Professional Documents
Culture Documents
วารสารเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นไทย
Thai Emergency Medicine Journal
ฉบับท่ี 1
มกราคม-มีนาคม พ.ศ. 2552
สารบัญ
ข้อมูลเก่ียวกับ วารสารเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นไทย..........................................................2
สารจากนายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นแห่งประเทศไทย......................................5
Editorial/บทบรรณาธิการ.............................................................................................6
ภัยพิบัต(ิ disaster)และอุบัติภัยหมู่ (mass casualty incident,MCI)...........................6
Original Articles/นิ พนธ์ตน้ ฉบับ...............................................................................15
Integration of trauma care: An initial step towards improved outcome for major
trauma patients in Rajavithi Hospital......................................................................15
EMS จากรากหญ้า พัฒนาแบบพอเพียง..............................................................31
Review Articles/บทฟ้ืนฟูวิชาการ ...............................................................................43
การบาดเจ็บจากระเบิด (BLAST INJURY)...........................................................43
การบริหารจัดการหน่ วยบริการการแพทย์ฉก ุ เฉิ น: ส่ิงท่ีต้องเติมเต็ม...สำาหรับ
พยาบาล..................................................................................................................55
Interesting case/รายงานผู้ป่วยน่ าสนใจ.....................................................................62
Doctor Corner/มุมแพทย์.............................................................................................71
ฉุกเฉิ นทางกายแต่เร้ือรังทางใจ...........................................................................71
ชมรมศิษย์เก่าแพทย์เวชศาสตร์ฉก ุ เฉิ นแห่งประเทศไทย ...............................75
Nurse Corner/มุมพยาบาล...........................................................................................77
โยนความคิดเก่าๆทิง้ไป....แล้วลองคิดใหม่ดีกว่า................................................77
ข้อแนะนำ าสำาหรับผู้ส่งบทความเพ่ ือลงพิมพ์............................................................80
2
วัตถุประสงค์
1. เพ่ ือเผยแพร่ความรูู ส่งเสริมการศึกษา และการวิจัยดูานเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น
2. เพ่ ือแลกเปล่ียนขูอคิดเห็นดูานเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น และวิชาการท่ีเก่ียวขูอง
3. เพ่ ือเป็ นส่ ือกลางระหว่างสมาชิกของสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นแห่งประเทศไทย และ
ผููสนใจ
4. เพ่ ือแจูงข่าวสารต่าง ๆ และกิจกรรมของสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นแห่งประเทศไทย
3. นางสาวอุบล ย่ีเฮ็ง
4. นายจักรี กัว้กำาจัด
กองบรรณาธิการ ( Editorial Board )
1. นายแพทย์สมชาย กาญจนสุต
2. นายแพทย์วิทยา ศรีดามา
3. พันเอกนายแพทย์ดาบศักดิ ์ กองสมุทร
4. นายแพทย์ไพโรจน์ เครือกาญจนา
5. แพทย์หญิงจิตรลดา ลิม
้ จินดาพร
6. แพทย์หญิงทิพา ชาคร
7. นายแพทย์ครองวงศ์ มุสิกถาวร
5. นายแพทย์บริบูรณ์ เชนธนากิจ
6. นาวาอากาศเอกนายแพทย์ไกรสร วรดิถี
7. นาวาอากาศโทแพทย์หญิงกรรณยิการ์ วรรณวิมลสุข
8. นายแพทย์ประสิทธิ ์ วุฒิสุทธิเมธาวี
9. แพทย์หญิงวรณิ สร์ อมรทรงชัย
10. นายแพทย์พรเลิศ ปล้ืมจิตต์มงคล
11. พันเอกนายแพทย์สุรจิต สุนทรธรรม
12. แพทย์หญิงนฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ
13. นายแพทย์จิรพงษ์ ศุภเสาวภาคย์
14. รศ.สุดาพรรณ ธัญจิรา
15. ผศ.ดร.วงจันทร์ เพชรพิเชฐเชียร
16. นาวาอากาศโทหญิง ดร.โสพรรณ โพทะยะ
17. คุณหญิงเดือนเพ็ญ พ่ ึงพระเกียรติ
18. อาจารย์เรวดี ลือพงศ์ลัคณา
19. อาจารย์รัชณี วรรณ ดารารัตน์ศิลป์
20. อาจารย์นิตยา ภูริพันธ์
21. อาจารย์ชลาริน ล่ิมสกุล
22. อาจารย์กานดา ตุลาธร
23. อาจารย์วไลพรรณ ชลสุข
24. อาจารย์นิพา ศรีชูาง
25. อาจารย์ลัดดา ตันเจริญ
26. อาจารย์มัทนา ศิริโชคปรีชา
4
ผ้้ประสานงาน
1. นางสาวโสฬสสิริ เทศนะโยธิน สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น
2. นางเยาวลักษณ์ คงมาก สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น
กำาหนดออก ปี ละ 4 ฉบับ
1. มกราคม-มีนาคม
2. เมษายน-มิถุนายน
3. กรกฎาคม-กันยายน
4. ตุลาคม-ธันวาคม
5
สารจากนายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นแห่งประเทศไทย
(ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์)
นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นแห่งประเทศไทย
ประธานคณะอนุกรรมการฝึ กอบรมและสอบความรููและ
ความชำานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น แพทยสภา
6
Editorial/บทบรรณาธิการ
ภัยพิบัติ(disaster)และอุบัติภัยหมู่ (mass casualty incident,MCI)
พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง
โครงการจัดตัง้ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
ระบบผ้บ
ู ัญชาเหตุการณ์
INCIDENT COMMAND
(EMS/Law Enforcement/Fire/Rescue/
Health/Hospitals)
ฝ่ ายวางแผน ฝ่ ายปฏิบัติการ
ฝ่ ายงบประมาณ ฝ่ ายจัดหา
Planning Operations
Finance/Administration Logistics
Operations Officers
ฝ่ ายปฏิบัติการ
Medical Direction
Communication
แนวทางการรักษา
การส่ ือสาร
Operation Triage
● จัดการบุคลากรและทรัพยากร • การคัดแยกผููป่วยในท่ีเกิดเหตุ
● ควบคุมสถานการณ์ • การคัดแยกครัง้ท่ี2 หลังจากไดูนำาผูู
Extrication/Rescue บาดเจ็บออกจากท่ีเกิดเหตุแลูว
• จัดการและนำ าเอาผููบาดเจ็บท่ีติดอยู่ • ช่วยทีมกููภัยในการเอาผููป่วยออกจาก
ออกมา ท่ีเกิดเหตุ
• คัดกรองเบ้ืองตูน Transportation
• รักษาชีวิตและทำาหัตถการช่วยชีวิต • ประสานการส่งต่อผููป่วยกับโรง
• นำ าส่งผููป่วยเพ่ ือรับการรักษา พยาบาล
Treatment • ประสานรถพยาบาลเพ่ ือเขูาออกท่ีเกิด
• ใหูการดูแลรักษาอย่างถูกตูองก่อน เหตุ
10
การผสมผสานการด้แลผ้้บาดเจ็บเป็ นก้าวแรกของการปรับปรุงผลการด้แลผ้้บาดเจ็บรุนแรง
ในโรงพยาบาลราชวิถี
1 2 2
ชาติชาย คลูายสุบรรณ พ.บ. , ไพโรจน์ เครือกาญจนา พ.บ , สมชาย กาญจนสุต พ.บ.
