Professional Documents
Culture Documents
ที่ระลึกงานทอดกฐิน
๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๓
ณ วัดใหม่ปลายห้วย
ต�ำบลเนินปอ อ�ำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร
ค�ำอนุญาต
หนังสือเล่มนี้หลวงปู่ท่านประสงค์แจกให้เป็นธรรม
ทานแก่พทุ ธบริษทั และผูส้ นใจอย่างแท้จริงทุกท่าน ฉะนัน้ หาก
ท่านใดหรือคณะใดมีความประสงค์จะน�ำไปพิมพ์เผยแพร่เป็น
ธรรมทาน โดยไม่มกี ารเรียกร้องหรือรับค่าตอบแทน ไม่วา่ ใน
รูปแบบใดทั้งสิ้น จะกระท�ำได้ต้องได้รับอนุญาตจากหลวงปู่
ท่านก่อน เช่นเดียวกับหนังสือเล่มอื่นๆ ทุกๆ เล่ม ที่ได้เคย
พิมพ์แจกจ่ายไปแล้ว
แต่หากเป็นการพิมพ์เพื่อจ�ำหน่าย หรือมีค่าตอบแทน
ใดๆ หลวงปู่ท่านขอสงวนสิทธิ์ทุกๆ เล่ม
ค�ำน�ำ
หนังสือ “ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒” นี้ เป็นการรวบรวมธรรม
เทศนาของพระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปูท่ องดี อนีโฆ) ทีไ่ ด้เทศนา
สอนลูกศิษย์หลังจากร่วมกันสวดมนต์ตอนเทีย่ งและ ๖ โมงเย็นของ
ทุกวันทางไลน์ในกลุม่ บ้านปันสุข เพือ่ แจกเป็นธรรมทานในงานทอด
กฐิน ณ วัดใหม่ปลายห้วย
หวังเป็นอย่างยิง่ ว่าผูท้ อี่ า่ นหนังสือเล่มนีจ้ ะได้รบั ประโยชน์
บ้าง มากน้อยตามภูมริ ภู้ มู ธิ รรมของแต่ละบุคคล และยังด�ำรงตน
ให้อยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ ละชั่วสร้างแต่กรรมดี
หากหนังสือเล่มนีม้ ขี อ้ ผิดพลาดในการรวบรวมประการใด
โปรดอโหสิกรรมและขออย่าได้เป็นกรรมติดตัวข้าพเจ้าต่อไป
ความส�ำเร็จและคุณค่าของหนังสือเล่มนี้มีข้ึนได้ ด้วย
การได้รับความเมตตาจากพระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี
อนีโฆ) พระครูวิวัฒน์วรสถิตย์ (พระอุดร ฐานุตฺตโร) และขอ
อนุโมทนาบุญกับคุณบวรลักษณ์ ประดิษฐาวรานนท์ คุณศรัญญา
พวงจ�ำปา ที่ได้รวบรวมธรรมะจากไลน์กลุ่มบ้านปันสุขและถอด
เป็นบทความเพื่อลงพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้ พร้อมด้วยญาติธรรม
ทุกท่านที่เป็นเจ้าภาพร่วมพิมพ์และให้ความร่วมมือแบ่งเบา
ภาระในทุกๆ ด้าน
นางอัมพร ตระกูลทิวากร
๑๕ กันยายน ๒๕๖๓
ค�ำอุทิศ
อานิสงส์ทเี่ กิดจากการสร้างและแจกหนังสือ “ ธรรมะบ้าน
ปันสุข เล่ม ๒” เป็นธรรมทานในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศถวาย
เป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจก
พุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ บูชาคุณของพระธรรม บูชาคุณของพระ
อริยสงฆ์เจ้าทัง้ หลาย บูชาคุณของพระพิศาลญาณวงศ์ บูชาคุณ
บิดา-มารดา คุณครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกท่านที่มีมาใน
ทุกภพทุกชาติ และอุทิศให้กับสามี บุตรธิดา ญาติสนิทมิตร
สหาย เทพบุตร เทพธิดา ผู้ปกป้องคุ้มครอง เปรต สัมภเวสี
เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า และสรรพสัตว์ทั้งปวง
จงอยู ่ เ ป็ น สุ ข มี จิ ต วิ ญ ญาณเป็ น อิ ส ระจากความพยาบาท
เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
ข้าพเจ้าอธิษฐานเอาอานิสงส์จากทานนี้ เป็นพลวปัจจัยให้
ข้าพเจ้ามีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงโลกุตตรธรรม ส�ำเร็จมรรค ผล
นิพพานในชาติปัจจุบัน หากยังต้องเวียนตาย – เกิด ด้วยเหตุ-
ปัจจัยยังไม่ถึงพร้อม ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดเฉพาะในสุคติภูมิ ได้
พบพระพุทธศาสนา ได้พบกัลยาณมิตร มีสัมมาทิฏฐิ มีดวงตา
เห็นธรรมตราบจนเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
นางอัมพร ตระกูลทิวากร
สารบัญ
ความเพียรเพื่อสร้างสะสมบุญบารมี ๑
ใจว่างจิตก็สงบ ๔
เจริญทางธรรมเพื่อความหลุดพ้น ๗
ความตายคือธรรมะอันยิ่งใหญ่ ๘
เจริญสติ..สงบใจ ๑๒
อริยบุคคล ๑๔
มองให้รู้ ดูให้เห็น วางให้เป็น ใจเป็นสุข ๑๗
ปลูกศรัทธา เชื่อมั่นในการท�ำความดี ๑๙
ใช้สติและปัญญาสู้กับพญามารในตัวเรา ๒๑
ธรรมะในวันอาสาฬหบูชา ๒๓
ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ๒๗
คิดให้เป็นเมื่อเห็นทุกข์ ๓๑
อยู่เพื่อรอตาย ๓๔
อภิณหปัจจเวกขณ์ทั้ง ๕ ๓๘
ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ๔๒
ตั้งสติก�ำหนดภาวนาด้วยสุญญตา ๔๕
ใจสู้ก็อยู่เหนือกิเลส ๔๗
ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ๕๐
ตื่นพร้อมสติ หลับอย่างมีสติ ๕๓
วาระจิตสุดท้าย ๕๕
ทุกข์เพราะอยาก อยู่ไม่ยากเพราะฝึกท�ำใจ ๕๘
ผู้เดินทางที่ไม่สูญเปล่า ๖๑
รายชื่อเจ้าภาพร่วมพิมพ์หนังสือ ๖๔
ความเพียรเพือ่ สร้างสะสมบุญบารมี
ต่อไปให้พวกเราก�ำหนดอารมณ์กรรมฐาน ให้พวก
เราภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ
ธัมโม สังโฆ ให้เกิดขึ้นภายในจิตใจของพวกเรา โดยจะใช้
ระยะเวลาประมาณ ๒ นาที
พวกเราทั้ ง หลายที่ ไ ด้ พ ร้ อ มใจกั น มาสวดมนต์ นั้ น
ได้ชอื่ ว่า พวกเรานัน้ ไม่ดหู มิน่ แม้แต่บญ
ุ น้อยนิด ใช้ระยะเวลา
๓๐-๔๐ นาทีในการสวด ถ้าเราท�ำทุกวันอย่างนี้ เรียกว่า พวก
เราไม่ขาดความเพียร เมือ่ พวกเราไม่ขาดความเพียรแล้ว เรา
ไม่ทงิ้ เราไม่ละ เราไม่เลย คือเราไม่ปล่อยซึง่ ความดีทงั้ หลาย
เมือ่ เราไม่ปล่อยซึง่ ความดีทงั้ หลาย “ดี” นัน้ จะสถิตติดตัวเรา
ไปยังสัมปรายภพภายภาคหน้า เพราะสิง่ อืน่ อันใดนัน้ ไม่วา่ จะ
เป็นบ้านช่องห้องหอ เงินทอง ทรัพย์สมบัติ ลูก เมีย ผัว หรือ
อะไรก็แล้วแต่ ไม่สามารถที่จะไปกับเราได้
ที่ให้เราพยายามแยกแยะว่า กายก็คือกาย ใจก็คือใจ
เพราะเมื่อเราตายไปแล้ว “ใจ” นี่แหละ เรียกว่า “ตัวเรา”
อันเป็นธรรมธาตุท่แี ท้จริง
“ใจ” เป็นธรรมธาตุ คือตัวเราทีแ่ ท้จริง เราทุกคนไม่วา่
หลวงปูห่ รือใครก็แล้วแต่ในโลกนี้ ก็ตอ้ งทิง้ ร่างกายนีไ้ ว้ ไปแต่
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 1
ธรรมธาตุคอื ตัวเราจริงๆ มันอยูว่ า่ พวกเราทุกคนนัน้ ได้สะสม
กุศลบุญบารมีกนั ไว้มากน้อยเพียงใด ถ้าเราสะสมบุญบารมี
ไว้มาก เราจะไปเกิดในภพภูมใิ หม่ทดี่ ี หรือว่าพวกเราถ้ากลับ
มาเกิดเป็นมนุษย์ พวกเราก็เจริญด้วย ๓ อย่างด้วยกัน คือ
ประการที่หนึ่ง จะมีฐานะเป็นเศรษฐี เป็นลูกเศรษฐี
อยู่ในตระกูลที่พ่อแม่มีศีล ๕ อยู่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา
แลตัวเองก็จะมีฐานะอันมั่นคง
ประการที่สอง ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
เมื่อเราฝึกเข้าหาธรรมะ โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายจะไม่พึง
