Professional Documents
Culture Documents
วิชา ความรู้และลักษณะ
การเป็นข้าราชการที่ดี
สรุปพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่ นดิน พ.ศ. 2534
1.การจัดระเบียบบริหารราชการส่ วนกลาง
ให้จดั ระเบียบบริ หารราชการส่ วนกลาง ดังนี้
1.1 สานักนายกรัฐมนตรี
1.2 กระทรวง หรื อทบวงซึ่ งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง (สานักนายกรัฐมนตรี มีฐานะ
เป็ นกระทรวง)
1.3 ทบวง
1.4 กรม
ส่ วนราชการทั้ง 4 ส่ วน เป็ นนิ ติบุคคล โดยการจัดตั้ง การรวม หรื อการโอนส่ วนราชการให้
ตราเป็ นพระราชบัญญัติ แต่ถา้ การรวมหรื อการโอนส่ วนราชการโดยไม่มีการกาหนดตาแหน่ งหรื อ
อัต ราของข้า ราชการหรื อลู ก จ้า งเพิ่ ม ขึ้ น หรื อยุบให้ต ราเป็ นพระราชกฤษฎี ก า และก าหนดให้
สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรื อนและสานักงบประมาณมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลมิ ให้มีการ
กาหนดตาแหน่งหรื ออัตราของข้าราชการหรื อลูกจ้างของส่ วนราชการที่จดั ตั้งขึ้นใหม่จนกว่าจะครบ
กาหนดสามปี หากมีการเปลี่ยนชื่อส่ วนราชการให้ตราเป็ นพระราชกฤษฎีกา
ข้าราชการหรื อลู กจ้างซึ่ งต้องพ้นจากราชการเพราะเหตุยุบตาแหน่ ง อันเนื่ องมาแต่ การยุบ
ส่ วนราชการ ให้ขา้ ราชการหรื อลูกจ้างได้รับเงินชดเชยตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในพระ
ราชกฤษฎีกา
การแบ่งส่ วนราชการภายในสานักงานรั ฐมนตรี กรม ให้ออกเป็ นกฎกระทรวงที่ตราโดย
รัฐมนตรี เจ้าสังกัดและเสนอความเห็ นร่ วมกับสานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรื อนและสานัก
งบประมาณ
1.2 การจัดระเบียบราชการในกระทรวง
1.2.1 ให้จดั ระเบียบราชการของกระทรวง มี (1) สานักงานรัฐมนตรี (2) สานักงาน
ปลัดกระทรวง (3) กรม
กระทรวงมีอานาจหน้าที่ตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุ งกระทรวง ทบวง กรม ส่ วน
การจัดระเบียบราชการในกระทรวงที่เกี่ ยวกับการทหาร และการศึกษา ให้เป็ นไปตามกฎหมายว่า
ด้วยการนั้น
1.2.2 ในกระทรวง มี รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเป็ นผูบ้ งั คับบัญชาข้าราชการ และ
รับผิดชอบในการกาหนดนโยบาย เป้ าหมาย และผลสัมฤทธิ์ ของงานในกระทรวงให้สอดคล้องกับ
นโยบายที่คณะรั ฐมนตรี แถลงไว้ต่อรั ฐสภาหรื อที่คณะรั ฐมนตรี กาหนด หรื ออนุ มตั ิ โดยจะให้มี
รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงเป็ นผูช้ ่วยสั่งและปฏิบตั ิราชการก็ได้
1.2.3 ในกระทรวงมีปลัดกระทรวงเป็ นผูบ้ งั คับบัญชาข้าราชการรองจากรัฐมนตรี มี
อานาจหน้าที่รับผิดชอบควบคุ มราชการประจาในกระทรวง ปฏิ บตั ิราชการ กากับการทางานของ
ส่ วนราชการในกระทรวงให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และประสานการปฏิบตั ิงานของส่ วนราชการในกระทรวงให้
มีเอกภาพสอดคล้องกัน รวมทั้งเร่ งรัดติดตาม และประเมินผลการปฏิบตั ิราชการของส่ วนราชการใน
กระทรวง
1.2.4 ภายในกระทรวง ให้ส่วนราชการระดับกรมตั้งแต่สองส่ วนราชการขึ้นไปอยู่
