในภำยหลังเป็นคุณ
กว่ำ
20
๓.ร้องขอให้ศำลสั่งเพิกถอนหรืองดกำรใช้บังคับวิธีกำรเพื่อควำมปลอดภัยแก่ผู้ถูกบังคับใช้
วิธีกำรเพื่อควำมปลอดภัยไว้ชั่วครำว ในกรณีที่พฤติกำรณ์เกี่ยวกับกำรใช้บังคับนั้นได้เปลี่ยนแปลง
ไปจำกเดิม
๔. ร้องขอให้ศำลเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุก
๕. ฟ้องขอให้กักกันในกรณีที่ผู้กระทำควำมผิดได้กระทำควำมผิดติดนิสยั ทั้งนี้เพื่อควบคุม
ผู้กระทำควำมผิดติดนิสัยไว้ในเขตกำหนด เพื่อป้องกันกำรกระทำควำมผิด เพื่อดัดนิสัยและฝึกหัด
อำชีพ
๖.เสนอให้ศำลทำทัณฑ์บนบุคคลซึ่งปรำกฏว่ำจะก่อเหตุร้ำยให้เกิดภยันตรำยแก่บุคคลหรือ
ทรัพย์สินของบุคคลอืน่ หรือบุคคลซึ่งถูกฟ้องเป็นคดีแต่ศำลไม่ลงโทษผู้ถูกฟ้องถ้ำมีเหตุอันควรเชื่อ
ว่ำผู้ถูกฟ้องน่ำจะก่อเหตุร้ำยให้เกิดอันตรำยแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นเพื่อให้ศำลสั่งให้บุคคล
นั้น ทำทัณฑ์บนว่ำจะไม่ก่อเหตุดังกล่ำว
๗. มีคำขอต่อศำลขอให้แก้ไขเพิ่มเติมหรือเพิกถอนหรือกำหนดเงื่อนไขที่ยังมิได้กำหนด
เกี่ยวกับกำรคุมประพฤติผู้กระทำควำมผิดซึ่งศำลพิพำกษำว่ำมีควำมผิดแต่รอกำรกำหนดโทษไว้
หรือกำหนดโทษแต่รอกำรลงโทษไว้
๘. แถลงให้ศำลทรำบว่ำผู้ที่ได้รับกำรรอกำรลงโทษหรือตำมคำพิพำกษำรอกำรกำหนด
โทษไม่ปฏิบัติตำมเงื่อนไขคุมควำมประพฤติดังที่ศำลกำหนดเพื่อศำลจะได้ตักเตือนหรือกำหนดโทษ
หรือลงโทษที่รอไว้
๙. เสนอให้ศำลเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งที่ใช้วิธีกำรสำหรับเด็กหรือออกคำสั่งใหม่ในกรณีที่
เห็นว่ำพฤติกำรณ์ที่เกี่ยวกับคำสั่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป
อำนำจหน้ำที่ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ
เป็นอำนำจหน้ำที่เกี่ยวกับกำรดำเนินคดีอำญำซึ่งบัญญัติไว้ในพระรำชบัญญัติพนักงำน
อัยกำร พ.ศ.๒๔๙๘ มำตรำ ๑๑(๑) ว่ำในคดีอำญำมีอำนำจหน้ำที่ตำมประมวลกฎหมำยวิธี
พิจำรณำควำมอำญำและตำมกฎหมำยอื่นซึ่งบัญญัติว่ำเป็นหน้ำที่ของสำนักงำนอัยกำรสูงสุด หรือ
พนักงำนอัยกำรอำนำจหน้ำที่ในกำรดำเนินคดีอำญำเป็นอำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำรซึ่งถือได้
ว่ำมีส่วนร่วมในกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรก่ออำชญำกรรมอย่ำงหนึ่ง อันได้แก่ กำรตรวจ
วินิจฉัยสำนวนกำรสอบสวนและกำรดำเนินคดีในศำลซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ได้รับสำนวนกำรสอบสวน
จำกพนักงำนสอบสวน โดยสำนวนกำรสอบสวนดังกล่ำวพนักงำนสอบสวนจะเป็นผู้ดำเนินกำร
จัดทำขึ้นทั้งหมดโดยอัยกำรมิได้เข้ำไปเกี่ยวข้องเลยเมื่ออัยกำรได้รับสำนวนกำรสอบสวนจำก
พนักงำนสอบสวนแล้วอัยกำรมีอำนำจหน้ำที่ในกำรตรวจสอบวินิจฉัยสำนวนกำรสอบสวน และทำ
ควำมเห็นอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งดังต่อไปนี้
๑. ถ้ำเป็นสำนวนกำรสอบสวนที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำควำมผิด อัยกำรมีอำนำจสั่งให้พนักงำน
สอบสวนงดกำรสอบสวนหรือดำเนินกำรสอบสวนต่อไปก็ได้
21
๒. ถ้ำเป็นสำนวนกำรสอบสวนที่รู้ตัวว่ำใครเป็นผู้กระทำควำมผิดไม่ว่ำจะจับตัวผู้ต้องหำได้
หรือไม่และพนักงำนสอบสวนจะมีควำมเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ก็ตำมอัยกำรมีอำนำจที่จะสั่งสำนวนกำร
สอบสวนได้ดังนี้
ก. เมื่ออัยกำรพิจำรณำเห็นว่ำข้อเท็จจริงในสำนวนกำรสอบสวนยังไม่ชัดเจนพอก็มีอำนำจ
สั่งให้พนักงำนสอบสวนดำเนินกำรสอบสวนเพิ่มเติมหรือให้ส่งพยำนมำพบอัยกำรเพื่อซักถำมก็ได้
ข. ถ้ำอัยกำรพิจำรณำแล้วเห็นว่ำพยำนหลักฐำนในสำนวนกำรสอบสวนไม่หนักแน่นเพียง
พอที่จะรับฟังได้ว่ำผู้ต้องหำเป็นผู้กระทำควำมผิดหรือกำรกระทำของผู้ต้องหำไม่เป็นควำมผิดต่อ
กฎหมำย อัยกำรมีอำนำจที่จะสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหำ ถ้ำกรณีที่คดีขำด อำยุควำมหรือผู้เสียหำยถอนคำ
ร้องทุกข์ในคดีอำญำที่เป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ อัยกำรมีอำนำจสั่งยุติกำรดำเนินคดีได้
ค. ถ้ำอัยกำรพิจำรณำแล้วเห็นว่ำพยำนหลักฐำนในสำนวนกำรสอบสวนรับฟังได้ว่ำ
ผู้ต้องหำเป็นผู้กระทำควำมผิดจริงอัยกำรมี อำนำจสั่งฟ้องผู้ต้องหำ โดยทำคำฟ้องยื่นฟ้องผู้ต้องหำ
ต่อศำลซึ่งภำยหลังจำกถูกฟ้องต่อศำลแล้วผู้ต้องหำจะถูกเรียกว่ำจำเลย ในกรณี ที่จำเลยให้กำร
ปฏิเสธว่ำไม่ได้กระทำควำมผิดหรือจำเลยให้กำรรับสำรภำพแต่คดีดังกล่ำวมีอัตรำโทษตำม
กฎหมำยให้จำคุกอย่ำงต่ำตั้งแต่ห้ำปีขึ้นไป อัยกำรมีหน้ำที่จะต้องนำพยำนหลักฐำนเข้ำสืบเพื่อ
พิสูจน์ควำมผิดของจำเลยต่อไป เมื่อศำลพิจำรณำและมีคำพิพำกษำในคดีนั้นอย่ำงใดแล้ว อัยกำร
ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพำกษำดังกล่ำวก็มีอำนำจที่จะอุทธรณ์ หรือฎีกำได้ เว้นแต่จะเข้ำกรณี
กฎหมำยห้ำมอุทธรณ์หรือฎีกำ
ง. ถ้ำอัยกำรพิจำรณำสำนวนกำรสอบสวนแล้วเห็นว่ำ คดีนั้นเป็นควำมผิดซึ่งสำมำรถทำ
กำรเปรียบเทียบปรับได้ เช่น ควำมผิดลหุโทษ อัยกำรมีอำนำจสั่งให้พนักงำนสอบสวนพยำยำม
เปรียบเทียบปรับคดีนั้นหรือจะสั่งให้พนักงำนสอบสวนอื่นที่มีอำนำจดำเนินกำรเปรียบเทียบให้ได้
อำนำจหน้ำที่อย่ำงอื่นของอัยกำรในกำรดำเนินคดีอำญำ
- ยื่นคำร้องขอเข้ำร่วมเป็นโจทก์กับผู้เสียหำยในคดีใดๆก่อนคดีเสร็จเด็ดขำดในคดีอำญำที่
ไม่ใช่ควำมผิดต่อส่วนตัว
- ยื่นฟ้องคดีที่ผู้เสียหำยได้ยื่นฟ้องคดีไว้แล้วแต่ถอนฟ้องคดีนั้นเสีย เว้นแต่เป็นคดีอำญำ
ควำมผิดต่อส่วนตัว
- ฟ้องเรียกทรัพย์สินหรือรำคำแทนผู้เสียหำยในคดีอำญำที่ผู้เสียหำยมีสิทธิที่จะเรียกร้อง
ทรัพย์สินหรือรำคำที่เขำสูญเสียไปเนื่องจำก กำรกระทำควำมผิดอำญำในฐำนต่ำงๆอันได้แก่ ลัก
ทรัพย์ วิ่งรำวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชกทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์ ยักยอกทรัพย์
หรือรับของโจร โดยเมื่ออัยกำรยื่นฟ้องคดีอำญำต่อศำลจะมีคำขอรวมไปกับคำฟ้องหรือจะยื่นคำ
ร้องขอในระยะเวลำใดๆ ระหว่ำงคดีอยู่ในกำรพิจำรณำของศำลชั้นต้น
- ยื่นคำร้องขอให้ศำลออกหมำยขังผู้ต้องหำ
- ยื่นคำร้องต่อศำลขอให้ปล่อยคนที่ถูกควบคุมหรือขังโดยผิดกฎหมำยหรือถูกจำคุกผิดจำก
คำพิพำกษำของศำล
22
- คัดค้ำนกำรให้ประกันตัวผู้ต้องหำหรือจำเลยที่ต้องหำหรือถูกฟ้องในควำมผิดที่มีอัตรำ
โทษจำคุกอย่ำงสูงเกิน ๑๐ ปี
- แจ้งคำสั่งเด็ดขำดไม่ฟ้องคดีให้ผู้ต้องหำและผู้ร้องทุกข์ทรำบ ถ้ำผู้ต้องหำถูกควบคุมหรือ
ขังอยู่ให้ปล่อยตัวไปหรือขอให้ศำลปล่อยไปแล้วแต่กรณี
- เข้ำร่วมกำรชันสูตรพลิกศพกับพนักงำนสอบสวน เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยปกครอง และแพทย์ใน
กรณีที่มีกำรตำยเกิดขึ้นโดยกำรกระทำของเจ้ำพนักงำนซึ่งอ้ำงว่ำปฏิบัติรำชกำรตำมหน้ำที่หรือตำย
ในระหว่ำงอยู่ในควำมควบคุมของเจ้ำพนักงำนซึ่งอ้ำงว่ำปฏิบัติรำชกำรตำมหน้ำที่
36.ข้อควำมใดที่แสดงว่ำสังคมไทยมีลักษณะเป็นสังคมชนบท
ก.คนไทยประมำณสำมในสี่ของประเทศประกอบอำชีพทำงเกษตรกรรม
ข.ควำมแตกต่ำงทำงสังคมระหว่ำงคนไทยด้วยกันยังมีน้อย
ค.คนไทยเน้นควำมสัมพันธ์แบบปฐมภูมิมำกกว่ำทุติยภูมิ
ง.สถำบันครอบครัวและศำสนำยังมีควำมสำคัญสำหรับคนไทยอยู่
ตอบ ก.คนไทยประมำณสำมในสี่ของประเทศประกอบอำชีพทำงเกษตรกรรม
สังคมชนบท
ชุมชนชนบท เป็นเขตพื้นที่ที่พ้นจำกตัวเมืองออกไป หรืออำจเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกเขต
เทศบำล เป็นเขตที่มีควำมเจริญทำงด้ำนวัตถุน้อย มีกำรรวมกลุ่มอย่ำงไม่เป็นทำงกำร ประชำกร
ส่วนใหญ่ประกอบอำชีพเกษตรกรรม ประมง เลี้ยงสัตว์ หน่วยทำงสังคมของชุมชนชนบท
หมำยถึง หมู่บ้ำน ซึ่งหมู่บ้ำนหมู่หนึ่งอำจมีจำนวนประชำกรประมำณ 20 ครัวเรือน ถึง 100
ครัวเรือนก็ได้
ลักษณะทั่วไปของสังคมชนบท
สังคมไทยำเป็นสังคมเกษตรเพรำะประชำกรส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอำชีพทำงกำร
เกษตร ดังนั้นสังคมชนบทจึงจัดได้ว่ำ เป็นโครงสร้ำงที่สำคัญที่สุดของสังคมไทย ลักษณะทั่วไป
ของสังคมชนบทจะมีลักษณะ ดังนี้
(1) ครอบครัวเป็นหน่วยสำคัญของเศรษฐกิจ เป็นทั้งหน่วยกำรผลิตและหน่วยบริโภค
สิ่งของเครื่องใช้และอำหำรจะผลิตขึ้นใช้เอง และยังมีดภำระหน้ำที่อื่น ๆ เช่น ถ่ำยทอดควำมรู้
ทำงอำชีพ อบรมสั่งสอนเรื่องคุณธรรมให้แก่สมำชิกในครอบครัว เป็นต้น
(2) สมำชิกของครอบครัวมีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงแน่นแฟ้น สมำชิกในชุมชนจะให้
ควำมสำคัญในเรื่องควำมเป็นมิตรต่อเพื่อนบ้ำน มีกำรติดต่อกันแบบเป็นกันเอง เอื้อเฟื้อและ
จริงใจต่อกัน
(3) ลักษณะของครอบครัวเป็นแบบครอบครัวขยำย สมำชิกประกอบด้วยหลำย ๆ
ครอบครัว ซึ่งเป็นเครือญำติกัน มำอยู่รวมในครัวเรือนเดียวกันหรือบริเวณใกล้เคียงกัน
23
37.ชุมชนทำงกำรเมืองใดที่มีลักษณะเป็นรัฐ
ก.ฮ่องกง
ข.แคชเมียร์
ค.แคลิฟอร์เนีย
ง.มำเลเซีย
ตอบ ง.มำเลเซีย
รัฐ (state) หมำยถึง ชุมชนทำงกำรเมืองที่ประชำชนอำศัยอยู่ร่วมกัน โดยมีดินแดนที่
แน่นอน มีรัฐบำลเดียวกัน เป็นชุมชนที่มีอำนำจอธิปไตย
38.พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ได้ทรงเริ่มวำงรำกฐำนกำรปกครองระบอบ
ประชำธิปไตยแบบเป็นขั้นตอนและค่อยเป็นค่อยไปโดยวิธีกำรใด
ก.ทรงจัดตั้งสภำปกครองท้องถิ่น
ข.ทรงจัดตั้งคณะที่ปรึกษำรำชกำรแผ่นดิน
ค.ทรงจัดตั้งคณะที่ปรึกษำรำชกำรแผ่นดินและองคมนตรีสภำ
ง.ทรงจัดตั้งคณะที่ปรึกษำสูงสุดและคณะที่ปรึกษำรัฐบำล
ตอบ ข.ทรงจัดตั้งคณะที่ปรึกษำรำชกำรแผ่นดิน
39.กฎหมำยจำรีตประเพณี หมำยถึงอะไร
ก.กฎเกณฑ์จำรีตประเพณีท้องถิ่นที่ยอมรับกันเฉพำะท้องถิ่นนั้น
ข.กฎหมำยที่ไม่ได้บัญญัติไว้เป็นลำนลักษณ์อักษรแต่ประชำชนยึดถือปฏิบัติเป็นกฎหมำย
ค.กฎเกณฑ์จำรีตประเพณีระหว่ำงประเทศที่สหประชำชำติประมวลเป็นกฎหมำย
ง.จำรีตประเพณีที่ปฏิบัติมำนำนและประมวลเป็นกฎหมำยลำยลักษณ์อักษรแล้ว
ตอบ ง.จำรีตประเพณีที่ปฏิบัติมำนำนและประมวลเป็นกฎหมำยลำยลักษณ์อักษรแล้ว
24
40.ข้อใดเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
ก.สมำคม
ข.สำนักสงฆ์
ค.เรือเดินสมุทร
ง.คอนโดมิเนียม
ตอบ ข.สำนักสงฆ์
41.ข้อใดเป็นปัญหำทำงด้ำนตัวบทกฎหมำยในเรื่องกำรใช้และกำรบังคับใช้กฎหมำยในสังคมไทย
ก.ขำดควำมสนใจจำกประชำชน
ข.ขำดควำมเลื่อมใสจำกประชำชน
ค.ขำดกำรเผยแพร่กฎหมำยให้ประชำชนทรำบ
ง.ขำดควำมร่วมมือระหว่ำงประชำชนกับเจ้ำพนักงำน
ตอบ ค.ขำดกำรเผยแพร่กฎหมำยให้ประชำชนทรำบ
42.ควำมหมำยทั่วไปของกฎหมำยคือข้อใด
ก.ข้อบังคับของรัฐ
ข.บรรทัดฐำนในสังคม
ค.จำรีตประเพณี
ง.บรรทัดฐำนที่ศำลใช้ในกำรตัดสินคดี
ตอบ ก.ข้อบังคับของรัฐ
43.ข้อใดแสดงให้เห็นถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนกำรยุติธรรมทำงอำญำ
ก.ผู้เสียหำย ศำล เจ้ำพนักงำนบังคับคดี
ข.พนักงำนสอบสวน พนักงำนอัยกำร เจ้ำพนักงำนคุมประพฤติ
ค.พนักงำนอัยกำร ศำล เจ้ำพนักงำนบังคับคดี
ง.พนักงำนสอบสวน พนักงำนอัยกำร เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ตอบ ข.พนักงำนสอบสวน พนักงำนอัยกำร เจ้ำพนักงำนคุมประพฤติ
44.เพรำะเหตุใดรัฐจึงจัดกำรศึกษำแบบให้เปล่ำในระดับประถมศึกษำ
ก.เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชำชน
ข.เพื่อให้บริกำรแก่ประชำชน
ค.เพื่อบังคับให้ประชำชนทำหน้ำที่
ง.เพื่อให้เกิดควำมเสมอภำคแก่ประชำชน
ตอบ ก.เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชำชน
25
45.กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำรส่วนภูมิภำค ทำให้เกิดผลดีอย่ำงไร
ก.ประชำชนมีโอกำสปกครองตนเองมำกขึ้น
ข.ประชำชนได้รับบริกำรจำกรัฐบำลเร็วขึ้น
ค.ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรพัฒนำประเทศมำกขึ้น
ง.สนองควำมต้องกำรของประชำชนได้อย่ำงเต็มที่
ตอบ ข.ประชำชนได้รับบริกำรจำกรัฐบำลเร็วขึ้น
46.กิจกรรมใดเป็นกำรเริ่มวำงรำกฐำนกำรปกครองแบบประชำธิปไตยในประเทศไทย
ก.กำรจัดตั้งรัฐมนตรี
ข.กำรจัดตั้งสุขำภิบำล
ค.กำรเลิกทำส
ง.กำรจัดตั้งเมืองดุสิตธำนี
ตอบ ข.กำรจัดตั้งสุขำภิบำล
48.รัฐบำลในข้อใดมีลักษณะใกล้เคียงกับรัฐบำลแบบอภิชนำธิปไตยมำกที่สุด
ก.รัฐบำล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปรำโมช พ.ศ. 2518
ข.รัฐบำล พลเอกชำติชำย ชุณหะวัณ พ.ศ. 2531
ค.รัฐบำล นำยอำนันท์ ปันยำรชุน พ.ศ. 2534
ง.รัฐบำล พลเอกสุจินดำ ครำประยูร พ.ศ. 2535
ตอบ ค.รัฐบำล นำยอำนันท์ ปันยำรชุน พ.ศ. 2534
ง.ไม่ได้กำหนดให้กำรเลือกตั้งเป็นหน้ำที่ของประชำชน
ตอบ ค.ไม่ได้ใช้ระบบหนึ่งคนหนึ่งเสียง
50.ข้อใดเป็นกฎหมำย
ก.ข้อบังคับของรัฐสภำ
ข.มติคณะรัฐมนตรี
ค.ข้อบังคับของบริษัทจำกัด
ง.ข้อบังคับของสุขำภิบำล
ตอบ ง.ข้อบังคับของสุขำภิบำล
53.วัฒนธรรมส่วนใดกำหนดและชี้นำพฤติกรรมของคนในสังคมโดยตรง
ก.โลกทัศน์
ข.ค่ำนิยม
ค.วิถีประชำ
ง.กฎหมำย
ตอบ ง.กฎหมำย
27
54.สถำบันทำงสังคมใดทำหน้ำที่กำหนดสถำนภำพของบุคคลในสังคม
ก.ครอบครัว
ข.กำรศึกษำ
ค.เศรษฐกิจ
ง.กำรเมืองกำรปกครอง
ตอบ ก.ครอบครัว
56.ค่ำนิยมในสังคมไทยข้อใดสมควรได้รับกำรแก้ไขเพื่อกำรพัฒนำประเทศให้เจริญก้ำวหน้ำ
ก.ฝนทั่งให้เป็นเข็ม
ข.ตนเป็นทีพ่ ึ่งแห่งตน
ค.คนล่วงทุกข์ได้ด้วยควำมเพียร
ง.ชีวิตเป็นไปตำมกรรมที่ทำไว้
ตอบ ง.ชีวิตเป็นไปตำมกรรมที่ทำไว้
57.ข้อใดเป็นวิธีกำรแก้ปัญหำสังคมได้ดีที่สุด
ก.จัดตั้งหน่วยงำนสำหรับแก้ไขปัญหำต่ำงๆ เป็นกำรเฉพำะ
ข.ออกกฎหมำยให้เข้มงวดและชำระโทษอย่ำงเด็ดขำด
ค.กำหนดวิธีกำรแก้ปัญหำให้รัดกุมและมีประสิทธิภำพ
ง.ปลูกฝังจิตสำนึกและควำมรับผิดชอบด้วยกำรให้กำรศึกษำและอบรม
ตอบ ง.ปลูกฝังจิตสำนึกและควำมรับผิดชอบด้วยกำรให้กำรศึกษำและอบรม
61. รัฐสภำมีหน้ำที่อย่ำงไรตำมระบอบประชำธิปไตยในระบบรัฐสภำ
ก.ออกกฎหมำยต่ำง ๆ เพียงอย่ำงเดียว
ข.ออกกฎหมำย ตรวจสอบกำรทำงำน และตัดสินคดีควำมเกี่ยวกับรำชกำร
ค.ตรวจสอบกำรทำงำนของประธำนำธิบดีเพียงอย่ำงเดียว
ง.ตัดสินคดีควำมเกี่ยวกับรำชกำรเพียงอย่ำงเดียว
ตอบ ก.ออกกฎหมำยต่ำง ๆ เพียงอย่ำงเดียว
66. ข้อใดไม่ใช่หลักของระบอบกำรปกครองแบบเผด็จกำรแบบเบ็ดเสร็จ
ก. ประชำชนไม่มีสิทธิเสรีภำพ
ข. มีควำมเชื่อว่ำกำรใช้ควำมรุนแรงเด็ดขำดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ค. สื่อมวลชนสำมำรถวิจำรณ์กำรทำงำนของผู้นำได้ แต่ต้องอยู่ภำยในกรอกกฎหมำย
ง. มีพรรคกำรเมืองพรรคเดียว
ตอบ ค. สื่อมวลชนสำมำรถวิจำรณ์กำรทำงำนของผู้นำได้ แต่ต้องอยู่ภำยในกรอกกฎหมำย
71. ข้อใดมิใช่วัตถุประสงค์กำรปฏิรูประบบรำชกำรของไทย
ก. มีกฎหมำยบังคับใช้ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
ข. มีระบบกำรทำงำนที่มีประสิทธิภำพ
ค. มีกำรใช้ทรัพยำกรอย่ำงมีประสิทธิภำพ
ง. มีบุคลำกรที่มีประสิทธิภำพ
ตอบ ก. มีกฎหมำยบังคับใช้ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
ง. กำรพัฒนำ
ตอบ ข. นโยบำยสำธำรณะ
73. กำรบริหำรต้องมีลักษณะอย่ำงไร
ก. ต้องมีเป้ ำหมำยหรือวัตถุประสงค์
ข. ต้องใช้ปจั จัยต่ำงๆ เช่น คน เงิน และวัสดุอุปกรณ์
ค. มีกำรดำเนินกำรอย่ำงเป็นกระบวนกำร
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
75. ข้อใดมิใช่ทรัพยำกรที่ใช้ในกำรบริหำร
ก. เงิน
ข. คน
ค. สถำนที่
ง. กำรจัดกำร
ตอบ ค. สถำนที่
76. ข้อใดมิใช่หลักกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมที่ดี
ก. หลักคุณธรรม
ข. หลักควำมโปร่งใส
ค. หลักควำมคุ้มค่ำ
ง. หลักเอกภำพ
ตอบ ง. หลักเอกภำพ
ค. กำรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้ำรำชกำร
ง. กำรจัดองค์กรในกระทรวงต่ำงๆ
ตอบ ข. กำรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบรำชกำร
78. ข้อใดมิใช่จุดมุ่งหมำยสูงสุดของกำรปฏิรูประบบรำชกำร
ก. ประชำชนคนไทยมีคุณภำพชีวิตที่ดี
ข. สังคมไทยมีเสถียรภำพ
ค. ลดปัญหำกำรทำงำนที่ซ้ำซ้อนของหน่วยงำนรำชกำร
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. ลดปัญหำกำรทำงำนที่ซ้ำซ้อนของหน่วยงำนรำชกำร
80. ขั้นตอนแรกของกำรวำงแผนคืออะไร
ก. พิจำรณำถึงควำมจำเป็นที่จะต้องวำงแผน
ข. กำหนดวัตถุประสงค์ของแผนอย่ำงชัดเจน
ค. กำหนดเค้ำโครงของแผนอย่ำงชัดเจน
ง. ขออนุมัติในหลักกำร
ตอบ ก. พิจำรณำถึงควำมจำเป็นที่จะต้องวำงแผน
81. ข้อใดเป็นปัญหำของกำรวำงแผน
ก. เสียค่ำใช้จ่ำยสูงและนำนเกินไป
ข. ขำดผู้มีควำมรู้ควำมสำมำรถที่แท้จริง
ค. นักบริหำรมักไม่ให้ควำมสำคัญต่อกำรวำงแผน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
33
83. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรบริหำรกำรพัฒนำ
ก. เป็นระบบกำรบริหำรที่มีเป้ ำหมำยที่แน่นอน เพื่อก่อให้เกิดกำรพัฒนำ
ข. มีควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงเศรษฐกิจ สังคม และกำรเมือง
ค. เพื่อสนองพื้นฐำนกำรพัฒนำสังคมและประเทศโดยส่วนรวม
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
84. ข้อใดไม่ใช่กำรบริหำรงำนบุคคล
ก. กำรบรรจุแต่งตั้ง
ข. กำรบังคับบัญชำ
ค. กำรประเมินผล
ง. กำรให้พ้นจำกงำน
ตอบ ข. กำรบังคับบัญชำ
85. ข้อใดเป็นคุณลักษณะของนักบริหำรกำรพัฒนำ
ก. เป็นผู้มีควำมรู้ ควำมสำมำรถ และชำนำญงำน
ข. เป็นผู้มีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์
ค. เป็นผู้มีควำมสำมำรถในกำรวำงแผนและปฏิบัติตำมแผน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
86. กำรกำหนดเงินเดือนต้องคำนึงถึงสิ่งใด
ก. ค่ำของงำน
ข. ค่ำครองชีพ
ค. อัตรำเงินเดือนเปรียบเทียบกับหน่วยงำนอื่น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
34
87. ผู้นำประเภทใดเป็นแบบอย่ำงที่ดีที่สุดในกำรเป็นผู้นำ
ก. ผู้นำแบบเสรีนิยม
ข. ผู้นำแบบประชำธิปไตย
ค. ผู้นำแบบอัตนิยม
ง. ผู้นำแบบปณิธำน
ตอบ ข. ผู้นำแบบประชำธิปไตย
88. ประโยชน์ของกำรติดต่อสื่อสำรคืออะไร
ก. ช่วยให้กำรวินิจฉัยสั่งกำรดำเนินไปด้วยควำมรวมเร็ว
ข. ช่วยให้เกิดกำรประวำนงำนที่ดี
ค. สำมำรถแก้ข้อมูลและข่ำวสำรไว้เป็นหลักฐำนในกำรปฏิบัติงำน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
90. กำรปกครองมีควำมหมำยในทำงรัฐศำสตร์ตำมข้อใด
ก. กำรวำงระเบียบกฎหมำยเพื่อบังคับใช้ในสังคม
ข. กำรนำกฎหมำย กฎ ระเบียบ มำบังคับใช้เพื่อให้สังคมสงบสุข
ค. กำรบริหำรวำงระเบียบกฎเกณฑ์สำหรับสังคม
ง. กำรลงโทษผู้ฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย กฎ ระเบียบของสังคม
ตอบ ค. กำรบริหำรวำงระเบียบกฎเกณฑ์สำหรับสังคม
35
4. กำรแต่งตั้งกรรมกำรผู้ช่วยรัฐมนตรี มีว่ำอย่ำงไร
ตอบ = คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตำมที่สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้ง นำยดิสทัต
คำประกอบ เป็นกรรมกำรผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นำยกรัฐมนตรีลงนำมในประกำศ
แต่งตั้ง
5. กำรแต่งตั้งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชำกำรระดับทรงคุณวุฒิ
(กระทรวงสำธำรณสุข) มีว่ำอย่ำงไร
ตอบ = คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตำมที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงสำธำรณสุขเสนอแต่งตั้ง นำง
กำญจนำ คูณรังษีสมบูรณ์ นำยแพทย์เชี่ยวชำญ (ด้ำนเวชกรรม สำขำเวชศำสตร์ป้องกัน แขนง
สุขภำพจิตชุมชน) กลุ่มงำนกำรแพทย์ กลุ่มบริกำรทำงกำรแพทย์ สถำบันพัฒนำกำรเด็กรำช
นครินทร์ กรมสุขภำพจิต ให้ดำรงตำแหน่ง นำยแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้ำนเวชกรรม สำขำเวชศำสตร์
ป้องกัน แขนงสุขภำพจิตชุมชน) กรมสุขภำพจิต กระทรวงสำธำรณสุข ตั้งแต่วันที่ 25 กันยำยน
2563 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำโปรด
กระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
7. ภำรกิจไปดำวอังคำรครั้งแรกของจีน
สำธำรณรัฐประชำชนจีนกำลังก้ำวเข้ำสู่กำรเป็นผู้นำในด้ำนอวกำศ กับกำรส่งยำนเทียนเวิ่น-1
(Tianwen-1) ไปพร้อมกับจรวดลองมำร์ช-5 (Long March-5) เมื่อวันที่ 23 กรกฎำคม 2020
โดยที่ไม่ได้พึ่งพำประเทศอื่นเป็นครั้งแรก และคำดว่ำยำนจะลงจอดบนพื้นผิวดำวอังคำร ประมำณ
ช่วงเดือนกุมภำพันธ์ปีนี้
นับเป็นอีกขั้นของควำมสำเร็จของกำรไปดำวอังคำรของจีน หำกภำรกิจสำเร็จ จีนจะกลำยเป็น
ประเทศที่ 3 ทีส่ ำมำรถส่งยำนลงจอดดำวอังคำรได้ และจะเป็นชำติแรกที่ได้สำรวจดำวอังคำร โดย
กำรส่งยำนอวกำศในครั้งนี้มีเป้ำหมำยเพื่อเก็บข้อมูลทำงวิทยำศำสตร์ จึงต้องลุ้นกันต่อไปว่ำ ยำน
เทียนเวิ่น-1 จะสำมำรถลงจอดบนดำวเครำะห์นี้และสร้ำงปรำกฏกำรณ์ใหม่ให้กับโลกได้หรือไม่
8. อียิปต์เปิดพิพิธภัณฑ์ทำงประวัติศำสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เรียกได้ว่ำกำรระบำดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้ำง และนั่นก็ทำให้พิพิธภัณฑ์
ทำงโบรำณคดีที่ใหญ่ที่สุดในโลก The Grand Egyptian Museum ประเทศอียิปต์ ที่มีแพลนจะ
เปิดให้เข้ำชมในปี 2020 ต้องเลื่อนออกไป โดยคำดกำรณ์ว่ำจะเปิดให้เข้ำชมในช่วงครึ่งหลังของปี
นี้ควำมยิ่งใหญ่ที่รอให้ผู้คนไปสัมผัสภำยในพื้นที่ 490,000 ตำรำงเมตร อยู่ห่ำงจำกมหำพีระมิดกี
ซำเพียง 2 กิโลเมตร ที่นี่จะเป็นที่รวบรวมโบรำณวัตถุยุคอียิปต์โบรำณ รวมถึงโบรำณวัตถุอื่น ๆ ที่
ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมำก่อนกว่ำ 5,400 ชิ้น โดยกำรสร้ำงพิพิธภัณฑ์ได้ริเริ่มตั้งแต่ปี 2002 ด้วย
มูลค่ำโครงกำรรำว 1,000 ล้ำนดอลลำร์สหรัฐ
15. ครม.อนุมัติหลักกำรร่ำงกฎกระทรวงใดเกี่ยวกับป้ำยทะเบียนรถ
ตอบ = กำหนดแผ่นป้ำยทะเบียนรูปแบบพิเศษ ให้มีตัวอักษรมำกกว่ำ 2 ตัว หรือตัวอักษรผสม
สระหรือวรรณยุกต์หรือตัวเลขได้
37. กำรปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมกำรแห่งชำติว่ำด้วยมำตรฐำนเทคนิคทำงไฟฟ้ำ
ระหว่ำงประเทศสรุปว่ำอย่ำงไร
ตอบ = คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตำมที่กระทรวงอุตสำหกรรม (อก.) เสนอกำรปรับปรุง
องค์ประกอบของกรรมกำรในคณะกรรมกำรแห่งชำติว่ำด้วยมำตรฐำนเทคนิคทำงไฟฟ้ำระหว่ำง
ประเทศ โดยขอเปลี่ยนแปลงตำแหน่งในคณะกรรมกำรดังกล่ำว จำกเดิม ?ผู้แทน บริษัท ทีโอที
จำกัด (มหำชน) และ ผู้แทน บริษัท กสท โทรคมนำคม จำกัด (มหำชน)? เป็น ?ผู้แทน บริษัท
โทรคมนำคมแห่งชำติ จำกัด (มหำชน)? ทั้งนี้ องค์ประกอบอื่นและอำนำจหน้ำที่คงเดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่
วันที่ 7 เมษำยน 2564 เป็นต้นไป
42.คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลกำรพิจำรณำของคณะกรรมกำรกลั่นกรองกำรใช้จ่ำยเงินกู้ ใน
ครำวประชุมครั้งที่ 11/2564 และครั้งที่ 12/2564 เมื่อวันที่ เท่ำไร
ตอบ = 2 เมษำยน 2564 และวันที่ 16 เมษำยน 2564
50. ประเทศใดเริ่มให้ประชำชนทยอยเลิกสวมหน้ำกำกอนำมัยในพื้นที่สำธำรณะ
ตอบ = อิสรำเอล
57. ทำไมเรำถึงต้องกลัวกำรกลำยพันธุ์
ตอบ = ในทุกครั้งของกำรกลำยพันธุ์ของเชื้อ จะมีกำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยจะส่งผลกระทบต่อ
– ควำมสำมำรถในกำรแพร่กระจำย
– ควำมรุนแรงของโรค
– ควำมสำมำรถในกำรหลบเลี่ยงภูมคุ้มกัน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภำพของวัคซีน
59.มำตรกำรลงโทษใด ในกำรไม่สวมหน้ำกำกอนำมัยหรือหน้ำกำกผ้ำก่อนออกจำกบ้ำน
ตอบ = ฝ่ำฝืนโทษปรับไม่เกิน 20,000 บำท
62.พระรำชพิธีรำชำภิเษกสมรสรัชกำลที่ 9 ตรงกับวันที่เท่ำใด
ตอบ = 28 เมษำยน 2493
44
63.ครม. โอนอำนำจให้นำยกรัฐมนตรีเป็นกำรชั่วครำวจำนวนกี่ฉบับเพื่อให้กำรแก้ไขสถำนกำรณ์
กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ
ตอบ = จำนวน 31 ฉบับ
66. กำรแต่งตั้งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชำกำรระดับทรงคุณวุฒิ
(กระทรวงกำรคลัง) สรุป ว่ำอย่ำงไร
ตอบ = คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตำมที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังเสนอแต่งตั้ง นำงสำววิลำ
วัลย์ วีระกุล รองอธิบดีกรมธนำรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษำด้ำนพัฒนำอสังหำริมทรัพย์
(นักวิเครำะห์นโยบำยและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนำรักษ์ กระทรวงกำรคลัง ตั้งแต่วันที่ 18
กันยำยน 2563 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณำโปรด
เกล้ำโปรดกระหม่อมแต่งตัง้ เป็นต้นไป
67. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตำมที่กระทรวงมหำดไทยเสนอแต่งตั้งข้ำรำชกำรสังกัด
กระทรวงมหำดไทยให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหำร ระดับสูง จำนวน 4 รำย คือ
ตอบ = 1. ให้นำยพุฒิพงศ์ ศิริมำตย์
2. ให้นำยวิเชียร จันทรโณทัย
3. ให้นำยกอบชัย บุญอรณะ
4. ให้นำยโชคดี อมรวัฒน์
81. ผลกำรประชุมคณะอนุกรรมำธิกำรด้ำนกำรค้ำและควำมร่วมมือทำงเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐ
รัสเซีย ครั้งที่เท่ำไร
ตอบ = ครั้งที่ 4
84. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตำมที่สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรีเสนอกำรแต่งตั้งบุคคลให้
ดำรงตำแหน่งข้ำรำชกำรกำรเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี จำนวน 3 รำย
มีใครบ้ำง
ตอบ = 1. นำยอมร มีมะโน
2. นำยภูวิช ปัญญำสิทธิ์
3. นำยสมชำย สำโรวำท
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนำคม 2564 เป็นต้นไป
ที่มำ: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ (นำยกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มีนำคม
2564
87. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตำมที่สำนักข่ำวกรองแห่งชำติเสนอแต่งตั้งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ
สังกัดสำนักข่ำวกรองแห่งชำติ สำนักนำยกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหำรระดับสูง
จำนวน 2 รำย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่ำง ได้แก่ใครบ้ำง
ตอบ= 1. นำยฐนัตถ์ สุวรรณำนนท์ ที่ปรึกษำด้ำนกำรพัฒนำระบบงำนกำรข่ำว (นักกำรข่ำว
ทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงำนที่ปรึกษำ ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยกำรสำนักข่ำวกรองแห่งชำติ
2. นำยรุ่งศักดิ์ ปิยะรัตน์ ที่ปรึกษำด้ำนกำรต่อต้ำนกำรก่อกำรร้ำยและอำชญำกรรมข้ำม
ชำติ (นักกำรข่ำวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงำนที่ปรึกษำ ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยกำรสำนักข่ำวกรอง
แห่งชำติทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
100. ศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์เศรษฐกิจจำกผลกระทบจำกกำรระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ
2019 (ศบศ.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ผ่อนคลำยมำตรกำรควบคุมกำรระบำดของโค
วิด-19 คือ กำรกักตัว และเดินทำงเข้ำประเทศไทย เพื่อฟื้นฟูภำคกำรท่องเที่ยว ระยะแรกเริ่ม
เมื่อใด
50
110. กำรแต่งตั้งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชำกำรระดับทรงคุณวุฒิ
(กระทรวงสำธำรณสุข) มีว่ำอย่ำงไร
ตอบ = คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตำมที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงสำธำรณสุขเสนอแต่งตั้ง นำง
กำญจนำ คูณรังษีสมบูรณ์ นำยแพทย์เชี่ยวชำญ (ด้ำนเวชกรรม สำขำเวชศำสตร์ป้องกัน แขนง
สุขภำพจิตชุมชน) กลุ่มงำนกำรแพทย์ กลุ่มบริกำรทำงกำรแพทย์ สถำบันพัฒนำกำรเด็กรำช
นครินทร์ กรมสุขภำพจิต ให้ดำรงตำแหน่ง นำยแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้ำนเวชกรรม สำขำเวชศำสตร์
ป้องกัน แขนงสุขภำพจิตชุมชน) กรมสุขภำพจิต กระทรวงสำธำรณสุข ตั้งแต่วันที่ 25 กันยำยน
2563 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำโปรด
กระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
112. ภำรกิจไปดำวอังคำรครั้งแรกของจีน
สำธำรณรัฐประชำชนจีนกำลังก้ำวเข้ำสู่กำรเป็นผู้นำในด้ำนอวกำศ กับกำรส่งยำนเทียนเวิ่น-1
(Tianwen-1) ไปพร้อมกับจรวดลองมำร์ช-5 (Long March-5) เมื่อวันที่ 23 กรกฎำคม 2020
โดยที่ไม่ได้พึ่งพำประเทศอื่นเป็นครั้งแรก และคำดว่ำยำนจะลงจอดบนพื้นผิวดำวอังคำร ประมำณ
ช่วงเดือนกุมภำพันธ์ปีนี้นับเป็นอีกขั้นของควำมสำเร็จของกำรไปดำวอังคำรของจีน หำกภำรกิจ
สำเร็จ จีนจะกลำยเป็นประเทศที่ 3 ที่สำมำรถส่งยำนลงจอดดำวอังคำรได้ และจะเป็นชำติแรกที่
ได้สำรวจดำวอังคำร โดยกำรส่งยำนอวกำศในครั้งนี้มีเป้ำหมำยเพื่อเก็บข้อมูลทำงวิทยำศำสตร์ จึง
ต้องลุ้นกันต่อไปว่ำ ยำนเทียนเวิ่น-1 จะสำมำรถลงจอดบนดำวเครำะห์นี้และสร้ำงปรำกฏกำรณ์
ใหม่ให้กับโลกได้หรือไม่
113 . อียิปต์เปิดพิพิธภัณฑ์ทำงประวัติศำสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เรียกได้ว่ำกำรระบำดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้ำง และนั่นก็ทำให้พิพิธภัณฑ์
ทำงโบรำณคดีที่ใหญ่ที่สุดในโลก The Grand Egyptian Museum ประเทศอียิปต์ ที่มีแพลนจะ
เปิดให้เข้ำชมในปี 2020 ต้องเลื่อนออกไป โดยคำดกำรณ์ว่ำจะเปิดให้เข้ำชมในช่วงครึ่งหลังของปี
52
120. ครม.อนุมัติหลักกำรร่ำงกฎกระทรวงใดเกี่ยวกับป้ำยทะเบียนรถ
ตอบ = กำหนดแผ่นป้ำยทะเบียนรูปแบบพิเศษ ให้มีตัวอักษรมำกกว่ำ 2 ตัว หรือตัวอักษรผสม
สระหรือวรรณยุกต์หรือตัวเลขได้
121. โครงกำร “เรำชนะ” เปิดจุดลงทะเบียนที่ใดเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มผู้ไม่มีสมำร์ทโฟน
ตอบ = ธนำคำรออมสิน ธนำคำรเพื่อกำรเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตร (ธ.ก.ส.) และ
ธนำคำรกรุงไทย
53
วิสัยทัศน์ พันธกิจโครงสร้ำงอำนำจหน้ำที่และภำรกิจของกรมกำรปกครองและกระทรวงมหำดไทย
แผนยุทธศำสตร์กรมกำรปกครอง พ.ศ. 2560 – 2564
วิสัยทัศน์ (Vision)
กำรบริหำรรำชกำรในระดับพื้นที่มีควำมเข้มแข็ง เพื่อควำมมั่นคงและกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน
ค่ำนิยม (Core Value)
บำบัดทุกข์ บำรุงสุข
พันธกิจ (Mission)
1. บูรณำกำรกำรบริหำรรำชกำร กำรปกครองท้องที่ อำนวยควำมเป็นธรรม กำรรักษำ
ควำมสงบเรียบร้อยและควำมมั่นคงภำยในทุกระดับในพื้นที่ ให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรของ
ประชำชน นโยบำยรัฐบำล กำรพัฒนำประเทศ และกรอบควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศ
2. ปกป้องเทิดทูนสถำบันหลักของชำติและกำรเสริมสร้ำงควำมปรองดองสมำนฉันท์ใน
ระดับพื้นที่ให้มีควำมเข้มแข็งและมีศักยภำพ
3. อำนวยกำรบังคับใช้กฎหมำยในด้ำนกำรรักษำควำมสงบเรียบร้อยและควำมมั่นคง
ภำยใน กำรอำนวยควำมเป็นธรรมในภำรกิจกรมกำรปกครอง
4. บริกำรประชำชนด้ำนงำนทะเบียนรำษฎร บัตรประจำตัวประชำชน ทะเบียนทั่วไปและ
ทะเบียนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำรรักษำควำมสงบเรียบร้อยและควำมมั่นคงภำยใน
5. บริหำรจัดกำรระบบเทคโนโลยีกำรปฏิบัติงำน กำรบริกำร และพัฒนำระบบฐำนข้อมูล
กลำง ให้มีคุณภำพ เพื่อกำรใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่ำงบูรณำกำรของภำครัฐและภำคเอกชน รวมถึง
กำรเชื่อมโยง ฐำนข้อมูลระหว่ำงประเทศ
6. พัฒนำองค์กรให้มีสมรรถนะสูง บนฐำนธรรมำภิบำล
7. ส่งเสริมบทบำทหน้ำที่ของฝ่ำยปกครองในกำรประสำนงำน สนับสนุนและกำร
ตรวจสอบ กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนรำชกำรระดับภูมิภำค
ประเด็นยุทธศำสตร์ (Strategic Issues)
1. กำรพัฒนำและเพิ่มประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรแบบบูรณำกำรในระดับพื้นที่ให้มี
ควำมเข้มแข็ง
2. กำรรักษำควำมสงบเรียบร้อยและอำนวยควำมเป็นธรรมให้สังคมสงบสุข
3. กำรเสริมสร้ำงควำมมั่นคงภำยในทุกระดับในพื้นที่ให้เข้มแข็ง มีเอกภำพ
4. กำรพัฒนำระบบบริกำรและข้อมูลบุคคลให้ทันสมัย มีคุณภำพ เพื่อควำมมั่นคงและกำร
พัฒนำประเทศ
5. กำรบริหำรจัดกำรสู่ควำมเป็นเลิศ ยึดหลักธรรมำภิบำล และพัฒนำบุคลำกรให้มี
สมรรถนะสูง
56
กระทรวงมหำดไทย
วิสัยทัศน์
“ประชำชนมีรำกฐำนกำรดำรงชีวิตและพัฒนำสู่อนำคตได้อย่ำงมั่นคงและสมดุลตำมหลักปรัชญำ
ของเศรษฐกิจพอเพียง”
รำกฐำนกำรดำรงชีวิต
– ดูแลประชำชนทุกช่วงชีวิตตั้งแต่เกิดจนตำย
– ลดควำมยำกจน
– เข้ำถึงบริกำรภำครัฐ
พัฒนำสู่อนำคต
– พัฒนำสู่ Thailand 4.0 และ S Curve
– ส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
– ส่งเสริมกำรพัฒนำภำค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ
มั่นคง
– มั่นคงจำกสำธำรณภัย
– มั่นคงในพื้นที่จังหวัดชำยแดนภำคใต้
– มั่นคงในกำรถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน
– มั่นคงในกำรรักษำควำมสงบเรียบร้อยและรับมืออภัยคุกคำม รูปแบบใหม่ เช่น ยำเสพ
ติด แรงงำนต่ำงด้ำว กำรค้ำมนุษย์ เป็นต้น
สมดุล
– สมดุลระหว่ำงคนกับคน
– สมดุลระหว่ำงคนกับธรรมชำติ
– สมดุลด้ำนสิ่งแวดล้อม
หลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
– คำนึงถึงควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล และกำรมีภูมิคุ้มกันที่ดี ในตัวภำยใต้เงื่อนไข
กำรใช้ควำมรู้ควบคู่กับกำรมีคุณธรรมเป็น พื้นฐำนในกำรตัดสินใจและกำรกระทำ
พันธกิจ
1. รักษำควำมสงบเรียบร้อย ควำมปลอดภัย และควำมมั่นคงภำยใน
2. เสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐำนรำก
3. ส่งเสริมกำรพัฒนำเมืองและโครงสร้ำงพื้นฐำน
4. ส่งเสริมและสนับสนุนกำรบริหำรรำชกำรในระดับพื้นที่
57
2. กำรวำงแผนกลยุทธ์มีควำมสำคัญอย่ำงไร
ตอบ 1. ช่วยให้หน่วยงำนพัฒนำตนเองได้ทันกับสภำพกำรเปลี่ยนแปลงได้อย่ำงเหมำะสม
2.กำรวำงแผนกลยุทธ์ เป็นรูปแบบกำรวำงแผนที่ช่วยให้หน่วยงำนภำครัฐในทุกระดับ มี
ควำมเป็นตัวเองมำกขึ้น รับผิดชอบต่อควำมสำเร็จและควำมล้มเหลวของตนเองมำกขึ้น ทั้งนี้
เพรำะกำรวำงแผนกลยุทธ์เป็นกำรวำงแผนขององค์กำร โดยองค์กำรและเพื่อองค์กำรไม่ใช่เป็นกำร
วำงแผนที่ต้องกระทำตำมที่หน่วยเหนือสั่งกำร
3.กำรวำงแผนกลยุทธ์ เป็นรูปแบบกำรวำงแผนที่สอดรับกับกำรกระจำยอำนำจ ซึ่งเป็น
กระแสหลักในกำรบริหำรภำครัฐในปัจจุบัน และสอดคล้องกับที่สำนักงำนคณะกรรมกำร
ข้ำรำชกำรพลเรือน ได้เตรียมออกระเบียบกำหนดให้หน่วยงำนภำครัฐทุกระดับมีกำรจัดทำแผนกล
ยุทธ์ใช้เป็นเครื่องมือ ในกำรพัฒนำงำนสู่มิติใหม่ของกำรปฏิรูประบบรำชกำร
4. กำรวำงแผนกลยุทธ์ เป็นเงื่อนไขหนึ่งของกำรจัดทำระบบงบประมำณแบบมุ่งเน้น
ผลงำน (PerformanceBase Budgeting) ซึ่งสำนักงบประมำณกำหนดให้ส่วนรำชกำรและ
หน่วยงำนในสังกัด จัดทำก่อนที่จะกระจำยอำนำจด้ำนงบประมำณโดยกำรจัดสรรงบประมำณเป็น
เงินก้อนลงไปให้หน่วยงำน
5. กำรวำงแผนกลยุทธ์ เป็นกำรวำงแผนที่ให้ควำมสำคัญต่อกำรกำหนด “กลยุทธ์” ที่ได้มำ
จำกกำรคิดวิเครำะห์แบบใหม่ ๆ ที่ไม่ผูกติดอยู่กับปัญหำเก่ำในอดีตไม่เอำข้อจำกัดทำงด้ำน
ทรัพยำกร และงบประมำณมำเป็นข้ออ้ำง ดังนั้น กำรวำงแผนกลยุทธ์จึงเป็นกำรวำงแผนแบบท้ำ
ทำยควำมสำมำรถ เป็นรูปแบบกำรวำงแผนที่ช่วยให้เกิดกำรริเริ่มสร้ำงสรรค์ทำงเลือกใหม่ได้ด้วย
ตนเอง จึงเป็นกำรวำงแผนพัฒนำที่ยั่งยืน
3. ข้อแตกต่ำงระหว่ำงกำรวำงแผนกลยุทธ์ กับกำรวำงแผนทั่วไปคือ
ตอบ กำรวำงแผนกลยุทธ์ เป็นกำรวำงแผนเพื่อนำองค์กำรไปสู่ภำพลักษณ์ใหม่ ก้ำวสู่วิสัยทัศน์
ที่ต้องกำรในอนำคต กำรวำงแผนกลยุทธ์จึงเป็นกำรวำงแผนในภำพรวมขององค์กำรทุกกลยุทธ์ที่
กำหนดขึ้นเป็นปัจจัยที่ชี้อนำคตขององค์กำรนั้น ส่วน กำรวำงแผนทั่วไป เป็นกำรวำงแผนเพื่อ
แก้ปัญหำ กำรป้องกันปัญหำ หรือกำรพัฒนำผลผลิตขององค์กำร ดังนั้น กำรวำงแผนทั่วไปจึงมี
58
จุดมุ่งหมำยเพียงเพื่อกำรให้ได้แนวทำงในกำรดำเนินงำนที่ทำให้งำนโครงกำรขององค์กำรบรรลุผล
สำเร็จอย่ำงมีประสิทธิภำพเท่ำนั้น
4. ขั้นตอนของกำรวำงแผนกลยุทธ์มีกี่ขั้นตอน
ตอบ 9 ขั้นตอน
5. ขั้นตอนแรกของกำรวำงแผนกลยุทธ์คือ
ตอบ กำรวิเครำะห์ภำรกิจหรือพันธกิจ (Mission Analysis)
7. ภำพในอนำคตขององค์กรที่ผู้นำและสมำชิกทุกคนร่วมกันวำดฝันหรือจินตนำกำรขึ้น เป็นกำร
ตัดสินใจเกี่ยวกับกำรกำหนดทิศทำงธุรกิจ เป็นกำรตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับกำรอยู่รอดทำงธุรกิจ
เรียกว่ำอะไร
ตอบ วิสัยทัศน์ (Vision)
8. เพรำะเหตุใดองค์กรจึงต้องมีกำรกำหนดวิสัยทัศน์
ตอบ 1. วิสัยทัศน์สร้ำงพลังให้กับองค์กร
2. วิสัยทัศน์ทำให้ได้เปรียบในกำรแข่งขัน
9. วิสัยทัศน์ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์
กระบวนกำรสร้ำงวิสัยทัศน์มีอะไรบ้ำง
ตอบ 1.กำรระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน
2. กำรระบุภำรกิจให้ชัดเจน (Mission)
3. กำรวิเครำะห์องค์กร
4. กำรสร้ำงวิสัยทัศน์
10.ลักษณะของวิสัยทัศน์จะต้องคำนึงถึงอะไรบ้ำง
ตอบ ภำรกิจและหน่วยงำนที่รับผิดชอบ ควำมเตะตำประชำชน และสำมำรถปลุกระดม
เจ้ำหน้ำที่ให้เกิดควำมคิดควำมฝัน แรงจูงใจที่ดี และร่วมกันทำงำน
ลักษณะของวิสัยทัศน์ต้อง : จูงใจ ระดมควำมคิด ระดมพลังใจ ปลุกเร้ำ
59
11. จุดมุ่งหมำยพื้นฐำนซึ่งแสดงเหตุผลหรืออธิบำยว่ำทำไมองค์กรจึงถือกำเนิดขึ้นมำหรือดำรงอยู่
เป็นหลักกำรทีใ่ ช้เป็นแนวทำงในกำรตัดสินใจกำหนดเป้ำหมำย วัตถุประสงค์ และยุทธศำสตร์
เรียกว่ำ
ตอบ พันธกิจ
16. วิธีกำรจัดทำแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภำพต้องทำอย่ำงไร
ตอบ กำรจัดทำแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภำพ จะสำมำรถทำได้โดยวิธีกำรจัดประชุม
คณะกรรมกำรวำงแผนของเจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยบริหำร ทั้งนี้โดยต้องให้เป็นกำรประชุมที่มีจำนวนครั้ง
มำกพอ และลักษณะกำรประชุมจะต้องเปิดกว้ำงโดยมีกำรขยำยขอบเขตทั่วถึงทุกจุดงำนที่มี
ควำมสำคัญ พร้อมกับต้องเป็นกำรประชุมที่มีคุณภำพ ที่ผู้บริหำรทุกคนต่ำงก็ทุ่มเทเอำใจใส่ใน
ผลสำเร็จต่ำง ๆ ที่จะทำได้ด้วย ในกำรจัดประชุมวำงแผนนี้ จะมีกำรจัดกำรประชุมเพื่อพิจำรณำ
ส่วนประกอบของกำรวำงแผนแต่ละส่วนหรือหลำยส่วนรวมกันได้ ทั้งนี้สำหรับจำนวนครั้งของกำร
ประชุมจะมีมำกครั้งเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับควำมยำกง่ำยของแผนงำนที่ต้องพิจำรณำ
60
25. องค์ประกอบของแผนปฏิบัติกำรจะต้องประกอบด้วยอะไร
ตอบ วัตถุประสงค์ เป้ำหมำย กิจกรรม ขั้นตอนกำรปฏิบัติ งบประมำณ ผู้รับผิดชอบ
ในกำรดำเนินงำน
27.จุดมุ่งหมำยในกำรวำงแผนโครงกำร ได้แก่
ตอบ 1. เพื่อดำเนินงำนตำมนโยบำย แผนงำน ที่รัฐบำลหรือหน่วยงำนกำหนดไว้
2.เพื่อแก้ไขปัญหำและข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นในองค์กำรหรือสังคมและสนองตอบต่อ ควำม
ต้องกำร
3.ขององค์กำรและประชำชน
4.เพื่อพัฒนำงำนในองค์กำรและสังคม
5.เพื่อแสวงหำโอกำสและสิ่งใหม่
29. ขั้นตอนแรกของกำรวำงแผนโครงกำรในกำรปฏิบัติงำนคือขั้นตอนใด
ตอบ ขั้นกำรกำหนดโครงกำร
แนวคิดและกำรใช้เครื่องมือกำรจัดกำรในองค์กำรภำครัฐ
กำรบริหำรองค์กำรภำครัฐในปัจจุบันมีควำมสลับซับซ้อนกว่ำในอดีตค่อนข้ำงมำก อัน
เนื่องมำจำกปัจจัยทั้งภำยในและภำยนอกองค์กำร เช่น แรงกดดันเรื่องกำรจัดกำรต้นทุน ข้อจำกัด
ในเรื่องคุณภำพกำรบริกำร กระบวนกำรทำงำนและกำรบริหำรที่ล่ำช้ำ ปัญหำควำมไม่โปร่งใสใน
กำรทำงำน ควำมหลำกหลำยของควำมต้องกำรของผู้ใช้บริกำร ควำมรุนแรงในกำรแข่งขัน กระแส
ควำมนิยมของเครื่องมือกำรจัดกำร ควำมต้องกำรได้รับกำรยอมรับจำกสำธำรณชนหรือองค์กำร
อื่น กำรผลักดันจำกหน่วยงำนกลำงภำครัฐในกำรใช้เครื่องมือกำรจัดกำร
ตลอดจนนโยบำยของรัฐบำลที่ต้องกำรปรับปรุงองค์กำรภำครัฐให้มีกำรทำงำนได้อย่ำงมี
ประสิทธิภำพและประสิทธิผลมำกยิ่งขึ้นประกอบกับกระแสแนวคิดกำรจัดกำรภำครัฐแนวใหม่
(New Public Management–NPM) ที่ได้แพร่หลำยในหลำยประเทศ ปัจจัยต่ำง ๆ เหล่ำนี้จึงทำ
ให้องค์กำรภำครัฐได้มีกำรนำเครื่องมือกำรจัดกำร (Management Tools) ต่ำง ๆ มำใช้ใน
องค์กำรภำครัฐเพื่อปรับปรุงกำรดำเนินงำนที่ผ่ำนมำองค์กำรภำครัฐได้ใช้ทรัพยำกรทั้งด้ำนทุน
เวลำ และกำลังคนเป็นอย่ำงมำกในกำรนำเครื่องมือกำรจัดกำรมำใช้เพื่อมุ่งเสริมองค์กำรภำครัฐให้
มีกำรบริกำรประชำชนและองค์กำรอื่น ๆ ให้ดีขึ้น สอดรับกับกำรเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมต่ำง
ๆ และในอนำคตองค์กำรเหล่ำนี้ยังจะต้องเตรียมรับกับเครื่องมือกำรจัดกำรใหม่ ๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น
อีก
ควำมหมำยเครื่องมือกำรจัดกำร
Donnelly et al (1992: 5) ให้คำจำกัดควำมของกำรจัดกำรว่ำ หมำยถึง กระบวนกำรที่
บุคคลหรือกลุ่มบุคคลดำเนินกำรเพื่อประสำนกิจกรรมของบุคคลอื่นให้บรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่บุคคล
คนเดียวไม่สำมำรถกระทำได้โดยลำพัง
Peter Drucker ได้ให้ควำมหมำยกำรจัดกำรว่ำ หมำยถึง “กำรนำควำมคิดมำใช้แทนกำรใช้
กำลังและกล้ำมเนื้อ กำรนำควำมรู้มำใช้แทนกำรใช้นิสัยควำมเคยชินและควำมเชื่อ และกำรใช้
ควำมร่วมมือแทนกำรใช้กำลังบังคับ” (Quatationspage, 2007)
ควำมหมำยเครื่องมือกำรจัดกำร
Robbins & Coulter (2003: 6) ได้ให้ควำมหมำยกำรจัดกำรว่ำหมำยถึง กระบวนกำรใน
กำรประสำนกิจกรรมกำรทำงำนเพื่อให้งำนสำเร็จลงได้อย่ำงมีประสิทธิภำพและประสิทธิผลโดย
อำศัยกำรทำงำนร่วมกับหรือโดยบุคคลอื่น (The process of coordinating work activities so
63
that they are completed efficiently and effectively with and through other
people.)
ควำมหมำยเครื่องมือกำรจัดกำร
รำชบัณฑิตยสถำนของประเทศไทย (2546: 261) ได้ให้ควำมหมำยของ คำว่ำ “จัดกำร”
ว่ำหมำยถึง สั่งงำน ควบคุมงำน หรือกำรดำเนินงำน
ส่วนควำมหมำยของคำว่ำ “เครื่องมือ” รำชบัณฑิตยสถำน (2546: 261) ได้ให้
ควำมหมำยว่ำ หมำยถึง สิ่งของสำหรับใช้ในกำรงำน ส่วน Chappell & Kacelnik (2004) ได้ให้
ควำมหมำยของคำว่ำ เครื่องมือ (Tool) คือ สิ่งที่ช่วยในกำรอำนวยควำมสะดวกและสร้ำงควำม
ได้เปรียบในกำรทำงำนและพจนำนุกรมออนไลน์เอนคำร์ตำ (Encarta, 2007) ให้ควำมหมำย
เครื่องมือว่ำคือสิ่งที่ออกแบบมำเพื่อใช้งำนเฉพำะอย่ำง
เครื่องมือกำรจัดกำรหมำยถึง แนวคิดวิธีกำรหรือสิ่งที่ช่วยอำนวยควำมสะดวกในกำร
ประสำนกิจกรรมในกำรทำงำน โดยอำศัยควำมคิด ควำมรู้ และควำมร่วมมือของบุคคลอื่น
แนวคิดเรื่องกำรจัดกำรได้มีพัฒนำกำรมำนำนแล้ว นับตั้งแต่กำรสร้ำง ปิรำมิดในอียิปต์
เมื่อประมำณ 2,700 ปีก่อนคริสต์ศักรำช ซึ่งได้ใช้แนวคิดกำรจัดกำรในกำรระดมคนจำนวนมำก
ให้ทำงำนที่ยิ่งใหญ่ได้ รำว 400 ปีก่อนคริสต์ศักรำช ซุนหวู่ได้เขียนหนังสือเรื่องศิลปะของสงครำม
(The Art of War) ซึ่งกล่ำวถึงหลักของกำรเป็นผู้นำ ในปี ค.ศ. 1513 แม็คเคียเวลลี
(Machiavelli) เขียนหนังสือเรื่อง The Prince เกี่ยวกับเทคนิคของผู้นำในกำรปกครองและในปี
ค.ศ. 1776 อดัม สมิธ (Adam Smith) ได้เขียนหนังสือเรื่องควำมมั่งคั่งแห่งรัฐ (The Wealth of
Nations) และได้นำเสนอเรื่องหลักกำรแบ่งงำนกันทำ (Division of Labor) ซึ่งเป็นแนวคิดที่
สำคัญในกำรจัดโครงสร้ำงองค์กำรซึ่งมีอิทธิพลต่อนักคิดหลำยท่ำน (Gomez-Mejia, Balkin &
Cardy, 2005)
อย่ำงไรก็ตำมทฤษฎีกำรจัดกำรได้เริ่มขึ้นอย่ำงเป็นระบบเมื่อประมำณทศวรรษที่ 1900
และพัฒนำต่อเนื่องมำจนถึงปัจจุบัน เครื่องมือกำรจัดกำรได้รับกำรประยุกต์เพื่อรองรับแนวคิดหรือ
ทฤษฎีกำรจัดกำร และทำให้กำรประยุกต์แนวคิดกำรจัดกำรไปสู่กำรปฏิบัติได้ง่ำยขึ้น นักวิชำกำร
ได้แบ่งประเภทเครื่องมือกำรจัดกำรหลำยแบบ เช่น สตีเวนและคณะ (Steven et al., 2003) ได้
จำแนกเครื่องมือกำรจัดกำร 56 ชนิด โดยพิจำรณำจำกจุดเน้นของเครื่องมือเหล่ำนั้น เกณฑ์ที่ใช้
แบ่งประเภทเครื่องมือกำรจัดกำร ได้แก่ กลยุทธ์ องค์กำร กระบวนกำรหลัก (Primary Process)
กระบวนกำรตำมหน้ำที่ (Functional Processes) และคนและพฤติกรรม (People and
Behavior)ส่วนเทิร์นเนอร์ (Turner, 2003) ได้จำแนกเครื่องมือกำรจัดกำร 94 ชนิดโดย
พิจำรณำจำกกระบวนกำรที่ใช้ในเครื่องมือกำรจัดกำรแต่ละชนิด ได้แก่ กำรวิเครำะห์ ควำมคิด
สร้ำงสรรค์ กำรแก้ปัญหำ กำรติดต่อสื่อสำร กำรวำงแผนโครงกำร กำรปรับปรุงประสิทธิภำพ กำร
ปรับปรุงภำยนอก กำรขำยและกำรตลำด กำรอภิปรำย และกลยุทธ์ อย่ำงไรก็ตำมเกณฑ์ของเทิร์น
เนอร์ได้รวบรวมเครื่องมือกำรจัดกำรไว้ค่อนข้ำงจะครอบคลุมและช่วยทำให้ทรำบว่ำเครื่องมือแต่
64
กำรบริหำรงำนภำครัฐแนวใหม่และกำรบริหำรองค์กร
ควำมหมำยของกำรบริหำรงำนภำครัฐแนวใหม่
กำรบริหำรงำนภำครัฐแนวใหม่ (New Public Management) คือ กำรปรับเปลี่ยนกำร
บริหำรจัดกำรภำครัฐโดยนำหลักกำรเพิ่มประสิทธิภำพของระบบรำชกำรและกำรแสวงหำ
ประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติรำชกำรที่มุ่งสู่ควำมเป็นเลิศ โดยกำรนำเอำแนวทำงหรือวิธีกำร
บริหำรงำนของภำคเอกชนมำปรับใช้กับกำรบริหำรงำนภำครัฐ เช่น กำรบริหำรงำนแบบมุ่งเน้น
ผลสัมฤทธิ์ กำรบริหำรงำนแบบมืออำชีพ กำรคำนึงถึงหลักควำมคุ้มค่ำ กำรจัดกำรโครงสร้ำงที่
กะทัดรัดและแนวรำบ กำรเปิดโอกำสให้เอกชนเข้ำมำแข่งขันกำรให้บริกำรสำธำรณะ กำรให้
ควำมสำคัญต่อค่ำนิยม จรรยำบรรณวิชำชีพ คุณธรรมและจริยธรรม ตลอดทั้งกำรมุ่งเน้นกำร
ให้บริกำรแก่ประชำชนโดยคำนึงถึงคุณภำพเป็นสำคัญ เหตุผลที่ต้องนำแนวคิดกำรบริหำรงำน
ภำครัฐแนวใหม่มำใช้
1.กระแสโลกำภิวัตน์ ส่งผลให้สภำพแวดล้อมทั้งภำยในและภำยนอกประเทศเปลี่ยนแปลง
ไปอย่ำงรวดเร็วจึงมีควำมจำเป็นอย่ำงยิ่งสำหรับองค์กรทั้งภำครัฐและเอกชน ที่ต้องเพิ่มศักยภำพ
และควำมยืดหยุ่นในกำรปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองควำมต้องกำรของระบบที่เปลี่ยนแปลงไป
2.ระบบรำชกำรไทยมีปัญหำที่สำคัญคือ ควำมเสื่อมถอยของระบบรำชกำร และขำดธรร
มำภิบำล ถ้ำภำครัฐไม่ปรับเปลี่ยนและพัฒนำกำรบริหำรจัดกำรของภำครัฐเพื่อไปสู่องค์กรสมัยใหม่
โดยยึดหลักธรรมำภิบำล ก็จะส่งผลบั่นทอนควำมสำมำรถในกำรแข่งขันของประเทศ ทั้งยังเป็น
อุปสรรคต่อกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมในอนำคตด้วย
ดังนั้นกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐแนวใหม่( New Public Management) จึงเป็นแนวคิด
พื้นฐำนของกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐซึ่งจะนำไปสู่กำรเปลี่ยนแปลงระบบต่ำง ๆ ของภำครัฐและ
ยุทธศำสตร์ด้ำนต่ำง ๆ ที่เป็นรูปธรรม มีแนวทำงในกำรบริหำรจัดกำรดังนี้
1.กำรให้บริกำรที่มีคุณภำพแก่ประชำชน
2.ลดกำรควบคุมจำกส่วนกลำงและเพิ่มอิสระในกำรบริหำรให้แก่หน่วยงำน
3.กำรกำหนด กำรวัด และกำรให้รำงวัลแก่ผลกำรดำเนินงำนทั้งในระดับองค์กร และระดับ
บุคคล
4.กำรสร้ำงระบบสนับสนุนทั้งในด้ำนบุคลำกร (เช่น กำรฝึกอบรม ระบบค่ำตอบแทนและ
ระบบคุณธรรม) เทคโนโลยี เพื่อช่วยให้หน่วยงำนสำมำรถทำงำนได้อย่ำงบรรลุวัตถุประสงค์
5.กำรเปิดกว้ำงต่อแนวคิดในเรื่องของกำรแข่งขัน ทั้งกำรแข่งขันระหว่ำงหน่วยงำนของรัฐ
ด้วยกัน และระหว่ำงหน่วยงำนของรัฐกับหน่วยงำนของภำคเอกชน ในขณะเดียวกันภำครัฐก็หันมำ
ทบทวนตัวเองว่ำสิ่งใดควรทำเองและสิ่งใดควรปล่อยให้เอกชนทำ
แนวคิดกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐแนวใหม่
หลักใหญ่ของกำรจัดกำรภำครัฐแนวใหม่ คือ กำรเปลี่ยนระบบรำชกำรที่เน้นระเบียบและ
ขั้นตอนไปสู่กำรบริหำรแบบใหม่ซึ่งเน้นผลสำเร็จและควำมรับผิดชอบ รวมทั้งใช้เทคนิคและวิธีกำร
ของเอกชนมำปรับปรุงกำรทำงำน
68
แนวข้อสอบยุทธศำสตร์ชำติ 20 ปี
1. พระรำชบัญญัติกำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติ พ.ศ. 2560 ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเมื่อใด
ก. 31 กรกฎำคม 2560
ข. 1 สิงหำคม 2560
ค. 2 สิงหำคมคม2560
ง. 3 สิงหำคม 2560
2. พระรำชบัญญัติกำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. 31 กรกฎำคม 2560
ข. 1 สิงหำคม 2560
ค. 2 สิงหำคมคม2560
ง. 3 สิงหำคม 2560
3. เป้ำหมำยให้มียุทธศำสตร์ชำติไม่สอดคล้องตำมข้อใด
ก. กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน
ข. ยึดหลักธรรมำภิบำล
ค. กำรสำมัคคีปรองดอง
ง. ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรแสดงควำมคิดเห็น
4. กำรประกำศใช้ยุทธศำสตร์ชำติให้ประกำศเป็นไปตำมข้อใด
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. ประกำศกระทรวง
ค. ประกำศพระบรมรำชโองกำร
ง. ถูกทั้งข้อ ข และ ค
5. กำรกำหนดนโยบำยแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน ของ ค.ร.ม. ก่อนจะเข้ำบริหำรรำชกำร
แผ่นดิน กำรจัดทำแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ จะต้องสอดคล้องกับข้อใด
ก. แผนบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
ข. แผนพัฒนำสังคมแห่งชำติ
ค. แผนแม่บทแห่งชำติ
ง. แผนยุทธศำสตร์ชำติ
6. ยุทธศำสตร์ชำติในพระรำชบัญญัติกำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติพ.ศ.2560 อย่ำงน้อยต้อง
ประกอบด้วยอะไร
ก. วิสัยทัศน์กำรพัฒนำประเทศ
72
ข. เป้ำหมำยกำรพัฒนำประเทศระยะยำว
ค. ยุทธศำสตร์ด้ำนต่ำงๆ
ง. ถูกทุกข้อ
7.เป้ำหมำยข้อใดไม่สอดคล้องกับกำรพัฒนำประเทศระยะยำว
ก. เป้ำหมำยด้ำนควำมมั่นคงของประเทศด้ำนควำมเป็นอยู่ของประชำชน
ข.กำรสร้ำงควำมปรองดองของคนในชำติ
ค. บทบำทของรัฐที่ที่มีต่อประชำชน
ง. กำรสร้ำงควำมสงบผำสุก
8.กำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติและควำมจำเป็นในกำรพัฒนำประเทศต้องสอดคล้องกับข้อใด
ก. หลักธรรมำภิบำล
ข. หลักทศพิทรำชธรรม
ค.หลักเศรษฐกิจพอเพียง
ง. หลักคุณธรรม
9. ร่ำงยุทธศำสตร์ชำติที่ได้รับควำมเห็นชอบแล้วให้นำยกรัฐมนตรีทูลเกล้ำทูลกระหม่อมถวำยให้
พระมหำกษัตริย์มีพระบรมรำชโองกำรประกำศใช้ภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข.20 วัน
ค. 30 วัน
ง. 45 วัน
10. ให้คณะกรรมกำรยุทธศำสตร์ชำติจัดให้มีกำรทบทวนยุทธศำสตร์ชำติทุกๆกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
11. ประธำนคณะกรรมกำรยุทธศำสตร์ชำติหมำยถึงข้อใด
ก. ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
ข. ประธำนรัฐสภำ
ค. นำยกรัฐมนตรี
ง. รองนำยกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่นำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
12. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรยุทธศำสตร์ชำติมีคุณสมบัติตำมข้อใด
ก. อำยุไม่เกิน 60 ปี
ข. อำยุไม่เกิน 65 ปี
ค. อำยุไม่เกิน 75 ปี
ง. อำยุไม่เกิน 80 ปี
73
13. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรยุทธศำสตร์ชำติมีจำนวนไม่เกินกี่คน
ก. 12 คน ข. 15 คน
ค. 17 คน ง. 18 คน
14. เลขำนุกำรในคณะกรรมกำรยุทธศำสตร์ชำติคือใคร
ก. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
ข. เลขำธิกำรสภำควำมมั่นคงแห่งชำติ
ค. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ง. เลขำธิกำรสภำกำรศึกษำแห่งชำติ
15. คณะกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรยุทธศำสตร์ชำติมีวำระกำรดำรงตำแหน่งกี่ปี
ก. 4 ปี ข. 5 ปี
ค. 6 ปี ง. 7 ปี
16. คณะกรรมกำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติที่มำจำกผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละด้ำนมีจำนวนไม่เกินกี่คน
ก. 15 คน ข. 16 คน
ค. 17 คน ง. 18 คน
17.สำนักงำนเลขำนุกำรคณะกรรมกำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติหน่วยงำนใดเป็นผู้รับผิดชอบ
ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
ข. สำนักงำนสภำควำมมั่นคงแห่งชำติ
ค. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ง. สำนักงำนเลขำธิกำรสภำกำรศึกษำแห่งชำติ
18.ยุทธศำสตร์ชำติมีระยะเวลำใช้บังคับกี่ปี
ก. 10 ปี ข. 15 ปี
ค. 20 ปี ง. 25 ปี
19. ยุทธศำสตร์ชำติมีระยะเวลำสิ้นสุดในพ.ศ.ใด
ก. พ.ศ. 2569
ข. พ.ศ. 2579
ค. พ.ศ. 2580
ง. พ.ศ. 2581
20. ยุทธศำสตร์ชำติถูกเขียนลงในรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 อยู่ในมำตรำใด
ก. มำตรำ 45
ข. มำตรำ 56
ค. มำตรำ 65
ง. มำตรำ 75
21. กฎหมำยในกำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติตรงกับข้อใด
ก. พระรำชบัญญัติ
74
ข. พระรำชกำหนด
ค. กฤษฎีกำ
ง. กฎกระทรวง
22. ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในยุทธศำสตร์ชำติ “ ประเทศมีควำมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ” ข้อใดไม่
สอดคล้องกับควำมหมำยของ “ ควำมมั่นคง ”
ก. กำรมีควำมปลอดภัย
ข. ประเทศมีควำมมั่นคงในเอกรำชและอธิปไตย
ค. สังคมมีควำมปรองดองและสำมัคคี
ง.ประเทศไทยเป็นมหำอำนำจทำงกำรศึกษำ
23. ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในยุทธศำสตร์ชำติ “ ประเทศมีควำมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ” ข้อใดไม่
สอดคล้องกับควำมหมำยของ “ ควำมมั่งคั่ง ”
ก. ประเทศไทยมีกำรขยำยตัวทำงทำงเศรษฐกิจอย่ำงต่อเนื่อง
ข. เศรษฐกิจมีควำมสำมำรถในกำรแข่งขันสูง
ค. ควำมสำมำรถในทุนที่จะสำมำรถสร้ำงกำรพัฒนำอย่ำงต่อเนื่อง
ง. ประเทศไทยเป็นมหำอำนำจทำงเศรษฐกิจ
24. ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในยุทธศำสตร์ชำติ “ ประเทศมีควำมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ” ข้อใดไม่
สอดคล้องกับควำมหมำยของ “ ควำมยั่งยืน ”
ก. กำรพัฒนำที่สำมำรถสร้ำงควำมเจริญ
ข. กำรผลิตและกำรบริโภคเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ค. มุ่งประโยชน์ส่วนรวมอย่ำงยั่งยืน
ง. ประชำชนอยู่ดีมีสุข
25. พระรำชบัญญัติกำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติ พ.ศ. 2560 จัดเป็นแผนประเภทใด เพื่อให้กำร
พัฒนำประเทศบรรลุเป้ำหมำยที่รัฐบำลกำหนดไว้
ก. แผนพัฒนำ
ข. แผนปฏิบัติกำร
ค.แผนแม่บท
ง. แผนยุทธศำสตร์
26. กรอบที่ใช้ในกำรจัดทำแผนต่ำงๆให้สอดคล้องและบูรณำกำรเพื่อก่อให้เกิดเป็นพลังผลักดัน
ไปสู่เป้ำหมำยในกำรพัฒนำประเทศตรงกับข้อใด
ก. แผนและขั้นตอนกำรปฏิรูปประเทศ
ข. แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
ค. แผนปฏิบัติกำร
ง. แผนยุทธศำสตร์ชำติ
75
27.กำรกำหนดนโยบำยกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้ำมำบริหำร
รำชกำรแผ่นดิน กำรจัดทำแผนต่ำงๆรวมตลอดกำรจัดทำงบประมำณรำยจ่ำยประจำปี
งบประมำณต้องสอดคล้องกับแผนประเภทใด
ก. แผนและขั้นตอนกำรปฏิรูปประเทศ
ข. แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
ค. แผนปฏิบัติกำร
ง. แผนยุทธศำสตร์ชำติ
28.กำรพัฒนำประเทศในระยะยำวอย่ำงน้อยต้องมีเป้ำหมำยสำคัญระบุไว้ในแผนยุทธศำสตร์ชำติ
ข้อใดไม่สอดคล้องกับเป้ำหมำยในระยะยำว
ก. เป้ำหมำยควำมมั่นคงของประเทศชำติ
ข. ด้ำนคุณภำพและควำมเป็นอยู่ของประชำชน
ค. ด้ำนกำรศึกษำ
ง. ด้ำนบทบำทของรัฐที่มีต่อประชำชน
29.กำรจัดทำยุทธศำสตร์ชำติต้องคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชำติ ควำมต้องกำรและควำมจำเป็นใน
กำรพัฒนำประเทศให้สอดคล้องยุทธศำสตร์ข้อใดไม่สอดคล้อง
ก. หลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง
ข.กำรพัฒนำที่ยั่งยืนตำมหลักธรรมำภิบำล
ค. แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
ง. เป้ำหมำยกำรปฏิรูปประเทศตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
30. ข้อใดมิใช่กรรมกำรโดยตำแหน่งของคณะกรรมกำรยุทธศำสตร์ชำติ
ก. ปลัดกระทรวงกลำโหม
ข.ผู้บัญชำกำรทหำรบก
ค. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
ง. ประธำนสภำหอกำรค้ำแห่งประเทศไทย
เฉลย แนวข้อสอบยุทธศำสตร์ชำติ
1.ก 2.ข 3.ค 4.ค 5.ง 6.ง 7.ง 8.ค 9.ข 10.ง
11.ค 12.ค 13.ค 14.ข 15.ข 16.ค 17.ก 18.ค 19.ข 20.ค
21.ก 22.ง 23.ง 24.ง 25.ค 26.ง 27.ข 28.ค 29.ค 30.ค
76
แผนกำรปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
รำชกิจจำนุเบกษำ เมื่อวันที่ 25 กุมภำพันธ์ 2564 เผยแพร่ประกำศสำนักนำยกรัฐมนตรี
เรื่อง กำรประกำศแผนกำรปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว
แผนกำรปฏิรูปประเทศ 13 ด้ำน คือ ด้ำนกำรเมือง ด้ำนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน ด้ำน
กฎหมำย ด้ำนกระบวนกำรยุติธรรม ด้ำนเศรษฐกิจ ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ด้ำน
สำธำรณสุข ด้ำนสื่อสำรมวลชน เทคโนโลยีสำรสนเทศ ด้ำนสังคม ด้ำนพลังงำน ด้ำนกำรป้องกัน
และปรำบปรำมกำรทุจริตและประพฤติมิชอบ ด้ำนกำรศึกษำ และด้ำนวัฒนธรรม กีฬำ แรงงำน
และกำรพัฒนำทรัพยำกรมนุษย์
สำหรับด้ำนกำรศึกษำ (อยู่ในหน้ำ 293-323) กำหนดเป้ำหมำยเพื่อให้ผู้เรียนทุกกลุ่มวัย
ได้รับกำรศึกษำที่มีคุณภำพตำมมำตรฐำน มีทักษะที่จำเป็นของโลกอนำคต สำมำรถแก้ปัญหำ
ปรับตัว สื่อสำร และทำงำนร่วมกับผู้อื่นได้อย่ำงมีประสิทธิผล มีวินัย มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่ำงต่อเนื่อง
ตลอดชีวิต และเป็นพลเมืองที่รู้สิทธิและหน้ำที่ มีควำมรับผิดชอบ มีจิตสำธำรณะ มีควำมรักและ
ควำมภำคภูมิใจในควำมเป็นไทย
โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ 3 ด้ำน คือ ลดควำมเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภำพ และเพิ่มขีด
ควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน
77
หน่วยงำนรับผิดชอบหลักในกำรดำเนินงำนร่วมกับหน่วยงำนอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพำะสำนักงำน
คณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร สำนักงบประมำณ กรมบัญชีกลำง สำนักงำนพัฒนำรัฐบำล
ดิจิทัล สถำบันคุณวุฒิวิชำชีพ และองค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลต่ำง ๆ เป็นอย่ำงน้อยในกำร
ดำเนินกำร ในช่วง 2 ปี (พ.ศ.2564-2565) จำนวน 9 ขั้นตอนและวิธีกำรดำเนินกำรปฏิรูป ดังนี้
1. เปลี่ยนระบบกำรทำงำนด้ำนบริหำรทรัพยำกรบุคคลเป็นระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อ
กำรสรรหำคนดี คนเก่ง เข้ำสู่ตำแหน่งสำคัญได้ทันกำรณ์ และปรับบทบำทกำรบริหำรทรัพยำกร
บุคคลไปสู่งำนเชิงกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อกำรใช้ประโยชน์ทรัพยำกรบุคคลได้เต็มศักยภำพ
สอดคล้องกับแผนยุทธศำสตร์ขององค์กร
2. ดำเนินกำรจัดทำเอกสำรอธิบำยบทบำทหน้ำที่ของตำแหน่งระดับสูงที่สำคัญ (Role
Clarification) ทั้งตำแหน่งทำงกำรเมืองและฝ่ำยประจำ โดยเปิดเผยต่อสำธำรณะเพื่อควำม
โปร่งใส และสอบยันควำมรับผิดชอบได้อย่ำงชัดเจน
3. ขยำยอำยุเกษียณรำชกำรสำหรับเจ้ำหน้ำที่ของรัฐตำแหน่งต่ำง ๆ ยกเว้นผู้ดำรง
ตำแหน่งนักบริหำร และตำแหน่งที่ต้องใช้สมรรถภำพทำงกำยในกำรปฏิบัติหน้ำที่ จำกอำยุ 60 ปี
เป็น 63 ปี ตั้งแต่ปีงบประมำณ พ.ศ.2565 และขยำยอำยุเกษียณเป็น 65 ปี ตั้งแต่ปีงบประมำณ
พ.ศ.2575
4. สำรวจอัตรำเงินเดือนและรำยได้รวมของเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ ในกลุ่มตำแหน่งและสำยงำน
ต่ำง ๆ ในส่วนรำชกำรและองค์กรภำครัฐทั้งหมด เพื่อวิเครำะห์เปรียบเทียบอัตรำเงินเดือนและ
รำยได้จริงของเจ้ำหน้ำที่รัฐที่ทำงำนในลักษณะที่มีหน้ำที่ควำมรับผิดชอบใกล้เคียงกัน เพื่อให้กำร
จัดทำโครงสร้ำงเงินเดือน และผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ได้มำตรฐำน และเกิดควำมเป็นธรรม
ระหว่ำงเจ้ำหน้ำที่ของรัฐภำยในระบบ และเทียบเคียงได้ในตลำดแรงงำนของประเทศ
5. ปรับปรุงระบบกำรบริหำรทรัพยำกรบุคคลภำครัฐ อำทิ ระบบนักเรียนทุนรัฐบำล ระบบ
กำรสรรหำและกำรคัดเลือกบุคคล ระบบตำแหน่ง ระบบกำรประเมินบุคคลเข้ำสู่ตำแหน่ง ระบบ
โอนย้ำยบุคคล ระบบกำรประเมินผลกำรปฏิบัติงำนและกำรเลื่อนเงินเดือน ระบบวินัยและกำร
ลงโทษ เพื่อให้กำรบริหำรคนในภำครัฐมีควำมคล่องตัว มีประสิทธิภำพ นำไปสู่กำรหมุนเวียน
สับเปลี่ยน ถ่ำยเทกำลังคนภำยในภำครัฐได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
6. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกำรให้ข้ำรำชกำรไปปฏิบัติงำนที่หน่วยงำนอื่น เพื่อเพิ่มพูน
ประสิทธิภำพทั้งในและต่ำงประเทศ (Secondment) ได้คล่องตัวมำกขึ้น และส่งเสริมสนับสนุน
กำรบรรจุบุคคลที่มีควำมชำนำญสูงจำกนอกระบบรำชกำรเข้ำสู่ระบบรำชกำร (Lateral Entry)
รวมทั้งสร้ำงระบบและกลไกสำหรับกำรสับเปลี่ยนหมุนเวียน และผ่องถ่ำยบุคลำกรระหว่ำง
หน่วยงำนของรัฐกับหน่วยงำนในภำคส่วนอื่น
ให้มีควำมคล่องตัว
7. พัฒนำระบบกำรจ้ำงงำนรูปแบบใหม่ในภำครัฐ เพื่อให้มีกำลังคนที่มีควำมรู้
ควำมสำมำรถเฉพำะ ปฏิบัติงำนในภำรกิจที่มีกำหนดระยะเวลำที่แน่นอนและชัดเจน สอดรับกับ
79
แนวข้อสอบ ระเบียบกระทรวงมหำดไทยว่ำด้วยกำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำพื้นที่ใน
ระดับอำเภอและตำบล พ.ศ. 2562
1.กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับพื้นที่หมู่บ้ำน ชุมชน ตำบล และอำเภอ ให้เกิด
ควำมเชื่อมโยงสอดคล้องกับทิศทำงกำรพัฒนำในระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด ภำค และประเทศ ไป
ในทิศทำงเดียวกันได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ เกิดควำมคุ้มค่ำ นำไปสู่สิ่งใด
ก.ควำมมั่นคง ข.มั่งคั่ง
ค.ยั่งยืน ง.ถูกทุกข้อ
2.ระเบียบกระทรวงมหำดไทยว่ำด้วยกำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำพื้นที่ในระดับอำเภอ
และตำบล พ.ศ. 2562 ออกระเบียบโดยอำศัยอำนำจใด
ก. มำตรำ ๒๐ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และใน
ฐำนะที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยรักษำกำรตำมมำตรำ 6 แห่งพระรำชบัญญัติ องค์กำร
บริหำรส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
ข. มำตรำ 77 แห่งพระรำชบัญญัติเทศบำล พ.ศ. ๒๔๙๖
ค.มำตรำ 5 แห่งพระรำชบัญญัติสภำตำบลและองค์กำรบริหำรส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗
และมำตรำ 6 แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรเมืองพัทยำ พ.ศ. ๒๕๔๒
ง.ถูกทุกข้อ
80
3.ระเบียบกระทรวงมหำดไทยว่ำด้วยกำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำพื้นที่ในระดับอำเภอ
และตำบล พ.ศ. 2562 ผู้ใดเป็นคนออกระเบียบ
ก.รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ข.รองนำยกรัฐมนตรี
ค.นำยรัฐมนตรี
ง.รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
4.ระเบียบกระทรวงมหำดไทยว่ำด้วยกำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำพื้นที่ในระดับอำเภอ
และตำบล พ.ศ. 2562 บังคับใช่เมื่อใด
ก.พ้นสำมสิบวันหลังประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ข.วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ค.วันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ง.พ้นเจ็ดวันหลังประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
5.แผนพัฒนำหมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำ ตำบล แผนพัฒนำท้องถิ่น แผนพัฒนำอำเภอ และ
แผนพัฒนำของส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนอื่น ที่ดำเนินกำรในพื้นที่อำเภอ หมำยควำมว่ำอะไร
ก.แผนพัฒนำในระดับท้องถิ่น
ข.แผนพัฒนำในระดับชุมชน
ค.แผนพัฒนำในระดับพื้นที่
ง.แผนพัฒนำในระดับพื้นฐำน
6.กำรจัดทำแผน และประสำนแผนพัฒนำหมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำตำบล แผนพัฒนำ
ท้องถิ่น แผนพัฒนำอำเภอ และแผนพัฒนำของส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนอื่น รวมทั้งองค์กร
ภำคเอกชนและประชำชน ที่ดำเนินกำรในพื้นที่ให้มีควำมเชื่อมโยงและสอดคล้องในทุกระดับเป็น
แผนเดียวกัน เพื่อให้สะท้อนปัญหำ และควำมต้องกำรของประชำชนในพื้นที่ และสอดคล้องกับ
แนวทำงตำมแผนพัฒนำจังหวัด แผนพัฒนำ กลุ่มจังหวัด และแผนพัฒนำภำค ที่เป็นกำรบูรณำกำร
กำรทำงำนของทุกหน่วยงำนในพื้นที่ หมำยควำมว่ำอย่ำงไร
ก. กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับท้องถิ่น
ข.กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับชุมชน
ค.กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับพื้นฐำน
ง.กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับพื้นที่
7. “หมู่บ้ำน” หมำยควำมว่ำ
ก.หมู่บ้ำนตำมกฎหมำยว่ำด้วยลักษณะปกครองท้องที่
ข.หมู่บ้ำนตำมระเบียบกระทรวงมหำดไทย
ค.หมู่บ้ำนตำมกฎหมำยว่ำด้วยลักษณะท้องที่อำเภอ
ง.หมู่บ้ำนตำมกฎหมำยว่ำด้วยลักษณะหมู่บ้ำน
81
8. “ชุมชน” หมำยควำมว่ำ
ก. ชุมชนที่ไม่มีตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้ำน
ข. อยู่ในพื้นที่ควำมรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. กำรรวมกลุ่มของบ้ำนเรือน
ง. ก. และ ข. ถูกต้อง
9. “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมำยควำมว่ำ
ก. องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด เทศบำล องค์กำรบริหำรส่วนตำบล และรำชกำรส่วน
ท้องถิ่นอื่นตำมที่มีกฎหมำยกำหนดแต่ไม่รวมถึง กรุงเทพมหำนคร เมืองพัทยำ
ข.องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด เทศบำล องค์กำรบริหำรส่วนตำบล เมืองพัทยำ และรำชกำร
ส่วนท้องถิ่นอื่นตำมที่มีกฎหมำยกำหนดแต่ไม่รวมถึง กรุงเทพมหำนคร
ค.องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด เทศบำล องค์กำรบริหำรส่วนตำบล เมืองพัทยำ
กรุงเทพมหำนคร และรำชกำรส่วนท้องถิ่นอื่นตำมที่มีกฎหมำยกำหนด
ง.องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด องค์กำรบริหำรส่วนตำบล เมืองพัทยำ และรำชกำรส่วน
ท้องถิ่นอื่นตำมที่มีกฎหมำยกำหนดแต่ไม่รวมถึง กรุงเทพมหำนคร
10. “คณะกรรมกำรชุมชน” หมำยควำมว่ำ
ก.คณะกรรมกำรของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ควำมรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในเขตเทศบำลและเมืองพัทยำ
ข.คณะกรรมกำรของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ควำมรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในเขตกรุงเทพมหำนคร
ค. คณะกรรมกำรของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ควำมรับผิดชอบ
ง.คณะกรรมกำรของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ควำมรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
11. คณะกรรมกำรหมู่บ้ำนตำมกฎหมำยว่ำด้วยลักษณะ ปกครองท้องที่ และคณะกรรมกำรกลำง
หมู่บ้ำนอำสำพัฒนำและป้องกันตนเองตำมกฎหมำยว่ำด้วย จัดระเบียบบริหำรหมู่บ้ำนอำสำพัฒนำ
และป้องกันตนเอง หมำยถึงข้อใด
ก.คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
ข.คณะกรรมกำรชุมชน
ค.คณะกรรมกำรตำบล
ง.คณะกรรมกำรอำเภอ
12.แผนพัฒนำที่รวบรวมรำยกำรโครงกำรและแผนงำนต่ำงๆ ของอำเภอที่สะท้อนถึงปัญหำและ
ควำมต้องกำรของประชำชน ตลอดจนควำมต้องกำรของทุกภำคส่วน ในพื้นที่อำเภอโดย
แผนพัฒนำอำเภอจำเป็นต้องจัดทำเพื่อให้เป็นเครื่องมือในกำรดำเนินงำนตำมวัตถุประสงค์ และทิศ
ทำงกำรพัฒนำของอำเภอในอนำคตหมำยถึงข้อใด
ก.แผนพัฒนำอำเภอ
ข.แผนพัฒนำชุมชน
82
ค.แผนพัฒนำจังหวัด
ง.แผนพัฒนำท้องที่
13.รำยกำรเกี่ยวกับโครงกำรและแผนงำนต่ำงๆ ที่จำเป็นต้องดำเนินกำรในพื้นที่อำเภอในแต่ละ
ปีงบประมำณที่ระบุถึงปัญหำและควำมต้องกำรของ ประชำชนในพื้นที่อำเภอและเป็นไป
ตำมลำดับควำมสำคัญ ที่มำจำกแผนพัฒนำหมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำตำบล แผนพัฒนำ
ท้องถิ่น และแผนของส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนอื่น ที่ดำเนินกำรในพื้นที่ โดยจัดกลุ่มของปัญหำ
และควำมต้องกำรออกเป็นหมวดหมู่และส่งไปยังจังหวัดหรือหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบ
กำรจัดทำแผนพัฒนำจังหวัดและแผนปฏิบัติรำชกำรประจำปีของจังหวัดหรือแผนปฏิบัติ รำชกำร
ประจำปีของส่วนรำชกำร หมำยถึงข้อใด
ก.แผนควำมต้องกำรระดับชุมชน
ข.แผนควำมต้องกำรระดับจังหวัด
ค.แผนควำมต้องกำรระดับอำเภอ
ง.แผนควำมต้องกำรระดับท้องที่
14.แผนพัฒนำที่รวบรวมรำยกำรแผนงำนหรือโครงกำร หรือกิจกรรม ที่จำเป็นต้องทำเพื่อกำร
พัฒนำแก้ไขปัญหำและควำมต้องกำรของประชำชนในพื้นที่ระดับตำบล ที่มำจำกแผนพัฒนำ
หมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำท้องถิ่น และแผนของส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนอื่น ที่ดำเนินกำร
ในพื้นที่ หมำยถึงข้อใด
ก.แผนพัฒนำอำเภอ
ข.แผนพัฒนำชุมชน
ค.แผนพัฒนำตำบล
ง.แผนพัฒนำท้องที่
15.แผนพัฒนำที่กำหนดแผนงำนหรือโครงกำร หรือกิจกรรม ที่มำจำกกระบวนกำรเรียนรู้เพื่อ
จัดกำรตนเองที่คณะกรรมกำรหมู่บ้ำนและประชำชนในหมู่บ้ำนร่วมคิด วิเครำะห์ปัญหำ ศักยภำพ
ควำมพร้อมของหมู่บ้ำน ภำยใต้เวทีประชำคมหมู่บ้ำน และข้อมูลที่คน ในหมู่บ้ำนจัดเก็บ รวมถึง
ข้อมูลจำกแผนชนิดต่ำง ๆ ที่มีอยู่ในหมู่บ้ำน ไม่ว่ำจะเป็นแผนที่ส่วนรำชกำร หน่วยงำน องค์กร
ต่ำง ๆ ให้กำรสนับสนุน หรือจัดทำขึ้น เพื่อรวบรวมให้เป็นกรอบแนวทำงกำรป้องกัน แก้ไขปัญหำ
และพัฒนำหมู่บ้ำนให้สอดคล้องกับปัญหำและควำมต้องกำรที่แท้จริงของหมู่บ้ำน หมำยถึงข้อใด
ก.แผนพัฒนำอำเภอ
ข.แผนพัฒนำชุมชน
ค.แผนพัฒนำตำบล
ง.แผนพัฒนำหมู่บ้ำน
83
21.หน่วยงำนใดสนับสนุนในกำรจัดทำแผนพัฒนำหมู่บ้ำน และแผนชุมชน
ก.สำนักงำนอำเภอ
ข.สำนักงำนพัฒนำชุมชนอำเภอ
ค.สำนักงำนพัฒนำชุมชน
ง.สำนักงำนพัฒนำอำเภอ
22.ในตำบลหนึ่ง ให้มีคณะกรรมกำรบริหำรงำนตำบลแบบบูรณำกำร ขึ้นคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อ
ว่ำ อะไร
ก. ก.บ.ล.
