Professional Documents
Culture Documents
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี
ตามผลการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ตารางธาตุ
1 18
IA VIIIA
1 โลหะ 2
H
hydrogen
2 อโลหะ 13 14 15 16 17 He
helium
1.01 IIA IIIA IVA VA VIA VIIA 4.00
กึง่ โลหะ
3 4 5 6 7 8 9 10
Li Be B C N O F Ne
lithium beryllium boron carbon nitrogen oxygen fluorine neon
6.94 9.01 10.81 12.01 14.01 16.00 19.00 20.18
11 12 13 14 15 16 17 18
Na
sodium
Mg
magnesium
3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 Al
aluminium
Si
silicon
P
phosphorus
S
sulfur
Cl
chlorine
Ar
argon
22.99 24.30 IIIB IVB VB VIB VIIB VIIIB IB IIB 26.98 28.08 30.97 32.06 35.45 39.95
19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga Ge As Se Br Kr
potassium calcium scandium titanium vanadium chromium manganese iron cobalt nickel copper zinc gallium germanium arsenic selenium bromine krypton
39.10 40.08 44.96 47.87 50.94 52.00 54.94 55.85 58.93 58.69 63.55 65.38 69.72 72.63 74.92 78.97 79.90 83.80
37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn Sb Te I Xe
rubidium strontium yttrium zirconium niobium molybdenum technetium ruthenium rhodium palladium silver cadmium indium tin antimony tellurium iodine xenon
85.47 87.62 88.91 91.22 92.91 95.95 101.07 102.91 106.42 107.87 112.41 114.82 118.71 121.76 127.60 126.90 131.29
55 56 57-71 72 73 74 75 76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86
Cs Ba lanthanoids
Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb Bi Po At Rn
caesium barium hafnium tantalum tungsten rhenium osmium iridium platinum gold mercury thallium lead bismuth polonium astatine radon
132.91 137.33 178.49 180.95 183.84 186.21 190.23 192.22 195.08 196.97 200.59 204.38 207.20 208.98
87 88
*
89-103 104 105 106 107 108 109 110 111 112 113 114 115 116 117 118
Fr Ra actinoids
Rf Db Sg Bh Hs Mt Ds Rg Cn Nh Fl Mc Lv Ts Og
francium radium rutherfordium dubnium seaborgium bohrium hassium meitnerium darmstadtium roentgenium copernicium nihonium flerovium moscovium livermorium tennessine oganesson
**
57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71
กลุม ธาตุ La Ce Pr Nd Pm Sm Eu Gd Tb Dy Ho Er Tm Yb Lu
lanthanum cerium praseodymium neodymium promethium samarium europium gadolinium terbium dysprosium holmium erbium thulium ytterbium lutetium
*แลนทานอยด 138.91 140.12 140.91 144.24 150.36 151.96 157.25 158.93 162.50 164.93 167.26 168.93 173.05 174.97
89 90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100 101 102 103
กลุม ธาตุ Ac Th Pa U Np Pu Am Cm Bk Cf Es Fm Md No Lr
actinium thorium protactinium uranium neptunium plutonium americium curium berkelium californium einsteinium fermium mendelevium nobelium lawrencium
**แอกทินอยด 232.04 231.04 238.03
คู่มือครู
รายวิชาเพิม
่ เติมวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
เคมี
ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๔ เล่ม ๑
ตามผลการเรียนรู้
กลุม
่ สาระการเรียนรูว้ ท
ิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑
จัดทำ�โดย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. ๒๕๖๑
สถาบัน
สถาบั นส่ส่งงเสริ
เสริมมการสอนวิ
การสอนวิททยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี (สสวท.)
(สสวท.) ได้
ได้รรับ
ับมอบหมายจากกระทรวง
มอบหมายจากกระทรวง
ศึศึกกษาธิ
ษาธิกการ
าร ในการพั
ในการพัฒฒนามาตรฐานและตั
นามาตรฐานและตัววชีชี้ ว้ วั ดั ดของหลั
ของหลักกสูสูตตรกลุ
รกลุ่ ม
่ มสาระการเรี
สาระการเรียยนรู
นรู้ ค้ คณิ
ณิตตศาสตร์
ศาสตร์
วิวิท
ทยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี และยั
และยังงมีมีบ
บทบาทหน้
ทบาทหน้าาทีที่ใ่ในการรั
นการรับบผิผิดดชอบเกี
ชอบเกี่ย่ยวกั
วกับบการจั
การจัดดทำทำ�าหนั
หนังงสืสืออเรี
เรียยน
น
คูคู่ม่มือือครู
ครู แบบฝึ
แบบฝึกกทั
ทักกษะ
ษะ กิกิจจกรรม
กรรม และสื
และสื่อ่อการเรี
การเรียยนรู
นรู้ ้ ตลอดจนวิ
ตลอดจนวิธธีกีการจั
ารจัดดการเรี
การเรียยนรู
นรู้แ้และการวั
ละการวัดดและ
และ
ประเมินนผล
ประเมิ ผล เพื
เพือ
่อ่ ให้
ให้กการจั
ารจัดดการเรี
การเรียยนรู
นรูค
้ค้ ณิ
ณิตตศาสตร์
ศาสตร์ วิวิททยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยีเเป็ป็นนไปอย่
ไปอย่าางมี
งมีปประสิ
ระสิททธิธิภภาพ
าพ
คูคูม
่ม
่ อ
ือ
ื ครู
ครูรรายวิ
ายวิชชาเพิ
าเพิม
่ม่ เติ
เติมมวิวิท
ทยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี เคมี
เคมี ชัชัน
้น
้ มัมัธธยมศึ
ยมศึกกษาปี
ษาปีทท่ี ่ี ๔
๔ เล่
เล่มม ๑
๑ นีนี้ ้ จัจัดดทำทำ�า
ขึขึ้น
้นเพื
เพื่อ่อประกอบการใช้
ประกอบการใช้หหนั
นังงสืสืออเรี
เรียยนรายวิ
นรายวิชชาเพิ
าเพิ่ม่มเติ
เติมมวิวิท
ทยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี เคมี
เคมี ชัชั้น
้นมัมัธธยมศึ
ยมศึกกษา
ษา
ปีท
ปี ท่ี ่ี ๔
๔ เล่
เล่มม ๑
๑ โดยครอบคลุ
โดยครอบคลุมมเนื
เนือ
้อ้ หาตามผลการเรี
หาตามผลการเรียยนรู
นรูแ
้แ้ ละสาระการเรี
ละสาระการเรียยนรู
นรูเ้ เ้ พิ
พิม
่ม่ เติ
เติมม กลุ
กลุม
่ม่ สาระการเรี
สาระการเรียยนรู
นรู้ ้
วิวิท
ทยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี (ฉบั
(ฉบับบปรั
ปรับบปรุ
ปรุงง พ.ศ.
พ.ศ. ๒๕๖๐)
๒๕๖๐) ตามหลั
ตามหลักกสูสูตตรแกนกลางการศึ
รแกนกลางการศึกกษาขั
ษาขัน
้น้ พื
พืน
้น้ ฐาน
ฐาน
พุท
พุ ทธศั
ธศักกราช
ราช ๒๕๕๑
๒๕๕๑ ในสาระเคมี
ในสาระเคมี โดยมี
โดยมีตตารางวิ
ารางวิเเคราะห์
คราะห์ผผลการเรี
ลการเรียยนรู
นรูแ
้แ้ ละสาระการเรี
ละสาระการเรียยนรู
นรูเ้ เ้ พิ
พิม
่ม่ เติ
เติมม เพื
เพือ
่อ่
การจัดดทำ
การจั ทำ�าหน่
หน่ววยการเรี
ยการเรียยนรู
นรู้ใ้ในรายวิ
นรายวิชชาเพิ
าเพิ่ม่มเติ
เติมมวิวิท
ทยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี มีมีแแนวการจั
นวการจัดดการเรี
การเรียยนรู
นรู้ ้
การให้คความรู
การให้ วามรูเ้ เ้ พิ
พิม
่ม่ เติ
เติมมทีทีจ
่จ
่ �ำ าำ เป็
เป็นนสำสำ�าหรั
หรับบครู
ครูผผส
ู้ ส
ู้ อน
อน รวมทั
รวมทัง้ ง้ การเฉลยคำ
การเฉลยคำ�าถามและแบบฝึ
ถามและแบบฝึกกหัหัดดในหนั
ในหนังงสืสืออเรี
เรียยน
น
สสวท. หวั
สสวท. หวังงเป็
เป็นนอย่
อย่าางยิ
งยิ่ง่งว่ว่าา คูคู่ม่มือือครู
ครูเเล่ล่มมนีนี้จ้จะเป็
ะเป็นนประโยชน์
ประโยชน์ตต่อ่อการเรี
การเรียยนรู
นรู้ ้ และเป็
และเป็นนส่ส่ววนสำ
นสำ�าคัคัญ
ญ
ในการพัฒ
ในการพั ฒนาคุ
นาคุณณภาพและมาตรฐานการศึ
ภาพและมาตรฐานการศึกกษา
ษา กล่
กลุ่มุมสาระการเรี
สาระการเรียยนร้
นรู้วูวิท
ิทยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี
ขอขอบคุณ
ขอขอบคุ ณผูผู้ท้ทรงคุ
รงคุณณวุวุฒ
ฒิ ิ บุ
บุคคลากรทางการศึ
ลากรทางการศึกกษาและหน่
ษาและหน่ววยงานต่
ยงานต่าางง ๆๆ ทีที่ม่มี่สี่ส่ว่วนเกี
นเกี่ย่ยวข้
วข้อองในการจั
งในการจัดดทำทำ�าไว้
ไว้
ณ โอกาสนี
ณ โอกาสนี้ ้
(ศาสตราจารย์ชชูกูกิจิจ ลิลิมมปิ
(ศาสตราจารย์ ปิจจำ�ำานงค์
นงค์))
ผูผู้อ้อำ�ำานวยการสถาบั
นวยการสถาบันนส่ส่งงเสริ
เสริมมการสอนวิ
การสอนวิททยาศาสตร์
ยาศาสตร์แและเทคโนโลยี
ละเทคโนโลยี
กระทรวงศึกกษาธิ
กระทรวงศึ ษาธิกการ
าร
คำ�ชี้แจง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
ข้อแนะนำ�ทั่วไปในการใช้คู่มือครู
วิทยาศาสตร์มค
ี วามเกีย
่ วข้องกับทุกคนทัง้ ในชีวต
ิ ประจำ�วันและการงานอาชีพต่าง ๆ
รวมทัง้ มีบทบาทสำ�คัญในการพัฒนาผลผลิตต่าง ๆ ทีใ่ ช้ในการอำ�นวยความสะดวกทัง้ ในชีวต
ิ
และการทำ�งาน นอกจากนี้วิทยาศาสตร์ยังช่วยพัฒนาวิธีคิดและทำ�ให้มีทักษะที่จำ�เป็นใน
การตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และ
ทักษะที่สำ�คัญตามเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงมีความสำ�คัญยิ่ง ซึ่ง
เป้าหมายของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีดังนี้
1. เพื่อให้เข้าใจหลักการและทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของวิชาวิทยาศาสตร์
2. เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลักษณะ ขอบเขต และข้อจำ�กัดของวิทยาศาสตร์
3. เพือ
่ ให้เกิดทักษะทีส
่ �ำ คัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4. เพือ
่ พัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปญ
ั หาและการจัดการ
ทักษะในการสื่อสารและความสามารถในการตัดสินใจ
5. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์ และ
สภาพแวดล้อม ในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน
6. เพือ
่ นำ�ความรูค
้ วามเข้าใจเรือ
่ งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตอ
่
สังคมและการดำ�รงชีวิตอย่างมีคุณค่า
7. เพื่อให้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้ความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์อย่างสร้างสรรค์
คู่มือครูเป็นเอกสารที่จัดทำ�ขึ้นควบคู่กับหนังสือเรียน สำ�หรับให้ครูได้ใช้เป็นแนวทางใน
การจัดการเรียนรูเ้ พือ
่ ให้นก
ั เรียนได้รบ
ั ความรูแ
้ ละมีทก
ั ษะทีส
่ �ำ คัญตามจุดประสงค์การเรียน
รูใ้ นหนังสือเรียน ซึง่ สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ รวมทัง้ มีสอ
ื่ การเรียนรูใ้ นเว็บไซต์ทส
ี่ ามารถ
เชื่ อ มโยงได้ จ าก QR code หรื อ URL ท่ี อ ยู่ ป ระจำ � แต่ ล ะบท ซึ่ ง ครู ส ามารถใช้
ส่งเสริมให้นักเรียนบรรลุเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้ อย่างไรก็ตามครู
อาจพิ จ ารณาดั ด แปลงหรื อ เพิ่ ม เติ ม การจั ด การเรี ย นรู้ ใ ห้ เ หมาะสมกั บ บริ บ ทของแต่ ล ะ
ห้องเรียนได้ โดยคู่มือครูมีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้
ข้อแนะนำ�ทัว่ ไปในการใช้คม
ู่ อ
ื ครู
ผลการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้เป็นผลลัพธ์ที่ควรเกิดกับนักเรียนทั้งด้านความรู้และทักษะ ซึ่งช่วยให้ครูได้
ทราบเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ในแต่ละเนื้อหาและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้
สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ได้ ทั้งนี้ครูอาจเพิ่มเติมเนื้อหาหรือทักษะตามศักยภาพของ
นักเรียน รวมทั้งอาจสอดแทรกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความ
เข้าใจมากขึ้นได้
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้
การวิเคราะห์ความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และ
จิตวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละผลการเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้
ผังมโนทัศน์
แผนภาพที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความคิดหลัก ความคิดรอง และความคิดย่อย เพื่อ
ช่วยให้ครูเห็นความเชื่อมโยงของเนื้อหาภายในบทเรียน
สาระสำ�คัญ
การสรุปเนือ
้ หาสำ�คัญของบทเรียน เพือ
่ ช่วยให้ครูเห็นกรอบเนือ
้ หาทัง้ หมด รวมทัง้ ลำ�ดับของ
เนื้อหาในบทเรียนนั้น
เวลาที่ใช้
เวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งครูอาจดำ�เนินการตามข้อเสนอแนะที่กำ�หนดไว้ หรืออาจ
ปรับเวลาได้ตามความเหมาะสมกับบริบทของแต่ละห้องเรียน
ความรู้ก่อนเรียน
คำ�สำ�คัญหรือข้อความที่เป็นความรู้พื้นฐาน ซึ่งนักเรียนควรมีก่อนที่จะเรียนรู้เนื้อหาใน
บทเรียนนั้น
ข้อแนะนำ�ทัว่ ไปในการใช้คม
ู่ อ
ื ครู
ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน
ชุดคำ�ถามและเฉลยทีใ่ ช้ในการตรวจสอบความรูก
้ อ
่ นเรียนตามทีร่ ะบุไว้ในหนังสือเรียน เพือ
่
ให้ครูได้ตรวจสอบและทบทวนความรูใ้ ห้นก
ั เรียนก่อนเริม
่ กิจกรรมการจัดการเรียนรูใ้ นแต่ละ
บทเรียน
การจัดการเรียนรู้ในแต่ละหัวข้ออาจมีองค์ประกอบแตกต่างกันโดยรายละเอียดแต่ละ
องค์ประกอบ เป็นดังนี้
• จเปุ้ดาประสงค์ การเรียนรู้
หมายของการจัดการเรียนรู้ที่ต้องการให้นักเรียนเกิดความรู้หรือทักษะหลังจาก
ผ่านกิจกรรมการจัดการเรียนรูใ้ นแต่ละหัวข้อ ซึง่ สามารถวัดและประเมินผลได้ ทัง้ นีค
้ รูอาจ
ตั้งจุดประสงค์เพิ่มเติมจากที่ให้ไว้ ตามความเหมาะสมกับบริบทของแต่ละห้องเรียน
• คเนืวามเข้ าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
้อหาที่นักเรียนอาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่พบบ่อย ซึ่งเป็นข้อมูลให้ครูได้
พึงระวังหรืออาจเน้นย้�ำ ในประเด็นดังกล่าวเพือ
่ ป้องกันการเกิดความเข้าใจทีค
่ ลาดเคลือ
่ นได้
• สสือ่ื่อการเรี
การเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
ยนรูแ
้ ละแหล่งการเรียนรูท
้ ใ่ี ช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ เช่น บัตรคำ� วีดท
ิ ศ
ั น์
เว็บไซต์ ซึ่งครูควรเตรียมล่วงหน้าก่อนเริ่มการจัดการเรียนรู้
• แแนวทางการจั
นวการจัดการเรียนรู้
ดการเรียนรูท
้ ส
่ี อดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยมีการนำ�เสนอทัง้
ในส่วนของเนื้อหาและกิจกรรมเป็นขั้นตอนอย่างละเอียด ทั้งนี้ครูอาจปรับหรือเพิ่มเติม
กิจกรรมจากทีใ่ ห้ไว้ ตามความเหมาะสมกับบริบทของแต่ละห้องเรียน
กิจกรรม
การปฏิบต
ั ท
ิ ช
ี่ ว่ ยในการเรียนรูเ้ นือ
้ หาหรือฝึกฝนให้เกิดทักษะตามจุดประสงค์การเรียนรู้
ของบทเรียน โดยอาจเป็นการทดลอง การสาธิต การสืบค้นข้อมูล หรือกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่ง
ควรให้ นั ก เรี ย นลงมื อ ปฏิ บั ติ กิ จ กรรมด้ ว ยตนเอง โดยองค์ ป ระกอบของกิ จ กรรมมี
รายละเอียดดังนี้
ข้อแนะนำ�ทัว่ ไปในการใช้คม
ู่ อ
ื ครู
- จุดประสงค์
เป้าหมายทีต
่ อ
้ งการให้นก
ั เรียนเกิดความรูห
้ รือทักษะหลังจากผ่านกิจกรรมนัน
้
- วัสดุ และอุปกรณ์
รายการวัสดุ อุปกรณ์ หรือสารเคมี ที่ต้องใช้ในการทำ�กิจกรรม ซึ่งครูควรเตรียมให้
เพียงพอสำ�หรับการจัดกิจกรรม
- การเตรียมล่วงหน้า
ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้าสำ�หรับการจัดกิจกรรม เช่น การเตรียม
สารละลายทีม
่ ค
ี วามเข้มข้นต่าง ๆ การเตรียมตัวอย่างสิง่ มีชวี ต
ิ
- ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
ข้อมูลที่ให้ครูแจ้งต่อนักเรียนให้ทราบถึ งข้ อควรระวั ง ข้ อควรปฏิ บัติ หรื อข้ อมู ล
เพิ่มเติมในการทำ�กิจกรรมนั้น ๆ
- ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ตัวอย่างผลการทดลอง การสาธิต การสืบค้นข้อมูล หรือกิจกรรมอืน
่ ๆ เพือ
่ ให้ครูใช้
เป็นข้อมูลสำ�หรับตรวจสอบผลการทำ�กิจกรรมของนักเรียน
- อภิปรายและสรุปผล
ตัวอย่างข้อมูลที่ควรได้จากการอภิปรายและสรุปผลการทำ�กิจกรรม ซึ่งครูอาจใช้
คำ�ถามท้ายกิจกรรมหรือคำ�ถามเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้นักเรียนอภิปรายในประเด็น
ที่ต้องการ รวมทั้งช่วยกระตุ้นให้นักเรียนช่วยกันคิดและอภิปรายถึงปัจจัยต่าง ๆ
ทีท
่ �ำ ให้ผลของกิจกรรมเป็นไปตามทีค
่ าดหวัง หรืออาจไม่เป็นไปตามทีค
่ าดหวัง
นอกจากนี้อาจมีความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู เพื่อให้ครูมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ
เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ควรนำ�ไปเพิ่มเติมให้นักเรียน เพราะเป็นส่วนที่เสริมจากเนื้อหาที่มีในหนังสือ
เรียน
ข้อแนะนำ�ทัว่ ไปในการใช้คม
ู่ อ
ื ครู
• แนวทางการวัดและประเมินผล
แนวทางการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ซึ่งประเมิน
ทั้ ง ด้ า นความรู้ ทั ก ษะกระบวนการทางวิ ท ยาศาสตร์ ทั ก ษะแห่ ง ศตวรรษที่ 21 และ
จิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ควรเกิดขึ้นหลังจากได้เรียนรู้ในแต่ละหัวข้อ ผลที่ได้จากการ
ประเมินจะช่วยให้ครูทราบถึงความสำ�เร็จของการจัดการเรียนรู้ รวมทั้งใช้เป็นแนวทาง
ในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับนักเรียน
เครื่องมือวัดและประเมินผลมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น แบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ
แบบประเมินทักษะ แบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์ ซึง่ ครูอาจเลือกใช้เครือ
่ งมือ
สำ�หรับการวัดและประเมินผลจากเครื่องมือมาตรฐานที่มีผู้พัฒนาไว้แล้ว ดัดแปลงจาก
เครื่องมือที่ผู้อ่ืนทำ�ไว้แล้ว หรือสร้างเครื่องมือใหม่ข้ึนเอง ตัวอย่างของเครื่องมือวัดและ
ประเมินผล ดังภาคผนวก
• เฉลยคำ�ถาม
แนวคำ�ตอบของคำ�ถามระหว่างเรียนและคำ�ถามท้ายบทเรียนในหนังสือเรียน เพือ
่ ให้
ครูใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบการตอบคำ�ถามของนักเรียน
- เฉลยคำ�ถามระหว่างเรียน
แนวคำ�ตอบของคำ�ถามระหว่างเรียนซึง่ มีทง้ั คำ�ถามชวนคิด ตรวจสอบความเข้าใจ
และแบบฝึกหัด ทั้งนี้ครูควรใช้คำ�ถามระหว่างเรียนเพื่อตรวจสอบความรู้ความ
เข้าใจของนักเรียนก่อนเริ่มเนื้อหาใหม่ เพื่อให้สามารถปรับการจัดการเรียนรู้ให้
เหมาะสมต่อไป
- เฉลยคำ�ถามท้ายบทเรียน
แนวคำ�ตอบของแบบฝึกหัดท้ายบท ซึง่ ครูควรใช้ค�ำ ถามท้ายบทเรียนเพือ
่ ตรวจสอบ
ว่า หลังจากเรียนจบบทเรียนแล้ว นักเรียนยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องใด
เพื่อให้สามารถวางแผนการทบทวนหรือเน้นย้ำ�เนื้อหาให้กับนักเรียนก่อนการ
ทดสอบได้
สารบัญ
1
บทที่ 1 ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี 1
ผลการเรียนรู้ 1
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 1
ผังมโนทัศน์ 4
สาระสำ�คัญ 5
เวลาที่ใช้ 5
ความรู้ก่อนเรียน 5
1.1 ความปลอดภัยในการทำ�งานกับสารเคมี และ1.2 อุบัติเหตุ 9
ความปลอดภัย จากสารเคมี
และทักษะ เฉลยแบบฝึกหัด 1.1 15
ในปฏิบัติการเคมี
เฉลยแบบฝึกหัด 1.2 18
1.3 การวัดปริมาณสาร 22
เฉลยแบบฝึกหัด 1.3 31
1.4 หน่วยวัด 33
เฉลยแบบฝึกหัด 1.4 35
1.5 วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 37
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 47
สารบัญ
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติของธาตุ 53
2
ผลการเรียนรู้ 53
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 54
ผังมโนทัศน์ 59
สาระสำ�คัญ 60
เวลาที่ใช้ 60
ความรู้ก่อนเรียน 61
2.1 แบบจำ�ลองอะตอม 63
เฉลยแบบฝึกหัด 2.1 82
3
บทที่ 3 พันธะเคมี 140
ผลการเรียนรู้ 140
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 141
ผังมโนทัศน์ 147
สาระสำ�คัญ 148
เวลาที่ใช้ 148
ความรู้ก่อนเรียน 148
3.1 สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสและกฎออกเตต 151
3.2 พันธะไอออนิก 153
พันธะเคมี เฉลยแบบฝึกหัด 3.1 163
เฉลยแบบฝึกหัด 3.2 165
เฉลยแบบฝึกหัด 3.3 172
เฉลยแบบฝึกหัด 3.4 181
เฉลยแบบฝึกหัด 3.5 184
3.3 พันธะโคเวเลนต์ 187
เฉลยแบบฝึกหัด 3.6 194
เฉลยแบบฝึกหัด 3.7 197
เฉลยแบบฝึกหัด 3.8 201
เฉลยแบบฝึกหัด 3.9 210
เฉลยแบบฝึกหัด 3.10 211
เฉลยแบบฝึกหัด 3.11 215
3.4 พันธะโลหะ 218
3.5 การใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก 219
สารโคเวเลนต์ และโลหะ
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 223
สารบัญ
ตัวอย่างเครื่องมือวัดและประเมินผล 234
ภาคผนวก
บรรณานุกรม 248
คณะกรรมการจัดทำ�คู่มือครู 251
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
1
บทที่ 1
ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
ipst.me/7702
ผลการเรียนรู้
1. บอกและอธิบายข้อปฏิบัติเบื้องต้น และปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตระหนักในการทำ�ปฏิบัติ
การเคมีเพื่อให้มีความปลอดภัย ทั้งต่อตนเอง ผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกิด
อุบัติเหตุ
2. เลือกและใช้อป
ุ กรณ์หรือเครือ
่ งมือในการทำ�ปฏิบต
ั ก
ิ าร และวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
3. ระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วย
การใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
4. นำ�เสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง
การวิิเคราะห์ผลการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
1. บอกและอธิบายข้อปฏิบัติเบื้องต้น และปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตระหนักในการทำ�
ปฏิบต
ั ก
ิ ารเคมีเพือ
่ ให้มค
ี วามปลอดภัย ทัง้ ต่อตนเอง ผูอ
้ น
่ื และสิง่ แวดล้อม และเสนอแนวทาง
แก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบุความเป็นอันตรายของสารเคมีจากสัญลักษณ์และข้อมูลบนฉลากสารเคมี
2. อธิบายข้อปฏิบัติเบื้องต้นและการปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตระหนักในการทำ�ปฏิบัติการ
เคมีเพือ
่ ให้มค
ี วามปลอดภัย ทัง้ ต่อตนเอง ผูอ
้ น
่ื และสิง่ แวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไข
เมือ
่ เกิดอุบต
ั เิ หตุ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
2
ผลการเรียนรู้
2. เลือกและใช้อป
ุ กรณ์หรือเครือ
่ งมือในการทำ�ปฏิบต
ั ก
ิ าร และวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เลือกและใช้อป
ุ กรณ์หรือเครือ
่ งมือในการทำ�ปฏิบต
ั ก
ิ าร และวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
2. อ่านค่าปริมาณจากการวัดโดยแสดงเลขนัยสำ�คัญที่ถูกต้อง
ผลการเรียนรู้
3. ระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปลีย
่ นหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วย
การใช้แฟกเตอร์เปลีย
่ นหน่วย
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร
2. เปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
3
ผลการเรียนรู้
4. นำ�เสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นำ�เสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
4
ผังมโนทัศน์
บทที่ 1 ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
ข้อควรปฏิบต
ั ิ การ การกำ�จัด
GHS NFPA
เบือ
้ งต้น ปฐมพยาบาล สารเคมี
ข้อมูลสารเคมี ข้อควรปฏิบต
ั ิ
ความปลอดภัยในปฏิบต
ั ก
ิ ารเคมี
ความปลอดภัยและ
วิธก
ี ารทางวิทยาศาสตร์ ทักษะในปฏิบต
ั ก
ิ ารเคมี
ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์
ทักษะในปฏิบต
ั ก
ิ ารเคมี
จิตวิทยาศาสตร์
ทักษะการทำ�ปฏิบต
ั ก
ิ าร ทักษะการคำ�นวน
จริยธรรมทาง
อุปกรณ์วด
ั หน่วยวัด
วิทยาศาสตร์ การเปลีย
่ นหน่วย
ปริมาตรและมวล
วิธก
ี ารเทียบหน่วย
หน่วย
ในระบบ
ความเทีย
่ งและ เลขนัยสำ�คัญ เอสไอ
แฟกเตอร์
ความแม่น
เปลีย
่ นหน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
5
สาระสำ�คัญ
การทดลองถื อ เป็ น หั ว ใจของการศึ ก ษาค้ น คว้ า ทางเคมี ที่ ส ามารถนำ � ไปสู่ ก ารค้ น พบและ
ความรูใ้ หม่ทางเคมี นอกจากนีย
้ งั สามารถช่วยถ่ายทอดความรูแ
้ ก่นก
ั เรียนให้เกิดความรูแ
้ ละความเข้าใจ
ในบทเรี ย นได้ ด ี ยิ่ ง ขึ้ น การทดลองทางเคมี สำ � หรั บ นั ก เรี ย นนิ ย มทำ � ในห้ อ งปฏิ บั ติ ก ารและมี
ความเกีย
่ วข้องกับสารเคมี อุปกรณ์และเครือ
่ งมือต่าง ๆ ผูท
้ �ำ ปฏิบต
ั ก
ิ ารจึงต้องทราบเกีย
่ วกับประเภท
ของสารเคมีที่ใช้ วิธีปฏิบัติการทดลอง ข้อควรปฏิบัติในการทำ�ปฏิบัติการเคมี และการกำ�จัดสารเคมี
เพื่อให้สามารถทำ�ปฏิบัติการได้อย่างปลอดภัย รวมถึงมีความรู้และสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เพื่อลดความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
ในการทำ�ปฏิบัติการเคมีความน่าเชื่อถือของข้อมูลพิจารณาได้จากความเที่ยงและความแม่น
ซึ่งสำ�หรับการวัดนั้นความน่าเชื่อถือขึ้นกับทักษะของผู้ทำ�ปฏิบัติการและความละเอียดของเครื่องมือ
และอุปกรณ์ที่ใช้ การบอกปริมาณของสารอาจระบุอยู่ในหน่วยต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
ที่ตรงกันจึงมีการกำ�หนดหน่วยในระบบเอสไอให้เป็นหน่วยสากล ผู้ทำ�ปฏิบัติการควรมีทักษะการ
เปลี่ยนหน่วยเพื่อให้เป็นหน่วยสากลโดยการใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
การทำ�ปฏิบัติการเคมีต้องมีการวางแผนการทดลอง การทำ�การทดลอง การบันทึกข้อมูล
สรุปและวิเคราะห์ นำ�เสนอข้อมูล และการเขียนรายงานการทดลองที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกัน
การทำ�ปฏิบัติการเคมีต้องคำ�นึงถึงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
จิตวิทยาศาสตร์และจริยธรรมทางวิทยาศาสตร์
เวลาที่ใช้
บทนี้ควรใช้เวลาสอนประมาณ 10 ชั่วโมง
1.1 ความปลอดภัยในการทำ�งานกับสารเคมี 2 ชั่วโมง
1.2 อุบัติเหตุจากสารเคมี 1 ชั่วโมง
1.3 การวัดปริมาณสาร 2 ชั่วโมง
1.4 หน่วยวัด 2 ชั่วโมง
1.5 วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 3 ชั่วโมง
ความรู้ก่อนเรียน
อุปกรณ์และเครื่องแก้วในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
6
ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน
1. ใส่เครือ
่ งหมาย หน้าข้อความทีถ
่ ก
ู ต้อง และเครือ
่ งหมาย หน้าข้อความทีไ่ ม่ถก
ู ต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
7
2. จับคู่รป
ู อุปกรณ์กบ
ั ชือ
่ ให้ถก
ู ต้อง
ก ข ค
ง จ ฉ
ช ซ ญ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
8
3. จากรูปต่อไปนี้ อุปกรณ์ใดใช้ในการวัดปริมาณสาร
ก ข ค
ง จ ฉ
ช ซ ญ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดปริมาณสาร ได้แก่
ก.บีกเกอร์ ข.กระบอกตวง ค.ขวดรูปกรวย ช.เครื่องชั่ง ซ.ปิเปตต์ และญ.บิวเรตต์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
9
1.1 ความปลอดภัยในการทำ�งานกับสารเคมี
1.2 อุบัติเหตุจากสารเคมี
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบุความเป็นอันตรายของสารเคมีจากสัญลักษณ์และข้อมูลบนฉลากสารเคมี
2. อธิบายข้อปฏิบต
ั เิ บือ
้ งต้นและการปฏิบต
ั ต
ิ นทีแ
่ สดงถึงความตระหนักในการทำ�ปฏิบต
ั ก
ิ ารเคมี
เพือ
่ ให้มค
ี วามปลอดภัยทัง้ ต่อตนเอง ผูอ
้ น
่ื และสิง่ แวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมือ
่ เกิดอุบต
ั เิ หตุ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สับสนระหว่างสัญลักษณ์ของสารไวไฟและ
สารออกซิไดส์ สารไวไฟ
สารออกซิไดส์
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
1. รูปหรือขวดบรรจุสารเคมีที่มีสัญลักษณ์และข้อมูลในฉลากสารเคมี
2. ข้อความ ภาพ หรือวีดิทัศน์ข่าว สถานการณ์หรือปัญหาที่แสดงถึงความเสียหายรุนแรงที่
เกิดจากการปฐมพยาบาลที่ไม่ถูกวิธี เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการใช้สารเคมี
3. อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ได้แก่ สำ�ลี ผ้าพันแผล แผ่นปิดแผล ยาใส่แผล แอลกอฮอล์
ล้างแผล น้ำ�เกลือล้างแผล ถ้วยล้างตา น้ำ�ยาล้างตา ยาใส่แผลไฟไหม้น้ำ�ร้อนลวก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
10
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูใช้คำ�ถามนำ�ว่า การทำ�ปฏิบัติการเคมีได้อย่างปลอดภัยจะต้องคำ�นึงถึงเรื่องใดบ้าง เพื่อ
นำ�เข้าสู่เรื่องความปลอดภัยในการทำ�งานกับสารเคมี จากนั้นครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดย
แสดงรูปหรือขวดบรรจุสารเคมีที่มีสัญลักษณ์และข้อมูลในฉลากสารเคมี เช่น โพแทสเซียมไอโอไดด์
(KI) เลด(II)ไนเทรต (Pb(NO3)2) โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (NaHCO3) กรดแอซีติก (CH3COOH)
โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต (KMnO4) กรดไฮโดรคลอริก (HCl) โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) จากนั้น
ให้นักเรียนจัดกลุ่มสารเคมีโดยใช้รูปสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนฉลากเป็นเกณฑ์ในการแบ่งกลุ่ม เพื่อ
นำ�เข้าสู่เรื่องฉลากและสัญลักษณ์ความเป็นอันตรายของสารเคมี ซึ่งนักเรียนอาจจัดกลุ่มโดยแบ่ง
สารเคมีที่มีรูปสัญลักษณ์เหมือนกันไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน
2. ครู อ ธิ บ ายเกี่ ย วกั บ ข้ อ มู ล บนฉลากของสารเคมี ว่ า ส่ ว นมากประกอบด้ ว ยชื่ อ ผลิ ต ภั ณ ฑ์
รูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย คำ�เตือน ข้อมูลความเป็นอันตราย ข้อควรระวัง และข้อมูลบริษท
ั
ผู้ผลิตสารเคมี และสัญลักษณ์ความเป็นอันตรายของสารเคมีในระบบ Globally Harmonized
System of Classification and Labelling of Chemicals (GHS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สากล และ
National Fire Protection Association Hazard Identification System (NFPA) ซึ่งเป็นระบบ
ที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา โดยยกตัวอย่างฉลากสารเคมี ดังรูป 1.1 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน ได้แก่
กรดไฮโดรคลอริกเข้มข้น (HCl) แอมโมเนีย (NH3) โดยชี้ประเด็นให้นักเรียนเห็นว่ารายละเอียดของ
ข้อมูลมีองค์ประกอบส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน แต่ตำ�แหน่งของข้อมูลต่าง ๆ บนฉลากอาจต่างกัน
3. ครูอธิบายเกี่ยวกับสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายในระบบ GHS โดยยกตัวอย่าง
สัญลักษณ์ ดังรูป 1.2 จากนัน
้ ครูให้นก
ั เรียนพิจารณาฉลากของกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นและแอมโมเนีย
ในรูป 1.1 แล้วตอบคำ�ถามเพือ
่ ตรวจสอบความเข้าใจ
ตรวจสอบความเข้าใจ
จากฉลากของกรดไฮโดรคลอริกและแอมโมเนีย สารเคมีทั้งสองมีอันตรายตามระบบ
GHS อย่างไรบ้าง
กรดไฮโดรคลอริกเป็นสารกัดกร่อนและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และแอมโมเนียเป็น
สารกัดกร่อน สารไวไฟ และมีอันตรายถึงชีวิต
ทั้ ง นี้ ค รู อ าจอธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม ด้ ว ยว่ า อั น ตรายจากสารเคมี นั้ น มี ค วามเกี่ ย วข้ อ งกั บ ปริ ม าณ
ความเข้มข้น และเวลาที่สัมผัสกับสารเคมีด้วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
11
ตรวจสอบความเข้าใจ
ความรูเ้ พิม
่ เติมสำ�หรับครู
ระดับความเป็นอันตรายด้านต่าง ๆ บนสัญลักษณ์ในระบบ NFPA
สี ความหมาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
12
สี ความหมาย
5. ครูอาจให้นก
ั เรียนทำ�กิจกรรมเสนอแนะ โดยพิจารณาฉลากสารเคมีในห้องปฏิบต
ั ก
ิ ารของ
โรงเรียน จากนั้นอภิปรายว่าฉลากสารเคมีในห้องปฏิบัติการของโรงเรียนเหมือนหรือแตกต่างจาก
ฉลากในระบบ GHS และ NFPA หรือไม่ อย่างไร เพือ
่ ให้นก
ั เรียนเข้าใจถึงความเป็นอันตรายของ
สารเคมีทใ่ี ช้ในห้องปฏิบต
ั ก
ิ ารของโรงเรียน อันนำ�ไปสูค
่ วามตระหนักในการใช้สารเคมีให้ปลอดภัย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
13
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
14
14. ครูยกตัวอย่างอุบต
ั เิ หตุทอ
่ี าจเกิดขึน
้ จากการใช้สารเคมีในห้องปฏิบต
ั ก
ิ าร เช่น สารเคมีหก
ใส่มอ
ื สารเคมีกระเด็นเข้าตา ไอสารเคมีเข้าจมูก แล้วตัง้ คำ�ถามว่า เมือ
่ เกิดอุบต
ั เิ หตุดงั กล่าว ควรทำ�
อย่างไร ซึง่ ควรได้ค�ำ ตอบว่า เมือ
่ เกิดอุบต
ั เิ หตุ ต้องทราบชนิดและปริมาณสารเคมีกอ
่ น แล้วจึงทำ�การ
ปฐมพยาบาลเบือ
้ งต้น
15. ครูให้นักเรียนแบ่งเป็น 4 กลุ่มแล้วศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในกรณี
ที่เกิดอุบัติเหตุจากสารเคมีในแต่ละหัวข้อ ได้แก่ การปฐมพยาบาลเมื่อร่างกายสัมผัสสารเคมี การ
ปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา การปฐมพยาบาลเมื่อสูดดมแก๊สพิษ และการปฐมพยาบาลเมื่อโดน
ความร้อน จากนั้นนำ�เสนอแนวทางในการแก้ไขอุบัติเหตุในรูปแบบที่สามารถสร้างความเข้าใจให้กับ
ผู้อื่นได้ดี เช่น การแสดงบทบาทสมมติ โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะและให้ความรู้เพิ่มเติม
16. ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด 1.2 เพื่อทบทวนความรู้
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย
่ วกับฉลากและสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายของสารเคมี ข้อปฏิบต
ั เิ บือ
้ งต้น
ในการทำ�ปฏิบัติการเคมี การกำ�จัดสารเคมี และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากอุบัติเหตุจากสารเคมี
จากการทำ�กิจกรรม การอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการสังเกต การคิดและการแก้ปญ
ั หาอย่างมีวจ
ิ ารณญาณ และความร่วมมือ การทำ�งาน
เป็นทีมและภาวะผู้นำ�จากการทำ�กิจกรรม
3. ทักษะการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการอภิปรายและการนำ�เสนอ
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านการใช้วิจารณญาณ ความใจกว้าง และความรอบคอบ จากการสังเกต
พฤติกรรมในการอภิปรายและการทำ�กิจกรรม
5. จิตวิทยาศาสตร์ด้านการเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากผลงานและการสะท้อนความคิด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
15
แบบฝึกหัด 1.1
1. พิจารณาข้อมูลบนฉลากของโซเดียมไฮดรอกไซด์ และวงกลมเพือ
่ ระบุสว่ นทีแ
่ สดงข้อมูล
ต่อไปนี้
1. ชื่อผลิตภัณฑ์
2. รูปสัญลักษณ์ แสดงความเป็นอันตรายของสารเคมี
3. คำ�เตือน ข้อมูลความเป็นอันตราย และข้อควรระวัง
3
Causes severe skin burns and eye damage.
