Professional Documents
Culture Documents
หน่ วยที 1
1.เน้นถึงความหามาได้ยากของทรัพยากร ทีมีอย่างจํากัด
-ปัจจัยต่างๆทีทําให้เกิดการเปลียนแปลงในโครงสร้างเศรษฐกิจ
-ทราบทีมาของความเจริ ญทางเศรษฐกิจ
-ช่วยให้เข้าใจเรื องราวในอดีต
-ช่วยอธิบายวิวฒั นาการทางเศรษฐกิจทีเกิดขึนในปัจจุบนั
รู ปแบบของระบบเศรษฐกิจ
1.แบบดังเดิม(Traditional Econ.)
3.ไม่สามารถระบุกรรมสิ ทธิได้
1.ทําให้ทราบวิวฒั นาการทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆได้อย่างต่อเนือง
4.ช่วยให้อธิบายทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ได้ดียงขึ
ิ น
5.ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ดีขึน
องค์ประกอบของทฤษฎี มี 2 ส่ วน คือ
ข. คําทํานาย (predictions)
2.แบบ ทฤษฎีแบบขันตอน
วอลเตอร์ รอสทาวน์ 5 ขัน เป็ นจุดกาํ เนิด ปฏิวตั ิอุตสาหกรรมในยุโรป (ปป. นโยบายพาณิ ชย์นิยมนโยบายการค้าเสรี )
4.แบบ วิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจเฉพาะเรื อง
ศึกษาในหลายประเทศ ไม่ศึกษาประเทศเดียว เช่น คาล โปยี / แมกซ์ เวเบอร์ / บาริ งตัน มัวส์
2.ใช้ขอ้ มูลเกียวกับเรื องราวเศรษฐกิจเป็ นตัวเลขสถิติหรื อข้อเท็จจริ งทีเป็ นรู ปธรรม เช่น รายได้ประชาชาติ อัตราดอกเบีย ฯลฯ
6.ทําให้เข้าใจปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็ นระบบ
5
การศึกษา ประวัติ แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ แบ่ ง ออกได้ 4 แบบ คือ
2.แบบยึดตัวบุคคลเป็ นหลัก
4.แบบผสมผสาน
6
หน่ วยที 2
ช่วงทีสี ศต. 15-16 ฟื นฟูศิลปะวิทยาการ เกิดการค้ารู ปแบบใหม่ ล่าอาณานิคม (จุดสิ นสุ ดยุคกลาง)
สังคมและการปกครอง เรี ยก ระบบฟิ วดัล ศต. 8-14 มี 2 ชนชัน คือ ขุนนางหรื อเจ้า กับ ไพร่ หรื อข้า
มีความสัมพันธ์แบบพึงพาอาศัยกัน (แข็งแรงสุ ดทีฝรั งเศส อ่อนแอสุ ดทีอิตาลี)
เศรษฐกิจ เรี ยก ระบบแมนเนอร์ ผูกพันกันโดยมีทีดินเป็ นแกนหลัก ขุนนางคุม้ ครองแก่ไพร่ ในด้านความมันคงและ
เศรษฐกิจ(ในยามขาดแคลนอาหาร) ส่ วนไพร่ ตอบแทนด้วยการทํางานและจ่ายภาษีให้แก่ขนุ นาง
ไพร่ ในระบบฟิ วดัล จะจ่ายภาษีให้ขนุ นาง เป็ นไปตามอําเภอใจของขุนนาง ส่ วนใหญ่อยูใ่ นรู ปผลผลิต ไม่ใช่เงินตรา
โดยอํานาจขุนนางในฝรั งเศสจะมากสุ ด ส่วนในอังกฤษจะน้อยสุ ด
7
ทีดินในแมนเนอร์ แบ่งเป็ นสามประเภทคือ
3.ส่ วนทียังมิได้ถากถางเพือเพาะปลูก (รวมป่ าไม้ หนองบึง อืนๆ) ทุกคนมีกรรมสิ ทธิร่ วมกัน มีเสรี ภาพในการใช้ประโยชน์
การค้าขายในระบบแมนเนอร์ มีนอ้ ยมาก การค้าหลัก คือ ค้าเกลือ อาจมีพ่อค้าเร่ มาเป็ นครังคราว โดยการค้าขาย
ทังหลายก็ตอ้ งได้รับกําไรแต่พองาม ใน ราคายุติธรรม(just price) หมายถึง ราคาทีเป็ นธรรมทังแก่ผขู ้ าย-ผูซ้ ือ
การผลิตเพือการบริ โภคเท่านัน
1. เมืองในฐาน ะศูนย์กลางศาสนาคริ สต์ มีพระ ครู นักเรี ยน คนรับใช้ คนงาน ช่างฝี มือต่างๆ อาศัยอยู่
2. เมืองในฐานะ ศูนย์กลางทางทหาร เรี ยกว่า เบอร์ ก (burgs) มีทหาร ขุนนาง อาศัยในป้ อมปราการ
การกลับมาเฟื องฟูเมืองอย่างถาวร มีเงือนไข 2 ประการคือ ความจําเป็ นสิ งอํานวยความสะดวก(โครงสร้างพืนฐาน) และ ผลผลิตอาหารส่ วนเกิน
เวนิส รุ่ งเรื องใน ศต . 11 อยูต่ อนเหนือทะเลอัลเดียตริ ก ผลผลิตหลักคือ เกลือ (สิ นค้าขายอืน เช่น ข้าวสาลี เหล้า
ไวน์) ลักษณะเด่น คือ ไม่เคยถูกยึดครองโดยอนารยชน / เป็ นเมืองการค้าเชือม ตะวันออกตลอด / ไม่ได้รับอิทธิพลจากศาสนา
แฟลนเดอร์ (เบลเยียม) ใน ศต. 12 มีขอ้ ได้เปรี ยบเวนิส คือ เป็ นแหล่งดังเดิมของอุตสาหกรรมทอผ้า และแถบนีเริ ม
