Professional Documents
Culture Documents
(การฝั งเข็มรักษาอาการปวด)
ที่ปรึกษา
แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
นางเย็นจิตร เตชะดํารงสิน ผู้อํานวยการสถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายแพทย์สมชัย โกวิทเจริ ญกุล นายกสมาคมแพทย์ฝังเข็ม และสมุนไพร
บรรณาธิการ
ทัศนีย์ ฮาซาไนน์ บัณฑิตย์ พรมเคียมอ่อน สมชาย จิรพินจิ วงศ์
คณะทํางาน
กรมพัฒนาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก
เย็นจิตร เตชะดํารงสิน ทัศนีย์ ฮาซาไนน์ เบญจนีย์ เภาพานิชย์
ยุพาวดี บุญชิด ภาวิณี เสริ มสุขไมตรี วาสนา บุญธรรม
ศูนย์ สิรินธรเพื่อการฟื ้ นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ แห่ งชาติ
ประพันธ์ พงศ์คณิตานนท์ วิรัตน์ เตชะอาภรณ์กลุ
โรงพยาบาลยางชุมน้ อย จังหวัดศรีสะเกษ
ชํานาญ สมรมิตร
โรงพยาบาลพระนั่งเกล้ า นนทบุรี
โกสินทร์ ตรี รัตน์วรี พงษ์
โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้ า
พลโท (หญิง) พรฑิตา ชัยอํานวย
โรงพยาบาลอานันทมหิดล
พันเอกฐิ ตภิ มู ิ เอื ้ออํานวย
โรงพยาบาลกลาง สํานักการแพทย์ กรุ งเทพมหานคร
สุทศั น์ ภัทรวรธรรม
ศูนย์ การแพทย์ กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล
อัมพร กรอบทอง สุวดี ว่องวสุพงษา
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
กิตติศกั ดิ์ เก่งสกุล
นักวิชาการอิสระ
บัณฑิตย์ พรมเคียมอ่อน สิทธิชยั วงศ์อาภาเนาวรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒดิ ้ านการแพทย์ แผนจีน
สมชัย โกวิทเจริ ญกุล สมชาย จิรพินจิ วงศ์
เจ้ าของลิขสิทธิ์
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ออกแบบปก
ทัศนีย์ ฮาซาไนน์
ภาพประกอบ
อัมพร กรอบทอง
พิมพ์ ครัง้ ที่ 1 : มิถนุ ายน 2554 จํานวน 1,000 เล่ม
พิม พ์ ท่ ี : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย
44/16 ถนนเลีย่ งเมืองนนทบุรี แขวงตลาดบัวขวัญ อําเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
ISBN 978-616-11-0728
คํานํา ก
คํานํา
ประสิ ท ธิ ผ ลของการฝั ง เข็ ม รั กษาโรคต่า ง ๆ เป็ นที่ประจักษ์ และยอมรั บ ในระดับ
นานาชาติ หลายประเทศได้ ใช้ การฝั งเข็มเป็ นการแพทย์แบบผสมผสานในการรักษาโรคต่าง ๆ
อย่างแพร่หลาย การยอมรับที่เกิดขึ ้นนี ้ นอกจากจะเกิดจากประสบการณ์ตรงของผู้ท่ีได้ รับการ
รั กษาด้ วยการฝั ง เข็ ม แล้ ว ยังเกิ ดจากผลการศึกษาวิ จัยอย่างแพร่ ห ลายทัง้ ในสาธารณรั ฐ
ประชาชนจี น และประเทศต่ า ง ๆ ปั จจุ บั น มหาวิ ท ยาลั ย หลายแห่ ง ทั ง้ ในยุ โ รปและ
สหรั ฐ อเมริ ก ามี ห ลัก สูตรการฝั ง เข็ ม เป็ นวิ ช าเรี ย นในหลักสูตรแพทยศาสตร์ ศึก ษาระดับ
ปริ ญญาตรี เพื่อให้ แพทย์ที่สําเร็ จการศึกษา สามารถมีวิธีการรักษาที่หลากหลายเพื่อช่วยให้
ผลการรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากยิง่ ขึ ้น
การประยุกต์ใช้ การฝั งเข็มรักษาอาการปวดต่าง ๆ นับว่ามีประสิทธิภาพสูง และ
เป็ นที่ยอมรับของผู้ป่วยอย่างกว้ างขวาง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแพทย์แผนหลักของ
ประเทศไทย ยังคงเป็ นการแพทย์แผนตะวันตก เพื่อให้ การฝั งเข็มเป็ นการแพทย์ผสมผสาน
และเป็ นประโยชน์ตอ่ ผู้ป่วย กรมพัฒ นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดย
ความร่ วมมือจากคณะแพทย์ฝังเข็มที่เป็ นคณะทํางานในการจัดทําตํารา การฝั งเข็ม รมยา
จึง ได้ จดั ทําตํารา การฝั งเข็มรักษาอาการปวดต่าง ๆ ซึ่งนับเป็ นตํารา การฝั งเข็ม รมยา เล่มที่
๓ โดยมีวตั ถุประสงค์ให้ เป็ นแนวทางในการให้ บริ การการรักษาอาการปวดแบบผสมผสาน
เป็ นการเพิ่มโอกาสในการรักษาแก่ผ้ ปู ่ วย
ตํารา “การฝั งเข็ม รมยา” แม้ จะมีวัตถุประสงค์ใช้ ประกอบการฝึ กอบรมในหลักสูตร
“การฝั งเข็ม” แต่เพื่อให้ ผ้ ูสนใจในศาสตร์ การฝั งเข็ม รวมทังนั ้ กศึกษาแพทย์แผนจีนในระดับ
ปริ ญญาตรี ได้ นําไปใช้ ศึกษาเพื่อการค้ นคว้ า การจัดทําเนื ้อหาการรักษาอาการปวดต่าง ๆ
ด้ วยการฝั งเข็มเล่มนี ้ ได้ รวบรวมประสบการณ์การรักษาและงานวิจยั ทังของผู ้ ้ เขียนและจาก
ตํารามานําเสนอ ซึง่ อาจมีความคิดเห็นที่หลากหลาย
การจัดทํ าตําราเล่มนี ้ ได้ รับความร่ วมมือเป็ นอย่างดีย่ิงจากคณะทํางาน ซึง่ ได้ สละ
เวลาช่วยกัน จัดทํ าจนเนื อ้ หาเสร็ จ สมบูรณ์ กรมพัฒ นาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์
ทางเลือกจึงใคร่ขอขอบคุณคณะทํางานที่ได้ ทมุ่ เทเสียสละ ร่ วมมือร่ วมใจกันจัดทําหนังสือเล่ม
นี ้ จนสําเร็ จลุล่วงไปด้ วยดี โดยเฉพาะอย่างยิง่ นายแพทย์บณ ั ฑิตย์ พรมเคียมอ่อน อาจารย์
ข การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
(แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริ ฐ)
อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
คําแนะนําการใช้ หนังสือ ค
คําแนะนําการใช้ หนังสือ
การฝั งเข็ม รมยา เล่ ม 3
การฝั งเข็มรั กษาอาการปวด
การจัด ทํ า หนัง สื อ การฝั ง เข็ ม รมยา เล่ ม 3 (การฝั ง เข็ ม รั ก ษาอาการปวด ) มี
วัตถุประสงค์ให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจถึงขันตอนการรั
้ กษาอาการปวดต่าง ๆ ด้ วยการฝั งเข็ม การรักษา
และการเลือกจุดฝั งเข็มที่ใช้ ในหนังสือเล่มนี ้ เป็ นการเรี ยบเรี ยงขึ ้นทังจากประสบการณ์
้ ตรง
ของคณะผู้เ รี ย บเรี ย ง และจากทัง้ เอกสารทางวิ ช าการที ่จัด ทํ า โดยสถาบัน การศึกษาที ่มี
ชื่อเสียงของสาธารณรัฐประชาชนจีน และนักวิชาการ ได้ แก่ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีน
เซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนปั กกิ่ง มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนนานจิง เป็ น
ต้ น ทัง้ นี เ้ พื่อให้ ผ ลการรั กษามี ประสิท ธิ ภ าพเช่นเดียวกับการรั กษาในประเทศสาธารณรั ฐ
ประชาชนจีน และเป็ นแนวทางในการศึกษาวิจยั ผลการรักษาโรคด้ วยการฝั งเข็ม เพื่อพัฒนา
องค์ความรู้และทักษะให้ ก้าวหน้ าต่อไป
การฝั งเข็มเป็ นเวชกรรมการรักษาโรคของจีนที่มีประวัติการค้ นคว้ าและแพร่หลายมา
หลายพันปี การฝั งเข็มเป็ นวิธีการรักษาโรค ฟื น้ ฟูสขุ ภาพ สร้ างเสริ มสุขภาพและป้องกันโรค
โดยการใช้ เข็มปั กตามตําแหน่งจุดเฉพาะต่าง ๆ ของร่ างกาย มีวตั ถุประสงค์เพื่อปรับสมดุล
ร่างกาย ช่วยปรับให้ อวัยวะและระบบการทํางานต่าง ๆ ของร่ างกายกลับทํางานได้ เป็ นปกติ
โดยเฉพาะที่โดดเด่นในการระงับอาการเจ็บปวด จึงนําไปใช้ ในการรักษาโรคปวดต่าง ๆ ได้ ดี
หนังสือ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3 นี ้ ประกอบด้ วยเนื ้อหาต่าง ๆ ดังนี ้
การรั กษาอาการปวดต่ าง ๆ ด้ วยการฝั งเข็ม กล่าวถึงโรค/กลุ่มอาการ ที่พบบ่อย
และรักษาได้ ด้วยการฝั งเข็ม โดยมีลําดับรายละเอียดต่าง ๆ ในแต่ละโรค/กลุม่ อาการ ดังนี ้
1) ชื่อโรค/กลุ่มอาการ ใช้ ชื่อเป็ นภาษาไทย และกํ ากับในวงเล็บด้ วยภาษาอังกฤษ
ตามศัพท์การแพทย์แผนตะวันตก สําหรับโรคที่ไม่มีศพั ท์บญ ั ญัติภาษาไทย จะทับศัพท์ตาม
ชื่อโรคของการแพทย์แผนตะวันตก
ง การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ภาคผนวก หนังสือ การฝั งเข็ม - รมยา เล่ม 3 มีภาคผนวก 1 เรื่ อง ได้ แก่
ภาคผนวกที่ 1 ดัชนีจดุ ฝั งเข็มตามระบบเส้ นลมปราณ
บรรณานุกรม จะอยูท่ ้ ายสุดของหนังสือ
สารบัญ จ
สารบัญ
หน้ า
คํานํา ก-ข
คําแนะนําการใช้ ตาํ รา การฝั งเข็ม รมยา เล่ ม 3 ค-ง
สารบัญ จ-ช
สารบัญรู ป ซ-ญ
ความรู้ ท่ ัวไปเกี่ยวกับอาการปวด 1
1. กลุ่มอาการทางปวดระบบประสาท
- ปวดศีรษะ (Headache : 头痛) 6
- ปลายประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน 13
(Diabetic Peripheral Neuropathy : 糖尿病末梢神经病变)
- ปวดประสาทใบหน้ า (Trigeminal Neuralgia : 面痛) 17
- ปวดประสาทจากเชื ้องูสวัด 21
(Herpetic Neuralgia : 带状疱疹后遗神经痛)
- ปวดฟั น (Dental Pain : 牙痛) 29
2. กลุ่มอาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนือ้ 35
(Myofacial pain syndrome : 肌筋膜炎综合症 )
3. เจ็บอกจากกล้ ามเนือ้ หัวใจ (Angina Pectosis : 胸痛) 42
4. กลุ่มอาการปวดบริเวณต้ นคอ และลําตัวส่ วนบน (Neck and upper)
- เจ็บคอ (Sore Throat : 喉咙痛 ) 51
- กระดูกคอเสื่อม (Cervical spondylosis : 颈椎病) 54
ฉ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
5. อาการปวดบริเวณลําแขน (Upper Extremitries)
- ไหล่ตดิ (Frozen Shoulder : 冻结肩) 57
- ปวดข้ อศอก (Tennis Elbow :网球肘) 62
- พังผืดกดทับเส้ นประสาทในโพรงข้ อมือ 65
(Carpal tunnel syndrome : 腕管综合症)
6. อาการปวดบริเวณลําตัวส่ วนล่ างและขา
- ปวดหลัง (Back pain : 腰痛) 68
- ปวดประสาทไซแอทติค (Sciatic pain : 坐骨神经痛) 82
- ปวดหลังจากภาวะกระดูกบางหรื อพรุน 94
(Back Pain due to Primary Osteoporosis: 骨质疏松腰痛)
- ปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม 96
(Back Pain due to Hypertrophic Spondylosis : 退化性腰痛 )
- ข้ อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis : 退化性膝关节炎) 100
- ปวดข้ อสะโพก (Hip joint pain : 髋关节痛) 119
- ปลายประสาทใต้ ผวิ หนังต้ นขาอักเสบ 124
(Latero – Femoral Cutaneous Neuritis : 股外侧皮神经炎)
7. โรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis : 类风湿性关节炎) 127
8. โรคเกาต์ (Gouty Arthritis : 痛风) 136
9. กลุ่มอาการปวดช่ องท้ อง (Abdomen pain)
- ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ (Epigastric pain/Gastralgia : 胃脘痛) 141
- ท้ องอืดแน่น (Abdominal Distention : 腹胀) 147
สารบัญ ช
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
- ปั สสาวะตกค้ าง (Urinary retention : 尿潴留) 153
- แผลกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer : 胃溃疡) 162
- กรดไหลย้ อน (Acute Regurgitation : 胃反酸) 175
- ถุงนํ ้าดีอกั เสบ (Cholecystitis : 胆囊炎) 182
- นิ่วในถุงนํ ้าดีและถุงนํ ้าดีอกั เสบ 191
(Gall Stone and Cholecystitis : 胆结石和胆囊炎)
- พยาธิไส้ เดือนในทางเดินนํ ้าดี (Biliary Ascariasis : 胆道回虫症) 197
- ภาวะลําไส้ อดุ ตันเฉียบพลัน 203
(Acute intestinal obstruction : 急性肠梗阻)
- ภาวะไส้ ตง่ิ อักเสบเฉียบพลัน 209
(Acute Appendicitis : 急性阑尾炎)
- นิ่วในไต (Renal colic and Stone : 肾结石) 218
- ปวดปั สสาวะ และปั สสาวะผิดปกติ (Stranguria : 淋症 ) 228
- ภาวะปวดท้ องอย่างรุนแรง 234
(Acute Catastrophic abdominal pain : 急性腹绞痛)
9. กลุ่มอาการของโรคทางสูติ - นรี เวช
- เต้ านมอักเสบเฉียบพลัน (Acute Mastitis : 急性乳腺炎) 237
- ปวดประจําเดือน (Dysmenorrhea : 痛经) 241
10. กลุ่มอาการบาดเจ็บจากกีฬา (Sport injury : 运动性损伤) 248
ภาคผนวกที่ 1 ดัชนีจุดฝั งเข็มตามระบบเส้ นลมปราณ
บรรณานุกรม
ซ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
สารบัญรู ป
หน้ า
รูปที่ 1 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปวดศีรษะ 11
รูปที่ 2 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปลายประสาทเสื่อมจาก 16
โรคเบาหวาน
รูปที่ 3 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประสาทใบหน้ า 20
รูปที่ 4 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประสาทจากเชื ้องูสวัด 22
รูปที่ 5 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดฟั น 34
รูปที่ 6 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษา Myofacial pain syndrome 41
รูปที่ 7 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการเจ็บอกจากกล้ ามเนื ้อหัวใจ 50
รูปที่ 8 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาเจ็บคอ 53
รูปที่ 9 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษากระดูกคอเสื่อม 56
รูปที่ 10 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาไหล่ติด 61
รูปที่ 11 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปวดข้ อศอก 64
รูปที่ 12 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษานิ ้วล็อค 67
รูปที่ 13 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดหลัง 81
รูปที่ 14 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประสาทไซแอทติค 93
รูปที่ 15 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม 99
รูปที่ 16 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาข้ อเข่าเสื่อม 110
รูปที่ 17 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดข้ อสะโพก 123
รูปที่ 18 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปลายประสาท 126
ผิวหนังต้ นขาอักเสบ
รูปที่ 19 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาโรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์ 135
รูปที่ 20 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาโรคเกาต์ 140
สารบัญ ฌ
สารบัญรู ป (ต่ อ)
หน้ า
รูปที่ 21 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดบริเวณลิ ้นปี่ 146
รูปที่ 22 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการท้ องอืดแน่น 152
รูปที่ 23 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปั สสาวะตกค้ าง 161
รูปที่ 24 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหาร 170
จากชี่กระเพาะ และตับติดขัด
รูปที่ 25 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากชี่และเลือดคัง่ 171
รูปที่ 26 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากกระเพาะร้ อน 172
รูปที่ 27 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากอินกระเพาะพร่อง 173
รูปที่ 28 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากเย็นพร่อง 174
รูปที่ 29 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษากรดไหลย้ อนจากไฟตับ 181
รูปที่ 30 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษากรดไหลย้ อนจากม้ าม 181
และกระเพาะเย็นพร่ อง
รูปที่ 31 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาถุงนํ ้าดีอกั เสบจากร้ อนพร่อง 189
รูปที่ 32 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาถุงนํ ้าดีอกั เสบจากชี่ตดิ ขัด 190
รูปที่ 33 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษานิ่วในถุงนํ ้าดี และถุงนํ ้าดีอกั เสบ 196
รูปที่ 34 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาโรคพยาธิไส้ เดือนในทางเดินนํ ้าดี 207
รูปที่ 35 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาภาวะลําไส้ อดุ ตัน 208
รูปที่ 36 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลัน 217
รูปที่ 37 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษานิ่วในไต 227
รูปที่ 38 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปวดปั สสาวะและปั สสาวะผิดปกติ 237
รูปที่ 39 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาเต้ านมอักเสบเฉียบพลัน 240
รูปที่ 40 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประจําเดือน 247
ญ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 1
ความรู้ท่ วั ไปเกี่ยวกับอาการปวด
อาการปวดเป็ นอาการที่ใช้ การฝั งเข็มเป็ นวิธีการรักษามากที่สดุ ไม่วา่ จะเป็ นการปวด
คอ ปวดข้ อ ปวดกล้ ามเนื ้อ อวัยวะภายใน ในการรักษาอาการปวดอักเสบไม่มียาแก้ ปวด แก้
อักเสบ ในศาสตร์ การแพทย์แผนจีน หลักคิดในการรักษาคือ การระบาย สาเหตุของอาการ
ปวดเกิดจาก การติดขัดของการไหลเวียนของชี่หรื อลมปราณ หรื อจากการที่ชี่และเลือดไป
หล่อเลี ้ยงไม่เพียงพอ การฝั งเข็มจะทําหน้ าที่ทะลวงเส้ นลมปราณ ปรับให้ การหมุนเวียนของ
ชี่และเลือด เมื่อการไหลเวียนดีขึ ้นอาการปวดจะทุเลาหรื อหายไป
ปั จจัยที่ทําให้ เกิดการปวดมี 3 เหตุ คือ ลม (风), ความเย็น (风), ความชื ้น (湿),
และเลือดคัง่ (瘀血) ทําให้ เกิดอาการปวดในตําแหน่งที่เกี่ยวกับร่างกายทังห้ ้ า คือ ผิวหนัง เส้ น
เอ็น เนื ้อเยื่อ โครงกระดูก และหลอดเลือด
1. ลม (เป็ นการอักเสบไม่คงที่) มีอาการปวดที่เคลื่อนที่ โดยทัว่ ไปลมมักไม่เป็ นเหตุ
ให้ เกิดอาการปวด แต่มกั จะชักนําเสียชี่ (邪气) อื่น ๆ เช่น ลมเย็น , ลมชื ้น แล้ วทําให้ เกิด
การติดขัด มีอาการปวดขึ ้นมา
2. ความเย็น มักมีอาการปวดเฉพาะที่ อาการมักรุนแรง และเป็ นมากในเวลา
กลางคืน กลางวันจะดีขึ ้น การแพทย์แผนจีนจึงแบ่งกลางวัน และ กลางคืน หยางจะเพิ่มมาก
ในเวลากลางวัน จะทําให้ ร้ ูสกึ ว่าอาการปวดดีขึ ้น ได้ รับความอบอุน่ จากดวงอาทิตย์ การ
ปวดเนื่องจากความเย็น เมื่อประคบร้ อนจะดีขึ ้น ตรงกันข้ ามเมื่ออากาศเย็นจะปวดมากขึ ้น
3. จากความชืน้ จะปวดเฉพาะที่และหนักเมื่อย แบ่งเป็ นร้ อนเย็น และเย็นชื ้น
โดยเฉพาะหลังฝนตก เมื่อมีความชื ้นสูงในอากาศ เมื่อร่างกายกระทบกับอากาศแบบนี ้จะมี
อาการเมื่อยขี ้เกียจ อยากนอน ลักษณะปวดจะปวดอยูก่ บั ที่และปวดหนัก ไม่สามารถขับ
ความชื ้นได้ ทนั ทําให้ มีบวมนํ ้าในตําแหน่งปวดได้
4. เลือดคั่ง การคัง่ ของเลือดมีปัจจัยการเกิดได้ หลายสาเหตุ เช่น
4.1 เกิดจากเสียชี่ที่ได้ รับ สะสมไว้ นานไม่ได้ ถกู กําจัดออก จึงเกิดการคัง่
เช่น ความชื ้น, ความเย็น, เสมหะ, หยางชี่พร่อง, จินเย่ไม่ไหลเวียน เป็ นต้ น
2 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
สามารถระบุตาํ แหน่งเส้ นลมปราณได้ ชดั เจน ให้ ใช้ เข็ม 7 ดาวตี หรื อปั กเข็มตื ้น ๆ จิ ้ม ๆ เอา
ก็ได้ ความยาวเข็มประมาณ 0.5 นิ ้ว เวลาจับให้ จบั ตรงบริเวณใกล้ ๆ ปลายเข็ม โผล่มาสัน้ ๆ
ใช้ มือการ์ ดเข็มไว้ ไม่ให้ งอ และความยาวของเข็มเสมอกับนิ ้วของผู้รักษา จะได้ ไม่คดเวลาปั ก
และไม่ลกึ จนเกินไป ในการรักษาระยะหนึง่ ควรใช้ จดุ ฝั งเข็มเกี่ยวกับปอด โดยใช้ จดุ ฝั งเข็ม
LieQue (LU 7) TaiYuan (LU 9) และ QiChi (ST 11) ร่วมรักษาได้
2. ปวดกล้ ามเนือ้ การปวดบางครัง้ ปวดจากเมื่อยล้ า ทําให้ กล้ ามเนื ้อปวดเมื่อย ใน
การรักษาก็ต้องฝั งเข็มให้ ลกึ ถึงกล้ ามเนื ้อเช่นกัน แต่ใช้ วธิ ีการฝั งเข็มเป็ นกลุม่ ไม่ใช่ปักเล่มเดียว
เช่นการปวดสะโพก ไม่ได้ ปวดตามเส้ นลมปราณเส้ นใดเส้ นหนึง่ แต่การปวดไม่เคลื่อนย้ ายที่
อาการปวดมีตําแหน่งแน่นอน หรื อการปวดหัวไหล่ การปั กก็ต้องปั กขึ ้นกับขนาดมัดกล้ ามเนื ้อ
ปั กเรี ยงสาม ถ้ ามัดเล็ก ถ้ ามัดใหญ่ก็เรียงสามหลายชุด เป็ นสี่เหลี่ยมคางหมู เป็ นการปั ก
เฉพาะที่เท่านัน้ แต่เนื่องจากกล้ ามเนื ้อเกี่ยวกับม้ าม ดังนันจึ ้ งต้ องเสริมที่ม้ามโดยใช้ จดุ
ZuSanLi (ST 36) หรื อ SanYinJiao (SP 6) ม้ ามกับกระเพาะเป็ นเปี๋ ยวหลี่กนั ใช้ แทนกันได้
เราฝั งเข็มลึกตามความหนาของกล้ ามเนื ้อเช่นกัน
3. ปวดเอ็น เส้ นเอ็นรวมถึงเยื่อหุ้มไขข้ อต่าง ๆ ด้ วย ถ้ าอาการปวดเกี่ยวกับเอ็น ทํา
ให้ การยืดหดของแขนขาไม่สะดวก การรักษาอาการปวดต้ องฝั งเข็มลึกถึงเอ็นด้ วย ตามไขข้ อ
ต้ องปั กเข็มถึงเอ็นจึงจะได้ ผล เช่น การปวดข้ อหรื อปวดข้ อมือ เช่น De Qurvain เวลายืดจะตึง
โดยมากการปวดเอ็นจะปวดเวลายืดมากกว่า เส้ นเอ็นเกี่ยวกับตับ ต้ องหาจุดเสริมที่ตบั มา
ช่วย เช่น ใช้ GanShu (BL 18), YanLinQuan (GB 34)
4. ชีพจร เส้ นเลือด เส้ นประสาท เนื่องจากการปวดหลังร้ าวไปถึงข้ างล่างได้ เช่น
LBP ในการแพทย์จีนถือว่าเป็ นการปวดในเส้ นเลือดหรื อ ชีพจร โดยปกติการไหลเวียนของ
เลือดจากบนลงล่างหรื อกลับกันในการปวดหลัง เนื่องจากการไหลเวียนติดขัด แพทย์แผน
ปั จจุบนั เป็ น nerve > bl vv เราต้ องฝั งเข็มให้ ถงึ เส้ นเลือดชีพจร หมายถึงเส้ นที่ปวด คือให้ มี
การปั กลงตามเส้ น เนื่องจากการปวดจะเกี่ยงข้ องกับหัวใจ ใช้ ทงจุ ั ้ ดฝั งเข็มบนเส้ นลมปราณ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 5
มือเจวี๋ยอินเยื่อหุ้มหัวใจ และเส้ นมือเส้ าอินหัวใจ NeiGuan (PC 6) หรื อ DaLing (PC 7) ได้
ทังสิ
้ ้น
5. โครงกระดูก จะยืดได้ หดไม่ได้ ในการแพทย์แผนจีน เช่น การปลูกข้ อกระดูกจน
เปลี่ยนแปลง บวม ถ้ าปวดที่ไขข้ อต้ องปั กถึงกระดูกที่ปวดเลย ปวดที่ไหนปั กถึงที่นนั่ เช่น ข้ อ
เข่า ผู้ป่วย จะปวดมากเวลาเดิน เราต้ องหาจุดอาซือ ปั กถึงข้ อด้ วย กระดูกเกี่ยวกับไต ดังนัน้
ถ้ าต้ อง การให้ ได้ ผลดี ต้ องเสริมที่จดุ ไตด้ วย คือต้ องบํารุงหรื อเสริมไตด้ วย หรื อบํารุงไข
กระดูก เช่น Shenshu (BL 23), TaiXi (KI 3), XuanZhong (GB 39)
6 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ปวดศีรษะ
( Headache : 头痛)
ปวดศีรษะ เป็ นอาการที่พบได้ บอ่ ย และเป็ นเหตุทําให้ ผ้ ปู ่ วยมาพบแพทย์ มีคํากล่าว
ว่า ในช่วงชีวติ ของคนเราต้ องประสบอาการปวดศีรษะอย่างน้ อยหนึง่ ครัง้ สาเหตุที่ก่อให้ เกิด
อาการปวดศีรษะมีหลากหลาย ทังจากความผิ้ ดปกติของร่างกาย จิตใจ และสิง่ แวดล้ อม
อาการปวดศีรษะมักพบอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้ วยเสมอ ในทางคลินิก แบ่งอาการปวด
ศีรษะเป็ น 2 ประเภท ได้ แก่
1) ปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ (primary or functional headache) หมายถึง การปวด
ศีรษะที่ไม่พบความผิดปกติที่เป็ นสาเหตุของอาการปวดศีรษะ โรคที่พบบ่อย ได้ แก่ ปวดศีรษะ
ไมเกรน (migraine) และ ปวดศีรษะแบบตึงเครี ยด (tension-type headache) ส่วนโรคที่พบ
ค่อนข้ างน้ อย ได้ แก่ ปวดศีรษะเป็ นระลอก (cluster headache) และ ปวดศีรษะครึ่งซีกแบบ
ปะทุ (paroxymal hemicrania)
2) ปวดศีรษะแบบทุตยิ ภูมิ (secondary or organic headache) หมายถึง การ
ปวดศีรษะที่มีสาเหตุให้ เกิดอาการปวดศีรษะ โดยแบ่งสาเหตุตามตําแหน่งของการเกิดโรคเป็ น
2 กลุม่ ได้ แก่ สาเหตุภายในกะโหลกศีรษะ (intracranial causes) เช่น เลือดออกในสมอง
เนื ้องอกสมองหรื อเนื ้องอกที่กระจายมาสมอง เส้ นเลือดโป่ งพอง การติดเชื ้อ ฯ และสาเหตุ
ภายนอกกะโหลกศีรษะ เช่น เส้ นเลือดแดงอักเสบ ไซนัสอักเสบ ต้ อหิน การติดเชื ้อ ความดัน
โลหิตสูง โรคของกระดูกคอ ฯลฯ
การแพทย์แผนจีน แบ่งสาเหตุของการปวดศีรษะ เป็ น 2 ประเภท ได้ แก่
1) การรุกรานจากปั จจัยก่ อโรคนอกร่ างกาย ปั จจัยสําคัญ คือ ลม เข้ ากระทําต่อ
เส้ นลมปราณส่วนบนของร่างกาย ทําให้ ชี่และเลือดไหลเวียนไม่คล่อง
2) ความผิดปกติภายในร่ างกาย แบ่งเป็ น 2 กลุม่ ได้ แก่ กลุม่ แกร่ง เช่น หยางตับ
เกินจากชี่คงั่ หรื ออารมณ์โกรธ และ กลุม่ พร่อง เช่น ชี่และเลือดพร่อง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 7
1. ปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ
ได้ แก่ ปวดศีรษะแบบตึงเครียด ปวดศีรษะไมเกรน และ ปวดศีรษะเป็ นระลอก ซึง่ ทัง้
สามโรครวมกัน พบได้ มากกว่าร้ อยละ 90 ของโรคปวดศีรษะแบบปฐมภูมิทงหมด
ั้
1.1 ปวดศีรษะแบบตึงเครียด (Tension-type headache)
ส่วนใหญ่เกิดจากกล้ ามเนื ้อเครี ยดหรื อตึงตัว (muscle strain) บริเวณหลังคอ โดยมี
ผลทําให้ หลอดเลือดบริเวณต้ นคอหดตัว ทําให้ ขาดเลือดไปเลี ้ยง จึงเกิดอาการปวด โดย
สัมพันธ์กบั อารมณ์ วิตกกังวล แต่ไม่มีประวัตทิ างกรรมพันธุ์
อาการปวดเริ่มจากบริ เวณต้ นคอ แล้ วกระจายไปทัว่ ศีรษะ ปวดเหมือนมีอะไรรัดไว้
อาจมีอาการอื่นร่วมด้ วย เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ซึมเศร้ า ช่วงที่ปวดมาก อาจรู้สกึ ปวดตึง
ขมับ และอาจมีอาการชาร่วมด้ วย อาการปวดอาจเป็ นเดือนละหลายครัง้ แต่ละครัง้ อาจปวด
นานไม่กี่นาที หรื อปวดทังวั้ น หลายวันติดต่อกันก็ได้ ส่วนมากอาการหายได้ เอง ถ้ า
ความเครี ยดลดลงและนอนหลับพักผ่อนได้ เพียงพอ ซึง่ ต่างจากสาเหตุอื่น ๆ การฝั งเข็มรักษา
มักได้ ผลดี
1.2 ปวดศีรษะไมเกรน (Migraine)
อาการปวดศีรษะไมเกรน พบมีประวัตทิ างพันธุกรรมประมาณร้ อยละ 80 มีลกั ษณะ
ปวดได้ 3 แบบ คือ ปวดศีรษะข้ างเดียว ปวดทังสองข้้ าง และปวดสลับข้ างไปมา ตําแหน่งปวด
เป็ นได้ ทงที
ั ้ ่หน้ าผาก ขมับ หรื อท้ ายทอย อาการเริ่มแรกมักปวดรุนแรงและเฉียบพลัน นานเป็ น
นาที จนถึงเป็ นวัน เวลาเกิดอาการไม่แน่นอน ช่วงที่มีอาการ หากมีการเคลื่อนไหวศีรษะจะ
ทําให้ ปวดมากขึ ้น อาการร่วมสําคัญที่ใช้ แยกอาการปวดศีรษะจากสาเหตุอื่น คือ คลื่นไส้
8 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
เกิดจากพยาธิสภาพในสมอง เช่น มีการอักเสบ หรื อมีเนื ้องอก ซึง่ ต้ องแยกให้ ชดั เจน
ทางห้ องปฏิบตั กิ ารก่อนว่า เป็ นจากสมองอักเสบ เนื ้องอก หรื อมะเร็งสมอง โดยทัว่ ไป สมอง
อักเสบ มักมีอาการปวดศีรษะเหมือนจะระเบิด ส่วนเนื ้องอกหรื อมะเร็ งสมองมักมีอาการกด
ทับสมองและเส้ นประสาท ทําให้ มีอาการจากการกดทับร่วมด้ วย เช่น ประสาทตา ทําให้ ปวด
ลูกตา ร่วมกับมีการมองเห็นผิดปกติแบบต่าง ๆ ตามตําแหน่งการกดทับ
การฝั งเข็มบริ เวณศีรษะ ไม่เป็ นเหตุให้ มะเร็งสมองแพร่กระจาย หากผู้ป่วยเกิดความ
วิตกกังวลดังกล่าว อาจเลือกใช้ จดุ ไกลก่อน โดยเลือกใช้ จดุ ตามแนวเส้ นลมปราณที่ผา่ น
บริเวณที่มีอาการปวดศีรษะ แล้ วจึงเพิ่มจุดใกล้ หากอาการไม่ทเุ ลา ดังแสดงตัวอย่างในตาราง
การฝั งเข็มระงับปวดจากเนื ้องอกหรื อมะเร็งสมอง ในระยะแรกมักได้ ผลดี แต่นานไป
ร่างกายผู้ป่วยสามารถปรับตัวได้ ทําให้ เกิดการดื ้อต่อการฝั งเข็ม จึงใช้ ไม่ได้ ผล และที่สําคัญ
ต้ องรักษามะเร็ ง หรื อเนื ้องอกสมอง ตามการแพทย์ตะวันตกร่วมด้ วย
2.2 ปวดศีรษะจากความดันโลหิตสูง
อาจมีอาการปวดศีรษะข้ างขมับ หรื อกลางศีรษะ สาเหตุของโรค ตามศาสตร์ การ
แพทย์แผนจีน ได้ แก่
1) หยางตับแกร่ ง เริ่มต้ นจากผู้ป่วยมีภาวะอินตับและไตพร่อง อย่างค่อยเป็ นค่อย
ไปมาก่อน จนเกิดภาวะหยางตับมีมากขึ ้น
จุดฝั งเข็ม: TaiChong (LR 3), YangLingQuan (GB 34)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 11
2.3 ปวดศีรษะในสตรี
1) เกิดจากความเครี ยดในการทํางาน มีงานมาก ขาดการพักผ่อน ผู้ป่วยจะมีความ
กดดัน นอนไม่หลับหรื อหลับได้ ไม่ดี ร่วมกับอ่อนเพลีย
จุดฝั งเข็ม: เลือกใช้ จดุ ใกล้ -ไกล ดังแสดงไว้ ในตารางข้ างต้ น และเพิม่ จุด ZuSanLi
(ST 36), จุดกึ่งกลางระหว่างจุด SanJian (LI 3) และจุด HeGu (LI 4) (จุดประสบการณ์),
ShenMen (HT 7) และ DiJi (SP 8)
2) ปวดเหมือนเข็มทิ่มแทง หรื อปวดเต้ นตามจังหวะชีพจร (vascular headache)
ส่วนใหญ่มกั มีอาการปวดสัมพันธ์กบั รอบเดือน ทังก่ ้ อนหรื อหลังมีประจําเดือน
จุดฝั งเข็ม: เลือกใช้ จดุ ใกล้ -ไกล ดังแสดงไว้ ในตารางข้ างต้ น และเพิม่ จุด DiJi (SP 8)
และ SanYinJiao (SP 6)
2.4 ปวดศีรษะจาก Mastoid Process อักเสบ หรือ Tonsillar Nerve อักเสบ
จุดฝั งเข็ม: FengChi (GB 20), WanGu (GB 12) หรื อจุดกึ่งกลางระหว่าง
FengChi (GB 20) และ WanGu (GB 12) ( จุดประสบการณ์ )
12 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ปลายประสาทเสื่อมจากเบาหวาน
( Diabetic Peripheral Neuropathy : 糖尿病末梢神经病变)
ภาวะเส้ นประสาทส่วนปลายเสื่อม เป็ นอาการแทรกซ้ อนจากโรคเบาหวานที่พบบ่อย
โดยส่วนใหญ่มกั เกิดอาการหลังจากเป็ นโรคเบาหวานนานมากกว่า 10 ปี แต่อาจเกิดช้ าหรื อ
เร็วกว่านัน้ ขึ ้นกับการดูแลรักษาสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานแต่ละราย
เซลประสาท (neurons) ในผู้ป่วยที่เป็ โนเบาหวานจะมีเมตาบอลิสมที่ผิดปกติ ทําให้
เกิดการเสื่อมของเซลเส้ นประสาท โดยส่วนหางของเซลประสาท (axon) จะเกิดการเสื่อม
สภาพ ในลักษณะจากปลายสุดมาสูต่ วั เซลประสาท (dying back) ดังนัน้ เส้ นประสาทส่วนที่
อยูป่ ลายทางสุด จึงกระทบกระเทือนและเกิดอาการก่อน เส้ นประสาทใดยาวสุดก็จะมีอาการ
ชัดเจนก่อน ด้ วยเหตุนี ้ปลายเท้ าจึงชาก่อนปลายมือ และชาไล่เพิ่มขึ ้นมาเรื่ อย ๆ จากปลาย
นิ ้วเท้ า มาข้ อเท้ า มาขาท่อนล่าง จนถึงใต้ เข่า ขอบเขตของอาการจึงมีลกั ษณะเหมือนคนใส่ถงุ
เท้ า หากอาการรุนแรงขึ ้น จะมีอาการชาจนปวด (painful neuropathy) หรื อหากเส้ นประสาท
ขนาดใหญ่ที่มีปลอกหุ้ม (myelinated nerve fiber) เสื่อมมาก จะทําให้ เสียการทรงตัว หรื อ
การเดินและยืนเซ จากการเสียการรับความรู้สกึ ที่ใช้ ควบคุมการเคลื่อนไหว หรื อชาจนเดินเซ
เรี ยกว่า sensory ataxia อาจรุนแรงจนล้ มเกิดอุบตั เิ หตุบอ่ ย หรื อเป็ นมากจนยืนและเดินไม่ได้
อาการชาจนปวดมีได้ หลายลักษณะ ที่พบบ่อย คือ ชาเหมือนไฟลวก หรื อเอาพริกทา
ชาเจ็บแปล็บ ๆ เหมือนไฟช๊ อต หรื อเข็มทิ่มแทง ส่วนอาการที่เป็ นน้ อยกว่าและมักพบในระยะ
ก่อนอาการชาจนปวด คือ ชาเหมือนไม่ร้ ูสกึ ชาเหมือนมีแมลงไต่ใต้ ผิวหนัง
การรั กษา
การรักษาอาการดังกล่าวทังหมด
้ มักไม่ประสบผลสําเร็จ แพทย์ทวั่ ไปรวมทังแพทย์
้
ระบบประสาทมักให้ ไวตามิน โดยเฉพาะ B1-6-12 เมื่อมีอาการชา และให้ กลุม่ ยากันชักบาง
ชนิดที่มีผลต่ออาการปวด เช่น Gabapentin จากประสบการณ์พบว่า ไวตามิน B1-6-12 มัก
14 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การใช้ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
การกระตุ้นด้ วยไฟฟ้า จัดเป็ นการกระตุ้นเข็มแบบบํารุง โดยใช้ การเคลื่อนที่ของ
กระแสไฟฟ้าไปตามทิศทางของเส้ นลมปราณ เช่น ติดขัวลบที ้ ่ ZuSanLi (ST 36) และขัวบวก้
ที่ TaiChong (LR 3) หรื อ/และ JieXi (ST 41); ติดขัวลบที ้ ่ TaiXi (KI 3) และขัวบวกที
้ ่
SanYinJiao (SP 6); หรื อขัวลบที
้ ่ SanYinJiao (SP 6) หรื อ/และ TaiXi (KI 3) และขัวบวกที
้ ่
XueHai (SP 10) เลือกคลื่นแบบต่อเนื่อง (continuous wave) ความถี่ 100 - 200 Hz เปิ ดไฟ
กระตุ้นเบา ๆ ไม่ต้องรู้สกึ นาน 30 นาที ทําการฝั งเข็ม 10 ครัง้ นับเป็ น 1 รอบการรักษา
(course) รอบการรักษาที่ 1 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 3 ครัง้ , รอบการรักษาที่ 2 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 2
้ กษาสภาพที่ดีที่สดุ
ครัง้ , รอบการรักษาที่ 3 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 1 ครัง้ ต่อเนื่องกัน หลังจากนันรั
ที่ได้ มาด้ วยการให้ การรักษา 1 ครัง้ ทุก 3 - 4 สัปดาห์ เป็ นการรักษาเพื่อคงสภาพที่ดีไว้
(mantainance phase)
ผลการรั กษา
ผู้ป่วยเกือบทุกรายจะมีอาการดีขึ ้น แต่ต้องเน้ นเรื่ องการรักษาควบคุมโรคที่เป็ นอยูซ่ งึ่
