Professional Documents
Culture Documents
ตัวบทกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ตัวบทกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ตัวบทประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา
มาตรา 2 ในประมวลกฎหมายนี้
คานิยาม (1) "ศาล"
หมายความถึงศาลยุตธิ รรมหรือผูพ ิ ากษาซึง่ มีอานาจ
้ พ
ทาการอันเกีย่ วกับคดีอาญา
(2) "ผูต ้ อ
้ งหา"
หมายความถึงบุคคลผูถ ้ ก
ู หาว่าได้กระทาความผิด
แต่ยงั มิได้ถก ู ฟ้ องต่อศาล
(3) "จาเลย"
หมายความถึงบุคคลซึง่ ถูกฟ้ องยังศาลแล้วโดย
ข้อหาว่าได้กระทาความผิด
(4) "ผูเ้ สียหาย"
หมายความถึงบุคคลผูไ้ ด้รบั ความเสียหาย
เนื่องจากการกระทาผิดฐานใดฐานหนึ่ง
รวมทัง้ บุคคลอืน ่ ทีม
่ ีอานาจ
จัดการแทนได้ด่งั บัญญัตไิ ว้ใน มาตรา 4 มาตรา 5 และ
มาตรา 6
(5) "พนักงานอัยการ"
หมายความถึงเจ้าพนักงานผูม ้ ีหน้าทีฟ
่ ้ อง ผูต
้ อ
้ งหาต่อศาล
ทัง้ นี้เป็ นข้าราชการในกรมอัยการหรือเจ้าพนักงาน
อืน
่ ผูม ้ ีอานาจเช่นนัน ้ ก็ได้
(6) "พนักงานสอบสวน"
หมายความถึงเจ้าพนักงานซึง่ กฎหมาย
ให้มีอานาจและหน้าทีท ่ าการสอบสวน
(7) "คาร้องทุกข์"
หมายความถึงการทีผ ่ เู้ สียหายได้กล่าวหาต่อ
หน้า2จาก30
หมายความถึงการรวบรวมพยานหลักฐาน
และการดาเนินการทัง้ หลายอืน ่ ตามบทบัญญัตแ ิ ห่งประมว
ลกฎหมายนี้
ซึง่ พนักงานสอบสวนได้ทาไปเกีย่ วกับความผิดทีก ่ ล่าวหา
เพือ ่ ที่ จะทราบข้อเท็จจริงหรือการพิสจู น์ความผิด
และเพือ ่ จะเอาตัวผูก้ ระทา ผิดมาฟ้ องลงโทษ
(12) "การไต่สวนมูลฟ้ อง"
หมายความถึงกระบวนไต่สวนของศาล
เพือ ่ วินิจฉัยถึงมูลคดีซงึ่ จาเลยต้องหา
(13) "ทีร่ โหฐาน" หมายความถึงทีต ่ า่ ง ๆ
ซึง่ มิใช่ทส ี่ าธารณสถาน
ดั่งบัญญัตไิ ว้ในกฎหมายลักษณะอาญา
(14) "โจทก์" หมายความถึงพนักงานอัยการ
หรือผูเ้ สียหาย ซึง่ ฟ้ องคดีอาญาต่อศาล
หรือทัง้ คูใ่ นเมือ ่ พนักงานอัยการและผูเ้ สียหาย
เป็ นโจทก์รว่ มกัน
(15) "คูค ่ วาม"
หมายความถึงโจทก์ฝ่ายหนึ่งและจาเลยอีก ฝ่ ายหนึ่ง
(16) "พนักงานฝ่ ายปกครองหรือตารวจ" หมายความถึง
เจ้าพนักงานซึง่ กฎหมายให้มีอานาจและหน้าทีร่ กั ษาควา
มสงบ เรียบร้อยของประชาชน ให้รวมทัง้ พัศดี
เจ้าพนักงานกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจ้าท่า
พนักงานตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าพนักงาน อืน ่ ๆ
ในเมือ ่ ทาการอันเกีย่ วกับการจับกุมปราบปรามผูก ้ ระทาผิ
ด กฎหมาย ซึง่ ตนมีหน้าทีต ่ อ
้ งจับกุมหรือปราบปราม
EX.มาตรา
