Professional Documents
Culture Documents
วิศิษฐ์ วังวิญญู
สถาบันขวัญเมือง เชียงราย
การสนทนาทีไ่ ม่ก่อให้เกิดการเรียนร้้
ทีน
่ ำาการสนทนามาเทียบเคียงกับการเรียนรูู ก็เพราะมองว่าการ
เรียนรููเป็ นคุณลักษณะหลักทีส
่ ำาคัญยิง่ เพือ
่ ชีวิตคือองค์กรทีจ
่ ัด
องค์กรตัวเองอย่างเป็ นเครือข่ายเพือ
่ การเรียนรูู
ถูาเราเป็ นคนละเอียดอ่อน และเมือ
่ มีโอกาสอยู่ในวงสนทนา
ลองถอยตัวเองออกจากฐานะของผููเขูาร่วม มาเป็ นผููสังเกตการณ์
เมือ
่ สังเกตดูการสนทนาทีเ่ กิดขึน
้ ทัว
่ ๆ ไป ของคนทัว
่ ไปในสังคม
ปั จจุบันนี ้ และลองประมวลขูอสรุปออกมาสิว่า มันจะบอกอะไรกับ
เราบูาง?
หนึง่ ในวงสนทนานัน
้ จริงๆ แลูวไม่ค่อยมีใครฟั งใคร ยิง่ ถูา
กินเหลูาคุยกันดูวยแลูว จะเกิดอาการต่างคนต่างพูดเลยดูวยซำา
้
และในกรณีทีย
่ ังฟั งกันบูาง การฟั งก็เพือ
่ จะเก็บวลีหรือถูอยคำาทีเ่ ขูา
ทาง หรือทีส
่ อดคลูองกับความคิดและมุมมองของตน และก็จะสอด
แทรกเขูามาพล่ามเรือ
่ งทีต
่ นเองอยากจะพูดเลยทีเดียว อันนีก
้ ็เป็ น
เหตุผลนะครับว่า ทำาไมงานสังคมจึงเป็ นงานทีน
่ ่าเบือ
่ หน่าย ไม่มี
ใครเรียนรููอะไรจากใคร ไม่มีความอิม
่ เอมใจอันเกิดจากการสนทนา
ทีแ
่ ทูจริง อย่างดีทีส
่ ุดก็ทำาไดูแค่อวดมัง่ มีและอวดเก่งเท่านัน
้ และ
ไม่มีอะไรมากกว่านี ้
โบห์มเองก็พูดเรือ
่ ง dialogue ระดับโลกทีอ
่ งค์กรระดับโลก
เช่นสหประชาชาติชอบใชู โบห์มตัง้ ขูอสังเกตว่า สิง่ ทีเ่ กิดขึน
้ ไม่ใช่
dialogue ในความหมายของโบห์ม หากเป็ นการเจรจาต่อรองผล
ประโยชน์เล็กๆ นูอยๆ ในรายละเอียดเล็กๆ นูอยๆ โดยทีห
่ ลัก
การ มุมมอง โลกทัศน์ของทัง้ สองฝ่ ายไม่ไดูมีการปรับเปลีย
่ นเรียนรูู
เลย ปั ญหาจึงมิอาจแกูไขไดู เพราะตัวปั ญหาหลักคือมุมมองและ
โลกทัศน์ทีแ
่ ข็งตัวยังดำารงอยู่อย่างถาวรโดยไม่แปรเปลีย
่ น
เพราะฉะนัน
้ การสนทนาเพือ
่ ขายความคิดเพือ
่ ใหูคนอืน
่ มา
คลูอยตามความคิดของตน จึงไม่ใช่การสนทนาแบบโบห์ม การ
สนทนาแบบโบห์มผููเขูาร่วมตูองเปิ ดใจ พรูอมเปลีย
่ นมุมมองและ
สมมติฐานอย่างกลูาหาญและหฤหรรษ์
การฟั งอย่างมีคุณภาพ
ฟั งอย่างเป็ นกระจกเงา
แก้ปัญหาเมือ
่ สัมพันธ์กับคนทีม
่ ีอารมณ์ลบ
เป็ นความอิม
่ เอมใจอย่างหนึง่ เมือ