รวมกลุ่มจุดเริ มต้นเป็ นสมาคมการค้า (guild) เพือผูกขาดทางการค้า ต่อมาพัฒนาเป็ นสมาคมช่าง( craft guild)
Guild เป็ นองค์กรทีควบคุมการผลิตในเมืองทังหมด ตังแต่กาํ หนดเงือนไขการผลิตสิ นค้า การฝึ กหัดช่างฝี มือ การประกัน
คุณภาพสิ นค้า (ถือเป็ นระบบการผลิตแบบตลาด ใน ยุค ก่อนระบบทุนนิยม)
8
การล่มสลายของระบบฟิ วดัล
(สิ นสุ ดความสัมพันธ์ระหว่าง ไพร่ -ขุนนาง ในระบบฟิ วดัล ค.ศ 1500 ในอังกฤษ ) มี 2 ประการหลักคือ
- ขาดแคลนอาหาร
- เจริ ญเติบโตของเมือง
-อังกฤษ เกิดสงครามดอกกุหลาบ พระเจ้าเฮนรี ที 7 ราชวงศ์แลงแคสเอตร์ ชนะ ริ ชาร์ ดที 3 ราชวงศ์ยอร์ค (แล้วตังเป็ นราชวงศ์ทิวดอร์)
2.การขยายตัวทางการค้ามาก
-ทอผ้าขนสัตว์
-เบียร์ ไวน์
แนวคิดและหลักการ ลัทธิพาณิชย์นิยม
1.ต้องมีกาํ ลังทหารและกําลังทางเศรษฐกิจทีแข็งแกร่ ง
1.นโยบายภายในประเทศ
(แต่กลับกลายเป็ น เพิ มภาระภาษีอืน เช่น ทีดิน ความมังคัง หน้าต่าง บ้าน การเกิด การตาย การแต่งงาน)
1.4 กําลังแรงงาน (ฝรั งเศส)ส่ งเสริ มอพยพแรงงานเข้า ส่ งเสริ มแต่งงานอายุยงั น้อย ให้เงินอุดหนุนครอบครัวทีมีลูกมาก
(อังกฤษ)ตัดความสัมพันธ์ชาวนากับทีดิน จนชาวนาต้องออกมาขายแรงงาน
2.นโยบายในแง่ ต่างประเทศ
โปรตุเกส
สเปน
เนเธอร์ แลนด์
จุดแตกต่างจากประเทศอืน คือ
แต่เริ มเสื อมถอยจาก ไม่มีกาํ ลังทหารเพียงพอต่อต้านผูร้ ุ กราน ในปลาย ศต. 17 จากอังกฤษ ฝรั งเศส
13
อังกฤษ
อดัม สมิธ โจมตีหลักการของลัทธิพาณิ ชย์นิยมเช่นเดียวกับ เซอร์ เดวิด ฮูม ในเรื อง การสะสมทองคํา การค้า
เกินดุล การตังกําแพงภาษี การจัดการอาณานิคม การผูกขาดการเดินเรื อ โดย สมิธเชือว่า ความมังคังของชาติ
วัดได้ในรู ปของจํานวนสิ นค้าทีประเทศนันมีอยู่ ซึ งสามารทําให้เพิมได้ และแบ่งงานกันทําระหว่างผูผ้ ลิต(ใน
ต้นทุนตําทีสุ ด) แล้วมาแลกเปลียนกันเสรี ไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาล เป็ นไปตามหลัก “ ความชํานาญเฉพาะ
อย่างในการผลิต Specialization in Production” แนวคิดนีได้รับการยอมรับ ในกลาง ศต. ที 19
ฝรังเศส
หน่ วยที 3
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
วัตถุประสงค์การเรี ยนรู ้ (ออกสอบตามวัตถุประสงค์)
สภาพอังกฤษก่อนการปฏิวตั อิ ุตสาหกรรม
-สภาพอังกฤษในช่วง ค.ศ. 1700 สังคมเป็ นเกษตรกรรม ประชากร 80% อยูใ่ นชนบท (ร้อยละ 50 เป็ นเกษตรกร)
1830 – 1900 พัฒนาเร็ วมาก เป็ นยุคทองของอังกฤษกลายเป็ นผูน้ าํ โลกทุนนิยม อุตสาหกรรมเป็ น ถ่านหิน เหล็ก
นักวิชาการได้แสดงสองทรรศนะ คือ
-ทรรศนะทีสอง 1700 อังกฤษ รํารวยทีสุ ดในโลก สิ คา้ ร้อยละ 80 เป็ นสิ งทอจากขนสัตว์
องค์ประกอบของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
1.การใช้เครื องจักรกลทุ่นแรงในอุตสาหกรรม
2.การใช้พลังงานกับกิจการ
3.การพัฒนาระบบโรงงาน
5.มีการเพิ มขึนของกิจกรรมการผลิตในระบบทุนนิยม
- การคิดค้นเครื องจักรไอนํา เป็ นปัจจัยสําคัญสุ ด ในช่วงแรกของการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม 1769 โดย เจมส์ วัตต์ ( James
Watt) จดทะเบียนเครื องสู บนําทีดัดแปลงมาจากเครื อง นิวคัมเมน ต่อมานํามาประยุกต์เป็ นหัวเครื องจักรรถไฟและเรื อเดินสมุทร
ปัจจัยทีมีผลต่อการปฏิวตั อิ ุตสาหกรรมในอังกฤษ
-มุ่งสร้างส่ วนเกินในการค้าประเทศอืนๆมากทีสุ ด
-กดค่าจ้างแรงงานในระดับตํา
ปัจจัยทีมีผลการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม
1.รัฐมีบทบาทน้อยในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม แต่มีบทบาทมากในกิจการเกียวกับการ
