You are on page 1of 27

การละเมิดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร

กลุุมที่ 1
บทนำา

“ความรู้” เป็ นสิ่งที่สำำคัญที่สุดในกำรสร้ำงชำติให้แข็งแกร่ง และ


เรื่องรำวควำมร้้ด้ำนทรัพย์สินทำงปั ญญำนั้ น คือ ทำงลัดในกำรสร้ำงชำติ
และเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง แน่นอนกำรสร้ำงทรัพย์สินทำงปั ญญำเป็ นเรื่อง
ที่ต้องลงทุนมหำศำลและใช้เวลำมำก หลำยประเทศในเอเชียที่พ่ำยแพ้ใน
สงครำมโลกครั้งที่สองแทบสิ้นเนื้ อปะดำตัวกลับลุกขึ้นมำมีควำมแข็งแกร่ง
ด้ำนเศรษฐกิจได้อย่ำงรวดเร็วเพรำะกำรมีเทคโนโลยี โดยใช้ยุทธศำสตร์
สร้ำงชำติด้วยกำร Copy and Development (C&D) และใช้ควำมร้้ในเชิง
บริหำรจัดกำรเทคโนโลยีและกำรบริหำรธุรกิจมำทำำให้เทคโนโลยีของตน
ประสบควำมสำำเร็จในธุรกิจ ซึ่งแตกต่ำงจำกหลำยยุทธศำสตร์ในหลำย
องค์กรของไทยเรำใช้กำรวิจัยพัฒนำเป็ นจุดยืน (Research and
Development) R&D อำจจะเป็ นจุดยืนที่ดีแต่อำจจะไม่ใช่ทำงลัดในกำร
สร้ำงเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของชำติให้เติบโตรวดเร็ว ควำมร้้ด้ำน
ทรัพย์สินทำงปั ญญำที่นักวิจัยและวิศวกรไทยหรือนั กวิทยำศำสตร์หลำยๆ
สำขำ ยังมีควำมร้้ด้ำนทรัพย์สินทำงปั ญญำไม่เพียงพอนั ่นอำจจะทำำให้เรำ
เดินช้ำกว่ำเดิม
2

ทรัพย์สินทำงปั ญญำ เป็ นสิทธิทำงกฎหมำยที่มีอย่้เหนื อสิ่งที่เกิด


จำกควำมคิดสร้ำงสรรค์ทำง
ปั ญญำของมนุ ษย์ โดยอำจแบ่งทรัพย์สินทำงปั ญญำออกได้หลำยประเภท
คือ ทรัพย์สินทำงอุตสำหกรรม, ลิขสิทธิ์, สิทธิบัตร, ควำมลับทำงกำรค้ำ,
เครื่องหมำยกำรค้ำ สิทธิในทรัพย์สินทำงปั ญญำนั้ นแยกต่ำงหำกจำก
กรรมสิทธิใ์ นสื่อแห่งผลผลิตทำงทรัพย์สินทำงปั ญญำ เช่น ลิขสิทธิใ์ น
หนั งสือจะไม่ใช่เป็ นสิ่งเดียวกันกับควำมเป็ นเจ้ำของหนั งสือซึ่งจับต้องได้
สิทธิบัตรในเครื่องมืออิเล็กทรอนิ กส์จะแยกต่ำงหำกจำกควำมเป็ นเจ้ำของ
เครื่องมือ ดังนั้ น เจ้ำของหนั งสือหรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิ กส์ จึงมี
กรรมสิทธิใ์ นกำรใช้หรือจัดกำรทรัพย์น้ ั นตำมควำมประสงค์ แต่ไม่สำมำรถ
ทำำกำรใด ๆ ซึ่งละเมิดต่อสิทธิแต่เพียงผ้้เดียวของผ้้ทรงลิขสิทธิ์ หรือ
ผ้้ทรงสิทธิบัตรนั้ น เช่น เจ้ำของหนั งสือไม่สำมำรถทำำซำ้ำหนั งสือ โดย
ปรำศจำกควำมยินยอมของเจ้ำของลิขสิทธิ์ เนื่ องจำกสิทธิในกำรทำำซำ้ำเป็ น
สิทธิแต่เพียง ผ้้เดียวของผ้้ทรงสิทธิ์

สิทธิบัตร
สิทธิบัตร เป็ นทรัพย์สินทำงปั ญญำประเภทเดียวที่เป็ นสิทธิที่ก่อตั้ง
์ ่ึงสิทธิเกิดขึ้นทันทีเมื่อ
ขึ้นด้วยกำรจดทะเบียน ซึ่งแตกต่ำงจำกลิขสิทธิซ
สร้ำงสรรค์งำนและแตกต่ำงจำกเครื่องหมำยกำรค้ำซึ่งทำงทฤษฎี สิทธิอำจ
เกิดขึ้นเนื่ องจำกกำรใช้เครื่องหมำย แต่จะมีผลสมบ้รณ์ต้องมีกำรจด
ทะเบียน ฉะนั้ นหำกไม่มีกำร
จดทะเบียนสิทธิบัตรแล้ว สิทธิก็ไม่เกิดขึ้น
3

หลักกำรของกำรให้ควำมคุ้มครองสิทธิบัตร เป็ นกำรแลกเปลี่ยนกัน


กล่ำวคือ ผ้ข
้ อรับสิทธิบัตรจะต้องทำำกำรเปิ ดเผยรำยละเอียดหรือควำมลับ
เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องกำรคุ้มครอง และกำรเปิ ดเผยต้องมีลักษณะสมบ้รณ์ ชัด
แจ้ง และเป็ นประโยชน์ต่อสังคมมำกที่สุด เพื่อที่สงั คมจะได้เอำไปใช้
ความหมาย ของคำำว่ำ “สิทธิบัตร” (patent) อำจอธิบำยได้ 2
ควำมหมำย (กฎหมายสิทธิบัตร. ออน-ไลน์. 2553) คือ
ควำมหมำยแรก หมำยถึง หนั งสือสำำคัญหรือเอกสำรสิทธิ
ประเภทหนึ่ ง ซึ่งตำมพระรำชบัญญัติสิทธิบัตร มำตรำ 3 บัญญัติว่ำ “สิทธิ
บัตร หมำยควำมว่ำหนั งสือสำำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองกำรประดิษฐ์ หรือ
กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ตำมที่กำำหนดโดยบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติ
นี้ ”
ควำมหมำยที่สอง หมำยถึง สิทธิพิเศษประเภทหนึ่ ง ซึ่งเป็ น
สิทธิแต่ผ้เดียว (exclusive right) เหนื อกำรกระทำำ บำงอย่ำงที่กฎหมำย
กำำหนด เช่น ตำมพระรำชบัญญัติสิทธิบัตร มำตรำ 36 บัญญัติให้ผ้ทรง
สิทธิบัตรเท่ำนั้ นที่มีสิทธิในกำรผลิต ใช้ ขำย มีไว้เพื่อขำย เสนอขำย หรือ
นำำเข้ำในรำชอำณำจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตำมสิทธิบัตร
นอกจำกสิทธิบัตรแล้ว ตำมกฎหมำยสิทธิบัตรที่มีกำรแก้ไข
ล่ำสุด ตำมพระรำชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 ได้บัญญัติให้
ควำมคุ้มครอง อนุ สิทธิบัตร ( petty patent) ไว้ในมำตรำ 65 ทวิ จุด
ประสงค์ของกำรให้ควำมคุ้มครองอนุ สิทธิบัตร เนื่ องจำกกำรประดิษฐ์บำง
อย่ำงไม่มีคุณสมบัติถึงมำตรฐำนที่จดทะเบียนสิทธิบัตรได้ (standard
patent) เพรำะเป็ นกำรประดิษฐ์ท่ีไม่ซับซ้อนและไม่มีเทคโนโลยีส้งมำกนั ก
เช่น หลอดด้ดกำแฟ เดิมตรงหักไม่ได้ ปั จจุบันหลอดพับได้ เรื่องอนุ สิทธิ
4