ภายใต้ “กลุ่ มภารกิ จ”เดี ยวกันก็ได้ มีผูด้ ารงตาแหน่ งไม่ ต่ากว่าอธิ บดี หรื อรองปลัดกระทรวงเป็ น
หัวหน้ากลุ่มภารกิจ ปฏิบตั ิราชการขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวงหรื อขึ้นตรงต่อรัฐมนตรี ตามที่กาหนดโดย
กฎกระทรวง และในกรณี ที่ข้ ึนตรงต่อรัฐมนตรี ตอ้ งรายงานผลการดาเนิ นงานต่อปลัดกระทรวงด้วย และ
ให้อานาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงที่เกี่ยวกับราชการของส่ วนราชการในกลุ่มภารกิ จเป็ นอานาจหน้าที่
ของหัวหน้ากลุ่มภารกิจ
1.2.5 กระทรวงใดมีภารกิจเพิ่มขึ้น มีความจาเป็ นที่ตอ้ งมีรองปลัดกระทรวงมากกว่าที่
กาหนด ให้ ก.พ. และ ก.พ.ร. ร่ วมกันพิจารณา แล้วนามติดงั กล่าวไปเสนอ ค.ร.ม. (แก้ไขเพิ่มเติมปี 50)
1.2.5 สานักงานรัฐมนตรี มีอานาจหน้าที่เกี่ ยวกับราชการทางการเมือง มีเลขานุ การ
รัฐมนตรี (ข้าราชการการเมือง) เป็ นผูบ้ งั คับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิราชการ
ของสานักงานรัฐมนตรี ข้ ึนตรงต่อรัฐมนตรี ว่าการกระทรวง
1.2.6 ส านักงานปลัด กระทรวงมี อ านาจหน้า ที่ เกี่ ยวกับราชการประจ าทัว่ ไปของ
กระทรวง และราชการที่ คณะรั ฐมนตรี มิ ไ ด้ก าหนดให้เ ป็ นหน้า ที่ ข องกรมใดกรมหนึ่ งในสั งกัด
กระทรวงโดยเฉพาะ รวมทั้งกากับและเร่ งรัดการปฏิบตั ิราชการของส่ วนราชการในกระทรวงให้
เป็ นไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการปฏิบตั ิราชการของกระทรวง
1.4 การจัดระเบียบราชการในกรม
1.4.1 กรมแบ่ งส่ วนราชการ เป็ น (1) สานักงานเลขานุ การกรม (2) กองหรื อส่ วน
ราชการที่มีฐานะเทียบกอง หากมีเหตุพิเศษที่จะต้องแบ่งส่ วนราชการภายในกรมเป็ นเขตตามพื้นที่ตอ้ ง
ตราเป็ นพระราชกฤษฎีกา
1.4.2 กรมมีอธิบดี เป็ นผูบ้ งั คับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิราชการ
ของกรมให้เกิ ดผลสั มฤทธิ์ และเป็ นไปตามเป้ าหมาย แนวทาง และแผนการปฏิ บตั ิ ราชการของ
กระทรวงและในกรณี ที่มี กฎหมายอื่ นกาหนดอานาจหน้า ที่ของอธิ บดี ไว้เป็ นการเฉพาะ การใช้
อานาจและการปฏิบตั ิหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าวให้คานึ งถึงนโยบายที่คณะรัฐมนตรี แถลงไว้ต่อ
รัฐสภาหรื อที่คณะรัฐมนตรี กาหนดหรื ออนุ มตั ิ และนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบตั ิราชการ
ของกระทรวงด้วย ในกรมหนึ่งจะให้มีรองอธิบดีและช่วยอธิบดีปฏิบตั ิราชการก็ได้
1.4.3 สานักงานเลขานุ การกรม มี อานาจหน้าที่เกี่ ยวกับราชการทัว่ ไปของกรม มี
เลขานุการกรมเป็ นผูบ้ งั คับบัญชาข้าราชการรับผิดชอบในการปฏิบตั ิราชการ
1.4.4 ในการปฏิ บตั ิ ราชการของส่ วนราชการภายในกรม สามารถจัด ตั้ง ”หน่ ว ย
บริ การรู ปแบบพิเศษ” (SDU) โดยหน่วยดังกล่าวจะมีลกั ษณะ ดังนี้ (แก้ไขเพิ่มเติมปี 50)
- เป็ นงานลักษณะบริ การ ในภารกิจของกรม
- ไม่มีฐานะเป็ นส่ วนราชการ แต่อยูใ่ นกากับของส่ วนราชการนั้น
- รายได้ไม่ตอ้ งนาส่ งเงินคลังแผ่นดิน
2. การจัดระเบียบบริหารราชการส่ วนภูมภิ าค
การจัดระเบียบบริ หารราชการส่ วนภูมิภาค ดังนี้
2.1 จังหวัด
