Professional Documents
Culture Documents
หน่ วยที่ 1
การจัดการภาครัฐกิจแนวใหม่
ตอนที่ 1.1 วิวฒั นาการด้านการบริ หารจัดการภาครัฐ
1. อธิบายวิวฒั นาการของแนวความคิดด้านการบริ หารจัดการภาครัฐได้ สามารถจำแนกออกตาม
รู ปแบบและวิวฒั นาการได้ 3 กลุ่ม ดังนี้
1.1 กลุ่มทฤษฎีองค์การดั้งเดิม ( Classical Organization Theory )
1.2 กลุ่มทฤษฎีองค์การดั้งเดิมแบบใหม่ ( Neo –Classical Theory )
1.3 กลุ่มทฤษฎีองค์การสมัยใหม่หรื อทฤษฎีองค์การสังเคราะห์ ( Modern Organization Theory )
กลุ่มแรกเกิดจาก – สภาพแวดล้อมการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม
กลุ่มสอง เป็ นระบบเปิ ดพัฒนาต่อมาจากกลุ่มแรกสนใจมนุษย์สมัยใหม่
กลุ่มสาม สร้างมาเพื่อลดข้อจำกัดและปั ญหาที่เกิดขึ้น ได้แก่ ทฤษฎีการตัดสิ นใจ “ ไซมอน “ ทฤษฎีระบบ
เปิ ด “ ทอมสัน “
2. อธิบายแนวคิดการบริ หารจัดการภาครัฐแนวใหม่ได้โดยสรุ ปแนวคิดได้เป็ น 3 เรื่ อง คือ
2.1 เหตุผลความจำเป็ นการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูประบบบริ หารงานภาครัฐ
2.2 การเปลี่ยนแปลงในบริ บทของแต่ละประเทศ
2.3 การบริ หารกิจการบ้านเมืองในศตวรรษที่ 21
เหตุผลความจำเป็ นในการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป
1. ยุติสงครามเย็นและการเสื่ อมของลัทธิ คอมมิวนิสต์
2. การปฏิวตั ิระบบการผลิตทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
3. การคิดค้นและการพัฒนาเทคโนโลยี
4. การเปิ ดเสรี ทางการค้า
5. การพัฒนาสังคมการเมืองตามแนวทางเสรี ประชาธิ ปไตย
การเปลี่ยนแปลงในบริ บทของต่างประเทศ
1. ความต้องการเพิม่ ขีดความสามารถเชิงแข่งขันของประเทศ
2. การปฏิรูปการเมืองเข้าสู่ ระบบประชาธิ ปไตยแบบมีส่วนร่ วม
3. การเพิ่มบทบาทและขยายตัวของเครื อข่ายองค์การทางสังคมในการกำหนดนโยบาย
สาธารณะในด้านสังคมวัฒนธรรม
4. ปัญหาภายในของระบบราชการที่ผา่ นมา
การบริ หารกิจการบ้านเมืองในศตวรรษที่ 21
1. ภาครัฐกับการบริ หารกิจการบ้านเมืองที่ดี
2. การเพิ่มบทบาทของระบบตลาดในการดำเนินกิจกรรมของสังคมการเมือง
3. เครื อข่ายกระบวนการประชาสังคมกับบทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ คำว่า “
ประชาสังคม “ คือ
- สิ่ งที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองของสังคมหรื อของรัฐ
- สิ่ งที่เกี่ยวข้องกับเมือง อันเป็ นศูนย์อาศัยของพลเมืองเหล่านั้น
- อารยธรรมหรื อความเจริ ญ
- วัฒนธรรมการอยูร่ ่ วมกันในสังคมสมัยใหม่
- การมีกฎหมายในฐานะเป็ นกฎระเบียบ ข้อบังคับ กฎเกณฑ์
สรุ ป ประชาสังคมเป็ นภาครวมของกลุ่มทางสังคมอันหลากหลายต่าง ๆ ภายในสังคมที่เป็ น
ประชาธิ ปไตย
3. อธิบายภาพรวมการปฏิรูประบบราชการในต่างประเทศได้
- การปฏิรูประบบราชการในต่างประเทศเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศ OECD โดยสามารถสรุ ปได้เป็ น 2
เรื่ องใหญ่คือ ( Organization for Economic Cooperation and Development )
1. แนวคิดของการปฏิรูประบบราชการของสมาชิกกลุ่ม OECD ได้มีการมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อผล
สัมฤทธิ์ และภาระรับผิดชอบต่อผลงานรวมถึงความสำเร็ จของการปฏิรูประบบบริ หารงานภาครัฐของประเทศ
2. การมุ่งเน้นถึงผลสัมฤทธิ์ และภาระรับผิดชอบในการบริ หารราชการแผ่นดิน ซึ่ งสามารถแยกออกได้เป็ น
3 ประการใหญ่ ๆ คือ
2.1 การมุ่งเน้นในเรื่ องของการควบคุมผลงาน
2.2 การมุ่งเน้นในเรื่ องของการปรับปรุ งและพัฒนา
2.3 การมุ่งเน้นในเรื่ องของการประหยัดทรัพยากร
ตอนที่ 1.2 การบริ หารจัดการภาครัฐไทยในอดีต
1. อธิบายความเป็ นมาของการปฏิรูประบบราชการตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบนั ได้ กิจกรรมการ
ปฏิรูประบบราชการที่ปรากฏเด่นชัดเกิดขึ้นตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2523 เป็ นต้นมาสามารถลำดับเหตุการณ์ได้ดงั นี้
a. ในยุคของรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ( ช่วง พ.ศ. 2502 – 2506 ) จัดตั้งหน่วย
ราชการสำคัญ ๆขึ้นใหม่
b. รัฐบาลของนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ( ต.ค. 2519 – ก.พ. 2518 )
c. รัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ( ต.ค. 2519 – ต.ค. 2520 )
d. รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสู ลานนท์ ( พ.ศ. 2523 – 2531 )ได้เริ่ มเป็ นรู ปธรรม
e. รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ดำเนินการปฏิรูประบบราชการที่สำคัญ
f. รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน เปลี่ยนแปลงบทบาทของระบบราชการมาก
โดยเฉพาะในส่ วนแปรสภาพกิจกรรมของรัฐให้เป็ นกิจกรรมของเอกชน
g. รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ( สมัยที่ 1 ) ที่สำคัญ คือ การที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 8
กุมภาพันธ์ 2537
h. รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปะอาชา ได้กำหนดให้ปี พ.ศ. 2539 เป็ นปี แห่งการส่ งเสริ ม
การบริ การประชาชนของรัฐ
i. รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีการจัดทำแผนแม่บทการปฏิรูประบบราชการ (
พ.ศ. 2540 – 2544 ) ริ เริ่ มร่ างกฎหมายองค์การมหาชน
j. รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ( สมัยที่ 2 ) ผลงานที่สำคัญ คือ การตราพระราชบัญญัติ
องค์การมหาชน พ.ศ. 2542
2. อธิบายเหตุผลความจำเป็ นตลอดจนปรัชญาของการปฏิรูประบบราชการได้
- เหตุผลและความจำเป็ นมี ดังนี้
1. กระแสของการปฏิรูปการเมือง
2. กระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก
3. นโยบายของรัฐบาล
4. กรอบทิศทางและจุดเน้นในการปฏิรูประบบราชการ
5. ปรัชญาและแนวทางการปฏิรูประบบราชการ
6. ปัญหาของระบบราชการไทย
7. แนวคิดการบริ หารจัดการภาครัฐแนวใหม่
3. อธิบายแผนปฏิรูประบบบริ หารภาครัฐได้
- สาระสำคัญของแผนปฏิรูประบบบริ หารภาครัฐ คือ แผนปฏิรูประบบบริ หารภาครัฐ
ประกอบด้วยเหตุผลความจำเป็ นที่ตอ้ งมีการปฏิรูประบบราชการที่สำคัญ ๆ คือ กระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก
นโยบายของรัฐบาล กรอบทิศทางและจุดเน้นในการปฏิรูประบบราชการ ปรัชญาและแนวทางการปฏิรูประบบ
ราชการ ปัญหาของระบบราชการไทย และแนวคิดการบริ หารจัดการภาครัฐแนวใหม่
ตอนที่ 1.3 การบริ หารจัดการภาครัฐปัจจุบนั และอนาคต
1. อธิบายบทบาทของราชการไทยในอนาคตและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบราชการไทยที่
เปลี่ยนแปลงและแตกต่างไปจากเดิมได้
1.1 การปฏิรูประบบราชการทำให้บทบาทของข้าราชการไทยเปลี่ยนแปลงและแตกต่างไปจาก
เดิมหลายด้าน เช่น
1. วัฒนธรรมการปฏิบตั ิงานของข้าราชการไทยเปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นกระบวนการ
ตามลำดับชั้นบังคับบัญชามากไปสู่ การทำงานที่เบ็ดเสร็ จและสำเร็ จด้วยตนเองมากขึ้น ลำดับชั้นการบังคับบัญชา
น้อย
2. ระบบปฏิบตั ิงานมีความโปร่ งใสรับผิดชอบต่อผลการปฏิบตั ิงานและได้รับการ
ตรวจสอบการทำงานมากขึ้น
3. มุ่งเน้นประสิ ทธิภาพและประสิ ทธิ ผลที่เป็ นรู ปธรรม สามารถวัดได้
4. ยึดหลักการมีส่วนร่ วมจากกลุ่มคนระดับต่าง ๆ มีการบริ หารกิจการบ้านเมืองที่ดี good
government เป็ นกรอบในการบริ หารราชการ
5. บริ หารงานแบบองค์รวม การปฏิบตั ิงานจะมุ่งเน้นการทำงานเชิงบูรณาการและการ
ทำงานเป็ นทีม
1.2 บทบาทใหม่ของข้าราชการไทยเป็ นประโยชน์ต่อประชาชนที่สำคัญ 3 ด้าน คือ 1.
