You are on page 1of 292

การฝั งเข็ม – รมยา เล่ ม 3

(การฝั งเข็มรักษาอาการปวด)

กรมพัฒนาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก


กระทรวงสาธารณสุข
พ.ศ. 2554
ISBN 978-616-11-0728
การฝั งเข็ม – รมยา เล่ ม 3
(การฝั งเข็มรั กษาอาการปวด)

ที่ปรึกษา
แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
นางเย็นจิตร เตชะดํารงสิน ผู้อํานวยการสถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายแพทย์สมชัย โกวิทเจริ ญกุล นายกสมาคมแพทย์ฝังเข็ม และสมุนไพร
บรรณาธิการ
ทัศนีย์ ฮาซาไนน์ บัณฑิตย์ พรมเคียมอ่อน สมชาย จิรพินจิ วงศ์

คณะทํางาน
กรมพัฒนาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก
เย็นจิตร เตชะดํารงสิน ทัศนีย์ ฮาซาไนน์ เบญจนีย์ เภาพานิชย์
ยุพาวดี บุญชิด ภาวิณี เสริ มสุขไมตรี วาสนา บุญธรรม
ศูนย์ สิรินธรเพื่อการฟื ้ นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ แห่ งชาติ
ประพันธ์ พงศ์คณิตานนท์ วิรัตน์ เตชะอาภรณ์กลุ
โรงพยาบาลยางชุมน้ อย จังหวัดศรีสะเกษ
ชํานาญ สมรมิตร
โรงพยาบาลพระนั่งเกล้ า นนทบุรี
โกสินทร์ ตรี รัตน์วรี พงษ์
โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้ า
พลโท (หญิง) พรฑิตา ชัยอํานวย
โรงพยาบาลอานันทมหิดล
พันเอกฐิ ตภิ มู ิ เอื ้ออํานวย
โรงพยาบาลกลาง สํานักการแพทย์ กรุ งเทพมหานคร
สุทศั น์ ภัทรวรธรรม
ศูนย์ การแพทย์ กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล
อัมพร กรอบทอง สุวดี ว่องวสุพงษา
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
กิตติศกั ดิ์ เก่งสกุล
นักวิชาการอิสระ
บัณฑิตย์ พรมเคียมอ่อน สิทธิชยั วงศ์อาภาเนาวรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒดิ ้ านการแพทย์ แผนจีน
สมชัย โกวิทเจริ ญกุล สมชาย จิรพินจิ วงศ์

เจ้ าของลิขสิทธิ์
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ออกแบบปก
ทัศนีย์ ฮาซาไนน์
ภาพประกอบ
อัมพร กรอบทอง
พิมพ์ ครัง้ ที่ 1 : มิถนุ ายน 2554 จํานวน 1,000 เล่ม
พิม พ์ ท่ ี : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย
44/16 ถนนเลีย่ งเมืองนนทบุรี แขวงตลาดบัวขวัญ อําเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

ทัศนีย์ ฮาซาไนน์ บัณฑิตย์ พรมเคียมอ่ อน สมชาย จิรพินิจวงศ์


การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3 ----นนทบุรี
โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย 2554
290 หน้ า ภาพประกอบ
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

ISBN 978-616-11-0728
คํานํา ก

คํานํา
ประสิ ท ธิ ผ ลของการฝั ง เข็ ม รั กษาโรคต่า ง ๆ เป็ นที่ประจักษ์ และยอมรั บ ในระดับ
นานาชาติ หลายประเทศได้ ใช้ การฝั งเข็มเป็ นการแพทย์แบบผสมผสานในการรักษาโรคต่าง ๆ
อย่างแพร่หลาย การยอมรับที่เกิดขึ ้นนี ้ นอกจากจะเกิดจากประสบการณ์ตรงของผู้ท่ีได้ รับการ
รั กษาด้ วยการฝั ง เข็ ม แล้ ว ยังเกิ ดจากผลการศึกษาวิ จัยอย่างแพร่ ห ลายทัง้ ในสาธารณรั ฐ
ประชาชนจี น และประเทศต่ า ง ๆ ปั จจุ บั น มหาวิ ท ยาลั ย หลายแห่ ง ทั ง้ ในยุ โ รปและ
สหรั ฐ อเมริ ก ามี ห ลัก สูตรการฝั ง เข็ ม เป็ นวิ ช าเรี ย นในหลักสูตรแพทยศาสตร์ ศึก ษาระดับ
ปริ ญญาตรี เพื่อให้ แพทย์ที่สําเร็ จการศึกษา สามารถมีวิธีการรักษาที่หลากหลายเพื่อช่วยให้
ผลการรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากยิง่ ขึ ้น
การประยุกต์ใช้ การฝั งเข็มรักษาอาการปวดต่าง ๆ นับว่ามีประสิทธิภาพสูง และ
เป็ นที่ยอมรับของผู้ป่วยอย่างกว้ างขวาง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแพทย์แผนหลักของ
ประเทศไทย ยังคงเป็ นการแพทย์แผนตะวันตก เพื่อให้ การฝั งเข็มเป็ นการแพทย์ผสมผสาน
และเป็ นประโยชน์ตอ่ ผู้ป่วย กรมพัฒ นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดย
ความร่ วมมือจากคณะแพทย์ฝังเข็มที่เป็ นคณะทํางานในการจัดทําตํารา การฝั งเข็ม รมยา
จึง ได้ จดั ทําตํารา การฝั งเข็มรักษาอาการปวดต่าง ๆ ซึ่งนับเป็ นตํารา การฝั งเข็ม รมยา เล่มที่
๓ โดยมีวตั ถุประสงค์ให้ เป็ นแนวทางในการให้ บริ การการรักษาอาการปวดแบบผสมผสาน
เป็ นการเพิ่มโอกาสในการรักษาแก่ผ้ ปู ่ วย
ตํารา “การฝั งเข็ม รมยา” แม้ จะมีวัตถุประสงค์ใช้ ประกอบการฝึ กอบรมในหลักสูตร
“การฝั งเข็ม” แต่เพื่อให้ ผ้ ูสนใจในศาสตร์ การฝั งเข็ม รวมทังนั ้ กศึกษาแพทย์แผนจีนในระดับ
ปริ ญญาตรี ได้ นําไปใช้ ศึกษาเพื่อการค้ นคว้ า การจัดทําเนื ้อหาการรักษาอาการปวดต่าง ๆ
ด้ วยการฝั งเข็มเล่มนี ้ ได้ รวบรวมประสบการณ์การรักษาและงานวิจยั ทังของผู ้ ้ เขียนและจาก
ตํารามานําเสนอ ซึง่ อาจมีความคิดเห็นที่หลากหลาย
การจัดทํ าตําราเล่มนี ้ ได้ รับความร่ วมมือเป็ นอย่างดีย่ิงจากคณะทํางาน ซึง่ ได้ สละ
เวลาช่วยกัน จัดทํ าจนเนื อ้ หาเสร็ จ สมบูรณ์ กรมพัฒ นาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์
ทางเลือกจึงใคร่ขอขอบคุณคณะทํางานที่ได้ ทมุ่ เทเสียสละ ร่ วมมือร่ วมใจกันจัดทําหนังสือเล่ม
นี ้ จนสําเร็ จลุล่วงไปด้ วยดี โดยเฉพาะอย่างยิง่ นายแพทย์บณ ั ฑิตย์ พรมเคียมอ่อน อาจารย์
ข การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

สมชาย จิรพินิจวงศ์ ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้ องของเนื ้อหาและภาพประกอบ แพทย์หญิง


อัมพร กรอบทอง จากศูนย์ การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ไ ด้ กรุ ณ าวาด
ภาพประกอบทังหมดในหนั
้ งสือนี ้ จึงหวังเป็ นอย่างยิ่งว่า ตํารา “การฝั งเข็ม รมยา” เล่มนี ้ จะ
เป็ นประโยชน์แก่แพทย์ฝังเข็ม แพทย์จีน นักศึกษาในหลักสูตรการแพทย์แผนจีน ตลอดจน
ผู้สนใจในศาสตร์ นี ้ เพื่อพัฒนาศาสตร์ การฝั งเข็มในระบบบริ การสุขภาพของประเทศไทย ให้ มี
ความมัน่ คงและยัง่ ยืนสืบไป

(แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริ ฐ)
อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
คําแนะนําการใช้ หนังสือ ค

คําแนะนําการใช้ หนังสือ
การฝั งเข็ม รมยา เล่ ม 3
การฝั งเข็มรั กษาอาการปวด
การจัด ทํ า หนัง สื อ การฝั ง เข็ ม รมยา เล่ ม 3 (การฝั ง เข็ ม รั ก ษาอาการปวด ) มี
วัตถุประสงค์ให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจถึงขันตอนการรั
้ กษาอาการปวดต่าง ๆ ด้ วยการฝั งเข็ม การรักษา
และการเลือกจุดฝั งเข็มที่ใช้ ในหนังสือเล่มนี ้ เป็ นการเรี ยบเรี ยงขึ ้นทังจากประสบการณ์
้ ตรง
ของคณะผู้เ รี ย บเรี ย ง และจากทัง้ เอกสารทางวิ ช าการที ่จัด ทํ า โดยสถาบัน การศึกษาที ่มี
ชื่อเสียงของสาธารณรัฐประชาชนจีน และนักวิชาการ ได้ แก่ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีน
เซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนปั กกิ่ง มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนนานจิง เป็ น
ต้ น ทัง้ นี เ้ พื่อให้ ผ ลการรั กษามี ประสิท ธิ ภ าพเช่นเดียวกับการรั กษาในประเทศสาธารณรั ฐ
ประชาชนจีน และเป็ นแนวทางในการศึกษาวิจยั ผลการรักษาโรคด้ วยการฝั งเข็ม เพื่อพัฒนา
องค์ความรู้และทักษะให้ ก้าวหน้ าต่อไป
การฝั งเข็มเป็ นเวชกรรมการรักษาโรคของจีนที่มีประวัติการค้ นคว้ าและแพร่หลายมา
หลายพันปี การฝั งเข็มเป็ นวิธีการรักษาโรค ฟื น้ ฟูสขุ ภาพ สร้ างเสริ มสุขภาพและป้องกันโรค
โดยการใช้ เข็มปั กตามตําแหน่งจุดเฉพาะต่าง ๆ ของร่ างกาย มีวตั ถุประสงค์เพื่อปรับสมดุล
ร่างกาย ช่วยปรับให้ อวัยวะและระบบการทํางานต่าง ๆ ของร่ างกายกลับทํางานได้ เป็ นปกติ
โดยเฉพาะที่โดดเด่นในการระงับอาการเจ็บปวด จึงนําไปใช้ ในการรักษาโรคปวดต่าง ๆ ได้ ดี
หนังสือ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3 นี ้ ประกอบด้ วยเนื ้อหาต่าง ๆ ดังนี ้
การรั กษาอาการปวดต่ าง ๆ ด้ วยการฝั งเข็ม กล่าวถึงโรค/กลุ่มอาการ ที่พบบ่อย
และรักษาได้ ด้วยการฝั งเข็ม โดยมีลําดับรายละเอียดต่าง ๆ ในแต่ละโรค/กลุม่ อาการ ดังนี ้
1) ชื่อโรค/กลุ่มอาการ ใช้ ชื่อเป็ นภาษาไทย และกํ ากับในวงเล็บด้ วยภาษาอังกฤษ
ตามศัพท์การแพทย์แผนตะวันตก สําหรับโรคที่ไม่มีศพั ท์บญ ั ญัติภาษาไทย จะทับศัพท์ตาม
ชื่อโรคของการแพทย์แผนตะวันตก
ง การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

2) บทนํา เป็ นการกล่าวบรรยายถึงความหมาย คําจํากัดความ ลักษณะเด่นและการ


ดําเนินโรค ของโรค/กลุ่มอาการ ตลอดจนแสดงความสัมพันธ์ ในแต่ละมุมมองของการแพทย์
แต่ละแผน
3) สาเหตุและกลไกลการเกิดโรค กล่าวถึง สาเหตุและกลไกการเกิดโรคตามแนวคิด
ของศาสตร์ การแพทย์แผนจีน และการแพทย์แผนปั จจุบนั ในบางอาการโรค
4) การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค เป็ นการบรรยายสรุ ปการวินิจฉัยตามกลุ่มโรค โดยการ
วิเคราะห์ โรคตามกลุ่มอาการทัง้ ในแบบแผนของทฤษฎี การแพทย์จีน และการแพทย์แผน
ปั จจุบนั
5) การรักษา เน้ นการรักษาด้ วยการฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ โดยกล่าวถึงหลักการ
หรื อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค หลักการเลือกจุดฝั งเข็มและกระตุ้นเข็ม ตํารับจุดหลักและ
จุดเสริ มตามอาการ รวมถึงอรรถาธิบายสรรพคุณและเหตุผลในการเลือกใช้ จดุ ดังกล่าว การ
เรี ยกชื่อจุดในบทนี ้ใช้ การเรี ยกชื่อตามระบบพินอินและรหัสจุด ตามมาตรฐานขององค์การ
อนามัยโลก ส่วนคําอ่านภาษาไทยและชื่อจุดภาษาจีนได้ จดั รวบรวมไว้ ในตารางภาคผนวกที่ 1
บางโรค/กลุ่มอาการ จะมีการเพิ่มการรักษาโรคด้ วยวิธีอื่นนอกเหนือจากการฝั งเข็ม
ด้ วย ได้ แก่ การฝั งเข็มหู การครอบกระปุก การรักษาด้ วยเข็มผิวหนัง ฯ
6) ภาพประกอบ เป็ นภาพแสดงตํารับจุดฝั งเข็มที่ใช้ รักษาในแต่ละกลุ่มโรค โดยเป็ น
รูปแสดงส่วนของร่างกายและตําแหน่งจุด และมีรหัสจุดกํากับอยู่

ภาคผนวก หนังสือ การฝั งเข็ม - รมยา เล่ม 3 มีภาคผนวก 1 เรื่ อง ได้ แก่
ภาคผนวกที่ 1 ดัชนีจดุ ฝั งเข็มตามระบบเส้ นลมปราณ
บรรณานุกรม จะอยูท่ ้ ายสุดของหนังสือ
สารบัญ จ

สารบัญ

หน้ า
คํานํา ก-ข
คําแนะนําการใช้ ตาํ รา การฝั งเข็ม รมยา เล่ ม 3 ค-ง
สารบัญ จ-ช
สารบัญรู ป ซ-ญ
ความรู้ ท่ ัวไปเกี่ยวกับอาการปวด 1
1. กลุ่มอาการทางปวดระบบประสาท
- ปวดศีรษะ (Headache : 头痛) 6
- ปลายประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน 13
(Diabetic Peripheral Neuropathy : 糖尿病末梢神经病变)
- ปวดประสาทใบหน้ า (Trigeminal Neuralgia : 面痛) 17
- ปวดประสาทจากเชื ้องูสวัด 21
(Herpetic Neuralgia : 带状疱疹后遗神经痛)
- ปวดฟั น (Dental Pain : 牙痛) 29
2. กลุ่มอาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนือ้ 35
(Myofacial pain syndrome : 肌筋膜炎综合症 )
3. เจ็บอกจากกล้ ามเนือ้ หัวใจ (Angina Pectosis : 胸痛) 42
4. กลุ่มอาการปวดบริเวณต้ นคอ และลําตัวส่ วนบน (Neck and upper)
- เจ็บคอ (Sore Throat : 喉咙痛 ) 51
- กระดูกคอเสื่อม (Cervical spondylosis : 颈椎病) 54
ฉ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
5. อาการปวดบริเวณลําแขน (Upper Extremitries)
- ไหล่ตดิ (Frozen Shoulder : 冻结肩) 57
- ปวดข้ อศอก (Tennis Elbow :网球肘) 62
- พังผืดกดทับเส้ นประสาทในโพรงข้ อมือ 65
(Carpal tunnel syndrome : 腕管综合症)
6. อาการปวดบริเวณลําตัวส่ วนล่ างและขา
- ปวดหลัง (Back pain : 腰痛) 68
- ปวดประสาทไซแอทติค (Sciatic pain : 坐骨神经痛) 82
- ปวดหลังจากภาวะกระดูกบางหรื อพรุน 94
(Back Pain due to Primary Osteoporosis: 骨质疏松腰痛)
- ปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม 96
(Back Pain due to Hypertrophic Spondylosis : 退化性腰痛 )
- ข้ อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis : 退化性膝关节炎) 100
- ปวดข้ อสะโพก (Hip joint pain : 髋关节痛) 119
- ปลายประสาทใต้ ผวิ หนังต้ นขาอักเสบ 124
(Latero – Femoral Cutaneous Neuritis : 股外侧皮神经炎)
7. โรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis : 类风湿性关节炎) 127
8. โรคเกาต์ (Gouty Arthritis : 痛风) 136
9. กลุ่มอาการปวดช่ องท้ อง (Abdomen pain)
- ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ (Epigastric pain/Gastralgia : 胃脘痛) 141
- ท้ องอืดแน่น (Abdominal Distention : 腹胀) 147
สารบัญ ช

สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
- ปั สสาวะตกค้ าง (Urinary retention : 尿潴留) 153
- แผลกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer : 胃溃疡) 162
- กรดไหลย้ อน (Acute Regurgitation : 胃反酸) 175
- ถุงนํ ้าดีอกั เสบ (Cholecystitis : 胆囊炎) 182
- นิ่วในถุงนํ ้าดีและถุงนํ ้าดีอกั เสบ 191
(Gall Stone and Cholecystitis : 胆结石和胆囊炎)
- พยาธิไส้ เดือนในทางเดินนํ ้าดี (Biliary Ascariasis : 胆道回虫症) 197
- ภาวะลําไส้ อดุ ตันเฉียบพลัน 203
(Acute intestinal obstruction : 急性肠梗阻)
- ภาวะไส้ ตง่ิ อักเสบเฉียบพลัน 209
(Acute Appendicitis : 急性阑尾炎)
- นิ่วในไต (Renal colic and Stone : 肾结石) 218
- ปวดปั สสาวะ และปั สสาวะผิดปกติ (Stranguria : 淋症 ) 228
- ภาวะปวดท้ องอย่างรุนแรง 234
(Acute Catastrophic abdominal pain : 急性腹绞痛)
9. กลุ่มอาการของโรคทางสูติ - นรี เวช
- เต้ านมอักเสบเฉียบพลัน (Acute Mastitis : 急性乳腺炎) 237
- ปวดประจําเดือน (Dysmenorrhea : 痛经) 241
10. กลุ่มอาการบาดเจ็บจากกีฬา (Sport injury : 运动性损伤) 248
ภาคผนวกที่ 1 ดัชนีจุดฝั งเข็มตามระบบเส้ นลมปราณ
บรรณานุกรม
ซ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

สารบัญรู ป
หน้ า
รูปที่ 1 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปวดศีรษะ 11
รูปที่ 2 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปลายประสาทเสื่อมจาก 16
โรคเบาหวาน
รูปที่ 3 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประสาทใบหน้ า 20
รูปที่ 4 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประสาทจากเชื ้องูสวัด 22
รูปที่ 5 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดฟั น 34
รูปที่ 6 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษา Myofacial pain syndrome 41
รูปที่ 7 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการเจ็บอกจากกล้ ามเนื ้อหัวใจ 50
รูปที่ 8 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาเจ็บคอ 53
รูปที่ 9 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษากระดูกคอเสื่อม 56
รูปที่ 10 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาไหล่ติด 61
รูปที่ 11 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปวดข้ อศอก 64
รูปที่ 12 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษานิ ้วล็อค 67
รูปที่ 13 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดหลัง 81
รูปที่ 14 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประสาทไซแอทติค 93
รูปที่ 15 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม 99
รูปที่ 16 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาข้ อเข่าเสื่อม 110
รูปที่ 17 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดข้ อสะโพก 123
รูปที่ 18 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปลายประสาท 126
ผิวหนังต้ นขาอักเสบ
รูปที่ 19 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาโรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์ 135
รูปที่ 20 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาโรคเกาต์ 140
สารบัญ ฌ

สารบัญรู ป (ต่ อ)
หน้ า
รูปที่ 21 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดบริเวณลิ ้นปี่ 146
รูปที่ 22 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการท้ องอืดแน่น 152
รูปที่ 23 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปั สสาวะตกค้ าง 161
รูปที่ 24 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหาร 170
จากชี่กระเพาะ และตับติดขัด
รูปที่ 25 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากชี่และเลือดคัง่ 171
รูปที่ 26 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากกระเพาะร้ อน 172
รูปที่ 27 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากอินกระเพาะพร่อง 173
รูปที่ 28 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาแผลกระเพาะอาหารจากเย็นพร่อง 174
รูปที่ 29 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษากรดไหลย้ อนจากไฟตับ 181
รูปที่ 30 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษากรดไหลย้ อนจากม้ าม 181
และกระเพาะเย็นพร่ อง
รูปที่ 31 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาถุงนํ ้าดีอกั เสบจากร้ อนพร่อง 189
รูปที่ 32 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาถุงนํ ้าดีอกั เสบจากชี่ตดิ ขัด 190
รูปที่ 33 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษานิ่วในถุงนํ ้าดี และถุงนํ ้าดีอกั เสบ 196
รูปที่ 34 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาโรคพยาธิไส้ เดือนในทางเดินนํ ้าดี 207
รูปที่ 35 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาภาวะลําไส้ อดุ ตัน 208
รูปที่ 36 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลัน 217
รูปที่ 37 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษานิ่วในไต 227
รูปที่ 38 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาอาการปวดปั สสาวะและปั สสาวะผิดปกติ 237
รูปที่ 39 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาเต้ านมอักเสบเฉียบพลัน 240
รูปที่ 40 แสดงตําแหน่งจุดฝั งเข็มรักษาปวดประจําเดือน 247
ญ การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 1

ความรู้ท่ วั ไปเกี่ยวกับอาการปวด
อาการปวดเป็ นอาการที่ใช้ การฝั งเข็มเป็ นวิธีการรักษามากที่สดุ ไม่วา่ จะเป็ นการปวด
คอ ปวดข้ อ ปวดกล้ ามเนื ้อ อวัยวะภายใน ในการรักษาอาการปวดอักเสบไม่มียาแก้ ปวด แก้
อักเสบ ในศาสตร์ การแพทย์แผนจีน หลักคิดในการรักษาคือ การระบาย สาเหตุของอาการ
ปวดเกิดจาก การติดขัดของการไหลเวียนของชี่หรื อลมปราณ หรื อจากการที่ชี่และเลือดไป
หล่อเลี ้ยงไม่เพียงพอ การฝั งเข็มจะทําหน้ าที่ทะลวงเส้ นลมปราณ ปรับให้ การหมุนเวียนของ
ชี่และเลือด เมื่อการไหลเวียนดีขึ ้นอาการปวดจะทุเลาหรื อหายไป
ปั จจัยที่ทําให้ เกิดการปวดมี 3 เหตุ คือ ลม (风), ความเย็น (风), ความชื ้น (湿),
และเลือดคัง่ (瘀血) ทําให้ เกิดอาการปวดในตําแหน่งที่เกี่ยวกับร่างกายทังห้ ้ า คือ ผิวหนัง เส้ น
เอ็น เนื ้อเยื่อ โครงกระดูก และหลอดเลือด
1. ลม (เป็ นการอักเสบไม่คงที่) มีอาการปวดที่เคลื่อนที่ โดยทัว่ ไปลมมักไม่เป็ นเหตุ
ให้ เกิดอาการปวด แต่มกั จะชักนําเสียชี่ (邪气) อื่น ๆ เช่น ลมเย็น , ลมชื ้น แล้ วทําให้ เกิด
การติดขัด มีอาการปวดขึ ้นมา
2. ความเย็น มักมีอาการปวดเฉพาะที่ อาการมักรุนแรง และเป็ นมากในเวลา
กลางคืน กลางวันจะดีขึ ้น การแพทย์แผนจีนจึงแบ่งกลางวัน และ กลางคืน หยางจะเพิ่มมาก
ในเวลากลางวัน จะทําให้ ร้ ูสกึ ว่าอาการปวดดีขึ ้น ได้ รับความอบอุน่ จากดวงอาทิตย์ การ
ปวดเนื่องจากความเย็น เมื่อประคบร้ อนจะดีขึ ้น ตรงกันข้ ามเมื่ออากาศเย็นจะปวดมากขึ ้น
3. จากความชืน้ จะปวดเฉพาะที่และหนักเมื่อย แบ่งเป็ นร้ อนเย็น และเย็นชื ้น
โดยเฉพาะหลังฝนตก เมื่อมีความชื ้นสูงในอากาศ เมื่อร่างกายกระทบกับอากาศแบบนี ้จะมี
อาการเมื่อยขี ้เกียจ อยากนอน ลักษณะปวดจะปวดอยูก่ บั ที่และปวดหนัก ไม่สามารถขับ
ความชื ้นได้ ทนั ทําให้ มีบวมนํ ้าในตําแหน่งปวดได้
4. เลือดคั่ง การคัง่ ของเลือดมีปัจจัยการเกิดได้ หลายสาเหตุ เช่น
4.1 เกิดจากเสียชี่ที่ได้ รับ สะสมไว้ นานไม่ได้ ถกู กําจัดออก จึงเกิดการคัง่
เช่น ความชื ้น, ความเย็น, เสมหะ, หยางชี่พร่อง, จินเย่ไม่ไหลเวียน เป็ นต้ น
2 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

4.2 จากได้ รับการกระทบกระแทก ทําให้ เกิดเลือดคัง่


สาเหตุการเกิดอาการปวดทังสามสาเหตุ ้ ในการแพทย์แผนจีนมีวิธีการรักษา ดังนี ้
1. สาเหตุจากลม ใช้ วธิ ีขบั ลม โดยที่อาการคือ ปวดไม่แน่นอน ดังนันจึ ้ งต้ องหา
จุดปวดและเส้ นลมปราณที่ผา่ นจุดที่สามารถขับลมได้ การฝั งเข็มจะปั กเข็มตามเส้ นลมปราณ
ที่ปวด และ จุดฝั งเข็มที่พบว่ามักใช้ ในการขับลมบริเวณหน้ า ศีรษะ ทังด้ ้ านหน้ าและหลัง คือ
จุด FengChi (GV 16) ถ้ าเป็ นบริ เวณด้ านหลังใช้ จดุ FengMen (BL 12)
ในระยะเรื อ้ รังต้ องใช้ จดุ ฝั งเข็มอื่นร่วมด้ วย เนื่องจากระบบเลือดไหลเวียนไม่ดี จึง
ต้ องปรับระบบเลือด ถ้ ารู้สกึ เหมือนปวดไปทังร่้ างกายให้ ใช้ จดุ WaiGuan (TE 5) กับ จุด
ZuLinQi (GB 41). ในทางการแพทย์แผนจีน ถ้ าใช้ วิธีการขับลมแล้ วไม่ดีขึ ้น ต้ องเสริมปรับ
เลือด และขับลม จุดฝั งเข็มที่ใช้ คือ XueHai (SP 10) GeShu (BL 17) PiShu (BL 20)
GanShu (BL 18) SanYinJiao (SP 6) แต่อาจใช้ เพียงสองจุดคือ PiShu (BL 20) และ
XueHai (SP 10) ถ้ ายังมีอาการปวดเล็ก ๆ น้ อย ๆ ให้ ฝังเข็มบํารุงเลือดและขับลมบ้ าง จุดที่มี
อาการปวดไม่ต้องฝั งเข็มก็ได้
2. สาเหตุจากความเย็น ใช้ วิธีให้ ความอบอุน่ เพิม่ ความร้ อน หรื อเพิ่มหยาง เพื่อ
บรรเทาอาการปวด ต้ องคาเข็มนานและรมยา ฝั งเข็มในเส้ นลมปราณหยาง โดยเฉพาะเส้ น
ตูมา่ ยเป็ นเส้ นลมปราณที่มีหยางมากที่สดุ จุด DaZhui )GV 14) มีเส้ นลมปราณหยาง 7 เส้ น
มาพบกัน (เส้ นลมปราณหยางจากมือ 3 เส้ น และจากเท้ า 3 เส้ น และเส้ นตูมา่ ย) ร่วมกับ
MingMen (GV 4) และ YaoYangGuan GV 3) (L4 midline ตรงกับ DaChangShu (BL
25)) แล้ วฝั งเข็มตามตําแหน่งปวด
3. อาการปวดจากความชืน้ ใช้ วธิ ีขบั ชื ้นก็สามารถบรรเทาอาการปวดได้ จุด
ฝั งเข็มที่ใช้ คือ SanYinJiao (SP 6) , YinLingQuan (SP 9) และจุดที่ปวดร่วมด้ วย
4. ปวดเพราะร้ อน สาเหตุมี 2 ปั จจัย โดยที่ตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ถ้ าอาการ
ปวดเป็ นนาน อาการต่อไปจะเกิดเป็ นอาการอักเสบร้ อนขึ ้นมาได้ เป็ นเหตุสะสมของอาการ
ปวด โดยจะมีลกั ษณะแดง ปวด ร้ อน อาการปวดแบบร้ อน ถ้ าประคบร้ อน หรื อใช้ infrared
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 3

จะทําให้ อาการแย่ลง ต้ องระบายความร้ อน พิษร้ อน เช่น ไขข้ ออักเสบเฉียบพลันในผู้ป่วย


โรคเกาท์ จะกลัวร้ อนมาก ต้ องใช้ ความเย็นประคบ เวลาปวดจะปวดเวลากลางวัน เวลา
กลางคืนจะดีชื ้น การรักษาต้ องใช้ วิธีระบายพิษร้ อน จุดฝั งเข็มที่ใช้ คอื DaZhui (GV 14) ใช้
วิธีระบาย ร่วมกับจุด QuChi (LI 11), NeiTing (ST 44) เวลาฝั งเข็มกระตุ้นเข็มเร็ว ๆ แล้ ว
เอาเข็มออกทันที ในวิธีการฝั งเข็มตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน อาการเย็นให้ คาเข็มทิ ้งไว้
ถ้ าอาการร้ อนให้ ดงึ เข็มออกเลย
5. ปวดจากมีเลือดคั่ง การรักษานอกจากฝั งเข็มทะลวงเส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ อง
แล้ ว สามารถใช้ จกุ เฉพาะที่ และการปล่อยเลือด หรื อใช้ วิธีรมยา จุดที่มีสรรพคุณสลาย
เลือดคัง่ ทังระบบ
้ เช่น GeShu (BL 17) , XueHai (SP 10), SanYinJiao (SP 6)
อาการปวดบางครัง้ จะปนเปกัน จากสาเหตุที่กล่าวทังสามรวมกั
้ น ต้ องแยกสาเหตุจงึ
จะรักษาได้ เช่น สาเหตุจากลมและความเย็น วิธีการรักษาต้ องขับลมและเสริมหยาง
อาการปวดตามร่างกาย แบ่งตามตําแหน่งที่มีอาการปวดจะมี 5 ตําแหน่ง ได้ แก่
ผิวหนัง, กล้ ามเนื ้อ, เอ็น, กระดูก และชีพจร ในการรักษาต้ องทราบว่าสาเกตุจะเกี่ยวกับ
อวัยวะจ้ างอะไร เช่น
ผิวหนัง  ปอด
กล้ ามเนื ้อ  ม้ าม
เอ็น  ตับ
ชีพจร  หัวใจ
โครงกระดูก  ไต
1. ปวดบริเวณผิวหนัง ก็เป็ นการปวดชนิดหนึง่ ถือว่าเกิดจากระบบปอด ผู้ป่วยบาง
รายมีอาการปวดตามหัวไหล่ ตึงปวดแต่ไม่ลกึ ลงข้ างใน เป็ นตําแหน่งบริเวณผิวหนัง การ
ฝั งเข็มถ้ าตําแหน่งที่ปวดอยูบ่ ริ เวณผิว โรคอยูไ่ ม่ลกึ ก็ฝังเข็มตื ้นๆ ถ้ าโรคอยูใ่ นระดับไหนก็
ฝั งเข็มในระดับนัน้ ถ้ าถึงโครงกระดูกก็ให้ ปักเข็มลึกถึงกระดูก ไม่ควรฝั งเข็มลึกเกินไป
พิจารณาตามความรุนแรงของโรค ถ้ าเป็ นเฉพาะผิวหนัง บางครัง้ เป็ นบริเวณกว้ างมาก ไม่
4 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

สามารถระบุตาํ แหน่งเส้ นลมปราณได้ ชดั เจน ให้ ใช้ เข็ม 7 ดาวตี หรื อปั กเข็มตื ้น ๆ จิ ้ม ๆ เอา
ก็ได้ ความยาวเข็มประมาณ 0.5 นิ ้ว เวลาจับให้ จบั ตรงบริเวณใกล้ ๆ ปลายเข็ม โผล่มาสัน้ ๆ
ใช้ มือการ์ ดเข็มไว้ ไม่ให้ งอ และความยาวของเข็มเสมอกับนิ ้วของผู้รักษา จะได้ ไม่คดเวลาปั ก
และไม่ลกึ จนเกินไป ในการรักษาระยะหนึง่ ควรใช้ จดุ ฝั งเข็มเกี่ยวกับปอด โดยใช้ จดุ ฝั งเข็ม
LieQue (LU 7) TaiYuan (LU 9) และ QiChi (ST 11) ร่วมรักษาได้
2. ปวดกล้ ามเนือ้ การปวดบางครัง้ ปวดจากเมื่อยล้ า ทําให้ กล้ ามเนื ้อปวดเมื่อย ใน
การรักษาก็ต้องฝั งเข็มให้ ลกึ ถึงกล้ ามเนื ้อเช่นกัน แต่ใช้ วธิ ีการฝั งเข็มเป็ นกลุม่ ไม่ใช่ปักเล่มเดียว
เช่นการปวดสะโพก ไม่ได้ ปวดตามเส้ นลมปราณเส้ นใดเส้ นหนึง่ แต่การปวดไม่เคลื่อนย้ ายที่
อาการปวดมีตําแหน่งแน่นอน หรื อการปวดหัวไหล่ การปั กก็ต้องปั กขึ ้นกับขนาดมัดกล้ ามเนื ้อ
ปั กเรี ยงสาม ถ้ ามัดเล็ก ถ้ ามัดใหญ่ก็เรียงสามหลายชุด เป็ นสี่เหลี่ยมคางหมู เป็ นการปั ก
เฉพาะที่เท่านัน้ แต่เนื่องจากกล้ ามเนื ้อเกี่ยวกับม้ าม ดังนันจึ ้ งต้ องเสริมที่ม้ามโดยใช้ จดุ
ZuSanLi (ST 36) หรื อ SanYinJiao (SP 6) ม้ ามกับกระเพาะเป็ นเปี๋ ยวหลี่กนั ใช้ แทนกันได้
เราฝั งเข็มลึกตามความหนาของกล้ ามเนื ้อเช่นกัน
3. ปวดเอ็น เส้ นเอ็นรวมถึงเยื่อหุ้มไขข้ อต่าง ๆ ด้ วย ถ้ าอาการปวดเกี่ยวกับเอ็น ทํา
ให้ การยืดหดของแขนขาไม่สะดวก การรักษาอาการปวดต้ องฝั งเข็มลึกถึงเอ็นด้ วย ตามไขข้ อ
ต้ องปั กเข็มถึงเอ็นจึงจะได้ ผล เช่น การปวดข้ อหรื อปวดข้ อมือ เช่น De Qurvain เวลายืดจะตึง
โดยมากการปวดเอ็นจะปวดเวลายืดมากกว่า เส้ นเอ็นเกี่ยวกับตับ ต้ องหาจุดเสริมที่ตบั มา
ช่วย เช่น ใช้ GanShu (BL 18), YanLinQuan (GB 34)
4. ชีพจร เส้ นเลือด เส้ นประสาท เนื่องจากการปวดหลังร้ าวไปถึงข้ างล่างได้ เช่น
LBP ในการแพทย์จีนถือว่าเป็ นการปวดในเส้ นเลือดหรื อ ชีพจร โดยปกติการไหลเวียนของ
เลือดจากบนลงล่างหรื อกลับกันในการปวดหลัง เนื่องจากการไหลเวียนติดขัด แพทย์แผน
ปั จจุบนั เป็ น nerve > bl vv เราต้ องฝั งเข็มให้ ถงึ เส้ นเลือดชีพจร หมายถึงเส้ นที่ปวด คือให้ มี
การปั กลงตามเส้ น เนื่องจากการปวดจะเกี่ยงข้ องกับหัวใจ ใช้ ทงจุ ั ้ ดฝั งเข็มบนเส้ นลมปราณ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 5

มือเจวี๋ยอินเยื่อหุ้มหัวใจ และเส้ นมือเส้ าอินหัวใจ NeiGuan (PC 6) หรื อ DaLing (PC 7) ได้
ทังสิ
้ ้น
5. โครงกระดูก จะยืดได้ หดไม่ได้ ในการแพทย์แผนจีน เช่น การปลูกข้ อกระดูกจน
เปลี่ยนแปลง บวม ถ้ าปวดที่ไขข้ อต้ องปั กถึงกระดูกที่ปวดเลย ปวดที่ไหนปั กถึงที่นนั่ เช่น ข้ อ
เข่า ผู้ป่วย จะปวดมากเวลาเดิน เราต้ องหาจุดอาซือ ปั กถึงข้ อด้ วย กระดูกเกี่ยวกับไต ดังนัน้
ถ้ าต้ อง การให้ ได้ ผลดี ต้ องเสริมที่จดุ ไตด้ วย คือต้ องบํารุงหรื อเสริมไตด้ วย หรื อบํารุงไข
กระดูก เช่น Shenshu (BL 23), TaiXi (KI 3), XuanZhong (GB 39)
6 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดศีรษะ
( Headache : 头痛)
ปวดศีรษะ เป็ นอาการที่พบได้ บอ่ ย และเป็ นเหตุทําให้ ผ้ ปู ่ วยมาพบแพทย์ มีคํากล่าว
ว่า ในช่วงชีวติ ของคนเราต้ องประสบอาการปวดศีรษะอย่างน้ อยหนึง่ ครัง้ สาเหตุที่ก่อให้ เกิด
อาการปวดศีรษะมีหลากหลาย ทังจากความผิ้ ดปกติของร่างกาย จิตใจ และสิง่ แวดล้ อม
อาการปวดศีรษะมักพบอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้ วยเสมอ ในทางคลินิก แบ่งอาการปวด
ศีรษะเป็ น 2 ประเภท ได้ แก่
1) ปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ (primary or functional headache) หมายถึง การปวด
ศีรษะที่ไม่พบความผิดปกติที่เป็ นสาเหตุของอาการปวดศีรษะ โรคที่พบบ่อย ได้ แก่ ปวดศีรษะ
ไมเกรน (migraine) และ ปวดศีรษะแบบตึงเครี ยด (tension-type headache) ส่วนโรคที่พบ
ค่อนข้ างน้ อย ได้ แก่ ปวดศีรษะเป็ นระลอก (cluster headache) และ ปวดศีรษะครึ่งซีกแบบ
ปะทุ (paroxymal hemicrania)
2) ปวดศีรษะแบบทุตยิ ภูมิ (secondary or organic headache) หมายถึง การ
ปวดศีรษะที่มีสาเหตุให้ เกิดอาการปวดศีรษะ โดยแบ่งสาเหตุตามตําแหน่งของการเกิดโรคเป็ น
2 กลุม่ ได้ แก่ สาเหตุภายในกะโหลกศีรษะ (intracranial causes) เช่น เลือดออกในสมอง
เนื ้องอกสมองหรื อเนื ้องอกที่กระจายมาสมอง เส้ นเลือดโป่ งพอง การติดเชื ้อ ฯ และสาเหตุ
ภายนอกกะโหลกศีรษะ เช่น เส้ นเลือดแดงอักเสบ ไซนัสอักเสบ ต้ อหิน การติดเชื ้อ ความดัน
โลหิตสูง โรคของกระดูกคอ ฯลฯ
การแพทย์แผนจีน แบ่งสาเหตุของการปวดศีรษะ เป็ น 2 ประเภท ได้ แก่
1) การรุกรานจากปั จจัยก่ อโรคนอกร่ างกาย ปั จจัยสําคัญ คือ ลม เข้ ากระทําต่อ
เส้ นลมปราณส่วนบนของร่างกาย ทําให้ ชี่และเลือดไหลเวียนไม่คล่อง
2) ความผิดปกติภายในร่ างกาย แบ่งเป็ น 2 กลุม่ ได้ แก่ กลุม่ แกร่ง เช่น หยางตับ
เกินจากชี่คงั่ หรื ออารมณ์โกรธ และ กลุม่ พร่อง เช่น ชี่และเลือดพร่อง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 7

การวิเคราะห์และการรักษาอาการปวดศีรษะ ตามศาสตร์ การแพทย์แผนจีนได้ กล่าว


ไว้ โดยละเอียดแล้ ว ในตําราการฝั งเข็ม รมยา เล่ม 2 ในที่นี ้จะกล่าวถึง มุมมองการวินิจฉัยแยก
โรคของอาการปวดศีรษะแบบการแพทย์แผนตะวันตก ร่วมกับการวินิจฉัยแยกโรคตามศาสตร์
การแพทย์แผนจีน โดยเน้ นเฉพาะปวดศีรษะที่พบบ่อยในเวชปฏิบตั ิ ดังนี ้

1. ปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ
ได้ แก่ ปวดศีรษะแบบตึงเครียด ปวดศีรษะไมเกรน และ ปวดศีรษะเป็ นระลอก ซึง่ ทัง้
สามโรครวมกัน พบได้ มากกว่าร้ อยละ 90 ของโรคปวดศีรษะแบบปฐมภูมิทงหมด
ั้
1.1 ปวดศีรษะแบบตึงเครียด (Tension-type headache)
ส่วนใหญ่เกิดจากกล้ ามเนื ้อเครี ยดหรื อตึงตัว (muscle strain) บริเวณหลังคอ โดยมี
ผลทําให้ หลอดเลือดบริเวณต้ นคอหดตัว ทําให้ ขาดเลือดไปเลี ้ยง จึงเกิดอาการปวด โดย
สัมพันธ์กบั อารมณ์ วิตกกังวล แต่ไม่มีประวัตทิ างกรรมพันธุ์
อาการปวดเริ่มจากบริ เวณต้ นคอ แล้ วกระจายไปทัว่ ศีรษะ ปวดเหมือนมีอะไรรัดไว้
อาจมีอาการอื่นร่วมด้ วย เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ซึมเศร้ า ช่วงที่ปวดมาก อาจรู้สกึ ปวดตึง
ขมับ และอาจมีอาการชาร่วมด้ วย อาการปวดอาจเป็ นเดือนละหลายครัง้ แต่ละครัง้ อาจปวด
นานไม่กี่นาที หรื อปวดทังวั้ น หลายวันติดต่อกันก็ได้ ส่วนมากอาการหายได้ เอง ถ้ า
ความเครี ยดลดลงและนอนหลับพักผ่อนได้ เพียงพอ ซึง่ ต่างจากสาเหตุอื่น ๆ การฝั งเข็มรักษา
มักได้ ผลดี
1.2 ปวดศีรษะไมเกรน (Migraine)
อาการปวดศีรษะไมเกรน พบมีประวัตทิ างพันธุกรรมประมาณร้ อยละ 80 มีลกั ษณะ
ปวดได้ 3 แบบ คือ ปวดศีรษะข้ างเดียว ปวดทังสองข้้ าง และปวดสลับข้ างไปมา ตําแหน่งปวด
เป็ นได้ ทงที
ั ้ ่หน้ าผาก ขมับ หรื อท้ ายทอย อาการเริ่มแรกมักปวดรุนแรงและเฉียบพลัน นานเป็ น
นาที จนถึงเป็ นวัน เวลาเกิดอาการไม่แน่นอน ช่วงที่มีอาการ หากมีการเคลื่อนไหวศีรษะจะ
ทําให้ ปวดมากขึ ้น อาการร่วมสําคัญที่ใช้ แยกอาการปวดศีรษะจากสาเหตุอื่น คือ คลื่นไส้
8 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

อาเจียน กลัวแสง เสียง หรื อกลิน่ โดยอาการกลัวแสงจะพบได้ บอ่ ยกว่า หลังจากหายปวด


ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนล้ า การฝั งเข็มรักษาได้ ผลดี แต่ไม่หายขาด
1.3 ปวดศีรษะเป็ นระลอก (Cluster headache)
เป็ นอาการปวดศีรษะข้ างเดียวอย่างรุนแรงแบบเป็ นระลอกหรื อเป็ นชุด มีลกั ษณะการ
ปวดตุบ ๆ บริเวณขมับ รอบตา หรื อกระบอกตาข้ างใดข้ างหนึง่ อาการปวดจะเกิดเป็ นช่วง ๆ
แต่ละช่วงนาน 15 – 180 นาที โดยอาการอาจเกิดทุกวันหรื อเว้ นวัน ส่วนใหญ่เกิดวันละ 1 – 2
ครัง้ แต่บางรายอาจเกิดบ่อยถึงวันละ 8 ครัง้ การปวดแต่ละชุด อาจใช้ เวลาหลายวันถึงหลาย
สัปดาห์ และมีช่วงเวลาที่หายจากอาการปวดเป็ นเดือนหรื อเป็ นปี อาการที่อาจพบร่วมด้ วย
ได้ แก่ นํ ้าตาไหล คัดจมูก นํ ้ามูกไหล เหงื่อออกหน้ าผาก ใบหน้ าข้ างที่มีอาการปวด อาจพบ
อาการบวมที่เปลือกตา หนังตาตก (ptosis) รูมา่ นตาหด (miosis) การปวดศีรษะเป็ นระลอก
พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 5 – 6 เท่า และพบน้ อยกว่าปวดศีรษะไมเกรน 10 – 50 เท่า
ประมาณร้ อยละ 10 พบมีประวัตโิ รคในครอบครัว เป็ นโรคที่รักษายาก อาจใช้ วิธีฝังเข็ม
ร่วมกับรมยา
ศาสตร์ การแพทย์แผนจีน วิเคราะห์อาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ มีสาเหตุมาจาก
ความผิดปกติภายในร่างกาย โดยมีสาเหตุและกลไกการเกิดโรคแตกต่างกัน ได้ แก่
1) เกิดจากลม ความเย็น และความชื ้น อุดกันเส้ ้ นลมปราณ ทําให้ เลือดและชี่ไหล
เวียนไม่คล่องจึงเกิดอาการปวด
2) จากอารมณ์แปรปรวน โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ ทําให้ เส้ นลมปราณตับและถุงนํ ้าดี
ติดขัดเกิดชี่คงั่ ชี่ที่ตดิ ขัดนานวันจะแปรสภาพเป็ นไฟ ไปรบกวนทวารสมอง
3) จากความชื ้นสะสมจนแปรสภาพเป็ นเสมหะ ไปอุดกันเส้ ้ นลมปราณ ทําให้ เลือด
และชี่ไหลเวียนไม่คล่อง
4) จากร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แต่กําเนิด สมองและไขกระดูกว่างเปล่า ส่วนใหญ่มกั พบ
ปวดศีรษะสัมพันธ์กบั การมีประวัตโิ รคในครอบครัว
5) จากมีเลือดคัง่ ทําให้ การไหลเวียนของชี่ไม่คล่อง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 9

6) เกิดจากชี่และเลือดพร่อง เนื่องจากได้ รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทํางานหนักหรื อ


เครี ยดเกิน สุขภาพทรุดโทรมจากโรคเรื อ้ รัง หรื อมีภาวะพร่องมาแต่กําเนิด

การฝั งเข็มรั กษาปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ


หลักการรักษา: เปิ ดทวารสมอง ทะลวงเส้ นลมปราณ
จุดหลัก: ระบาย ZhongWan (CV 12), FengFu (GV 16), FengChi (GB 20),
WanGu (GB 12), TaiYang (EX-HN 5)
จุดรอง: ระบาย HeGu (LI 4) และ TaiChong (LR 3)
จุดเสริม: เพิม่ จุดตามการวินิจฉัยโรค ดังนี ้
1) ปวดศีรษะแบบตึงเครี ยด: เสริ มจุด
- ปั กซอยเข็ม NeiGuan (PC 6)
- ปั กแบบนกกระจอกจิก RenZhong (GV 26)
- บํารุง YinTang (EX-HN 3), SiShenCong (EX-HN 1), ShenMen (HT 7)
2) ปวดศีรษะไมเกรน: เสริ มจุด
- ระบาย WaiGuan (TE 5), ZuLinQi (GB 41)
- บํารุง TouWei (ST 8), JiaoSun (TE 20), ShuaiGu (GB 8)
3) ปวดศีรษะเป็ นระลอก: เสริมจุด
- ระบาย ZhongFeng (LR 4) และ YangFu (GB 38)
- รมยาคัน่ กระเทียม YangBai (GB 14)
ระยะเวลาฝั งเข็ม: ฝั งเข็มทุกวันจนอาการดีขึ ้น จึงเปลี่ยนเป็ นวันเว้ นวัน เมื่ออาการ
หายดีสามารถหยุดฝั งเข็มได้ เมื่อมีอาการปวดจึงเริ่มการฝั งเข็มใหม่ การฝั งเข็มไม่สามารถ
ป้องกันการกลับเป็ นซํ ้า
2. ปวดศีรษะแบบทุตยิ ภูมิ
2.1 ปวดศีรษะจากเนือ้ งอกสมอง
10 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เกิดจากพยาธิสภาพในสมอง เช่น มีการอักเสบ หรื อมีเนื ้องอก ซึง่ ต้ องแยกให้ ชดั เจน
ทางห้ องปฏิบตั กิ ารก่อนว่า เป็ นจากสมองอักเสบ เนื ้องอก หรื อมะเร็งสมอง โดยทัว่ ไป สมอง
อักเสบ มักมีอาการปวดศีรษะเหมือนจะระเบิด ส่วนเนื ้องอกหรื อมะเร็ งสมองมักมีอาการกด
ทับสมองและเส้ นประสาท ทําให้ มีอาการจากการกดทับร่วมด้ วย เช่น ประสาทตา ทําให้ ปวด
ลูกตา ร่วมกับมีการมองเห็นผิดปกติแบบต่าง ๆ ตามตําแหน่งการกดทับ
การฝั งเข็มบริ เวณศีรษะ ไม่เป็ นเหตุให้ มะเร็งสมองแพร่กระจาย หากผู้ป่วยเกิดความ
วิตกกังวลดังกล่าว อาจเลือกใช้ จดุ ไกลก่อน โดยเลือกใช้ จดุ ตามแนวเส้ นลมปราณที่ผา่ น
บริเวณที่มีอาการปวดศีรษะ แล้ วจึงเพิ่มจุดใกล้ หากอาการไม่ทเุ ลา ดังแสดงตัวอย่างในตาราง
การฝั งเข็มระงับปวดจากเนื ้องอกหรื อมะเร็งสมอง ในระยะแรกมักได้ ผลดี แต่นานไป
ร่างกายผู้ป่วยสามารถปรับตัวได้ ทําให้ เกิดการดื ้อต่อการฝั งเข็ม จึงใช้ ไม่ได้ ผล และที่สําคัญ
ต้ องรักษามะเร็ ง หรื อเนื ้องอกสมอง ตามการแพทย์ตะวันตกร่วมด้ วย

ตาราง แสดงตัวอย่ างการเลือกจุดใกล้ -ไกล รั กษาอาการปวดศีรษะ


ตําแหน่ งที่ปวด เส้ นลมปราณที่ผ่าน จุดไกล จุดใกล้
หน้ าผาก เส้ นหยางหมิง NeiTing (ST 44) TouWei (ST 8)
ขมับ เส้ นเส้ าหยาง YangFu (GB 38) ShuaiGu (GB 8)
TaiYang (EX-HN 5)
ท้ ายทอย เส้ นไท่หยาง FeiYang (BL 58) FengChi (GB 20)
กระหม่อม เส้ นเจวี๋ยอิน TaiChong (LR 3) BaiHui (DU 20)

2.2 ปวดศีรษะจากความดันโลหิตสูง
อาจมีอาการปวดศีรษะข้ างขมับ หรื อกลางศีรษะ สาเหตุของโรค ตามศาสตร์ การ
แพทย์แผนจีน ได้ แก่
1) หยางตับแกร่ ง เริ่มต้ นจากผู้ป่วยมีภาวะอินตับและไตพร่อง อย่างค่อยเป็ นค่อย
ไปมาก่อน จนเกิดภาวะหยางตับมีมากขึ ้น
จุดฝั งเข็ม: TaiChong (LR 3), YangLingQuan (GB 34)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 11

2) ไฟตับกําเริบ พบในผู้ป่วยที่มีอารมณ์ร้อน โมโหง่าย อาการค่อนข้ างเฉียบพลัน


ใช้ แยกจากภาวะหยางตับแกร่ง
จุดฝั งเข็ม: XingJian (LR 2), YangLingQuan (GB 34)

2.3 ปวดศีรษะในสตรี
1) เกิดจากความเครี ยดในการทํางาน มีงานมาก ขาดการพักผ่อน ผู้ป่วยจะมีความ
กดดัน นอนไม่หลับหรื อหลับได้ ไม่ดี ร่วมกับอ่อนเพลีย
จุดฝั งเข็ม: เลือกใช้ จดุ ใกล้ -ไกล ดังแสดงไว้ ในตารางข้ างต้ น และเพิม่ จุด ZuSanLi
(ST 36), จุดกึ่งกลางระหว่างจุด SanJian (LI 3) และจุด HeGu (LI 4) (จุดประสบการณ์),
ShenMen (HT 7) และ DiJi (SP 8)
2) ปวดเหมือนเข็มทิ่มแทง หรื อปวดเต้ นตามจังหวะชีพจร (vascular headache)
ส่วนใหญ่มกั มีอาการปวดสัมพันธ์กบั รอบเดือน ทังก่ ้ อนหรื อหลังมีประจําเดือน
จุดฝั งเข็ม: เลือกใช้ จดุ ใกล้ -ไกล ดังแสดงไว้ ในตารางข้ างต้ น และเพิม่ จุด DiJi (SP 8)
และ SanYinJiao (SP 6)
2.4 ปวดศีรษะจาก Mastoid Process อักเสบ หรือ Tonsillar Nerve อักเสบ
จุดฝั งเข็ม: FengChi (GB 20), WanGu (GB 12) หรื อจุดกึ่งกลางระหว่าง
FengChi (GB 20) และ WanGu (GB 12) ( จุดประสบการณ์ )
12 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 1 แสดงจุดฝั งเข็มแสดงการรั กษาโรคปวดศีรษะ


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 13

ปลายประสาทเสื่อมจากเบาหวาน
( Diabetic Peripheral Neuropathy : 糖尿病末梢神经病变)
ภาวะเส้ นประสาทส่วนปลายเสื่อม เป็ นอาการแทรกซ้ อนจากโรคเบาหวานที่พบบ่อย
โดยส่วนใหญ่มกั เกิดอาการหลังจากเป็ นโรคเบาหวานนานมากกว่า 10 ปี แต่อาจเกิดช้ าหรื อ
เร็วกว่านัน้ ขึ ้นกับการดูแลรักษาสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานแต่ละราย
เซลประสาท (neurons) ในผู้ป่วยที่เป็ โนเบาหวานจะมีเมตาบอลิสมที่ผิดปกติ ทําให้
เกิดการเสื่อมของเซลเส้ นประสาท โดยส่วนหางของเซลประสาท (axon) จะเกิดการเสื่อม
สภาพ ในลักษณะจากปลายสุดมาสูต่ วั เซลประสาท (dying back) ดังนัน้ เส้ นประสาทส่วนที่
อยูป่ ลายทางสุด จึงกระทบกระเทือนและเกิดอาการก่อน เส้ นประสาทใดยาวสุดก็จะมีอาการ
ชัดเจนก่อน ด้ วยเหตุนี ้ปลายเท้ าจึงชาก่อนปลายมือ และชาไล่เพิ่มขึ ้นมาเรื่ อย ๆ จากปลาย
นิ ้วเท้ า มาข้ อเท้ า มาขาท่อนล่าง จนถึงใต้ เข่า ขอบเขตของอาการจึงมีลกั ษณะเหมือนคนใส่ถงุ
เท้ า หากอาการรุนแรงขึ ้น จะมีอาการชาจนปวด (painful neuropathy) หรื อหากเส้ นประสาท
ขนาดใหญ่ที่มีปลอกหุ้ม (myelinated nerve fiber) เสื่อมมาก จะทําให้ เสียการทรงตัว หรื อ
การเดินและยืนเซ จากการเสียการรับความรู้สกึ ที่ใช้ ควบคุมการเคลื่อนไหว หรื อชาจนเดินเซ
เรี ยกว่า sensory ataxia อาจรุนแรงจนล้ มเกิดอุบตั เิ หตุบอ่ ย หรื อเป็ นมากจนยืนและเดินไม่ได้
อาการชาจนปวดมีได้ หลายลักษณะ ที่พบบ่อย คือ ชาเหมือนไฟลวก หรื อเอาพริกทา
ชาเจ็บแปล็บ ๆ เหมือนไฟช๊ อต หรื อเข็มทิ่มแทง ส่วนอาการที่เป็ นน้ อยกว่าและมักพบในระยะ
ก่อนอาการชาจนปวด คือ ชาเหมือนไม่ร้ ูสกึ ชาเหมือนมีแมลงไต่ใต้ ผิวหนัง

การรั กษา
การรักษาอาการดังกล่าวทังหมด
้ มักไม่ประสบผลสําเร็จ แพทย์ทวั่ ไปรวมทังแพทย์

ระบบประสาทมักให้ ไวตามิน โดยเฉพาะ B1-6-12 เมื่อมีอาการชา และให้ กลุม่ ยากันชักบาง
ชนิดที่มีผลต่ออาการปวด เช่น Gabapentin จากประสบการณ์พบว่า ไวตามิน B1-6-12 มัก
14 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ได้ ผลเฉพาะในรายที่เริ่ มมีอาการใหม่ ๆ หรื อรับประทานเพื่อป้องกัน ซึง่ ต้ องรับประทานตังแต่ ้


ยังไม่มีอาการ หากมีอาการชัดเจนแล้ ว มักจะไม่ช่วยให้ หายชาได้
ยาในกลุม่ ยากันชักได้ ผลดีในคนไข้ บางราย แต่มีราคาแพงและต้ องใช้ ไปตลอด เนื่อง
จากเป็ นยารักษาอาการ ไม่ได้ ทําให้ เส้ นประสาทที่เสื่อมดีขึ ้น ผู้ป่วยมักมีอาการมากขึ ้นเมื่อ
เส้ นประสาทเสื่อมมากขึ ้น จึงต้ องใช้ ยาขนาดสูงขึ ้น ทําให้ เกิดอาการไม่พงึ ประสงค์ของยาอยู่
เสมอ จนผู้ป่วยทนไม่ไหว เช่น อาการง่วงซึม สมองสับสน วิงเวียนศีรษะ เดินเซ
ดังนัน้ ปั จจุบนั ยังไม่มีคําตอบที่ดีในการรักษาตามแบบฉบับของแพทย์แผนตะวันตก
การรักษาด้ วยการฝั งเข็มกระตุ้นไฟฟ้า ร่วมกับการใช้ ไวตามิน B1-6-12 ฉีดเข้ าจุด
ฝั งเข็ม เป็ นวิธีรักษาที่ให้ ผลดีมาก มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่าการรักษาข้ างต้ น
อย่างเห็นได้ ชดั เจน
จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการชาดังกล่าวมากกว่า 50 รายพบว่า ผู้
ป่ วย ส่วนใหญ่ที่มีอาการชาไม่นาน มักหายชาได้ สนิท และหากทําการฝั งเข็มเป็ นระยะ เช่น
เดือนละครัง้ จะสามารถป้องกันการเกิดซํ ้าได้ สําหรับผู้ป่วยที่เป็ นมานาน หรื อมีอาการรุนแรง
ในระดับ ชาจนปวด (painful neuropathy) อาการปวดจะดีขึ ้นทุกราย จนสามารถลดการใช้
ยากันชัก หรื อหยุดยาได้ เพียงแต่อาการจะหายหมดหรื อไม่ จะสัมพันธ์กบั ความรุนแรงของ
โรคก่อนที่เริ่ มรักษาด้ วยการฝั งเข็ม
อาการที่รักษายากที่สดุ คือ sensory ataxia มักจะเป็ นในระยะที่เส้ นประสาทเสื่อม
อย่างรุนแรงที่สดุ และเกิดกับเส้ นประสาทขนาดใหญ่ แต่การรักษาด้ วยการฝั งเข็ม หากทํา
ติดต่อกันนานพอ ผู้ป่วยมักกลับมายืนและเดินได้ อีกครัง้ โดยหายในระดับที่แตกต่างกัน เช่น
จากยืนไม่ได้ มาเป็ นยืนได้ และเดินได้ โดยต้ องใช้ เครื่ องมือช่วย เช่น ไม้ เท้ าหรื อมีคนจูงเดิน
หรื อจากยืนได้ แต่เดินไม่ได้ มาเป็ นเดินได้ โดยไม่ต้องมีคนหรื ออุปกรณ์ช่วยเหลือ บางราย
ตอบสนองต่อการรักษาดีมาก จนสามารถเดินต่อเท้ าได้ (Tandem walk) ซึง่ ถือว่าหายใน
ระดับที่ดีที่สดุ ก็มี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 15

การเลือกจุดฝั งเข็มและวิธีการฝั งเข็ม


เลือกใช้ จดุ ฝั งเข็มที่อยูใ่ ต้ ระดับเข่าลงมา
จุดหลัก: ZuSanLi (ST 36), TaiChong (LR 3), TaiXi (KI 3), SanYinJiao (SP 6)
จุดเสริม: JieXi (ST 41), XuanZhong (GB 36), GongSun (SP 4)
- หากมีภาวะการไหลเวียนเลือดของขาไม่ดี เช่น หลอดเลือดส่วนปลายของขาและ
เท้ าอุดตัน เพิม่ จุด XueHai (SP 10)
- อาการชาอย่างรุนแรงที่ปลายนิ ้วเท้ า เพิม่ จุด BaFeng (EX-LE 10) ทัง้ 8 จุด
ข้ อสังเกตจากประสบการณ์ การใช้ เข็มนํ ้า โดยใช้ ไวตามิน B12 ฉีดเข้ าจุด ZuSanLi
(ST 36) พบว่า ทําให้ โอกาสประสบความสําเร็จในการรักษาเพิ่มมากขึ ้น โดยใช้ ไวตามิน B12
ครัง้ ละ 0.5 - 1 มล. ฉีดข้ างใดข้ างหนึง่ เพียงข้ างเดียวต่อครัง้ ฉีดทุกครัง้ ที่ทําฝั งเข็ม

การใช้ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
การกระตุ้นด้ วยไฟฟ้า จัดเป็ นการกระตุ้นเข็มแบบบํารุง โดยใช้ การเคลื่อนที่ของ
กระแสไฟฟ้าไปตามทิศทางของเส้ นลมปราณ เช่น ติดขัวลบที ้ ่ ZuSanLi (ST 36) และขัวบวก้
ที่ TaiChong (LR 3) หรื อ/และ JieXi (ST 41); ติดขัวลบที ้ ่ TaiXi (KI 3) และขัวบวกที
้ ่
SanYinJiao (SP 6); หรื อขัวลบที
้ ่ SanYinJiao (SP 6) หรื อ/และ TaiXi (KI 3) และขัวบวกที
้ ่
XueHai (SP 10) เลือกคลื่นแบบต่อเนื่อง (continuous wave) ความถี่ 100 - 200 Hz เปิ ดไฟ
กระตุ้นเบา ๆ ไม่ต้องรู้สกึ นาน 30 นาที ทําการฝั งเข็ม 10 ครัง้ นับเป็ น 1 รอบการรักษา
(course) รอบการรักษาที่ 1 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 3 ครัง้ , รอบการรักษาที่ 2 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 2
้ กษาสภาพที่ดีที่สดุ
ครัง้ , รอบการรักษาที่ 3 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 1 ครัง้ ต่อเนื่องกัน หลังจากนันรั
ที่ได้ มาด้ วยการให้ การรักษา 1 ครัง้ ทุก 3 - 4 สัปดาห์ เป็ นการรักษาเพื่อคงสภาพที่ดีไว้
(mantainance phase)

ผลการรั กษา
ผู้ป่วยเกือบทุกรายจะมีอาการดีขึ ้น แต่ต้องเน้ นเรื่ องการรักษาควบคุมโรคที่เป็ นอยูซ่ งึ่
16 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เป็ นสาเหตุที่แท้ จริ ง จําเป็ นต้ องควบคุมโรคให้ ได้ ดี เช่น คุมระดับนํ ้าตาลทัง้ fasting blood
sugar และค่านํ ้าตาลเฉลี่ยในเลือด HbA1C ให้ อยูใ่ นเกณฑ์ปกติด้วย พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการ
ชาทังปลายมื
้ อและปลายเท้ า การฝั งเข็มที่ขาทังสองข้ ้ างดังกล่าวมาข้ างต้ นเพียงอย่างเดียว
สามารถรักษาอาการชาที่ปลายมือได้ ด้วย โดยไม่ต้องมาฝั งเข็มที่แขนหรื อมือเลย
ผู้ป่วยที่มีอาการชาจนปวด จะค่อยทุเลาลงหลังให้ การรักษาประมาณ 15 ครัง้ และ
ค่อย ๆ ลดยาแก้ ปวดที่มีฤทธิ์และอาจหยุดยาได้ หมดในอนาคต คงไว้ แต่ ไวตามิน B1-6-12
รับประทานเพียงอย่างเดียว เพื่อเป็ นวัตถุดบิ ให้ เซลประสาทเอาไปใช้ ซอ่ มแซมตัวเอง
ผู้ป่วยที่มีอาการชาจนเดินเซ หลายรายกลับมายืนและเดินได้ โดยไม่เซ หรื อเซลดลง
ทําให้ โอกาสเกิดอุบตั เิ หตุน้อยลงด้ วย

รู ปที่ 2 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปลายประสาทเสื่อม


จากเบาหวาน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 17

ปวดประสาทใบหน้ า
( Trigeminal Neuralgia : 面痛)
อาการปวดประสาทสมองเส้ นที่ 5 (Trigeminal nerve) มีลกั ษณะการปวดที่รุนแรง
คล้ ายเข็มแทงเป็ นพัก ๆ (paroxysmal attack of severe, short, sharp, stabbing pain)
อาการปวด เกิดไปตามส่วนของใบหน้ าบริเวณที่แขนงของเส้ นประสาท Trigeminal มาเลี ้ยง
อาจจะเป็ นแขนงที่ 1, 2 หรื อ 3 (V1 V2 V3) หรื อเป็ นมากกว่าหนึง่ แขนงก็ได้ โดยสถิตแิ ขนงที่
2 และ 3 มีโอกาสเกิดอาการปวดมากกว่าแขนงที่ 1 อาการปวดอาจกําเริบรุนแรงเป็ นพัก ๆ วัน
ละหลาย ๆ ครัง้ ครัง้ ละหลายวันถึงหลายเดือนหรื อเป็ นตลอดไปก็ได้
การเคี ้ยวอาหาร การพูด การล้ างหน้ า การแปรงฟั น การกระทบลมเย็นหรื อการแตะ
สัมผัสบริ เวณเฉพาะ (trigger spot) โดยเฉพาะบริเวณริมฝี ปากบนและเหงือก อาจจะกระตุ้น
ให้ อาการปวดรุนแรงขึ ้นมาทันที

สาเหตุและพยาธิสภาพของโรค
1. การกดทับรากประสาท (root or root entry zone compression) เกิดจากการมีวง
ของหลอดเลือดที่ผิดปกติวางพาดหรื ออยูช่ ิดกระทบรากประสาท Trigeminal ตรงบริเวณที่
รากประสาทเพิ่งออกจากก้ านสมองส่วน pons
2. การติดเชื ้อไวรัสบางชนิดที่เส้ นประสาท Trigeminal โดยตรง เช่น เชื ้อไวรัสเริม
เชื ้อไวรัสงูสวัด
3. การอักเสบของอวัยวะข้ างเคียง ที่เส้ นประสาท Trigeminal พาดผ่าน เช่น หูหรื อ
โพรงจมูกเป็ นหนองอักเสบ
4. การเสื่อมของเยื่อหุ้มประสาท (demyelination) บริเวณ pons มักเกิดในคนอายุ
น้ อย กลุม่ นี ้จะไม่มี trigger spot และไม่คอ่ ยตอบสนองต่อการรักษา
5. กลุม่ ไม่ทราบสาเหตุมีอีกเป็ นจํานวนมาก และมักจะเป็ นยาวนานต่อเนื่อง
18 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การรั กษา
รักษาด้ วยยาต้ องใช้ กลุม่ ยากันชัก เช่น Carbamazepine, Gabapentin, Pregabalin,
Phenytoin, Lamotrigine นอกจากนี ้บางรายอาจตอบสนองต่อยา Baclofen
การรักษาด้ วยยาดังกล่าว มักได้ ผลไม่ดี เนื่องจากเป็ นการรักษาอาการปวดเท่านัน้
ยาเหล่านี ้มีราคาแพง และมักมีอาการแทรกซ้ อนจากยาในระหว่างการรักษา เช่น อาการง่วง
ซึม วิงเวียนศีรษะ เดินเซ หรื อการกดไขกระดูกทําให้ ไขกระดูกสร้ างเม็ดเลือดไม่ได้ (aplastic
anemia) หรื อแพ้ ยา จนเกิดอาการทางผิวหนังอย่างรุนแรง (Steven Johnson’s syndrome)
การรักษาโรคนี ้ด้ วยการฝั งเข็ม เป็ นที่ยอมรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า
ได้ ผลดี และจากประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยพบว่า เมื่อรักษาด้ วยการฝั งเข็ม ผู้ป่วยส่วน
ใหญ่ความรุนแรงของอาการปวดจะลดลง จํานวนครัง้ ที่ปวดต่อวันจะลดลง และระยะเวลาใน
การปวดแต่ละครัง้ จะสันลง ้ อาการจะดีขึ ้นเรื่ อย ๆ ในระหว่างที่ทําการรักษา ทําให้ สามารถลด
ขนาดยาที่ใช้ ให้ น้อยลง เป็ นการลดอาการแทรกซ้ อนจากยาได้ อย่างมาก ในที่สดุ ผู้ป่วยจํานวน
หนึง่ สามารถหยุดยาต่าง ๆ ได้ หมด ผู้ป่วยส่วนใหญ่เมื่ออาการทุเลามากแล้ ว จําเป็ นต้ องให้
การฝั งเข็มต่อเนื่องเป็ นระยะ ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ตอ่ ครัง้ เพื่อรักษาสภาพอาการที่ดีไว้ โดย
ให้ ยาในขนาดตํ่า ๆ ซึง่ ช่วยลดอาการอันไม่พงึ ประสงค์จากยาลงได้

การเลือกจุดฝั งเข็มและวิธีการฝั งเข็ม


จุดใกล้ : 1. XiaGuan (ST 7), 2. YiFeng (TE 17), 3. FengChi (GB 20),
4. YangBai (GB 14), 5. SiBai (ST 2), 6. TongZhiLiao (GB 1),
7. YingXiang (LI 20), 8. DiCang (ST 4), 9. JiaChe (ST 6)
ฝั งเข็มข้ างเดียวกับอาการปวด โดยจุดที่ 1, 2, 3 เลือกใช้ ทงั ้ 3 จุด จุดที่ 4 ถึง 9
เลือกใช้ จดุ ที่อยูใ่ นบริเวณที่ปวดตามแขนงของเส้ นประสาทที่มีปัญหา โดย แขนงประสาทที่ 1
(V1) เลือกใช้ จดุ ที่ 4, 5 และ 6 ; แขนงประสาทที่ 2 (V2) เลือกใช้ จดุ ที่ 6 และ 7 ; แขนง
ประสาทที่ 3 (V3) เลือกใช้ จดุ ที่ 8 และ 9
จุดไกล: NeiTing (ST 44), HeGu (LI 4)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 19

เลือกใช้ ตามแขนงเส้ นประสาทที่มีปัญหาเช่นกัน โดย แขนง V3 เลือกใช้ HeGu (LI 4)


ข้ างเดียวกัน ; แขนง V1 หรื อ/และ V2 เลือก HeGu (LI 4) ด้ านตรงข้ าม
ข้ อสังเกตจากประสบการณ์ มีประเด็นสําคัญ 2 ประการ ได้ แก่
1) ต้ องพยายามหาและปั กจุด Ashi ซึง่ มักซ่อนอยูใ่ ต้ โหนกแก้ ม ในกรณีที่เป็ นจาก
แขนง V2 และซ่อนอยูบ่ ริ เวณปลายคางหรื อใต้ คาง ในกรณีที่เป็ นจากแขนง V3 ซึง่ หากจุด
Ashi ถูกฝั งเข็มด้ วย ประสิทธิผลของการรักษาจะดีขึ ้นมาก จึงต้ องพยายามสํารวจหาให้ พบ
ก่อนฝั งเข็ม
2) การกระตุ้นเข็มด้ วยไฟฟ้าที่ได้ ผลดี ควรใช้ ความถี่สงู 200 เฮิร์ซ โดยติดขัวลบ้ (สี
ดํา) ที่จดุ ที่ 4 - 11 หรื อจุด Ashi และติดขัวบวก
้ (สีแดง) ที่จดุ ที่ 2 หรื อ 3 กระตุ้นนาน 30 นาที
เปิ ดไฟกระตุ้นเบา ๆ ไม่ต้องรู้สกึ หรื อแค่เกือบรู้สกึ พบว่าสามารถลดความเจ็บปวดได้ ดีที่สดุ
การฝั งเข็ม 10 ครัง้ นับเป็ น 1 รอบการรักษา (course) รอบการรักษาที่ 1 ฝั งเข็ม
สัปดาห์ละ 3 ครัง้ , รอบการรักษาที่ 2 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 2 ครัง้ , รอบการรักษาที่ 3 ฝั งเข็ม
สัปดาห์ละ 1ครัง้ , บางรายอาจเสริ มรอบการรักษาที่ 4 ฝั งเข็มเดือนละ 2 ครัง้ จากนันฝั ้ งเข็ม
ต่อเนื่อง ทุก 3 - 4 สัปดาห์ เพื่อรักษาสภาพที่ดที ี่สดุ ไว้ โดยทําไปเรื่ อย ๆ หรื ออย่างน้ อย
ประมาณ 10 เดือน
20 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 3 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดประสาทใบหน้ า


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 21

ปวดประสาทจากเชือ้ งูสวัด
( Herpetic Neuralgia : 带状疱疹后遗神经痛)
อาการปวดประสาทจากโรคติดเชื ้อไวรัส งูสวัด (Herpes Zoster) เป็ นหนึง่ ในกลุม่
อาการปวดที่รักษาให้ หายได้ ยาก มีการรักษาหลายวิธีการ แต่ก็มกั จะได้ ผลไม่ดี ทําให้ ผ้ ปู ่ วย
จํานวนหนึง่ ไม่สามารถทุเลาจากอาการปวดได้ แม้ จะได้ รับการรักษาอย่างเต็มที่แล้ ว ผู้ป่วย
หลายรายต้ องมีอาการปวดอย่างรุนแรงติดตัวไปตลอดชีวิต
้ นโรคผิวหนัง ทําให้ ผ้ ปู ่ วยส่วนใหญ่
ความเข้ าใจผิดของผู้ป่วยที่คดิ ว่าโรคงูสวัดนันเป็
คิดว่าไม่เป็ นไรมาก และมักหาซื ้อยามาใช้ เองหรื อใช้ การรักษาแบบพื ้นบ้ านตามความเชื่อของ
แต่ละถิ่น เมื่อมีอาการปวดรุนแรงมากจึงมาพบแพทย์เฉพาะทาง ซึง่ มักช้ าไป ทําให้ การรักษา
ยาก บางรายได้ รับยาต้ านเชื ้อไวรัสในขนาดน้ อยเกินไป คือให้ ยาเพียงหนึง่ ในสี่ เช่น Acyclovir
200 mg ต่อครัง้ หรื อเพียงครึ่งเดียวของขนาดที่ควรจะได้ เช่น Acyclovir 400 mg ต่อครัง้ วัน
ละ 5 ครัง้ ขนาดของยาดังกล่าวจะเพียงพอสําหรับการรักษาเชื ้อเริม (Herpes Simplex)
เท่านัน้ แต่ไม่เพียงพอสําหรับการกําจัดเชื ้องูสวัด ทําให้ การรักษาในภายหลังได้ ผลไม่ดี เพราะ
การใช้ ยาจะได้ ผลดี เมื่อได้ รับในขนาดที่เพียงพอ และได้ รับในระยะแรก ๆ ของโรค ซึง่ เป็ นช่วง
ที่เชื ้อไวรัสกําลังเพิม่ จํานวนอย่างรวดเร็วเท่านัน้

สาเหตุและพยาธิสภาพของโรค
โรคติดเชื ้องูสวัด มิใช่โรคผิวหนัง แต่เป็ นโรคระบบประสาท อาการที่ผวิ หนังเป็ นส่วน
หนึง่ ของโรคเท่านัน้ เมื่อผู้ป่วยติดเชื ้อไวรัสงูสวัดครัง้ แรก (primary infection) ซึง่ มักเป็ นในวัย
เด็กเล็ก อาการแสดงของโรคจะปรากฏให้ เห็นเป็ นออกสุกใส ซึง่ มีอาการแสดงเฉพาะผิวหนัง
จริง ๆ เมื่ออาการทางผิวหนังหายแล้ ว ร่างกายจะไม่สามารถกําจัดเชื ้อนี ้ได้ หมด เนื่องจาก
ไวรัสงูสวัดสามารถที่จะไปแอบซ่อนตัวในปมประสาทรับความรู้สกึ และเม็ดเลือดขาวบางชนิด
การอยูอ่ ย่างซ่อนเร้ นในเซลประสาทรับความรู้สกึ ของร่างกายนี ้ ทําให้ กลไกกําจัดเชื ้อตาม
22 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ธรรมชาติของร่างกายไม่สามารถตรวจพบและกําจัดเชื ้อออกไปได้ เชื ้อเหล่านี ้จะยังคงอยู่


ตลอดไปและรอเวลา เมื่อร่างกายมีภมู ิต้านทานตํา่ ลง เช่น มีการเจ็บป่ วยรุนแรง ระหว่างฟื น้
ไข้ หรื อระหว่างฟื น้ ตัวหลังผ่าตัด อดนอนตรากตรํ างานมาก หรื อได้ ยากดภูมิต้านทานของ
ร่างกาย เชื ้อที่ซอ่ นอยูจ่ ะเริ่ มกําเริบเพราะภูมิต้านทานของร่างกายไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะ
กําราบเชื ้อได้ เชื ้อที่ซอ่ นตัวไว้ จะมีการแบ่งตัวเพิ่มจํานวนอย่างรวดเร็ว (reactivation) จนมี
จํานวนเชื ้อมากพอถึงระดับที่จะแสดงอาการของโรค เชื ้อจะเดินทางไปตามเส้ นประสาทที่ออก
จากปมประสาทบริเวณใบหน้ าและ 2 ข้ างของกระดูกสันหลัง วิง่ อ้ อมไปทางเส้ นประสาทที่
อยูร่ อบตัว หรื อประสาทที่ออกไปเลี ้ยงแขนขา หรื อไปตามเส้ นประสาทรับรู้ความรู้สกึ บนใบ
หน้ า เมื่อเชื ้อมาถึงผิวหนังจะทําให้ เกิดพุขึ ้นเป็ นผื่นแดง ต่อมาเป็ นตุม่ คล้ ายคนเป็ นสุกใส
้ ่นจึงมักจะเรียงตัวไปตามแนวรากและเส้ นประสาทนัน้ ๆ หากเราสังเกตตุม่ ให้ ดี
นัน่ เอง ดังนันผื
จะเป็ นตุม่ ใสวางอยูบ่ นผื่นแดง และตรงกลางยอดของตุม่ ใสจะมีบมุ๋ ลงไปคล้ ายสะดือ ซึง่ เป็ น
ลักษณะที่คอ่ นข้ างเฉพาะของผื่นผิวหนังจากงูสวัด
เนื่องจากการลุกลามหลังการติดเชื ้อครัง้ แรก จะแพร่กระจายมาตามเส้ นประสาทรับ
ความรู้สกึ (sensory nerve and sensory root) จึงทําให้ เกิดการอักเสบของเส้ นประสาทร่วม
ด้ วยเสมอ ไม่มากก็น้อย เพียงแต่จะเกิดชัว่ คราวหรื อจะเกิดรุนแรงจนเป็ นถาวร
อาการปวดประสาทอย่างรุนแรง กับความรุนแรงของแผลของผิวหนัง มีความสัมพันธ์
กันอย่างใกล้ ชิด กล่าวคือ หากผู้ป่วยมีแผลรุนแรง เป็ นบริ เวณกว้ างและลึกมาก อาการเหล่านี ้
จะพอทํานายได้ วา่ จะตามมาด้ วยอาการปวดที่รุนแรง อีกประการหนึง่ หากผู้ป่วยได้ รับยาฆ่า
เชื ้อไวรัส ในขนาดที่พอเพียงและเร็วพอ แผลมักจะไม่รุนแรง บางทีขึ ้นมาเป็ นผื่นแดง ๆ พอ
เป็ นตุม่ เล็ก ๆ ก็ยบุ ไป ไม่กลายเป็ นตุม่ พองขยายวงกว้ าง และมีอาการปวดในภายหลังน้ อย
กว่า จากรายงานในวารสาร American Academy Dermatology พบว่า ในคนสูงอายุเกิน 60
ปี หากเป็ นงูสวัด มากกว่าร้ อยละ 50 หรื อครึ่งหนึง่ ของผู้ป่วยจะมีอาการปวดจากงูสวัดตามมา
และพบว่า การให้ ยาสเตียรอยด์ ในระยะสัน้ ๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ในผู้ป่วยกลุม่ นี ้ตังแต่ ้ แรก
โอกาสเกิดอาการปวดจากเส้ นประสาทอักเสบจากเชื ้องูสวัดจะน้ อยลง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 23