บัตรมีบัญญัติไว้ในมำตรำ 65 ทวิ โดยสรุปแล้วอนุ สท


ิ ธิบัตร คือ ร้ปแบบ
ของสิทธิบัตรอันหนึ่ งแต่ระยะเวลำคุ้มครองจะสั้นกว่ำสิทธิบัตรธรรมดำ
สำำนั กงำนทรัพย์สินทำงปั ญญำ มหำวิทยำลัยเทคโนโลยีสุรนำรี
(2553. ออน-ไลน์) ได้ให้ควำมหมำยสิทธิบัตร หมำยถึง หนั งสือสำำคัญที่
รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองกำรประดิษฐ์คิดค้นหรือกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มี
ลักษณะตำมที่กำำหนดในกฎหมำย กฎกระทรวง และระเบียบว่ำด้วยสิทธิ
บัตร พ.ศ. 2522 เป็ นทรัพย์สินทำงปั ญญำประเภทหนึ่ ง ที่เกี่ยวกับกำร
ประดิษฐ์คิดค้นหรือกำรออกแบบ เพื่อให้ได้สิ่งของ,เครื่องใช้หรือสิ่งอำำนวย
ควำมสะดวกต่ำงๆที่เรำใช้กันอย่้ในชีวิตประจำำวัน เช่น กำรประ ดิษฐ์
รถยนต์ ,ทีวี,คอมพิวเตอร์,โทรศัพท์ หรือกำรออกแบบขวดบรรจุน้ ำำ
ดื่ม,ขวดบรรจุน้ ำำอัดลม หรือกำรออกแบบลวดลำยบนจำนข้ำว ,ถ้วยกำแฟ
ไม่ให้เหมือนของคนอื่น เป็ นต้น สิทธิบัตร คือ สิทธิพิเศษ ที่ให้ผ้ประดิษฐ์
คิดค้นหรือผ้้ออกแบบผลิตภัณฑ์ มีสิทธิที่จะผลิตสินค้ำ จำำหน่ำยสินค้ำแต่
เพียงผ้้เดียว ในช่วงระยะเวลำหนึ่ ง
ปกำศรี บัวสวรรค์ (2553 : 125) สิทธิบัตรเป็ นหนั งสือสำำคัญที่ทำง
รำชกำรออกให้เป็ นเอกสำรสิทธิคุ้มครองผลงำนประดิษฐ์ และกำร
ออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งผ้้สร้ำงผลงำนจะต้องขอรับสิทธิบัตรตำมหลัก
เกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำำหนดเพื่อให้ได้รบ
ั ควำมคุ้มครอง ดังนั้ นตรำบใดที่
ผ้้สร้ำงผลงำนยังไม่ได้ขอรับสิทธิบัตร หำกมีบุคคลมำสร้ำงผลงำน เหมือน
หรือคล้ำยกัน และแม้จะลอกเลียนแบบผลงำนนั้ นแล้วนำำไปผลิต
จำำหน่ำยผ้้สร้ำงผลงำนนั้ นก็มำสำมำรถดำำเนิ นกำรใดๆ ตำมกฎหมำยได้

จำกควำมหมำยดังกล่ำว พอสรุปได้ว่ำ สิทธิบัตรเป็ นส่วนหนึ่ งของ


ทรัพย์สินทำงปั ญญำ ซึ่งมีองค์กร
5

ภำคเอกชน และหน่วยงำนภำครัฐ เข้ำมำคุ้มครอง ในร้ปแบบกฎหมำย


ระเบียบ ข้อบังคับ เพรำะในระดับสำกลกำรละเมิดควำมคิดผ้้อ่ ืน หรือนำำ
ควำมคิดผ้้อ่ ืน มำใช้เพื่อแสวงหำผลประโยชน์ ถือว่ำเป็ นกำรลักทรัพย์ อีก
ทั้งยังเป็ นผลกระทบต่อด้ำนเศรษฐกิจและในภำครวมระดับประเทศหรือ
สำกลอีกด้วย
เนื้ อหำของกฎหมำยสิทธิบัตร (ชุมชนนักกฎหมาย. ออน-ไลน์.
2553) ประกอบด้วย 4 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่หนึ่ ง สิ่งที่ได้รบ
ั ควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยสิทธิบัตร ส่วนที่
สอง ลักษณะของกำรประดิษฐ์
หรือกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะขอรับสิทธิบัตรได้ ส่วนที่สำม บุคคลที่มี
สิทธิบัตร และคำำขอรับสิทธิบัตร
ส่วนที่ส่ี กำรกระทำำที่เป็ นกำรละเมิดสิทธิบัตรและข้อยกเว้น

กฎหมายสิทธิบัตร
สิ่งที่ได้รบ
ั ควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยสิทธิบัตร มีองค์ประกอบ
สำำคัญ (สรุปกฎหมำยสิทธิบัตร. ออนไลน์. 2553 )คือ
1. กำรประดิษฐ์ (invention) ตำมพระรำชบัญญัติสิทธิ
บัตร มำตรำ 3 ให้นิยำมไว้ว่ำ กำรคิดค้นหรือคิดทำำขึ้นอันเป็ นผลให้ได้มำ
ซึ่งผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีใดขึ้นใหม่ หรือกำรกระทำำใดๆ ที่ทำำให้ดีข้ ึนซึ่ง
ผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธี จำกนิ ยำมดังกล่ำวอำจแยกได้เป็ น 2 องค์
ประกอบ คือ
1.1 กำรประดิษฐ์ คือ กำรคิดค้นหรือคิดทำำขึ้น หมำยควำม
ว่ำ กำรประดิษฐ์เป็ นกำรใช้
6

ควำมคิด ซึ่งแตกต่ำงจำกคำำว่ำ สิ่งประดิษฐ์ ซึ่งเป็ นผลที่ได้จำกกำรใช้


ควำมคิดและมุ่งไปที่ตัววัตถุ ฉะนั้ นกำรคุ้มครองของสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์
จึงแตกต่ำงกันอย่ำงชัดเจน เรื่องควำมคุ้มครองควำมคิด สิทธิบัตร ให้
ควำมคุ้มครองควำมคิด สำระสำำคัญของควำมคิด ในขณะที่ลิขสิทธิไ์ ม่
คุ้มครองควำมคิด แต่คุ้มครองกำรแสดงออกซึ่งควำมคิดตำมพระรำช
บัญญัติลิขสิทธิ์ มำตรำ 6 วรรคสอง
1.2 กำรประดิษฐ์ คือผลที่เกิดจำกกำรใช้ควำมคิดนั้ น ซึ่งมี
2 ประเภท คือ
ก. ผลิตภัณฑ์ (product) กฎหมำยไม่ได้ให้ควำมหมำยไว้
แต่อำจกล่ำวได้ว่ำผลิตภัณฑ์
หมำยถึงสิ่งที่มีร้ปร่ำงหรือมีคุณสมบัติทำงกำยภำพ เช่น เครื่องจักรกล
เครื่องสำำเร็จ อุปกรณ์ เครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ทำงเคมี หรืออำจกล่ำวได้ว่ำ
ผลิตภัณฑ์ คือสิ่งที่มนุ ษย์ได้ผลิตขึ้นหรือทำำให้เกิดขึ้น คำำว่ำ ผลิตขึ้น คือ
กำรกระทำำให้เกิดขึ้นนอกเหนื อจำกสิ่งที่มีอย่้แล้วตำมธรรมชำติ ฉะนั้ นสิ่งที่
มีชีวิตต่ำงๆ เช่น สัตว์ พืช จุลชีพ หรือ จุลิทรีย์ ที่มีอย่้แล้วตำมธรรมชำติ
จึงไม่ใช่ส่ิงที่มนุ ษย์คิดค้นขึ้น หำกมนุ ษย์ไปพบเรียกว่ำ กำรค้นพบ กำรค้น
พบจึงไม่ใช่กำรประดิษฐ์ แต่ถ้ำเป็ นสิ่งที่มนุ ษย์คิดค้นขึ้น เช่น จุลินทรีย์ท่ี
ทำำผงช้รส ถือเป็ นผลิตภัณฑ์อย่ำงหนึ่ ง จึงขอจดทะเบียนสิทธิบัตรได้ ส่วน
สัตว์ หรือพืชที่เกิดจำกกำรคิดค้นของมนุ ษย์ก็เป็ นผลิตภัณฑ์ แต่ตำม
มำตรำ 9 (1) ตอนท้ำย ได้บัญญัติว่ำ สัตว์และพืชทุกชนิ ดไม่ว่ำจะเกิดตำม
ธรรมชำติหรือเกิดจำกกำรประดิษฐ์คิดค้นของมนุ ษย์ ขอจดทะเบียนไม่ได้
อย่ำงไรก็ตำมกฎหมำยห้ำมเฉพำะกำรจดสิทธิบัตร ตัวสัตว์และพืช แต่ไม่
รวมถึงกรรมวิธีในกำรผลิตสัตว์และพืช ฉะนั้ นวิธีในกำรผลิตพันธ์ุฝ้ำย
แสมพันธ์ุข้ำว ผสมพันธ์ุปลำบึก จึงขอจดทะเบียนสิทธิบัตรกรรมวิธีได้ คำำ
7