่ ไดูรับทราบว่าขบวนการฝึ กอบรม
ก่อใหูเกิดผล ก็เนือ
่ งดูวยในโครงการหัวใจใหม่ชีวิตใหม่ ซึง่ รักษา
โรคหัวใจอย่างเป็ นองค์รวมนัน
้ เราไดูใหูความสำาคัญกับการดูแล
จัดการความเครียดมาเป็ นอันดับหนึง่ การนำาเอาการฝึ กสติในชีวิต
ประจำาวันเขูามาเพิม
่ คุณภาพใหูผูเขูาร่วมไดูบ่มเพาะอารมณ์บวก
ดุจดังคนสวนทีร
่ ดนำา
้ พรวนดินอารมณ์บวกทัง้ หลาย เช่นความรัก
ความแจ่มใส ความมีพลังชีวิตเป็ นตูน และใหูพยายามหลีกเลีย
่ ง
อารมณ์ลบเช่นความโกรธ ความหงุดหงิด และอืน
่ ๆ
การอบรมเช่นนีค
้ นไขูโรคหัวใจซึง่ เป็ นคนแบบเอ (โกรธง่าย กูาวรูาว
จะเอาอะไรตูองเอาใหูไดู มองเห็นคนอืน
่ เป็ นตูนเหตุของปั ญหา โดย
มักจะไม่มองเห็นขูอจำากัดของตนเอง) หลายต่อหลายคนไดูปรับ
เปลีย
่ นพฤติกรรมแบบ ๑๘๐ องศา คือกลับลำาบุคลิกภาพเลยที
เดียว พวกเขากลับไปขออภัยเพือ
่ นและญาติมิตรทีพ
่ วกเขาระเบิด
อารมณ์ใส่โดยปราศจากเหตุผลทีด
่ ีพอ และพวกเขาก็สามารถหยุด
ปฏิกิริยาแบบฉับพลันทีม
่ ีต่อคนอืน
่ ๆ ในสถานการณ์ต่างๆ โดยอาจ
จะใชูวิธีเก็บความรููสึกเอาไวู หรือเดินเลีย
่ งออกมาจากสถานการณ์
อันล่อแหลม พวกเขาก็สามารถลดการแสดงอารมณ์โกรธหรือ
หงุดหงิดในทันทีทันใดไดูมาก บางคนสามารถไปไกลกว่านัน
้ โดย
สามารถหยุดโกรธก่อนโกรธและเอาความเขูาใจ เห็นอกเห็นใจเขูา
มาแทนที ่ หลายคนเริม
่ มองความคับแคบและขูอผิดพลาดของ
ตนเอง ท่านหนึง่ ทีท
่ ะเลาะกับภรรยาจนเกือบจะเลิกกันแลูว กลับมา
เห็นความงามของภรรยา และเนือ
่ งจากสุขภาพก็ฟื้นฟูดีขึน
้ ความ
สัมพันธ์แบบรักใคร่ก็กลับคืนมาดังเดิม สรุปแลูวคนไขูหลายต่อ
หลายคน หลายต่อหลายรุ่นฟื้ นคืนสุขภาพ ความเป็ นปกติ ความ
แจ่มใสปลอดโปร่ง ทัง้ กายและใจกลับคืนมา
เมือ
่ เดือนเมษายน ๒๕๔๕ ผมไดูรับเชิญฝึ กอบรมเรือ
่ ง ศิลปะ
การจัดการเรียนการสอนใหูอาจารย์ทีม
่ หาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ในการนำาเสนอเรือ
่ งการใชูปัญญาอารมณ์ในศิลปะการสอนนัน
้
อาจารย์ท่านหนึง่ ยกประเด็นขึน
้ มาว่า เราอาจจะจัดการกับอารมณ์
โกรธ อารมณ์หงุดหงิดของตนเองไดู แต่ถูาเราไปพบความโกรธ
ความหงุดหงิดของคนอืน
่ ขึน
้ มาล่ะ เราจะทำาอย่างไร โดยเฉพาะใน
