You are on page 1of 422

The HOLY BIBLE STORY

เรือ
่ งราวพระคาภีรไ์ บเบิล
้ ตอนที่ 1/30

The HOLY BIBLE story is told through the Scriptures of the FORTY -FOUR BOOKS of
the HOLY BIBLE. All the Epistles (including the Book of Acts) are not inclusive of that
STORY and are the words of men rather than the WORD of GOD. However, by the direction
of the Church the twenty-two Epistles of the Apostles have been added into the Canon of
THE HOLY BIBLE. As we have discussed in prior Chapters of this BOOK, the NUMBER "44"
is representative of the WORDS, GODHEAD, FAITH, ABRAHAM, and Judah, as ALL of these
WORDS have a NUMERIC SUM of the NUMBER "44".
พระคัมภีรไ์ บเบิล
้ เป็ นการบอกผ่านข ้อความเนื้อหาของหนั งสอ ื 44 เล่มของพระคัมภีรไ์ บเบิล ้
สว่ นจดหมายของอัครสาวก (รวมไปถึงหนั งสอ ื ของกิจการของอัครสาวก) ทัง้ หมด ไม่รวมเป็ น
เรือ่ งราวของพระคาภีรน ์ ัน
้ และถือว่าเป็ นถ ้อยคาของมนุษย์ มากกว่าเป็ นพระคาของพระเจ ้า
แม ้ว่าโดยขอบเขตของคริสตจักร จดหมาย 22 ฉบับของอัครสาวก
ผู ้เผยแพร่รน
ุ่ แรกได ้เพิม ่ เข ้าไปในรายชอ ื่ หนั งสอื ในพระคัมภีรไ์ บเบิล ้
อย่างทีเ่ ราได ้ปรึกษากันในบทก่อนหน ้าของหนั งสอ ื เล่มนี้ ตัวเลข 44 เป็ นตัวแทนของคาว่า
ความเป็ นพระเจ ้า ความเชอ ื่ อับราฮัม และยูดาห์ โดยทัง้ หมดของถ ้อยคาเหล่านีม ้ เี รือ
่ งของตัวเลข
จานวนผลรวม “44”

1
Therefor it should be obvious that by the NUMBERS alone there are only FORTY -
FOUR BOOKS that make up THE WORD of GOD. When the Church added the Twenty-two
Epistles into the Canon, they then brought that NUM BER of books up from FORTY-FOUR to
the NUMBER SIXTY-SIX. The NUMBER 66 represents the WORD, "WOMAN" that the
Scriptures WARN about in the 2nd Chapter, verse 20, of the Book of Revelation.

ด ้วยเหตุนคี้ วรจะสงั เกตเห็นได ้ชดั ว่าโดยตัวเลข อย่างเดียวมี 44


เล่มเท่านัน้ ทีป
่ ระกอบกันเป็ นพระคาของพระเจ ้า เมือ ่ คริสตจักร(เสริมสมัยโรม)ได ้เพิม
่ จดหมายฝาก
22 ฉบับ ของอัครสาวก เข ้าไปในสารบาญหนั งสอ ื ในพระคัมภีรไ์ บเบิล

พวกเขาจึงนาตัวเลขของหนังสอ ื จาก 44 ขึน ้ ไปยังตัวเลข 66 ซงึ่ ตัวเลข 66 เป็ นตัวแทนคา “ผู ้หญิง”
ข ้อความในพระคัมภีรต ์ ักเตือน เกีย
่ วกับเรือ
่ งนีใ้ นบทที่ 2:20 ของหนั งสอ ื วิวรณ์

The Churches are WARNED about this "WOMAN" and how she proclaims herself to be
a Prophetess, and deceives the people by her FALSE teaching. This is also a WARNING to
GOD'S PEOPLE to beware of her (the WOMAN) for she has seduced her way into the HOLY
Scriptures. The "WOMAN" is the basis of religion, and GOD SAYS THAT THE CHURCH
SHOULD BE FOUNDED ON THE TEACHINGS OF JESUS CHRIST, AND NOT FOUNDED ON
RELIGION! (click link more detial)
คริสตจักรถูกตักเตือนเกีย่ วเรือ
่ ง “ผู ้หญิง”
นีว้ า่ และเธอได ้ประกาศตัวเองอย่างไรเพือ ่ เป็ นผู ้พยากรณ์หญิงและหลอกลวงประชากรโดยการสอน
ผิดพลาดของเธอ นีย ่ ังเป็ นการเตือนไปยังประชากรของพระเจ ้าให ้ระวังเธอ (ผู ้หญิง)
เพราะเธอได ้ชก ั ชวนไปในทางทีผ ่ ด
ิ ด ้วยวิธกี ารของของเธอเข ้าไปในข ้อความบริสท
ุ ธิใ์ นพระคัมภีร ์
คาว่า “ผู ้หญิง”
เป็ นรากฐานของศาสนาและพระเจ ้าตรัสว่าคริสตจักรควรจะวางรากฐานบนคาสอนของพระเยซูคริสต์
และไม่วางรากฐานบนศาสนา (จม 22 ฉบับ)!

The basis of THE HOLY BIBLE is established on the NUMBER "44", If you look at the
KEY "NUMBER 44" WORDS, GODHEAD, FAITH, ABRAHAM, and Judah, you will see that
these FOUR WORDS are the FOUNDATION THE HOLY BIBLE is based on. THE WORD of
GOD comes by way of the GODHEAD. GOD established HIS NEW COVENANT by FAITH
starting FRIST with ABRRAHAM and then down through Judah to JESUS CHRIST THE SON
of GOD .This the entire BIBLE STORY wrapped up in FOUR WORDS, ALL of which EQUAL
the NUMBER 44.
บนพืน ้ ฐานของพระคัมภีรไ์ บเบิล
้ ถูกกาหนดบนตัวเลข “44” ถ ้าคุณมองไปทีก ่ ญ
ุ แจไข “ตัวเลข
44” คาว่า ความเป็ นพระเจ ้า ความเชอ ื่ อับราฮัม และยูดาห์ คุณจะเห็นว่า 4
คาเหล่านีเ้ ป็ นรากฐานพระคัมภีรไ์ บเบิล้ บนพืน
้ ฐาน
พระคาของพระเจ ้ามาโดยแนวทางของความเป็ นพระเจ ้า
พระเจ ้าบัญญัตพ ั ญาใหม่ของพระองค์โดยความเชอ
ิ ันธสญ ื่ เริม
่ ต ้นอับราฮัมเป็ นคนแรก

2
และผ่านเชอ ื้ สายยูดาห์ไปยังพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ ้า
เรือ
่ งราวพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ รุปอยูใ่ น 4 ข ้อความ ซงึ่ ทัง้ หมดเท่ากับตัวเลข 44
้ ทัง้ หมดนีส

(เสริม มัทธิว 4:4 ฝ่ ายพระองค์ตรัสตอบว่า "มีพระคัมภีรเ์ ขียนไว ้ว่า


`มนุษย์จะบารุงชวี ติ ด ้วยอาหารสงิ่ เดียวหามิได ้
แต่บารุงด ้วยพระวจนะทุกคาซงึ่ ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ ้า'
ลูกา 4:4 ฝ่ ายพระเยซูตรัสตอบมารว่า "มีพระคัมภีรเ์ ขียนไว ้ว่า
`มนุษย์จะบารุงชวี ต ิ ด ้วยอาหารสงิ่ เดียวก็หามิได ้ แต่บารุงด ้วยพระวจนะทุกคาของพระเจ ้า ***มัทธิว
4:4 และ ลูกา 4:4 ได ้ถูกตัง้ ใจวางไว ้ คือ ตัวเลข 44 )

The NEW TESTAMENT consists of THE FOUR GOSPELS and the Book of THE
REVELATION of JESUS CHRIST ONLY. Any other words that are added beyond the WORDS
of JESUS CHRIST are a blasphemy against GOD. When JESUS said that HE had finished the
work GOD had sent HIM to do, HE MEANT IT. THEREFOR, with JESUS CHRIST being THE
WORD of GOD, HE said all that needed to be SAID in THE FOUR GOSPELS and THE
REVELATION of JESUS CHRIST!

พันธสญ ั ญาใหม่ประกอบด ้วย พระกิตติคณ ุ ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ทัง้ ส ี่


และหนังสอ ื วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์เท่านัน
้ ถ ้อยคาอืน
่ ใดๆ
ทีถ่ ก
ู เพิม
่ นอกเหนือไปกว่าคาพูดของพระเยซูคริสต์เป็ นคาหมิน ่ ประมาทต่อต ้านพระเจ ้า (click เสริม
เพราะแอนตีไ้ คร์จะใชข้ ้อความในจดหมายฝาก New world order ทาการรับเครือ ่ งหมาย 666
) เมือ่ พระเยซูตรัสว่าภารกิจของพระองค์ได ้สาเร็จแล ้ว(การตายไถ่บาปบนกางเขน)
ในสงิ่ ทีพ
่ ระเจ ้าได ้สง่ พระองค์เพือ
่ กระทา พระองค์หมายความอย่างทีก ่ ล่าวไป
ด ้วยเหตุทพ ี่ ระเยซูคริสต์ดารงอยูเ่ ป็ นพระคาของพระเจ ้า สงิ่ ทีพ
่ ระองค์ต ้องการจะตรัสทัง้ หมดอยูใ่ น
พระกิตติคณ ุ ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ทัง้ ส ี่ และหนังสอื วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์

WE will only cover FORTY of the FORTY-FOUR BOOKS of THE HOLY BIBLE in this
chapter that highlight "The BIBLE STORY", for WE have delicated an entire chapter to the
GOSPELS already. WE will FIRST briefly go through the THIRTY-NINE BOOKS of the Old
Testament and POINT OUT some of the KEY POINTS of UNDERSTANDING that are
necessary to UNDERSTAND the STORY, and then proceed on to The Book of Revelation.

เราจะทาความเข ้าใจครอบคลุมเพียง ของหนังสอ ื 44 เล่มของพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ ในบทนีท


้ เี่ น ้น
“เรือ
่ งราวของพระพระคัมภีร”์ สาหรับเราได ้ทุม
่ เททัง้ บทเพือ่ ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์แล ้ว
เราเริม่ แรกจะผ่านไปโดยย่อ ใน หนั งสอ ื 39 เล่มของพันธสญ ั ญาเดิมและชป ี้ ระเด็นสาคัญ
บางประการเป็ นกุญแจของความเข ้าใจ ซงึ่ เป็ นสงิ่ จาเป็ นในการเข ้าใจเรือ
่ งราว
และจากนัน ื วิวรณ์
้ จะต่อไปในหนั งสอ

The BASIS for OLD TESTAMENT

พืน ั ญาเดิม
้ ฐานของพันธสญ

3
The 39 Books of the Old Testament can be broken clown into specific categories, and
here is an overview of them. The HOLY BIf3LE begins with the FIVE Books of MOSES that
are referred to as THE TORAII, thus meaning the Law for GOD'S PEOPLE. GOD had these
FIVE BOOKS WRITTEN to give HIS PEOPLE a basis for OBEYING GOD'S COMMANJ)MENTS,
PRECEPTS and STATUTES along with HIS RULES regarding MORALITY.

หนังสอ ื 39 เล่มของพันธสญ ั ญาเดิมสามารถจาแนกเนือ ้ หาไปในประเภททีจ ่ าเพาะเจาะจง


และทีน ่ เี่ ป็ นภาพรวมของพันธสญ ั ญาเดิม พระคัมภีรไ์ บเบิล ้ เริม
่ ต ้นกับหนั งสอื 5 เล่มของโมเสส
ทีอ่ ้างถึงในฐานะทีเ่ ป็ น THE TORAH ด ้วยเหตุนค ี้ วามหมายกฎเกณฑ์สาหรับผู ้คนของพระเจ ้า
พระเจ ้าได ้เขียนหนังสอ ื 5 เล่มเหล่านีเ้ พือ่ ให ้ผู ้คนของพระองค์ ได ้มีพน ื้ ฐาน
บัญญัตข ิ องพระเจ ้าสาหรับการเชอ ื่ ฟั ง ในการสงั่ สอน และเป็ นกฎระเบียบไปทิศทางเดียวกันกับ
ข ้อปฏิบัตข ิ องพระองค์ เกีย่ วกับความดีงาม ความมีศล ี ธรรมจรรยา ความมีคณ ุ ธรรม

The Book of Joshua that follows THE TORAH describes (he CROSSING over of the
RIVER JORDAN by the Children of lSRAEL. SPIRITUALLY, the Book of Joshua represents
GOD'S PEOPLE crossing over from this world into HEAVEN, which is THE KINGDOM of
GOJ). The river Jordan SPIRITUALLY represents the WORD of GOD, whose waters arc so
deep that one must know how to SWIM in order to cross over it.

หนังสอ ื โยชูวาทีต
่ ดิ ตามโทราห์ อธิบาย การข ้ามฟากเหนือแม่น้ าจอร์แดนโดยบุตรแห่งชน
ชาติของอิสราเอล
ในฝ่ ายวิญญาณหนังสอ ื ของโยชูวาเป็ นตัวแทนประชากรของพระเจ ้าข ้ามเหนือจากโลกนีเ้ ข ้าไปในส
วรรค์ สงิ่ ซงึ่ เป็ นราชอาณาจักรของพระเจ ้า แม่น้ าจอร์แดนฝ่ ายวิญญาณ
เป็ นตัวแทนพระคาของพระเจ ้า ซงึ่ น้ านัน ้ ลึกมาก คนๆ หนึง่ ต ้องรู ้จักวิธวี า่ ยน้ า
เพือ่ ทีจ
่ ะว่ายข ้ามผ่านแม่น้ า(ในระดับลึกนัน้ )

This is why in the OLD TESTAMENT, GOD parted the waters of the River Jordan
for The CHILDREN of ISRAEL to 'cross over, as they did not yet KNOW how to
SPIRITUALLY SWIM. Establishing the PROMISED LAND for GOD'S PEOPLE as it is
desscribed in the Book of Joshua, represents the battles that one must fight in this world
prior to receiving their INHERITANCE and a place in GOD'S KINGDOM.

นีค
่ อื เหตุผลว่าทาไมในหนั งสอ ื พันธสญั ญาเดิม พระเจ ้าแบ่งสว่ นแม่น้ าของแม่น้ า
จอร์แดนสาหรับบุตรแห่งชนชาติอส ิ ราเอลเพือ ่ ทีข ่ ้ามฟากไป ถ ้าพวกเขายังไม่รู ้ว่าวิธวี า่ ยน้ าฝ่ าย
วิญญาณ การจัดตัง้ ดินแดนแห่งพันธสญ ั ญาสาหรับประชากรของพระเจ ้า
เทียบได ้เท่ากับได ้อธิบายรายละเอียดไว ้ในหนั งสอ ื โยชูวา เป็ นตัวแทนในการต่อสูที ้ ่

คนๆ หนึง่ ต ้องต่อสูในโลก (ฝ่ ายวิญญาณโดยดาเนินชวี ต ิ ตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์) นีก ้ อ
่ น
ทีจ ิ ธิครอบครองและเข ้าสูส
่ ะได ้รับ สท ่ ถานทีซ่ งึ่ เป็ นราชอาณาจักรของพระเจ ้า

The Book of Judges, which sequentially comes next in THE HOLY BIBLE, represents
the establishment of the LEADERSHIP needed to keep GOD'S PEOPLE in ORDER with THE

4
WORD of GOD. Then, the Book of Ruth depicts the STORY of the CHURCH, and it's
MARRIAGE to CHRIST.
หนังสอื ของผู ้วินจ ื เนือ
ิ ฉั ย เป็ นผลสบ ่ งมาจากเรือ
่ งราวในพระคัมภีรไ์ บเบิล

ถัดไปโดยเป็ นตัวแทนในการสถาปนาของความเป็ นผู ้นา ต ้องการทีจ ่ ะรักษา
ประชากรของพระเจ ้าให ้มี ระเบียบวินัยด ้วยกันกับพระคาของพระเจ ้า แล ้วก็หนังสอ ื ของรูท
บรรยานให ้เห็นเรือ
่ งราวของคริสตจักร และเป็ นการแต่งงานกับพระคริสต์

The Books of First and Second Samuel describes the beginning of the King for GOD'S
PEOPLE and shows by the Scripture that the success of a King or a Judge can only come by
WAY of them who are OBEDIENT TO THE LORD
หนังสอ ื ของ 1 และ 2 ซามูเอล อธิบายการเริม
่ ต ้นของกษั ตริยส
์ าหรับ
ประชากรของพระเจ ้าและแสดงให ้เห็นว่าโดยข ้อความในพระคัมภีร ์ ว่าความสาเร็จของกษั ตริย ์
ิ ฉั ยสามารถทาได ้เพียงมาโดยทาง (การดาเนินชวี ต
หรือผู ้วินจ ิ ) ของพวกเขาผู ้ซงึ่ ได ้ เชอ
ื่ ฟั งพระเจ ้า

Next, the Books of First and Second Kings, and the Books of First and Second
Chronicles, outline the lives of the Kings OVERSEEING GOD’s PEOPLE. These Books show
both the successes and the failures of those Kings. The Books of Ezra and Nehemiah depict
the re-establishment of JERUSALEM after its captivity, and teach one that if FAITH in GOD
is kept HOPE will not be denied.

ต่อไป หนั งสอ ื พงศก ์ ษั ตริย ์


เล่มทีห ่ นึง่ และเล่มทีส ่ อง และหนังสอ ื พงศาวดารเล่มทีห ่ นึง่ และเล่มทีส
่ อง
เป็ นโครงร่างของการดารงชวี ต ิ ของกษั ตริย ์
การดูแลปกครองประชากรของพระเจ ้า หนั งสอ ื เหล่านีแ
้ สดงทัง้ ความสาเร็จและความล ้มเหลวของก
ษั ตริยเ์ หล่านัน้ หนั งสอ ื ของเอสราและเนหะมียเ์ ป็ นการบรรยาย
การสถาปนาอีกครัง้ ของเยรูซาเล็มหลังจากตกเป็ นเชลย และสอนคนๆ
หนึง่ ว่าถ ้าความเชอ ื่ ในพระเจ ้าเก็บรักษาไว ้ เพือ ่ มีความหวัง (ในพระเจ ้า) จะไม่ถกู ปฏิเสธจากพระองค์

The Story of Esther, which is inserted after the book of Nehemiah, is done so to re-
establish that there is HOPE for GOD’S PEOPLE when TIMES appear to be HOPELESS!
Through the Story of Job ,in the Book of Job, GOD teaches about the TRUST, and PATIENCE,
and OBEDIENCE that GOD'S PEOPLE should demonstrate, regardless of the a
circumstances. It also TEACHES by the WORDS of Job, how important it is for one to know
THE WORD of GOD for THEMSELVES, so they needn’t depend on others to identify their
own faults.

่ งราวของเอสเธอร์ สงิ่ ซงึ่ ถูกแทรกเข ้าไปหลังจากหนั งสอ


เรือ ื ของเนหะมีย ์
ถูกกระทาดังนัน ้ เพือ
่ สถาปนาขึน
้ มาอีกครัง้
ให ้มีความหวังสาหรับประชากรของพระเจ ้า เมือ ่ ในชว่ งเวลาดูเหมือนว่าจะสนิ้ หวัง!
ผ่านมาถึงเรือ ่ งของโยบ ในหนั งสอ ื ของโยบ พระเจ ้าสอนเกีย ่ วกับความไว ้วางใจ และความอดทน
และการเชอ ื่ ฟั งทีป
่ ระชากรของพระเจ ้าควรจะมีโดยการแสดงออกมาเป็ นความเชอ ื่ ถือในพระองค์เจ ้า

5
อย่างไม่คานึงถึงของซงึ่ สภาพแวดล ้อม (สถานกาณ์รอบๆ จะยา่ แย่แบบไหน) ยังสอนถ ้อยคาต่างๆ
ของพระเจ ้าให ้แก่โยบ ในความสาคัญต่อสาหรับคนๆ
หนึง่ ทีจ
่ ะรู ้จักพระคาของพระเจ ้าสาหรับตัวพวกเขาเองอย่างไร
จากนัน ้ พวกเขาไม่ต ้องการขึน ้ อยูก
่ ับคนอืน
่ ๆ ทีจ
่ ะระบุถงึ ข ้อบกพร่องของพวกเขาเอง
(ไม่จาเป็ นต ้องให ้คนอืน่ มาพูดบอกในความผิดของตัวเอง)

The Book of Psalms consists of PRAYERS, PROMISES, and PROPHECY for GOD'S
PEOPLE, with many of those PROMISES about to be FULFILLED. The Books of Proverbs,
Ecclesiastes, and the Songs of SOLOMON, demonstrate the WISDOM and LOVING
RELATIONSHIP that GOD offers to HIS PEOPLE, when they are WILLING to live in HIS WAY
AND OBEY HIS COMMANDMENTS. The Book of Ecclesiastes also outlines the MEANING of
life in this WORLD.

หนังสอื ของเพลงสดุดป ี ระกอบด ้วยการอธิษฐาน คามั่นสญ ั ญา


และการพยากรณ์สาหรับคนของพระเจ ้า ด ้วย คามั่นสญ ั ญา เหล่านั น ้ จานวนมาก จะถูกเติมเต็ม
หนังสอื ของสุภาษิต ปั ญญาจารย์ และเพลงซาโลมอน
แสดงให ้เห็นถึงสติปัญญาและความรักความสม ั พันธ์ทพี่ ระเจ ้าเสนอให ้คนของพระองค์
เมือ
่ พวกเขาเต็มใจทีจ่ ะมีชวี ต
ิ ในทางของพระองค์และเชอ ื่ ฟั งบัญญัตขิ องพระองค์
หนังสอ ื ของปั ญญาจารย์ยังสรุปทีม ี วามหมายของชวี ต
่ ค ิ ในโลกนี้

Then FINALLY, there are the SEVENTEEN Books by the SIXTEEN writing Prophets:
Isaiah, Jeremiah (which includes Lamentations), Ezekiel, Daniel ,Hosea, Joel, Amos,
Obadiah, Jonah, Micah, Nahum, Habakkuk, Zephaniah ,Haggai, Zechariah, and Malachi. All of
the Books of the WRITING PROPHECY forecast the coming events for the PAST, the
PRESENT and the FUTURE for GOD'S PEOPLE!

ื 17 เล่มโดย 16 ผู ้พยากรณ์เขียน:
แล ้วก็ในท ้ายสุด มีหนั งสอ
อิสยาห์ เยรามีย ์ (สงิ่ ซงึ่ ประกอบด ้วยเพลงคร่าครวญ) เอเสเคียล ดาเนียล โฮเชยา โยเอล
อาโมส โอบาดีย ์ โยนาห์ มีคาห์ นาฮูม ฮาบากุก เศฟั นยาห์ ฮักกัย เศคาริยาห์ และมาลาคี
ทัง้ หมดของหนังสอ ื ของผู ้พยากรณ์เขียนพยากรณ์การมาถึงเหตุการณ์สาหรับอดีต ปั จจุบันและอนา
คตสาหรับประชากรของพระเจ ้า!

Compiling of the SCRIPTURES

ื ในพระคัมภีร ์
การรวบรวมของข ้อความหนั งสอ

The Priest, Ezra, is the one who had put the majority of the 39 Books of the
Testament into their existing order. However, these books are not necessarily
chronologically placed within the HOLY BIBLE as to the time in which the events had taken
place, or as to when the Books themselves were WRITTEN !

6
ปุโรหิตธรรมาจารย์ เอสรา เป็ นคนหนึง่ ผู ้ซงึ่ ได ้จัดวางจานวนทีห ื 39
่ นั งสอ
เล่มของพันธสญ ั ญาเข ้าไปโดยสว่ นใหญ่ ในระบบทีม ่ อ
ี ยู่
แต่อย่างไรก็ตามหนั งสอื เหล่านีไ
้ ม่จาเป็ นทีบ
่ ันทึกตามลาดับเหตุการณ์บรรจุภายในพระคัมภีรไ์ บเบิล ้
ในชว่ งเวลาในเหตุการณ์ตา่ งๆ ได ้เกิดขึน ้ หรือในเวลานั น ้ เมือ
่ หนั งสอื ของเหล่านัน
้ ได ้ถูกเขียนขึน
้ !

This Chapter, Titled "The HOLY BIBLE STORY", merely gives you the insight to the
Old Testaments FIRST LAYER, which is that of the PAST HOWEVER WE WILL ALLOW YOU
TO SEE THE PAST MORE CLEARLY BY APPLYING OUR KNOWLEDGE OF THE OTHER
TWO LAYERS CONTAINED IN THE OLD TESTAMENT, AS WE DESCRIBE THE EVENTS.
บทนีช ้ อื่ ว่า “เรือ
่ งราวของพระคัมภีรไ์ บเบิล
้ ”
โดยไม่มส ี งิ่ เจือปนให ้คุณความเข ้าใจอย่างลึกซงึ้ สาหรับพันธสญั ญาเดิมในระดับชน ั ้ แรก ซงึ่ เป็ นเหตุ
การณ์ของอดีต แต่อย่างไรก็ตามเราจะชว่ ยให ้คุณได ้เห็นเหตุการณ์อดีต อย่างเข ้าใจลึกซงึ้ มากขึน ้
อย่างชด ั เจนโดยประยุกต์ใชความรู ้ ั ้ ในเรือ
้ของเราในความลึกอีก 2 ระดับชน ่ งราวของพันธสญ ั ญาเดิม
เมือ
่ เราได ้อธิบายเหตุการณ์ตา่ งๆ

One must READ the Scriptures for themselves to see beyond the PAST and then
apply them to the PRESENT. Then look further through the Scriptures into the THIRD
LAYER so YOU may SEE how they apply to both YOU, and the world's FUTURE.
คนหนึง่ จาเป็ นต ้องอ่านข ้อความในพระคัมภีรส ์ าหรับพวกเขาเอง
เพือ
่ เพิม
่ ความเข ้าใจมากกว่าการเป็ นเรือ ่ งราวในอดีต (หนั งสอ ื พระคาภีรเ์ ป็ นเพียงประวัตศ
ิ าสตร์)
และจากนัน ้ นาสงิ่ เหล่านัน้ มาประยุกต์ความรู ้ทีม ้
่ ใี นพระคาภีรใ์ ชไปยั งเหตุการณ์ปัจจุบัน
แล ้วก็มองต่อไปโดยใชข้ ้อความในพระคัมภีรเ์ หล่านั น ้ เข ้าไปในระดับชน ั ้ ที่ 3 (อนาคต)

One MUST UNDERSTAND that THE HOLY BIBLE applies not only to the entire world,
but it also APPLIES to YOU PERSONALLY. This is YOUR MANUAL on LIFE and your
BEHAVIOR in this world, and it is your road map for the WAY to the NEXT WORLD!
จากนัน ้ คุณอาจจะเห็นออกมาว่า
ข ้อความในพระคาภีรเ์ หล่านีจ ้ ะนามาประยุกต์ใชเพื ้ อ
่ เป็ นประโยชน์กับตัวคุณและเกีย ่ วกับเรือ
่ งราวใน
อนาคตของโลก
คนหนึง่ ต ้องเข ้าใจว่าพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ เมือ
่ นาประยุกต์ใชไม่้ ใชเ่ ฉพาะในโลกนีเ้ ท่านั น

แต่ยังประยุกต์ใชเพื้ อ่ ชวี ต
ิ ของคุณเป็ นการสว่ นตัว นี่คอื คูม
่ อ ื ชวี ต
ิ ของคุณ และต่อพฤติกรรม
นามาปฏิบัตข ิ องคุณในโลกนีแ ้ ละเป็ นแผนทีก ่ ารดาเนินชวี ต ิ ของคุณสาหรับการเดินทางไปในโลกหน ้
า มิลลิเนียม!

Many people believe that the OLD TESTAMENT no longer APPLIES. THIS IS NOT THE
TRUTH AS IT STILL APPLIES. FURTHERMORE, ONE CANNOT SEPARATE THE OLD
TESTAMENT FROM THE NEW TESTAMENT, FOR THE OLD IS AN INTEGRAL PART OF THE
NEW. ALL GOD'S LAWS STILL APPLY, THE ONLY DIFFERENCE IS NOW YOU OBEY GOD'S
LAWS BY FAITH, WHICH COMES BY THE WAY OF THE HOLY SPIRIT BAPTISM, THROUGH
JESUS CHRIST!

7
หลายคนเชอ ื่ ว่าพันธสญั ญาเดิมไม่สามารถนามาประยุกต์ใชได ้ ้อีกต่อไป
นีไ่ ม่เป็ นความจริงเพราะยังคงประยุกต์ใชอยู ้ ่
ยิง่ ไปกว่านั น
้ ไม่มใี ครสามารถแยกพันธสญ ั ญาเดิมจากพันธสญ ั ญาใหม่
สาหรับพันธสญ ั ญาเดิมเป็ นสงิ่ ทีจ่ าเป็ นในการเติมเต็มสว่ นของพันธสญ ั ญาใหม่
กฎข ้อบังคับของพระเจ ้าทัง้ หมดยังคงประยุกต์ใช ้
ความแตกต่างอย่างเดียวก็คอ ื ขณะนีค ้ ณ ุ เชอ ื่ ฟั งกฎข ้อบังคับของพระเจ ้าโดยความเชอ
ื่ สงิ่ ซงึ่ มาโดยท
างของบัพติศมาพระวิญญาณบริสท ุ ธิผ์ า่ นทางพระเยซูคริสต์ !

6.1 Genesis

6.1 ปฐมกาล

The Book of Genesis starts out by telling you about GOD'S SIX days of CRE ATION and
HIS REST on the SEVENTH DAY. Then during GOD'S REST, HOW GOD MAKES HIS SEVENTH
CREATION, the SOUL BEARING MAN, whom HE HAD NAMED ADAM, to LIVE in HIS
GARDEN WITH HIM. The next Scene in the HOLY BIBLE STORY, SHOWS GOD spending
time with ADAM in HIS GARDEN called EDEN. While in the GARDEN, GOD gives HIS SOUL
BEARING MAN his FIRST COMMANDMENT, that of which is that ADAM SHOULD NOT eat of
the FRUIT of the Tree of the Knowledge of GOOD and Evil.

หนังสอ ื ปฐมกาลเริม
่ ต ้นด ้วยการบอกคุณเกีย ่ วกับ การทรงสร ้าง 6
วันของพระเจ ้าและการพักผ่อนของพระองค์ในวันที่ 7 แล ้วก็ในระหว่างการพักผ่อนของพระเจ ้า
พระเจ ้าทาให ้การทรงสร ้างที่ 7 นัน ้ อย่างไร ได ้มอบจิตวิญญาณให ้มนุษย์ผู ้ชายผู ้ซงึ่ เขามีชอ ื่ ว่า อาดัม
ทีอ่ าศัยอยูใ่ นสวนของพระองค์กับพระองค์ เหตุการณ์ตอ ่ ไปในเรือ
่ งพระคัมภีรไ์ บเบิล้ ได ้บอกว่า

พระเจ ้าใชเวลากั บอาดัมในสวนของพระองค์เรียกว่า เอเดน ในขณะทีอ ่ ยูใ่ นสวน
พระเจ ้าได ้ให ้บัญญัตแิ รกของพระองค์ตอ ่ มนุษย์ผู ้ชายทีพ
่ ระองค์มอบดวงจิตวิญญาณ ว่า
ห ้ามอาดัมกินผลไม ้ของต ้นไม ้แห่งความรู ้ดีและรู ้ชวั่

Then after a great deal of time had past (seeing that enough time had elapsed for
ADAM to name all the animals), GOD DETERMINES that the MAN, ADAM is LONELY and in
need of a mate because of his LONELINESS. With ADAM being the only person on earth
with a SOUL at that TIME and THE LORD wanting ADAM to have a WORTHY MATE (ONE
WITH A SOUL), GOD puts ADAM into a DEEP SLEEP and removes one of his ribs and makes
a woman from ADAM.

แล ้วก็หลังจากข ้อตกลง อันยิง่ ใหญ่เวลาได ้ผ่านไปเป็ นอดีต


(จะเห็นว่าเวลาได ้ล่วงเลยไปสาหรับอาดัมได ้ตัง้ ชอ ื่ สต ั ว์ทัง้ หมด)
พระเจ ้าตัดสน ิ ใจรุ ้สก ึ ว่าชาย อาดัมนัน ้ ได ้อยูโ่ ดดเดีย ่ ว
และในความต ้องการของคูช ่ วี ติ เพราะความว ้าเหว่ของเขา
เพราะอาดัมเป็ นเพียงคนเดียวบนโลกทีม ่ จี ต
ิ วิญญาณในเวลานัน ้ และพระเจ ้าต ้องการ
ให ้อาดัมมีคชู่ วี ต
ิ ทีเ่ หมาะสมคูค ่ วร (โดยคนหนึง่ ทีม ่ ด ี วงจิตวิญญาณ)

8
พระเจ ้ากระทาให ้อาดัมเข ้าไปในการหลับสนิทและเอาซโี่ ครงของเขาออกมา หนึง่ ซโี่ ครง
และสร ้างผู ้หญิงคนหนึง่ ขึน
้ มาจากอาดัม

This story of EVE being taken out of ADAM depicts the female gender being taken out
of the MAN, to create the WOMAN so both the MAN and the WOMAN could share the SAME
SOUL. This GENDER SEPARATION is what makes the MAN a little lower than the ANGEL, as
the ANGEL is COMPLETE having both the male and female GENDERS.
เรือ
่ งราวของเอวาทีถ ่ ก
ู นาออกจากอาดัมนี้
บรรยายเป็ นเพศหญิงถูกเอาออกมาจากผู ้ชาย เพือ ่ สร ้างเป็ นผู ้หญิง
ดังนัน
้ ทัง้ ชายและหญิงสามารถร่วมแบ่งปั นจิตวิญญาณเดียวกัน การแบ่งแยกเพศ
การเป็ นการสร ้างมนุษย์ผู ้ชายตา่ กว่าทูตสวรรค์เล็กน ้อย เพราะ
ทูตสวรรค์มท ี ัง้ สองเพศอย่างสมบูรณ์ในเพศชายและเพศหญิง

The Scripture also makes the statement that they are BOTH being the same flesh and
bone and were to live together as HUSBAND and WIFE, being inseparable and sharing in
the same SOUL. Since they both SHARED the SAME SOUL and were also the same flesh, the
TWO were meant to LIVE together with only a gender separation in the flesh. This further
MEANS that when the two gender come together, they should be as one flesh and
inseparable, having ONE Soul between the TWO of THEM. This is what JESUS CHRIST was
talking about in the GOSPELS.

ข ้อความในพระคัมภีรย ์ ังกล่าวรายละเอียดว่า
พวกเขาได ้เป็ นเนือ ้ หนังและกระดูกเดียวกันและอาศัยอยูด ่ ้วยกันเชน่ สามีและภรรยา
เป็ นการใชช้ วี ต ิ อยูโ่ ดยไม่มสี งิ่ ใดมาแยกออกจากกันได ้ และแบ่งปั นในจิตวิญญาณเดียวกัน
การทีพ ่ วกเขาแบ่งปั นทัง้ จิตวิญญาณเดียวกันและรวมเป็ นเนือ ้ หนังเดียวกันด ้วย ทัง้ สองนัน
้ หมายควา
มถึงอาศัยอยูด ่ ้วยกัน มีเพียงการแบ่งแยกเพศในเนือ ้ หนังเท่านัน้ ความหมายทีล ่ ก
ึ มากขึน
้ ก็คอื
เมือ่ ทัง้ สองเพศมาอยูด ่ ้วยกัน
พวกเขาควรเป็ นหนึง่ เดียวกันในเนือ ้ หนั งและซงึ่ มิอาจแยกออกจากกันได ้
เป็ นหนึง่ เดียวกันในดวงจิตวิญญาณระหว่างพวกเขาทัง้ สอง
นีค
่ อ ื สงิ่ ทีพ
่ ระเยซูคริสต์ได ้ตรัสถึงในข่าวประเสริฐของพระองค์

Matthew 19:4 And HE answered and said unto them, HAVE YE NOT READ, THAT HE
WHICH MADE THEM AT THE BEGINNING MADE THEM MALE AND FEMALE,

Matthew 19:5 AND SAID, FOR THIS CAUSE SHALL A MAN LEAVE FATHER AND MOTHER,
AND SHALL CLEAVE THIS WIFE: AND THEY TWAIN SHALL BE ONE FLESH?

มัทธิว 19:4-5 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “พวกท่านไม่ได ้อ่านหรือว่า


พระผู ้ทรงสร ้างมนุษย์แต่เดิม ‘ได ้ทรงสร ้างพวกเขาให ้เป็ นชายและหญิง’ และตรัสว่า
‘เพราะเหตุนผ ี้ ู ้ชายจะจากบิดามารดาของเขาจะไปผูกพันอยูก ่ ับภรรยา
และเขาทัง้ สองจะเป็ นเนือ ้ เดียวกัน

9
The Story continues on to tell how Lucifer the Devil, entices EVE the WOMAN, to SIN.
EVE then in turn brings her Husband ADAM into the SIN .Then by both ADAM and EVE
SINNING against GOD, GOD COULD NO LONGER LOOK AT THEM, BECAUSE GOD CANNOT
LOOK UPON SIN So ADAM and EVE were PUT OUT of GOD'S GARDEN and the Devil was
cast out with them, for his SIN!

่ งดาเนินต่อไปโดยบอกว่า ลูซเิ ฟอร์ มารซาตาน ได ้ล่อลวงหญิง เอวา


เรือ
เพือ
่ ทาบาปอย่างไร ในทางกลับกันเอวาได ้นาสามีของเธออาดัมเข ้าไปในความบาป
โดยทัง้ คูอ
่ าดัมและเอวาทาความบาปต่อต ้าน (ไม่เชอ ื่ ฟั ง) พระเจ ้า พระเจ ้าไม่สามารถทอดพระเนตร
(มอง) ไปทีพ ่ วกเขาอีกต่อไป เพราะว่าพระเจ ้าไม่สามารถมองเหนือความบาป
จากนัน้ อาดัมและเอวาถูกขับออกจากสวนของพระเจ ้า
และมารซาตานถูกไล่ออกจากสวรรค์ด ้วยกันกับพวกเขา สาหรับบาปของเขา !

EVE was impregnated by both her Husband ADAM and by the DEVIL Lucifer; she bears
TWINS, one from ADAM and one from Lucifer. BOTH of the children have SOULS even
though the Devil, Lucifer had not a SOUL for he had already lost his SOUL. The Children
received a SOUL because EVE had a SOUL and passed the SOUL down to her children. This
birth of TWINS creates the offspring of ADAM, NAMED ABEL who was the second out of the

10
womb and the offspring of the Devil (Lucifer) named Cain, who was the first out of the
womb, thus entitling Cain to the BIRTHRIGHT, because he was the firstborn,

่ ามีของเธออาดัมและโดยมารซาตานลูซเิ ฟอร์ เธอตัง้ ครรภ์แฝด


เอวาได ้ตัง้ ครรภ์โดยทัง้ คูส
คนหนึง่ จากอาดัมและคนหนึง่ จากลูซเิ ฟอร์ เด็กทัง้ คูม ่ จ
ี ติ วิญญาณ แม ้ว่ามารซาตาน
ลูซเิ ฟอร์ไม่มจ ี ต ิ วิญญาณเพราะเขาได ้สูญเสย ี จิตวิญญาณแล ้ว (จากการถูกขับไล่ออกจากสวรรค์)
แต่เด็กในท ้องได ้รับจิตวิญญาณเพราะว่าเอวามีจต ิ วิญญาณและผ่านสบ ื ทอดเชอ
ื้ สายจิตวิญญาณลง
ไปให ้ลูกๆ ของเธอ การกาเนิดของแฝดนีท ้ าให ้เกิดผู ้สบ ื สกุลเชอื้ สายของอาดัม ขึน ื่ อาเบล
้ ชอ
ซงึ่ เป็ นคนทีส
่ องออกมาจากครรภ์(มดลูก) และผู ้สบ ื สกุลของมารซาตาน (ลูซเิ ฟอร์) ชอ ื่ คาอิน
ซงึ่ เป็ นคนแรกออกจากครรภ์(มดลูก) ดังนั น ้ จึงตัง้ ชอ ื่ คาอินเพือ ่ สท ิ ธิบต
ุ รหัวปี
เพราะว่าเขาได ้เกิดเป็ นคนแรก

Note: You will see this STRUGGLE between TWINS within the womb throughout the
HOLY BIBLE STORY.

หมายเหตุ:

คุณจะเห็นต่อสูระหว่
างพีน
่ ้องฝาแฝดภายในครรภ์(มดลูก)ตลอดในเรือ
่ งพระคัมภีรไ์ บเบิล

The story then goes on to tell about GOD'S relationship with the two brothers, how
GOD LOVES ABEL and all that he does, and how GOD HATES Cain and all that Cain does.
Then Cain driven by his jealousy of GOD'S affection towards ABEL, kills his brother ABREL

11
and is then cast out of the family and made to live AMONG the Soulless SIXTH DAY
CREATION for doing so.

เรือ
่ งราวต่อไปจะเล่าเกีย ่ วกับความสม ั พันธ์ของพระเจ ้ากับสองพีน
่ ้อง
พระเจ ้ารักอาเบลอย่างไร และในสงิ่ ทีเ่ ขาได ้กระทาทัง้ หมด และพระเจ ้าเกลียดคาอินอย่างไร
และในสงิ่ ทีค่ าอินได ้กระทาทัง้ หมด
แล ้วคาอินได ้ถูกขับเคลือ ่ นโดยความอิจฉาของเขาในความรักของพระเจ ้าต่ออาเบล
โดยฆ่าน ้องชายอาเบลให ้ตาย และจากนัน ้ ได ้ถูกขับออกจากครอบครัว
และทาให ้เพือ ั
่ อาศยท่ามกลางทีม ั
่ นุษย์สตว์ทไี่ ม่มจี ต
ิ วิญญาณในการทรงสร ้างวันที่ 6
สาหรับกระทาผิดเชน ่ นี้
With Cain committing the MURDER of his brother ABEL arid him being the only
OFFSPRING having a SOUL, the OFFSPRING with the SOUL had now committed SIN upon
SIN, because Cain was born out of SIN.

การฆาตกรรมของคาอิน ต่อน ้องชายอาเบลของเขา


และการมีชวี ติ อยูข ื สกุลของการมีจต
่ องเขาเพียงผู ้สบ ื สกุลด ้วยกันกับจิตวิญญาณ
ิ วิญญาณ ผู ้สบ
ได ้ขณะนีก ้
้ ระทาบาปซอนบาปเพราะว่ าคาอินได ้เกิดออกมาจากบาป

Since Cain is one-half GOOD (from his Mother, Eve's side of the family) and one-half
evil (from his father, Lucifer's side of the family) GOD plans on using Cain to FULFILL HIS
WILL. Once Cain finds out that he must leave his family, he becomes concerned about his
own well being and fears being killed by one of GOD'S SIXTH DAY CREATIONS. So Cain
expresses this to GOD and GOD provides Cain with a GUARDIAN ANGEL for his protection
from those he must now live among.

นับตัง้ แต่คาอินเป็ นครึง่ ของความดี (จากมารดาของเขา จากเชอ ื่ สายของเอวา)


และครึง่ ความชวั่ (จากบิดาของเขา จากเชอ ื้ สายของลูซเิ ฟอร์)
พระเจ ้ามีแผนการณ์ใชคาอิ ้ นเพือ ่ บรรลุผลเจตนารมณ์ของพระองค์
ครัง้ หนึง่ คาอินพบว่าเขาต ้องออกจากครอบครัวของเขา เขาเกิดความวิตกกังวลเกีย ่ วกับความเป็ นอ
ยูข
่ องเขาเองและเกิดความกลัวการถูกฆ่าตาย จากหนึง่ ในมนุษย์ทไี่ ม่มด ี วงวิณญาณ
(มนุษย์นส ิ ย ั สต
ั ว์) ในการทรงสร ้างวันที่ 6 ของพระเจ ้า ดังนัน้
คาอินได ้เสนอความคิดเห็นนีต ้ อ่ พระเจ ้า
และพระเจ ้าทรงจัดเตรียมสาหรับคาอิน โดยให ้ทูตสวรรค์แห่งการป้ องกันสาหรับเขาซงึ่ ต ้องอาศัยอ
ยูท่ า่ มกลางพวกมนุษย์ทไี่ ม่มด ี วงวิญญาณหล่านัน ้

The GUARDIAN ANGEL given by GOD to Cain is referred to in the Scriptures as a


MARK that GOD places upon Cain. This MARK is similar to the MARK that is put upon the
TRIBULATION SAINTS spoken of in the Book of Revelation, and is put there to protect Cain
from the Men of the earth who are GOD'S SIXTH DAY CREATION. These men do not bear
Souls and Cain knows that these men frequently kill one another, but GOD assures Cain of

12
his PROTECTION by having this MARK put upon him, and SWEARS VENGEANCE against
anyone who may try to SLAY Cain.

ทูตสวรรค์ป้องกันมอบให ้โดยพระเจ ้า
สาหรับคาอินอ ้างอิงถึงในข ้อความในพระคัมภีรเ์ ป็ นเครือ ่ งหมายทีพ ่ ระเจ ้ามอบอยูเ่ หนือหน ้าผากคาอิ
น เครือ
่ งหมายนีเ้ ป็ นคล ้ายคลึงกับเครือ ่ งหมายทีถ่ ก
ู วางเหนือธรรมิกชน
(แต่ไม่เหมือนกันเพราะธรรมิกชนเป็ นเครือ ่ งหมายกางเขนแต่ ของคาอินเป็ นเครือ ่ งหมาย หก หก
หก) ในวันแห่งความทุกข์ยากลาบากได ้พูดของในหนั งสอ ื วิวรณ์
และถูกวางทีน ่ ั่ นเพือ่ ปกป้ องคาอินจากมนุษย์สต ั ว์ของโลก ซงึ่ เป็ นการทรงสร ้างวันที่ 6 ของพระเจ ้า
มนุษย์เหล่านีไ้ ม่มจ ี ติ วิญญาณและคาอินรู ้ว่ามนุษย์เหล่านี้ฆา่ กันตายเป็ นประจาเป็ นเรือ ่ งปกติ แต่พระ
เจ ้าทรงรับรองคาอินในการคุ ้มครองของพระองค์ โดยการมีเครือ ่ งหมายวางทีห ่ น ้าผากอยูเ่ หนือเขา
และเป็ นคามั่นสญ ั ญา จะมีการลงโทษแก ้แค ้นคืนเจ็ดเท่า
ถ ้าใครก็ตามซงึ่ เป็ นผู ้ทีจ
่ ะพยายามเพือ
่ เข่นฆ่าคาอิน

The BIBLE then gives the lineage of Cain (Cain's family tree) which is parallel to the
lineage of SETH, who will be the next MALE born to ADAM and EVE. The Scriptures shows
this parallel to both Cain and SETH'S LINEAGE by the similarities in their family member's
names, as they are nearly all the same in both of the families. THE LORD has told me that
the reason in the NAME similarities is the DEPICTION of how Lucifer MIMICS THE LORD in
a deceitful manner.

จากนัน้ พระคัมภีรไ์ บเบิล


้ ได ้ให ้รายละเอียดของเชอ ื้ สายของคาอิน
(เชอ ื่ สายครอบครัวของคาอิน)
สงิ่ ซงึ่ เป็ นเสนขนานคล
้ ้ายคลึงไปยังเชอ ื้ สายของเสทผู ้ซงึ่ จะเป็ นเพศชาย คนต่อไปทีเ่ กิดจากอาดัม
และเอวา ข ้อความในพระคัมภีรแ ้
์ สดงเสนขนานนี ค
้ วบคูไ่ ปกับเชอื้ สายของคาอิน
และเชอ ื้ สายของเสทจะมีความคล ้ายคลึงกันในรายชอ ื่ ของสมาชก ิ ครอบครัวของพวกเขา
รายชอ ื่ เหล่านัน ้ เกือบเหมือนกันทัง้ หมดในทัง้ สองของครอบครัว
พระเจ ้าได ้ตรัสบอกผมว่าเหตุผลในรายชอ ื่ นัน
้ ได ้คล ้ายคลึงเหมือนกันเป็ นการบรรยายให ้เห็นว่า
ลูซเิ ฟอร์ เลียนแบบพระเจ ้าในลักษณะท่าทางทีเ่ ต็มไปด ้วยการหลอกลวง

13
Chapter 5 of the Book of Genesis gives the LINEAGE of the BLESSED SEED of ADAM
through his son SETH and then up through the BIRTH of NOAH. The First World existed
8224 years prior to its DESTRUCTION by a GREAT FLOOD. The NUMBER of YEARS of the
first world can be arrived at by adding all the life spans from ADAM up to the time of NOAH,
and then adding the 599 years of NOAH'S LIFE in the Old World to it. NOAH was 600 years
old when he first stepped out of the ARK into the New World, after spending ONE YEAR and
ten days on the ARK. It should also be noted that the world's age or 8224 years applies to
the world's age from the TIME after the CREATION of ADAM. The world prior to ADAM
existed for many, many, YEARS THE LORD has told me that SEVENTY THOUSAND YEARS
had past from the time of GOD'S SIXTH DAY CREATIONS. Until the CREATION of ADAM.

บทที่ 5 ของหนังสอ ื ปฐมกาลให ้เชอ ื้ สายของเมล็ด (เชอ


ื้ สาย)
แห่งการรับการอวยพรของอาดัมผ่านลูกชายของเขาเสทและแล ้วผ่านลงมาถึงการกาเนิดของโนอา
ห์ การดารงอยูข ่ องโลกครัง้ แรก 8224 ปี
ก่อนทีจ ่ ะถูกทาลายโดยน้าท่วมครัง้ ยิง่ ใหญ่ จานวนของปี ของโลกแรกสามารถมาถึงทีบ ่ วกทัง้ หมดด ้
วยชว่ งอายุชวี ต ิ จากอาดัมผ่านไปยังชว่ งเวลาของโนอาห์ และแล ้วก็การเพิม ่ 599
ปี ของชวี ต ิ ของโนอาห์ ในโลกเก่า โนอาห์อายุ 600
ปี เมือ
่ เขาเริม่ ก ้าวออกมาจากเรือเข ้าไปในโลกใหม่ หลังจากใชเวลา ้ 1 ปี และ 10 วันบนเรือ
สงั เกตว่าอายุของโลกหรือ 8224
ปี ประยุกต์ใชกั้ บอายุของโลกจากชว่ งเวลาหลังจากการทรงสร ้างของอาดัม

14
ในโลกก่อนถึงอาดัมมีชวี ต
ิ อยูเ่ ป็ นเวลาหลาย หลายปี พระเจ ้าได ้ตรัสบอกผมว่า 70,000 ปี
ได ้ผ่านจากชว่ งเวลาของการทรงสร ้างวันที่ 6 ของพระเจ ้า จนกระทั่งการทรงสร ้างของอาดัม

There is one other key event that happens in this 5th Chapter of Genesis that WE
should touch on other than the BIRTH of NOAH, who is to be the FIRST DELIVERER. This
EVENT is the RAPTURE of ENOCH, NOAH'S Great Grandfather. The BIBLE tells how ENOCH
walked with GOD and was taken up to HEAVEN. This EVENT occurred because ENOCH was
sent to earth from HEAVEN, and only ONE who has come down from HEAVEN may ASCEND
back into HEAVEN. This is what JESUS CHRIST had spoken about to Nicodemus in the
GOSPEL of John.

มีอก ้ ซงึ่ เป็ นกุญแจสาคัญในบทที่ 5 นี้


ี หนึง่ เหตุการณ์ทเี่ กิดขึน
ของปฐมกาลทีเ่ ราควรจะสม ั ผัสทีอ ื่ นอกเหนือจากการกาเนิดของโนอาห์ผู ้ซงึ่ ทีจ
่ น ่ ะเป็ นผู ้ชว่ ยให ้รอด
คนแรก เหตุการณ์นเี้ ป็ นการเรบเจอร์ของเอโนค ปู่่ ของโนอาห์
พระคัมภีรไ์ บเบิล ้ บอกว่าเอโนคดาเนินชวี ต ิ กับพระเจ ้าและถูกนาตัวขึน
้ ไปยังสวรรค์ เหตุการณ์นเี้ กิด
ขึน้ เพราะว่าเอโนคถูกสง่ ไปยังโลกจากสวรรค์ และเป็ นคนหนึง่ เท่านั น ้ ผู ้ซงึ่ ได ้ลงมาจากสวรรค์อาจจ
ะถูกรับขึน ้ กลับเข ้าไปในสวรรค์
นีค
่ อื สงิ่ ทีพ่ ระเยซูคริสต์ได ้ตรัสเกีย ่ วกับนิโคเดมัสในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ของยอห์น

John 3:13 AND NO MAN HATH ASCENDED UP TO HEAVEN, BUT HE THAT CAME DOWN
FROM HEAVEN, EVEN THE SON OF MAN WHICH IS IN HEAVEN.

ยอห์น 3:13 ไม่มผี ู ้ใดได ้ขึน ่ วรรค์นอกจากท่านทีล


้ ไปสูส ่ งมาจากสวรรค์คอ
ื บุตรมนุษย์
ผู ้ทรงสถิตในสวรรค์นัน ้

The following Scripture depicts the EVENT of the RAPTURE of ENOCH:

ข ้อความในพระคัมภีรต
์ อ
่ ไปนีบ
้ รรยายเหตุการณ์ของการเรบเจอร์ของเอโนค

Genesis 5:24 And E'-NOCH walked with GOD: and he was not for GOD took him.