1
กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น โรงพยาบาลเจูาพระยาอภัยภูเบศร; e-mail:
beera024@gmail.com
2
ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น โรงพยาบาลราชวิถี
บทนำ า : การผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บ (Integration of trauma care) ของโรงพยาบาล
ไดูเร่ิมตูนอย่างเป็ นระบบตัง้แต่เดือนมิถุนายนปี พ.ศ.2547 พรูอมกับมีการฝึ กอบรมแพทย์
ประจำาบูานสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น
วัตถุประสงค์: ประเมินผลของการผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บท่ีมีต่อผลการดูแลรักษา
ผููบาดเจ็บรุนแรงของโรงพยาบาลราชวิถี
ร้ปแบบการวิจัย: การศึกษาแบบยูอนหลังและไปขูางหนู า (historical cohort study) โดย
เปรียบเทียบผลการดูแลรักษาก่อนและหลังการผสมผสาน โดยก่อนการผสมผสานคือช่วง
ตัง้แต่เดือนมกราคมปี 2546 ถึงเดือนพฤษภาคมปี 2547 และหลังการผสมผสานคือช่วง
ตัง้แต่เดือนมกราคมปี 2548 ถึงเดือนพฤษภาคมปี 2549 กลุ่มประชากรท่ีศึกษาไดูแก่
ผููบาดเจ็บท่ีมีค่า Injury Severity Score (ISS) ≥12 และมีเกณฑ์การคัดเขูาศึกษาดังนี้ 1)
อายุ ≥15 ปี 2) นำ าส่งโรงพยาบาลโดยศูนย์กูชีพนเรนทรโรงพยาบาลราชวิถี 3) รับเป็ นผููป่วย
ในหรือเสียชีวิต ณ หูองฉุกเฉิ นของโรงพยาบาลราชวิถี ผลการดูแลท่ีสนใจคืออัตราตาย,
ระยะเวลาก่อนถึง
โรงพยาบาล,ระยะเวลาในหูองฉุกเฉิ นและอัตราตายเกินคาดหวัง
ผลการศึกษา: ผููบาดเจ็บก่อนผสมผสาน 157 รายและหลังผสมผสาน 168 ราย โดยท่ี
Adjusted Odd ratio ของโอกาสเสียชีวิตหลังผสมผสานเป็ น 0.36 (p<0.05) (เม่ ือปรับตาม
อายุ, กลไกการบาดเจ็บ, ISS, RTS) ตามลำาดับ Z statistic ตามวิธี TRISS methodology
ก่อนผสมผสานคิดเป็ น 3.48 (p < 0.001) และหลังผสมผสานคิดเป็ น 1.98 (p<0.05)
นอกจากนั ้นเม่ ือเทียบกับก่อนผสมผสาน ระยะเวลาก่อนถึงโรงพยาบาลและระยะเวลาใน
หูองฉุกเฉิ นลดลงจาก 49.85 ± 20.1 เป็ น 42.48 ± 18.2 นาที (p<0.05) และจาก 177.18 ±
76.9 เป็ น 146.11 ± 77.8 นาที (p < 0.001) ตามลำาดับ
สรุปผล : การผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บสามารถลดโอกาสเสียชีวิต รวมถึงระยะเวลาการ
ดูแลก่อนถึงโรงพยาบาลและระยะเวลาในหูองฉุกเฉิ นยังลดลงดูวย อย่างไรก็ตามยังมีอัตรา
ตายจริงมากกว่าอัตราตายท่ีคาดหวังซ่งึ ชีใ้หูเห็นว่าการพัฒนาระบบการดูแลผููบาดเจ็บตูอง
ดำาเนิ นอย่างต่อเน่ ืองเพ่ ือทำาใหูการดูแลผููบาดเจ็บมีคุณภาพมากย่ิงขึ้น
17
บทนำ า ตัดสินใจขึ้นอยู่กับแพทย์ท่ีออกไปกับรถ
การบาดเจ็บเป็ นปั ญหาท่ีสำาคัญและ พยาบาลในขณะนั ้นและการตัดสินใจนั ้นมัก
เป็ นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับตูนของทุก ขึ้นอยู่กับประสบการณ์, ทักษะของแพทย์และ
ประเทศทัว่โลกและเป็ นสาเหตุการเสียชีวิต ระยะเวลาจากท่ีเกิดเหตุถึงโรงพยาบาลไม่มี
1
อันดับตูนของผููท่ีอายุนูอยกว่า 45 ปี แนวทางการดูแลเพ่ ือเป็ นเคร่ ืองมือในการช่วย
สำาหรับในประเทศไทยเป็ นสาเหตุการเสียชีวิต ตัดสินใจของทีมผููดูแลการบาดเจ็บ ส่วนการ
อันดับสอง ซ่งึ มีผูเสียชีวิตโดยเฉล่ียปี ละ ดูแลผููบาดเจ็บในหูองฉุกเฉิ นเป็ นหนู าท่ีของ
40,000 คน โดยคิดเป็ นอัตราตายประมาณ แพทย์ประจำาบูานศัลยกรรม และอาจารย์
2
60 คนต่อประชากร 100,000 คน จากความ แพทย์สามารถใหูคำาปรึกษาไดูตลอด 24
สำาคัญดังกล่าวทำาใหูตูองมีการวางแนวทางใน ชัว่โมง การสืบคูนเพ่ ือการวินิจฉั ยและการ
การดูแลผููบาดเจ็บ แนวทางดังกล่าวคือการ รักษาต่างๆสามารถ เช่น การ X-ray, การ
พัฒนาระบบการดูแลผููบาดเจ็บ (Trauma จองเลือด หรือการจองหูองผ่าตัด สามารถ
system) ดังนั ้นการผสมผสานการดูแลผููบาด ทำาไดูแต่บางครัง้ล่าชูาเน่ ืองจากขาดการเตรียม
เจ็บ (Integration of trauma care) ระหว่าง การล่วงหนู า
การดูแลผููบาดเจ็บก่อนถึงโรงพยาบาล จากปั ญหาดังกล่าว จึงเร่ิมมีการผสม
(prehospital care) และการดูแลภายใน ผสานการดูแลผููบาดเจ็บ (Integration of
โรงพยาบาล (in-hospital care) เป็ นส่ิงท่ี Trauma Care) (ตารางท่ี 1)ตัง้แต่กลางปี
สำาคัญและทำาใหูเกิดความต่อเน่ ืองในการดูแล 2547 พรูอมกับมีการฝึ กอบรมแพทย์ประจำา
ผููบาดเจ็บ ซ่ ึงปั จจุบันไดูแนะนำ าว่าการดูแลผูู บูานเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น (Emergency