จัดระเบียบการค้าระหว่างประเทศ การล่าอาณานิคม การเดินเรื อ
4.การสะสมทุน เนืองจากการค้า-การลงทุนระหว่างประเทศ
-ทําให้อุปทานแรงงานเพิ ม แต่กดดันค่าจ้างให้ตาลง(กํ
ํ าไรธุรกิจเพิม)
การปฏิวตั อิ ุตสาหกรรมในยุโรป
ลําดับการปป. อังกฤษ (1780) ตามด้วย เยอรมนี (1870-1910) ฝรั งเศส (1870-1890) (ส่วนอืนเช่น อเมริ กา ญีปุ่ น)
1.ทรัพยากรทีใช้ผลิต เยอรมนี เริ มลงทุนการผลิตมาก ร้อยละ 24 (ช่วง ต้น ศ.ต. 20 : 1900-1914 ก่อนสงคราม)
เดนมาร์ ก เน้นเทคโนโลยีเกษตร
ผลการปฏิวตั อิ ุตสาหกรรมในยุโรป
19
1.การเพิ มขึนของจํานวนประชากร และ การเปลียนแปลงสู่ ความเป็ นเมือง
ประชากรเพิ มเร็ วสุ ดในอังกฤษ 1800-1850 เพิ มเร็ วเนืองจาก ปฏิวตั อิ ุตสาหกรรม อัตราการตายลดลง ความก้าวหน้า
ทางการแพทย์ การปรับปรุ งสาธารณสุ ข ปฏิวตั ิเกษตรกรรมเพิ มปริ มาณอาหาร ปรับปรุ งสภาพความเป็ นอยูด่ ีขึน ว่างเว้นจาก
สงครามใหญ่
- ความแตกต่างค่าจ้าง
- เมืองมีสิงดึงดูดต่างๆมาก อาชีพหลากหลาย ใกล้ตลาด ประโยชน์ขนส่ ง ประโยชน์การใช้โครงสร้างพืนฐาน
แต่ผลเสี ยคือ นายจ้างขูดรี ดเพือหากําไรส่ วนเกิน ทํางานเหมือนหุ่นยนต์ ไร้แรงจูงใจ
2.เกิดชนชันใหม่ คือ
-ช่วงต้นกรรมกรอยูล่ าํ บากมาก ต้องทํางานหนัก ไม่มีเวลาแน่นอน ไม่มีเวลาพัก ใช้แรงงานเด็ก-ผูห้ ญิง ขาดปัจจัยสี เป็ นโรคง่าย
เช่น ปวดข้อ ปอดบวม / ไทฟอยด์ อหิวาต์ / หืด หอบ เป็ นต้น อายุค่อนข้างสัน
-คิง ลัดด์ (king Ludd) เป็ นผูน้ าํ กลุ่มลัดไดต์ เริ มก่อจลาจล บุกเข้าทําลายโรงงานทอผ้า
-หลังปี 1850 (ปลาย ศ.ต. 19) กรรมกรมีชีวิตดีขึนมาก เรี ยกร้องรัฐออกกฎหมายโรงงาน (factory law) เริ มจัดตัง สหบาล
กรรมกรช่าง เริ มจัดตัง สหภาพการค้า(T.U.C)
-ในเยอรมนี คาร์ ล มาร์ กซ์ เขียนคําประกาศคอมมิวนิสต์ (The Communist Manifesto) แนวคิดสังคมนิยม รัฐก็ใช้นโยบายรัฐ
สวัสดิการแก่ผใู ้ ช้แรงงานอย่างกว้างขวาง
สังคมนิยม เน้นบทบาทรัฐในการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจ
20
หน่ วยที 4
สรุ ปแนวคิด
*ผลกระทบ จากสงครามโลกครังที 1
-ปัญหาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในยุโรป
-การขาดดุลการชําระเงินระหว่างประเทศ
21
-การไหลออกของทองคํา
-สหรัฐฯลดการลงทุนและการให้กกู ้ บั ประเทศต่างๆ
หลังสงคราม 1
ปัจจัยภายในยุโรปเอง
-ความชะงักงันทางเศรษฐกิจ
-การลดลงของการค้าระหว่างประเทศ
ปัจจัยภายนอกยุโรป
1. การผลิตเพือการค้ามากขึน โดยเฉพาะประเทศด้อยพัฒนา
2. การเพิ มขึนของเทคโนโลยีการเกษตร ส่ งผล เพิ มผลผลิต และเพิ มการบุกเบิกเนือทีทํากินใหม่
3. เกิดปัญหาผลผลิตล้น โดยเฉพาะสิ นค้าขันปฐม เช่น นําตาล แป้ ง ข้าวสาลี กาแฟ ยางพารา
(ตรงกันข้าม นิยมบริ โภคเพิ มขึน คือ ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนม อาหารกระป๋ อง บุหรี มวน)
- โครงสร้างการค้า ยุโรป ยังคงมีสัดส่ วนมากทีสุ ด แต่เริ มสูญเสี ยส่ วนแบ่งให้แก่ อเมริ กา ญีปุ่ น แคนาดา แอฟริ กา โอเซี ยเนีย
1.ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ ขาดเสถียรภาพ
องค์ประกอบความไร้ เสถียรภาพของเศรษฐกิจการเงินระหว่างประเทศ
-ปัญหาการขาดแคลนทองคํา ในประเทศต่างๆ
-การกีดกันการค้าระหว่างประเทศ
24
-เศรษฐกิจตกตําทัวโลก 1930
-ต้องการลดการพึงพาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในด้าน
-การสร้างความมันคงทางเศรษฐกิจและการเมือง ของชาติ
-การวางแผนจากส่วนกลาง
-เพือคุม้ ครองภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
-เพิ มการจ้างงาน