บังเกิดขึ้นกับพวกเรา จะท�ำให้พวกเรานัน้ มีอายุยืนยาวนาน
ประการทีส่ าม จะท�ำให้เราทัง้ หลายนัน้ เป็นผูเ้ จริญ
ด้วยปัญญา จะมีปัญญาต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง จะชนะทุก
สิ่งทุกอย่างด้วยปัญญา
“ปัญญาวุโธ” ปัญญาเป็นอาวุธอย่างหนึ่ง เมื่อเรามี
ปัญญาแล้ว เราก็จะแลเห็นสรรพสิง่ ทัง้ หลายด้วยปัญญา เรา
อาจจะได้ความรู้ จิตของพวกเราอาจจะหลุดพ้นจากเครื่อง
พันธนาการทั้งหลาย คือไม่หลงยึดติดในทรัพย์สินเงินทอง
ข้าวของ ตลอดจนลูก เมีย ผัว อะไรก็แล้วแต่ทมี่ นั อยูใ่ นโลกนี้
ถ้าเราปลดเครื่องพันธนาการเหล่านี้ได้ เราอาจจะได้เข้าถึง
กระแสธรรมอันที่แท้จริง ที่พวกเราทุกคนปรารถนา ที่เรียก
2 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
กันว่า “พระนิพพาน”
เพราะฉะนั้นแล้ว ขอให้เราอย่าทิ้งความเพียร และ
อย่าดูหมิ่นเงินน้อย หรือว่าบุญน้อยนิด ถามพวกเราทุกคน
ว่าถ้าเงินหนึ่งล้าน ขาดหนึ่งสลึง เขาก็ไม่ได้เรียกเงินหนึ่ง
ล้าน เพราะมันยังขาดสลึงหนึ่ง เหมือนพวกเราก็เหมือนกัน
ถ้าพวกเราทัง้ หลายได้บ�ำเพ็ญกุศล ได้บ�ำเพ็ญบารมีตดิ ตาม
ตัวเราไปแล้วนัน้ บุญกุศลนีแ่ หละจะพาให้พวกเราได้พบพระ
นิพพาน คือความสุขที่แท้จริง
หลวงปู่ก็พูดมาประมาณ ๓ นาที ก็ขอพูดแค่น้ี ขอให้
พวกเราทุกคนจงเจริญ จงเจริญทัง้ ทางโลกและทางธรรม
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 3
ใจว่างจิตก็สงบ
ต่อไปจะขอนอบน้อมในพระสัจธรรมแห่งองค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอธิบายธรรมะให้พวกเราได้ฟังพอ
เป็นเครื่องสังเขป ใช้ระยะเวลาประมาณสัก ๒ นาที เพื่อให้
เราได้เข้าใจธรรมะบางสิ่งบางอย่างที่เราอาจจะเคยฟังมา
แล้ว หรือยังไม่เคยฟัง เราจะได้ฟังต่อ
การที่พวกเรานั้นจะได้บุญมหาศาล ถ้าเราเข้าใจว่า
“เมื่อใจว่าง จิตมันก็สงบ” แต่ท�ำอย่างไรกว่าจิตของเรา
นั้นจะสงบลงได้ ครูบาอาจารย์หลายรูปหลายองค์ท่านเคย
สอนไว้ว่า ถ้าเรายังมีความคิด คือเรายังคิดไปโน่นคิดไปนี่
หรือคิดอะไรอยู่ต่างๆ นานา นั่นแสดงว่า ให้เราเข้าใจว่าจิต
ของเรานั้นเป็นจิตที่ไม่สงบ ขาดสติสัมปชัญญะ คือตัวรู้และ
ความระลึกได้
เพราะฉะนัน้ แล้ว ถ้าพวกเราทัง้ หลายทีจ่ ะฝึกจิตฝึกใจ
ของพวกเราให้สงบได้นนั้ ขอให้เราต้อง “ฝึกท�ำใจ” ถ้าเรา
ฝึกท�ำใจของเราให้วา่ ง ให้ได้แล้ว ใจจึงจะสงบลงได้ เพราะว่า
บุญกุศลนั้น ถ้าใครท�ำกรรมฐานแล้วเกิดเป็นอารมณ์สมาธิ
เบื้องต้นก็ดี ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ สมาธิ
หนึ่งในสามข้อนี้ ข้อหนึ่งข้อใดก็แล้วแต่ ถ้าสมาธิเกิดขึ้นกับ
4 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
เราแล้ว นั่นแหละได้ชื่อว่า “ความสุขที่สุดในชีวิต คือสงบ
จากการที่ไม่คดิ อะไรเลย”
ถ้าจิตของเราไม่สงบ เราก็จะพบกับความทุกข์อยูเ่ รือ่ ยไป
ถ้าสงบจิตสงบใจเราได้ ถ้าเราสามารถท�ำให้มันสงบได้ เรา
ก็จะไม่ยึดติดกับอะไร สภาวะของจิตของเรานั้น มันก็จะนิ่ง
อยู่เฉยๆ ไม่มคี วามเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไม่มีอาการเมื่อยล้า
ใดๆ ทัง้ สิน้ แต่วา่ พวกเรานัน้ ต้องพยายามฝึกประพฤติปฏิบตั ิ
แล้วก็ท�ำให้ได้ทุกวัน เพราะเอาแค่ง่ายๆ หลวงปู่ขอพูดถึง
เรื่องแค่ “ขณิกสมาธิ คือสมาธิเพียงเล็กน้อย” สมาธิ
เพียงเล็กน้อยนี้ บางทีเราดูหนังสือสวดมนต์ ใจของเรา
ไปเกาะอยู่กับตัวหนังสือ จิตของเราสงบอยู่กับตัวหนังสือ
อันนั้นเรียกว่า “ขณิกสมาธิ”
ขณิกสมาธิ คือสมาธิเพียงเล็กน้อย ทีม่ นั เกิดขึน้ กับเรา
ถ้าเรานัน้ พยายามควบคุมอารมณ์ของพวกเราเอาไว้ เพราะ
อารมณ์ของคนเรานัน้ ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ายังไม่ถงึ อรหันต์
เพราะฉะนัน้ แล้วอยากให้พวกเรานัน้ จงใฝ่พยายามท�ำ
กุศล ท�ำความดี ท�ำความสงบขึ้นให้บ่อยๆ แม้แต่ขณิกสมาธิ
นัน้ ถ้าเราท�ำให้มนั เกิดขึน้ บ่อยๆ มันก็จะอาจขึน้ ไปถึงอุปจาร
สมาธิได้ ขอให้เราท�ำทุกวันโดยไม่เห็นแก่วา่ เสียเวลา เราเสีย
เวลาอย่างอื่นอย่างใด เรายังเสียไปได้ แต่ท�ำไมเวลาเราเสีย
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 5
มากับบุญ มากับกุศลนี่ ท�ำไมเราจึงเสียกันไม่ได้
ให้เราลองติเตียนตัวเราเอง ลองดูเอาง่ายๆ อุปมา
อุปไมยว่า อย่างหลวงปู่จัดให้สวดมนต์ตอนเที่ยง แล้วก็หก
โมงเย็น บางคนก็ทำ� บางคนก็ไม่ทำ� นีถ่ า้ จะเปรียบเทียบแล้ว
คือความดีนั้น ถ้าพวกเราพยายามท�ำให้กับตัวของเราเอง
สร้างกุศลให้เกิดขึ้นภายในใจให้ได้ เพียงแค่ตอนเที่ยงและ
ตอนเย็น ถ้าพวกเราใฝ่พยายามทีจ่ ะสร้างกุศลทีจ่ ะสร้างบุญ
ให้เกิดขึ้น ท�ำสมาธิให้เกิดขึ้นในระหว่างสวดมนต์ การที่เรา
จะท�ำสมาธิเกิดขึ้นได้นั้น ก็อยู่ที่ใจของเรานั้นต้องจดจ่ออยู่
กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่เรียกว่า “สมถกรรมฐาน”
วันนีก้ ข็ ออธิบายธรรมะเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเราฟัง พอ
เป็นเครื่องสติ เป็นเครื่องตัวรู้ เป็นเครื่องเสริมปัญญาให้แก่
พวกเราทุกคน
หลวงปู่ก็ขออนุโมทนาในกุศลบุญบารมีกับพวกเรา
ที่ได้เข้ามาสวดมนต์ในวันนี้ ขอบุญกุศลใดที่หลวงปู่ได้ท�ำ
ดีแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนจงมีส่วนได้ในกุศลนั้นร่วมกับ
หลวงปู่ และถ้าบุญใดกุศลใดเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนแล้ว
หลวงปูข่ ออนุโมทนาสาธุการขึน้ กับพวกเราทุกคนด้วยเทอญ
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 11
เจริญสติ..สงบใจ
ต่อไปให้พวกเราจงส�ำรวมกาย วาจา ใจ ให้เราทุกคน
ภาวนาเข้า พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ให้เราภาวนา
ไปเรือ่ ยๆ ภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ เพราะจะเป็นการทีใ่ ห้
เรามีสติ ถ้าเราจับอยูก่ บั ค�ำบริกรรมภาวนา สติของเรานัน้ ก็
จะอยูก่ บั ค�ำบริกรรมภาวนาของพวกเราได้ตลอด
การที่พวกเรามีสติ มันสามารถท�ำให้พวกเรานั้น ได้
พิจารณาอย่างต่อเนือ่ ง เมือ่ สติของเรากล้าแข็งแกร่งพอ มัน
จะค่อยๆ สะสมจิต ค่อยๆ สะสมความรู้ ค่อยๆ สะสมความดี
เอาไว้ภายในดวงจิตในดวงใจของเรา
เมื่อเรามีสติ ใจของเราสงบ อารมณ์ทงั้ หลายที่มันจะ
เกิดขึน้ มันจะเป็นอารมณ์แห่งความเยือกเย็น เมือ่ มันมีความ
เยือกเย็น คืออยู่อย่างคนมีสติ เมื่อมันมีสติแล้ว มันจะท�ำให้
ใจของเรานัน้ มันก็จะสงบ เมือ่ ใจของเราสงบลงแล้ว เราก็จะ
เป็นผู้ไม่หวั่นไหวไปกับกิเลสทั้งหลายได้ง่ายๆ
เพราะเรามีสติสัมปชัญญะ เป็นตัวก�ำหนดรู้ เป็นตัว