ประชาชนจะได้รับประโยชน์ท้ งั ในด้านการรับบริ การสาธารณะจากรัฐอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ 2. มีโอกาสเข้าไปมี
ส่ วนร่ วมในกระบวนการตัดสิ นใจ 3. สามารถเข้ามาตรวจสอบการบริ หารงานของภาครัฐด้านต่าง ๆ มากขึ้น
1.3 บทบาทใหม่ของข้าราชการไทยภายหลังการปฏิรูประบบราชการ มีดงั นี้
1.3.1 เน้นการทำงานเป็ นทีม
1.3.2 การปฏิบตั ิงานมุ่งในลักษณะองค์รวม บูรณาการและสร้างเครื อข่าย
1.3.3 ให้ความสำคัญเรื่ องการทำงานมุ่งผลสัมฤทธิ์ และการประเมินผล
1.3.4 การดำเนินงานนของส่ วนราชการมีความเป็ นสากลมากขึ้น
1.3.5 ส่ วนราชการให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจมากขึ้น
2. อธิบายยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนและเชื่อมโยงกันของการพัฒนาระบบราชการไทยโดยการ
ยกตัวอย่าง การสนับสนุนและเชื่อมโยงกันของยุทธศาสตร์ที่เห็นว่ามีความสำคัญได้
วิสยั ทัศน์ใหม่ของการพัฒนาระบบราชการไทยยึดหลักการสำคัญ คือ การบริ หารราชการเพื่อ
ประโยชน์สุขของประชาชน โดยต้องใช้วธิ ีการบริ หารกิจการบ้านเมืองที่ดี
เป้ าประสงค์หลักของการพัฒนาระบบราชการไทยมี 4 ประการ คือ
1. พัฒนาคุณภาพการให้บริ การประชาชานที่ดีข้ึน
2. ปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดให้มีความเหมาะสม
3. ยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทำงานให้อยูใ่ นระดับสู งและเทียบเท่าเกณฑ์
สากล
4. ตอบสนองต่อการบริ หารปกครองในระบอบประชาธิ ปไตย
ยุทธศาสตร์การพัฒนาประกอบด้วย 7 ยุทธศาสตร์
1. การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน
2. การปรับปรุ งโครงสร้างการบริ หารราชการแผ่นดิน
3. การรื้ อปรับระบบการเงินและการงบประมาณ
4. การสร้างระบบบริ หารงานบุคคลและค่าตอบแทนใหม่
5. การปรับเปลี่ยนกระบวนการทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม
6. การเสริ มสร้างระบบราชการให้ทนั สมัย
7. การเปิ ดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่ วม
หน่ วยที่ 2
แนวคิดและหลักการการบริหารเชิงกลยุทธ์
ตอนที่ 2.1 แนวคิดของการบริ หารเชิงกลยุทธ์
1. อธิบายหลักการที่แตกต่างกันของการจัดการภาครัฐและเอกชนได้ ดังนี้ การจัดการภาครัฐมี
จุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์สุขของสาธารณะและประชาชน หลักการที่ตอ้ งยึดถือ คือ การตรวจสอบและถ่วงดุล
จนถึงการมีส่วนร่ วมของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่ งแตกต่างจากหลักการของภาคเอกชน คือ ยึดหลักของความสามารถในการ
สร้างคุณค่าและความพอใจให้กบั ผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสี ย ได้อย่างยัง่ ยืนในระยะยาว
2. อธิบายความหมายและความสำคัญของการบริ หารเชิงกลยุทธ์ได้ การจัดการกลยุทธ์ เป็ นเรื่ อง
ของการกำหนดกรอบแนวคิด และแนวทางการดำเนินการให้กบั องค์การในด้านของเป้ าหมาย แผนงานและวิธีการ
ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น เพื่อให้องค์การดำรงสถานะมีความสามารถทางการแข่งขันที่เหนือกว่า ความได้เปรี ยบ
ทางการแข่งขันและมีตวั แบบองค์การที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมองค์การ
ความสำคัญของการนบริ หารเชิงกลยุทธ์
1. ช่วยให้องค์การ คิดอย่างเป็ นระบบ
2. ช่วยให้องค์การ มีกรอบ บทบาทและจุดหมายที่แน่นอน
3. ช่วยให้องค์การ มีเป้ าหมายและแนวทางการดำเนินงานชัดเจน
4. ช่วยให้องค์การ เน้นการพัฒนาและสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน
5. ช่วยให้องค์การ มีแนวทางการดำเนินการที่เน้นการสร้างตัวแบบองค์การที่เหมาะสม
6. ช่วยให้องค์การ ดำรงสถานะของการมีความได้เปรี ยบทางการแข่งขัน
3. บอกและอธิบายวิวฒั นาการของการบริ หารเชิงกลยุทธ์ได้ ดังนี้
ระยะที่ 1 การวางแผนทางการเงิน เน้นการดำเนินงานตามแผนงบประมาณ
ระยะที่ 2 การวางแผนที่เน้นการพยากรณ์ เน้นการพยากรณ์ในอนาคตโดยใช้สถิติในอดีต
ระยะที่ 3 การวางแผนที่เน้นปรับตัวกับสภาพแวดล้อมภายนอก เป็ นการจัดสรรในลักษณะ
พลวัต ตามความจำเป็ นของสถานการณ์
ระยะที่ 4 การจัดการหรื อการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ให้ความสำคัญที่การสร้างระบบสนับสนุน
และบรรยากาศภายใน
4. บอกและอธิบายความแตกต่างกันของกลยุทธ์แต่ละระดับได้
4.1 กลยุทธ์ระดับสังคม เกี่ยวกับการสร้างภาพพจน์ของธุรกิจที่ตอ้ งการมีบทบาทในสังคม
4.2 กลยุทธ์ระดับบริ ษทั เกี่ยวกับการลงทุนและการเจริ ญเติบโตของกลุ่มบริ ษทั
4.3 กลยุทธ์ระดับธุรกิจ เกี่ยวกับการแข่งขันของแต่ละหน่วยธุรกิจตาม ( Porter )
4.4 กลยุทธ์ระดับหน้าที่ เกี่ยวกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจประกอบด้วย
4 ปั จจัย คือ ด้านคุณภาพ ประสิ ทธิภาพ นวัตกรรม และความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ผูบ้ ริ หารระดับกรมและกระทรวง ทำหน้าที่กำหนดกลยุทธ์ระดับ
ระดับธุรกิจ ส่ วนกลยุทธ์ระดับบริ ษทั นั้นหน้าที่ของรัฐบาลภายใต้การสนับสนุนข้อมูลจากกระทรวงต่าง ๆ
5. บอกและอธิบายบทบาทหน้าที่ของผูบ้ ริ หารกลยุทธ์ในแต่ละระดับได้
5.1 ผูร้ ับผิดชอบกลยุทธ์ระดับบริ ษทั ประกอบด้วย CEO , Board of Directors และ Corporate
staff เกี่ยวกับการสร้างตัวแบบองค์การให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ครอบคลุมถึงเรื่ องสำคัญ ดังนี้ 1. ดานการ
เจริ ญเติบโตและทิศทางหลักการลงทุน 2. ทางเลือกยุทธ์เพื่อการเจริ ญเติบโตหรื อหดตัว 3. การจัดสรรทรัพยากรให้
กับธุรกิจ 4. เพิ่มหรื อลดผลิตภัณฑ์ 5. เพิ่มหรื อตัดออกซึ่ งตลาด 6. สร้างหรื อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 7. พัฒนา
องค์การให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขัน
5.2 ผูร้ ับผิดชอบกลยุทธ์ระดับธุรกิจ เช่น ผูม้ ีตำแหน่งทางการบริ หารในระดับสู ง เช่น CEO
ของกลุ่มธุรกิจหรื อผูบ้ ริ หารระดับสูงของหน่วยงานอิสระต่าง ๆ หรื อ divisional manager เสมือนผูจ้ ดั การทัว่ ไปของ
หน่วยธุรกิจกลยุทธ์ รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์เพื่อการแข่งขันของแต่ละหน่วยงาน
5.3 ผูร้ ับผิดชอบกลยุทธ์ระดับหน้าที่ เช่น ระดับผูจ้ ดั การฝ่ าย functional manager หรื อ
department manager ในหน่วยงานอิสระและหน่วยธุรกิจกลยุทธ์
การแบ่งระดับกลยุทธ์ในหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะของประเทศไทยจะแบ่งระดับกลยุทธ์เป็ น 2 ระดับ
คือ ระดับยุทธศาสตร์ซ่ ึ งเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม มหภาค และระดับยุทธศาสตร์ ซึ่ งเกี่ยวกับด้านปั จจัยการดำเนินการ
ระดับ จุลภาค
6. อธิบายและบอกถึงความสำคัญของการมีการกำหนดทิศทางหลักและกลยุทธ์ขององค์การได้
การกำหนดทิศทางองค์การเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อใช้เป็ น
แนวทางหลักในการดำเนินงาน และเป็ นจุดมุ่งหมายหรื อเป้ าหมายที่ตอ้ งการจะบรรลุ
การกำหนดทิศทางของธุรกิจประกอบด้วยส่ วนต่าง ๆ ดังนี้ 1. วิสยั ทัศน์ 2. ภารกิจหรื อพันธกิจ 3.