กล่ าวโดยสรุ ปเกี่ยวกับงูสวัดในปั จจุบนั ดังนี ้


1. เชื ้องูสวัดที่เป็ น ไม่ได้ ตดิ มาจากใคร แต่เป็ นเชื ้อเดียวกับโรคสุกใสที่เคยเป็ นมาก่อน
หน้ า ซึง่ ส่วนใหญ่เป็ นมาแต่เด็ก เชื ้อไวรัสบางส่วนอาศัยแอบซ่อนอยูใ่ นปมประสาท และถูก
กระตุ้นปลุกขึ ้นมาใหม่ (reactivation) เมื่อมีปัจจัยที่เหมาะสม
2. งูสวัดเป็ นโรคระบบประสาท โดยอาการทางผิวหนังเป็ นเพียงอาการแสดงส่วนหนึ่ง
ของโรค
3. อาการปวดประสาทจากงูสวัด มีความหลากหลาย อาจเป็ นอาการถาวร ที่รักษา
ไม่หาย และอาจปวดรุนแรงมาก จนถึงกับไม่อยากมีชีวิตอยูต่ อ่ ไป หรื ออาการอาจเป็ นชัว่ คราว
และหายเองได้
4. หากได้ รับยาต้ านไวรัส ในขนาดที่เหมาะสมและรวดเร็ วเพียงพอ จะสามารถลด
ภาวะแทรกซ้ อนจากโรคลงได้ ทังอาการปวดประสาท ้ และความรุนแรงของผื่นผิวหนังและ
แผลเป็ น
5. การใช้ ยาสเตียรอยด์ในช่วง 2 - 3 สัปดาห์แรกหลังการเกิดผื่น ช่วยทําให้ อาการ
ปวดประสาทลดลง และควรใช้ ในผู้ป่วยงูสวัดทุกคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
ความทุกข์ทรมานของอาการปวดประสาทจากงูสวัด เป็ นการยากที่จะอธิบายให้ คนที่
ไม่เคยเป็ นเข้ าใจได้ เพียงแค่เสื ้อผ้ าสัมผัสกับผิวหนังบริ เวณที่เป็ น (ซึง่ แผลหายแล้ ว) ยังปวด
มากจนต้ องร้ องไห้ เมื่อเชื ้องูสวัดเพิม่ จํานวนออกมาจากปมประสาทจะทําให้ เกิดการอักเสบ
ไปตามรากประสาท เส้ นประสาทไปถึงไหน อาการปวดก็ตดิ ตามไปทุกที่ ตัวอย่าง ราก
ประสาทบริเวณเอวจะไปเลี ้ยงกล้ ามเนื ้อและผิวหนังของรอบเอว อาการปวดก็จะเกิดรอบ ๆ
เอว จากผิวหนังลึกลงไปถึงกล้ ามเนื ้อชันใน ้ อาการปวดอาจเป็ นได้ หลายแบบ เช่น ร้ อนแสบ
เหมือนไฟลวก หรื อเหมือนเอาพริ กทา หรือปวดแปลบแบบไฟช็อต วิง่ ไปตามรากประสาทหรื อ
ปวดเหมือนถูกเข็มแทงทีละหลาย ๆ เล่ม ระยะแรก อาการปวดเกิดเฉพาะบริเวณที่ราก
ประสาทนันเลี ้ ้ยงอยู่ ต่อมาอาจปวดในบริเวณข้ างเคียง ทังด้ ้ านบนและล่างต่อรากประสาทที่
รับผิดชอบอีก 2 - 3 ราก รวมกันเป็ นบริเวณปวดเป็ นแถบกว้ างขึ ้นและรุนแรงขึ ้นด้ วย เมื่อมี
อาการปวดต่อเนื่องเป็ นเวลานาน อาการปวดจะถูกบันทึกไว้ อย่างถาวร ในระบบประสาทส่วน
24 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

กลางระดับไขสันหลังและสมอง ซึง่ เป็ นระยะที่การรักษาใด ๆ ก็มกั จะไม่ได้ ผล และอาการปวด


จะเป็ นไปตลอด แม้ จะฉีดยาระงับความรู้สกึ ที่เส้ นประสาท หรื อตัดเส้ นประสาทที่มีปัญหา
ออกอาการปวดก็ไม่หาย
เนื่องจากอาการปวดรุนแรง การใช้ ยาแก้ ปวดธรรมดามักไม่ได้ ผล แพทย์มกั ต้ องใช้ ยา
แก้ ปวดอย่างแรง ซึง่ อาจเสพติดได้ เช่น Morphine, Pethidine และอาจต้ องให้ ยากันชัก
บางอย่างซึง่ มีฤทธิ์แก้ ปวดประสาทได้ เช่น Gabapentin, Carbamazepine, Pregabalin,
Oxcarbamazepine ยาเหล่านี ้ เพียงช่วยบรรเทาอาการชัว่ คราวแต่โรคไม่หาย มีราคาแพง
และมีฤทธิ์แทรกซ้ อนที่สาํ คัญ คือ กดการทํางานของสมอง ทําให้ งว่ งซึมทํางานไม่ได้ แต่
ผู้ป่วยก็จําเป็ นต้ องใช้ ยา เพราะง่วงก็ยงั ดีกว่าปวด รวมทังยาบางชนิ
้ ด เช่น Carbamazepine
ยังอาจทําให้ เกิดอาการผื่นแพ้ ยาอย่างรุนแรงในผู้ใช้ บางรายด้ วย ผู้ป่วยบางรายอาจจําเป็ น
ต้ องใช้ ยาในขนาดสูงจนกดการทํางานของไขกระดูก จนไม่สามารถสร้ างเม็ดเลือดได้ ทําให้
เกิดโรคเลือด
การฝั งเข็มช่ วยรักษาอาการปวดจากงูสวัดได้ ดี แต่ ต้องทําภายใน 4 สัปดาห์
หลังจากมีผ่ ืนขึน้ ที่ผิวหนัง คือต้ องทําก่อนที่ร่างกายผู้ป่วยจะบันทึกความเจ็บปวดอย่าง
ถาวร ไว้ ในระบบประสาทส่วนกลาง เพราะผู้ป่วยที่มารับการรักษาในระยะที่ช้าไปจะเกิด
อาการปวดภายในระบบประสาทได้ ด้วยตัวของมันเอง โดยไม่ต้องมีการกระตุ้นจากสิง่ อื่น จะ
นัง่ จะนอนอยูเ่ ฉย ๆ ก็มีอาการปวดขึ ้นเอง เหมือนระบบประสาทเปิ ดเล่นเทปที่บนั ทึกอาการ
ปวดไว้ ออกมาเอง
จากประสบการณ์ การรักษาผู้ป่วยที่ปวดจากงูสวัดประมาณ 80 ราย พบว่า ได้ ผลดี
โดยการฝั งเข็มบริเวณรอบ ๆ รอยผื่นและตุม่ ที่ผิวหนัง (แต่ไม่ได้ แทงเข็มตรงบริเวณที่เป็ นแผล)
การฝั งเข็มบริ เวณจุดข้ าง ๆ กระดูกสันหลังที่มีรากประสาทที่สง่ เส้ นประสาทมาเลี ้ยงผิวหนังที่
บริเวณที่เป็ นแผลประมาณ 4 - 5 จุด จากนันกระตุ ้ ้ นเข็มด้ วยไฟฟ้า ในความถี่สงู ประมาณ
200 เฮิร์ซ พบว่า อาการปวดมักจะลดลงตังแต่ ้ การฝั งเข็มครัง้ แรก บางครัง้ ลดลงร้ อยละ 20 –
30 จากอาการเดิม ซึง่ หากเป็ นเช่นนัน้ สามารถทํานายได้ วา่ จะประสบความสําเร็ จในการ
รักษาในที่สดุ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 25

อาการปวดจากโรคงูสวัด เป็ นอาการที่รักษายาก จึงจําเป็ นต้ องใช้ เวลานานทําการ


รักษาหลายครัง้ จึงจะสําเร็ จ โดยทัว่ ไปแนะนําให้ ทําฝั งเข็มครัง้ ละ 30 นาที โดยแบ่งระยะการ
รักษาเป็ น 3 รอบการรักษา รอบละ 10 ครัง้ โดยรอบการรักษาแรก ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 3 ครัง้ ,
รอบการรักษาที่ 2 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 2 ครัง้ และรอบการรักษาที่ 3 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 1 ครัง้
จากประสบการณ์ หากผู้ป่วยมารับการรักษาภายใน 4 สัปดาห์ (1 เดือน) นับจากเริ่ มเกิดผื่น
พบว่า ผู้ป่วยทุกรายหายเป็ นปกติ คือสามารถค่อย ๆ ถอนการใช้ ยารับประทานที่เคยใช้ อยูไ่ ด้
หมด นับว่าเป็ นการรักษาที่ดีที่สดุ ในการจัดการกับอาการปวดประสาทจากงูสวัด
อย่างไรก็ตาม สําหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดประสาทมานานหลายเดือน หรื อเป็ นปี
การรักษาจะได้ ผลไม่ดี และไม่แนะนําให้ ทําการรักษาด้ วยการฝั งเข็ม ดังนันการเป็
้ นงูสวัดและ
มีอาการปวด ควรนึกถึงแพทย์ฝังเข็มและมารับการรักษาโดยเร็วที่สดุ
นอกจากนี ้ ผู้เขียนยังพบว่า การฝั งเข็มรักษาผู้ป่วยงูสวัดในระยะเฉียบพลัน ที่เริ่มมี
ผื่นหรื อตุม่ ใสจะได้ ผลดียิ่งขึ ้น โดยผื่น ตุม่ พอง และแผลอักเสบต่าง ๆ กลับแห้ งและหายเร็วขึ ้น
มาก ผู้ป่วยที่เริ่ มเป็ นงูสวัดไม่จําเป็ นต้ องรอให้ มีอาการปวดก่อนแล้ วจึงมาฝั งเข็ม สามารถให้
การฝั งเข็มได้ เลย แผลจะหายเร็วและไม่มีอาการปวดติดตามมา และอาจไม่ต้องทําการรักษา
ถึง 30 ครัง้

ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยรายแรก หญิงไทย อายุ 29 ปี มีอาการแทรกซ้ อนจากงูสวัด ที่เรี ยกว่า
Ramsay-Hunt syndrome คือ เป็ นงูสวัดบริเวณหูแล้ วเข้ าทําลายเส้ นประสาทสมองเส้ นที่ 5,
7 และ 8 โดยมีอาการปวดใบหน้ า ปากเบี ้ยว และสูญเสียการได้ ยิน (หูดบั ) หลังให้ การรักษา
ด้ วยการฝั งเข็ม 10 ครัง้ อาการหายเป็ นปกติ
ผู้ป่วยรายที่สอง วิสญ ั ญีแพทย์ชาย อายุ 65 ปี นอกจากมีอาการ Ramsay-Hunt
syndrome คือปวดใบหน้ า อัมพฤกษ์ ที่ใบหน้ า และหูดบั แล้ ว ยังทําให้ สมองน้ อยอักเสบ
(cerebellitis) มีอาการมึนศีรษะ เดินเซ เสียการทรงตัว หลังให้ การรักษาด้ วยการฝั งเข็ม 9
ครัง้ พบว่าอาการปวดใบหน้ าหายไป ปากเบี ้ยวน้ อยลง อาการเดินเซยังมีเล็กน้ อย ผลตรวจ
26 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การได้ ยิน (audiogram) เปรี ยบเทียบกับก่อนการรักษาดีขึ ้นจนเกือบปกติ


ผู้ป่วยรายที่สาม นักศึกษาแพทย์ชาย อายุ 23 ปี เป็ นผื่นงูสวัดที่หน้ าผาก 4 วัน และ
เริ่มมีอาการปวด หลังให้ การรักษาด้ วยการฝั งเข็ม 4 ครัง้ อาการปวดหายไป และ แผลแห้ งตก
สะเก็ดอย่างรวดเร็ ว
ผู้ป่วยรายที่ส่ ี พยาบาลหญิง อายุ 28 ปี เป็ นงูสวัดที่เท้ า 6 วัน จึงเริ่มมีอาการปวด
หลังให้ การรักษาด้ วยการฝั งเข็ม 2 วัน แผลดีขึ ้นอย่างรวดเร็วและอาการปวดหายไป และไม่
เกิดขึ ้นอีก
ผลการรักษาในผู้ป่วยรายที่สามและสี่ แสดงให้ เห็นว่า ผู้ป่วยงูสวัดที่ได้ รับรักษาด้ วย
การฝั งเข็มในระยะเฉียบพลัน จะได้ ผลในการรักษาที่ดีขึ ้น คือ ทําให้ แผลหายเร็วขึ ้น มีแผลเป็ น
น้ อย ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดประสาทถาวร และใช้ จํานวนการฝั งเข็มน้ อยลง

การฝั งเข็มสามารถรั กษางูสวัดได้ อย่ างไร


จากการศึกษา พบว่า การฝั งเข็มช่วยลดการอักเสบได้ เช่นเดียวกับการใช้ ยาต้ านอัก
เสบกลุม่ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) รวมทังการฝั
้ งเข็มยังกระตุ้นให้ ร่างกายหลัง่ สารสเตีย
รอยด์ นอกจากนี ้การฝั งเข็มยังมีผลยับยังการหลั
้ ง่ สารที่กระตุ้นการอักเสบ ได้ แก่ ไซโตคายน์
ชนิดต่าง ๆ
การฝั งเข็มยังเพิ่มการไหลเวียนในบริเวณที่มีปัญหา ทําให้ เร่งกระบวนการดูดซับของ
เสียและสารสือ่ ความเจ็บปวด (pain mediators) อาการปวดจึงลดลง และทําให้ เกิดการ
ซ่อมแซมเนื ้อเยื่ออย่างรวดเร็ว ผื่นและตุม่ พองจะยุบฝ่ อลง แผลจึงหายได้ ดีกว่าและรวดเร็ วขึ ้น
เส้ นประสาทที่อกั เสบและบวมอยูจ่ ะยุบบวมลงอย่างรวดเร็ว ทําให้ อาการปวดทุเลา
การฝั งเข็มร่วมกับเครื่ องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า โดยใช้ ความถี่สงู ทําให้ ลดความไวต่อการกระตุ้น
ของระบบประสาทรับความรู้สกึ (hypersensitivity) และกระตุ้นการหลัง่ encephalin ซึง่ เป็ น
endorphine ที่ร่างกายสร้ างขึ ้น เพื่อระงับความเจ็บปวดในระบบประสาท ทังในระดั ้ บราก
ประสาท ไขสันหลัง และในสมอง การฝั งเข็มจึงมีผลระงับความเจ็บปวดที่มีประสิทธิภาพสูง
เพราะมีผลระงับปวดที่ระบบประสาททุกระดับ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 27

การเลือกใช้ จุดฝั งเข็มและการกระตุ้น


1. จุดใกล้ ใช้ จดุ รอบ ๆ รอยผื่นหรื อตุม่ บนผิวหนัง (ปั กล้ อมรอยโรค)
2. จุดไกล ใช้ จดุ ที่อยูใ่ กล้ ต้นกําเนิดของรากประสาทมากที่สดุ ที่สามารถฝั งเข็มได้
สะดวก เช่น หากเป็ นที่ใบหน้ าอาจใช้ จดุ XiaGuan (ST 7), YiFeng (TE 17) หากเป็ นที่ลาํ ตัว
หรื อแขนขา ใช้ จดุ JiaJi (EX-B 2) ที่อยูต่ รงกับระดับของรากประสาทข้ างเดียวกับที่เป็ นโรค
และฝั งเข็มอีก 2 - 3 ระดับเหนือจากรอยโรค ขณะเดียวกันปั กจุด JiaJi (EX-B 2) ในระดับไข
สันหลังบนสุดที่ด้านตรงข้ ามด้ วย กระตุ้นด้ วยไฟฟ้าความถี่ 200 เฮิร์ซ โดยให้ ขวลบอยู ั้ ท่ ี่จดุ
ใกล้ ขัวบวกอยู
้ ท่ ี่จดุ ไกล กระตุ้นไฟระดับเบา นาน 30 นาที จุด JiaJi (EX–B 2) ด้ านตรงข้ าม
ไม่ต้องกระตุ้น
พบว่าได้ ผลดี ขอบเขตที่ปวดจะแคบลงเรื่ อย ๆ ในการฝั งเข็มครัง้ ต่อไปต้ องหาขอบ
เขตที่ปวดใหม่ทกุ ครัง้ และขยับเข็มที่ปักล้ อมรอยโรคแคบลงเรื่ อย ๆ จนกระทัง่ อาการหาย
โดยทัว่ ไปมักจะต้ องทําประมาณ 3 รอบการรักษา รอบละ 10 ครัง้ โดยรอบการรักษาแรก
ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 3 ครัง้ , รอบการรักษาที่ 2 ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 2 ครัง้ และรอบการรักษาที่ 3
ฝั งเข็มสัปดาห์ละ 1 ครัง้
ผู้ป่วยที่มารับการรักษาภายใน 4 สัปดาห์หลังเกิดผื่น เกือบทังหมดสามารถหายได้

ด้ วยวิธีนี ้ ส่วนผู้ป่วยที่ได้ รับการรักษาเร็ว กล่าวคือพอเริ่มมีอาการผื่นก็ฝังเข็มทันที อาจจะหาย
ทังผื
้ ่นและอาการปวดภายในการรักษาเพียง 10 ครัง้ และแผลก็จะสวยแทบจะไม่มีแผลเป็ น
ดังนันผู
้ ้ ป่วยที่เป็ นงูสวัดบนใบหน้ า ไม่ควรลังเลที่จะฝั งเข็มโดยเร็ว แม้ จะไม่มีอาการปวดก็ตาม
สําหรับจุดฝั งเข็มอื่น ๆ อาจใช้ เสริม เช่น ZhiGou (TE 6) ในการปวดประสาท
Intercostal หรื อ HeGu (LI 4) ซึง่ ใช้ ได้ ทวั่ ไปไม่วา่ ปวดที่ใด ๆ ก็อาจมาปั กเป็ นจุดเสริมได้
28 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 4 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดประสาทจากเชือ้ งูสวัด


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 29

ปวดฟั น
(Toothache : 牙痛)
ปวดฟั น เป็ นปั ญหาที่พบได้ บอ่ ยในโรคของเหงือกและฟั น เช่นเดียวกับ ฟั นผุ เหงือก
อักเสบ และเหงือกร่น อาการปวดจะเพิม่ ขึ ้นเมื่อได้ รับการกระตุ้นจากความร้ อน ความเย็น
กรด และความหวาน
อาการปวดฟั น เกิดได้ จากหลายสาเหตุภายในช่องปาก ได้ แก่ ฟั นผุหรื อหักร้ าวจนถึง
โพรงประสาทฟั น, ฟั นผุที่มีสงิ่ แปลกปลอมอุดตันอยู,่ โรคปริทนั ต์ (periodontal disease),
การสบฟั นผิดปกติ (malocclusion) เป็ นต้ น นอกจากนี ้ อาการปวดฟั นอาจเกิดจากสาเหตุ
อื่นที่ไม่ใช่ปัญหาของเหงือกและฟั นได้ เช่น โรคปวดประสาทใบหน้ า (trigeminal neuralgia)
เมื่อเกิดอาการปวดฟั น อาจรับประทานยาแก้ ปวดเพื่อบรรเทาปวดชัว่ คราว จากนัน้
ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและแก้ ไขต่อไป ไม่ควรนํายาแก้ ปวดทุกชนิดไปแปะหรื อ
อุดไว้ ตรงฟั นหรื อบริเวณที่ปวด เพราะอาจทําให้ เกิดอักเสบหรื อเป็ นแผลพุพองได้ และไม่ควร
ปล่อยทิ ้งไว้ แม้ วา่ จะหายปวดไปแล้ วก็ตาม เพราะผลการรักษาจะดีกว่าเมื่อให้ การรักษาตังแต่

ระยะเริ่มต้ น
การแพทย์แผนจีน เรี ยกปั ญหาปวดฟั นว่า Ya Tong (牙痛) โดยมีสาเหตุจาก
1) ลมร้ อน: ลมร้ อนจากภายนอกเข้ ารุกรานและสะสมในเส้ นลมปราณหยางหมิงมือ
และเท้ า ซึง่ เป็ นเส้ นลมปราณที่ไหลเวียนครอบคลุมทังกรามบนและกรามล่
้ าง
2) ไฟกระเพาะอาหาร: ไฟที่แปรสภาพมาจากความร้ อนที่สะสมในกระเพาะอาหาร
และลําไส้ ใหญ่ ลุกลามไปตามเส้ นลมปราณหยางหมิง
3) ร้ อนพร่ องจากอินไตพร่ อง: ไตดูแลกระดูก ซึง่ ฟั นนับเป็ นส่วนหนึง่ ของกระดูก
เมื่อไตอินพร่องทําให้ เกิดภาวะร้ อนพร่อง (ร้ อนเพราะอินพร่อง) ความร้ อนกระจายขึ ้นส่วนบน
เกิดอาการปวดฟั น
30 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การรั กษา
การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
1. ปวดฟั นจากลมร้ อนเข้ ารุ กราน
อาการ: ปวดฟั นรุนแรงอย่างเฉียบพลัน เหงือกบวมและแดง ร่วมกับมีไข้ หนาวสัน่
อาการปวดมากขึ ้นเมื่อกระทบร้ อน และทุเลาด้ วยความเย็น
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าบาง-เหลือง
ชีพจร: ชีพจรลอย-เร็ ว (Fu-ShuMai)
หลักการรักษา: ระบายลม สยบความร้ อน ลดอาการบวม และระงับปวด
จุดหลัก: กระตุ้นระบาย FengChi (GB 20), HeGu (LI 4)
จุดเสริม: - ปวดฟั นบน กระตุ้นระบาย XiaGuan (ST 7)
- ปวดฟั นล่าง กระตุ้นระบาย JiaChe (ST 6)
- มีไข้ กระตุ้นระบาย DaZhui (GV 14)
วิธีการ: จุดหลัก กระตุ้นระบาย 1 - 3 นาที คาเข็ม 30 นาที หากอาการปวดยังไม่
ทุเลา ให้ ใช้ จดุ ฝั งเข็มเสริ ม ปวดฟั นบน XiaGuan (ST 7), ปวดฟั นล่าง JiaChe (ST 6), ขณะ
กระตุ้นสองจุดนี ้แบบระบาย แนะนําให้ ผ้ ปู ่ วยกัดฟั นไปพร้ อมกันจนอาการปวดฟั นลดลง
อธิบาย: FengChi (GB 20) เป็ นจุดสําคัญใช้ ในการระบายลมและไฟ; HeGu (LI 4)
เป็ นจุดสําคัญในการลดอาการปวดฟั น ทะลวงเส้ นลมปราณ และใช้ ระบายลมและความร้ อน
2. ปวดฟั นจากไฟกระเพาะอาหาร
อาการ: อาการปวดฟั นอย่างรุนแรง ร่วมกับเหงือกบวมแดง กําเริบโดยความร้ อน
ทุเลาโดยความเย็น กระหายนํ ้า มีกลิน่ ปาก ท้ องผูก ปั สสาวะสีเข้ ม
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าเหลือง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 31

ชีพจร: ชีพจรเร็ ว (ShuMai)


หลักการรักษา: ขจัดไฟจากกระเพาะอาหาร ลดบวม บรรเทาปวด
จุดหลัก: ระบาย HeGu (LI 4), NeiTing (ST 44), JiaChe (ST 6), XiaGuan (ST 7)
จุดเสริม: ท้ องผูก กระตุ้นระบาย ZhiGou (TE 6), ChengShan (BL 57)
อธิบาย: HeGu (LI 4) อยูบ่ นเส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร ใช้ ระบายความร้ อนออก
จากเส้ นลมปราณ หยางหมิง ทะลวงเส้ นลมปราณและลดอาการปวดฟั น; NeiTing (ST 44)
ระบายความร้ อนออกจากกระเพาะอาหาร; XiaGuan (ST 7) และ JiaChe (ST 6) เป็ นจุดบน
เส้ นหยางหมิงใกล้ บริเวณที่ปวด ช่วยทะลวงการเดินของชี่ และกระตุ้นเส้ นลมปราณเพื่อลด
อาการปวด
3. ปวดฟั นจากอินไตพร่ อง
อาการ: ปวดฟั น แบบตื ้อ ๆ เป็ น ๆ หาย ๆ เหงือกร่น ฟั นโยก ปวดเอว เข่าอ่อน
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าบาง
ชีพจร: ชีพจรเล็ก-เร็ ว (Xi-ShuMai)
หลักการรักษา: บํารุงอิน บํารุงไต ลดไฟ บรรเทาปวด
จุดหลัก: - กระตุ้นระบาย HeGu (LI 4), JiaChe (ST 6)
- กระตุ้นบํารุง TaiXi (KI 3), RanGu (KI 2)
จุดเสริม:- ปวดเอว กระตุ้นบํารุง ShenShu (BL 23), ZhiShi (BL 52)
- เสียงอื ้อในหู หรื อ มึนศีรษะ, บํารุง ShenShu (BL 23), BaiHui (GV 20)
อธิบาย: HeGu (LI 4) อยูบ่ นเส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร ใช้ ระบายความร้ อนออก
จากเส้ นลมปราณหยางหมิง ทะลวงเส้ นลมปราณและลดอาการปวดฟั น; JiaChe (ST 6) เป็ น
จุดบนเส้ นหยางหมิง ใกล้ บริเวณที่ปวด จะช่วยทะลวงการเดินของชี่ และกระตุ้นเส้ นลมปราณ
32 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เพื่อลดอาการปวด; TaiXi (KI 3) จุดหยวนของเส้ นลมปราณไต บํารุงไต หล่อเลี ้ยงอิน; RanGu


(KI 2) จุดอิ๋งของเส้ นลมปราณไต บํารุงไต ขจัดไฟพร่อง

การฝั งเข็มจุดเฉพาะ
1. YeMen (TE 2)
ข้ อบ่ งใช้ : ปวดฟั นในหลายลักษณะ
จุดที่ใช้ : YeMen (TE 2) ข้ างที่ปวด
วิธีการ: ใช้ เข็ม 1.5 ชุ่น ที่จดุ YeMen (TE 2) ปั กเฉียงขึ ้น ลึก 0.5 – 1 ชุ่นระหว่าง
กระดูกมือที่ 4 และ 5 กระตุ้นเข็มจนได้ ชี่ และมีความรู้สกึ กระจายไปปลายนิ ้ว หรื อไปที่แขน
หรื อศอก คาเข็ม 20 – 60 นาที หากอาการปวดไม่ทเุ ลาลงอย่างมากใน 15 นาที ให้ ฝังจุด
YeMen (TE 2) ของมืออีกข้ างและกระตุ้นเช่นเดียวกัน โดยทัว่ ไปอาการปวดจะหายได้ ในการ
รักษาหนึง่ ครัง้
2. YaTong (EX-UE 22)
ข้ อบ่ งใช้ : ปวดฟั นในหลายลักษณะ
จุดที่ใช้ : YaTong (EX-UE 22) ข้ างที่ปวด
วิธีการ: จุด YaTong(EX-UE 22) อยูบ่ นนิ ้วหัวแม่มือด้ านหลังมือ ตรงกึ่งกลางข้ อต่อ
กระดูกนิ ้วมือและกระดูกฝ่ ามือ (1st metacarpophalangeal joint) ใช้ เข็ม 1 ชุ่น ปั กแนวราบ
ให้ เฉียงขึ ้นบนลึก 0.5 ชุ่น แล้ วกระตุ้นให้ ได้ ชี่ และมีความรู้สกึ ไปถึงเหงือก คาเข็มไว้ 30 นาที
โดยทัว่ ไปอาการปวดจะหายได้ ในการรักษาหนึง่ ครัง้
3. YaTongLing (EX-UE 18)
ข้ อบ่ งใช้ : ปวดฟั นในหลายลักษณะ
จุดที่ใช้ : YaTongLing (EX-UE 18) ข้ างที่ปวด
วิธีการ: จุด YaTongLing(EX-UE 18) อยูด่ ้ านฝ่ ามือ ระหว่างข้ อต่อกระดูกนิ ้วมือและ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 33

กระดูกฝ่ ามือ ของนิ ้วกลางและนิ ้วนาง (3rd & 4th metacarpophalangeal joints) ใช้ เข็ม 1 ชุ่น
ปั กตรงลึก 0.3 – 0.4 ชุ่น แล้ วกระตุ้นแบบระบายให้ ได้ ชี่ คาเข็มไว้ จนอาการปวดฟั นหายไป
โดยปกติฝังเข็มรักษา 1 – 2 ครัง้ ก็ได้ ผลดี

การฝั งเข็มหู
จุดหลัก: ShenMen, Cheek, Apex of Antitragus, YaTongDing
จุดเสริม:- เหตุจากลมร้ อน Inner ear, Ear Apex
- เหตุจากไฟกระเพาะอาหาร Stomach, Large intestine
- เหตุจากไตอินพร่อง Kidney
34 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 5 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาอาการปวดฟั น


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 35

- กลุ่มอาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนือ้
(Myofascial Pain Syndrome : 肌筋膜炎综合症)
กลุม่ อาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนื ้อ เป็ นกลุม่ อาการที่มีลกั ษณะปวดอันเนื่องจากมี
“จุดกดเจ็บเฉพาะ” (Trigger point ; TrP) ในกล้ ามเนื ้อ

ลักษณะของโรค
1. อาการและอาการแสดงทางคลินิก
- มีจดุ กดเจ็บเฉพาะ
- ลักษณะปวด เป็ นแบบหนักตื ้อ (dull pain) ปวดล้ า (soreness) และตําแหน่งอยูล่ กึ
- ความรุนแรงของการปวด มีตงแต่
ั ้ เล็กน้ อยจนถึงปวดมาก หรื อปวดมากจนอยากฆ่า
ตัวตาย
- อาการปวดขณะพักหรื อออกกําลังกาย
- ตําแหน่งที่ปวด ไม่จําเป็ นต้ องพบทังสองข้
้ างของร่างกาย (non symmetry)
2. การตรวจร่ างกาย
- ด้ านกําลังของกล้ ามเนื ้อ (motor) อาจพบมีกล้ ามเนื ้ออ่อนแรง กล้ ามเนื ้อหดสัน้
แข็งเกร็ ง ทําให้ ร่างกายเคลือ่ นไหวได้ น้อยลง
- ด้ านความรู้สกึ (sensory) อาจพบชาตามบริเวณที่เกิดโรค ด้ านประสาทอัตโนมัติ
(ANS) เช่น มีเหงื่อออกผิดปกติ นํ ้าตาไหล นํ ้ามูกไหล นํ ้าลายไหลมากผิดปกติ มึนงง เสียง
ดังในหู เป็ นต้ น
- จากความปวดทําให้ ผ้ ปู ่ วยเกิดปั ญหาการนอนหลับตามมาได้

สาเหตุของโรค
แบ่งเป็ น 3 ปั จจัยที่ทําให้ เกิดโรค ดังนี ้
1. ปั จจัยจากกลไกทางกระดูก กล้ ามเนือ้ เส้ นเอ็น (mechanical factors) จาก
36 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การที่ร่างกายไม่สมดุลแต่กําเนิด การได้ รับการบาดเจ็บ หรื อ อิริยาบถในชีวิตประจําวัน เช่น ท่า


นัง่ ท่ายืน ท่าของการทํางานที่ไม่ถกู ต้ อง เป็ นต้ น ทําให้ กล้ ามเนื ้อใช้ งานในท่าไม่ถกู ต้ อง ใช้ งาน
ไม่สมดุล หรื อ ใช้ งานมากเกินไป ขาดการพักผ่อน (bone length, muscle tension, posture,
overuse)
2. ปั จจัยทั่วไปทางร่ างกาย (systemic factors) จากการได้ รับสารอาหาร การทํางาน
ของต่อมไร้ ตอ่ มและเมตาบอลิสมของร่างกายที่ไม่สมดุล หรื อใช้ งานนานเกินไปขาดการพักผ่อน
(nutrition, neuroendocrine, metabolism)
3. ปั จจัยทางจิตใจ (psychological factors) จากภาวะซึมเศร้ าวิตกกังวล การใช้ ชีวติ
ที่เร่งรี บ

จุดเด่ นของโรคนี ้
1. คลําพบ จุดกดเจ็บเฉพาะ
2. ปวดร้ าวไปบริ เวณอื่น (referred pain) ซึง่ มีบริเวณที่ร้าวกระจายโดยเฉพาะ คลํา
ตามเส้ นใยกล้ ามเนื ้ออาจพบ “แถบกล้ ามเนื ้อ” (taut band)
3. เมื่อออกแรงกด (snapping palpation) ที่จดุ เจ็บเฉพาะ อาจพบการกระตุกของ
กล้ ามเนื ้อเฉพาะที่ (local twitch response ; LTR)
4. เมื่อกดถูกจุดเจ็บเฉพาะ ผู้ป่วยอาจรู้สกึ ปวดมากจนทําให้ ผ้ ปู ่ วยเคลื่อนหนี (jump
sign)
การแยกระหว่าง จุดกดเจ็บเฉพาะ (trigger point) และ จุดกดเจ็บ (tender point)
คือ จุดกดเจ็บเฉพาะ มีลกั ษณะ เมื่อกดถูกจุดที่เจ็บผู้ป่วยจะรู้สกึ อาการเจ็บนันร้ ้ าวกระจาย
ไปที่อื่น อาจมีการกระตุกของกล้ ามเนื ้อเฉพาะที่ ขณะที่จุดกดเจ็บ ผู้ป่วยจะรู้สกึ เจ็บบริ เวณที่
ถูกกด แต่ไม่ร้าวกระจายไปที่อื่น
จุดกดเจ็บเฉพาะ แบ่งเป็ น 2 ประเภท คือ
1) จุดกดเจ็บเฉพาะ ที่มีอาการ (activc TrP) ซึง่ เป็ นเหตุให้ ผ้ ปู ่ วยมาพบแพทย์ด้วย
อาการปวดตังแต่ ้ เล็กน้ อยจดถึงปวดอย่างรุนแรง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 37

2) จุดกดเจ็บเฉพาะแฝง (latent TrP) ผู้ป่วยไม่มีอาการปวดชัดเจน แต่ร้ ูสกึ ฝื ดขัด


เมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย กําลังกล้ ามเนื ้อลดลง เมื่อกดถูกจุดผู้ป่วยจะรู้สกึ ปวดร้ าวกระจายไป
บริเวณ อื่น ดังนันจุ
้ ดกดเจ็บเฉพาะแฝงจึงพบได้ ในคนทัว่ ไป จุดเหล่านี ้จะเปลีย่ นเป็ นจุดกด
เจ็บเฉพาะที่มีอาการ ในภาวะที่มีปัจจัยกระตุ้น เช่น
- ได้ รับแรงกดกระแทกอย่างฉับพลัน (acute stress)
- ใช้ งานมากเกินไป (overuse)
- ร่างกายอ่อนเพลีย (fatigue)
- ได้ รับความเย็นจากภายนอก (cold)
- จิตใจได้ รับความกดดัน (emotional stress)

การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ ารและการตรวจภาพรั งสี


การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร หรื อภาพรังสี ไม่พบลักษณะเฉพาะในการวินิจฉัยโรค
ปั จจัยเสริมที่อาจตรวจพบร่วมด้ วย ได้ แก่ ภาวะต่อมไธรอยด์ทํางานน้ อย (hypothyroidism)
นํ ้าตาลในเลือดตํ่า (hypoglycemia) และการขาดวิตามิน

การวินิจฉัย
การวินิจฉัย อาศัยอาการทางคลินิก ซึง่ ประกอบด้ วยเกณฑ์หลัก 5 ข้ อ (major
criteria) และเกณฑ์ยอ่ ย (minor criteria) อย่างน้ อย 1 ใน 3 ดังนี ้
เกณฑ์ หลัก 5 ข้ อ ได้ แก่
1. มีอาการปวดเฉพาะบริ เวณ (Regional pain complaint)
2. มีอาการปวดหรื ออาการอื่นที่ร้าวกระจายมาจากจุดกดเจ็บเฉพาะ (pain complaint
or altered sensation in the expected distribution of referred pain from a myofascial TrP)
3. คลําพบลํากล้ ามเนื ้อ ในกล้ ามเนื ้อที่เป็ นต้ นเหตุ (Taut band palpable in an
accessible muscle)
4. ตรวจพบจุดกดเจ็บชัดเจนสุด 1 จุด ในลํากล้ ามเนื ้อ (Exquisite spot tenderness
at 1 point along the length of the taut band)
38 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

5. ตรวจพบการจํากัดพิสยั ของการเคลื่อนไหว (Some degree of restricted range


of motion, when measureable)
เกณฑ์ ย่อย 3 ข้ อ ได้ แก่
1. เกิดอาการปวด เมื่อกดถูกจุดกดเจ็บ (Pain complaint reproduced by pressure
on the tender spot)
2. มีการกระตุกของกล้ ามเนื ้อเฉพาะที่ เมื่อถูกกระตุ้น (A local twitch response)
3. อาการปวดลดลงเมื่อยืดกล้ ามเนื ้อหรื อฉีดยาเข้ าจุด (Relief of the pain by
stretching or injecting)
นอกจากนี ้การวัดความไวของการเจ็บปวดต่อแรงกด (pressure pain sensitivity)
โดยใช้ เครื่ องวัดระดับความปวด (Dolorimeter) เป็ นวิธีหนึง่ ซึง่ ยืนยันจุดกดเจ็บที่ผิดปกติ รวม
้ ่ใช้ เปรี ยบเทียบผล ก่อนและหลังรักษา ซึง่ ถ้ าการรักษาได้ ผล ความทนทานต่อแรงกด
ทังที
(pressure threshold) จะเพิ่มขึ ้น 3 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร การวัดโดยวิธีนี ้ยังไม่ได้ ถกู
นํามาใช้ ทางเวชปฏิบตั ิ

การรั กษา
1. การรักษาแบบการแพทย์ แผนปั จจุบนั
- การฉีดยาจุดกดเจ็บเฉพาะ (TrP injections) ยาที่ใช้ เช่น Bupivacaine,
Etidocaine, Lidocaine, Saline, Sterile water, Steroids, Botulinum toxin เป็ นต้ น
- การแทงเข็ม (dry needling)
- การรักษาทางเวชศาสตร์ ฟื้นฟู โดยกายภาพบําบัด เช่น ใช้ คลืน่ เสียงความถี่
สูงรักษาที่จดุ ตามด้ วยการยืดกล้ ามเนื ้อ เป็ นต้ น

2. การรักษาแบบการแพทย์ แผนจีน โดยการฝั งเข็ม


ในทางทฤษฎี เปรี ยบเทียบการรักษาโดยการแทงเข็มแบบการแพทย์แผนปั จจุบนั และ
การฝั งเข็ม จะเห็นว่า หลักการของการแทงเข็ม คือ ใช้ ปลายเข็มไปทําลายหรื อกระตุ้นจุดกด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 39

เจ็บ ทําให้ เกิดปฏิกิริยาเปลีย่ นแปลงจากระบบประสาทส่วนกลาง จากนันกล้ ้ ามเนื ้อจะเกิด


การผ่อนคลาย สุดท้ ายผู้ป่วยจะรู้สกึ ปวดลดลง
จากทฤษฎีการแพทย์แผนจีน อาศัยหลักว่า “ไม่โล่งจะปวด โล่งจะไม่ปวด” ดังนันการ ้
ใช้ เข็มกระตุ้นที่จดุ กดเจ็บ หรื อจีนเรี ยกว่า จุดอาซื่อ ทําให้ เลือดและชี่ไหลเวียนได้ คล่อง ผู้ป่วย
ก็จะรู้สกึ ปวดลดลง ในตําราหลิงซู : กวนเจิน (灵枢:官针) ได้ กล่าวถึงการฝั งเข็ม 2 แบบ คือ
แบบที่ 1 การฝั งเข็มบริ เวณที่มีการอุดตันของชี่หรื อเลือด จะเป็ นการรักษาโรคของ
เส้ นลมปราณ
แบบที่ 2 การฝั งเข็มบริ เวณกล้ ามเนื ้อ จะเป็ นการรักษากล้ ามเนื ้อที่ลบี หรื อ ได้ รับ
บาดเจ็บเรื อ้ รัง
ดังนัน้ จึงใช้ เทียบเคียงกับกลุม่ อาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนื ้อได้ นอกจากนี ้ ในการ
ฝั งเข็ม นอกจากการกระตุ้นจุดอาซื่อแล้ ว ยังอาศัยการรักษาโดยใช้ หลักการของจุดใกล้ (จุดที่
อยูร่ อบบริ เวณรอยโรค) และจุดไกล (จุดที่อยูใ่ นแนวเส้ นลมปราณที่ไหลเวียนผ่านรอยโรค)
้ จดุ ฝั งเข็มเพื่อรักษาสาเหตุตามหลักทฤษฎีการแพทย์จีน ที่ทําให้ เลือดและลมปราณ
รวมทังใช้
ไหลเวียนไม่คล่องจนเกิดอาการปวดและกล้ ามเนื ้อหดเกร็ง เนื่องจากอาการปวดจากพังฝื ด
กล้ ามเนื ้อเป็ นเพียงอาการแสดงส่วนหนึง่ ของความผิดปกติที่มีสาเหตุตา่ ง ๆ กัน การฝั งเข็มจึง
ไม่เพียงมุง่ เน้ นการบรรเทาปวดเฉพาะที่เท่านัน้ แต่ยงั มุง่ หวังถึงการรักษาสาเหตุด้วย

ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยรายที่ 1 ผู้ป่วยหญิงไทยโสดอายุ 33 ปี ทํางานเป็ นลูกจ้ างมีอาการปวดสะบักซ้ าย
หลายเดือน ใช้ คอมพิวเตอร์ ตงแต่ ั ้ 9.00 น.-18.00 น. สะพายกระเป๋ าหนักไปและกลับ จากที่
ทํางานเป็ นประจํา ตรวจร่างกายพบจุดกดเจ็บเฉพาะและคลําพบลํากล้ ามเนื ้อที่กล้ ามเนื ้อ
Upper และ Lower Trapezius มีจดุ กดเจ็บที่กล้ ามเนื ้อ Supraspinatus และ Infraspinatus
ข้ างซ้ าย เมื่อใช้ เข็มปั กกระตุ้นตรงจุดที่กดเจ็บเฉพาะ พบการกระตุกของกล้ ามเนื ้อดังกล่าว
และร้ าวลงแขนซ้ าย ซึง่ เป็ นไปตามบริเวณที่ร้าวกระจายโดยเฉพาะ
40 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ผู้ป่วยรายนี ้เป็ นกลุม่ อาการที่พบบ่อยในโรคเขตเมืองที่เรียกกันว่า “ออฟฟิ ซ ซินโดรม”


(Office Syndrome) การรักษาสามารถใช้ หลักของการแทงเข็มแบบการแพทย์แผนปั จจุบนั
หรื อการฝั งเข็มแบบการแพทย์แผนจีน ก็ได้ ผลทังสองวิ ้ ธี ร่วมกับการปรับเปลี่ยนวิถีการทํางาน
ที่เหมาะสม
ผู้ป่วยรายที่ 2 ผู้ป่วยชายไทยคู่ อายุ 43 ปี นักธุรกิจ ปวดสะโพกขวาร้ าวลงขาขวาถึงเข่า
เป็ นเวลาหลายปี ขับรถ และนัง่ ทํางานวันละหลายชัว่ โมง ได้ รับการรักษามาหลายแห่งโดย
การรับประทานยา ฉีดยา กายภาพบําบัด และนวดแผนโบราณ แต่อาการไม่ดีขึ ้น ตรวจ
ร่างกาย พบจุดกดเจ็บเฉพาะลึก บริเวณสะโพก สามารถจับยกขาขวาในท่านอนได้ สงู 70
องศา (negative stright leg raising test) เมื่อใช้ เข็มปั กกระตุ้นที่จดุ กดเจ็บ พบการกระตุก
ของกล้ ามเนื ้อเฉพาะที่ และร้ าวลงขาขวา ตามบริ เวณที่ร้าวกระจายโดยเฉพาะ
ผู้ป่วยรายนี ้เป็ นกลุม่ อาการที่เกิดจากกล้ ามเนื ้อ Pyriformis (Pyriformis
syndrome) ซึง่ เป็ นกล้ ามเนื ้อที่อยูล่ กึ และติดกับเส้ นประสาทไซแอติก ทําให้ มีอาการคล้ าย
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้ นประสาท การใช้ ฝังเข็มเป็ นวิธีที่ได้ ผลดีมาก แต่ต้องระวังอันตราย
ต่อเส้ นประสาทไซแอติก

ข้ อสังเกตและคําแนะนํา
1. สามารถใช้ การฝั งเข็มเพียงอย่างเดียว หรื อผสมผสานการรักษาร่วมกับการรักษา
อื่น ๆ ในการแพทย์แผนปั จจุบนั เช่น ยา กายภาพบําบัด เป็ นต้ น
2. ไม่ควรกระตุ้นเข็มรุนแรงหรื อหลายครัง้ เกินไป เพราะอาจทําให้ มีอาการปวดระบม
หลังจากการรักษาได้
3. การรักษาที่ต้นเหตุ ควรหลีกเลี่ยงการทํางานในท่าใดท่าหนึง่ นานๆ เช่น นัง่ ทําคอม
พิวเตอร์ เป็ นระยะเวลานาน ๆ โดยไม่พกั การขับรถนาน ๆ หรื อหลีกเลี่ยงการใช้ อิริยาบถที่ไม่
เหมาะสม เช่น การเอี ้ยวคอ หรื อหนุนหมอนท่ากึง่ นัง่ กึ่งนอนดูโทรทัศน์เป็ นระยะเวลานาน ๆ
เป็ นต้ น ดังนันควรหลี
้ กเลีย่ งอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมร่วมกับการออกกําลังแบบยืดกล้ ามเนื ้อ
(Stretching exercise) ของกล้ ามเนื ้อมัดนันจะป้ ้ องกันการเกิดซํ ้าได้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 41

4. การค้ นหาสาเหตุและการให้ คําแนะนําการปฏิบตั ติ วั ที่ถกู ต้ องเป็ นสิง่ สําคัญในการ


รักษากลุม่ อาการปวดจากพังผืดกล้ ามเนื ้อ

รู ปที่ 6 แสดงตําแหน่ งอาการ myofascial pain syndrome


42 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เจ็บอกจากกล้ ามเนือ้ หัวใจ


( Angina Pectoris : 胸痛)
Angina pectoris เป็ นคําที่มีรากศัพท์จากภาษากรี กและละติน โดย angina ในภาษา
ละตินแปลว่า คออักเสบติดเชื ้อ ภาษากรี ก แปลว่า การบีบรัดคอ การบีบเค้ น ส่วน pectoris
มาจาก pectus ซึง่ แปลว่า อก ในภาษาละติน เมื่อนํามารวมกันจึงหมายถึง ความรู้สกึ บีบเค้ น
ในอก (a strangling feeling in chest)
ในเวชปฏิบตั ิ angina pectoris หมายถึง อาการเจ็บอก จากการขาดออกซิเจนของ
กล้ ามเนื ้อหัวใจ อันเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างความต้ องการใช้ ออกซิเจนของกล้ ามเนื ้อ
หัวใจ และการสนับสนุนออกซิเจนจากระบบหล่อเลี ้ยงหัวใจ ซึง่ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก
พยาธิสภาพของหลอดเลือดหัวใจ ในที่นี ้ใช้ ศพั ท์วา่ “อาการเจ็บอกจากกล้ ามเนือ้ หัวใจ”
หมายถึง angina pectoris
อาการเจ็บอกจากกล้ ามเนื ้อหัวใจ มักเป็ นอาการอึดอัด แน่น ไม่สบายในอก มากกว่า
อาการเจ็บปวด โดยผู้ป่วยอาจบอกเล่าอาการไม่สบายในอกต่างกันไป เช่น รู้สกึ หนัก, แน่น
อึดอัดเหมือนถูกรัด หรื อถูกบีบเค้ น, แสบร้ อน, เจ็บขึ ้นมาเป็ นห้ วง ๆ ในอกบริเวณหัวใจ หรื อ
หลังต่อกระดูกหน้ าอก หรื อบริเวณลิ ้นปี่ ในผู้ป่วยบางราย รวมทังอาจพบมี
้ อาการปวดร้ าวไป
ยังผิวหนังที่ถกู เลี ้ยงโดยเส้ นประสาทไขสันหลังระดับเดียวกัน ได้ แก่ แขนด้ านใน ไหล่ คอถึง
กราม และหลัง
โดยทัว่ ไป อาการเจ็บอกจากกล้ ามเนื ้อหัวใจ แบ่งเป็ น 2 ประเภท ที่ต้องให้ เวชบําบัดที่
เร่งด่วนต่างกัน ได้ แก่ เจ็บอกแบบเสถียร (stable angina) และ เจ็บอกแบบไม่เสถียร
(unstable angina)
เจ็บอกแบบเสถียร พบในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบในระดับความรุนแรงคงที่ ที่
สามารถสนับสนุนเลือดไปหล่อเลี ้ยงกล้ ามเนื ้อหัวใจได้ ในระดับหนึง่ แต่ไม่เพียงพอเมื่อ
กล้ ามเนื ้อหัวใจมีกิจกรรมเพิม่ ขึ ้น ผู้ป่วยจะไม่มีอาการในขณะพัก หรือดําเนินกิจกรรมที่ไม่ใช้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 43

กําลัง อาการเจ็บอกจะเกิดขึ ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้นให้ กล้ ามเนื ้อหัวใจต้ องมีกิจกรรมเพิม่ ขึ ้น เช่น


การออกกําลังกาย สภาพจิตใจและอารมณ์ตา่ ง ๆ อาการมักดีขึ ้นได้ เองเมื่อพักหรื อได้ รับยา
ขยายหลอดเลือดหัวใจ
เจ็บอกแบบไม่ เสถียร พบในผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจตีบที่กําลังมีระดับความรุนแรง
เพิ่มขึ ้น โดยมีอาการเจ็บอกเกิดขึ ้นในลักษณะดังนี ้ 1) เจ็บอกขณะนอนหลับ หรื อขณะพัก
หรื อออกแรงเพียงเล็กน้ อย 2) อาการเจ็บอกที่เกิดขึ ้นใหม่และรุนแรง 3) อาการเจ็บอกเดิมที่มี
ลักษณะรุนแรงขึ ้น ได้ แก่ เจ็บมากขึ ้น เป็ นนานขึ ้น เกิดบ่อยขึ ้น ผู้ป่วยกลุม่ นี ้มีความเสี่ยงสูงที่
จะเกิดกล้ ามเนื ้อหัวใจตายหรื อเสียชีวิตจากกล้ ามเนื ้อหัวใจล้ มเหลว ซึง่ ต้ องได้ รับการตรวจ
วินิจฉัยและบําบัดรักษาที่เหมาะสมและเร่งด่วน
การแพทย์แผนจีน จัดอาการเจ็บอกจากกล้ ามเนื ้อหัวใจและโรคหลอดเลือดหัวใจอัน
เป็ นสาเหตุของการเจ็บอก ไว้ ในกลุม่ อาการแน่นหน้ าอก (XiongBi) เจ็บหน้ าอก (JueXinTong)
และเจ็บหัวใจ (ZhenXinTong) เนื ้อหาเกี่ยวกับการวินิจฉัยแยกกลุม่ โรคตามแนวทาง
การแพทย์แผนจีนและการรักษาด้ วยการฝั งเข็ม ได้ กล่าวไว้ โดยละเอียดแล้ วในตําราการ
ฝั งเข็ม รมยา เล่ม 2 เรื่ องโรคหลอดเลือดหัวใจ ในที่นี ้จะกล่าวถึงการนําการรักษาด้ วยการ
ฝั งเข็มมาเป็ นการเสริมเติมกับการแพทย์หลัก ตามความเห็นและประสบการณ์ของผู้เขียน
ปั จจุบนั วิทยาการทางการแพทย์ เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจและอาการเจ็บอกจาก
กล้ ามเนื ้อหัวใจ มีความก้ าวหน้ าและครอบคลุมทังการวิ ้ นิจฉัยที่รวดเร็วแม่นยํา และการรักษา
ทังการใช้
้ ยาและการผ่าตัด ตลอดจนการติดตามผู้ป่วยที่เป็ นแนวทางมาตรฐาน ที่แพทย์
จะต้ องศึกษาให้ เข้ าใจและปฏิบตั ไิ ด้ อย่างถูกต้ องเหมาะสม ไม่ควรใช้ การฝั งเข็มเป็ นการรักษา
หลัก จนอาจเป็ นเหตุให้ ผ้ ปู ่ วยเสียโอกาสที่จะได้ รับการรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม แม้ แต่
ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึง่ เป็ นต้ นแบบของการแพทย์จีน หากผู้ป่วยมาพบแพทย์จีนด้ วย
อาการเจ็บอก ยังต้ องส่งผู้ป่วยไปตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อนเสมอ

ควรประยุกต์ ใช้ การรั กษาด้ วยการฝั งเข็มเมื่อไร?


44 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เมื่อผู้ป่วยมีลกั ษณะทางคลินิกที่สงสัยว่าอาจเป็ นโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ยงั ไม่เคย


ได้ รับการตรวจวินิจฉัยที่แน่นอน ควรแนะนําให้ ผ้ ปู ่ วยเข้ ารับการตรวจวินิจฉัยโรค ตรวจหา
ปั จจัยเสี่ยง และรับการรักษาตามมาตรฐานการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยผู้เชี่ยวชาญ
หรื อสถานพยาบาลที่มีศกั ยภาพในการติดตามดูแลรักษาผู้ป่วย
เมื่อผู้ป่วยได้ รับการรักษาตามมาตรฐานอย่างเต็มที่แล้ ว แต่ยงั คงมีปัญหาที่แก้ ไขไม่ได้
อาจทดลองให้ การรักษาเสริ มด้ วยการฝั งเข็มตามความสมัครใจของผู้ป่วย พึงระลึกว่า การ
ฝั งเข็มใช้ เป็ นการรักษาเสริ มเติมกับการรักษาเดิม ไม่คาดหวังผลในการทดแทนการรักษาหลัก
และการฝั งเข็มไม่มีผลกระทบต่อการรักษาที่ได้ รับอยู่ จึงไม่จําเป็ นต้ องหยุดการรักษาเดิมเพื่อ
มารับการฝั งเข็ม
จากประสบการณ์ของผู้เขียน ซึง่ เคยให้ การรักษาด้ วยการฝั งเข็มผู้ป่วยโรคหลอดเลือด
หัวใจจํานวนหนึง่ ทังผู ้ ้ ป่วยหนักในหอผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) และผู้ป่วยนอก พบว่าการรักษา
เสริ มเติมด้ วยการฝั งเข็ม ช่วยแก้ ไขปั ญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะปั ญหาที่การแพทย์หลักมัก
มองข้ ามไป เช่น รู้สกึ อึดอัดแน่นหน้ าอกหรื อใจสัน่ (แม้ วา่ คลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็ นปกติ) หายใจไม่
อิ่ม หายใจไม่โล่ง หายใจไม่ไหวหลังการผ่าตัด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ความดันโลหิตตํ่า ขา
บวม มีข้อบ่งชี ้ในการผ่าตัดหรื อทําหัตถการแต่ไม่สามารถทําได้ ฯลฯ

การเลือกใช้ จุดฝั งเข็มตามอาการ


การเลือกใช้ จดุ ฝั งเข็ม ตามการวินิจฉัยแบบการแพทย์แผนจีน ได้ กล่าวโดยละเอียดไว้
ในตําราฝั งเข็ม รมยา เล่ม 2 ในที่นี ้จึงกล่าวถึงการเลือกจุดรักษาอาการ จากประสบการณ์
ผู้เขียนและรายงานผู้ป่วยต่าง ๆ

- อาการเจ็บอก
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: XinShu (BL 15) และ JuQue (CV 14) เป็ นการใช้ จดุ ร่วม
อวัยวะหลังและหน้ า (Shu-Mu) ของหัวใจ เพื่อเสริมบํารุงหยางหัวใจและกระตุ้นการไหลเวียน
เลือดของหัวใจ บรรเทาอาการเจ็บจากกล้ ามเนื ้อหัวใจ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 45

- กระตุ้นบํารุงระบายเท่ากัน: NeiGuan (PC 6) เป็ นจุดลัว่ (Luo) ของเส้ นลมปราณ


เยื่อหุ้มหัวใจ ใช้ เสริมการไหลเวียนชี่ในเส้ นลมปราณหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจ และมีข้อบ่งชี ้ใน
การรักษาอาการเจ็บอกจากหัวใจ นอกจากนี ้ สามารถใช้ จดุ NeiGuan (PC 6) ซึง่ เป็ นจุด
เชื่อมโยงเส้ นลมปราณวิสามัญอินเอว่ย (YinWeiMai) ร่วมกับจุด GongSun (SP 4) ซึง่ เป็ นจุด
เชื่อมโยงเส้ นลมปราณวิสามัญชง (ChongMai) เป็ นการใช้ จดุ คูท่ ี่ครอบคลุมการรักษาอาการ
ของทรวงอก หัวใจและกระเพาะอาหาร
- กระตุ้นระบาย: YinXi (HT 6) และ/หรือ XiMen (PC 4) เป็ นจุดซี (Xi) ของเส้ น
ลมปราณหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจตามลําดับ จุดซีมีสรรพคุณในการรักษาอาการเฉียบพลันหรื อ
อาการรุนแรง ใช้ เป็ นจุดเสริมในการรักษาอาการเจ็บอกจากกล้ ามเนื ้อหัวใจ ที่มีอาการ
เฉียบพลันหรื อรุนแรง

- อาการเสมหะมาก รู้ สึกอึดอัดแน่ นในอก


- เกิดจากเสลดข้ นปิ ดกันการไหลเวี
้ ยนของชี่และเลือด ตรวจลิ ้นมีฝ้าขาว หนาและ
เหนียว ชีพจรตึง-ลื่น
- กระตุ้นระบาย: DanZhong (CV 17) เป็ นจุดอิทธิพลต่อชี่ ใช้ กระตุ้นการไหลเวียน
ของชี่ บรรเทาอาการอึดอัดแน่นในอก และอาการเจ็บอก
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยาจุด ZuSanLi (ST 36) ร่วมกับกระตุ้นระบายจุด FongLong
(ST 40) จุดลัว่ ของเส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร เพื่อเสริมบํารุงการทํางานของม้ ามและ
กระเพาะอาหาร และแปรรูปเสลดข้ น

- อาการอ่ อนเพลีย เบื่ออาหาร


- อาจพบร่วมกับอาการเจ็บตื ้อ ๆ บริเวณหัวใจ ใจสัน่ หายใจตื ้น เซื่องซึมหรื อเฉยเมย
เกิดจากหัวใจและม้ ามพร่อง ซึง่ มักตรวจพบ ลิ ้นซีด ชีพจรจม-เล็ก (Chen-XiMai) หรือ ชีพจร
ช้ าสลับหยุดไม่แน่นอน (JieMai) หรื อ ชีพจรสลับหยุดสมํ่าเสมอ (DaiMai)
46 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: XinShu (BL 15), JueYinShu (BL 14), PiShu (BL 20),
GeShu (BL 17) และ ZuSanLi (ST 36) จุดอวัยวะหลัง ของหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ม้ าม จุด
อิทธิพลต่อเลือด และจุดเหอ-ทะเลของกระเพาะอาหารตามลําดับ ใช้ เพื่อเสริมบํารุงหัวใจ
ม้ ามและกระเพาะอาหาร และเลือด
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: ZhongWan (CV 12) จุดอวัยวะหน้ าของกระเพาะอาหาร
และจุดอิทธิพลต่ออวัยวะกลวง สําหรับรักษาอาการเบือ่ อาหาร
- กระตุ้นบํารุงระบายเท่ากัน: DanZhong (CV 17) และ NeiGuan (PC 6) สําหรับ
อาการแน่นและเจ็บอก
- กระตุ้นบํารุงระบายเท่ากัน: ShenMen (HT 7) จุดซู-ลําธาร และจุดเหยวียน (Yuan)
ของเส้ นลมปราณหัวใจ ใช้ สาํ หรับอาการใจสัน่ หรื อ ชีพจรไม่สมํ่าเสมอ

- อาการมากขึน้ เมื่อออกแรง
- เกิดจากหยางหัวใจและหยางไตพร่อง ซึง่ พบร่วมกับอาการขยาดหนาว แขนขาเย็น
เอวและเข่ามีอาการปวดเมื่อยหรื ออ่อนแรง และอาจมีอาการขาบวม ลิ ้นซีด ชีพจรเล็ก-จม
อ่อน (Xi-RuoMai) หรื อ ชีพจรช้ าสลับหยุดสมํ่าเสมอ (DaiMai)
- กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา: XinShu (BL 15), GuanYuan (CV 4), QiHai (CV 6),
ShenShu (BL 23), ZuSanLi (ST 36)
- กระตุ้นระบาย: NeiGuan (PC 6)
- หากมีอาการขาบวม เพิ่มเข็มอุน่ หรื อรมยาจุด YinLingQuan (SP 9)

- อาการหัวใจล้ มเหลวซํา้ ซาก


มักพบในระยะท้ ายของโรค ซึง่ กล้ ามเนื ้อหัวใจเสื่อมสภาพ ขยายโตขึ ้นแต่ไม่มีแรงบีบ
ตัวสูบฉีดโลหิตไปหล่อเลี ้ยงร่างกายได้ เพียงพอ จึงเกิดอาการหอบเหนื่อย เป็ น ๆ หาย ๆ เมื่อ
ออกแรงเพียงเล็กน้ อย หรื อแม้ ในขณะพัก หรื อกินอาหารมากเกิน หรื อตื่นเต้ นมากเกิน มักเกิด
อาการขาบวม นํ ้าท่วมปอด เข้ า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลอยูเ่ สมอ บางรายอาจหายใจไม่ไหว
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 47

ความดันโลหิตตํ่า จนต้ องเข้ าหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติ ผู้ป่วยกลุม่ นี ้มักไม่สามารถให้ การรักษา


อื่นใดได้ นอกจากให้ ยาประคับประคองรักษาไปตามอาการ หรื อรอการปลูกถ่ายเปลีย่ นหัวใจ
ในมุมมองของการแพทย์แผนจีน มีสาเหตุจากหยางหัวใจและหยางไตพร่องอย่างมาก
ในรายที่รุนแรงจะเกิดชี่และหยางหลุด และเสียชีวิต มักพบอาการร่วมอื่น ได้ แก่ ใจสัน่ หายใจ
ตื ้น แขนขาเย็น ขาบวม ลิ ้นซีด ชีพจรเล็ก-จมอ่อน (Xi-RuoMai) หรื อเต้ นผิดจังหวะรูปแบบใด
รูปแบบหนึง่
ในรายที่รุนแรงจนชี่และหยางหลุด จะพบเหงื่อแตก แขนขาเย็น สีหน้ าหมองคลํ ้า ริม
ฝี ปากม่วงคลํ ้าหรื อหมดสติ หายใจไม่ไหว ลิ ้นสีมว่ งคลํ ้า ชีพจรจม-แผ่ว (Chen-WeiMai) หรื อ
ผิดจังหวะรูปแบบต่าง ๆ ผู้ป่วยมักถูกอภิบาลอย่างใกล้ ชิดในหอผู้ป่วยวิกฤติ และมีอปุ กรณ์
ประคับประคองชีวิตมากมาย ทําให้ การรักษาด้ วยการฝั งเข็มเป็ นไปได้ ยาก ทังจากปั
้ ญหาด้ าน
สถานที่ และการยอมรับของบุคลากรทางการแพทย์ แต่หากสามารถทําได้ จากประสบการณ์
ของผู้เขียน พบว่า การฝั งเข็มเสริมเติมกับการรักษาฉุกเฉินและประคับประคองอื่นของ
การแพทย์หลัก ได้ ผลในการกู้ชีวิตและฟื น้ ฟูสขุ ภาพองค์รวมดีมาก ผู้ป่วยมักฟื น้ ตัวได้ อย่าง
รวดเร็ วกว่าไม่ฝังเข็ม โดยควรทําการฝั งเข็มในทันทีที่สามารถทําได้ ในระยะต้ น ๆ ที่เกิดปั ญหา
ไม่ใช่พิจารณาทําตอนใกล้ ตาย ซึง่ ไม่วา่ การรักษาใด ๆ ก็ไม่ได้ ผล มีแต่เสียกับเสีย (ผู้ป่วย
เสียชีวิตแพทย์ก็เสียชื่อ)
จุดหลัก:- บํารุง JueYinShu (BL 14), XinShu (BL 15), ShenShu (BL 23),
ZuSanLi (ST 36), ShenQue (CV 8), GuanYuan (CV 4), QiHai (CV 6), BaiHui (GV 20)
- ระบาย NeiGuan (PC 6)
จุดเสริม:- หมดสติ ShuiGou (GV 26)
- หายใจไม่ไหว หายใจรวยริน SuLiao (GV 25)
วิธีการ:
- จุดที่ใช้ บํารุง ถ้ าสามารถทําได้ ให้ ใช้ เข็มอุน่ หรื อรมยา
48 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- ShenQue (CV 8) ใช้ การคัน่ เกลือเผาโกฐจุฬาลัมพาปั น้ คอยเปลีย่ นโกฐ ฯ เมื่อร้ อน


นาน 20 – 30 นาที
- จุดหน้ าท้ องที่เหลือใช้ การคัน่ ขิงเผาโกฐฯ โดยสลับย้ ายจุด เมื่อจุดที่เผาร้ อนพอดี รวม
เวลา 20 – 30 นาที
- NeiGuan (PC 6) ใช้ การกระตุ้นระบาย ได้ ผลดีสาํ หรับอาการเจ็บหน้ าอกและหัว
ใจเต้ นผิดจังหวะ
- ShuiGou (GV 26) ปั กซอยเข็มแบบนกจิก สําหรับอาการหมดสติ กระตุ้นจนนํ ้าตาซึม
จะได้ ผลดี

ข้ อสังเกตและคําแนะนําในการฝั งเข็มผู้ป่วยหนัก จากประสบการณ์


ผู้เขียน
- การรมยา (เผาโกฐฯ) เป็ นเวลานาน ในโรงพยาบาล เป็ นไปได้ ยาก ยกเว้ นมีแผนก
ฝั งเข็มของตนเอง การรมยาในตึกผู้ป่วยใน โดยเฉพาะหอผู้ป่วยวิกฤติ ยิง่ ไม่สามารถทําได้
อย่างไรก็ตาม หากเป็ นผู้ป่วยหนัก ควรให้ การฝั งเข็มที่เตียงผู้ ซึง่ มีอปุ กรณ์ตดิ ตามและกู้ชีวิต
พร้ อม ไม่ควรย้ ายผู้ป่วยออกฝั งเข็มที่อื่น
- การฝั งเข็มในหอผู้ป่วยหนัก ต้ องพูดคุยทําความเข้ าใจกับผู้ป่วย ญาติ และบุคลกรทาง
การแพทย์ให้ เข้ าใจก่อน ทังวิ ้ ธีการ โอกาสและความเสีย่ ง โดยเฉพาะแพทย์เจ้ าของไข้ อย่า
แอบทําโดยพลการ พึงระลึกว่าเข็มเป็ นเพียงการรักษาเสริมเติม ไม่ใช่ของวิเศษ หากเกิดสิง่ ไม่
คาดหมาย แม้ วา่ เราไม่ได้ ทํา แต่ก็ยากจะปฏิเสธ เท่าที่เคยพบมาผู้ป่วยและญาติมกั มาขอร้ อง
ให้ ฝังเข็ม แต่คนที่มีปัญหามากที่สดุ คือแพทย์ด้วยกันเอง คงอีกนานกว่าแพทย์แผนปั จจุบนั จะ
เข้ าใจว่า การฝั งเข็มรักษาโรคเป็ นส่วนหนึง่ ของการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ของแพทย์แผน
ปั จจุบนั ตามพ.ร.บ. การประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- การรมยาในหอผู้ป่วยเป็ นเรื่ องเป็ นไปได้ ยากดังกล่าว รวมทังความหวาดกลั
้ วเรื่ องการ
ระเบิดระหว่างไฟกับออกซิเจน โดยส่วนตัวจะประยุกต์ใช้ เข็มนํ ้า ฉีดเข้ าจุดบํารุงอวัยวะ
ด้ านหลัง โดยใช้ วิตามิน B1, B12, หรื อ B1-6-12 ชนิดฉีด จุดละ 1 – 2 มล. เพราะผู้ป่วยมัก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 49

ต้ องอยูใ่ นท่านอนหงาย การฝั งเข็มคาเข็มด้ านหลังเป็ นไปได้ ยากและมีความเสีย่ ง อย่างไรก็


ตาม การฉีดจุดด้ วยเข็มนํ ้า ต้ องระมัดระวังอย่างมากและมัน่ ใจว่าจะไม่ทําให้ เกิดอันตรายต่อ
ปอดและอวัยวะภายในอื่น ถ้ าไม่มนั่ ใจอย่าทํา (do no harm) อีกปั ญหาที่ต้องระวัง คือ เลือด
หยุดยาก ซึง่ ผู้ป่วยมักได้ รับยาต้ านการแข็งตัวของเลือดในรูปแบบต่าง ๆ การฉีดจุดมีโอกาส
เสี่ยงเลือดออกมากกว่าการฝั งเข็ม เพราะเข็มใหญ่กว่ากันมาก
- จุดบํารุงด้ านหน้ า ยกเว้ น ShenQue (CV 8) ผู้เขียนใช้ การฝั งเข็มกระตุ้นบํารุงด้ วย
กระบวนท่าเผาภูผา (รายละเอียดในตําราฝั งเข็ม รมยาเล่ม 2) คาเข็มไว้ 30 นาที โดยกระตุ้น
ซํ ้าทุก 5 – 10 นาที หรื อใช้ เครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า ใช้ ความถี่สลับแบบต่อเนื่อง 15 – 20 นาที
- การวินิฉยั โดยการจับชีพจรแบบจีน: ผู้ป่วยกลุม่ โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรค
หลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง ฯ รวมทังผู ้ ้ ป่วยโรคปอด โรคไต (ผู้ป่วยโรคเรื อ้ รังเกือบทุก
โรค) มักได้ รับยาที่มีผลต่อการเต้ นและการบีบตัวของหัวใจ ไม่ทางตรงก็ทางอ้ อม ทําให้ การจับ
ตรวจชีพจรมีความคลาดเคลื่อน ผิดแผกจากที่คาดหมายหรื อในตําราอยูเ่ นือง ๆ การวินิจฉัย
แบบแพทย์แผนจีน จึงต้ องอาศัยองค์ประกอบอื่นในการสนับสนุนการวินิจฉัยแยกกลุม่ โรค
- ปั จจัยที่มีผลต่อการรักษา: จากประสบการณ์ทดลองฝั งเข็มผู้ป่วยหนัก เพียง 18 ราย
พอประเมินได้ วา่
- สภาพร่างกายพื ้นฐานของผู้ป่วย: ผู้ที่สภาพพื ้นฐานแข็งแรง มักตอบต่อการฝั งเข็ม
ดีกว่า ฟื น้ ตัวได้ เร็วกว่าผู้ที่ร่างกายอ่อนแอทรุดโทรม ในผู้ที่ร่างกายทรุดโทรมมาก อาจเน้ นเข็ม
นํ ้าที่เป็ นวิตามิน หรื อยาบํารุงชนิดฉีดต่าง ๆ ตามความเหมาะสม หรื อบางรายอาจต้ องให้
สารอาหารต่าง ๆ เสริ มอย่างแผนปั จจุบนั หรื ออาจต้ องเสริมด้ วยยาจีน ถ้ าจําเป็ น
- การตัดสินใจฝั งเข็มเร็ วหรื อช้ า ยิง่ ตัดสินใจฝั งเข็มเร็วดูเหมือนว่า จะได้ ผลดีกว่า
ปล่อยให้ ป่วยหนักอยูน่ านวัน ไม่แนะนําให้ ฝังเข็มในรายที่สิ ้นหวังหรือใกล้ เสียชีวิต เพราะทํา
ให้ เสียกําลังใจในการฝึ กฝนเป็ นแพทย์ฝังเข็ม
- โรคที่เป็ นสาเหตุ ภาวะแทรกซ้ อน และยาที่ผ้ ปู ่ วยได้ รับ: ก่อนทําการฝั งเข็ม ควรให้
เวลาศึกษาประวัตผิ ้ ปู ่ วยให้ ละเอียด ทุกอย่างที่ผ้ ปู ่ วยได้ รับล้ วนมีผลกระทบต่อการรักษาทังสิ้ ้น
50 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

อย่าฝั งเข็มเพลิน จนลืมไป ว่าเราก็เป็ นแพทย์แผนปั จจุบนั ชัน้ ๑ ด้ วยคนหนึง่ เหมือนกัน เรา
อาจแก้ ปัญหาให้ ผ้ ปู ่ วยได้ โดยไม่ต้องแกะเข็มออกจากซองเลยก็ได้

รู ปที่ 7 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาอาการเจ็บอกจากกล้ ามเนือ้ หัวใจ


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 51

เจ็บคอ
( Sore Throat : 喉咙痛)
เจ็บคอ หรื อ “HouBi” หมายถึง คอเจ็บ หรื อมีอาการรู้สกึ คอไม่โล่งสบาย มีอาการ
บวมแดง หรือตุม่ ต่อมที่ผนังด้ านหลังคอนูนโตขึ ้น ในแผนปั จจุบนั ครอบคลุมถึงโรคคออักเสบ
ต่อมทอนซิลอักเสบ ทังที ้ ่เป็ นแบบเฉียบพลันหรื อเรื อ้ รัง
ในคัมภีร์ ซู่เวิ่ น กล่าวถึง HouBi ว่า “เป็ นภาวะที่อินและหยางเกาะเกี่ยวกัน ทําให้ เกิด
ภาวะ HouBi” คําว่า Bi หมายถึง ไม่สะดวก ไม่โล่ง ในคัมภีร์ จูปิ้งเหวียนโฮ่วลุ่น กล่าวว่า
“HouBi เกิดจากการที่คอมีอาการบวม ไม่โล่ง ไหลเวียนไม่สะดวก ทําให้ เกิดอาการเจ็บ ปวด
ต้ นคอ เพราะสารเหลวที่ดไี ม่สามารถเข้ าถึงบริเวณนันได้ ้ ” ในคัมภีร์ ตันซี ซินฝ่ า กล่าวว่า
“HouBi ส่วนใหญ่พบได้ ในภาวะ เสลดร้ อน”

การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรคและการรั กษาด้ วยการฝั งเข็ม


การแพทย์แผนจีน วินิจฉัยแยกกลุม่ โรค ของเจ็บคอ เป็ น 4 แบบ คือ
1. การรุ กรานจากภายนอก: ส่วนใหญ่เกิดจากลมร้ อนภายนอกเข้ ารุกราน
อาการ: เจ็บคอมาก กลืนลําบาก เวลากลืนจะเจ็บคอเพิม่ ขึ ้น มีไข้ ปวดหัว ไม่ชอบ
โดนลม เหงื่อออก ไอ เสมหะเหลืองข้ นเหนียว
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าบางเหลือง ; ชีพจร: ชีพจรลอย-เร็ว (Fu-ShuMai)
จุดหลัก:- กระตุ้นระบาย TianRong (SI 17), LieQue (LU 7), HeGu (LI 4)
- กระตุ้นบํารุง ZhaoHai ( KI 6)
จุดเสริม:- คอแห้ งเจ็บมาก ให้ ระบายลมร้ อนและเพิม่ นํ ้าโดยปั ก ChiZe (LU 5),
WaiGuan (TE 5) และปล่อยเลือดจุด ShaoShang (LU 11)
2. ปอดและกระเพาะอาหารร้ อน
อาการ: อาการเจ็บคอค่อนข้ างรุนแรง กลืนลําบาก มีไข้ กระหายนํ ้าเพราะคอแห้ ง มี
กลิน่ ปาก ท้ องผูก อุจจาระแห้ งแข็ง ปั สสาวะทีละน้ อยสีเข้ ม
52 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าเหลือง ; ชีพจร: ชีพจรเร็ว-แรง (Shu-ShiMai)


จุดหลัก:- กระตุ้นระบาย TianRong (SI 17), LieQue (LU 7), HeGu (LI 4)
- กระตุ้นบํารุง ZhaoHai ( KI 6)
จุดเสริม:- ถ้ ามีอาการของกระเพาะร้ อน ระบาย NeiTing (ST 44), QuChi (LI 11)
- อาการคอแห้ งเจ็บมาก TianTu (CV 22)
- เสียงแหบ FuLiu (KI 7)
- ท้ องผูก QuChi (LI 11), ZhiGou (TE 6)
3. อินปอดและไตพร่ อง
อาการ: คอแห้ ง เจ็บคอแบบแสบ ๆ ร้ อน ๆ มีอาการมากในช่วงบ่าย ไอแห้ ง ๆ ไม่คอ่ ย
มีเสมหะ หรื อเสมหะเหนียวมาก หรื อเสมหะมีเลือดปน ร้ อนใน ร้ อนกลางฝ่ ามือและเท้ า
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าเหนียว ; ชีพจร: ชีพจรเล็ก-เร็ว (Xi-ShuMai)
จุดหลัก: TianTu (CV 22), LieQue (LU 7), YuJi (LU 10), TaiXi (KI 3)
และ ZhaoHai (KI 6)
จุดเสริม:- อินปอดพร่องมาก เจ็บคอมาก TaiYuan (LU 9) และ JingQu (LU 8)
4. เสลดร้ อนเลือดคั่ง
อาการ: รู้สกึ เหมือนมีก้อนในลําคอ หรื อเสมหะติดค้ างในลําคอ เจ็บคอไม่มาก ขาก
เสมหะออกลําบาก คอแห้ งแต่ไม่ชอบดื่มนํ ้า แน่นอกหรื อคลื่นไส้
ลิน้ : ลิ ้นแดงคลํ ้าหรื อมีจดุ จํ ้าเลือด ฝ้าขาวหรื อเหลืองอ่อน
ชีพจร: ชีพจรลื่น-ตึง (Hua-XianMai)
จุดหลัก: TianTu (CV 22), LieQue (LU 7), YuJi (LU 10), ZhaoHai (KI 6),
TaiXi (KI 3), FengLong (ST 40), TaiChong (LR 3), SanYinJiao (SP6)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 53

รู ปที่ 8 แสดงจุดฝั งเข็มแสดงการรั กษาอาการเจ็บคอ


54 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

กระดูกคอเสื่อม
( Cervical Spondylosis : 颈椎病)
โรคกระดูกคอเสื่อม เป็ นกลุม่ อาการของโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของกระดูกสัน
หลังส่วนคอ แล้ วร่างกายมีขบวนการซ่อมแซมจนเกิดเป็ นการงอกของกระดูกคอ ซึง่ จะไปทํา
อันตรายต่อเนื ้อเยื่อโดยรอบ ทําให้ เกิดการอักเสบของกล้ ามเนื ้อ เส้ นเอ็น และรากประสาทสัน
หลังส่วนคอ ทําให้ ผ้ ปู ่ วยเกิดอาการปวดบริเวณศีรษะ คอ ไหล่ แขน และหน้ าอก

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
เกิดจาก ลม ความเย็น ความชื ้นภายนอก มากระทําต่อร่างกาย ทําให้ เส้ นลมปราณ
อุดตัน ชี่และเลือดไหลเวียนไม่คล่อง หรื อเกิดจากการอ่อนแรงของตับและไตตามวัย ทําให้ ซี่
และเลือดพร่อง ส่งผลให้ เส้ นเอ็นได้ รับสารอาหารหล่อเลี ้ยงไม่เพียงพอ หรื อเกิดจากความ
เสื่อมของเส้ นเอ็นและเส้ นเลือด เนื่องจากได้ รับบาดเจ็บตึงรัง้ ติดต่อกันเป็ นเวลานาน

การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการโรค
1. ลม ความเย็นจากภายนอกเข้ ารุ กราน
อาการ: ปวดคอ คอแข็ง อาจมีอาการของไหล่และแขนร่วมด้ วย ได้ แก่ แขนเย็น ชา
มือ หรื อรู้สกึ หนัก ๆ อาการจะมากขึ ้นเมื่อกระทบกับลมหรื อความเย็น
ลิน้ มีฝ้าบางและขาว ; ชีพจรลอย-ตึง (Fu-XianMai)
2. ชี่และเลือดติดขัด
อาการ: ปวดตึง ๆ หรื อปวดแปล๊ บคล้ ายเข็มแทง บริเวณคอ ไหล่ และแขน หรื อ
ปวดร้ าวลงแขน ร่วมกับอาการมึนงง ปวดศีรษะ จิตใจซึมเศร้ า และอาจมีอาการแน่นและปวด
หน้ าอกร่วมด้ วย
ลิน้ หนา ฝ้าบางและขาว ; ชีพจร ไม่สมํ่าเสมอ หรื อลึก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 55

3. ตับและไตพร่ อง
อาการ: ชาและปวด บริเวณคอ ไหล่ และแผ่นหลังอย่างช้ า ๆ ร่วมกับ อาการมึนงง
ตาพร่า เสียงดังในหู หูอื ้อ ปวดหรื ออ่อนแรงเข่าและขา อาการรุนแรงขึ ้นเมื่อทํางานตรากตรํ า
ลิน้ : ปวดลิ ้น ฝ้าบาง ; ชีพจร ลึก บางและอ่อนแรง

การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก: Cervical JiaJi (EX-B 2), FengChi (GB 20), DaZhui (BL 11) และ
จุด Ashi โดยจุดที่คอใช้ เทคนิคการหมุนและปั่ นเข็ม หรื อใช้ รมยาร่วมกับการครอบกระปุก
จุดเสริม: ตามสาเหตุของโรค
- ลมและความเย็นภายนอกเข้ ารุกราน: ระบาย HeGu (LI 4), WaiGuan (TE 5),
FengMen (BL 12) และ JianJing (GB 21)
- ชี่และเลือดติดขัด: ระบาย HeGu (LI 4), QuChi (LI 11), JianYu (LI 15),
GeShu (BL 17), YangLingQuan (GB 34)
- ตับและไตพร่อง: บํารุง GanShu (BL 18), ShenShu (BL 23), ZuSanLi (ST 36),
XuanZhong (GB 39) และ TaiChong (LR 3)

2. การฝั งเข็มหู
ใช้ จดุ Neck (AH 12), Cervical Vertebra (AH 13), Shoulder (SF 4,5), Kidney
(CO 10) และ Ear ShenMen (TF 4) เลือกใช้ ครัง้ ละ 2 – 3 จุด กระตุ้นเข็มด้ วยแรงปานกลาง
- แรง จากนันคาเข็
้ ม 20 – 30 นาที วันละ 1 ครัง้ หรื อวันเว้ นวัน อาจใช้ เม็ดแม่เหล็ก หรื อเมล็ด
พืชกดแทนเข็ม
56 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 9 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคกระดูกคอเสื่อม


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 57

ไหล่ ตดิ
(Frozen Shoulder - Adhesive Capsulitis : 冻结肩)
Frozen shoulder หรื อ Adhesive capsulitis หมายถึง ข้ อไหล่เคลื่อนไหวติดขัด ไม่
ว่าจะเคลื่อนไหวเอง หรื อจับให้ เคลื่อนไหวโดยผู้อื่น สาเหตุของข้ อไหล่ตดิ เกิดจาก การอักเสบ
การเกิดแผลเป็ น การหนาตัว การหดรัง้ ของเนื ้อเยื่อที่อยูร่ อบข้ อไหล่ เช่น Bursitis/Rotator
cuff tendinitis, Calcific tendinitis, Periarthritis of shoulder
ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้มีปัญหาข้ อไหล่อกั เสบเรื อ้ รัง ผู้มีประวัตผิ า่ ตัดทรวงอกหรื อเต้ านม
หรื อการไม่ได้ เคลื่อนไหวข้ อไหล่เป็ นเวลานาน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดข้ อไหล่ตดิ มากขึ ้น

อาการและอาการแสดงทางคลินิก
อาการและอาการแสดงของข้ อไหล่ตดิ ขึ ้นกับระยะของโรค
1) Painful/Freezing Stage: เป็ นช่วงที่มีอาการปวดข้ อไหล่มากที่สดุ ปวดมากขึ ้น
เมื่อนอนทับไหล่ข้างที่มีอาการ ข้ อไหล่เคลื่อนไหวได้ จํากัด แต่เคลื่อนไหวได้ มากกว่าช่วง
frozen stage ช่วงนี ้กินเวลาประมาณ 6 - 12 สัปดาห์
2) Frozen Stage: ช่วงอาการปวดไหล่จะลดลง แต่ไหล่จะติดมากขึ ้น ช่วงนี ้กินเวลา
ประมาณ 4 - 6 เดือน
3) Thawing Stage: เป็ นช่วงที่อาการข้ อติดค่อย ๆ ดีขึ ้น สามารถเคลื่อนไหวไหล่ได้
มากขึ ้น ช่วงนี ้ใช้ ระยะเวลาเป็ นมากกว่า1 ปี

การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ ารและการตรวจภาพรั งสี


การวินิจฉัยไหล่ตดิ สามารถทําได้ จากการซักประวัตแิ ละตรวจร่างกาย การตรวจ
ภาพรังสีมกั ไม่พบความผิดปกติ แต่มีประโยชน์ในการวินิจฉัยแยกโรคอื่น ๆ ที่อาจมีอาการ
คล้ ายคลึงกัน เช่น วัณโรคกระดูกบริ เวณหัวไหล่ เนื ้องอก หรื อกระดูกหัก เป็ นต้ น
58 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ไหล่ ตดิ ในมุมมองของศาสตร์ การแพทย์ แผนจีน