ปฐมกาล 5:24 เอโนคได ้ดาเนินกับพระเจ ้า: และหายไป เพราะพระเจ ้าทรงรับเขาไป

NOAH (ENOCH'S GREAT GRANDSON, and La'-mech's son) was the only Man in GOD'S
EYES that was found to be Worthy of SAVING from the world's pending DESTRUCTION. So
NOAH is instructed by GOD to build a GREAT ARK which seemed rather odd to the
onlookers because it had never rained before in the Old World. Due to the evil throughout
the world continually growing worse, GOD decided to DESTROY the earth with a GREAT
FLOOD and the ARK that GOD had NOAH build would be NOAH and HIS family's place of
protection and a means of transportation during the GREAT FLOOD.

โนอาห์ (รุน
่ หลานของเอโนค และบุตรชายของลาเมค)
เป็ นมนุษย์คนเดียวเท่านัน ่ ว่ ยชวี ต
้ ในสายพระเนตรของพระเจ ้าทีไ่ ด ้พบจะเป็ นทีช ิ
15
ควรค่าจากทีจ ่ ะไม่ทาลายพร ้อมไปกับโลก ดังนัน ้ โนอาห์ถก ู ชแี้ นะโดยพระเจ ้าเพือ
่ สร ้างเรืออันยิง่ ให
ญ่สงิ่ ทีด
่ เู หมือนค่อนข ้างแปลกต่อผู ้สงั เกตการณ์เพราะว่าก่อนหน ้านี้ไม่เคยมีฝนตกมาก่อนในโลกเก่
า เนือ่ งจากความชวั่ ร ้ายทั่วทัง้ โลกเติบโตขึน ้ อย่างเลวลง
อย่างซ้าซากต่อเนือ ่ งเป็ นเวลายาวนาน พระเจ ้าตัดสน ิ ใจในอันทีจ ่ ะทาลายโลกด ้วยน้ าท่วมครัง้ ยิง่ ให
ญ่และเรือโนอาห์ทพ ี่ ระเจ ้าได ้ให ้โนอาห์ สร ้างขึน
้ นั น
้ เพือ่ โนอาห์และครอบครัวของ
เขาจะได ้รับการป้ องกันและหมายความถึง เป็ นการเคลือ ่ นย ้าย ออกไปในระหว่าง น้ าท่วมอันยิง่ ใหญ่

The WORD, "ARK" always represents DELIVERANCE and there are THREE ARKS that
are written about in the Old Testament all of which are made of wood. The FIRST ARK, The
ARK of NOAH, was made of Gopher wood (Genesis 6:14). The SECOND ARK, The ARK of
MOSES, was made of Bulrushes (Exodus 2:3) and The THIRD ARK, THE ARK OF THE
COVENANT, is made of Shittim wood (Exodus 37:1). The reason that all three of the ARKS
were made of wood is TWOFOLD. This was done to symbolize that the ARKS were meant to
be temporary in nature as they were meant to perform only a TEMPORARY function,
DELIVERANCE. They were also made of wood to DEMONSTRATE that the ARKS had the
ability to FLOAT, SPIRITUALLY speaking, to FLOAT on the LIVING WATERS, THE WORD of
GOD.

คาว่า “อาร์ก” (เรือ) เป็ นตัวแทนผู ้ชว่ ยให ้รอดเสมอและมี THREE ARKS 3 เรืออาร์ก
ทีถ ่ กู เขียนถึงในพันธสญ ั ญาเดิมทัง้ หมดของสงิ่ ซงึ่ ถูกสร ้างด ้วยไม ้ FIRST ARK เรือ ่ อาร์กแรกARK of
NOAH เรืออาร์กของโนอาห์ ถูกสร ้างจากไม ้สนโกเฟอร์ (ปฐมกาล 6:14) SECOND ARK
เรืออาร์กทีส ่ อง เรือ ARK of MOSES อาร์กของโมเสส ถูกสร ้างจากหญ ้าจาพวกกก และหญ ้าแฝก
(อพยพ 2:3) และ THIRD ARK เรืออาร์กทีส ่ าม, THE ARK OF THE COVENANT
เรืออาร์กของหีบพันธสญ ั ญา ถูกสร ้างจากไม ้กระถินเทศ (อพยพ 37:1)
ด ้วยเหตุผลทีว่ า่ ทัง้ สามของเรือ ่ อาร์กถูกสร ้างจากไม ้ทีม
่ ส
ี องชนั ้ สงิ่ นีถ
้ ก
ู ทาให ้เป็ นสญ ั ลักษณ์วา่
ARKS เรืออาร์ก หมายความจะเป็ นสงิ่ ชวั่ คราวในธรรมชาติอย่างที่
สงิ่ เหล่านั น้ หมายความถึงกระทาหน ้าทีข ่ องบุคคลเฉพาะกาลเท่านัน ้ ผู ้ชว่ ยชวี ต
ิ ให ้รอด
พวกเขาก็ยังทาจากไม ้เพือ ่ แสดงให ้เห็นออกมาว่า ARKS เรืออาร์กเหล่านี้
มีความสามารถทีจ ่ ะลอยน้าอยู่ เปรียบเสมือนในฝ่ ายวิญญาณ กล่าวว่า
เพือ ่ ลอยอยูบ ่ นแม่น้ าแห่งชวี ต
ิ พระคาของพระเจ ้า

In the ease of the FIRST and SECOND ARK (NOAH and MOSES' ARKS), GOD saw to
their DESTRUCTION after they had fulfilled their PURPOSE. The THIRD ARK, the ARK of the
COVENANT was HALLOWED by GOD and was taken up to HEAVEN after it had fulfilled its
PURPOSE on earth, and it REMAINS in HEAVEN this very day. This is why it has NEVER
been found anywhere on earth. The ARK'S whereabouts today is TOLD to you in the
Scriptures of the Book of Revelation.

ในกรณีของ FIRST ARK ครัง้ แรก และ SECOND ARK เรืออาร์กทีส


่ อง
(เรือโนอาห์และเรืออาร์กของโมเสส)

16
พระเจ ้าเห็นการทาลายของพวกเขาได ้ทาให ้บรรลุผลวัตถุประสงค์ของพวกเขา เรืออาร์กทีส ่ าม
เรืออาร์กของ หีบพันธสญ ั ญา เป็ นสงิ่ ศักดิส ิ ธิบ
์ ท ์ ริสท
ุ ธิโ์ ดยพระเจ ้าและถูกนาขึน้ ไปยังสวรรค์หลังจาก
สงิ่ นีไ
้ ด ้ทาให ้บรรลุผลวัตถุประสงค์บนโลก และสงิ่ นีย ้ ังอยูใ่ นสวรรค์จนทุกวันนีแ
้ ท ้จริง
นีค
่ อื เหตุผลว่าทาไมไม่เคยได ้พบทีไ่ หนในโลก ว่าเรืออาร์ก หีบพันธสญ ั ญา
อยูไ่ หน วันนีน ้ ัน
้ บอกกับคุณในข ้อความในพระคัมภีรข ์ องหนั งสอ ื วิวรณ์

Revelation 11:19 And the TEMPLE of GOD was opened in HEAVEN, and there was seen in
HIS TEMPLE the ARK of HIS TESTAMENT- and there were LIGHTNINGS, and VOICES, and
THUNDERINGS, and an EARTHQUAKE, and GREAT HAIL.

วิวรณ์ 11:19 แล ้วพระวิหารของพระเจ ้าในสวรรค์ก็เปิ ดออก


ในพระวิหารนั น
้ เห็นมีหบ ั ญาของพระองค์ แล ้วก็มฟ
ี พันธสญ ี งต่างๆ ฟ้ าร ้อง
ี ้ าแลบ และเสย
แผ่นดินไหวลูกเห็บก็ตกอย่างหนัก

In Chapter 7 of the Book of Genesis, NOAH, his wife, and their three sons and their
wives enter into the ARK, THEN GOD DESTROYS the EARTH with a GREAT FLOOD. Prior to
the GREAT FLOOD it had never rained upon the earth. The earth received its water by way
of the morning dew and no one at that time had ever seen rain. So when NOAH tried to
warn the people about the forthcoming FLOOD they considered him to be crazy and
thought, how could there be a flood without any rain?

17
ในบทที่ 7 ของหนั งสอ ื ปฐมกาลโนอาห์ ภรรยาของเขาและบุตรชาย 3
คนของเขาและภรรยาของพวกเขาเข ้าไปในเรืออาร์ก แล ้วจากนัน ้
พระเจ ้าก็ทาลายโลกด ้วยน้ าท่วมครัง้ ยิง่ ใหญ่ ก่อนทีจ ่ ะน้ าท่วม ครัง้ ยิง่ ใหญ่
นัน
้ ไม่เคยมีฝนตกเหนือโลก โลกได ้รับน้ าความชุม ่ ชนื่ โดยมาจากน้ าค ้างตอน
เชา้ และไม่มใี ครในเวลานัน ้ ได ้เคยเห็นฝนตกหนัก ดังนัน ้ เมือ
่ โนอาห์พยายาม
ทีจ่ ะเตือนผู ้คนเกีย
่ วกับน้ าท่วมทีก ่ าลังจะมาถึง พวกเขาพิจารณาโนอาห์เป็ นคนบ ้าคลั่ง และคิดว่า
จะสามารถมีน้ า ท่วมเกิดขึน ้ โดยปราศจากฝนตกได ้อย่างไร?

The building of the ARK and the gathering of the animals, fowl, and insects, took place
over a 119-year period of time. Only NOAH and his SEVEN other family members assisted
in the building of THE ARK. NOAH and his family spent one year and ten days on the ARK
until the waters had receded. They then left the ARK and GOD BLESSES both NOAH and his
sons, and promises NOAH that HE would never again DESTROY the earth by WATER from a
GREAT FLOOD. HOWEVER at the same time GOD WARNED NOAH and HIS Sons of the
consequences that would occur to those who would shed INNOCENT BLOOD. The
Scriptures in Genesis 9:5 and 9:6 tell that GOD makes it CLEAR to NOAH and NOAH'S sons,
that whosoever SHEDS INNOCENT BLOOD will be held ACCOUNTABLE by GOD for doing
so!

การสร ้างของเรืออาร์กและการรวบรวมของสต ั ว์และสต


ั ว์ปีก (เป็ ด ไก่)
และแมลง เกิดขึน ้ ระยะเวลา มากกว่า 119 ปี มีเพียงโนอาห์ และสมาชก ิ ครอบครัวของเขา 7 คน
ชว่ ยเหลือในการสร ้างเรืออาร์ก โนอาห์และครอบครัวของเขาใชเวลา ้ 1 ปี และ 10 วันบนเรืออาร์ก
จนกระทั่งน้ า ได ้ลดลง
พวกเขาจึงออกจากเรืออาร์กและพระเจ ้าอวยพระพรทัง้ โนอาห์และบุตรชายของเขา
และให ้คามั่นสญั ญาโนอาห์ ว่าพระองค์จะไม่ทาลายโลกอีก ด ้วยน้ าท่วมครัง้ ยิง่ ใหญ่
ในเวลาเดียวกันพระ เจ ้าเตือนโนอาห์ และบุตรชายของเขา ของผลทีต ่ ามมาว่า
้ ต่อบรรดาผู ้ซงึ่ จะทาให ้เลือดทีบ
จะเกิดขึน ่ ริสท
ุ ธิไ์ หลออกมา ข ้อความในพระคัมภีรใ์ นปฐมกาล 9:5
และ 9:6 พระเจ ้าทรงบอกอย่างชด ั เจนแก่โนอาห์ และบุตรชายของโนอาห์วา่
บุคคลใดก็ตามทาให ้ทีเ่ ลือดบริสท ุ ธิไ์ หลออกมาจะถูกคิดบัญช ี
โดยพระเจ ้าสาหรับการกระทาอย่างนัน ้ !

If you will recall, it was explained to you previously in this BOOK how each of
NOAH'S sons represent ONE of the THREE types of people that are on the earth. Through
the son Shem came the BLESSED SEED (The SEED of ADAM), and Shem is in the direct
LINEAGE of JESUS CHRIST. Through the son Ham came the Damned Seed (The Seed of
Cain) and this is why Ham is called the father of Canaan with his offspring being later
referred to as the Canaanites. Then through the son Japheth, came the seed of the Beast
(GOD'S sixth day creation) with the offspring of Japheth being referred to in the Scriptures
as the GENTILE.

18
ถ ้าคุณได ้ย ้อนกลับไป ในสงื่ ทีซ
่ งึ่ ได ้อธิบายให ้คุณก่อนหน ้านีใ้ นหนั งสอ ื เล่มนี้
บุตรชายของโนอาห์ แต่ละคนเป็ นตัวแทน 1 ของ 3 ประเภทของคนทีอ ่ ยูบ
่ นโลก โดยผ่านบุตรชาย
เชม มาจากเมล็ดพันธุแ ์ ห่งการอวยพร (เมล็ดพันธุเ์ ชอ ื้ สายของอาดัม)
และเชมเป็ นในเชอ ื้ สายโดยตรงของพระเยซูคริสต์ โดยผ่านบุตร ฮาม
มาจากเมล็ดพันธุแ ์ ห่งการแชง่ สาป (เมล็ดพันธุเ์ ชอ ื้ สายของคาอิน และนีค ่ อ ื ทาไม
ฮามถูกเรียกว่าบิดาของคานาอันกับการเป็ นผู ้สบ ื สกุล ภายหลังกล่าวถึงเป็ น คานาไนท์
แล ้วก็ผา่ นบุตร ชายยาเฟท (บุตรชายโนอาห์) มาจากเมล็ดพันธุแ ์ ห่งคนนิสย ั สตั ว์
(มนุษย์สต ั ว์ในการทรงสร ้างวันที่ 6)
กับผู ้สบื สกุลของยาเฟทเป็ นการกล่าวถึงในข ้อความในพระคัมภีรอ ์ ย่างเชน ่ เจนไทล์

Once it was safe to leave the ARK, the Raven was the first to be released out of the
ARK, for the Raven represents the Devil who is once again released back onto earth. The
DOVE that is released SECOND from the ARK represents the releasing of THE HOLY SPIRIT
back onto earth, and it is HE who maintains the balance between GOOD and evil on earth. It
wasn't until after the releasing of the Raven and the DOVE back onto earth that NOAH and
his family were allowed to leave the ARK. One should be able to see by the Scriptures that
the world GOD had DESTROYED by the GREAT FLOOD was so evil, even the Devil was taken
from it and brought into the New World by the way of the ARK!

่ ได ้มีชวี ต
ครัง้ หนึง่ เมือ ิ รอดปลอดภัยจากน้ าท่วม เพือ ่ ออกจากเรืออาร์ก นก
(จาพวกกามีขนสด ี าเป็ นมัน) เป็ นตัวแรกทีไ่ ด ้รับการปล่อยออกจากเรืออาร์ก
สาหรับนกกาสด ี าเป็ นตัวแทนมารซาตานผู ้ซงึ่
อีกครัง้ หนึง่ ถูกปล่อยกลับลงบนสูโ่ ลก นกพิราบทีถ ่ กู ปล่อยออกมาเป็ นอันดับทีส่ องจากเรืออาร์กเป็ น
ตัวแทนการปล่อยของพระวิญญาณบริสท ุ ธิก์ ลับลงบนโลก และนีค ื พระองค์ผู ้ซงึ่ ค้าจุน
้ อ
ความสมดุลระหว่างความดีและความชวั่ บนโลก
จะไม่เป็ นจนกระทั่งหลังจากการปล่อยของนกกาสด ี า
และนกพิราบกลับสูบ ่ นโลก โนอาห์และครอบครัวของเขาถูกอนุญาตให ้ออกจากเรืออาร์ก
คนหนึง่ ควรจะสามารถเห็นโดยข ้อความในพระคัมภีรว์ า่ โลกพระเจ ้าได ้ทาลายโดยน้ าท่วมครัง้ ยิง่ ให
ญ่เป็ นความชวั่ ร ้ายมาก แม ้แต่มารซาตาน (ซงึ่ เป็ นตัวแทนของความชวั่ )
ถูกนาออกไปจากโลกและนาเข ้าไปในโลกใหม่โดยทางของเรืออาร์กของโนอาห์

เรือ
่ งราวพระคาภีร ์ พระเจ ้าทรงเลือก อับราม 2/30

The mating of ANGELS, a FORBIDDEN ACT!

19
การจับคูผ
่ สมพันธุข
์ องทูตสวรรค์, เป็ นการกระทาต ้องห ้าม!

Before we can delve any deeper into the story of NOAH, there are certain things you
must UNDERSTAND about the ANGEL. Without this KNOWLEDGE the Scriptures depicting
the Story of NOAH and his family can be somewhat confusing.

ก่อนทีพ ่ วกเราจะเจาะลึกลงไปในเรือ ่ งราวของโนอาห์


มีหลายสงิ่ ทีค
่ ณ
ุ ต ้องเข ้าใจเกีย
่ วกับทูตสวรรค์
โดยปราศจากความรู ้เหล่านีก ้ ารอธิบายข ้อพระคัมภีรเ์ รือ
่ งราวของโนอาห์และครอบครัวของเขาอาจจ
ะสบั สนบ ้าง

As we have briefly touched on earlier in this BOOK, the ANGELS in HEAVEN do not
have a GENDER. HOWEVER, there is an exception to this rule. There are only FIVE ANGELS
in HEAVEN who have a GENDER, not inclusive of Lucifer who is a male Angel. All of the
other ANGELS of HEAVEN are neither male nor female but have the qualities of both
GENDERS. FOUR of the FIVE ANGELS having a GENDER, are the ANGELS, ZARALL,
CHAMUEL, ASAPH, and JAEL. ALL FOUR of THESE ANGELS are FEMALE and they are the
COVENANT ANGELS who are the SOULMATES and WIVES to the FOUR SERAPHIM.

อย่างทีเ่ ราได ้ทาความเข ้าใจในชว่ งสน


ั ้ ๆ เรือ ื เล่มนี้
่ งราวก่อนหน ้าในหนั งสอ
ทูตสวรรค์ในสวรรค์ไม่มเี พศ แต่อย่างไรก็ตาม มีการยกเว ้นต่อกฏข ้อบังคับนี้

20
มีเพียง ทูตสวรรค์ในสวรรค์ 5 ท่าน เป็ นผู ้ซงึ่ มีเพศ ไม่นับรวมลูซเิ ฟอร์ด ้วย
ผู ้ซงึ่ เป็ นทูตสวรรค์เพศชาย ทูตสวรรค์อน ื่ ๆ ทัง้ หมดของสวรรค์ไม่เป็ นทัง้ เพศชายหรือเพศหญิง
แต่มค ี ณ
ุ ลักษณะของทัง้ สองเพศอยูร่ วมกัน ทูตสวรรค์ ทัง้ 4 ท่านใน 5
ท่านเป็ นผู ้ทีม ่ เี พศคือทูตสวรรค์ ซาเรล (Zarail) ชาเมียล (Chamuel) เอสาพท์ (Asaph) และยาเอล
(Jael) ทูตสวรรค์ทัง้ 4
ท่านนีเ้ ป็ นเพศหญิงและพวกเขาเป็ นทูตสวรรค์แห่งพันธสญ ั ญา ผู ้ซงึ่ เป็ นคูฝ
่ ่ ายวิญญาณและภรรยา
สาหรับ 4 เสราฟิ ม

THE FIFTH ANGEL having a GENDER is the ANGEL RAPHAEL who is a MALE, and
RAPHAEL is THE ANGEL of THE HOLY SPIRIT. The FOUR COVENANT ANGELS ARE of the
FEMALE GENDER, and RAPHAEL only is of the MALE GENDER. Lucifer (The Devil), who
before falling from the GRACE of GOD had the POST of RAPHAEL and was once the ANGEL
of THE HOLY SPIRIT. So Lucifer also has the gender of Male, like the ANGEL RAPHAEL.

ทูตสวรรค์ท ี่ 5 มีเพศเป็ นทูตสวรรค์ RAPHAEL ราฟาเอล ผู ้ซงึ่ เป็ นเพศชาย และ RAPHAEL
ราฟาเอลเป็ นทูตสวรรค์ของการรับใชพระวิ ้ ญญาณบริสท ุ ธิ์ ทูตสวรรค์พันธสญ ั ญาทัง้ 4 เป็ นเพศหญิง
และมีเพียงราฟาเอลเท่านัน ้ เป็ นเพศชาย ลูซเิ ฟอร์ (มารซาตาน)
ผู ้ซงึ่ ก่อนหน ้าทีจ
่ ะร่วงหล่นไปจากพระคุณของพระเจ ้า ได ้เคยดารงตาแหน่งของราฟาเอล
และอดีตนัน ้
้ เคยเป็ นทูตสวรรค์ของการรับใชพระวิ ญญาณบริสท ้ ลูซเิ ฟอร์ยังมีเพศชาย
ุ ธิ์ ดังนัน
เหมือนทูตสวรรค์ราฟาเอล

ALL FOUR of the SERAPHIM are of the MALE GENDER, but the SERAPHIM, BEING
SONS of GOD are ABOVE THE ANGEL and are not referred to in HEAVEN as ANGELS. The
ANGEL of THE HOLY SPIRIT though having a GENDER, dedicates himself to CELIBACY,
similar to that of the EUNUCH making a VOW of CELIBACY before entering into
PRIESTHOOD. The ANGEL of THE HOLY SPIRIT has the HIGHEST RANKING POST of any
ANGEL in HEAVEN and SWEARS HIMSELF to CELIBACY BY AN OATH TO GOD. Lucifer
broke this oath to GOD by having a sexual encounter with the WOMAN, EVE!

เสราฟิ ม 4 ท่านทัง้ หมด เป็ นเพศชาย


แต่เสราฟิ มเป็ นบุตรชายของพระเจ ้าดารงตาแหน่งสูงกว่าทูตสวรรค์ และไม่กล่าวอ ้างในสวรรค์
เป็ นเหมือนกับ ทูตสวรรค์ทัง้ หลาย ถึงแม ้ทูตสวรรค์ของการรับใชพระวิ ้ ญญาณบริสทุ ธิน
์ ัน
้ มีเพศ
แต่ได ้ถวายตัวของเขาเองเพือ ่ การถือศลี บริสท ุ ธิถ ์ อ
ื ครองการเป็ นโสด
(การละเว ้นมีเพศสม ั พันธ์) คล ้ายคลึงกับขันทีกระทาปฏิญาณถือความเป็ นโสดบริสท ุ ธิก
์ อ ่ วา
่ นเข ้าสูค
มเป็ นปุโรหิต
ทูตสวรรค์ของการรับใชพระวิ ้ ญญาณบริสท ุ ธิม
์ รี ะดับตาแหน่งอาวุโสสูงสุดของบรรดาเหล่าทูตสวรรค์
ในสวรรค์และได ้สาบานตัวของเขาเองเพือ ่ การครองตัวเป็ นโสดโดยการทาสต ั ย์สาบาน ต่อพระเจ ้า
ลูซเิ ฟอร์ได ้ทาลายฝ่ าฝื นกฏโดยการผิดคาสต ั ย์สาบานตน
ต่อพระเจ ้าเนือ่ งจากได ้มีประสบการณ์ทางเพศสม ั พันธ์กับผู ้หญิง เอวา!

21
When an ANGEL comes down to earth to be a woman (SUCH as A COVENANT ANGEL)
and while on the earth has an INTIMATE relationship with a SERAPHIM who has also come
down to earth to be a MAN, their offspring (CHILDREN) will be normal in all respects.
These CHILDREN once they have MATURED will have the appearance of a MAN or a
WOMAN and be of normal stature (SIZE) because this is not a forbidden act by GOD.

เมือ
่ ทูตสวรรค์ทา่ นหนึง่ ลงมายังโลกเพือ ่ เป็ นผู ้หญิง
(เชน ่ เดียวกันกับทูตสวรรค์แห่งพันธสญ ั ญา)
และในขณะทีบ ่ นโลกมีความสม ั พันธ์ใกล ้ชด
ิ กับเสราฟิ ม ผู ้ซงึ่ ยังได ้ลงมายังโลกเพือ
่ เป็ นมนุษย์ผู ้ชาย
ผู ้สบ ื สกุลของพวกเขา (เชอ ิ้ สายสบ ื ทอดการเป็ นบุตร)
เป็ นเรือ ่ งปกติในการยอมรับเคารพด ้วยกันทัง้ หมด บุตรทีส ื เชอ
่ บ ื้ สายเหล่านี้
เมือ ่ พวกเขาได ้เติบโตเป็ นผู ้ใหญ่อย่างเต็มวัย จะมีการปรากฏเป็ นผู ้ชาย คนหนึง่ หรือเป็ น ผู ้หญิง
คนหนึง่ ซงึ่ ขนาดของสว่ นสูงนั น ้ จะปกติ (ขนาดความสูง)
เพราะว่าการกระทาเหล่านีไ ้ ม่ได ้เป็ นการกระทาต ้องห ้ามโดยพระเจ ้า

However, when an ANGEL comes down to earth to be a MAN and has an INTIMATE
relationship with another ANGEL who has come down to the earth to be a woman, then
their offspring will be abnormal. This abnormality occurs to the ANGELS because the
mating of ANGELS is a FORBIDDEN act by GOD. The offspring (children) of the two ANGELS
that have mated will have a larger than normal size and be similar to that of a GIANT. This
does not always occur with the first generation offspring and may not occur for several
generations afterwards, but it will occur at least once every SEVEN GENERATIONS or
sooner within the ANGELS LINEAGE! This is the CURSE that GOD has placed on this activity
for IT IS A FORBIDDEN ACT for an ANGEL to MATE with another ANGEL!

แต่อย่างไรก็ตามเมือ ่ ทูตสวรรค์ลงมายังโลกเพือ ่ เป็ นผู ้ชาย


และมีความสม ั พันธ์ใกล ้ชด ิ กับทูตสวรรค์ ท่านอืน ่ ผู ้ซงึ่ ได ้ลงมายังโลกเพือ ่ เป็ นผู ้หญิง
ื สกุลเชอ
แล ้วผู ้สบ ื้ สายของพวกเขาจะผิดปกติ (ไม่เป็ นทีย ่ อมรับ)
ความผิดปกตินเี้ กิดขึน ้ สาหรับทูตสวรรค์ เพราะว่าการจับคูผ ่ สมพันธุข ์ องทูตสวรรค์
พระเจ ้าถือว่าเป็ นการกระทาต ้องห ้าม ผู ้สบ ื สกุล (เชอ ื้ สายทีเ่ ป็ นบุตร)
ของสองทูตสวรรค์ทม ี่ กี ารจับคูผ่ สมพันธุจ ์ ะมีขนาดความสูงใหญ่กว่าขนาดปกติ
และคล ้ายคลึงกับเป็ นคนร่างยักษ์ สงิ่ นีอ ้ าจไม่เกิดขึน ้ เสมอไปกับผู ้สบ ื สกุลรุน
่ แรกและอาจจะไม่เกิด
ขึน
้ สาหรับรุน ่ หลังถัดๆไป แต่จะเกิดขึน ้ อย่างน ้อยหนึง่ ครัง้ ในผู ้สบ ื สกุลทุกๆ รุน ่ ทีเ่ จ็ดหรือเร็วกว่านัน

ของบุตรเชอ ื้ สายทูตสวรรค์! นีค ่ อื คาแชง่ สาปทีพ ่ ระเจ ้าได ้วางไว ้ในการกระทาต ้องห ้ามนีข ้ องทูตสวร
รค์ทจี่ ับคูผ
่ สมพันธุก ์ ับทูตสวรรค์ทา่ นอืน ่ !

22
This SAME CURSE will apply also when the SERAPHIM have a sexual relationship
with a normal woman while being in the form of the SERAPHIM while on earth. The
SERAPHIM can be on earth in the form of a MAN or they can also be on the earth in the
form of the SERAPHIM. Only the COVENANT and the SERAPHIM can MATE IN HEAVEN.
When the SERAPHIM are on earth as MEN this CURSE does not apply. However with the
ANGEL it always applies, whether they are in the form of a man, a woman, or in the form of
an ANGEL. So, what is being said here is that the ANGEL MUST NEVER mate with another
ANGEL whether they are in the form of an ANGEL or in the form of a PERSON of the ANGEL,
or in a form of a PERSON of the offspring of the ANGEL.

คาแชง่ สาปเดียวกันนีจ ้ ะประยุกต์ใชด้ ้วย เมือ ่ เสราฟิ ม


มีความสม ั พันธ์ทางเพศกับผู ้หญิงธรรมดา ในขณะทีอ ่ ยูใ่ นรูปร่างของเสราฟิ มเมือ
่ ตอนทีอ่ ยูบ่ นโลก
เสราฟิ ม
สามารถอยูบ ่ นโลกในรูปแบบของมนุษย์ผู ้ชายหรือพวกเขายังสามารถอยูบ ่ นโลกในรูปแบบของเสรา
ฟิ ม มีเพียงทูตสวรรค์พันธสญ ั ญาและเสราฟิ มสามารถเป็ นคูแ ่ ต่งงานในสวรรค์ เมือ่ เสราฟิ ม
อยูบ่ นโลกเป็ นเหมือนมนุษย์ ผู ้ชาย คาแชง่ สาปนีไ ้ ม่ได ้ประยุกต์ใช ้ แต่อย่างไรก็ตาม
คาแชง่ สาปนีก ้ ับทูตสวรรค์จะประยุกต์ใชได ้ ้เสมอ ไม่วา่ พวกเขาอยูใ่ นฟอร์มของผู ้ชาย ผู ้หญิง
หรือในรูปร่างของทูตสวรรค์ ดังนั น ้ สงิ่ ทีก
่ าลังกล่าวถึงนี้
นั่นคือทูตสวรรค์ต ้องไม่เคยจับคูก ่ ับทูตสวรรค์ทา่ นอืน ่ ๆ

23
ื สกุลเชอ
ไม่วา่ พวกเขาจะอยูใ่ นรูปแบบของทูตสวรรค์หรือในรูปแบบของบุคคลของผู ้สบ ื้ สายของทูต
สวรรค์

Now keeping in mind the information I have just given you in regard to the ANGEL,
let us go forward with the Story of NOAH. After NOAH departs from the ARK and
establishes a place of residency in THE NEW WORLD, HE then plants a VINEYARD. One day
after NOAH has had HIS fill of wine HE becomes drunk and a significant EVENT takes place.

บัดนีใ้ ห ้จดจาไว ้ข ้อมูลทีผ ่ มพึง่ ได ้ให ้คุณ ในสว่ น(รือ่ งราวเกีย ่ วกับของ ทูตสวรรค์
ให ้เราไปต่อกับเรือ ่ งราวของโนอาห์ หลังจากโนอาห์ออกจากเรืออาร์ก
(ปั จจุบันหลักฐานทางประวัตศ ิ าสตร์อยูท ่ เี่ ทือกเขา อารารัต
ประเทศตรุก)ี และปั กหลักตัง้ ถิน ่ ฐานสถานทีอ ่ าศัยในโลกใหม่ เขาจึงปลูกพืชทาไร่องุน
่ ยูอ ่ วันหนึง่
หลังจากโนอาห์ได ้ดืม ่ เหล ้าองุน
่ เต็มที่ เขาก็เมาและเหตุการณ์ทน ี่ ่าสงั เกตอย่างหนึง่ ได ้เกิดขึน

Genesis 9:20 And NOAH began to be an HUSBANDMAN, and HE planted a VINEYARD:
ปฐมกาล 9:20 โนอาห์ เริม
่ เป็ นชาวสวนและเขาทาสวนองุน

Genesis 9:21 And HE drank of the wine, and was drunken; and HE was uncovered within
HIS tent.
ปฐมกาล 9:21 ท่านได ้ดืม
่ เหล ้าองุน
่ จนเมาและท่านก็เปลือยกายอยุใ่ นเต็นท์ของท่าน

Genesis 9:22 And Ham, the father ofCa-naan, saw the nakedness of his father, and told his
two brethren without.
ปฐมกาล 9:22 ฮาม บิดาของคานาอัน เห็นบิดาของตนเปลือยกายอยู่
จึงบอกพีน
่ ้องทัง้ สองคนของเขาทีอ
่ ยูภ
่ ายนอก

Genesis 9:23 And SHEM and Japheth took a garment, and laid it upon both their shoulders,
and went backward, and covered the nakedness of their father; and their faces were
backward, and they saw not their father s nakedness.
ปฐมกาล 9:23
เชมกับยาเฟทเอาผ ้าผืนหนึง่ พาดบ่าของเขาทัง้ สองคนเดินหันหลังเข ้าไปปกปิ ดกายบิดาของพวกเข
าทีเ่ ปลือยอยู่ และมิได ้หันหน ้าดูกายบิดาของพวกเขาทีเ่ ปลือยอยูน
่ ัน

Genesis 9:24 And NOAH awoke from HIS wine, and knew what HIS younger son had done
unto HIM
ปฐมกาล 9:24 โนอาห์สร่างเมาแล ้วจึงรู ้ว่าบุตรชายสุดท ้องของเขาได ้ทาอะไรแก่ทา่ น

Genesis 9:25 And HE said, CURSED be Ca-naan; a servant of servants shall he be unto his
brethren.
ปฐมกาล 9:26 ท่านพูดว่า “คานาอันจงถูกสาปแชง่
และเขาจะเป็ นทาสแห่งทาสทัง้ หลายของพีน
่ ้องของเขา”

24
At first glance it appears from the Scriptures that the son Ham had gone into NOAH'S
tent and saw his Father NOAH naked, and this is certainly so. However, there is much more
beneath the LAYER of the Scriptures. When a son uncovers the nakedness of his father, this
means that he has DEFILED his Father's bed. Let us review the definition as explained by
MOSES of this term, "Uncovering your Father's Nakedness".
ตอนแรกให ้สงั เกตชาเลืองมองการปรากฏจากข ้อความในพระคัมภีรว์ า่
บุตรชายฮามได ้เข ้าไปในเต็นท์ของโนอาห์ และเห็นบิดาของเขา โนอาห์ นอนเปลือย
และนีค ่ อ
ื แน่นอนว่าเป็ นแบบนัน ้ อย่างไรก็ตาม สงิ่ นั น
้ มีความหมายลึกลงไป
เป็ นการกระทาทีต ่ ้องห ้ามข ้อความบันทึกอยูใ่ นพระคัมภีร ์ เมือ่ บุตรชายไม่ปกคลุมร่างเปลือยกายของ
บิดาของเขา ซงึ่ หมายความว่า เขาได ้ทาให ้เป็ นมลทินเปรอะเปื้ อนทีน ่ อนของบิดาของเขา
ให ้เราพิจารณาทบทวนความหมายคาว่าเป็ นมลทินอย่างทีอ ่ ธิบายโดยโมเสสของเรือ ่ ง “Uncoverin
g your Father's Nakedness".ไม่ปกคลุมร่างเปลือยเปล่าของบิดาของเจ ้านี้”

Leviticus 18:8 The nakedness of thy Father s wife shalt thou not uncover: IT IS THY
FATHER'S NAKEDNESS.
เลวีนต
ิ ิ 18:8 เจ ้าอย่าเปิ ดกายทีเ่ ปลือยเปล่าของบิดาเจ ้าหรือกายทีเ่ ปลือยเปล่าของมารดาเจ ้า
นางเป็ นมารดาของเจ ้า เจ ้าอย่าเปิ ดกายทีเ่ ปลือยเปล่าของนางเลย

Deuteronomy 22:30 A man shall not take his Father s wife, nor discover his Father s skirt.
พระราชบัญญัต ิ 22:30 ห ้ามมิให ้ผู ้ชายคนใดเอาภรรยาของบิดามาเป็ นภรรยาของตน
และห ้ามมิให ้เปิ ดผ ้าของนางผู ้เป็ นของบิดา

Deuteronomy 27:20 CURSED be he that lieth with his Father’ s wife; because he uncovereth
his Fathers skirt. And all the people shall say, Amen.
พระราชบัญญัต ิ 27:20 ‘ผู ้ใดสมสูก ่ ับภรรยาของบิดาตน เพราะเขาได ้เปิ ดผ ้าของนางผู ้เป็ นของบิดา
้ ถูกสาปแชง่ ’ ให ้ประชาชนทัง้ ปวงกล่าวว่า ‘เอเมน’
ให ้ผู ้นัน

The underlying TRUTH within the Scriptures in Genesis 9:20 through 9:25 is that
Ham RAPED his mother. This may seem rather odd that NOAH and HIS WIFE were still able
to have sex in their old ages. NOAH and MEATERAH at the time of this EVENT were quite
old, with NOAH being 605 years old, and MEATERAH being 585 years old one would think
that they were indeed too old to have sex.
สงิ่ ทีซ ่ นความจริง วางอยูภ
่ อ ่ ายในข ้อความในพระคัมภีรใ์ นปฐมกาล 9:20 ถึง 9:25
นั่นคือฮามข่มขืนมารดาของเขา สงิ่ นีอ ้ าจดูเหมือนผิดปกติวา่ โนอาห์ และ
ภรรยาของเขายังคงสามารถมีความสม ั พันธ์ทางเพศในวัยชราของเขาทัง้ สอง โนอาห์ และ
MEATERAH มีอาเทราห์ในชว่ งเวลาของเหตุการณ์นค ี้ อ
่ นข ้างแก่กับโนอาห์อายุเป็ น 605 ปี
และมีอาเทราห์อายุเป็ น 585 ปี คนหนึง่ จะคิดว่าพวกเขาแก่เกินกว่าทีจ ั พันธ์ทางเพศ
่ ะมีสม

25
However, they both had the appearance (as in today's world) of a 35-40 year old
person. This is because they both still maintained some of the MILLENNIA GENE from their
ancestry which caused them to age very slowly, and their appearances changed very little
even with their old ages. For example, Methuselah died at the age of 969 years old, and THE
LORD has told me that even at the time of his death he had the appearance of a 45 year old
man! It may also be noted from the Scriptures, that NOAH'S father La'-mech was 182 years
old at the time of NOAH'S BIRTH, and La' -mech was considered at that time to be quite
young to have children when comparing his age to his forefathers.
อย่างไรก็ตามพวกเขาทัง้ สองได ้ปรากฎ (เหมือนอายุของคนในโลกทุกวันนี)้ ประมาณ 35 - 40
ปี นีเ่ ป็ นเพราะว่าพวกเขาทัง้ สองยังคงรักษาบางอย่างของยีนส ์ มิลลิเนียม (ยีนส ์
โคโมโซมทีม ่ อ ี ายุยน ื ราว หนึง่ พันปี )
จากบรรพบุรษของพวกเขา ซงึ่ เป็ นเหตุให ้พวกเขาถึงมีอายุเสอ ื่ มลงอย่างชามาก

และการปรากฎเปลีย ่ นแปลงน ้อยมาก แม ้แต่กับวัยชราของพวกเขา ตัวอย่างเชน ่
เมธูเสราห์เสย ี ชวี ต
ิ เมือ่ อายุ 969 ปี และพระเจ ้าได ้ตรัสบอกผมว่า
แม ้แต่ในชว่ งเวลาของการตายของเขา เขามีลักษณะภายนอกปรากฏออกมาของคนอายุราว 45
ปี ในอายุของมนุษย์ปัจจุบัน! อาจจะยังสงั เกตจากข ้อความในพระคัมภีรว์ า่ บิดาของโนอาห์
ลาเมคอายุ 182 ปี ทเี่ วลาของการกาเนิดโนอาห์ และลาเมคได ้คิดว่า
ณเวลานัน ้ ยังเป็ นเวลาค่อนข ้างจะยังอ่อนเยาว์
ทีจ่ ะมีบต ุ รเมือ่ เปรียบเทียบกับอายุของเขากับบรรพบุรษ ุ ของเขา

As you were told earlier in this BOOK, NOAH'S Wife MEATERAH was a woman of the
ANGEL, for she was the SPIRIT of JAEL. You were also told that Ham was of the SEED of
Cain and with Cain being the SEED of Lucifer, he was the offspring of the Angel Lucifer.
Therefor, as we go further into the LINEAGE (offspring) of NOAH'S three sons as covered in
Chapter 10 of Genesis, you will see that Ham had a son named Cush by his Mother
MEATERAH. Now Ham's son Cush was of a normal stature (meaning, of a normal size) and
Cush had four sons who were also normal in size. However, Cush later on had a fifth son
whom he named Nimrod, who was a child of the CURSE!

ื เล่มนี้ MEATERAH มีอาเธราห์


อย่างทีไ่ ด ้บอกคุณก่อนหน ้านีใ้ นหนั งสอ
ภรรยาของโนอาห์เป็ นผู ้หญิงของทูตสวรรค์ สาหรับเธอเป็ น วิญญาณของยาเอล
คุณยังได ้รับรู ้ถึงการบอกกล่าวก่อนหน ้านีว้ า่ ฮามเป็ นเมล็ดพันธุ์ (เชอ ื้ สาย) ของคาอิน
และกับคาอินเป็ นเมล็ดพันธุ์
(เชอ ื้ สาย)ของลูซเิ ฟอร์ เขาเป็ นผู ้สบ
ื สกุลของทูตสวรรค์ลซ ู เิ ฟอร์ ด ้วยเหตุนสี้ งิ่ ทีเ่ ราจะกล่าวต่อไป
เข ้าไปถึงเชอ ื้ สาย (ผู ้สบ
ื สกุล) ของบุตรชาย 3 คนของโนอาห์ ทีค ่ รอบคลุมในบทที่ 10
ของหนังสอ ื ปฐมกาล คุณจะเห็นว่าฮามได ้บุตรชายชอ ื่ “คูช” โดยมารดาของเขา MEATERAH
มีอาเธราห์ ขณะนี้ คูช บุตรชายของฮามเป็ นของสด ั สว่ นของร่างกายปกติ
(หมายความถึงขนาดของความสูงปกติธรรมดา) และคูชมีบต ุ รชาย 4
คนซงึ่ ยังเป็ นในขนาดปกติ อย่างไรก็ตาม ต่อมาภายหลัง คูช มีบต ุ รชายคนทีห ่ ้า เขาตัง้ ชอื่ ว่า
“นิมโรด” ผู ้ซงึ่ เป็ นบุตรของคาแชง่ สาป !

26
Nimrod was of GREAT STATURE, a GIANT and all the GIANTS were very tall people
between the height of eight to ten feet tall. The Giants, who are called Anakim later on in
the Scriptures, all came through the lineage of Nimrod. One of the GIANTS, who had come
through the lineage of Nimrod, was the GIANT, Goliath of Gath. He was the GIANT that lived
among the Philistines and was SLAIN by DAVID the son of Jesse!
นิมโรดเป็ นสด ั สว่ นของร่างกายทีส่ งู ใหญ่มาก เหมือนคนร่างยักษ์
และทัง้ หมดของคนร่างยักษ์ทก ุ ๆคนเป็ นคนสูงมากมีความสูงระหว่าง 8 - 10 ฟุต
คนร่างยักษ์ผู ้ซงึ่ ถูกเรียกว่า “Anakim อนาคิม” ต่อมาในข ้อความพระคัมภีร ์
ทัง้ หมดมาจากเชอ ื้ สายของนิมโรดเป็ นคนร่างยักษ์ หนึง่ ในคนร่างยักษ์นัน ้ คือ โกลิอัท
สบื เชอื้ สายของนิมโรด เขาเป็ นคนร่างยักษ์ ทอ ี่ าศัยอยูท
่ า่ มกลางคนฟี ลเิ ตียและถูกฆ่าโดยดาวิดบุตร
ชายของเจสซ!ี

With Nimrod being so much larger than the other people of the land, it allowed him
to overpower and dominate them. It also enabled Nimrod to establish himself a kingdom in
the land of Shi' -nar that was later called Babel. In the kingdom of Babel, the people were
FAR from THE LORD in all that they did. They performed human sacrifice and worshipped
carved images of wood and of stone rather than GOD. At a certain point in time those of the
kingdom of Babel decided to construct a great tower to heaven. This represented to the
people of Babel that they had the ability to reach up to HEAVEN by the work of their own
hands, and this DISPLEASED GOD.
เนือ
่ งจากนิมโรดมีรป ู ร่างสูงใหญ่อย่างมาก มากกว่าผู ้คนอืน ่ ๆ ของแผ่นดิน
นั่นเป็ นสงิ่ ทีค
่ นยินยอมให ้เขามีอานาจเหนือและปกครองพวกเขา โดยมอบอานาจให ้กับนิมโรด
ทีจ่ ะสถาปนาตัวเขาเองในอาณาจักรดินแดนของ “Shi' -nar ชน ิ าร์” ทีภ
่ ายหลังเรียกว่า “Babel
บาเบล” ในอาณาจักรของบาเบล ผู ้คนได ้ดาเนินชวี ต ิ หลงห่างไกลจากพระเจ ้า
ในทุกสงิ่ ทุกอย่างทีพ ่ วกเขากระทา พวกเขาได ้ถวายเครือ ่ งบูชาเกีย ่ วกับมนุษย์
และนมัสการรูปเคารพแกะสลักของไม ้และหิน แทนทีจ ่ ะเป็ น
พระเจ ้า เมือ ่ ระยะเวลาหนึง่ นัน ้ มาถึงราชอาณาจักรของบาเบล ได ้ตัดสน ิ ใจ
ทีจ ่ ะสร ้างหอคอยอันยิง่ ใหญ่ให ้สูงไปถึงสวรรค์ โดยสงิ่ นีเ้ ป็ นตัวแทนสาหรับคนทีอ ่ ยูใ่ นหอบาเบลว่า
พวกเขามีความสามารถทีจ ่ ะไปถึง ปี นขึน
้ สูงไปถึงสวรรค์
โดยการทางานทีท ่ าด ้วยมือทัง้ สองของพวกเขาเองและการกระทาสงิ่ นีท ้ าให ้พระเจ ้าไม่พอพระทัยอ
ย่างมาก

27
Once GOD saw what the people were doing with the Tower they were building, it
greatly TROUBLED HIM. GOD then broke their COMMON language of HEBREWAH into
many dialects so they could no longer understand one another. Then with only small
groups of people being able to understand one another, the people of Babel separated
themselves from the City and traveled

่ พระเจ ้าทรงเห็นสงิ่ ทีผ


ครัง้ หนึง่ เมือ ่ ู ้คนเหล่านีไ้ ด ้กาลังกระทาการสร ้างหอคอย
เป็ นสงิ่ ทีท่ าให ้พระองค์เจ็บปวดพระทัยยิง่ นัก
จากนัน ้ พระเจ ้าจึงแตกภาษาพูดโดยทั่วไปในภาษาฮบ ี รูวาห์ของพวกเขาไปเป็ นหลายภาษาเฉพาะก
ลุม
่ ดังนัน ้ พวกเขาไม่สามารถสอ ื่ สารเข ้าใจกับอีกกลุม ่ หนึง่
ผู ้คนของหอบาเบลจึงได ้กระจัดกระจายออกในแต่ละเมืองของพวกเขาเอง
และได ้เดินทางไปจากไป

in small groups speaking the same language. These groups of people went out in all
directions, scattering themselves throughout the world. They did this because they could
no longer communicate with the other groups of people who they had formerly lived
among.

ในกลุม่ เล็กๆ ทีพ


่ ด
ู ภาษาเดียวกัน
กลุม
่ คนเหล่านีอ
้ อกไปในทุกทิศทาง กระจัดกระจายพวกเขาเองไปทั่วทุกหนแห่งทั่วโลก

28
พวกเขาได ้แตกกระจัดกระจายออกไป เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถติดต่อสอื่ สารกับกลุม
่ คนอืน
่ ๆได ้อี
่ วกเขาได ้อาศัยอยูท
กต่อไป เหมือนทีพ ่ า่ มกลางหอบาเบลในสมัยก่อน

NOTE : All the races of people that exist in the world today exist as a result of GOD'S
breaking the COMMON LANGUAGE. The human body eventually adapted to its new location
in the world over time and this is what created the difference in appearance of the various
races of people in the world. This is also why each race has its own LANGUAGE!

หมายเหตุ:
เผ่าพันธุท
์ ัง้ หมดของผู ้คนทีค
่ งอยูใ่ นโลกทุกวันนีเ้ ป็ นผลมาจากแตกแยกภาษาสอ ื่ สารพืน
้ ฐานโดยขอ
งพระเจ ้า ในท ้ายทีส
่ ด
ุ ร่างกายของมนุษย์ได ้ปรับให ้เข ้ากับถิน่ ฐานทีต
่ งั ้ ใหม่ในโลก
่ ระยะเวลาได ้ผ่านไป และนีเ่ ป็ นสงิ่ ทีส
เมือ ่ ร ้างความแตกต่างของเผ่าพันธุข ์ องผู ้คนในโลก
เหตุผลว่าทาไมแต่ละเผ่าพันธุม ์ ภ
ี าษาของเขาเอง!

ABRAM. GOD’S CHOICE / พระเจ ้าทรงเลือก อับราม,

After several generations had gone by of NOAH'S THREE SONS, then through the
LINEAGE of SHEM, NOAH'S eldest son (The BLESSED SEED), there comes a MAN by the
NAME of ABRAM, and it is ABRAM who GOD CHOOSES to establish HIS COVENANT. This

29
BLESSED SEED that had come forth from ADAM to SETH and so forth down through NOAH
to Shem and finally to ABRAM, is the SEED of JESUS CHRIST and you should keep this in
mind, henceforth.

หลังจากหลายชวั่ อายุคนได ้ผ่านไป เริม ่ จากบุตรชายทัง้ 3 ของโนอาห์ แล ้วก็ผา่ นเชอ ื้ สายของ


เชม ลูกชายคนโตของโนอาห์ (เมล็ดพันธุแ ์ ห่งพระพร)
ื เชอ
มีผู ้สบ ื้ สายเป็ นผู ้ชายมาโดยชอ ื่ ของอับราม
และนีค ื อับรามผู ้ซงึ่ พระเจ ้าทรงเลือกเพือ
้ อ ่ สถาปนาพันธสญ ั ญาของพระองค์ เมล็ดพันธุแ ์ ห่งพระพร
ได ้มาจากรุน ่ ที่ 4 ชวั่ อายุคน จาก ADAM อาดัมถึง SETH เซท และจากนัน ้ รุน่ ที่ 4
ชวั่ อายุคนผ่านลงมาจาก NOAH โนอาห์ ถึง Shem เชม และในทีส ่ ด ุ ถึง ABRAM อับราม
เป็ นเมล็ดพันธุ์ เชอ ื้ สาย ของพระเยซูคริสต์และคุณควรจะจดจาเรือ ่ งนีไ้ ว ้ นับจากนีเ้ ป็ นต ้นไป

This is why through the Book of Genesis the GENERATIONS of the THREE different
SEEDS are meticulously TRACKED up until the time of ABRAM. Then after ABRAM, only the
BLESSED SEED is TRACKED. The other two seeds (The seed of the Beast and the seed of the
Damned) after the time of ABRAM are then listed in the Scriptures as categories of people,
and they are no longer tracked by their GENERATIONS. This is because the genealogy of the
other two seeds is no longer of importance in the telling of the STORY of JESUS CHRIST.
This is also why GOD forbids the marriage of the HEBREW to the Canaanite after the time of
ABRAM, as before that time intermarrying was acceptable.

นี่เป็ นเหตุวา่ ทาไม ทั่วทัง้ หนั งสอื ของปฐมกาลลาดับพงศพ ์ ันธุข


์ องคน 3
ความแตกต่างในเชอ ื้ สายเมล็ดพันธุ์ มีการจดบันทึกไว ้อย่างระมัดระวัง (อย่างพิถพ ี ถ
ิ ัน
อย่างละเอียดรอบคอบ) เป็ นพิเศษจนกระทั่งถึงชว่ งเวลาของอับราม แล ้วก็หลังจากอับราม
มีเพียงเมล็ดพันธุแ ์ ห่งการอวยพระพรถูกบันทึกติดตามไว ้ในพระคาภีร ์ อีก 2 เมล็ดพันธุ์ (เชอ ื้ สาย
เมล็ดพันธุข ์ องคนลักษณะนิสย ั สต
ั ว์ เจนไทล์มนุษย์ทไี่ ม่มดี วงวิญญาณ และเชอ ื้ สาย
เมล็ดพันธุข ์ องการแชง่ สาป)
หลังจากเวลาของอับราม แล ้วก็ถก ู รวบรวมไปในข ้อความในพระคัมภีรเ์ ป็ นประเภทของผู ้คนและเชอ ื้
สายทัง้ สองนัน ้ ไม่จดบันทึกติดตามอีกต่อไปในลาดับพงศพ ์ ันธุข
์ องพวกเขา นีเ่ ป็ นเพราะว่าการศก ึ ษ
าเกีย ่ วกับการลาดับเครือญาติ เชอ ื้ สายของอีก 2 เมล็ดพันธุ์ นัน้ ไม่มคี วามสาคัญอีกต่อไป
ในการบอกของเรือ ่ งราวพระเยซูคริสต์
นีเ่ ป็ นเหตุผลว่าทาไมพระเจ ้าห ้ามการแต่งงานของฮบ ี รูไปยังเชอ ื้ สายของมาร คานาไนท์
หลังจากชว่ งเวลาของอับราม โดยก่อนหน ้านี้
การแต่งงานกับต่างเชอ ื้ ชาติและสายเลือดเป็ นทีย่ อมรับได ้

From this point forward in The HOLY BIBLE, the SEED of the BEAST is referred to
as the GENTILE (the offspring of Japheth), and the SEED of the DAMNED is called the
CANAANITE (the offspring of Ham). The DAMNED SEED (the Canaanite), the SEED of the
Devil, which is also called "The Tare" in the Scriptures, will eventually be weeded out from

30
among the LIVING so GOD did not want it to be intermingled with the BLESSED SEED until
after the BIRTH of JESUS CHRIST. This is why in the last verse of the final chapter of The
Book of Zechariah the STATEMENT is made: "and in that day there shall be no more
Canaanite in the house of the LORD of HOSTS". "That day", refers to the end of the "LAST
DAY", when THE LORD DESTROYS all of the DAMNED SEED, the Canaanite who is the
offspring of the Devil, from among the LIVING!

