Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 10 การพิพากษาของพระเจ้า
บทที่ 10 การพิพากษาของพระเจ้า
การพิพากษาของพระเจ้า
๑๐
เราต้องพยายามหลีกเลี่ยงการพรรณนาถึงภาพจินตนาการต่างๆ ของการพิพากษาส่วน
บุคคล ซึ่งเป็นเหมือนการพิจารณาคดีในศาล โดยมีทนายความฝ่ายโจทก์และฝ่ายเชลยที่ถกเถียงกัน
คือซาตานและพรรคพวกอยู่ข้างหนึ่ง บรรดาทูตสวรรค์และนักบุญอยู่อีกข้างหนึ่ง ยืนอยู่ต่อหน้าผู้
พิพากษาที่ยุติธรรม คือ พระเจ้า เพื่อถกเถียงคดีของผู้ตาย โดยพิจารณาความคิดและการกระทำ
ทั้งหมดของเขาตามที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิต ในภาพเขียนบางภาพ การกระทำความดีและ
ความชั่วของวิญญาณได้ปรากฎบนตราชั่ง เพื่อพิสูจน์ว่าด้านใดมีน้ำหนักมากกว่ากัน ถ้าด้านของการ
กระทำที่ชั่วร้ายมีน้ำหนักมากกว่า ซาตานก็จะลากวิญญาณของผู้ตายลงสู่เตาเพลิงด้วยใจยินดี
การพิพากษาของพระเจ้า หมายถึง การยึดพระคริสตเจ้าเป็นมาตรฐาน เพือ่ ยืนยันว่ามนุษย์
มีความสอดคล้องกับพระองค์หรือไม่ การยืนยันนี้เกิดขึ้นทุกเวลา แต่จะสำคัญเป็นพิเศษใน 2 ช่วง
เวลา คือ เวลาที่แต่ละคนตาย ซึ่งเรียกว่าการพิพากษาส่วนบุคคล และในเวลาเมื่อพระคริสตเจ้า
เสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์ ซึ่งเรียกว่าการพิพากษาประมวลพร้อม ซึ่งจะแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
พระเจ้ากับมนุษย์อย่างสมบูรณ์ถาวรหรือขาดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิง
204
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
พระเจ้าไม่ทรงบังคับให้มนุษย์ต้องทำความดี แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ย่อมมี
ความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังที่ดานเต อาลีกีเอรี (Dante Alighieri, 1265-1321) ได้เขียนไว้
ในหนังสือ Divine Comedy (สุขนาฏกรรมที่อาศัยพระเจ้า) ว่า “ผู้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของ
พระเจ้าย่อมเป็นสุข” อย่างไรก็ดี มนุษย์มอี สิ รภาพ มีอำเภอใจทีจ่ ะเลือกทำหรือไม่ทำตามพระประสงค์
ของพระเจ้าก็ได้” พูดอีกนัยหนึ่ง มนุษย์จะได้รับการพิพากษาว่า เขาปฏิบัติตามพระประสงค์ของ
พระเจ้าหรือไม่
นักบุญออกัสตินเขียนไว้ว่า “พระเจ้าประทานบทบัญญัติแก่มนุษย์เพื่อเขาจะแสวงหาพระ-
หรรษทาน และประทานพระหรรษทานเพื่อเขาปฏิบัติตามบทบัญญัติ” สมมติว่า มนุษย์เลือกที่จะไม่
แสวงหาพระหรรษทานจนพบ หรือสมมติว่าเขาเลือกที่จะไม่สนใจทั้งพระหรรษทานและบทบัญญัติ
พระเจ้าจะทรงบันดาลให้เขาตายหรือ แผ่นดินที่รังเกียจการกระทำชั่วของเขาจะกลืนเขาทั้งเป็นหรือ
ไม่เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะพระเจ้าประทานอิสรภาพแก่มนุษย์อย่างแท้จริง มนุษย์จึงอาจถ่ม
น้ำลายรดพระพักตร์ของพระเจ้า ถ้าเขาเลือกทำเช่นนั้น
ลูอิส (C.S. Lewis, 1898-1963) เขียนว่า “พระเจ้าทรงเคารพอำเภอใจของมนุษย์มากที่สุด
จนไม่มีวันจะทรงเรียกอำเภอใจที่ประทานนั้นคืนมา และพระองค์จะไม่ทรงเสียดายที่ได้ประทานให้”
ชาร์ลส์ เพกี (Charles Peguy, 1873-1914) เขียนบทประพันธ์ว่า “พระเจ้าทรงมีความหวัง
ในมนุษย์ พระองค์ทรงหวังว่า คนบาปยอมทำสิ่งเล็กน้อยที่จำเป็น เพื่อจะร่วมงานกับพระองค์ผู้ทรง