PREVENTION
Do not breathe dust. Wash skin and eyes thoroughly after handling.
Wear protective gloves and clothing, and eye and face protection.
RESPONSE
If swallowed: Rinse mouth. Do NOT induce vomiting.
If in eyes: Rinse cautiously with water for several minutes. Remove contact lenses,
if present and easy to do. Continue rinsing.
If in skin (or hair): Take off immediately all contaminated clothing. Rinse skin
with water/shower. Wash contaminated clothing before reuse.
If inhaled: Remove person to fresh air and keep comfortable for breathing.
Immediately call a doctor or other medical personnel.
STORAGE
Store locked up. Keep container tightly closed.
DISPOSAL
Dispose of contents to an EPA permitted facility.
2. พิจารณาตัวอย่างฉลากสารเคมีต่อไปนี้
SAF-T-DATA TM System
U5432.2500 2.51 2.5 L HEALTH FLAMMABILITY REACTIVITY CONTACT
แอมโมเนีย กรดไนทริก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
16
โพแทสเซียมเปอรแมงกาเนต KMnO4
Potassium permanganate
Mw 158.04 mp 50 ํC
Xn
อาจเกิดการลุกไหมถาสัมผัสสารที่เปนเชื้อไฟ
เปนอันตรายเมื่อกลืนกิน แสบรอนเมื่อสัมผัส
ผิวหนัง, ตา ขนาดบรรจุ 100 กรัม
โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต แบเรียมคลอไรด์
HEALTH 1 Formula Na 2 SO4 Catalog No. HEALTH 1 Formula Cu(No3)2 Catalog No.
FLAMMABILITY 0 F.W. 142.04 3097170 FLAMMABILITY 0 F.W. 187.54 3091250
REACTIVITY 0 Quantity 450g. REACTIVITY 3 Quantity 250g.
PROTECTIVE 0 R: - technical PROTECTIVE 1 R: 8-22-38 AR
EQUIPMENT S: 22-24/25 P.D. 1206-271 EQUIPMENT S: 28 P.D. 1205-097
โซเดียมซัลเฟต คอปเปอร์(II)ไนเทรต
โพแทสเซียมไฮดรอกไซด
ดางคลี
Potassium hydroxide
KOH Lead Nitrate
0 Mw 56.11 mp 50 ํC
bp 1320 ํC
Pb(NO3)2
3 1
CAS: 10099-74-8
MW: 331.23
Solubility: 520 g/l at 20 C
ทำใหเกิดแผลไหมเมื่อสัมผัสผิวหนัง, ตา
เมื่อกลืนกินมีผลตอระบบทางเดินอาหาร
OXIDIZER
R: 35
S: 26-37/39-45
5.1
Mfg. Date .............................................. ขนาดบรรจุ 350 กรัม
โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ เลด(II)ไนเทรต
2.1 สารเคมีใดไม่ควรวางใกล้เปลวไฟ
กรดไนทริก โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต คอปเปอร์(II)ไนเทรต เลด(II)ไนเทรต
2.2 สารเคมีใดเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
แอมโมเนีย
2.3 สารเคมีใดมีฤทธ์ิกัดกร่อนผิวหนัง
กรดไนทริก แอมโมเนีย โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
17
3. จากรูปผูท
้ �ำ ปฏิบต
ั ก
ิ ารควรปรับปรุงสิง่ ใดบ้าง เพือ
่ ให้เกิดความปลอดภัยในการทำ�ปฏิบต
ั ก
ิ าร
เคมี
1. รวบผมให้เรียบร้อย
2. สวมแว่นตานิรภัย
3. ติดกระดุมเสื้อคลุมปฏิบัติการให้เรียบร้อย
4. สวมรองเท้าส้นเตี้ยที่หุ้มปลายและส้นเท้า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
18
แบบฝึกหัด 1.2
1. ให้นักเรียนระบุวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่เหมาะสม เมื่อเกิดอุบัติเหตุต่อไปนี้ในห้อง
ปฏิบัติการ
1.1 สารละลายกรดกระเด็นถูกผิวหนัง
ถอดเสื้อผ้าบริเวณที่เปื้อนออก ซับสารละลายกรดออกจากร่างกายให้มากที่สุดแล้ว
ล้างน้ำ�ปริมาณมาก ๆ
1.2 สัมผัสกับเม็ดโซเดียมไฮดรอกไซด์
ล้างน้ำ�ปริมาณมาก ๆ
1.3 ไอน้ำ�ร้อนจากอ่างน้ำ�ร้อนสัมผัสร่างกาย
แช่น�ำ้ เย็นหรือปิดแผลด้วยผ้าชุบน้�ำ จนหายปวดแสบปวดร้อน แล้วทายาขีผ
้ ง้ึ สำ�หรับ
ไฟไหม้และน้ำ�ร้อนลวก
1.4 เศษแก้วจากหลอดทดลองที่แตกบาดมือ
ล้างด้วยน้ำ�เกลือล้างแผล แล้วใส่ยาใส่แผลและปิดพลาสเตอร์
1.5 เมื่อใช้มือสัมผัสโต๊ะในห้องปฏิบัติการ แล้วเกิดอาการแสบร้อน
ล้างน้ำ�ปริมาณมาก ๆ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
19
ตัวอย่างเอกสารความปลอดภัย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
20
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
21
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
22
1.3 การวัดปริมาณสาร
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เลือกและใช้อป
ุ กรณ์หรือเครือ
่ งมือในการทำ�ปฏิบต
ั ก
ิ าร และวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
2. อ่านค่าปริมาณต่าง ๆ ของสาร
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
ตัวอย่างผลการทดลองทีม
่ ก
ี ารกระจายตัวของข้อมูลแตกต่างกัน เพือ
่ นำ�ไปสูก
่ ารวิเคราะห์เกีย
่ วกับ
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งพิจารณาจากความเที่ยงและความแม่น
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนพิจารณาค่าที่วัดได้จากการทดลองในรูป 1.6 แล้วตั้งคำ�ถามว่า ข้อมูลชุดใด
มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะเหตุใด เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ความน่าเชื่อถือของข้อมูลสามารถ
พิจารณาได้จาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ ความเที่ยงและความแม่น โดยความเที่ยง คือ ความใกล้เคียงกัน
ของค่าทีไ่ ด้จากการวัดซ้�ำ ส่วนความแม่น คือ ความใกล้เคียงของค่าเฉลีย
่ จากการวัดซ้�ำ เทียบกับค่าจริง
ดังนั้นข้อมูลชุด ง มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด เนื่องจากมีความเที่ยงและความแม่นสูงที่สุด
2. ครูตง้ั คำ�ถามว่า ข้อมูลแต่ละชุดมีความเทีย
่ งและความแม่นแตกต่างกันเพราะเหตุใด ซึง่ ควร
ได้คำ�ตอบว่า ความเที่ยงและความแม่นของข้อมูลขึ้นกับทักษะของผู้ทดลอง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการ
ทำ�ปฏิบัติการ
3. ครูใช้ค�ำ ถามนำ�ว่า ถ้าจะแบ่งกลุม
่ อุปกรณ์วด
ั ปริมาตร ได้แก่ บีกเกอร์ ขวดรูปกรวย กระบอกตวง
ปิเปตต์ บิวเรตต์ และขวดกำ�หนดปริมาตร โดยใช้ความแม่นเป็นเกณฑ์ จะสามารถแบ่งได้เป็นกี่กลุ่ม
และอุปกรณ์ในแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง โดยครูอาจแสดงรูปอุปกรณ์ประกอบ เพื่อนำ�เข้าสู่เรื่องอุปกรณ์
วัดปริมาตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
23
4. ครูสาธิตและอธิบายการใช้งานอุปกรณ์วด
ั ปริมาตร ได้แก่ บีกเกอร์ ขวดรูปกรวย กระบอกตวง
ปิเปตต์ บิวเรตต์ ขวดกำ�หนดปริมาตร อุปกรณ์วัดมวล เช่น เครื่องชั่งแบบสามคาน เครื่องชั่งไฟฟ้า
ในประเด็นต่อไปนี้
- วัตถุประสงค์และเทคนิคการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือ
- การอ่านค่าและการรายงานผลจากการวัด ทัง้ นีใ้ ห้เน้นในประเด็นการอ่านปริมาตรของของเหลว
ต้องให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับระดับส่วนโค้งของของเหลวดังรูป 1.13 และการประมาณค่าที่ได้
จากการอ่านปริมาตรของของเหลวในบิวเรตต์ ว่าสามารถประมาณตัวเลขได้ตั้งแต่ 0-9
- ข้อควรระวังในการใช้และการดูแลอุปกรณ์และเครื่องมือ
ทั้งนี้เมื่อครูอธิบายขั้นตอนการใช้บิวเรตต์ ให้เน้นในประเด็นการบรรจุของเหลวใส่บิวเรตต์ซึ่งไม่ควร
ทำ�เหนือระดับสายตา และต้องไล่ฟองอากาศออกจากปลายบิวเรตต์ให้หมดก่อนการใช้งาน โดย
ระหว่างที่มีการสาธิตควรให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติร่วมด้วย
ฟองอากาศ
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
ในกรณี ที่ ยั ง มี ฟ องอากาศเหลื อ อยู่ ใ นบิ ว เรตต์ ใ ห้ ห มุ น ก๊ อ กปิ ด เปิ ด ไปในตำ � แหน่ ง ที่
ของเหลวไหลออกมาเร็วและแรงที่สุด ปล่อยให้ของเหลวไหลออกมาไล่ฟองอากาศจนหมด
ขณะที่ของเหลวไหลลงมาอาจใช้ลูกยางเคาะเบา ๆ ตรงบริเวณที่มีฟองอากาศอยู่เพื่อช่วยไล่
ฟองอากาศให้ออกมาจนหมด
ทั้งนี้ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจระหว่างการให้ความรู้แต่ละขั้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
24
ตรวจสอบความเข้าใจ
ในห้องปฏิบต
ั ก
ิ ารมีปเิ ปตต์แบบใช้ตวงขนาด 5 มิลลิเมตรและ 10 มิลลิเมตรและมีปเิ ปตต์
แบบปริมาตรขนาด 5 มิลลิเมตรและ 25 มิลลิเมตรหากต้องการของเหลวปริมาตรต่อไปนี้
ต้องเลือกปิเปตต์แบบใดและขนาดปริมาตรใด
1. 2.50 มิลลิเมตร ใช้ปเิ ปตต์แบบใช้ตวง ขนาด 5 หรือ 10 มิลลิเมตร
2. 5.00 มิลลิเมตร ใช้ปเิ ปตต์แบบใช้ตวง ขนาด 5 หรือ 10 มิลลิเมตรหรือใช้ปเิ ปตต์
แบบปริมาตรขนาด 5 มิลลิเมตร
3. 25.00 มิลลิเมตร ใช้ปเิ ปตต์แบบปริมาตร ขนาด 25 มิลลิเมตร
ตรวจสอบความเข้าใจ
1. จากรูป ปริมาตรของของเหลวในกระบอกตวงมีค่าเท่าใด
อ่านค่าปริมาตรของของเหลวได้ประมาณ 6.80
มิลลิลิตร (ทศนิยมตำ�แหน่งที่สองเป็นค่าประมาณ
นักเรียนอาจตอบต่างจากแนวคำ�ตอบได้)
2. ปริมาตรเริ่มต้นและปริมาตรสุดท้ายจากการถ่ายเทของเหลวด้วยบิวเรตต์ เป็นดังรูป
ของเหลวที่ถ่ายเทได้มีปริมาตรเท่าใด
อ่านค่าปริมาตรเริ่มต้นและปริมาตรสุดท้าย
ได้ 6.25 และ 39.30 มิลลิลิตร ดังนั้น
ของเหลวทีถ
่ า่ ยเทได้มป
ี ริมาตร 39.30 – 6.25
เท่ากับ 33.05 มิลลิลต
ิ ร (ทศนิยมตำ�แหน่งที่
สองเป็นค่าประมาณ นักเรียนอาจตอบต่าง
จากแนวคำ�ตอบได้)
ปริมาตรเริ่มต้น ปริมาตรสุดท้าย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
25
จุดประสงค์การทดลอง
1. ฝึกใช้เครื่องชั่งและเครื่องแก้ววัดปริมาตรบางชนิด
2. เปรียบเทียบความแม่นในการวัดปริมาตรของกระบอกตวงและปิเปตต์
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
สารเคมี
1. น้ำ� 50 mL
วัสดุและอุปกรณ์
1. เทอร์มอมิเตอร์ 1 อัน
2. บีกเกอร์ขนาด 100 mL 1 ใบ
3. บีกเกอร์ขนาด 250 mL 1 ใบ
4. ปิเปตต์ ขนาด 25 mL 1 อัน
5. กระบอกตวงขนาด 25 mL 1 อัน
6. เครื่องชั่ง ใช้ร่วมกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
26
การเตรียมล่วงหน้า
ตารางแสดงความหนาแน่นของน้ำ�ที่อุณหภูมิต่าง ๆ กลุ่มละ 1 ใบ
อภิปรายก่อนทำ�การทดลอง
ทบทวนเกี่ยวกับการอ่านค่าอุณหภูมิจากเทอร์มอมิเตอร์
ตัวอย่างผลการทดลอง
การวัดปริมาตรน้ำ�ด้วยปิเปตต์
อุณหภูมิของน้ำ�ที่ทำ�การทดลอง คือ 20.0 °C
ความหนาแน่นของน้ำ�ที่อุณหภูมินี้ เท่ากับ 0.998203 g/mL
บีกเกอร์เปล่า 46.98 -
เฉลี่ย 24.83
คำ�นวณปริมาตรน้ำ�ที่วัดได้จากค่ามวลน้ำ�เฉลี่ย
จาก d = m
V
m
จะได้ V =
d
24.83 g
แทนค่า V =
0.998203 g/mL
= 24.87 mL
การวัดปริมาตรน้ำ�ด้วยกระบอกตวง
อุณหภูมิของน้ำ�ที่ทำ�การทดลอง คือ 20.2 °C
ความหนาแน่นของน้ำ�ที่อุณหภูมินี้ เท่ากับ 0.998162 g/mL
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
27
บีกเกอร์เปล่า 50.72 -
เฉลี่ย 24.30
คำ�นวณปริมาตรน้ำ�ที่วัดได้จากค่ามวลน้ำ�เฉลี่ย
จาก d = m
V
m
จะได้ V =
d
24.30 g
แทนค่า V =
0.998162 g/mL
= 24.34 mL
อภิปรายผลการทดลอง
การวัดปริมาตรของน้ำ�ด้วยปิเปตต์ขนาด 25 มิลลิลิตร 3 ครั้ง พบว่า มวลเฉลี่ยของน้ำ�
ที่วัดได้เท่ากับ 24.83 กรัม เมื่อนำ�ค่ามวลเฉลี่ยที่ได้ไปคำ�นวณหาปริมาตรของน้ำ�จาก
ความหนาแน่น ณ อุณหภูมิที่ทำ�การวัด พบว่าปริมาตรของน้ำ�เท่ากับ 24.87 มิลลิลิตร
การวัดปริมาตรของน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร 3 ครั้ง พบว่า มวลเฉลี่ย
ของน้ำ�ที่วัดได้เท่ากับ 24.30 กรัม และเมื่อนำ�ค่ามวลเฉลี่ยที่ได้ไปคำ�นวณหาปริมาตรของน้ำ�
จากความหนาแน่น ณ อุณหภูมิที่ทำ�การวัด พบว่าปริมาตรของน้ำ�เท่ากับ 24.34 มิลลิลิตร
ดังนั้น ปริมาตรของน้ำ�ที่วัดด้วยปิเปตต์ต่างจากค่าจริง 0.13 มิลลิลิตร
ส่วนกระบอกตวงต่างจากค่าจริง 0.66 มิลลิลิตร
เมื่อเปรียบเทียบการวัดปริมาตรน้ำ�โดยใช้ปิเปตต์และกระบอกตวง พบว่า ปริมาตร
น้ำ�ที่ได้จากการใช้ปิเปตต์ใกล้เคียงค่าจริงมากกว่าค่าปริมาตรของน้ำ�ที่วัดด้วยกระบอกตวง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
28
สรุปผลการทดลอง
ปิเปตต์เป็นอุปกรณ์ทว่ี ด
ั ปริมาตรได้ใกล้เคียงค่าจริงมากกว่ากระบอกตวง หรือกล่าวได้
ว่า การใช้ปิเปตต์มีความแม่นมากกว่ากระบอกตวง
ค่าความ
คลาดเคลื่อน
กระบอกตวง ปิเปตต์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
29
8. ครูให้นักเรียนพิจารณารูปร่างของกระบอกตวงและปิเปตต์ แล้วตั้งคำ�ถามเพื่อนำ�อภิปราย
ว่า เพราะเหตุใดกระบอกตวงมีค่าความคลาดเคลื่อนมากกว่าปิเปตต์ ซึ่งควรได้ข้อสรุปว่า ปิเปตต์
มีพื้นที่หน้าตัดบริเวณที่ผิวของของเหลวน้อยกว่ากระบอกตวง ทำ�ให้ความผิดพลาดของระดับ
ของเหลวที่ถ่ายเทมีค่าน้อยกว่าของกระบอกตวง
นอกจากนั้นครูอาจอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้
การอ่านปริมาตรจากอุปกรณ์วด
ั ปริมาตรเป็นการอ่านค่าจากความสูงของของเหลว เมือ
่ พิจารณา
จากสูตรคำ�นวณปริมาตรทรงกระบอก คือ ปริมาตร = พืน
้ ทีห
่ น้าตัด × สูง จะพบว่า หากพืน
้ ทีห
่ น้าตัดมีคา่
น้อย ความสูงทีอ
่ า่ นได้จะมีคา่ มาก ทำ�ให้ความผิดพลาดจากการอ่านค่าความสูงน้อยกว่า ซึง่ อธิบายด้วย
ตัวเลขประกอบ ดังนี้
ต้องการตวงของเหลวปริมาตร 1 mL ถ้าพื้นที่หน้าตัดของอุปกรณ์วัดปริมาตรเท่ากับ 1 cm2
ความสูงที่อ่านได้จะเท่ากับ 1 cm ถ้าอ่านค่าความสูงผิดไป 0.1 cm จะอ่านปริมาตรผิดไปร้อยละ 10
แต่ถ้าพื้นที่หน้าตัดของอุปกรณ์วัดปริมาตรเท่ากับ 0.1 cm2 ความสูงที่อ่านได้จะเท่ากับ 10 cm ถ้า
อ่านค่าความสูงผิดไป 0.1 cm เท่าเดิม ปริมาตรที่อ่านผิดไปคิดเป็นเพียงแค่ร้อยละ 1
9. ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 1.15 จากนั้นตั้งคำ�ถามว่า อุณหภูมิที่อ่านได้จากเทอร์มอมิเตอร์
ทั้งสองมีค่าเท่าใด ซึ่งนักเรียนอาจตอบว่า อ่านค่าได้ 26.22 และ 26.0 องศาเซลเซียส ตามลำ�ดับ เพื่อ
นำ�เข้าสู่การอธิบายความหมายของเลขนัยสำ�คัญ
10. ครูอธิบายเกี่ยวกับหลักการนับเลขนัยสำ�คัญ การปัดเศษ และเลขนัยสำ�คัญของผลลัพธ์
ที่ได้จากการคำ�นวณ ทั้งนี้ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจระหว่างการให้ความรู้
แต่ละขั้น
ตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
30
ตรวจสอบความเข้าใจ
จาก d = m
V
จะได้ m = d × V
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการใช้ และการดูแลอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้สำ�หรับวัดปริมาตร
และวัดมวล การอ่านค่าและการรายงานผลจากการวัดโดยคำ�นึงถึงเลขนัยสำ�คัญ จากรายงานการ
ทดลอง การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการสังเกตและการวัด จากรายงานการทดลองและการสังเกตพฤติกรรมในการ
ทำ�การทดลอง
3. ทักษะความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมใน
การทำ�การทดลอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
31
แบบฝึกหัด 1.3
1. อ่านปริมาตรของของเหลว จากรูปต่อไปนี้
2. อ่านค่าปริมาตรของของเหลวในบิวเรตต์ที่มีปริมาตรเท่ากันในมุมมองที่แตกต่างกันได้
เท่าใด และค่าที่อ่านได้ในแต่ละข้อถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด
1. 30.40 มิลลิลต
ิ ร ค่าทีอ
่ า่ นได้ถก
ู ต้อง เพราะการอ่านปริมาตรของของเหลวต้องให้สายตา
อยูร่ ะดับเดียวกันกับระดับส่วนโค้งของของเหลว
2. 30.30 มิลลิลิตร ค่าที่อ่านได้ไม่ถูกต้อง เพราะหากสายตาอยู่สูงกว่าระดับส่วนโค้ง
ของของเหลวจะอ่านค่าปริมาตรได้น้อยกว่าปริมาตรจริง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
32
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
33
1.4 หน่วยวัด
จุดประสงค์การเรียนรู้
ระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยการ
ใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครู ก ระตุ้ น ความสนใจของนั ก เรี ย นโดยยกตั ว อย่ า งการวั ด ปริ ม าณสิ่ ง ของที่ พ บในชี วิ ต
ประจำ�วันซึง่ วัดปริมาณเดียวกันแต่ใช้หน่วยทีแ
่ ตกต่างกัน เช่น การวัดมวลทีร่ ายงานด้วยหน่วยปอนด์
และกิโลกรัม จากนั้นให้นักเรียนยกตัวอย่างอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การระบุปริมาตรในหน่วยลิตร
ลูกบาศก์เซนติเมตร ลูกบาศก์เดซิเมตร ถ้วยตวง แกลลอน การระบุอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส
ฟาเรนไฮต์ แล้วอภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าหน่วยที่วัดได้จากปริมาณที่ต่างกัน ก็จะมีหน่วยที่
แตกต่างกัน และแต่ละปริมาณก็มีได้หลายหน่วย
2. ครูให้ความรู้ว่า การรายงานค่าปริมาณเดียวกันแต่ใช้หน่วยวัดที่แตกต่างกันอาจก่อให้เกิด
ความเข้าใจไม่ตรงกันได้ ดังนั้นจึงมีการกำ�หนดระบบหน่วยวัดระหว่างประเทศหรือหน่วยเอสไอ ซึ่ง
เป็นหน่วยสากลที่เข้าใจได้ตรงกัน ดังตาราง 1.1 และ 1.2 นอกจากนี้ยังมีหน่วยนอกระบบเอสไอที่ได้รับ
การยอมรับและมีใช้อย่างแพร่หลาย เช่น การระบุปริมาตรในหน่วยลิตร ตามรายละเอียดในตาราง
1.3
3. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
34
ตรวจสอบความเข้าใจ
4. ครูนำ�อภิปรายในประเด็นว่า ในการคำ�นวณเพื่อเปลี่ยนหน่วยสามารถใช้วิธีใดในการ
คำ�นวณได้บ้าง เพื่อนำ�เข้าสู่การอธิบายเรื่องแฟกแตอร์เปลี่ยนหน่วยและวิธีการเทียบหน่วย
5. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับแฟกแตอร์เปลี่ยนหน่วยและวิธีการเทียบหน่วย
6. ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด 1.4 เพื่อทบทวนความรู้
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ทางเคมีในระบบเอสไอ และการเปลี่ยนหน่วยวัด
โดยใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย จากการอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการใช้จำ�นวน จากการทำ�แบบฝึกหัด
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความรอบคอบ จากการทำ�แบบฝึกหัด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
35
แบบฝึกหัด 1.4
1. จงแสดงวิธีการเปลี่ยนหน่วยไปเป็นหน่วยใหม่ที่ต้องการในแต่ละข้อต่อไปนี้
1.1 59.2 cm dm
1.2 1.8 kg mg
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
36
= 57.6 g acid
= 45 Baht
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
37
1.5 วิธีการทางวิทยาศาสตร์
จุดประสงค์การเรียนรู้
นำ�เสนอแผนการทดลอง ทดลอง และเขียนรายงานการทดลอง
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
กิ จ กรรมหรื อ วี ดิ ทั ศ น์ แ สดงการเปลี่ ย นแปลงทางเคมี ที่ เ ห็ น การเปลี่ ย นแปลงง่ า ย ๆ เช่ น
การผสมสารสองชนิดแล้วสารเปลี่ยนสีหรือเกิดฟองแก๊ส
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูสาธิตกิจกรรมหรือใช้วีดิทัศน์แสดงการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เห็นการเปลี่ยนแปลง
ง่าย ๆ เช่น การผสมสารสองชนิด แล้วสารเปลี่ยนสีหรือเกิดฟองแก๊ส เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้สังเกต
และการตั้งสมมติฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
2. ครูทบทวนเกี่ยวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นกระบวนการศึกษาหาความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์ที่มีแบบแผนขั้นตอน จากนั้นยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ 1 เพื่อให้นักเรียนทบทวนเกี่ยว
กับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
3. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามจากสถานการณ์ตัวอย่างเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ ฃ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
38
ตรวจสอบความเข้าใจ
1. การออกแบบการทดลองสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่ อย่างไร
สอดคล้อง เนื่องจาก pH เป็นค่าที่บอกความเข้มข้นของกรดในสารละลายการเปรียบเทียบ
ค่า pH จึงสามารถบอกความเข้มข้นของกรดคาร์บอนิกทีอ
่ ยูใ่ นน้�ำ อัดลม
2. การสรุปผลการทดลองสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบสมมติฐานหรือไม่
อย่างไร
สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ระบุว่าน้ำ�อัดลมที่แช่เย็นมีความเข้มข้นของ กรดคาร์บอนิก
มากกว่า แต่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่สรุปว่าน้ำ�อัดลมที่แช่เย็นมีความซ่ามากกว่า
เนื่องจากเป็นการสรุปที่เกินกว่าข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบ
3. สมมติ ฐ านที่ ตั้ ง ไว้ ส อดคล้ อ งกั บ สิ่ ง ที่ สั ง เกตได้ ว่ า น้ำ � อั ด ลมที่ แ ช่ เ ย็ น มี ค วามซ่ า มากกว่ า
น้ำ�อัดลมที่ไม่แช่เย็นหรือไม่ อย่างไร
ไม่ ส อดคล้ อ งกั บ ข้ อ สั ง เกตเนื่ อ งจากไม่ ท ราบความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งความซ่ า กั บ
ความเข้มข้นของกรดคาร์บอนิก
4. ถ้าต้องการออกแบบการทดลองเพือ
่ ตอบคำ�ถามว่า เพราะเหตุใดเมือ
่ ดืม
่ น้�ำ อัดลมทีแ
่ ช่เย็นจะ
รู้สึกว่ามีความซ่ามากกว่าน้ำ�อัดลมที่ไม่แช่เย็น ควรมีข้อมูลใดเพิ่มเติมบ้าง
องค์ประกอบในน้ำ�อัดลม ปัจจัยที่ทำ�ให้เกิดความซ่า
4. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่ควรมีในการเขียนรายงานการทดลอง จากนั้นให้นักเรียนทำ�
กิจกรรม 1.2 ออกแบบการทดลองและทำ�การทดลองเพื่อเปรียบเทียบความแม่นจากการวัดปริมาตร
น้ำ�ด้วยกระบอกตวงที่มีขนาดต่างกัน พร้อมทั้งเขียนรายงานการทดลอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
39
ตัวอย่างผลการออกแบบและเขียนรายงานที่ 1
จุดประสงค์ของการทดลอง
เปรียบเทียบความแม่นของกระบอกตวงที่มีขนาดต่างกัน
ตัวแปรต้น ขนาดของกระบอกตวง
ตัวแปรตาม ความแม่นในการตวงน้ำ�ปริมาตร 25.00 มิลลิลิตร
ตัวแปรควบคุม เครื่องชั่ง ผู้ทำ�การทดลอง
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
สารเคมี
1. น้ำ� 50 mL
วัสดุและอุปกรณ์
1. เทอร์มอมิเตอร์ 1 อัน
2. บีกเกอร์ขนาด 100 mL 1 ใบ
3. บีกเกอร์ขนาด 250 mL 1 ใบ
4. กระบอกตวงขนาด 25 mL 1 อัน
5. กระบอกตวงขนาด 50 mL 1 อัน
6. เครื่องชั่ง ใช้ร่วมกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
40
วิธีการทดลอง
1. เทน้ำ�กลั่นปริมาตร 200 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์ขนาด 250 มิลลิลิตร วัดอุณหภูมิของน้ำ�
บันทึกผล
2. ชั่งมวลของบีกเกอร์ขนาด 100 มิลลิลิตร บันทึกผล
3. หามวลของน้ำ� 25 มิลลิลิตร 3 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 ตวงน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์ 100 มิลลิลิตร ชั่ง
มวลรวมของน้ำ�และบีกเกอร์ บันทึกผล และคำ�นวณมวลของน้ำ� 25 มิลลิลิตร
บันทึกผล
ครั้งที่ 2 ตวงน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์เดิม ชั่งมวลรวม
ของน้ำ� 50 มิลลิลิตร และบีกเกอร์ บันทึกผล และคำ�นวณมวลของน้ำ� 25
มิลลิลิตรที่เติมครั้งที่ 2 บันทึกผล
ครั้งที่ 3 ตวงน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์เดิม ชั่งมวลรวม
ของน้ำ� 75 มิลลิลิตร และบีกเกอร์ บันทึกผล และคำ�นวณมวลของน้ำ� 25
มิลลิลิตรที่เติมครั้งที่ 3 บันทึกผล
4. คำ�นวณค่ามวลเฉลี่ยของน้ำ�ที่ได้จากการตวงน้ำ�ด้วยกระบอกตวง 3 ครั้ง บันทึกผล
5. นำ�ค่ามวลเฉลี่ยของน้ำ�ในข้อ 4 มาคำ�นวณปริมาตรของน้ำ�
6. ทำ�การทดลองซ้ำ�ในข้อ 1–5 โดยเปลี่ยนกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร เป็นกระบอกตวง
ขนาด 50 มิลลิลิตร
7. นำ�ค่าปริมาตรของน้ำ�ที่คำ�นวณได้จากการใช้กระบอกตวงขนาด 25 และ 50 มิลลิลิตร
มาเปรียบเทียบความแม่นของการวัดจากการใช้อุปกรณ์ต่างขนาด
ผลการทดลอง
การวัดปริมาตรน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร
อุณหภูมิของน้ำ�ที่ทำ�การทดลอง คือ 20.2 °C
ความหนาแน่นของน้ำ�ที่อุณหภูมินี้ เท่ากับ 0.998162 g/mL
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
41
บีกเกอร์เปล่า 50.72 -
เฉลี่ย 24.30
คำ�นวณปริมาตรน้ำ�ที่วัดได้
1 mL H2O
ปริมาตรน้ำ�ที่วัดได้ = 24.30 g H2O ×
0.998162 g H2O
= 24.34 mL H2O
การวัดปริมาตรน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 50 มิลลิลิตร
อุณหภูมิของน้ำ�ที่ทำ�การทดลอง คือ 20.0 °C
ความหนาแน่นของน้ำ�ที่อุณหภูมินี้ เท่ากับ 0.998203 g/mL
บีกเกอร์เปล่า 52.34 -
เฉลี่ย 24.05
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
42
คำ�นวณปริมาตรน้ำ�ที่วัดได้
1 mL H2O
ปริมาตรน้ำ�ที่วัดได้ = 24.05 g H2O ×
0.998203 g H2O
= 24.09 mL H2O
อภิปรายหลังการทดลอง
การวัดปริมาตรของน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร 3 ครั้ง พบว่า มวลเฉลี่ย
ของน้ำ�ที่วัดได้เท่ากับ 24.30 กรัม และเมื่อนำ�ค่ามวลเฉลี่ยที่ได้ไปคำ�นวณหาปริมาตรของน้ำ�
จากความหนาแน่น ณ อุณหภูมิที่ทำ�การวัด พบว่าปริมาตรของน้ำ�เท่ากับ 24.34 มิลลิลิตร
การวัดปริมาตรของน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 50 มิลลิลิตร 3 ครั้ง พบว่า มวลเฉลี่ย
ของน้ำ�ที่วัดได้เท่ากับ 24.05 กรัม และเมื่อนำ�ค่ามวลเฉลี่ยที่ได้ไปคำ�นวณหาปริมาตรของน้ำ�
จากความหนาแน่น ณ อุณหภูมิที่ทำ�การวัด พบว่าปริมาตรของน้ำ�เท่ากับ 24.09 มิลลิลิตร
เมื่อเปรียบเทียบกับค่าจริง ปริมาตรของน้ำ�ที่วัดด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร
ต่างจากค่าจริง 0.66 มิลลิลิตร ส่วนกระบอกตวงขนาด 50 มิลลิลิตร ต่างจากค่าจริง เท่ากับ
0.91 มิลลิลิตร
เมื่อเปรียบเทียบการวัดปริมาตรน้ำ�โดยใช้กระบอกตวงขนาด 25 และ 50 มิลลิลิตร
พบว่า ปริมาตรน้ำ�ที่ได้จากการใช้กระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร ใกล้เคียงค่าจริงมากกว่า
ค่าปริมาตรของน้ำ�ที่วัดด้วยกระบอกตวงขนาด 50 มิลลิลิตร
สรุปผลการทดลอง
การตวงน้ำ�ปริมาตร 25.00 มิลลิลิตร ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตรมี
ความแม่นมากกว่ากระบอกตวงขนาด 50 มิลลิลิตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
43
ตัวอย่างผลการออกแบบและเขียนรายงานที่ 2
จุดประสงค์ของการทดลอง
เปรียบเทียบความแม่นของกระบอกตวงที่มีขนาดต่างกัน
ตัวแปรต้น ขนาดของกระบอกตวง
ตัวแปรตาม ความแม่นในการวัดปริมาตรน้ำ� 25.00 มิลลิลิตร
ตัวแปรควบคุม ปิเปตต์ ผู้ทำ�การทดลอง
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
สารเคมี
1. น้ำ� 100 mL
วัสดุและอุปกรณ์
1. ปิเปตต์ขนาด 25 mL 1 อัน
2. บีกเกอร์ขนาด 250 mL 1 ใบ
3. กระบอกตวงขนาด 25 mL 3 อัน
4. กระบอกตวงขนาด 50 mL 3 อัน
วิธีการทดลอง
1. เทน้ำ�กลั่นปริมาตร 100 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์ขนาด 250 มิลลิลิตร
2. ปิเปตต์น้ำ�ด้วยปิเปตต์ขนาด 25 มิลลิลิตร ลงในกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร อันที่
หนึ่ง อ่านปริมาตรและบันทึกผล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
44
ผลการทดลอง
ปริมาตรที่อ่านได้จาก ปริมาตรที่อ่านได้จาก
กระบอกตวงขนาด กระบอกตวงขนาด
25 มิลลิลิตร (mL) 50 มิลลิลิตร (mL)
อภิปรายผลการทดลอง
การวัดปริมาตรของน้ำ�ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตร 3 ครั้ง พบว่า ปริมาตร
เฉลี่ยของน้ำ�ที่วัดได้เท่ากับ 25.0 มิลลิลิตร ขณะที่การวัดปริมาตรของน้ำ�ด้วยกระบอกตวง
ขนาด 50 มิลลิลิตร 3 ครั้ง พบว่า ปริมาตรเฉลี่ยของน้ำ�ที่วัดได้เท่ากับ 24.8 มิลลิลิตร
ปริมาตรน้ำ�ที่ได้จากการปิเปตต์ คือ 25.00 มิลลิลิตร เมื่อใช้กระบอกตวงขนาด
25 มิลลิลิตร ปริมาตรเฉลี่ยของน้ำ�ที่วัดได้จะใกล้เคียงกับปริมาตรที่ได้จากการใช้ปิเปตต์
มากกว่าการใช้กระบอกตวงขนาด 50 มิลลิลิตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
45
สรุปผลการทดลอง
การวัดน้ำ�ปริมาตร 25.00 มิลลิลิตร ด้วยกระบอกตวงขนาด 25 มิลลิลิตรมีความแม่น
มากกว่ากระบอกตวงขนาด 50 มิลลิลิตร
5. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แล้วให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ
จิตวิทยาศาสตร์ จากนั้นให้นักเรียนตอบคำ�ถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
ตรวจสอบความเข้าใจ
จากการทำ�กิจกรรมออกแบบและทดลองเปรียบเทียบความแม่นในการวัดปริมาตร
น้ำ�ด้วยกระบอกตวงที่มีขนาดต่างกัน นักเรียนได้ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
จิตวิทยาศาสตร์ใดบ้าง
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทใ่ี ช้ คือ การสังเกต การวัด การตัง้ สมมติฐาน การ
กำ�หนดและควบคุมตัวแปร การจัดกระทำ�และสื่อความหมายข้อมูล และการตีความหมาย
ข้อมูลและลงข้อสรุป
จิตวิทยาศาสตร์ทใ่ี ช้ คือ ความอยากรูอ
้ ยากเห็น ความซือ
่ สัตย์ ความรอบคอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
46
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จากการอภิปราย การทำ�การทดลอง และ
รายงานการทดลอง
2. ทักษะการสังเกต การวัด การตั้งสมมติฐาน การกำ�หนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง
การจัดกระทำ�และสือ
่ ความหมายข้อมูล และการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการทำ�การทดลอง
และรายงานการทดลอง
3. ทักษะการสื่อสารสารสนเทศ และการรู้เท่าทันสื่อ จากรายงานการทดลอง
4. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จากการทำ�การทดลองและรายงาน
การทดลอง
5. ทักษะความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมในการ
ทำ�การทดลอง
6. จิตวิทยาศาสตร์ดา้ นความอยากรูอ
้ ยากเห็น ความซือ
่ สัตย์ และความรอบคอบ จากการสังเกต
พฤติกรรมในการทำ�การทดลอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
47
แบบฝึกหัดท้ายบท
อุปกรณ์ป้องกัน
ข้อที่ สัญลักษณ์ การแปลความหมายของสัญลักษณ์
เพิ่มเติม
วัตถุกัดกร่อน : กัดกร่อนผิวหนังและระคาย ถุงมือยาง
1.1 เคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ผ้าปิดจมูก
- ทำ�ปฏิกิริยากับโลหะทำ�ให้เกิดแก๊สไวไฟ
- อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
แก๊สไม่ไวไฟและไม่เป็นพิษ : ไม่ไวไฟ ไม่ ไม่มีอุปกรณ์
1.2 เป็นพิษ แต่อาจเกิดระเบิดได้ หากภาชนะ ป้องกันเพิ่มเติม
บรรจุถูกกระแทกอย่างแรง หรือได้รับ แต่ระวังไม่ให้สาร
ความร้อนสูงจากภายนอก ได้รับความร้อนสูง
เป็นสารก่อมะเร็ง : กระตุ้นอาการแพ้ต่อ ถุงมือยาง
1.3 ระบบทางเดินหายใจหรือผิวหนัง ผ้าปิดจมูก
เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์สืบพันธุ์
เป็นอันตรายต่อชีวิต ถุงมือยาง
1.4 ผ้าปิดจมูก
เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทางน้ำ� ไม่มีอุปกรณ์
1.6 ป้องกันเพิ่มเติมแต่
ต้องระวังในการ
กำ�จัดหลังใช้งาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
48
2. เติมเครือ
่ งหมาย หน้าข้อความทีถ
่ ก
ู ต้อง และเติมเครือ
่ งหมาย หน้าข้อความทีไ่ ม่ถก