2.1.1 จังหวัดมีฐานะเป็ นนิ ติบุคคล โดยการตั้ง ยุบ และเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด ให้
ตราเป็ นพระราชบัญญัติ
2.1.2 คณะกรมการจังหวัด คือ คณะหัวหน้าส่ วนราชการ ซึ่ งทาหน้าที่เป็ นที่ปรึ กษา
ของผูว้ ่าราชการจังหวัดในการบริ หารราชการแผ่นดินในจังหวัดและให้ความเห็ นชอบในการจัดทา
แผนพัฒนาจังหวัด โดยประกอบด้วย ผูว้ ่าราชการจังหวัดเป็ นประธาน รองผูว้ ่าราชการจังหวัดหนึ่ ง
คนตามที่ผูว้ ่าราชการจังหวัดมอบหมาย ปลัดจังหวัด อัยการจังหวัดซึ่ งเป็ นหัวหน้าที่ทาการอัยการ
จังหวัด ผูบ้ งั คับการตารวจภูธรจังหวัด และหัวหน้าส่ วนราชการประจาจังหวัดจากกระทรวงและ
ทบวงต่างๆ เว้นแต่กระทรวงมหาดไทยซึ่ งประจาอยูใ่ นจังหวัด กระทรวง หรื อทบวงละหนึ่ งคน เป็ น
กรมการจังหวัดและหัวหน้าสานักงานจังหวัดเป็ นกรมการจังหวัดและเลขานุการ แต่หากผูว้ ่าราชการ
จังหวัดเห็ นสมควรจะแต่ งตั้งให้หัวหน้าส่ ว นราชการประจาจังหวัดในราชการส่ วนภู มิภาคเป็ น
กรมการจังหวัดเพิ่มขึ้นก็ได้
2.1.3 ผูว้ ่าราชการจังหวัด ซึ่ งต้องสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีอานาจหน้าที่
(1) บริ ห ารราชการตามกฎหมายและระเบี ยบแบบแผนของทางราชการของ
จังหวัดในราชการส่ วนภูมิภาค ตามที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมาย
และตามคาแนะนา คาชี้แจงของผูต้ รวจราชการกระทรวง
(2) กากับดูแลการปฏิบตั ิราชการอันมิใช่ราชการส่ วนภูมิภาคของข้าราชการซึ่ ง
ประจ าอยู่ในจังหวัด นั้น ยกเว้นข้าราชการทหาร ข้า ราชการฝ่ ายตุ ล าการ ข้า ราชการฝ่ ายอัยการ
ข้าราชการพลเรื อนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสานักงานตรวจเงินแผ่นดินและข้าราชการครู
(3) ประสานงานและร่ วมมื อกับข้า ราชการทหาร ข้า ราชการฝ่ ายตุ ล าการ
ข้าราชการฝ่ ายอัยการ ข้าราชการพลเรื อนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสานักงานตรวจเงินแผ่นดิน
และข้าราชการครู ผูต้ รวจราชการและหัวหน้าส่ วนราชการในระดับเขตหรื อภาค ในการพัฒนา
จังหวัดหรื อป้องปัดภัยพิบตั ิสาธารณะ
(4) เสนองบประมาณต่ อกระทรวงที่ เกี่ ยวข้อง หรื อต่ อส านักงาบประมาณ ตาม
โครงการหรื อแผนพัฒนาจังหวัด และรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบ
(5) ควบคุมดูแลการบริ หารราชการส่ วนท้องถิ่นในจังหวัดตามกฎหมาย
(6) กากับการปฏิบตั ิหน้าที่ของพนักงานองค์การของรัฐบาลหรื อรัฐวิสาหกิจ
(7) บรรจุ แต่งตั้ง ให้บาเหน็จ และลงโทษข้าราชการส่ วนภูมิภาคในจังหวัดตามที่
ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง หรื ออธิบดีมอบหมาย
ในกรณี ที่ไม่มีผดู ้ ารงตาแหน่งผูว้ ่าราชการจังหวัด หรื อมีแต่ไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้
ให้รองผูว้ ่าราชการจังหวัด ผูช้ ่วยผูว้ ่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัดรักษาราชการแทนตามลาดับ ถ้ามี
รองผูว้ ่า ราชการจังหวัด ผูช้ ่ ว ยผูว้ ่าราชการจังหวัด หรื อปลัดจังหวัดหลายคน ให้ปลัดกระทรวง