ปรัชญา 4. เป้ าหมายขององค์การ 5. นโยบาย 6. กลยุทธ์
ตอนที่ 2.2 ทางเลือกกลยุทธ์ขององค์การ
1. อธิบายแนวคิดทัว่ ไปของกลยุทธ์ระดับบริ ษทั ได้
กลยุทธ์ระดับบริ ษทั จะเน้นที่การกำหนดสภาพและหรื อลักษณะการดำเนินธุรกิจในกลุ่มธุรกิจ ว่า
ควรเป็ นแบบปิ ดหรื อควรวางตำแหน่งของกลุ่มธุรกิจทั้งกลุ่มในภาพองค์รวมอย่างไรเพื่อให้เกิดผลสู งสุ ดต่อองค์รวม
ของกลุ่มธุรกิจ
2. บอกและอธิบายวัตถุประสงค์ของกลยุทธ์ระดับบริ ษทั ได้
วัตถุประสงค์หลักของกลยุทธ์ระดับบริ ษทั คือมุ่งทำให้การลงทุนและการเจริ ญเติบโตของบริ ษทั มี
การขยายตัวในลักษณะที่สามารถถือให้เกิดผลสู งสุ ดต่อองค์รวม ซึ่ งหมายความถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่บริ ษทั ขยายตัวออก
มานั้น จะต้องมีความสามารถและศักยภาพที่จะตอบสนองและให้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีร่ วมกันได้ โดยยังคง
ความมีอิสระในการดำเนินกลยุทธ์เพื่อการแข่งขันไว้ดงั เดิม
3. บอกและอธิบายแนวทางในการเลือกกลยุทธ์ระดับบริ ษทั ได้
พอร์ตเตอร์ กำหนดกลยุทธ์ทวั่ ไปเป็ น 4 กลยุทธ์ดงั นี้
1. กลยุทธ์การเจริ ญเติบโต growth strategies
2. กลยุทธ์การรักษาเสถียรภาพ stability strategies
3. กลยุทธ์การตัดทอน retrenchment strategies
4. กลยุทธ์การผสมผสาน combination strategies
การเลือกกลยุทธ์ทวั่ ไป บริ ษทั ซึ่ งมีลกั ษณะดำเนินการเป็ นกลุ่มธุรกิจ การตัดสิ นใจใช้กลยุทธ์ทวั่ ไป
ดังที่นำเสนอข้างต้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละธุรกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี กลยุทธ์การรักษา
เสถียรภาพและ/หรื อ กลยุทธ์การตัดทอนอาจเป็ นทางเลือกที่เหมาะสมแต่ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจดี กลยุทธ์การ
เจริ ญเติบโตก็ควรเป็ นทางเลือกที่ควรนำมาพิจารณา อย่างไรก็ดี ในแต่ละกลยุทธ์ที่เลือกยังมีความจำเป็ นต้อง
พิจารณาประเด็นอื่น ๆ ประกอบด้วย
ตอนที่ 2.3 การวิเคราะห์กลยุทธ์ระดับบริ ษทั
1. เข้าใจและอธิบายลักษณะการใช้กลยุทธ์การกระจายธุรกิจได้
การกระจายธุรกิจ อาจจำแนกได้เป็ น 2 ประเภท
1.1 การกระจายธุรกิจแบบเกาะกลุ่มหรื อสัมพันธ์กนั เป็ นการเพิ่มธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ที่มีลกั ษณะ
คล้ายกันหรื อสัมพันธ์กนั เพื่อความประหยัดในขอบเขตการดำเนินธุรกิจดังกล่าว
1.2 การกระจายธุรกิจแบบไม่เกาะกลุ่มหรื อไม่สมั พันธ์กนั เป็ นการเพิ่มธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่
สัมพันธ์กนั เพื่อการเจริ ญเติบโต
หลังจากที่ธุรกิจเดิมมาถึงขั้นการเจริ ญเติบโตเต็มที่ หรื อเพื่อลดลักษณะความเป็ นฤดูกาลของราคาและการ
ขายสิ นค้า
2. เข้าใจและอธิบายและบอกลักษณะการใช้กลยุทธ์การรวมธุรกิจซึ่ งมีลกั ษณะแตกต่างจาการ
กระจายธุรกิจได้
การรวมธุรกิจในแนวดิ่ง หมายถึง การที่ธุรกิจเป็ นผูทำ ้ หน้าที่การผลิตวัตถุดิบหรื อปัจจัยนำเข้าด้วยตัวเอง
เพื่อป้ อนสู่ ระบบและกระบวนการผลิตของธุรกิจนั้นเรี ยกว่า เป็ นการรวมธุรกิจแบบไปข้างหลัง และหรื อเป็ นผูร้ ับ
หน้าที่ในการจัดจำหน่ายผลผลิตของธุรกิจเองด้วย เรี ยกว่า การรวมธุรกิจแบไปข้างหน้า
ผลิตภัณฑ์และบริ การ Product
เดิม existing ใหม่ new
เดิม การเจาะตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์
Existing Market penetration Product development
ตลาด Market
ใหม่ การพัฒนาและขยายตลาด การกระจายธุรกิจ
Market development &
new expansion diversification
Growth Vector Matrix ของ Aasoff
3. เข้าใจและอธิบายลักษณะของกลยุทธ์การเป็ นพันธมิตรทางธุรกิจและการจ้างผลิตจากภายนอก
การเป็ นพันธมิตรทางธุรกิจ หมายถึง การที่ธุรกิจที่ทำข้อตกลงกับธุรกิจอีกแห่งหนึ่ง ในการที่จะแจ้งมอบ
หรื อขาย supply ของตามคุณภาพและต้นทุนที่ตกลงกันโดยได้รับสัญญาที่จะซื้ ออย่าต่อเนื่อง
เป็ นการตอบแทน
การที่รัฐบาลไทยทำสัญญาทวิภาคีดา้ นการค้ากับประเทศจีน ญี่ปนุ่ อินเดีย และออสเตรเลียก็อาจ
มองได้วา่ เป็ นลักษณะการดำเนินกลยุทธ์การเป็ นพันธมิตรทางธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์ร่วมกันจากการกระทำของ
แต่ละฝ่ าย
การจ้างภายนอกผลิต หมายถึง การจ้างผูอ้ ื่นจากภายนอกเป็ นผูผ้ ลิตแทนหรื อ ทำงานแทนและทำได้
ดีกว่า ต้นทุนที่ต ่ำกว่า เฉพาะกิจกรรมที่ไม่ใช่กิจกรรมหลัก เช่น ด้านทรัพยากรมนุษย์ การบริ หารเส้นทางลำเลียง
วัสดุ และองค์ประกอบพื้นฐานของธุรกิจ ซึ่ งรวมถึงโครงสร้างองค์กร ระบบการควบคุม และวัฒนธรรมองค์กร
4. เข้าใจและอธิบายแนวทางของกลยุทธ์การปรับโครงสร้างธุรกิจได้
กลยุทธ์การปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ เริ่ มนิยมกนในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เป็ นการงดลงทุนใน
กิจกรรมหรื อธุรกิจที่เคยลงทุนไว้
เหตุผลของการปรับโครงสร้างธุรกิจดังนี้
- การขาดประสิ ทธิภาพในการประสานงานด้านการบริ หารจัดการ
- การเสื่ อมถอยในการแข่งขันของธุรกิจหลัก
- การเกิดขึ้นหรื อพัฒนานวัตกรรมทางด้านกระบวนการจัดการ
การออกจากธุรกิจ ( ขั้นตกต่ำ ) กลยุทธ์การออกจากธุรกิจ มีดงั นี้
- การงดลงทุน divest
- การเก็บเกี่ยว harvest
- การเลิกกิจการ liquidaton
การฟื้ นฟูธุรกิจ เหตุผลที่ตอ้ งมีการฟื้ นฟู มีดงั นี้
- การบริ หารที่ขาดประสิ ทธิ ภาพ
- การขยายตัวอย่างเกินกำลัง
- การกำกับควบคุมทางการเงินที่ไม่ดีและไม่มีประสิ ทธิ ภาพ
- การแข่งขันรู ปแบบใหม่ ๆ
- ภาวการณ์เฉื่อยขององค์การทั้งระบบ
- การเปลี่ยนแปลงของความต้องการซื้ อที่คาดไม่ถึง
- ต้นทุนที่สูงขึ้น
แนวทางเชิงกลยุทธ์ที่นำมาใช่ในการฟื้ นฟูธุรกิจ ดังนี้
- การเปลี่ยนผูนำ้
- การกำหนดนิยามของธุรกิจใหม่
- การปรับปรุ งความสามารถในการทำกำไร
- การงดลงทุนหรื อขายสิ นทรัพย์
- การซื้ อธุรกิจ
องค์การภาครัฐมีการใช้กลยุทธ์การปรับโครงสร้างของกระทรวง และทบวง และกรมก็คือ การ
ปรับตัวเพื่อเสริ มสร้างความสามารถทางการแข่งขันขององค์การภาครัฐ
หน่ วยที่ 3
ตัวแบบและกระบวนการบริหารเชิงกลยุทธ์
ตอนที่ 3.1 กลยุทธ์ระดับธุรกิจ
1. ระบุและอธิบายทางเลือกกลยุทธ์พ้ืนฐานของ พอร์ตเตอร์ ได้ Michael E. Porter ไมเคิล อี พอร์ตเตอร์
เขียนไว้ในหนังสื อชื่อ Competitive Strategy เสนอรุ ปแบบการวิเคราะห์กลยุทธ์ระดับธุรกิจโดยใช้ตวั
แบบเมตริ กซ์ 2 ช่อง ดังนี้
ความได้เปรี ยบทางการแข่งขัน
การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะ ต้นทุนต่ำกว่า
กลยุทธ์ กลยุทธ์
การสร้างความแตกต่าง การเป็ นผูนำ
้ ด้านต้นทุน
differentiation Cost Ieadership
กลยุทธ์ กลยุทธ์
การมุ่งความแตกต่างเฉพาะส่ วนตลาด การมุ่งต้นทุนเฉพาะส่วนตลาด
Focus differentition
Focus cost
แสดงกลยุทธ์การแข่งขันของ Porter
ตำเนินขอบเขตของตลาดเป้ าหมายกว้างมี 2 ทางเลือก คือ การใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่างและ
กลยุทธ์การเป็ นผูนำ้ ด้านต้นทุน
ดำเนินขอบเขตของตลาดเป้ าหมายเชิงแบบก็มี 2 ทางเลือก คือ การมุ่งความแตกต่างเฉพาะส่ วน
ตลาดและการมุ่งต้นทุนเฉพาะส่ วนตลาด
การมุ่งต้นทุนเฉพาะส่ วนคือ การใช้กลยุทธ์ที่เน้นราคาต่ำและตอบสนองตลาดเล็กเพื่อจะดูแลด้านการแข่งขันอย่าง
ทัว่ ถึงใช้ในกรณี ของธุรกิจ องค์การที่ไม่สามารถจะแข่งขันในตลาดขนาดใหญ่ได้โยมีตน้ ทุนที่ต ่ำกว่าคู่แข่งขัน
2. กลยุทธ์พ้ืนฐานของพอร์ตเตอร์ จำแนกได้ 3 กลยุทธ์ คือ
a. การสร้างความแตกต่าง differentiation
b. การเป็ นผูนำ
้ ด้านต้นทุน
c. การมุ่งส่ วนตลาดเฉพาะส่ วน
กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง จุดหมายของกลยุทธ์น้ ี คือ การสร้างความเป็ นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ให้กบั ผลิตภัณฑ์
้ ด้านต้นทุน จุดมุ่งหมาย ค อ การมีกระบวนการดำเนินธุรกิจที่มีประสิ ทธิ ภาพจะช่วยให้
กลยุทธ์การเป็ นผูนำ
พลการดำเนินงานสูงกว่ามาตรฐาน
กลยุทธ์การมุ่งตลาดเฉพาะส่ วน จุดมุ่งหมาย คือ การจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มหรื อส่ วนตลาดจะทำให้
สามารถดำเนินธุรกิจอย่างเกิดประสิ ทธิภาพมากกว่า จะแบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1. กลยุทธ์ผนำ ู ้ ด้านต้นทุนที่มุ่งตลาด
เฉพาะส่ วน 2. กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างที่มุ่งตลาดเฉพาะส่ วน
3. ระบุและอธิบายแนวทางในการตัดสิ นใจเลือกกลยุทธ์ดานการลงทุนและการเข้าสู ่ ตลาดเป็ นราย
แรกได้
ในการตัดสิ นใจเลือกกลยุทธ์ดา้ นการลงทุนนั้น จำเป็ นต้องพิจารณาปัจจัย 2 ประการที่สำคัญ
คือ 1. ตำแหน่งทางการแข่งขันของธุรกิจ เพื่อเปรี ยบเทียบกับคู่แข่งขัน 2. วัฎจักรของอุตสาหกรรม
ตำแหน่งทางการแข่งขันของธุรกิจที่ดี หมายถึง ธุรกิจซึ่ งมีส่วนแบ่งตลาดสู งกว่าและมีความสามารถในการ
แข่งขันที่เหนือกว่า ทั้ง 2 ปัจจัยเป็ นองค์ประกอบที่สำคัญที่จะนำธุรกิจไปสู่ ความได้เปรี ยบทางการแข่งขันที่ยงั่ ยืนใน
ระยะยาว
วัฎจักรของอุตสาหกรรม
- ขันแรกเกิด – ควรเน้นการขยายส่ วนแบ่งตลาด
- ขั้นการเจริ ญเติบโต – ควรเน้นเสริ มตำแหน่งทางการแข่งขันให้เข้มแข็ง
- ขั้นการคัดออก – ควรเน้นการขยายส่ วนแบ่งตลาดไปในส่ วนแบ่งตลาดของคู่แข่ขนั ที่
อ่อนแอกว่า
- ขั้นการเจริ ญเติบโตเต็มที่ – ควรเน้นกลยุทธ์ไปในด้านการรักษาส่ วนแบ่งตลาด รักษา
สถานภาพการเป็ นผูนำ ้ ตลาด
- ขั้นตกต่ำ – เน้นความสำคัญที่ส่วนตลาดจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็ นการเฉพาะหรื อเน้น
ไปที่การเก็บเกี่ยวดอกผลจากความพยายามต่าง ๆ
สำหรับธุรกิจที่มีตำแหน่งทางการแข่งขันอ่อนแอหรื อเป็ นผูต้ ามตลาดจะต้องเลือกกลยุทธ์ ฟื้ นฟู การงด
ลงทุน หรื อเลิกกิจการ
กลยุทธ์การเข้าสู่ ตลาดเป็ นรายแรก หมายถึง การเข้าสู่ ตลาดเป็ นรายแรกและเป็ นผูพ้ ฒั นาตลาดขึ้น มักจะ
เป็ นธุรกิจที่ประสบผลสำเร็ จด้าน นวัตกรรม ความคิด เทคโนโลยีใหม่ ๆ
ข้อดี คือ 1. มีกิตติศพั ท์และภาพลักษณ์เชิงบวก สามารถเข้าไปนัง่ ในใจลูกค้านานชัว่ นาน 2. กิตติศพั ท์และ
ภาพลักษณ์ในเชิงบวกด้านนวัตกรรม 3. ได้เปรี ยบด้านโครงสร้างต้นทุนที่ต ่ำกว่า เนื่องจากผลกระทบเส้นโค้ง
ประสบการณ์ 4. ได้เปรี ยบในด้านความเป็ นที่รู้จกั ในตราสิ นค้าก่อนใคร
ข้อเสี ย คือ 1. ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการวิจยั และพัฒนาการตลาด โฆษณา 2. มีความเสี่ ยงจาการไม่รู้
จักตลาดดีพอ 3. ไม่สามารถตอบสนองลูกค้าได้ดีพอ
ตอนที่ 3.2 กลยุทธ์ระดับหน้าที่
1. บอกและอธิบายแนวทางในการสร้างความได้เปรี ยบทางการแข่งขันได้
จุดมุ่งหมายเพื่อ สร้างความได้เปรี ยบทางการแข่งขัน ความได้เปรี ยบทางการแข่งขัน หมายถึง
ความสามารถของการดำเนินธุรกิจซึ่ งธุรกิจสามารถดำเนินการในการสร้างคุณค่าและความพอใจต่อลูกค้า การสร้าง
ความได้เปรี ยบทางการแข่งขัน
ฮิลล์ และโจนส์ เสนอแนะข้อควรพิจารณาองค์ประกอบ 4 ด้าน คือ 1. ประสิ ทธิ ภาพที่เหนือกว่า 2.
