Professional Documents
Culture Documents
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 1/56 หน้า 1
7. ธาตุ A และ B อยูใ่ นคาบเดียวกันของตารางธาตุ มีสมบัติบางประการ ดังนี้ 10. เลขอะตอมของ Ca และ Cl เท่ากับ 20 และ 17 ตามลาดับ ถ้าธาตุท้ งั 2 รวมตัวกันเกิด
เป็ นสารประกอบไอออนิก ข้อใดแสดงการจัดเรี ยงตัวของอิเล็กตรอนของไอออนทั้งสอง
สาร A B
ในสารประกอบได้ ถูกต้องที่สุด
สถานะที่อุณหภูมิ ของแข็ง ของแข็ง
ความสามารถในการสร้างพันธะ ดีมาก ไม่มี ไอออนของ Ca ไอออนของ Cl
โคเวเลนต์ ก 2 8 8 2 8 8
การเปลี่ยนแปลงเมื่อใส่ลงน้ า ไม่ละลาย ไม่เกิดปฏิกิริยา เกิดปฏิกิริยารุ นแรง เกิดแก๊ส ข 2 8 8 1 2 8 8
ค 2 8 8 2 8 8 1
ข้อใดสรุ ปถูกต้อง ง 2 8 6 2 8 8 1
ก. ธาตุ A เป็ นโลหะ
ข. ธาตุ B เป็ นอโลหะ 11. เลขอะตอมของ F และ Ca เท่ากับ 9 แล 20 ตามลาดับ ธาตุท้ งั สองรวมกับเป็ น
ค. ธาตุ A มีอิเล็กโทรเนกาติวติ ีต่ากว่า B สารประกอบไอออนิกการจัดเรี ยงอิเล็กตรอนของไอออนทั้งสองเป็ นดังข้อใด
ง. สารประกอบระหว่างธาตุ A กับ ธาตุ B ควรเป็ นสารประกอบไอออนิก (Ent – O 50 )
8. พิจารณาธาตุสมติต่อไปนี้ ₉A ₁₁B ₁₃C ₁₅D ₁₉E ธาตุคู่ใดทาปฏิกิริยา แคลเซียมไอออน ฟลูออไรด์ไอออน
กันได้สารประกอบไอออนิกและธาตุคู่ใดทาปฏิกิริยากันได้สารประกอบโคเวเลนต์ ก. 2 8 8 2 8 2
สารประกอบไอออนิก สารประกอบโคเวเลนต์ ข. 2 8 8 2 8
ก. A กับ B A กับ C ค. 2 8 8 2 2 7
ข. A กับ D B กับ D ง. 2 8 8 1 2 8 1
ค. D กับ E B กับ D 12. ถ้าธาตุ X และธาตุ Y แทนธาตุซ่ ึงมีเลขอะตอม 9 และ 20 ตามลาดับ สารประกอบ
ง. A กับ C A กับ D ระหว่างธาตุท้ งั สองจะมีพนั ธะชนิดใด และมีสูตรเป็ นอย่างไร
ก 1 ข 2 ค 3 ง 4 N 2 8 18 32 18 4
16. ถ้า O P Q และ R เป็ นธาตุที่มีเลขอะตอม 7 11 17 และ 20 ตามลาดับ สารประกอบระหว่าง M และ N ควรมีสูตรดังข้อใด
สูตรของสารประกอบข้อใดเป็ นไปได้ ก MN₂ ข M₂N ค M₂N₃ ง M₃N₂
ก OQ ข PO ค Q₂P₃ ง R₃O₂
21. ถ้าไนเตรตของธาตุ Y มีสูตร Y(NO₃)₂ สารประกอบอื่นๆ ของ Y ที่มีเลขออกซิเดชัน
17. สารประกอบซัลไฟด์ของธาตุ A B และ C ซึ่งทีเลขอะตอม 5 15 และ 20 เดียวกันเป็ นอย่างไร
ตามลาดับ ควรจะมีสูตรอย่างไรตามลาดับ ซัลเฟต ฟอสเฟต ไอโอไดด์
ก. A₂S₃ B₂S₅ CS₂ ก. Y(SO₄)₂ Y₃(PO₄)₄ YI₄
ข. A₂S₃ B₂S₅ CS ข. Y(SO₄)₃ Y₃(PO₄)₄ YI₂
ค. AS B₂S₃ C2S
ค. YSO₄ Y₃(PO₄)₂ YI₂
ง. AS B₂S₅ CS
ง. Y(SO₄)₂ Y₃(PO₄)₄ YI
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 3/56 หน้า 3
22. สารหนู (อาร์เซนิก As) เป็ นธาตุในหมูเ่ ดียวกับฟอสฟอรัส ถ้าโพแทสเซียมฟอสเฟตมี สูตรของสารประกอบทุกสูตรในข้อใดเป็ นไปได้
สูตร K₃PO₄ สูตรของแคลเซียมอาร์เซเนตเป็ นอย่างไร ก. B₃F A₂P JG₂
ก. Ca₃AsO₄ ข. BF AG CO₃
ข. Ca₃(AsO₄)₂ ค. JG J₂O KO₃
ค. Ca₃(AsO₄)₃ ง. J₂N LO₄ DA₄
ง. Ca₂(AsO₄)₃ 26. สูตรในข้อใดต่อไปนี้ ถูกต้องทั้งหมด
23. ธาตุ R มีสูตรสารประกอบซัลเฟตเป็ น R₂(SO₄)₃ ธาตุ Q มีเลขอะตอมต่ากว่าธาตุ R ก. ZnHPO₄ Fe(CN)₆³⁻ H₂PO₄²⁻
อยู่ 1 สูตร สารประกอบออกไซด์และคลอไรด์ของธาตุ Q ข้อใด ถูกต้อง ข. (NH₄)₂S N₂O₄ Fe(CN)₆⁵⁻
ก QO QCl₃ ค. Fe₂(SO₄)₃ Fe(OH)₃ H₂PO₄
ข QO QCl₂
ง. ZnHPO₄ (NH₄)₃Fe(CN)₆ NaHSO₄
ค Q₂O QCl
27. a , b และ c เป็ นธาตุในหมู่ I , VI และ VII ตามลาดับ ธาตุแต่ละคู่รวมกันเกิด
ง Q₂O₃ QCl₂
สารประกอบที่มีสูตรเหมือนข้อใด
24. ถ้า A B C และ D เป็ นธาตุที่มีเลขอะตอม 7 11 17 และ 20 ตามลาดับ สูตร สูตรสารประกอบที่เกิดจาก
ของไอออนและสารประกอบไอออนิก ข้อใด ถูกต้อง a กับ b a กับ c b กับ c
ไอออนบวก ไอออนลบ สูตรสารประกอบไอออนิก
ก. ab a₄c bc
ก. D²⁺ A³⁻ D₃A₂
ข. a₂b ac bc₂
ข. C³⁺ B²⁻ C₂B₃
ค. ab ac₄ b₂c
ค. B⁺ A⁻ BA
ง. ab₂ ac₂ bc₂
ง. A⁺ C⁻ AC
28. สารประกอบที่เกิดจาก a b และ c ในข้อ 27 มีสมบัติตรงกับข้อใด
25. กาหนดตารางธาตุต่อไปนี้
ละลายน้ าได้ดีที่สุด นาไฟฟ้ าได้ดีที่สุด จุดเดือดต่าที่สุด
คาบ I II III IV V VI VII VIII
ก. a กับ b a กับ c b กับ c
หมู่
ข. a กับ c b กับ c a กับ b
2 A B C D E F G H
3 I J K L M N O P ค. a กับ b a กับ b a กับ c
ง. a กับ b a กับ b a กับ c
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 4/56 หน้า 4
29. จากสูตรของ NaClO₃ SiCl₄ CO₂ Li₂CO₃ จงเขียนสูตรของสารประกอบต่อไปนี้ 32. ธาตุ X มีเลขอะตอม 53 จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้
เรี ยงลาดับจาก เจอร์เมเนียม(IV)โบรไมด์ โซเดียมซิลิเกต ซิลิคอน (IV) ซัลไฟด์ 1. X รวมตัวกับโลหะปรอทแล้วจะมีสูตรเคมีเป็ น Hg₂X₂
โพแทสเซียมโบรเมต 2. X เมื่อเป็ นไอออนจะมีโครงสร้างอิเล็กตรอนเป็ น 2 8 18 18 8
ก. GeBr₄ NaSiO₃ SiS₃ K₂BrO₃ 3. X เมื่อเป็ นไอออนจะมีรัศมีไอออนเล็กกว่าไอออนของธาตุที่มีโครงสร้าง
ข. GeBr₄ Na₂SiO₃ SiS₄ KBrO₃ อิเล็กตรอน 2 8 18 18 8 1
ค. GeBr₂ Na₂SiO₃ SiS₂ K₂BrO₃ ข้อใดถูกต้อง (ENT- O 52)
ง. GeBr₄ Na₂SiO₃ SiS₂ KBrO₃ ก. 1 และ 2
30. พิจารณาธาตุ และสมบัติต่างๆ ดังนี้ ข. 2 และ 3
1. ธาตุ X เป็ นโลหะที่มีเวเลนต์อิเล็กตรอน 1 ตัว เมื่อทาปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ ค. 1 และ 3
สารประกอบมีสูตรเป็ น X₂O ง. 1 , 2 และ 3
2. ธาตุ Y เป็ นโลหะหมูท่ ี่ 2 คาบที่ 3 เมื่อทาปฏิกิริยากับคลอรี นได้สารประกอบมี 33. เกลือ NaCl ที่อุณหภูมิปกติ มีสมบัติอย่างไร
สูตรเป็ น YCl₂ ก นาไฟฟ้ าได้ดี ข จุดหลอมเหลวสูง
3. ธาตุ A และ Z มีเลขอะตอมเป็ น 6 และ 9 เมื่อเกิดสารประกอบจะได้สารที่มี ค มีความดันไอสูง ง ถูกทั้ง ก. ข. และ ค
สูตรเป็ น AZ₄
34. ข้อใดเป็ นสมบัติเฉพาะตัวของของแข็งชนิดไอออนิก
ข้อใดถูกต้อง (ENT-O 52)
ก. เป็ นผลึก
ก. 1 และ 2
ข. ละลายในน้ าได้
ข. 1 และ 3
ค. มีจุดหลอมเหลวสูง
ค. 2 และ 3
ง. นาไฟฟ้ าได้ดีเมื่อหลอมเหลว
ง. 1 , 2 และ 3
35. จุดหลอมเหลว MgO สูงกว่า NaF
31. ชื่อสารที่กาหนดให้ต่อไปนี้ ข้อใด ผิด
1. Mg²⁺ มีประจุบวกสูงกว่า Na⁺
ก. Cu₂S คอปเปอร์ (II) ซัลไฟด์ NaCN โซเดียมไซยาไนด์
2. O²⁻ มีประจุสูงกว่า F⁻
ข. P₂O₅ ไดฟอสฟอรัสเพนทอกไซด์ Al₂O₃ อะลูมิเนียมออกไซด์
3. O²⁻ ใหญ่กว่า F⁻
ค. MnO₂ แมงกานีส (IV) ออกไซด์ FeCl₃ ไอออน (III) คลอไรด์
เนื่องมาจากสาเหตุต่อไปนี้( PAT-2 มี.ค..55)
ง. K₄[Fe(CN)₆] โพแทสเซียมเฮกซาไซยาโนเฟอเรต (II) HNO₃ กรดไตรออกโซ
ไนเตรต ก. ข้อ 2 เท่านั้น ข. ข้อ 1 และ 2
ค. ข้อ 1 และ 3 ง. ข้อ 1 2 และ 3
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 5/56 หน้า 5
36. พิจารณาธาตุสมมติต่อไปนี้ 38. นักเคมีผหู ้ นึ่ง นาสาร 2 ชนิด มาหาจุดหลอมเหลว จุดเดือด ละลายน้ า แล้วตรวจการนา
ธาตุ สมบัติ ไฟฟ้ าของสารละลาย การทดลองนี้ เป็ นการทดลองเพื่อ
A อยูห่ มู่เดียวกับธาตุที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 19 และอยูใ่ นคาบเดียวกับ ก. หาแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลทั้งสอง
ธาตุที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 13 ข. หาพลังงานของการละลายของสาร
B มีเลขอะตอมเท่ากับ 14 ค. หาว่าสารใดเป็ นโมเลกุลมีข้ วั
C เมื่อเกิดสารประกอบกับโลหะ เลขออกซิเดชันที่เป็ นไปได้ คือ - ,
1 ง. หาว่าสารใดประกอบขึ้นด้วยพันธะไอออนิกหรื อพันธะโคเวเลนต์
2
-1 และ -2 แต่สารประกอบส่วนใหญ่พบว่ามีเลขออกซิเดชันเป็ น -2 คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ในการตอบคาถามข้อ 39 – 43
D มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีมากที่สุดในคาบที่ 3 สมบัติ จุดหลอมเหลว จุดเดือด ความหนาแน่น จุดหลอมเหลว
จากข้อมูลข้างต้น ข้อใดถูกต้อง (Ent – A 50 ) ธาตุ ธาตุ ( C) ธาตุ (C) ธาตุ (g/cm³) คลอไรด์ของธาตุ (C)
ก. สารประกอบระหว่างธาตุ B และธาตุ D มีสูตรเคมีเป็ น BD₂
A 660 2,450 2.70 193
ข. สารประกอบระหว่างธาตุ B และธาตุ C จะละลายได้ในน้ าให้สารละลายที่เป็ นกรด
ค. ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ C และธาตุ D จะได้สารประกอบที่นาไฟฟ้ าเมื่อหลอมเหลว B 1,280 2,480 1.85 405
ง. ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ A กับน้ า จะได้สารประกอบไฮดรอกไซด์ และแก๊สไฮโดรเจน C 113 445 1.96 -80
37. A B C และ D เป็ นธาตุที่อยูใ่ นคาบเดียวกันในตารางธาตุ และมีเวเลนซ์อิเล็กตรอน D 114 183 4.94 27
เท่ากับ 2 3 6 และ 7 ตามลาดับ พิจารณาข้อสรุ ปต่อไปนี้ E 1,540 3,00 7.86 670
1. สูตรของสารประกอบระหว่าง A กับ D คือ AD₂ และระหว่าง C กับ D F 44 280 1.82 -91
B₂C₃
2. พันธะระหว่าง A กับ D เป็ นพันธะไอออนิก ส่วนระหว่าง C กับ D เป็ น 39. ธาตุที่น่าจะเป็ นโลหะ คือกลุ่มธาตุในข้อใด
พันธะโคเวเลนต์ ก A B E ข A C D
ค A D E ง C D F
3. อะตอมที่มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูงสุด คือ D
40. กลุ่มธาตุที่น่าจะนาไฟฟ้ าได้ คือกลุ่มใด
4. อะตอมที่มีค่าพลังงานไอออไนเซชันสูงสุด คือ A
ก E F ข A E
ข้อใดถูกต้อง (Ent – A 50 )
ค A D ง B C
ก. 1 และ 2
41. ออกไซด์ของธาตุกลุ่มใดที่ละลายน้ าให้สารละลายที่เป็ นกรด
ข. 2 3 และ 4
ก A B ข B C
ค. 1 2 และ 3
ค C F ง D E
ง. 1 และ 3
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 6/56 หน้า 6
42. ธาตุกลุ่มใดมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลสูงที่สุด 47. กาหนดธาตุ ₁₄X ₁₇Y และ ₁₉Z นาธาตุ Y ทาปฏิกิริยากับ Z ได้สาร A ซึ่งเป็ น
ก B C ข C D ค A E ง D F ของแข็ง และธาตุ X ทาปฏิกิริยากับ Y ได้สาร B ซึ่งเป็ นของเหลว นาสาร A และ B ไป
43. ธาตุคู่ใดมีค่าพลังงานไอออไนเซชันลาดับที่ 1 ต่าที่สุด หาจุดเดือด ทดสอบการนาไฟฟ้ า การละลายในน้ าและความเป็ นกรดเบส ข้อใด
ก A B ข A C ค A D ง D F สอดคล้องกับสมบัติของ A และ B มากที่สุด
44. สารคู่ใดต่อไปนี้ นาไฟฟ้ าได้ดีที่สุด (ENT 29 )
สาร จุดหลอมเหลว การนาไฟฟ้ า การละลายในน้ า
ก SiO₂(s) Ge(s) ข Si(s) KNO₃(l)
ก A สูง ไม่นา ละลาย สารละลายเป็ นกลาง
ค NaCl(s) แกรไฟต์ ง Br₂(l) NH₄Cl(l)
คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ในการตอบคาถามข้อ 45 – 46 (ENT – 29) B ต่า ไม่นา เกิดปฏิกิริยา สารละลายเป็ นกรด
1. ธาตุ A , B และ C เป็ นธาตุหมู่ I , IV และ VII ตามลาดับ และอยูใ่ นคาบเดียวกัน ข A สูง นา ละลาย สารละลายเป็ นกลาง
2. ธาตุ A รวมกับธาตุ C ได้สาร X ซึ่งเป็ นของแข็ง B สูง ไม่นา ไม่ละลาย ―
3. ธาตุ B รวมกับธาตุ C ได้สาร Y ซึ่งเป็ นของเหลว ค A ต่า ไม่นา ละลาย สารละลายเป็ นกรด
45. สูตรของสาร X และ Y อย่างง่าย คือข้อใด
B สูง ไม่นา ละลาย สารละลายเป็ นกรด
ก AC , BC₄ ข AC₂ , BC₂
ค AC₃ , B₂C ง A₂C , BC₃
ง A สูง นา ละลาย สารละลายเป็ นกลาง
46. ถ้านาสาร X และ Y ไปทดสอบหาจุดหลอมเหลว การนาไฟฟ้ า และการละลายในน้ า B ต่า ไม่นา เกิดปฏิกิริยา สารละลายเป็ นกลาง
ข้อมูลในข้อใดสอดคล้องกับสมบัติของสาร X และ Y มากที่สุด
สาร จุดหลอมเหลว การนาไฟฟ้ า การละลายในน้ า
48. ข้อใด ผิด เกี่ยวกับการนาไฟฟ้ าของสารต่างๆ ( PAT- 2 ต.ค.53 )
ก. X ต่า ไม่นา ละลาย
ก. การไฟฟ้ าของสารประกอบไอออนิกในสถานะของเหลวเกิดจากการถ่ายเท
Y ต่า ไม่นา ละลาย อิเล็กตรอนไออออนบวกให้ไอออนลบ
ข. X สูง นา ละลาย ข. การนาไฟฟ้ าของโลหะเกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนที่มีพลังงานจลน์สูง
Y ต่า นา ไม่ละลาย ค. แกรไฟต์ซ่ ึงเป็ นอัญรู ปหนึ่งของคาร์บอนนาไฟฟ้ าได้เนื่องจาก การเคลื่อนที่ของ
ค. X สูง ไม่นา ละลาย อิเล็กตรอน
Y ต่า ไม่นา ไม่ละลาย ง. สารกึ่งตัวนา จะนาไฟฟ้ าได้ก็ต่อเมื่อได้รับพลังงานจานวนหนึ่ง แล้วทาให้
ง. X ต่า นา ละลาย อิเล็กตรอนเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับพลังงาน
Y สูง ไม่นา ไม่ละลาย
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 7/56 หน้า 7
49. ผสมสารละลายคู่ใดแล้วมีตะกอนเกิดขึ้น การทดลองชุดใดได้ผลแบบเดียวกัน
ก. CaCl₂ + NH₄NO₃ ⟶ ก. 1 2 และ 3
ข. BaCl₂ + Na₂CO₃ ⟶ ข. 1 2 และ 4
ค. Zn + HCl ⟶ ค. 1 3 และ 4
ง. Na₃PO₄ + KCl ⟶
ง. 2 3 และ 4
50. ปฏิกิริยาในข้อใดเกิดตะกอนทั้งสองปฏิกิริยา
ก. CuSO₄ + NaNO₃ และ Zn(NO₃)₂ + HCl 53. นักเรี ยนคนหนึ่งทาการวิเคราะห์สารตัวอย่าง A , B และ C ซึ่งเป็ นสารประกอบไอออ
ข. NaCl + KNO₃ และ FeCl₃ + HNO₃ นิก โดยนามาทดสอบกับสารละลาย AgNO₃ , Na₂SO₄ , Na₂CO₃ , Na₂HPO₄ ซึ่ง
ค. AgNO₃ + KCl และ Cu(NO₃)₂ + NaCl เป็ นสารละลายใสไม่มีสี และสารละลาย Cl₂ ใน CCl₄ และ Br₂ ใน CCl₄ ซึ่งเป็ น
ง. AgNO₃ + KI และ Pb(NO₃)₂ + Na₂SO₄ สารละลายใสไม่มีสี และสารละลายมีสีสม้ ตามลาดับ สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง และ