สถานการณ์ เศรษฐกิจ ก่ อนตกตํา ครั งใหญ่ สาเหตุ ของเศรษฐกิจตกตําทัวโลก เกิดจากอเมริ กาในปี 1930 คือ
-ผลผลิตล้นเกินของ สิ นค้าเกษตรและอุตสาหกรรม
-ภาวะความยุง่ ยากของเศรษฐกิจยุโรป
-ความไร้เสถียรภาพของระบบมาตรฐานทองคํา
A. ความไม่ มีเสเถียรภาพของระบบมาตรฐานทองคํา
-ก่อนสงคราม 1914 ระบบการเงินอยูภ่ ายใต้ ระบบมาตรฐานทองคํา(gold std.) ของอังกฤษ (เป็ นสื อกลางแลกเปลียน
หน่วยทางบัญชี และการสะสมค่า) รัฐไม่เข้าไปแทรกแซง ให้ปรับตัวไปตามกลไกตลาด
-ระบบมาตรฐานทองคํา เปรี ยบเสมือน อัตราแลกเปลียนคงที (เรี ยกว่า ค่าเสมอภาค ค่าเสมอภาคโลหะ par value mint party)
ถือเป็ นยุคทองของความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างประเทศ
ส่ งออกทองคํา ระบบทองคําจึงล่มสลายลง
สหรัฐฯกับภาวะเศรษฐกิจตกตํา
ประเทศกําลังพัฒนาประสบขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ความต้องการซือของจากสหรัฐ-ยุโรปลดน้อยลง
ควบคุมซือเงินตราต่างประเทศ การควบคุมอัตราแลกเปลียน)
(อังกฤษ ฝรั งเศส ยุติจ่ายหนี สหรัฐฯ ส่ วนสหรัฐฯตอบโต้ โดยห้ามนักลงทุนไม่ให้ซือหลักทรัพย์ของ รัฐบาลอังกฤษ ฝรั งเศส)
หน่ วยที 5
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ ว หลังสงครามโลกครังที 2
วัตถุประสงค์การเรี ยนรู ้
สรุปแนวคิดภาพรวมทุกประเทศในโลก
*ยุโรปรวมตัวกันจัดตัง หลังสงคราม 2
สรุปแนวคิด
4.การเปลียนแปลงวิถีดาํ เนินชีวิตแบบใหม่
5.การเปลียนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรม
3.การเข้าร่ วมสงครามเวียดนามของอเมริ กา
1.ปัญหาขาดดุลการค้า
2.การส่ งออกชะลอตัวลง
3.การนําเข้าสิ นค้าราคาถูกกว่าจากต่างประเทศ
1.การเกิดวิกฤตินํามัน 1973 กลุ่มโอเปค ขึนนํามัน 3-4 เท่า ต้นทุนสิ นค้าและค่าครองชีพสู งขึน กระตุน้ เงินเฟ้ อ
2.ข้ อตกลงฝ่ ายบริหารกับคนงาน ทีจะรักษาระดับค่าจ้างให้เพิ มเท่ากับค่าสิ นค้าและบริ การทีเพิ มขึน ผูบ้ ริ โภคจึงรับภาระราคาไป
3.การเข้ าช่ วยสงครามเวียดนาม ปธน. จอห์นสัน ตัดสิ นใจ ช่วยด้านทหารและสิ งจําเป็ นแก่เวียดนามใต้ เป็ นการกระตุน้ ใช้
จ่ายเศรษฐกิจ แต่มิได้เก็บภาษีเพิ มเพือชดเชย กระตุน้ ให้สินค้าราคาเพิ ม เงินเฟ้ อเพิ มขึน
ผลกระทบจากเงินเฟ้ อ ปธน. ริ ชาร์ ด นิกสัน / เจอรัล ฟอร์ ด / จิมมี คาร์ เตอร์ พยายามเน้นควบคุมเงินเฟ้ อ แต่
สุ ดท้ายแก้ไขไม่สาํ เร็ จ เกิด อัตราว่างงานสู ง เศรษฐกิจหดตัว
29
-สหรัฐฯได้แสดงบทบาทนํา ฟื นฟูบูรณะระบบเศรษฐกิจทีเสี ยหายจากสงคราม ทังในยุโรปและญีปุ่ นภายใต้ แผนการมาร์ แชล
โดยใช้เงินประมาณ 13000 ล้านดอลลาร์ มาเพือฟื นฟูยโุ รป-ญีปุ่ น เมือฟื นตัว ประเทศเหล่านีก็ตอ้ งพึงพาสิ นค้าอุตสาหกรรม
จาก อเมริ กาเป็ นส่วนใหญ่ แต่ช่วง 1970-1980 ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด เริ มขาดดุล ตามลําดับ
จึงจําเป็ นต้องลดค่าเงินดอลลาร์ ลงในปี 1985 (ปรากฏว่าค่าเงินลดลงเกือบร้อยละ -50 อุปสงค์ต่อ อสังหาและหุน้ มากขึน คนต่างชาติ
เยอรมัน สวิต ญีปุ่ น ฝรั งเศส จึงรี บเข้ามาซื อมากขึน - บริ ษทั ได้กาํ ไร ก็จะนํากลับเข้าประเทศเหล่านี) การขาดดุลยิ งมากขึนไปอีก
-ปี 1961-1963 ยุค ปธน. จอห์น เอฟ เคเนดี ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (เน้นนโยบายเศรษฐกิจด้านอุปสงค์) รัฐใช้แนวคิดของ
เคนส์ รัฐแทรกแซงระบบ โดยมีการเพิ มระดับค่าจ้างขันตํา ขยายขอบเขตประดันสังคม มีการให้เงินช่วยพัฒนาพืนทีต่างๆ ของ
ประเทศ ต่อมา ปธน. ลินดอน จอห์นสัน ก็ใช้วิธีเดียวกัน มีโครงการเช่น ช่วยเหลือการศึกษา ช่วยเหลือทางการแพทย์ผสู ้ ู งอายุ