2(4)1.บุคคลทีไ่ ด้รบั ความเสียหายจากการกระทาผิดทางอ
าญา+2.ต้องเป็ นผูเ้ สียหายโดยนิตน ิ ยั เท่านัน
้
หน้า4จาก30
ทีจ่ ะบอกได้
คาร้องทุกข์นี้จะทาเป็ นหนังสือหรือร้องด้วยปากก็ได้
ถ้าเป็ น หนังสือต้องมีวน ั เดือน ปี
และลายมือชือ ่ ของผูร้ อ้ งทุกข์ ถ้าร้อง
ด้วยปากให้พนักงานสอบสวนบันทึกไว้ ลงวัน เดือน ปี
และลงลาย มือชือ ่ ผูบ
้ น ั ทึกกับผูร้ อ้ งทุกข์ในบันทึกนัน ้
ดูมาตรา 2(7) ประกอบด้วย
มาตรา ผูเ้ สียหายจะร้องทุกข์ตอ ่ พนักงานฝ่ ายปกครองหรือ
124 ตารวจซึง่ มีตาแหน่ งหน้าทีร่ องหรือเหนือพนักงานสอบสว
การร้องทุ นและเป็ นผู้
กข์กบั ตาร ซึง่ มีหน้าทีร่ กั ษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมายก็ได้
วจหรือฝ่ า เมือ ่ มีหนังสือร้องทุกข์ยน ื่ ต่อเจ้าพนักงานเช่นกล่าวแล้ว
ยปกครอง ให้รีบ จัดการส่งไปยังพนักงานสอบสวน
และจะจดหมายเหตุอะไรไปบ้าง
เพือ ่ ประโยชน์ของพนักงานสอบสวนก็ได้
เมือ ่ มีคาร้องทุกข์ดว้ ยปาก
ให้รีบจัดการให้ผเู้ สียหายไปพบกับ
พนักงานสอบสวนเพือ ่ จดบันทึกคาร้องทุกข์นน ้ ั ดั่งบัญญัติ
ในมาตราก่อน
ในกรณี เร่งร้อนเจ้าพนักงานนัน ้ จะจดบันทึกเสียเองก็ได้
แต่แล้วให้รบ ี ส่งไปยังพนักงานสอบสวน
และจะจดหมายเหตุอะไรไปบ้างเพือ ่
ประโยชน์ของพนักงานสอบสวนก็ได้
มาตรา เมือ ่ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานฝ่ ายปกครองหรือ
125 ตารวจได้กระทาการสืบสวนหรือสอบสวนไปทัง้ หมด
หรือแต่สว่ นหนึ่ง ส่วนใดตามคาขอร้องให้ชว่ ยเหลือ
ให้ตกเป็ นหน้าทีข ่ องพนักงานนัน ้
จัดการให้มีคาร้องทุกข์ตามระเบียบตามบทบัญญัตแ ิ ห่ง
หน้า9จาก30
ในเขตท้องทีใ่ ดมีพนักงานสอบสวนหลายคน
การดาเนินการ
สอบสวนให้อยูใ่ นความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน
ผูเ้ ป็ นหัวหน้า ในท้องทีน ่ น้ ั หรือผูร้ กั ษาการแทน
มาตรา เมือ ่ ความผิดเกิดขึน ้
22 อ้างหรือเชือ ่ ว่าได้เกิดขึน ้ ในเขตอานาจของศาลใด
ศาลทีม
่ ีอา ให้ชาระทีศ ่ าลนัน ้ แต่ถา้
นาจชาระ (1)
คดี เมือ ่ จาเลยมีทอ ี่ ยูห
่ รือถูกจับในท้องทีห ่ นึ่งหรือเมือ ่ เจ้าพนัก
งาน
ทาการสอบสวนในท้องทีห ่ นึ่งนอกเขตของศาลดั่งกล่าวแล้
ว จะชาระ ทีศ ่ าลซึง่ ท้องทีน ่ น
้ ั ๆ อยูใ่ นเขตอานาจก็ได้
(2) เมือ ่ ความผิดเกิดขึน ้ นอกราชอาณาจักรไทย
ให้ชาระคดีนน ้ ั ทีศ ่ าลอาญา
ถ้าการสอบสวนได้กระทาลงในท้องทีห ่ นึ่งซึง่ อยูใ่ นเขต
ของศาลใด ให้ชาระทีศ ่ าลนัน ้ ได้ดว้ ย
จาเลยมีทอี่ ยู่ เป็ นทีอ่ ยูป
่ จั จุบน
ั ไม่ใช่ภม
ู ลิ าเนา