คุณภาพที่เหนือกว่า 3. นวัตกรรมที่เหนือกว่า 4. การตอบสนองความต้องการลูกค้าที่เหนือกว่า
ประสิ ทธิภาพที่เหนือกว่า หมายถึง ความสามารถในการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อบรรลุวตั ถุประสงค์
โดยใช้ทรัพยากรที่ต ่ำสุ ด
คุณภาพที่เหนือกว่า เป็ นการเพิ่มคุณค่าให้กบั ผลิตภัณฑ์ในสายตาของลูกค้า
นวัตกรรมที่เหนือกว่า ฮิลล์และโจนส์ ได้ให้ความสำคัญสู งสุ ด ซึ่ งหมายถึง การมีสิ่งประดิษฐ์คิดค้น
และวิธีการใหม่ ๆ จะทำให้ธุรกิจมีเอกลักษณ์
การตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ดีกว่า ในปัจจุบนั ความต้องการของลูกค้าจะแตกต่างกลุ่ม
ออกไปและมีความต้องการเฉพาะกลุ่มตนด้วย
2. บอกและอธิบายถึงกลยุทธ์การใช้ระดับหน้าที่ต ่ำ สามารถก่อให้เกิดความสามารถทางการ
แข่งขันได้
กลยุทธ์ระดับหน้าที่เป็ นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน
1. การสร้างความเหนือกว่าด้านคุณภาพ หมายถึง ความสามารถที่องค์การจะกำหนดราคาขายได้
ในระดับสู ง เพื่อคุณค่าและยอมรับจากลูกค้าโดยทัว่ ไปควรต้องนำเทคนิคต่าง ๆ ต่อไปนี้มาใช้
1.1 การบริ หารคุณภาพแบบเบ็ดเสร็ จ ( TQM ) ทุกคนในองค์การมีส่วนร่ วมเพื่อสร้างความพึงพอใจ
ให้กบั ผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสี ยทุกฝ่ าย TQM จะยึดปรัชญา 3 ประการ คือ 1. การมีส่วนร่ วมของทุกคนในองค์การ 2.
ความเป็ นระบบ หมายถึง สามารถไล่กลับสู่ ตน้ ตอปั ญหาได้ 3. การตัดสิ นใจด้วยข้อเท็จจริ ง
1.2 กลุ่มควบคุมคุณภาพ ( QCC ) เพื่อจะควบคุมคุณภาพและผลิตภัณฑ์ในระยะยาวจะมีกลุ่ม 3 – 10
คน ในหน่วยงานเดียวกันรวมตัวกันอย่างอิสระ เป้ าหมายของ QCC ถึง 1. เพิ่มขีดความสามารถในการควบคุม 2.
เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและจิตสำนึกด้านคุณภาพ 3. เพื่อสามารถควบคุมคุณภาพได้ท้ งั ทัว่ องค์กร
1.3 การปรับปรุ งที่ละเล็กทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง ( kaizen ) หมายถึง การปรับปรุ งหรื อการปฏิบตั ิให้
ดีข้ ึนอย่างต่อเนื่อง หัวใจสำคัญอยูท่ ี่จะต้องมีการปรับปรุ งอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุ ด โดยยึดหลักสำคัญคือ ECRS
E คือ Eliminate คือ การตัดขั้นตอนในการทำงานที่ไม่จำเป็ นออกไป
C คือ Combine คือ การรวมขั้นตอนการทำงานเข้าด้วยกันเพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน
R คือ Rearrange คือ การจัดลำดับใหม่ให้เหมาะสม
S คือ Simplify คือ ปรับปรุ งวิธีการและเครื่ องมืออุปกรณ์ให้ใช้งานง่าย
1.4 SQC – Statistical Quality Control คือการนำหลักการทางสถิติมาประยุกต์ใช้กบั การควบคุมคุณภาพ
1.5 ระบบทันเวลาพอดี ( JIT = Just IN Time )
1.6 เครื่ องมือ 7 อย่าง ของ QC ( 7 QC tools ) ประกอบด้วย 1. แบบใบบันทึก Check Sheet 2. ผังพาเรโต
Pareto Diagram 3. ผังก้างปลา Cause and Effect Diagram 4. กราฟต่าง ๆ Graph 5. ผังภูมิควบคุม Control Chart 6.
ฮิสโตแกรม Histogram 7. ผังการกระจาย Scatter Diagram
2. การสร้างความเหนือกว่าด้านประสิ ทธิ ภาพ ต้องพิจารณาดำเนินการดังนี้
2.1 การสร้างความได้เปรี ยบในขนาดที่ใหญ่กว่า
2.2 การใช้ประโยชน์จากเส้นโค้งการเรี ยนรู ้
2.3 การใช้ประโยชน์จากเส้นโค้งประสบการณ์
2.4 ระบบการผลิตแบบยืดหยุน่
3. การสร้างความเหนือกว่าด้านนวัตกรรม นวัตกรรม หมายถึง การคิด ประดิษฐ์ และหรื อ การใช้แนวทาง
ใหม่ ๆ อย่างมีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์คุณค่าให้กบั ลูกค้า
4. การสร้างความเหนือกว่าด้านการตอบสนองลูกค้า คือ เน้นสร้างคุณค่าและความพอใจให้เกิดความคาด
หวังของลูกค้าโดยตอบสนองได้อย่างครบถ้วน
3. บอกและอธิบายถึงการทำหน้าที่ดา้ นสนับสนุนของหน่วยงานตามหน้าที่
3.1 ด้านการจัดการ เป็ นความรับผิดชอบของผูบ้ ริ หารระดับสู ง เช่น ประธาน เจ้าหน้าที่บริ หาร chief
executive officer และทีมงานในระดับสู งต้องร่ วมกันรับผิดชอบด้านการดำเนินการด้านต่าง ๆ
3.2 ด้านการตลาด เป็ นหน้าที่ของผูจ้ ดั การหน่วยงานตามหน้าที่ เพื่อให้การผ่านสิ นค้าจากผูผ้ ลิตไปยังผู ้
บริ โภคเป็ นไปอย่างสะดวกรวดเร็ ว
3.3 ด้านการเงิน เป็ นหน้าที่ของผูจ้ ดั การหน่วยงานตามหน้าที่ฝ่ายการเงินที่จะต้องรับผิดชอบในด้านการ
แสวงหาแหล่งที่มาของเงินทุน ที่มีตน้ ทุนต่ำและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ ยง
3.4 ด้านการผลิต เป็ นหน้าที่ของผูจ้ ดั การฝ่ ายการผลิต รับผิดชอบในการแปรสภาพปั จจัยการผลิต
3.5 การวิจยั และพัฒนา เป็ นหน้าที่ของผูจ้ ดั การฝ่ ายวิจยั และพัฒนา รับผิดชอบในการสร้างสรรค์
นวัตกรรมใหม่ ๆ
3.6 การจัดการระบบข้อมูล เป็ นหน้าที่ของผูจ้ ดั การหน่วยงานตามหน้าที่ รับผิดชอบงานบริ หารระบบ
ข้อมูลให้มีศกั ยภาพ
กลยุทธ์ระดับหน้าที่เป็ นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความได้เปรี ยบทางการแข่งขันให้กบั องค์กร ซึ่ ง
หน่วยงานตามหน้าที่ต่าง ๆ นอกเหนือจากจะต้องมีส่วนช่วยกันพัฒนา “ QEIC “ ด้วยแล้วยังมีความจำเป็ นจะต้องทำ
หน้าที่ในการสนับสนุนด้านต่าง ๆ แก่องค์การได้แก่ ด้านการจัดการ การตลาด ฯลฯ
ตอนที่ 3.3 กกระบวนการบริ หารกลยุทธ์
1. ระบุข้ นั ตอนในกระบวนการการจัดการกลยุทธ์ของธุรกิจเพิ่งเริ่ มจัดตั้งได้ สามารถพิจารณาได้
เป็ น 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ขั้นการกำหนดกลยุทธ์ และขั้นการนำกลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ ธุรกิจเพิ่มเริ่ มจัดตั้งใหม่มีข้นั ตอน
การดำเนินการ ดังนี้
1.1 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทัว่ ไป เพื่อระบุปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม กฎหมาย
วัฒนธรรม เทคโนโลยี
1.2 การวิเคราะห์อุตสาหกรรม เพื่อระบุปัจจัยแวดล้อมด้านอุตสาหกรรมที่ใกล้ตวั ว่ามีแนวโน้ม
ทิศทางในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมถึงขนาดตลาดและอัตราการเจริ ญเติบโต ปั จจัยที่ธุรกิจประสบผล
สำเร็ จ
1.3 การวิเคราะห์การแข่งขัน เพื่อระบุปัจจัยด้านการแข่งขันว่าเป็ นอย่างไร ลักษณะความเข้มข้น
ของการแข่งขัน โอกาสการเข้ามาของคู่แข่งขันรายใหม่ โอกาสสิ นค้าทดแทน อำนาจต่อรองของผูข้ ายวัตถุดิบ
1.4 การวิเคราะห์บริ ษทั เป็ นการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของกิจการด้านต่าง ๆ วิเคราะห์ใน
ส่ วนนิยามของธุรกิจกลยุทธ์ระดับต่าง ๆ และตำแหน่งการแข่งขันที่เป็ นอยู่ เช่น ต้นทุน การใช้ประโยชน์ของ
ทรัพยากร
2. การวิเคราะห์ SWOT ( SWOT Analysis ) ประมวลเพื่อฉายภาพเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและการ
แข่งขัน ว่าเป็ นโอกาส การคุกคาม เป็ นอย่างไร สะท้อนภาพด้านจุดแข็ง จุดอ่อน เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมหรื อ
ไม่
3. การวิเคราะห์กลยุทธ์ strategies analysis จะนำเอาปั จจัยต่าง ๆ ทั้งโอกาส – การคุกคาม จับคู่กนั
และจุดแข็ง – จุดอ่อน ในการจับคู่อาจเกิดเทคนิค TOWS matrix และ/หรื อ SPACE matrix ซึ่ งจะได้ภาพเกี่ยวกับ
ทางเลือกกลยุทธ์ช่องต่าง ๆ ของช่อง SO . ST . WO . WT อย่างชัดเจนและนำมาพิจารณาตามลำดับ
4. การนำกลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ ( strategy implementation ) เกี่ยวข้องกับเรื่ องของการจัดองค์การ
ออกแบบการควบคุม การใช้ภาวะผูนำ ้ และด้านการเมืองและวัฒนธรรม สรุ ปดังนี้
4.1 การจัดองค์การ เพื่อกำหนดโครงสร้าง
4.2 ภาวะผูนำ