ตามศาสตร์ การแพทย์แผนจีน อธิบายว่า รอยโรคเกิดขึ ้นที่เส้ นทางเดินลมปราณและ
เส้ นเอ็น มักเกิดในช่วงอายุห้าสิบปี เจิ ้งชี่ไม่พอ จิงเว่ยพร่อง ไหล่มีการกระทบลมเย็น หรื อมัก
นอนตะแคง เมื่อทางไหลเวียนของเส้ นลมปราณถูกกดทับเป็ นระยะเวลานาน ทําให้ เลือดลม
ติดขัดก่อให้ เกิดอาการปวดหรื อชา การปวดไหล่นานเลือดลมไหลติดขัดหรื อไม่คล่อง เกิดการ
คัง่ ทําให้ เกิดการบวมติด จนไหล่เคลื่อนไหวลดลงในที่สดุ ตําแหน่งปวดช่วยบอกตําแหน่งโรค
- ปวดบริเวณจุด ZhongFu (LU 1) ยกแขนไปด้ านหลังแล้ วปวด โรคอยูท่ ี่เส้ นไท่อนิ
- ปวดบริ เวณจุด JianYu (LI 15), JianLiao (TE 14) กดเจ็บบริเวณกล้ ามเนื ้อหัวไหล่
(deltoid) กางแขนออกแล้ วปวด โรคอยูท่ ี่เส้ นหยางหมิง และเส้ นเส้ าหยาง
- ปวดบริ เวณจุด JianZhen (SI 9), NaoShu (SI 10) หุบแขนเข้ าแล้ วปวด โรคอยูท่ ี่
เส้ นไท่หยาง

การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
หลักการรักษา: ขับเคลื่อนเอ็นและจิงลัว่ ให้ ไหลเวียนคล่อง เลือดและชี่ไหลเวียนดี
จุดหลัก: จุดใกล้ ใช้ จดุ บริเวณข้ อไหล่เป็ นหลัก ได้ แก่ JianYu (LI 15), JianQian
(EX-UE 12) (JianQian อยูก่ ึ่งกลางระหว่าง anterior axillary fold และจุด JianYu),
JianZhen (SI 9) และจุด AShi (trigger point) ร่วมกับ จุดไกล ได้ แก่ YangLingQuan (GB
34) และ ZhongPing (EX-LE 17) (ZhongPing อยูใ่ ต้ ตอ่ ZuSanLi (ST 36) 1 ชุ่น)
วิธีการ:
- จุดใกล้ ฝั งเข็ม กระตุ้นระบาย แล้ วตามด้ วยรมยา เพื่อขับลม ขจัดเย็น กระตุ้นให้
เลือดลมไหลเวียนคล่องขึ ้น
- จุดไกล กระตุ้นระบาย YangLingQuan ( GB 34) เป็ นจุดอิทธิพลต่อเส้ นเอ็น ทําให้
เส้ นเอ็นและลัว่ ขับเคลื่อนคล่อง ลมปราณไหลเวียนดี ลดอาการปวด และจุด ZhongPing
(EX-LE 17) ซึง่ เป็ นจุดประสบการณ์ที่ใช้ รักษาอาการปวดไหล่แล้ วได้ ผลดี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 59

จุดเสริม: ใช้ จดุ เสริมตามตําแหน่งโรคในเส้ นลมปราณ


- โรคอยูเ่ ส้ นไท่อิน: เพิ่ม ChiZe (LU 5), YinLingQuan (SP 6)
- โรคอยูเ่ ส้ นหยางหมิง เส้ าหยาง: เพิ่ม ShouSanLi (LI 10), WaiGaun (TE 5)
- โรคอยูเ่ ส้ นไท่หยาง: เพิ่ม HouXi (SI 3), DaZhu (BL 11), KunLun (BL 60)
- ปวดที่เส้ นหยางหมิง-ไท่หยาง: TiaoKou (ST 38) ปั กชี ้ไป ChengShan (BL 57)
แนะนําเทคนิคการฝั งเข็ม
- JianQian (EX-UE 12) และ JianZhen (SI 9) ต้ องระวังทิศการปั กเข็มไม่ควรปั กเข้ า
หา medial หรื อลึกเกินไป
- YangLingQuan (GB 34) ให้ ปักลึกหรื อชี ้ไปทาง YinLingQuan (SP 6)
- TiaoKou (ST 38) สามารถปั กกระตุ้นแรงได้
- บริ เวณที่ปวด ลักษณะปวดแบบเย็น ให้ เพิ่มรมโกฐจุฬาลําพาร่วมด้ วย
- บริ เวณไหล่หลังปั กเข็มสามารถเพิม่ การครอบกระปุกหรือนวดด้ วยครอบกระปุก
- ให้ ผ้ ปู ่ วยขยับไหล่ข้างที่มีอาการร่วมด้ วยในขณะที่ปักกระตุ้นจุดไกล

2. การฝั งเข็มร่ างกายโดยใช้ ไฟฟ้ากระตุ้น


ใช้ จดุ JianYu (LI 15), JianLiao (TE 14), JianQian (EX-UE 12), TianZong (SI
12), Quchi (LI 11), WaiGuan (TE 5) แต่ละครัง้ เลือก 2-4 จุดเพื่อกระตุ้นไฟฟ้า กรณีปวด
ระยะแรกใช้ คลื่น continuous กรณีปวดระยะท้ ายใช้ คลืน่ intermittent

3. การฝั งเข็มหู
ใช้ จดุ Shoulder, Shoulder Joint, Clavicle, Shenmen แต่ละครัง้ เลือก 3-4 จุด ปั ก
เข็มกระตุ้นแรง คาเข็มไว้ 30 นาที หรื อแปะจุดดังกล่าว

การฝั งเข็มจากการศึกษาทางคลินิก
ประสบการณ์รักษาโดยนายแพทย์จู (จาก Shanghai Journal of Acupuncture and
Moxibustion,1997,16(3).23) ฝั งเข็มร่วมกับทุยหนา จุด JianYu (LI 15), JianLiao (TE 14),
60 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

JianZhen (SI 9), BiNao (LI 14), Quchi (LI 11), WaiGuan (TE 5), HeGu (LI 4), และ
TiaoKou (ST 38) โดยให้ ผ้ ปู ่ วยอยูใ่ นท่านัง่ ใช้ เข็มยาว 75 mm ปั กที่ Quchi (LI 11) ของแขน
ข้ างที่มีอาการปวดกระตุ้นให้ ร้ ูสกึ ร้ าวถึงหัวไหล่ แล้ วปั กจุดอื่น ๆ ตาม สุดท้ ายปั ก TiaoKou
(ST 38) กระตุ้นให้ ร้ ูสกึ ร้ าวขาไปแขนจากแขนไปไหล่ คาเข็มไว้ 30 นาที หลังถอนเข็มครอบ
กระปุก 4 - 5 ตําแหน่ง บริ เวณที่ปวด 5 - 10 นาที หลังครอบกระปุกต่อด้ วยทุยหนา ได้ ผล 97-
100%

ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยชาย อายุ 43 ปี มีอาการปวดไหล่ขวามา 10 เดือน เมื่ออาการปวดกําเริ บจะร้ าว
ไปที่แขนและข้ อมือ อากาศเย็นอาการปวดจะเป็ นมากขึ ้น ไหล่ขวาเคลือ่ นไหวติดขัด ไม่วา่ จะ
วางแขน หุบแขนหรื อไพล่หลัง ไม่สามารถทําได้ ปกติ รับประทานยาแล้ วอาการไม่ทเุ ลา ได้ รับ
การรักษาด้ วยการฝั งเข็มโดยเลือกจุด JianLiao (TE 14), WaiGuan (TE 5), ZhongZhu
(TE 3), YangLinQuan (SP 6) ปั กเข็มร่วมกับกระตุ้นด้ วยไฟฟ้า หลังรักษา 12 ครัง้ อาการ
ปวดทุเลาและสามารถเคลื่อนไหวไหล่ขวาได้ คล่อง

ข้ อสังเกตและคําแนะนํา
การรักษาไหล่ตดิ ด้ วยการฝั งเข็มผลค่อนข้ างดี แต่ขึ ้นกับระยะของโรคด้ วย ถ้ ามา
รักษาในช่วงแรกมักจะตอบสนองเร็ วกว่ามาในระยะเรื อ้ รัง และตัวผู้ป่วยเองต้ องให้ ความ
ร่วมมือในการออกกําลังกายเสริ ม เช่น การไต่กําแพงทุกวัน วันละ 2 - 3 ครัง้ และควรดูแลไหล่
ข้ างที่มีอาการไม่ให้ กระทบลมเย็น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 61

รู ปที่ 10 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคไหล่ ตดิ


62 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดข้ อศอก
(Tennis Elbow : 网球肘)
ปวดข้ อศอก เป็ นภาวะที่ข้อศอกมีอาการปวด เจ็บ และการเคลื่อนไหลของข้ อศอกไม่
สะดวก ทัว่ ไปมักเรี ยกว่า Tennis Elbow จัดอยูใ่ นโรคปี เ้ จิ ้งหรื อปวดข้ อศอก จัดอยูใ่ นทาง
การแพทย์ปัจจุบนั กลุม่ โรค External Husneral Epicondylilis สาเหตุของโรคมักเกิดจากการ
ใช้ งานเกินกําลังออทําให้ เกิดบาดเจ็บต่อกล้ ามเนื ้อของเอ็นในบริเวณข้ อศอก มักพบในนักกีฬา
เทนนิส พนักงานพิมพ์ดีด คนใช้ แรงงานยกหิ ้วของหนัก อัตราส่วนหญิงต่อชาย 1 : 3 และมัก
เป็ นที่ข้อศอกขวา ทางการแพทย์จีนแบ่งสาเหตุของโรคนี ้ได้ แก่ การใช้ กําลังงานแขนไม่
เหมาะสม การที่แขนถูกลมเย็นเข้ ากระทบต่อเส้ นลมปราณบริ เวณข้ อศอก การที่บริเวณ
ข้ อศอกมีเลือดลมไม่พอ เหล่านี ้ทําให้ เกิดการไหลเวียนของเลือดลมติดขัด อันนําไปสูอ่ าการ
ปวด

อาการแสดงทางคลินิก
มักมีประวัตกิ ารทํางานของข้ อศอกมากไป ปวดบริ เวณข้ อศอกด้ านนอก ในระยะแรก
ของโรค อาการจะเจ็บมากเวลาใช้ งานมากและทุเลาเวลาได้ พกั ผ่อน กดเจ็บบริเวณข้ อศอก
ด้ านนอก บริเวณด้ านนอกของกระดูก Humerus หรื อบริเวณ Humororadial joint หรื อ
Auterior radial head

การวิเคราะห์ แยกโรค
1. จากการใช้ งานมากเกินไป มีประวัตกิ ารใช้ งานมากไป ปวดบริ เวณข้ อศอก เป็ น
มากอาจจะปวดบริ เวณต้ นแขนด้ านข้ างด้ วย เวลาหมุนแขน (Sapinate pronate) แขนจะเจ็บ
กดจะเจ็บมาก ลิน้ แดงคลํ ้า ฝ้าขาวบาง ชีพจร จมฝื ด หรื อจมเล็ก
2. กระทบลมเย็น มีประวัตกิ ระทบกับลมเย็น ปวดบริเวณข้ อศอกด้ านนอก เวลาหมุน
แขน (Sapinate pronate) แขนจะเจ็บ กดจะเจ็บมาก ลิน้ ซีดแดง ฝ้าขาวบาง ชีพจร เล็ก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 63

การรั กษา
- การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก : ZhouLiao (LI 12), QuChi (LI 11), ShouSanLi (LI 10),
ShouWuLi (LI 13), WaiGuan (TE 5), HeQu (LI 4), AhShi Point.
จุดเสริม :
- ถ้ ามีเลือดคัง่ เพิ่ม GeShu (BL 17)
- ถ้ ามีชี่พร่อง เพิ่ม ZuSanLi (ST 36)
- ถ้ าหมุนแขนไปทางด้ านหน้ า (Anterior rotate forarm..) เจ็บเพิ่ม
XiaLian (LI 8)
- ถ้ าหมุนแขนมทางด้ านหลัง (Posterios rotate forarms) แล้ วเจ็บ ให้ เพิ่ม
ChiZe (LU 5)
- ถ้ าเจ็บด้ านใน (Medial) ของข้ อศอก เพิม่ ShaoHai (HT 3)
- ถ้ าปลายศอกด้ านหลังเจ็บ เพิ่ม TianJing (TE 10)
วิธีปักเข็ม ส่วนใหญ่ผ้ ปู ่ วยมักตรวจพบภาวะพร่อง วิธีรักษาให้ ใช้ การเสริม แต่ถ้าเป็ น
ภาวะแกร่ง เย็น มีเลือดติดขัดให้ ใช้ วิธีระบาย โดยเลือกใช้ เส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ องมีเส้ นทาง
ผ่านศอก ได้ แก่ เส้ นลมปราณหยางมือ เส้ นลมปราณอินมือ อย่างละ 3 เส้ น เส้ นลมปราณ
หยางหมิงมือเป็ นเส้ นหลักที่ถกู กระทบมากที่สดุ และจุดฝั งเข็มที่เลือกใช้ บอ่ ยได้ แก่ ZhouLiao
(LI 12), QuChi (LI 11), ShouSanLi (LI 10) เพื่อเปิ ดเส้ นลมปราณและเลือดให้ ไหลเวียน
สะดวก ส่วนเส้ นลมปราณเส้ าหยางมือ เลือกจุด TianJing (TE 10) และ WaiGuan (TE 5)
เป็ นจุดไกลของเส้ นลมปราณที่อยูไ่ กล สําหรับ WaiGuan (TE 5) เป็ นหยางเหวยม่าย และ
HeQu (LI 4) มีคณุ สมบัตขิ บั ลมเย็นได้ ด้วย

การรั กษาด้ วยวิธีอ่ ืน ๆ


- เข็มหู : จุดว่องไวต่อความรู้สกึ ShenMen, Subcortex, Elbow
64 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- ครอบกระปุก อาจใช้ เข็มผิวหนังปั กบริเวณที่ปวด ให้ มีเลือดซิบ ๆ เล็กน้ อย


แล้ วครอบกระปุกประมาณ 5 นาที

รู ปที่ 11 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาอาการปวดข้ อศอก


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 65

พังผืดกดทับเส้ นประสาทในโพรงข้ อมือ


( Carpal Tunnel Syndrome : 腕管综合症)
Carpal tunnel syndrome เกิดจาก median nerve ที่อยูใ่ นอุโมงค์ข้อมือ หรื อโพรง
ข้ อมือ (carpal tunnel) ถูกกด อาจเกิดจาก โพรงที่แคบลง หรื อเส้ นเอ็นและเยื่อหุ้มที่อยู่
ภายในหนาตัวขึ ้น
Trigger finger หรื อ นิ ้วล็อก เกิดจากการหนาตัวของเส้ นเอ็นกล้ ามเนื ้อที่ควบคุมการ
งอนิ ้วมือกับเยื ้อหุ้มเส้ นเอ็น ทําให้ ช่องที่ให้ เส้ นเอ็นผ่านขณะงอหรื อเหยียดนิ ้วแคบลง
ทัง้ Carpal tunnel syndrome และ Trigger finger เกิดจากการหนาตัวของเส้ นเอ็น
และพังผืด สาเหตุไม่ทราบแน่ชดั พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย สัมพันธ์กบั การใช้ งาน
ข้ อมือหรื อนิ ้วมากเกิน

อาการและอาการแสดงทางคลินิก
Carpal tunnel syndrome มีอาการชา เหมือนมีเข็มทิ่ม (tingling) แสบร้ อนที่นิ ้วมือ
ทังห้
้ าโดยเฉพาะนิ ้วชี ้และนิ ้วกลาง บางรายอาจไม่สามารถกํามือได้ และอาจปวดทังแขนจน ้
ถึงหัวไหล่ หรือมือบวม อาการมักจะเป็ นมากตอนกลางคืน ซึง่ ความรุนแรงแตกต่างกันไปใน
ผู้ป่วยแต่ละราย
Trigger finger มีอาการเหยียดนิ ้ว หรื องอนิ ้วไม่สะดวก เหมือนนิ ้วถูกล็อก และอาจมี
อาการอื่น ๆ เช่น ปวดบริ เวณฝ่ ามือ บวม มีเสียงและปวดเวลาเคลื่อนไหวข้ อนิ ้ว
การวินิจฉัย Carpal tunnel syndrome และTrigger finger สามารถวินิจฉัยได้ จาก
อาการและอาการแสดง

มุมมองต่ อโรคในศาสตร์ การแพทย์ แผนจีน


ศาสตร์ การแพทย์แผนจีนจัดกลุม่ อาการดังกล่าวอยูใ่ นกลุม่ เอ็นขัดคล่อง หรื อ จินปี ้
(JinBi: 筋痹) ของข้ อมือหรื อนิ ้ว สาเหตุเกิดจาก ชี่และเลือดบริ เวณข้ อมือติดขัด จากการใช้
งานมากหรื อบาดเจ็บ
66 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
หลักการรักษา: กระตุ้นให้ เส้ นเอ็นทํางานคล่อง และให้ จิงลัว่ ไหลเวียนดี ลดบวม
ระงับปวด
จุดหลัก: เลือกจุดใกล้ และจุดอาซื่อ เนื่องจากจุดอาซื่อมักจะเป็ นจุดที่มีกล้ ามเนื ้อ
บางการปั กเข็มให้ ปักตื ้น กระตุ้นเข็มแบบบํารุงระบายเท่ากัน
- Carpal tunnel syndrome ใช้ จดุ DaLing (PC 7), BaXie (EX-UE9), NeiGuan
(PC 6), WaiGaun (TE 5)
- Trigger finger ใช้ จดุ อาซือ่

การฝั งเข็มจากการศึกษาทางคลินิก
การวิจยั รักษา Carpal tunnel syndrome โดยใช้ เข็มอุน่ ในผู้ป่วย 92 ราย โดยผู้ป่วย
46 ราย เลือกจุด DaLing (PC 7), NeiGuan (PC 6) และโกฐจุฬาลัมพาเม็ด 3 เม็ด ผู้ป่วยอีก
46 รายใช้ จดุ เดียวกัน แต่ไม่ใช้ โกฐจุฬาลัมพา ผลการรักษาด้ วยการใช้ เข็มอุน่ ผู้ป่วยอาการดี
ขึ ้น 91.3% กลุม่ ไม่ใช้ เข็มอุน่ ดีขึ ้น 71.7% P<0.05 สรุปการใช้ เข็มอุน่ สามารถอบอุน่ ลมปราณ
สลายความเย็น แก้ ปวดขจัดการคัง่

ข้ อสังเกตและคําแนะนํา
1. การรักษาด้ วยการฝั งเข็มได้ ผลค่อนข้ างดี
2. ระหว่างการรักษา ควรดูแลบริเวณที่มีอาการให้ อบอุน่ ไม่ควรกระทบความเย็น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 67

รู ปที่ 12 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษานิว้ ล็อค


68 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดหลัง
(Back Pain: 腰痛)
อาการปวดหลัง เป็ นอาการที่พบมากที่สดุ ในผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ อ แผนกผู้ป่วย
นอกบางแห่งอาจมีถงึ ร้ อยละ 40 ของผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ อ อาการปวดหลังอาจเป็ น
เล็กน้ อย แล้ วหายเองได้ แต่มีบางรายที่ต้องผ่าตัด
ข้ อสันหลังเป็ นข้ อที่รับนํ ้าหนัก การเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังเกิดที่ข้อข้ างสันหลัง
( Posterior facet joint ) ซึง่ เป็ นข้ อชนิดมีเยื่อบุข้อ และการเคลื่อนไหวที่หมอนรองกระดูกสัน
หลัง ไขสันหลังสิ ้นสุดที่กระดูกสันหลังระดับบันเอวข้้ อที่ 2 ดังนันพยาธิ
้ สภาพที่เกิดในช่องไข
สันหลังในระดับบันเอวล่
้ าง ๆ ที่ตํ่าลงมา จึงมีเฉพาะประสาทสันหลัง (spinal nerve) ที่แยก
ออกมาจากไขสันหลัง (spinal cord) แล้ วเท่านันที ้ ่จะถูกกด
ใยประสาทที่ให้ ความรู้สกึ เจ็บปวดบริ เวณหลังจะอยูใ่ นเอ็นยึดข้ อ เอ็นหุ้มข้ อของข้ อ
ข้ างกระดูกสันหลัง เยื่อหุ้มกระดูกบริเวณที่เอ็นเกาะอยู่ และใยประสาทในหลอดเลือดที่อยูใ่ น
ส่วนนอก ๆ ของหมอนรองกระดูก ดังนัน้ อาการปวดหลังจึงเกิดขึ ้นได้ หลายกรณี สาเหตุแรก
เกิดจากตัวหมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูนออกมากด สาเหตุการกดอื่น ๆ ได้ แก่ ข้ อสันหลังเสื่อม
มีกระดูกสร้ างใหม่เป็ นสันรอบข้ อ (spur) ถ้ าหมอนกระดูกสันหลังเป็ นต้ นเหตุ จะถูกกดมากใน
ท่ายกของหนัก หรื อในท่าก้ มหลังมาก ๆ หรื อในท่านัง่ ก็จะเป็ นการเพิม่ แรงกดที่หมอนกระดูก
สันหลังเช่นกัน

สาเหตุของการปวดหลังที่พบบ่ อย ค
1. สาเหตุจากการผิดท่ า หรื อผิดรู ปทางกลศาสตร์
1.1 หมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน
1.2 ข้ อข้ างสันหลังเสื่อม
1.3 ช่องไขสันหลังตีบ
1.4 ข้ อสันหลังเสื่อม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 69

1.5 ความผิดปกติแต่กําเนิด
1.6 กระดูกอ่อนอักเสบจากโรค Scheuermann
1.7 กระดูกสันหลังหัก
2. สาเหตุจากการอักเสบของข้ อสันหลัง
2.1 ข้ อสันหลังอักเสบยึดติด
2.2 ข้ ออักเสบรูมาตอยด์
2.3 ภาวะติดเชื ้อ
3. สาเหตุเนื่องจากเนือ้ งอก
3.1 เนื ้องอกที่กระดูก
3.2 เนื ้องอกในไขสันหลัง
4. สาเหตุจากต่ อมไร้ ท่อ
4.1 กระดูกบาง
4.2 กระดูกตายจากการขาดเลือด
5. สาเหตุอ่ นื ๆ
5.1 การอักเสบในช่องเชิงกราน
5.2 สาเหตุเกิดจากอิริยาบถที่ผิด

การวิเคราะห์ แยกกลุ่มอาการโรค
อาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจพิเศษทางห้ องปฏิบตั กิ าร จากประวัติ
ในพวกที่มีความผิดปกติของกระดูกสันหลัง เช่น กระดูกสันหลังไม่ตรง แอ่นเกินไป หรื อหลัง
ค่อมเกินไป ผู้ป่วยพวกนี ้จะมีอาการปวดเวลาเคลื่อนไหว ถ้ าได้ พกั จะทุเลา
พวกที่มีข้อสันหลังอักเสบ แม้ พกั ก็จะไม่ทเุ ลา ในรายที่การอักเสบลุกลามจนมีอาการ
บวมในส่วนที่เป็ นโรค การเคลื่อนไหวหลังก็จะมีอาการเจ็บปวดเพิม่ ขึ ้น พวกที่กระดูกสันหลัง
อักเสบอาจเป็ นสาเหตุให้ เกิดอาการหลังแข็งตรงบริเวณบันเอว ้
พวกที่เป็ นเนื ้องอกของกระดูกสันหลัง หรื อจากต่อมไร้ ท่อที่มีความผิดปกติ อาการ
70 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดในกระดูกก็จะพบได้ โดยเฉพาะเวลานอนพักยิง่ ปวดมากขึ ้น และจะปวดตลอดเวลาเมื่อ


เคลื่อนไหวกระดูกสันหลัง บางครัง้ จะเห็นอาการกระดูกสันหลังของผู้ป่วยคด (scoliosis) ทังนี ้ ้
เป็ นเพราะกล้ ามเนื ้อหลังหดเกร็งตัว การที่กระดูกสันหลังคด ทําให้ การหดเกร็ งของกล้ ามเนื ้อ
ไม่สมดุล จึงทําให้ ขาสันยาวไม่
้ เท่ากัน
พวกที่มีข้อสันหลังเสื่อม จะเคลื่อนไหวไม่ได้ เต็มที่ โดยเฉพาะท่าเอียงตัวไปซ้ ายหรื อ
ขวา ในโรคข้ อสันหลังอักเสบยึดติด จะเอียงตัวไปด้ านซ้ ายหรื อขวาไม่ได้ เลย
การตรวจกระดูกสันหลัง จําเป็ นต้ องตรวจหาอาการกดทับประสาทสันหลังด้ วย เช่น
การดึงตัวของประสาทขาทางด้ านหลัง (Sciatic nerve) พวกนี ้ถ้ าก้ มตัวจะปวดร้ าวลงไปตาม
ขาทางด้ านหลัง และยิ่งถ้ าไอหรื อจามก็จะปวดหลังมาก มีอาการปวดร้ าวแปลบไปตามแนว
ด้ านหลังขาที่ประสาทผ่านไป
การตรวจภาพรั งสี
ในโรคปวดหลัง โดยทัว่ ไป เงากระดูกสันหลังจะปกติในพวกที่มีสาเหตุจากกลศาสตร์
ของสันหลังที่เสียไป แม้ ในพวกที่มีการเสือ่ มของหมอนกระดูกสันหลัง ก็อาจไม่พบความผิด
ปกติในภาพรังสีได้ สงู
กระดูกสันหลังบาง ถ้ าเป็ นน้ อยจะมองไม่เห็นความจางในเงารังสีกระดูก
การตรวจพิเศษโดยวิธีฉีดสารทึบรังสีเข้ าช่องไขสันหลัง หรื อทํา MRI เพื่อหาตําแหน่ง
การกดรากประสาทสันหลัง จะใช้ ในรายที่มีอาการมาก
อาการปวดหลังบางครัง้ เกิดจากเนื ้องอกประสาท การวินิจฉัยลําบาก แต่มกั มีอาการ
รบกวนของระบบขับถ่ายปั สสาวะ และ/หรื ออุจจาระร่วมด้ วย

หลักการรั กษา
แนะนําวิธีบริหารกล้ ามเนื ้อหลัง ซึง่ เป็ นข้ อปฏิบตั สิ ําคัญมากสําหรับผู้ปวดหลัง ต้ องทํา
เป็ นอันดับแรกเพราะเป็ นทังการป
้ ้ องกันและรักษา ในรายที่มีอาการปวดมากต้ องนอนพัก อาจ
ต้ องรักษาโดยกายภาพบําบัด เช่น การดึงถ่วงหลัง การนวด หรื อการรักษาอื่น ๆ รวมทังการ ้
ใช้ เครื่ องพยุงหลังและในที่สดุ อาจต้ องผ่าตัด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 71

มุมมองต่ อโรคในศาสตร์ การแพทย์ แผนจีน


ปวดหลังบันเอว
้ อาจปวดข้ างเดียวหรื อสองข้ างก็ได้ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ ชิด
ระหว่างแนวกลางกระดูกสันหลัง และบริเวณด้ านข้ างทังสองข้
้ าง โดยเฉพาะเวลามีอาการ
ปวดจะเกิดขึ ้นในบริ เวณดังกล่าวจึงมีชื่อเรียกว่า Lumbospinal pain โดยทัว่ ไปมักเรี ยก
Lumbago หรื อ TCM เรี ยกอาการนี ้ว่า Yao Tong บริ เวณบันเอวเป็
้ นที่อยูข่ องไต ดังนันอาการ

ปวดบันเอวจึ
้ งสัมพันธ์กบั ไต อาการอาจเป็ นแบบเฉียบพลัน หรื อเรื อ้ รังก็ได้

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
1. ความเย็นชืน้ เป็ นสาเหตุที่พบบ่อย เช่น อาจเกิดจากอยูก่ ลางสายฝนเป็ นเวลา
นาน นัง่ ในที่ชื ้นแฉะ ถูกลมโกรกใบหน้ าขณะที่มีเหงื่อออก สวมใส่เสื ้อผ้ าที่เปี ยกชื ้น ทํางานใน
ที่ชื ้นเย็น ชอบนอนบนพื ้นปูน นําไปสูอ่ าการปวดหลังแบบความเย็นชื ้น เนื่องจากทําให้ เกิดชี่
ติดขัดและเลือดคัง่ ในเส้ นลมปราณ แต่หากความเย็นและชื ้นสะสมอยูเ่ ป็ นเวลานาน จะแปร
สภาพเป็ นร้ อน เกิดอาการปวดเอวแบบร้ อนชื ้น
2. ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง สาเหตุจากได้ รับบาดเจ็บ บริ เวณเส้ นลมปราณ และกล้ าม
เนื ้อที่บนเอว
ั้ ทําให้ การไหลเวียนของชี่และเลือดบริ เวณดังกล่าวถูกรบกวนติดขัด เช่น ได้ รับ
อุบตั เิ หตุจากตกที่สงู หรื อถูกกระแทก ใช้ งานบันเอวหนั
้ กมากเกินไป หรื อเคลื่อนไหวผิดท่าผิด
จังหวะ เป็ นต้ น
3. ไตพร่ อง สาเหตุจากร่างกายอ่อนแอแต่กําเนิด เจ็บป่ วยเรื อ้ รัง คนสูงอายุ หรื อมี
กามกิจมากเกินไป ทําให้ สารจําเป็ นของไตพร่อง และมีผลต่อภาวะขาดสารอาหารในกล้ าม
เนื ้อ รวมทังเส้้ นลมปราณ
4. ความผิดปกติในเส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ องกับไต โดยปกติ เมื่อชี่ก่อโรคจาก
ภายนอกรุกรานร่างกาย จะก่อให้ เกิดความผิดปกติบริเวณผิวนอกร่างกายบางส่วน ซึง่ มีเส้ น
ลมปราณผ่าน และเชื่อมต่อกับเส้ นลมปราณไต และ/หรื อผ่านแนวกระดูกไขสันหลัง ความ
ผิดปกติของกระดูกสันหลังและไต นอกจากเกิดอาการปวดหลังแล้ ว ยังมีอาการผิดปกติของ
72 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

อวัยวะภายใน รวมทังเนื ้ ้อเยื่อที่สมั พันธ์ตามแต่เส้ นลมปราณที่ผิดปกติ อาการและอาการ


แสดงของเส้ นลมปราณที่ผิดปกติ มีสว่ นสําคัญอย่างมากในการวินิจฉัยและรักษาโรค เส้ น
ลมปราณที่เกี่ยวกับการปวดบันเอว ้ ได้ แก่
4.1 เส้ นลมปราณตู แขนงของเส้ นตูวงิ่ ผ่านเส้ นไตเข้ าสูไ่ ขสันหลัง แล้ วออกมาเข้ าไต
อีกแขนงหนึง่ วิง่ ลงไปบริเวณบันเอวทั้ งสองข้
้ างของแนวไขสันหลัง แล้ ววิง่ เข้ าสูไ่ ต ดังนันเมื
้ ่อมี
ชี่ก่อโรคกระทําต่อเส้ นลมปราณตู อาจทําให้ เกิดอาการปวดหลังบันเอว ้ หลังแข็ง เนื่องจากมี
การอุดกันชี ้ ่ในเส้ นลมปราณ
4.2 เส้ นลมปราณเญิ่น เส้ นลมปราณเญิ่นและชง มีจดุ กําเนิดที่มดลูก แขนงหนึง่
ของเส้ นเญิ่นวิง่ ไปด้ านหลังเข้ าสูเ่ ส้ นไตและวิ่งต่อตามแนวไขสันหลัง เส้ นเญิ่นเป็ นทะเลของอิน
และควบคุมอินของร่างกายทังหมด ้ เมื่อใดก็ตามที่การไหลเวียนชี่ในเส้ นเญิ่นผิดปกติ จะทําให้
เกิดไส้ เลื่อนในชาย หรื อก้ อนบริ เวณท้ องน้ อยในหญิง ร่วมกับอาการปวดบันเอว ้
4.3 เส้ นลมปราณชง เหมือนกับเส้ นลมปราณตูและเญิ่น ที่มีจดุ กําเนิดจากมดลูก
เส้ นชงม่ายวิง่ ขึ ้นบนตามแนวด้ านในของไขสันหลัง เส้ นชงม่ายเป็ นทะเลของเส้ นลมปราณ
หลัก 12 เส้ น และเป็ นทะเลแห่งเลือด เพราะมีจดุ กําเนิดดังกล่าวข้ างต้ น เมื่อมีพยาธิสภาพต่อ
เส้ นชง จึงมีอาการปวดหลังอย่างเฉียบพลันจากชี่ตีกลับ
4.4 เส้ นลมปราณไต้ วิง่ รอบบันเอวและท้ ้ องน้ อยเหมือนเข็มขัด มีหน้ าที่เชื่อมเส้ น
ลมปราณอินขา 3 เส้ นและเส้ นลมปราณหยางขา 3 เส้ น แพทย์จีนโบราณกล่าวว่า “ความผิด
ปกติในเส้ นลมปราณต้ าย ผู้ป่วยจะมีอาการท้ องตึงแน่นและรู้สกึ ว่าบันเอวจมอยู ้ ใ่ นนํ ้า” เมื่อ
เส้ นลมปราณต้ ายมีพยาธิสภาพ เท้ าจะอ่อนแรง มีปัญหาด้ านสูตนิ รี เวช เช่น ประจําเดือนมา
ไม่แน่นอน ตกขาวมาก เป็ นต้ น ร่วมกับปวดบันเอว ้
4.5 เส้ นลมปราณไต เริ่มจากด้ านในนิ ้วก้ อยของเท้ า วิ่งเฉียงไปยังฝ่ าเท้ า ขึ ้นบนไป
ด้ านหลังในของขาและต้ นขา แล้ วผ่านไปตามแนวไขสันหลังเข้ าสูไ่ ต และมีแขนงเชื่อมต่อกับ
กระเพาะปั สสาวะ ถ้ ามีชี่ก่อโรครุกรานเส้ นลมปราณไต จะมีอาการปวดบันเอว ้ และปวดเย็น ๆ
บริ เวณด้ านหลังในของต้ นขา
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 73

4.6 เส้ นลมปราณกระเพาะปั สสาวะ เป็ นเส้ นลมปราณที่ก่อให้ เกิดอาการปวด


บริเวณเอว หลัง และด้ านหลังนอกของขาเป็ นหลัก เส้ นกระเพาะปั สสาวะเริ่ มจากด้ านในของ
เบ้ าตา วิง่ เข้ าและเชื่อมต่อกับสมองบริเวณกระหม่อม วิ่งต่อเข้ าด้ านในแตกเป็ นสองแขนง วิ่ง
ขนานลงตามแนวกระดูกสันหลัง ผ่านหลังคอ ด้ านในขอบสะบัก เชื่อมกับไตและกระเพาะ
ปั สสาวะ ถ้ าเส้ นลมปราณนี ้มีพยาธิสภาพ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหนัก ๆ ที่ศีรษะ ปวดเบ้ าตา
เหมือนนัยน์ตาจะถลนออก คอแข็ง ปวดหลังประหนึง่ บันเอวขาดสะบั
้ น้ ต้ นขาและข้ อพับเข่า
จะแข็งเกร็ ง รู้สกึ เหมือนกล้ ามเนื ้อบริเวณ Fibula ฉีกแยก

การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการของโรค
1. จากความเย็นชืน้ ผู้ป่วยจะรู้สกึ ปวดเอวหนัก ๆ กล้ ามเนื ้อเกร็ งแข็งเหมือนไม้
กระดาน และเป็ นมานานไม่หาย อาการปวดหนักไม่รุนแรง แต่ร้ ูสกึ หนักมากกว่า บิดเอว
ลําบาก อาจมีปวดขา อาการเลวลงในวันที่มีฝนตกและอากาศเย็น ร่วมกับมีประวัตดิ งั กล่าว
ข้ างต้ น ลิ ้น มีฝ้า ถ้ าความเย็นเด่นฝ้าขาว ความชื ้นเด่นฝ้าเหนียว หรื ออาจขาวเหนียว ชีพจร
จม-ช้ า (Chen-ChiMai)
จากความร้ อนชืน้ ผู้ป่วยมีอาการปวดเอว รู้สกึ อุน่ บริเวณที่ปวด อาการเลวลงใน
หน้ าร้ อนหรื อมีฝนตก อาการจะทุเลาถ้ ามีการเคลื่อนไหวบันเอว ้ ลิ ้นมีฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจร
ลื่น-เร็ว (Hua-ShuMai)
2. จากชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง ปวดเอวเวลาบิดเอวไปมา ก้ มหรื อเงยหลังจะรู้สกึ ตึง
หลัง ถ้ าอาการรุนแรงจะบิดเอวซ้ าย-ขวาลําบาก ปฏิเสธการกดบริเวณบันเอว ้ บางครัง้ จาม
หรื อไอจะปวดมากขึ ้นได้ อาจมีอาการปวดอยูก่ บั ที่เหมือนเข็มทิ่มแทง ร่วมกับมีประวัติ
ดังกล่าวข้ างต้ น ลิ ้นคลํ ้าออกม่วง ชีพจร ตึง-ฝื ด (Xian-SeMai)
3. ไตพร่ อง ปวดเมื่อยล้ าบริเวณเอวไม่ปวดมาก ขาอ่อนแรงร่วมด้ วยเสมอ ถ้ าทํางาน
มาก พักผ่อนไม่พอจะปวดหลังมากขึ ้น การอยูใ่ นอิริยาบถนัง่ เดิน ยืน นอน ในท่าใดท่าหนึง่
นานหรื อมากเกินไป จะปวดหลังมากขึ ้นได้ ร่วมกับมีประวัตดิ งั กล่าวข้ างต้ น
74 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ถ้ าร่วมกับมีอาการอ่อนเพลีย แขนขาเย็น อสุจิหลัง่ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เมื่อกด


นวดหรื อพักผ่อน อาการจะดีขึ ้น แต่ทํางานหนักอาการจะมากขึ ้น รู้สกึ เกร็ งท้ องน้ อย หน้ าซีด
ขาว ลิ ้นซีด ชีพจรเล็กจม จัดเป็ น ไตหยางพร่ อง แต่ถ้ามีอาการหงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ
ปากคอแห้ ง โหนกแก้ มแดง มีอาการร้ อนฝ่ ามือฝ่ าเท้ า ปั สสาวะเหลือง ลิ ้นแดง ชีพจรเล็กเร็ว
เป็ นไตอินพร่ อง
4. ความผิดปกติของเส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ องกับไต
4.1 เส้ นลมปราณตู เอวแข็งและปวดโดยเฉพาะแนวกระดูกสันหลังระดับเอว ไม่
สามารถก้ มหรื อเงยหลังได้
4.2 เส้ นลมปราณเญิ่น ปวดเอวร่วมกับกล้ ามเนื ้อเกร็ง ปวดท้ องน้ อย ตกขาวมากใน
ผู้ป่วยหญิง ปั สสาวะราดและปวดเหมือนเข็มทิ่มแทงบริเวณฝี เย็บ
4.3 เส้ นลมปราณชง ปวดเอวและท้ องน้ อย ในผู้ป่วยหญิงประจําเดือนผิดปกติและ
ปวดระหว่างมีประจําเดือน
4.4 เส้ นลมปราณไต้ ปวดเอว ฝี เย็บและด้ านในของต้ นขา ขาอ่อนแรง ท้ องอืดและ
แน่นตึง ตกขาวออกแดง
4.5 เส้ นลมปราณไต ปวดเอว เย็นเท้ าและอ่อนแรง หรื อปวดด้ านหลังในของต้ นขา
และข้ อพับเข่า ร่วมกับปวดบริ เวณฝ่ าเท้ า ปากคอแห้ ง
4.6 เส้ นลมปราณกระเพาะปั สสาวะ ปวดหลังและบริเวณเอว ประหนึง่ บันเอวขาด ้
สะบัน้ ร่วมกับปวดเย็นและชาบริเวณขาส่วนล่างประหนึง่ ข้ อเท้ าหลุดหรื อเคลื่อน

หลักการรั กษา
1. ความเย็นชืน้ ขับความเย็น สลายความชื ้น ทะลวงและอุน่ เส้ นลมปราณ
ความร้ อนชืน้ ขจัดร้ อน สลายความชื ้น คลายกล้ ามเนื ้อและเอ็นเพื่อระงับปวด
2. ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง กระตุ้นเลือดให้ ไหลเวียน เพื่อสลายเลือดคัง่ ปรับการไหล
เวียนของชี่เพื่อระงับปวด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 75

3. ไตพร่ อง บํารุงไตเพื่อเสริ มความแข็งแรงให้ บนเอว


ั้ เป็ นหลักการทัว่ ไป กรณีไต
หยางพร่อง บํารุงไตหยาง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ บนเอว
ั้ กรณีไตอินพร่อง เลี ้ยงบํารุงไตอิน
ให้ สมบูรณ์
4. ความผิดปกติของเส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ องกับไต ทะลวงเส้ นลมปราณ ปรับ
การไหลเวียนของจิงชี่ บริเวณบันเอว
้ และระงับปวด

การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
1.1 สาเหตุจาก 1 - 3
จุดหลัก: สาเหตุจาก 1 - 3 ใช้ จดุ หลักเหมือนกัน คือ
- ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25), YaoYan (EX-B 7),
WeiZhong (BL 40) และจุด Ashi ถ้ ามี
- ถ้ าปวดกระเบนเหน็บเพิ่ม YaoYangGuan (GV 3)
จุดเสริม:
- กรณีความเย็นชื ้น เพิ่มรมยาหรื อเข็มอุน่ ที่จดุ DaZhui (GV 14);
- ร้ อนชื ้น เพิม่ YinLingQuan (SP 9), FeiYang (BL 58)
- ชี่ตดิ ขัดและเลือดคัง่ : GeShu (BL 17), XueHai (SP 10), SanYinJiao (SP 6)
- ไตหยางพร่อง: QiHai (CV 6), GuanYuan (CV 4), MingMen (GV 4
- ไตอินพร่อง: TaiXi (KI 3), ZhaoHai (KI 6) หรื อ FuLiu (KI 7)
อธิบาย: ความเย็นชืน้ ใช้ เข็มอุน่ หรื อรมยาบริเวณที่ฝังเข็ม ShenShu (BL 23),
YaoYangGuan (GV 3) ใช้ เข็มอุน่ ขับความเย็นและชื ้น จุดใกล้ DaChangShu (BL 25) ,
YaoYan ( EX-B 7) และจุดไกล WeiZhong (BL 40) ใช้ ทะลวงเส้ นลมปราณระงับปวด
ความร้ อนชืน้ ให้ ปักเข็มตามด้ วยครอบกระปุก ShenShu (BL 23) ใช้ ปรับและเลี ้ยง
บํารุงชี่ไต รวมทังขั้ บร้ อนชื ้น บริเวณเอว ด้ วยวิธีปักเข็มแบบระบาย DaChangShu (BL 25),
YaoYangGuan (GV 3) ใช้ ปรับจิงชี่ เฉพาะที่เพื่อลดปวด YinLingQuan (SP 9) ปั กแบบ
76 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ระบายเพื่อสลายความชื ้น จะช่วยขับร้ อนชื ้นบริเวณเอว การปั กจุดเหล่านี ้จะช่วยให้ กล้ ามเนื ้อ


และเอ็นผ่อนคลาย
ชี่ตดิ ขัดเลือดคั่ง ShenShu (BL 23 ) ใช้ บํารุงชี่ไต DaChangShu (BL 25), Ashi
ใช้ ทะลวงเส้ นลมปราณ, ปรับการไหลเวียนของชี่และเลือดเพื่อลดปวด WeiZhong (BL 40),
GeShu (BL 17) ปล่อยเลือดเพื่อกระตุ้นให้ เลือดไหลเวียน และทะลวงเส้ นลมปราณ สลาย
เลือดคัง่ ระงับปวด
ส่วนกรณี ไตพร่ อง ใช้ รมยาคัน่ ขิงบริเวณบันเอวซึ
้ ง่ เป็ นที่อยูข่ องไต ShenShu (BL 23)
ใช้ บํารุงไตและเสริมความแข็งแรงให้ บนเอว;
ั้ QiHai (CV 6), GuanYuan (CV 4) เสริมไตและ
เลี ้ยงบํารุงเหยียนชี่; MingMen (GV 4) เป็ นจุด Shu ของเส้ นลมปราณตูและเป็ นไฟแห่งชีวิต
ของไตหยาง จึงใช้ อนุ่ ไตและเสริ มบํารุงเหยียนชี่; TaiXi (KI 3) เป็ นจุด Shu ของเส้ นลมปราณ
ไต ใช้ บํารุงไตนํ ้า เช่นเดียวกับ ZhaoHai (KI 6), FuLiu (KI 7) ใช้ บํารุงไต; DaChangShu
(BL 25) เป็ นจุดใกล้ ; WeiZhong (BL 40) เป็ นจุดไกล ใช้ ทะลวงเส้ นลมปราณระงับปวด

1.2 สาเหตุจากความผิดปกติในเส้ นลมปราณที่เกี่ยวข้ องกับไต


1.2.1 เส้ นลมปราณตู: จุดใกล้ ใช้ YaoYangGuan (GV 3), Ashi point;
จุดไกลใช้ HouXi (SI 3), WeiZhong (BL 40), RenZhong (GV 26)
อธิบาย:- RenZhong (GV 26) เป็ นจุดบนเส้ นตูมา่ ยที่วงิ่ ตามแนวด้ านในของไขสัน
หลัง HouXi (SI 3) เป็ นจุดบนเส้ นลมปราณลําไส้ เล็กเชื่อมต่อกับเส้ นลมปราณตู การปั กเข็ม
แบบระบายทังสองจุ
้ ด จะช่วยทะลวงจิงชี่ของเส้ นลมปราณทังสองเส้
้ น ทําให้ การทํางาน
บริ เวณเอวดีขึ ้น
- WeiZhong (BL 40) เป็ นจุดไกลใช้ รักษาอาการปวดเอว YaoYangGuan (GV 3)
Ashi point ปั กเข็มแบบระบายจะช่วยปรับการไหลเวียนของจิงชี่รอบ ๆ เอว จุดทังหมดช่้ วย
ทะลวงเส้ นลมปราณบริเวณบันเอวและระงั
้ บปวด ทําให้ การทํางานบริเวณเอวดีขึ ้น
1.2.2 เส้ นเญิ่นม่ าย จุดใกล้ ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25)
จุดไกล GuanYuan (CV 4), LieQue ( LU 7 )
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 77

อธิบาย:- ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25) ใช้ บํารุงไตเพื่อเสริ มความ
แข็งแรงให้ กบั เอว ส่วนจุดอื่นได้ แก่ GuanYuan (CV 4) เป็ นจุดประตูผา่ นของเหยียนชี่ เมื่อปั ก
เข็มร่วมกับรมยาจะช่วยบํารุงเหยียนชี่ให้ แข็งแรง และช่วยบํารุงไต เสริ มความแข็งแรงให้ กบั
บันเอว้ เป็ นการ “รักษาหยาง โดยบํารุงอิน” LieQue (LU 7) เป็ นจุดเชื่อมต่อกับเส้ นลมปราณ
เญิ่น จุดนี ้ช่วยปรับการไหลของชี่ในเส้ นเญิ่นม่ายและทะลวงเส้ นลมปราณลดอาการปวด
1.2.3 เส้ นลมปราณชง จุดใกล้ ShenShu (BL 23), YaoYan (EX-B 7)
จุดไกล QiHai (CV 6) , GongSun (SP 4)
อธิบาย:- ShenShu (BL 23) เสริมความแข็งแรงให้ กบั ไตและบันเอว ้ QiHai (CV 6)
เลี ้ยงบํารุงชี่และเสริ มไต YaoYan ( EX-B 7) เป็ นจุดใกล้ ใช้ ทะลวงและปรับการไหลเวียนของ
ชี่ให้ ผา่ นบันเอว
้ ร่วมกับ GongSun (SP 4) ช่วยปรับการทํางานของของเส้ นลมปราณชง จุด
ทังหมดจะช่
้ วยเสริมไตทํางานดีขึ ้นและทําให้ กล้ ามเนื ้อกลับมาทํางานได้ ปกติ
1.2.4 เส้ นลมปราณไต้ จุดใกล้ ShenShu (BL 23) , DaChangShu (BL 25)
จุดไกล DaiMai (GB 26), ZuLinQi (GB 41)
อธิบาย:- ShenShu (BL 23) เสริมความแข็งแรงให้ กบั ไตและเอว DaChangShu
(BL 25) ช่วยให้ การไหลเวียนของชี่บริเวณเอวไหลคล่องขึ ้น DaiMai (GB 26) ควบคุมการ
ทํางานของเอวและช่องท้ อง ZuLinQi (GB 41) ทะลวงเส้ นลมปราณต้ าย จุดทังหมดช่ ้ วยให้
เส้ นลมปราณต้ ายกลับมาทําหน้ าที่ และยังบํารุงไตเสริ มความแข็งแรงบันเอว ้
1.2.5 เส้ นลมปราณไต จุดใกล้ ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25),
MingMem (GV 4)
จุดไกล GuanYuan (CV 4) , TaiXi (KI 3) , FuLiu (KI 7)
อธิบาย:- เอวเป็ นที่อยูข่ องไต การเลือกเส้ นลมปราณไตเพื่อบํารุงชี่ไต DaChangShu
(BL 25), MingMem (GV 4) ใช้ อนุ่ ไตและช่วยคลายกล้ ามเนื ้อรวมทังเอ็ ้ น GuanYuan (CV4)
ใช้ เลี ้ยงบํารุงเหยียนชี่ และเสริ มความแข็งแรงของร่างกาย TaiXi (KI 3), FuLiu (KI 7) ใช้ บํารุง
ไตอิน จุดทังหมดช่้ วยบํารุงไต และเลี ้ยงบํารุงสารจําเป็ น เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ กบั บันเอว

1.2.6 เส้ นลมปราณกระเพาะปั สสาวะ
78 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

จุดใกล้ YaoYangGuan (GV 3), DaChangShu (BL 25)


จุดไกล YinMen (BL 37), KunLun (BL 60), WeiZhong (BL 40)
อธิบาย:- YaoYangGuan (GV 3), DaChangShu (BL 25) ใช้ ร่วมกันจะกระตุ้น
การไหลเวียนของชี่ในเส้ นลมปราณตูและเส้ นลมปราณกระเพาะปั สสาวะ YinMen (BL 37),
KunLun (BL 60) เป็ นจุดไกล ใช้ ทะลวงเส้ นลมปราณที่ตดิ ขัดและระงับปวด เป็ นจุด He บน
เส้ นกระเพาะปั สสาวะ จึงใช้ ทะลวงเส้ นลมปราณและคลายกล้ ามเนื ้อรวมทังเอ็ ้ น ระงับปวด
ภาวะไตพร่องเป็ นจุดกําเนิดของอาการปวดหลัง โดยมีเสียชี่จากภายนอกหรื อการ
ได้ รับอุบตั เิ หตุเป็ นปั จจัยเสริ ม ดังนัน้ การรักษาอาการปวดหลัง จึงต้ องมีจดุ เสริมบํารุงไตเพื่อ
สร้ างความแข็งแรงให้ กบั บันเอวด้้ วย และยังช่วยเพิ่มภูมติ ้ านทานให้ กบั ร่างกายเพื่อขจัดเสียชี่
ออกไป นอกจากนี ้อาการปวดหลังบันเอว ้ อาจเป็ นลักษณะผสมระหว่างพร่องและแกร่ง ดังนัน้
การรักษาจีงควรรักษาทังเปี ้ ยวและเปิ น ( Biao and Ben ) ไปพร้ อม ๆ กัน

ระยะเวลาฝั งเข็ม
การฝั งเข็ม 10 ครัง้ นับเป็ น 1 รอบการรักษา ปั กวันเว้ นวัน หรื อทุกวันถ้ ามีอาการ
ปวดมาก อาการดีขึ ้นปั กห่างได้ หยุดพักระหว่างระยะการรักษา 3 - 5 วัน ควรแนะนําผู้ป่วย
ปรับเปลี่ยนวิถีและการใช้ ชีวติ ให้ ถกู ต้ อง เพื่อเป็ นการรักษาและป้องกันอาการปวดหลังใน
อนาคต อาจใช้ รมยา ส่อง TDP เจาะปล่อยเลือด เครื่ องกระตุ้นเข็ม หรื อ Moving cupping
ร่วมตามความเหมาะสมเป็ นราย ๆ ไป
หมายเหตุ
1. กรณีฉกุ เฉินเร่งด่วน ให้ ปักเข็มระงับปวดก่อน ค่อยหาสาเหตุ และรักษาใน
ภายหลัง ดังนี ้
- ผู้ป่วยมีประวัตยิ กของหนักมาก่อน แล้ วมีอาการปวดหลังเฉียบพลันอย่างมาก
จนนัง่ หรื อยืนเดินไม่ได้ หลังแข็งให้ ใช้ จดุ RenZhong (GV 26) กระทุ้งจนผู้ป่วยสะดุ้ง โน้ ม
ตัวลุกจากที่นงั่ แล้ วให้ ผ้ ปู ่ วยนัง่ ยืน หลาย ๆ ครัง้ ต่อไปให้ ลองเดิน และบิดลําตัวไปมาจน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 79

คล่องขึ ้น วิธีนี ้เป็ นเกิน 3 วันไม่คอ่ ยได้ ผล ก่อนใช้ ต้องแยกสาเหตุปวดหลังอื่น ๆ ออกก่อน


โดยเฉพาะหมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน
- ถ้ าผู้ป่วยมีประวัตปิ วดหลังเป็ น ๆ หาย ๆ มานาน แล้ วเกิดปวดหลังเฉียบพลัน
ก้ มหรื อเงยหลังลําบาก ผู้ป่วยยังพอเดินไปมาได้ ใช้ จดุ WeiZhong (BL 40) หรื อหลอดเลือด
ดําที่ขอด เจาะปล่อยเลือดทังสองข้ ้ าง ในท่ายืนเขย่งเท้ า มือยันโต๊ ะหรื อกําแพง ให้ เลือดไหล
ออกจนหยุดเอง หลังจากนันให้ ้ ก้มเงย บิดเอวไปมาจนคล่อง
- ปวดกึ่งกลางหลัง แนวเส้ นเอ็นยึดข้ อต่อกระดูกสันหลัง เรี ยกบริ เวณที่กดเจ็บว่า
JiZhong คนละความหมายกับจุด JiZhong (GV 6) มักเป็ นข้ อเดียว ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนควํ่าใช้
หมอนหนุนท้ อง เพื่อเปิ ดช่องระหว่างกระดูกสันหลังให้ กว้ างขึ ้น ใช้ เข็ม 1.5 ชุ่น ปั กลึก 1 ชุ่น
จนความรู้สกึ เข็มกระจายรอบ ๆ ถ้ าไม่เกิดให้ ปักเข็มเพิ่มอีก 2 เล่ม ชี ้เข้ าหาจุดเดิม ถ้ าหากไม่มี
ความรู้สกึ อีก ให้ ใช้ เครื่ องหรือมือกระตุ้น จนคนไข้ ร้อนผ่าวจึงหยุดกระตุ้น
2. การฝั งเข็มที่กล่าวมาทังหมด ้ เหมาะสําหรับอาการปวดหลังที่เกิดจากกล้ ามเนื ้อ
และเอ็นบริเวณเอวเป็ นส่วนใหญ่ หากเกิดจากกระดูก จะใช้ จดุ ฝั งเข็มแบบอื่น ๆ เช่น JiaJi
(EX-B 2) ซึง่ จะกล่าวในหัวข้ อต่อไป
3. ผู้สงู อายุ ถ้ าฝั งเข็มแล้ วไม่ได้ ผล ในผู้ป่วยชายต้ องคิดถึงปั ญหาต่อมลูกหมากโต
ส่วนผู้ป่วยหญิงอาจมีปัญหาอุ้งเชิงกรานอักเสบ ควรเพิ่มจุด BaLiao โดยเลือกจุดเป็ นคู่ ๆ ปั ก
2 ตําแหน่ง ระดับ S 1 - S 3 หรื อ S 2 - S 4ปั กทังสองข้ ้ าง
4. การใช้ เครื่ องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า ควรใช้ ความถี่ตาํ่ ความแรงที่ผ้ ปู ่ วยทนได้ เพราะ
อาจทําให้ กล้ ามเนื ้อเกร็งปวดมากขึ ้น
5. ถ้ าหากผู้ป่วยกลัวเข็ม อาจพิจารณาใช้ ครอบกระปุกแทนได้ ผู้ป่วยที่ฝังเข็มได้
อาจใช้ Moving Cupping เสริ ม
6. ผู้ที่ผา่ ตัดหลังมาแล้ ว ยังมีอาการปวดหลัง สามารถฝั งเข็มและรมยาได้ เช่นกัน
7. ผู้ป่วยเป็ นเนื ้องอก หรื อวัณโรคกระดูกสันหลัง การฝั งเข็มและรมยาควรงด หญิง
ที่มีประจําเดือน หรื ออยูร่ ะหว่างตังครรภ์ ้ ควรหลีกเลีย่ งจุดฝั งเข็มบริเวณบันเอวและกระเบน

80 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เหน็บ ระหว่างรักษาผู้ป่วยควรหลีกเลีย่ งถูกลมเย็น การใช้ ชีวิตประจําวันให้ ถกู ต้ อง ทังการ



รับประทานอาหาร การทํางาน การพักผ่อน และการออกกําลังกาย

2. การฝั งเข็มตา ( Eye Acupuncture )


ใช้ ได้ ทงอาการเฉี
ั้ ยบพลันและเรื อ้ รัง ใช้ จดุ XiaJiao และจุด KI + BL ทังสองข้
้ าง
วิธีการ: ใช้ เข็ม 0.5 ชุน่ ขนาด 0.3 มม. การกระตุ้นเข็มใช้ วิธีเกาเข็มเป็ นระยะ ๆ ทุก
10 – 15 นาที แล้ วให้ ผ้ ปู ่ วยเคลื่อนไหวเอว หรื อบิดเอวไปมา
การฝั งเข็มตา อาจใช้ ร่วมกับการฝั งเข็มระบบร่างกายข้ างต้ น

ตัวอย่ างผู้ป่วย
ชายไทยคู่ อายุ 28 ปี อาชีพลูกจ้ างส่งนํ ้าแข็ง อาการสําคัญ มีอาการปวดบันเอวสอง

ข้ าง ตึงหลัง ก้ มและเงยลําบากปกติต้องยกก้ อนนํ ้าแข็งหนักเป็ นประจํา ก่อนมาพบแพทย์ 1
วัน ผู้ป่วยยกนํ ้าแข็งผิดจังหวะ จึงมีอาการปวดดังกล่าว ตรวจร่างกายให้ ผ้ ปู ่ วยก้ มหลังจะมี
อาการตีงด้ านหลังต้ นขา และกล้ ามเนื ้อหลังเกร็งทังสองข้
้ าง SLRT : negative ลิ ้นบวมคลํ ้า
ฝ้าขาวบาง ชีพจรตึง ได้ รับการวินิจฉัยว่าเป็ น Acute low back pain from sprain
การรักษา
- ShenShu (BL 23), DaChangShu (BL 25), WeiZhong (BL 40) ปั กเข็มแบบ
ระบายทังสองข้
้ าง ตามด้ วยจุด Ashi ที่กดเจ็บ กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที คาเข็ม 40 นาที ตาม
ด้ วย Moving cupping บริ เวณแผ่นหลังทังสองข้้ าง นัดฝั งเข็มทุกวัน รักษา 3 ครัง้ ผู้ป่วย
อาการทุเลาเกือบเป็ นปกติ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 81

รู ปที่ 13 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดหลัง


82 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดประสาทไซแอติก
( Sciatica : 坐骨神经痛 )
ปวดประสาทไซแอติก อาจปวดบันเอว ้ แล้ วร้ าวไปที่ขา แบ่งได้ 2 แบบ คือ แบบปฐม
ภูมิ และแบบทุตยิ ภูมิ
แบบปฐมภูมิ สาเหตุเกิดจากการอักเสบของเส้ นประสาทไซแอติก (Imflammation
of the sciatic nerve)
แบบทุตยิ ภูมิ เป็ นผลทางอ้ อม จากการมีพยาธิสภาพที่กระดูกสันหลังบริ เวณบันเอว้
หมอนกระดูกสันหลัง หรื อมะเร็ งที่ไขกระดูกขยายตัวกดทับเส้ นประสาท ในที่นี ้กล่าวถึงเฉพาะ
หมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูนกดทับเส้ นประสาท และ ช่องไขสันหลังตีบกดทับเส้ นประสาท

1. หมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน (Herniated or Prolapsed disc)


เป็ นสาเหตุที่พบมากที่สดุ ของโรคที่ทําให้ เกิดอาการปวดหลังบันเอวและร้
้ าวไปที่ขา
พบในผู้ป่วยอายุ 15 – 60 ปี ส่วนใหญ่พบที่กระดูกสันหลังระดับบันเอวข้ ้ อที่ 4 – 5 พยาธิ
สภาพอาจมีการแตกของหมอนกระดูกสันหลังร่วมด้ วย ซึง่ อาจเนื่องมาจากการบาดเจ็บจาก
การได้ รับแรงกดหรื อแรงกระแทก การบาดเจ็บเล็ก ๆ น้ อย ๆ บ่อยครัง้ อาจทําให้ หมอนกระดูก
สันหลังเกิดการฉีกขาดแบบค่อยเป็ นค่อยไป จากภายในเล็ดออกมาภายนอกข้ อสันหลัง
ประมาณร้ อยละ 40 ของการโป่ งนูน คือ การแตกของหมอนกระดูกสันหลังภายในโป่ งนูน
ออกมา และส่วนที่นนู ออกมาอาจกดรากประสาทที่ทอดผ่านหมอนกระดูกที่แตก ซึง่ มี
ลักษณะเสื่อมอยูแ่ ล้ ว เมื่อได้ รับการกระทบกระเทือนจึงแตก และมีอาการปวดเกิดขึ ้น การที่
หมอนกระดูกแตกโป่ งเข้ าในช่องไขสันหลัง เป็ นเพราะเอ็นยึดข้ อสันหลังด้ านหลัง (posterior
longitudinal ligament) บางและไม่แข็งแรงเหมือนเอ็นด้ านหน้ า (anterior longitudinal
ligament) หมอนกระดูกสันหลังจะถูกกดมากในท่าก้ มหลัง การโป่ งนูนออกทางด้ านหน้ าและ
ด้ านข้ างของตัวกระดูก พบได้ น้อยมาก และจะไม่มีอาการกดรากประสาท หมอนกระดูกสัน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 83

หลังเมื่อแตกแล้ วจะไม่หายเป็ นปกติ และกลายเป็ นพังผืดทําให้ เสียสภาพการยืดหยุน่ ในการ


เคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังและจะแข็งตัว ข้ อสันหลังอื่นจะเคลื่อนไหวมากขึ ้น อาจทําให้
หมอนกระดูกข้ อใหม่แตกอีก ถ้ าผู้ป่วยยังมีการเคลื่อนไหวเหมือนเดิมอยู่

อาการและอาการแสดง
กลไกแท้ จริงที่ทําให้ หมอนกระดูกแตก ยังไม่ทราบแน่ชดั ตําแหน่งความเจ็บปวด
ขึ ้นกับตําแหน่งที่หมอนกระดูกแตก กระทําต่อเอ็นยึดข้ อด้ านหลัง ที่มีใยประสาทรับความรู้สกึ
เจ็บปวดอยู่ โดย
1) ถ้ าแตกตรงกลางออกไปด้ านหลัง จะทําให้ ปวดกลางหลังพอดี
2) ถ้ าแตกตรงด้ านข้ าง อาจมีความรู้สกึ ปวดร้ าวไปที่ข้อข้ างกระเบนเหน็บ บางครัง้ ไป
ที่ขาหนีบด้ วย ความเจ็บปวดมาจากการยืดของเอ็นยึดข้ อด้ านหลังดังกล่าว
3) ผู้ป่วยบางรายอาจปวดร้ าวไปตามขา แต่ไม่มีอาการปวดหลัง รากประสาทที่ถกู กด
จะทําให้ เกิดความเจ็บปวดและอักเสบบวมของรากประสาทเอง
4) ผู้ป่วยบางรายที่มีหมอนกระดูกแตก มีอาการปวดร้ าวไปตามประสาทไซแอติก แต่
ไม่มีการกดรากประสาทเลย
ความเจ็บปวด อาจร้ าวมาที่บริ เวณข้ อสะโพก ลงไปด้ านข้ างและด้ านหลังของต้ นขา
ด้ านข้ างของน่อง ลงไปถึงข้ อเท้ า บางครัง้ ถึงส้ นเท้ า อาการปวดจะลดลงถ้ านอนพัก และจะ
มากขึ ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหลัง เช่น การก้ ม เงย จามหรื อไอ และพบมีอาการชาและขาไม่มี
แรงร่วมด้ วยเสมอ บางรายอาจมีอาการปวดขาหนีบและอัณฑะ ถ้ าชิ ้นหมอนกระดูกใหญ่มาก
อาจแสดงอาการกดรากประสาททังหมดของไขสั ้ นหลังระดับนันได้
้ นอกจากนี ้อาจปวดที่ทวาร
หนัก ชาบริเวณฝี เย็บ ตลอดจนกล้ ามเนื ้อหูรูดทวารหนักอาจไม่มีแรงด้ วย อาการปวดหลังและ
ประสาทต้ นขา จะรุนแรงมากในตอนที่เริ่ มมีอาการ และอาจทุเลาไปได้ เอง จากการที่ราก
ประสาทและใยประสาทถูกกดอยูน่ านจนปรับตัวได้
จะพบอาการเกร็งของกล้ ามเนื ้อหลังข้ างที่มีอาการปวดมาก หลังจะเอียงไปด้ านตรง
ข้ ามกับความเจ็บปวด การทํา SLRT (straight leg rising test) ตํ่ากว่า 45 องศา แล้ วให้ ผล
84 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

บวกแสดงว่ามี Sciatica แท้ จริ ง ตังแต่ ้ 45 – 60 องศา สงสัยอาจมีได้ และถ้ าเกิน 70


องศา หรื อยกแล้ วไม่ปวดร้ าวอาจไม่ใช่โรคหมอนกระดูกสันหลังแตก
ในรายที่หมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูนที่ช่องกระดูกบันเอวข้ ้ อที่ 4 – 5 (L4 – L5) จะ
ปวดบริ เวณข้ อข้ างกระเบนเหน็บและข้ อสะโพกลงไปถึงต้ นขาและขาด้ านข้ าง อาจร่วมกับชา
ด้ านข้ างของขาและหลังเท้ า ไปถึงหัวแม่เท้ า และมักพบกล้ ามเนื ้อกระดูกหัวแม่เท้ าอ่อนแรง
ส่วนการตอบสนองของเอ็นกล้ ามเนื ้อข้ อเท้ าจะปกติ
ถ้ าเป็ นระหว่างกระดูกสันหลังเอวข้ อที่ 5 กับกระดูกใต้ กระเบนเหน็บข้ อที่ 1 (L5 – S1)
จะปวดข้ อข้ างกระเบนเหน็บ ข้ อสะโพก ด้ านข้ างต้ นขา ขาและส้ นเท้ า ถ้ ามีอาการชาจะชา
ด้ านข้ าง โดยเฉพาะแนวนิ ้วเท้ า 3 นิ ้วด้ านนอก (นิ ้วกลาง นิ ้วนาง และนิ ้วก้ อย) อาการอ่อนแรง
ของกล้ ามเนื ้อมักตรวจไม่คอ่ ยพบ หรื ออาจมีกล้ ามเนื ้องอนิ ้วเท้ าลงล่างอ่อนแรง การตอบ
สนองของเอ็นกล้ ามเนื ้อที่ข้อเท้ าลดความไวลงหรื อไม่มี
ถ้ าหมอนกระดูกโป่ งออกมากจนเต็มช่องไขสันหลัง จะทําให้ เกิดอาการปวดหลังขา
และฝี เย็บ บางครัง้ ขาเป็ นอัมพาต กลันปั้ สสาวะและอุจจาระไม่ได้

การตรวจภาพรังสี
จะเห็นแนวกระดูกสันหลังบริเวณบันเอวแอ่้ นน้ อยลงหรื อเป็ นแนวตรง ช่องข้ อสันหลัง
แคบและมีขอบไม่เรี ยบ การถ่ายภาพรังสีเป็ นเพียงการแยกโรคอื่น ๆ เท่านัน้ เช่น โรคข้ อสัน
หลังอักเสบยึดติด (Ankylosing spondylosis) โรคมะเร็งลุกลามมาถึงกระดูกสันหลัง วัณโรค
กระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังติดเชื ้อ เนื ้องอกไขสันหลัง โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน เป็ นต้ น
การตรวจ MRI จะช่วยในการวินิจฉัยและบอกตําแหน่งที่ผิดปกติได้ ชดั เจนแน่นอน

หลักการรักษา
หลักการรักษา คือ การลดแรงกดที่เอ็นยึดข้ อด้ านหลังเนื่องจากหมอนกระดูกที่แตก
ไปดันอยู่ รวมทังรากประสาทด้
้ วย โดยการผ่าตัดนําส่วนของหมอนกระดูกที่แตกออกให้ หมด
เพื่อป้องกันการเกิดซํ ้า การผ่าตัดจะทําต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการของรากประสาทถูกกดอย่างมาก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 85

เช่น มีกล้ ามเนื ้ออ่อนแรง และมีอาการกลันปั ้ สสาวะและอุจจาระไม่ได้ หรื อมีอาการปวดจน


ทนแทบไม่ไหว ส่วนในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากแต่เป็ นมานาน ได้ รับการรักษาโดยวิธีไม่ผา่ ตัด
มาเป็ นเวลานานแต่ยงั ไม่ทเุ ลา ต้ องรักษาด้ วยวิธีผา่ ตัด
วิธีรักษาโดยไม่ผา่ ตัด ประกอบด้ วย การนอนพักในท่านอนหงายหนุนงอข้ อเข่า การ
ดึงถ่วงขาหรื อที่เชิงกรานด้ วยนํ ้าหนัก การให้ ยาแก้ ปวด และการอบด้ วยความร้ อน อาจใช้
อุปกรณ์พยุงหลังเพื่อลดการเคลื่อนไหวของข้ อที่เป็ นโรค และข้ อที่ต้องรับหน้ าที่มากขึ ้น วิธีไม่
ผ่าตัดเหมาะสําหรับ ผู้ป่วยที่เริ่ มมีอาการครัง้ แรก-ไม่วา่ มากหรื อน้ อย ผู้ป่วยที่กลับเป็ นซํ ้านาน
ๆ ครัง้ หรื อรายที่อาการไม่รุนแรงมาก ขณะรักษาหากมีอาการกดทับเส้ นประสาทมากขึ ้น หรื อ
รายที่ไม่มีความอดทนแบบไม่ผา่ ตัด อาจพิจารณารักษาด้ วยการผ่าตัด หลังผ่าตัดผู้ป่วยต้ อง
พักและไม่ออกกําลังกายรุนแรง อาการปวดหลังบริเวณที่ผา่ ตัด อาจยังคงอยูเ่ ป็ นเดือนกว่าจะ
หาย ผลการรักษาโดยการผ่าตัดทัว่ ไปได้ ผลดี ยกเว้ นบางรายอาจได้ ผลไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนการ
เชื่อมข้ อสันหลังให้ ตดิ กันอาจเป็ นวิธีรักษาที่เกินเหตุ

2. ช่ องไขสันหลังตีบ (Spinal stenosis)


สาเหตุไม่ทราบแน่ชดั อาจเป็ นหลายระดับหรื อระดับเดียว พบมากที่ระดับกระดูกสัน
หลังเอว พยาธิสภาพ อาจมีกระดูกงอกออกจากข้ อสันหลัง หรื อเกิดจากแผ่นเอ็นที่ห้ มุ อยูน่ อก
ปลอกใยสันหลังมีความหนาตัวมาก หรื ออาจมีพงั ผืดกดทับรากประสาทไขสันหลัง เกิดอาการ
ปวดร้ าวตามแนวเส้ นประสาท บางรายอาจมีหมอนกระดูกสันหลังโป่ งหรื อแตกร่วมด้ วย ทําให้
ช่องไขสันหลังตีบมากขึ ้น ยังผลให้ มีอาการมากขึ ้น โรคปวดหลังชนิดนี ้แบ่งเป็ น 2 ชนิดใหญ่ ๆ
คือ ชนิดที่เป็ นตังแต่
้ กําเนิด และชนิดที่เป็ นภายหลัง ชนิดที่เป็ นภายหลังเกิดจากส่วนประกอบ
ของกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพ หรื ออาจเกิดจากกระดูกสันหลังเคลื่อน หรื ออาจเกิดตามหลัง
การบาดเจ็บ หรื อภายหลังการผ่าตัดกระดูกสันหลังจากเหตุอื่น
พยาธิสภาพที่พบบ่อยที่สดุ คือ การเสื่อมของข้ อสันหลังและเนื ้อเยื่อที่เกี่ยวข้ อง และ
สาเหตุที่ทําให้ เกิดการเสื่อม คือ เสื่อมจากการหมุนบิดข้ อสันหลังมากเกินไป โดยเฉพาะข้ อบัน้
เอว 2 ข้ อสุดท้ าย สาเหตุนี ้จะมีผลต่อส่วนของข้ อข้ างกระดูกสันหลังด้ วย ส่วนสาเหตุที่เกิดจาก
86 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การกระทบกระแทก จะมีผลต่อหมอนกระดูกสันหลังเป็ นส่วนใหญ่ ในบางภาวะอาจเกิดจาก


การดื่มนํ ้าที่มีฟลูออไรด์มากเกินไป ทําให้ แคลเซียมพอกตามเอ็นยึดข้ อต่าง ๆ ทําให้ ช่องไขสัน
หลังตีบแคบในที่สดุ

อาการและอาการแสดง
อาการปวดหลัง ที่เกิดจากการกดและระคายต่อรากประสาท อาจเกิดการอุดตันของ
หลอดเลือดในบริเวณช่องไขสันหลังร่วมด้ วย พบมีการเปลี่ยนแปลงการรับความรู้สกึ ผิวหนังที่
ขา และบางครัง้ อาจมีกล้ ามเนื ้ออ่อนแรงจากผลของการกดทับรากประสาท และผลของการ
ขาดเลือดของประสาทเหล่านี ้ อาการมักเกิดร่วมกันหลายระดับไขสันหลัง ปฏิกิริยาตอบสนอง
ของเอ็นกล้ ามเนื ้ออาจมากขึ ้นในท่าแอ่นหลัง และจะทุเลาในท่าก้ มหลัง ซึง่ ช่องไขสันหลังจะ
กว้ างกว่าท่าแอ่นหลัง

การตรวจภาพรังสี
จากภาพรังสีด้านหน้ า พบส่วนต่อเชื่อม (pedicle) ของกระดูกสันหลังแต่ละชิ ้น มี
ระยะแคบลงระหว่างข้ อถัดไป ภาพรังสีด้านข้ าง พบไขสันหลังแคบลง ถ้ าเป็ นมากจนกระดูก
สันหลังเคลื่อน จะพบลักษณะกระดูกสันหลังเคลื่อนไปข้ างหน้ า การทํา MRI จะช่วยให้ การ
วินิจฉัยแน่นอนยิง่ ขึ ้น

หลักการรักษา
การรักษามี 2 วิธี คือ วิธีไม่ผา่ ตัด และผ่าตัด ในผู้ป่วยที่มีอาการน้ อย ยังไม่มีการกด
ประสาทชัดเจน กล้ ามเนื ้อไม่ออ่ นแรงมาก วิธีรักษา คือ การแนะนําเกี่ยวกับท่าทางอิริยาบถ
ต่าง ๆ ที่ถกู ต้ อง และออกกําลังกาย เพื่อทํากายบริหารกล้ ามเนื ้อหลัง ถ้ าจําเป็ นอาจใช้ กาย
อุปกรณ์เพื่อพยุงหลัง
การรักษาด้ วยการผ่าตัด จะกระทําเมื่อรักษาด้ วยวิธีไม่ผา่ ตัดล้ มเหลว หรื อผู้ป่วยมี
ความลําบากในชีวิตประจําวัน คือ ปวดหลังเมื่อเดินหรือยืน และวิง่ ระยะสัน้ หรื อมีอาการกด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 87

รากประสาทจนกล้ ามเนื ้ออ่อนแรง การผ่าตัดมักทําในคนสูงอายุ โดยแก้ ไขตัดเอาส่วนที่กด


ประสาทสันหลังหรื อรากประสาทออก เพื่อลดการเจ็บปวดจากการกด

การรั กษาด้ วยศาสตร์ การแพทย์ แผนจีน


การแพทย์แผนจีน จัดอาการปวดประสาทไซแอติก อยูใ่ นกลุม่ อาการปี เ้ จิ ้ง (BiZheng
or Bi syndrome) สาเหตุจาก 1) ความชื ้นและเย็น 2) ไตพร่อง และ 3) ชี่และเลือดคัง่ ดังได้
บรรยายไว้ โดยละเอียดในตําราฝั งเข็ม รมยา เล่ม 2 การรักษาโดยการฝั งเข็ม เลือกใช้ จดุ ดังนี ้
จุดหลัก: HuaTuoJiaJi (EX-B 2) ระดับกระดูกสันหลังเอวที่ 2 – 5, ZhiBian (BL 54),
ShenShu (BL 23), HuanTiao (GB 30), WeiZhong (BL 40), YangLingQuan (GB 34),
XuanZhong (GB 39)
วิธีการ: ความชื ้นและเย็น ใช้ การฝั งเข็มกระตุ้นบํารุงระบายเท่ากัน หรื อร่วมกับรมยา;
ไตพร่อง ฝั งเข็มกระตุ้นบํารุง หรื อเข็มอุน่ หรื อร่วมกับรมยา; ชี่และเลือดคัง่ ฝั งเข็มกระตุ้น
ระบาย หรื อรมยา
จุดเสริม: เพิม่ จุด ตามสาเหตุและอาการของโรค
- ความชืน้ -เย็น: บํารุงระบายเท่ากันหรื อรมยา YaoYangGuan (GV 3),
DaChangShu (BL 25), GuanYuanShu (BL 26)
- หยางไตพร่ อง: บํารุงหรื อรมยา MingMen (GV 4), YaoYan (EX-B 7)
- อินไตพร่ อง: บํารุงหรื อรมยา ZhiShi (BL 52), TaiXi (KI 3), ZuSanLi (ST 36)
- ชี่และเลือดคั่ง: ระบายหรื อรมยา GeShu (BL 17), WeiZhong (BL 40)
- รู้สึกเย็นที่หลังส่ วนเอว: บํารุงหรื อรมยา MingMen (GV 4), ZuSanLi (ST 36)

แนวคิดการแพทย์ แผนตะวันตกร่ วมกับการฝั งเข็ม


อาการปวดประสาทไซแอติก แบ่งได้ เป็ น 2 ชนิด คือ
2.1 ชนิดตัวเส้ นประสาทมีพยาธิสภาพ (Nerve trunk type)
88 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

พยาธิสภาพอยูน่ อกช่องไขสันหลัง มีอาการตามแนวเส้ นประสาทไซแอติก แบ่งเป็ น


ชนิดปฐมภูมิ และทุตยิ ภูมิ ชนิดปฐมภูมิ ได้ แก่ การอักเสบของตัวเส้ นประสาทไซแอติกโดยตรง
(Imflammtion of the sciatic nerve) ชนิดทุตยิ ภูมิ ได้ แก่ Arthritis of Hip joint , arthritis of
sacroiliac joint ฯลฯ รายละเอียดจะไม่ขอกล่าวในที่นี ้
2.2 ชนิดรากประสาทมีพยาธิสภาพ (Nerve root type)
ตําแหน่งโรคอยูบ่ ริเวณบันเอว้ ไม่ตํ่ากว่าอุ้งเชิงกราน สาเหตุที่พบบ่อย คือ หมอนกระ
ดูกสันหลังโป่ งนูนกดทับรากประสาท และจากเดือยกระดูกงอก (spur) ระคาย หรื อรบกวน
หรื อกดรากประสาท ซึง่ เกิดจากข้ อกระดูกสันหลังเสื่อม ทําให้ ช่องไขสันหลังแคบลง และมี
เดือยกระดูกงอกออกมา
ปวดประสาทไซแอติก จากสาเหตุตอ่ ไปนี ้ไม่สามารถรักษาด้ วยการฝั งเข็ม
1. เนื ้องอกกระดูกสันหลัง
2. วัณโรคกระดูกสันหลัง
3. ก้ อนเลือดในช่องไขสันหลัง
4. เนื ้องอกในอุ้งเชิงกรานกดทับ
5. มดลูกกดทับประสาทไซแอติก จากภาวะตังครรภ์ ้ 5 เดือนขึ ้นไป

การฝั งเข็มรั กษาปวดประสาทไซแอติก ชนิดรากประสาทมีพยาธิสภาพ


อาการปวดรากประสาทชนิดนี ้ มีทงแบบ ั้ Acute และ Subacute มีอาการปวดเอว
ลงไปแก้ มก้ น ไปข้ อพับเข่าใน แล้ วไปด้ านข้ างของขาจนถึงหลังเท้ า อาการปวดเหมือนไฟช็อต
หรื อถูกมีดบาด หรื อไฟลวก ปวดตลอดเวลา และอาจมีอาการชาด้ านข้ างของขาด้ วย ถ้ าไอ
หรื อเบ่งถ่ายอุจจาระหรื อปั สสาวะ จะทําให้ ปวดมากขึ ้น เคลื่อนไหวเอวลําบาก
ตรวจร่างกาย ผู้ป่วยจะยืนเอียงไปข้ างหนึง่ เพื่อลดอาการปวด อาจพบกระดูกสันหลัง
คด มีจดุ กดเจ็บบริ เวณเอวหรื อหลัง ตรวจ SLRT: positive, Sign of four test: positive,
Deep tendon reflex ของเข่าและข้ อเท้ าลดลง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 89