16 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
เป็ นสาเหตุที่แท้ จริ ง จําเป็ นต้ องควบคุมโรคให้ ได้ ดี เช่น คุมระดับนํ ้าตาลทัง้ fasting blood
sugar และค่านํ ้าตาลเฉลี่ยในเลือด HbA1C ให้ อยูใ่ นเกณฑ์ปกติด้วย พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการ
ชาทังปลายมื
้ อและปลายเท้ า การฝั งเข็มที่ขาทังสองข้ ้ างดังกล่าวมาข้ างต้ นเพียงอย่างเดียว
สามารถรักษาอาการชาที่ปลายมือได้ ด้วย โดยไม่ต้องมาฝั งเข็มที่แขนหรื อมือเลย
ผู้ป่วยที่มีอาการชาจนปวด จะค่อยทุเลาลงหลังให้ การรักษาประมาณ 15 ครัง้ และ
ค่อย ๆ ลดยาแก้ ปวดที่มีฤทธิ์และอาจหยุดยาได้ หมดในอนาคต คงไว้ แต่ ไวตามิน B1-6-12
รับประทานเพียงอย่างเดียว เพื่อเป็ นวัตถุดบิ ให้ เซลประสาทเอาไปใช้ ซอ่ มแซมตัวเอง
ผู้ป่วยที่มีอาการชาจนเดินเซ หลายรายกลับมายืนและเดินได้ โดยไม่เซ หรื อเซลดลง
ทําให้ โอกาสเกิดอุบตั เิ หตุน้อยลงด้ วย
ปวดประสาทใบหน้ า
( Trigeminal Neuralgia : 面痛)
อาการปวดประสาทสมองเส้ นที่ 5 (Trigeminal nerve) มีลกั ษณะการปวดที่รุนแรง
คล้ ายเข็มแทงเป็ นพัก ๆ (paroxysmal attack of severe, short, sharp, stabbing pain)
อาการปวด เกิดไปตามส่วนของใบหน้ าบริเวณที่แขนงของเส้ นประสาท Trigeminal มาเลี ้ยง
อาจจะเป็ นแขนงที่ 1, 2 หรื อ 3 (V1 V2 V3) หรื อเป็ นมากกว่าหนึง่ แขนงก็ได้ โดยสถิตแิ ขนงที่
2 และ 3 มีโอกาสเกิดอาการปวดมากกว่าแขนงที่ 1 อาการปวดอาจกําเริบรุนแรงเป็ นพัก ๆ วัน
ละหลาย ๆ ครัง้ ครัง้ ละหลายวันถึงหลายเดือนหรื อเป็ นตลอดไปก็ได้
การเคี ้ยวอาหาร การพูด การล้ างหน้ า การแปรงฟั น การกระทบลมเย็นหรื อการแตะ
สัมผัสบริ เวณเฉพาะ (trigger spot) โดยเฉพาะบริเวณริมฝี ปากบนและเหงือก อาจจะกระตุ้น
ให้ อาการปวดรุนแรงขึ ้นมาทันที
สาเหตุและพยาธิสภาพของโรค
1. การกดทับรากประสาท (root or root entry zone compression) เกิดจากการมีวง
ของหลอดเลือดที่ผิดปกติวางพาดหรื ออยูช่ ิดกระทบรากประสาท Trigeminal ตรงบริเวณที่
รากประสาทเพิ่งออกจากก้ านสมองส่วน pons
2. การติดเชื ้อไวรัสบางชนิดที่เส้ นประสาท Trigeminal โดยตรง เช่น เชื ้อไวรัสเริม
เชื ้อไวรัสงูสวัด
3. การอักเสบของอวัยวะข้ างเคียง ที่เส้ นประสาท Trigeminal พาดผ่าน เช่น หูหรื อ
โพรงจมูกเป็ นหนองอักเสบ
4. การเสื่อมของเยื่อหุ้มประสาท (demyelination) บริเวณ pons มักเกิดในคนอายุ
น้ อย กลุม่ นี ้จะไม่มี trigger spot และไม่คอ่ ยตอบสนองต่อการรักษา
5. กลุม่ ไม่ทราบสาเหตุมีอีกเป็ นจํานวนมาก และมักจะเป็ นยาวนานต่อเนื่อง
18 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรั กษา
รักษาด้ วยยาต้ องใช้ กลุม่ ยากันชัก เช่น Carbamazepine, Gabapentin, Pregabalin,
Phenytoin, Lamotrigine นอกจากนี ้บางรายอาจตอบสนองต่อยา Baclofen
การรักษาด้ วยยาดังกล่าว มักได้ ผลไม่ดี เนื่องจากเป็ นการรักษาอาการปวดเท่านัน้
ยาเหล่านี ้มีราคาแพง และมักมีอาการแทรกซ้ อนจากยาในระหว่างการรักษา เช่น อาการง่วง
ซึม วิงเวียนศีรษะ เดินเซ หรื อการกดไขกระดูกทําให้ ไขกระดูกสร้ างเม็ดเลือดไม่ได้ (aplastic
anemia) หรื อแพ้ ยา จนเกิดอาการทางผิวหนังอย่างรุนแรง (Steven Johnson’s syndrome)
การรักษาโรคนี ้ด้ วยการฝั งเข็ม เป็ นที่ยอมรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า
ได้ ผลดี และจากประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยพบว่า เมื่อรักษาด้ วยการฝั งเข็ม ผู้ป่วยส่วน
ใหญ่ความรุนแรงของอาการปวดจะลดลง จํานวนครัง้ ที่ปวดต่อวันจะลดลง และระยะเวลาใน
การปวดแต่ละครัง้ จะสันลง ้ อาการจะดีขึ ้นเรื่ อย ๆ ในระหว่างที่ทําการรักษา ทําให้ สามารถลด
ขนาดยาที่ใช้ ให้ น้อยลง เป็ นการลดอาการแทรกซ้ อนจากยาได้ อย่างมาก ในที่สดุ ผู้ป่วยจํานวน
หนึง่ สามารถหยุดยาต่าง ๆ ได้ หมด ผู้ป่วยส่วนใหญ่เมื่ออาการทุเลามากแล้ ว จําเป็ นต้ องให้
การฝั งเข็มต่อเนื่องเป็ นระยะ ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ตอ่ ครัง้ เพื่อรักษาสภาพอาการที่ดีไว้ โดย
ให้ ยาในขนาดตํ่า ๆ ซึง่ ช่วยลดอาการอันไม่พงึ ประสงค์จากยาลงได้
ปวดประสาทจากเชือ้ งูสวัด
( Herpetic Neuralgia : 带状疱疹后遗神经痛)
อาการปวดประสาทจากโรคติดเชื ้อไวรัส งูสวัด (Herpes Zoster) เป็ นหนึง่ ในกลุม่
อาการปวดที่รักษาให้ หายได้ ยาก มีการรักษาหลายวิธีการ แต่ก็มกั จะได้ ผลไม่ดี ทําให้ ผ้ ปู ่ วย
จํานวนหนึง่ ไม่สามารถทุเลาจากอาการปวดได้ แม้ จะได้ รับการรักษาอย่างเต็มที่แล้ ว ผู้ป่วย
หลายรายต้ องมีอาการปวดอย่างรุนแรงติดตัวไปตลอดชีวิต
้ นโรคผิวหนัง ทําให้ ผ้ ปู ่ วยส่วนใหญ่
ความเข้ าใจผิดของผู้ป่วยที่คดิ ว่าโรคงูสวัดนันเป็
คิดว่าไม่เป็ นไรมาก และมักหาซื ้อยามาใช้ เองหรื อใช้ การรักษาแบบพื ้นบ้ านตามความเชื่อของ
แต่ละถิ่น เมื่อมีอาการปวดรุนแรงมากจึงมาพบแพทย์เฉพาะทาง ซึง่ มักช้ าไป ทําให้ การรักษา
ยาก บางรายได้ รับยาต้ านเชื ้อไวรัสในขนาดน้ อยเกินไป คือให้ ยาเพียงหนึง่ ในสี่ เช่น Acyclovir
200 mg ต่อครัง้ หรื อเพียงครึ่งเดียวของขนาดที่ควรจะได้ เช่น Acyclovir 400 mg ต่อครัง้ วัน
ละ 5 ครัง้ ขนาดของยาดังกล่าวจะเพียงพอสําหรับการรักษาเชื ้อเริม (Herpes Simplex)
เท่านัน้ แต่ไม่เพียงพอสําหรับการกําจัดเชื ้องูสวัด ทําให้ การรักษาในภายหลังได้ ผลไม่ดี เพราะ
การใช้ ยาจะได้ ผลดี เมื่อได้ รับในขนาดที่เพียงพอ และได้ รับในระยะแรก ๆ ของโรค ซึง่ เป็ นช่วง
ที่เชื ้อไวรัสกําลังเพิม่ จํานวนอย่างรวดเร็วเท่านัน้
สาเหตุและพยาธิสภาพของโรค
โรคติดเชื ้องูสวัด มิใช่โรคผิวหนัง แต่เป็ นโรคระบบประสาท อาการที่ผวิ หนังเป็ นส่วน
หนึง่ ของโรคเท่านัน้ เมื่อผู้ป่วยติดเชื ้อไวรัสงูสวัดครัง้ แรก (primary infection) ซึง่ มักเป็ นในวัย
เด็กเล็ก อาการแสดงของโรคจะปรากฏให้ เห็นเป็ นออกสุกใส ซึง่ มีอาการแสดงเฉพาะผิวหนัง
จริง ๆ เมื่ออาการทางผิวหนังหายแล้ ว ร่างกายจะไม่สามารถกําจัดเชื ้อนี ้ได้ หมด เนื่องจาก
ไวรัสงูสวัดสามารถที่จะไปแอบซ่อนตัวในปมประสาทรับความรู้สกึ และเม็ดเลือดขาวบางชนิด
การอยูอ่ ย่างซ่อนเร้ นในเซลประสาทรับความรู้สกึ ของร่างกายนี ้ ทําให้ กลไกกําจัดเชื ้อตาม
22 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยรายแรก หญิงไทย อายุ 29 ปี มีอาการแทรกซ้ อนจากงูสวัด ที่เรี ยกว่า
Ramsay-Hunt syndrome คือ เป็ นงูสวัดบริเวณหูแล้ วเข้ าทําลายเส้ นประสาทสมองเส้ นที่ 5,
7 และ 8 โดยมีอาการปวดใบหน้ า ปากเบี ้ยว และสูญเสียการได้ ยิน (หูดบั ) หลังให้ การรักษา
ด้ วยการฝั งเข็ม 10 ครัง้ อาการหายเป็ นปกติ
ผู้ป่วยรายที่สอง วิสญ ั ญีแพทย์ชาย อายุ 65 ปี นอกจากมีอาการ Ramsay-Hunt
syndrome คือปวดใบหน้ า อัมพฤกษ์ ที่ใบหน้ า และหูดบั แล้ ว ยังทําให้ สมองน้ อยอักเสบ
(cerebellitis) มีอาการมึนศีรษะ เดินเซ เสียการทรงตัว หลังให้ การรักษาด้ วยการฝั งเข็ม 9
ครัง้ พบว่าอาการปวดใบหน้ าหายไป ปากเบี ้ยวน้ อยลง อาการเดินเซยังมีเล็กน้ อย ผลตรวจ
26 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ปวดฟั น
(Toothache : 牙痛)
ปวดฟั น เป็ นปั ญหาที่พบได้ บอ่ ยในโรคของเหงือกและฟั น เช่นเดียวกับ ฟั นผุ เหงือก
อักเสบ และเหงือกร่น อาการปวดจะเพิม่ ขึ ้นเมื่อได้ รับการกระตุ้นจากความร้ อน ความเย็น
กรด และความหวาน
อาการปวดฟั น เกิดได้ จากหลายสาเหตุภายในช่องปาก ได้ แก่ ฟั นผุหรื อหักร้ าวจนถึง
โพรงประสาทฟั น, ฟั นผุที่มีสงิ่ แปลกปลอมอุดตันอยู,่ โรคปริทนั ต์ (periodontal disease),
การสบฟั นผิดปกติ (malocclusion) เป็ นต้ น นอกจากนี ้ อาการปวดฟั นอาจเกิดจากสาเหตุ
อื่นที่ไม่ใช่ปัญหาของเหงือกและฟั นได้ เช่น โรคปวดประสาทใบหน้ า (trigeminal neuralgia)
เมื่อเกิดอาการปวดฟั น อาจรับประทานยาแก้ ปวดเพื่อบรรเทาปวดชัว่ คราว จากนัน้
ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและแก้ ไขต่อไป ไม่ควรนํายาแก้ ปวดทุกชนิดไปแปะหรื อ
อุดไว้ ตรงฟั นหรื อบริเวณที่ปวด เพราะอาจทําให้ เกิดอักเสบหรื อเป็ นแผลพุพองได้ และไม่ควร
ปล่อยทิ ้งไว้ แม้ วา่ จะหายปวดไปแล้ วก็ตาม เพราะผลการรักษาจะดีกว่าเมื่อให้ การรักษาตังแต่
้
ระยะเริ่มต้ น
การแพทย์แผนจีน เรี ยกปั ญหาปวดฟั นว่า Ya Tong (牙痛) โดยมีสาเหตุจาก
1) ลมร้ อน: ลมร้ อนจากภายนอกเข้ ารุกรานและสะสมในเส้ นลมปราณหยางหมิงมือ
และเท้ า ซึง่ เป็ นเส้ นลมปราณที่ไหลเวียนครอบคลุมทังกรามบนและกรามล่
้ าง
2) ไฟกระเพาะอาหาร: ไฟที่แปรสภาพมาจากความร้ อนที่สะสมในกระเพาะอาหาร
และลําไส้ ใหญ่ ลุกลามไปตามเส้ นลมปราณหยางหมิง
3) ร้ อนพร่ องจากอินไตพร่ อง: ไตดูแลกระดูก ซึง่ ฟั นนับเป็ นส่วนหนึง่ ของกระดูก
เมื่อไตอินพร่องทําให้ เกิดภาวะร้ อนพร่อง (ร้ อนเพราะอินพร่อง) ความร้ อนกระจายขึ ้นส่วนบน
เกิดอาการปวดฟั น
30 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรั กษา
การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
1. ปวดฟั นจากลมร้ อนเข้ ารุ กราน
อาการ: ปวดฟั นรุนแรงอย่างเฉียบพลัน เหงือกบวมและแดง ร่วมกับมีไข้ หนาวสัน่
อาการปวดมากขึ ้นเมื่อกระทบร้ อน และทุเลาด้ วยความเย็น
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าบาง-เหลือง
ชีพจร: ชีพจรลอย-เร็ ว (Fu-ShuMai)
หลักการรักษา: ระบายลม สยบความร้ อน ลดอาการบวม และระงับปวด
จุดหลัก: กระตุ้นระบาย FengChi (GB 20), HeGu (LI 4)
จุดเสริม: - ปวดฟั นบน กระตุ้นระบาย XiaGuan (ST 7)
- ปวดฟั นล่าง กระตุ้นระบาย JiaChe (ST 6)
- มีไข้ กระตุ้นระบาย DaZhui (GV 14)
วิธีการ: จุดหลัก กระตุ้นระบาย 1 - 3 นาที คาเข็ม 30 นาที หากอาการปวดยังไม่
ทุเลา ให้ ใช้ จดุ ฝั งเข็มเสริ ม ปวดฟั นบน XiaGuan (ST 7), ปวดฟั นล่าง JiaChe (ST 6), ขณะ
กระตุ้นสองจุดนี ้แบบระบาย แนะนําให้ ผ้ ปู ่ วยกัดฟั นไปพร้ อมกันจนอาการปวดฟั นลดลง
อธิบาย: FengChi (GB 20) เป็ นจุดสําคัญใช้ ในการระบายลมและไฟ; HeGu (LI 4)
เป็ นจุดสําคัญในการลดอาการปวดฟั น ทะลวงเส้ นลมปราณ และใช้ ระบายลมและความร้ อน
2. ปวดฟั นจากไฟกระเพาะอาหาร
อาการ: อาการปวดฟั นอย่างรุนแรง ร่วมกับเหงือกบวมแดง กําเริบโดยความร้ อน
ทุเลาโดยความเย็น กระหายนํ ้า มีกลิน่ ปาก ท้ องผูก ปั สสาวะสีเข้ ม
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าเหลือง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 31
การฝั งเข็มจุดเฉพาะ
1. YeMen (TE 2)
ข้ อบ่ งใช้ : ปวดฟั นในหลายลักษณะ
จุดที่ใช้ : YeMen (TE 2) ข้ างที่ปวด
วิธีการ: ใช้ เข็ม 1.5 ชุ่น ที่จดุ YeMen (TE 2) ปั กเฉียงขึ ้น ลึก 0.5 – 1 ชุ่นระหว่าง
กระดูกมือที่ 4 และ 5 กระตุ้นเข็มจนได้ ชี่ และมีความรู้สกึ กระจายไปปลายนิ ้ว หรื อไปที่แขน
หรื อศอก คาเข็ม 20 – 60 นาที หากอาการปวดไม่ทเุ ลาลงอย่างมากใน 15 นาที ให้ ฝังจุด
YeMen (TE 2) ของมืออีกข้ างและกระตุ้นเช่นเดียวกัน โดยทัว่ ไปอาการปวดจะหายได้ ในการ
รักษาหนึง่ ครัง้
2. YaTong (EX-UE 22)
ข้ อบ่ งใช้ : ปวดฟั นในหลายลักษณะ
จุดที่ใช้ : YaTong (EX-UE 22) ข้ างที่ปวด
วิธีการ: จุด YaTong(EX-UE 22) อยูบ่ นนิ ้วหัวแม่มือด้ านหลังมือ ตรงกึ่งกลางข้ อต่อ
กระดูกนิ ้วมือและกระดูกฝ่ ามือ (1st metacarpophalangeal joint) ใช้ เข็ม 1 ชุ่น ปั กแนวราบ
ให้ เฉียงขึ ้นบนลึก 0.5 ชุ่น แล้ วกระตุ้นให้ ได้ ชี่ และมีความรู้สกึ ไปถึงเหงือก คาเข็มไว้ 30 นาที
โดยทัว่ ไปอาการปวดจะหายได้ ในการรักษาหนึง่ ครัง้
3. YaTongLing (EX-UE 18)
ข้ อบ่ งใช้ : ปวดฟั นในหลายลักษณะ
จุดที่ใช้ : YaTongLing (EX-UE 18) ข้ างที่ปวด
วิธีการ: จุด YaTongLing(EX-UE 18) อยูด่ ้ านฝ่ ามือ ระหว่างข้ อต่อกระดูกนิ ้วมือและ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 33
กระดูกฝ่ ามือ ของนิ ้วกลางและนิ ้วนาง (3rd & 4th metacarpophalangeal joints) ใช้ เข็ม 1 ชุ่น
ปั กตรงลึก 0.3 – 0.4 ชุ่น แล้ วกระตุ้นแบบระบายให้ ได้ ชี่ คาเข็มไว้ จนอาการปวดฟั นหายไป
โดยปกติฝังเข็มรักษา 1 – 2 ครัง้ ก็ได้ ผลดี
การฝั งเข็มหู
จุดหลัก: ShenMen, Cheek, Apex of Antitragus, YaTongDing
จุดเสริม:- เหตุจากลมร้ อน Inner ear, Ear Apex
- เหตุจากไฟกระเพาะอาหาร Stomach, Large intestine
- เหตุจากไตอินพร่อง Kidney
34 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
- กลุ่มอาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนือ้
(Myofascial Pain Syndrome : 肌筋膜炎综合症)
กลุม่ อาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนื ้อ เป็ นกลุม่ อาการที่มีลกั ษณะปวดอันเนื่องจากมี
“จุดกดเจ็บเฉพาะ” (Trigger point ; TrP) ในกล้ ามเนื ้อ
ลักษณะของโรค
1. อาการและอาการแสดงทางคลินิก
- มีจดุ กดเจ็บเฉพาะ
- ลักษณะปวด เป็ นแบบหนักตื ้อ (dull pain) ปวดล้ า (soreness) และตําแหน่งอยูล่ กึ
- ความรุนแรงของการปวด มีตงแต่
ั ้ เล็กน้ อยจนถึงปวดมาก หรื อปวดมากจนอยากฆ่า
ตัวตาย
- อาการปวดขณะพักหรื อออกกําลังกาย
- ตําแหน่งที่ปวด ไม่จําเป็ นต้ องพบทังสองข้
้ างของร่างกาย (non symmetry)
2. การตรวจร่ างกาย
- ด้ านกําลังของกล้ ามเนื ้อ (motor) อาจพบมีกล้ ามเนื ้ออ่อนแรง กล้ ามเนื ้อหดสัน้
แข็งเกร็ ง ทําให้ ร่างกายเคลือ่ นไหวได้ น้อยลง
- ด้ านความรู้สกึ (sensory) อาจพบชาตามบริเวณที่เกิดโรค ด้ านประสาทอัตโนมัติ
(ANS) เช่น มีเหงื่อออกผิดปกติ นํ ้าตาไหล นํ ้ามูกไหล นํ ้าลายไหลมากผิดปกติ มึนงง เสียง
ดังในหู เป็ นต้ น
- จากความปวดทําให้ ผ้ ปู ่ วยเกิดปั ญหาการนอนหลับตามมาได้
สาเหตุของโรค
แบ่งเป็ น 3 ปั จจัยที่ทําให้ เกิดโรค ดังนี ้
1. ปั จจัยจากกลไกทางกระดูก กล้ ามเนือ้ เส้ นเอ็น (mechanical factors) จาก
36 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
จุดเด่ นของโรคนี ้
1. คลําพบ จุดกดเจ็บเฉพาะ
2. ปวดร้ าวไปบริ เวณอื่น (referred pain) ซึง่ มีบริเวณที่ร้าวกระจายโดยเฉพาะ คลํา
ตามเส้ นใยกล้ ามเนื ้ออาจพบ “แถบกล้ ามเนื ้อ” (taut band)
3. เมื่อออกแรงกด (snapping palpation) ที่จดุ เจ็บเฉพาะ อาจพบการกระตุกของ
กล้ ามเนื ้อเฉพาะที่ (local twitch response ; LTR)
4. เมื่อกดถูกจุดเจ็บเฉพาะ ผู้ป่วยอาจรู้สกึ ปวดมากจนทําให้ ผ้ ปู ่ วยเคลื่อนหนี (jump
sign)
การแยกระหว่าง จุดกดเจ็บเฉพาะ (trigger point) และ จุดกดเจ็บ (tender point)
คือ จุดกดเจ็บเฉพาะ มีลกั ษณะ เมื่อกดถูกจุดที่เจ็บผู้ป่วยจะรู้สกึ อาการเจ็บนันร้ ้ าวกระจาย
ไปที่อื่น อาจมีการกระตุกของกล้ ามเนื ้อเฉพาะที่ ขณะที่จุดกดเจ็บ ผู้ป่วยจะรู้สกึ เจ็บบริ เวณที่
ถูกกด แต่ไม่ร้าวกระจายไปที่อื่น
จุดกดเจ็บเฉพาะ แบ่งเป็ น 2 ประเภท คือ
1) จุดกดเจ็บเฉพาะ ที่มีอาการ (activc TrP) ซึง่ เป็ นเหตุให้ ผ้ ปู ่ วยมาพบแพทย์ด้วย
อาการปวดตังแต่ ้ เล็กน้ อยจดถึงปวดอย่างรุนแรง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 37
การวินิจฉัย
การวินิจฉัย อาศัยอาการทางคลินิก ซึง่ ประกอบด้ วยเกณฑ์หลัก 5 ข้ อ (major
criteria) และเกณฑ์ยอ่ ย (minor criteria) อย่างน้ อย 1 ใน 3 ดังนี ้
เกณฑ์ หลัก 5 ข้ อ ได้ แก่
1. มีอาการปวดเฉพาะบริ เวณ (Regional pain complaint)
2. มีอาการปวดหรื ออาการอื่นที่ร้าวกระจายมาจากจุดกดเจ็บเฉพาะ (pain complaint
or altered sensation in the expected distribution of referred pain from a myofascial TrP)
3. คลําพบลํากล้ ามเนื ้อ ในกล้ ามเนื ้อที่เป็ นต้ นเหตุ (Taut band palpable in an
accessible muscle)
4. ตรวจพบจุดกดเจ็บชัดเจนสุด 1 จุด ในลํากล้ ามเนื ้อ (Exquisite spot tenderness
at 1 point along the length of the taut band)
38 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรั กษา
1. การรักษาแบบการแพทย์ แผนปั จจุบนั
- การฉีดยาจุดกดเจ็บเฉพาะ (TrP injections) ยาที่ใช้ เช่น Bupivacaine,
Etidocaine, Lidocaine, Saline, Sterile water, Steroids, Botulinum toxin เป็ นต้ น
- การแทงเข็ม (dry needling)
- การรักษาทางเวชศาสตร์ ฟื้นฟู โดยกายภาพบําบัด เช่น ใช้ คลืน่ เสียงความถี่
สูงรักษาที่จดุ ตามด้ วยการยืดกล้ ามเนื ้อ เป็ นต้ น
ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยรายที่ 1 ผู้ป่วยหญิงไทยโสดอายุ 33 ปี ทํางานเป็ นลูกจ้ างมีอาการปวดสะบักซ้ าย
หลายเดือน ใช้ คอมพิวเตอร์ ตงแต่ ั ้ 9.00 น.-18.00 น. สะพายกระเป๋ าหนักไปและกลับ จากที่
ทํางานเป็ นประจํา ตรวจร่างกายพบจุดกดเจ็บเฉพาะและคลําพบลํากล้ ามเนื ้อที่กล้ ามเนื ้อ
Upper และ Lower Trapezius มีจดุ กดเจ็บที่กล้ ามเนื ้อ Supraspinatus และ Infraspinatus
ข้ างซ้ าย เมื่อใช้ เข็มปั กกระตุ้นตรงจุดที่กดเจ็บเฉพาะ พบการกระตุกของกล้ ามเนื ้อดังกล่าว
และร้ าวลงแขนซ้ าย ซึง่ เป็ นไปตามบริเวณที่ร้าวกระจายโดยเฉพาะ
40 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ข้ อสังเกตและคําแนะนํา
1. สามารถใช้ การฝั งเข็มเพียงอย่างเดียว หรื อผสมผสานการรักษาร่วมกับการรักษา
อื่น ๆ ในการแพทย์แผนปั จจุบนั เช่น ยา กายภาพบําบัด เป็ นต้ น
2. ไม่ควรกระตุ้นเข็มรุนแรงหรื อหลายครัง้ เกินไป เพราะอาจทําให้ มีอาการปวดระบม
หลังจากการรักษาได้
3. การรักษาที่ต้นเหตุ ควรหลีกเลี่ยงการทํางานในท่าใดท่าหนึง่ นานๆ เช่น นัง่ ทําคอม
พิวเตอร์ เป็ นระยะเวลานาน ๆ โดยไม่พกั การขับรถนาน ๆ หรื อหลีกเลี่ยงการใช้ อิริยาบถที่ไม่
เหมาะสม เช่น การเอี ้ยวคอ หรื อหนุนหมอนท่ากึง่ นัง่ กึ่งนอนดูโทรทัศน์เป็ นระยะเวลานาน ๆ
เป็ นต้ น ดังนันควรหลี
้ กเลีย่ งอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมร่วมกับการออกกําลังแบบยืดกล้ ามเนื ้อ
(Stretching exercise) ของกล้ ามเนื ้อมัดนันจะป้ ้ องกันการเกิดซํ ้าได้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 41
- อาการเจ็บอก
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: XinShu (BL 15) และ JuQue (CV 14) เป็ นการใช้ จดุ ร่วม
อวัยวะหลังและหน้ า (Shu-Mu) ของหัวใจ เพื่อเสริมบํารุงหยางหัวใจและกระตุ้นการไหลเวียน
เลือดของหัวใจ บรรเทาอาการเจ็บจากกล้ ามเนื ้อหัวใจ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 45
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: XinShu (BL 15), JueYinShu (BL 14), PiShu (BL 20),
GeShu (BL 17) และ ZuSanLi (ST 36) จุดอวัยวะหลัง ของหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ม้ าม จุด
อิทธิพลต่อเลือด และจุดเหอ-ทะเลของกระเพาะอาหารตามลําดับ ใช้ เพื่อเสริมบํารุงหัวใจ
ม้ ามและกระเพาะอาหาร และเลือด
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: ZhongWan (CV 12) จุดอวัยวะหน้ าของกระเพาะอาหาร
และจุดอิทธิพลต่ออวัยวะกลวง สําหรับรักษาอาการเบือ่ อาหาร
- กระตุ้นบํารุงระบายเท่ากัน: DanZhong (CV 17) และ NeiGuan (PC 6) สําหรับ
อาการแน่นและเจ็บอก
- กระตุ้นบํารุงระบายเท่ากัน: ShenMen (HT 7) จุดซู-ลําธาร และจุดเหยวียน (Yuan)
ของเส้ นลมปราณหัวใจ ใช้ สาํ หรับอาการใจสัน่ หรื อ ชีพจรไม่สมํ่าเสมอ
- อาการมากขึน้ เมื่อออกแรง
- เกิดจากหยางหัวใจและหยางไตพร่อง ซึง่ พบร่วมกับอาการขยาดหนาว แขนขาเย็น
เอวและเข่ามีอาการปวดเมื่อยหรื ออ่อนแรง และอาจมีอาการขาบวม ลิ ้นซีด ชีพจรเล็ก-จม
อ่อน (Xi-RuoMai) หรื อ ชีพจรช้ าสลับหยุดสมํ่าเสมอ (DaiMai)
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: XinShu (BL 15), GuanYuan (CV 4), QiHai (CV 6),
ShenShu (BL 23), ZuSanLi (ST 36)
- กระตุ้นระบาย: NeiGuan (PC 6)
- หากมีอาการขาบวม เพิ่มเข็มอุน่ หรื อรมยาจุด YinLingQuan (SP 9)
อย่าฝั งเข็มเพลิน จนลืมไป ว่าเราก็เป็ นแพทย์แผนปั จจุบนั ชัน้ ๑ ด้ วยคนหนึง่ เหมือนกัน เรา
อาจแก้ ปัญหาให้ ผ้ ปู ่ วยได้ โดยไม่ต้องแกะเข็มออกจากซองเลยก็ได้
เจ็บคอ
( Sore Throat : 喉咙痛)
เจ็บคอ หรื อ “HouBi” หมายถึง คอเจ็บ หรื อมีอาการรู้สกึ คอไม่โล่งสบาย มีอาการ
บวมแดง หรือตุม่ ต่อมที่ผนังด้ านหลังคอนูนโตขึ ้น ในแผนปั จจุบนั ครอบคลุมถึงโรคคออักเสบ
ต่อมทอนซิลอักเสบ ทังที ้ ่เป็ นแบบเฉียบพลันหรื อเรื อ้ รัง
ในคัมภีร์ ซู่เวิ่ น กล่าวถึง HouBi ว่า “เป็ นภาวะที่อินและหยางเกาะเกี่ยวกัน ทําให้ เกิด
ภาวะ HouBi” คําว่า Bi หมายถึง ไม่สะดวก ไม่โล่ง ในคัมภีร์ จูปิ้งเหวียนโฮ่วลุ่น กล่าวว่า
“HouBi เกิดจากการที่คอมีอาการบวม ไม่โล่ง ไหลเวียนไม่สะดวก ทําให้ เกิดอาการเจ็บ ปวด
ต้ นคอ เพราะสารเหลวที่ดไี ม่สามารถเข้ าถึงบริเวณนันได้ ้ ” ในคัมภีร์ ตันซี ซินฝ่ า กล่าวว่า
“HouBi ส่วนใหญ่พบได้ ในภาวะ เสลดร้ อน”
กระดูกคอเสื่อม
( Cervical Spondylosis : 颈椎病)
โรคกระดูกคอเสื่อม เป็ นกลุม่ อาการของโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของกระดูกสัน
หลังส่วนคอ แล้ วร่างกายมีขบวนการซ่อมแซมจนเกิดเป็ นการงอกของกระดูกคอ ซึง่ จะไปทํา
อันตรายต่อเนื ้อเยื่อโดยรอบ ทําให้ เกิดการอักเสบของกล้ ามเนื ้อ เส้ นเอ็น และรากประสาทสัน
หลังส่วนคอ ทําให้ ผ้ ปู ่ วยเกิดอาการปวดบริเวณศีรษะ คอ ไหล่ แขน และหน้ าอก
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
เกิดจาก ลม ความเย็น ความชื ้นภายนอก มากระทําต่อร่างกาย ทําให้ เส้ นลมปราณ
อุดตัน ชี่และเลือดไหลเวียนไม่คล่อง หรื อเกิดจากการอ่อนแรงของตับและไตตามวัย ทําให้ ซี่
และเลือดพร่อง ส่งผลให้ เส้ นเอ็นได้ รับสารอาหารหล่อเลี ้ยงไม่เพียงพอ หรื อเกิดจากความ
เสื่อมของเส้ นเอ็นและเส้ นเลือด เนื่องจากได้ รับบาดเจ็บตึงรัง้ ติดต่อกันเป็ นเวลานาน
การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการโรค
1. ลม ความเย็นจากภายนอกเข้ ารุ กราน
อาการ: ปวดคอ คอแข็ง อาจมีอาการของไหล่และแขนร่วมด้ วย ได้ แก่ แขนเย็น ชา
มือ หรื อรู้สกึ หนัก ๆ อาการจะมากขึ ้นเมื่อกระทบกับลมหรื อความเย็น
ลิน้ มีฝ้าบางและขาว ; ชีพจรลอย-ตึง (Fu-XianMai)
2. ชี่และเลือดติดขัด
อาการ: ปวดตึง ๆ หรื อปวดแปล๊ บคล้ ายเข็มแทง บริเวณคอ ไหล่ และแขน หรื อ
ปวดร้ าวลงแขน ร่วมกับอาการมึนงง ปวดศีรษะ จิตใจซึมเศร้ า และอาจมีอาการแน่นและปวด
หน้ าอกร่วมด้ วย
ลิน้ หนา ฝ้าบางและขาว ; ชีพจร ไม่สมํ่าเสมอ หรื อลึก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 55
3. ตับและไตพร่ อง
อาการ: ชาและปวด บริเวณคอ ไหล่ และแผ่นหลังอย่างช้ า ๆ ร่วมกับ อาการมึนงง
ตาพร่า เสียงดังในหู หูอื ้อ ปวดหรื ออ่อนแรงเข่าและขา อาการรุนแรงขึ ้นเมื่อทํางานตรากตรํ า
ลิน้ : ปวดลิ ้น ฝ้าบาง ; ชีพจร ลึก บางและอ่อนแรง
การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก: Cervical JiaJi (EX-B 2), FengChi (GB 20), DaZhui (BL 11) และ
จุด Ashi โดยจุดที่คอใช้ เทคนิคการหมุนและปั่ นเข็ม หรื อใช้ รมยาร่วมกับการครอบกระปุก
จุดเสริม: ตามสาเหตุของโรค
- ลมและความเย็นภายนอกเข้ ารุกราน: ระบาย HeGu (LI 4), WaiGuan (TE 5),
FengMen (BL 12) และ JianJing (GB 21)
- ชี่และเลือดติดขัด: ระบาย HeGu (LI 4), QuChi (LI 11), JianYu (LI 15),
GeShu (BL 17), YangLingQuan (GB 34)
- ตับและไตพร่อง: บํารุง GanShu (BL 18), ShenShu (BL 23), ZuSanLi (ST 36),
XuanZhong (GB 39) และ TaiChong (LR 3)
2. การฝั งเข็มหู
ใช้ จดุ Neck (AH 12), Cervical Vertebra (AH 13), Shoulder (SF 4,5), Kidney
(CO 10) และ Ear ShenMen (TF 4) เลือกใช้ ครัง้ ละ 2 – 3 จุด กระตุ้นเข็มด้ วยแรงปานกลาง
- แรง จากนันคาเข็
้ ม 20 – 30 นาที วันละ 1 ครัง้ หรื อวันเว้ นวัน อาจใช้ เม็ดแม่เหล็ก หรื อเมล็ด
พืชกดแทนเข็ม
56 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ไหล่ ตดิ
(Frozen Shoulder - Adhesive Capsulitis : 冻结肩)
Frozen shoulder หรื อ Adhesive capsulitis หมายถึง ข้ อไหล่เคลื่อนไหวติดขัด ไม่
ว่าจะเคลื่อนไหวเอง หรื อจับให้ เคลื่อนไหวโดยผู้อื่น สาเหตุของข้ อไหล่ตดิ เกิดจาก การอักเสบ
การเกิดแผลเป็ น การหนาตัว การหดรัง้ ของเนื ้อเยื่อที่อยูร่ อบข้ อไหล่ เช่น Bursitis/Rotator
cuff tendinitis, Calcific tendinitis, Periarthritis of shoulder
ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้มีปัญหาข้ อไหล่อกั เสบเรื อ้ รัง ผู้มีประวัตผิ า่ ตัดทรวงอกหรื อเต้ านม
หรื อการไม่ได้ เคลื่อนไหวข้ อไหล่เป็ นเวลานาน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดข้ อไหล่ตดิ มากขึ ้น
อาการและอาการแสดงทางคลินิก
อาการและอาการแสดงของข้ อไหล่ตดิ ขึ ้นกับระยะของโรค
1) Painful/Freezing Stage: เป็ นช่วงที่มีอาการปวดข้ อไหล่มากที่สดุ ปวดมากขึ ้น
เมื่อนอนทับไหล่ข้างที่มีอาการ ข้ อไหล่เคลื่อนไหวได้ จํากัด แต่เคลื่อนไหวได้ มากกว่าช่วง
frozen stage ช่วงนี ้กินเวลาประมาณ 6 - 12 สัปดาห์
2) Frozen Stage: ช่วงอาการปวดไหล่จะลดลง แต่ไหล่จะติดมากขึ ้น ช่วงนี ้กินเวลา
ประมาณ 4 - 6 เดือน
3) Thawing Stage: เป็ นช่วงที่อาการข้ อติดค่อย ๆ ดีขึ ้น สามารถเคลื่อนไหวไหล่ได้
มากขึ ้น ช่วงนี ้ใช้ ระยะเวลาเป็ นมากกว่า1 ปี
การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
หลักการรักษา: ขับเคลื่อนเอ็นและจิงลัว่ ให้ ไหลเวียนคล่อง เลือดและชี่ไหลเวียนดี
จุดหลัก: จุดใกล้ ใช้ จดุ บริเวณข้ อไหล่เป็ นหลัก ได้ แก่ JianYu (LI 15), JianQian
(EX-UE 12) (JianQian อยูก่ ึ่งกลางระหว่าง anterior axillary fold และจุด JianYu),
JianZhen (SI 9) และจุด AShi (trigger point) ร่วมกับ จุดไกล ได้ แก่ YangLingQuan (GB
34) และ ZhongPing (EX-LE 17) (ZhongPing อยูใ่ ต้ ตอ่ ZuSanLi (ST 36) 1 ชุ่น)
วิธีการ:
- จุดใกล้ ฝั งเข็ม กระตุ้นระบาย แล้ วตามด้ วยรมยา เพื่อขับลม ขจัดเย็น กระตุ้นให้
เลือดลมไหลเวียนคล่องขึ ้น
- จุดไกล กระตุ้นระบาย YangLingQuan ( GB 34) เป็ นจุดอิทธิพลต่อเส้ นเอ็น ทําให้
เส้ นเอ็นและลัว่ ขับเคลื่อนคล่อง ลมปราณไหลเวียนดี ลดอาการปวด และจุด ZhongPing
(EX-LE 17) ซึง่ เป็ นจุดประสบการณ์ที่ใช้ รักษาอาการปวดไหล่แล้ วได้ ผลดี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 59
3. การฝั งเข็มหู
ใช้ จดุ Shoulder, Shoulder Joint, Clavicle, Shenmen แต่ละครัง้ เลือก 3-4 จุด ปั ก
เข็มกระตุ้นแรง คาเข็มไว้ 30 นาที หรื อแปะจุดดังกล่าว
การฝั งเข็มจากการศึกษาทางคลินิก
ประสบการณ์รักษาโดยนายแพทย์จู (จาก Shanghai Journal of Acupuncture and
Moxibustion,1997,16(3).23) ฝั งเข็มร่วมกับทุยหนา จุด JianYu (LI 15), JianLiao (TE 14),
60 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
JianZhen (SI 9), BiNao (LI 14), Quchi (LI 11), WaiGuan (TE 5), HeGu (LI 4), และ
TiaoKou (ST 38) โดยให้ ผ้ ปู ่ วยอยูใ่ นท่านัง่ ใช้ เข็มยาว 75 mm ปั กที่ Quchi (LI 11) ของแขน
ข้ างที่มีอาการปวดกระตุ้นให้ ร้ ูสกึ ร้ าวถึงหัวไหล่ แล้ วปั กจุดอื่น ๆ ตาม สุดท้ ายปั ก TiaoKou
(ST 38) กระตุ้นให้ ร้ ูสกึ ร้ าวขาไปแขนจากแขนไปไหล่ คาเข็มไว้ 30 นาที หลังถอนเข็มครอบ
กระปุก 4 - 5 ตําแหน่ง บริ เวณที่ปวด 5 - 10 นาที หลังครอบกระปุกต่อด้ วยทุยหนา ได้ ผล 97-
100%
ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยชาย อายุ 43 ปี มีอาการปวดไหล่ขวามา 10 เดือน เมื่ออาการปวดกําเริ บจะร้ าว
ไปที่แขนและข้ อมือ อากาศเย็นอาการปวดจะเป็ นมากขึ ้น ไหล่ขวาเคลือ่ นไหวติดขัด ไม่วา่ จะ
วางแขน หุบแขนหรื อไพล่หลัง ไม่สามารถทําได้ ปกติ รับประทานยาแล้ วอาการไม่ทเุ ลา ได้ รับ
การรักษาด้ วยการฝั งเข็มโดยเลือกจุด JianLiao (TE 14), WaiGuan (TE 5), ZhongZhu
(TE 3), YangLinQuan (SP 6) ปั กเข็มร่วมกับกระตุ้นด้ วยไฟฟ้า หลังรักษา 12 ครัง้ อาการ
ปวดทุเลาและสามารถเคลื่อนไหวไหล่ขวาได้ คล่อง
ข้ อสังเกตและคําแนะนํา
การรักษาไหล่ตดิ ด้ วยการฝั งเข็มผลค่อนข้ างดี แต่ขึ ้นกับระยะของโรคด้ วย ถ้ ามา
รักษาในช่วงแรกมักจะตอบสนองเร็ วกว่ามาในระยะเรื อ้ รัง และตัวผู้ป่วยเองต้ องให้ ความ
ร่วมมือในการออกกําลังกายเสริ ม เช่น การไต่กําแพงทุกวัน วันละ 2 - 3 ครัง้ และควรดูแลไหล่
ข้ างที่มีอาการไม่ให้ กระทบลมเย็น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 61
ปวดข้ อศอก
(Tennis Elbow : 网球肘)
ปวดข้ อศอก เป็ นภาวะที่ข้อศอกมีอาการปวด เจ็บ และการเคลื่อนไหลของข้ อศอกไม่
สะดวก ทัว่ ไปมักเรี ยกว่า Tennis Elbow จัดอยูใ่ นโรคปี เ้ จิ ้งหรื อปวดข้ อศอก จัดอยูใ่ นทาง
การแพทย์ปัจจุบนั กลุม่ โรค External Husneral Epicondylilis สาเหตุของโรคมักเกิดจากการ
ใช้ งานเกินกําลังออทําให้ เกิดบาดเจ็บต่อกล้ ามเนื ้อของเอ็นในบริเวณข้ อศอก มักพบในนักกีฬา
เทนนิส พนักงานพิมพ์ดีด คนใช้ แรงงานยกหิ ้วของหนัก อัตราส่วนหญิงต่อชาย 1 : 3 และมัก
เป็ นที่ข้อศอกขวา ทางการแพทย์จีนแบ่งสาเหตุของโรคนี ้ได้ แก่ การใช้ กําลังงานแขนไม่
เหมาะสม การที่แขนถูกลมเย็นเข้ ากระทบต่อเส้ นลมปราณบริ เวณข้ อศอก การที่บริเวณ
ข้ อศอกมีเลือดลมไม่พอ เหล่านี ้ทําให้ เกิดการไหลเวียนของเลือดลมติดขัด อันนําไปสูอ่ าการ
ปวด
อาการแสดงทางคลินิก
มักมีประวัตกิ ารทํางานของข้ อศอกมากไป ปวดบริ เวณข้ อศอกด้ านนอก ในระยะแรก
ของโรค อาการจะเจ็บมากเวลาใช้ งานมากและทุเลาเวลาได้ พกั ผ่อน กดเจ็บบริเวณข้ อศอก
ด้ านนอก บริเวณด้ านนอกของกระดูก Humerus หรื อบริเวณ Humororadial joint หรื อ
Auterior radial head
การวิเคราะห์ แยกโรค
1. จากการใช้ งานมากเกินไป มีประวัตกิ ารใช้ งานมากไป ปวดบริ เวณข้ อศอก เป็ น
มากอาจจะปวดบริ เวณต้ นแขนด้ านข้ างด้ วย เวลาหมุนแขน (Sapinate pronate) แขนจะเจ็บ
กดจะเจ็บมาก ลิน้ แดงคลํ ้า ฝ้าขาวบาง ชีพจร จมฝื ด หรื อจมเล็ก
2. กระทบลมเย็น มีประวัตกิ ระทบกับลมเย็น ปวดบริเวณข้ อศอกด้ านนอก เวลาหมุน
แขน (Sapinate pronate) แขนจะเจ็บ กดจะเจ็บมาก ลิน้ ซีดแดง ฝ้าขาวบาง ชีพจร เล็ก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 63
การรั กษา
- การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก : ZhouLiao (LI 12), QuChi (LI 11), ShouSanLi (LI 10),
ShouWuLi (LI 13), WaiGuan (TE 5), HeQu (LI 4), AhShi Point.