ก�ำหนดดูอย่างนี้ตลอดเวลา เราไม่ต้องไปจับอารมณ์อื่น ขอ
ให้เราท�ำกรรมฐานภายใน ๒ นาทีนี้ ก็ขอให้เราจงจับอยู่แต่
ค�ำภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ
12 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
ธัมโม สังโฆ อย่าปล่อยให้มันมีช่องว่าง พยายามภาวนาให้
มันเป็นลูกโซ่ คือภาวนาติดต่อกันไปเรือ่ ยๆ โดยไม่ให้จติ ของ
เราส่งออกนอก
ถ้าจิตของเราส่งออกนอกแล้ว มันจะเกิดเป็นอารมณ์
สมุทยั คือความทุกข์อาจจะเกิดขึน้ ได้ แต่ถา้ เราภาวนา พุทโธ
ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นั้น จะ
ท�ำให้เราเป็นผู้มีสติอยู่ตลอดเวลา ขณะที่เราปฏิบัติและฟัง
หลวงปู่เทศน์น้ี เราก�ำหนดเวลา ๒ นาทีในการท�ำกรรมฐาน
วันนีห้ ลวงปู่ก็พูดมาเป็นเวลา ๒ นาทีแล้ว ขอความสุข
สวัสดีจงพึงบังเกิดมีกับพวกเราทุกคน
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 13
อริยบุคคล
วันนี้ก็จะขอพูดธรรมะเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเราได้ฟัง
วันนั้นพูดถึงว่าอารมณ์มรณานุสติกรรมฐาน คือให้
พวกเรานึกถึงความตายไว้เป็นอารมณ์ ถึงเราไม่อยากตาย
มันก็ต้องตาย เพราะไม่มใี ครทีไ่ หนทีจ่ ะหลีกหนีไปไหนก็แล้ว
แต่ จะหนีความตายนัน้ ไปไม่ได้สกั คนเดียว อันความตายนัน้
ถึงอย่างไร ความตายย่อมมาเยือนพวกเราอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเราแม้ว่าเราจะไปหลบลี้หนีไป
อยู่ ณ สถานทีแ่ ห่งหนต�ำบลใด หนีไปอยูบ่ นฟากฟ้านภากาศ
หนีไปบังก้อนเมฆ หนีไปบังหิน บังอะไรก็แล้วแต่ พวกเรา
ทั้งหลายก็หนีความตายกันไปไม่พ้นสักคนเดียว แม้แต่ตัว
หลวงปู่เอง
แล้วเมือ่ เราตายไปแล้วนีแ่ หละส�ำคัญ ค�ำว่า “เมือ่ เรา
ตายไปแล้วส�ำคัญ” นัน้ คือเราทัง้ หลายเราก็หนีหนีก้ รรมกัน
ไปไม่พน้ เหมือนกัน อย่างทีเ่ ราได้สวดกันทุกวัน จะเป็นกรรมดี
หรือกรรมชั่วก็ตาม ที่พวกเราได้สร้างสะสมไว้ภายในจิตใน
ใจของตัวเราเอง ถึงอย่างไรเราก็หนีสิ่งเหล่านัน้ กันไปไม่พ้น
สักคนเดียว
นักปราชญ์ทั้งหลายท่านจึงได้กล่าวไว้ว่า “เราคิด
14 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
อย่างไร เราก็จะได้อย่างนั้น” คือถ้าเราคิดชั่วๆ เราก็จะ
ได้ชั่วๆ ถ้าแม้นว่าพวกเรานั้นมีจิตใจที่คิดแต่สิ่งดีๆ เราก็จะ
ได้แต่ในสิ่งที่ดีๆ เพราะว่าเวลาเราตายไปแล้ว จิตใจของเรา
นี่แหละจะพาเราไปสู่อบายภูมิ หรือจะพาไปสู่สวรรค์ หรือ
จะไปวิมานแห่งพรหม หรือไปนิพพาน ก็สุดแท้แต่ก�ำลังใจ
ก�ำลังบารมีของพวกเราทัง้ หลายที่ได้สะสม ที่ได้สร้างความ
ดีเอาไว้ภายในจิตภายในใจของพวกเราทัง้ หลาย
เราทั้งหลายนั้นได้สะสมกันไว้มาก เราท�ำกันไว้มาก
ก็ชื่อว่าพวกเราทั้งหลายนั้นมีต้นทุนที่ดี เมื่อเรามีต้นทุนที่
ดีแล้ว ในภายเบื้องหน้าโน้นถ้าก�ำลังใจของเรานั้น สามารถ
ตัดสังโยชน์ ๓ ได้ ตัดสังโยชน์ ๕ ได้ ตัดสังโยชน์ ๑๐ ได้
ถ้าเราตัดสังโยชน์ ๓ ได้ ก็แสดงว่าเราเข้าถึงเป็น
“อริยบุคคล” แล้วในพระศาสนา คือเป็นพระโสดาบัน
ถ้าเราตัดสังโยชน์ ๕ ได้ เราก็สามารถเป็น “พระ
อนาคามี”
ถ้าเราตัดสังโยชน์ ๑๐ ได้ เราก็เป็น “พระอรหันต์”
เพราะฉะนั้นแล้ว บุคคลที่ไม่ตายที่เป็นอมตะ คือ
บุคคลที่ตดั สังโยชน์ ละสังโยชน์ ๑๐ ได้ เป็นพระอรหันต์
เท่านัน้ จึงจะไม่ตอ้ งตาย คือไม่ตอ้ งมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่
อย่างนี้ ไม่มีท่สี ิ้นสุด ตายแล้วตายอีก ตายแล้วตายอีก ตาย
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 15
แล้วตายอีก มันก็ตายกันอยูอ่ ย่างนีแ้ หละ ถ้ายังไม่ถงึ นิพพาน
วันนีก้ ข็ อพูดธรรมะ เพือ่ เป็นเครือ่ งเสริมสติปญ
ั ญาให้
พวกเราทุกคนได้ฟัง
ต่อไปพวกเราก็กรวดน�้ำ อุทิศกุศลผลบุญทั้งหลาย
ไปให้แก่ผู้มีพระคุณกับเรา ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเทวา
เหล่าพรหมทัง้ หลาย ทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาล เพื่อน
มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ในอบายภูมิทั้งหลาย ขอให้เขาเหล่านั้น
จงมีสว่ นได้ในกุศลผลบุญร่วมกับพวกเราทุกคน ขอความสุข
สวัสดีจงบังเกิดขึ้นมีกับพวกเรา
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 21
แต่ถ้าเรารู้จกั การฝึกปฏิบตั ิ แม้แต่บญ
ุ นิดบุญน้อยเรา
ก็อย่าประมาท อย่างเช่นพวกเราทัง้ หลายได้เข้ามาสวดมนต์
ในกลุ่มบ้านปันสุขนี้ ก็ได้ชื่อว่าเรามาเก็บบุญน้อย เก็บบุญนี้
เพื่อไปช�ำระล้างกิเลสทั้งหลายที่มันอยู่ในใจ
กิเลสทั้งหลายมันจะตายได้นั้น ก็ต้องอาศัยหลัก
แห่งปัญญา ถ้าพวกเรามีหลักแห่งปัญญา รูแ้ จ้งเห็นจริง
รู้เท่าทันกฎแห่งพระไตรลักษณ์ คือทุกขัง อนิจจังและ
อนัตตา พวกเราก็สามารถทีจ่ ะก�ำจัดกิเลสและพญามาร
ออกจากจิตออกจากใจของพวกเราไปได้
เพราะฉะนัน้ แล้ว กิเลสทัง้ หลาย ตัณหาทัง้ หลาย ไม่วา่
จะเป็นโลภก็ดี โกรธก็ดี หลงก็ด ี กิเลสทัง้ หลายทัง้ ปวงนัน้ สิง่
ที่เป็นกิเลสเราก็ต้องเอาสติและปัญญาไปช�ำระล้างให้จิตใจ
ของเรานั้นได้ใสสะอาด เพราะว่าอะไร เพราะเราจะได้พบ
กับความสุขที่แท้จริง
ความสุขที่แท้จริง นั้นคืออะไร
ความสุขที่แท้จริง คือรู้จักค�ำว่า “ปล่อยวาง” ได้
ถ้าเรารู้จักค�ำว่า “ปล่อยวาง” ได้บ้าง เราก็จะพบแต่
ความสุข ความเจริญในชีวิตของพวกเราทุกคน
วันนีห้ ลวงปู่กข็ อพูดธรรมะเล็กๆ น้อยๆ เป็นเครือ่ งสติ
เตือนสติ สอนใจพวกเราทุกคน
ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญทั้งหลายที่พวกเราได้ท�ำ
กันมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
22 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
ธรรมะในวันอาสาฬหบูชา
ก็ขอเจริญธรรม ขอเจริญศรัทธาแก่พวกเราทุกคน ที่
ได้เข้ามาสวดมนต์ในวันนี ้ ถ้าเราย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาล
นัน้ วันนีว้ นั อาสาฬหบูชา จะตรงกับวันทีพ่ ระพุทธเจ้าของเรา
นัน้ พระองค์ทรงได้แสดงพระธรรมเป็นครัง้ แรก พระธรรมที่
พระองค์ทรงแสดงเป็นครัง้ แรกนัน้ เหมือนทีพ่ วกเราทัง้ หลาย
ได้สาธยายกันนัน้ ที่เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็น
พระธรรมบทแรกในโลก
พระพุ ท ธเจ้ า ทุ ก ๆ พระองค์ นั บ ตั้ ง แต่ ส มเด็ จ องค์
พระปฐมบรมครู ผู้เป็นต้นธรรมต้นธาตุ พระพุทธเจ้าทุกๆ
พระองค์นนั้ เมือ่ พระองค์ทรงบรรลุสนิ้ อาสวักขยญาณ คือสิน้
กิเลสแล้ว พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ต้องแสดง