้ เป็ นผูม้ ีวิสยั ทัศน์ เน้นการปรับเปลี่ยนวิธีคิด
4.3 วัฒนธรรม เป็ นแบบแผนความคิด ความเชื่อ วัฒนธรรมที่ดีในปั จจุบนั เน้นที่การ
ปรับปรุ งอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
กระบวนการเพื่อการจัดการกลยุทธ์กรณี เริ่ มจัดตั้งมี 2 ขั้นตอนหลัก ๆ
1. การกำหนดกลยุทธ์ ประกอบด้วย
a. การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม
b. การวิเคราะห์ SWOT
c. การวิเคราะห์กลยุทธ์
2. การนำกลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ ประกอบด้วย
a. การกำหนดโครงสร้างองค์การ
b. การกำหนดภาวะผูนำ ้
c. การกำหนดวัฒนธรรม
2.ระบุข้ นั ตอนในกระบวนการการจัดการกลยุทธ์ของธุรกิจจัดตั้งแล้วได้มี 5 ขั้นตอน คือ 1. การประเมินผล
การดำเนินงาน 2. การประเมินสภาวะแวดล้อม 3. การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสคือจำกัด SWOT 4. การ
วิเคราะห์กลยุทธ์และทางเลือก 5. การนำกลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ
3. อธิบายและระบุมิติต่าง ๆ ของการกำหนดกลยุทธ์ภาคปฏิบตั ิได้ จากการวิเคราะห์กลยุทธ์เพื่อกำหนด
กลยุทธ์น้ นั การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในองค์การสามารถกำหนดแนวทางได้ดงั นี้
1. นิยามธุรกิจ 2. กลยุทธ์ระดับบริ ษทั 3. กลยุทธ์ระดับธุรกิจ 4. กลยุทธ์ระดับหน้าที่ 5. โครงสร้างและระบบควบคุม
การกำหนดนิยามของธุรกิจ เป็ นส่ วนตัดสิ นใจเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของการดำรงอยู่
นิยามธุรกิจตามความคิดเห็นของ ( Derck F. Abell ) เห็นว่าควรจะมีองค์ประกอบ ดังนี้
- ผลิตภัณฑ์และบริ การ อะไรคือสิ่ งที่เราจะผลิต
- ส่ วนตลาด ผลิตเพื่อตอบสนองกลุ่มใด
- ความสามารถในการแข่งขัน จะใช้เทคโนโลยีอย่างไร
การกำหนดกลยุทธ์ระดับบริ ษทั เป็ นส่ วนตัดสิ นใจที่เกี่ยวกับขนาดของกลุ่มธุรกิจ และขอบเขตของ
การดำเนินธุรกิจ
การกำหนดกลยุทธ์ระดับธุรกิจ จะเป็ นส่ วนของการตัดสิ นใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรและ
ความสามารถในการแข่งขัน ก็คือ “ กลยุทธ์ที่เน้นการแข่งขัน “ โดยจะทำการตัดสิ นใจในองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้
1. ความต้องการของลูกค้า 2. กลุ่มลูกค้าที่จะให้บริ การ 3. ความสามารถในการแข่งขัน
การกำหนดกลยุทธ์ระดับหน้าที่ จะเป็ นส่ วนที่เกี่ยวกับการกำหนดกลยุทธ์ของหน่วยงาน รับผิดชอบด้าน
การผลิต การตลาด การเงินและทรัพยากรมนุษย์
การกำหนดโครงสร้างองค์การและระบบการควบคุม เป็ นส่ วนของการตัดสิ นใจเกี่ยวกับการมีโครงสร้าง
และระบบควบคุมซึ่ งสามารถนำแผนกลยุทธ์ในระดับต่างๆ ไปสู่ สมั ฤทธิ์ ผลในทางปฏิบตั ิได้
ในทางปฏิบตั ิการกำหนดกลยุทธ์มีองค์ประกอบการดำเนินการในส่ วนของการกำหนดกลยุทธ์ดงั นี้
1. ตรวจสอบ นิยามธุรกิจ ว่ามีความเหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมหรื อไม่
2. ตรวจสอบ กลยุทธ์ระดับบริ ษทั ว่าสามารถก่อให้เกิดผลดีต่อความเป็ นองค์รวมของกลุ่มธุรกิจหรื อไม่
3. ตรวจสอบกลยุทธ์ระดับธุรกิจว่าสามารถช่วยให้องค์การ ธุรกิจ ทำการแข่งขันในสภาวะแวดล้อมที่เป็ นอยู่
ได้หรื อไม่
4. ตรวจสอบกลยุทธ์ระดับหน้าที่วา่ สามารถจะนำพาองค์การไปสู่ ความได้เปรี ยบทางการแข่งขันหรื อไม่
5. ตรวจสอบโครงสร้างและระบบควบคุม ว่าสามารถช่วยให้องค์การมีชยั ชนะทางการแข่งขันหรื อไม่
หน่ วยที่ 4
การวิเคราะห์ สภาวะแวดล้อมและเทคนิคการกำหนดกลยุทธ์
4.1 การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมของธุรกิจ
1. บอกและอธิบายปัจจัยต่าง ๆ ที่ตอ้ งพิจารณาให้การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมทัว่ ไปได้ ต้อง
พิจารณาดังนี้
1.1 สภาวะเศรษฐกิจ ทั้งในและนอกประเทศ คือ
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ Gross National Product : GNP
- วัฎจักรของธุรกิจ
- สภาวะของสิ นเชื่อในตลาด
- นโยบายของรัฐบาล แยกได้เป็ นนโยบายการเงินและการคลัง การเงินมี 2 แบบคือ ขยายตัว
หรื อหดตัว
- ผลกระทบจากสภาวะภายนอกประเทศ
1.2 สภาวะทางการเมือง
- การซื้ อสิ นค้าและบริ การของรัฐบาล
- การให้ความอุดหนุนและให้ความช่วยเหลือต่อธุรกิจ
- การเป็ นคู่แข่งขันของธุรกิจ
1.3 สภาวะทางสังคม เกี่ยวกับความเชื่อ คุณค่า ทัศนคติ
1.4 สภาวะทางเทคโนโลยี
1.5 สภาวะทางด้านลูกค้า ประกอบด้วย 1. แหล่งของลูกค้า 2. พฤติกรรมของลูกค้า 3. ประวัติส่วนบุคคล
4. ทัศนคติและรสนิยมของลูกค้า
2. บอกและอธิบายปัจจัยต่าง ๆ ที่ตอ้ งพิจารณาในการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมอุตสาหกรรมได้ ต้องคำนึงถึงปั จจัย
ต่อไปนี้
1. สภาวะแวดล้อมอุตสาหกรรม / ตลาด
1.1 สภาวะทางการตลาดหรื อของอุตสาหกรรม คือ เกิดจากปั จจัยต่าง ๆ มีผลทำให้ความต้องการในการซื้ อ
สิ นค้าและบริ การขององค์การเปลี่ยนไป ปัจจัยที่ ทำให้ภาวะทางตลาดเปลี่ยนไปดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของประชากร
การเปลี่ยนแปลงสัดส่ วนของกลุ่มอายุในหมู่ประชากร
ระดับรายได้ต่อหัวของประชากร
1.2 โครงสร้างของอุตสาหกรรม
1.3 แนวโน้มของอุตสาหกรรม
1.4 วัฎจักรของอุตสาหกรรม – อาจจะแบ่งได้ดงั นี้
1.4.1 ขั้นแรกเกิดหรื อขั้นแนะนำ วงจรนี้ จะเป็ นดังนี้
1.4.1.1 การเจริ ญเติบโตเป็ นอย่างช้า ๆ
1.4.1.2 ราคาจะสู ง ช่องทางจำหน่ายมีจำกัด
1.4.1.3 อุปสรรคการเข้ามาของคู่แข่งขัน
1.4.1.4 การแข่งขันหนักไปทางการสร้างความรู ้จกั กับลูกค้า
1.4.2 ขั้นการเจริ ญเติบโต
1.4.2.1 ลูกค้าคุน้ เคยกับสิ นค้าแล้ว
1.4.2.2 ราคาต่ำลง การเพิ่มขยายตัวของลูกค้ารายแรกอยูใ่ นอัตราสู ง มีการบอกต่อ ๆ กัน
1.4.2.3 การเจริ ญเติบโตของตลาดสู ง ( มากกว่า 10% )
1.4.2.4 การแข่งขันต่ำมีคู่แข่งเข้ามาไม่มาก
1.4.3 ขั้นการคัดออก มีลกั ษณะ
1.4.3.1 การเจริ ญเติบโตลดลง ( 5 – 6% )
1.4.3.2 ลูกค้ารายแรกเหลืออยูไ่ ม่มาก
1.4.3.3 การผลิตเพื่อทดแทนของที่ซ้ื อไปแล้ว
1.4.3.4 การแข่งขันมีมาก
1.4.3.5 เริ่ มมีการผลิตเกินความต้องการ
1.4.4 ขั้นการเจริ ญเติบโตเต็มที่ เป็ นลักษณะดังนี้
1.4.4.1 ตลาดอิ่มตัวเต็มที่
1.4.4.2 ลูกค้าซื้ อเพื่อทดแทนของเดิม
1.4.4.3 การเจริ ญเติบโตต่ำหรื อเป็ นศูนย์
1.4.4.4 คู่แข่งขันมากและอุปสงค์นอ้ ย
1.4.4.5 การแข่งขันแย่งส่ วนแบ่งตลาด
1.4.4.6 ราคาตกต่ำมาก อาจนำไปสู่ “ สงครามราคา “
1.4.4.7 ความสนใจมุ่งที่ลดต้นทุนและการสร้างตราสิ นค้าและความจงรักภักดี
1.4.4.8 เหลือคู่แข่งขันน้อยแต่คู่แข่งมีความสามารถและต้นทุนต่ำ
1.4.5 ขั้นตกต่ำ มีลกั ษณะ
1.4.5.1 การเติบโตติดลบ
1.4.5.2 การแข่งขันเพิ่มทวีคูณ
1.4.5.3 ภาวะอุปสงค์ตกต่ำ มีภาวะกำลังการผลิตเหลืออยู่
1.4.5.4 โอกาสเกิดสงครามราคาค่อนข้างมาก
1.4.5.5 การเข้ามาของคู่แข่งขันมีโอกาสน้อยมาก
1.4.5.6 การออกจากอุตสาหกรรมเพิ่มสู งขึ้น
2. สภาวะการแข่งขัน ( competition ) องค์การต้องทำการวิเคราะห์และประเมิน คือ การติดตามและ
รวบรวมข้อมูลและกลยุทธ์ของคู่แข่งขันทั้งคู่แข่งขันโดยตรงและทางอ้อม นิยมที่จะใช้การวิเคราะห์ แรงผลัก 5
ประการ พอร์ตเตอร์
3. บอกและอธิบายปัจจัยต่าง ๆ ที่ตอ้ งพิจารณาในการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมทางการแข่งขันได้
เทคนิคที่เป็ นที่ยอมรับใช้กนั อย่างกว้างขวาง คือ ตัวแบบวิเคราะห์แรงผลัก 5 ประการของ Porter ในเรื่ อง
Competitive Strategy คือ 1. อุปสรรคในการเข้ามาของคู่แข่งขันรายใหม่ 2. ระดับความเข้มข้นของการแข่งขัน 3.