จุดเสริม :
- ถ้ ามีเลือดคัง่ เพิ่ม GeShu (BL 17)
- ถ้ ามีชี่พร่อง เพิ่ม ZuSanLi (ST 36)
- ถ้ าหมุนแขนไปทางด้ านหน้ า (Anterior rotate forarm..) เจ็บเพิ่ม
XiaLian (LI 8)
- ถ้ าหมุนแขนมทางด้ านหลัง (Posterios rotate forarms) แล้ วเจ็บ ให้ เพิ่ม
ChiZe (LU 5)
- ถ้ าเจ็บด้ านใน (Medial) ของข้ อศอก เพิม่ ShaoHai (HT 3)
- ถ้ าปลายศอกด้ านหลังเจ็บ เพิ่ม TianJing (TE 10)
วิธีปักเข็ม ส่วนใหญ่ผ้ ปู ่ วยมักตรวจพบภาวะพร่อง วิธีรักษาให้ ใช้ การเสริม แต่ถ้าเป็ น
ภาวะแกร่ง เย็น มีเลือดติดขัดให้ ใช้ วิธีระบาย โดยเลือกใช้ เส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ องมีเส้ นทาง
ผ่านศอก ได้ แก่ เส้ นลมปราณหยางมือ เส้ นลมปราณอินมือ อย่างละ 3 เส้ น เส้ นลมปราณ
หยางหมิงมือเป็ นเส้ นหลักที่ถกู กระทบมากที่สดุ และจุดฝั งเข็มที่เลือกใช้ บอ่ ยได้ แก่ ZhouLiao
(LI 12), QuChi (LI 11), ShouSanLi (LI 10) เพื่อเปิ ดเส้ นลมปราณและเลือดให้ ไหลเวียน
สะดวก ส่วนเส้ นลมปราณเส้ าหยางมือ เลือกจุด TianJing (TE 10) และ WaiGuan (TE 5)
เป็ นจุดไกลของเส้ นลมปราณที่อยูไ่ กล สําหรับ WaiGuan (TE 5) เป็ นหยางเหวยม่าย และ
HeQu (LI 4) มีคณุ สมบัตขิ บั ลมเย็นได้ ด้วย
อาการและอาการแสดงทางคลินิก
Carpal tunnel syndrome มีอาการชา เหมือนมีเข็มทิ่ม (tingling) แสบร้ อนที่นิ ้วมือ
ทังห้
้ าโดยเฉพาะนิ ้วชี ้และนิ ้วกลาง บางรายอาจไม่สามารถกํามือได้ และอาจปวดทังแขนจน ้
ถึงหัวไหล่ หรือมือบวม อาการมักจะเป็ นมากตอนกลางคืน ซึง่ ความรุนแรงแตกต่างกันไปใน
ผู้ป่วยแต่ละราย
Trigger finger มีอาการเหยียดนิ ้ว หรื องอนิ ้วไม่สะดวก เหมือนนิ ้วถูกล็อก และอาจมี
อาการอื่น ๆ เช่น ปวดบริ เวณฝ่ ามือ บวม มีเสียงและปวดเวลาเคลื่อนไหวข้ อนิ ้ว
การวินิจฉัย Carpal tunnel syndrome และTrigger finger สามารถวินิจฉัยได้ จาก
อาการและอาการแสดง
การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
หลักการรักษา: กระตุ้นให้ เส้ นเอ็นทํางานคล่อง และให้ จิงลัว่ ไหลเวียนดี ลดบวม
ระงับปวด
จุดหลัก: เลือกจุดใกล้ และจุดอาซื่อ เนื่องจากจุดอาซื่อมักจะเป็ นจุดที่มีกล้ ามเนื ้อ
บางการปั กเข็มให้ ปักตื ้น กระตุ้นเข็มแบบบํารุงระบายเท่ากัน
- Carpal tunnel syndrome ใช้ จดุ DaLing (PC 7), BaXie (EX-UE9), NeiGuan
(PC 6), WaiGaun (TE 5)
- Trigger finger ใช้ จดุ อาซือ่
การฝั งเข็มจากการศึกษาทางคลินิก
การวิจยั รักษา Carpal tunnel syndrome โดยใช้ เข็มอุน่ ในผู้ป่วย 92 ราย โดยผู้ป่วย
46 ราย เลือกจุด DaLing (PC 7), NeiGuan (PC 6) และโกฐจุฬาลัมพาเม็ด 3 เม็ด ผู้ป่วยอีก
46 รายใช้ จดุ เดียวกัน แต่ไม่ใช้ โกฐจุฬาลัมพา ผลการรักษาด้ วยการใช้ เข็มอุน่ ผู้ป่วยอาการดี
ขึ ้น 91.3% กลุม่ ไม่ใช้ เข็มอุน่ ดีขึ ้น 71.7% P<0.05 สรุปการใช้ เข็มอุน่ สามารถอบอุน่ ลมปราณ
สลายความเย็น แก้ ปวดขจัดการคัง่
ข้ อสังเกตและคําแนะนํา
1. การรักษาด้ วยการฝั งเข็มได้ ผลค่อนข้ างดี
2. ระหว่างการรักษา ควรดูแลบริเวณที่มีอาการให้ อบอุน่ ไม่ควรกระทบความเย็น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 67
ปวดหลัง
(Back Pain: 腰痛)
อาการปวดหลัง เป็ นอาการที่พบมากที่สดุ ในผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ อ แผนกผู้ป่วย
นอกบางแห่งอาจมีถงึ ร้ อยละ 40 ของผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ อ อาการปวดหลังอาจเป็ น
เล็กน้ อย แล้ วหายเองได้ แต่มีบางรายที่ต้องผ่าตัด
ข้ อสันหลังเป็ นข้ อที่รับนํ ้าหนัก การเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังเกิดที่ข้อข้ างสันหลัง
( Posterior facet joint ) ซึง่ เป็ นข้ อชนิดมีเยื่อบุข้อ และการเคลื่อนไหวที่หมอนรองกระดูกสัน
หลัง ไขสันหลังสิ ้นสุดที่กระดูกสันหลังระดับบันเอวข้้ อที่ 2 ดังนันพยาธิ
้ สภาพที่เกิดในช่องไข
สันหลังในระดับบันเอวล่
้ าง ๆ ที่ตํ่าลงมา จึงมีเฉพาะประสาทสันหลัง (spinal nerve) ที่แยก
ออกมาจากไขสันหลัง (spinal cord) แล้ วเท่านันที ้ ่จะถูกกด
ใยประสาทที่ให้ ความรู้สกึ เจ็บปวดบริ เวณหลังจะอยูใ่ นเอ็นยึดข้ อ เอ็นหุ้มข้ อของข้ อ
ข้ างกระดูกสันหลัง เยื่อหุ้มกระดูกบริเวณที่เอ็นเกาะอยู่ และใยประสาทในหลอดเลือดที่อยูใ่ น
ส่วนนอก ๆ ของหมอนรองกระดูก ดังนัน้ อาการปวดหลังจึงเกิดขึ ้นได้ หลายกรณี สาเหตุแรก
เกิดจากตัวหมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูนออกมากด สาเหตุการกดอื่น ๆ ได้ แก่ ข้ อสันหลังเสื่อม
มีกระดูกสร้ างใหม่เป็ นสันรอบข้ อ (spur) ถ้ าหมอนกระดูกสันหลังเป็ นต้ นเหตุ จะถูกกดมากใน
ท่ายกของหนัก หรื อในท่าก้ มหลังมาก ๆ หรื อในท่านัง่ ก็จะเป็ นการเพิม่ แรงกดที่หมอนกระดูก
สันหลังเช่นกัน
สาเหตุของการปวดหลังที่พบบ่ อย ค
1. สาเหตุจากการผิดท่ า หรื อผิดรู ปทางกลศาสตร์
1.1 หมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน
1.2 ข้ อข้ างสันหลังเสื่อม
1.3 ช่องไขสันหลังตีบ
1.4 ข้ อสันหลังเสื่อม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 69
1.5 ความผิดปกติแต่กําเนิด
1.6 กระดูกอ่อนอักเสบจากโรค Scheuermann
1.7 กระดูกสันหลังหัก
2. สาเหตุจากการอักเสบของข้ อสันหลัง
2.1 ข้ อสันหลังอักเสบยึดติด
2.2 ข้ ออักเสบรูมาตอยด์
2.3 ภาวะติดเชื ้อ
3. สาเหตุเนื่องจากเนือ้ งอก
3.1 เนื ้องอกที่กระดูก
3.2 เนื ้องอกในไขสันหลัง
4. สาเหตุจากต่ อมไร้ ท่อ
4.1 กระดูกบาง
4.2 กระดูกตายจากการขาดเลือด
5. สาเหตุอ่ นื ๆ
5.1 การอักเสบในช่องเชิงกราน
5.2 สาเหตุเกิดจากอิริยาบถที่ผิด
การวิเคราะห์ แยกกลุ่มอาการโรค
อาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจพิเศษทางห้ องปฏิบตั กิ าร จากประวัติ
ในพวกที่มีความผิดปกติของกระดูกสันหลัง เช่น กระดูกสันหลังไม่ตรง แอ่นเกินไป หรื อหลัง
ค่อมเกินไป ผู้ป่วยพวกนี ้จะมีอาการปวดเวลาเคลื่อนไหว ถ้ าได้ พกั จะทุเลา
พวกที่มีข้อสันหลังอักเสบ แม้ พกั ก็จะไม่ทเุ ลา ในรายที่การอักเสบลุกลามจนมีอาการ
บวมในส่วนที่เป็ นโรค การเคลื่อนไหวหลังก็จะมีอาการเจ็บปวดเพิม่ ขึ ้น พวกที่กระดูกสันหลัง
อักเสบอาจเป็ นสาเหตุให้ เกิดอาการหลังแข็งตรงบริเวณบันเอว ้
พวกที่เป็ นเนื ้องอกของกระดูกสันหลัง หรื อจากต่อมไร้ ท่อที่มีความผิดปกติ อาการ
70 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
หลักการรั กษา
แนะนําวิธีบริหารกล้ ามเนื ้อหลัง ซึง่ เป็ นข้ อปฏิบตั สิ ําคัญมากสําหรับผู้ปวดหลัง ต้ องทํา
เป็ นอันดับแรกเพราะเป็ นทังการป
้ ้ องกันและรักษา ในรายที่มีอาการปวดมากต้ องนอนพัก อาจ
ต้ องรักษาโดยกายภาพบําบัด เช่น การดึงถ่วงหลัง การนวด หรื อการรักษาอื่น ๆ รวมทังการ ้
ใช้ เครื่ องพยุงหลังและในที่สดุ อาจต้ องผ่าตัด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 71
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
1. ความเย็นชืน้ เป็ นสาเหตุที่พบบ่อย เช่น อาจเกิดจากอยูก่ ลางสายฝนเป็ นเวลา
นาน นัง่ ในที่ชื ้นแฉะ ถูกลมโกรกใบหน้ าขณะที่มีเหงื่อออก สวมใส่เสื ้อผ้ าที่เปี ยกชื ้น ทํางานใน
ที่ชื ้นเย็น ชอบนอนบนพื ้นปูน นําไปสูอ่ าการปวดหลังแบบความเย็นชื ้น เนื่องจากทําให้ เกิดชี่
ติดขัดและเลือดคัง่ ในเส้ นลมปราณ แต่หากความเย็นและชื ้นสะสมอยูเ่ ป็ นเวลานาน จะแปร
สภาพเป็ นร้ อน เกิดอาการปวดเอวแบบร้ อนชื ้น
2. ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง สาเหตุจากได้ รับบาดเจ็บ บริ เวณเส้ นลมปราณ และกล้ าม
เนื ้อที่บนเอว
ั้ ทําให้ การไหลเวียนของชี่และเลือดบริ เวณดังกล่าวถูกรบกวนติดขัด เช่น ได้ รับ
อุบตั เิ หตุจากตกที่สงู หรื อถูกกระแทก ใช้ งานบันเอวหนั
้ กมากเกินไป หรื อเคลื่อนไหวผิดท่าผิด
จังหวะ เป็ นต้ น
3. ไตพร่ อง สาเหตุจากร่างกายอ่อนแอแต่กําเนิด เจ็บป่ วยเรื อ้ รัง คนสูงอายุ หรื อมี
กามกิจมากเกินไป ทําให้ สารจําเป็ นของไตพร่อง และมีผลต่อภาวะขาดสารอาหารในกล้ าม
เนื ้อ รวมทังเส้้ นลมปราณ
4. ความผิดปกติในเส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ องกับไต โดยปกติ เมื่อชี่ก่อโรคจาก
ภายนอกรุกรานร่างกาย จะก่อให้ เกิดความผิดปกติบริเวณผิวนอกร่างกายบางส่วน ซึง่ มีเส้ น
ลมปราณผ่าน และเชื่อมต่อกับเส้ นลมปราณไต และ/หรื อผ่านแนวกระดูกไขสันหลัง ความ
ผิดปกติของกระดูกสันหลังและไต นอกจากเกิดอาการปวดหลังแล้ ว ยังมีอาการผิดปกติของ
72 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการของโรค
1. จากความเย็นชืน้ ผู้ป่วยจะรู้สกึ ปวดเอวหนัก ๆ กล้ ามเนื ้อเกร็ งแข็งเหมือนไม้
กระดาน และเป็ นมานานไม่หาย อาการปวดหนักไม่รุนแรง แต่ร้ ูสกึ หนักมากกว่า บิดเอว
ลําบาก อาจมีปวดขา อาการเลวลงในวันที่มีฝนตกและอากาศเย็น ร่วมกับมีประวัตดิ งั กล่าว
ข้ างต้ น ลิ ้น มีฝ้า ถ้ าความเย็นเด่นฝ้าขาว ความชื ้นเด่นฝ้าเหนียว หรื ออาจขาวเหนียว ชีพจร
จม-ช้ า (Chen-ChiMai)
จากความร้ อนชืน้ ผู้ป่วยมีอาการปวดเอว รู้สกึ อุน่ บริเวณที่ปวด อาการเลวลงใน
หน้ าร้ อนหรื อมีฝนตก อาการจะทุเลาถ้ ามีการเคลื่อนไหวบันเอว ้ ลิ ้นมีฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจร
ลื่น-เร็ว (Hua-ShuMai)
2. จากชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง ปวดเอวเวลาบิดเอวไปมา ก้ มหรื อเงยหลังจะรู้สกึ ตึง
หลัง ถ้ าอาการรุนแรงจะบิดเอวซ้ าย-ขวาลําบาก ปฏิเสธการกดบริเวณบันเอว ้ บางครัง้ จาม
หรื อไอจะปวดมากขึ ้นได้ อาจมีอาการปวดอยูก่ บั ที่เหมือนเข็มทิ่มแทง ร่วมกับมีประวัติ
ดังกล่าวข้ างต้ น ลิ ้นคลํ ้าออกม่วง ชีพจร ตึง-ฝื ด (Xian-SeMai)
3. ไตพร่ อง ปวดเมื่อยล้ าบริเวณเอวไม่ปวดมาก ขาอ่อนแรงร่วมด้ วยเสมอ ถ้ าทํางาน
มาก พักผ่อนไม่พอจะปวดหลังมากขึ ้น การอยูใ่ นอิริยาบถนัง่ เดิน ยืน นอน ในท่าใดท่าหนึง่
นานหรื อมากเกินไป จะปวดหลังมากขึ ้นได้ ร่วมกับมีประวัตดิ งั กล่าวข้ างต้ น
74 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
หลักการรั กษา
1. ความเย็นชืน้ ขับความเย็น สลายความชื ้น ทะลวงและอุน่ เส้ นลมปราณ
ความร้ อนชืน้ ขจัดร้ อน สลายความชื ้น คลายกล้ ามเนื ้อและเอ็นเพื่อระงับปวด
2. ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง กระตุ้นเลือดให้ ไหลเวียน เพื่อสลายเลือดคัง่ ปรับการไหล
เวียนของชี่เพื่อระงับปวด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 75
การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
1.1 สาเหตุจาก 1 - 3
จุดหลัก: สาเหตุจาก 1 - 3 ใช้ จดุ หลักเหมือนกัน คือ
- ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25), YaoYan (EX-B 7),
WeiZhong (BL 40) และจุด Ashi ถ้ ามี
- ถ้ าปวดกระเบนเหน็บเพิ่ม YaoYangGuan (GV 3)
จุดเสริม:
- กรณีความเย็นชื ้น เพิ่มรมยาหรื อเข็มอุน่ ที่จดุ DaZhui (GV 14);
- ร้ อนชื ้น เพิม่ YinLingQuan (SP 9), FeiYang (BL 58)
- ชี่ตดิ ขัดและเลือดคัง่ : GeShu (BL 17), XueHai (SP 10), SanYinJiao (SP 6)
- ไตหยางพร่อง: QiHai (CV 6), GuanYuan (CV 4), MingMen (GV 4
- ไตอินพร่อง: TaiXi (KI 3), ZhaoHai (KI 6) หรื อ FuLiu (KI 7)
อธิบาย: ความเย็นชืน้ ใช้ เข็มอุน่ หรื อรมยาบริเวณที่ฝังเข็ม ShenShu (BL 23),
YaoYangGuan (GV 3) ใช้ เข็มอุน่ ขับความเย็นและชื ้น จุดใกล้ DaChangShu (BL 25) ,
YaoYan ( EX-B 7) และจุดไกล WeiZhong (BL 40) ใช้ ทะลวงเส้ นลมปราณระงับปวด
ความร้ อนชืน้ ให้ ปักเข็มตามด้ วยครอบกระปุก ShenShu (BL 23) ใช้ ปรับและเลี ้ยง
บํารุงชี่ไต รวมทังขั้ บร้ อนชื ้น บริเวณเอว ด้ วยวิธีปักเข็มแบบระบาย DaChangShu (BL 25),
YaoYangGuan (GV 3) ใช้ ปรับจิงชี่ เฉพาะที่เพื่อลดปวด YinLingQuan (SP 9) ปั กแบบ
76 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
อธิบาย:- ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25) ใช้ บํารุงไตเพื่อเสริ มความ
แข็งแรงให้ กบั เอว ส่วนจุดอื่นได้ แก่ GuanYuan (CV 4) เป็ นจุดประตูผา่ นของเหยียนชี่ เมื่อปั ก
เข็มร่วมกับรมยาจะช่วยบํารุงเหยียนชี่ให้ แข็งแรง และช่วยบํารุงไต เสริ มความแข็งแรงให้ กบั
บันเอว้ เป็ นการ “รักษาหยาง โดยบํารุงอิน” LieQue (LU 7) เป็ นจุดเชื่อมต่อกับเส้ นลมปราณ
เญิ่น จุดนี ้ช่วยปรับการไหลของชี่ในเส้ นเญิ่นม่ายและทะลวงเส้ นลมปราณลดอาการปวด
1.2.3 เส้ นลมปราณชง จุดใกล้ ShenShu (BL 23), YaoYan (EX-B 7)
จุดไกล QiHai (CV 6) , GongSun (SP 4)
อธิบาย:- ShenShu (BL 23) เสริมความแข็งแรงให้ กบั ไตและบันเอว ้ QiHai (CV 6)
เลี ้ยงบํารุงชี่และเสริ มไต YaoYan ( EX-B 7) เป็ นจุดใกล้ ใช้ ทะลวงและปรับการไหลเวียนของ
ชี่ให้ ผา่ นบันเอว
้ ร่วมกับ GongSun (SP 4) ช่วยปรับการทํางานของของเส้ นลมปราณชง จุด
ทังหมดจะช่
้ วยเสริมไตทํางานดีขึ ้นและทําให้ กล้ ามเนื ้อกลับมาทํางานได้ ปกติ
1.2.4 เส้ นลมปราณไต้ จุดใกล้ ShenShu (BL 23) , DaChangShu (BL 25)
จุดไกล DaiMai (GB 26), ZuLinQi (GB 41)
อธิบาย:- ShenShu (BL 23) เสริมความแข็งแรงให้ กบั ไตและเอว DaChangShu
(BL 25) ช่วยให้ การไหลเวียนของชี่บริเวณเอวไหลคล่องขึ ้น DaiMai (GB 26) ควบคุมการ
ทํางานของเอวและช่องท้ อง ZuLinQi (GB 41) ทะลวงเส้ นลมปราณต้ าย จุดทังหมดช่ ้ วยให้
เส้ นลมปราณต้ ายกลับมาทําหน้ าที่ และยังบํารุงไตเสริ มความแข็งแรงบันเอว ้
1.2.5 เส้ นลมปราณไต จุดใกล้ ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25),
MingMem (GV 4)
จุดไกล GuanYuan (CV 4) , TaiXi (KI 3) , FuLiu (KI 7)
อธิบาย:- เอวเป็ นที่อยูข่ องไต การเลือกเส้ นลมปราณไตเพื่อบํารุงชี่ไต DaChangShu
(BL 25), MingMem (GV 4) ใช้ อนุ่ ไตและช่วยคลายกล้ ามเนื ้อรวมทังเอ็ ้ น GuanYuan (CV4)
ใช้ เลี ้ยงบํารุงเหยียนชี่ และเสริ มความแข็งแรงของร่างกาย TaiXi (KI 3), FuLiu (KI 7) ใช้ บํารุง
ไตอิน จุดทังหมดช่้ วยบํารุงไต และเลี ้ยงบํารุงสารจําเป็ น เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ กบั บันเอว
้
1.2.6 เส้ นลมปราณกระเพาะปั สสาวะ
78 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ระยะเวลาฝั งเข็ม
การฝั งเข็ม 10 ครัง้ นับเป็ น 1 รอบการรักษา ปั กวันเว้ นวัน หรื อทุกวันถ้ ามีอาการ
ปวดมาก อาการดีขึ ้นปั กห่างได้ หยุดพักระหว่างระยะการรักษา 3 - 5 วัน ควรแนะนําผู้ป่วย
ปรับเปลี่ยนวิถีและการใช้ ชีวติ ให้ ถกู ต้ อง เพื่อเป็ นการรักษาและป้องกันอาการปวดหลังใน
อนาคต อาจใช้ รมยา ส่อง TDP เจาะปล่อยเลือด เครื่ องกระตุ้นเข็ม หรื อ Moving cupping
ร่วมตามความเหมาะสมเป็ นราย ๆ ไป
หมายเหตุ
1. กรณีฉกุ เฉินเร่งด่วน ให้ ปักเข็มระงับปวดก่อน ค่อยหาสาเหตุ และรักษาใน
ภายหลัง ดังนี ้
- ผู้ป่วยมีประวัตยิ กของหนักมาก่อน แล้ วมีอาการปวดหลังเฉียบพลันอย่างมาก
จนนัง่ หรื อยืนเดินไม่ได้ หลังแข็งให้ ใช้ จดุ RenZhong (GV 26) กระทุ้งจนผู้ป่วยสะดุ้ง โน้ ม
ตัวลุกจากที่นงั่ แล้ วให้ ผ้ ปู ่ วยนัง่ ยืน หลาย ๆ ครัง้ ต่อไปให้ ลองเดิน และบิดลําตัวไปมาจน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 79
ตัวอย่ างผู้ป่วย
ชายไทยคู่ อายุ 28 ปี อาชีพลูกจ้ างส่งนํ ้าแข็ง อาการสําคัญ มีอาการปวดบันเอวสอง
้
ข้ าง ตึงหลัง ก้ มและเงยลําบากปกติต้องยกก้ อนนํ ้าแข็งหนักเป็ นประจํา ก่อนมาพบแพทย์ 1
วัน ผู้ป่วยยกนํ ้าแข็งผิดจังหวะ จึงมีอาการปวดดังกล่าว ตรวจร่างกายให้ ผ้ ปู ่ วยก้ มหลังจะมี
อาการตีงด้ านหลังต้ นขา และกล้ ามเนื ้อหลังเกร็งทังสองข้
้ าง SLRT : negative ลิ ้นบวมคลํ ้า
ฝ้าขาวบาง ชีพจรตึง ได้ รับการวินิจฉัยว่าเป็ น Acute low back pain from sprain
การรักษา
- ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25), WeiZhong (BL 40) ปั กเข็มแบบ
ระบายทังสองข้
้ าง ตามด้ วยจุด Ashi ที่กดเจ็บ กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที คาเข็ม 40 นาที ตาม
ด้ วย Moving cupping บริ เวณแผ่นหลังทังสองข้้ าง นัดฝั งเข็มทุกวัน รักษา 3 ครัง้ ผู้ป่วย
อาการทุเลาเกือบเป็ นปกติ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 81
ปวดประสาทไซแอติก
( Sciatica : 坐骨神经痛 )
ปวดประสาทไซแอติก อาจปวดบันเอว ้ แล้ วร้ าวไปที่ขา แบ่งได้ 2 แบบ คือ แบบปฐม
ภูมิ และแบบทุตยิ ภูมิ
แบบปฐมภูมิ สาเหตุเกิดจากการอักเสบของเส้ นประสาทไซแอติก (Imflammation
of the sciatic nerve)
แบบทุตยิ ภูมิ เป็ นผลทางอ้ อม จากการมีพยาธิสภาพที่กระดูกสันหลังบริ เวณบันเอว้
หมอนกระดูกสันหลัง หรื อมะเร็ งที่ไขกระดูกขยายตัวกดทับเส้ นประสาท ในที่นี ้กล่าวถึงเฉพาะ
หมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูนกดทับเส้ นประสาท และ ช่องไขสันหลังตีบกดทับเส้ นประสาท
อาการและอาการแสดง
กลไกแท้ จริงที่ทําให้ หมอนกระดูกแตก ยังไม่ทราบแน่ชดั ตําแหน่งความเจ็บปวด
ขึ ้นกับตําแหน่งที่หมอนกระดูกแตก กระทําต่อเอ็นยึดข้ อด้ านหลัง ที่มีใยประสาทรับความรู้สกึ
เจ็บปวดอยู่ โดย
1) ถ้ าแตกตรงกลางออกไปด้ านหลัง จะทําให้ ปวดกลางหลังพอดี
2) ถ้ าแตกตรงด้ านข้ าง อาจมีความรู้สกึ ปวดร้ าวไปที่ข้อข้ างกระเบนเหน็บ บางครัง้ ไป
ที่ขาหนีบด้ วย ความเจ็บปวดมาจากการยืดของเอ็นยึดข้ อด้ านหลังดังกล่าว
3) ผู้ป่วยบางรายอาจปวดร้ าวไปตามขา แต่ไม่มีอาการปวดหลัง รากประสาทที่ถกู กด
จะทําให้ เกิดความเจ็บปวดและอักเสบบวมของรากประสาทเอง
4) ผู้ป่วยบางรายที่มีหมอนกระดูกแตก มีอาการปวดร้ าวไปตามประสาทไซแอติก แต่
ไม่มีการกดรากประสาทเลย
ความเจ็บปวด อาจร้ าวมาที่บริ เวณข้ อสะโพก ลงไปด้ านข้ างและด้ านหลังของต้ นขา
ด้ านข้ างของน่อง ลงไปถึงข้ อเท้ า บางครัง้ ถึงส้ นเท้ า อาการปวดจะลดลงถ้ านอนพัก และจะ
มากขึ ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหลัง เช่น การก้ ม เงย จามหรื อไอ และพบมีอาการชาและขาไม่มี
แรงร่วมด้ วยเสมอ บางรายอาจมีอาการปวดขาหนีบและอัณฑะ ถ้ าชิ ้นหมอนกระดูกใหญ่มาก
อาจแสดงอาการกดรากประสาททังหมดของไขสั ้ นหลังระดับนันได้
้ นอกจากนี ้อาจปวดที่ทวาร
หนัก ชาบริเวณฝี เย็บ ตลอดจนกล้ ามเนื ้อหูรูดทวารหนักอาจไม่มีแรงด้ วย อาการปวดหลังและ
ประสาทต้ นขา จะรุนแรงมากในตอนที่เริ่ มมีอาการ และอาจทุเลาไปได้ เอง จากการที่ราก
ประสาทและใยประสาทถูกกดอยูน่ านจนปรับตัวได้
จะพบอาการเกร็งของกล้ ามเนื ้อหลังข้ างที่มีอาการปวดมาก หลังจะเอียงไปด้ านตรง
ข้ ามกับความเจ็บปวด การทํา SLRT (straight leg rising test) ตํ่ากว่า 45 องศา แล้ วให้ ผล
84 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การตรวจภาพรังสี
จะเห็นแนวกระดูกสันหลังบริเวณบันเอวแอ่้ นน้ อยลงหรื อเป็ นแนวตรง ช่องข้ อสันหลัง
แคบและมีขอบไม่เรี ยบ การถ่ายภาพรังสีเป็ นเพียงการแยกโรคอื่น ๆ เท่านัน้ เช่น โรคข้ อสัน
หลังอักเสบยึดติด (Ankylosing spondylosis) โรคมะเร็งลุกลามมาถึงกระดูกสันหลัง วัณโรค
กระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังติดเชื ้อ เนื ้องอกไขสันหลัง โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน เป็ นต้ น
การตรวจ MRI จะช่วยในการวินิจฉัยและบอกตําแหน่งที่ผิดปกติได้ ชดั เจนแน่นอน
หลักการรักษา
หลักการรักษา คือ การลดแรงกดที่เอ็นยึดข้ อด้ านหลังเนื่องจากหมอนกระดูกที่แตก
ไปดันอยู่ รวมทังรากประสาทด้
้ วย โดยการผ่าตัดนําส่วนของหมอนกระดูกที่แตกออกให้ หมด
เพื่อป้องกันการเกิดซํ ้า การผ่าตัดจะทําต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการของรากประสาทถูกกดอย่างมาก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 85
อาการและอาการแสดง
อาการปวดหลัง ที่เกิดจากการกดและระคายต่อรากประสาท อาจเกิดการอุดตันของ
หลอดเลือดในบริเวณช่องไขสันหลังร่วมด้ วย พบมีการเปลี่ยนแปลงการรับความรู้สกึ ผิวหนังที่
ขา และบางครัง้ อาจมีกล้ ามเนื ้ออ่อนแรงจากผลของการกดทับรากประสาท และผลของการ
ขาดเลือดของประสาทเหล่านี ้ อาการมักเกิดร่วมกันหลายระดับไขสันหลัง ปฏิกิริยาตอบสนอง
ของเอ็นกล้ ามเนื ้ออาจมากขึ ้นในท่าแอ่นหลัง และจะทุเลาในท่าก้ มหลัง ซึง่ ช่องไขสันหลังจะ
กว้ างกว่าท่าแอ่นหลัง
การตรวจภาพรังสี
จากภาพรังสีด้านหน้ า พบส่วนต่อเชื่อม (pedicle) ของกระดูกสันหลังแต่ละชิ ้น มี
ระยะแคบลงระหว่างข้ อถัดไป ภาพรังสีด้านข้ าง พบไขสันหลังแคบลง ถ้ าเป็ นมากจนกระดูก
สันหลังเคลื่อน จะพบลักษณะกระดูกสันหลังเคลื่อนไปข้ างหน้ า การทํา MRI จะช่วยให้ การ
วินิจฉัยแน่นอนยิง่ ขึ ้น
หลักการรักษา
การรักษามี 2 วิธี คือ วิธีไม่ผา่ ตัด และผ่าตัด ในผู้ป่วยที่มีอาการน้ อย ยังไม่มีการกด
ประสาทชัดเจน กล้ ามเนื ้อไม่ออ่ นแรงมาก วิธีรักษา คือ การแนะนําเกี่ยวกับท่าทางอิริยาบถ
ต่าง ๆ ที่ถกู ต้ อง และออกกําลังกาย เพื่อทํากายบริหารกล้ ามเนื ้อหลัง ถ้ าจําเป็ นอาจใช้ กาย
อุปกรณ์เพื่อพยุงหลัง
การรักษาด้ วยการผ่าตัด จะกระทําเมื่อรักษาด้ วยวิธีไม่ผา่ ตัดล้ มเหลว หรื อผู้ป่วยมี
ความลําบากในชีวิตประจําวัน คือ ปวดหลังเมื่อเดินหรือยืน และวิง่ ระยะสัน้ หรื อมีอาการกด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 87
การรักษา
พยาธิสภาพอยูท่ ี่ระดับกระดูกบันเอว
้ L 3 – L4 , L4 – L5 , L5 – S1
วิธีท่ ี 2
จุดหลัก:- QiHaiShu (BL 24), XiaoChangShu (BL 27), PangGuangShu (BL 28)
โดยดูตําแหน่งของพยาธิสภาพ เลือก 2 – 3 คู่
- HuanTiao (GB 30) หรื อ ZhiBian (BL 54) เลือกจุดใดจุดหนึง่ ตามอาการ
ปวดร้ าวของแต่ละเส้ นลมปราณนัน้ ๆ
จุดเสริม:- QianGu (SI 2), ChengFu (BL 36), YangLingQuan (GB 34),
WeiZhong (BL 40), FeiYang (BL 58), KunLun (BL 60)
ช่วงปวดให้ ปักเข็มทุกวัน เมื่ออาการทุเลาแล้ ว ให้ ปักเข็มวันเว้ นวัน เมื่อหายปวดให้
หยุดได้ กระตุ้นไฟฟ้าช่วยให้ หายปวดเร็วขึ ้น
ปวดจากเดือยกระดูกงอก (spur) ฝั งเข็มครึ่งเดือน อาการจะดีขึ ้น แต่ Herniated
disc หรื อหมอนกระดูกโป่ งกดทับรากประสาท อาจต้ องฝั งเข็มนาน 1 – 2 เดือน แต่ถ้ามี
สาเหตุอื่นร่วมด้ วยอาจนานกว่านัน้ เช่น มี osteophyte, osteoporosis ร่วมกับ Herniated or
Prolapsed disc เป็ นต้ น
กรณีเป็ นมาก เช่นมีกระดูกสันหลังคด (Scoliosis) ช่วงที่รักษาอยูอ่ าการจะดี แต่ถ้า
หยุดรักษาจะกลับเป็ นใหม่อีก กระดูกสันหลังคด ถ้ าเป็ นมาก ๆ การฝั งเข็มไม่สามารถช่วยให้
แนวกระดูกกลับมาตรงได้
กรณีหมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน ร่วมกับอาการปวดท้ องน้ อย ถ้ าหากตรวจแล้ วไม่
พบก้ อนเนื ้องอกหรื อพยาธิสภาพร้ ายแรงอื่น ๆ บริเวณท้ องน้ อย แต่ยงั มีอาการปวดท้ องน้ อย
ให้ ปักเส้ นต้ ายม่าย JuLiao (GB 29), WuShu (GB 27), WeiDao (GB 28) ถ้ าปวดมากจน
ขึ ้นเตียงไม่ได้ ให้ ปัก YaoTongXue ( EX-UE7) ก่อน โดยปั กลึก 1.5 ชุน่ กระตุ้นจนคนไข้
ขยับเอวได้ จงึ ปั กจุดอื่น
วิธีท่ ี 3
จุดหลัก:- ปั กจุด JiaJi (EX-B2) 3 ตําแหน่ง คือ ตําแหน่งพยาธิสภาพ และตําแหน่ง
เหนือและใต้ พยาธิสภาพ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 91
- HuanTiao (GB 30), FengShi (GB 31), YangLingQuan (GB 34), XuanZhong
(GB 39) ปั กเข็มแบบระบาย กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที คาเข็ม 40 นาที หลังเอาเข็มออก ตาม
ด้ วย Moving cupping อีก 1 สัปดาห์ ต่อมาผู้ป่วยแจ้ งว่ายังมีอาการปวดหลังและร้ าวขาขวา
ลดลง ได้ เจาะปล่อยเลือดซํ ้า ปั กเข็มตามเดิม อีกอาทิตย์ตอ่ มาผู้ป่วยยังปวดหลังลึก ๆ ไม่มาก
บริ เวณจุด ZhiShi (BL 52) และไม่มีอาการปวดร้ าวอีก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 93
ปวดหลังจากภาวะกระดูกบางหรื อพรุ น
( Back Pain due to Primary Osteoporosis : 骨质疏松腰痛)
ภาวะกระดูกบาง หรื อกระดูกพรุน ที่กระดูกสันหลังทําให้ เกิดอาการปวดหลัง แต่ไม่มี
อาการกดทับรากประสาทสันหลังร่วม อาการปวดจะปวดเฉพาะที่ และปวดมากขึ ้นถ้ าบิดตัว
อาการจะรุนแรง โดยเฉพาะตอนกลางคืน ถ้ าเป็ นเรื อ้ รังหลังจะค่อมยืนตรงไม่ได้ ในผู้สงู อายุ
อาจมีอาการปวดขาร่วมด้ วย อาการของโรคจะค่อย ๆ เป็ น ในผู้สงู อายุกระดูกสันหลังอาจยุบ
ตัวลง ทําให้ ตวั เตี ้ยและหลังค่อม ถ้ าเป็ นมานาน ปอดและหัวใจอาจถูกกดได้ โรคนี ้พบบ่อยใน
ผู้สงู อายุ โดยเฉพาะหญิงวัยหมดประจําเดือน จากการสูญเสียแคลเซียมในร่างกายไปมาก
ทางปั สสาวะและอุจจาระ ถ้ าทดแทนไม่เพียงพอ จะทําให้ กระดูกบาง กระดูกเหล่านี ้มีการแตก
ยุบตัว ทําให้ เกิดเจ็บปวดเหมือนกระดูกหักบริ เวณกระดูกสันหลัง นอกจากนี ้ยังพบในผู้ป่วยที่
ขาดวิตามินเค 2 ซึง่ จําเป็ นต่อการสร้ างกระดูก อาจเป็ นสาเหตุที่ทําให้ เกิดภาวะกระดูกบางทัว่
ร่างกายได้
ลักษณะทางคลินิก
มีอาการปวดตลอดแนวกระดูกสันหลัง หรื อบางครัง้ ปวดกระดูกตลอดทังตั ้ ว อาการ
ปวดจะกระจายไปตามกระดูกสันหลัง อาการอาจมากขึ ้นขณะไอหรื อจาม หรื อขณะก้ าวเท้ า
ลงบันได บางครัง้ อาจปวดที่กระดูกขาและกระดูกข้ อเท้ า ผู้ป่วยจะปวดตื ้อ ๆ ลึก ๆ และปวด
ตลอดเวลากลางคืน
การตรวจภาพรังสี
ภาพรังสีกระดูกสันหลังระดับทรวงอกและบันเอว้ พบเงากระดูกบางลงมาก ลักษณะ
โปร่งรังสี กระดูกสันหลังมีผนังกระดูกบาง กระดูกที่รับนํ ้าหนักมาก ส่วนผิวในข้ อจะถูกทําลาย
และกระดูกสันหลังยุบตัวเป็ นรูปลิม่
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 95
การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร
ระดับแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแอลคาไลน์ฟอสฟาเทสในเลือดอาจปกติ ดังนันการ ้
ตรวจความหนาแน่นของกระดูก สันหลังหรื อส่วนใดส่วนหนึง่ ของร่างกายเพื่อเทียบกับคนปกติ
เพื่อพิจารณาว่าจะต้ องให้ แคลเซียมไปทดแทน หรื อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมอย่างไรต่อไป
การรักษา
ส่วนใหญ่เป็ นการรักษาทางยา และกายภาพบําบัดเพื่อลดอาการปวด แต่ถ้ามีการ
ยุบตัว และผิดรูปของกระดูกสันหลัง ก็ต้องป้องกันโดยใส่เครื่ องพยุงหลัง เพื่อแก้ ไขส่วนที่เป็ น
ไม่ให้ เป็ นมากขึ ้นอีก ผู้ป่วยควรได้ รับการพักสันหลัง และควรได้ รับอาหารเสริมที่มีแคลเซียม
มากพอ โดยเฉพาะจากนมหรื อผลิตภัณฑ์จากนมที่พร่องไขมัน การใช้ แคลเซียมรูปยาเม็ดอาจ
มีคณุ ค่าทางอาหารน้ อยกว่าผลิตภัณฑ์จากนม ผู้ที่ขาดเอนไซม์ยอ่ ยนมในอาหาร อาจใช้ นม
ผงอัดเม็ดแทนในปริมาณน้ อยและบ่อย การรักษาอย่างอื่น เช่น การออกกําลังกายบริ หาร
กล้ ามเนื ้อสันหลังและลําตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ กระดูกละลาย การฝึ กหัดให้ อยูใ่ นอิริยาบถที่
ถูกต้ อง เป็ นสิง่ สําคัญที่จะป้องกันกระดูกสันหลังยุบตัวและมีความพิการเกิดขึ ้น ถ้ าพบสาเหตุ
การขาด วิตามินเค 2 การรักษาก็ต้องให้ วติ ามินเค 2
ปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม
(Back Pain due to Hypertrophic Spondylosis : 退化性腰痛)
ข้ อสันหลังที่เสือ่ มอาจเกิดตลอดช่วงสันหลังหรื อเกิดบางช่วง เช่น ช่วงบันเอวหรื
้ อช่วง
กระเบนเหน็บ กล้ ามเนื ้อสันหลังจะเกร็งตัวเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ ามเนื ้อ ความเจ็บปวดจะ
เพิ่มขึ ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรื อออกกําลังข้ อสันหลัง หรื อการเปลี่ยนอิริยาบถโดยสันหลังอยู่
ในท่าไม่ถกู ต้ อง อาการของโรคมักไม่รุนแรง แต่เรื อ้ รัง เป็ น ๆ หาย ๆ