บาดเจ็บตูองใชูหลัก Golden hour ซ่ ึงหมาย resident training) โดยการพัฒนาในขัน
้ แรก
ถึงผููบาดเจ็บรุนแรง (Major trauma) ตูองไดู หรือ Initial phase คือการผสมผสานการ
รับการดูแลท่ีเจาะจง (Definitive care) ผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บก่อนถึงโรง
ภายในเวลา 60 นาทีหลังจากเกิดอุบัติเหตุ จะ พยาบาลกับการดูแลผููบาดเจ็บ ณ หูอง
1
ทำาใหูมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น ฉุกเฉิ น โดยในช่วงการดูแลผููบาดเจ็บนอก
จากการศึกษาแบบ Meta-analysis โรงพยาบาล มีแพทย์ออกไปดูแลผููบาดเจ็บ
พบว่าอัตราตายลดลงถึงรูอยละ 15 หลังจากมี ตลอด 24 ชัว่โมง เร่ิมมีการจัดทำาแนวทางการ
การจัดตัง้ Trauma system และผููบาดเจ็บรุน ดูแลและการคัดกรองผููบาดเจ็บก่อนถึงโรง
แรงควรไดูรับการรักษาในโรงพยาบาลท่ีเป็ น พยาบาล (Prehospital trauma care
ศูนย์อุบัติเหตุ (Trauma center) ซ่ ึงจะทำาใหู guideline and triage protocol) มีการติดต่อ
3
อัตราการรอดชีวิตของผููบาดเจ็บมากขึ้น ระหว่างนอกโรงพยาบาลและในโรงพยาบาล
การดูแลผููบาดเจ็บนอกโรงพยาบาล รวมถึงมีการตามทีมการดูแลผููบาดเจ็บ
ราชวิถีในช่วงก่อนการผสมผสานนั ้นการ (Activate trauma team) ก่อนท่ีผูบาดเจ็บจะ
19
เคร่ ืองมือที่ใช้ในการวิจัย
การศึกษานี้จะเก็บขูอมูลโดยใชูแบบ
บันทึกการเฝู าระวังการบาดเจ็บ(Injury การวิเคราะห์ข้อม้ล
surveillance) ของกระทรวงสาธารณสุข โดย การศึกษานี้เปรียบเทียบผลการดูแลผูู
จะเก็บขูอมูลเก่ียวกับอายุ เพศ กลไกการบาด บาดเจ็บท่ีสนใจระหว่างหลังการผสมผสานกับ
เจ็บ ความรุนแรงของการบาดเจ็บทัง้ Injury ก่อนการผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บ โดยใชู
Severity Score (ISS) และ Revised สถิติ Logistic regression เพ่ ือหาค่า
Trauma Score (RTS) ระยะเวลาในหูอง Adjusted odd ratio (โดยควบคุมอายุ, กลไก
ฉุกเฉิ น(ED time) ส่วนขูอมูลระยะเวลาการ การบาดเจ็บ, ISS และ RTS) เปรียบเทียบ
ดูแลผููบาดเจ็บก่อนถึงโรงพยาบาล โอกาสการรอดชีวิต และใชูIndependent
(Prehospital time) จะเก็บโดยใชูแบบบันทึก sample t-test เปรียบเทียบค่าเฉล่ียของระยะ
การปฏิบัติงานระบบบริการการการแพทย์ เวลาการดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล
ฉุกเฉิ นระดับสูง ของสำานั กงานระบบบริการ (Prehospital time), ระยะเวลาท่ีอยู่ในหูอง
การแพทย์ฉุกเฉิ น ฉุกเฉิ น (ED time) และประเมินคุณภาพ
ผลการด้แลผ้้บาดเจ็บรุนแรงท่ีสนใจ ของการดูแลผููบาดเจ็บทัง้ก่อนและหลังการ
(Outcome measurement) ผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บโดยประเมิน
ผลการดูแลผููบาดเจ็บท่ีสนใจไดูแก่ 1) อัตราตายจริง (Observed mortality) กับ
การตายท่ีเก่ียวขูองกับการบาดเจ็บ (Trauma อัตราตายท่ีคาดหวัง (Expected Mortality)
related-mortality) หมายถึง การตายในขณะ โดยใชู Flora’s Z statistic ตาม TRISS
อยู่ในโรงพยาบาลทัง้ใน หอผููป่วยและหูอง methodology ซ่งึ การวิเคราะห์สถิติ
ฉุกเฉิ น , 2) ระยะเวลาการดูแลก่อนถึงโรง Logistic regression และ Independent
พยาบาล(Prehospital time) ซ่ ึงหมายถึงระยะ sample t-test ใชูโปรแกรม สถิติ SPSS ใน
เวลาตัง้แต่ไดูรับเวลารับแจูงถึงเวลาท่ีนำาผููบาด ขณะท่ี Flora’s Z statistic ใชู Microsoft
เจ็บมาถึงโรงพยาบาล(โดยประมาณว่าเวลารับ excel ในการวิเคราะห์
แจูงใกลูเคียงกับเวลาไดูรับบาดเจ็บ), 3)ระยะ ผลการศึกษา
เวลาในหูองฉุกเฉิ น (ED time) หมายถึง จากการศึกษาพบว่ามีผูบาดเจ็บใน
ระยะเวลาท่ีผูบาดเจ็บมาถึงหูองฉุกเฉิ นถึง กล่่มก่อนการผสมผสานและหลังการผสม
เวลาท่ีไดูรับ admission และ 4)อัตราตายเกิน ผสานการดูแลผููบาดเจ็บคิดเป็ น 157 คนและ
คาดหวัง(Excess mortality ) หมายถึง ค่า 168 คนตามลำาดับ เม่ ือเปรียบเทียบตัวแปร
แตกต่างระหว่างอัตราตายจริงและอัตราตายท่ี ระหว่างก่อนและหลังผสมผสานการดูแลผูู
คาดหวังซ่ ึงคำานวณจาก TRISS บาดเจ็บ (ตารางท่ี 2) พบว่า ค่าเฉล่ย
ี อาย่
Methodology ของผููบาดเจ็บหลังการผสมผสานคิดเป็ น
23
รูปท่ี 1 อัตราตายของก่อนและหลังการผสมผสาน
จากตารางท่ี 3 จากตารางแสดงถึงความ Revised Trauma Score (RTS)
สัมพันธ์ระหว่างปั จจัยต่างๆท่ีมีผลต่ออัตรา (OR= 0.30; 95% CI= 0.20-0.44) เม่ ือ
ตายโดยใชู Logistic regression แสดงใหู เปรียบเทียบกับก่อนผสมผสานพบว่า