จากจุดนีเ้ ป็ นต ้นไป ในพระคัมภีรไ์ บเบิล ้


เมล็ดพันธุข ์ องคนลักษณะนิสย ั เหมือนสต ั ว์เป็ นทีก
่ ล่าวถึงเป็ นพวกเจนไทล์ (ผู ้สบ ื สกุลของยาเฟท)
และเมล็ดพันธุข ์ องการแชง่ สาปถูกเรียกว่า “คานาไนท์” (ผู ้สบ ื สกุลฮาม) เมล็ดพันธุแ ์ ห่งการแชง่ สาป
(คานาไนท์) ซงึ่ เป็ นเมล็ดพันธุข ์ องมารซาตาน สงิ่ ซงึ่ ยังถูกเรียกว่า “Tare แทร์”
(วัชพืชชนิดหนึง่ ขึน ้ ในทุง่ นา)ในทีส ่ ด
ุ ข ้อความในพระคัมภีรจ ์ ะเป็ นการกาจัดวัชพืชออกจากท่ามกลาง
ผู ้ทีม
่ ช ี วี ต
ิ ดังนัน ้ พระเจ ้าไม่ต ้องการทีจ ่ ะผสมเข ้าด ้วยกันกับเมล็ดพันธุแ ์ ห่งการอวยพระพร
จนกระทั่งหลังจากการประสูตข ิ องพระเยซูคริสต์
นีเ่ ป็ นเหตุผลว่าทาไมในสว่ นสุดท ้ายของบทสุดท ้ายของหนั งสอ ื เศคาริยาห์ได ้กล่าวชแี้ จงให ้ทราบ “
และในวันนั น ้ จะไม่มค ี นเชอ ื้ สาย Canaanite คานาไนท์ในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์จอมโยธา”
“วันนัน ้ ” เกีย่ วโยงถึงการสน ิ้ สุดของโลก “ในวันสุดท ้าย” เมือ ่ พระเจ ้าทาลายทัง้ หมด
เมล็ดพันธุแ ์ ห่งการแชง่ สาป Canaanite คานาไนท์
ผู ้ซงึ่ เป็ นผู ้สบ ื สกุลของมารซาตานจากท่ามกลางผู ้ทีม ี วี ต
่ ช ิ !

6.2 The Story of (Abram) ABRAHAM /

่ งของ (อับราม) อับราฮัม


เรือ

Abram the son of Te-rah was the first born of three brothers. Te-rah who was an idol
sculptor lived at that time in the country of Ur of the Chal-dees with his entire family.
Abram soon after the story starts, relocate with his father and his wife, Sa' -rai (who is also
Abram's half-sister) along with his nephew Lot to a place called Ha' -ran. With Abram being
of the LINEAGE of SHEM the son of NOAH (The BLESSED SEED), GOD tells Abram to leave
his father's house in Ha' -ran and move out of the land. GOD also PROMISES Abram that HE
will make a GREAT NATION come forth from him and will BLESS both Abram and his
OFFSPRING. Abram, being unsure as to where GOD is sending him off to takes his wife Sa' -
rai and his nephew Lot along with his servants, and goes off towards the land of Canaan.
When Abram gets to the plain of Mo'reh,

อับรามเป็ นบุตรชายของ ” Te-rah เทราห์” เป็ นบุตรทีเ่ กิดมาคนแรกในบรรดา 3 พีน ่ ้อง


เทราห์ผู ้ซงึ่ เป็ นคนกราบไหว ้ปฏิมากรรูปเคารพอาศัยอยูใ่ นเวลานั น ้ ในเมือง Ur เออร์
ของชาวเคลเดียกับครอบครัวของเขาทัง้ หมด หลังจากนั น ้ อ
้ ในไม่ชาเรื ่ งราวอับราม ได ้เริม ่ ต ้น
หาทีอ ่ าศัยใหม่โดยย ้ายออกจากบิดาของเขาและนาภรรยาของเขา “ซาราย”
(ซงึ่ เป็ นลูกพีล ่ ก
ู น ้องของอับราม) ตามมาด ้วยหลานของเขา “โลท” ไปยังสถานทีห ่ นึง่ ซงึ่ เรียกว่า
“ฮาราน” เนือ ่ งจากอับรามเป็ นเชอ ื้ สายของเชมบุตรชายของโนอาห์ (เมล็ดพันธุแ ์ ห่งพระพร)

31
พระเจ ้าตรัสบอกอับราให ้ออกจากบ ้านบิดาของเขาไปยังฮารานและย ้ายออกจากดินแดนนัน ้
ั ญาแก่ อับรามว่าพระองค์จะทาให ้เชอ
พระเจ ้ายังสญ ื้ สายทีอ ่ อกมาจากเขาเป็ น ชนชาติทย
ี่ งิ่ ใหญ่
และจะได ้รับพระพร ทัง้ อับรามและผู ้สบ ื สกุลเชอื้ สายของเขา
อับรามมีความเป็ นอยูอ ่ ย่างไม่แน่ใจว่าทีไ่ หนพระเจ ้าจะสง่ เขาไปกับภรรยาของเขา “ซาราย”
และหลานของเขา “โลท” กับคนรับใชของเขาไปด ้ ้วยกัน และ โดยตรงไปยังดินแดนของคานาอัน
เมือ
่ อับรามไปถึงยังทีร่ าบของ” Mo'reh โมเรห์”

THE LORD appears a second time to Abram and tells him that HE WILL give
Abram's SEED after him (meaning all the generations of his children) the entire land of
Canaan, which later on in the Scriptures will be called ISRAEL. Abram then continues on his
journey throughout the land of Canaan making periodic stops along the way to build
ALTARS for sacrificing to GOD.

พระเจ ้าปรากฏครัง้ ทีส


่ องต่อ อับรามและตรัสบอกเขาว่า พระองค์จะให ้เมล็ดพันธุเ์ ชอื้ สาย
ของอับรามหลังจากเขา (หมายความถึงพงศพ ์ ันธุข
์ องลูกหลานของเขา) แผ่นดินคานาอันทัง้ หมด
ซงึ่ ภายหลังต่อมาในข ้อความในพระคัมภีรจ ์ ะเรียกว่า อิสราเอล จากนัน้ อับรามได ้เดินทางต่อไป
โดยไม่หยุดปั กหลัก แต่ตรงไปยังดินแดนของคานาอัน มีการหยุดพักเป็ นระยะๆ
ไปตามทางเพือ ่ สร ้าง แท่นบูชาสาหรับการถวายเครือ ่ งบูชาแด่ พระเจ ้า

Due to a famine in Land of Canaan where they now live, Abram, Sarai, Abram's
nephew Lot and their servants, are forced to leave Canaan and enter into the Land of Egypt
where they might find food to eat. Once they arrive in Egypt, Abram is concerned about
Sarai his wife being taken from him by Pharaoh for himself because of her great beauty. So
Abram tells Pharaoh who is the king of Egypt that Sarai was his sister rather than telling
him she was his wife.

มาถึงชว่ งเวลาของความอดอยากในดินแดนของคานาอัน
ซงึ่ พวกเขาได ้อาศัยอยูข่ ณะนี้ อับราม ซาราย หลานของอับราม โลท

และคนรับใชของเขา ถูกบังคับให ้ออกจากคานาอันและเข ้าไปในดินแดนของอียป ี่ งึ่ พวกเขาอา
ิ ต์ทซ
จจะหาอาหารทีจ ่ ะดารงชพี ครัน ้ เมือ
่ พวกเขามาถึงในอียป ิ ต์
อับรามเกิดมีความกังวลเกีย ่ วกับซารายภรรยาของเขาจะถูกนาตัวไปจากเขา
โดยฟาโรห์เพือ ่ พระองค์เอง เพราะความสวยงามอย่างมากของเธอ ดังนัน ้
อับรามบอกฟาโรห์ผู ้ซงึ่ เป็ นกษั ตริยข ์ องอียป
ิ ต์วา่ ซารายเป็ นน ้องสาวของเขาแทนทีจ
่ ะบอกว่าเธอเป็ น
ภรรยาของเขา

Abram does this because he fears that if Pharaoh finds out that he is her husband
that Pharaoh will have Abram killed so he can take Sarai for himself. Once Pharaoh sees
Sarai and is led to believe that she is Abram's sister, he takes her for a concubine. In return
for Sarai, Pharaoh gives Abram herds of sheep and oxen and other valuable things, along
with some additional male and female servants.

32
อับรามกระทาเชน ่ นีเ้ พราะว่าเขากลัวว่า ถ ้าฟาโรห์พบว่าเขาเป็ นสามีของเธอ
ฟาโรห์จะฆ่าอับราม จากนัน ้ ฟาโรห์สามารถนาเอาตัวซารายเป็ นของพระองค์เอง
ครัง้ หนึง่ ฟาโรห์เห็นซารายและเชอ ื่ ว่าเธอเป็ นน ้องสาวของอับราม
พระองค์จงึ ได ้นาเธอไปเป็ นนางสนม โดยการแลกเปลีย ่ นกับซาราย ฟาโรห์ได ้มอบอับรามฝูงแกะแ
ละวัวและสงิ่ อืน่ ๆ ทีม
่ ค
ี า่ ไปเพิม ้
่ เติมไปด ้วยคนรับใชชายและหญิ ง

Once GOD SEES that Pharaoh has taken Sarai from Abram, HE then puts a CURSE on
Pharaoh for taking her. Pharaoh, being informed by GOD in a dream that Sarai is the wife of
Abram and not his sister, is told by GOD that he and his house had been CURSED because of
his taking Sarai from Abram. With Pharaoh being greatly displeased with Abram's lying to
him about Sarai, he then forces Abram, Sarai and Lot to leave Egypt. However, Pharaoh
allows

ครัง้ หนึง่ พระเจ ้าเห็นว่าฟาโรห์ได ้นาตัวซารายจากอับราม


พระองค์จงึ ใสค่ าแชง่ สาปบนฟาโรห์เนือ ่ งจากการนาตัวเธอไป
ฟาโรห์ได ้รับแจ ้งโดยพระเจ ้าในความฝั นว่าซารายเป็ นภรรยาของอับรามและไม่ใชน ่ ้องสาวของเขา
ถูกตรัสบอกโดยพระเจ ้าว่าเขาและบ ้านเมืองของเขาถูกแชง่ สาป
เพราะว่าการนาเอาตัวของซารายไปจากอับราม
จากนัน้ ฟาโรห์มค ี วามไม่พอใจอย่างมากกับการโกหกของอับรามต่อพระองค์เกีย ่ วกับซาราย
เขาจึงบังคับอับราม ซารายและโลทออกจากอียป ิ ต์ โดยการยินยอมฟาโรห์

Abram to leave Egypt with all the gifts that he had given him for Sarai. Pharaoh does
this in HOPE that GOD would remove the Curse from him and his house. GOD'S LOVE and
BLESSING of Abram for his obedience to GOD continually brings Abram great wealth and
GOD does this in some cases in rather UNIQUE and strange ways.

อับรามออกจากอียป ิ ต์กับของขวัญทัง้ หมด ทีฟ


่ าโรห์ได ้ให ้เขาสาหรับซาราย
ฟาโรห์ทาเชน ่ นีใ้ นความหวังว่าพระเจ ้าจะลบคาแชง่ สาปจากพระองค์ และบ ้านเมืองของพระองค์
ความรักของพระเจ ้าและการอวยพรของอับรามสาหรับการเชอ ื่ ฟั งของเขาต่อพระเจ ้า
อย่างต่อเนือ
่ งทรงนา อับรามให ้มีความมั่งคั่งอย่างมากมาย
และพระเจ ้าทาเชน ่ นีค
้ อ
่ นข ้างเป็ นลักษณะพิเศษเหนือกว่าคนทั่วไปและเป็ นหนทางทีแ ่ ปลกแตกต่าง

After Pharaoh forces Abram out of Egypt, both he and his nephew Lot decide that
they should go off into different directions. This decision was made because of the size of
their herds of sheep and cattle, and camels and oxen had grown so large as a result of
GOD'S BLESSINGS, that the land could not support both Abram's and Lot's herds together.
Lot then goes off toward the plain of Jordan that is near to the city of Sodom, and Abram
remains camped in the Land of Canaan.

หลังจากฟาโรห์บังคับอับรามออกจากอียป
ิ ต์ ทัง้ สอง เขาและหลานของเขา โลท
ิ ใจว่าพวกเขาควรจะออกไปในทิศทางทีแ
ตัดสน ่ ตกต่างกัน การตัดสนิ ใจนีถ
้ ก
ู ทาขึน
้ เพราะว่าขนาดข

33
องฝูงของแกะและวัวควาย และอูฐ และวัวได ้เติบโตอย่างมากมายอย่าง จากผลของการอวยพรของ
พระเจ ้าว จนบริเวณพืน ้ ทีน ้ ไม่สามารถสง่ เสริมการอาศัยอยูด
่ ัน ่ ้วยกัน
ทัง้ ฝูงสตั ว์ของอับรามและของโลท
ขากนัน ้ โลทจึงออกไปไปยังทุง่ กว ้างของจอร์แดนทีอ ่ ยูใ่ กล ้กับเมืองโสโดม
และอับรามยังอยูแ ่ คมป์ ในดินแดนของคานาอัน

While Abram moves about in the land of Canaan remaining close to THE LORD, GOD
continually reiterates HIS PROMISE to Abram of how HE will give Abram all the Land of
Canaan and will also make a GREAT NATION come forth from him. After several re-
locations within the land of Canaan Abram comes to settle into a place in the Plain of Mam'
-re. This is in an area that was known as He'-bron, near to Sanai, the Mountain of GOD.
Abram is about 75 years old at this time, and his wife Sarai is unable to bear children and is
also getting up in years. Abram wonders how a GREAT NATION can come forth from him
with he and Sarai not yet having any children. However Abram never loses hope in what
GOD had PROMISED him.

ในขณะทีอ ่ ับรามเคลือ ่ นย ้ายออกไปอยูใ่ นดินแดนคานาอันยังคงดาเนินชวี ต ิ


ติดสนิทใกล ้กับพระเจ ้า พระเจ ้าทรงกล่าวย้าถึงพันธสญ ั ญาของพระองค์อย่างต่อเนือ ่ งเพือ ่ อับราม
เกีย่ วกับเรือ
่ งทีพ
่ ระองค์จะมอบให ้อับราม
ในดินแดนทัง้ หมดของคานาอันและจะทาให ้เชอ ื้ สายต่อจากเขาเป็ นประชาชาติทย ี่ งิ่ ใหญ่ในวันข ้างห
น ้า หลังจากการหาทีอ ่ าศัยใหม่ภายในดินแดนของคานาอัน
เพือ ่ อับรามจะตัง้ รกรากในสถานทีใ่ นทุง่ กว ้างของ Mam' -re มัมเร
นีค
่ อ ื ในบริเวณทีเ่ ป็ นทีร่ ู ้จักอย่างที่ He'-bron เฮโบรนใกล ้กับภูเขา Sanai ซาไนล์ ภูเขาของพระเจ ้า
ณ เวลานี้ อับรามมีอายุประมาณ 75 ปี และภรรยาของเขาซารายยังคงไม่สามารถตัง้ ครรภ์มล ี ก
ู ได ้
แต่ละปี ผา่ นไป
อับรามแปลกประหลาดใจว่าจะเป็ นไปได ้อย่างไรทีเ่ ขาจะมีเชอ ื้ สายเป็ นประชาชาติทย ี่ งิ่ ใหญ่ตอ ่ จากเ
ขา เนือ ่ งจากเขาและซารายยังไม่มบ ี ต
ุ ร
แต่อย่างไรก็ตามอับรามไม่สญ ี ความหวังในสงิ่ ทีพ
ู เสย ั ญากับเขา
่ ระเจ ้าได ้สญ

Meanwhile there is a war going on between the kings in the area and word comes
to Abram that the cities of Sodom and Gomorah have been taken by force and that alien
kings were holding his nephew Lot in captivity. Once Abram hears of this, he then arms and
trains 318 of his servants for WAR, and they pursue the rogue kings who are holding his
nephew Lot captive. Once Abram and his troops catch up to the opposing forces they
annihilate them in the area of Ho' -bah,

ในขณะนั น้ มีสงครามเกิดขึน ้ ระหว่างกษั ตริยใ์ นพืน ้ ทีน


่ ัน

และถ ้อยคามายังอับรามว่าเมืองของโสโดมและโกโมราห์
ได ้ถูกยึดไปเป็ นเชลยโดยใชก้ าลังบีบบังคับ และโดยกษั ตริยต ์ า่ งด ้าวได ้ยึดครอบครองหลานของเขา
โลทถูกจับเป็ นเชลย ครัน ่ อับรามได ้ยินสงิ่ นี้ เขาจึงเตรียมพร ้อมเข ้าทาสงคราม
้ เมือ

34
และฝึ กอบรม 318 ของคนรับใชของเขาส ้ าหรับสงคราม และพวกเขาไล่ลา่
กษั ตริยอ์ ันธพาลผู ้ซงึ่ กาลังครอบครองหลานของเขา โลททีต ่ กเป็ นเชลย
เมือ
่ อับรามและกองทหารของเขาจับกองกาลังทีต ่ อ ิ้
่ ต ้านพวกเขาทาลายล ้างจนหมดสน
ในบริเวณพืน ่ องพวกเขาได ้อาศัยอยูใ่ น Ho' -bah โฮบาห์
้ ทีข

even though they were greatly outnumbered. Abram then returns all of the spoils
of war to the Kings of Sodom and Gomorah and the King of Salem who was also a High
Priest by the name of Mel' -chiz' -e-dek, comes out to congratulate Abram on his victory.
Mel'-chiz'-e-dek then BLESSES Abram for his service to GOD and Abram in turn gives
TITHES to Mel' -chiz' -e-dek for the blessing.

ถึงแม ้ว่าพวกเขาได ้มีคนเป็ นจานวนมากมาย


อับรามได ้คืนของทัง้ หมดกลับไปในสงิ่ ของทีย ่ ด
ึ มาได ้จากสงครามไปยังกษั ตริยข ์ องโสโดมและโกโ
มราห์ และกษั ตริยข ์ องซาเล็มผู ้ซงึ่ เป็ นปุโรหิตชน ั ้ สูงด ้วย
ชอื่ ”เมลคีเซเดค” ได ้ออกมาเพือ ่ แสดงความยินดีตอ ั ชนะของเขา เมลคีเซเดค
่ อับรามในชย
ก็อวยพรอับรามสาหรับการเป็ นผู ้อารักขาของเขา ต่อพระเจ ้าและอับรามก็ยก หนึง่ ในสบ ิ (สบ
ิ ลด)
จากข ้าวของทัง้ หมดถวายแก่เมลคีเซเดคสาหรับการอวยพร

Abram then refuses to keep any of the spoils of war after the Kings of Sodom and
Gomorah offered them to him. However he does give some of the spoils to his servants who
had fought with him.

จากนัน ้ อับรามก็ปฏิเสธ ทีจ ่ ะเก็บควบคุมสงิ่ ต่างๆ ของทีไ่ ด ้ยึดมาได ้จากสงครามถึงแม ้ว่า


กษั ตริยข์ องโสโดมและโกโมราห์
เสนอสงิ่ เหล่านั น
้ ของพวกเขาให ้แก่อับราม แต่อย่างไรก็ตามเขาได ้ให ้บางสงิ่ บางอย่างของทีย ่ ด
ึ มาไ

ด ้ให ้คนรับใชของเขาผู ้ซงึ่ ได ้ทาการต่อสูด้ ้วยกันกับเขา

NOTE: Abram refuses the spoils offered to him because he knows that GOD had given him
his GREAT WEALTH and does not want anybody to be able to say that they had taken part
in it other than GOD!

หมายเหตุ: อับรามปฎิเสธสงิ่ ของทีถ ่ ก


ู ปล ้นมาได ้เสนอให ้เขา
เพราะว่าเขารู ้ว่าพระเจ ้าได ้ให ้เขาความมั่งคั่งทีย
่ งิ่ ใหญ่ของพระองค์ และไม่ต ้องการให ้ใครก็ตาม
สามารถทีจ่ ะพูดว่าพวกเขาได ้มีสว่ นร่วมในการรับสว่ นอืน ่ ๆ นอกจากของพระเจ ้า

Then both Abram and his servants return to their camp. Once back at the camp GOD
then appears to Abram again in a vision to confirm all the things that HE had previously
PROMISED Abram. Then Abram reminds THE LORD that he doesn't have any children as of
yet, and asked THE LORD which of the Stewards (servants) of his household would be the
heir to GOD'S PROMISE ?

35
จากนัน ้
้ ทัง้ อับรามและคนรับใชของเขากลั บไปยังค่ายของพวกเขาทัง้ หลาย
ครัง้ หนึง่ เมือ
่ กลับไปยังค่าย
พระเจ ้าจึงปรากฏแก่อับรามอีกครัง้ ในนิมต ิ เพือ่ ยืนยันทุกสงิ่ ทีพ่ ระองค์ได ้สญ ั ญา ต่ออับรามก่อนหน ้า
นี้ จากนัน ้ อับรามย้าคาพูดกับพระเจ ้าว่าเขาไม่มบ ี ต ื เชอ
ุ รสบ ื้ สาย
จนถึงปั จจุบันนีแ ่ งของผู ้ดูแลสงิ่ ของทรัพย์สน
้ ล ้วและได ้ถามพระเจ ้า ในเรือ ิ ของเขา(ซงึ่ เป็ นคนรับใช)้
ในบ ้านทัง้ หมด ของเขาจะสามารถทีจ ่ ะเป็ นทายาท (ชาย) สาหรับพันธสญ ั ญาของพระเจ ้า ได ้ไหม?

GOD then tells Abram that his heir will be one of his own children who he is yet to
have and not one of his Stewards. THE LORD then gives specific instructions to Abram on a
sacrifice that he is to make to GOD and Abram prepares the sacrifice as GOD had instructed
him to do. THE LORD then puts Abram into a deep sleep. While Abram is asleep, GOD gives
Abram the PROPHECY of his forth coming NATION, and how this NATION would eventually
go into captivity for 400 years and then after the 400 years would be delivered out of their
BONDAGE.

พระเจ ้าจึงตรัสบอกอับรามว่าทายาท (บุตรชาย)


ของเขาจะเป็ นหนึง่ ในเชอ ื้ สายของลูกของเขาเอง ซงึ่ เขาจนถึงบัดนีน้ ัน
้ ยังไม่มผ ื สกุล
ี ู ้สบ
และไม่มใี ครจะเป็ นผู ้ดูแลทรัพย์สน ิ ของเขา พระเจ ้าจึงให ้การแนะนาเป็ นการเฉพาะเจาะจง
แก่อับราม ให ้จัดเตรียมการถวายบูชาเพือ ่ พระเจ ้าและอับรามเตรียมการถวายบูชาอย่างทีพ ่ ระเจ ้าได ้
สงั่ เขาให ้ทา พระเจ ้าจึงวางอับรามเขาไปในหลับลึก
ในขณะทีอ ่ ับรามซงึ่ หลับอยู่ พระเจ ้าได ้มอบคาพยากรณ์ แก่อับราม
เชอ ื่ สายทีเ่ ป็ นชนชาติข ้างหน ้าของเขา และเชอ ื้ สายของเขานี้ จะตกไปเป็ นทาส 400 ปี
และหลังจาก 400 ปี จะถูกปลดปล่อยออกไปจากการตกเป็ นเชลยของพวกเขา

NOTE: This PROPHECY is referring to ISRAEL'S CAPTIVITY by both Egypt and Babylon!

หมายเหตุ คาพยากรณ์นเี้ ป็ นการเกีย


่ วโยงถึงการผูกมัดของอิสราเอลโดยทัง้ อียป
ิ ต์และบาบิโลน!

36
In the days of Abram when a SACRIFICE was made to THE LORD, the person making
the sacrifice would know if GOD had accepted their sacrifice because fire would come down
from the sky and consume the sacrifice. That day GOD received and ACCEPTED the sacrifice
Abram had prepared for HIM, by sending FIRE down from the sky and CONSUMING the
SACRIFICE. Thus making that day the day that GOD'S COVENANT was made with Abram.
ในวันต่างๆ ของอับรามเมือ ่ ถึงการถวายบูชา
ทีจ่ ัดทาขึน ้ เพือ
่ พระเจ ้า บุคคลผู ้การทาการถวายบูชาจะรู ้ว่า ถ ้าพระเจ ้าได ้ยอมรับการถวายบูชาของ
พวกเขานัน ้
เพราะว่าไฟจะลงมาจากฟากฟ้ าและเผาเครือ ่ งถวายบูชานัน ้ วันนัน ้ พระเจ ้าได ้รับและยอมรับการถวา
ยบูชาทีอ ่ ับรามได ้จัดเตรียมไว ้ สาหรับพระองค์
โดยการสง่ ไฟลงมาจากฟากฟ้ าและเผาไหม ้สงิ่ ทีถ ่ วายบูชา วันนัน ้ เป็ นวันทีท
่ าพันธสญั ญาของพระเ
จ ้าด ้วยกันกับอับราม

37
With Abram now getting up in his years and Abram's wife Sarai still unable to bear
children, Sarai then offers her handmaiden an Egyptian woman by the name of Ha' -gar as a
concubine to her husband Abram. Sarai does this in HOPE that Ha' -gar might bear Abram a
SON. Ha' -gar then has sexual intercourse with Abram and CONCEIVES a child. However her
pregnancy causes problems between Ha'-gar and Sarai, as Ha'-gar being pregnant with
Abram's child starts to contend with Sarai for Abram's affection. This bothers Sarai to the
point where Sarai demands that Ha' -gar be made to leave the camp of Abram. Ha' -gar then
being pregnant with Abram's child goes off by herself into the wilderness, and an ANGEL of
THE LORD comes to her.
อับรามตอนนีไ ้ ด ้มีอายุมากขึน ้ ในปี ของเขา และซารายภรรยาของอับรามยังคงไม่สามารถมีบต ุ ร
ซารายจึงเสนอสาวใชของเธอหญิ ้ งชาวอียป ิ ต์ ชอื่ ของเธอคือ “ฮาการ์” มาเป็ นอนุภรรยา ของอับราม
สามีของเธอ ซารายกระทาเชน ่ นีใ้ นความหวังว่า ฮาการ์ อาจจะตัง้ ครรภ์ บุตรชายให ้อับราม
ฮาการ์ได ้มีเพศสม ั พันธ์กบ ั อับรามและได ้ตัง้ ครรภ์
แม ้ว่าการตัง้ ครรภ์ของเธอเป็ นเหตุให ้เกิดปั ญหาระหว่างฮาการ์และซาราย
เมือ ่ ฮาการ์ได ้ตัง้ ครรภ์บต ุ รให ้แก่อับราม จากนัน ้ เริม่ การโต ้แย ้งกับซาราย สาหรับความรักของอับราม
สงิ่ นีร้ บกวนจิตใจของ ซารายไปถึงจุดทีซ ่ งึ่ ซารายเรียกร ้องให ้
ฮาการ์จะออกจากค่ายของอับราม ฮาการ์ซงึ่ อยูใ่ นระหว่างตัง้ ครรภ์บต ุ รของอับรามได ้เดินทางออกไ
ปโดยตัวเธอเองได ้เข ้าไปในถิน ่ ธุรกันดารและทูตสวรรค์ของพระเจ ้ามาถึงเธอ

The ANGEL tells Ha'-gar, that she will bear a son and his name shall be called Ish'-ma-
el. The ANGEL also tells her that Ish'-ma-el will be a "WILD MAN" and through Ish' -ma-el
will come the Arab nations for he will be the father of the Arab tribes.

ทูตสวรรค์ได ้บอกฮาการ์วา่ เธอจะคลอดบุตรชายและชอ ื่ ของเขาจะเรียกว่า “อิชมาเอล”


ทูตสวรรค์ยังบอกเธอว่า อิชมาเอลจะเป็ น “WILD MAN
่ าศัยอยูต
คนทีอ ่ ามป่ ากว ้างทะเลทรายซงึ่ อารมณ์คอ
่ นข ้างดุร ้าย”
และผ่านทางเชอ ื้ สายอิชมาเอลจะบังเกิดเป็ นชนชาติอาหรับแก่เขา จะเป็ นบิดาของเผ่าอาหรับ

NOTE: By Ish’-ma-el being one-half Hebrew and one-half Egyptian, he becomes the first
Arab. Also by his being referred to by the ANGEL as the "WILD MAN", the Scriptures
indicate that there will always be a CONFLICT within the Arab nations and between them
and ISRAEL. The PROPHECY given by the ANGEL to Ha' -gar strongly indicates an ongoing
rivalry between the HEBREWS and the Arab nations. You will also see as the Story of
Abram unfolds that Ish' -ma-el being the first born to Abram, feels that the INHERITANCE
given to ISAAC should have been his!

หมายเหตุ: โดยอิชมาเอลนัน ื เชอ


้ ได ้สบ ื้ สาย
ครึง่ หนึง่ เป็ นเชอื้ สายฮบี รูและอีกครืง่ หนึง่ เป็ นชนชาติอย ี ปิ ต์ เขากลายเป็ นคนอาหรับคนแรก
ด ้วยการกาเนิดของเขาเกีย ่ วโยงอย่างทีท ่ ต
ู สวรรค์ได ้บอกไว ้ว่าเป็ น“WILD MAN
คนทีอ ่ าศัยอยูต ่ ามป่ ากว ้างทะเลทรายซงึ่ อารมณ์คอ ่ นข ้างดุร ้าย”
ข ้อความในพระคัมภีรช ์ บี้ อกว่าจะมีปฏิปักษ์ อย่างต่อเนือ ่ งภายใน ระหว่างชนชาติทัง้ สอง
38
ซงึ่ เป็ นชนชาติอาหรับและชนชาติอส ิ ราเอล
คาพยากรณ์ถก ู ให ้โดยทูตสวรรค์ตอ
่ ฮาการ์ชบี้ อกอย่างแข็งแกร่งการต่อสูด้ าเนินไปอย่างไม่หยุดยัง้ ร
ะหว่าง ฮบ ี รูและชนชาติอาหรับ คุณจะยังเห็นจากทีเ่ รือ ่ งราวของอับรามปรากฏออกมาว่า
อิชมาเอลผู ้ถือกาเนิดเป็ นลูกคนแรกของอับรามรู ้สก ึ ว่าสทิ ธิครอบครองมรดกโดยกาเนิดทีถ ่ ก
ู มอบให ้
แก่อส ิ อัคนัน
้ ควรจะได ้ของเขา!

The ANGEL also tells Ha' -gar that she should return to the camp of Abram and
humble herself before Sarai. He also instructs her to stop competing with Sarai for her
husband Abram's affection, and if she does as she is told then she will be allowed to come
back into the household of Abram. Ha' -gar then returns to the camp humbling herself
before Sarai and is FORGIVEN by Sarai for her previous actions and is allowed back into
Abram's camp. Ha'-gar shortly after returning to the camp then gives birth to Ish' -ma-el
and Abram is eighty-six years old at the time of birth.

ทูตสวรรค์ยังบอกฮาการ์วา่ เธอควรจะกลับไปยังค่ายของอับรามและถ่อมตัวของเธอเองต่อซ
าราย ทูตสวรรค์ยังชแ ี้ นะเธอในอันทีจ ่ ะหยุดชว่ งชงิ กับซารายสาหรับความรักของอับรามสามีของเธอ
และถ ้าเธอทาอย่างทีเ่ ธอถูกบอกแล ้วก็เธอจะอนุญาตให ้กลับมาเข ้าไปในครัวเรือนของอับราม
ฮาการจึงกลับไปยังค่ายการถ่อมตัวของเธอเองก่อนซารายและถูกอภัยให ้โดยซารายสาหรับการกระ
ทาของเธอก่อนหน ้านีท ้ ผ
ี่ า่ นมาและถูกอนุญาตให ้กลับเข ้าไปในค่ายของอับราม
ฮาการ์ก็ไม่นานหลังจากการกลับไปยังค่ายแล ้วก็ให ้กาเนิดอิชมาเอลและอับรามอายุ 86
ปี ในชว่ งเวลาของการเกิด

At the time when Abram turns ninety-nine years old, THE LORD appears again to
Abram and reminds Abram of HIS COVENANT. THE LORD then COMMANDS Abram that he
and all of the males in his household as well as their male children MUST be CIRCUMCISED.
The reason that GOD REQUIRES the HEBREW to be circumcised is threefold. First of all, it
separates GOD'S PEOPLE from the animal and from other peoples of the world by their
removing the male foreskin. Secondly, it provides exposure and an improvement in the
cleanliness of the male genital when bathing. But most IMPORTANT is that the circumcising
of the Male Organ causes a desensitizing of the penis due to its exposure, which in turn will
allow for a longer period of copulation and a higher probability of CONCEPTION.

ณ ชว่ งเวลานัน ้ เมือ


่ อับรามมีอายุ 99 ปี
พระเจ ้าปรากฏอีกครัง้ แก่อบ ั รามและเตือนความทรงจาอับรามของพันธสญ ั ญาของพระองค์
พระเจ ้าจึงมีพระบัญชาต่ออับรามว่าเขาและชายทัง้ หมดในครัวเรือนของเขาอย่างเชน ่ บุตรชายของพ
วกเขาทัง้ หมดจะต ้องเข ้าสุหนัต เหตุผลทีพ ่ ระเจ ้าทรงประสงค์ฮบ ี รูเข ้าสุหนัตเป็ นทีม
่ ี 3 สว่ น ก่อนอืน

มันเป็ นการแบ่งแยกคนของพระเจ ้าจากสต ั ว์และจากคนอืน ่ ๆ
ของโลกโดยพวกเขาการเอาออกหนังหุ ้มปลายอวัยวะเพศของชาย ประการทีส ่ อง เป็ นการผึง่
(ไม่อับชน ื้ ) และการปรับปรุงในความสะอาดของอวัยวะสบ ื พันธุข
์ องผู ้ชายเมือ ่ อาบน้ า
แต่ทสี่ าคัญทีส ่ ด
ุ คือทีก่ ารเข ้าสุหนั ตของอวัยวะเพศชายทาให ้มีความไวต่อความรู ้สก ึ ของอวัยวะเพศ

39
น ้อยลงเนือ ื้ ) นั น
่ งจากการผึง่ (ไม่อับชน ้ เอง สงิ่ ซงึ่ ในทางกลับกัน
จะยึดระยะเวลายาวนานมากกว่าของการมีความสม ั พันธ์และมีโอกาสการตัง้ ครรภ์สงู ขึน

Abram in HONORING GOD'S COMMANDMENT then has all the males in his household
CIRCUMCISED, including himself. After the circumcising, GOD HONORS Abram by
RENAMING both he and Sarai. GOD'S new name for Abram, is ABRAHAM, and GOD'S new
name for Sarai, is SARAH.

อับรามให ้เกียรติพระบัญญัตข
ิ องพระเจ ้า จากนัน
้ ชายทัง้ หมดในครัวเรือนได ้เข ้าสุหนัต
ื่ ใหม่ทัง้ เขาและซาราย
รวมถึงตัวเขาเอง หลังจากการเข ้าสุหนัต พระเจ ้าให ้เกียรติอับรามโดยตัง้ ชอ
ชอื่ ใหม่สาหรับอับรามประทานโดยพระเจ ้าคือ “อับราฮัม”
และชอ ื่ ใหม่สาหรับซารายประทานโดยพระเจ ้าคือ “ซาราห์”

NOTE: In regard to NAMES, ALL names that are given to GOD'S CHILDREN, are
GIVEN to them by GOD. Although one may think that a parent or a relative has chosen their
name, it is GOD who has put that NAME in their MINDS to GIVE to that CHILD. GOD also
GIVES A NEW NAME to those who HE CLAIMS for ETERNITY, BECAUSE THEY ARE NOW
WITHIN HIS COVENANT LIKE ABRAHAM! THIS IS MUCH LIKE A FATHER NAMING HIS
FIRSTBORN CHILD. The RENAMING of Abram and Sarai is symbolic of ONE RECEIVING
THEIR NEW ETERNAL NAME by their being RECEIVED BY GOD INTO HIS ETERNAL
COVENANT.

หมายเหตุ: ในความเป็ นมาของการตัง้ ชอ ื่


ชอ ื่ ทัง้ หมดทีถ ่ ก
ู มอบให ้แก่บต ุ รทัง้ หลายของพระเจ ้า โดยถูกมอบให ้แก่พวกเขาจากพระเจ ้า
แม ้ว่าคนๆ คนหนึง่ อาจคิดว่าพ่อแม่หรือญาติได ้เลือกชอ ื่ ให ้แก่พวกเขา
นั่นเป็ นพระเจ ้าผู ้ซงึ่ ได ้วางมอบชอ ื่ ในความคิดของพวกเขา เพือ ่ มอบแก่เด็กคนนัน ้
พระเจ ้ายังให ้ชอ ื่ ใหม่สาหรับบรรดาผู ้ซงึ่ พระองค์ได ้ประกาศมอบสท ิ ธิช
์ วี ต
ิ นิรันดร์ เพราะว่าพวกเขาข
ณะนีอ ้ ยูภ
่ ายใต ้ พันธสญ ั ญาของพระองค์เหมือนอับราฮัม!
นีเ่ ป็ นเหมือนกับพ่อได ้ตัง้ ชอ ื่ ให ้กับบุตรหัวปี
การเปลีย ื่ ของอับรามและซารายเป็ นเครือ
่ นชอ ่ งหมายสญ ั ลักษณ์หนึง่ ในการรับชอ ื่ ชวี ต
ิ นิรันดรใหม่ขอ
งพวกเขา โดยได ้ประทานจากพระเจ ้าเข ้าไปสูพ ่ ันธสญ
ั ญานิรันดรของพระองค์

Revelation 2:17 HE THAT HATH AN EAR, LET HIM HEAR WHAT THE SPIRIT SAITH UNTO
THE CHURCHES; TO HIM THAT OVERCOMETH WILL I GIVE TO EAT OF THE HIDDEN
MAN'-NA, AND WILL GIVE HIM A WHITE STONE, AND IN THE STONE A NEW NAME
WRITTEN, WHICH NO MAN KNOWETH SAVING HE THAT RECEIVETH IT.

วิวรณ์ 2:17 ใครมีหก ู ็ให ้ฟั งข ้อความซงึ่ พระวิญญาณตรัสไว ้แก่คริสตจักรทัง้ หลาย ผู ้ทีม ่ ช ั ชนะ
ี ย
เราจะให ้ผู ้นัน
้ กินมานาทีซ ่ อ่ นอยูแ
่ ละจะให ้หินขาวแก่ผู ้นั น
้ ด ้วยทีห
่ น
ิ นั น ื่ ใหม่จารึกไว ้ซงึ่ ไม่มผ
้ มีชอ ี ู ้ใดรู ้เ
ลยนอกจากผู ้ทีร่ ับเท่านัน ้

40
After their RENAMING, THE LORD then continues on to tell ABRAHAM that his wife
SARAH will soon BEAR HIM a SON, regardless of her age, and the SON shall be named
ISAAC and that SARAH will be a Mother of NATIONS and of KINGS. Once ABRAHAM hears
this he then laughs at THE LORD and says, "how can I being 100 years old and SARAH being
90 years old, have children"? THE LORD then reminds ABRAHAM that there isn't any thing
HE CANNOT DO! THE LORD then tells ABRAHAM that HIS COVENANT will continue on
through his SON ISAAC and not through Ish' -ma-el, However, THE LORD SAYS that Ish'-
ma-el will be blessed and twelve princes will come forth through him, thus indicating that
Ish' -rna-el will be the father of twelve Arab nations.
หลังจากการตัง้ ชอ ื่ ใหม่
จากนัน้ พระเจ ้าตรัสบอกอับราฮัมว่าภรรยาของเขาซาราห์จะตัง้ ครรภ์ให ้บุตรชายของเขาในไม่ชา้ โด
ยไม่คานึงถึงอายุของเธอ และบุตรชายจะชอ ื่ “อิสอัค”
และว่าซาราห์จะเป็ นมารดาของประชาชาติและของกษั ตริย ์ ครัง้ หนึง่ อับราฮัมได ้ยินเชน ่ นีเ้ ขาจึงหัวเร
าะต่อพระเจ ้าและพูดว่า “จะเป็ นไปได ้อย่างไรข ้าพเจ ้าเป็ นคนอายุ 100 ปี และซาราห์เป็ นคนอายุ 90
ปี จะมีบตุ ร” ? พระเจ ้าจึงเตือนอับราฮัมว่าไม่มสี งิ่ ใดๆ พระองค์ไม่สามารถทาได ้ !
พระเจ ้าจึงตรัสบอกอับราฮม ั ต่อไปว่าพันธสญ
ั ญาของพระองค์จะดาเนินต่อไปผ่านบุตรชายของเขาอิ
สอัค และไม่ผา่ นอิช มาเอล แม ้ว่าพระเจ ้าตรัสว่าอิชมาเอลจะได ้รับการอวยพรและเป็ น เจ ้าชาย 12
ท่าน จะมานับนีเ้ ป็ นไปผ่านทางเชอ ื้ สายของเขา นีเ้ ป็ นการชบี้ อกว่า อิชมาเอลจะเป็ นบิดาของ
อาหรับ 12 ชนชาติ

The Story of ISAAC The BLESSING to the FIRSTBORN 3/30

The appearance of The GODHEAD to ABRAHAM


การปรากฏตัวของพระเจ ้าผู ้ทรงเป็ นศรี ษะต่ออับราฮม

In the 18th Chapter of the Book of Genesis, The GODHEAD (TRINITY) appears to
ABRAHAM in the form of THREE MEN: Although ABRAHAM recognizes that there are
THREE MEN, when he addresses them he does so in a SINGULAR form as "LORD" rather
than, Lords. He is told by GOD (THE THREE MEN) of SARAH'S impending birth of ISAAC.
Then SARAH, over hearing the CONVERSATION of ABRAHAM and THE LORD, laughs when
she hears that she is to have a child. For SARAH no longer menstruates, and ABRAHAM,
being one hundred years old is seemingly too old to have sex.
ในบทที่ 18th ของหนังสอ ื ปฐมกาล พระเจ ้าผู ้ทรงเป็ นศรี ษะ (ตรีเอกานุภาพ)
ปรากฏต่อ อับราฮัมในรูปแบบของชาย 3 คน แม ้ว่าอับราฮัมจาได ้ว่ามีชาย 3 คน
่ อับราฮัมกล่าวแก่พวกเขา (ได ้จดบันทึกไว ้ในพระคาภีร)์
เมือ
เขาทัง้ สามสาแดงอยูใ่ นรูปแบบหนึง่ เดียว “พระองค์เจ ้า "LORD" (องค์เดียว ไม่มเี ติม “s” เอส
แสดงความเป็ นมากกว่าหนึง่ เดียว)” แทนทีจ ่ ะเป็ นพระองค์เจ ้าหลายองค์ (Lords) เขา (อับราฮัม)
ถูกตรัสบอกโดยพระเจ ้า (ชาย 3 คน)
ถึงสงิ่ ทีก
่ าลังจะเกิดขึน
้ เกีย
่ วกับการกาเนิดของอิสอัคสาหรับของซาราห์
จากนัน ้ ซาราห์ได ้ยินการสนทนาพิเศษของอับราฮัมและพระเจ ้าเธอได ้หัวเราะ

41
เมือ
่ เธอได ้ยินว่าเธอกาลังจะมีลก ี ระจาเดือนแล ้วและอับราฮัมนัน
ู สาหรับซาราห์ไม่มป ้ มีอายุ 100 ปี
ดูเหมือนว่าแก่เกินไปทีจ่ ะมีเพศสมั พันธ์

Genesis 18:13 And THE LORD said unto ABRAHAM, Wherefore did SARAH laugh, saying,
Shall I of a surety bear a child, which am old?

Genesis 18:14 Is any thing too hard for THE LORD? At the time appointed I will return unto
thee, according to the time of life, and SARAH shall have a son.
ปฐมกาล 18:13 พระเยโฮวาห์ตรัสกับอับราฮัมว่า “ทาไมนางซาราห์หัวเราะพูดว่า
‘ข ้าพเจ ้าจะคลอดบุตรคนหนึง่ ซงึ่ ข ้าพเจ ้าแก่แล ้วจริงๆ หรือ’18:14
มีสงิ่ ใดทีย
่ ากเกินไปสาหรับพระเยโฮวาห์หรือ
เมือ่ ถึงเวลากาหนดเราจะกลับมาหาเจ ้าตามเวลาแห่งชวี ต ิ และซาราห์จะมีบต
ุ รชายคนหนึง่ ”

NOTE: Shortly after their visit by THE LORD, SARAH conceives and bears ABRAHAM a
son, whom GOD instructed to be NAMED ISAAC.
หมายเหตุ: ไม่นานหลังจากพระเจ ้า ได ้เสด็จมาเยีย ่ มพวกเขา
ซาราห์ได ้ตัง้ ครรภ์และให ้กาเนิดบุตรชายแก่ อับราฮัม ผู ้ซงึ่ พระเจ ้าทรงนาให ้ตัง้ ชอ
ื่ ว่า “อิสอัค”

After GOD has told ABRAHAM about the PENDING BIRTH of his son ISAAC, GOD then
tells ABRAHAM of HIS plans to destroy the cities of Sodom and Gomorrah. ABRAHAM
being concerned for his nephew Lot who lives in Sodom, then asks GOD to spare his
Nephew and ABRAHAM does this in a rather round about way. So GOD on behalf of
ABRAHAM sends two ANGELS to the city of Sodom, to remove Lot and his family prior to its
destruction.
หลังจากพระเจ ้าได ้ตรัสบอก อับราฮม ั เกีย
่ วกับ การรอคอยการกาเนิด ของบุตรชาย อิสอัค
ของเขา พระเจ ้า จึงตรัสบอก อับราฮัม ในแผนการของ พระองค์
ถึงการทาลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ อับราฮัม การเป็ นกังวลกับหลานชายของเขา โลท
ผู ้ซงึ่ อาศัยอยูใ่ นโสโดม จึงได ้ทูลขอพระเจ ้าเพือ
่ ละเว ้น ชวี ต
ิ หลานชายของเขาจากการถูกทาลาย
และอับราฮัมทาเชน ่ นีโ้ ดยการต่อรองขอร ้องในทุกๆ ทาง
จากนัน ้ พระเจ ้าในนามของอับราฮัมได ้สง่ ทูตสวรรค์ 2 องค์
ไปยังเมืองโสโดมเพือ ่ นาเอาโลทและครอบครัวของเขาย ้ายออกมาก่อนทีเ่ มืองนัน ้ จะถูกทาลาย

After Lot and his family have left their house in Sodom, the two ANGELS then instruct
Lot and his family to not look back towards the city once its destruction had begun.
However, Lot's wife turns back and looks toward the city after she was told not to and is
immediately crystallized for doing so. The Scripture says that she is turned into a pillar of
salt. Lot and his two daughters then being completely in shock by what they had just
witnessed, seeing the POWER of THE LORD DESTROY both the cities of Sodom and
Gomorrah, move a great distance away from the cities.
หลังจากโลทและครอบครัวของเขาได ้ออกจากบ ้านของพวกเขาในเมืองโสโดม ทูตสวรรค์ 2
องค์ จึงแนะนาโลทและครอบครัวของเขาไม่ให ้มองย ้อนกลับไป

42
ดูการทาลายเมืองเมือ ่ ได ้เริม
่ ขึน
้ แล ้ว แต่อย่างไรก็ตาม
ภรรยาของโลทได ้หันกลับและมองกลับไปยังเมืองโสโดม หลังจากทีเ่ ธอได ้ถูกบอกไม่ให ้ทาเชน ่ นั น

และจากนัน ้ ร่างของเธอได ้ก่อตัวเป็ นผลึกของแข็งในทันที สาหรับการกระทาเชน ่ นั น

ข ้อความในพระคัมภีรบ ์ อกว่าเธอได ้กลายเป็ นเสาเกลือ
โลทและลูกสาวทัง้ สองของเขาก็ตกใจอย่างสุดขีดในสงิ่ ทีพ ่ วกเขาได ้เป็ นพยาน
ถึงการเห็นพลังอานาจการทาลายของพระเจ ้าทัง้ เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
ซงึ่ ได ้ย ้ายทีอ
่ ยูอ
่ อกห่างเป็ นระยะทางไกลจากเมืองนัน ้ อย่างมาก

Lot and his two daughters then decide to move into a cave in the mountains to live,
rather than into one of the neighboring cities. They do this out of fear of what they had just
seen happen to the cities of Sodom and Gomorrah. Then while living in a cave, and fearful
to leave the cave, Lot's two daughters proceed to get Lot drunk and have sex with him, so
they might bear children from their father. They do this because Lot did not have any sons
to carry on the family name. Both daughters then conceive and have sons. The eldest names
her son, Moab, who becomes the father of the Moabite nation. The younger daughter names
her son, Benammi, who becomes the father of the Ammonite nation.

โลทและบุตรสาว 2 คนของเขา ตัดสน ิ ใจย ้ายทีอ่ ยูไ่ ปในถ้าทีภ ่ เู ขาเพือ่ อาศัย


มากกว่าไปอยูใ่ นเมืองหนึง่ ซงึ่ เป็ นเพือ
่ นบ ้านใกล ้เคียง (กับโสโดมและโกโมราห์)
พวกเขาทาเรือ
่ งนีอ้ อกมาจากความกลัวของสงิ่ ทีพ ่ วกเขาเพิง่ เห็นสงิ่ ทีเ่ กิดขึน ้ กับเมืองโสโดมและเมือ

43
งโกโมราห์ จากนัน ้ ในขณะทีอ่ าศัยอยูใ่ นถ้าและมีความกลัวทีจ ่ ะออกจากถ้า บุตรสาว 2 คนของโลท
กระทาการวางแผนให ้โลทเมาและมีเพศสม ั พันธ์กบ ั เขา
เพือ
่ พวกเธออาจตัง้ ครรภ์จากบิดาของพวกเธอ พวกเธอทาเรือ ่ งนีเ้ พราะโลทไม่มบ
ี ต ่ สื
ุ รชายเลยเพือ
บสกุลในชอ ื่ ของครอบครัว บุตรสาวทัง้ 2 คนจึงตัง้ ครรภ์และมีบต ุ รชาย บุตรชายของบุตรสาวหัวปี ชอ ื่
“โมอับ” ผู ้ซงึ่ กลายเป็ นบรรพบุรษ ุ ของชนชาติ Benammi โมอับไบท์
บุตรชายของบุตรสาวคนเล็กชอ ื่ “เบน-อัมมี” ผู ้ซงึ่ กลายเป็ นบรรพบุรษ ุ ของชนชาติ Ammonite
อัมโมไนท์

NOTE: Even though this act by Lot and his two daughters is seemingly a dreadful act,
GOD, through this incestuous relationship by Lot and his two daughters, brings forth the
Moabite woman whose NAME is RUTH several generations later. RUTH will eventually
marry a man by the name of BOAZ and carry FORWARD the BLESSED SEED of JESUS
CHRIST. RUTH becomes KING DAVID'S GREAT GRANDMOTHER, and in the direct LINEAGE
of JESUS CHRIST. It may also be noted that ABRAHAM'S request to GOD to spare his
nephew Lot was a REQUEST that was made in THE WILL of GOD, for GOD HAD PLANS
FOR LOT and GOD LEAVES NOTHING TO CHANCE!

หมายเหตุ : แม ้ว่าการกระทาเชน ่ นีโ้ ดยโลทและบุตรสาว 2 คนของเขา


อย่างดูราวกับว่าการกระทาทีไ่ ม่ถก
ู ต ้องนั ก ผ่านทางความสม ั พันธ์ทางเชอ
ื้ สายทีใ่ กล ้ชด ิ นี้
พระเจ ้าโดยโลทและบุตรสาว 2 คนของเขา เป็ นต ้นกาเนิดชนชาติ หญิงโมอับไบท์ผู ้ซงึ่ ชอ ื่ ว่า
“RUTH รูธ” หลายชวั่ อายุคนต่อมา รูธในทีส ่ ด
ุ แต่งงานกับชายคนหนึง่ โดยชอ ื่ “BOAZ โบอาส”
และสบื ต่อเชอื้ สายต่อไปในเมล็ดพันธุแ ์ ห่งการอวยพรของพระเยซูคริสต์ รูธกลายเป็ นย่าทีย ่ งิ่ ใหญ่ข
องกษั ตริยด
์ าวิด และในเชอื้ สายโดยตรงของพระเยซูคริสต์ สงั เกตได ้ว่า
คาขอร ้องของอับราฮัมต่อพระเจ ้าเผือ ่ หลานชายของเขาโลทเป็ นคาขอทีถ ่ กู กระทาขึน้ ในพระประสง
ค์ของพระเจ ้า สาหรับพระเจ ้ามีแผนการสาหรับโลทและพระเจ ้าไม่ได ้ให ้เรือ ่ งราวเกิดขึน้ โดยบังเอิญ
!

