Professional Documents
Culture Documents
อัจฉรา กุลวิสุทธิ*์
การตรวจน้ํ า ไขข อ ถื อ เป น การตรวจทางห อ งปฏิ บั ติ ก ารเบื้ อ งต น ที่ ทํ า ได ง า ย และมี
ความสําคัญอยางยิ่งในการชวยวินิจฉัยแยกโรคและดูแลรักษาผูปวยโรคขอ โดยเฉพาะในรายที่มี
ภาวะขออักเสบเพียงขอเดียว (monoarthritis)
ขอบงชี้ของการเจาะขอ
1. เพื่อการวินิจฉัยโรค
โรคที่สําคัญที่สุด ไดแก โรคขออักเสบติดเชื้อ และโรคขออักเสบที่เกิดจากผลึก เชน โรค
เกาท (gout) และโรคเกาทเทียม (pseudo-gout หรือ calcium pyrophosphate deposition disease
CPPD) เปนตน ผูปวยที่มีอาการขออักเสบที่ยังไมทราบการวินิจฉัยโรคแนชัดทุกราย สมควรไดรับ
1
การเจาะตรวจน้ําไขขอ
2. เพื่อการรักษาและติดตามผลการรักษา
ในโรคขออักเสบติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่ไมใชโกโนเรีย การเจาะดูดน้ําไขขอออก
ถือเปนการระบายหนอง ลดปริมาณเชื้อ และสารคัดหลั่งตางๆ โดยเฉพาะเอ็นซัยมจากเม็ดเลือดขาว
ที่มีผลทําลายกระดูกออนและเนื้อกระดูกเฉพาะที่ ทําใหผลการรักษาดีขึ้นกวาการบริหารยาตาน
จุลชีพทางหลอดเลือดดําเพียงอยางเดียว โดยสําหรับขอที่สามารถเจาะดูดน้ําไขขอไดไมยาก เชน ขอ
เขา และ ขอเทา การเจาะดูดน้ําไขขอเปนระยะ มีประสิทธิภาพดีเทียบเทาการผาตัดระบายหนอง
ควรสงตรวจน้ําไขขอเปนระยะ เพื่อดูจํานวนเซลลลเม็ดเลือดขาว และการสงเพาะเชื้อซ้ําหลังการ
รักษา ซึ่งจะชวยในแพทยในการพิจารณาตัดสินวายาตานจุลชีพที่ไดรับอยูไดผลดีหรือไม
นอกจากนี้ในบางรายที่มีขออักเสบที่ไมใชการอักเสบติดเชื้อ ซึ่งมีอาการรุนแรงมากเพียง 1-
2 ขอ การฉีดยาสเตียรอยดเขาขอ อาจมีประโยชนในการควบคุมโรคเฉพาะที่ได
3. เพื่อลดหรือบรรเทาอาการปวด และ ทําใหการเคลื่อนไหวของขอดีขึ้น
ในรายที่มีปริมาณน้ําไขขอมากจนเกิดอาการปวด หรือทําใหการเคลื่อนไหวขอจํากัดอยาง
มาก การเจาะดูดน้ําไขขอชวยลดความดันของสารน้ําในขอและลด แรงกดที่กระทําตอเนื้อกระดูกออน
ทําใหลดอาการปวด และ ทําใหการเคลื่อนไหวของขอดีขึ้นได
*พ.บ. ผู ช ว ยศาสตราจารย สาขาวิ ช าโรคข อ และรู ม าติ ส ซั่ ม ภาควิ ช าอายุ ร ศาสตร คณะ
แพทยศาสตรศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ขอหามและผลขางเคียงของการเจาะขอ
โดยทั่วไป ไมมีขอหาม ยกเวนผูปวยที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะเจาะขอ สําหรับ
รายที่มีเกร็ดเลือดต่ํา หรือการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ สามารถเจาะขอไดตามปกติ แตสมควรเพิ่ม
ความระมัดระวัง และกดหามเลือดที่ตําแหนงเจาะนานกวาปกติ โดยดูแลเชนเดียวกับการเจาะเลือด
ทั่วไป
ผลขางเคียงของการเจาะขอ ไดแก การชักนําเชื้อจากผิวหนังและเนื้อเยื่อเขาขอ ซึ่งพบนอย
กวารอยละ 1 หากทําการเจาะขอที่ตําแหนงที่ถูกตองสําหรับขอนั้นๆ และใชขั้นตอนที่ปราศจากเชื้อ
(aseptic technique)2
การเก็บน้ําไขขอเพื่อสงตรวจ
การสงตรวจที่จําเปนและควรทําทุกครั้งที่มีการตรวจน้ําไขขอ ไดแก การตรวจนับจํานวน
และแยกชนิดเซลลลเม็ดเลือดขาว, การเพาะและยอมเชื้อ และ การตรวจสารผลึก3 สวนการตรวจอื่น
มีความสําคัญในบางราย อาจไมจําเปนตองทําในทุกราย ดังจะไดกลาวตอไป
วิธีการเก็บน้ําไขขอสงตรวจทางหองปฏิบัติการ ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1. การเก็บน้ําไขขอสงตรวจทางหองปฏิบัติการ
ขวด หรือภาชนะ ปริมาณ สารที่หลอในขวดหรือภาชนะ การสงตรวจ
เก็บสิ่งสงตรวจ (มิลลิลิตร)
1 2-5 - ย อ ม แ ล ะ เ พ า ะ เ ชื้ อ (gram