มาตรา เมือ่ ความผิดหลายเรือ ่ งเกีย่ วพันกันโดยเหตุหนึ่งเหตุใด
24 เป็ นต้น
(1) ปรากฏว่าความผิดหลายฐาน
ได้กระทาลงโดยผูก ้ ระทาผิด คนเดียวกัน
หรือผูก ้ ระทาผิดหลายคนเกีย่ วพันกันในการกระทาความ
ผิดฐานหนึ่งหรือหลายฐาน จะเป็ นตัวการ
ผูส
้ มรูห
้ รือรับของโจรก็ตาม
(2)
ปรากฏว่าความผิดหลายฐานได้กระทาลงโดยมีเจตนาอย่า
งเดียว กัน
หรือโดยผูก ้ ระทาผิดทัง้ หลายได้คบคิดกันมาแต่กอ ่ นแล้ว
หน้า12จาก30
(3) ปรากฏว่าความผิดฐานหนึ่งเกิดขึน ้
โดยมีเจตนาช่วยผู้
กระทาผิดอืน ่ ให้พน้ จากรับโทษในความผิดอย่างอืน ่ ซึง่ เข
าได้กระทาไว้
ดั่งนี้จะฟ้ องคดีทก ุ เรือ
่ ง
หรือฟ้ องผูก ้ ระทาความผิดทัง้ หมดต่อศาล
ซึง่ มีอานาจชาระในฐานความผิดซึง่ มีอตั ราโทษสูงกว่าไว้
ก็ได้
ถ้าความผิดอันเกีย่ วพันกันมีอตั ราโทษอย่างสูงเสมอกัน
ศาลซึง่ มีอานาจชาระ
ก็คอ ื ศาลซึง่ รับฟ้ องเรือ ่ งหนึ่งเรือ
่ งใดในความผิด
เกีย่ วพันกันนัน ้ ไว้กอ่ น
172 ต่อหน้าจาเลย
การพิจาร เว้นแต่บญ ั ญัตไิ ว้เป็ นอย่างอืน ่ เมือ
่ โจทก์หรือทนายโจทก์แ
ณาต้องกร ละจาเลยมาอยูต ่ อ่ หน้าศาลแล้ว และ
ะทาโดยเ ศาลเชือ ่ ว่าเป็ นจาเลยจริง
ปิ ดเผยต่อ ให้อา่ นและอธิบายฟ้ องให้จาเลยฟัง และ
หน้าจาเล ถามว่าได้กระทาผิดจริงหรือไม่
ย จะให้การต่อสูอ ้ ย่างไรบ้าง คาให้การ ของจาเลยให้จดไว้
ถ้าจาเลยไม่ยอมให้การ ก็ให้ศาลจดรายงานไว้
และดาเนินการพิจารณาต่อไป
ในการสืบพยาน เมือ ่ ได้พเิ คราะห์ถงึ เพศ อายุ ฐานะ
สุขภาพอนามัย ภาวะแห่งจิตของพยาน
หรือความเกรงกลัวทีพ ่ ยานมีตอ ่ จาเลยแล้ว
จะดาเนินการโดยไม่ให้พยานเผชิญหน้าโดยตรงกับจาเล
ยก็ได้ ซึง่ อาจกระทาโดยการใช้โทรทัศน์วงจรปิ ด
สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
หรือวิธีอน ื่ ตามทีก ่ าหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
และจะให้สอบถามผ่านนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์
หรือบุคคลอืน ่ ทีพ ่ ยานไว้วางใจด้วยก็ได้
ในการสืบพยาน
ให้มีการบันทึกคาเบิกความพยานโดยใช้วธิ ีการบันทึกลงใ
นวัสดุ
ซึง่ สามารถถ่ายทอดออกเป็ นภาพและเสียงซึง่ สามารถตรว
จสอบถึงความถูกต้องของการบันทึกได้
และให้ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาใช้การบันทึกดังกล่าวประกอ
บการพิจารณาคดีดว้ ย ทัง้ นี้ ตามหลักเกณฑ์
วิธีการและเงือ ่ นไขทีก ่ าหนดในข้อบังคับของประธานศาล
ฎีกา
ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาตามวรรคสามและวรรคสี่
หน้า16จาก30
เมือ
่ ได้รบ ั ความเห็นชอบจากทีป ่ ระชุมใหญ่ของศาลฎีกา