51. ปฏิกิริยาของสารคูใ่ ดต่อไปนี้ มีตะกอนเกิดขึ้น บันทึกผลการทดลอง ได้ดงั ตาราง ( ENT - A 51 )
1. CdCl₂(g) + (NH₄)₂S(aq) ⟶ สาร ผลการทดสอบ เมื่อผสมกับสารละลาย
2. Cu(NO₃)₂(aq) + Na₂CO₃(aq) ⟶ ตัวอย่าง AgNO₃ Na₂SO₄ Na₂CO₃ Na₂HPO₄ Cl₂ ใน CCl₄ Br₂ ใน CCl₄
3. H₂SO₄(aq) + MgCO₃(s) ⟶ A เกิดตะกอน ไม่เกิดตะกอน เกิดตะกอน เกิดตะกอน สี ชมพูแกมม่วง สี ชมพูแกมม่วง
ปฏิกิริยาของสารคูใ่ ด มีตะกอนเกิดขึ้น เกิดตะกอน
B เกิดตะกอน เกิดตะกอน เกิดตะกอน สี ส้ม สี ส้ม
ก. 1 และ 2 เท่านั้น
ข. 2 และ 3 เท่านั้น C ไม่เกิดตะกอน เกิดตะกอน เกิดตะกอน เกิดตะกอน ไม่มีสี สี ส้ม
ค. 1 และ 3 เท่านั้น
จากผลการทดสอบ สารตัวอย่าง A B และ C ควรเป็ นสารใด
ง. 1 2 และ 3
52. เมื่อนาสารละลายใส ไม่มีสี A และ B ในแต่ละชุดรวมกันเข้า A B C
ก. MgBr₂ CaO SrCl₂
ชุด สารละลาย A สารละลาย B
ข. NH₄Cl BaCl₂ Ca(NO₃)₂
1. NaCl Pb(NO₃)₂
ค. MgCl₂ Sr(NO₃)₂ (NH₄)₂S
2. Na₂S ZnSO₄
3. Al(NO₃)₃ KOH ง. MgI₂ CaBr₂ Ba(NO₃)₂
4. KI Mg(NO₃)₂
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 8/56 หน้า 8
54. ฉลากที่ติดขวดใสสารประกอบไอออนิก 4 ชนิดนักเรี ยนคนหนึ่งทาการทดสอบ แถบสี แดงนั้นคืออะไร
สารประกอบทั้ง 4 ชนิด ในน้ าแล้วผสมสารละลายแต่ละชนิดเข้าด้วยกันพบว่าได้ผล ก. ซิลเวอร์ไนเตรต
การทดลองดังตาราง ข. ซิลเวอร์ไดโครเมต
ผลการทดลองเมือผสมสารละลาย ค. โพแทสเซียมไนเตรต
1 2 3 4 ง. โพแทสเซียมไดโครเมต
1 ― ตะกอนขาว สารละลายใส ตะกอนขาว 56. เมื่อเติมน้ าลงในของผสม X ซึ่งเป็ นของแข็ง พบว่า มีบางส่วนละลาย จึงกรองและล้าง
2 ตะกอนขาว ― ตะกอนเหลือง สารละลายใส ส่วนที่ไม่ละลายด้วยน้ าอีกครั้ง แบ่งสารละลายที่ได้เป็ น 2 ส่วน ส่ วนหนึ่งเติมสารละลาย
3 สารละลายใส ตะกอนเหลือง ― สารละลายใส AgNO₃ จะได้ตะกอนสีขาว อีกส่วนหนึ่งเมื่อนาไประเหยจนแห้งจะได้สารสี ขาว (A)
สาหรับส่วนที่ไม่ละลายนั้นมีสีเข้ม เมื่อนาไปทดลองกลัน่ ด้วยไอน้ า ปรากฏว่า มีไอสี ม่วง
4 ตะกอนขาว สารละลายใส สารละลายใส ―
ออกมากับไอน้ าและกลายเป็ นของแข็งสี เข้ม (B) ในภาชนะรองรับ นอกจากนี้ยงั มีกากสี
จากผลการทดลอง สารประกอบไอออนิกทั้ง 4 ชนิด ขาว (C) ที่เหลือจาการกลัน่ ซึ่งเมื่อทาให้แห้งแล้วแบ่งมาทดสอบเล็กน้อย พบว่า เกิดฟอง
แก๊ส เมื่อเติมสารละลาย HCl องค์ประกอบของ X ข้อใดเป็ นไปได้มากที่สุด
1. 2. 3. 4. A B C
ก. Na₂CO₃ Pb(NO₃)₂ KI Ca(NO₃)₂ ก. CaCO₃ I₂ BaCO₃
ข. Ca(NO₃)₂ KI Pb(NO₃)₂ Na₂CO₃
ข. BaCl₂ I₂ BaCO₃
ค. Na₂CO₃ Pb(NO₃)₂ Ca(NO₃)₂ KI
ค. NaCl KMnO₄ CaCO₃
ง. Na₂CO₃ Ca(NO₃)₂ KI Pb(NO₃)₂
ง. KCl I₂ BaSO₄
55. นักเรี ยนผูห้ นึ่งทาการทดลองด้วยเครื่ องมือและสารเคมีดงั ในรู ป หลังจากหยดสารละลาย 57. ตารางต่อไปนี้แสดงสมบัติบางประการของสารประกอบธาตุคู่บางชนิด ข้อมูลในข้อใด
ทั้งสองลงในน้ าทั้งสองข้าง ของหลอดรู ปตัวยู แล้วพบว่าเกิดตะกอนแดงเป็ นแถบที่ ถูกต้ อง ที่สุด
ตาแหน่ง ดังแสดง
ธาตุองค์ประกอบ อัตราส่ วนจานวน จุดหลอมเหลวและ การนาไฟฟ้ า
อะตอม จุดเดือด
สารละลาย K₂Cr₂O₇ 3 หยด
ก. หมู่ I กับ หมู่ VII 1:1 ต่า นาไฟฟ้ าเมื่อหลอมเหลว
สารละลาย AgNO₃ 3 หยด
ข. หมู่ I กับ หมู่ VI 1:1 ต่า ไม่นาไฟฟ้ า
เกิดแถบสีแดง ค. หมู่ II กับ หมู่ VI 1:3 สูง นาไฟฟ้ าเมื่อหลอมเหลว
ง. หมู่ VI กับ หมู่ VII 1:2 ต่า ไม่นาไฟฟ้ า
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 9/56 หน้า 9
58. สารประกอบที่เกิดจากการรวมตัวของธาตุหมู่ต่างๆ ต่อไปนี้ ข้อใดมีรายละเอียด ถูกต้ อง คาชี้แจง ข้อมูลในตารางใช้ในการตอบคาถามข้อ 61 - 63
(เลขอะตอมของธาตุท้ งั หมดต่ากว่า 50 ) พลังงานของปฏิกิริยา Na⁺(g) + Cl⁻(g) NaCl(s) เกิดจากพลังงานที่
หมู่ของธาตุที่เป็ น อัตราส่วน จุดหลอมเหลว การละลายน้ า /สมบัติ ได้จากการรวมพลังงานขั้นต่างๆตามตาราง 5 ขั้น ดังนี้
องค์ประกอบ จานวนอะตอม และจุดเดือด
ขั้นที่ การเปลี่ยนแปลง จานวนพลังงานที่ใช้ สัญลักษณ์ของ
ก. หมู่ I กับ หมู่ VI 1:2 สูง ละลาย / เบส
หรื อคาย (kJ/mol) พลังงาน
ข. หมู่ V กับ หมู่ VI 2:3 ต่า ละลาย / กรด 𝐻𝑠𝑢𝑏
1. Na(s) Na(g) 108.3
ค. หมู่ I กับ หมู่ VI 1:2 ต่า ละลาย / กลาง 𝐻𝑑𝑖𝑠
2. Cl₂(g) Cl(g) 241.6
1
2
ง. หมู่ I กับ หมู่ VI 1:1 สูง ไม่ละลายน้ า
3. Na(s) Na⁺(g) + e⁻ 494.9 I
59. ปฏิกิริยาระหว่างธาตุสองชนิดเกิดเป็ นสารประกอบธาตุคู่ 4. Cl(g) + e⁻ Cl⁻(g) 357.4 E
จานวนอะตอม อัตราส่วน ชนิดของพันธะ สมบัติเมื่อละลายน้ า 5. Na⁺(g) + Cl⁻(g) NaCl(s) 777.6 U
1. คลอรี นกับโบรมีน 1:1 โคเวเลนต์ กรด
2. คาร์บอนกับกามะถัน 1:2 ไอออนิก กรด 61. พลังงานในขั้นที่ 4 เป็ นพลังงานอะไร
3. คลอรี นกับเหล็ก 2:1 โคเวเลนต์ กลาง ก. พลังงานการแตกตัว
4. โซเดียนกับออกซิเจน 2:1 ไอออนิก เบส ข. พลังงานอิเล็กตรอนอัฟฟิ นิตี ( Electron Affinity )
ค. พลังงานโครงร่ างผลึก
ข้อมูลใด ถูกต้ อง
ง. พลังงานไอออไนเซชัน
ก. 1 และ 2
62. พลังงานในขั้นที่ 5 เป็ นพลังงานอะไร
ข. 1 และ 4 ก. พลังงานการแตกตัว
ค. 1 , 2 และ 4 ข. พลังงานอิเล็กตรอนอัฟฟิ นิตี
ง. 1 , 3 และ 4 ค. พลังงานโครงร่ างผลึก
60. ข้อความต่อไปนี้ ข้อใด ถูกต้อง ที่สุด เมื่อมีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น ง. พลังงานไอออไนเซชัน
ก. พลังงานจะถูกดูดเข้าไป
ข. พลังงานจะคายออกมา
ค. มีการเปลี่ยนแปลงสถานะเกิดขึ้น
ง. มีท้ งั ให้พลังงานออกมาหรื อดูดพลังงานเข้าไป
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 10/56 หน้า 10
63. ถ้า H𝑓 คือพลังงานของปฏิกิริยา ชนิดของปฏิกิริยาเหล่านี้เป็ นดังข้อใด
Na⁺(g) + Cl⁻(g) NaCl(s) ก. I II III คายความร้อน IV V VI ดูดความร้อน
และ ( H𝑓 ) = 𝐻𝑠𝑢𝑏 + 𝐻𝑑𝑖𝑠 + I + ( E) + ( U)
1 ข. II IV VI คายความร้อน I III V ดูดความร้อน
2
ดังนั้นพลังงานของปฏิกิริยาเท่ากับเท่าไร ค. I IV VI คายความร้อน II III VI ดูดความร้อน
ก. 289.66 kJ/mol ง. IV V VI คายความร้อน I II III ดูดความร้อน
ข. 411.00 kJ/mol 66. ข้อความต่อไปนี้ขอ้ ใด ผิด
ค. 1,279.46 kJ/mol ก. สารประกอบไอออนิกมักจะเกิดระหว่างธาตุที่มีพลังงานไอออไนเซชันต่ากับธาตุที่มี
ง. 1,858.66 kJ/mol ค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูง
64. ถ้า AB เป็ นสารประกอบไอออนิกชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยธาตุ A กับ ธาตุ B ปฏิกิริยาใด ข. เมื่อหลอมเหลวสารประกอบไอออนิกจะเป็ นปฏิกิริยาดูดความร้อน
เกี่ยวข้องกับพลังงานแลตทิซ ค. การเกิดสารประกอบไอออนิกจะเป็ นปฏิกิริยาดูดความร้อน
ก. AB(s) A⁺(aq) + B⁻(aq) ง. สารประกอบไอออนิกยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงไฟฟ้ า
ข. A⁺(g) + B⁻ (g) AB(s) 67. ถ้า XY เป็ นสารประกอบไอออนิกที่มีแผนผังแสดงขั้นตอนการเกิดดังนี้
ค. A(g) + B(g) AB(s)
ง. A⁺(aq) + B⁻(aq) AB(s)
65. ถ้า I II III IV V และ VI เป็ นขั้นตอนต่างๆที่เกี่ยวข้องในการเตรี ยม
NaCl(s) จาก Na(s) และ Cl₂(g) ดังแสดง
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 11/56 หน้า 11
68. พิจารณาการเปลี่ยนแปลงพลังงานต่อไปนี้ H₂O 70. สมการการเกิดสารประกอบ CaBr₂
Ca(s) + Br₂(l) ⟶ CaBr₂(s)
ขั้นตอนใดที่ ไม่ อยูใ่ นแผนภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงาน (PAT- 2 มี.ค. 53 )
ก. Br₂(l) ⟶ 2Br(g)
ข. Ca²⁺(g) + 2Br⁻(g) ⟶ CaBr₂(s)
ค. Ca(g) + Br₂(g) ⟶ Ca(g) + Br₂(g)
ง. Ca(g) + 2 Br(g) ⟶ Ca²⁺(g) + Br₂(g)
1
การระบุชื่อพลังงานในข้อใดผิด 71. พิจารณาปฏิกิริยา Ca(s) + 2 O₂(g) ⟶ CaO(s)
ก. H₃ คือพลังงานสลายพันธะ พลังงานในข้อใดไม่เกี่ยวข้องในปฏิกิริยานี้ (PAT- 2 มี.ค. 54 )
ข. H₄ คือสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน ก. พลังงานแลตทิซ
ค. H₅ คือพลังงานแลตทิซ ข. พลังงานการระเหิดของ Ca
ง. H₆ พลังงานไฮเดรชัน ค. พลังงานไอออไนเซชันของธาตุออกซิเจน
69. พิจารณาการเกิดปฏิกิริยาต่อไปนี้ ง. พลังงานการสลายพันธะของธาตุออกซิเจน
1
Na(s) + 2 X₂(g) ⟶ NaX(s) 72. กาหนดให้
เมื่อ X = ₁₇Cl หรื อ ₃₅Br หรื อ ₅₃I 1. พลังงานในการเกิด CaCl₂ และ CaBr₂ มีค่าดังนี้
จากข้อมูลข้างต้น ข้อใด ถูกต้อง ที่สุด (ENT – A 51 ) Ca(s) + Cl₂(g) ⟶ CaCl₂(s) ; H𝑓 = - 800 kJ/mole
ก. จุดหลอมเหลวของ NaCl < NaBr < NaI Ca(s) + Br₂(g) ⟶ CaBr₂(s) ; H𝑓 = - 650 kJ/mole
ข. ถ้า X เป็ น ₅₃I พบว่าพลังงานที่คายออกมาจากปฏิกิริยามีค่าสูงสุด 2. ค่าสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน (EA) ของ Cl และ Br และค่าพลังงานการแตกตัว
ค. พลังงานแลกทิซของ NaX จะขึ้นกับแรงดึงดูดระหว่าง Na⁺(g) และ X⁻(g) (D) ของ Cl₂ และ Br₂ มีดงั ตาราง
ง. พลังงานที่คายออกมาจากปฏิกิริยาขึ้นอยูก่ บั พลังงานไอออไนเซชัน่ ลาดับที่ 1 ของ Cl Br
โลหะโซเดียมเป็ นสาคัญ EA = -350 kJ/mole EA = -300 kJ/mole
D ของ Cl₂(g) = 250 kJ/mole D ของ Br₂(g) = 200 kJ/mole
ถ้าพลังงานแลกทิซของ CaCl₂ และ CaBr₂ = X และ Y kJ/mole ตามลาดับ การ
เปรี ยบเทียบค่าพลังงานแลกทิซ ( ไม่คิดเครื่ องหมาย ) ข้อใดถูกต้อง (ENT-A 50)
ก. X > Y ข. Y > X
ค. X = 1.4 Y ง. เปรี ยบเทียบไม่ได้ เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 12/56 หน้า 12
73. พิจารณาพลังงานที่เกี่ยวข้องในสมการต่อไปนี้ 76. เมื่อละลาย KCl ในน้ าเกิดปฏิกิริยาเป็ นขั้นๆ และมีการเปลี่ยนแปลงพลังงาน ดังนี้
₁₁A(g) + ₁₇C(g) ⟶ ₁₁A⁺(g) + ₁₇C⁻(g) ; 𝐻 = a kJ/mole KCl(s) ⟶ K⁺(g) + Cl⁻(g) ; H₁ = 701.2 kJ/mol
₁₁A(g) + ₃₅D(g) ⟶ ₁₁A⁺(g) + ₃₅D⁻(g) ; 𝐻 = b kJ/mole K⁺(g) + Cl⁻(g) ⟶ K⁺(aq) + Cl⁻(aq) ; H₂ = 684.1 kJ/mol
₃₇B(g) + ₁₇C(g) ⟶ ₃₇B⁺(g) + ₁₇C⁻(g) ; 𝐻 = c kJ/mole ปฏิกิริยาเป็ นแบบใด
₃₇B(g) + ₃₅D(g) ⟶ ₃₇B⁺(g) + ₃₅D⁻(g) ; 𝐻 = d kJ/mole ก. คายพลังงานเท่ากับ 1, 385.3 kJ/mol
การเรี ยงพลังงาน ข้อใดถูกต้อง ข. คายพลังงานเท่ากับ 17.1 kJ/mol
ก. a > b > c > d ค. ดูดพลังงานเท่ากับ 17.1 kJ/mol
ข. b > a > d > c ง. ดูดพลังงานเท่ากับ 1,385.3 kJ/mol
ค. b > a > c > d 77. พลังงานที่เกี่ยวข้องในปฏิกิริยา (1) ในข้อ 77 เรี ยกว่า
ง. a > b > d > c ก. พลังงานการละลาย ข. พลังงานไฮเดรชัน
74. การที่สารใดสารหนึ่งไม่ ละลายน้ านั้น เป็ นเพราะ ค. พลังงานโครงร่ างผลึก ง. พลังงานไอออไนเซชัน
ก. พลังงานของการละลายมีค่าเป็ นลบ 78. การละลายของเกลือ LiCl(s) มีข้นั ตอนดังนี้
ข. พลังงานไฮเดรชันของสารมีค่าน้อยกว่าพลังงานโครงร่ างผลึกมาก 1. LiCl(s) ⟶ Li⁺(g) + Cl⁻(g)
ค. พลังงานของการละลายเท่ากับพลังงานโครงผลึก 2. Li⁺(g) + Cl⁻(g) ⟶ Li⁺(aq) + Cl⁻(aq)
ง. พลังงานไฮเดรชันของสารมีค่าเป็ นลบ รวม LiCl(s) ⟶ Li⁺(aq) + Cl⁻(aq)
75. ข้อใด ไม่ ใช่ สมการที่อยูใ่ นวัฏจักรพลังงานการละลายน้ าของ NaNO₃(s) (PAT- 2 ต.ค. 53 ) กาหนดให้พลังงานแลตทิซ = 834 kJ/mol พลังงานไฮเดรชัน= 884 kJ/mol
ก. NaNO₃(s) ⟶ Na⁺(g) + NO₃⁻(g) อยากทราบว่าปฏิกิริยาทั้งสามเป็ นปฏิกิริยาชนิดใด และขั้นตอนรวมมีพลังงานที่
ข. Na⁺(g) ⟶ Na⁺(aq)
เกี่ยวข้องกี่กิโลจูลต่อโมล (ENT มี.ค. 43 )
ค. NO₃⁻(g) ⟶ NO₃⁻(aq)
ชนิดปฏิกิริยา พลังงาน
ง. NaNO₃(g) ⟶ Na⁺(g) + NO₃⁻(g)
1 2 รวม ( kJ/mol )
ก. คาย ดูด ดูด 50
ข. ดูด ดูด ดูด 1,718
ค. ดูด คาย คาย 50
ง. คาย คาย คาย 1,718
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 13/56 หน้า 13
คาชี้แจง 82. XY เป็ นสารประกอบไอออนิก เมื่อนาสารนี้ 1.00 กรัม มาละลายในน้ า 100 กรัม
ข้อมูลต่อไปนี้ใช้ในการตอบคาถามข้อ 79 - 81 ปรากฏว่าอุณหภูมิของสารละลายลดลง 0.30 องศาเซลเซียส
นักเรี ยนผูห้ นึ่งนาสาร AB มาบดแล้วละลายน้ าเก็บข้อมูลได้ดงั นี้ กาหนดให้ มวลโมเลกุลของ XY = 50 g/mole
มวลของสารละลาย AB = 4 กรัม ความจุความร้อนจาเพาะของน้ า = 4.2 J/g. C
ปริ มาณน้ าในคาลอริ มิเตอร์ = 55 cm³ พลังงานไฮเดรชันของ XY = - 30.0 kJ/mol
อุณหภูมิของน้ าก่อนละลายสาร = 29 C พลังงานโครงร่ างผลึกของ XY มีค่ากี่กิโลจูลต่อโมล( PAT-2 ต.ค. 52 ) ¶
อุณหภูมิของน้ าหลังละลายสาร = 23 C ก. 6.3 kJ/mol
ถ้า AB(s) ⟶ A⁺(g) + B⁻(g) H₁ = x kJ/mol ข. 7.3 kJ/mol
A⁺(g) + B⁻(g) ⟶ A⁺(aq) + B⁻(aq) H₂ = y kJ/mol ค. 30.1 kJ/mol
79. ข้อความเกี่ยวกับพลังงานต่อไปนี้ ข้อใดถูกต้อง ง. 36.3 kJ/mol
ก. x = y 83. ข้อมูลแสดงค่าพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการละลายของสาร A B และ C เป็ นดังนี้
ข. x > y
สาร พลังงานไฮเดรชัน (kJ/mol) พลังงานแลตทิซ (kJ/mol)
