You are on page 1of 67

วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.

1 หน้า 1
สทศ. สพฐ.

แบบทดสอบชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ปีการศึกษา 2562

(ฉบับเฉลย)

สานักทดสอบทางการศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แบบทดสอบนี้เป็นเอกสารสงวนลิขสิทธิ์ของสานักทดสอบทางการศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถ้าคัดลอก ดัดแปลง เฉลยเพื่อ
จาหน่าย หรือนาไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดาเนินคดีตามกฎหมาย
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 2
สทศ. สพฐ.

คาชี้แจงแบบทดสอบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
1. แบบทดสอบฉบับนี้มี 40 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน ให้เวลาทาแบบทดสอบ 120 นาที
2. แบบทดสอบมี 5 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1 แบบเลือกตอบ (4 ตัวเลือก) แต่ละข้อมีคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว
จานวน 23 ข้อ (ข้อละ 2 คะแนน รวม 46 คะแนน)
ตัวอย่าง 0. การกระทาของใครที่ส่งผลทาให้เกิดภาวะเรือนกระจกมากและเร็วที่สุด
1) น้าฟ้าเข้าบ้านแล้วเปิดแอร์ทันที
2) น้าอ้อยเปิดพัดลมไล่ยุงขณะนั่งดูโทรทัศน์
3) น้าผึ้งรวบรวมพลาสติกและโฟมเผาหลังใช้แล้ว
4) น้าฝนกลับเข้าบ้านเปิดตู้เย็นทิ้งไว้ขณะดื่มน้าเย็น
วิธีการตอบ ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียวโดยระบายทับหมายเลขที่ตรงกับ
ตัวเลือกที่ต้องการลงในกระดาษคาตอบ เช่น ถ้านักเรียนคิดว่าตัวเลือกที่ 3) เป็นคาตอบ
ที่ถูกต้อง ให้ระบายทับหมายเลข  ดังนี้
ข้อ 0.    

แบบที่ 2 แบบเลือกหลายคาตอบ (6 ตัวเลือก) : เลือกคาตอบที่ถูกต้อง 2 คาตอบ


จานวน 4 ข้อ (ข้อละ 4 คะแนนรวม 16 คะแนน) จะต้องตอบให้ครบทั้ง 2 คาตอบจึงจะได้คะแนนดังนี้
ตอบถูก 1 คาตอบ ได้ 2 คะแนน
ตอบถูก 2 คาตอบ ได้ 4 คะแนน
ตัวอย่าง 00. ถ้าต้องการศึกษาว่าวัตถุที่มีมวลมากเมื่อสั่นจะให้เสียงสูงหรือเสียงต่า
ควรออกแบบการทดลองในข้อใด (เลือก 2 คาตอบ)
1) เคาะแท่งไม้ขนาดต่างกันด้วยแรงเท่ากัน
2) ใช้นิ้วดีดเส้นเอ็นขนาดต่างกันด้วยแรงต่างกัน
3) ใช้ไม้ตีกลองที่มีขนาดเท่ากันด้วยแรงที่เท่ากัน
4) ใช้ไม้เคาะแผ่นเหล็กขนาดเท่ากันด้วยแรงต่างกัน
5) ใช้ไม้เคาะขวดที่บรรจุน้าไม่เท่ากันด้วยแรงเท่ากัน
6) ใช้นิ้วถูวนรอบปากแก้วที่ใส่น้าเท่ากันด้วยแรงที่เท่ากัน
วิธีการตอบ ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียง 2 คาตอบ โดยระบายทับตัวเลขที่ตรงกับตัวเลือกที่
ต้องการลงในกระดาษคาตอบ ถ้านักเรียนคิดว่า ตัวเลือก 1 และ 5 เป็นคาตอบที่ถูกต้อง ให้ระบาย
ในกระดาษคาตอบทับตัวเลข ดังนี้

ข้อ 00 
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 3
สทศ. สพฐ.
แบบที่ 3 แบบเชิงซ้อน แต่ละข้อคาถามย่อยจะมีคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว
จานวน 5 ข้อ (ข้อละ 2 คะแนน รวม 10 คะแนน)
ตัวอย่าง ศึกษาข้อมูล แล้วตอบคาถาม ข้อ 000.
เรื่อง พืชดัดแปลงพันธุกรรม
พื ช ดั ด แปลงพั น ธุ ก รรม คื อ พื ช ที่ ผ่ า นกระบวนการทางพั น ธุ วิ ศ วกรรมเพื่ อ ให้ มี ส มบั ติ
หรื อ คุ ณ ลั ก ษณะต่ า ง ๆ ที่ จ าเพาะเจาะจงตามความต้ อ งการ เช่ น ป้ อ งกั น แมลงศั ต รู พื ช
ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ตัวอย่างพืชที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม ได้แก่ มะเขือเทศสุกช้า
ลง ถั่วเหลืองมีไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูงขึ้น สตรอว์เบอร์รเี น่าช้าลง เป็นต้น
000. จากข้อมูล พิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าเป็นการดัดแปลงพันธุกรรมของพืชหรือไม่ ถ้าเป็นให้ระบายทับใน
วงกลม  ใต้คาว่า “ใช่” ถ้าไม่เป็นให้ระบายทับในวงกลม  ใต้คาว่า “ไม่ใช่”
ข้อ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่
000.1) มะละกอมีเมล็ดน้อยลงต้านทานโรคได้  
000.2) แอปเปิ้ลผ่านการฉายรังสีเพื่อให้สุกช้า  
000.3) ฝ้ายสามารถฆ่าหนอนที่เป็นศัตรูพืช  
000.4) ผลไม้หลายชนิดที่ไร้เมล็ด  
วิธีการตอบ ระบายในแต่ละข้อย่อย ดังนี้
ข้อ ใช่ ไม่ใช่
000.1)  
000.2)  
000.3)  
000.4)  
เกณฑ์การให้คะแนน
ตอบถูกต้องข้อย่อยละ 0.5 คะแนน
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 4
สทศ. สพฐ.
แบบที่ 4 แบบเขียนตอบสั้น จานวน 6 ข้อ (ข้อละ 3 คะแนน รวม 18 คะแนน)
ตัวอย่าง ศึกษาข้อมูล แล้วตอบคาถาม ข้อ 0000.
เรื่อง หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
หมู่บ้านร่มสุขเป็นหมู่บ้านที่ประชากรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ครอบครัวของโก้ปลูกผักปลอดสารพิษ
ซึ่งแบ่งพืชที่ปลูกในแปลง ได้แก่ ผักบุ้ง หอม ขิง ข่า ปลูกเป็นซุ้มลอยฟ้า ได้แก่ บวบ มะระ และปลูกเป็น
ผักสวนครัวรั้วกินได้ ได้แก่ ตาลึง ถั่วพู ทั้งนี้พวกเขายังมีพื้นที่ว่างจึงขุดบ่อเลี้ยงปลาดุกพันธุ์บิ๊กอุย ซึ่งเป็น
ลูกผสมระหว่าง ปลาดุกยักษ์กับปลาดุกอุย เป็นพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว น้าหนักดี และยังปลูกไม้ยืนต้นขนาด
ใหญ่อีกด้วย จึงทาให้ครอบครัวของโก้มีรายได้เพิ่มขึ้น
0000. ถ้าจัดประเภทของพืชผักสวนครัวที่ครอบครัวโก้ปลูก โดยใช้ลักษณะของลาต้นเป็นเกณฑ์
จะจัดได้กี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ ..................................................................................................................... ...........................................
วิธีการตอบ ให้นักเรียนเขียนตอบในกระดาษคาตอบตามที่โจทย์สั่ง ดังนี้
ตอบ 2 ประเภท ได้แก่ ลาต้นเหนือดินและลาต้นใต้ดิน
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (3 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่ อ ระบุ ป ระเภทของพื ช โดยใช้ เมื่ อ ระบุ ป ระเภทของพื ช โดยใช้ เมื่อตอบผิด หรือ ไม่ตอบ
ลั ก ษณะของล าต้ น เป็ น เกณฑ์ ไ ด้ ลั ก ษณะของล าต้ น เป็ น เกณฑ์ ไ ด้
ถูกต้อง 2 ประเภท คือ ลาต้นเหนือ ถูก ต้ อ ง 2 ประเภท แต่ ไ ม่ร ะบุ ว่ า
ดินและลาต้นใต้ดิน เป็นลาต้นเหนือดินและลาต้นใต้ดิน
แบบที่ 5 แบบเขียนตอบอิสระ จานวน 2 ข้อ (ข้อละ 5 คะแนน รวม 10 คะแนน)
ตัวอย่าง
00000. จากข้อมูลในตัวอย่างที่ 0000 ถ้าต้องการความร่มรื่น และเพิ่มมูลค่าด้วย จะต้องปลูกต้นไม้ชนิดใดเพิ่ม
(ตอบ 3 ชนิด) พร้อมอธิบาย
ตอบ......................................................................................................................................................................
วิธีการตอบ ให้นักเรียนเขียนตอบในกระดาษคาตอบตามที่โจทย์สั่ง ดังนี้
ตอบ ปลูกไม้ยืนต้น คือ ต้นขนุน มะม่วง ทุเรียน
เพราะ ให้ความร่มรื่น มีผลรับประทาน และจาหน่ายได้
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม ( 5 คะแนน) คะแนนบางส่วน ( 2.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่อระบุ ชนิ ดของต้น ไม้ที่ให้ความร่ มรื่ นได้ เมื่อระบุชนิดของต้นไม้ที่ให้ความ เมื่อตอบผิด หรือไม่ตอบ
ถูกต้องครบถ้วนพร้อมอธิบายเพิ่มเติม เช่น ร่ ม รื่ น ได้ ไ ม่ ค รบถ้ ว น หรื อ ไม่
- ปลูกไม้ยืนต้น เช่น ขนุน มะม่วง อธิบายเพิ่มเติม เช่น
ทุเรียน ฯลฯ เพราะ ให้ความร่มรื่น - ต้นทุเรียน
มีผลรับประทาน และจาหน่ายได้
- ปลูกไม้ยืนต้นที่เป็นพืชเศรษฐกิจ และ
ให้ความร่มรื่น เช่น ต้นยาง ต้นสัก ต้นพยุง ฯลฯ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 1
สทศ. สพฐ.

1.

ภาพ ก ภาพ ข

วิมลและอาไพศึกษาเซลล์ ภาพ ก และภาพ ข เพื่อสังเกตความแตกต่างของรูปร่าง


และส่วนประกอบในเซลล์ พบว่า เซลล์ภาพ ก ไม่มีส่วนประกอบ E กับ F วิมลและอาไพ
สนใจว่าส่วนประกอบในเซลล์ภาพ ข ทาไมต้องมีส่วนประกอบ F โดยได้ข้อสรุป ดังนี้
ก. F ช่วยรักษาระดับความดันในเซลล์
ข. F ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์
ค. F เป็นส่วนประกอบสาคัญในการสร้างอาหาร
ง. F เป็นส่วนประกอบสาคัญในการกาหนดลักษณะทางพันธุกรรม
จากข้อมูล ข้อสรุปใดถูกต้อง
1) ก.
2) ข.
3) ค.
4) ง.
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/1 เปรียบเทียบรูปร่าง ลักษณะ และโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
รวมทั้งบรรยายหน้าที่ของผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม นิวเคลียส
แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์
เฉลย
3) ถูก เพราะ F คือ คลอโรพลาสต์ ทาหน้าที่เป็นส่วนประกอบสาคัญในการสร้างอาหาร
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ G คือ แวคิวโอ ช่วยรักษาระดับความดันในเซลล์ ไม่ใช่ F
2) ผิด เพราะ E คือ ผนังเซลล์ ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์ ไม่ใช่ F
4) ผิด เพราะ C คือ นิวเคลียส เป็นส่วนประกอบสาคัญในการกาหนดลักษณะทาง
พันธุกรรม ไม่ใช่ F
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 2
สทศ. สพฐ.

2.
ระยะ A ระยะ B

เซลล์เม็ดเลือดแดงของคนและสัตว์มีรูปร่าง ดังภาพ เกิดการเปลี่ยนสภาพจากเซลล์


ตั้งต้นระยะ A ไปสู่เซลล์ระยะ B ทีม่ ีลักษณะกลมแบน ตรงกลางเว้า เข้าหากันทั้ง 2 ข้าง

จากข้ อ มู ล ลั ก ษณะของเซลล์ เ ม็ ด เลื อ ดแดง เมื่ อ โตเต็ ม ที่ เ กิ ด การเปลี่ ย นสภาพ


จะมีผลต่อการทาหน้าที่ของเซลล์เม็ดเลือดแดงหรือไม่ อย่างไร
ตอบ.....................................................................................................................................
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/3 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่างกับการทาหน้าที่ของเซลล์
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (3 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่ อ ระบุ ถึ ง การเปลี่ ย นแปลง เมื่ อ ระบุ ถึ ง การเปลี่ ย นแปลง ไม่ตอบ หรือ ตอบไม่ถูกต้อง
รู ป ร่ า งของเซลล์ มี ผ ลต่ อ การ รูป ร่ างของเซลล์ มี ผ ลต่ อ การ แนวคาตอบ
ทาหน้ า ที่ ข องเซลล์ เ ม็ ด เลื อ ด ทาหน้ า ที่ ข องเซลล์ เ ม็ ด เลื อ ด - ไม่มผี ลต่อการทาหน้าที่ของ
แดงได้ถูกต้อง และอธิบายผล แดงได้ถูกต้อง หรือ อธิบายผล เซลล์เม็ดเลือดแดง
ของการทาหน้าที่ที่เปลี่ยนไป ของการทาหน้าที่ที่เปลี่ยนไป
ได้ครบถ้วน ได้ถูกต้องอย่างใดอย่างหนึ่ง
แนวคาตอบ แนวคาตอบ
- มีผล เพราะ รับแก๊สออกซิเจน - มีผล
ได้ดี - รับแก๊สออกซิเจนได้ดี
- มี ผ ล เพราะ เม็ ด เลื อ ดแดง - เม็ ด เลื อ ดแดงเคลื่ อ นที่ ไ ป
สามารถเคลื่ อ นที่ ไ ปในเส้ น ในเส้นเลือดได้ดี
เลือดได้ดี
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 3
สทศ. สพฐ.