เห็นว่าปั จจัยท่ีมีผลต่ออัตราตายไดูแก่ หลัง Adjusted Odd ratio ของโอกาสเสียชีวิตหลัง
ผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บ (OR=0.36; ผสมผสานเป็ น 0.36 โดยปรับตาม อายุ,
95% CI 0.13-0.92), อายุ (OR=1.47; กลไกการบาดเจ็บ, ISS, RTS ซ่ ึงหมายถึง
95% CI 1.02-2.12) ความรุนแรงของการ โอกาสเสียชีวิตของผููบาดเจ็บลดลงรูอยละ 64
บาดเจ็บ ทัง้ Injury Severity Score (ISS) หลังการผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บ
(OR= 1.06; 95% CI=1.02-1.10) และ
Unadjusted
ตัวแปร Adjusted OR† 95% CI p Value
OR
หลังการผสม
0.62 0.36 0.13-0.92 0.04
ผสาน
อายุ 1.04 1.47 1.02-2.12 0.04
Penetrating 2.30 3.37 1.15-9.84 0.27
Unadjusted
ตัวแปร Adjusted OR† 95% CI p Value
OR
หลังการผสม
0.62 0.36 0.13-0.92 0.04
ผสาน
อายุ 1.04 1.47 1.02-2.12 0.04
Penetrating 2.30 3.37 1.15-9.84 0.27
ระยะเวลาก่อนถึงโรงพยาบาล †
49.85 ± 20.1 42.48 ± 18.2 0.001
ค่าเฉล่ีย (±SD) นาที
ระยะเวลาในหูองฉุกเฉิ น †
177.18 ± 76.9 146.11 ± 77.8 < 0.001
ค่าเฉล่ีย (±SD) นาที
†
คำานวณโดย Independent sample t-test
ตารางท่ี 4 เปรียบเทียบระยะเวลาก่อนถึงโรงพยาบาลและระยะเวลาในหูองฉ่กเฉิ นระหว่าง
ก่อนและหลังผสมผสาน
27
ตารางท่ี 5 แสดงอัตราตายเกินคาดหวังของก่อนและหลังการผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บ
อภิปรายผลการศึกษา การศึกษาจำานวนมากพบว่าองค์
การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพ่ ือศึกษาผล ประกอบท่ีสำาคัญท่ีสุดคือการจัดตัง้ศูนย์การ
ของการผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บท่ีมีต่อ ดูแลผููบาดเจ็บซ่ ึงมีศักยภาพในการดูแลผููบาด
ผลการดูแลรักษา(Outcome) ซ่งึ ไดูแก่ อัตรา เจ็บรุนแรง และองค์ประกอบท่ีสำาคัญรองลง
ตาย , อัตราเสียชีวิตเกินคาดหวัง ,ระยะเวลา มาไดูแก่การดูแลนอกโรงพยาบาลท่ีมี
การดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital ประสิทธิภาพ ระยะเวลาตัง้แต่ไดูรับบาดเจ็บ
time) และระยะเวลาในหูองฉุกเฉิ น(ED จนถึงผููบาดเจ็บไดูรับการรักษาแบบเฉพาะ
time) จากการศึกษาพบว่าอัตราตายลดลง (Definitive care) การคัดกรองผููบาดเจ็บและ
จากรูอยละ 15.2 ก่อนการผสมผสานเป็ น นำ าผููบาดเจ็บไปส่งยังโรงพยาบาลท่ีมีศักยภาพ
4,5
รูอยละ 10.1 หลังการผสมผสาน และปั จจัยท่ี ไดูอย่างถูกตูอง อย่างไรก็ตามการศึกษา
มีผลต่ออัตราตายไดูแก่ อายุ ความรุนแรงของ ส่วนใหญ่มักทำาในโรงพยาบาลท่ีเป็ นศูนย์การ
การบาดเจ็บ และการผสมผสานการดูแลผูู ดูแลผููบาดเจ็บและมีระบบการดูแลผููบาดเจ็บท่ี
6,7
บาดเจ็บ(Integration of trauma care) พัฒนาแลูว (Mature trauma system)
นอกจากนั ้นเม่ ือปรับตาม อายุ,ISS, RTS, และการศึกษาท่ีเก่ียวขูองมักเป็ นการศึกษาท่ี
กลไกการบาดเจ็บพบว่า Adjusted odd ratio เปรียบเทียบระหว่างโรงพยาบาลท่ีเป็ นศูนย์
ของโอกาสการเสียชีวิตหลังการผสมผสาน อุบัติเหตุและโรงพยาบาลท่ีไม่เป็ น (Trauma
8
เป็ น 0.36 เท่า(p < 0.05) ของก่อนผสม center VS. Non-trauma center) การ
ผสานการดูแลผููบาดเจ็บ ดังนั ้นแสดงว่า ศึกษาภายในโรงพยาบาลหลังเปล่ียน
โอกาสเสียชีวิตจะลดลงรูอยละ 64 หลังการ โครงสรูางการดูแลจึงมีนูอยโดยเฉพาะอย่างย่งิ
ผสมผสานการดูแลผููบาดเจ็บ ซ่ ึงอาจจะ ในโรงพยาบาลท่ีไม่เป็ นศูนย์อุบัติเหตุ
สอดคลูองกับรายงานการวิจัยอ่ ืนท่ีพบว่าอัตรา นอกจากนั ้นการศึกษาส่วนใหญ่ทำาใน
ตายลดลงรูอยละ 15-20 หลังจากท่ีมีระบบ ประเทศท่ีพัฒนาแลูวเช่น สหรัฐอเมริกา,
3
การดูแลผููบาดเจ็บ แคนาดาเป็ นตูน ดังนั ้นการประยุกต์ระบบดัง
กล่าวมาใชูในโรงพยาบาลราชวิถีจึงจำาเป็ นตูอง
28
ไดูรับการประเมินประสิทธิภาพของการดูแลผูู อัตราตายท่ีคาดหวังตามมาตรฐานอย่างมีนัย
บาดเจ็บ สำาคัญซ่ ึงแสดงว่านอกจากการผสมผสานการ
การศึกษานี้แสดงว่าอัตราตายลดลง ดูแลผููบาดเจ็บแลูวยังตูองมีปัจจัยอ่ ืนมาส่ง
อย่างมีนัยสำาคัญหลังจากมีการผสมผสานการ เสริมเพ่ ือปรับปรุงคุณภาพการดูแล
ดูแลผููบาดเจ็บ ซ่ ึงปั จจัยท่ีสำาคัญอาจมาจาก ผููบาดเจ็บใหูมีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น
เวลาของการดูแลผููบาดเจ็บนอกโรงพยาบาล ขูอจำากัดในการประเมินผลการผสม
(Prehospital time) และระยะเวลาในหูอง ผสานการดูแลผููบาดเจ็บของการศึกษานี้คือ