ค. x < y
ง. ( x + y ) = ค่าคงที่ A 745 750
80. ปริ มาณความร้อนที่เปลี่ยนแปลงไปในปฏิกิริยานี้เป็ นกี่จูล (กาหนดให้ความร้อนจาเพาะ B 590 550
ของน้ า = 4.2 จูลต่อกรัมต่อองศาเซลเซียส) C 690 700
ก. 0.504 จูล
ข. 1.98 จูล ถ้าใช้สาร A B และ C จานวนโมลเท่ากัน ละลายในน้ าที่มีปริ มาตร 155 cm³ การ
ค. 35 จูล เปรี ยบเทียบอุณหภูมิของแต่ละสารละลาย ข้อใด ถูกต้อง
ง. 1,260 จูล ก. A > B > C
81. ถ้าสาร AB ไม่ละลายน้ า ความสัมพันธ์ระหว่าง x กับ y จะเป็ นอย่างไร ข. B > A > C
ก. x = y ค. B > C > A
ข. x มีค่าต่ากว่า y มาก ง. C > A > B
ค. x มีค่าสูงกว่า y มาก
ง. x กับ y ไม่แตกต่างกันมากนัก
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 14/56 หน้า 14
84. เมื่อนาโซเดียมคาร์บอเนตน้ าหนักแน่นอนละลายในน้ าจานวนหนึ่ง แล้ววัดอุณหภูมิที่ 87. พบว่า เมื่อแอมโมเนียมคลอไรด์ละลายน้ าจะเป็ นปฏิกิริยาดูดพลังงานและปฏิกิริยาเกิด
เปลี่ยนแปลง พบว่า อุณหภูมิเพิ่มขึ้น เราทราบแล้วว่า ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น คือ ดังนี้
I. Na₂CO₃(s) ⟶ 2Na⁺(g) + CO₃²⁻(g) NH₄Cl(s) ⟶ NH₄⁺(g) + Cl⁻(g) ดูดพลังงาน E₁
II. 2Na⁺(g) + CO₃²⁻(g) ⟶ 2Na⁺(aq) + CO₃²⁻ (aq) NH₄⁺(g) + Cl⁻(g) ⟶ NH₄⁺(aq) + Cl⁻(aq ) คายพลังงาน E₂
ข้อสรุ ปเกี่ยวกับพลังงานการละลายของโซเดียมคาร์บอเนต ข้อใด ถูกต้ อง ข้อความต่อไปนี้ ข้อใดถูกต้ องที่สุด
ก. การใช้พลังงานในข้อ I มากกว่าการคายพลังงานในข้อ II ก. สารละลายมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น และ E₁ > E₂
ข. การคายพลังงานในข้อ I มากกว่าการใช้พลังงานในข้อ II ข. สารละลายมีอุณหภูมิลดลง และ E₁ > E₂
ค. การใช้พลังงานในข้อ I น้อยกว่าการคายพลังงานในข้อ II ค. แอมโมเนียมคลอจะละลายน้ าได้ดีเพราะ E₁ > E₂
ง. การใช้พลังงานในข้อ I ไม่แตกต่างจากการคายพลังงานในข้อใด II ง. แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของน้ ากับไอออนมีค่ามากกว่าพลังงานที่ชใ้ นการสลาย
85. เมื่อนาคอปเปอร์ (II) ซัลเฟต 4 กรัม มาละลายในน้ า 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร พันธะไอออนิก
อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส ปรากฏว่าวัดอุณหภูมิของสารละลายได้เท่ากับ 32 องศา 88. เมื่อนาสาร MX มาละลายน้ า มีกระบวนการที่เกี่ยวข้องดังนี้
เซลเซียส อาจเขียนการเปลี่ยนแปลงได้ดงั สมการต่อไปนี้ MX(s) ⟶ M⁺(g) + X⁻(g) ดูดพลังงาน E₁
ถ้า CuSO₄(g) ⟶ Cu²⁺(g) + SO₄²⁻(g) I. M⁺(g) + X⁻(g) ⟶ M⁺(aq) + X⁻ (aq) คายพลังงาน E₂
Cu²⁺(g) + SO₄²⁻(g) ⟶ Cu²⁺(aq) + SO₄²⁻(aq) II. ข้อสรุ ปใด ถูกต้อง
ข้อสรุ ปใดถูกต้อง ก. เมื่อ MX มาละลายน้ า แล้วเกิดความร้อนขึ้น แสดงว่า E₁ > E₂
ก. ความร้อนที่คายออกในปฏิกิริยา (I) มีค่ามากว่าความร้อนที่ดูดเข้าไปในปฏิกิริยา (II) ข. ถ้า E₁> E₂แสดงว่า MX ไม่ละลายน้ า
ข. ความร้อนที่ดูดออกในปฏิกิริยา (I) มีค่าน้อยกว่าความร้อนที่ดูดเข้าไปในปฏิกิริยา (II) ค. ถ้า E₁ = E₂ แสดงว่า MX ไม่ละลายน้ า
ค. ทั้งปฏิกิริยา (I) และ (II) เป็ นปฏิกิริยาคายความร้อน ง. ความสามารถในการละลายน้ าของ MX ไม่ข้ ึนกับค่า E₁ และ E₂
ง. ข้อมูลข้างต้นไม่สามารถนามาใช้อธิบายสาเหตุที่ทาให้อุณหภูมิของน้ าสูงขึ้นกว่าเดิม 89. เมื่อสารประกอบไอออนิกซึ่งมีสูตร 𝑀𝑚𝑛+ 𝑋𝑛𝑚− ละลายน้ าจะเกิดปฏิกิริยา 2 ขั้นตอน
86. กระบวนการละลายของสารประกอบไอออนิก มี 2 ขั้น ดังนี้ I. 𝑀𝑚𝑛+ 𝑋𝑛𝑚− (s) ⟶ m𝑀𝑛+ (g) + n𝑋 𝑚− (g) ดูดพลังงาน E₁
MX(s) ⟶ M⁺(g) + X⁻(g) I. II. m𝑀𝑛+(g) + n𝑋 𝑚− (g) ⟶ m𝑀𝑛+(aq) + n𝑋 𝑚−(aq) คายพลังงาน E₂
M⁺(g) + X⁻(g) ⟶ M⁺(aq) + X⁻(aq) II. การที่พลังงาน ใช้พลังงาน E₁ มากกว่า E₂ มาก แสดงว่า
H คือ พลังงานที่เปลี่ยนแปลงในปฏิกิริยา ข้อความใด ถูกต้ อง ที่สุด ก. 𝑀𝑚𝑛+ 𝑋𝑛𝑚− ไม่ละลายน้ าหรื อละลายได้นอ้ ยมาก
ก. ถ้าสารละลายน้ าแล้วเกิดความร้อนขึ้น แสดงว่า H₁ > H₂ ข. การละลายของ 𝑀𝑚𝑛+ 𝑋𝑛𝑚− เป็ นการคายความร้อนมาก
ข. ถ้า H₁ > H₂ แสดงว่าสารไม่ละลายน้ า ค. m > n
ค. ถ้าไม่มีความร้อนเกิดขึ้นหรื อลดลง แสดงว่าสารนั้นไม่ละลายน้ า ง. การละลายของ 𝑀𝑚𝑛+ 𝑋𝑛𝑚− เป็ นการดูดความร้อนมาก
ง. สารที่ละลายน้ าได้ H₁ อาจมากกว่าหรื อน้อยกว่า H₂ ก็ได้
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 15/56 หน้า 15
90. เมื่อนา A₂B(s) จานวนหนึ่งมาละลายน้ า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 92. เมื่อนา KNO₃ มาละลายน้ าในถ้วยแก้ว KNO₃ จะแตกตัวเป็ นไอออน ดังสมการ
2A⁺(g) + B²⁻(g) ⟶ A₂B(s) H₁ KNO₃(s) + 350 กิโลจูล K⁺(aq) + NO₃⁻(aq)
2A⁺(g) + B²⁻(g) ⟶ 2A⁺(aq) + B²⁻(aq) H₂ เราจะสรุ ปผลอย่างไร
ข้อสรุ ปใดถูกต้อง ก. K⁺ และ NO₃⁻จะมีพลังงานน้อยกว่า KNO₃
ก. H₁ < 0 , H₂ < 0 และ ( H₁ > H₂ ) ข. ถ้วยแก้วที่ใส่น้ าจะเย็นลง
ข. H₁ < 0 , H₂ < 0 และ ( H₁ < H₂ ) ค. พลังงาน 350 กิโลจูล จะถูกคายออก
ค. H₁ > 0 , H₂ > 0 และ ( H₁ > H₂ ) ง. น้ าในถ้วยแก้วจะมีอุณหภูมิคงที่
ง. H₁ > 0 , H₂ > 0 และ ( H₁ < H₂ ) 93. เมื่อละลายแอมโมเนียมคลอไรด์ในน้ า จะเกิดปฏิกิริยาดังสมการ
91. ผลการละลายสารบางชนิดในน้ าที่มีอุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส เป็ นดังนี้ NH₄Cl(s) NH₄⁺(aq) + Cl⁻(aq) H = 15 kJ/mol
ถ้าใช้ NH₄Cl 0.1 โมล ละลายในน้ า 50 cm³ ข้อความใดผิด
การทดลอง สาร อุณหภูมิของสารละลาย ( C)
ก. อุณหภูมิของน้ าลดลง
1 KNO₃ 22
ข. พลังงานที่เปลี่ยนแปลงมีค่า 1.5 kJ
2 NaCl 28 ค. ความเข้มข้นของสารละลาย = 2.0 mol/dm³
3 NaOH 53 ง. การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็ นการเปลี่ยนสถานะ
4 KCl 31 94. เมื่อนาสาร A B C D E ละลายน้ าที่อุณหภูมิ 25C แล้ววัดอุณหภูมิของสารที่ได้
ได้ดงั นี้
สมการทัว่ ไปของการละลายของสารในน้ าคือ
AB(s) ⟶ A⁺(g) + B⁻(g) ดูดพลังงาน E₁ สาร A B C D E
A⁺(g) + B⁻(g) ⟶ A⁺(aq) + B⁻(aq) คายพลังงาน E₂ 12 25 68 85 10
อุณหภูมิ (C)
จงเลือกการทดลองที่มีค่า E₂ > E₁ และ E₂ = E₁
ข้อสรุ ปใดผิด
E₂ > E₁ E₂ = E₁
ก. สารละลาย A และ E เมื่อตั้งทิ้งไว้จะมีไอน้ ามาเกาะข้างบีกเกอร์
ก. 3 4 ข. การละลายของ C และ D เป็ นกระบวนการคายความร้อน
ข. 3 4 2 ค. B ไม่มีแรงดึงดูดกับโมเลกุลของน้ า จึงทาให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลง
ค. 3 4 1 ง. การละลายของ E เป็ นกระบวนการดูดความร้อน
ง. 2 3 4
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 16/56 หน้า 16
95. เมื่อนาสาร A B และ C อย่างละ 2 กรัม ละลายน้ าที่อุณหภูมิ 25 C ปริ มาตร 100 cm³ ข. พลังงานที่ใช้ในการแยกอนุภาคของสาร A ออกจากกัน มีปริ มาณมากกว่าพลังงานที่
พบว่าได้สารละลาย A B และ C ที่อุณหภูมิ 10 C 30 C 50C ตามลาดับจาก ใช้ในการแยกอนุภาคของสาร A รวมตัวกับน้ า
ข้อมูลนี้ ข้อใดถูกต้อง ค. พลังงานที่ใช้ในการแยกอนุภาคของสาร B รวมตัวกับน้ า มีปริ มาณน้อยกว่าพลังงาน
ก. สารละลาย C มีจานวนโมลที่ละลายในน้ ามากกว่า A ที่ใช้ในการแยกอนุภาคของสาร B ออกจากกัน
ข. ถ้าอุณหภูมิของน้ าสูงกว่า 25 C สารทั้งสามจะละลายได้ดี ง. หลังจากที่อนุภาคของสาร A และสาร C แยกออกจากกันแล้ว อนุภาคดังกล่าวจะ
ค. สาร B และ C มีพลังงานไฮเดรชันมากกว่าพลังงานแลกทิซ รวมตัวกับน้ าได้ตอ้ งมีการดูด และคายพลังงานตามลาดับ
ง. สภาพละลายได้ในน้ าที่ 25 C ของสาร B มากกว่า A แต่นอ้ ยกว่า 98. จากราฟแสดงปริ มาณการละลายของสาร X กับอุณหภูมิเป็ นดังนี้
96. เอา KNO₃ ใส่ในบีกเกอร์ที่มีน้ าอยูพ่ อประมาณ เมื่อ KNO₃ ละลายน้ า ปรากฏว่า มีหยด
น้ าเกาะอยูข่ า้ งบีกเกอร์ และเมื่อจับบีกเกอร์ดูจะรู ้สึกเย็น อธิบายปรากฏการณ์น้ ีได้วา่
การละลายของ X
100 กรัม
0 20 40 60 80 100
อุณหภูมิเป็ นเซลเซียส ( C )
อุณหภูมิ ( C )
100. จากกราฟแสดงการละลายของสาร A และสาร B ข้อความใดถูกต้องที่สุด
ถ้าสารละลาย 1 ลิตร มีสาร X ละลายอยูแ่ ล้ว 50 กรัม จะสามารถเติมสาร X ลงไปได้อีกกี่
ก. สาร A ละลายได้ดีกว่า B ที่อุณหภูมิเดียวกัน
กรัม จึงจะอิ่มตัวที่ 50C โดยถือว่าการละลายของ X ลงไปอีกปริ มาตรจะไม่
ข. สาร A และสาร B เป็ นสารประเภทดูดความร้อนเพื่อใช้ในการละลาย
เปลี่ยนแปลง
ค. สาร B เป็ นอิเล็กโทรไลต์ที่ดีกว่าสาร A
ก 0 กรัม ข 250 กรัม ค 300 กรัม ง 450 กรัม
ง. สาร A และสาร B ละลายได้ไม่หมดที่อุณหภูมิ 25 C
101. กราฟต่อไปนี้แสดงความสามารถในการละลายของสาร X และสาร Y ในน้ า คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ตอบคาถามข้อ 103 – 105
ละลายน ้าต่อ 100 กรัม
การละลายของ NaNO₃
ของน ้า
40 60 อุณหภูมิ ( C ) 0 20 40 60 80 100
เมื่อสาร X และY ไปละลายน้ าในภาชนะเดียวกันจนได้สารละลายอิ่มตัว (ของสารทั้ง 2 อุณหภูมิ ( C )
ชนิด) ที่อุณหภูมิ 60C แล้วค่อยๆลดอุณหภูมิลง จนเป็ น 40C พบว่า มีตะกอนตกอยูท่ ี่ 103. ข้อความต่อไปนี้ขอ้ ใด ไม่ ถูกต้ อง
ก้นภาชนะ ตะกอนนี้คือสารใด ก. การละลายของโซเดียมไนเตรดเพิม่ ขึ้นตามอุณหภูมิ
ก. สาร X อย่างเดียว ข. เมื่อละลายโซเดียมไนเตรดในน้ าอุณหภูมิของน้ าจะเพิ่มขึ้น
ข. สาร X ปนกับสาร Y แต่มีสาร X มากกว่า ค. เมื่อละลายโซเดียมไนเตรดในน้ าอุณหภูมิของน้ าจะลดลงขึ้น
ค. สาร Y อย่างเดียว ง. โซเดียมไนเตรดยังละลายได้ในน้ าที่อุณหภูมิต่ากว่าศูนย์องศาเซลเซียส
ง. สาร X ปนกับสาร Y แต่มีสาร Y มากกว่า
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 18/56 หน้า 18
104. สารละลายอิ่มตัวของโซเดียมไนเตรดในน้ า 200 กรัม ที่ 60C จะมีโซเดียมไนเตรดกี่ ตัวถูกละลาย ปริ มาณสูงสุดเป็ นกรัมในน้ า 100กรัม ที่อุณหภูมิ
กรัม 0C 100 C
ก. 75 กรัม
สาร A 2 10
ข. 100 กรัม
สาร B 5 1
ค. 125 กรัม
ง. 250 กรัม 107. ผลในตารางหมายความว่าอย่างไร
105. ถ้าเราทาละลายในข้อ 103 ให้เย็นลงถึง 0C จะมีโซเดียมไนเตรด ตกตะกอนกี่กรัม ก. สารละลายของ A คายความร้อน
ก. 75 กรัม ข. สารละลายของ B คายความร้อน
ข. 100 กรัม ค. สาร A ละลายได้ง่ายกว่าสาร B
ค. 125 กรัม ง. สาร A ละลายได้ง่ายกว่าสาร B
ง. 250 กรัม 108. ข้อความใดถูกต้อง
106. กาหนด สภาพการละลายได้ของสารเป็ นกรัมในน้ า 100 กรัม ก. สาร A มีพลังงานโครงร่ างผลึกสูงกว่าพลังงานไฮเดรชัน
สาร อุณหภูมิ ข. สาร A มีพลังงานโครงร่ างผลึกต่ากว่าพลังงานไฮเดรชัน
ค. เตรี ยมสารละลายอิ่มตัวของสาร A ได้โดยการต้ม
20C 60C
ง. เตรี ยมสารละลายอิ่มตัวของสาร B ได้โดยการทาให้เย็น
A 36 72 109. กาหนดให้อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง (C ) ขึ้นกับปริ มาณของสารที่ละลายต่อหนึ่งหน่วย
B 73 124 ปริ มาตร และสารต่างๆที่นามาละลายในตัวทาละลายเดียวกันไม่มีแรงกระทาต่อกัน เมื่อ
C 30 6 นาสาร A 1 กรัม มาละลายในน้ า 10 cm³ ปรากฏว่า อุณหภูมิของสารละลายเพิม่ จาก
D 300 170 เดิม 4 C แต่เมื่อสาร A 0.75 กรัม กับสาร B 0.25 กรัม มาละลายรวมกันในน้ า
ข้อใดถูก 15 cm³ อุณหภูมิเพิม่ จากเดิมเพียง 3.5 C จากการทดลองนี้จะสรุ ปได้วา่ ถ้านา
ก. เมื่อนาสารละลายอิ่มตัวของ B และ C ที่ 25C อย่างละขวดไปไว้ในตูเ้ ย็น จะได้ผลึก สาร B อย่างเดียวมาละลายน้ า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเป็ นแบบใด
ของ B ก. คายความร้อนโดยสาร B คายความร้อนเท่ากับสาร A เมื่อมีความเข้มข้นเท่ากัน
ข. คายความร้อนโดยสาร B คายความร้อนน้อยกว่าสาร A เมื่อมีความเข้มข้นเท่ากัน
ข. ที่อุณหภูมิ 25C สาร A และ B เป็ นของแข็ง ส่วน C และ D เป็ นแก๊ส
ค. ดูดความร้อนโดยสาร B ดูดความร้อนเป็ นปริ มาณที่เท่ากับสาร A คายความร้อน
ค. ที่อุณหภูมิ 25 C สาร A 98 กรัม ละลายได้ในน้ า 100 กรัม
เมื่อมีความเข้มข้นเท่ากัน
ง. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของสาร D > C > B > A
ง. ดูดความร้อนโดยสาร B ดูดความร้อนเป็ นปริ มาณที่นอ้ ยกว่าสาร A คายความร้อน
คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ในการตอบคาถามข้อ 107 – 108
เมื่อมีความเข้มข้นเท่ากัน
ทดสอบการละลายของสาร A และ B ในน้ า ได้ผลดังตาราง
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 19/56 หน้า 19
110. นักเรี ยนผูห้ นึ่งทาการทดลองเกี่ยวกับการละลายน้ าของสารต่างๆ และบันทึกผลการ ข้อใด ถูกต้ อง
ทดลอง ดังในตาราง ก. ถ้าใช้สาร X เพิ่มเป็ น 2 กรัม อุณหภูมิของสารละลายจะเพิ่มเป็ น 2 เท่า คือ 80 C
สาร อุณหภูมิของน้ า (C) ประมาณ 10 cm³ อุณหภูมิของสารละลาย (C) ข. ถ้าสารละลายของ X และ Y เข้มข้น 1 mol/dm³ เท่ากัน พลังงานที่คายออกมาใน
A (1 กรัม) 25 55 กรณี ของ X จะมากกว่า Y
