You are on page 1of 4

1-4

เรื่อง แสงกับการมองเห็น
1.เลนส์
1.เลนส์ คือ วัตถุโปร่งใส มีผิวหน้าโค้ง (ทำาจากแก้วหรือพลาสติก )
2.เลนส์นูน มีตรงกลางหนากว่าส่วนขอบ มีสมบัติรวมแสง ใช้ทำา กล้องถ่าย
รูป กล้องโทรทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์ กล้องส่องทางไกล แว่นขยาย เครื่อง
ฉาย และแว่นสายตายาว
3.เลนส์เว้า มีตรงกลางบางกว่าส่วนขอบ มีสมบัติกระจายแสง ใช้ทำา แว่น
สายตาสั้น
4.เลนส์นูน สามารถทำาให้เกิดภาพจริง ขนาดเล็ก -เท่า-ใหญ่กว่าวัตถุ และ
ภาพเสมือน ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ แล้วแต่ตำาแหน่งของวัตถุ
5.เลนส์เว้า สามารถทำาให้เกิดภาพเสมือน ขนาดเล็กกว่าวัตถุ เสมอ
6.ภาพจริง เป็ นภาพหัวกลับ สามารถใช้ฉากรับได้ จะเกิดที่หลังเลนส์
7.ภาพเสมือน เป็ นภาพหัวตั้ง ไม่สามารถใช้ฉากรับได้ จะเกิดที่หน้าเลนส์
8.ภาพจริง เกิดจากรังสีแสงสองเส้นตัดกันจริง ภาพเสมือนเกิดจากรังสีแสง
สองเส้นไม่ตัดกันจริงแต่เสมือนว่ามาตัดกัน
9.เลนส์นูนมี3 ประเภท คือ เลนส์นูน 2 หน้า แกมระนาบ และแกมเว้า
เลนส์เว้ามี3 ประเภทเช่นเดียวกัน คือ เลนส์เว้า 2 หน้า แกมระนาบ และ
แกมนู น
10.แกนมุขสำาคัญคือ เส้นตรงที่ลากผ่านกึ่งกลางเลนส์ และจุดศูนย์กลาง
ความโค้งของเลนส์

2.กระจก
1.กระจก มี3 ประเภท คือกระจกระนาบ กระจกนู น และกระจกเว้า
2.กระจกระนาบ คือกระจกที่แบนราบ มีด้านหน้าเป็ นมันเงา และด้านหลัง
ฉาบเงินหรือปรอท
3.กฏการสะท้อนของแสง กล่าวว่า 1.รังสีตกกระทบ เส้นปกติ และรังสี
สะท้อนอยู่บนระนาบเดียวกัน

สงวนลิขสิทธิ์
2-4

2.มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน
4.กระจกระนาบทำาให้เกิดภาพเสมือน หัวตั้ง อยู่ข้างหลังกระจก มีระยะภาพ
เท่ากับระยะวัตถุ และมีขนาดภาพเท่ากับขนาดวัตถุ
5.กระจกเว้า การเกิดภาพคล้ายกับเลนส์นูน สามารถทำาให้ได้ท้ ังภาพจริงและ
ภาพเสมือน ใช้ทำากระจกส่องดูฟันของทันตแพทย์
6.กระจกนูน การเกิดภาพคล้ายกับเลนส์เว้า ทำาให้เกิดภาพเสมือนได้เพียง
ชนิ ดเดียว ใช้ทำากระจกข้างรถยนต์ กระจกที่ติดตามสี่แยก หรือกระจกที่ติด
ตั้งในห้างสรรพสินค้า
7.ภาพจริง จะเกิดที่หน้ากระจก (ฝั ่ งเดียวกับวัตถุ)
8.ภาพเสมือน จะเกิดที่หลังกระจก (ฝั ่ งตรงข้ามของวัตถุ)
9.ปรัศวภาควิโลม คือการเกิดภาพจากกระจกเงาราบ ภาพจะกลับซ้ายเป็ น
ขวา ขวาเป็ นซ้าย
10.ภาพที่เกิดจากกระจกระนาบ จะมีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ(ทั้ง
ขนาด และระยะห่างจากกระจก) เพียงแต่จะกลับซ้ายเป็ นขวา กลับขวาเป็ น
ซ้าย

3.การหักเหของและการสะท้อนของแสง
1.การหักเหของแสงจะเกิดเมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางหนึ่ งไปยังอีก
ตัวกลางหนึ่ งที่มีความหนาแน่นต่างกัน
2.เมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อย(อัตราเร็วของแสงมาก
ดัชนี หักเหน้อย) ไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นมาก(อัตราเร็วแสงน้อย
ดัชนี หักเหมาก) แสงจะเบนเข้าหาเส้นปกติ
3.เมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางที่มีความหนาแน่นมาก(อัตราเร็วของแสงน้อย
ดัชนี หักเหมาก) ไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อย(อัตราเร็วแสงมาก
ดัชนี หักเหน้อย) แสงจะเบนออกจากเส้นปกติ
4.มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน( I เท่ากับ r )