ู ต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
49
3. จากรูปให้นก
ั เรียนระบุวา่ บุคคลใดบ้างทีป
่ ฏิบต
ั ไิ ม่ถก
ู หลักความปลอดภัยในห้องปฏิบต
ั ก
ิ าร
พร้อมระบุว่าบุคคลนั้นปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องในเรื่องใด
A
C
B coffee
E
G
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
50
4. เติมเครือ
่ งหมาย หน้าข้อความทีถ
่ ก
ู ต้อง และเครือ
่ งหมาย หน้าข้อความทีไ่ ม่ถก
ู ต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
51
มวลน้ำ�ที่ชั่งได้ (g)
ครั้งที่
อุปกรณ์ A อุปกรณ์ B อุปกรณ์ C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี เคมี เล่ม 1
52
0.995646 g
มวลของน้ำ� = 15.00 mL ×
1 mL
= 14.93 g
5.1 อุปกรณ์ใดมีความเที่ยงมากที่สุด
อุปกรณ์ A
5.2 อุปกรณ์ใดมีความแม่นมากที่สุด
อุปกรณ์ B
5.3 ถ้าต้องใช้อุปกรณ์ในการทำ�การทดลอง เพื่อให้ได้ความถูกต้องมากที่สุด ควรเลือก
อุปกรณ์ใด พร้อมทั้งให้เหตุผล
อาจเป็นได้ทั้ง A และ B
หากนักเรียนเลือกตอบ A ควรให้เหตุผลว่า เนื่องจาก A มีความเที่ยง ข้อมูล
ที่ได้แต่ละครั้งจึงมีความใกล้เคียงกัน หากใช้อุปกรณ์ A วัดค่าจากตัวอย่าง
มาตรฐานเพื่อทราบความแตกต่างระหว่างค่าจริงกับค่าที่ได้จากการวัด จะสามารถ
ใช้อุปกรณ์ A ในการวัดตัวอย่างอื่น ๆ ได้
หากนักเรียนเลือกตอบ B ควรให้เหตุผลว่า เนื่องจาก B มีความแม่นแต่ไม่มี
ความเที่ยง เมื่อจะใช้อุปกรณ์ B ในการวัดควรทำ�การวัดหลาย ๆ ซ้ำ�
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
53
บทที่ 2
อะตอมและสมบัติของธาตุ
ipst.me/7703
ผลการเรียนรู้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
54
การวิิเคราะห์ผลการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูล สมมติฐาน การทดลองหรือผลการทดลองที่เป็นประจักษ์พยานในการเสนอ
แบบจำ�ลองอะตอมของนักวิทยาศาสตร์ และอธิบายวิวัฒนาการของแบบจำ�ลองอะตอม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูลและอธิบายความหมายของแบบจำ�ลองอะตอม พร้อมทั้งบอกสาเหตุที่ทำ�ให้
แบบจำ�ลองอะตอมเปลี่ยนแปลง
2. อธิบายแบบจำ�ลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์ และแบบกลุ่มหมอก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
55
ผลการเรียนรู้
2. เขียนสัญลักษณ์นวิ เคลียร์ของธาตุ และระบุจ�ำ นวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของ
อะตอมจากสัญลักษณ์นวิ เคลียร์ รวมทัง้ บอกความหมายของไอโซโทป
ประสงค์การเรียนรู้
1. เขียนและแปลความหมายสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ
2. อธิบายความหมายและยกตัวอย่างไอโซโทปของธาตุ
ผลการเรียนรู้
3. อธิบายและเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลังงานย่อยเมื่อ
ทราบเลขอะตอมของธาตุ
ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความแตกต่างของระดับพลังงานหลัก พลังงานย่อย และออร์บิทัล
2. จัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอมเมื่อทราบเลขอะตอมของธาตุ พร้อมทั้งระบุ หมู่ คาบ และกลุ่ม
ของธาตุในตารางธาตุ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
56
ผลการเรียนรู้
4. ระบุหมู่ คาบ ความเป็นโลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ ของกลุม
่ ธาตุเรพรีเซนเททีฟ และธาตุ
แทรนซิชน
ั ในตารางธาตุ
ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ในยุคต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดธาตุเป็นหมวดหมู่จนได้เป็น
ตารางธาตุ พร้อมทั้งระบุปัญหาของการจัดกลุ่มธาตุ
2. จำ�แนกธาตุเป็นกลุ่มโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ หรือเป็นกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟหรือธาตุ
หมู่หลัก และธาตุแทรนซิชัน หรือตามการจัดเรียงอิเล็กตรอน เมื่อทราบเลขอะตอม
ผลการเรียนรู้
5. วิเคราะห์และบอกแนวโน้มสมบัติของกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ ตามหมู่และตามคาบ
ประสงค์การเรียนรู้
1. วิเคราะและสรุปแนวโน้มสมบัติต่าง ๆ ของธาตุตามหมู่และคาบเกี่ยวกับขนาดอะตอม รัศมี
ไอออน พลังงานไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกาติวิตี สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน พร้อมทั้ง
อธิบายเหตุผลประกอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
57
ผลการเรียนรู้
6. บอกสมบัติของธาตุโลหะแทรนซิชัน และเปรียบเทียบสมบัติกับธาตุโลหะในกลุ่มธาตุ
เรพรีเซนเททีฟ
ประสงค์การเรียนรู้
1. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของโลหะเรพรีเซนเททีฟหรือโลหะหมู่หลัก และโลหะ
แทรนซิชัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
58
ตัวชี้วัด
7. อธิบายสมบัตแ
ิ ละคำ�นวณครึง่ ชีวต
ิ ของไอโซโทปกัมมันตรังสี
ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายสมบัติของไอโซโทปกัมมันตรังสี และรังสีแอลฟา รีงสีบีตา และรีงสีแกมมา
2. คำ�นวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
59
ผังมโนทัศน์
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติของธาตุ
ทอมสัน โบร์
เลขอะตอม เลขมวล
ดอลตัน กลุม
่ หมอก
สัญลักษณ์นวิ เคลียร์
อะตอม แบบจำ�ลองอะตอม
อนุภาคในอะตอม
อะตอมและสมบัตข
ิ องธาตุ
ตารางธาตุ โลหะ
ธาตุกม
ั มันตรังสี
กลุม
่ ธาตุ กลุม
่ ธาตุ
หมูห
่ ลัก แทรนซิชน
ั
18 หมู่ 7 คาบ ประโยชน์/โทษ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
60
สาระสำ�คัญ
แบบจำ�ลองสร้างขึ้นจากผลการทดลองและองค์ความรู้ที่มีอยู่ขณะนั้น ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมี
ข้อมูลหรือผลการทดลองใหม่ นักวิทยาศาสตร์ใช้วิธีสร้างแบบจำ�ลองเพื่อศึกษาสิ่งที่มองไม่เห็นรวมถึง
เรื่องของอะตอม โดยจะใช้ผลการทดลองและความรู้ที่ค้นพบแล้วเป็นพื้นฐานในการศึกษาสิ่งที่สนใจ
ต่อไป เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ ๆ แนวคิดหรือแบบจำ�ลองเกี่ยวกับอะตอมเริ่มจากดอลตัน ทอมสัน
รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์ และแบบกลุ่มหมอก ซึ่งทำ�ให้ได้รายละเอียดของอะตอมและโอกาสที่จะพบ
อนุภาคในอะตอม จำ�นวนอนุภาคดังกล่าวนี้อาจทราบได้จากการแปลความหมายสัญลักษณ์นิวเคลียร์
ของธาตุ
การที่นักวิทยาศาสตร์พบธาตุเป็นจำ�นวนมาก จำ�เป็นต้องหาความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติต่าง ๆ
ของธาตุแล้วนำ�มาจัดกลุ่มเพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา ทั้งนี้ตารางธาตุที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแบ่งธาตุเป็น 7
คาบ 18 หมู่ โดยหมู่ธาตุยังแยกเป็นหมู่ย่อย A ซึ่งเรียกว่ากลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟหรือกลุ่มธาตุหมู่
หลัก และ B ซึ่งเรียกว่ากลุ่มธาตุแทรนซิชัน กลุ่มธาตุหมู่หลักมีแนวโน้มสมบัติบางประการ เช่น ขนาด
อะตอม ขนาดไอออน พลังงานไอออไนเซชัน สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน และอิเล็กโทรเนกาติวิตี
ตามหมู่และคาบ ส่วนกลุ่มธาตุแทรนซิชันมีสมบัติคล้ายกันตามคาบมากกว่าตามหมู่
ธาตุ กั ม มั น ตรั ง สี มี นิ ว เคลี ย สไม่ เ สถี ย รจึ ง สลายตั ว และแผ่ รั ง ได้ รั ง สี ที่ แ ผ่ อ อกจากธาตุ
กัมมันตรังสีมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีสมบัติแตกต่างกัน อัตราการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี
บอกเป็นครึ่งชีวิต ซึ่งหมายถึงระยะเวลาที่นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีสลายตัวจนเหลือครึ่งหนึ่ง
ของปริมาณเดิม การเปลี่ยนแปลงในนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีอาจเป็นการสลายตัวของธาตุ
ที่มีมวลสูงได้เป็นไอโซโทปของธาตุที่เบากว่า หรือเกิดการรวมตัวของธาตุเบาเป็นนิวเคลียสใหม่ที่
มีมวลสูงกว่าเดิม มนุษย์นำ�ไอโซโทปกัมมันตรังสีมาใช้ประโยชน์ในหลายด้าน เช่น การเกษตร
อุตสาหกรรม การแพทย์ ธรณีวิทยา
เวลาที่ใช้
บทนี้ควรใช้เวลาสอนประมาณ 25 ชั่วโมง
2.1 แบบจำ�ลองอะตอม 5 ชั่วโมง
2.2 อนุภาคในอะตอมและไอโซโทป 2 ชั่วโมง
2.3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม 4 ชั่วโมง
2.4 ตารางธาตุและสมบัติของธาตุหมู่หลัก 5 ชั่วโมง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
61
ความรู้ก่อนเรียน
อนุภาคในอะตะอม ธาตุและสัญลักษณ์ธาตุ
ตรวจสอบความเข้าใจ
1. สารที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้เป็นธาตุหรือสารประกอบ
1 Ca
2 H2O
3 He
4 Fe
5 H2
6 O3
7 NaCl
8 C6H12O6
9 โซดาไฟ
10 โครเมียม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
62
อิเล็กตรอน นิวเคลียส
ประกอบด้วย
มีประจุไฟฟ้า
ลบ โปรตรอน นิวตรอน
มีประจุไฟฟ้า
บวก เป็นกลางทางไฟฟ้า
3. ทำ�เครือ
่ งหมาย หน้าข้อความที่ถูกต้อง และทำ�เครื่องหมาย หน้าข้อความที่
ไม่ถูกต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
63
2.1 แบบจำ�ลองอะตอม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูลและอธิบายความหมายของแบบจำ�ลองอะตอมพร้อมทั้งบอกสาเหตุที่ทำ�ให้
แบบจำ�ลองอะตอมมีการเปลี่ยนแปลง
2. อธิบายแบบจำ�ลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์ และแบบกลุ่มหมอก
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
จุดในแบบจำ�ลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกแทน จุดในแบบจำ�ลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกแทน
อิเล็กตรอน ทำ�ให้เข้าใจว่ามีอิเล็กตรอนจำ�นวน โอกาสที่จะพบอิเล็กตรอน กลุ่มหมอกทึบมี
มากอยู่รอบนิวเคลียส โอกาสพบอิเล็กตรอนได้มากกว่ากลุม
่ หมอกจาง
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
1. แหล่งสืบค้นข้อมูล เช่น ห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน
2. สถานที่ที่ปราศจากการรบกวนของแสง หรือมีแสงรบกวนน้อย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
64
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างกระบวนการและทักษะที่ใช้ในการทดลองหรือการทำ�โครงงาน
วิทยาศาสตร์ ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่ากระบวนที่ใช้ในการทดลองหรือการทำ�โครงงานวิทยาศาสตร์
เช่น การวางแผนการทดลอง การศึกษาและรวบรวมข้อมูล การดำ�เนินงาน การวิเคราะห์
ข้อมูล การนำ�เสนอข้อมูล ส่วนทักษะที่ใช้ในการทดลองหรือการทำ�โครงงานวิทยาศาสตร์ เช่น
การสังเกต การตั้งสมมติฐาน การทำ�การทดลอง การจัดกระทำ�ข้อมูล การตีความหมายข้อมูลและ
ลงข้อสรุป จากนั้นครูโยงเข้าสู่บทเรียนโดยอธิบายให้นักเรียนทราบว่า การทำ�งานของนักวิทยาศาสตร์
เช่น การศึกษาโครงสร้างอะตอม ต้องใช้กระบวนการหรือทักษะต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่กล่าวมา
2. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดของดิโมคริตุสที่ว่า ถ้าแบ่งสิ่งต่าง ๆ ให้มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ
จะได้หน่วยย่อยที่ไม่สามารถแบ่งให้เล็กลงได้อีก หน่วยย่อยนี้เรียกว่า อะตอม จากนั้นอภิปรายร่วมกัน
ถึงวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างอะตอมซึ่งมีขนาดเล็กมากและมองไม่เห็นด้วย
ตาเปล่า แล้วนำ�เข้าสู่กิจกรรม 2.1 โดยกิจกรรมนี้ต้องการฝึกกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสื่อสารข้อมูลและการทำ�งานร่วมกันเป็นกลุ่ม ไม่เน้นคำ�ตอบว่า
ถูกหรือผิด แต่ให้พิจารณาการให้เหตุและผลที่สอดคล้องกับผลการทดลอง และเพื่อให้สอดคล้องกับ
วิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ศึกษาหาข้อมูลกับสิ่งที่มองไม่เห็น ครูจึงไม่ต้องเฉลยสิ่งที่อยู่ในกระป๋อง
ปริศนา แม้ว่านักเรียนจะทำ�กิจกรรมเสร็จแล้ว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
65
จุดประสงค์ของกิจกรรม
1. สร้างแบบจำ�ลองเพื่ออธิบายสิ่งที่มองไม่เห็น
2. อธิบายสาเหตุที่ทำ�ให้องค์ความรู้หรือแนวคิดทางวิทยาศาสตร์เกิดการเปลี่ยนแปลง
วัสดุและอุปกรณ์
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
1. กระป๋องปริศนา 1 กระป๋อง
2. กระดาษ A4 5-10 แผ่น
การเตรียมล่วงหน้า
จัดเตรียมกระป๋องปริศนาไว้ล่วงหน้าเท่ากับจำ�นวนกลุ่มของนักเรียน โดยใช้อุปกรณ์
และวิธีการทำ�ดังต่อไปนี้
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
66
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
ลักษณะของสิ่งที่อยู่ในกระป๋องปริศนา เป็นดังรูป
หนังยาง เชือก
ลักษณะภายนอกของกระป๋อง ลักษณะภายในของกระป๋อง
หมายเหตุ
1. ลักษณะและสิ่งของที่อยู่ในกระป๋องปริศนาอาจเตรียมตามตัวอย่าง หรือมีรูปแบบอื่น ๆ
เช่น ใช้ลวดเสียบกระดาษแทนหนังยาง หรือนำ�เชือกมาพันกันโดยไม่ใช้หนังยาง ที่
สามารถใช้ฝึกกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ได้
2. ความยาวเชือกและระยะห่างระหว่างรูด้านบนกับรูด้านล่างจะมีผลต่อการสังเกต
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
67
ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
1. ใช้คำ�ถามเพื่อกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายร่วมกันว่า จะมีวิธีการอย่างไรในการศึกษา
ลักษณะของสิ่งที่มองไม่เห็น และสัมผัสด้วยมือไม่ได้
2. แนะนำ�วิธีทดลองและเน้นให้นักเรียนทำ�ตามลำ�ดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในกิจกรรมอย่าง
เคร่งครัด และห้ามเปิดกระป๋องปริศนาหรือกระทำ�การใด ๆ ให้ชำ�รุดจนมองเห็นสิ่งที่อยู่
ภายในกระป๋อง
3. ให้นักเรียนซักถามในประเด็นที่สงสัยก่อนเริ่มทำ�กิจกรรม
4. ถ้ามีเวลาและอุปกรณ์เพียงพอ ครูอาจให้นักเรียนลองสร้างแบบจำ�ลองกระป๋องปริศนา
ตามข้อค้นพบของตนเอง
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
การกระทำ� ผลที่สังเกตได้
3. ดึงปลายเชือกด้านบนซ้าย บน ปลายเชือกด้านตรงข้ามจะเคลื่อนที่ตาม
ขวา และดึงทั้งปลายเชือกทั้งสอง แรงดึง ถ้าดึงปลายเชือกทั้งสองด้านพร้อม
ด้านพร้อมกัน กัน เชือกจะตึงตัว
4. ดึงปลายเชือกด้านบนขวาและด้าน ปลายเชือกด้านตรงข้ามจะเคลื่อนที่ตาม
ล่างซ้ายพร้อมกัน แรงดึง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
68
อภิปรายผลการทำ�กิจกรรม
1. นำ � แบบจำ � ลองมาใช้ เ มื่ อ ต้ อ งการศึ ก ษาหรื อ อธิ บ ายปรากฏการณ์ ต่ า ง ๆ หรื อ เมื่ อ
ต้องการสื่อสารเนื้อหาหรือเรื่องราวที่เป็นนามธรรม หรือยากต่อการเข้าใจ ให้เข้าใจได้
ง่ายขึ้น
2. แบบจำ�ลองหรือแนวคิดในการอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้ามี
การค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ ที่สามารถนำ�มาอธิบายเนื้อหาเรื่องราวได้ถูกต้อง สอดคล้องกับ
ผลการทดลอง หรือช่วยให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายกว่าแบบจำ�ลองเดิม
3. รูปวาดแบบจำ�ลองของแต่ละกลุม
่ อาจไม่เหมือนกัน ขึน
้ อยูก
่ บ
ั ลำ�ดับขัน
้ และการแปลผล
4. กิจกรรมนี้เชื่อมโยงกับกระบวนการทำ�งานของนักวิทยาศาสตร์ เนื่องจากการแสวงหา
ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การทำ�งานอย่าง
มีระบบ และใช้ทักษะการทางวิทยาศาสตร์
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
1. นำ�แบบจำ�ลองมาใช้เมื่อต้องการศึกษาหรืออธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ
2. แบบจำ�ลองรวมทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ส ามารถเปลี่ ย นแปลงได้ ตามข้ อมู ลใหม่ ที่
ค้นพบ
3. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงวิธีการที่ใช้ในการศึกษากระป๋องปริศนา ไปสู่กระบวนการ
สื บ เสาะหาความรู้ แ ละใช้ ทั ก ษะกระบวนการทางวิ ท ยาศาสตร์ เ พื่ อ หาองค์ ค วามรู้ ใ หม่ เช่ น การ
สังเกต การตั้งสมมติฐาน การทดลอง การรวบรวมข้อมูล การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป การ
สร้างแบบจำ�ลอง
4. ครูตั้งคำ�ถามให้ร่วมกันอภิปรายว่า นักวิ ทยาศาสตร์มี ว ิ ธ ี ก ารอย่า งไรในการศึ ก ษาและ
อธิ บ ายโครงสร้างอะตอมซึ่งมีขนาดเล็กมากและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซึ่งควรได้ข้อสรุปร่วมกัน
ว่า ต้องทำ�การศึกษาโดยอาศัยการสร้างแบบจำ�ลองอะตอมที่สอดคล้องกับผลการทดลอง และแบบ
จำ�ลองที่สร้างขึ้นนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลและผลการทดลองที่เพิ่มขึ้น
5. ให้ น ัก เรี ย นแต่ละกลุ่มสืบค้นข้ อ มู ล เกี่ยวกับที่ ม าและลั ก ษณะของแบบจำ�ลองอะตอม
ของดอลตั น จากนั้ น อภิ ป รายร่วมกันและนำ�เสนอแบบจำ � ลองที่กลุม
่ ของตนคิดว่าสอดคล้องกับ
ทฤษฎีอะตอมของดอลตัน พร้อมให้เหตุผลประกอบ โดยแบบจำ�ลองทีน
่ ก
ั เรียนเสนออาจเป็นรูปสามมิติ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
69
ข้อแนะนำ�เพิ่มเติม
ในกรณีที่โรงเรียนมีหลอดรังสีแคโทด เครื่องกำ�เนิดไฟฟ้าศักย์สูง แท่งแม่เหล็ก และเครื่อง
กำ�เนิดสนามไฟฟ้า ครูอาจสาธิตหรือให้นักเรียนทดลองเกี่ยวกับหลอดรังสีแคโทด ดังนี้
1. จัดอุปกรณ์ดังรูป
ขั้วลบ (สายไฟสีดำ�)
หลอดรังสีแคโทด
เครื่องกำ�เนิด
ไฟฟ้าศักย์สูง
ที่ตั้งหลอดรังสีแคโทด
ขั้วบวก (สายไฟสีแดง)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
70
เมื่อเปิดเครื่องกำ�เนิดไฟฟ้า เมื่อนำ�แท่งแม่เหล็กเข้าใกล้หลอดรังสีแคโทด
2. เมื่อเปิดเครื่องกำ�เนิดไฟฟ้าจะสังเกตเห็นลำ�แสงเกิดขึ้นภายในหลอด
3. เมื่อนำ�แท่งแม่เหล็กเข้าใกล้หลอดรังสีแคโทด ลำ�แสงจะเบนได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
71
จุดประสงค์ของกิจกรรม
1. สืบค้นข้อมูลและอธิบายการทดลองเพื่อศึกษาโครงสร้างอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด
2. อธิบายผลการค้นพบของรัทเทอร์ฟอร์ดว่าสนับสนุนหรือขัดแย้งแนวคิดของทอมสัน
วัสดุและอุปกรณ์
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
1. กระดาษปรู๊ฟ 1 แผ่น
2. ปากกาเมจิก 1 ด้าม
3. เทปใส ใช้ร่วมกัน
การเตรียมล่วงหน้า
1. แหล่งสืบค้น เช่น ห้องคอมพิวเตอร์
2. เครื่องพิมพ์
ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
1. ครูอาจให้คำ�สำ�คัญในการสืบค้นกับนักเรียน เช่น การทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ด การยิง
อนุภาคแอลฟาไปยังแผ่นทองคำ�บาง ๆ
2. ครูแนะนำ�นักเรียนว่าการสืบค้นข้อมูลต้องสืบค้นจากหลายแหล่ง และควรอ้างอิงแหล่ง
ที่มาทุกแหล่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
72
3. ในช่วงการนำ�เสนอโปสเตอร์ ครูควรแนะนำ�ให้นักเรียนวางแผนการทำ�งานกับสมาชิกใน
กลุ่มและต้องสลับบทบาท เช่น สมาชิกในกลุ่มมี 5 คน ในช่วง 5 นาทีแรก อาจมีคน
ประจำ�โปสเตอร์ 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 คนอาจไปชมการนำ�เสนอของกลุ่มอื่นพร้อม
แลกเปลี่ยนข้อมูลโดยกระจายไปคนละกลุ่ม พอครบ 5 นาที ให้สลับบทบาท
อภิปรายผลการทำ�กิจกรรม
1. รัทเทอร์ฟอร์ดทำ�การทดลองเพื่อศึกษาโครงสร้างอะตอม โดยการยิงอนุภาคแอลฟา ซึ่ง
มีประจุบวกไปยังแผ่นทองคำ�บาง ๆ และใช้ฉากเรืองแสงที่เคลือบด้วยซิงค์ซัลไฟด์โค้ง
เป็นวงล้อมรอบแผ่นทองคำ�เพื่อตรวจจับอนุภาคแอลฟา
2. ในการทดลองนี้ต้องทำ�แผ่นทองคำ�ให้เป็นแผ่นบาง ๆ เพื่อให้อะตอมของทองคำ�เรียงตัว
อยู่ในระนาบเดียว ไม่เกิดการซ้อนทับกันและเพื่อให้รังสีแอลฟาซึ่งเป็นอนุภาคที่มีประจุ
บวกสามารถทะลุทะลวงผ่านได้
3. สมมติฐานของรัทเทอร์ฟอร์ดคือ ถ้าแบบจำ�ลองอะตอมของทอมสันถูกต้องจะต้องเกิด
การเรืองแสงบนฉากด้านหลังของแผ่นทองคำ�เท่านั้น แต่ผลการทดลองที่ได้จริงพบว่า
ส่วนใหญ่จะเกิดการเรืองแสงบนฉากที่อยู่บริเวณด้านหลังของแผ่นทองคำ� มีบางครั้ง
เกิดการเรืองแสงบริเวณด้านข้าง และมีการเรืองแสงบริเวณด้านหน้าของแผ่นทองคำ�
ด้วยแต่น้อยครั้ง ดังรูป ดังนั้นผลการทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ดจึงไม่สอดคล้องกับแบบ
จำ�ลองอะตอมของของทอมสัน
แผ่นทองคำ�บาง ๆ
แหล่งกำ�เนิดรังสีแอลฟา
ฉากเรืองแสง
ช่องสำ�หรับให้รังสีแอลฟาผ่าน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
73
4. จากผลการทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ด การเรืองแสงบริเวณด้านหน้าของแผ่นทองคำ�ซึ่งมี
สัดส่วนน้อยมาก อาจเป็นเพราะในอะตอมมีกลุ่มอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากแต่มีมวล
สูงกว่ารังสีแอลฟา ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า อนุภาคมีขนาดเล็กมากแต่มีมวลสูงนี้เรียก
ว่านิวเคลียส ส่วนกรณีที่ส่วนใหญ่เกิดการเรืองแสงบนฉากที่อยู่บริเวณด้านหลังของ
แผ่นทองคำ�เป็นไปได้ว่าภายในอะตอมมีที่ว่างอยู่เป็นบริเวณกว้าง โดยมีอิเล็กตรอนซึ่ง
เป็นอนุภาคที่กำ�หนดขอบเขตอะตอมอยู่ที่ผิวด้านนอก
5. การแลกเปลี่ยนข้อมูลในกิจกรรม การนำ�เสนอโปสเตอร์และการอภิปรายร่วมกันทั้ง
ห้อง เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มข้อมูลจากการสืบค้นที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังแก้ไข
องค์ความรู้ที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง (กรณีที่นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากแหล่งที่นำ�เสนอ
ข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือไม่ถูกต้อง)
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
1. ผลการทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ดไม่สอดคล้องกับแบบจำ�ลองอะตอมของทอมสัน
2. ผลการทดลองของรั ท เทอร์ ฟ อร์ ด นำ � ไปสู่ ข้ อ สรุ ป ที่ ว่ า อะตอมประกอบด้ ว ยนิ ว เคลี ย ส
ที่มีขนาดเล็กมากอยู่ภายในและมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก และมีอิเล็กตรอนอยู่ล้อมรอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
74
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
75
จุดประสงค์การทดลอง
1. ทำ�การทดลองเพื่อศึกษาสเปกตรัมของแสงอาทิตย์ แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ และ
แสงของหลอดบรรจุแก๊สชนิดต่าง ๆ
2. บอกความแตกต่างระหว่างสเปกตรัมของแสงอาทิตย์ แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์
และแสงของหลอดบรรจุแก๊สชนิดต่าง ๆ
วัสดุและอุปกรณ์
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
1. แผ่นเกรตติง 1 แผ่น
2. ชุดศึกษาสเปกตรัมของธาตุ 1 เครื่อง
3. หลอดบรรจุแก๊สชนิดต่าง ๆ เช่น 1 ชุด
แก๊สไฮโดรเจน แก๊สฮีเลียม แก๊ส
นีออน ไอปรอท
การเตรียมล่วงหน้า
1. เตรียมปลั๊กไฟหรือปลั๊กพ่วงให้เพียงพอสำ�หรับนักเรียนทุกกลุ่ม
2. เตรียมห้องหรือสถานที่สำ�หรับสังเกตสเปกตรัมของธาตุ โดยสถานที่ดังกล่าวควร
ปราศจากการรบกวนของแสง ถ้าไม่มีสถานที่อาจให้นักเรียนทำ�การทดลองในกล่อง
กระดาษแล้วใช้ผ้าสีดำ�คลุมทับ
3. เตรียมตัวอย่างรูปภาพสเปกตรัมของธาตุที่ศึกษา สำ�หรับประกอบการอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
76
ข้อแนะนำ�สำ�หรับครู
1. แผ่นเกรตติงในการทดลองนี้เป็นแผ่นพลาสติกใสบาง ๆ บนแผ่นมีช่องขนานอยู่ชิดกัน
มาก โดยทั่วไปใน 1 cm อาจแบ่งเป็น 10,000 ช่องหรือมากกว่า การแยกแสงที่มี
ความยาวคลื่นต่างกันออกจากกันให้เป็นสเปกตรัมของแสง อาศัยสมบัติการกระจาย
และการแทรกสอดของคลื่นแสง
2. ให้นักเรียนฝึกใช้แผ่นเกรตติง โดยการปรับมุมรับแสงตกกระทบจากดวงอาทิตย์ จน
สามารถสังเกตเห็นสเปกตรัมผ่านแผ่นเกรตติงได้ จากนั้นจึงนำ�ไปใช้ส่องดูแสงจากหลอด
ฟลูออเรสเซนต์ และแสงของหลอดบรรจุแก๊สชนิดต่าง ๆ
3. เตือนนักเรียนไม่ให้นำ�แผ่นเกรตติงไปส่องดูดวงอาทิตย์โดยตรง เพราะอาจเป็นอันตราย
ต่อดวงตาได้
4. เตือนนักเรียนให้ประกอบอุปกรณ์และต่อวงจรไฟฟ้าของชุดศึกษาสเปกตรัมของธาตุให้
เสร็จก่อน แล้วจึงเปิดสวิตช์ไฟฟ้า
ตัวอย่างผลการทดลอง
แหล่งกำ�เนิดแสง ผลที่ได้จากการสังเกต
แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีทั้งแถบสีต่อเนื่องและเส้นสีเข้มบนแถบสี
เช่น เส้นสีเหลืองบนแถบสีเหลือง เส้นสีเขียว
บนแถบสีเขียว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
77
แหล่งกำ�เนิดแสง ผลที่ได้จากการสังเกต
อภิปรายผลการทดลอง
1. แผ่นเกรตติงทำ�หน้าที่แยกแสงที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกันออกเป็นแสงสีต่าง ๆ คล้าย
กับปริซึม
2. แสงจากแหล่งกำ�เนิดแสงต่าง ๆ เมือ
่ ผ่านแผ่นเกรตติง จะให้แถบสีหรือสเปกตรัมแตกต่างกัน
เช่นเมื่อใช้แผ่นเกรตติงส่องดูแสงขาวจากดวงอาทิตย์จะมองเห็นแถบสีต่าง ๆ ต่อเนื่องกัน
แต่เมื่อส่องดูแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีทั้งแถบสีต่อเนื่องและเส้นสีเข้มบนแถบสี
เช่น เส้นสีเหลืองบนแถบสีเหลือง เส้นสีเขียวบนแถบสีเขียว เมื่อสังเกตเส้นสเปตรัม
ของไฮโดรเจนจะเห็นเป็นเส้นสี (ไม่ได้เป็นแถบต่อเนื่อง)
3. ผลการทดลองที่ได้อาจแตกต่างจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ เนื่องจากข้อจำ�กัด
ของเครื่องมือการรบกวนของแสง และปัจจัยอื่น ๆ เช่น ในการสังเกตเส้นสเปตรัมของ
ไฮโดรเจนอาจเห็นเพียง 3 เส้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับรูปที่ 2.7 ในหนังสือเรียน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
78
สรุปผลการทดลอง
1. สเปกตรัมของแสงขาวที่สังเกตผ่านเกรตติงมีลักษณะเป็นแถบสีต่อเนื่อง
2. สเปกตรั ม ของหลอดฟลู อ อเรสเซนต์ ที่ สั ง เกตผ่ า นเกรตติ ง มี ลั ก ษณะเป็ น แถบสี ต่ อ
เนื่องและอาจเห็นเส้นสีเข้มบางเส้นเด่นขึ้นมา
3. สเปกตรัมของธาตุที่สังเกตผ่านเกรตติงมีลักษณะเป็นเส้น โดยธาตุแต่ละชนิดจะให้สี
จำ�นวนเส้น และตำ�แหน่งที่เกิดแตกต่างกัน
ชวนคิด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
79
ตัวอย่างคำ�ตอบที่เป็นไปได้ของนักเรียน ซึ่งอาจยังไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
80
ชวนคิด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
81
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของแบบจำ�ลองอะตอม การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ที่
เกี่ยวข้องกับแบบจำ�ลองอะตอม จากการทำ�กิจกรรม การอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และ
การทดสอบ
2. ทักษะการสังเกต การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา การ
ลงความเห็นจากข้อมูล การสร้างแบบจำ�ลอง การคิดและแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
การสื่อสาร การทำ�งานร่วมกัน จากการทำ�กิจกรรม การอภิปรายและนำ�เสนอ และจากการสังเกต
พฤติกรรมขณะทำ�กิจกรรม
3. จิตวิทยาศาสตร์/เจตคติด้านความมีเหตุผล ความใจกว้าง และความเชื่อและค่านิยม
ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ความร่วมมือช่วยเหลือและความรับผิดชอบ จากการสังเกตพฤติกรรม
ขณะอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
82
แบบฝึกหัด 2.1
2. เหตุใ ดเส้ น สเปกตรั ม ของธาตุ ไ ฮโดรเจนจึ ง มี ห ลายเส้ น ทั้ ง ๆ ที่ เ ป็ น ธาตุ ที่ มี เ พี ย ง 1
อิเล็กตรอน
เพราะว่ า อิ เ ล็ ก ตรอนในอะตอมของไฮโดรเจนถู ก กระตุ้ น ให้ ไ ปอยู่ ใ นสถานะ
กระตุ้นที่มีพลังงานแตกต่างกันได้หลายระดับ ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนระดับพลังงาน
ของอิเล็กตรอนจากระดับสูงมายังระดับต่ำ� จึงคายพลังงานส่วนเกินออกมาในรูปของ
เส้นสเปกตรัมได้หลายค่า
n=7
n=6
n=5
n=4 อนุกรม ค
ระดับพลังงานของอิเล็กตรอน
n=3
อนุกรม ข
n=2
อนุกรม ก
n=1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
83
แบบจำ�ลองอะตอม
ได้แก่แบบจำ�ลอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
84
2.2 อนุภาคในอะตอมและไอโซโทป
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เขียนและแปลความหมายสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ
2. อธิบายความหมายและยกตัวอย่างไอโซโทปของธาตุ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
เ ล ข ที่ ป ร า ก ฏ ใ น สั ญ ลั ก ษ ณ์ แ บ บ ย่ อ ข อ ง เ ล ข ที่ ป ร า ก ฏ ใ น สั ญ ลั ก ษ ณ์ แ บ บ ย่ อ ข อ ง
ไอโซโทปคือเลขอะตอม เช่น C-14 เลข 14 ไอโซโทปคือเลขมวล เช่น C-14 เลข 14 คือ
คือเลขอะตอม เลขมวล
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครู ท บทวนความรู้ เ ดิ ม ว่ า จากการทดลองของทอมสั น ทำ � ให้ ท ราบว่ า อิ เ ล็ ก ตรอนมี ป ระจุ
เป็นลบ จากนั้นถามคำ�ถามว่าเมื่อทราบค่าประจุต่อมวลของอิเล็กตรอนแล้วนักวิทยาศาสตร์นำ�ข้อมูล
เหล่านั้นมาใช้หาค่าประจุและมวลของอิเล็กตรอนได้อย่างไรเพื่อร่วมกันอภิปรายและนำ�นักเรียน
เข้าสู่การศึกษาการทดลองของมิลลิแกน โดยครูอาจใช้รูป 2.12 ประกอบการอธิปรายและซักถามจน
สรุปได้ว่า อิเล็กตรอนมีประจุ 1.6 × 10-19 คูลอมบ์ และมีมวล 9.11 × 10-28 กรัม
2. ครูตั้งคำ�ถามว่า อนุภาคในอะตอมที่เรียนรู้มาแล้วมีอนุภาคใดบ้าง ซึ่งนักเรียนควรตอบได้
ว่า อิเล็กตรอน และอนุภาคที่มีประจุเป็นบวก (นักเรียนอาจทราบคำ�ศัพท์ “โปรตอน” มาแล้วจาก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
85
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น) ครูนำ�นักเรียนเข้าสู่การศึกษาการทดลองของโกลด์ชไตน์และการศึกษา
ของรัทเทอร์ฟอร์ด โดยครูอาจใช้รูป 2.13 ประกอบการอภิปรายจนสรุปได้ว่าอนุภาคบวกนั้นคือ
โปรตอน ซึ่งมีประจุเท่าอิเล็กตรอนคือ 1.6 × 10-19 คูลอมบ์ และมีมวล 1.673 × 10-24 กรัม ซึ่งมีค่า
มากกว่ามวลอิเล็กตรอนประมาณ 1,840 เท่า
3. ครูตั้งคำ�ถามว่า นอกจากอิเล็กตรอนและโปรตอนแล้ว ยังมีอนุภาคชนิดอื่น ๆ ในอะตอม
อีกหรือไม่ เพื่อนำ�นักเรียนเข้าสู่การศึกษาการทดลองของแซดวิก จากนั้นให้ความรู้ว่านอกจาก
อิเล็กตรอนและโปรตอนแล้ว ในอะตอมยังมีอนุภาคนิวตรอน ซึ่งอยู่ในนิวเคลียสและเป็นกลางทาง
ไฟฟ้า มีมวลใกล้เคียงกับโปรตอนคือ 1.675 × 10-24 กรัม
4. ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสัญลักษณ์ ประจุไฟฟ้าและมวลของอนุภาคโปรตอน
นิวตรอน และอิเล็กตรอนในตาราง 2.3 แล้วเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของอนุภาค
ทั้ง 3 ชนิด ซึ่งควรเปรียบเทียบได้ว่าอิเล็กตรอนกับโปรตอนมีประจุไฟฟ้าเท่ากันแต่ชนิดของประจุ
ตรงข้ามกัน โปรตอนและนิวตรอนมีมวลใกล้เคียงกัน จากนั้นถามคำ�ถามว่าอนุภาคชนิดใดที่มีผล
ต่อมวลของอะตอม ซึ่งควรได้ข้อสรุปว่า มวลของอะตอมเกิดจากมวลของนิวตรอนและโปรตอน
ส่วนอิเล็กตรอนมีมวลน้อยมากเมื่อเทียบกับมวลของโปรตอนและนิวตรอนจึงไม่จำ�เป็นต้องนำ�มา
พิจารณา