เหมือนกันนัน้ คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และมีพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ เ กิ ด ขึ้น เป็ น ครั้ง แรกในโลก คือ เมื่อ
พระพุทธองค์นั้นทรงเสด็จไปโปรดพระอัญญาโกณฑัญญะ
หรือปัญจวัคคียท์ งั้ ๕ ทีป่ า่ อิสปิ ตนมฤคทายวัน พระองค์ทรง
แสดงธัมมจักฯ และได้เกิดมีพระสงฆ์องค์แรกในโลก คือพระ
อัญญาโกณฑัญญะ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้ช่อื ว่า อัญญาโกณ
ฑัญญะ ท่านชือ่ ว่าพระโกณฑัญญะ แต่เมือ่ พระพุทธองค์ทรง
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 23
แสดงธรรมให้พระโกณฑัญญะได้ฟังธรรม ปรากฏว่าพระ
โกณฑัญญะนัน้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อัญญาโกณฑัญญะ
โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ”
“รู”้ ในสิง่ ทีพ่ ระองค์ทรงแสดงธรรม พระอัญญาโกณ
ฑัญญะนั้นรู้ด้วยปัญญา ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงนั้น
เป็นเครื่องออกจากความทุกข์ทงั้ หลายทัง้ ปวง เมื่อพระอัญ
ญาโกณฑัญญะได้สดับรับฟังแล้ว มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุ
เป็นพระโสดาบันทันที
อุปมาอุปไมยว่า เหมือนพวกเราทุกคนที่ได้มาถือศีล
อุโบสถกันในวันนี้ เปรียบเหมือนว่าเราจะมาเป็นผู้สดับรับ
ฟังพระธรรม และปฏิบตั ธิ รรมเพือ่ ให้บรรลุมรรคผล เหมือน
กับพระอัญญาโกณฑัญญะ เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดง
เครื่องออกจากทุกข์ ที่เราสวดกันตั้งแต่สัมมาทิฏฐิจนถึง
สัมมาสมาธิ ถ้าพูดง่ายๆ เลยก็คอื เรือ่ ง ศีล สมาธิและปัญญา
๓ อย่างด้วยกัน
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเทศน์ พระอัญญาโกณฑัญญะ
มีสติรู้เท่าทัน เพราะว่าพระอัญญาโกณฑัญญะนั้นได้สร้าง
สะสมบารมีมามากพอสมควร และได้เคยอธิษฐานว่า “ถ้า
มีพระพุทธเจ้าองค์ใดมาตรัสรู้ในโลกนี้ ขอให้ตัวเองนั้น
ได้บรรลุเป็นพระสงฆ์องค์แรกในโลก ในพระพุทธเจ้า
24 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
องค์หนึง่ องค์ใด” พอมาถึงองค์สมเด็จพระสมณโคดมของ
พวกเรา ที่พวกเรากราบไหว้บูชากันอยู่ขณะนี้ พระอัญญา
โกณฑัญญะนั้นได้สร้างบารมีมาพอสมควร คือจะได้มา
เป็นลูกศิษย์ขององค์สมเด็จพระตถาคตเจ้า จึงได้บรรลุเป็น
พระโสดาบันเป็นองค์แรกในโลกนี ้
เหมือนพวกเราทุกคนนั้น ถ้าเราไม่ทิ้งการประพฤติ
ไม่ทิ้งการปฏิบัติ ความดีทั้งหลายที่พวกเราทั้งหลายค่อยๆ
สะสมกันนี้ก็จะเป็นเสบียง
แม้ว่าบุญเราก็ท�ำ กรรมเราก็สร้าง มันคนละเรื่อง ถ้า
เราพูดตรงๆ กรรมดีก็คือกรรมดี กรรมชั่วก็คือกรรมชั่ว
ปล่อยมัน เราอย่าไปสนใจมันกับความชั่ว ให้เราคอยนึกถึง
แต่ความดี ความดีที่เราท�ำแม้นิดหน่อย ได้ชื่อว่าเราท�ำ
แล้ว ให้เราจับอารมณ์ความดีไว้ เพราะถ้าเราจับอารมณ์
ความดีไว้ เราจะมีแต่ความสุข ถ้าจิตใจของเราเร่าร้อน เรา
ก็จะมีแต่ความทุกข์
ถ้าเราจับอารมณ์ไหนไว้ เราก็จะเป็นไปตามอารมณ์
นั้น ถ้าเราจับอารมณ์แห่งการมีความสุข เราก็มีความสุข
ถ้าเราจับอารมณ์มคี วามทุกข์ เราก็จะมีแต่ความทุกข์ ให้เรา
เลือกเอาเองว่า เราจะจับเอาอารมณ์ไหนมาเป็นที่ตั้ง
จริงอยูพ่ วกเรานัน้ ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ยังไม่หมดกิเลส
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 25
ยังมีโลภ โกรธ หลงเป็นเรือ่ งธรรมดา แต่ถา้ เราไม่ได้ประพฤติ
ปฏิบัติกันเลย แล้วจะมีวันไหนที่เราจะได้เป็นพระอรหันต์ ที่
ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนี้อกี ต่อไป
หลวงปู่ก็ขอพูดธรรมะเล็กๆ น้อยๆ พอสมควร ก็ขอ
อนุโมทนาสาธุการในกุศลผลบุญกับพวกเราทุกคนที่ได้มา
ถือศีลอุโบสถที่วัดนี้ และญาติโยมทั้งหลายที่อยู่ในไลน์ ก็
ขอโมทนาบุญกับพวกเราทุกคนด้วย ขอบุญกุศลทั้งหลาย
ที่ทุกคนบ�ำเพ็ญดีแล้ว ขอบุญกุศลนี้จงต่อเนื่องให้พวกเรา
มีหนทางดับทุกข์ เข้าถึงความดับทุกข์เพื่อเป็นไปคือพระ
นิพพานด้วยกันหมดทัง้ บุคคลทีม่ าอยู่ทวี่ ดั และทุกคนทีส่ วด
มนต์ออนไลน์ในโทรศัพท์ ขอให้มคี วามสุขสวัสดีทกุ คนเทอญ
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 33
อยูเ่ พือ่ รอตาย
ขอเจริญธรรมและขอเจริญศรัทธาแก่บรรดาพวกเรา
ทุกคน
เราเคยถามตัวเราเองกันบ้างรึเปล่า ว่าทุกวันนี้พวก
เรานั้นอยู่รออะไร ขอให้ทุกคนลองตัง้ ค�ำถามภายในใจของ
ตัวเราเองว่า ทุกวันนี้เรานั่งรออะไร
เราทุกคนนัน้ ท�ำมาหากินกันอยูท่ กุ วีท่ กุ วัน อยูก่ นั ไปวัน
หนึง่ ๆ บางครัง้ วันหนึง่ ๆ นัน้ เราอาจจะไม่ได้คดิ ถึงความตาย
เลยก็ได้ เพราะว่าครั้งหนึ่งนั้นองค์สมเด็จพระบรมศาสดา
พระองค์ทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า “อานนท์เธอนึกถึง
ความตายวันละกี่ครั้ง” พระอานนท์ทูลตอบองค์สมเด็จ
พระบรมศาสดาว่า “วันละ ๗ ครัง้ พระพุทธเจ้าข้า” องค์
สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสตอบพระอานนท์วา่ “อานนท์
เธอจงระลึกนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้า-ออก”
เหมือนพวกเรานี้ ถ้าพวกเราเป็นผูไ้ ม่ประมาท วันหนึง่ ๆ
ก็ขอให้พวกเรานัน้ จงหมัน่ ระลึกว่า “ทุกวันนีท้ เี่ รารออยูท่ กุ
วัน ก็เพือ่ รอความตาย” แต่ระหว่างทีพ่ วกเรานัน้ นัง่ รอความ
ตาย พวกเรานึกถึงอะไรกัน พวกเรานึกถึงรึเปล่าว่า ความตาย
อาจจะมาเยือนเราในวันนี้ อาจจะไม่มพี รุง่ นีส้ ำ� หรับเรา
34 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
เพราะฉะนัน้ แล้ว ถ้าพวกเราทุกคนนึกถึงความตาย แม้
จะไม่ได้ทุกลมหายใจเข้า-ออก แต่วันหนึ่งๆ นั้นขอให้เราจง
เตือนสติ เตือนใจของเราให้ได้ เท่าทีจ่ ติ หรือเท่าทีส่ ติของเรา
จะก�ำหนดรู้ วันหนึง่ นัน้ เราจะระลึกนึกถึงความตายกีค่ รัง้ ก็ได้
แต่ขอให้เรานั้นจงพยายามนึกถึงความตายไว้ให้ได้ทุกวัน
แม้ไม่ได้ทุกลมหายใจเข้า-ออก
เพราะฉะนั้นแล้ว ระหว่างที่พวกเรานั่งรอความตาย
กันนี้ ไม่มใี ครในโลกนีท้ จี่ ะหนีความตายไปได้สกั คนเดียว ขอ
ให้พวกเราจงมอง มองคนทีเ่ รารู้จกั คนทีเ่ ขาพลัดพรากตาย
จากเราไปนั้น บางคนก็ใช้ชีวิตโดยประมาท บางคนก็ใช้ชวี ิต
อย่างคุ้มค่าที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ คือพยายามขวนขวายเอา
สิ่งที่จะติดตามตัวเราเหมือนเงาตามตัวเราไปได้ คือบุญ คือ
กุศลเท่านัน้ บุคคลเหล่านีไ้ ม่ได้นงั่ รอความตายเปล่าๆ บุคคล
เหล่านี้พยายามที่จะลด ละ เลิก กามคุณ กามกิเลส ตัณหา
ร้อยแปด กิเลสพันห้าทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นตัณหา
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา กิเลสน้อยใหญ่ทั้งหลาย