ฉุกเฉิ น (ER time) ลดลง ทำาใหูผูป่วยไดูรับ การเลือกประชากรท่ีทำาการวิจัย(Selection
การรักษาแบบเฉพาะ (Definitive care) bias) กล่าวคือ คัดเลือกเฉพาะผููบาดเจ็บท่ีนำา
รวดเร็วขึ้น ซ่ ึงระยะเวลาดังกล่าวท่ล
ี ดลงนั ้น ส่งโดยระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิ นของโรง
เกิดจากการท่ีเร่ิมมีการดูแลผููบาดเจ็บนอกโรง พยาบาลราชวิถี(ศูนย์กูชีพนเรนทรโรง
พยาบาลอย่างเป็ นระบบมากขึ้น การมีการ พยาบาลราชวิถี)เท่านั ้น โดยไม่ศึกษาผููบาด
ติดต่อกันระหว่างนอกโรงพยาบาลกับในโรง เจ็บท่ีส่งตัวมาจากโรงพยาบาลอ่ ืน (Referred
พยาบาล การมีแพทย์ประจำาบูานเวชศาสตร์ patient) ทำาใหูไม่สามารถประเมินคุณภาพ
ฉุกเฉิ นดูแลผููบาดเจ็บทัง้นอกและในโรง ของการดูแลผููบาดเจ็บรุนแรงทัง้หมดท่ีมา
พยาบาลตลอด 24 ชัว่โมง การมีทีมดูแลผููบาด รักษาท่ีโรงพยาบาลราชวิถีไดูอย่างแทูจริง แต่
เจ็บ (Trauma team) อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ตูองการเนู นใหูเห็น
การวิจัยนี้ไดูแสดงว่าโอกาสการเสีย ถึงความสำาคัญของการผสมผสานระหว่างการ
ชีวิตลดลงหลังการผสมผสานการดูแลผููบาด ดูแลผููบาดเจ็บก่อนถึงโรงพยาบาลและในโรง
เจ็บแลูวซ่ ึงเป็ นการเปรียบเทียบภายในระบบ พยาบาลท่ีมีต่อผลการดูแล นอกจากนั ้นการ
ของโรงพยาบาลราชวิถีเอง(Intrahospital) บาดเจ็บช่วงหลังการผสมผสานการดูแลผููบาด
การศึกษานี้ยังตูองการศึกษาคุณภาพของการ เจ็บมีความรุนแรงมากกว่าซ่งึ อาจเป็ นผลมา
ดูแลผููบาดเจ็บเทียบกับมาตรฐาน โดยใชูวิธี จากผููบาดเจ็บรุนแรงมีแนวโนู มท่ีจะส่งมาท่ีโรง
9,10
TRISS methodology ซ่ ึงพบว่า Flora’s z พยาบาลราชวิถีมากกว่าเน่ อ
ื งจากแพทย์ท่ีออก
statistic ลดลงจาก 3.48 ก่อนการผสมผสาน ไปดูแลผููบาดเจ็บเป็ นแพทย์ประจำาบูาน
เป็ น 1.98 หลังการผสมผสานซ่ ึง แสดงใหู เวชศาสตร์ฉุกเฉิ นซ่ ึงมีความคูุนเคยและเขูาใจ
เห็นว่าอัตราตายเกินคาดหวัง (Excess ระบบ จึงสามารถติดต่อกับแพทย์ท่ีหูอง
mortality) ลดลงหลังจากมีการผสมผสาน ฉุกเฉิ นไดูสะดวกกว่า ทำาใหูอัตราตายท่ีคาด
การดูแลผููบาดเจ็บ นั่ นหมายถึงว่าการผสม หวัง(Expected death) และโอกาสในการเสีย
ผสานการดูแลผููบาดเจ็บช่วยลดอัตราตายเกิน ชีวิตหลังการผสมผสานมีมากขึ้น ดังนั ้นผููบาด
คาดหวังไดู อย่างไรก็ตามทัง้ก่อนและหลัง เจ็บหลังการผสมผสานดูเหมือนว่ามีผลลัพธ์
การผสมผสานยังคงมีอัตราตายจริงมากกว่า การดูแลท่ีดีกว่าเน่ ืองจากผููบาดเจ็บส่วนใหญ่
29
คาดหวังว่าจะเสียชีวิตแมูว่าจะไดูรับการดูแลท่ี ราชวิถีท่ีไดูกรุณาใหูคำาปรึกษาทางดูาน
ดีกว่าก็ตาม แต่ขูอจำากัด ดังกล่าวอาจมีผล กระบวนการวิจัย และขอขอบพระคุณ
นู อยต่อการศึกษานี้เพราะความรุนแรงของ บุคลากรท่ีเก่ียวขูองกับการดูแลผููบาดเจ็บทุก
การบาดเจ็บหลังการผสมผสานมากกว่าก่อน ท่าน ตลอดจน เจูาหนู าท่ีสถิติสาธารณสุขทุก
ผสมผสานเล็กนู อยและการศึกษานี้ไดูใชูสถิติ ท่านท่ีไดูเสียสละเวลาใหูความร่วมมือในการ
เพ่ ือปรับค่าความรุนแรงการบาดเจ็บก่อน ศึกษาครัง้นี้
เปรียบเทียบกัน เอกสารอ้างอิง
การศึกษานี้แสดงใหูเห็นว่าโอกาสเสีย 1. Ernest E. Moore, David V.
ชีวิตลดลง นอกจากนั ้นระยะเวลาการดูแล Feliciano, and Kenneth L.
th
ก่อนถึงโรงพยาบาล ระยะเวลาท่อ
ี ยู่ในหูอง Mattox. Trauma.5 ed: McGraw
ฉุกเฉิ นลดลง อย่างมีนัยสำาคัญซ่ ึงทำาใหูผูบาด Hill; 2004: 57-84
เจ็บซ่ ึงทำาใหูไดูรับการรักษาเฉพาะ(Definitive 2. สำานั กนโยบายและยุทธศาสตร์
care) ท่ีรวดเร็วขึ้น และอัตราตายท่ีลดลงมา กระทรวงสาธารณสุข.สถิติ 10 อันดับ
จากการผสมผสานองค์ประกอบทัง้หมดเขูา การตาย: 2544-2546, กระทรวง
ดูวยกันอย่างเป็ นระบบ กูาวต่อไปของการ สาธารณสุข, 2547
พัฒนาคือ การวางแนวทางการฝึ กอบรม 3. Celso B, Tepas J, Langland-
บุคลากรท่ีเก่ียวขูองกับการดูแลผููบาดเจ็บเพ่ ือ Orban B, et al. A systematic
กูาวไปสู่การเป็ นศูนย์การแพทย์ดูานอุบัติเหตุ review and meta-analysis
และการพัฒนาดังกล่าวนั ้นควรจะตูองมีการ comparing outcome of severely
ประเมินผลอย่างต่อเน่ ือง อย่างไรก็ตาม injured patients treated in trauma
นอกจากอัตราตายแลูวควรมีการประเมิน centers following the
ประสิทธิภาพการดูแลรักษา เช่น ระยะเวลา establishment of trauma systems.
ในโรงพยาบาล (Length of stay), ภาวะ J Trauma. 2006 Feb;
แทรกซูอน (Complication), ความผิดพลาด 60(2):371-8; discussion 378.