B (1 กรัม) 25 25 ค. การละลายของ Z เป็ นการดูดพลังงาน
ง. ถ้าเพิ่มมวลของ Z และปริ มาตรของน้ าเป็ น 2 เท่าของของเดิม อุณหภูมิของ
C (1 กรัม) 25 15
สารละลายจะลดลงอีก 5 C
A + B (1 กรัม) 25 40 คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ใช้ในการตอบคาถามข้อ 112
A + C (1 กรัม) 25 39 เมื่อละลาย Na₃PO₄ 12.4 กรัม ในน้ า 100 cm³ แล้วเทสารละลายที่ได้ลงใน
B + C (1 กรัม) 25 20 0.2 mol/dm³ AgNO₃ 100 cm³ ปรากฏว่ามีตะกอนสี เหลืองเกิดขึ้น
นักเรี ยนสรุ ปผลการทดลองดังนี้ เกลือ ความสามารถในการละลาย g/100 g ของน้ า
1 การละลายน้ าของผสม A + B และ A + C เป็ นประเภทคายความร้อน AgNO₃ 245
2 การละลายน้ าของผสม B + C เป็ นประเภทดูดความร้อน
NaNO₃ 92
3 A B และ C ไม่มีแรงกระทาต่อกัน
Na₃PO₄ 15
4 ปริ มาณของ B ในของผสม A + B มีมากกว่า B + C
ผลสรุ ปข้อใดถูกต้อง Ag₃PO₄ 0.006
ก. 1 และ 2 เท่านั้น 112. สมการ ไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น คือ ข้อใด
ข. 1 2 และ 3 ก. Na₃PO₄(aq) + AgNO₃(aq) Ag₃PO₄(aq) + 3NaNO₃(aq)
ค. 1 2 และ 4 ข. Na₃PO₄(aq) + AgNO₃(aq) Ag₃PO₄(s) + 3NaNO₃(aq)
ง. ผลสรุ ปถูกต้องทุกข้อ ค. 3Ag⁺(aq) + PO₄³⁻(aq) Ag₃PO₄(s)
111. ในการทดลองเกี่ยวกับการละลายต่อไปนี้ ใช้สาร 1 กรัม ในน้ า 10 cm³ เท่ากัน ง. 3Na⁺ (aq) + PO₄³⁻(aq) Na₃PO₄(aq)
สาร มวลโมเลกุล อุณหภูมิของสารละลายC
น้ าบริ สุทธิ์ 18 30 (ใช้เป็ นตัวทาละลาย)
X 40 40
Y 100 45
Z 53 25
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 20/56 หน้า 20
113. การผสมสารละลายในข้อใดมีปฏิกิริยาเกิดขึ้น และสามารถเขียนสมการไอออนิกสุทธิได้ 115. จากรู ปแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิดสารประกอบ
( ENT-49) ระยะระหว่างอะตอม
สารละลายผสม I สารละลายผสม II
พลังงานศักย์
ก. NaCl กับ AgNO₃ KI กับ Na₂CO₃
ข. Ca(OH)₂ กับ Pb(NO₃)₂ Li₂SO₄ กับ MgCl₂
ค. BaCl₂ กับ Na₂SO₄ NH₄CN กับ Na₂HPO₄
ง. AgNO₃ กับ KBr Mg กับ HCl
ข้อใด ถูกต้อง
114. กราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิดโมเลกุลไฮโดรเจน เป็ นดังนี้ ก. ความเสถียรของโมเลกุล C―D > X ―Y > A―B
ข. ความยาวพันธะของ C ― D < X – Y < A ―B
ค. C และ X เป็ นธาตุหมู่เดียวกัน แต่ C อยูเ่ หนือ X ในตารางธาตุ
พลังงานศักย์ kJ/mol
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 21/56 หน้า 21
118. สารหมู่ใดที่จดั อยูใ่ นประเภทเดียวกัน 123. ข้อใดกล่าว ไม่ ถูกต้ อง (ENT-O 52 )
ก. NaCl Na₂S HCl ก. ธาตุที่มีอิเล็กตรอน 36 ตัว จัดเป็ นแก๊สเฉื่ อย
ข. CaO AlCl₃ HgCl₂ ข. ธาตุที่มีการจัดอิเล็กตรอนเป็ น 2 8 18 7 จัดเป็ นธาตุแฮโลเจน
ค. CCl₄ CH₃OH NaOH ค. น้ าจัดเป็ นสารไอออนิก เพราะแตกตัวได้ H⁺ ที่มีประจุบวก กับ OH⁻ ที่มีประจุลบ
ง. BaSO₄ MgSO₄ HCl
ง. ธาตุที่มีอิเล็กตรอน 12 ตัวเกิดเป็ นสารประกอบไอออนิกได้โดยเสียอิเล็กตรอน 2 ตัว
119. ชุดสารในข้อใด มีสารไอออนิกสารเดียวเท่านั้น
124. พิจารณาแผนภาพแสดงกลุ่มหมอกอิเล็กตรอนของอะตอมที่สร้างพันธะกัน 3 ชนิด
ก. CCl₄ BeCl₂ PF₃ Li₂O
ข. CS₂ NaCl CoCl₂ PCl₅
ค. C₂H₆ LiF HCN BaO
ง. NH₄Cl C₂H₄ KCN PCl₃ แทนกลุ่มหมอกอิเล็กตรอนของอะตอม
120. ข้อใด ไม่ ใช่ สารประกอบไอออนิกทั้งหมด แทนกลุ่มหมอกอิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกัน
ก. KBr K₂S สารในข้อใดมีการสร้างพันธะตามแบบ 1 2 และ 3
ข. SrCl₂ SiC ก. CO Mg HCl
ค. MgO Na₂S ข. O₂ F₂ CO
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 22/56 หน้า 22
126. สารประกอบ X เกิดจากธาตุหมู่ II กับหมู่ VI ส่วนสารประกอบ Y เกิดจากธาตุหมู่ VI กับ 130. ไอออน 2 ตัว X⁻ , Y⁴⁺ มีจานวนอิเล็กตรอนเท่ากับ 18 และ 10 ตามลาดับ
ไฮโดรเจน ดังนั้นข้อสรุ ปเกี่ยวกับสารประกอบดังกล่าวที่ ไม่ถูก คือข้อใด เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ Y และสูตรที่เกิดจากการรวมกันของธาตุ X และธาตุ Y
ก. สารประกอบ X ที่หลอมเหลวจะนาไฟฟ้ าได้ดีกว่าสารประกอบ Y คือ
ข. สารประกอบ X ที่จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูงกว่าสารประกอบ Y เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ X เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ Y สูตรสารประกอบ
ค. อัตราส่วนของอะตอมของธาตุที่รวมกันเป็ นสารประกอบ X และ Y เท่ากับ 1 : 1 ก. 7 4 YX₄
และ 1 : 2 ตามลาดับ
ข. 7 4 Y₄X
ง. สารประกอบ X มีความเป็ นโคเวเลนต์มากกว่าสารประกอบ Y
ค. 4 7 YX₄
127. ธาตุที่สร้างพันธะโคเวเลนต์ กับคลอรี นได้ดีที่สุด คือธาตุใด
ก. โซเดียม ง. 4 7 Y₄X
ข. โพแทสเซียม
131. สารตัวอย่าง 3 ชนิด เป็ นของแข็งทั้งหมด มีสมบัติดงั ต่อไปนี้
ค. คลอรี น
ง. แมกนีเซียม ชนิด การนาไฟฟ้ า การนาไฟฟ้ าเมื่อหลอมเหลว จุดหลอมเหลว C จุดเดือด C
128. ธาตุคู่ใดที่จะรวมกันได้สารประกอบที่มีความเป็ นโคเวเลนต์มากที่สุด P ไม่นา นา 801 1465
ก. ₁₇X กับ ₃₅Y Q ไม่นา ไม่นา 89 210
ข. ₉F กับ ₁₁Q
R นา ไม่ได้ทดสอบ 1400 2850
ค. ₁₇X กับ ₂₀Z
ง. ₁₃A กับ ₁₇X ข้อใดสรุ ปที่ถูกต้องของสาร P Q R
129. สูตรของสารที่เกิดจากการรวมของธาตุ X ที่มีเลขอะตอม 14 กับธาตุ Y ที่มีเลข ก. P ควรเป็ นสารประกอบไอโอนิก Q ควรเป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ R เป็ นโลหะ
อะตอม 8 ได้แก่ขอ้ ใด ข. P และ R ควรเป็ นโลหะ ส่วน Q เป็ นสารประกอบโคเวเลนต์
ก. XY ค. P และ R เป็ นโลหะ ส่วน Q เป็ นอโลหะ
ข. X₂Y ง. P และ Q เป็ นอโลหะ ส่วน R เป็ นโลหะ
ค. XY₂ 132. ถ้าธาตุ X และธาตุ Y มีการจัดอิเล็กตรอนเป็ น X (2 8 8 1 ) และ Y (2 8 6)
ง. X₂Y₃ สารประกอบระหว่าง X และ Yควรมีลกั ษณะเป็ นอย่างไร
ก. XY₂
ข. X―Y ―X
ค. X²⁺(Y⁻)₂
ง. (X⁺)₂Y²⁻
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 23/56 หน้า 23
133. พิจารณาคุณสมบัติของธาตุต่อไปนี้ 136. เมื่อเติมกามะถัน ( อะตอมมิกนัมเบอร์ = 16 ) ลงไปในสารประกอบซัลไฟด์ (S²⁻) จะ
1. ธาตุ R ทาปฏิกิริยากับธาตุ T ได้ของเหลวไม่มีสี ได้สารประกอบไดซัลไฟด์ ( 𝑆22− ) พันธะที่เป็ นไปได้มากที่สุด ระหว่างอะตอมของ
2. ธาตุ X ทาปฏิกิริยากับธาตุ R อัตรส่วนโมเลกุล 1 : 3 กามะถันในสารประกอบไดซัลไฟด์ คือ ( • แทนอิเล็กตรอนของกามะถัน แทน
3. ธาตุ Z ทาปฏิกิริยากับธาตุ T ได้สารประกอบหลายชนิด อิเล็กตรอนของกามะถันที่เติมลงไป)
ก.
ง.
ข.
ค.
ง.
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 24/56 หน้า 24
138. สูตรแบบจุดของสารประกอบ Na₂O₂ ข้อใด ถูกต้ อง ที่สุด ค C₂H₂ > C₂H₆ C₂H₂ > C₂H₆
ง C₂H₂ > C₂H₆ C₂H₂ > C₂H₆
ก.
142. พิจารณาพลังงานและความยาวของพันธะต่อไปนี้ที่กาหนดให้
ข. a. YCl b. YF c. YI d. YBr
ข้อความสอดคล้องคือข้อ
ค.
พลังงานพันธะ ความยาวพันธะ
ง. ก. a>b>c>d a<b<c<d
139. พันธะระหว่างคาร์บอนกับอะตอมที่แข็งแรงที่สุดในสารประกอบข้อใดในข้อล่าง จะเป็ น ข. c<d<a<b c>a=d>b
พันธะแบบสารประกอบใด ค. b> a > d < c b<a<d<c
ก. C₃H₈ ง. b< a = d < c b> a = d > c
ข. C₃H₄
ค. C₃H₆ 143. ความยาวของพันธะ C — O ในโมเลกุลข้อใดต่อไปนี้ มีค่าลงตามลาดับอย่างไร
ง. C₃H₇Cl ก. CO₂ > CO > CO₃²⁻
140. จะต้องใช้พลังงานในการสลาย พันธะระหว่างโคเวเลนต์ คาร์บอนกับคาร์บอน มากที่สุด ข. CO₃²⁻ > CO₂ > CO
ในโมเลกุลได้ ค. CO > CO₂ > CO₃²⁻
ก. C₃H₇OH ง. CO > CO₃²⁻ > CO₂
ข. C₂H₂F₂ 144. จงเปรี ยบเทียบความยาวและพลังงานระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับคาร์บอนใน
ค. C₂H₂ โมเลกุล C₂H₂ C₂H₄ และ C₂H₆ ว่าข้อใดถูกต้อง
ง. C₃H₆
141. จงเปรี ยบเทียบความยาวพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอน และพลังงานพันธะระหว่าง ความยาวพันธะ พลังงานพันธะ
อะตอมของคาร์บอน ในโมเลกุล C₂H₆ C₂H₄ และ C₂H₂ ข้อใด ถูกต้อง ก. C₂H₂ มากกว่า C₂H₄ C₂H₄ มากกว่า C₂H₂
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 25/56 หน้า 25
145. ถ้าสูตรแบบเส้นของคาร์บอเนตไอออนเขียนได้เป็ นดังนี้ 148. พิจารณาข้อความต่อไปนี้
1. โมเลกุล C₂H₂ มีความแข็งแรงของพันธะระหว่าง C กับ C มากกว่า C₂H₄ และมี
ความยาวพันธะระหว่าง C กับ C น้อยกว่า C₂H₆
2. การละลายของ NaCl พบว่า พลังงานแลตทิซ มากกว่าพลังงานไฮเดรชัน่ ดังนั้นการ
ละลายนี้เป็ นกระบวนการคายความร้อน
จงเปรี ยบเทียบความยาวพันธะ C – O ของคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอเนตไอออน
3. สารประกอบไอออนิกที่เป็ นของแข็งไม่นาไฟฟ้ า แต่เมื่อหลอมเหลวจะสามารถนา
พร้อมด้วยเหตุผล
ไฟฟ้ าได้
ก. ของ CO₂ ยาวกว่า เพราะพันธะ C – O ทั้งสองเป็ นพันธะคูห่ มด
ข้อใด ถูกต้อง
ข. ของ CO₂ สั้นกว่า เพราะพันธะ C – O ทั้งสองเป็ นพันธะคูห่ มด
ก. 1 และ 2 เท่านั้น
ค. ของ CO₂ ยาวกว่า เพราะพันธะ C – O หนึ่งเป็ นพันธะเดี่ยว ส่วนอีกพันธะหนึ่งเป็ น
ข. 2 และ 3 เท่านั้น
พันธะสาม
ค. 1 2 และ 3
ง. ของ CO₂ ยาวกว่า เพราะพันธะ C – O ทั้งสองเป็ นพันธะเดี่ยวทั้งหมด
ง. 1 และ 3 เท่านั้น
146. พิจารณาวามยาวพันธะโมเลกุลต่ไปนี้
149. สารประกอบข้อใดเป็ นไปตาม กฏออกเตต
1. CH₃OH
ก. BCl₃
2. CH₂O
ข. CO₂
3. CO
ค. SF₆
การเรี ยงลาดับความยาวพันธะของ O กับ C จากมากไปน้อยโมเลกุลข้อใดถูกต้อง
ง. PCl₅
ก. 1 > 2 > 3
150. a b c d และ e เป็ นธาตุที่มีการจัดอิเล็กตรอนดังนี้
ข. 2 > 3 > 1
a = 2 8 4 b=2 8 5 c = 2 8 6 d = 2 8 7 e = 23
ค. 3 > 1 > 2
ในข้อใดต่อไปนี้ที่ทุกสารมีการรวมตัวเป็ นไปตาม กฏออกเตต
ง. 3 > 2 > 1
ก. Hd NF₃ bF₅
147. พันธะเคมีที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของคู่ระหว่างอะตอม หรื อคูข่ องไออนที่เป็ น
ข. cF₆ HF cO₂
พันธะโคเวเลนต์เดี่ยว คือคู่ใด
ค. ad₄ cO₃ dF
ก. Sr²⁺กับ SO₄²⁻
ง. NH₄⁺ eF₃ bd₃
ข. Sn กับ Cl
ค. Li กับ O
ง. C กับ O
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 26/56 หน้า 26
151. จงพิจารณาสารต่อไปนี้ 155. การเปลี่ยนแปลงในข้อใดที่สนั นิษฐานได้วา่ เป็ นปฏิกิริยาดูดความร้อน
H₂S NH₃ BF₃ PBr₅ HF ก. C(s) + O₂(g) ⟶ CO₂(g)
I. II. III. IV. V. ข. CCl₄(g) ⟶ C(s) + 2Cl₂(g)
ข้อสรุ ปเกี่ยวกับสารเหล่านี้ ข้อใด ถูกต้อง ค. 2H₂(g) + O₂(g) ⟶ 2H₂O(g)
ก. สาร (I) (III) และ (IV) เท่านั้นเป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ ง. C(s) + 2H₂(g) ⟶ CH₄(g)
ข. สาร (II) (III) (IV) และ (V) เท่านั้นเป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ 156. ข้อใดเป็ นการเปลี่ยนแปลงประเภทคายพลังงาน
ค. สาร (I) และ (II) เท่านั้นที่อะตอมต่างๆ มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเป็ นไปตาม กฏออกเตต 1. C(g) + 2O₂(g) ⟶ CO₂(g)
ง. สาร (III) และ (IV) เท่านั้นที่อะตอมต่างๆ มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนไม่เป็ นไปตาม 2. H₂O(s) ⟶ H₂O(g)
กฏออกเตต 3. F₂(g) + 2e⁻ ⟶ 2F⁻ (g)
152. ไอออนใดต่อไปนี้ที่โครงสร้างลิวอิสไม่เป็ นไปตามกฎออกเตต ( PAT-2 ต.ค. 54 ) 4. CH₄(g) ⟶ C(g) + 4 H(g)
ก. N₅⁺ คาตอบที่ถูกต้องคือข้อใด
ข. C₂²⁻ ก. 1 และ 3
ค. N₇⁺ ข. 1 และ 2
ง. C₃⁴⁻ ค. 3 เท่านั้น
153. ปฏิกิริยาในข้อใดที่มีการสลายพันธะเคมี ง. 4 เท่านั้น
ก. O₂(g) O₂⁺(g) 157. ถ้า CH₄(g) + 2O₂(g) ⟶ CO₂(g) + 2H₂O(g) ; H₁
ข.
1
Br₂(g) Br(g) CH₄(g) + 2O₂(g) ⟶ CO₂(g) + 2H₂O(l) ; H₂
2
ข้อความต่อไปนี้ขอ้ ที่ ถูกต้อง คือ
ค. Na⁺(g) + Cl⁻(g) Na⁺Cl⁻(s)
ก. H₁ = H₂ เพราะ CO₂ และน้ าที่เกิดขึ้นหนักเท่ากัน
ง. 2Cl(g) Cl₂ (g)
154. การเปลี่ยนแปลงในข้อใดที่ท่านบอกได้ทนั ทีวา่ เป็ นการเปลี่ยนแปลงประเภทคาย ข. H₁ < H₂ เพราะไอน้ าคายความร้อนออกมาเมื่อกลัน่ ตัวเป็ นน้ า
พลังงาน ค. H₁ < H₂ เพราะปริ มาตรของผลิตภัณพ์ที่เกิดขึ้นน้อยกว่า
ก. H₂(g) + I₂(g) ⟶ 2HI ง. H₁ < H₂ เพราะน้ าดูดความร้อนเพื่อกลายเป็ นไอน้ า
ข. C(g) + 2O(g) ⟶ CO₂(g)
ค. HF(g) ⟶ H(g) + F(g)
ง. CH₄(g) + Cl₂(g) ⟶ CH₃Cl(g) + HCl
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 27/56 หน้า 27
158. พิจารณาปฏิกิริยาต่อไปนี้ 161. ถ้าต้องการสลายพันธะทั้งหมดในสารประกอบ โพรพีน (C₃H₆) จะต้องใช้พลังงานกี่
1. C(g) + 2O (g) ⟶ CO₂(g) กิโลจูลต่อโมล
2. C(s) + O₂(g) ⟶ CO₂(g) ก 3,440 kJ/mol ข 4,000 kJ/mol
3. C(g) + O₂(g) ⟶ CO₂(g) ค 4,614 kJ/mol ง 5,174 kJ/mol
4. C(g) + 2O(g) ⟶ CO₂(l)
ปฏิกิริยาทั้งสี่คายพลังงาน เรี ยงลาดับได้ดงั ข้อใด คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ใช้ในการตอบคาถามข้อ 162-163
ก.