ทั้งปวง บุคคลเหล่านี้พยายามที่จะขัดเกลาโลภ โกรธ หลง
ให้ออกไปจากจิตจากใจของตัวเราเอง ขอให้เราทุกคนจงมี
เมตตา
ค�ำว่า “ให้เรามีเมตตา” เหมือนที่เราแผ่เมตตานั่น
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 35
แหละว่า สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดเป็นเพื่อนทุกข์ มีเกิด แก่
เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้นทุกคนเทอญ ใครอยากเกลียด
เรา ใครอยากโกรธเรา เราอย่าไปเกลียด อย่าไปโกรธเขา
ตอบก็แล้วกัน เพราะชีวิตเราจะได้มคี วามสุข
ถ้าบุคคลทีต่ งั้ อยูด่ ว้ ยความประมาท คือนัง่ รอวันหนึง่ ๆ
มัวหลงระเริงไปกับทางโลก ทางโลกียะ โดยไม่ได้ขวนขวาย
เอาบุญเอากุศลใส่ตวั เมือ่ เวลาเขาตายไปแล้ว บุคคลเหล่านี้
ก็จะไปนัง่ ร้องไห้ เพราะว่ามีอบายภูมเิ ป็นแดนเกิด เพราะคน
เหล่านี้ไม่เชื่อว่า บุญ-บาปมีจริง กรรมมีจริง
แต่ถ้าใครมีสติสัมปชัญญะ มีจิตที่รู้เท่าทันว่าเราถูก
โลกนี้มันหลอกลวงเอา ให้เรานั้นพยายามที่จะตกไปอยู่กับ
ทาส ทาสแห่งตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เราหลงระเริงไปกับ
กามคุณกิเลสทั้งหลาย โดยให้เราไม่รู้ตัว พญามารเหล่านี้
พยายามจะหยอกล้อให้พวกเราไปติดกับ แล้วพญามารก็จะ
พาเราลงอบายภูม ิ ส่วนบุคคลทีไ่ ม่ตกเป็นขีข้ ้าของพญามาร
บุคคลเหล่านั้นก็จะมีสวรรค์เป็นที่เกิด
เพราะฉะนัน้ แล้ว ขอให้พวกเราอย่าลืมหมัน่ ให้ทาน
ทานคือการให้ หมัน่ รักษาศีล ศีลคือการส�ำรวมระวังกาย
วาจา ใจ ให้เป็นปกติ ภาวนาคือความตัง้ ใจมัน่ อย่างเรา
สวดมนต์ ถ้าเราตั้งใจมั่นก็ได้ช่อื ว่าเป็นภาวนา
36 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
คนมีบุญ คนที่จะท�ำบุญนั้นจะไม่ละจากทาน จะไม่ละ
จากศีล จะไม่ละจากการภาวนา แม้วา่ วันหนึง่ ๆ จะท�ำได้มาก
น้อยเท่าไรก็ไม่ส�ำคัญ ส�ำคัญว่าวันหนึ่งๆ เราอย่านั่งรอตาย
อยู่เฉย ๆ ขอให้เราจงสร้างกุศลผลบุญให้เกิดขึ้นมีภายในใจ
ของเรา โดยยึดมั่นในทาน ศีล ภาวนา
วั น นี้ ห ลวงปู ่ ก็ ข อพู ด ธรรมะเป็ น เวลาพอสมควร
ก็ขอน้อมจิตโมทนาบุญกับพวกเราทุกคน และขอน้อมจิต
อนุโมทนากับทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ที่ได้บ�ำเพ็ญ
ความดี ขึ้ น แล้ ว ในโลกนี้ ข้ า พเจ้ า จะรู ้ ก็ ต าม ไม่ รู ้ ก็ ต าม
ขอน้อมจิตอนุโมทนากับท่านทั้งหลาย ขอให้ข้าพเจ้าจงมี
ส่วนได้ในกุศลผลบุญนั้นกับท่านทั้งหลาย และบุญกุศลอัน
ใดที่ข้าพเจ้าบ�ำเพ็ญดีแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้ในกุศล
ผลบุญนี้ด้วยกับข้าพเจ้าด้วยเทอญ
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 37
อภิณหปัจจเวกขณ์ทงั้ ๕
ขอเจริญธรรม ขอความสุขสวัสดีจงพึงบังเกิดขึน้ มีกบั
พวกเราทุกคน ที่ได้เข้ามาสวดมนต์อยู่ในบ้านปันสุขหลังนี้
วันนี้วันพระ วันพระนั้นญาติโยมที่มีเวลาก็ได้น้อมน�ำ
เอากาย วาจา ใจ เข้ามารักษาอุโบสถศีล หรือที่เรียกกันว่า
ศีล ๘ นั้น แต่ละวัดตามบ้านนอก เขาก็จะนิยมมาถือศีล
อุโบสถช่วงเข้าพรรษา ตลอดพรรษาหนึ่ง ถึงวันพระทีหนึ่ง
เขาก็จะมาถือศีลอุโบสถคือศีล ๘ นั่นเอง และเป็นการได้
มาปฏิบัติธรรม และได้มาสวดมนต์ และได้มาฟังพระธรรม
ที่เหล่าพระสงฆ์นนั้ ได้เทศน์โปรดญาติโยมทั้งหลาย
องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสสอนพวกเราไว้ว่า ให้
เรานั้นจงพิจารณาถึง อภิณหปัจจเวกขณ์ ทั้ง ๕ คือให้เรา
พิจารณาทุกๆ วันว่า
๑. เรามี “ความแก่” เป็นธรรมดา เราไม่ลว่ งพ้นความ
แก่นี้ไปได้สักอย่างเดียว
๒. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า เรามี “ความเจ็บ” เป็น
ธรรมดา เราไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้
๓. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า เรามี “ความตาย” เป็น
ธรรมดา เราไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
38 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
๔. เราควรพิจารณาทุกๆ วันว่า เราจะต้อง “พลัดพราก”
จากสิ่งที่รักที่ชอบใจทัง้ หลายทั้งสิ้น
๕. เราควรพิจารณาทุกๆ วันว่า เรามี “กรรมเป็นของ
ตัว” เราท�ำดีจักได้ดี เราท�ำชั่วจักได้ชั่ว
อภิณหปัจจเวกขณ์ทงั้ ๕ นัน้ คือสิง่ ทีพ่ ระพุทธเจ้าตรัส
สอน และน้อมให้พวกเรานัน้ เอามาพิจารณาอยู่เนืองๆ หรือ
ถ้าพวกเราพิจารณาอยู่ทุกๆ วัน เพื่อเป็นความไม่ประมาท
เพราะสังขารทั้งหลายทัง้ ปวงนั้น ย่อมมีแก่ มีเจ็บ มีตาย มี
ความพลัดพรากจากทรัพย์สินศฤงคาร ญาติพ่นี ้อง พ่อแม่
ผัวเมีย ลูกเต้า ลูกหลานทั้งหลาย และของที่รักใคร่ที่เรา
ชอบใจ เมื่อเราตายไปแล้ว เราก็จะเอาอะไรติดตัวไปด้วยไม่
ได้เลย สิ่งที่จะติดตัวไปได้นั้นก็คอื กรรมดี
ถ้าเราสามารถสร้างกรรมดีให้ได้ตลอด กรรมชั่วที่
ท�ำไว้ในชาติก่อนๆ นั้น ถ้าเราท�ำดีอยู่เหนือกรรมชั่ว เราก็
สามารถทีจ่ ะอยูเ่ หนือความชัว่ ในภพในชาติทแี่ ล้วๆ มา เพราะ
ชาตินเี้ ราทุกคนนัน้ มีความดีตดิ ตัวมาด้วยกันหมดทุกคน แต่
ความดีทตี่ ดิ ตัวมานัน้ เราทุกคนอาจจะยังไม่เห็นว่าความดีที่
ติดตัวเรามานัน้ อยู่ตรงไหน
เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กว่าจะตรัสรูเ้ ป็นพระอนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปศึกษาหลาย
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 39
ส�ำนัก หลายครูบา หลายอาจารย์ ไปทรมานพระวรกาย ท�ำ
ทุกสิง่ ทุกอย่างเพือ่ จะให้หนีทางพ้นทุกข์ แต่พระองค์นนั้ ก็ยงั
ไม่พน้ จากความทุกข์ จวบจนวันหนึง่ พระองค์นกึ ถึงความดีที่
พระองค์เคยท�ำเอาไว้ ความดีทพี่ ระองค์เคยท�ำเอาไว้นนั้ ก็คอื
เมื่อพระองค์ทรงติดตามพระเจ้าสุทโธทนะ เสด็จไปแรกนา
ขวัญหรือท�ำพิธแี รกนาขวัญ แล้วพระองค์นนั้ ได้ปลีกออกไป
นัง่ ใต้ตน้ ไม้ แล้วก็ดลู มหายใจเข้า-ออก ทีเ่ รียกว่ากรรมฐาน
อานาปานสติกรรมฐาน เมือ่ พระองค์ไปนัง่ แล้วดูลมหายใจ เกิด
ความสงบ ความนิง่ เกิดจนถึงปฐมฌานขึน้ มา เมือ่ ถึงปฐมฌาน
แล้ว พระองค์กร็ สู้ กึ ว่าช่างมีความสุขเหลือเกิน เมือ่ พระองค์นนั้
นึกถึงความดี นีใ่ ห้เราเข้าใจเป็นอย่างนีน้ ะว่า พระองค์นนั้ กว่าจะ
นึกถึงความดีตรงนีไ้ ด้ ใช้ระยะเวลาตัง้ ๖ ปี หลังทรงออกผนวช
กว่าพระองค์จะระลึกถึงความดีตรงนีไ้ ด้ ว่าพระองค์นนั้ เคยได้
ปฐมฌาน เคยได้ความสงบตัง้ แต่อายุ ๙ ขวบ ความดีสง่ ผลให้
พระพุทธเจ้านึกถึงตอนพระองค์อายุ ๙ ขวบ
อุปมาอุปไมย เหมือนพวกเราก็เหมือนกัน ความดีของ
พวกเรานั้น มีอยู่ด้วยกันหมดทุกคน แต่ความดีนั้นเราจะ