ในการดูแลรักษา (Error in management) 4. Sampalis JS, Denis R, Lavoie A,
ซ่ ึงตัวชีว้ัดเหล่านี้จะสามารถบอกถึงคุณภาพ et al.Trauma care regionalization:
(Quality) และความคูุมทุน (Cost- a process-outcome evaluation. J
effectiveness) ของการผสมผสานการดูแลผูู Trauma. 1999 Apr; 46(4):565-79;
บาดเจ็บไดูดีย่ิงขึ้น discussion 579-81
กิตติกรรมประกาศ 5. Sampalis JS, Lavoie A, Boukas
คณะผููวิจัยขอขอบคุณขอบคุณศูนย์ S, et al. Trauma center
พัฒนาคุณภาพและวิชาการ โรงพยาบาล designation: initial impact on
30
หลักการและเหตุผล ทั ง้ สิ น
้ 716 ครั ง้ มี การใชู บ ริ ก ารผ่ า นระบบ
อำา เภอตาพระยาเป็ น อำา เภอหน่ ึง ของ บริ ก ารการแพทย์ ฉุ ก เฉิ นเพี ย ง 36 ครั ง้ คิ ด
จั ง หวั ด สระแกู ว มี เ ขตติ ด ต่ อ กั บ ประเทศ เป็ น รู อ ยละ 5.20 เท่ า นั ้ น งานอุ บั ติ เ หตุ
กั ม พู ชาและมี ประวั ติ ศ าสตร์ อั น ยาวนาน ทั ง้ ฉุกเฉิ นจึงหาแนวทางพัฒนางาน EMS หลาย
ทางดู า นศิ ล ปวั ฒ นธรรมและเก่ีย วขู อ งกั บ หลายๆรูปแบบโดยมีการขยายขอบเขตการใหู
การเมืองการปกครองของประเทศเพ่ ือนบูาน บริ ก า ร EMS สู่ ช่ ม ชนในระดั บรา ก ห ญู า
นอกจากนี้ ยังมีเขตติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ซ่ึงถือ เน่ ือ งจากอุ บั ติ เ หตุ แ ละการเจ็ บ ป่ วยฉุ ก เฉิ น
เป็ นประตูสูอีสานตอนล่างปั จจุบันมีการใชูเสูน ส่ ว นใหญ่ เ กิ ด นอกสถานพยาบาล เช่ น ใน
ทางนี้ เป็ นจำานวนมาก เน่ ืองจากหลีกเล่ียงการ บูาน สถานท่ีทำางาน บนทูองถนน ซ่งึ เป็ น
จ ร า จ ร ท่ีติ ด ขั ด ใ น เ สู น ท า ง เ ดิ ม คื อ ถ น น ชุมชนท่ีผูรับบริการอาศัยอยู่นั่นเอง ดังนั ้น
มิ ต รภาพ ช่ ว ง จั ง หวั ด สระบุ รี -นครราชสี ม า การส่ ง เสริ ม ใหู ชุ ม ชนมี ศั ก ยภาพเพี ย งพอใน
ถนนเสู น ดั ง กล่ า วนี้ เ ป็ นถนนสองช่ อ งทาง การดู แ ลและส่ ง ต่ อ ผูู ป่ วยฉุ ก เฉิ นอ ย่ า งมี
จราจร ผ่ า นหุ บ เขาท่ีมี ค วามลาดชั น และคด คุ ณ ภาพและปลอดภั ย ภายใตู ต ามกรอบ
เคีย
้ ว ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ทำา ใหู แ น ว คิ ด 6E (Enforcement ,Education,
เกิ ด อุ บั ติ เ หตุ ท างการจราจรเป็ น ประจำา อั น Engineering, Empowerment,Evaluation ,
เน่ ืองมาจากการไม่ชำานาญทางของผููขับข่ี หรือ Emergency Medical Service) อั น เ ป็ น
สภาพรถไม่ ส มบู ร ณ์ ในส่ ว นของสภาพ แนวทางสำา คั ญ ท่ีจ ะลดการสู ญ เสี ย ทั ง้ ชี วิ ต
พ้ืนท่ีทางภูมิศาสตร์ทัว่ไปของอำาเภอตาพระยา ทรัพย์สินและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
มี 5 ตำา บล บางพ้ืน ท่ีอ ยู่ ไ กล ทุ ร กั น ดาร และสอดคลูองกับนโยบายการจัดระบบบริการ
การคมนาคมลำา บาก ส่งผลใหูผูป่วยฉุกเฉิ น การแพทย์ ฉุก เฉิ น ของกระทรวงสาธารณสุ ข
ไดู รับ การรั ก ษาพยาบาลล่ า ชู า เส่ีย งต่ อ การ และสำานั กงานสาธารณสุขจังหวัดสระแกูว
เสียชีวิต วัตถุประสงค์
จ า ก ส ถิ ติ ก า ร ใ หู บ ริ ก า ร ผูู ป่ ว ย ท ่ีมี 1. มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิ นท่ีไดู
ภาวะฉุ ก เฉิ นของโรงพยาบาลตาพระยา ใน มาตรฐานครอบคลุมทุกพ้ืนท่ีทุกตำาบล
ปี งบประ มาณ 2549 มี ผู ป่ วยอุ บั ติ เ หตุ ในอำาเภอตาพระยา
ทางการจราจรและผููป่วยฉุกเฉิ น มารับบริการ
32
2. พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครของเครือ 3. จำานวนทีมท่ีออกใหูบริการการแพทย์
ข่ายระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิ น ฉุกเฉิ น ครบตามเกณฑ์
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการแพทย์ ดูานค่ณภาพ
ฉุกเฉิ นของโรงพยาบาลตาพระยา 1. ระยะเวลาในการออกปฏิบัติการ
แผนย่ทธศาสตร์ จัดบริการสุขภาพแบบ ระดับ ALS BLS FR ตัง้แต่ รับ
บูรณาการ มุ่งสู่ความเป็ นเลิศดูานการดูแลผูู แจูงเหตุจนถึงท่ีเกิดเหตุไม่เกิน 20
ป่ วยฉุกเฉิ น นาที ในพ้ืนท่ีทุรกันดาร
เปู าประสงค์ย่ทธศาสตร์ : ผููป่วย 2. จำานวนอุบัติการณ์ การเกิดขูอ
ฉุกเฉิ นไดูรับการดูแลอย่างถูกตูอง รวดเร็ว บกพร่อง ในการดูแลผููป่วยเก่ียวกับ
ปลอดภัย ทางเดินหายใจ ,การดาม ,การหูาม
กลย่ทธ : - ดูแลผููป่วยฉุกเฉิ นแบบบูรณา เลือด
การและการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน 3. จำานวนผููป่วยท่ีไดูรับบริการการแพทย์
● พัฒนาสมรรถนะบุคลากรทุกระดับ ฉุกเฉิ นประเภท ALS ไดูรับการ
เพ่ ือตอบสนองต่อการดูแลผููป่วย Admit
ฉุกเฉิ นอย่างมีประสิทธิภาพ 4. จำานวนครัง้ของผููมารับบริการ EMS
● กำาหนดแนวทางการดูแลผููป่วย ไดูรับการ Admit
ฉุกเฉิ น
แผนงาน การดำาเนิ นงานในอดีต..........จนถึงปั จจุบัน
● พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิ นเชิงรุก 1. โรงพยาบาลตาพระยาจั ด ตั ง้ ระบบ
โดย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคี บริ ก ารกา รแพทย์ ฉุ ก เฉิ นแล ะขึ้ น
เครือข่าย ท ะ เ บี ย น ป ฏิ บั ติ ง า น เ ม่ ือ วั น ท ่ี 27
● พัฒนาสมรรถนะของบุคลากรในเครือ สิ ง หาคม 2548 มี ก ารประสานงาน
ข่ายทุกระดับอย่างต่อเน่ ือง และมอบหมายนโยบายแก่ องค์ ก ร
ตัวชีว้ัด ปกครองส่วนทูองถ่ิน ไดูแก่ เทศบาล
ดูานการบริหารจัดการ ตำา บลตาพระยา และ องค์การบริหาร
1. มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิ นท่ีมี ส่วนตำาบลทุกแห่ง แต่มีหน่ วยงานท่ี
มาตรฐานครอบคลุมพ้ืนท่ีทุกองค์การ เขู า ร่ ว มขึ้ น ทะเบี ย นปฏิ บั ติ ง านขณะ
บริหารส่วนทูองถ่ิน นั ้ น เ พี ย ง 2 แ ห่ ง ไ ดู แ ก่ ส ถ า นี
2. มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิ น อนามั ย โคคลาน และ อาสามู ล นิ ธิ