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 28/56 หน้า 28
164. ในการสลายแก๊ส C₂H₄ หนึ่งโมลเป็ นอะตอมอย่างสมบูรณ์ ต้องใช้พลังงาน 2,266 167. กาหนดพลังงานพันธะ (หน่วย kJ/mol)
kJ/mol ถ้าพลังงานพันธะของ C = C และ C – C เท่ากับ 614 และ 348 kJ/mol
ชนิดของพันธะ H–H H–F F – F Cl- Cl H – I Cl – F I – I
ตามลาดับ พลังงานพันธะของ C – H เท่ากับกี่กิโลจูลต่อโมล
พลังงานพันธะ(kJ/mol) 436 567 159 242 298 253 151
ก. 413 kJ/mol
ข. 653 kJ/mol การเปลี่ยนแปลงในข้อใดเป็ นกระบวนการดูดพลังงาน
ค. 025 kJ/mol ก. H₂(g)+ F₂(g) ⟶ 2HF(g)
ง. 1, 652 kJ/mol ข. Cl₂(g) + F₂(g) ⟶ 2ClF(g)
165. ปฏิกิริยา ค. 2HI(g) ⟶ H₂(g) + I₂(g)
C(g) + 4 H(g) ⟶ CH₄(g) คายพลังงาน X kJ/mol ของ CH₄ ง. C(g) + 2O(g) ⟶ CO₂(g)
CH₃CH₃(g) ⟶ 2C(g) + 6H (g) ดูดพลังงาน Y kJ/mol ของ CH₃CH₃ 168. กาหนดพลังงานพันธะเฉลี่ย
อยากทราบว่า พลังงานพันธะ C – C จะมีค่ากี่กิโลจูลต่อโมล พันธะ พลังงานพันธะ (kJ/mol) พันธะ พลังงานพันธะ (kJ/mol)
ก. Y + 6X CH 415 O=O 500
ข. Y — 6X
C–C 340 O–O 140
3𝑋
ค. Y + C=C 610 C–O 350
2
ง. Y —
3𝑋 CC 840 O–H 460
2
166. กาหนดพลังงานพันธะกิโลจูลต่อโมล C=O 740
ชนิดของพันธะ C–C H–H C =C C–H C= C
ปฏิกิริยาในข้อใดคายพลังงานมากที่สุด
พลังงานพันธะ(kJ/mol) 348 436 614 413 839
7
ก. CH₃ – CH₃ + 2 O₂ 2CO₂ + 3H₂O
สารประกอบไดอีน (สูตร C₄H₆) และแอลคายน์ (สูตร C₄H₆) ทาปฏิกิริยากับ
ข. CH₂ = CH₂ + 3O₂ 2CO₂ + 2H₂O
ไฮโดรเจนมากเกินพอให้ C₄H₁₀ ตัวเดียวกัน ปฏิกิริยาทั้งสองนี้ มี พลังงานเกี่ยวข้อง
ค. CH CH + 2 O₂
5
ต่างกันกี่ กิโลจูลต่อโมล 2CO₂ + H₂O
ง. CH₃ CH₂ OH + 3O₂ 2CO₂ + 3H₂O
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 29/56 หน้า 29
169. กาหนดให้พลังงานพันธะ 171. กาหนดให้
ชนิดของพันธะ H–H F– F H–F ชนิดของพันธะ C–H Cl – Cl C Cl H Cl
พลังงานพันธะ(kJ/mol) 430 160 560 พลังงานพันธะ(kJ/mol) 413 242 339 431
ปริ มาณความร้อนที่เปลี่ยนแปลงในปฏิกิริยา
H₂(g) + F₂(g) 2HF(g) เป็ นอย่างไรและมีค่าเท่าใด พิจารณาปฏิกิริยา CH₄(g) + Cl₂(g) ⟶ CCl₄(g) + HCl(g) (สมการยังไม่ดุล)
ก. คายความร้อน 530 kJ ปฏิกิริยานี้ ดูดหรื อคายความร้อน และความร้อนของปฏิกิริยามีค่ากี่กิโลจูลต่อโมล
ข. ดูดความร้อน 530 kJ (kJ/mol) ของ CH₄
ค. คายความร้อน 30 kJ
ง. ดูดความร้อน 30 kJ
170. ในสมการ A₂(g) + B₂(g) 2AB(g) ถ้าพลังงานในการสลายพันธะ
ของ A₂ = 436 กิโลจูล ของ B₂ = 242 กิโลจูล และพลังงานในการสลายพันธะ
A – B = 431 กิโลจูล ในปฏิกิริยาข้างบนจะมีปริ มาณความร้อนของปฏิกิริยากี่กิโลจูล
ก. 184 กิโลจูล
172. กาหนดค่าพลังงานสลายพันธะในหน่วยกิโลจูล ต่อไปนี้
ข. 247 กิโลจูล
ชนิดของพันธะ C – H C – Cl H – Cl Cl - Cl
ค. 678 กิโลจูล
ง. 862 กิโลจูล พลังงานพันธะ(kJ/mol) 427 339 431 243
ปฏิกิริยาต่อไปนี้เป็ นปฏิกิริยาดูดหรื คายความร้อน และปริ มาณความร้อนมีปฏิกิริยามีค่า
กี่กิโลจูล
CH₄(g) + Cl₂(g) CH₃Cl (g) + HCl(g)
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 30/56 หน้า 30
173. กาหนดค่าพลังงานเฉลี่ย เป็ นดังนี้ 175. กาหนดพลังงานพันธะเฉลี่ย (kJ/mol) ต่อไปนี้
ชนิดของพันธะ C –C C–H C=C H – Cl C – Cl ชนิดของพันธะ C C CH CO C=O O H O=O
พลังงานพันธะ(kJ/mol) 348 413 614 431 327 พลังงานพันธะ(kJ/mol) 348 413 358 745 463 498
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 31/56 หน้า 31
178. กาหนดให้ 2AB(g) + B₂(g) 2AB₂(g) ถ้าปฏิกิริยาคายความร้อน 112 kJ 181. กาหนดพลังงานพันธะให้ดงั ต่อไปนี้
พลังงานพันธะของ A - B ของโมเลกุล AB = 90 kJ/mol พลังงานพันธะของ B – B ของ ชนิดของพันธะ CC CH C=C C C
โมเลกุล B₂ = 120 kJ/mol พลังงานพันธะของ A – B ของโมเลกุล AB₂ จะเป็ นกี่
พลังงานพันธะ(kJ/mol) 348 413 614 839
กิโลจูลต่อโมล
ก. 51.5 kJ/mol ข. 103 kJ/mol ถ้าปฏิกิริยา C₄H₁₀(g) C₄H₆(g) + 2H₂(g) ดูดพลังงาน 289 kJ
ค. 206 kJ/mol ง. 412 kJ/mol จงคานวณพลังงานพันธะ H – H ของโมเลกุล H₂
ก. 436 kJ/mol
คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ในการตอบคาถามข้อ 179 - 180
ข. 826 kJ/mol
กาหนดค่าพลังงานพันธะต่อไปนี้
ค. 872 kJ/mol
ชนิดของพันธะ พลังงานพันธะ(kJ/mol) ชนิดของพันธะ พลังงานพันธะ(kJ/mol) ง. 1,652 kJ/mol
HH 436 Cl Cl 242 182. จากข้อ 181 ถ้ามี C₄H₆(g) เกิดขึ้น 5.4 กรัม จะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานเท่าใด
HC 413 O=O 498 ก. 1.5 kJ
ข. 14.5 kJ
CI 218 H Cl 463
ค. 2.9 kJ
N N 945 HI 298 ง. 28.9 kJ
HO 463 NH 391 183. กาหนดพลังงานพันธะให้ดงั นี้
HS 367 II 151 C — Cl = 339 kJ/mol H — Cl = 431 kJ/mol Cl — Cl = 243 kJ/mol
ค่าพลังงานพันธะ C — H จากปฏิกิริยา
179. ปฏิกิริยาใดต่อไปนี้เป็ นปฏิกิริยาคายความร้อน CH₄(g) + Cl₂(g) CCl₄(g) + HCl(g) ที่ให้ความร้อนของปฏิกิริยา
ก. 2HCl(g) H₂(g) + Cl₂(g) - 400 kJ (สมการยังไม่ดุล) มีค่ากี่กิโลจูลต่อโมล
ข. H₂S(g) + Cl₂(g) 2HCl(g) + S(s) ก. 1,708 kJ/mol
ค. 4NH₃(g) + 3O₂(g) 6H₂O(g) + 2N₂(g) ข. 1,144 kJ/mol
ง. CH₄(g) + I₂ (g) CH₃I(g) + HI(g) ค. 424 kJ/mol
180. ปฏิกิริยาในข้อ ง . ของข้อ 179 ถ้ามี CH₃I(g) เกิดขึ้น 42.6 กรัม จะมีพลังงาน ง. 286 kJ/mol
เปลี่ยนแปลงเท่าใด
ก. 1.6 kJ ข. 7.1 kJ
ค. 14.4 kJ ง. 48 kJ
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 32/56 หน้า 32
184. กาหนดให้ X เป็ นธาตุในหมู่ VA และ Y เป็ นธาตุในหมู่ VIIA พลังงานพันธะของ 186. จงหาค่าพลังงานพันธะเฉลี่ย (kJ/mol) ของ X – Y จากข้อมูลต่อไปนี้
X₂(g) และ Y₂(g) เท่ากับ 960 และ 240 kJ/mole ตามลาดับ เมื่อ X₂(g) ทาปฏิกิริยา X(s) X(g ) ดูดพลังงาน 717 kJ
กับ Y₂(g) ในสองสภาวะได้ผลิตภัณฑ์ XY และ XY ซึ่งเป็ นสารโคเวเลนซ์ที่มี Y₂(g) 2Y(g) ดูดพลังงาน 435 kJ
พันธะเดี่ยวในโมเลกุลเท่านั้น ดังสมการ (1) และ (2) X(s) + 2Y₂(g) ⟶ XY₄(g) ดูดพลังงาน 75 kJ
1) X₂(g) + Y₂(g) XY₃(g) สมการยังไม่ได้ดุล
ก. 236.25 kJ/mol
2) X₂(g) + Y₂(g) X₂Y₄(g) สมการยังไม่ได้ดุล ข. 378 kJ/mol
ปฏิกิริยา (1) และ (2) ที่ได้ผลิตภัณฑ์ 1 moleจะคายพลังงานเท่ากับ 600 และ 1,540 kJ ค. 396.75 kJ/mol
ตามลาดับ พลังงาน X X และ X Y ในผลิตภัณฑ์มีค่ากี่ kJ/mole ( ENT-A 51) ง. 415.5 kJ/mol
พลังงานพันธะ X X ( kJ/mole) พลังงานพันธะ X Y ( kJ/mole) 187. ในปฏิกิริยาการเตรี ยม C₂H₂ จากแกรไฟต์ เกิดโดยผ่าน 2 ขั้นตอน ต่อไปนี้
ก. 320 665 ขั้นที่ 1 2C (แกรไฟต์) ⟶ 2C(g) ความร้อนของการกลายเป็ นไอมีค่า 717 kJ.mol⁻¹
ขั้นที่ 2 2 C(g) + H₂(g) ⟶ H ⎼ C C ⎼ H (g) ปฏิกิริยานี้เป็ นปฏิกิริยาดูดหรื อ
ข. 340 600
คายความร้อน และพลังงานของปฏิกิริยามีค่ากี่กิโลจูลต่อโมล กาหนด ( H ⎼ H = 436
ค. 1,060 480
kJ/mol C⎼H = 414 kJ/mol C C = 837 kJ/mol)
ง. 1,460 380
185. ถ้าให้มีเทน 0.5 โมล ทาปฏิกิริยากับออกซิเจน 2 โมล จะได้ความร้อน 347 กิโลจูล ค่า
พลังงานพันธะ C = O เท่ากับกี่กิโลจูลต่อโมล
ก. 347 kJ/mol
ข. 271 kJ/mol
ค. 649 kJ/mol
ง. 745 kJ/mol
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 33/56 หน้า 33
188. จานวนพันธะโคเวเลนต์ ใน Na₂SO₄ NH₄⁺ CuS BCl₃ เป็ นกี่พนั ธะ มีค่า 192. สาร A ประกอบด้วยธาตุ 3 ชนิด คือ X Y และ Z สาร A เป็ นสารที่เสถียรและมี
เรี ยงกันตามลาดับ คือ โครงสร้างดังนี้
ก. 4 4 0 3
ข. 6 3 1 0
ค. 4 3 0 3
ง. 5 4 1 0
189. ถ้า D E G J และ L แทนสัญลักษณ์ของธาตุที่มีเลขอะตอม 6 9 15 16
และ 17 ตามลาดับ จานวนคูข่ องอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะของสารประกอบคู่ใด ถูกต้อง ธาตุ X Y Z ควรเป็ นธาตุดงั ข้อใด
X Y Z
D₂L₆ GL₅ JE₆
ก. N P Cl
ก. 4 4 5
ข. O S Cl
ข. 6 5 6
ค. P C F
ค. 7 5 6
ง. N C H
ง. 8 6 7
193. ปฏิกิริยาใดต่อไปนี้ เกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน ( PAT-2 ก.ค. 53)
190. ถ้า Q R T และ X เป็ นธาตุที่มีเลขอะตอม 1 6 7 และ 8 ตามลาดับ จานวน
ก. ClF + F₂ ClF₃
พันธะชนิดต่างๆ ในสารประกอบต่อไปนี้ ข้อใด ถูกต้อง
ข. PF₃ + F₂ PF₅
โมเลกุล พันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม ค. SF₂ + F₂ SF₄
ก. TQ₃ 1 1 1 ง. SiF₄ + F₂ SiF₆
ข. RX₂ 2 - - 194. สารใดต่อไปนี้ สัดส่วนของพันธะเดี่ยว : พันธะคู่ : พันธะสาม เท่ากับ 4 : 1 :1
ค. R₂Q₂ - 1 1 ก. HCCCONH₂ ข. NCCH₂CHCH₂
ง. QTX₂ 2 1 - ค. OCNCH₂CCH ง. H₂CCHCN
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 35/56 หน้า 35
203. ข้อมูลในตารางต่อไปนี้ บอกถึงจานวนอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะและอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 206. ถ้านาลูกโป่ งใหญ่ 2 ลูก และลูกโป่ งเล็ก 2 ลูก มาผูกขั้วไว้ดว้ ยกัน โดยที่ลูกโป่ งใหญ่มี
ของอะตอมกลาง ข้อใด ผิด ปริ มาตรเป็ น 1.1 เท่าของลูกโป่ งเล็ก จงเปรี ยบเทียบมุมระหว่างลูกโป่ งใหญ่และมุม
โมเลกุล อะตอมกลาง จานนอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ จานวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว ระหว่างลูกโป่ งเล็ก ถ้านาเทปกาวมาแปะระหว่างลูกโป่ งใหญ่เพื่อให้มุมเล็กลง มุม
ก. CH₄ C 4 0 ระหว่างลูกโป่ งเล็กจะเป็ นอย่างไร ( PAT-2 ต.ค. 54 )
ข. H₂O O 2 2 ก. มุมระหว่างลูกโป่ งใหญ่มากกว่ามุมระหว่างลูกโป่ งเล็ก เมื่อแปะเทป มุมระหว่าง
ค. PH₃ P 3 1 ลูกโป่ งเล็กจะมากขึ้น
ง. H₂S H 2 2 ข. มุมระหว่างลูกโป่ งใหญ่นอ้ ยกว่ามุมระหว่างลูกโป่ งเล็ก เมื่อแปะเทป มุมระหว่าง
ลูกโป่ งเล็กจะน้อยลง
204. ข้อมูลในตารางต่อไปนี้ ข้อใด ผิด ค. มุมระหว่างลูกโป่ งใหญ่นอ้ ยกว่ามุมระหว่างลูกโป่ งเล็ก เมื่อแปะเทป มุมระหว่าง
โมเลกุล จานวนอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ จานวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว ลูกโป่ งเล็กจะมากขึ้น
ก. H₂S 2 2 ง. มุมระหว่างลูกโป่ งใหญ่มากกว่ามุมระหว่างลูกโป่ งเล็ก เมื่อแปะเทป มุมระหว่าง
ข. SiF₄ 4 - ลูกโป่ งเล็กจะน้อยลง
207. โมเลกุลโคเวเลนต์ที่มีรูปร่ างเป็ นทรงสี่ หน้า (Tetracheral) คือ
ค. SF₆ 6 -
ก. C₂H₄
ง. BrF₃ 3 1
ข. NO₃⁻
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 37/56 หน้า 37
219. โมเลกุลของน้ า (H₂O) มีรูปร่ างเป็ นมุมงอ ถ้าโปรตอน ( H⁺ ) สร้างพันธะกับอะตอม 222. กาหนดให้ A D E G J X Y และ Z เป็ นธาตุที่อยูใ่ นคาบที่ 2 – 5 ของตาราง
ของ O ใน H₂O โดยใช้อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของ O จะได้ H₃O⁺ มีรูปร่ างเป็ น ธาตุ ดังนี้
อย่างไร
คาบ
ก. สามเหลี่ยมแบนราบ
ข. พีระมิดฐานสามเหลี่ยม 2 A X Y
ค. ทรงเหลี่ยมสี่ หน้า 3 D
ง. ทรงเหลี่ยมแปดหน้า 4 E G J Z
220. ธาตุ A และ B มีเลขอะตอม 15 และ 35 ตามลาดับ คลอไรด์ของ A และ B มีรูปร่ าง 5
อย่างไร
ก. สามเหลี่ยมแบนราบ พีระมิดฐานสามเหลี่ยม ข้อใดเป็ นสมบัติของธาตุหรื อสารประกอบที่เกิดจากธาตุในตารางที่กาหนด (ENT-A 51)
ข. พีระมิดฐานสามเหลี่ยม เส้นตรง ก. E G และ J เป็ นธาตุแทรนซิชนั ที่มีเลขออกซิเดชันหลายค่า
ค. ทรงเหลี่ยมสี่ หน้า สามเหลี่ยมแบนราบ ข. พันธะในโมเลกุลที่เกิดจาก X กับ Y ยาวกว่าพันธะในโมเลกุลที่เกิดจาก Y กับ Z
ง. พีระมิดคู่ฐานสามเหลี่ยม เส้นตรง ค. สารประกอบ AX และสารประกอบ DZ ไม่ละลายน้ า เพราะมีแรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างอะตอมที่แข็งแรง
221. กาหนดตารางธาตุต่อไปนี้ ง. มุมระหว่างพันธะของโมเลกุลที่เป็ นไปตามกฎออกเตตที่เกิดจาก X และ Z ใหญ่กว่า
ที่เกิดจาก Y และ Z
หมู่ I II III IV V VI VII VIII
223. จากตาแหน่งต่อไปนี้ของธาตุในตารางธาตุ
คาบ
ธาตุ รู บิเดียม (Rb) แกลเลียม (Ga ) อาร์เซนิก (As) แอสทาทีน (At)
2 A B C D E F G H
หมู่ หมู่ I A หมู่ III A หมู่ V A หมู่ VII A
3 I J K L M N O P
รู ปร่ างโมเลกุลของ MG₃ มีลกั ษณะใด สมบัติที่ทานายต่อไปนี้ขอ้ ใดผิด
ก. เมื่อเป็ นแก๊สแอสทาทีนจะมีสูตรเป็ น At₂
ก. มุมงอ
ข. สูตรของแกลเลียมออกไซด์ คือ Ga₂O₃
ข. ทรงสี่ หน้า
ค. เมื่อรู บิเดียมแอสทาไทด์ละลายน้ า จะนาไฟฟ้ าได้
ค. พีระมิดฐานสามเหลี่ยม ง. โมเลกุลของอาร์เซนิกคลอไรด์ (AsCl₃) มีรูปร่ างเป็ นสามเหลี่ยมแบนราบ
ง. สามเหลี่ยมแบนราบ
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 38/56 หน้า 38
224. พิจารณาการจัดเรี ยงอิเล็กตรอนของธาตุ A B C และ D ต่อไปนี้ ข้อใดถูกต้อง
ธาตุ A 1s² 2s² 2p⁶ 3s² ก 1 เท่านั้น
ธาตุ B 1s² 2s² 2p⁶ 3s² 3p⁶ 4s² 3d⁷ ข 1 และ 2 เท่านั้น
ธาตุ C 1s² 2s² 2p⁶ 3s² 3p⁵ ค 2 และ 3 เท่านั้น
ธาตุ D 1s² 2s² 2p⁶ 3s² 3p⁶ 4s² 3d¹⁰ 4p⁴ ง 1 2 และ 3
ข้อใดถูกต้อง ( ENT- A 52 ) 227. ไอออนคู่ใดมีจานวนเวเลนต์อิเล็กตรอนรวมทุกอะตอมไม่เท่ากัน
ก. สารประกอบที่เกิดจากธาตุ A และ C ไม่ละลายน้ า ก. CO₃²⁻ กับ NO₃⁻
ข. สารประกอบที่เกิดจากธาตุ A และ D มีสูตรเป็ น A₂D ข. NO₃⁻ กับ SO₃²⁻
ค. สารประกอบที่เกิดจากธาตุ B และ C มีสูตรโครงสร้างเป็ นทรงสี หน้า ค. SO₃²⁻ กับ ClO₃⁻
ง. สารประกอบที่เกิดจากธาตุ B และ D เป็ นสารประกอบไอออนิกที่มีสูตร ง. ClO₃⁻ กับ PO₃³⁻
แน่นอนเป็ น BD 228. เหตุใดโมเลกุลของน้ า มุมระหว่าง H – O – H จึงไม่เท่ากับ 180 องศา แต่กลับเป็ น 104.5
225. ให้พิจารณาโมเลกุลต่อไปนี้ องศา
H₂O CH₄ NH₃ C₂H₄ C₂H₂ C₂H₆ ก. ออกซิเจนมีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 2 คู่ จึงพยายามผลักกับคู่ที่สร้างพันธะให้ห่างกัน
ข้อสรุ ปที่ถูกต้องเป็ นไปตามข้อใด ที่สุด
ก. โมเลกุล 1 และ 3 มีอิเล็กตรอนคู่โดเดี่ยวที่อะตอมกลาง โมเลกุล 6 มีความยาว ข. เพื่อลดระยะห่างระหว่างอะตอมของไฮโดรเจนและออกซิเจนให้นอ้ ยที่สุด
พันธะสั้นที่สุด ความยาวพันธะระหว่างคาร์บอนของโมเลกุล 5 < 4 < 6 ค. เพื่อให้อิเล็กตรอนคูท่ ี่สร้างพันธะกับไฮโดรเจนทั้งสองอะตอมมีโอกาสสับเปลี่ยน
ข. โมเลกุล 1 และ 3 มีอิเล็กตรอนคู่โดเดี่ยวที่อะตอมกลาง โมเลกุล 4 มีความยาวพันธะ กันได้ง่าย
ระหว่างคาร์บอนสั้นที่สุด ความยาวพันธะระหว่างคาร์บอนของโมเลกุล 6 < 4 < 5 ง. เพื่อลดขนาดของโมเลกุลให้โมเลกุลอยูเ่ บียดเสี ยดกันมากที่สุด
ค. โมเลกุล 1 มีรูปร่ างโค้งงอ โมเลกุล 3 มีรูปร่ างพีระมิดฐานสามเหลี่ยม โมเลกุล 5 มี 229. มุมระหว่างพันธะในโมเลกุลของแอมโมเนียมีค่าน้อยกว่ามุมระหว่างพันธะของมีเทน
ความยาวพันธะสั้นที่สุด ความยาวพันธะระหว่างคาร์บอนของโมเลกุล 5 < 4 < 6 ด้วยเหตุผลข้อใด
ง. โมเลกุล 1 มีรูปร่ างโค้งงอ โมเลกุล 3 มีรูปร่ างพีระมิดฐานสามเหลี่ยม โมเลกุล 5 มี ก. อิเล็กโทรเนกาติวติ ีของ N สูงกว่า C
ความยาวพันธะสั้นที่สุด ความยาวพันธะระหว่างคาร์บอนของโมเลกุล 5 < 6 < 4 ข. แอมโมเนียเป็ นโมเลกุลมีข้ วั ส่วนมีเทนเป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั
226. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ (กาหนดอะตอม Xe =54 ) ค. โมเลกุลของแอมโมเนียมีพนั ธะโคเวเลนต์ 3 พันธะ แต่โมเลกุลมีเทนมี 4 พันธะ
1. เลขออกซิเดชันของ Xe ใน XeF₅⁺ XeOF₄ XeF₈²⁻ และ HXeO₄⁻ ง. แรงผลักระหว่างอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะด้วยกันเอง มีค่าน้อยกว่าแรงผลักระหว่าง
มีค่าเท่ากับ 6 อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวกับอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ
2. XeF₆ มีรูปร่ างเป็ นทรงแปดหน้า และ Xe ไม่มีอิเล็กตรอนคู่โดเดี่ยว
3. อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวที่ Xe ของ XeF₂ และ XeF₃⁺ มีจานวนเท่ากัน
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 39/56 หน้า 39
230. โมเลกุลใดที่มีมุมระหว่างพันธะมากว่า 159 ก. I > II > IV > III
ก. CCl₄ ข. III > I > IV > II
ข. H₂Se ค. II > I > III > IV
ค. PCl₃ ง. I > III > II > IV
ง. CO₂ 234. มุมระหว่างพันธะในโมเลกุลเรี ยงตามลาดับดังข้อใด
231. มุมพันธะในโมเลกุลของมีเทน แอมโมเนีย และน้ า จะมีขนาดเรี ยงตามลาดับข้อใด ก. CS₂ > BF₃ > CH₄ > Cl₂O
ก. มีเทน > แอมโมเนีย > น้ า ข. Cl₂O > CS₂ > CH₄ > BF₃
ข. น้ า > แอมโมเนีย > มีเทน ค. BF₃ > CS₂ > Cl₂O > CH₄
ค. แอมโมเนีย > มีเทน > น้ า ง. CS₂ > Cl₂O > BF₃ > CH₄
ง. น้ า > มีเทน > แอมโมเนีย 235. ข้อใดเรี ยงค่ามุมพันธะได้ถูกต้อง
232. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. BF₃ > PCl₃ > CH₄ > BeCl₂
1. มุม HOH ใน H₂O มีขนาดเล็กกว่ามุม HNH ใน NH₃ เพราะว่า O มีค่าอิเล็ก ข. Cl₂O > BF₃ > CH₄ > BeH₂
โทรเนกาติวติ ีมากกว่า N ค. CO₂ > CH₄ > BF₃ > Cl₂O
2. มุม HNH ใน NH₃ มีขนาดใหญ่กว่ามุม HSH ใน H₂S เพราะว่า S มีอิเล็กตรอนคู่ ง. CS₂ > BCl₃ > CH₄ > PCl₃
โดดเดี่ยวมากกว่า N 236. A เป็ นธาตุที่มีการจัดอิเล็กตรอน 2 8 5 มุมระหว่างพันธะในสารข้อใดต่อไปนี้ มีค่า
3. มุม HOH ใน H₂O มีขนาดใหญ่กว่ามุม HSH ใน H₂S เพราะว่า O มีค่าอิเล็ก รวมกันมากที่สุด
โทรเนกาติวติ ีมากกว่า S ก. H₂O ACl₃
4. มุม HOH ใน H₂O และมุม OCO ใน CO₂ ต่างก็มีค่าใกล้เคียงกับ 109.5 องศา ข. NH₃ AF₃
ข้อใดถูกต้อง ค. SiCl₄ ABr₃
ก. 1 และ 3 ง. CH₄ ACl₄⁺
ข. 1 และ 2 237. มุมพันธะในสารประกอบข้อใด เมื่อรวมกันในทุกสารประกอบแล้วมีค่าน้อยที่สุด ( PAT-
ค. 3 และ 4 2 ต.ค. 53 ) (กาหนดเลขอะตอม Be = 4 F = 9 C = 6 O = 8 H = 1 S = 16
ง. 2 และ 3 Cl = 17 Xe = 54 )