ระลึกนึกถึงได้ตอนไหนเท่านัน้ เอง อย่างน้อยพวกเราทุกคนมี
ศีล ๕ มาเกิดด้วยกันหมดทุกคน เพราะองค์สมเด็จพระบรม
ศาสดาทรงตรัสว่า “บุคคลทีจ่ ะเกิดเป็นมนุษย์ได้นนั้ ต้อง
40 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
อาศัยศีล ๕ ที่ตัวเองเคยประพฤติ เคยรักษามาแล้ว จึง
จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เหมือนพวกเราทั้งหลาย ก็ต้อง
เคยท�ำความดีมาแล้ว จึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์”
วันนี้ก็ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญกับพวกเราทุกคน
และวันพระนี้ ขอให้เป็นวันพระแห่งความสุขแก่พวกเราทุกคน
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 41
ยึดพระรัตนตรัยเป็นทีพ่ งึ่
ก็ขอเจริญศรัทธา เจริญธรรมแก่พวกเราทุกคนที่ได้
เข้ามาสวดมนต์ในกลุ่มบ้านปันสุขในวันนี้
เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราทุกคนเกิดเป็นคนได้ทุก
วันนี้ ที่เราทุกคนต้องมีสรณะ
สรณะ แปลว่า ต้องมีที่พึ่ง ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ เรา
จะท�ำกิจการงานหรือท�ำสิง่ ใดก็แล้วแต่ เราต้องมีทพี่ งึ่ อย่าง
ที่เราก่อนสวดธัมมจักฯ ว่า
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
พระพุทธเจ้าเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งของพวกข้าพเจ้า
พระธรรมเจ้าเป็นสรณะ เป็นทีพ่ งึ่ ของพวกข้าพเจ้า พระสงฆ์
เป็นสรณะ เป็นทีพ่ งึ่ ของข้าพเจ้า การทีเ่ รามีหลักหรือมีทพี่ งึ่ นัน้
เปรียบประดุจว่าเรามีเชือกที่มัดไว้กับธงชัย ธงชัยที่พวก
เราทุกคนอยากจะก้าวไปถึงคือพระนิพพาน เมื่อเรายึดเอา
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นสรณะเป็นทีพ่ งึ่ ของพวก
เราแล้ว เมือ่ เรายึดเอาสิง่ นีม้ า เราก็ตอ้ งหาว่า หนทางการไป
สู่ความสว่างนัน้ เราจะท�ำอย่างไรให้เราไปสู่ความสว่างได้
42 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
ความสว่ า งนั้ น จะต้ อ งเกิ ด ขึ้ น มี กั บ ใจของพวกเรา
เอง ถ้าใจของเราเบิกบาน ใจของเรามีปตี ใิ นธรรมะ ใจของเรา
มีปตี ทิ เี่ รายึดมัน่ ในคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
การที่เราจะเดินเข้าไปสู่หนทางแห่งความสว่างไสวได้นั้น
เมื่อเรายึดเอาสิ่งนี้มาเป็นที่พึ่งของพวกเราแล้ว ก็ขอให้เรา
จงเดินตามทางที่องค์สมเด็จพระอนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่พระองค์นนั้ ได้สั่งสอนให้พวกเราเดินตาม เมื่อพวกเราเดิน
ตาม เราก็จะพบกับแสงสว่างกันด้วยหมดทุกคน
แสงสว่าง คือประทีป อุปมาอุปไมยว่าเราอยูใ่ นความมืด
มีบคุ คลหนึง่ ก่อขีไ้ ต้หรือก่อไฟให้เห็น เราก็จะเห็นว่ามีกองไฟ
มีคนจุดไฟขึน้ เราก็สามารถทีจ่ ะเดินไปหากองไฟเหล่านัน้ ได้
เหมือนองค์สมเด็จพระบรมครูเจ้าพระองค์ทรงจุดไฟให้เรา
เดินไปหาเส้นทางแห่งความสว่างไสวแล้ว ถ้าพวกเราทุกคน
พยายามก้าวเดินที่จะไปหาความสว่างไสว แล้วเราจะมีแต่
ความสุขใจ ความสุขที่เกิดขึ้นภายในใจคือความอิ่ม ความ
อิ่มที่เกิดขึ้นจากบุญนัน้ ที่เรียกว่าผัสสะ
ผัสสะนั้นเป็นอารมณ์ที่มันสัมผัสได้เฉพาะอารมณ์
ผัสสะอย่างเดียว ไม่ใช่อารมณ์ที่จับต้องกายกันได้ แต่รับรู้
อารมณ์วา่ เมือ่ เราท�ำบุญไปแล้ว เราสวดมนต์ไปแล้ว มันเกิด
ความอิม่ อยูใ่ นใจ มันเกิดความสุขอยูใ่ นใจ เมือ่ เราให้ทานก็ดี
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 43
รักษาศีลก็ดี เจริญภาวนาก็ดี ท�ำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นมี เราก็จะมี
แต่ความสุข เมื่อเรามีความสุขแล้ว สุขใจมันก็พลอยให้กาย
นั้นมีความสุขด้วย
เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าพวกเราทั้งหลายยึดมั่นถือมั่นใน
คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นที่
พึง่ แล้ว พวกเราทุกคนนัน้ ย่อมจะพบกับความสุขตลอดชาตินี้
จนกว่าเราจะถึงความตาย เพราะเรามีความสุขกับการทีเ่ รา
ได้สร้างกรรมดี หนีกรรมชั่วทัง้ หลาย
วันนี้หลวงปู่ก็ขอพูดธรรมะเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ให้พวก
เราได้ฟัง บุญใดกุศลใดที่เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน หลวงปู่
ขอน้อมจิตอนุโมทนาในกุศลผลบุญเหล่านัน้ แก่พวกเราทุกคน
และบุญกุศลใดทีเ่ กิดขึน้ กับหลวงปูแ่ ล้ว ขอให้พวกเราทุกคน
จงได้ในกุศลผลบุญนัน้ ร่วมกัน
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 47
และท่ามกลางนัน้ มันจะน้อมเอาความทุกข์เข้ามาให้เรา ถ้า
พวกเราไปหลงอยูก่ บั กิเลส อยูก่ บั ความสุขทีก่ เิ ลสมันมายัว่ ยุ
ไม่ว่าจะเป็น ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ ถ้าเราหลงเพลิดเพลิน
ไปแล้ว เรียกว่าเราตกเป็นขีข้ า้ ของพญามาร ตกเป็นขีข้ า้
ของกิเลสไม่มวี ันที่สิ้นสุด
แต่ถา้ พวกเราพยายามมีสติ รูเ้ ท่าทัน รูป รส กลิน่ เสียง
โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ถ้าพวกเรามีความรูเ้ ท่าทันกับอารมณ์
ทั้งหลายเหล่านั้น อารมณ์อะไรขึ้นมา เราก็พยายามตัด
พยายามตัดมันให้ได้ ไม่เอามาติด ผูกติดไว้ในจิต ไว้ในใจ
ของเรา
ขอให้เราจงตั้งมั่นว่า “เราจะเป็นผู้ชนะ เราจะเป็น
ผู้อยู่เหนือกิเลสให้ได้” แม้ว่าชาตินี้มันจะอยู่เหนือกิเลสได้
หรือไม่ได้ไม่ส�ำคัญ ส�ำคัญขอให้เราอย่าทิ้งธรรมะ เราอย่า
ทิ้งความดี อย่าทิ้งบุญทิ้งกุศลทั้งหลาย ถ้าเราไม่ทิ้งธรรมะ
ไม่ทงิ้ บุญ ไม่ทงิ้ กุศลทัง้ หลายแล้ว พวกเรานัน้ ก็สามารถ
ที่จะเกาะโดยใช้ก�ำลังใจ
ก�ำลังใจนี่ส�ำคัญที่สุด เพราะว่าถ้าก�ำลังใจของเราดี
เราก็ ส ามารถใช้ ก� ำ ลั ง ใจของเรานี่ แ หละเป็ น แนวทาง
เป็ น หนทางแห่ ง การต่ อ สู ้ กั บ กามตั ณ หา ภวตั ณ หา
วิภวตัณหา กิเลสน้อยใหญ่ทั้งหลายทั้งปวง
48 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
ขอให้เราจงเอาก�ำลังใจต่อสู้กับมันว่า เราก็รู้ว่าสิ่งนี้
เป็นกิเลส ถ้าเราสักแต่ว่า “รู้” ไม่เผลอปล่อยจิตปล่อยใจ
ไปสนุกตามอารมณ์กิเลสทั้งหลาย เราก็จะอยู่เหนือความ
ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง
วันนี้หลวงปู่ก็ขอพูดธรรมะให้พวกเราฟังเพียงเล็กๆ
น้อยๆ พอเป็นเครื่องสังเขป ก็ขอน้อมจิตอนุโมทนากุศลผล
บุญกับพวกเราทุกคน พวกเราทุกคนนั้นบุญใดเกิดขึ้นแล้ว
กับพวกเรา หลวงปู่ก็ขอน้อมจิตนี้โมทนาบุญกับพวกเราทุก
คนและบุญกุศลใดทีเ่ กิดขึน้ กับหลวงปูแ่ ล้ว ขอกุศลนัน้ ให้พวก
เธอทั้งหลายจงได้ในกุศลนี้ร่วมกับหลวงปู่ด้วยเทอญ