สงวนลิขสิทธิ์
3-4

5.มุมวิกฤติ คือ มุมตกกระทบที่ทำาให้มุมหักเหกางออกเท่ากับ 90 องศา


6.มุมตกกระทบที่ทำาให้เกิดการสะท้อนกลับหมดมีค่า 42 องศา
7.เมื่อเรามองปลา จะเห็นปลาอยู่ตื้นกว่าความเป็ นจริง
8.เมื่อปลามองแมลง ปลาจะเห็นแมลงอยู่สูงกว่าความเป็ นจริง
9.เราเห็นวัตถุท่ีอยู่ในนำ้าหักงอ เพราะ เกิดการหักเหของแสง
10.การสะท้อนกลับหมดของแสงเกิดจากแสงเดินทางจากตัวกลางที่มีความ
หนาแน่นมากไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อย เมื่อแสงเคลื่อนที่ถึงผิว
รอยต่อจะเกิดการสะท้อนกลับสู่ตัวกลางเดิม
11.มุมตกกระทบที่มีค่ามากกว่ามุมวิกฤตจะทำาให้เกิดการสะท้อนกลับหมด
12.มิราจ คือปรากฏการณ์ท่ีทำาให้เห็นคล้ายมีน้ ำานองอยู่บนพื้ นถนนข้างหน้า
ในวันที่อากาศร้อนจัด ซึ่งเป็ นภาพลวงตา
13.มิราจเกิดขึ้นเพราะอากาศใกล้ผิวถนนมีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศที่อยู่ไกล
จากผิวถนนขึ้นไป
14.รุ้งกินนำ้า คือ แถบสีสเปกตรัมของแสงจากดวงอาทิตย์ (แสงสีขาว) มักจะ
เกิดขึ้นหลังฝนตก ต้องยืนหันหลังให้ดวงอาทิตย์จึงจะมองเห็น
15.รุ้งกินนำ้าเกิดจากแสงอาทิตย์ส่องเข้าไปในละอองนำ้าแล้วเกิดการหักเห
และสะท้อนกลับหมดในละอองนำ้า และกระจายออกมาเป็ นสเปกตรัมของ
แสง
16.รุ้งกินนำ้ามี2 ชนิ ดคือ 1.รุ้งปฐมภูมิ เกิดจากแสงอาทิตย์ส่องทางด้านบน
ของละอองนำ้า จะมีสีม่วงอยู่บน สีแดงอยู่
ล่าง
2.รุ้งทุติยภูมิ เกิดจากแสงอาทิตย์ส่องทางด้านล่าง
ของละอองนำ้า จะมีสีแดงอยู่บน สีม่วงอยู่
ล่าง
17.สเปกตรัม คือแถบสีต่าง ที่เกิดจากแสงขาวผ่านปริซึม มี 7 สี คือ ม่วง
คราม นำ้าเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง
18.ปริซึม คือแท่งตันทำาด้วยวัตถุใส เช่นแก้ว

สงวนลิขสิทธิ์
4-4

19.แสงสีม่วงจะเกิดการหักเหมากที่สุด เคลื่อนที่ได้ช้าที่สุด แสงสีแดงจะเกิด


การหักเหน้อยที่สุด เคลื่อนที่ได้เร็วที่สุด(แสงสีม่วงจะมีความยาวคลื่นมาก
ที่สุด)
20.เส้นใยนำาแสง ทำาจากแก้วที่มีความยืดหยุ่น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 0.01-0.1 มิลลิเมตร(ขนาดเท่าเส้นผมมนุ ษย์) โดยใช้หลักการ
สะท้อนกลับหมดของแสง สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการสื่อสารและการ
แพทย์
21.ตัวกลางโปร่งแสง คือตัวกลางที่ยอมให้แสงเคลื่อนผ่านไปบางส่วนอย่าง
ไม่เป็ นระเบียบ
22.ตัวกลางโปร่งใส คือ ตัวกลางที่ยอมให้แสงผ่านไปได้ท้ ังหมดอย่างเป็ น
ระเบียบ(เป็ นส้นตรง) เช่น อากาศ นำ้า
23.วัตถุที่มีดัชนี หักเหมากจะมีอัตราเร็วของแสงน้อย ส่วนวัตถุที่มีดัชนี หักเห
น้อยจะมีอัตราเร็วของแสงมาก

สงวนลิขสิทธิ์

You might also like