233. กาหนดให้โมเลกุลต่อไปนี้ ก. BeF₂ CO₂
CS₂ BF₃ Cl₂O CCl₄ ข. H₂F⁺ BeCl₂
ค. BeH₂ O₃
I. II. III. IV.
ง. SO₂ XeF₂
มุมระหว่างพันธะในโมเลกุล I – IV เรี ยงตามลาดับดังข้อใด
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 40/56 หน้า 40
238. สารประกอบหรื อไอออนในข้อใดมีรูปร่ างเหมือนกัน และมีมุมพันธะเท่ากันทั้งหมด 3. 4.
(PAT-2 ก.ค. 53 ) (กาหนดเลขอะตอม Be = 4 F = 9 C = 6 O = 8 H = 1 S
= 16 Cl = 17 Xe = 54 )
ก. BeBr₂ และ H₂O
ข. CCl₄ และ SO₄²⁻
ค. NH₄⁺ และ CH₃Cl โมเลกุลของสารใดบ้างที่มุมพันธะของคาร์บอนอะตอมทั้งสองมีคา่ ใกล้เคียงกันที่สุด
ง. SO₂ และ CO₂ ก. 1 เท่านั้น
239. ธาตุ X มีเลขอะตอม 15 เกิดสารประกอบกับไฮโดรเจนได้หลายชนิด ได้แก่ XH⁻ ข. 2 เท่านั้น
XH₃ และ XH₄⁺ เมื่อศึกษาโครงสร้างพบว่ามุมพันธะเพิ่มขึ้น ตามลาดับ พิจารณา ค. 1 และ 3
ข้อสรุ ปต่อไปนี้ ง. 2 และ 4
1. X เป็ นอโลหะในคาบที่ 3 เมื่อเกิดพันธะโคเวเลนต์กบั ไฮโดรเจน อาจไม่เป็ นไปตาม 241. พิจารณาสูตรแบบจุดของโมเลกุล และไอออนต่อไปนี้
กฎออกเตต ทาให้มีมุมพันธะได้หลายค่า
2. X เป็ นอโลหะเกิดพันธะโคเวเลนต์กบั ไฮโดรเจน จานวนอิเล็กตรอนเป็ นไปตามกฎ
ออกเตต
3. X เป็ นธาตุในคาบที่ 3 เมื่อเกิดพันธะโคเวเลนต์กนั ไฮโดรเจนได้สารที่มีประจุไม่
I. II.
เท่ากัน เลขออกซิเดชันของ X ในสารประกอบทั้งสามจึงไม่เท่ากัน
ข้อสรุ ปใด ถูกต้อง
ก. 1 เท่านั้น
ข. 2 เท่านั้น
ค. 2 และ 3 III. IV.
ง. 1 และ 3 สูตรใดบ้างที่ทุกอะตอมอยูใ่ นระนาบเดียวกัน
240. พิจารณาสารประกอบอินทรี ยต์ ่อไปนี้ ก. 1 และ 2
1. 2. ข. 2 และ 3
ค. 2 และ 4
ง. 3 และ 4
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 41/56 หน้า 41
242. ธาตุสมมติ A B C และ D มีสมบัติเป็ นอโลหะ โดยที่ธาตุ A และ B อยูใ่ นหมู่ 246. เมื่อพิจารณาสูตรของสารประกอบต่อไปนี้
เดียวกัน ธาตุ C และ D อยูใ่ นหมู่เดียวกัน มีรูปร่ างโมเลกุลดังข้อมูลในตาราง 1. โบรมีน (Br₂)
2. แอมโมเนีย (NH₃)
สารประกอบ รู ปร่ างโมเลกุล สารประกอบ รู ปร่ างโมเลกุล
3. น้ า (H₂O)
AB₃ รู ปตัวที CD₂ มุมงอ
4. ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl)
AB₄⁺ ทรงสี หน้าบิดเบี้ยว CD₃ สามเหลี่ยมแบนราบ
5. คาร์บอนเตตระคลอไรด์ (CCl₄)
AB₅ พีระมิดฐานสี่ เหลียม CD₃²⁻ พีระมิดฐานสามเหลียม
สารใดมีพนั ธะโคเวเลนต์มีข้ วั
AB₆⁺ ทรงแปดหน้า CD₄²⁻ ทรงสี หน้า
ก. 1 2 3 และ 4 เท่านั้น
จากข้อมูลข้างต้นข้อใดผิด (PAT-2 ต.ค.55) ข. 2 3 และ 4 เท่านั้น
ก. ธาตุ A และ B อยูใ่ นหมู่ 7 ค. 2 3 4 และ 5 เท่านั้น
ข. ขนาดอะตอมของ A ใหญ่กว่าอะตอมของ B ง. 4 เท่านั้น
ค. ค่าอิเล็กโทรเนกาทิวติ ีของ C น้อยกว่า D 247. ธาตุ A B C และ D มีสมบัติดงั แสดงในตาราง
ง. จานวนอิเล็กตรอนรอบอะตอม C มีค่าเกินออกเตตไม่ได้ ธาตุ ศักย์รีดกั ชัน (V) การเปลี่ยนแปลงสี ลิตมัสเมื่อทดสอบสารละลายออกไซด์ในน้ า
243. กาหนดค่าอิเล็กโทรเนกาทิวติ ีของอะตอมบางชนิด
A +0.54 น้ าเงิน แดง
อะตอม Si H S Br Cl
B -1.71 แดง น้ าเงิน
อิเล็กโทรเนกาติวติ ี (EN) 1.9 2.20 2.58 2.96 3.16
C +1.36 น้ าเงิน แดง
สภาพขั้วของพันธะโคเวเลนต์ ต่อไปนี้ ข้อใดเรี ยงลาดับจากมากไปหาน้อยได้ถูกต้อง D -2.71 แดง น้ าเงิน
ก H – Cl H – Br Si – S Si – H
ข H – Cl Si – S Si – H H – Br สารประกอบที่เกิดจากธาตุคู่ใด จะเป็ นโมเลกุลโคเวเลนต์มีข้ วั แรงที่สุด
ค H – Cl H – Br Si – S Si – H ก. A กับ B
ง Si – H Si – S H – Br H – Cl ข. A กับ C
244. ในระหว่างพันธะต่อไปนี้ พันธะใดมีข้ วั ของพันธะน้อยที่สุด ค. B กับ D
ก H–F ข O–F ค Cl – F ง Ca – F ง. C กับ D
245. สารประกอบคูใ่ ดที่ ไม่ ได้ เรี ยงลาดับความแรงขั้วจากสูงไปต่า
ก. HBr HCl ข. H₂O H₂S
ค. NCl₃ BCl₃ ง. IF BrCl
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 42/56 หน้า 42
248. สารประกอบอย่างหนึ่ง มีสูตรโครงสร้างแบบเส้นดังนี้ 251. ข้อใดเป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั
ก CO₂ CCl₄ CH₃Cl
ข CO₂ SF₆ BCl₃
ค BCl₃ NCl₃ CCl₄
ง HCN NCl₃ CO₂
ขั้วลบของโมเลกุลควรชี้ไปตามทิศทางเหมือนลูกศรในข้อใด 252. ข้อใดเป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั
1. PBr₅
ก. ข. ง.
ค. 2. Si(CH₃)₄
3. CH₃Cl
249. สูตรโครงสร้างของสารอินทรี ยใ์ ดที่ไม่ แสดงขั้ว ข้อใดเป็ นคาตอบที่ถูกต้อง
ก. 1 เท่านั้น
ก. ข. ข. 2 เท่านั้น
ค. 1 และ 2 เท่านั้น
ง. 1 2 และ 3
253. สารประกอบในข้อใดที่โมเลกุลมีข้ วั ทั้งหมด
ค. ง. ก CH₄ NH₃
ข CCl₄ H₂S
ค NH₃ BF₃
ง CH₃Cl PH₃
250. สารใดต่อไปนี้ 254. โมเลกุลในข้อใดเป็ นโมเลกุลมีข้ วั ทั้งหมดหรื อไม่มีข้ วั ทั้งหมด (PAT-2 มี.ค.52)
NF₃ CH₃Cl PBr₅ CO₂ BF₃ ก. HI CS₂ O₂
ข. N₂ PCl₅ CCl₄
เป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั
ค. N₂ NH₃ SO₃
ก NF₃ CH₃Cl PBr₅ CO₂
ง. O₂ SO₂ CO₂
ข NF₃ BF₃
ค PBr₅ CO₂ BF₃
ง BF₃ เท่านั้น
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 43/56 หน้า 43
255. ข้อใดมีสภาพขั้วเหมือนกันทั้งหมด (PAT-2 มี.ค.53) 260. สารกลุ่มใดต่อไปนี้มีพนั ธะโคเวเลนต์ มีข้ วั แต่โมเลกุลไม่มีข้ วั
ก. CHCl₃ H₂O CS₂ ก HCl H₂ H₂O
ข. CCl₄ CO₂ BF₃ ข CO₂ BF₃ CCl₄
ค. PCl₅ SO₂ BeCl₂ ค Cl₂O CH₃Cl H₂S
ง. NH₃ HCl CO₂ ง CO H₂S PCl₃
256. ธาตุ A B C D E และ F มีเลขอะตอม 15 9 8 6 5 และ 1 ตามลาดับ 261. สาร X เป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั สาร Y เป็ นโมเลกุลมีข้ วั ส่วนสาร Z นั้น พันธะไม่มีข้ วั ถ้า
สารประกอบในข้อใดมีข้ วั ทุกสาร ขนาดของโมเลกุลในสถานะแก๊ส เรี ยงลาดับ X > Y >Z สาร X Y Z อาจเป็ นสารใน
ก B₂C EB₃ DC₂ ข้อใด
ข AB₃ DC₂ DB₄ X Y Z
ค F₂C B₂C AB₃ ก. CH₄ NH₃ C₆H₆
ง EB₃ DB₄ F₂C
ข. BeCl₂ CH₂Cl₂ S₈
257. ธาตุ A B C D E F และ G มีเลขอะตอมเท่ากับ 1 6 0 8 9 15 และ
ค. Br₂ H₂O H₂
17 ตามลาดับ สารประกอบในข้อใดมีข้ วั ทุกสาร
ง. SiH₄ PCl₃ PCl₅
ก A₂D GE₅ BD₂
ข GE₅ FG₅ CE₃ 262. โมเลกุลในข้อใดมีรูปร่ างเหมือนกัน และเป็ นโมเลกุลมีข้ วั ทั้งสองโมเลกุล
ค GE₅ CE₃ A₂D ก BeCl₂ Cl₂O
ง CE₃ A₂D BA₄ ข PBr₃ NI₃
258. สารประกอบในข้อใดมีจานวนโมเลกุลไม่มีข้ วั เป็ น 2 เท่า ของโมเลกุลมีข้ วั ค SiF₄ GeH₄
ก CHCl₃ CCl₄ HCl ง OF₂ CO₂
ข CCl₄ NH₃ SiH₄ 263. ไอออนหรื อโมเลกุลคู่ใดมีรูปร่ างโมเลกุลเหมือนกัน และมีสภาพขั้วของโมเลกุลชนิด
ค PCl₃ H₂O CO₂ เดียวกัน
ง CH₄ SO₂ CH₃Cl ก. BeCl₂ CO₂
259. สารใดมีพนั ธะโคเวเลนต์มีข้ วั แต่โมเลกุลไม่มีข้ วั ข. PCl₅ ClF₅
ก. BF₃ ค. CCl₄ XeF₄
ข. NH₃ ง. BCl₃ PCl₃
ค. Cl₂O
ง. BrCl
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 44/56 หน้า 44
264. พิจารณาสมบัติของธาตุสมมติต่อไปนี้ ข้อใดเป็ นโมเลกุลแบบมีข้ วั และมีการจัดตัวของอะตอมในรู ปร่ างโมเลกุล เป็ นแบบสาม
มิติท้ งั หมด
ธาตุ สมบัติของธาตุ
ก 1 เท่านั้น
A. อยูห่ มู่เดียวกับ ₃₄Se และคาบเดียวกับธาตุที่มีค่า IE₁ สูงที่สุด ข 1 และ 2 เท่านั้น
B. อยูใ่ นคาบที่ 3 และหมู่เดียวกับธาตุ A ค 1 และ 3 เท่านั้น
C. อยูใ่ นคาบที่ 3 และหมู่เดียวกับธาตุ ₃₃As ง 1 2 และ 3
D. อยูใ่ นคาบที่ 3 และหมู่เดียวกับธาตุ ที่มีมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูงที่สุด 267. โมเลกุลในข้อใดเป็ นโมเลกุลโคเวเลนต์มีรูปร่ างโมเลกุลลักษณะเดียวกัน แต่สภาพขั้ว
ของโมเลกุลต่างกัน (ENT-A 50)
ข้อใดถูกต้อง ก. CO₂ และ SO₂
ข. AsI₃ และ BCl₃
สารประกอบ รู ปร่ างโมเลกุล จานวนอิเล็กตรอนคู่โดด สภาพขั้วของ
ค. XeF₄ และ CHCl₃
เดี่ยวที่อะตอมกลาง โมเลกุล
ง. CCl₄ และ POCl₃
ก. BA₃ สามเหลี่ยมแบนราบ ไม่มี ไม่มี 268. ข้อใดมีการเรี ยงสภาพมีข้ วั ของโมเลกุลจากน้อยไปมาก
ข. CAD₃ ทรงสี่ หน้า ไม่มี ไม่มี ก CO₂ NH₃ CCl₄
ค. BD₂ มุมงอ 1 คู่ ไม่มี ข HF CH₄ BCl₃
ง. CD₅ พีระมิดคู่ฐาน ไม่มี ไม่มี ค H₂O BeCl₂ H₂S
สามเหลี่ยม ง BeCl₂ PBr₃ PCl₃
265. พิจารณาธาตุสมมติต่อไปนี้ : ₃₁A ₃₅B ₅₃C ₅₆D สมบัติของธาตุสมมติ 269. A B และ C เป็ นโมเลกุลโคเวเลนต์ มีสถานะเป็ นของเหลวที่อณ ุ หภูมิหอ้ ง A เป็ น
ข้างต้น ข้อใดถูกต้อง (ENT- A 51) โมเลกุลมีข้ วั B และ C เป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั B ละลายใน A แต่ C ไม่ละลายใน A
ก. ธาตุ C เป็ นธาตุที่รับอิเล็กตรอนยากกว่าธาตุ A B และ D สาร A B และ C ในข้อใดเป็ นไปได้
ข. ธาตุ A เป็ นธาตุที่อยูใ่ นหมู่เดียวกับธาตุที่มีเลขอะตอม 51 A B C
ค. ธาตุ B เมื่อเกิดสารประกอบกับ 31 15𝑃ได้สารประกอบที่เป็ นโมเลกุลมีข้ ว
ั ก. C₆H₆ I₂ CS₂
ง. ธาตุ A เป็ นอโลหะ เกิดสารประกอบกับ 31 17𝐶𝑙 ได้สารประกอบโคเวเลนต์ที่มีสูตร ข. C₂H₅OH CHCl₃ C₆H₁₄
เป็ น ACl₂ ค. H₂O Br₂ CCl₄
266. กาหนดสารประกอบให้ดงั นี้ ง. HF F₂ C₆H₆
1. PCl₃ NH₃ 2. BCl₃ SO₂ 3. SF₄ CHCl₃
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 45/56 หน้า 45
คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ในการตอบคาถามข้อ 270 – 272 273. ข้อสรุ ปต่อไปนี้ขอ้ ใด ไม่ถูกต้อง
สาร จุดหลอมเหลว C การละลายในน้ า การนาไฟฟ้ า ความเป็ นกรด - เบส ก. สาร A เป็ นโมเลกุลมีข้ วั สาร B C และ D เป็ นโมเลกุลประเภทไม่มีข้ วั
ของสารละลาย ข. สาร A เป็ นสารไอออนิก สาร B C และ D เป็ นสารโคเวเลนต์
ค. สาร A เป็ นสารไอออนิก สาร B C และ D เป็ นสารอินทรี ย ์
A 45 ไม่ละลาย - -
ง. สาร A เป็ นสารอนินทรี ย ์ สาร B C และ D เป็ นสารอินทรี ย ์
B 23 ละลาย - -
274. จากสมบัติดงั กล่าว อาจคาดคะเนสมบัติอื่นๆ ได้อีก ข้อใดที่ท่านคิดว่าน่าจะเป็ นไป
C 723 ละลาย นาไฟฟ้ า กลาง ได้มากที่สุด
D -5 ละลาย นาไฟฟ้ า กรด ก. สาร A และ C ควรจะมีจุดหลอมเหลวสูง
E 1,100 ไม่ละลาย - - ข. สาร A และ C ควรละลายได้ดีในอีเทอร์
ค. สาร A และ B ควรจะทาปฏิกิริยารวมตัวได้ดี
270. สารในข้อใดที่เป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ ง. สาร A ควรจะมีจุดหลอมเหลวสูง ส่วน B C และ D มีจุดหลอมเหลวต่า
ก A B D 275. A B C D เป็ นของเหลวบริ สุทธิ์ เมื่อนา A มาผสมกับ B และ C ผสมกับ D พบว่า
ข A B E ต่างก็ละลายเป็ นเนื้อเดียวกันแต่เมื่อนา C มาผสมกับ A ปรากฏว่าไม่ละลายเป็ นเนื้อ
ค A B C D เดียวกัน สาร A B C D ในข้อใด เป็ นไปไม่ ได้
ง A B D E
271. สารในข้อใดที่เป็ นโมเลกุลมีข้ วั A B C D
ก A B E ข C D ค C ง D ก. H₂O C₂H₅OH C₆H₆ CCl₄
272. สารในข้อใดเมื่อหลอมเหลวจะนาไฟฟ้ าได้ ข. H₂O CH₃OH C₆H₆ C₆H₁₄
ก C E ข C ค E ง A B ค. C₆H₆ CCl₄ H₂O C₃H₇OH
คาชี้แจง ใช้ตารางนี้ในการตอบคาถามข้อ 273 - 274 ง. CCl₄ H₂O C₂H₅OH C₆H₁₄
สาร การละลาย การนาไฟฟ้ า การเผาไหม้ การละลายใน
สมบัติ ในน้ า ของสารละลาย เอทานอล 276. คาร์บอนเตตระคลอไรด์มีสมบัติอย่างไร
A ละลาย นา ไม่หลอม ไม่ติดไฟ ไม่ละลาย ก. นาไฟฟ้ าเมื่อหลอมเหลว
ข. เป็ นของเหลวที่อุณหภูมิหอ้ ง
B ละลาย ไม่นา ติดไฟให้เปลวสี น้ าเงิน ละลาย
ค. ทาปฏิกิริยากับซิลเวอร์ไนเตรต
C ไม่ละลาย ไม่นา ติดไฟให้เขม่า ไม่ละลาย ง. ละลายน้ า
D ไม่ละลาย ไม่นา ติดไฟให้เขม่า ละลายเล็กน้อย
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 46/56 หน้า 46
277. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ก. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างสารที่มีข้ วั ด้วยกัน และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสารที่ไม่มีข้ วั
1. SiH₄ เป็ นโมเลกุลโคเวเลนต์ที่ไม่มีข้ วั มีรูปร่ างเป็ นแบบทรงสี่ หน้า ด้วยกัน มีมากกว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสารที่มีข้ วั กับสารที่ไม่มีข้ วั
2. SiF₆²⁻เป็ นไอออนที่มีรูปร่ างโมเลกุลเป็ นทรงแปดหน้า อะตอมกลางมีประจุเป็ นลบ ข. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างสารที่มีข้ วั ด้วยกัน มีนอ้ ยกว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสารที่ไม่มี
3. NCl₃ มีอิเล็กตรอนคู่สร้างพันธะ 3 คู่ และอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 1 คู่ รู ปร่ าง ขั้วด้วยกัน
โมเลกุลเป็ นแบบพีระมิดฐานสามเหลี่ยม ค. สารมีข้ วั ขนาดโมเลกุลเล็กกว่าสารไม่มีข้ วั การละลายที่เกิดจากขนาดโมเลกุลที่
ข้อใด ถูกต้ อง ต่างกันมากจะเกิดได้ยาก
ก. 1 เท่านั้น ง. สารมีข้ วั แตกตัวเป็ นไอออนได้ง่าย ทาให้ขนาดเล็กลง ตัวทาละลายจึงล้อมรอบ