5. ครูตั้งคำ�ถามว่า อนุภาคชนิดใดที่บ่งบอกชนิดของธาตุได้ จากนั้นจึงให้ความรู้ว่า ธาตุแต่ละ
ชนิดมีจำ�นวนโปรตอนเฉพาะตัวและไม่ซ้ำ�กับธาตุอื่น ๆ จำ�นวนโปรตอนจึงใช้บ่งบอกชนิดของธาตุ
ได้ ตัวเลขแสดงจำ�นวนโปรตอนในอะตอมเรียกว่าเลขอะตอม ส่วนผลรวมของจำ�นวนโปรตอนกับ
นิวตรอนเรียกว่าเลขมวล
6. ครูตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า จำ�นวนอนุภาคในอะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน
แตกต่างกันได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งควรสรุปได้ว่ามีจำ�นวนนิวตรอนแตกต่างกันได้
7. ครูถามคำ�ถามเพื่อให้นักเรียนอภิปรายว่า การที่ธาตุมีจำ�นวนนิวตรอนแตกต่างกัน มีผลต่อ
เลขอะตอมและเลขมวลของธาตุหรือไม่ อย่างไร ซึ่งควรได้ข้อสรุปว่า จำ�นวนนิวตรอนมีผลต่อเลขมวล
ของธาตุ
8. ให้นักเรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจ จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อเฉลยคำ�ตอบโดย
ครูคอยชี้แนะ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
86
ตรวจสอบความเข้าใจ
ตรวจสอบความเข้าใจ
ธาตุตา่ งชนิดกันต้องมีเลขมวลต่างกันเสมอหรือไม่
14 14
ธาตุตา่ งชนิดกันอาจมีเลขมวลเท่ากันได้ เช่น 6 C กับ 7 N แม้จะเป็นธาตุตา่ งชนิดแต่มี
เลขมวลเท่ากัน คือ 14
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับสมบัติบางประการของโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน เลขอะตอม
เลขมวล สัญลักษณ์นิวเคลียร์และความหมายของไอโซโทป จากการทำ�กิจกรรม การอภิปราย การทำ�
แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการอภิปราย
3. ทักษะการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ และความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและ
ภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�กิจกรรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
87
แบบฝึกหัด 2.2
โปรตรอน นิวตรอน
อนุภาคใน
ประจุไฟฟ้าบวก นิวเคลียส
เป็นกลางทางไฟฟ้า
สัญลักษณ์ p สัญลักษณ์ n
อนุภาคใน
มีประจุไฟฟ้า อะตอม
× 10
-19
1.602
คูลอมบ์
ประจุไฟฟ้าลบ
สัญลักษณ์ e
อิเล็กตรอน
2. จากการทดลองของมิลลิแกน ถ้าพบว่าหยดน้ำ�มันที่ลอยนิ่งหยดหนึ่งมีค่าประจุเท่ากับ
6.4 × 10-19 คูลอมบ์ หยดน้ำ�มันนี้มีอิเล็กตรอนเกาะอยู่จำ�นวนเท่าใด
จากการทดลองของมิลลิแกน ค่าประจุไฟฟ้าที่แฝงอยู่บนหยดน้ำ�มันของ 1 อิเล็กตรอน
คือ 1.6 × 10-19 คูลอมบ์
-19
นั่นคือหยดน้ำ�มันที่ลอยนิ่งซึ่งมีประจุเท่ากับ 6.4 × 10 คูลอมบ์
1 e-
จำ�นวนอิเล็กตรอนที่เกาะอยู่ = × 6.4 × 10-19 coulomb
-19
1.6 × 10 coulomb
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
88
= 4 อิเล็กตรอน
ดังนั้น หยดน้ำ�มันนี้มีอิเล็กตรอนเกาะอยู่ 4 อิเล็กตรอน
5. พิจารณาสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุสมมติต่อไปนี้
40 42 40 40
18 A 18 B 19 C 20 D และ 42
21 E ธาตุใดเป็นไอโซโทปกัน เพราะเหตุใด
40 42
ธาตุที่เป็นไอโซโทปกันคือ 18 A 18 B เพราะมีจำ�นวนโปรตอนเท่ากันคือ 18
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
89
2.3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความแตกต่างของระดับพลังงานหลัก พลังงานย่อย และออร์บิทัล
2. จัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอมเมื่อทราบเลขอะตอมของธาตุ พร้อมทั้งระบุ หมู่ คาบ และ
กลุ่มของธาตุในตารางธาตุุ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
กรณีที่ธาตุเสียอิเล็กตรอนจะนำ�อิเล็กตรอนที่มี กรณีที่ธาตุเสียอิเล็กตรอนให้บรรจุอิเล็กตรอน
พลังงานสูงสุดออก เช่น ตามปกติก่อน จากนั้นค่อยนำ�อิเล็กตรอนที่อยู่
Fe 2 2 6 2 6
: 1s 2s 2p 3s 3p 4s 3d 2 6
ชั้นนอกสุดออก เช่น
Fe 2+ 2 2 6 2 6
: 1s 2s 2p 3s 3p 4s 3d 2 4
Fe : 1s22s22p63s23p64s23d6
Fe2+ : 1s22s22p63s23p63d6
ไม่ใช่ 1s22s22p63s23p64s23d4
หมายเหตุ เสีย 2 อิเล็กตรอน
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูตั้งคำ�ถามให้นักเรียนอภิปรายว่า แบบจำ�ลองอะตอมของโบว์แตกต่างจากแบบจำ�ลอง
อะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ดอย่างไร ควรได้ข้อสรุปว่า อิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสเคลื่อนที่เป็นวงคล้าย
วงโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ แต่ละวงมีพลังงานเฉพาะตัว แล้วนำ�เข้าสู่เรื่องการจัดเรียง
อิเล็กตรอนของธาตุบางธาตุ
2. ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลในตาราง 2.5 จากนั้นถามนักเรียนว่า ในระดับพลังงานที่ 1 และ
2 มีจำ�นวนอิเล็กตรอนสูงสุดเท่าใด ซึ่งได้คำ�ตอบว่า 2 และ 8 ตามลำ�ดับ
3. ครูถามคำ�ถามเพิ่มเติมว่า ถ้าในระดับพลังงานที่ 3 มีจำ�นวนอิเล็กตรอนสุงสุด 18
อิเล็กตรอน ระดับพลังงานกับจำ�นวนอิเล็กตรอนสูงสุดในแต่ละระดับพลังงานมีความสัมพันธ์กันหรือ
ไม่ อย่างไร ควรตอบได้ว่า จำ�นวนอิเล็กตรอนสูงสุดกับระดับพลังงานมีความสัมพันธ์ดังนี้ คือ 2n2
เมื่อ n คือตัวเลขแสดงระดับพลังงาน
4. ครูแสดงจำ�นวนอิเล็กตรอนในแต่ละระดับพลังงานของธาตุ K (2 8 8 1) และ Ca (2
8 8 2) จากนั้นตั้งคำ�ถามว่า จากสูตร 2n2 จำ�นวนอิเล็กตรอนสูงสุดในระดับพลังงานที่ 3 ควรเป็น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
90
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
91
ความรูเ้ พิม
่ เติมสำ�หรับครู
อะตอมของธาตุที่มีอิเล็กตรอนบรรจุอยู่เต็มทุกออร์บิทัลที่มีระดับพลังงานเท่ากัน เช่น
ธาตุฮีเลียม มี 2 อิเล็กตรอน จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s2 หรือธาตุนีออน มี 10 อิเล็กตรอน
จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p6 การจัดอิเล็กตรอนลักษณะนี้เรียกว่า การบรรจุเต็ม ถ้ามี
อิเล็กตรอนบรรจุอยู่ในออร์บิทัลเพียงครึ่งเดียว เช่น ธาตุไนโตรเจน มี 7 อิเล็กตรอน จัดเรียง
อิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p3 ลักษณะนี้เรียกว่า การบรรจุครึ่ง อะตอมที่จัดอิเล็กตรอนเป็น
แบบบรรจุเต็มหรือบรรจุครึ่ง จะมีความเสถียร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
92
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับการจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลัก ระดับพลังงานย่อยหรือ
ออร์บิทัล จำ�นวนเวเลนซ์อิเล็กตรอน จากการอภิปราย การทำ�กิจกรรม การทำ�แบบฝึกหัด และ
การทดสอบ
2. ทักษะการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ และความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและ
ภาวะผู้นำ�จากการทำ�กิจกรรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
93
แบบฝึกหัด 2.3
ธาตุแคดเมียมมีเลขอะตอม 48
จัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่อย คือ 1s22s22p63s23p64s23d104p65s24d10
หรือ [Kr]5s24d10
จำ�นวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลัก คือ 2 8 18 18 2
จำ�นวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานต่าง ๆ
ธาตุ
n=1 n=2 n=3
A 2 8 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
94
จำ�นวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานต่าง ๆ
ธาตุ
n=1 n=2 n=3
B 2 8 2
C 2 8 8
3. จงระบุสัญลักษณ์ของธาตุที่มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนดังต่อไปนี้
3.1 [Ar]4s23d104p2 3.2 [Ne]3s23p3 3.3 [Kr]5s24d5
3.1. ธาตุ Ar มีเลขอะตอม 18 มี 18 อิเล็กตรอน
เมื่อรวมจำ�นวนอิเล็กตรอนทั้งหมดจะได้ 18 + 2 + 10 + 2 = 32 อิเล็กตรอน
ธาตุนี้มีเลขอะตอมเป็น 32 นั่นคือ ธาตุ Ge
3.2. ธาตุ Ne มีเลขอะตอม 10 มี 10 อิเล็กตรอน
เมื่อรวมจำ�นวนอิเล็กตรอนทั้งหมดจะได้ 10 + 2 + 3 = 15 อิเล็กตรอน
ธาตุนี้มีเลขอะตอมเป็น 15 นั่นคือ ธาตุ P
3.3. ธาตุ Kr มีเลขอะตอม 36 มี 36 อิเล็กตรอน
เมื่อรวมจำ�นวนอิเล็กตรอนทั้งหมดจะได้ 36 + 2 + 5 = 43 อิเล็กตรอน
ธาตุนี้มีเลขอะตอมเป็น 43 นั่นคือ ธาตุ Tc
2+ + 2-
4. จงเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่อยของ Zn Cu และ S
Zn2+ จัดเรียงอิเล็กตรอน 1s22s22p63s23p63d10
หรือเขียนย่อเป็น [Ar]3d10
Cu+ จัดเรียงอิเล็กตรอน 1s22s22p63s23p63d10
หรือเขียนย่อเป็น [Ar]3d10
S2- จัดเรียงอิเล็กตรอน 1s22s22p63s23p6
หรือเขียนย่อเป็น [Ne]3s23p6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
95
2.4 ตารางธาตุและสมบัติของธาตุหมู่หลัก
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ในยุคต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดธาตุเป็นหมวดหมู่จนได้เป็น
ตารางธาตุ พร้อมทั้งระบุปัญหาของการจัดกลุ่มธาตุ
2. จำ�แนกธาตุเป็นกลุ่มโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ หรือเป็นกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟหรือ
ธาตุหมู่หลัก ธาตุแทรนซิชัน หรือตามการจัดเรียงอิเล็กตรอน เมื่อทราบเลขอะตอม
3. วิเคราะห์และสรุปแนวโน้มสมบัติต่าง ๆ ของธาตุตามหมู่และคาบเกี่ยวกับขนาดอะตอม
รัศมีไอออน พลังงานไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกาติวิตี สัมพรรคภาพอิเล็กตรอนพร้อมทั้งอธิบาย
เหตุผลประกอบ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
เลขมวลกับมวลอะตอมคือสิ่งเดียวกันเนื่องจาก สั ญ ลั ก ษ ณ์ ใ น ต า ร า ง ธ า ตุ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย
สั บ สนกั บ ตั ว เลขที่ ป รากฏในตารางธาตุ กั บ สัญลักษณ์ของธาตุ เลขอะตอม และมวล
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ อะตอม (ไม่ใช่เลขมวล)
ในคาบเดียวกัน ค่า IE1 ของหมู่ IIIA มีค่า ในคาบเดียวกัน ค่า IE1 ของหมู่ IIIA มีค่าน้อย
มากกว่าหมู่ IIA และ ค่า IE1 ของหมู่ VIA มี กว่าหมู่ IIA และ ค่า IE1 ของหมู่ VIA มี
ค่ามากกว่าหมู่ VA ค่าน้อยกว่าหมู่ VA
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
96
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
โปสเตอร์ตารางธาตุ
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูตั้งคำ�ถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า เพราะเหตุใดจึงต้องจัดธาตุเป็นหมวดหมู่
ถ้าใช้เกณฑ์การจัดกลุ่มแตกต่างกัน จะได้ธาตุในกลุ่มเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งนักเรียนควรคำ�ตอบว่า เพื่อ
ให้ง่ายต่อการศึกษาและจดจำ� การจัดกลุ่มด้วยเกณฑ์ที่แตกต่างกัน จะได้ธาตุในกลุ่มไม่เหมือนกัน
จากนั้นนำ�เข้าสู่เรื่องวิวัฒนาการของการสร้างตารางธาตุ
2. แบ่งนักเรียนเป็น 4 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มศึกษาแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์แต่ละคนที่ใช้จัด
ธาตุเป็นหมวดหมู่ แล้วนำ�เสนอผลการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ตามความคิดของกลุ่มให้เพื่อนรับฟัง
และซักถาม ซึ่งควรได้สาระสำ�คัญว่า เดอเบอไรเนอร์ จัดธาตุเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 ธาตุตามสมบัติที่คล้าย
กัน และพบว่าธาตุกลางจะมีมวลอะตอมเป็นค่าเฉลี่ยของมวลอะตอมของอีกสองธาตุดังตาราง 2.8
นิวแลนด์ จัดกลุ่มธาตุตามมวลอะตอมจากน้อยไปมากและพบว่าธาตุที่ 8 จะมีสมบัติเหมือนกับธาตุ
ที่ 1 เสมอ (ทั้งนี้ไม่รวม H กับ แก๊สมีสกุล) ไมเออร์ ดิมิทรี และเมนเดเลเอฟ จัดเรียงธาตุเป็นกลุ่ม
ตามมวลอะตอมจากน้อยไปมากและสมบัติที่คล้ายกันเป็นช่วง ๆ รวมทั้งเว้นช่องว่างไว้ โดยคิดว่าน่า
จะเป็นตำ�แหน่งของธาตุที่ยังไม่มีการค้นพบ ใช้ตาราง 2.9 ประกอบการนำ�เสนอ โมสลีย์ จัดเรียงธาตุ
เป็นกลุ่มตามเลขอะตอม เนื่องจากสมบัติต่าง ๆ ของธาตุมีความสัมพันธ์กับประจุบวกในนิวเคลียส
หรือเลขอะตอม
3. ครูให้นักเรียนศึกษาตารางธาตุจากปกหนังสือเรียน หรือจากโปสเตอร์แสดงตารางธาตุที่อยู่
หน้าชั้นเรียน จากนั้นตั้งคำ�ถามเพื่อการอภิปรายว่า แถวของธาตุในแนวตั้งและแนวนอนมีกี่แถว ใน
กรอบสี่เหลี่ยมที่ล้อมรอบธาตุไฮโดรเจน ธาตุฮีเลียมหรือธาตุอื่น ๆ มีข้อมูลเรื่องใดบ้าง และมีข้อมูล
นั้นเหมือนกันทุกกรอบหรือไม่ ธาตุในตารางธาตุจากซ้ายไปขวาเรียงลำ�ดับตามสิ่งใด
4. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับตารางธาตุปัจจุบันโดยใช้รูป 2.19 ประกอบ โดยอธิบายว่าตารางธาตุ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
97
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
98
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
99
ชวนคิด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
100
ตรวจสอบความเข้าใจ
22. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อทำ�นายแนวโน้มของค่าพลังงานไอออไนเซชันลำ�ดับที่ 1
ของธาตุ ตามคาบและตามหมู่ รวมทั้งเหตุผลสนับสนุน แล้วเปรียบเทียบผลการอภิปรายกับรูป 2.26
จากนั้นศึกษาเหตุผลคำ�อธิบายใต้ภาพเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อภิปราย และย้อนกลับไปตอบคำ�ถามเกี่ยว
กับแนวโน้มค่า IE1 ตามขนาดอะตอมที่ได้ทำ�นายไว้ และควรสรุปได้ว่าค่า IE1 มีความสัมพันธ์กับ
ขนาดอะตอมโดยค่า IE1 จะมีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อขนาดอะตอมลดลง
23. ครูทบทวนว่าค่าพลังงาน IE1 เป็นพลังงานที่น้อยที่สุดที่ทำ�ให้อิเล็กตรอนหลุดออกจาก
อะตอมในสถานะแก๊สเกิดเป็นไอออนบวก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบดูดพลังงาน จากนั้นถาม
คำ�ถามว่าถ้าอะตอมของธาตุมีการรับอิเล็กตรอนจะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างไรเพื่อนำ�เข้าสู่
หัวข้อสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน
24. ครูทบทวนเรื่องการเกิดไอออน จากนั้นตั้งคำ�ถามเพื่อให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า ใน
การเกิดเป็นไอออนของธาตุ ธาตุทร่ี บ
ั อิเล็กตรอนได้ดจ
ี ะอยูส
่ ว่ นใดของตารางธาตุ และการรับอิเล็กตรอน
เป็นการดูดหรือคายพลังงาน ควรได้คำ�ตอบว่าอยู่ทางด้านขวาและเป็นการคายพลังงาน
25. ครูให้ความรู้เรื่องสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนว่า เป็นพลังงานที่คายออกเมื่ออะตอมใน
สถานะแก๊สได้รับอิเล็กตรอน 1 อิเล็กตรอน อะตอมที่สามารถรับอิเล็กตรอนได้ดีจะมีสัมพรรคภาพ
อิ เ ล็ ก ตรอนสู ง กว่ า อะตอมที่ รั บ อิ เ ล็ ก ตรอนได้ ย ากครู อาจให้นักเรียนเปรียบเทียบสัมพรรคภาพ
อิเล็กตรอนกับพลังงานไอออไนเซชันของธาตุเหมือนและต่างกันอย่างไร คำ�ตอบคือทัง้ สองค่าใช้อธิบาย
อะตอมในสถานะแก๊สเหมือนกัน แต่ทต
่ี า่ งกันคือสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนเป็นการคายพลังงานออกมา
ส่วนพลังงานไอออไนเซชันเป็นการดูดพลังงาน
26. ให้นักเรียนพิจารณารูป 2.27 เพื่อศึกษาแนวโน้มของค่าสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนของ
ธาตุในตารางธาตุ แล้วร่วมกันสรุปสาระสำ�คัญ โดยอาจสรุปได้ว่า เมื่อพิจารณาธาตุตามคาบ ธาตุโลหะ
หมู่ IA IIA และ IIIA มีแนวโน้มที่จะรับอิเล็กตรอนยากโดยเฉพาะธาตุในหมู่ IIA จะรับอิเล็กตรอน
ยากที่สุด ส่วนธาตุในหมู่ IVA VA VIA และ VIIA มีแนวโน้มที่จะรับอิเล็กตรอนสูงโดยเฉพาะหมู่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
101
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของตารางธาตุ การระบุหมู่และคาบของธาตุในตารางธาตุ การ
จัดกลุ่มธาตุในตารางธาตุตามสมบัติความเป็นโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และตามการจัดเรียงอิเล็กตรอน
จากการทำ�กิจกรรม การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ความรูเ้ กีย
่ วกับแนวโน้มของขนาดอะตอม ขนาดไอออน พลังงานไอออไนเซชัน สัมพรรคภาพ
อิเล็กตรอน และอิเล็กโทรเนกาติวิตี ของธาตุหมู่หลักตามคาบและตามหมู่ จากการการอภิปราย
การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
3. ทักษะการจำ�แนกประเภท การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป การสร้างแบบจำ�ลอง
และความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ�จากการอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
102
แบบฝึกหัด 2.4
1. ธาตุที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้อยู่ในหมู่ใดและคาบใดในตารางธาตุ และมีสมบัติเป็นโลหะ
กึ่งโลหะ หรืออโลหะ (ตอบคำ�ถามโดยไม่ใช้ตารางธาตุ)
1.1 ธาตุ A มีเลขอะตอม 11
ธาตุ A มีจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 2 8 1 จึงอยู่ในหมู่ IA คาบ 3 เป็นธาตุโลหะ
1.2 ธาตุ B มีจำ�นวนโปรตอน 20
ธาตุ A มีจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 2 8 8 2 จึงอยู่ในหมู่ IIA คาบ 4 เป็นธาตุโลหะ
1.3 ธาตุ C มีจำ�นวนอิเล็กตรอนเท่ากับ 35
ธาตุ C มีจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 2 8 18 7 จึงอยู่ในหมู่ VIIA คาบ 4 เป็นธาตุอโลหะ
1.4 ธาตุ D มีเลขมวล 31 และมีจำ�นวนนิวตรอน 16
ธาตุ D มีจำ�นวนโปรตอนเท่ากับ 31 – 16 = 15
ธาตุ D จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 2 8 5 จึงอยู่ในหมู่ VA คาบ 3 เป็นธาตุอโลหะ
5. ธาตุ E มีเลขมวล 72 และมีเลขอะตอม 32
ธาตุ E จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 2 8 18 4 อยู่ในหมู่ IVA คาบ 4 เป็นธาตุกึ่งโลหะ
2. ธาตุแต่ละคู่ต่อไปนี้ ธาตุใดมีขนาดใหญ่กว่า
1.1 K กับ Ca 1.4 Rb กับ Cs 1.7 N กับ P
K ใหญ่กว่า Ca Cs ใหญ่กว่า Rb P ใหญ่กว่า N
1.2 F กับ Na 1.5 Ca กับ Sr 1.8 B กับ C
Na ใหญ่กว่า F Sr ใหญ่กว่า Ca B ใหญ่กว่า C
1.3 Mg กับ Ca 1.6 S กับ C 1.9 Cl กับ O
Ca ใหญ่กว่า Mg S ใหญ่กว่า C Cl ใหญ่กว่า O
3. ไอออนแต่ละคู่ต่อไปนี้ ไอออนใดมีขนาดใหญ่กว่า
1.1 Mg2+ กับ Ca2+ 1.3 F- กับ Na+
Ca2+ ใหญ่กว่า Mg2+ F- ใหญ่กว่า Na+
1.2 S2- กับ Cl- 1.4 Ca2+ กับ Al3+
S2- ใหญ่กว่า Cl- Ca2+ ใหญ่กว่า Al3+
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
103
4.2 อิเล็กโทรเนกาติวิตี
ธาตุ Z สูงที่สุด รองลงมาคือธาตุ Y และต่ำ�ที่สุดคือธาตุ X เนื่องจากเลข
อะตอมเพิ่มขึ้นตามคาบ ขนาดอะตอมจะเล็กลง ความสามารถในการดึงดูด
อิเล็กตรอนจึงเพิ่มขึ้น EN จึงมีค่าสูงขึ้นตามคาบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
104
2.5 ธาตุแทรนซิชัน
จุดประสงค์การเรียนรู้
เปรี ย บเที ย บสมบั ติ บ างประการของโลหะเรพรี เ ซนเทที ฟ หรื อ โลหะหมู่ ห ลั ก และโลหะ
แทรนซิชัน
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
1. ชุดปฐมพยาบาล
2. เครื่องดับเพลิง
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูตั้งคำ�ถามเพื่อทบทวนเกี่ยวกับการแบ่งกลุ่มธาตุในตารางธาตุ และสมบัติของกลุ่มธาตุ
หมู่หลักที่ได้ศึกษามาแล้วว่ามีอะไรบ้าง ให้นักเรียนพิจารณารูป 2.29 แล้วถามว่าธาตุแทรนซิชันอยู่
บริเวณใดของตารางธาตุ ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่าอยู่ระหว่าง IIA กับ IIIA (หมู่ 2 กับ 13) และใช้คำ�ถาม
ต่ออีกว่าเพราะเหตุใดจึงจัดธาตุแทรนซิชันแยกเป็นอีกหนึ่งกลุ่ม เพื่อนำ�เข้าสู่การศึกษาสมบัติของ
ธาตุแทรนซิชัน
2. ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลในตาราง 2.11 กับ 2.12 แล้วอภิปรายในกลุ่มเพื่อเปรียบเทียบ
สมบัติบางประการของธาตุโพแทสเซียมและแคลเซียมที่เป็นธาตุหมู่ IA และ IIA กับธาตุแทรนซิชัน
ในคาบที่ 4 ซึ่งอยู่ในคาบเดียวกัน จากนั้นครูกับนักเรียนร่วมกันสรุปอีกครั้งซึ่งควรได้สาระสำ�คัญดังนี้
- รัศมีอะตอมของโลหะหมู่หลักจะมีขนาดใหญ่กว่าโลหะแทรนซิชันในคาบเดียวกันโดย
โลหะแทรนซิชันในคาบเดียวกันมีขนาดใกล้เคียงกัน
- ธาตุแทรนซิชันมีจุดหลอมเหลว จุดเดือด ความหนาแน่น สูงกว่าธาตุโพแทสเซียมและ
แคลเซียม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
105
- ทั้งธาตุโพแทสเซียมและแคลเซียมและธาตุแทรนซิชันมีค่าพลังงานไอออไนเซชันลำ�ดับ
ที่ 1 และค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีต่ำ�
- อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายในการจัดเรียงอิเล็กตรอนของธาตุโพแทสเซียมและแคลเซียมจะถูก
บรรจุในระดับพลังงานย่อย 4s ส่วนธาตุแทรนซิชันในคาบที่ 4 อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายจะถูกบรรจุใน
ระดับพลังงานย่อย 3d เพราะว่าระดับพลังงานย่อย 3d สูงกว่า 4s ตามแผนภาพในรูป 2.15 ที่ได้
ศึกษามาแล้ว
- ธาตุแทรนซิชันในคาบที่ 4 ส่วนใหญ่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 เช่นเดียวกับ
ธาตุ แ คลเซี ย มยกเว้ น ธาตุ โ ครเมี ย มและทองแดงมี เ วเลนซ์ อิ เ ล็ ก ตรอนเท่ า กั บ 1เช่ น เดี ย วกั บ ธาตุ
โพแทสเซียม
3. ครูให้นักเรียนร่วมกันตอบคำ�ถามว่าเหตุใดขนาดอะตอมของธาตุแทรนซิชันในคาบที่ 4 จึง
มีค่าใกล้เคียงกัน ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่า เมื่อธาตุแทรนซิชันมีเลขอะตอมเพิ่มขึ้น จำ�นวนอิเล็กตรอน
ที่เพิ่มขึ้นจะเข้าไปอยู่ที่ออร์บิทัล 3d ซึ่งไม่ได้มีผลต่อการขยายขนาดกลุ่มหมอกอิเล็กตรอน (เพราะ
ไม่ใช่ระดับพลังงานชั้นนอกสุด)และแม้จำ�นวนโปรตอนจะเพิ่มขึ้นตามเลขอะตอมแต่เนื่องจากมี
อิเล็กตรอนในออร์บิทัล 3d ทำ�หน้าที่กำ�บังดังนั้นแรงดึงดูดของโปรตอนในนิวเคลียสต่ออิเล็กตรอนใน
ออร์บิทัล 4s จึงมีค่าน้อยทำ�ให้ขนาดอะตอมไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
4. ครูถามคำ�ถามว่านอกจากสมบัติต่าง ๆ ที่ได้ศึกษาแล้ว โลหะแทรนซิชันและโลหะหมู่หลัก
ยังมีสมบัติใดแตกต่างกันอีกบ้าง เพื่อนำ�เข้าสู่กิจกรรม 2.4
5. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรม 2.4
จุดประสงค์ของกิจกรรม
เปรียบเทียบสีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักกับโลหะแทรนซิชัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
106
วัสดุและอุปกรณ์
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
ชุดบัตรภาพสารประกอบ 1 ชุด
การเตรียมล่วงหน้า
เตรียมชุดบัตรภาพสารประกอบดังตัวอย่างหรือใช้ภาพของสารประกอบอื่น ๆ ที่
สอดคล้องกับจุดประสงค์ ให้เท่ากับจำ�นวนกลุ่มของนักเรียน
คอปเปอร์(II)ซัลเฟต เพนตะไฮเดรต
คอปเปอร์(II)คาร์บอเนต (CuCO3)
(CuSO4•5H2O)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
107
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
108
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
จากการสังเกตสีและแบ่งกลุ่มสารประกอบ ได้ผลดังนี้
สารประกอบของโลหะหมู่หลัก สารประกอบของโลหะแทรนซิชัน
อภิปรายผลการทำ�กิจกรรม
1. สีของสารประกอบเป็นสมบัติทางกายภาพ ซึ่งสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า
2. สารประกอบของโลหะหมู่หลักส่วนใหญ่เป็นสีขาว ส่วนสารประกอบของโลหะ
แทรนซิชันมักจะมีสี เช่น CuSO4•5H2O มีสีฟ้า ZnSO4 มีสีเหลืองอ่อน
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
สารประกอบของโลหะหมู่ ห ลั ก ส่ ว นใหญ่ เ ป็ น สี ข าวส่ ว นสารประกอบของโลหะ
แทรนซิชันส่วนใหญ่มีสี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
109
ชวนคิด
7. ครู ถ ามคำ � ถามเพื่ อ ให้ นั ก เรี ย นอภิ ป รายว่ า นอกจากการมี สี ข องสารประกอบแล้ ว โลหะ
แทรนซิชันยังมีสมบัติใดที่แตกต่างโลหะหมู่หลักอีกบ้าง เพื่อนำ�เข้าสู่กิจกรรม 2.5
จุดประสงค์การทดลอง
1. ทำ�การทดลองเพือ
่ ศึกษาปฏิกริ ย
ิ าเคมีระหว่างโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง และสังกะสีกบ
ั น้�ำ
2. เปรียบเทียบความว่องไวในการทำ�ปฏิกริ ย
ิ าเคมีกบ
ั น้�ำ ของธาตุหมู ่ IA IIA และธาตุแทรนซิชน
ั
3. ระบุสมบัติความเป็นกรดและเบสของสารละลายที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาเคมี
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
สารเคมี
1. โซเดียมขนาดเท่าครึ่งเมล็ดถั่วเขียว 1 ชิ้น
2. ลวดแมกนีเซียมขนาด 0.5 cm × 1 cm 1 ชิ้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
110
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
การเตรียมล่วงหน้า
1. ตัดโซเดียม แมกนีเซียม ทองแดง สังกะสี และกระดาษทรายเบอร์ 1 ตามขนาดที่กำ�หนด
และมีจำ�นวนเท่าจำ�นวนกลุ่มของนักเรียนในชั้น สำ�หรับชิ้นโซเดียมที่ตัดแล้วให้แช่ไว้
ในน้ำ�มันพาราฟิน
2. เตรียมสารละลาย HCl 0.3 M ปริมาตร 20 mL โดยรินกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้น 6 M
ปริมาตร 1 mL ลงในน้ำ�กลั่นประมาณ 15 mL แล้วเติมน้ำ�จนสารละลายมีปริมาตรเป็น
20 mL
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
111
ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
1. ต้องสวมแว่นตานิรภัยขณะทำ�การทดลองเสมอ
2. การนำ�ชิ้นโซเดียมไปทดลองต้องใช้ปากคีบ ห้ามใช้มือจับโซเดียมเด็ดขาด
3. ก่อนหย่อนโซเดียมลงในน้ำ� ต้องซับน้ำ�มันบนชิ้นโซเดียมด้วยกระดาษทิชชู่ก่อน
4. เมื่อคีบชิ้นโซเดียมใส่ลงในบีกเกอร์ที่มีน้ำ�และฟีนอล์ฟทาลีนบรรจุอยู่แล้ว ห้ามยื่นหน้า
เข้าใกล้บีกเกอร์ที่ทดลอง รวมถึงต้องทดลองด้วยความระมัดระวังเพราะอาจมีอันตราย
เกิดขึ้นได้
5. ลวดแมกนีเซียม ทองแดง และสังกะสีต้องใช้กระดาษทรายขัดเพื่อกำ�จัดสารประกอบ
ออกไซด์ ห รื อ สิ่ ง เจื อ ปนที่ เ คลื อ บบนผิ ว โลหะเหล่ า นั้ น ออกให้ ห มดก่ อ นนำ � ไปทำ � การ
ทดลอง
ตัวอย่างผลการทดลอง
ตารางที่ 1 การเปลี่ยนแปลงกับสารละลายฟีนอล์ฟทาลีน
สาร การเปลี่ยนแปลงกับสารละลายฟีนอล์ฟทาลีน*
* ในบางประเทศห้ามนำ�สารละลายฟีนอล์ฟทาลีนมาใช้ในการเรียนการสอนเนื่องจากเป็น
สารก่อมะเร็ง ดังนัน
้ จึงใช้อน
ิ ดิเคเตอร์ตวั อืน
่ แทน เช่น ในการทดลองนีถ
้ า้ ใช้สารละลาย
โบรโมไทมอลบลูทดสอบกับ 0.3 M HCl จะเปลีย
่ นสารละลายเป็นสีเหลือง แต่เมือ
่ ทดสอบ
0.3 M NaOH จะได้สารละลายสีน้ำ�เงิน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
112
ชนิดของ การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้เมื่อทำ�ปฏิกิริยากับน้ำ�
โลหะ อุณหภูมิห้อง 60-80 °C
อภิปรายผลการทดลอง
1. เมื่อหยดสารละลายนอล์ฟทาลีนลงใน 0.3 M HCl สารละลายจะใสไม่มีสี แต่เมื่อ
หยดลงใน 0.3 M NaOH พบว่าสารละลายเปลี่ยนเป็นสีชมพู แสดงว่าสารละลาย
ฟีนอล์ฟทาลีนในสภาวะที่เป็นกรดใสไม่มีสีแต่ในสภาวะที่เป็นเบสจะเป็นสีชมพู
2. โซเดียมเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้ำ�ที่อุณหภูมิห้องได้รวดเร็วและรุนแรง ได้สารละลายมี
สมบัติเป็นเบสเนื่องจากมีสีชมพูจากฟีนอล์ฟทาลีนเกิดขึ้น
3. แมกนีเซียมเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้ำ�ที่อุณหภูมิห้องได้ช้า แต่เกิดปฏิกิริยากับน้ำ�ร้อนได้
เร็วกว่า ได้สารละลายมีสมบัติเป็นเบส เนื่องจากมีสีชมพูจากฟีนอล์ฟทาลีนเกิดขึ้น
4. ปฏิกิริยาของทองแดงและสังกะสีกับน้ำ�ที่อุณหภูมิห้องและในน้ำ�ร้อน สังเกตไม่เห็นการ
เปลี่ยนแปลง
5. ความสามารถในการเกิ ด ปฏิ กิ ริ ย าเคมี กั บ น้ำ � ของธาตุ ทั้ ง 4 ชนิ ด พบว่ า โลหะ
โซเดี ย มเกิ ด ปฏิ กิ ริ ย าได้ ร วดเร็ ว ที่ ส ุ ด รองลงมาคื อ แมกนี เ ซี ย ม ส่ ว นทองแดงและ
สังกะสีไม่ทำ�ปฏิกิริยากับน้ำ�
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
113
สรุปผลการทดลอง
1. โลหะหมู่หลักเกิดปฏิกิริยากับน้ำ�ได้ดีกว่าโลหะแทรนซิชัน
2. เมื่อโลหะหมู่หลักทำ�ปฏิกิริยากับน้ำ� จะได้สารละลายที่มีสมบัติเป็นเบส
8. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่าแก๊สที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาของโซเดียมและแมกนีเซียมกับน้ำ�คือแก๊ส
ไฮโดรเจน และปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาคายความร้อน โดยครูเขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยา
เคมีระหว่างโซเดียม แมกนีเซียมกับน้ำ�ประกอบการอธิบาย
9. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามชวนคิด โดยอาจสืบค้นข้อมูลเพื่อตอบคำ�ถามและช่วยกันเฉลย
ชวนคิด
การทดสอบแก๊สเพื่อยืนยันว่าเป็นแก๊สไฮโดรเจนทำ�ได้อย่างไร
แก๊สไฮโดรเจนมีสมบัติติดไฟได้ วิธีทดสอบทำ�ได้โดยใช้ก้านธูปที่มีเปลวไฟ จ่อที่ปาก
หลอดทดลองที่มีแก๊สบรรจุอยู่ ซึ่งจะมีเสียงดังเกิดขึ้น
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับขนาดอะตอม จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่นของธาตุ สีของ
สารประกอบ ความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยากับน้ำ� ของธาตุแทรนซิชันและกลุ่มธาตุหมู่หลัก จาก
การทำ�กิจกรรม การอภิปราย การทดลอง การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการสังเกต การตั้งสมมติฐาน การกำ�หนดนิยามเชิงปฏิบัติการ การกำ�หนดและ
ควบคุมตัวแปร การทดลอง และการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการทำ�การทดลอง
3. ทักษะความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�
กิจกรรม
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านการใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมขณะทำ�กิจกรรมและ
การทดลอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
114
แบบฝึกหัด 2.5
2. เขียนแผนภาพเวนน์เปรียบเทียบสมบัติที่เหมือนและที่แตกต่างของโลหะหมู่หลักและ
โลหะแทรนซิชัน
โลหะหมู่หลัก
โลหะแทรนซิชัน
ขนาดอะตอมในคาบ
เดียวกันมีขนาดต่างกัน ขนาดอะตอมในคาบ
มีค่า IE1 เดียวกันใกล้เคียงกัน
สารประกอบส่วน และ EN ต่ำ�
ใหญ่มีสีขาว สารประกอบมักมีสี
พลังงานสูงสุดของ เป็นโลหะ
พลังงานสูงสุดของ
อิเล็กตรอนที่บรรจุ อิเล็กตรอนที่บรรจุ
ส่วนใหญ่อยู่ใน ส่วนใหญ่อยู่ใน
s orbital d orbital
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
115
2.6 ธาตุกัมมันตรังสี
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายสมบัติของไอโซโทปกัมมันตรังสี รังสีแอลฟา รังสีบีตา และรังสีแกมมา
2. คำ�นวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
เมื่ อ ธาตุ เ กิ ด การแผ่ รั ง สี ปริ ม าณเนื้ อ สาร เมื่ อ ธาตุ เ กิ ด การแผ่ รั ง สี ปริ ม าณเนื้ อ สาร
ทั้งหมดจะหายไป ทัง้ หมดไม่ได้หายไป เพียงแต่มก
ี ารเปลีย
่ นแปลง
จากไอโซโทปหนึ่งไปเป็นอีกไอโซโทป
การเตรียมล่วงหน้า
รูปภาพ ข่าว หรือบทความที่เกี่ยวกับกัมมันตรังสี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
116
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูนำ�รูปภาพตัวอย่างเหตุการณ์ต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ต ที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์และโทษ