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 49
ความสุขทีแ่ ท้จริงคืออะไร
วันนี้จะขอกล่าวธรรมะเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเราได้ฟัง
จะขอพูดว่า “ความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ตรงไหน”
ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ใช่อยู่กับการที่เราจะท�ำธุรกิจ
หรือท�ำอะไรประสบความส�ำเร็จ มีเงินทองมหาศาล อันนั้น
เรียกว่าเป็น “ความสุขของทางโลก”
ส่วนความสุขที่แท้จริงนั้น เราต้องเข้าใจว่า “เราเกิด
มาท�ำไม” ถ้าเรารู้ว่าเราเกิดมาท�ำไมนั้น เราก็จะแสวงหา
หนทางแห่งความสุขทีแ่ ท้จริงให้กบั จิตใจของตัวเราเอง จิตใจ
ของเรานั้นมันร้อน มันว้าวุ่น เพราะว่าเรานั้นยังไม่รู้หรือยัง
ค้นหาความสุขที่แท้จริงนั้นเรายังหาไม่พบ
“ความสุขที่แท้จริง” ตามที่องค์สมเด็จพระบรม
ศาสดาพระองค์ทรงตรัสสั่งสอนให้พวกเราทั้งหลายนั้น ได้
เป็นผู้ประพฤติ ได้เป็นผู้ปฏิบัติตาม คือการท�ำสมาธิ
การท�ำสมาธิภาวนา หรือท�ำกรรมฐานนั้น เมื่อเรา
ท�ำแล้วจิตใจของเราสงบตั้งมั่น มีอารมณ์หนึ่งเดียว เราจะ
พิจารณาดูลมหายใจเข้า-ออกเป็นอารมณ์อานาปานสติ หรือ
ว่าเราจะพิจารณาบริกรรมภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ อย่าง
หนึง่ อย่างใดก็ได้ หรือดูลมหายใจเข้า-ออก ช้าๆ เข้าก็รู้ ออก
50 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
ก็รู้ ท�ำใจให้สงบตามนัน้
เมือ่ เราพยายามมีสติสมั ปชัญญะ รูล้ มหายใจเข้า รูล้ ม
หายใจออก หรือจะภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัม
โม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ได้ เมื่อจิตของเรามันตัง้ มั่น
เรียกว่าสมาธิเกิดขึ้นแล้ว เมื่อสมาธิเกิดขึ้นกับพวกเรา เราก็
จะรู้ว่าความสุขทีแ่ ท้จริงนัน้ มันอยูต่ รงทีใ่ จของเรา ไม่สง่
ออกนอก เป็นสมุทยั คือไม่คดิ ให้มนั ทุกข์ หาเรือ่ งอะไรเข้า
มาใส่จติ ใส่ใจของเรา เราจะไม่พะวงในเรือ่ งทีย่ งั มาไม่ถงึ และ
ไม่หวนไปคิดถึงอดีตที่ผ่านมา
ขอให้เราอยู่กับปัจจุบันตรงนี้ ขณะนี้ ว่าเราก�ำลังนั่ง
สวดมนต์ เราก�ำลังนัง่ ภาวนา ให้เรารู้อยู่เป็นสภาวะอยู่ตรงนี้
เมือ่ เรารูอ้ ยูต่ รงนีแ้ ล้ว จิตของเราสงบแม้เพียงแค่ชา้ งสะบัดหู
งูแลบลิน้ เป็นขณิกสมาธิ พระพุทธเจ้ายังทรงตรัสสรรเสริญว่า
บุคคลใดก็แล้วแต่ ทีไ่ ด้ทำ� กรรมฐานเป็นอารมณ์เกิดเป็น
ความตั้งใจมั่นที่เรียกว่าสมาธิ นั่นแหละเป็นผู้ประเสริฐ
แล้ว
ในวันหนึ่งๆนั้น ถ้าพวกเราทุกคนพยายามที่จะน้อม
จิตน้อมใจของเรา ให้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน ให้อยู่กับความ
สุขที่แท้จริง แล้วเราก็จะเป็นผู้ที่เรียกว่า “มนุษย์” เพราะ
ว่ามนุษย์นั้นแปลว่า “สัตว์ผู้ประเสริฐ” เมื่อเราเป็นสัตว์
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 51
ผู้ประเสริฐแล้ว เราก็จะเป็นกัลยาณชน แล้วก็จะเข้าสู่ความ
เป็นอริยบุคคล
ขอให้เราตัง้ ใจว่าวันนี้ พรุง่ นีเ้ ราไม่รวู้ า่ มันจะมาถึงเรารึ
เปล่า ขอให้เราท�ำวันนีใ้ ห้ดที สี่ ดุ เท่าทีเ่ ราจะท�ำได้ หาความ
สุขทีแ่ ท้จริงให้ตวั เองบ่อยๆ แล้วเราก็จะเป็นผูช้ นะกิเลส
ชนะมาร ทีม่ นั อยูใ่ นใจของเรา เราต้องใช้กำ� ลังใจ ใช้กำ� ลัง
ใจของเรานีแ่ หละต่อสูก้ บั ขันธมารก็ดี กิเลสมารก็ดี ทีม่ นั
อยู่ในใจของเรา เราไม่ต้องไปสู้กับใคร ไม่ต้องไปดูใคร
พยายามดูตวั เราเองให้มากทีส่ ดุ ถ้าเรารูต้ วั เราเองว่าจริต
นิสยั เรานัน้ เป็นอย่างไร แล้วเราก็เริม่ แก้ไข เมื่อเราแก้ไขแล้ว
เราก็จะอยู่ที่ไหนก็จะมีแต่ความสุข
วันนี้ก็ขอพูดธรรมะเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเราได้ฟังพอ
เป็นสังเขปต่อไปเตรียมกรวดน�้ำอุทิศกุศลผลบุญให้กับผู้มี
พระคุณของเราทัง้ หลาย
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 57
ทุกข์เพราะอยาก อยูไ่ ม่ยากเพราะฝึกท�ำใจ
ก็ขอเจริญธรรม ขอความสุขสวัสดีจงพึงบังเกิดขึ้นมี
กับพวกเราทุกคน ที่ได้เข้ามาสวดมนต์กันในวันนี้
ชีวิตของพวกเรานั้นที่ตกอยู่ในความทุกข์เพราะอะไร
การทีเ่ ราตกอยูใ่ นความทุกข์นนั้ ก็เพราะว่าความอยาก ความ
อยากไม่มที ี่สนิ้ สุดของพวกเรานี่แหละ เป็นต้นเหตุก่อให้เกิด
เป็นตัวทุกข์ข้นึ มา
บางครั้งเราไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย ไม่
อยากที่จะพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่แสนหวงของพวกเรา แต่
เราทุกคนนั้นก็ไม่สามารถจะหนีสิ่งเหล่านี้ไปได้ ความทุกข์
หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่มันไม่ได้ดังใจของเรานัน้ มันก็เกิดเป็น
ความทุกข์ขึ้นมา ทุกข์ในใจ ทุกข์ในกาย สภาวะทั้งหลายนั้น
ที่มันเกิดจากความทุกข์ข้นึ มา
ทุกข์ก็แปลว่า ความไม่สบาย ความไม่สบายใจ ความ
ไม่สบายกาย สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ทงั้ สิ้น ถึงเราไม่
อยาก เมือ่ เราเกิดมาแล้ว เราก็หนีความแก่ ความเจ็บ ความ
ตาย ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ พวกเราทุกคนนั้น
ก็ไม่สามารถหนีสิ่งเหล่านี้ไปได้
เมื่อเราหนีสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้ ถ้าพวกเรานัน้ ยอมท�ำใจ
58 พระพิศาลญาณวงศ์ (หลวงปู่ทองดี อนีโฆ)
รับสภาวะสิง่ ทีม่ นั จะเกิดขึน้ กับพวกเรา ถ้าเราสามารถท�ำใจ
ยอมรับสิง่ เหล่านีไ้ ด้ ความทุกข์ทงั้ หลายนัน้ มันก็จะไม่เกิดขึน้
มีภายในจิตใจของพวกเรา เพราะว่าเราสามารถยอมรับทุกสิง่
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ได้ เพราะว่าเรานัน้ ยังได้เกิดมา
ทันพระธรรมค�ำสั่งค�ำสอนขององค์สมเด็จพระชินวรสัมมา
สัมพุทธเจ้า เมือ่ เราเกิดมาทันค�ำสัง่ ค�ำสอน และเราได้ศกึ ษา
ในพระสัจธรรมเหล่านั้น ถ้าเรารู้จักการให้ทาน รักษาศีล
เจริญภาวนา เพื่อละออกจากความทุกข์ในวัฏสงสารที่มัน
เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้นในโลกใบนี้
เมื่อโลกใบนี้ที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ ขอให้พวกเรานั้นจงใช้
ชีวิตอยู่ให้คุ้มค่า เพราะว่าเราไม่รู้ว่า เราจะละจากโลกนี้ไป
ในวันหนึ่งคืนใด เราไม่สามารถผลัดวันประกันพรุ่งได้ เมื่อ
มันถึงเวลาของพวกเรา เราก็หนีมันไม่พ้น ถ้าเราสามารถ
ท�ำใจไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อถึงเวลาความตายมาเยือนเรา
จริงๆ เราจะได้ไปสบาย เพราะเรานัน้ สามารถท�ำใจไว้ได้แล้ว
อย่างทีท่ า่ นพุทธทาส ท่านกล่าวว่า “การฝึกตายก่อน
ตาย” คือให้เห็นร่างกายของเรานี้ เกิดมาก็ตอ้ งตาย เพราะ