ระดับ ALS BLS FR พรูอมใหู ร่วมกตัญญู และมีผลการดำาเนิ นงาน
บริการตลอด 24 ชัว่โมง ในปี งบประมาณ 2549 ดังตารางท่ี 1
33
34
ผลการดำาเนิ นงาน
เดือน %
หน่ วยงาน ต.ค พ.ย ธ.ค. ม.ค ก.พ มี.ค เม. พ.ค มิ.ย ก.ค ส. ก. รว
. . . . . ย. . . . ค. ย. ม
1.รพ.ตาพระยา 11 11 7 22 18 12 14 13 22 18 15 18 18 29
1
2.สอ.โคคลาน 0 1 2 2 1 6 1 1 3 1 3 1 22 3
3.สอ.กุดเวียน 0 1 2 1 5 0 3 0 1 4 5 1 23 3
4.สอ.นวมินท 2 1 0 0 0 1 0 0 0 5 1 0 10 16
ราชินี
5.อบต.ทัพราช 9 15 4 14 8 12 12 13 9 30 18 16 16 26
0
6.อบต.ทัพไทย 1 1 3 3 4 4 0 1 3 2 0 0 18 2
7.อบต.ทัพเสด็จ 4 5 1 4 5 7 9 4 6 2 10 4 61 9
8.อบต.ตาพระยา 1 3 1 1 4 0 6 2 3 1 1 2 25 4
9.อบต.โคคลาน 0 0 0 1 0 1 3 3 0 2 2 4 16 2
10.ร่วมกตัญญู 5 16 3 7 6 7 13 6 14 5 10 6 98 15
11.เทศบาลฯ 0 0 0 0 0 0 1 0 0 0 0 0 1 0.1
6
รวมทัง้หมด 61
5
กราฟแสดงการให้บริการระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิ นระดับโรงพยาบาลชุมชน
แยกตามเครือข่ายอำาเภอ ในจังหวัดสระแก้ว 2551
40
ครัง้
เครือข่าย
41
จำานวนประชากรแยกตามอำาเภอในจังหวัดสระแก้ว
อำาเภอ จำานวนประชากร
1. ตาพระยา 53,069
2. คลองหาด 48,689
3. วังนำ้ าเย็น / สมบูรณ์ 86,720
4. วัฒนานคร 64,830
5. อรัญ /โคกสูง 89,690
6.เขาฉกรรจ์ 52,338
Review Articles/บทฟ้ืนฟูวิชาการ
การบาดเจ็บจากระเบิด (BLAST INJURY)
นพ.บวร วิทยชำานาญกุล
หน่ วยเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Introduction อย่างรุนแรงและความดันตำ่าเกิดขึ้นในทันทีส่ง
ในปั จจุบันอาวุธท่ีใช้ในการก่อการร้าย ผลใหูเกิดการอัดอากาศและการกระชากกลับ
2
ได้พฒ
ั นาไปมากทัง้ อาวุธชีวภาพ,เคมี และ อย่างรุนแรงสลับกัน (ดังภาพท่ี1) เกิดผลกระ
นิ วเคลียร์ แต่ผ้ก่อการร้ายโดยมาก ทัง้ทั่ว ทบต่อทัง้ส่ิงมีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยแปรผัน
โลกและในไทยก็ยังใช้ระเบิดเป็ นอาวุธในการ ตรงกับระยะห่างจากจุดกำาเนิ ดระเบิด
ก่อร้าย การระเบิดนั ้นก่อให้เกิดการบาดเจ็บท่ี นอกจากนี้อวัยวะท่ีมีความแตกต่างของความ
หลากหลาย บางครัง้ส่งผลให้มีผ้บาดเจ็บ หนาแน่ น อันไดูแก่อวัยวะท่ีมอ
ี ากาศหรือนำ้ า
ปริมาณมาก เกิดเป็ นอุบัตภ
ิ ัยหม่้ (Mass อยู่ภายใน ถือเป็ นอวัยวะท่ีจะมีการบาดเจ็บไดู
casualty) แพทย์จึงควรเรียนร้้การบาดเจ็บที่ ง่ายเป็ นอันดับตูน ๆ อันไดูแก่ แกูวหู ปอด
จะเกิดขึ้นกับผ้้ป่วย การเตรียมการ การ ลำาไสู ตา เสูนเลือด ฯลฯ แต่หากเกิดการบาด
ปฏิบัติตนเม่ ือเกิดเหตุขึ้น เจ็บไกลูกับจุดระเบิดมาก ๆ ก็อาจทำาใหูเกิด
การฉี กขาดออกจากกันของอวัยวะไดู(body
Classification of blast injury disruption)
การบาดเจ็บจากการระเบิด แบ่งไดูเป็ น แกูวหูเป็ นอวัยวะท่ีทนต่อความดัน
1
4 ประเภท ดังตารางท่ี 1 อากาศมากไม่ไดู มักจะเกิดการบาดเจ็บจาก
แรงระเบิดไดูบ่อย การเพ่ิมความดันเพียง
Primary Blast injury 5 psi (pounds per square inch) จากความ
3
เป็ นการบาดเจ็บท่ีเกิดจากแรงอัด ดันปกติก็ทำาใหูแกูวหูทะลุไดู (14.7 psi =
อากาศ มีลักษณะเป็ นคล่ ืนท่ีมีความดันสูง 760 mmHg = 1 atm) ผููป่วยจะมีอาการ หู
ดับ หูอ้อ
ื เวียนศีรษะ ยืนยันไดูดูวยการตรวจ
44
4 4
Otoscopy การท่ีมีแกูวหูทะลุจะช่วย จากกันของเน้ือปอด) นอกจากนี้มีขอ
ู มูล
บ่งชีไ้ดูว่าผููป่วยมีการบาดเจ็บอย่างมีนัยสำาคัญ ยืนยันว่าการใส่เส้ือเกราะเหล็กเพ่ ือปู องกัน
จากแรงระเบิด(primary blast injury) มี กระสุน ไม่ไดูปูองกันการบาดเจ็บจากแรง
โอกาสการเกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะอ่ ืน ๆ ระเบิด แต่อาจทำาใหูเกิดการบาดเจ็บท่ีรุนแรง
5,6
โดยเฉพาะปอด และลำาไสู ขึ้นเน่ ืองจากคล่ ืนระเบิดสะทูอนไปมาในชุด
7
ปอดเป็ นอวัยวะท่ีไดูรับผลกระทบจาก เกราะ
แรงระเบิดเป็ นอันดับสอง เกิดจากในช่องปอด ลำาไสูเป็ นอวัยวะท่ไี ดูรับบาดเจ็บรอง
มีถุงลมและ หลอดเลือดอยู่ชิดกันทำาใหูเกิด ลงมา โดยลำาไสูใหญ่จะบาดเจ็บไดูบ่อยกว่า
pulmonary edema, pneunothorax, ลำาไสูเล็ก ส่วนตับ ไตและมูามนั ้นเกิดการบาด
hemothorax, pneumomediastinum, เจ็บไดูนูอย ถูาจะบาดเจ็บมักจะเกิดจากต่อแรง
subcutaneous emphysema, systemic ระเบิดท่ีรุนแรงมาก ๆ การขาดของ
acute air embolism (เกิดจากการขาดออก เสูนเลือด(mesenteric artery)สามารถเกิดไดู
45
Airway
Altered mental การใส่ท่ออาจจำาเป็ นในรายท่ีตูองระวังการสำาลัก การใหูผูป่วยหายใจเองเป็ นส่ิงท่ีควรทำา
status เพราะเม่ ือ airway pressure ตำ่า จะลดความเส่ียงต่อการมี acute air embolism
Massive การใส่ท่อช่วยหายใจในปอดขูางท่ีไม่มีเลือดออกเป็ นส่ิงท่ีควรทำา
hemoptysis
Breathing
Open chest ปิ ดบาดแผล และใส่ tube thoracostomies
wound
Pulmonary ใหูออกซิเจน 100% อาจจะดูวย continueous positive pressure หรือไม่ก็ตาม แต่ตูอง
contusion ระวังภาวะ acute air embolism ดูวยการใหู peak inspiratory pressure ไม่เกิน 35
cmH2O
Refractory ใหูการช่วยหายใจดูวยแรงดันบวก, Inverse inspiratory/expiratory ratios,
hypoxemia independent lung ventilation, high-frequency jet ventilation, nitric oxide
inhalation, หรือ extracorporeal membrane oxygenation
Persistent สาเหตุท่ีเกิดบ่อยคือ Bronchopleural fistulas การแกูไขคือ tube thoracostomy และ
pneumothorax อาจใส่ท่อช่วยหายใจเฉพาะขูางท่ีไม่มีลมรัว่(unilateral ventilation)
Circulation
Tension ระบายลมดูวย needle thoracenthesis
pneumothorax
Massive ระบายลมดูวย needle thoracenthesis ตามดูวยการใส่ tube thoracostomy และ
hemothorax พิจารณาใชู autotransfusion