ว่ำ ผลิตภัณฑ์ เป็ นผลที่ได้จำกกำรประดิษฐ์หรืออำจเรียกว่ำเป็ นสิ่งที่


ประดิษฐ์ซ่ีงกฎหมำยคุ้มครองลักษณะภำยในของผลิตภัณฑ์ ฉะนั้ นจึงอย่ำ
สับสนกับ คำำว่ำ กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งกฎหมำยคุ้มครองลักษณะ
ภำยนอก เช่น ร้ปร่ำงของผลิตภัณฑ์
ข้อสังเกตประกำรสุดท้ำยของผลิตภัณฑ์ คือ กฎหมำยสิทธิบัตรไม่ได้
ให้ควำมหมำย หรือกำำหนดประเภทของผลิตภัณฑ์ที่จะได้รบ
ั ควำม
คุ้มครอง แตกต่ำงกับลิขสิทธิ์ ซึ่งระบุประเภทงำนที่กฎหมำยให้ควำม
คุ้มครองไว้ใน มำตรำ 6 วรรคแรก เช่น งำนวรรณกรรม ศิลปกรรม
เป็ นต้น ฉะนั้ น ผลิตภัณฑ์ท่ีจะได้รบ
ั ควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยสิทธิบัตร
จึงเป็ นอะไรก็ได้ท่ีไม่ต้องห้ำมตำมมำตรำ 9 และมีคุณสมบัติ ตำมมำตรำ 5
ข. กรรมวิธี(process)กรรมวิธี เป็ นกำรประดิษฐ์ท่ีเป็ นผล
จำกกำรคิดค้นหรือคิดทำำขึ้น
ตำมมำตรำ 3 ได้ให้ควำมหมำยกรรมวิธีว่ำ หมำยถึง กำรคิดค้นหรือคิดทำำ
ขึ้นในส่วนที่เกี่ยวกับกำรกระทำำหรือกำรปฏิบัติ กำรกระทำำหรือกำรปฏิบัติ
ต่อวัตถุต่ำงๆ ซึ่งทำำให้เกิดผล 2 ลักษณะ คือ ลักษณะที่ทำำให้เกิด
ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเรียกว่ำ กรรมวิธีกำรผลิต ซึ่งหมำยถึง ขั้นตอนในกำรกระ
ทำำที่ทำำให้เกิดผลิตภัณฑ์ข้ ึนมำ เช่น วิธีกำรผสมป้นซีเมนต์ และ
ลักษณะในกำรเก็บรักษำให้คงสภำพ หรือทำำให้คุณภำพดีข้ ึน เช่น วิธีกำร
หมักเบียร์ กำรฉำยรังสีส้มเขียวหวำน
โดยสรุปแล้ว กำรประดิษฐ์ มีอย่้ 2 ส่วน ขึ้นอย่้กับลักษณะ ถ้ำเป็ น
ควำมคิดหรือกำรคิดค้นเกี่ยวกับตัววัตถุ เป็ นกำรประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ แต่ถ้ำ
เป็ นกำรคิดค้นเกี่ยวกับขั้นตอนกำรผลิต วิธีกำรทำำ เรียกว่ำ กำรประดิษฐ์ที่
เป็ นกรรมวิธีกำรจดทะเบียนสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์กับสิทธิบัตรกรรมวิธีให้ผล
คุ้มครองแตกต่ำงกัน กำรจดทะเบียนสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ให้ควำมคุ้มครอง
8

มำกกว่ำสิทธิบัตรกรรมวิธี เพรำะเมื่อจดทะเบียนสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ไว้
แล้วส่วนที่ได้รบ
ั ควำมคุ้มครอง คือผลิตภัณฑ์ คนอื่นไม่มีสิทธิใน
ผลิตภัณฑ์น้ ั นไม่ว่ำจะผลิตขึ้นโดยวิธีใดก็ตำม หำกมีลักษณะเหมือนกับ
ผลิตภัณฑ์ท่ีจดไว้ก็เป็ นกำรละเมิดสิทธิบัตร แต่ถ้ำจดทะเบียนสิทธิบัตร
กรรมวิธีไว้เฉพำะ กำรใช้วิธีกำรผลิตที่จดไว้เท่ำนั้ นจึงเป็ นกำรละเมิดสิทธิ
บัตร ดังเช่น คำำพิพำกษำฎีกำที่ 3523/2537 โจทก์ร่วมได้รบ
ั สิทธิบัตรกำร
ประดิษฐ์ตะกร้อพลำสติก ดังนั้ นไม่ว่ำผ้้ผลิตรำยใดจะพัฒนำวิธีกำรสำน
ตระกร้อพลำสติกให้ดีกว่ำ หรือต่ำงไปจำกวิธีกำรสำนขิ่งโจทก์ร่วมเพียงใด
ก็ตำม หำกล้กตระกร้อที่ผลิตออกมำมีร้ปร่ำงลักษณะเหมือนกับโจทก์ร่วม
แล้ว ถือว่ำผลิตภัณฑ์น้ ั นผลิตโดยละเมิดข้อถือสิทธิตำมสิทธิบัตรของโจทก์
ร่วม
2. กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ (product design) ให้สงั เกต
คำำว่ำ กำรออกแบบ ซึ่งเป็ นกำรใช้ควำมคิด กำรคิดค้นหรือคิดทำำขึ้น
เหมือนกับกำรประดิษฐ์ คำำว่ำ แบบผลิตภัณฑ์ หมำยควำมว่ำ ร้ปร่ำงของ
ผลิตภัณฑ์ หรือองค์ประกอบของลวดลำยหรือสีของผลิตภัณฑ์อันมี
ลักษณะพิเศษ สำำหรับผลิตภัณฑ์ซึ่งสำมำรถใช้เป็ นแบบสำำหรับผลิตภัณฑ์
อุตสำหกรรม รวมทั้งหัตถกรรมได้ ฉะนั้ นกำรออกแบบผลิตภัณฑ์จึง
เป็ นกำรใช้ควำมคิดในกำรออกแบบ ซึ่งกฎหมำยให้ควำมคุ้มครองผลของ
กำรออกแบบ 2 ประเภท คือ ร้ปร่ำงของผลิตภัณฑ์ และองค์ประกอบของ
ลวดลำย หรือสีของผลิตภัณฑ์ ร้ปร่ำง คือ ลักษณะภำยนอกที่มีลักษณะ
สำมมิติ หรือร้ปทรงลวดลำยหรือสี เป็ นกำรออกแบบให้เกิดลักษณะขึ้นที่
พื้ นผิวของวัสดุ หรือแบบผลิตภัณฑ์ ใช้เป็ นแบบสำำหรับผลิตภัณฑ์
อุตสำหกรรม รวมทั้งหัตถกรรม หมำยถึง กำรออกแบบเพื่อใช้ผลิตภัณฑ์
ทำง
9

อุตสำหกรรม หรือหัตถกรรม ซึง่ ต่ำงจำกลิขสิทธิ์ ลิขสิทธิม


์ ิได้มุ่งผลิต
สินค้ำ แต่เป็ นงำนสร้ำงสรรค์เพื่อแสดงออกซึ่งข้อม้ล อำรมณ์ ควำมร้้สึก
นึ กคิด เช่น กำรปั้ นร้ปก็เพื่อให้เห็นควำมงดงำม อย่ำงไรก็ตำม คำำ
พิพำกษำฎีกำที่ 6379/2537 วินิจฉัยเรื่อง กำรออกแบบปำกกำล้กลื่นว่ำ
เป็ นงำนศิลป์ ประยุกต์ตำมกฎหมำยลิขสิทธิ์ ซึ่งหำกพิจำรณำวัตถุประสงค์
ของกำรสร้ำงเพื่อต้องกำรผลิตสินค้ำ ฉะนั้ นกำรออกแบบปำกกำล้กลื่นจึง
เป็ นกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ตำมกฎหมำยสิทธิบัตร
โดยสรุปแล้ว กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องเป็ นกำรออกแบบเกี่ยวกับ
ควำมสวยงำมภำยนอกของวัตถุอันสำมำรถปรำกฏแก่สำยตำของผ้้ชม
เพื่อดึงด้ดให้ล้กค้ำตกลงซื้ อผลิตภัณฑ์ ซึ่งต่ำงจำกกำรประดิษฐ์ซ่ึงให้ควำม
คุ้มครองสำระสำำคัญภำยในของผลิตภัณฑ์
ลักษณะของการประดิษฐ์
ลักษณะของกำรประดิษฐ์หรือกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิ
บัตรได้ กำรประดิษฐ์ท่ีขอรับสิทธิบัตรได้ ตำมมำตรำ 5 ต้องมีคุณสมบัติ
ดังนี้
1. เป็ นกำรประดิษฐ์ข้ ึนใหม่ (novelty) มำตรำ 6 มำตรำ 6
วรรคแรก บัญญัติว่ำ กำรประดิษฐ์ข้ ึน
ใหม่ ได้แก่ กำรประดิษฐ์ท่ีไม่เป็ นงำนที่ปรำกฏอย่้แล้ว ณ วันยื่นขอรับ
สิทธิบัตร หมำยควำมว่ำ กำรประดิษฐ์ท่ีจะได้รบ
ั ควำมคุ้มครองจะต้องเป็ น
สิ่งใหม่ ที่ยงั ไม่เคยปรำกฏมำก่อน ส่วนเวลำที่ถือเป็ นเกณฑ์ตัดสิน คือ วัน
ยื่นขอรับสิทธิบัตรควำมใหม่ จึงเป็ นเงื่อนไขที่สำำคัญที่สุดของกำรขอรับ
์ ่ีไม่ต้องกำรควำมใหม่ แต่ต้องเป็ นกำร
สิทธิบัตร ซึ่งต่ำงจำกลิขสิทธิท
สร้ำงสรรค์โดยตนเอง (originality)โดยมิได้ลอกเลียนงำนผ้้อ่ ืน แม้ว่ำงำน
ที่สร้ำงสรรค์จะไม่ต่ำงไปจำกงำนเดิมที่มีอย่้ก็ได้รบ
ั ควำมคุ้มครอง แต่สิทธิ
10