ข.ก.บ.ต.
ค.กบต.
ง.ก.บต.
23. คณะกรรมกำรบริหำรงำนตำบลแบบบูรณำกำร ผู้ใดเป็นประธำน
ก.ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบประจำตำบลที่นำยอำเภอมอบหมำย
ข ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในตำบล
ค. กำนัน
ง.นำยอำเภอ
24.กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำอำเภอ ในอำเภอหนึ่ง ให้มีคณะกรรมกำรบริหำรงำน
อำเภอแบบบูรณำกำร ขึ้นคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่ำ
ก. ก.บ.อ.
ข. กบอ.
ค. ก.บอ.
ง. กบ.อ.
25.จัดทำแผนปฏิบัติงำนประจำปีของอำเภอ โดยรวบรวมโครงกำรหรือกิจกรรมของส่วนรำชกำร
รัฐวิสำหกิจในสังกัดกระทรวงมหำดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับกำรจัดสรรงบประมำณ
รำยจ่ำยประจำปีที่ต้องดำเนินกำรในพื้นที่อำเภอ และรำยงำนให้ใครทรำบ
ก.ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข.คณะกรรมกำรบริหำรงำนจังหวัด
ค คณะกรรมกำรจังหวัด
ง.ปลัดจังหวัด
26.แผนพัฒนำอำเภอ และแผนควำมต้องกำรระดับอำเภอ เสนอผู้ใดเห็นชอบ
ก.ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข.คณะกรรมกำรบริหำรงำนจังหวัด
ค คณะกรรมกำรจังหวัด
ง.ปลัดจังหวัด
85
ค.ปลัดอำเภอ
ง. ก. และ ข. ถูกต้อง
31.หน่วยงำนใดติดตำมและประเมินผลคุณภำพแผนพัฒนำหมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำตำบล
แผนพัฒนำท้องถิ่น และแผนพัฒนำอำเภอ เป็นประจำทุกปี เพื่อปรับปรุงคุณภำพ ให้สอดคล้องกับ
ควำมต้องกำรและปัญหำของประชำชนในพื้นที่
ก.สำนักงำนปลัดกระทรวงมหำดไทย
ข.กรมกำรปกครอง กรมกำรพัฒนำชุมชน
ค.กรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลยแนวข้อสอบ ระเบียบกระทรวงมหำดไทยว่ำด้วยกำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำพื้นที่
ในระดับอำเภอและตำบล พ.ศ. 2562
1.ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
กำหนดให้ภำครัฐบริหำรงำนแบบบูรณำกำรโดยมียุทธศำสตร์ชำติเป็นเป้ำหมำย และ
เชื่อมโยงกำรพัฒนำในทุกระดับ ทุกประเด็น ทุกภำรกิจ ทุกพื้นที่ จึงสมควรกำหนดแนวทำง เพื่อ
บูรณำกำรในกำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับพื้นที่หมู่บ้ำน ชุมชน ตำบล และ
อำเภอ ให้เกิดควำมเชื่อมโยงสอดคล้องกับทิศทำงกำรพัฒนำในระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด ภำค
และประเทศ ไปในทิศทำงเดียวกันได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ เกิดควำมคุ้มค่ำ นำไปสู่ควำมมั่นคง มั่ง
คั่ง และยั่งยืน
2.ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ ๒๐ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
พ.ศ. 2534 และในฐำนะที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยรักษำกำรตำมมำตรำ 6 แห่ง
พระรำชบัญญัติ องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ มำตรำ 77 แห่งพระรำชบัญญัติเทศบำล
พ.ศ. ๒๔๙๖ มำตรำ 5 แห่งพระรำชบัญญัติสภำตำบลและองค์กำรบริหำรส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗
และมำตรำ 6 แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรเมืองพัทยำ พ.ศ. ๒๕๔๒
รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย จึงออกระเบียบไว้
3.ตอบ ก.รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ ๒๐ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
พ.ศ. 2534 และในฐำนะที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยรักษำกำรตำมมำตรำ 6 แห่ง
พระรำชบัญญัติ องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ มำตรำ 77 แห่งพระรำชบัญญัติเทศบำล
พ.ศ. ๒๔๙๖ มำตรำ 5 แห่งพระรำชบัญญัติสภำตำบลและองค์กำรบริหำรส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗
87
4.ตอบ ข.
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป
5.ตอบ ค.แผนพัฒนำในระดับพื้นที่
“แผนพัฒนำในระดับพื้นที่” หมำยควำมว่ำ แผนพัฒนำหมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำ
ตำบล แผนพัฒนำท้องถิ่น แผนพัฒนำอำเภอ และแผนพัฒนำของส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนอื่น ที่
ดำเนินกำรในพื้นที่อำเภอ
6. ตอบ ง.กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับพื้นที่
กำรจัดทำแผนและประสำนแผนพัฒนำในระดับพื้นที่” หมำยควำมว่ำ กำรจัดทำแผน และ
ประสำนแผนพัฒนำหมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำตำบล แผนพัฒนำท้องถิ่น แผนพัฒนำอำเภอ
และแผนพัฒนำของส่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนอื่น รวมทั้งองค์กรภำคเอกชนและประชำชน ที่
ดำเนินกำรในพื้นที่ให้มีควำมเชื่อมโยงและสอดคล้องในทุกระดับเป็นแผนเดียวกัน เพื่อให้สะท้อน
ปัญหำ และควำมต้องกำรของประชำชนในพื้นที่ และสอดคล้องกับแนวทำงตำมแผนพัฒนำจังหวัด
แผนพัฒนำ กลุม่ จังหวัด และแผนพัฒนำภำค ที่เป็นกำรบูรณำกำรกำรทำงำนของทุกหน่วยงำนใน
พื้นที่
7. ตอบ ก.
“หมู่บ้ำน” หมำยควำมว่ำ หมู่บ้ำนตำมกฎหมำยว่ำด้วยลักษณะปกครองท้องที่
11.ตอบ ก.คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
“คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน” หมำยควำมว่ำ คณะกรรมกำรหมู่บ้ำนตำมกฎหมำยว่ำด้วย
ลักษณะ ปกครองท้องที่ และคณะกรรมกำรกลำงหมู่บ้ำนอำสำพัฒนำและป้องกันตนเองตำม
กฎหมำยว่ำด้วย จัดระเบียบบริหำรหมู่บ้ำนอำสำพัฒนำและป้องกันตนเอง
12.ตอบ ก. แผนพัฒนำอำเภอ
13.ตอบ ค.แผนควำมต้องกำรระดับอำเภอ
14.ตอบ ค.แผนพัฒนำตำบล
15.ตอบ ง.แผนพัฒนำหมู่บ้ำน
16.ตอบ ง.กำรจัดทำเวทีประชำคมหมู่บ้ำนและชุมชน
23.ตอบ ก. ก.ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบประจำตำบลที่นำยอำเภอมอบหมำย
ข้อ9 ในตำบลหนึ่ง ให้มีคณะกรรมกำรบริหำรงำนตำบลแบบบูรณำกำร ขึ้นคณะหนึ่ง
เรียกโดยย่อว่ำ ก.บ.ต. โดยประกอบด้วย
(1) ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบประจำตำบลที่นำยอำเภอมอบหมำย ประธำนกรรมกำร
(2) ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในตำบล กรรมกำร
(3) ข้ำรำชกำรที่ปฏิบัติงำนในตำบลที่นำยอำเภอแต่งตั้งจำนวนไม่เกินสำมคน กรรมกำร
(4) กำนัน ผู้ใหญ่บ้ำนในตำบล กรรมกำร
(5) ผู้ทรงคุณวุฒิที่นำยอำเภอแต่งตั้งจำนวนไม่เกินห้ำคน กรรมกำร
(6) พัฒนำกรผู้รับผิดชอบตำบล กรรมกำรและเลขำนุกำร ในกำรแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตำม (5)
ให้คำนึงถึงผู้มีควำมรู้ควำมสำมำรถเกี่ยวกับกำรพัฒนำ ชุมชนในระดับตำบล หรือมีประสบกำรณ์
ในกำรจัดทำแผนพัฒนำในระดับตำบล องค์ประชุมและกำรประชุมของ ก.บ.ต. ให้นำหมวด 5
คณะกรรมกำรที่มีอำนำจดำเนินกำร พิจำรณำทำงปกครองตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีปฏิบัติรำชกำร
ทำงปกครอง มำใช้บังคับโดยอนุโลม
24.ตอบ ก. ก.บ.อ.
ข้อ 12 ในอำเภอหนึ่ง ให้มีคณะกรรมกำรบริหำรงำนอำเภอแบบบูรณำกำร ขึ้นคณะหนึ่ง
เรียกโดยย่อว่ำ ก.บ.อ. โดยประกอบด้วย
(1) นำยอำเภอ ประธำนกรรมกำร
(2) ปลัดอำเภอหัวหน้ำกลุ่มงำนหรือปลัดอำเภอ รองประธำนกรรมกำร หัวหน้ำฝ่ำยบริหำรงำน
ปกครอง
(3) พัฒนำกำรอำเภอ กรรมกำร
(4) ท้องถิ่นอำเภอ กรรมกำร
(5) หัวหน้ำส่วนรำชกำร รัฐวิสำหกิจ หรือหน่วยงำนอื่นของรัฐ ในระดับอำเภอ กรรมกำร ที่
นำยอำเภอแต่งตั้งจำนวนไม่เกินสิบสองคน
(6) ผู้แทนผู้บริหำรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอซึ่งคัดเลือกกันเอง กรรมกำร ประเภทละ
หนึ่งคน ยกเว้นองค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด และเมืองพัทยำ
(7) ผู้ทรงคุณวุฒิที่นำยอำเภอแต่งตั้งจำนวนไม่เกินห้ำคน กรรมกำร
(8) ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบสำนักงำนอำเภอ กรรมกำรและเลขำนุกำร
(9) ข้ำรำชกำรสำนักงำนส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่นจังหวัด กรรมกำรและผู้ช่วยเลขำนุกำร ที่
ท้องถิ่นจังหวัดมอบหมำยจำนวนหนึ่งคน
(10) ข้ำรำชกำรในสำนักงำนพัฒนำชุมชนอำเภอ กรรมกำรและผู้ช่วยเลขำนุกำร ที่นำยอำเภอ
แต่งตั้งจำนวนหนึ่งคน กรรมกำรตำม (5) (6) และ (7) มีวำระอยู่ในตำแหน่งครำวละห้ำปี
ในกำรแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตำม (7) ให้นำยอำเภอแต่งตั้งโดยคำนึงถึงผู้ที่มีควำมรู้ควำมสำมำรถ
เกี่ยวกับกำรพัฒนำระดับอำเภอ ด้ำนกำรศึกษำ หรือมีประสบกำรณ์ในกำรจัดทำแผนพัฒนำอำเภอ
90
25.ข.คณะกรรมกำรบริหำรงำนจังหวัด
จัดทำแผนปฏิบัติงำนประจำปีของอำเภอ โดยรวบรวมโครงกำรหรือกิจกรรมของส่วน
รำชกำร รัฐวิสำหกิจในสังกัดกระทรวงมหำดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับกำรจัดสรร
งบประมำณ รำยจ่ำยประจำปีที่ต้องดำเนินกำรในพื้นที่อำเภอ และรำยงำนให้ คณะกรรมกำร
บริหำรงำนจังหวัด แบบบูรณำกำร (ก.บ.จ.) ทรำบ
26 ตอบ ก.ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข้อ 14 ให้ ก.บ.อ. นำกรอบทิศทำงกำรพัฒนำอำเภอและยุทธศำสตร์กำรพัฒนำจังหวัด มำ
เป็นแนวทำงในกำรจัดทำแผนพัฒนำอำเภอ และแผนควำมต้องกำรระดับอำเภอ โดยกำหนดให้
แผนพัฒนำอำเภอมีระยะเวลำสอดคล้องกับห้วงเวลำของแผนพัฒนำจังหวัด
กำรกำหนดโครงร่ำงแผนพัฒนำอำเภอ และแผนควำมต้องกำรระดับอำเภอ ให้เป็นไปตำมที่
กระทรวงมหำดไทยกำหนด
ข้อ 15 ให้ ก.บ.อ. นำแผนพัฒนำอำเภอ ตำมข้อ 14 เสนอผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดพิจำรณำ
ให้ควำมเห็นชอบ เมื่อผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดให้ควำมเห็นชอบแผนพัฒนำอำเภอตำมวรรคหนึ่งแล้ว ให้
ก.บ.อ. ประกำศใช้แผนพัฒนำอำเภอและจัดส่งแผนพัฒนำอำเภอให้หน่วยงำนรำชกำรและ
รัฐวิสำหกิจ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อให้ทุกภำคส่วนนำไปใช้เป็นแนวทำงใน
กำรพัฒนำพื้นที่ ระดับอำเภอในทิศทำงกำรพัฒนำอำเภอเดียวกัน
28.ตอบ ง.นำยอำเภอ
ข้อ28 ให้นำยอำเภอมีหน้ำที่กำกับดูแล และให้คำแนะนำในกำรประสำนแผนพัฒนำ
หมู่บ้ำน แผนชุมชน แผนพัฒนำตำบล แผนพัฒนำท้องถิ่น แผนพัฒนำอำเภอ ที่ดำเนินกำรในพื้นที่
อำเภอ เพื่อให้กำรดำเนินกำรตำมระเบียบนี้เกิดผลสัมฤทธิ์
นโยบำยรัฐบำล
1. กำรปกป้องและเชิดชูสถำบันพระมหำกษัตริย์
โดยจะใช้มำตรกำรทำงกฎหมำยมำตรกำรทำงสังคมจิตวิทยำ และมำตรกำรทำง
ระบบสื่อสำรและเทคโนโลยีสำรสนเทศในกำรดำเนินกำรกับผู้คะนองปำก ย่ำมใจหรือประสงค์ร้ำย
มุ่งสั่นคลอนสถำบันหลักของชำติ โดยไม่คำนึงถึงควำมรู้สึกและควำมผูกพันภักดีของคนอีกเป็น
จำนวนมำก ตลอดจนเผยแพร่ควำมรู้ควำมเข้ำใจที่ถูกต้องและเป็นจริงเกี่ยวกับสถำบัน
พระมหำกษัตริย์และพระรำชกรณียกิจเพื่อประชำชน ทั้งจะสนับสนุนโครงกำรทั้งหลำยอันเนื่องมำ
จำกพระรำชดำริ ตลอดจนเร่งขยำยผลตำมโครงกำรและแบบอย่ำงที่ทรงวำงรำกฐำนไว้ให้
แพร่หลำยและเกิดประโยชน์ในวงกว้ำง
2. กำรรักษำควำมมัน่ คงของรัฐและกำรต่ำงประเทศ
2.1 ในระยะเร่งด่วน รัฐบำลได้ให้ควำมสำคัญต่อกำรเตรียมพร้อมสู่ประชำคมกำรเมือง
และควำมมั่นคงอำเซียนในกิจกำร 5 ด้ำน ประกอบด้วย
- กำรบริหำรจัดกำรชำยแดน
- กำรสร้ำงควำมมั่นคงทำงทะเล
- กำรแก้ไขปัญหำอำชญำกรรมข้ำมชำติ
- กำรสร้ำงควำมไว้วำงใจกับประเทศเพื่อนบ้ำน
- กำรเสริมสร้ำงในกำรปฏิบัติกำรทำงกำรทหำรร่วมกันของอำเซียน โดยเน้นควำมร่วมมือ
เพื่อป้องกัน แก้ไขข้อพิพำทต่ำง ๆ รวมถึงกำรแก้ไขปัญหำเส้นเขตแดนโดยใช้กลไกระดับทวิภำคี
และพหุภำคี
2.2 เร่งแก้ไขปัญหำกำรใช้ควำมรุนแรงในจังหวัดชำยแดนภำคใต้ โดยนำยุทธศำสตร์
เข้ำใจ เข้ำถึง และพัฒนำมำใช้ตำมแนวทำงกัลยำณมิตรแบบสันติวิธี พร้อมส่งเสริมกำรพูดคุยสันติ
สุขกับผู้มีควำมคิดเห็นต่ำงจำกรัฐ และสร้ำงควำมเชื่อมั่นในกระบวนกำรยุติธรรมตำมหลักนิติธรรม
และหลักสิทธิมนุษยชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ควบคู่กับกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมที่สอดคล้องกับ
ควำมต้องกำรของประชำชนในพื้นที่ ทั้งจะเพิ่มระดับปฏิสัมพันธ์กับต่ำงประเทศ และองค์กำร
ระหว่ำงประเทศที่อำจช่วยคลี่คลำยปัญหำได้
2.3 พัฒนำและเสริมสร้ำงของกองทัพและระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย มีควำม
พร้อมในกำรรักษำอธิปไตย และผลประโยชน์ของชำติ ปลอดพ้นจำกกำรคุกคำมทุกรูปแบบ
ส่งเสริมและพัฒนำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่กำรพึ่งพำตนเองในกำรผลิตอำวุธ
ยุทโธปกรณ์ รวมถึงกำรบูรณำกำรควำมร่วมมือระหว่ำงภำครัฐกับภำคเอกชนในอุตสำหกรรม
ป้องกันประเทศได้
2.4 เสริมสร้ำงควำมสัมพันธ์อันดีกับนำนำประเทศบนหลักกำรที่ว่ำนโยบำยกำร
ต่ำงประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญของนโยบำยองค์รวมทั้งหมดในกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน ไม่
ว่ำในด้ำนกำรเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม โดยจะนำกลไกทำงกำรทูตแบบบูรณำกำรมำใช้ให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดแก่ประชำชนทั้งทำงตรงและทำงอ้อม
93
3. กำรลดควำมเหลื่อมล้ำของสังคม และกำรสร้ำงโอกำสกำรเข้ำถึงบริกำรของรัฐ
3.1 ในระยะเฉพำะหน้ำ จะเร่งสร้ำงโอกำส อำชีพ และกำรมีรำยได้ที่มั่นคงแก่ผู้ที่เข้ำสู่
ตลำดแรงงำน โดยให้แรงงำนทั้งระบบมีโอกำสเข้ำถึงกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะฝีมือแรงงำนใน
ทุกระดับอย่ำงมีมำตรฐำน
3.2 ป้องกันและแก้ไขปัญหำกำรค้ำมนุษย์ รวมถึงปัญหำผู้หลบหนีเข้ำเมือง กำรทำรุณ
กรรมต่อแรงงำนข้ำมชำติ กำรท่องเที่ยวที่เน้นบริกำรทำงเพศและเด็ก และปัญหำคนขอทำน ด้วย
กำรปรับปรุงกฎหมำยข้อบังคับที่จำเป็นและเพิ่มควำมเข้มงวดในกำรระวังตรวจสอบ
3.3 ในระยะต่อไป จะพัฒนำระบบกำรคุ้มครองทำงสังคม ระบบกำรออมและระบบ
สวัสดิกำรชุมชนให้มีประสิทธิภำพและมีควำมยั่งยืนมำกยิ่งขึ้น รวมทั้งกำรดูแลให้มีระบบกำรกู้ยืมที่
เป็นธรรมและกำรสงเครำะห์ผู้ยำกไร้อัตภำพ พัฒนำศักยภำพ คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิจัด
สวัสดิกำรช่วยเหลือและพัฒนำคุณภำพชีวิตของผู้ด้อยโอกำส ผู้พิกำร ผู้สูงอำยุ สตรีและเด็ก
3.4 เตรียมควำมพร้อมเข้ำสู่สังคมผู้สูงอำยุ เพื่อส่งเสริมคุณภำพชีวิตและกำรมีเงินหรือ
กิจกรรมที่เหมำะสม เพื่อสร้ำงสรรค์และไม่ก่อภำระต่อสังคมในอนำคต โดยจัดเตรียมระบบกำร
ดูแลในบ้ำน สถำนพักฟื้น และโรงพยำบำล ที่เป็นควำมร่วมมือของภำครัฐ ภำคเอกชน ชุมชน และ
ครอบครัว รวมทั้งพัฒนำระบบกำรเงินกำรคลังสำหรับกำรดูแลผู้สูงอำยุ
3.5 เตรียมควำมพร้อมเข้ำสู่สังคมที่มีควำมหลำกหลำย
3.6 จัดระเบียบสังคม สร้ำงมำตรฐำนด้ำนคุณธรรม จริยธรรม และธรรมำภิบำลให้แก่
เจ้ำหน้ำที่ของรัฐและประชำชนทั่วไป โดยใช้ค่ำนิยมหลัก 12 ประกำร ตำมนโยบำยของคณะรักษำ
ควำมสงบแห่งชำติที่ได้ประกำศไว้แล้ว
3.7 แก้ปัญหำกำรไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกรและกำรรุกล้ำเขตป่ำสงวน โดยกำรกระจำย
สิทธิกำรถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รุกล้ำ และออกมำตรกำรป้องกันกำรเปลี่ยนมือไปอยู่ใน
ครอบครองของผู้ที่มิใช่เกษตรกร ใช้เทคโนโลยีดำวเทียมสำรวจและวิธีกำรแผนที่ที่ทันสมัย แก้ไข
ปัญหำเขตที่ดินทับซ้อนและแนวเขตพื้นที่ป่ำที่ไม่ชัดเจน
4. กำรศึกษำและเรียนรู้ กำรทะนุบำรุงศำสนำ ศิลปะและวัฒนธรรม
4.1 จัดให้มีกำรปฏิรูปกำรศึกษำและกำรเรียนรู้ โดยให้ควำมสำคัญทั้งกำรศึกษำในระบบ
และกำรศึกษำทำงเลือกไปพร้อมกัน เพื่อสร้ำงคุณภำพของคนไทยให้สำมำรถเรียนรู้ พัฒนำตนได้
เต็มตำมศักยภำพ เพื่อลดควำมเหลื่อมล้ำ และพัฒนำกำลังคนให้เป็นที่ต้องกำรเหมำะสมกับพื้นที่
ทั้งในด้ำนกำรเกษตร อุตสำหกรรม และธุรกิจบริกำร
4.2 ในระยะเฉพำะหน้ำ จะปรับเปลี่ยนกำรจัดสรรงบประมำณสนับสนุนกำรศึกษำให้
สอดคล้องกับควำมจำเป็นของผู้เรียนและลักษณะพื้นที่ของสถำนศึกษำ จัดระบบกำรสนับสนุนให้
เยำวชนและประชำชนทั่วไปมีสิทธิเลือกรับบริกำรกำรศึกษำทั้งในระบบโรงเรียนและนอกโรงเรียน
โดยอำจจะพิจำรณำจัดให้มีคูปองกำรศึกษำเป็นแนวทำงหนึ่ง
94
- พัฒนำเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเริ่มจำกกำรพัฒนำด่ำนกำรค้ำชำยแดนและโครงข่ำยกำร
คมนำคมขนส่งบริเวณประตูกำรค้ำหลักของประเทศเพื่อรองรับกำรเชื่อมโยงกระบวนกำรผลิตและ
กำรลงทุนข้ำมแดน พัฒนำระบบ National Single Window (NSW) โดยระยะแรกให้ควำมสำคัญ
กับด่ำนชำยแดนที่สำคัญ 6 ด่ำน ได้แก่ ปำดังเบซำร์ สะเดำ อรัญประเทศ แม่สอด บ้ำนคลองลึก
และบ้ำนคลองใหญ่
8. กำรพัฒนำและส่งเสริมกำรใช้ประโยชน์จำกวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี กำรวิจัย และพัฒนำ และ
นวัตกรรม
8.1 สนับสนุนกำรเพิ่มค่ำใช้จ่ำยในกำรวิจัยและพัฒนำของประเทศเพื่อมุ่งเป้ำหมำยให้ไม่
ต่ำกว่ำ 1% ของรำยได้ประชำชำติ และมีสัดส่วนรัฐต่อเอกชน 30:70 ตำมแผนพัฒนำเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชำติ เพื่อให้ประเทศมีควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน
8.2 ส่งเสริมให้โครงกำรลงทุนขนำดใหญ่ของประเทศ เช่น ด้ำนพลังงำนสะอำด ระบบ
รำง ยำนยนต์ ไฟฟ้ำ กำรจัดกำรน้ำและขยะ ใช้ประโยชน์จำกผลกำรศึกษำวิจัย และพัฒนำและ
นวัตกรรมของไทยตำมควำมเหมำะสม ในกรณีที่จำเป็นจะต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีจำก
ต่ำงประเทศ จะให้มีเงื่อนไขกำรถ่ำยทอดเทคโนโลยีเพื่อให้สำมำรถพึ่งตนเองได้ในอนำคตด้วย
9. กำรรักษำควำมมั่นคงของฐำนทรัพยำกร และกำรสร้ำงสมดุลระหว่ำงกำรอนุรักษ์ กับกำรใช้
ประโยชน์อย่ำงยั่งยืน
9.1 ในระยะเฉพำะหน้ำ เร่งปกป้องและฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์ ทรัพยำกรป่ำไม้และสัตว์ป่ำ
โดยให้ควำมสำคัญในกำรแก้ไขปัญหำกำรบุกรุกที่ดินของรัฐ พร้อมส่งเสริมกำรปลูกไม้มีค่ำทำง
เศรษฐกิจในพื้นที่เอกชน เพื่อลดแรงกดดันในกำรตัดไม้จำกป่ำธรรมชำติ
9.2 ในระยะต่อไป พัฒนำระบบบริหำรจัดกำรที่ดินและแก้ไขกำรบุกรุกที่ดินของรัฐ โดย
ยึดแนวพระรำชดำริที่ให้ประชำชนสำมำรถอยู่ร่วมกับป่ำได้ เช่น กำรกำหนดเขตป่ำชุมชนให้ชัดเจน
9.3 บริหำรจัดกำรทรัพยำกรน้ำของประเทศให้เป็นเอกภำพในทุกมิติทั้งเชิงปริมำณและ
คุณภำพ จัดให้มีแผนบริหำรน้ำของประเทศ เพื่อให้กำรจัดทำแผนงำนไม่เกิดควำมซ้ำซ้อนมีควำม
เชื่อมโยงกันอย่ำงเป็นระบบ
9.4 เร่งรัดกำรควบคุมมลพิษทำงอำกำศ ขยะ และน้ำเสีย ที่เกิดจำกกำรผลิตและบริโภค
ในพื้นที่ใดที่สำมำรถจัดกำรขยะมูลฝอยด้วยกำรแปรรูปเป็นพลังงำนก็จะสนับสนุนให้ดำเนินกำร
ส่วนขยะอุตสำหกรรมนั้นจะวำงระเบียบมำตรกำรเป็นพิเศษ โดยกำหนดให้ทิ้งในบ่อขยะ
อุตสำหกรรมที่สร้ำงขึ้นแบบมีมำตรฐำน และพัฒนำระบบตรวจสอบไม่ให้มีกำรลักลอบทิ้งขยะติด
เชื้อ และใช้มำตรกำรทำงกฎหมำยและกำรบังคับใช้กฎหมำยอย่ำงเด็ดขำด
10. กำรส่งเสริมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินที่มีธรรมำภิบำล และกำรป้องกันปรำบปรำมกำรทุจริต
และประพฤติมิชอบในภำครัฐ
98
10.1 จัดระบบอัตรำกำลังและปรับปรุงค่ำตอบแทนบุคลำกรภำครัฐให้เหมำะสมและเป็น
ธรรม ยึดหลักกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี เพื่อสร้ำงควำมเชื่อมั่นวำงใจในระบบรำชกำร ลด
ต้นทุนดำเนินกำรของภำคธุรกิจเพิ่มศักยภำพในกำรแข่งขันกับนำนำประเทศ กำรรักษำบุคลำกร
ภำครัฐที่มีประสิทธิภำพไว้ในระบบรำชกำร โดยจะดำเนินกำรตั้งแต่ระยะเฉพำะหน้ำไปตำมลำดับ
ควำมจำเป็นและตำมที่กฎหมำยเอื้อให้สำมำรถดำเนินกำรได้
10.2 ในระยะแรก กระจำยอำนำจเพื่อให้ประชำชนสำมำรถเข้ำถึงบริหำรสำธำรณะได้
รวดเร็ว ทั้งจะวำงมำตรกำรทำงกฎหมำย มิให้เจ้ำหน้ำที่หลีกเลี่ยง ประวิงเวลำ หรือใช้อำนำจโดยมิ
ชอบก่อให้เกิดกำรทุจริต หรือสร้ำงควำมเสียหำยแก่ประชำชนโดยเฉพำะนักลงทุน
ส่วนในระยะเฉพำะหน้ำ จะเน้นกำรปรับปรุงหน่วยงำนให้บริกำรด้ำนกำรทำธุรกิจ กำร
ลงทุน และด้ำนบริกำรสำธำรณะในชีวิตประจำวันเป็นสำคัญ
10.3 เสริมสร้ำงระบบคุณธรรมในกำรแต่งตั้งและโยกย้ำยบุคลำกรภำครัฐ วำงมำตรกำร
ป้องกันกำรแทรกแซงจำกนักกำรเมือง และส่งเสริมให้มีกำรนำระบบพิทักษ์คุณธรรมมำใช้ในกำร
บริหำรงำนบุคคลของเจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยต่ำง ๆ
10.4 ปรับปรุงและจัดให้มีกฎหมำยที่ครอบคลุมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริต
และกำรมีผลประโยชน์ทับซ้อนในภำครัฐทุกระดับ โดยถือว่ำเรื่องนี้เป็นวำระสำคัญเร่งด่วนแห่งชำติ
และเป็นเรื่องที่ต้องแทรกอยู่ในกำรปฏิรูปทุกด้ำน
11. กำรปรับปรุงกฎหมำยและกระบวนกำรยุติธรรม
11.1 ในระยะเฉพำะหน้ำ จะเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมำยหลักของประเทศและ
กฎหมำยอื่น ๆ ที่ล้ำสมัย ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับควำมตกลงระหว่ำงประเทศ และเป็น
อุปสรรคต่อกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน โดยจะใช้กลไกของหน่วยงำนเดิมที่มีอยู่ และระดม
ผู้ทรงคุณวุฒิมำเป็นคณะกรรมกำรที่จะจัดตั้งขึ้นเฉพำะกิจเป็นผู้เร่งดำเนินกำร
11.2 ในระยะต่อไป จะจัดตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนกำรยุติธรรมที่ปรำศจำกำรแทรกแซง
ของรัฐ
กระทรวงมหำดไทย
พลเอก อนุพงษ์ เผ่ำจินดำ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย เปิดเผยว่ำ จำกกำรที่ตนเอง
ได้มอบแนวทำงปฏิบัติรำชกำรตำมนโยบำยรัฐบำลให้แก่ผู้บริหำรระดับสูงของกระทรวงมหำดไทย
และผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดทั่วประเทศ อีกทั้งได้ตรวจเยี่ยมกรม/รัฐวิสำหกิจในสังกัดส่วนหนึ่งแล้วนั้น
เพื่อให้กำรดำเนินกำรตำมนโยบำยดังกล่ำวและข้อสั่งกำรของนำยกรัฐมนตรีเห็นผลเป็นรูปธรรม
โดยเร็วและมีควำมยั่งยืน กระทรวงมหำดไทยจึงได้กำหนดกลุ่มโครงกำรเน้นหนักซึ่งจะให้
ควำมสำคัญเป็นพิเศษในเชิงผลสัมฤทธิ์ 8 โครงกำรด้วยกัน คือ
1) โครงกำร “ตำมรอยเท้ำพ่อ” เน้นหนักกำรเทิดทูนสถำบันหลัก ยึดถือและปฏิบัติตำม
ยุทธศำสตร์พระรำชทำน เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง และขยำยผลโครงกำร
พระรำชดำริ
99
ง) รัฐต้องจัดกำรศึกษำภำคบังคับไม่น้อยกว่ำเก้ำปีสำหรับเด็กทุกคน จนสำเร็จกำรศึกษำ
มัธยมศึกษำตอนต้นโดยไม่เก็บค่ำใช้จ่ำย
7. สภำผูแ้ ทนรำษฎรประกอบด้วย สมำชิกซึ่งมำจำกกำรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนกี่คน
ก) 80 คน ข) 150 คน
ค) 250 คน ง) 350 คน
8. สภำผู้แทนรำษฎรประกอบด้วย สมำชิกซึ่งมำจำกบัญชีรำยชื่อของพรรคกำรเมืองจำนวนกี่คน
ก) 80 คน ข) 100 คน
ค) 150 คน ง) 200 คน
9. กำรกำหนดจำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและกำรแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้
ใช้จำนวนรำษฎรทั้งประเทศตำมหลักฐำนกำรทะเบียนรำษฎรที่ประกำศตำมข้อใด
ก) ในเดือนมกรำคมของปีที่มีกำรเลือกตั้ง
ข) ในเดือนธันวำคมก่อนปีที่มีกำรเลือกตั้ง
ค) ในปีสุดท้ำยก่อนปีที่มีกำรเลือกตั้ง
ง) ในก่อนสำมเดือนแรกของวันที่มีเลือกตั้ง
10. ในกำรเลือกตั้งทั่วไป ให้พรรคกำรเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแจ้งรำยชื่อบุคคลซึ่งพรรค
กำรเมืองนั้นมีมติว่ำจะเสนอให้สภำผู้แทนรำษฎรเพื่อพิจำรณำให้ควำมเห็นชอบแต่งตั้งเป็น
นำยกรัฐมนตรี ตำมข้อใด ต่อคณะกรรมกำรกำรเลือกตั้งก่อนปิดกำรรับสมัครรับเลือกตั้ง
ก) หนึ่งรำยชื่อ ข) สองรำยชื่อ
ค) สำมรำยชื่อ ง) ไม่เกินสำมรำยชื่อ
11. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก) 7 สิงหำคม พ.ศ. 2559 ข) 1 เมษำยน พ.ศ. 2560
ค) 2 เมษำยน พ.ศ. 2560 ง) 6 เมษำยน พ.ศ. 2560
12. ตำแหน่งใดเป็นผู้รับสนองพระรำชโองกำรรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2560
ก) นำยกรัฐมนตรี ข) ประธำนสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ
ค) หัวหน้ำรักษำควำมสงบแห่งชำติ ง) ประธำนศำลรัฐธรรมนูญ
13. ประเทศไทยเป็นรำชอำณำจักรอันเดียวกัน ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก) แบ่งกำรปกครองเป็นภำค
ข) จะแบ่งแยกมิได้
ค) แบ่งกำรปกครองเป็นส่วนกลำง ส่วนภูมิภำค ส่วนท้องถิ่น
ง) กำรปกครองสำมฝ่ำย ฝ่ำยบริหำร ฝ่ำยนิติบัญญัติ ฝ่ำยตุลำกำร
14. อำนำจอธิปไตยเป็นของใคร
ก) คณะรัฐมนตรี ข) นำยกรัฐมนตรี
ค) พระมหำกษัตริย์ ง) ปวงชนชำวไทย
102
5. ให้ประชุมครั้งแรกภำยในกี่วันนับแต่วันเลือกตั้งสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร
ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วัน ง. 60 วัน
6. สมัยประชุมสำมัญของรัฐสภำสมัยหนึ่ง ๆ ให้มีกำหนดเวลำกี่วัน
ก. 90 วัน ข. 120 วัน ค. 150 วัน ง. ไม่จำกัดเวลำ
7. ผู้ใดเป็นผู้เรียกเปิดประชุมรัฐสภำและปิดประชุม
ก. พระมหำกษัตริย์ ข. ประธำนวุฒิสภำ
ค. นำยกรัฐมนตรี ง. ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
8. กำรเรียกประชุม กำรขยำยเวลำประชุม และกำรปิดประชุมรัฐสภำ ให้ออกเป็นกฎหมำยใด
ก. พระรำชบัญญัติ ข. พระรำชกฤษฎีกำ ค. พระรำชกำหนด ง. กฎกระทรวง
9. กำรขอเปิดประชุมสมัยวิสำมัญให้สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรเข้ำชื่อร้องขอไม่น้อยกว่ำเท่ำใด
ก. กึ่งหนึ่ง ข. 1 ใน 3 ค. 2 ใน 3 ง. 3 ใน 4
10. ใครเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญได้
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่ำ 1 ใน 10
ค. ศำลรัฐธรรมนูญ ศำลฎีกำ หรือองค์กรอิสระตำมรัฐธรรมนูญ
ง. ถูกทุกข้อ
11. ก่อนนำร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้ส่งศำลรัฐธรรมนูญพิจำรณำควำมชอบ
ภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
12. กำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติต้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่ำกี่คนเข้ำชื่อ
ก. 10,000 คน ข. 20,000 คน
ค. 25,000 คน ง. 50,000 คน
13. ผู้เสนอร่ำงพระรำชบัญญัติข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่ำ 10 คน
ค. ศำลหรือองค์กรอิสระตำมรัฐธรรมนูญ
ง. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่ำ 10,000 คน
14. ผู้ใดเป็นคนแต่งตั้งนำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ก. พระมหำกษัตริย์ ข. ประธำนวุฒิสภำ
ค. ประธำนศำลฎีกำ ง. ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
15. คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนำยกรัฐมนตรี 1 คน และรัฐมนตรีอีกไม่เกินกี่คน
ก. 32 คน ข. 35 คน
ค. 38 คน ง. 40 คน
111
16. นำยกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่ำกี่ปีไม่ได้
ก. 4 ปี ข. 6 ปี
ค. 8 ปี ง. 12 ปี
17. สภำผู้แทนรำษฎรต้องให้ควำมเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับกำรแต่งตั้งเป็นนำยกรัฐมนตรีให้
แล้วเสร็จภำยในกี่วันนับแต่วันประชุมรัฐสภำครั้งแรก
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
18. ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของนำยกรัฐมนตรี
ก. มีสัญชำติไทยโดยกำรเกิด
ข.เป็นสมำชิกวุฒิสภำ
ค. มีอำยุไม่ต่ำกว่ำสำมสิบห้ำปีบริบูรณ์
ง. สำเร็จกำรศึกษำไม่ต่ำกว่ำปริญญำตรีหรือเทียบเท่ำ
19. ก่อนที่คณะรัฐมนตรีที่จะเข้ำบริหำรรำชกำรแผ่นดินต้องแถลงนโยบำยต่อรัฐสภำภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
20. ใครเป็นผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำชโองกำรแต่งตั้งนำยกรัฐมนตรี
ก. พระมหำกษัตริย์ ข. ประธำนวุฒิสภำ
ค. นำยกรัฐมนตรี ง. ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
21. บุคคลใดทรงไว้ซึ่งอำนำจในกำรประกำศสงครำม ประกำศใช้และเลิกใช้กฎอัยกำรศึก และ
ตรำพระรำชกฤษฎีกำ
ก. พระมหำกษัตริย์ ข. ประธำนวุฒิสภำ
ค. นำยกรัฐมนตรี ง. ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
22. ใครเป็นผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำชโองกำร บทกฎหมำย พระรำชหัตถเลขำ และพระบรม
รำชโองกำรอันเกี่ยวกับรำชกำรแผ่นดิน
ก. ประธำนวุฒิสภำ ข. พระมหำกษัตริย์
ค. นำยกรัฐมนตรี ง. รัฐมนตรี
23. เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่ำงอื่นขององคมนตรี ประธำนและรอง
ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรประธำนและรองประธำนวุฒิสภำ ให้กำหนดโดยกฎหมำยใด
ก. พระรำชบัญญัติ ข. พระรำชกฤษฎีกำ
ค. พระรำชกำหนด ง. กฎกระทรวง
24. กำรพิจำรณำพิพำกษำอรรถคดีเป็นอำนำจของหน่วยงำนใด
ก. ศำล ข. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. สำนักงำนกฤษฎีกำ ง. ถูกทุกข้อ
112
16. ค. 8 ปี
17. ข. 30 วัน
18. ข. เป็นสมำชิกวุฒิสภำ
19. ก. 15 วัน
20. ง. ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร
21. ก. พระมหำกษัตริย์
22. ง. รัฐมนตรี
23. ข. พระรำชกฤษฎีกำ
24. ก. ศำล
25. ค. 1 ใน 5
26. ง. 1 ใน 6
27. ก. 1 ใน 3
28. ก. 20,000 คน
4. กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน มีรูปแบบใด
ก. กระทรวง ทบวง กรม
ข. ส่วนกลำง ส่วนภูมิภำค ส่วนท้องถิ่น
ค. จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ ตำบล หมู่บ้ำน
ง. ถูกทุกข้อ
5. กำรกำหนดตำแหน่งและอัตรำเงินเดือน ของส่วนรำชกำรต่ำง ๆ ตำม พ.ร.บ. ระเบียบบริหำร
รำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จะต้องคำนึงถึงอะไร
ก. ประสิทธิภำพของบุคคล
ข. ภำรกิจที่รับผิดชอบมีควำมสำคัญเพียงใด
ค. คุณภำพและปริมำณของส่วนรำชกำรนั้น ๆ
ง. ถูกทุกข้อ
6. ข้อใดเป็นกำรบริหำรรำชกำรส่วนกลำง
ก. ทบวง
ข. กระทรวง
ค. ส่วนรำชกำรที่ชื่อเรียกอย่ำงอื่นมีฐำนะเป็นกรม แต่ไมได้สังกัดกระทรวงหรือทบวง
ง. ถูกทุกข้อ
7. ส่วนรำชกำรใด มีฐำนะเป็นนิติบุคคล
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. กรมสงเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ง. ถูกทุกข้อ
8. กำรจัดกำรจัดตั้ง กำรรวม กำรโอน กระทรวง ทบวง กรม จะต้องตรำเป็นกฎหมำยในลำดับใด
ก. กฎกระทรวง
ข. พระรำชกฤษฎีกำ
ค. พระรำชกำหนด
ง. พระรำชบัญญัติ
9. ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. กำรโอนส่วนรำชกำรเข้ำด้วยกันถ้ำไม่มีกำรกำหนดตำแหน่งหรืออัตรำกำลังของส่วน
รำชกำรหรือลูกจ้ำงเพิ่มขึ้นให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
ข. กำรเปลี่ยนชื่อส่วนรำชกำรที่มีฐำนะเป็นกรมให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
ค. ให้สำนักงำนข้ำรำชกำรพลเรือน และสำนักงำนพัฒนำระบบรำชกำรมีหน้ำที่กำร
ตรวจสอบดูแลมิให้ส่วนรำชกำรที่มีพระรำชกฤษฎีกำให้รวมหรือโอนเข้ำด้วยกัน กำหนดตำแหน่ง
หรืออัตรำกำลังของข้ำรำชกำรหรือลูกจ้ำงเพิ่มจนกว่ำจะครบสำมปีนับแต่วันที่พระรำชกฤษฎีกำมี
ผลบังคับใช้
115
ง. ทุกข้อกล่ำวถูกต้อง
10. หน่วยงำนใดมีหน้ำที่ในกำรตรวจสอบดูแล ส่วนรำชกำรที่จัดตั้งขึ้นใหม่_มิให้มีกำรกำหนด
ตำแหน่งหรืออัตรำกำลังของข้ำรำชกำรหรือลูกจ้ำงเพิ่มขึ้นจนกว่ำจะครบสำมปี
ก. สำนักงำนพัฒนำระบบรำชกำร และสำนักงบประมำณ
ข. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน และสำนักงบประมำณ
ค. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน และสำนักงำนพัฒนำระบบรำชกำร
ง. สำนักงบประมำณ และสำนักงำนพัฒนำระบบรำชกำร
11. หำกกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น จะเปลี่ยนชื่อเป็นกรมท้องถิ่นจะต้องตรำเป็น
กฎหมำยใด
ก. พระรำชบัญญัติ ข. กฎกระทรวง
ค. พระรำชกำหนด ง. พระรำชกฤษฎีกำ
12. กรณีที่กรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น หมดควำมจำเป็น หำกต้องกำรที่จะยุบกรมดังกล่ำว
จะต้องตรำเป็นกฎหมำยใด
ก. พระรำชบัญญัติ ข. กฎกระทรวง
ค. พระรำชกำหนด ง. พระรำชกฤษฎีกำ
13. กำรแบ่งส่วนรำชกำรภำยในกรม จะต้องตรำเป็นกฎหมำยข้อใด
ก. พระรำชบัญญัติ ข. กฎกระทรวง
ค. พระรำชกำหนด ง. พระรำชกฤษฎีกำ
14. ข้อใดกล่ำวผิดเกี่ยวกับกำรยุบเลิกกรม
ก. ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
ข. ให้งบประมำณรำยจ่ำยที่เหลืออยู่ของกรมนั้นตกเป็นงบกลำง
ค. ทรัพย์สินอื่นของกรมนั้นให้โอนแก่ส่วนรำชกำรอื่นตำมที่กำหนดไว้ในกฏกระทรวง
ง. ข้อ ข.และข้อ ค.
15. หน่วยงำนใด มีหน้ำที่เสนอควำมเห็นต่อคณะรัฐมนตรี ให้แบ่งส่วนรำชกำรภำยในของกรม
ส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนและสำนักงบประมำณ
ข. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ง. สำนักงำนรัฐมนตรี
16. บุคคลใดเป็นผู้รับผิดชอบในกำรกำหนดนโยบำยเป้ำหมำย และผลสัมฤทธิ์ของงำนในสำนัก
นำยกรัฐมนตรี
ก. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ข. รองนำยกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี ง. นำยกรัฐมนตรี
116
23. ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. นำยกรัฐมนตรีมีอำนำจสั่งให้ข้ำรำชกำรกรมสงเสริมกำรปกครองท้องถิ่นมำปฏิบัติ
รำชกำรสำนักนำยกรัฐมนตรี โดยให้ขำดจำกอัตรำเงินเดือนทำงสังกัดเดิม
ข. นำยกรัฐมนตรีมีอำนำจสั่งให้ข้ำรำชกำรกระทรวงมหำดไทย มำปฏิบัติรำชกำรสำนัก
นำยกรัฐมนตรี โดยอัตรำเงินเดือนไมขำดจำกทำงสังกัดเดิม
ค. แต่งตั้งอธิบดีกรมทำงหลวงชนบทไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกำรปกครองโดยอนุมัติ
คณะรัฐมนตรี
ง. แต่งตั้งอธิบดีกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกำรปกครอง
โดยให้รับเงินเดือนจำกกรมกำรปกครอง
24. ระเบียบปฏิบัติรำชกำรที่นำยกรัฐมนตรีได้ว่ำงขึ้น เพื่อกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน เป็นไปโดย
รวดเร็วและมีประสิทธิภำพตำมระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน กำหนดให้มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก. ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำแล้ว
ข. มีผลบังคับใช้ตำมวันที่ระบุไว้ในระเบียบ และได้ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำแล้ว
ค. มีผลบังคับใช้ทันทีที่นำยกรัฐมนตรีในฐำนะหัวหน้ำรัฐบำลลงนำมในคำสั่ง
ง. เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ควำมเห็นชอบแล้ว
25. บุคคลตำมข้อใด เป็นข้ำรำชกำรเมือง
ก. เลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
ข. รองเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรีฝ่ำยบริหำร
ค. รองเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรีฝ่ำยกำรเมือง
ง. ถูกเฉพำะข้อ ก. และข้อ ข.
26. สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี มีอำนำจหน้ำที่ในเรื่องใด
ก. รำชกำรทำงกำรเมือง ข. รำชกำรในสภำผู้แทนรำษฎร
ค. รำชกำรของรัฐสภำ ง. ถูกเฉพำะข้อ ก. และ ข้อ ค.
27. บุคคลตำมข้อใดต่อไปนี้อำจเป็นข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ
ก. เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี ข. รองเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ค. ผูช้ ่วยเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี ง. ถูกทุกข้อ
28. ข้อใดมิใช้อำนำจของปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ก. รับผิดชอบควบคุมรำชกำรประจำในสำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. รับผิดชอบกำหนดแนวทำงและแผนปฏิบัติรำชกำรของสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรในสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรสูงสุดของส่วนรำชกำรในสำนักนำยกรัฐมนตรียกเว้น
ข้ำรำชกำรของสวนรำชกำรซึ่งหัวหน้ำส่วนรำชกำรขึ้นตรงตอนำยกรัฐมนตรี
118
ง. ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วทำเป็นคำสั่ง
48. ให้หน่วยบริกำรรูปแบบพิเศษ มีหน้ำที่ปฏิบัติงำนให้กับส่วนรำชกำรตำมภำรกิจที่จัดตั้งหน่วย
บริกำรรูปแบบพิเศษนั้นเป็นหลัก และสนับสนุนภำรกิจอื่นของส่วนรำชกำรดังกล่ำวตำมที่ได้รับ
มอบหมำย และอำจให้บริกำรแก่ส่วนรำชกำรอื่น หน่วยงำนของรัฐหรือเอกชน แต่ต้องไม่
กระทบกระเทือนต่อภำรกิจอันเป็นวัตถุประสงค์แห่งกำรจัดตั้ง ให้รำยได้ของหน่วยบริกำรรูปแบบ
พิเศษเป็นรำยได้ที่...............................
ก. ไม่ต้องนำสงคลังตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีกำรงบประมำณและกฎหมำยว่ำด้วยเงินคงคลัง
ข. ต้องนำสงคลังตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีกำรงบประมำณและกฎหมำยว่ำด้วยเงินคงคลัง
ค. ไม่ต้องนำส่งสำนักงบประมำณตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีกำรงบประมำณและกฎหมำยว่ำ
ด้วยเงินคงคลัง
ง. ต้องนำส่งสำนักงบประมำณตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีกำรงบประมำณและกฎหมำยว่ำด้วย
เงินคงคลัง
49. ในกรณีที่นำยกรัฐมนตรีไม่อำจปฏิบัติรำชกำรได้ ให้รองนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษำรำชกำร
แทน ถ้ำมีรองนำยกรัฐมนตรีหลำยคน ให้........................มอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคน
หนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน ถ้ำไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนำยกรัฐมนตรีหรือมีแต่ไม่อำจปฏิบัติ
รำชกำรได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ก. นำยกรัฐมนตรีประชุมมอบหมำย ข. รองนำยกรัฐมนตรี
ค. ขอควำมเห็นชอบคณะรัฐมนตรี ง. คณะรัฐมนตรี
50. กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำรส่วนภูมิภำค ประกอบด้วย
ก. จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ ตำบล
ข. จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้ำน
ค. จังหวัด อำเภอ
ง. จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
51. ให้รวมท้องที่หลำยๆ อำเภอตั้งขึ้นเป็นจังหวัดมีฐำนะเป็น.......................กำรตั้ง ยุบ และ
เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด ให้ตรำเป็น................................
ก. สวนภูมิภำค / พระรำชบัญญัติ
ข. นิติบุคคล / พระรำชบัญญัติ
ค. สวนภูมิภำค / พระรำชกฤษฎีกำ
ง. นิติบุคคล / พระรำชกฤษฎีกำ
52. ข้อใดไม่ใช่อำนำจของจังหวัดภำยในเขตจังหวัด ดังต่อไปนี้
ก. นำภำรกิจของรัฐและนโยบำยของรัฐบำลไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์
ข. ดูแลให้มีกำรปฏิบัติและบังคับกำรให้เป็นไปตำมกฎหมำย เพื่อให้เกิดควำมสงบเรียบร้อย
และเป็นธรรมในสังคม
122
ค. จัดให้มีกำรบริกำรภำครัฐเพื่อให้ประชำชนสำมำรถเข้ำถึงได้อย่ำงเสมอ รวดเร็วและมี
คุณภำพ
ง. สงเสริมกำรพัฒนำสตรี เด็กและเยำวชน ผู้สูงอำยุและพิกำร
53. ข้อใดเป็นอำนำจของผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ก. บริหำรรำชกำรตำมกฎหมำย ระเบียบแบบแผนของทำงรำชกำร และตำมแผนพัฒนำ
จังหวัด
ข. บริหำรรำชกำรตำมที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมำยหรือตำมที่
นำยกรัฐมนตรีสั่งกำรในฐำนะหัวหน้ำรัฐบำล
ค. บริหำรรำชกำรตำมคำแนะนำและคำชี้แจงของผู้ตรวจรำชกำรกระทรวงในเมื่อไมขัดต่อ
กฎหมำยระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งของกระทรวง ทบวง กรม มติของคณะรัฐมนตรีหรือกำรสั่ง
กำรของนำยกรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้อ
54. ใครเป็นผู้บังคับบัญชำในสำนักงำนจังหวัด
ก. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. เสมียนจังหวัด
ง. หัวหน้ำสำนักงำนจังหวัด
55. ในจังหวัดหนึ่งให้มีหน่วยรำชกำรบริหำรรองจำกจังหวัดเรียกว่ำอำเภอ กำรตั้ง ยุบ และเปลี่ยน
เขตอำเภอให้ตรำเป็น…………………………………
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. ระเบียบกระทรวงมหำดไทย
ค. พระรำชกฤษฎีกำ
ง. พระรำชกำหนด
56. ข้อใดไม่ใช่อำนำจของนำยอำเภอ
ก. บริหำรรำชกำรตำมกฎหมำยและระเบียบแบบแผนของทำงรำชกำร ถ้ำกฎหมำยใดมิได้
บัญญัติว่ำกำรปฏิบัติตำมกฎหมำยนั้นเป็นหน้ำที่ของผู้ใดโดยเฉพำะ ให้เป็นหน้ำที่ของนำยอำเภอที่
จะต้องรักษำกำรให้เป็นไปตำมกฎหมำยนั้นด้วย
ข. บริหำรรำชกำรตำมที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมำยหรือตำมที่
นำยกรัฐมนตรีสั่งกำรในฐำนะหัวหน้ำรัฐบำล
ค. ควบคุมดูแลกำรบริหำรรำชกำรส่วนท้องถิ่นในอำเภอตำมกฎหมำย
ง. บรรจุ แต่งตั้ง ให้บำเหน็จ และลงโทษข้ำรำชกำรส่วนภูมิภำค
123
57.กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำรส่วนท้องถิ่น ดังนี้
(1)องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด
(2)เทศบำล
(3) …………………….
(4)รำชกำรส่วนท้องถิ่นอื่นตำมที่มีกฎหมำยกำหนด
ก. องค์กำรบริหำรส่วนตำบล ข. สภำนครเทศบำล
ค. เมืองพัทยำ ง. สุขำภิบำล
58. ให้มีคณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำรคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่ำ“ก.พ.ร.” ประกอบด้วย
นำยกรัฐมนตรีหรือรองนำยกรัฐมนตรีที่นำยกรัฐมนตรีมอบหมำยเป็นประธำน รัฐมนตรีหนึ่งคนที่
นำยกรัฐมนตรีกำหนดเป็นรองประธำน ผู้ซึ่งคณะกรรมกำรกำรกระจำยอำนำจให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นมอบหมำยหนึ่งคน และกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสิบคน ซึ่งคณะรัฐมนตรี
แต่งตั้งจำกผู้มีควำมรู้ควำมเชี่ยวชำญในทำงด้ำนนิติศำสตร์ เศรษฐศำสตร์ รัฐศำสตร์ กำรบริหำร
รัฐกิจ กำรบริหำรธุรกิจ กำรเงินกำรคลัง จิตวิทยำองค์กำร และสังคมวิทยำอย่ำงน้อยด้ำนละหนึ่ง
คน ในกรณีที่มีควำมจำเป็นเพื่อให้กำรปฏิบัติงำนบรรลุผล คณะรัฐมนตรีจะกำหนดให้กรรมกำร
ผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่ำสำมคนแต่ไม่เกินห้ำคนต้องทำงำนเต็มเวลำก็ได้ เลขำธิกำร ก.พ.ร.เป็น
กรรมกำรและเลขำนุกำรโดยตำแหน่ง ปัจจุบันใครเป็นเลขำธิกำร ก.พ.ร.
ก. นำยบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
ข. นำยวิษณุ เครืองำม
ค. นำยโภคิน พลกุล
ง. นำงสำวอ้อนฟ้ำ เวชชำชีวะ
59. เมื่อตำแหน่งกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของ ก.พ.ร. ว่ำงลงก่อนวำระ ให้ดำ เนินกำรแต่งตั้ง
กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิภำยใน............... เว้นแต่วำระของกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิเหลือไม่ถึงหนึ่งร้อย
แปดสิบวันจะไม่
ก. 15 วัน ข. 45 วัน ค. 60 วัน ง. 70 วัน
60. กำรประชุม ก.พ.ร. ต้องมีกรรมกำรมำประชุม....................ของจำนวนกรรมกำรทั้งหมดเท่ำที่
มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม
ก. ไมน้อยกว่ำกึ่งหนึ่ง ไมรวมผู้ทรงคุณวุฒิที่ทำงำนไมเต็มเวลำ
ข. ไมน้อยกว่ำกึ่งหนึ่ง ไมว่ำผู้ทรงคุณวุฒิที่ทำงำนเต็มเวลำหรือไม
ค. ไมน้อยกว่ำกึ่งหนึ่ง
ง. สำมในสี่ของกรรมกำรทั้งหมด
61. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร เป็นส่วนรำชกำรใด
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี ข. สำนักปลัดนำยกรัฐมนตรี
ค. สำนักงำนข้ำรำชกำรพลเรือน ง. ไมมีข้อใดถูก
124
2.ทำให้เกิดควำมล่ำช้ำในกำรวินิจฉัยสั่งกำร
3.ไม่สอดคล้องกับระบอบประชำธิปไตย
4.ไม่อำจสนองควำมต้องกำรของแต่ละท้องถิ่นได้อย่ำงแท้จริง
2.กำรแบ่งอำนำจ หมำยถึงกำรบริหำรรำชกำร ที่สวนกลำงได้จัดแบ่งอำนำจในกำรวินิจฉัยสั่งกำร
บำงส่วน หรือบำงขั้นตอนไปให้เจ้ำหน้ำที่ที่เป็นตัวแทนของหน่วยงำนของตน ซึ่งออกไปประจำอยู่
ในเขตกำรปกครองต่ำง ๆ ของประเทศให้วินิจฉัยสั่งกำรได้เองตำมระเบียบแบบแผนที่ส่วนกลำง
กำหนดไว้ กำรแบ่งอำนำจทำให้เกิดระเบียบบริหำรรำชกำรส่วนภูมิภำค
ลักษณะสำคัญของกำรแบ่งอำนำจ
1.ต้องมีรำชกำรบริหำรส่วนกลำง
2.ต้องมีเจ้ำหน้ำที่เป็นตัวแทนของส่วนกลำง
3.ส่วนกลำงแบ่งอำนำจให้สวนภูมิภำค
ข้อดีของกำรแบ่งอำนำจ
1.เป็นก้ำวแรกที่จะนำไปสูกำรกระจำยอำนำจ
2. ทำให้สวนกลำงกับสวนท้องถิ่นมีกำรประสำนงำนกันดี
3. ทำให้กำรปฏิบัติรำชกำรรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. มีประโยชน์สำหรับประเทศที่ประชำชนยังขำดสำนึกในกำรปกครองตนเอง
ข้อเสียของกำรแบ่งอำนำจ
1. เป็นอุปสรรคในกำรพัฒนำระบอบประชำธิปไตย
2. ก่อให้เกิดควำมล่ำช้ำ
3.ก่อให้เกิดควำมไม่เป็นธรรมแก่ท้องถิ่น
3. กำรกระจำยอำนำจ หมำยถึง กำรโอนอำนำจในทำงกำรปกครองจำกส่วนกลำงบำงอย่ำง ไปให้
ประชำชนในท้องถิ่นดำเนินกำรเอง โดยมีอิสระพอสมควร ภำยใต้บทบัญญัติของกฎหมำย กำร
กระจำยอำนำจทำให้เกิดระเบียบบริหำรรำชกำรสวนท้องถิ่น
ลักษณะสำคัญของกำรกระจำยอำนำจ
1. เป็นองค์กรที่มีฐำนะเป็นนิติบุคคล
2. มีสภำและผู้บริหำรระดับท้องถิ่น
3. มีอิสระในกำรปกครองตนเอง (อยู่ภำยในขอบเขตที่กฎหมำยกำหนด)
4. มีงบประมำณและรำยได้ของตนเอง
5. มีเจ้ำหน้ำที่ปฏิบัติงำนของตนเอง
อนึ่ง หน่วยกำรปกครองสวนท้องถิ่น มิได้เป็นหน่วยภำยใต้บังคับบัญชำของส่วนกลำงเหมือนกำร
ปกครองส่วนภูมิภำค
ข้อดีของหลักกำรกระจำยอำนำจ
1. สำมำรถสนองควำมต้องกำรของท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น
2. เป็นกำรแบ่งเบำภำระของส่วนกลำง
126
3. กระตุ้นให้ประชำชนเข้ำมำมีสวนรวมทำงกำรเมือง
ข้อเสียของหลักกำรกระจำยอำนำจ
1.อำจเป็นภัยต่อเอกภำพทำงกำรปกครองและควำมมั่นคงของประเทศ
2.ทำให้รำษฎรเพ็งเล็งเห็นประโยชน์ของท้องถิ่นสำคัญกว่ำส่วนรวม
3.เจ้ำหน้ำที่ที่ได้รับกำรเลือกตั้งอำจใช้อำนำจหน้ำที่โดยไม่เหมำะสม
4. ยอมทำให้เกิดควำมสิ้นเปลืองมำกกว่ำ
มำตรำ 10 สำนักนำยกรัฐมนตรีมีอำนำจหน้ำที่ตำมที่กำหนดไว้ในกฎหมำยว่ำด้วยกำร
ปรับปรุงกระทรวงทบวง กรมสำนักนำยกรัฐมนตรีมีนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำร
และรับผิดชอบในกำรกำหนดนโยบำยเป้ำหมำย และผลสัมฤทธิ์ของงำนในสำนักนำยกรัฐมนตรีให้
สอดคล้องกับนโยบำยที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภำหรือที่คณะรัฐมนตรีกำหนดหรืออนุมัติ โดย
จะให้มีรองนำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติรำชกำร
ก็ได้ในกรณีที่มีรองนำยกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรีหรือมีทั้งรอง
นำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี กำรสั่งและกำรปฏิบัติรำชกำรของรอง
นำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรีให้เป็นไปตำมที่นำยกรัฐมนตรีมอบหมำยใน
ระหว่ำงที่คณะรัฐมนตรีต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้ำที่ต่อไปจนกว่ำคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่
จะเข้ำรับหน้ำที่เพรำะนำยกรัฐมนตรีตำย ขำดคุณสมบัติ ต้องคำพิพำกษำให้จำคุก สภำ
ผู้แทนรำษฎรมีมติไม่ไว้วำงใจ
ศำลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ำควำมเป็นรัฐมนตรีของนำยกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง หรือวุฒิสภำมีมติให้ถอด
ถอนจำกตำแหน่งให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้ำที่
แทนนำยกรัฐมนตรี ถ้ำไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนำยกรัฐมนตรีหรือมีแต่ไมอำจปฏิบัติรำชกำรได้ ให้
คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้ำที่แทน
ในระหว่ำงที่คณะรัฐมนตรีต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้ำที่ต่อไปจนกว่ำคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้น
ใหม่จะเข้ำรับหน้ำที่ ให้คณะรัฐมนตรีดังกล่ำวอำนวยควำมสะดวกให้หัวหน้ำส่วนรำชกำรตำงๆ
ดำเนินกำรใดๆ เทำที่จำเป็น เพื่อรับแนวทำงกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน จำกนำยกรัฐมนตรีคนใหม่
มำเตรียมกำรดำเนินกำรได้
ลง หรือวุฒิสภำมีมติให้ถอดถอนจำกตำแหน่งให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคน
ใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้ำที่แทนนำยกรัฐมนตรี ถ้ำไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนำยกรัฐมนตรีหรือมี
แต่ไมอำจปฏิบัติรำชกำรได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้ำที่
แทนในระหว่ำงที่คณะรัฐมนตรีต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้ำที่ต่อไปจนกว่ำคณะรัฐมนตรีที่ตั้ง
ขึ้นใหม่จะ
เข้ำรับหน้ำที่ ให้คณะรัฐมนตรีดังกล่ำวอำนวยควำมสะดวกให้หัวหน้ำส่วนรำชกำรตำงๆ ดำเนินกำร
ใดๆ เทำที่จำเป็น เพื่อรับแนวทำงกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน จำกนำยกรัฐมนตรีคนใหม่มำ
เตรียมกำรดำเนินกำรได้
(7) แต่งตั้งข้ำรำชกำรกำรเมืองให้ปฏิบัติรำชกำรในสำนักนำยกรัฐมนตรี
(8) ว่ำงระเบียบปฏิบัติรำชกำร เพื่อให้กำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน เป็นไปโดยรวดเร็วและมี
ประสิทธิภำพเท่ำที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระรำชบัญญัตินี้หรือกฎหมำยอื่น
(9) ดำเนินกำรอื่นๆ ในกำรปฏิบัติตำมนโยบำยระเบียบตำม (8) เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ควำม
เห็นชอบแล้ว ให้ใช้บังคับได้
(3) เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรในสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีและรับผิดชอบในกำร
ปฏิบัติรำชกำรของสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีในกำรปฏิบัติรำชกำรของปลัดสำนัก
นำยกรัฐมนตรีตำมวรรคหนึ่ง ให้มีรองปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติรำชกำร
และจะให้มีผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติรำชกำรด้วยก็ได้
ในกรณีที่มีรองปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีหรือผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีหรือมีทั้งรองปลัด
สำนักนำยกรัฐมนตรีและผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี ให้รองปลัดสำ นักนำยกรัฐมนตรีหรือ
ผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรและรับผิดชอบในกำรปฏิบัติรำชกำร
รองจำกปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีให้ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี รองปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี และ
ผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี เป็นข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ และให้รองปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี และผู้ดำรงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่ำงอื่นในสำนักงำนปลัดสำนัก
นำยกรัฐมนตรี มีอำนำจหน้ำที่ตำมที่ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
กำหนดหรือมอบหมำยให้นำควำมในมำตรำ 19/1 มำใช้บังคับแกรำชกำรของสำนักนำยกรัฐมนตรี
ในสวนที่เกี่ยวกับสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีและส่วนรำชกำรที่มิได้ขึ้นตรงต่อ
นำยกรัฐมนตรีด้วยโดยอนุโลม
มำตรำ 19/1 ให้ปลัดกระทรวง หัวหน้ำกลุ่มภำรกิจและหัวหน้ำส่วนรำชกำรตั้งแต่ระดับ
กรมขึ้นไปวำงแผนและประสำนกิจกรรมให้มีกำรใช้ทรัพยำกรของส่วนรำชกำรตำงๆ ในกระทรวง
รวมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภำพ ควำมคุ้มค่ำ และบรรลุเป้ำหมำยของกระทรวง
เพื่อประโยชน์ในกำรดำเนินกำรตำมวรรคหนึ่ง หัวหน้ำส่วนรำชกำรและหัวหน้ำกลุ่มภำรกิจ
ดังกล่ำวจะมีมติให้นำงบประมำณที่แต่ละส่วนรำชกำรได้รับจัดสรรมำดำเนินกำรและใช้จ่ำยรวมกัน
ก็ได้
คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติรำชกำร และจะให้มีผู้ช่วยเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วย
สั่งและปฏิบัติรำชกำรด้วยก็ได้ให้เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี รองเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี และผู้ช่วย
เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี เป็นข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ
มำตรำ 16 สำนักนำยกรัฐมนตรี นอกจำกมีนำยกรัฐมนตรี รองนำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำ
สำนักนำยกรัฐมนตรี ให้มีปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีคนหนึ่งมีอำนำจหน้ำที่ดังนี้
(๑) รับผิดชอบควบคุมรำชกำรประจำในสำนักนำยกรัฐมนตรี กำหนดแนวทำงและแผนกำรปฏิบัติ
รำชกำรของสำนักนำยกรัฐมนตรี และลำดับควำมสำคัญของแผนกำรปฏิบัติรำชกำรประจำปีของ
ส่วนรำชกำรในสำนักนำยกรัฐมนตรีให้เป็นไปตำมนโยบำยที่นำยกรัฐมนตรีกำหนดรวมทั้งกำกับ
เร่งรัด ติดตำมและประเมินผลกำรปฏิบัติรำชกำรของส่วนรำชกำรในสำนักนำยกรัฐมนตรี
(๒) เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรของส่วนรำชกำรในสำนักนำยกรัฐมนตรีรองจำกนำยกรัฐมนตรี
รองนำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี ยกเว้นข้ำรำชกำรของส่วนรำชกำรซึ่ง
หัวหน้ำส่วนรำชกำรขึ้นตรงตอนำยกรัฐมนตรี
(๓) เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรในสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีและรับผิดชอบในกำร
ปฏิบัติรำชกำรของสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีในกำรปฏิบัติรำชกำรของปลัดสำนัก
นำยกรัฐมนตรีตำมวรรคหนึ่ง ให้มีรองปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็น
ผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติรำชกำร และจะให้มีผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติ
รำชกำรด้วยก็ได้ในกรณีที่มีรองปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีหรือผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีหรือมี
ทั้งรองปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีและผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี ให้รองปลัดสำ นัก
นำยกรัฐมนตรีหรือผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรและรับผิดชอบใน
กำรปฏิบัติรำชกำรรองจำกปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีให้ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี รองปลัดสำนัก
นำยกรัฐมนตรี และผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี เป็นข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ และให้รองปลัด
สำนักนำยกรัฐมนตรี ผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี และผู้ดำรงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่ำงอื่นใน
สำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี มีอำนำจหน้ำที่ตำมที่ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
กำหนดหรือมอบหมำยให้นำควำมในมำตรำ 19/1 มำใช้บังคับแกรำชกำรของสำนักนำยกรัฐมนตรี
ในสวนที่เกี่ยวกับสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีและส่วนรำชกำรที่มิได้ขึ้นตรงตอ
นำยกรัฐมนตรีด้วยโดยอนุโลม
มำตรำ 21 ในกระทรวงให้มีปลัดกระทรวงคนหนึ่งมีอำนำจหน้ำที่ ดังนี้
(1) รับผิดชอบควบคุมรำชกำรประจำในกระทรวง แปลงนโยบำยเป็นแนวทำงและแผนกำรปฏิบัติ
รำชกำรกำกับกำรทำงำนของส่วนรำชกำรในกระทรวงให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และประสำนกำร
ปฏิบัติงำนของส่วนรำชกำรในกระทรวงให้มีเอกภำพสอดคล้องกัน รวมทั้งเร่งรัดติดตำม และ
ประเมินผลกำรปฏิบัติรำชกำรของส่วนรำชกำรในกระทรวง
(2) เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรของส่วนรำชกำรในกระทรวงรองจำกรัฐมนตรี
(3) เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรในสำนักงำนปลัดกระทรวง และรับผิดชอบในกำรปฏิบัติรำชกำร
ของสำนักงำนปลัดกระทรวงในกำรปฏิบัติรำชกำรของปลัดกระทรวงตำมวรรคหนึ่ง จะให้มีรอง
144
ปลัดกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติรำชกำรตำมที่ปลัดกระทรวงมอบหมำยก็ได้ภำยใน
กระทรวงจะออกกฎกระทรวงกำหนดให้ส่วนรำชกำรระดับกรมตั้งแต่สองส่วนรำชกำรขึ้นไปอยู่
ภำยใต้กลุ่มภำรกิจเดียวกันก็ได้ โดยให้แต่ละกลุ่มภำรกิจมีผู้ดำรงตำแหน่งไมต่ำกว่ำอธิบดีคนหนึ่ง
เป็นหัวหน้ำกลุ่มภำรกิจรับผิดชอบรำชกำรและบังคับบัญชำข้ำรำชกำรของส่วนรำชกำรในกลุ่ม
ภำรกิจนั้น โดยปฏิบัติรำชกำรขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวงหรือขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีตำมที่กำหนดโดย
กฎกระทรวง และในกรณีที่ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีต้องรำยงำนผลกำรดำเนินงำนต่อปลัดกระทรวง
ตำมที่กำหนดโดยกฎกระทรวงในกลุ่มภำรกิจเดียวกัน หัวหน้ำกลุ่มภำรกิจอำจกำหนดให้ส่วน
รำชกำรของส่วนรำชกำรระดับกรมแห่งหนึ่งปฏิบัติงำนที่เกี่ยวกับสำรบรรณ บุคลำกร กำรเงิน กำร
พัสดุ หรือกำรบริหำรงำนทั่วไปให้แกส่วนรำชกำรแหงอื่นภำยใต้กลุ่มภำรกิจเดียวกันก็ได้กระทรวง
ใดมิได้จัดให้มีกลุ่มภำรกิจ และมีปริมำณงำนมำก จะให้มีรองปลัดกระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติ
รำชกำรเพิ่มขึ้นเป็นสองคนก็ได้
ในกรณีที่กระทรวงใดมีกำรจัดกลุ่มภำรกิจ จะให้มีรองปลัดกระทรวงเพิ่มขึ้นเป็นหัวหน้ำกลุ่มภำรกิจ
ก็ได้และให้อำนำจหน้ำที่ของปลัดกระทรวงที่เกี่ยวกับรำชกำรของส่วนรำชกำรในกลุ่มภำรกิจเป็น
อำนำจหน้ำที่ของหัวหน้ำกลุ่มภำรกิจนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎกระทรวงกำหนดไว้เป็นอย่ำงอื่น
กระทรวงใดมีภำรกิจเพิ่มขึ้น และมีควำมจำเป็นอย่ำงยิ่งต้องมีรองปลัดกระทรวงมำกกว่ำที่กำหนด
ไว้ในวรรคห้ำหรือวรรคหก คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน และคณะกรรมกำรพัฒนำระบบ
รำชกำรจะรวมกันอนุมัติให้กระทรวงนั้นมีรองปลัดกระทรวงเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษโดยจะกำหนด
เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลำไว้ด้วยหรือไมก็ได้ในกำรดำเนินกำรตำมวรรคเจ็ด ให้คณะกรรมกำรพัฒนำ
ระบบรำชกำรจัดให้มีกำรประชุมพิจำรณำรวมกันโดยกรรมกำรแต่ละฝ่ำยจะต้องมำประชุมไมน้อย
กว่ำกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุม และในกำรออกเสียงลงมติจะต้องได้คะแนนเสียงของกรรมกำร
แต่ละฝ่ำยเกินกว่ำกึ่งหนึ่งของกรรมกำรฝ่ำยดังกล่ำวที่มำประชุม แล้วให้นำมติดังกล่ำวเสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจำรณำต่อไป
หรือทบวงนั้นส่งมำประจำอยู่ในจังหวัดมำกกว่ำหนึ่งคน ให้ปลัดกระทรวงหรือปลัดทบวงกำหนดให้
หัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำจังหวัดหนึ่งคนเป็นผู้แทนของกระทรวงหรือทบวงในคณะกรมกำร
จังหวัดในกำรปฏิบัติหน้ำที่ตำมวรรคหนึ่ง เมื่อผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเห็นสมควรจะแต่งตั้งให้หัวหน้ำ
ส่วนรำชกำรประจำจังหวัดซึ่งปฏิบัติหน้ำที่ในรำชกำรส่วนภูมิภำคคนหนึ่งหรือหลำยคนเป็น
กรมกำรจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉพำะกำรปฏิบัติหน้ำที่ใดหน้ำที่หนึ่งก็ได้
โดยกรรมกำรแต่ละฝ่ำยจะต้องมำประชุมไมน้อยกว่ำกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุม และในกำรออก
เสียงลงมติจะต้องได้คะแนนเสียงของกรรมกำรแต่ละฝ่ำยเกินกว่ำกึ่งหนึ่งของกรรมกำรฝ่ำยดังกล่ำว
ที่มำประชุม แล้วให้นำมติดังกล่ำวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจำรณำต่อไป
จะต้องได้คะแนนเสียงของกรรมกำรแต่ละฝ่ำยเกินกว่ำกึ่งหนึ่งของกรรมกำรฝ่ำยดังกล่ำวที่มำ
ประชุม แล้วให้นำมติดังกล่ำวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจำรณำต่อไป
จะต้องได้คะแนนเสียงของกรรมกำรแต่ละฝ่ำยเกินกว่ำกึ่งหนึ่งของกรรมกำรฝ่ำยดังกล่ำวที่มำ
ประชุม แล้วให้นำมติดังกล่ำวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจำรณำต่อไป
ในกรณีที่กระทรวงใดมีกำรจัดกลุ่มภำรกิจ จะให้มีรองปลัดกระทรวงเพิ่มขึ้นเป็นหัวหน้ำ
กลุ่มภำรกิจก็ได้และให้อำนำจหน้ำที่ของปลัดกระทรวงที่เกี่ยวกับรำชกำรของส่วนรำชกำรในกลุ่ม
ภำรกิจเป็นอำนำจหน้ำที่ของหัวหน้ำกลุ่มภำรกิจนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎกระทรวงกำหนดไว้เป็น
อย่ำงอื่นกระทรวงใดมีภำรกิจเพิ่มขึ้น และมีควำมจำเป็นอย่ำงยิ่งต้องมีรองปลัดกระทรวงมำกกว่ำที่
กำหนดไว้ในวรรคห้ำหรือวรรคหก คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน และคณะกรรมกำรพัฒนำ
ระบบรำชกำรจะรวมกันอนุมัติให้กระทรวงนั้นมีรองปลัดกระทรวงเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษโดยจะ
กำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลำไว้ด้วยหรือไมก็ได้ในกำรดำเนินกำรตำมวรรคเจ็ด ให้คณะกรรมกำร
พัฒนำระบบรำชกำรจัดให้มีกำรประชุมพิจำรณำรวมกันโดยกรรมกำรแต่ละฝ่ำยจะต้องมำประชุม
ไมน้อยกว่ำกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุม และในกำรออกเสียงลงมติจะต้องได้คะแนนเสียงของ
กรรมกำรแต่ละฝ่ำยเกินกว่ำกึ่งหนึ่งของกรรมกำรฝ่ำยดังกล่ำวที่มำประชุม แล้วให้นำมติดังกล่ำว
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจำรณำต่อไป
กรรมกำรและเลขำนุกำรโดยตำแหน่งกำรแต่งตั้งกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คณะรัฐมนตรีพิจำรณำ
จำกรำยชื่อบุคคลที่ได้รับกำรเสนอโดยวิธีกำรสรรหำ ทั้งนี้ ตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรสรรหำที่
คณะรัฐมนตรีกำหนด
ตำแหน่งดังกล่ำวเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตำมกฎหมำยประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยกำรปองกัน
และปรำบปรำมกำรทุจริตก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะให้ควำมเห็นชอบในรำงพระรำชกฤษฎีกำจัดตั้ง
ส่วนรำชกำรตำมวรรคสี่ของ
กระทรวงใด ให้นำยกรัฐมนตรีสงรำงพระรำชกฤษฎีกำดังกล่ำวต่อสภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำ
เพื่อทรำบให้นำควำมในวรรคสี่ วรรคห้ำ วรรคหก และวรรคเจ็ด มำใช้บังคับกับสำนัก
นำยกรัฐมนตรีและทบวงตำมหมวด 3 โดยอนุโลม
มำตรำ 7 ให้จัดระเบียบบริหำรรำชกำรส่วนกลำง ดังนี้
(1) สำนักนำยกรัฐมนตรี
(2) กระทรวง หรือทบวงซึ่งมีฐำนะเทียบเทำกระทรวง
(3) ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนำยกรัฐมนตรีหรือกระทรวง
(4) กรม หรือส่วนรำชกำรที่เรียกชื่ออย่ำงอื่นและมีฐำนะเป็นกรม ซึ่งสังกัดหรือไมสังกัดสำนัก
นำยกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง
สำนักนำยกรัฐมนตรีมีฐำนะเป็นกระทรวงส่วนรำชกำรตำม (1) (2) (3) และ (4) มีฐำนะเป็นนิติ
บุคคล
หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กำหนดเรื่องกำรมอบอำนำจไว้เป็นอย่ำงอื่น หรือมิได้ห้ำม
เรื่องกำรมอบอำนำจไว้ ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นอำจมอบอำนำจให้ผู้ดำรง
ตำแหน่งอื่นในส่วนรำชกำรเดียวกันหรือส่วนรำชกำรอื่น หรือผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเป็นผู้ปฏิบัติ
รำชกำรแทนได้ ทั้งนี้ตำมหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระรำชกฤษฎีกำ
พระรำชกฤษฎีกำตำมวรรคหนึ่งอำจกำหนดให้มีกำรมอบอำนำจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ตลอดจนกำรมอบอำนำจให้ทำนิติกรรมสัญญำ ฟ้องคดีและดำเนินคดี หรือกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีกำร หรือเงื่อนไขในกำรมอบอำนำจหรือที่ผู้รับมอบอำนำจต้องปฏิบัติก็ได้ควำมในวรรคหนึ่งมิให้
ใช้บังคับกับอำนำจในกำรอนุญำตตำมกฎหมำยที่บัญญัติให้ต้องออกใบอนุญำตหรือที่บัญญัติผู้มี
อำนำจอนุญำตไว้เป็นกำรเฉพำะ ในกรณีเชนนั้นให้ผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งมีอำนำจตำมกฎหมำย
ดังกล่ำวมีอำนำจมอบอำนำจให้ข้ำรำชกำรซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชำและผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดได้ตำมที่
เห็นสมควร หรือตำมที่คณะรัฐมนตรีกำหนดในกรณีมอบอำนำจให้ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด ให้ผู้ว่ำ
รำชกำรจังหวัดมีอำนำจมอบอำนำจได้ต่อไปตำมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ผู้มอบอำนำจกำหนดใน
กรณีตำมวรรคสำม เพื่อประโยชน์ในกำรอำนวยควำมสะดวกแกประชำชนจะตรำพระรำชกฤษฎีกำ
กำหนดรำยชื่อกฎหมำยที่ผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งมีอำนำจตำมกฎหมำยดังกล่ำวอำจมอบอำนำจตำม
วรรคหนึ่งตำมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในพระรำชกฤษฎีกำดังกล่ำวก็ได้กำรมอบอำนำจให้
ทำเป็นหนังสือ
วัตถุประสงค์แหงกำรจัดตั้งให้รำยได้ของหน่วยบริกำรรูปแบบพิเศษเป็นรำยได้ที่ไมต้องนำสงคลัง
ตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีกำรงบประมำณและกฎหมำยว่ำด้วยเงินคงคลัง
55.ตอบ “ค.พระรำชกฤษฎีกำ ”
อธิบำยตำม พระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับ
ที่ 8) พ.ศ. 2553
มำตรำ 61 ในจังหวัดหนึ่งให้มีหน่วยรำชกำรบริหำรรองจำกจังหวัดเรียกว่ำอำเภอ
กำรตั้ง ยุบ และเปลี่ยนเขตอำเภอ ให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
แนวข้อสอบพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
1.ข้อใดเป็นหลักกำรในกำรบริหำรรำชกำรตำม พรบ. ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ก. เพื่อประโยชน์สุขของประชำชน
ข. เพื่อลดภำรกิจและยุบเลิกหน่วยงำนที่ไม่จำเป็น
ค. เพื่อกระจำยอำนำจตัดสินใจ
ง. ข้อ ก. และ ข.