ของไอโซโทปกัมมันตรังสี เช่น คนเก็บของเก่า (Co-60) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เครื่องเอกซเรย์ การทำ�
MRI การหาอายุวัตถุโบราณ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพที่ได้รับ
พร้อมอธิบายว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสมบัติใดของธาตุ ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่า เกี่ยวข้องกับ
สมบัติการแผ่รังสี
2. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับความหมายของคำ�ว่า กัมมันตภาพรังสี ไอโซโทปกัมมันตรังสีหรือสาร
กัมมันตรังสีและธาตุกัมมันตรังสี แล้วให้นักเรียนศึกษาข้อมูลในรูป 2.31 และตาราง 2.13 เพื่อสรุป
ชนิดของรังสี สัญลักษณ์ และสมบัติของรังสี ได้แก่ แอลฟา บีตา แกมมา หรือรังสีอื่น ๆ
3. ครู อ ธิ บ ายการเขี ย นสมการแสดงการสลายตั ว ของไอโซโทปกั ม มั น ตรั ง สี ใ นบทเรี ย น
ซึ่งสังเกตได้ว่า ในกรณีที่การสลายตัวเกิดธาตุใหม่ สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอมและเลขมวลจะ
204
เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าธาตุเดิมจะเปลี่ยนแปลงเฉพาะเลขมวล เช่น 82 Pb เมื่อแผ่รังสีแอลฟา สามารถ
เขียนสมการแสดงการสลายตัวได้ดังนี้
204
82 Pb
200
4
80 Hg + He
2
จากสมการสังเกตเห็นว่าผลรวมของเลขมวลและเลขอะตอมด้านซ้ายเท่ากับด้านขวา
4. ให้ นัก เรี ย นพิ จ ารณาอั ต ราส่ ว นของจำ � นวนนิ ว ตรอนต่ อ จำ � นวนโปรตอนของไอโซโทปที่
เสถียรกับไอโซโทปกัมมันตรังสีชนิดต่าง ๆ เช่น 126 C กับ 146 C และ 54 60 23
27 Co กับ 27 Co และ
11 Na กับ
24
11 Na แล้วเปรียบเทียบอัตราส่วนระหว่างนิวตรอนกับโปรตอนแต่ละคู่ ซึง่ ควรสังเกตพบว่าไอโซโทป
กั ม มั น ตรั ง สี มีจำ� นวนนิ ว ตรอนแตกต่ า งจากจำ � นวนโปรตอนมากหรื อ มี อัต ราส่ ว นของนิ ว ตรอนต่ อ
โปรตอนมากกว่า 1 ทัง้ นีค
้ รูใช้รป
ู 2.33 ประกอบการอธิบาย
5. ครูตง้ั คำ�ถามว่า ไอโซโทปกัมมันตรังสี เช่น 226 28
88 Ra 13 Al หรือ
99
52 Te เมือ
่ สลายตัวแล้ว
ไอโซโทปทัง้ 3 ชนิดนีส
้ ลายตัวให้รงั สีชนิดใด และสัญลักษณ์นวิ เคลียร์ดงั กล่าวเปลีย
่ นแปลงอย่างไรบ้าง
226
โดยพิจารณารูป 2.32 ประกอบ ซึง่ ควรได้ค�ำ ตอบว่า Ra อาจแผ่
88 รงั สีแอลฟาเพราะมีมวลอะตอม
28
มากและเมื่อเทียบกับเขตเสถียรภาพแล้วอยู่ในช่วงที่แผ่รังสีแอลฟา สำ�หรับ 13 Al แผ่รังสีบีตา
เพราะสัดส่วนของนิวตรอนต่อโปรตอนมีมากเกินไปและเมื่อเทียบกับเขตเสถียรภาพแล้วอยู่ในช่วงที่
99
แผ่บต
ี า ส่วน 52Te แผ่รงั สีแกมมาซึง่ มีพลังงานสูงมากและไม่เสถียรและเมือ
่ สลายตัวแล้วได้ไอโซโทป
เดิม
6. ครูให้นก
ั เรียนตอบคำ�ถามตรวจสอบความเข้าใจและช่วยกันเฉลย โดยครูคอยชีแ
้ นะ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
117
ตรวจสอบความเข้าใจ
204 210
1. ปัจจัยใดที่ทำ�ให้ 82 Pb มีแนวโน้มในการแผ่รังสีแอลฟาในขณะที่ 82 Pb มีแนวโน้มใน
การแผ่รงั สีบต
ี า
204
82 Pb มีแนวโน้มในการแผ่รงั สีแอลฟาเนือ
่ งจากมีเลขอะตอมสูง
สำ�หรับ 210
82 Pb ซึง
่ มีเลขอะตอมสูงเช่นกัน แต่ถา้ พิจารณาสัดส่วนนิวตรอนต่อโปรตอนแล้ว
พบว่ามีคา่ มาก จึงมีแนวโน้มในการลดจำ�นวนนิวตรอนทำ�ให้แผ่รงั สีบต
ี า (ถ้าดูรป
ู 2.32 พบว่า
อยูส
่ ว่ นบนของแถบเสถียรภาพ)
2. นักเรียนคิดว่า 146C มีแนวโน้มในการแผ่รงั สีชนิดใด เพราะเหตุใด
14
6 C มีสด
ั ส่วนนิวตรอนต่อโปรตอนสูง จึงมีแนวโน้มในการลดจำ�นวนนิวตรอน ทำ�ให้แผ่รงั สี
บีตา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
118
ตรวจสอบความเข้าใจ
1. เมือ
่ Na-24 สลายตัวจนเหลือครึง่ หนึง่ ของปริมาณเดิม ปริมาณเนือ
้ สารทัง้ หมดควรลดลง
เหลือครึง่ หนึง่ ของปริมาณเดิมหรือไม่ เพราะเหตุใด
มวล Na-24 จะหายไป แต่ปริมาณเนือ
้ สารทัง้ หมดไม่ได้หายไป เพียง Na-24 เปลีย
่ นแปลงไป
เป็นอีกไอโซโทปหนึง่ เช่น Mg-24
2. ถ้าผ่านไป 60 ชัว่ โมง จากจุดเริม
่ ต้น จะเหลือ Na-24 อยูร่ อ
้ ยละเท่าใด
Na-24 มีครึง่ ชีวต
ิ 15 ชัว่ โมง ดังนัน
้ เมือ
่ เวลาผ่านไป 60 ชัว่ โมง (4 ครึง่ ชีวต
ิ )
จึงเหลือ Na-24 6.25% ของปริมาณเดิม
1
0 n + 235
92 U
141 92
Ba +
56
1
36 Kr + 30 n + พลังงาน
จากนั้นครูถามนักเรียนว่าปฏิกิริยาเคมีกับปฏิกิริยานิวเคลียร์แตกต่างกันอย่างไร ซึ่ง
นักเรียนอาจตอบว่า ให้พลังงานเหมือนกัน ปฏิกริ ย
ิ าเคมีไม่มรี งั สีเกิดขึน
้ จากนัน
้ ครูให้ความรูว้ า่ ปฏิกริ ย
ิ า
เคมีกับปฏิกิริยานิวเคลียร์แตกต่างกัน โดยการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเกี่ยวข้องกับเวเลนซ์อิเล็กตรอน
และจำ�นวนอะตอมของธาตุแต่ละชนิดทั้งก่อนและหลังการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเท่ากัน ส่วนปฏิกิริยา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
119
ชวนคิด
สัญลักษณ์ดงั กล่าวบนฉลากอาหาร
มีความหมายว่าอะไร
เป็นอาหารที่ผ่านการฉายรังสี
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับธาตุกัมมันตรังสี ไอโซโทปกัมมันตรังสี ชนิดของรังสีและสมบัติ สมการ
นิวเคลียร์ ครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี อันตรายและประโยชน์ของไอโซโทปกัมมันตรังสี จาก
การทำ�กิจกรรม การอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการใช้จำ�นวน การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหา ความร่วมมือการทำ�
งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ�จากการทำ�กิจกรรม
3. จิตวิทยาศาสตร์ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณและความรอบคอบ จากการสังเกต
พฤติกรรมขณะทำ�กิจกรรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
120
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านการเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์และคุณธรรมและจริยธรรมที่เกี่ยวข้อง
กับวิทยาศาสตร์ จากการอภิปรายเกี่ยวกับการนำ�ธาตุและไอโซโทปกัมมันตรังสีไปใช้ประโยชน์
แบบฝึกหัด 2.6
1. จงเขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของอนุภาคต่อไปนี้
1.1. อนุภาคแอลฟา
4
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ 2 He
1.2. อนุภาคบีตา
0
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ -1 e
1.3. อนุภาคโพซิตรอน
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ +10e
3. จงเขียนสมการต่อไปนี้ให้สมบูรณ์
27 27 0
3.1 14 Si ...... Al....... +
13 +1 e
66 66
3.2 29 Cu 30 Zn + ...... e.........
0
-1
3.3 27
13 Al + 42 He 30
14 Si + ...... H........
1
1
4. ไอโอดีน-131 มีครึง่ ชีวต
ิ 8 วัน จำ�นวน 10 g เมือ
่ เวลาผ่านไปกีว่ น
ั จึงจะมีไอโอดีน-131
เหลือ 2.5 g
8 วัน 8 วัน
ไอโอดีน -131 ไอโอดีน -131 ไอโอดีน -131
10 g 5.0 g 2.5 g
ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมด 16 วัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
121
5. เขียนแผนภาพเวนน์เพื่อเปรียบเทียบฟิวชันและฟิชชัน
ฟิชชัน ฟิวชัน
ไอโซโทปที่มีมวลมาก ไอโซโทปเบารวมตัวกัน
แตกออกเป็นไอโซโทปใหม่ ให้พลังงาน เกิดเป็นไอโซโทปใหม่ที่
ที่มีมวลลดลง มีมวลเพิ่มขึ้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
122
2.7 การนำ�ธาตุไปใช้ประโยชน์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จุดประสงค์การเรียนรู้
สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่างการนำ�ธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่ง
แวดล้อม
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
ธาตุประเภทโลหะหนักมีแต่โทษ ธาตุทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษ
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ให้นักเรียนยกตัวอย่างธาตุและการนำ�ธาตุนั้นไปใช้ประโยชน์ แล้วใช้คำ�ถามต่อว่า เพราะ
เหตุใดจึงนำ�ธาตุไปใช้ประโยชน์ได้ต่างกัน คำ�ตอบคือ การนำ�ธาตุไปใช้ประโยชน์พิจารณาจากสมบัติ
ของธาตุนั้น ๆ โดยธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติเฉพาะตัวและแตกต่างจากธาตุอื่น ๆ จึงใช้ประโยชน์ได้ต่าง
กัน
2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรม 2.6
กิจกรรม 2. 6 ตามล่าหาธาตุ
จุดประสงค์ของกิจกรรม
เพื่อให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับชื่อธาตุและประโยชน์ของธาตุแต่ละชนิด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
123
การเตรียมล่วงหน้า
1. สำ�เนาใบกิจกรรมให้กับนักเรียนกลุ่มละ 1 ใบ หรือให้ทุกคนตามความเหมาะสม
2. เตรียมแหล่งสืบค้นข้อมูล
ใบกิจกรรม ตามล่าหาธาตุ
1 I 2 3 4
5 R
O
6 7 8 N
9
11 12
10 13
15
14 16 17
18 19
21
20
22
23 24
25
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
124
ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
การสะกดชื่อธาตุให้ยึดตาม IUPAC เช่น sulfur ไม่ใช่ sulphur หรือ aluminium
ไม่ใช่ aluminum
ผลการทำ�กิจกรรม
เมื่อนักเรียนเติมชื่อธาตุเป็นภาษาอังกฤษลงในตารางแล้ว ควรเป็นดังนี้
ใบกิจกรรม ตามล่าหาธาตุ
i1 2
c 3h l o r i 4n e
5
s u l f u r y i
o d c
6 c 7a r b 8o n r k
l x 9g o l d e
u y g l
11m a n g a n e s e m
12
l10 i e n i t r
13 o g e n
e n n r
a i 15c c
14s o d i u m 16
p 17m a g n e s i u m
i m h l r
l 18f o c 19p y
v l 21
s i l i c o n
20h e l i u m p u t
r o h m a
r o s
22 t i r s
23 i o d i n e u 24z i n c
n e s u
25
b r o m i n e
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
125
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
ธาตุแต่ละชนิดนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน
3. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นยกตั ว อย่ า งชื่ อ ธาตุ และผลกระทบของธาตุ ต่ อ สิ่ ง มี ชี วิ ต และสิ่ ง แวดล้ อ ม
และถามต่ออีกว่าผลกระทบของธาตุเกิดจากสิ่งใดได้บ้าง คำ�ตอบคือตัวธาตุและกระบวนการที่มนุษย์
นำ�ธาตุไปใช้ประโยชน์
4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�กิจกรรม 2.7 เพื่อสืบค้นข้อมูลผลกระทบของธาตุต่อสิ่งมีชีวิต
และสิ่งแวดล้อม โดยแต่ละกลุ่มไม่ควรซ้ำ�กัน (อาจแบ่งธาตุตามหมู่) นำ�ข้อมูลที่สืบค้นได้มาเสนอและ
อภิปรายร่วมกัน
จุดประสงค์ของกิจกรรม
1. สืบค้นข้อมูลการนำ�ธาตุไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
2. นำ�เสนอข้อมูลการสืบค้นโดยวิธีการสร้างสรรค์และน่าสนใจ
การเตรียมล่วงหน้า
เตรียมแหล่งสืบค้นข้อมูล
ผลการทำ�กิจกรรม
ผลการทำ�กิจกรรมขึ้นกับธาตุที่นักเรียนสืบค้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
126
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
ธาตุแต่ละชนิดนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน ซึ่งการนำ�ธาตุไปใช้อาจทำ�ให้เกิด
ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับการนำ�ธาตุมาใช้ประโยชน์ตามสมบัติของธาตุและผลกระทบที่มีต่อสิ่งมี
ชีวิตและสิ่งแวดล้อม จากการทำ�กิจกรรม และการทดสอบ
2. ทักษะการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อจากผลการสืบค้นข้อมูล
3. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา และความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีม
และภาวะผู้นำ�จากการทำ�กิจกรรม
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความอยากรู้อยากเห็น ความใจกว้าง ความมุ่งมั่นอดทน จากการ
สังเกตพฤติกรรมในการทำ�กิจกรรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
127
แบบฝึกหัด 2.7
จากสถานการณ์ดังรูป จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1. แต่ละโรงงานใช้ประโยชน์จากธาตุหรือสารประกอบของธาตุใด
- โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ใช้ประโยชน์จากไอโซโทปกัมมันตรังสี เช่น U–239
- โรงงานผลิ ต ปู น ซี เ มนต์ ใช้ ป ระโยชน์ จ ากสารประกอบของธาตุ แ คลเซี ย ม
ธาตุซิลิคอน ธาตุอะลูมิเนียม
- โรงงานอุตสาหกรรมย้อมผ้า ใช้ประโยชน์จากสารประกอบของธาตุไนโตรเจน เช่น
ในสีย้อมประเภท azo dye สารประกอบของธาตุโซเดียมหรือแคลเซียมในสารฟอก
ขาว
- โรงงานผลิตถ่านไฟฉาย ใช้ประโยชน์จากสารประกอบของธาตุสังกะสี คาร์บอน
แมงกานีส คลอรีน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
128
หมายเหตุ คำ�ตอบที่ได้อาจแตกต่างกันตามข้อมูลที่สืบค้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
129
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. วาดรูปพร้อมอธิบายแบบจำ�ลองต่อไปนี้
แบบจำ�ลอง รูปแบบจำ�ลอง คำ�อธิบาย
-
ทอมสัน
- + - +- เป็นรูปทรงกลมประกอบด้วยเนื้ออะตอม
-+ + - + - ซึ่ ง มี ป ระจุ บ วกและมี อิ เ ล็ ก ตรอนซึ่ ง มี
-
- - +- - ประจุลบกระจายอยู่ทั่วไป
อะตอมประกอบด้วยนิวเคลียสที่มีขนาด
รัทเทอร์ฟอร์ด เล็กมากอยู่ภายในและมีประจุไฟฟ้าเป็น
บวก โดยมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่อยู่รอบ ๆ
ดวงอาทิตย์ แต่ละวงจะมีระดับพลังงาน
เฉพาะตัว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
130
c
ν =
λ
8 -1
= 300 × 10 ms
300 × 10-9 m
E = hν
= 6.626 × 10-34 Js × 1.00 × 1015 s-1
= 6.626 × 10-19 J
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
131
3. กำ�หนดข้อมูลเส้นสเปกตรัม เป็นดังนี้
A B C D
λ น้อย λ มาก
จากข้อมูลการคายพลังงานของอิเล็กตรอนที่กำ�หนด จงระบุว่าสเปกตรัมเส้นใดคือ
สเปกตรัม A B C และ D ตามลำ�ดับ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
132
4. พิจารณาสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุสมมติต่อไปนี้
126 A 136 B 146 C 14
7 D และ 168 E
4.1 ธาตุใดเป็นไอโซโทปกัน
12
6 A 136 B 146 C เนื่องจากมีจำ�นวนโปรตอนเท่ากันคือ 6
4.2 ธาตุใดมีจำ�นวนนิวตรอนเท่ากัน
13
6B 147 D มีจำ�นวนนิวตรอนเท่ากันคือ 7
14 16
6 C 8 E มีจำ�นวนนิวตรอนเท่ากันคือ 8
5. ไอโซโทปของธาตุชนิดหนึ่งมีประจุในนิวเคลียสเป็น 3 เท่าของประจุในนิวเคลียสของ
ไฮโดรเจนและมีเลขมวลเป็น 7 เท่าของเลขมวลไฮโดรเจน ระบุจำ�นวนโปรตอน นิวตรอน
และอิเล็กตรอนของไอโซโทปของธาตุนี้
เนื่องจากในนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนประกอบด้วย1โปรตอนแต่ไม่มีนิวตรอน
เลขมวลของไฮโดรเจนจึงเท่ากับ 1 และประจุในนิวเคลียสเท่ากับ +1
คำ�ถามกำ�หนดให้ธาตุชนิดนี้มีประจุในนิวเคลียสเป็น 3 เท่าของไฮโดรเจน
จึงมี 3 โปรตอน
มีเลขมวลเป็น 7 เท่า แสดงว่ามีจำ�นวนโปรตอนรวมกับนิวตรอนเท่ากับ 7
ธาตุนี้จึงมีจำ�นวนนิวตรอน = 7 – 3 = 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
133
7. กำ�หนดเลขอะตอมของ Mg = 12 Cl = 17 Ar = 18 K = 19 Ni = 28 จงเขียนการ
จัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่อยของ K Ar Mg2+ Cl- Ni และ Ni+
K จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p63s23p64s1
Ar จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p63s23p6
Mg2+ จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p6
Cl- จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p63s23p6
Ni จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p63s23p64s23d8
หรือ 1s22s22p63s23p63d84s2
Ni+ จัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p63s23p64s13d8
หรือ 1s22s22p63s23p63d84s1
8.2 ธาตุที่มีเลขอะตอมเท่าใดจัดอยู่ในกลุ่มของแก๊สมีสกุล
ธาตุที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 36 มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 2 8 18 8 ซึ่งอยู่ในหมู่
18 หรือ VIIIA จึงเป็นแก๊สมีสกุล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
134
9. จากการทดลองของมิลลิแกน ถ้าพบว่าหยดน้ำ�มันที่ลอยนิ่งหยดหนึ่งมีค่าประจุเท่ากับ
-19
4.8 × 10 คูลอมบ์ หยดน้ำ�มันนี้มีอิเล็กตรอนเกาะอยู่จำ�นวนเท่าใด
จากการทดลองของมิลลิแกน ค่าประจุไฟฟ้าที่แฝงอยู่บนหยดน้ำ�มันของ 1 อิเล็กตรอน
คือ 1.6 × 10-19 คูลอมบ์
หยดน้ำ�มันที่ลอยนิ่งซึ่งมีประจุเท่ากับ 4.8 x 10-19 คูลอมบ์
1 e-
จำ�นวนอิเล็กตรอนที่เกาะอยู่ = 4.8 × 10-19coulomb ×
1.6 × 10-19 coulomb
= 3.0 e-
10.1 ธาตุใดมีแนวโน้มสูงสุดที่จะเกิดเป็นไอออนซึ่งมีประจุ +1
จากค่ า IEสามารถระบุ จำ � นวนอิ เ ล็ ก ตรอนในระดั บ พลั ง งานชั้ น นอกสุ ด ของ
แต่ละธาตุได้ดังนี้
ธาตุ A มีจำ�นวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานชั้นนอกสุด 1 อิเล็กตรอน
ธาตุ B มีจำ�นวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานชั้นนอกสุด 2 อิเล็กตรอน
ธาตุ C มีจำ�นวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานชั้นนอกสุด 2 อิเล็กตรอน
ธาตุ D มีจำ�นวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานชั้นนอกสุด 3 อิเล็กตรอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
135
10.2 ธาตุใดน่าจะมีจำ�นวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน
ธาตุ B และ C มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน คือ 2
11.2 พลังงานไอออไนเซชันลำ�ดับที่ 1
พลังงานไอออไนเซชันลำ�ดับที่ 1 ของธาตุ X มีค่าน้อยกว่าธาตุ Y เนื่องจากแรงดึงดูด
ระหว่างโปรตอนในนิวเคลียสกับอิเล็กตรอนนอกสุดของธาตุ X น้อยกว่าธาตุ Y
อิเล็กตรอนนอกสุดของธาตุ X จึงหลุดจากอะตอมได้ง่ายกว่า
เมือ
่ พิจารณาการจัดเรียงอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสของทัง้ 2 ธาตุ พบว่าเวเลนซ์อเิ ล็กตรอน
ของ He อยูใ่ นระดับพลังงานที่ n = 1 ซึง่ ใกล้นวิ เคลียสมากกว่าเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนของ
K ซึ่งอยู่ในระดับพลังงานที่ n = 4 แรงดึงดูดระหว่างนิวเคลียสกับเวเลนซ์อิเล็กตรอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
136
ซึ่งเมื่อพิจารณาขนาดอะตอมแล้วพบว่า K มีขนาดเล็กสุดจึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
เวเลนซ์อิเล็กตรอนกับนิวเคลียสมากที่สุด ค่า IE1 จึงมากที่สุด ส่วน Cs มีขนาดใหญ่
สุดจึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเวเลนซ์อิเล็กตรอนกับนิวเคลียสน้อยที่สุด ค่า IE1 จึง
น้อยที่สุด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
137
15. จงเขียนสมการต่อไปนี้ให้สมบูรณ์
15.1 13
4
C 124 C + 1
0
n
15.2 11
6
Ac
115 Ac + +10 e
15.3 226
89
Ac
222
87
Fr + 42 He
a ชั่วโมง a ชั่วโมง
20.0 g 10.0 g 5.0 g
มวลไอโซโทปเริ่มต้น
a ชั่วโมง
a ชั่วโมง
2.5 g 1.25 g
จะเห็นว่า 4a = 2 ชั่วโมง
a = 0.5 ชั่วโมง หรือ 30 นาที
ดังนั้นครึ่งชีวิตของไอโซโทปนี้เท่ากับ 0.5 ชั่วโมง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ เคมีเล่ม 1
138
30 วัน 30 วัน
a a
ag g g
2 4
มวลไอโซโทปเริ่มต้น 30 วัน
30 วัน
a a
g g
8 16
a
จะได้ว่า g = 300 g
16
a = 16 × 300 g
= 4.8 × 103 g
ดังนั้นเมื่อเริ่มทดลองมี Cs-137 อยู่ 4.8 × 103 กรัม หรือ 4.8 กิโลกรัม
232
90
Th 228
88
Ra + 42 He
214
82
Pb X + β
Y + β
Z + α
X Y และ Z มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์เป็นอย่างไร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมีเล่ม 1 บทที่ 2 | อะตอมและสมบัติของธาตุ
139
214
สลายตัวขั้นที่ 1 82
Pb 214
83
X + β
เขียนสมการนิวเคลียร์ได้ดังนี้ 214
82
Pb 214
83
Bi + -10 e
สลายตัวขั้นที่ 2 214
83
Bi 214
84
Y + β
เขียนสมการนิวเคลียร์ได้ดังนี้ 214
83
Bi 214
84
Po + -10 e
สลายตัวขั้นที่ 3 214
84
Po 210
82
Z + α
เขียนสมการนิวเคลียร์ได้ดังนี้ 214
84
Po 210
82
Pb + 42 He
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
140
บทที่ 3
พันธะเคมี
ipst.me/7704
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดไอออนและการเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุด
ของลิวอิส
2. เขียนสูตรและเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก
3. คำ�นวณพลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวัฏจักรบอร์น-
ฮาเบอร์
4. อธิบายสมบัติของสารประกอบไอออนิก
5. เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิก
6. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม ด้วยโครงสร้าง
ลิวอิส
7. เขียนสูตรและเรียกชื่อสารโคเวเลนต์
8. วิเคราะห์และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์รวมทั้ง
คำ�นวณพลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ
9. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์
และระบุสภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
10. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว
จุดเดือด และการละลายน้ำ�ของสารโคเวเลนต์
11. สืบค้นข้อมูลและอธิบายสมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายชนิดต่าง ๆ
12. อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบัติของโลหะ
13. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ
สืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และ
โลหะ ได้อย่างเหมาะสม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
141
การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เขียนสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสของธาตุและไอออน และระบุได้ว่าธาตุหรือไอออนนั้น
เป็นไปตามกฎออกเตต
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดไอออนและการเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุด
ของลิวอิส
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดไอออนและการเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุด
ของลิวอิส
2. อธิบายโครงสร้างของสารประกอบไอออนิก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
142
ผลการเรียนรู้
2. เขียนสูตรและเรียกชือ
่ สารประกอบไอออนิก
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เขียนสูตรและเรียกชือ
่ สารประกอบไอออนิก
ผลการเรียนรู้
3. คำ�นวณพลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวัฏจักรบอร์น-
ฮาเบอร์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. คำ�นวณพลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวัฏจักรบอร์น-
ฮาเบอร์
ผลการเรียนรู้
4. อธิบายสมบัตข
ิ องสารประกอบไอออนิก
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายสมบัตบ
ิ างประการของสารประกอบไอออนิก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
143
ผลการเรียนรู้
5. เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิของปฏิกริ ย
ิ าของสารประกอบไอออนิก
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิของปฏิกริ ย
ิ าของสารประกอบไอออนิก
ผลการเรียนรู้
6. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดีย
่ ว พันธะคู่ และพันธะสาม ด้วยโครงสร้าง
ลิวอิส
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดีย
่ ว พันธะคู่ และพันธะสาม ด้วยโครงสร้าง
ลิวอิส
ผลการเรียนรู้
7. เขียนสูตรและเรียกชือ
่ สารโคเวเลนต์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เขียนสูตรและเรียกชือ
่ สารโคเวเลนต์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
144
ผลการเรียนรู้
8. วิเคราะห์และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทั้ง
คำ�นวณพลังงานทีเ่ กีย
่ วข้องกับปฏิกริ ย
ิ าของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วิเคราะห์และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์
2. คำ�นวณพลังงานทีเ่ กีย
่ วข้องกับปฏิกริ ย
ิ าของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ
ผลการเรียนรู้
9. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคูอ
่ เิ ล็กตรอนในวงเวเลนซ์
และระบุสภาพขัว้ ของโมเลกุลโคเวเลนต์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคูอ
่ เิ ล็กตรอนในวงเวเลนซ์
2. เขียนแสดงทิศทางขั้วพันธะและทิศทางขั้วของโมเลกุล รวมทั้งระบุสภาพขั้วของโมเลกุล
โคเวเลนต์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
145
ผลการเรียนรู้
10.ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว
จุดเดือด และการละลายน้ำ�ของสารโคเวเลนต์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว
จุดเดือด และการละลายน้�ำ ของสารโคเวเลนต์
ผลการเรียนรู้
11.สืบค้นข้อมูลและอธิบายสมบัตข
ิ องสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายชนิดต่าง ๆ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูล อธิบายสมบัติ และนำ�เสนอตัวอย่างของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายชนิด
ต่าง ๆ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
146
ผลการเรียนรู้
12. อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบัติของโลหะ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบัตข
ิ องโลหะ
ตัวชี้วัด
13. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ
สืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์
และโลหะ ได้อย่างเหมาะสม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ
2. สืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์
และโลหะ ได้อย่างเหมาะสม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
147
ผังมโนทัศน์
บทที่ 3 พันธะเคมี
สัญลักษณ์แบบจุดของ กฎออกเตต
เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน
ลิวอิส
แบบจำ�ลอง
สมการไอออนิก และ
พันธะเคมี ทะเลอิเล็กตรอน
สมการไอออนิกสุทธิ
พันธะโคเวเลนต์
สารประกอบไอออนิก
• ผิวมันวาว
• ตีเป็นแผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้
• จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
สารโคเวเลนต์
• นำ�ความร้อนและนำ�ไฟฟ้าได้ดี
สูตรของ
สารประกอบ
วัฏจักร แรงยึดเหนีย
่ ว
บอร์น-ฮาเบอร์ ระหว่างโมเลกุล
สูตร
โมเลกุล
• ผลึกเป็นของแข็งเปราะ
• แรงแผ่กระจายลอนดอน
• จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
• แรงระหว่างขัว้
• ละลายน้�ำ ได้
• พันธะไฮโดรเจน
• ไม่น�ำ ไฟฟ้าเมือ
่ เป็นของแข็ง แต่
นำ�ไฟฟ้าได้เมือ
่ หลอมเหลว หรือ
ละลายในน้�ำ
โมเลกุล โมเลกุล • จุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่�ำ
ไม่มข
ี ว้ั มีขว้ั • ไม่ละลายน้�ำ
• ไม่น�ำ ไฟฟ้า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
148
สาระสำ�คัญ
เวลาที่ใช้
บทนี้ควรใช้เวลาสอนประมาณ 25 ชั่วโมง
3.1 สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสและกฎออกเตต 1 ชั่วโมง
3.2 พันธะไอออนิก 9 ชั่วโมง
3.3 พันธะโคเวเลนต์ 11 ชั่วโมง
3.4 พันธะโลหะ 2 ชั่วโมง
3.5 การใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ 2 ชั่วโมง
ความรู้ก่อนเรียน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
149
ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน
1. จับคู่การจัดเรียงอิเล็กตรอนของอะตอมและไอออนที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้
…ข… 1.1 P ก. 1s22s22p6
…ง… 1.2 K ข. [Ne]3s23p3
…ค… 1.3 I- ค. [Kr]5s24d105p6
…จ… 1.4 Cl- ง. [Ne]3s23p64s1
…ก… 1.5 Al3+ จ. [Ne]3s23p6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
150
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
151
3.1 สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสและกฎออกเตต
จุดประสงค์การเรียนรู้
เขียนสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสของธาตุและไอออน และระบุได้วา่ ธาตุหรือไอออนนัน
้ เป็นไป
ตามกฎออกเตต
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
จุ ด ในสั ญ ลั ก ษณ์ แ บบจุ ด ของลิ ว อิ ส แสดง จุ ด ในสั ญ ลั ก ษณ์ แ บบจุ ด ของลิ ว อิ ส แสดง
อิเล็กตรอนทั้งหมด เช่น Na มีอิเล็กตรอน เฉพาะเวเลนซ์อิเล็กตรอน เช่น Na มี 1
ทั้งหมด 1 อิเล็กตรอน เวเลนซ์อิเล็กตรอน
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นก
ั เรียนยกตัวอย่างสูตรเคมีของสารต่าง ๆ ทีน
่ ก
ั เรียนรูจ
้ ก
ั ทัง้ นีส
้ ารทีย
่ กตัวอย่างควรมี
ทัง้ ธาตุ สารประกอบ และธาตุหมู่ VIIIA หรือแก๊สมีสกุล เช่น O2 CO2 H2O NaCl He แล้วตัง้ คำ�ถามว่า
สูตรเคมีของสารทีย
่ กตัวอย่างมาส่วนใหญ่ประกอบด้วยธาตุเพียง 1 อะตอม หรือมากกว่า 1 อะตอม ซึง่
ควรได้ค�ำ ตอบว่า สารส่วนใหญ่ประกอบด้วยธาตุมากกว่า 1 อะตอม จากนัน
้ เชือ
่ มโยงเข้าสูค
่ วามหมาย
ของพันธะเคมีวา่ เป็นการยึดเหนีย
่ วกันของอะตอมหรือไอออนในสาร
2. ครูใช้ค�ำ ถามทบทวนความรูเ้ ดิมว่า ธาตุหมู่ VIIIA หรือแก๊สมีสกุล เช่น He Ne ซึง่ อยูใ่ น
รูปอะตอมเดีย
่ วมีจ�ำ นวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนเป็นเท่าใด และบรรจุเต็มออร์บท
ิ ล
ั ในระดับพลังงานหลัก
หรือไม่ ซึง่ ควรได้ค�ำ ตอบว่า He มี 2 เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน Ne มี 8 เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน และเต็มออร์บท
ิ ล
ั
ในระดับพลังงานหลัก ทำ�ให้อะตอมแก๊สมีสกุลมีความเสถียร
3. ครูให้นก
ั เรียนพิจารณารูป 3.1 แล้วอธิบายว่า จุดในสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสแสดงเวเลนซ์
อิเล็กตรอน เช่น He มี 2 จุด แสดงว่ามี 2 เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน Na มี 1 จุด แสดงว่ามี 1 เวเลนซ์
อิเล็กตรอน จากนัน
้ อธิบายวิธก
ี ารเขียนสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสโดยเขียนจุดเดีย
่ วทัง้ 4 ด้านรอบ
สัญลักษณ์ของธาตุกอ
่ น แล้วจึงเติมจุดให้เป็นคู่
4. ครูให้นก
ั เรียนพิจารณาสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสของ Na และ Cl แล้วตัง้ คำ�ถามว่า ถ้า
จะทำ�ให้จำ�นวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุท้งั สองเท่ากับของอะตอมแก๊สมีสกุลซึ่งเสถียรจะทำ�ได้ง่าย
ทีส
่ ด
ุ อย่างไร และจะได้จ�ำ นวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนเท่ากับแก๊สมีสกุลใด ซึง่ ควรได้ค�ำ ตอบว่า Na ให้ 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