การรักษา
พยาธิสภาพอยูท่ ี่ระดับกระดูกบันเอว
้ L 3 – L4 , L4 – L5 , L5 – S1

การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ


วิธีท่ ี 1
จุดหลัก:
1. ปั กจุด JiaJi (EX-B2) 3 ตําแหน่ง คือ ตําแหน่งพยาธิสภาพ และตําแหน่งเหนือ
และใต้ พยาธิสภาพ หรื อ
2. ปั ก 1 ตําแหน่ง 3 ทิศทาง คือ JiaJi (EX-B2) ที่มีพยาธิสภาพ และอีก 2 เล่ม ให้
ปั กล้ อม
วิธีการ: ใช้ เข็ม 3 ชุน่ ปั กลึก 2 ชุน่ พุง่ ปลายเข้ าหาเข็มเล่มแรก โดยมีวตั ถุประสงค์ให้
เนื ้อเยื่อมีการเปลี่ยนแปลงดึงหมอนกระดูกสันหลังกลับเข้ าที่ หรื อถ้ าดึงกลับไม่ได้ อาจทําให้
รากประสาทถูกกดน้ อยลงลดอาการปวด
จุดเสริม: ใช้ จดุ ตามแนวเส้ นลมปราณที่ปวด
- เส้ นกระเพาะปั สสาวะ: ZhiBian (BL 54), YinMen (BL 37), ChengShan (BL 57),
KunLun (BL 60)
- เส้ นถุงนํ ้าดี: HuanTiao (GB 30), FengShi (GB 31), YangLingQuan (GB 34),
XuanZhong (GB 39)
- จุดเสริมให้ เลือก 3 – 4 จุด ต่อเส้ น หรือสลับไปมา สามารถกระตุ้นไฟฟ้าได้ แต่ถ้า
กระตุ้นด้ วยมือแรงพออาจไม่ต้องใช้ กรณีนี ้ยังใช้ ได้ กบั ผู้ป่วยที่ผา่ ตัดหลังแล้ ว หายปวดหลัง
แต่ยงั ชา หรื อยังปวดเมื่อยอยู่ ซึง่ อาจเกิดจากพังผืดมีผลต่อเส้ นทางการไหลเวียนของชี่ที่อยู่
ไกลออกไปไหลเวียนไม่สะดวก ให้ ใช้ จดุ บนสองเส้ นนี ้ ถ้ าด้ านไหนเป็ นมากกว่าก็ให้ ปักเน้ น
ด้ านนันเป็
้ นสําคัญ แต่ถ้าแยกไม่ออกว่าด้ านไหนมากอาจใช้ ZuSanLi (ST 36), TaiChong
(LR 3) และ SanYinJiao (SP 6) ทังสามจุ ้ ดสามารถปรับการไหลเวียนของเลือดลมได้
90 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

วิธีท่ ี 2
จุดหลัก:- QiHaiShu (BL 24), XiaoChangShu (BL 27), PangGuangShu (BL 28)
โดยดูตําแหน่งของพยาธิสภาพ เลือก 2 – 3 คู่
- HuanTiao (GB 30) หรื อ ZhiBian (BL 54) เลือกจุดใดจุดหนึง่ ตามอาการ
ปวดร้ าวของแต่ละเส้ นลมปราณนัน้ ๆ
จุดเสริม:- QianGu (SI 2), ChengFu (BL 36), YangLingQuan (GB 34),
WeiZhong (BL 40), FeiYang (BL 58), KunLun (BL 60)
ช่วงปวดให้ ปักเข็มทุกวัน เมื่ออาการทุเลาแล้ ว ให้ ปักเข็มวันเว้ นวัน เมื่อหายปวดให้
หยุดได้ กระตุ้นไฟฟ้าช่วยให้ หายปวดเร็วขึ ้น
ปวดจากเดือยกระดูกงอก (spur) ฝั งเข็มครึ่งเดือน อาการจะดีขึ ้น แต่ Herniated
disc หรื อหมอนกระดูกโป่ งกดทับรากประสาท อาจต้ องฝั งเข็มนาน 1 – 2 เดือน แต่ถ้ามี
สาเหตุอื่นร่วมด้ วยอาจนานกว่านัน้ เช่น มี osteophyte, osteoporosis ร่วมกับ Herniated or
Prolapsed disc เป็ นต้ น
กรณีเป็ นมาก เช่นมีกระดูกสันหลังคด (Scoliosis) ช่วงที่รักษาอยูอ่ าการจะดี แต่ถ้า
หยุดรักษาจะกลับเป็ นใหม่อีก กระดูกสันหลังคด ถ้ าเป็ นมาก ๆ การฝั งเข็มไม่สามารถช่วยให้
แนวกระดูกกลับมาตรงได้
กรณีหมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน ร่วมกับอาการปวดท้ องน้ อย ถ้ าหากตรวจแล้ วไม่
พบก้ อนเนื ้องอกหรื อพยาธิสภาพร้ ายแรงอื่น ๆ บริเวณท้ องน้ อย แต่ยงั มีอาการปวดท้ องน้ อย
ให้ ปักเส้ นต้ ายม่าย JuLiao (GB 29), WuShu (GB 27), WeiDao (GB 28) ถ้ าปวดมากจน
ขึ ้นเตียงไม่ได้ ให้ ปัก YaoTongXue ( EX-UE7) ก่อน โดยปั กลึก 1.5 ชุน่ กระตุ้นจนคนไข้
ขยับเอวได้ จงึ ปั กจุดอื่น

วิธีท่ ี 3
จุดหลัก:- ปั กจุด JiaJi (EX-B2) 3 ตําแหน่ง คือ ตําแหน่งพยาธิสภาพ และตําแหน่ง
เหนือและใต้ พยาธิสภาพ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 91

- ZhiBian (BL 54) ปั กแบบ 3 เล่ม ถ้ าพยาธิสภาพอยูท่ ี่ L4 – L5, L5 – S1


เพิ่ม HuanTiao (GB 30) และ WeiZhong (BL 40) ด้ วย
จุดเสริม:
- มีอาการปวดร้ าวลงขา ใช้ เพียงจุดเดียว จุดหลังต่อ YangLingQuan (GB 34) 1 ชุน่
ปั กเข้ ากล้ ามเนื ้อ Gastrocnemius ถ้ าปวดหลังต้ นขาเพิม่ YinMen (BL 37)
- ปวดจาก spur อาจพบปวดเอวได้ ด้วย มักพบในผู้ป่วยอ้ วน อายุมากกว่า 40 ปี ขึ ้น
ไป ส่วนเว้ าโค้ งของกระดูกสันหลังหายไป มีลกั ษณะตรงขึ ้น จุดที่ใช้ DaChangShu (BL 25),
ShenShu (BL 23), BaLiao (BL 31 – 34) ทังสองข้ ้ าง ๆ ละ 3 เล่ม ทําให้ กล้ ามเนื ้อบริเวณ
กระเบนเหน็บ (sacrum) ผ่อนคลาย ลดอาการปวดร้ าว และกล้ ามเนื ้อเกร็ งจาก spur

ตัวอย่ างผู้ป่วย ชายไทยคู่ อายุ 47 ปี อาชีพเกษตรกร มีอาการปวดบันเอวเป็ ้ น ๆ หาย ๆ


มากว่า 3 ปี และมีอาการปวดร้ าวด้ านนอกขาขวาจนถึงนิ ้วเท้ าด้ านนอกเป็ นครัง้ คราว เคย
ได้ รับการวินิจฉัยจากแพทย์ศลั ยกรรมกระดูกและข้ อว่าเป็ น หมอนกระดูกกดทับเส้ นประสาท
แต่ไม่รุนแรง จึงได้ รับการรักษาโดยการดึงหลังถ่วงนํ ้าหนัก อาการดีขึ ้น ผู้ป่วยขาดการรักษา
ต่อเนื่องจนเมื่อ 6 เดือนที่ผา่ นมา ผู้ป่วยเริ่มมีอาการปวดหลังอีก
1 สัปดาห์ก่อน ผู้ป่วยปวดหลังมาก ก้ มและแอ่นหลังได้ จํากัด บิดลําตัวลําบาก ตรวจ
ร่างกาย Right leg; SLRT: positive, DTR ankle joint slightly decreased ลิ ้น แดงคลํ ้า ฝ้า
ขาวบาง, ชีพจร ตึง เร็ ว ผู้ป่วยได้ รับการวินิจฉัยเป็ น Herniated disc L5 – S1
การรักษา
- ให้ ผ้ ปู ่ วยยืนเขย่งเท้ า เจาะปล่อยเลือดที่จดุ WeiZhong (BL 40) ทังสองข้ ้ าง หลัง
เลือดหยุด ให้ ผ้ ปู ่ วยนัง่ ยืน ทําหลาย ๆ ครัง้ แล้ วเดินไปมา ให้ ผ้ ปู ่ วยก้ ม เงย บิดลําตัวซ้ ายขวา
จนรู้สกึ หลังคล่องตัว ปวดน้ อยลง
- ต่อมาให้ ผ้ ปู ่ วยนอนควํ่า ปั กจุด JiaJi (EX-B2) 3 ตําแหน่ง คือ ตําแหน่งพยาธิสภาพ
และตําแหน่งเหนือและใต้ พยาธิสภาพ
92 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- HuanTiao (GB 30), FengShi (GB 31), YangLingQuan (GB 34), XuanZhong
(GB 39) ปั กเข็มแบบระบาย กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที คาเข็ม 40 นาที หลังเอาเข็มออก ตาม
ด้ วย Moving cupping อีก 1 สัปดาห์ ต่อมาผู้ป่วยแจ้ งว่ายังมีอาการปวดหลังและร้ าวขาขวา
ลดลง ได้ เจาะปล่อยเลือดซํ ้า ปั กเข็มตามเดิม อีกอาทิตย์ตอ่ มาผู้ป่วยยังปวดหลังลึก ๆ ไม่มาก
บริ เวณจุด ZhiShi (BL 52) และไม่มีอาการปวดร้ าวอีก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 93

รู ปที่ 14 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดประสาทไซแอติก


94 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดหลังจากภาวะกระดูกบางหรื อพรุ น
( Back Pain due to Primary Osteoporosis : 骨质疏松腰痛)
ภาวะกระดูกบาง หรื อกระดูกพรุน ที่กระดูกสันหลังทําให้ เกิดอาการปวดหลัง แต่ไม่มี
อาการกดทับรากประสาทสันหลังร่วม อาการปวดจะปวดเฉพาะที่ และปวดมากขึ ้นถ้ าบิดตัว
อาการจะรุนแรง โดยเฉพาะตอนกลางคืน ถ้ าเป็ นเรื อ้ รังหลังจะค่อมยืนตรงไม่ได้ ในผู้สงู อายุ
อาจมีอาการปวดขาร่วมด้ วย อาการของโรคจะค่อย ๆ เป็ น ในผู้สงู อายุกระดูกสันหลังอาจยุบ
ตัวลง ทําให้ ตวั เตี ้ยและหลังค่อม ถ้ าเป็ นมานาน ปอดและหัวใจอาจถูกกดได้ โรคนี ้พบบ่อยใน
ผู้สงู อายุ โดยเฉพาะหญิงวัยหมดประจําเดือน จากการสูญเสียแคลเซียมในร่างกายไปมาก
ทางปั สสาวะและอุจจาระ ถ้ าทดแทนไม่เพียงพอ จะทําให้ กระดูกบาง กระดูกเหล่านี ้มีการแตก
ยุบตัว ทําให้ เกิดเจ็บปวดเหมือนกระดูกหักบริ เวณกระดูกสันหลัง นอกจากนี ้ยังพบในผู้ป่วยที่
ขาดวิตามินเค 2 ซึง่ จําเป็ นต่อการสร้ างกระดูก อาจเป็ นสาเหตุที่ทําให้ เกิดภาวะกระดูกบางทัว่
ร่างกายได้

ลักษณะทางคลินิก
มีอาการปวดตลอดแนวกระดูกสันหลัง หรื อบางครัง้ ปวดกระดูกตลอดทังตั ้ ว อาการ
ปวดจะกระจายไปตามกระดูกสันหลัง อาการอาจมากขึ ้นขณะไอหรื อจาม หรื อขณะก้ าวเท้ า
ลงบันได บางครัง้ อาจปวดที่กระดูกขาและกระดูกข้ อเท้ า ผู้ป่วยจะปวดตื ้อ ๆ ลึก ๆ และปวด
ตลอดเวลากลางคืน

การตรวจภาพรังสี
ภาพรังสีกระดูกสันหลังระดับทรวงอกและบันเอว้ พบเงากระดูกบางลงมาก ลักษณะ
โปร่งรังสี กระดูกสันหลังมีผนังกระดูกบาง กระดูกที่รับนํ ้าหนักมาก ส่วนผิวในข้ อจะถูกทําลาย
และกระดูกสันหลังยุบตัวเป็ นรูปลิม่
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 95

การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร
ระดับแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแอลคาไลน์ฟอสฟาเทสในเลือดอาจปกติ ดังนันการ ้
ตรวจความหนาแน่นของกระดูก สันหลังหรื อส่วนใดส่วนหนึง่ ของร่างกายเพื่อเทียบกับคนปกติ
เพื่อพิจารณาว่าจะต้ องให้ แคลเซียมไปทดแทน หรื อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมอย่างไรต่อไป

การรักษา
ส่วนใหญ่เป็ นการรักษาทางยา และกายภาพบําบัดเพื่อลดอาการปวด แต่ถ้ามีการ
ยุบตัว และผิดรูปของกระดูกสันหลัง ก็ต้องป้องกันโดยใส่เครื่ องพยุงหลัง เพื่อแก้ ไขส่วนที่เป็ น
ไม่ให้ เป็ นมากขึ ้นอีก ผู้ป่วยควรได้ รับการพักสันหลัง และควรได้ รับอาหารเสริมที่มีแคลเซียม
มากพอ โดยเฉพาะจากนมหรื อผลิตภัณฑ์จากนมที่พร่องไขมัน การใช้ แคลเซียมรูปยาเม็ดอาจ
มีคณุ ค่าทางอาหารน้ อยกว่าผลิตภัณฑ์จากนม ผู้ที่ขาดเอนไซม์ยอ่ ยนมในอาหาร อาจใช้ นม
ผงอัดเม็ดแทนในปริมาณน้ อยและบ่อย การรักษาอย่างอื่น เช่น การออกกําลังกายบริ หาร
กล้ ามเนื ้อสันหลังและลําตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ กระดูกละลาย การฝึ กหัดให้ อยูใ่ นอิริยาบถที่
ถูกต้ อง เป็ นสิง่ สําคัญที่จะป้องกันกระดูกสันหลังยุบตัวและมีความพิการเกิดขึ ้น ถ้ าพบสาเหตุ
การขาด วิตามินเค 2 การรักษาก็ต้องให้ วติ ามินเค 2

การรักษาด้ วยการฝั งเข็ม


ดูรายละเอียดในหัวข้ อ “ปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม” (Back Pain due to
Hypertrophic Spondylosis)
96 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม
(Back Pain due to Hypertrophic Spondylosis : 退化性腰痛)
ข้ อสันหลังที่เสือ่ มอาจเกิดตลอดช่วงสันหลังหรื อเกิดบางช่วง เช่น ช่วงบันเอวหรื
้ อช่วง
กระเบนเหน็บ กล้ ามเนื ้อสันหลังจะเกร็งตัวเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ ามเนื ้อ ความเจ็บปวดจะ
เพิ่มขึ ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรื อออกกําลังข้ อสันหลัง หรื อการเปลี่ยนอิริยาบถโดยสันหลังอยู่
ในท่าไม่ถกู ต้ อง อาการของโรคมักไม่รุนแรง แต่เรื อ้ รัง เป็ น ๆ หาย ๆ
กรณีอาการของโรคที่รุนแรงและรวดเร็ว มีสาเหตุจากหมอนกระดูกสันหลังโป่ งนูน
(herniated or prolasped disc) กดรากประสาท พบมากในผู้ป่วยอายุน้อยหรื อวัยกลางคน
ช่องไขสันหลังตีบ (Spinal stenosis) มักพบในผู้สงู อายุ ซึง่ อาจไม่มีอาการ จนถึงมี
อาการรุนแรง ระคายหรื อรบกวนเส้ นประสาท

ลักษณะทางคลินิก
กระดูกสันหลังจะอยูผ่ ิดท่าจากปกติ เช่น หลังคด ตําแหน่งที่พบความเจ็บปวดมาก
คือ กระดูกสันหลังระดับล่าง และข้ อต่อกระดูกเหนือก้ นกบ อาจมีอาการที่กระดูกสันหลัง
ระดับต้ นคอร่วมด้ วยได้ อาการที่เกิดขึ ้นกับระดับที่มีพยาธิสภาพ เช่น ระดับบันเอวอาจมี

อาการปวดเอวอย่างเดียว หากยังไม่มีการกดรากประสาท
อาการปวดอาจมากขึ ้นทันที หรื อค่อย ๆ มากขึ ้นทีละน้ อย พร้ อมกับการเคลื่อนไหว
ข้ อสันหลังเปลีย่ นแปลงไปด้ วย อาจมีอาการนอกกระดูกสันหลังในระดับที่เกี่ยวข้ อง เช่น
อาการทางระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบหลอดเลือด
หากมีการกดรากประสาทร่วมด้ วย จะตรวจพบมีการระคายหรื อรบกวนหน้ าที่ของ
เส้ นประสาท โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถของกระดูกสันหลัง เช่น แอ่นหลัง อาการปวดจะ
เพิ่มมากขึ ้นเมื่อไอ จาม หรื อกดหลังบริเวณที่เป็ น อาการที่เกิดจากการกดตัวไขสันหลังพบได้
น้ อย แต่ถ้าพบจะรุนแรงมาก อาการกดรากประสาทส่วนปลายของไขสันหลัง (cauda equina)
อาจมีอาการร่วมกับการไม่สามารถควบคุมการถ่ายปั สสาวะและอุจจาระได้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 97

การตรวจทางห้ องปฏิบัตกิ ารและการตรวจภาพรั งสี


การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร ไม่พบความผิดปกติที่จําเพาะต่อโรค
การตรวจภาพรังสี พบกระดูกงอกตามขอบข้ อสันหลัง เชื่อมกันเป็ นลักษณะโค้ งนูน
จากแผ่นเอ็นยึดข้ อด้ านหน้ าของกระดูกสันหลัง ต่อมากระดูกเหล่านี ้จะเชื่อมเข้ าหากันระหว่าง
ข้ อ ช่วงข้ อจะแคบลง อาจมีหินปูนพอกที่หมอนรองกระดูกสันหลัง ลักษณะเดือยกระดูก
(spur) ที่เกิดขึ ้นระหว่างข้ อจะมีลกั ษณะชี ้ไปข้ างหน้ า ด้ านข้ าง และบางครัง้ ไปด้ านหลัง
อาจพบกระดูกสันหลังเคลื่อน (spondylolisthesis) และแนวกระดูกสันหลังอาจยืด
ตรงเกินไปหรื อโค้ งมากเกินไป

การรั กษา
ใช้ การรักษาแบบประคับประคองด้ วยการใช้ ยา กายภาพบําบัด ใช้ เครื่ องพยุงหลัง
แนะนําให้ ปรับเปลี่ยนอิริยาบถให้ เหมาะสม ถ้ าการรักษาดังกล่าวไม่ทําให้ อาการทุเลาลง หรื อ
มีอาการรุนแรงขึ ้น หรื อมีอาการกดรากประสาทจนขาอ่อนแรง หรื อควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
ควรพิจารณาให้ การผ่าตัดรักษา

การฝั งเข็มตามระบบเส้ นลมปราณ


จุดหลัก: HuaTuoJiaJi (EX-B 2) 3 ตําแหน่ง คือ ตําแหน่งพยาธิสภาพ เหนือและใต้
พยาธิสภาพ
จุดเสริม: ZhiShi (BL 52), YaoYan (EX-B 7), WeiZhong (BL 40), จุด AShi
ทังหมดใช้
้ ระงับปวด
ระยะเวลาฝั งเข็ม: การฝั งเข็ม 10 ครัง้ นับเป็ น 1 รอบการรักษา ฝั งเข็มทุกวัน หรื อวัน
เว้ นวัน ขึ ้นกับความรุนแรงของผู้ป่วย หยุดพัก 3 – 5 วัน อาจพิจารณาใช้ ร่วมกับรมยา หรื อ
ส่องโคมร้ อน หรื อเจาะปล่อยเลือดที่จดุ AShi หรื อใช้ เครื่ องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า หรือ ใช้ ครอบ
กระปุกเคลื่อน (moving cupping) ตามความเหมาะสมเป็ นราย ๆ ไป
98 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงไทยหม้ าย อายุ 68 ปี มาด้ วยอาการสําคัญ มีอาการปวดบันเอวทั ้ งสอง

ข้ างมานานกว่า 10 ปี ข้ างขวาปวดมากกว่าซ้ าย ไม่มีอาการชาหรื อขาอ่อนแรง เคยรับประ
ทานยาแล้ วไม่ดีขึ ้น และยามีผลระคายกระเพาะอาหาร จึงงดการใช้ ยานานหลายปี ตรวจ
ร่างกาย ผู้ป่วยยืนตัวเอียงไปด้ านขวา ตัวเตี ้ย ค่อนข้ างอ้ วน ขาสองข้ างสันยาวไม่
้ เท่ากัน มี
กระดูกสันหลังคดบริเวณบันเอว้ เมื่อให้ ผ้ ปู ่ วยก้ มและแอ่นหลัง ทําได้ คอ่ นข้ างจํากัด SLR test
ได้ 70 องศา, negative sign of four test ลิ ้นอ้ วนสีคลํ ้ามีฝ้าขาวเหนียว ชีพจรตึง ภาพรังสี
กระดูกสันหลังพบ ลักษณะของกระดูกเสื่อมและหลังคด การวินิจฉัย ปวดหลังเรื อ้ รังจากข้ อ
สันหลังเสื่อม
การรักษา: ใช้ จดุ Jiaji (EX-B 2) L3 ถึง L5, ZhiShi (BL 52), WeiZhong (BL 40)
ทังสองข้
้ าง คาเข็ม 30 นาที กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที หลังเอาเข็มออก ตามด้ วยครอบกระปุก
เคลื่อน เนื่องจากผู้ป่วยมาได้ สปั ดาห์ละ 2 วัน ใช้ เวลาการรักษา 2 เดือน ผู้ป่วยมีอาการปวด
หลังทุเลาลงมาก สามารถทํากิจวัตรประจําวันได้ มากขึ ้น ก้ มหรื อเงยหลังไม่คอ่ ยปวด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 99

รู ปที่ 15 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดหลังจากข้ อสันหลังเสื่อม


100 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ข้ อเข่ าเสื่อม
( Knee Osteoarthritis : 退化性膝关节炎)
โรคข้ อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the knee – OA) เป็ นโรคของข้ อที่เกิดจากการ
เสื่อมของกระดูกอ่อนข้ อต่อ (articular cartilage) การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระบวนการ
เสื่อมจะไม่สามารถกลับสูส่ ภาพเดิม และอาจทวีความรุนแรงขึ ้นตามลําดับ(1)
โรคข้ อเข่าเสื่อม เป็ นโรคที่พบบ่อยที่สดุ ในชุมชนทังในประเทศไทยและทั
้ ว่ โลก(2) จาก
การศึกษาระบาดวิทยาของประชากรไทยอายุเกิน 60 ปี ซึง่ อาศัยอยูช่ านกรุงเทพมหานคร
พบว่า ความชุกของโรคนี ้สูงถึงร้ อยละ 34.5 (3)

ปั จจัยเสี่ยงของการเกิดโรค(1,4)
โรคข้ อเข่าเสื่อมมีปัจจัยเสีย่ งหลายองค์ประกอบ ได้ แก่
1. อายุ เป็ นปั จจัยที่สาํ คัญที่สดุ อายุที่มากขึ ้น จะมีความชุกของข้ อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ ้น
2. ความอ้ วน เป็ นปั จจัยเสีย่ งที่สําคัญของโรคข้ อเข่าเสือ่ ม
3. ปั จจัยการรั บแรงกระทําที่ข้อเข่ าเบี่ยงเบนไป เช่น การใช้ งานมากเกินไป ทําให้
แนวเข่าโก่งงอกว่าปกติ การได้ รับบาดเจ็บของข้ อ
4. กีฬาและการออกกําลัง ประเภทที่เสีย่ งคือ ประเภทที่มีการกระแทกที่รุนแรงซํ ้าที่
ข้ อ และประเภทที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บจากการกระแทก
5. พันธุกรรม โรคข้ อเข่าเสื่อมมีหลักฐานการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ที่ตําแหน่ง
ของข้ อเข่า มีหลักฐานทางพันธุกรรมน้ อยกว่าที่ข้อนิ ้วมือ
6. โรคเมตาบอลิก ข้ อเข่าเสื่อมพบบ่อย ในรายที่มีการเปลี่ยนแปลงของ cartilage
matrix เช่น โรคเก๊ าท์ โรคเก๊ าท์เทียม โรค hemochromatosis มีผลทําให้ cartilage matrix
แข็งขึ ้นกว่าปกติ ทําให้ การรับแรง ส่งแรงของข้ อเข่าเปลีย่ นแปลงไป
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 101

7. โรคข้ อที่มีการอักเสบ ผลจากเยื่อบุข้ออักเสบ ทําให้ เกิดการทําลายโครงสร้ าง


ของกระดูกอ่อน เช่น โรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์

อาการและอาการแสดง
อาการโรคข้ อเข่ าเสื่อม(1)
1. อาการปวด มีลกั ษณะปวดตื ้อ ๆ ทัว่ ๆ ไปบริเวณข้ อ ไม่สามารถระบุตําแหน่ง
ชัดเจนได้ และมักปวดเรื อ้ รัง อาการปวดมีลกั ษณะที่เฉพาะคือ มีอาการมากเมื่อใช้ งาน
อาการมักดีขึ ้นเมื่อพักข้ อ เมื่อการดําเนินโรครุนแรงขึ ้น อาจทําให้ มีอาการปวดตลอดเวลา
หรื อปวดในช่วงเวลากลางคืนร่วมด้ วย
2. ข้ อฝื ด (joint stiffness) พบได้ บอ่ ย จะมีการฝื ดของข้ อในช่วงเช้ าและช่วงหลังจาก
การพักข้ อนาน ๆ เช่น หลังจากตื่นนอนหรื อนัง่ นาน ๆ แต่มกั ไม่เกิน 30 นาที อาจพบอาการ
ฝื ดเกิดขึ ้น ที่เรี ยกว่า ปรากฏการณ์ข้อฝื ด (gelling phenomenon)
อาการแสดงของข้ อเข่ าเสื่อม
ระยะแรก อาจมีอาการข้ อเข่าบวมเล็กน้ อย และข้ อฝื ด
ระยะท้ าย ข้ อบวมและผิดรูป เป็ นลักษณะ ข้ อเข่าโก่ง (bow leg) หรื อข้ อเข่าฉิ่ง
(knock knee) ข้ อที่บวมเป็ นการบวมจากกระดูกงอก (osteophyte) และ/หรื อมีของเหลวใน
ข้ อ (effusion) มีการสูญเสียการเคลื่อนไหวและการทํางานของข้ อ ข้ อเข่าเหยียด และ/หรื องอ
ไม่สดุ กล้ ามเนื ้อรอบข้ อเข่าลีบลง ผู้ป่วยเดินไม่สะดวก อาจมีเสียงดังกรอบแกรบในข้ อขณะ
เคลื่อนไหว (crepitus on active motion)

การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร (1,2)


- การตรวจเลือด ไม่มีความจําเป็ นในการวินิจฉัยโรคข้ อเข่าเสื่อม ยกเว้ น เพื่อการ
วินิจฉัยแยกโรคที่มีอาการ และอาการแสดงคล้ ายคลึงกับโรคข้ อเข่าเสื่อม
- การตรวจวิ เคราะห์ นํา้ ในข้ อ ความหนื ดลดลง จํา นวนเม็ ดเลื อ ดขาวในนํ ้าไข
ข้ ออยู่ใ นเกณฑ์ ป กติ (0 -200 /ลบ.มม.) หรื อสูงกว่าปกติเล็กน้ อย แต่ไม่เกิน 2,000/ลบ.มม.
102 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- การตรวจภาพรั งสี ได้ แก่ ภาพรังสีข้อเข่า ใช้ ในการวินิจฉัยระดับความรุนแรงของ


โรค โดยใช้ Kellgren-Lawrence grading system ดังนี ้ (5)
grade 0 = normal
grade 1 = possible osteophytic lipping
grade 2 = definite osteophytes and possible joint space narrowing
grade 3 = moderate or multiple osteophytes, definite joint space
narrowing, some sclerosis, and possible bony attrition
grade 4 = large osteophytes, mark joint space narrowing, severe
sclerosis and definite bony attrition
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางภาพรังสี อาจไม่สอดคล้ องกับอาการทางคลินิก(6)
สําหรับการตรวจด้ วย CT-scan และ MRI ไม่จําเป็ นในการวินิจฉัย

เกณฑ์ ในการวินิจฉัยโรคข้ อเข่ าเสื่อม


โดยใช้ เกณฑ์ของ American College of Rheumatology classification criteria for
Osteoarthritis of the knee ใช้ classification tree(7) ดังนี ้
1. knee pain and radiographic osteophytes หรื อ
2. knee pain and age  40 years and morning stiffness  30 minutes in
duration and crepitus on motion
ซึง่ ถ้ าใช้ ตามเกณฑ์ข้างต้ น จะได้ sensitivity 94% และ specificity 88%

เป้าหมายการรั กษาโรคข้ อเข่ าเสื่อมเพื่อให้ มีคุณภาพชีวติ ที่ดี


ใกล้ เคียงกับคนปกติ(8)
1. ให้ ผ้ ปู ่ วยและญาติ มีความรู้ในเรื่ องโรคข้ อเข่าเสื่อมและการรักษา รวมถึง
ภาวะแทรกซ้ อนที่อาจจะเกิดขึ ้นจากโรคหรื อการรักษา
2. รักษาและบรรเทาอาการปวด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 103

3. ฟื น้ ฟูสภาพการทํางานของข้ อเข่าให้ ดีขึ ้น และแก้ ไขเพื่อลดความพิการ รวมทัง้


ฟื น้ ฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วย
4. ป้องกันและชะลอภาวะแทรกซ้ อนซึง่ เกิดจากโรคข้ อเข่าเสื่อมและจากการรักษา

การรั กษาโรคข้ อเข่ าเสื่อมควรพิจารณาสิ่งต่ อไปนี(8)้


1. Knee risk factors (obesity, adverse mechanical factor, physical activity)
2. General risk factor (age, comorbidity, polypharmacy)
3. Level of pain intensity and disability
4. Sign of inflammation เช่น effusion
5. Location and degree of structural damage

การรักษาโรคข้ อเข่ าเสื่อมตามแนวทางของ American College of


Rheumatology(9)
แบ่งเป็ น 3 กลุม่ หลัก คือ
A. การรักษาโดยไม่ใช้ ยา
B. การรักษาโดยใช้ ยา
C. การรักษาโดยการผ่าตัด

A. การรักษาโดยไม่ ใช้ ยา ประกอบด้ วย 7 วิธี ได้ แก่


1) การให้ ความรู้ เรื่ องข้ อเข่ าเสื่อมและการดําเนินโรค(10)
ผู้ป่วยโรคข้ อเข่าเสื่อมส่วนหนึ่งเข้ าใจผิดว่า โรคนี ้เกิดจากความเสื่อมของร่ างกาย ไม่
สามารถรั กษาให้ ดีขึน้ ได้ และจะทรุ ดลงจนเกิดข้ อเข่าพิการ ปั จจุบนั ความรู้ ทางการแพทย์
สามารถชะลอการเสื่อมของข้ อเข่า และดูแลรักษาให้ ดีขึ ้นได้
2) แนะนําการลดนํา้ หนักตัว
- โดยทัว่ ไปเมื่อนํ ้าหนักตัวเพิ่มขึ ้น 1 กิโลกรัม ทําให้ เพิ่มแรงกดที่ข้อเข่าประมาณ 3
กิโลกรัม(11)
104 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- ขณะเดิน จะมีแรงผ่านเข่าประมาณ 3 เท่าของนํ ้าหนักตัว(12)


- ขณะก้ าวขึ ้น-ลงบันได จะมีนํ ้าหนักกดลงบนข้ อเข่าประมาณ 5-6 เท่าของนํ ้าหนักตัว(12)
- ขณะวิ่งออกกําลังกาย (jogging) ด้ วยความเร็ว 9 km/h ข้ อเข่าจะได้ รับแรงกระแทก
จากการวิ่ง 8 - 9 เท่าของนํ ้าหนักตัว(12)
- ขณะนัง่ ยอง ๆ แรงผ่านข้ อเข่าจะเพิม่ เป็ นประมาณ 10 เท่าของนํ ้าหนักตัว(13)

อาการปวดจากข้อเข่าเสื่อม

ลดกิจกรรมทีท่ ําอยู่เดิมเนื่องจากรู้สึก น้ําหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น


ลําบากในการเดินจึงยิ่งไม่อยากเดิน (โรคอ้วน)
มาก แต่รับประทานอาหารปริมาณ
เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม

คนสูงอายุมีแนวโน้มที่ร่างกายจะ
ทําหน้าที่เผาผลาญอาหารลดลง
แต่รับประทานอาหารปริมาณ
เท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 105

ตาราง แสดงถึงแรงกระทําต่อข้ อเข่าในกิจกรรมชนิดต่างๆ (12)

Activity Knee joint load (x body weight)


Walking at 5.4 km/h 3.4-4
Walking 3.0
Walking at 5km/h 2.8
Walking at 7km/h 4.3
Cycling at 120W 1.2
Stair ascent 5
Stair descent 6
Ramp ascent 4.5
Ramp descent 4.5
Squat descent 5.6
Isokinetic knee extension up to 9
Jogging at 9 km/h 8-9
Jogging at 12.6 km/h 10.3
Running at 16 km/h up to 14
Bowling on asphalt alleys up to 12
Skiing medium steep slope beginner 10
Skiing medium steep slope skilled skier 3.5

3) แนะนําการปฏิบัตติ วั ที่ถูกต้ อง
3.1 ต้ องลดนํ ้าหนักตัว เพราะการลดนํ ้าหนักตัว 1 กิโลกรัม จะลดแรงกระทําที่เข่าถึง
3 กิโลกรัม
106 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

3.2 ท่านัง่ ควรนัง่ บนเก้ าอี ้สูงระดับเข่า ซึง่ เมื่อนัง่ ห้ อยขาแล้ วฝ่ าเท้ าจะวางราบกับพื ้น
พอดี ไม่ควรนัง่ พับเพียบ หลีกเลี่ยงการนัง่ ขัดสมาธิ การนัง่ คุกเข่า นัง่ ยอง หรื อนัง่ ราบกับพื ้น
เนื่องจากจะทําให้ ผิวเข่าเสียดสีกนั มากขึ ้น
3.3 เวลาเข้ าห้ องนํ ้า ควรนัง่ ถ่ายบนโถนัง่
3.4 ควรนอนบนเตียง ไม่ควรนอนราบกับพื ้น เพราะต้ องงอเข่าเวลาจะนอน หรื อจะ
ลุกขึ ้น
3.5 หลีกเลี่ยงการขึ ้น – ลงบันได
3.6 ควรใช้ ไม้ เท้ าเมื่อยืนหรื อเดิน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดเข่ามาก หรื อมีข้อเข่าโก่ง
ผิดรูป
3.7 บริ หารกล้ ามเนื ้อรอบ ๆ ข้ อเข่าให้ แข็งแรง เพื่อช่วยให้ การเคลื่อนไหวของข้ อเข่าดี
ขึ ้น และสามารถทรงตัวได้ ดีเวลายืนหรื อเดิน
4) การออกกําลังกายในโรคข้ อเข่ าเสื่อม
เป็ นที่ยอมรับกันทัว่ ไปว่า การทําให้ กล้ ามเนื ้อรอบข้ อเข่าแข็งแรง จะช่วยทําให้ การ
ดําเนินโรคชะลอช้ าลง ทําให้ ข้อมีความมัน่ คงมากขึ ้น(13) โดยการเพิ่มการออกกําลังกายต้ อง
ค่อยเป็ นค่อยไป ถ้ าเพิ่มการออกกําลังกายมากเกินไป จะทําให้ อาการของโรคแย่ลงได้
4.1 การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางร่ างกาย (aerobic exercise)(2)
แนะนําการเดิน ในช่วงที่คนไข้ ไม่มีอาการปวด แนะนําให้ เดินออกกําลังกายด้ วยความเร็ ว
พอเหมาะ เนื่องจากการเดินจะทําให้ กระดูกอ่อนได้ รับสารอาหาร ทําให้ การทํางานของข้ อเข่า
ดีขึ ้น และชะลอการแย่ลงของข้ อเข่า(13) อย่างไรก็ตามช่วงปวดเข่ามาก ต้ องงดการเดิน บาง
รายอาจแนะนําให้ เดินในนํ ้า, ว่ายนํ ้า, แอโรบิกในนํ ้า, รํ ามวยจีน, ลีลาศ โดยแนะนําให้ ออก
กําลังกายสมํ่าเสมอ ครัง้ ละ 20 - 40 นาที สัปดาห์ละ 3 - 5 วัน ทังนี ้ ้ต้ องพิจารณาตามความ
เหมาะสมเป็ นราย ๆ ไป ต้ องระวังข้ อห้ ามและข้ อควรระวังในการออกกําลังกายแบบแอโรบิก
และต้ องเริ่ มออกกําลังกายทีละน้ อย
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 107

4.2 การออกกําลังกายเพิ่มพิสยั การเคลื่อนไหวของข้ อเข่า และเพิ่มความยืดหยุ่นของ


เข่า (range of motion/flexibility) เช่น ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนหงายทําท่าถีบเข่าและเท้ า 2 ข้ างกลาง
อากาศ
4.3 การออกกํ าลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ ามเนือ้ รอบเข่า(1) (muscle
strength) ได้ แก่
- การออกกําลังกายกล้ ามเนื ้อต้ นขาด้ านหน้ า (Quadriceps exercise)
- การออกกําลังกายกล้ ามเนื ้อต้ นขาด้ านหลัง (Hamstrings exercise)
4.4 การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มความทนทานของกล้ ามเนื ้อ (endurance)
5) ความร้ อน (Heat)
ใช้ เพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบของข้ อเข่า เครื่ องมือให้ ความร้ อน (heat
modalities) แบ่งเป็ น
5.1 เครื่ องมือให้ ความร้ อนชนิดตื ้น (Superficial Heating Modalities) คือเครื่ องมือ
ความร้ อนที่ให้ ความร้ อนสูงสุด อยูท่ ี่ผิวหนังของร่างกาย ได้ แก่ กระเป๋ านํ ้าอุน่ กระเป๋ าไฟฟ้า
5.2 เครื่ องมือให้ ความร้ อนชนิดลึก (Deep Heating Modalities) คือเครื่ องมือที่ให้
ความร้ อนซึง่ สามารถผ่านผิวหนังไปได้ ลึก ได้ แก่ Ultrasound, Shortwave diathermy,
Microwave diathermy เป็ นต้ น
6) การใช้ อุปกรณ์ ช่วยชนิดต่ าง ๆ
6.1 สนับเข่า (Knee support) ช่วยประคองข้ อเข่า ต้ องพิจารณาตามความเหมาะสม
เป็ นราย ๆ ไป
6.2 อุปกรณ์ช่วยประคองเดิน (Gait aid) เช่น ไม้ เท้ า Walker มีส่วนช่วย โดยลดแรง
ที่มากระทํา ต่อข้ อเข่าเป็ นผลให้ การทํางานของข้ อเข่าลดลงและช่วยให้ อาการปวดเข่าลดลง
6.3 การเสริมรองเท้ า
- เสริ ม Shoe wedge คือการเสริ มความสูงของส้ นเท้ าเป็ นรูปลิม่ โดยทัว่ ไปในโรคข้ อ
เข่าเสื่อมมักมีลกั ษณะเข่าโก่ง จึงเสริ มความสูงเฉพาะขอบด้ านนอกของส้ นเท้ า
- เสริ มความสูงของรองเท้ า ใช้ ในกรณีที่ขาสองข้ างยาวไม่เท่ากัน
108 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

7) การฝั งเข็มในโรคข้ อเข่ าเสื่อม รายละเอียดอยูด่ ้ านหลังของบทนี ้

B. การรักษาโดยใช้ ยา พิจารณาเกณฑ์ดงั นี(1,8)



1. การรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อมจะได้ ประโยชน์สงู สุด ต้ องมีการประสานการรักษา
ระหว่างการรักษาแบบประคับประคองโดยไม่ใช้ ยา ร่วมกับการรักษาโดยใช้ ยา
2. ควรเลือกใช้ ยา paracetamol ชนิดรับประทานเป็ นลําดับแรกในการลดปวดโรคข้ อ
เข่าเสื่อม เนื่องจากมีหลักฐาน ( evidence 1B) ว่ายา paracetamol มีประสิทธิภาพในการ
รักษาโรคข้ อเข่าเสื่อมและปลอดภัย เมื่อใช้ ในระยะยาว มีรายงาน RCT พบว่า paracetamol
4 กรัมต่อวัน มีผลดีเทียบเท่ายา ibuprofen
3. ยาทาเฉพาะที่ ประเภท NSAID และเจลพริก (capsaicin) มีหลักฐานว่ามีผลดี
และปลอดภัยในการใช้ รักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม
4. พิจารณาใช้ ยากลุม่ NSAIDS ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ ยา
paracetamol โดยในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อระบบทางเดินอาหารสูง ให้ พิจารณาใช้ non-
selective NSAIDS ร่วมกับการใช้ สารป้องกันกระเพาะอาหาร (Gastroprotective agent)
ได้ แก่ proton pump inhibitors หรื อใช้ ยากลุม่ selective COX2 inhibitors
5. พิจารณาใช้ ยากลุม่ Opioid Analgesics, with or without paracetamol เป็ น
ทางเลือกในผู้ป่วยที่
- มีข้อห้ ามในการใช้ ยา NSAIDS รวมถึง COX2 selective inhibitors
- ใช้ ยากลุม่ NSAIDS รวมถึง COX2 selective inhibitors ไม่ได้ ผล
- ไม่สามารถทนต่อยา NSAIDS รวมถึง COX2 selective inhibitors
6. ยากลุม่ SYSADOA (symptomatic slow acting drugs for OA) ประกอบ ด้ วย
glucosamine sulphate, Chondroitin sulphate, diacerein และ hyaluronic acid
สามารถลดอาการปวด และอาจเปลี่ยนโครงสร้ างกระดูกอ่อนข้ อต่อ ชึง่ อาจช่วยชะลอการ
เสื่อมของข้ อเข่ายากลุม่ นี ้ออกฤทธิ์ช้า และต้ องใช้ ตดิ ต่อกันเป็ นเวลานาน จึงมีคา่ ใช้ จ่ายสูง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 109

พิจารณาเลือกใช้ ในผู้ป่วยที่สามารถจ่ายได้ และงดการใช้ ในกรณีมีข้อห้ ามใช้ นอกจากนี ้มี


งานวิจยั ว่ายา diacerein มี carry-over effect และมีความปลอดภัยดีกว่ายา piroxicam(14)

C. การรักษาแบบผ่ าตัด(1)
1. Tidal knee irrigation พิจารณาวิธีการเจาะเข่า โดยฉีดยาชาเฉพาะที่ ล้ างเข่าด้ วย
นํ ้าเกลือปกติในปริมาณ 2 ลิตร เพื่อทําความสะอาดข้ อเข่า ลดอาการข้ อยึดติด และลดสาร
cytokines ใช้ ในผู้ป่วยที่มีข้อห้ ามการผ่าตัดใหญ่
2. Arthroscope lavage ใช้ ในกรณีที่ผ้ ปู ่ วยมี loose body หรื อมีการฉีกขาดของ
meniscus ร่วมด้ วย
3. กรณีที่ผ้ ปู ่ วยมีการผิดรูปของข้ อเข่ามาก พิจารณาทํา Corrective osteotomy
4. กรณีที่ได้ รับการรักษาแบบประคับประคอง โดยไม่ผา่ ตัดแล้ วไม่ได้ ผล ผู้ป่วยยังมี
อาการปวดรุนแรงและทุพพลภาพ จํากัดการทํากิจวัตรประจําวัน ภาพรังสีแสดงการเปลี่ยน
แปลงที่รุนแรงของโรคข้ อเข่าเสื่อมพิจารณาทํา joint replacement

การฝั งเข็มในโรคข้ อเข่ าเสื่อม


A. หลักฐานเชิงประจักษ์ การฝั งเข็มโรคข้ อเข่ าเสื่อมจากอดีตสู่ปัจจุบนั
ในปั จจุบนั มีหลักฐานสนับสนุนจากงานวิจยั ตีพิมพ์ในวารสารชันนํ ้ า(15 – 17) ของโลก
้ การอนามัยโลก(18) สมาคมความ
ว่าการฝั งเข็มมีประโยชน์ในการรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม ทังองค์
ร่วมมือโรคข้ อแห่งยุโรป (EULAR)(8) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติของอเมริ กา (NIH)(19) ต่างก็
ยอมรับว่าฝั งเข็มมีประโยชน์ในการรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม
โดยในปี ค.ศ.1996 องค์การอนามัยโลก(18) ได้ จดั ประชุมฝั งเข็มที่เมือง CERVIA
ประเทศอิตาลี จัดให้ การฝั งเข็มในอาการปวดเข่า (อ้ างอิงงานวิจยั การฝั งเข็มในข้ อเข่าเสื่อม
ทังหมด)
้ อยูใ่ นกลุม่ โรค CATEGORY ONE คือ เป็ นกลุม่ โรคที่มีงานวิจยั ยืนยันน่าเชื่อถือว่ามี
ประสิทธิภาพในการรักษาด้ วยฝั งเข็ม
110 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปี ค.ศ.2001 AMERICAN COLLEGE OF RHEUMATOLOGY(20) ได้ ทบทวนวรรณ


กรรมอย่างเป็ นระบบ (SYSTEMATIC REVIEW) พบว่ามีหลักฐานบ่งชัดว่าการฝั งเข็มลด
อาการปวดได้ ในโรคข้ อเข่าเสื่อม
ปี ค.ศ. 2003 สมาคมความร่วมมือโรคข้ อแห่งยุโรป (EULAR RECOMMENDATION
2003)(8) กล่าวว่า การฝั งเข็มในโรคข้ อเข่าเสื่อมมีความปลอดภัยและแนะนําให้ ใช้ การฝั งเข็ม
เป็ นวิธีรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อมได้ (STRENGTH OF RECOMMENDATION LEVEL B)
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2004 สถาบันสุขภาพแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา
(NATIONAL INSTITUTES OF HEALTH; NIH NEWS)(19) รายงานว่าการฝั งเข็มในผู้ป่วยโรค
ข้ อเข่าเสื่อม ช่วยลดปวดและเพิ่มการทําหน้ าที่ของข้ อเข่าให้ ดีขึ ้น ซึง่ เป็ นการรักษาทางเลือกที่
มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการรักษาตามมาตรฐาน
ปี ค.ศ.2006 WHITE A et al.(21) ได้ ทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็ นระบบ สรุปว่าการ
ฝั งเข็มมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม และสามารถพิจารณาใช้ แทน NSAIDS ได้
ปี ค.ศ. 2007 กระทรวงสาธารณสุข ประเทศสิงคโปร์ (22) ได้ ทําแนวทางการรักษาโรค
ข้ อเข่าเสื่อม และแนะนําให้ การฝั งเข็มในโรคข้ อเข่าเสื่อม เป็ นการรักษาร่วมเพื่อลดอาการปวด
และเพิ่มการทําหน้ าที่ของข้ อเข่า โดยคําแนะนํา Grade A, Level 1++
ปี ค.ศ. 2008 OARSI (OSTEOARTHRITIS RESEARCH SOCIETY INTERNATIO-
NAL)(23) ได้ จดั ทําคําแนะนําการรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม โดยแนะนําให้ ใช้ การฝั งเข็มในโรคข้ อ
เข่าเสื่อม Level of Evidence 1a, Level of Consensus 69 %, Strength of Recommenda-
tion 59 % (47 - 71)
ปี ค.ศ. 2009 ประเทศออสเตรเลีย(24) โดย National Health and Medical Research
Council (NHMRC) ได้ จดั ทําแนวทางการรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อมโดยไม่ผา่ ตัด มีหลักฐานสนับ
สนุนให้ แพทย์เวชปฏิบตั ทิ วั่ ไป ใช้ การฝั งเข็มรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อมได้ โดยคําแนะนํา Grade C
(Satisfactory)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 111

สรุ ป หลักฐานเชิงประจักษ์ การฝั งเข็มโรคข้ อเข่ าเสื่อม

Evidence Acupuncture in OA knee


WHO 1996 Category one

EULAR 2003 Strength of Recommendation (SOR) = Level B


NIH 2004 Serves as standard care
SINGAPORE 2007 Adjunctive , Grade A Level I++

OARSI 2008 Level of Evidence = I a ,


Level of Consensus 69%
SOR 59% (47-71)
AUSTRALIA 2009 Grade C (Satisfactory)

B. การฝั งเข็มรักษาโรคข้ อเข่ าเสื่อมได้ อย่ างไร


a) ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนอธิบายว่า อาการปวดเข่าเกิดเนื่องจากมีการอุดกันของ้
พลังลมปราณ การฝั งเข็มจะทําให้ ลมปราณหมุนเวียนดีขึ ้น ช่วยแก้ ไขการอุดกันของลมปราณ

นอกจากนี ้ การฝั งเข็มยังช่วยปรับสมดุลของร่างกาย
b) นอกจากนี ้ ในทางการแพทย์แผนปั จจุบนั มีการศึกษาพบว่า การฝั งเข็มสามารถลด
ปวดได้ โดยผ่านกลไก 2 ประการ คือ (25)
1. Activation of gate control system และ
112 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

2. Stimulation of the release of neurochemicals in the central nervous


system เนื่องจากมีการหลัง่ สารหลายอย่าง โดยพบว่าในเรื่ องผลลดปวด มีการหลัง่ สารสื่อ
กระแสประสาท (neurotransmitters) ที่เกี่ยวข้ องกับการลดปวด 6 ชนิด และยังมีการหลัง่
Endorphin
นอกจากนี ้ยังมีการศึกษาในปั จจุบนั พบว่า การฝั งเข็มช่วยลดอาการอักเสบ เนื่องจาก
มีการเพิ่ม blood cortisol จึงมีฤทธิ์ยบั ยังการอั ้ ้ งเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ไป
กเสบอีกทังยั
เลี ้ยงบริ เวณที่ฝังเข็มด้ วย
ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน การเลือกใช้ การฝั งเข็มสําหรับรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม
ควรพิจารณาผู้ป่วย ดังนี ้
1. กรณีที่อาการยังรุนแรงไม่ถึงขันต้ ้ องพิจารณารับการรักษาโดยการผ่าตัด สามารถ
เลือกใช้ การฝั งเข็ม ร่วมกับ
- การรักษาแบบประคับประคองโดยไม่ใช้ ยา รักษาร่วมกับวิธีอื่น เช่น การแนะนํา
ให้ ลดนํ ้าหนักตัว ร่วมกับแนะนําการบริหารกล้ ามเนื ้อรอบข้ อเข่า เป็ นต้ น
- การรักษาโดยใช้ ยา มีหลักฐานจากงานวิจยั ว่า การฝั งเข็มช่วยลดการใช้ ยา
กลุม่ NSAIDS
2. ในกรณีที่มีอาการรุนแรงถึงขันต้ ้ องรับการรักษาโดยการผ่าตัด แต่แพทย์ไม่
สามารถให้ การรักษาด้ วยการผ่าตัด ได้ แก่ ในกรณี
- ผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพที่เป็ นอุปสรรคในการผ่าตัด
- ผู้ป่วยปฏิเสธการผ่าตัด
ซึง่ กรณีเหล่านี ้อาจพิจารณาเลือกใช้ การฝั งเข็ม เพื่อบรรเทาอาการปวดเข่า
งานวิจยั โดย Christensen(26) สรุปว่า การฝั งเข็มช่วยบรรเทาอาการปวดในโรคข้ อเข่า
เสื่อมช่วงรอการผ่าตัด และบางทีอาจเป็ นทางเลือกในรายที่ผ้ ปู ่ วยปฏิเสธการผ่าตัด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 113

C. หลักการพิจาณาเลือกใช้ จุดฝั งเข็มในโรคข้ อเข่ าเสื่อม


1. ใช้ เพียง 2 จุดในข้ อเข่า คือ NeiXiYan (EX-LE 4), DuBi (ST 35) เนื่องจากมี
งานวิจยั ว่าใช้ เพียง 2 จุดนี ้ได้ ผลดี(27 – 28) และจากการศึกษาเปรี ยบเทียบประสิทธิภาพการ
ฝั งเข็มระหว่างการใช้ จดุ เพียง 2 จุด คือใช้ เฉพาะจุด NeiXiYan (EX-LE 4), DuBi (ST 35) กับ
6 จุด คือใช้ จดุ NeiXiYan (EX-LE 4), DuBi (ST 35), ZuSanLi (ST 36), YinLingQuan (SP
9), XueHai (SP 10), LiangQui (ST 34) (29)
สรุ ป การฝั งเข็มโดยใช้ 2 จุด มีประสิทธิภาพไม่ตา่ งจากการใช้ 6 จุด เมื่อใช้ คา่ Mean
Total Womac Score เป็ นตัวชี ้วัดหลัก
2. กรณีที่ข้อเข่ามีการอักเสบ อาจพิจารณาเลือกใช้ เฉพาะจุดรอบข้ อเข่า คือใช้ จดุ ใกล้
4 จุด ได้ แก่ YinLingQuan (SP 9), XueHai (SP 10), LiangQiu (ST 34), ZuSanLi (ST 36)
ร่วมกับจุดไกล 1 จุด คือ HeGu (LI 4) (30)
3. กรณีที่มี Tendinitis, Muscle strain รอบข้ อเข่าร่วมด้ วย พิจารณาใช้ จดุ มากขึ ้น
โดยใช้ จดุ NeiXiYan (EX-LE4), DuBi (ST 35) ร่วมกับใช้ จดุ ใกล้ และ จุดกดเจ็บ รอบข้ อเข่า
4. เหมือนข้ อ 3 แต่เสริมจุดไกล (Distant point) ร่วมด้ วย
5. กรณีผ้ สู งู อายุ ใช้ วิธีเหมือนข้ อ 3 หรื อข้ อ 4 และเสริมจุดบํารุงร่างกาย เช่น
- บํารุงไต, บํารุงกระดูก, บํารุงเลือดโดยเพิ่มจุด TaiXi (KI 3), KunLun (BL 60),
XuanZhong (GB 39), SanYinJiao (SP 6) เป็ นต้ น
6. ฝั งเข็มรอบกระดูกสะบ้ า (Patella) 4 เล่ม แบบกังหันลม
อาจารย์เฌอเจียน(Che Jian) จากมหาวิทยาลัย
การแพทย์แผนจีนเหลียวหนิง ได้ แนะนําให้ รักษาผู้ป่วยโรค
ข้ อเข่าเสื่อมด้ วยวิธีการฝั งเข็มรอบกระดูกสะบ้ า 4 เล่ม โดย
เข็มแต่ละเล่มจะฝั งเรี ยงลําดับ ตามขอบบน ขอบด้ านใน
ขอบล่า ง และขอบด้ า นนอก ล้ อ มรอบกระดูก สะบ้ า แบบ
กังหันลม (ดังรูป)
114 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เอกสารอ้ างอิง
1. สํานักพัฒนาวิชาการแพทย์ . กรมการแพทย์ . กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวช
ปฏิบตั กิ ารวินิจฉัยและรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม . พิมพ์ครัง้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : ชุมนุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย ; 2548
2. คณะทํางานแนวทางเวชปฏิบตั กิ ารรักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม. แนวทางเวชปฏิบตั กิ าร
รักษาโรคข้ อเข่าเสื่อม . วารสารโรคข้ อและรูมาติสซัม่ . 2550 ; 18 : 83 - 109
3. Kuptniratsaikul V, Tosayanonda O , Nilganuwong S, Thamalikitkul V. The
epidemiology of osteoarthritis of the knee in elderly patients living an urban area of
Bangkok. J med Assoc Thai 2002;85:154-61.
4. สูงชัย อังธารารักษ์ . Osteoarthritis (OA) 2006 ข้ อเสื่อม. ใน : อัจฉรา กุลวิสทุ ธิ์ ,
ไพจิตต์ อัศวธนบดี. บรรณาธิการ. Rheumatology for the Non-Rheumatologist. พิมพ์ครัง้
ที่ 1 กรุงเทพ : ซิตี ้พริน้ ท์ จํากัด ; 2549 หน้ า 8-47.
5. Kellgren J H , and Lawrence J S. Radiological Assessment of Osteo-
Arthrosis. Ann Rheum Dis 1957;16:494-502.
6. Felson DT. Osteoarthritis of the Knee . N Engl J Med 2006 ; 354 : 841- 8.
7. Altman R , Asch E , Bloch D , Bole G , Borenstein D , Brandt K , et al.
Development of criteria for the classification and reporting of osteoarthritis. Arthritis
Rheum 1986;29(8): 1039-49.
8. Jordan KM , Arden NK , Doherty M , Bannwarth B , Bijlsma JWJ , Dieppe P ,
et al. EULAR Recommendations 2003 : an evidence based approach to the
management of knee osteoarthritis : Report of a Task Force of the Standing
Committee for International Clinical Studies Including Therapeutic Trials (ESCISIT).
Ann Rheum Dis 2003 ; 62 : 1145-55.
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 115

9. American College of Rheumatology subcommittee on osteoarthritis


guidelines. Recommendations for the medical management of osteoarthritis of the
hip and knee. Arthritis Rheum 2000; 43 : 1905-15.
10. สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์. โรค Osteoarthritis. ใน : สมชาย อรรฆศิลป์. บรรณาธิการ.
Rheumatology for the Non-Rheumatologist. พิมพ์ครัง้ ที่ 1 กรุ งเทพ : เรื อนแก้ วการพิมพ์ ;
2544 หน้ า 131- 60.
11. Goldberg VM, Kettelkamp DB, Colger RA. Osteoarthritis of the knee. In :
Moskowitz RW, Howell DS, Goldberg VM, Mankin HJ, eds. Osteoarthritis Diagnosis
and Medical/ Surgical Management. 2nd ed. Philadelphia : W.B. Suanders
Company ; 1992. P.599 – 620.
12. Kuster MS. Exercise Recommendations After Total Joint Replacement, A
Review of the Current Literature and Proposal of Scientifically Based Guidelines.
Sports Med 2002 ; 32(7) : 433-45.
13. สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์. โรคข้ อเสื่อม (Osteoarthritis). ใน : อัจฉรา กุลวิสทุ ธิ์ ,ไพจิตต์
อัศวธนบดี และ สมชาย อรรฆศิลป์. บรรณาธิ การ. Rheumatology for the Non-
Rheumatologist. พิมพ์ครัง้ ที่ 1 กรุงเทพ : เรื อนแก้ วการพิมพ์ ; 2547 หน้ า 1-41.
14. Louthrenoo W , Nilganuwong S , Aksaranugraha S , Asavatanabodee P ,
Saengnipanthkul S. and the Thai Study Group. The efficacy, safety and carry-over
effect of diacerein in the treatment of painful knee osteoarthritis: a randomised,
double-blind, NSAID-controlled study. Osteoarthritis Cartilage 2007;15;605-14.
15. Berman BM, Lao L, Langenberg P, Lee WL, Gilpin AMK, Hochberg MC.
Effectiveness of acupuncture as adjunctive therapy in osteoarthritis of the knee : a
randomized, controlled trial. Ann Intern Med 2004;141: 901-10.
116 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

16. Witt C , Brinkhaus B , Jena S , Linde K , Streng A , Wagenpfeil S et al.


Acupuncture in patients with osteoarthritis of the knee : a randomised trial. Lancet
2005;366: 136-43.
17. Vas J, Mendez C, Perea-Milla E, Vega E, Panadero MD, Leon JM et al.
Acupuncture as a complementary therapy to the pharmacological treatment of
osteoarthritis of the knee: randomised controlled trial. BMJ 2004;329: 1216-9.
18. Zhang X . Acupuncture : Review and Analysis of Reports on Controlled
Clinical Trials. WHO Consultation on Acupuncture held in Cervia , Italy in 1996.
19. NIH NEWS National Institutes of Health. Acupuncture Relieves Pain and
Improves Function in Knee Osteoarthritis. File : //F: \ PubMed\Acupuncture and
Knee Osteoarthritis, December 20, 2004.
20. Ezzo J, Hadhazy V, Birch S, Lao L, Kaplan G, Hochberg M, et al.
Acupuncture for Osteoarthritis of the Knee. A Systematic Review. Arthritis Rheum
2001;44(4):819-25.
21. White A , Foster N , Cummings M , Barlas P. The effectveness of
acupuncture for osteoarthritis of the knee – a systematic review. Acupunct Med
2006;24(Suppl):S40-48.
22. Singapore Ministry of Health, Agency for Healthcare Research and Quality
(AHRQ). Guideline Title Osteoarthritis of the knees ; 2007 May : URL;
http://www.ahrq.gov.
23. Zhang W., Moskowitz R.W. , Nuki G., Abramson S., Altman R.D., Arden N.,et
al. OARSI recommendations for the management of hip and knee osteoarthritis, Part
II : OARSI evidence-based, expert consensus guidelines. Osteoarthritis and
Cartilage. 2008;16:137-62.
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 117

24. National Health and medical Research Council (NHMRC), Royal Australian
College of General Practitioners. Guideline for the non-surgical management of hip
and knee osteoarthritis : July 2009.
25. Berman BM , Singh BB , Lao L , Langenberg P , Li H , Hadhazy V , et al. A
randomized trial of acupuncture as an adjunctive therapy in osteoarthritis of the
knee. Rheumatology (Oxford) 1999 ; 38 : 346-54.
26. Christensen BV , Iuhl IU , Vilbek H, Bulow HH, Dreijer NC.and Rasmussen
HF Acupuncture treatment of severe knee osteoarthrosis. A long-term study. Acta
Anaesthesiol Scand 1992;36 :519-25.
27. NG M M L , Leung MCP , Poon D M Y , Phil M. The effects of electro-
acupuncture and transcutaneous electrical nerve stimulation on patients with
painful osteoarthritic knees: A randomized controlled trial with follow-up evaluation.
J Altern Complement Med 2003;9(5):641-9.
28. Cheng D. 100 Diseases treated by single point of acupuncture and
moxibustion. Beijing,China : Foreign Languages Press; 2001.
29. Taechaarpornkul W., Suvapan D., Theppanom C., Chanthipwaree C.,
Chirawatkul A. Comparison of the effectiveness of six and two acupuncture point
regimens in osteoarthritis of the knee : a randomised trial. Acupunct Med. 2009;
27:3-8.
30. Tillu A , Tillu S , Vowler S . Effect of Acupuncture on Knee Function in
Advanced Osteoarthritis of the Knee : A Prospective, Non-Randomised Controlled
Study . Acupunct Med 2002 ; 20(1) : 19-21.
118 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 16 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคข้ อเข่ าเสื่อม


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 119

ปวดข้ อสะโพก
(Hip Joint Pain : 髋关节痛)
ข้ อสะโพก เป็ นข้ อที่หมุนได้ โดยรอบ การทําหน้ าที่จําเป็ นต้ องการความมัน่ คงแข็งแรง
อย่างมาก ข้ อสะโพกจึงถูกสร้ างขึ ้นอย่างได้ สดั ส่วนและปิ ดมิดชิด โดยหัวกระดูกต้ นขาเป็ นรูป
ทรงกลมและอยูใ่ นเบ้ าลึก ภายนอกยังได้ รับการเสริ มให้ แข็งแรงด้ วยแคปซูลหนาขึงจากขอบ
Acetabulum กับแนวระหว่าง Trochanteric ของกระดูกต้ นขา (Ilio – femoral ligament)
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ที่มาพบแพทย์ด้วยปั ญหาข้ อสะโพก มักมีอาการของความเจ็บปวด
ข้ อติดแข็ง เดินกระเผลก หรื อมีการผิดรูป สาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากข้ อเสื่อมสภาพ ซึง่ เป็ นการ
เสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนผิวข้ อ และการงอกของกระดูกซึง่ อยูป่ ระชิดข้ อ ส่วนใหญ่โรคนี ้
เป็ นมากในวัยกลางคน ผู้สงู อายุ พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย คนอ้ วน หรื อข้ อสะโพก
ได้ รับบาดเจ็บมาก่อน

อาการและอาการแสดง
อาการปวดข้ อสะโพก อาจอยูเ่ ฉพาะที่ขาหนีบ และจากขาหนีบอาจร้ าวลงไปด้ านใน
หรื อด้ านหน้ าของโคนขา อาการปวดอาจเกิดขึ ้นที่บริเวณ Greater trochanter และร้ าวตาม
แนว Fascia Lata ไปยังเข่า หรื ออาจปวดทางด้ านหลังบริ เวณ Ischial Tuberosity ซึง่ ต้ อง
แยกออกจากอาการปวดจากเส้ นประสาทไซแอติก เมื่อเคลื่อนไหวข้ อสะโพก จะทําให้ อาการ
ปวดข้ อสะโพกเพิ่มมากขึ ้น
ในระยะแรก ผู้ป่วยอาจรู้สกึ ข้ อสะโพกติดแข็ง หลังจากการไม่เคลื่อนไหวระยะหนึง่
เช่น หลังจากนัง่ เป็ นเวลานาน หรื อตื่นนอนตอนเช้ า เมื่อข้ อสะโพกเสื่อมสภาพอย่างมาก จะ
ตรวจพบข้ อสะโพกติดแข็ง พิสยั การเคลื่อนไหวข้ อสะโพกจะค่อย ๆ ลดลงตามลําดับ คือ จะ
หมุนบิดขาไม่ได้ ก่อน และตามด้ วยกางขาและหุบขาไม่ได้ แต่ยงั งอสะโพกได้ จนถึงระยะ
สุดท้ าย ผู้ป่วยอาจลําบากในการสวมถุงเท้ าและรองเท้ าข้ างนัน้
120 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ผู้ป่วยมักเดินกระเผลก เพื่อให้ อาการปวดน้ อยลงขณะลงนํ ้าหนักตัว ท่าเดินที่เป็ น


แบบฉบับของโรคข้ อสะโพก คือเดินสะโพกเอียง หรื อเรี ยกว่า Trendelenburg gait

การตรวจทางห้ องปฏิบัตกิ ารและการตรวจภาพรั งสี


การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร มักไม่พบความผิดปกติที่จําเพาะต่อโรค จึงไม่มีความ
จําเป็ นต้ องตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยโรคนี ้
การตรวจภาพรังสีข้อสะโพกเสื่อม อาจพบช่องว่างระหว่างกระดูกแคบลง ขอบกระดูก
แข็งมีตงิ่ กระดูกงอกยื่นออกไป การเปลี่ยนแปลงที่เห็นจะมากหรื อน้ อย แล้ วแต่ระยะเวลาที่มี
ภาวะข้ อเสื่อม โดยทัว่ ไปภาพรังสีอาจไม่สมั พันธ์ หรื อสอดคล้ องกับอาการปวดข้ อของผู้ป่วย
กล่าวคือ ภาพรังสีอาจพบข้ อเสื่อมรุนแรง แต่ผ้ ปู ่ วยปวดเล็กน้ อยหรื อไม่มีอาการ หรื อภาพรังสี
พบข้ อเสื่อมไม่มาก แต่ผ้ ปู ่ วยมีอาการปวดรุนแรงได้

หลักการรั กษา
ถ้ าข้ อสะโพกไม่ถกู ทําลายมาก สามารถรักษาอาการปวดและข้ อฝื ดได้ ด้ วยการใช้ ยา
เวชศาสตร์ ฟืน้ ฟู เช่น กายภาพบําบัด ใช้ เครื่ องพยุงการเดิน อาจช่วยลดอาการปวดได้ ขาข้ าง
ที่สนอาจเสริ
ั้ มพื ้นรองเท้ า
การผ่าตัด และการเปลี่ยนข้ อสะโพก ต้ องพิจารณาความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย

การวินิจฉัยและรั กษาด้ วยศาสตร์ การแพทย์ แผนจีน


อาการปวดข้ อสะโพก ตามศาสตร์ การแพทย์แผนจีน จัดอยูใ่ นกลุม่ อาการ “ปี เ้ จิ ้ง” (Bi
Zheng or Bi syndrome) มีสาเหตุจากความเย็นชื ้นมากระทําต่อเส้ นลมปราณบริเวณสะโพก
การบาดเจ็บ หรื อตับและไตพร่อง การฝั งเข็มในระยะแรกมักได้ ผลดี

อาการและอาการแสดง
ในระยะแรก มักเกิดจากความเย็นชื ้นเข้ ากระทําต่อเส้ นลมปราณ มีอาการปวดหนัก ล้ า
ที่สมั พันธ์กบั การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ลิ ้นมีฝ้าขาวเหนียว ชีพจรลื่นหรื อตึงแน่น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 121

(HuaMai or XuanJinMai)
เมื่อนานวัน จะเกิดการติดขัดทําให้ การเคลื่อนไหวข้ อสะโพกไม่สะดวก ร่วมกับอายุที่
มากขึ ้นทําให้ เกิดตับและไตพร่อง มีอาการเมื่อยล้ าเวลาเดิน หรื อรับนํ ้าหนักมากเพิม่ ขึ ้น เช่น
หาบของ หรือยกของ มักมีอาการปวดร้ าวสะโพกบริเวณขาหนีบ ต้ นขาด้ านใน และหัวเข่า
ด้ านใน ตามแนวเส้ นลมปราณตับและไต ชีพจรจมอ่อน (RuoMai)

การรักษา ด้ วยการฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ


หลักการรักษา: ปั กเข็มเฉพาะที่ก่อน เพื่อทะลวงเส้ นลมปราณ ให้ ชี่และเลือดไหลเวียนดี
ขึ ้น แล้ วจึงเสริมบํารุงตับและไตในระยะต่อมา
วิธีท่ ี 1
จุดใกล้ : HuanTiao (GB 30) 3 – 5 เล่ม โค้ งตามแนวหัวกระดูกต้ นขา โดยใช้ เข็มยาว 2
ชุ่น เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของชี่และเลือด
จุดไกล: YangLingQuan (GB 34), XuanZhong (GB 39), TaiXi (KI 3),
ZhaoHai (KI 6)
อธิบาย: YangLingQuan (GB 34) เป็ นจุดอิทธิพลของเส้ นเอ็น, XuanZhong (GB 39)
เป็ นจุดอิทธิพลของไขกระดูก ใช้ รักษาโรคของเอ็นและกระดูก; TaiXi (KI 3), ZhaoHai (KI 6)
ใช้ เสริมบํารุงไต; HuanTiao (GB 30) ใช้ เครื่ องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า

วิธีท่ ี 2
จุดหลัก: HuanTiao (GB 30), JuLiao (GB 29), XuanZhong (GB 39)
จุดเสริม: ZuLinQi (GB 41), QiuXu (GB 40), ShenMai (BL 62), TaiBai (SP 3),
ChongMen (SP 12)
อธิบาย: HuanTiao (GB 30) ใช้ เข็มอุน่ เพื่อขับความเย็นชื ้นและทะลวงเส้ นลมปราณ
ปั กลึกกว่า 2 ชุ่น; JuLiao (GB 29) เป็ นจุดเฉพาะที่ใช้ ร่วมกับ HuanTiao (GB 30);
XuanZhong (GB 39) จุดอิทธิพลของไขกระดูก ใช้ รักษาโรคของกระดูก; ZuLinQi (GB 41)
เป็ นจุด Shu-Stream ของเส้ นลมปราณถุงนํ ้าดี ใช้ รักษาอาการปวดข้ อ เมื่อยเนื ้อหนักตัว และ
122 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เป็ นจุดเชื่อมโยงเส้ นลมปราณต้ าย ซึง่ ผ่านข้ อสะโพก; QiuXu (GB 40) เป็ นจุดเหยียนของเส้ น
ลมปราณถุงนํ ้าดี ใช้ ระงับปวด; ShenMai (BL 62) เป็ นจุดเชื่อมโยงเส้ นลมปราณหยางเฉียว
ที่ผา่ นข้ อสะโพก ซึง่ เกี่ยวข้ องกับการเคลื่อนไหว จุดนี ้เหมาะกับข้ อติดแข็ง; TaiBai (SP 3),
ChongMen (SP 12) ใช้ กรณีปวดข้ อสะโพกร้ าวมาที่ขาหนีบ

ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงไทยหม้ าย อายุ 56 ปี อาชีพหาบขนมขาย ผู้ป่วยมีอาการปวดเสียวขาหนีบ
ด้ านในขาขวา เป็ นมานานกว่า 3 ปี เคยพบแพทย์หลายครัง้ แจ้ งว่าเป็ นเอ็นขาหนีบอักเสบ ได้
ยารับประทานอาการดีขึ ้นแต่ไม่หายขาด ประมาณ 1 ปี ที่ผา่ นมาผู้ป่วยหกล้ มก้ นกระแทกพื ้น
ถนน มีอาการปวดกระเบนเหน็บ แก้ มก้ นขวา ร้ าวมาด้ านในขาหนีบ พบแพทย์ที่โรงพยาบาล
ได้ รับแจ้ งว่าเป็ นกล้ ามเนื ้อฟกชํ ้า โดยไม่ได้ ตรวจเอกซเรย์ ผู้ป่วยมีอาการปวดแก้ มก้ นขวาและ
ปวดร้ าวขาหนีบเรื่ อยมา และจะมีอาการมากขึ ้น ถ้ าเดินหาบของหนัก ๆ ตรวจร่างกายพบ
กําลังกล้ ามเนื ้อขาสองข้ างเท่ากัน ไม่พบอ่อนแรง SLR test 70 องศา, ตรวจภาพรังสี พบ
ช่องว่างข้ อสะโพกแคบทังสองข้ ้ าง และมี Spur ได้ รับการวินิจฉัยว่า ปวดข้ อสะโพกจากข้ อ
เสื่อม ได้ รับยารับประทานประมาณ 2 เดือน อาการไม่ทเุ ลา
ประวัตเิ พิ่มเติม ผู้ป่วยมีอาการเมื่อยเอว เข่าอ่อนเป็ นบางครัง้ กลัวหนาว ปั สสาวะบ่อย
ตอนกลางคืน หลังเท้ าบวม ตรวจลิ ้น ค่อนข้ างคลํ ้ามีฝ้าขาว ชีพจรเล็กและฝื ด ผู้ป่วยได้ รับการ
วินิจฉัยว่า ปวดข้ อสะโพกจากหยางชี่ของไตพร่องและเลือดคัง่
หลักการรักษา บํารุงหยางชี่ไต สลายเลือดคัง่ ระงับปวดสะโพก
เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการปวดสะโพก ซึง่ รบกวนการดําเนินชีวิตประจําวัน ดังนันแผนการ ้
รักษาจึงต้ องบรรเทาอาการปวดให้ ทเุ ลาลงไประดับหนึง่ ก่อน แล้ วจึงบํารุงไตหยางภายหลัง
จุดหลัก: HuanTiao (GB 30) ฝั งเข็ม 3 เล่ม รอบหัวกระดูกต้ นขาข้ างขวา รวบหัวเข็ม
ติดขัวลบ
้ ใช้ จดุ FengShi (GB 31) ติดขัวบวก ้ ใส่เครื่ องกระตุ้นเข็ม, YangLingQuan (GB
34), XuanZhong (GB 39)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 123

จุดเสริม: TaiXi (KI 3)


นัดผู้ป่วยมาทําสัปดาห์ละ 2 ครัง้ ๆ ละ 40 นาที 10 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา หลัง
ฝั งเข็มได้ 6 ครัง้ ผู้ป่วยอาการปวดดีขึ ้น จึงได้ ปักจุดเสริมบํารุงไตหยาง เพิ่มรมยาจุด
MingMen (GV 4), ใช้ เข็มอุน่ QiHai (CV 6) และ GuanYuan (CV 4)

รู ปที่ 17 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดข้ อสะโพก


124 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปลายประสาทผิวหนังต้ นขาอักเสบ
(Latero – Femoral Cutaneous Neuritis : 股外侧皮神经炎)
อาการอักเสบของปลายประสาท femoral nerve ที่มาเลี ้ยงผิวหนังด้ านหน้ า-ข้ างต้ นขา
(antero-lateral thigh) อาจมีอาการได้ หลายแบบ และมักเป็ นข้ างเดียว เช่น มีอาการชา หรื อ
มีความรู้สกึ เหมือนมดไต่หรือแมงมุมไต่หน้ าต้ นขา บางรายอาจมีอาการปวดเหมือน เข็มทิ่ม
แทง สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของประสาทรับความรู้สกึ ที่วงิ่ ลอดใต้ Inguinal ligament
มายังส่วนผิวหนังบริ เวณด้ านหน้ า-ข้ างต้ นขา เกิดการอักเสบแบบไม่ตดิ เชื ้อ (aseptic inflam-
mation) หรื อเลือดมาเลี ้ยงไม่พอจากการถูกกดทับ ผู้ป่วยหลายรายมักถูกส่งไปพบจิตแพทย์
ตามศาสตร์ การแพทย์แผนจีน เชื่อว่าเกิดจากเสียชี่ภายนอก เช่น ลม ความเย็น ความชื ้น หรื อ
ประสมกันมากระทําต่อเส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร หรื อเส้ นลมปราณถุงนํ ้าดี หรื อทังสอง ้
เส้ น พบได้ บอ่ ยในหญิงตังครรภ์
้ ตังแต่
้ 8 เดือนขึ ้นไป หรื อในคนอ้ วน มีการกดเส้ นประสาท
femoral nerve ดังกล่าวข้ างต้ น

การรั กษาด้ วยการฝั งเข็ม


หลักการรักษา: ขจัดเสียชี่ ทะลวงเส้ นลมปราณ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลม
วิธีท่ ี 1 รักษาด้ วยเข็มเจ็ดดาว
วิธีการ: ทาผิวหนังด้ วยวาสาลีนบริ เวณต้ นขา แล้ วใช้ เข็มเจ็ดดาวเคาะผิวหนังตามเส้ น
ลมปราณ จนมีสีแดงเรื่ อ ๆ ไม่ต้องมีเลือดออก
- เส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร เคาะตังแต่ ้ จดุ LiangQiu (ST 34) จนถึงจุด BiGuan
(ST 31)
- เส้ นลมปราณถุงนํ ้าดี เคาะตังแต่
้ จดุ JuLiao (GB 29) จนถึงจุด FengShi (GB 31)
ทําซํ ้าทุก 4 – 7 วันต่อครัง้ 4 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา ตามสภาพผู้ป่วยจะทนได้ อาจ
ทําครอบกระปุกร่วมด้ วยก็ได้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 125

วิธีท่ ี 2 รักษาด้ วยการครอบกระปุกเคลื่อน (Moving Cupping) แทนเข็มเจ็ดดาว ตามเส้ น


ลมปราณข้ างต้ น เคลื่อนครอบกระปุกไปมาประมาณ 5 – 10 รอบ หรื อจนผิวหนังแดงเป็ น
เรื่ อ ๆ ร่วมกับมีจดุ เลือดออก ( Petechiae ) ทําซํ ้าทุก 4 วัน 4 ครัง้ เป็ น 1 ระยะการรักษา

ตัวอย่ างผู้ป่วย
หญิงไทย หม้ าย อายุ 62 ปี อาชีพแม่บ้าน มีอาการคันคล้ ายแมงมุมไต่บริ เวณด้ านนอก
หน้ าต้ นขาซ้ าย เป็ นมานานประมาณ 2 ปี อาการจะเป็ นมากในช่วงสาย ๆ เป็ นทุกวัน กลาง
คืนวันไหนรับประทานยานอนหลับ จะหลับไปไม่ร้ ูสกึ อะไร แต่ถ้าตื่นยามดึกจะมีอาการทันที
ทําให้ นอนไม่หลับ เคยไปพบจิตแพทย์ ได้ รับการวินิจฉัยว่า อาจเป็ นโรคหลงผิด ได้ รับยา
ประมาณปี กว่า อาการไม่ดขี ึ ้น และมีอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ ามืดจะเป็ นลมบ่อยหลังกินยา
จิตเวช ผู้ป่วยได้ หยุดยาเองมาเป็ นเวลาหลายเดือน อาการคล้ ายแมงมุมไต่หน้ าต้ นขายังคงมี
อยูต่ ลอด ตรวจร่างกาย ต้ นขาซ้ ายไม่พบผิดปกติ นอกจากชา รับรู้สมั ผัสลดลงเล็กน้ อย ได้ รับ
การวินิจฉัยเบื ้องต้ นว่าเป็ น ปลายประสาทผิวหนังบริเวณต้ นขาอักเสบ ได้ ยารับประทาน
ประมาณ 1 เดือน อาการไม่ทเุ ลา
ประวัตเิ พิ่มเติม ผู้ป่วยต้ องใช้ ยานอนหลับเป็ นประจํา ตังแต่
้ หย่าขาดจากสามีมา 25 ปี
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สกึ อึดอัดใจเป็ นบางครัง้ เบื่ออาหาร ลิ ้นซีดมีฝ้าขาวบาง ชีพจรอ่อน-
เล็ก ได้ รับการวินิจฉัยว่า มีเลือดลมพร่อง ร่วมกับปลายประสาทผิวหนังต้ นขาซ้ ายอักเสบจาก
ลมเย็นรุกราน
หลักการรักษา ขจัดลมเย็น บํารุงเลือดลม ระงับอาการคัน (เลือดดี ลมก็หายไป)
วิธีการรักษา ใช้ เข็ม 7 ดาวเคาะ ด้ านข้ างต้ นขาซ้ ายลงมาจนถึงจุด FengShi (GB 31)
ประมาณ 10 นาทีจนผิวหนังสีออกแดงเรื่อ หลังจากนันใช้ ้ ครอบกระปุก ประมาณ 10 นาที
จุดเสริม ZuSanLi (ST 36), SanYinJiao (SP 6)
นัดผู้ป่วยมาทําซํ ้าทุก 7 วัน 4 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา รักษาได้ 7 ครัง้ ผู้ป่วยแจ้ งว่า
อาการทุเลาลงมาก
126 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 18 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาอาการปลายประสาทผิวหนัง


ต้ นขาอักเสบ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 127

โรคข้ ออักเสบรู มาตอยด์


( Rheumatoid Arthritis : 类风湿性关节炎)
ข้ ออักเสบรูมาตอยด์ เป็ นโรคทาง Autoimmune ที่มีการดําเนินของโรคเรื อ้ รัง โดยยังไม่
ทราบสาเหตุแน่ชดั ขณะนี ้ยังไม่มีการรักษาให้ หายขาด แพทย์แผนปั จจุบนั ใช้ ยาต้ านการ
อักเสบ (Nonsteroidal antirheumatic drugs - NSAIDs) เพื่อลดอาการเจ็บปวดของข้ อที่
อักเสบ ยาปรับการดําเนินของโรค (Slow acting antirheumatic drugs) สเตียรอยด์ และ
สารชีวภาพ (Biologic Agent) เพื่อควบคุมการดําเนินของโรค ซึง่ แพทย์ต้องระวังผลข้ างเคียง
และยากลุม่ ชีวภาพมีราคาค่อนข้ างสูง
ในประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยข้ ออักเสบรูมาตอยด์ที่ควบคุมได้ ยาก ปั จจัยหนึง่ ที่พบได้
บ่อยคือความเครี ยด ความรู้สกึ เศร้ าสร้ อย ซึง่ จําเป็ นอย่างยิ่งที่ต้องได้ รับการแก้ ไข ซึง่ การ
รักษาแบบผสมผสาน คือ การที่ผ้ ปู ่ วยได้ รับยาปรับการดําเนินของโรคจากแพทย์แผนปั จจุบนั
และได้ รับการฝั งเข็มตามการแพทย์แผนจีน โดยเลือกจุดฝั งเข็มต่าง ๆ ตามรายละเอียดใน
บทความนี ้ สิง่ สําคัญที่สดุ ที่จะทําให้ อาการของโรคสงบ คือ การอธิบายให้ ผ้ ปู ่ วยเข้ าใจว่าการ
รักษาต้ องใช้ เวลา เป็ นการรักษาระยะยาว แพทย์มีหน้ าที่กําหนดการใช้ ยาต่าง ๆ และแนะนํา
การปฏิบตั ติ นซึง่ ต้ องอาศัยความร่วมมือและความรับผิดชอบจากผู้ป่วยในเรื่ องของการปรับ
สมดุลกาย-ใจ ฝึ กทักษะการคิดในแง่บวก การออกกําลังกาย ภาวะโภชนาการและนํ ้าหนักตัว
ที่เหมาะสม ตลอดจนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมต่าง ๆ โดยประสบการณ์สว่ นตัวมักเลือก
จุดฝั งเข็มที่ชว่ ยให้ เกิดการผ่อนคลาย แก้ ไขปั ญหาการนอนหลับ และอาการท้ องผูก ในรายที่มี
ปั ญหาความเครี ยดซึง่ มักมีทงปั ั ้ ญหาการนอนหลับที่ไม่มีคณ
ุ ภาพและเกิดอาการท้ องผูกร่วม
ด้ วย
แพทย์จีนสมัยโบราณถือว่าโรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) เป็ นความผิดปกติจดั อยูใ่ น
กลุม่ “Bi Syndrome” คือ เป็ นความผิดปกติที่ครอบคลุมโรคปวดข้ อ ปวดกล้ าม ข้ อเสื่อม ข้ อ
อักเสบทุกชนิด ซึง่ แต่ละชนิดของความผิดปกติจะมีรายละเอียดของสาเหตุ พยาธิสภาพ
128 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