การคุกคามของสิ นค้าและบริ การที่เข้ามาทดแทน 4. อำนาจต่อรองของผูข้ ายวัตถุดิบ 5. อำนาจต่อรองของผูซ้ ้ื อ
4. บอกและอธิบายปัจจัยต่าง ๆ ที่ตอ้ งพิจารณาในการวิเคราะห์ศกั ยภาพขององค์การได้ การวิเคราะห์
ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนดังนี้
4.1 การประเมินสถานการณ์ดำเนินการขององค์การที่ผา่ นมา
4.2 การประเมินศักยภาพความสามารถทางการแข่งขันขององค์การ
4.1 การประเมินสถานการณ์ดำเนินการของธุรกิจ องค์การที่ผา่ นมา
4.1.1 การประเมินกลยุทธ์ขององค์การ
4.1.2 การประเมินความสามารถพิเศษทางการแข่งขันและข้อจำกัดพื้นฐาน
4.1.3 การประเมินสถานภาพรวมขององค์การ
4.2 การประเมินศักยภาพความสามารถในการแข่งขันขององค์การ
4.2.1 ด้านการเงิน
4.2.2 ด้านการตลาด
4.2.3 ด้านการผลิต
4.2.4 ด้านทรัพยากรมนุษย์
4.2.5 ด้านการบริ หาร
4.2.6 ด้านวิจยั และพัฒนา
5. บอกและอธิบายสภาวะแวดล้อมยุคศตวรรษที่ 21 ได้ หรื อยุคปั จจุบนั สรุ ปได้ดงั นี้
5.1 การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ ว รุ นแรง และพลิกผัน
5.2 สภาวะโลกาภิวตั น์ทำให้ตลาดโลกเป็ นหนึ่งเดียว
5.3 การแตกตัวของความต้องการลูกค้าเป็ นกลุ่มย่อย ๆ
5.4 การให้ความสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์ บนพื้นฐานของการมีองค์การแห่งการเรี ยนรู ้
5.5 การตอบสนองผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสี ยกลุ่มต่าง ๆ
การประเมิน BCG
2 1
ดาว คำถาม
เจริ ญเติบโตสู ง แนวโน้มเติบโตสู ง
การเจริ ญ
เติบโต
ตลาด 3 4
วัวเงิน สุ นขั
ขั้นเติบโตเต็มที่ ขั้นเติบโตต่ำ
ส่ วนแบ่งตลาดเปรี ยบเทียบกับคู่แข่งขัน
ตอนที่ 4.2 เทคนิคการกำหนดกลยุทธ์ระดับบริ ษทั และธุรกิจ
1. อธิบายและใช้ประโยชน์จากเทคนิค BCG และ GE ในทางปฏิบตั ิได้ เทคนิคการกำหนดกลยุทธ์ระดับ
บริ ษทั ได้แก่ Portfllio Management ที่จะช่วยตัดสิ นใจเกี่ยวกับการกำหนดกลยุทธ์ระดับบริ ษทั เป็ นอย่าดี 2 เทคนิค
คือ 1. BCG matrix 2. ของ Mckisney ( GE matrix ) ซึ่ งช่วยในการตัดสิ นใจเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากร
2. เทคนิคการเน้นความสามารถหลัก ของ Hamel และ Prahalad ว่าการจะเน้นที่การสร้างและพัฒนาความ
สามารถหลักมากกว่าธุรกิจหลัก
เทคนิค BCG matrix เป็ นเทคนิคช่วยให้ฝ่ายบริ หารขององค์การสามารถทราบตำแหน่งทาการเข่ง
ขันของธุรกิจหรื อผลิตภัณฑ์วา่ ได้เปรี ยบคุ่แข่งขันอย่างไร เทคนิคนี้ มี 4 ขั้นตอนดำเนินการ คือ
1. แบ่งออกเป็ นหน่วยธุรกิจกลยุทธ์ ( SBU )
2. วาง SBU โดยตรง matrix 4 ช่องตามความเป็ นจริ ง
3. กำหนดกลยุทธ์แต่ละ SBU
4. วิเคราะห์และประเมินเปรี ยบเทียบตำแหน่ง SBU กับ SBU อื่น ๆ
เทคนิค GE Business Screen จะซับซ้อนกว่า BCG การประเมินในขอบเขตมิติกว้างมากกว่า แต่ละมิติท้ งั
สองจะแตกต่างรายละเอียดครอบคลุมปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
1. ความน่าสนใจของอุตสาหกรรม
2. ตำแหน่งทาการแข่งขันของหน่วยธุรกิจกลยุทธ์
เทคนิคเน้นความสามารถหลัก ที่เสนอโดย เกรี่ เซเมล และซี เด พราซาธาด ( Hamel and Prahalad ) คือ
เปลี่ยนจุดเน้นจากธุรกิจหลัก มาเน้นที่ทกั ษะความสามารถหลัก
2. อธิบายและใช้ประโยชน์จากเทคนิค EFE และ IFE ในทางปฏิบตั ิได้
เทคนิค EFE เป็ นเทคนิคที่ใช้ประเมินสภาวะแวดล้อมภายนอก เพื่อดูความสามารถในการตอบ
สนองต่อปั จจัยโอกาสและการคุกคามว่ามีความสามารถอยูใ่ นระดับดี เฉลี่ยหรื อแย่กว่า เป็ นต้น
เทคนิค CPM ( competitive Profile Matrix ) เป็ นเทคนิคซึ่ งฉายภาพทางการแข่งขันของธุรกิจกับคู่
แข่งขันที่สำคัญ ๆ เพื่อเปรี ยบเทียบตำแหน่งทางการแข่งขันในมิติต่าง ๆ
3. อธิบายและใช้ประโยชน์จากเทคนิค SWOT ในทางปฏิบตั ิได้ SWOT เป็ นขั้นตอนในการจับคู่ระหว่าง
จุดแข็งและจุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคในการวิเคราะห์มีการวิเคราะห์และระบุปัจจัยชัดเจน และนำมาประมวล
เพื่อฉายภาพเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและการแข่งขัน
จุดแข็งขององค์การ คือ ปัจจัยต่าง ๆ ซึ่ งองค์การมีความได้เปรี ยบคู่แข่งขันอย่างเห็นได้ชดั โดยคู่แข่งไม่
สามารถเทียบเคียงได้ในระยะเวลาอันสั้น
4. อธิบายและใช้ประโยชน์จาก TOWS matrix ในการกำหนดกลยุทธ์ได้ เทคนิค TOWS matrix เป็ นเทคนิค
ที่จะนำมาใช้ในขั้นตอนการวิเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์ เรี ยกว่าขั้นการจับคู่
1. SO การใช้จุดแข็งเพื่อแสวงหาโอกาสที่มี
2. ST การใช้จุดแข็งเพื่อหลีกเลี่ยงการคุกคาม
3. WO การเอาชนะจุดอ่อนโดยแสวงหาประโยชน์จากโอกาส
4. WT การเกิดการสูญเสี ยจากจุดอ่อนให้มีนอ้ ยที่สุดและการพยายามหลีกเลี่ยงการคุกคาม
5. อธิบายและใช้ประโยชน์จาก SPACE matrix ในทางปฏิบตั ิได้ เทคนิค SPACE เป็ นเทคนิคและ / หรื อ
เครื่ องมือที่นิยมใช้กนั ในขั้นตอนของการจับคู่ วิเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์นอกเหนือจาก BCG , GE และ TOWS
matrix แต่นิยมน้อยกว่า / กลยุทธ์จะแบ่ง ดังนี้
+ l + รุ กราน , + l – แข่งขัน , - l – ตั้งรับ , - l+ อนุรักษ์ เช่น บริ ษทั XYZ มีพิกดั ( XY = -3, -6 ) ควรใช้
กลยุทธ์ต้ งั รับ มีแนวทางได้แก่ 1. การตัดทอน 2. การลดลงทุน 3. การเลิกกิจการ 4. การกระหายธุรกิจแบบเกาะกลุ่ม
6. อธิบายและใช้ประโยชน์จาก QSPM matrix ในทางปฏิบตั ิได้ เป็ นเทคนิคที่นำมาใช้ในการประเมิน
ตำแหน่งทางการแข่งขันของธุรกิจ พิจารณาจากทางเลือกที่มีความเป็ นไปได้ QSPM นี้จะอยูใ่ นขั้นตอนสุ ดท้าย คือ
ขั้นตอนการตัดสิ นใจของกระบวนการวิเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์
เทคนิค QSPM เป็ นเทคนิคช่วยให้การเปรี ยบเทียบของทางเลือกกลยุทธ์ระดับบริ ษทั ได้คำตอบที่ชดั เจนขึ้น
เพราะจะนำทางเลือกกลยุทธ์ที่มีความเป็ นไปได้มาเปรี ยบเทียบกัน โดยเปรี ยบเทียบมิติที่เกี่ยวกับ โอกาส การคุกคาม
จุดแข็ง จุดอ่อน และใช้ผลรวมคะแนนเชิงปริ มาณในการตัดสิ นใจเลือกกลยุทธ์ได้อย่างชัดเจน
หน่ วยที่ 5
วิสัยทัศน์ การจัดการเชิงกลยุทธ์
ตอนที่ 5.1 แนวคิดเกี่ยวกับวิสยั ทัศน์การจัดการเชิงกลยุทธ์
1. อธิบายความหมายของวิสยั ทัศน์ได้ วิสยั ทัศน์ หมายถึง อำนาจการหยัง่ รู ้ดว้ ยสายตา อำนาจการคาด