ช่วยเขาให้รอดพ้น”
ลูอิสเปรียบเทียบชีวิตมนุษย์เหมือนกับการพนัน มนุษย์เราอาจจะเป็นได้ทั้งผู้แพ้หรือผู้ชนะ
มนุษย์จะมีความสุขเพียงในการมอบตนเองโดยนอบน้อมพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่มีผู้ใดจะทำ
แทนเขาได้ หรือเขาอาจปฏิเสธไม่ยอมรับที่จะนอบน้อมก็ได้ ผู้อื่นอาจจะช่วยเขาได้แต่ทำแทนไม่ได้
มนุษย์เป็นเหมือนผ้าใบที่ยอมจำนนต่อการวาดระบายสีของศิลปิน
ตราบใดที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าจะทรงเคารพการกระทำของเขา ดูเหมือนว่าพระองค์
ไม่ทรงใช้พระอานุภาพของพระองค์เลย แต่เมื่อมนุษย์จบชีวิตลง พระเจ้าจะประทานแสงสว่างให้
205
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
206
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
207
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
• “เขาเหล่านั้นร้องเสียงดังว่า ‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์และ
ทรงสัตย์ พระองค์จะทรงรีรออีกนานเท่าไรเล่า ที่จะทรงตัดสินลงโทษผู้
อาศัยบนแผ่นดิน เป็นการแก้แค้นแทนโลหิตของเรา” (วว 6:10)
พระเจ้าทรงพิพากษามนุษย์อยู่เสมอ (เทียบ ยน 3:18-21, 36 ; 5:24-25 ; 12:31-32 ;
กจ 13:46 ; ทต 3:11) โดยเฉพาะยังทรงพิพากษามนุษย์ในช่วงเวลาพิเศษ 3 กรณีคือ
• การทีพ่ ระคริสตเจ้าทรงรับธรรมชาติมนุษย์ “พระเจ้าทรงกำหนดให้กมุ าร
นี้เป็นเหตุให้คนจำนวนมากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็น
เครื่องหมายแห่งการต่อต้าน” (ลก 2:34) ตลอดพระชนมชีพของพระ-
เยซูเจ้าบนแผ่นดินนี้ (เทียบ มธ 12:28-29 ; ลก 8:28-31 ; 10:17-18)
“บัดนี้ ถึงเวลาที่จะพิพากษาโลกแล้ว บัดนี้ เจ้านายแห่งโลกนี้กำลังจะ
ถูกขับไล่ออกไป ”(ยน 12:31) และโดยเฉพาะอย่างยิง่ เมือ่ พระคริสตเจ้า
สิ้นพระชนม์ (เทียบ มธ 27:15-54) นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “ดังนั้น
ไม่มกี ารตัดสินลงโทษผูท้ อ่ี ยูใ่ นพระคริสตเยซูอกี ต่อไป กฎของพระจิตเจ้า
ซึง่ ประทานชีวติ ในพระคริสตเยซูนน้ั ช่วยท่านให้พน้ จากกฎของบาปและ
กฎของความตาย เนื่องจากสิ่งที่ธรรมบัญญัติทำไม่ได้เพราะธรรมชาติ
มนุษย์เป็นเหตุให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าทรงกระทำแล้ว โดยทรงส่ง
พระบุตรของพระองค์มาให้มีธรรมชาติเหมือนกับธรรมชาติมนุษย์ที่มี
บาป เพื่อขจัดบาป พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษบาปในธรรมชาติมนุษย์”
(รม 8:1-3)
• การพิพากษาส่วนบุคคลในเวลาแห่งความตาย เราไม่พบข้อความทีพ่ ดู ถึง
เรือ่ งนี้โดยตรง แต่มคี ำสอนทางอ้อมอยูบ่ า้ ง เช่น อุปมาเรือ่ งเศรษฐีกบั
ลาซารัส (เทียบ ลก 16:19-31) พระวาจาทีพ่ ระเยซูเจ้าตรัสกับนักโทษ
ที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์บนไม้กางเขน “เราบอกความจริงกับท่านว่า
208
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
209
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
2. คำสอนธรรมประเพณีของพระศาสนจักร
2.1 บรรดาปิตาจารย์
บรรดาปิตาจารย์สอนเป็นเอกฉันท์ว่าจะมีการพิพากษาประมวลพร้อม เขาต่อต้านความ
คิดของลัทธิสโตอิก (Stoicism) ที่สอนว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ความสงบของจิตใจ ซึ่งจะเกิดได้ เมื่อ