กรณีทีเ่ ราไม่สามารถเดินหนีออกไปไดู แต่จะตูองเผชิญหนูากันเพือ
่
จัดการงานใหูบรรลุวัตถุประสงค์ทีว
่ างไวู
ทีมฝึ กอบรมทีม
่ าจากสถาบันขวัญเมืองและเสมสิกขาลัย ไดู
เสนอแนวทางแห่งการฟั งอย่างเป็ นกระจกเงาเพือ
่ เป็ นการตอบ
สนองต่อสถานการณ์นัน
้ แทนทีจ
่ ะมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่าง
กูาวรูาว การฟั งอย่างเป็ นกระจกเงาก็คือการฟั งแต่ละช่วงของการ
พูดอย่างระเบิดอารมณ์ (หรือไม่ระเบิดอารมณ์) ของอีกฝ่ ายหนึง่
แลูวพูดกลับไปว่า เราไดูยินเขาพูดอย่างไร ในความเขูาใจของเรา
โดยใหูอีกฝ่ ายหนึง่ สามารถแกูไขไดูว่าเราสรุปความไดูถูกตูองหรือ
เปล่า เช่น
อีกฝ่ ายหนึง่ “คุณยูายโต๊ะนีไ้ ดูอย่างไรโดยไม่บอกกล่าวล่วงหนูา”
เรา “ผมไดูยินว่า ผมยูายโต๊ะไดูอย่างไร โดยไม่บอกคุณล่วงหนูา”
ฯลฯ ไปตลอดการสนทนา
วิธีนีไ้ ดูผลเกือบจะทุกกรณี ทัง้ นีเ้ พราะประการแรก อีกฝ่ าย
หนึง่ รููสึกว่าคุณไดูฟังเขาหรือเธอเป็ นอย่างดี โดยรับรููทุกถูอยกระทง
ความก็เมือ
่ ถึงเวลาทีค
่ ุณจะพูด เขาหรือเธอก็มีแนวโนูมทีจ
่ ะรับฟั ง
คุณเป็ นอย่างดีเช่นกัน
ประการทีส
่ อง ผููพูดมีโอกาสไดูรับฟั งสิง่ ทีต
่ นพูดโดย
ขบวนการฟั งอย่างกระจกเงานัน
้ ทำาใหูเขาหรือเธอมีโอกาสตัง้ สติ
และรับรููว่าตนเองกำาลังพูดอะไร ขบวนการเช่นนีจ
้ ะมีผลต่อการลด
ความรุนแรงของอารมณ์ของอีกฝ่ ายไดูมาก
ประการทีส
่ าม ฝ่ ายผููฟังก็จะไดูฟังจริงๆ ไม่ใช่ฟังอย่างด่วน
สรุป ฟั งอย่างรวบรัด และฟั งอย่างสรุปใจความเอาเองอย่างทีผ
่ ูฟัง
ตูองการจะสรุปแบบลากความเขูาขูางตัวเอง ทีย
่ ิง่ จะทำาใหูปัญหา
การสือ
่ สารยิง่ ยำ่าแย่ลงไปอีก
ประการทีส
่ ี ่ การฟั งอย่างนีท
้ ีช
่ ่วยใหูทัง้ สองฝ่ ายเริม
่ ตัง้ สติไดู
นัน
้ คุณภาพการฟั งก็จะยิง่ ลุ่มลึกยิง่ ขึน
้ ละเอียดอ่อนยิง่ ขึน
้ ทำาใหู
มองกูาวไปถึงบริบทหรือสภาพแวดลูอม ความเป็ นไปของอีกฝ่ าย
หนึง่ ขูอจำากัด หรือสถานการณ์อันบีบคัน
้ ของอีกฝ่ ายหนึง่ ก็จะ
ปรากฎขึน
้ ในการรับรูู นอกจากนีห
้ ากฝึ กฝนตนเองอย่างแยบคาย
ขึน
้ เสมอๆ ก็จะปรับคลืน
่ อันละเอียดอ่อนกว่าคำาพูดและภาษาท่า
ทางนัน
้ ๆ อันนีจ
้ ึงนับเป็ นสุดยอดของการฟั งคืออาจจะทำาใหูล่วงรููถึง
ความปรารถนาและความคับขูองใจของอีกฝ่ ายหนึง่