จ. ข้อ ก. , และ ค. ถูก
2.พ.ร.บ. ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ 2534 ได้วำงแนวทำงกำรจัดสรรงบประมำณและ
กำร บรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ำดำรงตำแหน่ง หรือปฏิบัติหน้ำที่ตำม พ.ร.บ. จะต้องเป็นไปตำม
หลักกำรใด
ก. ควำมยุติธรรม
ข. ควำมเสมอภำค
ค. ควำมเท่ำเทียมกัน
ง. ควำมมีประสิทธิภำพ
จ. ถูกทุกข้อ
3.กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดินมีรูปแบบใด
ก. กระทรวง ทบวง กรม
ข. จังหวัด อำเภอ
ค. จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ ตำบล หมู่บ้ำน
ง. ส่วนกลำง ส่วนภูมิภำค ส่วนท้องถิ่น
จ. ก และ ข
4.กำรกำหนดตำแหน่งและอัตรำเงินเดือน ของส่วนรำชกำรต่ำง ๆ ตำม พ.ร.บ. ระเบียบบริหำร
รำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จะต้องคำนึงถึง
ก. ภำรกิจที่รับผิดชอบ
ข. ประสิทธิภำพของส่วนรำชกำร
ค. คุณภำพและปริมำณของส่วนรำชกำรนั้น ๆ
ง. ก และ ค
จ. ถูกทุกข้อ
5.ข้อใดเป็นกำรบริหำรรำชกำรส่วนกลำง
ก. กระทรวง
ข. ทบวง
ค. ส่วนรำชกำรทีช่ ื่อเรียกอย่ำงอื่นมีฐำนะเป็นกรม แต่ไม่ได้สังกัดกระทรวงหรือทบวง
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
164
จ. ถูกทุกข้อ
6.ส่วนรำชกำรใด ไม่มีฐำนะเป็นนิติบุคคล
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. กรมซึ่งไม่สังกัดกระทรวง
ง. ข้อ ก. และข้อ ค. แล้วแต่กรณี
จ. ทุกข้อมีฐำนะเป็นนิติบุคคล
7.โดยทั่วไปกำรจัดกำรจัดตั้ง กำรรวม กำรโอน กระทรวง ทบวง กรม จะต้องตรำเป็นกฎหมำยใน
ลำดับใด
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. พระรำชกำหนด
ค. พระรำชกฤษฎีกำ
ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
8.ข้อใดผิด
ก. กำรโอนส่วนรำชกำรเข้ำด้วยกันถ้ำไม่มีกำรกำหนดตำแหน่งหรืออัตรำกำลังของส่วน
รำชกำรหรือลูกจ้ำงเพิ่มขึ้นให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
ข. ให้สำนักงำนข้ำรำชกำรพลเรือน และสำนักงำนพัฒนำระบบรำชกำรมีหน้ำที่กำร
ตรวจสอบดูแลมิให้ส่วนรำชกำรที่มีพระรำชกฤษฎีกำให้รวมหรือโอนเข้ำด้วยกัน กำหนดตำแหน่ง
หรือ อัตรำกำลังของข้ำรำชกำรหรือลูกจ้ำงเพิ่มจนกว่ำจะครบสำมปีนับแต่วันที่พระรำชกฤษฎีกำมี
ผล บังคับใช้
ค. กำรเปลี่ยนชื่อส่วนรำชกำรที่มีฐำนะเป็นกรมให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ ง. กำรยุบส่วน
รำชกำรที่มีฐำนะเป็นกระทรวงให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
จ. ข้อ ข. และ ง.
9.หน่วยงำนใดมีหน้ำที่ในกำรตรวจสอบดูแล ส่วนรำชกำรที่จัดตั้งขึ้นใหม่ มิให้มีกำรกำหนด
ตำแหน่ง หรือ อัตรำกำลังของข้ำรำชกำรหรือลูกจ้ำงเพิ่มขึ้นจนกว่ำจะครบสำมปี
ก. สำนักงำนพัฒนำระบบรำชกำร
ข. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ค. สำนักงบประมำณ
ง. ข้อ ก. ข. และ ค.
จ. ข้อ ข. และ ค.
165
15.บุคคลใดเป็นผู้รับผิดชอบในกำรกำหนดนโยบำยเป้ำหมำย และผลสำฤทธิ์ของงำนในสำนัก
นำยกรัฐมนตรี
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
จ. ข้อ ก. ข. และ ค. ถูก
16.ในกรณีที่นำยกรัฐมนตรีตำย ขำดคุณสมบัติ ต้องคำพิพำกษำให้จำคุก หรือศำลรัฐธรรมนูญ
วินิจฉัย ว่ำควำมเป็นรัฐมนตรีของนำยกสิ้นสุดลงในระหว่ำงที่รอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ำมำรับ
หน้ำที่นั้น คณะรัฐมนตรีชุดเดิม จะต้องทำอย่ำงไร
ก. มอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งรักษำรำชกำรแทนนำยกรัฐมนตรี
ข. มอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้ำที่แทนนำยกรัฐมนตรี
ค. มอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติรำชกำรแทนนำยกรัฐมนตรี
ง. มอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้ำที่แทนนำยกรัฐมนตรีแล้วแต่
กรณี
จ. มอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติรำชกำรแทนแล้วแต่
กรณี
17.อำนำจนำยกรัฐมนตรีในฐำนะหัวหน้ำรัฐบำล กำหนดไว้ในมำตรำใดและมีกี่ข้อ
ก. ม. 8 11 ข้อ
ข. ม. 11 ข้อ
ค. ม.10 10 ข้อ
ง. ม.11 9 ข้อ
จ. ม.11 11 ข้อ
18.ข้อใดกล่ำวผิดเกี่ยวกับอำนำจหน้ำที่ของนำยกรัฐมนตรีในฐำนะหัวหน้ำรัฐบำล
ก. สั่งให้รำชกำรส่วนกลำงรำยงำนกำรปฏิบัติรำชกำร
ข. สั่งให้รำชกำรส่วนภูมิภำคชี้แจงแสดงควำมคิดเห็น
ค. สั่งให้รำชกำรส่วนท้องถิ่นรำยงำนกำรปฏิบัติรำชกำร
ง. สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำรปฏิบัติรำชกำรของรำชกำรส่วนท้องถิ่น
จ. ข้อ ค. และ ข้อ ง. กล่ำวผิด
19.กรณีจำเป็นนำยกรัฐมนตรีสำมำรถยังยั้งกำรปฏิบัติรำชกำรของหน่วยงำนใดบ้ำง หำก
หน่วยงำน นั้น ปฏิบัติรำชกำรขัดต่อนโยบำยของรัฐบำล
ก. รำชกำรส่วนกลำง
ข. รำชกำรส่วนภูมิภำค
ค. รำชกำรส่วนท้องถิ่น
167
ง. เฉพำะข้อ ก. และ ข.
จ. ยับยั้งได้ทั้ง ก. ข. และ ค.
20.นำยกรัฐมนตรีสำมำรถยับยั้งกำรปฏิบัติรำชกำรของส่วนรำชกำรท้องถิ่นได้ในกรณีใด
ก. ไม่สำมำรถยับยั้งเป็นอิสระของรำชกำรส่วนท้องถิ่นตำมหลักกำรปกครองตนเอง
ข. ยับยั้งได้หำกรำชกำรส่วนท้องถิ่นกระทำกำรก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อท้องถิ่น
ค. กรณีที่รำชกำรส่วนท้องถิ่นปฏิบัติรำชกำรต่อนโยบำยหรือมติของคณะรัฐมนตรี
ง. ข้อ ข. และ ค.
จ. ข้อ ก. และ ค.
21.ข้อใดมิได้เป็นอำนำจกำรบังคับของนำยกรัฐมนตรี
ก. มีอำนำจบังคับบัญชำปลัดกระทรวงมหำดไทย
ข. มีอำนำจบังคับบัญชำปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. มีอำนำจบังคับบัญชำผู้ว่ำกำรไฟฟ้ำส่วนภูมิภำค
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก
จ. ไม่มีข้อถูก
22.ข้อใดผิด
ก. นำยกรัฐมนตรีมีอำนำจสั่งให้ข้ำรำชกำรกรมกำรปกครองมำปฏิบัติรำชกำรสำนัก
นำยกรัฐมนตรี โดยให้ขำดจำกอัตรำเงินเดือนทำงสังกัดเดิม
ข. นำยกรัฐมนตรีมีอำนำจสั่งให้ข้ำรำชกำรกระทรวงคมนำคม มำปฏิบัติรำชกำรสำนัก
นำยกรัฐมนตรี โดยอัตรำเงินเดือนไม่ขำดจำกทำงสังกัดเดิม
ค. แต่งตั้งรองอธิบดีกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกำร
ปกครอง โดยให้รับเงินเดือนจำกกรมกำรปกครอง
ง. แต่งตั้งอธิบดีกรมทำงหลวงชนบทไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกำรปกครองโดยอนุมัติ
คณะรัฐมนตรี
จ. ไม่มีข้อใดผิด
23.ระเบียบปฏิบัติรำชกำรที่นำยกรัฐมนตรีได้วำงขึ้น เพื่อกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินเป็นไปโดย
รวดเร็วและมีประสิทธิภำพตำมระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดินกำหนดให้มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก. ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำแล้ว
ข. เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ควำมเห็นชอบแล้ว
ค. มีผลบังคับใช้ทันทีที่นำยกรัฐมนตรีในฐำนะหัวหน้ำรัฐบำลลงนำมในคำสั่ง
ง. มีผลบังคับตำมที่ระบุไว้ในระเบียบ
จ. มีผลบังคับใช้ตำมวันที่ระบุไว้ในระเบียบ และได้ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำแล้ว
24.บุคคลตำมข้อใด เป็นข้ำรำชกำรเมือง
ก. เลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
ข. รองเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรีฝ่ำยบริหำร
168
ค. รองเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรีฝ่ำยกำรเมือง
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก
จ. ข้อ ก ข และ ค
25.สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี มีอำนำจหน้ำที่ในเรื่องใด
ก. รำชกำรทำงกำรเมือง
ข. รำชกำรของรัฐสภำ
ค. รำชกำรในพระองค์
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
จ. ถูกทุกข้อ
26.บุคคลตำมข้อใดต่อไปนี้อำจเป็นข้ำรำชกำรกำรเมืองหรือข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญก็ได้
ก. เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ข. รองเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ค. ผู้ช่วยเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ง. ข้อ ข. และ ค.
จ. ไม่มีข้อใดถูก
27.ข้อใดมิใช่อำนำจของปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ก. รับผิดชอบควบคุมรำชกำรประจำในสำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. รับผิดชอบกำหนดแนวทำงและแผนปฏิบัติรำชกำรของสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรสูงสุดของส่วนรำชกำรในสำนักนำยกรัฐมนตรียกเว้น
ข้ำรำชกำรของ ส่วนรำชกำรซึ่งหัวหน้ำส่วนรำชกำรขึ้นตรงต่อนำยกรัฐมนตรี
ง. เป็นผู้บังคับบัญชำข้ำรำชกำรในสำนักงำนปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
จ. ทุกข้อเป็นอำนำจของปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
28.ตำแหน่งใดระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดินมิได้กำหนดไว้
ก. ผูช้ ่วยเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
ข. ผู้ช่วยปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. ผู้ช่วยเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ง. ผู้ช่วยปลัดกระทรวง
จ. ข้อ ข. และ ง.
29.ส่วนรำชกำรใดต่อไปนี้ ตำมระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดินไม่มีฐำนะเป็นนิติบุคคล
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. สำนักงำนปลัดกระทรวง
ค. สำนักงำนเลขำนุกำรรัฐมนตรี
ง. ข้อ ก. และ ข.
จ. ข้อ ก. และ ค.
169
35.บุคคลที่มีหน้ำที่ในกำรวำงแผนและประสำนกิจกรรมให้มีกำรใช้ทรัพยำกรของส่วนรำชกำรต่ำง
ๆ ในกระทรวงร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภำพ ตำมมติและเป้ำหมำยของกระทรวง ได้แก่
ก. รัฐมนตรี
ข. ปลัดกระทรวง
ค. หัวหน้ำกลุ่มภำรกิจ
ง. หัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกรม
จ. ข้อ ข. ค. และ ง.
36.ตำมพ.ร.บ. ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 หำกกระทรวงใดมิได้จัด
ให้มี กลุ่มภำรกิจ และปริมำณงำนมำก จะสำมำรถมีรองปลัดกระทรวงได้กี่คน
ก. 1 คน
ข. 2 คน
ค. 3 คน
ง. 4 คน
จ. เป็นไปตำมที่คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนและคณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร
ร่วมกันอนุมัติ
37.กระทรวงใดมีกำรแบ่งกลุ่มภำรกิจ
ก. กระทรวงกำรท่องเที่ยวและกีฬำ
ข. กระทรวงพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์
ค. กระทรวงพลังงำน
ง. กระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร
จ. ไม่มีข้อถูก
38.กระทรวงมหำดไทยมีกลุ่มภำรกิจ ดังนี้ข้อใดมิใช่
ก. ด้ำนกิจกำรควำมมั่นคงภำยใน
ข. ด้ำนพัฒนำเมืองและส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ค. ด้ำนพัฒนำชุมชนและและส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ง. ด้ำนสำธำรณภัยและพัฒนำเมือง
จ. ข้อ ข. และ ง
39.กลุ่มภำรกิจของกระทรวงมหำดไทยมีกำรบังคับบัญชำในลักษณะใด
ก. ทุกกลุ่มภำรกิจปฏิบัติรำชกำรขึ้นตรงต่อรัฐมนตรี
ข. ทุกกลุ่มภำรกิจปฏิบัติรำชกำรขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวงแต่ให้รำยงำนโดยตรงต่อรัฐมนตรี
อีกต่อหนึ่งด้วย
ค. ทุกกลุ่มภำรกิจปฏิบัติรำชกำรขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวงเว้นแต่ด้ำนกิจกำรควำมมั่นคง
ภำยในขึ้นตรงต่อรัฐมนตรี
171
ง. ทุกกลุ่มภำรกิจปฏิบัติรำชกำรขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีเว้นแต่ด้ำนกิจกำรควำมมั่นคงภำยใน
ขึ้น ตรงต่อปลัดกระทรวง
จ. ผิดทุกข้อ
40.ในกำรจัดระเบียบรำชกำรของกระทรวง ส่วนรำชกำรใดอำจมีหรือไม่มีก็ได้
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. สำนักงำนปลัดกระทรวง
ค. กรม
ง. ข้อ ก. และ ข.
จ. ต้องมีหมดทั้งข้อ ก. และ ค.
41.สำนักงำนรัฐมนตรีมีอำนำจหน้ำที่เกี่ยวกับเรื่องใด
ก. รำชกำรทำงเมือง
ข. รำชกำรทั่วไปของกระทรวง
ค. รำชกำรที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้ำที่ของกรมหนึ่งกรมใดโดยเฉพำะ
ง. ข้อ ก. และ ข.
จ. ข้อ ก. และ ค.
42.ข้อใดมิใช่อำนำจหน้ำที่ของสำนักงำนปลัดกระทรวง
ก. รำชกำรทำงเมือง
ข. รำชกำรทั่วไปของกระทรวง
ค. รำชกำรที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้ำที่ของกรมหนึ่งกรมใดโดยเฉพำะ
ง. เร่งรัดกำรปฏิบัติรำชกำรของส่วนรำชกำรในกระทรวง
จ. ก และ ง
จ. ข้อ ก ข และ ค
45.กระทรวงใดมีเหตุพิเศษ ต้องกำรแบ่งท้องที่ออกเป็นเขต และให้มีหัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำ
เขต สำมำรถทำได้โดยอำศัยกฎหมำยใด
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. ระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. พระรำชกฤษฎีกำ
ง. กฎกระทรวง
จ. มติคณะรัฐมนตรี
46.กำรที่กรมใด จะต้องแบ่งท้องที่ออกเป็นเขตและให้มีหัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำเขต มี
วัตถุประสงค์ในกำรแบ่งอย่ำงใด
ก. เพื่อปฏิบัติทำงกำรเงิน
ข. เพื่อปฏิบัติงำนวิชำกำร
. เพื่อปฏิบัติงำนตรวจสอบ
ง. เพื่อปฏิบัติงำนกำรวิจัย
จ. ข้อ ข. และ ค.
47.กำรแบ่งท้องที่ออกเป็นเขตเพื่อให้มีหัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำเขตปฏิบัติงำนทำงวิชำกำรไม่
บังคับ ใช้แก่ส่วนรำชกำรใดต่อไปนี้
ก. กระทรวงต่ำงประเทศ
ข. สำนักงำนตำรวจแห่งชำติ
ค. สำนักงำนอัยกำรสูงสุด
ง. ข้อ ข. และ ค.
จ. ถูกทุกข้อ
48.กำรที่กระทรวง ทบวง กรมใด จะกำหนดให้มีผู้ตรวจรำชกำรของกระทรวง ทบวง กรม ต้อง
พิจำรณำจำกสิ่งใด
ก. ลักษณะงำนที่มีกำรตรวจสอบ
ข. สภำพและประมำณของงำน
ค. ภำรกิจที่รับผิดชอบ
ง. ข้อ ข. และ ค.
จ. ถูกทุกข้อ
49.ตำมกฎหมำยว่ำด้วยระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน กำรมอบอำนำจในกำรปฏิบัติรำชกำร
แทน นำยกรัฐมนตรีข้อใดถูก (ยกเลิกแล้ว)
ก. นำยกรัฐมนตรีมอบอำนำจให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ข. นำยกรัฐมนตรีมอบอำนำจให้ปลัดกระทรวง
ค. นำยกรัฐมนตรีมอบอำนำจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
173
ค. ไม่สำมำรถมอบได้เพรำะเป็นอำนำจเฉพำะตัว
ง. ขอควำมเห็นชอบจำกรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยก่อน เมื่อได้รับควำมเห็นชอบ
แล้วจึงสำมำรถทำกำรมอบอำนำจได้
จ. ผิดทุกข้อ
55.ข้อใดกล่ำวผิดเกี่ยวกับกำรมอบอำนำจตำมพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550
ก. ผู้มีอำนำจมอบอำนำจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นได้เฉพำะในส่วนรำชกำรเดียวกันเว้นแต่มอบ
อำนำจให้ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข. กำหนดหลักเกณฑ์มอบอำนำจไว้ในพระรำชกฤษฎีกำ
ค. อำนำจในกำรออกใบอนุญำตที่กฎหมำยกำหนดไว้เป็นกำรเฉพำะอำจมอบอำนำจให้
เฉพำะรำชกำรซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชำและผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเท่ำนั้น
ง. วำงหลักกำรสนับสนุนให้มีกำรมอบอำนำจกว้ำงขวำงขึ้นเพื่อเน้นกำรบริกำรประชำชนให้
มีควำมสะดวกและรวดเร็ว
จ. ผู้มอบอำนำจพิจำรณำถึงกำรอำนวยควำมสะดวกแก่ประชำชน ควำมรวดเร็วในกำร
ปฏิบัติรำชกำร กำรกระจำยควำมรับผิดชอบตำมสภำพตำแหน่ง
56.เมื่อมีกำรมอบอำนำจในกำรปฏิบัติรำชกำรแทนให้แก่บุคคลใดแล้วผู้มอบอำนำจนั้น ยังคง
หน้ำที่อย่ำงไร
ก. ยังคงมีอำนำจอยู่เช่นเดิมและแก้ไขกำรปฏิบัติรำชกำรของผู้รับมอบอำนำจได้
ข. มีหน้ำที่กำกับติดตำมผลกำรปฏิบัติรำชกำรของผู้รับมอบอำนำจ
ค. มีอำนำจแนะนำและแก้ไขกำรปฏิบัติรำชกำรของผู้รับมอบอำนำจได้
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
จ. ก ข และ ค
57.กำรรักษำรำชกำรแทนข้อใดถูก
ก. กรณีที่นำยกรัฐมนตรีไม่อำจปฏิบัติรำชกำรแทนได้และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรอง
นำยกรัฐมนตรีให้รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ข. กรณีนำยกรัฐมนตรีไม่อำจปฏิบัติรำชกำรได้ให้คณะรัฐมนตรีมอบอำนำจให้รัฐมนตรีคน
ใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ค. กรณีที่นำยกรัฐมนตรีไม่อำจปฏิบัติรำชกำรได้และมีรองนำยกรัฐมนตรีหลำยคนให้
นำยกรัฐมนตรีมอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ง. กรณีที่นำยกรัฐมนตรีไม่อำจปฏิบัติรำชกำรได้และมีรองนำยกรัฐมนตรีหลำยคนได้ให้
คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
จ. กรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนำยกรัฐมนตรีและมีรองนำยกรัฐมนตรีหลำยคนได้ให้
คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รองนำยกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
175
58. ในกรณีที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงไม่อำจปฏิบัติรำชกำรแทนได้...........ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก. ให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่ำกำรกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็น
ผู้รักษำ รำชกำรแทน
ข. ถ้ำไม่มีรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ค. ถ้ำมีรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงหลำยคนให้นำยกรัฐมนตรีมอบหมำยให้รัฐมนตรีช่วยว่ำ
กำร กระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ง. ถ้ำไม่มีรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็น
ผู้รักษำรำชกำรแทน
จ. ข้อ ค. และ ง.
59.กรณีที่ปลัดกระทรวงไม่อำจปฏิบัติรำชกำรแทนได้และไม่มีรองปลัดกระทรวงหรือมีแต่ไม่อำจ
ปฏิบัติรำชกำร ได้ ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรรักษำรำชกำรแทนปลัดกระทรวง
ก. ให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแต่งตั้งอธิบดีหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่ำเป็นผู้รักษำ
รำชกำรแทน
ข. ให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแต่งตั้งข้ำรำชกำรในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำ
ผู้อำนวยกำรกองหรือเทียบเท่ำเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ค. ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งข้ำรำชกำรในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำอธิบดีหรือ
เทียบเท่ำเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ง. ก และ ค แล้วแต่กรณี
60.ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขำนุกำรรัฐมนตรี หรือมีไม่อำจปฏิบัติรำชกำรได้ใครจะเป็น
ผู้รักษำ รำชกำร แทน ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก. ผู้ช่วยเลขำนุกำรรัฐมนตรีผู้มีควำมอำวุโส
ข. ผู้ช่วยเลขำนุกำรรัฐมนตรีที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมอบหมำย
ค. หัวหน้ำสำนักงำนรัฐมนตรีกรณีที่ไม่มีผู้ช่วยเลขำนุกำรรัฐมนตรี
ง. ถ้ำไม่มีผู้ช่วยเลขำนุกำรรัฐมนตรีให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแต่งตั้งข้ำรำชกำรกำรเมือง
คนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
จ. ข้อ ข. และ ง.
61.ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อำจปฏิบัติรำชกำรได้ใครจะเป็น
ผู้รักษำรำชกำรแทน ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก. พระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดินมิได้บัญญัติกรณีดังกล่ำวนี้ไว้
ข. ปลัดกระทรวงจะแต่งตั้งข้ำรำชกำรในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำอธิบดีหรือ
เทียบเท่ำเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ค. ปลัดกระทรวงแต่งตั้งข้ำรำชกำรในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำผู้นวยกำรกอง
หรือเทียบเท่ำเป็นผู้รกั ษำรำชกำรแทน
176
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงจะแต่งตั้งข้ำรำชกำรในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำ
อธิบดีหรือเทียบเท่ำเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
จ. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงจะแต่งตั้งข้ำรำชกำรในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำผู้
นวยกำรกองหรือเทียบเท่ำเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
62.ข้อใดกล่ำวผิดเกี่ยวกับกำรรักษำรำชกำรแทน อธิบดี
ก. กรณีที่มีรองอธิบดีหลำยคนให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองอธิบดีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำ
รำชกำรแทน
ข. ถ้ำไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีหรือมีแต่ไม่อำจปฏิบัติรำชกำรได้ให้ปลัดกระทรวง
แต่งตั้งข้ำรำชกำรในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ำรองอธิบดีหรือข้ำรำชกำรตั้งแต่หัวหน้ำกอง
หรือเทียบเท่ำขึ้นไปเป็นผู้รักษำกำรแทน
ค. ถ้ำรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงเห็นสมควรเพื่อควำมเหมำะสมแก่กำรรับผิดชอบกำรปฏิบัติ
รำชกำรในกรมนั้นรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงจะแต่งตัง้ ข้ำรำชกำรคนใดคนหนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่
ำ กว่ำรองอธิบดีหรือเทียบเท่ำเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ง. ข้อ ก. และ ข.
จ. ข้อ ข. และ ค. ผิด
63.กำรรักษำรำชกำรแทนตำม พ.ร.บ. ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ไม่ใช้บังคับ
แก่ส่วนรำชกำรใด
ก. กระทรวงศึกษำธิกำร
ข. กระทรวงกำรคลัง
ค. สำนักงำนตำรวจแห่งชำติ
ง. กระทรวงกลำโหม
จ. ค และ ง
64.กรณีเลขำนุกำรกรมกำรปกครอง ไม่สำมำรถปฏิบัติรำชกำรได้ หำกต้องกำรที่จะแต่งตั้ง
ผู้รักษำ รำชกำรแทนเลขำนุกำรปกครองจะต้องทำอย่ำงไร
ก. เลขำนุกำรกรมกำรปกครองออกคำสั่งแต่งตั้งหัวหน้ำฝ่ำยคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำ
รำชกำรแทน
ข. อธิบดีออกคำสั่งแต่งตั้งหัวหน้ำฝ่ำยคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ค. อธิบดีออกคำสั่งแต่งตั้งข้ำรำชกำรในกรมคนใดคนหนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำหัวหน้ำ
กองหรือเทียบเท่ำเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
จ. ผิดทุกข้อ
177
65.ข้อใดกล่ำวเกี่ยวกับเรื่องกำรรักษำรำชกำรแทนถูกต้อง
ก. ผู้รักษำรำชกำรแทนมีอำนำจหน้ำที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน
ข. กรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งใดมอบอำนำจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติรำชกำรแทน ให้ผู้ที่
ปฏิบัติรำชกำรแทนมีหน้ำที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบอำนำจ
ค. กรณีที่มีกฎหมำยอื่นแต่งตั้งให้ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมกำรหรือให้มีอำนำจหน้ำที่อย่ำง
ใด ผู้รักษำรำชกำรแทนย่อมมีอำนำจหน้ำที่เป็นกรรมกำรหรือมีอำนำจหน้ำที่เช่นเดียวกับผู้ดำรง
ตำแหน่งนั้น
ง. เฉพำะข้อ ก. และ ข. ถูก
จ. ข้อ ก. ถึง ค. ถูก
66."หัวหน้ำคณะผู้แทน" ตำม พ.ร.บ. ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไข
เพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) 2545 โดยทั่วไปเป็นข้ำรำชกำรสังกัดส่วนรำชกำรใด
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี ข. กระทรวงกำรต่ำงประเทศ
ค. กระทรวงกลำโหม ง. กระทรวงใดก็ได้ที่ได้รับแต่งตั้งจำกนำยกรัฐมนตรี
จ. กระทรวงพำณิชย์
67.กรณีที่ปลัดกระทรวงมหำดไทย จะมอบอำนำจเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้หัวหน้ำคณะผู้แทนในกำร
บริหำรรำชกำร ใน ต่ำงประเทศ ตำม พ.ร.บ. ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 จะต้องทำอย่ำงไร
ก. ทำหนังสือให้คณะรัฐมนตรีทรำบ
ข. แจ้งเรื่องมอบอำนำจให้หัวหน้ำคณะผู้แทนทรำบโดยตรง
ค. ขออนุมัติรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยก่อนที่จะทำกำรมอบอำนำจ
ง. แจ้งเรื่องกำรมอบอำนำจดังกล่ำวผ่ำนกระทรวงต่ำงประเทศ
จ. ไม่มีข้อใดถูก
68.กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำรส่วนภูมิภำค เป็นไปตำมข้อใด
ก. จังหวัด อำเภอ
ข. ส่วนกลำง ส่วนภูมิภำค ส่วนท้องถิ่น
ค. จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้ำน
ง. จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ
จ. ไม่มีข้อใดถูก
69.จังหวัดสุรินทร์ มีพื้นที่ 10,000 ตำรำงเมตร หำกต้องกำรจะแบ่งเขตพื้นที่ ของบำงอำเภอ
จำนวน 1,000 ตำรำงเมตร ให้เป็นของจังหวัดบุรีรัมย์ จะต้องทำอย่ำงไร
ก. ทำเป็นคำสั่งของกระทรวงมหำดไทย
ข. ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
ค. ตรำเป็นพระรำชกำหนด
ง. ตรำเป็นพระรำชบัญญัติ
178
จ. ออกเป็นกฎกระทรวง
70. หน่วยงำนใดสำมำรถยื่นคำขอจัดตั้งงบประมำณได้ตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีกำรและ
งบประมำณ
ก. จังหวัด ข. กลุ่มจังหวัด ค. อำเภอ ง. ก และ ข จ. ถูกทุกข้อ
71.ในกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินของจังหวัดใด ใครมีหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำของผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ก. สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรในจังหวัด
ข. สภำจังหวัด
ค. คณะกรรมกำรจังหวัด
ง. คณะกรรมกำรธรรมภิบำลจังหวัด
จ. ค และ ง
72.ตำมพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2550 กำหนดให้จังหวัดมีอำนำจกี่
ข้อ
ก. 6 ข้อ ข. 7 ข้อ ค. 8 ข้อ ง. ข้อ 9
จ. 5 ข้อ
73. ข้อใดกล่ำวผิดเกี่ยวกับคณะกรรมกำรจังหวัด
ก. หัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำจังหวัดจำกกระทรวงต่ำงๆกระทรวงละหนึ่งคนเป็นกรมกำร
จังหวัด
ข. ถ้ำกระทรวงใดมีหัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำจังหวัดมำกกว่ำหนึ่งคนให้ผู้ว่ำรำชกำร
จังหวัดมอบหมำยให้หัวหน้ำส่วนรำชกำรจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้แทนในคณะกรรมกำรจังหวัด
ค. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเห็นสมควรจะแต่งตั้งให้หัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำจังหวัดซึ่งปฏิบัติ
หน้ำที่ในรำชกำร ส่วนภูมิภำคคนหนึ่งหรือหลำยคนเป็นกรมกำรจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉพำะกำรปฏิบัติ
หน้ำที่ด้ำนใดด้ำนหนึ่งก็ได้
ง. มีหน้ำที่ให้ควำมเห็นชอบแผนพัฒนำจังหวัด
จ. ข และ ง กล่ำวผิด
74.ข้อใดเป็นอำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรจังหวัด
ก. ให้ควำมเห็นชอบในกำรจัดทำแผนพัฒนำจังหวัด
ข. ทำหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำของผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ค. ปฏิบัติหน้ำที่อื่นตำมที่กฎหมำยหรือมติของคณะรัฐมนตรีกำหนด
ง. ถูกเฉพำะข้อ ข. และ ค.
จ. ก ข และ ค
75.หัวหน้ำสำนักงำนจังหวัดมีตำแหน่งใดในคณะกรมกำรจังหวัด
ก. เลขำนุกำร
ข. กรมกำรจังหวัด
ค. เป็นตำมที่ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดมอบหมำย
179
81.ข้อใดไม่ใช่อำนำจหน้ำที่ของผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ก. ยับยั้งกำรกระทำใด ๆ ของข้ำรำชกำรพลเรือนในมหำวิทยำลัยไว้ชั่วครำว แล้วรำยงำน
กระทรวงศึกษำธิกำร
ข. ประสำนงำนและร่วมมือกับข้ำรำชกำรทหำรในกำรพัฒนำจังหวัด
ค. เสนอขอจัดตั้งงบประมำณจังหวัดและรำยงำนให้กระทรวงมหำดไทยทรำบ
ง. กำกับกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนองค์กรรัฐบำลหรือรัฐวิสำหกิจ
จ. ควบคุมกำรบริหำรรำชกำรส่วนท้องถิ่นตำมกฎหมำย
82.กรณีที่ส่วนรำชกำรใด ต้องกำรให้ข้ำรำชกำรในสังกัดมีอำนำจหน้ำที่ในกำรบริหำรรำชกำรส่วน
ภูมิภำคเช่นเดียวกับผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด จะต้องทำอย่ำงไร
ก. ออกพระรำชบัญญัติ ข. ออกพระรำชฎีกำ
ค. ออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี ง. ออกระเบียบกระทรวง
จ. ออกกฎกระทรวง
83.ข้อใดเป็นกำรแบ่งส่วนรำชกำรจังหวัด
ก. จังหวัด อำเภอ ข. จังหวัด อำเภอ รำชกำรส่วนท้องถิ่น
ค. สำนักงำนจังหวัด ส่วนรำชกำรต่ำง ๆ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึ้นมีหน้ำที่เกี่ยวกับ
รำชกำรของกระทรวง ทบวง กรมนั้น
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก จ. ข้อ ก. และ ข. ถูก
84.ข้อใดเป็นหน้ำที่ของสำนักงำนจังหวัด
ก. งำนเลขำนุกำรผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด ข. รำชกำรทั่วไป
ค. กำรวำงแผนพัฒนำจังหวัด ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
จ. ถูกทุกข้อ
85.ข้อใดเป็นอำนำจหน้ำที่ของอำเภอที่เพิ่มเติมไปจำกอำนำจหน้ำที่ของจังหวัดตำม
พระรำชบัญญัติ ระเบียบ บริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2550
ก. ส่งเสริม สนับสนุน และจัดให้มีศูนย์บริกำรร่วม
ข. ประสำนงำนกับองค์กำรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อร่วมมือกับชุมชนในกำรด ำเนินงำนให้
มี แผนชุมชน
ค. ประสำนงำนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประนีประนอมข้อพิพำทระหว่ำงเพื่อให้
เกิดควำมสงบเรียบร้อยในสังคม
ง. ก และ ค จ. ก ข และ ค
86.ข้อใดกล่ำวผิดเกี่ยวกับกำรไกล่เกลี่ยและประนีประนอมข้อพิพำทของประชำชนตำมระเบียบ
บริหำรรำชกำรแผ่นดิน
ก. นำยอำเภอเป็นหน้ำที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทคู่กรณีฝ่ำยใดฝ่ำยหนึ่งมีภูมิลำเนำ
อยู่ในอำเภอ
181
ข. มีคณะบุคคลผู้ทำหน้ำที่ไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพำทโดยควำมเห็นชอบจำก
คณะกรรมกำรจังหวัด ซึ่งคัดจำกบุคคลที่มีควำมรู้หรือประสบกำรณ์เหมำะสม
ค. เป็นข้อพิพำททำงแพ่งเกี่ยวกับที่ดินและมรดกโดยไม่จำกัดคุณสมทรัพย์
ง. ผู้เป็นประธำนคณะบุคคลทำหน้ำที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทได้แก่นำยอำเภอ
พนักงำนอัยกำรประจำจังหวัดหรือปลัดอำเภอ
จ. ก และ ค
87.ข้อใดกล่ำวผิดเกี่ยวกับกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทของประชำชนตำมระเบียบบริหำร
รำชกำรแผ่นดิน
ก. ข้อพิพำทเกี่ยวกับทำงแพ่งกับที่ดินมรดก และข้อพิพำททำงแพ่งอื่นที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน
สองแสนบำท
ข. แยกระบบกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทในทำงแพ่งและในทำงอำญำออกจำกกันอย่ำงชัดเจน
ค. ในทำงอำญำต้องเป็นคดีอันยอมควำมกันได้เว้นแต่เป็นคดีเกี่ยวกับเพศ เด็กและเยำวชน
ง. อำยุควำมฟ้องร้องสะดุดหยุดลงนับแต่วันที่ยื่นข้อพิพำทเว้นแต่ในทำงอำญำอำยุควำม
ร้อง ทุกข์ให้เริ่มนับใหม่นับแต่วันที่จำหน่ำยข้อพิพำท
จ. ข้อตกลงตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมมีผลเช่นเดียวกับคำชี้ของอนุญำโตตุลำกำร
88.อำเภอ ก. ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนำยอำเภอเนื่องจำกนำยอำเภอคนเดิมย้ำยไปดำรงตำแหน่งที่
อำเภอ ข. กรณีนี้หำกต้องกำรที่จะให้มีกำรแต่งตั้งผู้รักษำรำชกำรแทนนำยอำเภอจะต้องทำอย่ำงไร
ก. ให้ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดแต่งตั้งปลัดอำเภอ หรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำอำเภอ มีผู้
อำวุโส ตำมระเบียบแบบแผนของทำงรำชกำรเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ข. ให้ปลัดอำเภอหรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำอำเภอผู้มีอำวุโสตำมระเบียบแบบแผน
ของ ทำงรำชกำรเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
ค. ให้นำยอำเภอคนเดิมแต่งตั้งผู้รักษำรำชกำรแทนก่อนที่จะเดินทำงไปรับตำแหน่งใหม่ ง.
ปลัดอำเภอผู้มีควำมอำวุโสเป็นผู้รักษำรำชกำรแทน
จ. ไม่มีข้อถูก
89.กำรยุบ และเปลี่ยนเขตอำเภอ ให้จัดทำโดย...................?
ก. พระรำชบัญญัติ ข. พระรำชกฤษฎีกำ
ค. ระเบียบกระทรวงมหำดไทย ง. ประกำศกระทรวงมหำดไทย
จ. กฎกระทรวง
90.บุคคลต่อไปนี้ กฎหมำยมิได้กำหนดต้องให้สังกัดกระทรวงมหำดไทย
ก. นำยอำเภอ
ข. ผู้ช่วยผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ค. ปลัดจังหวัด
ง. หัวหน้ำสำนักจังหวัด
จ. ข้อ ค. และ ง.
182
6. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกำรจัดระเบียบข้ำรำชกำรพลเรือน
ก. ควำมมีประสิทธิภำพ
ข. ผลสัมฤทธิ์ต่อภำรกิจของรัฐ
ค. ควำมมีระเบียบวินัย
ง. ควำมคุ้มค่ำ
7. กรรมกำร ในคณะกรรมกำรพิทักษ์ระบบคุณธรรม มีวำระกำรดำรงตำแหน่ง นับแต่วันที่ทรง
พระกรุณำโปรดเกล้ำฯ แต่งตั้ง
ก. 4 ปี
ข. 3 ปี
ค. 6 ปี
ง. 5 ปี
8. ข้อใดไม่ใช่ ระดับตำแหน่งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ
ก. ตำแหน่งประเภทอำนวยกำร ระดับสูง
ข. ตำแหน่งประเภทวิชำกำร ระดับเชี่ยวชำญ
ค. ตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับชำนำญกำร
ง. ตำแหน่งประเภทบริหำร ระดับต้น
9.ให้มีกรรมผู้ทรงคุณวุฒิ ใน ก.พ. ซึ่งมีผลงำนเป็นที่ประจักษ์ด้ำนต่ำงๆ จำนวนเท่ำใด
ก. ไม่น้อยกว่ำ 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน
ข. ไม่น้อยกว่ำ 4 คน แต่ไม่เกิน 6 คน
ค. ไม่น้อยกว่ำ 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน
ง. ไม่น้อยกว่ำ 6 คน แต่ไม่เกิน 8 คน
10. อ.ก.พ. กระทรวง ใครเป็นประธำน
ก. นำยกรัฐมนตรี หรือรองนำยกรัฐมนตรีที่นำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
ข. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ค. รัฐมนตรีเจ้ำสังกัด
ง. อธิบดี
11. มำตรำ 39 วันเวลำทำงำน วันหยุดรำชกำรตำมประเพณี วันหยุดรำชกำรประจำปี และกำร
ลำหยุดรำชกำรของข้ำรำชกำรพลเรือน ให้เป็นไปตำมข้อใด
ก. ตำมที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ข. ตำมที่กระทรวงกำรคลังกำหนด
ค. ตำมที่คณะรัฐมนตรีประกำศ
ง. ตำมที่สำนักนำยกรัฐมนตรีกำหนด
185
แนวข้อสอบพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
1. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง มิให้บังคับใช้ แก่ข้อใด
ก. รัฐสภำและคณะรัฐมนตรี
ข. องค์กรที่ใช้อำนำจตำมรัฐธรรมนูญโดยเฉพำะ
ค. กำรพิจำรณำของนำยกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในงำนทำงนโยบำยโดยตรง
ง. ถูกทุกข้อ
2. กำรเตรียมกำรและกำรดำเนินกำรของเจ้ำหน้ำที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทำงปกครองหรือกฎและ
รวมถึงกำรดำเนินกำรใดๆในทำงปกครอง เป็นควำมหมำยของข้อใด
ก. วิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ข. กำรปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ค. วิธีกำรปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ง. ไม่มีข้อถูก
3. กำรเตรียมกำรและกำรดำเนินกำรของเจ้ำหน้ำที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทำงปกครองเป็นควำมหมำย
ของข้อใด
ก. ขั้นตอนกำรพิจำรณำทำงปกครอง
ข. กำรพิจำรณำทำงปกครอง
ค. เตรียมกำรพิจำรณำทำงกำรปกครอง
ง. ดำเนินกำรพิจำรณำทำงกำรปกครอง
4. กำรใช้อำนำจตำมกฎหมำยของเจ้ำหน้ำที่ที่มีผลเป็นกำรสร้ำงนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่ำงบุคคลในอัน
ที่จะก่อ เปลี่ยนแปลงโอนสงวนระงับหรือมีผลกระทบต่อสถำนภำพของสิทธิ์หรือหน้ำที่ของบุคคล
ไม่ว่ำจะเป็นกำรถำวรหรือชั่วครำวเช่นกำรสั่งกำรกำรอนุญำตกำรอนุมัติกำรวินิจฉัยอุทธรณ์กำร
รับรองและกำรรับจดทะเบียนแต่ไม่หมำยรวมควำมถึงอะไร
ก. กำรขึ้นทะเบียน
ข. กำรออกกฎ
ค. กำรลงโทษ
ง. ไม่มีข้อถูก
5. พระรำชกฤษฎีกำกฎกระทรวงประกำศกระทรวงข้อบัญญัติท้องถิ่นระเบียบข้อบังคับหรือ
บทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นกำรทั่วไปโดยไม่มุ่งหมำยให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นกำร
เฉพำะ เป็นควำมหมำยของคำว่ำ
ก.ระเบียบ
ข.กฎ
ค.กฎหมำย
ง.ข้อบังคับ
193
6. คณะกรรมกำรที่จัดตั้งขึ้นตำมกฎหมำยที่มีกำรจัดองค์กรและวิธีพิจำรณำสำหรับกำรวินิจฉัยชี้
ขำดสิทธิและหน้ำที่ตำมกฎหมำยเป็นควำมหมำยของคณะกรรมกำรใด
ก. คณะกรรมกำรวินิจฉัยข้อพิพำท
ข. คณะกรรมกำร กรรมำธิกำรวินิจฉัยข้อพิพำท
ค. คณะกรรมกำรวิเครำะห์ และวินิจฉัยข้อพิพำท
ง. คณะกรรมกำร สั่งกำรทำงข้อพิพำท
7. บุคคลคณะบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งใช้อำนำจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนำจทำงปกครองของรัฐใน
กำรดำเนินกำรอย่ำงหนึ่งอย่ำงใดตำมกฎหมำยไม่ว่ำจะเป็นกำรจัดตั้งขึ้นตำมระบบรำชกำร
รัฐวิสำหกิจหรือกิจกำรอื่นของรัฐหรือไม่ก็ตำมเป็นควำมหมำยของข้อใด
ก. เจ้ำพนักงำน
ข. พนักงำนเจ้ำหน้ำที่
ค. เจ้ำหน้ำที่
ง. ข้ำรำชกำร
8. ผู้ยื่นคำขอหรือผู้คัดค้ำนคำขอผู้อยู่ในบังคับหรือจะอยู่ในบังคับของคำสั่งทำงปกครองและผู้ซึ่งได้
เข้ำมำในกระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครองเนื่องจำกสิทธิ์ของผู้นั้นจะถูกกระทบกระเทือนจำกผล
ของคำสั่งทำงปกครองเป็นควำมหมำยของ ข้อใด
ก. คู่พิพำท
ข. คู่กรณี
ค. ผู้ต้องคำสั่งทำงปกครอง
ง. ผู้เสียประโยชน์
9. ผู้ใดรักษำกำรตำมพระรำชบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. นำยกรัฐมนตรี
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกลำโหม
10. ผู้รักษำกำร ตำมพระรำชบัญญัตินี้มีอำนำจในกำรออก ................ เพื่อปฏิบัติ กำรตำม
พระรำชบัญญัติ นี้
ก. กฎกระทรวงและคำสั่ง
ข. กฎกระทรวงและประกำศ
ค. ประกำศและคำสั่ง
ง.ไม่มีข้อถูก
11. คณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง ให้ใครเป็นผู้แต่งตั้งประธำนกรรมกำรและ
กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ
ก. นำยกรัฐมนตรี
194
ข. รัฐสภำ
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้อ
12. ผู้ใด แต่งตั้งเลขำนุกำรและผู้ช่วยเลขำนุกำร คณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. ประธำน คณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ข. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ค. นำยกรัฐมนตรี
ง. ไม่มีข้อถูก
13. สำนักงำนคณะกรรมกำรใดทำหน้ำที่เป็นสำนักงำนเลขำนุกำรของคณะกรรมกำรวิธีกำรปฏิบัติ
รำชกำรทำงปกครอง
ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ข. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ค. สำนักงำนเลขำนุกำรนำยกรัฐมนตรี
ง. สำนักงำน คณะรัฐมนตรี
14. เจ้ำหน้ำที่ดังต่อไปนี้จะทำกำรพิจำรณำทำงปกครองไม่ได้คือข้อใด
ก. เป็นญำติของคู่กรณี
ข. เป็นคู่กรณีเอง
ค. เป็นเจ้ำหนี้หรือลูกหนี้หรือเป็นนำยจ้ำงของคู่กรณี
ง.ถูกทุกข้อ
15. ถ้ำปรำกฏภำยหลังว่ำเจ้ำหน้ำที่หรือคณะกรรมกำรในคณะกรรมกำรที่มีอำนำจพิจำรณำทำง
ปกครองใดขำดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ำมหรือกำรแต่งตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมำยอันเป็นเหตุ
ให้ผู้นั้น ผลจำกตำแหน่งกำรพ้นจำกตำแหน่งนั้น มีผลทำให้
ก. กำรพ้นจำกตำแหน่งเช่นว่ำนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงกำรณ์ใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติตำม
อำนำจหน้ำที่
ข. กำรพ้นจำกตำแหน่งเช่นว่ำนั้นให้ถือว่ำกำรปฏิบัติหน้ำที่ที่แล้วมำเป็นกำรปฏิบัติหน้ำที่
โดยมิชอบด้วยกฎหมำย
ค. กำรพ้นจำกตำแหน่งเช่นว่ำนั้น มีผลทำให้ คำสั่งหรือประกำศที่ออกโดยบุคคลนั้นไม่มีผล
บังคับใช้อีกต่อไป
ง. ไม่มีข้อถูก
16. ผู้มีอำนำจกำกับควบคุม รัฐมนตรีนั้นคือผู้ใด
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. รัฐสภำ
ค. นำยกรัฐมนตรี
195
ง. ถูกทุกข้อ
17. คู่กรณีในกำรพิจำรณำทำงปกครองได้ตำมขอบเขตของตนถูกกระทบกระเทือนหรืออำจถูก
กระทบกระเทือนโดยมิอำจหลีกเลี่ยงได้ คือ ผู้ใด
ก. บุคคลธรรมดำ
ข. คณะบุคคล
ค.นิติบุคคล
ง.ถูกทุกข้อ
18. ผู้ใดไม่สำมำรถกระทำกำรในกระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครองได้
ก. ผู้ซึ่งไม่บรรลุนิติภำวะ
ข. นิติบุคคล
ค. คณะบุคคล
ง. ไม่มีข้อถูก
19. ในกำรพิจำรณำทำงปกครองที่คู่กรณีต้องมำปรำกฏตัวต่อเจ้ำหน้ำที่คู่กรณีมีสิทธิ์นำ
ทนำยควำมหรือที่ปรึกษำของตนเข้ำมำในกำรพิจำรณำทำงปกครองได้ด้ำนใดที่ทนำยควำมหรือที่
ปรึกษำได้ทำลงต่อหน้ำคู่กรณีให้ถือว่ำเป็นกำรกระทำของคู่กรณีเว้นแต่ข้อใด
ก. คู่กรณีจะได้คัดค้ำนเสียแต่ในขณะนั้น
ข. คู่กรณีคัดค้ำนไม่เห็นด้วยควำมเห็นของ ทนำยหรือที่ปรึกษำ
ค. คู่กรณีคัดค้ำนทนำยที่ได้รับกำรแต่งตั้งมำแทน
ง. ไม่มีข้อถูก
20. หำกปรำกฏว่ำผู้ได้รับกำรแต่งตั้งให้กระทำกำรแทนผู้ใดไม่ทรำบข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นเพียงพอ
หรือมีเหตุไม่ควรไว้วำงใจในควำมสำมำรถของบุคคลดังกล่ำวให้เจ้ำหน้ำที่แจ้งให้คู่กรณีทรำบ โดย
..........
ก.ทำงโทรศัพท์
ข.อย่ำงรวดเร็ว
ค.ไม่ชักช้ำ
ง.ทันที
21. ควำมตำยของคู่กรณีเป็นเหตุ ให้กำรแต่งตั้งให้กระทำแทนไม่สิ้นสุดลงหรือไม่
ก. ผู้กระทำแทนที่ได้รับกำรแต่งตั้ง สิ้นสุดหน้ำที่ลง
ข. ผู้กระทำแทนที่ได้รับกำรแต่งตั้งไม่สิ้นสุดหน้ำที่
ค. ผู้กระทำแทนที่ได้รับกำรแต่งตั้งต้องได้รับกำรแต่งตั้ง จำก ทำยำท
ง. ผู้กระทำแทน สิ้นสุดหน้ำที่ลง และให้ทำยำทเป็นผู้กระทำแทนต่อ
196
ข.30 วัน
ค.45 วัน
ง.60 วัน
32. ในกำรใช้มำตรกำรบังคับทำงปกครองแก่บุคคลใดหำกบุคคลนั้นถึงแก่ควำมตำยให้ดำเนินกำร
บังคับทำงปกครองต่อไปได้แก่ ผู้ใด
ก. ทำยำทผู้รับมรดก
ข. ผู้จัดกำรมรดก
ค. ถูกทั้ง ก. ข.
ง. ไม่มีข้อถูก
33. ในกรณีที่เจ้ำหน้ำที่มีคำสั่งทำงปกครอง ที่กำหนดให้ชำระเงินถ้ำถึงกำหนดแล้วไม่มีกำรชำระ
โดยถูกต้องครบถ้วนให้เจ้ำหน้ำที่ผู้ทำคำสั่งทำงปกครองมีหนังสือเตือน ให้ผู้นั้นชำระภำยใน
ระยะเวลำที่กำหนดแต่ไม่น้อยกว่ำกี่วัน
ก.5 วัน
ข.7 วัน
ค.9 วัน
ง.15 วัน
34. เมื่อมีคำสั่งเป็นหนังสือ เตือน ทำงปกครองให้ไปชำระเงิน ถ้ำไม่ได้บัตรตำมคำเตือนเจ้ำหน้ำที่
มีมำตรกำรบังคับทำงกำรปกครองโดย
ก. นำกำลังเจ้ำหน้ำที่ควบคุมตัว เพื่อดำเนินคดี
ข. ยึดหรืออำยัดทรัพย์สินผู้นั้น
ค. นำทรัพย์สินที่ยึดหรืออำยัดทรัพย์สินผู้นั้นไปขำยทอดตลำดเพื่อชำระเงินให้ครบถ้วน
ง. ถูกทั้ง ข. และ ค.
35. หน่วยงำนของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงินต้องดำเนินกำรยึดหรืออำยัดทรัพย์สินภำยในกี่ปีนับ
แต่วันที่คำสั่งทำงปกครอง ที่กำหนดให้ชำระเป็นที่สุด
ก. 10 ปี
ข. 12 ปี
ค. 13 ปี
ง. ไม่มีข้อถูก
36. คำสั่งทำงปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินเป็นที่สิ้นสุดในกรณีใด
ก. ไม่มีกำรอุทธรณ์คำสั่งต่อเจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยปกครองภำยในระยะเวลำอุทธรณ์
ข. เจ้ำหน้ำที่ผู้มีอำนำจพิจำรณำอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์และไม่มีกำรฟ้องคดีต่อศำล
ภำยในระยะเวลำกำรฟ้องคดี
ค. ศำลมีคำสั่งหรือคำพิพำกษำยกฟ้องหรือเพิกถอนคำสั่งบำงส่วนและคดีถึงที่สิ้นสุดแล้ว
ง. ถูกทุกข้อ
198
37. จะยึดหรืออำยัดทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกนิดได้ในกรณีใด
ก. ศำลมี คำสั่งหรือมีคำพิพำกษำยกฟ้อง
ข. เพิกถอนคำสั่ง บำงส่วน
ค. คดีถึงที่สิ้นสุดแล้ว
ง.ถูกทุกข้อ
38. หน่วยงำนของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงินหมำยถึง
ก. พนักงำนเจ้ำหนี้
ข. เจ้ำหนี้ตำมคำพิพำกษำ
ค. หน่วยงำนเจ้ำหนี้
ง. ไม่มีข้อถูก
39. ผู้ที่อยู่ในขั้นตอนและวิธีกำรเกี่ยวกับกำรยึด กำรอำยัดและกำรขำยทอดตลำดทรัพย์สิน อยู่
ในบังคับของมำตรกำรบังคับทำงปกครองหมำยถึง
ก. ลูกหนี้ของหน่วยงำนรัฐ
ข. ลูกหนี้ของ รำชกำร
ค. ผู้ต้องชำระหนี้ของหน่วยงำนรัฐ
ง. ลูกหนี้ตำมคำพิพำกษำ
40. เจ้ำพนักงำน บังคับคดี ตำมขั้นตอนและวิธีกำรเกี่ยวกับกำรยึดและอำยัดกำรขำยทอดตลำด
ทรัพย์สิน หมำยถึงข้อใด
ก. เจ้ำพนักงำนปกครอง
ข. เจ้ำพนักงำนทำงกำรบังคับปกครอง
ค. เจ้ำพนักงำนบังคับทำงปกครอง
ง. เจ้ำพนักงำนบังคับคดีทำงปกครอง
41. สำรใดไม่อยู่ในภำยใต้บังคับ กำรโต้แย้งหรือกำรใช้สิทธิ์ทำงศำลเกี่ยวกับกำรยึดกำรอำยัดและ
กำรขำยทอดตลำดทรัพย์สินโดยผู้อยู่ในบังคับของมำตรกำรบังคับทำงปกครองรวมทั้ง
บุคคลภำยนอก ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออำยัด
ก. ศำลปกครอง
ข. ศำลแรงงำน
ค. ศำลภำษีอำกร
ง. ศำลเยำวชนและครอบครัว
42. ค่ำปรับที่เจ้ำหน้ำที่ส่งให้ผู้ที่ฝ่ำฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตำมคำสั่งทำงปกครองที่กำหนดให้กระทำ
หรือละเว้นกำรกระทำ ชำระเป็นรำยวันไปจนกว่ำจะยุติกำรฝ่ำฝืนคำสั่งหรือได้มีกำรปฏิบัติตำม
คำสั่งแล้วไม่ว่ำจะเป็นค่ำปรับที่กำหนดโดยพระรำชบัญญัตินี้หรือโดยกฎหมำยอื่นหมำยควำมคือข้อ
ใด
ก. ค่ำปรับบังคับกำร
199
ข. ค่ำปรับละเมิดคำสั่งปกครอง
ค. ค่ำปรับทำงปกครอง
ง. ค่ำปรับ เพื่อชำระกำรละเมิดทำงปกครอง
เฉลย
1.ง 2.ก 3.ข 4.ข 5.ข 6.ก 7.ค 8.ง 9.ค 10.ข
11.ค 12.ข 13.ข 14.ง 15.ก 16.ค 17.ง 18.ก 19.ก 20.ค
21.ข 12.ค 13.ง 24.ค 25.ง 26.ง 27.ค 28.ง 29.ค 30.ง
31.ข 32.ค 33.ข 34.ง 35.ก 36.ง 37.ง 38.ข 39.ง 40.ค
41.ก 42.ก 43.ง 44.ง 45.ง 46.ข
ชุดที่ 2 แนวข้อสอบพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
1. ควำมในข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. นำยกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษำกำรตำมกฎหมำยนี้
ข. นำยกรัฐมนตรีมีอำนำจออกกฎกระทรวงและประกำศ
ค. นำยกรัฐมนตรีมีอำนำจแต่งตั้งกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ
ง. ข้อ ก. ข. และ ค. ไม่ถูกต้อง
2. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพระรำชบัญญัตินี้
ก. ผู้รับสนองพระบรมรำชโองกำร คือ นำยบรรหำร ศิลปอำชำ นำยกรัฐมนตรี
ข. ตรำขึ้นโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภำ
ค. ตรำขึ้นโดยสภำนิติบัญญัติแห่งชำติในยุครัฐประหำร
ง. พระรำชบัญญัตินี้เรียกว่ำ "พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ. 2539"
3. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับพระรำชบัญญัติฉบับนี้
ก. ไม่มีกำรแก้ไข
ข. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557
ค. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560
ง. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561
4. หน่วยงำนใดทำหน้ำที่เป็นสำนักงำนเลขำนุกำรคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ข. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ค. สำนักงำนอัยกำรสูงสุด
ง. สำนักงำนเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
5. ข้อใดไม่ใช่อำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. ดำเนินกำรตำมที่นำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
ข. ให้คำปรึกษำแก่เจ้ำหน้ำที่เกี่ยวกับกำรปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัตินี้
ค. ให้คำแนะนะเกี่ยวกับกำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่
ง. เสนอแนะกำรออกระเบียบตำมพระรำชบัญญัตินี้
201
6. เกี่ยวกับวำระดำรงตำแหน่งในข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ประธำนกรรมกำรมีวำระดำรงตำแหน่ง 4 ปี
ข. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิมีวำระดำรงตำแหน่ง 3 ปี
ค. ประธำนกรรมกำรพ้นจำกตำแหน่งเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ออก
ง. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจำกตำแหน่งเมื่อต้องคำพิพำกษำถึงที่สุดให้จำคุก
7. พระรำชบัญญัตินี้ใช้บังคับแก่กรณีใด
ก. กำรดำเนินงำนตำมกระบวนกำรยุติธรรมทำงอำญำ
ข. ระยะเวลำอุทธรณ์ตำมกฎหมำยควบคุมอำคำร
ค. วิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ง. กำรดำเนินกิจกำรขององค์กำรทำงศำสนำ
8. ข้อใดมิใช่บทบำทสำคัญของเลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำตำมกฎหมำยนี้
ก. ร่วมพิจำรณำกับคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ข. ให้คำแนะนำกำรปรับปรุงปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ค. สนับสนุนฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ง. รับผิดชอบงำนประชุมของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
9. ข้อใดคือควำมหมำยของคำสั่งทำงปกครอง
ก. กำรใช้อำนำจของเจ้ำหน้ำที่ เช่น กำรออกกฎ
ข. กำรใช้อำนำจตำมกฎหมำยของเจ้ำหน้ำที่ เช่น กำรไม่อนุญำต
ค. กำรใช้อำนำจของเจ้ำหน้ำที่ เช่น คำสั่งวำงแผนพัฒนำเศรษฐกิจ
ง. กำรออกคำสั่งของเจ้ำหน้ำที่ตำมสัญญำก่อสร้ำง
10. ข้อใดคือควำมหมำยของวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. กำรเตรียมกำรและกำรดำเนินกำรของเจ้ำหน้ำที่
ข. มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดให้มีคำสั่งทำงปกครองหรือกฎ
ค. รวมถึงกำรดำเนินกำรใดๆ ในทำงปกครองตำมพระรำชบัญญัตินี้ด้วย
ง. ถูกทุกข้อ
11. เกี่ยวกับคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ประธำนกรรมกำร แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีจำกผู้ดำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง
ข. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒ มีจำนวนไม่น้อยกว่ำ 5 คน แต่ไม่เกิน 9 คน
ค. ปลัดกระทรวงมหำดไทย เป็นกรรมกำรโดยตำแหน่ง
ง. เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมกำรโดยตำแหน่ง
12. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง ไม่จำเป็นต้องมีควำม
เชี่ยวชำญด้ำนใด
ก. นิติศำสตร์
ข. รัฐศำสตร์
202
ค. ศึกษำศำสตร์
ง. บริหำรรำชกำรแผ่นดิน
13. ข้อบัญญัติท้องถิ่นที่มีผลบังคับเป็นกำรทั่วไป ไม่มุ่งหมำยให้ใช้แก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นกำร
เฉพำะ จัดอยู่ในควำมหมำยของเรื่องใด
ก. คำสั่งทำงปกครอง
ข. กฎ
ค. พระรำชกฤษฎีกำ
ง. ประกำศกระทรวง
14. กำรปฏิบัติกำรตำมพระรำชบัญญัตินี้จำเป็นจะต้องออกกฎกระทรวงและประกำศ ซึ่งอยู่ใน
อำนำจหน้ำที่ของบุคคลในข้อใด
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
15. ผู้จะอยู่ในบังคับของคำสั่งทำงปกครอง เนื่องจำกสิทธิจะถูกกระทบกระเทือน คือผู้ใด
ก. เจ้ำหน้ำที่
ข. ผู้มีส่วนได้เสีย
ค. คู่กรณี
ง. คู่กรณีผู้มีส่วนได้เสีย
16. กำรดำเนินกำรยกเว้นไม่ให้นำพระรำชบัญญัตินี้มำใช้บังคับ จะต้อง
ก. ให้คณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครองออกประกำศกำหนด
ข. ตรำพระรำชกำหนดตำมข้อเสนอของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ค. ให้คณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครองออกกฎ
ง. ตรำพระรำชกฤษฎีกำตำมข้อเสนอของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
17. พระรำชบัญญัติฉบับนี้ ไม่ใช้บังคับกับ
ก. กำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ในกระบวนกำรบังคับคดี
ข. กำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ในกระบวนกำรวำงทรัพย์
ค. กำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ในกระบวนกำรพิจำรณำคดี
ง. ถูกทุกข้อ
18. ข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ขั้นตอนกำรอุทธรณ์ต้องเป็นไปตำมพระรำชบัญญัตินี้ เพรำะเป็นหลักเกณฑ์ที่ประกัน
ควำมเป็นธรรมและมีมำตรฐำนในกำรปฏิบัติรำชกำร
ข. ระยะเวลำกำรอุทธรณ์ต้องเป็นไปตำมกฎหมำยเฉพำะกำหนด
203
ค. ขั้นตอนและระยะเวลำกำรอุทธรณ์ต้องเป็นไปตำมพระรำชบัญญัตินี้ เพรำะเป็น
หลักเกณฑ์ที่ประกันควำมเป็นธรรมและมีมำตรฐำนในกำรปฏิบัติรำชกำร
ง. ขั้นตอนและระยะเวลำกำรอุทธรณ์ต้องเป็นไปตำมกฎหมำยเฉพำะกำหนด
19. วันใช้บังคับพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ. 2539 ข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. วันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ข. วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ค. วันพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ง. วันพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
20. วันใช้บังคับตำมข้อ 19 ตรงกับวันใด
ก. 14 พฤศจิกำยน 2539
ข. 15 พฤศจิกำยน 2539
ค. 14 พฤษภำคม 2540
ง. 15 พฤษภำคม 2540
เฉลย
1.ตอบ ค. (ดูมำตรำ 7 วรรคสอง)
2.ตอบ ค. (ดูคำปรำรภ)
3.ตอบ ข. (พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 ประกำศในรำช
กิจจำนุเบกษำ เล่ม 131 ตอนที่ 89 ก วันที่ 30 ธันวำคม 2557)
4.ตอบ ข. (ดูมำตรำ 10)
5.ตอบ ง. (ดูมำตรำ 11 (4) เสนอแนะกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำ ออกกฎกระทรวง/ประกำศ)
6.ตอบ ก. (ดูมำตรำ 8 และมำตรำ 76)
7.ตอบ ค. (ดูมำตรำ 3 และมำตรำ 4)
8.ตอบ ข. (ดูมำตรำ 4 มำตรำ 10 มำตรำ 11)
9.ตอบ ข. (ดูมำตรำ 5)
10.ตอบ ง. (ดูมำตรำ 5)
11.ตอบ ก. (ดูมำตรำ 7)
12.ตอบ ค. (ดูมำตรำ 7)
13.ตอบ ข. (ดูมำตรำ 5)
14.ตอบ ก. (ดูมำตรำ 6)
15.ตอบ ค. (ดูมำตรำ 5)
16.ตอบ ง. (ดูมำตรำ 4 วรรคท้ำย)
17.ตอบ ง. (ดูมำตรำ 4 (4))
18.ตอบ ง. (ดูมำตรำ 3)
19.ตอบ ง. (ดูมำตรำ 2)
204
ชุดที่ 3 แนวข้อสอบพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
1. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง ไม่ใช่บังคับองค์กรหรือหน่วยรำชกำร
ตำมข้อใด
ก. รัฐสภำและคณะรัฐมนตรี
ข. กำรดำเนินงำนตำมกระบวนกำรยุติธรรมทำงอำญำ
ค. กำรดำเนินกิจกำรทำงศำสนำ
ง. ถูกทุกข้อ
2. ข้อใดเป็นคำสั่งทำงปกครอง
ก. คำสั่งของเจ้ำหน้ำที่ซึ่งใช้อำนำจตำมกฎหมำยในกำรสั่งและมีผลกระทบต่อสถำนภำพ
ของสิทธิหรือหน้ำที่ของบุคคล
ข. กำรอนุญำตหรือไม่อนุญำตอันก่อให้เกิดสิทธิหรือระงับซึ่งสิทธิของบุคคล
ค. กำรวินิจฉัยของเจ้ำหน้ำที่อันมีผลกระทบต่อสถำนภำพของสิทธิหรือหน้ำที่ของบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
3. คำว่ำ "กฎ" ตำมพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง หมำยถึงข้อใด
ก. พระรำชกฤษฎีกำ
ข. กฎกระทรวง
ค. ประกำศกระทรวง และข้อบังคับท้องถิ่น
ง. ถูกทุกข้อ
4. บุคคลตำมข้อใดเป็นผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญัตินี้
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงยุติธรรม
ง. อธิบดีกรมกำรปกครอง
5. บุคคลตำมข้อใดเป็นประธำนในคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. บุคคลซึ่งรัฐมนตรีแต่งตัง้
205
6. ผู้ดำรงตำแหน่งประธำนในคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง ต้องเป็นบุคคลตำมข้อ
ใด
ก. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง
ข. ต้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวง
ค. ต้องเป็นผู้มีควำมเชี่ยวชำญในทำงนิติศำสตร์ รัฐประศำสนศำสตร์ รัฐศำสตร์
สังคมศำสตร์ บริหำรรำชกำรแผ่นดิน
ง. ต้องอำยุไม่เกิน 50 ปีบริบูรณ์
7. ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรวิธีกำรปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง กำหนดจำนวนไว้ตำมข้อใด
ก. ไม่น้อยกว่ำ 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน
ข. ไม่น้อยกว่ำ 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน
ค. ไม่น้อยกว่ำ 5 คน แต่ไม่เกิน 9 คน
ง. ไม่น้อยกว่ำ 7 คน แต่ไม่เกิน 9 คน
8. บุคคลข้อใดที่ทำตำมหน้ำที่เลขำนุกำรในคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ข. เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ค. ข้ำรำชกำรของสำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำที่เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
แต่งตั้ง
ง. ข้ำรำชกำรของสำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำที่เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
9. กรรมกำรในคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครองที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวำระกำรดำรง
ตำแหน่ง ครำวละกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
10. หน่วยงำนที่ทำหน้ำที่สำนักงำนเลขำนุกำรของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
คือหน่วยงำนในข้อใด
ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ข. สำนักงำนคณะกรรมกำรรัฐมนตรี
ค. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ง. กรมกำรปกครอง
206
11. ข้อใดไม่ใช่อำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ในกำรปฏิบัติตำม
พระรำชบัญญัตินี้
ข. เสนอแนะในกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำและกำรออกกฎกระทรวงหรือประกำศตำม
พระรำชบัญญัตินี้
ค. พิจำรณำคดีทำงกำรปกครอง
ง. จัดทำรำยงำนเกี่ยวกับกำรปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัตินี้เสนอนำยกรัฐมนตรี
12. เจ้ำหน้ำที่ตำมข้อใดทำกำรพิจำรณำทำงปกครองได้
ก. เป็นคู่กรณีในคดี
ข. เป็นเจ้ำหนี้หรือลูกหนี้ หรือเป็นนำยจ้ำงของคู่กรณี
ค. เป็นผู้บังคับบัญชำของคู่กรณี
ง. เป็นผู้บังคับบัญชำของคู่กรณีในคดี
13. บุคคลตำมข้อใดเป็นคู่กรณีในกำรพิจำรณำปกครองได้
ก. บุคคลธรรมดำ
ข. คณะบุคคล
ค. นิติบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
14. บุคคลตำมข้อใดเป็นตัวแทนร่วมของคู่กรณี ในกรณีที่มีคู่กรณีเกิน 50 คนยื่นคำขออย่ำง
เดียวกันได้
ก. บุคคลธรรมดำ
ข. คณะบุคคล
ค. นิติบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
15. กรณีที่คำขอหรือคำแถลงของคู่กรณีในกำรพิจำรณำทำงปกครอง มีข้อบกพร่องอันเกิดจำก
ควำมไม่รู้ของคู่กรณี เจ้ำหน้ำที่จะดำเนินกำรตำมข้อใด
ก. ให้จำหน่ำยเรื่องออกกำรพิจำรณำ
ข. ให้เจ้ำหน้ำที่แนะนำให้คู่กรณีแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้อง
ค. ให้เจ้ำหน้ำที่แก้ไขให้ถูกต้อง
ง. ให้พิจำรณำไปตำมข้อเท็จจริงเพียงเท่ำที่มีอยู่
16. ในกำรพิจำรณำทำงปกครอง เจ้ำหน้ำที่สำมำรถดำเนินกำรได้ตำมข้อใด
ก. สำมำรถตรวจสอบข้อเท็จจริงตำมควำมเหมำะสม
ข. ไม่ผูกพันอยู่กับคำขอของคู่กรณี
ค. ไม่ต้องผูกพันกับพยำนหลักฐำนของคู่กรณี
ง. ถูกทุกข้อ
207
ชุดที่ 4 แนวข้อสอบพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
1.ผู้ที่จะทำกำรพิจำรณำทำงปกครองไม่ได้คือข้อใด
ก. เป็นคู่กรณีเอง
ข. เป็นคู่หมั้นของคู่กรณี
ค. เป็นญำติของคู่กรณี
ง. ถูกทุกข้อ
2.ที่ประชุมมีมติให้กรรมกำรผู้ถูกคัดค้ำนปฏิบัติหน้ำที่ต่อไป ต้องมีคะแนนเสียงเท่ำใดของกรรมกำร
ที่ไม่ถูกคัดค้ำน ก็ให้กรรมกำรผู้นั้นปฏิบัติหน้ำที่ต่อไปได้
ก. ไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่ง
ข. ไม่น้อยกว่ำหนึ่งในสำม
ค. ไม่น้อยกว่ำสองในสำม
ง. ไม่น้อยกว่ำสำมในสี่
3.ในกรณีที่มีกำรยื่นคำขอหลำยคำขอนั้นมีข้อควำมทำนองเดียวกัน สำมำรถที่จะระบุบุคคลใด
เป็นตัวแทนร่วมได้ ในกรณีเช่นนี้ต้องมีผู้ลงชื่อร่วมเกินกว่ำกี่คน
ก. เกินสำมสิบคน
ข. เกินห้ำสิบคน
ค. เกินห้ำร้อยคน
ง. เกินหนึ่งพันคน
4.คำสั่งทำงปกครองของคณะกรรมกำรนั้น คู่กรณีมีสิทธิโต้แย้งต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยร้องทุกข์
ได้ภำยในกี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่ง
ก. 30 วัน
ข. 60 วัน
ค. 90 วัน
ง. 120 วัน
5.ผู้ที่ได้รับผลกระทบจำกกำรเพิกถอนคำสั่งทำงปกครอง มีสิทธิได้รับค่ำทดแทนควำมเสียหำย ซึ่ง
ต้องรอค่ำทดแทนภำยในระยะเวลำใด นับแต่ได้รับแจ้งกำรเพิกถอน
ก. 30 วัน
ข. 60 วัน
ค. 120 วัน
ง. 180 วัน
6.คำสั่งทำงปกครองที่กำหนดให้กระทำ แล้วผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทำงปกครองฝ่ำฝืนหรือไม่
ปฏิบัติตำม เจ้ำหน้ำที่จะดำเนินกำรด้วยตัวเองและต้องชดใช้เงินเพิ่มให้แก่เจ้ำหน้ำที่ร้อยละเท่ำใด
ต่อปี
ก. ร้อยละห้ำ
211
ข. ร้อยละสิบ
ค. ร้อยละสิบห้ำ
ง. ร้อยละยี่สิบห้ำ
7.จำกข้อข้ำงต้น อำจมีกำรชำระค่ำปรับทำงปกครองในอัตรำไม่เกินเท่ำใดต่อวัน
ก. 5,000 บำท/วัน
ข. 10,000 บำท/วัน
ค. 15,000 บำท/วัน
ง. 20,000 บำท/วัน
8.กำรแจ้งคำสั่งทำงปกครองโดยวิธีส่งทำงไปรษณีย์ตอบรับ ให้ถือว่ำได้รับแจ้งเมื่อครบกำหนดกี่วัน
นับแต่วันส่ง ทั้งในกรณีภำยในประเทศและต่ำงประเทศ
ก. 3 วัน, 7 วัน ข. 5 วัน, 7 วัน
ค. 7 วัน, 15 วัน ง. 15 วัน, 30 วัน
9.ในกำรนัดกำรประชุมนั้น ต้องแจ้งให้คณะกรรมกำรทุกคนทรำบล่วงหน้ำไม่น้อยกว่ำกี่วัน
ก. ไม่น้อยกว่ำสำมวัน
ข. ไม่น้อยกว่ำห้ำวัน
ค. ไม่น้อยกว่ำเจ็ดวัน
ง. ไม่น้อยกว่ำสิบห้ำวัน
10.ผู้รับสนองพระบรมรำชโองกำรใน พรบ. วิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ.2539 ฉบับนี้คือ
ใคร
ก. นำยอำนันท์ ปันยำรชุน
ข. นำยบรรหำร ศิลปอำชำ
ค. นำยสมัคร สุนทรเวช
ง. พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
212
2. ตอบ ค. ไม่น้อยกว่ำสองในสำม
ถ้ำที่ประชุมมีมติให้กรรมกำรผู้ถูกคัดค้ำนปฏิบัติหน้ำที่ต่อไปด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำสองใน
สำมของกรรมกำรที่ไม่ถูกคัดค้ำน ก็ให้กรรมกำรผู้นั้นปฏิบัติหน้ำที่ต่อไปได้ มติดังกล่ำวให้กระทำ
โดยวิธีลงคะแนนลับให้เป็นที่สุด (พรบ.วิธีปฏิบัติฯ มำตรำ 15)
3.ตอบ ข. เกินห้ำสิบคน
ในกรณีที่มีกำรยื่นคำขอโดยมีผู้ลงชื่อร่วมกันเกินห้ำสิบคนหรือมีคู่กรณีเกินห้ำสิบคนยื่นคำขอที่มี
ข้อควำมอย่ำงเดียวกันหรือทำนองเดียวกัน ถ้ำในคำขอมีกำรระบุให้บุคคลใดเป็นตัวแทนของบุคคล
ดังกล่ำวหรือมีข้อควำมเป็นปริยำยให้เข้ำใจได้เช่นนั้น ให้ถือว่ำผู้ที่ถูกระบุชื่อดังกล่ำวเป็นตัวแทน
ร่วมของคู่กรณีเหล่ำนั้น (พรบ.วิธีปฏิบัติฯ มำตรำ 25)
4.ตอบ ค. 90 วัน
คำสั่งทำงปกครองของบรรดำคณะกรรมกำรต่ำง ๆ ไม่ว่ำจะจัดตั้งขึ้นตำมกฎหมำยหรือไม่ ให้คู่กรณี
มีสิทธิโต้แย้งต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยร้องทุกข์ตำมกฎหมำยว่ำด้วยคณะกรรมกำรกฤษฎีกำได้ทั้ง
ปัญหำข้อเท็จจริงและข้อกฎหมำย ภำยในเก้ำสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น แต่ถ้ำ
คณะกรรมกำรดังกล่ำวเป็นคณะกรรมกำรวินิจฉัยข้อพิพำท
สิทธิกำรอุทธรณ์และกำหนดเวลำอุทธรณ์ให้เป็นไปตำมที่บัญญัติในกฎหมำยว่ำด้วยคณะกรรมกำร
กฤษฎีกำ (พรบ.วิธีปฏิบัติฯ มำตรำ 48)
เนื่องจำกควำมเชื่อโดยสุจริตในควำมคงอยู่ของคำสั่งทำงปกครองได้ แต่ต้องร้องขอค่ำทดแทน
ภำยในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งให้ทรำบถึงกำรเพิกถอนนั้น (พรบ.วิธีปฏิบัติฯ มำตรำ
52)
6.ตอบ ง. ร้อยละยี่สิบห้ำ
คำสั่งทำงปกครองที่กำหนดให้กระทำหรือละเว้นกระทำ ถ้ำผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทำงปกครองฝ่ำ
ฝืนหรือไม่ปฏิบัติตำมเจ้ำหน้ำที่อำจใช้มำตรกำรบังคับทำงปกครอง เจ้ำหน้ำที่เข้ำดำเนินกำรด้วย
ตนเองหรือมอบหมำยให้บุคคลอื่นกระทำกำรแทน โดยผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทำงปกครองจะต้อง
ชดใช้ค่ำใช้จ่ำยและเงินเพิ่มในอัตรำร้อยละยี่สิบห้ำต่อปีของค่ำใช้จ่ำยดังกล่ำวแก่เจ้ำหน้ำที่ (พรบ.