(Medicare) ช่วยเหลือคนจน(Medicaid) ผ่านกฎหมายเศรษฐกิจ( The Economic Opportunity Act)
-ต่อมา 1981-1988 ปธน. โรนัลด์ เรแกน กับ 1989-1992 ปธน.จอร์ ช บุช ใช้ระบบลักษณะอนุรักษ์นิยม(conservative) (เน้น
นโยบายเศรษฐกิจด้านอุปทาน) โดยลดบทบาทรัฐลง ตัดทอนค่าใช้จ่ายรัฐหลายอย่าง เช่น โครงการช่วยเหลือทางแพทย์
ช่วยเหลือคนจน แสตมป์ อาหาร อาหารกลางวันโรงเรี ยน (เหตุผลคือลดค่าใช้จ่ายรัฐบาลกลาง แล้วย้ายให้ไปดูแลภายใต้ มลรับแทน) มี
การลดภาษี(คนรวยได้ประโยชน์) กระตุน้ ให้ทาํ งานหนักด้านการผลิต จนขนานนามว่า เศรษฐศาสตร์ของเรแกน(Reaganomics)
-ต่อมายุค 1993-2001 ปธน. บิล คลินตัน เน้นเรื องปากท้องประชาชน รักษาวินยั การคลัง ดันการค้าเสรี (1993 สิ นสุ ดยุค
สงครามเย็น เศรษฐกิจค่อยๆดีขึน) คลินตันปฏิรูป นโยบายรักษาพยาบาล ยกระดับการศึกษา มีระบบกูย้ มื เพือการศึกษา ส่ วน
การปรับปรุ งการแก้ไขงบประมาณขาดดุลโดย ลดภาษีชนชันกลาง เพิ มภาษีคนรวย ลดค่าใช้จ่ายทางทหาร (สรุ ปว่าคลินตัน พา
ประเทศสู่ สันติและเศรษฐกิจเติบโตมากขึน ใน 3 ปี สุ ดท้ายการดํารงตําแหน่ง)
-ยุค 2009-2013 เกิดวิกฤติซับไพร์ ม ในยุค ปธน. บารัค โอบามา มักเน้นนโยบายประชานิยม (สมัยแรก เน้นแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจ สมัยทีสอง เน้นให้ความสําคัญระบบสาธารณูปโภค ปัญหาสิ งแวดล้อม)
30
การพัฒนาเศรษฐกิจของ ยุโรป
สรุปแนวคิด
-ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ตังขึนตาม สนธิสัญญาแห่งกรุ งโรม (โดยฝรั งเศส) เพือบรรลุเป้ าหมาย ตังสหภาพศุลกากรร่ วมกัน
นโยบายเกษตรร่ วมกัน ปรับประสานระบบกฎหมายร่ วมกัน
การรวมกลุ่มเศรษฐกิจของ ประเทศในยุโรป
ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป
-ระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมแต่ละประเทศจะคล้ายคลึงกัน
สมาคมเขตการค้าเสรียโุ รป (EFTA)
1.บทบาทบริ ษทั ข้ามชาติมีมาก (อเมริ กา ไป ยุโรป / ญีปุ่ นไป ยุโรป / ยุโรปไปอเมริ กา)
1.การกําจัดอุปสรรคด้านภาษี ระหว่างประเทศสมาชิก
2.มีการควบคุมการเคลือนย้าย
3.ระบบอัตราภาษีภายในต่างกัน
4.ข้อจํากัดการจําหน่ายบางประการ เมือผ่านพรมแดน
5.การเลือกปฏิบตั ิในการจัดซือขององค์กรรัฐ
6.ความแตกต่างในมารตราฐานทางด้านเทคนิคและความปลอดภัย
7.ข้อจํากัดด้านการขนส่ งทางถนน
(แนวคิดระบบเงินตราสกุลเดียว The Optimum Currency Area: OCA เป็ นของ โรเบิร์ต มันเดล - รางวัลโนเบล)
1.รักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลียน
2.ลดต้นทุนทางธุรกรรมระหว่างประเทศ
3.ความเสี ยงจากอัตราแลกเปลียนหมดไป
4.ต้นทุนการกูย้ มื ระหว่างประเทศภายในกลุ่มเดียวกันจะตําลง
5.สร้างอํานาจต่อรองในเวทีการค้าและการลงทุน กับระหว่างประเทศนอกกลุ่ม
ผลเสี ยของเงินตราสกุลเดียว
2.ประเทศขาดอิสระในการตัดสิ นใจ
เยอรมัน
ปัจจัยทีทําให้เยอรมันประสบความสําเร็ จ คือ
1.การลดกําลังทหาร นําเงินมาใช้จ่ายสาธารณะประโยชน์แทน
3.ปัจจัยนโยบายต่างๆของรัฐ ทีมุ่งไปการสร้างฐานะทางเศรษฐกิจ
ฝรังเศส
แต่มีปัจจัยลบ เช่น
1.ปัญหาเงินเฟ้ อ
2.ขาดดุลการชําระเงิน
3.สหภาพแรงงานได้ออกมาเคลือนไหวขึนค่าแรง หยุดงานประท้วง
5.ภาคการเกษตรมีผลิตภาพตํา
การพัฒนาเศรษฐกิจของ ญีปุ่ น
สรุปแนวคิด
- ยุคกลาง 1950 (1955) เป็ นต้นมา เป็ นยุคเจริ ญสุ ดๆ รายได้ประชาชาติเป็ นอันดับ 2ของโลกรองจากอเมริ กา สาเหตุจากปัจจัย
ได้แก่ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม สภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ บทบาทรัฐบาล ลักษณะประจําชาติคนญีปุ่ นเอง