อาการ และการทํานายโรคที่แตกต่างกัน
ในระยะหลังมีการแยก RA ออกมาเป็ น Wang bi หรื อ Wan bi คือ Stubborn Bi
Syndrome (โรคปวดข้ อที่ควบคุมยาก) คําที่เหมาะสมของ RA คือ ข้ อต่อที่มีอาการปวดมาก
Li Jie ( Joint with severe pain)

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ปั จจัยที่เป็ นสาเหตุของการเกิดโรครูมาตอยด์มีหลายปั จจัย ได้ แก่
1. ปั จจัยภายในร่ างกายของผู้ป่วยอ่ อนแอ ภูมิต้านทานบกพร่ อง เจิง้ ชีพ้ ร่ อง
ทําให้ เกิดความพร่องของตับและไต สารจิงและเลือดไม่พอ การทํางานของตับบกพร่องส่งผล
ต่อเส้ นเอ็นไตบกพร่องส่งผลต่อกระดูกต่าง ๆ ซึง่ ปกติระบบเอ็นและกระดูกได้ รับการหล่อเลี ้ยง
จากเลือดและหยางชี่ของตับและไต
2. ปั จจัยภายนอกที่มากระทํา ได้ แก่ ลม ความเย็น ความชื ้น ทําให้ เส้ นลมปราณอุด
กัน้ การไหลเวียนของชี่และเลือดติดขัด เกิดภาวะเลือดคัง่ มีความร้ อนสะสมและเสมหะ
ตกค้ าง “ลม” ทําให้ เกิดอาการปวดข้ อที่แปรเปลี่ยน “ความเย็น” ทําให้ เกิดการอุดกันของชี ้ ่และ
เลือด ทําให้ เกิดอาการปวดมาก ข้ อต่อและเอ็นหดรัง้ เคลื่อนไหวลําบาก “ความชื ้น” จะทําให้
เกิดอาการหนัก หนืด ติดแน่น ยึดติด เฉื่อยชา บวม ตึง ถ้ าเสียชี่เหล่านี ้รุกรานอย่างต่อเนื่อง
ก่อให้ เกิดความร้ อน อุดกันการไหลเวี
้ ยนของลมปราณและเลือดโดยเฉพาะเส้ นลมปราณและ
เส้ นเลือดบริเวณกล้ ามเนื ้อและข้ อต่อ ถ้ ายังไม่ได้ รับการรักษาจะแผ่ขยายไปทัว่ ร่างกาย อิน
ดังเดิ
้ มพร่อง เลือดพร่อง จะเกิดความร้ อนภายใน ร่างกายที่มีความร้ อนทําให้ นํ ้าหล่อเลี ้ยง
ร่างกายแห้ งเกิดเป็ นเสมหะ ความร้ อนและเสมหะจะทําให้ อดุ กันเส้ ้ นลมปราณและเลือดที่มา
หล่อเลี ้ยงข้ อต่อ เกิดอาการ บวม ตึง อักเสบ และ ผิดรูป เป็ น วัฎจักรที่ทําให้ โรคนี ้เรื อ้ รัง
3. การเสียสมดุลของอารมณ์ ทงั ้ เจ็ด อารมณ์โกรธ คิดมาก กังวล ส่งผลทําให้ การ
ไหลเวียนของชี่ตดิ ขัด ปกติชี่จะทําให้ เกิดพลังความอบอุน่ และเลือดจะส่งอาหารและความ
ชุ่มชื ้นหล่อเลี ้ยงร่างกาย เมื่อชี่ตดิ ขัดจะมีผลต่อระบบไหลเวียนของเลือด เกิดภาวะเลือดคัง่
ทําให้ เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง จึงควรแนะนําผู้ป่วยให้ มีความตระหนักว่าอารมณ์เหล่านี ้มี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 129

ผลทําให้ โรคกําเริบได้
4. ความเสียสมดุลของการทํางานและการพักผ่ อน การทํางานที่ตรากตรํ าทําให้
หยางชี่พร่อง ส่งผลให้ ภมู ิต้านทานของร่างกายบกพร่อง เสียชี่ ลม ความเย็น และ ความชื ้น
จึงรุกรานได้ ง่าย การมีกิจกรรมทางเพศที่มากเกินควรมีผลให้ จิงชี่ลดลง มีผลต่อภูมิต้านทาน
ของร่างกาย ขณะเดียวกันการพักผ่อนมากเกินไป จะมีผลทําให้ หน้ าที่ของม้ ามและกระเพาะ
อาหารผิดปกติ ทําให้ การลําเลียงอาหารและการย่อยเปลี่ยนรูปพลังงานของอาหารบกพร่อง
ทําให้ การสร้ างชี่และเลือดลดลง การดํารงชีวิตที่ขาดการออกกําลังกาย จะมีผลให้ กีดขวาง
การไหลเวียนของชี่และเลือด มีผลต่อตับและไต และส่งผลต่อเส้ นเอ็นและกระดูกทัว่ ร่างกาย
อ่อนแอ การอุดกันของชี
้ ่ เลือดและนํ ้าหล่อเลี ้ยง ก่อให้ เกิดเสมหะตกค้ างโดยเฉพาะในข้ อต่อ
แพทย์จงึ ควรแนะนําผู้ป่วยให้ เปลี่ยนวิกฤตเป็ นโอกาส ปรับสมดุลการใช้ ชีวิตให้ เหมาะสมส่ง
ผลดีตอ่ สุขภาวะองค์รวม และทําให้ โรคข้ ออักเสบรูมาตอยด์สงบ

หลักการรั กษา
ระยะแรกใช้ หลักการขจัดเสียชี่ คือ การไล่ลมเย็น ระบายชื ้น ขับร้ อน กระตุ้นการ
ไหลเวียนของชี่และการไหลเวียนของเลือด
ระยะท้ ายมีอาการทัง้ แกร่ งและพร่ อง บํารุงตับไต เสริมม้ าม เพิม่ การไหลเวียนของ
เลือด ขจัดเสมหะ ข้ อสําคัญที่ต้องรักษา คือ การบํารุงหยางชี่ และระบายความชื ้น

การแบ่ งตามระยะของโรค
1. ระยะแรก โรคยังคงอยูใ่ นเส้ นลมปราณหลัก ให้ เน้ นรักษาเรื่ อง การขับเคลื่อนของชี่
โดยขจัดเสียชี่ตา่ ง ๆ ทังลม
้ ความเย็นและความชื ้น อุน่ หยาง และบํารุงเหวียนชี่
อาการปวดจาก ลม-ความเย็น-ความชื ้น (wind-cold-damp bi) อาการปวดข้ อและ
กล้ ามเนื ้อ งอและเหยียดข้ อลําบาก เสียชี่เป็ นลม อาการปวดจะเคลื่อนแผ่กระจายไปหลายข้ อ
“ความเย็น” เด่นจะเกิดอาการปวดมาก และอาการเพิ่มมากขึ ้นเมื่อเกิดความเย็น อาการดีขึ ้น
130 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

จากความอบอุน่ “ความชื ้น” ผู้ป่วยจะรู้สกึ หนักเนื ้อตัว ข้ อที่อกั เสบจะเคลื่อนไหวได้ ยาก จะ


รู้สกึ ฝื ดขัด อาจมีไข้ ลิ ้นซีด ฝ้าขาวบาง หรื ออาจหนา ชีพจรลอย เล็ก แน่น เบา
ยาสมุนไพร มีการขจัดเสียชี่ตา่ งๆ ขับไล่ลม แปรเปลี่ยนพลังความชื ้น ทําให้ ลดอาการ
ปวด สมุนไพรบางตัวออกฤทธิ์ได้ ดีกบั เส้ นลมปราณเฉพาะบางเส้ น บางตัวออกฤทธิ์ได้ ดีรักษา
อาการปวดเหนือเอว โดยเฉพาะที่ไหล่และหลัง บ้ างออกฤทธิ์ได้ ดที ี่ข้อต่อของร่างกายตํ่ากว่า
เอว บ้ างจะบํารุงเลือดและประสานการทํางานของสมุนไพร ซึง่ จะไม่พดู ถึงรายละเอียดของ
สมุนไพรต่าง ๆ ในบทความนี ้
2. ระยะเรือ้ รั ง เสียชี่ก่อให้ เกิดพยาธิสภาพเข้ าไปในแขนงของเส้ นลมปราณ (ลัว่ ) ให้
เน้ นการรักษาโดยการบํารุงเลือด ใช้ สมุนไพรที่บํารุงหล่อเลี ้ยงอิน และทะลุทะลวงแขนงต่างๆ
ของเส้ นลมปราณ สลายเลือดคัง่ และบํารุงเลือด โดยบํารุงชี่และอุน่ หยางร่วมด้ วย
3. ระยะท้ าย พยาธิสภาพเข้ าไปลึกถึงกระดูก จําเป็ นต้ องใช้ สมุนไพรบํารุงตับและไต
ให้ เกิดสารอาหารที่จําเป็ น จิง (Essence) อุน่ หยาง (Original Yang) ขจัดความร้ อน ขับไล่
ความชื ้น เสมหะ สลายความเย็นและภาวะเลือดคัง่ การรักษาแบ่งเป็ น 3 อย่างที่จําเป็ น ได้ แก่
 บํารุงเหยียนชี่ ซึง่ เป็ นการแก้ ที่ต้นเหตุ
 ไล่ความชื ้น บํารุงม้ าม
 ปลดปล่อยข้ อต่าง ๆ จากสารพิษที่รุกราน
กฎ 4 ประการ
 อุน่ ไต รักษา cold bi
 บํารุงอิน รักษา Heat bi
 ทะลุทะลวง การติดขัดของเส้ นลมปราณ รักษา cold-heat complex
 บํารุงเลือดร่วมกับขับไล่เสียชี่

การรักษา
ศาสตร์ การแพทย์แผนจีนใช้ สมุนไพรร่วมกับการฝั งเข็ม รมยา ครอบกระปุก การอบ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 131

สมุนไพร แล้ วแต่วา่ เป็ นระยะใดของโรค แพทย์ตรวจพิจารณาจากเจิ ้งชี่พร่องเพียงใด ระบบ


การไหลเวียนของเลือดและการพอเพียงของเลือด ภาวะอินหยางของอวัยวะภายใน

การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ


หลักการรักษา: บํารุงตับและไต มีผลทําให้ เส้ นเอ็นและกระดูกแข็งแรงขึ ้น ทะลวงเส้ น
ลมปราณที่ตดิ ขัด ทําให้ ลดอาการปวด
จุดฝั งเข็ม:
- DaZhu (BL 11) เป็ นจุดอิทธิพลของกระดูก ทะลวงเส้ นลมปราณ ลดอาการปวด
- ShenShu (BL 23) บํารุงตับและไต มีผลทําให้ กระดูกแข็งแรงขึ ้น
- ZuSanLi (ST 36) บํารุงม้ ามและกระเพาะอาหาร เพิ่มชี่และเลือด
- SanYinJiao (SP 6) บํารุงม้ ามและขจัดชี่ที่อดุ ตัน
 สําหรับอาการปวด MCP และ ข้ อมือ ให้ เพิ่มจุด YangChi (TE 4), HeGu (LI 4),
และ HouXi (SI 3)
 สําหรับอาการปวดเข่า ให้ เพิม่ จุด DuBi (ST 35), KunLun (BL 60), TaiXi (KI 3)
และ QiuXu (GB 40)
 สําหรับอาการปวดอักเสบข้ อไหล่ ข้ อศอก และข้ อสันหลัง ให้ เพิ่ม JianYu (LI 15),
JianZhen (SI 9), JianLiao (TE 14), QuChi ( LI 11), จุด HuaTuoJiaJi และจุด AShi

1. โรคข้ ออักเสบรู มาตอยด์ อักเสบ ชนิด ลมเย็นชืน้ (Wind-cold-damp Bi)


หลักการรักษา: ขจัดความเย็นชื ้นและลม ทะลวงเส้ นลมปราณ
จุดหลัก: DaZhui (GV 14), QiHai (CV 6), GuanYuan (CV 4), ShenQue (CV 8)
- ถ้ ามีอาการข้ อไหล่ อักเสบ เพิ่ม JianLiao (TE 14), JuGu (LI 16), QuChi (LI 11)
- ถ้ ามีอาการข้ อศอกอักเสบ เพิม่ QuChi (LI 11), ChiZe (LU 5), ShaoHai (HT 3)
และ ShouSanLi (LI 10)
- ถ้ ามีอาการข้ อมืออักเสบ เพิ่ม YangChi (TE 4), YangXi (LI 5), DaLing (PC 7),
HeGu (LI 4) และ WaiGuan (TE 5)
132 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- ถ้ ามีอาการ MCP อักเสบ เพิ่ม BaXie (EX-UE 9), HeGu (LI 4) และ SanJian (LI 3)
- ถ้ ามีอาการข้ อนิว้ มืออักเสบ เพิม่ SiFeng (EX-UE 10)
- ถ้ ามีอาการข้ อสะโพกอักเสบ เพิ่ม HuanTiao (GB 30), JuLiao (GB 29)
และ YangLingQuan (GB 34)
- ถ้ ามีอาการข้ อเข่ าอักเสบ เพิ่ม NeiXiYan (EX-LE 4), XiYan (EX-LE 5),
LiangQiu (ST 34) WeiZhong (BL 40), XiYangGuan (GB 33), QuQuan (LV 8)
และ YangLingQuan (GB 34)
- ถ้ ามีอาการข้ อเท้ าอักเสบ เพิ่ม KunLun (BL 60), TaiXi (KI 3), JieXi (ST 41),
QiuXu (GB 40) และ RanGu (KI 2)
- ถ้ ามีอาการ Metatarsal อักเสบ เพิม่ BaFeng (EX-LE 10), NeiTing (ST 44)
และ TaiChong (LV 3)
- ถ้ ามีอาการข้ อต่ อบริเวณสันหลังอักเสบ ให้ ใช้ จดุ เหล่านี ้สลับกัน คือ DaZhui (GV
14), ShenZhu (GV 12) และ YaoYangGuan (GV 3) และ จุด HuaTuoJiaJi (EX-B 2) ของ
บริเวณข้ อสันหลังที่ปวด
การฝั งเข็ม แต่ละครัง้ เลือกใช้ เพียง 6 - 10 จุดสลับกัน หรือแล้ วแต่ความทนได้ ของผู้ป่วย
การขจัดลมและลดความร้ อน ใช้ เข็มปั กค่อนข้ างตื ้นและกระตุ้นระบาย แต่ถ้าเป็ นความ
เย็นและความชื ้น ควรใช้ การฝั งเข็มร่วมกับการรมยาหรือเข็มอุน่
การกระตุ้นเข็ม: ใช้ การกระตุ้นเบา ๆ หรือ ระบาย แล้ วแต่พยาธิสภาพ อาจใช้ เข็มอุน่
หรื อ รมยา โดยเฉพาะที่ GuanYuan (CV 4), QiHai (CV 6) และ ShenQue (CV 8) อาจใช้ รม
ยา 20-30 นาที โดยการคัน่ ขิง 7 - 9 cone

2. โรคข้ ออักเสบรู มาตอยด์ อักเสบ ชนิด ลมชืน้ ร้ อน ( Wind-damp-heat Bi)


หลักการรักษา: ขจัดความร้ อน ความชื ้นและลม ทะลวงเส้ นลมปราณที่อดุ ตัน
จุดหลัก: DaZhui (GV 14), ShenZhu (GV 12), QuChi (LI 11) โดยทัง้ 3 จุด ใช้ การ
กระตุ้นเข็มปานกลางและไม่ต้องคอเข็ม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 133

จุดเสริม: เพิม่ จุดตามอาการที่เกิดกับข้ อต่าง ๆ โดยใช้ หลักการเช่นเดียวกับข้ อ 1


ข้ อที่อกั เสบ บวม แดง อาจคาเข็มรอบ ๆ ข้ อ 10-15 นาที ถอนเข็มแบบระบาย คือ
หมุนรูเปิ ดที่ผวิ หนังให้ ใหญ่ขึ ้น ให้ เลือดออก และจุดที่ไกลจากข้ อที่อกั เสบบนเส้ นลมปราณ
เดียว กันโดยคาเข็ม 10-15 นาที กระตุ้นแบบระบาย
ความไม่สมดุลของเหยียนชี่และเจิ ้งชี่ อาจทําให้ มีเหงื่อออกมาก ให้ เพิม่ การบํารุงโดยใช้
จุด HeGu (LI 4), และระบายที่จดุ FuLiu ( KI 7) ในรายที่มีอาการหงุดหงิดมาก เนื่องจาก
ความร้ อนของหัวใจ ให้ เพิ่มจุด ShenMen (HT 4)

3. ข้ ออักเสบรู มาตอยด์ ชนิด ที่มีไตและตับพร่ องมาก ร่ วมกับ เสียชี่อ่ นื ๆ


หลักการรักษา: เสริ มชี่ ขับไล่เสียชี่ บํารุงเลือด
จุดหลัก: GanShu (BL 18), ShenShu (BL 23) และ ZuSanLi (ST 36) กระตุ้นเข็ม
โดยไม่ต้องคาเข็มไว้
จุดเฉพาะที่ตา่ ง ๆ ใช้ หลักการเดียวกับ ข้ อ 1 และปล่อยเลือดข้ อที่อกั เสบ บวม ถ้ ามี
เหงื่อออกกลางคืนและไข้ ให้ เพิ่ม YinXi (HT 6) และ DaZhui (GV 14)
จุดที่เสริมชี่ ใช้ เข็มอุน่ หรื อ รมยาทุกวัน

การรักษาด้ วยวิธีอ่ นื ๆ
- การฝั งเข็มหู
บริ เวณที่สมั พันธ์กบั อาการ ร่วมกับ Adrenal gland (TG 2 P) และ Shenmen (TF 4)
อาจใช้ เข็มคา 20-30 นาที หรื อ เม็ดผักกาดกดจนรู้สกึ ร้ อน 1 - 2 นาทีตอ่ จุด ทิ ้งไว้ 3 - 5 วัน
ข้ อพึงระวัง: หญิงตังครรภ์
้ 2 - 5 เดือน ไม่ควรฝั งเข็ม เพราะอาจแท้ งได้ สําหรับการ
ตังครรภ์
้ 5 - 9 เดือน หลีกเลี่ยงจุด Uterus, Ovary, Endocrine, Lumbosacral vertebrae
และ abdomen
- การรมยา
การรมยาและเข็มอุน่ จะช่วยให้ ชี่หมุนเวียนดีขึ ้น ทะลวงเส้ นลมปราณที่ตดิ ขัด บํารุง
เลือด และแก้ ภาวะเลือดคัง่ รายที่โรคค่อนข้ างดื ้อต่อการรักษา อาจทําการรมควันแบบก่อ
134 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ให้ เกิดแผลโดยใช้ โกฐจุฬาลัมพาขนาดเมล็ดถัว่ เหลือง 10 - 20 cones เผาตรงที่ผวิ หนัง ทําทุก


วัน 3 วันติดต่อกัน เท่ากับ 1 รอบการรักษา
- การรมยาแบบนกจิก 15 - 20 นาทีตอ่ จุด ทําทุกวัน 10 วัน เท่ากับ 1 รอบการรักษา
- การรมยาแบบคัน่ ขิงขนาดเมล็ดถัว่ 3 - 6 คอร์ ส ทุกวัน 10 วันเท่ากับ 1 รอบการรักษา
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 135

รู ปที่ 19 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคข้ ออักเสบรู มาตอยด์


136 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

โรคเกาต์
(Gouty Arthritis : 痛风)
โรคเกาต์ เป็ นโรคข้ ออักเสบที่เกิดจากผลึกของ Monosodium Urate Monohydrate
ตกตะกอนในข้ อ ซึง่ มีผลมาจากกรดยูริก ซึง่ เป็ นผลผลิตของกระบวนการเมตาบอลิสซัม่ ของ
สารพิวรี น (Purene metabolism) สูงมากจนตกตะกอนเป็ นผลึกของยูเรทสะสมตามข้ อต่อ
เนื ้อเยื่อ รอบ ๆ ข้ อและไต ทําให้ พบผลึกนี ้ในเม็ดเลือดขาวของนํ ้าไขข้ อจากการเจาะข้ อที่กําลัง
อักเสบ ถ้ าผู้ป่วยไม่ได้ รับการรักษาอย่างถูกต้ อง คือ การรักษาอาการอักเสบของข้ อร่วมกับ
การลดกรดยูริกในเลือด ผลึกของ Monosodium Urate Monohydrate จะสะสมตามเนื ้อเยื่อ
รอบ ๆ ข้ อ ทําให้ เกิดเป็ นปุ่ ม Tophi อาจแตกออกมาเป็ นลักษณะนํ ้าข้ นๆ สีขาวขุน่ คล้ ายยาสี
ฟั นหรื อเต้ าหู้ กรดยูริกอาจตกตะกอนที่ทางเดินปั สสาวะเกิดเป็ นก้ อนนิ่วและตกตะกอนที่
เนื ้อเยื่อของไตทําให้ ไตวายเรือ้ รั ง ตลอดจนเกิดภาวะทุพพลภาพ
ภาวะกรดยูริกสูง เป็ นผลจากปั จจัยทางกรรมพันธุ์และปั จจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่มีผลทําให้
อาการของเกาต์เกิดรุนแรง คือ นํ ้าหนักตัวที่มากเกินไป การบริโภคแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง
การใช้ ยาขับปั สสาวะ ฯลฯ
การรักษาโรคเกาต์ของแพทย์แผนปั จจุบนั จึงประกอบไปด้ วยการรักษาอาการข้ ออักเสบ
และการลดระดับยูริกเลือดเพื่อป้องกันการเกิดภาวะไตวาย รวมทังการแนะนํ ้ าให้ ผ้ ปู ่ วยตระหนัก
ถึงความจําเป็ นอย่างยิง่ ของพฤติกรรมสุขภาพที่ถกู ต้ อง เช่น การมีนํ ้าหนักตัวที่เหมาะสม การ
ออกกําลังกายพอเหมาะ หลีกเลีย่ งปั จจัยที่กระตุ้นการอักเสบฉับพลันของข้ อ (Acute Gouty
Arthritis) โดยการดื่มนํ ้าให้ พอเพียง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ฯลฯ

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ในระยะแรกเจิ ้งชี่ยงั ไม่ถกู รบกวน ภาวะหยางเกิน และ
ระยะท้ ายตับและไตพร่องทําให้ สารจําเป็ น (Essence) และเลือดพร่องส่งผลให้ การหล่อเลี ้ยง
เอ็น กระดูก ไม่เพียงพอ และเส้ นลมปราณติดขัด เกิดเป็ นความชื ้น (damp-turbidity) ภายใน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 137

ร่างกาย นอกจากนี ้สาเหตุจากม้ ามพร่องทําให้ แลกเปลีย่ นและลําเลียงอาหารได้ ไม่ดีทําให้ เกิด


การตกค้ างเป็ นเสมหะภายในร่างกาย
การกระทบของเสียชี่ คือ ลม เย็น ความชื ้นหรื อความร้ อน การดืม่ แอลกอฮอล์ การ
รับประทานอาหารที่ไม่ถกู ต้ อง การบาดเจ็บต่อข้ อต่างๆ จะกระตุ้นให้ เสมหะสลายเข้ าสูข่ ้ อ
กระดูกและส่วนต่างๆในร่างกาย เกิดการอุดตันเส้ นลมปราณ ชี่และการไหลเวียนเลือดติดขัด
เกิดอาการอักเสบอย่างมาก อาจแบ่งสาเหตุเป็ น ลม-ชื ้น, เย็น-ชื ้น, ชื ้น-ร้ อน เสียชี่รุกราน
ร่างกายเป็ นระยะเวลานานจะก่อให้ เกิดเป็ นความร้ อนร่วมด้ วย จึงแบ่งสาเหตุออกได้ เป็ น
bi จาก ลม-ชื ้น-ร้ อน เกิดภาวะอุดตันของเส้ นลมปราณ และ
bi จากชื ้นร้ อน เลือดคัง่ ชี่ตดิ ขัดเป็ นระยะเวลานานก่อให้ เกิดข้ ออักเสบ ข้ อผิดรูป ปุ่ ม
งอกและทําลาย Zang-fu เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ คือ มีการลุกลามจาก Acute Gouty
Arthritis เป็ น Chronic Gouty Arthritis

การรักษา แบ่ งตามระยะต่ างๆ


ระยะข้ ออักเสบเฉียบพลันจาก “ลม-ชื ้น-ร้ อน” (wind-damp-heat) หรื อ bi จาก “ลม-
ชื ้น-ร้ อน” ต้ องขจัดความร้ อน ทะลวงเส้ นลมปราณ
ระยะข้ ออักเสบเรื อ้ รัง มักเป็ น bi จาก “ลม-เย็น-ชื ้น” (wind-cold-damp) เสมหะอุดตัน
ตับและไตพร่อง ศาสตร์ แพทย์แผนจีนมักใช้ การฝั งเข็มร่วมกับสมุนไพรจีน โดยมุง่ รักษาอาการ
ขณะอักเสบและรักษาต้ นเหตุตา่ ง ๆ ไล่ลม ขจัดชื ้น ขับไล่ความร้ อนความเย็น สลายล้ าง
เสมหะ สลายเลือดคัง่ ทะลุทะลวงเส้ นลมปราณที่ตดิ ขัด กระตุ้นชี่ให้ เดินสะดวก บํารุงตับ ไต
และม้ าม
1) Bi จาก ลม-ชืน้ -ร้ อน
อาการอักเสบเฉียบพลัน มักเกิดเวลากลางคืน มีไข้ ร่วม กระหายนํ ้า แน่นหน้ าอก
ปวดหัว เหงื่อออก ปั สสาวะเข้ ม ท้ องผูก ลิ ้น มีฝ้าเหลืองหนา ชีพจรลืน่ และเร็ว
2) Bi จาก ลม-เย็น-ชืน้
ข้ อบวม อักเสบ เคลื่อนไหวข้ อลําบาก มีก้อน Tophi ลิ ้นมีฝ้าขาว ชีพจรเล็ก-ตึง
138 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ถ้ าเสียชี่เป็ นลมมาก ตําแหน่งข้ อที่อกั เสบจะเปลี่ยน ถ้ าเสียชี่เป็ นความเย็นมาก จะปวด


อักเสบมากและเป็ นเฉพาะบางที่ ถ้ าความชื ้นมาก ข้ อจะหนัก ไม่เปลี่ยนตําแหน่ง ร่วมกับ
อาการชาร่วมด้ วย
3) Bi จากเสมหะอุดตัน
เป็ นระยะข้ ออักเสบเรื อ้ รัง ข้ อผิดรูป มีก้อน Tophi มากจนทะลุออกมา ผิวหนังเปลีย่ นสี
ลิ ้นซีดและใหญ่หรื อเป็ นสีมว่ งคลํ ้า ฝ้าขาวบางหรื อหนา ชีพจรตึง หรื อลึก และหยาบ มีตํารับ
ยาสมุนไพรจีนต่าง ๆ หลายตํารับสําหรับ Bi แต่ละชนิด

การรั กษาด้ วยการฝั งเข็มและรมยา


หลักการรักษา: ทะลวงเส้ นลมปราณที่ตดิ ขัด และเพื่อคลายความเจ็บปวด
Bi ชนิด ลม-เย็น-ชื ้น ใช้ ฝังเข็ม ร่วมกับการรมยา
Bi ชนิด ลม-ชื ้น-ร้ อน ฝั งเข็มโดยไม่รมยา
Bi ระยะเรื อ้ รังมาก ๆ ขาดเจิ ้งชี่ รักษาโดยรมยา
Bi ระยะอักเสบฉับพลัน กระตุ้นเข็มแบบระบาย
Bi ระยะยังไม่อกั เสบ กระตุ้นเข็มแบบบํารุง
จุดหลัก: โดยเลือกจุดฝั งเข็มที่สมั พันธ์กบั ข้ อที่อกั เสบ
- Metatarsophalangeal: TaiChong (LV 3), TaiBai (SP 3), SanYinJiao (SP 6),
BaFeng (EX-LE 10), NeiTing (ST 44), Ashi points
- ข้ อนิ ้วเท้ า: TaiBai (SP 3), DaDu (SP 2), TaiChong (LV 3), SanYinJiao (SP 6)
- ข้ อเท้ า: ZhongFeng (LV 4), KunLun (BL 60), JieXi (ST 41), QiuXu (GB 40),
WeiZhong (BL 40), JueGu (GB 39), TaiXi (KI 3), Ashi points
- ข้ อเข่า: XiYan (EX-LE 5), NeiXiYan (EX-LE 4), YangLingQuan (GB 34),
QuQuan (LV 8), LiangQiu (ST 34), WeiZhong (BL 40), XiYangGuan (GB 33),
ZuSanLi (ST 36)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 139

- ข้ อมือ: YangChi (SJ 4), WeiGuan (SJ 5), HeGu (LI 4), TaiChong (LV 3),
YangXi (LI 5), Ashi points
- ข้ อนิ ้วมือ และ metacarpophalangeal joint: SanJian (LI 3), BaXie (EX-UE 9),
SiFeng (EX-UE 10), Ashi points
- ข้ อศอก: HeGu (LI 4), ShouSanLi (LI 10), QuChi (LI 11), ChiZe (LU 5)
- ข้ อหัวไหล่: JianYu (LI 15), JianZhen (SI 9), JianJing (GB 21) และ Ashi points
จุดเสริม:
- ถ้ าร้ อน ชื ้นมาก เพิ่ม QiuXu (GB 40), DaDu(SP 2), TaiBai (SP 3)
- ถ้ าเลือดคัง่ เพิ่ม XueHai (SP 10), GeShu (BL 17)
- ถ้ าเสมหะอุดตันมาก เพิ่ม FengLong (ST 40), PiShu (BL 20)
- ถ้ าตับไตพร่อง เพิ่ม TaiXi (KI 3) และ SanYinJiao (SP 6)
- ถ้ ามี ลม ร้ อนและชื ้น ระบายจุด DaZhui (GV 14), ShenZhu (GV 12), QuChi (LI 11)
- ในรายที่มีเสมหะอุดตัน เพิ่ม GeShu (BL 17), XueHai (SP 10), PiShu(BL 20),
NeiGuan (PC 6), PangGuangShu(BL 28)
การกระตุ้นเข็ม: DaZhui (GV 14), ShenZhu (GV 12), QuChi (LI 11) และ back-
shu points ใช้ การกระตุ้นเข็มอย่างแรง และไม่ต้องคาเข็ม บริเวณข้ อที่อกั เสบอาจใช้ การ
ปล่อยเลือดร่วมด้ วย

การฝั งเข็มหู
ให้ เลือกจุดบริเวณเหล่านี ้ ได้ แก่ จุดฝั งเข็มที่มีความสัมพันธ์กบั ข้ อที่อกั เสบ, ShenMen,
Liver, Kidney, Sympathetic
โดยแต่ละครัง้ ให้ เลือก 3 - 5 จุด ใช้ เข็มยาว 0.5 นิ ้ว คาเข็มไว้ 30 นาที และฝั งเข็มทุก 2
วัน จนครบ 10 ครัง้ ถือเป็ น 1 รอบการรักษา
140 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 20 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคเกาต์


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 141

ปวดบริเวณลิน้ ปี่
( Epigastric Pain : 胃脘痛)
คนทัว่ ไป มักเข้ าใจว่าอาการปวดท้ องบริเวณใต้ ลิ ้นปี่ โดยเฉพาะที่มีปวดเรื อ้ รังมานาน
ว่าเป็ นโรคกระเพาะอาหาร แท้ จริ งแล้ วอาการปวดท้ องอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ภายในช่องท้ อง
อีกมากมาย เช่น โรคระบบทางเดินนํ ้าดี โรคตับอ่อน เป็ นต้ น โรคกระเพาะอาหารเป็ นกลุม่ โรค
ที่พบบ่อย ที่สาํ คัญ ได้ แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร และ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ

1. โรคแผลกระเพาะอาหาร
อาการสําคัญ
- ปวดหรื อจุกแน่นท้ องบริเวณใต้ ลิ ้นปี่ หรือ หน้ าท้ องช่วงบน เป็ นอาการที่พบบ่อยที่สดุ
มักเป็ นเวลาท้ องว่าง หรื อเวลาหิว อาการจึงเป็ นเฉพาะบางช่วงเวลาของวัน
- อาการปวดแน่นท้ อง มักจะบรรเทาได้ ด้วยอาหารหรื อยาลดกรด
- อาการปวด มักจะเป็ น ๆ หาย ๆ โดยมีช่วงเว้ นที่ปลอดอาการค่อนข้ างนาน เช่น ปวด
อยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้ วหายไปหลายเดือนจึงกลับมาปวดอีก
- ปวดแน่นท้ องกลางดึกหลังจากที่หลับไปแล้ ว
- แม้ จะมีอาการเรื อ้ รังเป็ นปี สุขภาพโดยทัว่ ไปจะไม่ทรุดโทรม
- โรคแผลกระเพาะอาหารจะไม่กลายเป็ นมะเร็ง แม้ จะเป็ น ๆ หาย ๆ อยูน่ านกี่ปีก็ตาม
นอกจากจะเป็ นแผลชนิดที่เกิดจากโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารตังแต่ ้ แรกเริ่ มโดยตรง
ภาวะแทรกซ้ อน
1) เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร พบได้ บอ่ ยที่สดุ ผู้ป่วยจะมีอาเจียนเป็ นเลือด
ถ่ายดําเหลว หรื อหน้ ามืด วิงเวียน เป็ นลม
2) กระเพาะอาหารทะลุ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้ องช่วงบนเฉียบพลันรุนแรง หน้ าท้ อง
แข็งตึง กดเจ็บมาก
142 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

3) กระเพาะอาหารอุดตัน ผู้ป่วยจะกินได้ น้อย อิ่มเร็ว มีอาเจียนหลังอาหารเกือบทุกมื ้อ


เบื่ออาหาร นํ ้าหนักลดลง
หลักการปฏิบัตติ วั
พึงระลึกไว้ เสมอว่า โรคแผลกระเพาะอาหารเป็ นโรคเรื อ้ รัง เป็ น ๆ หาย ๆ มักไม่หายขาด
ตลอดชีวิต ผู้ป่วยจําเป็ นต้ องได้ รับยารักษาติดต่อกันเป็ นเวลานาน หลังได้ รับยา อาการปวด
จะหายไปก่อน ใน 3-7 วัน แต่แผลจะยังไม่หาย ส่วนใหญ่ใช้ เวลาถึง 4 - 8 สัปดาห์ แผลจึง
หาย เมื่อหายแล้ ว จะกลับมาเป็ นใหม่ได้ อีกถ้ าไม่ระวังปฏิบตั ติ วั ให้ ถกู ต้ อง ได้ แก่
- กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย
- กินอาหารตรงตามเวลาทุกมื ้อ
- กินอาหารจํานวนน้ อย ๆ แต่กินให้ บอ่ ยมื ้อ ไม่ควรกินจนอิ่มมากในแต่ละมื ้อ
- หลีกเลีย่ งอาหารเผ็ดจัด เปรี ย้ วจัด สุรา
- งดสูบบุหรี่
- งดการใช้ ยาแก้ ปวด แอสไพริ น และยาแก้ โรคกระดูกและข้ ออักเสบทุกชนิด
- ผ่อนคลายความเครี ยด กังวล พักผ่อนให้ เพียงพอ
- กินยาลดกรด หรื อยารักษาแผลกระเพาะอาหารติดต่อกันอย่างน้ อย 4 - 8 สัปดาห์
- ถ้ ามีอาการของภาวะแทรกซ้ อน ต้ องรี บไปพบแพทย์

2. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
เป็ นการอักเสบของเยื่อบุด้านในกระเพาะอาหาร เพียงบางส่วนหรื อบางบริ เวณเท่านัน้
แบ่งเป็ น
1) โรคกระเพาะอาหารอักเสบชนิดเฉียบพลัน หมายถึง โรคที่เป็ นในระยะสัน้ ๆ ไม่เกิน
1 - 2 สัปดาห์ก็หาย อาการสําคัญ คือ จะปวดท้ องหรื อจุกแน่นบริเวณใต้ ลิ ้นปี่ มักเป็ นเวลากิน
อาหาร หรื อหลังอาหารเล็กน้ อย คลืน่ ไส้ อาเจียน ในรายที่รุนแรง จะมีอาเจียนเป็ นเลือดหรื อ
ถ่ายอุจจาระสีดําได้ ซึง่ เป็ นภาวะแทรกซ้ อนที่อนั ตราย สาเหตุที่พบบ่อย คือ จากอาหารเป็ น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 143

พิษ พิษสุรา และจากยาที่มีฤทธิ์ระคายเยื่อบุกระเพาะอาหาร เช่น ยาแอสไพริน และยาแก้ โรค


กระดูกและข้ ออักเสบ
2) โรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื อ้ รัง หมายถึง โรคที่เป็ นนานเป็ นเดือนหรื อเป็ นปี ผู้ป่วย
มักมีอาการไม่มากหรื อแทบไม่มีอาการอะไรเลย นอกจากแน่นท้ องเป็ น ๆ หาย ๆ เท่านัน้
หลักการปฏิบตั ติ วั เหมือนผู้ป่วยแผลกระเพาะอาหาร
การแพทย์แผนจีน เรี ยกอาการนี ้ว่า WeiTong (胃痛) หรื อ WeiWanTong (胃脘痛)
Wei หรื อ WeiWan หมายถึง กระเพาะอาหาร หรื อบริเวณกระเพาะอาหาร Tong หมายถึง
ปวด รวมแล้ วหมายถึงปวดกระเพาะอาหาร หรื อ ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ อาการดังกล่าวพบได้ ใน
โรคระบบทางเดินอาหารของการแพทย์ตะวันตก เช่น acute and chronic gastritic, gastric
and duodenal ulcer เป็ นต้ น

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่ถกู หลักโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงทาง
อารมณ์ มีความพร่องในการทํางานของตับ ซึง่ เกี่ยวข้ องกับการย่อยและการลําเลียงอาหาร
การทํางานของม้ ามและกระเพาะอาหารขาดความสมดุล

การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1. ชี่ตบั ข่ มกระเพาะอาหาร (ตับและกระเพาะอาหารทํางานไม่ สัมพันธ์ กัน)
อาการ: มีอาการปวดแน่นบริเวณลิ ้นปี่ ร้ าวไปชายโครงทังสองข้
้ าง เรอเปรี ย้ ว แสบร้ อน
ทรวงอก คลืน่ ไส้ และอาเจียน อาการจะเป็ นมากขึ ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
ลิน้ : ฝ้าเหลือง บาง ; ชีพจร: ชีพจรตึง (XianMai)
2. กระเพาะอาหารร้ อนจากอาหารตกค้ าง
อาการ: มีอาการปวดแสบร้ อนที่กระเพาะอาหาร แห้ งและขมในปาก มีกลิน่ ปาก
ปั สสาวะสีเหลือง อุจจาระแห้ งแข็งและถ่ายไม่หมด
ลิน้ : ลิ ้นแดง ฝ้าเหลือง ; ชีพจร: ชีพจรเร็ว (ShuMai)
144 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

3. เลือดคั่งชี่ตดิ ขัด
อาการ: ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ เหมือนถูกเข็มทิ่ม อาการเป็ นมากขึ ้นหลังรับประทานอาหาร
อาจมีอาการอาเจียนเป็ นเลือด ถ่ายเป็ นเลือด
ลิน้ : ลิ ้นสีคลํ ้าม่วง อาจมีจํ ้าเลือด ; ชีพจร: ชีพจรฝื ด (SeMai)
4. ม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่ อง
อาการ: ปวดแน่น ๆ ตื ้อ ๆ บริเวณลิ ้นปี่ ชอบการกดและความอุน่ ท้ องว่างจะปวดมาก
ขึ ้น ได้ รับประทานอาหารจะสบายขึ ้น เมื่อทํางานหนัก รับประทานอาหารที่เย็น หรื อนํ ้าแข็ง
อาการจะรุนแรงมากขึ ้น
ลิน้ : ลิ ้นซีด ฝ้าขาว ; ชีพจร: ชีพจรเล็ก-จมอ่อน (Xi-RouMai)
5. ความเย็นเข้ ารุ กรานกระเพาะอาหาร
อาการ: ปวดท้ องมากเมื่อได้ รับความเย็นรุกรานจากภายนอก ไม่ชอบอาหารเย็น ชอบ
อาหารอุน่
ลิน้ : ฝ้าขาว บาง ; ชีพจร: ชีพจรตึง หรื อ ตึงแน่น (XianMai or JinMai)
6. อินกระเพาะอาหารพร่ อง
อาการ: ปวดแสบร้ อนบริเวณลิ ้นปี่ หิวแต่ไม่อยากรับประทาน ปากคอแห้ ง ท้ องผูก
ลิน้ : ลิ ้นแดงแห้ ง ไม่มีฝ้า ; ชีพจร: ชีพจรเล็ก หรื อชีพจรเร็ว หรื อชีพจรตึง (XiMai or
ShuMai or XianMai)

การรั กษา
1. การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก: ZhongWan (CV 12), NeiGuan (PC 6), ZuSanLi (ST 36), PiShu (BL 20),
WeiShu (BL 21) และ GongSun (SP 4)
จุดเสริม:
- ตับและกระเพาะอาหารทํางานไม่สอดคล้ อง: TaiChong (LR 3), QiMen (LR 14)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 145

- ความร้ อนคัง่ ในกระเพาะอาหารและลําไส้ : NeiTing (ST 44), QianGu (SI 2)


- ชี่ตดิ ขัดและเลือดคัง่ : GeShu (BL17), Hegu (LU 4)
- ม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่อง: ZhangMen (LR 13), QiHai (CV 6)
- มีอาการปวดท้ องมาก: LiangQiu (ST 34)
- มีอาการท้ องผูกหรื อถ่ายเหลว: TianShu (ST 25), XiaJuXu (ST 39)
- มีอาเจียนเป็ นเลือดหรื อถ่ายเป็ นเลือด: XueHai (SP 10), GeShu (BL 17)
- อินกระเพาะพร่อง: GongSun (SP 4), WeiShu (BL 21)
- ความร้ อนรุกรานกระเพาะ: ShenQue (CV 8), LiangQiu (ST 34)
- รับประทานอาหารมาก อาหารตกค้ าง: LiangMen (ST 21), JianLi (CV 11)
- ชี่ตบั รุกรานกระเพาะอาหาร: TaiChong(LR 3), QiMen (EX-CA5)
- ร้ อนชื ้นสะสมในจงเจียว: FengLong (ST 40), NeiTing (ST 44), LiDui (ST 45).
2. การฝั งเข็มหู
เลือกจุด: Stomach, Duodenum, Spleen, Liver, Sympathetic และ Shenmen
วิธีการ: เลือกใช้ 2 - 3 จุด กระตุ้นความแรงปานกลาง คาเข็ม 20 นาที หรื อใช้ เมล็ด
หวังปู้หลิวสิงติดตามจุด ก่อนนอนให้ กระตุ้น 2 - 3 นาที
146 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 21 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดบริเวณลิน้ ปี่


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 147

ท้ องอืดแน่ น
( Abdominal Distention : 腹胀)
อาการท้ องอืดแน่น พบได้ บอ่ ยในเวชปฏิบตั ทิ วั่ ไป อาการอืดแน่นมักเกิดขึ ้นทังช่
้ วงบน
และล่างของช่องท้ อง โดยกระเพาะอาหารอยูช่ ่วงบนของช่องท้ อง ส่วนลําไส้ เล็กและลําไส้
ใหญ่อยูส่ ว่ นล่าง ต่างทํางานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ในการสะสม ย่อย และการดูดซึมเข้ าสู่
ร่างกายของอาหารที่รับประทานเข้ าไปรวมทังการกํ
้ าจัดกากของเสียออกจากร่างกาย เมื่อใดก็
ตามที่กระเพาะอาหารและลําไส้ ไม่สามารถทํางานได้ ดีดงั เดิม อาการท้ องอืดแน่น ปวดท้ อง
เรอ อาเจียน ฯลฯ ก็จะเกิดขึ ้น ในบทต่อไปนี ้จะกล่าวถึงอาการท้ องอืดแน่นที่มีสาเหตุจาก
ความผิดปกติของกระเพาะอาหารและลําไส้ เท่านัน้ ผู้ที่มีอาการท้ องอืด จะรู้สกึ ปวดท้ อง
ส่วนบน ทําให้ แน่นท้ อง มีลมในท้ อง ต้ องเรอบ่อยๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อิ่ม
เร็ว หรื ออาจมีอาการแน่นท้ อง แม้ กินอาหารเพียงเล็กน้ อย และแสบบริเวณหน้ าอก

สาเหตุ
เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
1. โรคในระบบทางเดินอาหารเอง ได้ แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหาร
อักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร พยาธิในทางเดินอาหาร อาการแสบบริ เวณหน้ าอก ซึง่ อาจจะ
เป็ นอาการของโรคกรดไหลย้ อนได้
2. โรคที่เกิดจากสิง่ ภายนอก ได้ แก่
• ยาต่าง ๆ ที่ใช้ ยาหลายชนิดจะทําให้ เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ได้ แก่ ยาแก้ ปวด
ข้ อทังหลาย

• ยาบางชนิด จะทําให้ กระเพาะและลําไส้ บีบตัวน้ อยลง เช่น ยานอนหลับ ยากล่อม
ประสาท ยาปฏิชีวนะบางอย่าง
• เครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็ นส่วนผสม เช่น สุรา เบียร์ หรื อนํ ้าชา กาแฟ จะทําให้
กระเพาะอาหารอักเสบ รวมทังการระคายเคื
้ องจากบุหรี่
148 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

• อาหารที่ยอ่ ยยาก รวมทังอาหารที


้ ่มีกากมาก อาหารรสจัด อาหารหมักดอง
3. โรคของทางเดินนํ ้าดี เช่น นิ่วในถุงนํ ้าดี
4. โรคของตับอ่อน
5. โรคทางร่างกายอย่างอื่น ๆ เช่น เบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์
6. พฤติกรรมในการรับประทานอาหาร ก็มีสว่ นเกี่ยวข้ องกับอาการท้ องอืด โดยเฉพาะ
อาหารรสจัด จะทําให้ เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ การรับประทานด้ วยความรี บร้ อน เคี ้ยวไม่
ละเอียด หรื อรับประทานครัง้ ละมาก ๆ รวมทังรั้ บประทานอาหารที่ยอ่ ยยาก อาหารมัน
สําหรับผู้ที่ชอบรับประทานผัก แม้ จะมีเส้ นใยมาก ถ้ ารับประทานมากไปอาจจะทําให้
เกิดอาการท้ องอืดขึ ้นได้ เนื่องจากร่างกายเราไม่มีนํ ้าย่อยเส้ นใยเหล่านี ้ ต้ องอาศัยแบคทีเรี ยที่
อยูใ่ นลําไส้ ใหญ่เป็ นตัวช่วยย่อยสลาย อย่างไรก็ตามอาหารประเภทผักก็มีประโยชน์ เพราะทํา
ให้ การขับถ่ายสะดวก
เช่นเดียวกับอาหารประเภทนมนัน้ ในคนแถบเอเชียจะไม่มีนํ ้าย่อยที่ยอ่ ยนม หรื อถ้ ามีก็
มีปริ มาณน้ อย เมื่อรับประทานนมเข้ าไปมาก อาจทําให้ เกิดอาการท้ องอืดหรื อท้ องเสีย ควรงด
หรื อค่อย ๆ ดื่มนมทีละน้ อย เพื่อให้ ร่างกายปรับตัวจนดื่มนมได้ ในปริ มาณที่ต้องการ แต่หาก
ดื่มนมเปรี ย้ ว จะไม่มีอาการ เนื่องจากในนมเปรี ย้ วจะมีการย่อยนมไปเป็ นบางส่วนแล้ ว
ปั ญหาที่พบบ่อยในคนที่ท้องอืด คือ โรคกระเพาะ อาจเป็ นแผลในกระเพาะอาหาร หรื อ
กระเพาะอาหารอักเสบ หรื ออาจเป็ นโรคของทางเดินนํ ้าดี เช่น นิ่วในถุงนํ ้าดี หรื อจากอาหารที่
เรารับประทานเข้ าไป แต่ถ้าเป็ นบ่อย โดยเฉพาะผู้สงู อายุ มักจะเป็ นสัญญาณเตือนถึงอาการ
นําอย่างหนึง่ ของมะเร็ งในช่องท้ อง ร่วมด้ วยอาการอื่น ๆ เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
นํ ้าหนักลด ซีด ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชดั

การรักษาเบือ้ งต้ น
อาจใช้ ยาสามัญประจําบ้ าน ได้ แก่ ยาขับลม หรื อ ยาธาตุนํ ้าแดงก่อน และปรับอาหาร
โดยรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่ายแต่พอควร หากไม่ดีขึ ้น ควรไปพบแพทย์ ส่วนการรับประ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 149

ทานยาช่วยย่อย อาจช่วยลดอาการท้ องอืดได้ บ้าง หากอาการไม่ทเุ ลาลงควรไปพบแพทย์เพื่อ


ตรวจหาสาเหตุที่แท้ จริ งของอาการท้ องอืด
ผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี ้ ควรไปพบแพทย์เพื่อทําการตรวจค้ นหาสาเหตุที่แท้ จริง และทํา
การรักษา
1. ผู้สงู อายุ เช่น อายุเกิน 40 ปี เริ่ มมีอาการท้ องอืดท้ องเฟ้อ เกิดขึ ้นในช่วงเวลาสัน้ ๆ
เนื่องจาก พบว่ามะเร็งของกระเพาะอาหาร หรื อตับมักจะพบในคนอายุเกินกว่า 40 ปี
2. ในคนที่มีอาการท้ องอืดร่วมกับมีนํ ้าหนักลด
3. มีอาการซีด ถ่ายอุจจาระดํา
4. มีอาเจียนติดต่อกัน หรื อกลืนอาหารไม่ได้
5. ตัวเหลือง ตาเหลือง หรื อมีก้อนในท้ อง
6. ปวดท้ องมาก
7. ท้ องอืดแน่นท้ องมาก
8. การขับถ่ายอุจจาระเปลีย่ นแปลงไปจากที่เคยเป็ น เช่น อาการท้ องผูกมากขึ ้น จน
ต้ องกินยาระบายหรื ออาการท้ องผูกสลับท้ องเดิน เป็ นต้ น

การรักษา
หากพบในผู้ป่วยอายุน้อย ไม่มีข้อบ่งชี ้ว่าเป็ นโรคที่อนั ตราย แพทย์อาจให้ การรักษาด้ วย
ยาและแนะนําวิธีปฏิบตั ติ วั ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน และนัดมาพบเพื่อดูอาการ ถ้ าไม่
ดีขึ ้น แพทย์อาจดําเนินการสืบค้ นหาสาเหตุ ที่แท้ จริงต่อไป
หากพบในผู้สงู อายุ ควรแนะนําให้ ไปพบแพทย์ เพราะอาการท้ องอืด เป็ นอาการนํา
อันหนึง่ ของมะเร็ ง ในช่องท้ อง โดยเฉพาะผู้สงู อายุที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน เพิม่ จะมีอาการ
ท้ องอืด ในช่วงเวลาสัน้ ๆ รวมถึงมีอาการอย่างอื่นร่วมด้ วย เช่น เมื่ออาหารคลื่นไส้ อาเจียน
นํ ้าหนักลด ซีด ควรจะพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจจะเป็ นอาการนําของมะเร็ง กระเพาะ
อาหารได้
150 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

หากอาการไม่ดีขึ ้น แพทย์อาจจะดําเนินการ สืบค้ นหาสาเหตุตา่ ง ๆ ในกรณีที่กล่าว


ข้ างต้ น และรักษาไปตามสาเหตุ

ข้ อแนะนํา และการปฏิบตั ติ วั ในผู้ท่ มี ีอาการท้ องอืดและการป้องกัน


ควรงดดื่มสุรา หรื อ เครื่ องดีม่ แอลกอฮอลล์ อาหารรสจัด อาหารหมักดอง บุหรี่ นํ ้าชา
กาแฟ ผู้ที่ดมื่ นมแล้ วมีอาการท้ องอืด หรื อท้ องเสีย อาจจะขาดนํ ้าย่อย ใช้ ยอ่ ยนม ต้ อง
เปลี่ยนแปลงวิธีการรับประทานและการดําเนินชีวิตประจําวัน ควรรับประทานอาหารประเภท
ผักที่มีเส้ นใยมาก ๆ ไม่ควรรับประทานมากเกินไป อาจจะทําให้ เกิดอาการท้ องอืดเกิดขึ ้นได้
เพราะเส้ นใยอาหาร หรื อกากใยอาหาร ร่างกายเราย่อยไม่ได้ ต้ องอาศัยแบคทีเรี ยที่อยูใ่ น
ลําไส้ ใหญ่เป็ นตัวช่วยย่อยสลาย แต่อย่างไรก็ตาม อาหารประเภทผัก ก็มีประโยชน์ เพราะทํา
ให้ การขับถ่ายสะดวก สําหรับผู้ที่เป็ นโรคกระเพาะอาหาร ไม่ควรรับประทานอาหารครัง้ ละ
มาก ๆ แต่ควรมีอาหารว่างระหว่างมื ้อ รับประทานอาหารช้ า ๆ เคี ้ยวให้ ละเอียดไม่ควรรี บร้ อน

สาเหตุ
ศาสตร์ การแพทย์จีนแบ่งสาเหตุดงั นี ้
1) การรับประทานอาการที่ไม่ตรงเวลา หรื อทานอาหารปริ มาณมากเกินไป จะทําให้
หน้ าที่ของกระเพาะอาหารและลําไส้ เสียไป การย่อยและการดูดซึมไม่สมบูรณ์เกิดอาหาร
ตกค้ าง ขัดขวางการไหลเวียนของชี่ หรื อแปรเปลี่ยนเป็ นความร้ อน ซึง่ จะเข้ าสูก่ ระเพาะอาหาร
และลําไส้ ก่อให้ เกิดอาการท้ องอืดแน่น
2) กระเพาะอาหารและม้ ามที่ออ่ นแอ หรื อภาวะเจ็บป่ วยเรื อ้ รังทําให้ การทําหน้ าที่ของ
กระเพาะอาหารและม้ ามในการลําเลียงและดูดซึมเสียไป การไหลเวียนของชี่กระเพาะอาหาร
และม้ ามไม่ดดี งั เดิมจึงเกิดอาการท้ องอืดแน่น

การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1) ภาวะแกร่ ง
อาการ: ท้ องอืด แน่นอึดอัด กดนวดแล้ วอาการเป็ นมากขึ ้น ปวดท้ อง เรอ หายใจมีกลิน่
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 151

เหม็น ปั สสาวะสีเข้ ม ท้ องผูก บางครัง้ มีไข้ ร่วมด้ วย อาเจียน


ลิน้ มีฝ้าเหลืองหนา ; ชีพจร ลืน่ -เร็ว (Hua-ShuMai)
วิเคราะห์ อาการ : อาหารที่ไม่ยอ่ ยตกค้ างในกระเพาะอาหารทําให้ เกิดการอืดแน่นใน
ท้ อง หายใจมีกลิน่ เหม็น เรอ และอาจอาเจียนได้ หากมีอาหารที่ไม่ยอ่ ยตกค้ างในลําไส้ จะเกิด
การแน่นท้ องปวดท้ อง ท้ องผูก อาหารที่ตกค้ างอยูเ่ ป็ นภาวะแกร่ง นี่จงึ อธิบายได้ วา่ การกด
นวดจะทําให้ อาการเป็ นมากขึ ้น ภาวะไข้ ปั สสาวะสีเข้ ม ลิ ้นมีฝ้าเหลืองหนา ชีพจรเร็ วและแรง
เป็ นการบ่งชี ้ภาวะมีความร้ อนในกระเพาะอาหาร

2) ภาวะพร่ อง
อาการ: ท้ องอืดแน่น กดนวดแล้ วอาการดีขึ ้น มีเสียงเคลือ่ นไหวในกระเพาะอาหาร
และลําไส้ ถ่ายเหลว เบื่ออาหาร อ่อนเพลียอิดโรย กระวนกระวาย ปั สสาวะสีใส
ลิน้ ซีดฝ้าขาว ; ชีพจร แรง
วิเคราะห์ อาการ : ภาวะชี่พร่องของม้ ามและกระเพาะทําให้ การลําเลียงและดูดซึม
อาหารผิดปกติไป จึงทําให้ เกิดการเบื่ออาหาร มีเสียงเคลื่อนไหวในกระเพาะอาหารและลําไส้
และถ่ายเหลว อาการปวดที่ดีขึ ้นจากการกดนวดเป็ นภาวะพร่อง เมื่อการลําเลียงและดูดซึม
อาหารผิดปกติไป การสร้ างชี่และเลือดย่อมน้ อยลง จึงเป็ นสาเหตุของความอ่อนเพลียอิดโรย
และกระวนกระวาย ลิ ้นซีดฝ้าขาว ชีพจรแรงเป็ นอาการแสดงของภาวะชี่พร่องของม้ ามและ
กระเพาะอาหาร

การรั กษา
หลักการรักษา: จุดบนเส้ นลมปราณเท้ าหยางหมิง ใช้ เป็ นจุดหลัก ภาวะแกร่งให้ ใช้ การ
กระตุ้นแบบระบายเพื่อควบคุมการไหลเวียนของชี่ในอวัยวะกลวง ส่วนภาวะพร่องใช้ การ
กระตุ้นแบบบํารุงหรื อร่วมกับการรมยาเพื่อกระตุ้มเสริมหน้ าที่ของกระเพาะอาหารและม้ าม
เพื่อการควบคุมการไหลเวียนของชี่และลดอาการท้ องอืดแน่น
จุดหลัก: ZhongWan (CV 12), TianShu (ST 25), ZuSanLi (ST 36),
152 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ShangJuXu (ST 37)


จุดเสริม:- ภาวะแกร่ง: HeGu (LI 4), QiHai (CV 6), YinLingQuan (SP 9)
- ภาวะพร่อง: GuanYuan (CV 4), TaiBai (SP 3)
อธิบาย: ZhongWan(CV 12) จุดมูข่ องกระเพาะอาหาร, TianShu(ST 25)
จุดมูข่ องลําไส้ ใหญ่, ZuSanLi(ST 36) จุดเหอล่างของกระเพาะอาหาร, ShangJuXu (ST 37)
จุดเหอล่างของลําไส้ ใหญ่ ใช้ หลักการเลือกจุดมูแ่ ละจุดเหอเพื่อการควบคุมการทํางานของ
กระเพาะอาหารและลําไส้ เพื่อให้ ชี่ไหลเวียนได้ ตามปกติ ลดอาการอืดแน่นท้ อง, Hegu (LI 4)
และ QiHai (CV 6) ใช้ ควบคุมการเดินของชี่ ส่วน YinLingQuan (SP 9) ใช้ กําจัดความร้ อน
ชื ้น TaiBai (SP 3) และ GuanYuan (CV 4) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงสมบูรณ์ของม้ ามและ
กระเพาะอาหารและช่วยในการลําเลียงและดูดซึมอาหาร

รู ปที่ 22 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาอาการท้ องอืดแน่ น


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 153

ปั สสาวะตกค้ าง
( Urinary Retention : 尿潴留)
ภาวะปั สสาวะค้ างในกระเพาะปั สสาวะ คือภาวะที่ไม่สามารถขับปั สสาวะออกได้ หมด
ตามธรรมชาติ โดยยังมีปัสสาวะค้ างอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะมากกว่า 50 มิลลิลติ ร ปั สสาวะ
ลําบาก ปั สสาวะติดขัดเป็ นช่วง ๆ ขณะปั สสาวะ รู้สกึ ได้ วา่ ปั สสาวะไม่สดุ ใช้ เวลาปั สสาวะ
นาน ปวดหน่วงท้ องน้ อย การที่ปัสสาวะค้ างอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะอาจนําไปสูภ่ าวะกลัน้
ปั สสาวะไม่ได้ ปวดปั สสาวะช่วงกลางคืน หากเกิดการคัง่ ค้ างของปั สสาวะกะทันหัน ถือเป็ น
ภาวะฉุกเฉิน จะมีอาการปวดกระเพาะปั สสาวะเกิดขึ ้นได้ กระเพาะปั สสาวะที่ขยายตัวเกิน
ปกติอาจฉีกขาดได้ หากมีแรงดันในกระเพาะปั สสาวะมากเกินไป นํ ้าปั สสาวะจะถูกดันย้ อน
ขึ ้นไปในท่อไต ส่งผลให้ เกิดภาวะไตบวมนํ ้าได้ และเกิดการอักเสบติดเชื ้อที่ไต ไตวายได้ ใน
ระยะยาวอาจทําให้ โรคและอาการเหล่านี ้ตามมา
1) นิ่วในกระเพาะปั สสาวะ
2) กล้ ามเนื ้อ detrusor ฝ่ อลีบหรื อโตผิดปกติ
3) ไตบวมนํ ้า
4) เกิดถุง (diverticula) ที่ผนังกระเพาะปั สสาวะ ซึง่ อาจเกิดนิ่วหรื ออักเสบติดเชื ้อได้

สาเหตุ
1) กระเพาะปั สสาวะ
- การทํางานที่ไม่ประสานกันของ detrusor sphincter
- Neurogenic bladder พบบ่อยใน pelvic splanchic nerve damage, cauda
equina syndrome, descending cortical fibers lesion, pontine micturation or storage
center lesions, demyelinating diseases or Parkinson's disease
- Iatrogenic (doctor-caused) scarring of the bladder neck (commonly from
removal of indwelling catheters or cystoscopy operations)
154 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- Damage to the bladder


2. ต่ อมลูกหมาก
- ต่อมลูกหมากโต
- มะเร็ งของต่อมลูกหมากและอวัยวะในอุ้งเชิงกราน
- ต่อมลูกหมากอักเสบ
3. องคชาติและทางเดินปั สสาวะ
- Congenital urethral valves
- Phimosis or pinhole meatus
- Circumcision
- Obstruction in the urethra, for example a metastasis or a precipitated
pseudogout crystal in the urine
- STD lesions (gonorrhoea causes numerous strictures, leading to a "rosary
bead" appearance, whereas chlamydia usually causes a single stricture)
4. สาเหตุอ่ นื ๆ
- Paruresis (shy bladder syndrome) in extreme cases, urinary retention can
result
- Consumption of some psychoactive substances, mainly stimulants, such as
MDMA and amphetamine.
- Use of NSAIDs or drugs with anticholinergic properties.
- Stones or metastasis can theoretically appear anywhere along the urinary
tract, but vary in frequency depending on anatomy
- Paruresis คือภาวะที่ไม่สามารถปั สสาวะได้ เมื่ออยูร่ ่วมกับผู้อื่นหรื ออยูใ่ นที่สาธารณะ
อาจถือเป็ นส่วนหนึง่ ของภาวะปั สสาวะค้ างได้ ถึงแม้ วา่ จะเกิดจากภาวะทางด้ านจิตใจก็ตาม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 155

การวินิจฉัย
การตรวจการไหลและปริมาณของปั สสาวะ จะช่วยในการวินิจฉัยความผิดปกติได้ ใน
การตรวจด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ ปริมาณการไหลของปั สสาวะ การไหล ๆ หยุด ๆ และ
ปริมาณคงเหลือของปั สสาวะหลังจากปั สสาวะสุดแล้ ว โดยปกติจะมีการไหลของปั สสาวะที่
20 – 25 มิลลิลติ รต่อวินาที ปริ มาณคงเหลือของปั สสาวะหลังจากปั สสาวะสุดแล้ วมากกว่า
50 มิลลิลติ รจะบ่งชี ้ว่าอาจมีการติดเชื ้อซํ ้า ๆ ได้ สําหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ปริมาณ
คงเหลือของปั สสาวะหลังจากปั สสาวะสุดแล้ วอาจมากถึง 50 – 100 มิลลิลติ ร เนื่องจากความ
อ่อนแอของกล้ ามเนื ้อ detrusor ในภาวะปั สสาวะคัง่ ค้ างเรื อ้ รังอาจตรวจพบว่าขนาดความจุ
ของกระเพาะปั สสาวะเพิ่มขึ ้นมากกว่าปกติ (ปกติ 400 – 600 มิลลิลติ ร)
การตรวจหา prostate-specific antigen (PSA) ช่วยในการวินิจฉัยและแยกโรคมะเร็ง
ต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากโต และต่อมลูกหมากอักเสบออกไปได้ และการตรวจชิ ้นเนื ้อของ
ต่อมลูกหมาก (TRUS biopsy of the prostate [trans-rectal ultra-sound guided])
สามารถแยกภาวะดังกล่าวออกจากกันได้ การตรวจ BUN/Cr ช่วยบอกถึงความเสียหายของ
ไตจากแรงดันย้ อนกลับของปั สสาวะ การตรวจทางเดินปั สสาวะด้ วยกล้ อง จะช่วยให้ เห็น
สภาพและชนิดของการอุดกันในทางเดิ
้ นปั สสาวะได้

การรักษา
ในภาวะปั สสาวะค้ างชนิดฉับพลัน การใส่สายสวนปั สสาวะ หรื อใส่ prostatic stent
หรื อการผ่าตัดวางสายระบายปั สสาวะผ่านหน้ าท้ องเป็ นการรักษาเบื ้องต้ นเพื่อลดแรงดันใน
กระเพาะปั สสาวะ
ในระยะยาว การรักษาขึ ้นกับสาเหตุที่ตรวจพบ ต่อมลูกหมากโตอาจให้ การรักษาด้ วย
ยาเช่น alpha blocker and 5-alpha-reductase inhibitor หรื อการผ่าตัดลดขนาดต่อม
ลูกหมาก (prostatectomy or transurethral resection of the prostate [TURP]) สําหรับ
ผู้สงู อายุที่ยงั คงมีปัญหาอยูอ่ าจใช้ การสวนปั สสาวะด้ วยตัวเองเป็ นระยะ ๆ ซึง่ ยา 5-alpha-
reductase inhibitor อาจช่วยให้ ปัสสาวะคล่องมากขึ ้นหลังการถอดสายสวนปั สสาวะ
156 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ภาวะแทรกซ้ อน
ภาวะปั สสาวะค้ าง อาจเกิดขึ ้นได้ โดยไม่มีอาการเตือน จะพบเพียงการปั สสาวะที่ออก
น้ อยลงเรื่ อย ๆ แต่ในบางคนเท่านันที
้ ่อาจเกิดขึ ้นกะทันหัน ซึง่ ถือเป็ นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรี บ
รักษา อาการปวดอาจปวดอย่างรุนแรงเมื่อไม่สามารถปั สสาวะออกได้ นอกจากนี ้อาจมี
อาการเหงื่อแตก เจ็บหน้ าอก วิตกกังวล และความดันโลหิตสูงขึ ้น ผู้ป่วยบางคนอาจเป็ นลม
หมดสติ หรื ออาจมีภาวะฉุกเฉินของหัวใจร่วมด้ วยได้ และหากไม่ได้ รับการรักษาที่ถกู วิธีอาจมี
อันตรายต่อกระเพาะปั สสาวะและเกิดภาวะไตวายเรื อ้ รังตามมา ภาวะปั สสาวะคัง่ ค้ างเป็ น
ภาวะที่หากรักษาได้ เร็ วจะลดภาวะแทรกซ้ อนได้ มาก

ในมุมมองของศาสตร์ การแพทย์ แผนจีน


ศาสตร์ การแพทย์จีนกล่าวว่า ภาวะนี ้เป็ นผลมาจากชี่ของกระเพาะปั สสาวะทํางานไม่
ปกติ ดังที่กล่าวไว้ ใน คัมภี ร์ หวงตีเ้ น่ยจิ ง ว่า “กระเพาะปั สสาวะมีหน้ าที่เก็บรวบรวมของเหลว
หากสามารถปั สสาวะได้ ปกติ หมายถึงชี่เป็ นปกติดี หากผิดปกติจะเกิดการคัง่ ของปั สสาวะ”

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
ความร้ อนที่สะสมตกค้ างในกระเพาะปั สสาวะ หรื อความร้ อนที่เคลื่อนที่มาจากไต
สะสมในกระเพาะปั สสาวะ จะขัดขวางหน่วงเหนี่ยวชี่และก่อให้ เกิดการคัง่ ของปั สสาวะ
ไตและกระเพาะปั สสาวะต่างมีความสัมพันธ์แบบนอกใน หน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะ
เกิดจากหยางไตอุน่ กระเพาะปั สสาวะ หากหยางไตและไฟมิ่งเหมินอ่อนลงจะทําให้ กระเพาะ
ปั สสาวะไม่สามารถขับปั สสาวะออกไปได้
ภาวะการบาดเจ็บ หรื อการผ่าตัดที่ขดั ขวางหน่วงเหนี่ยวการไหลเวียนของชี่ในเส้ น
ลมปราณ หรือก่อให้ เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะตัน ต่างเป็ นสาเหตุให้ เกิดการคัง่ ของปั สสาวะ

การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1) ความร้ อนสะสมตกค้ างในกระเพาะปั สสาวะ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 157

อาการ: ปั สสาวะร้ อน ออกน้ อยหรื อไม่ออก รู้สกึ แน่นและหน่วงในท้ องน้ อย กระหายนํ ้า


แต่ไม่อยากดื่มนํ ้า ท้ องผูก
ลิน้ แดง ฝ้าเหลือง ชีพจร เร็ว
วิเคราะห์ อาการ: ในภาวะที่มีความร้ อนสะสมตกค้ างในกระเพาะปั สสาวะ ปั สสาวะจะ
ร้ อน ออกน้ อยและคัง่ ในกระเพาะปั สสาวะได้ เมื่อมีนํ ้าและความร้ อนอยูด่ ้ วยกัน ประกอบกับ
หน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะเสียไป จะเกิดการคัง่ ของปั สสาวะ เมื่อของเหลวในร่างกายไม่
สามารถหมุนเวียนได้ ตามปกติ จะเกิดการกระหายนํ ้าแต่ไม่อยากดื่มนํ ้า ลิ ้น แดงฝ้าเหลือง
ชีพจร เร็ ว ท้ องผูกเป็ นอาการที่เกิดจากความร้ อนสะสมในท้ องส่วนล่าง
2) ไฟที่ม่ งิ เหมินลดลง
อาการ: ปั สสาวะออกทีละน้ อยเป็ นหยด ๆ ความแรงของปั สสาวะลดลง ดูซีดกระวน
กระวาย มีการสัน่ ของร่างกายส่วนตํา่ กว่าเอว ปวดเมื่อยเอวเข่าอ่อน
ลิน้ ซีด ; ชีพจร จมเล็ก อ่อนแรงที่ตําแหน่งไต
วิเคราะห์ อาการ: อาการของปั สสาวะออกทีละน้ อยเป็ นหยดๆ ความแรงของปั สสาวะ
ลดลง เป็ นอาการของหยางไตพร่อง ซึง่ จะมีผลต่อการลําเลียงขนส่งปั สสาวะ ภาวะซีด กระวน
กระวาย และลิ ้นซีดเกิดจากไฟที่มงิ่ เหมินลดลงส่งผลให้ ชี่เดินทางไปที่ไตลดลง
3) ชี่ในเส้ นลมปราณถูกทําลาย
อาการ: ปั สสาวะออกทีละน้ อย เป็ นหยด ๆ หรื อปั สสาวะคัง่ ปวดหน่วงท้ องน้ อย
ลิน้ สีมว่ งคลํ ้าเป็ นจุด ๆ ชีพจรเร็ วสลับหยุดไม่แน่นอน (CuMai)
วิเคราะห์ อาการ: หลังจากได้ รับบาดเจ็บ หรื อหลังการผ่าตัดในช่องท้ องส่วนล่าง ชี่ของ
เส้ นลมปราณกระเพาะปั สสาวะได้ รับความเสียหาย เกิดภาวะเลือดคัง่ ตามมาด้ วยอาการ
ปั สสาวะออกน้ อยเป็ นหยด ๆ ปั สสาวะคัง่ ปวดหน่วงในท้ องน้ อย ลิ ้นสีมว่ งคลํ ้าเป็ นจุด ๆ ชีพ
จรเร็ วสลับหยูดไม่แน่นอน เป็ นอาการของเลือดคัง่
158 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การรั กษา
การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
1. ความร้ อนสะสมตกค้ างในกระเพาะปั สสาวะ
หลักการรักษา: เลือกจุดอวัยวะหน้ าและหลัง (Shu-Mu) เป็ นจุดหลักในการรักษา
กระตุ้นระบายเพื่อขจัดความร้ อน และกระตุ้นให้ เกิดการปั สสาวะ
จุดหลัก: PangGuangShu (BL 28), ZhongJi (CV 3), SanYinJiao (SP 6),
และ WeiYang (BL 39)
อธิบาย: PangGuangShu (BL 28) จุดอวัยวะหลังของกระเพาะปั สสาวะ และ
ZhongJi (CV 3) จุดอวัยวะหน้ าของกระเพาะปั สสาวะ ใช้ การกระตุ้นระบาย เพื่อระบายความ
ร้ อนจากกระเพาะปั สสาวะ และปรับการทํางาน, SanYinJiao (SP 6) ใช้ เพื่อขจัดความร้ อน
จากช่องท้ องช่วงล่าง, WeiYang (BL 39) จุดเหอล่างของซานเจียวเสริมการไหลเวียนของนํ ้า
จุดที่กล่าวมานี ้ใช้ ร่วมกันจะช่วยขจัดความร้ อนเพิ่มการขับปั สสาวะ
2. ไฟที่ม่ งิ เหมินลดลง
หลักการรักษา: เลือกจุดที่เกี่ยวข้ องบนเส้ นลมปราณไตเป็ นจุดหลัก ใช้ การปั กกระตุ้น
บํารุงเพื่ออุน่ หยางไต
จุดหลัก: MingMen (GV 4), ShenShu (B L23), BaiHui (GV 20), GuanYuan (CV 4)
และ YangChi (TE 4)
อธิบาย: ในภาวะที่ชี่ไตพร่องและไฟที่มิ่งเหมินลดลงต้ องทําการเสริ มบํารุงชี่ไต จึงใช้
จุด MingMen (GV 4) และ ShenShu (BL 23) กระตุ้นบํารุง เพื่อบํารุงหยางไต รมยาที่จดุ
BaiHui (GV 20) และ GuanYuan (CV 4) เพื่อเสริมกระตุ้นชี่ไต ซึง่ การขับถ่ายของปั สสาวะที่
ดียอ่ มเกิดจากการไหลเวียนของชี่ที่ดี ดังนันเมื
้ ่อชี่ไตพร่องจึงทําให้ ซานเจียวควบคุมการไหล
เวียนของนํ ้าได้ ไม่ดี, YangChi (TE 4) เป็ นจุดหยวนชี่ของซานเจียวจะทําให้ การทําหน้ าที่ของ
ซานเจียวเป็ นปกติ และการไหลเวียนของนํ ้าก็เป็ นปกติ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 159

3. ชี่ในเส้ นลมปราณถูกทําลาย
หลักการรักษา: เลือกจุดอวัยวะหน้ า (Mu) ของกระเพาะปั สสาวะเป็ นจุดหลัก ใช้ การ
กระตุ้นบํารุงและระบายเท่ากัน เพื่อเสริมการไหลเวียนของชี่ในเส้ นลมปราณ และคงการทํา
หน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะ
จุดหลัก: ZhongJi (CV 3), SanYinJiao (SP 6), ShuiDao (ST 28), ShuiQuan (KI 5)
อธิบาย: การบาดเจ็บหรื อการผ่าตัด อาจก่อความเสียหายต่อหลอดเลือดและการไหล
เวียนของโลหิต และก่อให้ เกิดการขัดขวางการทํางานของกระเพาะปั สสาวะ ทําให้ มีภาวะปั ส
สาวะออกน้ อย หรื อไม่ออกได้ , ZhongJi (CV 3) จุดอวัยวะหน้ าของกระเพาะปั สสาวะ ใช้ เพื่อ
ปรับการทํางานของกระเพาะปั สสาวะ และเพิ่มการขับปั สสาวะ ; SanYinJiao (SP 6) ใช้ เพื่อ
เสริ มการไหลเวียนของเลือดและชี่ของเส้ นลมปราณ ; ShuiQuan (KI 5) จุดซีของเส้ นลม
ปราณไตและ ShuiDao (ST 28) ใช้ เพื่อเสริมการขับปั สสาวะ ลดภาวะแน่นตึงและลดปวด
ของท้ องน้ อย

- การฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Urinary bladder, Kidney, Urethra, External genitalia, End of inferior
helix crus
วิธีการ: เลือกครัง้ ละ 2 – 4 จุด ใช้ ปักเข็ม กระตุ้นด้ วยมือหรื อใช้ เครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า
นาน 15 – 20 นาที เลือกใช้ จดุ สลับกันไป ในการรักษารอบใหม่ ทําการรักษาวันละครัง้

- การกระตุ้นด้ วยเครื่องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า
จุดที่ใช้ : WeiDao (GB 28)
วิธีการ: ปั กที่จดุ WeiDao (GB 28) ทังสองข้
้ างให้ ปลายเข็มชี ้ไปที่จดุ QuGu (CV 2)
ลึก 2 – 3 ชุ่น แล้ วกระตุ้นด้ วยเครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า ด้ วยคลื่น intermittent นาน 10 – 20 นาที
ในระหว่างนี ้ ให้ ปรับเพิ่มความแรงทีละน้ อย
160 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- การรมยา
จุดที่ใช้ : SanJiaoShu (BL 22), ShenShu (BL 23), ZhongJi (CV 3), CiLiao (BL 32)
วิธีการ: ใช้ โกฐฯ แท่ง รมที่จดุ โดยตรง รมยา จุดละ 3 – 5 นาที หากใช้ ขงิ คัน่ ให้ ใช้ โกฐฯ
ปั น้ 5 – 7 ก้ อนต่อจุด ทําการรักษาวันละครัง้

- การกดนวดจุด
จุดที่ใช้ : LiNiao (EX-CA 4); {จุดกึ่งกลางระหว่างกลางสะดือกับขอบบนกระดูกหัวเห
น่า (เท่ากับ 2.5 ชุ่นเหนือขอบบนกระดูกหัวเหน่า) หรื ออยูร่ ะหว่างจุด GuanYuan (CV 4) และ
ShiMen (CV 5)}
วิธีการ: ใช้ นิ ้วหัวแม่มือกดนวดเบา ๆ ช้ า ๆ นานประมาณ 15 นาทีจนผู้ป่วยรู้สกึ อยาก
ปั สสาวะ และให้ กระตุ้นต่อจนกระทัง่ ปั สสาวะเสร็จ หรื อใช้ การฝั งเข็มที่จดุ นี ้โดยใช้ เข็ม 1.5 ชุ่น
ปั กลึก 1 ชุ่นกระตุ้นเข็มด้ วยการหมุนเข็มไปมา จนได้ ชี่และทําให้ ผ้ ปู ่ วยรู้สกึ อยากปั สสาวะ
หากยังไม่อยากปั สสาวะหลังกระตุ้นเข็มแล้ ว ให้ กระตุ้นซํ ้าในอีก 5 นาที จนกว่าจะรู้สกึ อยาก
ปั สสาวะ และปั สสาวะออกได้

หมายเหตุ: การรักษาด้ วยการฝั งเข็มเป็ นการรักษาที่ได้ ผลดีทงภาวะปั


ั้ สสาวะคัง่ หรือ
กลันปั
้ สสาวะไม่ได้ สิง่ ที่สาํ คัญคือสาเหตุที่แท้ จริงของโรคควรได้ รับการตรวจและรักษาให้ หาย
หากกระเพาะปั สสาวะมีปัสสาวะเต็มอยูค่ วรปั กเข็มตื ้นและเอียง ไม่ควรปั กตังตรงและลึ
้ ก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 161

รู ปที่ 23 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปั สสาวะตกค้ าง


162 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

แผลกระเพาะอาหาร
(Peptic Ulcer : 胃溃疡)
แผลในกระเพาะอาหาร หมายถึง แผลที่เกิดขึ ้นที่ผนังของกระเพาะอาหารและลําไส้ เล็ก
ส่วนต้ น (duodenum) ลักษณะเป็ นรูปกลมหรื อรี มักเกิดที่บริเวณ pyrorus ของกระเพาะ
อาหาร และ bulb ของลําไส้ เล็กก่อน สาเหตุอาจมากมายแต่ไม่สามารถยืนยันได้ แน่นอน
มักจะมีอาการปวดบริเวณลิ ้นปี่ เรอหรื อเรอเปรี ย้ ว คลืน่ ไส้ อาเจียนและเบื่ออาหาร อาการ
ปวดเริ่ มต้ นมักเกี่ยวข้ องกับการรับประทานอาหารลงไป ในกรณีของแผลในกระเพาะอาหาร
มักเกิดอาการปวดราว 30 นาทีถงึ 2 ชัว่ โมง หลังรับประทานอาหารแล้ วหายไป บางครัง้ อาจ
ปวดก่อนรับประทานอาหารมื ้อต่อไป ส่วนแผลในลําไส้ เล็กส่วนต้ นมักจะปวดหลังรับประทาน
อาหารแล้ ว 3 – 4 ชัง่ โมง และดีขึ ้นหลังรับประทานอาหารมื ้อถัดไป
โดยทัว่ ไป ถ้ าเมื่อใดที่เรารู้สกึ ปวดท้ องเรามักจะคิดว่าเป็ นโรคกระเพาะอาหารก่อนเป็ น
อันดับต้ น ๆ ทังที
้ ่ความจริงแล้ วอาจเป็ นโรคอื่น ๆ เช่น โรคนิ่วในถุงนํ ้าดี (มีอาการคล้ ายกับโรค
กระเพาะอาหารทุกอย่าง) ตับอักเสบ เนื ้องอกในตับ และตับอ่อนอักเสบ เป็ นต้ น ในที่นี ้เราจะ
กล่าวถึงโรคแผลในกระเพาะอาหาร ซึง่ เป็ นโรคที่มีความรุนแรงและอาจมีภาวะแทรกซ้ อนที่
เป็ นอันตรายถึงชีวิตได้

อาการและความรุ นแรง
ผู้ป่วยอาจจะปวดท้ องมากหรื อน้ อยตามอาการ ท้ องอืด คลื่นไส้ กินอิ่มง่าย หากมีอา
การรุนแรง จะมีเลือดออกและทําให้ กระเพาะทะลุ ซึง่ ถือว่าเป็ นอาการที่รุนแรงมาก โดยทัว่ ไป
พบว่าผู้ป่วยร้ อยละ 50 - 60 อาการจะค่อย ๆ ทุเลา และหายไปเองโดยไม่ต้องรับการรักษา
แต่โอกาสที่จะกลับมาเป็ นอีกมีอตั ราสูงถึงร้ อยละ 80 ถึงแม้ วา่ จะได้ รับการรักษาดีเพียงใดก็
ตาม และที่สําคัญ คือ พบว่ามีอาการแทรกซ้ อน ซึง่ หมายถึง มีเลือดออก ถ่ายเป็ นเลือด ถ่าย
เป็ นสีดําเหลว (จากเลือดที่ออกในกระเพาะอาหาร ทําปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะอาหาร)
นอกจากนี ้ หากแผลทะลุจะทําให้ ปวดท้ องอย่างรุนแรง มีไข้ ช็อค และอาจถึงแก่ชีวิต การ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 163