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บงั คับได้
มาตรา ในคดีทม ี่ ีอตั ราโทษประหารชีวติ
173 หรือในคดีทจี่ าเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปี ในวันทีถ่ ก
ู ฟ้ องต่
ศาลถาม อศาล
จาเลยเรือ
่ ก่อนเริม่ พิจารณาให้ศาลถามจาเลยว่ามีทนายความหรือไ
งทนายคว ม่ ถ้าไม่มีก็ให้ศาลตัง้ ทนายความให้
าม ในคดีทม ี่ ีอตั ราโทษจาคุก
ก่อนเริม ่ พิจารณาให้ศาลถามจาเลยว่ามีทนายความหรือไ
ม่ ถ้าไม่มีและจาเลยต้องการทนายความ
ก็ให้ศาลตัง้ ทนายความให้
ให้ศาลจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จา่ ยแก่ทนายความทีศ ่ าลตั้
งตามมาตรานี้
โดยคานึงถึงสภาพแห่งคดีและสภาวะทางเศรษฐกิจ ทัง้ นี้
ตามระเบียบทีค ่ ณะกรรมการบริหารศาลยุตธิ รรมกาหนด
โดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
EX.วรรค1 ศาลจะต้องหาทนายความฟรีให้จาเลย
ถ้าจาเลยยังไม่มท ี นายความ แม้วา่ จาเลยไม่ตอ้ งการ
ศาลก็จาเป็ นต้องหาให้
ถ้าพิพากษาไปโดยไม่มีทนายจาเลย
คาพิพากษานัน ้ จะต้องถูกยก
วรรค 2 ศาลไม่ตอ้ งหาทนายความฟรีให้จาเลย
ถ้าจาเลยไม่ตอ้ งการทนายความ
และหากพิพากษาไปโดยไม่มีทนายจาเลย
คาพิพากษานัน ้ ก็ไม่ถก
ู ยก
มาตรา ก่อนนาพยานเข้าสืบ โจทก์มีอานาจเปิ ดคดีเพือ
่
174 ให้ศาลทราบคดีโจทก์ คือแถลงถึงลักษณะของฟ้ อง
การนาพย อีกทัง้ พยาน
หน้า17จาก30
ดับชัน
้ ศา ้ อ้างอิงเป็ นลาดับ
ยที่ ยกขึน
ล
มาตรา ห้ามมิให้อท ุ ธรณ์ คาพิพากษาศาลชัน ้ ต้นในปัญหา
193ทวิ ข้อเท็จจริงในคดี
การห้ามอุ ซึง่ อัตราโทษอย่างสูงตามทีก ่ ฎหมายกาหนดไว้ให้
ทธรณ์ ใน จาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมืน ่ บาท
ปัญหาข้อเ หรือทัง้ จาทัง้ ปรับ
ท็จจริงเพ เว้นแต่กรณี ตอ ่ ไปนี้ให้จาเลยอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง
ราะจาเลย ได้
ต้องโทษเ (1)
ล็กน้อย จาเลยต้องคาพิพากษาให้ลงโทษจาคุกหรือให้ลงโทษกักขั
งแทนโทษจาคุก
(2) จาเลยต้องคาพิพากษาให้ลงโทษจาคุก
แต่ศาลรอการลงโทษไว้
(3) ศาลพิพากษาว่าจาเลยมีความผิด
แต่รอการกาหนดโทษไว้ หรือ
(4)
จาเลยต้องคาพิพากษาให้ลงโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท
ถ้าเข้า (1),(2),(3),(4) จาเลยข้างเดียวอุทธรณ์ ได้
มาตรา การยืน ่ อุทธรณ์ ให้ยืน ่ ต่อศาลชัน
้ ต้นในกาหนด
198 หนึ่งเดือนนับแต่วน ั อ่าน
กาหนดระ หรือถือว่าได้อา่ นคาพิพากษาหรือคาสั่ง
ยะเวลายืน
่ ให้คค ู่ วามฝ่ ายทีอ่ ทุ ธรณ์ ฟงั
อุทธรณ์ ให้เป็ นหน้าทีศ ่ าลชัน ้ ไ