-ยุคชะงักงัน ช่วงทศวรรษ 1970 เกิดจากวิกฤตินาํ มัน 2 ครัง และ แรงกดดันจากคู่คา้ (อเมริ กา) ทําให้ญีปุ่ นค่าเงินเยนแข็งขึน
-นายพล ดักลาส แมคอาร์ เธอร์ ได้เข้ามาบัญชาการญีปุ่ น โดยทําให้เป็ นประชาธิปไตย โดยจุดประสงค์ คือ เพือสร้าง
ระบบทีมีศูนย์กลางแห่งอํานาจแห่งเดียว ควบคุมโดยคะแนนเสี ยงเลือกตัง( ส่ วนองค์จกั รพรรดิ เป็ นเพียงสัญลักษณ์ของรัฐทีเป็ น
ศูนย์รวมความจงรักภักดี เลือมใส)
-มีการแยกอํานาจตุลาการออกจากอํานาจบริ หาร
3. การปฏิรูป ทีดิน
-กําหนดให้มีการซือทีดินใน อัตราทีเหมาะสม
4.การสลายกลุ่มทุนผูกขาด ในระบบเศรษฐกิจ
-สลายกลุ่มนายทุนผูกขาด เรี ยกว่า ไซบัตสุ(Zaibatsu) ทีใหญ่ทีสุ ด คือ มิตซูบิชิ มิตซุย สุ มิโตโม ยาสุ ดะ โดยมีคาํ สั งให้
บริ ษทั แม่ปลดปล่อยหุน้ ทีถือ ออกมาจําหน่ายให้แก่สมาคมและมหาชนต่างๆ
-ตลาดส่ งออก คือ อเมริ กา และ กลุ่ม Asian ทําให้ดุลบัญชีการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุลอย่างมาก เงินทุนสํารอง
ระหว่างประเทศเพิ มขึนมาก
ผลทางลบ
- ปัญหาสภาพแวดล้อมเป็ นพิษ
- ปัญหาวิกฤติการคลังทีรัฐเน้นขยายการลงทุน ส่ งผลต้องเก็บภาษีในอัตราทีสู งมาก
- ปัญหาเงินเฟ้ อ และ ภาวะการครองชีพทีฝื ดเคือง
หน่ วยที 6
การเปลียนแปลงทางเศรษฐกิจของ ประเทศกําลังพัฒนา
วัตถุประสงค์การเรี ยนรู ้
สรุปแนวคิดรวม
เติบโตสู งมาก คือ เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง สิ งคโปร์ เรี ยกกลุ่ม เอเชียนนิกส์
การเปลียนแปลงทางเศรษฐกิจของประเทศกําลังพัฒนาใน ทวีปเอเชีย
สรุ ปแนวคิด
-ฮ่องกง การพัฒนาธุรกิจหลากหลาย ปกด.ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็ นส่ วนใหญ่ / เมือ ปี 1978 จีนเปิ ดประเทศ และ
ทรัพยากรมนุษย์
ภาพรวมการเปลียนแปลงของประเทศกําลังพัฒนาใน ทวีปเอเชีย
-หลังเปิ ดใช้คลองสุ เอช ฟิ ลิปปิ นส์เป็ นประเทศแรกในเอเชีย ทีค้าขายกับลาตินอเมริ กา (ขายทีเม็กซิ โก เช่น ยาสู บ มะพร้าว
ข้าวโพด นําตาล)
-จีน ปี 1949 ประธาน เหมาเจ๋ อตุง จัดตังคอมมิวนิสต์ ต่อมามีการปฏิวตั ิวฒั นธรรมเพือต่อต้านลัทธิ ทุนนิยม แต่ศก. ถดถอยรุ นแรง
ปี 1976 ประธาน หัวโก๊ฟง แต่งตัง นายเติ งเสี ยวผิง เข้ามามีอาํ นาจในฐานะรองนายกฯ สถานการณ์ ศก. คลีคลายลง
41
ปี 1977-1988 ปฏิรูปเศรษฐกิจ 4 ด้าน (Four Modernization) คือ อุตสาหกรรม เกษตรกรรม ป้ องกันประเทศ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ปี 2001 จีนเข้าร่ วมองค์การค้าโลก WTO เชือมโยงจีนเข้าสู่ เศรษฐกิจโลกเต็มรู ปแบบ จนใหญ่เป็ นอันดับ 2 ปี 2010
-เกาหลีใต้ ประสบความสําเร็จสู ง ได้รับฉายาว่า มหัศจรรย์แห่งแม่นาํ ฮัน (The Miracle on Han river ) และมีกลุ่ม แชร์ โบลส์
เกาหลีใต้
-นายพล ปักจุงฮี ปฏิวตั ิ 1961 เปลียนนโยบายส่ งเสริ มการส่ งออก พร้อมกับ นโยบายส่ งเสริ มอุตสาหกรรมในประเทศ
-ปี 1979 ปธน.ปักจุงฮี ถูกลอบสังหาร ต่อมาทศวรรษ 1980 ผูน้ าํ ประเทศคนต่อมา ลดเลิกกฎระเบียบทีเป็ นอุปสรรคการค้า ลง
-ทศวรรษ 1990 มีการเปิ ดเสรี การไหลเงินทุน เกิดการสะสมหนีระยะสัน ต่อมาเกิดวิกฤติตม้ ยํากุง้ 1997 กระทบเกาหลีใต้ดว้ ย
แต่ทาํ ให้เกาลีแกร่ งขึน เปิ ดเสรี มากขึน ลดบทบาทรัฐในระบบเศรษฐกิจ ส่ งผล เจริ ญเติบโตแข็งแกร่ งยิ งขึนต่อมา
อุตสาหกรรมเบาเริ มมีปัญหา
1.นักลงทุนต่างประเทศย้ายไปลงทุนทีจีน(ต้นทุนค่าแรงตํากว่า)
ฮ่ องกง
-รัฐบาลไม่แทรกแซง
43