รักษาจะทําโดยการผ่าตัด แผลที่หายจะเป็ นพังผืด โดยเฉพาะลําไส้ เล็กที่จะตีบ อุดตัน ทําให้ มี


อาการอาเจียน และปวดท้ อง โดยทัว่ ไปผู้ป่วยที่เคยมีเลือดออกจะมีโอกาสเกิดโรคซํ ้าเพิม่ จาก
ร้ อยละ 20 - 25 เป็ น ร้ อยละ 50 และจากสถิตพิ บว่าผู้ป่วยร้ อยละ 50 ของคนไข้ ที่มีเลือดออก
จะไม่แสดงอาการใด ๆ แม้ แต่ปวดท้ อง ซึง่ เป็ นสิง่ ที่พงึ ระวังของโรคชนิดนี ้
อาการ
1) จะปวดท้ องเมื่อท้ องว่าง ใกล้ มื ้ออาหารหรื อหลังอาหาร แต่จะไม่ปวดตลอดเวลา เมื่อ
ได้ รับประทานอาหารจะทําให้ อาการดีขึ ้น ซึง่ แตกต่างจากอาการของโรคนิ่วในถุงนํ ้าดี ที่จะ
ปวดท้ องหลังอาหาร ไม่ปวดตอนท้ องว่าง แต่ถ้าปวดจะปวดตลอดทังคื ้ นติดต่อกัน
2) ปวดท้ องเวลาดึก คลืน่ ไส้ อาเจียนออกมาเป็ นอาหารที่แยกชนิดอย่างชัดเจน

การดูแลตนเอง แบ่งออกเป็ น 3 ระยะ


ระยะที่ 1 ป้องกันการเกิดโรค สามารถทําโดยวิธีดงั นี ้
- ค้ นหาสาเหตุ และสังเกตอาหารที่รับประทาน ว่าทําให้ ร่างกายเกิดความผิดปกติหรื อ
ไม่ อย่างไร
- ไม่รับประทานยาแก้ ปวดโดยปราศจากแพทย์สงั่ และควรหลีกเลีย่ งสารเสพติด และ
เครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมทังของหมั
้ กดอง
- พักผ่อนให้ เพียงพอ ทําจิตใจให้ สบายไม่เครี ยด
- หากมีอาการของโรคติดเชื ้อชนิดต่าง ๆ เช่น ไข้ เลือดออก มาลาเรี ย ไทฟอยด์ ไข้ หวัด
ใหญ่ ควรรี บรักษาให้ หายขาดโดยเร็ ว
ระยะที่ 2 การรักษาเมื่อมีอาการอักเสบ
- พบแพทย์สมํ่าเสมอตามเวลานัด โดยทัว่ ไปแพทย์จะให้ รับประทานยานํ ้าหรื อยาเม็ด
โดยพิจารณาจากความรุนแรงของอาการ โดยปกติผ้ ปู ่ วยที่มีอาการระยะรุนแรงแพทย์จะให้
รับประทานยานํ ้า เนื่องจากออกฤทธิ์เร็ว
- ควรรับประทานอาหารที่ยอ่ ยง่าย และมีรสชาติออ่ น
- พักผ่อนให้ เพียงพอ
164 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ระยะที่ 3 หลังจากได้ รับการรักษา


- งดอาหารที่เป็ นปั จจัยเสี่ยง เช่น เครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ อาหารรสจัด
ร้ อนจัด เย็นจัด ของหมักดอง รวมทังอาหารที
้ ่ทําให้ เกิดก๊ าซในกระเพาะอาหาร
- ทําจิตใจให้ สดชื่นแจ่มใส และพักผ่อนอย่างเพียงพอ
- ดื่มนํ ้ามาก ๆ ป้องกันอาการท้ องผูก และควรเคี ้ยวอาหารให้ ละเอียด เพื่อไม่ให้ กระ
เพาะอาหารทํางานหนัก
โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็ นเหมือนภัยเงียบที่คอยบัน่ ทอนสุขภาพ หากละเลยไม่ให้
ความใส่ใจดูแลสังเกตอาการของตนเอง อาจทําให้ ความรุนแรงของโรคเพิ่มมากขึ ้น และอาจ
้ ่อมีอาการที่ใกล้ เคียงกับที่กล่าวมา จึงควรพบแพทย์เพื่อตรวจโดยเร็ว
ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนันเมื
เพราะถ้ าหากทิ ้งไว้ นานจะส่งผลให้ การรักษาไม่ได้ ประสิทธิภาพเท่าที่ควร
การแพทย์แผนจีน จัดให้ แผลในกระเพาะอาหารอยูใ่ นกลุม่ WeiWanTong (epigastric
pain) มีสาเหตุจากสมองถูกรบกวนการทํางานจากชี่ตบั ติดขัด และผลสืบเนื่องจากกระเพาะ
อาหารถูกชี่ตบั รุกราน หรื อสุขนิสยั การรับประทานอาหารไม่ถกู ต้ อง เช่น รับประทานอาหารไม่
เป็ นเวลา หรื อชอบรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เย็นหรื อรสชาติจดั จ้ าน ก่อให้ เกิดการ
บาดเจ็บต่อกระเพาะอาหารและม้ าม สาเหตุของแผลในกระเพาะอาหารคือการคัง่ ของชี่และ
เลือดทําให้ กระทบต่อกระเพาะอาหาร ม้ ามและตับ

การรั กษา
แผลในกระเพาะอาหารแบ่งตามสาเหตุได้ เป็ น 5 ชนิดคือ 1) ชี่ของกระเพาะอาหารและ
ตับติดขัด 2) ชี่และเลือดคัง่ 3) ความร้ อนติดขัดในกระเพาะอาหารและตับ 4) อินกระเพาะอา
หารพร่อง และ 5) ภาวะเย็นพร่องของม้ ามและกระเพาะอาหาร ใช้ จดุ บนเส้ นลมปราณ
กระเพาะอาหาร ม้ าม กระเพาะปั สสาวะและตับเพื่อรักษา

1. ชี่ของกระเพาะอาหารและตับติดขัด
อาการ: ปวดแน่นบริ เวณลิ ้นปี่ จุกเสียดชายโครง เรอหรื อเรอเปรี ย้ ว เบือ่ อาหาร อาการ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 165

แย่ลงหากอารมณ์ไม่ดี
ลิน้ บางฝ้าขาว ; ชีพจร ตึง (XianMai)
หลักการรักษา: ลดชี่ตบั ติดขัด ปรับการไหลเวียนของชี่ ปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
เพื่อลดอาการปวด
จุดหลัก:
- ระบาย GeShu (BL 17), GanShu (BL 18), TaiChong (LR3), QiMen (LR 14)
- บํารุงระบายเท่ากัน WeiShu (BL 21), ZhongWan (CV 12), ZuSanLi (ST 36
อธิบาย: GanShu (BL 18) จุดซู และ QiMen (LR 14) จุดมูข่ องตับจะช่วยสงบตับและ
กระจายชี่ตบั ที่ตดิ ขัด; GeShu (BL 17) ปรับเสริมการไหลเวียนของชี่บริเวณทรวงอก; WeiShu
(BL 21) จุดซู และ ZhongWan (CV 12) จุดมูข่ องกระเพาะอาหารและ ZuSanLi (ST 36) จุด
เหอล่างของกระเพาะอาหาร ใช้ เพื่อปรับควบคุมชี่ของจงเจียวและลดอาการปวด
จุดเสริม: กระตุ้นระบายที่จดุ ตามอาการ ดังนี ้
- คลื่นไส้ อาเจียน – NeiGuan (PC 6)
- ปวดลิ ้นปี่ มาก – LiangMen (ST 21), LiangQiu (ST 34)
- เรอเปรี ย้ วและจุกแน่นท้ อง – PiShu(BL 20)

2. ชี่และเลือดคั่ง
อาการ: ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ เหมือนมีดบาด ไม่ร้าวไปที่ใด กดนวดแล้ วอาการเป็ นมากขึ ้น
อาจมีอาการอาเจียนเป็ นเลือด หรื อถ่ายอุจจาระเป็ นเลือดร่วมด้ วย
ลิน้ สีมว่ งคลํ ้ามีจดุ เลือดกระจาย ; ชีพจร จม หรื อจมฝื ด (ChenMai or ChenSeMai)
หลักการรักษา: กระตุ้นการไหลเวียนของชี่และเลือด ลดการคัง่ ของเลือด หยุดเลือด
ออกและอาการปวด
จุดหลัก:
- ระบาย GeShu (BL 17), GanShu (BL 18), PiShu (BL 20), ZhongWan (CV12)
- บํารุงระบายเท่ากัน ZuSanLi (ST 36)
166 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

อธิบาย: GeShu (BL 17) จุดอิทธิพลของเลือด, GanShu (BL 18) จุดซูของตับใช้


ควบคุมกํากับการไหลเวียนของชี่ตบั ให้ ราบรื่ นและเป็ นที่เก็บเลือด; PiShu (BL 20) จุดซูของ
ม้ าม ซึง่ ม้ ามมีหน้ าที่สร้ างเลือดและหมุนเวียนเลือดในกระแสโลหิตใช้ เพื่อเพิม่ การไหลเวียน
ของชี่ ลดอาการเลือดคัง่ และหยุดเลือดออก; ZhongWan (CV 12) และ ZuSanLi (ST 36)
เสริมบํารุงม้ ามควบคุมการทํางานของกระเพาะอาหาร
จุดเสริม: อาเจียนเป็ นเลือดหรื อถ่ายเป็ นเลือด – ระบาย NeiGuan (PC 6),
SanYinJiao (SP 6) และ XueHai (SP 10)

3. ความร้ อนติดขัดในกระเพาะอาหารและตับ
อาการ: ปวดบริ เวณลิ ้นปี่ อย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการแสบร้ อน อาการเป็ นมากขึ ้นจาก
การรับประทานอาหาร ปากแห้ ง ขมในปาก เรอเปรี ย้ วและจุกแน่นท้ อง ถ่ายแข็งแห้ ง ปั สสาวะ
สีเข้ ม ลิ ้นแดงฝ้าเหลือง ชีพจรตึงเร็ ว
จุดหลัก: ระบาย GanShu (BL 18), WeiShu (BL 21), ZhongWan(CV 12),
ZuSanLi (ST 36), NeiTing (ST 44), XingJian (LR 2)
อธิบาย : GanShu (BL 18) และ XingJian (LR 2) ใช้ ระบายไฟจากตับ; WeiShu (BL
21) และ ZhongWan(CV 12) จุดซูมขู่ องกระเพาะอาหารช่วยประสานการทํางานของจงเจียว
และลดปวด; ZuSanLi(ST 36) และ NeiTing(ST 44) ควบคุมชี่ของกระเพาะอาหาร ระบาย
ความร้ อนในกระเพาะอาหารและระงับปวด
จุดเสริม:- ปวดลิ ้นปี่ มาก: ระบาย LiangQiu (ST 34) และ SanYinJiao (SP 6)
- ท้ องผูก; ระบาย ZhiGou (TE 6) และ ChengShan (BL 57)

4. อินกระเพาะอาหารพร่ อง
อาการ: ปวดลิ ้นปี่ แบบอืดแน่น ไม่สบายในท้ อง รู้สกึ หิวแต่ไม่อยากรับประทานอาหาร
หลังรับประทานอาหารจะรู้สกึ แน่นอึดอัดในท้ อง กระวนกระวาย นอนไม่หลับ กระหายนํ ้า
ปากแห้ ง ท้ องผูกถ่ายแข็งแห้ ง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 167

ลิน้ แดงฝ้าบาง ; ชีพจร เล็ก-เร็ว (Xi-ShuMai)


หลักการรักษา: บํารุงอิน ปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
จุดหลัก:- บํารุง PiShu (BL 20), WeiShu (BL 21), ZuSanLi(ST 36),
SanYinJiao(SP 6), TaiXi(KI 3)
- บํารุงระบายเท่ากัน ZhongWan (CV 12), NeiGuan (PC 6)
อธิบาย: PiShu (BL 20) และ SanYinJiao (SP 6) เสริมหน้ าที่ของม้ ามเพื่อบํารุงจง
เจียวและสร้ างของเหลว; WeiShu (BL 21) และ ZhongWan (CV 12) บํารุงกระเพาะอาหาร
สร้ างของเหลว ระบายความร้ อนจากกระเพาะอาหาร; NeiGuan (PC 6) และ TaiXi (KI 3)
ระบายความร้ อน เสริมอิน และลดปวด; ZuSanLi (ST 36) บํารุงกระเพาะอาหารและแก้ ปวด
จุดเสริม: กระตุ้นบํารุงระบายเท่ากัน ตามอาการ ดังนี ้
- เบือ่ อาหารจุกแน่นลิ ้นปี่ – LiangMen (ST 21) และ TianShu (ST 25)
- ท้ องผูกถ่ายแข็งแห้ ง - ZhiGou (TE 6) และ ChengShan (BL 57)

5. ภาวะเย็นพร่ องของม้ ามและกระเพาะอาหาร


อาการ: ปวดแน่นลิ ้นปี่ อาการเป็ นมากขึ ้นเมื่อหิว และดีขึ ้นเมื่อทานอาหารเข้ าไป ชอบ
ความอุน่ และชอบกดนวด ดูซีด เหนื่อยอ่อนเพลีย ถ่ายเหลว ลิ ้นซีดฝ้าขาว
หลักการรักษา: เสริมบํารุงม้ ามและชี่ อุน่ จงเจียวเพื่อปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
จุดหลัก:- บํารุงหรื อรมยา PiShu (BL20), WeiShu (BL21), ZhongWan (CV12),
TianShu (ST25), ZuSanLi (ST36), QiHai (CV6)
- บํารุงระบายเท่ากัน ZhangMen (LR 13)
อธิบาย : PiShu (BL 20), WeiShu (BL 21), ZhongWan (CV 12) และ ZhangMen
(LR 13) จุดซูมขู่ องม้ ามและกระเพาะอาหาร ใช้ อนุ่ ม้ ามและกระเพาะอาหาร ขจัดความเย็น;
QiHai (CV 6) และ ZuSanLi (ST 36) ใช้ อนุ่ หยางเสริมชี่; ZhongWan (CV 12), TianShu
(ST 25) และ QiHai (CV 6) เป็ นจุดตามคัมภีร์โบราณที่กล่าวว่าเป็ นจุดสี่ประตู (Four Door
Points) มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการแน่นอึดอัดท้ อง ปวดท้ อง และถ่ายเหลว
168 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

จุดเสริม: กระตุ้นบํารุงหรื อรมยา ที่จดุ ตามอาการ ดังนี ้


- ถ่ายเหลว – TianShu (ST25)
- อาเจียนเป็ นเลือด ถ่ายเป็ นเลือด – GeShu (BL17)

การรั กษาด้ วยเทคนิคอื่น


1. ปั ก 5 จุด
ข้ อบ่ งใช้ : แผลในกระเพาะอาหารหรื อลําไส้ เล็กส่วนต้ น
จุดที่ใช้ : NeiGuan (PC 6), ZuSanLi (ST 36), ZhongWan (CV 12)
วิธีการ: ใช้ เข็ม 2 ชุ่น กระตุ้นด้ วยการหมุนเข็ม ยกเข็มขึ ้นลง แบบบํารุงระบายเท่ากัน
ใช้ ความแรงในการกระตุ้นปานกลาง หลังจากได้ ชี่แล้ ว คาเข็มไว้ 40 นาที กระตุ้นเข็มทุก 10
นาที ฝั งเข็มวันละครัง้ ฝั งทุกวัน ฝั งครบ 10 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา หลังครบรอบการรักษา
เว้ นระยะ 3 – 5 วัน จึงเริ่ มรอบการรักษาใหม่ ใช้ ทงหมดั้ 3 รอบการรักษา

2. การฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Stomach, Duodenum, Abdomen, Spleen, Liver, Sympathetic,
Subcortex, ShenMen
วิธีการ: ให้ ใช้ เทคนิคการฝั งเข็มใบหูตามมาตรฐาน

3. การครอบกระปุก
จุดที่ใช้ : ZhongWan (CV 12), LiangMen (ST 21), YouMen (KI 21),
GanShu (BL 18), PiShu (BL 20), WeiShu (BL 21)
วิธีการ: ใช้ กระปุกขนาดใหญ่หรื อกลาง ใช้ เวลา 10 – 15 นาที

4. การใช้ เข็มนํา้
จุดที่ใช้ : WeiShu (BL 21), PiShu (BL 20), ZhongWan (CV 12),
NeiGuan (PC 6) และ ZuSanLi (ST 36)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 169

วิธีการ: เลือก 1 – 3 จุดในแต่ละครัง้ ของการรักษา ใช้ procaine 1% ปริ มาณ 1 – 2 ซีซี


ฉีดจุดที่เลือกไว้ ทําการรักษาวันละครัง้

ความเห็นเพิ่มเติม : โดยเหตุที่ความปรวนแปรของอารมณ์ และการรับประทาน


อาหารที่ไม่เหมาะสม ต่างล้ วนเป็ นสาเหตุที่สําคัญ ที่จะไปกระตุ้นให้ อาการแผลในกระเพาะ
อาหารและลําไส้ เล็ก ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ ้น ดังนันแล้ ้ วควรแนะนําผู้ป่วย ให้ หลีกเลี่ยง
อาหารและเครื่ องดื่มที่เย็น อาหารที่มนั หรื อก่อให้ เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารและ
ลําไส้ ไม่ควรดื่มเครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรื อสูบบุหรี่ ในระหว่างที่มารับการรักษา ส่วนผู้ป่วย
ที่จดั อยูใ่ นกลุม่ พร่องนัน้ การรมยาต่อเนื่องในระยะยาวจะทําให้ ได้ ผลในการรักษาที่ดีมากขึ ้น

การรักษาในกรณีฉุกเฉิน Acute Perforation of Gastroduodenal Ulcer


จุดที่ใช้ : ZuSanLi (ST 36), ZhongWan (CV 12),
TianShu (ST 25), NeiGuan (PC 6)
วิธีการ: ปั กเข็มกระตุ้นแรงแบบระบาย เมื่อได้ ชี่แล้ วคาเข็มไว้ 30 – 60 นาที และกระ
ตุ้นซํ ้า ทุก 10 – 15 นาที ทําการรักษาทุก 4 – 6 ชัว่ โมง สามารถใช้ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าได้ โดย
ใช้ คลื่น continuous ความถี่สงู แรงเท่าที่ผ้ ปู ่ วยทนได้ นาน 30 – 60 นาที
หมายเหตุ: การรักษาแผลกระเพาะอาหารและลําไส้ เล็กส่วนต้ นทะลุ ด้ วยการฝั งเข็ม
นัน้ จะได้ ผลดีในกรณีที่เป็ นแผลขนาดเล็ก และผู้ป่วยมีสขุ ภาพแข็งแรง ซึง่ การฝั งเข็มสามารถ
ลดอาการปวดได้ ดี แต่หากว่าให้ การรักษาไปแล้ ว 1 – 2 รอบการรักษา อาการต่าง ๆ ไม่ดีขึ ้น
ให้ รีบส่งต่อเพื่อตรวจเพิ่มเติมและให้ การรักษาที่เหมาะสมต่อไป
170 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 24 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาแผลกระเพาะอาหาร


จากชี่กระเพาะและตับติดขัด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 171

รู ปที่ 25 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาแผลกระเพาะอาหาร


จากชี่และเลือดคั่ง
172 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 26 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาแผลกระเพาะอาหาร


จากกระเพาะร้ อน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 173

รู ปที่ 27 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาแผลกระเพาะอาหาร


จากอินกระเพาะพร่ อง
174 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 28 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาแผลกระเพาะอาหาร


จากเย็นพร่ อง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 175

กรดไหลย้ อน
( Acid Regurgitation : 胃反酸 )
โรคกรดไหลย้ อน (Acid Regurgitation or Gastroesophageal Reflux Disease:
GERD) หมายถึง โรคที่มีอาการซึง่ เกิดจากการไหลย้ อนกลับของกรดหรื อนํ ้าย่อยในกระเพาะ
อาหาร ขึ ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ ซึง่ สามารถเกิดขึ ้นได้ ในเวลากลางวัน หรื อ
กลางคืน หรื อแม้ แต่ผ้ ปู ่ วยไม่ได้ รับประทานอาหารก็ตาม ทําให้ เกิดอาการจากการระคายเคือง
ของกรด เช่น อาจทําให้ เกิดหลอดอาหารอักเสบและมีแผล หรื อ หลอดอาหารอักเสบโดยไม่
เกิดแผล หรื อถ้ ากรดไหลย้ อนขึ ้นมาเหนือกล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน อาจทําให้
เกิดอาการนอกหลอดอาหาร (atypical or extraesophageal GERD) เช่น อาการทางปอด
หรื อ อาการทางคอและกล่องเสียง (laryngopharyngeal reflux : LPR)
โดยปกติ ร่างกายจะมีกลไกป้องกันไม่ให้ เกิดภาวะไหลย้ อนกลับของกรดในกระเพาะ
อาหาร ขึ ้นไปในระบบทางเดินอาหารส่วนบน เช่น การบีบตัวของหลอดอาหาร การทํางานของ
กล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน และส่วนล่าง เยื่อบุของหลอดอาหารมีกลไกป้องกัน
การทําลายจากกรด การที่เกิดโรคกรดไหลย้ อนนันเชื ้ ่อว่าเกิดจากกล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอด
อาหารส่วนล่าง มีการคลายตัวอย่างผิดปกติ ทําให้ มีการไหลย้ อนกลับของกรดขึ ้นไปในหลอด
อาหารได้ ง่าย โดยปกติถ้ากรดไหลย้ อนขึ ้นไปในคอหอย จะกระตุ้นให้ กล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอด
อาหารส่วนบนหดตัว ป้องกันไม่ให้ กรดไหลย้ อนขึ ้นไป ผู้ป่วยที่เป็ นโรคกรดไหลย้ อนนัน้ เชื่อว่า
มีการทํางานของระบบป้องกันดังกล่าวเสียไป จึงมีกรดไหลย้ อนขึ ้นไปในคอหอย, กล่องเสียง
และปอดได้

อาการของผู้ป่วยขึน้ อยู่กับอวัยวะที่ถกู ระคายเคืองโดยกรด เช่น


1. อาการทางคอหอยและหลอดอาหาร
- อาการปวดแสบร้ อนบริเวณหน้ าอก และลิ ้นปี่ บางครัง้ อาจร้ าวไปที่บริเวณคอได้
- รู้สกึ คล้ ายมีก้อนอยูใ่ นคอ
176 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- กลืนลําบาก หรื อกลืนเจ็บ


- เจ็บคอ หรื อแสบลิ ้นเรื อ้ รัง โดยเฉพาะในตอนเช้ า
- รู้สกึ เหมือนมีรสขมของนํ ้าดี หรื อรสเปรี ย้ วของกรดในคอหรื อปาก
- มีเสมหะอยูใ่ นลําคอ หรื อระคายคอตลอดเวลา
- เรอบ่อย คลืน่ ไส้
- รู้สกึ จุกแน่นอยูใ่ นหน้ าอก คล้ ายอาหารไม่ยอ่ ย
2. อาการทางกล่ องเสียง และปอด
- เสียงแหบเรื อ้ รัง หรื อ แหบเฉพาะตอนเช้ า หรื อมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม
- ไอเรื อ้ รัง
- ไอ หรื อ รู้สกึ สําลักในเวลากลางคืน
- กระแอมไอบ่อย
- อาการหอบหืดที่เคยเป็ นอยูแ่ ย่ลง(ถ้ ามี)
- เจ็บหน้ าอก
- เป็ นโรคปอดอักเสบ เป็ นๆ หายๆ

การรักษา
1. การปรับเปลี่ยนนิสัยและการดําเนินชีวิตประจําวัน
การรักษาวิธีนี ้มีความสําคัญมากในการทําให้ ผ้ ปู ่ วยมีอาการน้ อยลง ป้องกันไม่ให้ เกิด
อาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร และป้องกัน
ไม่ให้ กรดไหลย้ อนกลับขึ ้นไปในระบบทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจส่วนบนมากขึ ้น การ
รักษาโดยวิธีนี ้ควรปฏิบตั ไิ ปตลอดชีวิต แม้ วา่ ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ ้นแล้ วก็ตาม หรื อแม้ วา่
ผู้ป่วยจะหายดีแล้ วโดยไม่ต้องกินยาแล้ วก็ตาม ผู้ป่วยควรปฏิบตั ติ น ดังนี ้
• นิสัยส่ วนตัว
- ถ้ าเป็ นไปได้ ควรพยายามลดนํ ้าหนัก ถ้ านํ ้าหนักเกิน เนื่องจากภาวะนํ ้าหนักเกินจะทํา
ให้ ความดันในช่องท้ องมากขึ ้น ทําให้ กรดไหลย้ อนได้ มากขึ ้น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 177

- พยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้ เครี ยด และถ้ าสูบบุหรี่ อยู่ ควรเลิก เพราะความเครี ยดและ


การสูบบุหรี่ ทําให้ เกิดการหลัง่ กรดมากขึ ้น ถ้ าไม่เคยสูบบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรื อ
ควันบุหรี่
- หลีกเลีย่ งการสวมเสื ้อผ้ าที่คบั เกินไป โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว
• นิสัยในการรับประทานอาหาร
- หลังการรับประทานอาหารทันที พยายามหลีกเลีย่ งการนอนราบ, การออกกําลัง, การ
ยกของหนัก, การเอี ้ยวหรื อก้ มตัว
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื ้อดึกและไม่ควรรับประทานอาหารใดๆ อย่างน้ อย
ภายในระยะเวลา 3 ชัว่ โมงก่อนนอน
- พยายามรับประทานอาหารที่มีไขมันตํ่า และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้ วยการ
ทอด, อาหารมัน, พืชผักบางชนิด เช่น หัวหอม, กระเทียม, มะเขือเทศ, ฟาสท์ฟดู , ช็อกโกแลต,
ถัว่ , ลูกอม, peppermints, เนย, ไข่, นม หรื ออาหารที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี ย้ วจัด เค็มจัด
หวานจัด
- รับประทานอาหารปริ มาณพอดีในแต่ละมื ้อ ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินไป ควร
รับประทานอาหารปริ มาณทีละน้ อยๆ แต่บอ่ ยครัง้
- หลีกเลี่ยงเครื่ องดื่มบางประเภท เช่น กาแฟ (แม้ วา่ เป็ นกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีนก็ไม่ควร
ดื่ม) ชา นํ ้าอัดลม เครื่ องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ วิสกี ้ ไวน์ โดยเฉพาะในตอนเย็น
• นิสัยในการนอน
- ถ้ าจะนอนหลังรับประทานอาหาร ควรรอประมาณ 3 ชัว่ โมง
- เวลานอน ควรหนุนหัวเตียงให้ สงู ขึ ้น ประมาณ 6-10 นิ ้วจากพื ้นราบ โดยใช้ วสั ดุรองขา
เตียง เช่น ไม้ อิฐ อย่ายกศีรษะให้ สงู ขึ ้นโดยการใช้ หมอนรองศีรษะ เพราะจะทําให้ ความดันใน
ช่องท้ องเพิม่ มากขึ ้น
2. การรั บประทานยา
เพื่อลดปริ มาณกรดในกระเพาะอาหาร และ/หรื อ เพิม่ การเคลื่อนตัวของระบบทางเดิน
อาหารในการกําจัดกรด ปั จจุบนั ยาลดกรดกลุม่ proton pump inhibitor เป็ นยาที่สามารถ
178 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ยับยังการหลั
้ ง่ กรดได้ ดี สามารถเห็นผลการรักษาเร็ว ควรรับประทานยาสมํ่าเสมอ ไม่ควรลด
ขนาดยา หรื อ หยุดยาเอง และควรมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสมํ่าเสมอและต่อเนื่อง ใช้ เวลา
ในการรักษาประมาณ 1 - 3 เดือน และปรับเปลี่ยนนิสยั การรับประทานอาหาร และการ
ดําเนินชีวิตประจําวันที่ระบุไว้ ในข้ อ 1 หลีกเลี่ยงการซื ้อยารับประทานเอง เนื่องจากยาบาง
ชนิด จะทําให้ กระเพาะอาหารมีการหลัง่ กรดเพิ่มขึ ้น หรื อกล้ ามเนื ้อหูรูดของหลอดอาหาร
ส่วนล่างคลายตัวมากขึ ้น เช่น progesterone, theophyllin, anticholinergics, beta-
blockers, alpha-blockers, calcium channel blockers, aspirin, NSAID, vitamin C,
benzodiazepines พบว่าประมาณร้ อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการของโรคกรดไหลย้ อน
สามารถควบคุมอาการได้ ด้วยยา
3. การผ่ าตัด
เพื่อป้องกันไม่ให้ กรดในกระเพาะอาหาร ไหลย้ อนกลับขึ ้นไปในระบบทางเดินหายใจ
และระบบทางเดินอาหารส่วนบน การรักษาวิธีนี ้จะทําในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ซึง่ ให้ การ
รักษาโดยการใช้ ยาอย่างเต็มที่แล้ วไม่ดีขึ ้น หรื อไม่สามารถรับประทานยาที่ใช้ ในการรักษา
ภาวะนี ้ได้ หรื อผู้ป่วยที่ดีขึ ้นหลังจากการใช้ ยา แต่ไม่ต้องการที่จะกินยาต่อ ซึง่ ผู้ป่วยที่ต้องทํา
การผ่าตัดมีเพียงร้ อยละ 10 เท่านัน้ การรักษาโดยการผ่าตัดมีหลายวิธี เช่น endoscopic
fundoplication, radiofrequency therapy, injection / implantation therapy

โรคกรดไหลย้ อนในทัศนะของการแพทย์ แผนจีน


ภาวะกรดไหลย้ อน ในศาสตร์ การแพทย์แผนจีน เรี ยกว่า TunSuan มีสาเหตุจากไฟตับ
ลุกโชนและรุนแรงทําให้ เกิดการเสียสมดุลระหว่างตับและกระเพาะอาหาร และสาเหตุจาก
ภาวะเย็นพร่องของม้ ามและกระเพาะอาหาร จากทังสองสาเหตุ
้ จะนําไปสูก่ ารล้ มเหลวของ
การขนส่งอาหารและนํ ้า ทําให้ เกิดการไหลย้ อนขึ ้นของชี่ที่ไม่สะอาด

การวินิจฉัยแยกกลุ่มโรค
1. ไฟตับลุกโชน
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 179

อาการ: มีภาวะกรดไหลย้ อน อาเจียนเป็ นนํ ้ากรดในกระเพาะอาหาร มีอาการแสบร้ อน


บริเวณลิ ้นปี่ อาการร่วม มีกระวนกระวาย ปากแห้ ง ขมในปาก มีกลิน่ ปาก
ลิน้ ปลายลิ ้นมีสีแดง ฝ้าเหลือง-บาง ; ชีพจรตึง หรื อ เร็ว (XianMai or ShuMai)

2. เย็นพร่ องของม้ ามและกระเพาะอาหาร


อาการ: มีภาวะกรดไหลย้ อน อาเจียนเป็ นนํ ้ากรดในกระเพาะอาหาร รู้สกึ อืดแน่นบริ
เวณลิ ้นปี่ อาจมีอาการเรอ อาเจียน และดีขึ ้นด้ วยการกดนวด
ลิน้ ซีด ฝ้าขาว ; ชีพจร ตึง-เล็ก (Xian-XiMai)

การรั กษา
1. ไฟตับลุกโชน
หลักการรักษา: ขจัดไฟตับ
จุดหลัก: YangLingQuan (GB 34), TaiChong (LR 3), ZhongWan (CV 12),
NeiGuan(PC 6), ZuSanLi(ST 36)
วิธีการ: ใช้ การกระตุ้นระบาย คาเข็มไว้ 10 – 20 นาที
อธิบาย: TaiChong (LR 3) ใช้ เพื่อลดไฟตับ เมื่อใช้ ร่วมกับ YangLingQuan(GB 34)
จะช่วยขจัดไฟจากตับและถุงนํ ้าดี รวมทังป ้ ้ องกันไฟตับรุกรานกระเพาะอาหาร ; ZhongWan
(CV 12) จุดมูข่ องกระเพาะอาหารใช้ ร่วมกับ NeiGuan (PC 6) จะช่วยเสริ มชี่ของซ่างเจียว
และจงเจียว; ZuSanLi (ST 36) จุดเหอล่างของกระเพาะอาหาร เมื่อใช้ ร่วมกับ ZhongWan
(CV 12) และ NeiGuan (PC 6) จะดึงชี่ที่ย้อนขึ ้นไปอย่างผิดปกติให้ ลงมา และหยุดอาการ
กรดไหลย้ อน
2. ม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่ อง
หลักการรักษา: อุน่ บํารุงม้ ามและกระเพาะอาหาร
จุดหลัก: PiShu (BL 20), WeiShu (BL 21), ZhongWan (CV 12), NeiGuan (PC 6),
และ ZuSanLi (ST 36)
วิธีการ: ใช้ การกระตุ้นบํารุง คาเข็มไว้ 10 – 20 นาที หรื อรมยา หรื อใช้ เข็มอุน่
180 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

อธิบาย: PiShu (BL 20) และ WeiShu (BL 21) ใช้ เพื่อปรับสมดุลจงเจียว การรมยา
สามารถอุน่ จงเจียวและกําจัดความเย็น; ZhongWan (CV 12), NeiGuan (PC 6) และ
ZuSanLi (ST 36) ใช้ ร่วมกันเพื่อดึงชี่ที่ย้อนขึ ้นไปอย่างผิดปกติให้ ลงมา และหยุดอาการกรด
ไหลย้ อน

วิธีการรักษาในคัมภีร์โบราณ
1. Illustrated Supplementary to the Classified Canon (Lei Jing Tu Yi) อาการกรด
ไหลย้ อนและอาเจียนเป็ นเศษอาหารที่ไม่ยอ่ ย ใช้ จดุ RiYue (GB 24), PiShu (BL 20) and
WeiShu (BL 21)
2. A Complete Work of Acupuncture and Moxibustion (Zhen Jiu Da Quan)
ม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่อง ใช้ จดุ NeiTing (ST 44), ZhongWan (CV 12), QiHai
(CV 4) และ GongSun (SP 4)

หมายเหตุ: ในเวชปฏิบตั ทิ วั่ ไป ภาวะกรดไหลย้ อน มักเป็ นหนึง่ ในหลายอาการของโรค


หลายโรค ผู้ป่วยต้ องพยายามหลีกเลีย่ งอารมณ์ซมึ เศร้ า และรับประทานอาหารให้ ได้ ตาม
ปกติ ผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากม้ ามและกระเพาะอาหารเย็นพร่อง ควรให้ ความสนใจในการรักษา
ความอบอุน่ หลังรับประทานอาหารเป็ นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงการรุกรานของลมเย็น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 181

รู ปที่ 29 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคกรดไหลย้ อนจากไฟตับ

รู ปที่ 30 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคกรดไหลย้ อน


จากม้ าม และกระเพาะเย็นพร่ อง
182 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ถุงนํา้ ดีอักเสบ
( Cholecystitis : 胆囊炎)
ถุงนํ ้าดีอกั เสบ มีได้ ทงการอั
ั้ กเสบแบบฉับพลันหรื อเรื อ้ รัง สาเหตุสว่ นใหญ่เกี่ยวข้ องกับ
นิ่วในถุงนํ ้าดี หรื อรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ถุงนํ ้าดีอกั เสบฉับพลัน จะมีอาการปวดมาก
ทันทีบริเวณท้ องด้ านขวาใต้ ชายโครง และอาการปวดกําเริบมากขึ ้นเป็ นช่วง ๆ และปวดร้ าว
ไปไหล่ขวาและหลังได้ มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและไข้ ร่วมด้ วย ส่วนใหญ่พบในเพศหญิง
วัยกลางคนร่วมกับการรับประทานอาหารมัน ถุงนํ ้าดีอกั เสบเฉียบพลันสามารถพบได้ ในภาวะ
ถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง อาการจะเป็ นเช่นเดียวกับการอักเสบเฉียบพลันของถุงนํ ้าดี ในช่วงโรค
สงบของถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง จะมีอาการเด่นชัด คือ หลังทานอาหารจะรู้สกึ แน่นอึดอัดท้ อง
ช่วงบน เรอ กลัวอาหารมัน มักมีอาการปวดร้ าวไปไหล่ขวา และหลังร่วมด้ วย อาการจะ
เป็ นมากขึ ้น เมื่อยืนขึ ้น เคลือ่ นไหว หรื ออาบนํ ้าเย็น
ถุงนํ ้าดีอกั เสบ สาเหตุสว่ นใหญ่เกิดจากนิ่วในถุงนํ ้าดีอดุ ตันทางเดินของท่อนํ ้าดี ทําให้
เกิดการคัง่ ของนํ ้าดี ท่อนํ ้าดีบวม เกิดการอักเสบติดเชื ้อตามมา ส่วนใหญ่เป็ นเชื ้อ E. coli และ
กลุม่ เชื ้อ Bacteroides และเกิดการอักเสบของผนังของถุงนํ ้าดี เกิดการขาดเลือดเน่าตายและ
ฉีกขาด มีการลุกลามของเชื ้อโรคไปสูอ่ วัยวะข้ างเคียง เช่น ลําไส้ และกระบังลม สาเหตุสว่ น
น้ อยเกิดจากการอักเสบโดยไม่มีนิ่วในถุงนํ ้าดี มักพบในผู้ป่วยที่ชว่ ยเหลือตัวเองไม่ได้ หรื อ
ผู้ป่วยที่ได้ รับบาดเจ็บ
นิ่วในถุงนํ ้าดี เมื่อเกิดการอุดตันจะก่อให้ เกิดการปวดท้ องกะทันหัน ในกรณีที่เป็ นถุง
นํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง มักจะเกิดการอักเสบที่ไม่รุนแรง โดยผนังของถุงนํ ้าดีจากหนาตัวขึ ้นมาก

อาการและการแสดง
มักจะมีอาการปวดท้ องบริเวณช่องท้ องส่วนบนด้ านขวา อาการปวดจะปวดรุนแรง
ตลอดเวลา ในระยะแรก อาจมีอาการปวดบริ เวณสะบักขวาซึง่ เป็ น referred pain ได้ อาการ
เหล่านี ้อาจเกิดได้ หลังจากทานอาหารทอด หรื ออาหารมัน และจะมีไข้ ตํ่า ๆ ท้ องเดิน คลื่นไส้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 183

อาเจียน เม็ดเลือดขาวในเลือดเพิ่มสูงขึ ้น อาจมีอาการเจ็บปวดที่ถงุ นํ ้าดี หากอาการรุนแรง


มากขึ ้น จะมีไข้ สงู ขึ ้น ตัวตาเหลืองหรื อช็อคหมดสติ เป็ นภาวะที่มีการติดเชื ้อเป็ นหนองที่ถงุ
นํ ้าดี หรื อถุงนํ ้าดีแตกทะลุ อีกภาวะที่เกิดขึ ้นได้ คือการอุดตันของลําไส้ เล็ก ที่เกิดจากการแตก
ทะลุของถุงนํ ้าดีเข้ าไปในลําไส้ เล็กที่อยูข่ ้ างเคียง
ถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง จะมีอาการแสดงออกที่ไม่เฉพาะ เช่น คลืน่ ไส้ ปวดท้ องไม่ชดั เจน
เรอ และท้ องเดิน

การวินิจฉัย
โดยการซักประวัตไิ ด้ ดังที่กล่าวมาร่วมกับการตรวจพบ ดังนี ้
1) ไข้ มักมีไข้ ตํ่า ๆ ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด
2) ปวดท้ องบริ เวณช่องท้ องขวาส่วนบน อาจพบหรื อไม่พบ Murphy’s sign
3) Ortner’s sign เมื่อกดบริ เวณชายโครงด้ านขวาจะรู้สกึ เจ็บ
4) Georgievskiy – Myussi’s sign (phrenic nerve sign) เมื่อกดระหว่างขอบของ
กล้ ามเนื ้อ sternocleidomastoid จะรู้สกึ ปวด
5) Boas’s sign มีความรู้สกึ ระคายเคืองเพิ่มขึ ้นบริเวณขอบล่างของสะบักขวา ซึง่ เกิด
จากการระคายเคือง phrenic nerve
การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ ารและภาพรังสีตา่ ง ๆ สามารถช่วยยืนยันการวินิจฉัยและคัด
สาเหตุอื่นออกไป การตรวจอัลตร้ าซาวด์ชว่ ยยืนยันและแยกโรคได้

การวินิจฉัยแยกโรค
1. แผลกระเพาะอาหารทะลุ
2. แผลกระเพาะอาหารและลําไส้ เล็กส่วนต้ นกําเริบ
3. ฝี ในตับจากเชื ้อ amoebic
4. การอักเสบของตับและลําไส้ สว่ น colon จากเชื ้อ amoebic
5. ตับอ่อนอักเสบฉับพลัน
6. ลําไส้ อดุ ตันฉับพลัน
184 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

7. นิ่วในไต
8. ไส้ ตงิ่ อักเสบฉับพลัน ชนิด retro-colic
ถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง จะมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึง่ อาจทําให้ การวินิจฉัยผิดพลาด
ได้ ง่าย ต้ องแยกอาการจากโรคเหล่านี ้
1. แผลกระเพาะอาหารและลําไส้ เล็กส่วนต้ น
2. Hiatus Hernia
3. ลําไส้ สว่ น colon อักเสบ
4. Functional Bowel Syndrome

การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ าร
1. การตรวจเลือด
จะพบการเพิม่ ขึ ้นของ alkaline phosphatase จากการเพิ่มขึ ้นของ bilirubin (ต้ องแยก
จากนิ่วในถุงนํ ้าดี) อาจพบการเพิ่มขึ ้นของเม็ดเลือดขาว, CRP (C-reactive protein) สูงขึ ้น
ความผิดปกติของการตรวจเหล่านี ้ จะสัมพันธ์กบั ความรุนแรงของโรค แต่ถงุ นํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง
จะพบว่า การตรวจเลือดจะค่อนข้ างปกติเป็ นส่วนใหญ่
2. การตรวจทางรังสี
การตรวจด้ วยคลื่นเสียงความถี่สงู เป็ นการตรวจที่ถือเป็ นมาตรฐาน เนื่องจากมีความไว
และจําเพาะสูง โดยมีความไวเฉลี่ยร้ อยละ 88 และความจําเพาะร้ อยละ 80 โดยมีเกณฑ์หลัก
2 ข้ อ คือ ตรวจพบนิ่วในถุงนํ ้าดี และตรวจ Murphy’s sign ด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ได้ ผลบวก
เกณฑ์รอง 3 ข้ อคือ ผนังถุงนํ ้าดีหนาตังแต่้ 3 มิลลิเมตรขึ ้นไป ตรวจพบของเหลวรอบๆถุงนํ ้าดี
และถุงนํ ้าดีขยายตัว
การตรวจด้ วยเครื่ อง CT scan มีความแม่นยําร้ อยละ 90 – 95 สามารถบอกได้ ถึงการ
อักเสบของถุงนํ ้าดีและเนื ้อเยื่อข้ างเคียง บอกถึงนิ่วที่อยูน่ อกถุงนํ ้าดี ตําแหน่งของหนองหรื อ
แก๊ สรอบ ๆ ถุงนํ ้าดีได้ แต่ไม่สามารถตรวจพบนิ่วที่ตรวจด้ วยรังสีไม่ได้ และตรวจ Murphy’s
sign เหมือนเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ไม่ได้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 185

การรักษา
การรักษาที่เป็ นมาตรฐาน คือ การผ่าตัดถุงนํ ้าดีออก ในระหว่างเตรี ยมการผ่าตัด แพทย์
อาจให้ นํ ้าเกลือหรื อสารนํ ้าอื่นเพื่อชดเชยการขาดสารนํ ้า และให้ ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื ้อ
ได้ กว้ าง การผ่าตัด มีทงการผ่ ั้ าตัดเปิ ดช่องท้ อง หรื อผ่าตัดผ่านกล้ อง Laparoscope ปั จจุบนั
นิยมผ่าตัดผ่านกล้ อง Laparoscope เป็ นส่วนใหญ่ เนื่องจากจะช่วยลดภาวะแทรกซ้ อนและ
ลดระยะเวลาการนอนรักษาที่โรงพยาบาลลงได้ มากกว่า ส่วนการผ่าตัดเปิ ดช่องท้ องจะใช้ ใน
กรณีที่มีภาวะแทรกซ้ อนของโรคมาก หรื อเป็ นผู้ป่วยที่เคยมีผา่ ตัดในบริเวณนี ้มาก่อน หรื อการ
ผ่าตัดด้ วยกล้ อง Laparoscope ทําได้ ยากหรื อทําไม่ได้
ภาวะแทรกซ้ อนของการผ่าตัดถุงนํ ้าดี
1) นํ ้าดีรั่ว (biloma)
2) บาดเจ็บต่อท่อนํ ้าดี
3) อักเสบเป็ นหนอง
4) แผลผ่าตัดติดเชื ้อ
5) เสียเลือด (ผิวเนื ้อของตับและหลอดเลือด cystic ถูกทําลาย)
6) Hernia
7) การบาดเจ็บต่ออวัยวะอื่น
8) การอุดตันในหลอดเลือดดําใหญ่ (deep vein thrombosis)
9) การดูดซึมกรดไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมันผิดปกติไป
การแพทย์แผนจีน จัดภาวะถุงนํ ้าดีอกั เสบ อยูใ่ นกลุม่ XieTong (hypochondriac pain)
มีสาเหตุจากความร้ อนชื ้นทังจากภายนอกหรื
้ อภายใน ก่อให้ เกิดความชื ้นและร้ อนในถุงนํ ้าดี
และตับ ก่อให้ เกิดผลตามมาด้ วยการทํางานไม่ประสานกันของม้ ามและกระเพาะอาหาร

การรั กษา
ถุงนํ ้าดีอกั เสบ แบ่งตามสาเหตุได้ เป็ น 2 ชนิด คือ ความร้ อนชื ้นในตับและถุงนํ ้าดี และ
ชี่ของถุงนํ ้าดีและตับติดขัด เลือกใช้ จดุ บนเส้ นลมปราณตับและถุงนํ ้าดีเพื่อการรักษา
186 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

1. ความร้ อนชืน้ ในตับและถุงนํา้ ดี


อาการ: อาการปวดเกิดขึ ้นแบบทันทีในบริเวณใต้ ชายโครงขวา เบือ่ อาหาร ขมปาก
คลื่นไส้ อาเจียน ท้ องผูก ปั สสาวะเหลืองมากขึ ้น มีไข้
ลิน้ แดง ฝ้าเหลืองเหนียว ; ชีพจร ตึง-เร็ว (Xian-ShuMai)
หลักการรักษา: ขจัดความร้ อนชื ้น ปรับชี่ตบั ให้ สมดุล รักษาหน้ าที่ของถุงนํ ้าดี
จุดหลัก: ระบาย RiYue (GB 24), DanShu (BL 19), QiMen(LR 14), QuChi(LI 11),
YangLingQuan (GB 34), XingJian (LR 2), DanNang (EX-LE 6), YinLingQuan (SP 9)
อธิบาย: RiYue (GB 24) และ DanShu (BL 19) จุดซู-มูข่ องถุงนํ ้าดี และ QiMen (LR
14) จุดมูข่ องตับ ทุกจุดเป็ นจุดใกล้ ที่อยูบ่ ริ เวณถุงนํ ้าดีที่อกั เสบอยู่ ใช้ เพื่อช่วยขจัดความร้ อน
ชื ้นของถุงนํ ้าดีและตับ และเพิ่มการไหลเวียนของชี่และเลือด เพื่อลดอาการปวดชายโครง;
QuChi (LI 11) ใช้ เพื่อระบายความร้ อน; XingJian (LR 2) ใช้ เพื่อขจัดความร้ อนชื ้นในเส้ น
ลมปราณตับ เพิ่มการไหลเวียนของชี่ตบั ; DanNang (EX-LE 6) และ YangLingQuan (GB
34) ขจัดความร้ อนชื ้นจากถุงนํ ้าดีและลดอาการปวด
จุดเสริม: กระตุ้นระบาย ที่จดุ ตามอาการ ดังนี ้
- ไข้ – DaZhui (GV 14) และ HeGu (LI 4)
- ท้ องผูก – ZhiGou (TE 6)
- ท้ องอืดแน่น คลืน่ ไส้ อาเจียน – ZhongWan (CV 12) และ ZuSanLi (ST 36)
- ดีซา่ น – ZhiYang (GV 9)

2. ชี่ของถุงนํา้ ดีและตับติดขัด
อาการ: ปวดแน่นบริ เวณใต้ ชายโครงด้ านขวา อาจปวดร้ าวไปที่ไหล่ขวา รู้สกึ ไม่สบาย
ในท้ อง เบื่ออาหาร เรอเปรี ย้ ว คลื่นไส้ อาการเป็ นมากขึ ้นเมื่อโกรธ หรื อทานอาหารมัน
ลิน้ แดง ฝ้าเหลือง ; ชีพจร ตึง (XianMai)
หลักการรักษา: ลดการติดขัดของชี่ตบั ปรับการทํางานของถุงนํ ้าดี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 187

จุดหลัก:
- ระบาย TaiChong (LR 3), YangLingQuan (GB 34)
- บํารุงระบายเท่ากัน QiMen (LR 14), RiYue (GB 24), GanShu (BL 18),
DanShu (BL 19), ZhongWan (CV 12)
- บํารุง ZuSanLi (ST 36)
อธิบาย: QiMen (LR 14), RiYue (GB 24), GanShu (BL 18) และ DanShu (BL 19)
จุดซู-มูข่ องตับและถุงนํ ้าดี ใช้ สงบตับและถุงนํ ้าดี ลดชี่ตดิ ขัดของตับและถุงนํ ้าดี; TaiChong
(LR 3) และ YangLingQuan (GB 34) ช่วยการทํางานของจุดซู-มู่ เพื่อควบคุมการทํางาน
ของตับและถุงนํ ้าดี ลดอาการปวดชายโครง; ZuSanLi (ST 36) และ ZhongWan (CV 12)
เสริมบํารุงจงเจียว ป้องกันชี่ของตับรุกรานม้ ามและกระเพาะอาหาร
จุดเสริม: ปวดเสียดชายโครงร้ าวไปหน้ าอกและหัวไหล่: ระบาย JianJing (GB 21)
และ NeiGuan (PC 6)

การรักษาวิธีอ่ นื เพิ่มเติม
1. ปั กจุดแบบโท่ ว
จุดที่ใช้ : QuChi (LI 11), QiuXu (GB 40) โท่ว Zhaohai (KI 6)
วิธีการ: ใช้ เข็ม 2 ชุ่น ปั กที่จดุ QuChi (LI 11) ทังสองข้
้ างก่อน หลังจากได้ ชี่แล้ วให้ คา
เข็มไว้ แล้ วปั กเข็มที่จดุ QiuXu (GB 40) ทังสองข้
้ างปั กให้ ลกึ ลงไปจนปลายเข็มไปถึงบริ เวณ
ใต้ ผิวหนังเหนือจุด ZhaoHai (KI 6) กระตุ้นให้ ได้ ชี่ คาเข็มไว้ 30 – 50 นาที โดยกระตุ้นด้ วย
ความแรงปานกลางแบบเรื่ อย ๆ สมํ่าเสมอในขณะที่ผ้ ปู ่ วยมีอาการปวดอยู่ โดยทัว่ ไปภายใน
หนึง่ รอบการรักษา อาการปวดจะทุเลาลงอย่างมาก ฝั งเข็มรักษาวันละครัง้ 10 ครัง้ เป็ น 1
รอบการรักษา แล้ วเว้ นระยะห่าง 3 – 5 วัน จึงเริ่มรอบการรักษาใหม่

2. รมยาที่จุด ShenQue (CV 8)


ข้ อบ่ งใช้ : การอักเสบแบบเฉียบพลันของภาวะถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง ที่มีอาการปวด
188 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

เสียดชายโครงด้ านขวา
จุดที่ใช้ : ShenQue (CV 8)
วิธีการ: ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนตะแคงทับข้ างซ้ าย ใช้ แท่งโกศจุฬาลัมพาที่จดุ ไฟแล้ วนํามาจ่อที่
บริเวณเหนือสะดือราว 1 – 2 ชุ่น และหมุนแท่งโกฐฯ วนรอบจุดช้ า ๆ หลังจากรมยาได้ ราว 15
นาที ผู้ป่วยจะเริ่ มรู้สกึ ร้ อนบริ เวณสะดือและรอบ ๆ ให้ ร้อนเท่าที่ผ้ ปู ่ วยทนได้ โดยทัว่ ไปใน
ระหว่างที่รมยาหรื อเมื่อครบเวลาการรมยาผู้ป่วยจะรู้สกึ ดีขึ ้นอย่างมาก

3. การฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Pancreas, Gallbladder, Liver, Abdomen, Thoracic, Vertex, Spleen,
Stomach, SanJiao, ErMen, Endocrine
วิธีการ: ใช้ การปั กและกระตุ้นจุดด้ วยวิธีมาตรฐานของการฝั งเข็มที่หู

ความคิดเห็น: การรักษาด้ วยวิธีการฝั งเข็มและรมยา เป็ นวิธีที่ได้ ผลดีในการรักษาอาการของ


ถุงนํ ้าดีอกั เสบ โดยเฉพาะอาการปวดเสียดชายโครง อย่างไรก็ตามการรักษาด้ วยวิธีการแพทย์
แผนปั จจุบนั ควบคูไ่ ปกับการฝั งเข็มรมยาจะช่วยเสริ มให้ การรักษาโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ ้น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 189

รู ปที่ 31 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคถุงนํา้ ดีอักเสบ


จากร้ อนชืน้
190 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 32 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคถุงนํา้ ดีอักเสบ


จากชี่ตดิ ขัด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 191

นิ่วในถุงนํา้ ดี และถุงนํา้ ดีอักเสบ


(Gall Stone and Cholecystitis : 胆结石和胆囊炎 )
ภาวะนิ่วในถุงนํ ้าดีและถุงนํ ้าดีอกั เสบ พบได้ บอ่ ยในวัยผู้ใหญ่ พบในเพศหญิงมากกว่า
เพศชาย สองภาวะนี ้มีความสัมพันธ์ซงึ่ กันและกัน และก่อให้ เกิดอีกภาวะหนึง่ ได้ นิ่วในถุงนํ ้าดี
้ ดเฉียบพลันและเรื อ้ รัง และภาวะการอักเสบของถุงนํ ้าดีก็
ก่อให้ เกิดภาวะถุงนํ ้าดีอกั เสบทังชนิ
เป็ นหนึง่ ในสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในถุงนํ ้าดี ภาวะทังสองมั
้ กพบร่วมกันได้ บอ่ ยและมี
อาการคล้ ายกันหลายอย่าง เช่น อาการปวดมักปวดบริ เวณท้ องด้ านขวาแถวชายโครงหรื อใต้
ซี่โครง และมักปวดร้ าวไปบริเวณสะบักขวา หากเป็ นภาวะนิ่วในถุงนํ ้าดีจะมีอาการปวดเป็ น ๆ
หาย ๆ ได้ จะปวดหลังทานอาหารมันปริมาณมากเข้ าไป
นิ่วในถุงนํ ้าดี เกิดจากภาวะไม่สมดุลของสารประกอบในนํ ้าดี ซึง่ เมื่อมีนิ่วเกิดขึ ้นแล้ ว
อาจมีอาการตังแต่ ้ ท้ องอืด อาหารไม่ยอ่ ย บางครัง้ นิ่วไปอุดท่อถุงนํ ้าดี ทําให้ มีอาการปวด
แบบปวดดิ ้น หรื อถ้ านิ่วตกลงไปอุดท่อนํ ้าดีใหญ่ จะทําให้ มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ในบาง
รายอาจตรวจพบนิ่วในถุงนํ ้าดีแต่ไม่มีอาการได้ เช่นกัน แต่อาการดังกล่าวข้ างต้ นจะเกิดเมื่อใด
ก็ได้ ในผู้ป่วยที่เป็ นมะเร็งถุงนํ ้าดี พบว่ามีนิ่วร่วมด้ วยเป็ นส่วนใหญ่ นิ่วในถุงนํ ้าดี ไม่สามารถ
รักษาได้ โดยใช้ เครื่ องสลายนิ่ว การรักษาโดยใช้ ยาละลายนิ่วใช้ ได้ เฉพาะนิ่วบางชนิดเท่านัน้
ซึง่ ส่วนใหญ่ต้องรับประทานยาเป็ นเวลานาน และเมื่อหยุดยาก็อาจเกิดนิ่วในถุงนํ ้าดีได้ อีก อีก
ทังนิ้ ่วของคนไทยส่วนมากมักไม่ละลายโดยใช้ ยา ดังนันการรั ้ กษาที่ดที ี่สดุ คือการผ่าตัดเอาถุง
นํ ้าดีออก ซึง่ การตัดถุงนํ ้าดี ไม่มีผลต่อการย่อยอาหาร เพราะนํ ้าดีสร้ างมาจากตับ ถุงนํ ้าดีเป็ น
เพียงที่เก็บพักนํ ้าดีเท่านัน้

อาการและอาการแสดง
ผู้ที่มีนิ่วในถุงนํ ้าดี อาจไม่มีอาการเลย หรื อมีอาการบางอย่าง ดังต่อไปนี ้ โดยไม่
จําเป็ นต้ องมีครบทุกอาการ ได้ แก่
- ท้ องอืด
192 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- แน่นท้ องหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก


- ปวดท้ องใต้ ชายโครงขวาเป็ นครัง้ คราว
- ปวดท้ องรุนแรง และปวดร้ าวไปถึงสะบักด้ านขาว
- ไข้ สงู เฉียบพลัน ถ้ ามีการอักเสบของถุงนํ ้าดีอย่างเฉียบพลัน
- ตัวเหลือง ตาเหลือง ปั สสาวะสีเข้ ม
วิธีที่ใช้ วินิจฉัยว่ามีนิ่วในถุงนํ ้าดี คือการตรวจด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวด์

การรั กษา
การผ่าตัดเอาถุงนํ ้าดีออกเป็ นการแก้ ปัญหาที่ถาวร เพื่อไม่ให้ เกิดนิ่วในถุงนํ ้าดีขึ ้นได้ อีก
ต่อไป และป้องกันภาวะแทรกซ้ อนที่รุนแรงต่าง ๆ การผ่าตัดถุงนํ ้าดีในปั จจุบนั มี 2 วิธี
1. ผ่าตัดแบบเดิม โดยการผ่าตัดเปิ ดหน้ าท้ อง (Open Cholecystectomy) ปั จจุบนั จะ
เลือกใช้ ในการผ่าตัดถุงนํ ้าดีที่มีอาการอักเสบมากหรื อแตกทะลุในช่องท้ อง
2. ผ่าตัดภายใต้ กล้ อง โดยการเจาะรูเล็ก ๆ ที่หน้ าท้ อง (Laparoscopic Cholecystec-
tomy) ถ้ าผู้ป่วยไม่มีถงุ นํ ้าดีอกั เสบเฉียบพลัน สามารถทําได้ สําเร็จถึงร้ อยละ 95 ถ้ าถุงนํ ้าดี
อักเสบเฉียบพลันเกิน 3 วัน โอกาสผ่าตัดโดยวิธีนี ้ได้ สําเร็จจะน้ อยลง

- วิธีการผ่ าตัดภายใต้ กล้ อง


- เจาะรูเล็ก ๆ บริ เวณหน้ าท้ อง 4 แห่ง ด้ วยเครื่ องมือที่ออกแบบเฉพาะสําหรับการเจาะ
หน้ าท้ องอย่างปลอดภัย ขนาดของรูประมาณ 0.5 ซม. 3 ตําแหน่ง และขนาด 1 ซม.ที่สะดือ
อีก 1 ตําแหน่ง
- ใส่กล้ องที่มีก้านยาว ๆ และเครื่ องมือต่าง ๆ ผ่านรูที่ผนังหน้ าท้ องลงไป ศัลยแพทย์จะ
สามารถมองเห็นถุงนํ ้าดีและอวัยวะต่าง ๆ จากจอโทรทัศน์ซงึ่ กล้ องส่งสัญญาณภาพมา
- ศัลยแพทย์สามารถเลาะแยกถุงนํ ้าดีออกจากตับ และใช้ คลิปหนีบห้ ามเลือดแทนไหม
เย็บแผลก่อนตัดขัวของถุ้ งนํ ้าดี แล้ วเลาะส่วนที่เหลือให้ หลุดออก
- เมื่อตัดถุงนํ ้าดีได้ แล้ ว บรรจุใส่ถงุ ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ แล้ วดึงออกจากร่างกาย
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 193

บริเวณรูสะดือ จากนัน้ ศัลยแพทย์จะสํารวจความเรี ยบร้ อยเป็ นขันตอนสุ


้ ดท้ าย ก่อนดึง
เครื่ องมือและกล้ องออกแล้ วเย็บปิ ดแผล
- ในผู้ป่วยบางรายถ้ ามีการอักเสบมาก อาจต้ องมีการใส่ท่อระบายไว้ 2-3 วัน
- ผลดีของการผ่ าตัดถุงนํา้ ดีภายใต้ กล้ อง
- อาการปวดแผลหลังผ่าตัดน้ อยกว่า เพราะแผลมีขนาดเล็กกว่า
- อยูโ่ รงพยาบาล ประมาณ 1 - 2 วัน ซึง่ ถ้ าผ่าตัดแบบเดิม อยูโ่ รงพยาบาล ประมาณ 7
- 10 วัน
- การพักฟื น้ หลังผ่าตัดใช้ เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ทําให้ กลับไปทํางานตามปกติได้ เร็ว
กว่า ถ้ าผ่าตัดแบบเดิม ใช้ เวลาพักฟื น้ ประมาณ 1 เดือน
- แผลขนาดเล็กดูแลง่ายกว่า และมีโอกาสติดเชื ้อน้ อยกว่าแผลขนาดใหญ่
- เมื่อแผลหายจะเป็ นรอยเล็ก ๆ บนหน้ าท้ องเท่านัน้

สาเหตุในทางศาสตร์ การแพทย์แผนจีน คือ จากอารมณ์ซมึ เศร้ า ไม่สามารถปรับร่าง


กายตามสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป รับประทานอาหารไม่เหมาะสม โดยเฉพาะทาน
อาหารมันเป็ นปริ มาณมากเกินไป หรื อเสียชี่ภายนอกรุกราน รวมทังการสะสมตกค้ ้ างของ
ความร้ อนชื ้น หรื อแม้ กระทัง่ จากพยาธิ ซึง่ จะก่อให้ เกิดการขัดขวางการไหลเวียนของชี่และ
เลือดของตับและถุงนํ ้าดี เป็ นเหตุให้ หน้ าที่ของตับและถุงนํ ้าดีถกู รบกวนและเสียหน้ าที่ไป

การรั กษา
หลักการรักษา: ปรับสมดุลและหน้ าที่ของชี่ของถุงนํ ้าดี ควบคุมการทํางานของ
กระเพาะอาหารและจงเจียว เลือกจุดบนเส้ นเท้ าเจวี๋ยอิน เส้ นเท้ าหยางหมิงและเส้ นเท้ าเซ่า
หยางเพื่อรักษา
จุดที่ใช้ :
1)จุดมู่ของตับ ถุงนํา้ ดี กระเพาะอาหารและลําไส้ ใหญ่ ได้ แก่ QiMen (LR 14),
RiYue (GB 24), ZhongWan (CV 12) และ TianShu (ST 25) เสริมด้ วยจุดเหอล่างของ
194 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ถุงนํ ้าดี คือ YangLingQuan (GB 34) โดยเลือกเฉพาะจุดฝั่ งขวา ยกเว้ น ZhongWan (CV 12)
กระตุ้นจุดแบบระบาย ด้ วยวิธีการหมุนเข็มเร็วเป็ นวงกว้ าง เมื่อได้ ชี่แล้ วให้ คาเข็มไว้ 10 นาที
ถอนเข็มออกโดยให้ ช่องรูเข็มบนผิวหนังเปิ ดกว้ าง
2) เลือกจุดนอกระบบ XiSiXue (extra-point ตําแหน่ง 4 ชุ่นเหนือขอบบนด้ านนอก
ของกระดูกสะบ้ าของเข่าที่งออยู)่ ร่วมกับจุด YangLingQuan (GB 34) และ QiMen (LR 14)
โดยให้ ผ้ ปู ่ วยนอนหงายเลือกจุดของขาขวา ปั กเข็มตังฉากที ้ ่จดุ XiSiXue กระตุ้นจนกระทัง่ ได้ ชี่
แล้ วให้ หมุนเข็มทวนเข็มนาฬิกา, จุด YangLingQuan (GB 34) ให้ ปักเข็มตังฉาก ้ กระตุ้นเข็ม
จนได้ ชี่ แล้ วหมุนเข็มทวนเข็มนาฬิกาเช่นกัน หากกระตุ้นถูกวิธีจะได้ ความรู้สกึ วิ่งขึ ้นบนตาม
แนวต้ นขา, จุด QiMen (LR 14) ให้ ปักเฉียงกระตุ้นจนได้ ชี่แล้ วหมุนเข็ม ตามเข็มนาฬิกา จะได้
ความรู้สกึ มึนชา อาการปวดแน่นในช่องท้ องจะทุเลาลง กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที และคาเข็มไว้
30 นาที
3) ปั กเข็มแบบโท่ ว เลือกจุด QiMen (LR 14) โท่ว ZhangMen (LR 13) ควรระวัง
ปลายเข็มที่อาจทะลุเข้ าช่องอก หรื อเลือกจุด JuQue (CV 14) โท่ว ShangWan(CV 13) หรื อ
เลือกจุด JiaJi จากตําแหน่งกระดูกสันหลังส่วนอกที่ 9 ไปถึงกระดูกสันหลังส่วนอกที่ 10 หรื อ
จุด GanShu (BL 18) โท่ว DanShu (BL 19) ให้ ปักตรงลึก 0.3 ชุ่นแล้ วเอียงเข็มปั กเลียดไปถึง
อีกจุดหนึง่ กระตุ้นจนได้ ชี่ ให้ คาเข็มไว้ ปิดทับด้ วยพลาสเตอร์ ทิ ้งไว้ 2 – 3 วันแล้ วถอนเข็มออก
(หมายเหตุผ้ เู รี ยบเรี ยง: ไม่แนะนําให้ คาเข็มไว้ เนื่องจากอาจมีอนั ตรายที่รุนแรงได้ )
4) เลือกจุดกดเจ็บ (reacting tender points) บริเวณหลังด้ านขวาโดยให้ ผ้ ปู ่ วยอยูใ่ น
ท่านัง่ ทําท่ากอดแขนทังสองข้
้ างเพื่อกางกระดูกสะบักออกไป คลํากดจุดเจ็บในบริ เวณระหว่าง
ด้ านขวาของกระดูกสันหลัง และขอบด้ านในของกระดูกสะบัก ด้ วยอุ้งนิ ้วด้ านในของนิ ้วหัวแม่
มือขวา มักพบจุดกดเจ็บบริ เวณตรงกลางหรื อข้ างล่างของขอบกระดูกสะบัก ให้ ปักเข็มเป็ นมุม
เอียงราว 30 องศากับผิวหนังกระตุ้นแบบระบาย ด้ วยการยกเข็มขึ ้นลงและหมุนเร็วแรง ใช้
เวลา 5 – 10 นาที จึงถอนเข็มออก ตามด้ วยการครอบกระปุกอีก 10 – 15 นาที หากมีไข้ ให้
เพิ่มจุด DaZhui (GV 14) และ QuChi (LI 11) ปั กเข็มคาไว้ 15 - 30 นาที กระตุ้นทุก 5นาที
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 195

แต่หากไข้ สงู อาจคาเข็มไว้ นาน 1 ชัว่ โมง กระตุ้นทุก 10 – 20 นาที หากมีอาการปวดเสียดชาย


โครงเพิ่มจุด YangLingQuan (GB 34) หากปวดจุกแน่นท้ อง และอาเจียนเพิม่ ZhongWan
(CV 12) และ ZuSanLi (ST 36) โดยทัว่ ไปหลังฝั งเข็มเสร็จในแต่ละครัง้ อาการต่าง ๆ จะดีขึ ้น
ใน 30 – 60 นาที รวมทังไข้ ้ ก็จะลดลงด้ วย ฝั งเข็ม 5 – 7 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา เว้ นไป 1- 2
วันเริ่มการรักษารอบใหม่ อาการโดยรวมจะดีขึ ้นหลังให้ การรักษา 2 รอบการรักษา และ 3 - 5
รอบการรักษาอาการต่าง ๆ จะหายไปได้ ในกรณีของถุงนํ ้าดีอกั เสบเรื อ้ รัง อาจมีอาการกลับ
เป็ นซํ ้าได้ การรักษาด้ วยการฝั งเข็มก็ยงั ให้ ผลดีเช่นเดิม
5) ใช้ การปั กจุดด้ านตรงข้ าม โดยเลือกจุด QiuXu (GB 40) โท่ว ZhaoHai (KI 6) ที่
เท้ าซ้ ายเมื่ออาการปวดอยูข่ ้ างขวาหรื อกลับกัน โดยใช้ เข็มสองชุ่นปั กที่จดุ QiuXu (GB 40)
แล้ วปั กโท่วไปที่จดุ ZhaoHai (KI 6) ที่อยูต่ ํ่าลงไปราวหนึง่ ชุ่น เมื่อรู้สกึ ได้ ชี่หรื อรู้สกึ เสียวแปล็บ
บริเวณจุดปั กเข็มแสดงถึงผลการรักษาที่จะได้ จากการฝั งเข็มตามมา ใช้ เมื่อมีอาการปวดใน
ทรวงอกหรื อด้ านข้ างของทรวงอก
6) ปั กจุด DanShu (B L19) ทัง้ สองข้ าง โดยใช้ เข็ม 1.5 ชุ่น ปั กลึก 1 ชุ่น ปั กเอียงเข้ า
หาแนวกระดูกสันหลังในท่าที่ผ้ ปู ่ วยนอนควํ่าอยู่ กระตุ้นแบบระบายจนได้ ชี่ แล้ วกระตุ้นต่อ
ด้ วยเครื่ องกระตุ้นไฟฟ้านาน 40 นาที ด้ วยคลื่น continuous แรงเท่าที่ผ้ ปู ่ วยจะทนได้
7) การใช้ เข็มนํา้ เลือกจุด QiMen (LV 14) ข้ างขวาและ ZuSanLi (ST 36) ข้ างขวา
โดยใช้ 0.5% Novocain ปริ มาณ 2.5 ซีซีตอ่ จุดฉีดทังสองจุ ้ ด ทําการรักษาวันละ 1 – 2 ครัง้
8) การกดนวดจุด เลือกจุด GanShu (BL 18) และ DanShu (BL 19) โดยใช้
นิ ้วหัวแม่มือกดที่จดุ ทังสอง
้ นาน 5 – 10 นาที วันละ 1 หรื อ 2 ครัง้

หมายเหตุ: การฝั งเข็มได้ ผลเป็ นที่นา่ พอใจพอสมควร ในการขับนิ่วจากถุงนํ ้าดี โดยใช้


การรักษา 1 – 4 รอบการรักษา และหากขนาดของก้ อนนิ่วน้ อยกว่า 8 มิลลิเมตร จะได้ ผลน่า
พอใจมากขึ ้น แต่หากขนาดของก้ อนนิ่วมากกว่า 12 มิลลิเมตรการขับนิ่วจะยากมาก นิ่วที่มี
องค์ประกอบของนํ ้าดีและไขมัน (bile pigment calculus and bile pigment cholesterol)
196 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

จะพบได้ ถึง 2 ใน 3 ของนิ่วที่หลุดออกมาจากการรักษาด้ วยการฝั งเข็ม แนะนําให้ ตรวจหา


ก้ อนนิ่วในอุจจาระเพื่อพิจารณาผลของการรักษา

รู ปที่ 33 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคนิ่วในถุงนํา้ ดี และถุงนํา้ ดีอักเสบ


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 197

พยาธิไส้ เดือนในทางเดินนํา้ ดี
(Biliary Ascariasis : 胆道回虫症 )

พยาธิไส้ เดือน เป็ นพยาธิที่พบได้ บอ่ ย และมีประชากรนับพันล้ านคนที่เป็ นโรคพยาธิ


ไส้ เดือน อาการของการมีพยาธิมีได้ หลากหลาย อย่างไรก็ตามอาการที่เป็ นอันตรายที่สดุ จาก
การเป็ นโรคพยาธิไส้ เดือน ก็คือ ภาวะพยาธิไส้ เดือนไชถุงนํ ้าดีหรื อตับอ่อน ถึงแม้ วา่ โรคนี ้จะ
พบได้ น้อยมากในประเทศที่พฒ ั นาแล้ วก็ตาม แต่แพทย์ก็อาจพบผู้ป่วยด้ วยภาวะพยาธิไส้
เดือนไชถุงนํ ้าดีหรื อตับอ่อนได้ เช่นกัน

อาการและอาการแสดง
ในภาวะพยาธิไส้ เดือนไชถุงนํ ้าดี สามารถแบ่งกลุม่ ผู้ป่วยออกเป็ นสองกลุม่ ใหญ่คือ
กลุม่ ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด และกลุม่ ที่มีภาวะแทรกซ้ อนร่วมด้ วย
กลุม่ ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด จะมีอาการเหมือนกับภาวะถุงนํ ้าดีอกั เสบชนิดที่ไม่มี
นิ่วในถุงนํ ้าดี มีไข้ ตํ่า ๆ ปวดท้ องและกดเจ็บ มีกล้ ามเนื ้อแข็งเกร็งบริ เวณช่องท้ องด้ านขวาบน
คลําได้ ถงุ นํ ้าดีโต ตัวตาเหลือง แต่ไม่มีภาวะตับโต กลุม่ ที่มีภาวะแทรกซ้ อน อาการที่พบได้
บ่อย คือ ทางเดินนํ ้าดีอกั เสบ จะมีไข้ สงู ปวดท้ องและกดเจ็บบริเวณช่องท้ องด้ านขวาบน ตับ
โตและกดเจ็บ มีระดับของ bilirubin, alkaline phosphatase และ ALTs สูงขึ ้น อาจมีหนอง
ในทางเดินนํ ้าดีซงึ่ ผู้ป่วยอาจมาด้ วยอาการช็อคหมดสติ

การตรวจวินิจฉัย
การตรวจภาพรังสี และการตรวจด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ เป็ นการตรวจมาตรฐานที่
ได้ ผลดีในการวินิจฉัย ส่วนการตรวจด้ วย CT scan, endoscopy และ endoscopic
retrograde cholangiography เป็ นการตรวจวินิจฉัยเพื่อยืนยันตัวพยาธิไส้ เดือน
ภาพจากเครื่ องอัลตร้ าซาวด์ จะเห็นลักษณะเป็ นท่อตามยาวหรื อวงกลมตัดขวางที่มี
ช่องว่างภายใน โดยไม่มีเงาทึบในท่อนํ ้าดีร่วม แสดงถึงพยาธิไส้ เดือนในท่อนํ ้าดี หากดูด้วย
198 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ภาพเคลื่อนไหวอาจพบการเคลื่อนไหวของพยาธิไส้ เดือนในท่อนํ ้าดีได้

การรักษา
หลังวินิจฉัยได้ แล้ ว ให้ การรักษาตามอาการ เช่น ให้ สารนํ ้า ให้ ยาลดการหดเกร็งของ
กล้ ามเนื ้อเรี ยบ โดยทัว่ ไปพยาธิจะหลุดออกมาเข้ าในลําไส้ เล็กได้ เองประมาณร้ อยละ 98 เมื่อ
ตรวจซํ ้าไม่พบพยาธิในท่อนํ ้าดี จึงให้ ยาฆ่าพยาธิ ซึง่ ยังไม่ให้ เมื่อพยาธิยงั ค้ างอยูใ่ นท่อนํ ้าดี
การรักษาได้ ผลดีมาก กรณีที่ไม่มีภาวะแทรกซ้ อนอื่นใด อัตราการเสียชีวิตน้ อยกว่าร้ อยละ 1
หากพยาธิไม่หลุดออกมา หรื อพยาธิไชเข้ าไปในถุงนํ ้าดีจนหมดทังตั ้ ว จะใช้ การรักษา
ด้ วย endoscopic sphincterotomy เพื่อนําพยาธิออกมาจากถุงนํ ้าดีตอ่ ไป
ภาวะพยาธิไส้ เดือนไชถุงนํ ้าดี ถึงแม้ จะพบได้ ไม่บอ่ ย แต่ก็ต้องคํานึงถึงอยูเ่ สมอเมื่อ
ผู้ป่วยมีอาการของถุงนํ ้าดีอกั เสบ หรื ออาการปวดที่สมั พันธ์กบั ถุงนํ ้าดี และเด็กที่มีไข้ ตัวตา
เหลืองและปวดท้ องมาก ให้ นกึ ถึงภาวะพยาธิไส้ เดือนไชถุงนํ ้าดีไว้ เสมอ
ศาสตร์ การแพทย์จีน จัดภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดีอยูใ่ นกลุม่ YouJue (绕厥:
colic cause by ascaris) ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี ถือเป็ นภาวะที่เป็ นปั ญหาของ
ช่องท้ องที่สาํ คัญอีกปั ญหาหนึง่ อาการประกอบด้ วย ปวดท้ องกะทันหันบริเวณท้ องขวา
ด้ านบนเป็ น ๆ หาย ๆ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรื อดูซีดเซียว แขนขาเย็น

การรักษา
ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี มักจะวินิจฉัยว่าเป็ นอาการชี่ตดิ ขัด ในขณะที่เกิด
ภาวะนี ้ขึ ้น จุดบนเส้ นลมปราณกระเพาะอาหาร ถุงนํ ้าดี และตับใช้ เป็ นจุดรักษาภาวะนี ้
สาเหตุ : ชี่ตดิ ขัด (Qi Obstruction)
อาการ: มีอาการปวดท้ องกะทันหันบริเวณท้ องขวาด้ านบนเป็ น ๆ หาย ๆ มีอาการ
คลื่นไส้ อาเจียน หรื อดูซีดเซียว แขนขาเย็น
ลิน้ สีมว่ ง ; ชีพจรตึง หรื อตึงแน่น (XianMai or JinMai)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 199

หลักการรักษา: ทําให้ พยาธิสงบลง (calm the ascaris) เสริ มกระตุ้นหน้ าที่ของถุง


นํ ้าดี ลดอาการเกร็ ง (spasm) และลดปวด
จุดหลัก:- ระบาย BuRong (ST 19), YangLingQuan (GB 34), ShangWan (CV 13),
TaiChong (LR 3), NeiGuan (PC 6)
- บํารุงระบายเท่ากัน QiMen (LR 14)
อธิบาย: กระตุ้นเข็มด้ วยการยกขึ ้นปั กลงและหมุนกระตุ้น จนอาการปวดทุเลาลง
สามารถกระตุ้นได้ มากกว่าสองครัง้ ต่อวัน ขึ ้นกับอาการของผู้ป่วย, BuRong (ST 19) เป็ นจุด
ที่อยูต่ รงตําแหน่งของโรคเช่นเดียวกับ QiMen (LR 14) ซึง่ เป็ นจุดมูข่ องตับด้ วย ใช้ เพื่อเสริม
การไหลเวียนของชี่ตบั และถุงนํ ้าดี และลดอาการปวด, YangLingQuan (GB 34) เสริมการ
เดินชี่ของถุงนํ ้าดี หยุดปวด, ShangWan (CV 13) และ NeiGuan (PC 6) ควบคุมกระเพาะ
ไม่ให้ อาเจียน, TaiChong (LR 3) คู่ NeiGuan (PC 6) เสริ มการไหลเวียนของชี่ลดอาการปวด
จุดเสริม: ท้ องผูกและอืดแน่น – ระบาย TianShu (ST 25) และ ZhiGou (TE 6)

การรักษาด้ วยวิธีอ่ นื เพิ่มเติม


1. ปั กโท่ วจากจุด YingXiang (LI 20) ไปจุด SiBai (ST 2)
ขอบเขตการใช้ : ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี
จุดที่ใช้ : YingXiang (LI 20), SiBai (ST 2)
การกระตุ้น: ใช้ เข็ม 1.5 ชุ่น ปั กที่จดุ YingXiang (LI 20) ลึก 0.5 เซ็นติเมตร กระตุ้นให้
ได้ ชี่ แล้ วเอียงเข็มลงในแนวราบปลายเข็มชี ้ไปที่จดุ SiBai (ST 2) เดินเข็มให้ ถงึ ตําแหน่งจุด
SiBai (ST 2) แล้ วกระตุ้นให้ ได้ ชี่ แล้ วคาเข็มไว้ กระตุ้นทุก 5 – 10 นาที จนกระทัง่ อาการปวด
ทุเลาลงจึงถอนเข็มออก
2. เลือกจุดพิเศษ JinLing
ขอบเขตการใช้ : ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี
จุดที่ใช้ : JinLing จุดอยูด่ ้ านหลังมือบริ เวณช่องระหว่างนิ ้วนางและนิ ้วก้ อยโดยจะเป็ น
จุดกึ่งกลางของเส้ นที่ลากจากเส้ นขวางข้ อมือกับเส้ นเชื่อมหัวกระดูกนิ ้วที่ 4 และ 5
200 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การกระตุ้น: ใช้ เข็ม 1 ชุ่น ปั กจุด JinLing ลึก 0.3 – 0.5 ชุ่น กระตุ้นด้ วยการหมุนเข็ม
ยกเข็มขึ ้นลง ให้ ได้ ความรู้สกึ ตึงชาวิง่ ไปที่ปลายนิ ้ว หากอาการปวดยังไม่ลดลงให้ คาเข็มไว้ 10
นาที แล้ วกระตุ้นซํ ้า โดยทัว่ ไป อาการปวดจะดีขึ ้นใน 10 นาที หลังกระตุ้นจนได้ ชี่ในครัง้ แรก
3. กระตุ้นด้ วยนิว้ ที่จุด DanNang (EX-LE 6)
ขอบเขตการใช้ : ภาวะพยาธิตวั กลมในทางเดินนํ ้าดี
จุดที่ใช้ : DanNang (EX-LE 6) จุดอยูต่ ําแหน่งหน้ าแข้ งบนด้ านนอกเฉียงไปด้ านหน้ า
และล่างต่อหัวกระดูก Fibula 2 ชุ่น
การกระตุ้น: ให้ กดจุด DanNang (EX-LE 6) ทังสองข้ ้ าง ด้ วยนิ ้วหัวแม่มือสองข้ างด้ วย
ความแรงนานประมาณ 3 นาที หลังจากนันให้ ้ นวดคลึงที่จดุ ทังสอง
้ จนกระทัง่ อาการปวด
หายไป
4. ปั กจุดแบบโท่ ว
จุดที่ใช้ : GaoHuangShu (BL 43) ปั กโท่ว GeShu (BL 17) ข้ างขวา
วิธีการ: ใช้ เข็มเบอร์ 32 ขนาดมาตรฐานปั กใต้ ชนผิ ั ้ วหนังจากจุด GaoHuangShu (BL
43) ปั กโท่วไปจุด GeShu (BL 17) แล้ วกระตุ้นด้ วยการหมุนเข็มนาน 3 นาที คาเข็มไว้ 1
ชัว่ โมง เป็ นการเลือกจุดใกล้ เพื่อใช้ รักษา ดังคํากล่าวที่วา่ “จุดด้ านหลังใช้ รักษาโรคด้ านหน้ า”
5. ปั กจุดมู่
จุดที่ใช้ : JuQue (CV 14) และ TianShu (ST 25) ด้ านขวา
วิธีการ: ปั กจุดทังสอง
้ กระตุ้นเข็มตามปกติ คาเข็มไว้ 60 นาที
6. ปั กจุดที่สัมพันธ์ กับตําแหน่ งโรค
จุดที่ใช้ : เลือกจุด JiaJi ที่ตาํ แหน่งกระดูกสันหลังส่วนอกข้ อที่ 7 หรื อเลือกจุด ZhiYang
(GV 9) เป็ นจุดหลัก และเลือกจุด DanShu (BL 19), PiShu (BL 20) และ WeiCang (BL 50)
ของข้ างขวาเป็ นจุดรอง
วิธีการ: ปั กตังฉากที
้ ่จดุ JiaJi ลงไปถึงชันใต้
้ ผิวหนังแล้ วเอียงเข็มเป็ นมุมประมาณ 65
องศาปั กลงไปอีกประมาณ 1 ชุ่น เข้ าหากระดูกสันหลัง ให้ ปลายเข็มถึงเยื่อหุ้มกระดูก กระตุ้น
แบบระบาย แต่ใช้ มมุ เข็มแคบแค่เพียงให้ ผ้ ปู ่ วยรู้สกึ สบายและผ่อนคลายในช่องทรวงอกและ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 201