3.

A B C D
นักเรียนกลุ่มหนึ่งได้อภิปรายการจัดระบบของสิ่งมีชีวิต ดังนี้
เซลล์  เนื้อเยื่อ  อวัยวะ  ระบบอวัยวะ
นักเรียนกลุ่มนี้ แต่ละคนได้จดั เรียงภาพให้สอดคล้องกับการจัดระบบของสิ่งมีชีวิต ดังนี้
ชื่อนักเรียน การจัดเรียงภาพ
แมว BDAC
ไก่ CADB
นก CDBA
กบ DCAB
จากข้อมูล นักเรียนคนใดจัดเรียงภาพได้สอดคล้องกับการจัดระบบของสิ่งมีชีวิต
1) แมว
2) ไก่
3) นก
4) กบ
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจัดระบบของสิ่งมีชีวิต โดยเริ่มจากเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะ
ระบบอวัยวะ จนเป็นสิ่งมีชีวิต
เฉลย
2) ถูก เพราะ C  A  D  B เรี ย งได้ ต ามล าดั บ เซลล์  เนื้ อ เยื่ อ 
อวัยวะ  ระบบอวัยวะ
C คือ เม็ดเลือดแดง (เซลล์)
A คือ มัดกล้ามเนื้อ (เนื้อเยื่อ)
D คือ เส้นเลือด (อวัยวะ)
B คือ ระบบหมุนเวียนเลือด (ระบบอวัยวะ)
ตัวลวง
1) 3) และ 4) ผิด เพราะ เรียงลาดับไม่ถูกต้อง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 4
สทศ. สพฐ.

4.
วินัยทาการทดลองโดยใช้ถุงเซลโลเฟน A B และ C ที่มีขนาดไม่เท่ากัน โดยบรรจุสารชนิด
เดี ย วกัน ลงในถุ ง เซลโลเฟน A B และ C แล้ ว นาถุ ง เซลโลเฟนแช่ ล งไปในสารละลาย D
เมื่อเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง พบว่า ความเข้มข้นภายในถุงเซลโลเฟนมีการเปลี่ยนแปลง ดังภาพ

A A
B B
C C
D D
เริ่มการทดลอง ผ่านไป 3 ชั่วโมง
จากข้อมูล หลังจากผ่านไป 3 ชั่วโมง สารละลายในถุงเซลโลเฟน A B C และสารละลาย D
มีความเข้มข้นต่างกันอย่างไร
1) ความเข้มข้นของสารละลายในถุงเซลโลเฟน A > B > C > สารละลาย D
2) ความเข้มข้นของสารละลายในถุงเซลโลเฟน A < B < C < สารละลาย D
3) ความเข้มข้นของสารละลายในถุงเซลโลเฟน A < B > C > สารละลาย D
4) ความเข้มข้นของสารละลายในถุงเซลโลเฟน A > B < C < สารละลาย D
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/5 อธิบายกระบวนการแพร่และออสโมซิสจากหลักฐานเชิงประจักษ์และ
ยกตัวอย่างการแพร่และออสโมซิสในชีวิตประจาวัน
เฉลย
1) ถูก เพราะ ถุงเยื่อเซลโลเฟนของสาร A B C ขยายหรือพองออก แสดงว่าสารละลาย
จากภายนอกถุ ง ออสโมซิ ส ผ่ า นเยื่ อ เซลโลเฟนเข้ า ไปในถุ ง ดั ง นั้ น
- สารละลายในถุ ง A เป็ น สารละลายเข้ ม ข้ น กว่ า สารละลายในถุ ง B
น้าในสารละลายในถุง B จึงออสโมซิสเข้าไปในถุง A ได้
- สารละลายในถุ ง B มี ค วามเข้ ม ข้ น มากกว่ า สารละลายในถุ ง C
น้าในสารละลายในถุง C จึงออสโมซิสเข้าไปในถุง B ได้
- สารละลายในถุง C มีความเข้มข้นมากกว่าสารละลาย D น้าในสารละลาย D
จึงออสโมซิสเข้าไปในถุง C ได้
ตัวลวง
2) ผิด เพราะ สารละลาย A < B < C < D จะทาให้ถุงแฟบ เพราะน้าต้องออสโมซิส
ออกจากถุง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 5
สทศ. สพฐ.

3) ผิด เพราะ A < B แสดงว่าน้าจากสารละลาย A ต้องออสโมซิสมาถุง B มีผลทาให้


ถุง A เหี่ยวลง
4) ผิด เพราะ สารละลาย A > B < C < D มีผลทาให้ถุง C เหี่ยวลง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 6
สทศ. สพฐ.

5.
สุดาและปราณีศึกษาการเลี้ยงปลาในภาชนะ A B C และ D โดยภาชนะ A และ C เป็นภาชนะใส
แต่ภาชนะ B และ D เคลือบสีดา ที่จัดสภาพแวดล้อมไว้ดังภาพ

A B C D

เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน ข้อสรุปจากการศึกษาของสุดาและปราณี ข้อใดไม่ถูกต้อง


1) ภาชนะ A : สาหร่ายมีการสังเคราะห์ด้วยแสงและปล่อยออกซิเจนสู่น้าปลายังมีชีวิตอยู่
2) ภาชนะ B : ไม่มีสาหร่าย ไม่มีการสังเคราะห์ด้วยแสงจึงไม่มีออกซิเจนในน้า ปลาตาย
3) ภาชนะ C : สาหร่ายมีการสังเคราะห์ด้วยแสง และมีการปล่อยออกซิเจนสู่น้า ปลายังมีชีวิตอยู่
4) ภาชนะ D : สาหร่ายไม่มีการสังเคราะห์ด้วยแสง ไม่ปล่อยออกซิเจนสู่น้า ปลาและ
สาหร่ายจึงตายส่วนหนึ่ง
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/7 อธิบายความสาคัญของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อสิ่งมีชีวิตและ
สิ่งแวดล้อม
เฉลย
4) ถูก เพราะ ภาชนะ D แม้ เคลื อ บสี ด าไว้ แ ต่ ยั ง ได้ รั บ แสงส่ ว นหนึ่ ง สาหร่ า ยยั ง คง
สั ง เคราะห์ ด้ ว ยแสงได้ แ ต่ ใ นปริ ม าณน้ อ ย เพราะสาหร่ า ยส่ ว นหนึ่ ง
ไม่ถูกแสงจึงตาย ทาให้ปริมาณออกซิเจนในน้ามีน้อย
ตัวลวง
1) 2) 3) ผิด เพราะ เนื่องจากเป็นข้อสรุปที่ถูกต้อง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 7
สทศ. สพฐ.

6.

2 3
1 4

จากข้ อ มูล พิจารณาข้ อความที่ ก าหนดให้ ว่าถู กต้ องสอดคล้องกับข้ อมู ลข้ างต้ นหรื อไม่ ถ้ าถู กต้ อง
ให้ระบายทับในวงกลม  ใต้คาว่า “ใช่” ถ้าไม่ถูกต้องให้ระบายทับในวงกลม  ใต้คาว่า “ไม่ใช่”
ข้อ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่
6.1) ถ้าควั่นตรงตาแหน่ง หมายเลข 3 ไหลของต้น C จะพองขึ้น  
6.2) ท่อลาเลียงของต้นไม้นี้ เชื่อมต่อกันทั้งหมด  
6.3) ต้นไม้กระถาง A B C คือต้นเดียวกัน  
6.4) ต้นไม้ชนิดนี้ ขยายพันธุ์ได้ทั้งหมด 4 ต้น  
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/9 บรรยายลักษณะและหน้าที่ของไซเล็มและโฟลเอ็ม
เฉลย
6.1) ไม่ใช่ เพราะ สโตลอน (Stolon) พืชบางชนิดมีส่วนของลาต้นที่งอกออกมา
จะทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน และเกิดรากงอกออกมา ดังนั้น
ถ้าควั่นตาแหน่งที่ 3 ไหลของต้น C จะไม่พองขึ้น
6.2) ใช่ เพราะ ต้นไม้นี้เชื่อมต่อกันทั้งหมด จึงจัดได้ว่าเป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน
ดังนั้น ท่อลาเลียงของต้นไม้นี้เชื่อมกันทั้งหมด
6.3) ใช่ เพราะ ต้นไม้นี้เชื่อมต่อกันทั้งหมด จึงจัดได้ว่าเป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน
ดังนั้น ท่อลาเลียงของต้นไม้นี้เชื่อมกันทั้งหมด
6.4) ใช่ เพราะ ต้นไม้นี้มีส่วนที่งอกออกมาเป็นต้น 4 ตาแหน่ง ดังนั้นต้นไม้ใน
กระถางสามารถแบ่งออกได้ 4 ต้น
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 8
สทศ. สพฐ.

7.
นักเรียนกลุ่มหนึ่งไปทัศนศึกษาที่สวนพันธุ์ไม้แปลกจากต่างประเทศ นักเรียนกลุ่มนี้
สนใจศึกษาพืชพันธุ์ไม้แปลก 4 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดพบเพียง 1 ต้น เท่านั้น ดังรูป

พืชชนิด A พืชชนิด B พืชชนิด C พืชชนิด D


นักเรียนกลุ่มนี้ร่วมกันสรุปผลการขยายพันธุ์ของพืช ดังตาราง
ชนิดพืช การขยายพันธุ์ของพืช
A ขยายพันธุ์โดยการใช้ราก
B ขยายพันธุโ์ ดยวิธีการตอนกิ่ง
C ขยายพันธุโ์ ดยใช้หน่อ
D ขยายพันธุโ์ ดยวิธีการเสียบยอดเท่านั้น

จากข้อมูล ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง
1) A
2) B
3) C
4) D
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/11 อธิบายการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศของพืชดอก
เฉลย
3) ถูก เพราะ พืชชนิด C ขยายพันธุ์โดยใช้หน่อ
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ พืชชนิด A ขยายพันธุ์โดยใช้หัว ซึ่งเป็นลาต้นของพืชใต้ดิน
2) ผิด เพราะ พืชชนิด B ขยายพันธุ์โดยใช้ไหล
4) ผิด เพราะ พืชชนิด D ขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด หรือการตอนกิ่ง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 9
สทศ. สพฐ.

8.
ลุ ง ชั ย เป็ น เจ้ า ของสวนล าไย 4 ไร่ ภายในสวนเลี้ ย งผึ้ ง เพื่ อ เก็ บ น้ า ผึ้ ง ไปขาย
ซึ่งลาไยภายในสวนมีทั้งต้นที่ให้ผลดกและต้นที่ให้ผลน้อย ลุงชัยจึงเก็บผลจากต้นที่มีผลดก
มาเพาะเป็นต้นกล้าเพื่อขาย ดังแผนภาพ

A B

A B

จากข้อมูล ข้อใดกล่าวถูกต้อง (เลือก 2 คาตอบ)


1) กล้าลาไยที่ได้รับการเพาะเมล็ดจะมีผลดกทุกต้น
2) ปัจจัยที่ยับยั้งการงอกของเมล็ดกลุ่ม B คือ แสงแดดเท่านั้น
3) สวนลาไยของลุงชัย อาศัยผึ้งในการถ่ายละอองเรณูเท่านั้น
4) ลาไยในสวนของลุงชัย เกิดจากการผสมเกสรภายในต้นเดียวกันเท่านั้น
5) ปัจจัยที่ทาให้เมล็ดกลุ่ม A เจริญเติบโตแตกต่างจากกลุ่ม B คือ ความชื้น
6) หากลุงชัยเลิกเลี้ยงผึ้ง โอกาสในการติดผลของลาไยในปีต่อ ๆ ไปจะน้อยลง

ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/12 อธิบายลักษณะโครงสร้างของดอกที่มีส่วนทาให้เกิดการถ่ายเรณูรวมทั้ง


บรรยายการปฏิสนธิของพืชดอก การเกิดผลและเมล็ด การกระจายเมล็ด
และการงอกของเมล็ด
เฉลย
5) ถูก เพราะ ปั จ จั ย ที่ ส าคั ญ ในการงอกของเมล็ ด คื อ ความชื้ น อากาศ อุ ณ หภู มิ
ที่เหมาะสม ดังนั้นเมื่อเมล็ดได้รับน้า จะทาให้สามารถงอกได้
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 10
สทศ. สพฐ.

6) ถูก เพราะ ผึ้งเป็นปัจจัยหลักในการถ่ายละอองเรณูในสวนของลุงชัย เมื่อประชากรผึ้ง


ลดลงหรือหายไป อัตราการติดผลจึงลดลง
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ เมื่อนาลาไยของต้นที่มีผลดกมาเพาะกล้า ต้นกล้าที่ได้รับมีโอกาสพบ
ต้นลาไยที่ผลิตผลน้อย เนื่องจากเกสรเพศผู้ที่ได้รับการผสมอาจมาจาก
เกสรเพศผู้ของต้นที่ให้ผลน้อยที่ปลูกอยู่บริเวณในสวน
2) ผิด เพราะ แสงแดดไม่ ไ ด้ ส่ ง ผลต่ อ การยั บ ยั้ ง การงอกของเมล็ ด แต่ มี ส่ ว นช่ ว ย
ในการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการงอก
3) ผิด เพราะ การถ่ายละอองเรณูอาศัยปัจจัย เช่น คน ลม น้า สัตว์ แมลง เป็นต้น
ผึ้ ง จะออกหาน้ าหวานที่ เ กสรดอกไม้ จึ ง มี ก ารติ ด /เก็ บ เกสรเพศผู้
มายังเกสรเพศเมีย
4) ผิด เพราะ ล าไยมี โ อกาสผสมข้ า มต้ น เนื่ อ งจากปั จ จั ย การกระจายละอองเรณู
ได้ แ ก่ ลม แมลง น้ า เป็ น ต้ น ช่ ว ยพั ด น าพาละอองเรณู ข องต้ น อื่ น
มาตกลงบนยอดเกสรเพศเมียของต้นอื่นได้
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 11
สทศ. สพฐ.