กรณีอาการของโรคที่รุนแรงและรวดเร็ว มีสาเหตุจากหมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน
(herniated or prolasped disc) กดรากประสาท พบมากในผู้ป่วยอายุน้อยหรื อวัยกลางคน
ช่องไขสันหลังตีบ (Spinal stenosis) มักพบในผู้สงู อายุ ซึง่ อาจไม่มีอาการ จนถึงมี
อาการรุนแรง ระคายหรื อรบกวนเส้ นประสาท
ลักษณะทางคลินิก
กระดูกสันหลังจะอยูผ่ ิดท่าจากปกติ เช่น หลังคด ตําแหน่งที่พบความเจ็บปวดมาก
คือ กระดูกสันหลังระดับล่าง และข้ อต่อกระดูกเหนือก้ นกบ อาจมีอาการที่กระดูกสันหลัง
ระดับต้ นคอร่วมด้ วยได้ อาการที่เกิดขึ ้นกับระดับที่มีพยาธิสภาพ เช่น ระดับบันเอวอาจมี
้
อาการปวดเอวอย่างเดียว หากยังไม่มีการกดรากประสาท
อาการปวดอาจมากขึ ้นทันที หรื อค่อย ๆ มากขึ ้นทีละน้ อย พร้ อมกับการเคลื่อนไหว
ข้ อสันหลังเปลีย่ นแปลงไปด้ วย อาจมีอาการนอกกระดูกสันหลังในระดับที่เกี่ยวข้ อง เช่น
อาการทางระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบหลอดเลือด
หากมีการกดรากประสาทร่วมด้ วย จะตรวจพบมีการระคายหรื อรบกวนหน้ าที่ของ
เส้ นประสาท โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถของกระดูกสันหลัง เช่น แอ่นหลัง อาการปวดจะ
เพิ่มมากขึ ้นเมื่อไอ จาม หรื อกดหลังบริเวณที่เป็ น อาการที่เกิดจากการกดตัวไขสันหลังพบได้
น้ อย แต่ถ้าพบจะรุนแรงมาก อาการกดรากประสาทส่วนปลายของไขสันหลัง (cauda equina)
อาจมีอาการร่วมกับการไม่สามารถควบคุมการถ่ายปั สสาวะและอุจจาระได้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 97
การรั กษา
ใช้ การรักษาแบบประคับประคองด้ วยการใช้ ยา กายภาพบําบัด ใช้ เครื่ องพยุงหลัง
แนะนําให้ ปรับเปลี่ยนอิริยาบถให้ เหมาะสม ถ้ าการรักษาดังกล่าวไม่ทําให้ อาการทุเลาลง หรื อ
มีอาการรุนแรงขึ ้น หรื อมีอาการกดรากประสาทจนขาอ่อนแรง หรื อควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
ควรพิจารณาให้ การผ่าตัดรักษา
ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงไทยหม้ าย อายุ 68 ปี มาด้ วยอาการสําคัญ มีอาการปวดบันเอวทั ้ งสอง
้
ข้ างมานานกว่า 10 ปี ข้ างขวาปวดมากกว่าซ้ าย ไม่มีอาการชาหรื อขาอ่อนแรง เคยรับประ
ทานยาแล้ วไม่ดีขึ ้น และยามีผลระคายกระเพาะอาหาร จึงงดการใช้ ยานานหลายปี ตรวจ
ร่างกาย ผู้ป่วยยืนตัวเอียงไปด้ านขวา ตัวเตี ้ย ค่อนข้ างอ้ วน ขาสองข้ างสันยาวไม่
้ เท่ากัน มี
กระดูกสันหลังคดบริเวณบันเอว้ เมื่อให้ ผ้ ปู ่ วยก้ มและแอ่นหลัง ทําได้ คอ่ นข้ างจํากัด SLR test
ได้ 70 องศา, negative sign of four test ลิ ้นอ้ วนสีคลํ ้ามีฝ้าขาวเหนียว ชีพจรตึง ภาพรังสี
กระดูกสันหลังพบ ลักษณะของกระดูกเสื่อมและหลังคด การวินิจฉัย ปวดหลังเรื อ้ รังจากข้ อ
สันหลังเสื่อม
การรักษา: ใช้ จดุ Jiaji (EX-B 2) L3 ถึง L5, ZhiShi (BL 52), WeiZhong (BL 40)
ทังสองข้
้ าง คาเข็ม 30 นาที กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที หลังเอาเข็มออก ตามด้ วยครอบกระปุก
เคลื่อน เนื่องจากผู้ป่วยมาได้ สปั ดาห์ละ 2 วัน ใช้ เวลาการรักษา 2 เดือน ผู้ป่วยมีอาการปวด
หลังทุเลาลงมาก สามารถทํากิจวัตรประจําวันได้ มากขึ ้น ก้ มหรื อเงยหลังไม่คอ่ ยปวด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 99
ข้ อเข่ าเสื่อม
( Knee Osteoarthritis : 退化性膝关节炎)
โรคข้ อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the knee – OA) เป็ นโรคของข้ อที่เกิดจากการ
เสื่อมของกระดูกอ่อนข้ อต่อ (articular cartilage) การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระบวนการ
เสื่อมจะไม่สามารถกลับสูส่ ภาพเดิม และอาจทวีความรุนแรงขึ ้นตามลําดับ(1)
โรคข้ อเข่าเสื่อม เป็ นโรคที่พบบ่อยที่สดุ ในชุมชนทังในประเทศไทยและทั
้ ว่ โลก(2) จาก
การศึกษาระบาดวิทยาของประชากรไทยอายุเกิน 60 ปี ซึง่ อาศัยอยูช่ านกรุงเทพมหานคร
พบว่า ความชุกของโรคนี ้สูงถึงร้ อยละ 34.5 (3)
ปั จจัยเสี่ยงของการเกิดโรค(1,4)
โรคข้ อเข่าเสื่อมมีปัจจัยเสีย่ งหลายองค์ประกอบ ได้ แก่
1. อายุ เป็ นปั จจัยที่สาํ คัญที่สดุ อายุที่มากขึ ้น จะมีความชุกของข้ อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ ้น
2. ความอ้ วน เป็ นปั จจัยเสีย่ งที่สําคัญของโรคข้ อเข่าเสือ่ ม
3. ปั จจัยการรั บแรงกระทําที่ข้อเข่ าเบี่ยงเบนไป เช่น การใช้ งานมากเกินไป ทําให้
แนวเข่าโก่งงอกว่าปกติ การได้ รับบาดเจ็บของข้ อ
4. กีฬาและการออกกําลัง ประเภทที่เสีย่ งคือ ประเภทที่มีการกระแทกที่รุนแรงซํ ้าที่
ข้ อ และประเภทที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บจากการกระแทก
5. พันธุกรรม โรคข้ อเข่าเสื่อมมีหลักฐานการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ที่ตําแหน่ง
ของข้ อเข่า มีหลักฐานทางพันธุกรรมน้ อยกว่าที่ข้อนิ ้วมือ
6. โรคเมตาบอลิก ข้ อเข่าเสื่อมพบบ่อย ในรายที่มีการเปลี่ยนแปลงของ cartilage
matrix เช่น โรคเก๊ าท์ โรคเก๊ าท์เทียม โรค hemochromatosis มีผลทําให้ cartilage matrix
แข็งขึ ้นกว่าปกติ ทําให้ การรับแรง ส่งแรงของข้ อเข่าเปลีย่ นแปลงไป
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 101
อาการและอาการแสดง
อาการโรคข้ อเข่ าเสื่อม(1)
1. อาการปวด มีลกั ษณะปวดตื ้อ ๆ ทัว่ ๆ ไปบริเวณข้ อ ไม่สามารถระบุตําแหน่ง
ชัดเจนได้ และมักปวดเรื อ้ รัง อาการปวดมีลกั ษณะที่เฉพาะคือ มีอาการมากเมื่อใช้ งาน
อาการมักดีขึ ้นเมื่อพักข้ อ เมื่อการดําเนินโรครุนแรงขึ ้น อาจทําให้ มีอาการปวดตลอดเวลา
หรื อปวดในช่วงเวลากลางคืนร่วมด้ วย
2. ข้ อฝื ด (joint stiffness) พบได้ บอ่ ย จะมีการฝื ดของข้ อในช่วงเช้ าและช่วงหลังจาก
การพักข้ อนาน ๆ เช่น หลังจากตื่นนอนหรื อนัง่ นาน ๆ แต่มกั ไม่เกิน 30 นาที อาจพบอาการ
ฝื ดเกิดขึ ้น ที่เรี ยกว่า ปรากฏการณ์ข้อฝื ด (gelling phenomenon)
อาการแสดงของข้ อเข่ าเสื่อม
ระยะแรก อาจมีอาการข้ อเข่าบวมเล็กน้ อย และข้ อฝื ด
ระยะท้ าย ข้ อบวมและผิดรูป เป็ นลักษณะ ข้ อเข่าโก่ง (bow leg) หรื อข้ อเข่าฉิ่ง
(knock knee) ข้ อที่บวมเป็ นการบวมจากกระดูกงอก (osteophyte) และ/หรื อมีของเหลวใน
ข้ อ (effusion) มีการสูญเสียการเคลื่อนไหวและการทํางานของข้ อ ข้ อเข่าเหยียด และ/หรื องอ
ไม่สดุ กล้ ามเนื ้อรอบข้ อเข่าลีบลง ผู้ป่วยเดินไม่สะดวก อาจมีเสียงดังกรอบแกรบในข้ อขณะ
เคลื่อนไหว (crepitus on active motion)
อาการปวดจากข้อเข่าเสื่อม
คนสูงอายุมีแนวโน้มที่ร่างกายจะ
ทําหน้าที่เผาผลาญอาหารลดลง
แต่รับประทานอาหารปริมาณ
เท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 105
3) แนะนําการปฏิบัตติ วั ที่ถูกต้ อง
3.1 ต้ องลดนํ ้าหนักตัว เพราะการลดนํ ้าหนักตัว 1 กิโลกรัม จะลดแรงกระทําที่เข่าถึง
3 กิโลกรัม
106 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
3.2 ท่านัง่ ควรนัง่ บนเก้ าอี ้สูงระดับเข่า ซึง่ เมื่อนัง่ ห้ อยขาแล้ วฝ่ าเท้ าจะวางราบกับพื ้น
พอดี ไม่ควรนัง่ พับเพียบ หลีกเลี่ยงการนัง่ ขัดสมาธิ การนัง่ คุกเข่า นัง่ ยอง หรื อนัง่ ราบกับพื ้น
เนื่องจากจะทําให้ ผิวเข่าเสียดสีกนั มากขึ ้น
3.3 เวลาเข้ าห้ องนํ ้า ควรนัง่ ถ่ายบนโถนัง่
3.4 ควรนอนบนเตียง ไม่ควรนอนราบกับพื ้น เพราะต้ องงอเข่าเวลาจะนอน หรื อจะ
ลุกขึ ้น
3.5 หลีกเลี่ยงการขึ ้น – ลงบันได
3.6 ควรใช้ ไม้ เท้ าเมื่อยืนหรื อเดิน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดเข่ามาก หรื อมีข้อเข่าโก่ง
ผิดรูป
3.7 บริ หารกล้ ามเนื ้อรอบ ๆ ข้ อเข่าให้ แข็งแรง เพื่อช่วยให้ การเคลื่อนไหวของข้ อเข่าดี
ขึ ้น และสามารถทรงตัวได้ ดีเวลายืนหรื อเดิน
4) การออกกําลังกายในโรคข้ อเข่ าเสื่อม
เป็ นที่ยอมรับกันทัว่ ไปว่า การทําให้ กล้ ามเนื ้อรอบข้ อเข่าแข็งแรง จะช่วยทําให้ การ
ดําเนินโรคชะลอช้ าลง ทําให้ ข้อมีความมัน่ คงมากขึ ้น(13) โดยการเพิ่มการออกกําลังกายต้ อง
ค่อยเป็ นค่อยไป ถ้ าเพิ่มการออกกําลังกายมากเกินไป จะทําให้ อาการของโรคแย่ลงได้
4.1 การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางร่ างกาย (aerobic exercise)(2)
แนะนําการเดิน ในช่วงที่คนไข้ ไม่มีอาการปวด แนะนําให้ เดินออกกําลังกายด้ วยความเร็ ว
พอเหมาะ เนื่องจากการเดินจะทําให้ กระดูกอ่อนได้ รับสารอาหาร ทําให้ การทํางานของข้ อเข่า
ดีขึ ้น และชะลอการแย่ลงของข้ อเข่า(13) อย่างไรก็ตามช่วงปวดเข่ามาก ต้ องงดการเดิน บาง
รายอาจแนะนําให้ เดินในนํ ้า, ว่ายนํ ้า, แอโรบิกในนํ ้า, รํ ามวยจีน, ลีลาศ โดยแนะนําให้ ออก
กําลังกายสมํ่าเสมอ ครัง้ ละ 20 - 40 นาที สัปดาห์ละ 3 - 5 วัน ทังนี ้ ้ต้ องพิจารณาตามความ
เหมาะสมเป็ นราย ๆ ไป ต้ องระวังข้ อห้ ามและข้ อควรระวังในการออกกําลังกายแบบแอโรบิก
และต้ องเริ่ มออกกําลังกายทีละน้ อย
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 107
C. การรักษาแบบผ่ าตัด(1)
1. Tidal knee irrigation พิจารณาวิธีการเจาะเข่า โดยฉีดยาชาเฉพาะที่ ล้ างเข่าด้ วย
นํ ้าเกลือปกติในปริมาณ 2 ลิตร เพื่อทําความสะอาดข้ อเข่า ลดอาการข้ อยึดติด และลดสาร
cytokines ใช้ ในผู้ป่วยที่มีข้อห้ ามการผ่าตัดใหญ่
2. Arthroscope lavage ใช้ ในกรณีที่ผ้ ปู ่ วยมี loose body หรื อมีการฉีกขาดของ
meniscus ร่วมด้ วย
3. กรณีที่ผ้ ปู ่ วยมีการผิดรูปของข้ อเข่ามาก พิจารณาทํา Corrective osteotomy
4. กรณีที่ได้ รับการรักษาแบบประคับประคอง โดยไม่ผา่ ตัดแล้ วไม่ได้ ผล ผู้ป่วยยังมี
อาการปวดรุนแรงและทุพพลภาพ จํากัดการทํากิจวัตรประจําวัน ภาพรังสีแสดงการเปลี่ยน
แปลงที่รุนแรงของโรคข้ อเข่าเสื่อมพิจารณาทํา joint replacement
เอกสารอ้ างอิง
1. สํานักพัฒนาวิชาการแพทย์ . กรมการแพทย์ . กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวช
ปฏิบตั กิ ารวินิจฉัยและรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม . พิมพ์ครัง้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : ชุมนุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย ; 2548
2. คณะทํางานแนวทางเวชปฏิบตั กิ ารรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม. แนวทางเวชปฏิบตั กิ าร
รักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม . วารสารโรคข้ อและรูมาติสซัม่ . 2550 ; 18 : 83 - 109
3. Kuptniratsaikul V, Tosayanonda O , Nilganuwong S, Thamalikitkul V. The
epidemiology of osteoarthritis of the knee in elderly patients living an urban area of
Bangkok. J med Assoc Thai 2002;85:154-61.
4. สูงชัย อังธารารักษ์ . Osteoarthritis (OA) 2006 ข้ อเสื่อม. ใน : อัจฉรา กุลวิสทุ ธิ์ ,
ไพจิตต์ อัศวธนบดี. บรรณาธิการ. Rheumatology for the Non-Rheumatologist. พิมพ์ครัง้
ที่ 1 กรุงเทพ : ซิตี ้พริน้ ท์ จํากัด ; 2549 หน้ า 8-47.
5. Kellgren J H , and Lawrence J S. Radiological Assessment of Osteo-
Arthrosis. Ann Rheum Dis 1957;16:494-502.
6. Felson DT. Osteoarthritis of the Knee . N Engl J Med 2006 ; 354 : 841- 8.
7. Altman R , Asch E , Bloch D , Bole G , Borenstein D , Brandt K , et al.
Development of criteria for the classification and reporting of osteoarthritis. Arthritis
Rheum 1986;29(8): 1039-49.
8. Jordan KM , Arden NK , Doherty M , Bannwarth B , Bijlsma JWJ , Dieppe P ,
et al. EULAR Recommendations 2003 : an evidence based approach to the
management of knee osteoarthritis : Report of a Task Force of the Standing
Committee for International Clinical Studies Including Therapeutic Trials (ESCISIT).
Ann Rheum Dis 2003 ; 62 : 1145-55.
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 115
24. National Health and medical Research Council (NHMRC), Royal Australian
College of General Practitioners. Guideline for the non-surgical management of hip
and knee osteoarthritis : July 2009.
25. Berman BM , Singh BB , Lao L , Langenberg P , Li H , Hadhazy V , et al. A
randomized trial of acupuncture as an adjunctive therapy in osteoarthritis of the
knee. Rheumatology (Oxford) 1999 ; 38 : 346-54.
26. Christensen BV , Iuhl IU , Vilbek H, Bulow HH, Dreijer NC.and Rasmussen
HF Acupuncture treatment of severe knee osteoarthrosis. A long-term study. Acta
Anaesthesiol Scand 1992;36 :519-25.
27. NG M M L , Leung MCP , Poon D M Y , Phil M. The effects of electro-
acupuncture and transcutaneous electrical nerve stimulation on patients with
painful osteoarthritic knees: A randomized controlled trial with follow-up evaluation.
J Altern Complement Med 2003;9(5):641-9.
28. Cheng D. 100 Diseases treated by single point of acupuncture and
moxibustion. Beijing,China : Foreign Languages Press; 2001.
29. Taechaarpornkul W., Suvapan D., Theppanom C., Chanthipwaree C.,
Chirawatkul A. Comparison of the effectiveness of six and two acupuncture point
regimens in osteoarthritis of the knee : a randomised trial. Acupunct Med. 2009;
27:3-8.
30. Tillu A , Tillu S , Vowler S . Effect of Acupuncture on Knee Function in
Advanced Osteoarthritis of the Knee : A Prospective, Non-Randomised Controlled
Study . Acupunct Med 2002 ; 20(1) : 19-21.
118 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ปวดข้ อสะโพก
(Hip Joint Pain : 髋关节痛)
ข้ อสะโพก เป็ นข้ อที่หมุนได้ โดยรอบ การทําหน้ าที่จําเป็ นต้ องการความมัน่ คงแข็งแรง
อย่างมาก ข้ อสะโพกจึงถูกสร้ างขึ ้นอย่างได้ สดั ส่วนและปิ ดมิดชิด โดยหัวกระดูกต้ นขาเป็ นรูป
ทรงกลมและอยูใ่ นเบ้ าลึก ภายนอกยังได้ รับการเสริ มให้ แข็งแรงด้ วยแคปซูลหนาขึงจากขอบ
Acetabulum กับแนวระหว่าง Trochanteric ของกระดูกต้ นขา (Ilio – femoral ligament)
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ที่มาพบแพทย์ด้วยปั ญหาข้ อสะโพก มักมีอาการของความเจ็บปวด
ข้ อติดแข็ง เดินกระเผลก หรื อมีการผิดรูป สาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากข้ อเสื่อมสภาพ ซึง่ เป็ นการ
เสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนผิวข้ อ และการงอกของกระดูกซึง่ อยูป่ ระชิดข้ อ ส่วนใหญ่โรคนี ้
เป็ นมากในวัยกลางคน ผู้สงู อายุ พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย คนอ้ วน หรื อข้ อสะโพก
ได้ รับบาดเจ็บมาก่อน
อาการและอาการแสดง
อาการปวดข้ อสะโพก อาจอยูเ่ ฉพาะที่ขาหนีบ และจากขาหนีบอาจร้ าวลงไปด้ านใน
หรื อด้ านหน้ าของโคนขา อาการปวดอาจเกิดขึ ้นที่บริเวณ Greater trochanter และร้ าวตาม
แนว Fascia Lata ไปยังเข่า หรื ออาจปวดทางด้ านหลังบริ เวณ Ischial Tuberosity ซึง่ ต้ อง
แยกออกจากอาการปวดจากเส้ นประสาทไซแอติก เมื่อเคลื่อนไหวข้ อสะโพก จะทําให้ อาการ
ปวดข้ อสะโพกเพิ่มมากขึ ้น
ในระยะแรก ผู้ป่วยอาจรู้สกึ ข้ อสะโพกติดแข็ง หลังจากการไม่เคลื่อนไหวระยะหนึง่
เช่น หลังจากนัง่ เป็ นเวลานาน หรื อตื่นนอนตอนเช้ า เมื่อข้ อสะโพกเสื่อมสภาพอย่างมาก จะ
ตรวจพบข้ อสะโพกติดแข็ง พิสยั การเคลื่อนไหวข้ อสะโพกจะค่อย ๆ ลดลงตามลําดับ คือ จะ
หมุนบิดขาไม่ได้ ก่อน และตามด้ วยกางขาและหุบขาไม่ได้ แต่ยงั งอสะโพกได้ จนถึงระยะ
สุดท้ าย ผู้ป่วยอาจลําบากในการสวมถุงเท้ าและรองเท้ าข้ างนัน้
120 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
หลักการรั กษา
ถ้ าข้ อสะโพกไม่ถกู ทําลายมาก สามารถรักษาอาการปวดและข้ อฝื ดได้ ด้ วยการใช้ ยา
เวชศาสตร์ ฟืน้ ฟู เช่น กายภาพบําบัด ใช้ เครื่ องพยุงการเดิน อาจช่วยลดอาการปวดได้ ขาข้ าง
ที่สนอาจเสริ
ั้ มพื ้นรองเท้ า
การผ่าตัด และการเปลี่ยนข้ อสะโพก ต้ องพิจารณาความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย
อาการและอาการแสดง
ในระยะแรก มักเกิดจากความเย็นชื ้นเข้ ากระทําต่อเส้ นลมปราณ มีอาการปวดหนัก ล้ า
ที่สมั พันธ์กบั การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ลิ ้นมีฝ้าขาวเหนียว ชีพจรลื่นหรื อตึงแน่น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 121
(HuaMai or XuanJinMai)
เมื่อนานวัน จะเกิดการติดขัดทําให้ การเคลื่อนไหวข้ อสะโพกไม่สะดวก ร่วมกับอายุที่
มากขึ ้นทําให้ เกิดตับและไตพร่อง มีอาการเมื่อยล้ าเวลาเดิน หรื อรับนํ ้าหนักมากเพิม่ ขึ ้น เช่น
หาบของ หรือยกของ มักมีอาการปวดร้ าวสะโพกบริเวณขาหนีบ ต้ นขาด้ านใน และหัวเข่า
ด้ านใน ตามแนวเส้ นลมปราณตับและไต ชีพจรจมอ่อน (RuoMai)
วิธีท่ ี 2
จุดหลัก: HuanTiao (GB 30), JuLiao (GB 29), XuanZhong (GB 39)
จุดเสริม: ZuLinQi (GB 41), QiuXu (GB 40), ShenMai (BL 62), TaiBai (SP 3),
ChongMen (SP 12)
อธิบาย: HuanTiao (GB 30) ใช้ เข็มอุน่ เพื่อขับความเย็นชื ้นและทะลวงเส้ นลมปราณ
ปั กลึกกว่า 2 ชุ่น; JuLiao (GB 29) เป็ นจุดเฉพาะที่ใช้ ร่วมกับ HuanTiao (GB 30);
XuanZhong (GB 39) จุดอิทธิพลของไขกระดูก ใช้ รักษาโรคของกระดูก; ZuLinQi (GB 41)
เป็ นจุด Shu-Stream ของเส้ นลมปราณถุงนํ ้าดี ใช้ รักษาอาการปวดข้ อ เมื่อยเนื ้อหนักตัว และ
122 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
เป็ นจุดเชื่อมโยงเส้ นลมปราณต้ าย ซึง่ ผ่านข้ อสะโพก; QiuXu (GB 40) เป็ นจุดเหยียนของเส้ น
ลมปราณถุงนํ ้าดี ใช้ ระงับปวด; ShenMai (BL 62) เป็ นจุดเชื่อมโยงเส้ นลมปราณหยางเฉียว
ที่ผา่ นข้ อสะโพก ซึง่ เกี่ยวข้ องกับการเคลื่อนไหว จุดนี ้เหมาะกับข้ อติดแข็ง; TaiBai (SP 3),
ChongMen (SP 12) ใช้ กรณีปวดข้ อสะโพกร้ าวมาที่ขาหนีบ
ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงไทยหม้ าย อายุ 56 ปี อาชีพหาบขนมขาย ผู้ป่วยมีอาการปวดเสียวขาหนีบ
ด้ านในขาขวา เป็ นมานานกว่า 3 ปี เคยพบแพทย์หลายครัง้ แจ้ งว่าเป็ นเอ็นขาหนีบอักเสบ ได้
ยารับประทานอาการดีขึ ้นแต่ไม่หายขาด ประมาณ 1 ปี ที่ผา่ นมาผู้ป่วยหกล้ มก้ นกระแทกพื ้น
ถนน มีอาการปวดกระเบนเหน็บ แก้ มก้ นขวา ร้ าวมาด้ านในขาหนีบ พบแพทย์ที่โรงพยาบาล
ได้ รับแจ้ งว่าเป็ นกล้ ามเนื ้อฟกชํ ้า โดยไม่ได้ ตรวจเอกซเรย์ ผู้ป่วยมีอาการปวดแก้ มก้ นขวาและ
ปวดร้ าวขาหนีบเรื่ อยมา และจะมีอาการมากขึ ้น ถ้ าเดินหาบของหนัก ๆ ตรวจร่างกายพบ
กําลังกล้ ามเนื ้อขาสองข้ างเท่ากัน ไม่พบอ่อนแรง SLR test 70 องศา, ตรวจภาพรังสี พบ
ช่องว่างข้ อสะโพกแคบทังสองข้ ้ าง และมี Spur ได้ รับการวินิจฉัยว่า ปวดข้ อสะโพกจากข้ อ
เสื่อม ได้ รับยารับประทานประมาณ 2 เดือน อาการไม่ทเุ ลา
ประวัตเิ พิ่มเติม ผู้ป่วยมีอาการเมื่อยเอว เข่าอ่อนเป็ นบางครัง้ กลัวหนาว ปั สสาวะบ่อย
ตอนกลางคืน หลังเท้ าบวม ตรวจลิ ้น ค่อนข้ างคลํ ้ามีฝ้าขาว ชีพจรเล็กและฝื ด ผู้ป่วยได้ รับการ
วินิจฉัยว่า ปวดข้ อสะโพกจากหยางชี่ของไตพร่องและเลือดคัง่
หลักการรักษา บํารุงหยางชี่ไต สลายเลือดคัง่ ระงับปวดสะโพก
เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการปวดสะโพก ซึง่ รบกวนการดําเนินชีวิตประจําวัน ดังนันแผนการ ้
รักษาจึงต้ องบรรเทาอาการปวดให้ ทเุ ลาลงไประดับหนึง่ ก่อน แล้ วจึงบํารุงไตหยางภายหลัง
จุดหลัก: HuanTiao (GB 30) ฝั งเข็ม 3 เล่ม รอบหัวกระดูกต้ นขาข้ างขวา รวบหัวเข็ม
ติดขัวลบ
้ ใช้ จดุ FengShi (GB 31) ติดขัวบวก ้ ใส่เครื่ องกระตุ้นเข็ม, YangLingQuan (GB
34), XuanZhong (GB 39)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 123
ปลายประสาทผิวหนังต้ นขาอักเสบ
(Latero – Femoral Cutaneous Neuritis : 股外侧皮神经炎)
อาการอักเสบของปลายประสาท femoral nerve ที่มาเลี ้ยงผิวหนังด้ านหน้ า-ข้ างต้ นขา
(antero-lateral thigh) อาจมีอาการได้ หลายแบบ และมักเป็ นข้ างเดียว เช่น มีอาการชา หรื อ
มีความรู้สกึ เหมือนมดไต่หรือแมงมุมไต่หน้ าต้ นขา บางรายอาจมีอาการปวดเหมือน เข็มทิ่ม
แทง สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของประสาทรับความรู้สกึ ที่วงิ่ ลอดใต้ Inguinal ligament
มายังส่วนผิวหนังบริ เวณด้ านหน้ า-ข้ างต้ นขา เกิดการอักเสบแบบไม่ตดิ เชื ้อ (aseptic inflam-
mation) หรื อเลือดมาเลี ้ยงไม่พอจากการถูกกดทับ ผู้ป่วยหลายรายมักถูกส่งไปพบจิตแพทย์
ตามศาสตร์ การแพทย์แผนจีน เชื่อว่าเกิดจากเสียชี่ภายนอก เช่น ลม ความเย็น ความชื ้น หรื อ
ประสมกันมากระทําต่อเส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร หรื อเส้ นลมปราณถุงนํ ้าดี หรื อทังสอง ้
เส้ น พบได้ บอ่ ยในหญิงตังครรภ์
้ ตังแต่
้ 8 เดือนขึ ้นไป หรื อในคนอ้ วน มีการกดเส้ นประสาท
femoral nerve ดังกล่าวข้ างต้ น
ตัวอย่ างผู้ป่วย
หญิงไทย หม้ าย อายุ 62 ปี อาชีพแม่บ้าน มีอาการคันคล้ ายแมงมุมไต่บริ เวณด้ านนอก
หน้ าต้ นขาซ้ าย เป็ นมานานประมาณ 2 ปี อาการจะเป็ นมากในช่วงสาย ๆ เป็ นทุกวัน กลาง
คืนวันไหนรับประทานยานอนหลับ จะหลับไปไม่ร้ ูสกึ อะไร แต่ถ้าตื่นยามดึกจะมีอาการทันที
ทําให้ นอนไม่หลับ เคยไปพบจิตแพทย์ ได้ รับการวินิจฉัยว่า อาจเป็ นโรคหลงผิด ได้ รับยา
ประมาณปี กว่า อาการไม่ดขี ึ ้น และมีอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ ามืดจะเป็ นลมบ่อยหลังกินยา
จิตเวช ผู้ป่วยได้ หยุดยาเองมาเป็ นเวลาหลายเดือน อาการคล้ ายแมงมุมไต่หน้ าต้ นขายังคงมี
อยูต่ ลอด ตรวจร่างกาย ต้ นขาซ้ ายไม่พบผิดปกติ นอกจากชา รับรู้สมั ผัสลดลงเล็กน้ อย ได้ รับ
การวินิจฉัยเบื ้องต้ นว่าเป็ น ปลายประสาทผิวหนังบริเวณต้ นขาอักเสบ ได้ ยารับประทาน
ประมาณ 1 เดือน อาการไม่ทเุ ลา
ประวัตเิ พิ่มเติม ผู้ป่วยต้ องใช้ ยานอนหลับเป็ นประจํา ตังแต่
้ หย่าขาดจากสามีมา 25 ปี
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สกึ อึดอัดใจเป็ นบางครัง้ เบื่ออาหาร ลิ ้นซีดมีฝ้าขาวบาง ชีพจรอ่อน-
เล็ก ได้ รับการวินิจฉัยว่า มีเลือดลมพร่อง ร่วมกับปลายประสาทผิวหนังต้ นขาซ้ ายอักเสบจาก
ลมเย็นรุกราน
หลักการรักษา ขจัดลมเย็น บํารุงเลือดลม ระงับอาการคัน (เลือดดี ลมก็หายไป)
วิธีการรักษา ใช้ เข็ม 7 ดาวเคาะ ด้ านข้ างต้ นขาซ้ ายลงมาจนถึงจุด FengShi (GB 31)
ประมาณ 10 นาทีจนผิวหนังสีออกแดงเรื่อ หลังจากนันใช้ ้ ครอบกระปุก ประมาณ 10 นาที
จุดเสริม ZuSanLi (ST 36), SanYinJiao (SP 6)
นัดผู้ป่วยมาทําซํ ้าทุก 7 วัน 4 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา รักษาได้ 7 ครัง้ ผู้ป่วยแจ้ งว่า
อาการทุเลาลงมาก
126 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
อาการ และการทํานายโรคที่แตกต่างกัน
ในระยะหลังมีการแยก RA ออกมาเป็ น Wang bi หรื อ Wan bi คือ Stubborn Bi
Syndrome (โรคปวดข้ อที่ควบคุมยาก) คําที่เหมาะสมของ RA คือ ข้ อต่อที่มีอาการปวดมาก
Li Jie ( Joint with severe pain)
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ปั จจัยที่เป็ นสาเหตุของการเกิดโรครูมาตอยด์มีหลายปั จจัย ได้ แก่
1. ปั จจัยภายในร่ างกายของผู้ป่วยอ่ อนแอ ภูมิต้านทานบกพร่ อง เจิง้ ชีพ้ ร่ อง
ทําให้ เกิดความพร่องของตับและไต สารจิงและเลือดไม่พอ การทํางานของตับบกพร่องส่งผล
ต่อเส้ นเอ็นไตบกพร่องส่งผลต่อกระดูกต่าง ๆ ซึง่ ปกติระบบเอ็นและกระดูกได้ รับการหล่อเลี ้ยง
จากเลือดและหยางชี่ของตับและไต
2. ปั จจัยภายนอกที่มากระทํา ได้ แก่ ลม ความเย็น ความชื ้น ทําให้ เส้ นลมปราณอุด
กัน้ การไหลเวียนของชี่และเลือดติดขัด เกิดภาวะเลือดคัง่ มีความร้ อนสะสมและเสมหะ
ตกค้ าง “ลม” ทําให้ เกิดอาการปวดข้ อที่แปรเปลี่ยน “ความเย็น” ทําให้ เกิดการอุดกันของชี ้ ่และ
เลือด ทําให้ เกิดอาการปวดมาก ข้ อต่อและเอ็นหดรัง้ เคลื่อนไหวลําบาก “ความชื ้น” จะทําให้
เกิดอาการหนัก หนืด ติดแน่น ยึดติด เฉื่อยชา บวม ตึง ถ้ าเสียชี่เหล่านี ้รุกรานอย่างต่อเนื่อง
ก่อให้ เกิดความร้ อน อุดกันการไหลเวี
้ ยนของลมปราณและเลือดโดยเฉพาะเส้ นลมปราณและ
เส้ นเลือดบริเวณกล้ ามเนื ้อและข้ อต่อ ถ้ ายังไม่ได้ รับการรักษาจะแผ่ขยายไปทัว่ ร่างกาย อิน
ดังเดิ
้ มพร่อง เลือดพร่อง จะเกิดความร้ อนภายใน ร่างกายที่มีความร้ อนทําให้ นํ ้าหล่อเลี ้ยง
ร่างกายแห้ งเกิดเป็ นเสมหะ ความร้ อนและเสมหะจะทําให้ อดุ กันเส้ ้ นลมปราณและเลือดที่มา
หล่อเลี ้ยงข้ อต่อ เกิดอาการ บวม ตึง อักเสบ และ ผิดรูป เป็ น วัฎจักรที่ทําให้ โรคนี ้เรื อ้ รัง
3. การเสียสมดุลของอารมณ์ ทงั ้ เจ็ด อารมณ์โกรธ คิดมาก กังวล ส่งผลทําให้ การ
ไหลเวียนของชี่ตดิ ขัด ปกติชี่จะทําให้ เกิดพลังความอบอุน่ และเลือดจะส่งอาหารและความ
ชุ่มชื ้นหล่อเลี ้ยงร่างกาย เมื่อชี่ตดิ ขัดจะมีผลต่อระบบไหลเวียนของเลือด เกิดภาวะเลือดคัง่
ทําให้ เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง จึงควรแนะนําผู้ป่วยให้ มีความตระหนักว่าอารมณ์เหล่านี ้มี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 129
ผลทําให้ โรคกําเริบได้
4. ความเสียสมดุลของการทํางานและการพักผ่ อน การทํางานที่ตรากตรํ าทําให้
หยางชี่พร่อง ส่งผลให้ ภมู ิต้านทานของร่างกายบกพร่อง เสียชี่ ลม ความเย็น และ ความชื ้น
จึงรุกรานได้ ง่าย การมีกิจกรรมทางเพศที่มากเกินควรมีผลให้ จิงชี่ลดลง มีผลต่อภูมิต้านทาน
ของร่างกาย ขณะเดียวกันการพักผ่อนมากเกินไป จะมีผลทําให้ หน้ าที่ของม้ ามและกระเพาะ
อาหารผิดปกติ ทําให้ การลําเลียงอาหารและการย่อยเปลี่ยนรูปพลังงานของอาหารบกพร่อง
ทําให้ การสร้ างชี่และเลือดลดลง การดํารงชีวิตที่ขาดการออกกําลังกาย จะมีผลให้ กีดขวาง
การไหลเวียนของชี่และเลือด มีผลต่อตับและไต และส่งผลต่อเส้ นเอ็นและกระดูกทัว่ ร่างกาย
อ่อนแอ การอุดกันของชี
้ ่ เลือดและนํ ้าหล่อเลี ้ยง ก่อให้ เกิดเสมหะตกค้ างโดยเฉพาะในข้ อต่อ
แพทย์จงึ ควรแนะนําผู้ป่วยให้ เปลี่ยนวิกฤตเป็ นโอกาส ปรับสมดุลการใช้ ชีวิตให้ เหมาะสมส่ง
ผลดีตอ่ สุขภาวะองค์รวม และทําให้ โรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์สงบ
หลักการรั กษา
ระยะแรกใช้ หลักการขจัดเสียชี่ คือ การไล่ลมเย็น ระบายชื ้น ขับร้ อน กระตุ้นการ
ไหลเวียนของชี่และการไหลเวียนของเลือด
ระยะท้ ายมีอาการทัง้ แกร่ งและพร่ อง บํารุงตับไต เสริมม้ าม เพิม่ การไหลเวียนของ
เลือด ขจัดเสมหะ ข้ อสําคัญที่ต้องรักษา คือ การบํารุงหยางชี่ และระบายความชื ้น
การแบ่ งตามระยะของโรค
1. ระยะแรก โรคยังคงอยูใ่ นเส้ นลมปราณหลัก ให้ เน้ นรักษาเรื่ อง การขับเคลื่อนของชี่
โดยขจัดเสียชี่ตา่ ง ๆ ทังลม
้ ความเย็นและความชื ้น อุน่ หยาง และบํารุงเหวียนชี่
อาการปวดจาก ลม-ความเย็น-ความชื ้น (wind-cold-damp bi) อาการปวดข้ อและ
กล้ ามเนื ้อ งอและเหยียดข้ อลําบาก เสียชี่เป็ นลม อาการปวดจะเคลื่อนแผ่กระจายไปหลายข้ อ
“ความเย็น” เด่นจะเกิดอาการปวดมาก และอาการเพิ่มมากขึ ้นเมื่อเกิดความเย็น อาการดีขึ ้น
130 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรักษา
ศาสตร์ การแพทย์แผนจีนใช้ สมุนไพรร่วมกับการฝั งเข็ม รมยา ครอบกระปุก การอบ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 131
- ถ้ ามีอาการ MCP อักเสบ เพิ่ม BaXie (EX-UE 9), HeGu (LI 4) และ SanJian (LI 3)