-ส่ วนใหญ่ดูแล การใช้จ่ายเพือการสงเคราะห์ดา้ นทีอยูอ่ าศัยแก่ผอู ้ พยพจากจีน (แตกต่างจาก เกาหลีใต้ ไต้หวัน ทีรัฐมี
บทบาทนํา / สิ งคโปร์ ธุรกิจต่างประเทศขนาดใหญ่ มีบทบาทนําการพัฒนาอุตสาหกรรม)
สิ งคโปร์
-ดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศจากการปกครองโดย ระบบนิติธรรม
-มีการใช้กฎหมายบังคับใช้เคร่ งครั ด
ประเด็นสําคัญ การพัฒนา
-ปรับปรุ งโครงสร้างพืนฐาน
-ฝึ กอบรมคนงานเชียวชาญมาก
-รัฐเข้าไปแทรกแซงระยะแรกสู ง หลังจากนันให้เอกชนดําเนินการและรัฐแทรกแซงน้อยสุ ด
สรุปแนวคิด
(จนได้ชือว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่)
-สาเหตุทีเกิดปัญหาเศรษฐกิจ คือ
1.เน้นนโยบายเศรษฐกิจมุ่งภายในประเทศ
2.ขาดเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจมหภาค
3.เงินเฟ้ อระดับสู ง
4.การเปลียนแปลง/ขัดแย้งการเมือง รุ นแรง
ภาพรวมการเปลียนแปลงของประเทศกําลังพัฒนาใน ลาตินอเมริกา
นโยบายปกป้ องอุตสาหกรรม
1.ตังกําแพงภาษีนาํ เข้า
45
2.กําหนดโควตานําเข้า
3.ปรับอัตราแลกเปลียน
4.คิดค่าใช้จ่ายพลังงาน-ขนส่ ง ตํากว่าในราคาทีควรจะเป็ น
5.คิดดอกเบียเงินกูต้ ากว่
ํ าตลาดมาก
-การเติบโตช่วง 1950 เป็ นต้นมา ลาตินอเมริ กา จะโตกว่า เอเชียตะวันออก แต่ช่วง 1980 เอเชียตะวันออกเริ มดีกว่า
2.ลาตินฯ ขาดเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจมหภาค (เงินเฟ้ อสู ง เงินไหลออก กูเ้ งินต่างชาติเยอะ) ส่ วนเอเชี ยฯ คุมเงินเฟ้ อและหนีสิ นได้ดีกว่า
การเปลียนแปลงเศรษฐกิจของประเทศกําลังพัฒนาใน แอฟริกา
สรุปแนวคิด
-หลังปี 1960 แอฟริ กาได้รับอิสรภาพจากการเป็ นอาณานิคม แต่ไม่พฒั นา คือ รายได้ต่อหัวตํา ยากจน เหลือมลํารายได้ หนีสิ น
ระหว่างประเทศ สุ ขอนามัยตําแพร่ ระบาดโรค รุ นแรงทางการเมือง สงครามการเมือง บทบาทรัฐทีขาดประสิ ทธิภาพ
-สหภาพแอฟริ กาใต้ พัฒนาดีสุดในทวีป มีทรัพยากร แร่ ธาตุมาก โครงสร้างเศรษฐกิจแข็งแกร่ งสุ ด นโยบายกีดกันสี ผิวถูก
ยกเลิกในปี 1991 แต่ยงั มีความแตกต่างรายได้ผิวดํา กับ ผิวขาว (คนผิวขาวส่ วนน้อย แต่ครอบครองทรัพย์สินส่ วนใหญ่ของประทศ)
ภาพรวมการเปลียนแปลงของประเทศกําลังพัฒนาใน แอฟริกา
-ปี 1880 ฝรั งเศสคุมอาณานิคม 22 ประเทศ / อังกฤษคุม 21 ประเทศ แต่ให้อิสรภาพในปี 1960 เป็ นต้นมา
2.คุณภาพประชากร การศึกษาตํา(เรี ยนหนังสื อร้อยละ 42) สุ ขภาพอนามัยตํา อายุขยั ตํา (มาลาเรี ย เอดส์)
-ปี 1948 พรรคการเมืองแห่งชาติ (the National Party: NP) ชนะการเลือกตังทีมีผเู ้ ลือกตังเป็ นคนผิวขาวทังหมด ได้ออกนโยบาย
กีดกันสี ผิว (apartheid) ยกเลิกในปี 1991
-กลุ่มคนผิวขาว ร้อยละ 14
-คนเอเชีย(อินเดีย) ร้อยละ 2
-ปี 2011 จัดเป็ นประเทสมีรายได้ปานกลางค่อนข้างสู ง และเข้าสู่ กลุม่ BRICS (Brazil , Russia , India , China , South Africa)
48
หน่ วยที 7
อธิบาย ระบบเศรษฐกิจของสังคมนิยมได้
- อธิบาย ภาพรวมการจัดการทางเศรษฐกิจของสังคมนิยม
- เปรี ยบเทียบแนวคิด ระบบทุนนิยม กับ สังคมนิยม
อธิบาย ความเป็ นมาของการเปลียนแปลงระบบเศรษฐกิจ ของประเทศสังคมนิยมได้
- อธิบาย ประสบการณ์ สหภาพโซเวียต ก่อนล่มสลาย
- อธิบาย ประสบการณ์ รัสเซี ย ประเทศยุโรปตะวันออก (หลังล่มสลายของสหภาพโซเวียต)
- อธิบาย ประสบการณ์ ประเทศสังคมนิยมในทวีปเอเชีย (จีน เวียดนาม)
อธิบาย องค์ประกอบ การเปลียนแปลงของอดีตประเทศสังคมนิยมได้
- อธิบาย เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ของระบบสังคมนิยม
- อธิบาย ความสําคัญของการค้าระหว่างประเทศ ในระบบสังคมนิยม
สรุปแนวคิดรวม
-สาเหตุปัญหาเงินเฟ้ อ ปกด.