Ha-gar and Isb-ma-el's dismissal from ABRAHAM'S Household


การให ้ฮาการ์และอิชมาเอลไปจากครอบครัวของอับราฮัม

With SARAH now having her own SON, ISAAC, there is yet another conflict that arises
between her and Ha' -gar (the Egyptian Concubine). Both she and Ha'-gar argue over which
of ABRAHAM'S sons is entitled to be heir to ABRAHAM'S heritage? Should it be the SON
ISAAC, or the son Ish' -ma-el? SARAH then demands that both Ha' -gar and Ish' -ma-el be
made to leave their Camp (Household). With ABRAHAM being concerned about his son
Ish'-ma el's welfare he confronts GOD about his wife SARAH'S demand.
กับซาราห์บัดนี้ เธอได ้มีบต
ุ รชาย เป็ นของตัวเธอเอง อิสอัค
แต่ยังคงมีความขัดแย ้งทีเ่ กิดขึน้ อีกระหว่างซาราห์และฮาการ์ (ภรรยาน ้อยชาวอียป ิ ต์)
ทัง้ ซาราห์และฮาการ์ทะเลาะกันเรือ ่ งสงิ่ ซงึ่ ของบุตรชายของอับราฮัม เรือ ิ ธิทจ
่ งสท ี่ ะเป็ นทายาท
มรดกของอับราฮัม? ควรจะเป็ นของบุตรชายอิสอัค หรือบุตรชายอิชมาเอล? ซาราห์จงึ ต ้องการให ้

44
ทัง้ ฮาการ์และอิชมาเอล ออกจากค่ายของพวกเขา(ครัวเรือน)
อับราฮัมเป็ นกังวลเกีย่ วกับสวัสดิภาพอิชมาเอลบุตรชายของเขา
เขาได ้เผชญ ิ หน ้าอธิษฐานปรึกษากับพระเจ ้าเกีย
่ วกับความต ้องการของซาราห์ภรรยาของเขา

In response to ABRAHAM'S PRAYER, GOD CONFIRMS that SARAH'S request should


be honored and Ha' -gar and Ish' -ma-el be made to leave his camp. But GOD also assures
ABRAHAM that through his BLESSING, HE will also BLESS Ish' -ma-el, and make Ish' -ma-el
a father of a great nation. After ABRAHAM had received this direction from THE LORD, he
rises up early the next morning and gives Ha' -gar some bread and a bottle of water and
sends both her and Ish' -ma-el out of the camp.
ในคาตอบสาหรับการอธิษฐานของอับราฮัม พระเจ ้ายืนยันว่าการร ้องขอของซาราห์ควรจะรับเ
พือ
่ เป็ นการถวายเกียรติแด่พระองค์
และฮาการ์และอิชมาเอลควรให ้ออกจากค่ายของเขา แต่พระเจ ้ายังให ้ความเชอ ื่ มั่นต่ออับราฮัมว่าผ่า
นการอวยพรของพระองค์
พระองค์จะยังอวยพรอิชมาเอลและทาให ้อิชมาเอลเป็ นบิดาของชนชาติทย ี่ งิ่ ใหญ่ หลังจากอับราฮัม
ได ้รับการบัญชานีจ ้ ากพระเจ ้า
เขาลุกขึน ้ ดในวันรุง่ ขึน
้ แต่เชามื ้ และจัดเตรียมขนมปั งและขวดน้ าบรรจุให ้แก่ฮาการ์ และสง่ ทัง้ สอง
เธอและอิชมาเอลออกจากค่าย

After wandering in the wilderness of Be' -er -she' -ba for several days, and the water
they had been given depleted, Ha'-gar places her son Ish'-ma-el in the shade of the shrubs
for both she and him are dehydrated. She then removes her self some distance away from
Ish' -rna-el, not wanting to see her child die of thirst. Ha' -gar then lifting up her voice to
GOD in grief over their not having any water to drink, and seeing her son dying of thirst,
hears the voice of an ANGEL from HEAVEN. The ANGEL speaking for GOD, CONFIRMS to
Ha'-gar that GOD will make a great nation come forth through Ish' -ma-el. He also shows
Ha'-gar a nearby well of water that she and Ish'-ma-el may drink from.
หลังจากการพเนจรไปในถิน ่ ธุรกันดารแห่งเบเออร์เชบาเป็ นเวลาหลายวัน
และน้ าทีพ่ วกเขามีได ้หมดลง ฮาการ์วางบุตรชายของเธออิชมาเอลในเงาของต ้นไม ้พุม ่
ทัง้ เธอและเขาบุตรชายหมดแรงเนือ ่ งจากการสูญเสย ี น้ า
เธอจึงเว ้นระยะตัวเองห่างออกไปจากอิชมาเอล เพือ ่ ไม่ต ้องการเห็นลูกของเธอตายด ้วยความกระหา
ยน้ า ฮาการ์จงึ ทูลร ้องขอต่อพระเจ ้าในความเศร ้าโศกจากการไม่มน ี ้ าดืม
่ ของพวกเขา
และจากการเห็นบุตรชายของเธอใกล ้ตายในความกระหายน้ า
เธอได ้ยินเสยี งของทูตสวรรค์จากสวรรค์ ทูตสวรรค์ ยืนยันคาพูดสาหรับพระเจ ้า ยืนยันต่อฮาการ์วา่
พระเจ ้าจะทาให ้บุตรของเจ ้าเป็ นประชาชาติอันยิง่ ใหญ่ตอ ่ ไปในข ้างหน ้า ผ่านเชอื้ สายของอิชมาเอล
ทูตสวรรค์ ยังได ้ชแี้ นะนางฮาการ์ ถึงบ่อน้ านัน
้ ทีอ
่ ยูบ
่ ริเวณใกล ้เคียง
เธอและอิชมาเอลสามารถดืม ่ จากทีน่ ัน

GOD looking after Ish' -ma-el and Ha' -gar as HE had PROMISED ABRAHAM HE would
do, GOD makes Ish' -ma-el into an excellent archer and a good hunter for food. Both Ha' -
gar and Ish' -ma-el then live in the wilderness of Pa'-ran for many years near to the well
45
where the ANGEL had spoken to Ha'-gar. Ha'-gar then returns to Egypt to bring back from
Egypt a wife for her son, Ish' -ma-el.

พระเจ ้าได ้ดูแลอิชมาเอลและฮาการ์อย่างทีพ ั ญาอับราฮัม


่ ระองค์ได ้สญ
พระองค์จะกระทาสงิ่ นัน ้
พระเจ ้าสร ้างอิชมาเอลเป็ นนั กแม่นธนูทย ี่ อดเยีย
่ มและเป็ นคนล่าสต ั ว์ทด
ี่ เี พือ
่ การเป็ นอาหาร
ทัง้ ฮาการ์และอิชมาเอลจึงอาศัยอยูใ่ นทีร่ กร ้างว่างเปล่าของปาราน
เป็ นเวลานานหลายปี ใกล ้กับบ่อน้ าทีซ ่ งึ่ ทูต สวรรค์ได ้พูดบอกแก่ฮาการ์
ฮาการ์จงึ กลับไปยังอียป ิ ต์เพือ
่ นาภรรยาจากอียป ิ ต์กลับมาสาหรับบุตรชายของเธออิชมาเอล

NOTE: All the offspring of Ish'-ma-el that make up the TWELVE ARAB NATIONS, are three-
quarters Egyptian and one-quarter HEBREW. ABRAHAM offers ISAAC as a SACRIFICE to
GOD
หมายเหตุ: ทัง้ หมดของผู ้สบ ื เชอ
ื้ สายของอิชมาเอลทีท ่ าขึน้ ใน 12 ชนชาติอาหรับ 3 ใน 4
เป็ นชาวอียป ิ ต์และ 1 ใน 4 เป็ นชาวฮบ ี รู
อับราฮัมยอมมอบถวายอิสอัคเป็ นเหมือนเครือ ่ งถวายบูชาต่อพระเจ ้า

Genesis 22:1 And it came to pass after these things, that GOD did TEMPT ABRAHAM, and
said unto him, ABRAHAM: and he said, BEHOLD, here I am.

Genesis 22:2 And HE said, Take now thy son, thine only son ISAAC, whom thou LOVEST,
and get thee into the land of Mo-ri': ah; and offer him there for a burnt offering upon one of
the moun tains which I will tell thee of

ปฐมกาล 22:1 และต่อมาภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้พระเจ ้าทรงลองใจอับราฮม ั และตรัสกับท่านว่า


“อับราฮัม” ท่านทูลว่า “ดูเถิด ข ้าพระองค์อยูท่ น
ี่ พ
ี้ ระเจ ้าข ้า” 22:2 พระองค์ตรัสว่า
“จงพาบุตรชายของเจ ้าคืออิสอัค บุตรชายคนเดียวของเจ ้าผู ้ทีเ่ จ ้ารักไปยังแผ่นดินโมริยาห์
และถวายเขาทีน ่ งเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึง่ ซงึ่ เราจะบอกแต่ทา่ น
่ ั่นเป็ นเครือ

46
NOTE : GOD tells ABRAHAM to go and sacrifice his son ISAAC as a BURNT OFFERING to see
if ABRAHAM will do for GOD what GOD KNOWS HE MUST DO FOR MAN. However, GOD by
the way of the ANGEL does not allow ABRAHAM to SACRIFICE his SON ISAAC, but rather
provides ABRAHAM a scapegoat for the BURNT OFFERING. Therefor, by ABRAHAM
showing his willingness to give his son's life for GOD proves his WORTHINESS to RECEIVE
GOD'S GRACE, THE LIFE of JESUS CHRIST, WHICH WILL BE GIVEN on the CROSS for MAN.
หมายเหตุ: พระเจ ้าตรัสบอกอับราฮัมเพือ ่ เดินทางไปและถวายเครือ ่ งบูชาบุตรชายของเขาอิสอัค
เพือ ่ เผาเป็ นเครือ่ งถวายบูชาแด่พระเจ ้า เพือ ู น์ใจของ อับราฮัม
่ เป็ นการพิสจ
ว่าจะเชอ ื่ ฟั งทาตามทีพ ่ ระเจ ้าสงั่ ไหม เพราะพระเจ ้าทราบว่าในอนาคต
พระองค์ต ้องทาอะไรสาหรับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม พระเจ ้าโดยผ่านทางทูตสวรรค์ไม่ยอมให ้อับราฮัม
นัน
้ จะถวายบุตรชายของเขา อิสอัค เป็ นเครือ ่ งบูชา แต่ได ้จัดเตรียมแกะไว ้ให ้อับบราฮัมเพือ

(การเล็งเห็นถึงไถ่บาป) เป็ นการเผาถวายบูชาแด่พระเจ ้า
นัน้ เพือ่ อับราฮัมจะแสดงให ้เห็นถึงความเต็มใจของเขาเพือ ่ ถวายชวี ต ิ บุตรชายของเขา
สาหรับพระเจ ้าพิสจ ู น์
พระองค์ในความเหมาะสมควรคูส ่ มกับการได ้รับพระคุณแห่งความโปรดปรานของพระเจ ้า
ชวี ต ิ ของพระเยซูคริสต์เป็ นสงิ่ ทีจ ่ ะมอบให ้บนไม ้กางเขนสาหรับ (ความรอดของ) มนุษย์

6.3 The Story of ISAAC

6.3 เรือ
่ งราวของอิสอัค

47
With ABRAHAM in his old age and his son ISAAC now forty years old and not yet
married, ABRAHAM decides to send off his most TRUSTED Servant to fmd a wife for his
son ISAAC. The Servant is directed by ABRAHAM to go into the land of Mesopotamia where
ABRAHAM'S relatives live to find a wife for ISAAC. Mi1cah, who is ABRAHAM'S sister in law
lives in this area of Mesopotamia and has a granddaughter by the NAME of REBEKAH. It is
un known to the Servant when he arrives at the well near to the city of Na' -hor who will be
the chosen one for his Master's son ISAAC.
่ งด ้วยอับราฮัมในวัยสูงอายุของเขาและบุตรชายของเขาอิสอัคขณะนีอ
เนือ ้ ายุ 40 ปี
และยังไม่แต่งงาน อับราฮัมตัดสน ิ ใจสง่ คนรับใช ้ ทีไ่ ว ้วางใจทีส
่ ด
ุ ของเขาออกไป
เพือ ่ ค ้นหาภรรยาสาหรับบุตรชายของเขาอิสอัค
คนรับใชถู้ กชน ี้ าโดยอับราฮัมเพือ ่ เข ้าไปในดินแดนของ เมโสโปเตเมีย
่ งึ่ ญาติของอับราฮัมอาศัยอยูเ่ พือ
ทีซ ่ ค ้นหาภรรยาคนหนึง่ สาหรับอิสอัค มิลคาห์ผู ้ซงึ่ เป็ นน ้องสะใภ ้ขอ
ง อับราฮัมอาศัยอยูใ่ นพืน ้ ทีข่ องเมโสโปเตเมียนี้ และมีหลานสาวชอ ื่ “เรเบคาห์”
ไม่เป็ นทีไ่ ม่รู ้จักต่อคนรับใช ้ เมือ ่ เขาไปถึงทีบ ่ อ
่ น้ าใกล ้กับเมืองของ Na' -hor นาโฮร์
ซงึ่ เป็ นสถานทีท ่ เี่ จ ้านายได ้เลือกได ้แก่บต ุ รชายอิสอัค

So the Servant prays to GOD for some sort of sign so he might know which of the
daughters drawing water from the well should be chosen for ISAAC. The Servant then
makes the following request to GOD for assistance so he may identify the one for ISAAC:
้ คนรับใชจึ้ งเริม
ดังนัน ่ อธิษฐานต่อพระเจ ้าสาหรับหมายสาคัญทีเ่ ขาจะรู ้ถึงว่าคนไหนคือบุตรสาว
ทีเ่ ข ้ามาตักน้ าจากบ่อน้ า นั น้ คือคนทีค
่ วรจะเลือกสาหรับอิสอัค
คนรับใชจึ้ งทาตามคาร ้องขอทูลต่อพระเจ ้า สาหรับความชว่ ยเหลือจากนัน ้ เขาอาจจะหาสญ ั ลักษณ์
คนหนึง่ ทีจ ่ ะเลือกสาหรับอิสอัค:

Genesis 24:14 And let it come to pass, that the damsel to whom I shall say, let down thy
pitcher, I pray thee, that I may drink; and she shall say, Drink, and I will give thy camels
drink also: let the same be she that thou hast appointed for thy servant ISAAC; and thereby
shall I know that thou hast shewed kindness unto my Master.

ปฐมกาล 24:14 ขอให ้หญิงสาวคนทีข ่ ้าพระองค์จะพูดกับนางว่า


‘โปรดลดเหยือกของนางลงให ้ข ้าพเจ ้าดืม่ น้ า’ ให ้คนนัน
้ เป็ นคนทีพ
่ ระองค์ทรงกาหนดสาหรับอิสอัค

ผู ้รับใชของพระองค์
อย่างนีข
้ ้าพระองค์จะทราบได ้ว่าพระองค์ทรงสาแดงความเมตตาแก่นายของข ้า
พระองค์

Just as the Servant finishes his SUPPLICATION to THE LORD, REBEKAH, Mil' -cah's
granddaughter shows up at the well, and the Servant sees that she is beautiful. The Servant
then asks REBEKAH for a drink of water and REBEKAH'S reply is, WORD for WORD what
the Servant had requested from THE LORD it should be. The Servant then KNEW that it is
REBEKAH who THE LORD had chosen for ISAAC.

48
หลังจากทีค ่ นรับใชอธิ ้ ษฐานต่อพระเจ ้าเสร็จเรียบร ้อย เรเบคาห์ หลานสาวของมีคาห์
ก็ได ้ปรากฎตัวขึน ้ ทีบ
่ อ ้ นว่าเธอเป็ นผู ้หญิงทีส
่ น้ า คนรับใชเห็ ่ วยงาม
คนรับใชขอน้ ้ าดืม ่ จากเรเบคาห์และ เรเบคาห์ก็ได ้พูดเหมือนทีเ่ ขาอธิษฐานไว ้กับพระเจ ้า
้ คนรับใชจึ้ งทราบว่าเรเบคาห์คอ
ดังนัน ื คนทีพ
่ ระเจ ้าทรงเลือกสาหรับอิสอัค

Then the Servant that was sent by ABRAHAM to find ISAAC a wife re quests from
REBEKAH'S family that SHE be allowed to return with him to the land of Canaan and be
given to ABRAHAM'S son ISAAC in MARRIAGE. After being given the family's permission,
and her brother Laban's permission as well to marry ISAAC, REBEKAH returns with the
Servant to ABRAHAM'S residence in the land of Canaan.

้ ถ
แล ้วคนรับใชที ู สง่ มาโดยอับราฮัมเพือ
่ ก ่ หาภรรยาให ้อิสอัคได ้อ ้อนวอนต่อครอบครัวของเรเบคาห์ข
ออนุญาตนาตัวเธอกลับคานาอันพร ้อมเขา เพือ ่ ะให ้แต่งงานกับอิสอัคลูกชายของอับราฮัม
่ ทีจ
หลังจากทีข่ ออนุญาตแล ้วพีช ่ ายของเธอ ลาบันก็อนุญาตให ้แต่งงานกับอิสอัคเชน ่ กัน

เรเบคาห์ก็ได ้เดินทางกลับไปพร ้อมกับคนรับใชไปยั งคานาอันซงึ่ เป็ นสถานทีอ
่ าศัยของอับราฮม

ISAAC, while being still grieved by his Mother SARAH'S death decides to go out into
the field to meditate and to mourn over her loss. While in the field, ISAAC sees his father's
Servant returning with REBEKAH having REBEKAH'S handmaidens also with them. When
ISAAC sees REBEKAH and how beautiful she is, he immediately falls in LOVE with her and
they MARRY.

ในขณะทีอ ่ ส ี ใจในการตายของซาราห์ผู ้เป็ นมารดา


ิ อัค ยังคงเสย
เขาก็ได ้ตัดสนิ ใจทีจ่ ะออกไปข ้างนอกเข ้าไปในทุง่ กว ้างเพือ
่ ทาสมาธิและเพือ ี เ
่ ไว ้ทุกข์ในการสูญเสย
ธอ อิสอัคเห็นคนรับใชของบิ้ ดาของเขากลับมาพร ้อมกับเรเบคาห์
พร ้อมกับหญิงสาวใชผู้ ้ติดตามของเรเบคาห์
เมือ
่ อิสอัคเห็นเรเบคาห์และด ้วยความสวยงามอย่างทีเ่ ธอเป็ น
เขาตกหลุมรักทันทีและพวกเขาก็แต่งงานกัน

After twenty years of marriage, REBEKAH finally conceives and bears TWIN sons.
Prior to their birth THE LORD tells REBEKAH, while she is yet pregnant, that she will bear
TWINS and that the TWINS will be of two different types of people. (Meaning of two
different types of SEED. One being BLESSED, and the other one being DAMNED.)

หลังจาก 20 ปี ของการแต่งงานกับเรเบคาห์
ในทีส่ ด
ุ เรเบคาห์ก็ตงั ้ ครรภ์และให ้กาเนิดบุตรชายฝาแฝด
ก่อนทีพ ่ วกเขาจะเกิดพระเจ ้าตรัสบอกเรเบคาห์ ในขณะทีเ่ ธอยังไม่ตงั ้ ครรภ์
ว่าเธอจะให ้กาเนิดฝาแฝด และฝาแฝดจะเป็ น 2 รูปแบบทีแ ่ ตกต่างกันของผู ้คน (ความหมายของ 2

49
รูปแบบแตกต่างกันของเมล็ดพันธุ์ คือคนหนึง่ เป็ นการอวยพร และอีกคนหนึง่ เป็ นการแชง่ สาป)

NOTE : This is depicted in the Scriptures by the distinct differences in both Esau and
Jacob's appearances. Esau was said to be red and hairy and once he had come out of the
WOMB it was observed that his brother JACOB had a hold on his heel, thus indicating a
struggle that had taken place within the WOMB to be the FIRST OUT, THE FIRSTBORN,
HAVING THE BIRTHRIGHT!

หมายเหตุ:
นีค่ อ
ื ภาพจากข ้อความในพระคัมภีรท ์ แ
ี่ สดงถึงความแตกต่างกันชด ั เจนในทัง้ เอซาวและยาโคบ
เอซาวนั น ี วิ เป็ นสแ
้ ได ้บอกว่าสผ ี ดงและขนดาและเมือ ่ เขาได ้คลอดออกมาจากมดลูก
สงั เกตได ้ว่าน ้องชายของเขายาโคบ

ได ้จับสนเท ้าของเขา สงิ่ นีช ้ ใี้ ห ้เห็นถึงการต่อสูที
้ ไ่ ด ้เกิดขึน
้ ภายในครรภ์(มดลูก)เพือ ่ แสดงการคลอด
ออกมาคนแรก บุตรหัวปี การเกิดออกมาคนแรก การมีสท ิ ธิบตุ รหัวปี !

Genesis 25:23 And THE LORD said unto her, Two NATIONS are in thy womb, and two
manner of people shall be separated from thy bowels; and the one PEOPLE shall be
stronger than the other People; and the elder shall serve the younger.

ปฐมกาล 25:23 พระเยโฮวาห์ตรัสกับนางว่า


“ชนสองชาติอยูใ่ นครรภ์ของเจ ้าและประชาชนสองพวกทีเ่ กิดจากบัน
้ เอวของเจ ้าจะต ้องแยกกัน
พวกหนึง่ จะมีกาลังมากกว่าอีกพวกหนึง่ พีจ
่ ะปรนนิบัตน
ิ ้อง”

50
The first of the twins was named Esau and the second to break the matrix was named
Jacob, who came out clinging to his brother Esau's heel. Esau, being very hairy and reddish
in color (similar to Cain the twin brother to ABEL), grows into a cunning hunter of game
and a man who enjoys living in the wilderness, much like his ancestor Nimrod. On the other
hand, Jacob, being the more domesticated of the two prefers to be somewhat of a tent
dweller and not an outdoors type .. ISAAC showed favoritism towards his son Esau because
he was the

คนแรกของฝาแฝดชอ ื่ ว่า “เอซาว” และคนทีส ่ องทีต่ ามมาชอื่ ว่า “ยาโคบ”


ผู ้ซงึ่ ออกมาด ้วยการยึดสนเท
้ ้าของเอซาวพีช่ ายของเขาไว ้แน่น
เอซาวเป็ นคนขนดกมากและค่อนข ้างสแ ี ดงในสผ ี วิ (คล ้ายคลึงกับคาอินฝาแฝดคนพีข ่ องอาเบล)
เติบโตในการชานาญล่าสัตว์และมีความสุขกับการอยูใ่ นบริเวณรกร ้างว่างเปล่าของป่ า
เหมือนกับบรรพบุรษ ุ ของเขา
“นิมโรด” และอีกคนหนึง่ ยาโคบ ชอบมีชวี ต ิ อยูใ่ นบ ้านมากกว่าพักอาศัยกระโจมและไม่ชอบออกนอ
กบ ้าน อิสอัคแสดงความลาเอียงไปยังเอซาวบุตรชายของเขาเพราะว่าเขาเป็ น

FIRSTBORN, and also because Esau brought home venison from the field
after hunting, and ISAAC loved venison. But REBEKAH'S favorite of the two was Jacob, who
stayed very close to her around their home. One day when Jacob was making a stew his
brother Esau came in from the field and being very hungry asked Jacob for some of the
stew to eat. Being made unusually hungry by THE LORD, Esau says that he would do
anything for some of Jacob's stew.

บุตรหัวปี และยังเพราะว่าเอซาวได ้นาเนือ ้ กวางกลับบ ้านจากทุง่ กว ้างหลังจากล่าสต ั ว์


และอิสอัคชน ื่ ชอบรับประทานเนือ ้ กวาง แต่คนโปรดของเรเบคาห์คอ ื
ยาโคบ ผู ้ซงึ่ อยูใ่ นบ ้านใกล ้ชด
ิ กับเธอ วันหนึง่ เมือ
่ ยาโคบกาลังทาสตูว ์ (ตุน๋ อาหาร)
พีช
่ ายของเขาเอซาวกลับมาถึงจากทุง่ กว ้างและรู ้สก ึ หิวมากจึงขอสตูรจ
์ ากยาโคบมากิน
เป็ นการทาให ้หิวผิดปกติจากพระเจ ้า เอซาวพูดว่าเขาควรจะทาอะไรก็ได ้สาหรับเพือ ่ ทีจ
่ ะได ้กินสตูว ์
ของยาโคบ

Jacob then requested that Esau in turn for a bowl of the stew give Jacob his
BIRTHRIGHT. Then Esau who is the eldest and had the BIRTHRIGHT agrees to give it to
Jacob in return for a bowl of the stew.

ยาโคบจึงบอกกับเอซาวว่า เพือ ่ แลกกับสตูรจ์ านนี้ ขอสท ิ ธิบต ุ รหัวปี ของเอซาว


แล ้วเอซาวผู ้ซงึ่ เป็ นบุตรหัวปี ได ้ตกลงยินดีมอบสทิ ธิบตุ รหัวปี นใี้ ห ้แก่ยาโคบเพือ ่ แลกกับสตูรจ
์ านนี้

NOTE: GOD had already determined that Esau would GIVE UP his BIRTHRIGHT. For GOD
had always intended that the BLESSED SEED should receive the BIRTHRIGHT and not the
DAMNED SEED as it was with Cain. Many of the Church's Clergymen teach that it was a
mistake on the part of Esau to give up his BIRTHRIGHT for a bowl of stew. However, what

51
they do not UNDERSTAND is that the decision to do so was OUT OF THE HANDS OF ESAU,
because GOD had predetermined it! Therefor, whether the BIRTHRIGHT had been GIVEN
UP for a parcel of land rather than for a bowl of the stew, or for the hand of a woman,
regardless of the CIRCUMSTANCES, THE BIRTHRIGHT WOULD HAVE STILL BEEN GIVEN
UP.

หมายเหตุ:
พระเจ ้าได ้ตัดสน ิ พระทัยเรียบร ้อยแล ้วว่าเอซาวจะละทิง้ สท ิ ธิบต
ุ รหัวปี เพราะว่าพระเจ ้าทรงมีเจตนาว่
าเชอ ื้ สายของ เมล็ดพันธุแ ์ ห่งการอวยพรจะได ้รับสท ิ ธิบตุ รหัวปี
และในเมล็ดพันธุแ ์ ห่งการแชง่ สาปอย่างทีเ่ ป็ นกับคาอิน
สว่ นใหญ่คริสตจักรสอนว่าเป็ นความผิดบนในสว่ นของเอซาวทีล ่ ะทิง้ สทิ ธิบต
ุ รหัวปี ของเขา
เพือ ่ แลกกับสตูวห ์ นึง่ ชาม แต่วา่ สงิ่ ทีเ่ กิดขึน
้ นีพ้ วกเขาไม่เข ้าใจว่าเป็ นการตัดสน ิ ใจทีม่ าจากพระเจ ้า
ทีจ ่ ะทาเชน ่ นัน

ไม่ใชส ่ งิ่ ทีอ
่ ยูใ่ นกามือของเอซาว เพราะว่าพระเจ ้าได ้กาหนดไว ้ล่วงหน ้าแล ้ว! ด ้วยเหตุนี้
สท ิ ธิบต ุ รหัวปี ได ้ถูกละทิง้ โดยเห็นแก่สตูวห ์ นึง่ ชามนั น้ มีคา่ มากกว่า
หรือจากการยืน ่ มือของผู ้หญิงคนหนึง่ โดยไม่คานึงถึงสถานการณ์สท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ยังคงต ้องถูกละทิง้

Due to a famine in the land where ISAAC was living, THE LORD sends ISAAC and
REBEKAH off to a place by the name of Ge' -rar that was under the control of a Philistine
King. While ISAAC was dwelling at Ge ' -rar, he has a similar experience to what his father
ABRAHAM had with the Pharaoh when he was in Egypt. ISAAC feared that either the
Philistine King or one of the other men of the area would take his wife REBEKAH from him.
REBEKAH was a beautiful woman and ISAAC thought that someone desiring her might kill
him for her. So ISAAC spread the word around the area that REBEKAH was his sister rather
than him saying, she was his wife.

ชว่ งเวลาของการกันดารอาหาร ในดินแดนทีซ ่ งึ่ อิสอัคอาศัยอยู่


พระเจ ้าจึงสง่ อิสอัคและเรเบคาห์ออกไปยังสถานที่ ทีช ่ อื่ ว่า ”เก-ราร์”
ทีอ่ ยูภ
่ ายใต ้การควบคุมของกษั ตริยฟ ์ ี ลส ิ เตีย ในขณะทีอ ่ ส ิ อัคได ้อาศัยอยูท
่ ี่ เก-
ราร์ เขามีประสบการณ์ในลักษณะเดียวกันกับทีบ ิ าของเขาอับราฮัมมีกับฟาโรห์ในอียป
่ ด ิ ต์ อิสอัคกลั
วว่ากษั ตริยฟ ์ ี ลส
ิ เดียหรือคนอืน
่ ๆ ของพืน ้ ทีจ
่ ะเอาภรรยาเรเบคาห์ไปจากเขา
เรเบคาห์เป็ นหญิงรูปงาม และอิสอัคคิดว่าใครบางคนปรารถนาเธออาจจะฆ่าเขาเพือ ่ ทีจ
่ ะได ้เธอ
ดังนัน้ อิสอัคกระจายคาพูดไปรอบๆ พืน ้ ที่
ว่าเรเบคาห์เป็ นน ้องสาวของเขาแทนทีจ ่ ะพูดว่าเธอเป็ นภรรยาของเขา

NOTE: This EVENT in Ge' -rar spoken about in Chapter 26 actually occurs long before
the birth of Esau and Jacob, even though it appears sequentially in the Scriptures after
their birth. The famine that occurred in the Land of Canaan took place about ten years after
ISAAC and REBEKAH'S MARRIAGE. This "out of sequence writing" is quite common in the
Scriptures, because the Scrip tures speak to the EVENT rather than to a TIMELINE!

52
หมายเหตุ: เหตุการณ์นใี้ นเก-ราร์ ทีพ
่ ด
ู ถึงในบทที่ 26 จริงๆ
แล ้วเกิดขึน
้ มาก่อนทีจ
่ ะมีการเกิดของเอซาวและยาโคบ
แม ้ว่าจะปรากฏอย่างติดต่อกันในข ้อความในพระคัมภีรห ์ ลังจากการเกิดของพวกเขา
ความอดอยากทีเ่ กิดขึน ้ ในดินแดนของคานาอันเกิดขึน ้ 10 ปี หลังจากอิสอัคและการแต่ง
งานของเรเบคาห์ นี่
“ออกนอกขอบเขตของการเขียนต่อเนื่องกัน” เป็ นข ้อความในพระคัมภีรค ์ อ่ นข ้างเป็ นเรือ
่ งธรรมดา
เพราะว่าข ้อความในพระคัมภีรเ์ ป็ นการพูดถึงเหตุการณ์มากกว่าทีจ ่ ะเป็ นชว่ งระยะของเวลา!

One day when Abimelech, the King of the Philistines sees ISAAC and REBEKAH
together making romantic advances towards one another, he then realizes that REBEKAH
is ISAAC'S wife and not his sister as ISAAC had said. The King, knowing that the GOD of
ABRAHAM was also with ISAAC as HE was with ISAAC'S father ABRAHAM, then becomes
concerned for if he or

วันหนึง่ เมือ ่ อาบีเมเลค กษั ตริยข ์ องฟี ลส


ิ เตียเห็นอิสอัคและเรเบคาห์อยูด ่ ้วยกัน
การแสดงความรักซงึ่ กันและกันอย่างโรแมนติก
เขาจึงตระหนักว่าเรเบคาห์เป็ นภรรยาของอิสอัคและไม่ใชน ่ ้องสาวของเขาอย่างทีอ ่ ส
ิ อัคได ้พูดไว ้
กษั ตริยร์ ู ้ว่าพระเจ ้าของอับราฮัมเป็ นของอิสอัคด ้วย
อย่างทีพ่ ระองค์เป็ นกับอับราฮัมบิดาของอิสอัค จากนั น ้ ก็กลายเป็ นทีเ่ กีย
่ วข ้องสาหรับถ ้าเขาหรือ

one of the men in the area had taken REBEKAH for their own they would then be
CURSED by GOD for doing so. So the King pronounces a decree; if any man were to touch
either ISAAC or his wife REBEKAH, they would be put to death! The King further demands
that ISAAC and REBEKAH leave the area.

คนๆ คนหนึง่ ของผู ้ชายในพืน้ ทีไ่ ด ้นาเอาเรเบคาห์มาเป็ นของพวกเขาเอง


แล ้วพวกเขาจะได ้รับการแชง่ สาปโดยพระเจ ้า สาหรับการกระทาเชน ่ นัน

ดังนัน ์ ระกาศคาสงั่ บัญชา : ถ ้าผู ้ชายคนใดจะแตะต ้องสม
้ กษั ตริยป ั ผัสคนหนึง่ คนใดไม่วา่ จะเป็ น
อิสอัคหรือเรเบคาห์ภรรยาของเขา พวกเขาจะถูกประหารชวี ต ิ !
กษั ตริยข
์ อร ้องต่อไปว่าอิสอัคและเรเบคาห์ ออกจากพืน ้ ที่

ISAAC then settles in a place just outside of the city of Ge' -rar where the King lived for
the next several years. As ISAAC continues to prosper by GOD'S BLESSING, he becomes
quite wealthy with large herds of cattle and sheep and renown by all the people as a MAN
of GOD.

จากนัน้ อิสอัคได ้จัดตัง้ ถิน


่ ฐานในสถานทีอ ่ ยูข
่ ้างนอกของเมือง Ge' -rar เกราร์
ทีซ่ งึ่ เป็ นทีอ
่ าศัยของกษั ตริยอ ์ ก
ี หลายปี ถัดไป
เทียบได ้เท่ากับว่าอิสอัคยังคงเจริญก ้าวหน ้าในการอวยพรของพระเจ ้า
เขากลายเป็ นคนมั่งคั่งด ้วยฝูงวัวควายมากมายและฝูงแกะ และได ้เป็ นทีร่ ู ้จักมีชอ ื่ เสย
ี งโดยประชากร
ทัง้ หมดว่าเป็ นคนของพระเจ ้า

53
Genesis 26:12 Then ISAAC sowed in that land, and received in the same year an
hundredfold: and THE LORD BLESSED him.

Genesis 26:13 And the man waxed GREAT, and went forward, and grew until he became
VERY GREAT

Genesis 26:14 For he had possessions of flocks, and possessions of herds, and GREAT store
of Servants: and the Philistines envied him.

ปฐมกาล 26:12 อิสอัคได ้หว่านพืชในแผ่นดินนัน ้ ในปี เดียวกันนัน


้ ก็เก็บผลได ้หนึง่ ร ้อยเท่า
พระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพรแก่ทา่ น 26:13 อิสอัดก็จาเริญมีกาไรทวียงิ่ ขึน ้ จนท่าเป็ นคนมั่งมีมาก
ิ ธิแ
26:14 ด ้วยว่าท่านมีฝงู แพะแกะและฝูงวัวเป็ นกรรมสท ์ ละมีบริวารมากมาย
ชาวฟี ลส
ิ เตียจึงอิจฉาท่าน

With the Philistines envying ISAAC, they started stopping up all the water wells that
his Father ABRAHAM had dug, causing him to continually move throughout the area. The
local men then started to claim ISAAC'S water wells for themselves. As quick as ISAAC
would dig a well they also would stop it up, essentially pushing him out of the land. After
several years of the local people bickering over the water rights, the Philistine King came to
ISAAC.

จากนัน้ ชนชาติฟีลส ึ อิจฉาอัสอัค พวกเขาเริม


ิ เตียรู ้สก ่ ทาการหยุดบ่อน้ าของอับราฮัมบิดาของเ
ขาได ้ขุดหลุมไว ้ทัง้ หมด เป็ นสาเหตุให ้เขาย ้ายทีอ ่ ยูอ
่ ย่างต่อเนือ
่ งตลอดทั่วทัง้ พืน ้ ที่
คนท ้องถิน
่ จึงเริม
่ เรียกว่า บ่อน้ าของอิสอัคสาหรับพวกเขาเอง ในเวลาทีอ ่ ส
ิ อัคได ้ขุดบ่อน้ า
อย่างรวดเร็วพวกเขาจะไปหยุดการขุดบ่อน้ าเชน ่ กัน โดยเฉพาะอย่างยิง่ เรือ ่ งนีเ้ ป็ นการผลักดันเขาอ
อกไปจากดินแดน หลังจากหลายปี ตอ ่ มาคนท ้องถิน
่ ได ้ทะเลาะถกเถียงกัน
เหนือความเป็ นลิขสท ิ ธิข
์ องความชอบธรรมของน้ า จากบ่อน้ า กษั ตริยฟ ์ ี ลสิ เตียได ้เสด็จมาหาอิสอัค

The King had seen how THE LORD had BLESSED ISAAC in all that he had done, and
FEARS the WRATH of GOD might come upon him and his kingdom, if he or one of his
people should mistreat ISAAC. So King Abimelech and ISAAC make an agreement with each
other not to interfere with the others works or cause one another any harm. ISAAC then
moves again and settles into a new area where he has found water. ISAAC names the area
SHE'-BAH which is re ferred to later in the Scriptures as Be-er-she' -bah.

กษั ตริยไ์ ด ้เห็นพระเจ ้าได ้อวยพรอิสอัคอย่างไรในสงิ่ ทัง้ หมดทีเ่ ขาได ้กระทา


และความยาเกรงพระพิโรธของพระเจ ้าอาจจะลงมาเหนือเขาและราชาอาณาจักรของเขา ถ ้าเขาหรื
อคนๆ คนหนึง่ ของประชากรของเขาได ้ข่มเหงอิสอัค ดังนัน ้
กษั ตริยอ
์ าบีเมเลคและอิสอัคจึงทาข ้อตกลงขึน ้ ซงึ่ กันและกัน เพือ ่ ไม่รบกวนกับกระทางานอืน ่ ๆ
หรือทาให ้อีกฝ่ ายหนึง่ เสย ี หายใดๆ
อิสอัคจึงย ้ายอีกครัง้ และตัง้ ถิน
่ ฐานเข ้าไปในพืน ี่ งึ่ เขาได ้ค ้นพบน้ า อิสอัคตัง้ ชอ
้ ทีใ่ หม่ทซ ื่ พืน
้ ทีว่ า่

54
“SHE'-BAH เชบา” สงิ่ ซงึ่ เกีย
่ วโยงถึงภายหลังในข ้อความนพระคัมภีรไ์ ด ้เรียกว่า Be-er-she' -
bah เบเออร์เชบา

Esau's Interrnarriage with the Canaanite

ื้ ชาติกับคานาไนท์
เอซาวแต่งงานต่างเชอ

With ISAAC'S son Esau now at the age of forty, Esau decides to marry two different
Hit' -tite (Canaanite) women by the names of Judith and Bash-e-math. This was an act
forbidden by GOD, as GOD forbid the HEBREW to intermarry with the Canaanite. This
brings shame to the family and the disapproval by both ….. ISAAC and REBEKAH of Esau's
intermarrying and bringing Canaanite women into their family.

เนือ
่ งจากเอซาวบุตรชายของอิสอัคขณะนีใ้ นอายุ 40 ปี เอซาวตัดสน ิ ใจทีจ
่ ะแต่งงาน 2
ชนชาติทแ ี่ ตกต่าง เป็ นคนฮต ิ ไทต์ (คานาไนท์) โดยหญิงชอ ื่ “Judith ยูดธิ ”และ “Bash-e-math บา
เสมัท”
นีเ้ ป็ นการกระทาต ้องห ้ามโดยพระเจ ้าอย่างทีพ ่ ระเจ ้าไม่ยอมให ้คนฮบ ี รูทจ
ี่ ะแต่งงานกับต่างเชอื้ ชาติ
กับคนคานาไนท์ ดังทีก ่ ล่าวมานี้
นาความอับอายไปยังครอบครัวและไม่เห็นด ้วยทัง้ อิสอัคและเรเบคาห์ของการแต่งงานต่างเชอ ื้ ชาติ
กับการนาหญิงคานาไนท์เข ้าไปในครอบครัวของพวกเขา

Passino alone the BLESSING to the FIRSTBORN

ผ่านการอวยพรไปยังบุตรหัวปี โดยลาพัง

ISAAC being well into his years and both bedridden and blind, determines that his
days were nearly over and that it was time to pass along the BLESSING of GOD to his eldest
son Esau. Not knowing that Esau had previously sold his BIRTHRIGHT to Jacob, (for the
BLESSING was due to the one with the BIRTHRIGHT), he request a meeting with Esau.

อิสอัคได ้มีการเป็ นอยูท ่ ด


ี่ ี
ในชว่ งปี ของเขาและทีไ่ ด ้ล ้มป่ วยและตาบอด ตัดสน ิ ใจว่าวันของเขาใกล ้จบลงและเป็ นเวลาทีจ
่ ะผ่า
นยาวนานทีจ ่ ะนา การอวยพรของพระเจ ้า ไปยังบุตรหัวปี เอซาว
ไม่รู ้ว่าเอซาวได ้ขายสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ของเขาก่อนหน ้านีต
้ อ
่ ยาโคบ (สาหรับการอวยพรเนือ ่ งจากคนๆ
หนึง่ กับสท ิ ธิบตุ รหัวปี ) อิสอัคได ้ต ้องการพบกับเอซาว

Note: It was customary of the people during those days to pass along the control of
their household and all of their holdings to the eldest son, prior to their death. (This custom
had changed over the course of time, and at the time of JESUS, the eldest son would receive
his inheritance at the age of THIRTY.) For one to RECEIVE the BLESSING that was passed
down from the father to the son, the son MUST have the BIRTHRIGHT and in some
circumstances the BIRTHRIGHT did not always reside with the eldest. With the HEBREWS
having more than one wife, and in some cases having concubines who also had borne them
55
children, the BIRTHRIGHT was normally given to the Eldest son of a wife rather than to a
son by a concubine.

หมายเหตุ :
นีเ้ ป็ นจารีตประเพณีของผู ้คนในระหว่างวันเหล่านั น ้ ทีจ
่ ะผ่านสทิ ธิการควบคุมของครัวเรือนของพวกเ
ขา และทัง้ หมดของการครอบครองแก่บต ุ รหัวปี ก่อนเวลาใกล ้ความตายของพวกเขา
(ประเพณีนไ ่ นไปเหนือแนวทางของเวลา และในชว่ งเวลาของพระเยซู บุตรหัวปี จะได ้รับสท
ี้ ด ้เปลีย ิ
ธิในการรับมรดกของเขาใน อายุ 30 ปี ) สาหรับคนๆ
คนหนึง่ เพือ ่ ได ้รับการอวยพรทีส ่ ง่ ต่อจากบิดาไปยังบุตรชาย บุตรชายต ้องมี สท ิ ธิบตุ รหัวปี
และในบางสถานการณ์สท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ไม่ใชอ ่ ยูก
่ ับบุตรหัวปี เสมอไป กับคนฮบ ี รูการมีภรรยามากกว่า 1
คน
และในบางกรณีการมีภรรยาน ้อยผู ้ซงึ่ ยังได ้ให ้กาเนิดบุตรทัง้ หลายพวกเขา สท ิ ธิบตุ รหัวปี ปกติได ้มอ
บให ้แก่บต ุ รหัวปี ของภรรยาผู ้เป็ นทีร่ ักมากกว่าบุตรชายทีเ่ กิดจากภรรยาน ้อย

When there was a case of multiple wives, the father would choose which one of the
eldest sons would receive the BIRTHRIGHT. With ISAAC having only one wife (REBEKAH)
and having TWINS, the BIRTHRIGHT was given to the FIRST out of the womb, and in this
case Esau was the first out of the womb.

เมือ
่ มีกรณีของความหลากหลายของภรรยาและบิดาจะเลือกคนหนึง่ ของบุตรชายหัวปี จะได ้รั
ิ ธิบต
บสท ุ รหัวปี กับอิสอัคการมีเพียงภรรยาเดียว (เรเบคาห์)
และการมีฝาแฝด สท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ได ้ถูกให ้แก่คนแรกทีอ
่ อกจากครรภ์ และในกรณีของเอซาวเป็ นคนแ
รกทีอ
่ อกจากครรภ์ (มดลูก)

When Esau meets with ISAAC, ISAAC decides to send Esau out to hunt venison for a
last meal, feeling that he was about to die from old age. ISAAC tells Esau that once he
returns from hunting the venison, that he would then pass along to Esau the BLESSING of
GOD, as his Father ABRAHAM had done with him.

เมือ
่ เอซาวพบกับอิสอัค
อิสอัคตัดสน ิ ใจทีจ
่ ะสง่ เอซาวออกไปล่าเนือ
้ กวางสาหรับอาหารมือ ้ สุดท ้าย ความรู ้สกึ ว่าเขาใกล ้ทีจ
่ ะ
ตายเนือ
่ งจากวัยชรา อิสอัคบอกเอซาวว่า เมือ ่ เขากลับจากการล่าเนือ
้ กวาง จากนัน ้ บิดา (อิสอัค)
จะผ่าน การอวยพรของพระเจ ้า ก่อนเสย ี ชวี ต
ิ ในวัยชรา แก่เอซาว
อย่างทีบ
่ ดิ าของเขาอับราฮัมได ้กระทากับเขา

REBEKAH, overhearing this conversation between ISAAC and Esau then remembers
what GOD had told her prior to the birth of the TWINS; in regard to the YOUNGER being the
stronger of the two brothers. REBEKAH also remembers that THE LORD had said that the
eldest would serve the youngest, thus indicating that the BIRTHRIGHT was intended to be
Jacob's and not Esau's by PROPHECY. REBEKAH was also aware that Esau had sold his
BIRTHRIGHT to Jacob for the bowl of stew as Jacob had told her so, and she felt that it

56
was her responsibility to ensure that the BLESSING went to Jacob! With REBEKAH
knowing that ISAAC was about to pass the BLESSING along to Esau, she hurriedly sends
Jacob out to fetch a he goat. She intends to

เรเบคาห์ ได ้ยินโดยบังเอิญการสนทนานีร้ ะหว่างอิสอัคและเอซาว


ก็จาได ้สงิ่ ทีพ่ ระเจ ้าได ้ตรัสบอกเธอก่อนการเกิดของฝาแฝด ในสว่ นทีเ่ กีย ่ วกับอ่อนกว่าจะแข็งแรงกว่
าของสองพีน ่ ้อง เรเบคาห์
ยังจาได ้ว่าพระเจ ้าได ้ตรัสว่าบุตรหัวปี จะรับใชคนสุ้ ดท ้อง ด ้วยเหตุนรี้ ะบุวา่
สทิ ธิบตุ รหัวปี ถก ู ตัง้ ใจทีจ
่ ะตกเป็ นของยาโคบ
และไม่ใชข ่ องเอซาวโดยคาพยากรณ์ เรเบคาห์ก็ทราบว่าเอซาวได ้ขายสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ของเขาแก่ยาโ
คบด ้วยสตูวห ์ นึง่ ชาม
อย่างทีย ่ าโคบได ้บอกเธอจากนัน ึ ว่านั น
้ และเธอรู ้สก ้ เป็ นความรับผิดชอบของเธอเพือ ่ ทาให ้มั่นใจว่า
การอวยพร ไปถึงยาโคบ!
โดยเรเบคาห์การรู ้ว่าอิสอัคใกล ้ถึงเวลาทีจ ่ ะผ่านการอวยพรไปแก่เอซาว เธอรีบสง่ ยาโคบออกไปจับ
แพะตัวผู ้ เธอตัง้ ใจเพือ ่

prepare the he goat and serve it to ISAAC disguised as venison, before


Esau's return. REBEKAH also thinks that ISAAC being blind would depend on his feel to
determine an image of Esau, and with Esau being a hairy man she decides to disguise Jacob
as Esau. So REBEKAH then takes some of Esau's clothes and the goatskins from the he goat
she was preparing and strategically puts them on Jacob's wrists and neck to make him feel
as though he was hairy.

เตรียมแพะตัวผู ้และบริการเสริฟอาหารแก่อส ิ อัค


โดยการทาปลอมแปลงเหมือนเนือ ้ กวาง ก่อนการกลับมาของเอซาว เรเบคาห์ยังคิดว่าอิสอัค
นัน
้ ได ้ชราสายตาได ้มัวๆ แทบมองไม่เห็น
จะไว ้วางใจในความรู ้สก ึ ของเขาเพือ ิ ใจภาพลักษณ์ของเอซาว
่ ตัดสน
และลักษณะการเป็ นอยูข ่ อง เอซาว เป็ นชายขนดก
เธอตัดสน ิ ใจเพือ่ ปลอมแปลงยาโคบเหมือนเอซาว
ดังนัน้ เรเบคาห์จงึ นาเอาเสอ ื้ ผ ้าบางตัวของเอซาวและทาจากหนั งแพะจากแพะตัวผู ้ทีเ่ ธอได ้เตรียมแ
ละเป็ นเทคนิค
วางขนสต ั ว์ทบี่ นข ้อมือและคอของยาโคบเพือ ึ เหมือนกับว่าเขาเป็ นคนขนดก
่ ทาให ้เขารู ้สก

Jacob then dressed in his brother, Esau's clothes, and having the goatskins placed on
his wrists and neck, he then brings to his Father ISAAC the he goat that was disguised as
being venison. Jacob then enters into ISAAC'S room and announces himself as being Esau.
While ISAAC eats the he goat (thinking it is venison) he recognizes Jacob's voice and
reaches out to feel him. ISAAC then comments that he feels like Esau but sounds more like
Jacob, HOWEVER ISAAC after eating, PASSES the BLESSING of GOD along to JACOB.

57
ยาโคบจึงแต่งตัวเสอ ื้ ผ ้าของพีช ่ ายของขา เสอ ื้ ผ ้าของเอซาว
และการมีหนังแพะวางบนข ้อมือของเขาและคอ เขาจึงนาไปยังอิสอัคบิดาของเขา
แพะตัวผู ้ทีไ่ ด ้ปลอมแปลงเหมือนเป็ นเนือ ้ กวาง ยาโคบจึงเข ้าไปในห ้องของอิสอัค
และแจ ้งตัวเขาเองอย่างทีก ่ ารเป็ นเอซาว ในขณะทีอ ่ ส
ิ อัค รับประทานเนือ
้ แพะตัวผู ้
(คิดว่ามันเป็ นเนือ ้ กวาง) เขาจาเสย ี งของยาโคบได ้ และยืน ่ แขนออกไปสม ั ผัสยาโคบ
อิสอัคจึงวิจารณ์วา่ เขารู ้สก ึ เหมือนเอซาวแต่เสย ี งเหมือนยาโคบมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตามอิสอัคหลังจากรับประทาน ผ่านการอวยพรของพระเจ ้าไปให ้แก่ยาโคบ

NOTE: I would like to point out a few KEY POINTS in this story. The en tire BIBLE STORY is
about the coming of JESUS CHRIST. The BLESSED SEED, starting with ADAM down through
SETH to OAR and then to ABRAHAM, ISAAC and JACOB is the TRACKING of the SEED of
JESUS CHRIST. GOD had a SPECIFIC ORDER to be followed to AUTRE TICATE the
LEGITIMACY of JESUS. JESUS HAD TO BE THE SOLE HEIR TO IS RAEL IN EVERY AND ALL
RESPECTS.

หมายเหตุ: ผมอยากจะชใี้ ห ้เห็นจุดสาคัญ 2-3 จุดในเรือ ่ งนี้


ทัง้ หมดเรือ ่ งพระคัมภีรไ์ บเบิล้ เกีย
่ วกับการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
เชอ ื้ สายเมล็ดพันธุแ์ ห่งการอวยพร การเริม ่ ต ้นกับอาดัมลงไปผ่านเซท
ไปยังโนอาห์และแล ้วก็อับราฮัม อิสอัคและยาโคบ
เป็ นการติดตามของเชอ ื้ สายเมล็ดพันธุข ์ องพระเยซูคริสต์ พระเจ ้าได ้เจาะจง
จะต ้องปฏิบต ิ ามคาสงั่ ทาให ้น่าเชอ
ั ต ื่ ถือด ้วยการรับรองความถูกต ้องของลาดับพงศพ
์ ันธ์ของพระเยซู
พระเยซูจะต ้องเป็ นทายาทผู ้สบ ื ทอดเพียงคนเดียวสาหรับอิสราเอลในทุกๆ
ด ้านและความเคารพยาเกรงทัง้ หมด

58
JESUS CHRIST WAS GIVEN THE BIRTHRIGHT THROUGH HIS FATHER JOSEPH. THE
WITH JOSEPH BEING IN THE DIRECT LINEAGE OF KING DAVID, JESUS HAD THE
ENTITLEMENT TO THE THRONE OF DAVID. ALSO, THROUGH HIS MOTHER MARY, JESUS
INHERITED THE SPIRIT OF PROPHECY, AS SHE CAME THROUGH KING DAVID'S SON
NATHAN WHO FATHERED THE PROPHETS. What is being said here is the following; JESUS
CHRIST HAS THE BIRTHRIGHT AND THE BLESSING of GOD, the ENTITLEMENT TO THE
THRONE of DAVID, AND THE SPIRIT of PRO PHECY FOR ISRAEL!

พระเยซูคริสต์ถกู มอบสท ิ ธิบต


ุ รหัวปี ผา่ นโดยโยเซฟบิดาของพระองค์
จากนัน ้ กับโยเซฟเป็ นในเชอ ื้ สายของกษั ตริยโ์ ดยตรง พระเยซูได ้รับสท ิ ธิชอบธรรมไปยังราชบัลลังก์
ของดาวิด ด ้วยเชน ่ กัน โดยผ่านมารีย ์ มารดาของพระองค์ พระเยซูเป็ นผู ้รับมรดกทีไ่ ด ้รับ
เป็ นวิญญาณของการพยากรณ์ อย่างทีเ่ ธอได ้สบ ื เชอื้ สายผ่านทางบุตรชายของกษั ตริยด
์ าวิด นาธัน
ผู ้ซงึ่ บิดาแห่งการพยากรณ์ สงิ่ นีก ้ าลังกล่าวว่าจากนีต ้ อ ่ ไปนี:้
พระเยซูคริสต์ได ้รับสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี และการอวยพรของพระเจ ้า เป็ นสท ิ ธิอย่างชอบธรรมไปยังราชบัล
ลังก์ของดาวิด และวิญญาณการพยากรณ์สาหรับอิสราเอล!