- ถ้ ามีอาการข้ อนิว้ มืออักเสบ เพิม่ SiFeng (EX-UE 10)
- ถ้ ามีอาการข้ อสะโพกอักเสบ เพิ่ม HuanTiao (GB 30), JuLiao (GB 29)
และ YangLingQuan (GB 34)
- ถ้ ามีอาการข้ อเข่ าอักเสบ เพิ่ม NeiXiYan (EX-LE 4), XiYan (EX-LE 5),
LiangQiu (ST 34) WeiZhong (BL 40), XiYangGuan (GB 33), QuQuan (LV 8)
และ YangLingQuan (GB 34)
- ถ้ ามีอาการข้ อเท้ าอักเสบ เพิ่ม KunLun (BL 60), TaiXi (KI 3), JieXi (ST 41),
QiuXu (GB 40) และ RanGu (KI 2)
- ถ้ ามีอาการ Metatarsal อักเสบ เพิม่ BaFeng (EX-LE 10), NeiTing (ST 44)
และ TaiChong (LV 3)
- ถ้ ามีอาการข้ อต่ อบริเวณสันหลังอักเสบ ให้ ใช้ จดุ เหล่านี ้สลับกัน คือ DaZhui (GV
14), ShenZhu (GV 12) และ YaoYangGuan (GV 3) และ จุด HuaTuoJiaJi (EX-B 2) ของ
บริเวณข้ อสันหลังที่ปวด
การฝั งเข็ม แต่ละครัง้ เลือกใช้ เพียง 6 - 10 จุดสลับกัน หรือแล้ วแต่ความทนได้ ของผู้ป่วย
การขจัดลมและลดความร้ อน ใช้ เข็มปั กค่อนข้ างตื ้นและกระตุ้นระบาย แต่ถ้าเป็ นความ
เย็นและความชื ้น ควรใช้ การฝั งเข็มร่วมกับการรมยาหรือเข็มอุน่
การกระตุ้นเข็ม: ใช้ การกระตุ้นเบา ๆ หรือ ระบาย แล้ วแต่พยาธิสภาพ อาจใช้ เข็มอุน่
หรื อ รมยา โดยเฉพาะที่ GuanYuan (CV 4), QiHai (CV 6) และ ShenQue (CV 8) อาจใช้ รม
ยา 20-30 นาที โดยการคัน่ ขิง 7 - 9 cone
การรักษาด้ วยวิธีอ่ นื ๆ
- การฝั งเข็มหู
บริ เวณที่สมั พันธ์กบั อาการ ร่วมกับ Adrenal gland (TG 2 P) และ Shenmen (TF 4)
อาจใช้ เข็มคา 20-30 นาที หรื อ เม็ดผักกาดกดจนรู้สกึ ร้ อน 1 - 2 นาทีตอ่ จุด ทิ ้งไว้ 3 - 5 วัน
ข้ อพึงระวัง: หญิงตังครรภ์
้ 2 - 5 เดือน ไม่ควรฝั งเข็ม เพราะอาจแท้ งได้ สําหรับการ
ตังครรภ์
้ 5 - 9 เดือน หลีกเลี่ยงจุด Uterus, Ovary, Endocrine, Lumbosacral vertebrae
และ abdomen
- การรมยา
การรมยาและเข็มอุน่ จะช่วยให้ ชี่หมุนเวียนดีขึ ้น ทะลวงเส้ นลมปราณที่ตดิ ขัด บํารุง
เลือด และแก้ ภาวะเลือดคัง่ รายที่โรคค่อนข้ างดื ้อต่อการรักษา อาจทําการรมควันแบบก่อ
134 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
โรคเกาต์
(Gouty Arthritis : 痛风)
โรคเกาต์ เป็ นโรคข้ ออักเสบที่เกิดจากผลึกของ Monosodium Urate Monohydrate
ตกตะกอนในข้ อ ซึง่ มีผลมาจากกรดยูริก ซึง่ เป็ นผลผลิตของกระบวนการเมตาบอลิสซัม่ ของ
สารพิวรี น (Purene metabolism) สูงมากจนตกตะกอนเป็ นผลึกของยูเรทสะสมตามข้ อต่อ
เนื ้อเยื่อ รอบ ๆ ข้ อและไต ทําให้ พบผลึกนี ้ในเม็ดเลือดขาวของนํ ้าไขข้ อจากการเจาะข้ อที่กําลัง
อักเสบ ถ้ าผู้ป่วยไม่ได้ รับการรักษาอย่างถูกต้ อง คือ การรักษาอาการอักเสบของข้ อร่วมกับ
การลดกรดยูริกในเลือด ผลึกของ Monosodium Urate Monohydrate จะสะสมตามเนื ้อเยื่อ
รอบ ๆ ข้ อ ทําให้ เกิดเป็ นปุ่ ม Tophi อาจแตกออกมาเป็ นลักษณะนํ ้าข้ นๆ สีขาวขุน่ คล้ ายยาสี
ฟั นหรื อเต้ าหู้ กรดยูริกอาจตกตะกอนที่ทางเดินปั สสาวะเกิดเป็ นก้ อนนิ่วและตกตะกอนที่
เนื ้อเยื่อของไตทําให้ ไตวายเรือ้ รั ง ตลอดจนเกิดภาวะทุพพลภาพ
ภาวะกรดยูริกสูง เป็ นผลจากปั จจัยทางกรรมพันธุ์และปั จจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่มีผลทําให้
อาการของเกาต์เกิดรุนแรง คือ นํ ้าหนักตัวที่มากเกินไป การบริโภคแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง
การใช้ ยาขับปั สสาวะ ฯลฯ
การรักษาโรคเกาต์ของแพทย์แผนปั จจุบนั จึงประกอบไปด้ วยการรักษาอาการข้ ออักเสบ
และการลดระดับยูริกเลือดเพื่อป้องกันการเกิดภาวะไตวาย รวมทังการแนะนํ ้ าให้ ผ้ ปู ่ วยตระหนัก
ถึงความจําเป็ นอย่างยิง่ ของพฤติกรรมสุขภาพที่ถกู ต้ อง เช่น การมีนํ ้าหนักตัวที่เหมาะสม การ
ออกกําลังกายพอเหมาะ หลีกเลีย่ งปั จจัยที่กระตุ้นการอักเสบฉับพลันของข้ อ (Acute Gouty
Arthritis) โดยการดื่มนํ ้าให้ พอเพียง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ฯลฯ
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ในระยะแรกเจิ ้งชี่ยงั ไม่ถกู รบกวน ภาวะหยางเกิน และ
ระยะท้ ายตับและไตพร่องทําให้ สารจําเป็ น (Essence) และเลือดพร่องส่งผลให้ การหล่อเลี ้ยง
เอ็น กระดูก ไม่เพียงพอ และเส้ นลมปราณติดขัด เกิดเป็ นความชื ้น (damp-turbidity) ภายใน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 137
- ข้ อมือ: YangChi (SJ 4), WeiGuan (SJ 5), HeGu (LI 4), TaiChong (LV 3),
YangXi (LI 5), Ashi points
- ข้ อนิ ้วมือ และ metacarpophalangeal joint: SanJian (LI 3), BaXie (EX-UE 9),
SiFeng (EX-UE 10), Ashi points
- ข้ อศอก: HeGu (LI 4), ShouSanLi (LI 10), QuChi (LI 11), ChiZe (LU 5)
- ข้ อหัวไหล่: JianYu (LI 15), JianZhen (SI 9), JianJing (GB 21) และ Ashi points
จุดเสริม:
- ถ้ าร้ อน ชื ้นมาก เพิ่ม QiuXu (GB 40), DaDu(SP 2), TaiBai (SP 3)
- ถ้ าเลือดคัง่ เพิ่ม XueHai (SP 10), GeShu (BL 17)
- ถ้ าเสมหะอุดตันมาก เพิ่ม FengLong (ST 40), PiShu (BL 20)
- ถ้ าตับไตพร่อง เพิ่ม TaiXi (KI 3) และ SanYinJiao (SP 6)
- ถ้ ามี ลม ร้ อนและชื ้น ระบายจุด DaZhui (GV 14), ShenZhu (GV 12), QuChi (LI 11)
- ในรายที่มีเสมหะอุดตัน เพิ่ม GeShu (BL 17), XueHai (SP 10), PiShu(BL 20),
NeiGuan (PC 6), PangGuangShu(BL 28)
การกระตุ้นเข็ม: DaZhui (GV 14), ShenZhu (GV 12), QuChi (LI 11) และ back-
shu points ใช้ การกระตุ้นเข็มอย่างแรง และไม่ต้องคาเข็ม บริเวณข้ อที่อกั เสบอาจใช้ การ
ปล่อยเลือดร่วมด้ วย
การฝั งเข็มหู
ให้ เลือกจุดบริเวณเหล่านี ้ ได้ แก่ จุดฝั งเข็มที่มีความสัมพันธ์กบั ข้ อที่อกั เสบ, ShenMen,
Liver, Kidney, Sympathetic
โดยแต่ละครัง้ ให้ เลือก 3 - 5 จุด ใช้ เข็มยาว 0.5 นิ ้ว คาเข็มไว้ 30 นาที และฝั งเข็มทุก 2
วัน จนครบ 10 ครัง้ ถือเป็ น 1 รอบการรักษา
140 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ปวดบริเวณลิน้ ปี่
( Epigastric Pain : 胃脘痛)
คนทัว่ ไป มักเข้ าใจว่าอาการปวดท้ องบริเวณใต้ ลิ ้นปี่ โดยเฉพาะที่มีปวดเรื อ้ รังมานาน
ว่าเป็ นโรคกระเพาะอาหาร แท้ จริ งแล้ วอาการปวดท้ องอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ภายในช่องท้ อง
อีกมากมาย เช่น โรคระบบทางเดินนํ ้าดี โรคตับอ่อน เป็ นต้ น โรคกระเพาะอาหารเป็ นกลุม่ โรค
ที่พบบ่อย ที่สาํ คัญ ได้ แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร และ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
1. โรคแผลกระเพาะอาหาร
อาการสําคัญ
- ปวดหรื อจุกแน่นท้ องบริเวณใต้ ลิ ้นปี่ หรือ หน้ าท้ องช่วงบน เป็ นอาการที่พบบ่อยที่สดุ
มักเป็ นเวลาท้ องว่าง หรื อเวลาหิว อาการจึงเป็ นเฉพาะบางช่วงเวลาของวัน
- อาการปวดแน่นท้ อง มักจะบรรเทาได้ ด้วยอาหารหรื อยาลดกรด
- อาการปวด มักจะเป็ น ๆ หาย ๆ โดยมีช่วงเว้ นที่ปลอดอาการค่อนข้ างนาน เช่น ปวด
อยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้ วหายไปหลายเดือนจึงกลับมาปวดอีก
- ปวดแน่นท้ องกลางดึกหลังจากที่หลับไปแล้ ว
- แม้ จะมีอาการเรื อ้ รังเป็ นปี สุขภาพโดยทัว่ ไปจะไม่ทรุดโทรม
- โรคแผลกระเพาะอาหารจะไม่กลายเป็ นมะเร็ง แม้ จะเป็ น ๆ หาย ๆ อยูน่ านกี่ปีก็ตาม
นอกจากจะเป็ นแผลชนิดที่เกิดจากโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารตังแต่ ้ แรกเริ่ มโดยตรง
ภาวะแทรกซ้ อน
1) เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร พบได้ บอ่ ยที่สดุ ผู้ป่วยจะมีอาเจียนเป็ นเลือด
ถ่ายดําเหลว หรื อหน้ ามืด วิงเวียน เป็ นลม
2) กระเพาะอาหารทะลุ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้ องช่วงบนเฉียบพลันรุนแรง หน้ าท้ อง
แข็งตึง กดเจ็บมาก
142 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
2. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
เป็ นการอักเสบของเยื่อบุด้านในกระเพาะอาหาร เพียงบางส่วนหรื อบางบริ เวณเท่านัน้
แบ่งเป็ น
1) โรคกระเพาะอาหารอักเสบชนิดเฉียบพลัน หมายถึง โรคที่เป็ นในระยะสัน้ ๆ ไม่เกิน
1 - 2 สัปดาห์ก็หาย อาการสําคัญ คือ จะปวดท้ องหรื อจุกแน่นบริเวณใต้ ลิ ้นปี่ มักเป็ นเวลากิน
อาหาร หรื อหลังอาหารเล็กน้ อย คลืน่ ไส้ อาเจียน ในรายที่รุนแรง จะมีอาเจียนเป็ นเลือดหรื อ
ถ่ายอุจจาระสีดําได้ ซึง่ เป็ นภาวะแทรกซ้ อนที่อนั ตราย สาเหตุที่พบบ่อย คือ จากอาหารเป็ น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 143
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่ถกู หลักโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงทาง
อารมณ์ มีความพร่องในการทํางานของตับ ซึง่ เกี่ยวข้ องกับการย่อยและการลําเลียงอาหาร
การทํางานของม้ ามและกระเพาะอาหารขาดความสมดุล
การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1. ชี่ตบั ข่ มกระเพาะอาหาร (ตับและกระเพาะอาหารทํางานไม่ สัมพันธ์ กัน)
อาการ: มีอาการปวดแน่นบริเวณลิ ้นปี่ ร้ าวไปชายโครงทังสองข้
้ าง เรอเปรี ย้ ว แสบร้ อน
ทรวงอก คลืน่ ไส้ และอาเจียน อาการจะเป็ นมากขึ ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
ลิน้ : ฝ้าเหลือง บาง ; ชีพจร: ชีพจรตึง (XianMai)
2. กระเพาะอาหารร้ อนจากอาหารตกค้ าง
อาการ: มีอาการปวดแสบร้ อนที่กระเพาะอาหาร แห้ งและขมในปาก มีกลิน่ ปาก
ปั สสาวะสีเหลือง อุจจาระแห้ งแข็งและถ่ายไม่หมด
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าเหลือง ; ชีพจร: ชีพจรเร็ว (ShuMai)
144 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
3. เลือดคั่งชี่ตดิ ขัด
อาการ: ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ เหมือนถูกเข็มทิ่ม อาการเป็ นมากขึ ้นหลังรับประทานอาหาร
อาจมีอาการอาเจียนเป็ นเลือด ถ่ายเป็ นเลือด
ลิน้ : ลิ ้นสีคลํ ้าม่วง อาจมีจํ ้าเลือด ; ชีพจร: ชีพจรฝื ด (SeMai)
4. ม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่ อง
อาการ: ปวดแน่น ๆ ตื ้อ ๆ บริเวณลิ ้นปี่ ชอบการกดและความอุน่ ท้ องว่างจะปวดมาก
ขึ ้น ได้ รับประทานอาหารจะสบายขึ ้น เมื่อทํางานหนัก รับประทานอาหารที่เย็น หรื อนํ ้าแข็ง
อาการจะรุนแรงมากขึ ้น
ลิน้ : ลิ ้นซีด ฝ้าขาว ; ชีพจร: ชีพจรเล็ก-จมอ่อน (Xi-RouMai)
5. ความเย็นเข้ ารุ กรานกระเพาะอาหาร
อาการ: ปวดท้ องมากเมื่อได้ รับความเย็นรุกรานจากภายนอก ไม่ชอบอาหารเย็น ชอบ
อาหารอุน่
ลิน้ : ฝ้าขาว บาง ; ชีพจร: ชีพจรตึง หรื อ ตึงแน่น (XianMai or JinMai)
6. อินกระเพาะอาหารพร่ อง
อาการ: ปวดแสบร้ อนบริเวณลิ ้นปี่ หิวแต่ไม่อยากรับประทาน ปากคอแห้ ง ท้ องผูก
ลิน้ : ลิ ้นแดงแห้ ง ไม่มีฝ้า ; ชีพจร: ชีพจรเล็ก หรื อชีพจรเร็ว หรื อชีพจรตึง (XiMai or
ShuMai or XianMai)
การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก: ZhongWan (CV 12), NeiGuan (PC 6), ZuSanLi (ST 36), PiShu (BL 20),
WeiShu (BL 21) และ GongSun (SP 4)
จุดเสริม:
- ตับและกระเพาะอาหารทํางานไม่สอดคล้ อง: TaiChong (LR 3), QiMen (LR 14)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 145
ท้ องอืดแน่ น
( Abdominal Distention : 腹胀)
อาการท้ องอืดแน่น พบได้ บอ่ ยในเวชปฏิบตั ทิ วั่ ไป อาการอืดแน่นมักเกิดขึ ้นทังช่
้ วงบน
และล่างของช่องท้ อง โดยกระเพาะอาหารอยูช่ ่วงบนของช่องท้ อง ส่วนลําไส้ เล็กและลําไส้
ใหญ่อยูส่ ว่ นล่าง ต่างทํางานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ในการสะสม ย่อย และการดูดซึมเข้ าสู่
ร่างกายของอาหารที่รับประทานเข้ าไปรวมทังการกํ
้ าจัดกากของเสียออกจากร่างกาย เมื่อใดก็
ตามที่กระเพาะอาหารและลําไส้ ไม่สามารถทํางานได้ ดีดงั เดิม อาการท้ องอืดแน่น ปวดท้ อง
เรอ อาเจียน ฯลฯ ก็จะเกิดขึ ้น ในบทต่อไปนี ้จะกล่าวถึงอาการท้ องอืดแน่นที่มีสาเหตุจาก
ความผิดปกติของกระเพาะอาหารและลําไส้ เท่านัน้ ผู้ที่มีอาการท้ องอืด จะรู้สกึ ปวดท้ อง
ส่วนบน ทําให้ แน่นท้ อง มีลมในท้ อง ต้ องเรอบ่อยๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อิ่ม
เร็ว หรื ออาจมีอาการแน่นท้ อง แม้ กินอาหารเพียงเล็กน้ อย และแสบบริเวณหน้ าอก
สาเหตุ
เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
1. โรคในระบบทางเดินอาหารเอง ได้ แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหาร
อักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร พยาธิในทางเดินอาหาร อาการแสบบริ เวณหน้ าอก ซึง่ อาจจะ
เป็ นอาการของโรคกรดไหลย้ อนได้
2. โรคที่เกิดจากสิง่ ภายนอก ได้ แก่
• ยาต่าง ๆ ที่ใช้ ยาหลายชนิดจะทําให้ เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ได้ แก่ ยาแก้ ปวด
ข้ อทังหลาย
้
• ยาบางชนิด จะทําให้ กระเพาะและลําไส้ บีบตัวน้ อยลง เช่น ยานอนหลับ ยากล่อม
ประสาท ยาปฏิชีวนะบางอย่าง
• เครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็ นส่วนผสม เช่น สุรา เบียร์ หรื อนํ ้าชา กาแฟ จะทําให้
กระเพาะอาหารอักเสบ รวมทังการระคายเคื
้ องจากบุหรี่
148 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรักษาเบือ้ งต้ น
อาจใช้ ยาสามัญประจําบ้ าน ได้ แก่ ยาขับลม หรื อ ยาธาตุนํ ้าแดงก่อน และปรับอาหาร
โดยรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่ายแต่พอควร หากไม่ดีขึ ้น ควรไปพบแพทย์ ส่วนการรับประ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 149
การรักษา
หากพบในผู้ป่วยอายุน้อย ไม่มีข้อบ่งชี ้ว่าเป็ นโรคที่อนั ตราย แพทย์อาจให้ การรักษาด้ วย
ยาและแนะนําวิธีปฏิบตั ติ วั ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน และนัดมาพบเพื่อดูอาการ ถ้ าไม่
ดีขึ ้น แพทย์อาจดําเนินการสืบค้ นหาสาเหตุ ที่แท้ จริงต่อไป
หากพบในผู้สงู อายุ ควรแนะนําให้ ไปพบแพทย์ เพราะอาการท้ องอืด เป็ นอาการนํา
อันหนึง่ ของมะเร็ ง ในช่องท้ อง โดยเฉพาะผู้สงู อายุที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน เพิม่ จะมีอาการ
ท้ องอืด ในช่วงเวลาสัน้ ๆ รวมถึงมีอาการอย่างอื่นร่วมด้ วย เช่น เมื่ออาหารคลื่นไส้ อาเจียน
นํ ้าหนักลด ซีด ควรจะพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจจะเป็ นอาการนําของมะเร็ง กระเพาะ
อาหารได้
150 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
สาเหตุ
ศาสตร์ การแพทย์จีนแบ่งสาเหตุดงั นี ้
1) การรับประทานอาการที่ไม่ตรงเวลา หรื อทานอาหารปริ มาณมากเกินไป จะทําให้
หน้ าที่ของกระเพาะอาหารและลําไส้ เสียไป การย่อยและการดูดซึมไม่สมบูรณ์เกิดอาหาร
ตกค้ าง ขัดขวางการไหลเวียนของชี่ หรื อแปรเปลี่ยนเป็ นความร้ อน ซึง่ จะเข้ าสูก่ ระเพาะอาหาร
และลําไส้ ก่อให้ เกิดอาการท้ องอืดแน่น
2) กระเพาะอาหารและม้ ามที่ออ่ นแอ หรื อภาวะเจ็บป่ วยเรื อ้ รังทําให้ การทําหน้ าที่ของ
กระเพาะอาหารและม้ ามในการลําเลียงและดูดซึมเสียไป การไหลเวียนของชี่กระเพาะอาหาร
และม้ ามไม่ดดี งั เดิมจึงเกิดอาการท้ องอืดแน่น
การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1) ภาวะแกร่ ง
อาการ: ท้ องอืด แน่นอึดอัด กดนวดแล้ วอาการเป็ นมากขึ ้น ปวดท้ อง เรอ หายใจมีกลิน่
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 151
2) ภาวะพร่ อง
อาการ: ท้ องอืดแน่น กดนวดแล้ วอาการดีขึ ้น มีเสียงเคลือ่ นไหวในกระเพาะอาหาร
และลําไส้ ถ่ายเหลว เบื่ออาหาร อ่อนเพลียอิดโรย กระวนกระวาย ปั สสาวะสีใส
ลิน้ ซีดฝ้าขาว ; ชีพจร แรง
วิเคราะห์ อาการ : ภาวะชี่พร่องของม้ ามและกระเพาะทําให้ การลําเลียงและดูดซึม
อาหารผิดปกติไป จึงทําให้ เกิดการเบื่ออาหาร มีเสียงเคลื่อนไหวในกระเพาะอาหารและลําไส้
และถ่ายเหลว อาการปวดที่ดีขึ ้นจากการกดนวดเป็ นภาวะพร่อง เมื่อการลําเลียงและดูดซึม
อาหารผิดปกติไป การสร้ างชี่และเลือดย่อมน้ อยลง จึงเป็ นสาเหตุของความอ่อนเพลียอิดโรย
และกระวนกระวาย ลิ ้นซีดฝ้าขาว ชีพจรแรงเป็ นอาการแสดงของภาวะชี่พร่องของม้ ามและ
กระเพาะอาหาร
การรั กษา
หลักการรักษา: จุดบนเส้ นลมปราณเท้ าหยางหมิง ใช้ เป็ นจุดหลัก ภาวะแกร่งให้ ใช้ การ
กระตุ้นแบบระบายเพื่อควบคุมการไหลเวียนของชี่ในอวัยวะกลวง ส่วนภาวะพร่องใช้ การ
กระตุ้นแบบบํารุงหรื อร่วมกับการรมยาเพื่อกระตุ้มเสริมหน้ าที่ของกระเพาะอาหารและม้ าม
เพื่อการควบคุมการไหลเวียนของชี่และลดอาการท้ องอืดแน่น
จุดหลัก: ZhongWan (CV 12), TianShu (ST 25), ZuSanLi (ST 36),
152 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ปั สสาวะตกค้ าง
( Urinary Retention : 尿潴留)
ภาวะปั สสาวะค้ างในกระเพาะปั สสาวะ คือภาวะที่ไม่สามารถขับปั สสาวะออกได้ หมด
ตามธรรมชาติ โดยยังมีปัสสาวะค้ างอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะมากกว่า 50 มิลลิลติ ร ปั สสาวะ
ลําบาก ปั สสาวะติดขัดเป็ นช่วง ๆ ขณะปั สสาวะ รู้สกึ ได้ วา่ ปั สสาวะไม่สดุ ใช้ เวลาปั สสาวะ
นาน ปวดหน่วงท้ องน้ อย การที่ปัสสาวะค้ างอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะอาจนําไปสูภ่ าวะกลัน้
ปั สสาวะไม่ได้ ปวดปั สสาวะช่วงกลางคืน หากเกิดการคัง่ ค้ างของปั สสาวะกะทันหัน ถือเป็ น
ภาวะฉุกเฉิน จะมีอาการปวดกระเพาะปั สสาวะเกิดขึ ้นได้ กระเพาะปั สสาวะที่ขยายตัวเกิน
ปกติอาจฉีกขาดได้ หากมีแรงดันในกระเพาะปั สสาวะมากเกินไป นํ ้าปั สสาวะจะถูกดันย้ อน
ขึ ้นไปในท่อไต ส่งผลให้ เกิดภาวะไตบวมนํ ้าได้ และเกิดการอักเสบติดเชื ้อที่ไต ไตวายได้ ใน
ระยะยาวอาจทําให้ โรคและอาการเหล่านี ้ตามมา
1) นิ่วในกระเพาะปั สสาวะ
2) กล้ ามเนื ้อ detrusor ฝ่ อลีบหรื อโตผิดปกติ
3) ไตบวมนํ ้า
4) เกิดถุง (diverticula) ที่ผนังกระเพาะปั สสาวะ ซึง่ อาจเกิดนิ่วหรื ออักเสบติดเชื ้อได้
สาเหตุ
1) กระเพาะปั สสาวะ
- การทํางานที่ไม่ประสานกันของ detrusor sphincter
- Neurogenic bladder พบบ่อยใน pelvic splanchic nerve damage, cauda
equina syndrome, descending cortical fibers lesion, pontine micturation or storage
center lesions, demyelinating diseases or Parkinson's disease
- Iatrogenic (doctor-caused) scarring of the bladder neck (commonly from
removal of indwelling catheters or cystoscopy operations)
154 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การวินิจฉัย
การตรวจการไหลและปริมาณของปั สสาวะ จะช่วยในการวินิจฉัยความผิดปกติได้ ใน
การตรวจด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ ปริมาณการไหลของปั สสาวะ การไหล ๆ หยุด ๆ และ
ปริมาณคงเหลือของปั สสาวะหลังจากปั สสาวะสุดแล้ ว โดยปกติจะมีการไหลของปั สสาวะที่
20 – 25 มิลลิลติ รต่อวินาที ปริ มาณคงเหลือของปั สสาวะหลังจากปั สสาวะสุดแล้ วมากกว่า
50 มิลลิลติ รจะบ่งชี ้ว่าอาจมีการติดเชื ้อซํ ้า ๆ ได้ สําหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ปริมาณ
คงเหลือของปั สสาวะหลังจากปั สสาวะสุดแล้ วอาจมากถึง 50 – 100 มิลลิลติ ร เนื่องจากความ
อ่อนแอของกล้ ามเนื ้อ detrusor ในภาวะปั สสาวะคัง่ ค้ างเรื อ้ รังอาจตรวจพบว่าขนาดความจุ
ของกระเพาะปั สสาวะเพิ่มขึ ้นมากกว่าปกติ (ปกติ 400 – 600 มิลลิลติ ร)
การตรวจหา prostate-specific antigen (PSA) ช่วยในการวินิจฉัยและแยกโรคมะเร็ง
ต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากโต และต่อมลูกหมากอักเสบออกไปได้ และการตรวจชิ ้นเนื ้อของ
ต่อมลูกหมาก (TRUS biopsy of the prostate [trans-rectal ultra-sound guided])
สามารถแยกภาวะดังกล่าวออกจากกันได้ การตรวจ BUN/Cr ช่วยบอกถึงความเสียหายของ
ไตจากแรงดันย้ อนกลับของปั สสาวะ การตรวจทางเดินปั สสาวะด้ วยกล้ อง จะช่วยให้ เห็น
สภาพและชนิดของการอุดกันในทางเดิ
้ นปั สสาวะได้
การรักษา
ในภาวะปั สสาวะค้ างชนิดฉับพลัน การใส่สายสวนปั สสาวะ หรื อใส่ prostatic stent
หรื อการผ่าตัดวางสายระบายปั สสาวะผ่านหน้ าท้ องเป็ นการรักษาเบื ้องต้ นเพื่อลดแรงดันใน
กระเพาะปั สสาวะ
ในระยะยาว การรักษาขึ ้นกับสาเหตุที่ตรวจพบ ต่อมลูกหมากโตอาจให้ การรักษาด้ วย
ยาเช่น alpha blocker and 5-alpha-reductase inhibitor หรื อการผ่าตัดลดขนาดต่อม
ลูกหมาก (prostatectomy or transurethral resection of the prostate [TURP]) สําหรับ
ผู้สงู อายุที่ยงั คงมีปัญหาอยูอ่ าจใช้ การสวนปั สสาวะด้ วยตัวเองเป็ นระยะ ๆ ซึง่ ยา 5-alpha-
reductase inhibitor อาจช่วยให้ ปัสสาวะคล่องมากขึ ้นหลังการถอดสายสวนปั สสาวะ
156 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ภาวะแทรกซ้ อน
ภาวะปั สสาวะค้ าง อาจเกิดขึ ้นได้ โดยไม่มีอาการเตือน จะพบเพียงการปั สสาวะที่ออก
น้ อยลงเรื่ อย ๆ แต่ในบางคนเท่านันที
้ ่อาจเกิดขึ ้นกะทันหัน ซึง่ ถือเป็ นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรี บ
รักษา อาการปวดอาจปวดอย่างรุนแรงเมื่อไม่สามารถปั สสาวะออกได้ นอกจากนี ้อาจมี
อาการเหงื่อแตก เจ็บหน้ าอก วิตกกังวล และความดันโลหิตสูงขึ ้น ผู้ป่วยบางคนอาจเป็ นลม
หมดสติ หรื ออาจมีภาวะฉุกเฉินของหัวใจร่วมด้ วยได้ และหากไม่ได้ รับการรักษาที่ถกู วิธีอาจมี
อันตรายต่อกระเพาะปั สสาวะและเกิดภาวะไตวายเรื อ้ รังตามมา ภาวะปั สสาวะคัง่ ค้ างเป็ น
ภาวะที่หากรักษาได้ เร็ วจะลดภาวะแทรกซ้ อนได้ มาก
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ความร้ อนที่สะสมตกค้ างในกระเพาะปั สสาวะ หรื อความร้ อนที่เคลื่อนที่มาจากไต
สะสมในกระเพาะปั สสาวะ จะขัดขวางหน่วงเหนี่ยวชี่และก่อให้ เกิดการคัง่ ของปั สสาวะ
ไตและกระเพาะปั สสาวะต่างมีความสัมพันธ์แบบนอกใน หน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะ
เกิดจากหยางไตอุน่ กระเพาะปั สสาวะ หากหยางไตและไฟมิ่งเหมินอ่อนลงจะทําให้ กระเพาะ
ปั สสาวะไม่สามารถขับปั สสาวะออกไปได้
ภาวะการบาดเจ็บ หรื อการผ่าตัดที่ขดั ขวางหน่วงเหนี่ยวการไหลเวียนของชี่ในเส้ น
ลมปราณ หรือก่อให้ เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะตัน ต่างเป็ นสาเหตุให้ เกิดการคัง่ ของปั สสาวะ
การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1) ความร้ อนสะสมตกค้ างในกระเพาะปั สสาวะ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 157
การรั กษา
การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
1. ความร้ อนสะสมตกค้ างในกระเพาะปั สสาวะ
หลักการรักษา: เลือกจุดอวัยวะหน้ าและหลัง (Shu-Mu) เป็ นจุดหลักในการรักษา
กระตุ้นระบายเพื่อขจัดความร้ อน และกระตุ้นให้ เกิดการปั สสาวะ
จุดหลัก: PangGuangShu (BL 28), ZhongJi (CV 3), SanYinJiao (SP 6),
และ WeiYang (BL 39)
อธิบาย: PangGuangShu (BL 28) จุดอวัยวะหลังของกระเพาะปั สสาวะ และ
ZhongJi (CV 3) จุดอวัยวะหน้ าของกระเพาะปั สสาวะ ใช้ การกระตุ้นระบาย เพื่อระบายความ
ร้ อนจากกระเพาะปั สสาวะ และปรับการทํางาน, SanYinJiao (SP 6) ใช้ เพื่อขจัดความร้ อน
จากช่องท้ องช่วงล่าง, WeiYang (BL 39) จุดเหอล่างของซานเจียวเสริมการไหลเวียนของนํ ้า
จุดที่กล่าวมานี ้ใช้ ร่วมกันจะช่วยขจัดความร้ อนเพิ่มการขับปั สสาวะ
2. ไฟที่ม่ งิ เหมินลดลง
หลักการรักษา: เลือกจุดที่เกี่ยวข้ องบนเส้ นลมปราณไตเป็ นจุดหลัก ใช้ การปั กกระตุ้น
บํารุงเพื่ออุน่ หยางไต
จุดหลัก: MingMen (GV 4), ShenShu (B L23), BaiHui (GV 20), GuanYuan (CV 4)
และ YangChi (TE 4)
อธิบาย: ในภาวะที่ชี่ไตพร่องและไฟที่มิ่งเหมินลดลงต้ องทําการเสริ มบํารุงชี่ไต จึงใช้
จุด MingMen (GV 4) และ ShenShu (BL 23) กระตุ้นบํารุง เพื่อบํารุงหยางไต รมยาที่จดุ
BaiHui (GV 20) และ GuanYuan (CV 4) เพื่อเสริมกระตุ้นชี่ไต ซึง่ การขับถ่ายของปั สสาวะที่
ดียอ่ มเกิดจากการไหลเวียนของชี่ที่ดี ดังนันเมื
้ ่อชี่ไตพร่องจึงทําให้ ซานเจียวควบคุมการไหล
เวียนของนํ ้าได้ ไม่ดี, YangChi (TE 4) เป็ นจุดหยวนชี่ของซานเจียวจะทําให้ การทําหน้ าที่ของ
ซานเจียวเป็ นปกติ และการไหลเวียนของนํ ้าก็เป็ นปกติ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 159
3. ชี่ในเส้ นลมปราณถูกทําลาย
หลักการรักษา: เลือกจุดอวัยวะหน้ า (Mu) ของกระเพาะปั สสาวะเป็ นจุดหลัก ใช้ การ
กระตุ้นบํารุงและระบายเท่ากัน เพื่อเสริมการไหลเวียนของชี่ในเส้ นลมปราณ และคงการทํา
หน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะ
จุดหลัก: ZhongJi (CV 3), SanYinJiao (SP 6), ShuiDao (ST 28), ShuiQuan (KI 5)
อธิบาย: การบาดเจ็บหรื อการผ่าตัด อาจก่อความเสียหายต่อหลอดเลือดและการไหล
เวียนของโลหิต และก่อให้ เกิดการขัดขวางการทํางานของกระเพาะปั สสาวะ ทําให้ มีภาวะปั ส
สาวะออกน้ อย หรื อไม่ออกได้ , ZhongJi (CV 3) จุดอวัยวะหน้ าของกระเพาะปั สสาวะ ใช้ เพื่อ
ปรับการทํางานของกระเพาะปั สสาวะ และเพิ่มการขับปั สสาวะ ; SanYinJiao (SP 6) ใช้ เพื่อ
เสริ มการไหลเวียนของเลือดและชี่ของเส้ นลมปราณ ; ShuiQuan (KI 5) จุดซีของเส้ นลม
ปราณไตและ ShuiDao (ST 28) ใช้ เพื่อเสริมการขับปั สสาวะ ลดภาวะแน่นตึงและลดปวด
ของท้ องน้ อย
- การฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Urinary bladder, Kidney, Urethra, External genitalia, End of inferior
helix crus
วิธีการ: เลือกครัง้ ละ 2 – 4 จุด ใช้ ปักเข็ม กระตุ้นด้ วยมือหรื อใช้ เครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า
นาน 15 – 20 นาที เลือกใช้ จดุ สลับกันไป ในการรักษารอบใหม่ ทําการรักษาวันละครัง้
- การกระตุ้นด้ วยเครื่องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า
จุดที่ใช้ : WeiDao (GB 28)
วิธีการ: ปั กที่จดุ WeiDao (GB 28) ทังสองข้
้ างให้ ปลายเข็มชี ้ไปที่จดุ QuGu (CV 2)
ลึก 2 – 3 ชุ่น แล้ วกระตุ้นด้ วยเครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า ด้ วยคลื่น intermittent นาน 10 – 20 นาที
ในระหว่างนี ้ ให้ ปรับเพิ่มความแรงทีละน้ อย
160 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
- การรมยา
จุดที่ใช้ : SanJiaoShu (BL 22), ShenShu (BL 23), ZhongJi (CV 3), CiLiao (BL 32)
วิธีการ: ใช้ โกฐฯ แท่ง รมที่จดุ โดยตรง รมยา จุดละ 3 – 5 นาที หากใช้ ขงิ คัน่ ให้ ใช้ โกฐฯ
ปั น้ 5 – 7 ก้ อนต่อจุด ทําการรักษาวันละครัง้
- การกดนวดจุด
จุดที่ใช้ : LiNiao (EX-CA 4); {จุดกึ่งกลางระหว่างกลางสะดือกับขอบบนกระดูกหัวเห
น่า (เท่ากับ 2.5 ชุ่นเหนือขอบบนกระดูกหัวเหน่า) หรื ออยูร่ ะหว่างจุด GuanYuan (CV 4) และ
ShiMen (CV 5)}
วิธีการ: ใช้ นิ ้วหัวแม่มือกดนวดเบา ๆ ช้ า ๆ นานประมาณ 15 นาทีจนผู้ป่วยรู้สกึ อยาก
ปั สสาวะ และให้ กระตุ้นต่อจนกระทัง่ ปั สสาวะเสร็จ หรื อใช้ การฝั งเข็มที่จดุ นี ้โดยใช้ เข็ม 1.5 ชุ่น
ปั กลึก 1 ชุ่นกระตุ้นเข็มด้ วยการหมุนเข็มไปมา จนได้ ชี่และทําให้ ผ้ ปู ่ วยรู้สกึ อยากปั สสาวะ
หากยังไม่อยากปั สสาวะหลังกระตุ้นเข็มแล้ ว ให้ กระตุ้นซํ ้าในอีก 5 นาที จนกว่าจะรู้สกึ อยาก
ปั สสาวะ และปั สสาวะออกได้
แผลกระเพาะอาหาร
(Peptic Ulcer : 胃溃疡)
แผลในกระเพาะอาหาร หมายถึง แผลที่เกิดขึ ้นที่ผนังของกระเพาะอาหารและลําไส้ เล็ก
ส่วนต้ น (duodenum) ลักษณะเป็ นรูปกลมหรื อรี มักเกิดที่บริเวณ pyrorus ของกระเพาะ
อาหาร และ bulb ของลําไส้ เล็กก่อน สาเหตุอาจมากมายแต่ไม่สามารถยืนยันได้ แน่นอน