ในโลกทีเ่ ราใหูคุณค่ากับหนูาตาและภาพลักษณ์ภายนอก
มากกว่าคุณค่าดูานในนัน
้ เรามักจะหยิบฉวยเอาแต่ผิวๆ ของความ
เป็ นจริง เรามักจะหยิบฉวยเอาแต่ความหมายของถูอยคำาอย่าง
แบนๆ โดยรวบเขูาไปในความจำาไดูหมายรููในอดีตของเรา อันเป็ น
ความทรงจำาทีต
่ ายซากขาดชีวิตชีวา เป็ นอาการลงร่อง เป็ น
เครือ
่ งจักรอันปราศจากวิญญาณและเราก็ไม่ไดูเรียนรููอะไรใหม่ๆ
ความหมายใหม่ๆ แง่มุมใหม่ของถูอยคำา ยังไม่รวมถึงการประกอบ
ถูอยคำาอย่างมีความเป็ นวรรณศิลป์ อันอาจก่อเกิดจินตนาการที ่
ทะลุทะลวงกำาแพงทีข
่ วางกัน
้ ความเขูาใจทัง้ หลาย โดยยังไม่ไดูพูด
ถึงคลืน
่ หัวใจทีอ
่ าจเชือ
่ มโยงกันไดูอย่างง่ายๆ ในชัว
่ ขณะทีใ่ จเปิ ดใหู
กันและกัน ตรงนัน
้ เองทีเ่ ราจะทราบถึงความปรารถนาและความคับ
ขูองใจทีเ่ ป็ นกุญแจไปสู่ความเขูาใจส่วนในสุด
การฟั งอย่างเป็ นกระจกเงานี ้ ไม่ไดูมีไวูใชูเฉพาะกรณีคนห่าง
ตัวเท่านัน
้ แมูแต่ในความสัมพันธ์ของคู่รักและเพือ
่ สนิททีม
่ ีปัญหา
ความขัดแยูงหรือความรูาวฉานตลอดจนแมูกรณีทีจ
่ ะพัฒนาความ
สัมพันธ์ทีเ่ ริม
่ จะห่างเหินดูวยเรือ
่ งจุกจิกเล็กๆ นูอยๆ ใหูกระชับมัน
่
ยิง่ ขึน
้ การฟั งอย่างเป็ นกระจกเงานีก
้ ็จะช่วยไดูมาก
การบริโภคนิยมกับการสนทนา
การไถ่ถอนจากอำานาจของบริโภคนิยมมิใช่ทำากันไดูง่ายๆ แมูว่าเรา
จะเขูาใจโดยพุทธิปัญญา ถึงคุณและโทษของการดำารงชีวิตอยู่ในวิถี
แห่งการบริโภค แต่เราก็ไม่สามารถละเลิกการบริโภคต่างๆ นัน
้
และไม่สามารถสรูางสรรค์ชีวิตอันปลอดพูนจากการบริโภคมาไดู
อันทีจ
่ ริงบริโภคนิยมเป็ นอาการเสพติดชนิดหนึง่ ทีเ่ ป็ นแบบทัง้ ชีวิต
ในทุกแง่มุมของชีวิต เพราะฉะนัน
้ อีกกูาวหนึง่ ของการนำาไปสู่การ
เสพติดยาของเยาวชนทีอ
่ ยู่ในโลกของบริโภคนิยมอย่างเต็มตัว จึง
เป็ นไปไดูโดยง่ายดาย
นักคิดทีเ่ ขูาใจเบือ
้ งลึกเบือ
้ งตืน
้ ของปรากฎการณ์เช่นนีเ้ ป็ น
อย่างดีคือไอวาน อิลลิช ทีเ่ ขาไดูเห็นถึงการถอดถอนอำานาจของ
ปั จเจกบุคคลทีจ
่ ะดำารงชีวิตอย่างผููกระทำาการ และหาญกลูาใหูการ
ศึกษาตนเอง เรียนรููทำาความเขูาใจสิง่ ต่างๆ ดูวยตนเอง เขาพูดถึง
ระบบผููเชีย
่ วชาญ ทีผ
่ ูเชีย
่ วชาญไดูคิด ตัดสินใจ ออกแบบสังคม