วิธีปฏิบัติฯ มำตรำ 58)
9.ตอบ ก. ไม่น้อยกว่ำสำมวัน
กำรนัดประชุมต้องทำเป็นหนังสือและแจ้งให้กรรมกำรทุกคนทรำบล่วงหน้ำไม่น้อยกว่ำสำมวัน เว้น
แต่กรรมกำรนั้นจะได้ทรำบกำรบอกนัดในที่ประชุมแล้ว กรณีดังกล่ำวนี้จะทำหนังสือแจ้งนัดเฉพำะ
กรรมกำรที่ไม่ได้มำประชุมก็ได้ (พรบ.วิธีปฏิบัติฯ มำตรำ 80)
ชุดที่ 5 แนวข้อสอบพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
1. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง ไม่ใช่บังคับองค์กรหรือหน่วยรำชกำร
ตำมข้อใด
ก. รัฐสภำและคณะรัฐมนตรี
ข. กำรดำเนินงำนตำมกระบวนกำรยุติธรรมทำงอำญำ
ค. กำรดำเนินกิจกำรทำงศำสนำ
ง. ถูกทุกข้อ
2. กฎหมำยวิธีปฏิบัติรำชกำรปกครองใช้บังคับในกรณีใด
ก. กำรพิจำรณำของนำยกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในงำนทำงนโยบำยโดยตรง
ข. รัฐสภำและคณะรัฐมนตรี
ค. กำรพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำล
ง. ไม่มีข้อใดถูก
3. ข้อใดเป็นคำสั่งทำงปกครอง
ก. คำสั่งของเจ้ำหน้ำที่ซึ่งใช้อำนำจตำมกฎหมำยในกำรสั่งและมีผลกระทบต่อสถำนภำพ
ของสิทธิหรือหน้ำที่ของบุคคล
ข. กำรอนุญำตหรือไม่อนุญำตอันก่อให้เกิดสิทธิหรือระงับซึ่งสิทธิของบุคคล
ค. กำรวินิจฉัยของเจ้ำหน้ำที่อันมีผลกระทบต่อสถำนภำพของสิทธิหรือหน้ำที่ของบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
4. คำสั่งทำงปกครอง หมำยควำมว่ำ กำรใช้อำนำจตำมกฏหมำยของเจ้ำหน้ำที่ที่มีผลเป็นกำรสร้ำง
นิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่ำงบุคคลในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับหรือมีผลกระทบต่อ
สถำนภำพของสิทธิหรือหน้ำที่ของบุคคล ฯ ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่คำสั่งทำงปกครอง
ก. กำรสั่งกำร
ข. กำรอนุญำต
ค. กำรวินิจฉัยอุทธรณ์
ง. กำรออกกฎ
5. กรณีใดเป็น "คำสั่งทำงกำรปกครอง"
ก. ประกำศของรำชกำรกำหนดว่ำกำรยื่นขอต่อใบอนุญำต โรงงำนต้องส่งรำยงำน
วิเครำะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย
ข. คำสั่งของผู้อำนวยกำรธนำคำรออมสิน สั่งซื้อหุ้นสำมัญเพิ่มทุนของธนำคำรพำณิชย์
แห่งหนึ่ง
ค. ไฟจรำจร (เขียว แดง) ที่สี่แยกแห่งหนึ่ง
ง. รำยงำนผลกำรสอบวินัยข้ำรำชกำรผู้หนึ่งที่คณะกรรมกำรกำรสอบสวนวินัยเสนอต่อ
อธิบดี
215
12. บุคคลข้อใดที่ทำตำมหน้ำที่เลขำนุกำรในคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ข. เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ค. ข้ำรำชกำรของสำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำที่เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
แต่งตั้ง
ง. ข้ำรำชกำรของสำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำที่เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
13. หน่วยงำนที่ทำหน้ำที่สำนักงำนเลขำนุกำรของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
คือหน่วยงำนในข้อใด
ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ข. สำนักงำนคณะกรรมกำรรัฐมนตรี
ค. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ง. กรมกำรปกครอง
14. กรรมกำรในคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครองที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวำระกำร
ดำรงตำแหน่ง ครำวละกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
15. ข้อใดไม่ใช่อำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
ก. สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ในกำรปฏิบัติตำม
พระรำชบัญญัตินี้
ข. เสนอแนะในกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำและกำรออกกฎกระทรวงหรือประกำศตำม
พระรำชบัญญัตินี้
ค. พิจำรณำคดีทำงกำรปกครอง
ง. จัดทำรำยงำนเกี่ยวกับกำรปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัตินี้เสนอนำยกรัฐมนตรี
16. เจ้ำหน้ำที่ตำมข้อใดทำกำรพิจำรณำทำงปกครองได้
ก. เป็นคู่กรณีในคดี
ข. เป็นเจ้ำหนี้หรือลูกหนี้ หรือเป็นนำยจ้ำงของคู่กรณี
ค. เป็นผู้บังคับบัญชำของคู่กรณี
ง. เป็นผู้บงั คับบัญชำของคู่กรณีในคดี
17. เจ้ำหน้ำที่ในข้อใดที่จะทำกำรพิจำรณำทำงปกครองไม่ได้
ก. เป็นคู่หมั้นของคู่กรณี
ข. เป็นญำติของคู่กรณี
ค. เป็นนำยจ้ำงของคู่กรณี
217
ง. ทุกข้อที่กล่ำวมำจะทำกำรพิจำรณำทำงปกครองไม่ได้
18. กรณีใดที่เจ้ำหน้ำที่ทำกำรพิจำรณำทำงกำรปกครองได้
ก. เป็นคู่กรณีเอง
ข. เป็นเพื่อนของคู่สมรส
ค. เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี
ง. เป็นเจ้ำหนี้หรือลูกหนี้ของคู่กรณี
19. บุคคลตำมข้อใดเป็นคู่กรณีในกำรพิจำรณำปกครองได้
ก. บุคคลธรรมดำ
ข. คณะบุคคล
ค. นิติบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
20. บุคคลตำมข้อใดเป็นตัวแทนร่วมของคู่กรณี ในกรณีที่มีคู่กรณีเกิน 50 คนยื่นคำขออย่ำง
เดียวกันได้
ก. บุคคลธรรมดำ
ข. คณะบุคคล
ค. นิติบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
21. ในกรณีที่มีคู่กรณีเกินห้ำสิบคนยื่นคำขอให้มีคำสั่งทำงปกครองในเรื่องเดียวกัน โดยไม่มีกำร
กำหนดให้บุคคลใด เป็นตัวแทนร่วมของตน ให้เจ้ำหน้ำที่ในเรื่องนั้นแต่งตั้งบุคคล ดังข้อใดเป็น
ตัวแทนร่วมของบุคคลดังกล่ำว
ก แต่งตั้งบุคคลที่คู่กรณีคัดเลือกเป็นตัวแทนร่วม
ข แต่งตั้งบุคคลที่คู่กรณีแต่งตั้งขึ้นเป็นตัวแทนร่วม
ค แต่งตั้งคู่กรณีฝ่ำยข้ำงมำกเห็นชอบเป็นตัวแทนร่วม
ง แต่งตั้งคู่กรณีที่ได้รับผลกระทบมำกที่สุดเป็นตัวแทนร่วม
22. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับ เอกสำรที่จะใช้พิจำรณำกำรปกครอง
ก. ต้องเป็นภำษำไทยเท่ำนั้น
ข. ถ้ำเป็นเอกสำรที่เป็นภำษำต่ำงประเทศต้องมีคำแปลภำษำไทยและมีกำรรับรองที่ถูกต้อง
ค. เป็นภำษำไทยหรือภำษำต่ำงประเทศก็ได้
ง. ต้องเป็นภำษำไทยและต่ำงประเทศ
23. กรณีที่คำขอหรือคำแถลงของคู่กรณีในกำรพิจำรณำทำงปกครอง มีข้อบกพร่องอันเกิดจำก
ควำมไม่รู้ของคู่กรณี เจ้ำหน้ำที่จะดำเนินกำรตำมข้อใด
ก. ให้จำหน่ำยเรื่องออกกำรพิจำรณำ
ข. ให้เจ้ำหน้ำที่แนะนำให้คู่กรณีแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้อง
ค. ให้เจ้ำหน้ำที่แก้ไขให้ถูกต้อง
218
ง. ให้พิจำรณำไปตำมข้อเท็จจริงเพียงเท่ำที่มีอยู่
24. ในกำรพิจำรณำทำงปกครอง เจ้ำหน้ำที่สำมำรถดำเนินกำรได้ตำมข้อใด
ก. สำมำรถตรวจสอบข้อเท็จจริงตำมควำมเหมำะสม
ข. ไม่ผูกพันอยู่กับคำขอของคู่กรณี
ค. ไม่ต้องผูกพันกับพยำนหลักฐำนของคู่กรณี
ง. ถูกทุกข้อ
25. ในกำรจัดพิจำรณำพยำนหลักฐำนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง เจ้ำหน้ำที่มีอำนำจดำเนินกำรตำมข้อ
ใด
ก. แสวงหำพยำนหลักฐำนทุกอย่ำงที่เกี่ยวข้อง
ข. ขอให้ผู้ครอบครองเอกสำรส่งเอกสำรที่เกี่ยวข้อง
ค. ออกไปตรวจสถำนที่
ง. ถูกทุกข้อ
26. กำรดำเนินกำรของเจ้ำหน้ำที่ตำมข้อใดไม่ถูกต้องในกรณีที่คำสั่งทำงกำรปกครองจะกระทบถึง
สิทธิของคู่กรณี
ก. เจ้ำหน้ำที่ให้คู่กรณีมีโอกำสได้ทรำบข้อเท็จจริง และมีโอกำสโต้แย้งแสดงพยำนหลักฐำน
ของตน
ข. เจ้ำหน้ำที่ไม่ให้โอกำสคู่กรณีทรำบข้อเท็จจริงเนื่องจำกเป็นมำตรกำรบังคับทำงกำร
ปกครอง
ค. เจ้ำหน้ำที่ให้โอกำสคู่กรณีโต้แย้งพยำนหลักฐำนถึงแม้ว่ำจะก่อให้เกิดผลเสียหำยอย่ำง
ร้ำยต่อประโยชน์ สำธำรณะ
ง. เจ้ำหน้ำที่ไม่ให้โอกำสคู่กรณีได้ทรำบข้อเท็จจริงเนื่องจำกจะทำให้ระยะเวลำที่กฎหมำย
กำหนดไว้ในกำรทำคำสั่งทำงปกครองต้องล่ำช้ำออกไป
27. คู่กรณีมีสิทธิขอตรวจดูเอกสำรที่จำเป็นต้องรู้เพื่อกำรโต้แย้งสิทธิหรือชี้แจงหรือป้องกันสิทธิ
ของตนได้ กำรขอดังกล่ำวไม่รวมถึงกำรขอในข้อใด
ก. ขอตรวจดูเอกสำรต้นร่ำงคำวินิจฉัย ในขณะที่ยังไม่ได้ทำคำสั่งทำงปกครอง
ข. ขอสำเนำเอกสำรที่เป็นพยำนหลักฐำนทั้งหมด
ค. ขอดูหลักฐำนที่เจ้ำหน้ำที่เก็บรักษำไว้
ง. มีสิทธิขอดูได้ทุกกรณี
28. รูปแบบคำสั่งทำงกำรปกครองในข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ทำเป็นหนังสือ
ข. เป็นคำสั่งด้วยวำจำก็ได้
ค. สั่งทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์
ง. คำสั่งทำงปกครองอำจใช้รูปแบบได้ทั้งข้อ ก , ข และข้อ ค
219
29. ข้อใดเป็นรูปแบบของคำสั่งกำรปกครอง
ก. สื่อควำมต่ำง ๆ ที่ชัดเจนเพียงพอที่จะเข้ำใจได้
ข. วำจำ
ค. หนังสือ
ง. เป็นทุกข้อ
30. ในกรณีคำสั่งทำงปกครองเป็นคำสั่งด้วยวำจำ ถ้ำผู้รับสั่งร้องขอภำยในกี่วันนับแต่วันมีคำสั่ง
เจ้ำหน้ำที่ต้องยืนยันคำสั่งนั้นเป็นหนังสือ
ก. 3 วัน ข. 5 วัน ค. 7 วัน ง. 15 วัน
31. เหตุผลที่ต้องจัดให้มีไว้ในคำสั่งทำงปกครองที่ทำเป็นหนังสือ คือข้อใด
ก. ข้อเท็จจริงอันเป็นสำระสำคัญ
ข. กฎหมำยที่ใช้อ้ำงอิง
ค. ข้อพิจำรณำและข้อสนับสนุนในกำรใช้ดุลยพินิจ
ง. ต้องมีเหตุผลทั้งในข้อ ก ข และ ค
32. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรอุทธรณ์คำสั่งทำงปกครอง
ก. ให้คู่กรณีอุทธรณ์คำสั่งทำงปกครองต่อเจ้ำหน้ำที่ทำคำสั่งภำยใน 15 วันนับแต่วันที่
ได้รับแจ้งคำสั่ง
ข. กำรอุทธรณ์คำสั่งทำงปกครองสำมำรถอุทธรณ์ด้วยวำจำได้
ค. กำรอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลำกำรบังคับตำมคำสั่งทำงปกครอง
ง. เจ้ำหน้ำที่ต้องพิจำรณำคำอุทธรณ์และแจ้งผู้อุทธรณ์ภำยในไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่
ได้รับกำรอุทธรณ์
33. กำรอุทธรณ์คำสั่งทำงปกครอง กรณีคำสั่งใดไม่ออกโดยรัฐมนตรีและไม่มีกฎหมำยกำหนด
ขั้นตอนกำรอุทธรณ์ ฯให้คู่กรณีอุทธรณ์คำสั่งทำงปกครอง ยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้ำหน้ำที่ผู้ทำคำสั่งนั้น
ภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 60 วัน ง. 90 วัน
34. กรณีทั่วไป คู่กรณีอำจอุทธรณ์คำสั่งทำงกำรปกครองได้ภำยใน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน ค. 30 วัน ง. 1 ปี
35. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด มีคำสั่งให้นำยแดงกรรมกำรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง พ้นจำก
ตำแหน่ง นำยแดงต้องกำรอุทธรณ์ จะยื่นอุทธรณ์ต่อใคร Act.
ก. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดที่ออกคำสั่งนั้น
ข. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ง. ศำลปกครอง
220
ง. วันที่ผู้นั้นเซนต์รับคำสั่งทำงปกครอง
47. ผู้ได้รับผลกระทบจำกกำรเพิกถอนคำสั่งทำงปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมำย มีสิทธิได้รับค่ำ
ทดแทนควำมเสียหำย เนื่องจำกควำมเชื่อโดยสุจริตในควำมคงอยู่ของคำสั่งทำงปกครองได้ ต้อง
ร้องขอค่ำทดแทนดังกล่ำวได้ภำยในกี่วัน นับแต่ได้รับแจ้งให้ทรำบถึงกำรเพิกถอนนั้น
ก. 1 ปี
ข. 180
ค. 120
ง 90
48. กรณีใดที่คำสั่งทำงกำรปกครอง ไม่สมบูรณ์
ก. ออกคำสั่งโดยยังไม่มีผู้ยื่นคำขอ
ข. คำสั่งที่ต้องกำรได้รับควำมเห็นชอบจำกเจ้ำหน้ำอื่นก่อน
ค. พิจำรณำโดยไม่รับฟังคู่กรณี
ง. ทุกข้อ
49. คำสั่งทำงกำรปกครองที่อำจอุทธรณ์โต้งแย้งได้ ถ้ำไม่มีกำรระบุระยะเวลำในกำรอุทธรณ์ไว้
ระยะเวลำในกำร อุทธรณ์เริ่มนับแต่วันที่ได้รับทรำบคำสั่งทำงกำรปกครอง ภำยใน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน ค. 30 วัน ง. 1 ปี
50. คำสั่งทำงกำรปกครองที่อำจอุทธรณ์ต่อไปได้ แต่เจ้ำหน้ำที่ที่มิได้แจ้งสิทธิ์กำรอุทธรณ์ และ
ระยะเวลำอุทธรณ์ไว้ ในคำสั่งดังกล่ำว จะมีผลอย่ำงไร Act.
ก. คำสั่งนั้นเป็นโมฆะ
ข. คำสั่งนั้นไม่สมบูรณ์
ค. ต้องดำเนินกำรออกคำสั่งใหม่ให้ถูกต้อง
ง. ระยะเวลำอุทธรณ์เริ่มนับใหม่ นับแต่ได้แจ้งสิทธิดังกล่ำว
51. เจ้ำหน้ำที่ได้ออกคำสั่งไม่อนุญำตให้ก่อสร้ำงอำคำรตำมคำขอของเอกชนรำยหนึ่ง ต่อมำเจ้ำ
หน้ำนั้นเห็นว่ำ คำสั่งที่ไม่อนุญำตของตนไม่ถูกต้อง เพรำะควำมเข้ำใจผิดของตนเอง เจ้ำหน้ำผู้นั้น
จะแก้ไขคำสั่งของตนได้ หรือไม่
ก. ไม่ได้ ต้องให้ผู้บังบัญชำสั่งจึงจะแก้ไขได้
ข. ไม่ได้ ถ้ำเขำไม่อุทธรณ์
ค. ไม่ได้ แม้เขำจะอุทธรณ์ก็ต้องให้ผู้มีอำนำจพิจำรณำสั่งอุทธรณ์แก้ไข
ง. ได้เสมอ ถ้ำเห็นว่ำไม่ถูกต้อง
เฉลย พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง ชุด 5
1.ตอบ ง. มำตรำ ๔ พระรำชบัญญัตินี้ มิให้ ใช้บังคับแก่
(๑) รัฐสภำและคณะรัฐมนตรี
(๒) องค์กรที่ใช้อำนำจตำมรัฐธรรมนูญโดยเฉพำะ
(๓) กำรพิจำรณำของนำยกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในงำนทำงนโยบำยโดยตรง
223
(๔) กำรพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลและกำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ในกระบวนกำร
พิจำรณำคดี กำรบังคับคดี และกำรวำงทรัพย์
(๕) กำรพิจำรณำวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์และกำรสั่งกำรตำมกฎหมำยว่ำด้วยคณะกรรมกำร
กฤษฎีกำ
(๖) กำรดำเนินงำนเกี่ยวกับนโยบำยกำรต่ำงประเทศ
(๗) กำรดำเนินงำนเกี่ยวกับรำชกำรทหำรหรือเจ้ำหน้ำที่ซึ่งปฏิบัติหน้ำที่ทำงยุทธกำร
ร่วมกับทหำรในกำรป้องกันและรักษำควำมมั่นคงของรำชอำณำจักรจำกภัยคุกคำมทั้งภำยนอก
และภำยในประเทศ
(๘) กำรดำเนินงำนตำมกระบวนกำรยุติธรรมทำงอำญำ
(๙) กำรดำเนินกิจกำรขององค์กำรทำงศำสนำ
กำรยกเว้นไม่ให้นำบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัตินมี้ ำใช้บังคับแก่กำรดำเนินกิจกำรใดหรือกับ
หน่วยงำนใดนอกจำกที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำตำมข้อเสนอของ
คณะกรรมกำรวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง
2.ตอบ ง.
4.ตอบ ง.จำกข้อ2.
5.ตอบ ก. จำกข้อ2.
7.ตอบ. ง.
224
11.ตอบ ค. จำกข้อ 9.
12.ตอบ. ค.
13.ตอบ. ก.
(๔) เสนอแนะในกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำและกำรออกกฎกระทรวงหรือประกำศตำม
พระรำชบัญญัตินี้
(๕) จัดทำรำยงำนเกี่ยวกับกำรปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัตินี้เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้ง
ครำวตำมควำมเหมำะสมแต่อย่ำงน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อพัฒนำและปรับปรุงกำรปฏิบัติรำชกำร
ทำงปกครองให้เป็นไปโดยมีควำมเป็นธรรมและมีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น
(๖) เรื่องอื่นตำมที่คณะรัฐมนตรีหรือนำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
17.ตอบ . ง
18.ตอบ .ข
คู่กรณีจะบอกเลิกกำรให้ตัวแทนร่วมดำเนินกำรแทนตนเมื่อใดก็ได้แต่ต้องมีหนังสือแจ้งให้เจ้ำหน้ำที่
ทรำบและดำเนินกำรใด ๆ ในกระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครองต่อไปด้วยตนเอง
ตัวแทนร่วมจะบอกเลิกกำรเป็นตัวแทนเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องมีหนังสือแจ้งให้เจ้ำหน้ำที่ทรำบกับต้อง
แจ้งให้คู่กรณีทุกรำยทรำบด้วย
21.ตอบ. ค.
คู่กรณีต้องให้ควำมร่วมมือกับเจ้ำหน้ำที่ในกำรพิสูจน์ข้อเท็จจริง และมีหน้ำที่แจ้ง
พยำนหลักฐำนที่ตนทรำบแก่เจ้ำหน้ำที่
พยำนหรือพยำนผู้เชี่ยวชำญที่เจ้ำหน้ำที่เรียกมำให้ถ้อยคำหรือทำควำมเห็นมีสิทธิได้รับค่ำ
ป่วยกำรตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรที่กำหนดในกฎกระทรวง
29.ตอบ ง.
228
33.ตอบ ก.
229
34.ตอบ ข.
35.ตอบ ก.
38.ตอบ ง.
39.ตอบ ง.มำตรำ ๕๔ เมื่อคู่กรณีมีคำขอ เจ้ำหน้ำที่อำจเพิกถอนหรือแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งทำง
ปกครองที่พ้นกำหนดอุทธรณ์ตำมส่วนที่ ๕ ได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) มีพยำนหลักฐำนใหม่ อันอำจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปใน
สำระสำคัญ
(๒) คู่กรณีที่แท้จริงมิได้เข้ำมำในกระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครองหรือได้เข้ำมำใน
กระบวนกำรพิจำรณำครั้งก่อนแล้วแต่ถูกตัดโอกำสโดยไม่เป็นธรรมในกำรมีส่วนร่วมใน
กระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครอง
(๓) เจ้ำหน้ำที่ไม่มีอำนำจที่จะทำคำสั่งทำงปกครองในเรื่องนั้น
(๔) ถ้ำคำสั่งทำงปกครองได้ออกโดยอำศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมำยใดและต่อมำ
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมำยนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสำระสำคัญในทำงที่จะเป็นประโยชน์แก่คู่กรณี
กำรยื่นคำขอตำมวรรคหนึ่ง (๑) (๒) หรือ (๓) ให้กระทำได้เฉพำะเมื่อคู่กรณีไม่อำจทรำบถึงเหตุนั้น
ในกำรพิจำรณำครั้งที่แล้วมำก่อนโดยไม่ใช่ควำมผิดของผู้นั้น
กำรยื่นคำขอให้พิจำรณำใหม่ต้องกระทำภำยในเก้ำสิบวันนับแต่ผู้นั้นได้รู้ถึงเหตุซึ่งอำจ
ขอให้พิจำรณำใหม่ได้
230
41.ตอบ ง.
ของตนไว้ในหรือแนบไว้กับคำสั่งเดิมและต้องมีหนังสือแจ้งควำมประสงค์ของตนให้คู่กรณีทรำบ
ด้วย
กรณีตำม (๒) (๓) และ (๔) จะต้องกระทำก่อนสิ้นสุดกระบวนกำรพิจำรณำอุทธรณ์ตำม
ส่วนที่ ๕ ของหมวดนี้ หรือตำมกฎหมำยเฉพำะว่ำด้วยกำรนั้น หรือถ้ำเป็นกรณีที่ไม่ต้องมีกำร
อุทธรณ์ดังกล่ำวก็ต้องก่อนมีกำรนำคำสั่งทำงปกครองไปสู่กำรพิจำรณำของผู้มีอำนำจพิจำรณำ
วินิจฉัยควำมถูกต้องของคำสั่งทำงปกครองนั้น
50.ตอบ ง.
ตัวเลือกต่อไปนี้ ตอบคำถำมข้อ 28 - 30
ก. วันที่ 14 พฤศจิกำยน 2539
ข. วันที่ 15 พฤศจิกำยน 2539
ค. วันที่ 14 พฤศจิกำยน 2540
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
29. วันประกำศระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำรปฏิบัติเกี่ยวกับควำมรับผิดทำง
ละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. 2539 ในรำชกิจจำนุเบกษำ
30. วันใช้บังคับระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำรปฏิบัติเกี่ยวกับควำมรับผิดทำง
ละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. 2539
31. ผู้เสียหำยมีสิทธิฟ้องคดีต่อผู้ใดในกรณีเจ้ำหน้ำที่ได้กระทำละเมิดในกำรปฏิบัติหน้ำที่
ก. หน่วยงำนของรัฐ
ข. เจ้ำหน้ำที่
ค. กรมบัญชีกลำง
ง. หน่วยงำนตำมพระรำชกฤษฎีกำ
32. กรณีหน่วยงำนของรัฐได้ใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหำยแล้ว สิทธิไล่เบี้ยของหน่วยงำนของ
รัฐมีกำหนดเวลำตำมข้อใด
ก. 1 ปี นับแต่ได้ใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหำย
ข. 1 ปี นับแต่มีคำสั่งตำมควำมเห็นของกระทรวงกำรคลัง
ค. 2 ปี นับแต่หน่วยงำนของรัฐทรำบเหตุ
ง. 2 ปี นับแต่กระทรวงกำรคลังแจ้งผลกำรพิจำรณำ
240
4. ตอบ ก. จำนวนไม่เกิน 5 คน
ข้อ 8 ตำม ระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรี ว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำรปฏิบัติเกี่ยวกับควำมรับผิด
ทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. 2539 มีดังนี้
เมื่อเกิดควำมเสียหำยแก่หน่วยงำนของรัฐแห่งใด และหัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐแห่งนั้นมี
เหตุอันควรเชื่อว่ำเกิดจำกกำรกระทำของเจ้ำหน้ำที่ของหน่วยงำนของรัฐแห่งนั้น ให้หัวหน้ำ
หน่วยงำนของรัฐดังกล่ำวแต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบข้อเท็จจริงควำมรับผิดทำงละเมิดขึ้นคณะหนึ่ง
โดยไม่ชักช้ำ เพื่อพิจำรณำเสนอควำมเห็นเกี่ยวกับผู้ต้องรับผิดและจำนวนค่ำสินไหมทดแทนที่ผู้นั้น
ต้องชดใช้
คณะกรรมกำรตำมวรรคหนึ่ง ให้มีจำนวนไม่เกินห้ำคน โดยแต่งตั้งจำกเจ้ำหน้ำที่ของ
หน่วยงำนของรัฐแห่งนัน้ หรือหน่วยงำนของรัฐอื่นตำมที่เห็นสมควร
5. ตอบ ข. กระทรวงกำรคลัง
มำตรำ ๕ หน่วยงำนของรัฐ ต้องรับผิดต่อผู้เสียหำยในผลแห่งละเมิด ที่เจ้ำหน้ำที่ของตนได้
กระทำในกำรปฏิบัติหน้ำที่ ในกรณีนี้ ผู้เสียหำยอำจฟ้องหน่วยงำนของรัฐดังกล่ำว ได้โดยตรง แต่
จะฟ้องเจ้ำหน้ำที่ไม่ได้
ถ้ำกำรละเมิด เกิดจำกเจ้ำหน้ำที่ ซึ่งไม่ได้สังกัดหน่วยงำนของรัฐแห่งใด ให้ถือว่ำ
กระทรวงกำรคลัง เป็นหน่วยงำนของรัฐ ที่ต้องรับผิดตำมวรรคหนึ่ง
7. ตอบ ก. หน่วยงำนที่เจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุขสังกัด
มำตรำ ๕ หน่วยงำนของรัฐ ต้องรับผิดต่อผู้เสียหำยในผลแห่งละเมิด ที่เจ้ำหน้ำที่ของตน
ได้กระทำในกำรปฏิบัติหน้ำที่ในกรณีนี้ ผู้เสียหำยอำจฟ้องหน่วยงำนของรัฐดังกล่ำว ได้โดยตรง แต่
จะฟ้องเจ้ำหน้ำที่ไม่ได้
ในกรณีนี้ เป็นกำรปฏิบัติหน้ำที่รำชกำรตำมปกติ และไม่มีหลักฐำน ข้อมูลว่ำ เจ้ำหน้ำที่ได้
กระทำให้เกิดควำมเสียหำย ด้วยควำมจงใจ หรือ ประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง หน่วยงำนจึงต้อง
รับผิดชอบ
8. ตอบ ข. เจ้ำหน้ำที่
กรณีนี้ แม้กำรกระทำละเมิดจะเกิดขึ้นระหว่ำงกำรปฏิบัติหน้ำที่ แต่ก็มิได้เป็นไปเพื่อ
ประโยชน์ของทำงรำชกำร หำกแต่เป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ส่วนตัว จึงถือไม่ได้ว่ำ กำรกระทำ
ละเมิดดังกล่ำวเป็นกำรกระทำละเมิดในกำรปฏิบัติหน้ำที่ดังหน่วยงำนจึงไม่ต้องรับผิดชอบ
มำตรำ ๖ ถ้ำกำรกระทำละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ มิใช่กำรกระทำในกำรปฏิบัติหน้ำที่ เจ้ำหน้ำที่ต้อง
รับผิด ในกำรนั้นเป็นกำรเฉพำะตัว ในกรณีนี้ ผู้เสียหำยอำจฟ้องเจ้ำหน้ำที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้อง
หน่วยงำนของรัฐไม่ได้
กรณีของวัยรุ่น ไม่ถือว่ำ วัยรุ่น เป็นเจ้ำหน้ำที่ ตำม พ.ร.บ. ควำมรับผิดทำงละเมิดของ
เจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงไม่อยู่ในขอบข่ำยของกฎหมำยนี้
12.ตอบ ก. เพรำะเป็นกำรไม่ยุติธรรมแก่เจ้ำหน้ำที่
ดูเหตุผลได้จำก หมำยเหตุ ของ พระรำชบัญญัติ
หมำยเหตุ:- นอกจำกนั้น ยังมีกำรนำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วม ในระบบกฎหมำยแพ่ง มำใช้บังคับ ให้
เจ้ำหน้ำที่ ต้องร่วมรับผิดในกำรกระทำ ของเจ้ำหน้ำที่ผู้อื่นด้วย ซึ่งระบบนั้น มุ่งหมำยแต่จะได้เงิน
245
ง. หมำยเลขบัตรประจำตัวประชำชนของนำยจุงเบย
7. ควำมหมำยของคนต่ำงด้ำว ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. ถ้ำผู้จัดกำรหรือกรรมกำร สมำชิกของบริษัทหรือห้ำงหุ้นส่วนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่ำง
ด้ำว ไม่ให้ถือว่ำ เป็นคนต่ำงด้ำว
ข. สมำคมลำมำมีสมำชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่ำงด้ำว
ค. มูลนิธิใส่ใจมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่ำงด้ำว
ง. นำยลองจีทไี่ ม่มีสัญชำติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
8. ตำแหน่งเป็นผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญัตินี้ และมีอำนำจออกฎกระทรวงเพื่อปฎิบัติตำม
พระรำชบัญญัติ นี้
ก. นำยจุงเบยเป็นนำยกรัฐมนตรี
ข. นำงโอเคเป็นรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. นำยสุดยอดเป็นรองนำยกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมำย
ง. นำยโปรโมชั่นเป็นรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงยุติธรรม
9. กฎกระทรวงเพื่อปฎิบัติตำมพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของทำงรำชกำร พ.ศ. 2540มีผล
บังคับเมื่อใด
ก. วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ข. เมื่อประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำแล้วให้ใช้บังคับได้
ค. ผ่ำนควำมเห็นชอบจำกคณะรัฐมนตรี
ง. มีผลบังคับใช้ทันที
10. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรจัดตั้งอยู่ในหน่วยงำนใด
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. สำนักปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. สำนักงำนปลัดกระทรวงมหำดไทย
ง. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
11. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร มีหน้ำที่ปฎิบัติงำนดังนี้ ข้อใดกล่ำว
ถูกต้อง
ก. เกี่ยวกับงำนวิชำกำรและธุรกำรให้แก่คณะกรรมกำรและคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำร
เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ข. สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ของรัฐและ
หน่วยงำนของรัฐ
ค. ประสำนงำนกับหน่วยงำนของรัฐ
ง. ให้คำปรึกษำแก่เอกชนเกี่ยวกับกำรปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัตินี้
253
ค. ข้อมูลทะเบียนรำษฎรของอำเภอ
ง. ประวัติพนักงำนบริษัท
18. บุคคลย่อมมีสิทธิเข้ำตรวจดู ขอสำเนำหรือขอสำเนำที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่ำวสำร
ข้อใดกล่ำว ไม่ถูกต้อง
ก. บุคคลไม่ว่ำจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตำม
ข. คนต่ำงด้ำวจะมีสิทธินั้น ให้เป็นตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง
ค. ในกำรนี้ให้คำนึงถึงกำรช่วยเหลือผู้มีรำยได้น้อยประกอบด้วย
ง. ต้องเป็นบุคคลมีส่วนได้เสียและเกี่ยวข้องเท่ำนั้น
19. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ก. ข่ำว ควำมรู้ต่ำงๆที่คนอ่ำนได้
ข. ข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับสิ่งเฉพำะบุคคล เช่น กำรศึกษำ ประวัติสุขภำพ
ค. ภำพวำด แผนที่ ภำพถ่ำยต่ำงๆ ซึ่งบอกควำมหมำย
ง. ข้อมูลข่ำวสำรที่อยู่ในควำมรับผิดชอบหรือกำรครอบครองของรำชกำร
20. หน่วยงำนไม่ใช่หน่วยงำนของรัฐที่อยู่ในบังคับของพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ก. รัฐวิสำหกิจ เช่น กำรไฟฟ้ำ
ข. ส่วนรำชกำรสังกัดรัฐสภำ
ค. หน่วยงำนอิสระของรัฐ เช่น สำนักงำนตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ง. ศำลที่เกี่ยวกับกำรพิจำรณำพิพำกษำคดี
21. คนต่ำงด้ำว จะมีสิทธิเข้ำตรวจดู ขอสำเนำหรือขอสำเนำที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูล
ข่ำวสำรให้เป็น ตำมกฎหมำยใด
ก. กฎกระทรวงออกโดยนำยกรัฐมนตรี
ข. กฎกระทรวงออกโดยคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ค. กฎกระทรวงออกโดยรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ง. ระเบียบกระทรวงมหำดไทย
22. ถ้ำมีบุคคลใด ขอข้อมูลข่ำวสำรอื่นใดของรำชกำรและคำขอของผู้นั้นระบุขอ้ มูลข่ำวสำรที่
ต้องกำรใน ลักษณะที่อำจเข้ำใจได้ตำมสมควร ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. ให้บุคคลนั้นร้องขอต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรก่อน
ข. ให้หน่วยงำนของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหำข้อมูลข่ำวสำรนั้น
ค. จัดหำข้อมูลข่ำวสำรนั้นให้แก่ผู้ขอภำยในเวลำอันสมควร
ง. จัดหำข้อมูลข่ำวสำรนั้นภำยในเวลำอันสมควรเว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมำกหรือบ่อยครั้ง
โดยไม่มีเหตุผลอัน สมควร
23. ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรใด มีสภำพที่อำจบุบสลำยง่ำย ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. หน่วยงำนของรัฐอำจขอขยำยเวลำในกำรจัดหำให้ในสภำพอย่ำงหนึ่งอย่ำงใดเพื่อให้เกิด
ควำมเสียหำยแก่ข้อมูล ข่ำวสำรนั้นก็ได้
255
ข. หน่วยงำนของรัฐจะจัดทำสำเนำให้ในสภำพอย่ำงหนึ่งอย่ำงใดเพื่อมิให้เกิดควำมเสียหำย
แก่ข้อมูลข่ำวสำรนั้นก็ได้
ค. เป็นกำรแปรสภำพเป็นเอกสำรจำกข้อมูลข่ำวสำรที่บันทึกไว้ในระบบบันทึกภำพหรือ
เสียง ระบบ คอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด
ง. หำกเป็นกำรจัดทำ วิเครำะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้มีขึ้นใหม่ ห้ำมไม่ให้หน่วยงำน
ของรัฐจัดหำให้
24. หน่วยงำนของรัฐจะจัดหำข้อมูลข่ำวสำรข้อมูลข่ำวนั้นให้ก็ได้ หำกเห็นว่ำผู้ขอนั้น
ก. มิใช่แสวงหำผลประโยชน์ทำงกำรค้ำ
ข. เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภำพสำหรับผู้นั้น
ค. เป็นเรื่องที่จะเป็นประโยชน์แก่สำธำรณะ
ง. ถูกทุกข้อ
25. แม้ว่ำข้อมูลข่ำวสำรที่ขอจะอยู่ในควำมควบคุมดูแลของหน่วยงำนหรืออยู่ในครอบครองของ
หน่วยงำนของ รัฐอื่นก็ตำม ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. ให้หน่วยงำนของรัฐที่รับคำขอให้คำแนะนำกับผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่ำวสำร
ข. ให้คำแนะนำเพื่อไปยื่นขอต่อหน่วยงำนของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่ำวสำรนั้นโดยไม่
ชักช้ำ
ค. ถ้ำหน่วยงำนผู้รับคำขอเห็นว่ำข้อมูลข่ำวสำรจัดทำโดยหน่วยงำนของรัฐแห่งอื่น และได้
ระบุห้ำมกำร เปิดเผยไว้ ให้ส่งคำขอนั้นให้หน่วยงำนของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่ำวสำรนั้นพิจำรณำเพื่อมี
คำสั่งต่อไป
ง. หน่วยงำนผู้รับคำขอต้องปฎิเสธทันทีกรณีไม่อยู่ในควำมควบคุมของหน่วยงำนตน
26. ผู้ใดเห็นว่ำหน่วยงำนรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่ำวสำร หรือปฎิบัติหน้ำที่ล่ำช้ำ หรือเห็นว่ำตนไม่ได้
รับควำม สะดวกโดยไม่เหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อใคร
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. หัวหน้ำหน่วยงำนนั้น
ค. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสร
ง. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
27. ในกรณีที่มีกำรร้องเรียนต่อคณะกรรมกำร คณะกรรมกำรต้องพิจำรณำให้แล้วเสร็จภำยในกี่
วัน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วัน ง. 60 วัน
28. ในคณะกรรมกำรพิจำรณำไม่เสร็จ กรณีจำเป็นที่มีเหตุจำเป็นให้ขยำยเวลำออกไปได้ แต่ต้อง
แสดงเหตุแ รวมเวลำทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินกี่วัน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วัน ง. 60 วัน
256
ง. ต้องพิจำรณำอย่ำงเปิดเผยโดยให้คู่ควำมทั้งสองฝ่ำยรับทรำบด้วย
35. กำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรใดแม้จะเข้ำข่ำยต้องมีควำมรับผิดชอบตำมกฎหมำยใด ให้ถือว่ำ
เจ้ำหน้ำที่ของ รัฐไม่ต้องรับผิดหำกเป็นกำรกระทำโดยสุจริต ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. เจ้ำหน้ำที่ของรัฐได้ดำเนินกำรโดยถูกต้องตำมระเบียบ
ข. เจ้ำหน้ำที่ของรัฐในระดับตำมกำหนดในกฎกระทรวงมีคำสั่งเปิดเผยเป็นกำรทั่วไป
ค. เฉพำะแก่บุคคลใดเพื่อประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่ำที่เกี่ยวกับประโยชน์สำธำรณะ หรือ
ชีวติ ร่ำงกำย สุขภำพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล
ง. กำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรตำมข้ำงต้น ให้หน่วยงำนของรัฐพ้นจำกควำมรับผิดตำม
กฎหมำยหำกจะมีใน กรณีดังกล่ำว
36. เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ “บุคคล” หมำยควำมว่ำพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของทำง
รำชกำร พ.ศ. 2540 ตำมข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. บุคคลธรรมดำที่มีสัญชำติไทย
ข. บุคคลธรรมดำที่ไม่มีสัญชำติไทยแต่มีถิ่นอยู่ในประเทศไทย
ค. บุคคลธรรมดำที่ได้เสียภำษีตำมกฎหมำย
ง. ไม่มีข้อกล่ำวไม่ถูกต้อง
37.หน่วยงำนของรัฐต้องปฏิบัติเกี่ยวกับกำรจัดระบบข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลดังต่อไปนี้ ข้อใด
กล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. ต้องจัดให้มีระบบข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลเพียงเท่ำที่เกี่ยวข้องและจำเป็นเพื่อกำร
ดำเนินงำนของ หน่วยงำนของรัฐให้สำเร็จตำมวัตถุประสงค์เท่ำนั้น
ข. หน่วยงำนของรัฐต้องแจ้งเจ้ำของข้อมูลทรำบล่วงหน้ำ ลักษณะกำรใช้ข้อมูลตำมปกติ
และกรณีที่ขอข้อมูล นั้นเป็นกรณีที่อำจใช้ข้อมูลได้โดยสมัครใจเท่ำนั้น กฎหมำยบังคับมิได้
ค. พยำยำมเก็บข้อมูลข่ำวสำรโดยตรงจำกเจ้ำของข้อมูล โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในกรณีที่จะ
กระทบถึงประโยชน์ ได้เสียโดยตรงของบุคคลนั้น
ง. ตรวจสอบแก้ไขข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลในควำมรับผิดชอบให้ถูกต้องอยู่เสมอ
38. หน่วยงำนของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลที่อยู่ในควำมควบคุมดูแลของตนต่อ
หน่วยงำนของรัฐ แห่งอื่นหรือผู้อื่น โดยปรำศจำกควำมยินยอมเป็นหนังสือของเจ้ำของข้อมูลที่ให้
ไว้ล่วงหน้ำหรือขณะนั้นมิได้ เว้นแต่เป็นกำรเปิดเผยดังนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. เปิดเผยต่อเจ้ำหน้ำที่ของรัฐเพื่อกำรป้องกันกำรฝ่ำฝืนหรือไม่ปฏิบัติตำมกฎหมำย กำร
สืบสวน กำร สอบสวน หรือกำรฟ้องคดี ไม่ว่ำเป็นคดีประเภทใดก็ตำม
ข. บริษัทสำยสืบในกำรสืบหำข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ค. เป็นกำรให้ซึ่งจำเป็นเพื่อกำรป้องกันหรือระงับอันตรำยต่อชีวิตหรือสุขภำพของบุคคล
ง. ต่อหน่วยงำนของรัฐที่ทำงำนด้ำนกำรวำงแผนหรือกำรสถิติหรือสำมะโนต่ำงๆ
258
39.ข้อมูลใด ที่หน่วยงำนรัฐอำจมีคำสั่งมิให้เปิดเผยก็ได้
ก. กำรบังคับใช้กฎหมำยเสื่อประสิทธิภำพได้ถ้ำเปิดเผย
ข. รำยงำนกำรแพทย์หรือข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลซึ่งอำจก่อให้เกิดกำรรุกีำสิ ล้ ทธิส่วน
บุคคล
ค. สิ่งพิมพ์ที่ต้องพิมพ์อ้ำงอิงในรำชกิจจำนุเบกษำ
ง. ถูกเฉพำะข้อ ก. และข้อ ข.
40.ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรที่อำจก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อสถำบันพระมหำกษัตริย์จะเปิดเผย
ได้ เพื่อ คัดเลือกไว้ให้ประชำชนได้ศึกษำค้นคว้ำ เมื่อครบกี่ปี
ก. 20 ปี ข. 30 ปี ค. 70 ปี ง. 75 ปี
41.กำรเปิดเผยจะก่อให้เกิดควำมเสียหำต่อควำมมั่นคงของประเทศ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
ประเทศ หรือควำม มั่นคงในทำงเศรษฐกิจหรือกำรคลังประเทศ เพื่อคัดเลือกไว้ให้ประชำชนได้
ศึกษำค้นคว้ำ เมือ่ ครบกี่ปี
ก. 20 ปี ข. 30 ปี ค. 70 ปี ง. 75 ปี
42. ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรที่หน่วยงำนของรัฐ ไม่ประสงค์จะเก็บรักษำหรือมีอำยุครบกำหนด
นับแต่วันที่ เสร็จสิ้นกำรจัดให้มีข้อมูลข่ำวสำรนั้น ให้หน่วยงำนของรัฐส่งมอบให้หน่วยงำนใด หรือ
หน่วยงำนอื่นของรัฐ ตำมกำหนดในพระรำชกฤษฎีกำ เพื่อคัดเลือกไว้ให้ประชำชนได้ศึกษำค้นคว้ำ
ก. สำนักหอสมุดแห่งชำติ กรมศิลปำกร
ข. สำนักหอจดหมำยเหตุแห่งชำติ กรมศิลปำกร
ค. สำนักวรรณกรรมและประวัติศำสตร์ กรมศิลปำกร
ง. สำนักพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ กรมศิลปำกร
43. ถ้ำหน่วยงำนของรัฐไม่เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ประชำชนผู้ได้รับผลกระทบต่อกำรกระทำ
ดังกล่ำวมีสิทธิ ดำเนินกำรอย่ำงไร
ก. ร้องเรียนต่อคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร และอุทธรณ์ต่อคณะกรรมกำร
ข้อมูลข่ำวสำรของ รำชกำร
ข. ร้องเรียนต่อคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร และอุทธรณ์ต่อคณะกรรมกำร
วินิจฉัยกำรเปิดเผย ข้อมูลข่ำวสำร
ค. ร้องเรียนต่อหน่วยงำน และฟ้องต่อศำลปกครอง
ง. ร้องเรียนต่อคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร และอุทธรณ์ต่อนำยกรัฐมนตรี
44. ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ข้อมูลข่ำวสำร หมำยควำมรวมถึง สิ่งที่สื่อควำมหมำยให้รู้เรื่องรำว ข้อมูล ด้วยกำร
บันทึกโดยเครื่อง คอมพิวเตอร์
ข. ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร หมำยควำมรวมถึง ข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับเอกชนที่อยู่ใน
ควำมครอบครองของ รัฐ
259
ค. ข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลหมำยควำมถึงข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับสิ่งเฉพำะตัวของบุคคลที่
อยู่ในควำม ครอบครองของรัฐ
ง. เจ้ำหน้ำที่ของรัฐหมำยถึงผู้ปฏิบัติงำนให้แก่หน่วยงำนของรัฐ
45. หน่วยงำนของรัฐต้องส่งข้อมูลข่ำวสำรประเภทใด ลงพิมพ์ในรำชกิจจำนุเบกษำ
ก. โครงสร้ำง และกำรจัดองค์กำรในกำรดำเนินงำนของหน่วยงำนของรัฐ
ข. รำยชื่อ ข้ำรำชกำร พนักงำน ลูกจ้ำงในหน่วยงำนของรัฐ
ค. คำสั่งเกี่ยวกับกำรปฏิบัติงำนภำยในส่วนรำชกำร
ง. งบประมำณรำยจ่ำยประจำปีของปีที่กำลังดำเนินกำรของหน่วยงำนของรัฐ
46. ข้อใดไม่ใช่ข่ำวสำรประเภทที่หน่วยงำนของรัฐต้องจัดไว้ให้ประชำชนเข้ำตรวจดูได้
ก. ผลกำรพิจำรณำของหน่วยงำนของรัฐที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน
ข. สรุปอำนำจหน้ำที่ที่สำคัญและวิธีกำรดำเนินงำน
ค. มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมกำรแต่งตั้งโดยกฎหมำย
ง. แผนงำน โครงกำรและงบประมำณรำยจ่ำยประจำปีของปีที่กำลังดำเนินกำร
ข. เปิดเผยเมื่อได้ล่วงพ้นกำหนดระยะเวลำอุทธรณ์
ค. เปิดเผยได้เมื่อล่วงพ้น 30 วันไปแล้ว
ง. เปิดเผยเมื่อได้ล่วงพ้น 45 วันไปแล้ว
51. กำรอุทธรณ์คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ต้องอุทธรณ์ต่อใคร
ก. ศำลปกครอง
ข. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ค. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ง. ศำลอุทธรณ์
52.ข้อใดเป็นกำรออกระเบียบเพื่อยกเว้นกำรบังคับใช้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์กำรเปิดเผยข้อมูล
ข่ำวสำรของ รำชกำรที่ถูกต้องที่สุด
ก. สำนักข่ำวกรองแห่งชำติเป็นผู้ออกระเบียบ
ข. สำนักงำนสภำควำมมั่นคงแห่งชำติเป็นผู้ออกระเบียบ
ค. หน่วยงำนของรัฐอำจออกระเบียบ โดยควำมเห็นชอบของคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำร
ของรำชกำร
ง. ถูกทุกข้อ
ค. หน่วยงำนของรัฐมีอำนำจเปิดเผยข้อมูลที่อยู่ในควำมควบคุมดูแลได้ทุกรณีไม่จำเป็นต้อง
ได้รับควำมยินยอม
ง. ถูกเฉพำะข้อ ก และ ข
57. กรณีหน่วยงำนของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ตรงตำมคำขอของเจ้ำของข้อมูล เจ้ำของ
ข้อมูลมีสิทธิ อุทธรณ์ต่อใครภำยในระยะเวลำเท่ำใด
ก. อุทธรณ์ต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ภำยใน 15 วัน
ข. อุทธรณ์ต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ภำยใน 30 วัน
ค. อุทธรณ์ต่อคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร ภำยใน 30 วัน
ง. อุทธรณ์ต่อคณะกรรมกำรรับเรื่องรำวร้องทุกข์ ภำยใน 30 วัน
58. หน่วยงำนที่มีหน้ำที่เก็บรักษำเอกสำรประวัติศำสตร์ตำมพระรำชบัญญัตินี้ คือ บุคคลในข้อใด
ก. พิพิธภัณฑ์
ข. หอจดหมำยแห่งชำติ
ค. กรมสำรสนเทศ
ง. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
59. ตำแหน่งใดเป็นประธำนคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำร ตำมที่กำหนดในพระรำชบัญญัตินี้
ก. นำยจุงเบยดำรงตำแหน่งนำยกรัฐมนตรี.
ข. นำยโดดเด่นรัฐมนตรีซึ่งนำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
ค. นำยแน่นหนำรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. นำงแน่นอกรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร
60. ตำแหน่งใดต่อไปนี้ ไม่ได้เป็นกรรมกำรในคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร ตำมที่
กำหนดใน พระรำชบัญญัตินี้
ก. นำยชงมำปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี นำยปรำบภัยปลัดกระทรวงกลำโหม นำยโคนม
ปลัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ นำยคงเดชปลัดกระทรวงมหำดไทย
ข. นำยกำรดีเป็นผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณ นำยสุดลับผู้อำนวยกำรสำนักข่ำวกรอง
แห่งชำติ และนำยชง ดีเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร นำยรับรู้ปลัดกระทรวงกำรต่ำงประเทศ
ค. นำยหนักแน่นเลขำธิกำรสภำควำมมั่นคงแห่งชำติ นำยเรียนดีเลขำธิกำรข้ำรำชกำรพล
เรือน นำยตีควำม เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ง. นำยใส่ใจปลัดกระทรวงพำณิชย์ นำยยอดเยี่ยมปลัดกระทรวงยุติธรรม นำยเอิกเกริก
ปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร
61. ข้อใดไม่ใช่อำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ก. สอดส่องกำรดูแลกำรดำเนินงำนของหน่วยงำนของรัฐในกำรปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัติ
ข. ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกำรดำเนินงำนของหน่วยงำนของรัฐในกำรปฏิบัติกำรตำม
พระรำชบัญญัติ
262
ค. ให้คำปรึกษำแก่เจ้ำหน้ำที่ของรัฐหรือหน่วยงำนของรัฐเกี่ยวกับกำรปฎิบัติตำม
พระรำชบัญญัตินี้ ตำมที่ได้ รับคำขอ
ง. กำหนดหลักเกณฑ์กำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
62. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร มีวำระกำรดำรงตำแหน่ง
ครำวละกี่ปี ข้อใดกล่ำวถูกต้องที่สุด
ก. 2 ปี นับแต่วันที่รับแต่งตั้ง
ข. 3 ปี นับแต่วันที่รับแต่งตั้ง
ค. 3 ปี นับแต่วันที่รับแต่งตั้ง อำจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้
ง. 4 ปี นับแต่วันที่รับแต่งตั้ง อำจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้
63. ใครเป็นผู้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ก. ประธำนคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ข. นำยกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีซึ่งนำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
ง. คณะรัฐมนตรี
64. กรรมกำรในคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร มีจำนวนทั้งสิ้นกี่คน
ก. 19 คน
ข. 21 คน
ค. 23 คน
ง. 25 คน
65. กรรมกำรในคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร รวมกับเลขำนุกำรและ
ผู้ช่วยเลขำนุกำร รวมเป็นกี่ คนทั้งหมด
ก. 20 คน
ข. 24 คน
ค. 25 คน
ง. 26 คน
66. ใครเป็นผู้แต่งตั้งข้ำรำชกำรของสำนักปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีเป็นเลขำนุกำรและและ
ผู้ช่วยเลขำนุกำร
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีซึ่งนำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
263
67. คำสั่งขยำยเวลำไม่เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรของหน่วยงำนของรัฐมีกำหนดครำวละ
เกินกี่ปี ไม่ได้
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
68. กรณีที่หน่วยงำนของรัฐปฏิเสธว่ำไม่มีข้อมูลข่ำวสำรตำมที่มีคำขอ ถ้ำผู้ขอไม่เชื่อว่ำเป็นควำม
จริงควร ดำเนินกำรอย่ำงไร
ก. ร้องเรียนต่อคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรเพื่อให้ตรวจสอบ
ข. ร้องเรียนต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรเพื่อให้ตรวจสอบ
ค. ยื่นคำร้องต่อศำลเพื่อให้ศำลมีคำสั่ง
ง. ถูกทุกข้อ
69. กำรแต่งตั้งคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ต้องดำเนินกำรอย่ำงไร
ก. นำยกรัฐมนตรีเป็นผู้ใช้อำนำจในกำรแต่งตั้ง
ข. คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตำมข้อเสนอของคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ค. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรเป็นผู้มีอำนำจแต่งตั้ง
ง. เลือกตั้งคณะกรรมกำรในคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
70. อำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ข. วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้ำนกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ค. วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคล
ง. เสนอแนะในกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำและกำรออกกฎกระทรวงหรือระเบียบของคณะ
รัฐมนตรำ พระรำชบัญญัตินี้
71. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร แต่ละคณะจะต้องมีกรรมำกำรไม่น้อยกว่ำกี่
คน
ก. 3 คน
ข. 5 คน
ค. 7 คน
ง. 9 คน
72. กำรส่งคำอุทธรณ์ จำกคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรไปยังคณะกรรมกำรวินิจฉัย
กำรเปิดเผย ข้อมูลข่ำวสำรเพื่อพิจำรณำ จะต้องทำภำยในกี่วันนับแต่วันที่คณะกรรมกำรข้อมูล
ข่ำวสำรของรำชกำรได้รับ อุทธรณ์
ก. 3 วัน
ข. 5 วัน
264
ค. 7 วัน
ง. 15 วัน
73. กำรไม่ปฏิบัติตำมคำสั่งของคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร ที่สั่งให้เรียกบุคคลมำให้
ถ้อยคำหรือ ส่งให้ส่งพยำนหลักฐำน มีโทษเพียงใด
ก. โทษทั้งจำทั้งปรับ
ข. โทษปรับสถำนเดียวไม่มีโทษจำคุก
ค. มีโทษจำคุกสถำนเดียว ไม่มีโทษปรับ
ง. ไม่มีโทษทำงอำญำ
74. ผู้ใดฝ่ำฝืนหรือไม่ปฏิบัติตำมข้อจำกัดหรือเงื่อนไขที่เจ้ำหน้ำที่ของรัฐกำหนดตำม
พระรำชบัญญัติข้อมูล ข่ำวสำรของทำงรำชกำร พ.ศ. 2540 มีโทษอย่ำงไร
ก. ต้องระวำงโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบำท
ข. ต้องระวำงโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบำท
ค. ต้องระวำงโทษจำคุกไม่เกินสำมปี หรือปรับไม่เกินสำมหมื่นบำท
ง. ต้องระวำงโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบำท
75. ใครเป็นผู้รับสนองพระบรมรำชโองกำร พระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของทำงรำชกำร พ.ศ.
2540
ก. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ข. นำยชวน หลีกภัย
ค. ค.นำยบรรหำร ศิลปอำชำ
ง. ตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
76. สำนักงำนคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรมีชื่อย่อว่ำอะไร
ก. สขร.
ข. สขม.
ค. สขก.
ง. สขช.
77. พระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. 2540 บังคับใช้เมื่อพ้นกำหนดกี่วัน
ก. ถัดจำกวัดประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ข. 90 วัน
ค. 120 วัน
ง. 180 วัน
78. พระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. 2540 บังคับใช้วันที่
ก. 9 มกรำคม 2540
ข. 9 ธันวำคม 2539
ค. 9 ธันวำคม 2540
265
ง. 10 ธันวำคม 2540
79. ข้อมูลข่ำวสำรคือ
ก. สิ่งที่สื่อควำมหมำยให้รู้เรื่องรำวข้อเท็จจริงข้อมูล หรือสิ่งใด ๆ
ข. กำรสื่อสำรถึงกัน
ค. ข่ำวที่นักข่ำวนำเสนอ
ง. ถูกทุกข้อ
80. ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรคือ
ก. ข้อมูลข่ำวสำรที่อยู่ในควำมครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงำนของรัฐ
ข. ข้อมูลข่ำวสำรที่อยู่ในควำมครอบครองหรือควบคุมดูแลของเอกชน
ค. ข้อมูลข่ำวสำรที่อยู่ในควำมครอบครองหรือควบคุมดูแลของรัฐและเอกชน
ง. ข้อมูลข่ำวสำรที่อยู่ในควำมครอบครองหรือควบคุมดูแลของมูลนิธิ
81. ข้อใดคือควำมหมำของคนต่ำงด้ำว
ก. บุคคลธรรมดำที่มีสัญชำติไทย แต่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
ข. บุคคลธรรมดำที่ไม่มีสัญชำติไทย แต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
ค. บุคคลธรรมดำที่มีสัญชำติไทย และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
ง. บุคคลธรรมดำที่ไม่มีสัญชำติไทย และไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
82. ข้อใดต่อไปนี้ถือว่ำเป็นคนต่ำงด้ำว
ก. บริษัทชุมชนของเรำจำกัดมีคนต่ำงด้ำวถือหุ้นไม่เกินกึ่งหนึ่ง
ข. สมำคมรักไทยมีสมำชิกทั้งหมด 988 คน เป็นคนต่ำงด้ำว 450 คน
ค. มูลนิธิไก่ชนไทยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่ำงด้ำว
ง. สมำคมสู้เพื่อแผ่นดิน ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนไทย
83. ข้อใดไม่ใช่หน้ำที่ของสำนักงำนคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำร
ก. ปฏิบัติงำนเกี่ยวกับงำนวิชำกำรและธุรกำรให้แก่ คณะกรรมกำร
ข. ให้คำปรึกษำแก่เอกชนในกำรปฏิบัติตำม พ.ร.บ. นี้
ค. ประสำนงำนกับหน่วยงำนของรัฐ
ง. ให้คำปรึกษำแก่หน่วยงำนรัฐในกำรปฏิบัติตำม พ.ร.บ. นี้
84. ข้อมูลข่ำวสำรตำมข้อใดต้องลงพิมพ์ในรำชกิจจำนุเบกษำ
ก. โครงสร้ำงและกำรจัดองค์กรในกำรดำเนินงำน
ข. สรุปอำนำจหน้ำที่ที่สำคับและวิธีดำเนินงำน
ค. สถำนที่ติดต่อเพื่อของรับข้อมูลข่ำวสำร
ง. ถูกทุกข้อ
85. ข้อมูลข่ำวสำรตำมข้อใดต้องจัดไว้ให้ประชำชนได้เข้ำตรวจดู
ก. ผลกำรพิจำรณำหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน
ข. แผนงำน โครงกำร งบประมำณรำยจ่ำยปะจำปี
266
ค. สัญญำสัมปทำนที่เป็นกำรผูกขำดตัดตอน
ง. ถูกทุกข้อ
86. ผู้ใดเห็นว่ำหน่วยงำนของรัฐไม่จัดข้อมูลข่ำวสำรให้ประชำชนได้เข้ำตรวจดูสำมำรร้องเรียนต่อ
หน่วยงำนใด
ก. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของทำงรำชกำร
ข. คณะกรรมกำรวินิจฉัยข้อมูลข่ำวสำรของทำงรำชกำร
ค. ศำลปกครอง
ง. คตส.
87. เมื่อมีกำรร้องเรียนว่ำหน่วยงำนของรัฐไม่จัดข้อมูลข่ำวสำรให้ประชำชนได้เข้ำตรวจดูให้
คณะกรรมกำร พิจำรณำให้แล้วเสร็จภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน
88. กรณีมีเหตุจำเป็นคณะกรรมกำรไม่สำมำรถพิจำรณำให้แล้วเสร็จภำยในเวลำ ให้ขยำยเวลำ
ออกไปได้ แต่ ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลำทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน
89. ข้อมูลข่ำวสำรตำมข้อใดจะเปิดเผยมิได้
ก. ข้อมูลข่ำวสำรที่อำจก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อสถำบันพระมหำกษัตริย์
ข. มติคณะรัฐมนตรี
ค. รำยงำนแพทย์
ง. ข้อมูลส่วนตัว
90. ข้อมูลข่ำวสำรข้อใดที่หน่วยงำนของรัฐอำจมีคำสั่งมิให้เปิดเผย
ก. ข้อมูลข่ำวสำรที่อำจก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อควำมมั่นคงของประเทศ
ข. กำรเปิดเผยอำจทำให้กำรบังคับใช้กฎหมำยเสื่อมประสิทธิภำพ
ค. กำรเปิดเผยอำจก่อให้เกิดอันตรำยต่อชีวิต
ง. ถูกทุกข้อ
91. เจ้ำหน้ำที่ของรัฐเห็นว่ำกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรอำจกระทบกับส่วนได้เสียของผู้ใด ให้
เจ้ำหน้ำที่แจ้งให้ผู้ นั้นคัดค้ำนภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
267
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
92. ถ้ำเจ้ำหน้ำที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรผู้นั้นอำจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมวินิจฉัยกำร
เปิดเผยข้อมูล ข่ำวสำรภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
93. ถ้ำเจ้ำหน้ำที่มีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้ำนของผู้มีประโยชน์ได้เสียผู้นั้น อำจอุทธรณ์ต่อคณะกรรม
วินิจฉัยกำร เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
94. “บุคคล” ในควำมหมำยข้อใดถูกต้อง
ก. บุคคลธรรมดำที่ไม่มีสัญชำติไทย
ข. บุคลธรรมดำที่มีสัญชำติไทย
ค. บุคคลที่ไม่มีสัญชำติไทย และไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
ง. ถูกทุกข้อ
95. หน่วยงำนของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลได้ในกรณีใด
ก. ได้โดยไม่ต้องได้ควำมยินยอม
ข. ไม่ได้เลยไม่ว่ำกรณีใดๆ
ค. ถ้ำได้รับควำมยินยอมเป็นหนังสือไว้ล่วงหน้ำ
ง. ได้ถ้ำบุคคลที่เกี่ยวข้องยินยอม
96. หน่วยงำนของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลโดยไม่ต้องได้รับควำมยินยอมได้ในกรณี
ใดบ้ำง
ก. ต่อหน่วยงำยของรัฐด้ำนกำรวำงแผน
ข. เป็นกำรให้เพื่อประโยชน์ในกำรศึกษำวิจัย
ค. ต่อจดหมำยเหตุแห่งชำติ กรมศิลปำกร
ง. ถูกทุกข้อ
97. ผู้ใดเห็นว่ำข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลเกี่ยวกับตนไม่ถูกต้องให้ ยืนคำร้องเพื่อขอแก้ไขต่อ
หน่วยงำนใด ก. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของทำงรำชกำร
ข. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ค. หน่วยงำนของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่ำวสำร
268
ง. ถูกทุกข้อ
98. ผู้ใดเห็นว่ำข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคลเกี่ยวกับตนไม่ถูกต้องให้ ยืนคำร้องเพื่อขอแก่ไข
เปลี่ยนแปลง ถ้ำ หน่วยงำนของรัฐไม่แก่ไข เปลี่ยนแปลง ให้อุทธรณ์ต่อใคร
ก. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของทำงรำชกำร
ข. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ค. หน่วยงำนของรัฐที่ควบคุมดูแล
ง. ศำลปกครอง
109. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้ช่วยเลขำนุกำรได้กี่คน
ก. 1 คน ข. 2 คน
ค. 3 คน ง. 4 คน
110. ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร มีวำระในกำรดำรงตำแหน่ง
ครำวละกี่ปี
ก. 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับกำรสรรหำ
ข. 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับกำรแต่งตั้ง
ค. 4 ปี นับแต่วันที่ได้รับกำรสรรหำ
ง. 4 ปี นับแต่วันที่ได้รับกำรแต่งตั้ง
111. กำรพ้นจำกตำแหน่งของผู้ทรงคุณวุฒิในข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ตำย
ข. คณะรัฐมนตรีให้ออกเพรำะมีควำมประพฤติเสื่อมเสีย
ค.ลำออก
ง.นำยกรัฐมนตรีให้ออกเพรำะมีควำมบกพร่อง
112. ใครเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. รัฐสภำ
ค. นำยกรัฐมนตรี
ง. พระมหำกษัตริย์
113. ข้อใดไม่ใช่ควำมรู้ควำมเชี่ยวชำญของคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ก. ควำมมั่นคงของประเทศ
ข. เศรษฐกิจและกำรคลังของประเทศ
ค. กำรบริหำรประเทศ
ง. กำรบังคับใช้กฎหมำย
114. ให้คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรส่งคำอุทธรณ์ให้คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำร
เปิดเผยข้อมูล ข่ำวสำรภำยในกี่วัน นับแต่ที่ได้รับคำอุทธรณ์
ก. 7 วัน ข. 12 วัน ค. 15 วัน ง. 30 วัน
115. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตำมคำสั่งของคณะกรรมกำร (ตำมมำตรำ 32) ไม่มำให้ถ้อยคำ ส่งวัตถุเอกสำร
หรือ พยำนหลักฐำน ต้องระวำงโทษตำมข้อใด
ก. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000 บำท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บำท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บำท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 15,000 บำท หรือทั้งจำทั้งปรับ
271
122. ข้อใดไม่ใช่ควำมหมำยของหน่วยงำนของรัฐ
ก. รำชกำรส่วนกลำง รำชกำรส่วนภูมิภำค รำชกำรส่วนท้องถิ่น
ข. ศำลในส่วนที่เกี่ยวกับกำรพิจำรณำพิพำกษำคดี
ค. รัฐวิสำหกิจ ส่วนรำชกำรสังกัดรัฐสภำ
ง. องค์กรควบคุมกำรประกอบวิชำชีพ หน่วยงำนอิสระของรัฐ
123.ผู้ใดเป็นผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของทำงรำชกำร พ.ศ.2540
ก. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงยุติธรรม
ข. รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
ค. นำยกรัฐมนตรี
ง. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
124. หน่วยงำนของรัฐต้องส่งข้อมูลข่ำวสำรใดไปลงพิมพ์ในรำชกิจจำนุเบกษำ
ก.โครงสร้ำงและกำรจัดองค์กรในกำรดำเนินงำน
ข. มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน
ค. สรุปอำนำจหน้ำที่ที่สำคัญและวิธีดำเนินงำน
ง. ถูกทุกข้อ
125.กฎ ระเบียบ คำสั่ง มติคณะรัฐมนตรี ถ้ำยังไม่ได้ลงพิมพ์ในรำชกิจจำนุเบกษำ จะมีผล
อย่ำงไร
ก. นำมำบังคับในทำงที่ไม่เป็นคุณแก่ผู้ใดไม่ได้
ข. เป็นโมฆะ
ค. เป็นโมฆียะ
ง. ไม่มีผลบังคับในทำงกฎหมำย
126.บุคคลใดมีสิทธิเข้ำตรวจดู ขอสำเนำหรือขอสำเนำที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่ำวสำรได้
ก. บุคคลที่มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้อง
ข. บุคคลที่ไม่มีส่วนได้เสีย
ค. คนต่ำงด้ำว
ง. ถูกทุกข้อ
127. ข้อมูลข่ำวสำรที่หน่วยงำนของรัฐจัดให้แก่ผู้ขอต้องเป็นข้อมูลข่ำวสำรประเภทใด
ก. อยู่ในสภำพพร้อมที่จะให้ได้
ข. ต้องนำไปจัดทำวิเครำะห์ จำแนก หรือรวบรวมก่อน
ค. ต้องจัดขึ้นมำใหม่ โดยไม่สอดคล้องกับอำนำจหน้ำที่ตำมปกติของหน่วยงำนของรัฐ
ง. ไม่มีข้อถูก
128. เมื่อมีกำรร้องเรียนเกี่ยวกับหน่วยงำนของรัฐไม่จัดหำข้อมูลข่ำวสำรจะต้องร้องเรียนต่อใคร
ก. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
273
ค. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ง. ประธำนรัฐสภำ
129. ในกรณีเจ้ำหน้ำที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ผู้ขอจะอุทธรณ์ต่อใคร
ก. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. คณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ค. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร
ง. ประธำนรัฐสภำ
130. กำรยื่นอุทธรณ์คำสั่งของเจ้ำหน้ำที่ของรัฐที่มิให้เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร ต้องอุทธรณ์ภำยใน
กำหนดเวลำเท่ำใด
ก. 15 วัน นับแต่วันยื่นคำขอ
ข. 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
ค. 30 วัน นับแต่วันยื่นคำขอ
ง. 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
131. คณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำร คณะหนึ่ง ต้องมีไม่น้อยกว่ำกี่คน
ก. 3 คน
ข. 5 คน
ค. 7 คน
ง. 9 คน
132. ผู้ใดมิได้เป็นคณะกรรมกำรข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร
ก. ปลัดกระทรวงกลำโหม
ข. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ค. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
ง. ปลัดกระทรวงศึกษำธิกำร
133. ข้อมูลข่ำวสำรที่ไม่ต้องเปิดเผยตำมมำตรำ 14 มีกำหนดเวลำครบกี่ปีหำกหน่วยงำนของรัฐ
จะส่งข้อมูลข่ำวสำรมอบให้แก่หอจดหมำยเหตุแห่งชำติ
ก. 50 ปี
ข. 75 ปี
ค. 100 ปี
ง. ไม่มีกำหนดเวลำ
134. ข้อมูลข่ำวสำรที่หน่วยงำนของรัฐอำจมีคำสั่งมิให้เปิดเผยตำมมำตรำ 15 มีกำหนดเวลำ
ครบกี่ปีหำกหน่วยงำนของรัฐจะส่งข้อมูลข่ำวสำรมอบให้แก่หอจดหมำยเหตุแห่งชำติ
ก. 10 ปี
ข. 15 ปี
ค. 20 ปี
274
ง. 25 ปี
135.ข้อมูลข่ำวสำรส่วนบุคคล ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. เปิดเผยเพื่อประโยชน์ในกำรศึกษำวิจัย โดยระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่ำเป็นข้อมูล
ข่ำวสำรส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลใด
ข. เปิดเผยได้ เมื่อได้รับควำมยินยอมเป็นหนังสือของเจ้ำของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้ำ
ค. เปิดเผยต่อเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ เพื่อกำรป้องกันกำรฝ่ำผืนหรือไม่ปฏิบัติตำมกฎหมำย
ง. เปิดเผยต่อเจ้ำหน้ำที่ของรัฐในหน่วยงำนของตน เพื่อกำรนำไปใช้ตำมอำนำจหน้ำที่ของ
หน่วยงำนของรัฐแห่งนั้น
275
ข้อ 6. โดยทั่วไปคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรมจะต้องทบทวนมำตรฐำนทำงจริยธรรม
เมื่อใด
ก. ทุก 2 ปี
ข. ทุก 3 ปี
ค. ทุก 4 ปี
ง. ทุก 5 ปี
ข้อ 7. ข้อใดมิใช่กรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรมโดยตำแหน่ง
ก. ผู้แทนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ข. ผู้แทนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนในสถำบันอุดมศึกษำ
ค. ผูแ้ ทนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ
ง. ผู้แทนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรตำรวจ
ข้อ 8. มำตรฐำนทำงจริยธรรมคือหลักเกณฑ์กำรประพฤติปฏิบัติอย่ำงมีคุณธรรมของเจ้ำหน้ำที่ของ
รัฐ ยกเว้นข้อใด
ก. กล้ำกระทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม
ข. แสวงหำควำมรู้ตลอดเวลำ
ค. ดำรงตนเป็นแบบอย่ำงที่ดี
ง. มีจิตสำธำรณะ
ข้อ 9. คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรมมีหน้ำที่และอำนำจตำม พ.ร.บ.มำตรฐำนทำง
จริยธรรม พ.ศ. 2562 ยกเว้นข้อใด
ก. ให้คำปรึกษำเกี่ยวกับยุทธศำสตร์ด้ำนมำตรฐำนทำงจริยธรรมต่อคณะรัฐมนตรี
ข. ปฏิบัติหน้ำที่อื่นตำมที่คณะรัฐมนตรีมอบหมำย
ค. ตรวจสอบรำยงำนประจำปีของหน่วยงำนของรัฐ
ง. จัดทำประมวลจริยธรรม
ข้อ 10. หน่วยงำนของรัฐต้องดำเนินกำรในเรื่องใด เพื่อเป็นกำรรักษำจริยธรรมของเจ้ำหน้ำที่ของ
รัฐ
ก. กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับกำรรักษำจริยธรรมประจำหน่วยงำนของรัฐ
ข. ให้ควำมรู้แก่ประชำชนอย่ำงเท่ำเทียมและเสมอภำค
ค. จัดทำประมวลจริยธรรมให้สอดคล้องตำมยุทธศำสตร์ชำติ
ง. กำกับดูแลกำรดำเนินกระบวนกำรรักษำจริยธรรม
ข้อ 11. พระรำชบัญญัติมำตรฐำนทำงจริยธรรม พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับตั้งแต่เมื่อใด
ก. วันที่ 16 เมษำยน 2562
ข. วันที่ 17 เมษำยน 2562
ค. วันที่ 18 เมษำยน 2562
ง. วันที่ 19 เมษำยน 2562
278
อยู่ในควำมรับผิดชอบด้วย เพื่อให้กำรจัดทำประมวลจริยธรรมในภำครัฐมีมำตรฐำนทำงจริยธรรม
ในระดับเดียวกัน
6. โดยทั่วไปคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรมจะต้องทบทวนมำตรฐำนทำงจริยธรรม ในทุกกี่
ปี
ก. ทุก 2 ปี
ข. ทุก 3 ปี
ค. ทุก 4 ปี
ง. ทุก 5 ปี
17. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม
ก. คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกิน 5 คน
ข. คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกิน 7 คน
ค. นำยกรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกิน 5 คน
ง. นำยกรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกิน 7 คน
18. ผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญัติมำตรฐำนทำงจริยธรรม พ.ศ. 2562
ก. ประธำนกรรมกำรพิทักษ์ระบบคุณธรรม
ข. ประธำนกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ค. นำยกรัฐมนตรี
ง. อธิบดีกรมกำรศำสนำ
19. จริยธรรม ตรงกับคำในภำษำอังกฤษข้อใด
ก. Ethic
ข. Integrity
ค. Morality
ง. Occupation
20. ข้อใด ไม่สอดคล้อง กลไกหลักในกำรขับเคลื่อนพระรำชบัญญัติมำตรฐำนทำง จริยธรรม พ.ศ.
2562
ก. แนวนโยบำยพื้นฐำน
ข. คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม
ค. กำรรักษำจริยธรรมของเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ
ง. มำตรฐำนทำงจริยธรรมและประมวลจริยธรรม
285
1 ง 11 ข
2 ง 12 ง
3 ค 13 ข
4 ก 14 ข
5 ก 15 ก
6 ง 16 ค
7 ง 17 ค
8 ค 18 ค
9 ง 19 ก
10 ง 20 ก
286
แนวข้อสอบพระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ.2546
แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2562) ชุด 1.
1. พระรำชกฤษฎีกำรว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ได้
ตรำขึ้นตำมกฎหมำยใด
ก. รัฐธรรมนูญแหงรำชอำณำจักรไทยและพระรำชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
ข. รัฐธรรมนูญแหงรำชอำณำจักรไทยและพระรำชบัญญัติข้ำรำชกำรพลเรือน
ค. รัฐธรรมนูญแหงรำชอำณำจักรไทยและพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
ง. พระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน และพระรำชบัญญัติวิธีปฎิบัติรำชกำร
ทำงปกครอง
2. ในทำงปฏิบัติรำชกำรส่วนใด จะปฏิบัติเมื่อใดต้องมีเงื่อนไขอย่ำงไร ใครเป็นผู้กำหนดให้ปฏิบัติ
ตำมพระรำชกฤษฎีกำนี้
ก. คณะรัฐมนตรี ข.นำยกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงนั้น ง.ถูกทุกข้อ
3. หน่วยงำนใดมีหน้ำที่ให้ข้อเสนอแนะ (คณะรัฐมนตรี) ก่อนปฏิบัติตำมพระรำชกฤษฎีกำในกำรที่
จะให้ส่วนรำชกำรปฏิบัติเมื่อใด และจะมีต้องมีเงื่อนไขอย่ำงใด
ก. สำนักงบประมำณ ข.คณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร
ค. ก.พ. ง. สำนักนำยกรัฐมนตรี
4. คำว่ำ“ส่วนรำชกำร” ตำมควำมหมำยพระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำร
กิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 นั้นให้ควำมหมำยถึงส่วนรำชกำรตำมกฎหมำยใด
ก. ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
ข. ตำมกฎหมำยระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
ค. ตำมกฎหมำยรัฐธรรมนูญ และกฎหมำยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ง. ถูกทุกข้อ
5. กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดีนั้น จะต้องบริหำรรำชกำรให้บรรลุเป้ำหมำยทั้งหมดกี่ประกำร
ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก. 5 ประกำร
ข. 6 ประกำร
ค. 7 ประกำร
ง. ขึ้นอยู่มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบำยรัฐบำล
6. กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดีนั้น เป้ำหมำยสูงสุดคือข้อใด
ก. ไมมีขั้นตอนกำรปฏิบัติงำนเกินควำมจำเป็น
ข. มีกำรปรับปรุงภำรกิจของส่วนรำชกำรให้ทันต่อสถำนกำรณ์
ค. ประชำชนได้รับกำรอำนวยควำมสะดวกและได้รบั กำรตอบสนองค์วำมต้องกำร
287
ง. เกิดประโยชน์สุขของประชำชน
7. กำรบริหำรรำชกำรเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชำชน หมำยถึงกำรปฏิบัติรำชกำรที่มี
เป้ำหมำยตำมข้อใด
ก. เกิดควำมผำสุกและควำมเป็นอยู่ที่ดีของประชำชน
ข. เกิดควำมสงบและปลอดภัยของสังคมสวนรวม
ค. เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ง. ถูกทุกข้อ
8. ในกำรบริหำรรำชกำรเพื่อประโยชน์สุขของประชำชน ส่วนรำชกำรจะต้องดำเนินกำรโดยถือ
อะไรเป็นศูนย์กลำงในกำรบริกำรจำกรัฐ
ก. นโยบำยประเทศ ข. สังคมและชุมชน
ค. ผู้นำและประชำชน ง. ประชำชน
9. ในกำรกำหนดภำรกิจของรัฐและส่วนรำชกำรจะต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ควำมสุขของ
ประชำชนและสอดคล้องตำมข้อใด
ก. สอดคล้องกับยุทธศำสตร์และวิสัยทัศน์กำรพัฒนำประเทศ
ข. สอดคล้องกับแผนพัฒนำเศรษฐกิจสังคมแหงชำติ
ค. สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแหงรำชอำณำจักรไทยและที่ ก.พ.ร.กำหนด
ง. สอดคล้องกับแนวนโยบำยแหงรัฐและนโยบำยของคณะรัฐมนตรี
10. ในกำรบริหำรรำชกำรเพื่อประโยชน์สุขของประชำชนนั้น ส่วนรำชกำรจะต้องมีแนวทำงใน
กำรบริหำรรำชกำรกี่ข้อ
ก. 5 ข้อ ข. 6 ข้อ ค. 7 ข้อ ง. แล้วแต่ ก.พ.ร. กำหนด
11. ส่วนรำชกำรใด ที่จะดำเนินกำรให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประชำชนนั้น จะต้องมีกำรกำหนด
แนวทำงกำรบริหำรรำชกำรตำมข้อใด เป็นอันดับแรก
ก. ศึกษำปัญหำและอุปสรรคก่อนกำรดำเนินกำรแล้วปรับปรุงโดยเร็ว
ข. จะต้องมีกำรศึกษำวิเครำะห์ผลดีผลเสียให้ครบทุกด้ำนที่กระทบต่อประชำชน
ค. กำหนดภำรกิจของรัฐและส่วนรำชกำรให้สอดคล้องกับแนวนโยบำยแหงรัฐและนโยบำย
ของคณะรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้อ
12. ก่อนดำเนินกำร ส่วนรำชกำรต้องดำเนินกำรอย่ำงไร
ก. จัดให้มีกำรศึกษำ วิเครำะห์ผลดีและผลเสียให้ครบทุกด้ำน
ข. กำหนดขั้นตอนกำรดำเนินกำรที่โปร่งใส มีกลไกตรวจสอบกำรดำเนินกำรในแต่ละ
ขั้นตอน
ค. ในกรณีที่ภำรกิจใด จะมีผลกระทบต่อประชำชน ต้องดำเนินกำรรับฟังควำมคิดเห็นหรือ
ชี้แจงทำควำมเข้ำใจ เพื่อให้ประชำชนตระหนักถึงผลประโยชน์ที่สวนรวมจะได้รับจำกภำรกิจนั้น
ง. ถูกทุกข้อ
288
18. เหตุผลในกำรประกำศใช้พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำร
บ้ำนเมืองทีดี พ.ศ.2546 คืออะไร
ก. เพื่อให้กำรปฏิบัติงำนของส่วนรำชกำรตอบสนองต่อกำรพัฒนำประเทศ
ข. มีกำรปฏิรูประบบรำชกำร
ค. เพื่อให้กำรบริกำรแกประชำชนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น
ง. ถูกทุกข้อ
19. พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองทีดี พ.ศ.2546 มีผล
บังคับใช้เมื่อใด
ก. วันที่ 9 ตุลำคม 2546
ข. วันที่ 10 ตุลำคม 2546
ค. วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ
ง. ถูกทั้ง ข. และ ข้อ ค.
20. หน่วยงำนใดที่มีหน้ำที่ดูแลและให้ควำมช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกำรจัดทำ
หลักเกณฑ์กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี ข. กระทรวงมหำดไทย
ค. คณะรัฐมนตรี ง. ก.พ.ร.
21.หน่วยงำนใดต่อไปนี้ ต้องจัดให้มีหลักเกณฑ์กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี ตำมพระรำช
กฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ.2546
ก. องค์กำรปกครองส่วนท้องถิ่น ข. องค์กรมหำชน
ค. รัฐวิสำหกิจ ง. ถูกทุกข้อ
22.หน่วยงำนใด มีอำนำจเสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษหรือจัดสรรเงินรำงวัลกำรเพิ่ม
ประสิทธิภำพให้แก่ส่วนรำชกำร
ก. ส่วนรำชกำรที่ปฏิบัติงำน ข. คณะผู้ประเมินอิสระ
ค. คณะรัฐมนตรี ง. ก.พ.ร.