มักจะมีอาการปวดบริเวณลิ ้นปี่ เรอหรื อเรอเปรี ย้ ว คลืน่ ไส้ อาเจียนและเบื่ออาหาร อาการ
ปวดเริ่ มต้ นมักเกี่ยวข้ องกับการรับประทานอาหารลงไป ในกรณีของแผลในกระเพาะอาหาร
มักเกิดอาการปวดราว 30 นาทีถงึ 2 ชัว่ โมง หลังรับประทานอาหารแล้ วหายไป บางครัง้ อาจ
ปวดก่อนรับประทานอาหารมื ้อต่อไป ส่วนแผลในลําไส้ เล็กส่วนต้ นมักจะปวดหลังรับประทาน
อาหารแล้ ว 3 – 4 ชัง่ โมง และดีขึ ้นหลังรับประทานอาหารมื ้อถัดไป
โดยทัว่ ไป ถ้ าเมื่อใดที่เรารู้สกึ ปวดท้ องเรามักจะคิดว่าเป็ นโรคกระเพาะอาหารก่อนเป็ น
อันดับต้ น ๆ ทังที
้ ่ความจริงแล้ วอาจเป็ นโรคอื่น ๆ เช่น โรคนิ่วในถุงนํ ้าดี (มีอาการคล้ ายกับโรค
กระเพาะอาหารทุกอย่าง) ตับอักเสบ เนื ้องอกในตับ และตับอ่อนอักเสบ เป็ นต้ น ในที่นี ้เราจะ
กล่าวถึงโรคแผลในกระเพาะอาหาร ซึง่ เป็ นโรคที่มีความรุนแรงและอาจมีภาวะแทรกซ้ อนที่
เป็ นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการและความรุ นแรง
ผู้ป่วยอาจจะปวดท้ องมากหรื อน้ อยตามอาการ ท้ องอืด คลื่นไส้ กินอิ่มง่าย หากมีอา
การรุนแรง จะมีเลือดออกและทําให้ กระเพาะทะลุ ซึง่ ถือว่าเป็ นอาการที่รุนแรงมาก โดยทัว่ ไป
พบว่าผู้ป่วยร้ อยละ 50 - 60 อาการจะค่อย ๆ ทุเลา และหายไปเองโดยไม่ต้องรับการรักษา
แต่โอกาสที่จะกลับมาเป็ นอีกมีอตั ราสูงถึงร้ อยละ 80 ถึงแม้ วา่ จะได้ รับการรักษาดีเพียงใดก็
ตาม และที่สําคัญ คือ พบว่ามีอาการแทรกซ้ อน ซึง่ หมายถึง มีเลือดออก ถ่ายเป็ นเลือด ถ่าย
เป็ นสีดําเหลว (จากเลือดที่ออกในกระเพาะอาหาร ทําปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะอาหาร)
นอกจากนี ้ หากแผลทะลุจะทําให้ ปวดท้ องอย่างรุนแรง มีไข้ ช็อค และอาจถึงแก่ชีวิต การ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 163
การรั กษา
แผลในกระเพาะอาหารแบ่งตามสาเหตุได้ เป็ น 5 ชนิดคือ 1) ชี่ของกระเพาะอาหารและ
ตับติดขัด 2) ชี่และเลือดคัง่ 3) ความร้ อนติดขัดในกระเพาะอาหารและตับ 4) อินกระเพาะอา
หารพร่อง และ 5) ภาวะเย็นพร่องของม้ ามและกระเพาะอาหาร ใช้ จดุ บนเส้ นลมปราณ
กระเพาะอาหาร ม้ าม กระเพาะปั สสาวะและตับเพื่อรักษา
1. ชี่ของกระเพาะอาหารและตับติดขัด
อาการ: ปวดแน่นบริ เวณลิ ้นปี่ จุกเสียดชายโครง เรอหรื อเรอเปรี ย้ ว เบือ่ อาหาร อาการ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 165
แย่ลงหากอารมณ์ไม่ดี
ลิน้ บางฝ้าขาว ; ชีพจร ตึง (XianMai)
หลักการรักษา: ลดชี่ตบั ติดขัด ปรับการไหลเวียนของชี่ ปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
เพื่อลดอาการปวด
จุดหลัก:
- ระบาย GeShu (BL 17), GanShu (BL 18), TaiChong (LR3), QiMen (LR 14)
- บํารุงระบายเท่ากัน WeiShu (BL 21), ZhongWan (CV 12), ZuSanLi (ST 36
อธิบาย: GanShu (BL 18) จุดซู และ QiMen (LR 14) จุดมูข่ องตับจะช่วยสงบตับและ
กระจายชี่ตบั ที่ตดิ ขัด; GeShu (BL 17) ปรับเสริมการไหลเวียนของชี่บริเวณทรวงอก; WeiShu
(BL 21) จุดซู และ ZhongWan (CV 12) จุดมูข่ องกระเพาะอาหารและ ZuSanLi (ST 36) จุด
เหอล่างของกระเพาะอาหาร ใช้ เพื่อปรับควบคุมชี่ของจงเจียวและลดอาการปวด
จุดเสริม: กระตุ้นระบายที่จดุ ตามอาการ ดังนี ้
- คลื่นไส้ อาเจียน – NeiGuan (PC 6)
- ปวดลิ ้นปี่ มาก – LiangMen (ST 21), LiangQiu (ST 34)
- เรอเปรี ย้ วและจุกแน่นท้ อง – PiShu(BL 20)
2. ชี่และเลือดคั่ง
อาการ: ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ เหมือนมีดบาด ไม่ร้าวไปที่ใด กดนวดแล้ วอาการเป็ นมากขึ ้น
อาจมีอาการอาเจียนเป็ นเลือด หรื อถ่ายอุจจาระเป็ นเลือดร่วมด้ วย
ลิน้ สีมว่ งคลํ ้ามีจดุ เลือดกระจาย ; ชีพจร จม หรื อจมฝื ด (ChenMai or ChenSeMai)
หลักการรักษา: กระตุ้นการไหลเวียนของชี่และเลือด ลดการคัง่ ของเลือด หยุดเลือด
ออกและอาการปวด
จุดหลัก:
- ระบาย GeShu (BL 17), GanShu (BL 18), PiShu (BL 20), ZhongWan (CV12)
- บํารุงระบายเท่ากัน ZuSanLi (ST 36)
166 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
3. ความร้ อนติดขัดในกระเพาะอาหารและตับ
อาการ: ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ อย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการแสบร้ อน อาการเป็ นมากขึ ้นจาก
การรับประทานอาหาร ปากแห้ ง ขมในปาก เรอเปรี ย้ วและจุกแน่นท้ อง ถ่ายแข็งแห้ ง ปั สสาวะ
สีเข้ ม ลิ ้นแดงฝ้าเหลือง ชีพจรตึงเร็ ว
จุดหลัก: ระบาย GanShu (BL 18), WeiShu (BL 21), ZhongWan(CV 12),
ZuSanLi (ST 36), NeiTing (ST 44), XingJian (LR 2)
อธิบาย : GanShu (BL 18) และ XingJian (LR 2) ใช้ ระบายไฟจากตับ; WeiShu (BL
21) และ ZhongWan(CV 12) จุดซูมขู่ องกระเพาะอาหารช่วยประสานการทํางานของจงเจียว
และลดปวด; ZuSanLi(ST 36) และ NeiTing(ST 44) ควบคุมชี่ของกระเพาะอาหาร ระบาย
ความร้ อนในกระเพาะอาหารและระงับปวด
จุดเสริม:- ปวดลิ ้นปี่ มาก: ระบาย LiangQiu (ST 34) และ SanYinJiao (SP 6)
- ท้ องผูก; ระบาย ZhiGou (TE 6) และ ChengShan (BL 57)
4. อินกระเพาะอาหารพร่ อง
อาการ: ปวดลิ ้นปี่ แบบอืดแน่น ไม่สบายในท้ อง รู้สกึ หิวแต่ไม่อยากรับประทานอาหาร
หลังรับประทานอาหารจะรู้สกึ แน่นอึดอัดในท้ อง กระวนกระวาย นอนไม่หลับ กระหายนํ ้า
ปากแห้ ง ท้ องผูกถ่ายแข็งแห้ ง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 167
2. การฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Stomach, Duodenum, Abdomen, Spleen, Liver, Sympathetic,
Subcortex, ShenMen
วิธีการ: ให้ ใช้ เทคนิคการฝั งเข็มใบหูตามมาตรฐาน
3. การครอบกระปุก
จุดที่ใช้ : ZhongWan (CV 12), LiangMen (ST 21), YouMen (KI 21),
GanShu (BL 18), PiShu (BL 20), WeiShu (BL 21)
วิธีการ: ใช้ กระปุกขนาดใหญ่หรื อกลาง ใช้ เวลา 10 – 15 นาที
4. การใช้ เข็มนํา้
จุดที่ใช้ : WeiShu (BL 21), PiShu (BL 20), ZhongWan (CV 12),
NeiGuan (PC 6) และ ZuSanLi (ST 36)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 169
กรดไหลย้ อน
( Acid Regurgitation : 胃反酸 )
โรคกรดไหลย้ อน (Acid Regurgitation or Gastroesophageal Reflux Disease:
GERD) หมายถึง โรคที่มีอาการซึง่ เกิดจากการไหลย้ อนกลับของกรดหรื อนํ ้าย่อยในกระเพาะ
อาหาร ขึ ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ ซึง่ สามารถเกิดขึ ้นได้ ในเวลากลางวัน หรื อ
กลางคืน หรื อแม้ แต่ผ้ ปู ่ วยไม่ได้ รับประทานอาหารก็ตาม ทําให้ เกิดอาการจากการระคายเคือง
ของกรด เช่น อาจทําให้ เกิดหลอดอาหารอักเสบและมีแผล หรื อ หลอดอาหารอักเสบโดยไม่
เกิดแผล หรื อถ้ ากรดไหลย้ อนขึ ้นมาเหนือกล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน อาจทําให้
เกิดอาการนอกหลอดอาหาร (atypical or extraesophageal GERD) เช่น อาการทางปอด
หรื อ อาการทางคอและกล่องเสียง (laryngopharyngeal reflux : LPR)
โดยปกติ ร่างกายจะมีกลไกป้องกันไม่ให้ เกิดภาวะไหลย้ อนกลับของกรดในกระเพาะ
อาหาร ขึ ้นไปในระบบทางเดินอาหารส่วนบน เช่น การบีบตัวของหลอดอาหาร การทํางานของ
กล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน และส่วนล่าง เยื่อบุของหลอดอาหารมีกลไกป้องกัน
การทําลายจากกรด การที่เกิดโรคกรดไหลย้ อนนันเชื ้ ่อว่าเกิดจากกล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอด
อาหารส่วนล่าง มีการคลายตัวอย่างผิดปกติ ทําให้ มีการไหลย้ อนกลับของกรดขึ ้นไปในหลอด
อาหารได้ ง่าย โดยปกติถ้ากรดไหลย้ อนขึ ้นไปในคอหอย จะกระตุ้นให้ กล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอด
อาหารส่วนบนหดตัว ป้องกันไม่ให้ กรดไหลย้ อนขึ ้นไป ผู้ป่วยที่เป็ นโรคกรดไหลย้ อนนัน้ เชื่อว่า
มีการทํางานของระบบป้องกันดังกล่าวเสียไป จึงมีกรดไหลย้ อนขึ ้นไปในคอหอย, กล่องเสียง
และปอดได้
การรักษา
1. การปรับเปลี่ยนนิสัยและการดําเนินชีวิตประจําวัน
การรักษาวิธีนี ้มีความสําคัญมากในการทําให้ ผ้ ปู ่ วยมีอาการน้ อยลง ป้องกันไม่ให้ เกิด
อาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร และป้องกัน
ไม่ให้ กรดไหลย้ อนกลับขึ ้นไปในระบบทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจส่วนบนมากขึ ้น การ
รักษาโดยวิธีนี ้ควรปฏิบตั ไิ ปตลอดชีวิต แม้ วา่ ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ ้นแล้ วก็ตาม หรื อแม้ วา่
ผู้ป่วยจะหายดีแล้ วโดยไม่ต้องกินยาแล้ วก็ตาม ผู้ป่วยควรปฏิบตั ติ น ดังนี ้
• นิสัยส่ วนตัว
- ถ้ าเป็ นไปได้ ควรพยายามลดนํ ้าหนัก ถ้ านํ ้าหนักเกิน เนื่องจากภาวะนํ ้าหนักเกินจะทํา
ให้ ความดันในช่องท้ องมากขึ ้น ทําให้ กรดไหลย้ อนได้ มากขึ ้น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 177
ยับยังการหลั
้ ง่ กรดได้ ดี สามารถเห็นผลการรักษาเร็ว ควรรับประทานยาสมํ่าเสมอ ไม่ควรลด
ขนาดยา หรื อ หยุดยาเอง และควรมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสมํ่าเสมอและต่อเนื่อง ใช้ เวลา
ในการรักษาประมาณ 1 - 3 เดือน และปรับเปลี่ยนนิสยั การรับประทานอาหาร และการ
ดําเนินชีวิตประจําวันที่ระบุไว้ ในข้ อ 1 หลีกเลี่ยงการซื ้อยารับประทานเอง เนื่องจากยาบาง
ชนิด จะทําให้ กระเพาะอาหารมีการหลัง่ กรดเพิ่มขึ ้น หรื อกล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอดอาหาร
ส่วนล่างคลายตัวมากขึ ้น เช่น progesterone, theophyllin, anticholinergics, beta-
blockers, alpha-blockers, calcium channel blockers, aspirin, NSAID, vitamin C,
benzodiazepines พบว่าประมาณร้ อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการของโรคกรดไหลย้ อน
สามารถควบคุมอาการได้ ด้วยยา
3. การผ่ าตัด
เพื่อป้องกันไม่ให้ กรดในกระเพาะอาหาร ไหลย้ อนกลับขึ ้นไปในระบบทางเดินหายใจ
และระบบทางเดินอาหารส่วนบน การรักษาวิธีนี ้จะทําในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ซึง่ ให้ การ
รักษาโดยการใช้ ยาอย่างเต็มที่แล้ วไม่ดีขึ ้น หรื อไม่สามารถรับประทานยาที่ใช้ ในการรักษา
ภาวะนี ้ได้ หรื อผู้ป่วยที่ดีขึ ้นหลังจากการใช้ ยา แต่ไม่ต้องการที่จะกินยาต่อ ซึง่ ผู้ป่วยที่ต้องทํา
การผ่าตัดมีเพียงร้ อยละ 10 เท่านัน้ การรักษาโดยการผ่าตัดมีหลายวิธี เช่น endoscopic
fundoplication, radiofrequency therapy, injection / implantation therapy
การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1. ไฟตับลุกโชน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 179
การรั กษา
1. ไฟตับลุกโชน
หลักการรักษา: ขจัดไฟตับ
จุดหลัก: YangLingQuan (GB 34), TaiChong (LR 3), ZhongWan (CV 12),
NeiGuan(PC 6), ZuSanLi(ST 36)
วิธีการ: ใช้ การกระตุ้นระบาย คาเข็มไว้ 10 – 20 นาที
อธิบาย: TaiChong (LR 3) ใช้ เพื่อลดไฟตับ เมื่อใช้ ร่วมกับ YangLingQuan(GB 34)
จะช่วยขจัดไฟจากตับและถุงนํ ้าดี รวมทังป ้ ้ องกันไฟตับรุกรานกระเพาะอาหาร ; ZhongWan
(CV 12) จุดมูข่ องกระเพาะอาหารใช้ ร่วมกับ NeiGuan (PC 6) จะช่วยเสริ มชี่ของซ่างเจียว
และจงเจียว; ZuSanLi (ST 36) จุดเหอล่างของกระเพาะอาหาร เมื่อใช้ ร่วมกับ ZhongWan
(CV 12) และ NeiGuan (PC 6) จะดึงชี่ที่ย้อนขึ ้นไปอย่างผิดปกติให้ ลงมา และหยุดอาการ
กรดไหลย้ อน
2. ม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่ อง
หลักการรักษา: อุน่ บํารุงม้ ามและกระเพาะอาหาร
จุดหลัก: PiShu (BL 20), WeiShu (BL 21), ZhongWan (CV 12), NeiGuan (PC 6),
และ ZuSanLi (ST 36)
วิธีการ: ใช้ การกระตุ้นบํารุง คาเข็มไว้ 10 – 20 นาที หรื อรมยา หรื อใช้ เข็มอุน่
180 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
อธิบาย: PiShu (BL 20) และ WeiShu (BL 21) ใช้ เพื่อปรับสมดุลจงเจียว การรมยา
สามารถอุน่ จงเจียวและกําจัดความเย็น; ZhongWan (CV 12), NeiGuan (PC 6) และ
ZuSanLi (ST 36) ใช้ ร่วมกันเพื่อดึงชี่ที่ย้อนขึ ้นไปอย่างผิดปกติให้ ลงมา และหยุดอาการกรด
ไหลย้ อน
วิธีการรักษาในคัมภีร์โบราณ
1. Illustrated Supplementary to the Classified Canon (Lei Jing Tu Yi) อาการกรด
ไหลย้ อนและอาเจียนเป็ นเศษอาหารที่ไม่ยอ่ ย ใช้ จดุ RiYue (GB 24), PiShu (BL 20) and
WeiShu (BL 21)
2. A Complete Work of Acupuncture and Moxibustion (Zhen Jiu Da Quan)
ม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่อง ใช้ จดุ NeiTing (ST 44), ZhongWan (CV 12), QiHai
(CV 4) และ GongSun (SP 4)
ถุงนํา้ ดีอักเสบ
( Cholecystitis : 胆囊炎)
ถุงนํ ้าดีอกั เสบ มีได้ ทงการอั
ั้ กเสบแบบฉับพลันหรื อเรื อ้ รัง สาเหตุสว่ นใหญ่เกี่ยวข้ องกับ
นิ่วในถุงนํ ้าดี หรื อรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ถุงนํ ้าดีอกั เสบฉับพลัน จะมีอาการปวดมาก
ทันทีบริเวณท้ องด้ านขวาใต้ ชายโครง และอาการปวดกําเริบมากขึ ้นเป็ นช่วง ๆ และปวดร้ าว
ไปไหล่ขวาและหลังได้ มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและไข้ ร่วมด้ วย ส่วนใหญ่พบในเพศหญิง
วัยกลางคนร่วมกับการรับประทานอาหารมัน ถุงนํ ้าดีอกั เสบเฉียบพลันสามารถพบได้ ในภาวะ
ถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง อาการจะเป็ นเช่นเดียวกับการอักเสบเฉียบพลันของถุงนํ ้าดี ในช่วงโรค
สงบของถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง จะมีอาการเด่นชัด คือ หลังทานอาหารจะรู้สกึ แน่นอึดอัดท้ อง
ช่วงบน เรอ กลัวอาหารมัน มักมีอาการปวดร้ าวไปไหล่ขวา และหลังร่วมด้ วย อาการจะ
เป็ นมากขึ ้น เมื่อยืนขึ ้น เคลือ่ นไหว หรื ออาบนํ ้าเย็น
ถุงนํ ้าดีอกั เสบ สาเหตุสว่ นใหญ่เกิดจากนิ่วในถุงนํ ้าดีอดุ ตันทางเดินของท่อนํ ้าดี ทําให้
เกิดการคัง่ ของนํ ้าดี ท่อนํ ้าดีบวม เกิดการอักเสบติดเชื ้อตามมา ส่วนใหญ่เป็ นเชื ้อ E. coli และ
กลุม่ เชื ้อ Bacteroides และเกิดการอักเสบของผนังของถุงนํ ้าดี เกิดการขาดเลือดเน่าตายและ
ฉีกขาด มีการลุกลามของเชื ้อโรคไปสูอ่ วัยวะข้ างเคียง เช่น ลําไส้ และกระบังลม สาเหตุสว่ น
น้ อยเกิดจากการอักเสบโดยไม่มีนิ่วในถุงนํ ้าดี มักพบในผู้ป่วยที่ชว่ ยเหลือตัวเองไม่ได้ หรื อ
ผู้ป่วยที่ได้ รับบาดเจ็บ
นิ่วในถุงนํ ้าดี เมื่อเกิดการอุดตันจะก่อให้ เกิดการปวดท้ องกะทันหัน ในกรณีที่เป็ นถุง
นํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง มักจะเกิดการอักเสบที่ไม่รุนแรง โดยผนังของถุงนํ ้าดีจากหนาตัวขึ ้นมาก
อาการและการแสดง
มักจะมีอาการปวดท้ องบริเวณช่องท้ องส่วนบนด้ านขวา อาการปวดจะปวดรุนแรง
ตลอดเวลา ในระยะแรก อาจมีอาการปวดบริ เวณสะบักขวาซึง่ เป็ น referred pain ได้ อาการ
เหล่านี ้อาจเกิดได้ หลังจากทานอาหารทอด หรื ออาหารมัน และจะมีไข้ ตํ่า ๆ ท้ องเดิน คลื่นไส้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 183
การวินิจฉัย
โดยการซักประวัตไิ ด้ ดังที่กล่าวมาร่วมกับการตรวจพบ ดังนี ้
1) ไข้ มักมีไข้ ตํ่า ๆ ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด
2) ปวดท้ องบริ เวณช่องท้ องขวาส่วนบน อาจพบหรื อไม่พบ Murphy’s sign
3) Ortner’s sign เมื่อกดบริ เวณชายโครงด้ านขวาจะรู้สกึ เจ็บ
4) Georgievskiy – Myussi’s sign (phrenic nerve sign) เมื่อกดระหว่างขอบของ
กล้ ามเนื ้อ sternocleidomastoid จะรู้สกึ ปวด
5) Boas’s sign มีความรู้สกึ ระคายเคืองเพิ่มขึ ้นบริเวณขอบล่างของสะบักขวา ซึง่ เกิด
จากการระคายเคือง phrenic nerve
การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ ารและภาพรังสีตา่ ง ๆ สามารถช่วยยืนยันการวินิจฉัยและคัด
สาเหตุอื่นออกไป การตรวจอัลตร้ าซาวด์ชว่ ยยืนยันและแยกโรคได้
การวินิจฉัยแยกโรค
1. แผลกระเพาะอาหารทะลุ
2. แผลกระเพาะอาหารและลําไส้ เล็กส่วนต้ นกําเริบ
3. ฝี ในตับจากเชื ้อ amoebic
4. การอักเสบของตับและลําไส้ สว่ น colon จากเชื ้อ amoebic
5. ตับอ่อนอักเสบฉับพลัน
6. ลําไส้ อดุ ตันฉับพลัน
184 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
7. นิ่วในไต
8. ไส้ ตงิ่ อักเสบฉับพลัน ชนิด retro-colic
ถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง จะมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึง่ อาจทําให้ การวินิจฉัยผิดพลาด
ได้ ง่าย ต้ องแยกอาการจากโรคเหล่านี ้
1. แผลกระเพาะอาหารและลําไส้ เล็กส่วนต้ น
2. Hiatus Hernia
3. ลําไส้ สว่ น colon อักเสบ
4. Functional Bowel Syndrome
การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร
1. การตรวจเลือด
จะพบการเพิม่ ขึ ้นของ alkaline phosphatase จากการเพิ่มขึ ้นของ bilirubin (ต้ องแยก
จากนิ่วในถุงนํ ้าดี) อาจพบการเพิ่มขึ ้นของเม็ดเลือดขาว, CRP (C-reactive protein) สูงขึ ้น
ความผิดปกติของการตรวจเหล่านี ้ จะสัมพันธ์กบั ความรุนแรงของโรค แต่ถงุ นํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง
จะพบว่า การตรวจเลือดจะค่อนข้ างปกติเป็ นส่วนใหญ่
2. การตรวจทางรังสี
การตรวจด้ วยคลื่นเสียงความถี่สงู เป็ นการตรวจที่ถือเป็ นมาตรฐาน เนื่องจากมีความไว
และจําเพาะสูง โดยมีความไวเฉลี่ยร้ อยละ 88 และความจําเพาะร้ อยละ 80 โดยมีเกณฑ์หลัก
2 ข้ อ คือ ตรวจพบนิ่วในถุงนํ ้าดี และตรวจ Murphy’s sign ด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ได้ ผลบวก
เกณฑ์รอง 3 ข้ อคือ ผนังถุงนํ ้าดีหนาตังแต่้ 3 มิลลิเมตรขึ ้นไป ตรวจพบของเหลวรอบๆถุงนํ ้าดี
และถุงนํ ้าดีขยายตัว
การตรวจด้ วยเครื่ อง CT scan มีความแม่นยําร้ อยละ 90 – 95 สามารถบอกได้ ถึงการ
อักเสบของถุงนํ ้าดีและเนื ้อเยื่อข้ างเคียง บอกถึงนิ่วที่อยูน่ อกถุงนํ ้าดี ตําแหน่งของหนองหรื อ
แก๊ สรอบ ๆ ถุงนํ ้าดีได้ แต่ไม่สามารถตรวจพบนิ่วที่ตรวจด้ วยรังสีไม่ได้ และตรวจ Murphy’s
sign เหมือนเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ไม่ได้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 185
การรักษา
การรักษาที่เป็ นมาตรฐาน คือ การผ่าตัดถุงนํ ้าดีออก ในระหว่างเตรี ยมการผ่าตัด แพทย์
อาจให้ นํ ้าเกลือหรื อสารนํ ้าอื่นเพื่อชดเชยการขาดสารนํ ้า และให้ ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื ้อ
ได้ กว้ าง การผ่าตัด มีทงการผ่ ั้ าตัดเปิ ดช่องท้ อง หรื อผ่าตัดผ่านกล้ อง Laparoscope ปั จจุบนั
นิยมผ่าตัดผ่านกล้ อง Laparoscope เป็ นส่วนใหญ่ เนื่องจากจะช่วยลดภาวะแทรกซ้ อนและ
ลดระยะเวลาการนอนรักษาที่โรงพยาบาลลงได้ มากกว่า ส่วนการผ่าตัดเปิ ดช่องท้ องจะใช้ ใน
กรณีที่มีภาวะแทรกซ้ อนของโรคมาก หรื อเป็ นผู้ป่วยที่เคยมีผา่ ตัดในบริเวณนี ้มาก่อน หรื อการ
ผ่าตัดด้ วยกล้ อง Laparoscope ทําได้ ยากหรื อทําไม่ได้
ภาวะแทรกซ้ อนของการผ่าตัดถุงนํ ้าดี
1) นํ ้าดีรั่ว (biloma)
2) บาดเจ็บต่อท่อนํ ้าดี
3) อักเสบเป็ นหนอง
4) แผลผ่าตัดติดเชื ้อ
5) เสียเลือด (ผิวเนื ้อของตับและหลอดเลือด cystic ถูกทําลาย)
6) Hernia
7) การบาดเจ็บต่ออวัยวะอื่น
8) การอุดตันในหลอดเลือดดําใหญ่ (deep vein thrombosis)
9) การดูดซึมกรดไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมันผิดปกติไป
การแพทย์แผนจีน จัดภาวะถุงนํ ้าดีอกั เสบ อยูใ่ นกลุม่ XieTong (hypochondriac pain)
มีสาเหตุจากความร้ อนชื ้นทังจากภายนอกหรื
้ อภายใน ก่อให้ เกิดความชื ้นและร้ อนในถุงนํ ้าดี
และตับ ก่อให้ เกิดผลตามมาด้ วยการทํางานไม่ประสานกันของม้ ามและกระเพาะอาหาร
การรั กษา
ถุงนํ ้าดีอกั เสบ แบ่งตามสาเหตุได้ เป็ น 2 ชนิด คือ ความร้ อนชื ้นในตับและถุงนํ ้าดี และ
ชี่ของถุงนํ ้าดีและตับติดขัด เลือกใช้ จดุ บนเส้ นลมปราณตับและถุงนํ ้าดีเพื่อการรักษา
186 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
2. ชี่ของถุงนํา้ ดีและตับติดขัด
อาการ: ปวดแน่นบริ เวณใต้ ชายโครงด้ านขวา อาจปวดร้ าวไปที่ไหล่ขวา รู้สกึ ไม่สบาย
ในท้ อง เบื่ออาหาร เรอเปรี ย้ ว คลื่นไส้ อาการเป็ นมากขึ ้นเมื่อโกรธ หรื อทานอาหารมัน
ลิน้ แดง ฝ้าเหลือง ; ชีพจร ตึง (XianMai)
หลักการรักษา: ลดการติดขัดของชี่ตบั ปรับการทํางานของถุงนํ ้าดี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 187
จุดหลัก:
- ระบาย TaiChong (LR 3), YangLingQuan (GB 34)
- บํารุงระบายเท่ากัน QiMen (LR 14), RiYue (GB 24), GanShu (BL 18),
DanShu (BL 19), ZhongWan (CV 12)
- บํารุง ZuSanLi (ST 36)
อธิบาย: QiMen (LR 14), RiYue (GB 24), GanShu (BL 18) และ DanShu (BL 19)
จุดซู-มูข่ องตับและถุงนํ ้าดี ใช้ สงบตับและถุงนํ ้าดี ลดชี่ตดิ ขัดของตับและถุงนํ ้าดี; TaiChong
(LR 3) และ YangLingQuan (GB 34) ช่วยการทํางานของจุดซู-มู่ เพื่อควบคุมการทํางาน
ของตับและถุงนํ ้าดี ลดอาการปวดชายโครง; ZuSanLi (ST 36) และ ZhongWan (CV 12)
เสริมบํารุงจงเจียว ป้องกันชี่ของตับรุกรานม้ ามและกระเพาะอาหาร
จุดเสริม: ปวดเสียดชายโครงร้ าวไปหน้ าอกและหัวไหล่: ระบาย JianJing (GB 21)
และ NeiGuan (PC 6)
การรักษาวิธีอ่ นื เพิ่มเติม
1. ปั กจุดแบบโท่ ว
จุดที่ใช้ : QuChi (LI 11), QiuXu (GB 40) โท่ว Zhaohai (KI 6)
วิธีการ: ใช้ เข็ม 2 ชุ่น ปั กที่จดุ QuChi (LI 11) ทังสองข้
้ างก่อน หลังจากได้ ชี่แล้ วให้ คา
เข็มไว้ แล้ วปั กเข็มที่จดุ QiuXu (GB 40) ทังสองข้
้ างปั กให้ ลกึ ลงไปจนปลายเข็มไปถึงบริ เวณ
ใต้ ผิวหนังเหนือจุด ZhaoHai (KI 6) กระตุ้นให้ ได้ ชี่ คาเข็มไว้ 30 – 50 นาที โดยกระตุ้นด้ วย
ความแรงปานกลางแบบเรื่ อย ๆ สมํ่าเสมอในขณะที่ผ้ ปู ่ วยมีอาการปวดอยู่ โดยทัว่ ไปภายใน
หนึง่ รอบการรักษา อาการปวดจะทุเลาลงอย่างมาก ฝั งเข็มรักษาวันละครัง้ 10 ครัง้ เป็ น 1
รอบการรักษา แล้ วเว้ นระยะห่าง 3 – 5 วัน จึงเริ่มรอบการรักษาใหม่
เสียดชายโครงด้ านขวา
จุดที่ใช้ : ShenQue (CV 8)
วิธีการ: ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนตะแคงทับข้ างซ้ าย ใช้ แท่งโกศจุฬาลัมพาที่จดุ ไฟแล้ วนํามาจ่อที่
บริเวณเหนือสะดือราว 1 – 2 ชุ่น และหมุนแท่งโกฐฯ วนรอบจุดช้ า ๆ หลังจากรมยาได้ ราว 15
นาที ผู้ป่วยจะเริ่ มรู้สกึ ร้ อนบริ เวณสะดือและรอบ ๆ ให้ ร้อนเท่าที่ผ้ ปู ่ วยทนได้ โดยทัว่ ไปใน
ระหว่างที่รมยาหรื อเมื่อครบเวลาการรมยาผู้ป่วยจะรู้สกึ ดีขึ ้นอย่างมาก
3. การฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Pancreas, Gallbladder, Liver, Abdomen, Thoracic, Vertex, Spleen,
Stomach, SanJiao, ErMen, Endocrine
วิธีการ: ใช้ การปั กและกระตุ้นจุดด้ วยวิธีมาตรฐานของการฝั งเข็มที่หู
อาการและอาการแสดง
ผู้ที่มีนิ่วในถุงนํ ้าดี อาจไม่มีอาการเลย หรื อมีอาการบางอย่าง ดังต่อไปนี ้ โดยไม่
จําเป็ นต้ องมีครบทุกอาการ ได้ แก่
- ท้ องอืด
192 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรั กษา
การผ่าตัดเอาถุงนํ ้าดีออกเป็ นการแก้ ปัญหาที่ถาวร เพื่อไม่ให้ เกิดนิ่วในถุงนํ ้าดีขึ ้นได้ อีก
ต่อไป และป้องกันภาวะแทรกซ้ อนที่รุนแรงต่าง ๆ การผ่าตัดถุงนํ ้าดีในปั จจุบนั มี 2 วิธี
1. ผ่าตัดแบบเดิม โดยการผ่าตัดเปิ ดหน้ าท้ อง (Open Cholecystectomy) ปั จจุบนั จะ
เลือกใช้ ในการผ่าตัดถุงนํ ้าดีที่มีอาการอักเสบมากหรื อแตกทะลุในช่องท้ อง
2. ผ่าตัดภายใต้ กล้ อง โดยการเจาะรูเล็ก ๆ ที่หน้ าท้ อง (Laparoscopic Cholecystec-
tomy) ถ้ าผู้ป่วยไม่มีถงุ นํ ้าดีอกั เสบเฉียบพลัน สามารถทําได้ สําเร็จถึงร้ อยละ 95 ถ้ าถุงนํ ้าดี
อักเสบเฉียบพลันเกิน 3 วัน โอกาสผ่าตัดโดยวิธีนี ้ได้ สําเร็จจะน้ อยลง
การรั กษา
หลักการรักษา: ปรับสมดุลและหน้ าที่ของชี่ของถุงนํ ้าดี ควบคุมการทํางานของ
กระเพาะอาหารและจงเจียว เลือกจุดบนเส้ นเท้ าเจวี๋ยอิน เส้ นเท้ าหยางหมิงและเส้ นเท้ าเซ่า
หยางเพื่อรักษา
จุดที่ใช้ :
1)จุดมู่ของตับ ถุงนํา้ ดี กระเพาะอาหารและลําไส้ ใหญ่ ได้ แก่ QiMen (LR 14),
RiYue (GB 24), ZhongWan (CV 12) และ TianShu (ST 25) เสริมด้ วยจุดเหอล่างของ
194 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ถุงนํ ้าดี คือ YangLingQuan (GB 34) โดยเลือกเฉพาะจุดฝั่ งขวา ยกเว้ น ZhongWan (CV 12)
กระตุ้นจุดแบบระบาย ด้ วยวิธีการหมุนเข็มเร็วเป็ นวงกว้ าง เมื่อได้ ชี่แล้ วให้ คาเข็มไว้ 10 นาที
ถอนเข็มออกโดยให้ ช่องรูเข็มบนผิวหนังเปิ ดกว้ าง
2) เลือกจุดนอกระบบ XiSiXue (extra-point ตําแหน่ง 4 ชุ่นเหนือขอบบนด้ านนอก
ของกระดูกสะบ้ าของเข่าที่งออยู)่ ร่วมกับจุด YangLingQuan (GB 34) และ QiMen (LR 14)
โดยให้ ผ้ ปู ่ วยนอนหงายเลือกจุดของขาขวา ปั กเข็มตังฉากที ้ ่จดุ XiSiXue กระตุ้นจนกระทัง่ ได้ ชี่
แล้ วให้ หมุนเข็มทวนเข็มนาฬิกา, จุด YangLingQuan (GB 34) ให้ ปักเข็มตังฉาก ้ กระตุ้นเข็ม
จนได้ ชี่ แล้ วหมุนเข็มทวนเข็มนาฬิกาเช่นกัน หากกระตุ้นถูกวิธีจะได้ ความรู้สกึ วิ่งขึ ้นบนตาม
แนวต้ นขา, จุด QiMen (LR 14) ให้ ปักเฉียงกระตุ้นจนได้ ชี่แล้ วหมุนเข็ม ตามเข็มนาฬิกา จะได้
ความรู้สกึ มึนชา อาการปวดแน่นในช่องท้ องจะทุเลาลง กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที และคาเข็มไว้
30 นาที
3) ปั กเข็มแบบโท่ ว เลือกจุด QiMen (LR 14) โท่ว ZhangMen (LR 13) ควรระวัง
ปลายเข็มที่อาจทะลุเข้ าช่องอก หรื อเลือกจุด JuQue (CV 14) โท่ว ShangWan(CV 13) หรื อ
เลือกจุด JiaJi จากตําแหน่งกระดูกสันหลังส่วนอกที่ 9 ไปถึงกระดูกสันหลังส่วนอกที่ 10 หรื อ
จุด GanShu (BL 18) โท่ว DanShu (BL 19) ให้ ปักตรงลึก 0.3 ชุ่นแล้ วเอียงเข็มปั กเลียดไปถึง
อีกจุดหนึง่ กระตุ้นจนได้ ชี่ ให้ คาเข็มไว้ ปิดทับด้ วยพลาสเตอร์ ทิ ้งไว้ 2 – 3 วันแล้ วถอนเข็มออก
(หมายเหตุผ้ เู รี ยบเรี ยง: ไม่แนะนําให้ คาเข็มไว้ เนื่องจากอาจมีอนั ตรายที่รุนแรงได้ )
4) เลือกจุดกดเจ็บ (reacting tender points) บริเวณหลังด้ านขวาโดยให้ ผ้ ปู ่ วยอยูใ่ น
ท่านัง่ ทําท่ากอดแขนทังสองข้
้ างเพื่อกางกระดูกสะบักออกไป คลํากดจุดเจ็บในบริ เวณระหว่าง
ด้ านขวาของกระดูกสันหลัง และขอบด้ านในของกระดูกสะบัก ด้ วยอุ้งนิ ้วด้ านในของนิ ้วหัวแม่
มือขวา มักพบจุดกดเจ็บบริ เวณตรงกลางหรื อข้ างล่างของขอบกระดูกสะบัก ให้ ปักเข็มเป็ นมุม
เอียงราว 30 องศากับผิวหนังกระตุ้นแบบระบาย ด้ วยการยกเข็มขึ ้นลงและหมุนเร็วแรง ใช้
เวลา 5 – 10 นาที จึงถอนเข็มออก ตามด้ วยการครอบกระปุกอีก 10 – 15 นาที หากมีไข้ ให้
เพิ่มจุด DaZhui (GV 14) และ QuChi (LI 11) ปั กเข็มคาไว้ 15 - 30 นาที กระตุ้นทุก 5นาที
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 195
พยาธิไส้ เดือนในทางเดินนํา้ ดี
(Biliary Ascariasis : 胆道回虫症 )
อาการและอาการแสดง
ในภาวะพยาธิไส้ เดือนไชถุงนํ ้าดี สามารถแบ่งกลุม่ ผู้ป่วยออกเป็ นสองกลุม่ ใหญ่คือ
กลุม่ ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด และกลุม่ ที่มีภาวะแทรกซ้ อนร่วมด้ วย
กลุม่ ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด จะมีอาการเหมือนกับภาวะถุงนํ ้าดีอกั เสบชนิดที่ไม่มี
นิ่วในถุงนํ ้าดี มีไข้ ตํ่า ๆ ปวดท้ องและกดเจ็บ มีกล้ ามเนื ้อแข็งเกร็งบริ เวณช่องท้ องด้ านขวาบน
คลําได้ ถงุ นํ ้าดีโต ตัวตาเหลือง แต่ไม่มีภาวะตับโต กลุม่ ที่มีภาวะแทรกซ้ อน อาการที่พบได้
บ่อย คือ ทางเดินนํ ้าดีอกั เสบ จะมีไข้ สงู ปวดท้ องและกดเจ็บบริเวณช่องท้ องด้ านขวาบน ตับ