ช่องท้ อง กระตุ้นเข็มทุก 5 นาที คาเข็มไว้ 20 – 30 นาที ส่วนจุดรองให้ ฝังเข็มและกระตุ้นเข็ม


แบบปกติ
7. ปั กที่จุด HuiJueXue
จุดที่ใช้ : HuiJueXue ตําแหน่งอยูท่ ี่ร่องบุม๋ ของผิวหนังใต้ ตําแหน่งปลายกระดูกของ
กระดูกสันหลังส่วนอกข้ อที่ 8
วิธีการ: ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนควํ่า ใช้ เข็มยาว 2.5 ชุ่น ปั กเฉียงขึ ้นเข้ าไปในช่องว่างระหว่าง
กระดูกสันหลังใต้ ตําแหน่งปลายกระดูกของกระดูกสันหลังส่วนอกข้ อที่ 8 ลึก 1.5 – 2 ชุ่น
กระตุ้นเข็มทุก 5 นาที คาเข็มไว้ 15 – 30 นาที
8. ปั กที่จุดสะท้ อนของโรคพยาธิตวั กลมในถุงนํา้ ดี
จุดที่ใช้ : เป็ นจุดกดเจ็บอยูท่ ี่ตําแหน่งตํา่ กว่าจุด ZuSanLi (ST 36) ทังสองข้
้ าง
วิธีการ: ใช้ เข็มเบอร์ 28 – 30 ยาว 3.5 – 4 ชุ่น ปั กที่จดุ นี ้ เมื่อกระตุ้นจนได้ ชี่แล้ ว ให้ ปัก
ลึกลงไปอีกประมาณ 3 ชุ่น แล้ วจะรู้สกึ ได้ ชี่อีกครัง้ ให้ ได้ ชี่ ปั กจุดอีกข้ างหนึง่ ด้ วยวิธีการ
เดียวกัน กระตุ้นเข็มทังสองเล่ ้ มพร้ อมกันแบบระบาย ด้ วยการหมุนเข็มยกเข็มขึ ้นลง กระตุ้น
จนอาการปวดทุเลาลงหรื อหายไป กระตุ้นซํ ้าอีก 2 ครัง้ ระหว่างคาเข็มไว้ 30 นาที
9. ปั กด้ วยเข็ม 7 ชุ่น
จุดที่ใช้ : JiuWei (CV 15)
วิธีการ: ใช้ เข็มเบอร์ 28 ยาว 5 – 7 ชุ่นปั กที่จดุ JiuWei (CV 15) เอียงขนานใต้ ผิวหนัง
ปลายเข็มชี ้ไปที่จดุ ShenQue (CV 8) เดินเข็มช้ า ๆ เมื่อถึงจุด ShuiFen (CV 9) ให้ กระตุ้นเข็ม
ด้ วยการหมุนเข็มยกเข็มขึ ้นลง จนกระทัง่ อาการปวดทุเลาลง คาเข็มไว้ 10 – 20 นาที
โดยทัว่ ไปใช้ การรักษา 1 รอบการรักษาก็สามารถรักษาอาการปวดให้ หายได้ [หมายเหตุผ้ ู
เรี ยบรี ยง: หากไม่มนั่ ใจหรื อไม่เชี่ยวชาญการใช้ เข็ม ไม่แนะนําให้ ทํา สิง่ ที่นํามากล่าวไว้ เป็ น
เพียงความรู้ที่ถกู บันทึกไว้ ให้ ทราบว่ามีวิธีการรักษาเช่นนี ้เท่านัน]้
ความคิดเห็น : การรักษาด้ วยการฝั งเข็มและรมยาได้ ผลดี ในภาวะพยาธิตวั กลมใน
ทางเดินนํ ้าดีและไม่ก่อให้ เกิดผลข้ างเคียงแต่อย่างใด โดยทัว่ ไปสามารถใช้ การฝั งเข็มและรม
202 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ยาเป็ นการรักษาเบื ้องต้ นในภาวะที่มีอาการอย่างเฉียบพลัน อย่างไรก็ตามหลังอาการปวด


ทุเลาลงควรต้ องรักษาสาเหตุโดยตรงเพื่อให้ เกิดผลดีตอ่ ผู้ป่วยต่อไป

รู ปที่ 34 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคพยาธิไส้ เดือนในทางเดินนํา้ ดี


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 203

ลําไส้ อุดตันเฉียบพลัน
( Acute Intestinal Obstruction : 急性肠梗阻)

ภาวะลําไส้ อดุ ตันอย่างเฉียบพลัน จะมีอาการท้ องอืดแน่น อาเจียน ปวดท้ องอย่าง


เฉียบพลัน เป็ นภาวะที่มีการกีดขวางทางเดินอาหาร ซึง่ มีหลายสาเหตุ

สาเหตุของลําไส้ อุดตัน
1. ลําไส้ ไม่ ทาํ งาน
- ยาบางชนิด เช่นยาแก้ ปวดประเภทมอร์ ฟีน
- การติดเชื ้อในช่องท้ อง
- เลือดไม่สามารถไปเลี ้ยงลําไส้ ได้ เพียงพอ
- ภาวะแทรกซ้ อนจากการผ่าตัดในช่องท้ อง
- โรคไตบางชนิด
- โพแทสเซียมในเลือดตํ่า
การที่ลาํ ไส้ ไม่ทํางานก็จะนําไปสูภ่ าวะแทรกซ้ อนอื่น ๆ อีก ได้ แก่ อาการเหลือง และมี
เกลือแร่ในเลือดที่ผิดปกติ ในเด็กแรกเกิดมักสัมพันธ์กบั โรคที่มีการติดเชื ้อในลําไส้ แล้ วทําให้
ลําไส้ ตายที่เรี ยกว่า NEC (Necrotizing enterocolitis) ซึง่ เป็ นภาวะที่อาจเป็ นอันตรายถึง
ชีวิต และนําไปสูก่ ารติดเชื ้อในกระแสเลือดตามมา ในเด็กโตและผู้ใหญ่ การที่มีลําไส้ ไม่ทํา
งาน มักสัมพันธ์กบั โรคลําไส้ อกั เสบ การอักเสบในช่องท้ อง และไส้ ตงิ่ แตก อาการ ของลําไส้ ไม่
ทํางาน ได้ แก่ ท้ องอืด และปวดท้ อง
2. การอุดตันในลําไส้
มักเกิดขึ ้นจากการมีสงิ่ กีดขวางทางเดินอาหาร และทําให้ เกิดการอุดตันของลําไส้
ตามมา ได้ แก่ สาเหตุดงั ต่อไปนี ้
- ไส้ เลื่อน
204 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- ภาวะแทรกซ้ อนจากการผ่าตัดในช่องท้ อง
- อุจจาระแข็งมากจนอุดกันทางเดิ
้ นอาหาร
- นิ่ว
- มะเร็ งหรื อเนื ้องอกในลําไส้
- ลําไส้ กลืนกัน หรื อบิดพันกัน
- การรับประทานสิง่ แปลกปลอมเข้ าไปอุดกันทางเดิ ้ นอาหาร
- ถ้ าสิง่ กีดขวางมีผลทําให้ เลือดที่ไปเลี ้ยงลําไส้ ลดลง ลําไส้ อาจตายได้ และทําให้ เกิด
การติดเชื ้อตามมา

อาการและอาการแสดง
- อืด แน่นท้ อง มักมีอาการท้ องอืด มากหรือน้ อยแล้ วแต่ระดับการอุดตันของลําไส้
- ท้ องโตขึ ้น
- ปวดท้ อง ลักษณะอาการปวดท้ องมักปวดเป็ นพัก ๆ คือมีช่วงเวลาที่ปวดมากและ
ช่วงเวลาที่คลายปวด
- อาเจียน ลักษณะของอาเจียน อาจเป็ นอาหารปนกับนํ ้าดี หรื ออาหารที่มีกลิน่ ของ
อุจจาระ แล้ วแต่ระดับ
- การอุดตันของลําไส้
- ไม่ถ่ายอุจจาระ ถ้ าการอุดตันเป็ นเพียงบางส่วน อาจมีอจุ จาระผ่านออกมาได้ บ้าง แต่
ถ้ าการอุดตันสมบูรณ์ ผู้ป่วยจะไม่มีอจุ จาระออกมาเลย ไม่ผายลมด้ วย

การตรวจวินิจฉัย
โดยการฟั งเสียงลําไส้ ถ้ าไม่มีเสียงการทํางานของลําไส้ หรื อห่างกันนานเกินไปก็อาจ
เป็ นสัญญาณที่บง่ บอกถึงความผิดปกติ
การตรวจร่างกายรวมทังการตรวจทางทวารหนั
้ ก
การเจาะเลือด ตรวจนับเม็ดเลือดขาวและเกลือแร่
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 205

การตรวจทางรังสี
- การเอกซเรย์ช่องท้ อง
- การทดสอบโดยการกลืนสารทึบรังสีแล้ วถ่ายเอกซเรย์
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
การรักษา
1. ให้ นํ ้าเกลือเข้ าทางหลอดเลือดดํา เพื่อทดแทนนํ ้า และเกลือแร่
2. ใส่สายยางขนาดเล็กทางจมูกลงไปในกระเพาะอาหาร เพื่อดูดลมและเศษอาหาร
3. ใส่สายสวนปั สสาวะ ดูอตั ราการไหลของปั สสาวะ บ่งถึงการทดแทนนํ ้าที่เพียงพอ
4. งดอาหารทางปาก
ในผู้ป่วยที่มีลาํ ไส้ อดุ ตันบางส่วน การให้ การรักษาดังข้ างต้ นอาจพอเพียง แต่ในผู้ป่วยที่
อาการไม่ดีขึ ้น หรื อมีการอุดตันลําไส้ แบบสมบูรณ์ ผู้ป่วยต้ องได้ รับการผ่าตัดทันที หลังจากที่
ได้ รับการเตรี ยมร่างกายพร้ อมแล้ ว
โดยสรุป ความรุนแรงของภาวะลําไส้ อดุ ตัน ขึ ้นอยูก่ บั สาเหตุที่ก่อให้ เกิดโรค ถ้ าผู้ป่วย
มาพบแพทย์ และได้ รับการรักษาทันท่วงที จะลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้ อนที่รุนแรงลงได้
ภาวะแทรกซ้ อนของลําไส้ อุดตัน
- การติดเชื ้อ
- ลําไส้ ตาย
- มีการฉีกขาดหรื อลําไส้ ทะลุ
การป้องกัน
หากมีสาเหตุ ให้ รักษาสาเหตุก่อน (เช่น ไส้ เลื่อน หรือเนื ้องอกในลําไส้ ) เพื่อลดความ
เสี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม สาเหตุบางอย่างก็ไม่สามารถป้องกันได้
ศาสตร์ การแพทย์แผนจีน จัดว่ามีสาเหตุจากการอุดกันการไหลเวี
้ ยนของชี่และเลือด
ความร้ อนและความเย็นคัง่ ค้ าง การสะสมตกค้ างของอาหาร หรื อพยาธิในลําไส้ ซึง่ ก่อให้ เกิด
206 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การอุดตันของทางเดินอาหารตามมา

การรั กษา
หลักการรักษา: ขจัดการอุดกัน้ ปรับสมดุลกระเพาะ หยุดอาเจียน และเสริ มการไหล
เวียนของชี่ในทางเดินอาหาร โดยเลือกจุดหลักบนเส้ นลมปราณเท้ าหยางหมิงเป็ นหลัก
จุดที่ใช้ :
- ระบาย ShangJuXu (ST 37), XiaJuXu (ST 39), TianShu (ST 25), DaChangShu
(BL 25), NeiGuan (PC 6), ZuSanLi (ST 36), FuJie (SP 14), DaHeng (SP15)
- บํารุงระบายเท่ากัน GuanYuan (CV 4)
อธิบาย : แบ่งการรักษาเป็ น 3 รูปแบบ ดังนี ้
1. เลือกจุด TianShu (ST 25), DaChangShu (BL 25), ZuSanLi (ST 36), FuJie (SP
14), DaHeng (SP 15) เป็ นการเลือกจุดซู-มูเ่ พื่อใช้ รักษา กระตุ้นเข็มแบบระบาย กระตุ้นซํ ้าได้
วันละสองครัง้ หรื อมากกว่าขึ ้นกับอาการของผู้ป่วย
2. เลือกจุด ShangJuXu (ST 37), XiaJuXu (ST 39) และ ZuSanLi (ST 36) เป็ นการ
เลือกจุดเหอล่างและจุดบนล่างในแนวเดียวกันของเส้ นลมปราณ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ
รักษา และกระตุ้นการทํางานของอวัยวะให้ ดีขึ ้น กระตุ้นเข็มแบบระบาย
3. เลือกจุด DaHeng (SP 15) ปั กเข็มลึก 4 ชุ่น กระตุ้นเข็มแรงแบบระบาย ไม่คาเข็ม
กระตุ้นวันละ 2 ครัง้ โดยทัว่ ไป อาการจะดีขึ ้นภายใน 24 – 48 ชัว่ โมง หลังฝั งเข็ม

การรักษาเพิ่มเติม
1. การรมยา
เลือกจุด ShenQue (CV 8) รมโดยใช้ ขิงคัน่ ครัง้ ละ 15 – 20 นาที วันละ 3 ครัง้

2. กระตุ้นจุดบนล่ าง
เลือกจุด TianShu (ST 25) และ ZuSanLi (ST 36) โดยปั กและกระตุ้นที่จดุ ZuSanLi
(ST 36) ก่อนเพื่อลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน อันเนื่องมาจากชี่ของกระเพาะอาหารวิ่งย้ อนขึ ้น
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 207

บน คาเข็มไว้ 10 นาที และปั กเข็มที่จดุ TianShu (ST 25) ใช้ เครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า กระตุ้นเข็ม
โดยติดขัวลบที
้ ่ TianShu (ST 25) และติดขัวบวกที
้ ่จดุ ZuSanLi (ST 36) ใช้ คลื่น dense-
disperse นาน 30 นาที
3. ฝั งเข็มหู
จุดที่ใช้ : Ear-ShenMen, Large Intestine, Stomach, Small Intestine, Abdomen
การกระตุ้น: เมื่อเกิดอาการปวดเกร็งในท้ องให้ ปักและกระตุ้นแรง คาเข็มไว้ 30 – 60
นาที กระตุ้นทุก 10 นาที จนกว่าอาการปวดเกร็งจะหายไป ในหนึง่ วันสามารถปั กได้ ทกุ 4 – 6
ชัว่ โมง
4. การใช้ เข็มนํา้
จุดที่ใช้ : ZuSanLi (ST 36) ทังสองข้
้ าง
วิธีการ: ใช้ Neostigmine ปริมาณ 0.25 mg ต่อจุดฉีดทังสองจุ้ ด วิธีนี ้ใช้ สําหรับภาวะ
ลําไส้ อดุ ตันชนิดไม่เคลื่อนไหว (paralytic intestinal obstruction)

หมายเหตุ :
1. การฝั งเข็มและรมยาได้ ผลดีในการรักษาโรค แต่หากอาการไม่ดีขึ ้นภายใน 6 - 24
ชัว่ โมง ควรพิจารณาส่งแผนกศัลยกรรมต่อไป
2. การฝั งเข็มรมยา ได้ ผลดีในการลดอาการปวด จากภาวะลําไส้ อดุ ตันจากการเคลือ่ น
ไหวที่ผิดปกติ (dynamic obstruction) และผลที่ได้ ก็คงอยูน่ าน ส่วนภาวะลําไส้ อดุ ตันจาก
การอุดตันภายใน (mechanical obstruction) ก็สามารถลดอาการปวดได้ ดีเช่นกัน แต่ผลคง
อยูไ่ ด้ ไม่นาน
208 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 35 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคลําไส้ อุดตันเฉียบพลัน


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 209

ไส้ ต่ งิ อักเสบเฉียบพลัน
( Acute Appendicitis : 急性阑尾炎)
ภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการปวดบริเวณลิ ้นปี่ หรื อรอบสะดือในระยะแรก
ต่อมาอาการปวดจะเลื่อนลงมาบริ เวณท้ องน้ อยส่วนล่างด้ านขวา อาการปวดจะเพิ่มขึ ้น
เรื่ อย ๆ ปวดมากเมื่อกด อาจมีการเกร็งของกล้ ามเนื ้อหน้ าท้ องบริเวณที่ปวดได้ มักนอนงอขา
เหยียดขาขวาตรงไม่ได้ อาจมีไข้ ร่วมด้ วย กลัวหนาว
ไส้ ตงิ่ อักเสบ เป็ นโรคที่เกิดกับไส้ ตงิ่ เป็ นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบ
ทุกรายต้ องได้ รับการผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออก หากไม่ได้ รับการรักษาแล้ วจะมีอตั ราการเสียชีวิตสูง
การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากภาวะเยื่อบุช่องท้ องอักเสบและภาวะช็อค
โรคไส้ ตงิ่ อักเสบ ได้ รับการอธิบายเป็ นครัง้ แรกโดย Reginald Fitz ในปี พ.ศ. 2429
ปั จจุบนั ได้ รับการยอมรับว่าเป็ นหนึง่ ในสาเหตุของอาการปวดท้ องรุนแรงเฉียบพลัน ที่พบ
บ่อยที่สดุ ทัว่ โลก
ไส้ ตงิ่ เป็ นส่วนขยายของลําไส้ ใหญ่สว่ นต้ น มีรูปร่างเรี ยวหยาวคล้ ายหนอน ทําให้ มีคํา
เรี ยกในภาษาอังกฤษว่า vermiform appendix (ติง่ รูปหนอน) ความยาวโดยเฉลี่ย 8 - 10
เซนติเมตร (มีขนาดได้ ตงแต่ ั ้ 2 - 20 เซนติเมตร) เจริญขึ ้นในเดือนที่ห้าของการตังครรภ์ ้ และมี
เนื ้อเยื่อนํ ้าเหลือง (lymphoid follicle) ทัว่ ชันเยื ้ ่อเมือก เนื ้อเยื่อนํ ้าเหลืองเหล่านี ้จะมีจํานวน
มากขึ ้นและขยายขนาดเมื่อมีอายุ 8 - 20 ปี
จากหลักฐานในปั จจุบนั เชื่อกันว่า โรคไส้ ตงิ่ อักเสบเป็ นผลที่เกิดจากการมีการอุดตัน
ของไส้ ตงิ่ เมื่อเกิดมีการอุดตันเกิดขึ ้นแล้ ว ส่วนที่อดุ ตันนี ้จะมีการคัง่ ของมูกมาอัดแน่นและ
บวมขึ ้น มีความดันภายในส่วนที่อดุ ตันนี ้และตัวผนังไส้ ตงิ่ เองสูงขึ ้น เกิดลิม่ เลือดอุดตันใน
หลอดเลือดขนาดเล็ก ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและนํ ้าเหลือง หากอาการดําเนินมาถึง
ระดับนี ้แล้ วพบว่าการกลับหายเป็ นปกติได้ เองพบได้ น้อย เมื่ออาการดําเนินต่อไปไส้ ตงิ่ จะขาด
เลือดและตายเฉพาะส่วนไป ต่อมาแบคทีเรี ยที่มีอยูแ่ ล้ วในลําไส้ จะผ่านผนังไส้ ตงิ่ ที่ตายแล้ วนี ้
210 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ออกมา เกิดหนองขึ ้นรอบ ๆ ไส้ ตงิ่ จนสุดท้ ายแล้ วไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบมากนี ้จะแตกออกทําให้ เกิด
เยื่อบุช่องท้ องอักเสบ ซึง่ อาจทําให้ เกิดภาวะเลือดเป็ นพิษและเสียชีวิตได้
ในบรรดาสาเหตุตา่ ง ๆ ของการอุดตันของไส้ ตงิ่ เช่น การมีวตั ถุแปลกปลอม การมี
บาดแผล พยาธิ สาเหตุที่ได้ รับความสนใจมากสาเหตุหนึง่ คือการมีนิ่วอุจจาระไปอุดตัน พบว่า
มีความชุกของการพบนิ่วอุจจาระ ในผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบในประเทศพัฒนาแล้ วมากกว่าใน
ประเทศกําลังพัฒนา และการมีนิ่วอุจจาระอุดตันในไส้ ตงิ่ มักพบว่ามีความสัมพันธ์กบั ไส้ ตงิ่
อักเสบรุนแรง นอกจากนี ้ภาวะท้ องผูกก็อาจมีสว่ นด้ วย ดังที่พบว่าผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบมีจํานวน
ครัง้ การถ่ายอุจจาระต่อสัปดาห์น้อยกว่ากลุม่ ควบคุมปกติอย่างมีนยั สําคัญ การเกิดมีนิ่ว
อุจจาระในไส้ ตงิ่ สัมพันธ์กบั การที่มีที่เก็บอุจจาระคัง่ ในลําไส้ ใหญ่สว่ นขึ ้นและการมีชว่ งเวลาใน
การบีบไล่อจุ จาระนาน จากข้ อมูลทางระบาดวิทยาพบว่าในกลุม่ ประชากรที่ไม่เป็ นโรคไส้ ตงิ่
อักเสบ ไม่พบผู้ป่วยโรคกระเปาะลําไส้ หรื อติง่ เนื ้อเลย และพบผู้ป่วยมะเร็ งลําไส้ ใหญ่น้อยมาก
นอกจากนี ้ยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งลําไส้ ใหญ่และมะเร็ งไส้ ตรงมักเป็ นโรคไส้ ตงิ่ อักเสบนํามาก่อน
ด้ วย มีหลายการศึกษาพบว่าการกินอาหารที่มีกากใยตํ่า มีสว่ นในการทําให้ เกิดโรคไส้ ตงิ่
อักเสบ ซึง่ ตรงกันกับข้ อมูลที่วา่ การกินอาหารที่มีกากใยตํ่าทําให้ มีช่วงเวลาในการบีบไล่
อุจจาระนานขึ ้น

อาการและอาการแสดง
อาการของไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลันนันอาจแบ่
้ งได้ เป็ นสองชนิด คือ ชนิดตรงไปตรงมา
และชนิดไม่ตรงไปตรงมา ประวัตขิ องผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลัน ชนิดตรงไปตรงมานัน้ จะ
เริ่ มจากมีอาการปวดบริเวณรอบสะดือ ก่อนที่จะย้ ายไปปวดบริเวณหน้ าท้ องด้ านล่างขวา
ลักษณะนี ้เกิดจากการที่อาการปวดในช่วงแรกเกิดจากเส้ นประสาทอวัยวะภายในที่รับความ
รู้สกึ จากไส้ ตงิ่ นัน้ แบ่งแยกตําแหน่งความเจ็บปวดได้ ไม่ชดั เจน เท่าอาการปวดในช่วงหลังที่
เกิดจากอักเสบลุกลามไปยังเยื่อบุช่องท้ องซึง่ มีเส้ นประสาทโซมาติกที่สามารถระบุตาํ แหน่ง
อาการปวดได้ ชดั เจนกว่า อาการปวดท้ องมักมีร่วมกับอาการเบื่ออาหารและมีไข้ อย่างไรก็ดี
ไข้ ไม่ใช่อาการที่จําเป็ นต้ องมีเสมอไป อาจมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน รู้สกึ ง่วงซึม และรู้สกึ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 211

ไม่สบาย ด้ วยอาการแบบตรงไปตรงมานี ้ การวินิจฉัยสามารถทําได้ ง่าย ผู้ป่วยมักได้ รับการ


ผ่าตัดรวดเร็ วและผลออกมาดีไม่มีรุนแรง
อาการที่ไม่ตรงไปตรงมานันอาจเริ ้ ่มจากมีอาการปวดเริ่มที่หน้ าท้ องด้ านล่างขวาตังแต่

ต้ น ท้ องเสีย และมีการดําเนินโรคที่ยาวนานค่อยเป็ นค่อยไป หากไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบสัมผัสกับ
กระเพาะปั สสาวะอาจทําให้ มีอาการปั สสาวะบ่อย หากไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบอยูด่ ้ านหลังลําไส้ เล็ก
ตอนปลายอาจมีอาการคลื่นไส้ รุนแรงได้ บางรายอาจรู้สกึ ปวดเบ่ง
โรคไส้ ตงิ่ อักเสบเรื อ้ รังต่างจากโรคไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลัน อาการอาจแตกต่างได้ มากใน
ผู้ป่วยแต่ละคน ดังมีคาํ กล่าวว่า "ไม่มีลกั ษณะเฉพาะหรื อการตรวจทัว่ ไปใด ๆ ที่จะใช้ วินิจฉัย
ไส้ ตงิ่ อักเสบเรื อ้ รังเป็ นซํ ้าได้ จะต้ องวินิจฉัยโดยการคัดโรคอื่นออกเท่านัน..."

อาการและอาการแสดง
ผลจากการมีไส้ ตงิ่ อักเสบจะทําให้ ผนังช่องท้ องอ่อนไหวต่อการสัมผัสเบาๆ มากขึ ้น มี
อาการกดปล่อยแล้ วเจ็บ (rebound tenderness) ในกรณีที่ไส้ ตงิ่ ของผู้ป่วยอยูต่ ําแหน่งหลัง
ลําไส้ ใหญ่อาจทําให้ ไม่มีอาการเจ็บจากการตรวจทางหน้ าท้ องได้ เพราะลําไส้ ใหญ่ที่เต็มไป
ด้ วยอากาศจะกันไม่ให้ แรงกดไปสัมผัสโดนไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบ ในกรณีเดียวกัน ถ้ าไส้ ตงิ่ อยูต่ ํ่าลง
มาภายในอุ้งเชิงกรานก็จะตรวจไม่พบอาการเจ็บหน้ าท้ องหรื อหน้ าท้ องแข็งเช่นกัน ในกรณี
เช่นนี ้การตรวจทางทวารหนักจะตรวจพบอาการเจ็บใน rectovesical pouch ได้ การกระทํา
ใดๆ ที่เพิ่มแรงดันในช่องท้ อง เช่น การไอ จะทําให้ มีอาการเจ็บที่ตําแหน่ง McBurney's point
และเป็ นวิธีตรวจหาตําแหน่งของไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบที่เจ็บน้ อยที่สดุ ถ้ าตรวจหน้ าท้ องแล้ วพบว่า
หน้ าท้ องแข็งอย่างมากโดยที่ผ้ ปู ่ วยไม่ได้ ตงใจเกร็
ั้ งหน้ าท้ องแล้ วเป็ นไปได้ มากว่าจะมีภาวะเยื่อ
บุช่องท้ องอักเสบแล้ ว ซึง่ ต้ องได้ รับการผ่าตัดโดยด่วน
- Rovsing's sign
การกดตรวจลึกบริเวณ iliac fossa ทางด้ านซ้ ายอาจทําให้ มีอาการเจ็บบริเวณ iliac
fossa ทางด้ านขวา นี่เป็ นลักษณะของ Rovsing's sign หรื อ Rovsing's symptom ใช้ วินิจฉัย
ไส้ ตงิ่ อักเสบเฉียบพลันได้
212 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- Psoas sign
บางครัง้ ไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบอาจมีตําแหน่งอยูบ่ นกล้ ามเนื ้อ psoas จะทําให้ ผ้ ปู ่ วยนอนงอ
สะโพกขวาเพื่อคลายความเจ็บปวดที่ปวดมาก
- Obturator sign
ถ้ าไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบอยูต่ ดิ กับกล้ ามเนื ้อ obturator internus จะตรวจพบการเกร็ งของ
กล้ ามเนื ้อโดยงอและหมุนข้ อสะโพกเข้ าด้ านใน การกระทําเช่นนี ้จะทําให้ ผ้ ปู ่ วยมีอาการเจ็บที่
บริ เวณท้ องน้ อย

การรักษา
- การผ่ าตัดเอาไส้ ต่งิ อักเสบออก
ไส้ ตงิ่ อักเสบรักษาโดยการผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออก ในช่วงแรกผู้ป่วยจะได้ รับการเตรี ยมการ
ผ่าตัดโดยให้ สารนํ ้าทางหลอดเลือดดําเพื่อป้องกันไม่ให้ ร่างกายขาดนํ ้าในขณะที่งดนํ ้าและงด
อาหาร อาจมีการให้ ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดําเพื่อช่วยฆ่าเชื ้อแบคทีเรี ยและลดการแพร่
กระจายของการติดเชื ้อในช่องท้ อง รวมถึงลดภาวะแทรกซ้ อนหลังการผ่าตัดด้ วย ถ้ าผู้ป่วย
ท้ องว่างอาจใช้ การผ่าตัดโดยการวางยาสลบ หรื อไม่เช่นนันอาจใช้ ้ การทําให้ ชาโดยฉีดยาเข้ า
ช่องนํ ้าไขสันหลัง
การผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออกในปั จจุบนั นิยมใช้ การผ่าตัดโดยการใช้ กล้ องส่องตรวจผ่านทาง
ช่องท้ อง ส่วนในประเทศไทยยังนิยมใช้ การผ่าตัดโดยการเปิ ดช่องท้ องบริ เวณ McBurney's
point ตรงตําแหน่งที่เป็ นไส้ ตงิ่ วิธีการกรี ดแผลที่เป็ นที่นิยมที่สดุ คือการผ่าโดยใช้ แนว gridion
(แนวเฉียง) หรื อแนวนอน มีรายงานการผ่าตัดเอาไส้ ตงิ่ ออกในผู้ป่วยสตรี โดยการใช้ กล้ องส่อง
ตรวจผ่านทางช่องคลอดในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551

การพยากรณ์ โรค
ผลการรักษาไส้ ตงิ่ อักเสบไม่วา่ จะมีภาวะแทรกซ้ อนเกิดขึ ้นหรื อไม่ก็ตามส่วนใหญ่
ได้ ผลดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับสูภ่ าวะปกติในเวลาไม่นานหลังการผ่าตัด และหลังจาก
นันสามารถใช้
้ ชีวิตได้ ตามปกติ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 213

พยากรณ์โรคโดยทัว่ ไปดีมาก อัตราการตายโดยรวมน้ อยกว่า 1% ภาวะเป็ นโรคส่วน


ใหญ่ ขึ ้นอยูก่ บั ว่าไส้ ตงิ่ นันอั
้ กเสบเฉียบพลันมากหรื อไม่ หรื อมีการแตกของไส้ ตงิ่ ที่อกั เสบ
หรื อไม่ ภาวะแทรกซ้ อนที่พบบ่อยที่สดุ คือการติดเชื ้อของแผลผ่าตัด พบในผู้ป่วยไส้ ตงิ่ แตก
ประมาณ 1-5%
สาเหตุทางศาสตร์ การแพทย์แผนจีนเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม
รับประทานมากเกินไปหรื อดื่มเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มนั และเย็นซึง่ จะ
ก่อให้ เกิดการบาดเจ็บต่อกระเพาะอาหารและลําไส้ ทําให้ มีการสะสมคัง่ ค้ างของเสมหะและ
ความร้ อนในช่องท้ องส่วนล่าง หรื อมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงหลังรับประทานอาหารทําให้
การทํางานของลําไส้ ผิดปกติไป เกิดการไหลเวียนของเลือดและชี่ตดิ ขัด ในที่สดุ จะเกิดการ
อักเสบตามมาจากความร้ อนที่หมุนเวียนอยูใ่ นช่องท้ องส่วนล่าง และการไหลเวียนที่ตดิ ขัด
ของเลือด ชี่ และเสมหะ

การรั กษา
หลักการรักษา: ปรับการไหลเวียนชี่ของอวัยวะกลวง ขจัดความร้ อนที่ตกค้ าง เลือกจุด
หลักจากเส้ นลมปราณหยางหมิงมือและเท้ า
- การรั กษาด้ วยการฝั งเข็ม
1. ปั กจุดคู่
เลือกจุด ZuSanLi (ST 36) และ ShangJuXu (ST 37) หรื อ LanWei (EX-LE 7) ปั กจุด
และกระตุ้นแบบระบายทังสองจุ้ ด คาเข็มไว้ 1 ชัว่ โมง กระตุ้นเข็มทุก 10 นาที ฝั งเข็มวันละ 2 –
3 ครัง้ จนอาการปวดท้ องเมื่อกดหายไป หากมีไข้ ให้ เพิม่ จุด QuChi (LI 11) หากท้ องอืดแน่น
ให้ เพิ่มจุด DaChangShu (BL 25) และ CiLiao (BL 32) [กรณีศกึ ษา ผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบ
590 รายรักษาด้ วยวิธีดงั กล่าว พบว่า รักษาหาย 356 ราย, อาการดีขึ ้น 162 ราย, ไม่เปลี่ยน
แปลง 72 ราย]
2. ปั กจุดพิเศษ XiSiXue ทังสองข้
้ าง และ DaHeng (SP 15) ทังสองข้ ้ าง ปั กเข็มตัง้
ฉากที่จดุ XiSiXue (Extra point ตําแหน่ง 4 ชุ่นเหนือขอบบน นอกของกระดูกสะบ้ าของเข่าที่
214 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

งออยู)่ กระตุ้นแรงให้ ได้ ชี่และได้ ความรู้สกึ แผ่ ออกไปถึงขาหนีบไปจนถึงท้ องน้ อย ส่วน


จุด DaHeng(SP 15) ให้ ปักเฉียงลงไป หาขาหนีบกระตุ้นให้ ได้ ชี่และได้ ความรู้สกึ แผ่
กระจายไปถึงขาหนีบเช่นกัน เมื่อ กระตุ้นจุดทังสองข้ ้ างให้ ได้ ความรู้สกึ แผ่กระจายเข้ าหากัน
อาการปวดแน่นใน ท้ องก็จะทุเลาลง คาเข็มไว้ 30 นาที กระตุ้นทุก 10 นาที
3. ปั กที่จุดสะท้ อนของลําไส้ เล็ก: จุดจะอยูต่ ําแหน่งระหว่างโหนกแก้ ม (zygoma)
และปี กจมูกทังสองข้
้ าง สามารถปั กได้ สองวิธีคือ วิธีแรกปั กแบบเฉียง โดยปั ก เข็มที่
ตําแหน่ง 1/3 ด้ านในระหว่างปี กจมูกและโหนกแก้ มให้ เป็ นมุมประมาณ 25 องศากับแนว
ร่องขอบจมูก ลึก 0.2 – 0.3 ชุ่นกระตุ้นแบบผิงปู่ ผิงเซีย่ ให้ ได้ ชี่ ส่วนวิธีที่สองให้ ปักตรงตัง้
ฉากที่จดุ เดียวกันลึก 0.1 ชุ่นกระตุ้นให้ ได้ ชี่ แล้ วใช้ สําลี สเตอไรซ์ปิดทับเข็มทิ ้งไว้ 12 ชัว่ โมง
(บางรายอาจนาน 12 – 24 ชัว่ โมง) ทําวันละครัง้ อาการจะทุเลาลงและดีขึ ้น
4. เลือกจุด ZuSanLi (ST 36) เสริมด้ วยจุด QuChi (LI11) และNeiTing (ST 44)
ปั กเข็มกระตุ้นให้ ได้ ชี่ แล้ วกระตุ้นเข็มแรง คาเข็มไว้ 1 ชัว่ โมง ทําการรักษาวันละ 2 –
3 ครัง้ และลดลงเหลือวันละ 1 – 2 ครัง้ เมื่ออาการดีขึ ้น หากอาการไม่ดีขึ ้น หรื อทรุดหนักลง
ให้ รักษาด้ วยการผ่าตัดต่อไป
5. การรมยา
5.1 รมยาที่จดุ QiHai (CV 6) โดยใช้ โกฐแท่งรมยานาน 30 นาที วันละครัง้ ในผู้ป่วย
ที่มีอาการมากอาจรักษาต่อเนื่อง 2 – 3 วัน โดยทัว่ ไปไข้ จะลดลงและหายไปหลังการรักษาได้
2 หรื อ 3 ครัง้ [กรณีศกึ ษา ผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบรวม 40 รายรักษาด้ วยวิธีนี ้ หายดี 38 ราย ไม่
ได้ ผล 2 ราย]
5.2 รมยาที่จดุ DaDun (LR 1) ทังสองข้ ้ างและจุดกดเจ็บ(McBurney’s point) โดยใช้
โกฐจุฬาปั น้ เป็ นรูปโคนขนาดเท่าเมล็ดข้ าวสาลีวางที่จดุ DaDun(LR 1) ทังสองข้ ้ าง รมยาจน
รู้สกึ แสบร้ อนก็เปลี่ยนโกฐใหม่ ทําซํ ้าจนเห็นผิวหนังแดงจึงหยุด ระวังอย่าให้ เกิดตุม่ นํ ้าพุพอง
ปกติจะใช้ โกฐประมาณ 5 ก้ อนต่อข้ าง ส่วนที่จดุ McBurney’s point ให้ ใช้ โกฐแท่งรมแบบ
รวดเร็วรอบจุดนาน 20 – 30 นาทีทําไปทีละจุดจนผิวหนังแดงได้ ความรู้สกึ ร้ อนผ่านผิวหนังลง
ไปถึงกล้ ามเนื ้อด้ านล่าง ให้ ระวังอย่าให้ เกิดตุม่ นํ ้าพุพองเช่นกัน โดยทัว่ ไปทําวันละ 1 – 2 ครัง้
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 215

5.3 รมยาที่จดุ ZhouJian (EX-UE 1) ทังสองข้


้ าง โดยรมยาเป็ นวงรอบจุดทังสองข้ ้ าง
นาน 20 – 30 นาที วิธีนี ้ปรากฏอยูใ่ นหนังสือ “รมยาในกรณีฉกุ เฉิน” (Moxibustion for
Emergency) ซึง่ บันทึกไว้ วา่ “ซุน ซือเหมี่ยว Sun SiMiao กล่าวว่า การอักเสบของลําไส้ รักษา
ด้ วยการรมยาแบบรวดเร็ วที่จดุ ZhouJian(EX-UE 1) โดยใช้ โกฐขนาดเท่าเมล็ดถัว่ เขียว
จํานวน 100 ก้ อนเพื่อให้ เกิดการถ่ายเป็ นเลือดและหนอง”
บันทึกเพิ่มเติม : ภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบเป็ นภาวะที่เกิดจากความร้ อนแกร่งจากภายใน
ทําไมจึงใช้ การรมยารักษาได้ ในมุมมองของผู้แต่งตํารามองว่าไส้ ตงิ่ อักเสบสาเหตุหลักคือ
ภาวะการไหลเวียนที่ตดิ ขัดของเลือดที่สะสมกันนาน การรักษาคือการขจัดก้ อนที่ตดิ ขัดด้ วย
วิธีการอุน่ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเพื่อลดการคัง่ การรมยาก่อให้ เกิดความอุน่ ที่
สามารถขจัดการคัง่ ติดขัดได้ และเสริ มการไหลเวียนของเลือดและชี่ เพิ่มความแข็งแรงของ
เว่ยชี่เพื่อต่อต้ านเสียชี่
6. การเจาะปล่ อยเลือดและการครอบกระปุก
จุดที่ใช้ มี 3 กลุม่ จุดคือ 1- DaZhui(CV 14) และ PiShu(BL 20), 2- ShenZhu (GV 12)
และ DaChangShu(BL 25), 3- GuanYuan(CV 4) QiHai(CV 6) TianShu(ST 25) และ Ah-
Shi point โดยในแต่ละครัง้ ของการรักษาให้ ใช้ ครัง้ ละหนึง่ กลุม่ จุดและวันหนึง่ ให้ ทําการรักษา
1 – 3 ครัง้ เริ่ มจากใช้ เข็มสามเหลี่ยมปั กทีละจุดนาน 3 วินาทีเพื่อปล่อยเลือดและครอบ
กระปุกต่อให้ เลือดออกนาน 10 นาทีตอ่ จุด
7. การฝั งเข็มใบหู
จุดที่ใช้ : จุดกดเจ็บที่ตําแหน่งลําไส้ ใหญ่หรื อลําไส้ เล็กบนใบหูและจุด LanWei (EX-LE
7) ปั กเข็มและกระตุ้นแรงแบบระบายที่จดุ ทังสองหลั้ งจากได้ ชี่แล้ วคาเข็มไว้ 1 – 2 ชัว่ โมง ทํา
การรักษาวันละ 1 – 4 ครัง้ โดยทัว่ ไปเมื่อกระตุ้นเข็มแล้ วอาการปวดที่ท้องน้ อยด้ านขวาจะ
หายไปหรื อลดลงอย่างมากแต่ต้องใช้ เวลาในการรักษา 2 – 3 วันต่อเนื่องเพื่อให้ อาการปวด
ท้ องเมื่อกดและปวดเมื่อปล่อยหายไป [กรณีศกึ ษา ผู้ป่วยไส้ ตงิ่ อักเสบจํานาน 25 รายรักษา
ด้ วยวิธีนี ้ หายได้ 21 ราย ดีขึ ้นมาก 3 ราย ไม่ได้ ผล 1 ราย]
216 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

8. การฝั งเข็มและกระตุ้นด้ วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า


จุดที่ใช้ LanWei (EX-LE 7) ทังสองข้
้ าง เสริมด้ วยจุด TianShu (ST 25) ข้ างขวาและจุด
ZuSanLi (ST 36) ข้ างขวา โดยการปั กเข็มที่จดุ LanWei (EX-LE 7) ลึก 1 ชุ่นกระตุ้นเข็มด้ วย
เทคนิคที่เรี ยกว่า นกกระจอกจิก (sparrow-pecking) แล้ วคาเข็มไว้ กระตุ้นต่อด้ วย
เครื่ องกระตุ้นไฟฟ้าทุกจุดแรงเท่าที่ผ้ ปู ่ วยทนได้ นาน 30 นาที ทําวันละ 3 ครัง้ หากอาการไม่ดี
ขึ ้นให้ ปักจุดที่เหลือเพิม่ เติม
9. การรั กษาด้ วยลําแสงเลเซอร์
จุดที่ใช้ LanWei (EX-LE 7) ทังสองข้ ้ างและที่ตาํ แหน่ง McBurney’s point ใช้
เครื่ องเลเซอร์ He-Ne ใช้ กําลัง 3 – 5 mw ฉายที่ตําแหน่ง McBurney’s point นาน 10 นาที
และที่จดุ LanWei(EX-LE 7) ข้ างละ 5 นาที โดยมีระยะห่าง 30 – 60 ซม.จากผิวหนัง ทําการ
รักษาวันละ 2 ครัง้ เหมาะสําหรับผู้ที่กลัวการฝั งเข็ม เด็ก และผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ

หมายเหตุ
1. การฝั งเข็มและรมยาเหมาะสําหรับภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบชนิดเฉียบพลันที่เป็ นระยะแรก
และอาการไม่รุนแรง และถือเป็ นการรักษาเสริ มและประคับประคองสําหรับภาวะไส้ ตงิ่ อักเสบ
ชนิดอื่น หากมีแนวโน้ มว่าไส้ ตงิ่ อักเสบรุนแรงและอาจแตกได้ ควรรักษาด้ วยการผ่าตัดต่อไป
2. การฝั งเข็มและรมยา สามารถเพิ่มฤทธิ์การต้ านการอักเสบในระดับเซลล์
(anti-inflammation) เพิ่มความสามารถในการกําจัดสิง่ แปลกปลอมของเม็ดเลือดขาวได้
(phagocytosis) เพิ่มการเคลื่อนไหวของไส้ ตงิ่ ลดการหลัง่ สารในช่องไส้ ตงิ่ และเพิ่มการ
ไหลเวียนของเลือดได้ จึงเปรี ยบเช่นมีฤทธิ์ต้านการอักเสบนัน่ เอง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 217

รู ปที่ 36 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคไส้ ต่ งิ อักเสบเฉียบพลัน


218 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

นิ่วในไต
(Renal Colic and Stone : 肾结石)
ปวดจากนิ่วในไตเป็ นภาวะที่ก่อให้ เกิดการบาดเจ็บทังในบริ
้ เวณที่เป็ นนิ่ว เกิดภาวะ
ขาดเลือด และก่อให้ เกิดการติดเชื ้อในระบบทางเดินปั สสาวะตามมา นิ่วคือก้ อนหินปูนหรื อ
ผลึกเกลือแร่ซงึ่ เกิดในระบบทางเดินนํ ้าปั สสาวะ ระบบทางเดินนํ ้าปั สสาวะจะประกอบด้ วยไต
และนํ ้าปั สสาวะจากไต จะไหลผ่านหลอดไตเข้ าสูก่ ระเพาะปั สสาวะ หลังจากนันผู ้ ้ ป่วยก็จะขับ
ปั สสาวะ ออกมาผ่านทางท่อปั สสาวะ สําหรับนิ่วที่เกิดขึ ้นในระบบทางเดินปั สสาวะ จะเกิดขึ ้น
ที่ไตก่อน แล้ วอาจจะหลุดมาติดอยูใ่ นหลอดไตหรื อหลุดมาอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะ ของนิ่วมี
หลายอย่าง เช่น แคลเซียม ออกซาเลต กรดยูริค

สาเหตุของการเกิดนิ่วในทางเดินปั สสาวะ
สาเหตุของการที่ทําให้ เกิดมีการรวมตัวกันของผลึกของเกลือแร่หรื อ หินปูนเป็ น ก้ อน
นิ่วยังไม่ทราบแน่นอน แต่จะมีเหตุบางอย่างซึง่ จะช่วยส่งเสริมทําให้ มีนิ่วเกิดขึ ้นได้ ง่าย เช่น
ภาวะที่มีการคัง่ ของนํ ้าปั สสาวะอยูใ่ นกระเพาะปั สสาวะ ในผู้ป่วยชายซึง่ เป็ นโรคต่อมลูก
หมากโต ปั สสาวะที่ค้างในกระเพาะปั สสาวะก็จะเป็ นสาเหตุให้ เกิดมีนิ่วเกิดขึ ้น หรือในผู้ป่วย
บางประเภท ซึง่ นํ ้าปั สสาวะมีความเข้ มข้ นของเกลือแร่มาก เช่น ดื่มนํ ้าน้ อยกว่าปกติ หรื อ
รับประทานอาหารบางประเภท ซึง่ มีเกลือแร่ขบั ออก มาทางนํ ้า ปั สสาวะมาก เช่น พวกเครื่ อง
ในสัตว์หรื อพวกผักสด หน่อไม้ เป็ นต้ น เหล่านี ้จะเป็ นสาเหตุให้ เกิดนิ่วในทางเดินปั สสาวะได้
การรับประทานอาหารพวกเครื่ องในสัตว์มาก หรื อ ประเภทเนื ้อ พบว่ามีการขับเกลือแร่ชนิด
หนึง่ คือ กรดยูริคแอซิค ออกมาในนํ ้าปั สสาวะมากอาจก่อให้ เกิดนิ่วได้ หรื อในกลุม่ ที่
รับประทานผักสด หรื อหน่อไม้ มากๆ ก็จะมีโอกาสทําให้ เกิดนิ่ว ชนิดออกซาเลตได้ ฉะนัน้
ผู้ป่วยที่เคยเป็ นนิ่วชนิดนี ้มาก่อนก็จะมีโอกาสเป็ นนิ่วชนิดนี ้ได้ อีกบ่อย ๆ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 219

จากสถิตทิ วั่ ๆ ไป พบว่านิ่วเป็ นมากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า แต่ที่นา่


สังเกตก็คือ เด็กผู้ชายในภาคอีสานเป็ นนิ่วในกระเพาะปั สสาวะมาก จากการวิจยั พบว่าเด็ก
ขาดธาตุอาหารโดยเฉพาะโปรตีนบางชนิด และมักชอบรับประทานผักบางชนิด ซึง่ มีโอกาสทํา
ให้ เกิดนิ่วชนิดหนึง่ ในกระเพาะปั สสาวะ

อาการและการแสดง
อาการของผู้ป่วยเป็ นโรคนิ่วในระบบทางเดินปั สสาวะขึ ้นอยูก่ บั ว่า เป็ นนิ่วที่ตาํ แหน่ง
ใด ถ้ าเป็ นนิ่วที่ไตหรื อหลอดไต ผู้ป่วยจะมีอาการปวด เอวข้ างที่มีนิ่ว หรื อปั สสาวะบ่อย ขุ่น
หรื อมีเลือด ส่วนผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วที่กระเพาะปั สสาวะมักมีอาการถ่ายปั สสาวะลําบาก ปั สสาวะ
บ่อย หรื อปั สสาวะไม่ออกก็ได้ หากผู้ป่วยมีนิ่วที่ไตทัง้ 2 ข้ างแล้ วไต ไม่ทํางานทัง้ 2 ข้ าง อาจมี
ผลทําให้ ผ้ ปู ่ วยมีความเสี่ยงจากไตวาย

การตรวจ
ผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็ นโรคนิ่ว ควรจะมาพบแพทย์ เพื่อทําการซักประวัติ ตรวจร่างกาย
และตรวจนํ ้าปั สสาวะ ซึง่ อาจจะพบว่ามีเม็ดเลือดแดงหรื อเม็ดเลือดขาว ในนํ ้า ปั สสาวะ และ
อาจต้ องส่งผู้ป่วยไปเอกซเรย์บริเวณไตและกระเพาะปั สสาวะ ซึง่ จะบอกได้ วา่ ผู้ป่วยมีนิ่วใน
ระบบทางเดินปั สสาวะหรื อไม่

การรักษา
การรักษาโรคนิ่วในระบบทางเดินปั สสาวะปั จจุบนั มีการรักษาอยู่ 2 วิธีคือ
1. รักษาโดยไม่ ใช้ การผ่ าตัด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วในหลอดไต ที่ขนาดเล็กมากๆ
จะหลุดได้ เองมาอยูท่ ี่กระเพาะปั สสาวะ แพทย์จะแนะนําให้ ดื่มนํ ้ามาก ๆ อย่างน้ อยวันละ 10-
15 แก้ วต่อวัน ถ้ ามีอาการปวดก็จะให้ ยาแก้ ปวด
2. รักษาโดยการผ่ าตัด จะใช้ วธิ ีนี ้ก็ตอ่ เมื่อ นิ่วนันทํ
้ าให้ เกิดมีการเสียการทํางาน ของ
ไต หรื อทําให้ ผ้ ปู ่ วยปั สสาวะไม่ออก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วที่กระเพาะปั สสาวะ
220 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

วิธีป้องกัน

สําหรับการป้องกันผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วไม่ให้ เป็ นใหม่นนั ้ ไม่มีวธิ ีป้องกันที่ได้ ผลสมบูรณ์


แต่มีวิธีป้องกันที่จะให้ เกิดเป็ นนิ่วใหม่ได้ ยากโดยแนะนําผู้ป่วยดังนี ้

1.แนะนําให้ ผ้ ปู ่ วยดื่มนํ ้ามาก ๆ อย่างน้ อยวันละ 10-15 แก้ ว


2. ให้ ผ้ ปู ่ วยรักษาอาการติดเชื ้อของระบบทางเดินปั สสาวะ ซึง่ จะเป็ นสาเหตุ ให้ เกิด
นิ่วได้ งา่ ย
3. ผู้ป่วยที่เป็ นนิ่วควรจะได้ ทราบจากแพทย์วา่ เป็ นนิ่วชนิดใด โดยการเอานิ่วไป ตรวจ
และรับคําแนะนําจากแพทย์วา่ ควรหลีกเลีย่ งการรับประทานอาหารประเภทใด ซึง่ จะเป็ นเหตุ
ทําให้ เกิดนิ่วชนิดนัน้ ๆ การกลันปั ้ สสาวะนานจะทําให้ เกิดการอักเสบของกระเพาะปั สสาวะ
โดยเฉพาะในผู้หญิง การกลันปั ้ สสาวะนาน ๆ ประมาณ 6 - 8 ช.ม. ไม่ทําให้ เกิดเป็ นนิ่วใน
กระเพาะปั สสาวะ แต่การคัง่ ของนํ ้าปั สสาวะในกระเพาะปั สสาวะ ในผู้ป่วยที่ปัสสาวะไม่หมด
นัน้ ต้ องใช้ เวลานานเป็ นเดือนถึงจะมีนิ่วเกิดขึ ้นได้

ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปั สสาวะ จะต้ องระวังการเกิดเป็ นนิ่วใหม่ โดยรักษาต้ นเหตุที่


ทําให้ เกิดมีการคัง่ ของนํ ้าปั สสาวะ เช่น ผู้ป่วยที่เป็ นต่อมลูกหมากโต ควรจะต้ องรักษาเรื่ อง
ต่อมลูกหมากโต เป็ นต้ น

ศาสตร์ การแพทย์แผนจีนพบว่า มีสาเหตุจากการรับประทานอาหารที่มีรสจัด หรื อ


ร้ อน หรื อมัน มากเกินไป หรื อดื่มสุรามากเกินไป ก่อให้ เกิดความร้ อนชื ้นไหลลงสูไ่ ตและ
กระเพาะปั สสาวะ หรื อเกิดจากสุขอนามัยที่ไม่ดีของทางเดินปั สสาวะก่อให้ เกิดการสะสมของ
เชื ้อก่อโรคทําให้ เกิดความร้ อนชื ้นสะสมในระบบทางเดินปั สสาวะ หากมีการสะสมของความ
ร้ อนชื ้นเหล่านี ้นานจะแปรเปลี่ยนเป็ นทรายและก่อเกิดก้ อนนิ่วขึ ้นมาได้ ทงในไตและกระเพาะ
ั้
ปั สสาวะ เกิดการขัดขวางการไหลของปั สสาวะและหน้ าที่การขับปั สสาวะตามปกติรวมถึง
ขัดขวางการไหลเวียนของชี่ด้วย
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 221

อาการจะประกอบด้ วยการปวดแบบเฉียบพลันเสมือนถูกมีดบาดในบริ เวณช่วงเอว


หรื อท้ องน้ อยและมีปัสสาวะเป็ นเลือด อาการปวดอาจอยูน่ านราว 2 – 3 นาที แล้ วหายไป
ปวดเป็ น ๆ หาย ๆ หรื ออาจปวดนานเป็ นชัว่ โมงหรื อกว่านันก็้ ได้ มักจะปวดตังแต่
้ บริ เวณเอว
ช่วงไตร้ าวลงมาท้ องน้ อยฝั่ งเดียวกันลงไปจนถึงท่อปั สสาวะหรื ออวัยวะเพศภายนอกได้ หรื อ
บางรายอาจเลยไปจนถึงต้ นขาด้ านในก็ได้ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้ วยหรื ออาจถึงขัน้
เป็ นลมหมดสติได้

หลักการรักษา : ขจัดความร้ อนชื ้น บรรเทาอาการปวด และปรับการทํางานของระบบ


ปั สสาวะ จุดที่เลือกใช้ เป็ นจุดที่อยูบ่ นส้ นลมปราณกระเพาะปั สสาวะ ไต และม้ าม
จุดที่เลือกใช้ : ปั กระบายที่จดุ Ah-Shi point, ShenShu(BL 23), JingMen (GB 25),
ZhiShi(BL 52), YangLingQuan(GB 34), GuanYuan (CV 4),
ZhongJi(CV 3), ShuiQuan(KI 5), JiaoXin(KI 8), YangJiao(GB 35),
KunLun(BL 60), FuJie(SP 14)
อธิบาย :
1. เลือกปั กจุดตามตําแหน่งของนิ่ว
นิ่วในไตจนถึงทางเดินปั สสาวะช่วงต้ น ให้ เลือกใช้ จดุ Ah-Shi point, ShenShu
(BL 23), JingMen (GB 25), ZhiShi (BL 52)
นิ่วในทางเดินปั สสาวะช่วงกลางลงไปเลือกใช้ จดุ YangLingQuan (GB 34)
นิ่วในกระเพาะปั สสาวะเลือกใช้ จดุ GuanYuan (CV 4) ปั กโท่ว ZhongJi (CV 3)

Ah-Shi Point หมายถึงจุดดังต่อไปนี ้


- จุดกดเจ็บ เป็ นจุดที่ได้ จากการคลําตําแหน่งต่างๆบริเวณหลังตังแต่
้ แนว
กระดูกสันหลังช่วงทรวงอกข้ อที่ 10 ลงไปจนถึงกระดูกสันหลังช่วงเอวข้ อ
ที่ 1 เมื่อนิ่วอยูใ่ นไตและส่วนของทางเดินปั สสาวะส่วนบน(upper part
of ureter)
222 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

- จุดตามแนวที่มีอาการปวดร้ าว อาจเริ่มตังแต่ ้ บริเวณช่วงเอวลงไปใน


ท้ องน้ อย หรื อไปถึงบริเวณต้ นขาด้ านใน ซึง่ หมายถึงนิ่วในทางเดิน
ปั สสาวะส่วนกลางลงมา ส่วนนิ่วในกระเพาะปั สสาวะมักปวดร้ าวไป
บริ เวณฝี เย็บ(perineum)
- จุดที่ตรงกับตําแหน่งของนิ่วที่ได้ จากการเอกซ์เรย์
การกระตุ้นเข็ม :
- ตําแหน่งที่อยูส่ งู กว่าแนวกระดูกสันหลังส่วนเอวข้ อที่สองขึ ้นไป ให้ ปัก
เฉียงเข้ าหากระดูกสันหลัง และกระตุ้นด้ วยการหมุนเข็ม
- ตําแหน่งตังแต่ ้ แนวกระดูกสันหลังส่วนเอวข้ อที่สองลงมา ให้ ปักตังฉาก ้
ตรง กระตุ้นด้ วยการหมุนเข็ม ยกเข็มขึ ้นลงได้
- จุดกดเจ็บที่บริเวณท้ องให้ ปักลงลึกใกล้ เยื่อหุ้มช้ องท้ อง(peritoneum)
กระตุ้นด้ วยการยกเข็มขึ ้นลงช้ าๆ หรื อใช้ วิธีการเกาเข็ม
- การปั กที่จดุ GuanYuan (CV 4) โท่วจุด ZhongJi (CV 3) ให้ ใช้ เข็มยาว
3 ชุ่นปั กตังฉากลงที
้ ่จดุ GuanYuan (CV 4) ลึก 1 - 2 ชุ่น เมื่อรู้สกึ ได้ ชี่
แล้ วให้ กระตุ้นด้ วยการยกเข็มขึ ้นลงสองครัง้ ให้ ได้ ชี่วงิ่ ลงไปถึงบริ เวณ
อวัยวะสืบพันธุ์ด้านนอกหรื อบริเวณฝี เย็บ แล้ วถอนเข็นขึ ้นมาให้ ปลาย
เข็มถึงตําแหน่งชันใต้้ ผิวหนังแล้ วปั กเฉียงลงลึกไปที่จดุ ZhongJi (CV 3)
กระตุ้นให้ ได้ ชี่รวมสองครัง้
- จุด YangLingQuan (GB 34) และ JingMen (GB 25) กระตุ้น
เข็มตามปกติ
- ขณะเกิดอาการปวด เมื่อเลือกจุดได้ แล้ วให้ กระตุ้นจุดไปจนอาการปวด
ทุเลาลงและหายไป คาเข็มไว้ หนึง่ ถึงสองชัว่ โมง กระตุ้นทุก 10 – 20
นาที ฝั งเข็มวันละครัง้ หากฝั งเข็มในช่วงที่ไม่มีอาการปวดให้ คาเข็มนาน
30 นาที 7 ครัง้ เป็ น 1 การรักษา
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 223

2. เลือกปั กจุดซี่
จุดหลัก ShuiQuan (KI 5), JiaoXin (KI 8) และ YangJiao (GB 35)
จุดเสริ ม ShenShu (BL 23), KunLun(BL 60), FuJie(SP 14),
GuanYuan (CV 4) และ Ah-Shi point
การกระตุ้นเข็ม :
- จุดหลักเป็ นจุดซี่ทงหมด
ั้ ShuiQuan(KI 5) เป็ นจุดซี่ของไต, JiaoXin
(KI 8) เป็ นจุดซี่ของเส้ นลมปราณอินเฉียว และ YangJiao (GB 35) เป็ นจุดซี่ของเส้ น
ลมปราณหยางเหว่ย ทุกจุดกระตุ้นแรง สําหรับจุด JiaoXin(KI 8) นันเมื ้ ่อกระตุ้นจุดอาจมี
ความรู้สกึ เหมือนกระแสไฟวิง่ ขึ ้นไปที่ตาํ แหน่งของไตหรื อรู้สกึ อุน่ ที่บริเวณเอวทังด้
้ านหน้ าและ
ด้ านล่างและอาจปวดหน่วงท้ องน้ อยร่วมกับปั สสาวะบ่อยมากขึ ้น การกระตุ้นจุดที่เหลือหาก
ร่างกายผู้ป่วยแข็งแรงก็สามารถกระตุ้นแรงได้ หากอ่อนแอให้ กระตุ้นแรงปานกลาง คาเข็มไว้
15 – 30 นาที กระตุ้นถี่หรื อห่างขึ ้นกับอาการของผู้ป่วย ในหนึง่ วันอาจปั กเข็มกระตุ้นได้ หลาย
ครัง้
3. เลือกจุดหยวน
เลือกใช้ จดุ TaiXi (KI 3)
ปั กจุด TaiXi (KI 3) พร้ อมกันทังสองข้
้ าง กระตุ้นแรงปานกลางจนได้ ความรู้สกึ ชา
กระจายลงไปที่เท้ า คาเข็มไว้ 30 – 90 นาที กระตุ้นเข็มถี่ห่างดูจากความรู้สกึ ชาที่เท้ าให้
กระตุ้นเมื่อชาน้ อยลงหรื อหายไป หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้ วยให้ ปักกระตุ้นจุด
NeiGuan(PC 6) ทังสองข้้ าง

การรักษาอื่น :
1. การรมยา
จุดที่ใช้ : GuanYuan(CV 4) และ DaDun(LR 1)
วิธีการ : เมื่อมีอาการปวดใช้ แท่งโกฐจุฬารมที่จดุ ทังสองเพื
้ ่อกระตุ้นการไหลเวียนใน
เส้ นลมปราณและลดอาการปวด สามารถรมยาได้ วนั ละหลายครัง้ ซึง่ วิธีการนี ้ได้ ผลดีดงั ที่
224 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปรากฏในตํารา Classic of Fundamentals of Acupuncture and Moxibustion ว่า “นิ่วใน


ไตรักษาด้ วยการรมยาที่ GuanYuan(CV 4) หรื อ QiMen(LR 14) หรื อ DaDun(LR 1) จํานวน
30 moxa cones”
2. กระตุ้นจุดด้ วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
จุดที่ใช้ : - นิ่วในไต ใช้ จดุ Ah-Shi ตรงตําแหน่งนิ่วที่ปวด และจุด ShenShu (BL23)
- นิ่วที่สว่ นบนของ ureter ใช้ จดุ ShenShu (BL 23) และ
PangGuangShu (BL 28) หรื อ GuanYuan (CV 4)
- นิ่วที่สว่ นกลางของ ureter ใช้ จดุ GuanYuand (CV 4) และ ShenShu
(BL 23) หรื อจุด Ah-Shi ที่ตําแหน่ง 1 ซม. เหนือตําแหน่งของนิ่ว แทนจุดShenShu(BL 23)
- นิ่วที่สว่ นปลายของ ureter ใช้ จดุ GuanYuan (CV 4) และจุด Ah-Shi หรื อ
จุด SanYinJiao (SP 6) แทนจุด Ah-Sh
วิธีการ : 30 นาทีก่อนการรักษาให้ ผ้ ปู ่ วยดื่มนํ ้าประมาณ 1 ลิตรหรื อมาก เท่าที่จะ
ดื่มได้ แล้ วจัดผู้ป่วยให้ อยูใ่ นท่านอนหงายหรือควํ่าขึ ้นกับจุดที่เลือก ฝั งเข็ม
ให้ ลกึ และให้ ได้ ชี่ที่แรงแล้ วให้ กระตุ้นจุดที่ฝังด้ วยเครื่ องกระตุ้นไฟฟ้า โดย
ให้ ขวลบอยู
ั้ ใ่ กล้ ไต ขัวบวกอยู
้ ่ ใกล้ กระเพาะปั สสาวะ ใช้ คลื่น dense-
disperse ด้ วยความแรงให้ มากเท่าที่ผ้ ปู ่ วยจะทนได้ ใช้ เวลารวม 30
นาที ฝั งเข็มวันละครัง้ ครบ 10 ครัง้ นับเป็ น 1 รอบการรักษา
ในขณะที่ทําการรักษาอยูผ่ ้ ปู ่ วยจะมีความรู้สกึ ถึงการไหลลงไปตาม
ท่อไต และไม่ควรมีความผิดปกติอื่นใด ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะปั สสาวะออก
ทันทีหลัง การรักษาและรู้สกึ ดีขึ ้นอย่างมาก ในขณะที่อาจมีนิ่วออกมากับ
ปั สสาวะด้ วย
3. ปั กจุดพิเศษ
จุดที่ใช้ : YaoTongDian(EX-UE 7)
วิธีการ : จุด YaoTongDian(EX-UE 7) ตําแหน่งของจุดจะอยูห่ ลังมือมีสองจุดต่อข้ าง
อยูร่ ะหว่างกระดูกฝ่ ามือที่ 1st – 2nd และ 3th – 4th กึ่งกลางระหว่างเส้ นที่เชื่อมข้ อต่อกระดูก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 225

ฝ่ ามือกับกระดูกนิ ้วมือและเส้ นรอยพับของข้ อมือด้ านหลัง เลือกจุดข้ างเดียวกับที่ปวดหลังใช้


เข็ม 1 ชุ่นปั กตังฉากลึ
้ ก 0.5 ชุ่น กระตุ้นแบบระบายจนรู้สกึ ได้ ชี่และอาการปวดลดลง คาเข็ม
ไว้ 20 นาที หากมีอาการปวดซํ ้าให้ กระตุ้นทุก 5 – 10 นาที
4. ปั กจุด TaiXi(KI 3)
วิธีการ : ปั กเข็มโดยให้ ผ้ ปู ่ วยนอนลง ปั กจุดทังสองข้
้ างใช้ เข็ม 1 ชุ่นปั กลึก 0.5 ชุ่น
ปลายเข็มชี ้ไปที่จดุ KunLun(BL60) กระตุ้นแรงแบบระบายให้ ได้ ความรู้สกึ แผ่กระจายไปทัว่
เท้ า คาเข็มไว้ 30 – 90 นาที
5. ฝั งเข็มที่หู
5.1 จุดที่ใช้ : Kidney, Urinary Bladder, Ureter, SanJiao, Ear-ShenMen,
External Genitalia
5.2 วิธีการ : ให้ ตดิ เม็ดหวังปู้หลิวสิงตามจุดและปิ ดพลาสเตอร์ ทบั ให้ ดื่มนํ ้า 250 –
500 ซีซี ทุกครัง้ ที่จะกระตุ้นจุดที่ใบหู ติดไว้ นา
น 3 วันแล้ วเปลี่ยนข้ าง ครบ 10 ครัง้ เป็ น
1 รอบการรักษาและควรออกกําลังกายร่วมด้ วยเพื่อเสริมให้ นิ่วออกได้ ง่ายขึ ้น
6. เจาะปล่ อยเลือด
6.1 จุดที่ใช้ ShenShu (BL 23) และ YaoYangGuang (GV 3) เสริ มด้ วย
YinLingQuan(SP 9) และ YangJiao(GB 35)
6.2 วิธีการ : ใช้ เข็มสามเหลี่ยมปั กที่จดุ เพื่อให้ เลือดออกปริมาณเล็กน้ อย อาการ
ปวดก็จะทุเลาลง เนื่องมาจากเมื่อมีการเสียเลือดจะกระตุ้นให้ มีการไหลเวียนของเลือด
และลดภาวะอักเสบของระบบทางเดินปั สสาวะได้ อาการปวดเกร็งของท่อไตจะลดลงและ
อาการปวดบริ เวณเอวจะทุเลาลง
7. การรั กษาแบบหลายวิธีพร้ อมกัน
7.1 จุดที่ใช้ : ShenShu(BL 23) และ JingMen(GB 25) ของข้ างที่ปวด
7.2 วิธีการ : จัดให้ ผ้ ปู ่ วยนอนตะแคง ให้ ข้างที่ปวดอยูบ่ น ปั กจุด ShenShu
(BL 23) และ JingMen (GB 25) แบบระบาย กระตุ้นให้ ได้ ชี่แล้ วกระตุ้นต่อด้ วยเครื่องกระตุ้น
226 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ไฟฟ้าด้ วยคลืน่ continuous ด้ วยความถี่ 200 ครัง้ /นาที นาน 15นาทีถอดขัวไฟฟ ้ ้ าออก แล้ ว
ใช้ เข็ม7 ดาวเคาะรอบจุดที่ปักเข็มสักครู่แล้ วตามด้ วยการครอบกระปุกอีกระยะเวลาหนึง่ ถอน
กระปุกแล้ วเคาะด้ วยเข็ม 7 ดาวอีกสัก 1 – 2 นาที ทําวันละครัง้ ครบ 10 ครัง้ เป็ น 1 รอบการ
รักษา โดยทัว่ ไปนิ่วขนาดเล็กสามารถถูกขับออกมาได้ ตงแต่ ั ้ การรักษาในครัง้ แรก

หมายเหตุ :
1. การรักษาด้ วยการฝั งเข็มได้ ผลดีในการลดอาการปวดแต่หากมีอาการ
ปวดที่รุนแรงมาก โดยที่การฝั งเข็มไม่สามารถบรรเทาอาการให้ ดีขึ ้นได้ ให้ พิจารณารักษา
ด้ วยการแพทย์แผนปั จจุบนั ต่อไป
2. หากผู้ป่วยอายุยงั น้ อย มีอาการแบบฉับพลันและเป็ นมาไม่นาน การดื่ม
นํ ้ามาก ๆ ร่วมกับออกกําลังกายอย่างหนัก อาจทําให้ นิ่วที่ค้างอยูห่ ลุดออกมาได้ งา่ ยขึ ้น
3. ในผู้ที่ยงั ไม่เป็ นโรคนิ่วหรื อหลังจากรักษาโรคนิ่วให้ หายเป็ นปกติดีแล้ ว
การดื่มนํ ้าปริมาณมากเป็ นประจํา ร่วมกับหลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุแคลเซี่ยมจะช่วยป้องกัน
ไม่ให้ เกิดโรคนิ่วในระบบทางเดินปั สสาวะได้
4. สําหรับนิ่วในกรวยไต หากนิ่วอยูส่ ว่ นล่างให้ ผ้ ปู ่ วยนอนTrendelenburg
เพื่อทําการรักษา หากนิ่วอยูด่ ้ านข้ างให้ ผ้ ปู ่ วยนอนตะแคง ให้ ด้านที่มีนิ่วอยูบ่ นและให้ อยู่
นิ่งขณะทําการรักษา
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 227

รู ปที่ 37 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคนิ่วในไต


228 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ปวดปั สสาวะ และปั สสาวะผิดปกติ


(Stranguria : 淋症)
ในทางการแพทย์ปัจจุบนั หมายถึงภาวะที่มีการปั สสาวะออกมาด้ วยความยาก
ลําบาก ออกทีละน้ อย ปวดปั สสาวะ ปวดเบ่ง รู้สกึ ปั สสาวะไม่หมด ปั สสาวะแต่ละหยด
เหมือนกับต้ องบีบเค้ นอย่างแรงจึงจะออกมาได้ อาการปวดขณะปั สสาวะจะกระจายไปทัว่ อุ้ง
เชิงกรานและในผู้ชายจะปวดร้ าวไปจนสุดปลายองคชาติ
อาการที่ปวดปั สสาวะอย่างมาก เกิดจากการระคายเคืองเนื ้อเยื่อ urothelium
(epithelium ที่บอุ ยูใ่ นทางเดินปั สสาวะ) และมีการหดเกร็ งของกล้ ามเนื ้อ
ภาวะนี ้พบได้ บอ่ ยในโรคของระบบทางเดินปั สสาวะ เช่น นิ่วในทางเดินปั สสาวะ
(โดยเฉพาะเมื่อนิ่วเคลื่อนที่ลงมาในกระเพาะปั สสาวะและกําลังจะออกมาในท่อปั สสาวะ)
การอักเสบในกระเพาะปั สสาวะ หรื อมะเร็ งของกระเพาะปั สสาวะ
การตรวจและรั กษา ขึ ้นกับภาวะที่ตรวจพบและโรคที่ผ้ ปู ่ วยเป็ นอยู่
ศาสตร์ การแพทย์แผนจีนเรี ยกการปวดปั สสาวะบ่อย กลันไม่ ้ ได้ ออกเป็ นหยด ๆ
ร่วมกับอาการปวดเกร็งในท้ องน้ อยและอาการเจ็บแสบในท่อปั สสาวะขณะปั สสาวะว่า “ภาวะ
ปวดแสบท่ อปั สสาวะขณะปั สสาวะ” สาเหตุจากการสะสมของความร้ อนชื ้นในเซี่ยเจียว
เป็ นเหตุให้ เกิดการขัดขวางหน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะให้ เสียไป หรือเกิดจากภาวะม้ ามและ
ไตพร่องซึง่ ไตมีหน้ าที่แยกนํ ้าส่วนใสและขุน่ ออกจากกันก่อให้ เกิดการทํางานผิดปกติไป
โดยทัว่ ไปแบ่งได้ เป็ น 5 ชนิดคือ จากความร้ อน( 热 淋 ReLin) จากนิ่วในทางเดินปั สสาวะ
(ShiLin) จากการปั สสาวะเป็ นเลือด( 血淋 XueLin) จากความผิดปกติของชี่ ( 气淋 QiLin)
และจากการปั สสาวะเป็ นสีขาวขุน่ คล้ ายนํ ้านม (膏淋 GaoLin)

อาการและการแสดง :
1. จากความร้ อน (热淋) จะมีอาการเจ็บแสบร้ อนในท่อปั สสาวะ ปั สสาวะ
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 229

เหลืองเข้ ม ออกน้ อย
2. จากนิ่วในทางเดินปั สสาวะ (ShiLin) เมื่อนิ่วอยูใ่ นท่อปั สสาวะจะมีอาการปวดใน
ท้ องน้ อยและเจ็บท่อปั สสาวะ อาจมีอาการปวดเกร็งร่วมด้ วย อาจเห็นนิ่วปนออกมากับ
ปั สสาวะ
3. จากการปั สสาวะเป็ นเลือด(血淋) จะมีอาการปวดปั สสาวะบ่อย กลันปั ้ สสาวะ
ไม่ได้ และมีเลือดปนออกมากับปั สสาวะ
4. จากความผิดปกติของชี่ (气淋) จะมีอาการปั สสาวะอ่อนแรง ปั สสาวะออกเป็ น
ช่วง ๆ
5. จากการปั สสาวะเป็ นสีขาวคล้ ายนํ ้านม (膏淋) จะมีปัสสาวะออกเป็ นสีขาวขุน่
คล้ ายนํ ้านมร่วมกับอาการปวดระคายเคืองในท่อปั สสาวะ

หลักการรั กษา :
ปรับหน้ าที่ของกระเพาะปั สสาวะให้ เป็ นปกติ เสริมหน้ าที่การขับปั สสาวะ และลด
อาการปวด เลือกใช้ จดุ ซูมแู่ ละจุดบนเส้ นอินทังสามเส้
้ นเป็ นหลัก
จุดที่ใช้ :
จุดหลัก : PangGuangShu (BL 28), ZhongJi (CV 3),
SanYinJiao (SP 6) และ TaiChong (LR 3)
จุดเสริม :
1. ถ้ ารู้สกึ ปั สสาวะร้ อนความร้ อน เพิ่ม QuChi (LI 11), WaiGuan (TE 5),
HeGu (LI 4)
2. ถ้ ามีนิ่วในทางเดินปั สสาวะ เพิ่ม WeiYang (BL 39) และ RanGu (KI 2)
3. ถ้ าปั สสาวะเป็ นเลือด เพิม่ XueHai (SP 10) และ GeShu (BL 17)
4. ถ้ าปั สสาวะ ไม่มีแรงเพิ่ม ShenShu (BL 23), TaiXi (KI 3) และรมยาที่
QiHai(CV 6)
230 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

5. ปั สสาวะเป็ นสีขาวขุน่ คล้ ายนํ ้านม GaoLin เพิ่ม PiShu (BL 20),
ShenShu (BL 23), ZuSanLi(ST 36) และ
รมยาที่ GuanYuan(CV 4)

การรักษาเพิ่มเติม :
1.เลือกจุด BaLiao (BL 31 – BL 34) ในแต่ละครัง้ ของการรักษาให้ เลือกจุดครัง้ ละ
สองคู่ ปั กให้ ลกึ กระตุ้นให้ ได้ ความรู้สกึ ที่แรง คาเข็มไว้ 30 นาที
2.เลือกจุดพิเศษ XiaZhiBian ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนตะแคง ขาล่างเหยียดตรง ขาบนงอทํา
มุมที่หลังข้ อพับเข่าได้ ประมาน 130 องศา ลากจุดเชื่อมระหว่าง anterosuperior iliac spine
และ จุดกลางของ greater trochanter ถือเป็ นด้ านที่หนึง่ ของรูปสามเหลี่ยมด้ านเท่าชี ้ไป
กระดูกกระเบ็นเหน็บ จุดนี ้จะอยูต่ รงปลายของสามเหลี่ยมนี ้ตรงจุดตัดของสองด้ านที่เหลือ
ของสามเหลี่ยม ใช้ เข็มยาว 3 – 5 ชุ่นปั กเอียงประมาณ 10 องศาชี ้ปลายเข็มไปที่ท้องกระตุ้น
จนเกิดความรู้สกึ แผ่กระจายไปถึงท้ องน้ อย บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และฝี เย็บ คาเข็มแค่ 2 – 3
นาทีและถอนออก
3. เลือกจุด ShenShu (BL 23), ZhuBin (KI 9), FuLiu (KI 7), GuiLai (ST 29),
FeiYang (BL 58) และ ZhongJi (CV 3) ให้ ปักเข็มกระตุ้นแรงแบบระบาย วันละครัง้ ครบ
10 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา ใช้ รักษาภาวะการอักเสบติดเชื ้อของทางเดินปั สสาวะ
4. เลือกใช้ กลุม่ จุดดังนี ้
4.1 กลุม่ ที่ 1 GuanYuan(CV 4), ZhongJi(CV 3),
YinLingQuan(SP 9) และ SanYinJiao(SP 6)
4.2 กลุม่ ที่ 2 HuiYin(CV 1) และ ShenShu(BL 23)
การกระตุ้น : เลือกใช้ กลุม่ จุดทังสองสลั
้ บกันทุกวัน ปั กจุดแบบระบายโดย
ไม่คาเข็มไว้ สําหรับจุด HuiYin(CV 1) ใช้ เข็มยาว 3 – 4 ชุ่น
ปั กตรง ลึก 2 – 3 ชุ่น กระตุ้นให้ ได้ ชี่แล้ วหมุนเข็มและยกเข็ม
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 231

ขึ ้นลงทําซํ ้า 3 – 5 ครัง้ แล้ วถอนเข็มออก ส่วนจุดอื่นให้ ปักและ


กระตุ้นตามวิธีมาตรฐาน วิธีนี ้ใช้ รักษาภาวะต่อมลูกหมาก
อักเสบเรือ้ รัง
5. การรมยา เลือกจุด ZhongJi(CV 3) โดยให้ ผ้ ปู ่ วยนอนหงาย รมยาด้ วยวิธีการ

หมุนวนรอบจุดนาน 40 นาทีทําวันละ 2 ครัง้ หลังให้ การรักษาผู้ป่วยจะมีอาการดี ขึ ้นมากหรื อ


หายไปได้ ใช้ รักษาโรคของทางเดินปั สสาวะ
6. การใช้ เข็มอุน่ เลือกจุด ShenShu (BL 23), PangGuangShu (BL 28),
CiLiao (BL32), ZhongJi(CV3), และ GuanYuan(CV4) ปั กและกระตุ้นเข็มให้ ได้ ชี่แล้ วใช้ โกฐ
จุฬาติดที่ปลายเข็มทุกเล่ม ใช้ โกฐจุฬาจํานวน 3 – 5 ชิ ้นต่อเข็มหนึง่ เล่มทําวันละครัง้ ครบ 10
ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา ใช้ เพื่อรักษาการอักเสบเรื อ้ รังของกระเพาะปั สสาวะ(urocystitis)
และการอักเสบเรื อ้ รังของไตและกรวยไต(chronic pyelonephritis)
7. รมยาที่จดุ ZhongFeng(LR 4) ใช้ ได้ ทงห้
ั ้ าภาวะโดยรมยา 14 ก้ อนโกฐ ที่จดุ
ZhongFeng(LR 4) ซึง่ อยูบ่ นหลอดเลือดดําเล็ก ๆ ที่ตาํ แหน่ง 1 ชุ่นเฉียงมาด้ านหน้ าลงล่าง
จากตาตุม่ ด้ านใน
8. การรมยาถมเกลือที่จดุ ShenQue(CV 8) ใช้ เกลือแกงป่ นแห้ งถมที่สะดือรมยาด้ วย
โกฐจุฬาก้ อนใหญ่รวม 7 ก้ อนทําวันละครัง้ เ มื่อผู้ป่วยมีอาการปั สสาวะลําบาก ออกเป็ นหยด
และปวดเวลาปั สสาวะ หากรมยาที่จดุ SanYinJiao (SP 6) ด้ วยการรักษาจะได้ ผลดียิ่งขึ ้น
9. การฝั งเข็มผิวหนัง เลือกจุด GuanYuan (CV 4), QuGu (CV 2), GuiLai (ST 29),
ShuiDao (ST 28), บริ เวณขาหนีบ(Groin), QuQuan (LR 8), SanYinJiao (SP 6) และจุด
JiaJi (14th – 21st vertebrae) โดยใช้ เข็มผิวหนังปั กตามจุดต่าง ๆ ให้ เห็นผิวหนังเป็ นสีแดง
จะปั กทิศทางใดก็ได้ ไปตามแนวการไหลเวียนของเส้ นลมปราณ ใช้ รักษาภาวะต่อมลูกหมาก
อักเสบเรื อ้ รัง
10. ฝั งเข็มหู เลือกจุด Kidney, Urinary bladder, SanJiao, Urethra, Subcortex,
232 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

Endocrine และ ShenMen หากใช้ เข็มปกติให้ เลือกครัง้ ละ 3 – 5 จุดปั ก กระตุ้นแล้ วคาเข็ม