152
ตรวจสอบความเข้าใจ
1. เขียนสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสของไอออน Ca²
+
[ Ca ]2+
2. สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสของธาตุสมมติตอ
่ ไปนี
้ X เป็นของธาตุหมูใ่ ด
หมู่ VIA
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย
่ วกับพันธะเคมี สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส และกฎออกเตต จากการอภิปราย
การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
153
3.2 พันธะไอออนิก
3.2.1 การเกิดพันธะไอออนิก
3.2.2 สูตรเคมีและชื่อของสารประกอบไอออนิก
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดไอออนและการเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุด
ของลิวอิส
2. อธิบายโครงสร้างของสารประกอบไอออนิก
3. เขียนสูตรและเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
แบบจำ�ลองหรือภาพโครงผลึกของสารประกอบไอออนิก
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูยกตัวอย่างสูตรเคมีของสารประกอบไอออนิก เช่น NaCl CaF₂ KI แล้วตัง้ คำ�ถามว่า
สารทีย
่ กตัวอย่างประกอบด้วยธาตุองค์ประกอบชนิดใด ซึง่ ควรได้ค�ำ ตอบว่า ประกอบด้วยธาตุโลหะ
กับธาตุอโลหะ จากนัน
้ ครูอธิบายว่า ธาตุโลหะมีพลังงานไอออไนเซชันต่�
ำ จึงเสียอิเล็กตรอนเกิดเป็น
ไอออนบวกได้งา่ ย ส่วนธาตุอโลหะมีคา่ สัมพรรคภาพอิเล็กตรอนสูง จึงรับอิเล็กตรอนเกิดเป็นไอออนลบ
ไอออนบวกและไอออนลบมีประจุไฟฟ้าต่างกันจึงยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงดึงดูดระหว่างประจุไฟฟ้า
เรียกการยึดเหนีย
่ วนีว้ า่ พันธะไอออนิก และเรียกสารทีเ่ กิดจากพันธะไอออนิกว่า สารประกอบไอออนิก
2. ครูอธิบายการเกิดพันธะไอออนิกโดยเริ่มจากเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอน แบบจำ�ลอง
อะตอมของโบร์ และสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสของ Na และ Na+ แล้วให้นักเรียนพิจารณา
สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสของ Na พบว่ามี 1 จุด และเมือ
่ เสียอิเล็กตรอน สัญลักษณ์แบบจุดของ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
154
ตรวจสอบความเข้าใจ
เขียนแผนภาพแสดงการให้และรับอิเล็กตรอนของอะตอมธาตุในการเกิดสารประกอบ
แมกนีเซียมฟลูออไรด์ (MgF₂) โดยใช้แบบจำ�ลองอะตอมของโบร์และสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส
[ F ] [ Mg ]² [ F ]-
- +
F + Mg + F MgF₂
6. ครู แ ละนั ก เรี ย นอภิ ป รายร่ ว มกัน เกี่ ย วกั บ โครงสร้ า งของสารประกอบไอออนิก โดยให้
นั ก เรี ย นพิ จ ารณาจากแบบจำ � ลองหรื อ ภาพโครงผลึ ก ของสารในรู ป 3.2 เพื่ อ ให้ ไ ด้ ข้ อ สรุ ป ว่ า
สารประกอบไอออนิกในสถานะของแข็งอยู่ในรูปผลึกที่มีไอออนบวกและไอออนลบยึดเหนี่ยวกันด้วย
พันธะไอออนิกอย่างต่อเนือ
่ งกันไปทัง้ สามมิตเิ ป็นโครงผลึก และไม่อยูใ่ นรูปโมเลกุล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
155
7. ครูให้นก
ั เรียนทำ�แบบฝึกหัด 3.1 เพือ
่ ทบทวนความรู้
8. ครูน�ำ เข้าสูก
่ ารศึกษาเรือ
่ งสูตรเคมีของสารประกอบไอออนิกโดยให้นก
ั เรียนพิจารณาตาราง
3.1 แล้วตัง้ คำ�ถามว่า ประจุของไอออนสัมพันธ์กบ
ั เลขหมูข
่ องธาตุในตารางธาตุหรือไม่ อย่างไร ซึง่ ควร
ได้ค�ำ ตอบว่า ประจุของไอออนมีความสัมพันธ์กบ
ั เลขหมูข
่ องธาตุ โดยธาตุหมู่ IA IIA และ IIIA เมือ
่
เป็นไอออนจะเป็นไอออนบวกทีม
่ ป
ี ระจุตามเลขหมู่ ส่วนธาตุหมู่ VA VIA และ VIIA เมือ
่ เป็นไอออน
จะเป็นไอออนลบทีม
่ ป
ี ระจุ X – 8 เมือ
่ X คือเลขหมูข
่ องธาตุอโลหะ
9. ครูให้นก
ั เรียนตอบคำ�ถามชวนคิด
ชวนคิด
ความรูเ้ พิม
่ เติมสำ�หรับครู
เมือ
่ ธาตุไฮโดรเจนแสดงสมบัตบ
ิ างประการคล้ายกับธาตุหมู่ VIIA ซึง่ เป็นธาตุอโลหะจะ
เกิดไอออนเป็น H- ซึง่ เมือ
่ ยึดเหนีย
่ วกับไอออนบวกของโลหะแล้วสามารถเกิดเป็นสารประกอบ
ไอออนิกได้ เช่น CaH2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
156
กิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครู
ตัวอย่างกิจกรรม 1 เรือ
่ ง อัตราส่วนการรวมตัวของไอออนในสารประกอบไอออนิก
วัสดุและอุปกรณ์
1. กระดาษแข็ง
2. ปากกาเมจิก
3. กรรไกร
วิธท
ี �ำ กิจกรรม
1. ตัดกระดาษสีและใช้ปากกาเมจิกเขียนไอออนของสารลงบนกระดาษที่ตัด โดยกำ�หนด
ลักษณะของกระดาษและไอออนดังตาราง (ไอออนละ 3 ชิน
้ )
-1 F- I-
-2 S2- O2-
-3 N3-
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
157
Na+ Ag+
+1
Cu+ Li+
+2 Ba2+ Cu2+
Al3+
+3
2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมโดยนำ�กระดาษสีที่เป็นไอออนบวกและไอออนลบต่อกันให้เกิด
เป็นรูปสี่เหลี่ยม เช่น สารประกอบที่เกิดจาก Na+ กับ S2- จะต้องใช้กระดาษที่เขียน Na+
2 แผ่น และกระดาษที่เขียน S2- 1 แผ่น
Na+
S2-
+
Na
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ผลรวมของประจุไอออนบวกกับผลรวมของประจุไอออนลบเมือ
่ นำ�มารวมกันแล้วได้
เท่ากับศูนย์ เช่น สารประกอบทีเ่ กิดจาก Na+ กับ S2- จะต้องใช้กระดาษทีเ่ ขียน Na+ 2 แผ่น
และกระดาษทีเ่ ขียน S2- 1 แผ่น ทำ�ให้มผ
ี ลรวมประจุของไอออนบวกเท่ากับ +2 และผลรวม
ของไอออนลบเท่ากับ -2 เมือ ้ อัตราส่วนของจำ�นวน Na+
่ รวมประจุทง้ั สองจะได้เป็น 0 ดังนัน
ต่อ S2- เป็น 2:1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
158
Al3+ O2-
+3 -2
Al2O3
กรณีที่การไขว้ตัวเลขแล้วทำ�ให้ได้ตัวเลขห้อยที่ยังไม่เป็นอัตราส่วนอย่างต่ำ� ต้องปรับให้เป็นอัตราส่วน
อย่างต่ำ�ก่อน เช่น Ca2+ รวมกับ O2- เมื่อไขว้ตัวเลขจะได้เป็น Ca2O2 ซึ่งต้องปรับให้เป็นอัตราส่วน
อย่างต่ำ� จึงได้สูตรสารประกอบเป็น CaO
14. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
ตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
159
15. ครูอธิบายการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิกซึ่งจำ�เป็นต้องทราบชื่อของไอออนบวกและ
ไอออนลบ ดังตาราง 3.3 โดยชี้ให้เห็นว่า ชื่อของไอออนบวกเรียกตามชื่อธาตุแล้วลงท้ายด้วยคำ�ว่า
ไอออน ส่วนไอออนลบเรียกชื่อธาตุโดยเปลี่ยนท้ายเสียงเป็น ไ-ด์ (-ide) แล้วลงท้ายด้วยคำ�ว่า ไอออน
และไอออนที่เป็นกลุ่มอะตอมมีชื่อเรียกเฉพาะ ดังตาราง 3.4 โดยกลุ่มอะตอมที่เป็นไอออนบวก
ลงท้ายด้วย เ-ียม (-ium) ส่วนกลุ่มอะตอมที่เป็นไอออนลบอาจลงท้ายเสียงด้วย ไ-ด์ (-ide) ไ-ต์ (-ite)
หรือ เ-ต (-ate)
16. ครูอธิบายการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก ดังตาราง 3.5 โดยเรียกชื่อไอออนบวกแล้ว
ตามด้วยชื่อไอออนลบโดยตัดคำ�ว่า ไอออน ออก
17. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิกของธาตุโลหะที่เกิดเป็น
ไอออนบวกได้ห ลายค่ า โดยให้นักเรียนพิจารณาจากรูป 3.3 ซึ ่ง ส่ว นใหญ่ พ บในกรณีที่เป็น
สารประกอบไอออนิกของโลหะแทรนซิชัน ดังนั้นชื่อสารประกอบที่เกิดจากโลหะที่มีเลขออกซิเดชัน
มากกว่า 1 ค่า ต้องระบุตัวเลขประจุหรือเลขออกซิเดชันของไอออนโลหะนั้นเป็นเลขโรมันในวงเล็บ
โดยให้นักเรียนศึกษาการเรียกชื่อจากตาราง 3.6
18. ครูอาจให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อศึกษาสูตรเคมีและชื่อของสารประกอบไอออนิก ดัง
ตัวอย่างกิจกรรม 2 ซึ่งเป็นตัวอย่างกิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครูดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
160
กิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครู
ตัวอย่างกิจกรรม 2 เรือ
่ ง เกมสูตรเคมีและชือ
่ ของสารประกอบไอออนิก
วัสดุและอุปกรณ์
1. กระดาษแข็ง
2. ปากกาเมจิก
3. กรรไกร
วิธท
ี �ำ กิจกรรม
1. พิมพ์แบบลูกบาศก์ลงบนกระดาษแข็งและใช้ปากกาเมจิกเขียนไอออนดังรูป
Li+ Cl -
Al3+ PO43-
NH4+ CO32-
2. ตัดกระดาษตามแบบแล้วสร้างเป็นลูกบาศก์เพือ
่ แจกนักเรียนกลุม
่ ละ 1 ชุด (2 ลูกบาศก์
ตามข้อ 1)
3. ให้นก
ั เรียนโยนลูกบาศก์ 2 ลูก พร้อมกัน แล้วเขียนสูตรเคมีและชือ
่ ของสารประกอบ
ไอออนิกให้ได้มากทีส
่ ด
ุ ภายในเวลา 1 นาที
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
161
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ไอออนบวก ไอออนลบ สูตร ชื่อสารประกอบ
Li+ Cl- LiCl ลิเทียมคลอไรด์
(lithium chloride)
Li+ CO32- Li2CO3 ลิเทียมคาร์บอเนต
(lithium carbonate)
K+ O2- K2O โพแทสเซียมออกไซด์
(potassium oxide)
+ -
K OH KOH โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
(potassium hydroxide)
Ca2+ Cl- CaCl2 แคลเซียมคลอไรด์
(calcium chloride)
Ca2+ PO43- Ca3(PO4)2 แคลเซียมฟอสเฟต
(calcium phosphate)
Mg2+ O2- MgO แมกนีเซียมออกไซด์
(magnesium oxide)
Mg2+ NO3- Mg(NO3)2 แมกนีเซียมไนเทรต
(magnesium nitrate)
Al3+ OH- Al(OH)3 อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์
(aluminium hydroxide)
Al3+ PO43- AlPO4 อะลูมิเนียมฟอสเฟต
(aluminium phosphate)
NH4+ NO3- NH4NO3 แอมโมเนียมไนเทรต
(ammonium nitrate)
NH4+ CO32- (NH4)2CO3 แอมโมเนียมคาร์บอเนต
(ammonium carbonate)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
162
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย
่ วกับการเกิดไอออน การเกิดพันธะไอออนิก การเขียนแสดงการเกิดพันธะไอออนิก
โดยใช้แผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส โครงผลึกของสารประกอบไอออนิก และวิธีการ
เขียนสูตรเคมีและการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก จากการอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และการ
ทดสอบ
2. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
163
แบบฝึกหัด 3.1
1. เขียนแสดงการให้และรับอิเล็กตรอนในการเกิดสารประกอบระหว่างธาตุแต่ละคู่ต่อไปนี้
โดยใช้สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส
1.1 ลิเทียมกับคลอรีน
Li + Cl [ Li ]+ + [ Cl ]- LiCl
1.2 ซีเซียมกับกำ�มะถัน
Cs + S + Cs [ Cs ]+ + [ S ]2- + [ Cs ]+ Cs2S
1.3 แบเรียมกับไอโอดีน
I + Ba + I [ I ]- + [ Ba ]2+ + [ I ]- BaI2
1.4 แคลเซียมกับออกซิเจน
2. ระบุชนิดของไอออนในโครงสร้างผลึกของสารประกอบที่กำ�หนดให้
สารประกอบลิเทียมฟลูออไรด์ (LiF)
Li+
F-
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
164
สารประกอบแมกนีเซียมออกไซด์ (MgO)
Mg2+
O2-
สารประกอบโพแทสเซียมไอโอไดด์ (KI)
K+
I-
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
165
แบบฝึกหัด 3.2
2. เรียกชื่อสารประกอบไอออนิกต่อไปนี้
2.1 NH4CN
แอมโมเนียมไซยาไนด์ (ammonium cyanide)
2.2 Na2HPO4
โซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต (sodium hydrogen phosphate)
2.3 Al2(CO3)3
อะลูมิเนียมคาร์บอเนต (aluminium carbonate)
2.4 Ca3(PO4)2
แคลเซียมฟอสเฟต (calcium phosphate)
2.5 Fe2O3
ไอร์ออน(III)ออกไซด์ (iron(III) oxide)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
166
4. เขียนสูตรและชื่อของสารประกอบไอออนิกที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้
4.1 Pb2+ และ Pb4+ กับ Cl-
PbCl2 เลด(II)คลอไรด์ (lead(II) chloride)
PbCl4 เลด(IV)คลอไรด์ (lead(IV) chloride)
4.2 Mn และ Mn กับ O2-
2+ 4+
MnO แมงกานีส(II)ออกไซด์ (manganese(II) oxide)
MnO2 แมงกานีส(IV)ออกไซด์ (manganese(IV) oxide)
4.3 Sn2+ และ Sn4+ กับ SO42-
SnSO4 ทิน(II)ซัลเฟต (tin(II) sulfate)
Sn(SO ) 42 ทิน(IV)ซัลเฟต (tin(IV) sulfate)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
167
5. เขียนสูตรสารประกอบไอออนิกที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้
5.1 ลิเทียมคาร์บอเนต (lithium carbonate)
Li2CO3
5.2 ไอร์ออน(III)ไนเทรต (iron(III) nitrate)
Fe(NO3)3
5.3 คอปเปอร์(II)ซัลเฟต (copper(II) sulfate)
CuSO4
5.4 อะลูมิเนียมฟอสเฟต (aluminium phosphate)
AlPO4
5.5 แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ (ammonium hydroxide)
NH4OH
3.2.3 พลังงานกับการเกิดสารประกอบไอออนิก
จุดประสงค์การเรียนรู้
คำ�นวณพลังงานที่เ กี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการเกิ ดสารประกอบไอออนิ ก จากวั ฏ จั ก รบอร์ น-
ฮาเบอร์
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
วี ดิ ท ัศ น์ ห รื อ ภาพประกอบการเกิดสารประกอบโซเดี ย มคลอไรด์ จากปฏิ กิ ริ ย าระหว่ าง
โลหะโซเดียมกับแก๊สคลอรีน
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์หรือภาพประกอบการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์ จาก
ปฏิกิริยาระหว่างโลหะโซเดียมกับแก๊สคลอรีน แล้วตั้งคำ�ถามนำ�ว่า การเกิดสารประกอบโซเดียม
คลอไรด์มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานหรือไม่ อย่างไร เพื่อนำ�เข้าสู่การศึกษาเรื่องพลังงานกับการ
เกิดสารประกอบไอออนิก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
168
2. ครูให้นักเรียนดูสมการของปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์และพลังงาน
ของการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์ จากนั้นให้นักเรียนตอบคำ�ถามชวนคิด
ชวนคิด
ชวนคิด
เพราะเหตุใดพลังงานที่ใช้ในการสลายพันธะระหว่างไอออนบวกและไอออนลบใน
สารประกอบไอออนิกจึงเรียกว่า พลังงานแลตทิซ แทนที่จะเรียกว่า พลังงานพันธะ
เนื่องจากสารประกอบไอออนิกมีโครงสร้างที่ประกอบด้วยไอออนบวกและไอออนลบ
ยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะไอออนิกอย่างต่อเนื่องเป็นโครงผลึก ดังนั้นพลังงานที่ใช้ในการ
สลายพันธะจึงเป็นค่าเฉลี่ยต่อพันธะทั้งหมดในโครงผลึก ไม่ใช่เป็นของไอออนคู่ใดคู่หนึ่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
169
ตรวจสอบความเข้าใจ
ขัน
้ ตอนใดในรูป 3.4 สัมพันธ์กบ
ั พลังงานทีก
่ �ำ หนดให้ตอ
่ ไปนี้
ก. พลังงานพันธะ Cl−Cl ขัน
้ ตอน 3
ข. พลังงานแลตทิซของ NaCl ขัน
้ ตอน 5
ค. พลังงานการระเหิดของโลหะ Na ขัน
้ ตอน 1
ง. สัมพรรคภาพอิเล็กตรอนของ Cl ขัน
้ ตอน 4
จ. พลังงานไอออไนเซชันของ Na ขัน
้ ตอน 2
ชวนคิด
แผนภาพวัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ของการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์สามารถ
เขียนโดยสลับขั้นตอนให้ต่างจากรูป 3.4 ได้หรือไม่ อย่างไร
แผนภาพวัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ของการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์สามารถ
สลับขั้นตอนได้โดยเขียนขั้นที่ 3 การสลายพันธะ Cl−Cl ก่อนขั้นที่ 2 การให้อิเล็กตรอน
ของ Na ในสถานะแก๊สกลายเป็น Na+ เรียงลำ�ดับใหม่ได้เป็นขั้นที่ 1 3 2 4 5 ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
170
Na+(g) + Cl(g) + e-
2 +496 kJ
4 -349 kJ
Na(g) + Cl(g)
Na+(g) + Cl-(g)
1 (g)
Na(g) + Cl 3 +121 kJ
พลังงาน
2 2
1 (g)
Na(g) + Cl 5 -787 kJ
1 +107 kJ
2 2
-412 kJ
NaCl(s)
หรือสลับลำ�ดับเป็นขั้นที่ 3 1 2 4 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
171
พลังงานการระเหิดของ Ca 178
สัมพรรคภาพอิเล็กตรอนของ Cl 349
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับวิธีการคำ�นวณพลังงานรวมของปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิก
และการเขียนแผนภาพวัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ จากการอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการใช้จำ�นวณ จากการทำ�แบบฝึกหัด
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณจากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
172
แบบฝึกหัด 3.3
1. ปฏิกิริยาในข้อใดใช้พลังงานเท่ากับพลังงานแลตทิซของสารประกอบลิเทียมฟลูออไรด์
(LiF)
ก. LiF(s) Li(g) + F(g)
ข. LiF(s) 1 (g)
Li(g) + F
2 2
ปฏิกิริยาในข้อ ค.
2. กำ�หนดค่าพลังงานที่เกี่ยวข้องกับซีเชียมและฟลูออรีนดังนี้
สัมพรรคภาพอิเล็กตรอนของ F 328
พลังงานการระเหิดของ Cs 76
พลังงานพันธะของ F2 159
จากข้อมูล ตอบคำ�ถามต่อไปนี้
2.1 เขียนสมการของปฏิกิริยาและสมการของปฏิกิริยาย่อยของการเกิดสารประกอบ
พร้อมทั้งระบุว่าแต่ละขั้นตอนดูดพลังงานหรือคายพลังงาน
1 (g)
สมการของปฏิกิริยาเป็นดังนี้ Cs(s) + F CsF(s)
2
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
173
พลังงานพันธะ 1 ดูดพลังงาน
F (g) F(g)
2 2
- -
สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน F(g) + e F (g) คายพลังงาน
พลังงานแลตทิซ + -
Cs (s) + F (s) CsF(s) คายพลังงาน
2.3 เขียนแผนภาพวัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ของการเกิดสารประกอบซีเซียมฟลูออไรด์
Cs+(g) + F(g) + e-
1
Cs+(g) + F2(g) + e- 3 +79.5 kJ
2 4 -328 kJ
Cs+(g) + F-(g)
1
Cs(g) + F2(g) 2 +376 kJ
พลังงาน
1 5 -759 kJ
Cs(s) + F2(g) 1 +76 kJ
2
-555.5 kJ
CsF(s)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
174
3.2.4 สมบัติของสารประกอบไอออนิก
3.2.5 สมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก
2. เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิก
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สารประกอบไอออนิกสถานะของแข็งนำ�ไฟฟ้า สารประกอบไอออนิกนำ�ไฟฟ้าได้เมือ
่ หลอมเหลว
ได้ หรือละลายในน้ำ�
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
วีดิทัศน์หรือภาพประกอบเมื่อทำ�การทุบผลึกของสารประกอบไอออนิกและการเปลี่ยนแปลง
ของไอออนในโครงผลึก
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์หรือภาพประกอบเมื่อทำ�การทุบผลึกของสารประกอบไอออนิกและ
การเปลี่ยนแปลงของไอออนในโครงผลึก จากนั้นครูตั้งคำ�ถามนำ�ว่า เพราะเหตุใดเมื่อทุบผลึกของ
สารประกอบไอออนิก แล้วผลึกของสารประกอบไอออนิกจึงแตก เพื่อนำ�เข้าสู่การศึกษาสมบัติของ
สารประกอบไอออนิก
2. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันโดยใช้รูป 3.5 ประกอบการอภิปรายเพื่อลงข้อสรุปว่า การ
ที่ผลึกแตกเนื่องจากการเลื่อนตำ�แหน่งเพียงเล็กน้อยของไอออนเมื่อมีแรงกระทำ� อาจทำ�ให้ไอออน
ชนิดเดียวกันเลื่อนไถลไปอยู่ตำ�แหน่งตรงกัน จึงเกิดแรงผลักระหว่างกัน สารประกอบไอออนิกจึงมี
สมบัติเปราะและแตกหักได้ง่าย
3. ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 3.6 และตาราง 3.7 จากนั้นอภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้
ข้อสรุปเกี่ยวกับสมบัติของสารประกอบไอออนิกว่า สารประกอบไอออนิกสถานะของแข็งไม่นำ�
ไฟฟ้า เนื่องจากไอออนที่เป็นองค์ประกอบยึดเหนี่ยวกันอย่างแข็งแรงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แต่
เมื่อหลอมเหลวหรือละลายในน้ำ�จะนำ�ไฟฟ้าได้ เนื่องจากไอออนสามารถเคลื่อนที่ได้ นอกจากนี้
สารประกอบไอออนิกที่มีสถานะเป็นของแข็ง มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง ส่วนใหญ่ละลายน้ำ�ได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
175
และสารละลายของสารประกอบไอออนิกในน้ำ�ส่วนใหญ่มีสมบัติเป็นเบสหรือกลาง โดยสารละลาย
ของสารประกอบออกไซด์มส
ี มบัตเิ ป็นเบส และสารละลายของสารประกอบคลอไรด์มส
ี มบัตเิ ป็นกลาง
4. ครูอธิบายเกี่ยวกับการละลายน้ำ�ของสารประกอบไอออนิกในรูป 3.7 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ
กระบวนการที่ไอออนบวกและไอออนลบแยกออกจากโครงผลึกเป็นกระบวนการดูดพลังงานที่มีค่า
เท่ า กั บ พลั ง งานแลตทิ ซ และกระบวนการที่ โ มเลกุ ล ของน้ำ � ล้ อ มรอบไอออนแต่ ล ะชนิ ด เป็ น
กระบวนการคายพลังงานที่เรียกว่าพลังงานไฮเดรชัน
5. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ถ้าค่าพลังงานแลตทิซน้อยกว่าค่าพลังงานไฮเดรชัน การละลาย
จะเป็นกระบวนการคายพลังงาน ซึ่งจะทำ�ให้อุณหภูมิของสารละลายสูงขึ้น และสารจะละลายได้ดีที่
อุณหภูมิต่ำ� ในทางกลับกันถ้าค่าพลังงานแลตทิซมากกว่าค่าพลังงานไฮเดรชัน การละลายจะเป็น
กระบวนการดูดพลังงาน ซึง่ จะทำ�ให้อณ
ุ หภูมข
ิ องสารละลายลดลง และสารจะละลายได้ดท
ี อ
่ี ณ
ุ หภูมส
ิ งู
ในกรณีที่ค่าพลังงานแลตทิซมากกว่าค่าพลังงานไฮเดรชันมาก ๆ สารอาจละลายได้น้อยมากหรือ
ไม่ละลาย
6. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามชวนคิด
ชวนคิด
พิจารณาแผนภาพการละลายน้ำ�ของสารประกอบไอออนิกต่อไปนี้
+ - + -
A (g) + B (g) C (g) + D (g)
E1 E2 E2
E1 + -
AB(s) C (aq) + D (aq)
+ -
A (aq) + B (aq) CD(s)
(ก) (ข)
1. พลังงานแลตทิซและพลังงานไฮเดรชันคือค่าใดในแผนภาพ
พลังงาน E1 เป็นพลังงานแลตทิซ และพลังงาน E2 เป็นพลังงานไฮเดรชัน
2. การละลายน้ำ � ในแผนภาพใดเป็ น กระบวนการดู ด พลั ง งานและแผนภาพใดเป็ น
กระบวนการคายพลังงาน เพราะเหตุใด
แผนภาพ (ข) เป็นกระบวนการดูดพลังงาน เนื่องจากพลังงานแลตทิซมากกว่าพลังงาน
ไฮเดรชัน และแผนภาพ (ก) เป็นกระบวนการคายพลังงาน เนื่องจากพลังงานแลตทิซ
น้อยกว่าพลังงานไฮเดรชัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
176
จุดประสงค์การทดลอง
1. ทดลองการเกิดปฏิกิริยาระหว่างสารละลายของสารประกอบไอออนิก
2. ระบุสารละลายคู่ที่เกิดปฏิกิริยาแล้วได้ตะกอน
3. ระบุไอออนที่ทำ�ปฏิกิริยาแล้วได้ตะกอน และเขียนสูตรเคมีของตะกอน
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
สารเคมี
1. สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) 1 mL
2. สารละลายโซเดียมคาร์บอเนต (Na2CO3) 1 mL
3. สารละลายโซเดียมซัลเฟต (Na2SO4) 1 mL
4. สารละลายโซเดียมไนเทรต (NaNO3) 1 mL
5. สารละลายแอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl) 1 mL
6. สารละลายแมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl2) 1 mL
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
177
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
วัสดุและอุปกรณ์
1. แผ่นพลาสติกใส 1 แผ่น
2. กระดาษสี 1 แผ่น
3. หลอดหยด 6 อัน
การเตรียมล่วงหน้า
เตรียมสารละลายโดยใช้สารชนิดละ 1 กรัม ละลายในน้ำ�ปริมาตร 20 มิลลิลิตร
ตัวอย่างผลการทดลอง
การเปลี่ยนแปลงเมื่อเติมสารละลาย
สารละลาย
Na2CO3 Na2SO4 NaNO3
อภิปรายผลการทดลอง
1. การทดลองนี้ ตัวแปรต้น คือ ชนิดของสารประกอบไอออนิกในสารละลาย และตัวแปรตาม
คือ ลักษณะของสารหลังการผสม
2. เมือ
่ ผสมสารละลายสองชนิดเข้าด้วยกันแล้วไม่มต
ี ะกอนเกิดขึน
้ แสดงว่าไอออนในสารละลาย
ไม่รวมตัวกัน หรืออาจไม่มีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น
3. เมือ
่ ผสมสารละลายสองชนิดเข้าด้วยกันแล้วมีตะกอนเกิดขึน
้ แสดงว่าไอออนในสารละลาย
รวมตัวกันเกิดเป็นสารใหม่ที่ไม่ละลายในน้ำ� หรือมีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น โดยสารละลายที่
ผสมกันแล้วทำ�ให้เกิดตะกอน ได้แก่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
178
สรุปผลการทดลอง
เมื่อผสมสารละลายของสารประกอบไอออนิกสองชนิดเข้าด้วยกันแล้วมีตะกอนเกิดขึ้น
แสดงว่าไอออนในสารละลายรวมตัวกันเกิดเป็นสารใหม่ที่ไม่ละลายในน้ำ� หรือมีปฏิกิริยาเคมี
เกิดขึ้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
179
ตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
180
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของสารประกอบไอออนิก และวิธีการเขียนสมการไอออนิกและ
สมการไอออนิกสุทธิแสดงการเกิดปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิก จากการอภิปราย รายงาน
การทดลอง การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการอภิปราย
3. ทักษะการทดลอง จากรายงานการทดลองและการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�การทดลอง
4. ทักษะความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�
การทดลอง
5. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณจากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
181
แบบฝึกหัด 3.4
อุณหภูมิ (°C)
สารประกอบไอออนิก
น้ำ� สารละลาย
LiBr 28 33
KBr 28 24
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
182
2. จากกราฟการละลายของสารประกอบไอออนิกในน้ำ�ที่อุณหภูมิต่าง ๆ ดังรูป
0.8
สาร B
0.7 สาร A
สภาพละลายไดในน้ำ (กรัม ในน้ำ 100 กรัม)
0.6
0.5
0.4 สาร C
0.3
0.2
0.1
สาร D
0
0 10 20 30 40 50 60 70 80
อุณหภูมิ ( ํC)
ตอบคำ�ถามต่อไปนี้
2.1 การละลายน้ำ�ของสารใดเป็นกระบวนการดูดพลังงาน
สาร A B และ C
2.2 การละลายน้ำ�ของสารใดเป็นกระบวนการคายพลังงาน
สาร D
2.3 สารใดมีพลังงานแลตทิซมากกว่าพลังงานไฮเดรชัน
สาร A B และ C
2.4 สารใดเมื่อละลายน้ำ�แล้วอุณหภูมิสูงขึ้น
สาร D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
183
-799 kJ
+ -
822 kJ Ag (aq) + NO3 (aq)
AgNO3(s)
3.2 การละลายน้ำ�ของซิลเวอร์ไนเทรตเป็นกระบวนการดูดพลังงานหรือคายพลังงาน
ปริมาณเท่าใด
พลังงานของการละลาย = 822 kJ – 799 kJ = 23 kJ ดังนั้นการละลาย
ของซิลเวอร์ไนเทรตเป็นกระบวนการดูดพลังงาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
184
แบบฝึกหัด 3.5
1. สารละลายที่กำ�หนดให้คู่ใดที่ผสมกันแล้วเกิดตะกอน เขียนสมการไอออนิกและสมการ
ไอออนิกสุทธิ พร้อมทั้งระบุชื่อของตะกอนที่เกิดขึ้น
1.1 LiCl กับ AgNO3 1.3 NH4Cl กับ Ca(OH)2
1.2 KI กับ Pb(NO3)2 1.4 Na3PO4 กับ MgCl2
สารคู่ที่เกิดตะกอนได้แก่ สารละลายในข้อ 1.1 1.2 และ 1.4 เขียนสมการได้ดังนี้
1.1 LiCl กับ AgNO3
สมการไอออนิก
Li+(aq) + Cl-(aq) + Ag+(aq) + NO3-(aq) AgCl(s) + Li+(aq) + NO3-(aq)
สมการไอออนิกสุทธิ
Ag+(aq) + Cl-(aq) AgCl(s)
ชื่อตะกอน คือ AgCl ซิลเวอร์คลอไรด์ (silver chloride)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
185
2. จากสารที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้
KCl Na₂SO₄ CaSO₄ BaCO₃ Mg(OH)₂ MgSO₄
AgNO₃ BaCl₂ NaHCO₃
2.1 สารชนิดใดไม่ละลายน้ำ�
CaSO4 BaCO3 และ Mg(OH)2
2.2 สารละลายคู่ใดที่ผสมกันแล้วได้ตะกอนแบเรียมซัลเฟต (BaSO4) และเขียน
สมการไอออนิกสุทธิ
สารละลาย Na2SO4 กับ BaCl2 และสารละลาย MgSO4 กับ BaCl2
เขียนสมการไอออนิกสุทธิได้ดังนี้
Ba2+(aq) + SO42-(aq) BaSO4(s)
3. ตะกอนที่กำ�หนดให้ได้จากการผสมสารละลายใดได้บ้าง
3.1 Ag3PO4
Ag3PO4 เตรียมได้จากการผสมสารที่มี Ag+ และ PO43- เป็นองค์ประกอบ
และเป็นสารทีล
่ ะลายได้ในน้�
ำ เช่น AgNO3 กับ Na3PO4 (หรือ K3PO4 (NH4)3PO4)
3.2 MgCO3
MgCO3 เตรียมได้จากการผสมสารที่มี Mg2+ และ CO32- เป็นองค์ประกอบ
และเป็นสารที่ละลายได้ในน้ำ� เช่น MgCl2 (หรือ MgBr2 MgI2) กับ Na2CO3 (หรือ
K2CO3)
3.3 PbBr2
2+ -
PbBr2 เตรียมได้จากการผสมสารที่มี Pb และ Br เป็นองค์ประกอบ
และเป็นสารที่ละลายได้ในน้ำ� เช่น Pb(NO3)2 กับ NaBr (หรือ KBr NH4Br
MgBr2 CaBr2 BaBr2)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
186
น้ำ�ตัวอย่าง ผลการทดลอง
1 มีตะกอนสีขาวเกิดขึ้น
2 ไม่เปลี่ยนแปลง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
187
3.3 พันธะโคเวเลนต์
3.3.1 การเกิดพันธะโคเวเลนต์
3.3.2 สูตรโมเลกุลและชื่อของสารโคเวเลนต์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดีย
่ ว พันธะคู่ และพันธะสาม ด้วยโครงสร้างลิวอิส
2. เขียนสูตรและเรียกชื่อสารโคเวเลนต์
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูยกตัวอย่างสารโคเวเลนต์ เช่น โมเลกุลแก๊สออกซิเจน (O2) แล้วตั้งคำ�ถามว่า การเกิด
พั น ธะเคมี ร ะหว่ า งอะตอมของออกซิ เ จนมี ก ารเปลี่ ย นแปลงของเวเลนซ์ อิ เ ล็ ก ตรอนเหมื อ นหรื อ
ต่างจากพันธะไอออนิกหรือไม่ ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่า ต่างกัน เนื่องจากการเกิดพันธะเคมีของโมเลกุล
แก๊สออกซิเจนไม่ได้เกิดจากการให้หรือรับอิเล็กตรอน แต่เป็นการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน
2. ครู ใ ห้ ค วามหมายของพั น ธะโคเวเลนต์ ว่ า เป็ น การยึ ด เหนี่ ย วของอะตอมโดยใช้ เ วเลนซ์
อิเล็กตรอนร่วมกัน และเรียกสารที่เกิดจากพันธะโคเวเลนต์ว่า สารโคเวเลนต์
3. ครู อ ธิ บ ายการเกิ ด พั น ธะโคเวเลนต์ โ ดยใช้ แ ผนภาพและสั ญ ลั ก ษณ์ แ บบจุ ด ของลิ ว อิ ส
ประกอบการอธิบาย โดยยกตัวอย่างการเกิดพันธะในโมเลกุลแก๊สคลอรีน (Cl2) แก๊สออกซิเจน (O2)
และแก๊สไนโตรเจน (N2) ซึ่งเป็นการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม
ตามลำ�ดับ จากนั้นให้ความรู้เกี่ยวกับอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะซึ่งเป็นอิเล็กตรอนคู่ที่ใช้ร่วมกันในการ
เกิดพันธะและอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวซึ่งเป็นอิเล็กตรอนคู่ที่ไม่ได้เกิดพันธะ
4. ครูให้นักเรียนพิจารณาการเขียนโครงสร้างลิวอิสของโมเลกุลโคเวเลนต์บางชนิดจากตาราง
3.8 จากนั้นชี้ให้เห็นว่า การเขียนแสดงโครงสร้างลิวอิสของโมเลกุลที่ประกอบด้วยอะตอมมากกว่า 2
อะตอม อะตอมกลางจะเป็นธาตุที่ต้องการจำ�นวนอิเล็กตรอนมากที่สุดเพื่อให้เป็นไปตามกฎออกเตต
ในกรณีที่มีธาตุที่ต้องการจำ�นวนอิเล็กตรอนเท่ากัน ธาตุที่มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีต่ำ�ที่สุดจะเป็น
อะตอมกลาง
5. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
188
ตรวจสอบความเข้าใจ
เขียนโครงสร้างลิวอิสของคาร์บอนิลคลอไรด์ (COCl2)
O O
Cl C Cl Cl C Cl
6. ครูอธิบายเกีย
่ วกับพันธะโคเวเลนต์ในสารบางชนิดทีอ
่ เิ ล็กตรอนคูร่ ว่ มพันธะมาจากอะตอมใด
อะตอมหนึ่ง เช่น โมเลกุลแอมโมเนีย (NH3) มีเส้นพันธะ N−H 3 พันธะ แทนอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ
3 คู่ ในขณะที่อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 1 คู่ แสดงด้วยจุดคู่บนอะตอมไนโตรเจน อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวนี้
สามารถสร้างพันธะกับ H+ เกิดเป็นแอมโมเนียมไอออน (NH4+) โดยที่จำ�นวนอิเล็กตรอน
รอบอะตอมกลางยังคงเป็นไปตามกฎออกเตต ซึ่งในกรณีนี้พันธะโคเวเลนต์ที่เกิดขึ้นมาจากอะตอม
ไนโตรเจนเท่านั้น
7. ครูอธิบายเกี่ยวกับสารโคเวเลนต์บางชนิดที่อะตอมกลางมีจำ�นวนอิเล็กตรอนล้อมรอบ
ไม่เป็นไปตามกฎออกเตต โดยยกตัวอย่างโมเลกุลโบรอนไตรฟลูออไรด์ (BF3) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่