โตและกดเจ็บ มีระดับของ bilirubin, alkaline phosphatase และ ALTs สูงขึ ้น อาจมีหนอง
ในทางเดินนํ ้าดีซงึ่ ผู้ป่วยอาจมาด้ วยอาการช็อคหมดสติ
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจภาพรังสี และการตรวจด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ เป็ นการตรวจมาตรฐานที่
ได้ ผลดีในการวินิจฉัย ส่วนการตรวจด้ วย CT scan, endoscopy และ endoscopic
retrograde cholangiography เป็ นการตรวจวินิจฉัยเพื่อยืนยันตัวพยาธิไส้ เดือน
ภาพจากเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ จะเห็นลักษณะเป็ นท่อตามยาวหรื อวงกลมตัดขวางที่มี
ช่องว่างภายใน โดยไม่มีเงาทึบในท่อนํ ้าดีร่วม แสดงถึงพยาธิไส้ เดือนในท่อนํ ้าดี หากดูด้วย
198 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรักษา
หลังวินิจฉัยได้ แล้ ว ให้ การรักษาตามอาการ เช่น ให้ สารนํ ้า ให้ ยาลดการหดเกร็งของ
กล้ ามเนื ้อเรี ยบ โดยทัว่ ไปพยาธิจะหลุดออกมาเข้ าในลําไส้ เล็กได้ เองประมาณร้ อยละ 98 เมื่อ
ตรวจซํ ้าไม่พบพยาธิในท่อนํ ้าดี จึงให้ ยาฆ่าพยาธิ ซึง่ ยังไม่ให้ เมื่อพยาธิยงั ค้ างอยูใ่ นท่อนํ ้าดี
การรักษาได้ ผลดีมาก กรณีที่ไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด อัตราการเสียชีวิตน้ อยกว่าร้ อยละ 1
หากพยาธิไม่หลุดออกมา หรื อพยาธิไชเข้ าไปในถุงนํ ้าดีจนหมดทังตั ้ ว จะใช้ การรักษา
ด้ วย endoscopic sphincterotomy เพื่อนําพยาธิออกมาจากถุงนํ ้าดีตอ่ ไป
ภาวะพยาธิไส้ เดือนไชถุงนํ ้าดี ถึงแม้ จะพบได้ ไม่บอ่ ย แต่ก็ต้องคํานึงถึงอยูเ่ สมอเมื่อ
ผู้ป่วยมีอาการของถุงนํ ้าดีอกั เสบ หรื ออาการปวดที่สมั พันธ์กบั ถุงนํ ้าดี และเด็กที่มีไข้ ตัวตา
เหลืองและปวดท้ องมาก ให้ นกึ ถึงภาวะพยาธิไส้ เดือนไชถุงนํ ้าดีไว้ เสมอ
ศาสตร์ การแพทย์จีน จัดภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดีอยูใ่ นกลุม่ YouJue (绕厥:
colic cause by ascaris) ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี ถือเป็ นภาวะที่เป็ นปั ญหาของ
ช่องท้ องที่สาํ คัญอีกปั ญหาหนึง่ อาการประกอบด้ วย ปวดท้ องกะทันหันบริเวณท้ องขวา
ด้ านบนเป็ น ๆ หาย ๆ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรื อดูซีดเซียว แขนขาเย็น
การรักษา
ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี มักจะวินิจฉัยว่าเป็ นอาการชี่ตดิ ขัด ในขณะที่เกิด
ภาวะนี ้ขึ ้น จุดบนเส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร ถุงนํ ้าดี และตับใช้ เป็ นจุดรักษาภาวะนี ้
สาเหตุ : ชี่ตดิ ขัด (Qi Obstruction)
อาการ: มีอาการปวดท้ องกะทันหันบริเวณท้ องขวาด้ านบนเป็ น ๆ หาย ๆ มีอาการ
คลื่นไส้ อาเจียน หรื อดูซีดเซียว แขนขาเย็น
ลิน้ สีมว่ ง ; ชีพจรตึง หรื อตึงแน่น (XianMai or JinMai)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 199
การกระตุ้น: ใช้ เข็ม 1 ชุ่น ปั กจุด JinLing ลึก 0.3 – 0.5 ชุ่น กระตุ้นด้ วยการหมุนเข็ม
ยกเข็มขึ ้นลง ให้ ได้ ความรู้สกึ ตึงชาวิง่ ไปที่ปลายนิ ้ว หากอาการปวดยังไม่ลดลงให้ คาเข็มไว้ 10
นาที แล้ วกระตุ้นซํ ้า โดยทัว่ ไป อาการปวดจะดีขึ ้นใน 10 นาที หลังกระตุ้นจนได้ ชี่ในครัง้ แรก
3. กระตุ้นด้ วยนิว้ ที่จุด DanNang (EX-LE 6)
ขอบเขตการใช้ : ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี
จุดที่ใช้ : DanNang (EX-LE 6) จุดอยูต่ ําแหน่งหน้ าแข้ งบนด้ านนอกเฉียงไปด้ านหน้ า
และล่างต่อหัวกระดูก Fibula 2 ชุ่น
การกระตุ้น: ให้ กดจุด DanNang (EX-LE 6) ทังสองข้ ้ าง ด้ วยนิ ้วหัวแม่มือสองข้ างด้ วย
ความแรงนานประมาณ 3 นาที หลังจากนันให้ ้ นวดคลึงที่จดุ ทังสอง
้ จนกระทัง่ อาการปวด
หายไป
4. ปั กจุดแบบโท่ ว
จุดที่ใช้ : GaoHuangShu (BL 43) ปั กโท่ว GeShu (BL 17) ข้ างขวา
วิธีการ: ใช้ เข็มเบอร์ 32 ขนาดมาตรฐานปั กใต้ ชนผิ ั ้ วหนังจากจุด GaoHuangShu (BL
43) ปั กโท่วไปจุด GeShu (BL 17) แล้ วกระตุ้นด้ วยการหมุนเข็มนาน 3 นาที คาเข็มไว้ 1
ชัว่ โมง เป็ นการเลือกจุดใกล้ เพื่อใช้ รักษา ดังคํากล่าวที่วา่ “จุดด้ านหลังใช้ รักษาโรคด้ านหน้ า”
5. ปั กจุดมู่
จุดที่ใช้ : JuQue (CV 14) และ TianShu (ST 25) ด้ านขวา
วิธีการ: ปั กจุดทังสอง
้ กระตุ้นเข็มตามปกติ คาเข็มไว้ 60 นาที
6. ปั กจุดที่สัมพันธ์ กับตําแหน่ งโรค
จุดที่ใช้ : เลือกจุด JiaJi ที่ตาํ แหน่งกระดูกสันหลังส่วนอกข้ อที่ 7 หรื อเลือกจุด ZhiYang
(GV 9) เป็ นจุดหลัก และเลือกจุด DanShu (BL 19), PiShu (BL 20) และ WeiCang (BL 50)
ของข้ างขวาเป็ นจุดรอง
วิธีการ: ปั กตังฉากที
้ ่จดุ JiaJi ลงไปถึงชันใต้
้ ผิวหนังแล้ วเอียงเข็มเป็ นมุมประมาณ 65
องศาปั กลงไปอีกประมาณ 1 ชุ่น เข้ าหากระดูกสันหลัง ให้ ปลายเข็มถึงเยื่อหุ้มกระดูก กระตุ้น
แบบระบาย แต่ใช้ มมุ เข็มแคบแค่เพียงให้ ผ้ ปู ่ วยรู้สกึ สบายและผ่อนคลายในช่องทรวงอกและ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 201
ลําไส้ อุดตันเฉียบพลัน
( Acute Intestinal Obstruction : 急性肠梗阻)
สาเหตุของลําไส้ อุดตัน
1. ลําไส้ ไม่ ทาํ งาน
- ยาบางชนิด เช่นยาแก้ ปวดประเภทมอร์ ฟีน
- การติดเชื ้อในช่องท้ อง
- เลือดไม่สามารถไปเลี ้ยงลําไส้ ได้ เพียงพอ
- ภาวะแทรกซ้ อนจากการผ่าตัดในช่องท้ อง
- โรคไตบางชนิด
- โพแทสเซียมในเลือดตํ่า
การที่ลาํ ไส้ ไม่ทํางานก็จะนําไปสูภ่ าวะแทรกซ้ อนอื่น ๆ อีก ได้ แก่ อาการเหลือง และมี
เกลือแร่ในเลือดที่ผิดปกติ ในเด็กแรกเกิดมักสัมพันธ์กบั โรคที่มีการติดเชื ้อในลําไส้ แล้ วทําให้
ลําไส้ ตายที่เรี ยกว่า NEC (Necrotizing enterocolitis) ซึง่ เป็ นภาวะที่อาจเป็ นอันตรายถึง
ชีวิต และนําไปสูก่ ารติดเชื ้อในกระแสเลือดตามมา ในเด็กโตและผู้ใหญ่ การที่มีลําไส้ ไม่ทํา
งาน มักสัมพันธ์กบั โรคลําไส้ อกั เสบ การอักเสบในช่องท้ อง และไส้ ตงิ่ แตก อาการ ของลําไส้ ไม่
ทํางาน ได้ แก่ ท้ องอืด และปวดท้ อง
2. การอุดตันในลําไส้
มักเกิดขึ ้นจากการมีสงิ่ กีดขวางทางเดินอาหาร และทําให้ เกิดการอุดตันของลําไส้
ตามมา ได้ แก่ สาเหตุดงั ต่อไปนี ้
- ไส้ เลื่อน
204 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
- ภาวะแทรกซ้ อนจากการผ่าตัดในช่องท้ อง
- อุจจาระแข็งมากจนอุดกันทางเดิ
้ นอาหาร
- นิ่ว
- มะเร็ งหรื อเนื ้องอกในลําไส้
- ลําไส้ กลืนกัน หรื อบิดพันกัน
- การรับประทานสิง่ แปลกปลอมเข้ าไปอุดกันทางเดิ ้ นอาหาร
- ถ้ าสิง่ กีดขวางมีผลทําให้ เลือดที่ไปเลี ้ยงลําไส้ ลดลง ลําไส้ อาจตายได้ และทําให้ เกิด
การติดเชื ้อตามมา
อาการและอาการแสดง
- อืด แน่นท้ อง มักมีอาการท้ องอืด มากหรือน้ อยแล้ วแต่ระดับการอุดตันของลําไส้
- ท้ องโตขึ ้น
- ปวดท้ อง ลักษณะอาการปวดท้ องมักปวดเป็ นพัก ๆ คือมีช่วงเวลาที่ปวดมากและ
ช่วงเวลาที่คลายปวด
- อาเจียน ลักษณะของอาเจียน อาจเป็ นอาหารปนกับนํ ้าดี หรื ออาหารที่มีกลิน่ ของ
อุจจาระ แล้ วแต่ระดับ
- การอุดตันของลําไส้
- ไม่ถ่ายอุจจาระ ถ้ าการอุดตันเป็ นเพียงบางส่วน อาจมีอจุ จาระผ่านออกมาได้ บ้าง แต่
ถ้ าการอุดตันสมบูรณ์ ผู้ป่วยจะไม่มีอจุ จาระออกมาเลย ไม่ผายลมด้ วย
การตรวจวินิจฉัย
โดยการฟั งเสียงลําไส้ ถ้ าไม่มีเสียงการทํางานของลําไส้ หรื อห่างกันนานเกินไปก็อาจ
เป็ นสัญญาณที่บง่ บอกถึงความผิดปกติ
การตรวจร่างกายรวมทังการตรวจทางทวารหนั
้ ก
การเจาะเลือด ตรวจนับเม็ดเลือดขาวและเกลือแร่
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 205
การตรวจทางรังสี
- การเอกซเรย์ช่องท้ อง
- การทดสอบโดยการกลืนสารทึบรังสีแล้ วถ่ายเอกซเรย์
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
การรักษา
1. ให้ นํ ้าเกลือเข้ าทางหลอดเลือดดํา เพื่อทดแทนนํ ้า และเกลือแร่
2. ใส่สายยางขนาดเล็กทางจมูกลงไปในกระเพาะอาหาร เพื่อดูดลมและเศษอาหาร
3. ใส่สายสวนปั สสาวะ ดูอตั ราการไหลของปั สสาวะ บ่งถึงการทดแทนนํ ้าที่เพียงพอ
4. งดอาหารทางปาก
ในผู้ป่วยที่มีลาํ ไส้ อดุ ตันบางส่วน การให้ การรักษาดังข้ างต้ นอาจพอเพียง แต่ในผู้ป่วยที่
อาการไม่ดีขึ ้น หรื อมีการอุดตันลําไส้ แบบสมบูรณ์ ผู้ป่วยต้ องได้ รับการผ่าตัดทันที หลังจากที่
ได้ รับการเตรี ยมร่างกายพร้ อมแล้ ว
โดยสรุป ความรุนแรงของภาวะลําไส้ อดุ ตัน ขึ ้นอยูก่ บั สาเหตุที่ก่อให้ เกิดโรค ถ้ าผู้ป่วย
มาพบแพทย์ และได้ รับการรักษาทันท่วงที จะลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้ อนที่รุนแรงลงได้
ภาวะแทรกซ้ อนของลําไส้ อุดตัน
- การติดเชื ้อ
- ลําไส้ ตาย
- มีการฉีกขาดหรื อลําไส้ ทะลุ
การป้องกัน
หากมีสาเหตุ ให้ รักษาสาเหตุก่อน (เช่น ไส้ เลื่อน หรือเนื ้องอกในลําไส้ ) เพื่อลดความ
เสี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม สาเหตุบางอย่างก็ไม่สามารถป้องกันได้
ศาสตร์ การแพทย์แผนจีน จัดว่ามีสาเหตุจากการอุดกันการไหลเวี
้ ยนของชี่และเลือด
ความร้ อนและความเย็นคัง่ ค้ าง การสะสมตกค้ างของอาหาร หรื อพยาธิในลําไส้ ซึง่ ก่อให้ เกิด
206 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การอุดตันของทางเดินอาหารตามมา
การรั กษา
หลักการรักษา: ขจัดการอุดกัน้ ปรับสมดุลกระเพาะ หยุดอาเจียน และเสริ มการไหล
เวียนของชี่ในทางเดินอาหาร โดยเลือกจุดหลักบนเส้ นลมปราณเท้ าหยางหมิงเป็ นหลัก
จุดที่ใช้ :
- ระบาย ShangJuXu (ST 37), XiaJuXu (ST 39), TianShu (ST 25), DaChangShu
(BL 25), NeiGuan (PC 6), ZuSanLi (ST 36), FuJie (SP 14), DaHeng (SP15)
- บํารุงระบายเท่ากัน GuanYuan (CV 4)
อธิบาย : แบ่งการรักษาเป็ น 3 รูปแบบ ดังนี ้
1. เลือกจุด TianShu (ST 25), DaChangShu (BL 25), ZuSanLi (ST 36), FuJie (SP
14), DaHeng (SP 15) เป็ นการเลือกจุดซู-มูเ่ พื่อใช้ รักษา กระตุ้นเข็มแบบระบาย กระตุ้นซํ ้าได้
วันละสองครัง้ หรื อมากกว่าขึ ้นกับอาการของผู้ป่วย
2. เลือกจุด ShangJuXu (ST 37), XiaJuXu (ST 39) และ ZuSanLi (ST 36) เป็ นการ
เลือกจุดเหอล่างและจุดบนล่างในแนวเดียวกันของเส้ นลมปราณ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ
รักษา และกระตุ้นการทํางานของอวัยวะให้ ดีขึ ้น กระตุ้นเข็มแบบระบาย
3. เลือกจุด DaHeng (SP 15) ปั กเข็มลึก 4 ชุ่น กระตุ้นเข็มแรงแบบระบาย ไม่คาเข็ม
กระตุ้นวันละ 2 ครัง้ โดยทัว่ ไป อาการจะดีขึ ้นภายใน 24 – 48 ชัว่ โมง หลังฝั งเข็ม
การรักษาเพิ่มเติม
1. การรมยา
เลือกจุด ShenQue (CV 8) รมโดยใช้ ขิงคัน่ ครัง้ ละ 15 – 20 นาที วันละ 3 ครัง้
2. กระตุ้นจุดบนล่ าง
เลือกจุด TianShu (ST 25) และ ZuSanLi (ST 36) โดยปั กและกระตุ้นที่จดุ ZuSanLi
(ST 36) ก่อนเพื่อลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน อันเนื่องมาจากชี่ของกระเพาะอาหารวิ่งย้ อนขึ ้น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 207
บน คาเข็มไว้ 10 นาที และปั กเข็มที่จดุ TianShu (ST 25) ใช้ เครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า กระตุ้นเข็ม
โดยติดขัวลบที
้ ่ TianShu (ST 25) และติดขัวบวกที
้ ่จดุ ZuSanLi (ST 36) ใช้ คลื่น dense-
disperse นาน 30 นาที
3. ฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Ear-ShenMen, Large Intestine, Stomach, Small Intestine, Abdomen
การกระตุ้น: เมื่อเกิดอาการปวดเกร็งในท้ องให้ ปักและกระตุ้นแรง คาเข็มไว้ 30 – 60
นาที กระตุ้นทุก 10 นาที จนกว่าอาการปวดเกร็งจะหายไป ในหนึง่ วันสามารถปั กได้ ทกุ 4 – 6
ชัว่ โมง
4. การใช้ เข็มนํา้
จุดที่ใช้ : ZuSanLi (ST 36) ทังสองข้
้ าง
วิธีการ: ใช้ Neostigmine ปริมาณ 0.25 mg ต่อจุดฉีดทังสองจุ้ ด วิธีนี ้ใช้ สําหรับภาวะ
ลําไส้ อดุ ตันชนิดไม่เคลื่อนไหว (paralytic intestinal obstruction)
หมายเหตุ :
1. การฝั งเข็มและรมยาได้ ผลดีในการรักษาโรค แต่หากอาการไม่ดีขึ ้นภายใน 6 - 24
ชัว่ โมง ควรพิจารณาส่งแผนกศัลยกรรมต่อไป
2. การฝั งเข็มรมยา ได้ ผลดีในการลดอาการปวด จากภาวะลําไส้ อดุ ตันจากการเคลือ่ น
ไหวที่ผิดปกติ (dynamic obstruction) และผลที่ได้ ก็คงอยูน่ าน ส่วนภาวะลําไส้ อดุ ตันจาก
การอุดตันภายใน (mechanical obstruction) ก็สามารถลดอาการปวดได้ ดีเช่นกัน แต่ผลคง
อยูไ่ ด้ ไม่นาน
208 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ไส้ ต่ งิ อักเสบเฉียบพลัน
( Acute Appendicitis : 急性阑尾炎)
ภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการปวดบริเวณลิ ้นปี่ หรื อรอบสะดือในระยะแรก
ต่อมาอาการปวดจะเลื่อนลงมาบริ เวณท้ องน้ อยส่วนล่างด้ านขวา อาการปวดจะเพิ่มขึ ้น
เรื่ อย ๆ ปวดมากเมื่อกด อาจมีการเกร็งของกล้ ามเนื ้อหน้ าท้ องบริเวณที่ปวดได้ มักนอนงอขา
เหยียดขาขวาตรงไม่ได้ อาจมีไข้ ร่วมด้ วย กลัวหนาว
ไส้ ตงิ่ อักเสบ เป็ นโรคที่เกิดกับไส้ ตงิ่ เป็ นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบ
ทุกรายต้ องได้ รับการผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออก หากไม่ได้ รับการรักษาแล้ วจะมีอตั ราการเสียชีวิตสูง
การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากภาวะเยื่อบุช่องท้ องอักเสบและภาวะช็อค
โรคไส้ ตงิ่ อักเสบ ได้ รับการอธิบายเป็ นครัง้ แรกโดย Reginald Fitz ในปี พ.ศ. 2429
ปั จจุบนั ได้ รับการยอมรับว่าเป็ นหนึง่ ในสาเหตุของอาการปวดท้ องรุนแรงเฉียบพลัน ที่พบ
บ่อยที่สดุ ทัว่ โลก
ไส้ ตงิ่ เป็ นส่วนขยายของลําไส้ ใหญ่สว่ นต้ น มีรูปร่างเรี ยวหยาวคล้ ายหนอน ทําให้ มีคํา
เรี ยกในภาษาอังกฤษว่า vermiform appendix (ติง่ รูปหนอน) ความยาวโดยเฉลี่ย 8 - 10
เซนติเมตร (มีขนาดได้ ตงแต่ ั ้ 2 - 20 เซนติเมตร) เจริญขึ ้นในเดือนที่ห้าของการตังครรภ์ ้ และมี
เนื ้อเยื่อนํ ้าเหลือง (lymphoid follicle) ทัว่ ชันเยื ้ ่อเมือก เนื ้อเยื่อนํ ้าเหลืองเหล่านี ้จะมีจํานวน
มากขึ ้นและขยายขนาดเมื่อมีอายุ 8 - 20 ปี
จากหลักฐานในปั จจุบนั เชื่อกันว่า โรคไส้ ตงิ่ อักเสบเป็ นผลที่เกิดจากการมีการอุดตัน
ของไส้ ตงิ่ เมื่อเกิดมีการอุดตันเกิดขึ ้นแล้ ว ส่วนที่อดุ ตันนี ้จะมีการคัง่ ของมูกมาอัดแน่นและ
บวมขึ ้น มีความดันภายในส่วนที่อดุ ตันนี ้และตัวผนังไส้ ตงิ่ เองสูงขึ ้น เกิดลิม่ เลือดอุดตันใน
หลอดเลือดขนาดเล็ก ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและนํ ้าเหลือง หากอาการดําเนินมาถึง
ระดับนี ้แล้ วพบว่าการกลับหายเป็ นปกติได้ เองพบได้ น้อย เมื่ออาการดําเนินต่อไปไส้ ตงิ่ จะขาด
เลือดและตายเฉพาะส่วนไป ต่อมาแบคทีเรี ยที่มีอยูแ่ ล้ วในลําไส้ จะผ่านผนังไส้ ตงิ่ ที่ตายแล้ วนี ้
210 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ออกมา เกิดหนองขึ ้นรอบ ๆ ไส้ ตงิ่ จนสุดท้ ายแล้ วไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบมากนี ้จะแตกออกทําให้ เกิด
เยื่อบุช่องท้ องอักเสบ ซึง่ อาจทําให้ เกิดภาวะเลือดเป็ นพิษและเสียชีวิตได้
ในบรรดาสาเหตุตา่ ง ๆ ของการอุดตันของไส้ ตงิ่ เช่น การมีวตั ถุแปลกปลอม การมี
บาดแผล พยาธิ สาเหตุที่ได้ รับความสนใจมากสาเหตุหนึง่ คือการมีนิ่วอุจจาระไปอุดตัน พบว่า
มีความชุกของการพบนิ่วอุจจาระ ในผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบในประเทศพัฒนาแล้ วมากกว่าใน
ประเทศกําลังพัฒนา และการมีนิ่วอุจจาระอุดตันในไส้ ตงิ่ มักพบว่ามีความสัมพันธ์กบั ไส้ ตงิ่
อักเสบรุนแรง นอกจากนี ้ภาวะท้ องผูกก็อาจมีสว่ นด้ วย ดังที่พบว่าผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบมีจํานวน
ครัง้ การถ่ายอุจจาระต่อสัปดาห์น้อยกว่ากลุม่ ควบคุมปกติอย่างมีนยั สําคัญ การเกิดมีนิ่ว
อุจจาระในไส้ ตงิ่ สัมพันธ์กบั การที่มีที่เก็บอุจจาระคัง่ ในลําไส้ ใหญ่สว่ นขึ ้นและการมีชว่ งเวลาใน
การบีบไล่อจุ จาระนาน จากข้ อมูลทางระบาดวิทยาพบว่าในกลุม่ ประชากรที่ไม่เป็ นโรคไส้ ตงิ่
อักเสบ ไม่พบผู้ป่วยโรคกระเปาะลําไส้ หรื อติง่ เนื ้อเลย และพบผู้ป่วยมะเร็ งลําไส้ ใหญ่น้อยมาก
นอกจากนี ้ยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งลําไส้ ใหญ่และมะเร็ งไส้ ตรงมักเป็ นโรคไส้ ตงิ่ อักเสบนํามาก่อน
ด้ วย มีหลายการศึกษาพบว่าการกินอาหารที่มีกากใยตํ่า มีสว่ นในการทําให้ เกิดโรคไส้ ตงิ่
อักเสบ ซึง่ ตรงกันกับข้ อมูลที่วา่ การกินอาหารที่มีกากใยตํ่าทําให้ มีช่วงเวลาในการบีบไล่
อุจจาระนานขึ ้น
อาการและอาการแสดง
อาการของไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลันนันอาจแบ่
้ งได้ เป็ นสองชนิด คือ ชนิดตรงไปตรงมา
และชนิดไม่ตรงไปตรงมา ประวัตขิ องผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลัน ชนิดตรงไปตรงมานัน้ จะ
เริ่ มจากมีอาการปวดบริเวณรอบสะดือ ก่อนที่จะย้ ายไปปวดบริเวณหน้ าท้ องด้ านล่างขวา
ลักษณะนี ้เกิดจากการที่อาการปวดในช่วงแรกเกิดจากเส้ นประสาทอวัยวะภายในที่รับความ
รู้สกึ จากไส้ ตงิ่ นัน้ แบ่งแยกตําแหน่งความเจ็บปวดได้ ไม่ชดั เจน เท่าอาการปวดในช่วงหลังที่
เกิดจากอักเสบลุกลามไปยังเยื่อบุช่องท้ องซึง่ มีเส้ นประสาทโซมาติกที่สามารถระบุตาํ แหน่ง
อาการปวดได้ ชดั เจนกว่า อาการปวดท้ องมักมีร่วมกับอาการเบื่ออาหารและมีไข้ อย่างไรก็ดี
ไข้ ไม่ใช่อาการที่จําเป็ นต้ องมีเสมอไป อาจมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน รู้สกึ ง่วงซึม และรู้สกึ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 211
อาการและอาการแสดง
ผลจากการมีไส้ ตงิ่ อักเสบจะทําให้ ผนังช่องท้ องอ่อนไหวต่อการสัมผัสเบาๆ มากขึ ้น มี
อาการกดปล่อยแล้ วเจ็บ (rebound tenderness) ในกรณีที่ไส้ ตงิ่ ของผู้ป่วยอยูต่ ําแหน่งหลัง
ลําไส้ ใหญ่อาจทําให้ ไม่มีอาการเจ็บจากการตรวจทางหน้ าท้ องได้ เพราะลําไส้ ใหญ่ที่เต็มไป
ด้ วยอากาศจะกันไม่ให้ แรงกดไปสัมผัสโดนไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบ ในกรณีเดียวกัน ถ้ าไส้ ตงิ่ อยูต่ ํ่าลง
มาภายในอุ้งเชิงกรานก็จะตรวจไม่พบอาการเจ็บหน้ าท้ องหรื อหน้ าท้ องแข็งเช่นกัน ในกรณี
เช่นนี ้การตรวจทางทวารหนักจะตรวจพบอาการเจ็บใน rectovesical pouch ได้ การกระทํา
ใดๆ ที่เพิ่มแรงดันในช่องท้ อง เช่น การไอ จะทําให้ มีอาการเจ็บที่ตําแหน่ง McBurney's point
และเป็ นวิธีตรวจหาตําแหน่งของไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบที่เจ็บน้ อยที่สดุ ถ้ าตรวจหน้ าท้ องแล้ วพบว่า
หน้ าท้ องแข็งอย่างมากโดยที่ผ้ ปู ่ วยไม่ได้ ตงใจเกร็
ั้ งหน้ าท้ องแล้ วเป็ นไปได้ มากว่าจะมีภาวะเยื่อ
บุช่องท้ องอักเสบแล้ ว ซึง่ ต้ องได้ รับการผ่าตัดโดยด่วน
- Rovsing's sign
การกดตรวจลึกบริเวณ iliac fossa ทางด้ านซ้ ายอาจทําให้ มีอาการเจ็บบริเวณ iliac
fossa ทางด้ านขวา นี่เป็ นลักษณะของ Rovsing's sign หรื อ Rovsing's symptom ใช้ วินิจฉัย
ไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลันได้
212 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
- Psoas sign
บางครัง้ ไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบอาจมีตําแหน่งอยูบ่ นกล้ ามเนื ้อ psoas จะทําให้ ผ้ ปู ่ วยนอนงอ
สะโพกขวาเพื่อคลายความเจ็บปวดที่ปวดมาก
- Obturator sign
ถ้ าไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบอยูต่ ดิ กับกล้ ามเนื ้อ obturator internus จะตรวจพบการเกร็ งของ
กล้ ามเนื ้อโดยงอและหมุนข้ อสะโพกเข้ าด้ านใน การกระทําเช่นนี ้จะทําให้ ผ้ ปู ่ วยมีอาการเจ็บที่
บริ เวณท้ องน้ อย
การรักษา
- การผ่ าตัดเอาไส้ ต่งิ อักเสบออก
ไส้ ตงิ่ อักเสบรักษาโดยการผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออก ในช่วงแรกผู้ป่วยจะได้ รับการเตรี ยมการ
ผ่าตัดโดยให้ สารนํ ้าทางหลอดเลือดดําเพื่อป้องกันไม่ให้ ร่างกายขาดนํ ้าในขณะที่งดนํ ้าและงด
อาหาร อาจมีการให้ ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดําเพื่อช่วยฆ่าเชื ้อแบคทีเรี ยและลดการแพร่
กระจายของการติดเชื ้อในช่องท้ อง รวมถึงลดภาวะแทรกซ้ อนหลังการผ่าตัดด้ วย ถ้ าผู้ป่วย
ท้ องว่างอาจใช้ การผ่าตัดโดยการวางยาสลบ หรื อไม่เช่นนันอาจใช้ ้ การทําให้ ชาโดยฉีดยาเข้ า
ช่องนํ ้าไขสันหลัง
การผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออกในปั จจุบนั นิยมใช้ การผ่าตัดโดยการใช้ กล้ องส่องตรวจผ่านทาง
ช่องท้ อง ส่วนในประเทศไทยยังนิยมใช้ การผ่าตัดโดยการเปิ ดช่องท้ องบริ เวณ McBurney's
point ตรงตําแหน่งที่เป็ นไส้ ตงิ่ วิธีการกรี ดแผลที่เป็ นที่นิยมที่สดุ คือการผ่าโดยใช้ แนว gridion
(แนวเฉียง) หรื อแนวนอน มีรายงานการผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออกในผู้ป่วยสตรี โดยการใช้ กล้ องส่อง
ตรวจผ่านทางช่องคลอดในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551
การพยากรณ์ โรค
ผลการรักษาไส้ ตงิ่ อักเสบไม่วา่ จะมีภาวะแทรกซ้ อนเกิดขึ ้นหรื อไม่ก็ตามส่วนใหญ่
ได้ ผลดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับสูภ่ าวะปกติในเวลาไม่นานหลังการผ่าตัด และหลังจาก
นันสามารถใช้
้ ชีวิตได้ ตามปกติ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 213
การรั กษา
หลักการรักษา: ปรับการไหลเวียนชี่ของอวัยวะกลวง ขจัดความร้ อนที่ตกค้ าง เลือกจุด
หลักจากเส้ นลมปราณหยางหมิงมือและเท้ า
- การรั กษาด้ วยการฝั งเข็ม
1. ปั กจุดคู่
เลือกจุด ZuSanLi (ST 36) และ ShangJuXu (ST 37) หรื อ LanWei (EX-LE 7) ปั กจุด
และกระตุ้นแบบระบายทังสองจุ้ ด คาเข็มไว้ 1 ชัว่ โมง กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที ฝั งเข็มวันละ 2 –
3 ครัง้ จนอาการปวดท้ องเมื่อกดหายไป หากมีไข้ ให้ เพิม่ จุด QuChi (LI 11) หากท้ องอืดแน่น
ให้ เพิ่มจุด DaChangShu (BL 25) และ CiLiao (BL 32) [กรณีศกึ ษา ผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบ
590 รายรักษาด้ วยวิธีดงั กล่าว พบว่า รักษาหาย 356 ราย, อาการดีขึ ้น 162 ราย, ไม่เปลี่ยน
แปลง 72 ราย]
2. ปั กจุดพิเศษ XiSiXue ทังสองข้
้ าง และ DaHeng (SP 15) ทังสองข้ ้ าง ปั กเข็มตัง้
ฉากที่จดุ XiSiXue (Extra point ตําแหน่ง 4 ชุ่นเหนือขอบบน นอกของกระดูกสะบ้ าของเข่าที่
214 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
หมายเหตุ
1. การฝั งเข็มและรมยาเหมาะสําหรับภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบชนิดเฉียบพลันที่เป็ นระยะแรก
และอาการไม่รุนแรง และถือเป็ นการรักษาเสริ มและประคับประคองสําหรับภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบ
ชนิดอื่น หากมีแนวโน้ มว่าไส้ ตงิ่ อักเสบรุนแรงและอาจแตกได้ ควรรักษาด้ วยการผ่าตัดต่อไป
2. การฝั งเข็มและรมยา สามารถเพิ่มฤทธิ์การต้ านการอักเสบในระดับเซลล์
(anti-inflammation) เพิ่มความสามารถในการกําจัดสิง่ แปลกปลอมของเม็ดเลือดขาวได้
(phagocytosis) เพิ่มการเคลื่อนไหวของไส้ ตงิ่ ลดการหลัง่ สารในช่องไส้ ตงิ่ และเพิ่มการ
ไหลเวียนของเลือดได้ จึงเปรี ยบเช่นมีฤทธิ์ต้านการอักเสบนัน่ เอง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 217
นิ่วในไต
(Renal Colic and Stone : 肾结石)
ปวดจากนิ่วในไตเป็ นภาวะที่ก่อให้ เกิดการบาดเจ็บทังในบริ
้ เวณที่เป็ นนิ่ว เกิดภาวะ
ขาดเลือด และก่อให้ เกิดการติดเชื ้อในระบบทางเดินปั สสาวะตามมา นิ่วคือก้ อนหินปูนหรื อ
ผลึกเกลือแร่ซงึ่ เกิดในระบบทางเดินนํ ้าปั สสาวะ ระบบทางเดินนํ ้าปั สสาวะจะประกอบด้ วยไต
และนํ ้าปั สสาวะจากไต จะไหลผ่านหลอดไตเข้ าสูก่ ระเพาะปั สสาวะ หลังจากนันผู ้ ้ ป่วยก็จะขับ
ปั สสาวะ ออกมาผ่านทางท่อปั สสาวะ สําหรับนิ่วที่เกิดขึ ้นในระบบทางเดินปั สสาวะ จะเกิดขึ ้น
ที่ไตก่อน แล้ วอาจจะหลุดมาติดอยูใ่ นหลอดไตหรื อหลุดมาอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะ ของนิ่วมี
หลายอย่าง เช่น แคลเซียม ออกซาเลต กรดยูริค
สาเหตุของการเกิดนิ่วในทางเดินปั สสาวะ
สาเหตุของการที่ทําให้ เกิดมีการรวมตัวกันของผลึกของเกลือแร่หรื อ หินปูนเป็ น ก้ อน
นิ่วยังไม่ทราบแน่นอน แต่จะมีเหตุบางอย่างซึง่ จะช่วยส่งเสริมทําให้ มีนิ่วเกิดขึ ้นได้ ง่าย เช่น
ภาวะที่มีการคัง่ ของนํ ้าปั สสาวะอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะ ในผู้ป่วยชายซึง่ เป็ นโรคต่อมลูก
หมากโต ปั สสาวะที่ค้างในกระเพาะปั สสาวะก็จะเป็ นสาเหตุให้ เกิดมีนิ่วเกิดขึ ้น หรือในผู้ป่วย
บางประเภท ซึง่ นํ ้าปั สสาวะมีความเข้ มข้ นของเกลือแร่มาก เช่น ดื่มนํ ้าน้ อยกว่าปกติ หรื อ
รับประทานอาหารบางประเภท ซึง่ มีเกลือแร่ขบั ออก มาทางนํ ้า ปั สสาวะมาก เช่น พวกเครื่ อง
ในสัตว์หรื อพวกผักสด หน่อไม้ เป็ นต้ น เหล่านี ้จะเป็ นสาเหตุให้ เกิดนิ่วในทางเดินปั สสาวะได้
การรับประทานอาหารพวกเครื่ องในสัตว์มาก หรื อ ประเภทเนื ้อ พบว่ามีการขับเกลือแร่ชนิด
หนึง่ คือ กรดยูริคแอซิค ออกมาในนํ ้าปั สสาวะมากอาจก่อให้ เกิดนิ่วได้ หรื อในกลุม่ ที่
รับประทานผักสด หรื อหน่อไม้ มากๆ ก็จะมีโอกาสทําให้ เกิดนิ่ว ชนิดออกซาเลตได้ ฉะนัน้
ผู้ป่วยที่เคยเป็ นนิ่วชนิดนี ้มาก่อนก็จะมีโอกาสเป็ นนิ่วชนิดนี ้ได้ อีกบ่อย ๆ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 219
อาการและการแสดง
อาการของผู้ป่วยเป็ นโรคนิ่วในระบบทางเดินปั สสาวะขึ ้นอยูก่ บั ว่า เป็ นนิ่วที่ตาํ แหน่ง
ใด ถ้ าเป็ นนิ่วที่ไตหรื อหลอดไต ผู้ป่วยจะมีอาการปวด เอวข้ างที่มีนิ่ว หรื อปั สสาวะบ่อย ขุ่น
หรื อมีเลือด ส่วนผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วที่กระเพาะปั สสาวะมักมีอาการถ่ายปั สสาวะลําบาก ปั สสาวะ
บ่อย หรื อปั สสาวะไม่ออกก็ได้ หากผู้ป่วยมีนิ่วที่ไตทัง้ 2 ข้ างแล้ วไต ไม่ทํางานทัง้ 2 ข้ าง อาจมี
ผลทําให้ ผ้ ปู ่ วยมีความเสี่ยงจากไตวาย
การตรวจ
ผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็ นโรคนิ่ว ควรจะมาพบแพทย์ เพื่อทําการซักประวัติ ตรวจร่างกาย
และตรวจนํ ้าปั สสาวะ ซึง่ อาจจะพบว่ามีเม็ดเลือดแดงหรื อเม็ดเลือดขาว ในนํ ้า ปั สสาวะ และ
อาจต้ องส่งผู้ป่วยไปเอกซเรย์บริเวณไตและกระเพาะปั สสาวะ ซึง่ จะบอกได้ วา่ ผู้ป่วยมีนิ่วใน
ระบบทางเดินปั สสาวะหรื อไม่
การรักษา
การรักษาโรคนิ่วในระบบทางเดินปั สสาวะปั จจุบนั มีการรักษาอยู่ 2 วิธีคือ
1. รักษาโดยไม่ ใช้ การผ่ าตัด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วในหลอดไต ที่ขนาดเล็กมากๆ
จะหลุดได้ เองมาอยูท่ ี่กระเพาะปั สสาวะ แพทย์จะแนะนําให้ ดื่มนํ ้ามาก ๆ อย่างน้ อยวันละ 10-
15 แก้ วต่อวัน ถ้ ามีอาการปวดก็จะให้ ยาแก้ ปวด
2. รักษาโดยการผ่ าตัด จะใช้ วธิ ีนี ้ก็ตอ่ เมื่อ นิ่วนันทํ
้ าให้ เกิดมีการเสียการทํางาน ของ
ไต หรื อทําให้ ผ้ ปู ่ วยปั สสาวะไม่ออก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วที่กระเพาะปั สสาวะ
220 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
วิธีป้องกัน
2. เลือกปั กจุดซี่
จุดหลัก ShuiQuan (KI 5), JiaoXin (KI 8) และ YangJiao (GB 35)
จุดเสริ ม ShenShu (BL 23), KunLun(BL 60), FuJie(SP 14),
GuanYuan (CV 4) และ Ah-Shi point
การกระตุ้นเข็ม :
- จุดหลักเป็ นจุดซี่ทงหมด
ั้ ShuiQuan(KI 5) เป็ นจุดซี่ของไต, JiaoXin
(KI 8) เป็ นจุดซี่ของเส้ นลมปราณอินเฉียว และ YangJiao (GB 35) เป็ นจุดซี่ของเส้ น