ไว้ 20 นาที หรื อหากใช้ เม็ดหวังปู้หลิวสิง ให้ ใช้ ทกุ จุด ทําวันละครัง้ 10 – 15 ครัง้ เป็ น 1 รอบ
การรักษา เว้ นระยะห่าง 3 – 5 วันต่อรอบการ รักษาใหม่ ใช้ รักษาภาวะปั สสาวะเป็ นสีขาวขุ่น
คล้ ายนํ ้านม (chyluria)
11. ยิงแสงเลเซอร์ ที่จดุ HuiYin (CV1) โดยใช้ สาย optic fiber ขนาด80 micron
ผ่านเครื่ องมือเข้ าไปที่จดุ HuiYin (CV1) จนถึงต่อมลูกหมากและฉายด้ วยแสง He-Ne laser
12. การใช้ เข็มนํ ้า เลือกจุด Auricular, Kidney, Urinary bladder, Subcortex,
ShenMen โดยใช้ วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 ผสมกัน แล้ วฉีดจุดละ 0.1 ซีซีวนั ละครัง้ ต่อข้ าง
และ 8 ครัง้ เป็ น 1 รอบการรักษา เว้ นระยะห่าง 3 วันต่อรอบการรักษา ใช้ ได้ ผลดีในการรักษา
ภาวะปั สสาวะมีสีขนุ่ ขาวคล้ ายนม(chyluria)

หมายเหตุ : ภาวะแกร่ งให้ กระตุ้นแบบระบาย ภาวะพร่ องให้ กระตุ้นแบบเสริ ม หากมีการ


ตรวจพบการติดเชื ้อในระบบทางเดินปั สสาวะ หรื อภาวะต่อมลูกหมากอักเสบทังเฉี ้ ยบพลัน
หรื อเรื อ้ รังและภาวะปั สสาวะเป็ นสีขาวขุ่นคล้ ายนํ ้านมให้ ส่งตรวจ และรักษาด้ วยการแพทย์
แผนปั จจุบนั ควบคูก่ นั ไปด้ วย โดยรักษาด้ วยสมุนไพรหรื อยาแผนปั จจุบนั ควบคูก่ นั ไป สําหรับ
อาหารที่รับประทานก็เป็ นสิ่งที่ควรให้ ความสําคัญด้ วยเช่นกัน โดยแนะนําให้ รับประทานข้ าว
ต้ ม ที่ มี ส่ ว นผสมของเมล็ ด ถั่ ว แดง เมล็ ด บัว แป้ ง รากบัว แอปเปิ ้ล และลูก แพร์ และให้
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 233

รู ปที่ 38 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาโรคปวดปั สสาวะและปั สสาวะผิดปกติ


234 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ภาวะปวดท้ องอย่ างรุ นแรง


(Acute Catastrophic Abdominal Pain : 急性腹绞痛)
ภาวะปวดท้ องอย่างรุนแรง เป็ นแบบเฉียบพลัน หรื ออาการปวดที่มีอาการเป็ นลม
หมดสติ ความดันโลหิตตํ่าหรื อปวดผิดปกติอย่างมากเป็ นสิง่ ที่ต้องรี บประเมินอาการโดยเร็ว
ภาวะที่ต้องนึกถึงคือ ภาวะการอุดตัน การทะลุหรื อฉีกขาดของอวัยวะภายใน การแยกตัวหรื อ
ฉีกขาดของผนังหลอดเลือดใหญ่ เช่น aortic aneurysm การบาดเจ็บเป็ นแผล การติดเชื ้อใน
ช่องท้ อง ภาวะกรดจากคีโตน และ ภาวะวิกฤตของต่อม อดรี นอล(adrenal crisis) เป็ นต้ น

การวินิจฉัยอาการโรค
การซักประวัติ ควรได้ ข้อมูลของ อายุ เวลาที่เกิดการปวด กิจกรรมที่ผ้ ปู ่ วยทําอยูข่ ณะ
เกิดอาการปวด ตําแหน่งที่ปวดและลักษณะของการปวด อาการปวดร้ าวไปบริ เวณอื่น อาการ
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร การรับรู้เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายและ
ประวัตริ ะดู การตรวจร่างกาย ให้ ความสําคัญกับอาการโดยรวมทังหมดก่ ้ อน เช่นการปวด
แบบตัวงอ(จากโรคนิ่วในท่อไต) หรื อปวดแบบนอนนิ่งๆ(จากผนังช่องท้ องอักเสบหรื ออวัยวะ
ภายในทะลุ) ท่าทางของผู้ป่วย เช่นเอนตัวมาด้ านหน้ า(จากตับอ่อนอักเสบหรื อกระเพาะ
อาหารทะลุเข้ าช่อง lesser sac) มีไข้ หรื ออุณหภูมิร่างกายตํ่ากว่าปกติ หายใจหอบเร็ว ภาวะ
เขียวจากขาดอากาศ เสียงการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร การกดแล้ วเจ็บที่ท้องรวม
การกดแล้ วปล่อยเจ็บ ก้ อนที่ท้องเต้ นตามชีพจร เสียงผิดปกติตา่ งๆของช่องท้ อง ท้ องมาน
เลือดออกที่ทวารหนัก ปวดที่ทวารหนักหรื ออุ้งเชิงกราน และภาวะเลือดออกง่ายที่สงั เกตพบ
การตรวจทางห้ องปฏิบตั กิ ารที่ได้ ประโยชน์คือ การตรวจเปอร์ เซ็นต์อดั แน่นของเม็ดเลือดแดง
(อาจปกติได้ ในภาวะที่มีการเสียเลือดในระยะแรกหรื ออาจสูงได้ ในภาวะขาดนํ ้า) การตรวจนับ
และแยกชนิดเม็ดเลือด การตรวจปริ มาณออกซิเจนในหลอดเลือดแดง การตรวจสมดุลเกลือ
แร่ การตรวจยูเรี ยในกระแสเลือดและการขับครี เอตินิน การตรวจปริมาณนํ ้าตาล การตรวจ
เอนไซม์ไลเปซหรื ออไมเลซ และการตรวจปั สสาวะผ่านกล้ องจุลทรรศน์ ผู้ป่วยเพศหญิงในช่วง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 235

วัยเจริญพันธุ์ ควรตรวจการตังครรภ์ ้ ด้วย การตรวจภาพรังสีควรได้ ภาพทังท่


้ านอนราบและท่า
นัง่ หรื อยืน(หากนัง่ หรื อยืนไม่ได้ ควรเป็ นท่านอนตะแคงขวาขึ ้น) เพื่อดูขนาดของลําไส้ และ
อากาศที่รั่วออกจากลําไส้ การตรวจภาพรังสีเพื่อหาขนาดของหลอดเลือดแดงเอออต้ า การ
ตรวจภาพรังสีด้วยระบบภาพรังสีแกนหมุน (CT Scan) เพื่อดูการทะลุของลําไส้ การอักเสบ
อวัยวะภายในที่ขาดเลือดไปเลี ้ยง การตกเลือดหลังช่องท้ อง ฝี อักเสบหรื อก้ อนเนื ้อผิดปกติ
การเจาะเข้ าช่องท้ องเพื่อระบายของเหลวหรื อล้ างสวน อาจตรวจพบภาวะเลือดออกในช่อง
ท้ องหรื อภาวะเยื่อบุช่องท้ องอักเสบได้ การตรวจด้ วยเครื่ องอัลตร้ าซาวน์เพื่อยืนยันภาวะฝี
อักเสบ ถุงนํ ้าดีอกั เสบหรื ออุดตัน ท่อไตอุดตัน หรื อก้ อนเลือด และตรวจขนาดของหลอดเลือด
เอออต้ า

การประเมินอาการ และให้ การรั กษา


ต้ องประเมินภาวการณ์ไหลเวียนโลหิตของผู้ป่วยเป็ นลําดับแรกว่า เป็ นปกติหรื อไม่
หากผิดปกติควรนึกถึงภาวะวิกฤต เช่น หลอดเลือดเอออต้ าของช่องท้ องฉีกขาดก็ไม่ควรชักช้ า
รี บนําส่งห้ องผ่าตัดในทันที หากภาวะการไหลเวียนโลหิตของผู้ป่วยเป็ นปกติดี ให้ ดวู า่ มีภาวะ
ช่องท้ องแข็งเกร็งหรื อไม่ ซึง่ มักพบได้ บอ่ ยในภาวะการฉีกขาดหรื ออุดตันของอวัยวะในช่อง
ท้ อง การยืนยันการวินิจฉัยควรใช้ การถ่ายภาพรังสีของช่องท้ องและทรวงอก
หากไม่มีภาวะช่องท้ องแข็งเกร็ง อาจแบ่งได้ สองกลุม่ ใหญ่คือ อาการปวดที่ระบุ
ตําแหน่งได้ ชดั เจน กับอาการปวดที่ไม่สามารถระบุตําแหน่งได้ ชดั เจน หากมีอาการปวดที่ไม่
สามารถระบุตาํ แหน่งได้ ชดั เจน ภาวะหลอดเลือดเอออต้ าของช่องท้ องรั่วฉีกขาดก็อาจนึกถึง
ได้ หากตรวจได้ ควรตรวจด้ วยภาพรังสีด้วยระบบภาพรังสีแกนหมุน(CT Scan) หรื ออาจนึกถึง
ระยะแรกของโรคไส้ ตงิ่ อักเสบแบบเฉียบพลัน การอุดตันของอวัยวะกลวงระยะแรก การขาด
เลือดของเยื่อแขวนสําไส้ (mesenteric ischemia) การอักเสบของลําไส้ ตับอ่อนอักเสบ และ
โรคของระบบเมตาโบลิสม
อาการปวดที่ระบุตําแหน่งได้ ชดั เจน เช่น อาการปวดบริเวณลิ ้นปี่ อาจเกี่ยวกับหัวใจ
การอักเสบหรื อทะลุของหลอดอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารและลําไส้ เล็ก
236 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ส่วนต้ นอักเสบ ปวดจากถุงนํ ้าดีบีบตัวหรื อถุงนํ ้าดีอกั เสบและตับอ่อนอักเสบ อาการปวด


บริเวณช่องท้ องด้ านขวาบนนอกจากนึกถึงโรคที่กล่าวมาแล้ ว ก็ยงั มีภาวะกรวยไตอักเสบหรื อ
นิ่วในไต ฝี ในตับ ฝี ใต้ กระบังลม หลอดเลือดปอดอุดตัน หรื อปอดบวมหรื อภาวะของระบบ
กระดูกและกล้ ามเนื ้อ
นอกจากนี ้อาการปวดบริเวณช่องท้ องด้ านซ้ ายบนอาจเป็ นภาวะม้ ามขาดเลือด หรื อ
ฉีกขาด ม้ ามโตและแผลในกระเพาะอาหารหรื อลําไส้ เล็กส่วนต้ น อาการปวดบริ เวณช่องท้ อง
ด้ านขวาล่างอาจนึกถึงไส้ ตงิ่ อักเสบ ภาวะถุงยื่นของผนังลําไส้ ชนิดเมคเคิล (Meckel’s
diverticulum) โรคลําไส้ เล็กอักเสบ(Crohn’s disease) ภาวะถุงยื่นของผนังลําไส้ อกั เสบ
(diverticulitis) ต่อมของเยื่อแขวนลําไส้ อกั เสบ(mesenteric adenitis) เลือดออกที่กล้ ามเนื ้อ
ของผนังหน้ าท้ อง ฝี อักเสบของกล้ ามเนื ้อบันเอว(psoas
้ muscle) ฝี อักเสบหรื อการบิดขัวของ

รังไข่ การตังครรภ์
้ นอกมดลูก ท่อนําไข่อกั เสบ นิ่วในท่อไต การติดเชื ้ออักเสบของโรคงูสวัด
อาการปวดบริเวณช่องท้ องด้ านซ้ ายล่างอาจนึกถึงภาวะถุงยื่นของผนังลําไส้ อกั เสบ การแตก
ของก้ อนเนื ้องอก และภาวะอื่นที่กล่าวมาได้

การรักษา
ให้ สารนํ ้าทางหลอดเลือดดํา แก้ ไขภาวะสมดุลของเกลือแร่ที่เป็ นภาวะคุกคามต่อ
ชีวิต และประเมินความเร่งด่วนในการนําส่งผู้ป่วยเพื่อการผ่าตัด ตรวจประเมินอาการซํ ้าด้ วย
ความระมัดระวังในช่วงเวลาที่เหมาะสม (หากเป็ นไปได้ ควรเป็ นผู้ประเมินคนเดิม)ถือเป็ นสิง่
สําคัญ การใช้ ยาเพื่อระงับอาการปวดยังไม่ใช่มาตรฐานในการรักษากับผู้ป่วยทุกราย โดย
ทัว่ ไปหากยังไม่ได้ การวินิจฉัยที่ยืนยันภาวะโรค หรื ออาการของผู้ป่วยก็จะยังไม่ให้ ยาระงับ
อาการปวด เนื่องจากอาจบดบังอาการและการแสดงออกของโรคที่เป็ นอยู่ และทําให้ การ
รักษาต้ องล่าช้ าออกไป อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานการใช้ ยาระงับอาการปวดที่บดบังอาการ
แสดงออกของผู้ป่วยอย่างชัดเจนมากนัก
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 237

เต้ านมอักเสบเฉียบพลัน
(Acute Mastitis : 急性乳腺炎)
เต้ านมอักเสบเฉียบพลัน เป็ นการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื ้อ Staphylococcus
aureus หรื อ Streptococcus spp. ที่ทอ่ นํ ้านมและเนื ้อเยื่อเกี่ยวพัน มักเกิดในครรภ์แรกหลัง
คลอดราว 2 - 6 สัปดาห์ โดยมักเกิดจากหัวนมมีแผล แล้ วติดเชื ้อลุกลามเกิดการอักเสบเป็ น
หนองในเวลาอันสัน้ มักมีอาการปวดมาก
อาการและอาการแสดง
1. เต้ านมที่อกั เสบจะปวด บวม แดงและร้ อน แข็งเป็ นไต กดเจ็บ หลังจากนันจะกลั
้ ด
หนอง หนองมักจะอยูใ่ นท่อนํ ้านมใต้ หวั นมหรื อหลังต่อมเต้ านม
2. เมื่อเกิดหนองแล้ ว เวลาที่กดคลําจะรู้สกึ ได้ วา่ มีของเหลวกระเพื่อม
3. ต่อมนํ ้าเหลืองบริ เวณรักแร้ ข้ างเดียวกันบวมกดเจ็บ
4. มีไข้ ตวั ร้ อน กลัวหนาว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เม็ดเลือดขาวมีจํานวนมากขึ ้น
5. อัลตราซาวด์พบลักษณะเป็ นหนอง หรื อเจาะดูดได้ หนอง
ระยะของโรค
1. ระยะแรก รู้สกึ ปวดคัดเต้ านม ปวดมากในขณะให้ นมบุตร นํ ้านมออกไม่สะดวก
คลําเต้ านมอาจพบลักษณะก้ อนแข็ง ผิวของเต้ านมอาจมีสีแดงขึ ้น อาจมีไข้ ไม่สบายตัว เบื่อ
อาหาร หงุดหงิด
2. ระยะกลัดหนอง ก้ อนแข็งในเต้ านมมีขนาดโตขึ ้น ต่อมนํ ้าเหลืองโต ไข้ สงู หนาว
สัน่ อ่อนเพลีย ท้ องผูก เม็ดเลือดขาวสูงขึ ้น เมื่อเกิดหนองจะปวดตุ๊บ ๆ ผิวหนังแดงแผ่กว้ าง
ออกและบางใส เมื่อกดตรงกลางของก้ อนแข็ง จะรู้สกึ นิ่ม ๆ หากหนองอยูล่ กึ จะมองไม่เห็นผิว
แดง และกดคลํารู้สกึ ว่ามีหนองไม่ชดั เจน บางรายอาจเกิดหลายตําแหน่งก็ได้
3. ระยะมีหนองไหล หนองที่อยูใ่ นบริ เวณตื ้นจะปริ ออกทางผิวหนังได้ ทําให้ มี
238 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

นํ ้านมไหลออกตรงบริ เวณที่ปริแตก แต่ถ้าอยูล่ กึ หนองอาจแตกทะลุไปชันไขมั


้ น กล้ ามเนื ้อ
ทรวงอก และหากเป็ นนานจะทําให้ เชื ้อเข้ าสูก่ ระแสเลือด
การวิเคราะห์ แยกกลุ่มอาการโรค
1. ชี่ตดิ ขัดมีความร้ อน (ระยะแรก) บริเวณเต้ านมบวมแดง คัดเต้ านม กดพบก้ อน
แข็ง กระหายนํ ้า เบื่ออาหาร ลิน้ ฝ้าเหลือง, ชีพจร เร็ว (ShuMai)
2. เกิดเป็ นพิษร้ อน (ระยะกลัดหนอง) ขนาดของก้ อนแข็งจะใหญ่ขึ ้น ผิวหนังบวม
แดงชัดเจน กดคลําจะรู้สกึ ว่ามีหนองและมีไข้ สงู กระหายนํ ้า ปั สสาวะเข้ ม ท้ องผูก ลิ ้น แดง
ฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจร ใหญ่และเร็ว (HongShuMai)
3. เจิง้ ชี่อ่อนแอเสียชี่ตกค้ าง (ระยะมีหนองไหล) ภายในสิบวัน หากหนองปริแตก
ออกที่ผิว หรื อเจาะดูดหนองออก ไข้ จะลด ทุเลาปวด แผลอาจปิ ดได้ เอง หากมีหนองหลาย
แห่งหนองอาจออกไม่หมด ทําให้ ยงั ปวดและมีไข้ อ่อนเพลีย หน้ าซีด เบื่ออาหาร ลิ ้น ซีด ฝ้า
บาง ชีพจร จมอ่อน (RuoMai)

การรั กษา
การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
หลักการรักษา : ระยะแรก ระบายร้ อนกระจายชี่,
ระยะกลัดหนอง ใช้ การขับร้ อนขจัดพิษ,
ระยะมีหนองไหล บํารุงเลือดลมใช้ การรมยาได้
จุดหลัก : TanZhong (CV 17), RuGen (ST 18), QiMen (LR 14), JianJing (GB 21)
จุดเสริม
- ชี่ตดิ ขัด เพิ่มจุด HeGu (LI 4), TaiChong (LR 3), QuChi (LI 11)
- มีความร้ อน มีไข้ เพิ่มจุด NeiTing (ST 44), DaLing (PC 7)
- เจิ ้งชี่ออ่ นแอ เพิ่มจุด WeiShu (BL 21), ZuSanLi (ST 36), SanYinJiao (SP 6)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 239

- คัดเต้ านมมาก เพิ่มจุด ShaoZe (SI 1), JueYinShu (BL 14)


- ไข้ สงู กลัวหนาว เพิ่มจุด WaiGuan (TE 5), HeGu (LI 4), QuChi (LI 11)
- อารมณ์หงุดหงิด เพิ่มจุด XingJian (LR 2), NeiGuan (PC 6)
การรักษาด้ วยวิธีอ่ นื
1. การปล่ อยเลือด ให้ สงั เกตหารอยจุดสีที่บริเวณสะบักด้ านใน ซึง่ กดแล้ วสีไม่จาง
หายไป โดยใช้ เข็มสามเหลีย่ มเจาะให้ เลือดออกเล็กน้ อย หากหาไม่พบ ให้ เลือกตําแหน่งสอง
นิ ้วทาบเหนือจุด GaoHuangShu (BL 43) แทน
2. การครอบกระปุก มักใช้ ในระยะแรก ใช้ จดุ DaZhui (GV 14), JiaJi (EX-B 2)
ระดับ T4, RuGen (ST 18) โดยใช้ เข็มสามเหลี่ยมเจาะแล้ วครอบกระปุก วันละครัง้
3. การฝั งเข็มหู ใช้ จดุ Chest, Endocrine, Adrenal gland, Thoracic vertebrae
เลือกใช้ ครัง้ ละ 2 จุด กระตุ้น 2 - 3 นาที แล้ วคาเข็ม 20-30 นาที วันละครัง้
การป้องกัน
1. หลีกเลีย่ งการเกิดบาดแผลที่หวั นม ควรทําความสะอาดด้ วยนํ ้าอุน่ อย่าให้ ลกู ดูด
นมจนหลับไป หลังการให้ นมบุตรต้ องทําความสะอาดทุกครัง้
2. หากเกิดแผลต้ องระวังการติดเชื ้อ
3. ป้องกันเต้ านมคัดโดยการนวดคลึง และประคบด้ วยผ้ าอุน่ หรื อใช้ ปั๊มนมดูดนํ ้านม
ออก
4. หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดร้ อน เพื่อป้องกันความร้ อนสะสม
5. ทําจิตใจให้ เบิกบาน
240 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รู ปที่ 39 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาอาการเต้ านมอักเสบเฉียบพลัน


การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 241

ปวดประจําเดือน
(Dysmenorrhea : 痛经)
ปวดประจําเดือนเป็ นอาการปวดท้ องน้ อยช่วงก่อน ในระหว่างหรื อหลังมีรอบเดือน
ซึง่ จะรบกวนการทํางานและการดําเนินชีวติ ปกติประจําวัน อาจเป็ นแบบไม่ทราบสาเหตุหรื อมี
ความผิดปกติจากการทํางานของมดลูก โดยตรวจไม่พบการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์
(แบบปฐมภูมิ) หรื อทราบสาเหตุเนื่องจากมีพยาธิสภาพเปลี่ยนแปลงในอวัยวะสืบพันธุ์ (แบบ
ทุตยิ ภูมิ) การรักษาด้ วยการฝั งเข็มจะได้ ผลดีในกรณีปวดประจําเดือนชนิดปฐมภูมิ

อาการและอาการแสดง
- มีประวัตปิ วดท้ องน้ อยซึง่ สัมพันธ์กบั คาบเวลาที่จะมีรอบเดือนค่อนข้ างชัดเจน
หรื ออาจเคยมีประวัตขิ องปริ มาณเลือดประจําเดือนที่ผิดปกติ มีบตุ รยาก ใช้ การคุมกําเนิด
ด้ วยการใส่ห่วง และเคยมีประวัตอิ ้ งุ เชิงกรานอักเสบ
- มักจะปวดท้ องน้ อยก่อนประจําเดือนมา 1 - 2 วัน โดยจะปวดมากที่สดุ ในวันแรก
ที่มีประจําเดือน อาการปวด มีลกั ษณะปวดเกร็ง เป็ นพัก ๆ หรื อท้ องแน่นอืดร่วมกับหน่วงท้ อง
ในรายที่รุนแรงจะปวดร้ าวไปที่เอวหรื อสะโพก ทวารหนัก ช่องคลอด ขาหนีบ และอาจมีอาการ
หน้ าซีดขาว เหงื่อออกตัวเย็น มือเท้ าเย็น จนเป็ นลมหมดสติได้ อย่างไรก็ตามอาการปวดนี ้จะ
ไม่มีลกั ษณะของกล้ ามเนื ้อท้ องเกร็ งแข็ง หรื อปวดเมื่อปล่อยมือจากการกด บางรายจะปวด
เมื่อใกล้ หมดหรื อหลังหมดประจําเดือนแล้ ว 1 - 2 วัน

การตรวจพิเศษทางนรี เวชกรรมและการตรวจภาพรังสี
ตรวจไม่พบลักษณะของอุ้งเชิงกรานอักเสบ ก้ อนเนื ้อหรื อตุม่ ไต หรื อเยื่อบุมดลูกเจริญ
ผิดตําแหน่ง รวมถึงการตรวจด้ วยอุปกรณ์พิเศษ เช่น อัลตราซาวด์ การตรวจด้ วยกล้ องเจาะ
ผ่านช่องท้ อง และการถ่ายภาพรังสีท่อรังไข่ การตรวจโดยส่องกล้ องเข้ าในโพรงมดลูก เป็ นต้ น
นอกจากนี ้ควรวินิจฉัยแยกโรคที่มีอาการคล้ ายคลึงกันออกด้ วย เช่น ไส้ ตงิ่ อักเสบ
242 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ลําไส้ อกั เสบ กระเพาะปั สสาวะอักเสบ ถุงนํ ้าในรังไข่ เป็ นต้ น


การวิเคราะห์ แยกกลุ่มอาการโรค
1. ความเย็นชืน้ ตกค้ าง
ปวดเย็นท้ องน้ อยก่อน หรื อระหว่างมีรอบเดือน ปฏิเสธการกด ชอบอุน่ ประจําเดือน
มาน้ อยไม่คล่อง สีมว่ งหรื อดําเป็ นลิม่ ร่วมกับมีตวั เย็น แขนขาเย็น ปวดข้ อ ลิน้ ฝ้าขาว
เหนียว ชีพจร จม หรื อจมตึงแน่น (ChenMai or ChenJinMai)

2. ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง
ปวดแน่นอึดอัดท้ องน้ อยก่อนหรื อระหว่างมีรอบเดือน ประจําเดือนมาน้ อยไม่คล่อง สี
ม่วงหรื อดําเป็ นลิม่ ร่วมกับแน่นทรวงอก ชายโครงและเต้ านม ลิน้ สีมว่ งหรื อมีจํ ้าเลือด
ชีพจร จม หรื อจมฝื ด (ChenMai or ChenSeMai )

3. ชี่และเลือดพร่ อง
ปวดโล่ง ๆ บริเวณท้ องน้ อยระหว่างหรื อหลังมีรอบเดือน กดท้ องแล้ วรู้สกึ ดีขึ ้น ประจํา
เดือนสีแดงจาง ร่วมกับหน้ าซีดขาว อ่อนเพลียไม่มีแรง วิงเวียนศีรษะ ลิน้ ซีด ชีพจร เล็ก
และอ่อนแรง (XiRuoMai)

4. ตับและไตพร่ องหรืออ่ อนแอ


ปวดโล่ง ๆ บริเวณท้ องน้ อยหลังมีรอบเดือน ประจําเดือนไม่สมํ่าเสมอ อาจมากหรื อ
น้ อย สีแดงจาง ไม่เป็ นลิม่ ร่วมกับมีอาการปวดเมื่อยอ่อนล้ าบริเวณหลังและเข่า นอนไม่หลับ
วิงเวียนและมีเสียงดังในหู ลิ ้นฝ้าน้ อย ชีพจรเล็ก (XiMai)

การรั กษา
- การฝั งเข็มระบบเส้ นลมปราณ
จุดหลัก : ZhongJi (CV 3), CiLiao (BL 32), DiJi (SP 8),
SanYinJiao (SP 6)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 243

จุดเสริม :
- ความเย็นชืน้ ตกค้ าง เพิม่ จุด GuanYuan (CV 4), ShuiDao (ST 28)
ร่วมกับการรมยา
- ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง เพิ่มจุด TaiChong (LR 3), XueHai (SP 10)
- ชี่และเลือดพร่ อง เพิ่มจุด PiShu (BL 20), ZuSanLi (ST 36)
- ตับและไตพร่ องหรื ออ่ อนแอ เพิม่ จุด GanShu (BL 18),
ShenShu (BL 23), TaiXi (KI 3)
- ถ้ ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เพิม่ จุด NeiGuan (PC 6),
ZhongWan (CV 12)
- ถ้ ามีอาการท้ องเสีย เพิ่มจุด TianShu (ST 25), ShangJuXu (ST 37)
วิธีการ
การรักษาควรเริ่ ม 3 – 5 วันก่อนมีรอบเดือน
- CiLiao (BL 32) ปั กลึก 1.5 ชุ่น เฉียงไปยังกระดูกสันหลัง ถ้ าเป็ นกลุม่ แกร่งให้
กระตุ้นระบาย ถ้ าเป็ นกลุม่ พร่องให้ กระตุ้นบํารุง กระตุ้นเข็มซํ ้าจนความรู้สกึ ส่งผ่านไปยัง
ท้ องน้ อย สําหรับอาการปวดรุนแรง ใช้ เครื่ องกระตุ้นเข็มไฟฟ้า
- ZhongJi (CV 3) ก่อนปั กเข็มต้ องปั สสาวะออกให้ หมดก่อน ปั กเข็มเฉียงลงไป
ทางหัวหน่าว จนเกิดเต๋อชี่ไปยังบริ เวณท้ องน้ อย
- DiJi (SP 8) ปั กเข็มแบบระบาย
- SanYinJiao (SP 6) ปั กเฉียงขึ ้นจนมีความรู้ สก
ึ ของเข็มส่งผ่านไปยังด้ านบน
กรณีความเย็นชืน้ ตกค้ าง ใช้ เข็มอุน่
ชี่ตดิ ขัดและเลือดคั่ง ปั กเข็มระบาย
ชี่และเลือดพร่ อง เช่นเดียวกับตับไตพร่ อง ปั กเข็มเสริมบํารุงหรื อร่วมกับรมยา

การรั กษาด้ วยวิธีอ่ ืน ๆ


1. การฝั งเข็มหู
244 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

จุดที่ใช้ : Internal genitalia, Subcortex, Sympathetic nerve, Endocrine, Liver,


Kidney
วิธีการ : เลือกครัง้ ละ 2 – 4 จุด ฝั งเข็มกระตุ้นปานกลางถึงหนัก หรื อใช้ เมล็ดหวังปู้หลิว
สิง กดที่หสู ลับทังสองข้
้ าง 3 – 4 ครัง้ ต่อวัน การรักษาควรเริ่มก่อนมีรอบเดือน 3 วัน เพื่อ
ป้องกันการเกิดอาการซํ ้า
2. การรมยา
เหมาะในกลุม่ ความเย็นอุดกัน(ทั
้ งเย็
้ นแกร่งและเย็นพร่อง) ซึง่ ใช้ เป็ นเข็มอุน่ ที่บริเวณ
ท้ องน้ อยหรื อจุดซูด้านหลัง หรื อใช้ กล่องรมยาก็สะดวกดีในด้ านขี ้เถ้ าไม่หล่น จํานวนโกฐ
ขึ ้นกับสภาพอาการที่เป็ นว่ามากหรื อน้ อย โดยทัว่ ไปอย่างน้ อยต้ องนาน 30 นาที
3. การใช้ เข็มดอกเหมยเคาะ
ให้ เคาะบริเวณกระเบนเหน็บในแนวเจี๋ยจี่และเคาะตามจุดฝั งเข็มที่เกี่ยวข้ องบริเวณ
ท้ องน้ อย โดยใช้ แรงเคาะระดับกลางๆคือแค่ผิวหนังแดงๆก็พอ
4. การใช้ เข็มนํา้
ในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการใช้ ยาฉีด เช่น ตันเซิน ตังกุย หวงฉี วิตามินบี12 ที่จดุ
GanShu (BL 18), ShenShu (BL 23), PiShu (BL 20), GuanYuan (CV 4), GuiLai (ST 29),
ZuSanLi (ST 36), SanYinJiao (SP 6) โดยใช้ ครัง้ ละ 2 - 3 จุด จุดละ 1 – 2 มล.

การใช้ จุดตามคัมภีร์โบราณ
1. คัมภีร์เจินจิวเจี่ยอี่จงิ ( ปวดประจําเดือนให้ ใช้ จดุ ShuiDao (ST 28) ในกรณ
ปวดแน่นอืด ท้ องน้ อยปวดร้ าวไปช่องคลอด ปวดร้ าวไปบันเอว ้ มีก้อนในมดลูก เย็นที่บริ เวณ
ช่องคลอด ปวดร้ าวไปที่หน้ าขา
2. คัมภีร์เจินจิวต้ าเฉิง ขณะมีรอบเดือนปวดท้ องน้ อย เวียนศีรษะ ให้ ใช้ จดุ
ZhaoHai (KI 6), YangJiao (GB 35), NeiTing (ST 44), HeGu ((LI 4)
3. คัมภีร์เจินจิวเฟิ งเหยียน ขณะมีรอบเดือนเวียนศีรษะ ปวดท้ องน้ อย ใช้ จดุ
HeGu (LI 4), YangJiao (GB 35), NeiTing (ST 44) หากมีคาบเวลาผิดปกติร่วมกับปวดท้ อง
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 245

บริเวณสะดือใช้ ShenShu (BL 23), GuanYuan (CV 4), SanYinJiao (SP 6)

ตัวอย่ างผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงอายุ 32 ปี ปวดประจําเดือน 3-4 ปี ก่อนประจําเดือนมาหนึง่ วันมีอาการ
ปวดท้ องน้ อยแบบเกร็ ง ต้ องทานยาจึงจะบรรเทา วางถุงนํ ้าร้ อนพอบรรเทา มีอาการร่วมคือ
คัดหน้ าอก อารมณ์หงุดหงิด บางครัง้ ท้ องเสีย ประจําเดือนสีแดงคลํ ้า มีลมิ่ เลือดเล็กบ้ างใหญ่
บ้ าง ปริมาณปกติ 4-5 วันหมด ผู้ป่วยทํางานเป็ นเลขานุการ งานจะมาก รับประทานอาหารไม่
เป็ นเวลา มักดื่มนํ ้าเย็น กาแฟเย็นเป็ นประจํา อารมณ์คอ่ นข้ างเครี ยด ใบหน้ ามีฝ้าเล็กน้ อย
บางครัง้ เจ็บเสียดชายโครง มักถอนหายใจ ลิ ้นแดงอมคลํ ้ามีรอยจํ ้า ฝ้าบาง ขอบลิ ้นมีรอยฟั น
ชีพจร ตึงเล็กเร็ ว
การแยกกลุม่ อาการ พบว่าเป็ นกลุม่ อาการชี่ตบั ติดขัด และมีความเย็นอุดกัน้ การ
รักษาโดยกระจายชี่ตบั สลายการคัง่ อุน่ ทะลวงเส้ นลมปราณบริ เวณมดลูกแก้ ปวดประจํา
เดือน
จุดที่ใช้ GeShu (BL 17), GanShu (BL 18), ShenShu (BL 23), GuanYuan
(CV4), ZhongJi (CV 3), SanYinJiao (SP 6), YangLingQuan (GB 34)
จุดเสริม คัดหน้ าอกเพิ่ม NeiGuan (PC 6), TanZhong (CV 17) ; ท้ องเดินเพิม่
TianShu (ST 25)
ข้ อสังเกตหรือแนะนํา
ข้ อสังเกต
GuanYuan (CV 4) ทําเข็มอุน่ จํานวน 3 - 5 จ้ วง หรื อใช้ กล่องรมยา หากผู้ป่วยรู้สกึ
ว่ามีการไหลเวียนของชี่จะเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ ้น จุดอื่นผิงปู่ ผิงเซีย่
การครอบกระปุก
ครอบตําแหน่ง DaBao (SP 21), QiMen (LR 14), ZhongFu (LU 1) และอาซื่อ
คําแนะนํา
1. ควรปรับอารมณ์จิตใจให้ ผอ่ นคลาย โดยเฉพาะใกล้ มีประจําเดือน
246 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

2. งดเครื่ องดื่มเย็น นํ ้าแข็ง โดยเฉพาะก่อนมีรอบเดือน 5 - 7 วัน รวมทังหลี


้ กเลี่ยง
บริเวณที่มีอากาศเย็นมาก เช่น ในที่ทํางาน ห้ องนอน การว่ายนํ ้า ในระยะเวลาใกล้ มีรอบ
เดือน
การระงับอาการปวดประจําเดือนเบือ้ งต้ น
1. ใช้ จดุ SanYinJiao (SP 6) กระตุ้นระบาย หากไม่บรรเทาเพิม่ จุด DiJi (SP 8) หรื อ
จะเลือกจุด CiLiao (BL 32)
2. ในสตรี ที่ยงั ไม่เคยตังครรภ์
้ อาการปวดประจําเดือนมักเกิดจากความเย็น ใช้ การรม
ยาที่จดุ SanYinJiao (SP 6) และฝั งเข็มจุด HeGu (LI 4)
3.ในกรณีปวดท้ องอันมีสาเหตุจากเยื่อบุมดลูกเจริญผิดตําแหน่งให้ รมยาจุด
SanJiaoJiu (EX-CA 3) และฝั งเข็มจุด SanYinJiao หรื อรมยาจุด BaLiao (BL 31 – BL 34),
YaoQi (EX-B 9) หรื อฝั งเข็มจุด ZhongJi (CV 3), GuanYuan (CV 4), QiHai (CV 6),
SanYinJiao (SP 6), LiGou (LR 5), DiJi (SP 8)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 247

รู ปที่ 40 แสดงจุดฝั งเข็มรั กษาอาการปวดประจําเดือน


248 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

การบาดเจ็บจากการเล่ นกีฬา
(Sport Injury : 运动性损伤)
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ในที่นี ้กล่าวถึง การได้ รับบาดเจ็บของเนื ้อเยื่อ
ได้ แก่ กล้ ามเนื ้อ พังผืด เอ็นกล้ ามเนื ้อ เอ็นกระดูก และเยื่อหุ้มข้ อ (Soft tissue injury : Sprain
or Strain) โดยไม่มีกระดูกแตกหักเข้ ามาเกี่ยวข้ อง ส่วนใหญ่เกิดบริ เวณคอ ไหล่ ข้ อศอก
ข้ อมือ แขนขา สะโพก หัวเข่า ข้ อเท้ า ขึ ้นกับประเภทของกีฬา อาจเป็ นแบบเฉียบพลันหรื อ
เรื อ้ รังก็ได้

อาการและอาการแสดง
มีประวัตไิ ด้ รับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น หกล้ ม ได้ รับแรงกระแทก หรื อบิด
ตัวผิดท่า แล้ วมีอาการเจ็บปวด บวมหรื อฟกชํ ้าเฉพาะที่ อาจมีการจํากัดการเคลื่อนไหว หรื อ
เคลื่อนไหวร่างกายส่วนนันไม่ ้ ได้
กรณีที่มีอาการบวม ฟกชํ ้าเกิดขึ ้นทันที และเคลื่อนไหวข้ อหรื อร่างกายส่วนนัน้
ไม่ได้ อาจเกิดจากกล้ ามเนื ้อ เส้ นเอ็น หลอดเลือดฉีกขาด หรื อมีเลือดออกในข้ อ และ/หรื อมี
การผิดรูปของร่างกายส่วนนัน้ หรื อมีเหตุให้ สงสัยว่ามีกระดูกหัก การเคลื่อนย้ ายผู้ป่วยจะต้ อง
กระทําอย่างระมัดระวังและถูกต้ อง รวมทังดามบริ
้ เวณที่สงสัยว่ามีกระดูกหักไม่ให้ เคลื่อนไหว
จนกว่าจะได้ รับการวินิจฉัยที่ถกู ต้ อง

การตรวจภาพรั งสี
ภาพรังสีชว่ ยในการวินิจฉัย โดยอาจพบหรื อไม่พบร่องรอยกระดูกหักจากการ
ได้ รับบาดเจ็บก็ได้

การรั กษา
กรณีไม่มีกระดูกหัก หลอดเลือดใหญ่ฉีกขาด หรื อเลือดออกในข้ อร่วมด้ วย ถ้ ามี
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 249

อาการเฉียบพลันหลังได้ รับบาดเจ็บ ปวดเฉพาะที่ มีอาการบวมเล็กน้ อย ใช้ ประคบเย็นหรื อยา


พ่นเฉพาะที่ ถ้ ามีอาการมาก รักษาด้ วยยา ประคบเย็นหรื อร้ อนตามระยะเวลาที่ได้ รับบาดเจ็บ
อาจร่วมกับการดามส่วนที่ได้ รับบาดเจ็บไว้ ชวั่ คราวประมาณ 1 – 3 สัปดาห์ เช่น การใช้ ผ้ายืด
พัน การใส่เฝื อกอ่อน ระหว่างนี ้ควรพิจารณาการทํากายภาพบําบัดและกายบริ หารเพื่อ
ป้องกันและฟื น้ ฟูกล้ ามเนื ้อและการเคลื่อนไหวของข้ อ

การวินิจฉัยและรั กษาด้ วยศาสตร์ การแพทย์ แผนจีน


การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา จัดอยูใ่ นกลุม่ อาการบาดเจ็บเส้ นเอ็น (ShangJin) มี
สาเหตุจากการได้ รับบาดเจ็บ เช่น จากการหกล้ ม การกระแทก การเคลื่อนไหวผิดท่า หรื อตก
จากที่สงู ทําให้ ชี่ตดิ ขัดและมีเลือดคัง่ เฉพาะที่ เกิดอาการปวดและบวมเฉพาะที่ การ
เคลื่อนไหวส่วนของร่างกายหรื อข้ อลําบาก เนื่องจากเจ็บปวดหรื อมีการฉีกขาดของเนื ้อเยื่อ
รอบบริเวณดังกล่าว

อาการและอาการแสดง
มีอาการเจ็บปวด บวม เฉพาะที่หลังได้ รับบาดเจ็บ ลิน้ ปกติ ชีพจร ปกติ หรื อตึง
(XianMai)

หลักการรักษา
สลายเลือดคัง่ ทะลวงเส้ นลมปราณ กระตุ้นการไหลเวียนของชี่และเลือด ระงับปวด

การรักษา
อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อาจเกิดขึ ้นได้ ขณะฝึ กซ้ อมหรื อลงแข่งขัน และ
ตําแหน่งของการบาดเจ็บมักขึ ้นกับประเภทกีฬานัน้ ๆ เช่น ฮ็อกกี ้ มักพบอาการบาดเจ็บ
บริ เวณข้ อเท้ าได้ บอ่ ย กอล์ฟมักมีปัญหาบริ เวณคอและปวดหลังได้ บอ่ ย
จุดที่ใช้ รักษา
- แบบที่ 1 : ใช้ จดุ ใกล้ – จุดไกล ระงับปวด ร่วมกับ ปาม่ายเจียวฮุย่ , ปาฮุ่ยเซีย่ , จุด
ซี และจุด AShi ดังตารางที่ 1
250 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ตารางที่ 1 จุดฝั งเข็ม การบาดเจ็บจากการเล่ นกีฬา

บริเวณที่ปวด จุดใกล้ จุดไกล หมายเหตุ


Musculoskeleton YangLingQuan (GB34) HouXi (SI 3) If pain above
diaphragm
YangLingQuan (GB34) Kunlun (BL60) If pain below
diaphragm
Bone , joint , cartilage DaZhu (BL11) XuanZhong (GB39)
Face XiaGuan (ST7) LieQue (LU 7)
QuanLiao (SI18) TaiChong (LR 3)
Neck FengChi (GB20) HouXi (SI 3)
Shoulder JianYu (LI15) TiaoKou (ST 38)
JianLiao (SJ14) YangLao (SI 6)
Thorax TanZhong (CV 17) WaiGuan (SJ 5)
Abdomen ZhongWan (CV 12) NeiTing (ST 44)
TianShu (ST 25) XianGu (ST 43)

Location of pain Local acupoint Distal acupoint Notes

Back DaChangShu ( BL 25 ) Loo ’s point Between GB 41 & BL 62


HuanTiao ( GB 30 )
Sciatica HuanTiao ( GB 30 ) KunLun ( BL 60 )
ZiBian ( BL 54 )
Knee DuBi ( ST 35 ) NeiTing ( ST 44 )
NeiHuaiJian ( EX–LE 8)
การฝั งเข็มรักษาอาการปวด 251

Location of pain Local acupoint Distal acupoint Notes

8 confluent
Heart , chest , stomach NeiGuan ( PC 6 ) , GongSun ( SP 4 )
Neck , shoulder , back & inner cathus WaiGuan ( SJ 5 ) , ZuLinQi ( GB 41 )
Neck , nape , ear , shoulder , inner canthus ShenMai ( BL 62 ) , HouXi ( SI 3 )
Knee DuBi ( ST 35 ) NeiTing ( ST 44 )
NeiHuaiJian ( EX – LE 8 )
8 influent
Zang organs ( Chest , liver , spleen , kidney ) ZhangMen ( LR 13 )
Fu organs ( Stomach , intestines ) ZhongWan ( RN 12 )
Qi ( Fullness feeling in chest , dyspnea , asthma ) DanZhong ( RN 17 )
Blood ( Blood stagnation , boils , heart problem ) GeShu ( BL 17 )
Tendons ( Joint pain , muscular spasm , paralysis ) YangLingQuan ( GB 34 )
Vessels & pulse ( Cold limbs , heart failure , no pulse ) TaiYuan ( LU 9 )
Bone ( Back pain , emaciation with weakness ) DaZhu ( BL 11 )
Marrow ( Bone pain , aversion to cold , tiredness ) XuanZhong ( GB 39 )
Xi ( Cleft ) point
Hand LU meridian KongZui ( LU 6 ) LI meridian WenLiu ( LI 7 )
PC meridian XiMen ( PC 4 ) SJ meridian HuiZong ( SJ 7 )
HT meridian YinXi ( HT 6 ) SI meridian Yanglao ( SI 6 )
Leg SP meridian DiJi ( SP 8 ) ST meridian LiangQiu ( ST 34 )
LR meridian ZhongDu ( LR 6 ) GB meridian WaiQiu ( GB 36 )
KI meridian ShuiQuan ( KI 5 ) BL meridian JinMen (BL 63 )
Yangqiao mai FuYang ( BL 59 ) Yinqiao mai JiaoXin ( KI 8 )
Yangwei mai YangJiao ( GB 35 ) Yinwei mai ZhuBin ( KI 9 )
252 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

ข้ อแนะนํา
1. ให้ ปักจุดไกลก่อนเสมอในกรณีเฉียบพลัน โดยเฉพาะในรายที่ไม่แน่ใจว่ามีกระดูก
หักร่วมด้ วยหรื อไม่
2.กรณีเป็ นเรื อ้ รัง (Chronic sprain) ให้ ดรู ายละเอียดการรักษาในตําราฝั งเข็มเล่มอื่นๆ
3. หลังปั กเข็ม และปั่ นเข็มแล้ ว ควรให้ ผ้ ปู ่ วยเคลื่อนไหวส่วนของร่างกายที่มีอาการ
บาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้ ชี่และเลือดไหลเวียนเพิม่ ขึ ้น ช่วยลดอาการปวด
- แบบที่ 2. ใช้ จดุ ฝั งเข็ม 1 – 2 จุดรักษาอาการ Acute sprain จากการเล่นกีฬา ซึง่
มีหลายวิธีตามสรุปในตารางที่ 2.
ข้ อแนะนํา
1. ใช้ ในกรณีเฉียบพลัน ไม่มีอาการปวดจากการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน ( Non –
organic pain )
2. ผู้ป่วยอาจตอบสนองต่อการรักษาด้ วยวิธีใดวิธีหนึง่ หรื อหลายวิธีประสมกัน ดังนัน้
หลังปั กเข็มและปั่ นเข็มแล้ ว
ควรให้ ผ้ ปู ่ วยเคลื่อนไหวส่วนของร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้ ชี่และเลือด
ไหลเวียนเพิ่มขึ ้น ช่วยลดอาการปวด ถ้ าไม่ดีขึ ้นให้ Manipulate เข็มซํ ้า 1 – 2 ครัง้ ถ้ าไม่
ได้ ผลจึงพิจารณาเพิ่มวิธีอื่นต่อไป
3. อาจพิจารณาให้ ยาร่วมด้ วย ในกรณีที่ผ้ ปู ่ วยไม่สามารถมารักษาได้ สมํ่าเสมอตาม
นัด หรื อต้ องการทําให้ ผ้ ปู ่ วยหายเร็ วขึ ้น ลดอาการทุกข์ทรมานที่รบกวนการดํารงชีวิต ประจํา
วันของผู้ป่วย ทังนี ้ ้อาจเป็ นยาจีน หรื อยาแผนตะวันตกก็ได้ บ่อยครัง้ ที่ผ้ ปู ่ วยได้ รับการฝั งเข็มดี
ขึ ้น แต่ยงั มีอาการเล็กน้ อยรบกวนอยู่ ก็ใช้ ยาร่วมด้ วยเพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการรักษา และ
เพื่อป้องกันการเกิดอาการรุนแรงซํ ้า จึงไม่ควรปฏิเสธการใช้ ยา
4. กรณีมีอาการเรื อ้ รัง (Chronic sprain) ให้ ดรู ายละเอียดการรักษาในตําราฝั งเข็มเล่ม
นัน้ ๆ
ภาคผนวกที่ 1
ดัชนีจุดฝั งเข็มตามระบบเส้ นลมปราณ
ภาคผนวก 253

จุดฝังเข็มบนเส้นมือไท่อนิ ปอด (LU)


The Lung Meridian of Hand-TaiYin Acupoints
(手太阴肺经穴 Shǒu-Tài-Yīn-Fèi-Jīng-Xué)
รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย
LU1 中府 Zhōng-Fǔ จงฝู่
LU2 云门 Yún-Mén ยฺหวินเหมิน
LU3 天府 Tiān-Fǔ เทียนฝู่
LU4 侠白 Xiá-Bái เสียไป๋
LU5 尺泽 Chǐ-Zé ฉื่อเจ๋อ
LU6 孔最 Kǒng-Zuì ข่งจุย้
LU7 列缺 Liè-Quē เลีย่ เชฺวยี
LU8 经渠 Jīng-Qú จิงฉฺวี
LU9 太渊 Tài-Yuān ไท่เย◌ฺ วียน
LU10 鱼际 Yú-Jì ยฺหวีจ้ ี
LU11 少商 Shào-Shāng เส้าซาง
จุดบนเส้นมือหยางหมิงลําไส้ใหญ่ ( LI)
The Large Intestine Meridian of Hand-YangMing Acupoints
(手阳明大肠经穴Shǒu-Yáng-Míng-Dà-Cháng-Jīng-Xué)
LI1 商阳 Shāng-Yáng ซางหยาง
LI2 二间 Èr-Jiān เอ้อร์เจียน
LI3 三间 Sān-Jiān ซานเจียน
LI4 合谷 Hé-Gǔ เหอกู่
LI5 阳溪 Yáng-Xī หยางซี
254 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


LI6 偏历 Piān-Lì เพียนลี่
LI7 温溜 Wēn-Liū เวินลิว
LI8 下廉 Xià-Lián เซีย่ เหลียน
LI9 上廉 Shàng-Lián ซ่างเหลียน
LI10 手三里 Shǒu-Sān-Lǐ โส่วซานหลี่
LI11 曲池 Qū-Chí ชฺวฉี ือ
LI12 肘髎 Zhǒu-Liáo โจ่วเหลียว
LI13 手五里 Shǒu-Wǔ-Lǐ โส่วอูห๋ ลี่
LI14 臂臑 Bì-Nào ปี้ เน่า
LI15 肩髃 Jiān-Yú เจียนยฺหวี
LI16 巨骨 Jù-Gǔ จฺว้กี ู่
LI17 天鼎 Tiān-Dǐng เทียนติ่ง
LI18 扶突 Fú-Tū ฝูทู
LI19 口禾髎 Kǒu-Hé-Liáo โข่วเหอเหลียว
LI20 迎香 Yíng-Xiāng อิง๋ เซียง
จุดบนเส้นเท้าหยางหมิงกระเพาะอาหาร (ST)
The Stomach Meridian of Foot-YangMing Acupoints
(足阳明胃经穴 Zú-Yáng-Míng-Wèi-Jīng-Xué)

ST1 承泣 Chéng-Qì เฉิงชี่


ST2 四白 Sì-Baí ซือ่ ไป๋
ST3 巨髎 Jù-Liáo จฺว้เี หลียว
ST4 地仓 Dì-Cāng ตี้ชาง
ภาคผนวก 255

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


ST5 大迎 Dà-Yíng ต้าอิง๋
ST6 颊车 Jiá-Chē เจีย๋ เชอ
ST7 下关 Xià-Guān เซีย่ กวาน
ST8 头维 Tóu-Wéi โถวเหวย
ST9 人迎 Rén-Yíng เหญินอิง๋
ST10 水突 Shǔi-Tū สุ่ยทู
ST11 气舍 Qì-Shè ชี่เซ่อ
ST12 缺盆 Quē-Pén เชฺวยี เผิน
ST13 气户 Qì-Hù ชี่ฮู่
ST14 库房 Kù-Fáng คู่ฝาง
ST15 屋翳 Wū-Yì อูอ้ ี
ST16 鹰窗 Yīng-Chuāng อิงชฺวาง
ST17 乳中 Rǔ-Zhōng หญู่จง
ST18 乳根 Rǔ-Gēn หญู่เกิน
ST19 不容 Bù-Róng ปู้หญง
ST20 承满 Chéng-Mǎn เฉิงหม่าน
ST21 梁门 Liáng-Mén เหลียงเหมิน
ST22 关门 Guān-Mén กวานเหมิน
ST23 太乙 Tài-Yí(Tài-Yǐ) ไท่อี๋ (ไท่อ)่ี
ST24 滑肉门 Huá-Ròu-Mèn หัวโญ่วเหมิน
ST25 天枢 Tiān-Shū เทียนซู
ST26 外陵 Wài-Líng ไว่หลิง
256 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


ST27 大巨 Dà-Jù ต้าจฺว้ ี
ST28 水道 Shuǐ-Dào สุ่ยเต้า
ST29 归来 Gūi-Lái กุยไหล
ST30 气冲 Qì-Chōng ชี่ชง
ST31 髀关 Bì-Guān ปี้ กวน
ST32 伏兔 Fú-Tù ฝูทู่
ST33 阴市 Yīn-Shì อินซือ่
ST34 梁丘 Liáng-Qiū เหลียงชิว
ST35 犊鼻 Dú-Bí ตูป๋ ี๋
ST36 足三里 Zú-Sān-Lǐ จูซ๋ านหลี่
ST37 上巨虚 Shàng-Jù-Xū ซ่างจฺว้ซี ฺวี
ST38 条口 Tiáo-Kǒu เถียวโข่ว
ST39 下巨虚 Xià-Jù-Xū เซีย่ จฺว้ซี ฺวี
ST40 丰隆 Fēng-Lóng เฟิ งหลง
ST41 解溪 Jiě-Xī เจี่ยซี
ST42 冲阳 Chōng-Yáng ชงหยาง
ST43 陷谷 Xiàn-Gǔ เซีย่ นกู่
ST44 内庭 Nèi-Tíng เน่ยถิง
ST45 厉兑 Lì-Duì ลีต่ ยุ ้
ภาคผนวก 257

จุดบนเส้นเท้าไท่อนิ ม้าม (SP)


The Spleen Meridian of Foot-TaiYin Acupoints
(足太阴脾经穴 Zú-Tài-Yīn-Pí-Wèi-Jīng-Xué)
SP1 隐白 Yǐn-Bái อิน่ ไป๋
SP2 大都 Dà-Dū ต้าตู
SP3 太白 Tài-Bái ไท่ไป๋
SP4 公孙 Gōng-Sūn กงซุน
SP5 商丘 Shāng-Qiū ซางชิว
SP6 三阴交 Sān-Yīn-Jiāo ซานอินเจียว
SP7 漏谷 Lòu-Gǔ โล่วกู่
SP8 地机 Dì-Jī ตี้จี
SP9 阴陵泉 Yīn-Líng-Quán อินหลิงเฉฺวยี น
SP10 血海 Xuè-Hǎi เซฺวย่ี ไห่
SP11 箕门 Jī-Mén จีเหมิน
SP12 冲门 Chōng-Mén ชงเหมิน
SP13 府舍 Fǔ-Shè ฝู่เซ่อ
SP14 腹结 Fù-Jié ฝู้เจีย๋
SP15 大横 Dà-Héng ต้าเหิง
SP16 腹哀 Fù-āi ฝู้ไอ
SP17 食窦 Shí-Dòu สือโต้ว
SP18 天溪 Tiān-Xī เทียนซี
SP19 胸乡 Xiōng-Xiāng ซงเซียง
SP20 周荣 Zhōu-Róng โจวหญง
258 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


SP21 大包 Dà-Bāo ต้าเปา
จุดบนเส้นมือเส้าอินหัวใจ (HT)
The Heart Meridian of Hand-ShaoYin Acupoints
(手少阴心经穴 Shǒu-Shǎo-Yīn-Xīn-Jīng-Xué)
HT1 极泉 Jí-Quán จีเ๋ ฉฺวยี น
HT2 青灵 Qīng-Líng ชิงหลิง
HT3 少海 Shào-Hǎi เส้าไห่
HT4 灵道 Líng-Dào หลิงเต้า
HT5 通里 Tōng-Lǐ ทงหลี่
HT6 阴郗 Yīn-Xì อินซี่
HT7 神门 Shén-Mén เสินเหมิน
HT8 少府 Shào-Fǔ เส้าฝู่
HT9 少冲 Shào-Chōng เส้าชง
จุดบนเส้นมือไท่หยางลําไส้เล็ก (SI)
The Small Intestine Meridian of Hand - TaiYang Acupoints
(手太阳小肠经穴 Shǒu-Tài-Yáng-Xiǎo-Cháng-Jīng-Xué)
SI1 少泽 Shào-Zé เส้าเจ๋อ
SI2 前谷 Qián-Gǔ เฉียนกู่
SI3 后溪 Hòu-Xī โฮ่วซี
SI4 腕骨 Wàn-Gǔ ว่านกู่
SI5 阳谷 Yáng-Gǔ หยางกู่
SI6 养老 Yǎng-Lǎo หย่างเหล่า
SI7 支正 Zhī-Zhèng จือเจิ้ง
ภาคผนวก 259

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


SI8 小海 Xiǎo-Hǎi เสียวไห่
SI9 肩贞 Jiān-Zhēn เจียนเจิน
SI10 臑俞 Nào-Shū เน่าซู
SI11 天宗 Tiān-Zōng เทียนจง
SI12 秉风 Bǐng-Fēng ปิ่ งเฟิ ง
SI13 曲垣 Qū-Yuán ชฺวเี หยฺวยี น
SI14 肩外俞 Jiān-Wài-Shū เจียนไว่ซู
SI15 肩中俞 Jiān-Zhōng-Shū เจียนจงซู
SI16 天窗 Tiān-Chuāng เทียนชฺวาง
SI17 天容 Tiān-Róng เทียนหญง
SI18 颧髎 Quán-Liáo เฉฺวยี นเหลียว
SI19 听宫 Tīng-Gōng ทิงกง
จุดบนเส้นเท้าไท่หยางกระเพาะปัสสาวะ (BL)
The Bladder Meridian of FootTaiYang Acupoints
(足太阳膀胱经穴 Zú-Tài-Yáng-Páng-Guāng-Jīng-Xué)
BL1 睛明 Jīng-Míng จิงหมิง
Zǎn-Zhú จ่านจู ๋
BL2 攒竹
(Cuán-Zhú) (ฉฺวานจู)๋
BL3 眉冲 Méi-Chōng เหมยชง
BL4 曲差 Qū-Chā ชฺวชี า
BL5 五处 Wǔ-Chù อู่ชู่
BL6 承光 Chéng-Guāng เฉิงกวาง
BL7 通天 Tōng-Tiān ทงเทียน
260 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


BL8 络却 Luò-Què ลัวเชฺ
่ วย่ี
BL9 玉枕 Yù-Zhěn อวี้เจิน่
BL10 天柱 Tiān-Zhù เทียนจู ้
BL11 大杼 Dà-Zhù ต้าจู ้
BL12 风门 Fēng-Mén เฟิ งเหมิน
BL13 肺俞 Fèi-Shū เฟ่ ยซู
BL14 厥阴俞 Jué-Yīn-Shū จเหวียอินซู
BL15 心俞 Xīn-Shū ซินซู
BL16 督俞 Dū-Shū ตูซู
BL17 膈俞 Gé-Shū เก๋อซู
BL18 肝俞 Gān-Shū กานซู
BL19 胆俞 Dǎn-Shū ต่านซู
BL20 脾俞 Pí-Shū ผีซู
BL21 胃俞 Wèi-Shū เว่ยซู
BL22 三焦俞 Sān-Jiāo-Shū ซานเจียวซู
BL23 肾俞 Shèn-Shū เซิน่ ซู
BL24 气海俞 Qì-Hǎi-Shū ชี่ไห่ซู
BL25 大肠俞 Dà-Cháng-Shū ต้าฉางซู
BL26 关元俞 Guān-Yuán-Shū กวานเหยฺวยี นซู
BL27 小肠俞 Xiǎo-Cháng-Shū เสีย่ วฉางซู
BL28 膀胱俞 Páng-Guāng-Shū ผังกวางซู
BL29 中膂俞 Zhōng-Lǔ-Shū จงหลีซ่ ู (จงลฺหวีซ่ ู)
ภาคผนวก 261

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


BL30 白环俞 Bái-Huán-Shū ไป๋ หวนซู
BL31 上髎 Shàng-Liáo ซ่างเหลียว
BL32 次髎 Cì-Liáo ชื่อเหลียว
BL33 中髎 Zhōng-Liáo จงเหลียว
BL34 下髎 Xià-Liáo เซีย่ เหลียว
BL35 会阳 Huì-Yáng หุย้ หยาง
BL36 承扶 Chéng-Fú เฉิงฝู
BL37 殷门 Yīn-Mén อินเหมิน
BL38 浮郗 Fú-Xì ฝูซ่ี
BL39 委阳 Wěi-Yáng เหว่ยหยาง
BL40 委中 Wěi-Zhōng เหว่ยจง
BL41 附分 Fù-Fēn ฟู่เฟิ น
BL42 魄户 Pò-Hù พ่อหู ้
BL43 膏肓 Gāo-Huāng เกาฮวาง
BL44 神堂 Shén-Táng เสินถัง
BL45 譩譆 Yì-Xǐ อี้ส่ี
BL46 膈关 Gé-Guān เก๋อกวาน
BL47 魂门 Hún-Mén หุนเหมิน
BL48 阳纲 Yáng-Gāng หยางกัง
BL49 意舍 Yì-Shè อี้เซ่อ
BL50 胃仓 Wèi-Cāng เว่ยชาง
BL51 肓门 Huāng-Mén ฮฺวางเหมิน
262 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


BL52 志室 Zhì-Shì จื้อซือ่
BL53 胞肓 Bāo-Huāng เปาฮฺวาง
BL54 秩边 Zhì-Biān จื้อเปี ยน
BL55 合阳 Hé-Yáng เหอหยาง
BL56 承筋 Chéng-Jīn เฉิงจิน
BL57 承山 Chéng-Shān เฉิงซาน
BL58 飞扬 Fēi-Yáng เฟยหยาง
BL59 跗阳 Fū-Yáng ฟูหยาง
BL60 昆仑 Kūn-Lún คุนหลุน
BL61 仆参 Pú-Cān(Pú-Shēn) ผูชาน (ผูเซิน)
BL62 申脉 Shēn-Mài เซินม่าย
BL63 金门 Jīn-Mén จินเหมิน
BL64 京骨 Jīng-Gǔ จิงกู่
BL65 束骨 Shù-Gǔ ซู่กู่
BL66 足通谷 Zú-Tōng-Gǔ จูท๋ งกู่
BL67 至阴 Zhì-Yīn จื้ออิน
จุดบนเส้นเท้าเส้าอินไต (KI)
The Kidney Meridian of Foot-ShaoYin Acupoints
(足少阴肾经穴 Zú-Shǎo-Yīn-Shèn-Jīng-Xué)
KI1 涌泉 Yǒng-Quán หย่งเฉฺวยี น
KI2 然谷 Rán-Gǔ หญานกู่
KI3 太溪 Tài-Xī ไท่ซี
ภาคผนวก 263

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


KI4 大钟 Dà-Zhōng ต้าจง
KI5 水泉 Shuǐ-Quán สุ่ยเฉฺวยี น
KI6 照海 Zhào-Hǎi เจ้าไห่
KI7 复溜 Fù-Liū ฟู่ลวิ
KI8 交信 Jiāo-Xìn เจียวซิน่
KI9 筑宾 Zhù-Bīn จูป้ ิ น
KI10 阴谷 Yīn-gǔ อินกู่
KI11 横骨 Héng-Gǔ เหิงกู่
KI12 大赫 Dà-Hè ต้าเฮ่อ
KI13 气穴 Qì-Xué ชี่เสฺวยี
KI14 四满 Sì-Mǎn ซือ่ หม่าน
KI15 中注 Zhōng-Zhù จงจู ้
KI16 肓俞 Huāng-Shū ฮฺวางซู
KI17 商曲 Shāng-Qū ซางชฺวี
KI18 石关 Shí-Guān สือกวาน
KI19 阴都 Yīn-Dū อินตู
KI20 腹通谷 Fù-Tōng-Gǔ ฝู้ทงกู่
KI21 幽门 Yōu-Mén อิวเหมิน
KI22 步廊 Bù-Láng ปู้หลาง
KI23 神封 Shén-Fēng เสินเฟิ ง
KI24 灵墟 Líng-Xū หลิงซฺวี
KI25 神藏 Shén-Cáng เสินฉาง
264 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


KI26 彧中 Yù-Zhōng อวี้จง
KI27 俞府 Shū-Fǔ ซูฝ่ ู
จุดบนเส้นมือจฺเหวียอินเยื่อหุม้ หัวใจ (PC)
The Pericardium Meridian of Hand-JueYin Acupoints
(手厥阴心包经穴 Shǒu-Jué-Yīn-Xīn-Bāo-Jīng-Xué)
PC1 天池 Tiān-Chí เทียนฉือ
PC2 天泉 Tiān-Quán เทียนเฉฺวยี น
PC3 曲泽 Qū-Zé ชฺวเี จ๋อ
PC4 郗门 Xì-Mén ซีเ่ หมิน
PC5 间使 Jiān-Shǐ เจียนสือ่
PC6 内关 Nèi-Guān เน่ยกวาน
PC7 大陵 Dà-Líng ต้าหลิง
PC8 劳宫 Láo-Gōng เหลากง
PC9 中冲 Zhōng-Chōng จงชง
จุดบนเส้นมือเส้าหยางซานเจียว (TE)
The Pericardium Meridian of Hand-JueYin Acupoints
(手少阳三焦经穴 Shǒu-Jué-Yīn-Xīn-Bāo-Jīng-Xué)
TE1 关冲 Guān-Chōng กวานชง
TE2 液门 Yè-Mén เย่เหมิน
TE3 中渚 Zhōng-Zhǔ จงจู่
TE4 阳池 Yáng-Chí หยางฉือ
TE5 外关 Wài-Guān ไว่กวาน
TE6 支沟 Zhī-Gōu จือโกว
ภาคผนวก 265

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


TE7 会宗 Huì-Zōng หุย้ จง
TE8 三阳络 Sān-Yáng-Luò ซานหยางลัว่
TE9 四渎 Sì-Dú ซือ่ ตู ๋
TE10 天井 Tiān-Jǐng เทียนจิ่ง
TE11 清冷渊 Qīng-Lěng-Yuān ชิงเหลิง่ เย◌ฺ วียน
TE12 消泺 Xiāo-Luò เซียวลัว่
TE13 臑会 Nào-Huì เน่าหุย้
TE14 间髎 Jiān-Liáo เจียนเหลียว
TE15 天髎 Tiān-Liáo เทียนเหลียว
TE16 天牖 Tiān-Yǒu เทียนอิว่
TE17 翳风 Yì-Fēng อี้เฟิ ง
TE18 瘛脉 Chì-Mài ชื่อม่าย
TE19 颅息 Lú-Xī หลูซี
TE20 角孙 Jiǎo-Sūn เจี่ยวซุน
TE21 耳门 ĚÉr-Mén เอ่อร์เหมิน
TE22 耳禾髎 ĚÉr-Hé-Liáo เอ่อร์เหอเหลียว
TE23 丝竹空 Sī-Zhú-Kōng ซือจูค๋ ง
จุดบนเส้นเท้าหยางถุงนํ้ าดี (GB)
The Gall Bladder Meridian of Foot-ShaoYang Acupoints
(足少阳胆经穴 Zú-Shǎo-Yáng-Dǎn-Jīng-Xué)
GB1 瞳子髎 Tóng-Zǐ-Liáo ถงจื่อเหลียว
GB2 听会 Tīng-Huì ทิงหุย้
266 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


GB3 上关 Shàng-Guān ซ่างกวาน
GB4 颔厌 Hàn-Yàn ฮัน่ เอี้ยน
GB5 悬颅 Xuán-Lú เสฺวยี นหลู
GB6 悬厘 Xuán-Lí เสฺวยี นหลี
GB7 曲鬓 Qū-Bìn ชฺวปี ้ ิ น
GB8 率谷 Shuài-Gǔ ไซฺวก่ ู่
GB9 天冲 Tiān-Chōng เทียนชง
GB10 浮白 Fú-bái ฝูไป๋
GB11 头窍阴 Tóu-Qiào-Yīn โถวเชี่ยวอิน
GB12 完骨 Wán-Gǔ หวันกู่
GB13 本神 Běn-Shén เปิ่ นเสิน
GB14 阳白 Yáng-Bái หยางไป๋
GB15 头临泣 Tóu-Lín-Qì โถวหลินซี่
GB16 目窗 Mù-Chuāng มูช่ ฺวาง
GB17 正营 Zhèng-Yíng เจิ้งอิง๋
GB18 承灵 Chéng-Líng เฉิงหลิง
GB19 脑空 Nǎo-Kōng เหน่าคง
GB20 风池 Fēng-Chí เฟิ งฉือ
GB21 肩井 Jiān-Jǐng เจียนจิ่ง
GB22 渊液 Yuān-Yè เอวียนเย่
GB23 辄筋 Zhé-Jīn เจ๋อจิน
GB24 日月 Rì-Yuè ญื่อเอวีย่
ภาคผนวก 267

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


GB25 京门 Jīng-Mén จิงเหมิน
GB26 带脉 Dài-Mài ไต้มา่ ย
GB27 五枢 Wǔ-Shū อู่ซู
GB28 维道 Wéi-Dào เหวยเต้า
GB29 居髎 Jū-Liáo จฺวเี หลียว
GB30 环跳 Huán-Tiào หวนเทีย่ ว
GB31 风市 Fēng-shì เฟิ งซือ่
GB32 中渎 Zhōng-Dú จงตู ๋
GB33 膝阳关 Xī-Yáng-Guān ซีหยางกวาน
GB34 阳陵泉 Yáng-Líng-Quán หยางหลิงเฉฺวยี น
GB35 阳交 Yáng-Jiāo หยางเจียว
GB36 外丘 Wài-Qiū ไว่ชวิ
GB37 光明 Guāng-Míng กวางหมิง
GB38 阳辅 Yáng-Fǔ หยางฝู่
GB39 悬钟 Xuán-Zhōng เสฺวยี นจง
GB40 丘墟 Qiū-Xū ชิวซฺวี
GB41 足临泣 Zú-Lín-Qì จูห๋ ลินชี่
GB42 地五会 Dì-Wǔ-Huì ตี้อู่ฮ่ยุ
GB43 侠溪 Xiá-Xī เสียซี
GB44 足窍阴 Zú-Qiào-Yīn จูเ๋ ชี่ยวอิน
268 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

จุดบนเส้นเท้าจฺเหวียอินตับ (LR)
The Liver Meridian of Foot-JueYin Acupoints
(足厥阴肝经穴 Zú-Jué-Yīn-Xīn-Gān-Jīng-Xué)
LR1 大敦 Dà-Dūn ต้าตุน
LR2 行间 Xíng-Jiān สิงเจียน
LR3 太冲 Tài-Chōng ไท่ชง
LR4 中封 Zhōng-Fēng จงเฟิ ง
LR5 蠡沟 Lí-Gōu หลีโกว
LR6 中都 Zhōng-Dū จงตู
LR7 膝关 Xī-Guān ซีกวาน
LR8 曲泉 Qū-Quán ชฺวเี ฉฺวยี น
LR9 阴包 Yīn-Bāo อินเปา
LR10 足五里 Zú-Wǔ-Lǐ จูอ๋ ู่หลี่
LR11 阴廉 Yīn-Lián อินเหลียน
LR12 急脉 Jí-Mài จีม๋ า่ ย
LR13 章门 Zhāng-Mén จางเหมิน
LR14 期门 Qī-Mén ชีเหมิน
จุดบนเส้นลมปราณเญิ่น (CV)
The Conception Vessel Acupoints
(任脉穴Rèn-Mài-Xué)
CV1 会阴 Huì-Yīn หุย้ อิน
CV2 曲骨 Qū-Gǔ ชฺวกี ู่
CV3 中极 Zhōng-Jí จงจี๋
CV4 关元 Guān-Yuán กวานเหยฺวยี น
ภาคผนวก 269

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


CV5 石门 Shí-Mén สือเหมิน
CV6 气海 Qì-Hǎi ชี่ไห่
CV7 阴交 Yīn-Jiāo อินเจียว
CV8 神阙 Shén-Què เสินเชฺวย่ี
CV9 水分 Shuǐ-Fēn สุ่ยเฟิ น
CV10 下脘 Xià-Wǎn เซีย่ หว่าน
CV11 建里 Jiàn-Lǐ เจี้ยนหลี่
CV12 中脘 Zhōng-Wǎn จงหว่าน
CV13 上脘 Shàng-Wǎn ซ่างหว่าน
CV14 巨阙 Jù-Què จฺว้เี ชฺวย่ี
CV15 鸠尾 Jiū-Wěi จิวเหว่ย
CV16 中庭 Zhōng-Tíng จงถิง
Tán-Zhōng ถันจง
CV17 膻中 (Dàn-Zhōng) (ตัน้ จง)
(Shàn-Zhōng) (ซัน่ จง)
CV18 玉堂 Yù-Táng อวี้ถาง
CV19 紫宫 Zǐ-Gōng จื่อกง
CV20 华盖 Huá-Gài หัวก้าย
CV21 璇玑 Xuán-Jī เสฺวยี นจี
CV22 天突 Tiān-Tū เทียนทู
CV23 廉泉 Lián-Quán เหลียนเฉฺวยี น
CV24 承浆 Chéng-Jiāng เฉิงเจียง
270 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

จุดบนเส้นลมปราณตู (GV)
The Governor Vessel Acupoints
(督脉穴Dū-Mài-Xué)
GV1 长强 Cháng-Qiáng ฉางเฉียง
GV2 腰俞 Yāo-Shū เยาซู
GV3 腰阳关 Yāo-Yáng-Guān เยาหยางกวาน
GV4 命门 Mìng-Mén มิง่ เหมิน
GV5 悬枢 Xuán-Shū เสฺวยี นซู
GV6 脊中 Jǐ-Zhōng จี่จง
GV7 中枢 Zhōng-Shū จงซู
GV8 筋缩 Jīn-Suō จินซัว
GV9 至阳 Zhì-Yáng จื้อหยาง
GV10 灵台 Líng-Tái หลิงไถ
GV11 神道 Shén-Dào เสินเต้า
GV12 身柱 Shēn-Zhù เซินจู ้
GV13 陶道 Táo-Dào เถาเต้า
GV14 大椎 Dà-Zhuī ต้าจุย
GV15 哑门 Yǎ-Mén หย่าเหมิน
GV16 风府 Fēng-Fǔ เฟิ งฝู่
GV17 脑户 Nǎo-Hù เหน่าหู ้
GV18 强间 Qiáng-Jiān เฉียงเจียน
GV19 后顶 Hòu-Dǐng โห้วติ่ง
GV20 百会 Bǎi-Huì ไป่ หยุ ้
ภาคผนวก 271

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


GV21 前顶 Qián-Dǐng เฉียนติ่ง
GV22 囟会 Xìn-Huì ซิน่ หุย้
GV23 上星 Shàng-Xīng ซ่างซิง
GV24 神庭 Shén-Tíng เสินถิง
GV25 素髎 Sù-Liáo ซู่เหลียว
GV26 水沟 Shuǐ-Gōu สุ่ยโกว
GV27 兑端 Duì-Duān ตุย้ ตฺวาน
GV28 龈交 Yín-Jiāo อิน๋ เจียว
จุดพิเศษบน ศีรษะและคอ (EX-HN)
Head and Neck Extra-Acupoints
(头颈奇穴 : Tóu-Jǐng-Qí-Xué)
EX-HN1 四神聪 Sì-Shén-Cōng ซือ่ เสินชง
EX-HN2 当阳 Dāng-Yáng ตางหยาง
EX-HN3 印堂 Yìn-Táng อิ้นถัง
EX-HN4 鱼腰 Yú-Yāo ยฺหวีเยา
EX-HN5 太阳 Tài-Yáng ไท่หยาง
EX-HN6 耳尖 Ér-Jiān เอ่อร์เจียน
EX-HN7 球后 Qiú-Hòu ฉิวโห้ว
EX-HN8 上迎香 Shàng-Yíng-Xiāng ซ่างอิง๋ เซียง
EX-HN9 内迎香 Nèi-Yíng-Xiāng เน่ยอิง๋ เซียง
EX-HN10 聚泉 Jù-Quán จฺว้เี ฉฺวยี น
EX-HN11 海泉 Hǎi-Quán ไห่เฉฺวยี น
272 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


EX-HN12 金津 Jīn-Jīn จินจิน
EX-HN13 玉液 Yù-Yè อวี้เย่
EX-HN14 翳明 Yì-Míng อี้หมิง
EX-HN15 颈百劳 Jǐng-Bǎi-Láo จิ่งไป่ เหลา
EX-HN16 上廉泉 Shàng-Lián-Quán ซ่างเหลียนเฉฺวยี น
EX-HN17 夹承浆 Jia-Chéng-Jiāng เจี่ยเฉิงเจียง
EX-HN18 牵正 Qian-Zheng เฉียนเจิ้ง
EX-HN19 安眠 An-Mián อันเหมีย่ น
จุดพิเศษบน หน้าอกและท้อง (EX-CA)
Chest and Abdomen Extra-Acupoints
(胸腹奇穴 : Xiōng-Fù-Qí-Xué)
EX-CA1 子宫 Zǐ-Gōng จื่อกง
EX-CA2 胃上 Wèi-Shàng เว่ยซ่าง
EX-CA3 三角灸 Sān-Jiǎo-Jiǔ ซานเจี่ยวจิ่ว
EX-CA4 利尿穴 Lì-Niào-Xué ลีเ่ นี่ยวเสฺวยี
EX-CA5 气门 Qì-Mén ชี่เหมิน
EX-CA6 提托 Tí-Tuō ถีทวั
จุดพิเศษบน หลัง (EX-B)
Back Extra-Acupoints
(背奇穴 Bèi-Qí-Xué)
EX-B1 定喘 Dìng-chuǎn ติ้งฉฺวา่ น
EX-B2 夹脊 Jiá-jǐ เจีย๋ จี่
EX-B3 胃脘下俞 Wèi-Wǎn-Xià-Shū เว่ยหว่านเซีย่ ซู
ภาคผนวก 273

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


EX-B4 痞根 Pǐ-Gēn ผีเ่ กิน
EX-B5 下极俞 Xià-Jí-Shū เซีย่ จีซ๋ ู
EX-B6 腰宜 Yāo-Yí เยาอี๋
EX-B7 腰眼 Yāo-Yǎn เยาเอีย่ น
EX-B8 十七椎 Shí-Qī-Zhuī สือชีจยุ
EX-B9 腰奇 Yāo-Qí เยาฉี
EX-B10 环中 Huán-Zhōng หวนจง
EX-B11 血压点 Xuè-Yā-Diǎn เซฺวย่ี ยาเตี่ยน
EX-B12 巨阙俞 Jù-Què-Shū จฺว้เี ชฺวย่ี ซู
จุดพิเศษบน รยางค์บน (EX-UE)
Upper Extremities Extra-Acupoints
(上肢奇穴 Shàng-Zhī-Qí-Xué)
EX-UE1 肘尖 Zhǒu-Jiān โจ่วเจียน
EX-UE2 二白 Èr-Bái เอ้อร์ไป๋
EX-UE3 中泉 Zhōng-Quán จงเฉฺวยี น
EX-UE4 中魁 Zhōng-Kuí จงขุย
EX-UE5 大骨空 Dà-Gǔ-Kōng ต้ากู่คง
EX-UE6 小骨空 Xiǎo-Gǔ-Kōng เสียวกู่คง
EX-UE7 腰痛点 Yāo-Tòng-Diǎn เยาท่งเตี่ยน
EX-UE8 外劳宫 Wài-Láo-Gōng ไว่เหลากง
EX-UE9 八邪 Bā-Xié ปาเสีย
EX-UE10 四缝 Sì-Fèng ซือ่ เฝิ้ ง
274 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

รหัสจุด ชื่อภาษาจีน พินอิน ภาษาไทย


EX-UE11 十宣 Shí-Xuān สือเซฺวยี น
肩前 Jiān-Qián เจียนเฉียน
EX-UE12
(肩内陵) (Jiān-Nèi-Ling) (เจียนเน่ยหลิง)
臂中 Bì-Zhōng ปี้ จง
EX-UE13
(收逆注) (Shou-Ni-Zhu) (โซวนี่จ)ู ้
จุดพิเศษบน รยางค์ลา่ ง (EX-LE)
Lower Extremities Extra-Acupoints
(下肢奇穴Qí-Xué-Xia-Zhi)
EX-LE1 髋骨 Kuān-Gǔ ควานกู่
EX-LE2 鹤顶 Hè-Dǐng เห้อติ่ง
膝内 Xī-Nèi ซีเน่ย
EX-LE3
白虫窝 Bái-Chóng-Wō ไป๋ ฉงวอ
EX-LE4 内膝眼 Nèi-Xī-Yǎn เน่ยซีเอีย่ น
EX-LE5 膝眼 Xī-Yǎn ซีเอีย่ น
EX-LE6 胆囊 Dǎn-Náng ต่านหนาง
EX-LE7 阑尾 Lán-Wěi หลานเหว่ย
EX-LE8 内踝尖 Nèi-Huái-Jiān เน่ยหวฺายเจียน
EX-LE9 外踝尖 Wài-Huái-Jiān ไว่หวายเจียน
EX-LE10 八风 Bā-Fēng ปาเฟิ ง
EX-LE11 独阴 Dú-Yīn ตูอ๋ นิ
EX-LE12 气端 Qì-Duān ชี่ตวฺ าน
บรรณานุกรม 275

บรรณานุกรม
1. ตําราฝั งเข็มรมยาเล่ม 2; ทัศนีย์ ฮาซาไนน์ และคณะ; โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์
การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2553
2. โรคกระดูกและข้ อ ที่พบบ่อยในประเทศไทย ราชบัณฑิตยสถาน , 2545
3. Cheng D. 100 Diseases treated by single point of acupuncture and
moxibustion.: Foreign Languages Press; Beijing ,China; 2001.
4. Chinese acupuncture and moxibustion; Cheng XinNong; Foreign language
press; Beijing, China; 1987
5. Chen De Cheng; 100 Diseases treated by single point of acupuncture and
moxibustion; Foreign language press; Beijing, China; 2001.
6.Harrison’s Principle of Internal Medicine 16th Edition; Chapter 51 by
Willium Silen; McGRAW-HILL Professional, Inc.; NewYork, USA; 2004
7. GangLin Yin and ZhengHua Liu. . Advanced modern Chinese acupuncture
therapy .New World Press; Beijing China; 2000
8. Geng JunYing, Huang WenQuan and Sun YongPing; Selecting the right
acupoints; New World Press; Beijing China; 1995.
9. Un GJ, Wang H. Science of Acupuncture and Moxibustion. 1st ed.
Wuhan: Wuhan University Press, 1996.
10. Yang ZM. Chinese Acupuncture and Moxibustion. 1st ed. Shanghai:
Publishing House of Shanghai University of Traditional Chinese Medicine, 2004.
11.Zhang ZF, Zhuang D. Fundamental and Clinical Practice of
Electroacupuncture. 1t ed. Beijing: Beijing Science and Technology Press, 1994.
12. Zheng QiWei and Qian ChunYi;, Wonders of acupuncture and
276 การฝั งเข็ม รมยา เล่ม 3

moxibustion; Foreign language press; Beijing, China; 2002.


13. World journal of acupuncture – moxibustion, Vol. 4, No. 4, December ,
1994.
14. World journal of acupuncture – moxibustion, Vol. 5, No.1 , March, 1995.
15. World journal of acupuncture – moxibustion, Vol. 6, No.4, December,
1996.

You might also like