บัตรหำกกำรประดิษฐ์ไม่ต่ำงไปจำกเดิม แม้จะคิดเองโดยไม่ลอกเลียนผ้้
อื่น แต่บังเอิญเหมือนกับสิ่งที่มีอย่้แล้ว ขอรับสิทธิบัตรไม่ได้ เพรำะมิใช่สิ่ง
ใหม่ปัญหำว่ำ อะไรคือ งำนที่ปรำกฏอย่้แล้วซึ่งถือว่ำไม่เป็ นงำนใหม่ มี
บัญญัติไว้ในมำตรำ 6 วรรค (1) ถึง (5)
วรรค (1) กำรประดิษฐ์ท่ีมี หรือใช้แพร่หลำยอย่้แล้วในรำช
อำณำจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร
คำำว่ำ “มีหรือใช้แพร่หลำย “ หมำยควำมว่ำ สำธำรณชนสำมำรถที่จะใช้
ประโยชน์หรือเข้ำถึงได้ กำรใช้ส่วนตัว กำรใช้อย่ำงไม่เปิ ดเผยหรือกำรใช้
เพื่อทดลองใช้งำนในจำำนวนเพียงเล็กน้อย ไม่ถือว่ำเป็ นงำนที่ปรำกฏอย่้
แล้ว ฉะนั้ นหำกมีผ้คิดค้นยำรักษำโรค แล้วทดลองให้เพื่อน 2-3 คนใช้
ดังนี้ ยังไม่ถือว่ำแพร่หลำย กำรแพร่กลำยตำมอนุ น้ ี จำำกัดเฉพำะภำยในประ
ทศ
วรรค (2) กำรประดิษฐ์ท่ีได้มีกำรเปิ ดเผยสำระสำำคัญหรือ
รำยละเอียดในเอกสำรหรือสิง่ พิมพ์ที่ได้เป็ นแพร่อย่้แล้วไม่ว่ำในหรือนอก
รำชอำณำจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร กำรเปิ ดเผยอำจจะกระทำำด้วยวิธีกำร
ใดๆ ทำำให้สำธำรณะชนได้รบ
ั ร้้ เช่น กำรเขียนบทควำม กำรอธิบำยในกำร
ประชุม สัมมนำ กฎหมำยไม่จำำกัดร้ปแบบของกำรเปิ ดเผย กำรนำำหนั งสือ
ที่อธิบำยรำยละเอียดกำรประดิษฐ์ไปไว้ในห้องสมุดเพียง 1 เล่ม ซึ่ง
ประชำชนสำมำรถเข้ำไปอ่ำนได้ ย่อมถือได้ว่ำมีกำรเปิ ดเผยต่อสำธำรณชน
แล้ว กำรเปิ ดเผยตำมอนุ 2 นี้ แตกต่ำงจำกอนุ1 คือ มิได้จำำกัดเฉพำะ
ภำยในประเทศ เช่นเดียวกับอนุ 1 แม้จะมีกำรเปิ ดเผยนอกประเทศ ก็
ถือว่ำทำำลำยควำมใหม่แล้ว ข้อยกเว้นเรื่อง กำรเปิ ดเผยต่อสำธำรณชน
ตำมอนุ 2 ซึ่งไม่ทำำลำยควำมใหม่ มีบัญญัติไว้ในมำตรำ 6 วรรคท้ำย คือ
ข้อยกเว้นที่ 1 เป็ นกำรเปิ ดเผยสำระสำำคัญหรือตำยละเอียดที่เกิดขึ้นหรือ
11

เป็ นผลมำจำกกำรกระทำำอันมิชอบด้วยกฎหมำย เช่น กำรขโมยรำย


ละเอียดมำเปิ ดเผยหรือล้กจ้ำงนำำควำมลับของนำยจ้ำงไปเปิ ดเผยต่อ
บุคคลอื่น ข้อยกเว้นที่ 2 กำรเปิ ดเผยสำระสำำคัญหรือรำยละเอียดโดยผ้้
ประดิษฐ์ เช่นผ้้ประดิษฐ์นำำสินค้ำออกสำธิตหรือทดลองและอธิบำยรำย
ละเอียดให้ผ้ใช้ทรำบลักษณะของสินค้ำ ข้อยกเว้นที่ 3 กำรแสดงผลงำน
ในงำนแสดงสินค้ำระหว่ำงประเทศ หรืองำนแสดงของทำงรำชกำร กำรก
ระทำำตำมข้อยกเว้นที่ 1-3 นี้ หำกได้กระทำำภำยใน 12 เดือน ก่อนที่จะ
ขอรับสิทธิบัตรให้ถือว่ำกำรประดิษฐ์ยังใหม่อย่้ ไม่ถือว่ำเป็ นงำนที่ปรำกฏ
อย่้แล้ว
วรรค (3) กำรประดิษฐ์ท่ีได้รบ
ั สิทธิบัตรหรืออนุ สิทธิ
บัตรแล้ว ไม่ว่ำในหรือนอกรำชอำณำจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร ซึ่งหมำย
ถึงมีกำรจดทะเบียนสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์ และมีกำรเปิ ดเผยรำยละเอียด
ของกำรประดิษฐ์น้ ั นแล้ว จึงไม่ถือว่ำเป็ นกำรประดิษฐ์อีกต่อไป
วรรค (4) กำรประดิษฐ์ท่ีมีผ้ขอรับสิทธิบัตรหรืออนุ สิทธิบัตร
ไว้แล้วนอกรำชอำณษจักรเป็ นเวลำเกินกว่ำ 18 เดือน ก่อนวันขอรับสิทธิ
บัตรในประเทศ กรณี น้ ี เพียงแต่มีผ้ย่ ืนคำำขอรับสิทธิบัตรไว้ แต่ยังไม่ได้รบ

กำรจดทะเบียน
วรรค (5) กรณี ท่ีมีกำรขอรับสิทธิบัตรหรืออนุ สิทธิบัตรไว้
แล้วไม่ว่ำในหรือนอกรำชอำณำจักร และได้ประกำศโฆษณำแล้วก่อนวัน
ขอรับสิทธิในรำชอำณำจักร
2. เป็ นกำรประดิษฐ์ท่ีมีข้ ันกำรประดิษฐ์ส้งขึ้น (inventive step)
มำตรำ 7 บัญญัติว่ำ กำร
ประดิษฐ์ท่ีมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น ได้แก่ กำรประดิษฐ์ท่ีไม่เป็ นที่
ประจักษ์โดยงำยแก่บุคคลที่มีควำมชำำนำญในระดับสำมัญสำำหรับงำน
12

ประเภทนั้ น กำรพิจำรณำคุณสมบัติข้อนี้ เป็ นกำรพิจำรณำหลังจำกมีกำร


พิจำรณำเรื่องควำมใหม่แล้ว หำกข้อเท็จจริงฟั งว่ำสิ่งนั้ นไม่ใหม่แล้ว ก็ไม่
จำำเป็ นต้องพิจำรณำว่ำมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้นหรือไม่ กำรพิจำรณำว่ำ
กำรประดิษฐ์มีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้นหรือไม่ ประเด็นสำำคัญในกำร
พิจำรณำได้แก่ กำรประดิษฐ์ท่ีขอรับสิทธิบัตรนั้ น มีลักษณะทำงเทคนิ ค
และทำำให้เกิดผลที่แตกต่ำงไปจำกงำนที่ปรำกฏอย่้แล้วอย่ำงไร กล่ำวคือ มี
โครงสร้ำง องค์ประกอบหรือกลไกแตกต่ำงกันอย่ำงไรและควำมแตกต่ำง
ดังกล่ำวทำำให้ได้รบ
ั ผลคือหน้ำที่ปรือประโยชน์ใช้สอยแตกต่ำงอย่ำงไร
นอกจำกนี้ กำรพิจำรณำว่ำกำรประดิษฐ์มีข้ ันกำรผลิตส้งขึ้นหรือไม่
พิจำรณำจำกควำมเห็นของบุคคลที่มีควำมชำำนำญในระดับสำมัญสำำหรับ
งำนประเภทนั้ น ถ้ำเขำเห็นว่ำมันคิดค้นได้โดยง่ำย ถือว่ำไม่มีข้ ันกำร
ประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น ขอรับสิทธิบัตรไม่ได้ อำจกล่ำวได้ว่ำขั้นกำรประดิษฐ์ที่ส้ง
ขึ้น คือลักษณะพัฒนำกำรของกำรประดิษฐ์ ถ้ำกำรประดิษฐ์มีกำร
พัฒนำกำรส้งขึ้น ก็ถือว่ำมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น เช่น เดิมมีแต่ดัดลม
เพดำน ปั จจุบันมีพัดลมตั้งพื้ นและสำมำรถทำำให้พัดลมหมุนส่ำยไปมำได้
หรือกำรนำำเครื่องจักรที่ใช้บดเนื้ อ และเครื่องจักรที่ใช้ในกำรบรรจุเนื้ อ ซึ่ง
เป็ นที่ร้จักกันโดยทัว่ ไปมำประกอบเข้ำด้วยกันเพื่อเป็ นเครื่องจักรแบบ
ใหม่ท่ีสำมำรถใช้ในกำรผลิตไส้กรอก ดังนี้ ไม่ถือว่ำมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้ง
ขึ้น เนื่ องจำกแต่ละส่วนประกอบยังคงทำำหน้ำที่เดิมและเป็ นอิสระจำกกัน
ฎ.4131/2536 วินิจฉัยว่ำ เครื่องกรองนำ้ำชนิ ดใช้สำรกรองตำม
สิทธิบัตรของจำำเลย แม้จะไม่
เหมือนกับกำรประดิษฐ์ตำมสิทธิบัตรของประเทศฝรัง่ เศส สหรัฐอเมริกำ
และออสเตรเลีย ซึ่งเป็ นงำนที่ปรำกฏอย่้แล้ว แต่ลักษณะเด่นของกำร
13