เรือ ื้ สายสบ
่ งราวของยาโคบและบุตรเชอ ิ สองเผ่าของอิสราเอล 4/30

Esau’s return/การกลับมาของเอซาว

When Esau returns with the venison he finds that his Father ISAAC had already
PASSED the BLESSING of GOD down to JACOB rather than to him, and he becomes
extremely angry and threatens to kill his brother JACOB. REBEKAH, overhearing the threats
being made by Esau fears for JACOB'S life. She then sends JACOB quickly off to her
homeland of Mesopotamia to live with her brother Laban and outside of Esau's grasp.

เมือ
่ เอซาวกลับมาถึงพร ้อมกับเนือ ้ กวางทีล่ า่ มาได ้
เขาพบว่าอิสอัคบิดาของเขาได ้ผ่านการอวยพรของพระเจ ้าลงไปให ้ยาโคบเสร็จสน ิ้ เรียบร ้อยแล ้ว
แทนทีจ ่ ะเป็ นเขา
และเขาจึงได ้มีความโกรธเกิดขึน ้ อย่างรุนแรงและข่มขูท ่ จ
ี่ ะฆ่ายาโคบน ้องชายของเขา เรเบคาห์
ได ้ยินโดยบังเอิญเรือ ่ ากเอซาว จึงได ้เกิดความกลัวในความปลอดภัยของชวี ต
่ งการข่มขูจ ิ ยาโคบ
เธอจึงสง่ ยาโคบออกไปยังบ ้านเกิดของเธอทีด ่ น
ิ แดนเมโสโมเตียเมียอย่างรวดเร็ว
่ ไปอาศัยอยูก
เพือ ่ ับพีช
่ ายของนางชอ ื่ “ลาบัน” และออกห่างจากการถูกจับตัวจากเอซาวให ้มากทีส ่ ด

6.4 The Story of JACOB/เรือ


่ งราวของยาโคบ

This story begins with JACOB leaving his Father ISAAC'S camp, so JACOB would be
out of the reach of his brother Esau who had threatened to kill him for taking Esau's
BLESSING. So JACOB goes off to Pa'-dan-a-ram to find his Uncle Laban, REBEKAH'S brother,
in hope of finding a place of refuge. Prior to his leaving home, ISAAC reiterates GOD'S
BLESSING to JACOB, and warns him against taking a Ca'-naan-ite woman for a wife like his
brother Esau had done.

59
เรือ
่ งราวนีเ้ ริม
่ ต ้นขึน
้ ด ้วยยาโคบย ้ายหนีออกจากค่ายของอิสอัคบิดาของเขา
เพือ
่ ทีย
่ าโคบจะพ ้นจากการถูกจับตัวจากเอซาวพีช ่ ายของเขา ผู ้ซงึ่ ได ้ข่มขูท
่ จ
ี่ ะฆ่าเขา
จากสาเหตุทไี่ ด ้เอาการอวยพรบุตรหัวปี ของเอซาว ดังนัน ้ ยาโคบจากไปโดยไม่บอกกล่าวไปยัง
“เมือง Pa'-dan-a-ram ปั ดดานอารัม” เพือ ่ ไปพบลุงของเขา “ลาบัน” พีช ่ ายของเรเบคาห์
มีความหวังเพือ ่ พบทีห ่ ลบภัยให ้รอด

ก่อนทีเ่ ขาจะออกจากบ ้าน อิสอัค กล่าวเตือนหลายครัง้ ในการอวยพรของพระเจ ้าแก่ยาโคบ


และกาชบั เขาอย่าเอาหญิงเชอ ื้ ชาติของคานาไนท์มาเป็ นภรรยาเหมือนเอซาวพีช
่ ายของเขาได ้กระ
ทา

Jacob's Ladder /บันไดของยาโคบ

After his first days journey, and while the sun was yet setting, JACOB decides to lay
down and sleep for awhile. He gathers some stones together to make a pillow and then lays
down and falls asleep, and while asleep, JACOB has a DREAM. In this DREAM JACOB sees a
LADDER sitting on the earth and reaching up to HEAVEN. He also sees ANGELS who are
going up and down the LADDER and back in forth from HEAVEN to earth.

หลังจากวันเดินทางวันแรกของเขา และในขณะทีด ่ วงอาทิตย์ยังไม่ตกลับขอบฟ้ า


ยาโคบตัดสน ิ ใจเอนตัวลงนอนและหลับสก ั ครู่
เขารวบรวมเก็บก ้อนหินบางสว่ นเพือ ่ ทาเป็ นหมอนและแล ้วก็วางตัวลงนอนและหลับไป
และในขณะทีน ่ อนหลับ ยาโคบได ้ฝั น
ในความฝั นนีย ้ าโคบเห็นบันไดอันหนึง่ ตัง้ ขึน ้ บนแผ่นดินโลกและขึน
้ ไปถึงฟ้ าสวรรค์
เขายังได ้เห็นทูตสวรรค์ผู ้ซงึ่ กาลังขึน้ บันไดไปและลงบันไดมาและไปกลับสวรรค์และโลก

Then as JACOB looks toward the top of the LADDER, he sees GOD. Once JACOB sees
GOD THE LORD says to JACOB, I AM THE LORD GOD OF ABRAHAM THY FATHER, AND THE
GOD OF ISAAC: THE LAND WHEREON THOU LIEST, TO THEE WILL I GIVE IT, AND TO THY
SEED. GOD THEN CONFIRMS HIS COVENANT WITH JACOB AS HE HAD DONE WITH
JACOB'S grandfather, ABRAHAM, and his father ISAAC before him.

จากนัน ้ ยาโคบมองไปยังระดับสูงทีส
่ ด
ุ ของบันได เขาเห็นพระเจ ้า ทันทีทย ี่ าโคบเห็นพระเจ ้า
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสกับยาโคบ เราคือองค์พระผู ้เป็ นเจ ้า พระเจ ้าของอับราฮัม บรรพบุรษ ุ ของเจ ้า
และพระเจ ้าของอิสอัค แผ่นดินซงึ่ เจ ้านอนอยูน ่ ัน
้ เราจะให ้แก่เจ ้าและเชอื้ สายของเจ ้า
จากนัน
้ พระเจ ้าได ้ยืนยันพันธสญั ญาของพระองค์กับยาโคบอย่างทีพ ่ ระองค์ได ้กระทากับปู่
(บิดาของอิสอัคซงึ่ เป็ นบิดา) ของยาโคบ อับราฮัมและอิสอัคบิดาของเขาก่อนเขา

When JACOB awakes early the next morning he gathers up the stones which he had
used for his pillow and stacks them up as a pillar and ANOINTS the stones with oil. Due to
the significance of this place where he had had the DREAM, JACOB renames it (which was
called at that time Luz), BETH' -EL, meaning the "HOUSE of GOD". While JACOB continues
on his journey to find his uncle Laban, he happens upon a well of water, and ask them at the

60
well if they knew where the area of Ha' -ran was, and also if they had known of his Uncle
Laban. The men at the well then tell JACOB that they were from Ha' -ran and they did in fact
know his Uncle Laban. They also tell JACOB that very soon Laban's daughter RACHEL
would be coming to the well to water Laban's sheep.

เมือ่ ยาโคบตืน
่ ขึน ้ ตอนเชาตรู ้ ใ่ นวันรุง่ ขึน

เขาได ้รวบรวมก ้อนหินทีเ่ ขาได ้ใชเป็ ้ นหมอนของเขาและกองขึน ้ เหมือนเสาหินและเจิมก ้อนหินด ้วย
น้ ามัน เนือ่ งจากความสาคัญของสถานที่ ซงึ่ เขาได ้มี ความฝั น ยาโคบตัง้ ชอ ื่ ใหม่ทนี่ ั่นว่า
(ซงึ่ ถูกเรียกในเวลานั น ้ “เมืองลูส”) “เบธเอล” มีความหมาย “บ ้าน (วิหาร) ของพระเจ ้า”
ในขณะทีย ่ าโคบยังคงอยูร่ ะหว่างการเดินทางไปพบกับลุงของเขา “ลาบัน” เขาได ้พบบ่อน้ า
และได ้ถามพวกเขาทีบ ่ อ
่ น้านัน้ เผือ ่ ว่าพวกเขารู ้จักดินแดน “ฮาราน” อยูท ่ ไี่ หน
และถามพวกเขาว่าได ้รู ้จักลาบันลุงของเขา ด ้วยเชน ่ กันไหม พวกผู ้ชายทีบ
่ อ ่ น้านัน
้ จึงบอกยา โคบ
ว่าพวกเขาเป็ นคนมาจากฮารานและในเป็ นความจริงพวกเขารู ้จักลาบันลุงของเขา
พวกเขายังบอกยาโคบว่า “ราเชล”
บุตรสาวของลาบันจะมาทีบ ่ อ ้ อ
่ น้ าในไม่ชาเพื ่ เอาน้ าให ้แกะของลาบัน

Jacob meets Rachel / ยาโคบพบราเชล

Once RACHEL shows up at the well and JACOB sees RACHEL'S striking appearance,
he immediately falls in LOVE with her. RACHEL then brings JACOB back with her to her
father's house. Shortly after they arrive at the house, Jacob asks Laban for RACHEL'S hand
in marriage and JACOB agrees to work for Laban for SEVEN years in exchange for RACHEL.
The SEVEN years seem to go by very quickly for JACOB and when they were completed,
JACOB confronts Laban on their agreement. Laban honoring his agreement with JACOB
makes a great feast and all those in attendance of the feast become quite drunk, including
Jacob.

เมือ
่ ราเชลได ้ปรากฏตัวขึน ้ ทีบ
่ อ
่ น้ าและยาโคบได ้เห็นลักษณะโดดเด่นทีน ่ ่าสนใจเป็ นอย่าง
มากของราเชล เขาหลงรักเธอโดยทันที ราเชลจึงนายาโคบ กลับไปกับเธอ ไปยังบ ้านบิดาของเธอ
ไม่นานหลังจากพวกเขามาถึงทีบ ่ ้าน
ยาโคบถามลาบันถึงการขอแต่งงานกับราเชลและยาโคบตกลงทีจ ่ ะทางานสาหรับลาบันเป็ นเวลา 7
ปี ในการแลกเปลีย ่ นสาหรับราเชล กาลเวลา 7 ปี
ดูเหมือนจะไปอย่างรวดเร็วสาหรับยาโคบและเมือ ั ญาตกลงนั น
่ สญ ิ้ แล ้ว
้ ได ้เสร็จสน
ยาโคบเผชญ ิ หน ้ากับลาบันตามข ้อตกลง ลาบันเคารพข ้อตกลงของเขากับยาโคบ
จึงได ้จัดงานเลีย้ งอันมโหฬารยิง่ ใหญ่
และผู ้คนเหล่านัน ้ ทัง้ หมดเข ้าร่วมงานเลีย ้ งจนอาการค่อนข ้างเมา รวมถึงยาโคบด ้วย

When the time comes for Laban to deliver his daughter RACHEL to JACOB, Laban
brings his daughter Leah (covered in a veil) instead of RACHEL. JACOB being quite drunk
and not aware of the switch believes that Leah is RACHEL so he brings her into his tent and
there makes LOVE with her.

61
เมือ
่ เวลานั น
้ มาถึงของลาบันทีส่ ง่ ราเชล ลูกสาวของเขาสาหรับยาโคบ ลาบันได ้นาลูกสาว
“เลอาห์” มีผ ้าปกคลุมหน ้าเจ ้าสาวไว ้ แทนทีจ ่ ะเป็ น ราเชล
เวลานัน
้ ยาโคบค่อนข ้างเมาและไม่ได ้ระมัดระวังว่าจะมีการสลับตัวเจ ้าสาว
โดยเชอ ื่ ว่าเลอาห์เป็ นราเชล ดังนั น ั พันธ์รักกับเธอ
้ เขานาเธอเข ้าไปในเต็นท์ของเขาและมีความสม

In the morning when JACOB awakes he discovers that he is with Leah rather than
RACHEL and becomes very disturbed by it. After JACOB sees what his father-in-law has
done to him and how he has given him Leah instead of RACHEL, he confronts Laban on the
matter. Laban then explains to JACOB how the eldest daughter must be given first in
marriage by their custom, and how he had thought that JACOB was aware of this custom.
After hearing what Laban had to say, being disappointed but yet accepting Laban's answer,
JACOB agrees to work for Laban another SEVEN years so he may have RACHEL also for his
wife.

ในตอนเชาเมื ้ อ
่ ยาโคบตืน่ ขึน
้ เขาพบว่าเขาได ้นอนอยูก ่ ับเลอาห์ แทนทีจ ่ ะเป็ นราเชล
และสงิ่ นีก
้ ลายเป็ นสงิ่ ทีร่ บกวนใจอย่างมาก หลังจากทีย ่ าโคบเห็นสงิ่ ทีพ
่ อ
่ ตาได ้กระทากับเขา
และทีพ ่ อ
่ ตาได ้ให ้ลูกสาวเลอาห์มาแทนทีข ่ องราเชล เขาได ้เผชญ ิ หน ้ากับลาบันในเรือ่ งนี้
ลาบันจึงอธิบายให ้ยาโคบฟั งว่า ลูกสาวคนโต (หัวปี )
จะต ้องให ้แต่งงานก่อนโดยจารีตประเพณีของพวกเขาและอย่างไรเขาได ้คิดว่ายาโคบก็ตระหนักถึงจ
ารีตประเพณีนี้ หลังจากได ้ยินสงิ่ ทีล ่ าบันพูด ไม่ได ้เห็นด ้วยแต่ยังยอมรับข ้อตกลงของลาบัน
ยาโคบตกลงทีจ ่ ะทางานให ้ลาบันอีก 7 ปี
จากนัน้ เพือ่ ทีเ่ ขาอาจจะได ้ราเชลมาเป็ นภรรยาของเขาด ้วย

CHRIST MARKERS / เครือ


่ งหมายพระคริสต์

Throughout the HOLY BIBLE there are MARKERS placed within the Scriptures
indicating the coming of the CHRIST CHILD. Some of these MARKERS are quite subtle, while
others are certainly more obvious. However in any case, all of these MARKERS are only
discernible when the Scriptures are translated into the English language.

ตัง้ แต่ต ้นจนจบพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ มีเครือ


่ งหมาย (สญ ั ลักษณ์บง่ บอก)
วางอยูภ ่ ายในข ้อความในพระคัมภีรแ ์ สดงการมาเกิดของพระบุตรของพระคริสต์
บางสว่ นของเครือ ่ งหมาย (สญ ั ลักษณ์บง่ บอก) หลายอย่างนีค ้ อ ั ซอน
่ นข ้างซบ ้ ่ งิ่ อืน
ในขณะทีส ่ ๆ
ได ้เห็นออกมาอย่างชด ั เจนกว่า ไม่วา่ ในกรณีใดๆ เครือ ่ งหมาย (สญ ั ลักษณ์บง่ บอก)
ทัง้ หมดเหล่านีจ ้ ะเห็นได ้เมือ
่ ข ้อความในพระคัมภีรถ ์ ก
ู แปลเป็ นภาษาอังกฤษเท่านัน ้

As previously explained in this BOOK, the Greek word "Christos ", translates into
English as the WORD "CHRIST". The WORD "CHRIST" has an alphanumeric sum of its
letters equaling the NUMBER 77. The NUMBER SEVENTYSEVEN can also be referred to as
TWIN SEVENS. Therefor, anything having to do with TWINS or TWO SEVENS appearing in
the Scriptures, are placed there as MARKERS indicating the coming of the CHRIST CHILD.

62
อย่างทีอ ่ ธิบายในหนังสอ ื เล่มนีก
้ อ
่ นหน ้านี้ คาภาษากรีก “Christos คริสโต”
แปลเป็ นภาษาอังกฤษเหมือน WORD คาว่า “CHRIST คริสต์” คาว่า “CHRIST คริสต์”
้ ง้ ตัวอักษรและตัวเลขเป็ นสญ
มีทใี่ ชทั ั ลักษณ์ผลบวกของตัวพิมพ์เขียนเท่ากับตัวเลข 77 NUMBER
SEVENTYSEVEN ตัวเลข 77 ยังสามารถเกีย ่ วโยงถึงเหมือน “TWINS แฝด 77” ด ้วยเหตุนี้
ชนิดใดก็ตามการมีเพือ ่ ทากับฝาแฝดหรือเจ็ดสองครัง้ ปรากฏในข ้อความในพระคัมภีร ์
ถูกวางทีน ่ ั่นเหมือนเป็ นเครือ
่ งหมายของการแสดงมาเป็ นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ ้า

The first set of TWINS is Cain and ABEL, with Cain having the BIRTHRIGHT by
being first out of the womb. The second set of twins appearing in the Scriptures, are Esau
and JACOB, with Esau being the first out of the womb and having his brother JACOB
clinging to his heel, indicating that there was a struggle within the womb for the
BIRTHRIGHT.

ชุดแรกของพีน ่ ้องฝาแฝดเป็ นคาอินและอาเบล


กับคาอินการมีสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี โดยการเป็ นคนแรกออกจากครรภ์
ชุดทีส
่ องของฝาแฝดปรากฏในข ้อความในพระคัมภีร ์ เป็ นเอซาวและยาโคบ
เอซาวได ้ออกจากครรภ์คนแรก
และการมียาโคบน ้องชายของเขาเกีย ้
่ วกับการเกาะไปยังสนเท ้าของเขา

แสดงว่าได ้มีการต่อสูภายในครรภ์ สาหรับสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี

In the story of JACOB both sets of MARKERS appear. With JACOB being one of a pair
of TWINS this indicates that the TWINS identifying the WORD "CHRIST" are KEYED in the
beginning of the story of JACOB. The TWIN SEVENS also appear in the story by JACOB'S
having to work 7 years for Leah and yet another 7 years for RACHEL thus indicating that
the CHRIST CHILD will come through the LINEAGE of JACOB. The story of JACOB depicts
both sets of the CHRIST CHILD MARKERS with both the TWINS and the TWIN SEVENS
appearing in his story.

ในเรือ
่ งของยาโคบทัง้ สองชุดของเครือ ่ งหมายปรากฏ
กับยาโคบการเป็ นหนึง่ ของคูข ่ องฝาแฝดนี้ ชบ ี้ อกว่าฝาแฝด ระบุคาว่า “พระคริสต์”
เป็ นกุญแจสาคัญในการเริม ่ ต ้นของเรือ
่ งของยาโคบ แฝด 7
อีกด ้วยปรากฏในเรือ ่ งของการมียาโคบเพือ ่ ทางาน 7 ปี สาหรับ เลอาห์และยังอีก 7 ปี สาหรับราเชล
ซงึ่ ชถี้ งึ ว่าพระบุตรพระคริสต์ จะมาผ่านเชอ ื้ สายของยาโคบ
เรือ่ งของยาโคบบรรยายทัง้ สองชุดของเครือ ่ งหมายพระบุตรพระคริสต์ กับทัง้ สองฝาแฝดและแฝด 7
ปรากฏในเรือ ่ งของเขา

้ อ สท
A Struggle over BIRTHRIGHT / การต่อสูเหนื ิ ธิบต
ุ รหัวปี

As you become more familiar with the Scriptures you will start to see that there is a
continual STRUGGLE for the BLESSING and the BIRTHRIGHT through the entire Old
Testament. This struggle continues on throughout the Scriptures until the COMING of

63
JESUS CHRIST. At the time of CHRIST, the BLESSING and the BIRTHRIGHT then come
together in the SAME PERSON.

อย่างทีค ่ ณ
ุ ได ้คุ ้นเคยมากขึน ้ กับข ้อความในพระคัมภีร ์
คุณจะเริม่ ทีจ ้ างต่อเนือ
่ ะเห็นว่ามีการต่อสูอย่ ่ งสาหรับการอวยพรและสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี
ผ่านพันธสญ ั ญาเดิมทัง้ หมด
้ างต่อเนือ
การต่อสูอย่ ่ งนีต ้ ลอดทัง้ ข ้อความในพระคัมภีรจ ์ นกว่าการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
ในชว่ งเวลาของพระคริสต์การอวยพรและสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี แล ้วก็มาด ้วยกันในบุคคลเดียวกัน

The STRUGGLE that is ongoing consists of the BLESSED SEED and the Damned seed
struggling over the BIRTHRIGHT and the BLESSING of GOD. This STRUGGLE, starting from
the time of Cain who had the BIRTHRIGHT and ABEL who had the BLESSING, goes on until
the time of JESUS, because JESUS RECEIVED BOTH the BIRTHRIGHT and the BLESSING of
GOD. To put this into a clearer PERSPECTIVE we will jump forward a bit in the Book of
Genesis to the next set of TWINS that appear in the Scriptures.

้ เ่ ป็ นการดาเนินไปอย่างไม่หยุดยัง้ ประกอบด ้วยเมล็ดพันธุแ


การต่อสูที ์ ห่งการอวยพร
และเมล็ดแห่งการแชง่ สาป การต่อสูเหนื ้ อสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี และการอวยพรของพระเจ ้า การต่อสูนี้ ้
่ ต ้นจากชว่ งเวลาของคาอินผู ้ซงึ่ ได ้สท
เริม ิ ธิบตุ รหัวปี และอาเบลผู ้ซงึ่ ได ้รับการอวยพร
ดาเนินต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาของพระเยซู
เพราะว่าพระเยซูได ้รับทัง้ สท ิ ธิบตุ รหัวปี และบุตรซงึ่ รับการอวยพรของพระเจ ้า
เพือ่ ใสภ่ าพความเข ้าใจอย่างชด ั เจนกว่า
พวกเราจะย ้อนกลับไปข ้างหน ้าเล็กน ้อยในหนั งสอ ื ของปฐมกาลไปยังชุดต่อไปของฝาแฝดทีป ่ รากฏ
ในข ้อความในพระคัมภีร ์

The next set of TWINS / ชุดต่อไปของฝาแฝด

Later on in the lives of the TWELVE CHILDREN of JACOB (ISRAEL), JACOB'S son Judah
is tricked into having sex with his daughter-in-law Tamar. In the 38th Chapter of the Book
of Genesis this story of Judah and Tamar is old. Tamar, after tricking her father-in-law, into
having sex with her, ultimately conceives and bears TWINS by him. Prior to the birth of the
TWINS while she is still in labor giving BIRTH, one of the TWINS puts forth his hand out of
her womb, so indicating that he should be the first out. The midwives who are aiding
Tamar in the DELIVERY of the TWINS, then tie a SCARLET thread around the wrist of the
one who had put forth his hand out of the womb.

ต่อมาในการดารงชวี ต ื เชอ
ิ ของบุตรสบ ื้ สาย ของยาโคบ (อิสราเอล) 12 คน ยูดาห์บต ุ รชาย
ของยาโคบ ล่อลวงลูกสะใภ ้ “ทามาร์” เข ้าไปในการมีเพศสม ั พันธ์กับเขา ในบทที่ 38
ของหนังสอ ื ปฐมกาล เรือ่ งนีข
้ องยูดาห์และทามาร์เป็ นเรือ
่ งเก่า ทามาร์
หลังจากการล่อลวงพ่อสามีของเธอ เข ้าไปในการมีเพศสม ั พันธ์กับนาง
ในทีส
่ ด
ุ ตัง้ ครรภ์และให ้กาเนิดฝาแฝดโดยเขา

64
ก่อนทีจ ่ ะให ้กาเนิดของฝาแฝดในขณะทีน ่ างยังคงอยูใ่ นการเบ่งคลอดบุตร
หนึง่ ในฝาแฝดยืน ่ มือของเขาไปนอกครรภ์ของเธอ แสดงว่าเขาควรจะเป็ นคนออกมาคนแรก
คนทาคลอดผู ้ซงึ่ กาลังชว่ ยเหลือทามาร์ในการคลอดบุตรของฝาแฝด
จึงผูกด ้ายสแี ดงรอบข ้อมือของคนทีซ่ งึ่ ได ้ยืน
่ มือของเขาออกมาจากครรภ์(มดลูก)ก่อน

However when the DELIVERY of the FIRST TWIN takes place, the one coming out of
the womb first is not the one with the SCARLET thread around his wrist! They therefor
name the first out of the womb PHAREZ which means BREACH (or Broken), as he took the
BIRTHRIGHT from the one having the SCARLET THREAD around his wrist, and he did so
while still within the womb. If you will now look in the GOSPEL of Luke in "Luke 3:33", you
will see that PHAREZ (the TWIN who came out first) is in the direct ancestry and LINEAGE
of JESUS CHRIST NOTE 1

แต่อย่างไรก็ตาม เมือ ่ การคลอดบุตรของฝาแฝดคนแรกเกิดขึน ้


คนหนึง่ ออกมาจากครรภ์กอ ่ นไม่ได ้เป็ นคนทีผ ่ ก
ู ด ้ายแดงรอบข ้อมือ! ด ้วยเหตุนี้
ชอ ื่ คนแรกทีอ่ อกมาจากครรภ์ (มดลูก) “PHAREZ เปเรศ” สงิ่ ซงึ่ หมายความถึงการแตกแยก (หรือ
ทาลาย) อย่างทีเ่ ขาเอาสท ิ ธิบต ุ รหัวปี จากคนหนึง่ ทีม ่ ด
ี ้ายแดงผูกข ้อมือ
และเขาทาเชน ่ นัน
้ ในขณะทีย่ ังคงอยูภ่ ายในครรภ์
ถ ้าขณะนีค้ ณ
ุ จะมองในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์โดยลูกาใน “ลูกา 3:33” คุณจะเห็นว่าเปเรศ
(ฝาแฝดผู ้ซงึ่ ออกมาก่อน) อยูใ่ นบรรพบุรษ ุ โดยตรงและเชอ ื้ สายของพระเยซูคริสต์

Note 1: The name PHAREZ is misspelled in the GOSPEL, being spelled "PHARES" rather
than "PHAREZ". There are many such misspelled NAMES that occur throughout the
GOSPELS as a result of the deterioration of the HEBREW LANGUAGE, and you will find the
correct SPELLING in this book when those Scriptures are cited. These variations in the
HEBREW LANGUAGE resulted from the Jews spending many years in captivity in countries
that spoke in other languages, thus eventually corrupting their own language.

หมายเหตุ 1: ชอ ื่ เปเรซ PHAREZ เป็ นคาสะกดผิดในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์


การเป็ นคาสะกด “PHARES" เปเรส” มากกว่า “PHAREZ" เปเรซ” มีมากมายทีส ่ ะกดผิดพลาด
อย่างเชน ่ ชอ ื่ ทีเ่ กิดขึน ้ ตลอดในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์
เป็ นผลของการทาให ้เสอ ื่ มลงของภาษาฮบ ี รู
และคุณจะพบคาสะกดทีถ ่ ก
ู ต ้องในหนั งสอื เล่มนีข้ ้อความในพระคัมภีรเ์ หล่านั น
้ ถูกอ ้างถึง
การผันแปรเหล่านีใ้ นภาษาฮบ ี รู
เป็ นผลมาจากชาวยิวใชช้ วี ต ิ เป็ นเวลาหลายปี ในการถูกจับเป็ นเชลยในประเทศทีพ ่ ด
ู ภาษาอืน

ในทีส่ ด
ุ ด ้วยสาเหตุนก ้
ี้ ารใชภาษาได ้คอรัปเปลีย ่ นแปลงเกิดขึน
้ ในของพวกเขาเอง

If we look at the FIRST set of TWINS occurring with ADAM and EVE there wasn't
any STRUGGLE over the BIRTHRIGHT and BLESSING between Cain and ABEL, with Cain
clearly having the BIRTHRIGHT and ABEL having the BLESSING. After Cain had killed his
brother ABEL the BIRTHRIGHT still remained with Cain. This is why GOD was protecting

65
Cain even after he had killed his brother ABEL, because Cain had the BIRTHRIGHT.
However, Cain did not have the BLESSING. The BLESSED SEED was then passed along
through SETH who was the firstborn son after the death of ABEL Therefor the BIRTHRIGHT
remained with Cain while the BLESSING was passed down through SETH.

ถ ้าเรามองไปทีฝ ่ าแฝดชุดแรกเกิดขึน ้ กับอาดัมและเอวา ไม่มก ้


ี ารต่อสูใดๆ
เหนือสท ิ ธิบต ุ รหัวปี และการอวยพร ระหว่างคาอินกับอาเบล
กับคาอินชด ั เจนการมีสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี และอาเบล การมีการอวยพร
หลังจากคาอินได ้ฆ่าอาเบลน ้องชายของเขา สท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ยังคงอยูก
่ ับคาอิน
นีค
่ อ
ื เหตุผลว่าทาไมพระเจ ้าได ้คุ ้มครองคาอินแม ้ว่าหลังจากเขาได ้ฆ่าอาเบลน ้องชายของเขา
เพราะว่าคาอินได ้สท ิ ธิบตุ รหัวปี อย่างไรก็ตาม คาอินไม่มก ี ารอวยพร
เมล็ดพันธุแ ์ ห่งการอวยพรจึงผ่านไปยังเชทผู ้ซงึ่ เป็ นบุตรชายหัวปี หลังจากการตายของอาเบล
ด ้วยเหตุนส ี้ ท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ยงั คงอยูก่ ับคาอินในขณะทีเ่ ชอ ื้ สายของการอวยพรได ้ผ่านลงทางเซท

In the SECOND set of TWINS, there was a STRUGGLE within the womb over the
BIRTHRIGHT, with JACOB losing out to Esau. However, GOD made it RIGHT by having Esau
sell his brother JACOB his BIRTHRIGHT for a bowl of stew, allowing JACOB to have both the
BLESSING and the BIRTHRIGHT as did his father ISAAC and his grandfather ABRAHAM had
had before him!

ในชุดทีส ้
่ องของฝาแฝด มีการต่อสูภายในครรภ์ เหนือสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี
กับยาโคบสูญเสย ี แก่เอซาว อย่างไรก็ตาม พระเจ ้าทาให ้ถูกต ้องโดยการให ้
เอซาวขายสท ิ ธิบต ุ รหัวปี แก่ยาโคบน ้องชายของเขาด ้วยสตูวห ์ นึง่ ชาม
เพือ
่ ยินยอมให ้ยาโคบได ้มีสท ิ ธิทัง้ การอวยพรและสท
ิ ธิบต
ุ รหัวปี
อย่างทีอ ิ อัคบิดาของเขาทาและอับราฮัมปู่ ของเขาได ้มีกอ
่ ส ่ นเขา!

In the CASE of the THIRD set of TWINS, the ONE DESERVING of the BIRTHRIGHT
and the BLESSING was NAMED PHAREZ for he had WON the STRUGGLE WITHIN THE
WOMB. We will continue later on in this BOOK to discuss the BIRTHRIGHT and BLESSING,
but let us now return to the Story of JACOB.

ในกรณีของชุดทีส ่ ามของฝาแฝด
คนหนึง่ ซงึ่ สมควรได ้รับสทิ ธิของบุตรหัวปี และการอวยพรชอ ื่ ว่า PHAREZ เปเรซ

สาหรับเขาได ้ชนะการต่อสูภายในครรภ์
เราจะต่อเนือ ่ งภายหลังในหนั งสอ ื เล่มนีเ้ พือ ิ ธิบต
่ อภิปรายสท ุ รหัวปี และการอวยพร
แต่ตอนนีใ้ ห ้เราย ้อนกลับไปยังเรือ่ งของยาโคบ

Return to the Story of JACOB / กลับไปยังเรือ


่ งของยาโคบ

After JACOB completes the second SEVEN years of service to his father-in- law Laban,
he then receives RACHEL, his first LOVE, in MARRIAGE. After JACOB'S MARRIAGE to
RACHEL, THE LORD SEES that there is a jealousy between the two sisters and JACOB leans

66
more toward RACHEL than to Leah. So GOD, keeping things in BALANCE between the two
sisters, allows Leah to CONCEIVE and bear a child first. Leah bears Jacob his FIRST son and
she calls his name Reuben. Throughout the story of JACOB the sisters, Leah and RACHEL,
are continually competing for JACOB'S affection and try to win him over by bearing him
sons. With RACHEL being unable as of yet to have a child

หลังจากยาโคบได ้เสร็จสน ิ้ การทางาน 7 ปี ในการรับใชรอบ


้ 2 แก่ลาบันพ่อตาของเขา
เขาจึงได ้รับราเชล รักแรกของเขาในการแต่งงาน หลังจากการแต่งงานของยาโคบกับราเชล
พระเจ ้าเห็นว่ามีความอิจฉาริษยาระหว่างสองพีน ่ ้องและยาโคบเอนเอียงความรักไปทางราเชลมากก
ว่าต่อเลอาห์ ดังนัน ้ พระเจ ้า ยังคงรักษาสงิ่ ต่างๆ ในความสมดุลระหว่างสองพีน ่ ้อง
พระองค์อนุญาตให ้เลอาห์ตงั ้ ครรภ์และให ้กาเนิดบุตรคนแรก เลอาห์ให ้กาเนิดบุตรชายแก่ ยาโคบ
คนแรกและนางเรียกชอ ื่ เขาว่า “รูเบน” ตลอดทัง้ เรือ่ งของยาโคบพีน
่ ้องสองสาว เลอาห์และราเชล
ได ้ชว่ งชงิ อย่างต่อเนือ
่ งสาหรับความรักใคร่ของยาโคบ
และพยายามทีจ ่ ะชนะเขาโดยการให ้กาเนิดบุตรชายแก่เขา
กับราเชลในขณะนั น ้ ยังไม่สามารถมีบต ุ รได ้

with JACOB, and with Leah going through periods of time being unable to
CONCEIVE, the two sisters decide to involve their two Handmaidens for bringing forth
more children to JACOB. The women involved in having JACOB'S TWELVE SONS were Leah
and RACHEL, Leah's handmaiden Zilpah, and RACHEL'S handmaiden Bilhah. Bilhah was
also RACHEL and Leah's half-sister having Laban as well for her father.

กับยาโคบ และเลอาห์กาลังจะผ่านชว่ งเวลาของการไม่สามารถในอันทีจ ่ ะตัง้ ครรภ์


สองพีส
่ าวน ้องสาวตัดสน ิ ใจเพือ ้ งของพวกเขา
่ รวมถึงสองคนรับใชหญิ
สาหรับคลอดลูกเพิม ่ ขึน้ เพือ่ ยาโคบ บรรดาหญิงเกีย
่ วพันในการมีบต
ุ รชาย 12 คนของยาโคบจาก
เลอาห์และราเชล นางศล ิ ปาห์คนรับใชหญิ
้ งของเลอาห์ และนางบิลฮาห์คนรับใชหญิ้ งของราเชล
่ ้องต่างมารดาของราเชลและเลอาห์ ซงึ่ มีลาบัน เป็ นบิดาของเธอเชน
นางบิลฮาห์ยังเป็ นพีน ่ กัน

Leah would then take credit for those children being born by Zilpah, her Handmaiden,
while RACHEL would take credit for those children being born by Bilhah, her Handmaiden.
The following is a listing of JACOB'S TWELVE SONS, and their mothers.

เลอาห์จงึ ได ้รับความโปรดปราน สาหรับเด็กเหล่านั น


้ ทีก ิ ปาห์
่ าลังเกิดโดยศล
้ งของเธอ ในขณะทีร่ าเชลได ้รับความโปรดปราน
คนรับใชหญิ
สาหรับเด็กเหล่านัน ้ ทีก ้ งของเธอ
่ าลังเกิดโดยบิลฮาห์ คนรับใชหญิ
ต่อไปนีก
้ ารรวบรวมรายชอ ื่ ของบุตรชาย 12 คนของยาโคบ และมารดาของพวกเขา

1. Reuben (Mother: Leah) firstborn to Leah – รูเบน (มารดา - เลอาห์) เกิดคนแรกแก่เลอาห์

2. Simeon (Mother: Leah) – สเิ มโอน (มารดา - เลอาห์)

3. Levi (Mother: Leah) - เลวี (มารดา – เลอาห์)

67
4. Judah (Mother: Leah) – ยูดาห์ (มารดา – เลอาห์)

5. Dan (Mother: Bilhah, RACHEL'S Handmaiden and half sister) – ดาน (มารดา - บิลฮาห์
้ งของราเชลและพีน
คนรับใชหญิ ่ ้องต่างมารดา)

6. Naphtali (Mother: Bilhah, RACHEL'S Handmaiden and half sister) – นั ฟทาลี (มารดา –
้ งของราเชลพีน
บิลฮาห์ คนรับใชหญิ ่ ้องต่างมารดา)

ิ ปาห์,
7. Gad (Mother: Zilpah, Leah's Handmaiden) – กาด (มารดา–ศล
้ งของเลอาห์)
คนรับใชหญิ

ิ ปาห์
8. Asher (Mother: Zilpah, Leah's Handmaiden) – อาเชอร์ (มารดา – ศล
้ งของเลอาห์)
คนรับใชหญิ

9. Issachar (Mother: Leah) - อิสสาคาร์ (มารดา – เลอาห์)

10. Zebulun (Mother: Leah) * - เศบูลน


ู (มารดา – เลอาห์)

11. JOSEPH (Mother: RACHEL) firstborn to RACHEL – โยเซฟ (มารดา – ราเชล)


เกิดคนแรกแก่ราเชล

12. Benjamin (Mother: RACHEL) RACHEL dies giving birth to Benjamin! - เบนยามิน (มารดา
ี ชวี ต
– ราเชล) ราเชลเสย ิ จากการให ้กาเนิดเบนยามิน!

* After the birth of Zebulun, Leah gives birth to a daughter, and names her Dinah.

* หลังจากให ้กาเนิดเศบูลน ื่ ของเธอ “ดีนาห์”


ู เลอาห์ให ้กาเนิดบุตรสาว และชอ

JACOB leaves Laban /ยาโคบละทิง้ ลาบัน

Prior to the birth of Benjamin and shortly after the birth of JOSEPH, JACOB suggests to
his father-in-law that he and his family move out of Laban's household. Laban, knowing
that GOD has BLESSED his house merely by JACOB'S PRESENCE there, requests that JACOB
continue to stay on and care for his flocks. JACOB agrees to stay on with Laban for awhile
longer and then Laban asks JACOB what pay he might want for the caring for his flocks?

ก่อนทีจ ่ ะถึงการให ้กาเนิดเบนยามิน และหลังจากการให ้กาเนิดโยเซฟไม่นาน


ยาโคบได ้เสนอแก่พอ ่ ตาของเขาว่า เขาและครอบครัวของเขาจะย ้ายออกจากครัวเรือนของลาบัน
ลาบันนัน้ ได ้รู ้ว่าทีพ
่ ระเจ ้าได ้อวยพรบ ้านของเขาเท่านัน ้ ก็ด ้วยการมียาโคบอยูท ่ นี่ ั่น
เขาจึงขอร ้องยาโคบให ้อยูต ่ อ
่ เพือ ั ว์ของเขา ยาโคบได ้ตกลงทีจ
่ ดูแลฝูงสต ่ ะอยูต
่ อ ่ ไปกับลาบัน
สาหรับชว่ งเวลาสก ั ระยะหนึง่ และจากนัน ้ ลาบันได ้ถามยาโคบว่า
เขาต ้องการอะไรเป็ นค่าตอบแทนสาหรับการดูแลเอาใจใสฝ ่ งู สต
ั ว์ของเขา?

68
JACOB tells Laban that all he would require is that he would give him all the striped
and spotted cattle and goats, and also all the brown sheep that are within the flocks. With
less than one per cent of the herd being born with this abnormality in color, Laban agrees
to honor JACOB'S request. JACOB then separates the spotted and the striped cattle and
goats and as well the brown sheep from Laban's herds, and then moves himself and both of
the flocks a three-day journey (21 miles) away from Laban's household.

ยาโคบบอกแก่ลาบันว่า ทัง้ หมดทีเ่ ขาจะเรียกร ้องคือ ทัง้ หมดของสต ั ว์ตัวลายจุดและด่าง


และรวมไปถึงแกะสน ี ้ าตาลทีอ
่ ยูภ
่ ายในฝูง ใหญ่ รวมกันแล ้วน ้อยกว่า 1%
ของฝูงสตั ว์ทเี่ กิดจากความผิดปกติของส ี ลาบันตกลงทีจ ่ ะให ้เกียรติการเรียกร ้องของยาโคบ
ยาโคบจึงแยกวัวและแพะลายและจุด และเชน ่ กันแกะสน ี ้ าตาลจากฝูงสต ั ว์ของลาบัน
และจากนัน ้ เขาได ้ย ้ายตัวเองและทัง้ ฝูง สต ั ว์จากครัวเรือนของลาบัน ระยะห่างของการเดินทาง 3 วัน
(21ไมล์)

Meanwhile, with JACOB looking after Laban's herds as well as his own, the ANGEL of
THE LORD in a DREAM, instructs JACOB to set up a fenced border around the feeding and
watering area of the animals, and to also paint white stripes on all of the fence posts.
Shortly after JACOB has done what the ANGEL told him to do, the herd population of the
striped and spotted cattle and goats, and that of the brown sheep start to increase. This
increase in the oddly colored animals becomes significant after a period of a few short
years, with JACOB'S herds then outnumbering those belonging to Laban having the nor-
mal coloring. Also, JACOB'S herds have a significantly healthier appearance than those of
Laban's herd.

แต่ในขณะเดียวกันยาโคบได ้ดูแลฝูงสต ั ว์ของลาบันเชน ่ เดียวกันกับเขาเองด ้วย


ทูตสวรรค์ของพระผู ้เป็ นเจ ้าในความฝั น ได ้ชแ ี้ นะยาโคบ
ให ้จัดตัง้ ล ้อมรัว้ รอบเขตแดนของอาหารและพืน ้ ทีก
่ ารให ้น้ าแก่สต ั ว์ตา่ งๆ
และยังมีการทาสข ี าวเป็ นลายเสนรอบรั ้ ว้ ทัง้ หมด
ในระยะเวลาไม่นานหลังจากยาโคบได ้ทาตามทีท ่ ตู สวรรค์ได ้บอก
จานวนฝูงสต ั ว์ววั ลายและแพะด่าง และแกะสน ี ้ าตาลเพิม ่ มาก ขึน้
การเพิม ่ ขึน้ ของสต ั ว์สผี ด
ิ ปกตินเี้ ป็ นหมายสาคัญ

หลังจากใชเวลาในระยะส ั ้ ไม่กป
น ี่ ี กับฝูงสต ั ว์ของยาโคบ
มีจานวนเพิม ่ ขึน้ มากกว่าฝูงสต ั ว์ทม ี่ ส ี กติของลาบัน นอกจากนี้
ี ป
ฝูงสต ั ว์ของยาโคบยังมีลักษณะทีแ ่ ข็งแรงกว่าฝูงสต ั ว์ของลาบัน

When Laban's sons see the vast numbers of JACOB'S herd and how they now greatly
outnumber their father's herd, they start to accuse JACOB of cheating their father out of his
flocks. JACOB knowing how Laban had cheated him during the time he had worked for him
then decides, due to their accusations against him, that it was time for him and his family to
move away from Laban.

69
เมือ่ บุตรชายของลาบันเห็นตัวเลขมากมายของฝูงสัตว์ของยาโคบ
เขาเริม ่ ทีจ่ ะกล่าวโทษว่ายาโคบได ้โกงพ่อของเขาจากฝูงสต ั ว์ของเขา
และวิธก ี ารนีช้ ว่ ยพ่อของเขาทีจ ั ว์เพิม
่ ะมีฝงู สต ่ มากขึน ้
ยาโคบนัน ้ ได ้รู ้ว่าลาบันได ้วางกับดักหลอกลวงเขาในชว่ งเวลาทีเ่ ขาได ้ทางานรับใชอยู
้ ่
เนือ ่ งด ้วยการถูกกล่าวโทษ กล่าวหา เขาจึงตัดสน ิ ใจว่า
นีเ่ ป็ นเวลาสาหรับเขาและครอบครัวของเขาทีจ ่ ะย ้ายออกไปจากลาบัน

During their process of moving, both Leah and RACHEL complain to JACOB about
Laban not giving anything to them for a dowry and their having to leave with nothing. So
RACHEL decides to steal from her father his molten images (idols) that were made of gold
and silver, to make up for their loss!

ในระหว่างขัน
้ ตอนของการเคลือ ่ นย ้ายของพวกเขา
ทัง้ เลอาห์และราเชลแสดงความไม่พอใจต่อยาโคบเกีย ่ วกับลาบัน
ไม่ให ้อะไรก็ตามแก่พวกเขาในสน ิ เดิมของหญิง
และการเป็ นเจ ้าของของพวกเขาทีจ ่ ะจากไปกับการไม่มอ ี ะไร ดังนัน
้ ราเชล
ตัดสน ิ ใจเพือ
่ ขโมยรูปเคารพ สงิ่ ของทีบ ่ ชู ากราบไหว ้ทัง้ สนิ้ จากบิดา ทีไ่ ด ้ถูกทาขึน
้ ของทองและเงิน
เพือ ่ ทดแทนสาหรับการสูญเสย ี ของพวกเขา!

Once Laban has heard that JACOB left the area and sees that his molten images had
been stolen, he charges JACOB with the theft and chases after him with a number of armed
servants. While on the way, Laban is warned in a DREAM by an ANGEL of GOD, that he
should not cause any harm whatsoever to come upon JACOB. After a few days in pursuit of
JACOB, Laban and his men finally catch up to JACOB'S caravan.

ครัง้ หนึง่ เมือ


่ ลาบันได ้ยินว่ายาโคบ ได ้ออกจากพืน ้ ทีแ
่ ละเห็นว่ารูปเคารพของเขาได ้ถูกขโมย
เขากล่าวหายาโคบกับการขโมย และไล่ลา่ ตามหลังเขากับคนรับใชติ ้ ดอาวุธจานวนหนึง่
ในขณะทีใ่ นระหว่างทาง ลาบันถูกเตือนในความฝั นโดยทูตสวรรค์ของพระเจ ้า
ว่าเขาไม่ควรจะก่อให ้เกิดอันตรายใดๆ ทัง้ สน ิ้ ทีจ
่ ะมาเหนือยาโคบ
หลังจากไม่กวี่ น
ั ในการติดตามยาโคบ
ลาบันและคนของเขาในทีส ่ ด
ุ ตามมาทันถึงขบวนนักเดินทางของยาโคบ

They immediately accuse JACOB of sneaking out of the area without any notification
of leaving, and also accuse him of stealing Laban's molten images. JACOB offers to let them
search his camp for the stolen articles and tells them that they may kill anyone in his camp
who has those articles in their possession

พวกเขากล่าวหาการหลบหนีออกจากพืน ้ ทีข
่ องยาโคบโดยทันที
ปราศจากการแจ ้งล่วงหน ้าใดๆ ของการจากไป
และยังกล่าวหาเขาของการขโมยรูปเคารพของลาบัน
ยาโคบเสนอให ้พวกเขาตรวจค ้นค่ายของเขาสาหรับสงิ่ ของทีไ่ ด ้การลักขโมย

70
และบอกพวกเขาว่าพวกเขาอาจจะฆ่าใครก็ตามในค่ายของเขา
ผู ้ซงึ่ มีสงิ่ ของเหล่านั น
้ ในการครอบครองของพวกเขา

RACHEL, being pregnant with Benjamin remains on her camel while her father
searches both her and Leah's tents for his images. RACHEL, having hid the images (idols) in
her saddlebags remains on her camel and Laban does not search the camel's saddlebags.
When Laban is unable to find the missing images among their possessions, he then has a
change of heart. Laban decides to make a covenant (agreement) with JACOB so they may
live peaceably as neighbors. JACOB and Laban then jointly set a boundary between them,
and agree that neither would violate the boundary separating them and their herds.
On the following morning Laban leaves the camp of JACOB and never again sees JACOB or
his family.

ราเชล ขณะนัน ้ ได ้ตัง้ ครรภ์เบนยามิน ขณะทีอ ่ ยูบ


่ นอูฐของเธอ
ในขณะทีบ ่ ด ิ าของเธอค ้นหาทัง้ เต็นท์ของเธอและเต็นท์ของเลอาห์ เพือ ่ หารูปเคารพของเขา ราเชล
มีรป ู เคารพซอ ่ นอยู่ (สงิ่ ของทีบ ่ ช ิ้ )
ู ากราบไหว ้ทัง้ สน
ในถุงทีบ ่ รรทุกหลังอูฐข ้างละใบยังคงอยูบ ่ นอูฐของเธอ
และลาบันไม่ได ้ค ้นหาถุงทีบ ่ รรทุกหลังของอูฐ
เมือ่ ลาบันไม่สามารถทีจ ่ ะค ้นหารูปเคารพทีห ่ ายไปท่ามกลางทรัพย์สมบัตข ิ องพวกเขา
เขาจึงเปลีย ่ นใจ ลาบันตัดสน ิ ใจทีจ่ ะทาขึน
้ สญั ญา (ข ้อตกลง)
กับยาโคบดังนัน ้ พวกเขาอาจจะชอบความสงบสุขอาศัยอยูอ ่ ย่างเพือ
่ นบ ้าน
ยาโคบและลาบันจึงร่วมกันจัดตัง้ เสนแบ่ ้ งเขตระหว่างพวกเขาและตกลงว่า
ทัง้ สองฝ่ ายจะไม่ฝ่าฝื นเสนแบ่ ้ งเขตการแยกของพวกเขาและฝูงสต ั ว์ของพวกเขา
ในเชาวั ้ นต่อมาลาบันได ้ออกจากค่ายของยาโคบและไม่เคยเห็นยาโคบและครอบครัวของเขาอีกเลย

JACOB moves on / ยาโคบเคลือ


่ นย ้าย

With the ANGELS of GOD guarding JACOB'S every footstep and JACOB being able to
see them who are providing his protection, JACOB calls the name of the area, Ma'-ha-na'-
im, meaning, "two camps" (or more correctly "camped with the ANGELS"). JACOB gave it
that name because the ANGELS of THE LORD were camped next to him.

กับทูตสวรรค์ของพระเจ ้าได ้อารักขาทุกย่างก ้าวของยาโคบ และยาโคบ


สามารถทีจ ่ ะเห็นพวกเขาผู ้ซงึ่ จัดเตรียมกาลังการคุ ้มครองต่อเขา ยาโคบเรียกชอ
ื่ ของพืน
้ ที่ “Ma'-
ha-na'-im มาหะนาอิม” มีความหมาย “สอง เต ้นท์” (หรือเรียกอย่างถูกต ้องกว่า
“ตัง้ เต ้นท์กับทูตสวรรค์”)
ยาโคบตัง้ ชอ ื่ นัน
้ เพราะว่าทูตสวรรค์ของพระเจ ้าได ้ตัง้ ค่ายถัดไปจากของเขา

JACOB continues on his journey and enters the land of E'-dom. With E'- dom being the
area where his brother Esau lives, JACOB has a great concern regarding him and his
family's welfare, remembering his brother Esau's prior threats. With JACOB not having any

71
contact whatsoever with Esau for nearly twenty- five years, he decides to send off one of
his servants ahead of him so the servant might be able to confront Esau prior to JACOB.
JACOB also sends gifts with the Servant to appease any anger Esau may still have against
JACOB over the BIRTHRIGHT dispute.

ยาโคบกับการเดินทางของเขายังดาเนินต่อไปและเข ้าไปในดินแดนของเอโดม กับ E'- dom


เอโดม คือพืน ้ ทีท่ พ ี่ ายของเขาเอเซาวได ้อาศัยอยู่
ี่ ช
ยาโคบมีความกังวลอย่างยิง่ เกีย ่ วกับตัวเขาและสวัสดิภาพของครอบครัวของเขา
นึกถึงการข่มขูค ่ ก ุ คามเมือ ่ คราวก่อนของเอซาวพีช ่ ายของเขา กับยาโคบไม่มก ี ารติดต่อใดๆ
ทัง้ สน ิ้ กับเอซาวสาหรับเวลาเกือบ 25 ปี เขาจึงตัดสน ิ ใจสง่ คนรับใชหนึ
้ ง่ คนของเขาออกไป
เพือ ่ สง่ ออกหนึง่ ของคนรับใชของเขามุ ้ ง่ ไปล่วงหน ้าก่อนเขา
ดังนัน ้
้ คนรับใชอาจจะสามารถที จ ิ หน ้ากับเอซาวก่อนถึงยาโคบ
่ ะเผชญ
ยาโคบยังได ้สง่ ของขวัญไปกับคนรับใชเพื ้ อ
่ ระงับโทสะเอซาวซงึ่ อาจจะยังคงมีอคติตอ ่ ยาโคบเหนือ
ข ้อพิพาทสท ิ ธิบต ุ รหัวปี

Due to GOD'S BLESSINGS, JACOB'S caravan is enormous in size. JACOB has acquired
menservants and maidservants, large numbers of cattle, sheep and goats, oxen, and camels
and has to move at a relatively slow pace with the caravan being so large. So when the
servant whom he had sent out returns to the caravan, he tells JACOB that his brother ESAU
is approaching them with four hundred men. This causes JACOB to split up his caravan into
several groups, because he assumes that Esau will attack them and maybe some of the
groups might be able to escape if they were separated. JACOB also gives each of the groups
some animals to be offered for gifts to Esau, in hope that the gifts would please him and
forego any vengeful actions he might be planning.