9.
เจมส์ ปลูก ต้นผลไม้ 2 ต้น เมื่ อเขาจะไปเก็บ ผลผลิต พบว่า ลักษณะของต้น ผลไม้
แตกต่างกัน ดังนี้

ต้นที่ 1 ต้นที่ 2

จากข้อมูล เจมส์ควรเลือกซื้อปุ๋ยสูตรใดที่สามารถเพิ่มผลผลิตให้กับต้นผลไม้ทั้ง 2 ต้น


1) สูตร 8 – 24 – 24
2) สูตร 15 – 5 – 5
3) สูตร 12 – 24 – 12
4) สูตร 30 – 20 - 10

ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/15 เลือกใช้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารเหมาะสมกับพืชในสถานการณ์ที่กาหนด


เฉลย
1) ถูก เพราะ ต้นที่ 1 ออกดอกน้อยและร่วง บ่งบอกว่าขาดธาตุฟอสฟอรัส (P) และการที่
ต้นที่ 2 ออกผลน้อย ผลผลิตลีบ บ่งบอกว่าขาดธาตุโพแทสเซียม (K) ดังนั้น
ต้ อ งเลื อ กปุ๋ ย ที่ มี ธ าตุ ฟ อสฟอรั ส (P) และธาตุ โ พแทสเซี ย ม (K) มาก
คือปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24
ตัวลวง
2) ผิด เพราะ ปุ๋ ย มี ธ าตุ ไ นโตรเจน (N) เป็ น หลั ก มี ธ าตุ ฟ อสฟอรั ส (P) และมี ธ าตุ
โพแทสเซียม (K) ที่ต้นผลไม้ต้องการในปริมาณน้อย
3) ผิด เพราะ ปุ๋ยมีธาตุฟอสฟอรัส (P) สูง แต่มีธาตุไนโตรเจน (N) และมีธาตุโพแทสเซียม (K)
ที่ต้นผลไม้ต้องการในปริมาณน้อย
4) ผิด เพราะ ปุ๋ยมีธาตุไนโตรเจน (N) เป็นหลัก มีธาตุฟอสฟอรัส (P) และมีธาตุโพแทสเซียม
(K) ที่ต้นผลไม้ต้องการในปริมาณน้อย
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 12
สทศ. สพฐ.

10.
บ้านของวิทย์เป็นสวนต้นไม้ วันหนึ่งวิทย์ได้ไปทัศนศึกษาที่ป่าแห่งหนึ่ง และได้เมล็ดพันธุ์
ของพืชกลับมาเพาะ 3 ชนิด ในกระถาง A B และ C เมื่อเวลาผ่านไป 18 เดือน ปรากฏว่า
พืชทั้ง 3 ชนิดไม่มีดอกและผล เมื่อสังเกตลาต้นของพืชทั้ง 3 ชนิด เป็นดังภาพ

1 เมตร

A B C
เมื่อที่บ้านของวิทย์จัดเทศกาลชมสวน มีนายทุนมาเห็นต้นไม้ในกระถาง A B และ C
จึงขอซื้อต้นพันธุ์อย่างน้อย 2 ชนิด จานวน 20 ต้น
จากข้อมูล ให้นักเรียนเลือกขยายพันธุ์พืช 2 ชนิด แต่ละชนิดใช้วิธีการขยายพันธุ์ที่ต่างกัน
และเป็นวิธีที่เหมาะสม พร้อมเหตุผลว่าทาไมจึงเลือกใช้วิธีนั้น
ตอบ..........................................................................................................................................
ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/18 ตระหนักถึงประโยชน์ของการขยายพันธุ์พืช โดยการนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (5 คะแนน) คะแนนบางส่วน (2.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่อระบุวิธีการขยายพันธุ์พืช เมื่อระบุวิธีการขยาย พันธุ์พืช เมื่ อ ไม่ ต อบ หรื อ ตอบไม่
2 ช นิ ด ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง 2 วิ ธี 1 ชนิดได้ถูกต้อง 1 วิธี พร้อม ถูกต้อง
พร้อมทั้งเหตุผลที่เลือกวิธีนั้น ทั้ ง เ ห ตุ ผ ล ที่ เ ลื อ ก วิ ธี นั้ น
ได้อย่างสมเหตุสมผล ได้ อ ย่ า งสมเหตุ ส มผล หรื อ
แนวคาตอบ เลือกขยายพันธุ์พืช 2 ชนิดได้
กระถาง A ควรเลือกใช้วิธีการ ถูกต้อง 2 วิธี แต่ไม่มีเหตุผล
ขยายพันธุ์ โดย
- การตอนกิ่ง
- ติดตา
- ปักชา
- ทาบกิ่ง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 13
สทศ. สพฐ.

- เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เหตุผล เป็นพืชที่มีกิ่ง ลาต้น
แ ข็ ง แ ร ง แ ล ะ ตั้ ง ต ร ง ไ ด้
เป็นลักษณะของพืชใบเลี้ยงคู่
กระถาง B ควรเลือกใช้วิธีการ
ขยายพันธุ์ โดย
- ปักชา
- เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เหตุ ผ ล เป็ น พื ช ที่ มี ข้ อ ปล้ อ ง
ไม่ มี กิ่ ง มี เ นื้ อ ที่ ส่ ว นปลาย
ยอ ด แ ล ะ ป ล า ย รา ก อ่ อ น
เป็ น ลั ก ษณะของพื ช ใบเลี้ ย ง
เดี่ยว
กระถาง C ควรเลื อ กใช้
วิธีการขยายพันธุ์ โดย
- การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เหตุผล ทุกส่วนของลาต้น
มี ลั ก ษณะอ่ อ นนุ่ ม เป็ น
ลั ก ษณะของพื ช ใบเลี้ ย ง
เดี่ยว
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 14
สทศ. สพฐ.

11.
คนงานเหมืองแร่นาแร่มาถลุงได้ธาตุ 6 ชนิด และนามาวิเคราะห์สมบัติทางกายภาพ
ได้ผลดังตาราง
ธาตุ จุดเดือด จุดหลอมเหลว การนาไฟฟ้า ความหนาแน่น อื่น ๆ
(๐C) (๐C) (g/mL)
A 90.20 54.36 X 1.29 แตกหักง่าย
B 281 44 X 1.83 แตกหักง่าย
C 613 817  5.72 แตกหักง่าย
D 989 450  ไม่มีข้อมูล แตกหักง่าย
E 3,000 1,537  7.8 ดึงเป็นเส้นได้
F 2,210 961  10.5 เป็นมันวาว

จากข้อมูล ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง
1) A และ B เป็นธาตุโลหะ
2) C และ D เป็นธาตุกึ่งโลหะ
3) E และ F เป็นธาตุอโลหะ
4) C D E และ F เป็นธาตุโลหะ
ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ
โดยใช้ ห ลั ก ฐานเชิ ง ประจั ก ษ์ ที่ ไ ด้ จ ากการสั ง เกตและการทดสอบและ
ใช้สารสนเทศที่ ได้จากแหล่งข้อ มูลต่าง ๆ รวมทั้งจัดกลุ่ มธาตุเป็นโลหะ
อโลหะ และกึ่งโลหะ
เฉลย
2) ถูก เพราะ C และ D เป็ น ธาตุ กึ่ ง โลหะ เนื่ อ งจากมี ส มบั ติ ก ารน าไฟฟ้ า เหมื อ น
ธาตุโลหะ และเปราะแตกหักง่ายเหมือนธาตุอโลหะ
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ A และ B เป็นธาตุอโลหะ พิจารณาจากจุดเดือดและจุดหลอมเหลวที่ต่า
และไม่นาไฟฟ้า
3) ผิด เพราะ E และ F เป็นธาตุโลหะ พิจารณาจากจุดเดือดและจุดหลอมเหลวที่สู ง
และนาไฟฟ้าได้
4) ผิด เพราะ C และ D เป็นธาตุกึ่งโลหะ ส่วน E และ F เป็นธาตุโลหะ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 15
สทศ. สพฐ.

12.
ในการวินิจฉัยโรคเพื่อประกอบการรักษาอาการเจ็บป่วยบางอย่าง แพทย์มักจะ
ดาเนินการโดยให้ผู้ป่วยรับประทานหรือฉีดสารกัมมันตรังสีเข้าไปในร่างกายแล้วทาการ
ถ่ายภาพอวัยวะ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากสารกัมมันตรังสี ดังตาราง
สารกัมมันตรังสี ประโยชน์
แกลเลียม-67 (Ga-67) ใช้ ต รวจการอั ก เสบต่ า ง ๆ เช่ น การเป็ น หนอง
ในช่องท้อง และใช้การตรวจหาการแพร่กระจายของ
มะเร็งในต่อมน้าเหลือง
คริปตอน-81 (Kr-81) ใช้ตรวจการทางานของหัวใจ
อินเดียม-111 (In-111) ใช้ติดตามเม็ดเลือดขาว เพื่อตรวจหาบริเวณอักเสบ
ของร่างกาย ตรวจมะเร็งเต้านม รังไข่ และลาไส้
ไอโอดีน-131 (I-131) ใช้ตรวจการทางานของต่อมไทรอยด์

จากข้อมูล ถ้าแพทย์สั่งตรวจการทางานของระบบอวัยวะของนางสายใจด้วย แกลเลียม-67


และ อินเดียม-111 นางสายใจมีอาการตามข้อใด ตามลาดับ
1) ปวดศีรษะ ต่อมน้าเหลืองอักเสบ
2) ปวดหลัง มะเร็งเต้านม
3) ปวดท้อง มะเร็งลาไส้
4) เจ็บหน้าอก ต่อมไทรอยด์
ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะและธาตุกัมมันตรังสี
ที่มีต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม จากข้อมูลที่รวบรวมได้
เฉลย
3) ถูก เพราะ แกลเลี ยม-67 ใช้ ตรวจอาการอัก เสบในช่อ งท้ อง และ อินเดีย ม-111
ใช้ตรวจติดตามมะเร็งลาไส้
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ อาการปวดศี ร ษะไม่ ต รงกั บ การใช้ แกลเลี ย ม-67 และอาการ
ต่ อ มน้ าเหลื อ งอั ก เสบไม่ ส ามารถใช้ อิ น เดี ย ม-111 ตรวจได้ แต่ ใ ช้
แกลเลียม-67 ตรวจได้
2) ผิด เพราะ อาการปวดหลัง ไม่ตรงกับการใช้ แกลเลียม-67
4) ผิด เพราะ อาการเจ็ บ หน้ า อก ไม่ ต รงกั บ การใช้ แกลเลี ย ม-67 และอาการ
ต่อมไทรอยด์ต้องใช้ ไอโอดีน-131
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 16
สทศ. สพฐ.

13.
แผนภาพแสดงการใช้ธาตุต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน

D B

จากข้ อ มู ล พิ จ ารณาข้ อ ความที่ ก าหนดให้ ว่ า ถู ก ต้ อ งสอดคล้ อ งกั บ ข้ อ มู ล ข้ า งต้ น หรื อ ไม่


ถ้ า สอดคล้ อ งให้ ร ะบายทั บ ในวงกลม  ใต้ ค าว่ า “ใช่ ” ถ้ า ไม่ ส อดคล้ อ งให้ ร ะบายทั บ
ในวงกลม  ใต้คาว่า “ไม่ใช่”
ข้อ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่
13.1) ภาพ A ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มักเลือกใช้ธาตุโลหะเท่านั้น  
13.2) ภาพ B มักใช้คาร์บอน ออกซิเจน ไนโตรเจน ซึ่งเป็นธาตุอโลหะ  
13.3) ภาพ C ใช้ในเครื่องจักร อาจใช้เหล็กกันสนิมหรือสแตนเลส  
13.4) ภาพ D ใช้ในการเกษตร อุตสาหกรรมรอยร้าวในอาคารเป็นธาตุ
โลหะ
 

ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะและธาตุกัมมันตรังสี


ที่มีต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม จากข้อมูลที่รวบรวมได้
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 17
สทศ. สพฐ.

เฉลย
13.1) ไม่ใช่ เพราะ ภาพ A เป็นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์
ส่วนใหญ่ใช้ธาตุกึ่งโลหะ
13.2) ใช่ เพราะ ภาพ B คาร์บอน ออกซิเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบ
ของสิง่ มีชีวิตเป็นธาตุอโลหะ
13.3) ใช่ เพราะ ภาพ C ใช้ในเครื่องจักร อาคาร ภาชนะหุงต้ม เครื่องใช้ไฟฟ้า
เป็นธาตุโลหะ
13.4) ไม่ใช่ เพราะ ภาพ D เป็นธาตุกัมมันตรังสี ใช้ในทางการแพทย์ เช่น รังสีรักษา
โรคมะเร็ง ใช้ในการเกษตร เช่น รังสีทาหมันแมลง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 18
สทศ. สพฐ.

14.
โจ้และเพื่อน ๆ นาสารละลายในแต่ละขวดที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของคุณแม่ ดังภาพ

A B C D

จากนั้นนาไปผสมแล้วนาไปต้ม เพื่อทดสอบสมบัติของสารทั้ง 4 ชนิด ได้ดังตาราง


อุณหภูมิเมื่อเวลาผ่านไป (๐C)
สาร
ผสม 1 2 3 4 5 6 10
นาที นาที นาที นาที นาที นาที นาที
A+C 20 22 24 26 26 26 26
B+C 23 25 25 30 35 40 60
B+D 30 32 35 35 35 35 35
A+D 35 37 38 38 40 41 50
จากนั้นโจ้และเพื่อน ๆ ร่วมกันอภิปรายถึงสมบัติของสารได้ดังนี้
โจ้ : สาร A และสาร C เป็นสารต่างชนิดกัน
ไบรท์ : สาร B และสาร C เป็นสารชนิดเดียวกัน
บอส : เมื่อให้ความร้อนกับสารผสม B+D ต่อไปถึงนาทีที่ 7
สารจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น
เบนต์ : เมื่อให้ความร้อนกับสารผสม A+D ต่อไปถึงนาทีที่ 9
สารจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น

จากข้อมูล ใครอภิปรายถึงสมบัติของสารได้ถูกต้องที่สุด
1) โจ้
2) ไบรท์
3) บอส
4) เบนต์
ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/4 เปรียบเทียบจุดเดือดจุดหลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และสารผสม โดยการ
วัดอุณหภูมิ เขียนกราฟแปลความหมายข้อมูลจากกราฟ หรือสารสนเทศ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 19
สทศ. สพฐ.

