Professional Documents
Culture Documents
สํานักก่อสร้างทาง
กรมทางหลวงชนบท
กระทรวงคมนาคม
องค์ความรู้
เรื่อง
การตรวจสอบความสามารถในการรับน้ําหนักของสะพาน ( Load Test )
โครงสร้างแบบ Balance Cantilever สะพานข้ามแม่น้ํากก
อําเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
โดย
สํานักก่อสร้างทาง ได้มีแผนการกระจายความรู้เพื่อเผยแพร่สําหรับบุคลากรของกรมทางหลวงชนบทและ
ผู้ที่สนใจ โดยการจัดทําองค์ความรู้จากกิจกรรมต่างๆของแต่ละโครงการของสํานักก่อสร้างทาง สํานักก่อสร้างทาง
ได้พิจารณาถึงขั้นตอนของการตรวจสอบความสามารถในการรับน้ําหนักของโครงสร้างสะพานของโครงการฯ แล้ว
เห็นว่าเป็นแนวทางของการตรวจสอบความสามารถการรับน้ําหนักของสะพานที่น่าสนใจ และสามารถนําไป
เลือกใช้ตรวจสอบความสามารถในการรับน้ําหนักของโครงสร้างสะพานที่อื่นๆ ตามความเหมาะสมได้ จึงได้เลือก
การตรวจสอบความสามารถในการรับน้ําหนักของสะพานของโครงการฯ เป็นส่วนหนึ่งขององค์ความรู้ของสํานัก
ก่อสร้างทาง ในครั้งนี้
ดังนั้น โครงการก่อสร้างถนนเชื่อม ทล.1129 – ทล.1098 อําเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงได้รวบรวม
ข้อมูลเรื่องนี้เขียนเป็นองค์ความรู้ เรื่อง “ การตรวจสอบความสามารถในการรับน้ําหนักของสะพาน (Load Test)
โครงสร้างแบบ Balance Cantilever สะพานข้ามแม่น้ํากก อําเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ” เพื่อสรุปเป็นองค์
ความรู้ของสํานักก่อสร้างทาง โดยโครงการฯ หวังว่าจะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อบุคลากรและผู้ที่สนใจ ต่อไป
รูปตัด 1 รูปตัดตามยาวของสะพาน
8
9
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินความสามารถในการรับน้ําหนักบรรทุก รวมถึงระยะการแอ่นตัวภายใต้น้ําหนักบรรทุกใช้งาน
ของโครงสร้างสะพาน โดยวิธีการทํา Static Load Test จากน้ําหนักของรถบรรทุก 3 เพลา 6 ล้อ .ใช้ยาง 10 เส้น
หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่ารถสิบล้อ โดยน้ําหนักที่ใช้ในรถบรรทุกสิบล้อจะจัดให้มีน้ําหนักเทียบเท่ากับที่ได้ออกแบบไว้
คือ 1.3 เท่า ของ HS20-44 ตามมาตรฐาน ASSHTO
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการตรวจสอบความสามารถในการรับน้ําหนักของสะพาน
1) ทําให้ทราบถึงความสามารถในการรับน้ําหนักของโครงสร้างสะพาน ว่าจะสามารถรับน้ําหนักบรรทุก
ตามที่ออกแบบไว้คือ 1.3 เท่า ของ HS20-44 ตามมาตรฐาน ASSHTO ได้หรือไม่
2) ทําให้ทราบถึงพฤติกรรมของสะพาน ภายใต้การจัดวางน้ําหนักที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างสะพานที่
วิกฤติสูงสุด เช่น ให้เกิดโมเมนต์ดัดสูงสุดและแรงเฉือนสูงสุด
การดําเนินการตรวจสอบ
รายละเอียดของสะพานช่วงที่ทําการตรวจสอบ
ช่ ว งที่ ทํ า การตรวจสอบความสามารถในการรั บ น้ํ า หนั ก เป็ น ช่ ว งที่ ทํ า การก่ อ สร้ า งด้ ว ยวิ ธี Balance
Cantilever ที่มีความยาวต่อเนื่อง 3 ช่วงเสา มี 2 ช่องจราจร ความยาวช่วงที่ 1 และ 3 เท่ากับ 37.5 เมตร ส่วนความ
ยาวของสะพานช่วงที่ 2 ( ช่วงกลาง ) เท่ากับ 65.0 เมตร รวมความยาวช่วงที่ทําการตรวจสอบเท่ากับ 140.0 เมตร