แต่งตั้งรอง หรื อผูช้ ่วย หรื อปลัดจังหวัดคนใดคนหนึ่ งแล้วแต่กรณี เป็ นผูร้ ักษาราชการแทน หากไม่
มีขา้ ราชการทั้ง 3 ตาแหน่ งข้างต้นให้หัวหน้าส่ วนราชการประจาจังหวัดซึ่ งมีอาวุโสตามระเบียบ
แบบแผนของทางราชการเป็ นผูร้ ักษาราชการแทน
การยกเว้น จ ากัด หรื อตัด ทอน อ านาจหน้า ที่ ข องผู ว้ ่ า ราชการจัง หวัด หรื อ ให้
ข้าราชการของส่ วนราชการใดมี อานาจหน้าที่ในการบริ หารราชการส่ วนภูมิภาคเช่ นเดียวกับผูว้ ่า
ราชการจังหวัด ต้องตราเป็ นพระราชบัญญัติ
2.1.4 ให้แบ่งส่ วนราชการของจังหวัด เป็ น 2 ส่ วนคือ
(1) สานักงานจังหวัด มี หน้าที่เกี่ ยวกับราชการทัว่ ไปและการวางแผนพัฒนา
จังหวัดของจังหวัดนั้น มีหวั หน้าสานักงานจังหวัดเป็ นผูบ้ งั คับบัญชาข้าราชการ
(๒) ส่ ว นราชการต่ า ง ๆ ซึ่ งกระทรวง ทบวง กรม ได้ต้ งั ขึ้ น มี หั ว หน้า ส่ ว น
ราชการประจาจังหวัดนั้น ๆ เป็ นผูป้ กครองบังคับบัญชารับผิดชอบ
2.1.5 พรบ. ฉบับ นี้แ ก้ ไขเพิ่ม เติ มปี 2550 (ฉบับที่ 7) กาหนดให้จงั หวัด และกลุ่ ม
จังหวัดสามารถของบประมาณรายจ่ายประจาปี 2550 ได้ และกาหนดให้จงั หวัดมีหน้าที่ ดังนี้
(1) นาภารกิจของรัฐและนโยบายไปปฏิบตั ิให้เกิดผลสัมฤทธิ์
(2) ดู แลให้มีการปฏิ บตั ิ และบังคับการให้เป็ นไปตามกฏหมาย เพื่อให้เกิ ด
ความสงบเรี ยบร้อยและเป็ นธรรมในสังคม
(3) จัดให้มีการคุม้ ครอง ป้องกัน ส่ งเสริ ม และช่วยเหลือประชาชนและชุมชน
ที่ดอ้ ยโอกาสเพื่อให้เกิดความเป็ นธรรมทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมในการดารงชีวิตอย่างพอเพียง
(4) จัดให้มีการบริ การภาครัฐเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอย่างเสมอหน้า
รวดเร็ วและมีคุณภาพ
(5) จัด ให้มี การส่ งเสริ ม อุด หนุ น และสนับสนุ นองค์ก รปกครองท้องถิ่ น
เพื่ อ ให้ ส ามารถด าเนิ น การตามอ านาจหน้ า ที่ ข ององค์ ก รปกครองส่ ว นท้อ งถิ่ น และใหมี ขี ด
ความสามารถพร้อมที่จะดาเนินการตามภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนจากกรทรวง ทบวง กรม
ให้จงั หวัดมี แผนพัฒนาจังหวัด ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิ จและ
สังคมในระดับชาติ และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นในจังหวัด โดยแผนต้องได้จากการ
ปรึ กษาหารื อร่ ว มกันของราชการส่ วนภูมิ ภ าค ส่ วนกลาง ท้องถิ่ น ภาคประชาสั งคม ภาคธุ ร กิ จ
ทั้งหมดในจังหวัด เมื่ อจัดทาแผนพัฒนาจังหวัดแล้วแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่ วน
ท้องถิ่น และแผนของส่ วนราชการต่าง ๆ ในจังหวัด ต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดดังกล่าว
ให้จงั หวัดจัดให้มี คณะกรรมการธรรมาภิบาล (ก.ธ.จ.) ประกอบด้วยผูต้ รวจสานัก
นายกรั ฐมนตรี เป็ นประธาน ผูแ้ ทนประชาสังคม ผูแ้ ทนสมาชิ กสภาท้องถิ่ นที่ไม่ได้ดารงตาแหน่ ง
ผูบ้ ริ ห าร และผู แ้ ทนภาคู ร กิ จ เอกชน ทาหน้า ที่ ส อดส่ อ งและเสนอแนะการปฏิ บ ัติ ภ ารกิ จ ของ
หน่วยงานภาครัฐในจังหวัดให้ใช้วิธีการบริ หารกิจการบ้านเมืองที่ดีและเป็ นไปตามาตรา 3/1
2.2 อาเภอ