23. ผู้มีอำนำจในส่วนรำชกำร จัดให้มีกำรประเมินผลกำรปฏิบัติรำชกำรของส่วนรำชกำรเกี่ยวกับ
ผลสัมฤทธิ์ของภำรกิจ คุณภำพกำรให้บริกำร ควำมพึงพอใจของประชำชนผู้รับบริกำรควำมคุ้มค่ำ
ในภำรกิจ คือใคร
ก องค์กำรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข. องค์กรมหำชน
ค. รัฐวิสำหกิจ
ง. ถูกทุกข้อ
24.ส่วนรำชกำรต้องจัดให้มีกำรเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องใดบ้ำง
ก. งบประมำณรำยจ่ำยแต่ละปี
ข. กำรจัดซื้อจัดจ้ำงที่จะดำเนินกำรในปีงบประมำณนั้น
290
ค. สัญญำใด ๆ ที่ได้มีกำรอนุมัติให้จัดซื้อหรือจัดจ้ำงแล้ว
ง. ถูกทุกข้อ
25.กำรอำนวยควำมสะดวกและควำมรวดเร็วแก่ประชำชนในกำรติดต่อกับส่วนรำชกำร ทุกแห่ง
ส่วนรำชกำรใดต้องจัดให้มีระบบ สำรสนเทศกลำงขึ้น
ก. กระทรวง ทบวง กรม
ข. จังหวัด อำเภอ
ค. กระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
26. ส่วนรำชกำรใด ได้รับกำรติดต่อสอบถำมเป็นหนังสือจำกประชำชนหรือจำกส่วนรำชกำร
ด้วยกัน มีหน้ำที่ต้องตอบคำถำมหรือแจ้งกำรดำเนินกำรให้ทรำบภำยในกี่วัน
ก. 5 วัน ข. 10 วัน ค. 15 วัน ง. 20 วัน
27.ผู้มีหน้ำที่แจ้งให้ประชำชนที่มำติดต่อได้ทรำบในครั้งแรกที่มำติดต่อและตรวจสอบว่ำเอกสำร
หลักฐำนที่จำเป็นนั้นประชำชนได้ยื่นมำครบถ้วนหรือไม่คือใคร
ก. ส่วนรำชกำรที่เกี่ยวข้อง
ข. ปลัดกระทรวง
ค. อธิบดีหรือผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ง. เจ้ำหน้ำที่ศูนย์บริกำรรวม
28. ผู้มีหน้ำที่จัดให้ส่วนรำชกำรภำยในกระทรวงจัดตั้งศูนย์บริกำรร่วม เพื่ออำนวยควำมสะดวก
แก่ประชำชนในกำรที่จะต้องปฏิบัติตำมกฎหมำย คือใคร
ก. ปลัดกระทรวง
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวง
ค. รัฐมนตรีชวยว่ำกำรกระทรวง
ง. ถูกทุกข้อ
29. กรณีผู้บังคับบัญชำสั่งรำชกำรด้วยว่ำจำ ผู้รับคำสั่งจะต้องปฏิบัติอย่ำงไร
ก. รีบปฏิบัติรำชกำรตำมคำสั่ง
ข. บันทึกคำสั่งด้วยว่ำจำเป็นลำยลักษณ์อักษร
ค. แจ้งให้ผู้บังคับบัญชำสั่งกำรเป็นลำยลักษณ์อักษร
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
30.พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ.2546
กำหนดเรื่องกำรสั่งรำชกำรได้อย่ำงไร
ก. ปกติให้กระทำเป็นลำยลักษณ์อักษร
ข. กรณีมีควำมจำเป็นที่ไมอำจสั่งเป็นลำยลักษณ์อักษรในขณะนั้น จะสั่งรำชกำรด้วยว่ำจำก็
ได้
ค. สั่งรำชกำรด้วยว่ำจำหรือลำยลักษณ์อักษรก็ได้แล้วแต่ควำมสะดวกของผู้บังคับบัญชำ
291
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
31. กำรจัดซื้อจัดจ้ำง ให้ส่วนรำชกำรดำเนินโดยเปิดเผยและเที่ยงธรรม โดยพิจำรณำถึงอะไรบ้ำง
ก. ประโยชน์และผลเสียทำงสังคม
ข. ภำระต่อประชำชน คุณภำพ วัตถุประสงค์ที่จะใช้
ค. รำคำ และประโยชน์ระยะยำวของส่วนรำชกำร
ง. ถูกทุกข้อ
32. หน่วยงำนใดมีหน้ำที่จัดให้มีกำรประเมินควำมคุ้มค่ำในกำรปฏิบัติภำรกิจของรัฐที่ส่วนรำชกำร
ดำเนินกำรอยู่เพื่อรำยงำนคณะรัฐมนตรี
ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแหงชำติ
ข. สำนักงบประมำณ
ค. กรมบัญชีกลำง
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
33. ส่วนรำชกำรต้องคำนวณรำยจ่ำยต่อหน่วยของงำนบริกำรสำธำรณะที่อยู่ในควำมรับผิดชอบ
รำยงำนต่อหน่วยงำนใด
ก. สำนักงบประมำณ
ข. ก.พ.ร.
ค. กรมบัญชีกลำง
ง. ถูกทุกข้อ
34. หน่วยงำนใดที่มีหน้ำที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรในกำรจัดทำบัญชีต้นทุนในงำนบริกำร
สำธำรณะให้ส่วนรำชกำรปฏิบัติ
ก. สำนักงบประมำณ
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. กรมบัญชีกลำง
ง. กระทรวงกำรคลัง
35. หน่วยงำนใดมีหน้ำที่กำหนดแนวทำงกำรจัดทำแผนปฏิบัติรำชกำร
ก. สำนักงบประมำณ
ข. ก.พ.ร.
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
36. ก.พ.ร. หมำยถึงหน่วยงำนใด
ก. คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
ข. คณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร
ค. กองพัฒนำรำชกำร
ง. กรมพัฒนำระบบรำชกำร
292
ง. กรมบัญชีกลำง
56. ส่วนรำชกำรมีหน้ำที่จัดทำแผนปฏิบัติรำชกำรประจำปีในแต่ละปีงบประมำณเสนอต่อผู้ใด
เพื่อให้ควำมเห็นชอบ
ก. รัฐมนตรี
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวง
ง. อธิบดี
57. แผนนิติบัญญัติเป็นแผนเกี่ยวกับเรื่องใด
ก. กฎหมำยที่จะต้องจัดให้มีขึ้นใหม่
ข. กฎหมำยที่ต้องมีกำรแก้ไขเพิ่มเติม
ค. กฎหมำยที่ต้องยกเลิก
ง. ถูกทุกข้อ
58. เมื่อมีกำรประกำศใช้บังคับแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน แล้ว ใครเป็นผู้มีอำนำจจัดทำแผน
นิติบัญญัติ
ก. คณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ข. สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
60. แผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน เมื่อได้รับควำมเห็นชอบแล้ว มีผลผูกพันใครบ้ำง
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรี
ค. ส่วนรำชกำร
ง. ถูกทุกข้อ
61. ผู้มีอำนำจให้ควำมเห็นชอบแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน คือใคร
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. สำนักเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
ค. สำนักงบประมำณ
ง. ถูกทุกข้อ
62. เมื่อคณะรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบำยต่อรัฐสภำพแล้ว ส่วนรำชกำรใด มีหน้ำที่จัดทำแผนกำร
บริหำรรำชกำรแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรีภำยใน 90 วัน
ก. สำนักเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรีและสำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
ข. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรและเศรษฐกิจและสังคมแหงชำติ
ค. สำนักงบประมำณ
ง. ถูกทุกข้อ
296
63. ผู้มีอำนำจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมำตรฐำนกำกับกำรปฏิบัติรำชกำรคือใคร
ก. ส่วนรำชกำรทุกส่วนรำชกำร
ข. ก.พ.ร.
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. ถูกทั้งข้อ ข และ ค.
64. ผู้รับสนองพระบรมรำชโองกำรพระรำชกฤษฎีกำ ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำร
บ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 คือใคร
ก. นำยชวน หลีกภัย ข. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ค. พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ง. นำยบรรหำร ศิลปอำชำ
กรณีที่ภำรกิจใดจะมีผลกระทบต่อประชำชน ส่วนรำชกำรต้องดำเนินกำรรับฟังควำมคิดเห็นของ
ประชำชนหรือชี้แจงทำควำมเข้ำใจเพื่อให้ประชำชนได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่สวนรวมจะได้รับ
ภำรกิจนั้น
(4) ให้เป็นหน้ำที่ของข้ำรำชกำรที่จะต้องคอยรับฟังควำมคิดเห็นและควำมพึงพอใจของสังคม
โดยรวมและประชำชนผู้รับบริกำร เพื่อปรับปรุงหรือเสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชำ เพื่อให้มีกำร
ปรับปรุงวิธีปฎิบัติรำชกำรให้เหมำะสม
(5) ในกรณีที่เกิดปัญหำและอุปสรรคจำกกำรดำเนินกำร ให้ส่วนรำชกำรดำเนินกำรแก้ไขปัญหำ
และอุปสรรคนั้นโดยเร็ว ในกรณีที่ปัญหำหรืออุปสรรคนั้นเกิดขึ้นจำกส่วนรำชกำรอื่นหรือระเบียบ
ข้อบังคับที่ออกโดยส่วนรำชกำรอื่น ให้ส่วนรำชกำรแจ้งให้ส่วนรำชกำรที่เกี่ยวข้องทรำบ เพื่อ
ดำเนินกำรแก้ไขปรับปรุงโดยเร็วต่อไปและแจ้งให้ ก.พ.ร.ทรำบด้วยกำรดำเนินกำรตำมวรรคหนึ่ง
ให้ส่วนรำชกำรกำหนดวิธีปฏิบัติให้เหมำะสมกับภำรกิจแต่ละเรื่องทั้งนี้ ก.พ.ร. จะกำหนดแนว
ทำงกำรดำเนินกำรทั่วไปให้ส่วนรำชกำรปฎิบัติให้เป็นไปตำมมำตรำนี้ด้วยก็ได้
และแจ้งให้ ก.พ.ร.ทรำบด้วย
กำรดำเนินกำรตำมวรรคหนึ่ง ให้ส่วนรำชกำรกำหนดวิธีปฏิบัติให้เหมำะสมกับภำรกิจแต่ละ
เรื่องทั้งนี้ ก.พ.ร. จะกำหนดแนวทำงกำรดำเนินกำรทั่วไปให้ส่วนรำชกำรปฏิบัติให้เป็นไปตำม
มำตรำนี้ด้วยก็ได้
สำรสนเทศกลำงขึ้นในกรณีที่ส่วนรำชกำรใดไมอำจจัดให้มีระบบเครือขำยสำรสนเทศของส่วน
รำชกำรได้ อำจร้องขอให้กระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำรดำเนินกำรจัดทำระบบ
เครือขำยสำรสนเทศของส่วนรำชกำรดังกล่ำวก็ได้ ในกำรนี้กระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำร
สื่อสำรจะขอให้ส่วนรำชกำรให้ควำมช่วยเหลือด้ำนบุคลำกรคำใช้จ่ำยและข้อมูลในกำรดำเนินกำรก็
ได้
ได้ แต่ให้ผู้รับคำสั่งนั้นบันทึกคำสั่งด้วยว่ำจำไว้เป็นลำยลักษณ์อักษรและเมื่อได้ปฏิบัติรำชกำรตำม
คำสั่งดังกล่ำวแล้วให้บันทึกรำยงำนให้ผู้สั่งรำชกำรทรำบในบันทึกให้อ้ำงอิงคำสั่งด้วยว่ำจำไว้ด้วย
ทรำบในกรณีที่รำยจ่ำยต่อหน่วยของงำนบริกำรสำธำรณะใดของส่วนรำชกำรใดสูงกว่ำ รำยจ่ำยต่อ
หน่วยของงำนบริกำรสำธำรณะประเภทและคุณภำพเดียวกันหรือคล้ำยคลึงกันของส่วนรำชกำรอื่น
ให้ส่วนรำชกำรนั้นจัดทำแผนกำรลดรำยจ่ำยต่อหน่วยของงำนบริกำรสำธำรณะดังกล่ำวเสนอสำนัก
งบประมำณ กรมบัญชีกลำง และ ก.พ.ร.ทรำบ และถ้ำมิได้มีข้อทักท้วงประกำรใดภำยในสิบห้ำวัน
ก็ให้ส่วนรำชกำรดังกล่ำวถือปฏิบัติ ตำมแผนกำรลด
รำยจ่ำยนั้นต่อไปได้
ในกรณีที่ส่วนรำชกำรมิได้เสนอแผนปฏิบัติรำชกำรในภำรกิจใด หรือภำรกิจใดไมได้รับ
ควำมเห็นชอบจำกรัฐมนตรีมิให้สำนักงบประมำณจัดสรรงบประมำณสำหรับภำรกิจนั้น
เมื่อสิ้นปีงบประมำณให้ส่วนรำชกำรจัดทำรำยงำน แสดงผลสัมฤทธิ์ของแผนปฏิบัติรำชกำร
ประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
มำตรำ 13 ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน ตลอดระยะเวลำกำร
บริหำรรำชกำรของคณะรัฐมนตรีเมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบำยต่อรัฐสภำแล้ว ให้สำนัก
เลขำธิกำร คณะรัฐมนตรี สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำร
เศรษฐกิจและสังคมแหงชำติ และสำนักงบประมำณ รวมกันจัดทำแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจำรณำภำยในเก้ำสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบำยต่อรัฐสภำเมื่อ
คณะรัฐมนตรีให้ควำมเห็นชอบในแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน ตำมวรรคหนึ่งแล้ว ให้มีผล
ผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนรำชกำร ที่จะต้องดำเนินกำรจัดทำภำรกิจให้เป็นไปตำม
แผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน นั้น
(3) มีประสิทธิภำพและเกิดควำมคุ้มค่ำในเชิงภำรกิจของรัฐ
(4) ไมมีขั้นตอนกำรปฏิบัตงิ ำนเกินควำมจำเป็น
(5) มีกำรปรับปรุงภำรกิจของส่วนรำชกำรให้ทันต่อสถำนกำรณ์
(6) ประชำชนได้รับกำรอำนวยควำมสะดวกและได้รบั กำรตอบสนองค์วำมต้องกำร
(7) มีกำรประเมินผลกำรปฏิบัติรำชกำรอย่ำงสม่ำเสมอ
ให้ส่วนรำชกำรคำนวณรำยจ่ำยต่อหน่วยของงำนบริกำรสำธำรณะที่อยู่ในควำมรับผิดชอบของส่วน
รำชกำรนั้น ตำมระยะเวลำที่กรมบัญชีกลำงกำหนด และรำยงำนให้สำนักงบประมำณ
กรมบัญชีกลำง และ ก.พ.ร. ทรำบในกรณีที่รำยจ่ำยต่อหน่วยของงำนบริกำรสำธำรณะใดของส่วน
รำชกำรใดสูงกว่ำ รำยจ่ำยต่อหน่วยของงำนบริกำรสำธำรณะประเภทและคุณภำพเดียวกันหรือ
คล้ำยคลึงกันของส่วนรำชกำรอื่น ให้ส่วนรำชกำรนั้นจัดทำแผนกำรลดรำยจ่ำยต่อหน่วยของงำน
บริกำรสำธำรณะดังกล่ำวเสนอสำนักงบประมำณ กรมบัญชีกลำง และ ก.พ.ร.
ทรำบ และถ้ำมิได้มีข้อทักท้วงประกำรใดภำยในสิบห้ำวันก็ให้ส่วนรำชกำรดังกล่ำวถือปฏิบัติ ตำม
แผนกำรลดรำยจ่ำยนั้นต่อไปได้
ค. สำนักงบประมำณ
ง. คณะรัฐมนตรี
ข้อ 7. กรณีตำมข้อใดซึ่งสำนักงบประมำณมีอำนำจพิจำรณำไม่จัดสรรงบประมำณให้แก่ส่วน
รำชกำร
ก. ส่วนรำชกำรมิได้จัดทำแผนปฏิบัติรำชกำร
ข. ส่วนรำชกำรมิได้เสนอแผนปฏิบัติรำชกำร
ค. รัฐมนตรีไม่เห็นชอบกับภำรกิจที่ส่วนรำชกำรเสนอ
ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ 8. รำยงำนแสดงผลสัมฤทธิ์ของแผนปฏิบัติรำชกำรประจำปีจะต้องเสนอต่อบุคคลใด
ก. รัฐมนตรี
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ก.พ.ร.
ง. นำยกรัฐมนตรี
ข้อ 9. กรณีนำยกรัฐมนตรีคนใหม่สั่งกำรให้ส่วนรำชกำรสรุปผลกำรปฏิบัติรำชกำรและให้ข้อมูลต่อ
นำยกรัฐมนตรีนั้น มีวัตถุประสงค์ตำมข้อใด
ก. ตรวจสอบ
ข. ถ่วงดุล
ค. กำกับดูแล
ง. กำหนดนโยบำย
ข้อ 10. บุคคลใดรักษำกำรตำมพระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำร
บ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรี
ค. เลขำธิกำร ก.พ.ร.
ง. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณ
ข้อ 11. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกำรสั่งรำชกำร
ก. โดยปกติทำเป็นคำสั่ง
ข. โดยปกติสั่งรำชกำรด้วยวำจำ
ค. โดยปกติทำเป็นลำยลักษณ์อักษร
ง. โดยปกติสั่งด้วยวำจำหรือลำยลักษณ์อักษรก็ได้
ข้อ 12. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับควำมคุ้มค่ำในเชิงภำรกิจของรัฐ
ก. กำรประเมินควำมคุ้มค่ำให้คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชำชนจะพึงได้รับ
ข. ประโยชน์ทำงสังคมซึ่งไม่อำจคำนวณเป็นตัวเงินได้ย่อมมิใช่ควำมคุ้มค่ำ
ค. ในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงส่วนรำชกำรไม่ต้องถือรำคำต่ำสุดเสมอไป
324
ง. กรณีที่ส่วนรำชกำรไม่ต้องถือรำคำต่ำสุดในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงโดยต้องคำนึงถึง
วัตถุประสงค์กำรใช้งำนเป็นสำคัญ
ข้อ 13. กรณีส่วนรำชกำรจะปฏิบัติภำรกิจใดจะต้องได้รับอนุญำตจำกส่วนรำชกำรอื่นตำม
กฎหมำยนั้น ส่วนรำชกำรที่มีอำนำจอนุญำตจะต้องแจ้งผลกำรพิจำรณำภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
ข้อ 14. จำกคำถำมในข้อ 13 กรณีเรื่องใดกฎหมำยกำหนดขั้นตอนกำรปฏิบัติซึ่งจะต้องใช้
ระยะเวลำเกินกว่ำนั้น จะต้องดำเนินกำรอย่ำงไร
ก. ส่วนรำชกำรที่มีอำนำจอนุญำต จะต้องประกำศกำหนดระยะเวลำกำรพิจำรณำ
ข. ส่วนรำชกำรที่มีอำนำจอนุญำต จะต้องลดเวลำกำรพิจำรณำลง
ค. ไม่ต้องประกำศกำหนดหรือลดเวลำกำรพิจำรณำแต่อย่ำงใด เพรำะระยะเวลำจะต้องยึด
ตำมกฎหมำยเป็นหลัก
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ข้อ 15. จำกข้อ 13 และข้อ 14 กรณีส่วนรำชกำรที่มีอำนำจอนุญำต ไม่ได้ดำเนินกำรให้เสร็จจน
เกิดควำมเสียหำยขึ้น บทสันนิษฐำนของกฎหมำยคือข้อใด
ก. ให้ถือว่ำข้ำรำชกำรที่เกี่ยวข้องประมำทเลินเล่อ
ข. ให้ถือว่ำหัวหน้ำส่วนรำชกำรประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง
ค. ให้ถือว่ำหัวหน้ำส่วนรำชกำรประมำทเลินเล่อ
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูกต้อง
ข้อ 16. กำรดำเนินกำรโดยถือว่ำประชำชนเป็นศูนย์กลำงที่จะได้รับกำรบริกำรจำกรัฐ เป็น
เป้ำหมำยกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดีด้ำนใด
ก. ประชำชนได้รับกำรอำนวยควำมสะดวก
ข. ประชำชนได้รับกำรตอบสนองควำมต้องกำร
ค. ทั้งข้อ ก. และ ข.
ง. เกิดประโยชน์สุขของประชำชน
ข้อ 17. พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มี
ผลใช้บังคับตั้งแต่เมื่อใด
ก. วันที่ 9 ตุลำคม 2546
ข. วันที่ 10 ตุลำคม 2546
ค. วันที่ 9 ตุลำคม 2547
ง. วันที่ 10 ตุลำคม 2547
325
ค. ก.พ.ร.
ง. ครม.
ข้อ 30. ส่วนรำชกำรมีหน้ำที่ตอบคำถำมหรือแจ้งกำรดำเนินกำรตำมที่ได้รับกำรติดต่อสอบถำม
เป็นหนังสือจำกประชำชน ภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
ข้อ 31. ข้อยกเว้นในข้อใด ถือเป็นกำรปฏิบัติรำชกำร
ก. คุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล
ข. รักษำควำมสงบเรียบร้อยของประชำชน
ค. รักษำควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ
ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ 32. ปัจจัยใดอำจทำให้ส่วนรำชกำรได้รับกำรจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษเป็นบำเหน็จควำมชอบ
ก. ให้บริกำรที่มีคุณภำพ
ข. สร้ำงควำมเป็นธรรมแก่ประชำชน
ค. บูรณำกำรกำรทำงำน
ง. ประหยัดรำยจ่ำยได้สูงสุด
ข้อ 33. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจัดทำหลักเกณฑ์กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดีตำม
แนวทำงพระรำชกฤษฎีกำนี้ในเรื่องใด
ก. กำรลดขั้นตอนกำรปฏิบัติงำน
ข. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภำรกิจของรัฐ
ค. เกิดประโยชน์สุขของประชำชน
ง. เกิดควำมคุ้มค่ำในเชิงภำรกิจของรัฐ
ข้อ 34. จำกข้อ 33 บุคคลใดมีหน้ำที่ดูแลให้ควำมช่วยเหลือในกำรจัดทำหลักเกณฑ์ดังกล่ำว
ก. กรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ข. กระทรวงมหำดไทย
ค. ก.พ.ร.
ง. ครม.
ข้อ 35. แพลตฟอร์มดิจิทัลกลำงเพื่อบริกำรประชำชนขับเคลื่อนโดยองค์กรใด
ก. สำนักงำนพัฒนำธุรกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กำรมหำชน)
ข. สำนักงำนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
ค. สำนักงำนพัฒนำรัฐบำลดิจิทัล (องค์กำรมหำชน)
ง. สำนักงำนคณะกรรมกำรดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
328
เฉลยพระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี แลแก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562
ข้อ 1 ตอบ ข. กำรจัดทำบัญชีต้นทุนในงำนบริกำรสำธำรณะ กำหนดไว้ในมำตรำ 21 หมวด 4
กำรบริหำรรำชกำรอย่ำงมีประสิทธิภำพและเกิดควำมคุ้มค่ำในเชิงภำรกิจของรัฐ
4. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
8. ตำมพระรำชกฤษฎีกำนี้ คำว่ำ “รัฐวิสำหกิจ” หมำยควำมว่ำ อย่ำงไร
1. รัฐวิสำหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระรำชบัญญัติ
2. รัฐวิสำหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระรำชกฤษฎีกำ
3. รัฐวิสำหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎกระทรวง
4. ถูกหมดทั้ง 1. และ 2.
9. ตำมพระรำชกฤษฎีกำนี้ คำว่ำ “ข้ำรำชกำร” ตำมพระรำชกฤษฎีกำนี้หมำยควำมรวมถึงใครบ้ำง
1. พนักงำน
2. ลูกจ้ำง
3. ผู้ปฏิบัติงำนในส่วนรำชกำร
4. ถูกทุกข้อ
10. ใครเป็นผู้รักษำกำรตำมพระรำชกฤษฎีกำนี้
1. นำยกรัฐมนตรี
2. รองนำยกรัฐมนตรี
3. คณะรัฐมนตรี
4. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
11. ข้อใดเป็นกำรบริหำรเพื่อบรรลุเป้ำหมำยของกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี
1. เกิดประโยชน์สุขของประชำชน
2. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภำรกิจของรัฐ
3. มีประสิทธิภำพและเกิดควำมคุ้มค่ำในเชิงภำรกิจของรัฐ
4. ถูกหมดถูกข้อ
12. กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดีได้แก่กำรบริหำรรำชกำรเพื่อบรรลุเป้ำหมำยดังข้อใด
1. ไม่มีขั้นตอนกำรปฏิบัติงำนเกินควำมจำเป็น
2. มีกำรปรับปรุงภำรกิจของส่วนรำชกำรให้ทันต่อสถำนกำรณ์
3. ประชำชนได้รับกำรอำนวยควำมสะดวกและกำรได้รับกำรตอบสนองควำมต้องกำร
4. ถูกหมดทุกข้อ
13. กำรบริหำรรำชกำรเพื่อประโยชน์สุขของประชำชน หมำยถึงข้อใด
1. กำรปฏิบัติรำชกำรที่มีเป้ำหมำยเพื่อให้เกิดควำมผำสุกของประชำชน
2. กำรปฏิบัติรำชกำรที่มีเป้ำหมำยเพื่อให้เกิดควำมเป็นอยู่ที่ดีของประชำชน
3. กำรปฏิบัติรำชกำรที่มีเป้ำหมำยเพื่อให้เกิดควำมสงบและปลอดภัยของสังคมส่วนรวม
4. ถูกทุกข้อ
14. กำรบริหำรรำชกำรเพื่อประโยชน์สุขของประชำชน ส่วนรำชกำรจะดำเนินกำรโดยถือว่ำ
ประชำชนเป็นเช่นใด
1. ประชำชนเป็นมิตรกับส่วนรำชกำร
332
2. ส่วนรำชกำรเป็นศูนย์กลำงของประชำชนในด้ำนกำรใช้อำนำจ
3. ประชำชนเป็นศูนย์กลำงในกำรได้รับกำรบริกำรจำกภำครัฐ
4. ถูกหมดทุกข้อ
15. กำรกำหนดภำรกิจของรัฐและส่วนรำชกำรต้องเป็นไปเพื่ออะไร
1. เพื่อประโยชน์สุขของประชำชน
2. เพื่อประโยชน์สุขของข้ำรำชกำร
3. เพื่อประโยชน์สุขของหน่วยงำนรำชกำร
4. ถูกหมดทุกข้อ
16. กำรกำหนดภำรกิจของรัฐและส่วนรำชกำรต้องเป็นไปเพื่ออะไร
1. เพื่อประโยชน์สุขของประชำชน
2. เพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบำยแห่งรัฐ
3. เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบำยของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภำ
4. ถูกหมดทุกข้อ
17. กำรปฏิบัติภำรกิจของส่วนรำชกำรต้องเป็นไปโดยข้อใด
1. ควำมซื่อสัตย์ สุจริต
2. สำมำรถตรวจสอบได้
3. เกิดประโยชน์สุขแก่ประชำชน
4. ถูกหมดทุกข้อ
18. ข้ำรำชกำรมีหน้ำที่ต้องคอยรับฟัง ควำมคิดเห็นและควำมพึงพอใจของสังคมโดยรวมเพื่ออะไร
1. เพื่อปรับปรุงหรือเสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชำ
2. เพื่อให้มีกำรปรับปรุงวิธีกำรปฏิบัติรำชกำรให้เหมำะสม
3. ถูกทั้งข้อ 1. และ 2.
4. ไม่มีข้อใดถูก
19. ในกรณีที่เกิดปัญหำ และอุปสรรค จำกกำรดำเนินกำร ส่วนรำชกำรต้องดำเนินกำรอย่ำงไร
1. แก้ไขปัญหำและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว
2. แก้ไขปัญหำตำมแผนของส่วนรำชกำรนั้น
3. รีบทำหนังสือปรึกษำ ก.พ.ร.
4. รีบท ำหนังสือปรึกษำคณะรัฐมนตรี
20. ส่วนรำชกำรต้องดำเนินกำรแก้ไขปัญหำ และอุปสรรคนั้นแล้วต้องแจ้งให้ใครทรำบ
1. ครม.
2. รมต.
3. ปปช.
4. ก.พ.ร.
333
2. เพื่อให้จังหวัดหรือในต่ำงประเทศแล้วแต่กรณี สำมำรถใช้ติดต่อกับประชำชนได้โดยตรง
โดยใช้อำนำจตำมกฎหมำยได้ครบถ้วน
3. เพื่อให้กำรบริหำรรำชกำรแบบบูรณำกำรในจังหวัดหรือในต่ำงประเทศ แล้วแต่กรณี
สำมำรถใช้อำนำจตำมกฎหมำยได้ครบถ้วนตำมควำมจำเป็นและบริหำรรำชกำรได้อย่ำงมี
ประสิทธิภำพ
4. เพื่อให้ประชำชนทั้งในและต่ำงประเทศสำมำรถใช้อำนำจตำมกฎหมำยได้ครบถ้วนตำม
ควำมจำเป็นและบริหำรรำชกำรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
28. ส่วนรำชกำรมีหน้ำที่พัฒนำควำมรู้เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กำรแห่งกำรเรียนรู้อย่ำงสม่ำเสมอ
โดยปฏิบัติอย่ำงไร
1. ต้องสำมำรถรับรู้ข่ำวสำรอย่ำงถูกต้องรวดเร็ว
2. ส่งเสริมและพัฒนำควำมรู้ควำมสำมำรถ
3. สร้ำงวิสัยและปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้ำรำชกำรในสังกัด
4. ถูกทุกข้อ
29. เพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติรำชกำรให้เกิดสัมฤทธิ์ ผู้ใดอำจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนด
มำตรกำรกำกับกำรปฏิบัติรำชกำร
1. ส่วนรำชกำร
2. รมต.
3. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
4. ก.พ.ร.
30. เพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติรำชกำรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ก.พ.ร. อำจเสนอต่อใคร เพื่อกำหนด
มำตรกำรกำกับกำรปฏิบัติรำชกำร
1. ครม.
2. รมต.
3. รัฐสภำ
4. วุฒิสภำ
31. คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน ตลอดระยะเวลำกำรบริหำรรำชกำรของ
คณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบำยต่อรัฐสภำแล้วหน่วยงำนใดมีหน้ำที่จัดทำแผนกำร
บริหำรรำชกำรแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรี
1. สำนักเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรีสำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
2. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
3. สำนักงบประมำณ
4. ถูกทุกข้อ
335
ค. กำรบำรุงรักษำ
ง. กำรเก็บ กำรบันทึก
จ. กำรเบิกจ่ำย กำรยืม
6. ตำแหน่งใดเป็นผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ.
2560
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ง. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
จ. ข้อ ก. ข. และข้อ ค.
7. เพื่อให้กำรปฏิบัติเกี่ยวกับกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุ โดยใช้เงินงบประมำณเป็นไป
ตำมข้อต่อไปนี้ ให้หน่วยงำนของรัฐปฏิบัติตำมแนวทำงพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำร
บริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 กฎกระทรวง และประกำศที่ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัตินี้
ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. ป้องกันปัญหำกำรทุจริต
ข. เกิดควำมคุ้มค่ำต่อภำรกิจของรัฐ
ค. เป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ
ง. เพื่อให้เกิดกำรมีส่วนร่วมของประชำชน
จ. ไม่มีข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
8. พระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 มิให้ใช้บังคับแก่ข้อ
ใดต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. กำรจัดซื้อจัดจ้ำงของสถำบันอุดมศึกษำหรือสถำนพยำบำลที่หน่วยงำนของรัฐ โดยใช้
เงินบริจำครวมทั้งดอกผลของเงินบริจำค โดยไม่ใช้เงินบริจำคนั้นร่วมกับงบประมำณ
ข. กำรจัดซื้อจัดจ้ำงโดยใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจำกรัฐบำลต่ำงประเทศ
ค. กำรจัดซื้อจัดจ้ำงของรัฐวิสำหกิจที่เกี่ยวกับกำรพำณิชย์โดยตรง
ง. กำรจัดซื้อ จัดจัดจ้ำงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวกับกำรพำณิชย์โดยตรง
จ. กำรจัดซ้อจัดจ้ำงยุทโธปกรณ์ และกำรบริกำรที่เกี่ยวกับควำมมั่นคงของชำติ
9. กำรจัดซื้อจัดจ้ำง ที่ได้รับยกเว้น มิให้นำพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุ
ภำครัฐ พ.ศ. 2560 มำใช้บังคับต้องเป็นไปตำมหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมกำรตำมข้อใด ประกำศ
กำหนดในรำชกิจจำนุเบกษำ
ก. คณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต
ข. คณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์และข้อร้องเรียน
ค. คณะกรรมกำรนโยบำยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรภำครัฐ
ง. คณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรภำครัฐ
340
จ. คณะกรรมกำรรำคำกลำงและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำร
10. กำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุของหน่วยงำน ต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่
หน่วยงำนของรัฐ แต่ต้องสอดคล้องกับหลักกำรต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องตำมพระรำชบัญญัติ
กำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560
ก. ตรวจสอบได้
ข. มีประสิทธิภำพและประสิทธิผล
ค. โปร่งใส
ง. มีส่วนร่วมของประชำชน
จ. คุ้มค่ำ
11. ผู้ใดเป็นเจ้ำหน้ำที่ หรือเป็นผู้มีอำนำจหน้ำที่ดำเนินกำรเกี่ยวกับกำรจัดซื้อจัดจ้ำงหรือกำร
บริหำรพัสดุปฏิบัติหรือละเว้นกำรปฏิบัติหน้ำที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดควำมเสียหำยแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือโดยทุจริต ต้องระวำงโทษตำมข้อใด ตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุ
ภำครัฐพ.ศ. 2560
ก. จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้ำปี หรือ ปรับตั้งแต่สองหมื่นบำทถึงสองแสนบำท
ข. จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้ำปี หรือ ปรับตั้งแต่สองหมืน่ บำทถึงสองแสนบำท หรือ ทั้งจำทั้ง
ปรับ
ค. จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือ ปรับตั้งแต่สองหมืน่ บำทถึงสองแสนบำท
ง. จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือ ปรับตั้งแต่สองหมืน่ บำทถึงสองแสนบำท หรือ ทั้งจำทั้ง
ปรับ
จ. จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือ ปรับตั้งแต่สองหมืน่ บำทถึงห้ำแสนบำท หรือ ทั้งจำทั้ง
ปรับ
12. หน่วยงำนของรัฐต้องทำสัญญำตำมแบที่คณะกรรมกำรนโยบำยกำหนดโดยควำมเห็นชอบของ
ข้อใดต่อไปนี้
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. สำนักงำนอัยกำรสูงสุด
ค. กรมบัญชีกลำง
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
จ. กระทรวงกำรคลัง
13. พัสดุ ข้อกล่ำวถูกต้องตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ.
2560
ก. งำนก่อสร้ำง
ข. งำนจ้ำงออกแบบหรือควบคุมงำนก่อสร้ำง
ค. สินค้ำและงำนบริกำร
ง. งำนจ้ำงที่ปรึกษำ
341
จ. ถูกทุกข้อ
14. กำรบริหำรพัสดุ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุ
ภำครัฐ พ.ศ.2560 (มำตรำ 4)
ก. กำรยืม
ข. กำรเก็บ
ค. กำรบำรุงรักษำ
ง. กำรจำหน่ำยพัสดุ
จ. กำรซื้อ
15. กำรจัดซื้อจัดจ้ำง ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุ
ภำครัฐ พ.ศ.2560
ก. จ้ำง
ข. ให้เช่ำ
ค. ซื้อ
ง. แลกเปลี่ยน
จ. เช่ำ
16. ตำแหน่งใด เป็นประธำนกรรมกำรของคณะกรรมกำรนโยบำยจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำร
พัสดุภำครัฐ (มำตรำ 20 (1)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงคลัง
ค. รัฐมนตรีว่ำกำระทรวงมหำดไทย
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังหรือรัฐมนตรีช่วยว่ำกำรกระทรวงกำรคลังซึ่ง
นำยกรัฐมนตรีมอบหมำย
จ. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังหรือรัฐมนตรีช่วยว่ำกำรกระทรวงกำรคลังซึ่ง
รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงคลังมอบหมำย
17. กำรที่หน่วยงำนของรัฐเชิญชวนผู้ประกอบกำรที่มีคุณสมบัติตรงตำมเงื่อนไขที่หน่วยงำนของ
รัฐกำหนดรำยใดรำยหนึ่งให้เข้ำยื่นข้อเสนอ หรือให้เข้ำมำเจรจำต่อรองรำคำ จะต้องใช้วิธีกำร
จัดซื้อจัดจ้ำงตำมข้อใด
ก. วิธีคัดเลือก
ข. วิธีคัดเลือกทั่วไป
ค. วิธีเฉพำะเจำะจง
ง. วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป
จ. วิธีตกลงรำคำ
342
18. ตำแหน่งใดเป็นประธำนกรรมกำรของคณะกรรมกำรรำคำกลำงและขึ้นทะเบียน
ผู้ประกอบกำร
ก. อธิบดีกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ข. ผู้อำนวยกำรสำนักประมำณ
ค. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
จ. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
19. ตำแหน่งใดเป็นประธำนกรรมกำรของคณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำร
บริหำรพัสดุภำครัฐ
ก. อธิบดีกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ข. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
ค. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
จ. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
20. คณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ จัดทำรำยงำน
เกี่ยวกับปัญหำและอุปสรรคในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุเสนอต่อข้อใด อย่ำงน้อยปีละ
หนึ่งครั้ง
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. คณะกรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต
ง. คณะกรรมกำรนโยบำย
จ. คณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์
21. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุ
ภำครัฐ มีจำนวนกี่คน (มำตรำ 27)
ก. ไม่น้อยกว่ำ 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน
ข. ไม่น้อยกว่ำ 3 คน แต่ไม่เกิน 7 คน
ค. ไม่น้อยกว่ำ 5 แต่ไม่เกิน 7 คน
ง. ไม่น้อยกว่ำ 5 คน แต่ไม่เกิน 9 คน
จ. ไม่น้อยกว่ำ 7 คนแต่ไม่เกิน 9 คน
22. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุ
ภำครัฐ ใครเป็นผู้แต่งตั้ง (มำตรำ 27)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ค. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
343
ง. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
จ. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
23. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุ
ภำครัฐ เป็นผู้มีควำมรู้ควำมเชี่ยวชำญ และประสบกำรณ์ด้ำนใดต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
(มำตรำ27)
ก. ด้ำนสถำปัตยกรรม
ข. ด้ำนวิทยำศำสตร์ และเทคโนโลยี
ค. ด้ำนนิติศำสตร์
ง. ด้ำนกำรคลัง ด้ำนบริหำรจัดกำร
จ. ด้ำนวิศวกรรม
24. ให้ใคร มอบหมำยข้ำรำชกำรของหน่วยงำนนั้นคนหนึ่งเป็นกรรมกำรและเลขำนุกำรและอีก
สองคนเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรของคณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุ
ภำครัฐ(มำตรำ 27 วรรคท้ำย)
ก. อธิบดีกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ข. นำยกรัฐมนตรี
ค. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
จ. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
25) คณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ มีอำนำจหน้ำที่ดังนี้
ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 29)
ก. จัดทำรำยงำนเกี่ยวกับปัญหำและอุปสรรคในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุเสนอ
คณะกรรมกำรนโยบำยอย่ำงน้อยปีละหนึ่งครั้ง
ข. ยกเว้นหรือผ่อนผันกำรไม่ปฏิบัติตำมกฎกระทรวงหรือระเบียบที่ออกตำมควำมใน
พระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ.2560
ค. เสนอแนะแนวทำงกำรปรับปรุงแก้ไขปัญหำเกี่ยวกับกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำร
พัสดุต่อคณะกรรมกำรนโยบำย
ง. เสนอควำมเห็นต่อรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลังในกำรพิจำรณำสั่งให้ผู้ยื่นข้อเสนอ
หรือคู่สัญญำเป็นผู้ทิ้งงำน และกำรเพิกถอนรำยชื่อ ผู้ทิ้งงำน
จ. ให้คำปรึกษำแนะนำแก่เจ้ำหน้ำที่หรือหน่วยงำนของรัฐเกี่ยวกับกำรปฏิบัติตำม
พระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ.2560
344
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงพำณิชย์
จ. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
31) กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมกำรรำคำกลำงและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำร ให้แต่งตั้ง
จำกข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 32 (3)
ก. สภำอุตสำหกรรม
ข. สภำสถำปนิก
ค. สภำทนำยควำม
ง. สภำหอกำรค้ำแห่งประเทศไทย
จ. ผูม้ ีควำมรู้เชี่ยวชำญหรือ ประสบกำรณ์ในด้ำนพัสดุ
32) ให้ใครมอบหมำยข้ำรำชกำรของหน่วยงำนคนหนึ่งเป็นกรรมกำรและเลขนุกำรและอีกสองคน
เป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรของคณะกรรมกำรรำคำกลำงและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำร
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ค. รัฐมนตรีมนตรีว่ำกระทรวงมหำดไทย
ง. อธิบดีกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
จ. ผู้อธิบดีกรมบัญชีกลำง
33) คณะกรรมกำรรำคำกลำงและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำร มีหน้ำที่ดังนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
(มำตรำ 34)
ก. ออกประกำศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไขในกำรขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำรที่
มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงำนของรัฐ
ข. ตีควำมและวินิจฉัยปัญหำข้อหำรือเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีกำรกำหนดรำคำกลำง
ค. พิจำณำข้อร้องเรียนกรณีที่เห็นว่ำหน่วยงำนของรัฐมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์
และวิธีกำรกำหนดรำคำกลำง
ง. จัดทำรำยงำนเกี่ยวกับปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินกำรกำหนดรำคำกลำงของ
หน่วยงำนของรัฐและกำรขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำรที่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงำนของรัฐ
เสนอคณะรัฐมนตรีอย่ำงน้อยปีละหนึง่ ครั้ง
จ. ยกเว้นหรือผ่อนผันกรณีที่ไม่สำมำรถปฏิบัติตำมรำยละเอียดของหลักเกณฑ์และวิธีกำร
กำหนดรำคำกลำง ตำมประกำศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรกำหนดรำคำกลำง
34) คณะกรรมกำรรำคำกลำงและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำร ต้องพิจำรณำทบทวนหลักเกณฑ์
และวิธีกำรกำหนดรำคำกลำงอย่ำงน้อยตำมข้อใด (มำตรำ 35)
ก. สำมเดือนต่อครั้ง
ข. หกเดือนต่อครั้ง
ค. สี่เดือนต่อ ครั้ง
346
ง. ปีละหนึง่ ครั้ง
จ. ปีละสองครั้ง
35) คณะกรรมกำรรำคำกลำงและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบกำร มีอำนำจแต่งตั้งคณะกรรมกำรเพื่อ
ทำกำรใดๆแทนได้ ทั้งนี้ให้แต่งตั้งตำมควำมเชี่ยวชำญในแต่ละประเภทของพัสดุต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำว
ไม่ถูกต้อง (มำตรำ 36)
ก. พัสดุที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสำรสนเทศ
ข. ยำ
ค. ยำและเวชภัณฑ์
ง. งำนก่อสร้ำง
จ. งำนรับเหมำก่อสร้ำง
36) คณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต ตำแหน่งใดเป็นประธำนกรรมกำร (มำตรำ 37)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ง. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
จ. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
37) ตำแหน่งใด ไม่ได้เป็นกรรมกำรโดยตำแหน่งของคณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต
(มำตรำ 37 (2)
ก. ผู้แทนสำนักงำนคณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ
ข. ผู้แทนสำนักงำนอัยกำรสูงสุด
ค. ผู้แทนสำนักงำนคณะกรรมกำรนโยบำยรัฐวิสำหกิจ
ง. ผู้แทนกรมบัญชีกลำง
จ. ผู้แทนสำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
38) กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต มีจำนวนตำมข้อใด
(ตำม 37 (3)
ก. ไม่น้อยกว่ำห้ำคนแต่ไม่เกินเจ็ดคน
ข. ไม่น้อยกว่ำห้ำคนแต่ไม่เกินเก้ำคน
ค. ไม่น้อยกว่ำเจ็ดคนแต่ไม่เกินเก้ำคน
ง. ไม่น้อยกว่ำห้ำคนแต่ไม่เกินสิบเอ็ดคน
จ. ไม่น้อยกว่ำเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบเอ็ดคน
39) ใครเป็นผู้แต่งตั้ง กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต
(มำตรำ 37 (3)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
347
ค. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
ง. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
จ. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
40) ให้ใครมอบหมำยข้ำรำชกำรของหน่วยงำนนั้น คนหนึ่งเป็นกรรมกำรและเลขำนุกำรและอีก
สองคนเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรของคณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต (มำตรำ 37 วรรค
ท้ำย)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ค. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
ง. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
จ. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
41) คณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต มีตัวย่อว่ำอย่ำงไร (มำตรำ 39)
ก. ก.ค.ท.
ข. ค.ร.ท.
ค. ค.ป.จ.
ง. ค.ป.ท.
จ. ค.ค.ป.
42) คณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต มีอำนำจหน้ำที่ต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. พิจำรณำข้อร้องเรียนกรณีที่เห็นว่ำหน่วยงำนของรัฐมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตำมแนวทำง
และวิธีกำรในดำเนินงำนโครงกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริตในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงภำครัฐ
ข. กำหนดแบบของข้อตกลงคุณธรรมและแบบรำยงำนของผู้สังเกตกำรณ์
ค. กำหนดแนวทำงและวิธีกำรในกำรดำเนินงำนโครงกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริตใน
กำรจัดซื้อจัดจ้ำงภำครัฐ
ง. จัดทำรำยงำนผลกำรประเมินโครงกำรกำรจัดซื้อจัดจ้ำงที่เข้ำร่วมโครงกำรควำมร่วมมือ
ป้องกันกำรทุจริตในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงภำครัฐเสนอคณะรัฐมนตรีอย่ำงน้อยปีละหนึ่งครั้ง
จ. คัดเลือกโครงกำรกำรจัดซื้อจัดจ้ำงเพื่อเข้ำร่วมโครงกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต
ในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงภำครัฐ
43) กำรประชุมคณะกรรมกำรควำมร่วมมือป้องกันกำรทุจริต ต้องมีกรรมกำรมำประชุมตำมข้อใด
จึงจะเป็นประชุม (มำตรำ 40 และมำตรำ 25)
ก. เกินกึ่งหนึง่ ของจำนวนกรรมกำรทั้งหมด
ข. กึ่งหนึง่ ของจำนวนกรรมกำรทั้งหมด
ค. ไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึง่ ของจำนวนกรรมกำรทั้งหมด
ง. ไม่น้อยกว่ำเก้ำคน
จ. กฎหมำยไม่ได้กำหนด
348
จ. สภำอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย
49) กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์และข้อร้องเรียน แต่งตั้งจำกข้อใด
ต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวถูกต้อง (มำตรำ 41 (3)
ก. สภำสถำปนิก สภำวิศวกร สภำหอกำรค้ำแห่งประเทศไทย สภำอุตสำหกรรมแห่ง
ประเทศไทย สมำคมอุตสำหกรรมยำนยนต์ไทย
ข. ผู้มีควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญหรือประสบกำรณ์ด้ำนวิศวกรรม กำรบริหำรจัดกำร
กำรตลำด
ค. ผู้มีควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญหรือประสบกำรณ์ด้ำนวิศวกรรม สถำปัตยกรรม กำรเกษตร
ง. ผูม้ ีควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญหรือประสบกำรณ์ด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี กำร
บริหำรจัดกำรกำรเงิน สถำปัตยกรรม
จ. สภำอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย สภำหอกำรค้ำแห่งประเทศไทย สภำทนำยควำม
50) ให้ใคร เป็นผู้มอบหมำยข้ำรำชกำรของหน่วยงำนคนหนึ่งเป็นกรรมกำรและเลขำนุกำรและอีก
สองคนเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรของคณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์และข้อร้องเรียน (มำตรำ 41
วรรคท้ำย)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ง. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
จ. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
51) คณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์และข้อร้องเรียน มีอำนำจหน้ำที่ดังนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
(มำตรำ 43)
ก. พิจำรณำข้อร้องเรียนกรณีที่เห็นว่ำหน่วยงำนของรัฐมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตำมแนวทำง
ของพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ.2560
ข. พิจำรณำและวินิจฉัยอุทธรณ์ตำมมำตรำ 119
ค ปฏิบัติหน้ำที่อื่นตำมที่กำหนดในพระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุภำครัฐ
พ.ศ.2560หรือตำมที่คณะกรรมกำรนโยบำย รัฐมนตรี นำยกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี
มอบหมำย
ง. จัดทำรำยงำนเกี่ยวกับปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินกำรพิจำรณำอุทธรณ์และข้อ
ร้องเรียนเสนอคณะกรรมกำรนโยบำยอย่ำงน้อยปีละหนึง่ ครั้ง
จ. ไม่มีข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก. กระทรวงกำรคลัง
ข. สำนักงบประมำณ
ค. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. กรมบัญชีกลำง
จ. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
53) ให้หน่วยงำนใด มีหน้ำที่จัดทำฐำนข้อมูลรำคำอ้ำงอิงของพัสดุ เพื่อให้หน่วยงำนของรัฐใช้เป็น
ข้อมูลประกอบกำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุนั้น และให้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่ำวในระบบเครือข่ำย
สำรสนเทศ(มำตรำ 47)
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. กรมบัญชีกลำง
ค. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ง. กระทรวงกำรคลัง
จ. สำนักงบประมำณ
54) ให้หน่วยงำนที่มีหน้ำที่จัดทำฐำนข้อมูลรำคำอ้ำงอิงของพัสดุ เพื่อให้หน่วยงำนของรัฐใช้เป็น
ข้อมูลประกอบกำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุนั้น และให้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่ำวในระบบเครือข่ำย
สำรสนเทศ โดยต้องปรับปรุงฐำนข้อมูลอย่ำงไร (มำตรำ 47 วรรคท้ำย)
ก. ทุกเดือน
ข. สำมเดือนครั้ง
ค. หกเดือนครั้ง
ง. อย่ำงน้อยปีละหนึง่ ครั้ง
จ. อย่ำงน้อยปีละสองครั้ง
55) ให้หน่วยงำนใด มีหน้ำที่รวบรวม วิเครำะห์ และประเมินผลกำรปฏิบัติงำนตำม
พระรำชบัญญัติกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 และจัดทำรำยงำนเกี่ยวกับ
ปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินกำรพร้อมข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนำและปรับปรุงประสิทธิภำพกำร
จัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรกำรพัสดุภำครัฐเสนอคณะกรรมกำรนโยบำยอย่ำงน้อยตำมข้อใด
(มำตรำ 48)
ก. สำนักงบประมำณ / ปีละหนึง่ ครั้ง
ข. กระทรวงกำรคลัง / ปีละหนึง่ ครั้ง
ค. กรมบัญชีกลำง / ปีละหนึง่ ครั้ง
ง. กรมบัญชีกลำง / ปีละสองครั้ง
จ. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม /ปีละหนึ่งครั้ง
351
ข. พระรำชบัญญัติ
ค. พระรำชกำหนด
ง. พระรำชกฤษฎีกำ
จ. กฎกระทรวง
60) กำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุอำจกระทำได้โดยมีกี่วิธี (มำตรำ 55)
ก. 2 วิธี
ข. 3 วิธี
ค. 4 วิธี
ง. 5 วิธี
จ. 6 วิธี
61) กำรที่ที่หน่วยงำนของรัฐเชิญชวนผู้ประกอบกำรที่มีคุณสมบัติตรงตำมเงื่อนไขที่หน่วยงำนของ
รัฐกำหนดรำยใดรำยหนึ่งให้เข้ำยื่นข้อเสนอ หรือให้เข้ำมำเจรจำต่อรองรำคำรวมทั้งกำรจัดซื้อจัด
จ้ำงพัสดุกับผู้ประกอบกำรโดยตรงในวงเงินเล็กน้อยตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง หมำยถึงกำร
จัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุวิธีใด (มำตรำ 55 (3)
ก. วิธีคัดเลือก
ข. วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป
ค. วิธีกรณีพิเศษ
ง. วิธีตกลงรำคำ
จ. วิธีเฉพำะเจำะจง
62) กำรที่หน่วยงำนของรัฐเชิญชวนผู้ประกอบกำรทั่วไปที่มีคุณสมบัติตรงตำมเงื่อนไขที่หน่วยงำน
ของรัฐกำหนดให้เข้ำยื่นข้อเสนอ หมำยถึงกำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุวิธีใด (มำตรำ 55 (1)
ก. วิธีคัดเลือก
ข. วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป
ค. วิธีกรณีพิเศษ
ง. วิธีตกลงรำคำ
จ. วิธีเฉพำะเจำะจง
63) กำรที่หน่วยงำนของรัฐเชิญชวนเฉพำะผู้ประกอบกำรที่มีคุณสมบัติตรงตำมเงื่อนไขที่
หน่วยงำนของรัฐกำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่ำสำมรำยให้เข้ำยื่นข้อเสนอ เว้นแต่ในงำนนั้นมี
ผู้ประกอบกำรที่มีคุณสมบัติตรงตำมที่กำหนดน้อยกว่ำสำมรำย หมำยถึงกำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุวิธี
ใด (มำตรำ 55 (2)
ก. วิธีคัดเลือก
ข. วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป
ค. วิธีกรณีพิเศษ
ง. วิธีตกลงรำคำ
353
จ. วิธีเฉพำะเจำะจง
64) กำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุ ให้หน่วยงำนของรัฐเลือกใช้วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไปก่อน เว้นแต่กรณี
ดังต่อไปนี้ ให้ใช้วิธคี ัดเลือก ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 56)
ก. เป็นพัสดุที่ใช้ในรำชกำรลับ หรือเป็นงำนที่ต้องปกปิดเป็นควำมลับของหน่วยงำนของรัฐ
หรือที่เกี่ยวกับควำมมั่นคงของประเทศ
ข. เป็นพัสดุที่โดยลักษณะของกำรใช้งำน หรือมีข้อจำกัดทำงเทคนิคที่จำเป็นต้องระบุยี่ห้อ
เป็นกำรเฉพำะ
ค. มีควำมจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้พัสดุนั้นอันเนื่องมำจำกเกิดเหตุกำรณ์ที่ไม่อำจคำดหมำย
ได้ ซึ่งหำกใช้วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไปจะทำให้ไม่ทันต่อควำมต้องกำรใช้พัสดุ
ง. กรณีอื่นตำมที่กำหนดในพระรำชกฤษฎีกำ
จ. เป็นงำนจ้ำงซ่อมพัสดุที่จำเป็นต้องถอดตรวจ ให้ทรำบควำมชำรุดเสียหำยก่อน จึงจะ
ประมำณกำรซ่อมได้
65) กำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุ วิธีเฉพำะเจำะจง ข้อใดกล่ำวถูกต้อง (มำตรำ 56 (2)
ก. พัสดุที่ต้องกำรจัดซื้อจัดจ้ำงมีคุณลักษณะเป็นพิเศษหรือซับซ้อนหรือต้องผลิตจำหน่ำย
ก่อสร้ำง หรือให้บริกำรโดยเฉพำะผู้ประกอบกำรที่มีฝีมือโดยเฉพำะ
ข. เป็นพัสดุทโี่ ดยลักษณะของกำรใช้งำน หรือมีข้อจำกัดทำงเทคนิคที่จำเป็นต้องระบุยี่ห้อ
เป็นกำรเฉพำะ
ค. มีจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้พัสดุนั้นอันเนื่องมำจำกเกิดเหตุกำรณ์ที่ไม่อำจคำดหมำยได้ ซึ่ง
หำกใช้วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไปจะทำให้ไม่ทันต่อควำมต้องกำรใช้พัสดุ
ง. เป็นพัสดุที่จะขำยทอดตลำดโดยหน่วยงำนของรัฐ องค์กำรระหว่ำงประเทศหรือ
หน่วยงำนต่ำงประเทศ
จ. เป็นงำนจ้ำงซ่อมพัสดุที่จำเป็นต้องถอดตรวจ ให้ทรำบควำมชำรุดเสียหำยก่อน จึงจะ
ประมำณกำรซ่อมได้
66) กำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุ วิธีเฉพำะเจำะจง ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 65 (2)
ก. พัสดุที่จะทำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงเป็นพัสดุที่เกี่ยวพันกับพัสดุที่ได้ทำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงไว้ก่อน
แล้ว และมีควำมจำเป็นต้องทำกำรจัดซื้อจัดจ้ำงเพิ่มเติมเพื่อควำมสมบูรณ์หรือ ต่อเนื่องในกำรใช้
พัสดุนั้น
ข. กำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุที่มีกำรผลิต จำหน่ำย ก่อสร้ำง หรือให้บริกำรทั่วไป และมีวงเงิน
ในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงครั้งหนึ่งไม่เกินวงเงินตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง
ค. มีควำมจำเป็นต้องใช้พัสดุนั้นโดยฉุกเฉิน เนื่องจำกเกิดอุบัติภัยหรือภัยธรรมชำติหรือเกิด
โรคติดต่ออันตรำยตำมกฎหมำยว่ำด้วยโรคติดต่อ และกำรจัดซื้อจัดจ้ำงโดยวิธีประกำศเชิญชวน
ทั่วไป หรือวิธีคัดเลือกอำจก่อให้เกิดควำมล่ำช้ำและอำจทำให้เกิดควำมเสียหำยอย่ำงร้ำยแรง
ง. เป็นพัสดุที่เป็นที่ดิน หรือ สิ่งปลูกสร้ำงซึ่งจำเป็นต้องซื้อ เฉพำะแห่ง
354
จ. เป็นพัสดุที่ใช้ในรำชกำรลับ หรือเป็นงำนที่ต้องปกปิดเป็นควำมลับของหน่วยงำนของรัฐ
หรือที่เกี่ยวกับควำมมั่นคงของประเทศ
67) เพื่อประโยชน์ของภำครัฐโดยรวม หน่วยงำนของรัฐแห่งหนึ่งแห่งใด อำจทำกำรจัดซื้อจัดจ้ำง
พัสดุให้กับหน่วยงำนของรัฐแห่งอื่นๆ ก็ได้ ตำมกรอบข้อตกลงระหว่ำงหน่วยงำนของรัฐผู้ทำกำรซื้อ
จัดจ้ำงกับคูส่ ัญญำ ต้องคำนึงถึง เรื่องใด ทั้งนี้ให้เป็นตำมระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด (มำตรำ 58
วรรคท้ำย)
ก. ประสิทธิภำพและควำมคุ้มค่ำ
ข. โปร่งใสและตรวจสอบได้
ค. คุ้มค่ำและโปร่งใส
ง. ควำมคุ้มค่ำและวัตถุประสงค์ในกำรใช้งำนเป็นสำคัญ
จ. คุ้มค่ำ โปร่งใส ประสิทธิภำพและประสิทธิผล และตรวจสอบได้
68) ในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุแต่ละครั้ง ให้ผู้มอี ำนำจแต่งตั้งผู้รับผิดชอบกำรจัดซื้อจัดจ้ำงนั้น ซึ่งจะ
กระทำโดยคณะกรรมกำรกำรจัดซื้อจัดจ้ำงหรือเจ้ำหน้ำที่คนใดคนหนึ่งก็ได้ โดยค่ำตอบแทน
ผู้รับผิดชอบกำรจัดซื้อจัดจ้ำงดังกล่ำว ให้เป็นไปตำมที่หน่วยงำนกำหนด (มำตรำ 61 วรรคท้ำย)
ก. กรมบัญชีกลำง
ข. กระทรวงกำรคลัง
ค. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. สำนักงบประมำณ
จ. กระทรวงมหำดไทย
69) กำรจัดซื้อจัดจ้ำงตำมวิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป ให้หน่วยงำนของรัฐจัดทำประกำศ และ
เอกสำรเชิญชวนให้ทรำบเป็นกำรทั่วไปว่ำหน่วยงำนของรัฐจะดำเนินกำรในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุ
ใด วัน เวลำ สถำนที่ยนื่ ข้อเสนอ และเงื่อนไขอื่นๆ ให้ประกำศเผยแพร่ในระบบเครือข่ำย
สำรสนเทศของกรมบัญชีกลำงและของหน่วยงำนของรัฐตำมวิธีกำรที่หน่วยงำนใดกำหนด (มำตรำ
62 วรรคสอง)
ก. กรมบัญชีกลำง
ข. กระทรวงกำรคลัง
ค. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ง. สำนักงบประมำณ
จ. กระทรวงมหำดไทย
70) ผู้ประกอบกำรตำมที่คณะกรรมกำรรำคำกลำงประกำศกำหนด จะเข้ำยื่นข้อเสนอในกำร
จัดซื้อจัดจัดจ้ำงของหน่วยงำนของรัฐ อย่ำงน้อยต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำม
ดังต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถกู ต้อง (มำตรำ 64)
ก. ไม่เป็นบุคคลซึ่งถูกแจ้งเวียนชื่อ ให้เป็นผู้ทิ้งงำนของหน่วยงำนของรัฐ
ข. ไม่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ระหว่ำงถูกระงับกำรยื่นข้อเสนอหรือทำสัญญำกับหน่วยงำนของรัฐ
355
ค. พึ่งขึ้นทะเบียนกับกรมบัญชีกลำง
ง. ไม่เป็นบุคคลล้มละลำย
จ. มีควำมสำมำรถตำมกฎหมำย
71) ในกำรพิจำรณำคัดเลือกข้อเสนอโดยวิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป และวิธีคัดเลือก ให้หน่วยงำน
ของรัฐดำเนินกำรโดยพิจำรณำถึงประโยชน์ของหน่วยงำนของรัฐ และวัตถุประสงค์ของกำรใช้งำน
เป็นสำคัญ โดยให้คำนึงถึงเกณฑ์รำคำและพิจำรณำเกณฑ์อื่นประกอบด้วย ดังต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำว
ไม่ถูกต้อง (มำตรำ 65)
ก. กำรประเมินผลกำรปฏิบัติงำนของผู้ประกอบกำร
ข. พัสดุที่รัฐต้องกำรส่งเสริมหรือสนับสนุน
ค. บริกำรหลังกำรขำย
ง. จำนวนผู้ประกอบกำรที่ดำเนินกำร
จ. ต้นทุนของพัสดุนั้นตลอดอำยุกำรใช้งำน
72) พัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมหรือสนับสนุน ให้เป็นไปตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งอย่ำงน้อยต้อง
ส่งเสริมหรือสนับสนุนพัสดุดังนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 65)
ก. อนุรักษ์พลังงำน
ข. อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ค. สร้ำงนวัตกรรม
ง. หำง่ำยได้ในท้องถิ่น
จ. ไม่มีข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
73) ก่อนลงนำมในสัญญำ หน่วยงำนของรัฐอำจประกำศยกเลิกกำรจัดซื้อจัดจ้ำงที่ได้ดำเนินกำรไป
แล้วในกรณีใดได้บ้ำง (มำตรำ 67)
ก. มีกำรสมยอมกันกับผู้ยื่นข้อเสนอรำยอื่นหรือเจ้ำหน้ำที่ในกำรเสนอรำคำ
ข. มีส่วนได้เสียกับผู้ยื่นข้อเสนอรำยอื่น
ค. มีกำรกระทำที่เข้ำลักษณะผู้ยื่นข้อเสนอที่ชนะกำรจัดซื้อจัดจ้ำงหรือที่ได้รับกำรคัดเลือก
มีผลประโยชน์ร่วมกัน
ง. หน่วยงำนของรัฐนั้นไม่ได้รับกำรจัดสรรเงินงบประมำณที่จะใช้ในกำรจัดซื้อจัดจ้ำง
จ. ถูกทุกข้อ
74) งำนจ้ำงที่ปรึกษำอำจกระทำได้โดยวิธีต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 69)
ก. วิธีคัดเลือก
ข. วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป
ค. วิธีเฉพำะเจำะจง
ง. วิธีตกลงรำคำ
จ. ข้อ ก. และข้อ ง.
356
ก. 100,000 บำท
ข. ไม่เกิน 100,000 บำท
ค. 500,000 บำท
ง. ไม่เกิน 500,000 บำท
จ. ไม่เกิน 5,000,000 บำท
88) กำรออกกฎกระทรวง กำหนดวงเงินกำรจัดซื้อจัดจ้ำงพัสดุโดยวิธีเฉพำะเจำะจง วงเงินกำร
จัดซื้อจัดจ้ำงที่ไม่ทำข้อตกลงเป็นหนังสือ และวงเงินกำรจัดซื้อจัดจ้ำงในกำรแต่งตั้งผู้ตรวจรับพัสดุ
เป็นอำนำจของใคร (มำตรำ 5)
ก. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
ข. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
ค. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
จ. นำยกรัฐมนตรี
ค. วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป
ง. วิธีประกวดออกแบบ
จ. วิธีตกลงรำคำ
91) รำยละเอียดของวิธีกำรจัดซื้อจัดจ้ำงสำหรับงำนจ้ำงออกแบบหรือควบคุมงำนก่อสร้ำงใน
หมวด 8 งำนจ้ำงออกแบบหรือควบคุมงำนก่อสร้ำง ด้วยวิธีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์ในระบบ
เครือข่ำยสำรสนเทศของกรมบัญชีกลำง ให้เป็นไปตำมระเบียบที่ใครกำหนด (มำตรำ 85)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ง. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
จ. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
92) งำนอำคำร งำนสถำปัตยกรรมภำยใน งำนภูมิสถำปัตยกรรม ที่ต้องใช้ควำมประณีต ควำม
ชำนำญ มีประโยชน์ใช้สอยที่ซับซ้อน มีลักษณะกำรก่อสร้ำงที่ซับซ้อน มีกฎเกณฑ์ควบคุมเฉพำะ
หรือมีกำรใช้งำนหลำกหลำย เช่น อำคำรมหำวิทยำลัย อำคำรเรียนรวม หอสมุด หอประชุม
อำคำรพัก อำศัยรวม สนำมกีฬำ สถำนกัก หอพัก โรงเรียน ศำลำประชำคม อำคำรสำนักงำน
อำคำรสูง อำคำรขนำดใหญ่พิเศษ สถำบันระดับสูงของรัฐ สถำบันกำรเงิน โรงแรม โรงภำพยนตร์
โรงมหรสพ ห้ำงสรรพสินค้ำ ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้ำและนิทรรศกำร สถำนีขนส่งต่ำงๆ
อำคำรศูนย์กำรค้ำสถำนบริกำรและนันทนำกำร สโมสร สวนสนุก สวนสำธำรณะ ภูมิทัศน์ชุมชน
ภูมิทัศน์บริเวณอำคำรสำธำรณะ โครงกำรจัดสรรที่ดิน หรือนิคมอุตสำหกรรม เป็นลักษณะของงำน
สถำปัตยกรรม ตำมข้อใด (มำตรำ 90 ประกอบกฎกระทรวง รำชกิจจำนุเบกษำ เล่ม 134 ตอนที่
86 ลว 23 ส.ค. 2560)
ก. ซับซ้อนมำก
ข. ซับซ้อน
ค. ไม่ซับซ้อน
ง. สลับซับซ้อน
จ. มั่นคง ซับซ้อน
93) งำนอำคำร งำนสถำปัตยกรรมภำยใน งำนภูมิสถำปัตยกรรม ที่มีแบบแผนวิจิตรต้องใช้
ประณีตชั้นสูง ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ควำมชำนำญเฉพำะด้ำน มีควำมสลับซับซ้อนหรือมีผู้ใช้สอย
จำนวนมำกเป็นลักษณะพิเศษเชิดชูคุณค่ำทำงด้ำนสถำปัตยกรรม ศิลปกรรม วัฒนธรรม หรือ
ธรรมชำติ เช่นพิพิธภัณฑ์ อำคำรทำงศำสนำ ศำลำกลำงจังหวัด โรงพยำบำล อำคำรห้องปฏิบัติกำร
อำคำรที่มีควำมสลับซับซ้อน สนำมบิน อนุสำวรีย์ รัฐสภำ ศูนย์วัฒนธรรม อำคำรอนุรักษ์ สถำนทูต
อำคำรเก็บวัสดุที่เสี่ยงอันตรำยหรือเสี่ยงต่อสุขภำพ งำนสถำปัตยกรรมภำยในของบ้ำนพักอำศัย
ภูมิทัศน์ในพื้นที่อนุรักษ์ ภูมิทัศน์ในอำคำร สวนหลังคำ สวนพฤกษศำสตร์ สวนสมุนไพร สวนสัตว์
สวนสำธำรณะกลำงเมือง หรืองำนปรับปรุงอำคำรหรือภูมิทัศน์ในบริเวณที่มีกำรใช้สอยหรือสิ่งปลูก
361
จ. ภำยในสิบห้ำวันทำกำร
101) สัญญำหรือข้อตกลงเป็นหนังสือที่ลงนำมแล้วจะแก้ไขไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ให้อยู่ใน
ดุลพินิจของผู้มีอำนำจที่จะพิจำรณำอนุมัติให้แก้ไขได้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 97, 93)
ก. เป็นกำรแก้ไขตำมควำมเห็นของสำนักงำนอัยกำรสูงสุด
ข. เป็นกำรแก้ไขเพื่อประโยชน์แก่หน่วยงำนของรัฐหรือประโยชน์สำธำรณะ
ค. ในกรณีที่มีควำมจำเป็นต้องแก้ไขสัญญำหรือข้อตกลง หำกกำรแก้ไขนั้นไม่ทำให้
หน่วยงำนของรัฐเสียประโยชน์
ง. ข้อ ก. และ ข้อ ข.
จ. ไม่มีข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
102) ผู้รับผิดชอบกำรบริหำรสัญญำหรือข้อตกลงและกำรตรวจรับพัสดุ ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับแต่งตั้ง
ให้
ดำรงตำแหน่งที่ปฏิบัติงำนเกี่ยวกับกำรจัดซื้อจัดจ้ำงหรือกำรบริหำรพัสดุให้ได้รับค่ำตอบแทนตำมที่
หน่วยงำนใดกำหนด (มำตรำ 100 วรรคท้ำย)
ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี
ข. กระทรวงมหำดไทย
ค. กระทรวงกำรคลัง
ง. กรมบัญชีกลำง
จ. กรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
103) กำรงดหรือลดค่ำปรับให้แก่คู่สัญญำ หรือกำรขยำยเวลำทำกำรตำมสัญญำหรือข้อตกลง ให้
อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอำนำจที่จะพิจำรณำได้ตำมจำนวนวันที่มีเหตุเกิดขึ้นจริง เฉพำะในกรณี
ดังต่อไปนี้ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง (มำตรำ 102)
ก. เหตุสุดวิสัย
ข. เหตุเกิดจำกพฤติกำรณ์อันหนึ่ง อันใดที่คู่สัญญำต้องรับผิดตำมกฎหมำย
ค. เหตุเกิดจำกควำมผิดหรือควำมบกพร่องของหน่วยงำนของรัฐ
ง. ข้อ ก. และข้อ ค.
จ. ไม่มีข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
104) กำรตกลงกับคู่สัญญำที่จะบอกเลิกสัญญำหรือข้อตกลง ให้ผู้มีอำนำจพิจำรณำได้เฉพำะใน
กรณีที่เป็นประโยชน์แก่หน่วยงำนของรัฐโดยตรงหรือตำมข้อใด หรือเพื่อแก้ไขข้อเสียเปรียบของ
หน่วยงำนของรัฐในกำรที่จะปฏิบัติตำมสัญญำหรือ ข้อตกลงนั้นต่อไป (มำตรำ 103 วรรคท้ำย)
ก. เพื่อควำมคุ้มค่ำ
ข. เพื่อควำมโปร่งใส
ค. เพื่อประสิทธิภำพและประสิทธิผล
ง. เพื่อประโยชน์สำธำรณะ
จ. ข้อ ก. ข. และข้อ ค.
364
จ. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
124) ตำแหน่งใดเป็นผู้รักษำกำรตำมระเบียบกระทรวงกำรคลังว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำร
บริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 (ข้อ 3)
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
ง. ปลัดกระทรวงกำรคลัง
จ. อธิบดีกรมบัญชีกลำง
125) ข้อใดกล่ำวถึงหัวหน้ำหน้ำหน่วยงำนของรัฐ หมำยควำมว่ำ ผู้ดำรงตำแหน่งในหน่วยงำนของ
รัฐดังต่อไปนี้ ข้อใดไม่ถูกต้อง ตำมระเบียบกระทรวงกำรคลังว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำร
บริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 (ข้อ 4)
ก. องค์กรอิสระ หมำยถึง เลขำธิกำรคณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมทุจริตแห่งชำติ
ผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดิน เลขำธิกำรคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ เลขำธิกำรสำนักงำน
ผู้ตรวจกำรแผ่นดินเลขำธิกำรคณะกรรมกำรกำรเลือกตั้ง อธิบดีอัยกำรสำนักงำนคณะกรรมกำร
อัยกำร
ข. รำชกำรส่วนท้องถิ่น หมำยถึง นำยกองค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด นำยกเทศมนตรี นำยก
องค์กำรบริหำรส่วนตำบล ผู้ว่ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร นำยกเมืองพัทยำ หรือผู้ดำรงตำแหน่งที่
เรียกชื่ออย่ำงอื่นที่มีฐำนะเทียบเท่ำ
ค. รำชกำรส่วนกลำง หมำยถึง อธิบดี หรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรที่เรียกชื่ออย่ำงอื่นและมี
ฐำนะเป็นนิติบุคคล
ง. รำชกำรส่วนภูมิภำค หมำย ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
จ. หน่วยงำนสังกัดรัฐสภำหรือในกำกับของรัฐสภำ หมำยถึง เลขำธิกำรวุฒิสภำ เลขำธิกำร
สภำผู้แทนรำษฎร เลขำธิกำรสถำบันพระปกเกล้ำ เลขำธิกำรสำนักงำนสภำพัฒนำกำรเมือง
126) ระเบียบกระทรวงกำรคลังว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560
มีผลบังคับเมื่อใด (รำชกิจจำนุเบกษำ ตอนพิเศษ 210 ง )
ก. วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป
ข. วันที่ 23 สิงหำคม 2560
ค. วันที่ 24 สิงหำคม 2560
ง. ข้อ ก. และข้อ ข.
จ. ข้อ ก. และข้อ ค.
127) ผู้มีผลประโยชน์ร่วมกัน หมำยควำมว่ำ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องตำมระเบียบกระทรวงกำรคลัง
ว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 (ข้อ 4)
370
ค. กรมบัญชีกลำง
ง. สำนักงบประมำณ
จ. สำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน
138) ให้หน่วยงำนใดจัดทำแนวทำงปฏิบัติในกำรดำเนินกำรจัดซื้อจัดจ้ำงผ่ำนระบบจัดซื้อจัดจ้ำง
ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้หน่วยงำนของรัฐและผู้ประกอบกำรใช้เป็นแนวทำงปฏิบัติตำมระเบียบ
กระทรวงกำรคลัง ว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 (ข้อ 10)
ก. กระทรวงกำรคลัง
ข. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ค. กรมบัญชีกลำง
ง. สำนักงบประมำณ
จ. สำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน
139) เมื่อหน่วยงำนของรัฐได้รับควำมเห็นชอบวงเงินงบประมำณที่จะใช้ในกำรจัดซื้อจัดจ้ำงจำก
หน่วยงำนที่เกี่ยวข้องหรือผู้มีอำนำจในกำรพิจำรณำงบประมำณแล้วให้เจ้ำหน้ำที่หรือผู้ที่ได้รับ
มอบหมำยในกำรปฏิบัติงำนนั้น ดำเนินกำรอย่ำงไร เสนอหัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐ เพื่อขอควำม
เห็นชอบตำมระเบียบกระทรวงกำรคลัง ว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ.
2560 (ข้อ 11)
ก. จัดทำแผนกำรจัดซื้อ จัดจ้ำงประจำเดือน
ข. จัดทำแผนกำรจัดซื้อ จัดจ้ำงรำยไตรมำส
ค. จัดทำแผนกำรจัดซื้อ จัดจ้ำงประจำปี
ง. จัดทำแผนดำเนินงำนประจำปี
จ. จัดทำแผนดำเนินงำนประจำเดือน
140) (1) ชื่อโครงกำรที่จะจัดซื้อจัดจ้ำง (2) วงเงินที่จะจัดซื้อจัดจ้ำงโดยประมำณ (3) ระยะเวลำ
ที่คำดว่ำจะจัดซื้อจัดจ้ำง (4) รำยกำรอื่นตำมที่กรมบัญชีกลำงกำหนด หมำยถึงรำยกำรของข้อใด
ตำมระเบียบกระทรวงกำรคลัง ว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560
(ข้อ 11)
ก. แผนกำรจัดซื้อจัดจ้ำงประจำเดือน
ข. แผนกำรจัดซื้อ จัดจ้ำงรำยไตรมำส
ค. แผนกำรจัดซื้อ จัดจ้ำงประจำปี
ง. แผนดำเนินงำนประจำปี
จ. แผนดำเนินงำนประจำเดือน
141) ในกำรซื้อหรือจ้ำงแต่ละวิธี นอกจำกกำรซื้อที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำง ให้เจ้ำหน้ำที่จัดทำ
รำยงำนขอซื้อหรือขอจ้ำงเสนอหัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐเพื่อขอควำมเห็นชอบ โดยเสนอผ่ำน
หัวหน้ำเจ้ำหน้ำที่ตำมรำยกำรดังต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง ตำมระเบียบกระทรวงกำรคลัง ว่ำ
ด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 (ข้อ 22)
374
ก. ขอบเขตของงำนหรือรำยละเอียดคุณลักษณะเฉพำะของพัสดุหรือแบบรูปรำยกำรงำน
ก่อสร้ำงที่จะซื้อหรือจ้ำง แล้วแต่กรณี
ข. เหตุผลและควำมจำเป็นที่ต้องซื้อ หรือ จ้ำง
ค. วงเงินที่จะซื้อหรือจ้ำง โดยให้ระบุวงเงินงบประมำณ ถ้ำไม่มีวงเงินดังกล่ำวให้ระบุวงเงิน
ที่ประมำณว่ำจะซื้อ หรือ จ้ำงในครั้งนั้น
ง. รำคำตำมท้องตลำดของพัสดุที่จะซื้อ หรือ จ้ำง
จ. วิธีที่จะซื้อ หรือ จ้ำงและเหตุผลที่ต้องกำรซื้อ หรือจ้ำงโดยวิธีนั้น
142) ในกำรดำเนินกำรซื้อ หรือ จ้ำงแต่ละครั้ง ให้หัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐแต่งตั้งคณะกรรมกำร
ซื้อหรือจ้ำงขึ้น เพื่อปฏิบัติกำรตำมระเบียบกระทรวงกำรคลัง ว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำร
บริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 พร้อมกับกำหนดระยะในกำรพิจำรณำของคณะกรรมกำรแล้วแต่
กรณีคณะกรรมกำรข้อใดไม่ได้กล่ำวถึง (ข้อ 25)
ก. คณะกรรมกำรซื้อหรือจ้ำงโดยวิธีเฉพำะเจำะจง
ข. คณะกรรมกำรตรวจรับงำนก่อสร้ำง
ค. คณะกรรมกำรพิจำรณำผลกำรสอบรำคำ
ง. คณะกรรมกำรพิจำรณำผลกำรประกวดรำคำอิเล็กทรอนิกส์
จ. คณะกรรมกำรซื้อหรือจ้ำงโดยวิธีเฉพำะเจำะจง
143) คณะกรรมกำรซื้อหรือจ้ำง ตำมระเบียบกระทรวงกำรคลัง ว่ำด้วยกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำร
บริหำรพัสดุภำครัฐ พ.ศ. 2560 ประกอบด้วยประธำนกรรมกำร และกรรมกำรเท่ำใด ซึ่งแต่งตั้ง
จำกข้ำรำชกำร ลูกจ้ำประจำ พนักงำนรำชกำร พนักงำนมหำวิทยำลัย พนักงำนรำชกำร พนักงำน
มหำวิทยำลัย พนักงำนของรัฐ หรือพนักงำนของหน่วยงำนของรัฐที่เรียกชื่ออย่ำงอื่น โดยให้
คำนึงถึงลักษณะหน้ำที่ควำมรับผิดชอบของผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสำคัญ (ข้อ 26)
ก. 1 คน
ข. ไม่เกิน 2 คน
ค. 2 คน
ง. อย่ำงน้อย 2 คน
จ. อย่ำงน้อย 3 คน
144) กำรประชุมของคณะกรรมกำรซื้อหรือจ้ำง ต้องมีกรรมกำรมำประชุมเท่ำใด ของกรรมกำร
ทั้งหมด ให้ประธำนกรรมกำรและกรรมกำรแต่ละคนมีเสียงหนึ่งในกำรลงมติ โดยประธำน
กรรมกำรต้องอยู่ด้วยทุกครั้งในกำรประชุม หำกประธำนกรรมกำรไม่สำมำรถปฏิบัติหน้ำที่ ได้ให้
หัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐแต่งตั้งประธำนกรรมกำรคนใหม่เป็นประธำนกรรมกำรแทน (ข้อ 27)
ก. กึ่งหนึง่
ข. เกินกึ่งหนึง่
ค. ไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึง่
ง. สองในสำม
375
จ. กฎหมำยมิได้กำหนด
145) มติคณะกรรมกำรซื้อหรือจ้ำงให้ถือเสียงข้ำงมำก ถ้ำคะแนนเสียงเท่ำกันให้ประธำน
กรรมกำรออกเสียงเพิ่มขึ้น อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขำด เว้นแต่คณะกรรมกำรใด ให้ถือมติเอกฉันท์
(ข้อ 27 ว 2)
ก. คณะกรรมซื้อ หรือ จ้ำงโดยวิธีเฉพำะเจำะจง
ข. คณะกรรมกำรพิจำรณำผลกำรสอบรำคำ
ค. คณะกรรมกำรพิจำรณำผลกำรประกวดรำคำอิเล็กทรอนิกส์
ง. คณะกรรมกำรซื้อ หรือ จ้ำงโดยวิธีคัดเลือก
จ. คณะกรรมกำรตรวจรับพัสดุ
146) ประธำนกรรมกำรและกรรมกำรของคณะกรรมกำรซื้อหรือจ้ำง จะต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย
กับผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญำในกำรซื้อหรือจ้ำงครั้งนั้น ทั้งนี้กำรมีส่วนได้เสียในเรื่องซึ่งที่ประชุม
พิจำณำของประธำนกรรมกำรและกรรมกำรให้เป็นไปตำมกฎหมำยตำมข้อใด (ข้อ 27 วรรคสี่)
ก. พระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. 2539
ข. พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
ค. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ. 2539
ง. พระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. 2534
จ. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2560
147) กำรซื้อ หรือ จ้ำง กระทำได้กี่วิธี (ข้อ 28)
ก. 2 วิธี
ข. 3 วิธี
ค. 4 วิธี
ง. 5 วิธี
จ. 6 วิธี
148) กำรซื้อ หรือ จ้ำง กระทำได้กี่วิธี โดยวิธีใดบ้ำง (ข้อ 28)
ก. 2 วิธี วิธีคัดเลือก วิธีตกลงรำคำ
ข. 3 วิธี วิธีเฉพำะเจำะจง วิธีประกวดรำคำ วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป
ค. 3 วิธี วิธีคัดเลือก วิธีเฉพำะเจำะจง วิธีประกวดเชิญชวนทั่วไป
ง. 4 วิธี วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป วิธีคัดเลือก วิธีเฉพำะเจำะจง วิธีประกวดรำคำ
อิเล็กทรอนิกส์
จ. 6 วิธี วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป วิธีคัดเลือก วิธีเฉพำะเจำะจง วิธีตลำดอิเล็กทรอนิกส์
วิธีประกวดรำคำอิเล็กทรอนิกส์ วิธีสอบรำคำ
376
ข้อ 6. ข้อใดมิใช่กำรจำแนกประเภทงบประมำณรำยจ่ำย
1. งบประมำณรำยจ่ำยงบกลำง
2. งบประมำณรำยจ่ำยเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่ำย
3. งบประมำณรำยจ่ำยเพิ่มเติม
4. งบประมำณรำยจ่ำยบูรณำกำร
ข้อ 7. จำนวนเงินอย่ำงสูงที่อนุญำตให้จ่ำยหรือให้ก่อหนี้ผูกพันได้ตำมวัตถุประสงค์และภำยใน
ระยะเวลำที่กำหนดไว้ในกฎหมำยว่ำด้วยงบประมำณรำยจ่ำย เป็นควำมหมำยของข้อใด
1. งบประมำณรำยจ่ำย
2. งบประมำณรำยจ่ำยข้ำมปี
3. งบประมำณเหลื่อมปี
4. งบประมำณจัดสรร
ข้อ 8. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับงบประมำณรำยจ่ำยบูรณำกำร
1. แผนงำนบูรณำกำรได้รับอนุมัติจำกคณะรัฐมนตรี
2. ใช้สำหรับกล่ีมจังหวัดเพื่อบูรณำกำรตำมนโยบำยรัฐบำล
3. มีหน่วยรับงบประมำณตั้งแต่ 2 หน่วยงำนขึ้นไปร่วมกันรับผิดชอบ
4. งบประมำณรำยจ่ำยที่ตั้งไว้สำหรับแผนงำนบูรณำกำรที่สอดคล้องกับยุทธศำสตร์ชำติ
ข้ อ 9. ผู้ อ ำนวยกำรตำมบทนิ ย ำมศั พ ท์ แ ห่ ง พระรำชบั ญ ญั ติ วิ ธี ก ำรงบประมำณ พ.ศ. 2561
หมำยถึงใคร
1. ผู้อำนวยกำรสำนักบูรณำกำรและยุทธศำสตร์ชำติ
2. ผู้อำนวยกำรสำนักงำนคณะกรรมกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
3. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณ
4. ผู้อำนวยกำรสำนักงำนเศรษฐกิจกำรคลัง
ข้อ 10. กรณีตำมข้อใดไม่สำมำรถดำเนินกำรโอนงบประมำณรำยจ่ำยได้
1. ตรำพระรำชกฤษฎีกำโอนส่วนรำชกำรเข้ำด้วยกัน
2. โอนงบประมำณรำยจ่ำยบูรณำกำรภำยใต้แผนงำนบูรณำกำรเดียวกัน
3. โอนงบประมำณรำยจ่ำยงบกลำง
4. โอนงบประมำณรำยจ่ำยบุคคลกรภำยใต้แผนงำนบุคลำกรภำครัฐ
ข้อ 11. งบประมำณรำยจ่ำยที่ตั้งไว้เพื่อจัดสรรให้แก่หน่วยรับงบประมำณใช้จ่ำย โดยแยกต่ำงหำก
จำกงบประมำณรำยจ่ำยของหน่วยรับงบประมำณ และให้มีรำยกำรเงินสำรองจ่ำยเพื่อกรณีฉุกเฉิน
หรือจำเป็นด้วย คือควำมหมำยในข้อใด
1. งบประมำณรำยจ่ำยบูรณำกำร
2. งบประมำณรำยจ่ำยข้ำมปี
3. งบประมำณรำยจ่ำยงบกลำง
4. งบประมำณรำยจ่ำยบุคลำกร
386
ข้อ 12. ข้อ ใดมิใช่ ควำมรับ ผิ ดของเจ้ ำ หน้ ำ ที่ ของรัฐ กรณี จ่ ำยเงิ นหรื อก่ อ หนี้ผู ก พัน โดยฝ่ ำ ฝื น
พระรำชบัญญัติวิธีกำรงบประมำณ พ.ศ. 2561 หรือระเบียบที่ออกตำมพระรำชบัญญัตินี้
1. ควำมรับผิดทำงอำญำ
2. ควำมรับผิดทำงวินัย
3. ต้องชดใช้เงินคืนหน่วยงำน
4. ถูกขึ้นบัญชีแบล็คลิส
ข้อ 13. เงินทุนสำรองจ่ำย มีจำนวนเท่ำใด
1. ห้ำสิบล้ำนบำท
2. ห้ำร้อยล้ำนบำท
3. ห้ำพันล้ำนบำท
4. ห้ำหมื่นล้ำนบำท
ข้อ 14. จำกตัวเลือกในข้อ 13. เมื่อได้จ่ำยไปแล้ว จะต้องดำเนินกำรอย่ำงไร
1. ขออนุมัติคณะรัฐมนตรี
2. ตั้งงบประมำณรำยจ่ำยเพื่อชดใช้
3. แถลงวิธีจัดกำรเงิน
4. นำไปชดใช้คืนเงินงบประมำณรำยจ่ำยงบกลำง
ข้อ 15. กำรรำยงำนกำรรับจ่ำยเงินงบประมำณประจำปีที่สิ้นสุดและเงินทุนสำรองจ่ำย จะต้อง
ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำภำยในระยะเวลำใดนับแต่สิ้นปีงบประมำณ
1. 30 วัน
2. 60 วัน
3. 90 วัน
4. 120 วัน
ข้อ 16. หน่วยงำนของรัฐที่ขอรับหรือได้รับจัดสรรงบประมำณรำยจ่ำย และให้หมำยควำมรวมถึง
สภำกำชำดไทยด้วย คือควำมหมำยของคำใด
1. ส่วนรำชกำร
2. รัฐวิสำหกิจ
3. หน่วยงำนของรัฐ
4. หน่วยรับงบประมำณ
ข้ อ 17. กำรขยำยเวลำขอเบิ ก เงิ น จำกคลั ง ในกรณี ที่ ไ ม่ ส ำมำรถเบิ ก เงิ น จำกคลั ง ได้ ภ ำยใน
ปีงบประมำณ สำมำรถดำเนินกำรได้ต่อเมื่อ
1. ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมำณ และมีกำรกันเงินไว้ตำมระเบียบ
2. ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมำณ และไม่ได้กันเงินไว้ตำมระเบียบ
3. ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมำณ และมีเงินเหลือจ่ำยเพียงพอ
4. ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมำณ และมีควำมจำเป็นเร่งด่วน
387
3. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลัง
4. คณะรัฐมนตรี
ข้อ 29. กำรให้ใช้งบประมำณรำยจ่ำยประจำปีงบประมำณที่ล่วงแล้วไปพลำงก่อน จะกระทำได้ใน
กรณีใด
1. คณะรัฐมนตรีบริหำรกำรงบประมำณผิดพลำด
2. รัฐสภำไม่รับกฎหมำยไว้พิจำรณำ
3. มีควำมจำเป็นในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน
4. พระรำชบัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยประจำปีออกใช้ไม่ทันปีงบประมำณใหม่
ข้ อ 30. ข้ อ ใดถู ก ต้ อ งเกี่ ย วกั บ หลั ก เกณฑ์ แ ละเงื่ อ นไขกำรใช้ ง บประมำณรำยจ่ ำ ยประจ ำปี
งบประมำณที่ล่วงแล้วไปพลำงก่อน
1. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด โดยได้รับอนุมัติจำกคณะรัฐมนตรี
2. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด โดยได้รับอนุมัติจำกนำยกรัฐมนตรี
3. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด โดยได้รับอนุมัติจำกกระทรวงกำรคลัง
4. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด
ข้อ 31. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีกำรจัดทำงบประมำณรำยจ่ำยข้ำมปี
1. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด โดยได้รับควำมเห็นชอบจำกคณะรัฐมนตรี
2. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด โดยได้รับควำมเห็นชอบจำกนำยกรัฐมนตรี
3.ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด โดยได้รับควำมเห็นชอบจำกกระทรวงกำรคลัง
4.ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณกำหนด
ข้อ 32. กำรกำหนดกรอบประมำณกำรรำยจ่ำย ประมำณกำรรำยรับ และฐำนะกำรคลังของ
รัฐบำล ต้องทำล่วงหน้ำเป็นระยะเวลำเท่ำใด
1. ไม่น้อยกว่ำ 1 ปี
2. ไม่น้อยกว่ำ 3 ปี
3. ไม่น้อยกว่ำ 5 ปี
4. ไม่น้อยกว่ำ 7 ปี
ข้อ 33. กรณีกลุ่มจังหวัด ผู้ใดมีหน้ำที่รวบรวมคำขอตั้งงบประมำณรำยจ่ำยยื่นต่อรัฐมนตรีเจ้ำ
สังกัดเพื่อเสนอผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณ
1. รองผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
2. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
3. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดที่เป็นหัวหน้ำกลุ่มจังหวัด
4. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
390
4. เงินคงคลัง
ข้อ 40. บุคคลใดไม่อยู่ในข่ำยต้องรับผิดชดใช้เงินคืนหน่วยรับงบประมำณที่ได้จ่ำยไปโดยฝ่ำฝืน
พระรำชบัญญัติวิธีกำรงบประมำณ พ.ศ. 2561
1. นำย ก. เจตนำก่ อ หนี้ ผู ก พั น โดยฝ่ ำ ฝื น ระเบี ย บที่ อ อกตำมพระรำชบั ญ ญั ติ วิ ธี ก ำร
งบประมำณ พ.ศ. 2561
2. นำย ข. ยินยอมให้นำย ก. กระทำกำรตำมตัวเลือกในข้อ 1.