เนือ
่ งจากการอวยพรของพระเจ ้า ขบวนคาราวานของยาโคบ มีขนาดใหญ่โต ยาโคบ

ได ้มีคนรับใชชายและหญิ ง กับจานวนของฝูงวัว แกะและแพะ วัวตัวผู ้ และอูฐ ทีเ่ พิม
่ มากขึน
้ ดังนัน

การเคลือ ่ นย ้ายกองคาราวานจึงเป็ นไปค่อนข ้างชา้ ดังนั น ้
เมือ ่ คนรับใชผู้ ้ซงึ่ เขาได ้สง่ ออกไปกลับมายังขบวนคาราวาน เขาได ้บอกยาโคบว่า
เอซาวพีช ่ ายของเขากาลังใกล ้เข ้ามาถึงพวกเขา พร ้อมกับชายจานวนสรี่ ้อยคน
นีเ่ ป็ นเหตุให ้ยาโคบตัดแบ่งขบวนคาราวานของเขาไปในหลายๆ กลุม ่ เพราะว่าเขาทึกทักเอาว่า
เอซาวจะโจมตีพวกเขาและบางคนของกลุม ่ อาจจะสามารถหลบหนีได ้ หากพวกเขาถูกแบ่งแยกกัน
ยาโคบได ้แบ่งกลุม ั ว์บางชนิดเพือ
่ สต ่ ทีจ
่ ะเสนอสาหรับเป็ นของขวัญแก่เอซาว
ในความหวังว่าของขวัญจะให ้ความพอใจแก่เขาและอภัยการกระทาใดๆ
ทีม ่ ใี จพยาบาทเขาอาจจะกาลังวางแผนอยู่

Being the LAST group, that evening JACOB decides to send his TWO WIVES, Leah and
RACHEL, and his two Concubines, Zilpah and Bilhah, and their children, over the brook Jab'
-bok, while he himself stays behind. He does this not out of fear for his own life but does so
rather for his family's protection. JACOB thought that if Esau were to see that he was
lagging behind the droves that had been sent out before him, that Esau would then pass by

72
them to continue on looking for JACOB, therefor giving the forward groups a chance to
escape harm's way.

เป็ นกลุม ่ สุดท ้ายในตอนคา่ ทีย ่ าโคบตัดสน ิ ใจสง่ ภรรยาสองคนของเขา เลอาห์และราเชล


และภรรยาน ้อยสองคนของเขา ศล ิ ปาห์และบิลฮาห์ และลูกๆ ของพวกเขา ข ้ามลาธาร “Jab' -
bok ยับบอก” ในขณะทีต ่ ัวเขาเองอยูข่ ้างหลัง
ทีเ่ ขาทาเชน ่ นีไ
้ ม่ได ้เกิดจากความกลัวสาหรับชวี ต ิ ของเขาเอง แต่ทาเพือ
่ ป้ องกันครอบครัวของเขา

JACOB thought that if Esau were to see that he was lagging behind the droves that had
been sent out before him, that Esau would then pass by them to continue on looking for
JACOB, therefor giving the forward groups a chance to escape harm's way.

ยาโคบคิดว่าถ ้าเอซาวเห็นว่า เขาอยูข ่ ง่ ไปก่อนหน ้าเขา


่ ้างหลัง และเอซาวคงจะผ่านคนทีส
จากนัน
้ เอซาวจะผ่านพวกเขาเหล่านั น ้ ไป เพือ ่ ทีจ
่ ะมองหายาโคบ
จากนัน้ เป็ นโอกาสทีก
่ ลุม
่ ข ้างหน ้ามีหนีออกจากการโมโหโจมตีของเอซาว

JACOB, fights with the ANGEL/ยาโคบต่อสูกั้ บทูตสวรรค์

This particular story about JACOB'S fighting with the ANGEL has been improperly
taught by many trying to teach the WORD of GOD, and most certainly has been
misunderstood by the clergy throughout the ages. One must UNDERSTAND first and
foremost, that no man can possibly contend with an ANGEL even if assisted by an army.
One single ANGEL in one night killed 185,000 Assyrians to keep them from entering into
the city of JERUSALEM (Isaiah 37: 36). This was but a small order for the ANGEL who was
sent for that mission.

โดยเฉพาะเรือ ่ งนีซ้ งึ่ เกีย ้


่ วกับการต่อสูของยาโคบกั บทูตสวรรค์
ไม่ได ้สอนอย่างถูกต ้องเหมาะสม โดยหลายอย่างเป็ นการพยายามสอนพระคาของพระเจ ้า
และแน่นอนทีส ่ ด
ุ เกิดเป็ นความเข ้าใจผิดโดยพวกนักเทศนาตลอดมา
คนหนึง่ ต ้องเข ้าใจก่อนและสาคัญทีส ่ ด
ุ ว่าไม่มม ี นุษย์คนใดเป็ นไปได ้สามารถต่อสูกั้ บทูตสวรรค์
ไม่แม ้แต่จะเป็ นกองทัพทหารทีจ ่ ะต่อสูกั้ บทูตสวรรค์ เพราะทูตสวรรค์องค์เดียวในคืนหนึง่ ฆ่า
185,000 ชาวอัสซเี รีย เพือ ่ ให ้พวกเขาออกจากการล ้อมเมืองเยรูซาเล็ม (อิสยาห์ 37:36)
การกระทาเชน ่ นีเ้ ป็ นคาสงั่ เล็กน ้อยสาหรับทูตสวรรค์ผู ้ซงึ่ ถูกสง่ สาหรับภารกิจทีไ่ ด ้รับมอบหมาย
ั่ )
(มิชชน

The ANGEL that wrestled all night with JACOB was the ANGEL GABRIEL, who is a
PRINCE in HEAVEN and quite POWERFUL! GABRIEL was sent by GOD to accomplish two
MISSIONS. The first mission was to prevent JACOB from crossing over the brook Jab'-bok
that evening, as GOD knew that Esau needed further time to quench the anger that he still
had towards his brother JACOB. As the evening wore on that night, JACOB started having
second thoughts about his staying behind and felt that he should cross over the brook that
evening and be with his family who he had sent across earlier.

73
ทูตสวรรค์ทป ้ ง้ คืนกับยาโคบเป็ นทูตสวรรค์กาเบียล
ี่ ล้าสูทั
ผู ้ซงึ่ เป็ นเจ ้าชายในสวรรค์และค่อนข ้างมีอานาจมาก! กาเบรียล ถูกสง่ โดยพระเจ ้าเพือ ่ บรรลุ 2
ภารกิจทีไ่ ด ้รับมอบหมาย (มิชชน ั่ ) ภารกิจแรกคือเพือ ่ ป้ องกันยาโคบจากการข ้ามไปยังลาธาร “Jab'-
bok ยับบอก” ในตอนเย็นนัน ้ อย่างทีพ ่ ระเจ ้ารู ้ว่าเอซาวยังต ้องการเวลาต่อไป
เพือ ่ ระงับความโกรธทีเ่ ขายังคงมีตอ ่ ยาโคบ น ้องชายของเขา ในตอนเย็นของคืนนัน ้ ยาโคบ
เริม ่ การมีความคิดทีส ่ องเกีย ่ วกับการหลบอยูช ่ ว่ งท ้ายสุดหรือเขาควรจะข ้ามไปยังลาธารเย็นนั น
้ และเ
พือ ่ ไปอยูก ่ ับครอบครัวของเขาซงึ่ เขาได ้สง่ ข ้ามไปก่อนหน ้านี้

Although the story seems to be otherwise, it wasn't really JACOB that was holding
back the ANGEL, but rather the ANGEL who was holding back JACOB. The TRUTH of this
matter is verifiable by the Scriptures! The Scriptures say that at daybreak the ANGEL then
touched JACOB'S thigh causing the muscle in his thigh to shrink. This caused JACOB to walk
with a limp for the rest of his life. This incident was purposely put into the Scriptures to
show those who read them, that the ANGEL had superior POWER over JACOB and at
anytime could overcome him. However, the ANGEL wasn't sent to harm JACOB but was
rather sent to save his life by delaying his crossing over the brook and meeting Esau, prior
to the following morning.

แม ้ว่าเรือ
่ งราวดูเหมือนจะเป็ นในทางตรงกันข ้าม แต่ไม่ได ้เป็ นอย่างนัน ้ จริงๆ
ยาโคบไม่ได ้ยับยัง้ ทูตสวรรค์ แต่แทนทีด ่ ้วยทูตสวรรค์ผู ้ซงึ่ ได ้กาลังยับยัง้ ยาโคบ
เรือ
่ งนีค
้ อ
ื สามารถพิสจ ู น์ความจริงได ้โดยข ้อความในพระคัมภีร ์ ! ข ้อความในพระคัมภีรพ ์ ดู ว่า
ก่อนรุง่ อรุณทูตสวรรค์จงึ แตะต ้นขาของยาโคบ ก่อให ้เกิดกล ้ามเนือ ้ ในต ้นขาของเขาหดตัว
(ต ้นขาเคล็ด) การกระทาเชน ่ นีท
้ าให ้ยาโคบ เดินขาเป๋ สาหรับชว่ งนั น ้ ของชวี ต ิ เขา
เหตุการณ์นเี้ ป็ นโดยเจตนาวางเข ้าไปในข ้อความในพระคัมภีรเ์ พือ ่ แสดงให ้ผู ้อ่านได ้เห็น
ว่าทูตสวรรค์มอ ี านาจอยูเ่ หนือกว่ายาโคบ และในทุกโอกาสสามารถทีจ ่ ะเอาชนะเขา
แต่อย่างไรก็ตาม ทูตสวรรค์ไม่ได ้ถูกสง่ มาเพือ ่ ทาร ้ายยาโคบ แต่ถก ู สง่ มาเพือ ่ ชว่ ยชวี ติ ของเขา
โดยยืดเวลาการข ้ามไปยังลาธารของเขาและการพบกับเอซาว ก่อนทีจ ้
่ ะเชาในวั นต่อมา

The second mission the ANGEL was sent to accomplish, was the RENAMING of
JACOB, ISRAEL (meaning, "GOD'S PEOPLE"), and then to BLESS THE NAME of ISRAEL. ALL
ANGELS of HEAVEN are MESSENGERS of GOD and are representatives of the HOLINESS of
GOD. Therefor, any confrontation … with the ANGEL can be considered to be a
CONFRONTATION with GOD. This is what is meant in the Scriptures, when it is said,
"JACOB wrestled with GOD", as the ANGEL that confronted JACOB was a REPRESENTATIVE
of GOD. Read this story about JACOB'S wrestling with the ANGEL in the 32nd Chapter of the
Book of Genesis, verses 24 through 32.

ภารกิจทีส่ องของทูตสวรรค์ ได ้ถูกสง่ เพือ ่ บรรลุผลสาเร็จ คือ การเปลีย ื่ ของยาโคบ


่ นชอ
อิสราเอล (มีความหมายว่า “ประชากรของพระเจ ้า”) และจากนัน ื่ ของอิสราเอล
้ อวยพรชอ
ทูตสวรรค์ทัง้ หมดของสวรรค์เป็ นผู ้สง่ สารของพระเจ ้าและเป็ นผู ้แทนของความบริสท ุ ธิผ
์ ด
ุ ผ่องปราศ
จากบาปของพระเจ ้า ด ้วยเหตุนี้ การเผชญ ิ หน ้าใดๆ...
74
กับทูตสวรรค์สามารถได ้รับการพิจารณาเพือ ่ เป็ นการเผชญ ิ หน ้ากับพระเจ ้า
นีค ื สงิ่ ทีม
่ อ ่ ค
ี วามหมายในข ้อความในพระคัมภีร ์ เมือ ่ เป็ นการพูดว่า “ยาโคบปล้าสูกั้ บพระเจ ้า”
อย่างทีท ่ ต
ู สวรรค์ได ้เผชญิ หน ้ากับยาโคบเป็ นผู ้แทนของพระเจ ้า
อ่านเรือ่ งนีเ้ กีย่ วกับการปล้าสูกั้ บยาโคบกับทูตสวรรค์ในบทที่ 32: 24-32 ของหนั งสอ ื ปฐมกาล

JACOB Reunites with Esau / ยาโคบได ้กลับมาคืนดีกน


ั อีกครัง้ กับเอซาว

At daybreak after the ANGEL leaves JACOB, he crosses over the brook and joins his
family. Shortly thereafter, JACOB sees Esau coming from the distance and separates first
the handmaids (his Concubines) with their children from him, then Leah with his other
children from her, and finally RACHEL and JOSEPH, with JACOB going out before them all.
As he approaches Esau, JACOB bows himself to the ground SEVEN times to show his
HUMBLENESS toward his brother.

รุง่ อรุณเกือบจะเชา้ หลังจากทูตสวรรค์จากยาโคบไป


เขาข ้ามลาธารไปเข ้าร่วมกับครอบครัวของเขา ในไม่ชาหลั ้ งจากนั น
้ ยาโคบได ้เห็นเอซาว
จากระยะทางไกลและจึงได ้แบ่งแยกหญิงรับใช ้ (ภรรยาน ้อยของเขา) กับลูกๆ ของพวกเขาจากเขา
เดินทางไปข ้างหน ้าก่อน แล ้วก็เลอาห์กับลูกคนอืน ่ ๆ ของเขาและท ้ายทีส
่ ด
ุ ราเชลและโยเซฟ
แต่ยาโคบได ้ออกไปก่อนพวกเขาทัง้ หมด เมือ ่ ใกล ้มาถึงเอซาว ยาโคบ
ได ้ก ้มศรี ษะของเขาเองไปยังพืน ้ ดินเจ็ดครัง้ เพือ
่ แสดงความตา่ ต ้อยของเขาไปยังพีช ่ ายของเขา

When Esau sees this, he then runs toward JACOB and when they meet they embrace
one another and both weep. JACOB then introduces his Wives, his Handmaids (Concubines)
and all of his children to his brother Esau, and offers Esau the gifts he had set aside for him.
Esau initially refuses the gifts but after JACOB further insists that Esau take them, Esau then
accepts the gifts graciously. Then each of the brothers, JACOB and Esau, go their separate
ways with Esau returning to Se' -ir and JACOB going to a city in the area of She'- chem. Just
outside of the city Sha'-lem, JACOB pitches his tent and purchases a parcel of land.

เมือ ่ นี้ เขาจึงวิง่ เข ้าตรงเข ้าไปหายาโคบ


่ เอซาวเห็นเชน
และเมือ ่ พวกเขาพบกันพวกเขาสวมกอดกันและทัง้ คูก ่ ็ร ้องไห ้ ยาโคบจึงแนะนาภรรยาของเขา
หญิงรับใชของเขา้ (ภรรยาน ้อย) และลูกๆ ของเขาทัง้ หมดต่อเอซาวพีช ่ ายของเขา
และเสนอของขวัญทีเ่ ขาได ้เก็บหอมรอบริบแก่เอซาว เอซาวปฏิเสธของขวัญในเบือ ้ งต ้น
แต่หลังจากนัน ้ ยาโคบ ยืนกรานผลักดันให ้เอซาวรับของกานัลเอาไว ้
เอซาวจึงยอมรับของขวัญอย่างมีเมตตากรุณา จากนัน ้ พีน่ ้องแต่ละคน ยาโคบและเอซาว
ได ้แบ่งแยกของพวกเขากับเอซาวกลับไปยัง Se' -ir เสอีร ์
และยาโคบเดินทางไปยังเมืองหนึง่ ในดินแดนของเชเคม บริเวณด ้านนอกของเมืองเชเลม
ยาโคบตัง้ เต็นท์ของเขาและซอ ื้ ทีด
่ น
ิ แปลงหนึง่

75
After buying the land, JACOB/ISRAEL then erects an altar to GOD and makes a
SACRIFICE to THE LORD in thanksgiving for the BLESSINGS and PROTECTION that GOD
had provided him with on his journey.

ยาโคบ/อิสราเอล หลังจากซอ ื้ ทีด


่ น

ได ้สร ้างแท่นบูชาขึน ้ เพือ
่ พระเจ ้าและทาเครือ ่ งบูชาถวายต่อพระผู ้เป็ นเจ ้า
ในวันขอบคุณพระเจ ้าสาหรับการอวยพรและการคุ ้มครอง
ทีพ
่ ระเจ ้าได ้จัดเตรียมเขากับการเดินทางของเขา

The Defiling of Dinah / การเป็ นมลทินของดีนาห์

Shortly after JACOB and his family and servants, had settled into their new home,
Dinah, JACOB'S one and only daughter, decides to go off to meet the other people living in
the area. Once She' -chem, who was the prince of the country where JACOB now lives sees
Dinah and how beautiful she was, he immediately wants her. She'-chem then takes Dinah to
his house and has an intimate relation with her and this DEFILES Dinah because She' -chem
was not a HEBREW and was not circumcised, nor had he asked the approval of JACOB for
her hand in marriage. This in the eyes of the HEBREW was a RAPE!


ในไม่ชาหลั งจากยาโคบและครอบครัวของเขาและคนรับใช ้
ได ้ตัง้ รกรากเข ้าไปในบ ้านหลังใหม่ของพวกเขา ดีนาห์ หนึง่ และบุตรสาวคนเดียวของยาโคบ
ตัดสน ิ ใจออกไปเพือ ่ พบปะผู ้คนอืน ่ ๆ ทีอ ่ าศัยอยูใ่ นพืน้ ที่ ครัง้ หนึง่ เมือ
่ เชเคม
ผู ้ซงึ่ เป็ นเจ ้าชายของประเทศทีซ ่ งึ่ ยาโคบขณะนีอ ้ าศัยอยู่ เห็นดีนาห์
และความสวยงามของเธอเป็ นอย่างไร เขาต ้องการเธอในทันทีทันใด
เชเคมจึงนาดีนาห์ไปยังบ ้านของเขาและมีความสม ั พันธ์กันลึกซงึ้ กับเธอ และทาให ้ดีนาห์เป็ นมลทิน
นีเ้ พราะว่า เชเคมไม่ใชค ่ นฮบ
ี รูและไม่ได ้เข ้าสุหนั ต
และเขาไม่ได ้ขออนุญาตต่อยาโคบเพือ ่ ทีจ ่ ะสวมแหวนแต่งงานให ้เธอ
การกระทาเชน ่ นีใ้ นสายตาของคนฮบ ี รูเป็ นการข่มขืน!

She' -chern, being madly in love with Dinah then goes to his father Ha' -mor, a Hi' -
vite, and asks his father if he would go to JACOB and ask for Dinah's hand in Marriage for
him. Once Ha' -mor meets with JACOB he explains that the land they live in is plentiful and
with him being the Landlord, they could live in peace together if JACOB will give Dinah to
his son She' -chern in MARRIAGE.

เชเคม ได ้คลั่งไคล ้ในความรักทีม ่ ตี อ


่ ดีนาห์ จากนัน
้ เขาจึงไปหาบิดาของเขา ฮาโมร์
คนฮไี วต์ และขอร ้องบิดาของเขา ให ้บิดาของเขาไปหายาโคบและขอร ้องให ้สวมแหวนทีม ่ อ

ของดีนาห์ ในการแต่งงาน สาหรับเขา เมือ ่ ฮาโมร์ พบกับยาโคบ เขาอธิบายว่า
ดินแดนทีพ ่ วกเขาได ้อาศยั อยูน
่ ัน
้ อุดมสมบูรณ์และเขาเป็ นเจ ้าของทีด ่ น

พวกเขาสามารถอาศัยอยูใ่ นความสงบด ้วยกัน
ถ ้ายาโคบจะให ้ยกดีนาห์ให ้แก่บต ุ รชายของเขาเชเคมในการแต่งงาน

76
When JACOB'S sons hear of what had happened to their sister Dinah, they become
irate, claiming that She'-chem had DEFILED their sister. JACOB'S sons then demand from
Ha' -mor that he and all of the males both relatives and servants in his household be
circumcised. Ha'-mor and She'-chem are further told by the sons, that after they are
circumcised they could then be accepted into the family of ISRAEL.

เมือ
่ บุตรชายของ ยาโคบ ได ้ยินเรือ่ งราวสงิ่ ทีไ่ ด ้เกิดขึน
้ ต่อดีนาห์น ้องสาวของพวกเขา
พวกเขากลายเป็ นเดือดดาล ประกาศเรียกร ้องทีเ่ ชเคมได ้สร ้างมลทินแก่น ้องสาวของพวกเขา
บุตรชายของยาโคบจึงเรียกร ้องจากฮาโมร์

ว่าเขาและชายทัง้ หมดทัง้ ญาติและคนรับใชในครั วเรือนของเขาเข ้าสุหนั ต โดยบุตรชาย
ฮาโมร์และเชเคมได ้บอกต่อไปว่า
หลังจากทีพ ่ วกเขาได ้เข ้าสุหนัตพวกเขาสามารถเป็ นทีย ่ อมรับเข ้าไปในครอบครัวของ อิสราเอล

So, She'-chem, his father, and all of their servants agree to be circumcised. Three days
after this agreement, while they were yet sore from being circumcised, JACOB'S sons
Simeon and Levi, take up swords and kill all of the household Ha' -mor.

ดังนัน ้
้ เชเคม บิดาของเขา และคนรับใชของพวกเขาทั ง้ หมดตกลงทีจ
่ ะเข ้าสุหนั ต
วันทีส่ ามหลังจากข ้อตกลงนี้ ในขณะทีพ
่ วกเขาเจ็บปวดจากการเข ้าสุหนัต
สเิ มโอนบุตรชายของยาโคบและเลวี หยิบดาบขึน ้ และฆ่าครอบครัวของฮาโมร์ทัง้ หมด

They also take all that Ha' -mor had in his possession for themselves. JACOB'S sons
then go to the house of She' -chem and kill him as well, and remove their sister Dinah from
his house. Once JACOB hears about what his sons had done to She' -chern and his father Ha'
-mor, he becomes very concerned about their actions. JACOB tells his sons that once the
local people find out what they had done to Ha -mor and She'-chem, they would then come
after JACOB and his family and more than likely kill them all!

พวกเขายังนาสงิ่ ของทีฮ ่ าโมร์ได ้ในการครอบครองทัง้ หมดมาเป็ นสาหรับพวกเขาเอง


แล ้วบุตรชายของยาโคบ ก็ไปยังบ ้านของเชเคมและฆ่าเขาเชน ่ กัน
และย ้ายพาดีนาห์น ้องสาวของพวกเขาจากบ ้านของเชเคม
ในทันใดทีย ่ าโคบได ้ยินเรือ
่ งราวเกีย่ วกับสงิ่ ทีบ่ ต
ุ รชายของเขาได ้กระทาต่อ
เชเคมและฮาโมร์บด ิ าของเขา
เขาเริม
่ เกิดความวิตกกังวลเป็ นอย่างมากเกีย ่ วกับการกระทาต่างๆของพวกเขา
ยาโคบบอกบุตรชายของเขาว่า เมือ ่ คนในท ้องถิน ่ พบสงิ่ ทีพ
่ วกเขาได ้กระทาต่อฮาโมร์และเชเคม
พวกเขาก็จะตามมาภายหลัง ฆ่า! ยาโคบและครอบครัวของเขาในลักษณะทีเ่ หมือนกัน

JACOB leaves the area of She'chem / ยาโคบละทิง้ พืน


้ ทีข
่ องเชเคม

77
JACOB confronts THE LORD about what his sons had just done at She'-chem, and GOD
tells JACOB that he should leave the area and return to Bethel, to the place where JACOB
had first seen GOD and the LADDER to HEAVEN. Once THE LORD has told JACOB this, he
demands that his sons take all the molten images that they had taken from Ha' -mor and
She' -chern and anything else that they had taken belonging to the Hi' -vites, and give those
articles to him.

ยาโคบได ้เผชญ ิ หน ้ากับพระองค์เจ ้าเกีย


่ วกับสงิ่ ทีบ ่ ต ุ รชายของเขาได ้พึง่ กระทาลงไปทีเ่ ชเค
ม และพระเจ ้าตรัสบอกยาโคบว่าเขาควรจะละทิง้ พืน ้ ทีแ ่ ละกลับไปเบธเอล
ไปยังสถานทีท ่ ซี่ งึ่ ยาโคบได ้เห็นพระเจ ้าครัง้ แรกและบันไดทีไ่ ปยังสวรรค์
ครัน
้ เมือ
่ พระเจ ้าได ้ตรัสบอกยาโคบเชน ่ นี้
เขาต ้องการให ้บุตรทัง้ หลายของเขานารูปเคารพทัง้ หมดทีพ ่ วกเขาได ้ยึดมาจากฮาโมร์และเชเคม
และสงิ่ อืน่ ใดก็ตามทีพ ่ วกเขาได ้เอามาซงึ่ ทรัพย์สมบัตท ิ เี่ ป็ นของคนฮไี วต์
และให ้สงิ่ ของเหล่านั น ้ แก่เขา

JACOB then buries all of the articles of the Hi' -vites, along with their trinkets and
earrings under a tree at She' -chem, prior to their leaving there and going back to Bethel.
Once JACOB and his family had arrived at Bethel, GOD again appears to JACOB. GOD then
RECONFIRMS HIS COVENANT with JACOB and reminds JACOB that he will no longer be
called JACOB, but rather called by his NEW NAME ISRAEL, meaning "GOD'S PEOPLE".
Before ISRAEL leaves Bethel he again makes a pillar of stones and pours out a drink
offering on them and anoints them with oil, HONORING GOD and THE COVENANT that GOD
had made with ISRAEL.

จากนัน ้ ยาโคบจึงฝั งสงิ่ ของทัง้ หมดของคนฮไี วต์ พร ้อมด ้วยเครือ ่ งประดับเล็กๆ น ้อยๆ
และตุ ้มหูใต ้ต ้นไม ้ทีเ่ ชเคม ก่อนทีพ่ วกเขาจะจากทีน ่ ั่นไปและกลับไปยังเบธเอล
ครัง้ หนึง่ เมือ
่ ยาโคบและครอบครัวของเขาได ้มาถึงทีเ่ บธเอล พระเจ ้าได ้ปรากฏอีกครัง้ แก่ยาโคบ
พระเจ ้าจึงยืนยันอีกครัง้ หนึง่ ถึงพันธสญ ั ญาของพระองค์กับยาโคบและเตือนยาโคบ
ว่าเขาจะไม่ถก ู เรียกว่ายาโคบอีกต่อไป แต่แทนทีด ่ ้วยการเรียก ชอื่ ใหม่ของเขา “อิสราเอล”
มีความหมายว่า “ประชากรของพระเจ ้า” ก่อนทีอ ่ ส
ิ ราเอลออกจากเบธเอล
เขาได ้ทาเสาหินขึน ้ อีกครัง้ และเทเครือ่ งดืม
่ บูชาลงบนเสาหินและเจิมเสาหินด ้วยน้ ามัน
เป็ นการถวายเกียรติพระเจ ้าและพันธสญ ั ญาว่าพระเจ ้าได ้ทาให ้กับอิสราเอล

ISRAEL then leaves Bethel and as they approached the city of Eph'-rath
(Bethlehem.) RACHEL goes into hard labor with Benjamin and dies giving birth to ISRAEL
12th and final son. Just prior to her death, RACHEL calls out the name. "Ben-o -ni" but
ISRAEL/JACOB decides to name the 12th son Benjamin. ISRAEL’S wife RACHEL was then
buried there, just outside of the city of BETHLEHEM

อิสราเอล จึงออกจากเบธเอลและอย่างทีพ ่ วกเขาเข ้าไปใกล ้เมืองเอฟราธาห์ (เบธเลเฮม)


ราเชลได ้รับความเจ็บปวดอย่างหนั กกับการให ้กาเนิดเบนยามินและเสย ี ชวี ต
ิ ตอนคลอดบุตรแก่อส
ิ ราเ

78
อลคนที่ 12 และบุตรชายคนสุดท ้อง เป็ นเพียงแค่กอ
่ นถึงแก่ความตายของเธอ ราเชลเรียกชอ ื่
"Ben-o -ni" “เบนโอนี” แต่ อิสราเอล/ยาโคบ ตัดสน ิ ใจตัง้ ชอ
ื่ บุตรชายคนที่ 12 ของเขาว่า
เบนยามิน จากนัน้ ราเชล ภรรยาของอิสราเอล จึงได ้ถูกฝั งทีน ่ ั่น โดยภายนอกของเมืองเบธเลเฮม

Reuben loses his BIRTHRIGHT, and the death of ISAAC

ี สท
รูเบนสูญเสย ิ ธิบต ี ชวี ต
ุ รหัวปี และการเสย ิ ของอิสอัค

Shortly after the death of RACHEL, ISRAEL journeys off to a place just beyond the
after of E' -dar, and there sets up his camp. Just after settling into the area the eldest on
Reuben who was the first born to Leah, DEFILES his father ISRAEL’s bed. Reuben does this
by having sex with his aunt Bilhah, who is his mother Leah and his aunt RACHEL'S half-
sister, but more importantly, she is his father JACOB’S Concubine. By Reuben committing
this act against his father and by HEBREW LAW, the BIRTHRIGHT being once Reuben's,
was now passed over to the FIRSTBORN of RACHEL, ISRAEL'S son JOSEPH.

ในไม่ชาหลั้ งจากการเสย ี ชวี ติ ของราเชล อิสราเอล


ได ้เดินทางออกไปยังสถานทีซ ่ งึ่ อยูถ ่ ัดไปจาก หอคอย E' -dar เอเดอร์ และ
ได ้ตัง้ เต็นท์ของเขาทีน ่ ั่น หลังจากปั กหลักเข ้าไปในแผ่นดินนัน ้
รูเบนบุตรหัวปี ผู ้ซงึ่ เป็ นบุตรเกิดคนแรกแก่เลอาห์
ได ้กระทาสงิ่ ทีเ่ ป็ นมลทินแก่ทน ี่ อนของอิสราเอลบิดาของเขา
รูเบนทาเชน ่ นีโ้ ดยการมีเพศสม ั พันธ์กับบิลฮาห์ป้าของเขา
ผู ้ซงึ่ เป็ นเลอาห์มารดาของเขาและน ้องต่างมารดาของราเชลป้ าของเขา แต่ทส ี่ าคัญมากกว่า
เธอเป็ นภรรยาน ้อยของยาโคบบิดาของเขา โดยรูเบนกระทาเชน ่ นี้
เป็ นแสดงการต่อต ้านบิดาของเขาและโดยกฎหมายฮบ ี รู สท
ิ ธิบตุ รหัวปี ของรูเบน
แต่กอ ่ นเป็ นของรูเบน บัดนีถ ้ ก
ู ผ่านข ้ามไปยังบุตรหัวปี ของราเชล โยเซฟบุตรชายของอิสราเอล

NOTE: In he EYES of GOD THE BIRTHRIGHT WAS ALWAYS JOSEPH'S, BECAUSE RACHEL
WAS ISRAEL'S ONLY CHOICE FOR MARRIAGE, as he had not asked for Leah's hand in
marriage. Only by the betrayal of Laban did JACOB have Leah for a wife. However, with
JACOB being an honorable man, after he had lain with Leah the first night, he could not
deny her in Marriage. For by the HEBREW LAW, JACOB would have DEFILED the Laban
family name and his own family name if he had not taken Leah to be his wife.

หมายเหตุ: ในสายพระเนตรของพระเจ ้าสท ิ ธิบต


ุ รหัวปี เป็ นของโยเซฟเสมอ เพราะว่า
ราเชลคือการเลือกสาหรับการแต่งงานของอิสราเอลเท่านั น ้
อย่างทีเ่ ขาไม่ได ้ถามสาหรับมือของเลอาห์ในการแต่งงาน
เพียงโดยการทรยศของลาบันทาให ้ยาโคบได ้มีเอลาห์เพือ ื่ ตรง
่ เป็ นภรรยา ถึงแม ้ว่ายาโคบเป็ นคนซอ
หลังจากเขาได ้หลับนอนกับเลอาห์คน ื แรก เขาไม่สามารถไม่ยอมรับเธอในการแต่งงาน
แต่สาหรับโดยกฎหมายของฮบ ี รู

79
ยาโคบจะทาให ้เสอ ื่ มเสย
ี ชอ
ื่ เสยี งครอบครัวลาบันและชอ
ื่ เสย
ี งของครอบครัวของเขาเอง
ถ ้าเขาไม่ได ้นาเลอาห์ในอันทีจ ่ ะเป็ นภรรยาของเขา

After the act of Reuben's affair with his father's Concubine Bilhah, ISRAEL then
receives word that his father ISAAC is near death. He and his brother Esau then meet again
and return to the area of He' -bron together, where ISAAC dwelt. ISAAC died shortly after
their arrival in He' -bron being 180 years old. ISRAEL JACOB and Esau then bury their
father ISAAC on a parcel of land that was bought by their grandfather ABRAHAM, where
both ABRAHAM and SARAH were also buried.

หลังจากการกระทาเรือ ่ งความรักใคร่ของรูเบนกับบิลฮาห์ภรรยาน ้อยของบิดาของเขา


แล ้วอิสราเอลจึงได ้รับข่าวคราว ว่าอิสอัคบิดาของเขาใกล ้เสย ี ชวี ติ
เขาและเอซาวพีช ่ ายของเขาจึงพบกันอีกครัง้ และกลับไปยังดินแดนของเฮโบรนด ้วยกัน
่ งึ่ อิสอัคอาศย
ทีซ ั อยู่ หลังจากพวกเขามาถึงเฮโบรน ไม่นานหลังจากนั น ี ชวี ต
้ อิสอัคก็เสย ิ ลงด ้วยอายุ
180 ปี อิสราเอล ยาโคบและเอซาวจึงฝั ง อิสอัค บิดาของพวกเขา
บนทีด ่ น ื้ โดยอับราฮัมปู่ ของพวกเขา ทีซ
ิ หนึง่ แปลงทีไ่ ด ้ซอ ่ งึ่ ทัง้ อับราฮัมและซาราห์ถก ู ฝั งทีน
่ ั่ นด ้วย

6.5 The Story of JOSEPH

เรือ
่ งของโยเซฟ

After the death of ISAAC the family of ISRAEL continued to live in the land of Canaan.
JOSEPH, only seventeen years old at the time was the second to the youngest son of twelve
brothers. While out feeding the flocks with four of his brothers, Dan, Naphtali, Gad, and
Asher, the brothers proceeded to tell JOSEPH how much they and the other older brothers
hated HIM. The ten oldest brothers were extremely jealous of JOSEPH because their father
ISRAEL always treated HIM so much better than them. After being told this, JOSEPH goes
back and tells his father what his brothers had said.

หลังการเสย ี ชวี ต
ิ ของอิสอัค ครอบครัวของอิสราเอล
ยังคงทีจ ่ ะอาศัยอยูใ่ นดินแดนของคานาอัน โยเซฟ อายุเพียงสบ ิ เจ็ดปี
ซงึ่ เป็ นบุตรคนเล็กคนทีส ่ องของพีน ่ ้องสบ ิ สองคน
ในขณะทีก ่ าลังออกไปเลีย ั ว์อยูก
้ งฝูงสต ่ ับพวกพีช
่ าย 4 คนของเขา

ดาน นัฟทาลี กาด และอาเชอร์


ในพีน
่ ้องได ้จัดเตรียมการทีจ ่ ะบอกโยเซฟว่ามากแค่ไหนทีพ ่ วกเขาและพีช
่ ายคนอืน ่ ทีอ
่ ายุมากกว่าเก
ลียดชงั เขา พีช่ ายสบิ คน ทีอ ่ ายุมากกว่าเป็ นผู ้ทีอ
่ จิ ฉาต่อโยเซฟอย่างสุดขัว้ เพราะว่า อิสราเอล
บิดาของพวกเขา ปฏิบัตต ิ อ
่ เขาอย่างดีมากกว่าพวกเขาเสมอ หลังจากได ้รับการบอกเล่านี้ โยเซฟ
กลับไปและบอกบิดาของเขาสงิ่ ทีพ ่ ช
ี่ ายของเขาได ้พูด

The elder brothers were quite jealous of JOSEPH because HE was the FIRSTBORN to
ISRAEL by RACHEL, who was their father's favorite WIFE. ISRAEL had continually showed

80
more LOVE towards her, than to Leah or his two concubines, who were the older boys,
mothers. ISRAEL also made obvious his feelings about JOSEPH and did it in an extreme
way. It was made quite clear to all of the family members after RACHEL'S death,

พีช
่ ายทีอ ่ ายุกว่าคือค่อนข ้างอิจฉาโยเซฟ
เพราะว่าเขาเป็ นบุตรหัวปี ของอิสราเอลกาเนิดโดยราเชล
ผู ้ซงึ่ เป็ นภรรยาซงึ่ เป็ นทีโ่ ปรดปรานของบิดาของพวกเขา
อิสราเอลได ้แสดงความรักอย่างมากอย่างต่อเนือ ่ งต่อเธอ
มากกว่าต่อเลอาห์หรือสองภรรยาน ้อยของเขา ผู ้ซงึ่ เป็ นเด็กชายอายุมากกว่า ต่างมารดา
หลังการเสย ี ชวี ต
ิ ของราเชล อิสราเอลได ้แสดงออกความรู ้สก ึ ของเขาอย่างชัดเจนต่อโยเซฟ
และมากเป็ นพิเศษกว่าสมาชก ิ คนอืน
่ ๆในครอบครัวทัง้ หมด

that JOSEPH was ISRAEL'S favorite SON. ISRAEL'S love for JOSEPH was obvious, for
he had made JOSEPH a SPECIAL COAT of many colors, setting him apart from all the others.
To further kindle the jealousy of the brothers, JOSEPH was continually having dreams
about HIS GREATNESS and telling his brothers about the DREAMS. These DREAMS had
depicted JOSEPH as being special and better than his other brothers were, and that
someday HE was meant by GOD to rule over them! By JOSEPH mistakenly sharing HIS
DREAMS with his brothers it made them hate him all the more.

ว่าโยเซฟเป็ นบุตรชายคนโปรดของอิสราเอล ความรักของอิสราเอลสาหรับโยเซฟ


เห็นออกมาอย่างเด่นชด ั เขาได ้จัดทาเสอ ื้ คลุมหลากสพ ี เิ ศษสาหรับโยเซฟ ตัง้ ค่ายแยกจากคนอืน ่ ๆ
นอกจากนีค ้ วามอิจฉาของบรรดาพีช ่ ายยังติดไฟอยู่
โยเซฟการมีความฝั นเป็ นอย่างต่อเนือ ่ งเกีย่ วกับความยิง่ ใหญ่ของเขาและการบอกบรรดาพีช ่ ายของเ
ขาเกีย
่ วกับความฝั น
ความฝั นเหล่านีไ้ ด ้วาดภาพให ้เห็นโยเซฟอย่างทีก ่ ารเป็ นพิเศษและดีกว่าบรรดาพีช ่ ายคนอืน
่ ๆ
ของเขา และว่าวันหนึง่ เจตนาโดยพระเจ ้า เขาจะปกครองอยูเ่ หนือพวกเขา!
โดยโยเซฟมีความผิดพลาดในการแบ่งปั นความฝั นของเขากับบรรดาพีช ่ ายของเขา
ทาให ้พวกเขาทัง้ หมดเกลียดชงั เขามากยิง่ ขึน ้

One day when the older brothers had gone off to She' -chem to feed the flocks and
ISRAEL had not heard any word from them for several days, he began to worry about them.
So ISRAEL sends JOSEPH off to check on HIS ten older brothers. When JOSEPH gets to She'-
chem and his brothers are no here to be found, JOSEPH asks a local man if he had seen
them. The man tells JOSEPH that his brothers had moved the flocks further on to Do' -than,
for he had overheard them say that they were going to go in that direction because of the
better grazing land there.

วันหนึง่ เมือ
่ บรรดาพีช
่ ายทีแ
่ ก่กว่าได ้ออกไปเมืองเชเคมเพือ
่ นาฝูงสต ั ว์ไปให ้อาหาร
และอิสราเอลไม่ได ้ยินข่าวคราวใดๆ จากพวกเขาหลายวัน เขาเริม
่ ทีจ
่ ะกังวลเกีย
่ วกับพวกเขา
้ อิสราเอล จึงสง่ โยเซฟออกไปเพือ
ดังนัน ่ ตรวจสอบพีช่ าย 10 คนของเขา เมือ ่ โยเซฟไปถึงเชเคม

81
และทีน่ เี่ ขาไม่ได ้พบบรรดาพีช
่ ายของเขา โยเซฟได ้สอบถามชายท ้องถิน ่ เผือ
่ ว่าเขาได ้เห็นพวกเขา
ชายผู ้นัน
้ บอกโยเซฟว่าบรรดาพีช ั ว์ตอ
่ ายของเขาได ้ย ้ายฝูงสต ่ ไปยัง “เมืองโดธาน”
โดยทีเ่ ขาแอบได ้ยินพวกเขาพูดว่าพวกเขากาลังทีจ ่ ะไปในทิศทางนั น ้ เพราะว่าทุง่ เลีย
้ งสตั ว์ของดินแ
ดนทีน
่ ั่นดีกว่า

JOSEPH then heads off to Do' -than to find his brothers. While he was yet far off from
his brothers, they see JOSEPH coming from a distance and make a plot between themselves
to kill him! But the eldest of the brothers, Reuben, suggest that rather than killing JOSEPH
they drop him down into the bottom of a deep pit without any water, and just leave him
there to die. Once JOSEPH finally reaches his brothers they immediately strip him out of his
COAT of many colors which they had despised, and bind him hand and foot and throw him
down into a pit they had found along the way.

โยเซฟจึงมุง่ หน ้าไปข ้างหน ้าไปยังเมืองโดธานเพือ ่ ค ้นหาบรรดาพีช ่ ายของเขา


ในขณะทีเ่ ขายังอยูใ่ นระยะทางไกลจากพวกพีช ่ ายของเขา
พวกเขาเห็นโยเซฟกาลังมาจากระยะทางไกลและพวกเขาได ้วางแผนการเพือ ่ ทีจ
่ ะทาอุบายระหว่าง
พวกเขาเองเพือ ่ ฆ่าเขา! แต่พช ี่ ายคนหัวปี ของบรรดาพีน ่ ้อง รูเบนได ้แนะนาว่า
พวกเขาควรจะหย่อนโยเซฟลงไปในบ่อลึกซงึ่ ไม่มน ี ้ านั น
้ ดีกว่าฆ่า เขา
และแค่ทงิ้ เขาทีน
่ ัน
้ เพือ
่ ให ้เสย ี ชวี ต
ิ ครัง้ หนึง่ โยเซฟ ในทีส ่ ดุ เมือ่ โยเซฟมาถึงพวกพีช ่ ายของเขา
โดยทันที พวกเขาได ้ถอดเสอ ื้ คลุมหลากสข ี องเขาออก นีค ่ อื สงิ่ ทีพ
่ วกเขาได ้เกลียดชงั
และมัดมือและเท ้า และโยนเขาลงไปในบ่อทีพ ่ วกเขาได ้พบระหว่างทาง

While JOSEPH is down in the pit, bound, the brothers sit down to eat and while they
are eating they see a caravan of Ish'-me-el-ites on their way to Egypt. Knowing that the
Ish'-me-el-ites were slave traders, the one brother Judah suggest that rather than just
leaving JOSEPH to die in the pit, they should sell him to the slave traders for some money.
The brothers then sell JOSEPH for twenty piece of silver to the slave traders and he is
taken away and brought into Egypt .Once in Egypt the Ish-me-el-ites sell JOSEPH to an
Egyptian man by the name of Pot -i-phar. Pot' -i-phar is a Captain of the Guard for
Pharaoh's Army and well respected among the Egyptians.

ในขณะทีโ่ ยเซฟอยูข ่ ้างล่างในบ่อ ถูกมัด


พวกพีช ่ ายนั่งลงเพือ
่ รับประทานและในขณะทีพ ่ วกเขากาลังรับประทานอาหาร
พวกเขาเห็นกองคาราวานของพวกเชอ ื้ สายของ อิชมาเอลทีร่ ะยะทางไปยังอียป
ิ ต์
การรู ้ว่าพวกอิชมาเอลเป็ นพ่อค ้าทาส หนึง่ ในพีช ่ าย ยูดาห์
แนะนาว่าแทนทีจ ่ ะการทิง้ โยเซฟทีจ ่ ะตายในบ่อ พวกเขาควรจะ

ขายเขาต่อพ่อค ้าทาสสาหรับเงินบางสว่ น บรรดาพีช


่ ายจึงขายโยเซฟสาหรับ 20
ิ้ ของเหรียญเงินแก่พอ
ชน ่ ค ้าทาส และเขาถูกเอาตัวไป และพาเข ้าไปในอียป ิ ต์
ครัน้ เมือ
่ ไปถึงในอียป
ิ ต์พวกอิชมาเอลขายโยเซฟไปยังชายคนอียป ื่ โบทิฟาร์
ิ ต์ชอ

82
โบทิฟาร์เป็ นผู ้บัญชาการทหารรักษาพระองค์สาหรับฟาโรห์และเป็ นทีเ่ คารพนั บถืออย่างดีทา่ มกลาง
ชาวอียป
ิ ต์

When the eldest brother Reuben returns to check on JOSEPH'S status, he finds the pit
where JOSEPH was is empty, as it was unbeknown to him that the other brothers had sold
JOSEPH to the Ish' -me-el-ites. Once the brothers tell Reuben what they had done with
JOSEPH, Reuben then realizes that with him being the eldest, he would be held responsible
for JOSEPH'S well being. The brothers then among themselves devise a lie to tell their
father regarding JOSEPH’s fate. They take JOSEPH'S COAT of MANY COLORS and dip it in
goat’s blood. Then they bring the coat back to their father and tell him that they had not
seen JOSEPH'S and found only his coat covered with blood.

เมือ
่ รูเบนพีช ่ ายคนโตกลับมาเพือ ่ ตรวจสอบสถานภาพของโยเซฟ
เขาพบบ่อทีซ ่ งึ่ โยเซฟอยูน ่ ัน
้ ว่างเปล่า เขาไม่ได ้รู ้ว่าน ้องชายคนอืน ่ ๆ
ได ้ขายโยเซฟต่อชาวอิชมาเอล ครัน ้ เมือ
่ บรรดาน ้องชายบอกรูเบน
ในสงิ่ ทีพ
่ วกเขาได ้กระทากับโยเซฟ รูเบนจึงตระหนักว่าเกีย ่ วกับเขาการเป็ นคนหัวปี
เขาก็จะต ้องรับผิดชอบสาหรับการเป็ นอยูท ่ ด
ี่ ข
ี องโยเซฟ
บรรดาพีน ่ ้องจากนัน ้ ท่ามกลางพวกเขาเองวางแผนการโกหกเพือ ่ บอกบิดาของพวกเขาเกีย
่ วกับจุดจ
บของโยเซฟ พวกเขานาเอาเสอ ื้ คลุมหลากสข ี องโยเซฟและจุม ่ ในเลือดของแพะ
จากนัน ้ พวกเขานาเสอ ื้ คลุมกลับไปยังบิดาของพวกเขา และบอกเขาว่าพวกเขาไม่พบเห็นโยเซฟ
และพบเสอ ื้ คลุมของเขาปกคลุมด ้วยเลือดเท่านั น ้

When their father, ISRAEL sees the COAT, torn and full of blood, he realizes it is
JOSEPH’s coat and breaks down and cries. After seeing the blood covered COAT, ISRAEL
assumes that JOSEPH had been attacked by some wild animal and ISRAEL grieves for many
days and never gets over the loss of his son J0SEPH. However, ISRAEL knows down deep in
his heart that the brothers had something to do with the loss of JOSEPH.

เมือ
่ บิดาของพวกเขา อิสราเอล เห็นเสอ ื้ คลุม ฉีกขาดและเต็มไปด ้วยเลือด
เขาตระหนั กว่ามันเป็ นเสอ ื้ คลุมของโยเซฟและทรุดตัวลง และร ้องไห ้
หลังจากการเห็นเลือดปกคลุมเสอ ื้ คลุม อิสราเอล
ทึกทักว่าโยเซฟได ้ถูกจูโ่ จมโดยสต ั ว์ป่าบางชนิดและอิสราเอลเศร ้าโศกเสย
ี ใจเป็ นเวลาหลายวันและ
ไม่เคยหายเศร ้าโศกกับการสูญเสย ี โยเซฟบุตรชายของเขา แม ้ว่า อิสราเอลรู ้ลงลึกในใจของเขาว่า
บรรดาพีน่ ้องมีบางสงิ่ บางอย่างทีป ่ ิ ดบังในการกระทากับการสูญเสย ี ของโยเซฟ

GOD'S BLESSING remains with JOSEPH

การอวยพรของพระเจ ้ายังอยูก
่ ับโยเซฟ

The BLESSING of ABRAHAM, ISAAC, and JACOB, being passed down through JOSEPH
by BIRTHRIGHT, remains with JOSEPH throughout his ordeal in slavery. After being
brought into Egypt and sold to Pharaoh's Captain of the Guard. GOD was all the while still

83
looking after HIM. Pot' -i-phar, being a wise man, sees GOD'S BLESSING residing with
JOSEPH, and because of JOSEPH’S BLESSING Pot'-i-phar places his TRUST in HIM and puts
JOSEPH in charge of his entire household.

การอวยพรของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ


การเป็ นอยูผ
่ า่ นลงถึงโยเซฟโดยสท ิ ธิบต ุ รหัวปี ยังอยูก
่ ับโยเซฟตัง้ แต่ต ้นจนจบประสบการณ์ทแ
ี่ สนสา
หัสของเขาในความเป็ นทาส หลังจากการถูกนาเข ้าไปในอียป ิ ต์
และขายไปยังผู ้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ของฟาโรห์ พระเจ ้าทรงเฝ้ าดูแลรักษาเขา
โบทิฟาร์เป็ นคนทีม ่ ส
ี ติปัญญารอบรู ้ เห็นการอวยพรของพระเจ ้าอยูก ่ ับโยเซฟ
และเพราะการอวยพรทีโ่ ยเซฟได ้รับ โบทิฟาร์
จึงวางใจในเขาและจัดตัง้ โยเซฟในการดูแลครัวเรือนของเขาทัง้ หมด

The wife’s of Pot'i-phar sees JOSEPH as an attractive man, and tries to solicit him for
sex. She solicits JOSEPH for sex on several occasions, however JOSEPH refuse to have
anything to do with her, and tells her that he will not dishonor his Master' house by laying
with her. One day when she tries to solicit JOSEPH to lay with her and he refuses, she grabs
hold of him and tears off his garment while he tries to flee from her. As JOSEPH runs from
the house of Pot' i-phar, the wife screams out that JOSEPH had made sexual advances
towards her. Once Pot' -i-phar has returned home, he is told by the wife that JOSEPH had
tried to rape her. So after hearing this, Pot' -i-phar has JOSEPH thrown into prison

ภรรยาของโบทิฟาร์เห็นโยเซฟในฐานะทีเ่ ป็ นทีด ่ งึ ดูดใจ


และพยายามทีจ ่ ะชกั ชวนเขาสาหรับการร่วมหลับนอน เธอชก ั ชวนโยเซฟสาหรับการทีเ่ พศสมั พันธ์
อยูห่ ลายโอกาส แม ้ว่าโยเซฟปฏิเสธในอันทีจ ่ ะมีอะไรก็ตามเพือ ่ กระทากับเธอ
และบอกเธอว่าเขาจะไม่ทาความเสอ ื่ มเกียรติบ ้านเจ ้านายของเขาโดยการร่วมหลับนอนกับเธอ
วันหนึง่ เมือ
่ เธอพยายามทีจ ่ ะชกั ชวนโยเซฟเพือ ่ หลับนอนกับเธอ และเขาปฏิเสธ
เธอก็คว ้าเสอ ื้ ผ ้าเหนีย
่ วรัง้ เขาไว ้และฉีกเสอ ื้ ผ ้าอาภรณ์ของเขา ในขณะทีเ่ ขาพยายามเผ่นหนีจากเธอ
ตอนขณะทีโ่ ยเซฟวิง่ จากบ ้านของโบทิฟาร์
ภรรยากรีดร ้องออกไปว่าโยเซฟได ้ทาการเข ้าประชด ิ ทางเพศต่อเธอ
ครัน
้ เมือ
่ โบทิฟาร์ได ้กลับมาบ ้าน ภรรยาได ้บอกเล่าเขาว่าโยเซฟได ้พยายามทีจ ่ ะข่มขืนเธอ
ดังนัน้ หลังจากการได ้ยินเชน ่ นี้ โบทิฟาร์ จึงได ้โยน โยเซฟเข ้าไปในคุก

JOSEPH, INTERPRETER of DREAMS

โยเซฟ ตีความหมายของความฝั น

With JOSEPH now in prison, the Keeper of the prison sees HIM as a JUST man and puts
HIM in charge of the prison ward. With GOD continually looking after JOSEPH and GOD'S
BLESSING residing with him, the Keeper of the prison decides to use HIM as the Prisoner in
charge of all the other prisoners and makes JOSEPH his delegate for various prison matters.

84
แม ้ขณะนีโ้ ยเซฟอยูใ่ นคุก
ผู ้ดูแลของคุกเห็นเขาเป็ นชายคนหนึง่ ทีย ่ ต
ุ ธิ รรมและจัดวางเขาในการดูแลห ้องคุก
ด ้วยกันกับพระเจ ้าได ้ดูแลโยเซฟอย่างต่อเนือ ่ ง และการอวยพรของพระเจ ้าพานักอยูก
่ ับเขา
ผู ้ดูแลของคุกตัดสน ิ ใจทีจ ้
่ ะใชเขา ิ ธิอานาจจัดการเหนือนั กโทษ ดูแลนั กโทษคนอืน
มีสท ่ ทัง้ หมด
และทาให ้โยเซฟเป็ นตัวแทนของเขาในการจัดการเรือ ่ งราวต่างๆในคุก

Meanwhile, Pharaoh's chief butler and bearer of his wine cup, and Pharaoh'sy chief
baker, had both displeased Pharaoh by their poor service, and were cast into prison with
JOSEPH. While in the prison, both the Chief Butler and Chief Baker had DREAMS on the
same night. With neither of them UNDERSTANDING what their DREAMS had meant, both
appear to be troubled and JOSEPH notices this and asks them why. They both then tell
JOSEPH that they had DREAMS and now they were troubled by not UNDERSTANDING what
the dreams had meant. JOSEPH explains to them that the GOD, who HE SERVES, has the
INTERPRETATION of all DREAM and HE with the HELP of GOD could INTERPRET them.