ประดิษฐ์ตำมข้อถือสิทธิบัตรของจำำเลยเป็ นถังกรองค่้ ไม่ปรำกฏว่ำกำรใช้


ถัง

กรองนำ้ำเพียงถังเดียวกับหลำยถังจะเป็ นผลให้กำรกรองนำ้ำดีข้ ึน ตำม


ธรรมชำติของของเหลว ย่อมไหลจำกที่ส้งลงที่ตำ่ำ ไม่ปรำกฏว่ำเครื่องกรอง
นำ้ำตำมสิทธิบัตรของทั้งสำมประเทศดังกล่ำวไม่อำจแก้ไขได้ จึงไม่เพียง
พอที่จะถือว่ำมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น
ฎ.5631/2536 ล้กตะกร้อพลำสติกประกอบด้วยเส้นแถบกลำง
และแถบข้ำงได้ผลดีกว่ำตะกร้อ
หวำย ทำำให้กำรผลิตตะกร้อได้มำตรฐำนเดียวกันทั้งขนำด นำ้ำหนั ก ควำม
กลม ควำมสมดุลย์ ควำมเด้งตัว ถือว่ำมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น
โดยสรุปแล้ว หำกมีข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้ อำจถือได้ว่ำมีข้ ันกำร
ประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น เช่น
1. กำรประดิษฐ์ทำำให้สำมำรถแก้ปัญหำที่แก้ไม่ได้มำช้ำนำน
2. กำรประดิษฐ์ทำำให้เกิดผลที่ได้แตกต่ำงจำกเดิมโดยไม่คำด
คิดมำก่อน
3. กำรประดิษฐ์น้ ั นประสบควำมสำำเร็จด้ำนกำรค้ำ
3. เป็ นกำรประดิษฐ์ท่ีสำมำรถประยุกต์ในทำงอุสำหกรรมได้
(industrial application) มำตรำ 8
บัญญัติว่ำ กำรประดิษฐ์ท่ีสำมำรถประยุกต์ได้แก่ กำรประดิษฐ์ท่ีสำมำรถนำำ
ไปใช้ประโยชน์ในกำรผลิตทำงอุตสำหกรรม ทั้งหัตถกรรม เกษตรกรรม
และพำณิ ชยกรรม กำรประดิษฐ์ท่ีจะได้รบ
ั ควำมคุ้มครองต้องเป็ นกำร
ประดิษฐ์ท่ีมีประโยชน์ในทำงปฏิบัติ มิใช่เป็ นเพียงแนวคิดหรือทฤษฎีที่ยัง
ไม่สำมำรถเอำไปใช้ได้
14

4.ไม่เป็ นกำรประดิษฐ์ท่ีต้องห้ำมตำมกฎหมำย มำตรำ 9 บัญญัติ


กำรประดิษฐ์ท่ีไม่ได้รบ
ั ควำม
คุ้มครองตำมกฎหมำยสิทธิบัตร (1) จุลชีพ หรือส่วนประกอบของจุลชีพ
ที่มีตำมธรรมชำติ สัตว์ พืช หรือสำรสกัดจำกสัตว์หรือพืชจุลชีพและส่วน
ประกอบของจุลชีพ ถ้ำเกิดขึ้นตำมธรรมชำติไม่ใช่กำรประดิษฐ์ จึงขอจด
สิทธิบัตรไม่ได้ แต่ถ้ำเป็ นจุลชีพที่คิดค้นขึ้นเป็ นกำรประดิษฐ์ขอจดได้ ส่วน
สัตว์ ไม่ว่ำจะเกิดขึ้นตำมธรรมชำติ หรือมนุ ษย์คิดขึ้น ก็ขอรับสิทธิบัตรไม่
ได้ ส่วนสำรสกัดจำกพืชหรือสัตว์ ถ้ำเป็ นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ เช่น
ยำระงับประสำท ดังนี้ ขอรับสิทธิบัตรได้ เช่นเดียวกับกรรมวิธีในกำรผลิต
สัตว์หรือพืช เช่น วิธีกำรผสมพันธ์ุข้ำว วิธีเพำะเลี้ยงกุ้ง ซึ่งไม่ต้องห้ำมขอ
จดทะเบียนสิทธิบัตร ดังที่ได้กล่ำวโดยละเอียดแล้วในหัวข้อผลิตภัณฑ์
(2) กฎเกณฑ์แลทฤษฎีทำงวิทยำศำสตร์และคณิ ตศำสตร์ มิใช่กำรประดิษฐ์
กฎเหล่ำนี้ มีอย่้แล้วตำมธรรมชำติ เพียงแต่มนุ ษย์เพิ่งค้นพบ (3) ระบบ
ข้อม้ลสำำหรับกำรทำำงำนของเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่ องจำก โปรแกรม
ั ควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธิ์ หลักกฎหมำยสิทธิ
คอมพิวเตอร์ได้รบ
บัตรจึงไม่ให้ควำมคุ้มครอง ส่วนตัวคอมพิวเตอร์ซ่ีงเป็ นเครื่องจักรจดสิทธิ
บัตรได้ นอกจำกนี้ ถ้ำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีเขียนขึ้นเป็ นส่วนประกอบ
ของเครื่องจักรกล เช่น เครื่องบินที่มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยคำำนวณ
ทิศทำง หรือควำมส้งตำ่ำ ส่วนประกอบของเครื่องจักรที่มีคอมพิวเตอร์อย่้
ภำยในจดสิทธิบัตรได้ (4) วิธีกำรวินิจฉัย บำำบัดหรือรักษำโรคมนุ ษย์หรือ
สัตว์วิธีกำรบำำบัดโรค เช่น วิธีกำรใช้ยำ กำรฉีดยำ กำรฉำยแสง กำรทำำเคมี
บำำบัด ศัลยกรรม ผ่ำตัด ส่วนวิธีกำรวินิจฉัยโรค เช่น ตรวจเลือด ตรวจ
ปั สสำวะ วิธีกำรฉำยเอ็กซเรย์ เหล่ำนี้ จดทะเบียนสิทธิบัตรไม่ได้ เพรำะ
กระทบถึงชีวิตควำมเป็ นอย่้ อย่ำงไรก็ตำม กฎหมำยห้ำมเฉพำะวิธีกำร
15

วินิจฉัย บำำบัดรักษำโรค แต่ไม่คลุมถึงสิ่งที่เป็ นผลิตภัณฑ์ เช่น ยำรักษำ


โรค เข็มฉีดยำ อุปกรณ์รก
ั ษำโรค ผลิตภัณฑ์เหล่ำนี้ จดสิทธิบัตรได้ สำำหรับ
ปั ญหำว่ำอะไรเป็ นโรคมนุ ษย์หรือสัตว์ เช่น วิธีกำรแปลงเพศ ศัลยกรรม
ตกแต่ง วิธีปล้กผม วิธีรก
ั ษำสิว อำจำรย์ยรรยงเห็นว่ำ แม้จะไม่ใช่วิธีบำำบัด
รักษำโรค ก็อำจมีปัญหำว่ำเป็ นกำรประดิษฐ์หรือไม่ (5) กำรประดิษฐ์ท่ีขัด
ต่อควำมสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี อนำมัยหรือสวัสดิภำพของ
ประชำชน เช่น ยำเสพติดทั้งหลำย อุปกรณ์ในกำรโจรกรรม
ลักษณะการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตร
กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ท่ีขอรับสิทธิบัตรได้ต้องมีลักษณะตำมที่
กฎหมำยกำำหนดไว้ใน มำตรำ 56 ซึ่งแยกได้เป็ น 2 ส่วน คือ 1.เป็ นกำร
ออกแบบใหม่ (สังเกตไม่มีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น) 2.เป็ นกำรออกแบบ
เพื่ออุตสำหกรรม หรือหัตถกรรม
กำรออกแบบใหม่ หลักเกณฑ์กำรพิจำรณำควำมใหม่ของกำร
ออกแบบผลิตภัณฑ์ กำรออกแบบใหม่ต้องแตกต่ำงจำกผลิตภัณฑ์ท่ีมีอย่้
แล้วในสำระสำำคัญ ถ้ำแตกต่ำงเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนวัสดุ เปลี่ยนสี
เปลี่ยนขนำด ดังนี้ ไม่ใช่กำรออกแบบใหม่
กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ท่ีไม่ถือว่ำเป็ นกำรออกแบบใหม่มีบัญญัติไว้
ใน มำตรำ 57 (1)-(4)
ววรค(1) แบบผลิตภัณฑ์ท่ีมีหรือใช้แพร่หลำยอย่้แล้วในรำช
อำณำจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร ซึ่งมี
หลักเกณฑ์เหมือนกับมำตรำ 6(1)
ววรค(2) แบบผลิตภัณฑ์ท่ีได้มีกำรเปิ ดเผยภำพ สำระสำำคัญหรือ
รำยละเอียดในเอกสำรหรือสิง่ ตีพิมพ์ที่ได้เผยแพร่อย่้แล้วไม่ว่ำในหรือนอก
รำชอำณำจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร ซึง่ มีหลักเกณฑ์เหมือนมำตรำ 6(2)
16