โครงสร้างพื้นสะพานได้วางพาดอยู่บนเสาคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่และถ่ายน้ําหนักสู่ฐานราก ระบบ
พื้นของสะพานเป็นกล่องคอนกรีตสําเร็จรูปอัดแรงทีหลัง โดยที่ความลึกของกล่องคอนกรีตแปรเปลี่ยนไปตามตําแหน่ง
กําลังอัดของกล่องคอนกรีตที่ ณ วันที่ทําการตรวจสอบมีค่าไม่น้อยกว่า 420 กก./ซม.2 ( ทรงลูกบาศก์ )
รูปตัด 2 รูปตัดตามยาวแสดงช่วงของสะพานที่ทําการตรวจสอบความสามารถในการรับน้ําหนักบรรทุก
10
รายละเอียดการตรวจสอบโครงสร้างสะพาน
1. ตําแหน่งทีใ่ ช้ในการตรวจสอบการแอ่นตัว
ก. เนื่องจากสะพานมีขนาดใหญ่ และมีความสูงค่อนข้างมาก ทําให้ไม่สามารถติดตั้งฐานรองรับ
สําหรับอุปกรณ์วัดการขจัด ( Displacement Gauge ) หรืออุปกรณ์สําหรับวัดการโก่งตัวได้
กรอปกับค่าการโก่งตัวที่ยอมให้ที่กึ่งกลางสะพานมีค่าค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงได้ดําเนินการวัด
ค่าการโก่งตัวของโครงสร้างสะพานโดยใช้กล้องระดับ และไม้สต๊าฟ
ข. ตําแหน่งที่วัดการโก่งตัวกระทําทั้งหมดอย่างน้อย 6 ตําแหน่งในแต่ละช่วงเสา รวมทั้งหมด 14
ตําแหน่งตลอดทั้งช่วงที่ทําการตรวจสอบ
2. การจัดวางน้ําหนักบรรทุก
น้ําหนักบรรทุกที่ใช้จะใช้น้ําหนักของรถบรรทุก 10 ล้อ โดยให้มีน้ําหนักรวมสูงสุดไม่น้อยกว่า
น้ําหนักที่ใช้ในการทดสอบ ( Target Load ) น้ําหนักบรรทุกที่ใช้ในการทดสอบ พิจารณาตาม
เกณฑ์ที่กําหนดไว้ใน Manual for Bridge Rating Through Load Testing (1998) โดยระบุ
น้ํ า หนั ก บรรทุ ก ทดสอบสํ า หรั บ การประเมิน ความสามารถในการรั บ น้ํ าหนั ก บรรทุก ในระดั บ
Operating Level ไว้ไม่น้อยกว่า D+1.4 (L+I)
โดยที่ D = น้ําหนักบรรทุกคงที่ของโครงสร้างสะพาน
L = น้ําหนักบรรทุกจรของโครงสร้างสะพาน
I = แรงเพิ่มร้อยละ 33 จาก Impact Load สําหรับน้ําหนักที่เคลื่อนที่
น้ําหนักบรรทุกจรจะพิจารณาจากน้ําหนักบรรทุก 2 ส่วนคือ 1.3 เท่าของ HS20-44 ตาม
มาตรฐาน ASSHTO และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมโดยให้น้ําหนักกระจายสม่ําเสมอรวมกับน้ําหนัก
เคลื่อนที่ ซึ่งสามารถแสดงได้ดังนี้
ก. น้ําหนักรถบรรทุก = 1.3 เท่าของ HS20-44 = 1.3 x 32.7 = 42.5 ตัน ต่อคัน วิ่งตลอดช่วง
ความยาวสะพาน
ข. น้ําหนักกระจายใน 1 ช่องจราจร = 1.3 x 0.95 = 1.235 ตันต่อเมตร ต่อ 1 ช่องจราจร และ
น้ําหนักเคลื่อนที่เท่ากับ 1.3 x 8.15 = 10.6 ตัน
การจัดวางน้ําหนักบรรทุกจรจะให้รถบรรทุกวางอยู่ทุกๆ ช่องจราจรใน 6 ตําแหน่ง ( ตามรูปที่ 8 )
โดยที่ตําแหน่งใน Case D และ F จะให้ผลของค่าโมเมนต์ลบสูงสุด รวมถึงการส่งถ่ายน้ําหนัก
11
บรรทุกสู่เสาและฐานรากสูงสุด ส่วนตําแหน่งใน Case B , C และ D จะให้ค่าแรงเฉือนสูงสุด
ขณะที่ตําแหน่งใน Case A , B และ C จะส่งผลโมเมนต์บวกสูงสุดต่อโครงสร้างสะพาน
3. การคํานวณหาน้ําหนักบรรทุกสูงสุด และตําแหน่งจัดวางน้ําหนักรถบรรทุก
ในการคํานวณหาน้ําหนักบรรทุกสูงสุดพร้อมตําแหน่งจากน้ําหนักรถบรรทุกสิบล้อ จะพิจารณา
ผลตอบสนอง ที่ ใ ห้ ค่ า โมเมนต์ ดั ดสู ง สุด ที่ ก ลางคาน และแรงเฉื อ นสู ง สุด ที่ ผิ ว ของเสาสะพาน
เปรียบเทียบกับการให้น้ําหนัก ตามมาตรฐาน ASSHTO ที่ได้ออกแบบไว้
- เปรียบเทียบแรงเฉือนสูงสุด