เฉลย
4) ถูก เพราะ สาร A และสาร D มี อุ ณหภู มิ ไม่ ค งที่ จึ งเป็ น สารบริสุ ทธิ์ต่ า งชนิ ด กั น
เมื่อให้ความร้อนเพิ่มขึ้น อุณหภูมิของสารมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ สาร A และสาร C จะมี อุ ณ หภู มิ ค งที่ ตั้ ง แต่ น าที ที่ 4 เป็ น ต้ น ไป
จึงเป็นสารบริสุทธิ์ชนิดเดียวกัน
2) ผิด เพราะ สาร B และสาร C มีอุณหภูมิไม่คงที่ จึงเป็นสารบริสุทธิ์ต่างชนิดกัน
3) ผิด เพราะ สาร B และสาร D มีอุณหภูมิคงที่ตั้งแต่นาทีที่ 3 ดังนั้น เมื่อให้ความร้อน
ต่อไปสาร B และสาร D จะยังคงมีอุณหภูมิคงที่ คือ 35๐C
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 20
สทศ. สพฐ.

15.
กล้องหาความหนาแน่นของโลหะ A B C และ D ที่มีมวลเท่ากัน โดยการทดสอบด้วย
ถ้วยยูรีกา ได้ผลดังภาพ
A B C D

350 ml 200 ml 500 ml 220 ml

จากข้อมูล ข้อใดสรุปเกี่ยวกับความหนาแน่นของโลหะทั้ง 4 ชนิด ได้ถูกต้อง


1) โลหะ A มีความหนาแน่นมากกว่าโลหะ C แต่น้อยกว่าโลหะ B
2) โลหะ B มีความหนาแน่นมากกว่าโลหะ C แต่น้อยกว่าโลหะ D
3) โลหะ C มีความหนาแน่นมากกว่าโลหะ D แต่น้อยกว่าโลหะ A
4) โลหะ D มีความหนาแน่นมากกว่าโลหะ A แต่น้อยกว่าโลหะ C

ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/5 อธิบายและเปรียบเทียบความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสม


เฉลย
1) ถูก เพราะ เมื่อโลหะมีมวลเท่ากันแต่ปริมาตรแตกต่างกัน ดังนั้นโลหะที่ปริมาตรมาก
จะมี ค วามหนาแน่ น น้ อ ย จึ ง เรี ย งล าดั บ ความหนาแน่ น จา กมาก
ไปน้อยได้ดังนี้ B > D > A > C
ตัวลวง
2) ผิด เพราะ ความหนาแน่นของโลหะ B ต้องมากกว่าโลหะ D
3) ผิด เพราะ ความหนาแน่นของโลหะ C ต้องน้อยกว่าโลหะ D
4) ผิด เพราะ ความหนาแน่นของโลหะ D ต้องมากกว่าโลหะ C
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 21
สทศ. สพฐ.

16.
เด็กชายเอมีของเหลว 4 ชนิด ที่มีมวลและปริมาตรต่างกัน ดังตาราง
ชนิดของเหลว มวล (g) ปริมาตร (cm3)
สีแดง 35 20
สีเหลือง 40 50
สีชมพู 50 150
สีเขียว 60 15

เมื่ อ เด็ ก ชายเอ น าของเหลวทั้ ง 4 ชนิ ด ใส่ ล งในแจกั น ใสเพื่ อ ตกแต่ ง สถานที่
โดยของเหลวทั้ง 4 ชนิด ไม่ละลายและไม่ทาปฏิกิริยากัน

จากข้อมูล ให้นักเรียนเรียงลาดับสีของของเหลวจากด้านล่างถึงด้านบนของแจกัน ตามลาดับ


ตอบ.............................................................................................................................................
ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/5 เปรียบเทียบความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสม
แนวคาตอบ
นักเรียนต้องทราบความหนาแน่นของของเหลวทั้ง 4 สี จากความสัมพันธ์
มวลของสาร (g)
ความหนาแน่นของสาร =
ปริมาตรของสาร (cm3 )
ของเหลวสีแดง มีความหนาแน่น 1.75 g/cm3
ของเหลวสีเหลือง มีความหนาแน่น 0.80 g/cm3
ของเหลวสีชมพู มีความหนาแน่น 0.33 g/cm3
ของเหลวสีเขียว มีความหนาแน่น 4.00 g/cm3
ดังนั้น เรียงลาดับสีจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน ได้ดังนี้ สีเขียว สีแดง สีเหลือง และสีชมพู
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (3 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่ อระบุ ลาดับ สีจ ากด้านล่ าง เมื่ อ ระบุ ล าดั บ สี จ ากด้ า นล่ า ง เ มื่ อ ร ะ บุ ล า ดั บ สี จ า ก
ขึ้ น สู่ ด้ า นบนได้ ถู ก ต้ อ งครบ ขึ้นสู่ด้านบนได้ถูกต้อง 3 สี ด้ า น ล่ า ง ขึ้ น สู่ ด้ า น บ น
ทั้ง 4 สี แนวคาตอบ ไม่ ถู ก ต้ อ ง หรื อ ไม่ ต อบ
แนวคาตอบ - เขียว แดง เหลือง หรือเรียงลาดับสีข้ามขั้น
เขียว แดง เหลือง ชมพู - แดง เหลือง ชมพู แนวคาตอบ
- เขียว เหลือง ชมพู - เขียว เหลือง ชมพู แดง
- เขียว แดง ชมพู - เขียว แดง ชมพู เหลือง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 22
สทศ. สพฐ.

- ชมพู เขียว แดง เหลือง


- ชมพู เหลือง แดง เขียว
- ฯลฯ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 23
สทศ. สพฐ.

17.
นักเรียนชายกลุ่มหนึ่ง อธิบายลักษณะของสารที่พบในชีวิตประจาวัน โดยบอกถึง
ประเภท สถานะ และการแยกสลายเป็นสารอื่น ๆ ได้ดังตาราง
สาร ประเภท สถานะ การแยกสลายเป็นสารอื่น
A สารประกอบ ของเหลว แยกได้
B ธาตุ แก๊ส แยกไม่ได้
C สารบริสุทธิ์ แก๊ส แยกไม่ได้
D สารบริสุทธิ์ แก๊ส แยกได้
จากนั้น นักเรียนแต่ละคนได้เขียนแบบจาลองของสาร A B C และ D ได้ดังตาราง
นักเรียน สาร A สาร B สาร C สาร D
เด็กชายไก่
เด็กชายก้อง
เด็กชายเก้า
เด็กชายกร

จากข้อมูล ใครเขียนแบบจาลองของสาร A B C และ D ได้ถูกต้องทั้งหมด


1) เด็กชายไก่
2) เด็กชายก้อง
3) เด็กชายเก้า
4) เด็กชายกร
ตัว ชี้ วัด ว 2.1 ม.1/7 อธิบ ายเกี่ ยวกับความสั มพั นธ์ร ะหว่า งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ
โดยใช้แบบจาลองและสารสนเทศ
เฉลย
1) ถูก เพราะ สาร A และ D ประกอบด้ ว ยอะตอมของธาตุ ตั้ ง แต่ 2 ชนิ ด ขึ้ น ไป
จึงแยกสลายได้ ส่วนสาร B และ C ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
จึงแยกสลายไม่ได้
ตัวลวง
2) ผิด เพราะ แบบจ าลองของสาร B ต้ อ งประกอบด้ ว ยอะตอมเพี ย งชนิ ด เดี ย ว
และสาร D ต้องประกอบด้วยอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 24
สทศ. สพฐ.

3) ผิด เพราะ แบบจาลองของสาร A และสาร D ต้องประกอบด้วยอะตอมของธาตุ


ตั้ ง แต่ 2 ชนิ ด ขึ้ น ไป และแบบจ าลองของสาร B และสาร C
ต้องประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
4) ผิด เพราะ แบบจาลองของสาร A ต้องประกอบด้วยอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิด
ขึ้นไป และสาร B ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 25
สทศ. สพฐ.

18.
นักเรียนคนหนึ่งศึกษาจานวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ของธาตุที่ตนเอง
สนใจและวาดภาพแบบจาลองโครงสร้างอะตอม ดังตาราง
กาหนดให้ : แทนโปรตอน แทนนิวตรอน แทนอิเล็กตรอน
จานวน จานวน จานวน
ธาตุ แบบจาลองโครงสร้างอะตอม
โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน

A 6 6 6

B 7 4 3

C 2 2 2

D 4 5 4

จากข้อมูล แบบจาลองโครงสร้างอะตอมของธาตุใดเขียนได้ถูกต้อง
1) A
2) B
3) C
4) D
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 26
สทศ. สพฐ.

ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน


โดยใช้แบบจาลอง
เฉลย
4) ถูก เพราะ มีโปรตอนและนิวตรอนรวมกันอยูต่ รงกลาง และอิเล็กตรอนอยู่รอบนอก
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ มีอิเล็กตรอนรวมกับนิวตรอนอยู่ตรงกลาง และโปรตอนอยู่รอบนอก
2) ผิด เพราะ มี โ ปรตอนอยู่ ร อบนอก และมี อิ เ ล็ ก ตรอนเข้ า ไปรวมกั บ โปรตอน
และนิวตรอนอยู่ตรงกลาง
3) ผิด เพราะ มีนิวตรอนอยู่ร อบนอก และอิเล็กตรอนเข้าไปรวมตัว กัน กับโปรตอน
อยูต่ รงกลาง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 27
สทศ. สพฐ.

19.
คุณแม่บอกให้แตงโมชงโกโก้ร้อนให้น้องดื่ม โดยเริ่มจากเติมผงโกโก้ (A) 1 ช้อนและ
น้าตาล (B) 1 ช้อนลงในแก้ว จากนั้นเติมน้าร้อน (D) ลงไปประมาณครึ่งแก้ว แล้วเติมนมข้น
หวาน (C) ลงไปครึ่งช้ อน เมื่อใส่ส่วนผสมครบแล้วจึงใช้ช้อน (F) คนส่วนผสมให้เข้ากั น
แล้วมีไอน้า (E) ลอยขึ้นมา
น้าร้อน ไอน้า
น้ ำตำล
A B น้ ำตำล น้าตาล
นมข้นหวาน E ช้อน
น้าตาล น้
น้าตาล F
C D น้
น้ น้

ผงโกโก้ + น้าตาล
ข้อใดเป็นแบบจาลองของอนุภาคของสาร A B C D E และ F ที่ถูกต้อง (เลือก 2 คาตอบ)
1) 2)

สาร A สาร B

3) 4)

สาร C สาร D

5) 6)

สาร E สาร F
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 28
สทศ. สพฐ.

ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค


และการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสสารชนิดเดียวกันในสถานะของแข็ง
ของเหลว และแก๊ส โดยใช้แบบจาลอง
เฉลย
4) ถูก เพราะ สาร D คื อน้ า อยู่ ในสถานะของเหลว อนุ ภาคอยู่ ใกล้ กัน แต่น้ อ ยกว่ า
ของแข็ง
5) ถูก เพราะ สาร E คื อ ไอน้ า อยู่ ใ นสถานะแก๊ ส อนุ ภ าคอยู่ ห่ า งกั น และเคลื่ อ นที่
อย่างอิสระ
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ สาร A คือ ผงโกโก้ อยู่ในสถานะของแข็ง อนุภาคอยู่ชิดกันมาก
2) ผิด เพราะ สาร B คือ น้าตาลทราย อยู่ในสถานะของแข็ง อนุภาคอยู่ชิดกันมาก
3) ผิด เพราะ สาร C คื อ นมข้ น หวาน อยู่ ใ นสถานะของเหลว อนุ ภ าคอยู่ ใ กล้ กั น
แต่น้อยกว่าของแข็ง
6) ผิด เพราะ สาร F คือ ช้อน อยู่ในสถานะของแข็ง อนุภาคอยู่ชิดกันมาก
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 29
สทศ. สพฐ.

20.
ในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ คุณครูได้นาภาพกิจกรรมต่าง ๆ ดังภาพ มาให้นักเรียนดู

การเททองหล่อพระ การหล่อเทียน
A B

แม่ค้าทอดข้าวเกรียบ แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว
น้าเดือดแล้วจ้า
C
D

จากนั้นคุณครูได้เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับการเปลี่ยนสถานะของสาร ดังนี้
อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส)
P Q
N O

M
เวลา (วินาที)

จากข้อมูล ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมต่าง ๆ กับกราฟแสดงความสัมพันธ์


ระหว่างอุณหภูมิกับการเปลี่ยนสถานะของสาร
1) กิจกรรมในภาพ A สอดคล้องกับกราฟในช่วง N – O
2) กิจกรรมในภาพ B สอดคล้องกับกราฟในช่วง P – Q
3) กิจกรรมในภาพ C สอดคล้องกับกราฟในช่วง O – P
4) กิจกรรมในภาพ D สอดคล้องกับกราฟในช่วง M – N
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 30
สทศ. สพฐ.

ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ


ของสสาร โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และแบบจาลอง
เฉลย
1) ถูก เพราะ กิจกรรมในภาพ A เป็นการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว
สอดคล้องกับกราฟในช่วง N – O
ตัวลวง
2) ผิด เพราะ กิจกรรมในภาพ B เป็นการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว
สอดคล้องกับกราฟในช่วง N – O ไม่ใช่ช่วง P – Q
3) ผิด เพราะ กิ จ กรรมในภาพ C เป็ น การเปลี่ ย นสถานะจากของเหลวเป็ น แก๊ ส
สอดคล้องกับกราฟในช่วง P – Q ไม่ใช่ช่วง O – P
4) ผิด เพราะ กิ จ กรรมในภาพ D เป็ น การเปลี่ ย นสถานะจากของเหลวเป็ น แก๊ ส
สอดคล้องกับกราฟในช่วง P – Q ไม่ใช่ช่วง M – N
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 31
สทศ. สพฐ.