และความเป็ นไปในชีวิตผููคน เขาพูดถึงการทีส
่ ังคมไดูมอบอำานาจ
หรือถูกฉกฉวยอำานาจไปใหูกับระบบโรงเรียน ในทีน
่ ีไ้ ม่ไดูหมาย
เฉพาะถึงโรงเรียนทีเ่ ยาวชนเขูาไปรับการศึกษาเท่านัน
้ หากหมาย
ถึงระบบโรงเรียนในทุกแง่มุมของชีวิตมนุษย์ทีส
่ ามัญชนถูกริดรอ
นอำานาจในการคิด ตัดสินใจและออกแบบชีวิต หากเขาจะตูองทำา
ตามสิง่ ทีผ
่ ูเชีย
่ วชาญในดูานต่างๆ เห็นว่าดีงาม ปริมณฑลของชีวิต
ดูานต่างๆ ก็มีเช่น เศรษฐกิจ สาธารณสุข พาณิชยกรรม การ
ศึกษา การพักผ่อน การบันเทิง สือ
่ สารมวลชนและอืน
่ ๆ อีกไม่รูจบ
แต่ลักษณะร่วมกันทีเ่ กิดขึน
้ ในทุกๆ ปริมณฑลของชีวิตก็คือ
มนุษย์เปลีย
่ นสภาพจากผููคิด ตัดสินใจ ออกแบบและกระทำาการ
มาเป็ นผููเสพอย่างเฉือ
่ ยชา อิลลิชไดูยกตัวอย่างเรือ
่ งของดนตรี ที ่
เดิมในหมู่บูานทีส
่ ืบทอดกันมาเป็ นประเพณีทัว
่ ไป ทัง้ ในโลกตะวัน
ตกและโลกตะวันออก การมีวงดนตรีสองสามวงในหมู่บูานหนึง่ ๆ
นัน
้ เป็ นเรือ
่ งปกติธรรมดา การใชูดนตรีและเพลงโดยชาวบูานเล่น
และรูองกันเองในกิจกรรมต่างๆ เป็ นเรือ
่ งปกติธรรมดาของชีวิต
และเมือ
่ มีวิทยุมีเทปเพลงเขูามา สิง่ เหล่านีก
้ ็หายไปทีละเล็กทีละ
นูอย จนสูญสิน
้ ไป เมือ
่ มนุษย์ไม่ไดูกระทำาก็ไม่เกิดขึน
้ การประดิษฐ์
คิดคูน พลิกแพลงก็ไม่เกิดขึน
้ เรือ
่ งอืน
่ ๆ ในปริมณฑลอืน
่ ๆ ก็เกิด
ขึน
้ มาในทำานองเดียวกัน
เรีอ
่ งของการสนทนาก็เกิดขึน
้ ในทำานองเดียวกัน ดังเพือ
่ นของ
คนหนึง่ คือแกรนด์ โอลสัน ผูไู ดูเคยมาเป็ นพีซคอในเมืองไทยเมือ
่
ประมาณสิบปี มาแลูว ณ เมืองสุพรรณบุรี ก็สามารถเป็ นหนึง่ ใน
ประจักษ์พยานกับสิง่ ทีเ่ กิดขึน
้
เมือ
่ เขามาอยู่ในฐานะของอาสาสมัครสันติภาพทีเ่ มือง
สุพรรณบุรีนัน
้ บูานพ่อแม่คนไทยทีเ่ ขามาอยู่ดูวยเป็ นชานเมืองที ่
ไฟฟูายังเขูาไม่ถึง ไม่มีโทรทัศน์ เมือ
่ ทานขูาวเย็นเสร็จ สมาชิกใน
ครอบครัวขยายนัน
้ ก็นัง่ ลูอมวงพูดคุยกันดูวยตะเกียงนำา
้ มันก๊าซ
และในวงสนทนานีเ้ องทีท
่ ำาใหูเขารููจักสังคมไทย ความโอบอูอมอารี
ความอุดหนุนเกือ
้ กูลกันในสภาพสังคมชนบทและมิติของพุทธธรรม
ทีก
่ ลมกลืนลงสู่วิถีปฎิบัติในชีวิตประจำาวัน สิง่ นีใ้ นสังคม
สหรัฐอเมริกาหมดไปแลูว การสนทนาทีแ