• สําหรับน้ําหนักรถบรรทุก : Vmax = P / 2 = (( 1.4 x 42.5 x 1.33 ) / 2 ) = 39.56 ton
• สําหรับน้ําหนักกระจายและน้ําหนักเคลื่อนที่ : Vmax = ( wL / 2 ) + ( P / 2 ) = (( 1.235 x
( 37.5 – 2.5 ) / 2 ) + (( 1.33 x 10.6 ) / 2 ) = 40.12 ton
ดังนั้น ใช้น้ําหนักรถบรรทุกจํานวน 33 ตัน จํานวน 3.5 คันต่อช่องจราจร จัดวางกระจายตลอด
สะพาน ( ตําแหน่งตาม Case B และ C ตามรูปที่ 8 ) จะทําให้เกิดแรงเฉือนสูงสุดเท่ากับ 57.75
ตัน ซึ่งมากกว่าแรงเฉือนสูงสุดที่คํานวณได้
13
รูปที่ 8 ตําแหน่งของรถบรรทุกเพื่อทดสอบความสามารถของโครงสร้างสะพาน
14
4. การทดสอบและบันทึกค่าการโก่งตัว
4.1 ทําการบันทึกค่าการโก่งตัวทันทีของพื้นทั้งหมด ตามรูปแบบการเพิ่มน้ําหนักบรรทุกตามที่
เสนอไปแล้วก่อนหน้า บันทึกค่าการแอ่นตัวหลังจากการให้น้ําหนักบรรทุกทันทีหลังจากการ
ให้น้ําหนักบรรทุก
4.2 น้ําหนักบรรทุกสูงสุดต่อช่องจราจร เป็นไปตามที่คํานวณไว้
4.3 เมื่อให้นําหนักบรรทุกสูงสุดแล้ว ตรวจสอบสภาพของโครงสร้างว่าไม่มีส่วนใดได้รับความ
เสียหาย เช่น การแตกร้าว การขยายตั วหรื อการแอ่นตั วของโครงสร้างมีมากจนสามารถ
สังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
4.4 ทําการปลดน้ําหนักบรรทุกออก 100 % ของน้ําหนักบรรทุกสูงสุด ( Rebound Test Load )
และบั น ทึ ก ค่ า การแอ่ น ตั ว หลั ง จากปลดน้ํ า หนั ก บรรทุ ก ทั น ที ค่ า การแอ่ น ตั ว ที่ สิ้ น สุ ด การ
ทดสอบ จะเป็นค่า Final Deflection
4.5 ทําการคํานวณหาค่าการคืนตัว ( Recovery of Deflection ) ซึ่งจะมีค่าเท่ากับ Initial
Deflection – Final Deflection
5. เกณฑ์การพิจารณา
5.1 ในการทดสอบโครงสร้างสะพานนั้น จะต้องไม่มีส่วนใดๆ ของโครงสร้างเกิดความเสียหาย
( Visible evidence of failure )
5.2 ค่าการแอ่นตัวสูงสุด ( Maximum Deflection ) แต่ละช่วงเสา ต้องไม่เกิน L/800 ( แนะนํา
โดย ASSHTO ) โดยที่ L = ช่วงความยาวของโครงสร้างสะพานที่ทําการทดสอบ : หน่วยเป็น
มิลลิเมตร
- ช่วงความยาว L = 37.5 ม. ค่าการแอ่นตัวที่ยอมให้เท่ากับ 37500/800 = 46.875 มม.
- ช่วงความยาว L = 65.0 ม. ค่าการแอ่นตัวที่ยอมให้เท่ากับ 65000/800 = 81.25 มม.
5.3 ค่าการคืนตัวภายหลังปลดน้ําหนักบรรทุกออกทั้งหมดแล้ว ( Recovery of Deflection )
จะต้องมีการคืนตัวเกือบทั้งหมดของค่าการแอ่นตัว เนื่องจากน้ําหนักทดสอบเป็นน้ําหนัก
บรรทุกใช้งาน
15
ขั้นตอนและวิธีการตรวจสอบ
ขั้นตอนและวิธีการตรวจสอบความสามารถในการรับน้าํ หนักบรรทุกของโครงสร้างสะพาน
- ติดตั้งตําแหน่งที่จะใช้ตั้งไม้สต๊าฟ เพื่ออ่านค่าระดับ เพื่อหาค่าการโก่งตัวของสะพาน ตามตําแหน่งที่
ได้ออกแบบไว้ทั้งหมดจนครบ
รูปที่ 9 รูปแสดงการติดตั้งตําแหน่งสําหรับตั้งไม้สต๊าฟเพื่ออ่านค่าการโก่งตัวของสะพาน
รูปที่ 10 รูปแสดงการติดตั้งตําแหน่งสําหรับตั้งไม้สต๊าฟเพื่ออ่านค่าการโก่งตัวของสะพาน
16
- เก็บค่าระดับเดิมของตําแหน่งต่างๆที่ติดตั้งจนครบ จากนั้นเริ่มนํารถบรรทุกมาจัดวางตามน้ําหนักชั้น
ต่างๆ และ ตาม Case ต่างๆที่ได้ทําการออกแบบไว้ เมื่อรถบรรทุกจอดตามตําแหน่งที่ถูกต้องแล้วทํา
การเก็บระดับตามตําแหน่งต่างๆ สําหรับหาค่าการแอ่นตัวของสะพานทันที