(อาจใชขวดเพาะเชื้อจากเลือดได) stain, acid fast stain, culture)
การตรวจและแปลผลน้ําไขขอ
1. การดูลักษณะ gross appearance ควรบันทึกทั้งปริมาณ (volume) สี (color) ความขุน
(clarity) และความหนืด (viscosity)
สํา หรั บ ความขุ น ขึ้ น กับ จํา นวนและชนิด ของสารที่ อยูใ นน้ํา ไขข อ ซึ่ งโดยทั่ว ไปมั กเป น
เซลลลเม็ดเลือดขาว และผลึกตางๆ การตรวจและรายงานผลทําไดโดยนําหลอดแกวใสที่บรรจุน้ําไข
ขอมาทาบบนกระดาษขาวที่มีอักษรสีดําพิมพอยู แลวสามารถมองเห็นตัวอักษรขางใตไดชัดเจน ถือ
วาน้ําไขขอนั้นใส (transparent) ถามองเห็นเพียงสีดําโดยไมสามารถอานได เรียกวา ขุนเล็กนอย
(translucent) ถามองไมเห็นเลย เรียกวา ขุน (opaque) การตรวจนี้เรียกวา “newsprint test”
1.1 ใส หรือเปนกลุมที่ไมมีการอักเสบ (clear, non-inflammatory) ลักษณะนี้พบไดใน
น้ําไขขอปกติ หรือโรคที่ไ มมีการอัก เสบหรือมีการอักเสบไมเดนชัด ที่สําคั ญไดแก โรคขอเสื่ อม
(osteoarthritis) โรคขอจากการกระทบกระแทก (traumatic arthritis) โรคขอจากเสนประสาทเสื่อม
(neuropathic หรือ Charcot’s joint) และโรคขอจากโรคทางกายอื่น เชน amyloidosis และ
acromegaly เปนตน
1.2 ขุน หรือเปนกลุมที่มีการอักเสบ (cloudy, inflammatory) แสดงถึงการมีจํานวนเม็ด
เลือดขาวเพิ่มมากขึ้น หรืออาจเกิดจากผลึก หรือสารอื่นที่มีปริมาณมากขึ้นในน้ําไขขอก็ได โรคที่พบ
ลักษณะน้ําไขขอแบบนี้ ไดแก โรคขออักเสบรูมาตอยด (rheumatoid arthritis), โรคเกาท และโรคขอ
อักเสบชนิด spondyloarthropathies (SpA) เชน Reiter’s syndrome และ psoriatic arthritis เปนตน
1.3 ขุนขนเปนหนอง (purulent) มักพบในโรคขออักเสบติดเชื้อตางๆ สวนภาวะอื่นที่อาจ
พบได ไดแก ผลึกยูเรตปริมาณมากที่พบในโรคเกาท และโรคขออักเสบรูมาตอยดที่รุนแรงมากเปน
ตน
ปนเลือดหรือเปนเลือด (hemorrhagic) มักเกิดจากการมีเลือดในขอ (hemathrosis)
เชน โรค hemophilia และโรคขอจากการกระทบกระแทก เปนตน สวนโรคอื่นๆ ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2. โรคหรือภาวะที่มีเลือดออกในขอ (hemorrhagic synovial fluid)
Anticoagulant Rx
Any intense inflammation with congested vessels
Arteriovenous fistula
Calcium pyrophosphate deposition disease ( CPPD )
Charcot’s or neuropathic joint
Hemangioma
Hemophilia or other bleeding disorders
Idiopathic hemarthrosis
Metastatic carcinoma
Myeloproliferative disease
Pigmented villonodular synovitis
Ruptured aneurysm
Scurvy
Thrombocytopenia
Traumatic arthritis with or without fracture
Tumors
ตารางที่ 3. การแบงกลุมน้ําไขขอ
ในบางภาวะ การเปลี่ยนแปลงของจํานวนเซลลลและชนิดของเม็ดเลือดขาวอาจไมเปนไปใน
แนวเดียวกัน จึงจําเปนตองแปลผลอยางระมัดระวัง เชน ในโรคที่มีเม็ดเลือดขาวในเลือดต่ํา การพบ
เซลลลในน้ําไขขอเพียง 150 เซลลล แตมี PMN รอยละ 80 ชวยบงชี้วานาจะมีการอักเสบในขอ เปน
ตน โรคที่พบลักษณะน้ําไขขอในแตละกลุม ดังตารางที่ 4
การตรวจนับเซลลล ใชวิธีการเชนเดียวกับการตรวจนับจํานวนเซลลลเม็ดเลือดขาวในเลือด
แตใช normal saline (NSS) เปนตัวทําเจือจาง (dilution)โดยความเขมขนที่แนะนํา คือ 0.3% NSS
ควร smear น้ําไขขอทันทีหลังเจาะ และปลอยใหแหง เพื่อชวยรักษารูปรางของเซลลลได
ดีกวาการทิ้งน้ําไขขอไวที่อุณหภูมิหองระยะหนึ่งกอนทําการ smear แลวนํามายอมสี Wright หรือ
Giemsa stain หรือ Supravital stain เพื่อแยกชนิดของเซลลล เซลลลเม็ดเลือดขาวแตละชนิดชวย