3. นำย ค. ทักท้วงคำสั่งของนำย ก. และนำย ข. ในกำรกระทำตำมตัวเลือกในข้อ 1.
4. นำย ง. ผู้รับจ้ำงซึ่งได้รับประโยชน์ตำมสัญญำผู ก พันดังกล่ำวทรำบกำรกระทำตำม
ตัวเลือกในข้อ 1.
ข้อ 41. ผู้รับสนองพระรำชโองกำรพระรำชบัญญัติวิธีกำรงบประมำณ พ.ศ. 2561 คือผู้ใด
1. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ หัวหน้ำคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ
2. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี
3. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ หัวหน้ำคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ และนำยกรัฐมนตรี
4. นำยพรเพชร วิชิตชลชัย ประธำนสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ
ข้อ 42. กระทรวงกำรคลังมีหน้ำที่นำเงินทุนสำรองจ่ำยตำมมำตรำ 29 ทวิ แห่งพระรำชบัญญัติ
วิธีกำรงบประมำณ พ.ศ. 2502 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโอยพระรำชบัญญัติวิธีกำรงบประมำณ (ฉบับที่
2) พ.ศ. 2503 ส่งคลังให้แล้วเสร็จภำยในกี่วันนับแต่วันที่พระรำชบัญญัติวิธีกำรงบประมำณ พ.ศ.
2561 ใช้บังคับ
1. 30 วัน
2. 45 วัน
3. 60 วัน
4. 90 วัน
ข้อ 43. กำรจัดสรรงบประมำณอุดหนุน สำหรับกำรดำเนิ นกำรทั่วไปขององค์กรปกครองส่ว น
ท้องถิ่น ต้องคำนึงถึงเรื่องใด
1. สอดคล้องกับนโยบำยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2. สอดคล้องกับนโยบำยกำรเลือกตั้งท้องถิ่น
3. สอดคล้องตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรกำหนดแผนและขั้นตอนกำรกระจำยอำนำจให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
4. สอดคล้องตำมยุทธศำสตร์ชำติ
ข้อ 44. หน่วยรับงบประมำณต้องรำยงำนผลกำรใช้จ่ำยงบประมำณ และผลกำรปฏิบัติงำนต่อ
ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณอย่ำงไร
1. ภำยใน 30 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ เพื่อผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณจัดทำ
รำยงำนเสนอคณะรัฐมนตรีภำยใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
392
ข้อ 6 หน่วยงำนใดมีหน้ำที่กำหนดมำตรฐำนกำรบัญชีภำครัฐและนโยบำยกำรบัญชีภำครัฐ
ก. กระทรวงกำรคลัง
ข. กรมบัญชีกลำง
ค. สำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน
ง. คณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดิน
ข้อ 7 กระทรวงกำรคลั งต้อ งจัด ทำรำยงำนกำรเงิน แผ่ นดิน ประจำปี งบประมำณและจัดส่ งให้
สำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบภำยในระยะเวลำตำมข้อใด
ก. 60 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ข. 90 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ค. 120 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ง. 180 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ข้อ 8 จำกข้อ 7 สำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดินจะต้องจัดทำรำยงำนผลกำรตรวจสอบรำยงำน
กำรเงินแผ่นดินประจำปีงบประมำณให้แล้วเสร็จภำยในระยะเวลำใด
ก. 90 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ข. 120 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ค. 150 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ง. 180 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมำณ
ข้อ 9 หน่วยงำนใดปฏิบัติหน้ำที่เป็นหน่วยงำนธุรกำรของคณะกรรมกำรนโยบำยกำรเงิน กำรคลัง
ของรัฐ
ก. สำนักงำนบริหำรหนี้สำธำรณะ
ข. สำนักงำนปลัดกระทรวงกำรคลัง
ค. สำนักงำนเศรษฐกิจกำรคลัง
ง. กรมบัญชีกลำง
ข้อ 10 แผนกำรคลังระยะปำนกลำงมีระยะเวลำเท่ำใด
ก. ไม่น้อยกว่ำ 2 ปี
ข. ไม่น้อยกว่ำ 3 ปี
ค. ไม่น้อยกว่ำ 4 ปี
ง. ไม่น้อยกว่ำ 5 ปี
ข้อ 11 ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรเสนอกฎหมำยว่ำด้วยงบประมำณรำยจ่ำยประจำปี
ก. ต้องเป็นไปตำมกฎหมำยว่ำด้วยวิธีกำรงบประมำณ
ข. ต้องแสดงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับจำกกำรจ่ำยเงิน
ค. ต้องตรำกฎหมำยให้เสร็จก่อนวันเริ่มปีงบประมำณเท่ำนั้น
ง. ต้องสอดคล้องกับยุทธศำสตร์ชำติ
400
5. ผู้อำนวยกำรสำนักงบประมำณ เป็นกรรมกำร
6. ผู้ว่ำกำรธนำคำรแห่งประเทศไทย เป็นกรรมกำร
ผู้อำนวยกำรสำนักงำนเศรษฐกิจกำรคลัง เป็นเลขำนุกำร
ข้อ 14 ตอบ ค. ดูมำตรำ 32 วรรคหนึ่ง กำรยกเว้ นหรือกำรลดภำษีอำกรจะกระทำได้ก็แต่โดย
อำศัยอำนำจตำมกฎหมำยที่ให้อำนำจจัดเก็บภำษีอำกร โดยต้องพิจำรณำถึงควำมเป็นธรรม ควำม
เสมอภำค และกำรไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งกำรพัฒนำและสนับสนุนเสถียรภำพและควำมมั่นคงทำง
เศรษฐกิจและสังคม
ข้อ 15 ตอบ ข. ดูมำตรำ 20 (1) หลักเกณฑ์กำรตั้งงบประมำณรำยจ่ำยลงทุน ต้องมีจำนวนไม่
น้อยกว่ำร้อยละ 20 ของงบประมำณรำยจ่ำยประจำปี และต้องไม่น้อยกว่ำวงเงินส่วนที่ขำดดุล
ของงบประมำณประจำปี
ข้อ 16 ตอบ ข. ดูมำตรำ 40 กำหนดให้หน่วยงำนของรัฐผู้เบิกนำส่งคืนคลังโดยไม่ชักช้ำ
ข้อ 17 ตอบ ง. ดูมำตรำ 45 วรรคสอง บัญญั ติให้กระทรวงกำรคลังมีหน้ำที่จัดทำบัญชีทรัพย์สิน
ของแผ่นดินตำมประเภทและลักษณะแห่งทรัพย์สิน
ข้อ 18 ตอบ ก. ดูมำตรำ 52 วรรคหนึ่ง ต้องปฏิบัติตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรบริหำรหนี้สำธำรณะ
โดยเคร่งครัด
ข้อ 19 ตอบ ง. ดูมำตรำ 78
ข้อ 20 ตอบ ง. ดูมำตรำ 41 วรรคสอง บัญญัติให้ ส่วนรำชกำรที่จ่ำยเงินทดรองรำชกำรแล้ว เบิก
เงินชดใช้เงินทดรองรำชกำรที่ได้จ่ำยไปนั้นในโอกำสแรกที่กระทำได้
404
7. หนังสือประชำสัมพันธ์มีกี่ชนิด
ก. 3 ชนิด
ข. 4 ชนิด
ค. 5 ชนิด
ง. 6 ชนิด
8. ข้อใด เป็นหนังสือประชำสัมพันธ์
ก. คำสั่ง
ข. ระเบียบ
ค. ประกำศ
ง. ข้อบังคับ
9. หนังสือรับรองกำรรำยงำนบันทึกประชุม และหนังสืออื่นจัดอยู่ในหนังสือชนิดใด
ก. หนังสือภำยใน
ข. หนังสือสั่งกำร
ค. หนังสือประชำสัมพันธ์
ง. หนังสือที่เจ้ำหน้ำที่จัดทำขึ้น
10. หนังสือรำชกำรที่มีคำว่ำ “ด่วนมำก” ผู้มีหน้ำที่จะต้องปฏิบัติอย่ำงไร
ก. ปฏิบัติโดยเร็ว
ข. ปฏิบัติโดยเร็วกว่ำปกติ
ค. ปฏิบัติโดยเอำใจใส่เป็นพิเศษ
ง. ปฏิบัติตำมกำหนดเวลำในหนังสือ
11. ผู้มีอำนำจอนุญำตให้บุคคลภำยนอกยืมดูหรือคัดลอกหนังสือรำชกำรต้องเป็นข้ำรำชกำรที่
ดำรงตำแหน่งใดขึ้นไป
ก. หัวหน้ำฝ่ำย
ข. หัวหน้ำกอง
ค. หัวหน้ำแผนก
ง. ปลัดกระทรวง
12. เลขประจำของส่วนรำชกำรประกอบด้วยเลขกี่ตัว
ก. 4 ตัว
ข. 5 ตัว
ค. 6 ตัว
ง. 7 ตัว
406
ง. 5 ชนิด
20. ต่อไปนี้ เป็นหนังสือที่เจ้ำหน้ำที่ทำขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐำนในรำชกำร ยกเว้นข้อใด
ก. ข่ำว
ข. บันทึก
ค. หนังสือรับรอง
ง. รำยงำนกำรประชุม
21. หนังสือประเภทใดให้เจ้ำหน้ำที่ปฏิบัติในทันทีที่ได้รับหนังสือนั้น
ก. หนังสือด่วน
ข. หนังสือเวียน
ค. หนังสือด่วนมำก
ง. หนังสือด่วนที่สุด
22. กรณีที่ได้รับหนังสือต่อไปนี้พร้อมกันให้ปฏิบัติหนังสือประเภทใดก่อน
ก. ด่วนภำยในเวลำที่กำหนด
ข. ด่วนที่สุด
ค. ด่วนมำก
ง. ด่วน
23. กำรปฏิบัติในกำรระบุชั้นควำมเร็วใช้อักษรสีอะไร
ก. สีดำ
ข. สีแดง
ค. สีน้ำเงิน
ง. สีเขียวเข้ม
24. ระเบียบว่ำด้วยกำรรักษำควำมปลอดภัยแห่งชำติ พ.ศ. 2517 ได้กำหนดชั้นควำมลับออกเป็น
กี่ชั้น
ก. 2 ชั้น
ข. 3 ชั้น
ค. 4 ชั้น
ง. 5 ชั้น
25. ข้อใดมิใช่ชั้นควำมลับของระเบียบว่ำด้วยกำรรักษำควำมปลอดภัยแห่งชำติ
ก. ลับ
ข. ลับมำก
ค. ลับที่สุด
ง. ลับเฉพำะ
408
ง. 6 ส่วน
33. จำกข้อ 32 ส่วนบนด้ำนซ้ำยของซองสำหรับทำอะไร
ก. เป็นตรำครุฑ
ข.พิมพ์คำขึ้นต้น
ค. กรอกรหัสประจำส่วนรำชกำร
ง. พิมพ์ชอ่ื ส่วนรำชกำรทีอ่ อกหนังสือ
34. วิธีกำรเก็บหนังสือแบ่งออกได้เป็นกี่ลักษณะ
ก. 5 ลักษณะ
ข. 4 ลักษณะ
ค. 3 ลักษณะ
ง. 2 ลักษณะ
35. วิธีกำรเก็บหนังสือมีดังนี้ ยกเว้นข้อใด
ก. กำรเก็บระหว่ำงปฏิบัติ
ข. กำรเก็บเมื่อปฏิบัติเสร็จแล้ว
ค. กำรเก็บไว้เพื่อใช้ค้นคว้ำต่อไป
ง. กำรเก็บไว้เพื่อใช้ในกำรตรวจสอบ
36. กำรประทับตรำกำหนดเก็บหนังสือคำว่ำ “ห้ำมทำลำย”ใช้หมึกสีอะไร
ก. สีดำ
ข. สีแดง
ค. สีเขียว
ง. สีน้ำเงิน
37. กำรประทับตรำกำหนดเก็บหนังสือคำว่ำ “เก็บถึง พ.ศ. .....” ใช้หมึกสีอะไร
ก. สีดำ
ข. สีแดง
ค. สีเขียว
ง. สีน้ำเงิน
38. ระเบียบงำนสำรบรรณ ได้กำหนดอำยุกำรเก็บหนังสือไว้ว่ำ โดยปกติให้เก็บหนังสือต่ำงๆไว้ไม่
น้อยกว่ำกี่ปี
ก. 5 ปี
ข. 10 ปี
ค. 1 ปี
ง. 25 ปี
410
51.เมื่อได้รับหนังสือด้วยระบบสำรบรรณอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ระบบสำรบรรณอิเล็กทรอนิกส์
จะต้องสำมำรถดำเนินกำรตำมข้อใด
ก. ออกเลขที่ทะเบียนรับและบันทึกลงในทะเบียนหนังสือรับตำมลำดับติดต่อกัน
ไปตลอดปีปฏิทิน
ข. ส่งผลกำรรับหนังสือกลับไปยังผู้ส่งและจัดส่งให้ผู้รับภำยในหน่วยงำนต่อไป
ค. ระบบสำรบรรณอิเล็กทรอนิกส์จะต้องสำมำรถเก็บรักษำหนังสือที่มีกำรรับส่งโดยใช้
ระบบสำรบรรณอิเล็กทรอนิกส์หรือหนังสือที่นำเข้ำภำยหลังได้ และสำมำรถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ
กำรปฏิบัติของหนังสือได้
ง.ถูกทุกข้อ
52.เมื่อได้ส่งหนังสือด้วยระบบสำรบรรณอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ส่วนรำชกำรผู้ส่งต้อ งจัดส่งหนังสือ
เป็นเอกสำรอีกหรือไม่ โดยระบบสำรบรรณอิเล็กทรอนิกส์ต้องสำมำรถแสดงผลโดยอัตโนมัติใน
ระบบของผู้ส่งกรณีที่ไม่สำมำรถส่งหนังสือไปยังผู้รับได้ และผู้ส่งต้องตรวจผลกำรส่งทุกครั้งเพื่อ
ยืนยันว่ำหนังสือได้จัดส่งไปยังผู้รับเรียบร้อยแล้ว
ก. ไม่ต้องส่ง
ข. ส่งหนังสืออีก 2ฉบับ
ค. ส่งหนังสืออีก 3 ฉบับ
ง. ส่งสำเนำและตัวจริง
53 เพื่อเป็นกำรอำนวยควำมสะดวกให้แก่ประชำชนและกำรปฏิบัติงำนสำรบรรณอิเล็กทรอนิกส์
ของเจ้ ำหน้ำที่ของรัฐ ให้ ผู้ใด รวบรวมที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์กลำงของหน่วยงำนของรัฐ
ทั้งหมดเพื่อเผยแพร่ในทีเ่ ดียวกับที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์กลำงของส่วนรำชกำร
ก. สำนักเทคโนโลยีสำรสนเทศ
ข. สำนักงำนพัฒนำรัฐบำลดิจิทัล
ค.สำนักเทคโนโลยีสำรสนเทศกลำง
ง. สำนักนำยกรัฐมรตรี
6.ข้อมูลข่ำวสำรลับซึ่งหำกเปิดเผยทั้งหมดหรือเพียงบำงส่วนจะทำให้เกิดควำมเสียหำยแก่
ประโยชน์แห่งรัฐอย่ำงร้ำยแรงคือ
ก.ชั้นควำมลับที่สุด
ข.ชั้นควำมลับมำก
ค.ชั้นควำมลับ
ง.ชั้นควำมลับเฉพำะ
จ.ชั้นควำมลับสุดยอด
7.ใครเป็นผูม้ ีอำนำจกำหนดชั้นควำมลับ
ก.เจ้ำหน้ำที่ที่เกี่ยวข้อง
ข.นำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำร
ค.นำยตำรวจยศร้อยตรีขึ้นไป
ง.ปลัดจังหวัด
จ.ประธำนสภำตำบล
8.หำกท่ำนได้รับมอบหมำยให้ปฏิบัติกำรแสดงชั้นควำมลับ จะดำเนินกำรอย่ำงไร
ก.แสดงชั้นควำมลับลงเอกสำรกลำงหน้ำกระดำษบนและล่ำงทุกหน้ำกระดำษด้วยหมึกสี
แดง
ข.แสดงชั้นควำมลับลงแผนที่หรือภำพเขียนกลำงหน้ำกระดำษด้ำนบนและด้ำนล่ำงทุกหน้ำ
ด้วยหมึกสีน้ำเงิน
ค.แสดงชั้นควำมลับลงที่ต้นและปลำยม้วนฟิล์มหรือจำนบันทึกด้วยหมึกสีแดง
ง.ข้อ ก และข้อ ค ถูกต้อง
จ. ถูกทุกข้อ
9.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้อง
ก.กำรปรับชั้นควำมลับต้องให้ผู้มีอำนำจกำหนดชั้นควำมลับของหน่วยงำนเจ้ำของเรื่อง
ข.กำรแก้ไขควำมลับให้ขีดฆ่ำเครื่องหมำยแสดงชั้นควำมลับเดิมหรือลบออกแล้วแสดง
เครื่องหมำยชั้นควำมลับที่กำหนดใหม่ใกล้ชั้นควำมลับเดิม
ค.ข้อมูลข่ำวสำรที่มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยโดยให้มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดใดให้ถือว่ำยกเลิกชั้น
ควำมลับนั้นแล้ว
ง.ข้อ ก ข้อ ข และข้อ ค ถูกต้อง
จ.ข้อ ก และข้อ ค ถูกต้อง
10.ผู้ที่มีหน้ำที่ควบคุมและรับผิดชอบกำรดำเนินกำรเกี่ยวกับข้อมูลข่ำวสำร
ก.หัวหน้ำส่วนรำชกำร
ข.ผู้ที่ได้รับมอบหมำยหน้ำที่กำหนดชั้นควำมลับ
ค.นำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับ
ง.รองนำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับที่ได้รับมอบหมำย
417
จ.ไม่มีข้อใดถูกต้อง
11.ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้อง
ก.กำรส่งข้อมูลข่ำวสำรลับภำยในบริเวณหน่วยงำนเดียวกันทุกชั้นควำมลับ ต้องบรรจุซอง
ทึบแสงมั่นคงข้อข้อมูลข่ำวสำรลับนั้น
ข.กำรส่งข้อมูลข่ำวสำรลับออกนอกบริเวณหน่วยงำน ต้องบรรจุซองทึบแสงสองชั้นอย่ำง
มั่นคงระบุชั้นควำมลับให้ชัดเจนทั้งด้ำนหน้ำและด้ำนล่ำง
ค.กำรส่งข้อมูลข่ำวสำรลับทั้งภำยในและส่งออกนอกประเทศจะส่งทำงโทรคมนำคมก็ได้ถ้ำ
หัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐอนุญำต
ง.ข้อ ข และข้อ ค ถูกต้อง
จ. ข้อ ก ข้อ ข และข้อ ค ถูกต้อง
12.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
ก.กำรยืมข้อมูลข่ำวสำรลับจะต้องได้รับอนุญำตจำกหน่วยงำนเจ้ำของเรื่องนั้นก่อน
ข.ชั้นควำมลับที่สุดจะเสี่ยงต่อกำรรั่วไหลให้หัวหน้ำหน่อยงำนของรัฐชั้นควำมลับสั่งทำลำย
ได้
ค.ชั้นควำมลับชั้นลับทำลำยได้ต้องส่งหอจดหมำยเหตุแห่งชำติ พิจำรณำก่อนจึงมีคำสั่ง
ทำลำยได้
ง.คณะกรรมกำรกำรทำลำยข้อมูลข่ำวสำรลับประกอบกรรมกำรไม่เกิน 3 คน
จ.กำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรลับใดให้กระทำได้เมื่อมีคำสั่งให้เปิดเผยโดยไม่มีเงื่อนไข
7.ข้อมูลข่ำวสำรที่มีสภำพเป็นเอกสำรให้แสดงชั้นควำมลับที่ส่วนใดของกระดำษ
ก.กลำงหน้ำกระดำษด้ำนบน
ข.กลำงหน้ำกระดำษด้ำนล่ำง
ค.กึ่งกลำงหน้ำกระดำษ
ง.ถูกทั้ง 1 และ 2
8.หัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐแต่งตั้งเจ้ำหน้ำที่ควบคุมและรับผิดชอบกำรดำเนินกำรเกี่ยวกับข้อมูล
ข่ำวสำรลับขึ้นภำยในหน่วยงำนที่ตนรับผิดชอบเรียกว่ำอะไร
ก.เจ้ำหน้ำที่ข้อมูลข่ำวสำรลับ
ข.นำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับ
ค.เจ้ำหน้ำที่ปฏิบัติกำรข้อมูลข่ำวสำรลับ
ง.นักวิชำกำรข้อมูลข่ำวสำรลับ
9นำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับอย่ำงน้อยต้องจัดให้มีทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับประกอบด้วยตำม
ข้อใด
ก.ทะเบียนส่ง
ข.ทะเบียนรับ
ค.ทะเบียนควบคุมข้อมูลข่ำวสำรลับ
ง.ถูกทุกข้อ
10.กำรส่งข้อมูลข่ำวสำรลับออกนอกบริเวณหน่วยงำนต้องบรรจุอย่ำงไร
ก.บรรจุซองหรือภำชนะทึบแสงอย่ำงมั่นคง
ข.บรรจุซองหรือภำชนะทึบแสงสองชั้นอย่ำงมั่นคง
ค.บรรจุด้วยซองสีน้ำตำลอย่ำงมั่นคง
ง.บรรจุด้วยซองสีขำวอย่ำงมั่นคง
11.กรณีที่จะสั่งทำลำยข้อมูลข่ำวสำรลับชั้นลับที่สุดต้องส่งให้หน่วยงำนใดพิจำรณำก่อนว่ำไม่มี
คุณค่ำในกำรเก็บรักษำ
ก.หอจดหมำยเหตุแห่งชำติ
ข.สำนักข่ำวกรองแห่งชำติ
ค.ศูนย์รักษำควำมปลอดภัย กองบัญชำกำรทหำรสูงสุด
ง.กองบัญชำกำรตำรวจแห่งชำติ
12ในกำรสั่งทำลำยข้อมูลข่ำวสำรลับให้จัดทำใบรับรองกำรทำลำยข้อมูลข่ำวสำรลับด้วย ใบรับรอง
กำรทำลำยให้เก็บรักษำไว้เป็นหลักฐำนไม่น้อยกว่ำกี่ปี
ก.1 ปี
ข.2 ปี
ค.5 ปี
ง.10 ปี
420
2.ใครเป็นผู้รักษำกำรตำมระเบียบนี้
- นำยกรัฐมนตรี
3.ประกำศ ณ วันที่เท่ำใด
- 23 กุมภำพันธ์ 2544
4.คำสั่งไม่ให้เปิดเผยและอยู่ในควำมครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงำนของรัฐ ไม่ว่ำจะ
เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกำรดำเนินงำนของรัฐหรือที่เกี่ยวกับเอกชน ซึ่งมีกำรกำหนดให้มีชั้นควำมลับ
คือควำมหมำยของอะไร
- "ข้อมูลข่ำวสำรลับ"
5.กำรดำเนินงำนของรัฐที่เกี่ยวกับประโยชน์สำธำรณะหรือประโยชน์ของเอกชนประกอบกัน ไม่ว่ำ
จะเป็นเรื่องควำมมั่นคงของรัฐที่เกี่ยวกับกำรเมืองภำยในประเทศหรือระหว่ำงประเทศ กำรป้องกัน
ประเทศ เศรษฐกิจ สังคม วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี กำรพลังงำน และสิ่งแวดล้อม คือควำมหมำย
ของอะไร
- "ประโยชน์แห่งรัฐ"
6."หัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐ" หมำยควำมว่ำอะไร
- (1) หน.ส่วนฯ ที่มีฐำนะเป็นนิติบุคคล ; ปลัด.กห., กรมรำชองครักษ์, บก.สูงสุด, ทบ., ทร., ทอ.
422
7."กำรปรับชั้นควำมลับ" หมำยควำมว่ำอย่ำงไร
- กำรลด หรือ เพิ่ม ชั้นควำมลับของข้อมูลข่ำวสำรลับและหมำยควำมถึง กำรยกเลิก ชั้นควำมลับ
ของข้อมูลข่ำวสำรลับ
8.นำยกรัฐมนตรีจัดให้มีกำรทบทวนกำรปฏิบัติตำมระเบียบนี้และพิจำรณำแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบนี้
เท่ำใด
- ทุก 5 ปี เป็นอย่ำงน้อย
11.ชั้นควำมลับของข้อมูลข่ำวสำรลับ แบ่งออกเป็นกี่ชั้น
- แบ่งออกเป็น 3 ชั้น (1) ลับที่สุด (Top Secret) ; เสียหำยแก่ประโยชน์แห่งรัฐอย่ำงร้ำยแรงที่สุด
(2) ลับมำก (Secret) ; เสียหำยแก่ประโยชน์แห่งรัฐอย่ำงร้ำยแรง
(3) ลับ (Confidential) ; เสียหำยแก่ประโยชน์แห่งรัฐ
12.ผู้ที่มีหน้ำทีรับผิดชอบกำหนดชั้นควำมลับพร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบกำรกำหนดชั้นควำมลับ
คือผู้ใด
- หน.หน่วยงำนของรัฐ
(6) หน่วยงำนของรัฐที่รับผิดชอบในฐำนะเจ้ำของเรื่องหรือผู้อนุมัติ
14.เครื่องหมำยแสดงชั้นควำมลับใช้ตัวอักษรอย่ำงไร
- ขนำดใหญ่กว่ำตัวอักษรธรรมดำ ใช้ สีแดง หรือ สีอื่น ที่มองเห็นได้เด่นและชัดเจน
15.ข้อมูลข่ำวสำรที่เป็นเอกสำร ให้แสดงชั้นควำมลับอย่ำงไร
- กลำงหน้ำกระดำษ ทั้ง ด้ำนบน และ ด้ำนล่ำง ทุกหน้ำเอกสำร
19.ทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับประกอบด้วยอะไรบ้ำง
- ทะเบียนรับ, ทะเบียนส่ง, ทะเบียนควบคุมข้อมูลข่ำวสำรลับ
20.ทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับให้ถือว่ำ
- เป็นข้อมูลข่ำวสำรลับด้วย
424
21.ผู้ใดแต่งตั้ง "คณะกรรมกำรตรวจสอบ"
- หน.หน่วยงำนของรัฐ
22."คณะกรรมกำรตรวจสอบ" ประกอบด้วย
- ประธำน = นำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับ
กรรมกำร ไม่น้อยกว่ำ 2 คน = จนท.อื่น
- ตรวจสอบอย่ำงน้อย ทุก 6 เดือน
23.เมื่อสงสัยว่ำมีกำรละเมิดกำรรักษำควำมลับของข้อมูลข่ำวสำรลับ ดำเนินกำรอย่ำงไร
- หน.หน่วยงำนของรัฐ แต่งตั้ง คณะกรรมกำรสอบสวน โดยไม่ชักช้ำ (ต้องเป็นผู้ซึ่งมิใช่
คณะกรรมกำรตรวจสอบ)
24.ข้อมูลข่ำวสำรที่แสดงในเอกสำร
(1) ชื่อหน่วยงำนเจ้ำของ
(2) เลขที่ชุด
(3) จำนวนชุดทั้งหมด
(4) เลขที่หน้ำ
(5) ชื่อหน่วยงำนย่อย
25.กำรสำเนำและกำรแปล ต้องบันทึกสิ่งใด
- จำนวนชุด ยศ ชื่อ ตำแหน่งของผู้ดำเนินกำร และ ชื่อหน่วยงำนของรัฐที่จัดทำไว้
26.ไม่ต้องมีเครื่องหมำยแสดงชั้นควำมลับใด ๆ กับสิ่งใด
- บนซองหรือภำชนะชั้นนอก
27.ห้ำมระบุชั้นควำมลับและชื่อเรื่องไว้ในสิ่งใด
- ใบตอบลับ
29.กำรยืมข้อมูลข่ำวสำรลับ ต้องได้รับอนุญำตจำกใคร
- หน่วยงำนเจ้ำของเรื่อง
425
30.คณะกรรมกำรทำลำยข้อมูลข่ำวสำรลับ ประกอบด้วย
- ประธำน = นำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำรลับ
กรรมกำร ไม่น้อยกว่ำ 2 คน = จนท.ที่เกี่ยวข้อง
31.ใบรับรองกำรทำลำยให้เก็บรักษำไว้เป็นหลักฐำนกี่ปี
- ไม่น้อยกว่ำ 1 ปี
32.เอกสำรลับชั้นปกปิด ให้ถือว่ำ
- มีชั้นควำมลับอยู่ในชั้น ลับ
33.ข้อมูลสำรใดที่ได้จัดทำมำแล้วเกินกี่ปี ให้ถือว่ำชั้นควำมลับเป็นอันยกเลิก
- เกิน 20 ปี (ภำยใน 6 เดือน นับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ)
426
6. ข้อใดไม่ใช่กำรมีส่วนร่วมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ก. กำรทำประชำมติขับไล่นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ข. กำรเข้ำชื่อเสนอร่ำงข้อบัญญัติตำบล
ค. กำรเข้ำชื่อถอดถอนนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ง. กำรเลือกตั้งสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบ]
7. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับพระรำชบัญญัติ
ก. ใช้กำหนดงบประมำณของแผ่นดินเท่ำนั้น
ข. เป็นกฎหมำยนิติบัญญัติโดยแท้
ค. มีผลบังคับใช้เมื่อผ่ำนควำมเห็นของรัฐสภำ
ง. มีเนื้อหำใดก็ได้
8. ผู้ลงนำมสนองพระบรมรำชโองกำรในพระรำชบัญญัติ ได้แก่
ก. นำยกรัฐมนตรี
ข. ประธำนรัฐสภำ
ค. ประธำนองคมนตรี
ง. ประธำนวุฒิสภำ
9. เรื่องใดต้องตรำเป็นพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ก. คณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตภำครัฐ
ข. ศำลรัฐธรรมนูญ
ค. กำรเข้ำชื่อเสนอร่ำงกฎหมำย
ง. กำรเสนอขอประชำมติ
10. กฎหมำยใดแม้พระมหำกษัตริย์จะทรงลงประปรมำภิไธยแล้วแต่รัฐสภำอำจไม่อนุมัติให้ใช้มีผล
บังคับต่อไปได้
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. พระรำชกำหนด
ค. พระรำชกฤษฎีกำ
ง. พระบรมรำชโองกำร
11. ข้อใดเป็นกฎหมำยตำมแบบพิธี
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. พระรำชกำหนด
ค. พระรำชกฤษฎีกำ
ง. ถูกทุกข้อ
428
18. กำรตรำกฎหมำยลำดับรองของฝ่ำยบริหำรต้องอำศัยอำนำจจำกที่ใด
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. พระรำชกฤษฎีกำ
ค. ประกำศกระทรวง
ง. กฎกระทรวง
19. ถ้ำหำหลักกฎหมำยทั่วไปในตัวบทลำยลักษณ์อักษรมำปรับแก่ คดีไม่ได้ ศำลจะหำกฎหมำย
จำกที่ไหนมำตัดสิน
ก. ศำลจะปฏิเสธไม่พิจำรณำคดีได้
ข. ศำลจะยกประโยชน์แห่งควำมสงสัยให้จำเลย
ค. ศำลนำหลักควำมยุติธรรมตำมธรรมชำติมำพิจำรณำคดีได้
ง. ศำลจะสั่งจำหน่ำยคดีออกจำกสำรบบควำม
20. กำรกระทำโดยอำศัยข้อใดอำจยกเว้นควำมรับผิดทำงอำญำได้
ก. จำรีตประเพณีที่ยอมรับให้ทำได้
ข. หลักป้องกันตำมกฎหมำยอำญำ
ค. หลักเอกสิทธิ์สมำชิกรัฐสภำตำมรัฐธรรมนูญ
ง. ถูกทุกข้อ
21. ผู้พิพำกษำในศำลประเทศอังกฤษใช้กฎหมำยใดในกำรวินิจฉัยคดี
ก. กฎหมำยโรมัน
ข. คำพิพำกษำของศำลที่เป็นบรรทัดฐำน
ค. กฎหมำยสิบสองโต๊ะ
ง. ประมวลกฎหมำยของพระเจ้ำจัสติเนียน
22. ลักษณะประมวลกฎหมำยแพ่งของประเทศฝรั่งเศสเหมือนกับประมวลกฎหมำยกฎหมำยแพ่ง
ของพระเจ้ำจัสติเนียนแห่งกรุงโรมหรือไม่ เพรำะเหตุใด
ก. มีลักษณะเหมือนกัน เพรำะใช้ชื่อประมวลกฎหมำยเหมือนกัน
ข. มีลักษณะเหมือนกัน เพรำะเป็นกฎหมำยแพ่งเหมือนกัน
ค. มีลักษณะไม่เหมือนกัน เพรำะไม่มีกำรจัดแบ่งโครงสร้ำงเนื้อหำเป็นหมวดหมู่
ง. มีลักษณะไม่เหมือนกัน เพรำะระบบกฎหมำยต่ำงกัน
23. กำรที่นักศึกษำต้องเสียค่ำปรับเนื่องจำกขับรถฝ่ำสัญญำณไฟแดง ดังนี้
ก. เป็นควำมผิดอำญำที่เป็นควำมผิดศีลธรรมด้วย
ข. เป็นควำมผิดอำญำในทำงเทคนิค
ค. เป็นควำมผิดอำญำที่ผิดทั้งศีลธรรมและผิดเพรำะกฎหมำยห้ำม
ง. ไม่เป็นควำมผิดอำญำใดๆ
430
30. กรณีใดไม่อำจเป็นทำยำทผู้รับพินัยกรรมได้
ก. คนสวนของเจ้ำมรดก
ข. ภริยำนอกกฎหมำยของเจ้ำมรดก
ค. ทวดของเจ้ำมรดก
ง. ชมรมคนรักรำ
31. กรณีใดที่ไม่สำมำรถเป็นทำยำทโดยธรรมได้
ก. ผู้รับบุตรบุญธรรม
ข. คู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมำย
ค. บุตรนอกกฎหมำยที่บิดำรับรองแล้ว
ง. พี่คนละแม่แต่พ่อเดียวกันกับเจ้ำมรดก
32. นำยดำอยู่กินกับนำงแดง มีบุตรคือ นำยดิน และนำยดอน ซึ่งนำยดำได้ให้บุตรทั้งสองใช้
นำมสกุลต่อมำนำยดอนตำย เช่นนี้บุคคลใดมีสิทธิรับมรดก
ก. นำยดำและนำงแดง
ข. นำงแดงและนำยดอน
ค. นำยดอน
ง. นำงแดง
33. นำยดำอยู่กินกับนำงแดง มีบุตรคือ นำยดิน และนำยดอน ซึ่งนำยดำได้ให้บุตรทั้งสองใช้
นำมสกุล ต่อมำนำงแดงตำย เช่นนี้บุคคลใดมีสิทธิรับมรดก
ก. นำยดำ
ข. นำยดินและนำยดอน
ค. นำยดอน
ง. นำงแดง
34. นำยดำอยู่กินกับนำงแดง มีบุตรคือ นำยดิน และนำยดอน ซึ่งนำยดำได้ให้บุตรทั้งสองใช้
นำมสกุล ต่อมำนำยดำตำย เช่นนี้บุคคลใดมีสิทธิรับมรดก
ก. นำงแดง
ข. นำยดินและนำยดอน และนำงแดง
ค. นำยดินและนำยดอน
ง. แผ่นดิน
35. ข้อใดต่อไปนี้มิใช่ทรัพย์
ก. จักรยำน
ข. สิทธิบัตร
ค. นำฬิกำ
ง. ตุ๊กตำหมี
432
36. สิ่งใดต่อไปนี้เป็นสังหำริมทรัพย์ชนิดพิเศษ
ก. ยำนอวกำศ
ข. เรือแจว
ค. รถยนต์
ง. แพที่ใช้อยู่อำศัย
37. เงินปันผลจำกบริษัท คือ
ก. ดอกผลธรรมดำ
ข. ดอกผลนิตินัย
ค. เป็นทั้งดอกผลธรรมดำและดอกผลนิตินัย
ง. ไม่ใช่ดอกผล
38. ข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ดอกผลธรรมดำบำงประเภทสำมำรถทดแทนดอกผลนิตินัยได้
ข. ทรัพย์บำงประเภทสำมำรถเป็นได้ทั้งอสังหำริมทรัพย์และสังหำริมทรัพย์
ค. เจ้ำของทรัพย์สินย่อมมีสิทธิได้ดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น
ง. ถูกทุกข้อ
39. บ้ำนทรงไทยที่ซื้อขำยกันโดยซื้อเป็นส่วนๆไปประกอบในที่ดินอีกแห่ง คือ
ก. อสังหำริมทรัพย์
ข. อุปกรณ์
ค. ส่วนควบ
ง. สังหำริมทรัพย์
40. กำรได้มำซึ่งกรรมสิทธิ์โดยทำงนิติกรรม คือ
ก. กำรครอบครองปรปักษ์
ข. สัญญำเช่ำซื้อ
ค. กำรแย่งสิทธิครอบครอง
ง. คำพิพำกษำของศำล
41. ข้อใดต่อไปนี้มิใช่ทรัพยสิทธิ
ก. สิทธิครอบครอง
ข. ภำระติดพันในอสังหำริมทรัพย์
ค. กรรมสิทธิ์
ง. ส่วนควบ
433
77. ข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ทำรกในครรภ์มำรดำถือเป็นทำยำทแล้ว
ข. สภำพบุคคลเริ่มแต่เมื่อคลอด
ค. เมื่อทำรกคลอดแล้วปรำกฏว่ำมีกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำย เช่นนี้ ทำรกมีสภำพบุคคล
ง. เมื่อทำรกคลอดแล้วต้องมีกำรหำยใจอย่ำงน้อย 1 ชั่วโมง จึงจะถือว่ำมีสภำพบุคคล
78. ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. บุคคลใดถูกศำลสั่งให้เป็นคนสำบสูญแล้วกฎหมำยนั้นถือว่ำบุคคลนั้นถึงแก่ควำมตำย
ข. เมื่อบุคคลใดถูกศำลสั่งให้เป็นคนสำบสูญ มรดกของบุคคลนั้นตกทอดถึงทำยำท
ค. เมื่อบุคคลใดถูกศำลสั่งให้เป็นคนสำบสูญ ทำให้กำรสมรสขำดจำกกัน
ง. กำรเป็นคนสำบสูญ ศำลอำจมีกำรเพิกถอนคำสั่งสำบสูญได้
79. ข้อใดเป็นชื่อที่ไม่ได้รับกำรคุ้มครองตำมกฎหมำย
ก. ชื่อฉำยำ
ข. นำมปำกกำ
ค. ชื่อเล่น
ง. ชื่อสกุล
80. บุคคลธรรมดำที่กฎหมำยกำหนดภูมิลำเนำ ได้แก่
ก. ผู้เยำว์
ข. คนตำบอด
ค. บุคคลเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
ง. บุคคลวิกลจริต
81.นิติกรรมข้อใดเป็นโมฆะ
ก. สมหญิง อำยุ 9 ปี ตกลงทำสัญญำประกันชีวิตกับนำยสมชำยตัวแทนประกันภัย
ข. น.ส.แดง อำยุ 20 ปี ทำสัญญำยอมรับเป็นภริยำน้อยของนำยดำ
ค. วำสนำ อำย 10 ปี ตกลงทำสัญญำให้รถยนต์ของตนกับดวงดี อำยุ 13 ปี
ง. นำงหนึ่งตกลงซื้อขำยรถยนต์ของตนกับนำงสองโดยไม่ได้ทำสัญญำ
82. บุคคลวิกลจริตทำนิติกรรมโดยที่คู่กรณีอีกฝ่ำยหนึ่งไม่รู้ว่ำวิกลจริต นิติกรรมจะมีผล
ก. โมฆะ ข. โมฆียะ
ค. สมบูรณ์ ง. ไม่สมบูรณ์
83. บุคคลตำมข้อใดยังไม่บรรลุนิติภำวะ
ก. อำยุ 17 ปีบริบูรณ์และสมรสโดยชอบด้วยกฎหมำย
ข. อำยุ 18 ปีบริบูรณ์
ค. อำยุ 16 ปี ทำกำรสมรสโดยศำลอนุญำต
ง. ไม่บรรลุนิติภำวะทุกข้อ
440
91. ผู้ปกครองของผู้เยำว์มีได้ในกรณี
ก. ผู้เยำว์ไม่มีบิดำมำรดำ
ข. บิดำมำรดำถูกถอนอำนำจกำรปกครอง
ค. บิดำมำรดำหย่ำขำดจำกกัน
ง. ถูกเฉพำะข้อ 1 และ 2
92. ผู้ที่ไม่มีสิทธิเข้ำทำสัญญำก่อนิติสัมพันธ์
ก. มูลนิธิเด็กดี
ข. บริษัทรักษำควำมปลอดภัย
ค. นำยแดง อำยุ 21 ปี
ง. ชมรมค่ำยอำสำพัฒนำ
93. ข้อใดไม่ใช่นิติกรรม
ก. กำรซื้อน้ำดื่มที่ร้ำนขำยของ
ข. กำรขอยืมเงินเพื่อน
ค. กำรนำเงินดอลลำร์ไปแลกเป็นเงินบำท
ง. กำรเล่นพนันฟุตบอล
94. นิติกรรมที่เป็นโมฆียะ คือ
ก. นิติกรรมที่มีผลเป็นอันสูญเปล่ำเมื่อถูกบอกล้ำง
ข. นิติกรรมที่มีผลเป็นอันสูญเปล่ำเมื่อถูกให้สัตยำบัน
ค. นิติกรรมที่มีผลสมบูรณ์ตำมกฎหมำย
ง. นิติกรรมที่ทำไม่ถูกต้องตำมแบบพิธีที่กฎหมำยกำหนด
95. สำเหตุที่ทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะ ได้แก่
ก. ไม่เป็นไปตำมแบบที่กฎหมำยกำหนด
ข. เกิดจำกกำรข่มขู่
ค. เกิดจำกกำรสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
96. ข้อใดเป็นนิติกรรมที่มีสมบูรณ์
ก. นำยเอจ้ำงนำยบีให้ไปทำร้ำยร่ำงกำยนำยซี
ข. นำยเอกซื้อแหวนเพชรปลอมโดยถูกหลอกว่ำเป็นเพชรจริง
ค. นำยหนึ่งขับรถชนรถของนำยสองจึงต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่นำยสอง
ง. นำยตรีเกรงใจนำยโทเพรำะเป็นญำติผู้ใหญ่จึงจำใจขำยรถยนต์ของตนให้แก่นำยโท
97. ข้อใดทำให้สิทธิระงับ
ก. ขำดตัวผู้ทรงสิทธิ ข. กำรชำระหนี้ตำมกำหนด
ค. กำรสูญสิ้นวัตถุแห่งสิทธิ ง. ถูกทุกข้อ
442
98. ข้อใดมิใช่นิติเหตุ
ก. กำรเกิด
ข. กำรตำย
ค. กำรให้
ง. กำรละเมิด
99. กำรกระทำที่เป็นโมฆียะจะมีผล คือ
ก. ให้สัตยำบันได้
ข. กำรกล่ำวอ้ำงไม่กำหนดระยะเวลำ
ค. บอกล้ำงไม่ได้
ง. ผู้มีส่วนได้เสียทุกคนกล่ำวอ้ำงได้
100. นิติกรรมที่เป็นโมฆะ หมำยถึงนิติกรรมที่
ก. ตกเป็นอันเสียเปล่ำใช้บังคับไม่ได้เสมือนหนึ่งมิได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ข. ตกเป็นอันเสียเปล่ำใช้บังคับไม่ได้ แต่อำจได้รับสัตยำบันให้กลับสมบูรณ์ได้
ค. มีผลในกฎหมำยผูกพันกัน แต่อำจถูกกล่ำวอ้ำงได้
ง. มีผลในกฎหมำยผูกพันกัน แต่อำจถูกบอกล้ำงได้
101. กำรแสดงเจตนำทำนิติกรรม ทำได้โดย
ก. เป็นลำยลักษณ์อักษร ข. โดยวำจำ
ค. โดยกิริยำอำกำร ง. ถูกทุกข้อ
102. สิทธิ หมำยถึง
ก. กำรที่บุคคลทุกคนต้องปฏิบัติตำมที่กฎหมำยกำหนด
ข. หน้ำที่ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตำม
ค. ประโยชน์ที่กฎหมำยรับรองคุ้มครองให้
ง. ถูกทุกข้อ
103. ข้อใดมีลักษณะเป็น กฎเกณฑ์ (Norm) ของรัฐที่ใช้ควบคุมควำมประพฤติของมนุษย์
ก. กำรรณรงค์ให้ผู้ขับรถเมื่อเกิดอำกำรง่วงไม่ควรขับรถ
ข. กำรขอควำมร่วมมือให้สถำนบันเทิงงดจำหน่ำยสุรำทุกวันพระ
ค. กำรวำงแผนรำยได้เพื่อให้คำนวณอัตรำกำรเสียภำษีน้อย
ง. กำรปรับสถำนบันเทิงที่ฝำ่ ฝืนไม่ยอมปิดตำมเวลำที่กำหนด
104. ข้อใดมิใช่คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร
ก. มีสัญชำติไทยโดยกำรเกิด
ข. ไม่สังกัดพรรคกำรเมือง
ค. จบกำรศึกษำระดับปริญญำตรี
ง. ถูกเฉพำะข้อ 2 และ 3
443
105. ข้อใดมิใช่คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมำชิกวุฒิสภำ
ก. มีสัญชำติไทย
ข. สังกัดพรรคกำรเมือง
ค. จบกำรศึกษำระดับปริญญำตรีขึ้นไป
ง. อำยุไม่ต่ำกว่ำ 40 ปีบริบูรณ์
106. รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 แก้ไขปรับปรุงใหม่ให้สภำผู้แทนรำษฎรมีจำนวนสมำชิกแบบ
แบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน
ก. 350 คน
ข. 375 คน
ค. 400 คน
ง. 450 คน
107. ข้อใดเป็นหลักกำรสำคัญในกำรพิจำรณำคดีปกครอง
ก. ต้องฟังควำมทุกฝ่ำย
ข. ใช้ระบบไต่สวน
ค. ศำลต้องให้เหตุผลประกอบคำพิพำกษำหรือคำสั่ง
ง. ถูกทุกข้อ
108. ข้อใดมิใช่สำระสำคัญของกฎหมำยอำญำ
ก. ไม่มีกฎหมำย ไม่มีควำมผิด ไม่มีโทษ
ข. กฎหมำยอำญำย้อนหลังลงโทษไม่ได้
ค. ตีควำมกฎหมำยขยำยควำมลงโทษได้
ง. ถูกทุกข้อ
109. ข้อใดเป็นลักษณะของกฎหมำยเอกชน
ก. วิธีกำรต้องอำศัยควำมสมัครใจ
ข. วัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ส่วนตน
ค. เนื้อหำใช้กับเอกชนเฉพำะรำย
ง. ถูกทุกข้อ
110. ผู้เสียหำย หมำยถึง
ก. ผู้ที่ถูกฟ้องคดีอำญำต่อศำลว่ำกระทำควำมผิดฐำนใดฐำนหนึ่ง
ข. ผู้ที่ศำลพิพำกษำให้ชดใช้ค่ำเสียหำย
ค. ผู้ที่กระทำควำมผิด
ง. ไม่มีข้อใดถูก
111. ข้อใดมิใช่สำขำย่อยในกฎหมำยมหำชน
ก. รัฐธรรมนูญ ข. กฎหมำยมรดก
ค. กฎหมำยครอบครัว ง. ถูกเฉพำะข้อ 2 และ 3
444
112. ข้อใดคือลักษณะสำคัญของกำรกระจำยอำนำจทำงปกครอง
ก. มีกำรแยกหน่วยงำนเป็นองค์กรนิติบุคคล
ข. มีอิสระที่จะดำเนินกำรตำมอำนำจหน้ำที่
ค. มีกำรเลือกตั้งผู้บริหำรของตนเอง
ง. ถูกทุกข้อ
113. ผู้สืบสันดำนที่มีสิทธิรับมรดกในฐำนะทำยำทโดยธรรม ได้แก่
ก. บุตรนอกกฎหมำยที่บิดำให้ใช้นำมสกุล
ข. บุตรบุญธรรมได้จดทะเบียน
ค. บุตรที่เกิดจำกบิดำและมำรดำที่ได้จดทะเบียนสมรส
ง. ถูกทุกข้อ
114. คนเสมื อ นไร้ค วำมสำมำรถท ำพิ นั ย กรรมโดยไม่ ไ ด้ รั บ ควำมยิ น ยอมจำกผู้ พิ ทัก ษ์ เช่ น นี้
พินัยกรรมจะมีผลทำงกฎหมำยอย่ำงไร
ก. สมบูรณ์
ข. ตกเป็นโมฆียะ
ค. ตกเป็นโมฆะ
ง. จะสมบูรณ์หำกได้รับอนุญำตจำกศำลด้วย
115. คดีอุทลุม คือ คดีลักษณะใด
ก. คดีที่ห้ำมมิให้หลำนฟ้องลุงเป็นคดีอำญำ
ข. คดีที่ห้ำมมิให้คู่สมรสฟ้องกันเป็นคดีอำญำ
ค. คดีที่ห้ำมมิให้หลำนฟ้องร้องยำยเป็นคดีแพ่ง
ง. คดีที่ห้ำมมิให้หลำนฟ้องร้องอำเป็นคดีแพ่ง
116. เหตุใดประเทศไทยจึงจำต้องพัฒนำระบบกฎหมำยในสมัยรัชกำลที่ 5
ก. มีกำรกบฏบวรเดช
ข. มีกำรเปลี่ยนแปลงระบอบกำรปกครอง
ค. ชำวต่ำงชำติขอสงวนสิทธิสภำพนอกอำณำเขต
ง. ถูกทุกข้อ
117. นำยดำและนำงแดงร่วมกันดำเนินกิจกำรร้ำนเสริมสวยตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนสมรส โดยนำย
ดำลงทุน 100,000 บำท และนำงแดงลงทุน 200,000 บำท ตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนสมรสและ
เมื่อจดทะเบียนสมรสก็ยังคงร่วมกันลงทุนตลอดมำ เช่นนี้กิจกำรร้ำนเสริมสวยถือว่ำเป็นทรัพย์
ลักษณะใด
ก. สินส่วนตัว
ข. สินสมรส
ค. สินบริคณห์
ง. สินน้ำใจ
445
118. กรณีใดต่อไปนี้ที่คู่สมรสไม่ต้องจัดกำรร่วมกัน
ก. กำรขำยอสังหำริมทรัพย์
ข. ให้กู้ยืมเงิน
ค. กำรทำพินัยกรรม
ง. ขำยฝำก
119. นำยเหลืองจดทะเบียนสมรสกับนำงศรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นำงศรีมีสิทธิได้รับบำเหน็จ
ตกทอดโดยไม่ได้อยู่กินกัน เช่นนี้กำรสมรสนั้นจะมีผลทำงกฎหมำยอย่ำงใด
ก. โมฆะ
ข. โมฆียะ
ค. สมบูรณ์
ง. ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศำล
120. นำงแดงจดทะเบียนสมรสกับนำยหนึ่ง ต่อมำได้จดทะเบียนสมรสกับนำยสอง ต่อมำนำงแดง
ตั้งครรภ์และคลอดบุตร คือ ด.ญ.พลอย เช่นนี้ ด.ญ.พลอยเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมำยของบุคคล
ใด
ก. นำงแดงและนำยหนึ่ง
ข. นำงแดง
ค. นำงแดงและนำยสอง
ง. นำงแดง นำยสอง และนำยหนึ่ง
446
เฉลยแนวข้อสอบกฎหมำยทั่วไป
1. ตอบ 1 ระบบกฎหมำยคอมมอน ลอว์ หรือระบบกฎหมำยที่ไม่เป็นลำยลักษณ์อักษร เป็น
กฎหมำยที่เกิดจำกจำรีตประเพณีและคำพิพำกษำของศำล กล่ำวคือ เมื่อมีคดีใดเกิดขั้น และศำล
ได้พิพำกษำคดีนั้นไปแล้ว คำพิพำกษำของศำลย่อมถือเป็นบรรทัดฐำนในกำรใช้วินิจฉัยคดีที่เกิดขึ้น
อย่ ำ งเดี ย วกั น ได้ ในภำยหลั ง อี ก แต่ ทั้ง นี้ ค งมี บ ำงเรื่ อ งที่ ไ ด้ มี ก ำรบั ญ ญั ติ ก ฎหมำยเอำไว้ ซึ่ ง ถ้ ำ
กฎหมำยนั้นบัญญัติไว้โดยชัดแจ้ง ศำลก็ต้องนำมำบังคับใช้แก่คดี แต่ถ้ำกฎหมำยลำยลักษณ์อักษร
นั้นมีถ้อยคำที่ไม่ชัดเจน หรือเคลือบแคลงสงสัย ศำลจะไม่นำมำบังคับใช้
3. ตอบ 1 ประเทศไทยรับหลักกฎหมำยและหลักปฏิบัติของอังกฤษเข้ำมำใช้บังคับในรัชสมัย
รัชกำลที่ 5 จนถึงปลำยรัชกำลที่ 6 จึงได้มีกำรเปลี่ยนแปลงในระบบของกฎหมำยไทย โดยรัฐได้
ตัดสินใจทำประมวลกฎหมำยขึ้นคือประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพที่ 1 และบรรพที่ 2
ซึ่งร่ำงโดยที่ปรึกษำกฎหมำยชำวฝรั่งเศสและได้ประกำศใช้เป็นเวลำ 2 ปี จึงได้มีกำรเปลี่ยนแปลง
อีกครั้งหนึ่ง โดยเปลี่ยนจำกกำรใช้ประมวลกฎหมำยตำมอย่ำงประมวลกฎหมำยแพ่งฝรั่งเศสมำใช้
ประมวลกฎหมำยแบบเยอรมัน
4. ตอบ 1 กำรที่ศำลนำจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่นมำใช้ในกำรอุดช่องว่ำงแห่งกฎหมำยนั้นเป็นวิธี
อุด ช่ องว่ ำงแห่ง กฎหมำยตำมประมวลกฎหมำยแพ่ ง และพำณิช ย์ม ำตรำ 4 วรรคสอง ซึ่ง เป็ น
กฎหมำยที่ใช้อยู่ในประเทศไทย และเป็นประเทศที่ใช้กฎหมำยซีวิล ลอว์ ส่วนในกฎหมำยระบบ
คอมมอน ลอว์นั้น ศำลจะไม่นำจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่นมำใช้ในกำรอุดช่องว่ำงแห่งกฎหมำย
เนื่องจำกระบบนี้ไม่นำหลักกำรเทียบเคียงกฎหมำยหรือนำจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่นมำใช้ในกรณี
ที่ไม่มีกฎหมำยบัญญัติไว้ แต่จะตีควำมตำมตัวอักษรโดยเคร่งครัด
สำหรับนำยดำนั้นเป็นคู่สมรสที่ไม่ชอบด้วยกฎหมำยของนำงแดง จึงไม่ใช่ทำยำทโดยธรรมและไม่มี
สิทธิรับมรดก (ดูคำอธิบำยข้อ 31.ประกอบ)
36. ตอบ 4 สั ง หำริม ทรั พ ย์ ช นิ ด พิ เศษ คื อ ทรั พ ย์ อื่ น นอกจำกอสั ง หำริ ม ทรั พ ย์ ซึ่ ง กฎหมำย
กำหนดให้เป็นทรัพย์ในลักษณะพิเศษกว่ำสังหำริมทรัพย์ทั่วไป กล่ำวคือ เวลำจะจำหน่ำยจ่ำยโอน
จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ด้วย ซึ่งได้แก่ เรือที่มีระวำงตั้งแต่ 5
ต้นขึ้นไป แพที่ใช้อยู่อำศัย และสัตว์พำหนะ คือ ช้ำง ม้ำ โค กระบือ ลำ ล่อ
38. ตอบ 3 ตำม ป.พ.พ. มำตรำ 1336 บั ญ ญั ติ ว่ ำ “ภำยในบั ง คั บ แห่ ง กฎหมำยเจ้ ำ ของ
ทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ำยทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น...”
43. ตอบ 3 ตำม พ.ร.บ. ค่ ำตอบแทนผู้ เสี ย หำยและค่ ำ ทดแทนและค่ ำ ใช้ จ่ ำ ยแก่ จ ำเลยใน
คดีอ ำญำ พ.ศ.2544 มำตรำ 17 ได้บัญ ญัติ ว่ำ ควำมผิด ที่ก ระทำต่อ ผู้เสี ยหำย อันอำจขอรับ
ค่ำตอบแทนได้ต้องเป็นควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ ได้แก่
1. ควำมผิดเกี่ยวกับเพศ 2. ควำมผิดต่อชีวิต 3. ควำมผิดต่อร่ำงกำย 4. ควำมผิดฐำนทำให้
แท้งลูก และ 5. ควำมผิดฐำนทอดทิ้งเด็ก คนป่วยเจ็บ และคนชรำ
77. ตอบ 3 ทำรกในครรภ์ ม ำรดำยั ง ไม่ มี ส ภำพบุ ค คล จึ ง ไม่ อ ำจเป็ น ทำยำทได้ เพรำะตำม
กฎหมำยกำรเป็นทำยำทนั้น (ไม่ว่ำจะเป็นทำยำทโดยธรรมหรือทำยำทในฐำนะผู้รับพินัยกรรม)
จะต้องมีสภำพบุคคลอยู่ในเวลำที่เจ้ำมรดกถึงแก่ควำมตำยด้วย (ดูคำอธิบำยข้อ 75.ประกอบ)
78. ตอบ 3 หน้ ำ 146 ในกรณีที่ศำลมี คำสั่ งให้บุค คลใดเป็น คนสำบสูญแล้ว จะมี ผลตำม
กฎหมำยคือ 1. คู่สมรสอีกฝ่ำยหนึ่งฟ้องหย่ำได้ (แต่ไม่ทำให้กำรสมรสสิ้นสุดลง)
2. ถือเป็นกำรสิ้นสุดอำนำจปกครองบุตร
3. มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทำยำท
4. ถื อ เสมื อ นว่ ำบุ ค คลนั้ น สิ้ น สภำพบุ ค คลหรื อ ถึ ง แก่ ค วำมตำย อย่ ำ งไรก็ ต ำมหำกคน
สำบสูญยังมีชีวิตอยู่หรือตำยในเวลำอื่นผิดไปจำกเวลำที่กฎหมำยสันนิษฐำนไว้ ศำลก็อำจเพิกถอน
คำสั่งให้เป็นคนสำบสูญได้
81.ตอบ 2 นิติกรรมใดก็ตำมที่มีวัตถุประสงค์เป็นกำรต้องห้ำมชัดแจ้งโดยกฎหมำยเป็นกำรพ้น
วิสัย หรือเป็นกำรขัดต่อควำมสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชำชน นิติกรรมนั้นจะตกเป็น
โมฆะ (ป.พ.พ. มำตรำ 150) เช่น นิติกรรมที่มีผลกระทบต่อควำมสงบของสังคม หรือควำมมั่นคง
ของสถำบัน ครอบครัว เป็ นต้ น ( ข้อ ข. เป็ นนิ ติ กรรมที่ มี วัต ถุ ประสงค์ ขัด ต่ อศี ล ธรรมอั น ดีข อง
ประชำชน)
106. ตอบ 2 รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 มำตรำ 93 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2554
กำหนดให้มีสมำชิกผู้แทนรำษฎรแบบแบ่งเขต 375 คน และแบบบัญชีรำยชื่อ 125 คน รวม
ทั้งสิ้น 500 คน
114. ตอบ 1 คนเสมื อ นไร้ค วำมสำมำรถท ำพิ นั ย กรรมได้ ส มบู ร ณ์โ ดยล ำพั ง ตนเอง เพรำะ
พินัยกรรมที่คนเสมือนไร้ควำมสำมำรถได้ทำขึ้นนั้น ไม่มีกฎหมำยบัญญัติห้ำม หรือวำงเงื่อนไขไว้แต่
อย่ำงใด
แนวข้อสอบกฎหมำยอำญำ
1. นำยเอต้องกำรฆ่ำนำยบีจึงยกปืนจ้องเล็งไปยังนำยบี ซึ่งนำยเอไม่ทรำบว่ ำปืนนั้นไม่มีลูกกระสุน
บรรจุอยู่แต่ก่อนที่จะลั่นไกยิงนำยเอคิดได้ว่ำหำกถูกจับอำจได้รับโทษประหำรชีวิต เนื่องจำกนำยบี
เป็นเจ้ำพนักงำนอยู่ระหว่ำงกำรปฏิบัติหน้ำที่จึงเปลี่ยนใจไม่ ยิง ดังนี้นำยเอจะมีควำมผิดฐำนใด
หรือไม่
ก. ไม่ต้องรับผิดชอบเพรำะเป็นกำรยังยั้ง
ข. ไม่ต้องรับผิดชอบเพรำะอำวุธที่ใช้ไม่อำจกระทำควำมผิดได้
ค. ผิดฐำนพยำยำมฆ่ำซึ่งไม่สำมำรถบรรลุผลได้อย่ำงแน่แท้ แต่ไม่ต้องรับโทษเพรำะเป็น
กำรยับยั้ง
ง. ผิดฐำนพยำยำมฆ่ำเพรำะเป็นเหตุบังเอิญ
เฉลย ข้อ ค.
กำรที่ผู้กระทำควำมผิดไม่รู้ว่ำปืนของตนไม่มีกระสุนจึงยกปืนขึ้นเล็ง ถือว่ำเป็นกำรพยำยำม
กระทำควำมผิดที่ไม่สำมำรถบรรลุผลได้อย่ำงแน่แท้ เพรำะปัจจัยที่ใช้ในกำรกระทำควำมผิด
กำรที่เปลี่ยนใจไม่ยิงนั้น เป็นกำรยับยั้งโดยสมัครใจ ม.82 ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษสำหรับกำร
พยำยำมกระทำควำมผิดนั้น แต่ผู้กระทำยังมีควำมผิดตำม ม. 392 ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวซึ่งเป็น
ควำมผิดสำเร็จแล้ว
มำตรำ 392 ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดควำมกลัว หรือควำมตกใจ โดยกำรขู่เข็ญ ต้องระวำงโทษ
จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบำท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. นำยดำเป็นเจ้ำของสวนแตงโม ได้ล้อมรั้วลวดหนำมและปล่อยกระแสไฟฟ้ำไว้ รอบสวนของตน
ในคืนหนึ่งเด็กชำยแดงได้แอบเข้ำไปในสวนเพื่อลักแตงโมไปขำย และได้สัมผัสถูกลวดหนำมเห็น
เหตุให้ถึงแก่ควำมตำย กำรกระทำของนำยดำเป็นควำมผิดฐำนใดหรือไม่
ก. ไม่มีควำมผิดเพรำะไม่มีเจตนำ
ข. ผิดฐำนฆ่ำผู้อื่นตำยโดยไม่เจตนำ แต่เป็นกำรกระทำจำเป็นที่เกินสมควรแก่เหตุ
ค. ผิดฐำนฆ่ำผู้อื่นตำยโดยไม่เจตนำ แต่เป็นกำรป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ง. ผิดฐำนฆ่ำผู้อื่นตำยโดยไม่เจตนำ แต่เป็นกำรป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
เฉลย ข้อ ค.
ฎ.6490/2548 แม้ขณะเกิดเหตุผู้ตำยจะเข้ำไปในบริเวณบ่อปลำกัดของจำเลยเพื่อลัก
ปลำกัด ซึ่งถ้ำจำเลยพบเห็นจำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ำยผู้ตำยพอสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกัน ทรัพย์สิน
ของตนได้ แต่กระแสไฟฟ้ำที่จำเลยปล่อยผ่ำนเส้นลวดที่ล้อมรอบบ่อปลำกัดย่อมเป็นอันตรำย
ร้ำยแรงโดยสภำพซึ่งสำมำรถทำให้ผู้อื่นถึงแก่ควำมตำยได้ ส่วนทรัพย์สินของจำเลยย่อมไม่เป็น
สัดส่วนกัน เมื่อผู้ตำยถูกกระแสไฟฟ้ำที่จำเลยปล่อยผ่ำนเส้นลวดดังกล่ำวดูดถึงแก่ควำมตำย กำร
กระทำของจำเลยจึงเป็นกำรป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรกว่ำเหตุตำม ป.อ. มำตรำ 69
467
4. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถือว่ำเป็นควำมผิดฐำนลักทรัพย์สำเร็จ
ก. นำยดินแอบจูนคลื่นสัญญำณโทรศัพท์มือถือของนำยน้ำ และใช้โทรออก โดยตนไม่ได้
เสียค่ำใช้จ่ำยในกำรโทร
ข. นำยฟ้ำและพวกร่วมกันไล่ต้องวัวของนำยลมขึ้นไปบนรถของตนเพื่อนำไปขำย วัวกำลัง
ขึ้นไปบนรถได้ครึ่งตัว นำยลมมำพบเสียก่อน
ค. นำยนิลล้วงมือเข้ำไปในกระเป๋ำกำงเกงของนำยขำวขณะยืนอยู่บนรถเมล์เพื่อขโมย เงิน
นำยขำวรู้สึกตัวเอำ มือไปจับกระเป๋ำถูกมือนำยนิลที่กุมธนบัตรอยู่ ทำให้เงินร่วงลงพื้น
ง. นำยเอ นำยบี และนำยซี ร่วมกันลักรถยนต์ของนำยดี โดยนำยเอกำลัง ต่อสำยไฟฟ้ำให้
เครื่องยนต์ติด ส่วนนำยบีและนำยซีช่วยกันเข็นรถเพื่อให้เครื่องรถยนต์ติด รถเคลื่อนไป 1 เมตรแต่
เครื่องยนต์ไม่ติด นำยดีมำพบเสียก่อน
เฉลย ข้อ ข.
มำตรำ 334 ผู้ใดเอำทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้ำของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้น
กระทำควำมผิดฐำนลักทรัพย์ ต้องระวำงโทษจำคุกไม่เกินสำมปี และปรับไม่เกินหกพันบำท
ฎ.5354/2539 จำเลยนำโทรศัพท์มือถือมำปรับจูนและก๊อปปี้คลื่นสัญญำณโทรศัพท์ของ
ผู้ เสี ย หำย แล้ ว ใช้ รับ ส่ ง วิ ทยุ ค มนำคมโดยไม่ ไ ด้ รั บ อนุ ญ ำตเป็ น เพี ย งกำรแย่ ง ใช้ ค ลื่ น สั ญ ญำณ
468
5. นำยม้ำได้ว่ำจ้ำงนำยลำให้ไปฆ่ำนำยปลำซึ่งเป็นผู้สมัครสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ในเขตเลือกตั้ง
เดียวกัน โดยมีนำยปูซึ่งเป็นหัวคะแนนของนำยม้ำเป็นผู้จัดหำอำวุธปืนมำให้นำยลำไปใช้ใน กำรฆ่ำ
นำยปลำ ในขณะที่นำยปลำผ่ำนมำนั้น นำยลำซึ่งได้ไปแอบดักซุ่มอยู่ข้ำงทำงได้ชักปืนเพื่อที่จะยิง
นำยปลำ เห็นว่ำนำยปลำเป็นอดีตสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรที่มีผลงำนดี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย
และทำเพื่อประโยชน์บ้ำยเมือง นำยลำจึงเกิดควำมสงสำรและเปลี่ยนใจไม่ยิง ดังนี้นำยลำจะมี
ควำมผิดอำญำฐำนใดหรือไม่
ก. กำรกระทำของนำยลำยัง อยู่ใ นขั้ นตระเตรี ยมกำร และได้ รับประโยชน์จ ำก ม. 82
เพรำะเป็นกำร ยับยั้ง จึงไม่มีควำมผิดฐำนพยำยำมฆ่ำ
ข. ไม่ มี ค วำมผิ ด เพรำะกำรกระทำของนำยลำยั ง อยู่ ใ นขั้ น ตระเตรี ย มกำร และได้ รั บ
ประโยชน์จำก ม.82 เพรำะเป็นกำรยับยั้ง
ค. ผิดฐำนพยำยำมฆ่ำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เป็นกำรกลับใจเสียเองตำม ม.82
ง. ผิดฐำนพยำยำมฆ่ำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เป็นกำรยับยั้งเสียเองตำม ม. 82
เฉลย ข้อ ก.
กำรที่นำยลำได้ดักซุ่มยิงนำยปลำ เมื่อนำยปลำผ่ำนมำนำยลำเพียงแต่ชักอำวุธปืนออกจำก
เอวเพื่อที่จะยิงเท่ำนั้น แต่ยังไม่ได้ยกปืนขึ้นเล็งไปที่นำยปลำ กำรกระทำของนำยลำจึงอยู่ในขั้น
ตระเตรียมกำรไม่ถึงขั้นลงมือกระทำควำมผิด กำรที่จะเป็นควำมผิดได้นำยลำต้องยกปืนขึ้นเล็งแล้ว
จึงถือว่ำเป็นกำรพยำยำมกระทำควำมผิดซึ่งกระทำไปไม่ตลอดและกำรที่นำยลำตัดสินใจไม่ยิง
469
6. จำกข้อเท็จจริงตำมข้อ 5. กำรกระทำของนำยม้ำเป็นควำมผิดฐำนใด
ก. ไม่ผิดฐำนเป็นผู้ใช้ เพรำะไม่ถือว่ำเป็นกำรก่อให้เกิดกำรกระทำผิด
ข. ไม่ผิดฐำนเป็นผู้ใช้ เพรำะผู้ถูกใช้ยังไม่ได้ลงมือกระทำควำมผิด จึงไม่ต้องรับโทษ
ค. ผิดฐำนเป็นผู้ใช้ แต่รับโทษในขั้นพยำยำมกระทำควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อื่นโดยไตร่รองไว้ก่อน
ตำม ม. 289ง.
ง. ผิดฐำนเป็นผู้ใช้ แต่รับโทษหนึ่งในสำมของควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตำม
ม. 289ง.
เฉลย ข้อ ง.
กำรที่นำยม้ำจ้ำงนำยลำไปฆ่ำนำยปลำ เป็นกำรก่อให้ผู้อื่นกระทำควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อื่นโดย
ไตร่รองไว้ก่อนแต่กำร กระทำของนำยลำยังอยู่ในขั้นตอนตระเตรียมกำร ยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำ
ควำมผิดตำมที่นำยใช้ นำยม้ำจึงต้องรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษ จำกกำรกระทำควำมผิดฐำน
ฆ่ำผู้อื่นผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตำม ม.289 ง.
มำตรำ 84 วรรค 2 ถ้ำผู้ถูกใช้ได้กระทำควำมผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวกำร ถ้ำ
ควำมผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่ำจะเป็นเพรำะถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้
ต้องระวำงโทษเพียงหนึ่งในสำมของโทษที่กำหนดไว้สำหรับควำมผิดนั้น
7. จำกข้อเท็จจริงตำมข้อ 5. นำยปูจะมีควำมผิดฐำนใดหรือไม่
ก. ไม่มีควำมผิดในฐำนผู้สนับสนุน เพรำะนำยลำยังไม่ได้ลงมือกระทำควำมผิด
470
ข. ไม่มีควำมผิดในฐำนผู้สนับสนุน เพรำะผู้ลงมือกระทำควำมผิดยังไม่ได้รับประโยชน์จำก
กำรสนับสนุน
ค. ผิดฐำนเป็นผู้สนับสนุน เพรำะถือว่ำเป็นกำรช่วยเหลือหรือให้ควำมสะดวกแล้ว
ง. ผิดฐำนเป็นผู้สนับสนุน เพรำะเมื่อนำปืนให้นำยลำถือว่ำเป็นกำรสนับสนุนโดยทันที
เฉลย ข้อ ก.