ข. 1 และ 2 เท่านั้น ไอออนดีกว่า
ค. 1 และ 3 เท่านั้น 281. โมเลกุลของสารอินทรี ยช์ นิดหนึ่งไม่มีข้ วั จุดเดือดเท่ากับ 77 C เมื่อนามาผสมกับน้ า
ง. 1 2 และ 3 ข้อใด ถูกต้ อง (PAT-2 ก.ค.53)
278. ออกไซด์ของไนโตรเจนมีหลายชนิดและพบว่า NO และ NO₂ เกิด dimerization ได้ดงั ก. ละลายรวมเป็ นเนื้ อเดียว ข. สารอินทรี ยแ์ ยกชั้นอยูด่ า้ นบน
สมการ 2NO ⇄ NO₂ ค. สารอินทรี ยแ์ ยกชั้นอยูด่ า้ นล่าง ง. แยกชั้นแต่ไม่สามารถระบุช้ น
ั ได้
2NO₂ ⇄ N₂O₄
ข้อใดไม่ เกี่ยวกับการเกิด dimerization ของสารประกอบทั้งสองนี้ (PAT-2 ต.ค.55) 282. ธาตุสมมติ P Q R และ S อยูใ่ นคาบเดียวกัน เมื่อธาตุเหล่านี้ไปทาปฏิกิริยากับธาตุ
ก. ทาให้โมเลกุลเสถียรขึ้น คลอรี นจะได้สารประกอบ PCl₂ , QCl₄ , RCl₃ และ SCl₂ เป็ นสารที่ไม่มีข้ วั RCl₃
ข. ทาให้โมเลกุลมีสภาพขั้วลดลง และ QCl₄ ไม่ละลายน้ า ส่วน PCl₂ ละลายน้ า มีสมบัติเป็ นกรด ลาดับเลขอะตอม
ค. ทาให้ N มีจานวนอิเล็กตรอนครบออกเตต ของธาตุเหล่านี้เรี ยงจากน้อยไปมากเป็ นอย่างไร
ง. มีอิเล็กตรอนเดี่ยวที่ N ในสารประกอบทั้งสองชนิด ก. S Q R P
ค. สารที่ไม่ละลายน้ าเลย เป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ประเภทโมเลกุลไม่มีข้ วั 283. X Y และ Z เป็ นสารโคเวเลนต์ 3 ชนิด ที่มีโมเลกุลของสาร X และสาร Z มีข้ วั
ง. สารที่ละลายในเอทานอล เป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ประเภทโมเลกุลไม่มีข้ วั ส่วนโมเลกุลของ Y ไม่มีข้ วั ข้อสรุ ปใดต่อไปนี้ ไม่ ถูกต้อง
เท่านั้น ก. สาร Y ควรมีจุดเดือดต่า
280. สารที่มีความเป็ นขั้วเหมือนๆ กัน จะละลายด้วยกันได้ดี ส่วนสารที่มีความเป็ นขั้วต่างกัน ข. สาร X และ Z ละลายน้ าได้
จะละลายด้วยกันไม่ดี สาเหตุคืออะไร ค. สาร X และ Y ควรละลายซึ่งกันและกันได้
ง. สาร X และ Z ควรละลายซึ่งกันและกันได้
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 47/56 หน้า 47
284. เจอร์มาเนียม (Ge) เป็ นธาตุหมู่ 4 สารประกอบเจอร์มาเนียมเตตระคลอไรด์ (GeCl₄) 287. สารชนิดที่ 2 มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็ นแบบ
ควรมีสมบัติอย่างไร ก. แรงแวนเดอร์วาลล์
ก. นาไฟฟ้ าในสถานะของเหลว ข. พันธะโคเวเลนต์
ข. เป็ นของเหลวที่อุณหภูมิหอ้ ง ค. พันธะโลหะ
ค. ทาปฏิกิริยากับสารละลาย (AgNO₃) ได้ตะกอน AgCl ง. พันธะไอออนิก
ง. ละลายน้ าได้ดี 288. สารใดที่มีแรงยึดเหนี่ยวภายในโมเลกุลด้วยพันธะโคเวเลนต์ มีข้ วั
285. เมื่อเติมสารละลาย AgNO₃ ลงไปในสารละลายของกรดไดคลอโรอะแอซิติก ก. สารชนิดที่ 1
(CHCl₂COOH) ปรากฏว่าไม่มีตะกอนเกิดขึ้น ข. สารชนิดที่ 2
ก. กรดนี้เป็ นกรดอ่อน ค. สารชนิดที่ 3
ข. พันธะระหว่างคลอรี นและคาร์บอนอะตอมในกรดนี้เป็ นแบบโคเวเลนต์ ง. สารชนิดที่ 4
ค. พันธะระหว่างคลอรี นและคาร์บอนอะตอมในกรดนี้เป็ นแบบโคออร์ดิเนตโคเวเลนต์ 289. โมเลกุลของสารใดเมื่ออยูใ่ นสถานะของแข็งใช้แรงแวนเดอร์วาลส์ยดึ กันเพียงอย่างเดียว
ง. พันธะระหว่างคลอรี นและคาร์บอนอะตอมในกรดนี้เป็ นแบบไอออนิก ก คาร์บอนเตตระคลอไรด์ ข แอมโมเนีย
286. การเกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างกรดอินทรี ยช์ นิดหนึ่งกับน้ า ค คาร์บอนมอนอกไซด์ ง น้ า
290. สารประกอบในข้อใดต่อไปนี้ที่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคเป็ นแรงลอนดอนเท่านั้น
(กพสท. ม.ค.55 )
ก. เอทานอล
มุมระหว่างพันธะในข้อใดที่มีขนาดแตกต่างจากข้ออื่น (PAT-2 ต.ค.52)
ก. a ข. b ค. c ง. d ข. น้ าแข็งแห้ง
ค. ไส้ดินสอ
คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ในการตอบคาถามข้อ 287 – 288 ง. แท่งเหล็ก
ในการทดลองตรวจสมบัติของสาร 4 ชนิด ได้ผลดังตาราง จ. เกลือแกง
ชนิดของสาร จุดหลอมเหลว (๐ C) สมบัติ 291. แก๊สเฉื่ อยใดที่มีแรงแวนเดอร์วาลส์(ลอนดอล)ระหว่างอะตอมมากที่สุด
1 801 แข็ง แต่เปราะเมื่อหลอมเหลวนาไฟฟ้ าได้ ก. นีออน (Ne)
ข. อาร์กอน (Ar)
2 -182 ไม่นาไฟฟ้ า
ค. คริ ปทอน (Kr)
3 1,504 แข็ง เป็ นเงา นาไฟฟ้ า
ง. ซีนอน (Xe)
4 0 นาไฟฟ้ าได้นอ้ ยมาก
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 48/56 หน้า 48
292. สารประกอบสองชนิดในข้อใดที่แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมีคา่ มากที่สุด 297. เมื่อ H₂O(g) ทาปฏิกิริยากับ CO(g) ผลิตภัณฑ์มีพนั ธะเคมีชนิดใดได้บา้ ง
ก HF CCl₄ ก. พันธะโคเวเลนต์
ข HCl SiH₄ ข. พันธะไอออนิก
ค CH₄ PH₃ ค. พันธะโคเวเลนต์ และ พันธะไอออนิก
ง NH₃ HF ง. พันธะไฮโดรเจน
293. ในสารประกอบต่อไปนี้ ในสารใดที่พนั ธะไฮโดรเจนมีผลต่อจุดเดือดมากที่สุด 298. สารประกอบแอซิติก (CH₃COOH) มีจุดเดือดสูงกว่าสารประกอบอื่นๆที่มีน้ าหนัก
(มวล)โมเลกุลเท่ากันเพราะเหตุใด
ก. CH₃OH ข. CH₃Cl ค. CH₄ ง. HCl
ก. มีไฮโดรเจนบอนด์ (พันธะไฮโดรเจน)
294. ไอออนที่อยูใ่ นน้ ายึดเหนี่ยวกับโมเลกุลของน้ าด้วยแรงหรื อพันธะชนิดใด ข. มีไอออนิกบอนด์ (พันธะไอออนิก)
ก. พันธะไอออนิก ค. มีโคเวเลนต์บอนด์ (พันธะโคเวเลนต์ )
ข. แรงดึงดูดระหว่างขั้ว ง. เป็ นกรด
ค. พันธะไฮโดรเจน 299. ถ้ากราฟระหว่างอุณหภูมิและมวลโมเลกุลของ HF HCl HBr HI เป็ นดังแสดง
ง. แรงดึงดูดระหว่างไอออนกับขั้ว
295. สารในข้อใดที่แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็ นพันธะไฮโดรเจนทุกสาร
ก H₂NNH₂ CH₃F H₂S CH₄
ข CHCl₃ CH₃COOH SiH₄ HCl
ค CH₃NH₂ HCOOH H₂O H₂CO₃
ง NH₃ H₂O H₂S H₂CO₃
296. พันธะเคมีในสารต่อไปนี้ ข้อใด ถูกต้อง (ENT-A 49)
พันธะ
ไอออนิก โคเวเลนต์ โคออร์ดิเนตโคเวเลนต์ ไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุล
เหตุผลที่ HF มีจุดหลอมเหลว และจุดเดือด สูงผิดปกติ คือข้อใด ผิด
ก. SiCl₄ XeF₄ NH₄⁺ HF ก. ฟลูออรี นมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูงที่สุด
ข. KBr Cl₂O PH₃ H₂S ข. เกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ HF
ค. SF₆ PCl₅ SO₂ H₂O ค. แรงยึดเหนี่ยวภายในโมเลกุลของ HF สูงกว่าไฮโดรเจนเฮไลด์ตวั อื่นๆ
ง. MgO BF₃ O₃ NH₃ ง. สภาพขั้วของโมเลกุลของ HF แรงกว่าของไฮโดรเจนเฮไลด์ตวั อื่นๆ
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 49/56 หน้า 49
300. พิจารณาความแตกต่างระหว่างจุดเดือดของสารประกอบของไฮโดรเจนกับธาตุหมู่ VII ค. ต่ากว่า เพราะHF มีขนาดโมเลกุลใหญ่กว่า F และมีอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูงสุด จึง
ซึ่งมีลาดับดังนี้ HF > HCl < HBr < HI ทาไม HCl จึงทีจุดเดือดต่าที่สุด ทาให้เกิดแรงดึงดูดระหว่าง H กับ F น้อย
ก. เพราะ HCl มีแรงลอนดอนต่าสุด ง. ต่ากว่า เพราะ HF มีขนาดโมเลกุลใหญ่กว่า แต่ F มีอิเล็กโทรเนกาติวติ ีต่ากว่าเฮโล
ข. เพราะ HCl มีแรงลอนดอนต่าสุด เจนอื่น จึงมีแรงดึงดูดระหว่าง H กับ F น้อย
ค. เพราะ HCl มีแรงแวนเดอร์วาลล์ต่าสุด 305. NH₃ มีจุดเดือดสูงกว่า PH₃ เพราะเหตุใด
ง. เพราะ HCl ไม่เกิดพันธะไฮโดรเจน ก. แรงแวนเดอร์วาลล์ระหว่างโมเลกุลของ NH₃ สูงกว่าแรงแวนเดอร์วาลล์ระหว่าง
301. ปั จจัยสาคัญที่สุดที่ทาให้จุดเดือดของ HI สูงกว่า HBr คือข้อใด (PAT-2 ต.ค.52) โมเลกุลของ PH₃
ก. พลังงานพันธะที่แตกต่างกัน ข. พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ NH₃ แรงกว่าแรงดึงดูด อันเนื่องจากขั้วบวก
ข. มวลโมเลกุลที่แตกต่างกัน และขั้วลบระหว่างโมเลกุล PH₃
ค. ขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกัน ค. พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ NH₃ แรงกว่าแรงแวนเดอร์วาลล์ระหว่าง
ง. เกิดพันธะไฮโดรเจนที่แตกต่างกัน โมเลกุลของ PH₃
302. จากการศึกษาไอของสารประกอบชนิดหนึ่งพบว่า ประกอบด้วยโมเลกุลเท่านั้น ง. พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ NH₃ แรงกว่าพันธะไฮโดรเจนระหว่าง
ข้อสรุ ปใด ผิด โมเลกุลของ PH₃
ก. สารละลายของสารนี้ในน้ า ประกอบด้วยไอออนบวกและไอออนลบ 306. กาหนดให้ค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีของ H O และ S เท่ากับ 2.1 3.5 และ 2.5
ข. สารนี้เป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ ตามลาดับ เหตุผลข้อใดทาให้ H₂O มีจุดเดือดสูงกว่า H₂S
ค. เมื่อสารนี้กลายเป็ นไอ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลถูกทาลาย ก. แรงแวนเดอร์วาลล์ระหว่างโมเลกุลของ H₂O สูงกว่าแรงแวนเดอร์วาลส์ ระหว่าง
ง. เมื่อสารนี้กลายเป็ นไอ แรงยึดเหนี่ยวภายในโมเลกุลถูกทาลาย โมเลกุล H₂S
303. สารละลายคู่ใดมีสมบัตินาไฟฟ้ าได้ดี และมีจุดหลอมเหลวสูง ข. พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ H₂O แรงกว่าพันธะไฮโดรเจน ระหว่าง
ก NaCl N₂O โมเลกุล H₂S
ข Cl₂ แกรไฟต์ ค. พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ H₂O แรงกว่าแรงแวนเดอร์วาลส์ ระหว่าง
ค Na₂CO₃ K₂O โมเลกุล H₂S
ง Hg เพชร ง. พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ H₂O แรงกว่าแรงดึงดูดระหว่างขั้วบวกและ
304. HF มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูงกว่าหรื อต่ากว่าของ HCl HBr และ HI เพราะเหตุใด ขั้วลบระหว่างโมเลกุล H₂S
ก. สูงกว่า เพราะ HF มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่า แต่ F มีอิเล็กโทรเนกาติวติ ีต่ากว่าเฮโล
เจนอื่น จึงมีแรงดึงดูดระหว่าง H กับ F มาก
ข. สูงกว่า เพราะ HF มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่า F และ มีอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูงสุด จึง
มีแรงดึงดูดระหว่าง H กับ F มาก
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 50/56 หน้า 50
307. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ ง. M > P > N > O
1. H₂O มีจุดเดือดสูงกว่า H₂S 310. กาหนดสมบัติของสารประกอบ A B C และ D ดังนี้
2. H₂O มีมวลน้อยกว่า H₂S 1. A C และ D ละลายน้ าได้
3. H₂O มีพนั ธะไฮโดรเจนยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแข็งแรง 2. B C และ D เป็ นสารประกอบโคเวเลนต์
4. HCl มีจุดเดือดต่ากว่า HBr 3. B เป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั
5. HCl มีมวลน้อยกว่า HBr 4. D เกิดพันธะไฮโดรเจนกับน้ า
ข้อสรุ ปใดต่อไปนี้ ไม่เป็ นเหตุผลที่ถูกต้อง การเรี ยงลาดับจุดเดือดข้อใด ถูกต้อง
ก. 1 เนื่องจาก 2 ก. A > B > C > D
ข. 4 เนื่องจาก 5 ข. A > C > B > D
ค. 1 เพราะ 3 ค. A > D > C > B
ง. 1 แต่ 4 ทั้งๆ ที่ 2 และ 5 ง. D > A > C > B
308. แรงระหว่างโมเลกุลในข้อใดผิด 311. ลาดับจุดเดือดของสารสี่ ชนิด CO₂ Ar SCl₂ SiC จากมากไปน้อย ตรงกับข้อใด
ก. แรงแวนเดอร์วาลส์ระหว่างโมเลกุลของ H₂O มีค่ามากกว่าระหว่างโมเลกุลของ ก. CO₂ > Ar > SiC > SCl₂
NH₃ ข. SiC > CO₂ > SCl₂ > Ar
ข. แรงลอนดอนระหว่างโมเลกุลของ SiH₄ มีค่ามากกว่าระหว่างโมเลกุลของ CH₄ ค. SiC > SCl₂ > CO₂ > Ar
ค. พันธะไฮโดรเจนใน C₂H₅OH แข็งแรงมากกว่าใน C₂H₅SH ง. SCl₂ > SiC > CO₂ > Ar
ง. พันธะไฮโดรเจนใน CH₃F แข็งแรงมากกว่าใน CH₃OH 312. ลาดับจุดเดือดของสารในข้อใด
309. จากการศึกษาสมบัติของสาร M N O P พบว่า ก. CHCl₃ > CH₂Cl₂ > CH₃Cl
1. P เป็ นสาร ไอออนิก ข. SiH₄ > CH₃OH > CH₄
2. M เป็ นสารไม่มีข้ วั ค. CH₃OH > HCOOH > CH₃OCH₃
3. N O เป็ นสารมีข้ วั ง. HI > HBr > HF
4. M N O เป็ นสารโคเวเลนต์ 313. ความร้อนแฝงการเกิดไอของ C₁₀H₂₂ NH₃ H₂O และ O₂ จะเรี ยงลาดับ
5. N เป็ นสารประกอบที่มีพนั ธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุล ตามข้อใด
ข้อใดเป็ นการเรี ยงลาดับจุดเดือดที่ถูกต้อง ก. C₁₀H₂₂ > O₂ > H₂O > NH₃
ก. P > N > O > M ข. O₂ > H₂O > NH₃ > C₁₀H₂₂
ข. P > M > N > N ค. H₂O > NH₃ > C₁₀H₂₂> O₂
ค. N > P > M > O ง. C₁₀H₂₂ > H₂O > NH₃ > O₂
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 51/56 หน้า 51
314. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล Br₂ S₈ O₂ และ แกรไฟต์ จะมีค่าเรี ยงลาดับดังนี้ ก. 1 และ 2
ก. Br₂> S₈ > O₂ > แกรไฟต์ ข. 2 และ 3
ข. S₈ > Br₂ > O₂ > แกรไฟต์ ค. 1 และ 3
ค. แกรไฟต์ > Br₂> S₈> O₂ ง. 1 2 และ 3
ง. แกรไฟต์ > S₈ > Br₂ > O₂ คาชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ใช้ในการตอบคาถามข้อ 317 – 318
315. กาหนดสารประกอบฟลูออไรด์ตอ่ ไปนี้ ธาตุ A X Y และ Z มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 4 5 6 และ 7 ตามลาดับ