ไม่มีใครหนีพ้นสักคนเดียว เมื่อเราหนีความตายไปไม่พ้น
เหมือนทีห่ ลวงปูบ่ อกนัน่ แหละว่า เราต้องฝึกตายก่อนตาย และ
พยายามศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 59
ฐาตุ จิรงั สะตัง ธัมโม..ขอพระสัจธรรมแห่งองค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงตัง้ อยูช่ วั่ นิรนั ดร์กาล และขอให้พวก
เราทุกคนนัน้ จงมีปญ ั ญามองเห็นโทษ มองเห็นโทษของการเกิด
การแก่ การเจ็บ การตาย ความพลัดพรากจากสิง่ ทีร่ กั ทีพ่ อใจ
ถ้าเราเห็นโทษเหล่านีไ้ ด้ และยอมใช้ปญ ั ญารับสภาวะสิง่ ทัง้
หลายทัง้ ปวงเหล่านีไ้ ด้ เรานอนก็เป็นสุข ยืนก็เป็นสุข เดินก็
เป็นสุข นั่งก็เป็นสุข
ก็ขออนุโมทนากุศลบารมีทงั้ หลายร่วมกับพวกเราทุก
คน วันนีห้ ลวงปูก่ ข็ อพูดธรรมะให้พวกเราเข้าใจกันเพียงเล็ก ๆ
น้อย ๆ ก็ขออนุโมทนากุศลผลบุญกับทุกคน
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 63
รายชือ่ เจ้าภาพร่วมพิมพ์หนังสือ
1. คุณนริศรา-เอกรินทร์ อินก�ำแหง และครอบครัว ๙,๙๐๐
2. คุณเพ็ญพร พงษ์พรรณเจริญ และครอบครัว
คุณติณณ์ อินทพิเชฎฐ์ ๕,๐๐๐
3. คุณสุนัย-สุจรรยา สานตะพงษ์ และครอบครัว ๔,๐๐๐
4. คณะผู้ถือศีลอุโบสถวัดใหม่ปลายห้วย ๓,๔๔๐
5. คุณมิญช์ อินทพิเชฎฐ์ ๓,๐๐๐
6. คุณเทพชัย สนธยานนท์ ๓,๐๐๐
7. คุณรัศมี-นรุตม์ ธันยธร ๓,๐๐๐
8. คุณแม่เหนียม หรุ่นโพธิ์ พร้อมลูกหลาน ๒,๕๐๐
9. คุณปรีชา ศรีอัศวกุล ๒,๐๐๐
10. คุณอรุณวดี ธนวลีกุล และครอบครัว ๒,๐๐๐
11. คุณเพ็ชรรัตน์ พงษ์สุรพิพัฒน์และครอบครัว ๒,๐๐๐
12. พระบวร ฐิตเมโธ (ดิษฐ์บ�ำรุง)-แม่ชพี รทิพย์ ชมชื่น -
ลีน่า เจียรธนะกานนท -นิรมล เกียรติสมทรัพย์ ๒,๐๐๐
13. คุณอรรถพล ฉัตรตระการ ๒,๐๐๐
14. คุณกัญชริญา เนียมประเสริฐพร ๑,๒๐๐
15. คุณธนู เนียมประเสริฐพร ๑,๒๐๐
16. คุณธนวัฒน์ ฉันทจิตปรีชา ๑,๒๐๐
17. ด.ช.ธนากฤต ฉันทจิตปรีชา ๑,๒๐๐
18. คุณนันทรัตน์ เนียมประเสริฐพร ๑,๒๐๐
19. คุณโอภาส-สุกัญรัตน์ น่วมบาง และครอบครัว ๑,๒๐๐
20. คุณสุรพงษ์-มาลี-ยุพา-ธนัชชา บูรณะบุญวงศ์
และครอบครัวลูกหลาน ๑,๑๐๐
21. พระครูววิ ัฒน์วรสถิตย์ ๑,๐๐๐
22. เด็กท้ายกุฏิ ๑,๐๐๐
23. คุณสุรศักดิ์–บุญ ผ่อง–กนกกร ทิมะณี ๑,๐๐๐
24. คุณรุ่งพันธุ์–พรรณทิพา กลมดวง ๑,๐๐๐
25. คุณเอกประภู ศรีม่วง และครอบครัว ๑,๐๐๐
26. คุณวิทยา-พิชฎา และครอบครัว ๑,๐๐๐
27. คุณธีษิณ-เขมปภาสร ทรงอุดมวัฒนา และครอบครัว ๑,๐๐๐
28. คุณศราวุธ-รุ่งทิพย์ โภชนะสมบัติ ๑,๐๐๐
29. คุณโกเมศ -ธนาภรณ์ แก้วผลึก ๑,๐๐๐
30. นายแพทย์ศราวุธ ศรีดี ๑,๐๐๐
31. คุณศิวัช เหมือนฤทธิ์ ๑,๐๐๐
32. คุณพัฒนา-ชูใจ พิศกนก ๑,๐๐๐
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 65
72. พระธนากร จิรวฑฺฒโน ๕๐๐
73. คุณสุวรรณี ทวีเพิ่มทรัพย์ ๕๐๐
74. คุณสุรางค์ ลิมป์ปีติวรกุล และครอบครัว ๕๐๐
75. คุณณัฐฐารักษ์ เจริญจิตเกษม ๕๐๐
76. แม่ชีธนัท กฤษกรธนา ๕๐๐
77. พ.ญ.สุทธาทิพย์ สระพรม และครอบครัว ๕๐๐
78. คุณณัฐธิดา อุ่นแก้ว ๕๐๐
79. คุณฉันท์ชนก ดุรงค์ฤทธิ์ชัย ๕๐๐
80. คุณสุพรรณี คล�้ำมณี และครอบครัว ๕๐๐
81. คุณวรรณาพร หวานล�ำ้ และครอบครัว ๕๐๐
82. คุณนิรันดร์ เพชรพงษ์- เนตรนภา แพทอง ๕๐๐
83. คุณจุฑาพร ทรัพย์ส�ำราญ ๕๐๐
84. คุณวณิชย์ หลายประสิทธิ์ และครอบครัว ๕๐๐
85. คุณผกาภรณ์ พลายสังข์ และครอบครัว ๕๐๐
86. คุณชิต-คุณนายแดง ห่านพงษ์ศักดิ์ ๕๐๐
87. คุณสิรินรินทร์ สุขหร่อง และครอบครัว ๕๐๐
88. คุณวิสุทธิ์ แสงดอกไม้ ๕๐๐
89. คุณเตียง แซ่ตงั้ ๕๐๐
90. คุณประไพ ทิพย์โกศัย ๕๐๐
91. แม่ชีสาธิตา รัศมีข่วงโชติ ๕๐๐
92. คุณสุณีย์ เจิดเมธาวุฒิ ๕๐๐
93. คุณอรวรรณ โอสถานนท์-คุณมนัส-ปรมะ-
วัชรวิชย์ คุณธนังกุล ๕๐๐
94. คุณนพวีท์ สุพรรณสมบูรณ์ และครอบครัว ๕๐๐
95. คุณธงชัย-สมหมาย เทียนหล�ำ ๕๐๐
96. คุณสหวัฒน์ วรวุฒจิ งสถิต และครอบครัว ๕๐๐
97. ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ๕๐๐
98. คุณสุนันทา อัมพรพฤติ และลูกหลาน ๕๐๐
99. ดร.จงดี ว่องพินัยรัตน์ ๕๐๐
100. คุณบุญเรือน-วัชระ นาควิโรจน์ ๕๐๐
101. คุณนิกร-จ�ำเรียง อินจันทร์ ๕๐๐
102. คุณกิตติพงศ์ อินจันทร์ ๕๐๐
103. คุณณรินทร์-นพรัตน์ เพชรพงษ์ และครอบครัว ๕๐๐
104. คุณอนันต์-รัตนา ครองสกุล บาท ๕๐๐
105. คุณเดชณรงค์ ครองสกุล ๕๐๐
106. คุณวิชุตา-ภาณุ สุวเิ ชียร และครอบครัว ๕๐๐
107. คุณเสริม-สมหวัง กองเต๊ก และครอบครัว ๕๐๐
108. คุณฐิติศักดิ์ วงศ์สว่างและครอบครัว ๕๐๐
109. คุณแมนฤทธิ์-แป้งร�่ำ ยงเจริญ ๔๐๐
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 67
148. คุณประวิน แก้งโผงเผง และครอบครัว ๒๐๐
149. คุณยายบุญเนือง เบี้ยจั่น ๒๐๐
150. คุณภัทรภร ซื่อตรง ๒๐๐
151. คุณเอื้องฟ้า ปิ่นทอง ๒๐๐
152. แม่ชีเจียน มณีโชติ ๒๐๐
153. คุณธวัฒน์-บุญรอด-เจนจิรา พวงทอง ๒๐๐
154. คุณสมควร เชิงห้วย ๒๐๐
155. ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ๒๐๐
156. คุณแม่สะอาด กัวหา ๒๐๐
157. คุณอภิชิต เข็มทอง ๒๐๐
158. คุณจิตรลัดดา สุทธินันท์ ๒๐๐
159. คุณเจนวิทย์ อภิชัยนันท์ ๒๐๐
160. คุณพรทิพย์ พงษ์พรรณเจริญ ๒๐๐
161. คุณสมพงษ์ พงษ์พรรณเจริญ ๒๐๐
162. คุณกอบกุล นิมิตรบรรณสาร ๒๐๐
163. คุณผ่องศรี เอี่ยมสุวรรณ ๒๐๐
164. คุณจีรุส อินทิศ ๒๐๐
165. คุณสมใจ ศิริแตง ๒๐๐
166. คุณพัชรีภรณ์ ไชยสงค์ ๒๐๐
167. คุณจิรัชยา ยอดนิล ๒๐๐
168. คุณสุนันทา คุ้มจุ้ย ๒๐๐
169. คุณสุนีย์ วรทรัพย์ไพศาล ๒๐๐
170. คุณทัศนีย์ กุดาสา ๒๐๐
171. คุณนุกูล อินจันทร์ ๒๐๐
172. คุณมนัสวี เนียมประเสริฐพร ๒๐๐
173. คุณสุวรรณา แซ่ล้(ี เล้า) ๒๐๐
174. คุณโศภิษฐ์ ทวิวรดิลก ๒๐๐
175. คุณสุธิดา ประศาสตรานุวัตรและครอบครัว ๒๐๐
176. คุณไพลิน แจ้งโม้ ๑๙๙
177. คุณสุพัตรา ชื่นวิทยา ๑๙๙
178. คุณศักรพล ทองอร่าม และครอบครัว ๑๕๐
179. คุณชญาณัศฐ์ เหลืองพิทักษ์ และครอบครัว ๑๕๐
180. คุณจิรภัทร์ เหมือนแก้ว ๑๐๙
181. คุณนงเยาว์-สมพงษ์-รัตนาภรณ์ ปานพิม ๑๐๐
182. คุณนิชาภา จูเจี่ย ๑๐๐
183. คุณวรพจน์ สินทิพย์เทวัญ ๑๐๐
184. คุณตุ๊กตา มณียา ๑๐๐
185. คุณกิรณาพร อัคคไพบูลย์ ๑๐๐
186. คุณธรรมรัตน์ วนะโพธิ์ ๑๐๐
ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒ 69
อนุโมทนาบุญ
ขอบุญบารมีกศุ ลความดี
และความเป็นมหามงคลอันสูงสุดทัง้ ทางโลกและทางธรรม
จงบังเกิดมีแก่ผบ้ ู ริจาคทรัพย์ เพือ่ จัดพิมพ์หนังสือ
“ธรรมะบ้านปันสุข เล่ม ๒”
และผูท้ กี่ ำ� ลังเดินทางไปสูค่ วามพ้นทุกข์ทกุ ๆ ท่าน