ในระหว่างเวลานั น ้
้ หัวหน ้าคนรับใชของฟาโรห์ และผู ้ประจาตาแหน่งของถ ้วยไวน์

และหัวหน ้าคนรับใชของฟาโรห์
ทัง้ สองได ้ไม่เป็ นทีพ
่ อใจต่อฟาโรห์ในการให ้บริการของพวกเขาไม่ดพ ี อ
และได ้ถูกโยนเข ้าไปในคุกกับโยเซฟ ในขณะทีใ่ นคุก

ทัง้ หัวหน ้าคนรับใชและผู ้ประจาตาแหน่งของถ ้วยไวน์ได ้ฝั นในคืนเดียวกัน
พวกเขาทัง้ สองคนไม่ได ้เข ้าใจ ความฝั นมีหมายความว่าอะไร
ทัง้ สองดูเหมือนจะเป็ นทุกข์และโยเซฟสงั เกตเห็นและถามพวกเขาว่าทาไม
พวกเขาทัง้ สองจึงได ้เล่าให ้โยเซฟฟั งถึงสงิ่ ทีพ
่ วกเขาได ้ฝั นและขณะนีพ
้ วกเขาเป็ นทุกข์โดยไม่เข ้าใ
จว่าความฝั นมีความหมายอะไร โยเซฟอธิบายแก่พวกเขาว่าพระเจ ้า ผู ้ซงึ่ เขาได ้ถวายรับใช ้
สามารถตีความหมายของความฝั นได ้ทัง้ หมดและเขาจะสามารถตีความหมายให ้พวกเขาได ้โดยควา
มชว่ ยเหลือของพระเจ ้า

The Chief Butler first tells JOSEPH about his DREAM. After hearing it, JOSEPH tells
the Chief Butler that the TERPRETATION of the DREAM is, that in three days Pharaoh will
release him from prison and restore him to his former position as the Chief Butler. JOSEPH
then asks the Chief Butler to please remember him once he had been released from prison,
and further explains how he had been imprisoned unjustly and was accused of something
he had not done. JOSEPH also asks the Chief Butler to make mention of his name to the
Pharaoh, and to tell him how JOSEPH was worthy of a pardon.

หัวหน ้าคนรับใชได้ ้เล่าให ้โยเซฟฟั งก่อนเกีย่ วกับความฝั นของเขา


หลังจากทีไ่ ด ้ยินโยเซฟได ้บอกหัวหน ้าคนรับใชถึ้ งการตีความหมายของความฝั น คือ ว่าใน 3
วันฟาโรห์จะปล่อยเขาออกจากคุกและสง่ คืนเขาสาหรับตาแหน่งเดิมของเขาอย่างทีเ่ ป็ นหัวหน ้าคนใ
ช ้ โยเซฟจึงได ้ร ้องขอต่อเขาเพือ ่ ราลึกถึงเมือ
่ เขาได ้ออกจากคุก
และอธิบายต่อไปด ้วยเหตุผลใดเขาได ้โทษจาคุกอย่างไม่เป็ นธรรมและ
ถูกกล่าวหาในสงิ่ ทีเ่ ขาไม่ได ้ทา
85
้ อ
โยเซฟยังขอร ้องต่อหัวหน ้าคนรับใชเพื ื่ ของเขาต่อฟาโรห์ และเพือ
่ ให ้กล่าวถึงชอ ่ บอกพระองค์วา่
โยเซฟเป็ นผู ้สมควรแก่การอภัยโทษ

After hearing JOSEPH'S INTERPRETATION of the Chief Butler's DREAM and the
INTERPRETATION having a good outcome, the Chief Baker asks JOSEPH to INTERPRET his
DREAM .The Chief Baker then tells JOSEPH about the DREAM. After JOSEPH has heard the
DREAM, JOSEPH tells the Chief Baker the INTERPRETATION of it: “In three days Pharaoh is
going chop off the Chief Baker's head and hang him on a tree, and the birds are going to
come down and eat his flesh from off him. After hearing the INTERPRETATION of his
DREAM, the Chief Baker becomes very distressed!


หลังจากการได ้ยินการตีความของโยเซฟของความฝั นของหัวหน ้าคนรับใชและการตี ความอ
อกมาเป็ นความหมายในสงิ่ ทีด
่ ี หัวหน ้าคนทาขนมปั งขอร ้องโยเซฟตีความความฝั นของเขา
หลังจากโยเซฟได ้ยินความฝั น โยเซฟได ้บอกหัวหน ้าคนทาขนมปั งถึง การตีความหมาย
“ในสามวันฟาโรห์จะตัดหัวของหัวหน ้าคนทาขนมปั งออกและแขวนคอเขาบนต ้นไม ้
และนกจะลงมาและกินเนือ ้ หนังของเขาออกไปจากเขา”
หลังจากการได ้ยินการตีความของความฝั นของเขา หัวหน ้าคนทาขนมปั งก็ได ้เศร ้าโศกมาก!

Three days after giving these two men the INTERPRETATION of their DREAMS, it so
happens that it was the Pharaoh's birthday. In celebration, Pharaoh has the Chief Butler
released from prison and restores him to his previous post, just as JOSEPH had said it
would be. But Pharaoh also on that very same day has the Chief Baker beheaded, and
hangs him on a tree to show the people what he does to those who improperly serve him,
and this was also what JOSEPH had said would happen!

สามวันภายหลังจากการตีความหมายสาหรับความฝั นของชายสองคนนีไ ้ ด ้เกิดขึน


้ จริงในวันเกิดของ

ฟาโรห์ ในการจัดงานฉลอง ฟาโรห์ได ้ปล่อยหัวหน ้าคนรับใชจากคุ ก
่ าแหน่งของเขาเหมือนเมือ
และทาให ้เขากลับคืนสูต ่ ก่อน เหมือนอย่างทีโ่ ยเซฟได ้บอกไว ้

แต่ในวันเดียวกันเชน่ เดียวกัน
ฟาโรห์ยังได ้สงั่ ตัดคอคนทาขนมปั งและแขวนบนต ้นไม ้เพือ ่ แสดงผู ้คนสงิ่ ทีเ่ ขาได ้ทาต่อบรรดาผู ้คนเ
หล่านัน
้ ไม่สมควรรับใชเขา้ และนีย่ ังเป็ นสงิ่ ทีโ่ ยเซฟได ้พูดว่าจะเกิดขึน
้ !

Pharaoh's DREAM / ความฝันของฟาโรห์

Two full years after the release of the Chief Butler from prison and not making any
mention of JOSEPH whatsoever to Pharaoh, as JOSEPH had asked him to do, JOSEPH still
remains in prison. It was then rumored throughout Egypt that Pharaoh had had a
troublesome DREAM and not one of Pharaoh's soothsayers, magicians, or astrologers was
able to INTERPRET it. The Chief Butler, after hearing this then remembers JOSEPH, the
MAN he had met in prison (because GOD had put it into his mind). The Chief Butler tells

86
Pharaoh that while he was in prison there was a young HEBREW man there that had
INTERPRETED his dream. He further told Pharaoh that whatever JOSEPH had told him
would come to pass, had come to pass.

สองปี เต็มหลังจากหัวหน ้าคนรับใชได ้ ้ถูกปล่อยออกจากคุก


และไม่ได ้พูดพาดพิงถึงโยเซฟต่อฟาโรห์ไม่วา่ อะไรก็ตาม ในสงิ่ ทีโ่ ยเซฟได ้ขอร ้องให ้เขาทา
โยเซฟยังคงอยูใ่ นคุก ในเวลานัน ้ ได ้มีขา่ วลือทั่วทัง้ อียป ิ ต์วา่ ฟาโรห์ได ้ถูกความฝั นรบกวนให ้หนักใจ
และไม่มผี ู ้ใดใน ผู ้พยากรณ์ นักมายากลหรือโหราศาสตร์ ของฟาโรห์ ทีส ่ ามารถจะตีความหมายได ้
หลังจากการได ้ยินเชน ่ นีห
้ วั หน ้าคนรับใช ้ จึงระลึกถึงโยเซฟ ซงึ่ เป็ นชายทีเ่ ขาได ้พบในคุก
(เพราะว่าพระเจ ้าได ้ใสค ่ วามทรงจานีเ้ ข ้าไปในความคิดของเขา) หัวหน ้าคนรับใชบอกฟาโรห์ ้ วา่
ในขณะทีเ่ ขาอยูใ่ นคุกมีชายหนุ่มชาวฮบ ี รูอยูท
่ น
ี่ ั่ น ได ้ตีความความฝั นของเขา
เขาบอกฟาโรห์ตอ ่ ไปว่า ไม่วา่ อะไรก็ตามทีโ่ ยเซฟได ้บอกเขาจะเกิดขึน ้ ได ้เกิดขึน
้ เป็ นอดีตไปแล ้ว

After hearing what the Chief Butler had to say about JOSEPH, Pharaoh summons HIM
from prison. Pharaoh has his servants clean JOSEPH up and put him into suitable clothes
and bring him before him. Pharaoh then tells JOSEPH of how his Chief Butler had informed
him of HIS gift to INTERPRET DREAMS. He also tells JOSEPH that he would like him to
INTERPRET his DREAM, as none of his Diviners or Astrologers could interpret it. JOSEPH
then explains to Pharaoh how it is HIS GOD, rather than HE, who can INTERPRET the
DREAMS.

หลังจากการได ้ยินสงิ่ ทีห ้ ้พูดเกีย


่ ัวหน ้าคนรับใชได ่ วกับโยเซฟ
ฟาโรห์จงึ สงั่ ให ้เรียกตัวเขาจากคุก
ฟาโรห์มค ี นรับใชท ้ าความสะอาดให ้โยเซฟและสวมใสเ่ ขาในเสอ ื้ ผ ้าทีเ่ หมาะสม
และนาเขามาเข ้าเฝ้ าต่อหน ้าพระองค์
จากนัน ้ ฟาโรห์ได ้บอกโยเซฟถึงเรือ ่ งราวทีห ้
่ ัวหน ้าคนรับใชของพระองค์ ได ้เล่าให ้พระองค์ฟังเกีย
่ วกั
บของประทานของโยเซฟเพือ ่ ตีความหมายของความฝั น ฟาโรห์ยังบอกโยเซฟว่า
พระองค์ต ้องการให ้เขาตีความความฝั นของพระองค์
ซงึ่ ไม่มใี ครทีจ่ ะเป็ นผู ้ทานายล่วงหน ้าหรือนั กโหราศาสตร์สามารถจะตีความหมายของความฝั นได ้
จากนัน ้ โยเซฟได ้อธิบายต่อฟาโรห์วา่ ถ ้าจะพูดให ้ถูกเป็ นพระเจ ้าของเขาผู ้ซงึ่
สามารถตีความหมายของความฝั นได ้

Pharaoh goes on to tell JOSEPH about his DREAM and JOSEPH then gives him the
INTERPRETATION of the DREAM. JOSEPH tells the Pharaoh that the DREAM means Egypt
will go through SEVEN years of very fruitful crops and after these seven years, Egypt will
then go through SEVEN years of drought and famine. JOSEPH further recommends to
Pharaoh that he should put all the excess food from the SEVEN fruitful years into
storehouses, and if he did, there would be plenty of food during the SEVEN years of
drought.

87
ฟาโรห์ยังบอกโยเซฟเกีย ่ วกับความฝั นของพระองค์
และจากนัน ้ โยเซฟก็ได ้ตีความหมายของความฝั นให ้พระองค์ โยเซฟได ้บอกฟาโรห์วา่ ความฝั น
มีความหมายว่าอียป ิ ต์จะผ่าน 7 ปี ของพืชผลทีอ ่ ด
ุ มสมบูรณ์มาก และหลังจากนี้ 7 ปี อียปิ ต์จะผ่าน
7 ปี ของการขาดแคลนทีย ่ าวนานและความอดอยาก โยเซฟจึงได ้แนะนาต่อฟาโรห์ตอ ่ ไปว่า
พระองค์ควรเก็บสารองอาหารให ้มากเกินความต ้องการทัง้ หมดจาก 7
ปี ทอ
ี่ ด
ุ มสมบูรณ์เข ้าไปในคลังเสบียง และถ ้าพระองค์ทาเชน ่ นั น
้ ในระหว่าง 7
ปี ของการกันดารอาหารทีย ่ าวนาน จะมีอาหารสารองอย่างเพียงพอ

NOTE: As can be seen in the Story of JOSEPH, in Pharaoh's DREAM there is yet again
CHRIST MARKERS, TWIN SEVENS. These TWIN SEVENS appearing in the Story of JOSEPH
are telling you that the SEED of JESUS CHRIST will come THROUGH JOSEPH, just as they did
in the story of Jacob. The TWIN SEVENS MARK THE PATH OF THE BLESSED SEED.
หมายเหตุ: อย่างทีส
่ ามารถจะเห็นได ้ในเรือ
่ งโยเซฟ
ในความฝั นของฟาโรห์ยังมีอก ั ลักษณ์บง่ บอกเครือ
ี ครัง้ สญ ่ งหมายพระคริสต์ เลข 7 ฝาแฝด เลข 7
ฝาแฝดเป็ นการปรากฏในเรือ ่ งของโยเซฟกาลังบอกคุณว่าเมล็ดพันธุข ์ องพระเยซูคริสต์จะผ่านมาทา
งโยเซฟ แค่อย่างทีพ ่ วกเขาทาในเรือ ่ งของยาโคบ เลข 7
ฝาแฝดเครือ ่ งหมายสญ ั ลักษณ์แนวทางของเมล็ดพันธุแ ์ ห่งการอวยพร

Pharaoh was impressed with JOSEPH'S INTERPRETATION of his DREAM and also
with JOSEPH'S recommendation for the remedy. So Pharaoh makes JOSEPH the Viceroy
and overseer of the storehouses that will house the food which will be gathered during the
SEVEN FRUITFUL YEARS. Pharaoh also delegates to JOSEPH great authority, making him
second only to Pharaoh in the entire Kingdom of Egypt. (With that, Pharaoh takes off his
signet ring and puts it on Joseph's finger, making him officially .)
ฟาโรห์ประทับใจกับการตีความของโยเซฟของความฝั นของพระองค์
และด ้วยกับคาแนะนาของโยเซฟสาหรับสงิ่ ทีใ่ ชในการแก
้ ้ไข ดังนั น
้ ฟาโรห์
จึงแต่งตัง้ โยเซฟเป็ นอุปราช และเป็ นผู ้ควบคุมคลังเสบียงทีจ
่ ะเก็บอาหารอยูใ่ นโรงเรือน
ซงึ่ จะเก็บรวบรวมในระหว่าง 7 ปี ทอ
ี่ ด
ุ มสมบูรณ์
ฟาโรห์มอบหมายให ้ด ้วยต่อโยเซฟผู ้มีอานาจยิง่ ใหญ่
ทาให ้เขาเป็ นอันดับสองเพียงรองจากฟาโรห์ในราชอาณาจักรทัง้ หมดของอียป ิ ต์ (ด ้วยสงิ่ นี้
ฟาโรห์ได ้ถอดแหวนสท ิ ธิอานาจจากนิว้ ของพระองค์มอบแก่โยเซฟซงึ่ แต่งเขาเป็ นทางการในตาแห
น่งรองจากกษั ตริย)์

JOSEPH now thirty years old becomes so great in the eyes of Pharaoh, that Pharaoh
gives JOSEPH a new Egyptian name. This RENAMING by Pharaoh was considered to be a
great honor and the name given to JOSEPH was Zaph'-nath-pa-a-ne'-ah (Genesis 41:45).
JOSEPH was also given As'-e-nath, the daughter of the High Priest for a wife and JOSEPH
has TWO SONS with As'- e-nath. The firstborn he names Ma-nas'-eh, meaning: "For GOD
said HE hath made me to forget all my toil and all my father's house". The second son,

88
JOSEPH names, E'-phra-im, meaning: "FOR GOD hath caused me to be fruitful in the land of
my affliction".

ตอนนีโ้ ยเซฟมีอายุได ้ 30 ปี เป็ นคนดีเลิศในสายตาของฟาโรห์


ฟาโรห์ได ้ตัง้ ชอื่ ใหม่ให ้โยเซฟ เป็ นชอ ื่ ชาวอียป ิ ต์
ื่ ใหม่นโี้ ดยฟาโรห์ถก
การตัง้ ชอ ู พิจารณาเพือ ่ เป็ นเกียรติอย่างสูงและชอ ื่ ได ้ให ้แก่โยเซฟ คือ
“ศาเฟนาทปาเนอาห์” (ปฐมกาล 41:45) โยเซฟยังได ้รับมอบ “อาเสนัท”
บุตรสาวของปุโรหิตสาหรับเป็ นภรรยา และโยเซฟมีบต ุ รชายสองคนกับ “อาเสนัท”
บุตรหัวปี ของเขาชอ ื่ “มนั สเสห์” ความหมาย :
“สาหรับพระเจ ้าตรัสว่าพระองค์ทรงโปรดให ้ข ้าพเจ ้าลืมความยากลาบากทัง้ ปวง
และวงศว์ านทัง้ สน ิ้ ของบิดาเสย ี ” บุตรชายคนทีส ่ องของโยเซฟชอ ื่ “เอฟราอิม” ความหมาย :
“สาหรับพระเจ ้าทรงโปรดให ้ข ้าพเจ ้ามีเชอ ื้ สายทวีขน ึ้ ในแผ่นดินทีข่ ้าพเจ ้าได ้รับความทุกข์ใจ”

JOSEPH during the entire SEVENT years of the bountiful crops fills up all the
storehouses in Egypt with food, and he alone has the authority to dispense this food to
whomsoever he will. Through out the entire land of Egypt and its neighboring nations,
JOSEPH becomes renowned a very WISE and POWERFUL man, second only to Pharaoh in
control over the Land of Egypt.
โยเซฟในระหว่างทัง้ 7
ปี ของการเก็บเกีย ่ วทีอ
่ ด
ุ มสมบูรณ์เติมจนเต็มทัง้ หมดคลังเก็บเสบียงในอียป
ิ ต์
และเขาคนเดียวมีอานาจหน ้าทีใ่ นการจัดจาหน่ายอาหารนีใ้ ห ้แก่ผู ้ใดก็ตาม
ทีอ่ อกมาทัง้ แผ่นดินของอียป ิ ต์และประเทศเพือ ื่ เสย
่ นบ ้านทัง้ หลาย โยเซฟกลายเป็ นคนมีชอ ี งมาก
เป็ นคนฉลาดและเป็ นชายทีม ่ อ
ี านาจมาก
เป็ นคนทีส่ องเท่านัน้ รองจากฟาโรห์ในการควบคุมแผ่นดินของอียป ิ ต์

GOD fulfills JOEPH’S DREAM

พระเจ ้าทาความฝั นของโยเซฟให ้เป็ นจริง

With all the neighboring nations coming in to Egypt for food during the SEVEN-YEAR
famine and drought, JOSEPH grows to be GREATLY revered throughout the region. All
those seeking to buy food from Egypt must first seek the approval of the Viceroy, prior to
them buying it and JOSEPH alone decides who can buy and who cannot.
กับประเทศเพือ ่ นบ ้านทัง้ หมดทีเ่ ข ้ามาในอียป ่ อาหารในชว่ งระหว่าง 7
ิ ต์เพือ
ปี ของความอดอยากและการกันดารอาหารทีย ่ าวนาน
โยเซฟเติบโตอย่างมากเป็ นทีย ่ าเกรงตลอดทัง้ ภูมภ ิ าค
บรรดาผู ้ทีต ื้ อาหารจากอียป
่ ้องการซอ ิ ต์ทัง้ หมด จะต ้องขออนุญาตจากอุปราชก่อน
ก่อนทีพ
่ วกเขาจะสามารถซอ ื้ ได ้
และโยเซฟคนเดียวตัดสน ิ ใจว่าผู ้ใดสามารถซอ ื้ ได ้และผู ้ใดไม่สามารถ

89
With the famine throughout the region also affecting the land of Canaan where
JOSEPH'S family lives, ISRAEL JACOB, JOSEPH'S Father, decides to send the ten oldest sons
to Egypt for food. ISRAEL, remembering the hatred that the elder sons had against his sons
by his WIFE RACHEL, (JOSEPH and Benjamin), does not allow his youngest son Benjamin to
go with them. ISRAEL does not trust the ten brothers and fears that the same misfortune
would befall Benjamin, as did JOSEPH.
กับความอดอยากทีเ่ กิดขึน ิ าคซงึ่ มีผลกระทบต่อดินแดนคานาอันด ้วย
้ ตลอดทั่วภูมภ
่ งึ่ ครอบครัวของโยเซฟอาศัยอยู่ อิสราเอล ยาโคบ บิดาของโยเซฟ
ทีซ
ตัดสน ิ ใจทีจ
่ ะสง่ บุตรชายคนโตทีอ ่ ายุมากกว่า ทัง้ 10 คนไปยังอียป ื้ อาหาร อิสราเอล
ิ ต์สาหรับซอ
การจดจาความเกลียดชงั ทีบ ่ ต
ุ รชายคนโตกว่าได ้ต่อต ้านบุตรชายของเขาต่อราเชลภรรยาของเขา
(โยเซฟและเบนยามิน) ไม่อนุญาตให ้เบนยามินบุตรชายคนเล็กทีจ ่ ะไปกับพวกเขา
อิสราเอลไม่ไว ้วางใจพีน ่ ้อง 10 คน และกลัวว่าเหตุร ้ายอย่างเดียวกันจะบังเกิดกับเบนยามิน
อย่างทีเ่ กิดขึน ้ กับโยเซฟ

Even though twenty years had past since the loss of JOSEPH, ISRAEL still feels in his
heart that the elder sons had something to do with his death. However the brothers always
claimed to be innocent of any wrongdoing, so ISRAEL sends the ten brothers off to Egypt
for food, without Benjamin.

แม ้ว่า 20 ปี ได ้เป็ นอดีตตัง้ แต่การสูญหายของโยเซฟ


อิสราเอลยังคงรู ้สก ึ ในหัวใจของเขาว่าบุตรคนโตกว่านัน ้ มีอบ
ุ าย
มีบางสงิ่ บางอย่างทีไ่ ด ้กระทากับการเสย ี ชวี ต
ิ ของเขา (โยเซฟ)
แม ้ว่าพีน
่ ้องอ ้างทีจ่ ะเป็ นผู ้บริสท ุ ธิจ์ ากการกระทาผิดใดๆ ดังนั น ้ อิสราเอลสง่ พีน
่ ้อง 10
คนออกไปอียป ิ ต์สาหรับการซอ ื้ อาหาร โดยไม่มเี บนยามินเดินทางไปด ้วย

Once in Egypt the brothers find out that they must first seek the approval from the
Viceroy before they can buy the needed food. They make an appearance They
make an appearance before JOSEPH, who is the Viceroy seeking his approval for the
procurement. Not knowing that it was JOSEPH their brother, (due to his renaming by
Pharaoh and JOSEPH speaking in the Egyptian language, and them not seeing him for over
twenty years), come humbly in, bowing themselves before JOSEPH, thus fulfilling JOSEPH'S
DREAM.

ครัน
้ เมือ
่ มาถึงในอียป ิ ต์พน
ี่ ้องได ้พบว่าพวกเขาจะต ้องไปหา เพือ ่ ขออนุญาตจากอุปราชก่อน
ก่อนทีพ ่ วกเขาสามารถซอ ื้ อาหารทีต ่ ้องการ พวกเขาได ้ปรากฏตัวต่อหน ้าโยเซฟ ผู ้ซงึ่ เป็ นอุปราช
การแสวงหาการอนุญาตของเขาสาหรับการจัดซอ ื้ โดยไม่รู ้ว่าเป็ นโยเซฟน ้องชายของพวกเขา
(เนือ
่ งจากการเปลีย ื่ ใหม่ของเขาโดยฟาโรห์และโยเซฟได ้พูดในภาษาอียป
่ นชอ ิ ต์
และพวกเขาไม่เห็นเขามากว่า 20 ปี ) พวกเขาจึงได ้เข ้ามาอย่างนอบน ้อมถ่อมตน
โค ้งตัวพวกเขาเองตรงหน ้าโยเซฟ ด ้วยเหตุนี้ ทาให ้ความฝั นของโยเซฟได ้เกิดขึน ้ เป็ นจริง
90
JOSEPH, recognizing his brothers tells them that he doesn't trust them and suspects
them of being spies. They in response to JOSEPH'S accusation, explain to JOSEPH that they
are ten of TWELVE -HEBREW sons, one of which had died, while the youngest son remains
home with their father. They also tell JOSEPH that they are only in Egypt to buy food and
not to spy. JOSEPH tells them that he does not believe them and has them taken off and put
into prison, claiming that they are spies against Egypt.
โยเซฟ จาพีน่ ้องของเขาได ้ จึงบอกพวกเขาว่า
เขาไม่ไว ้วางใจพวกเขาและสงสย ั ว่าพวกเขาเป็ นผู ้สอดแนม
พวกเขาได ้ตอบไปยังข ้อกล่าวหาของโยเซฟ อธิบายไปยังโยเซฟว่า พวกเขาเป็ นพีน ่ ้องของ 10
คนใน 12 คนบุตรชายชาวฮบ ี รู หนึง่ คนนั น ี ชวี ต
้ ได ้เสย ิ แล ้ว
ในขณะทีบ ่ ต
ุ รชายคนสุดท ้องยังคงอยูบ ่ ้านกับบิดาของพวกเขา
พวกเขายังบอกโยเซฟว่าพวกเขาอยูใ่ นอียป ิ ต์เพือ
่ ซอ ื้ อาหารเท่านั น
้ และไม่ใชเ่ พือ
่ สอดแนม
โยเซฟบอกพวกเขาว่า เขาไม่เชอ ื่ และเอาพวกเขาออกไปและใสเ่ ข ้าไปในคุก
โดยอ ้างว่าพวกเขาเป็ นพวกสอดแนมต่อต ้านอียป ิ ต์

After allowing the ten brothers to spend three days in prison, JOSEPH goes to them
and tells them; that in order for them to prove their innocence, they must return home and
bring back the youngest son (Benjamin). After they bring Benjamin back to Egypt with
them as proof that they are who they had claimed to be, he would then believe them.
JOSEPH also tells them that he will give them the food they had requested to take back
home with them, but he must keep their brother Simeon in prison for BOND, insuring their
return with Benjamin. Then JOSEPH who speaks to them through an interpreter, and them
not knowing that he can understand HEBREW, hears the brothers speak amongst
themselves; unbeknown to them that he can understand what they are saying in Hebrew.

หลังจากนัน้ ได ้ให ้พีน ้


่ ้อง 10 คนใชเวลา 3 วันในคุก
โยเซฟได ้เข ้าไปหาพวกเขาและบอกพวกเขาว่าเพือ ่ เป็ นการทีจ่ ะพิสจ
ู น์ความบริสท ุ ธิข
์ องพวกเขา
พวกเขาจะต ้องกลับบ ้านและนาบุตรชายคนสุดท ้อง (เบนยามิน) กลับมา หลังจากที่ พวกเขานา
เบนยามิน กลับไปยังอียป ิ ต์ พวกเขาจะได ้พิสจ ู น์ตัวของพวกเขาอย่างที่ ได ้กล่าวอ ้างอิงไว ้
จากนัน ้ เขา(โยเซฟ)จึงจะเชอ ื่ พวกเขา โยเซฟยังบอกพวกเขาอีกว่า
เขาจะให ้พวกเขามีอาหารทีพ ่ วกเขาต ้องการเพือ
่ นากลับบ ้านกับพวกเขา
แต่เขาต ้องเก็บกักขังสเิ มโอนพีช ่ ายของพวกเขาในคุกสาหรับสงิ่ ผูกมัด
หลักประกันการกลับมาของพวกเขากับเบนยามิน จากนั น ้ โยเซฟผู ้ซงึ่ พูดกับพวกเขาผ่านล่าม
และพวกเขาไม่ทราบว่าเขาสามารถเข ้าใจภาษาฮบ ี รู ได ้ยินพีน
่ ้องพูดท่ามกลางพวกเขาเอง
่ ระจักษ์แก่พวกเขาว่า เขาสามารถเข ้าใจสงิ่ ทีพ
ไม่เป็ นทีป ่ วกเขากาลังพูดคุยกันในภาษา

91
Reuben, who is the eldest, tells his brothers in HEBREW that the reason they are
suffering so much misfortune in Egypt is because GOD is repaying them for what they had
done to JOSEPH. After overhearing their conversation, JOSEPH has Simeon put in fetters
and chains and taken back to prison, and does this in the sight of the nine other brothers.
JOSEPH then sends them off for the food that they had requested to buy. Meanwhile,
JOSEPH instructs his servants to secretly put the money that the brothers had given for the
food, back into the sacks of food.
รูเบน ผู ้ซงึ่ เป็ นคนหัวปี บอกบรรดาน ้องของเขาในภาษาฮบ ี รูวา่
เหตุผลทีพ ่ วกเขากาลังทุกข์ยากลาบากอย่างมากในอียป ิ ต์เป็ นเพราะว่าพระเจ ้ากาลังจ่ายคืนพวกเขา
สาหรับสงิ่ ทีพ่ วกเขาได ้กระทาต่อโยเซฟ หลังจากการได ้ยินโดยบังเอิญการสนทนาของพวกเขา
โยเซฟได ้ใสโ่ ซต ่ รวนสเิ มโอนและนากลับไปยังคุก และทาเชน ่ นีต
้ อ่ สายตาของพีน ่ ้องคนอืน
่ ๆ
เก ้าคน จากนัน ้ โยเซฟก็สง่ พวกเขาออกไปพร ้อมอาหารทีพ ่ วกเขาได ้ขอทีจ ื้ เวลาในระหว่างนั น
่ ะซอ ้
โยเซฟได ้สงั่ คนรับใชของเขาเพื
้ ่ แอบใสเ่ งินทีพ
อ ่ วกพีช
่ ายได ้ให ้สาหรับค่าอาหาร
กลับเข ้าไปในกระสอบของอาหาร

During the brother's trip back to the land of Canaan, they decide to stop to feed
their asses. While opening one of the sacks of food, the brothers discover that some of the
money they had paid for the food was put into the sack. After finding the money in the sack
of food, the brothers feared that when they were to return to Egypt to get their brother
Simeon released from prison, they would be also accused of being thieves. They said
amongst themselves, the Viceroy would accuse them of stealing some of their money back,
and not completely paying for the food.

ในระหว่างการเดินทางกลับของพวกพีน ่ ้องไปยังดินแดนคานาอัน
พวกเขาตัดสน ิ ใจทีจ
่ ะหยุดเพือ
่ ให ้อาหารลาของพวกเขา ในขณะทีเ่ ปิ ดกระสอบอาหารใบหนึง่
พวกพีน่ ้องได ้พบจานวนเงินทีพ ่ วกเขาได ้จ่ายสาหรับค่าอาหารได ้ถูกใสเ่ ข ้าไปในกระสอบ
หลังจากการพบเงินในกระสอบอาหาร
พวกพีน ่ ้องกลัวว่าเมือ
่ พวกเขาได ้กลับคืนมายังอียป ่ รับสเิ มโอนพีช
ิ ต์เพือ ่ ายของเขาทีจ
่ ะถูกปล่อยจาก
คุก พวกเขาอาจจะถูกข ้อกล่าวหาว่าเป็ นขโมยด ้วย พวกเขาได ้กล่าวระหว่างพวกเขาเองว่า
อุปราชจะกล่าวหาพวกเขาถึงการขโมยเงินของพวกเขากลับคืน
และไม่ได ้จ่ายค่าอาหารอย่างครบถ ้วน

After the nine brothers return home to their father ISRAEL, they explained the
situation to him on how they were accused of being spies while in Egypt. They also tell their
father how the Viceroy was holding Simeon in prison for BOND until they could prove their
innocence and how he would remain there to insure their return to Egypt. They also tell
their father that they must return to the Viceroy with their brother Benjamin for evidence
proving they were who they had said themselves to be, and not spies. Then after their
bringing Benjamin back to Egypt for proof, the Viceroy would release Simeon from prison.

92
หลังจากพีน ่ ้องเก ้าคนได ้กลับไปยังบ ้านอิสราเอลบิดาของพวกเขา
พวกเขาได ้อธิบายสถานการณ์ของเขาในการทีพ ่ วกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็ นพวกสอดแนม
ในขณะทีอ ิ ต์ พวกเขายังบอกบิดาของเขาว่าอุปราชได ้ยึดสเิ มโอนไว ้ในคุกสาหรับสงิ่ ผูกมัด
่ ยูใ่ นอียป
จนกระทั่งพวกเขาสามารถพิสจ ู น์ความบริสท
ุ ธิข
์ องพวกเขา
และเขาจะยังคงอยูท ่ น ี่ ั่นเพือ
่ เป็ นหลักประกันการกลับไปยังอียป ิ ต์ของพวกเขา
พวกเขายังบอกบิดาของพวกเขาว่า
พวกเขาต ้องกลับไปยังอุปราชพร ้อมกับเบนยามินน ้องชายของพวกเขา
เพือ
่ เป็ นหลักฐานพิสจ ู น์วา่ พวกเขาได ้เป็ นอย่างทีพ ่ วกเขาได ้พูดด ้วยตัวพวกเขาเอง
และไม่ได ้เป็ นพวกสอดแนม แล ้วหลังจากพาเบนยามินกลับไปยังอียป ิ ต์เพือ
่ ยืนยัน
อุปราชก็จะปล่อยสเิ มโอนออกจากคุก

They further explain to their father that after leaving Egypt and while stopping to feed
the asses, when opening one of the lacks of food some of the money used to pay for the food
was found in the sack.
พวกเขาอธิบายต่อไปต่อบิดาว่า หลังจากออกจากอียป ิ ต์
และในขณะทีม ่ ก
ี ารหยุดให ้อาหารพวกลา
เมือ
่ ได ้เปิ ดกระสอบอาหารใบหนึง่ ก็ได ้พบเงินตามจานวนทีไ่ ด ้จ่ายสาหรับค่าอาหาร

As the brothers are telling their father about finding the money, they begin opening
the remaining sacks of food. After opening them they find in each one of the sacks the
money that was given to the Viceroy to pay for the food. ISRAEL, seeing the money that was
supposed to be used to pay for the food falling from the open sacks, accuses his sons of
dishonoring the family name and being dishonest for not paying for the food. ISRAEL
further tells them that he will not allow Benjamin to go back with them into Egypt, because
he can no longer trust them with Benjamin's safety.

ในขณะทีพ ่ น
ี่ ้องกาลังบอกกล่าวต่อบิดาเกีย ่ วกับการพบเงิน
ขณะทีพ ่ เปิ ดกระสอบในสว่ นทีเ่ หลือ หลังจากได ้เปิ ดกระสอบ
่ วกเขาเริม
พวกเขาพบในแต่ละกระสอบมีเงินทีไ่ ด ้ให ้ต่ออุปราชเพือ ่ จ่ายสาหรับอาหาร อิสราเอล
่ วรจะใชจ่้ ายสาหรับค่าอาหารตกหล่นจากการเปิ ดกระสอบ
ได ้เห็นเงินทีค
จึงกล่าวโทษบรรดาบุตรชายของเขาในความเสอ ื่ มเสย ี ชอื่ เสย
ี งของครอบครัวและเป็ นการไม่สต
ั ย์ซอ
ื่
สาหรับการไม่จา่ ยค่าอาหาร อิสราเอลบอกพวกเขาต่อไปว่า
เขาจะไม่อนุญาตให ้เบนยามินกลับไปกับพวกเขา เพือ ่ เข ้าไปในอียป ิ ต์
เพราะว่าเขาไม่สามารถทีจ ่ ะไว ้วางใจพวกเขาได ้อีกต่อไปกับความปลอดภัยของเบนยามิน

Judah then promises his father that he will personally see to Benjamin's safety, and he
would even guarantee it with his own life. Judah also tells his father that the food they had
brought back from Egypt would soon run out, and they needed to return to Egypt anyway
for more food. ISRAEL, relying on Judah to keep his promise of Benjamin' well being, then
agrees to allow Benjamin to go back into Egypt with the nine older brothers.

93
ดังนัน ั ญาต่อบิดาว่า
้ ยูดาห์จงึ ให ้คามั่นสญ
เขาจะดูแลความปลอดภัยของเบนยามินด ้วยตัวเอง
และแม ้ว่าเขาจะต ้องรับประกันด ้วยชวี ต ิ ของเขาเอง ยูดาห์ยังบอกบิดาว่า
อาหารทีพ ่ วกเขาได ้นากลับมาจากอียป ิ ต์กาลังจะหมดลงในไม่ชา้
และพวกเขาต ้องการทีจ ่ ะกลับไปยังอียป ิ ต์ นอกจากนั น
้ สาหรับอาหารทีม ่ ากขึน
้ อิสราเอล
ไว ้วางใจต่อยูดาห์เพือ่ เก็บรักษาคามั่นสญ ั ญาของความปลอดภัยของเบนยามิน
แล ้วก็ตกลงทีจ ่ ะอนุญาตเบนยามินทีจ ่ ะกลับไปอียป ิ ต์กับพีช
่ ายทัง้ เก ้าคน

Judah's PROMISE and the return to Egypt /

ั ญาของยูดาห์และการกลับไปยังอียป
คามั่นสญ ิ ต์

ISRAEL (JACOB) being a very wealthy man, instructs his sons to gather up their best
fruits and spices and various kinds of nuts to bring with them into Egypt as a gift for the
Viceroy, in hope that it will quench the Viceroy's anger. He also further instructs them to
bring double the amount of money with them, so they could pay the Viceroy for their first
sacks of food and the food they were to buy. ISRAEL then PRAYED to GOD ALMIGHTY for
their safe return home and request from GOD that the Viceroy would show leniency
towards his sons for what they had done.
อิสราเอล (ยาโคบ) เป็ นคนร่ารวยมาก สงั่ ให ้บุตรชายเพือ
่ รวบรวมผลไม ้ดีทสี่ ด

และเครือ ่ งเทศ และถั่วชนิดต่างๆ
เพือ
่ นาไปกับพวกเขาเข ้าไปในอียป ิ ต์เหมือนเป็ นของขวัญสาหรับอุปราช ด ้วยความหวังว่า
“จะดับความโกรธแค ้นของอุปราช” เขายังสงั่ ให ้นาจานวนเงินเป็ นสองเท่าไปกับพวกเขา
ดังนัน
้ พวกเขาสามารถทีจ ่ ะจ่ายอุปราชสาหรับกระสอบอาหารรอบแรกและอาหารทีพ ื้
่ วกเขาจะซอ
อิสราเอลจึงอธิษฐานต่อพระเจ ้าผู ้ทรงอานุภาพเพือ ่ พวกเขากลับมาบ ้านอย่างปลอดภัย
และได ้ร ้องขอจากพระเจ ้าว่า
อุปราชจะแสดงความกรุณาปราณีตอ ่ บุตรชายของเขาสาหรับสงิ่ ทีพ
่ วกเขาได ้กระทา

The ten brothers now leave the land of Canaan to go back into Egypt with their
youngest brother Benjamin. Once JOSEPH hears that his brothers had returned to Egypt
with Benjamin, he instructs his servants to prepare a feast and to bring the brothers to HIS
house. The brothers being worried as to why they are being brought to the Viceroy's house
by HIS Servants, say amongst themselves; the Viceroy has discovered that the first food had
not been paid for. They believe that the Viceroy wants to interrogate them as to the
whereabouts of money that should have been paid for the food they had taken. They also
thought that the Viceroy was probably going to take all their money and the gifts they had
brought for HIM, and put them all into slavery in his household.

พีน ิ คนขณะนี้ออกจากดินแดนคานาอันเพือ
่ ้องสบ ่ กลับเข ้าไปในอียป
ิ ต์
พร ้อมกับเบนยามินน ้องชายคนสุดท ้องของพวกเขา

94
เมือ
่ โยเซฟได ้ยินว่าพีน ่ ้องของเขาได ้กลับมายังอียปิ ต์พร ้อมกับเบนยามิน
เขาสงั่ ให ้คนรับใชของเขาเพื
้ อ
่ เตรียมงานเลีย้ งและเพือ
่ นาพีน ่ ้องไปยังบ ้านของเขา
พีน
่ ้องได ้วิตกกังวลว่าทาไมพวกเขา กาลังจะถูกนาไปยังบ ้านของอุปราชโดยคนรับใชของท่ ้ าน
พูดท่ามกลางพวกเขาเอง อุปราชได ้ค ้นพบว่าอาหารครัง้ แรกไม่ได ้จ่าย
พวกเขาเชอ ื่ ว่าอุปราชต ้องการทีจ ั ถามพวกเขาอย่างมีจด
่ ะซก ุ ประสงค์เกีย ่ วกับร่องรอยของเงินทีค
่ วร
จะมีการจ่ายเงินสาหรับอาหารทีพ ่ วกเขาได ้เอาไป
พวกเขายังคิดว่าอุปราชก็อาจจะกาลังจะเอาเงินของพวกเขาทัง้ หมด
และของขวัญพวกเขาทีไ่ ด ้นามาสาหรับเขา และทาให ้พวกเขาทัง้ หมดเป็ นทาสในครัวเรือนของเขา

Once they get to JOSEPH'S house the brothers inform the Steward of the house as to
what had happened during their last trip there; how the money that they had paid for the
food, mysteriously showed up in their sacks, and was not discovered until they had
returned home. They also explain to the Steward how they had brought with them the
money owed to the Viceroy for the first food and also they brought some gifts from their
father for the Viceroy, for any inconvenience they may have caused. They further tell the
Steward that they had brought additional money as well, so they might buy more food to
take back with them to Canaan.
เมือ่ พวกเขาได ้ไปถึงบ ้านของโยเซฟ
พีน
่ ้องแจ ้งคนต ้นเรือนผู ้ดูแลทรัพย์สน ิ ของบ ้านเกีย่ วกับสงิ่ ทีไ่ ด ้เกิดขึน
้ ในระหว่างการเดินทางครัง้ สุด
ท ้ายของพวกเขาทีน ่ ั่ น ว่าเงินทีพ่ วกเขาได ้จ่ายสาหรับอาหาร
เกิดความลึกลับขึน ้ ในกระสอบของพวกเขา และไม่ได ้พบจนกระทั่งพวกเขาได ้กลับบ ้าน
พวกเขายังอธิบายไปยังคนต ้นเรือนว่า
พวกเขาได ้นามากับพวกเขาเงินทีเ่ ป็ นหนีต ้ อ่ อุปราชสาหรับค่าอาหารครัง้ แรก
และพวกเขายังนาของขวัญจานวนหนึง่ จากบิดาของพวกเขาสาหรับอุปราช
เผือ่ พวกเขาอาจจะไม่ได ้รับความสะดวกทีอ ่ าจเกิดขึน
้ พวกเขาบอกคนต ้นเรือนต่อไปว่า
พวกเขาได ้นาเงินมาเพิม ่ เติมด ้วย ดังนัน้ พวกเขาอาจจะซอ ื้ อาหารมากขึน ้ เพือ
่ นากลับไปกับพวกเขา
ไปยังคานาอัน

The Steward after hearing the brothers please; tells the brothers that they had no
reason to be fearful for what had happened, in regard to their payment for the food. He also
tells them the GOD of their father was THE ONE who had ordered their money to be put
back into their sacks. The Steward then leaves them and goes off to the prison house and
returns with their brother Simeon. (Note2)
โน ้ตที่ สอง คนต ้นเรือนดูแลทรัพย์สน ิ หลังจากการได ้ยินพวกพีน ่ ้องทาให ้พอใจ
บอกพวกพีน ่ ้องว่า พวกเขาไม่มเี หตุผลทีจ ่ ะต ้องหวาดกลัวสาหรับสงิ่ ทีไ่ ด ้เกิดขึน

ไม่มใี นเรือ
่ งการชาระเงินสาหรับอาหารของพวกเขา เขายังบอกพวกเขาว่า
พระเจ ้าของบิดาของพวกเขาเป็ นหนึง่ ผู ้ซงึ่ ได ้จัดการเงินของพวกเขาทีจ ่ ะวางกลับเข ้าไปในกระสอบ
ของพวกเขา คนต ้นเรือนดูแลทรัพย์สน ิ จึงจากไป
และออกไปยังคุกบ ้านและกลับมาพร ้อมกับสเิ มโอนพีช ่ ายของพวกเขา

95
As was explained to you earlier in this BOOK, JOSEPH is a DELIVERER, and a PERSON
of THE HOLY SPIRIT and HE is also THE FATHER of JESUS CHRIST. I want you to see the
hidden message that is buried in the LAYER of the Scripture below. This Scripture refers to
JOSEPH as being GOD!

(หมายเหตุ ตามทีไ่ ด ้อธิบายให ้คุณก่อนหน ้าในหนั งสอ ื เล่มนี้ โยเซฟเป็ นผู ้ชว่ ยให ้รอดพ ้น
และบุคคลของพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์ และเขายังเป็ นบิดาของพระเยซูคริสต์
ผมต ้องการให ้คุณเห็นข ้อความทีป ่ นทีถ
่ ิ ด ซอ ่ กู ฝั งในระดับชนั ้ ของข ้อความในพระคัมภีรข ์ ้างล่าง
ข ้อความในพระคัมภีรน ์ ี้ อ ้างถึงโยเซฟเชน ่ เป็ นพระเจ ้า!)

Genesis 43:23 And he said, Peace be to you, FEAR NOT: your GOD, and the GOD of your
father, hath given you treasure in your (note3) sacks: I had your money. And he brought
Simeon out unto them.
ปฐมกาล 43:23 คนต ้นเรือนจึงตอบว่า “จงเป็ นสุขเถิด อย่ากลัวเลย
พระเจ ้าของท่านและพระเจ ้าของบิดาของท่านบันดาลให ้มีทรัพย์อยูใ่ น (หมายเหตุ 3)
กระสอบเพือ ้ เราได ้รับแล ้ว” คนต ้นเรือนก็พาสเิ มโอนออกมาหาเขา
่ ท่าน เงินของท่านนัน

(Note3) Who had instructed the Steward to put the money back into their sacks, wasn't it
JOSEPH? And, whom did the Steward refer to as being the ONE who had given them their
TREASURE in their sacks? Didn't the Steward refer to GOD as to being the ONE who had
their money returned to them! JOSEPH is referred to in the Scriptures as GOD, because HE
was acting on the BEHALF of GOD, being of THE HOLY SPIRIT of GOD!
(หมายเหตุ 3) ผู ้ซงึ่ ได ้แนะนาคนต ้นเรือนเพือ ่ วางเงินกลับเข ้าไปในกระสอบของพวกเขา โยเซฟ
่ รือไม่? และตามทีค
ใชห ่ นต ้นเรือนได ้อ ้างถึงคือผู ้ซงึ่ ได ้ให ้ทรัพย์ในกระสอบของพวกเขา?
คนต ้นเรือนไม่ได ้อ ้างถึงพระเจ ้าอย่างทีเ่ ป็ นผู ้ซงึ่ ได ้คืนเงินของพวกเขา แก่พวกเขา!
โยเซฟกาลังถูกอ ้างถึงในข ้อความในพระคัมภีรว์ า่ เป็ นพระเจ ้า
เพราะว่าเขาได ้กระทาในพระนามของพระเจ ้า ซงึ่ เป็ นการงานของพระวิญญาณบริสท ุ ธิข
์ องพระเจ ้า!)

After the release of their brother Simeon out of prison, the eleven brothers are
invited into JOSEPH'S house. They are given water to wash their feet and their asses are
given provisions and put into a shelter. This was something that was only done for
dignitaries and most honored guests. The brothers, before entering into JOSEPH'S
chambers, offer the gifts that they had brought with them for the Viceroy, and again bow
humbly before JOSEPH, showing reverence towards the Viceroy of Egypt.

หลังจากสเิ มโอนพีช ่ ายของพวกเขาถูกปล่อยออกจากคุก


พีน ่ ้องทัง้ สบ ิ เอ็ดคนได ้ถูกเชญ ิ ให ้เข ้าไปในบ ้านของโยเซฟ
พวกเขาจะได ้รับน้ าเพือ ่ ล ้างเท ้าของพวกเขา และ ลาถูกให ้อาหารและใสเ่ ข ้าไปในทีพ ่ ัก
นีเ่ ป็ นสงิ่ ทีท่ าได ้เฉพาะสาหรับผู ้ทีม ่ ี ยศถาบรรดาศกั ดิ์ และอาคันตุกะทีใ่ ห ้เกียรติมากทีส่ ด

บรรดาพีน ่ ้องก่อนทีเ่ ข ้ามาในห ้องสว่ นตัวของโยเซฟ
เสนอของขวัญทีพ ่ วกเขาได ้นามาด ้วยกับพวกเขา สาหรับอุปราช

96
และโค ้งคานับอีกครัง้ อย่างถ่อมตนต่อหน ้าโยเซฟ
การแสดงถึงความเคารพยาเกรงต่ออุปราชของอียป ิ ต์

JOSEPH asks the brothers after he had greeted them by way of an Interpreter, if
their father was still alive and if he was in good health. The brothers acknowledge that their
father is both alive and well and they again bow themselves to the ground in obeisance.
JOSEPH further asks (also through an interpreter) if Benjamin is the younger brother who
they had spoken about in their first meeting with him. The brothers again acknowledge
that Benjamin is the younger brother, who they had referred too in their first meeting with
the Viceroy. Then JOSEPH says to Benjamin. “GOD be gracious unto thee, my son".

โยเซฟถามบรรดาพีน ่ ้องหลังจากเขาได ้ทักทายพวกเขาโดยทางล่าม


ถ ้าบิดาของพวกเขายังคงมีชวี ต ิ อยูแ่ ละเขาอยูใ่ นสุขภาพทีด ่ ี
บรรดาพีน ่ ้องรับรู ้ว่าบิดาของพวกเขาทัง้ มีชวี ต
ิ อยูแ
่ ละมีสขุ ภาพดี
และอีกครัง้ พวกเขาได ้ก ้มศรี ษะของพวกเขาเองไปยังพืน ้ ในการแสดงความเคารพ โยเซฟถามต่อไป
(ยังผ่านล่าม)

ถ ้าเบนยามินเป็ นน ้องชายสุดท ้องผู ้ซงึ่ พวกเขาได ้พูดถึงในการพบกันครัง้ แรกกับเขา


บรรดาพีน ่ ้องอีกครัง้ รับรู ้ว่าเบนยามินเป็ นน ้องชายคนสุดท ้อง
ผู ้ซงึ่ พวกเขาได ้อ ้างถึงด ้วยในการพบครัง้ แรกของพวกเขากับอุปราช
จากนัน ้ โยเซฟกล่าวไปยังเบนยามิน “ลูกของเราเอ๋ย ขอให ้พระเจ ้าทรงเมตตาแก่เจ ้า"

While being choked up over seeing his younger brother Benjamin whom he had
not seen for over twenty years, JOSEPH get up and leaves the room rather abruptly and
goes into HIS bed chamber and cried . After weeping for awhile HE washes the tears from
HIS eyes and gathers back HIS composure and returns back to HIS brothers. JOSEPH then
invite them to join HIM for supper. The Stewards having set three separate dining areas in
the dining room have them all gather there. In the dining room there is one area set for the
brothers to sit and one for the Egyptians to sit, with JOSEPH seated at the head of the table
and above the level of the others.

ในขณะทีก ่ าลังตืน
้ ตันอยูเ่ หนือการได ้พินจ ิ ดูเบนยามินน ้องชายของเขา
ผู ้ซงึ่ เขาไม่ได ้เห็นเป็ นเวลา 20 กว่าปี
โยเซฟลุกขึน ้ และออกจากห ้องโดยฉั บพลันและเข ้าไปในห ้องนอนสว่ นตัวของเขาและร ้องไห ้
หลังจากร ้องไห ้เป็ นเวลาสก ั ครูเ่ ขาจึงล ้างน้ าตาจาก ตา
และรวบรวมความสารวมของเขากลับและกลับคืนไปยังบรรดาพีน ่ ้องของเขา
โยเซฟจากนัน ้ เชอ ื้ เชญิ พวกเขาเพือ ่ เข ้าร่วมกับเขาสาหรับอาหารมือ ้ คา่ คนต ้นเรือนตัง้ สารับแยก เป็ น
3 สว่ น ในการรับประทานอาหารเย็นในห ้องอาหาร มีพวกเขาทัง้ หมดร่วมกันทีน ่ ั่ นในห ้องอาหาร
สว่ นที่ 1 สาหรับบรรดาพีน ่ ้องทีจ ่ ะนั่ง และ 1 ชุดสาหรับชาวอียป ิ ต์ทจ ี่ ะนั่ง
กับโยเซฟทีน ่ ั่งทีห
่ ัวโต๊ะและเหนือระดับของคนอืน ่ ๆ

97
NOTE: The Egyptians by their custom would not eat amongst the HEBREWS, as they
refused to commingle with them and thought of them as being an inferior people to
Egyptians.
หมายเหตุ: ชาวอียป
ิ ต์โดยธรรมเนียมปฏิบัตข ี รู
ิ องพวกเขาจะไม่รับประทานท่ามกลางชาวฮบ
อย่างทีพ
่ วกเขาปฏิเสธเพือ
่ ผสมกันกับพวกเขา
และความคิดของพวกเขาว่าเป็ นผู ้ด ้อยกว่าต่อชาวอียป
ิ ต์

As they all sat down to eat, the brothers sat at the table in accordance to their
BIRTHRIGHT. Reuben being the eldest sat the closest to JOSEPH, and Benjamin being the
youngest, sat the furthermost from JOSEPH, who sat at the head of the table. When the
Servants brought out the food for the brothers to eat, it was notable that Benjamin's
portion of food was five times greater than the other brother's portions. The all ate and
drank and had conversation with JOSEPH through JOSEPH'S Interpreter, while the brothers
still pondered over why JOSEPH had invited them into HIS house.