แม้นำยปูจะจัดหำอำวุธปืนมำให้นำยลำนั้นจะเป็นกำรช่วยเหลือหรือให้ควำมสะดวก นำย
ลำก่ อ นกำรกระทำควำมผิ ด ก็ ต ำม แต่ ก็ ยั ง ไม่ ถือ ว่ ำ นำยปู เป็ น ผู้ ส นั บ สนุน เพรำะกำรที่ จ ะเป็ น
ผู้สนับสนุนได้นั้นจะต้องเป็นกำรช่วยเหลือหรือให้ควำม สะดวกในกำรที่ผู้อื่นกระทำควำมผิด ซึ่งผู้
ลงมือจะต้องกระทำกำรถึงขั้นที่จะเป็นควำมผิดแล้ว ฉะนั้น เมื่อนำยลำยังไม่ได้ยกปืนขึ้นเล็ง ยังไม่
ถือว่ำเป็นกำรกระทำควำมผิดโดยไม่ตลอด กำรที่นำยลำเพียงแต่ชักปืนเท่ำนั้น ถือว่ำยังไม่ถึงขั้นลง
มือกระทำควำมผิดและยังอยู่ในขั้นตระเตรียมกำร ดังนั้น นำยปูจึงไม่เป็นผู้สนับสนุน
มำตรำ 86 ผู้ใดกระทำด้วยประกำรใดๆ อันเป็นกำรช่วยเหลือ หรือให้ควำมสะดวกในกำรที่ผู้อื่น
กระทำควำมผิดก่อนหรือขณะกระทำควำมผิด แม้ผู้กระทำควำมผิดจะมิได้รู้ถึงกำรช่วยเหลือหรือ
ให้ควำมสะดวกนั้นก็ตำม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนกำรกระทำควำมผิด ต้องระวำงโทษสองในสำมส่วน
ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับควำมผิดที่สนับสนุนนั้น
แนวข้อสอบประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
ข้อที่ 1. ข้อใดต่อไปนี้กล่ำวถูกต้องที่สุด
ก. เมื่อไม่มีกฎหมำยที่ยกขึ้นปรับแก่คดีได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตำมจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่น
ข. เมื่อไม่มีกฎหมำยที่ยกขึ้นปรับแก่คดีได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตำมจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่น
ถ้ำไม่มีจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ให้วินิจฉัยคดีโดยอำศัยเทียบบทกฎหมำยที่ใกล้เคียงอย่ำงยิ่ง
ค. เมื่อไม่มีกฎหมำยที่ยกขึ้นปรับแก่คดีได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตำมจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่น
ถ้ำไม่มีจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ให้วินิจฉัยคดีโดยอำศัยเทียบบทกฎหมำยที่ใกล้เคียงอย่ำงยิ่ง
และถ้ำบทกฎหมำยเช่นนั้นไม่มีให้วินิจฉัยตำมหลักกฎหมำยทั่วไป
ง. ในกรณี ไ ม่ มี ก ฎหมำยมำปรั บ ใช้ แ ก่ ค ดี ไ ด้ ศ ำลสำมำรถใช้ ดุ ล ยพิ นิ จ ในกำรรั บ ฟั ง
พยำนหลักฐำนต่ำง ๆ ที่คู่ควำมนำมำสืบได้
เฉลย ค. เหตุผล ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 4 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่ำ “เมื่อ
ไม่มีบทกฎหมำยที่จะยกมำปรับคดีได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตำมจำรีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ถ้ำไม่มีจำรีต
ประเพณีเช่นว่ำนั้น ให้วินิจฉัยคดีอำศัยเทียบบทกฎหมำยที่ใกล้เคียงอย่ำงยิ่ง และถ้ำบทกฎหมำย
เช่นนั้นก็ไม่มีด้วย ให้วินิจฉัยตำมหลักกฎหมำยทั่วไป”
ข้อที่ 2. ในกำรชำระหนี้บุคคลทุกคนต้องกระทำเช่นใด
ก. ต้องกระทำโดยสุจริต
ข. ต้องกระทำโดยคำนึงถึงสิทธิ
ค. ต้องกระทำโดยคำนึงถึงหน้ำที่
ง. ต้องกระทำโดยซื่อสัตย์
เฉลย ก. เหตุผล ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 5 บัญญัติไว้ว่ำ “ในกำรใช้สิทธิ
แห่งตนก็ดี ในกำรชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต”
473
ข้อที่ 5. ในกรณีที่จำนวนเงินในเอกสำรแสดงไว้ทั้งตัวอักษรและตัวเลขถ้ำอักษรและตัวเลขไม่
ตรงกัน ข้อใดต่อไปนี้กล่ำวถูกต้อง
ก. ให้ถือเอำจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษร
ข. ให้ถือเอำจำนวนเงินที่เป็นตัวเลข
ค. ให้ถือเอำจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรหรือตัวเลขก็ได้
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
เฉลย ก. เหตุผล ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 12 บัญญัติไว้ว่ำ “ในกรณีที่
จำนวนเงินหรือปริมำณในเอกสำรแสดงไว้ทั้งตัวอักษรและตัวเลข ถ้ำตัวอักษรกับตัวเลขไม่ตรงกัน
และมิอำจหยั่ง ทรำบเจตนำอันแท้จริงได้ ให้ถือเอำจ ำนวนเงินหรื อปริมำณที่เป็ นตัวอักษรเป็ น
ประมำณ”
ข้อที่ 6. สภำพบุคคลเริ่มต้นเมื่อใด
ก. ตั้งแต่เริ่มคลอด
ข. ตั้งแต่เริ่มคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทำรก
ค. ตั้งแต่ตั้งครรภ์
474
ง. ก. และ ข. ถูกต้อง
เฉลย ข. เหตุผล ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 15 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่ำ
“สภำพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทำรกและสิ้นสุดลงเมื่อตำย”
ข้อที่ 7. ในกรณีบุคคลหลำยคนตำยเพรำะเหตุน้ำท่วมและไม่อำจทรำบว่ำผู้ใดตำยก่อนหรือตำย
หลัง ข้อใดต่อไปนี้กล่ำวถูกต้อง
ก. ให้ถือว่ำตำยพร้อมกัน
ข. ให้ถือเรียงตำมอำยุ
ค. ญำติของผู้นั้นชอบที่จะร้องขอต่อศำลให้สั่งว่ำตำยเมื่อไหร่
ง. ไม่มีข้อใดถูก
เฉลย ก. เหตุผล ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 17 บัญญัติไว้ว่ำ “ในกรณีบุคคล
หลำยคนตำยในเหตุภยันตรำยร่วมกัน ถ้ำเป็นกำรพ้นวิสัยที่จะกำหนดได้ว่ำคนไหนตำยก่อนหลัง ให้
ถือว่ำตำยพร้อมกัน”
ข้อที่ 8. บุคคลย่อมพ้นจำกภำวะผู้เยำว์และบรรลุนิติภำวะเมื่อใด
ก. อำยุ 15 ปี บริบูรณ์
ข. อำยุ 17 ปี บริบูรณ์เมื่อทำกำรสมรส
ค. อำยุ 20 ปี บริบูรณ์
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
เฉลย ง. เหตุผล ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 19 บัญญัติไว้ว่ำ “บุคคลย่อมพ้น
จำกภำวะผู้เยำว์และบรรลุนิติภำวะเมื่อมีอำยุยี่สิบปีบริบูรณ์”
มำตรำ 20 บัญญัติไว้ว่ำ “ผู้เยำว์ย่อมบรรลุนิติภำวะเมื่อทำกำรสมรส หำกกำรสมรสนั้นได้ทำตำม
บทบัญญัติมำตรำ 1448”
มำตรำ 1448 บัญญัติไว้ว่ำ “กำรสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชำยและหญิงมีอำยุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว
แต่ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ศำลอำจอนุญำตให้ทำกำรสมรสก่อนนั้นได้”
ข้อที่ 9. ผู้เยำว์สำมำรถทำพินัยกรรมได้เมื่ออำยุเท่ำใด
ก. 15 ปี บริบูรณ์
ข. 17 ปี บริบูรณ์
ค. 18 ปี บริบูรณ์
ง. 20 ปี บริบูรณ์
เฉลย ก. เหตุผล ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 25 บัญญัติไว้ว่ำ “ผู้เยำว์อำจทำ
พินัยกรรมได้เมื่ออำยุสิบห้ำปีบริบูรณ์”
475
แนวข้อสอบกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง
1. สมชำยขำยสร้อยเพชรให้แก่สมศัก ดิ์บนอำกำศยำนสัญชำติไทย ขณะบินอยู่เหนือประเทศพม่ำ
ซึ่งกำลังมุ่งไปประเทศจีน ต่อมำสมชำยผิดสัญญำไม่ส่งมอบสร้อยเพชรให้ แก่สมศักดิ์ เช่นนี้สมศักดิ์
จะฟ้องร้องบังคับให้สมชำย
ปฏิบัติตำมสัญญำได้ที่ศำลใด
ก. ศำลแพ่ง ประเทศไทย
ข. ศำลแพ่ง ประเทศพม่ำ
ค. ศำลแพ่ง ประเทศจีน
ง. ถูกทุกข้อ
2. ฟิล์มมีภูมิลำเนำอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ไม่ได้ทำงำนที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลำมำกกว่ำ 2 ปี และ
ปัจจุบันได้ย้ำยไปทำงำนที่จังหวัดระยอง หำกต่อต้องกำรยื่นฟ้องฟิล์มเรื่องผิดสัญญำกู้ยืมเงินต่อ
จะต้องยื่นคำฟ้องต่อศำลแพ่งจังหวัดใด
ก. กรุงเทพมหำนคร
ข. เชียงใหม่
ค. ระยอง
ง. ถูกทุกข้อ
3. มะขำมมีภูมิลำเนำอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ส่งมอบที่ดินซึ่งอยู่ในจังหวัดอ่ำงทองที่ทำสัญญำซื้อขำย
ให้แก่กระถิน ซึ่งมีภูมิลำเนำอยู่ที่สระบุรี เช่นนี้ กระถินจะต้องยื่นฟ้องมะขำมต่อศำลใด
ก. กรุงเทพมหำนคร
ข. อ่ำงทอง
ค. สระบุรี
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
4. คดีแพ่งเรื่องหนึ่ง ศำลชั้นต้นพิพำกษำให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระหนี้ตำมคำ
พิพำกษำ โจทก์ขอให้ศำลชั้นต้นออกหมำยบังคับคดี และนำเจ้ำพนักงำนบังคับคดี สำนักงำนบังคับ
คดีจังหวัดปทุมธำนี ยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขำยทอดตลำดนำเงินมำชำระหนี้แก่โจทก์ ผู้ร้องยื่นคำ
ร้องว่ำ ผู้ร้องเป็นเจ้ำหนี้ของจำเลยตำมคำพิพำกษำ จำเลยไม่มีทรัพย์สินที่ผู้ร้องจะนำยึดมำบังคับ
ชำระหนี้ได้ เนื่องจำกเจ้ำหนี้อื่นรวมทั้งโจทก์ยึดไว้หมดแล้ว ขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้ำเฉลี่ยทรัพย์สิน
หรือเงินที่ได้จำกกำรขำยทอดตลำดทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ยื่นคำคัดค้ำนว่ำ ผู้ร้องยื่นคำร้อง
เฉลี่ยทรัพย์ต่อศำลชั้นต้นเป็นกำรไม่ชอบ เนื่องจำกศำลชั้นต้นเป็นศำลที่มีคำพิพำกษำหรือศำลที่อก
หมำยบังคับคดีเท่ำนั้น มิใช่ศำลที่ออกหมำยบังคับให้ยึดหรืออำยัดทรัพย์สิน ศำลที่ออกหมำยบังคับ
ให้ ยึ ด หรื อ อำยั ด ทรั พ ย์ สิ น ศำลที่ อ อกหมำยบั ง คั บ ให้ ยึ ด หรื อ อำยั ด ทรั พ ย์ สิ น คื อ ศำลจั ง หวั ด
ปทุมธำนี ซึ่งเป็นศำลที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ในเขตศำล ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศำลใด
ก. ศำลที่มีอำนำจในกำรบังคับคดี
ข. ศำลที่พิจำรณำชี้ขำดตัดสินคดีในชั้นต้น
480
ค. ศำลที่บังคับคดีแทน
ง.ข้อ ก. และ ข. ถูก
5. ศำลจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นศำลที่ได้พิจำรณำชี้ขำดตัดสินคดีออกหมำยบังคับคดีส่งไปให้ศำล
จั ง หวั ด นครรำชสี ม ำบั ง คั บ คดี แ ทน และเจ้ ำ พนั ก งำนบั ง คั บ คดี ส ำนั ก งำนบั ง คั บ คดี จั ง หวั ด
นครรำชสีมำได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่968 และ 969 ของจำเลยออกขำยทอดตลำด ผู้ร้องยื่นคำร้อง
ต่อศำลจังหวัดนครรำชสีมำว่ำ ที่ดิน ที่เจ้ำพนักงำนบังคับคดียึดไว้ทั้ง 2 แปลง ติดจำนองอยู่กับผู้
ร้อง และผู้ร้องเป็นเจ้ำหนี้ตำมคำพิพำกษำของจำเลย ซึ่งพิพำกษำให้จำเลยชำระเงินให้แก่ผู้ร้อง
ขอให้ศ ำลอนุ ญำตให้ ผู้ร้องได้รับช ำระหนี้จำกเงิน ที่ข ำยทอดตลำดก่อนเจ้ ำหนี้อื่ น ศำลจัง หวั ด
นครรำชสีมำบังคับคดีแทนศำลจังหวัดเชียงใหม่ มิใช่ศำลที่ได้พิจำรณำและชี้ขำดตัดสินในชั้นต้น จึง
ให้ยกคำร้อง ค่ำคำร้องเป็นพับให้ผู้ร้องไปดำเนินกำรที่ศำลที่มีอำนำจ ผู้ร้องอุทธรณ์ว่ำประมวล
กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ289 บัญญัติเพียงว่ำให้ยื่นคำร้องต่อศำลที่ออกหมำยบังคับ
คดี มิได้จำกัดว่ำจะต้องกระทำเฉพำะต่อศำลที่ได้วินิจฉัยชี้ขำดในชั้นต้น เช่นนี้ ผู้ร้องต้องยื่นคำร้อง
ต่อศำลใด จึงจะชอบด้วยกฎหมำย
ก. ศำลจังหวัดนครรำชสีมำ
ข. ศำลจังหวัดเชียงใหม่
ค. ศำลใดก็ได้
ง. ไม่มีข้อถูก
6. โจทก์ฟ้ องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้ำงออกไปจำกที่ดินพิ พำท จำเลยให้กำรศำล
ชั้นต้นพิพำกษำให้ขับ ไล่จำเลย จำเลยอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่ควำมตำยขณะคดีอยู่ในระหว่ำงกำร
พิจำรณำของศำลอุทธรณ์ นำงมีซึ่งเป็นภรรยำของจำเลยและเป็นผู้จัดกำรมรดกของจำเลยยื่นคำ
ร้องขอเข้ำมำเป็นคู่ควำมแทนที่จำเลย ศำลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญำตให้ผู้ร้องเข้ำมำเป็นคู่ควำมแทนที่
จำเลยผู้มรณะได้ ศำลอุทธรณ์พิพำกษำยืน จำเลยฎีกำดังนี้ กระบวนกำรพิจำรณำศำลชั้นต้นและ
ศำลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมำยหรือไม่
ก. ชอบทั้ง 2 ศำล
ข. ศำลชั้นต้นชอบ แต่ศำลอุทธรณ์ไม่ชอบ
ค. ศำลชั้นต้นไม่ชอบ แต่ศำลอุทธรณ์ชอบ
ง. ไม่ชอบทั้ง 2 ศำลเลย
7. โจทก์ฟ้องขอให้บังคับคดีชำระเงินให้แก่โจทก์ จำเลยให้กำรว่ำไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตำมฟ้องคดี
โจทก์ขำกอำยุควำม ระหว่ำงพิจำรณำที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศำลวินิจฉัยชี้ขำดเบื้องต้นในปัญหำ
ข้อกฎหมำยว่ำคดีโจทก์ขำดอำยุควำมแล้ว ศำลชั้นต้นเห็นว่ำคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยำน
โจทก์และจำเลย แล้ววินิจฉัยว่ำคดีโจทก์ขำดอำยุ
ควำม พิพำกษำยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศำลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ำ คำให้กำรจำเลยมิได้แสดงเหตุแห่ง
กำรขำดอำยุควำม คดีไม่มีประเด็นเรื่องอำยุควำม พิพำกษำยกคำพิพำกษำศำลชั้นต้น ให้ศำล
ชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจำรณำต่อไปแล้วมีคำพิพำกษำใหม่ตำมรูปคดี ศำลชั้นต้นดำเนินกระบวน
481
ค. ไม่ชอบ เพรำะเป็นฟ้องซ้ำ
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
10. โจทก์ฟ้องฟ้องว่ำ โจทก์ทำสัญญำจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 905 ไว้ให้แก่จำเลยเพื่อประกันหนี้
เงินกู้และส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่ำวไว้แก่จำเลย ต่อมำจำเลยได้ ฟ้องโจทก์ให้ชำระหนี้เงินกู้และ
บังคับจำนองต่อศำลแพ่งหมำยเลยดำที่ 9104/2525 ศำลมีคำพิพำกษำเมื่อวันที่ 1 ธันวำคม
2525 ตำมคดีแพ่งหมำยเลขแดงที่ 13360/2525 คดีถึงที่สุด จำเลยไม่ได้ยื่นคำขอออกหมำย
บังคับคดี เกินกว่ำ 10 ปี ต่อมำเมื่อวันที่ 15 มีนำคม 2542 โจทก์ขอชำระหนี้ตำมสัญญำจำนอง
พร้อมดอกเบี้ย แต่จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงนำเงินไปวำงที่สำนักงำนวำงทรัพย์กลำง กรมบังคับคดี
ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่ำว พร้อมจดทะเบียนถอนจำนองที่ดินคืนโจทก์ และรับ
เงินที่สำนักงำนวำงทรัพย์กลำง หำกไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำคำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดง
เจตนำของจำเลย จำเลยให้กำรว่ำ คำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำขอให้ยกฟ้อง ศำลชั้นต้นพิจำรณำ
อย่ำงไร
ก. เป็นฟ้องซ้ำ เพรำะคดีมีประเด็นเดียวกัน
ข. เป็นฟ้องซ้ำ เพรำะคู่ควำมเดียวกัน
ค. ไม่ฟ้องซ้ำ เพรำะระยะเวลำในกำรบังคับคดีได้ล่วงพ้นไปแล้ว
ง. ไม่มีข้อถูก
เฉลยแนวข้อสอบกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง
1.ง 2.ก 3.ง 4.ง 5.ข 6.ง 7.ง 8.ง 9.ง 10.ค
483
แนวข้อสอบกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ
1. ในคดีอำณำซึ่งผู้เสียหำยเป็นผู้เยำว์ ศำลอำจตั้งผู้กระทำกำรฟ้องคดีแทนผู้เยำว์ โดยเรียกบุคคล
ดังกล่ำวว่ำอย่ำงไร
ก. ผู้แทนโดยชอบธรรม
ข. ผู้แทนเฉพำะคดี
ค. ผู้รับมอบอำนำจ
ง. ผู้พิทักษ์
2. นำยแดงน้อย ถูกวัยรุ่นทำร้ำยจนถึงแก่ควำมตำย ถำมว่ำใครมีอำนำจฟ้องคดีอำญำแทนนำย
แดงน้อยได้
ก. นำยเขียว บิดำที่แท้จริง
ข. นำยแดงต้อย บุตรโดยชอบด้วยกฎหมำย
ค. นำงจำปำ ภริยำโดยชอบด้วยกฎหมำย
ง. ถูกทุกข้อ
3. ใครมีอำนำจฟ้องคดีอำญำต่อศำล
ก. พนักงำนอัยกำร
ข. พนักงำนสอบสวน
ค. ผู้เสียหำย
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก
4. ผู้เสียหำยสำมำรถยื่นคำร้องขอเข้ำร่วมเป็นโจทก์กับพนักงำนอัยกำรได้ในระยะเวลำใด
ก. ระยะเวลำใดก็ได้ ระหว่ำงพิจำรณำก่อนศำลชั้นต้นพิพำกษำ
ข. ภำยใน 7 วัน นับแต่พนักงำนอัยกำรยื่นคำฟ้อง
ค. ภำยใน 15 วัน นับแต่พนักงำนอัยกำรยื่นคำให้กำร
ง. ระยะเวลำใดก็ได้แต่ต้องก่อนคดีสิ้นสุด
5. นำงอิ่มได้ยื่น ฟ้องคดีอำญำคดีหนึ่ง หลังจำกยื่นคำให้กำรแล้ว นำงอิ่ม ตำยลง ถำมว่ำใครมี
อำนำจดำเนินคดีแทนนำงอิ่มต่อไปได้
ก. นำยหัว บุตรชอบด้วยกฎหมำย
ข. นำงดำ มำรดำ
ค. นำยกระจ่ำง สำมีชอบด้วยกฎหมำย
ง. ถูกทุกข้อ
6. คนร้ำยลักทรัพย์ที่จังหวัดน่ำน หนีไปกบดำนอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ละถูกจับตัวได้ที่จังหวัดสตูล
ถำมว่ำพนักงำนสอบสวนผู้รับผิดชอบคือพนักงำนสอบสวนข้อใด
ก. จังหวัดน่ำน
ข. จังหวัดเชียงใหม่
ค. จังหวัดสตูล
484
ง. ทุกข้อเป็นพนักงำนสอบสวนผู้รับผิดชอบทั้งหมด
7. กรณีใดหำกจำเลยไม่มีทนำยควำม แม่ไม่ต้องกำรทนำยควำม ศำลจะต้องตั้งทนำยควำมให้
ก. คดีที่มีอัตรำโทษประหำรชีวิต
ข. คดีที่มีอัตรำโทษจำคุก
ค. คดีที่จำเลยอำยุไม่เกิน 18 ปี ในวันที่ถูกฟ้องต่อศำล
ง. ถูกทุกข้อ
8. ข้อใดเป็นสิทธิของผู้ต้องหำที่ถูกควบคุมหรือขัง
ก. พบและปรึกษำผู้ที่จะเป็นทนำยควำมสองต่อสอง
ข. ได้รับกำรเยี่ยมตำมสมควร
ค. ได้รับกำรรักษำพยำบำลเมื่อเกิดกำรเจ็บป่วย
ง. ถูกทุกข้อ
9. กำรถอนฟ้องคดีอำญำจะต้องยืน่ คำร้องขอเวลำใด
ก. ภำยใน 15 วัน หลังยื่นคำให้กำร
ข. เวลำใดก่อนมีคำ พิพำกษำของศำลชั้นต้น
ค. เวลำใดก่อนคดีถึงที่สุด
ง. เวลำใดก่อนมีคำพิพำกษำของศำลฎีกำ
10. ในคดีที่มีโทษปรับสถำนเดียว กรณีใดที่คดีอำญำจะเลิกกันได้
ก. เมื่อผู้กระทำผิดเสียค่ำปรับในอัตรำอย่ำงสูงแก่เจ้ำหน้ำที่ก่อนศำลพิจำรณำ
ข. เมื่อผู้ต้องหำชำระค่ำปรับตำมที่พนักงำนสอบสวนได้เปรียบเทียบแล้ว
ค. เมื่อผู้ต้องหำชำระค่ำปรับตำมที่นำยตำรวจตั้งแต่ตำแหน่งสำรวัตรขึ้นไปได้เปรียบเทียบ
แล้ว
ง. ถูกทุกข้อ
11. บุคคลผู้ถูกกล่ำวหำได้กระทำควำมผิด แต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศำลคือบุคคลข้อใด
ก. จำเลย
ข. ผู้ต้องหำ
ค. ผู้เสียหำย
ง. ไม่มีข้อใดถูก
12. บุคคลอื่นที่มอี ำนำจจัดกำรแทนผู้เสียหำยไม่มีอำนำจจัดกำรตำมข้อใดได้
ก. ร้องทุกข์
ข. เป็นโจทก์ฟ้องคดี
ค. ถอนฟ้องคดี
ง. ยอมควำมในคดีควำมผิดต่อแผ่นดิน
485
เฉลยแนวข้อสอบกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ
1.ข 2.ง 3.ง 4.ก 5.ง 6.ค 7.ก 8.ง 9.ข 10.ก
11.ข 12.ง 13.ก 14.ข 15.ข 16.ค 17.ง 18.ข 19.ค 20.ค
21.ข 22.ก
487
2. ประเทศไทยมีกี่จังหวัด อำเภอ
ตอบ 76 จังหวัด 878 อำเภอ
8. คุณสมบัติของผู้เลือกผู้ใหญ่บ้ำนมีกำรเปลี่ยนแปลงจำกเดิมอย่ำงไร
ตอบ อำยุ 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 มกรำคมของปีที่มีกำรเลือกตั้ง
10. โครงสร้ำงคณะกรรมกำรสภำตำบลประกอบด้วยใครบ้ำง
ตอบ กำนันท้องที่ ผญบ.ทุกหมู่บ้ำน แพทย์ ครูประชำบำล 1 คน กก.ผู้ทรงคุณวุฒิหมู่บ้ำนละ 1
คน นอภ.คัดเลือกรำยงำน ผวจ.ออกหนังสือสำคัญ วำระ 5 ปี หำกว่ำงลงเลือกภำยใน 60 วัน ให้
กำนันเรียกประชุมเดือนละ 1 ครั้ง
11. กรมกำรอำเภอประกอบด้วยใครบ้ำง
ตอบ พนักงำนปกครองคณะหนึ่งเรียกว่ำกรมกำรอำเภอ ประกอบด้วย นำยอำเภอ ปลัดอำเภอ
และสมุห์บัญชีอำเภอ
15. ผู้ใหญ่บ้ำนในหมู่บ้ำนว่ำงลงรำษฎรที่บ้ำนอยู่ในเขตเทศบำลมีสิทธิเลือกผู้ใหญ่บ้ำนหรือไม่
ตอบ ไม่มีสิทธิ
16. ผู้ที่บ้ำนอยู่ในเขตเทศบำลมีสิทธิสมัครผู้ใหญ่บ้ำนได้หรือไม่
ตอบ ไม่มีสิทธิ
17. ผู้ที่บ้ำนอยู่นอกเขตเทศบำลมีสิทธิสมัครผู้ใหญ่บ้ำนได้หรือไม่
ตอบ ได้
18. รำษฎรที่บ้ำนอยู่ในเขตเทศบำลมีสิทธิเลือกกำนันได้หรือไม่
ตอบ ได้
19. ผู้ใหญ่บ้ำนที่อยู่ในเขตเทศบำลมีสิทธิสมัครเป็นกำนันได้หรือไม่
ตอบ ถ้ำอยู่ในเขตเทศบำลทั้งหมดไม่มีสิทธิ
20. ผู้ใหญ่บ้ำนที่มีพื้นที่บำงส่วนอยู่ในเขตเทศบำลมีสิทธิสมัครเป็นกำนันได้หรือไม่
ตอบ มีสิทธิ
21. ที่สำธำรณะหมำยถึงอะไร
ตอบ ทรัพย์สินทุกชนิด ของแผ่นดิน ซึ่งใช้เพื่อสำธำรณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อใช้ประโยชน์
ร่วมกัน เป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดิน พร้อมทั้งได้แบ่งประเภทสำธำรณสมบัติของแผ่นดินไว้ 3
ประเภทคือ
1)ที่ดินรกร้ำงว่ำงเปล่ำ และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้ง กลับมำเป็นของแผ่นดินโดยประกำรอื่น
ๆ ตำมกฎหมำยที่ดิน
2)ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่ำ ที่ชำยตลิ่ง ทำงน้ำ ทำงหลวง ทะเลสำบ
3)ทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพำะ
22. ที่รำชพัสดุหมำยถึงอะไร
ตอบ ทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพำะ ที่อยู่ในควำมดูแลของกรมธนำรักษ์
490
25. ผู้มีอำนำจดูแลที่สำธำรณะคือใคร
ตอบ 1)ที่ดินรกร้ำงว่ำงเปล่ำ และที่ดิน ซึ่งมีผู้ เวนคืน หรือทอดทิ้ง กลับมำเป็นของแผ่น ดินโดย
ประกำรอื่น ๆ ตำมกฎหมำยที่ดิน - กรมที่ดิน
2)ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่ำ ที่ชำยตลิ่ง ทำงน้ำ ทำงหลวง ทะเลสำบ – หลำย
หน่วยงำนตำมที่ กม.บัญญัติไว้
26. ผู้มีอำนำจดูแลที่รำชพัสดุคือใคร
ตอบ กรมธนำรักษ์
30. กำรประชำคมมีหลักกำรอย่ำงไรตำมที่กระทรวงมหำดไทยกำหนด
ตอบ เป็นกำรรวมตัวของสมำชิกในชุมชน เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมต่ำง ๆ ของชุมชนด้วยตนเอง
45.แพทย์ประจำตำบลมำจำก
ตอบ กำรประชุมร่วมกันของกำนัน ผู้ใหญ่บ้ำนในตำบลนั้น เลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมำะสมกับกำร
เป็นแพทย์ประจำตำบล
46. กำนันผู้ใหญ่บ้ำนจะต้องได้รับเลือกจำกใคร
ตอบ ประชำชนในท้องที่ เป็นผู้เลือกโดยตรง ด้วยวิธีลับหรือเปิดเผยก็ได้ (กม.เลือกโดยเปิดเผยหรือ
ลับก็ได้)
47.กำนันผู้ใหญ่บ้ำนจะพ้นตำแหน่งตำมปกติเมื่อ
ตอบ กรณีได้รับเลือกก่อนวันที่ 7 ก.ค. 2535 อยู่จนครบหกสิบปีบริบูรณ์ กรณีได้รั บเลือกตั้งแต่
วันที่ 7 ก.ค. 2535 มีวำระ 5 ปี นับจำกวันเลือกตั้ง
48. หลักเกณฑ์กำรจัดตั้งอำเภอตำมที่คณะรัฐมนตรีกำหนดจะต้องเป็นกิ่งอำเภอมำแล้วไม่น้อย
กว่ำกี่ปี ในกรณีปกติ
ตอบ 5 ปี
50. กำรจัดระเบียบบริหำรของสภำตำบลเป็นไปตำมกฎหมำยใด
ตอบ พ.ร.บ.สภำตำบลและองค์กำรบริหำรส่วนตำบล พ.ศ. 2537
51. ข้อใดไม่เป็นเหตุให้กำนันต้องพ้นจำกตำแหน่งผู้ใหญ่บ้ำน
ตอบ ตำบลถูกยุบ
494
52. ข้อใดกำหนดวิธีกำรปฏิบัติเกี่ยวกับกำรเลือกตั้งกรรมกำรหมู่บ้ำนผู้ทรงคุณวุฒิ
ตอบ ข้อบังคับ มท. ว่ำด้วยกำรเลือกตั้งกรรมกำรหมู่บ้ำนผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. 2533
53. ใครไม่ได้เป็นคณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
ตอบ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบ
55. ในหมู่บ้ำนหนึ่งจะมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองได้กี่คน
ตอบ มีได้ 2 คน หำกมำกกว่ำ 2 คน ต้องขออนุมัติกระทรวงมหำดไทย
59.ผู้มีอำนำจสั่งให้ผู้ใหญ่บ้ำนออกจำกตำแหน่งกรณีเมื่อได้สอบสวนเห็นว่ำบกพร่องในทำงควำม
ประพฤติ หรือควำมสำมำรถไม่เหมำะสมกับตำแหน่ง
ตอบ ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
60.ใครเป็นผู้คัดเลือกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครอง และฝ่ำยรักษำควำมสงบ
ตอบ ผู้ใหญ่บ้ำนแลกำนันท้องที่
61.กำรที่ต้องเลือกผู้ใหญ่บ้ำนขึ้นใหม่อำศัยเหตุประกำรใด
ตอบ ผู้ใหญ่บ้ำนว่ำงลง หรือตั้งหมู่บ้ำนขึ้นใหม่
495
63. คณะกรรมกำรหมู่บ้ำนมีอำนำจหน้ำที่อย่ำงไร
ตอบ เป็นที่ปรึกษำผู้ใหญ่บ้ำน
65. กฎหมำยกำหนดให้ผู้ใดมีอำนำจในกำรใช้อำวุธปืนของทำงรำชกำรในกำรรักษำควำมสงบ
เรียบร้อยของหมู่บ้ำนได้
ตอบ ผู้ใหญ่บ้ำน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบ
69. กำนันไม่อำจทำหน้ำที่ได้เป็นกำรชั่วครำวให้
ตอบ มอบผู้ใหญ่บ้ำนคนใดคนหนึ่งในตำบลทำกำรแทน
74. ผู้ที่จะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน
ตอบ กำนัน ผู้ใหญ่บ้ำนคัดเลือกร่วมกัน แล้วเสนอนำยอำเภอแต่งตั้ง
78. เขตกำรปกครองของอำเภอตำมกฎหมำยดูได้จำกหลักฐำนใด
ตอบ ประกำศกระทรวงมหำดไทย เรื่องกำรตั้งตำบล
80. กำรขอใช้ที่ดินสำธำรณะประจำหมู่บ้ำนจะต้องได้รับอนุมัติจำก
ตอบ นำยอำเภอ โดยส่วนกลำงเป็นอำนำจของกรมกำรปกครอง
นำยอำเภอสังกัดกระทรวงมหำดไทย
บรรดำอำนำจและหน้ำที่เกี่ยวกับรำชกำรของกรมกำรอำเภอหรือนำยอำเภอ ให้โอนไปเป็นอำนำจ
และหน้ำที่ของนำยอำเภอ
และให้มีปลัดอำเภอและหัวหน้ำส่วนรำชกำรประจำอำเภอ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ต่ำง ๆ ส่งมำ
ประจำให้ปฏิบัติหน้ำที่เป็นผู้ช่วยเหลือนำยอำเภอ และมีอำนำจบังคับบัญชำข้ำรำชกำรฝ่ำยบริหำร
ส่วนภูมิภำค ซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมนั้น ในอำเภอนั้น
84. ผู้มีสิทธิจะได้รับคัดเลือกเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำ
ควำมสงบ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำมตำมมำตรำใด
ตอบ มำตรำ 12 มำตรำ 16
** มำตรำ 16 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2552
85.เมื่อมีกำรคัดเลือกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบแล้ว
ต้องทำอย่ำงไร
ตอบ มำตรำ ๑๗ เมื่อผู้ใดได้รับคัดเลือกเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน
ฝ่ำยรักษำควำมสงบ ให้กำนันรำยงำนไปยังนำยอำเภอเพื่อออกหนังสือสำคัญไว้เป็นหลักฐำน และ
ให้ถือว่ำผู้นั้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบตั้งแต่วันที่
นำยอำเภอออกหนังสือสำคัญ
86.ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบอยู่ในตำแหน่งครำวละ
กี่ปี
ตอบ ครำวละห้ำปี มำตรำ 18
499
87.กำรคัดเลือกกรรมกำรตำบลผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่ำง ให้กระทำภำยในกี่วันนับแต่
วันที่ตำแหน่งนั้นว่ำง
ตอบ ภำยในหกสิบวัน ถ้ำตำแหน่งนั้นว่ำงลงก่อนถึงกำหนดออกตำมวำระไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบ
วัน จะไม่คัดเลือกขึ้นแทนก็ได้
**มำตรำ 29 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510
88.ในกำรประชุมคณะกรรมกำรตำบลต้องมีกรรมกำรตำบลมำประชุมเท่ำใดจึงจะเป็นองค์ประชุม
ตอบ ต้องไม่น้อยกว่ำกึ่งจำนวน ให้กำนันเป็นประธำน กำรวินิจฉัยชี้ขำดให้ถือเสียงข้ำงมำก ถ้ำ
คะแนนเสียงเท่ำกัน ให้ประธำนออกเสียงอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขำด มำตรำ 29 ตรี
**มำตรำ 29 ตรี แก้ไ ขเพิ่ม เติ มโดยพระรำชบัญ ญัติ ลัก ษณะปกครองท้ องที่ (ฉบับ ที่ 4) พ.ศ.
2510
91.บรรดำข้ำรำชกำรซึ่งมีสังกัดทำรำชกำรอยู่ในที่ว่ำกำรอำเภอ นำยอำเภอมีอำนำจที่จะให้ลำได้
ครำวละไม่เกินกี่วัน
ตอบ 15 วัน
แนวข้อสอบถำมตอบ ชุดที่ 2
๑. พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ฉบับแรกที่รัชกำลที่ ๕ ทรงตรำไว้มีใน พ.ศ. ใด
= ๒๔๔๐
๒. พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ ในกำรประเทศใช้ครั้งแรกไม่ใช้บังคับกับพื้นที่ใด
= ไม่ใช่ใช้บังคับกับกรุงเทพฯ ชั้นใน
๓. สถำนที่ที่ไม่ใช่ “บ้ำน” ตำม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ คือ
= วัด, โรงพยำบำล, โรงทหำร, โรงเรียน, เรือนจำ, ที่ทำกำรไปรษณีย์, สถำนีรถไฟ และ
สถำนที่ต่ำง ๆ
ของรัฐบำล ซึ่งอยู่ในควำมปกครองของหัวหน้ำในที่นั้นไม่ถือว่ำเป็น “บ้ำน” ตำม พ.ร.บ.นี้ แต่ห้อง
แถวที่มีคนอยู่อำศัยและแพที่จอดประจำและมีคนอยู่อำศัยถือว่ำเป็น “บ้ำน” ตำม พ.ร.บ.นี้
500
๑๒. กำรเลือกผู้ใหญ่บ้ำนใช้กำรเลือกรูปแบบใด
= ๑) สำมำรถกระทำได้วิธีเดียว คือ วิธีลับตำม พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๑๑ พ.ศ.
๒๕๕๑
๒) ระวังถูกหลอกกฎหมำยเก่ำใช้ได้ ๒ วิธี คือวิธีลับ และเปิดเผย
๑๓. ผู้ใดเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมกำรตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ำมของผู้สมัครรับเลือก
เป็นผู้ใหญ่บ้ำน
= นำยอำเภอ
๑๔. ผู้ใดเป็นผู้แต่งตั้งผู้ใหญ่บ้ำน
= นำยอำเภอ
๑๕. ผู้ใดเป็นผู้ออกหนังสือสำคัญในกำรเป็นผู้ใหญ่บ้ำนให้แก่ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้ำน
= ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
๑๖. ผู้สมัครที่ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้ำนจะถือว่ำเป็นผู้ใหญ่บ้ำนนับตั้งแต่วันใด
= วันที่นำยอำเภอมีคำสั่งแต่งตั้งแต่ระวังถู กหลอกเนื่องจำกกฎหมำยเก่ำเป็นผู้ใหญ่บ้ำน
ตั้งแต่วันที่รำษฎรเลือก
๑๗. กรณีมีกำรคัดค้ำนว่ำกำรเลือกผู้ใหญ่บ้ำนไม่สุจริตใครเป็นผู้มีอำนำจดำเนินกำรสอบสวนเรื่อง
ดังกล่ำว
= นำยอำเภอเป็น ผู้ดำเนิ นกำรสอบสวน ซึ่งหำกผลกำรสอบสวนเป็น จริ งตำมที่มี กำร
คัดค้ำนให้นำยอำเภอรำยงำนผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด และให้ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดส่งให้พ้นจำกตำแหน่ง
โดยเร็ว ทั้งนี้ภำยใน ๙๐ วันนับแต่วันที่นำยอำเภอมีคำสั่งแต่งตั้ง
๑๘. เหตุที่ทำให้ผู้ใหญ่บ้ำนต้องพ้นจำกตำแหน่ง คือ
= ๑) ไปเสียจำกหมู่บ้ำนที่ตนปกครองติดต่อกันเกิน ๓ เดือนโดยไม่ได้รับอนุญำตจำก
นำยอำเภอ
๒) ขำดกำรประชุมประจำเดือนของกำนัน ผู้ใหญ่บ้ำน ที่นำยอำเภอเรียกประชุม ๓ ครั้ง
ติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันควร
๓) ไม่ผ่ำนกำรประเมินผลกำรปฏิบัติหน้ำที่
๔) หมู่บ้ำนที่ปกครองถูกยุบ
๑๙. กรณีที่มีผลให้ผใู้ หญ่บ้ำนต้องพ้นจำกตำแหน่งทันทีหรือจะมีผลโดยผลกฎหมำยทันที
= ๑) อำยุครบ ๖๐ ปี
๒) ตำย
๓) แต่กำรลำออกจะมีผลก็ต่อเมื่อได้รับกำรอนุญำตจำกผู้มีอำนำจก่อน
๒๐. ผู้ใหญ่บ้ำนลำบวชต้องได้รับกำรอนุญำตจำกผู้ใด
= ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
502
๒๑. กรณีที่ผู้ใหญ่บ้ำนขอลำออกจำกตำแหน่งนั้นจะต้องได้รับกำรอนุญำตจำกใครจึงจะมีผลให้
ผู้ใหญ่บ้ำนพ้นจำกตำแหน่ง
= นำยอำเภอ
๒๒. ผู้ใดเป็นผู้มีอำนำจสั่งให้ผู้ใหญ่บ้ำนพ้นจำกตำแหน่งกรณีที่ผู้ใหญ่บ้ำนประพฤติตนไม่เหมำะสม
กับตำแหน่ง
= ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดสั่งให้ผู้ใหญ่บ้ำนพ้นจำกตำแหน่งหำกนำยอำเภอสอบสวนแล้วเห็นว่ำ
บกพร่องในหน้ำที่หรือประพฤติตนไม่เหมำะสมกับตำแหน่ง
๒๓. ผู้ใดเป็นผู้คัดเลือกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบ
= กำนัน และผู้ใหญ่บ้ำนร่วมกันคัดเลือกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองและฝ่ำยรักษำควำม
สงบ
๒๔. ผู้ใดเป็นผู้ออกหนังสือสำคัญกำรเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน
= นำยอำเภอ
๒๕. เมื่อมีกำรคัดเลือกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนเสร็จสิ้นแล้วผู้ใดเป็นผู้รำยงำนต่อนำยอำเภอเพื่อให้ออก
หนังสือสำคัญในกำรเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน
= กำนัน
๒๖. ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนให้ถือว่ำวันเริ่มต้นในกำรเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนเริ่มตั้งแต่วันใด
= วันที่นำยอำเภอออกหนังสือสำคัญ
๒๗. หำกหมู่บ้ำนใดไม่มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบจะสำมำรถแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน
ฝ่ำยปกครองเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบควบอีกตำแหน่งหนึ่งได้หรือไม่
= ได้โดยให้ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดแต่งตั้ง
๒๘. เหตุที่ทำให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนต้องออกจำกตำแหน่ง คือ
= เป็นเช่นเดียวกับเหตุที่ผู้ใหญ่บ้ำนต้องออกจำกตำแหน่ง เช่น หมู่บ้ำนที่ปกครองถูกยุบ
หรือผู้ใหญ่บ้ำนตำย
๒๙. กำรเลือกผู้ใหญ่บ้ำนใหม่เกิดขึ้นได้ในกรณีใด
= มีอยู่ ๒ กรณี คือ มีกำรตั้งหมู่บ้ำนใหม่และตำแหน่งผู้ใหญ่บ้ำนว่ำงลง
๓๐. กรณีที่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้ำนว่ำงลง จะต้องทำกำรเลือกผู้ใหญ่บ้ำนแทนตำแหน่งที่ว่ำงภำยในกี่
วัน
= ๓๐ วัน
๓๑. กรณีที่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่อำจเลือกผู้ใหญ่บ้ำนแทนตำแหน่งที่ว่ำงภำยในระยะเวลำ ๓๐ วัน
ผู้ใดเป็นผู้มีอำนำจสั่งขยำยเวลำในกำรเลือกได้
= ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
๓๒. อำนำจของผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดในกำรสั่งขยำยระยะเวลำกำรเลือกผู้ใหญ่บ้ำนออกไปเมื่อมีเหตุ
จำเป็นนั้นสำมำรถขยำยระยะเวลำได้เท่ำใด
= เท่ำที่จำเป็น
503
= ๑ ครั้ง
๔๓. เมื่อผู้ใหญ่บ้ำนทรำบข่ำวว่ำมีก ำรกระทำผิด กฎหมำยเกิดขึ้ นในหมู่ บ้ำนของตนจะต้องทำ
อย่ำงไร
= แจ้งให้กำนันทรำบ
๔๔. บุคคลใดบ้ำงเป็นกรรมกำรหมู่บ้ำนโดยตำแหน่ง
= ๑) ผู้ใหญ่บ้ำน, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน และผู้นำหรือผู้แทนกลุ่มหรือองค์กรในหมู่บ้ำน
๒) โดยผู้ ใหญ่ บ้ ำนเป็น ประธำน, ผู้ช่ ว ยผู้ ใ หญ่ บ้ ำน, สมำชิก สภำองค์ ก รปกครองส่ ว น
ท้องถิ่น ที่มี ภูมิล ำเนำในหมู่บ้ ำน และผู้ นำหรื อผู้แ ทนกลุ่ มหรื อองค์ กรในหมู่บ้ ำนเป็น กรรมกำร
หมู่บ้ำนโดยตำแหน่ง
๓) มีกรรมกำรหมู่บ้ำนผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรำษฎรในหมู่บ้ำนเลือกจำนวนไม่น้อยกว่ำ ๒ คน
แต่ไม่เกิน ๑๐ คน
๔๕. ผู้ใดเป็นผู้แต่งตั้งกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
= นำยอำเภอ
๔๖. กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมกำรหมู่บ้ำนมีคุณสมบัติอย่ำงไร
= เช่นเดียวกับรำษฎรผู้มีสิทธิเลือกผู้ใหญ่บ้ำน
๔๗. กำรจัดตั้งตำบลตำม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่จะต้องมีหมู่บ้ำนจำนวนเท่ำใด
= ๒๐ หมู่บ้ำน
๔๘. ผู้ใดเป็นประธำนประชุมผู้ใหญ่บ้ำนในตำบลเพื่อปรึกษำหำรือคัดเลือกกำนัน
= นำยอำเภอ
๔๙. กำรประชุมผู้ใหญ่บ้ำนเพื่อคัดเลือกกำนันจะต้องมีผู้ใหญ่บ้ำนเข้ำร่วมประชุมเท่ำใดจึงจะถือ
เป็นองค์ประชุม
= ไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจำนวน ผู้ใหญ่บ้ำนทั้งหมดที่มีอยู่ในตำบล
๕๐. เมื่อตำแหน่งกำนันว่ำงลงจะต้องคัดเลือกกำนันใหม่ภำยในกี่วัน
= ภำยใน ๔๕ วันนับแต่วันที่นำยอำเภอได้ทรำบกำรว่ำงนั้น
๕๑. หำกจำเป็นไม่อำจจัดให้มีกำรเลือกกำนันแทนตำแหน่งที่ว่ำงได้ภำยในระยะเวลำที่กำหนดผู้ใด
มีอำนำจสั่งให้ขยำยเวลำเลือกออกไปได้เท่ำที่จำเป็น
= ผูว้ ่ำรำชกำรจังหวัด
๕๒. กำรออกจำกตำแหน่งกำนัน ที่ไม่มีผลให้ต้องออกจำกตำแหน่งผู้ใหญ่บ้ำนด้วย
= ๑) ได้รับอนุญำตให้ลำออกจำกกำนัน
๒) ตำบลถูกยุบ
๓) ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดสั่งให้ออกจำกตำแหน่งกำนัน เนื่องจำกบกพร่องในทำงประพฤติ
หรือควำมสำมำรถไม่พอกับตำแหน่ง
๕๓. กรณีกำนันไม่สำมำรถทำหน้ำที่ได้ และได้มอบอำนำจหน้ำที่ให้กับผู้ใหญ่บ้ำนกำรมอบอำนำจ
หน้ำที่ดังกล่ำวเรียกว่ำอย่ำงไร
505
= ทำกำรแทนไม่ใช่รักษำรำชกำรแทน เหมือนกำรมอบอำนำจของผู้ใหญ่บ้ำน
๕๔. กรณีกำนันมอบอำนำจหน้ำที่ให้ผู้ใหญ่บ้ำนทำกำรแทนจะต้องทำอย่ำงไร
= แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้ำนทั้งหลำยในตำบลทรำบรวมทั้งแจ้งให้นำยอำเภอทรำบด้วย
๕๕. ใครเป็นผู้เลือกแพทย์ประจำตำบล
= กำนันและผู้ใหญ่บ้ำนในตำบลประชุมพร้อมกันเลือกแพทย์ประจำตำบล
๕๖. ผู้ใดเป็นผู้แต่งตั้งแพทย์ประจำตำบล
= ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
๕๗. สำรวัตรกำนันมีได้จำนวนกี่คน
= ๒ คน
๕๘. กำรคัดเลือกสำรวัตรกำนันมีวิธีกำรคัดเลือกอย่ำงไร
= กำนันเป็นผู้คัดเลือก แต่ต้องได้รับควำมเห็นชอบจำกผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดด้วยจึงจะเป็นได้
๕๙. กำรที่จะให้แพทย์ประจำตำบลคนหนึ่งรับผิดชอบ ๒ ตำบล สำมำรถทำได้หรือไม่
= ได้ถ้ำผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเห็นสมควร
๖๐. หน้ำที่ของแพทย์ประจำตำบล คือ
= ๑) ช่วยกำนันจัดกำรรักษำควำมสงบเรียบร้อยในตำบล
๒) คอยตรวจตรำควำมเจ็บไข้ของรำษฎรในตำบล
๓) กำรป้องกันโรคภัยในตำบล
๖๑. กำรประชุมคณะกรรมกำรหมู่บ้ำนจะต้องมีกำรประชุมปีละกี่ครั้ง
= ผู้ใหญ่บ้ำนเป็นผู้เรียกประชุมคณะกรรมกำรหมู่บ้ำนตำมครั้งครำวที่เห็นสมควรหรือเมื่อ
มีกรรมกำรไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งรองขอแต่เมื่อรวมปีหนึ่งแล้วจะต้องมีประชุมไม่น้อยกว่ำ ๖ ครั้ง
๖๒. กำนันมีอำนำจลงโทษทำงวินัยต่อผู้ใหญ่บ้ำนสถำนใดบ้ำง
= ภำคทัณฑ์
๖๓. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดมีอำนำจลงโทษกำนัน ผู้ใหญ่บ้ำนสถำนใดบ้ำง
= มีอำนำจลงโทษทุกสถำน
๖๔. กรณีผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดลงโทษไล่ออก หำกกำนัน ผู้ใหญ่บ้ำนเห็นว่ำจนไม่ได้รับควำมเป็น
ธรรมจะต้องทำอย่ำงไร
= ร้องทุกข์ต่อกระทรวงมหำดไทย
๖๕. กรณีกำนัน ผู้ใหญ่บ้ำน ถูกลงโทษไล่ออก และเห็นว่ำตนไม่ได้รับควำมเป็นธรรมจะต้องยื่น
หนังสือร้องทุกข์ต่อนำยอำเภอภำยในกี่วัน
= ๑๕ วันนับแต่วันที่รับทรำบคำสั่ง
๖๖. ผู้ใดมีหน้ำที่ดูแลรักษำและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดินตำม พ.ร.บ.
ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๒ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ.๒๕๕๑
= ๑) นำยอำเภอมีหน้ำที่ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
506
๗๕. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยปกครองมีอำนำจหน้ำที่อย่ำงไร
= ๑) ช่ว ยเหลื อผู้ใหญ่บ้ำนปฏิบัติกิ จกำรตำมอ ำนำจหน้ำที่ข องผู้ใ หญ่บ้ำ นเท่ำ ที่ได้รับ
มอบหมำยจำกผู้ใหญ่บ้ำนให้กระทำ
๒) เสนอข้อแนะนำและให้คำปรึกษำต่อผู้ใหญ่ในกิจกำรที่ผู้ใหญ่บ้ำนมีอำนำจหน้ำที่
๗๖. ค่ำใช้จ่ำยในกำรจัดประชุมคณะกรรมกำรหมู่บ้ำนให้กระทรวงมหำดไทยจ่ำยเป็นเงินอุดหนุน
ตำมหลักเกณฑ์ที่กระทรวงมหำดไทยกำหนดโดยควำมเห็นชอบของหน่วยงำนใด
= กระทรวงกำรคลัง
๗๗. ในกำรปฏิบัติหน้ำที่เกี่ยวกับกำรรักษำควำมสงบเรียบร้อยให้ผู้ใดใช้อำวุธปืนของทำงรำชกำร
ได้
= ผู้ใหญ่บ้ำนและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนฝ่ำยรักษำควำมสงบ
๗๘. คณะกรรมกำรตำบลมีหน้ำที่อย่ำงไร
= เสนอข้อแนะนำและให้คำปรึกษำต่อกำนันเกี่ยวกับกิจกำรที่จะปฏิบั ติตำมอำนำจหน้ำที่
ของกำนัน
๗๙. คณะกรรมกำรตำบลประกอบด้วยใครบ้ำง
= ๑) กำนันท้องที่, ผู้ใหญ่บ้ำนทุกหมู่บ้ำน และแพทย์ประจำตำบลเป็นกรรมกำรประจำ
ตำบลโดยตำแหน่ง
๒) ครูประชำบำลในตำบล ๑ คนกรรมกำรหมู่บ้ำนผู้ทรงคุณวุฒิหมู่บ้ำนละ ๑ คนเป็น
กรรมกำรตำบลผู้ทรงคุณวุฒิ
๘๐. ผู้ใดเป็นผู้คัดเลือกและเป็นผู้ออกหนังสือสำคัญกำรเป็นกรรมกำรตำบลผู้ทรงคุณวุฒิ
= ๑) นำยอำเภอเป็นผู้คัดเลือก, ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเป็นผู้ออกหนังสือสำคัญ
๒) และให้ถือว่ำเป็นกรรมกำรตำบลผู้ทรงคุณวุฒิตั้งแต่วันที่ผู้ว่ ำรำชกำรจังหวัดออก
หนังสือสำคัญ
๓) เป็นได้ครำวละ ๕ ปี
๘๑. เมื่อตำแหน่งกรรมกำรตำบลผู้ทรงคุณวุฒิว่ำงลงให้มีกำรคัดเลือกขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่ำงภำยใน
กี่วัน
= ภำยใน ๖๐ วันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่ำง
๘๒. วินัยและโทษผิดวินัยของกำนัน , ผู้ใหญ่บ้ำน และแพทย์ประจำตำบลให้ใช้กฎหมำยใดโดย
อนุโลม
= กฎหมำยว่ำด้วยระเบียบข้ำรำชกำรพลเรือน
๘๓. พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับใดที่เปิดโอกำสให้สตรีเป็นผู้ใหญ่บ้ำนได้
= ฉบับที่ ๖ พ.ศ.๒๕๒๕
๘๔. กำรจัดตั้งหมู่บ้ำนและตำบลตำมมติคณะรัฐมนตรีมีกี่กรณี
= ๒ กรณี คือ ๑)กรณีเป็นชุมชนหนำแน่น ๒) กรณีเป็นชุมชนห่ำงไกล
508
๘๕. กำรจัดตั้งหมู่บ้ำนตำมมติคณะรัฐมนตรีในกรณีเป็นชุมชนหนำแน่นก่อนที่จะแยกหมู่บ้ำนใหม่
ชุมชนเดิมต้องมีจำนวนรำษฎรไม่น้อยกว่ำ........คนหรือมีจำนวนบ้ำนไม่น้อยกว่ำ...............บ้ำน
= ๑,๒๐๐ / ๒๔๐
๘๖. จำกข้อ ๘๕ เมื่อแยกหมู่บ้ำนใหม่แล้ว หมู่บ้ำนใหม่จะต้องมีจำนวนรำษฎรไม่น้อยกว่ำ........คน
หรือมีจำนวนบ้ำนไม่น้อยกว่ำ............บ้ำน
= ๖๐๐ / ๑๒๐
๘๗. กำรจัดตั้งหมู่บ้ำนตำมมติคณะรัฐมนตรีในกรณีเป็นชุมชนห่ำงไกลก่อนที่ จะแยกหมู่บ้ำนใหม่
ชุมชนเดิมต้องมีจำนวนรำษฎรไม่น้อยกว่ำ..........คนหรือมีจำนวนบ้ำนไม่น้อยกว่ำ.............บ้ำน
= ๖๐๐ / ๑๒๐
๘๘. จำกข้อ ๘๗ เมื่อแยกหมู่บ้ำนใหม่แล้วหมู่บ้ำนใหม่จะต้องมีจำนวนรำษฎรไม่น้อยกว่ำ........คน
หรือมีจำนวนบ้ำนไม่น้อยกว่ำ..........บ้ำน
= ๒๐๐ / ๔๐
๘๙. กำรจัดตั้งหมู่บ้ำนตำมมติคณะรัฐมนตรีในกรณีชุมชนห่ำงไกลเมื่อแยกหมู่บ้ำนใหม่แล้วชุมชน
ใหม่ต้องห่ำงชุมชนเดิมไม่น้อยกว่ำกี่กิโลเมตร
= ไม่น้อยกว่ำ ๖ กิโลเมตร
๙๐. กำรจัดตั้งตำบลตำมมติคณะรัฐมนตรีในกรณีเป็นชุมชนหนำแน่นต้องมีจำนวนรำษฎรไม่น้อย
กว่ำ.........คน หรือมีจำนวนหมู่บ้ำนไม่น้อยกว่ำ.............หมู่บ้ำน
= ๔,๘๐๐ / ๘
๙๑. กำรจัดตั้งตำบลตำมมติคณะรัฐมนตรีในกรณีเป็นชุมชนห่ำงไกลต้องมีจำนวนรำษฎรไม่น้อย
กว่ำ......คน หรือมีจำนวนหมู่บ้ำนไม่น้อยกว่ำ........หมู่บ้ำน
= ๓,๖๐๐ / ๖
๙๒. พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ฉบับที่ ๑๑ ประเทศในรำชกิจจำนุเบกษำเมื่อใด และมีผลใช้
บังคับเมื่อใด
= ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเมื่อวันที่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๑ มีผลใช้บังคับเมื่อพ้น
กำหนด ๖๐ วันนับแต่วันประกำศฯ คือวันที่ ๖ เมษำยน ๒๕๕๑
๙๓. ผู้ใหญ่บ้ำนจะต้องได้รับกำรประเมินผลกำรปฏิบัติหน้ำที่ซึ่งต้องทำอย่ำงน้อยกี่ปีต่อครั้ง
= ทุก ๕ ปีนับแต่วันที่ได้รับกำรแต่งตั้ง
๙๔. ผู้ใหญ่บ้ำนของหมู่บ้ำนชั่วครำวเรียกว่ำอะไร
= ว่ำที่ผู้ใหญ่บ้ำน
๙๕. ผู้มีหน้ำที่ช่วยเหลือนำยอำเภอในกำรปฏิบัติหน้ำที่และเป็นหัวหน้ำรำษฎรในหมู่บ้ำนของตน
= ผู้ใหญ่บ้ำน
๙๖. องค์กรใดเป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบในกำรบูรณำกำรจัดทำแผนพัฒนำหมู่บ้ำนและบริหำร
จัดกำรกิจกรรมที่ดำเนินงำนในหมู่บ้ำนร่วมกับองค์กรอื่นทุกภำคส่วน
= คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
509
7. ใครเป็นนำยทะเบียนท้องถิ่น
ก. ปลัดเทศบำล
ข. ผู้อำนวยกำรเขต
ค. ปลัดเมืองพัทยำ
ง. ถูกทุกข้อ
8. ข้อมูลใดมิใช่ข้อมูลทะเบียนประวัติรำษฎร
ก. ชื่อสกุล
ข. ศำสนำ
ค. สถำนะสมรส
ง. รำยได้
9. เด็กในสภำพแรกเกิดหรือเด็กอ่อน หมำยถึง เด็กเกิดใหม่ที่มีอำยุไม่เกินกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 25 วัน
ค. 28 วัน
ง. 30 วัน
10. กำรสร้ำงบ้ำนใหม่เจ้ำบ้ำนต้องแจ้งต่อนำยทะเบียนภำยในกี่วัน
ก. 10วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
11. นำยทะเบียนต้องกำหนดเลขหมำยประจำบ้ำนให้แก่บ้ำนที่อยู่นอกเขตเทศบำลภำยในกี่วัน
ก. 10 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
12. กำรรื้อบ้ำนซึ่งมีเลขประจำบ้ำนโดยไม่ประสงค์จะปลูกบ้ำนในที่ดินนั้นอีกต้องแจ้งต่อนำย
ทะเบียนภำยในกี่วัน
ก. 10 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
13. ทะเบียนบ้ำนแบบใดใช้ลงรำยกำรของคนที่มีสัญชำติไทย
ก. ท.ร. 10
ข. ท.ร. 12
512
ค. ท.ร. 13
ง. ท.ร. 14
14. ทะเบียนบ้ำนแบบใดใช้ลงรำยกำรทะเบียนของคนที่เข้ำเมืองโดยชอบด้วยกฎหมำยแต่อยู่ใน
ลักษณะชั่วครำว
ก. ท.ร. 10
ข. ท.ร. 12
ค. ท.ร. 13
ง. ท.ร. 14
15. กำรย้ำยแพที่อยู่อำศัยไปอยู่ประจำที่อื่น เจ้ำบ้ำนต้องแจ้งกำรย้ำยออกนับแต่วันครบกำหนดกี่
วัน
ก. 90 วัน
ข. 120วัน
ค. 180วัน
ง. 210วัน
16. คนเกิดในบ้ำนต้องแจ้งนำยทะเบียนท้องที่ภำยในเวลำใด
ก. 24 ชั่วโมง
ข. 7วัน
ค. 15วัน
ง. 30วัน
17. เมื่อพบเด็กอ่อนถูกทิ้งจะต้องนำเด็กส่งและแจ้งต่อใคร
ก. พนักงำนฝ่ำยปกครอง
ข. ตำรวจ
ค. เจ้ำหน้ำที่ประชำสงเครำะห์
ง. ถูกทุกข้อ
18. คนตำยในบ้ำนต้องแจ้งนำยทะเบียนภำยในเวลำเท่ำใด
ก. 24 ชั่วโมง
ข. 48 ชั่วโมง
ค. 3 วัน
ง. 5 วัน
19. คนตำยนอกบ้ำนผู้พบศพต้องแจ้งต่อนำยทะเบียนภำยในเวลำเท่ำใด
ก. 24 ชั่วโมง
ข. 48 ชั่วโมง
ค. 3 วัน
ง. 5 วัน
513
26. กำรจำหน่ำยชื่อตำมข้อใดเป็นอำนำจของนำยทะเบียนอำเภอ
ก. บุคคลมีชื่อและรำยกำรบุคคลในทะเบียนบ้ำนเกินกว่ำ 1 แห่ง
ข. สำนักทะเบียนกลำงสั่งกำรเฉพำะรำยให้จำหน่ำยชื่อและรำยบุคคล
ค. เจ้ำบ้ำนแจ้งว่ำบุคคลที่มีชื่อและรำยกำรบุคคลในทะเบียนบ้ำนได้ตำยแล้วและยังไม่ได้
จำหน่ำยชื่อออก
ง. ถูกทุกข้อ
27. ข้อใดเป็นอำนำจของนำยทะเบียนอำเภอในกำรแก้ไขเปลี่ยนแปลงรำยกำรในเอกสำรกำร
ทะเบียนรำษฎร
ก. ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรำยกำรในเอกสำรกำรทะเบียนรำษฎรโดยมีเอกสำรรำชกำร
ข. ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรำยกำรในเอกสำรกำรทะเบียนรำษฎรรำยกำรสัญชำติ
ค. สำนักทะเบียนกลำงตรวจพบข้อผิดพลำดและสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้อง
ง. ถูกทุกข้อ
28. ผู้มีส่วนได้เสียที่สำมำรถขอคัดหรือรับรองสำเนำรำยกำรทะเบียนรำษฎรได้แก่ใคร
ก. เจ้ำบ้ำน
ข. ผู้มีชื่อหรือรำยกำรบุคคลปรำกฏในเอกสำรที่จะขอคัด
ค. บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับเอกสำร
ง. ถูกทุกข้อ
29. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรเปรียบเทียบคดีควำมผิดเกี่ยวกับทะเบียนรำษฎร
ก. นำยทะเบียนอำเภอ/นำยทะเบียนท้องถิ่น เป็นผู้มีอำนำจเปรียบเทียบ
ข. ผู้ต้องหำยินยอมให้เปรียบเทียบปรับได้
ค. หำกผู้ต้องหำไม่ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ ให้แจ้งพนักงำนสอบสวนดำเนินคดี
ง. ถูกทุกข้อ
30. ใครเป็นนำยทะเบียนประจำสำนักทะเบียนจังหวัด
ก. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข. อธิบดีกรมกำรปกครอง
ค. ปลัดกรุงเทพมหำนคร
ง. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
31. ข้อมูลประเภทใดของบุคคลที่จัดเก็บไว้ในข้อมูลทะเบียนประวัติรำษฎรได้
ก. รำยได้
ข. วุฒิกำรศึกษำ
ค. กำรชำระภำษี
ง. ประวัติอำชญำกรรม
515
32. เจ้ำบ้ำนตำมกฎหมำยทะเบียนรำษฎรคือใคร
ก. เจ้ำของบ้ำน
ข. ผู้มีหน้ำที่ดูแลบ้ำน
ค. ผู้เป็นหัวหน้ำครอบครัว
ง. ผู้เป็นหัวหน้ำครอบครองบ้ำน
33. เมื่อมีคนเกิดในบ้ำน ต้องแจ้งต่อนำยทะเบียนภำยในเวลำเท่ำใด
ก. 12 ชั่วโมง นับแต่เวลำเกิด
ข. 24ชั่วโมง นับแต่เวลำเกิด
ค. 3 วัน นับแต่เวลำเกิด
ง. 5 วัน นับแต่เวลำเกิด
34. เมื่อมีคนตำยในบ้ำน ใครมีหน้ำที่แจ้งต่อนำยทะเบียน
ก. เจ้ำบ้ำน
ข. ทำยำทของผู้ตำย
ค. บุพกำรีของผู้ตำย
ง. บิดำ มำรดำของผู้ตำย
35. เมื่อผู้อยู่ในบ้ำนย้ำยที่อยู่ออกจำกบ้ำน ต้ องแจ้งกำรย้ำยออกต่อนำยทะเบียนภำยในเวลำกี่วัน
นับแต่วันที่อยู่ในบ้ำนย้ำยออก
ก. 3 วัน
ข. 5 วัน
ค. 7 วัน
ง. 15 วัน
36. นำย ก. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้ำนฉบับหนึ่ง ดังนี้ ตำมกฎหมำยทะเบียนรำษฎร นำย ก. ต้อง
สันนิษฐำนตำมข้อใด
ก. เกิด ณ ที่นั้น
ข. เป็นเจ้ำบ้ำน
ค. เป็นเจ้ำของบ้ำน
ง. อยู่และมีภูมิลำเนำ ณ ที่นั้น
37. ในกำรสำรวจตรวจสอบทะเบีย นรำษฎรเพื่ อประโยชน์ข องกำรทะเบีย นรำษฎรนั้น นำย
ทะเบียนหรือผู้ที่นำยทะเบียนมอบหมำยมี อำนำจเข้ ำไปในบ้ำ นเพื่อสำรวจตรวจสอบทะเบีย น
รำษฎรเท่ำที่จำเป็นได้ ในระหว่ำงเวลำใด
ก. 9.00 – 12.00 นำฬิกำ
ข. 9.00 – 16.30นำฬิกำ
ค. 13.00 – 16.30นำฬิกำ
ง. พระอำทิตย์ขึ้นและพระอำทิตย์ตก
516
ง. 5 วัน นับแต่เวลำตำย
45. นำยทะเบียนจะรับแจ้งกำรย้ำยออกจำกบ้ำนเฉพำะกรณีบุคคลตำมข้อใด
ก. บุคคลที่มีบัตรประจำตัวประชำชน
ข. บุคคลที่มีชื่อและรำยกำรตำมทะเบียนบ้ำน
ค. บุคคลที่มีชื่อและรำยกำรตำมทะเบียนบ้ำนกลำง
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
46. ทะเบียนบ้ำนเป็นเอกสำรที่แสดงถึงอะไร
ก. เลขประจำบ้ำน
ข. ลักษณะของบ้ำน
ค. บุคคลที่อยู่ในบ้ำน
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก
47. กำรสำรวจตรวจสอบทะเบียนรำษฎรเพื่อประโยชน์ของกำรทะเบียนรำษฎรนั้น ต้องตรำเป็น
อะไร
ก. กฎกระทรวง
ข. พระรำชบัญญัติ
ค. พระรำชกำหนด
ง. พระรำชกฤษฎีกำ
48. กำรที่ผู้มีหน้ำที่ไม่แจ้งตำยต่อนำยทะเบียนเมื่อมีคนตำยในบ้ำน ต้องระวำงโทษตำมข้อใด
ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน
ข. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
ค. ปรับไม่เกิน 500 บำท
ง. ปรับไม่เกิน 1,000 บำท
49. ควำมผิดที่มีอัตรำโทษตำมข้อใด นำยทะเบียนมีอำนำจเปรียบเทียบได้
ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน
ข. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
ค. ปรับไม่เกิน 500 บำท
ง. จำคุกไม่เกิน 1 เดือนและปรับไม่เกิน 500 บำท
50. คนเกิดนอกบ้ำนต้องแจ้งต่อนำยทะเบียนแห่งท้องที่ภำยในกี่วัน
ก. 24 ชั่วโมง
ข. 7 วัน
ค. 15 วัน
ง. 30 วัน
51. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชำชน
ก. เป็นเอกสำรที่ทำงรำชกำรออกให้เฉพำะบุคคลสัญชำติไทย
518
ข. ออกให้แก่ผู้มีอำยุตั้งแต่ 15 – 70 ปีบริบูรณ์
ค. เพื่อใช้พิสูจน์ทรำบตัวบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
52. ข้อใดเป็นอำนำจหน้ำที่ของนำยอำเภอเกี่ยวกับงำนด้ำนบัตรประจำตัวประชำชน
ก. พิจำรณำอนุมัติกำรขอมีบัตรใหม่
ข. เปรียบเทียบควำมผิดเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชำชนที่มีโทษปรับสถำนเดียว
ค. เป็นเจ้ำพนักงำนตรวจบัตร
ง. ถูกทุกข้อ
53. บุคคลตำมข้อใดได้รับยกเว้นไม่ต้องขอมีบัตรประจำตัวประชำชน
ก. องคมนตรี
ข. ข้ำรำชกำรพลเรือน
ค. ข้ำรำชกำรครู
ง. ถูกทุกข้อ
54. จำกข้อ 681. หำกพ้นสภำพจำกกำรได้รับกำรยกเว้น บุคคลเหล่ำนั้นจะต้องยื่นคำขอมีบัตร
ประจำตัวประชำชนภำยในกี่วัน
ก. 30วัน
ข. 45วัน
ค. 60วัน
ง. 90วัน
55. เหตุของกำรขอมีบัตรประจำตัวประชำชนใหม่คือข้อใด
ก. บัตรหำย
ข. กำรมีบัตรครั้งแรก
ค. บัตรชำรุด
ง. เปลี่ยนชื่อตัวและชื่อสกุลใหม่
56. เหตุของกำรขอเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชำชนคือข้อใด
ก. บัตรหำย
ข. กำรมีบัตรครั้งแรก
ค. บัตรชำรุด
ง. เปลี่ยนชื่อตัวและชื่อสกุลใหม่
57. กำรขอมีบัตรประจำตัวประชำชนใหม่ต้องยื่นคำขอภำยในกี่วัน
ก. 30วัน
ข. 45 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90วัน
519
58. อำยุกำรใช้บัตรประจำตัวประชำชนมีกี่ปี
ก. 4 ปี
ข. 5 ปี
ค. 6 ปี
ง. 7 ปี
59. ผู้ขอมีบัตรประจำตัวประชำชนที่มีอำยุเท่ำใด ที่ในบัตรจะระบุข้อควำมวันหมดอำยุว่ำ “ใช้ได้
ตลอดชีพ”โดยไม่ต้องขอมีบัตรใหม่อีก
ก. 60 ปี ขึ้นไป
ข. 64 ปี ขึ้นไป
ค. 65 ปี ขึ้นไป
ง. 70 ปี ขึ้นไป
60. ชื่อตัว หมำยควำมว่ำอย่ำงไร
ก. ชื่อประจำบุคคล
ข. ชือ่ ประกอบถัดจำกชื่อตัว
ค. ชื่อประจำวงศ์สกุล
ง. ไม่มีข้อถูก
61. ชื่อรอง หมำยควำมว่ำอย่ำงไร
ก. ชื่อประจำบุคคล
ข. ชื่อประกอบถัดจำกชื่อตัว
ค. ชื่อประจำวงศ์สกุล
ง. ไม่มีข้อถูก
62. ชื่อสกุล หมำยควำมว่ำอย่ำงไร
ก. ชื่อประจำบุคคล
ข. ชื่อประกอบถัดจำกชื่อตัว
ค. ชื่อประจำวงศ์สกุล
ง. ไม่มีข้อถูก
63. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับชื่อตัว
ก. ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมำยให้คล้ำยกับพระปรมำภิไธย
ข. ต้องไม่มีคำหรือควำมหมำยหยำบคำย
ค. ต้องมีพยัญชนะไม่เกินกว่ำ 10 พยัญชนะ
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
64. ชื่อสกุลต้องมีพยัญชนะไม่เกินกว่ำกี่พยัญชนะ
ก. 10 พยัญชนะ
ข. 12 พยัญชนะ
520
ค. 15 พยัญชนะ
ง. 20 พยัญชนะ
65. นำยทนงศักีด์ สมรสกับ นำงสำวศรีประไพ จะต้องใช้ชื่อสกุลอย่ำงไร
ก. ใช้ชื่อสกุลของนำยทนงศักีเพีด์ ยงอย่ำงเดียว
ข. ต่ำงฝ่ำยต่ำงใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
ค. แล้วแต่ 2 ฝ่ำยจะตกลงกัน
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
66. นำยดียิ่ง ยื่นคำขอตั้งชื่อสกุลใหม่ แต่นำยทะเบียนสั่งไม่รับจดทะเบียนชื่อสกุล นำยดียิ่ง มีสิทธิ
อุทธรณ์คำสั่งของนำยทะเบียนแต่รัฐมนตรีภำยในกี่วัน
ก. 7วัน
ข. 15วัน
ค. 30 วัน
ง. 60วัน
67. กำรออกหนังสือสำคัญแสดงกำรเปลี่ยนชื่อตัว ต้องเสียค่ำธรรมเนียมฉบับละกี่บำท
ก. 50 บำท
ข. 100 บำท
ค. 200 บำท
ง. 500 บำท
68. กำรออกหนังสือสำคัญแสดงกำรรับจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล ต้องเสียค่ำธรรมเนียมฉบับละกี่บำท
ก. 50 บำท
ข. 100 บำท
ค. 200 บำท
ง. 500 บำท
69. กำรออกหนังสือสำคัญแสดงกำรรับจดทะเบี ยนเปลี่ยนชื่อสกุล เพรำะเหตุสมรสและเป็นกำร
เปลี่ยนแปลงครั้งแรกภำยหลังจดทะเบียนสมรส ต้องเสียค่ำธรรมเนียมฉบับละกี่บำท
ก. 50 บำท
ข. 100 บำท
ค. 200 บำท
ง. ไม่ต้องเสียค่ำธรรมเนียม
70. ใครที่ไม่ต้องขอมีบัตรประจำตัวประชำชน
ก. นำยไก่ มีสัญชำติไทยอำยุ 15 ปีบริบูรณ์
ข. นำยไข่ มีสัญชำติไทยอำยุ 60ปีบริบูรณ์
ค. นำยขวด มีสัญชำติไทยอำยุ 70 ปีบริบูรณ์
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
521
71. งำนทะเบียนหมำยถึงข้อใด
ก. กำรจดบันทึกรำยกำรไว้
ข. เพื่อควำมสมบูรณ์ของกฎหมำย
ค. เพื่อเป็นหลักฐำน
ง. ถูกทุกข้อ
72. ข้อใดเป็นควำมสำคัญของงำนทะเบียนด้ำนกำรปกครอง
ก. ใช้ในกำรจัดตั้งจังหวัด อำเภอ หรือกำรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข. ใช้ในกำรส่งเสริมอำชีพรำษฎร
ค. ใช้ในกำรเคลื่อนย้ำยประชำกร
ง. ถูกทุกข้อ
73. ข้อใดเป็นงำนทะเบียนทั่วไปอยู่ในควำมรับผิดชอบของกรมกำรปกครอง
ก. ทะเบียนอำวุธปืน
ข. ทะเบียนนิติกรรม
ค. ทะเบียนสุสำนและฌำปนสถำน
ง. ถูกทุกข้อ
74. ข้อใดเป็นควำมสำคัญของงำนทะเบียนด้ำนกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม
ก. ใช้เป็นหลักกำรวำงแผนพัฒนำธุรกิจอุตสำหกรรมต่ำงๆ
ข. ใช้ในกำรจัดตั้งจังหวัด อำเภอ หรือกำรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. ใช้เป็นกำรแยกตัวบุคคลต่ำงด้ำวออกจำกคนสัญชำติไทย
ง. ใช้ในกำรจัดสรรงบประมำณ
75. พินัยกรรมมีกี่แบบ
ก. 2 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 4 แบบ
ง. 5 แบบ
76. อำเภอมีหน้ำที่เกี่ยวข้องกับพินัยกรรมกี่แบบ
ก. 2 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 4 แบบ
ง. 5 แบบ
77. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับพินัยกรรมแบบทำเป็นเอกสำรฝ่ำยเมือง
ก. ต้องมีพยำน 2 คน
ข. ให้นำยอำเภอลงลำยมือชื่อ วันเดือนปี แล้วประทับตรำตำแหน่งไว้เป็นสำคัญ
ค. ไม่จำเป็นต้องทำในที่ว่ำกำรอำเภอ
522
ง. ถูกทุกข้อ
78. กำรลงลำยมือชื่อควบรอยผนึกซองพินัยกรรมเป็นขั้นตอนกำรทำพินัยกรรมแบบใด
ก. พินัยกรรมแบบเอกสำรฝ่ำยเมือง
ข. พินัยกรรมแบบธรรมดำ
ค. พินัยกรรมทำเป็นเอกสำรลับ
ง. พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ
79. เมื่อมีพฤติกำรณ์พิเศษซึ่งบุคคลใดไม่สำมำรถทำพินัยกรรมแบบอื่นที่กฎหมำยกำหนดไว้ได้
จะต้องทำพินัยกรรมแบบใด
ก. พินัยกรรมแบบเอกสำรฝ่ำยเมือง
ข. พินัยกรรมแบบธรรมดำ
ค. พินัยกรรมทำเป็นเอกสำรลับ
ง. พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ
80. กำรตัดทำยำทโดยธรรมมิให้รับมรดกมีกี่วิธี
ก. 1 วิธี
ข. 2 วิธี
ค. 3 วิธี
ง. 4 วิธี
81. แบบพิมพ์ที่ใช้ในกำรปฏิบัติงำนทะเบียนพินัยกรรมมีทั้งหมดกี่แบบ
ก. 5 แบบ
ข. 6 แบบ
ค. 8 แบบ
ง. 10 แบบ
82. กำรสละมรดกทำได้กี่วิธี
ก. 1 วิธี
ข. 2 วิธี
ค. 3 วิธี
ง. 4 วิธี
83. ทะเบียนชื่อบุคคลไม่หมำยถึงชื่อในข้อใด
ก. ชื่อตัว
ข. ชื่อเล่น
ค. ชื่อรอง
ง. ชื่อสกุล
523
84. แบบพิมพ์ที่ใช้ในกำรปฏิบัติงำนทะเบียนชื่อบุคคลมีกี่แบบ
ก. 3 แบบ
ข. 4แบบ
ค. 5แบบ
ง. 6แบบ
85. บุคคลตำมข้อใดเป็นนำยทะเบียนชื่อบุคคล
ก. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข. นำยอำเภอ
ค. ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ำประจำกิ่งอำเภอ
ง. ถูกทุกข้อ
86.สิ ทธิ ใ นสั ญ ชำติ ไ ทยซึ่ ง รั ฐไทยก ำหนดเงื่ อ นไขขึ้ น ในกฎหมำยว่ ำ ด้ ว ยสั ญ ชำติ มี กี่ ห ลั ก กำร
อะไรบ้ำง
ก. 2 หลักกำร คือ กำรได้สัญชำติไทยโดยกำรเกิด และ กำรได้สัญชำติไทยภำยหลังกำร
เกิด
ข. 2 หลักกำร คือ กำรได้สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักสืบสำยโลหิต และ กำรได้
สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักดินแดน
ค.2 หลักกำร คือ กำรได้สัญชำติไทยภำยหลังกำรเกิด และ กำรได้สัญชำติไทยโดยกำร
แปลงสัญชำติ
ง. 2 หลักกำร คือ กำรได้สัญชำติไทยโดยกำรเกิด และ กำรได้สัญชำติไทยโดยกำรสมรส
87. ข้อใด ไม่ใช่ สิทธิในสัญชำติไทยภำยหลังกำรเกิด
ก. สัญชำติไทยโดยกำรสมรส
ข. สัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ
ค. สัญชำติไทยโดยหลักสืบสำยโลหิต
ง. เป็นสิทธิในสัญชำติไทยภำยหลังกำรเกิดทุกข้อ
88.สัญ ชำติไ ทยภำยหลั ง กำรเกิด สำมำรถแบ่ ง ได้ เป็น 2 กรณี คื อ สั ญ ชำติ ไ ทยโดยกำรสมรส
(Marriage) และ สัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ (Naturalization)ข้อใดเป็นสิทธิในสัญชำติไทย
ภำยหลังกำรเกิด
ก. สัญชำติไทยโดยกำรสมรส สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักดินแดน
ข. สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักสืบสำยโลหิต สัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ
ค. สัญชำติไทยโดยกำรสมรส สัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ
ง. สัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักสืบสำยโลหิต
89. ข้อใดเป็นสิทธิในสัญชำติไทยโดยกำรเกิด
ก. สัญชำติไทยโดยกำรสมรส สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักดินแดน
ข. สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักสืบสำยโลหิต สัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ
524
ค. สัญชำติไทยโดยกำรสมรส สัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ
ง. สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักสืบสำยโลหิต สัญชำติไทยโดยกำรเกิดโดยหลักดินแดน
90. ข้อใดเป็นข้อเท็จจริงที่ใช้ในกำรพิสูจน์ว่ำบุคคลนั้นมีสิทธิในสัญชำติไทยโดยกำรแปลงสัญชำติ
ภำยใต้กฎหมำยว่ำด้วยสัญชำติฉบับปัจจุบัน
ก. กำรพิ สู จ น์ ว่ ำ บุ ค คลนั้ น เป็ น คนต่ ำ งด้ ำ วที่ บ รรลุ นิ ติ ภ ำวะและมี ค วำมกลมกลื น กั บ
สังคมไทยแล้ว
ข. กำรพิสูจน์ว่ำบุคคลนั้นคนต่ำงด้ำวที่บรรลุนิติภำวะและทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ
ไทย
ค. กำรพิสูจน์ถึงกำรมีอำชีพเป็นหลักฐำน
ง. ถูกทุกข้อ
91. จำกข้อ90 ข้อใดไม่ถูกต้องในกำรพิสูจน์ว่ำบุคคลนั้นมีสิทธิในสัญชำติไทยโดยกำรแปลง
สัญชำติภำยใต้กฎหมำยว่ำด้วยสัญชำติฉบับปัจจุบัน
ก. กำรพิสูจน์ถึงกำรมีควำมรู้ภำษำไทยตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง
ข. กำรพิสูจน์ถึงควำมประพฤติดี
ค. กำรพิสูจน์ถึงกำรภูมิลำเนำในประเทศไทยต่อเนื่องไม่น้อยกว่ำ 3 ปี
ง. กำรพิสูจน์ถึงกำรภูมิลำเนำในประเทศไทยต่อเนื่องไม่น้อยกว่ำ 5 ปี
92. ข้อเท็จจริงใดที่ต้องถูกพิสูจน์ให้เห็นถึงเงื่อนไขที่จะทำให้หญิงต่ำงด้ำวมีสิทธิในสัญชำติไทยโดย
กำรสมรสภำยใต้กฎหมำยว่ำด้วยสัญชำติในปัจจุบัน
ก. กำรมีสัญชำติไทยของสำมี
ข. กำรเป็นภรรยำที่ถูกต้องตำมกฎหมำยของสำมีสัญชำติไทยในขณะที่ร้องขอสัญชำติ
ค. กำรพิสูจน์ถึงกำรมีควำมรู้ภำษำไทยตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
93. แนวคิดในเรื่องวิธีกำรพิสูจน์สิทธิในสัญชำติไทยของประเทศไทยปรำกฏอยู่ในกฎหมำยใด
ก. กฎหมำยว่ำด้วยลักษณะพยำน
ข. กฎหมำยคนเข้ำเมือง
ค. กฎหมำยว่ำด้วยกำรทะเบียนรำษฎร
ง. ถูกทุกข้อ
94. ตำมหลักกำรของกฎหมำยว่ำด้วยลักษณะพยำน ได้กำหนดพยำนที่สำมำรถนำมำใช้ในกำร
พิสูจน์สิทธิในสัญชำติ มีกี่ประเภท
ก. 4 ประเภท
ข. 3 ประเภท
ค. 2 ประเภท
ง. 5 ประเภท
525
12. เรือขนำดใดที่จะต้องจดทะเบียนกำรทำนิติกรรมต่อเจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยปกครอง
ก. เรือกำปั่น หรือเรือที่มีระวำงตั้งแต่ 6-20 ตัน
ข. เรือลำน้ำที่ใช้เรือกลขนำดตั้งแต่ 6-50 ตัน
ค. เรือกลขนำดตั้งแต่ 5-10 ตัน
ง. ถูกทุกข้อ
13. กำรย้ำยสัตว์พำหนะจะต้องไปแจ้งต่อนำยทะเบียนท้องที่ใหม่ภำยในกี่วัน
ก. 3 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
14. แบบพิมพ์ที่ใช้ในกำรปฏิบัติงำนของทะเบียนสัตว์พำหนะมีกี่แบบ
ก. 15 แบบ
ข. 20 แบบ
ค. 21 แบบ
ง. 23 แบบ
15. นำยทะเบียนสัตว์พำหนะคือใคร
ก. นำยอำเภอ
ข. กำนัน
ค. ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ำประจำกิ่งอำเภอ
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก
16. แบบพิมพ์ที่ใช้ในกำรปฏิบัติงำนทะเบียนมัสยิดอิสลำมมีกี่แบบ
ก. 1 แบบ
ข. 2 แบบ
ค. 3 แบบ
ง. 4 แบบ
17. ใครสำมำรถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิดได้
ก. อิหม่ำม
ข. คอเต็บ
ค. บิหลั่น
ง. ถูกทุกข้อ
18. พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ตำมพระรำชบัญญัติมัสยิดอิสลำม พ.ศ. 2490 หมำยถึงใคร
ก. ผู้ใหญ่บ้ำน
ข. กำนัน
ค. อิหม่ำม
529
ง. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
19. ใครไม่ใช่คณะกรรมกำรสอดส่องพฤติกำรณ์ของสมำคม
ก. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข. ปลัดจังหวัด
ค. อัยกำรจังหวัด
ง. ผู้กำกับกำรตำรวจจังหวัด
20. สมำคมหมำยถึงอะไร
ก. กำรรวมตัวของกลุ่มบุคคลเพื่อกระทำกำรใดๆเป็นต่อเนื่อง
ข. กำรกระทำนั้นต้องไม่ใช่เป็นกำรหำกำไร หรือหำรำยได้
ค. ต้องจดทะเยนเป็นนิติบุคคล
ง. ถูกทุกข้อ
21. หน่วยงำนที่รับผิดชอบทะเบียนสมำคมคือหน่วยงำนใด
ก. สำนักงำนตำรวจแห่งชำติ
ข. กรมกำรปกครอง
ค. กระทรวงมหำดไทย
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
22. แบบพิมพ์ที่ใช้ในกำรปฏิบัติงำนทะเบียนสมำคมมีกี่แบบ
ก. 1 แบบ
ข. 2 แบบ
ค. 3 แบบ
ง. 4 แบบ
23. กำรได้รับอนุญำตให้ดำเนินกำรสุสำนและฌำปนสถำนผู้ได้รับอนุญำตจะได้รับอนุญำตครั้งละกี่
ปี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 4 ปี
24. หำกไม่ได้รับอนุญำตให้ดำเนินกำรสุสำนและฌำปนสถำนสำมำรถอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้
ภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
530
25. งำนทะเบียนมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคืออะไร
ก. เพื่อเป็นเอกสำรทำงกฎหมำย
ข. เพื่อเป็นข้อมูลทำงสถิติ
ค. เพื่อรักษำสิทธิ์และหน้ำที่ของรำษฎร
ง. ถูกทุกข้อ
26. ข้อใดมิใช่สว่ นของอำวุธปืน
ก. ลูกกระสุน
ข. ลำกล้อง
ค. เครื่องลูกเลื่อน
ง. ซองกระสุน
27. ผู้ใดมิใช่เจ้ำพนักงำนที่มีอำนำจออกหนังสืออนุญำตให้ย้ำยวัตถุระเบิด
ก. ผู้บัญชำกำรตำรวจแห่งชำติ
ข. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ค. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ง. นำยอำเภอ
28. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก. กระสุนโดดปืนยำวทุกชนิด อนุญำตให้นำเข้ำได้ครำวละไม่เกิน 200 นัด
ข. กระสุนปืนพกทุกชนิด อนุญำตให้นำเข้ำได้ครำวละไม่เกิน 50 นัด
ค. กระสุนปืนลูกซองแบ่งเป็น 5 ขนำด
ง. ไม่มีข้อใดถูก
29. ทะเบียนอำวุธปืนหมำยควำมรวมถึงข้อใด
ก. วัตถุระเบิด
ข. ดอกไม้เพลิง
ค. สิ่งเทียมอำวุธปืน
ง. ถูกทุกข้อ
30. ร้ำนอำวุธปืนจะมีอำวุธปืนสั้นสำหรับกำรค้ำหมุนเวียนทดแทนกันได้ไม่เกินกี่กระบอก
ก. ไม่เกินใบอนุญำตละ 30 กระบอก
ข. ไม่เกินใบอนุญำตละ 40 กระบอก
ค. ไม่เกินใบอนุญำตละ 50 กระบอก
ง. ไม่เกินใบอนุญำตละ 100 กระบอก
31. ทะเบียนอำวุธปืนไม่หมำยควำมรวมถึงข้อใด
ก. อำวุธปืนที่ใช้ในรำชกำรทหำร
ข. อำวุธปืนที่ใช้ในรำชกำรตำรวจ
ค. ดอกไม้เพลิงหลังสัญญำณประจำเรือเดินทะเล
531
ง. ถูกทุกข้อ
32. กรณีที่ขออนุญำตมีอำวุธปืนติดตัวทั่วรำชอำณำจักรใครเป็นผู้อนุญำต
ก. ผู้บัญชำกำรตำรวจแห่งชำติ
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. อธิบดีกรมกำรปกครอง
ง. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
33. แบบพิมพ์ในกำรปฏิบัติงำนของทะเบียนอำวุธปืนมีกี่แบบ
ก. 7 แบบ
ข. 12 แบบ
ค. 14 แบบ
ง. 15 แบบ
34. นำยทะเบียนจะออกใบอนุญำตให้บุคคลทำวัตถุระเบิดได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เว้นแต่เพื่อควำมสงบเรียบร้อยของประชำชน
ข. ได้ โดยได้รับอนุมัติจำกผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ค. ไม่ได้ เว้นแต่มีเหตุอันสมควร
ง. ได้ โดยได้รับอนุมัติจำกรัฐมนตรี
35. จุดประสงค์ในกำรออกใบอนุญำตให้มีอำวุธปืนคือข้อใด
ก. เพื่อรักษำควำมสงบเรียบร้อย
ข. ป้องกันตัวหรือกำรกีฬำ
ค. เพื่อล่ำสัตว์เท่ำนั้น
ง. เพื่อควำมปลอดภัยของตนเองและบุคคลภำยนอก
36. กำรขออนุญำตมีและใช้อำวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของบุคคลทั่วไป ผู้ขอต้องมีชื่ออยู่ใน
ทะเบียนบ้ำนที่นำไปประกอบกำรขออนุญำตไม่น้อยกว่ำกี่เดือน
ก. ไม่น้อยกว่ำ 6 เดือน
ข. ไม่น้อยกว่ำ 5 เดือน
ค. ไม่น้อยกว่ำ 4 เดือน
ง. ไม่น้อยกว่ำ 3 เดือน
37. ใบอนุญำตให้ค้ำดอกไม้เพลิงมีอำยุใช้ได้กี่ปี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. ใช้ได้ตลอดไปจนกว่ำจะเปลี่ยนแปลง
532
50. ใบอนุญำตให้ซื้ออำวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนมีอำยุเท่ำใดนับแต่วันออก
ก. 1 เดือน
ข. 2 เดือน
ค. 3 เดือน
ง. 6 เดือน
51. กรณีนำเข้ำวัตถุระเบิดสำหรั บกำรค้ำ หำกผู้นำเข้ำไม่นำใบอนุญำตให้มีและใช้มำรับเอำไป
ภำยในกำหนดเวลำ
เท่ำใด ให้วัตถุระเบิดนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
ก. 3 เดือน
ข. 6 เดือน
ค. 1 ปี
ง. 2 ปี
52. ข้อใดถือเป็นกำรโอนอำวุธปืนตำมพระรำชบัญญัติอำวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มำตรำ 59
ก. จำนำ
ข. ให้เช่ำ
ค. แลกเปลี่ยน
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
53. กรณีใบอนุญำตสูญหำย ผู้รับใบอนุญำตต้องยื่นคำขอรับใบแทนอนุญำตต่อนำยทะเบียนท้องที่
ภำยในเวลำ
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 10 วัน
ง. 7 วัน
54. ข้อ ใดมิใช่วัตถุประสงค์ของพระรำชบัญญัติอำวุธปืนฯ พ.ศ. 2490
ก. เพื่อจัดระเบียบกำรมีและกำรใช้อำวุธปืน
ข. เพื่อเพิ่มอัตรำโทษให้สูงขึ้นโดยไม่ต้องใช้ดุลพินิจ
ค. เพื่อให้รัฐวิสำหกิจต่ำงๆ สำมำรถมีและใช้อำวุธปืนได้ตำมควำมเหมำะสม
ง. เพื่อรักษำควำมสงบสุขและลดจำนวนควำมรุนแรงในกำรก่ออำชญำกรรม
55. ตำมพระรำชบัญญัติอำวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มิให้ใช้ ข้อบังคับกับดอกไม้เพลิงสัญญำณประจำ
สิ่งใด
ก. สนำมบิน
ข. อำกำศยำน
ค. เรือเดินทะเล
ง. ถูกทุกข้อ
535
56. ดอกไม้เพลิงหมำยรวมถึงข้อใด
ก. พลุ
ข. ประทัดไฟ
ค. ประทัดลม
ง. ถูกทุกข้อ
57. กำรพำอำวุธปืนติดตัวเข้ำไปในที่ใดไม่เป็นควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติอำวุธปืนฯ พ.ศ. 2490
มำตรำ 8 ทวิวรรคหนึ่ง
ก. ในเมือง
ข. ในหมู่บ้ำน
ค. ในเขตทีด่ ินของตนเอง
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
58. ข้อใดมิใช่วัตถุประสงค์ของกำรใช้อำวุธปืนที่จะออกใบอนุญำตให้ได้ตำมพระรำชบัญญัติอำวุธ
ปืนฯ พ.ศ. 2490 มำตรำ 9
ก. ใช้ในกำรวิจัย
ข. ใช้ในกำรกีฬำ
ค. ใช้ในกำรป้องกันตัว
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
59. กำรออกใบอนุญำตให้มีอำวุธปืนเพื่อเก็บนั้น จะต้องอยู่ภำยใต้เงื่อนไขประกำรใด
ก. ใช้ในกำรกีฬำ
ข. เป็นอำวุธปืนล้ำสมัย
ค. อำวุธปืนซึ่งได้รับเป็นรำงวัลจำกกำรแข่งขันยิงปืนในทำงรำชกำร
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
60. ใบอนุญำตสั่งหรือนำเข้ำอำวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนมีอำยุเท่ำใดนับแต่วันออก
ก. 1 เดือน
ข. 3เดือน
ค. 6เดือน
ง. 1 ปี
61. กรณีสั่งวัตถุระเบิดที่มิใช่สำหรับกำรค้ำ หำกผู้นำเข้ำไม่ทำใบอนุญำตให้มีและใช้มำรับเอำไป
ภำยในกำหนดเวลำเท่ำใด ให้วัตถุระเบิดนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
ก. 30 วัน
ข. 60 วัน
ค. 1 เดือน
ง. 1 ปี
536
ข. ปลำกัด
ค. ไพ่ป๊อก
ง. สลำกกินแบ่ง
75. กำรพนันตำมบัญชีใดที่ห้ำมมิให้อนุญำตจัดให้มีหรือเข้ำเล่น
ก. บัญชี ก.