้ ต้นตรวจอุทธรณ์ วา่ ควรจะรับส่งขึน
ปยัง ศาลอุทธรณ์ หรือไม่
ตามบทบัญญัตแ ิ ห่งประมวลกฎหมายนี้
ถ้าเห็นว่าไม่ควรรับให้จดเหตุผลไว้ในคาสั่งของศาลนัน ้ โ
ดยชัดเจน
หน้า21จาก30
ถ้าอีกฝ่ ายหนึ่งอุทธรณ์
จะเด็ดขาดต่อเมือ ่ คดีถงึ ทีส
่ ด
ุ โดยไม่มีการแก้คาพิพากษา
หรือคาสั่งศาลชัน ้ ต้น
หมายเหตุ; เมือ่ ถอนอุทธรณ์ ไปแล้ว
ผูข
้ อถอนจะอุทธรณ์ หรือฎีกาอีกไม่ได้
มาตรา ภายใต้บงั คับแห่ง มาตรา 246 มาตรา 247 และ มาตรา
245 248 เมือ
่ คดีถงึ ทีส่ ด
ุ แล้ว ให้บงั คับคดีโดยไม่ชกั ช้า
การดาเนิ ศาลชัน
้ ต้นมีหน้าทีต ่ อ้ งส่งสานวนคดีทพ ี่ พิ ากษาให้ลงโทษ
นการบังคั ประหาร ชีวต ิ หรือจาคุกตลอดชีวต ิ
บคดี ไปยังศาลอุทธรณ์ ในเมือ ่ ไม่มีการอุทธรณ์ คาพิพากษานัน ้
และคาพิพากษาเช่นว่านี้จะยังไม่ถงึ ทีส ่ ด ุ เว้นแต่
ศาลอุทธรณ์ จะได้พพ ิ ากษายืน
ป
มาตรา 57 ภายใต้บงั คับแห่งบทบัญญัตใิ น มาตรา 78 มาตรา 79
หลักคุม
้ ค มาตรา 80 มาตรา 92 และ มาตรา 94
รองสิทธิเ แห่งประมวลกฎหมายนี้ จะจับ ขัง
สรีภาพขอ จาคุกหรือค้นในทีร่ โหฐาน หาตัวคนหรือสิง่ ของ
งประชาช ต้องมีคาสั่งหรือหมายศาลสาหรับการนัน ้
น บุคคลทีต ่ อ
้ งขังหรือจาคุกตามหมายศาล
จะปล่อยไปได้กเ็ มือ ่ มีหมายปล่อยของศาล
มาตรา 58 ศาลมีอานาจออกคาสั่งหรือหมายอาญาได้ภายในเขตอาน
ผูม
้ ีอานาจ าจ
ออกหมาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการทีก ่ าหนดในข้อบังคับของประธ
อาญา านศาลฎีกา
มาตรา 59 ศาลจะออกคาสั่งหรือหมายจับ หมายค้น หรือหมายขัง
ตามทีศ ่ าลเห็นสมควรหรือโดยมีผรู้ อ้ งขอก็ได้
ในกรณี ทผ ี่ รู้ อ้ งขอเป็ นพนักงานฝ่ าย ปกครองหรือตารวจ
ต้องเป็ นพนักงานฝ่ ายปกครองตัง้ แต่ระดับสาม
หรือตารวจซึง่ มียศตัง้ แต่ชน ้ ั ร้อยตารวจตรีหรือเทียบเท่าขึ้
นไป
ในกรณี จาเป็ นเร่งด่วนซึง่ มีเหตุอน ั ควรโดย
ผูร้ อ้ งขอไม่อาจไปพบศาลได้
ผูร้ อ้ งขออาจร้องขอต่อศาลทางโทรศัพท์ โทรสาร
สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
หรือสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอืน ่ ทีเ่ หมาะสมเพือ
่
ขอให้ศาลออกหมายจับหรือหมายค้นก็ได้
ในกรณี เช่นว่านี้เมือ ่ ศาลสอบถามจนปรากฏว่ามีเหตุทจี่ ะอ
อกหมายจับหรือหมายค้นได้ตาม มาตรา 59/1
และมีคาสั่งให้ออกหมายนัน ้ แล้ว
ให้จดั ส่งสาเนาหมายเช่นว่านี้ไปยังผูร้ อ้ งขอโดยทางโทรส
หน้า26จาก30
าร สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
หรือสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอืน ่ ทัง้ นี้