2.2.1 อาเภอ เป็ นส่ วนราชการรองจากจังหวัด โดยการตั้ง ยุบ และเปลี่ยนเขตอาเภอ ให้
ตราเป็ นพระราชกฤษฎีกา
2.2.2 อาเภอมีหน้าที่ภายในเขตอาเภอ ดังนี้ (แก้ไขเพิ่มเติมปี 50)
(1) หน้าที่ของจังหวัดในขอบเขตอาเภอให้เป็ นหน้าที่ของอาเภอ
(2) ส่ งเสริ ม สนับสนุน และจัดให้มีการบริ การร่ วมกันของหน่วยงานของรัฐใน
ลักษณะศูนย์บริ การร่ วม
(3) ประสานงานกับองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่ นเพื่อร่ วมกับชุ มชนในการ
ดาเนิ นการให้มีแผนชุ มชน เพื่อรองรับการสนับสนุ นจากองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น จังหวัด และ
กระทรวง ทบวง กรม
(4) ไกล่เกลี่ยหรื อจัดให้มีการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทเพื่อให้เกิ ดความสงบ
เรี ยบร้อยในสังคม
2.2.3 นายอาเภอ เป็ น ข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ปกครองบังคับบัญชา
ข้าราชการในอาเภอ และรับผิดชอบงานบริ หารราชการของอาเภอ โดยมี ปลัดอาเภอและหัวหน้า
ส่ ว นราชการประจ าอ าเภอซึ่ งกระทรวง ทบวง กรมต่ า ง ๆ ส่ งมาประจ าให้ปฏิ บตั ิ ห น้า ที่ เ ป็ นผู ้
ช่วยเหลือนายอาเภอ
ในกรณี ผดู ้ ารงตาแหน่งนายอาเภอ แต่ไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้ ให้นายอาเภอแต่งตั้ง
ปลัดอาเภอ หรื อหัวหน้าส่ วนราชการประจาอาเภอผูม้ ีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ
เป็ นผูร้ ักษาราชการแทน แต่ถา้ กรณี ที่ไม่มีผดู ้ ารงตาแหน่ งนายอาเภอ ให้ผวู ้ ่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง
ปลัดอาเภอ หรื อหัวหน้าส่ วนราชการประจาอาเภอผูม้ ีอาวุโส ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ
เป็ นผูร้ ักษาราชการแทน โดยนายอาเภอมีอานาจและหน้าที่ดงั นี้
(1) บริ หารราชการตามกฎหมายและระเบี ยบแบบแผนของทางราชการตามที่
คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมาย หรื อคาแนะนาและคาชี้แจงของผูว้ ่า
ราชการจังหวัดและผูม้ ีหน้าที่ตรวจการอื่น
(2) ควบคุมดูแลการบริ หารราชการส่ วนท้องถิ่นในอาเภอตามกฎหมาย
(3) ถ้ากฎหมายใดมิ ได้บญั ญัติว่าการปฏิ บตั ิ ตามกฎหมายนั้นเป็ นหน้าที่ของผูใ้ ด
โดยเฉพาะ ให้เป็ นหน้าที่ของนายอาเภอที่จะต้องรักษาการให้เป็ นไปตามกฎหมายนั้นด้วย
2.2.4 ตาม พรบ. นี้ ฉบับที่ 7 กาหนดให้มี ”คณะบุคคลผูท้ าหน้าที่ไกล่เกลี่ยประนอมข้อ
พิพาทของประชาชน” ประกอบด้วย นายอาเภอ หรื อพนักงานอัยการประจาจังหวัด หรื อปลัดอาเภอที่
ได้รับมอบหมายเป็ นประธาน และบุคคลที่คู่กรณี เลือก ข้างละ 1 คน มี หน้าที่ดาเนิ นการไกล่ เกลี่ยข้อ
พาทของคู่ กรณี ที่ฝ่ายใดฝ่ ายหนึ่ งมี ภูมิลาเนาในเขตอาเภอ ในเรื่ องพิพาททางแพ่งเกี่ ยวกับที่ดิน มรดก
และข้อพิพาททางแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิ นสองแสนบาท โดยสัญญาประณี ประนอมยอมความการไกล่
เกลี่ ยมี ผลเช่ นเดี ยวกับคาชี้ ขาดของอนุ ญาโตตุ ลาการ หากคู่ กรณี ฝ่ายใดฝ่ ายหนึ่ งไม่ ทาตามสัญญาให้
พนักงานอัยการยืน่ คาร้องบังคับต่อศาล (ให้มีคณะบุคคล ฯ ทัว่ ทั้งประเทศ รวมทั้ง กทม.)