ววรค(3) แบบผลิตภัณฑ์ท่ีเคยมีกำรประกำศโฆษณำตำม มำตรำ


65 มำแล้วก่อนขอรับสิทธิบัตร ซึ่งกำรดำำเนิ นกำร ถ้ำขั้นตอนกำรประกำศ
โฆษณำแล้วถือว่ำได้มีกำรเปิ ดเผยสำระสำำคัญแล้ว จึงไม่ใช่กำรออกแบบ
ใหม่ ข้อสังเกต ไม่มีข้อยกเว้น เรื่องกำรเปิ ดเผยที่ไม่ทำำลำยควำมใหม่
เหมือนกำรประดิษฐ์ ตำมมำตรำ 6 วรรคท้ำย
วรรค(4) แบบผลิตภัณฑ์คล้ำยกับแบบผลิตภัณฑ์ท่ีมีอย่้แล้วตำม
(1)(2)(3) จนเห็นได้ว่ำเป็ นกำรเลียนแบบ ไม่ถือว่ำเป็ นกำรออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ใหม่ หมำยควำมว่ำถ้ำมีข้อแตกต่ำงกับแบบผลิตภัณฑ์ท่ีมีอย่้
แล้วเพียงเล็กน้อยไม่ได้แตกต่ำงในสำระสำำคัญ ถือว่ำไม่ใช่กำรออกแบบ
ใหม่ เช่น คำำพิพำกษำฎีกำที่8341/2533 วินิจฉัยว่ำแบบผลิตภัณฑ์เหยือก
นำ้ำที่ขอรับสิทธิบัตรซึ่งมีพวยรินนำ้ำและด้ำมตรงมือจับเหยือกแตกต่ำงกัน
เพียงเล็กน้อยกับแบบผลิตภัณฑ์ท่ีมีอย่้แล้ว ถือว่ำไม่ใช่กำรออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ใหม่ กำรพิจำรณำกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่หรือไม่ เป็ น
เพียงกำรพิจำรณำจำกลักษณะของกำรออกแบบที่ปรำกฏ เช่น ร้ปทรงของ
สินค้ำหรือลวดลำยสี แต่ไม่ได้พิจำรณำถึงประโยชน์ใช้สอยหรือหน้ำที่ของ
กำรออกแบบ
การกระทำาที่เป็ นการละเมิดสิทธิบัตรและขูอยกเวูน
สิทธิของผ้้ทรงสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์ คือ สิทธิแต่ผ้เดียว (exclusive
right) ตำมมำตรำ 36 ในกำรกระทำำกำรต่ำงๆ เช่น กำรผลิต กำรใช้ กำร
ขำย กำรนำำเข้ำ เมื่อกฎหมำยบัญญัติว่ำ เป็ นสิทธิของผ้้ทรงสิทธิบัตร
17

ก็เป็ นกำรห้ำมมิให้บุคคลอื่นไปกระทำำกำรต่ำงๆตำมที่บัญญัติไว้ หำก


บุคคลอื่นไปกระทำำกำรต่ำงๆดังกล่ำวโดยไม่ได้รบ
ั อนุ ญำตจำกผ้้ทรงสิทธิ
บัตร ย่อมเป็ นกำรละเมิดสิทธิบัตร
ปั ญหำมีว่ำ หำกผ้้ทรงสิทธิบัตรได้ขำยผลิตภัณฑ์ให้ นำย ก. ต่อมำ
นำย ก. ขำยผลิตภัณฑ์ตำมสิทธิบัตรให้ นำย ข โดยไม่ได้รบ
ั อนุ ญำตจำก
ผ้้ทรงสิทธิบัตร จะถือว่ำนำย ก ละเมิดสิทธิบัตรของผ้้ทรงสิทธิบัตรหรือไม่
ข้อนี้ ขอให้ทำำควำมเข้ำใจว่ำ กำรที่ผ้ทรงสิทธิบัตรอนุ ญำติหรือยินยอมให้นำำ
ผลิตภัณฑ์ออกส่้ตลำดแล้ว สิทธิเหนื อผลิตภัณฑ์ท่ีผลิตขึ้น (ตัวสินค้ำ)
ย่อมหมดไปตำมหลัก exhaustion ตำมมำตรำ 36 วรรคสอง อนุ 7
เจ้ำของสิทธิบัตรไม่มีสิทธิไปติดตำมหรือควบคุมตัวสินค้ำได้อีก แต่สิทธิ
บัตรยังคงอย่้ ฉะนั้ นตำมปั ญหำข้ำงต้น กำรกระทำำของนำย ก. จึงไม่
เป็ นกำรละเมิดสิทธิบัตร เช่นเดียวกับกรณี ผ้ทรงสิทธิบัตรอย่้ต่ำงประเทศ
และได้ขำยผลิตภัณฑ์ให้นำย ก ในต่ำงประเทศ ถ้ำนำย ก นำำผลิตภัณฑ์
ดังกล่ำวเข้ำมำในรำชอำณำจักร กำรกระทำำของนำย ก. ก็ไม่เป็ นกำร
ละเมิดตำม มำตรำ 36 เพรำะสิทธิเหนื อผลิตภัณฑ์ย่อมหมดไปตำม
มำตรำ 36 ซึ่งบัญญัติไว้ว่ำ ผ้้ทรงสิทธิบัตรเท่ำนั้ นมีสิทธิดังต่อไปนี้
(1)ในกรณี สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ สิทธิในกำรผลิต ใช้ ขำย หรือมี
ไว้เพื่อขำยเสนอขำย หรือนำำเข้ำมำในรำชอำณำจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตำมสิทธิ
บัตร ตำมอนุ 1 เป็ นสิทธิของเจ้ำของสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์
(2)ในกรณี สิทธิบัตรกรรมวิธี สิทธิในกำรใช้กรรมวิธีตำมสิทธิบัตร
ผลิต ใช้ ขำย มีไว้เพื่อขำย เสนอขำย หรือนำำเข้ำมำในรำชอำณำจักรซึ่ง
ผลิตภัณฑ์ท่ีผลิตโดยใช้กรรมวิธีตำมสิทธิบัตร
“ขอบเขตกำรประดิษฐ์ท่ีได้รบ
ั ควำมคุ้มครองย่อมคลุมถึงลักษณะของ
กำรประดิษฐ์ท่ีแม้จะมิได้ระบุในข้อถือสิทธิโดยเฉพำะเจำะจง แต่เป็ นสิ่งที่มี
18

คุณสมบัติประโยชน์ใช้สอยและทำำให้เกิดผลทำำนองเดียวกับลักษณะของ
กำรประดิษฐ์ระบุไว้ในข้อถือสิทธิตำมควำมเห็นของบุคคลที่มีควำมชำำนำญ
ในระดับสำมัญในศิลปะหรือวิทยำกำรที่เกี่ยวข้องกับกำรประดิษฐ์น้ ั น”
ขูอยกเวูนการละเมิดสิทธิบัตร
ข้อยกเว้นกำรกระทำำที่ถือว่ำเป็ นกำรละเมิดสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์
(มำตรำ 36 วรรคสอง)
(1) กำรกระทำำเพื่อประโยชน์ในกำรศึกษำ ค้นคว้ำทดลอง หรือ
วิจัย แต่ท้ ังนี้ ต้องไม่ขัดต่อกำรใช้ประโยชน์ตำมปกติของผ้้ทรงสิทธิบัตร
และไม่ทำำให้เสื่อมเสียต่อประโยชน์อันชอบธรรมของผ้้ทรงสิทธิบัตร เกิน
สมควร (เปรียบเทียบลิขสิทธิ์ มำตรำ 32 วรรคแรก)
(2) กำรกระทำำในลักษณะที่กระทำำโดยสุจริต เป็ นกรณี ท่ีมีกำร
ผลิตหรือกำรใช้กรรมวิธีตำม
สิทธิบัตรโดยผ้้กระทได้ประกอบกิจกำรหรือมีเครื่องมือใช้ประกอบกิจกำร
ดังกล่ำวโดยสุจริต ปริไม่ร้หรือไม่มีเหตุอันควรร้้ก่อนวันยื่นขรรับสิทธิบัตร
ในรำชอำณำจักร กรณี น้ ี เป็ นเรื่องบุคคลอื่นคิดค้นกำรประดิษฐ์ได้ก่อน แต่
ไม่ได้มำขอจดทะเบียนไว้
(3) เป็ นกำรเตรียมยำหรือปรุงยำตำมคำำสัง่ ของแพทย์ แต่ต้อง
เป็ นกำรเตรียมยำม เฉพำะรำย
(4) เป็ นกำรกระทำำเกี่ยวกับกำรขอขึ้นตำำรับยำโดยมีวัตถุประสงค์
จะผลิต จำำหน่ำย นำำเข้ำหลังจำก
สิทธิบัตรหมดอำยุ

(5) กำรใช้อุปกรณ์ท่ีได้รบ
ั สิทธิบัตรของเรือที่เข้ำมำในรำช
อำณำจักรชัว่ ครำวหรือโดยอุบัติเหตุและ
19