a) 𝐴𝑎 𝐹𝑏 b) 𝐵𝑐 𝐹𝑑 c) 𝐶𝑒 𝐹𝑓 d) 𝐷𝑔 𝐹ℎ ธาตุ A และ Y เกิดสารประกอบที่มีสูตร AY₂
ธาตุ X และ Y เกิดสารประกอบที่มีสูตร XY₂
ถ้าเลขอะตอมของ A = 1 B = 7 C = 8 D = 15 F = 9 และ a b c d
ธาตุ Z และ Y เกิดสารประกอบที่มีสูตร YZ₂
e f g h เป็ นเลขจานวนเต็มบวก การเรี ยงลาดับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ข้อ
317. พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้
ใดถูกต้อง (ENT-A 51)
1) AY₂ เป็ นโมเลกุลไม่มีข้ วั แต่ XY₂ และ XZ₂ เป็ นโมเลกุลมีข้ วั
ก. a) > d) > b) > c)
2) XY₂ และ XZ₂ เป็ นรู ปร่ างโมเลกุลเหมือนกัน
ข. a) > d) > c) > b)
3) AY₂ มีรูปร่ างโมเลกุลแบบเส้นตรง
ค. d) > b) > a) > c)
4) ในโมเลกุล YZ₂ ไม่มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวอยูบ่ นอะตอม Y
ง. d) > c) > b) > a)
5) แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของ AY₂ มากกว่า YZ₂
316. ในการตรวจวัดจุดเดือดเพื่อเปรี ยบเทียบอิทธิพลของพันธะ และแรงยึดเหนี่ยวโมเลกุล
ข้อมูลใด ไม่ถูกต้ อง
พบว่าการทดลองให้ผลดังนี้ LiF >>> H₂O > HF > NH₃ >> CH₄
ก. 1 3 และ 4
การอธิบายเหตุผลต่อไปนี้
ข. 3 4 และ 5
1. ผลการทดลองสนับสนุนการลาดับประสิทธิภาพของพันธะไอออนิกกับการมีข้ วั
ค. 1 และ 2
และไม่มีข้ วั ของโมเลกุล
ง. 4 และ 5
2. F มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูงมากและ Li มีขนาดเล็กมาก H₂O มีโครงสร้างโค้ง
318. สารประกอบระหว่าง X และ Z ธาตุในข้อ 317 จะเป็ นอย่างไร
งอ และ O₂ มีขนาดเล็ก HF มีมวลโมเลกุล และจานวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว
มากกว่า NH₃ ส่วน CH₄ เป็ นโมเลกุลโคเวเลนต์ไม่มีข้ วั รู ปร่ าง จานวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว ความเป็ นขั้ว
3. การเดือดของสารไอออนิก เป็ นการแยกสลายแรงดึงดูดระหว่างประจุ การเดือด ก. สามเหลี่ยมแบนราบ ไม่มี ไม่มี
ของสารโคเวเลนต์เป็ นการแยกสลายแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ซึ่งในที่น้ ี ข. พีระมิดฐานสามเหลี่ยม หนึ่งคู่ มี
ได้แก่ พันธะไฮโดรเจน ( H₂O HF NH₃ ) และแรงแวนเดอร์วาลส์ (CH₄)
ค. เส้นตรง สองคู่ ไม่มี
ข้อใดถูกต้อง
ง. มุมงอ สองคู่ มี
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 52/56 หน้า 52
319. สารโคเวเลนต์ชนิดหนึ่ง มีสูตร AH₃ และโมเลกุลเป็ นสามเหลี่ยมแบนราบอะตอม A 2. โมเลกุล XF₃ และ YF₃ ต่างก็ไม่เป็ นตาม กฏออกเตต
ในสารนี้ไม่มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว ข้อใดที่น่าจะเป็ นสมบัติของสาร AH₃ 3. ถ้า X และ Y เป็ นธาตุที่อยูใ่ นคาบเดียวกัน XF₃ จะมีจุดเดือดสูงกว่า YF₃
ก. โมเลกุลมีข้ วั ละลายน้ า จุดเดือดต่า 4. ในโมเลกุล XF₃ มุม FYF จะมีนอ้ ยกว่า 159.5
ข. เกิดพันธะไฮโดรเจน จุดเดือดสูง และละลายน้ าได้ ข้อใดถูกต้อง
ค. โมเลกุลไม่มีข้ วั และมีแรงแวนเดอร์วาลส์เป็ นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ก. 1 เท่านั้น
ง. โมเลกุลไม่มีข้ วั แต่เกิดพันธะไฮโดรเจนได้ ข. 2 และ 3
320. ถ้าสารประกอบโคเวเลนต์ที่มีสูตร AB₅ และมีรูปร่ างโมเลกุลเป็ นพีระมิดคู่ฐาน ค. 1 และ 4
สามเหลี่ยม ข้อใดต่อไปนี้ ถูกต้ อง ( ENT-A 50) ง. 1 3 และ 4
ก. โมเลกุลเป็ นไปตามกฎออกเตต 323. จากตารางต่อไปนี้
ข. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็ นแรงลอนดอน
ค. A เป็ นธาตุที่อยูใ่ นหมูเ่ ดียวกับธาตุที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 54 สาร มวลโมเลกุล จุดหลอมเหลว (C) จุดเดือด (C)
ง. B เป็ นธาตุที่อยูใ่ นหมู่เดียวกับธาตุที่รับอิเล็กตรอนยากที่สุดในตารางธาตุ Ne 20 -249 -246
321. ธาตุ X Y และ Z มีเลขอะตอม 11 16 และ 17 ตามลาดับ ข้อความใดที่
N₂ 28 -210 -196
สอดคล้องกับข้อมูลที่ให้ขา้ งบน
ก. สารประกอบที่เกิดจาก X และ Y จะไม่นาไฟฟ้ าเมื่อหลอมเหลว CH₄ 16 -182 -161
ข. สารประกอบที่เกิดจาก Y และ Z จะมีจุดเดือดต่าที่สุดเมื่อเทียบกับสารที่ได้ HF 20 -83 -19
จากคู่ X – Y และ X – Z H₂O 18 0 100
ค. ออกไซด์ของธาตุเหล่านี้ สูตร X₂O YO และ Z₂O
ง. ถ้านาออกไซด์ของ Y ไปละลายน้ าจะได้สารละลายที่สามารถเปลี่ยนสี กระดาษ ข้อใดสรุ ป ผิด
ลิตมัสจากแดงเป็ นน้ าเงิน ก. ที่อุณหภูมิหอ้ งสารทุกตัวยกเว้นน้ ามีสถานะเป็ นแก๊ส
322. พิจารณาข้อสรุ ปจากขอมูลเกี่ยวกับ X และ Y ต่อไปนี้ ข. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล N₂ มีค่ามาก จึงทาให้โมเลกุล N₂ มีความเสถียร
มาก
ธาตุ สูตรของสารประกอบฟลูออไรด์ รู ปร่ างโมเลกุล ค. ภายในโมเลกุล H₂O และ HF นอกจากจะมีแรงยึดเหนี่ยวชนิดโคเวเลนต์แล้ว ยังมี
X XF₃ สามเหลี่ยมแบนราบ แรงยึดเหนี่ยวชนิดอื่นอีก
Y YF₃ พีระมิดฐานสามเหลี่ยม ง. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเรี ยงลาดับจากน้อยไปมากได้ดงั นี้ Ne N₂ CH₄
H₂O
1. ธาตุ X เวเลนซ์อิเล็กตรอนน้อยกว่าธาตุ Y
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 53/56 หน้า 53
324. การเปรี ยบเทียบสมบัติของสาร ข้อใด ถูกต้อง (ENT- A 52) 327. ถ้ากราฟระหว่าง จุดเดือดและมวลโมเลกุล ของสารประกอบไฮไดรด์ของธาตุหมู่ IV
สมบัติ ผลการเปรี ยบเทียบ V VI และ VII เป็ นดังนี้
C
ง. ความมีข้ วั ของพันธะ CO₂ > NO₂
จุดเดือด
325. พิจารณาสมบัติของธาตุสมมติต่อไปนี้
ธาตุ สมบัติของธาตุ
A. มีขนาดเล็กที่สุดในตารางธาตุ
มวลโมเลกุล
B. อยูใ่ นคาบที่ 3 และหมู่เดียวกับ 128
52𝑇𝑒
ข้อสรุ ปได้จากราฟนี้ ข้อที่ ผิด คือข้อใด
C. มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีมากที่สุด ก. จุดเดือดของ H₂O > HF > NH₃ > CH₄
D. อยูใ่ นคาบเดียวกับ ¹⁶₈O มีเลขอะตอมน้อยกว่า O แต่มี IE₁ มากกว่า O ข. H₂O HF NH₃ และ CH₄ มีมวลโมเลกุลต่า แต่ปรากฏว่าจุดเดือดสูงกว่า
สารประกอบไฮไดรด์ของธาตุหมูเ่ ดียวกัน
ข้อใดผิด ค. สารประกอบไฮไดรด์ของธาตุอะตอมเล็กที่มีอิเล็กโทรเนกาติวติ ีสูงสามารถเกิด
ก. AC มีจุดเดือดสูงกว่า DA₃ พันธะไฮโดรเจน
ข. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของ DA₃ มากกว่าของ A₂B ง. จุดเดือดของสารที่โมเลกุลสามารถเกิดพันธะไฮโดรเจน
ค. DC₃ และ BC₄ มีจานวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของอะตอมกลางเท่ากัน 328. เหตุผลเกี่ยวกับสมบัติของธาตุในข้อใด ผิด
ง. A₂B และ DA₃ มีรูปร่ างโมเลกุลเป็ นมุมงอและสามเหลี่ยมแบนราบตามลาดับ ก. โลหะมีความมันวาว เพราะ ดูดกลืนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าไว้ได้มาก
326. ข้อความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสารที่อุณหภูมิหอ้ ง ข้อใด ผิด ข. โลหะดึงให้เป็ นเส้นได้ เพราะระหว่างอนุภาคของอะตอมโลหะยังมีเวเลนซ์
ก. แนพทาลีนระเหิ ดได้เพราะมีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลน้อย อิเล็กตรอนยึดไว้
ข. น้ าแข็งไม่ระเหิ ดเพราะโมเลกุลมีพนั ธะไฮโดรเจนระหว่างกัน ค. แกรไฟต์แผ่ให้เป็ นแผ่นบางได้ แต่ยดื ให้เป็ นเส้นไม่ได้ เพราะเวเลนซ์อิเล็กตรอน
ค. ควันที่เกิดจากน้ าแข็งแห้งตั้งทิ้งไว้ประกอบด้วยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์กบั ไอน้ า แยกอยูก่ นั เป็ นชั้นๆ
ง. การเปลี่ยนแปลงเป็ นไอของโลหะปรอทจัดอยูใ่ นประเภทการระเหิ ด ง. อะตอมในโลหะสร้างพันธะโดยใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่ วมกัน
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 54/56 หน้า 54
329. ธาตุ A , B , C และ D เป็ นธาตุที่อยูใ่ นหมู่เดียวกัน โดยที่สารประกอบไฮไดรด์ของ คาชี้แจง ใช้ขอ้ มูลต่อไปนี้ ในการตอบคาถามข้อ 331 - 332
ธาตุ A , B , C และ D มีสมบัติดงั ตาราง สารตัวอย่าง 8 ชนิด เมื่อนามาทดสอบสมบัติปรากฏผลดังตารางต่อไปนี้
สารประกอบไฮไดรด์ของ จุดหลอมเหลว C จุดเดือด C สาร จุดหลอมเหลว C การนาไฟฟ้ า การละลาย ความเป็ น
A -133 -88 ตัวอย่าง น้ า กรด - เบส
B -116 -55
A 801 ไม่นาไฟฟ้ า เมื่อหลอมเหลว ละลาย กลาง
C -88 -17
นาไฟฟ้ าได้
D -78 -33
B 114 ไม่นาไฟฟ้ า เมื่อหลอม ไม่ละลาย -
ธาตุในหมู่น้ ีมีค่าพลังงานไอออไนเซชันอันดับที่ 1 มากกว่าธาตุที่อยูท่ างซ้ายและขวาใน เหลว ไม่นาไฟฟ้ า
คาบเดียวกัน จากข้อมูลที่กาหนดให้น้ ี ข้อใด ถูกต้ อง (PAT-2 มี.ค.55) C 540 นาไฟฟ้ าได้ ไม่ละลาย -
ก. ธาตุ D เป็ นธาตุที่มีขนาดเล็กที่สุด
D 3,730 นาไฟฟ้ าได้บางทิศทาง ไม่ละลาย -
ข. ออกไซด์ของาธาตุ B และ C มีสมบัติเป็ นเบส
ค. ค่าพลังงานไอออไนเซชันอันดับที่ 1 ของธาตุ D > C > B > A E -78 ไม่นาไฟฟ้ า ละลาย เบส
ง. สารประกอบไฮไดรด์ของธาตุ A มีโครงสร้างเป็ นทรงเหลี่ยมสี่ หน้า F 2,700 ไม่นาไฟฟ้ า ไม่ละลาย -
330. ข้อความต่อไปนี้ขอ้ ใดผิด G 838 นาไฟฟ้ าได้ ไม่ละลาย -
ก. สารประกอบไอออนิกมีจุดเดือดสูง H -57 ไม่นาไฟฟ้ า ละลาย กรด
ข. สารประกอบไอออนิกเสถียรมาก เพราะมีแรงดึงดูดไฟฟ้ าสถิตระหว่างไอออนต่าง
ชนิดกัน 332. สารโมเลกุลโคเวเลนต์ คือสารในข้อใด
ค. สารประกอบไอออนิกมักจะเกิดระหว่างโลหะที่มีพลังงานไอออไนเซชันลาดับที่ 1 ก. A E H เท่านั้น
ต่า กับอโลหะที่มีพลังงานไอออไนเซชันลาดับที่ 1 สูง ข. A F H เท่านั้น
ง. โครงสร้างของสารประกอบ ไอออนิกมีลกั ษณะโครงผลึกร่ างตาข่าย แต่ละไอออน ค. A B F เท่านั้น
ต่างชนิดล้อมรอบอยูด่ ว้ ยจานวนคงที่เสมอ ง. E H เท่านั้น
331. สารแต่ละคู่ในข้อใดต่อไปนี้ที่มีพนั ธะโคเวเลนต์ในโมเลกุลเป็ นชนิดเดียวกัน(ENT-O 52) 333. สารประกอบโคเวเลนต์ในข้อใดที่เป็ นโครงผลึกร่ างตาข่าย
ก. เพชรแท้ ซิลิคอนบริ สุทธิ์ ก. D E F และ H เท่านั้น
ข. คลอรี น โบรมีน ข. E และ H เท่านั้น
ค. แก๊สออกซิเจน แก๊สไนโตรเจน ค. D และ F เท่านั้น
ง. C และ G เท่านั้น
ง. ถ่านไม้ ถ่านแกรไฟต์
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 55/56 หน้า 55
334. การเกิดพันธะหรื อแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคภายในผลึกต่อไปนี้ 336. ธาตุ A แก็สไนโตรเจน B C และ D มีเลขอะตอม 6 12 14 และ 17 ตามลาดับ
1. ผลึกแอมโมเนียเกิดพันธะไฮโดรเจน พิจารณาสารประกอบเหล่านี้ ข้อใดถูกต้อง
2. ผลึกกามะถันเกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว ก. สารประกอบระหว่าง A กับ D เป็ นแบบโมเลกุลไม่มีข้ วั จึงไม่ละลายน้ า ส่วน
3. แกรไฟต์เกิดพันธะโลหะไอออนิก สารประกอบระหว่าง C กับ D เป็ นสารประกอบไอออนิก จึง ละลายน้ าได้
4. เพชรเกิดพันธะโคเวเลนต์ ข. สารประกอบออกไซด์ของ B และ C ต่างก็มีโครงสร้างที่แข็งแรง แต่มีพนั ธะต่าง
5. ผลึก ZnS เกิดพันธะไอออนิก ชนิดกัน
6. ซิลิกา(SiO₂) เกิดพันธะไอออนิก ค. สารประกอบธาตุคู่ระหว่างไฮโดรเจนกับ A และ C มีพนั ธะโคเวเลนต์แบบไม่มี
ข้อใด ถูกต้ อง (PAT-2 มี.ค. 53) ขั้ว ทาให้โมเลกุลไม่มีข้ วั สารประกอบทั้งสองจึงมีจุดหลอมเหลวต่า
ก. 1 4 และ 5 ง. สารประกอบระหว่างไฮโดรเจนกับ D มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็ นพันธะ
ข. 1 5 และ 6 ไฮโดรเจนสารนี้จึงมีจุดหลอมเหลวสูง
ค. 2 3 และ 4
จ. สารประกอบระหว่าง B กับ D มีสูตร BD₂ จัดเป็ นแบบโมเลกุลมีข้ วั เมื่อละลาย
ง. 2 4 และ 6
น้ าจะเกิดพันธะไฮโดรเจนกับน้ าได้
335. พิจารณาสมบัติออกไซด์ของธาตุ 4 ชนิดต่อไปนี้
337. กาหนดสมบัติทางกายภาพของสาร ดังนี้
ออกไซด์ จุดหลอมเหลว (เซลเซียส) ความเป็ นกรด-เบสของสารละลาย 1. มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวสูง
CO₂ -57 กรด 2. มีสถานะเป็ นแก๊สที่อุณหภูมิหอ้ ง
Li₂O >1700 เบส 3. นาความร้อน
SO₃ 30 กรด 4. นาไฟฟ้ า
5. ละลายน้ าได้
SiO₂ 1,700 ไม่ละลาย
ข้อใดเป็ นสมบัติทางกายภาพที่สอดคล้องกับประเภทสารที่กาหนด (ENT-A 51)
ข้อสรุ ปใดถูกต้ อง
ประเภทสาร สมบัติทางกายภาพ
ก. CO₂ SiO₂ และ SO₃ เป็ นโมเลกุลโคเวเลนต์
ก. โคเวเลนต์ไม่มีข้ วั 2 และ 3
ข. SO₃ เป็ นโมเลกุลโคเวเลนต์ ส่วน SiO₂ เป็ นโตรงผลึกร่ างตาข่าย
ข. โครงผลึกร่ างตาข่าย 1 และ 5
ค. Li₂O และ SiO₂ เป็ นสารประกอบไอออนิก
ค. ไอออนิก 1 4 และ 5
ง. ทั้งหมดเป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ แต่สมบัติต่างกัน เพราะโครงสร้างต่างกัน
ง. โลหะ 1 3 และ 4
ครู มาฆะ ทิพย์คีรี โรงเรี ยนศรี ยาภัย จังหวัดชุมพร tel- 084 0604942 makathipkere@hotmail.com https://sites.google.com/site/chemmaka/ ch 2 พันธะเคมี [แบบฝึ กหัดท้ายบท 275 ข้ อ พันธะเคมี] new 2556 5/16/2014 56/56 หน้า 56