่ ทูจะหากไดูยาก ตูองดัน
้
ดูนหาเพือ
่ นทีอ
่ าจจะคุยกันไดูอย่างถูกใจ แต่ไม่ไดูมีอยู่เป็ นส่วนหนึง่
ของชีวิตประจำาวัน เมือ
่ แกรนต์กลับมาเยีย
่ มเมืองไทยต่อมาเป็ น
ลำาดับ สองสามปี ครัง้ เขาก็ไดูเห็นความเปลีย
่ นแปลงเช่นเดียวกับที ่
เป็ นไปในสังคมอเมริกา โทรทัศน์ไดูเขูามาจับจองใจกลางบูาน และ
การสนทนาอย่างเดิมก็หายไปจากครอบครัว ทุกคนก็เริม
่ ยุ่งยากกับ
กิจการต่างๆ จนแทนไม่มีเวลาใหูกับการสนทนาทีแ
่ ทูอีกต่อไป
เมือ
่ มองในแง่มุมมอง ภาษาและวัฒนธรรม ตลอดจน
ภูมิปัญญา การสนทนาจะเป็ นเวทีทีก
่ ่อเกิด เมือ
่ เวทีการสนทนาหาย
สูญไป หรือกระพร่องกระแพร่ง ประชาชนคนสามัญก็ขาดการเขูา
ร่วมในการก่อเกิดแปรเปลีย
่ นและวิวัฒนาภาษา วัฒนธรรม
ภูมิปัญญาอีกต่อไป หากกลายเป็ นผููกระทำาอย่างสิน
้ เชิง จึงเป็ น
เหยือ
่ ทีถ
่ ูกกระตูุนไดูง่ายจากสือ
่ โฆษณา และความคิดก็ถูกครอบงำา
ดูวยบรรษัทขูามชาติ อันผูกติดอยู่กับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ซึง่ ยังมีมิติอยู่ในกรอบของกระบวนทัศน์เก่า อันเป็ นมุมมองซึง่ ขัด
แยูงกับหลักการพืน
้ ฐานของชีวิตและวิวัฒนาการของชีวิตโดยสิน
้ เชิง
ถูาพูดแบบภาษาของพวกโพสต์โมเดิน ก็หมายการถูกแย่งชิง
วาทกรรม เมือ
่ ปราศจากวาทกรรม ประชาชนสามัญก็ยากไรูโดย
สิน
้ เชิง ในอำานาจของการปรับเปลีย
่ นตนเองและสังคม
ดังนัน
้ เราจึงตูองสรูางช่องว่างใหูกับพืน
้ ทีท
่ ีเ่ สียในทศวรรษที ่
ผ่านมา อัตเน่ รีดเดอร์ นิตยสารทางเลือกเล่มหนึง่ ในสหรัฐอเมริกา
ไดูพูดถึง “การปฏิวัติในหูองนัง่ เล่น” ดังปาจารยสารฉบับหัวกะทิที ่
ผมเป็ นบรรณาธิการอยู่ในเวลานัน
้ ก็เอาความคิดนีม
้ าเล่นต่อ สาระ
สำาคัญก็คือ เราควรจะลดความสำาคัญของโทรทัศน์ลงไป โดยการ
จำากัดเวลาดู ยูายทีอ
่ อกไปจากใจกลางบูาน คืนหูองนัง่ เล่น ใหูกับ
การสนทนาและนอกจากจะสนทนากับสมาชิกในบูานแลูว ก็เชิญ
เพือ
่ นๆ เขูามาสนทนาดูวย จัดกรอบโครงของเวลาใหม่ ใหูมีเวลา
สนทนายาวนานกว่าสามชัว
่ โมงขึน
้ ไป เวลาอุดมคติของโบห์มคือ
๕-๖ ชัว
่ โมง ผมนึกถึงกลุ่มปั ญญาชนอังกฤษอย่างบรูมเบอรีท
่ ีม
่ ี
เวอร์จิเนีย วูลฟ์ ยอช เบอนาด ชอร์ เป็ นตูน พวกเขาอยู่ดูานกันทัง้
บ่าย จนจรดดึกดืน