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการทีก ่ าหนดในข้อบังคับ
ของประธานศาลฎีกา
เมือ่ ได้มีการออกหมายตามวรรคสามแล้ว
ให้ศาลดาเนินการให้ผท ู้ เี่ กีย่ วข้องกับการขอหมายมาพบศ
าลเพือ ่ สาบานตัวโดยไม่ชกั ช้า
โดยจดบันทึกถ้อยคาของบุคคลดังกล่าวและลงลายมือชือ ่ ข
องศาลผูอ ้ อกหมายไว้
หรือจะใช้เครือ ่ งบันทึกเสียงก็ได้โดยจัดให้มีการถอดเสียง
เป็ นหนังสือและลงลายมือชือ ่ ของศาลผูอ้ อกหมาย
บันทึกทีม ่ ีการลงลายมือชือ ่ รับรองดังกล่าวแล้ว
ให้เก็บไว้ในสารบบของศาล
หากความปรากฏต่อศาลในภายหลังว่าได้มีการออกหมาย
ไปโดยฝ่ าฝื นต่อบทบัญญัตแ ิ ห่งกฎหมาย
ศาลอาจมีคาสั่งให้เพิกถอนหรือแก้ไขเปลีย่ นแปลงหมายเ
ช่นว่านัน ้ ได้ ทัง้ นี้
ศาลจะมีคาสั่งให้ผรู้ อ้ งขอจัดการแก้ไขเพือ ่ เยียวยาความเ
สียหายทีเ่ กิดขึน ้ แก่บุคคลทีเ่ กีย่ ว
ข้องตามทีเ่ ห็นสมควรก็ได้
มาตรา ก่อนออกหมาย จะต้องปรากฏพยานหลักฐานตามสม
59/1 ควรทีท ่ าให้ศาลเชือ ่ ได้วา่ มีเหตุทจี่ ะออกหมายตาม มาตรา
66 มาตรา 69 หรือ มาตรา 71
คาสั่งศาลให้ออกหมายหรือยกคาร้อง
จะต้องระบุเหตุผลของคาสั่งนัน ้ ด้วย
หลักเกณฑ์ในการยืน ่ คาร้องขอการพิจารณา
รวมทัง้ การออกคาสั่งให้เป็ นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทีก
่ าหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
หน้า27จาก30
กาทุกกร
ณี ในข้อเท็
จจริงและ
ข้อกฎหม
าย
มาตรา ในคดีซงึ่ ห้ามฎีกาไว้โดย มาตรา 218 มาตรา 219 และ
221 มาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายนี้
การอนุญา ถ้าผูพ ้ พิ ากษาคนใดซึง่ พิจารณาหรือ
ตหรือรับร ลงชือ ่ ในคาพิพากษาหรือทาความเห็นแย้งในศาลชัน ้ ต้นห
องให้ฎกี า รือศาล
อุทธรณ์ พเิ คราะห์เห็นว่าข้อความทีต ่ ดั สินนัน้ เป็ นปัญหา
สาคัญอัน ควรสูศ ่ าลสูงสุดและอนุญาตให้ฎก ี า
หรืออธิบดีกรมอัยการลงลาย มือชือ ่ รับรองในฎีกาว่า
มีเหตุอน ั ควรทีศ ่ าลสูงสุดจะได้วน ิ ิจฉัย ก็ให้
รับฎีกาไว้พจิ ารณาต่อไป
มาตรา เมือ
่ ศาลชัน ้ ต้นไม่ยอมรับฎีกา ผูฎ ้ ก
ี าอาจฎีกาเป็ น
224 คาร้องอุทธรณ์ คาสั่งของศาลนัน ้ ต่อศาลฎีกาได้
กรณี ศาล คาร้องเช่นนี้ให้ยน ื่ ที่
้ ต้นสั่ง ศาลชัน
ชัน ้ ต้นภายในกาหนดสิบห้านับแต่วน ั ฟังคาสั่ง
ไม่รบั ฎีกา แล้วให้ศาลนัน ้ รีบ
ส่งคาร้องเช่นว่านัน ้ ไปยังศาลฎีกาพร้อมด้วยฎีกาและคาพิ
พากษา หรือคาสั่งของศาลชัน ้ ต้นและศาลอุทธรณ์
เมือ่ ศาลฎีกาเห็นสมควรตรวจ
สานวนเพือ ่ สั่งคาร้องเรือ ่ งนัน
้ ก็ให้ สั่งศาลชัน ้ ต้นส่งมาให้
หน้า29จาก30