การณ์ในอนาคต บางสิ่ งที่มองเห็นในอนาคต จินตนาการในอนาคต และภาพอนาคต ลักษณะสำคัญของวิสยั ทัศน์ที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการเชิงกลยุทธ์ 2 ประการ คือ
1. เป็ นการคิดฉายภาพในอนาคต ประกอบด้วยการคิดอนาคตที่ดีกว่า 6 ด้าน ดังนี้ 1. คิดใหม่ต่อ
หลักการ 2. คิดใหม่ต่อการแข่งขัน 3. คิดใหม่ต่อการควบคุมและความสลับซับซ้อน 4. คิดใหม่ต่อภาวะผูนำ ้ 5. คิด
ใหม่ต่อตลาด 6. คิดใหม่ต่อโลก
2. การจินตนาการใหม่ในอนาคต
2. อธิบายองค์ประกอบและมิติของวิสยั ทัศน์ได้ องค์ประกอบของวิสยั ทัศน์ 4 ประการ ดังนี้
1. วิสยั ทัศน์ทางองค์การ ภาพที่กว้างและสมบูรณ์ของระบบองค์การปั จจุบนั
2. วิสยั ทัศน์ทางอนาคต เป็ นการสร้างภาพองค์การในสิ่ งแวดล้อม ณ จุด ๆ หนึ่ง
3. วิสยั ทัศน์ทางบุคคล การพัฒนา , กำหนดตำแหน่ง
4. วิสยั ทัศน์ทางกลยุทธ์ ความเข้าใจในกระบวนการเปลี่ยนแปลง
มิติของวิสยั ทัศน์ มี 3 ประการดังนี้
1. การสร้างวิสยั ทัศน์ สร้างความฝัน , สร้างพิมพ์เขียว
2. การเผยแพร่ วิสยั ทัศน์ เผยแพร่ , บรรยาย , อธิ บายให้สมาชิกองค์การ
3. การปฏิบตั ิตามวิสยั ทัศน์ ทุ่มเทกำลังกายความคิดความพยายามของสมาชิก
3. อธิบายความสำคัญของวิสยั ทัศน์ต่อผูบ้ ริ หารได้
ความสำคัญของวิสยั ทัศน์ 4 ประการ ดังนี้
1. ช่วยกำหนดทิศทางองค์การ
2. ช่วยเปลี่ยนแปลงองค์การ
3. ช่วยเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์
4. ช่วยฝึ กสอนทีมงาน
4. อธิบายบทบาทผูบ้ ริ หารในการสร้างวิสยั ทัศน์องค์การได้ ผูนำ ้ หรื อผูบ้ ริ หาร CEO จำเป็ นจะต้องจัดทำ
แผนธุรกิจหรื อวิสยั ทัศน์ขององค์การเสนอต่อผูกำ ้ หนดนโยบาย ผูถ้ ือหุน้ ลูกค้า และผูม้ ีส่วนเกี่ยวข้อง ข้อความข้อ
วิสยั ทัศน์ประกอบด้วย 3 ประการ คือ 1. ความคาดหวังในอนาคต 2. ภารกิจหรื อพันธกิจ 3. ค่านิยมหลัก
ตอนที่ 5.2 วิสยั ทัศน์ทางสภาพแวดล้อม
1. อธิบายวิสยั ทัศน์เกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทยในอนาคตได้ วิสยั ทัศน์การเมืองไทย ระบบ
ราชการที่พึงประสงค์มีลกั ษณะ 5 ประการ คือ
1. เป็ นระบบที่มีวิสยั ทัศน์
2. เป็ นองค์การแห่งการเรี ยนรู ้
3. ยืดหยุน่ และปรับตัว
4. เน้นผลจากการทำงาน
5. มีลกั ษณะเสริ มแรง
2. วิสยั ทัศน์เศรษฐกิจไทย การพัฒนาเศรษฐกิจ ต้องมีความสมดุลกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสู่
ประชาชนทุกกลุ่ม ให้ภาคเอกชนเป็ นจักรกลสำคัญในการผลักดันการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ ให้มีการแข่งขัน
เสรี โดยรัฐสนับสนุน , พัฒนาความสามารถสภาวะการแข่งขันระหว่างประเทศ
3. วิสยั ทัศน์สงั คมไทย คนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดจากความยากจน วิถีชีวิตมีความสมดุลเจริ ญ
ทางวัตถุ จิตใจ เห็นคุณค่าการอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม คนไทยทุกคนมีส่วนร่ วมในการตัดสิ นใจและรับผิด
ชอบในเรื่ องที่กระทบเป็ นอยูข่ องคน ไม่วา่ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
4. วิสยั ทัศน์ร่วม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรัชญานำทาง ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
1.1 จุดมุ่งหมาย มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาที่ยงั่ ยืนอยูด่ ีมีสุข
1.2 ค่านิยมร่ วม สร้างจิตสำนึก
2. สังคมไทยที่พึงประสงค์ มุ่งพัฒนาสู่ สงั คมเข้มแข็งมีดุลยภาพใน 3 ด้าน คือ
2.1 สังคมคุณภาพ พอดี พึ่งพาตนเองได้
2.2 สังคมแห่งภูมิปัญญา และการเรี ยนรู ้ คิดเป็ น ทำเป็ น
2.3 สังคมสมานฉันท์และเอื้ออาทรต่อกัน มีคุณธรรม , คุณค่าทางสังคม
2. อธิบายวิสยั ทัศน์เกี่ยวกับเทคโนโลยีในอนาคตได้ พลัง การที่มีผลต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ คือ
1. พลังการเปลี่ยนแปลง
2. พลังการแข่งขัน
3. พลังของลูกค้า
1. พลังการเปลี่ยนแปลง มีเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีโทรคมนาคมสมัยใหม่เป็ นเครื่ องมือ
สำคัญ
1.1 เทคโนโลยีใหม่
1.2 โลกการทำงานใหม่
เทคโนโลยีอนาคต มี 1. เป็ นโลกดิจิตอล 2. เป็ นโลกจีโนมิกส์
ตอนที่ 5.3 วิสยั ทัศน์ทางกลยุทธ์
1. อธิบายวิสยั ทัศน์การจัดการเชิงกลยุทธ์ได้ การจัดการเชิงกลยุทธ์เริ่ มจาก
1.1 การวิเคราะห์กลยุทธ์สถานะการณ์โดยสวอท ( SWOT Anslysis ) คือ สภาพแวดล้อมภายในและ
ภายนอก
1.2 การกำหนดกลยุทธ์ มี
- พันธกิจ - วิสยั ทัศน์ -ปรัชญา
- นโยบาย - วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ - กลยุทธ์
1.3 การดำเนินกลยุทธ์
1.4 การควบคุมประเมินกลยุทธ์
คำว่า กลยุทธ์ หมายถึง การคิดค้นหาหนทางเพื่อสร้างความได้เปรี ยบในการแข่งขันแบบยัง่ ยืนในระยะยาว
้ เกี่ยวกับเครื่ องมือการจัดการทั้ง 4
2. อธิบายวิสยั ทัศน์การคิดเชิงกลยุทธ์ได้ การคิดเชิงกลยุทธ์ของผูนำ
ประการ
2.1 การวิเคราะห์สถานการณ์ ใช้เครื่ องมือการวิเคราะห์ SWOT
2.2 การพัฒนากลยุทธ์ เครื่ องมือการจัดทำ พันธกิจ วิสยั ทัศน์ ปรัชญา นโยบาย วัตถุประสงค์
และกลยุทธ์องค์การ
2.3 การดำเนินกลยุทธ์ เครื่ องมือการพัฒนาภาวะผูนำ้ การพัฒนาทีมงาน การจัดองค์การสมัยใหม่
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร
2.4 การควบคุมและประเมินกลยุทธ์ ใช้เครื่ องมือการประเมินแบบสมดุล
กลยุทธ์
ระดับ
องค์การ
กลยุทธ์ระดับธุรกิจ
3 ระดับ
กลยุทธ์ระดับหน้าที่
หน่ วยที่ 14
ปัญหาการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ และแนวทางแก้ไข
ตอนที่ 14.1 ปัญหาการบริ หารจัดการภาครัฐเกี่ยวกับการบริ หารเชิงกลยุทธ์
1. อธิบายปัญหาระบบบริ หารจัดการภาครัฐได้ 1. ปัญหาโครงสร้างระบบราชการ 2. ปั ญหาการบริ หาร
ทรัพยากรบุคคลภาครัฐ ( การวางแผนกำลังคน การสรรหา ค่าตอบแทนข้าราชการ โครงสร้างการบริ หารราชการ
การแทรกแซงทางการเมือง การพัฒนาข้าราชการ การใช้ประโยชน์จากกำลังคน ) 3. ปั ญหาประชาชนผูร้ ับบริ การ
2. อธิบายปัญหาในการพัฒนาระบบบริ หารภาครัฐได้ ซึ่ งได้แก่ 1. แรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่
เพียงพอ 2. ขาดแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยน 3. ขาดผูนำ ้ ที่มีวิสยั ทัศน์และความรับผิดชอบ 4. กลัวและไม่แน่ใจ 5.
แรงต้านและผลประโยชน์
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริ หารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ใช้ต้ งั แต่ 10 ต.ค.