ในความอาญา ที่เกิ ดขึ้นในอาเภอ ที่ยอมความกัน ยกเว้นคดี เกี่ ยวกับเพศ ถ้าผูเ้ สี ยหาย
และผูถ้ ูกกล่าวหายินยอม ให้นายอาเภอ หรื อปลัดอาเภอที่นายอาเภอมอบหมายเป็ นผูไ้ กล่เกลี่ย
2.2.4 อาเภอแบ่งส่ วนราชการ ดังนี้
(1) สานักงานอาเภอ มีหน้าที่ราชการทัว่ ไปของอาเภอนั้น ๆ มีนายอาเภอเป็ น
ผูป้ กครองบังคับบัญชาข้าราชการ
(2) ส่ วนต่าง ๆ ซึ่ งกระทรวง ทบวง กรม ได้ต้ งั ขึ้นในอาเภอนั้น
4. การปฏิบัติราชการแทน
อานาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุ มตั ิ การปฏิบตั ิราชการ หรื อการดาเนิ นการอื่น ผูด้ ารง
ตาแหน่งอาจมอบอานาจให้ผดู ้ ารงตาแหน่งอื่นปฏิบตั ิราชการแทนได้โดย ตามที่เห็นสมควร ยกเว้น
การมอบอานาจที่กฎหมายกาหนดไว้เป็ นการเฉพาะ ในการมอบอานาจที่กฎหมายกาหนดเป็ นการ
เฉพาะ ให้ผดู ้ ารงตาแหน่งมีอานาจมอบอานาจให้ผวู ้ ่าราชการจังหวัด หรื อผูว้ ่าอาจมอบอานาจต่อไป
ได้ตามที่เจ้าของอานาจกาหนดเงื่อนไข (แก้ไขเพิ่มเติมปี 50)
ต้องจัดทาเป็ นหนังสื อ ให้ผูม้ อบอานาจพิจารราถึ งการอานวยความสะดวกแก่ ประชาชน
ความรวดเร็ วในการปฏิบตั ิราชการ การกระจายอานาจความรับผิด ชอบตามสภาพของตาแหน่ งของ
ผูร้ ับมอบอานาจ เมื่อได้มอบอานาจแล้ว ผูม้ อบอานาจมีหน้าที่กากับดูแลและติดตามผลการปฏิบตั ิ
ราชการของผุร้ ับมอบอานาจ และมีอานาจแก้ไขหรื อแนะนาการปฏิบตั ิราชการได้
5. การรักษาราชการแทน
การรักษาราชการแทน คือ การสัง่ ให้ขา้ ราชการของผูด้ ารงตาแหน่งที่ต่ากว่ามาปฏิบตั ิหน้าที่
แทนตาแหน่งที่ว่างหรื อผูด้ ารงตาแหน่งไม่สามารถปฏิบตั ิงานได้ โดยมีอานาจเทียบเท่าตาแหน่งนั้น
ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็ นการอานาจที่รับมอบมาจากตาแหน่งอื่น หรื อการเป็ นกรรมการโดยตาแหน่ง
โดยมีหลักเกณฑ์ดงั ต่อไปนี้
5.1 กรณี ที่ไม่ มีนายกรั ฐมนตรี หรื อไม่ อาจปฏิ บตั ิ ราชการได้ ให้รองนายกรั ฐมนตรี หรื อ
รัฐมนตรี คนใดคนหนึ่ งเป็ นผูร้ ักษาราชการแทนตามลาดับ หากมีผดู ้ ารงตาแหน่ งรอง ฯ หรื อ รมต.
หลายคนให้คณะรัฐมนตรี เลือกคนใดคนหนึ่ง
5.2 ในกรณี ไมมีรัฐมนตรี ว่าการกระทรวง หรื อไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้ ให้รัฐมนตรี ช่วยว่า
การกระทรวงนั้นเป็ นผูร้ ั ก ษาราชการแทนอันดับแรก หากไม่ มี ใ ห้ค ณะรั ฐ มนตรี ม อบหมายให้
รัฐมนตรี คนใดคนหนึ่งเป็ นผูร้ ักษาราชการแทน
5.3 ในกรณี ที่ไม่ มีเลขานุ การรั ฐมนตรี หรื อไม่ อาจปฏิ บตั ิ ราชการได้ ให้ผูช้ ่ วยเลขานุ การ
รั ฐมนตรี เป็ นผูร้ ั กษาราชการแทน ถ้าไม่ มี ผูช้ ่ วยเลขานุ การรั ฐมนตรี ให้รัฐมนตรี ว่ าการกระทรวง
แต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงนั้นเป็ นผูร้ ักษาราชการแทน
5.4 ในกรณี ที่ไม่ มีปลัดกระทรวง หรื อไม่ อาจปฏิ บตั ิ ราชการได้ ให้รองปลัดกระทรวงเป็ น
ผูร้ ั ก ษาราชการแทน ถ้ามี ร องปลัด กระทรวงหลายคน ให้รั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงแต่ งตั้งรอง
ปลัดกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็ นผูร้ ักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผดู ้ ารงตาแหน่ งรองปลัดกระทรวง ให้
แต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงที่ดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าอธิบดีเป็ นผูร้ ักษาราชการแทน
5.5 ในกรณี ที่ไม่มีอธิบดีหรื อไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้ ให้รองอธิ บดีเป็ นผูร้ ักษาราชการแทน
ถ้ามีรองอธิ บดีหลายคน ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองอธิ บดีคนใดคนหนึ่ งเป็ นผูร้ ักษาราชการแทน
ถ้าไม่มีผดู ้ ารงตาแหน่ งรองอธิ บดีให้แต่งตั้งข้าราชการในกรมซึ่ งดารงตาแหน่ งเทียบเท่ารองอธิ บดี
รักษาราชการแทน ทั้งนี้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเห็นสมควรจะแต่งตั้งข้าราชการคนใดคนหนึ่ งซึ่ ง
ดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่ารองอธิบดีหรื อเทียบเท่า เป็ นผูร้ ักษาราชการแทนก็ได้