จำำเป็ นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่ำว
(6) กำรใช้อุปกรณ์ท่ีได้รบ
ั สิทธิบัตรของอำกำศยำนหรือยำน
พำหนะที่เข้ำมำในรำชอำณำจักรเป็ นกำรชัว่ ครำวหรือโดยอุบัติเหตุ
(7) กำรใช้ ขำย มีไว้เพื่อขำย เสนอขำย หรือนำำเข้ำในรำช
อำณำจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตำมสิทธิบัตร หำกผ้้ทรงสิทธิบัตรได้อนุ ญำตหรือ
ยินยอมให้ผลิตหรือขำยผลิตภัณฑ์ดังกล่ำวแล้ว ซึ่งเป็ นไปตำมหลัก
exhaustion ดังที่ได้กล่ำวมำแล้วข้ำงต้น
นอกจำกข้อยกเว้นตำม มำตรำ 36 วรรคสองแล้ว ยังมีมำตรำ 35
ทวิ ซึ่งน่ำจะกล่ำวถึงเนื่ องจำกเกี่ยวข้องกันตำมมำตรำ 35 ทวิ เป็ น
บทบัญญัติท่ีกล่ำวถึงกำรกระทำำใดๆตำม มำตรำ 36 นั บแต่วันขอรับสิทธิ
บัตรจนถึงก่อนวันออกสิทธิบัตร มิให้ถือว่ำเป็ นกำรละเมิดสิทธิของผ้้ทรง
สิทธิบัตร เว้นแต่มีกำรประกำศโฆษณำคำำขอตำม มำตรำ 28 แล้ว และผ้้
กระทำำร้้ว่ำมีกำรยื่นคำำขอรับสิทธิบัตรหรือได้รบ
ั คำำบอกกล่ำวเป็ นลำย
ลักษณ์อักษรว่ำ มีกำรยื่นขอรับสิทธิบัตรแล้ว ดังนี้ หำกภำยหลังจำกมีกำร
ออกสิทธิบัตรแล้ว ผ้ข
้ อรับสิทธิบัตรมีสิทธิฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกผ้้ฝ่ำฝื น
ได้
การเพิกถอนสิทธิบัตร
มำตรำ 54 บัญญัติให้สิทธิบัตรที่ออกโดยไม่ชอบด้วย มำตรำ
5,9,10,11 หรือ มำตรำ 14 ให้ถือว่ำสิทธิบัตรไม่สมบ้รณ์
คำาขอรับสิทธิบัตร
มำตรำ 17 บัญญัติให้คำำขอรับสิทธิบัตรมีรำยกำรดังต่อไปนี้
1.ชื่อที่แสดงถึงกำรประดิษฐ์
20

2.ลักษณะและควำมมุ่งหมำยของกำรประดิษฐ์
3.รำยละเอียดกำรประดิษฐ์ท่ีมีข้อควำมสมบ้รณ์ รัดกุม และชัด
แจ้งอันจะทำำให้ผ้มีควำมชำำนำญ
ระดับสำมัญในศิลปะหรือวิทยำกำรที่เกี่ยวข้องสำมำรถทำำและปฏิบัติตำม
กำรประดิษฐ์น้ ั นได้ และต้องระบุวิธีกำรในกำรประดิษฐ์ท่ีดีท่ีสุดที่ผ้ประดิษฐ์
จะพึงทรำบได้
4.ข้อถือสิทธิโดยชัดแจ้งข้อถือสิทธิ ต้องระบุลักษณะของกำร
ประดิษฐ์ท่ีผ้ขอรับสิทธิบัตรประสงค์จะขอควำมคุ้มครองโดยสมบ้รณ์
รัดกุมและชัดแจ้ง ข้อควำมในข้อถือสิทธิจึงไม่ควรกว้ำงเกินไปหรือแคบ
เกินไปเพรำะหำกกว้ำงเกินไปคำำขอรับสิทธิบัตรอำจถ้กยกคำำขอ หำกแคบ
เกินไปก็จะทำำให้ผ้ท่ีกระทำำละเมิดที่ต่ำงกันเพียงเล็กจ้อยหลุดพ้นจำก
ควำมรับผิดได้ ข้อถือสิทธิเปรียบได้กับกำรกำำหนดของเขตอันเป็ นพื้ นทีท่ี
เป็ นสิทธิของเจ้ำของโฉนดที่ดิน ข้อถือสิทธิเป็ นตัวกำำหนดขอบเขตของ
สิทธิของผ้้ทรงสิทธิบัตรและให้บุคคลภำยนอกร้้ว่ำทำำได้เพียงใดจึงไม่
เป็ นกำรละเมิด และหำกมีกำรกล่ำวอ้ำงว่ำละเมิดขึ้น ศำลก็จะพิจำรณำจำก
ข้อถือสิทธิโดยเปรียบเทียบสิ่งที่ละเมิดว่ำเหมือนหรือต่ำงจำกลักษณะกำร
ประดิษฐ์ในข้อถือสิทธิเพียงใด

การยื่นขอรับสิทธิบัตร มำตรำ 59 คำำขอรับสิทธิบัตรกำรออกแบบ


ผลิตภัณฑ์
กำรยื่นขอรับสิทธิบัตร กำรประดิษฐ์ หรือกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ จะ
ต้องมีเอกสำรดังนี้
1. แบบพิมพ์คำำขอ (สป/สผ/อสป/001-ก)
2. รำยละเอียดกำรประดิษฐ์หรือคำำพรรณำแบบผลิตภัณฑ์แล้ว
21

แต่กรณี
3. ข้อถือสิทธิ
4. ร้ปเขียน (กรณี ขอรับสิทธิบัตรกำรออกแบบผลิตภัณฑ์
สำมำรถใช้ภำพถ่ำยได้)
5. บทสรุปกำรประดิษฐ์ (เฉพำะกรณี ย่ ืนขอรับสิทธิบัตรกำร
ประดิษฐ์)
6. เอกสำรประกอบคำำขอ เช่น
6.1 เอกสำรหลักฐำนกำรแสดงสิทธิในกำรขอรับสิทธิบัตร
6.2 หนั งสือรับรองกำรแสดงกำรประดิษฐ์ หรือกำรออกแบบ
แล้วแต่กรณี
6.3 หนั งสือมอบอำำนำจ
6.4 เอกสำรรำยละเอียดเกี่ยวกับจุลชีพ
6.5 เอกสำรกำรขอนั บวันยื่นคำำขอในต่ำงประเทศเป็ นวันยื่น
คำำขอในประเทศไทย
6.6 ต้นฉบับหนั งสือรับรองนิ ติบุคคลที่นำยทะเบียนออกให้
ไม่เกิน 6 เดือน นั บจนถึงวันยื่น
อำยุสิทธิบัตร
- สิทธิบัตรกำรประดิษฐ์ มีอำยุ 20 ปี นั บแต่วันยื่นขอรับสิทธิ
บัตร
- สิทธิบัตรกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอำยุ 10 ปี นั บแต่วันยื่น
ขอรับสิทธิบัตร

ตัวอย่ำง สิทธิบัตร
22

อนุสิทธิบัตร
ความหมาย ของอนุ สิทธิบัตร คือ หนั งสือสำำคัญที่ออกให้เพื่อ
คุ้มครองกำรประดิษฐ์ มีลักษณะที่เป็ น
กำรคิดค้นหรือคิดทำำขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีใหม่ท่ีแตกต่ำง
ไปจำกเดิม เช่น กำรประดิษฐ์คิดค้น
เกี่ยวกับกลไกโครงสร้ำง หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์ สิง่ ของ หรือ
เครื่องใช้ต่ำงๆ หรือเป็ นกำรประดิษฐ์
เกี่ยวกับกรรมวิธีกระบวนกำร หรือวิธีกำรใหม่ๆ ในกำรผลิตกำรเก็บรักษำ
ให้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภำพที่ดีข้ ึน
อนุ สิ ท ธิ บั ต ร (Petty patent) เป็ นกำรให้ ค วำมคุ้ ม ครองสิ่ ง
ประดิ ษฐ์ คิ ดค้ น (สำำ นั กงำนทรัพ ย์สิ น ทำงปั ญญำ. ออน-ไลน์ . 2553) เช่ น
23

เดี ย วกั บ สิ ท ธิ บั ต รกำรประดิ ษ ฐ์ แต่ แ ตกต่ ำ งกั น ตรงที่ ก ำรประดิ ษ ฐ์ ท่ี จ ะ


ขอรับอนุ สิท ธิบั ตร เป็ นกำรประดิ ษ ฐ์ ท่ี มีเ ป็ นกำรปรับ ปรุ ง เพี ย งเล็ กน้ อ ย
และมีประโยชน์ใช้สอยมำกขึ้น
ปกำศรี บัวสวรรค์ (2553 : 144 ) กล่ำวว่ำ อนุ สท
ิ ธิบัตรจะต้องมี
ลักษณะเป็ นผลงำนกำรประดิษฐ์เท่ำนั้ น โดยมีองค์ประกอบคือ
1.ต้องเป็ นกำรประดิษฐ์ข้ ึนใหม่ ที่แตกต่ำงไปจำกเดิม ยังไม่เคย
มีกำรใช้หรือแพร่หลำยก่อน
วันยื่นขอ หรือยังไม่เคยมีกำรเปิ ดเผยสำระสำำคัญของกำรประดิษฐ์น้ ั นก่อน
วันยื่นขอทั้งในหรือต่ำงประเทศ
2.สำมำรถประยุกต์ใช้ในทำงอุตสำหกรรมได้
จำกควำมหมำยดังกล่ำว สรุปได้ว่ำ อนุ สิทธิบัตร มีสำระสำำคัญ 2
ประกำร คือ จะต้องเป็ นสิ่งประดิษฐ์
ที่มีกำรปรับปรุงขึ้นจำกของเดิม และ มีประโยชน์ในด้ำนอุตสำหกรรมหรือ
ใช้สอย
อายุการใหูความคูุมครอง
อนุ สิทธิบัตรที่มีอำยุ 6 ปี นั บตั้งแต่วันขอรับอนุ สิทธิบัตรและต้อง
ชำำระค่ำธรรมเนี ยมรำยปี ตั้งแต่เริม
่ ต้น
ปี ที่ 5 และปี ที่ 6 และสำมำรถต่ออำยุได้อีกสองครั้ง ครัง้ ละ 2 ปี (รวม
10 ปี ) กำรยื่นขอรับอนุ สท
ิ ธิบัตรจะต้องมีเอกสำรดังนี้
1. แบบพิมพ์คำำขอ
2. รำยละเอียดกำรประดิษฐ์
3. ข้อถือสิทธิ
4. บทสรุปกำรประดิษฐ์
5. ร้ปเขียน (ถ้ำมี)
24