2546 มีวตั ถุประสงค์ดงั นี้
1. การบริ หารราชการที่มุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน
2. เกิดผลสัมฤทธิ์ ต่อภารกิจของรัฐโดยยึดการบริ หารแบบูรณาการ
3. มีประสิ ทธิภาพและเกิดความคุม้ ค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
4. ไม่มีข้ นั ตอนการปฏิบตั ิงานเกิดความจำเป็ น
5. มีการปรับปรุ งภารกิจของส่ วนราชการให้ทนั ต่อเหตุการณ์
6. ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ
7. มีการประเมินผลการปฏิบตั ิงานอย่างสม่ำเสมอ
คุณค่าของการบริ หารราชการสู่ ความเป็ นเลิศโดยวิธีการบริ หารเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ดังนี้
1. มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะพื้นที่
2. มุ่งเน้นการทำงนที่เกิดจากความต้องการของแต่ละพื้นที่
3. ทำให้วาระแห่งชาติ ถูกนำไปปฏิบตั ิให้เกิดผลสำเร็ จได้
4. สามารถลดภาระของรัฐบาล
5. ลดและแก้ไขปัญหาการบริ หารงานที่มีทรัพยากรจำกัด
6. ปลุกกระแสการสร้างนวัตกรรมใหม่
ตอนที่ 14.2 ปัญหาการจัดการเชิงกลยุทธ์ภาครัฐและการแก้ไข
1. อธิบายปัญหาการจัดการเชิงกลยุทธ์ได้ ประกอบด้วย 1. ปัญหาทางวิชาการ 2. ปั ญหาในทางปฏิบตั ิ 3.
ปั ญหาการบริ หารเชิงกลยุทธ์ที่เกิดจากผูบ้ ริ หารองค์การ 4. ปั ญหาการบริ หารเชิงกลยุทธ์ที่เกิดจากฝ่ ายกำหนด
นโยบายของประเทศ 5. ปัญหาการมีส่วนร่ วมของประชาชน
ปั ญหาทางวิชาการในการจัดการเชิงกลยุทธ์ภาครัฐ หมายถึง เป็ นปัญหาการนิยามเชิงปฏิบตั ิในตัวแบบการ
บริ หารเชิงกลยุทธ์ที่ต่างกัน ทำให้เกิดความสับสนในการปฏิบตั ิ เนื่องจากความเข้าใจไม่ตรงกัน
2. อธิบายแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดการเชิงกลยุทธ์ภาครัฐ มี 5 ประการ คือ
2.1 แนวทางด้านวิชาการ การดำเนินการ ดังนี้
2.1.1. สร้างคู่มือการบริ หารเชิงกลยุทธ์
2.1.2. สร้างวิทยากรด้านการบริ หารเชิงกลยุทธ์
2.1.3. การบรรลุเรื่ องการบริ หารเชิงกลยุทธ์ไว้ในหลักสู ตรการฝึ กอบรม
2.2 แนวทางในด้านการปฏิบตั ิ
2.2.1. การพัฒนานักบริ หารระดับสู ง
2.2.2. กำหนดให้ทุกส่ วนราชการนำแผนกลยุทธ์ในการบริ หารงานส่ วนราชการ
2.2.3. ข้าราชการควรมีบทบาทสนับสนุนการดำเนินการให้สอดคล้องกับการบริ หาร
จัดการเชิงกลยุทธ์ภาครัฐ ดังนี้
2.2.3.1. เรี ยนรู้การบริ หารงานจัดการเชิงกลยุทธ์ให้ความสำคัญ ศึกษา ติดตาม
เรี ยนรู ้เพิ่มเติมตลอดเวลา ปรับทัศนคติการทำงานให้สอดคล้องกับการบริ หารสมัยใหม่
2.2.3.2. ให้ความร่ วมมือ
2.2.3.3. มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์
2.2.3.4. สร้างความเข้าใจกับประชาชนผูร้ ับบริ การ
2.2.4 การนำการบริ หารงานมุ่งผลสัมฤทธิ์ มาใช้ในการบริ หารงานภาครัฐ การบริ หารมุ่งผลสัมฤทธิ์
มาใช้การทำงาน
2.2.5 การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาทำงานเชิงรุ ก เพื่อใช้ในกรรบริ หารตัดสิ นใจ เกิดความ
รวดเร็ ว
3. แนวทางด้านนโยบายหรื อฝ่ ายการเมือง
4. แนวทางการมีส่วนร่ วมของประชาชน
5. ด้านแนวสนับสนุนและเสริ มสร้างความเข้มแข็งในการบริ หารงานขององค์การปกครองส่ วนท้องถิ่น
หน่ วยที่ 15
แนวโน้ มการบริหารเชิงกลยุทธ์ ภาครัฐกิจ
ตอนที่ 15.1 แนวโน้มการจัดการองค์การภาครัฐสมัยใหม่ต่อการบริ หารเชิงกลยุทธ์
1. อธิบายแนวโน้มด้านการจัดการองค์การภาครัฐสมัยใหม่สู่องค์การแห่งความเป็ นเลิศได้ มีองค์ประกอบ
12 ประการ ดังนี้
1. สนับสนุนในเรื่ อง “ นวัตกรรม “ และความกล้าเสี่ ยงในการปฏิบตั ิงาน
2. เน้นการเรี ยนรู้
3. การกำหนดหรื อออกแบบงาน
4. บทบาทของผูบ้ ริ หาร
5. โครงสร้างขององค์การ
6. ความสัมพันธ์กบั ลูกค้า
7. ความยืดหยุน่
8. การทำงานเป็ นทีม
9. การอุทิศตน
10. รางวัล
11. การเข้าถึงข่าวสาร การได้ข่าวสาร
12. ความสมดุลทางด้านเทคนิคและคน
2. อธิบายแนวโน้มด้านการจัดการองค์การภาครัฐสมัยใหม่สู่การบริ หารจัดการภาครัฐแนวใหม่ได้ เกิดจาก
หลายประเทศได้มีการปฏิรูประบบราชการสาเหตุหลักประกอบไปด้วย
1. กระแสโลกาภิวตั น์ globalization และความก้าวหน้าของวิทยาการ
2. ปัญหาที่เกิดจากการที่รัฐมีบทบาทมากเกินไปในระบบเศรษฐกิจ
3. ปัญหาโครงสร้างภาษีของรัฐ
4. การเจริ ญเติบโตของค่านิยมประชาธิ ปไตย
5. ระดับการแข่งขันทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น
6. การเกิดขึ้นของแนวคิดใหม่ทางวิชาการเกี่ยวกับการวิเคราะห์บทบาทของภาครัฐ
7. การล่มสลายของสหภาพโซเวียตและกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก
8. บทบาทของสื่ อมวลชน
องค์ประกอบหลักของการบริ หารจัดการภาครัฐแนวใหม่ มีสาระสำคัญ สรุ ปดังนี้
1. การให้บริ การที่มีคุณภาพแก่ประชาชน
2. การลดการควบคุมจากส่ วนกลางและเพิม่ อิสระในการบริ หารให้แก่หน่วยงาน
3. กำหนด วัด และให้รางวัลแก่ผลการดำเนินงานทั้งในระดับองค์การและระดับบุคคล
4. การสร้างระบบสนับสนุนทั้งในด้านของบุคลากรและเทคโนโลยี
5. การเปิ ดกว้างต่อแนวคิดในเรื่ องการแข่งขัน
ตอนที่ 15.2 แนวโน้มการประยุกต์ใช้แนวคิดบริ หารเชิงกลยุทธ์ภาครัฐกิจ
1. อธิบายแนวโน้มการประยุกต์ใช้แนวคิดการบริ หารเชิงกลยุทธ์ภาครัฐกิจสู่ การบริ หารตามยุทธศาสตร์ได้
ประเด็นยุทธศาสตร์ของแผนบริ หารราชการแผ่นดินมี 9 ประเด็น ดังนี้
1. การขจัดความยากจน
2. การพัฒนาคนและสังคมที่มีคุณภาพ
3. การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุลและแข่งขันได้
4. การบริ หารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม
5. การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
6. การพัฒนากฎหมายและส่ งเสริ มการบริ หารกิจการบ้านเมืองที่ดี
7. การส่ งเสริ มประชาธิ ปไตยและกระบวนการประชาสังคม
8. การรักษาความมัน่ คงของรัฐ
9. การรองรับการเปลี่ยนแปลงและพลวัตโลก
การบริ หารเชิงกลยุทธ์ หมายถึง กลุ่มของการตัดสิ นใจทางด้านการบริ หารและการดำเนินการ ซึ่ งเป็ นการ
กำหนดผลการปฏิบตั ิงานในระยะยาวขององค์การ
กลยุทธ์สำคัญในการบริ หารงานของรัฐบาลในอนาคต 4 เรื่ อง คือ 1. การบริ หารกิจการบ้านเมืองที่ดี 2. การ
จัดทำข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง 3. ศูนย์บริ การร่ วมในรู ปแบบเคาน์เตอร์บริ การประชาชน 4. หน่วยบริ การรู ปแบบ
พิเศษ
2. การบริ หารงานจังหวัดแบบบูรณาการมีดงั นี้
2.1 มีการบริ หารจัดการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ภาค ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่ม
จังหวัดและยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด
2.2 กำหนดให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในจังหวัดเข้ามามีส่วนร่ วมในการพัฒนา
อย่างยัง่ ยืน สร้างศักยภาพในการแข่งขันการป้ องกันและการแก้ไขปั ญหาตาม ( 1 ) เพื่อลดความซ้ำซ้อน ความล่าช้า
และความสิ้ นเปลือง
2.3 ส่ วนราชการและหน่วยงานของรัฐในส่ วนกลางและในพื้นที่ตอ้ งจัดองค์กรและระบบการ
สนับสนุนด้านบุคลากร งบประมาณ ข้อมูลข่าวสารสนเทศ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับอย่างเพียงพอ
เพื่อสนับสนุนเสริ มการบริ หารงานจังหวัดแบบบูรณาการ
2.4 เป็ นระบบการบริ หารที่สนับสนุนนโยบายการกระจายอำนาจสู่ ทอ้ งถิ่นด้วยการทำให้เกิดการ
ยอมรับต่อเป้ าหมายการทำงานร่ วมกันจากองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น มากกว่ามุ่งเน้นการกำกับดูแลแต่เพียงอย่าง
เดียว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุ ด แก่ประชาชนและมีความโปร่ งใสมากขึ้น
2.5 ส่ งเสริ มการกระจายอำนาจการตัดสิ นใจลงไปปฏิบตั ิในส่ วนภูมิภาค และมีศูนย์รวมข้อมูล
สารสนเทศเป็ นฐานข้อมูลในการบริ หารและติดตามประเมินผล
2.6 รัฐจะกำหนดเป้ าหมายและตัวชี้วดั ความสำเร็ จของการทำงานไว้ในระดับชาติ โดยให้คณะผู ้
บริ หารจังหวัดแบบบูรณาการสามารถกำหนดรายละเอียดการปฏิบตั ิและตัวชี้ วดั ในระดับจังหวัดได้เอง