6. การบริหารราชการในต่ างประเทศ
กฎหมายได้วางกรอบการโครงสร้ าง และวิธีการปฏิ บตั ิ งานในต่างประเทศ โดยให้มีคณะ
ผูแ้ ทน ทาหน้าที่ในการรั บนโยบายจากรั ฐบาลมาปฏิ บตั ิ มี หัวหน้าคณะผูแ้ ทนเป็ นผู ้ บงั คับบัญชา
สู งสุ ดใสถานทูต หรื อสถานกงสุ ล รายละเอียด ดังนี้
6.1 คณะผูแ้ ทน คือ บรรดาข้าราชการฝ่ ายพลเรื อน หรื อข้าราชการฝ่ ายทหารประจาการใน
ต่างประเทศซึ่ งได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุ ลใหญ่ สถานกงสุ ล
สถานรองกงสุ ล ส่ วนราชการของกระทรวงการต่ างประเทศซึ่ งเรี ยกชื่ อเป็ นอย่างอื่นและปฏิ บตั ิ
หน้าที่เช่ นเดี ยวกับสถานเอกอัครราชทูตหรื อสถานกงสุ ลใหญ่ และคณะผูแ้ ทนถาวรไทยประจ า
องค์การระหว่างประเทศ โดยให้ขา้ ราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศเป็ นหัวหน้าคณะผูแ้ ทน
6.2 หัวหน้า คณะผูแ้ ทนเป็ นผูร้ ั บนโยบายและคาสั่ งจากนายกรั ฐ มนตรี ใ นฐานะหัว หน้า
รั ฐ บาล คณะรั ฐ มนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิ บตั ิ การให้เหมาะสมกับการปฏิ บตั ิ ราชการใน
ต่างประเทศ และเป็ นหัวหน้าบังคับบัญชาบุคคลในคณะผูแ้ ทน
6.3 รั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวง รั ฐ มนตรี ว่ า การทบวง ปลั ด ส านั ก นายกรั ฐ มนตรี
ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิ บดี หรื อ ผูด้ ารงตาแหน่ งเทีย บเท่า อาจมอบอานาจให้หัว หน้าคณะ
ผูแ้ ทนปฏิบตั ิราชการแทนได้
7. คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
7.1 คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เรี ยกย่อว่า “ก.พ.ร.” ประกอบด้วยนายกรั ฐมนตรี
หรื อรองนายกรัฐมนตรี ที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายเป็ นประธาน รัฐมนตรี หนึ่ งคนที่นายกรัฐ มนตรี
กาหนดเป็ นรองประธาน ผูซ้ ่ ึ งคณะกรรมการการกระจายอานาจให้แก่ องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น
มอบหมายหนึ่งคน และกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิไม่เกิ นสิ บคน (วาระ 4 ปี ไม่เกิ นสองวาระติดต่อกัน)
ซึ่ งคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งจากผูม้ ีความรู ้ความเชี่ยวชาญในทางด้านนิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์
การบริ หารรัฐกิจ การบริ หารธุรกิจ การเงินการคลัง จิตวิทยาองค์การ และสังคมวิทยาอย่างน้อยด้าน
ละหนึ่ งคน โดยคณะรัฐมนตรี อาจกาหนดให้กรรมการผูท้ รงคุณวุฒิอย่างน้อยสามคนแต่ไม่เกิ นห้า
คนต้องทางานเต็มเวลา เลขาธิ การ ก.พ.ร. เป็ นกรรมการและเลขานุ การ ก.พ.ร. มีอานาจหน้าที่
ดังต่อไปนี้
7.1.1 เสนอแนะ ให้คาปรึ กษา เสนอความเห็นต่อในการตราพระราชกฤษฎีกาและกฎ
ตีความและวินิจฉัยปั ญหา รายงานเมื่ อมี การขัดมาตรา ๓/๑ แก่ คณะรั ฐมนตรี เกี่ ยวกับการพัฒนา
ระบบราชการ และงานของรัฐอย่างอื่น ซึ่ งรวมถึงโครงสร้างระบบราชการ ระบบงบประมาณ ระบบ
บุคลากร มาตรฐานทางคุณธรรมและจริ ยธรรม ค่าตอบแทน และวิธีปฏิบตั ิราชการอื่น
7.1.2 เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อกาหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานในการจัดตั้ง การ
รวม การโอน การยุบเลิก การกาหนดชื่อ การเปลี่ยนชื่อ การกาหนดอานาจหน้าที่ และการแบ่งส่ วน
ราชการภายในของส่ วนราชการ
7.1.3 ติดตาม ประเมินผล และแนะนาเพื่อให้มีการปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัติน้ ี และ
รายงานต่อคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ
7.1.4 จัดทารายงานประจาปี เกี่ยวกับการพัฒนาและจัดระบบราชการและงานของรัฐ
อย่างอื่นเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอต่อสภาผูแ้ ทนราษฎรและวุฒิสภา
7.2 สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ รับผิดชอบงานเลขานุการของ ก.พ.ร. โดย