21.
นักเรียนคนหนึ่งนาสารชนิดหนึ่งมาเพิ่มอุณหภูมิพบว่า สารมีการเปลี่ยนแปลงสถานะ
โดยแสดงแบบจาลองอนุภาค ดังภาพ

2
1
กาหนดให้ แทนอนุภาคของสาร
แทนการสั่นของอนุภาค
แทน ขนาด และทิศทางความเร็วของอนุภาค

เมื่ อ เพิ่ ม อุ ณ หภู มิ ข องสารดั ง กล่ า ว การเปลี่ ย นแปลงจากบริ เ วณที่ 2 เป็ น บริ เ วณที่ 1
เป็นการเปลี่ยนแปลงสถานะของสารจากสถานะใดเป็นสถานะใด และการเปลี่ยนแปลงจาก
บริเวณที่ 1 เป็นบริเวณที่ 3 เรียกกระบวนการนี้ว่าอย่างไร
ตอบ...........................................................................................................................................
ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ
ของสสาร โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และแบบจาลอง
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (3 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่ อ ระบุ ก ารเปลี่ ย นสถานะ เมื่อระบุการเปลี่ยนสถานะจาก เมื่อไม่ตอบ หรือ ตอบ
จากบริเวณที่ 2 ไปบริเวณที่ 1 บริ เ วณที่ 2 ไปบริ เ วณที่ 1 ไม่ถูกต้อง
ได้ถูกต้อง และระบุกระบวนการ ได้ถูกต้อง หรือระบุกระบวนการ
เปลี่ยนสถานะจากบริเวณที่ 1 เปลี่ยนสถานะจากบริเวณที่ 1
ไปบริเวณที่ 3 ได้ถูกต้องทั้ง 2 ไปบริเวณที่ 3 ได้ถูกต้องเพียง
คาตอบ อย่างใดอย่างหนึ่ง
แนวคาตอบ แนวคาตอบ
ค าตอบที่ 1 การเปลี่ ย น - ของแข็ ง เป็ น ของเหลว /
สถานะจากบริเวณที่ 2 ไป จุดเดือด
บริเวณที่ 1 คือ จากของแข็ง - ของแข็ ง เป็ น ของเหลว /
เป็นของเหลว จุดเยือกแข็ง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 32
สทศ. สพฐ.

คาตอบที่ 2 การกลายเป็นไอ - ข อ ง เ ห ล ว เ ป็ น แ ก๊ ส /
หรือการระเหย หรือการเดือด การกลายเป็นไอ
- ข อ ง เ ห ล ว เ ป็ น แ ก๊ ส /
การเดือด
- ข อ ง เ ห ล ว เ ป็ น แ ก๊ ส /
การระเหย
- ฯลฯ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 33
สทศ. สพฐ.

22.
นายเอไปเที่ยวสถานที่ A B C และ D จากนั้นได้สร้างแบบจาลองความหนาแน่น
โมเลกุลของอากาศ ของสถานที่ A B C และ D ได้ดังภาพ

A B C D

จากข้อมูล กราฟแบบจาลองความหนาแน่นโมเลกุลของอากาศในข้อใดถูกต้อง
1) ความสูง 2) ความสูง

D D

C B

B C

A A
พืน้ พืน้
ความสูง ความสูง
3) 4)

A A
s s
B C

C B

D D
พืน้ พืน้
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 34
สทศ. สพฐ.

ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.1/1 สร้ า งแบบจ าลองที่ อ ธิ บ ายความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งความดั น อากาศ
กับความสูงจากพื้นโลก
เฉลย
2) ถูก เพราะ ความดันอากาศที่ระดับพื้นจะมีค่ามากกว่า ความดันอากาศที่ระดับสูง
ขึ้นไปจากพื้น เนื่องจากมีน้าหนักอากาศกดทับมากและอากาศที่ระดับ
พื้นมีความหนาแน่นมากกว่าที่ระดับสูงขึ้นไป ดังนั้นจานวนโมเลกุลของ
อากาศในปริมาตรที่เท่ากัน ที่บริเวณพื้นจะมากกว่าบริเวณที่สูงขึ้นไป
ตัวลวง
1) 3) และ 4) ผิด เพราะ การเรียงลาดับแบบจาลองความหนาแน่นโมเลกุลของอากาศ
ไม่ ไ ด้ เ รี ย งตามความหนาแน่ น ของอากาศ จากพื้ น ที่ ต่ า
ซึ่ ง มี ค วามหนาแน่ น มาก ไปสู่ พื้ น ที่ สู ง ที่ มี ค วามหนาแน่ น
น้อยลง ตามลาดับ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 35
สทศ. สพฐ.

23.
ข้อมูลแสดงการเปลี่ยนสถานะของน้าแข็งมวล 20 กรัม เป็นดังนี้
อุณหภูมิ 0๐C อุณหภูมิ 0๐C อุณหภูมิ 100๐C

ตั้งทิ้งไว้ 10 นาที นาไปต้ม 5 นาที


กาหนดความร้อนแฝงจาเพาะของการหลอมเหลว = 80 แคลอรีต่อกรัม
จากข้อมูล พิจารณาข้อความที่กาหนดให้ว่าถูกต้องสอดคล้องกับข้อมูลข้างต้นหรือไม่ ถ้าถูกต้อง
ให้ระบายทับในวงกลม  ใต้คาว่า “ใช่” ถ้าไม่ถูกต้องให้ระบายทับในวงกลม  ใต้คาว่า “ไม่ใช่”
ข้อ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่
23.1) ในเวลา 10 นาทีแรก มีความร้อนแฝงของการหลอมเหลวของน้าแข็ง  
23.2) เมื่ อ น าน้ าที่ อุ ณ หภู มิ 0 ๐C ไปต้ ม นาน 5 นาที อุ ณ หภู มิ ข องน้ า
มีการเปลี่ยนแปลงและน้ามีการเปลี่ยนสถานะ
 
23.3) ความร้อนแฝงของการหลอมเหลวเท่ากับ 1,600 แคลอรี  
23.4) หลังจากใช้เวลาต้มน้าผ่านไป 5 นาที แล้วยังต้มน้าต่อไปอีก อุณหภูมิ
ของน้าจะเพิ่มขึ้นไปด้วย
 
ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคานวณปริมาณความร้อนที่ทาให้สสาร
เปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL
เฉลย
23.1) ใช่ เพราะ น้าแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นน้าโดยอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า
การหลอมเหลว โดยความร้อนที่ใช้ในการหลอมเหลว เรียกว่า
ความร้อนแฝงของการหลอมเหลวของสาร
23.2) ไม่ใช่ เพราะ เมื่อนาน้าไปต้ม 5 นาที น้ามีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแต่ยังไม่มี
การเปลี่ยนสถานะ เพราะปริมาณน้ายังคงเท่าเดิม
23.3) ใช่ เพราะ ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว เท่ากับ
Q = mL
= 20 x 80
= 1,600 แคลอรี
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 36
สทศ. สพฐ.

23.4) ไม่ใช่ เพราะ ถ้ า ต้ ม น้ า ที่ อุ ณ ห ภู มิ 1 0 0 ๐ C ต่ อ ไ ป อี ก อุ ณ ห ภู มิ ข อ ง น้ า


จะไม่เพิ่มขึ้น เพราะปริมาณความร้อนจะนาไปใช้ในการเปลี่ยน
สถานะ ในการกลายเป็นไอ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 37
สทศ. สพฐ.

24.
อากาศช่วงเดือนเมษายนของบ้านเราอากาศร้อนมาก จนต้องเปิดพัดลมทั้งกลางวันและ
กลางคืน คุณแม่จะทาความสะอาดพัดลมโดยต้องถอดใบพัดออกมาเช็ดล้าง สมชายจึงอาสา
ช่ ว ยคุ ณ แม่ แต่ เ มื่ อ เขาหมุ น ตั ว ล็ อ กใบพั ด ออกแล้ ว เขาไม่ ส ามารถดึ ง ใบพั ด ออกจาก
แกนเหล็กซึ่งร้อนได้
แกนเหล็ก
มอเตอร์

ตัวล็อก
ใบพัด ใบพัด
ตะแกรงครอบ
จากข้อมูล การที่สมชายไม่สามารถดึงใบพัดออกจากแกนเหล็กได้ ข้อใดอธิบายได้ถูกต้อง
1) มอเตอร์ฝืด ทาให้ดึงใบพัดออกไม่ได้
2) มอเตอร์ร้อน ทาให้ใบพัดหดตัว
3) แกนเหล็กร้อน ทาให้แกนเหล็กขยายตัว
4) แกนเหล็กร้อน ทาให้ถ่ายโอนความร้อนให้อากาศ
ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/3 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการขยายตัวหรือหดตัวของสสารเนื่องจากได้รับหรือ
สูญเสียความร้อน
เฉลย
3) ถูก เพราะ แกนเหล็ก เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวในขณะที่ใบพัดไม่ได้ขยายตัว
จึงทาให้แน่นและดึงใบพัดออกจากแกนได้ยาก
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ การที่มอเตอร์ฝืด จะส่งผลต่อ การหมุนของใบพัด ซึ่งไม่เกี่ยวกับการดึง
ใบพัดออกจากแกน
2) ผิด เพราะ มอเตอร์ร้อน จะส่งผลให้แกนเหล็กร้อนไปด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการหดตัว
ของใบพั ด ส่ ว นการหดตั ว ของสาร สารจะหดตั ว เนื่ อ งจากสู ญ เสี ย
ความร้อน ซึ่งในข้อมูลไม่ได้ระบุว่าใบพัดเกิดการสูญเสียความร้อน
4) ผิด เพราะ แกนเหล็กเป็นโลหะ ซึ่งโลหะเป็นตัวนาความร้อนที่ดี ดังนั้น แกนเหล็ก
ร้อนจึงถ่ายโอนความร้อนได้ดี ใบพัดจึงดึงออกจากแกนเหล็กได้
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 38
สทศ. สพฐ.

25.
คุ ณ แม่ จ ะรั บ ประทานขนมปั ง ทาแยม ปรากฏว่ า คุ ณ แม่ เ ปิ ด ฝาขวดไม่ ไ ด้
จึงให้ดาวช่วยเปิดฝาขวดแยมให้ ดาวจึงคิดวิธีเปิดฝาขวดแยมดังนี้
วิธีที่ 1 : นาขวดแยมไปจุ่มให้จมในน้าร้อนครึ่งขวด เป็นเวลา 1 นาที
วิธีที่ 2 : เทน้าร้อนลงบนฝาขวด ขณะที่วางขวดบนน้าแข็ง
วิธีที่ 3 : นาขวดแยมไปแช่ตู้เย็น ประมาณ 1 นาที
วิธีที่ 4 : นาขวดแยมไปแช่น้าร้อน และนาผ้าห่อน้าแข็งมาหุ้มไว้ที่ฝาขวด

จากข้อมูล วิธีใดที่ทาให้ดาวเปิดฝาขวดแยมได้ง่ายที่สุด
1) วิธีที่ 1
2) วิธีที่ 2
3) วิธีที่ 3
4) วิธที ี่ 4
ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจาก
ความร้อน โดยวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการนาความรู้
มาแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน
เฉลย
2) ถูก เพราะ การเปิดฝาขวดเกลียวภาชนะใส่อาหารที่ปิดแน่น เมื่อเทน้าร้อนลงบนฝา
ขวด ความร้อนจะทาให้ฝ าขวดขยายตัวในขณะที่ ขวดวางบนน้าแข็ ง
ความเย็นทาให้ขวดหดตัว จึงทาให้เปิดขวดได้ง่ายขึ้น
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ การน าขวดแยมไปจุ่ ม ในน้ าร้ อ นครึ่ ง ขวด ท าให้ ข วดแยมขยายตั ว
ซึ่งไม่ทาให้การเปิดขวดได้ง่ายขึ้น
3) ผิด เพราะ การน าขวดแยมไปแช่ ตู้ เ ย็ น ท าให้ ทั้ ง ฝาและขวดเกิ ด การหดตั ว
ส่งผลทาให้เปิดขวดแยมได้ยากขึ้น
4) ผิด เพราะ การนาขวดแยมไปแช่ในน้าร้อน ทาให้ขวดขยายตัว ในขณะที่นาผ้าห่อ
น้ าแข็ ง มาหุ้ ม ไว้ ที่ ฝ าขวด ท าให้ ฝ าขวดหดตั ว จะยิ่ ง ท าให้ เ ปิ ด ขวด
ได้ยากขึ้น
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 39
สทศ. สพฐ.

26. ถ้ าต้ องก ารผสมน้ าให้ ท ารก อาบ โด ยผสมน้ าอุ ณ หภู มิ 50 องศาเซ ลเซี ยส
มวล 2,000 กรัม ผสมกั บน้าอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซีย ส มวลเท่ากั น แล้วรอจนสมดุ ล
ความร้อน โดยมีอุณหภูมิคงที่ที่ 40 องศาเซลเซียส ปริมาณความร้อนที่สูญเสียและปริมาณ
ความร้อนที่ได้รับเป็นเท่าใด (ความร้อนจาเพาะของน้าเท่ากับ 1 แคลอรี/กรัม องศาเซลเซียส)
ตอบ ปริมาณความร้อนที่สูญเสีย...........................แคลอรี
ปริมาณความร้อนที่ได้รับ..............................แคลอรี

ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/5 วิ เ คราะห์ ส ถานการณ์ ก ารถ่ า ยโอนความร้ อ นและค านวณปริ ม าณ


ความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสารจนเกิดสมดุลความร้อน โดยใช้สมการ
Q สูญเสีย = Qได้รับ
แนวคิด
น้าที่มีอุณหภูมิ 50 ๐C จะสูญเสียความร้อน
ปริมาณความร้อนที่สูญเสีย Q = mc∆t
= 2,000 x 1 x (40-50)
= 2,000 x (-10)
= - 20,000 แคลอรี
น้าที่มีอุณหภูมิ 30 ๐C จะได้รับความร้อน
ปริมาณความร้อนที่ได้รับ Q = mc∆t
= 2,000 x 1 x (40-30)
= 2,000 x 10
= 20,000 แคลอรี
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (3 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่ อ ระบุ ป ริ ม าณความร้ อ นที่ เมื่อระบุปริมาณความร้อนที่สูญเสีย เมื่อไม่ตอบ หรือ ตอบไม่ถูกต้อง
สูญเสียและปริมาณความร้อน หรือ ปริ ม าณความร้ อ นที่ ไ ด้ รั บ ได้
ที่ได้รับได้ถูกต้องทั้ง 2 คาตอบ ถูกต้อง อย่างใดอย่างหนึ่ง
แนวคาตอบ แนวคาตอบ
- ปริมาณความร้อนที่สูญเสีย - ปริมาณความร้อนที่สูญเสียเท่ากับ
เท่ากับ 20,000 แคลอรี 20,000 แคลอรี
และ หรือ
- ปริ ม าณความร้ อ นที่ ไ ด้ รั บ - ปริมาณความร้อนที่ได้รับ เท่ากับ
เท่ากับ 20,000 แคลอรี 20,000 แคลอรี
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 40
สทศ. สพฐ.