Hypovolemic preload ท่ีปกติจะช่วยลดอัตราการเกิด acute air embolism แต่การใหูนำ้ามาก
shock ไป(20mL/kg bolus)ก็จะทำาใหูเกิดผลเสีย เช่น pulmonary edema การใหูนำ้าทีละนู อย
ๆ แลูวจึงประเมินซำา้เป็ นส่ิงท่ีแนะนำ า
Myocardial การเกิดในผููป่วยกลุ่มนี้ น่าจะเกิดจากสาเหตุ acute air embolism มากกว่าจาก cardiac
ischemia contusion หรือ thrombosis การจัดท่าผููป่วยในท่า ก่ ึงตะแคงซูาย และพิจารณาใชู
hyperbaric oxygen
Disability
Altered mental blunt และ penetrating injury เป็ นสาเหตุท่ีเกิดขึ้นบ่อย แต่คิดถึงภาวะ acute air
status, embolism ดูวย
neurologic
deficits
Others
Crush syndrome ระวังการเกิด rhabdomyolysis ใหูสารนำ ้ าใหูเพียงพอใหูปัสสาวะออกอย่างนู อย
1mL/kg/hr พิจารณา alkalinized urine ใหู pH > 6.5 และ manithol ในรายท่ไี ม่มี
ปั สสาวะออก
21
ตารางท่ี 2 สรุปการบาดเจ็บท่พ
ี บบ่อยในภาวะฉุกเฉิ นจากระเบิดและการรักษา (ดัดแปลงจาก LTC John M.Wightman,
CPT Sheri L. Gladish. Explosions and Blast Injuries. Annal of emergency medicine 37(6),JUNE 2001 )
52
Otoscopic exam
แกูวหูทะลุ แกูวหูไม่ทะลุ
รับเขูานอนโรงพยาบาล กลับบูาน
ใหูการรักษาต่อ พรูอมคำาแนะนำ า
7. Mellor SG, Cooper GJ. Analysis (part II). Prehosp Disast Med
of 828 servicemen killed or 2003;18:235–41.
injured by explosion in Northern 13. COL Edward B. Lucci. Civilian
Ireland 1970-84: The Hostile Preparedness and Counter-
Action Casualty System. Br J terrorism:Conventional Weapons
Surg 1989;76: 1006-10. Surg Clin N Am 86 (2006) 579–
8. Stein M, Hirshberg A. Medical 600
consequences of terrorism: the 14. Hirshberg A, Holcomb J, Mattox
conventional weapon threat. Surg K. Hospital trauma care in
Clin North Am 1999;79:1537–52 multiple-casualty incidents: a
9. Einav S, Feigenberg Z, critical view. Ann Emerg Med
Weissman C. Evacuation 2001;37:647–52.
priorities in mass casualty terror- 15. Levi L, Michaelson M, Admi H,
related events: implications for et al. National strategy for mass
contingency planning. Ann Surg casualty situations and its effects
2004;239:304–10. on the hospital. Prehosp Disast
10. Almogy G, Luria T, Richter E, et Med 2002;17:12–6.
al. Can external signs of trauma 16. Hogan DE, Waeckerle JF, Dire
guide management? Lessons DJ, et al. Emergency department
learned from suicide bombing impact of the Oklahoma City
attacks in Israel. Arch Surg terrorist bombing. Ann Emerg
2005;140:390–3. Med 1999;34:160–7.
11. Auf der Heide E. The importance 17. Frykberg E, Tepas J. Terrorist
of evidence-based disaster bombings: lessons learned from
planning. Ann Emerg Med Belfast to Beirut. Ann Surg
2006;47:34–49. 1988;208:569–76.
12. Halpern P, Tsai MC, Arnold J, et 18. Quintana DA, Parker JR, Jordan
al. Mass-casualty, terrorist FB, Tuggle DW, Mantor PC,
bombings: implications for Tunell WP. The spectrum of
emergency department and pediatric injuries after a bomb
hospital emergency response blast. J Pediatr Surg
54
Doctor Corner/มุมแพทย์
ฉุกเฉิ นทางกายแตูเร้ือรังทางใจ
นายแพทย์พงศกร อธิกเศวตพฤทธิ ์
โครงการจัดตัง้ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิ น
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
ชมรมศิษย์เกูาแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิ นแหูงประเทศไทย
Nurse Corner/มุมพยาบาล
โยนความคิดเกูาๆทิง้ไป....แล้วลองคิดใหมูดีกวูา
อุบล ย่ีเฮ็ง
หัวหนู าพยาบาลศูนย์กูชีพ “นเรนทร” โรงพยาบาลราชวิถี
อุปนายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิ นแห่งประเทศไทย
อูางอิงบทคัดย่อในวารสารทางการแพทย์
4.Onney RK, Aminoff MJ, Diagnostic sensitivity of different
electrophysiologic techniques in Guillan- Barre syndrome ( abstract).
Neurology 1989; 39(Suppl):354.
82
อูางอิงเอกสารท่ีเป็ นจดหมาย
5. McCrank E. PSP risk factors( letter). Neurology 1990; 40:1673.
อูางอิงเอกสารท่ีเป็ นตำารา
th
6. Lance JW. Mechanism and management of headache. 5 ed. Oxford:
Butterworts; 1993:53.
อูางอิงบทในเอกสารท่ีเป็ นตำารา
7.Phillips SJ, Whisnant JP. Hypertension and stroke. In:Laragh JH, Brenner
nd
BM, editors. Hypertension: pathophysiology, diagnosis and management. 2
ed. New York: Raven Press;1995: 465-78.
อูางอิงบทความในการประช่ม
8.Kimura J, Shibasaki H, editors. Recent advances in clinical
th
neurophysiology. Proceedings of the 10 international Congress of EMG
and Clinical Neurophysiology; 1995 Oct 15-19; Kyoto,Japan.
Amsterdam:Elsevier; 1996.
อูางอิงบทความท่ียังไม่ไดูตีพิมพ์
9.Leshner Al. Molecular mechanisms of cocaine addiction. N Engl J Med.
In press 1996.
อูางอิงบทความในวารสารทางอิเลคทรอนิ ก
10.Morse SS. Factors in the emergence of infectious diseases. Emerg Infect
Dis [ Serial online] 1995 Jan-Mar [cited 1996 Jun 5]; 1 (1):[24 screens]
Available from: URL:http://www.cdc.gov/ncidod/EID/eid.htm
11. CDI. Clinical dermatology illustratyed [ monograph on CD ROM]
nd
Reeves JRT, Maibach H. Cmea Multimedia Group, Producers. 2 ed.
Version 2.0. San Diego: CMEA;1995.
83