สนับสนุนการวินิจฉัยโรคที่แตกตางกัน ดังตารางที่ 5
ตารางที่ 4. โรคที่เปนสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงน้ําไขขอในแตละกลุม
ตารางที่ 5. โรคและการแยกชนิดของเซลลลเม็ดเลือดขาว
Neutrophil Lymphocyte Eosinophil ( > 2% ) Monocyte
- Septic arthritis, bacterial - Early RA - TB arthritis - Viral arthritis
- Acute crystal-induced - Viral arthritis - Parasitic arthritis - Chronic crystal-
arthritis - TB arthritis - Hypereosinophilic syndrome induced arthritis
- RA - SLE - Post-radiation arthritis - OA
- SpA - Hemathrosis - RA with peripheral blood - Serum sickness
- Endocarditis eosinophilia
- Synovial metastasis
Analyzer
Analyzer
Compensator
Crystal
Objective lens
Rotating stage Polarizer
Polarizer
Light source
blue yellow
เอกสารอางอิง
1. Dougados M. Synovial fluid analysis. Bailliere’s Clin Rheumatol 1996;10:519-34
2. Shmerling RH. Synovial fluid analysis. Rheum Dis Clin North Am 1994;20:503-12
3. Ward PCJ. Interpretation of synovial fluid data. Postgraduate Med 1980;68:175-84
4. Schumacher HR Jr, Reginato AJ. Synovial fluid analysis. In:Schumacher HR Jr, Reginato AJ, eds.
Atlas of synovial fluid analysis and crystal indentification. Philadelphia, Lea & Febiger 1991;1-5
5. Schumacher HR Jr, Clayburne G. Leukocyte count. In:Schumacher HR Jr, Reginato AJ, eds. Atlas of
synovial fluid analysis and crystal indentification. Philadelphia, Lea & Febiger 1991;27-9
6. อัจฉรา กุลวิสุทธิ์. การตรวจน้ําไขขอ. ใน:สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ, สุรวุฒิ ปรีชานนท, บรรณาธิการ.
กรุงเทพมหานคร, เรือนแกวการพิมพ. คูมือโรคขอ 2541:32-7
7. Schumacher HR Jr, Reginato AJ. Stained preparation. In:Schumacher HR Jr, Reginato AJ, eds. Atlas
of synovial fluid analysis and crystal indentification. Philadelphia, Lea & Febiger 1991;57-87
8. Schumacher HR Jr. Synovial fluid analysis and synovial biopsy. In:Ruddy S, Harris ED, Sledge CB,
eds. Kelly’s Textbook of Rheumatology, 6th ed. Philadelphia, WB.Saunders 2001;605-20
9. Gatter RA. The compensated polarized light microscope in clinical rheumatology. Arthritis Rheum
1974;17:253-55
10. Gatter RA, Schumacher HR Jr. Clinical application of the compensated polarized light and phase light
microscope. In:Gatter RA, Schumacher HR Jr, eds. A practical handbook of joint fluid analysis, 2nd ed.
Philadelphia, Lea & Febiger 1991;39-44
11. Gatter RA, Schumacher HR Jr. Special stains for cellular and crystalline material. In:Gatter RA,
Schumacher HR Jr, eds. A practical handbook of joint fluid analysis, 2nd ed. Philadelphia, Lea &
Febiger 1991;70-7
12. Baker DG. Chemistry, serology and immunology. In:Gatter RA, Schumacher HR Jr, eds. A practical
handbook of joint fluid analysis, 2nd ed. Philadelphia, Lea & Febiger 1991;70-7
13. Shmerling RH, Delbanco TL. Synovial fluid tests. JAMA 1990;264:1009-14
14. Yehia SR, Duncan H. Synovial fluid analysis. Clin Ortho Related Research 1975;107:11-24