มนุษย์ไม่เอาตัวเองไปผูกพันกับความพึงพอใจที่เกิดจากวัตถุนอกกาย เขาจึงปฏิเสธการตอบแทนของ
พระเจ้านอกเหนือจากชีวิตในโลกนี้ บรรดาปิตาจารย์สอนว่า ความเที่ยงธรรมของพระเจ้าเรียกร้อง
ให้มีการตอบแทน เพราะมนุษย์มีอิสระที่จะทำความดีหรือความชั่วจนถึงวาระสุดท้าย พระองค์จะ
ทรงพิพากษาโดยไม่มีความลำเอียง นักบุญออกัสติน กล่าวว่า พระเจ้าทรงเป็นความเที่ยงธรรม เงิน
ไม่อาจซื้อพระเจ้าได้ นักบุญยอห์น ครีโซสตมสอนว่า ในโลกนี้เราอาจจะไม่เห็นการตอบแทนของ
พระเจ้าอย่างชัดเจน เราจึงต้องรอการตอบแทน ตามที่ควรในโลกหน้า เพื่อความยุติธรรมของพระเจ้า
จะปรากฏชัด
ปิตาจารย์บางคนยังสอนโดยตรงเรื่องการพิพากษาส่วนบุคคลอีกด้วย เช่น นักบุญบาซิล
นักบุญออกัสติน และนักบุญเยโรมซึ่งเขียนไว้ว่า “วันของพระยาห์เวห์หมายถึงวันพิพากษาเมื่อเรา
แต่ละคนสิ้นใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับทุกคนในวันพิพากษาประมวลพร้อม ก็จะเป็นความจริง
สำหรับแต่ละคนในวันที่เขาสิ้นใจ”
2.2 พิธีกรรม
พิธีกรรมมักจะใช้คำศัพท์จากพระคัมภีร์กล่าวถึงการพิพากษาประมวลพร้อม เช่น วัน
ของพระเจ้า วันแห่งพระพิโรธ การทดสอบ ผู้พิพากษาคือพระบุตรเมื่อจะเสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์ ก่อน
210
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
3. การไตร่ตรองทางเทววิทยา
3.1 ความหมายของการพิพากษาของพระเจ้า
ความหมายแรกและเป็นพื้นฐานของการพิพากษา คือ การประกาศกิจการของพระเจ้า
ที่ทรงช่วยให้รอดพ้น เพราะพระคัมภีร์สอนอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าทรงปกครองโลกด้วยความรักเพื่อ
211
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
212
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
ชั่วนั้นปรากฏขึ้นและไม่สามารถปิดบังได้ ภาพที่เห็นในพระคัมภีร์คือ
การทดสอบด้วยไฟ หรือภาพสะท้อนจากกระจกเงา
• การพิพากษาของพระเจ้าจะเปิดเผยว่า มนุษย์ตอบสนองการเชิญชวน
ของพระเจ้าอย่างไร มนุษย์จะรู้ว่าตนเป็นอย่างไรเฉพาะพระพักตร์ของ
พระเจ้า
3.2 การประกาศความรอดพ้นหรือการตัดสินลงโทษ
แม้พระเจ้าทรงพระประสงค์ที่จะช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น ถ้ามนุษย์ต่อต้านการ
กระทำของพระองค์ ผลที่ตามมาจะไม่เป็นความรอดพ้น แต่จะเป็นการลงโทษ
3.3 ความสัมพันธ์ระหว่างการพิพากษาประมวลพร้อมและการพิพากษาส่วนบุคคล
การพิพากษาส่วนบุคคล คือ การพบกับพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ผู้ทรงชำระมลทินของบาป
ให้เหลือเพียงแต่สิ่งดีที่จะคงอยู่ตลอดไป มนุษย์แต่ละคนจะรู้จักตนเองตามที่พระเจ้าทรงรู้จักเขา
โดยไม่มีทางที่จะตัดสินตนเองอย่างผิดๆ วิญญาณจะเห็นว่าพระเจ้าทรงตัดสินอย่างไร และมโนธรรม
ยอมรับการตัดสินนั้นว่าถูกต้อง อะไรคือหลักการพื้นฐานของการพิพากษา ถ้าไม่ใช่อิสรภาพของ
มนุษย์ มนุษย์ตอ้ งรับผิดชอบต่อหน้าพระเจ้าผูป้ ระทานชีวติ และอิสรภาพแก่เขา พระองค์จะทรงตัดสิน
ว่ามนุษย์ได้ใช้อิสรภาพอย่างถูกต้องหรือไม่ เราได้ยอมนอบน้อมพระเจ้าผู้ประทานพระเมตตาแก่เรา
หรือไม่
คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกสอนว่า “มนุษย์ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับพระหรรษทานใน
ชีวิตนี้ย่อมพิพากษาตนเองและได้รับผลตอบแทนกิจการของตน เขาลงโทษตนเองตลอดไป เพราะ
ตนปฏิเสธไม่ยอมรับพระจิตผู้ประทานความรัก” (CCC 1022)
หนังสือคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกยืนยันว่า “มนุษย์แต่ละคนได้รับค่าตอบแทน
นิรันดร ในวิญญาณอมตะของตน ในทันทีที่ตาย ในการพิพากษาส่วนบุคคลซึ่งอ้างถึงชีวิตของตนใน
ส่วนที่เกี่ยวกับพระคริสตเจ้า คือ เขาจะเข้าสู่ความสุขแท้จริงโดยผ่านการชำระตนให้บริสุทธิ์ หรือใน
ทันที มิฉะนั้นจะได้รับความพินาศในทันใดตลอดกาล นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนกล่าวว่า” ‘เมื่อ
เราสิ้นชีวิต เราจะถูกพิพากษาจากแง่ของความรัก’
213
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๐ ... การพิพากษาของพระเจ้า
การพิพากษาประมวลพร้อมรอคอยเราทุกคนอยู่ เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จกลับมาอย่าง
รุ่งโรจน์ พระบิดาทรงทราบวันและเวลา พระบิดาเท่านั้นจะทรงเป็นผู้ตัดสินว่าจะมาถึงเมื่อไร เมื่อ
เวลานั้นจะมาถึง สิ่งที่อยู่ในใจจะถูกเปิดเผย และผู้มีความผิดเพราะไม่ยอมเชื่อและไม่สนใจในพระ-
หรรษทานที่พระเจ้าประทานให้จะถูกตัดสินลงโทษ
พระบุตรจะทรงเปิดเผยให้มนุษย์รู้ “ความจริงสูงสุดและความหมายของประวัติศาสตร์
แห่งความรอดพ้น มนุษย์จะเข้าใจหนทางน่าชื่นชมยินดี ที่พระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าทรงใช้
เพื่อนำทุกสิ่งไปสู่จุดหมายปลายทางสูงสุด การพิพากษาประมวลพร้อมจะเผยให้เห็นว่าความเที่ยง-
ธรรมของพระเจ้านั้น จะมีชัยเหนือความอยุติธรรมทั้งปวงที่สิ่งสร้างของพระองค์ได้กระทำไว้ และ
ความรักของพระองค์นั้นทรงพลังยิ่งกว่าความตาย”
การพิพากษาประมวลพร้อมจะแสดงอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าทรงเที่ยงธรรมและทรง
เมตตากรุณา จะแสดงความเที่ยงธรรมในการตัดสินลงโทษคนบาปพร้อมกับความเมตตากรุณา ทรง
ช่วยผู้ยอมนอบน้อมพระองค์ให้รอดพ้น การพิพากษาประมวลพร้อมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะ
พระพักตร์พระคริสตเจ้าในหมู่ผู้กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าทรงเป็นความจริง ทรงรับอำนาจพิพากษา
จากพระบิดา เพราะเห็นแก่งานกอบกู้บนไม้กางเขน มนุษย์จะแสดงความสัมพันธ์ที่มีกับพระเจ้า
อย่างแท้จริงต่อหน้ามนุษย์ทุกคน การพิพากษาประมวลพร้อมจะเผยให้เห็นผลที่ตามมาของความดีที่
แต่ละคนได้กระทำ เมื่อมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้ ที่สุดความจริงจะมีชัยชนะเหนือทุกอย่างที่เคยขัดขวาง
แผนการของพระเจ้า โดยประกาศอย่างชัดเจนว่า “ถ้าพระเจ้ามีอยู่จริง ความจริงจะต้องมีชัยชนะ
อย่างเด็ดขาด”
สรุปแล้ว ในการพิพากษาส่วนบุคคล มนุษย์แต่ละคนจะได้รับแสงสว่างเพื่อเข้าใจว่า
กิจการที่ตนได้กระทำนั้นสอดคล้องกับพระฉบับของพระคริสตเจ้าหรือไม่ ส่วนการพิพากษาประมวล
พร้อมมนุษย์ก็จะรับแสงสว่างเพื่อเข้าใจแผนการของพระเจ้าที่สำเร็จลุล่วงไปในมนุษยชาติ และเข้าใจ
การกระทำตนว่าเกิดผลดีหรือผลร้ายต่อผู้อื่น
ผู้พิพากษา คือ พระบิดาเจ้า พระคริสตเจ้า บรรดาอัครสาวกและผู้ได้รับการเลือกสรร
214
อ นั น ต วิ ท ย า