่ อยู่ดูวยกัน พูดคุยเดินเล่น ฯลฯ การก่อเกิด
ภาษา วัฒนธรรม และภูมิปัญญาจึงจะเป็ นไปไดู
ปาจารยสารหัวกะทิอีกฉบับหนึง่ คณะบรรณาธิการตัดสินใจ
ร่วมกันจัว
่ หัวว่า “ความสุขไม่ตูองซือ
้ หา” เรามักพากันหลงลืมไป
และพากันไปยึดติดสือ
่ กันงอมแงม เพราะทีจ
่ ริงแลูวสือ
่ ก็รายงาน
เรือ
่ งราวของมนุษย์นัน
้ เอง และเรือ
่ งราวของมนุษย์อาจนำามาบอก
เล่ากันโดยตรงโดยไม่ตูองผ่านสือ
่ แต่อย่างใด โดยเรือ
่ งในทำานอง
เดียวกันนี ้ ผมคิดเรือ
่ งทีห
่ ันเหมุมมองเรือ
่ งหนึง่ โดยตัง้ คำาถาม
ทักทายว่า แทนทีเ่ ราจะเขียนนิยายขึน
้ มาจากเรือ
่ งราวของผููคน
ทำาไมเราจึงจะไม่คิดว่า แทูทีจ
่ ริงแลูว ชีวิตของเราเองก็คือนิยายที ่
ยิง่ ใหญ่ และการดำารงชีวิตของเราอย่างเต็มเปี ่ ยม ก็คือการขีดเขียน
นิยายดีๆ ออกมาเล่มหนึง่ โดยไม่ตูองขีดเขียนบันทึกอย่างไรเล่า
ในมุมมองของวิญญาณวาท เราไปติดอยู่ในโลกของตัวแทน
และภาพลักษณ์ แต่เราไม่ไดูสัมผัสความจริงคือตถาตา ไม่ว่าดูวย
การเห็น การฟั ง ไดูกลิน
่ ชิมรส สัมผัส แต่เราอยู่กับภาพลักษณ์
ของประสบการณ์ทางอายตนะเหล่านี ้ ผ่านสือ
่ ต่างๆ เราอยู่กับร่อง
เดิมของแผ่นเสียงทีต
่ กร่อง ดูวยเหตุนีเ้ ราจึงหิวโหย แต่สิง่ ทีเ่ รา
บริโภคเป็ นเพียงภาพลักษณ์ของความเป็ นจริง ซึง่ ไม่สามารถใหู
ความอิม
่ เอมอันใดไดู เราจึงกระหายหิวและตูองบริโภคอย่างไม่รูจัก
จบสิน
้ แต่ไม่สามารถดับความกระหายหิวไดู ภาพทีแ
่ สดงใหูเห็น
อาการดังกล่าวไดูชัดเจนคือเปรต ทีม
่ ีปากเท่ารูเข็มและมีทูองใหญ่
โตมโหฬาร
อีกประการหนึง่ ทีส
่ ำาคัญทีเ่ ป็ นไวยากรณ์หลักของชีวิตนัน
้ ก็คือ
“ชีวิตคือการเรียนรูู” และเนือ
่ งดูวยว่าชีวิตนัน
้ มีธรรมชาติเป็ นเครือ
ข่าย เมือ
่ เป็ นเช่นนี ้ ชีวิตก็คือ “เครือข่ายแห่งการเรียนรูู” การเรียน
รููจะเกิดขึน
้ ไดู เริม
่ จากการตัง้ สมมติฐาน แลูวจึงลงมือปฏิบัติตาม
สมมติฐานนัน
้ และนำาผลกลับมาพูดคุย กลัน
่ กรองประสบการณ์
และหาความหมายกันในเครือข่าย ซึง่ มีการสนทนาเป็ นกุญแจดอก
สำาคัญ
การสนทนาเชิงวิวัฒน์ในกระบวนทัศน์ใหม่
การสือ
่ สาร
การสนทนาแบบเดวิด โบห์ม
การสนทนากับสมมติฐาน
องค์ประกอบสำาคัญของการสนทนาแบบโบห์ม
ธรรมชาติของความคิดทีเ่ ป็ นสมบัติร่วม