ข. บัญชี ข.
ค. บัญชี ค.
ง. บัญชี ง.
76. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรพนันตำมข้อ 790.
ก. เป็นกำรพนัน
ข. ไม่เป็นสิ่งที่มอมเมำประชำชนมำกนัก
ค. ไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม
ง. ต้องมีกฎหมำยให้เล่นได้
77. กำรพนันตำมบัญชีใดที่จะพนันกันได้เมื่อมีใบอนุญำตให้จัดมีขึ้น
ก. บัญชี ก.
ข. บัญชี ข.
ค. บัญชี ค.
ง. บัญชี ง.
78. ข้อใดมิใช่กำรพนันตำมบัญชี ข.
ก. วิ่งวัวคน
ข. โยนห่วง
ค. ยิงเป้ำ
ง. ไฮโลว์
79. ข้อใดเป็นกำรพนันอื่นใดนอกจำกกำรเล่นพนันตำมบัญชี ก. และบัญชี ข.
ก. บิลเลียด
ข. ฟุตบอลโต๊ะ
ค. สลำกกินแบ่ง
ง. ว่ำยน้ำพนันกัน
80. สลำกที่จำหน่ำยแก่ผู้ถือเพื่อรับสิ่งของเป็นรำงวัลในกำรเสี่ยงโชค โดยผู้จำหน่ำยรวมเงินค่ำ
สลำกไว้ทั้งหมด มีชื่อเรียกตำมข้อใด
ก. สลำกกินแบ่ง
ข. สลำกกินรวบ
ค. สลำกเอกชน
ง. สวีป
539
81. บทสันนิษฐำนตำมกฎหมำยกำรพนันเกี่ยวกับผู้จัดให้มีกำรพนันคือข้อใด
ก. จัดเพื่อควำมบันเทิง
ข. จัดเพื่อรอกำรขออนุญำตจำกเจ้ำพนักงำน
ค. จัดเพื่อผลประโยชน์แห่งตน
ง. จัดเพื่อผู้เข้ำเล่นพนัน
82. บทสันนิษฐำนตำมกฎหมำยกำรพนันสำหรับผู้อยู่ในวงกำรเล่นพนันคือข้อใด
ก. เป็นผู้เล่นพนัน
ข. เป็นผู้จัดให้มีกำรเล่น
ค. เป็นพยำน
ง. พนันเอำเงิน
83. สิ่งใดที่สำมำรถริบได้เมื่อมีกำรจับได้ในวงกำรเล่นพนัน
ก. เครื่องมือในกำรเล่นพนัน
ข. ประกำศเกี่ยวกับกำรเล่นพนัน
ค. เอกสำรเกี่ยวกับกำรเล่นพนัน
ง. ถูกทุกข้อ
84. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกำรพนัน
ก. พนันกันได้เฉพำะเงินเท่ำนั้น
ข. พนันกันได้เฉพำะสิ่งอื่นนอกจำกเงินเท่ำนั้น
ค. เป็นกำรเล่นเสี่ยงโชค
ง. ไม่มีโทษทำงอำญำ
85. ข้อใดเป็นกำรเล่นตำมบัญชี ก.
ก. หวย ก. ข.
ข. โปปั่น
ค. ถั่ว
ง. ถูกทุกข้อ
86. ประเทศไทยเคยมีกำรอนุญำตจัดตั้งสถำนคำสิโนขึ้นที่ใด
ก. หำดใหญ่
ข. หัวหิน
ค. เบตง
ง. ขอนแก่น
87. กำรพนันตำมบัญชี ข. ต้องมีกฎหมำยในข้อใดจึงจะจัดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญำต
ก. รัฐธรรมนูญ
ข. พระรำชบัญญัติ
ค. พระรำชกำหนด
540
ง. กฎกระทรวง
88. ข้อใดเป็นกำรพนันตำมบัญชี ข.
ก. ชกมวย
ข. ชี้รูป
ค. ตกเบ็ด
ง. ถูกทุกข้อ
89. ข้อใดเป็นกำรพนันอื่นใดนอกจำกกำรเล่นพนันตำมบัญชี ก. และบัญชี ข.
ก. สล็อตแมชชีน
ข. ปั่นแปะ
ค. พนันทำยฟุตบอล
ง. ไพ่สำมใบ
90. สลำกที่จัดให้มีขึ้นเพื่อขำยให้แก่ผู้เล่นเป็นกำรเสี่ยงโชค โดยมีกำรให้รำงวัลที่แบ่งเป็นหลำย
รำงวัลแก่ผู้เล่นซึ่งถือสลำกเลขหมำยรำงวัลนี้ออกตำมวิธีกำรที่กำหนดมีชื่อเรียกตำมข้อใด
ก. สลำกกินแบ่ง
ข. สลำกกินรวบ
ค. สลำกเอกชน
ง. สวีป
91. บทสันนิษฐำนตำมกฎหมำยกำรพนันสำหรับผู้เข้ำเล่นอยู่ด้วยคือข้อใด
ก. เป็นพยำน
ข. เป็นผู้จัดให้มีกำรเล่น
ค. เพือ่ พนันเอำเงินหรือทรัพย์สิน
ง. เป็นผู้บริสุทธิ์
92. ผู้ที่ไม่อยู่ในบทสันนิษฐำนว่ำอยู่ในวงกำรเล่นพนันเป็นผู้เล่นพนันคือข้อใด
ก. ดูแลกำรเล่นในงำนรื่นเริงสำธำรณะ
ข. ดูกำรเล่นในงำนนักขัตฤกษ์
ค. ดูกำรเล่นในที่สำธำรณะสถำน
ง. ถูกทุกข้อ
93. เครื่องมือที่ใช้ในกำรเล่นพนัน ใครมีอำนำจริบได้ตำมกฎหมำย
ก. ตำรวจ
ข. กรมกำรอำเภอ
ค. ศำล
ง. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
94. สินบนนำจับ ที่ศำลจะจ่ำยให้แก่ผู้นำจับกำรเล่นพนัน คืออัตรำใด
ก. 1 ใน 3 ของจำนวนเงินค่ำปรับ
541
ข. 2 ใน 3 ของจำนวนเงินค่ำปรับ
ค. กึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่ำปรับ
ง. 3 ใน 5 ของจำนวนเงินค่ำปรับ
95. กำรเรี่ยไรตำมข้อใดต้องห้ำมตำมพระรำชบัญญัติควบคุมกำรเรี่ยไร พ.ศ.2487
ก. เรี่ยไรเพื่อรวบรวมทรัพย์สินมำให้หรือชดใช้แก่จำเลย เพื่อใช้เป็นค่ำปรับ
ข. เรี่ยไรจัดหำยุทธภัณฑ์ให้แก่ต่ำงประเทศ
ค. เรี่ยไรอันอำจเป็นเหตุกระทบกระเทือนอย่ำงรุนแรงถึงทำงสัมพันธ์ไมตรีกับต่ำงประเทศ
ง. ถูกทุกข้อ
96. บุคคลตำมข้อใดมิใช่คณะกรรมกำรควบคุมกำรเรี่ยไร
ก. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ข. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ค. ผู้แทนกระทรวงกำรคลัง
ง. ผู้แทน กระทรวงศึกษำธิกำร
97. กำรเรี่ยไรตำมข้อใด จะจัดให้มีขึ้นได้ต่อเมื่อได้รับอนุญำตจำกพนักงำนเจ้ำหน้ำที่แล้ว
ก. กำรเรี่ยไรในถนนหลวง
ข. กำรเรี่ยไรโดยกำรโฆษณำด้วยสิ่งพิมพ์
ค. กำรเรี่ยไรโดยกำรโฆษณำด้วยวิทยุกระจำยเสียง
ง. ถูกทุกข้อ
98. จำกข้อ 812.กำรเรี่ยไร ตำมข้อใดที่ไม่ต้องรับอนุญำตจำกพนักงำนเจ้ำหน้ำที่
ก. กำรเรี่ยไรซึ่งได้รับอนุญำตจำกคณะกรรมกำรควบคุมกำรเรี่ยไร
ข. กำรเรี่ยไรเพื่อกุศลสงเครำะห์ในโอกำสนี้บุคคลชุมชนกับประกอบศำสนกิจ
ค. กำรเรี่ยไร โดยขำยสิ่งของในงำนออกร้ำน
ง. ถูกทุกข้อ
99. ข้อใดไม่ใช่เงื่อนไขที่คณะกรรมกำรควบคุมกำรเรี่ยไรกำหนดเพื่อจะอนุญำตหรือไม่อนุญำตให้
มีกำรเรี่ยไร
ก. จำนวนเงินอย่ำงสูงที่ให้เรี่ยไรได้
ข. วัตถุประสงค์ของกำรเรี่ยไร
ค. กำหนดระยะเวลำกำรเรี่ยไร
ง. ใช้เก็บรักษำและทำบัญชีเงิน
100. กรณีพนักงำนเจ้ำหน้ำที่มีคำสั่งไม่อนุญำตให้มีกำรเรี่ยไรจะต้องแจ้งให้ผู้ขอรับอนุญำตทรำบ
ภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 10 วัน
ค. 15 วัน
542
ง. 30 วัน
101. บุคคลตำมข้อใดไม่ต้องห้ำมมิให้อนุญำตให้จัดให้มีกำรเรี่ยไร
ก. นำยสม อำยุ 20 ปี บริบูรณ์
ข. นำยสำถูกศำลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
ค. นำงสำยเคยต้องโทษฐำนลักทรัพย์ และพ้นโทษมำแล้วยังไม่เกิน 5 ปี
ง. ถูกทุกข้อ
102. ผู้ขออนุญำตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญำตตำมข้อ 182 ได้ภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 10 วัน
ค. 15 วัน
ง. 30 วัน
103. ใครรักษำกำรตำมพระรำชบัญญัติควบคุมกำรเรี่ยไร พ.ศ.2487 นี้
ก. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ข. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ค. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ง. นำยอำเภอ
104. กำรเรี่ยไรซึ่งอ้ำงว่ำเพื่อประโยชน์แก่สำธำรณะประโยชน์จะจัดให้มีได้เมื่อได้รับอนุญำตจำก
ใคร
ก. คณะกรรมกำรควบคุมกำรเรี่ยไร
ข. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ค. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ง. นำยอำเภอ
105. ใครปฏิบัติถูกต้องที่สุดในกำรยื่นขออนุญำตกำรขำยทอดตลำดและค้ำของเกำกรณีผู้ยื่นอยู่
ต่ำงจังหวัด
ก. สุธรรมยื่นขออนุญำตที่ที่ว่ำกำรอำเภอที่จะดำเนินกำรขำยทอดตลำดและค้ำของเก่ำ
ข. สุทัศน์ยื่นขออนุญำตที่ที่ว่ำกำรกิ่งอำเภอที่จะดำเนินกำรขำยทอดตลำด และค้ำของเก่ำ
ค. ทั้งสุธรรมและสุทัศน์ปฏิบัติถูกต้องแล้ว
ง. สุธรรมปฏิบัติถูกต้องแต่สุทัศน์ปฏิบัติไม่ถูกต้อง
106. กำรค้ำของเก่ำหมำยควำมรวมถึงข้อใด
ก. กำรค้ำโบรำณวัตถุหรือศิลปวัตถุ
ข. กำรค้ำเพชร พลอย ทอง นำค เงิน หรืออัญมณี
ค. กำรขำยของที่หลุดจำกโรงรับจำนำ
ง. ถูกทุกข้อ
543
107. กำรยื่นขอจดทะเบียนกำรขำยทอดตลำดและค้ำของเก่ำในกรุงเทพมหำนครให้ยื่นที่ใด
ก. ศำลำว่ำกำรกรุงเทพมหำนคร
ข. สำนักงำนเขตที่จะดำเนินกำรขำยทอดตลำด และค้ำของเก่ำ
ค. กองบัญชำกำรตำรวจสอบสวนกลำง
ง. สถำนีตำรวจนครบำลในพื้นที่ที่จะดำเนินกำรขำยทอดตลำดและค้ำของเก่ำ
108. “กำรขำยทรัพย์สินโดยเปิดเผยต่อมหำชนด้วยวิธีกำรให้โอกำสแก่ผู้ซื้อประเมินรำคำ ผู้ใดให้
รำคำสูงก็มีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นได้” หมำยถึงอะไร
ก. กำรซื้อขำย
ข. กำรขำยทอดตลำด
ค. กำรประมูล
ง. กำรประกวดรำคำ
109. กรณีที่ไม่ออกใบอนุญำตกำรขำยทอดตลำดและค้ำของเก่ำให้สำมำรถอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรี
ภำยในกี่วัน
ก. 3 วัน
ข. 10 วัน
ค. 15 วัน
ง. 30 วัน
110. ข้อใดมิใช่เอกสำรประกอบกำรขออนุญำตจดทะเบียนกำรขำยทอดตลำดและค้ำของเก่ำ
ก. ทะเบียนสมรส
ข. สำเนำทะเบียนบ้ำน
ค. รูปถ่ำย
ง. ทะเบียนพำณิชย์
111. เอกสำรกำรขออนุญำตจดทะเบียนกำรขำยทอดตลำดและค้ำของเก่ำมีกี่อย่ำง
ก. 5 อย่ำง
ข. 6 อย่ำง
ค. 7 อย่ำง
ง. 8 อย่ำง
112. บุคคลตำมข้อใดที่มีคุณสมบัติที่สำมำรถขออนุญำตจดทะเบียนกำรค้ำของเก่ำได้
ก. นำยตุ้มอำยุ 18 ปี บริบูรณ์
ข. นำยทรงฤทธิ์มีควำมรู้ภำษำไทยพออ่ำนออกเขียนได้
ค. นำงสำวนิดมีควำมรู้ในเรื่องของเก่ำเป็นอย่ำงดี
ง. นำงสำวนกมีทุนทรัพย์ในกำรดำเนินกำร
113. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก. นิติบุคคลจะขออนุญำตจดทะเบียนกำรค้ำของเก่ำไม่ได้
544
ข. นิติบุคคลสำมำรถขออนุญำตจดทะเบียนกำรค้ำของเก่ำได้ทุกกรณี
ค. นิติบุคคลขออนุญำตจดทะเบียนกำรค้ำของเก่ำได้เมื่อได้รับอนุญำตจำกผู้ว่ำรำชกำร
จังหวัด
ง. นิติบุคคลขออนุญำตจดทะเบียนกำรค้ำของเก่ำได้โดยผู้ยื่นต้องเป็นผู้มีอำนำจทำกำรแทน
นิติบุคคล
114. อัตรำค่ำธรรมเนียมใบอนุญำตกำรขำยทอดตลำดเป็นไปตำมข้อใด
ก. ปีละ 5,000 บำท
ข. ปีละ 10,000 บำท
ค. ปีละ 15,000 บำท
ง. ปีละ 20,000 บำท
115. กำรค้ำของเก่ำมีกี่ประเภท
ก.2 ประเภท
ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท
ง. 5 ประเภท
116. กำรค้ำของเก่ำประเภทรถยนต์ต้องเสียค่ำธรรมเนียมในอัตรำเท่ำไร
ก. ปีละ 12,500 บำท
ข. ปีละ 10,000 บำท
ค. ปีละ 7,500 บำท
ง. ปีละ 5,000 บำท
117. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
ก. กำรค้ำของเก่ำจะทำหลำยประเภทไม่ได้
ข. กำรค้ำของเก่ำหลำยประเภทให้เรียกเก็บค่ำธรรมเนียมในประเภทที่สูงกว่ำเพียงประเภท
เดียว
ค. กำรค้ำของเก่ำหลำยประเภทให้เรียกเก็บค่ำธรรมเนียมทุกประเภท
ง. ไม่มีข้อใดถูก
118. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกำรก่อตั้งสมำคม
ก. หำรำยได้มำช่วยเหลือคนตำบอด
ข. หำรำยได้มำแบ่งปันให้กับสมำชิกของสมำคม
ค. เพื่อช่วยเหลือนักกีฬำโอลิมปิกไทย
ง. นำที่ดินของสมำคมไปสร้ำงศูนย์กำรค้ำ
119. ข้อใดเป็นชื่อของสมำคมที่ถูกต้อง
ก. สมำคมวิศวกรและสถำปนิก
545
ข. สมำคมผู้ค้ำทองแท่ง
ค. ปทุมทองสมำคม
ง. ถูกทุกข้อ
120. บุคคลใดเป็นผู้แทนของสมำคมในกิจกำรอันเกี่ยวกับบุคคลภำยนอก
ก. คณะกรรมกำรสมำคม
ข. กรรมกำรของสมำคม
ค. สมำชิกของสมำคม
ง. ประธำนคณะกรรมกำรของสมำคม
121. หำกมีกำรเลิกสมำคม เมื่อได้มีกำรชำระบัญชีกันเสร็จแล้ว ถ้ำมีทรัพย์สินเหลืออยู่ต้องจัดกำร
ทรัพย์สินอย่ำงไร
ก. แบ่งทรัพย์สินให้แก่สมำชิกสมำคม
ข. โอนทรัพย์สินให้แก่สมำคมหรือมูลนิธิหรือนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับสำธำรณ
กุศล ตำมที่ข้อบังคับของสมำคมระบุไว้
ค. ให้คณะกรรมกำรของสมำคมจัดกำรทรัพย์สิน
ง. แบ่งทรัพย์สินให้คณะกรรมกำรของสมำคม
122. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับมูลนิธิ
ก. มูลนิธิแสวงหำประโยชน์เพื่อนำมำเป็นเงินทุนสำหรับใช้ในกำรดำเนินงำนได้
ข. ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ค. ชื่อของมูลนิธิต้องประกอบด้วยคำว่ำ “มูลนิธ”ิ
ง. คณะกรรมกำรของมูลนิธิต้องประกอบด้วย บุคคลอย่ำงน้อย 5 คน
123. เมื่อมีกำรแต่งตั้งกรรมกำรของมูลนิธิขึ้นใหม่ทั้งชุดมูลนิธิจะต้องนำไปจดทะเบียนภำยในกี่วัน
ก. ภำยใน 7 วัน นับแต่วันที่มีกำรแต่งตั้ง
ข. ภำยใน 15วัน นับแต่วันที่มีกำรแต่งตั้ง
ค. ภำยใน 30วัน นับแต่วันที่มีกำรแต่งตั้ง
ง. ภำยใน 60วัน นับแต่วันที่มีกำรแต่งตั้ง
124. ข้อใดที่นำยทะเบียน พนักงำนอัยกำร หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดอำจร้องขอต่อศำลให้
มีคำสั่งถอดถอนกรรมกำรของมูลนิธิทั้งคณะได้
ก. คณะกรรมกำรดำเนินกิจกำรของมูลนิธิผิดพลำดเสื่อมเสียต่อมูลนิธิ
ข. คณะกรรมกำรดำเนินกิจกำรฝ่ำฝืนกฎหมำยหรือข้อบังคับของมูลนิธิ
ค. คณะกรรมกำรเป็น ผู้มี ฐำนะหรื อควำมประพฤติไ ม่เหมำะสมในกำรดำเนิน กำรตำม
วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ
ง. ถูกทุกข้อ
125. กำรเรี่ยไรในข้อใดที่พระรำชบัญญัติควบคุมกำรเรี่ยไร พ.ศ.2487 อนุญำตให้ดำเนินกำร
ก. ญำติจำเลยหำเงินเรี่ยไรเพื่อนำมำให้จำเลยใช้เป็นค่ำปรับ
546
ข. เพื่อหำเงินเรี่ยไรเพื่อนำทรัพย์สินมำให้จำเลยใช้เป็นค่ำปรับ
ค. เรี่ยไรเพื่อจัดหำยุทธภัณฑ์ให้แก่มิตรประเทศ
ง. เรี่ยไรเพื่อจัดหำยุทธภัณฑ์ให้แก่ประเทศที่เป็นศัตรู
226. กำรเรี่ย ไรซึ่งอ้ำงว่ำเพื่อประโยชน์แก่รำชกำร เทศบำล หรือสำธำรณประโยชน์ ต้องขอ
อนุญำตจำกพนักงำนเจ้ำหน้ำที่หรือไม่
ก. ไม่ต้องขออนุญำต ถ้ำประชำชนเป็นผู้จัดกำรให้มีกำรเรี่ยไร
ข. ไม่ต้องขออนุญำต เพรำะเป็นกำรเรี่ยไรเพื่อกุศลสงเครำะห์
ค. ไม่ต้องขออนุญำต ถ้ำกระทรวงทบวง หรือกรมเป็นผู้จัดให้มีกำรเรี่ยไร
ง. ต้องขออนุญำต ถ้ำเรี่ยไรในสถำนที่สำธำรณะ
127. บุคคลใดบ้ำงที่ไม่มีสิทธิทำกำรเรี่ยไร
ก. บุคคลอำยุ 15 ปี
ข. บุคคลที่มีพฤติกรรมใช้จ่ำยเงินเสเพลเป็นอำจิณ
ค. บุคคลเป็นโรคติดต่อที่น่ำรังเกียจ
ง. ถูกทุกข้อ
128. กำรนำที่ ดิน ของสมำคมไปสร้ำงศูน ย์ก ำรค้ ำ เป็น กำรขัด ต่อวั ตถุ ประสงค์ของกำรก่ อตั้ ง
สมำคมหรือไม่
ก. ไม่ขัด ถ้ำนำรำยได้มำใช้เป็นค่ำใช้จ่ำยสำหรับกำรดำเนินกิจกำรของสมำคม
ข. ไม่ขัด เพรำะไม่ใช่กิจกำรที่ผิดกฎหมำย
ค. ขัด เพรำะเป็นกำรแสวงหำกำไร
ง. ขัด ถ้ำไม่ได้ระบุไว้ตอนจดทะเบียน
129. ข้อใดไม่ใช่รำยกำรในข้อบังคับของสมำคม
ก. ชื่อสมำคม
ข. วัตถุประสงค์ของสมำคม
ค. ที่ตั้งสำนักงำนใหญ่ และที่ตั้งสำนักงำนสำขำทั้งปวง
ง. ไม่มีข้อใดถูก
130. บุคคลใดเป็นผู้ดำเนินกิจกำรของสมำคม
ก. คณะกรรมกำรของสมำคม
ข. กรรกำรของสมำคม
ค. สมำชิกของสมำคม
ง. ประธำนคณะกรรมกำรของสมำคม
131. ผู้ร้องขอเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่จะต้องมำร้องขอต่อศำลภำยในระยะเวลำใด
ก. ภำยใน 1 เดือน นับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ
ข. ภำยใน 2 เดือน นับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ
ค. ภำยใน 3 เดือน นับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ
547
ค. บุคคลเป็นโรคติดต่อที่น่ำรังเกียจ
ง. บุคคลผู้เคยต้องโทษฐำนลักทรัพย์ และพ้นโทษมำแล้ว 3 ปี
138. คณะกรรมกำรของมูลนิธิประกอบด้วยบุคคลกี่คน
ก. อย่ำงน้อย 2 คน
ข. อย่ำงน้อย 3 คน
ค. อย่ำงน้อย 4 คน
ง. อย่ำงน้อย 5 คน
139. โรงรับจำนำ หมำยควำมว่ำ อย่ำงไร
ก. สถำนที่รับจำนำซึ่งประกอบกำรรับจำนำสิ่งของเป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระ
ข. หนี้แต่ละรำยมีจำนวนเงินไม่เกิน 100,000 บำท
ค. มีข้อตกลงหรือเข้ำใจ โดยตรงหรือโดยปริยำยว่ำ จะได้ไถ่คืนภำยหลังด้วย
ง. ถูกทุกข้อ
140. บุคคลในข้อ ใดไม่ใช่คณะกรรมกำรควบคุมโรงรับจำนวน
ก. อธิบดีกรมตำรวจ
ข. อธิบดีกำรค้ำภำยใน
ค. อธิบดีอัยกำร
ง. อธิบดีกำรปกครอง
141. ผู้ขออนุญำตตั้งโรงรับจำนวนต้องมีอำยุไม่ต่ำกว่ำกี่ปี
ก. 18 ปี
ข. 20 ปี
ค. 25 ปี
ง. 30 ปี
412. กรณีคณะกรรมกำรกำรควบคุมโรงรับจำนำไม่อนุญำตให้ผู้ขออนุญำตตั้งโรงรับจำนำ ผู้ขอ
อนุญำตมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 45 วัน
143. คณะกรรมกำรควบคุมโรงรับจำนำ มีหน้ำที่ใด
ก. กำหนดท้องที่อนุญำตให้ตั้งโรงรับจำนำ
ข. กำหนดจำนวนโรงรับจำนำในท้องที่ที่เห็นสมควร
ค. พิจำรณำคำขออนุญำตตั้งโรงรับจำนำ
ง. ถูกทุกข้อ
549
ข. ผู้จำนำต้องเป็นผู้เก็บรักษำทรัพย์สินที่จำนำเท่ำนั้น
ค. คู่สัญญำจำนำตกลงกันให้บุคคลภำยนอกเป็นผู้เก็บรักษำทรัพย์สินที่จำนำได้
ง. ไม่มีข้อใดถูก
151. ทรัพย์สินข้อ ใดจะจำนำ ไม่ได้
ก. สัตว์พำหนะ
ข. เรือกลไฟ
ค. ที่ดิน
ง. รถยนต์
152. ข้อใดกล่ำวถูกต้องในเรื่องกำรจำนำ
ก. ต้องทำเป็นหนังสือ
ข. จะตกลงกันด้วยวำจำก็ได้
ค. ต้องมีกำรส่งมอบทรัพย์สินที่จำนำกัน
ง. ถูกทั้งข้อ ข. และ ค.
153. ในกรณีที่ผู้รับจำนำทำให้ทรัพย์สินที่จำนำเสียหำยหรือบุบสลำย ผู้จำนำจะฟ้องเรียกค่ำ
สินไหมทดแทนในกรณีดังกล่ำวภำยในระยะเวลำตำมข้อใด
ก. ภำยใน 1 เดือน นับแต่วันส่งคืน
ข. ภำยใน 3 เดือน นับแต่วันส่งคืน
ค. ภำยใน 6 เดือน นับแต่วัน ส่งคืน
ง. ภำยใน 1 ปี นับแต่วันส่งคืน
154. ข้อใดกล่ำวถูกต้องในเรื่องกำรบังคับจำนำ
ก. ผู้รับจำนำต้องบอกกล่ำวเป็นหนังสือไปยังผู้จำนำ
ข. ผู้รับจำนำต้องบอกกล่ำวด้วยวำจำไปยังผู้จำนำ
ค. ผู้จำนำต้องบอกกล่ำวเป็นหนังสือไปยังผู้รับนำจำ
ง. ผู้จำนำต้องบอกกล่ำวด้วยวำจำไปยังผู้รับจำนำ
155. ถ้ำผู้จำนำไม่ยอมชำระหนี้ผู้รับจำนำจะต้องดำเนินกำรอย่ำงไร
ก. แจ้งควำมต่อเจ้ำหน้ำที่ตำรวจ
ข. ยื่นฟ้องต่อศำล
ค. เอำทรัพย์สินจำนำออกขำยทอดตลำด
ง. ถูกทุกข้อ
156. ข้อ ใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของพระรำชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505
ก. เพื่อจำแนกประเภทของโรงรับจำนำให้ชัดเจน
ข. เพื่อควบคุมกำรประกอบกิจกำรโรงรับจำนำให้มีมำตรฐำน
ค. เพื่อควบคุมมิให้โรงรับจำนำเป็นแหล่งรับของโจร
ง. เพื่อคุ้มครองผู้รับจำนำไม่ให้ถูกเอำรัดเอำเปรียบ
551
ข. ปลำยขั้วตั๋วจำนำ
ค. บันทึกควบคุมรำยกำรทรัพย์ที่จำนำ
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
164. ผู้รับจำนำต้องคืนทรัพย์จำนำแก่เจ้ำของโดยจะเรียกให้เจ้ำของชำระหนี้ที่เกิดจำกกำรรับ
จำนำทรัพย์นั้นไม่ได้ในกรณีใด
ก. ได้รับจำนำศิลปวัตถุ
ข. ได้รับจำนำของที่มีตำหนิรูปพรรณคล้ำยของหำยที่ได้รับแจ้งไว้
ค. ได้รับจำนำของซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ำยโบรำณวัตถุ
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
165. กรณีไม่มีผู้ขอรับเป็นผู้รับจำนำแทนผู้รับจำนำที่ตำยจนล่วงเลยกำหนดเท่ำใด เป็นเหตุให้เลิก
กิจกำรโรงรับจำนำ
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน
166. ข้อ ใดเป็นวัตถุประสงค์ของพระรำชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505
ก. เพื่อมิให้โรงรับจำนำเป็นแหล่งฟอกเงิน
ข. เพื่อกำหนดวงเงินรับจำนำให้เหมำะสม
ค. เพื่อจำกัดปริมำณโรงรับจำนำให้เหมำะสม
ง. ถูกทุกข้อ
167. กำรรับหรือซื้อสิ่งของโดยจ่ำยเงินให้สำหรับสิ่งของนั้นเป็นปกติธุระ แต่ละรำยมีจำนวนไม่
เกินเท่ำใด
ก. 50,000 บำท
ข. 100,000 บำท
ค. 200,000 บำท
ง. ถูกทุกข้อ
168. ข้อใดเป็นอำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรกำรควบคุมโรงรับจำนำ
ก. กำหนดหลักเกณฑ์ในกำรตีรำคำทรัพย์ที่จำนำ
ข. กำหนดท้องที่ที่จะอนุญำตให้ตั้งโรงรับจำนำ
ค. กำหนดจำนวนเงินสูงสุดในกำรรับจำนำแต่ละรำย
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
169. กำรว่ำประมูลตั้งโรงรับจำนำให้กำหนดระยะเวลำครำวหนึ่งกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
553
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
170. ข้อ ใดมิใช่คุณสมบัติของผู้ขออนุญำตตั้งโรงรับจำนำ
ก. มีอำยุต่ำกว่ำ 20 ปี
ข. ไม่เป็นบุคคลจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
ค. ไม่เคยได้รับใบอนุญำตตั้งโรงรับจำนำในเขตท้องที่เดียวกันมำก่อน
ง. ไม่เคยต้องโทษจำคุก เว้นแต่ควำมผิดลหุโทษหรือควำมผิดโดยประมำท
171. ผู้รับจำนำต้องจัดให้มีห้องนิรภัยโดยมีด้ำนใดด้ำนหนึ่งไม่ต่ำกว่ำเท่ำใด
ก. 1 เมตร
ข. 2 เมตร
ค. 3 เมตร
ง. 4 เมตร
172. เงินส่วนที่เกิน 2,000 บำท กฎหมำยกำหนดให้เรียกดอกเบี้ยได้ไม่เกินเท่ำใด
ก. ร้อยละ 0.50 ต่อเดือน
ข. ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน
ค. ร้อยละ 1.00 ต่อเดือน
ง. ร้อยละ 1.25 ต่อเดือน
173. เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ำสิ่งของที่มีผู้มำจำนำเป็นสิ่งที่มีผู้ได้มำโดยกระทำควำมผิด ผู้รับ
จำนำต้องแจ้งพนักงำนปกครองหรือตำรวจท้องที่ในกำหนดเวลำใด
ก. ทันที
ข. โดยเร็ว
ค. ภำยใน 30 นำที
ง. ภำยใน 60 นำที
174. ผู้รับจำนำต้องคืนทรัพย์ที่จำนำแก่เจ้ำของ โดยจะเรียกให้เจ้ำของชำระหนี้ที่เกิดจำกกำรรับ
จำนำทรัพย์นั้นไม่ได้ในกรณีใด
ก. ได้รับจำนำศิลปวัตถุทำงศำสนำ
ข. ได้รับจำนำของซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ำยของมีค่ำควรเมือง
ค. ได้รับจำนำโดยมิได้จดแจ้งรำยกำรที่เกี่ยวกับบัตรประชำชนของผู้รับจำนำ
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
175. กรณีผู้รับจำนำประสงค์จะเลิกกิจกำรรับจำนำจะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้ำพนักงำนผู้ออก
ใบอนุญำตทรำบก่อนเลิกกิจกำรไม่น้อยกว่ำเท่ำใด
ก. 3 วัน
ข. 7 วัน
ค. 10 วัน
554
ง. 15 วัน
176. โรงแรม หมำยควำมว่ำอย่ำงไร
ก. สถำนที่พักจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทำงธุรกิจ
ข. ให้บริกำรที่พักชั่วครำวสำหรับคนเดินทำง
ค. มีค่ำตอบแทน
ง. ถูกทุกข้อ
177. ใครเป็นประธำนคณะกรรมกำรส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม
ก. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ข. อธิบดีกรมกำรปกครอง
ค. อธิบดีกรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น
ง. อธิบดีกรมโยธำธิกำรและผังเมือง
178. ผูใ้ ดเป็นพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ตำมพระรำชบัญญัติโรงแรม
ก. ข้ำรำชกำรตำรวจตั้งแต่ชั้นสัญญำบัตรขึ้นไป
ข. ข้ำรำชกำรพลเรือนตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป
ค. พนักงำนส่วนท้องถิ่นตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป
ง. ถูกทุกข้อ
179. นำยทะเบียนต้องมีหนังสือแจ้งกำรลำออกใบอนุญำต หรือไม่ออกใบอนุญำตให้ผู้ขอรับ
ใบอนุญำตทรำบภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
180. คณะกรรมกำรส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรมมีหน้ำที่อย่ำงไร
ก. ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในกำรออกกฎกระทรวง
ข. พิจำรณำวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของนำยทะเบียน
ค. เสนอแผนและมำตรกำรต่ำงๆ เกี่ยวกับกำรส่งเสริมและกำรกำกับดูแลธุรกิจโรงแรม
ง. ถูกทุกข้อ
181. ผู้ขอรับใบอนุญำตประกอบธุรกิจโรงแรมต้องมีอำยุไม่ต่ำกว่ำกี่ปี
ก. 18 ปีบริบูรณ์
ข. 20 ปีบริบูรณ์
ค. 25 ปีบริบูรณ์
ง. 30 ปี บริบูรณ์
182. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับชื่อโรงแรม
ก. ต้องเป็นอักษรไทยที่มองเห็นได้ชัดเจน
555
ข. จะมีอักษรต่ำงประเทศกำกับไว้ท้ำย หรือใต้ชื่ออักษรไทยด้วยก็ได้
ค. ไม่ซ้ำหรือพ้องกับชื่อโรงแรมอื่นที่ได้รับอนุญำตได้แล้ว
ง. ถูกทุกข้อ
183. ห้ำมผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมดำเนินกำรใด เว้นแต่จะได้รับอนุญำตจำกนำยทะเบียน
ก. เปลี่ยนแปลงประเภทของโรงแรม
ข. เพิ่มหรือลดจำนวนห้องพักอันมีผลกระทบถึงโครงสร้ำงของโรงแรม
ค. เปลี่ยนชื่อโรงแรม
ง. ถูกทุกข้อ
184. ใบอนุญำตประกอบธุรกิจโรงแรมฉบับหนึ่งมีอำยุกี่ปี
ก. 4 ปี
ข. 5 ปี
ค. 7 ปี
ง. 10 ปี
185. กรณีใบอนุญำตประกอบธุรกิจโรงแรมสูญหำยต้องยื่น คำขอรับใบแทนใบอนุญำตจำกนำย
ทะเบียนภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
186. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมประสงค์จะเลิกกิจกำรต้องแจ้งให้นำยทะเบียนทรำบล่วงหน้ำไม่น้อย
กว่ำกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 45 วัน
187. ผู้จัดกำรโรงแรมต้องมีอำยุไม่ต่ำกว่ำเท่ำใด
ก. 20 ปีบริบูรณ์
ข. 25 ปีบริบูรณ์
ค. 30 ปีบริบูรณ์
ง. 35 ปี บริบูรณ์
188. ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและผู้จัดกำรมีหน้ำที่และควำมรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องใด
ก. จัดให้มีป้ำยชื่อโรงแรม
ข. จัดให้มีกำรแสดงใบอนุญำตไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่ำย
ค. จัดให้มีเอกสำรแสดงอัตรำค่ำที่พักไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่ำย
556
ง. ถูกทุกข้อ
189. ผู้จัดกำรปฏิเสธไม่รับบุคคลเข้ำพักโรงแรมได้ในกรณีใด
ก. มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ำบุคคลนั้นไม่สำมำรถจ่ำยค่ำห้องพักได้
ข. มีเหตุอันควรสงสัยได้ว่ำบุคคลนั้นจะเข้ำไปหลบซ่อน มั่วสุมในโรงแรม
ค. มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ำบุคคลนั้นเป็นโรคติดต่ออันตรำย
ง. ถูกทุกข้อ
190. ห้ำมผู้เข้ำพักอำยุต่ำกว่ำเท่ำใดเข้ำพักตำมลำพัง
ก. 18 ปีบริบูรณ์
ข. 15 ปีบริบูรณ์
ค. 17 ปีบริบูรณ์
ง. 18 ปีบริบูรณ์
191. กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมไม่ปฏิ บัติ ตำมค ำสั่ง ของนำยทะเบีย น ให้ นำยทะเบี ยนมี
หนังสือแจ้งให้บุคคลดังกล่ำวปฏิบัติให้ถูกต้องภำยในกำหนด แต่ต้องไม่เกินกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
192. ผู้ขอรับใบอนุญำตประกอบธุรกิจโรงแรมซึ่งนำยทะเบียนไม่ต่ออำยุใบอนุญำตให้ ผู้ขอรับ
ใบอนุญำตมีสทิ ธิอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมกำรภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
193. กรณีที่โรงแรมได้รับควำมเสียหำยเนื่องจำกเหตุอัคคีภัย จะต้องแจ้งนำยทะเบียนทรำบ
ภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 45 วัน
194. ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมถึงแก่ควำมตำย ทำยำทต้องยื่นคำขอต่อนำยทะเบียนเพื่อ
ขอรับโอนใบอนุญำต
ภำยในกี่วัน
ก. 90 วัน
ข. 120 วัน
557
ค. 180 วัน
ง. 240 วัน
195. หำกผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมยื่นคำขอต่ออำยุใบอนุญำตได้ทันกำหนดเวลำ แต่ได้มำยื่นคำขอ
ต่ออำยุใบอนุญำตภำยใน 60 วัน นับแต่วันที่ ใบอนุญำตสิ้นอำยุ จะต้องเสียค่ำปรับเพิ่มอีกร้อยละ
เท่ำใด
ก. ร้อยละ 5
ข. ร้อยละ 10
ค. ร้อยละ 15
ง. ร้อยละ 20
196. ข้อใดมิใช่วัตถุประสงค์ของพระรำชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547
ก. เพื่อรักษำสุขลักษณะ
ข. เพื่อมิให้เป็นแหล่งประกอบอำชญำกรรม
ค. เพื่อยกระดับมำตรฐำนกำรประกอบธุรกิจโรงแรม
ง. เพื่อควบคุมอัตรำกำรคิดค่ำห้องพักหรือค่ำบริกำรให้เหมำะสม
197. สถำนที่พักมีจำนวนห้องและจำนวนผู้พัก รวมทั้งหมดไม่เกินเท่ำใดไม่ถือว่ำเป็นโรงแรม
ก. จำนวนห้องพักไม่เกิน 2 ห้อง และจำนวนผู้พักไม่เกิน 10 คน
ข. จำนวนห้องพักไม่เกิน 4 ห้อง และจำนวนผู้พักไม่เกิน 20 คน
ค. จำนวนห้องพักไม่เกิน 6 ห้อง และจำนวนผู้พักไม่เกิน 30 คน
ง. จำนวนห้องพักไม่เกิน 8 ห้อง และจำนวนผู้พักไม่เกิน 40 คน
198. รัฐมนตรีผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 คือผู้ใด
ก. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงสำธำรณสุข
ค. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรท่องเที่ยวและกำรกีฬำ
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
199. โรงแรมที่ให้บริกำรเฉพำะห้องพักเป็นโรงแรมประเภทใด
ก. โรงแรมประเภท 1
ข. โรงแรมประเภท 2
ค. โรงแรมประเภท 3
ง. โรงแรมประเภท 4
200. โรงแรมประเภทหนึ่ง จะต้องมีห้องพักไม่เกินกี่ห้อง
ก. 20 ห้อง
ข. 30 ห้อง
ค. 40 ห้อง
ง. 50 ห้อง
558
ค. สถำนที่พักให้บริกำรที่พักชั่วครำวของรัฐวิสำหกิจโดยมิได้หำผลกำไร
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
208. บทกำหนดโทษตำมพระรำชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 มีประกำรใดบ้ำง
ก. โทษจำคุก
ข. โทษปรับทำงอำญำ
ค. โทษปรับทำงปกครอง
ง. ถูกทุกข้อ
209. โรงแรมที่ให้บริกำรห้องพักและห้องอำหำร หรือสถำนที่สำหรับบริกำรอำหำรหรือสถำนที่
สำหรับประกอบอำหำร เป็นโรงแรมประเภทใด
ก. โรงแรมประเภท 1
ข. โรงแรมประเภท 2
ค. โรงแรมประเภท 3
ง. โรงแรมประเภท 4
210. โรงแรมประเภท 1 ทุกห้องต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่ำเท่ำใด
ก. 8 ตำรำงเมตร
ข. 10 ตำรำงเมตร
ค. 15 ตำรำงเมตร
ง. 20 ตำรำงเมตร
211. โรงแรมที่ตั้งอยู่ในห้องที่ที่ไม่กฎหมำยว่ำด้วยกำรควบคุมอำหำรใช้บังคับนั้น ต้องมีช่องทำง
เดินภำยในอำคำรกว้ำงไม่น้อยกว่ำเท่ำใด
ก. 10.00 เมตร
ข. 1.20 เมตร
ค. 1.50 เมตร
ง. 2.00 เมตร
212. ข้อใดมิใช่คุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญำตประกอบธุรกิจโรงแรม
ก. มีภูมิลำเนำอยู่ในประเทศไทย
ข. ไม่เป็นคนเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
ค. ไม่เป็นบุคคลล้มละลำย
ง. เป็นผู้มีสัญชำติไทย
213. ผู้จัดกำรมีสิทธิปฏิเสธบุคคลที่ประสงค์จะเข้ำพักได้ในกรณีใด
ก. มีเหตุผลอันควรเชื่อว่ำเคยถูกจำคุกมำก่อน
ข. มีเหตุผลอันควรเชื่อว่ำเป็นคู่แข่งเข้ำมำศึกษำวิธีกำรประกอบธุรกิจ
ค. มีเหตุผลอันควรเชื่อว่ำเป็นโรคติดต่อตำมกฎหมำย
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
560
214. ข้อใดมิใช่ลักษณะต้องห้ำมในกำรตั้งชื่อโรงแรม
ก. ไม่มีควำมหมำยหยำบคำย
ข. ไม่ซ้ำกับชื่อโรงแรมอื่น
ค. ไม่พ้องกับพระปรมำภิไธย
ง. ไม่ใช่ภำษำต่ำงประเทศ
215. กำรเข้ำไปตรวจสอบในกรณีใด พนักงำนเจ้ำหน้ำที่จะกระทำต่อไปนอกเวลำทำกำรของ
โรงแรมได้
ก. กำรตรวจสอบใกล้จะเสร็จสิ้น
ข. มีเหตุอันควรสงสัยว่ำถ้ำช้ำไปจะมีกำรแก้ไขเอกสำร
ค. เป็นวันสุดท้ำยของกำรตรวจสอบประจำปี
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
216. ข้อใดหมำยถึง สถำนบริกำร
ก. สถำนเต้นรำ รำวง
ข. สถำนที่ที่มีอำหำร สุรำ น้ำชำ หรือเครื่องดื่มอย่ำงอื่นจำหน่ำย
ค. สถำนอำบน้ำ นวด หรืออบตัว
ง. ถูกทุกข้อ
217. สถำนที่ขออนุญำตตั้งเป็นสถำนบริกำรจะต้องไม่
ก. ไม่อยู่ใกล้ชิด สถำนปฏิบัติพิธีกรรมทำงศำสนำ สถำนศึกษำ
ข. ไม่อยู่ในย่ำนที่ประชำชนอยู่อำศัยอันจะก่อควำมเดือนร้อนรำคำญ
ค. มีอำกำศถ่ำยเทสะดวก
ง. ถูกทุกข้อ
218. กำรกำหนดเขตท้องที่เพื่อกำรอนุญำตหรือได้อนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำร กระทำได้โดยกำร
ตรำเป็น
ก. พระรำชบัญญัติ
ข. พระรำชกำหนด
ค. พระรำชกฤษฎีกำ
ง. กฎกระทรวง
219. ผู้ขออนุญำตตั้งสถำนบริกำรต้องมีอำยุไม่ต่ำกว่ำกี่ปี
ก. 18 ปีบริบูรณ์
ข. 20 ปีบริบูรณ์
ค. 25 ปีบริบูรณ์
ง. 30 ปีบริบูรณ์
220. พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ต้องพิจำรณำคำขออนุญำตตั้งสถำนบริกำรภำยในกี่วัน
ก. 30 วัน
561
ข. 60 วัน
ค. 90 วัน
ง. 120 วัน
221. กรณีที่พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ไม่ออกใบอนุญำตให้ ผู้ขอออกใบอนุญำตในจังหวัดอื่นนอกจำก
กรุงเทพมหำนครต้องอุทธรณ์ต่อใคร
ก. นำยอำเภอ
ข. ผู้วำ่ รำชกำรจังหวัด
ค. ปลัดกระทรวงมหำไทย
ง. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
222. ผู้เข้ำทำงำนสถำนบริกำรต้องมีอำยุไม่ต่ำกว่ำกี่ปี
ก. 17 ปีบริบูรณ์
ข. 18 ปีบริบูรณ์
ค. 20 ปีบริบูรณ์
ง. 22 ปีบริบูรณ์
223. ผู้เข้ำใช้บริกำรในสถำนบริหำรต้องมีอำยุไม่ต่ำกว่ำกี่ปี
ก. 15 ปีบริบูรณ์
ข. 17 ปีบริบูรณ์
ค. 18 ปีบริบูรณ์
ง. 20 ปีบริบูรณ์
224. ผู้อำนำจพิจำรณำอุทธรณ์คำสั่งพักใช้ใบอนุญำตต้องพิจำรณำให้แล้วเสร็จภำยในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
225. กำรขอใบอนุญำตตั้งสถำนบริกำรต้องเสียค่ำธรรมเนียมฉบับละเท่ำใด
ก. 1,000 บำท
ข. 5,000 บำท
ค. 10,000 บำท
ง. 50,000 บำท
226. กรณีที่สถำนบริกำรไม่จัดทำประวัติของพนักงำนอำจถูกสั่งพักใช้ใบอนุญำตครั้งละไม่เกินกี่
วัน
ก. 5 วัน
ข. 10 วัน
ค. 15 วัน
562
ง. 30 วัน
227. กรณีที่ผู้รับอนุญำตตั้งสถำนบริกำรจะอุทธรณ์คำสั่งพักใช้ใบอนุญำตต้องอุทธรณ์ภำยในกี่วัน
ก. 5 วัน
ข. 10 วัน
ค. 15 วัน
ง. 30 วัน
228. กรณีที่ใบอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรสูญหำนต้องยื่นคำขอใยแทนภำยในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
229. กรณีที่สถำนที่ที่ขออนุญำตตั้งสถำนบริกำรเป็นของผู้อื่น สำมำรถขออนุญำตได้หรือไม่
ก. ไม่ได้
ข. ได้ แต่ต้องมีหนังสือแสดงควำมยินยอมจำกเจ้ำของสถำนที่
ค. ได้ แต่เจ้ำของสถำนที่ต้องแสดงตนและลงลำยมือชื่อต่อหน้ำนำยทะเบียน
ง. ไม่มีข้อใดถูก
230. กรณีที่บัตรประวัติพนักงำนสูญหำยจะต้องจัดทำใหม่ภำยในกี่วัน
ก. 3 วัน
ข. 7 วัน
ค. 10 วัน
ง. 15 วัน
231. สถำนบริกำรเป็นสถำนที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อกำรใด
ก. สังคม
ข. กำรค้ำ
ค. บันเทิง
ง. พักผ่อน
232. สถำนที่ตำมข้อใดเป็นสถำนบริกำร
ก. ร้ำนคำรำโอเกะ
ข. สถำนอำบ อบ นวด
ค. สถำนที่เต้นรำซึ่งมีคู่บริกำร
ง. ถูกทุกข้อ
233. กำรออใบอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรต้องคำนึงถึงประวัติด้ำนใดของผู้ขออนุญำต
ก. กำรเงิน
ข. กำรค้ำขำย
563
ค. กำรกระทำควำมผิด
ง. กำรทำประโยชน์แก่สังคม
234. กำรขอใบอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรในต่ำงจังหวัดต้องยื่นต่อใคร
ก. นำยอำเภอ
ข. ปลัดจังหวัด
ค. นำยกเทศมนตรี
ง. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
235. ใครเป็นผู้มีอำนำจในกำรต่อใบอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรในต่ำงจังหวัด
ก. ปลัดจังหวัด
ข. นำยกเทศมนตรี
ค. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ง. ผู้กำกับสถำนีตำรวจ
236. กำรอุทธรณ์คำสั่งไม่ออกใบอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรต้องกระทำภำยในกี่วัน นับแต่วันได้รับ
หนังสือพนักงำนเจ้ำหน้ำที่แจ้งกำรไม่อนุญำต
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
237. ในกรณีที่พนั ก งำนเจ้ ำหน้ ำที่ สั่ ง พั ก ใช้ ใ บอนุ ญำตให้ ตั้ งสถำนบริ ก ำรในต่ ำ งจั ง หวั ด ผู้ รับ
อนุญำตมีสิทธิอุทธรณ์ต่อใคร
ก. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ข. อธิบดีกรมกำรปกครอง
ค. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ง. ผู้บัญชำกำรตำรวจแห่งชำติ
238. กำรต่อเติมสถำนบริกำรทำได้เมื่อใด
ก. ทำได้เลย
ข. ได้จดทะเบียนต่อเจ้ำหน้ำที่
ค. ได้แจ้งเป็นหนังสือจำกเจ้ำหน้ำที่
ง. ได้รับอนุญำตเป็นหนังสือจำกเจ้ำหน้ำที่
239. ห้ำมผู้รับอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรรับผู้มีอำยุต่ำกว่ำกี่ปี เข้ำทำงำนในสถำนบริกำร
ก. 15 ปี
ข. 16 ปี
ค. 17 ปี
ง. 18 ปี
564
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน
247. ในกรณีที่พนักงำนเจ้ำหน้ำที่สั่งพักใช้ใบอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรในกรุงเทพมหำนครผู้รับ
อนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรมีสิทธิอุทธรณ์ต่อใคร
ก. อธิบดีกรมกำรปกครอง
ข. ปลัดกระทรวงมหำดไทย
ค. ผู้บัญชำกำรตำรวจแห่งชำติ
ง. ผู้ว่ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร
248. กำรย้ำยสถำนบริกำรทำได้เมื่อ
ก. ทำได้เลย
ข. ได้จดทะเบียนต่อเจ้ำหน้ำที่
ค. ได้แจ้งเป็นหนังสือจำกเจ้ำหน้ำที่
ง. ได้รับอนุญำตเป็นหนังสือจำกเจ้ำหน้ำที่
249. ห้ำมผู้รับอนุญำตตั้งสถำนบริกำรอนุญำตให้ผู้มีอำยุต่ำกว่ำกี่ปี ซึ่งไม่ได้ทำงำนในสถำนบริกำร
นั้นเข้ำไปสถำนบริกำรระหว่ำงเวลำทำกำร
ก. 16 ปี
ข. 18 ปี
ค. 19 ปี
ง. 20 ปี
250. ผู้รับอนุญำตให้ตั้งสถำนบริกำรซึ่งฝ่ำฝืนตำมข้อ 19. ต้องระวำงโทษปรับไม่เกินเท่ำใด
ก. 20,000 บำท
ข. 30,000 บำท
ค. 40,000 บำท
ง. 50,000 บำท
251. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับขั้นตอนกำรโอนกรรมสิทธิ์สัตว์พำหนะ
ก. ผู้โอนและผู้รับโอนนำสัตว์พำหนะและตั๋วรูปพรรณไปยังนำยทะเบียนท้องที่
ข. นำยทะเบียนบันทึกข้อควำมกำรโอนกรรมสิทธิ์ไว้หลังต้นขั้วตั๋วรูปพรรณและทะเบียน
ค. มอบตั๋วรูปพรรณให้ผู้รับโอน
ง. ถูกทุกข้อ
252. แบบพิมพ์ที่ใช้ในกำรปฏิบัติงำนทะเบียนมูลนิธิมีกี่แบบ
ก. 1แบบ
ข. 2แบบ
ค. 3แบบ
ง. 4แบบ
566
ควำมรู้เกี่ยวกับกำรอำนวยควำมเป็นธรรมให้แก่ประชำชน กำรสืบสวนสอบสวนคดีอำญำในควำม
รับผิดชอบของฝ่ำยปกครอง กำรรักษำควำมสงบเรียบร้อย ควำมมั่นคงภำยในและ กำรจัดระเบียบ
สังคม ในหน้ำที่ของกรมกำรปกครอง ควำมรู้เกี่ยวกับกำรอำนวยควำมเป็นธรรมให้แก่ประชำชน
กำรไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพำท
1. หลักเกณฑ์กำรประนีประนอมข้อพิพำทของคณะกรรมกำรหมู่บ้ำนคืออะไร
ก. เป็นข้อพิพำทเกี่ยวกับควำมแพ่งและควำมอำญำที่เป็นควำมผิดอันยอมควำมได้
ข. คู่กรณีตกลงให้คณะกรรมกำรหมู่บ้ำนประนีประนอมข้อพิพำท
ค. ข้อพิพำทเกิดขึ้นในหมู่บ้ำน
ง. ถูกทุกข้อ
2. กำรประนีประนอมข้อพิพำทของคณะกรรมกำรหมู่บ้ำนมีบุคคลตำมข้อใดให้คำปรึกษำ
ก. นำยอำเภอ
ข. นำยตำรวจชั้นสัญญำบัตร
ค. พนักงำนอัยกำร
ง. ถูกทุกข้อ
3. นำยอำเภอมีอำนำจเปรียบเทียบควำมแพ่งในคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินเท่ำใด
ก. 5,000 บำท
ข. 10,000 บำท
ค. 20,000 บำท
ง. 50,000 บำท
568
10. เมื่ อ เปรี ย บเที ย บคดี ล ะเมิ ด ข้ อ บั ญ ญั ติ จั ง หวั ด แล้ ว พนั ก งำนสอบสวนต้ อ งส่ ง ส ำนวน
เปรียบเทียบไปยังอัยกำร หำกอัยกำรไม่มีคำสั่งเป็นอย่ำงอื่นภำยในกำหนดใดถือว่ำเห็นชอบ
ก. 15 วัน
ข. 1 เดือน
ค. 3 เดือน
ง. 6 เดือน
11. หำกมีกำรตำเกิดขึ้นโดยกำรกระทำของเจ้ำพนักงำน ซึ่งอ้ำงว่ำปฏิบัติกำรตำมหน้ำที่บุคคลใด
ไม่ต้องเข้ำร่วมชันสูตรพลิกศพ
ก. พนักงำนอัยกำร
ข. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ค. แพทย์
ง. พนักงำนสอบสวน
12. แพทย์ที่จะใช้ในกำรชันสูตรพลิกศพจะต้องเป็นแพทย์ตำมข้อใดเป็นลำดับแรก
ก. แพทย์ทำงนิติเวชศำสตร์
ข. แพทย์ประจำโรงพยำบำลของรัฐ
ค. แพทย์ประจำโรงพยำบำลเอกชน
ง. แพทย์ประจำสำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัด
13. หำกพนักงำนสอบสวนทำสำนวนที่มีกำรชันสูตรพลิกศพแล้วส่งพนักงำนอัยกำรไม่ทันสำมำรถ
ขยำยระยะเวลำออกไปได้ไม่เกินกี่ครั้ง
ก. 1 ครั้ง ข. 2 ครั้ง
ค. 3 ครั้ง ง. 4 ครั้ง
14. หำกพนักงำนอัยกำรไม่สำมำรถยื่นคำร้องต่อศำลเพื่อให้ทำกำรไต่สวนสำนวนชันสูตรพลิกศพ
ได้ทันสำมำรถขยำยระยะเวลำออกไปได้ไม่เกินกี่ครั้ง
ก. 1 ครั้ง ข. 2 ครั้ง
ค. 3 ครั้ง ง. 4 ครั้ง
15. กำรแจ้งกำหนดวันนัดไต่สวนสำนวนชันสูตรพลิกศพต้องแจ้งญำติของผู้ตำยให้ทรำบก่อนวัน
นัดไม่น้อยกว่ำกี่วัน
ก. 3 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
เฉลย
1.ง 2.ง 3.ค 4.ง 5.ง 6.ง 7.ง 8.ก 9.ง 10.ข
11.ข 12.ก 13.ข 14.ข 15.ค
570
กำรรักษำควำมสงบเรียบร้อย ควำมมั่นคงภำยในและกำรจัดระเบียบสังคมในหน้ำที่ของกรมกำร
ปกครอง ควำมรู้เกี่ยวกับกิจกำรกองรักษำดินแดน
1. สมำชิกกองอำสำรักษำดินแดนมีกี่ประเภท
ก. 2 ประเภท
ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท
ง. 5 ประเภท
2. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับกิจกำรอำสำสมัครรักษำดินแดน
ก. จัดตั้งขึ้นตำมพระรำชบัญญัติกองอำสำสมัครรักษำดินแดน พ.ศ. 2497
ข. จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2497
ค. ตั้งขึ้นเพื่อให้มีกำลังสำรองไว้ช่วยเหลือประชำชนพึ่งยำมปกติและยำมสงครำม
ง. ถูกทุกข้อ
3. กำรดำเนินงำนกองอำสำสมัครรักษำดินแดนอยู่ภำยใต้หน่วยงำนใด
ก. สภำควำมมั่นคงแห่งชำติ
ข. คณะกรรมกำรกลำงกองอำสำสมัครรักษำดินแดน
ค. กระทรวงกลำโหม
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
4. ผู้บัญชำกำรอำสำสมัครรักษำดินแดนคือใคร
ก. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกลำโหม
ค. อธิบดีกรมกำรปกครอง
ง. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
5. ข้อใดเป็นภำรกิจตำมพระรำชบัญญัติกองอำสำสมัครรักษำดินแดน
ก. บรรเทำภัยที่เกิดจำกธรรมชำติและกำรกระทำของข้ำศึก
ข. รักษำควำมสงบในทรัพย์ร่วมกับพนักงำนฝ่ำยปกครอง หรือตำรวจ
ค. เป็นกำลังสำรองส่วนหนึ่งพร้อมเพิ่มเติม สนับสนุนกำลังทหำรเมื่อจำเป็น
ง. ถูกทุกข้อ
6. ยศผู้บังคับบัญชำสมำชิกอำสำสมัครรักษำดินแดนข้อใดใหญ่ที่สุด
ก. นำยกองใหญ่
ข. นำยกองเอก
ค. นำยหมวดเอก
ง. นำยหมู่ใหญ่
7. ยศสำหรับสมำชิกอำสำสมัครรักษำดินแดนมีกี่ชั้น
ก. 2 ชั้น
571
ข. 3 ชั้น
ค. 4 ชั้น
ง. 5 ชั้น
8. อำสำสมัครป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือนมีวัตถุประสงค์อย่ำงไร
ก. เพื่อให้ประชำชนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรป้องกันและบรรเทำภัยต่ำงๆ
ข. เพื่อให้ประชำชนมีส่วนช่วยเหลือมิให้เกิดควำมไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้ำนเมือง
ค. เพื่อให้ประชำชนสำมำรถป้องกันตนเองส่วนรวมและประเทศชำติได้
ง. ถูกทุกข้อ
9. ผู้ที่จะเข้ำรับกำรฝึกอบรม อปพร. ต้องมีอำยุไม่ต่ำกว่ำกี่ปี
ก. 15 ปีบริบูรณ์
ข. 17 ปีบริบูรณ์
ค. 18 ปีบริบูรณ์
ง. 20 ปีบริบูรณ์
10. หน้ำที่ของ อปพร. คืออะไร
ก. จัดเตรียมกำรป้องกันสำธำรณภัยต่ำงๆ ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่
ข. สนับสนุนกำลังเจ้ำหน้ำที่ในกำรระงับและบรรเทำภัยในเขตพื้นที่
ค. สงค์เครำะห์ผู้ประสบภัย สำรวจควำมเสียหำยในพื้นที่
ง. ถูกทุกข้อ
11. กำรป้องกันภัยฝ่ำยเรือน กำรป้องกันและบรรเทำอันตรำยหรือควำมเสียหำย อันเนื่องมำจำก
ภัยประเภทใด
ก. สำธำรณภัย
ข. ภัยทำงอำกำศ
ค. กำรก่อวินำศกรรม
ง. ถูกทุกข้อ
12. ข้อใดหมำยถึงสำธำรณภัย
ก. อัคคีภัย
ข. วำตภัย
ค. อุทกภัย
ง. ถูกทุกข้อ
13. ข้อใดเป็นอำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือนแห่งชำติ
ก. กำหนดนโยบำยเกี่ยวกับกำรป้องกันฝ่ำยพลเรือน
ข. วำงแผนหลักในกำรป้องกันภัยฝ่ำยเรือน
ค. กำหนดวิธีกำรตรวจสอบ ติดตำม ประเมินผลตำมแผนป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือน
ง. ถูกทุกข้อ
572
14. ใครเป็นเลขำธิกำรป้องกันภัยฝ่ำยเรือน
ก. อธิบดีป้องกันภัยและบรรเทำสำธำรณภัย
ข. อธิบดีกรมกำรปกครอง
ค. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด
ง. ไม่มีข้อถูก
15. ผู้ใดฝ่ำฝืนหรือไม่ปฏิบัติตำมคำสั่งของคณะกรรมกำรป้องกันฝ่ำยพลเรือนแห่งชำติ ต้องระวำง
โทษจำคุกอย่ำงไร
ก. ไม่เกิน 1 เดือน
ข. ไม่เกิน 3 เดือน
ค. ไม่เกิน 6 เดือน
ง. ไม่เกิน 1 ปี
16. สมำชิกหน่วยอำสำสมัครมีหน้ำที่อย่ำงไร
ก. ปฏิบัติตำมคำสั่งของผู้อำนวยกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือนในกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือน
ข. ปฏิบัติตำม ข้อบังคับ และระเบียบกระทรวงมหำดไทยว่ำด้วยอำสำสมัครป้องกันภัยฝ่ำย
พลเรือน
ค. เป็นผู้ช่วยของเจ้ำหน้ำที่ตำรวจ
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
17. ในกำรเตรียมกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือน ผู้อำนวยกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือนในเขตท้องที่ที่
รับผิดชอบมีอำนำจหน้ำที่อย่ำงไร
ก. สำรวจสถำนที่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เพื่อใช้ในกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือน
ข. จัดให้มีวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ในกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือนได้ตำมควำม
จำเป็น
ค. จัดให้มีกำรอบรมและดำเนินกำรฝึกซ้อมกำรป้องกันภัยฝ่ำยพลเรือน
ง. ถูกทุกข้อ
18. ผู้ใดมีหน้ำที่ประจำในกำรใช้เครื่องมือสื่อสำร ฝ่ำฝืนหรือไม่ปฏิบัติตำมคำสั่งต้องระวำงโทษ
จำคุกอย่ำงไร
ก. ไม่เกิน 1 เดือน
ข. ไม่เกิน 3 เดือน
ค. ไม่เกิน 6 เดือน
ง. ไม่เกิน 1 ปี
19. เมื่อมีคำสั่งอพยพประชำชนออกจำกพื้นที่อันตรำย ผู้ใดฝ่ำฝืนไม่ปฏิบัติตำมต้องระวำงโทษ
อย่ำงไร
ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน
ข. ปรับไม่เกิน 1,000 บำท
573
แนวข้อสอบควำมรู้ด้ำนภำษำอังกฤษ
Grammar ไวยกรณ์
1. If I ………… harder, I would have passed the exam.
1. studied
2. had studied
3. wold study
4. wera studying
ตอบข้อ 2. เพรำะ : had studied เป็นเรื่อง conditional sentences ประเภท past unreal
2. read, sat
3. has read, is sitting
4. had read, sat
ตอบข้อ 2. เพรำะ : read, sat.
5. “When did the rain stop?” “It ………… before we went out.”
1. had stopped
2. was stopping
3. was stopped
4. was being stopped
ตอบข้อ 1. เพรำะ : had stopped เหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นก่อนในอดีตที่มีสองเหตุกำรณ์ ให้ใช้ had =
v.3
7. I plan to tour Europe next year. By April 2 0 2 0 , I ………… up enough money for
the trip.
1. save
2. have saved
3. will have saved
4. will be saving
ตอบข้อ 3. เพรำะ : will have saved
11. Up to now, the data for the research ………… collected yet.
1. has not been
2. have not been
3. had not
4. had not been
ตอบข้อ 2. เพรำะ : เห็น up to now ซึ่งหมำยถึง จวบจนกระทั่งบัดนี้ นั่นคือ จำกอดีตจนถึง
ปัจจุบัน ก็ต้องตอบ present perfect
1 2 . Each time the star singer finishes a song, everybody in the audience …………
loudly.
1. applauds
2. applaud
3. applauded
4. have applauded
ตอบข้อ 1. เพรำะ : applauds = ผู้ฟังก็ต้องปรบมือ
577
18. By the end of this year, all the students ………… their lessons.
1. will finish
2. will be finished
3. will have finished
4. will have been finished
ตอบข้อ 3. เพรำะ : will have finished มีตัวบอกเวลำคือ By the end of this year เป็นเรื่อง
tense จะเสร็จสิ้นกำรเรียน แสดงถึงระยะเวลำในกำรเรียนในอดีต
19. The car that ………… by that mechanic is mine.
1. has repaired
2. is being repaired
3. will have repaired
4. will being repaired
ตอบข้ อ 2. เพรำะ : is being repaired เป็น เรื่ อง tense รถที่ กำลัง จะถูก ทำ ต้ องใช้ passive
voice เนื่องจำกเป็นกำรเน้นกำรถูกกระทำ
23. I have heard a lot about the new mayor, but i ………… .
1. not ever meet him
2. never have meet him
3. have never met him
4. not ever met him
ตอบข้อ 3. เพรำะ : have never met him เป็นเรื่อง tense เป็นกำรบอกปฏิเสธของ present
perfect tense โดยใช้ never ไม่จำเป็นต้อง not เนื่องจำก never มีควำมหมำยเป็นปฏิเสธโดย
ควำมหมำยอยู่แล้ว
25. June ………… the first party in her life tomorrow night.
1. gives
2. is giving
3. has given
4. gave
ตอบข้ อ 2. เพรำะ : is giving เป็ น เรื่อ ง tense เหตุ ก ำรณ์ ใ นอนำคตที่ มี เ วลำบอกไว้ แ น่ น อน
สำมำรถใช้ present continuous tense จำกในประโยคที่มีกำรบอกเวลำตรง tomorrow night
580
26.You’d better stay at home if you don’t pay attention to your subjects, ………… ?
1. hadn’t you
2. wouldn’t you
3. had you
4. would you
ตอบข้อ 1. เพรำะ : hadn’t you ตอบเป็น question tag เนื่องจำกด้ำนหน้ำเป็นประโยคบอก
เล่ำที่มำจำก You had better ดังนั้นด้ำนหลังต้องเป็นปฏิเสธ
30. The supervisor said no one was qualified for the job, ………… ?
1. did he
2. was he
3. didn’t he
581
4. wasn’t he
ตอบข้อ 3. เพรำะ : didn’t he เป็นเรื่อง question tag เนื่องจำกประโยคหลักเป็น past simple
tense ในรูปแบบบอกเล่ำ เพรำะฉะนั้น tag จะใช้ did เข้ำมำช่วยในรูปปฏิเสธ
33. The doctors could not save the patient. They ………… if he ………… to the hospital
earlier.
1. could have saved, was brought
2. could, had been brought
3. could have saved him, had brought
4. could have saved him, had been brought
ตอบข้ อ 4. เพรำะ : could have saved him, had been brought เป็ น เรื่ อ ง conditional
sentences ประเภท present unreal
34. I didn’t see Mr. Black at the clun. If he had been there, I ………… him.
1. would meet
2. could meet
3. will have meet
4. would have met
582
ตอบข้ อ 4. เพรำะ : would have met เป็ น เรื่ อ ง conditional sentences ประเภท past
unreal
36. Christ : Jane, Are you coming with me to the football game!.
Jane : I won’t go unless you ………… up tomorrow.
1. call
2. will call
3. would
4. shall call
ตอบข้อ 1. เพรำะ : call เป็นเรื่อง conditional sentences ประเภท future possible
37. If only I ………… him to the hospital in time, he would not have died.
1. would bring
2. broght
3. had brought
4. bring
ตอบข้อ 3. เพรำะ : had brought เป็นเรื่อง conditional sentences ประเภท past unreal
38. If I had not told her the bad news, she ………… .
1. shall not have been so upset like that
2. must not have been so upset like that
3. would not have been so upset like that
4. should not have been so upset like that
ตอบข้ อ 3. เพรำะ : would not have been so upset like that เป็ น เรื่ อ ง conditional
sentences ประเภท past unreal
583
42. If you need any help filling out the forms, ………… somebody at the front desk
for assistance.
1. to ask
2. asking
3. asks
4. ask
ตอบข้อ 4. เพรำะ : If ในกรณีขอร้อง ให้เริ่มต้นด้วย v. ในประโยคหลัก คือ ask
43. We will need to think ………… in order to find a good solution to this problem.
1. creatively
2. creative
3. created
584
4. creator
ตอบข้อ 1. เพรำะ : creatively ในประโยคนี้ขำด adv. ขยำย think ที่เป็น v.
44. This office is expensive, but it’s ………… than our old office.
1. space
2. spacious
3. more spacious
4. the most spacious
45. Dr. Chin, ………… book I just showed you, works across the hall from me.
1. who
2. that
3. whom
4. whose
ตอบข้อ 4. เพรำะ : whose แสดงควำมเป็นเจ้ำของว่ำหนังสือเป็นของใคร
4 7 . I really enjoy the work that i do, ………… I have a hard time getting along with
my colleagues.
1. but
2. and
3. as
4. or
ตอบข้อ 1. เพรำะ : but = แต่ที่ยำกคือกำรเข้ำกับเพื่อนร่วมงำน colleagues หมำยถึง เพื่อน
ร่วมงำน
585
48. The visitor we are expecting in a few days ………… help finding a good hotel.
1. need
2. needs
3. have needed
4. are going to need
ตอบข้อ 2. เพรำะ : needs เป็น v. แท้ของประโยคหลัก ดังนั้นประธำน the cisitor เป็นเอกพจน์
จึงต้องเติม s ที่ needs
4 9 . The ………… of our manufacturing process has saved the company a lot of
money.
1. simplification
2. simplify
3. simply
4. simple
ตอบข้อ 1. เพรำะ : simplificaตำแหน่งที่ขำดในประโยคคือ คำนำม (n)
51. You can expect ………… your first paycheck before the end of your first month
of employment.
1. receive
2. to receive
3. receiving
4. receipient
ตอบข้อ 2. เพรำะ : to receive (expect + to + v.1)
586
52. It is better for the economy to buy things that are produced ………… rather then
bringing in products from far away.
1. local
2. localize
3. locally
4. location
ตอบข้อ 3. เพรำะ : locally ประโยคนี้ขำดที่จะไปขยำย are produced
53. It you ………… your reservations earlier, you would have gotten on the flight you
wanted.
1. made
2. had made
3. have made
4. would havemmade
ตอบข้อ 2. เพรำะ : had made (if สูตร 3/if + s. + had + v.3, s + would + have + v.3)
5 4 . The number of people who ask questions at the end of the lecture …………
always quite astonishing.
1. be
2. are
3. were
4. is
ตอบข้อ 4. เพรำะ : is (The number of เป็นประธำนแบบเอกพจน์ จึงเป็น is)
56. We will review your application ………… you have submitted all your paperwork.
1. soon
2. as soon
587
3. as soon as
4. soon than
ตอบข้อ 3. เพรำะ : as soon as เป็นประโยค as soon หรือ when ตำมด้วย s. + v. ทั่วไป ที่ไม่
เป็นลักษณะ continuous หรือ will. would + v.1
ตอบข้อ 4. เพรำะ : rise = สูงขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง คำว่ำสูงขึ้น ใช้ rise ส่วน raise แปลว่ำ ยกขึ้นหรือ
เลี้ยง
58. Mr. Yamada ………… here for many years and is one of our most knowledgeable
employees.
1. is working
2. used to work
3. has been working
4. will have worked
ตอบข้อ 3. เพรำะ : has been working ข้อนี้เป็นกำรเน้นย้ำให้เห็นว่ำเขำทำงำนมำหลำยปีเป็นที่
รู้ กั น ส ำหรั บ พนั ก งำนทุ ก คน ให้ ใ ช้ present perfect continuous คื อ v. to have + been +
v.ing ใน ที่นี้คือ has
588
แนวข้อสอบข้อสอบภำษำอังกฤษ Vocabulary
1. I can’t ………… the long separation from my father.
1. analyze
2. bear
3. collide
4. beat
ตอบข้อ 2. เพรำะ : bear = อดทน
7. There’s a girl in my class who ………… constantly about her new clothes.
1. elegant
2. brags
3. destroy
4. covert
ตอบข้อ 2. เพรำะ : brags = คุยโอ้อวด
10. A loud noise may cause a ………… person to jump in his chair.
1. nervous 2. dwelling
3. genuine 4. habitat
ตอบข้อ 1. เพรำะ : nevous = ขวัญอ่อน ตื่นตระหนก เสียงดังเป็นเหตุให้คนนั้นกระโดดออกจำก
เก้ำอี้
590
11. Our ………… is much concerned about the growth of the younger generation.
1. effort
2. function
3. party
4. entire
ตอบข้อ 3. เพรำะ : party = พรรค พวกพ้อง
12. You have to pay ………… on the money you borrow form the bank.
1. interest
2. retes
3. charges
4. guarantee
ตอบข้อ 1. เพรำะ : interest = ดอกเบี้ย เขำต้องจ่ำยดอกเบี้ยเมื่อยืมเงินจำกธนำคำร
14. Whitney Houston ………… all her Holiday doing jobs around the house.
1. spent
2. gave
3. took
4. served
ตอบข้อ 1. เพรำะ : spent ใช้วันหยุดของเขำในกำรทำงำนรอบๆบ้ำน
17. Joe was feeling ………… after failing his driving test.
1. pleased
2. miserable
3. mysterious
4. excited
ตอบข้อ 2. เพรำะ : หลัง link verb ที่เป็น feel + adj. คือ miserable ควำมหมำยคือรู้สึกเศร้ำ
หลังจำกทรำบว่ำสอบตกเกี่ยวกับใบขับขี่
18. Kru Somsri had to ………… her hair after putting on her house.
1. rewash
2. remake
3. retie
4. redo
ดูเฉลย
ตอบข้อ 4. เพรำะ : redo = ทำใหม่
23. He ………… ice cream and never seems to get enough of it.
1. cries
2. provides
3. craves
4. recall
ตอบข้อ 3. เพรำะ : craves = อยำก (กิน) กระหำยอยำก เขำอยำกกินไอศกรีมไม่เคยอิ่มสักที
24. As we climbed up the hill, the beauty of the ………… became apparent.
1. landgrave
2. landfall
3. landlord
4. landscape
ตอบข้อ 4. เพรำะ : landscape = ทิวทัศน์
593
3. Tom : Thank you for having me in your party. I’m getting a train at six
o’clock. ……………
Jane : It’s nice to have you today. Good bye!
1. Let me go.
2. I have to leave now.
3. Nice to meet you.
4. Have a good time.
ตอบข้อ 2. เพรำะ : I have to leave now. ต้องไปแล้วนะเนื่องจำกต้องไปรถไฟช่วงหกโมง
4.Your American frican will visit Bangkok at the first time and he asks for help.
You say, “ …………… ”
1. You had better visit the temples.
2. You can vist the palaces.
3. I think you will visit the markets.
4. You may go sightseeing.
595
9. If wout be ………… to wear your best clothes to a party and your jeans to a picnic.
1. apparent
2. approach
3. access
4. appropiate
ตอบข้อ 4. เพรำะ : appropriate = เหมำะสม มันเป็นสิ่งที่สมควรที่จะสวมเสื้อผ้ำแบบไหนไปงำน
ปำร์ตี้หรือไปปิกนิก
11. A carpenter can work best when he uses the ………… tool.
1. proper
2. proactive
3. protect
4. probabilism
ตอบข้อ 1. เพรำะ : proper = เหมำะสม ช่ำงไม้สำมำรถที่ทำงำนได้ดีถ้ำได้ใช้เครื่องมือที่เหมำะสม
13. The pupils ………… to give their teacher a present but disagreed on the best gift
to buy.
1. agreed
2. aggressive
3. exacerbate
4. aggrandize
ตอบข้อ 1. เพรำะ : agreed = เห็นด้วย
16. Ever April she makes a/an ………… payment on her house.
1. annual
2. weekly
3. monthly
4. bimonthly
ตอบข้อ 1. เพรำะ : เนื่องจำกเห็นคำว่ำทุกเดือนเมษำยนจะทำกำรจ่ำยค่ำบ้ำนดังนั้นจ่ำยครั้งหนึ่ง
จึงเป็น annual ที่แปลว่ำ ปี
4. squid
ตอบข้อ 2. เพรำะ : มีแปดแขน ก็น่ำจะเป็นปลำหมึก (octopus)
20. The soup didn’t have much flavor; if was too ………… .
1. watery
2. water
3. light
4. lightly
ตอบข้อ 1. เพรำะ : wat ery = เกือบจำงหรือรสชำติจืดจำงก็คือ bland, flat, flavorless
23. A : I feel tired. I have worked for 3 hours. but I can’t finish it.
B : ……………
A : Thank you for your advice.
1. Stop working.
2. Would you like to take a rest.
3. You should stop for a while.
4. You may stop working for a while.
ตอบข้อ 2. เพรำะ : Would you like to take a rest. คุณควรจะหยุดพักสักครู่
26. A : Hi there.
B : Hi I ‘haven’t seen you around here before. Have you been working long ?
A : ………… .
600
1 . No, I’ve only been here a few months. I work in the Human Resources
Department.
2. No, I’ve a better result.
3. Yes, I have one.
4. Yes I’ve only been in the dorm for few months before leaving.
ต อ บ ข้ อ 1 . เ พ ร ำ ะ : No, I’ve only been here a few months. I work in the Human
Resources Department. ไม่ ฉันจะอยู่ที่นี่อีกไม่กี่เดือน ฉันทำงำนในส่วนทรัพยำกรมนุษย์
27. A : Ah, this bus seems to be running late. How long of a wait is it already ?
B : ………… .
1. It is 3 meter long.
2. I think, I will go for a walk.
3. I’ve been here for at least fifteen minutes now.
4. I am better run.
ตอบข้อ 3. เพรำะ : I’ve been here for at least fifteen minutes now. ฉั นอยู่ที่นี่อ ย่ำงต่ำ
15 นำทีแล้วล่ะ
28. A : …………
B : Actually, I’m going to the City Hall to cast my vote for mayor.
1. Where are you heading today ?
2. Who are you talking to ?
3. How do you get to the City Hall ?
4. I will vote for mayor.
ตอบข้อ 1. เพรำะ : where are you heading to day ? วันนี้คุณจะไปไหน
29. A : I love reading. Right now I’m reading a Stephen King book …………
B : Not really, I don’t like him.
1. Have you thought about what I have said.
2. Where did I go wrong ?
3. Do you like Stephen King ?
4. How about some more drink ?
ตอบข้อ 3. เพรำะ : Do you like Stephen King? คุณชอบ Stephen King ไหม
601
30. A : …………
B : It’s nice, but I would rather get paid for my overtime hours than have
new furniture.
1. No, I was working late.
2. Do you think they’re going to make it to the finals this year ?
3. Did you happen to catch the game last night ?
4. What do you think of the new office furniture ?
ตอบข้ อ 4 เพรำะ : What do you think of the new office furniture ? คุ ณ คิ ด ยั ง ไงกั บ
เฟอร์นิเจอร์ใหม่ของออฟฟิศ
31. A : …………
B : Oh, Rick and I go way back. We studied nursing together.
1. Have you tried Rick’s punch yet.
2. Why aren’t you dancing with Rick ?
3. How are you knowing Rick ?
4. Did you hear Rick is coming to town ?
ตอบข้อ 3. เพรำะ : How are you knowing Rick ? คุณรู้จัก Rick ได้ยังไง
34. You want to borrow your friend’s dictionary. You ask, “ ………… ”
1. Can I lend you a dictionary ?
2. May I borrow your dictionary ?
3. Colud ypu offer me a dictionary ?
4. Would you mind getting me your dictionary ?
ตอบข้อ 2. เพรำะ : May I borrow your dictionary ?
35. Someone is blocking your way, so you say, “Excuse me, ………… ”
1. please get lose.
2. may I pass away ?
3. please give me away.
4. may I get by ?
ตอบข้อ 4. เพรำะ : may I get by ?
603
14. According to the first topic of education requirement, what is not true ?
1. high school
2. Poly-technique
3. university level
4. before mattayom 6
ตอบข้อ 4. เพรำะ : before mattayom 6
was called the Vla Salaria, that is, the Sall Road. Along that road, Roman soldiers
transported sall crystals from the salt flats at Ostia up the Tiber, In return, they
received a salarian or salary, which was literally money paid to soldiers to buy salt.
The old saying “worth their salt.” which means to be valuable, derives from the
custom of payment during the Empire. the caravan trade of the Sahara was also
primarily an exchange of goods for salt. Among ancient peoples there, to eat salt
with another person was an act of friendship.Slaves were often purchased with salt.
Sall was so important in the Middle Ages that governments retained salt trade as a
monopoly, or levied laxes on its purchase, By then, people’s social rank was
demonstrated by where there sat at the table, above or below the the salt.
16. What does the passage mainly discuss ?
1. The old saying “worth their salt”
2. The Roman Empire
3. Salt
4. Ancient trade
ตอบข้อ 3. เพรำะ : Salt
17. What was the rate of exchange for sall and gold in areas where salt was a scarce
commodity ?
1. One to one
2. One to two
3. One to ten
4. One to sixteen
ตอบข้อ 1. เพรำะ : One to one
2. Salary
3. Soldiers
4. The Salt Road
ตอบข้อ 2. เพรำะ : Salary
2 6 . If you are changing planes in Miami on a flight from Madrid to Mexico City.
which form should you fill out ?
1. A white one.
2. A green one.
3. A blue one.
4. No form is required
ตอบข้อ 3. เพรำะ : A blue one.
27. What should passengers write on the back of the Customs Declaration Forms ?
1. Nothing
2. Their signatures.
3. their flight number.
4. The date.
ตอบข้อ 2. เพรำะ : Their signatures.
Also. if you’ll don’t pay in 7 days. won’t be able to play recover your flise forever.
we will have free events for users who are so poor that they couldn’t pay in 6
mounths.
How Do I Pay ?
Payment is accepted in Bitcoin only only. for more information. click < about
bitcoin>
Please check the current price of Bitcoin and buy some bitcoins. For more
information, click < How to buy bitcoins>.
And send the correct amount to the address specified in this window.
After your payment, click <check payment>. Best time to check: 9:00 am – 11.00
am
28. Do not waste your time! …………… can solve the ploblems.
1. Everyone
2. The owners of the computers
3. It department of the Company
4. The progremmer decrytion service
33. According to the passage, what was the strategy used to eliminate the spread
of smallpox ?
1. Vaccinations of entire villages.
2. Treatment of individual victims.
614
34. How was the public motivated to help the health workers ?
1. By educating them.
2. By rewarding them for reporting cases.
3. By isolating them from others.
4. By giving them vaccinations.
ตอบข้อ 2. เพรำะ : By rewarding them for reporting cases.
2. May
3. August
4. September
ตอบข้อ 3. เพรำะ : August