อะตอมกลางมีอเิ ล็กตรอนล้อมรอบน้อยกว่า 8 และฟอสฟอรัสเพนตะคลอไรด์ (PCl5) ซึง่ เป็นโมเลกุลที่
อะตอมกลางมีอิเล็กตรอนล้อมรอบมากกว่า 8
8. ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด 3.6 เพื่อทบทวนความรู้
9. ครูยกตัวอย่างสารโคเวเลนต์แล้วให้นักเรียนเปรียบเทียบค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีของธาตุ
องค์ประกอบในสารนั้น เพื่อใช้เป็นความรู้พื้นฐานในการเขียนสูตรโมเลกุลโคเวเลนต์ เช่น CO2
อะตอมคาร์บอนมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีน้อยกว่าอะตอมออกซิเจน
10. ครูอธิบายหลักการเขียนสูตรโมเลกุลและการเรียกชื่อสารโคเวเลนต์ โดยสูตรโมเลกุลของ
สารโคเวเลนต์แสดงสัญลักษณ์ของธาตุเรียงลำ�ดับตามค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีจากน้อยไปมาก โดยระบุ
จำ�นวนอะตอมของธาตุที่มีจำ�นวนมากกว่า 1 อะตอม ส่วนการเรียกชื่อสารโคเวเลนต์ให้เรียกธาตุตาม
ลำ�ดับจากซ้ายไปขวา ถ้ามีสารโคเวเลนต์ที่เกิดจากธาตุองค์ประกอบเดียวกันมากกว่า 1 ชนิด ต้อง
ระบุจำ�นวนอะตอมธาตุองค์ประกอบด้วยคำ�ระบุจำ�นวนในภาษากรีกตามตาราง 3.9
11. ครูให้นักเรียนศึกษาสูตรโมเลกุลและชื่อของสารโคเวเลนต์จากตาราง 3.10 และอาจให้
นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อศึกษาสูตรโมเลกุลและชื่อของสารโคเวเลนต์ ดังตัวอย่างกิจกรรม 3 และ
กิจกรรม 4 ซึ่งเป็นตัวอย่างกิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครูดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
189
กิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครู
ตัวอย่างกิจกรรม 3 เรือ
่ ง สูตรโมเลกุลและชือ
่ ของสารโคเวเลนต์
วัสดุและอุปกรณ์
1. กระดาษสีหรือกระดาษ A4 3. กรรไกร
2. ปากกาเมจิก 4. เทปกาว
วิธท
ี �ำ กิจกรรม
1. ตัดกระดาษสีหรือกระดาษ A4 เพื่อทำ�การ์ดโดยเขียนสูตรโมเลกุลหรือชื่อสารแผ่นละ
1 อย่าง ดังรูป
ตัวอย่างสูตรเคมีและชื่อสารที่จะทำ�การ์ดดังตาราง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
190
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
191
2. ครูนำ�สูตรโมเลกุลติดด้วยเทปกาวแล้วนำ�ไปติดไว้บนกระดานหน้าชั้นเรียน
3. ครูแจกชื่อสารให้นักเรียน แล้วให้นักเรียนนำ�ชื่อสารที่ได้รับไปติดใกล้กับสูตรโมเลกุล
ของสารนั้น
กิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครู
ตัวอย่างกิจกรรม 4 เรือ
่ ง เกมสูตรโมเลกุลและชือ
่ ของสารโคเวเลนต์์
วัสดุและอุปกรณ์
1. กระดาษแข็ง
2. ปากกาเมจิก
3. กรรไกร
วิธท
ี �ำ กิจกรรม
1. พิมพ์แบบลูกบาศก์ลงบนกระดาษแข็งและใช้ปากกาเมจิกเขียนสัญลักษณ์ธาตุดังรูป
H H
N Cl F C F Cl
Br N
O O
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
192
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ธาตุ สูตร
ชื่อสาร
ลูกบาศก์ 1 ลูกบาศก์ 2 โมเลกุล
F C CF4 คาร์บอนเตตระฟลูออไรด์
(carbon tetrafluoride)
Cl F ClF คลอรีนมอนอฟลูออไรด์
(chlorine monofluoride)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
193
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม การเขียน
แสดงการเกิดพันธะโคเวเลนต์ด้วยโครงสร้างลิวอิส และวิธีการเขียนสูตรโมเลกุลและการเรียกชื่อ
สารโคเวเลนต์ จากการอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณจากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
194
แบบฝึกหัด 3.6
1.1 I2 1 6
I I
1.2 NF3 F N F 3 10
1.3 CS2 4 4
S C S
1.4 HCN 4 1
H C N
1.5 H2O2 3 4
H O O H
2. เขียนโครงสร้างลิวอิสแสดงการเกิดพันธะในโมเลกุลที่เป็นไปตามกฎออกเตตจากธาตุที่
กำ�หนดให้ต่อไปนี้
2.1 ไฮโดรเจนกับฟลูออรีน
H + F H F
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
195
2.2 กำ�มะถันกับไฮโดรเจน
H + S + H H S H
2.3 ซิลิคอนกับคลอรีน
Cl Cl
+
Cl + Si + Cl Cl Si Cl
+
Cl Cl
2.4 ฟอสฟอรัสกับไฮโดรเจน
H + P + H H P H
+
H H
3. เขียนโครงสร้างลิวอิสของโมเลกุลหรือไอออนต่อไปนี้ พร้อมทัง้ ระบุวา่ เป็นไปตามกฎออกเตต
หรื อ ไม่ เ ป็ น ไปตามกฎออกเตต(ในกรณี ที่ ไ ม่ เ ป็ น ไปตามกฎออกเตตให้ ร ะบุ จำ � นวน
อิเล็กตรอนรอบอะตอมกลาง)
3.1 BeH2
H − Be − H ไม่เป็นไปตามกฎออกเตต อะตอมกลางมี 4 อิเล็กตรอน
3.2 ClF3
F Cl F
ไม่เป็นไปตามกฎออกเตต อะตอมกลางมี 10 อิเล็กตรอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
196
3.3 CH2O
O
H
C H เป็นไปตามกฎออกเตต
3.4 CH3OH
H
H C O H
เป็ นไปตามกฎออกเตต
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
197
แบบฝึกหัด 3.7
1. เรียกชื่อสารประกอบออกไซด์ของไนโตรเจนต่อไปนี้
NO N2O N2O3 และ N2O5
NO ไนโตรเจนมอนอออกไซด์ (nitrogen monooxide) หรือ
ไนโตรเจนมอนอกไซด์ (nitrogen monoxide)
N2O ไดไนโตรเจนมอนอออกไซด์ (dinitrogen monooxide) หรือ
ไดไนโตรเจนมอนอกไซด์ (dinitrogen monoxide)
N2O3 ไดไนโตรเจนไตรออกไซด์ (dinitrogen trioxide)
N2O5 ไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์ (dinitrogen pentaoxide) หรือ
ไดไนโตรเจนเพนตอกไซด์ (dinitrogen pentoxide)
2. เขียนสูตรและชื่อของสารโคเวเลนต์ในตารางให้ถูกต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
198
3. เขียนสูตรโมเลกุลตามกฎออกเตตและชื่อของสารโคเวเลนต์ที่เกิดระหว่างธาตุต่อไปนี้
3.1 สารหนูกับคลอรีน
AsCl3 อาร์เซนิกไตรคลอไรด์ (arsenic trichloride)
3.2 ซิลิคอนกับฟลูออรีน
SiF4 ซิลิคอนเตตระฟลูออไรด์ (silicon tetrafluoride)
3.3.3 ความยาวพันธะและพลังงานพันธะของสารโคเวเลนต์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วิเคราะห์และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์
2. คำ�นวณพลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
วีดิทัศน์หรือกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิดโมเลกุลแก๊สไฮโดรเจน
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์หรือกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิดโมเลกุลแก๊ส
ไฮโดรเจน ในรูป 3.9 แล้วอภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ความยาวพันธะเป็นระยะห่างระหว่าง
นิวเคลียสที่ทำ�ให้พลังงานศักย์รวมต่ำ�ที่สุด
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาความยาวพันธะ O−H ในโมเลกุลของสารต่างชนิดกัน เช่น H2O
CH3OH HNO2 ในตาราง 3.11 ซึ่งพบว่าพันธะชนิดเดียวกันในโมเลกุลต่างชนิดกันอาจมีความยาว
พันธะไม่เท่ากัน ในการประมาณความยาวพันธะระหว่างอะตอมคู่หนึ่ง ๆ โดยทั่วไปนิยมใช้ความยาว
พันธะเฉลี่ย ดังตาราง 3.12
3. ครูให้นักเรียนเขียนโครงสร้างลิวอิสของโมเลกุลโอโซน (O3) ซึ่งพบว่าสามารถเขียน
โครงสร้างลิวอิสได้ 2 โครงสร้าง จากนั้นครูตั้งคำ�ถามว่า พันธะระหว่างออกซิเจนทั้ง 2 พันธะ ใน
โครงสร้างลิวอิสแต่ละโครงสร้าง มีความยาวพันธะเท่ากันหรือไม่ ซึ่งน่าจะได้คำ�ตอบว่า ไม่เท่ากัน
จากนัน
้ ครูอธิบายผลการศึกษาโดยใช้รป
ู 3.10 ประกอบการอธิบายว่า พันธะทัง้ สองมีความยาวพันธะ
เท่ากัน นักวิทยาศาสตร์จึงเสนอว่าโครงสร้างทั้งสองไม่ใช่โครงสร้างโมเลกุลที่แท้จริงของ O3 แต่เรียก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
199
ตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
200
ชวนคิด
8. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับการคำ�นวณพลังงานของปฏิกิริยาของสารโคเวเลนต์จากพลังงาน
พันธะ ซึ่งได้จากผลต่างของพลังงานพันธะรวมของสารตั้งต้นกับผลิตภัณฑ์ จากนั้นแสดงการคำ�นวณ
ตามตัวอย่าง 1 และ 2
9. ครู แ ละนั ก เรี ย นอภิ ป รายร่ ว มกั น เพื่ อ สรุ ป ความรู้ เ กี่ ย วกั บ ความยาวพั น ธะและพลั ง งาน
พันธะ ดังนี้
- ความยาวพันธะคือระยะระหว่างนิวเคลียสของอะตอมคู่ร่วมพันธะที่ทำ�ให้พลังงานศักย์
รวมต่ำ�ที่สุด ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดอะตอมคู่ร่วมพันธะและชนิดของพันธะ โดยความยาวพันธะระหว่าง
อะตอมคู่หนึ่ง ๆ ในโมเลกุลของสารต่างชนิดกันอาจไม่เท่ากันจึงนิยมใช้เป็นความยาวพันธะเฉลี่ย
- พลั ง งานพั น ธะคื อ พลั ง งานปริ ม าณน้ อ ยที่ สุ ด ที่ ใ ช้ ส ลายพั น ธะระหว่ า งอะตอมคู่ ร่ ว ม
พันธะในโมเลกุลสถานะแก๊สให้เป็นอะตอมเดี่ยวในสถานะแก๊ส ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความยาวพันธะ
โดยพลังงานพันธะระหว่างอะตอมคู่หนึ่ง ๆ ในโมเลกุลชนิดเดียวกันและต่างชนิดกันอาจไม่เท่ากัน จึง
นิยมใช้เป็นพลังงานพันธะเฉลี่ย
- พลั ง งานพั น ธะนำ � มาใช้ ใ นการคำ � นวณพลั ง งานของปฏิ กิ ริ ย าซึ่ ง ได้ จ ากผลต่ า งของ
พลังงานพันธะรวมของสารตั้งต้นกับผลิตภัณฑ์
10. ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด 3.8 เพื่อทบทวนความรู้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
201
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ จากการอภิปราย การ
ทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการใช้จำ�นวน จากการทำ�แบบฝึกหัด
3. ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการอภิปราย
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
แบบฝึกหัด 3.8
1. เปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะระหว่างอะตอมในโมเลกุลหรือไอออนที่
กำ�หนดให้ต่อไปนี้ พร้อมอธิบายเหตุผล
1.1 พันธะระหว่าง C กับ O ของ CO และ CO2
ความยาวพันธะของ CO < CO2 และพลังงานพันธะของ CO > CO2
เนื่องจากพันธะระหว่าง C กับ O ของ CO เป็นพันธะสาม ส่วน CO2 เป็นพันธะคู่
1.2 พันธะระหว่าง O กับ O ของ O2 และ H2O2
ความยาวพันธะของ O2 < H2O2 และพลังงานพันธะของ O2 > H2O2
เนื่องจากพันธะระหว่าง O กับ O ของ O2 เป็นพันธะคู่ ส่วน H2O2 เป็นพันธะเดี่ยว
1.3 พันธะระหว่าง N กับ N ของ N2 และ N2H4
ความยาวพันธะของ N2 < N2H4 และพลังงานพันธะของ N2 > N2H4
เนือ
่ งจากพันธะระหว่าง N กับ N ของ N2 เป็นพันธะสาม ส่วน N2H4 เป็นพันธะเดีย
่ ว
1.4 พันธะระหว่าง C กับ C ของ C2H2 และ C2H4
ความยาวพันธะของ C2H2 < C2H4 และพลังงานพันธะของ C2H2 > C2H4
เนื่องจากพันธะระหว่าง C กับ C ของ C2H2 เป็นพันธะสาม ส่วน C2H4 เป็น
พันธะคู่
1.5 พันธะระหว่าง C กับ O ของ CO32- และ COCl2
ความยาวพันธะของ CO32- > COCl2 และพลังงานพันธะของ CO32- < COCl2
เนื่องจากพันธะระหว่าง C กับ O ของ CO32- เป็นพันธะเดี่ยวกับพันธะคู่เกิด
เรโซแนนซ์ ส่วน COCl2 เป็นพันธะคู่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
202
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
203
3.3.4 รูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์
3.3.5 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคูอ
่ เิ ล็กตรอนในวงเวเลนซ์
2. เขียนแสดงทิศทางขั้วพันธะและทิศทางขั้วของโมเลกุล รวมทั้งระบุสภาพขั้วของโมเลกุล
โคเวเลนต์
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
โมเลกุลที่อะตอมกลางมีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว โมเลกุลที่อะตอมกลางมีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว
จะเป็นโมเลกุลมีขั้วทั้งหมด ส่วนใหญ่มีขั้ว แต่บางชนิดไม่มีขั้ว เช่น XeF4
XeF2
การพิจารณาสภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ การพิจารณาสภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
ใช้พิจารณากับสารโคเวเลนต์ทั้งที่เป็นโมเลกุล ใช้ พิ จ ารณากั บ โมเลกุ ล ที่ เ ป็ น กลางทางไฟฟ้ า
และไอออน เท่านั้น ส่วนกลุ่มไอออน เช่น NH4+ จะไม่
พิจารณาสภาพขั้วของกลุ่มไอออน จากผลรวม
สภาพขั้วของพันธะ เนื่องจากทั้งกลุ่มไอออน
เป็นประจุบวก
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
แบบจำ�ลองโครงสร้างสามมิตห
ิ รือโปรแกรมสำ�เร็จรูปทีใ่ ช้ในการศึกษารูปร่างโมเลกุลของโมเลกุล
โคเวเลนต์ทม
่ี รี ป
ู ร่างโมเลกุลต่างกัน เช่น โมเลกุลน้�
ำ (H2O) คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แอมโมเนีย
(NH3) โบรอนไตรฟลูออไรด์ (BF3)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
204
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นพิ จ ารณาแบบจำ � ลองโครงสร้ า งสามมิ ติ ห รื อ โปรแกรมสำ � เร็ จ รู ป ที่ ใ ช้ ใ น
การศึกษารูปร่างโมเลกุลของโมเลกุลโคเวเลนต์ที่มีรูปร่างโมเลกุลต่างกัน เช่น โมเลกุลน้ำ� (H2O)
คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แอมโมเนีย (NH3) โบรอนไตรฟลูออไรด์ (BF3) แล้วตั้งคำ�ถามว่า รูปร่าง
โมเลกุลของสารเหล่านี้เหมือนหรือต่างกันหรือไม่ เพราะเหตุใด ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่า รูปร่างโมเลกุล
ของสารต่างกัน ขึ้นอยู่กับจำ�นวนอะตอมและจำ�นวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวรอบอะตอมกลาง
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�กิจกรรม 3.2 การจัดตัวของลูกโป่งกับรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์
ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 เพื่อศึกษารูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ที่อะตอมกลางไม่มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว
และที่มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว โดยใช้ลูกโป่งแทนแบบจำ�ลองโมเลกุล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
205
จุดประสงค์ของกิจกรรม
1. อธิบายและเขียนแสดงรูปทรงเรขาคณิตของลูกโป่งที่ผูกขั้วติดกัน
2. บอกรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์จากการเปรียบเทียบกับรูปร่างของลูกโป่งที่ผูกขั้วติดกัน
วัสดุและอุปกรณ์
รายการ ปริมาณต่อกลุ่ม
ลูกโป่งสีที่หนึ่ง 8 ลูก
ลูกโป่งสีที่สอง 2 ลูก
เครื่องสูบลมลูกโป่ง 1 อัน
การเตรียมล่วงหน้า
เพื่อให้นักเรียนมองเห็นรูปร่างของลูกโป่งเปรียบเทียบกับรูปทรงเรขาคณิตได้ชัดเจน
ครูอาจนำ�แบบจำ�ลองหรือภาพรูปทรงเรขาคณิตแบบต่าง ๆ ให้นักเรียนได้ศึกษาก่อน เช่น
พีระมิดฐานสามเหลี่ยม พีระมิดฐานสี่เหลี่ยม พีระมิดคู่ฐานสามเหลี่ยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
206
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ตอนที่ 1
จำ�นวนลูกโป่ง (ลูก) วาดภาพลูกโป่งเพื่อเปรียบเทียบกับรูปทรงเรขาคณิต
ตอนที่ 2
จำ�นวนลูกโป่ง วาดภาพลูกโป่งเพื่อเปรียบเทียบกับรูปทรงเรขาคณิต
สีที่หนึ่ง 2 ลูก
สีที่สอง 2 ลูก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
207
อภิปรายผลการทำ�กิจกรรม
1. จากกิจกรรมตอนที่ 1 ลูกโป่งใช้แทนกลุม
่ หมอกอิเล็กตรอนคูร่ ว่ มพันธะระหว่างอะตอมกลาง
กับอะตอมที่ล้อมรอบ เมื่อนำ�มาผูกขั้วติดกัน พบว่าลูกโป่งแต่ละลูกผลักกันเกิดการ
จัดตัวเป็นรูปร่างต่าง ๆ ที่มีสมมาตร โดยจำ�นวนลูกโป่งมีผลต่อรูปร่าง แสดงว่าเมื่อ
จำ�นวนอะตอมล้อมรอบมากขึ้นจะมีจำ�นวนพันธะมากขึ้น ซึ่งอิเล็กตรอนในพันธะจะ
ผลักกัน ทำ�ให้รูปร่างโมเลกุลมีทิศทางของพันธะอยู่ห่างกันมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ
รูปทรงเรขาคณิต สรุปได้ว่า ลูกโป่งที่พันติดกัน 2 3 4 5 และ 6 ลูก มีรูปร่างเป็นเส้นตรง
สามเหลี่ยมแบนราบ ทรงสี่หน้า พีระมิดคู่ฐานสามเหลี่ยม และทรงแปดหน้า ตามลำ�ดับ
2. จากกิจกรรมตอนที่ 2 ลูกโป่งต่างสีใช้แทนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวและอิเล็กตรอนคู่ร่วม
พันธะ ซึ่งรูปร่างโมเลกุลพิจารณาจากตำ�แหน่งของอะตอมทั้งหมด และไม่นำ�ตำ�แหน่ง
ของอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวมาพิจารณา โดยแรงผลักที่เกิดจากอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวจะ
ส่งผลต่อมุมระหว่างพันธะและรูปร่างโมเลกุล ซึง่ โมเลกุลทีป
่ ระกอบด้วยอะตอมล้อมรอบ
2 อะตอม และอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 2 คู่ รูปร่างโมเลกุลไม่เป็นแบบเส้นตรงแต่
เป็นมุมงอ (มุมพันธะน้อยกว่า 180°) เพราะมีแรงผลักจากลูกโป่งที่ใช้แทนอิเล็กตรอน
คู่โดดเดี่ยว
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
เมือ
่ ใช้ลก
ู โป่งแทนอิเล็กตรอนคูโ่ ดดเดีย
่ วและอิเล็กตรอนคูร่ ว่ มพันธะ เมือ
่ นำ�มาผูกขัว้
ติดกัน พบว่าลูกโป่งแต่ละลูกผลักกันเกิดการจัดตัวเป็นรูปร่างต่าง ๆ ที่มีสมมาตร โดย
เมื่อจำ�นวนอะตอมล้อมรอบหรือจำ�นวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวมากขึ้น จะมีจำ�นวนพันธะ
มากขึ้น ซึ่งอิเล็กตรอนในพันธะจะผลักกัน ทำ�ให้รูปร่างโมเลกุลมีทิศทางของพันธะอยู่ห่าง
กันมากที่สุด ดังนั้นรูปร่างโมเลกุลขึ้นอยู่กับจำ�นวนพันธะและจำ�นวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว
รอบอะตอมกลาง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
208
ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
ครูให้นักเรียนพิจารณาลูกโป่งที่พันขั้วติดกันโดยใช้ลูกโป่งสีที่
หนึ่ง 3 ลูก และสีที่สอง 1 ลูก แล้วตั้งคำ�ถามว่า ถ้าโมเลกุลประกอบ
ด้วยอะตอมล้อมรอบ 3 อะตอม และอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 1 คู่ ควร
มีรูปร่างโมเลกุลเป็นอย่างไร พร้อมทั้งให้ยกตัวอย่างโมเลกุล
รูปร่างโมเลกุลเป็นแบบพีระมิดฐานสามเหลี่ยม ตัวอย่างโมเลกุล เช่น NH3 PH3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
209
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์จากการใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อิเล็กตรอน
ในวงเวเลนซ์ สภาพขั้วของพันธะโคเวเลนต์ และสภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ จากการอภิปราย
การทำ�กิจกรรม การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการสังเกตและการสร้างแบบจำ�ลอง จากการทำ�กิจกรรม
3. ทักษะความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�
กิจกรรม
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณจากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
210
แบบฝึกหัด 3.9
2. เปรียบเทียบมุมพันธะในโมเลกุลแต่ละคู่ต่อไปนี้
2.1 SiH4 กับ BH3 SiH4 < BH3
2.2 H3O+ กับ H2O H3O+ > H2O
2.3 NH3 กับ H2S NH3 > H2S
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
211
แบบฝึกหัด 3.10
1. ระบุรป
ู ร่างโมเลกุล และแสดงทิศทางขัว้ ของพันธะและทิศทางขัว้ ของโมเลกุล พร้อมระบุวา่
เป็นโมเลกุลโคเวเลนต์มีขั้วหรือไม่ ลงในตารางให้ถูกต้อง
ทิศทางขั้วของพันธะและ สภาพขั้ว
ข้อ สาร รูปร่างโมเลกุล
ทิศทางขั้วของโมเลกุล ของโมเลกุล
ตัว มุมงอ
H2O O มีขั้ว
อย่าง (bent) H H
มุมงอ
1.1 OF2 O มีขั้ว
(bent) F F
1.2 CBrN เส้นตรง (linear) Br C N มีขั้ว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
212
3.3.6 แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลและสมบัติของสารโคเวเลนต์
จุดประสงค์การเรียนรู้
ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว
จุดเดือด และการละลายน้ำ�ของสารโคเวเลนต์
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเข้าใจที่ถูกต้อง
พันธะไฮโดรเจนเกิดกับโมเลกุลทีม
่ พ
ี น
ั ธะระหว่าง พั น ธะไฮโดรเจนเกิ ด จากอะตอมไฮโดรเจน
H กับ F O และ N เท่านั้น ของโมเลกุ ล หนึ่ ง กั บ อิ เ ล็ ก ตรอนคู่โ ดดเดี่ย ว
บ น อ ะ ต อ ม ข อ ง ธ า ตุ ที่ มี ข น า ด เ ล็ ก แ ล ะ
มี อิ เ ล็ ก โ ท ร เ น ก า ติ วิ ตี สู ง ข อ ง อี ก โ ม เ ล กุ ล
หนึ่ง เช่น พันธะไฮโดรเจนระหว่าง H2O กับ
CH2O โดยอะตอมไฮโดรเจนของ H2O เกิด
พันธะไฮโดรเจนกับอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวบน
อะตอมออกซิเจนของ CH2O ได้ ทั้งที่โมเลกุล
ของ CH2O ไม่มีพันธะ O−H
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูตง้ั คำ�ถามว่า สารแต่ละชนิดมีจด
ุ หลอมเหลวและจุดเดือดต่างกันหรือมีสถานะทีอ
่ ณ
ุ หภูมห
ิ อ
้ ง
ต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่า ขึ้นอยู่กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาจุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสารโคเวเลนต์บางชนิดในตาราง
3.15 และอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจุดหลอมเหลวและจุดเดือดกับสภาพขั้วและ
ขนาดของโมเลกุล ซึง่ สรุปได้วา่ สารโคเวเลนต์ไม่มข
ี ว้ั มีจด
ุ หลอมเหลวและจุดเดือดต่�ำ กว่าสารโคเวเลนต์
มีขั้ว และจุดเดือดของสารจะเพิ่มขึ้นตามขนาดโมเลกุล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
213
3. ครูอธิบายเกี่ยวกับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลชนิดต่าง ๆ โดยเริ่มจากแรงแผ่กระจาย
ลอนดอนซึ่งเป็นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลไม่มีขั้วหรืออะตอมแก๊สมีสกุล ซึ่งเป็นแรงอย่างอ่อน ๆ
จากนั้นครูอธิบายแรงระหว่างขั้วโดยใช้รูป 3.13 ประกอบการอธิบายว่าเป็นแรงดึงดูดที่เกิดจาก
สภาพขั้วของโมเลกุล โดยโมเลกุลที่อยู่ใกล้กันจะหันส่วนของโมเลกุลที่มีขั้วตรงข้ามกันเข้าหากัน
เกิดเป็นแรงดึงดูดทางไฟฟ้าจากสภาพขั้วนี้
4. ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 3.14 แล้วตั้งคำ�ถามว่า แนวโน้มจุดเดือดของสารประกอบของ
ไฮโดรเจนกับธาตุหมู่ IVA VA VIA และ VIIA เป็นอย่างไร ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่า แนวโน้มจุดเดือดจะ
เพิ่มขึ้นตามขนาดโมเลกุล เนื่องจากแรงแผ่กระจายลอนดอน ยกเว้น NH3 HF และ H2O ที่ไม่เป็นไป
ตามแนวโน้ม
5. ครูอธิบายว่าการที่ NH3 HF และ H2O ไม่เป็นไปตามแนวโน้ม เนื่องจากสารเหล่านี้
เกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุล โดยพันธะไฮโดรเจนเป็นแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลที่เกิดจาก
อะตอมไฮโดรเจนของโมเลกุลหนึ่งกับอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวบนอะตอมของธาตุที่มีขนาดเล็กและมี
อิเล็กโทรเนกาติวิตีสูงของอีกโมเลกุลหนึ่ง
6. ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 3.15 แล้วตั้งคำ�ถามว่า เพราะเหตุใด H2O จึงมีจุดเดือดสูงกว่า
HF และ NH3 ทีเ่ กิดพันธะไฮโดรเจนเหมือนกัน ซึง่ ควรได้ค�ำ ตอบว่า โมเลกุล H2O มีอเิ ล็กตรอนคูโ่ ดดเดีย
่ ว
2 คู่ บน O ทำ�ให้ H2O แต่ละโมเลกุลสามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนกับโมเลกุลข้างเคียง 4 โมเลกุล
อย่างต่อเนื่องเป็นโครงร่างตาข่าย หรือคิดเป็น 2 พันธะไฮโดรเจนต่อ H2O 1 โมเลกุล จึงทำ�ให้น้ำ�มี
จุดเดือดสูงกว่า HF ซึ่งมีพันธะไฮโดรเจน 1 พันธะต่อ HF 1 โมเลกุล ทั้งที่พันธะ H−O มีสภาพขั้ว
น้อยกว่าพันธะ H−F จึงทำ�ให้น้ำ�มีจุดเดือดสูงกว่า HF และ NH3
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
พั น ธะไฮโดรเจนนอกจากเป็ น แรงยึด เหนี่ ย วระหว่างโมเลกุล (intermolecular
H-bond) แล้ว ยังสามารถเกิดภายในโมเลกุลเดียวกันได้ (intramolecular H-bond) เช่น
โมเลกุลของ salicylaldehyde (2-hydroxybenzaldehyde) ซึ่งส่งผลต่อสมบัติของสาร
7. ครูตั้งคำ�ถามว่า แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลนอกจากมีผลต่อจุดหลอมเหลวและจุดเดือด
แล้ว ยังมีผลต่อการละลายน้ำ�ของสารโคเวเลนต์หรือไม่ อย่างไร ซึ่งควรได้คำ�ตอบว่า แรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างโมเลกุลมีผลต่อการละลายน้ำ�ของสาร โดยสารโคเวเลนต์ที่ไม่มีขั้วส่วนใหญ่ไม่ละลายหรือ
ละลายน้ำ�ได้น้อย ส่วนสารโคเวเลนต์ที่มีขั้วบางชนิดอาจละลายน้ำ�ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพขั้วและการเกิด
พันธะไฮโดรเจนกับน้ำ�
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
214
8. ครู ใ ห้ ค วามรู้ เ พิ่ ม เติ ม เกี่ ย วกั บ สมบั ติ ค วามเป็ น กรด-เบสของสารละลายที่ เ กิ ด จากสาร
โคเวเลนต์ประเภทคลอไรด์และออกไซด์ ซึ่งสารโคเวเลนต์บางชนิดเมื่อเกิดปฏิกิริยากับน้ำ�จะได้
สารละลายที่เป็นกรด เช่น CO2 SO2 PCl5
9. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับสมบัติของสารโคเวเลนต์ ซึ่งควรสรุปได้ว่า สาร
โคเวเลนต์ส่วนใหญ่มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ�กว่าสารประกอบไอออนิก เนื่องจากแรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างโมเลกุลมีค่าน้อยกว่าพันธะไอออนิก และสารละลายของสารโคเวเลนต์ในน้ำ�ส่วนใหญ่มี
สมบัติเป็นกรด
10. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปความรู้เกี่ยวกับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
ของสารโคเวเลนต์ ดังนี้ แรงยึดเหนีย
่ วระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์มห
ี ลายชนิด ซึง่ อาจเป็นแรงแผ่กระจาย
ลอนดอน แรงระหว่างขั้ว หรือพันธะไฮโดรเจน ซึ่งมีผลต่อจุดหลอมเหลว จุดเดือด และการละลายน้ำ�
ของสาร
11. ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด 3.11 เพื่อทบทวนความรู้
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย
่ วกับชนิดของแรงยึดเหนีย
่ วระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และความสัมพันธ์ระหว่าง
ชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์กับจุดหลอมเหลว จุดเดือด และการละลายน้ำ�
ของสาร จากการอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการอภิปราย
3. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
215
แบบฝึกหัด 3.11
1. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้
1.1 มีเทน (CH4)
แรงแผ่กระจายลอนดอน
1.2 ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S)
แรงระหว่างขั้ว และแรงแผ่กระจายลอนดอน
1.3 กรดไฮโดรคลอริก (HCl)
แรงระหว่างขั้ว และแรงแผ่กระจายลอนดอน
1.4 กรดแอซีติก (CH3COOH)
พันธะไฮโดรเจน แรงระหว่างขั้ว และแรงแผ่กระจายลอนดอน
1.5 คาร์บอนไดออกไซด์ในสถานะของแข็งหรือน้ำ�แข็งแห้ง (CO2)
แรงแผ่กระจายลอนดอน
2. เปรียบเทียบจุดเดือดระหว่างสารที่กำ�หนดให้ พร้อมอธิบายเหตุผล
2.1 H2 กับ Br2
H2 มีจุดเดือดต่ำ�กว่า Br2 เนื่องจากสารทั้งสองเป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว จึงมี
เฉพาะแรงแผ่กระจายลอนดอน ดังนั้นจุดเดือดจะขึ้นกับขนาดโมเลกุล โดย Br2
มีขนาดใหญ่กว่า H2
2.2 HF กับ HI
HF มีจุดเดือดสูงกว่า HI เนื่องจาก HF มีพันธะไฮโดรเจน ส่วน HI มี
แรงระหว่างขั้ว
2.3 NH3 กับ NF3
NH3 มีจุดเดือดสูงกว่า NF3 เนื่องจาก NH3 มีพันธะไฮโดรเจน ส่วน NF3 มี
แรงระหว่างขั้ว
2.4 SiH4 กับ SnH4
SiH 4 มี จ ุ ด เดื อ ดต่ำ � กว่ า SnH 4 เนื่ อ งจากสารทั้ ง สองเป็ น โมเลกุ ล ไม่ มี
ขั้ว จึงมีเฉพาะแรงแผ่กระจายลอนดอน ดังนั้นจุดเดือดจะขึ้นกับขนาดโมเลกุล
โดย SiH4 มีขนาดเล็กกว่า SnH4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
216
3.3.7 สารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย
จุดประสงค์การเรียนรู้
สืบค้นข้อมูล อธิบายสมบัติ และนำ�เสนอตัวอย่างของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายชนิดต่าง ๆ
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
แบบจำ�ลองสามมิตห
ิ รือภาพประกอบตัวอย่างโครงสร้างของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูอธิบายเกีย
่ วกับสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายว่า เป็นสารทีม
่ พ
ี น
ั ธะโคเวเลนต์เชือ
่ มต่อกัน
เป็นโครงร่างตาข่าย โดยให้นักเรียนพิจารณาตัวอย่างโครงสร้างของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย
โดยใช้แบบจำ�ลองสามมิตห
ิ รือภาพประกอบ ดังรูป 3.16
2. ครูให้นก
ั เรียนแต่ละกลุม
่ ทำ�กิจกรรม 3.3 สืบค้นข้อมูลเกีย
่ วกับสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย
ในประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้าง สมบัติ และการนำ�ไปใช้ประโยชน์ของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย
แล้วนำ�เสนอข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
217
จุดประสงค์ของกิจกรรม
สืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างโครงสร้าง สมบัติ และการนำ�ไปใช้ประโยชน์ของ
สารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย
ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
ครูอาจให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลล่วงหน้า และนำ�เสนอสิ่งที่นักเรียนสืบค้นข้อมูลใน
ชั้นเรียน
3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ แล้ว
อภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับสมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย และการนำ�ไปใช้
ประโยชน์ รวมทั้งสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายที่มีธาตุองค์ประกอบเหมือนกัน แต่มีอัญรูปต่างกัน
จะมีสมบัติต่างกัน
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย จากการอภิปรายและผลการ
สืบค้นข้อมูล
2. ทักษะการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากผลการสืบค้นข้อมูล การอภิปราย
และการนำ�เสนอ
3. ทักษะความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสืบค้นข้อมูล
4. จิตวิทยาศาสตร์ด้านความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณจากการสังเกตพฤติกรรมใน
การอภิปราย
5. จิตวิทยาศาสตร์ด้านการเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากผลการสืบค้นข้อมูล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
218
3.4 พันธะโลหะ
3.4.1 การเกิดพันธะโลหะ
3.4.2 สมบัติของโลหะ
จุดประสงค์การเรียนรู้
อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบัตข
ิ องโลหะ
สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
วีดท
ิ ศ
ั น์หรือภาพประกอบเกีย
่ วกับการเกิดพันธะโลหะและแบบจำ�ลองทะเลอิเล็กตรอน
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างโลหะและการนำ�ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำ�วัน และใช้คำ�ถาม
ว่า โลหะที่ยกตัวอย่างนั้นมีสมบัติใดที่เหมาะสมกับการนำ�ไปใช้ประโยชน์ดังกล่าว ซึ่งนักเรียนอาจ
ยกตัวอย่าง เหล็กนำ�มาใช้เป็นโครงสร้างของอาคารบ้านเรือนเนือ
่ งจากมีความแข็ง ทองแดงนำ�มาใช้ท�ำ
สายไฟฟ้าเนื่องจากสามารถนำ�ไฟฟ้าได้ จากนั้นอภิปรายร่วมกันเพื่อให้สรุปได้ว่า โลหะส่วนใหญ่เป็น
ของแข็ง มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง ผิวมันวาว สามารถนำ�ไฟฟ้าและนำ�ความร้อนได้