ภาพรวมการจัดการทางเศรษฐกิจของสังคมนิยม
สรุ ปแนวคิด
-คาร์ ล มาร์ ก ร่ วมมือกับ ฟรี ดริ ช เองเกิลส์ นายทุน ออกคําประกาศหรื อธรรมนูญของคอมมิวนิสต์(Communist Manifesto)
-เป้ าหมายสุ ดท้าย(คล้ายคลึงประชาธิปไตย) คือ ความเสมอภาค ความเท่าเทียม ความสุ ข (จากการร่ วมมือร่ วมใจคนในสังคม
และเคารพสิ ทธิอย่างเท่าเทียมกัน)
1.การรวมอํานาจเข้าส่วนกลาง โดยพรรคคอมมิวนิสต์
แรงงานมากได้มาก แต่อย่างไรก็ตามทุกคนจะได้รับอาหารอย่างพอเพียงโดยไม่มีมูลค่า
3.การบริโภค รัฐเป็ นผูว้ างแผนว่าผูบ้ ริ โภค สมควรบริ โภคในปริ มาณเท่าใด บริ โภคสิ นค้าใด(เกิดขาดแคลน/ล้นตลาด บ่อย)
สรุ ปแนวคิด
-วลาดิเมียร์ เลนิน ผูน้ าํ พรรคคนแรก ได้นาํ ระบบ รัฐทุนนิยม มาฟื นฟูเศรษฐกิจ (ธุรกิจกลางและเล็ก ดําเนินตามปกติ แต่ธุรกิจ
ใหญ่ยดึ มาเป็ นของรัฐ เช่น ไฟฟ้ า ประปา อุตสาหกรรมหนัก เหมืองแร่ รถไฟ เดินเรื อ ธนาคาร การเงิน ) แต่กเ็ กิดการขัดแย้งจาก
กลุ่มเก่าๆ ก่อตัวเป็ นสงครามการเมือง เลนิน จึงนําเอา นโยบายเศรษฐกิจแนวใหม่ (new economy policy) มาใช้จนเป็ นทียอมรับ
มากขึน(เก็บภาษี แทนยึดพืชผลชาวนาได้เหลือไว้ขายทํากําไรได้ / ควบคุมราคาสิ นค้าอุตสาหกรรมแทนการยึดเป็ นของรัฐ)
52
-โจเซฟ สตาลิน รับช่วงต่อจาก เลนิน ใช้ระบบหลักบังคับบัญชา ออกแผนนโยบาย 5 ปี ตังระบบสหการ-ระบบนารวม รัฐ
จัดหาแทรกเตอร์ และเทคโนโลยีระดับสู ง แต่ระบบนารวม เน้นยึดพืชผลมาเป็ นของรัฐ จนเกิดการต่อต้าน เกิดการฆ่ากวาดล้าง
ใหญ่ (Great putge) สุ ดท้ายระบบนารวม ส่ งผลกระทบ (อุตสาหกรรมดี เกษตรแย่)คือ
-ก้าวกระโดดเป็ นมหาอํานาจโลก
-มิคาอิล กอร์ บาชอฟ ผูน้ าํ คนสุ ดท้ายของสหภาพโซเวียต ใช้ เปเรสตอยกา+แกลนอส แต่ไม่ได้ผลเพราะเมืองใหญ่กว่าเดิม กลุ่ม
อํานาจเก่าไม่ยอม เกิดต่อต้าน หัวหน้างานก็ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จนล่มสลายลง เป็ น 15 รัฐ
การปฏิรูประบบเศรษฐกิจ หลังล่มสลายสังคมนิยม
1.แปรรูปสิ นทรัพย์ ของรั ฐ สู่ เอกชน กระจายสิ ทธิถือหุน้ ให้ประชาชน แต่ยงั ไม่สาํ เร็ จ หลายธุรกิจกลับมาเป็ นของรัฐเช่น
สถานพยาบาล ศูนย์ดูแลเด็ก สถานศึกษา บ้านเอืออาทร แรงงานบางแห่งถูกเลิกจ้าง(พนักงานล้น)
ประเทศ จีน
-ต่อมาปฏิรูป ใช้กลไกตลาด มาเป็ นปัจจัยร่ วม ต่อมาเข้าร่ วม WTO ปี 2001 กระตุน้ ให้เศรษฐกิจโตต่อเนือง กลายเป็ นตลาด
การค้าการลงทุนทีสําคัญระดับโลก มีอาํ นาจต่อรองทางการค้าสู ง จากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
54
เวียดนาม
-ปี 2518 เริ ม จากระบบนารวม และ แผนพัฒนาจากส่วนกลาง แต่ยงั เผชิญปั ญหาหลายรู ปแบบ
-ปี 2543 เวียดนามเปิ ดตลาดหลักทรัพย์ขึน อเมริ กาเป็ นคู่คา้ สําคัญสุ ดของเวียดนาม ปี 2550 เข้าร่ วม WTO
องค์ประกอบ การเปลียนแปลงของอดีตประเทศสังคมนิยม
สรุ ปแนวคิดรวม
อิทธิพลปัจจัยบวก ของสังคมนิยม
1.ระดับการจ้างงานเต็มที
2.สามารถพัฒนาไปตามทิศทางทีแน่นอนและตรงประเด็น (ไม่ถูกชีแนะโดยกลไกตลาด)
อิทธิพลปัจจัยลบ
รัสเซี ย
ลักษณะปัญหาทัวไปคล้ายคลึงประเทศประชาธิปไตย
-ปัญหาคอร์ รัปชัน
-สภายุติธรรมถูกครอบงําจากสายการเมือง
-การกระจายรายได้ไม่เท่าเทียม
-มีความผันผวนในเศรษฐกิจมหภาค
ประเทศจีน
- ระดับการลงทุนจากต่างประเทศ อันดับ 2
- ศูนย์กลางการค้าตลาดโลก ใหญ่สุด
- ผลิตอุตสาหกรรม ใหญ่สุด
-ช่วงแรกทุกประเทศเน้นพึงพาตนเอง จึงมีการค้านะระดับตํา
-ตัวชีวัดทางเศรษฐกิจมหภาค ส่ งสัญญาณทีดีทีช่วยสนับสนุนภาคการค้าระหว่างประเทศ
หน่ วยที 8
แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ ก่ อนสมัยคลาสสิ ก