- ปริ ม าณความร้ อ นที่ ไ ด้ รั บ


เท่ า กั บ ปริ ม าณความร้ อ น
ที่สูญเสีย คือ 20,000 แคลอรี
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 41
สทศ. สพฐ.

27.
อรชรปิ้งย่างไก่และกุ้งบนเตาย่างบาบีคิวริมทะเล อรชรบอกพ่อว่าตัวเองรู้สึกร้อนหน้า
ร้อนตัวมาก และเมื่อดูอาหารที่ปิ้งบนเตา จะเห็นว่าอาหารที่นามาปิ้งย่างสุกน่ารับประทาน
มาก”
จากข้ อ มู ล พิ จ ารณาข้ อ ความที่ ก าหนดให้ ว่ า ถู ก ต้ อ งสอดคล้ อ งกั บ ข้ อ มู ล ข้ า งต้ น หรื อ ไม่
ถ้าถูกต้ องให้ ระบายทั บในวงกลม  ใต้ ค าว่ า “ใช่ ” ถ้ าไม่ ถูกต้ องให้ ระบายทั บในวงกลม 
ใต้คาว่า “ไม่ใช่”
ข้อ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่
27.1) อรชรปิ้งย่างอาหารจนสุกได้ เพราะได้รับความร้อนจากการพาความร้อน
เพียงอย่างเดียว
 
27.2) ถ้ามีลมพัดผ่านเตาที่ย่าง จะทาให้อาหารสุกได้เร็วขึ้น  
27.3) ความร้อนจากตะแกรงเหล็กย่างของเตาบาบีคิว ทาให้อาหารสุกได้
โดยการนาความร้อน
 
27.4) การแผ่รังสีความร้อนจากเตาย่าง ทาให้อรชรรู้สึกร้อนหน้า  
ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนาความร้อน
การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อน
เฉลย
27.1) ไม่ใช่ เพราะ การที่อ าหารสุ กจากการปิ้งย่ าง ไม่ ได้ เกิ ดจากการพาความร้อ นเพีย ง
อย่างเดียว แต่เกิดจากตะแกรงเหล็กนาความร้อนและการแผ่รังสีความ
ร้อนจากเตาสู่อาหาร ทาให้อาหารสุก ด้วย ดังนั้นการพาความร้อนเพียง
อย่างเดียว จึงไม่ถูกต้อง
27.2) ไม่ใช่ เพราะ การที่ ล มพั ด ผ่ า น จะท าให้ อ นุ ภ าคของอากาศพาความร้ อ นออกจาก
เตาปิ้งย่าง ทาให้อาหารสุกได้ช้าลงไม่ได้เร็วขึ้น
27.3) ใช่ เพราะ ตะแกรงเหล็ ก ย่ า งเป็ น ตั ว น าความร้ อ น ซึ่ ง น าความร้ อ นจากเตาย่ า ง
มายังอาหารที่กาลังปิ้งย่าง ทาให้อาหารสุก
27.4) ใช่ เพราะ การที่อรชรยืนด้านข้างของเตาย่างในขณะปิ้งย่าง แล้วรู้สึกร้อนที่ใบหน้า
และตัวของผู้ปิ้งย่าง เกิ ดจากความร้อนจากเตาย่างแผ่รังสีความร้อนถึง
ใบหน้าและตัว
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 42
สทศ. สพฐ.

28.
โยธินและเพื่อน ๆ ทาการทดลองเกี่ยวกับการดูดกลืนความร้อนของวัตถุต่างชนิดกัน
พวกเขาได้ออกแบบทดลองโดยการวัดอุณหภูมิของวัสดุก่อนนาไปไว้กลางแดดและหลังนาไปไว้
กลางแดด เป็นเวลา 40 นาที ผลการทดลอง ดังตาราง
อุณหภูมิของวัสดุก่อนนา อุณหภูมิของวัสดุหลังนา
วัสดุ
ไปไว้กลางแดด (๐C) ไปไว้กลางแดด (๐C)
A 25 42
B 25 55
C 25 32
D 25 30
E 25 35

จากข้อมูล ข้อใดเป็นการนาวัสดุไปใช้ประโยชน์ได้เหมาะสม เมื่อเทียบกับวัสดุด้วยกัน (เลือก 2 คาตอบ)


1) นาวัสดุ A มาทาเป็นทัพพี
2) นาวัสดุ A มาใช้มุงหลังคาบ้าน
3) นาวัสดุ B มาทาเป็นหม้อหุงต้ม
4) นาวัสดุ C มาทาเป็นตะแกรงของเตาปิ้งย่าง
5) นาวัสดุ D มาทากระติกน้าแข็ง
6) นาวัสดุ E มาทาเป็นแผ่นหน้าเตารีด
ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอุปกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันโดยใช้
ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อน
เฉลย
3) ถูก เพราะ วัสดุ B มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นมากที่สุด ( 30 องศาเซลเซียส) หลังจากนาไป
ตั้ ง วางไว้ ก ลางแดด แสดงว่ า เป็ น ตั ว น าความร้ อ นที่ ดี จึ ง เหมาะ
แก่การนามาใช้ทาหม้อหุงต้ม
5) ถูก เพราะ วัสดุ D มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด ( 5 องศาเซลเซียส) หลังจากนาไป
ตั้ ง วางไว้ ก ลางแดด แสดงว่ า เก็ บ ความร้ อ นและน าความร้ อ นได้ ไ ม่ ดี
จึงเหมาะแก่การนามาทากระติกน้าแข็ง
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 43
สทศ. สพฐ.

ตัวลวง
1) ผิด เพราะ วัสดุ A มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น (17 องศาเซลเซียส) หลังจากนาไปตั้งวางไว้
กลางแดด ซึ่งแสดงว่านาความร้อนได้ดี จึงไม่เหมาะสาหรับการนามา
ทาทัพพี เพราะการนาวัสดุมาใช้ทาทัพพีจะต้องใช้วัสดุที่ไม่นาความร้อน
สู่มือผู้จับ
2) ผิด เพราะ วัสดุ A มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น (17 องศาเซลเซียส) หลังจากนาไปตั้งวางไว้
กลางแดด ซึ่งแสดงว่านาความร้อนได้ดี จึงไม่เหมาะสาหรับการนามาใช้
มุ ง หลั ง คาบ้ า น เพราะจะท าให้ อ ากาศภายในบ้ า นมี อุ ณ หภู มิ สู ง
ในเวลากลางวัน
4) ผิด เพราะ วัสดุ C มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นน้อย ( 7 องศาเซลเซียส) แสดงว่านาความร้อน
ได้ไม่ดี จึงไม่เหมาะที่จะนามาทาเป็นตะแกรงของเตาปิ้งย่าง ซึ่งตะแกรง
ของเตาปิ้งย่างควรทาจากวัสดุที่นาความร้อนได้ดี
6) ผิด เพราะ วัสดุ E มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นน้อย ( 10 องศาเซลเซียส) แสดงว่านาความร้อน
ได้ไม่ดี จึงไม่เหมาะที่จะนามาทาแผ่นหน้าเตารีด ซึ่งแผ่นหน้าเตารีดควร
ทาจากวัสดุที่นาความร้อนได้ดี
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 44
สทศ. สพฐ.

พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ 29 – 30
นักวิทยาศาสตร์ได้สารวจชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมโลก ได้ข้อมูลดังตาราง
ข้อมูลที่ตรวจพบ
ชั้นบรรยากาศ
อุณหภูมิเฉลี่ย (K) ลักษณะของแก๊ส ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
A 200 โมเลกุล มีปริมาณเมฆมาก พายุฝนฟ้าคะนอง
B 1,000 ไอออน มีปริมาณดาวเทียมโคจรจานวนมาก
C 300 โมเลกุล มีปริมาณรังสีอัลตราไวโอเลตลดลง
การส่ ง สั ญ ญาณคลื่ น วิ ท ยุ ส ามารถ
D 850 ไอออน
สะท้อนได้ดี
E 150 โมเลกุล เกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตก

29. จากข้อมูล ข้อใดเรียงชั้นบรรยากาศจากชั้นต่าสุดไปสูงสุดได้ถูกต้อง


1) ACEDB
2) BDECA
3) DBEAC
4) EACBD
ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/1 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการแบ่งชั้นบรรยากาศและเปรียบเทียบประโยชน์
ของบรรยากาศแต่ละชั้น
เฉลย
1) ถูก เพราะ A เป็นชั้นโทรโพสเฟียร์ เพราะมีเมฆมากและเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งเป็น
บรรยากาศชั้นต่าสุด
C เป็ น ชั้ น สตราโตสเฟี ย ร์ เพราะช่ ว ยลดปริ ม าณรั ง สี อั ล ตราไวโอเลต
มีอุณหภูมิสูงกว่าชั้นบรรยากาศ A ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นที่ 2
E เป็นชั้นมีโซสเฟียร์ มีอณุ หภูมิต่ากว่าชั้นบรรยากาศ C เกิดการลุกไหม้
วัตถุที่ตกลงสู่โลก ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นที่ 3
D เป็นชั้นเทอร์โมสเฟียร์ เพราะมีอุณหภูมิสูงกว่าชั้นบรรยากาศ E สะท้อน
คลื่นวิทยุได้ ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นที่ 4
B เป็นชั้นเอกโซสเฟียร์ เพราะอุณหภูมิสูงสุดและเป็นที่อยู่ของดาวเทียม
จึงเป็นบรรยากาศชั้นทีส่ ูงสุด
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 45
สทศ. สพฐ.

ตัวลวง
2) 3) และ 4) ผิ ด เพราะ การจั ด เรี ย งไม่ ถู ก ต้ อ ง ซึ่ ง จะต้ อ งเรี ย งจาก โทรโพสเฟี ย ร์
สตราโตสเฟียร์ มีโซสเฟียร์ เทอร์โมสเฟียร์ และเอกโซสเฟียร์
ตามลาดับ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 46
สทศ. สพฐ.

30. จากข้อมูล ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง (เลือก 2 คาตอบ)


1) ชั้นบรรยากาศที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดสามารถสะท้อนคลื่นวิทยุได้ดี
2) ชั้นบรรยากาศที่มีอุณหภูมิสูง มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณะของแก๊ส
3) ชั้นบรรยากาศ A มีอุณหภูมิสูงทาให้บรรยากาศเบาบางส่งผลให้มีเมฆมาก
4) ชั้นบรรยากาศ B สามารถดูดกลืนรังสีทุกชนิดได้เนื่องจากมีอุณหภูมิสูง
5) ชั้นบรรยากาศ D มีอากาศเบาบาง เหมาะกับการขนส่งโดยเครื่องบิน
6) ชั้นบรรยากาศ E ช่วยทาให้วัตถุที่ตกลงสู่โลกมีขนาดเล็กลง
ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/1 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการแบ่งชั้นบรรยากาศและเปรียบเทียบประโยชน์
ของบรรยากาศแต่ละชั้น
เฉลย
2) ถูก เพราะ อุณหภูมิสูงทาให้ลักษณะของแก๊สแตกตัวเป็นไอออน (ประจุ)
6) ถูก เพราะ ชั้นบรรยากาศ E เกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตก แสดงว่าเป็นชั้นที่ทาให้
วั ต ถุ ที่ อ ยู่ น อกโลกเกิ ด การเสี ย ดสี แ ละลุ ก ไหม้ ท าให้ มี ข นาดเล็ ก ลง
เมื่อตกสู่โลก
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ จากข้ อ มู ล อุ ณ หภู มิ สู ง สุ ด (1 ,000 K) ไม่ ไ ด้ ส ะท้ อ นคลื่ น วิ ท ยุ
แต่เป็นบริเวณที่ดาวเทียมโคจรจานวนมาก
3) ผิด เพราะ จากข้อมูล ชั้นบรรยากาศ A มีอุณหภูมิ 200 K อากาศหนาแน่น เพราะ
ลักษณะของแก๊สเป็นโมเลกุลไม่ได้แตกตัวเป็นไอออน
4) ผิด เพราะ จากข้อมูล ชั้นบรรยากาศ B ควรเป็นบรรยากาศชั้นบนสุด เนื่องจาก
มี อุ ณ หภู มิ สู ง และอากาศเบาบาง ไม่ ไ ด้ มี ผ ลต่ อ การดู ด กลื น รั ง สี
ของชั้นบรรยากาศ
5) ผิด เพราะ จากข้ อ มู ล ชั้ น บรรยากาศ D แก๊ ส แตกตั ว เป็ น ไอออน มี อุ ณ หภู มิ สู ง
850 K จึงไม่เหมาะกับเป็นเส้นทางของเครื่องบิน
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 47
สทศ. สพฐ.

พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ 31 – 32
C

โรงงานอุตสาหกรรม B ภูเขา
D

A
A

ทะเล
ทะเล

นักเรียนกลุ่มหนึ่งได้สารวจเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศจากหมู่บ้าน A B C D ได้ข้อมูลตามตาราง
ระดับความสูงของ
ความดันอากาศ
หมู่บ้าน หมู่บ้านจาก ความชื้นสัมพัทธ์ (%) อุณหภูมิ (°C)
(kPa)
ระดับน้าทะเล (m)
A 0 86 35 102
B 280 80 30 96
C 2,100 83 28 79
D 180 82 31 98
นักเรียนกลุ่มนี้ ได้ร่วมกันนาเสนอข้อสรุป ดังนี้
จอย : ความชื้นสัมพัทธ์ที่วัดได้ทั้ง 4 หมู่บ้าน เป็นการวัดในช่วงฤดูฝน
ตาล : ลมจะพัดจากหมู่บ้าน B ไปยังหมู่บ้าน C ได้มากกว่าหมู่บ้านอื่น
แก้ว : หมู่บ้านที่อยูใ่ นพื้นที่สูงจะมีอุณหภูมิต่า
หมู : หมู่บ้าน B เป็นหมู่บ้านที่มีไอน้าในอากาศมากที่สุด

31. จากข้อมูล นักเรียนทั้งหมดในข้อใดที่สรุปได้ถูกต้อง


1) จอย และ ตาล
2) จอย และ แก้ว
3) ตาล และ หมู
4) ตาล และ แก้ว
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 48
สทศ. สพฐ.

ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/2 อธิ บ ายปั จ จัย ที่ มี ผลต่ อ การเปลี่ ย นแปลงองค์ ป ระกอบของลมฟ้ า อากาศ
จากข้อมูลที่รวบรวมได้
เฉลย
2) ถูก เพราะ จอย : ความชื้นสัมพัทธ์ทั้ง 4 หมู่บ้านมีค่าสูง แสดงว่ามีปริมาณไอน้า
ในอากาศมาก จึง เป็น ช่ว งฤดู ฝ น ถ้ าเป็ นฤดูก าลอื่ น จะมี ไอน้ า
ในอากาศน้อย
แก้ ว : จากข้ อ มู ล หมู่ บ้ า น C อยู่ สู ง 2,000 เมตร จากระดั บ น้ าทะเล
มีอุณหภูมิ 28°C เนื่องจากพื้นที่สูงความกดอากาศสูง อุณหภูมิจะต่า
ตัวลวง
1) 3) และ 4) ผิด เพราะ ตาล : สรุปไม่ถูกต้อง เพราะลมจะพัดจากที่อุณหภูมิต่าไปยัง
อุณหภูมิสูง แต่หมู่บ้าน B มีอุณหภูมิสูงกว่าหมู่บ้าน C
ลมจึงพัดจากหมู่บ้าน C ไปยังหมู่บ้าน B
หมู : สรุปไม่ถูกต้อง เพราะ หมู่บ้าน B มีค่าความชื้นสัมพัทธ์
80% แสดงว่ามีไอน้าอยู่น้อยกว่าหมู่บ้าน A C และ D
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 49
สทศ. สพฐ.

32. ถ้าเกิดพายุหมุนเขตร้อน หมู่บ้านใดจะได้รับผลกระทบมากที่สุด


1) A
2) B
3) C
4) D
ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/3 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนอง และพายุหมุนเขตร้อน
และผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนาเสนอแนวทางการปฏิบัติ
ตนให้เหมาะสมและปลอดภัย
เฉลย
1) ถูก เพราะ หมู่บ้าน A อยู่ใกล้ทะเล มีอุณหภูมิสูง ความกดอากาศต่า อากาศจะลอยตัว
สูงขึ้น อากาศที่อุณหภูมิต่าจากภูเขาจะเคลื่อนเข้าแทนที่ พัดพามวลไอน้า
บริเวณหมู่บ้าน A ซึ่งมีความชื้นสัมพัทธ์สูง หมุนวนขึ้นก่อตัวเป็นพายุ
ตัวลวง
2) ผิด เพราะ หมู่ บ้ า น B อยู่ ไ กลทะเลและอุ ณ หภู มิ ต่ ากว่ า หมู่ บ้ า น A มี โ อกาสเกิ ด
พายุหมุนเขตร้อนน้อยกว่า
3) ผิด เพราะ หมู่บ้าน C อยู่บนภูเขาสูงอุณหภูมิต่า ความกดอากาศสูง อากาศในทะเล
จะไม่เคลื่อนตัวไปยังหมู่บ้าน C
4) ผิด เพราะ หมู่ บ้ า น D มี อุ ณ หภู มิ สู ง แต่ น้ อ ยกว่ า หมู่ บ้ า น A และอยู่ ใ นหุ บ เขา
ซึ่งสามารถกั้นมวลอากาศที่เคลื่อนที่จากทะเล
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 50
สทศ. สพฐ.

พิจารณาข้อมูลแสดงแผนที่อากาศ แล้วตอบคาถามข้อ 33 – 34

ที่มา : http://www.thaiwater.net/TyphoonTracking/wc5000.html
จากข้ อ มู ล แผนที่ อ ากาศ บริ เ วณความกดอากาศต่ า (L) อากาศร้ อ นเหนื อ พื้ น ผิ ว ยกตั ว ขึ้ น
แล้ ว อุ ณ หภู มิ ล ดต่ าลง ทาให้ เ กิ ด การควบแน่ น เป็ น เมฆและฝน บริ เ วณความกดอากาศสู ง (H)
อากาศเย็ น ด้ า นบนมี อุ ณ หภู มิ ต่ าเคลื่ อ นที่ เ ข้ า มาแทนที่ อ ากาศร้ อ นที่ อ ยู่ เ หนื อ พื้ น ผิ ว ท าให้ เ กิ ด
ความแห้ ง แล้ ง การเคลื่ อ นที่ ข องกระแสอากาศจากหย่ อ มความกดอากาศสู ง (H) ไปยั ง หย่ อ ม
ความกดอากาศต่า (L) จึงทาให้เกิด “ลม”

33. ข้อใดกล่าวถึงลักษณะอากาศประเทศไทยตามแผนที่อากาศได้ถูกต้อง
1) บริเวณภาคเหนือเท่านั้นมีอากาศร้อน ทาให้เกิดฝนฟ้าคะนอง
2) บริเวณภาคใต้เท่านั้นมีอากาศเย็น ทาให้เกิดฝนตกหนัก
3) ทั่วประเทศมีอากาศร้อน ทาให้เกิดฝนตกหนัก
4) ทั่วประเทศมีอากาศเย็น ทาให้เกิดฝนแล้ง
ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/4 อธิ บ ายการพยากรณ์ อ ากาศ และพยากรณ์ อ ากาศอย่ า งง่ า ยจากข้ อ มู ล
ที่รวบรวมได้
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 51
สทศ. สพฐ.

เฉลย
3) ถูก เพราะ หย่อมความกดอากาศต่า(L) ปกคลุมประเทศไทยทาให้มีอากาศร้อน
ทั่วประเทศอาจเกิดฝนตกหนัก
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ หย่ อ มความกดอากาศต่ า(L) ปกคลุ ม ประเทศไทยทั้ ง หมด ท าให้
เกิ ด อากาศร้ อ นทั่ ว ประเทศไทยไม่ ใ ช่ เ ฉพาะภาคเหนื อ แต่ ก ารเกิ ด
ฝนฟ้าคะนองอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้
2) ผิด เพราะ หย่ อ มความกดอากาศต่า(L) ปกคลุ มประเทศไทยทั้ ง หมด ทาให้ เกิ ด
อากาศร้อนทั่วประเทศไทย ภาคใต้จึงมีอากาศร้อนไม่ใช่อากาศเย็น
4) ผิด เพราะ หย่อมความกดอากาศต่า(L) ปกคลุมประเทศไทยทั้งหมด จึงทาให้เกิด
อากาศร้อนไม่ใช่อากาศเย็น
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 52
สทศ. สพฐ.

34. ถ้าเวลาผ่านไป พบว่าหย่อมความกดอากาศสูง (H) เคลื่อนตัวมาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและ


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้อใดถูกต้อง
1) บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกลดลง
2) บริเวณภาคเหนือจะมีอุณหภูมิลดลง
3) บริเวณทั่วประเทศไทยจะมีฝนตกมากขึ้น
4) บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น
ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/5 ตระหนักถึงคุณค่าของการพยากรณ์อากาศโดยนาเสนอแนวทางการปฏิบัติ
ตนและการใช้ประโยชน์จากคาพยากรณ์อากาศ
เฉลย
2) ถูก เพราะ หย่อมความกดอากาศสูง (H) ปกคลุมภาคเหนือและ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะทาให้บริเวณภาคเหนือและ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศหนาว นั่นก็คืออุณหภูมิลดลง
ตัวลวง
1) 3) และ 4) ผิ ด เพราะ หย่ อ มความกดอากาศสู ง (H) ปกคลุ ม ภาคเหนื อ และ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะทาให้บริเวณภาคเหนือ
และภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ จะมี อุ ณ หภู มิ ล ดลง
อากาศหนาว ส่วนบริเวณภาคกลางและภาคใต้จะมีฝนตก
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 53
สทศ. สพฐ.

พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ 35 – 36
ระดับความรุนแรงของภัยพิบัติ
คณะกรรมการระหว่ า งรั ฐ บาลว่ า ด้ ว ยการเปลี่ ย นแปลงสภาพภู มิ อ ากาศ ( IPCC ) ได้ เ สนอข้ อ มู ล ว่ า
ถ้าไม่สามารถรักษาระดับอุณหภูมิที่สูงขึ้นให้น้อยกว่า 2 องศาเซลเซียส ณ เวลานี้ได้เกิดผลกระทบขึ้นทั่วโลก ได้แก่ การ
สูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในสปีชีส์ต่าง ๆ และผู้คนนับล้านที่ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงจากความแห้งแล้ง ความหิวโหยและน้า
ท่วม จึงมีความจาเป็นต้องใช้ความพยายามในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมากที่สุด
คณะกรรมการจึงอธิบายผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังภาพ
เ กิ ด ภั ย คุ ก ค า ม จ า ก ร ะ ดั บ
ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศและ น้ าทะเลที่ สู ง ขึ้ น ในเมื อ งใหญ่
ทั่วโลก
การคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก
550 ppm ระดับวิกฤตสูงสุด
ระดับความเสี่ยงรุนแรง
500 ppm เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างมาก จากการเปลี่ยนแปลง
จะอยู่ในช่วงสูงสุดในปีที่ 2010 สภาพภูมิอากาศ
450 ppm เป็นจุดวิกฤตความเข้มข้นของ CO2
“ที่เป็นอันตราย” - เกิดปัญหาขาดแคลนน้า
400 ppm เป็นระดับความเข้มข้นของ CO2 - ผลผลิตทางการเกษตรลดลง
“ที่เป็นอันตราย” 50%
350 ppm เป็นระดับที่ถูกรับรองอย่างเป็นทางการ
โดย 350 org. ภู เ ขาน้ าแข็ ง ละลาย ผลผลิ ต
ทางการเกษตรตกต่า
300 ppm เป็นระดับการป้องกันผลกระทบ
การเปลีย่ นแปลงสภาพภูมิอากาศ
อุณหภูมิโลกเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้น
0.74 ๐c ในศตวรรษที่ 20

ที่มา http://www.environnet.in.th/archives/2059
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 54
สทศ. สพฐ.

35. จากข้ อ มู ล พิ จ ารณาข้ อ ความที่ ก าหนดให้ ว่ า ถู ก ต้ อ งสอดคล้ อ งกั บ ข้ อ มู ล ข้ า งต้ น หรื อ ไม่
ถ้าถูกต้องให้ระบายทับในวงกลม  ใต้คาว่า “ใช่” ถ้าไม่ถูกต้องให้ระบายทับในวงกลม 
ใต้คาว่า “ไม่ใช่”
ข้อ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่
35.1) อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อธารน้าแข็งขั้วโลกเหนือเท่านั้น  
35.2) อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์  
35.3) อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทุก 1oC ยังไม่ส่งผลกระทบกับมนุษย์  
35.4) ในศตวรรษที่ 21 ต้องรณรงค์ให้หยุดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
มิฉะนั้นจะมีผลทาให้พื้นดินถูกน้าทะเลท่วมสูงขึ้น  

ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/6 อธิ บ ายสถานการณ์และผลกระทบการเปลี่ ย นแปลงภูมิ อ ากาศโลก


จากข้อมูลที่รวบรวมได้
เฉลย
35.1) ไม่ใช่ เพราะ อุณหภูมิสูงขึ้นส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ทาให้เกิดปรากฏการณ์
ต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคระบาด ปะการังฟอกขาว น้าทะเลสูงขึ้น ฯลฯ
35.2) ใช่ เพราะ การปล่ อ ยแก๊ ส คาร์ บ อนไดออกไซด์ ส่ ง ผลกระทบต่ อ อุ ณหภู มิ
ของโลกสูงขึ้น ทาให้เกิดภาวะโลกร้อน
35.3) ไม่ใช่ เพราะ อุ ณ หภู มิ ที่ เ พิ่ ม ขึ้ น ทุ ก 1 oC ส่ ง ผลกระทบต่ อ ความเป็ น อยู่
ของมนุษย์ทันที เช่น ระดับน้าทะเลสูงขึ้น ฝนแล้ง น้าท่วม
35.4) ใช่ เพราะ ในศตวรรษที่ 21 ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ปริมาณแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์จะสูง และส่งผลให้ธารน้าแข็งหลอมเหลว
มากขึ้น ทาให้ระดับน้าทะเลสูงขึ้น
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 55
สทศ. สพฐ.

36. จากข้อมูล นักเรียนมีวิธีการใดที่จะช่วยทาให้อุณหภูมิของโลกโดยเฉลี่ยไม่เพิ่มขึ้น (ระบุ 2 วิธี)


ตอบ..........................................................................................................................................
ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/7 ตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก โดยนาเสนอ
แนวทางการปฏิบัติตนภายใต้การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (3 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่ อระบุ ถึ ง กิจ กรรมที่ ไ ม่ ทาให้ เมื่ อ ระบุ ถึ ง กิจ กรรมที่ ไ ม่ทาให้ เมื่ อ ระบุ กิ จ กรรมที่ ไ ม่ เ กี่ ย วกั บ
อุ ณหภู มิ ข องโลกเพิ่ ม ขึ้ น โดย อุ ณหภู มิ ข องโลกเพิ่ ม ขึ้ น โดย การลดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์/
การระบุกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ การระบุกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ลดการเผาไหม้/การผลิตที่มีการ
การลดคาร์ บ อนไดออกไซด์ การลดคาร์ บ อนไดออกไซด์ ใช้เชื้อเพลิง หรือระบุกิจกรรมที่
/ลดการเผาไหม้ / ลดการผลิ ต /ลดการเผาไหม้ / ลดการผลิ ต ไม่สมเหตุสมผล หรือไม่ตอบ
ที่ มี ก ารใช้ เ ชื้ อ เพลิ ง ที่ ส มเหตุ ที่ มี ก ารใช้ เ ชื้ อ เพลิ ง ที่ ส มเหตุ
สมผล ได้ 2 วิธี สมผล ได้เพียง 1 วิธี
แนวคาตอบ
- ลดการปล่อย CO2 ในโรงงาน
- ใช้ น้ ามั น น้ อ ย/ประหยั ด /
ไม่ใช้รถยนต์
- ลดการใช้ถุงพลาสติก โฟม
- ไม่เผาขยะ
- ปลูกต้นไม้
- แยกขยะ นากลับมาใช้ใหม่
- ลดการทาอุตสาหกรรม
- ใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด
- ลดการใช้อุปกรณ์ที่ปล่อย
แก๊สเรือนกระจก
- ไม่สร้างมลพิษ รักษา
บรรยากาศ
- รณรงค์ลดการปล่อย CO2
ฯลฯ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 56
สทศ. สพฐ.