ลมปราณหยางเหว่ย ทุกจุดกระตุ้นแรง สําหรับจุด JiaoXin(KI 8) นันเมื ้ ่อกระตุ้นจุดอาจมี
ความรู้สกึ เหมือนกระแสไฟวิง่ ขึ ้นไปที่ตาํ แหน่งของไตหรื อรู้สกึ อุน่ ที่บริเวณเอวทังด้
้ านหน้ าและ
ด้ านล่างและอาจปวดหน่วงท้ องน้ อยร่วมกับปั สสาวะบ่อยมากขึ ้น การกระตุ้นจุดที่เหลือหาก
ร่างกายผู้ป่วยแข็งแรงก็สามารถกระตุ้นแรงได้ หากอ่อนแอให้ กระตุ้นแรงปานกลาง คาเข็มไว้
15 – 30 นาที กระตุ้นถี่หรื อห่างขึ ้นกับอาการของผู้ป่วย ในหนึง่ วันอาจปั กเข็มกระตุ้นได้ หลาย
ครัง้
3. เลือกจุดหยวน
เลือกใช้ จดุ TaiXi (KI 3)
ปั กจุด TaiXi (KI 3) พร้ อมกันทังสองข้
้ าง กระตุ้นแรงปานกลางจนได้ ความรู้สกึ ชา
กระจายลงไปที่เท้ า คาเข็มไว้ 30 – 90 นาที กระตุ้นเข็มถี่ห่างดูจากความรู้สกึ ชาที่เท้ าให้
กระตุ้นเมื่อชาน้ อยลงหรื อหายไป หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้ วยให้ ปักกระตุ้นจุด
NeiGuan(PC 6) ทังสองข้้ าง
การรักษาอื่น :
1. การรมยา
จุดที่ใช้ : GuanYuan(CV 4) และ DaDun(LR 1)
วิธีการ : เมื่อมีอาการปวดใช้ แท่งโกฐจุฬารมที่จดุ ทังสองเพื
้ ่อกระตุ้นการไหลเวียนใน
เส้ นลมปราณและลดอาการปวด สามารถรมยาได้ วนั ละหลายครัง้ ซึง่ วิธีการนี ้ได้ ผลดีดงั ที่
224 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ไฟฟ้าด้ วยคลืน่ continuous ด้ วยความถี่ 200 ครัง้ /นาที นาน 15นาทีถอดขัวไฟฟ ้ ้ าออก แล้ ว
ใช้ เข็ม7 ดาวเคาะรอบจุดที่ปักเข็มสักครู่แล้ วตามด้ วยการครอบกระปุกอีกระยะเวลาหนึง่ ถอน
กระปุกแล้ วเคาะด้ วยเข็ม 7 ดาวอีกสัก 1 – 2 นาที ทําวันละครัง้ ครบ 10 ครัง้ เป็ น 1 รอบการ
รักษา โดยทัว่ ไปนิ่วขนาดเล็กสามารถถูกขับออกมาได้ ตงแต่ ั ้ การรักษาในครัง้ แรก
หมายเหตุ :
1. การรักษาด้ วยการฝั งเข็มได้ ผลดีในการลดอาการปวดแต่หากมีอาการ
ปวดที่รุนแรงมาก โดยที่การฝั งเข็มไม่สามารถบรรเทาอาการให้ ดีขึ ้นได้ ให้ พิจารณารักษา
ด้ วยการแพทย์แผนปั จจุบนั ต่อไป
2. หากผู้ป่วยอายุยงั น้ อย มีอาการแบบฉับพลันและเป็ นมาไม่นาน การดื่ม
นํ ้ามาก ๆ ร่วมกับออกกําลังกายอย่างหนัก อาจทําให้ นิ่วที่ค้างอยูห่ ลุดออกมาได้ งา่ ยขึ ้น
3. ในผู้ที่ยงั ไม่เป็ นโรคนิ่วหรื อหลังจากรักษาโรคนิ่วให้ หายเป็ นปกติดีแล้ ว
การดื่มนํ ้าปริมาณมากเป็ นประจํา ร่วมกับหลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุแคลเซี่ยมจะช่วยป้องกัน
ไม่ให้ เกิดโรคนิ่วในระบบทางเดินปั สสาวะได้
4. สําหรับนิ่วในกรวยไต หากนิ่วอยูส่ ว่ นล่างให้ ผ้ ปู ่ วยนอนTrendelenburg
เพื่อทําการรักษา หากนิ่วอยูด่ ้ านข้ างให้ ผ้ ปู ่ วยนอนตะแคง ให้ ด้านที่มีนิ่วอยูบ่ นและให้ อยู่
นิ่งขณะทําการรักษา
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 227
อาการและการแสดง :
1. จากความร้ อน (热淋) จะมีอาการเจ็บแสบร้ อนในท่อปั สสาวะ ปั สสาวะ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 229
เหลืองเข้ ม ออกน้ อย
2. จากนิ่วในทางเดินปั สสาวะ (ShiLin) เมื่อนิ่วอยูใ่ นท่อปั สสาวะจะมีอาการปวดใน
ท้ องน้ อยและเจ็บท่อปั สสาวะ อาจมีอาการปวดเกร็งร่วมด้ วย อาจเห็นนิ่วปนออกมากับ
ปั สสาวะ
3. จากการปั สสาวะเป็ นเลือด(血淋) จะมีอาการปวดปั สสาวะบ่อย กลันปั ้ สสาวะ
ไม่ได้ และมีเลือดปนออกมากับปั สสาวะ
4. จากความผิดปกติของชี่ (气淋) จะมีอาการปั สสาวะอ่อนแรง ปั สสาวะออกเป็ น
ช่วง ๆ
5. จากการปั สสาวะเป็ นสีขาวคล้ ายนํ ้านม (膏淋) จะมีปัสสาวะออกเป็ นสีขาวขุน่
คล้ ายนํ ้านมร่วมกับอาการปวดระคายเคืองในท่อปั สสาวะ
หลักการรั กษา :
ปรับหน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะให้ เป็ นปกติ เสริมหน้ าที่การขับปั สสาวะ และลด
อาการปวด เลือกใช้ จดุ ซูมแู่ ละจุดบนเส้ นอินทังสามเส้
้ นเป็ นหลัก
จุดที่ใช้ :
จุดหลัก : PangGuangShu (BL 28), ZhongJi (CV 3),
SanYinJiao (SP 6) และ TaiChong (LR 3)
จุดเสริม :
1. ถ้ ารู้สกึ ปั สสาวะร้ อนความร้ อน เพิ่ม QuChi (LI 11), WaiGuan (TE 5),
HeGu (LI 4)
2. ถ้ ามีนิ่วในทางเดินปั สสาวะ เพิ่ม WeiYang (BL 39) และ RanGu (KI 2)
3. ถ้ าปั สสาวะเป็ นเลือด เพิม่ XueHai (SP 10) และ GeShu (BL 17)
4. ถ้ าปั สสาวะ ไม่มีแรงเพิ่ม ShenShu (BL 23), TaiXi (KI 3) และรมยาที่
QiHai(CV 6)
230 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
5. ปั สสาวะเป็ นสีขาวขุน่ คล้ ายนํ ้านม GaoLin เพิ่ม PiShu (BL 20),
ShenShu (BL 23), ZuSanLi(ST 36) และ
รมยาที่ GuanYuan(CV 4)
การรักษาเพิ่มเติม :
1.เลือกจุด BaLiao (BL 31 – BL 34) ในแต่ละครัง้ ของการรักษาให้ เลือกจุดครัง้ ละ
สองคู่ ปั กให้ ลกึ กระตุ้นให้ ได้ ความรู้สกึ ที่แรง คาเข็มไว้ 30 นาที
2.เลือกจุดพิเศษ XiaZhiBian ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนตะแคง ขาล่างเหยียดตรง ขาบนงอทํา
มุมที่หลังข้ อพับเข่าได้ ประมาน 130 องศา ลากจุดเชื่อมระหว่าง anterosuperior iliac spine
และ จุดกลางของ greater trochanter ถือเป็ นด้ านที่หนึง่ ของรูปสามเหลี่ยมด้ านเท่าชี ้ไป
กระดูกกระเบ็นเหน็บ จุดนี ้จะอยูต่ รงปลายของสามเหลี่ยมนี ้ตรงจุดตัดของสองด้ านที่เหลือ
ของสามเหลี่ยม ใช้ เข็มยาว 3 – 5 ชุ่นปั กเอียงประมาณ 10 องศาชี ้ปลายเข็มไปที่ท้องกระตุ้น
จนเกิดความรู้สกึ แผ่กระจายไปถึงท้ องน้ อย บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และฝี เย็บ คาเข็มแค่ 2 – 3
นาทีและถอนออก
3. เลือกจุด ShenShu (BL 23), ZhuBin (KI 9), FuLiu (KI 7), GuiLai (ST 29),
FeiYang (BL 58) และ ZhongJi (CV 3) ให้ ปักเข็มกระตุ้นแรงแบบระบาย วันละครัง้ ครบ
10 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา ใช้ รักษาภาวะการอักเสบติดเชื ้อของทางเดินปั สสาวะ
4. เลือกใช้ กลุม่ จุดดังนี ้
4.1 กลุม่ ที่ 1 GuanYuan(CV 4), ZhongJi(CV 3),
YinLingQuan(SP 9) และ SanYinJiao(SP 6)
4.2 กลุม่ ที่ 2 HuiYin(CV 1) และ ShenShu(BL 23)
การกระตุ้น : เลือกใช้ กลุม่ จุดทังสองสลั
้ บกันทุกวัน ปั กจุดแบบระบายโดย
ไม่คาเข็มไว้ สําหรับจุด HuiYin(CV 1) ใช้ เข็มยาว 3 – 4 ชุ่น
ปั กตรง ลึก 2 – 3 ชุ่น กระตุ้นให้ ได้ ชี่แล้ วหมุนเข็มและยกเข็ม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 231
การวินิจฉัยอาการโรค
การซักประวัติ ควรได้ ข้อมูลของ อายุ เวลาที่เกิดการปวด กิจกรรมที่ผ้ ปู ่ วยทําอยูข่ ณะ
เกิดอาการปวด ตําแหน่งที่ปวดและลักษณะของการปวด อาการปวดร้ าวไปบริ เวณอื่น อาการ
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร การรับรู้เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายและ
ประวัตริ ะดู การตรวจร่างกาย ให้ ความสําคัญกับอาการโดยรวมทังหมดก่ ้ อน เช่นการปวด
แบบตัวงอ(จากโรคนิ่วในท่อไต) หรื อปวดแบบนอนนิ่งๆ(จากผนังช่องท้ องอักเสบหรื ออวัยวะ
ภายในทะลุ) ท่าทางของผู้ป่วย เช่นเอนตัวมาด้ านหน้ า(จากตับอ่อนอักเสบหรื อกระเพาะ
อาหารทะลุเข้ าช่อง lesser sac) มีไข้ หรื ออุณหภูมิร่างกายตํ่ากว่าปกติ หายใจหอบเร็ว ภาวะ
เขียวจากขาดอากาศ เสียงการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร การกดแล้ วเจ็บที่ท้องรวม
การกดแล้ วปล่อยเจ็บ ก้ อนที่ท้องเต้ นตามชีพจร เสียงผิดปกติตา่ งๆของช่องท้ อง ท้ องมาน
เลือดออกที่ทวารหนัก ปวดที่ทวารหนักหรื ออุ้งเชิงกราน และภาวะเลือดออกง่ายที่สงั เกตพบ
การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ ารที่ได้ ประโยชน์คือ การตรวจเปอร์ เซ็นต์อดั แน่นของเม็ดเลือดแดง
(อาจปกติได้ ในภาวะที่มีการเสียเลือดในระยะแรกหรื ออาจสูงได้ ในภาวะขาดนํ ้า) การตรวจนับ
และแยกชนิดเม็ดเลือด การตรวจปริ มาณออกซิเจนในหลอดเลือดแดง การตรวจสมดุลเกลือ
แร่ การตรวจยูเรี ยในกระแสเลือดและการขับครี เอตินิน การตรวจปริมาณนํ ้าตาล การตรวจ
เอนไซม์ไลเปซหรื ออไมเลซ และการตรวจปั สสาวะผ่านกล้ องจุลทรรศน์ ผู้ป่วยเพศหญิงในช่วง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 235
การรักษา
ให้ สารนํ ้าทางหลอดเลือดดํา แก้ ไขภาวะสมดุลของเกลือแร่ที่เป็ นภาวะคุกคามต่อ
ชีวิต และประเมินความเร่งด่วนในการนําส่งผู้ป่วยเพื่อการผ่าตัด ตรวจประเมินอาการซํ ้าด้ วย
ความระมัดระวังในช่วงเวลาที่เหมาะสม (หากเป็ นไปได้ ควรเป็ นผู้ประเมินคนเดิม)ถือเป็ นสิง่
สําคัญ การใช้ ยาเพื่อระงับอาการปวดยังไม่ใช่มาตรฐานในการรักษากับผู้ป่วยทุกราย โดย
ทัว่ ไปหากยังไม่ได้ การวินิจฉัยที่ยืนยันภาวะโรค หรื ออาการของผู้ป่วยก็จะยังไม่ให้ ยาระงับ
อาการปวด เนื่องจากอาจบดบังอาการและการแสดงออกของโรคที่เป็ นอยู่ และทําให้ การ
รักษาต้ องล่าช้ าออกไป อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานการใช้ ยาระงับอาการปวดที่บดบังอาการ
แสดงออกของผู้ป่วยอย่างชัดเจนมากนัก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 237
เต้ านมอักเสบเฉียบพลัน
(Acute Mastitis : 急性乳腺炎)
เต้ านมอักเสบเฉียบพลัน เป็ นการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื ้อ Staphylococcus
aureus หรื อ Streptococcus spp. ที่ทอ่ นํ ้านมและเนื ้อเยื่อเกี่ยวพัน มักเกิดในครรภ์แรกหลัง
คลอดราว 2 - 6 สัปดาห์ โดยมักเกิดจากหัวนมมีแผล แล้ วติดเชื ้อลุกลามเกิดการอักเสบเป็ น
หนองในเวลาอันสัน้ มักมีอาการปวดมาก
อาการและอาการแสดง
1. เต้ านมที่อกั เสบจะปวด บวม แดงและร้ อน แข็งเป็ นไต กดเจ็บ หลังจากนันจะกลั
้ ด
หนอง หนองมักจะอยูใ่ นท่อนํ ้านมใต้ หวั นมหรื อหลังต่อมเต้ านม
2. เมื่อเกิดหนองแล้ ว เวลาที่กดคลําจะรู้สกึ ได้ วา่ มีของเหลวกระเพื่อม
3. ต่อมนํ ้าเหลืองบริ เวณรักแร้ ข้ างเดียวกันบวมกดเจ็บ
4. มีไข้ ตวั ร้ อน กลัวหนาว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เม็ดเลือดขาวมีจํานวนมากขึ ้น
5. อัลตราซาวด์พบลักษณะเป็ นหนอง หรื อเจาะดูดได้ หนอง
ระยะของโรค
1. ระยะแรก รู้สกึ ปวดคัดเต้ านม ปวดมากในขณะให้ นมบุตร นํ ้านมออกไม่สะดวก
คลําเต้ านมอาจพบลักษณะก้ อนแข็ง ผิวของเต้ านมอาจมีสีแดงขึ ้น อาจมีไข้ ไม่สบายตัว เบื่อ
อาหาร หงุดหงิด
2. ระยะกลัดหนอง ก้ อนแข็งในเต้ านมมีขนาดโตขึ ้น ต่อมนํ ้าเหลืองโต ไข้ สงู หนาว
สัน่ อ่อนเพลีย ท้ องผูก เม็ดเลือดขาวสูงขึ ้น เมื่อเกิดหนองจะปวดตุ๊บ ๆ ผิวหนังแดงแผ่กว้ าง
ออกและบางใส เมื่อกดตรงกลางของก้ อนแข็ง จะรู้สกึ นิ่ม ๆ หากหนองอยูล่ กึ จะมองไม่เห็นผิว
แดง และกดคลํารู้สกึ ว่ามีหนองไม่ชดั เจน บางรายอาจเกิดหลายตําแหน่งก็ได้
3. ระยะมีหนองไหล หนองที่อยูใ่ นบริ เวณตื ้นจะปริ ออกทางผิวหนังได้ ทําให้ มี
238 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การรั กษา
การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
หลักการรักษา : ระยะแรก ระบายร้ อนกระจายชี่,
ระยะกลัดหนอง ใช้ การขับร้ อนขจัดพิษ,
ระยะมีหนองไหล บํารุงเลือดลมใช้ การรมยาได้
จุดหลัก : TanZhong (CV 17), RuGen (ST 18), QiMen (LR 14), JianJing (GB 21)
จุดเสริม
- ชี่ตดิ ขัด เพิ่มจุด HeGu (LI 4), TaiChong (LR 3), QuChi (LI 11)
- มีความร้ อน มีไข้ เพิ่มจุด NeiTing (ST 44), DaLing (PC 7)
- เจิ ้งชี่ออ่ นแอ เพิ่มจุด WeiShu (BL 21), ZuSanLi (ST 36), SanYinJiao (SP 6)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 239
ปวดประจําเดือน
(Dysmenorrhea : 痛经)
ปวดประจําเดือนเป็ นอาการปวดท้ องน้ อยช่วงก่อน ในระหว่างหรื อหลังมีรอบเดือน
ซึง่ จะรบกวนการทํางานและการดําเนินชีวติ ปกติประจําวัน อาจเป็ นแบบไม่ทราบสาเหตุหรื อมี
ความผิดปกติจากการทํางานของมดลูก โดยตรวจไม่พบการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์
(แบบปฐมภูมิ) หรื อทราบสาเหตุเนื่องจากมีพยาธิสภาพเปลี่ยนแปลงในอวัยวะสืบพันธุ์ (แบบ
ทุตยิ ภูมิ) การรักษาด้ วยการฝั งเข็มจะได้ ผลดีในกรณีปวดประจําเดือนชนิดปฐมภูมิ
อาการและอาการแสดง
- มีประวัตปิ วดท้ องน้ อยซึง่ สัมพันธ์กบั คาบเวลาที่จะมีรอบเดือนค่อนข้ างชัดเจน
หรื ออาจเคยมีประวัตขิ องปริ มาณเลือดประจําเดือนที่ผิดปกติ มีบตุ รยาก ใช้ การคุมกําเนิด
ด้ วยการใส่ห่วง และเคยมีประวัตอิ ้ งุ เชิงกรานอักเสบ
- มักจะปวดท้ องน้ อยก่อนประจําเดือนมา 1 - 2 วัน โดยจะปวดมากที่สดุ ในวันแรก
ที่มีประจําเดือน อาการปวด มีลกั ษณะปวดเกร็ง เป็ นพัก ๆ หรื อท้ องแน่นอืดร่วมกับหน่วงท้ อง
ในรายที่รุนแรงจะปวดร้ าวไปที่เอวหรื อสะโพก ทวารหนัก ช่องคลอด ขาหนีบ และอาจมีอาการ
หน้ าซีดขาว เหงื่อออกตัวเย็น มือเท้ าเย็น จนเป็ นลมหมดสติได้ อย่างไรก็ตามอาการปวดนี ้จะ
ไม่มีลกั ษณะของกล้ ามเนื ้อท้ องเกร็ งแข็ง หรื อปวดเมื่อปล่อยมือจากการกด บางรายจะปวด
เมื่อใกล้ หมดหรื อหลังหมดประจําเดือนแล้ ว 1 - 2 วัน
การตรวจพิเศษทางนรี เวชกรรมและการตรวจภาพรังสี
ตรวจไม่พบลักษณะของอุ้งเชิงกรานอักเสบ ก้ อนเนื ้อหรื อตุม่ ไต หรื อเยื่อบุมดลูกเจริญ
ผิดตําแหน่ง รวมถึงการตรวจด้ วยอุปกรณ์พิเศษ เช่น อัลตราซาวด์ การตรวจด้ วยกล้ องเจาะ
ผ่านช่องท้ อง และการถ่ายภาพรังสีท่อรังไข่ การตรวจโดยส่องกล้ องเข้ าในโพรงมดลูก เป็ นต้ น
นอกจากนี ้ควรวินิจฉัยแยกโรคที่มีอาการคล้ ายคลึงกันออกด้ วย เช่น ไส้ ตงิ่ อักเสบ
242 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
2. ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง
ปวดแน่นอึดอัดท้ องน้ อยก่อนหรื อระหว่างมีรอบเดือน ประจําเดือนมาน้ อยไม่คล่อง สี
ม่วงหรื อดําเป็ นลิม่ ร่วมกับแน่นทรวงอก ชายโครงและเต้ านม ลิน้ สีมว่ งหรื อมีจํ ้าเลือด
ชีพจร จม หรื อจมฝื ด (ChenMai or ChenSeMai )
3. ชี่และเลือดพร่ อง
ปวดโล่ง ๆ บริเวณท้ องน้ อยระหว่างหรื อหลังมีรอบเดือน กดท้ องแล้ วรู้สกึ ดีขึ ้น ประจํา
เดือนสีแดงจาง ร่วมกับหน้ าซีดขาว อ่อนเพลียไม่มีแรง วิงเวียนศีรษะ ลิน้ ซีด ชีพจร เล็ก
และอ่อนแรง (XiRuoMai)
การรั กษา
- การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก : ZhongJi (CV 3), CiLiao (BL 32), DiJi (SP 8),
SanYinJiao (SP 6)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 243
จุดเสริม :
- ความเย็นชืน้ ตกค้ าง เพิม่ จุด GuanYuan (CV 4), ShuiDao (ST 28)
ร่วมกับการรมยา
- ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง เพิ่มจุด TaiChong (LR 3), XueHai (SP 10)
- ชี่และเลือดพร่ อง เพิ่มจุด PiShu (BL 20), ZuSanLi (ST 36)
- ตับและไตพร่ องหรื ออ่ อนแอ เพิม่ จุด GanShu (BL 18),
ShenShu (BL 23), TaiXi (KI 3)
- ถ้ ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เพิม่ จุด NeiGuan (PC 6),
ZhongWan (CV 12)
- ถ้ ามีอาการท้ องเสีย เพิ่มจุด TianShu (ST 25), ShangJuXu (ST 37)
วิธีการ
การรักษาควรเริ่ ม 3 – 5 วันก่อนมีรอบเดือน
- CiLiao (BL 32) ปั กลึก 1.5 ชุ่น เฉียงไปยังกระดูกสันหลัง ถ้ าเป็ นกลุม่ แกร่งให้
กระตุ้นระบาย ถ้ าเป็ นกลุม่ พร่องให้ กระตุ้นบํารุง กระตุ้นเข็มซํ ้าจนความรู้สกึ ส่งผ่านไปยัง
ท้ องน้ อย สําหรับอาการปวดรุนแรง ใช้ เครื่ องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า
- ZhongJi (CV 3) ก่อนปั กเข็มต้ องปั สสาวะออกให้ หมดก่อน ปั กเข็มเฉียงลงไป
ทางหัวหน่าว จนเกิดเต๋อชี่ไปยังบริ เวณท้ องน้ อย
- DiJi (SP 8) ปั กเข็มแบบระบาย
- SanYinJiao (SP 6) ปั กเฉียงขึ ้นจนมีความรู้ สก
ึ ของเข็มส่งผ่านไปยังด้ านบน
กรณีความเย็นชืน้ ตกค้ าง ใช้ เข็มอุน่
ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง ปั กเข็มระบาย
ชี่และเลือดพร่ อง เช่นเดียวกับตับไตพร่ อง ปั กเข็มเสริมบํารุงหรื อร่วมกับรมยา
การใช้ จุดตามคัมภีร์โบราณ
1. คัมภีร์เจินจิวเจี่ยอี่จงิ ( ปวดประจําเดือนให้ ใช้ จดุ ShuiDao (ST 28) ในกรณ
ปวดแน่นอืด ท้ องน้ อยปวดร้ าวไปช่องคลอด ปวดร้ าวไปบันเอว ้ มีก้อนในมดลูก เย็นที่บริ เวณ
ช่องคลอด ปวดร้ าวไปที่หน้ าขา
2. คัมภีร์เจินจิวต้ าเฉิง ขณะมีรอบเดือนปวดท้ องน้ อย เวียนศีรษะ ให้ ใช้ จดุ
ZhaoHai (KI 6), YangJiao (GB 35), NeiTing (ST 44), HeGu ((LI 4)
3. คัมภีร์เจินจิวเฟิ งเหยียน ขณะมีรอบเดือนเวียนศีรษะ ปวดท้ องน้ อย ใช้ จดุ
HeGu (LI 4), YangJiao (GB 35), NeiTing (ST 44) หากมีคาบเวลาผิดปกติร่วมกับปวดท้ อง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 245
ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงอายุ 32 ปี ปวดประจําเดือน 3-4 ปี ก่อนประจําเดือนมาหนึง่ วันมีอาการ
ปวดท้ องน้ อยแบบเกร็ ง ต้ องทานยาจึงจะบรรเทา วางถุงนํ ้าร้ อนพอบรรเทา มีอาการร่วมคือ
คัดหน้ าอก อารมณ์หงุดหงิด บางครัง้ ท้ องเสีย ประจําเดือนสีแดงคลํ ้า มีลมิ่ เลือดเล็กบ้ างใหญ่
บ้ าง ปริมาณปกติ 4-5 วันหมด ผู้ป่วยทํางานเป็ นเลขานุการ งานจะมาก รับประทานอาหารไม่
เป็ นเวลา มักดื่มนํ ้าเย็น กาแฟเย็นเป็ นประจํา อารมณ์คอ่ นข้ างเครี ยด ใบหน้ ามีฝ้าเล็กน้ อย
บางครัง้ เจ็บเสียดชายโครง มักถอนหายใจ ลิ ้นแดงอมคลํ ้ามีรอยจํ ้า ฝ้าบาง ขอบลิ ้นมีรอยฟั น
ชีพจร ตึงเล็กเร็ ว
การแยกกลุม่ อาการ พบว่าเป็ นกลุม่ อาการชี่ตบั ติดขัด และมีความเย็นอุดกัน้ การ
รักษาโดยกระจายชี่ตบั สลายการคัง่ อุน่ ทะลวงเส้ นลมปราณบริ เวณมดลูกแก้ ปวดประจํา
เดือน
จุดที่ใช้ GeShu (BL 17), GanShu (BL 18), ShenShu (BL 23), GuanYuan
(CV4), ZhongJi (CV 3), SanYinJiao (SP 6), YangLingQuan (GB 34)
จุดเสริม คัดหน้ าอกเพิ่ม NeiGuan (PC 6), TanZhong (CV 17) ; ท้ องเดินเพิม่
TianShu (ST 25)
ข้ อสังเกตหรือแนะนํา
ข้ อสังเกต
GuanYuan (CV 4) ทําเข็มอุน่ จํานวน 3 - 5 จ้ วง หรื อใช้ กล่องรมยา หากผู้ป่วยรู้สกึ
ว่ามีการไหลเวียนของชี่จะเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ ้น จุดอื่นผิงปู่ ผิงเซีย่
การครอบกระปุก
ครอบตําแหน่ง DaBao (SP 21), QiMen (LR 14), ZhongFu (LU 1) และอาซื่อ
คําแนะนํา
1. ควรปรับอารมณ์จิตใจให้ ผอ่ นคลาย โดยเฉพาะใกล้ มีประจําเดือน
246 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การบาดเจ็บจากการเล่ นกีฬา
(Sport Injury : 运动性损伤)
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ในที่นี ้กล่าวถึง การได้ รับบาดเจ็บของเนื ้อเยื่อ
ได้ แก่ กล้ ามเนื ้อ พังผืด เอ็นกล้ ามเนื ้อ เอ็นกระดูก และเยื่อหุ้มข้ อ (Soft tissue injury : Sprain
or Strain) โดยไม่มีกระดูกแตกหักเข้ ามาเกี่ยวข้ อง ส่วนใหญ่เกิดบริ เวณคอ ไหล่ ข้ อศอก
ข้ อมือ แขนขา สะโพก หัวเข่า ข้ อเท้ า ขึ ้นกับประเภทของกีฬา อาจเป็ นแบบเฉียบพลันหรื อ
เรื อ้ รังก็ได้
อาการและอาการแสดง
มีประวัตไิ ด้ รับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น หกล้ ม ได้ รับแรงกระแทก หรื อบิด
ตัวผิดท่า แล้ วมีอาการเจ็บปวด บวมหรื อฟกชํ ้าเฉพาะที่ อาจมีการจํากัดการเคลื่อนไหว หรื อ
เคลื่อนไหวร่างกายส่วนนันไม่ ้ ได้
กรณีที่มีอาการบวม ฟกชํ ้าเกิดขึ ้นทันที และเคลื่อนไหวข้ อหรื อร่างกายส่วนนัน้
ไม่ได้ อาจเกิดจากกล้ ามเนื ้อ เส้ นเอ็น หลอดเลือดฉีกขาด หรื อมีเลือดออกในข้ อ และ/หรื อมี
การผิดรูปของร่างกายส่วนนัน้ หรื อมีเหตุให้ สงสัยว่ามีกระดูกหัก การเคลื่อนย้ ายผู้ป่วยจะต้ อง
กระทําอย่างระมัดระวังและถูกต้ อง รวมทังดามบริ
้ เวณที่สงสัยว่ามีกระดูกหักไม่ให้ เคลื่อนไหว
จนกว่าจะได้ รับการวินิจฉัยที่ถกู ต้ อง
การตรวจภาพรั งสี
ภาพรังสีชว่ ยในการวินิจฉัย โดยอาจพบหรื อไม่พบร่องรอยกระดูกหักจากการ
ได้ รับบาดเจ็บก็ได้
การรั กษา
กรณีไม่มีกระดูกหัก หลอดเลือดใหญ่ฉีกขาด หรื อเลือดออกในข้ อร่วมด้ วย ถ้ ามี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 249
อาการและอาการแสดง
มีอาการเจ็บปวด บวม เฉพาะที่หลังได้ รับบาดเจ็บ ลิน้ ปกติ ชีพจร ปกติ หรื อตึง
(XianMai)
หลักการรักษา
สลายเลือดคัง่ ทะลวงเส้ นลมปราณ กระตุ้นการไหลเวียนของชี่และเลือด ระงับปวด
การรักษา
อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อาจเกิดขึ ้นได้ ขณะฝึ กซ้ อมหรื อลงแข่งขัน และ
ตําแหน่งของการบาดเจ็บมักขึ ้นกับประเภทกีฬานัน้ ๆ เช่น ฮ็อกกี ้ มักพบอาการบาดเจ็บ
บริ เวณข้ อเท้ าได้ บอ่ ย กอล์ฟมักมีปัญหาบริ เวณคอและปวดหลังได้ บอ่ ย
จุดที่ใช้ รักษา
- แบบที่ 1 : ใช้ จดุ ใกล้ – จุดไกล ระงับปวด ร่วมกับ ปาม่ายเจียวฮุย่ , ปาฮุ่ยเซีย่ , จุด
ซี และจุด AShi ดังตารางที่ 1
250 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
8 confluent
Heart , chest , stomach NeiGuan ( PC 6 ) , GongSun ( SP 4 )
Neck , shoulder , back & inner cathus WaiGuan ( SJ 5 ) , ZuLinQi ( GB 41 )
Neck , nape , ear , shoulder , inner canthus ShenMai ( BL 62 ) , HouXi ( SI 3 )
Knee DuBi ( ST 35 ) NeiTing ( ST 44 )
NeiHuaiJian ( EX – LE 8 )
8 influent
Zang organs ( Chest , liver , spleen , kidney ) ZhangMen ( LR 13 )
Fu organs ( Stomach , intestines ) ZhongWan ( RN 12 )
Qi ( Fullness feeling in chest , dyspnea , asthma ) DanZhong ( RN 17 )
Blood ( Blood stagnation , boils , heart problem ) GeShu ( BL 17 )
Tendons ( Joint pain , muscular spasm , paralysis ) YangLingQuan ( GB 34 )
Vessels & pulse ( Cold limbs , heart failure , no pulse ) TaiYuan ( LU 9 )
Bone ( Back pain , emaciation with weakness ) DaZhu ( BL 11 )
Marrow ( Bone pain , aversion to cold , tiredness ) XuanZhong ( GB 39 )
Xi ( Cleft ) point
Hand LU meridian KongZui ( LU 6 ) LI meridian WenLiu ( LI 7 )
PC meridian XiMen ( PC 4 ) SJ meridian HuiZong ( SJ 7 )
HT meridian YinXi ( HT 6 ) SI meridian Yanglao ( SI 6 )
Leg SP meridian DiJi ( SP 8 ) ST meridian LiangQiu ( ST 34 )
LR meridian ZhongDu ( LR 6 ) GB meridian WaiQiu ( GB 36 )
KI meridian ShuiQuan ( KI 5 ) BL meridian JinMen (BL 63 )
Yangqiao mai FuYang ( BL 59 ) Yinqiao mai JiaoXin ( KI 8 )
Yangwei mai YangJiao ( GB 35 ) Yinwei mai ZhuBin ( KI 9 )
252 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
ข้ อแนะนํา
1. ให้ ปักจุดไกลก่อนเสมอในกรณีเฉียบพลัน โดยเฉพาะในรายที่ไม่แน่ใจว่ามีกระดูก
หักร่วมด้ วยหรื อไม่
2.กรณีเป็ นเรื อ้ รัง (Chronic sprain) ให้ ดรู ายละเอียดการรักษาในตําราฝั งเข็มเล่มอื่นๆ
3. หลังปั กเข็ม และปั่ นเข็มแล้ ว ควรให้ ผ้ ปู ่ วยเคลื่อนไหวส่วนของร่างกายที่มีอาการ
บาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้ ชี่และเลือดไหลเวียนเพิม่ ขึ ้น ช่วยลดอาการปวด
- แบบที่ 2. ใช้ จดุ ฝั งเข็ม 1 – 2 จุดรักษาอาการ Acute sprain จากการเล่นกีฬา ซึง่
มีหลายวิธีตามสรุปในตารางที่ 2.
ข้ อแนะนํา
1. ใช้ ในกรณีเฉียบพลัน ไม่มีอาการปวดจากการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน ( Non –
organic pain )
2. ผู้ป่วยอาจตอบสนองต่อการรักษาด้ วยวิธีใดวิธีหนึง่ หรื อหลายวิธีประสมกัน ดังนัน้
หลังปั กเข็มและปั่ นเข็มแล้ ว
ควรให้ ผ้ ปู ่ วยเคลื่อนไหวส่วนของร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้ ชี่และเลือด
ไหลเวียนเพิ่มขึ ้น ช่วยลดอาการปวด ถ้ าไม่ดีขึ ้นให้ Manipulate เข็มซํ ้า 1 – 2 ครัง้ ถ้ าไม่
ได้ ผลจึงพิจารณาเพิ่มวิธีอื่นต่อไป
3. อาจพิจารณาให้ ยาร่วมด้ วย ในกรณีที่ผ้ ปู ่ วยไม่สามารถมารักษาได้ สมํ่าเสมอตาม
นัด หรื อต้ องการทําให้ ผ้ ปู ่ วยหายเร็ วขึ ้น ลดอาการทุกข์ทรมานที่รบกวนการดํารงชีวิต ประจํา
วันของผู้ป่วย ทังนี ้ ้อาจเป็ นยาจีน หรื อยาแผนตะวันตกก็ได้ บ่อยครัง้ ที่ผ้ ปู ่ วยได้ รับการฝั งเข็มดี
ขึ ้น แต่ยงั มีอาการเล็กน้ อยรบกวนอยู่ ก็ใช้ ยาร่วมด้ วยเพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการรักษา และ
เพื่อป้องกันการเกิดอาการรุนแรงซํ ้า จึงไม่ควรปฏิเสธการใช้ ยา
4. กรณีมีอาการเรื อ้ รัง (Chronic sprain) ให้ ดรู ายละเอียดการรักษาในตําราฝั งเข็มเล่ม
นัน้ ๆ
ภาคผนวกที่ 1
ดัชนีจุดฝั งเข็มตามระบบเส้ นลมปราณ
ภาคผนวก 253
จุดบนเส้นเท้าจฺเหวียอินตับ (LR)
The Liver Meridian of Foot-JueYin Acupoints
(足厥阴肝经穴 Zú-Jué-Yīn-Xīn-Gān-Jīng-Xué)
LR1 大敦 Dà-Dūn ต้าตุน
LR2 行间 Xíng-Jiān สิงเจียน
LR3 太冲 Tài-Chōng ไท่ชง
LR4 中封 Zhōng-Fēng จงเฟิ ง
LR5 蠡沟 Lí-Gōu หลีโกว
LR6 中都 Zhōng-Dū จงตู
LR7 膝关 Xī-Guān ซีกวาน
LR8 曲泉 Qū-Quán ชฺวเี ฉฺวยี น
LR9 阴包 Yīn-Bāo อินเปา
LR10 足五里 Zú-Wǔ-Lǐ จูอ๋ ู่หลี่
LR11 阴廉 Yīn-Lián อินเหลียน
LR12 急脉 Jí-Mài จีม๋ า่ ย
LR13 章门 Zhāng-Mén จางเหมิน
LR14 期门 Qī-Mén ชีเหมิน
จุดบนเส้นลมปราณเญิ่น (CV)
The Conception Vessel Acupoints
(任脉穴Rèn-Mài-Xué)
CV1 会阴 Huì-Yīn หุย้ อิน
CV2 曲骨 Qū-Gǔ ชฺวกี ู่
CV3 中极 Zhōng-Jí จงจี๋
CV4 关元 Guān-Yuán กวานเหยฺวยี น
ภาคผนวก 269
จุดบนเส้นลมปราณตู (GV)
The Governor Vessel Acupoints
(督脉穴Dū-Mài-Xué)
GV1 长强 Cháng-Qiáng ฉางเฉียง
GV2 腰俞 Yāo-Shū เยาซู
GV3 腰阳关 Yāo-Yáng-Guān เยาหยางกวาน
GV4 命门 Mìng-Mén มิง่ เหมิน
GV5 悬枢 Xuán-Shū เสฺวยี นซู
GV6 脊中 Jǐ-Zhōng จี่จง
GV7 中枢 Zhōng-Shū จงซู
GV8 筋缩 Jīn-Suō จินซัว
GV9 至阳 Zhì-Yáng จื้อหยาง
GV10 灵台 Líng-Tái หลิงไถ
GV11 神道 Shén-Dào เสินเต้า
GV12 身柱 Shēn-Zhù เซินจู ้
GV13 陶道 Táo-Dào เถาเต้า
GV14 大椎 Dà-Zhuī ต้าจุย
GV15 哑门 Yǎ-Mén หย่าเหมิน
GV16 风府 Fēng-Fǔ เฟิ งฝู่
GV17 脑户 Nǎo-Hù เหน่าหู ้
GV18 强间 Qiáng-Jiān เฉียงเจียน
GV19 后顶 Hòu-Dǐng โห้วติ่ง
GV20 百会 Bǎi-Huì ไป่ หยุ ้
ภาคผนวก 271
บรรณานุกรม
1. ตําราฝั งเข็มรมยาเล่ม 2; ทัศนีย์ ฮาซาไนน์ และคณะ; โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์
การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2553
2. โรคกระดูกและข้ อ ที่พบบ่อยในประเทศไทย ราชบัณฑิตยสถาน , 2545
3. Cheng D. 100 Diseases treated by single point of acupuncture and
moxibustion.: Foreign Languages Press; Beijing ,China; 2001.
4. Chinese acupuncture and moxibustion; Cheng XinNong; Foreign language
press; Beijing, China; 1987
5. Chen De Cheng; 100 Diseases treated by single point of acupuncture and
moxibustion; Foreign language press; Beijing, China; 2001.
6.Harrison’s Principle of Internal Medicine 16th Edition; Chapter 51 by
Willium Silen; McGRAW-HILL Professional, Inc.; NewYork, USA; 2004
7. GangLin Yin and ZhengHua Liu. . Advanced modern Chinese acupuncture
therapy .New World Press; Beijing China; 2000
8. Geng JunYing, Huang WenQuan and Sun YongPing; Selecting the right
acupoints; New World Press; Beijing China; 1995.
9. Un GJ, Wang H. Science of Acupuncture and Moxibustion. 1st ed.
Wuhan: Wuhan University Press, 1996.
10. Yang ZM. Chinese Acupuncture and Moxibustion. 1st ed. Shanghai:
Publishing House of Shanghai University of Traditional Chinese Medicine, 2004.
11.Zhang ZF, Zhuang D. Fundamental and Clinical Practice of
Electroacupuncture. 1t ed. Beijing: Beijing Science and Technology Press, 1994.
12. Zheng QiWei and Qian ChunYi;, Wonders of acupuncture and
276 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3