6. เอกสำรประกอบคำำขอ เช่น
6.1 เอกสำรหลักฐำนแสดงสิทธิในกำรขอรับอนุ สิทธิบัตร
6.2 หนั งสือมอบอำำนำจ (เฉพำะมอบอำำนำจให้ตัวแทน ที่ข้ ึน
ทะเบียนไว้กับกรมทรัพย์สินทำง
ปั ญญำเท่ำนั้ น)
6.3 หนั งสือสัญญำโอนสิทธิในกำรขอรับอนุ สิทธิบัตร
6.4 หนั งสือรับรองกำรแสดงกำรประดิษฐ์ท่ีหน่วย
งำนรำชกำรจัดขึ้น (กรณี ท่ีมีกำรนำำไปแสดง)
6.5 ต้นฉบับหนั งสือรับรองกำรจดทะเบียนนิ ติบุคคล
(กรณี ท่ีผ้เป็ นนิ ติบุคคล, ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน)

ตัวอยุางอนุสิทธิบัตร
25

ความแตกตุางระหวุางสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตร
สิทธิบัตรและอนุ สิทธิบัตรมีควำมเหมือนและแตกต่ำงกันบำงประกำร
ควำมเหมือนคือเป็ นกำรคุ้มครอง “กำรประดิษฐ์” เหมือนกัน (“กำร
ประดิษฐ์” หมำยถึง “ผลิตภัณฑ์” และ/หรือ “กรรมวิธี” ) ส่วนควำมแตก
ต่ำงของ “สิทธิบัตร” และ “อนุ สิทธิบัตร” สิทธิบัตรและลิขสิทธิ์
มหำวิทยำลัยขอนแก่น. (ออน-ไลน์. 2553) มี 5 ประกำรดังนี้
1. “สิทธิบัตร” ให้ควำมคุ้มครองกว้ำงกว่ำ โดยคุ้มครองทั้งกำร
ประดิษฐ์ และกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วย ส่วน “อนุ สท
ิ ธิบัตร” ให้ควำม
คุ้มครองเฉพำะกำรประดิษฐ์เพียงอย่ำงเดียว
2. ลักษณะกำรประดิษฐ์ท่ีจะขอรับ “สิทธิบัตร” จะต้องมีคุณสมบัติ
3 ประกำรรวมกัน คือ เป็ นกำรประดิษฐ์ใหม่ มีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้น
และสำมำรถประยุกต์ใช้ได้ในทำงอุตสำหกรรม ในขณะที่ลักษณะกำร
ประดิษฐ์ท่ีจะขอรับ “อนุ สิทธิบัตร” จะต้องเป็ นกำรประดิษฐ์ใหม่และ
สำมำรถประยุกต์ใช้ได้ในทำงอุตสำหกรรม โดยไม่ต้องมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ี
ส้งขึ้น
3. ขั้นตอนกำรตรวจสอบคำำขอและกำรจดทะเบียน “สิทธิบัตร” จะ
นำนกว่ำ เพรำะสิทธิบัตรเป็ นระบบตรวจสอบที่ต้องมีกำรตรวจสอบคำำขอ
เบื้ องต้น ประกำศโฆษณำคำำขอรับสิทธิบัตรและตรวจสอบรำยละเอียดกำร
ประดิษฐ์ให้ครบตำมคุณสมบัติ 3 ประกำร (ด้ข้อ 2) ก่อนกำรจดทะเบียน
26

ส่วน “อนุ สท
ิ ธิบัตร” เป็ นระบบจดทะเบียนที่มีเพียงขั้นตอนกำรตรวจ
สอบคำำขอเบื้ องต้นและประกำศโฆษณำพร้อมกับกำรรับจดทะเบียนเลย
โดยไม่ต้องมีกำรตรวจสอบรำยละเอียดกำรประดิษฐ์ ทำำให้กำรจดทะเบียน
อนุ สิทธิบัตรเร็วกว่ำสิทธิบัตร แต่ควำมเสี่ยงในเรื่องของกำรละเมิดควำม
เป็ นเจ้ำของของอนุ สิทธิบัตรจะส้งกว่ำเพรำะกรมทรัพย์สินทำงปั ญญำไม่
ได้ตรวจสอบรำยละเอียดกำรประดิษฐ์ให้ เป็ นภำระของผ้้ย่ ืนคำำขอที่จะต้อง
สืบค้นข้อม้ลกำรประดิษฐ์ในระบบฐำนข้อม้ลสิทธิบัตรเอง ต้องพิส้จน์หำ
หลักฐำนเมื่อเกิดกำรละเมิดหรือมีข้อโต้แย้งคัดค้ำนเอง ซึง่ เสีย
่ งต่อกำรที่
จะถ้กเพิกถอนอนุ สิทธิบัตรได้ง่ำย
4. “สิทธิบัตร” ให้ควำมคุ้มครองกำรประดิษฐ์นำนกว่ำ มีอำยุ 20 ปี
นั บ (ย้อนหลังไป) ตั้งแต่วันยื่นคำำขอจดสิทธิบัตร ไม่มีกำรต่ออำยุ ส่วน
“อนุ สท
ิ ธิบัตร” ให้ควำมคุ้มครองกำรประดิษฐ์ 6 ปี และขอต่อระยะเวลำ
คุ้มครองได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 2 ปี หำกต่ออำยุจนครบ 2 ครั้ง อนุ สิทธิบัตร
จะมีอำยุกำรคุ้มครองรวมทั้งสิ้น 10 ปี และต่ออำยุไม่ได้อีกต่อไป เมื่อ
ระยะเวลำกำรคุ้มครองสิทธิบัตรและอนุ สิทธิบัตรสิ้นสุดลงก็จะตกเป็ นของ
สำธำรณะ ทุกคนสำมำรถนำำไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุ ญำตและไม่ต้องเสีย
ค่ำใช้จ่ำยชำำระค่ำใช้สิทธิใดๆ
5. อัตรำค่ำธรรมเนี ยมรำยปี ของ “สิทธิบัตร” จะส้งกว่ำ “อนุ สิทธิ
บัตร” เพรำะมีระยะเวลำคุ้มครองที่นำนกว่ำ ในสิ่งประดิษฐ์อย่ำงเดียวกัน
ผ้้ย่ ืนคำำขอจะต้องเลือกยื่นคำำขอรับจดทะเบียน “สิทธิบัตร” หรือ “อนุ สิทธิ
บัตร” อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ งเท่ำนั้ น เพื่อไม่ให้เกิดกำรคุ้มครองซำ้ำซ้อนกัน แต่
มีสิทธิท่ีจะขอเปลี่ยนแปลงกำรขอรับควำมคุ้มครองสลับกันเป็ นสิทธิบัตร
หรืออนุ สิทธิบัตรในขั้นตอนก่อนกำรรับจดทะเบียน
27

จำกควำมหมำยดังกล่ำวข้ำงต้น อนุ สท
ิ ธิบัตรและสิทธิบัตรกำร
ประดิษฐ์ต่ำงก็มีขอบเขตให้ควำม
คุ้มครองกำรประดิษฐ์เช่นเดียวกัน แต่อนุ สิทธิบัตรเป็ นกำรประดิษฐ์ท่ี มี
เทคนิ คที่ไม่ส้งมำกนั ก อำจจะเป็ นกำรปรับปรุงเพียงเล็กน้อย ส่วนสิทธิ
บัตร กำรประดิษฐ์จะต้องมีกำรแก้ไขปั ญหำทำงเทคนิ คของสิ่งที่มีมำ
ก่อน หรือที่เรียกว่ำมีข้ ันกำรประดิษฐ์ท่ีส้งขึ้นขั้นตอนกำรขอรับอนุ สิทธิ
บัตรจะใช้ระยะเวลำสั้นกว่ำสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์มำก เนื่ องจำกใช้ระบบจด
ทะเบียน แทนกำรใช้ระบบที่ต้องมีกำรตรวจสอบก่อนกำรรับจดทะเบียน
ผ้้ประดิษฐ์คิดค้นสำมำรถที่จะเลือกว่ำ จะยื่นขอควำมคุ้มครองสิทธิบัตร
หรืออนุ สิทธิบัตรอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ งแต่จะขอควำมคุ้มครองทั้งสองอย่ำง
พร้อมกันไม่ได้

You might also like