37.
ชนกนันท์ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้ากับครอบครัว และพบป้ายโฆษณารองเท้ายี่ห้อหนึ่ ง ระบุว่า
รองเท้าวิ่งรุ่นฟรีรัน โดดเด่นด้วยการผสานเทคโนโลยีเฉพาะ โครงสร้างน้าหนักเบา ระบาย
อากาศได้ ดี สวมใส่ ก ระชั บ แนบสนิ ท ผิ ว หน้ า รองเท้ า สวยงามไร้ ร อยเชื่ อ ม สวมใส่ แ ล้ ว
ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นผิวหนังอีกชั้นของเท้า

เพราะเหตุ ใ ดบริ ษั ท ผลิ ต รองเท้ า รุ่ น ฟรี รั น จึ ง ต้ อ งมี ก ารใช้ เ ทคโนโลยี เ ฉพาะและออกแบบ
ให้แตกต่างจากรองเท้ารุ่นอื่น ๆ
1) เพื่อความสวยงามในการใช้
2) เพื่อดึงดูดสายตาของลูกค้า
3) เพื่อความสะดวกในการพกพา
4) เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน
ตัวชี้วัด ว 4.1 ม.1/1 อธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจาวันและวิเคราะห์สาเหตุ
หรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี
เฉลย
4) ถูก เพราะ เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างหรือพัฒนา เพื่อใช้แก้ปัญหาสนองความต้องการ
ของมนุ ษ ย์ ดั ง นั้ น การออกแบบรองเท้ า เพื่ อ ใช้ วิ่ ง โดยเฉพาะ จึ ง เป็ น
การออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ การออกแบบรองเท้ า ที่ มี ค วามสวยงาม ในข้ อ ความระบุ ว่ า ผิ ว หน้ า
รองเท้าสวยงามไร้รอยเชื่อม จึงทาให้ตีความว่าเป็นการออกแบบรองเท้า
ที่มีความสวยงาม
2) ผิด เพราะ การออกแบบรองเท้าสาหรับวิ่งโดยเฉพาะ ในข้อความระบุว่าโดดเด่น
ด้ ว ยการผสานเทคโนโลยี จึ ง ท าให้ ตี ค วามว่ า เป็ น การดึ ง ดู ด สายตา
ของลูกค้า
3) ผิด เพราะ การออกแบบรองเท้าสาหรับวิ่งโดยเฉพาะ ในข้อความระบุว่าโครงสร้าง
ของรองเท้ า มี น้ าหนั ก เบา จึ ง ท าให้ ตี ค วามว่ า เป็ น ความสะดวก
ในการพกพา
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 57
สทศ. สพฐ.

38.
เด็ ก ชายก้ า นกั บ เพื่ อ นเตรี ย มตั ว ไปเข้ า ค่ า ยลู ก เสื อ ในขณะที่ ปั่ น จั ก รยานไปโรงเรี ย น
ได้ทาของตกหล่น จึงได้จอดรถเพื่อเก็บของดังกล่าว ระหว่างนั้นรถจักรยานได้ไถลตกลงใน
คูคลอง ดังภาพ

ก้าน

1.5 เมตร

ดินโคลน

จากข้อมูลข้างต้น ให้นักเรียนออกแบบ/วิธีการขั้นตอนการแก้ปัญหาการนาจักรยานขึ้นจากคูคลอง
เพือ่ ให้ไปถึงโรงเรียนได้ทันเวลา พร้อมระบุวัสดุที่ใช้ในการแก้ปัญหา
ตอบ.............................................................................................................................................
ตัวชี้วัด ว 4.1 ม.1/3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือก
ข้อมูลทีจ่ าเป็น นาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจวางแผนและ
ดาเนินการแก้ปัญหา
แนวคิด นาเสนอการออกแบบการแก้ปัญหาเป็นภาพ หรือผังความคิด หรือแผนภาพ
วิธีการแก้ปัญหา
รายละเอียดของการออกแบบ
1. ใช้ เ ชื อ กโยงกั บ กิ่ ง ไม้ อี ก
ปลายข้างหนึ่งผูกรถจักรยาน
2. ช่วยกันดึงเชือกอีกด้านหนึ่ง
เพื่อดึงรถขึ้น
วัสดุที่ใช้ : เชือก
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 58
สทศ. สพฐ.

เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (5 คะแนน) คะแนนบางส่วน (2.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
ร ะ บุ วิ ธี ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า ที่ ระบุวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถ เมื่ อ ระบุ วั ส ดุ ที่ ไ ม่ มี ค วาม
สามารถน าจั ก รยานขึ้ น จาก น าจั ก รยานขึ้ น จากคู ค ลองที่ มี เป็ น ไปได้ ต ามข้ อ มู ล หรื อ
คูคลองที่มีความเป็นไปได้และ ความเป็ น ไปได้ ห รื อ ระบุ วั ส ดุ ที่ บอกวิ ธี ก ารที่ ไ ม่ ส มเหตุ
สมเหตุสมผล และระบุวัสดุที่ ใช้ได้ถูกต้องอย่างใดอย่างหนึ่ง สมผล หรือไม่ตอบ
ใช้ได้ถูกต้องครบทั้ง 2 ส่วน แนวคาตอบ แนวคาตอบ
แนวคาตอบ - ใช้ เชื อ กหรื อ ต่ อ เชื อ กและผู ก - ใช้รถแม็คโครลาก
- ใช้ เ ชื อ กโยงกั บ กิ่ ง ไม้ อี ก เงื่อนกับจักรยาน - โทรศัพท์เรียกคนมาช่วย
ปลายข้างหนึ่ง ผูกรถจักรยาน - ช่วยกันดึงจักรยานขึ้นมา ยก
จากนั้นช่วยกันดึงเชือกอีกด้าน - คนหนึ่งลาก คนหนึ่งผลัก - ฯลฯ
หนึ่ง เพื่อดึงรถขึ้น - ใช้เชือกและไม้ง่าม
- ใช้เชือกหรือต่อเชือกและผูก - ใช้ผ้าพันคอ
เงื่อนกับจักรยานแล้วช่วยกัน - ฯลฯ
ออกแรงดึงจักรยานขึ้น
- ใช้ผ้าพันคอผูกกับไม้ง่ามและ
จั ก ร ย า น แ ล้ ว ช่ ว ย กั น ดึ ง
จักรยานขึ้น
- ใ ช้ เ ชื อ ก ผู ก ไ ม้ ง่ า ม กั บ
จักรยานให้เพื่อนคนที่ 1 ลาก
ส่ ว น ค น ที่ 2 ผ ลั ก ห รื อ ดั น
จักรยานขึ้น
- เชือกหรือไม้ง่าม  ผูกติด
กับจักรยาน  ดึงหรือผลัก
 จักรยานขึ้น
- ส า ม า ร ถ แ ส ด ง เ ป็ น ผั ง
ความคิดได้ ดังนี้
เชือก/ไม้ง่าม/เข็มขัด/เสื้อ

ผูกติดกับจักรยาน
จักรยาน
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 59
สทศ. สพฐ.

ดึงหรือผลัก

จักรยานขึ้น
- ฯลฯ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 60
สทศ. สพฐ.

39.
สุ ข ใจอยากเลี้ ย งปลา จึ ง ซื้ อ ตู้ ป ลาสี่ เหลี่ ย มมุ ม ฉากมี ข นาด กว้ า ง 50 เซนติ เมตร
ยาว 80 เซนติเมตร และสูง 40 เซนติเมตร ถ้าสุขใจต้องการเติมน้าในตู้ปลา โดยให้ระดับน้า
ต่ากว่าขอบตู้ปลา 5 เซนติเมตร สุขใจจะต้องใช้ปริมาตรน้าเท่าใด จึงจะพอดีกับความต้องการ

จากสถานการณ์ นักเรียนสามารถเขียนคาสั่งโปรแกรม เพื่อหาค่าปริมาตรน้าที่ต้องใช้เติมในตู้


ปลาตามเงื่อนไขที่กาหนดได้อย่างไร
1) 2)
wide= 50 wide= 50
high = 40 high= 40-5
long= 80 long= 80
Print (“Volume= wide*high*long”) Print (“Volume=”, Volume)

3) 4)
wide= 50 wide= 50
high= 40 high =40-5
long= 80 long= 80
Volume = wide*high*long Volume = wide*high*long
Print (“Volume=”, Volume)

ตั ว ชี้ วั ด ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขี ย นโปรแกรมอย่ า งง่ า ย เพื่ อ แก้ ปั ญ หาทางคณิ ต ศาสตร์
หรือวิทยาศาสตร์
เฉลย
4) ถูก เพราะ มีการกาหนดค่าของตัวแปร หรือ Code คาสั่งที่ใช้ในการคานวณและ
สูตรในการคานวณเพื่อหาปริมาตรของน้าในตู้ปลาและแสดงผลปริมาตร
ของน้าตามที่ต้องการ
ตัวลวง
1) ผิด เพราะ มีการกาหนดค่าของตัวแปร แต่ไม่มี Code คาสั่งในการคานวณและสูตร
เพื่ อ หาปริ ม าตรของตู้ ป ลาและแสดงเฉพาะข้ อ ความ Volume=
wide*high*long
2) ผิด เพราะ มี การก าหนดค่ าของตั วแปรความกว้ า งของตู้ ระดั บ ความสู งของน้ า
ที่ต้องการ ความยาวของตู้ แต่ไม่มีการกาหนดตัวแปร Volume และ
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 61
สทศ. สพฐ.

ไม่มี Code ค าสั่ งในการคานวณสูต รเพื่อหาปริมาตรของน้าในตู้ ปลา


จะแสดงเฉพาะข้อความ Volume=
3) ผิด เพราะ มีการกาหนดค่าของตัวแปรความกว้างของตู้ ระดับความสูงของตู้ปลา
ความยาวของตู้ ป ลา มี ก ารค านวณหาปริ ม าตรของตู้ ป ลา ซึ่ ง ไม่ ใ ช่
การคานวณปริมาตรของน้าที่ต้องการและไม่มีการแสดงผล
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 62
สทศ. สพฐ.

40.
นุดามีอาชีพเป็นบล็อกเกอร์ที่เขียนเรื่องราวเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับไอทีในเว็บไซต์
ของตนเอง นุดาค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับ Internet of Things : IoT จากแหล่งข้อมูลแห่ง
หนึ่งซึ่งเจ้าของผลงานเขียนกากับเนื้อหาเป็นสัญลักษณ์ CC-BY-ND

นุ ด าจะสามารถน าเนื้ อ หานั้ น มาดั ด แปลงเพื่ อ เผยแพร่ ใ นเว็ บ ไซต์ ข องตั ว เองได้ ห รื อ ไม่
เพราะเหตุใด
ตอบ.............................................................................................................................................
ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.1/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ใช้สื่อและแหล่งข้อมูลตาม
ข้อกาหนดและข้อตกลง
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม (3 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1.5 คะแนน) ไม่ได้คะแนน (0 คะแนน)
เมื่อระบุคาตอบที่บอกถึงการ เมื่อระบุคาตอบถึงการดัดแปลง เมื่อตอบว่าสามารถดัดแปลงได้
ดัดแปลงไม่ได้ พร้อมให้เหตุผล ไม่ ไ ด้ แต่ ใ ห้ เ หตุ ผ ลไม่ ถู ก ต้ อ ง หรื อ ค าตอบไม่ ส อดคล้ อ งกั บ
ประกอบที่แสดงถึงหรือ หรือ ไม่ ส มเหตุ ส มผล หรื อ ระบุ สถานการณ์หรือไม่ตอบ
อธิบายถึงสัญลักษณ์ เฉพาะเหตุผลที่สมเหตุสมผล แนวคาตอบ
(Creative Commons ) แนวคาตอบ - ดัดแปลงได้
ทีส่ มเหตุสมผล - ดัดแปลงไม่ได้ - เผยแพร่ได้
แนวคาตอบ - ดัดแปลงไม่ได้ แต่ ให้เหตุผล - ดัดแปลง
- ดัดแปลงไม่ได้ ผิดเช่น ดัดแปลงไม่ได้ เพราะ - ฯลฯ
เพราะ เจ้าของผลงานเขียน อาจจะมีลิขสิทธิ์
ก า กั บ เ ป็ น CC- BY- ND - เจ้าของห้ามไว้
หมายถึ ง สามารถใช้ แ ละ - เจ้าของผลงานไม่อนุญาต
เผยแพร่ ไ ด้ ห้ า มดั ด แปลง - ฯลฯ
แต่ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา
- ดั ด แปลงไม่ ไ ด้ เพราะ
มีสัญลักษณ์ ND ซึ่งหมายถึง
ห้ามดัดแปลง
- ดั ด แปลงไม่ ไ ด้ เพราะ
มีสัญลักษณ์ ND
- ดัดแปลงไม่ได้ เพราะมี ND
วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 หน้า 63
สทศ. สพฐ.

- ดั ด แปลงไม่ ไ ด้ เพราะมี
ลิขสิทธิ์
- ดั ด แ ป ล ง ไ ม่ ไ ด้ เ พ ร า ะ
เจ้ า ของผลงานห้ า มไว้ โ ดย
สัญลักษณ์ ND

You might also like