เป็ นส่ วนราชการในสานักนายกรัฐมนตรี ข้ ึนตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีเลขาธิ การ ก.พ.ร. ซึ่ งมีฐานะ
เป็ นอธิบดีเป็ นผูบ้ งั คับบัญชา
1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน
2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
6) ประชาชนได้รับการอานวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ
7) มีการประเมินผลการปฏิบตั ิราชการอย่างสม่าเสมอ
ประชาชนตระหนักถึงประโยชน์ส่วนรวมที่จะได้รับ
มาตรา 11 การพัฒนาความรู ้ในส่ วนราชการ ที่มีลกั ษณะเป็ นองค์แห่ งการเรี ยนรู ้อย่างสม่าเสมอ
เพื่อนาความรู ้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ ว ส่ งเสริ มพัฒนาความรู ้ความสามารถ สร้าง
วิสัยทัศน์และเปลี่ยนทัศนคติ ให้มีการเรี ยนรู ้ร่วมกัน
เปลี่ยนแปลงต้องให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ
หมวด 7 การอานวยความสะดวกและการสนองความต้องการของประชาชน
การจัดทาแผนปฏิบัติราชการ
การให้บริ การประชาชนและการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานราชการด้วยกันต้องกระทา
โดยแพลตฟอร์ มดิจิทลั กลางที่สานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทลั (องค์การมหาชน) จัดทาขึ้น (มาตรา 6)
4) คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว และมีจิตสาธารณะ
5) มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน
7) ดารงตนเป็ นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ
6) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดจากการใช้บงั คับพระราชบัญญัติน้ ี
ให้หน่วยงานของรัฐดาเนินการ ดังต่อไปนี้
โดยที่สมควรมีกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติน้ ี
“เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรื อผูป้ ฏิบตั ิงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะ
เป็ นการแต่งตั้งในฐานะเป็ นกรรมการหรื อฐานะอื่นใด
ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคาขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็ จภายในหนึ่งร้อยแปดสิ บ
วัน หากเรื่ องใดไม่อาจพิจารณาได้ทนั ในกาหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรี
เจ้าสังกัดหรื อกากับหรื อควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่ งนั้นทราบและขออนุมตั ิขยายระยะเวลา
ออกไปได้ แต่รัฐมนตรี ดงั กล่าวจะพิจารณาอนุมตั ิให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปด
สิ บวัน
บรรหาร ศิลปอาชา
นายกรัฐมนตรี
มาตรา ๑๕๘ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน ทาให้เสี ยหาย ทาลาย ซ่ อนเร้น เอาไปเสี ย หรื อทาให้
สู ญหายหรื อทาให้ไร้ประโยชน์ ซึ่ งทรัพย์หรื อเอกสารใดอันเป็ นหน้าที่ของตนที่จะปกครองหรื อ
รักษาไว้ หรื อยินยอมให้ผอู ้ ื่นกระทาเช่นนั้น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่ง
แสนสี่ หมื่นบาท
(๑) เปิ ด หรื อยอมให้ผอู ้ ื่นเปิ ด จดหมายหรื อสิ่ งอื่นที่ส่งทางไปรษณี ยห์ รื อโทรเลข
(๒) ทาให้เสี ยหาย ทาลาย ทาให้สูญหาย หรื อยอมให้ผอู ้ ื่นทาให้เสี ยหาย ทาลายหรื อทาให้
สู ญหาย ซึ่ งจดหมายหรื อสิ่ งอื่นที่ส่งทางไปรษณี ยห์ รื อโทรเลข
(๓) กัก ส่ งให้ผดิ ทาง หรื อส่ งให้แก่บุคคลซึ่ งรู ้ว่ามิใช่เป็ นผูค้ วรรับซึ่ งจดหมาย หรื อสิ่ งอื่นที่
ส่ งทางไปรษณี ยห์ รื อโทรเลข หรื อ
มาตรา ๑๖๕ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ปฏิบตั ิการให้เป็ นไปตามกฎหมาย หรื อคาสั่ง
ซึ่ งได้สั่งเพื่อบังคับการให้เป็ นไปตามกฎหมาย ป้องกันหรื อขัดขวางมิให้การเป็ นไปตามกฎหมาย
หรื อคาสั่งนั้น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
ถ้าความผิดนั้นได้กระทาลงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อบังคับ
รัฐบาลหรื อเพื่อข่มขู่ประชาชน ผูก้ ระทาต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิ บปี และปรับไม่เกินสองแสน
บาท