2. ครูตง้ั คำ�ถามนำ�ว่า อะตอมธาตุโลหะสร้างพันธะเคมีระหว่างกันอย่างไร เหมือนหรือต่างจาก
พันธะไอออนิกและพันธะโคเวเลนต์หรือไม่ เพื่อนำ�เข้าสู่การเกิดพันธะโลหะ
3. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์หรือภาพประกอบ ดังรูป 3.17 เกี่ยวกับการเกิดพันธะโลหะและ
แบบจำ�ลองทะเลอิเล็กตรอน จากนั้นอธิบายว่า พันธะโลหะเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างโปรตอนใน
นิวเคลียสของอะตอมธาตุโลหะกับเวเลนซ์อิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่ไปทั่วทั้งชิ้นโลหะ ซึ่งการเกิดพันธะ
โลหะสามารถแสดงได้ด้วยแบบจำ�ลองทะเลอิเล็กตรอน
4. ครูและนักเรียนอภิปรายและลงข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับพันธะโลหะที่ส่งผลต่อสมบัติต่าง ๆ
ของโลหะ ได้แก่ จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง ผิวมันวาวและสะท้อนแสงได้ นำ�ไฟฟ้าและนำ�ความร้อน
ได้ดี รวมทั้งการตีให้แผ่ออกเป็นแผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ที่เกิดจากการเลื่อนไถลของอะตอมโลหะเมื่อ
ถูกแรงกระทำ� โดยใช้รูป 3.18 ประกอบการอภิปราย
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรูเ้ กีย
่ วกับการเกิดพันธะโลหะและสมบัตข
ิ องโลหะ จากการอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด
และการทดสอบ
2. จิตวิทยาศาสตร์ดา้ นความใจกว้างและการใช้วจิ ารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมในการอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
219
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ
2. สื บ ค้ น ข้ อ มู ล และนำ � เสนอตั ว อย่ า งการใช้ ป ระโยชน์ ข องสารประกอบไอออนิ ก
สารโคเวเลนต์ และโลหะ ได้อย่างเหมาะสม
แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนพิจารณาตาราง 3.16 เพื่อทบทวนความรู้เกี่ยวกับชนิดของพันธะและสมบัติ
ของสาร ซึ่งควรสรุปได้ว่า
- พันธะไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างประจุไฟฟ้าของไอออนบวกกับไอออนลบ
ซึ่งส่วนใหญ่ไอออนบวกเกิดจากโลหะเสียอิเล็กตรอนและไอออนลบเกิดจากอโลหะรับอิเล็กตรอน
เกิดเป็นสารประกอบไอออนิกที่ส่วนใหญ่เป็นผลึกของแข็ง เปราะ มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
ละลายน้ำ�ได้ ไม่นำ�ไฟฟ้าเมื่อเป็นของแข็ง แต่นำ�ไฟฟ้าได้เมื่อหลอมเหลวหรือละลายในน้ำ�
- พันธะโคเวเลนต์เกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมธาตุ 2 อะตอม ซึ่งส่วนใหญ่เป็น
ธาตุอโลหะโดยใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน เกิดเป็นสารโคเวเลนต์ที่ส่วนใหญ่มีจุดหลอมเหลวและ
จุดเดือดต่ำ� ไม่ละลายน้ำ� และไม่นำ�ไฟฟ้า ส่วนสารที่มีพันธะโคเวเลนต์ต่อเนื่องกันไปในสามมิติเป็น
สารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายที่มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
- พันธะโลหะเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างโปรตอนในนิวเคลียสกับเวเลนซ์อิเล็กตรอน
ที่เคลื่อนที่ไปทั่วทั้งชิ้นโลหะ โดยโลหะส่วนใหญ่เป็นของแข็ง มีผิวมันวาว ตีเป็นแผ่นหรือดึงเป็นเส้น
ได้ นำ�ความร้อนและนำ�ไฟฟ้าได้ดี มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
2. ครูอาจให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อสรุปความคิดรวบยอด เรื่อง พันธะเคมี โดยให้นักเรียน
เขียนแผนภาพเวนน์หรือผังมโนทัศน์ ดังตัวอย่างกิจกรรม 5 ซึ่งเป็นกิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครูดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
220
กิจกรรมเสนอแนะสำ�หรับครู
ตัวอย่างกิจกรรม 5 สรุปความคิดรวบยอด เรื่อง พันธะเคมี
พันธะไอออนิก พันธะโคเวเลนต์
- เกิดจากการยึดเหนีย
่ ว - เกิดจากการยึดเหนีย
่ ว
สามารถพบในรูป
ระหว่างประจุไฟฟ้า ภายในโมเลกุล
สารประกอบ
- เกิดจากการใช้
- เกิดจากการให้และรับ
เวเลนซ์อเิ ล็กตรอนร่วมกัน
อิเล็กตรอน
- พบในธาตุและ
- ไม่น�ำ ไฟฟ้าใน พันธะเคมี สารประกอบ
สถานะของแข็ง
นำ�ไฟฟ้าได้เมื่อ สามารถพบในรูป
หลอมเหลว ธาตุ
- เกิดจากการยึดเหนีย
่ วระหว่าง - จุดหลอมเหลว
โปรตรอนในนิวเคลียวกับเวเลนซ์ และจุดเดือดสูง
อิเล็กตรอนทีเ่ คลือ
่ นทีอ
่ ส
ิ ระ - นำ�ความร้อนและ
นำ�ไฟฟ้าได้ดี
พันธะโลหะ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
221
สัญลักษณ์แบบจุด กฎออกเตต
เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน
ของอิลอิส
พันธะโคเวเลนต์
สารประกอบไอออนิก
• ผิวมันวาว
• ตีเป็นแผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้
• จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
สารโคเวเลนต์
สูตรของ • นำ�ความร้อนและนำ�ไฟฟ้าได้ดี
สารประกอบ
วัฏจักร แรงยึดเหนีย
่ ว
บอร์น-ฮาเบอร์ สูตร ระหว่างโมเลกุล
โมเลกุล
• ผลึกเป็นของแข็งเปราะ
• แรงแผ่กระจายลอนดอน
• จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
• แรงระหว่างขัว้
• ละลายน้�ำ ได้
• พันธะไฮโดรเจน
• ไม่น�ำ ไฟฟ้าเมือ
่ เป็นของแข็ง
แต่น�ำ ไฟฟ้าได้เมือ
่ หลอมเหลว
หรือละลายในน้�ำ
โมเลกุล โมเลกุล • จุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่�ำ
ไม่มข
ี ว้ั มีขว้ั • ไม่ละลายน้�ำ
• ไม่น�ำ ไฟฟ้า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
222
จุดประสงค์ของกิจกรรม
สืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างการนำ�สารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และ
โลหะ ไปใช้ประโยชน์ ตามสมบัติของพันธะไอออนิก พันธะโคเวเลนต์ และพันธะโลหะ
ข้อเสนอแนะสำ�หรับครู
ครูอาจให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลล่วงหน้า และนำ�เสนอสิ่งที่นักเรียนสืบค้นข้อมูลใน
ชั้นเรียน
5. ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัดท้ายบทเพื่อทบทวนความรู้
แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับสมบัติบางประการและประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์
และโลหะ จากการอภิปราย ผลการสืบค้นข้อมูล การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ
2. ทักษะการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากผลการสืบค้นข้อมูล การอภิปราย
และการนำ�เสนอ
3. ทักษะความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสืบค้นข้อมูล
4. จิตวิทยาศาสตร์ดา้ นความใจกว้างและการใช้วจิ ารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมในการอภิปราย
5. จิตวิทยาศาสตร์ด้านการเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากผลการสืบค้นข้อมูล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
223
แบบฝึกหัดท้ายบท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
224
2. กำ�หนดธาตุสมมติในตารางธาตุดังนี้
A B C D
E F G H
ตอบคำ�ถามต่อไปนี้
2.1 เขียนไอออนที่เสถียรของธาตุทั้งหมด
A+ B3+ C2- D- E+ F2+ G3- ส่วน H เป็นแก๊สมีสกุลไม่เกิดเป็นไอออน
2.2 ธาตุไนโตรเจนรวมตัวกับธาตุใดบ้างเกิดพันธะโคเวเลนต์
C D และ G
2.3 ธาตุ A กับ C และธาตุ B กับ D เมื่อเกิดสารประกอบจะมีสูตรเคมีเป็นอย่างไร
A2C และ BD3
2.4 X และ Y เกิดสารประกอบออกไซด์ที่มีสูตรเป็น X2O และ Y2O3 ดังนั้น X และ
Y เป็นธาตุใดได้บ้างในตาราง
ธาตุ X คือ ธาตุ A กับ E เกิดสารประกอบออกไซด์ที่มีสูตรเคมีเป็น X2O
ธาตุ Y คือ ธาตุ B กับ G เกิดสารประกอบออกไซด์ที่มีสูตรเคมีเป็น Y2O3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
225
ประเภทของสาร
ธาตุ สูตร ชื่อสาร สาร สารประกอบ
โคเวเลนต์ ไอออนิก
ออกซิเจนไดฟลูออไรด์
F กับ O OF2
(oxygen difluoride)
ลิเทียมฟลูออไรด์
Li กับ F LiF
(lithium fluoride)
4. เขียนสูตรและชื่อสาร พร้อมทั้งระบุชนิดของสารประกอบที่เกิดจากการรวมตัวของธาตุ
คลอรีนกับธาตุต่อไปนี้
4.1 ธาตุลิเทียม
LiCl ลิเทียมคลอไรด์ (lithium chloride) เป็นสารประกอบไอออนิก
4.2 ธาตุโบรอน
BCl3 โบรอนไตรคลอไรด์ (boron trichloride) เป็นสารโคเวเลนต์
4.3 ธาตุไนโตรเจน
NCl3 ไนโตรเจนไตรคลอไรด์ (nitrogen trichloride) เป็นสารโคเวเลนต์
4.4 ธาตุแมกนีเซียม
MgCl2 แมกนีเซียมคลอไรด์ (magnesium chloride) เป็นสารประกอบไอออนิก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
226
4.5 ธาตุอะลูมิเนียม
AlCl3 อะลูมิเนียมไตรคลอไรด์ (aluminium trichloride) เป็นสารโคเวเลนต์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
227
6. เขียนสมการแสดงการคำ�นวณพลังงานของการเกิดสารประกอบลิเทียมอะลูมิเนียม
ไฮไดรด์ (LiAlH4) และคำ�นวณพลังงานแลตทิซของ LiAlH4 จากค่าพลังงานที่กำ�หนดให้
ต่อไปนี้
พลังงานการระเหิดของ Al 330
พลังงานพันธะของ H2 436
สัมพรรคภาพอิเล็กตรอนลำ�ดับที่ 1 ของ H 73
พลังงานรวมของการเกิดปฏิกิริยา -116.3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
228
7. เมื่อให้พลังงานแก่แก๊สไฮโดรเจนจนกลายเป็นอะตอมไฮโดรเจนดังสมการ
H2(g) + 436 kJ/mol 2H(g)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
229
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
230
BCl3 สามเหลี่ยมแบนราบ
(trigonal planar)
AsCl5 พีระมิดคู่ฐานสามเหลี่ยม
(trigonal bipyramidal)
SiCl4 ทรงสี่หน้า
(tetrahedral)
CH2Cl2 ทรงสี่หน้า
(tetrahedral)
10. เรียงลำ�ดับสภาพขั้วของพันธะต่อไปนี้จากน้อยไปมาก
N−H F−H B−H C−H O−H S−H
เมื่ อ ใช้ ค่ า อิ เ ล็ ก โทรเนกาติ วิ ตี ข องธาตุ เ ป็ น เกณฑ์ ใ นการพิ จ ารณาสภาพขั้ ว ของ
พันธะเรียงลำ�ดับจากน้อยไปมากได้ดังนี้
B−H < C−H < S−H < N−H < O−H < F−H
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บทที่ 3 | พันธะเคมี
231
11. ระบุชนิดของพันธะและแรงยึดเหนีย
่ วทีส
่ �ำ คัญระหว่างโมเลกุลหรืออนุภาคของสารต่อไปนี้
Fe HF CO2 H2O KCl NCl3
Fe เป็นพันธะโลหะ
HF เป็นพันธะโคเวเลนต์ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็นพันธะไฮโดรเจน
CO2 เป็นพันธะโคเวเลนต์ มีแรงยึดเหนีย
่ วระหว่างโมเลกุลเป็นแรงแผ่กระจายลอนดอน
H2O เป็นพันธะโคเวเลนต์ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็นพันธะไฮโดรเจน
KCl เป็นพันธะไอออนิก
NCl3 เป็นพันธะโคเวเลนต์ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็นแรงระหว่างขั้ว
12. เพราะเหตุใดจึงสามารถตีทองคำ�แท่งให้เป็นเส้นทองคำ�ได้
เนื่องจากทองคำ�เป็นโลหะ อะตอมของโลหะจัดเรียงตัวเป็นชั้น ๆ อย่างมีระเบียบ
การทุ บ หรื อ ตี แ ผ่ น โลหะ เป็ น การผลั ก ให้ ชั้ น ของอะตอมโลหะเลื่ อ นไถลออกไป
จากตำ�แหน่งเดิม ทำ�ให้แผ่นโลหะยาวออกไปหรื อบางลง แต่ อะตอมของโลหะใน
ตำ�แหน่งใหม่ไม่หลุดออกจากกันเพราะมีกลุ่มเวเลนซ์อิเล็กตรอนยึดอนุภาคเหล่านั้น
ไว้ ดังนั้นจึงตีทองคำ�แท่งให้เป็นเส้นทองคำ�ได้
13. สารประกอบไอออนิกและโลหะเมื่อหลอมเหลวสามารถนำ�ไฟฟ้าได้แตกต่างกับเมื่อ
เป็นของแข็งหรือไม่ อย่างไร
สารประกอบไอออนิกเมื่อเป็นของแข็งจะไม่นำ�ไฟฟ้า เพราะไอออนบวกและไอออน
ลบถู ก ยึ ด ไว้ แ น่ น แต่ เมื่อ หลอมเหลวไอออนบวกและไอออนลบสามารถเคลื่อนที่ได้
จึงนำ�ไฟฟ้าได้
โลหะเมื่อเป็นของแข็งจะนำ�ไฟฟ้าได้ดี เนื่องจากโลหะมีอิเล็กตรอนอิสระที่เคลื่อนที่
ได้ ทั่ ว ทั้ ง ก้ อ น เมื่ อ หลอมเหลวความสามารถในการนำ � ไฟฟ้ า จะลดลง เนื่ อ งจาก
อะตอมของโลหะอยูห
่ า่ งกันและไม่เป็นระเบียบ ทำ�ให้อเิ ล็กตรอนอิสระเคลือ
่ นทีไ่ ม่สะดวก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | พันธะเคมี เคมี เล่ม 1
232
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
233
ภาคผนวก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคผนวก เคมี เล่ม 1
234
ตัวอย่างเครื่องมือวัดและประเมินผล
แบบทดสอบ
การประเมินผลด้วยแบบทดสอบเป็นวิธท
ี น
ี่ ย
ิ มใช้กน
ั อย่างแพร่หลายในการวัดผลสัมฤทธิใ์ นการเรียน
โดยเฉพาะด้านความรูแ
้ ละความสามารถทางสติปญ
ั ญา ครูควรมีความเข้าใจในลักษณะของแบบทดสอบ
รวมทั้งข้อดีและข้อจำ�กัดของแบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการสร้างหรือเลือกใช้แบบ
ทดสอบให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด โดยลักษณะของแบบทดสอบ รวมทั้งข้อดีและข้อจำ�กัดของ
แบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เป็นดังนี้
1) แบบทดสอบแบบที่มีตัวเลือก
แบบทดสอบแบบทีม
่ ต
ี วั เลือก ได้แก่ แบบทดสอบแบบเลือกตอบ แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด และ
แบบทดสอบแบบจับคู่ รายละเอียดของแบบทดสอบแต่ละแบบเป็นดังนี้
1.1) แบบทดสอบแบบเลือกตอบ
เป็นแบบทดสอบทีม
่ ก
ี ารกำ�หนดตัวเลือกให้หลายตัวเลือก โดยมีตวั เลือกทีถ
่ ก
ู เพียงหนึง่ ตัวเลือก
องค์ประกอบหลักของแบบทดสอบแบบเลือกตอบมี 2 ส่วน คือ คำ�ถามและตัวเลือก แต่บางกรณีอาจ
มีส่วนของสถานการณ์เพิ่มขึ้นมาด้วย แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีหลายรูปแบบ เช่น แบบทดสอบ
แบบเลือกตอบคำ�ถามเดีย
่ ว แบบทดสอบแบบเลือกตอบคำ�ถามชุด แบบทดสอบแบบเลือกตอบคำ�ถาม
2 ชั้น โครงสร้างดังตัวอย่าง
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำ�ถามเดี่ยวที่ไม่มีสถานการณ์
คำ�ถาม…………………………………………………………………….
ตัวเลือก
ก................................................
ข................................................
ค................................................
ง................................................
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
235
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำ�ถามเดี่ยวที่มีสถานการณ์
สถานการณ์……………………………………………………………......................
คำ�ถาม…………………………………………………....................………………….
ตัวเลือก
ก................................................
ข................................................
ค................................................
ง................................................
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำ�ถามเป็นชุด
สถานการณ์……………………………………………………………......................
คำ�ถาม…………………………………………………....................………………….
ตัวเลือก
ก................................................
ข................................................
ค................................................
ง................................................
คำ�ถามที่ 2 ……………………………………………………………..................
ตัวเลือก
ก................................................
ข................................................
ค................................................
ง................................................
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคผนวก เคมี เล่ม 1
236
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำ�ถาม 2 ชั้น
สถานการณ์……………………………………………………………......................
คำ�ถาม…………………………………………………....................………………….
ตัวเลือก
ก................................................
ข................................................
ค................................................
ง................................................
คำ�ถามที่ 2 (ถามเหตุผลของการตอบคำ�ถามที่ 1)
……………………………………………………………........................................
……………………………………………………………........................................
แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีขอ
้ ดีคอ
ื สามารถใช้วด
ั ผลสัมฤทธิข
์ องนักเรียนได้ครอบคลุมเนือ
้ หา
ตามจุดประสงค์ สามารถตรวจให้คะแนนและแปลผลคะแนนได้ตรงกัน แต่มข
ี อ
้ จำ�กัดคือ ไม่เปิดโอกาส
ให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างอิสระจึงไม่สามารถวัดความคิดระดับสูง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ได้
นอกจากนี้นักเรียนที่ไม่มีความรู้สามารถเดาคำ�ตอบได้
1.2) แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
เป็นแบบทดสอบทีม
่ ต
ี วั เลือก ถูกและผิด เท่านัน
้ มีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ คำ�สัง่ และข้อความ
ให้นักเรียนพิจารณาว่าถูกหรือผิด ดังตัวอย่าง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
237
แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
………… 1. ข้อความ……………………………………………..……………..………………….....
………… 2. ข้อความ……………………………………………..……………..………………….....
………… 3. ข้อความ……………………………………………..……………..………………….....
………… 4. ข้อความ……………………………………………..……………..………………….....
………… 5. ข้อความ……………………………………………..……………..………………….....
แบบทดสอบแบบจับคู่
ชุดคำ�ถาม ชุดคำ�ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคผนวก เคมี เล่ม 1
238
แบบทดสอบรูปแบบนี้สร้างได้ง่ายตรวจให้คะแนนได้ตรงกัน และเดาคำ�ตอบได้ยากเหมาะ
สำ�หรับวัดความสามารถในการหาความสัมพันธ์ระหว่างคำ�หรือข้อความ 2 ชุด แต่ในกรณีที่นักเรียน
จับคู่ผิดไปแล้วจะทำ�ให้มีการจับคู่ผิดในคู่อื่น ๆ ด้วย
2) แบบทดสอบแบบเขียนตอบ
เป็นแบบทดสอบที่ให้นักเรียนคิดคำ�ตอบเอง จึงมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสะท้อน
ความคิดออกมาโดยการเขียนให้ผอ
ู้ า่ นเข้าใจ โดยทัว่ ไปการเขียนตอบมี 2 แบบ คือ การเขียนตอบแบบ
เติมคำ�หรือการเขียนตอบอย่างสั้น และการเขียนตอบแบบอธิบาย รายละเอียดของแบบทดสอบที่มี
การตอบแต่ละแบบเป็นดังนี้
2.1) แบบทดสอบเขียนตอบแบบเติมคำ�หรือตอบอย่างสั้น
ประกอบด้วยคำ�สั่ง และข้อความที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งจะมีส่วนที่เว้นไว้เพื่อให้เติมคำ�ตอบหรือ
ข้อความสัน
้ ๆ ทีท
่ �ำ ให้ขอ
้ ความข้างต้นถูกต้องหรือสมบูรณ์ นอกจากนีแ
้ บบทดสอบยังอาจประกอบด้วย
สถานการณ์และคำ�ถามที่ให้นักเรียนตอบโดยการเขียนอย่างอิสระ แต่สถานการณ์และคำ�ถามจะเป็น
สิ่งที่กำ�หนดคำ�ตอบให้มีความถูกต้องและเหมาะสม
แบบทดสอบรูปแบบนี้สร้างได้ง่าย มีโอกาสเดาได้ยาก และสามารถวินิจฉัยคำ�ตอบที่นักเรียน
ตอบผิดเพื่อให้ทราบถึงข้อบกพร่องทางการเรียนรู้หรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ แต่การจำ�กัด
คำ�ตอบให้นักเรียนตอบเป็นคำ� วลี หรือประโยคได้ยาก ตรวจให้คะแนนได้ยากเนื่องจากบางครั้งมี
คำ�ตอบถูกต้องหรือยอมรับได้หลายคำ�ตอบ
2.2) แบบทดสอบเขียนตอบแบบอธิบาย
เป็นแบบทดสอบที่ต้องการให้นักเรียนสร้างคำ�ตอบอย่างอิสระ ประกอบด้วยสถานการณ์และ
คำ�ถามที่สอดคล้องกัน โดยคำ�ถามเป็นคำ�ถามแบบปลายเปิด
แบบทดสอบรูปแบบนีใ้ ห้อส
ิ ระแก่นก
ั เรียนในการตอบจึงสามารถใช้วด
ั ความคิดระดับสูงได้ แต่
เนือ
่ งจากนักเรียนต้องใช้เวลาในการคิดและเขียนคำ�ตอบมาก ทำ�ให้ถามได้นอ
้ ยข้อ จึงอาจทำ�ให้วด
ั ได้ไม่
ครอบคลุมเนือ
้ หาทัง้ หมด รวมทัง้ ตรวจให้คะแนนยาก และการตรวจให้คะแนนอาจไม่ตรงกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
239
แบบประเมินทักษะ
เมื่ อ นั ก เรี ย นได้ ล งมื อ ปฏิ บั ติ กิ จ กรรมจริ ง จะมี ห ลั ก ฐานร่ อ งรอยที่ แ สดงไว้ ทั้ ง วิ ธี ก ารปฏิ บั ติ แ ละ
ผลการปฏิบต
ั ิ ซึง่ หลักฐานร่องรอยเหล่านัน
้ สามารถใช้ในการประเมินความสามารถ ทักษะการคิด และ
ทักษะปฏิบัติได้เป็นอย่างดี
การปฏิบต
ั ก
ิ ารทดลองเป็นกิจกรรมทีส
่ �ำ คัญทีใ่ ช้ในการจัดการเรียนรูท
้ างวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไปจะ
ประเมิ น 2 ส่ ว น คื อ ประเมิ น ทั ก ษะการปฏิ บั ติ ก ารทดลองและการเขี ย นรายงานการทดลอง
โดยเครื่องมือที่ใช้ประเมินดังตัวอย่าง
ตัวอย่างแบบสำ�รวจรายการทักษะปฏิบัติการทดลอง
ผลการสำ�รวจ
รายการที่ต้องสำ�รวจ
มี ไม่มี
(ระบุจำ�นวนครั้ง)
การวางแผนการทดลอง
การทดลองตามขั้นตอน
การสังเกตการทดลอง
การบันทึกผล
การอภิปรายผลการทดลองก่อนลงข้อสรุป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคผนวก เคมี เล่ม 1
240
ตัวอย่างแบบประเมินทักษะปฏิบต
ั ก
ิ ารทดลองทีใ่ ช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย
คะแนน
ทักษะปฏิบัติ
3 2 1
การทดลอง
การเลื อ กใช้ อุ ป กรณ์ / เลื อ กใช้ อุ ป กรณ์ / เลื อ กใช้ อุ ป กรณ์ / เลื อ กใช้ อุ ป กรณ์ /
เครื่องมือในการทดลอง เ ค รื่ อ ง มื อ ใ น ก า ร เ ค รื่ อ ง มื อ ใ น ก า ร เ ค รื่ อ ง มื อ ใ น ก า ร
ทดลองได้ ถู ก ต้ อ ง ทดลองได้ถก
ู ต้องแต่ ทดลองไม่ถก
ู ต้อง
เหมาะสมกับงาน ไม่เหมาะสมกับงาน
การใช้อป
ุ กรณ์/เครือ
่ งมือ ใช้อป
ุ กรณ์/เครือ
่ งมือ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ใช้อป
ุ กรณ์/เครือ
่ งมือ
ในการทดลอง ใ น ก า ร ท ด ล อ ง ไ ด้ ในการทดลองได้ ถู ก ในการทดลองไม่ถูก
อย่ า งคล่ อ งแคล่ ว ต้องตามหลักการ ต้อง
แ ล ะ ถู ก ต้ อ ง ต า ม ปฏิบัติ แต่ไม่
หลักการปฏิบัติ คล่องแคล่ว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
241
ตัวอย่างแบบประเมินทักษะปฏิบัติการทดลองที่ใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบมาตรประมาณค่า
ผลการประเมิน
ทักษะที่ประเมิน
ระดับ 3 ระดับ 2 ระดับ 1
ตัวอย่างแนวทางการให้คะแนนการเขียนรายงานการทดลอง
คะแนน
3 2 1
แบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์
การประเมินจิตวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำ�ได้โดยตรง โดยทั่วไปทำ�โดยการตรวจสอบพฤติกรรม
ภายนอกที่ปรากฏให้เห็นในลักษณะของคำ�พูด การแสดงความคิดเห็น การปฏิบัติหรือพฤติกรรมบ่งชี้
ทีส
่ ามารถสังเกตหรือวัดได้ และแปลผลไปถึงจิตวิทยาศาสตร์ซงึ่ เป็นสิง่ ทีส
่ ง่ ผลให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าว
เครื่องมือที่ใช้ประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์ ดังตัวอย่าง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคผนวก เคมี เล่ม 1
242
ตัวอย่างแบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์
ระดับพฤติกรรมการแสดงออก
รายการพฤติกรรมการแสดงออก
มาก ปาน น้อย ไม่มีการ
กลาง แสดงออก
ด้านความอยากรู้อยากเห็น
1. นักเรียนสอบถามจากผู้รู้หรือไปศึกษา
ค้นคว้าเพิ่มเติม เมื่อเกิดความสงสัยใน
เรื่องราววิทยาศาสตร์
2. นักเรียนชอบไปงานนิทรรศการ
วิทยาศาสตร์
3. นักเรียนนำ�การทดลองที่สนใจไป
ทดลองต่อที่บ้าน
ด้านความซื่อสัตย์
1. นักเรียนรายงานผลการทดลองตามที่
ทดลองได้จริง
2. เมือ
่ ทำ�การทดลองผิดพลาด นักเรียนจะ
ลอกผลการทดลองของเพื่อส่งครู
3. เมื่อครูมอบหมายให้ทำ�ชิ้นงาน
ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ นักเรียนจะ
ประดิษฐ์ตามแบบที่ปรากฏอยู่ใน
หนังสือ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
243
ระดับพฤติกรรมการแสดงออก
รายการพฤติกรรมการแสดงออก
มาก ปาน น้อย ไม่มีการ
กลาง แสดงออก
ด้านความใจกว้าง
1. แม้วา่ นักเรียนจะไม่เห็นด้วยกับการสรุป
ผลการทดลองในกลุ่ม แต่ก็ยอมรับผล
สรุปของสมาชิกส่วนใหญ่
2. ถ้าเพือ
่ นแย้งวิธก
ี ารทดลองของนักเรียน
และมีเหตุผลที่ดีกว่า นักเรียนพร้อมที่
จ ะ นำ � ข้ อ เ ส น อ แ น ะ ข อ ง เ พื่ อ น ไ ป
ปรับปรุงงานของตน
3. เมื่อ งานที่นัก เรี ย นตั้ง ใจและทุ่ม เททำ �
ถูกตำ�หนิหรือโต้แย้ง นักเรียนจะหมด
กำ�ลังใจ
ด้านความรอบคอบ
1. นั ก เรี ย นสรุ ป ผลการทดลองทั น ที เ มื่ อ
เสร็จสิ้นการทดลอง
2. นักเรียนทำ�การทดลองซ้ำ� ๆ ก่อนที่จะ
สรุปผลการทดลอง
3. นั ก เรี ย นตรวจสอบความพร้ อ มของ
อุปกรณ์ก่อนทำ�การทดลอง
ด้านความมุ่งมั่นอดทน
1. ถึ ง แม้ ว่ า งานค้ น คว้ า ที่ ทำ � อยู่ มี โ อกาส
สำ�เร็จได้ยาก นักเรียนจะยังค้นคว้าต่อไป
2. นักเรียนล้มเลิกการทดลองทันที เมือ
่ ผล
การทดลองทีไ่ ด้ขด
ั จากทีเ่ คยได้เรียนมา
3. เมื่อทราบว่าชุดการทดลองที่นักเรียน
สนใจต้องใช้ระยะเวลาในการทดลอง
นาน นักเรียนก็เปลี่ยนไปศึกษาชุดการ
ทดลองที่ใช้เวลาน้อยกว่า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคผนวก เคมี เล่ม 1
244
ระดับพฤติกรรมการแสดงออก
รายการพฤติกรรมการแสดงออก
มาก ปาน น้อย ไม่มีการ
กลาง แสดงออก
เจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์
1. นักเรียนนำ�ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มา
ใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำ�วันอยู่เสมอ
2. นักเรียนชอบทำ�กิจกรรมทีเ่ กีย
่ วข้องกับ
วิทยาศาสตร์
3. นั ก เ รี ย น ส น ใ จ ติ ด ต า ม ข่ า ว ส า ร ที่
เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
การประเมินการนำ�เสนอผลงาน
การประเมินผลและให้คะแนนการนำ�เสนอผลงานใช้แนวทางการประเมินเช่นเดียวกับการประเมิน
ภาระงานอื่น คือ การใช้คะแนนแบบภาพรวม และการให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย ดังราย
ละเอียดต่อไปนี้
1) การให้คะแนนในภาพรวม เป็นการให้คะแนนทีต ่ อ
้ งการสรุปภาพรวมจึงประเมินเฉพาะประเด็น
หลักทีส
่ �ำ คัญ ๆ เช่น การประเมินความถูกต้องของเนือ
้ หา ความรูแ้ ละการประเมินสมรรถภาพด้านการ
เขียนโดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบภาพรวม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินความถูกต้องของเนื้อหาความรู้ (แบบภาพรวม)
รายการประเมิน ระดับคุณภาพ
เนื้อหาไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ต้องปรับปรุง
เนือ
้ หาถูกต้อง มีสาระสำ�คัญ แต่ยงั ไม่ครบถ้วน มีการระบุแหล่งทีม
่ าของความรู้ ดี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
245
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพด้านการเขียน (แบบภาพรวม)
รายการประเมิน ระดับคุณภาพ
เขียนเป็นระบบ แสดงให้เห็นโครงสร้างของเรือ
่ ง บอกความสำ�คัญและทีม
่ าของ ดี
ปัญหา จุดประสงค์ แนวคิดหลักไม่ครอบคลุมประเด็นสำ�คัญทั้งหมด เนื้อหา
บางตอนเรียบเรียงไม่ต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง มีการยกตัวอย่าง รูปภาพ
แผนภาพประกอบ อ้างอิงแหล่งทีม
่ าของความรู้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคผนวก เคมี เล่ม 1
246
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมนสมรรถภาพ (แบบแยกองค์ประกอบย่อย)
รายการประเมิน ระดับคุณภาพ
ด้านการวางแผน
ไม่สามารถออกแบบได้ หรือออกแบบได้แต่ไม่ตรงกับประเด็นปัญหาทีต
่ อ
้ งการ ต้องปรับปรุง
เรียนรู้
ออกแบบการได้ตามประเด็นสำ�คัญของปัญหาเป็นบางส่วน พอใช้
ออกแบบได้ครอบคลุมทุกประเด็นสำ�คัญของปัญหาอย่างเป็นขัน
้ ตอนทีช
่ ด
ั เจน ดีมาก
และตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการ
ด้านการดำ�เนินการ
ดำ�เนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณ์และสื่อประกอบการสาธิตได้อย่าง ดี
คล่องแคล่วและเสร็จทันเวลา ผลงานในบางขัน
้ ตอนไม่เป็นไปตามจุดประสงค์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 ภาคผนวก
247
รายการประเมิน ระดับคุณภาพ
ด้านการอธิบาย
อธิ บ ายโดยอาศั ย แนวคิ ด หลั ก ทางวิ ท ยาศาสตร์ แต่ ก ารอธิ บ ายเป็ น แบบ พอใช้
พรรณนาทั่วไปซึ่งไม่คำ�นึงถึงการเชื่อมโยงกับปัญหาทำ�ให้เข้าใจยาก
อธิบายโดยอาศัยแนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเด็นของปัญหาแต่ ดี
ข้ามไปในบางขัน
้ ตอน ใช้ภาษาได้ถก
ู ต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บรรณานุกรม เคมี เล่ม 1
248
บรรณานุกรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 บรรณานุกรม
249
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บรรณานุกรม เคมี เล่ม 1
250
International Atomic Energy Agency. (2017). New Symbol Launched to Warn Public
About Radiation Dangers. Retrieved July 10, 2017, from https://www.iaea.org/
newscenter/news/new-symbol-launched-warn-public-about-radiation-dangers-0.
Kessel, H.V. & other. (2003). Nelson Chemistry 12. Ontario: Nelson.
Lawrie R., & Roger, N. (2014). Chemistry Coursebook. 2nd ed. Cambridge: Cambridge
University Press.
Neuss, G. (2007). Chemistry Course Companion. Oxford: Bell and Bain.
Silberberg, M.S. (2009) Chemistry: The Molecular Nature of Matter and Change.
5th ed. New York: McGraw-Hill.
Skoog, D.A. & other. (2004). Fundamentals of Analytical Chemistry. 8th ed. California:
Thomson-Brooks/Cole.
Talbot, C. & Harwood, R. & Coates, C. (2010). Chemistry for the IB Diploma. London:
Hodder Education.
Toon, T. Y. & other. (2013). Chemistry Matters GCE ‘O’ Level. 2nd ed. Singapore:
Marshall Cavendish Education.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เคมี เล่ม 1 คณะกรรมการจัดทำ�คู่มือครู
251
คณะที่ปรึกษา
1. ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำ�นวยการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2. รศ.ดร.สัญญา มิตรเอม รองผู้อำ�นวยการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3. ดร.วนิดา ธนประโยชน์ศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำ�นวยการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะผู้จัดทำ�คู่มือครู รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 1
1. ศ.ดร.มงคล สุขวัฒนาสินิทธิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. ผศ.ดร.พร้อมพงศ์ เพียรพินจ
ิ ธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6. นางสาวอัญชานา นิม
่ อนุสสรณ์กล
ุ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
คณะบรรณาธิการ
1. ศ.ดร.มงคล สุขวัฒนาสินิทธิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. ผศ.ดร.พร้อมพงศ์ เพียรพินจ
ิ ธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4. นายณรงค์ศิลป์ ธูปพนม ผู้เชี่ยวชาญพิเศษอาวุโส
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. นางสาวศศินี อังกานนท์ิ์ ผู้ชำ�นาญ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
6. นางสุทธาทิพย์ หวังอำ�นวยพร ผู้ชำ�นาญ สาขาเคมีและชีววิทยา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบน
ั สง�เสรมิ การสอนวท
ิ ยาศาสตรแ
� ละเทคโนโลยี
กระทรวงศก ึ ษาธกิ าร