พวกเขาทัง้ หมดนั่งลงเพือ ่ รับประทานอาหาร


บรรดาพีน ่ ้องนั่งทีโ่ ต๊ะในความสอดคล ้องต่อสท ิ ธิบต
ุ รหัวปี ของเขา
รูเบนการเป็ นบุตรหัวปี นั่งใกล ้โยเซฟทีส ่ ด
ุ และเบนยามินการเป็ นคนสุดท ้อง นั่งไกลทีส ่ ด
ุ จากโยเซฟ
ผู ้ซงึ่ นั่งทีห
่ ัวโต๊ะ เมือ ่ คนรับใชน้ าอาหารออกมาสาหรับบรรดาพีน ่ ้องเพือ
่ รับประทาน
สงิ่ ทีโ่ ดดเด่นคืออาหารของเบนยามินเป็ น 5 เท่า สาคัญกว่าสว่ นแบ่งของบรรดาพีน ่ ้องคนอืน ่ ๆ
ทัง้ หมดรับประทานและดืม ่ และได ้สนทนากันกับโยเซฟผ่านล่ามของโยเซฟ
ในขณะทีบ ่ รรดาพีน ่ ้องยังคงครุน
่ คิดว่าทาไมโยเซฟได ้เชอ ื้ เชญ
ิ พวกเขาเข ้าไปในบ ้านของเขา

98
Shortly after completing the meal, JOSEPH commands the Steward of the house to
again put their money back into their sacks, as he had done the first time when they were
there. JOSEPH also instructs HIS Steward to take HIS personal silver wine cup and put it
into the sack that will be given to Benjamin.

ิ้ การรับประทานอาหาร โยเซฟสงั่ คนต ้นเรือนของบ ้าน


หลังจากเสร็จสน
่ ใสเ่ งินของพวกเขากลับเข ้าไปในกระสอบของพวกเขาอีกครัง้
เพือ
อย่างทีเ่ ขาได ้กระทาครัง้ แรกเมือ
่ พวกเขาอยูท ่ น
ี่ ั่น
โยเซฟยังสงั่ คนต ้นเรือนของเขาเพือ ่ นาถ ้วยเงินสาหรับใสไ่ วน์สว่ นตัวของเขาและใสม
่ ันเข ้าไปในกระ
สอบทีจ ่ ะให ้แก่เบนยามิน

Early the next morning the brothers arise to start their journey back to the land of
Canaan with the much-needed food for their families. Meanwhile, JOSEPH instructs HIS
Steward to chase after the brothers and tells him when he catches up to them, he is to
accuse them of stealing the Viceroy's silver wine cup. Once the Steward catches up to the
brothers, and accuses them of stealing the Viceroy's wine cup as he had been instructed to
do, the brothers deny doing anything wrong. The brothers tell the Steward they had
returned the money that was not paid for the food the first time, and that they would not
steal anything from the Viceroy who had treated them so good.
้ ว่ น
เชาตรู ั รุง่ ขึน
้ พีน
่ ้องตืน่ ขึน
้ เพือ
่ เริม
่ ต ้นการเดินทางของพวกเขากลับไปยังดินแดนคานาอัน
กับอาหารจานวนมากทีจ ่ าเป็ นสาหรับครอบครัวของพวกเขา ในระหว่างนั น ้
โยเซฟได ้สงั่ คนต ้นเรือนเพือ ่ ไล่หลังบรรดาพีน ่ ้อง และบอกเขาเมือ
่ เขาตามทันพวกเขา
คือการกล่าวหาว่าพวกเขาขโมยถ ้วยเงินสาหรับใสไ่ วน์ของอุปราช

เมือ่ คนดูแลทรัพย์สน ิ ต ้นเรือนตามมาทันถึงบรรดาพีน ่ ้อง


และกล่าวหาพวกเขาในการขโมยถ ้วยไวน์ของอุปราชอย่างทีเ่ ขาได ้สงั่ ให ้ทา
บรรดาพีน่ ้องปฏิเสธการกระทาสงิ่ ใดก็ตามทีผ ่ ด
ิ บรรดาพีน
่ ้องบอกคนต ้นเรือนว่า
พวกเขาได ้คืนเงินทีไ่ ม่ได ้จ่ายสาหรับอาหารครัง้ แรก
และว่าพวกเขาจะไม่ขโมยสงิ่ ใดก็ตามจากอุปราชผู ้ซงึ่ ได ้ปฏิบัตพ ิ วกเขาอย่างดี

Once the Steward catches up to the brothers, and accuses them of stealing the
Viceroy's wine cup as he had been instructed to do, the brothers deny doing anything
wrong. The brothers tell the Steward they had returned the money that was not paid for
the food the first time, and that they would not steal anything from the Viceroy who had
treated them so good.
ครัน ่ คนต ้นเรือนซงึ่ เป็ นผู ้ดูแลเรือ
้ เมือ ่ งทรัพย์สนิ ในบ ้าน ตามมาทันถึงบรรดาพีน ่ ้อง
และกล่าวหาพวกเขาในการขโมยถ ้วยไวน์ของอุปราชอย่างทีเ่ ขา(โยเซฟ)ได ้สงั่ ให ้ทา
บรรดาพีน่ ้องปฏิเสธการกระทาสงิ่ ใดๆก็ตามทีผ ่ ด ี ธรรม บรรดาพีน
ิ ศล ่ ้องบอกคนต ้นเรือนว่า

99
พวกเขาได ้คืนเงินทีไ่ ม่ได ้จ่ายสาหรับอาหารครัง้ แรก
และกล่าวว่าพวกเขาจะไม่ขโมยสงิ่ ใดก็ตามจากอุปราชผู ้ซงึ่ ได ้ปฏิบัตพ
ิ วกเขาอย่างดี

The brothers agree to allow the Steward and his guards to search their belongings
for the missing wine cup. They even go so far as to tell the Steward, that if the Viceroy's
wine cup is found in one of their possessions, the person having it should be killed and all
the other brothers should be put into slavery for allowing it to happen! They then speedily
remove their sacks from their asses and everyone opens their own sacks in the presence of
the Steward and the assisting Egyptian Guards, starting with the eldest down to the
youngest.
บรรดาพีน ่ ้องเห็นพ ้องด ้วยกันทีจ ่ ะอนุญาตให ้คนต ้นเรือน
และผู ้คุ ้มกันของเขา(โยเซฟ)เพือ ่ ค ้นหาทรัพย์สนิ ของพวกเขาสาหรับ ถ ้วยไวน์ทห ี่ ายไป
แม ้พวกเขาได ้ไปไกลอย่างทีบ ่ อกคนต ้นเรือนว่า
ถ ้าหากถ ้วยไวน์ของอุปราชถูกพบอยูใ่ นการครอบครองของบุคคลใดควรจะถูกฆ่า
และบรรดาพีน ่ ้องทัง้ หมดคนอืน ่ ๆ ควรจะถูกนาไปเป็ นทาสสาหรับการยินยอมให ้สงิ่ นีเ้ กิดขึน ้ !
พวกเขาจากนัน ้ เคลือ่ นย ้ายกระสอบของพวกเขาอย่างรวดเร็วจากลาของพวกเขา
และทุกคนเปิ ดกระสอบของพวกเขาเองอยูต ่ หน ้าของคนต ้นเรือนและได ้ชว่ ยค ้นหากับทหารคุ ้มกัน
่ อ
ชาวอียป ิ ต์ เริม่ ต ้นจากพีค ่ นโตลงไปยังคนสุดท ้อง

When they open the last sack, which is Benjamin's sack, the silver cup falls out. The
brothers after seeing the Viceroy's silver wine cup in Benjamin's sack, were so shocked by
the finding of it, they again believe they had been cursed by GOD, for what they had done to
their brother JOSEPH.
เมือ่ พวกเขาเปิ ดกระสอบสุดท ้าย ซงึ่ เป็ นกระสอบของเบนยามิน ถ ้วยเงินได ้หล่นออกมา
บรรดาพีน่ ้องหลังจากการเห็นถ ้วยเงินใสไ่ วน์ของอุปราชในกระสอบของเบนยามิน
ทาให ้ตกใจอย่างมากทีไ่ ด ้เจออยูใ่ นนัน ื่ ว่าพวกเขาได ้ถูกแชง่ สาปโดยพระเจ ้า
้ อีกครัง้ พวกเขาได ้เชอ
สาหรับสงิ่ ทีพ
่ วกเขาได ้กระทาต่อโยเซฟน ้องชายของพวกเขา

The brothers are taken immediately into custody by the Steward, and brought back
to Egypt. Once they are brought before JOSEPH to explain themselves, HE asks them how
they could do such a thing after being invited into his house and treated so honorably?
JOSEPH then passes JUDGMENT and proclaims that the one brother (Benjamin) who had
taken the cup would remain as a slave to him, and HE would allow the other brothers to
return to their home in Canaan.

บรรดาพีน ่ ้องถูกจับในทันทีโดยการคุ ้มครองของคนต ้นเรือน และนากลับไปยังอียป ิ ต์


เมือ
่ พวกเขาถูกนามาต่อหน ้าโยเซฟ เพือ ่ อธิบายตัวพวกเขาเอง โยเซฟได ้ถามพวกเขาว่า
พวกเขาจะสามารถทาสงิ่ เชน ่ นีห
้ รือ
หลังจากทีถ่ ก
ู เชอื้ เชญิ เข ้าไปในบ ้านของเขาและปฏิบัตอ ิ ย่างเป็ นแขกผู ้มีเกียรติ ? จากนั น้ โยเซฟ

ใชเวลาในการตั ด สน ิ และประกาศว่าพีน ่ ้องคนหนึง่ (เบนยามิน) ผู ้ซงึ่ ได ้เอาถ ้วยจะยังคงเป็ นทาสเขา
และเขาจะยินยอมให ้พีน ่ ้องคนอืน ่ ๆ เพือ
่ กลับไปบ ้านของพวกเขาในคานาอัน
100
Once the brothers hear JOSEPH'S proclamation, Judah who had sworn by his life to
his father ISRAEL for Benjamin's safekeeping pleads with JOSEPH for mercy. Judah tells
JOSEPH the story of how his father had only two sons with his beloved wife RACHEL.
Furthermore he tells him how one of these two sons had already been lost and how his
father who was very old still mourns for him on JOSEPH. Judah also tells the Viceroy that if
he were to now lose his other son, Benjamin, his father would certainly die from grief, and
the blood of his father would be on his hands forever! Judah pleads with the Viceroy to
have mercy on his poor father, and let him remain as a slave to JOSEPH, in place of his
younger brother Benjamin, for it was he who had guaranteed Benjamin's safety.
ครัน ้ เมือ
่ บรรดาพีน
่ ้องได ้ยินคาประกาศตัดสน ิ ด ้วยสท
ิ ธิอานาจของโยเซฟ
ยูดาห์ผู ้ซงึ่ ได ้สาบานด ้วยชวี ติ ของเขาต่ออิสราเอลบิดาของเขา สาหรับการอารักขาเบนยามิน
อ ้อนวอนกับโยเซฟสาหรับความเมตตา ยูดาห์บอกโยเซฟเรือ ่ งบิดาของเขามีเพียงบุตรชาย 2 คนกับ
ราเชลภรรยาทีร่ ักของเขา โดยเฉพาะอย่างยิง่ เขาบอกโยเซฟว่า บุตรชาย 1 ใน 2
คนได ้สูญหายไปและถ ้าเขาขณะนีจ ี บุตรชายอีกคนของเขา เบนยามิน
้ ะสูญเสย
บิดาของเขาจะตายอย่างแน่นอนจากความเศร ้าโศก
และเลือดของบิดาของเขาจะอยูบ ่ นมือของเขาตลอดไป!
ยูดาห์อ ้อนวอนต่ออุปราชเพือ ่ มีความเมตตาต่อบิดา ผู ้น่าสงสารของเขา
และให ้เขาอยูเ่ ป็ นทาสต่อโยเซฟ ในตาแหน่งของเบนยามิน น ้องชายของเขา
สาหรับเขาผู ้ซงึ่ ได ้รับประกันความปลอดภัยของเบนยามิน

After hearing the pleas of Judah, JOSEPH could no longer hold back his tears. HE
requests that all the Egyptians leave the chambers while HE sits in JUDGMENT over the
brothers. While alone with his brothers, JOSEPH makes himself known to them. He cries
out so loud to HIS brothers in remorse that all the Egyptians even within the house of
Pharaoh hear his CRIES! The brothers

now after hearing that the Viceroy is their brother JOSEPH whom they had sold into
slavery, become very concerned as to what JOSEPH will do with them out of REVENGE!

หลังจากการได ้ยินคาวิงวอนของยูดาห์ โยเซฟไม่สามารถยับยัง้ น้ าตาของเขาได ้อีกต่อไป


เขาขอร ้องให ้ชาวอียป ิ ต์ทัง้ หมดออกจากห ้องสว่ นตัว ในขณะทีเ่ ขานั่ งอยูใ่ นการตัดสน ิ เหนือพีน
่ ้อง
ในขณะทีอ ่ ยูล ่ าพังกับพีน่ ้องของเขา โยเซฟเปิ ดเผยตัวเองต่อพวกเขา
เขาร ้องไห ้เสย ี งดังต่อพีน่ ้องของเขาในในความเสย ี ใจต่อความผิดทีไ่ ด ้กระทาไปนั น ้
ชาวอียป ิ ต์ทัง้ หมดแม ้แต่ภายในบ ้านของฟาโรห์ได ้ยินเสย ี งร ้องไห ้ของเขา! บรรดาพีน ่ ้อง

ตอนนีห
้ ลังจากการได ้ยินทีอ
่ ป
ุ ราชผู ้เป็ นโยเซฟน ้องชายของพวกเขา
ผู ้ซงึ่ พวกเขาได ้ขายไปสูค
่ วามเป็ นทาส
กลายเป็ นปั ญหาทาให ้เกิดความวิตกกังวลเกีย ่ วกับสงิ่ ทีโ่ ยเซฟจะทากับพวกเขาเนือ
่ งเพือ
่ การแก ้แค ้
น!

101
However, JOSEPH tells the brothers that they should neither be grieved or feel guilty
for what they had done to HIM, and that even though they had thought to do him evil, that
what had happened was all part of GOD'S PLAN! JOSEPH tells his brothers that it was GOD
who had sent him into Egypt and not them, so HE could preserve their LIVES and prepare a
new place for them to LIVE.
แต่โยเซฟบอกบรรดาพีน ่ ้องว่า
พวกเขาไม่ควรจะเศร ้าเสย ี ใจหรือรู ้สก
ึ ผิดในสงิ่ ทีพ
่ วกเขาได ้กระทาต่อเขา
และแม ้ว่าพวกเขาได ้คิดว่าเขาทาความชวั่ ชา้
สงิ่ ทีไ่ ด ้เกิดขึน
้ ทัง้ หมดเป็ นสว่ นหนึง่ ของแผนการของพระเจ ้า! โยเซฟบอกพีน
่ ้องของเขาว่า
เป็ นพระเจ ้าผู ้ซงึ่ ได ้สง่ เขาเข ้าไปในอียป ิ ต์และไม่ใชพ ่ วกเขา
ดังนัน้ เขาสามารถเก็บอาหารสารองเพือ ่ ความเป็ นอยูข ่ องพวกเขาและจัดเตรียมสถานทีใ่ หม่สาหรับพ
วกเขาเพือ ่ อาศัยอยู่

Genesis 45:7 And GOD sent me before you to preserve you a posterity in the earth, and to
save your LIVES by a GREAT DELIVERANCE.

ปฐมกาล 45:7 ้
พระเจ ้าทรงใชเรามาก่ อนพีเ่ พือ
่ สงวนหมูค
่ นจากพวกพีไ่ ว ้บนแผ่นดิน
และชว่ ยชวี ต
ิ ของพีไ่ ว ้ด ้วยการชว่ ยให ้พ ้นอันใหญ่หลวง

NOTE : GOD knew of the coming famine in the Land of Canaan and sent JOSEPH before
them into Egypt to make a place for HIS PEOPLE, ISRAEL. THE CHILDREN of ISRAEL move
on into Egypt

หมายเหตุ : พระเจ ้าทรงทราบก่อนหน ้าแล ้วว่าความอดอยากจะมาถึงในดินแดนคานาอัน


และสง่ โยเซฟเข ้าไปในอียป
ิ ต์กอ
่ นพวกเขา เพือ ่ จัดทาสถานทีส
่ าหรับคนของพระองค์ อิสราเอล
ลูกหลานของอิสราเอลเคลือ ่ นย ้ายเข ้าไปในอียปิ ต์

JOSEPH tells his brothers to go back into the land of Canaan and inform his father,
ISRAEL, that HE is still alive. JOSEPH also tells them to gather up all their belongings along
with their father and bring him and their families back into Egypt to live where there is
food.
โยเซฟบอกพีน ่ ้องของเขากลับไปยังดินแดนคานาอันและแจ ้งข ้อความต่อบิดาของเขา
อิสราเอล ว่าเขายังคงมีชวี ติ อยู่
โยเซฟยังบอกพวกเขาเพือ ่ รวบรวมทรัพย์สนิ เข ้าด ้วยกันของเขาทัง้ หมด พร ้อมกับบิดาของพวกเขา
และนาเขาและครอบครัวของพวกเขากลับสูอ ่ ย
ี ป ่ อาศัยอยูท
ิ ต์เพือ ี่ งึ่ มีอาหาร
่ ซ

102
Once Pharaoh has heard that JOSEPH'S brothers had been reunited with him, he
then summons JOSEPH to him. Pharaoh tells JOSEPH that HIS family is welcome to come
into Egypt to live and that he will give HIS family as much land as would be needed for
them to live on. Pharaoh also authorizes JOSEPH to take as many wagons as would be
necessary and send them back with his brothers so they may gather up their families and
their belongings and come back to Egypt to live. After JOSEPH gives his brothers some
provisions for their journey back and also enough food for their families to eat while
returning to Egypt, the brothers then head back with the wagons towards the land of
Canaan.

เมือ
่ ฟาโรห์ได ้ทราบว่าพีน ่ ้องของโยเซฟได ้มารวมกันอีกครัง้ กับเขา จากนัน ้
พระองค์เชญ ิ ตัวโยเซฟไปเข ้าเฝ้ าพระองค์ ฟาโรห์บอกโยเซฟว่า
พระองค์มค ี วามยินดีตอ ่ ครอบครัวของเขาทีจ ่ ะเข ้ามาในอียป ่ อาศัยอยู่
ิ ต์เพือ
และพระองค์จะให ้ทีด ่ น
ิ ครอบครัวของเขาอย่างมากเท่าทีจ ่ อาศัยดารงช ี
่ ะต ้องการสาหรับพวกเขาเพือ
วิต ฟาโรห์ยังให ้อานาจโยเซฟทีจ ่ ะเอารถม ้าบรรทุก 4 ล ้อมากมายในความจาเป็ น
และสง่ พวกเขาไปกลับกับพีน ่ ้องของเขา
เพือ
่ ทีพ
่ วกเขาจะรวบรวมครอบครัวของพวกเขาและทรัพย์สน ิ ของพวกเขาและกลับมายังอียป
ิ ต์เพือ
่ อ
าศัยอยู่ หลังจากโยเซฟให ้พีน ่ ้องของเขาจัดเตรียมไว ้ก่อนสาหรับบางสงิ่ สาหรับการเดินทางกลับ
และอาหารทีเ่ พียงพอด ้วยสาหรับครอบครัวของพวกเขาเพือ ่ รับประทานในขณะทีก
่ ารกลับไปยังอียป ิ
ต์ บรรดาพีน ่ ้องจากนัน้ มุง่ หน ้ากลับไปกับรถม ้าบรรทุก 4 ล ้อไปยังดินแดนคานาอัน

Upon their arrival back to their father's house in Canaan, the brothers tell their
father ISRAEL that JOSEPH is still alive and is a GREAT Governor over EGYPT. They also tell
him that JOSEPH has sent for ISRAEL and all of their families to come and live in the land of
Egypt where there will be good provisions for them. However ISRAEL refuses to believe
them, until he sees the great caravan of Egyptian wagons and all the provisions sent back
with the brothers from JOSEPH.

เมือ
่ พวกเขากลับมาถึงจึงไปยังบ ้านของบิดาของพวกเขาในคานาอัน
บรรดาพีน ่ ้องบอกอิสราเอลบิดาของพวกเขาว่า
โยเซฟยังคงมีชวี ต ิ อยูแ
่ ละเป็ นผู ้ปกครองยิง่ ใหญ่เหนืออียป
ิ ต์ พวกเขายังบอกเขาว่า
โยเซฟได ้ร ้องขอให ้อิสราเอล
และครอบครัวของพวกเขาทัง้ หมดเดินทางมาและอาศัยอยูใ่ นดินแดนของอียป ิ ต์
ซงึ่ ทีน
่ ั่นจะมีการจัดเตรียมไว ้อย่างดีสาหรับพวกเขา แต่วา่ อิสราเอลปฎิเสธทีจ ่ ะเชอ ื่ พวกเขา
จนกระทั่งเขาเห็นกองคาราวานยิง่ ใหญ่ของรถม ้าบรรทุก 4
ล ้ออียป ิ ต์และของซงึ่ จัดเตรียมไว ้ทัง้ หมดสง่ กลับกับบรรดาพีน ่ ้องจากโยเซฟ

Before ISRAEL takes his journey to Egypt he first goes to Be'-er-she'-ba, and there
ISRAEL offers sacrifices unto the GOD of his father ISAAC and of his father ABRAHAM.

103
ก่อนทีอ
่ ส
ิ ราเอลจะเดินทางไปยังอียป
ิ ต์ เขาได ้ไปยังเมืองเบเออร์เชบาก่อน
และทีน
่ ั่นอิสราเอลถวายเครือ่ งบูชาแด่พระเจ ้าของอิสอัคบิดาของเขา และอับราฮัมบิดาของอิสอัค

Genesis 46:2 And GOD spake unto ISRAEL in the visions of the night, and said, JACOB,
JACOB. And he said, here am I.

ปฐมกาล 46:2 พระเจ ้าตรัสแก่อส ิ ราเอลโดยนิมต


ิ ในเวลากลางคืนว่า “ยาโคบ ยาโคบเอ๋ย”
ยาโคบทูลว่า “ข ้าพระองค์อยูท
่ น
ี่ พ
ี่ ระเจ ้าข ้า”

Genesis 46:3 And HE said, I am GOD, the GOD of thy father: fear not to go down into Egypt;
for I will there make of thee a GREAT NATION:

ปฐมกาล 46:3 พระองค์จงึ ตรัสว่า “เราคือพระเจ ้า


คือพระเจ ้าของบิดาเจ ้าอย่ากลัวทีจ
่ ะลงไปยังอียป
ิ ต์ เพราะเราจะให ้เจ ้าเป็ นประชาชาติใหญ่ทน ี่ ั่น

Genesis 46:4 I will go down with thee into Egypt; and I will also surely bring thee up again:
and JOSEPH shall put his hand upon thine eyes. note4

ปฐมกาล 46:4 เราจะลงไปกับเจ ้าถึงอียป


ิ ต์และเราจะพาเจ ้าขึน
้ มาอีกด ้วยแน่
และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ ้า” (หมายเหตุ 4)

Note 4: GOD, in these Scriptures is telling ISRAEL that it is okay to go down into Egypt,
because once they are in Egypt, GOD will make ISRAEL into a GREAT NATION. GOD says
also, HE is going to BRING ISRAEL back out of Egypt again, which HE indeed does four
hundred and thirty years later. In the last statement of the Scripture: "and JOSEPH shall put
his HAND (JESUS CHRIST) upon thine eyes", means the following: THROUGH JOSEPH
SHALL CHRIST BE REVEALED!

หมายเหตุ 4: พระเจ ้า ในข ้อความในพระคัมภีรเ์ หล่านีก ้ าลังบอกต่ออิสราเอลว่า


เป็ นการตกลงเพือ ่ เดินทางลงไปยังอียป
ิ ต์ เพราะว่าครัง้ หนึง่ พวกเขาอยูใ่ นอียปิ ต์
พระเจ ้าจะทาให ้อิสราเอลไปเป็ นประชาชาติยงิ่ ใหญ่ พระเจ ้ายังตรัสว่า
พระองค์กาลังจะทรงนาอิสราเอล ถอนตัวออกจากอียป ี ครัง้ ซงึ่ พระองค์ทาอย่างแน่นอน 430
ิ ต์อก
ปี ตอ่ มา ในคากล่าวสุดท ้ายของข ้อความในพระคัมภีร ์ “และโยเซฟจะวางมือของเขา
(พระเยซูคริสต์) เหนือตาของเจ ้า” หมายถึง ต่อไปนีผ ้ า่ นทางโยเซฟ
(ซงึ่ เป็ นผู ้ถูกเจิมนาสง่ และปลดปล่อยด ้วยพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์ 182)
นัน้ พระคริสต์จะถูกเปิ ดเผยออกมาให ้เห็นประจักษ์แจ ้ง!)

After ISRAEL reunites with his son JOSEPH he is given all the land of Go' shen within
the border of Egypt to live on. This is the best grazing land in all of the land of Egypt!
ISRAEL, being at this time one hundred and thirty years old, then goes to Pharaoh and
thanks him for all that he has done for ISRAEL and his CHILDREN and he then BLESSES
Pharaoh. ISRAEL, then lives in the land of Egypt for seventeen years and just prior to his
death he BLESSES his sons and JOSEPH'S sons as well, saying, that both the sons of JOSEPH
104
will become great nations. Then after the BLESSING of JOSEPH'S sons and prior to him
BLESSING ISRAEL'S TWELVE SONS, he tells JOSEPH this:

หลังจากอิสราเอลมารวมกันอีกครัง้ กับโยเซฟบุตรชายของเขา เขาจะได ้รับทีด ่ น



ทัง้ หมดของเมืองโกเชนภายในพรมแดนของอียป ่ อาศัยดารงชวี ต
ิ ต์เพือ ิ อยู่
นีค่ อ
ื ดินแดนทีด ่ ท
ี ส
ี่ ดุ ในการเลีย้ งปศุสต ั ว์ในดินแดนทัง้ หมดของอียป ิ ต์ ! อิสราเอล ในเวลานีอ้ ายุ
130 ปี
จากนัน ้ ได ้ไปยังฟาโรห์และขอบคุณพระองค์สาหรับทัง้ หมดทีพ ่ ระองค์ได ้กระทาสาหรับอิสราเอล
และลูกหลานของเขาและเขาจากนัน ้ อวยพรฟาโรห์ อิสราเอล
จึงอาศัยอยูใ่ นดินแดนของอียป ิ ต์เป็ นเวลา 17
ปี และเพียงก่อนเสย ี ชวี ต
ิ เขาได ้อวยพรบรรดาบุตรชายของเขาและบุตรชายของโยเซฟเชน ่ กัน
ว่าบุตรชายทัง้ สองของโยเซฟจะกลายเป็ นประชาชาติยงิ่ ใหญ่
จากนัน ้ หลังจากได ้อวยพรบุตรชายของโยเซฟและก่อนทีเ่ ขาจะอวยพรบุตรชาย 12
คนของอิสราเอล เขาได ้บอกโยเซฟ ดังนี้

Genesis 48:21 And ISRAEL said unto JOSEPH, BEHOLD, I die: but GOD shall be with you,
and bring you again unto the land of your fathers.

ปฐมกาล 48:21 อิสราเอลบอกโยเซฟว่า “ดูเถิด พ่อจะตายแล ้ว


่ ับพวกเจ ้าและจะพาพวกเจ ้ากลับไปสู่ แผ่นดินของบรรพบุรษ
แต่พระเจ ้าจะทรงสถิตอยูก ุ ของเจ ้า

Genesis 48:22 Moreover I have given to thee one portion above thy brethren, which I took
out of the hand of the Am '-or-ite with my sword and with my bow. Note5.

ปฐมกาล 48:22 ยิง่ กว่านัน


้ อีก
พ่อจะยกสว่ นหนึง่ ทีพ
่ อ
่ ตีได ้จากมือคนอาโมไรต์ด ้วยดาบและธนูของพ่อนั น
้ ให ้แก่เจ ้าแทนทีจ ่ ะให ้พีน
่ ้
องของเจ ้า

NOTE 5 GOD, speaking through ISRAEL is telling JOSEPH who is the SECOND DELIVERER
about the THIRD DELIVERANCE by THE HOLY SPIRIT, through the man MOSES, which shall
bring ISRAEL out of the land of Egypt. Buried also in the second Scripture is the "DOUBLE
PORTION" that we had previously discussed, which is given to JOSEPH, indicating that HE
will have a SECOND LIFE, again as JOSEPH! This is the portion given to HIM above his
brethren, for they lived but only once as all others do. JOSEPH is the only MAN in all the
SCRIPTURES that is given this double portion of life on earth! For it is not a reincarnation of
the SPIRIT that JOSEPH receives, which happens many times throughout the SCRIPTURES.
But rather the reincarnation of the PERSON JOSEPH, and being the SAME IDENTICAL MAN
in both of HIS lives!

หมายเหตุ: พระเจ ้า ตรัสผ่านอิสราเอล


กาลังบอกโยเซฟผู ้ซงึ่ เป็ นผู ้ชว่ ยให ้รอดพ ้นโดยพระวิญญาณบริสท ่ วกับผู ้ชว่ ยให ้รอดพ ้นที่
ุ ธิ์ ที่ 2 เกีย
3 โดยพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์ ผ่านทางโมเสส ผู ้ซงึ่ จะนาอิสราเอลออกจากดินแดนอียป ิ ต์

105
ยังฝั งในข ้อความในพระคัมภีรส ์ ว่ นทีส่ อง เป็ น “"DOUBLE PORTION สว่ นแบ่งสองเท่า”
ทีเ่ ราได ้อภิปรายก่อนหน ้านี้ ซงึ่ ได ้รับการสาแดงว่า โยเซฟ จะมีชวี ต ิ บนโลกเป็ นครัง้ ทีส
่ อง
เป็ นโยเซฟ! นีเ้ ป็ นสว่ นแบ่งทีก
่ าหนดให ้เขาเหนือพีน ่ ้องของเขา เพราะพวกเขาอาศัยอยู่
แต่เพียงครัง้ เดียวเหมือนคนอืน ่ ๆ ทัง้ หมด

โยเซฟเป็ นมนุษย์เพียงคนเดียวในข ้อความในพระคัมภีรท ์ ัง้ หมดทีถ ู ให ้สว่ นแบ่งสองสว่ นนีข


่ ก ้ องชวี ต

บนแผ่นดินโลก! เพือ ่ จะไม่ได ้กลับมาเกิดใหม่ของวิญญาณ(เหมือน เชน ่ ยอห์น) ทีโ่ ยเซฟได ้รับ
ซงึ่ ได ้เกิดขึน
้ หลายครัง้ ผ่านทางทัง้ ข ้อความในพระคัมภีร ์ แต่การกลับมาเกิดของบุคคล โยเซฟ
และการดารงอยูเ่ ป็ นคนเดียวกัน เหมือนกันมากดุจเป็ นสงิ่ ๆ เดียวกันในทัง้ สองชวี ต ิ ของเขา !

The BIRTHRIGHT given forever to JOSEPH/

ิ ธิบต
สท ุ รหัวปี ถก
ู ให ้ตลอดกาลต่อโยเซฟ

This is the BLESSING that was PASSED along from ISRAEL to HIS SON JOSEPH:

นีค
่ อ
ื การอวยพรทีถ
่ ก
ู ผ่านไปจากอิสราเอล ไปยังโยเซฟบุตรชายของเขา

Genesis 49:22 JOSEPH is a fruitful bough, even a fruitful bough by a well; whose branches
run over the wall:

ปฐมกาล 49:22 โยเซฟเป็ นกิง่ ทีเ่ กิดผลดก เป็ นกิง่ ทีเ่ กิดผลดกอยูร่ ม
ิ บ่อน้ ามีกงิ่ พาดข ้ามกาแพง

Genesis 49:23 The archers have sorely grieved him, and shot at him, and hated him:

ปฐมกาล 49:23 พวกพรานธนูได ้ทาให ้เขาทุกข์โศก ทัง้ ยิงและเกลียดชงั เขา

Genesis 49: 24 But his bow abode in strength, and the arms of his hands were made strong
by the hands of the MIGHTY GOD of JACOB: (from thence is the SHEPHERD, the STONE of
ISRAEL.)

ปฐมกาล 49:24 แต่ธนูของเขาเองยืนหยัดต่อสู ้


ลาแขนของเขามีกาลังขึน ้ โดยพระหัตถ์ของพระเจ ้าผู ้ทรงเดชานุภาพของยาโคบ
(ผู ้เลีย ิ าแห่งอิสราเอลมาจากพระองค์นัน
้ งแกะคือศล ้ )

Genesis 49:25 Even by the GOD of thy father, who shall help thee; and by the ALMIGHTY,
who shall bless thee with BLESSINGS of HEAVEN above, BLESSINGS of the deep that lieth
under, BLESSINGS of the breasts, and of the womb:

ปฐมกาล 49:25 โดยพระเจ ้าของบิดาเจ ้าผู ้จะทรงชว่ ยเจ ้า โดยพระองค์ทรงศกั ดานุภาพใหญ่ยงิ่


ผู ้จะทรงอวยพระพรแก่เจ ้าด ้วยพระทีม
่ าจากฟ้ าเบือ
้ งบน พรทีม
่ าจากใต ้ทะเลเบือ
้ งล่าง
พรทีม ่ าจากนมและครรภ์

106
Genesis 49:26 The BLESSINGS of thy father have prevailed above the bless ings of my
PROGENITORS unto the utmost bound of the everlasting hills: they shall be on the HEAD of
JOSEPH, and on the CROWN of the HEAD of HIM that was separate from HIS brethern. Note
6

ปฐมกาล 49:26 สว่ นพรทีม ่ าจากบิดาของเจ ้ามีมากกว่าพรทีม


่ าจากบรรพบุรษุ ของเรา
จนถึงทีส่ ด
ุ แห่งเนินเขาเนืองนิตย์ ขอพรเหล่านัน ่ นศรี ษะของโยเซฟ
้ อยูบ
้ งบนกระหม่อมศรี ษะแห่งผู ้ทีต
และอยูเ่ บือ ่ ้องพรากจากพีน่ ้อง

Note 6: These Scriptures indicate the BIRTHRIGHT and the BLESSING being passed down
by ISRAEL to JOSEPH, until the COMING of MESSIAH (The SHEPHERD the STONE of
ISRAEL): with JACOB'S BLESSING prevailing above ANY PREVIOUS blessings that were
made before him. These Scriptures verify that which you have been told already and they
CANNOT BE BROKEN: That both the BIRTHRIGHT, and the BLESSING, RESIDES with
JOSEPH until the COMING of JESUS CHRIST and JOSEPH'S PASSING THEM DOWN TO JESUS.
The BIRTHRIGHT and the BLESSING can only be passed down from a FATHER to A SON,
Amen!

หมายเหตุ 6:
ข ้อความในพระคัมภีรเ์ หล่านีแ้ สดงสท ิ ธิบต ุ รหัวปี และการอวยพรการดารงอยูผ ่ า่ นลงโดยอิสราเอลไป
ยังโยเซฟ จนกระทั่งการกลับมาของพระเมสสย ิ าห์ (คนเลีย ้ งแกะ อัญมณีของอิสราเอล)
กับการอวยพรของยาโคบทีเ่ หนือกว่า เหนือการอวยพรซงึ่ เกิดขึน ้ ก่อนใดๆ ทีถ
่ ก
ู ทาขึน
้ ก่อนเขา
ข ้อความในพระคัมภีรเ์ หล่านีพ ้ สิ จ
ู น์ยนื ยันว่าสงิ่ ซงึ่ คุณได ้ถูกบอกเรียบร ้อยแล ้วและพวกเขาไม่สามาร
ถถูกทาลาย ทัง้ สองนัน ิ ธิบต
้ สท ุ รหัวปี และการอวยพร
พานักอยูเ่ ป็ นการถาวรกับโยเซฟจนกระทั่งการกลับมาของพระเยซูคริสต์และการผ่านพวกเขาของโย
เซฟลงไปยังพระเยซูคริสต์
สทิ ธิบต
ุ รหัวปี และการอวยพรสามารถเพียงถูกผ่านลงจากบิดาไปยังบุตรชาย เอเมน!

6.6 Exodus /อพยพ

The Second Book of MOSES, called Exodus, picks up the story of the CHILDREN of
ISRAEL after they had lived in the land of Egypt for 350 years. Therefor, there is a 350-
year gap between the end of the Book of Genesis and beginning of the Book of Exodus. The
Book of Exodus covers the CHILDREN of ISRAEL'S DELIVERANCE by MOSES, out of Egypt
and also DELIVERANCE OUT of the hard bondage that the succeeding Pharaoh had placed
them in. It also tells of the many MIRACLES that GOD performed before their very eyes, and
before the eyes of Pharaoh and the Egyptian people.

หนังสอ ื เล่มทีส
่ องของโมเสสเรียกว่า “อพยพ”
่ งของลูกหลานของอิสราเอลหลังจากพวกเขาได ้อาศัยอยูใ่ นดินแดนของอียป
ได ้หยิบยกเรือ ิ ต์เป็ นระ
ยะเวลา 350 ปี ด ้วยเหตุนี้มช ่ งว่างของเวลา 350
ี อ

107
ปี ทไี่ ม่ได ้ระบุลงไประหว่างตอนท ้ายของหนั งสอ ื ของปฐมกาลและการเริม ่ ต ้นของหนั งสอ ื อพยพ
ในหนั งสอ ื อพยพเนือ้ หาได ้ครอบคลุมไปถึงเรือ่ งราว
ลูกหลานของของอิสราเอลนัน ้ ได ้ถูกปลดปล่อยออกจากอียป ิ ต์โดยโมเสสเป็ นผู ้นา
และเป็ นการชว่ ยให ้รอดออกจากการผูกมัด กักขัง
ซงึ่ ฟาโรห์ได ้วางแผนไว ้ให ้พวกเขาตกอยูใ่ นการเป็ นทาสด ้วยเชน ่ กัน
และยังคงบอกเรือ ่ งราวของการอัศจรรย์หลายอย่างทีพ ่ ระเจ ้าจะสาแดง
ก่อนทีพ ่ วกเขาจะได ้เห็นกับตา และก่อนสายตาของฟาโรห์และผู ้คนชาวอียป ิ ต์จะได ้เห็น

Contrary to what most people believe, the Egyptian people who had lived near to
the HEBREWS became very good friends with the HEBREWS, even though their religious
beliefs and customs were significantly different. The Egyptian People were taught by their
government to hate the HEBREWS, so many of them had to hide their affections and could
not openly show their friendships with the Children of ISRAEL.

ในทางตรงกันข ้ามกับคนสว่ นใหญ่เชอ ื่ ว่า ผู ้คนชาวอียป


ิ ต์ผู ้ซงึ่ ได ้อาศัยอยูใ่ กล ้ชด
ิ กับคนฮบ
ี รู
ได ้กลายเป็ นเพือ ่ นทีด ่ ม
ี ากกับคนฮบ ี รู
แม ้ว่าความเชอ ื่ ทีเ่ กีย
่ วกับศาสนาของพวกเขาและธรรมเนียมปฏิบัตเิ ป็ นสงิ่ ความแตกต่างอย่างเห็นอ
อกมาได ้ชด ั เจน ผู ้คนชาวอียป ู สอนโดยรัฐบาลของพวกเขาให ้เกลียดชงั คนฮบ
ิ ต์ถก ี รู
ดังนัน้ หลายคนของพวกเขาต ้องซอ ่ นความรักใคร่ของพวกเขาและไม่สามารถแสดงอย่างเปิ ดเผยมิต
รภาพกับลูกหลานของอิสราเอล

There was a concern with Pharaoh just prior to the birth of MOSES that the
HEBREWS would soon outnumber the Egyptian people. There was a population explosion
of the HEBREW PEOPLE who had come into Egypt with only SEVENTY PEOPLE and then
grew to well over ONE MILLION in just 350 years. This posed a threat to Pharaoh and his
regime due to the HEBREWS birthrate being significantly greater than theirs.

ได ้มีความวิตกกังวลกับฟาโรห์ ก่อนเหตุการณ์การกาเนิดของโมเสส
ว่าชาวฮบ ี รูในไม่ชาจะมี
้ จานวนมากกว่าชาวอียป ิ ต์
เพราะจานวนประชากรของผู ้คนชาวฮบ ี รูได ้ขยายเติบโตอย่างรวดเร็ว
ซงึ่ จากในอดีตได ้เข ้ามาอาศัยอยูใ่ นประเทศอียป ิ ต์เพียง 70 คนเท่านั น
้ และจากนัน
้ เติบโตไปจนถึง
1,000,000คน ในชว่ งเวลาเพียงแค่ 350 ปี
นีถ
้ อื เป็ นเรือ
่ งภัยคุกคามในการครอบครองของฟาโรห์และระบบการปกครองของเขา เนือ ่ ง จาก
อัตราการเกิดของประชากรชาวฮบ ี รู นัน
้ มีความหมายถึงความยิง่ ใหญ่
กว่าของอัตราการเกิดของพวกเขา

This birthrate difference of the two different peoples living in Egypt was primarily
due to the HEBREWS being circumcised, and the Egyptians being uncircumcised. This
circumcising of the HEBREW males resulted in the HEBREW women conceiving at a much
greater rate than the Egyptian women.

108
โดยการใชช้ วี ต ิ ของคนในอียป ิ ต์อัตราการเกิดเป็ นการบ่งบอกถึงแตกต่างของทัง้ สองชนิดขอ
งคนซงึ่ แตกต่างกัน โดยพืน ้ ฐานเนือ ่ งจากชาวฮบ ี รูมพ
ี ธิ เี ข ้าสุหนัต
และชาวอียป ิ ต์ไม่มก ี ารเข ้าพิธส
ี หุ นัต(นอกรีต)
การเข ้าสุหนัตนีข ้ องชายชาวฮบ ี รูมผ
ี ลต่อการตัง้ ครรภ์ในหญิง ซงึ่ ทาให ้อัตราการเกิดมากกว่า
หญิงชาวอียป ิ ต์

The desensitizing effect caused by the circumcising allowed for a prolonged period
of copulation, thus increasing the level of conception by the HEBREW women. With
ongoing wars with Egypt and the other neighboring countries, Pharaoh had a great concern
that there could be a civil unrest between the two peoples of Egypt, and that the HEBREWS
would join forces with his enemies against Egypt. Pharaoh was also concerned that due to
the continual population growth of the HEBREW people that they would soon outnumber
the Egyptians, thus leading to an overthrow of his ruling government.

เนือ ่ งจากสาเหตุของการเข ้าสุหนั ต ทาให ้เกิดความรู ้สก ึ ทางเพศ


ขยายชว่ งเวลาของมีเพศสม ั พันธ์ยาวนานขึน ้ ด ้วยเหตุนจ
ี้ งึ มีโอกาศตัง้ ครรภ์ได ้มากขึน้ จากหญิงฮบ ี รู
และเนือ่ งจากมีสงครามดาเนินไปอย่างไม่หยุดยัง้ ของประเทศอียป ิ ต์กับประเทศเพือ่ นบ ้านอืน
่ ๆ
ฟาโรห์มค ี วามวิตกกังวลอย่างยิง่ ว่าอาจจะมีเรือ ่ งความไม่สงบเกิดขึน ้ กับประชากรทัง้ สอง
ระหว่างผู ้คนของอียป ิ ต์และชาวฮบ ี รูอาจจะเข ้าร่วมกองกาลังกับศต ั รูของพระองค์ตอ ่ ต ้านอียป
ิ ต์
ฟาโรห์ยังคงมีความวิตกกังวลในอัตราการขยายตัวของของประชากรชาวฮบ ี รู
ซงึ่ พวกเขาในไม่ชาจะมี
้ จานวนมากกว่าชาวอียป ิ ต์
ด ้วยเหตุนก ี้ ารนาไปสูก ่ ารโค่นล ้มล ้างของการปกครองรัฐบาลของพระองค์

To countermeasure the birthrate differences of the two different peoples, Pharaoh


orders the Egyptian Midwives who aided the HEBREW women when giving birth, to kill all
of the HEBREW males and spare only the females. He instructs the Midwives to cast all the
male HEBREW children into the Nile River as soon as they are born. However, with a great
deal of mutual friendship between the Egyptian Midwives and the HEBREW women, and
the Midwives fearing the HEBREW GOD whom the HEBREWS SERVED, this effort fails.

การกระทาเพือ ่ ต่อต ้านอัตราการเกิดทีแ ่ ตกต่างของทัง้ สองประชากรแตกต่าง ฟาโรห์


สงั่ บรรดานางผดุงครรภ์ชาวอียป ิ ต์ผู ้ซงึ่ ชว่ ยเหลือหญิงชาวฮบ ี รูเมือ
่ เกิดการคลอดบุตร
ให ้ฆ่าเด็กชายแรกเกิดชาวฮบ ี รูทัง้ หมด และละเว ้นเพียงเด็กผู ้หญิง
พระองค์แนะนาพวกนางผดุงครรภ์ให ้โยนเด็กผู ้ชายชาวฮบ ี รูทัง้ หมดไปในแม่น้ าไนล์ทันที
ทีพ ่ วกเขาได ้คลอด อย่างไรก็ตาม เนือ ่ งจากมิตรภาพทีด ่ ซี งึ่ กันและกัน ระหว่าง
พวกนางผดุงครรภ์ชาวอียป ิ ต์ และหญิงชาวฮบ ี รู และพวกนางผดุงครรภ์ยาเกรงพระเจ ้าของคน ฮบี รู
ผู ้ซงึ่ ชาวฮบ
ี รูปรนนิบัตริ ับใช ้ ความพยายามนีล ้ ้มเหลว

Once Pharaoh hears that the Midwives are not following his orders to kill the
HEBREW male children, he then writes into LAW; that all male HEBREWS are to be killed at

109
birth. This LAW allows no options for the midwives to spare the children, for any found
breaking the LAW would be put to death for it!

ครัง้ หนึง่ ฟาโรห์ได ้ยินว่าพวกนางผดุงครรภ์ไม่ได ้ทาตามคาสงั่ ของพระองค์


เพือ่ ฆ่าเด็กชายแรกเกิดชาวฮบ ี รู เขาจึงเขียนไปในกฎหมายว่าชายฮบ ี รูทัง้ หมดจะถูกฆ่าเมือ
่ คลอด
กฎหมายนีไ ้ ม่มกี ารอนุญาต ให ้เป็ นทางเลือกสาหรับพวกนางผดุงครรภ์ ทีจ ่ ะละเว ้นพวกเด็ก
ถ ้ามีการตรวจค ้นใดๆพบว่าเป็ นการฝ่ าฝื นกฎหมายทีก ่ าหนดไว ้ นัน
้ มีโทษถึงความตายในเรือ ่ งนี้

ื่ โมเสส
The Man named MOSES / ชายชอ

Most of the stories told about MOSES are incorrect. MOSES was never considered to
be a prince in Egypt MOSES, who was hidden by his family for his first three months of his
LIFE, was placed in an ARK of bulrushes and set into the Nile river to keep HIM from being
killed. Soon after the ARK had been placed into the NILE RIVER it was claimed by the
daughter of Pharaoh, whose name was Mes' -e-phoph. MOSES who was three months old at
that time was named MOSES by Mes' -e-phoph and with her being a widow and having no
children, she claimed MOSES for herself.

สว่ นใหญ่ของเรือ ่ งราวเกีย่ วกับโมเสสเป็ นเรือ ่ งทีซ ่ นความหมายทีแ


่ อ ่ ท ้จริงเอาไว ้
โมเสสไม่เคยพิจารณาทีจ ่ ะเป็ นเจ ้าชายในอียป ิ ต์
โมเสสผู ้ซงึ่ ถูกซอ ่ นปิ ดบังไว ้โดยครอบครัวของเขาในชว่ งระยะ 3
เดือนแรกเพือ ่ รักษาชวี ต ิ ของเขาไว ้ได ้ถูกวางในเรือท ้องแบนของหญ ้าชนิดหนึง่ ซงึ่ อาศัยอยูใ่ นน้ า
(ตะกร ้าสานหญ ้ากกยาด ้วยยางมะตอยและชน ั กันน้ าเข ้า)
และหลังจากนั น ้ ได ้ใสล ่ อยไปในลุม ่ แม่น้ าไนล์เพือ ่ รักษาชวี ต ิ ของเขาจากการถูกฆ่า
ถูกกล่าวอ ้างโดยธิดาของฟาโรห์ ชอ ื่ ว่าเมสอีโฟพห์ ขณะนั น ้ โมเสสอายุได ้ 3 เดือน
โดยเธอได ้ตัง้ ชอ ื่ ให ้กับโมเสส และเนือ ่ งจากเธอเป็ นหญิงหม ้ายและไม่มบ ี ต
ุ ร
เธอได ้อ ้างสท ิ ธิเ์ ป็ นเจ ้าของโมเสสสาหรับเธอเอง

Once Miriam, MOSES' sister saw who had claimed MOSES, she came to Mes'-e-phoph
and offered to bring her a HEBREW woman to nurse MOSES. Once Pharaoh's daughter
agrees to accept the help of a HEBREW woman for the nursing of MOSES, Miriam then
brings MOSES' mother, Joch'-e-bed back to Mes'-e-phoph to breast-feed HIM.

ครัน
้ เมือ
่ มีเรียม พีส
่ าวของโมเสสได ้เห็นการกล่าวอ ้างสทิ ธิเ์ ป็ นเจ ้าของโมเสส
เธอได ้เข ้ามาหา ธิดาของฟาโรห์ เมสอีโฟพห์และเสนอให ้หญิงชาวฮบ ี รูเลีย
้ งดูโมเสส
่ ธิดาของฟาโรห์ตกลงยอมรับการชว่ ยเหลือจากหญิงชาวฮบ
เมือ ี รู สาหรับการเลีย ้ งดูของโมเสส
มีเรียมก็นามารดาของโมเสส โยเชอีเบด กลับไปหา เมสอีโฟพห์เพือ ่ เป็ นแม่นมเลีย ้ งดูเขา

MOSES grew up knowing that he was a HEBREW, and although he was not welcomed
by the HEBREW people, over the course of years made many visits to see his Mother, Joch' -
e-bed, his brother Aaron, and his sister Miriam. Pharaoh, himself, had known that MOSES
was a HEBREW, but allowed his daughter, Mes'-e-phoph to keep him. MOSES, although

110
living in the house of Pharaoh, was always considered to be less than an Egyptian and
never considered an equal to one of Pharaoh's own kindred.

โมเสสเติบโตขึน ้ โดยรับรู ้ว่าเขาเป็ นคนฮบี รู


และถึงแม ้ว่าเขาไม่ได ้ถูกต ้อนรับโดยผู ้คนชาวฮบ ี รู ในชว่ งเวลาหลายปี สาหรับการมาเยีย
่ มหลายครัง้
เพือ
่ พบปะกับมารดาของเขาโยเชอีเบด อาโรน น ้องชายของเขา และ มีเรียม พีส ่ าวของเขา

ฟาโรห์ ตัวพระองค์เอง ได ้รู ้ว่าโมเสสเป็ นคนฮบี รู แต่ยน


ิ ยอมอนุญาติให ้ธิดาของพระองค์
้ งดู โมเสส ถึงแม ้ว่าการอาศัยอยูใ่ นบ ้านของฟาโรห์
เมสอีโฟพห์เลีย
ได ้พิจารณาอยูเ่ สมอว่าเป็ นคนทีส
่ าคัญน ้อยกว่าคนอียปิ ต์
และไม่เคยพิจารณาให ้มีความเท่าเทียมเป็ นคนในเครือญาติของฟาโรห์

In MOSES' early years he received an excellent education and could speak, read,
and write in both HEBREW and Egyptian. However, due to him being bilingual, it caused
MOSES some difficulty in the pronunciation of some of the WORDS in both of the languages,
with him sometimes getting the two languages confused.

ในปี แรกๆ ของโมเสสเขาได ้รับการศก ึ ษาอย่างดีเยีย


่ มและสามารถพูด อ่าน
และเขียนในทัง้ ฮบ ี รูและอียป
ิ ต์ แต่อย่างไรก็ตามเนือ
่ งจากเขาได ้เรียนรู ้เป็ นสองภาษา
นัน
้ เป็ นสาเหตุทาให ้โมเสสมีความยากลาบากในการออกเสย ี งของบางคาในทัง้ สองภาษา
ซงึ่ บางครัง้ เขาการได ้รับสองภาษาทาให ้สบ ั สน

MOSES did not look like an Egyptian. There were significant differences in the facial
features of the HEBREW as opposed to the Egyptian. The Egyptian people had very sharp
facial features and extremely large noses. The Egyptian people considered that having a
very large nose was a symbol of nobility and beauty.

โมเสสไม่ได ้มีลักษณะเหมือนคนอียป ิ ต์
มีความแตกต่างกันโดยสามารถสงั เกตเห็นออกมาได ้จากใบหน ้าซงึ่
เป็ นลักษณะพิเศษเฉพาะของคนฮบ ี รู ตรงกันข ้ามกับคนอียป
ิ ต์ ผู ้คนอียป
ิ ต์มใี บหน ้าแหลมมาก
ซงึ่ เป็ นลักษณะเฉพาะและจมูกใหญ่อย่างมาก
ผู ้คนอียป ิ ต์ได ้ถูกพิจารณาว่ามีจมูกใหญ่มากเป็ นสญ ั ลักษณ์ของความสูงสง่ และสวยงาม

On the other hand, the HEBREW people had very soft facial features with
moderate sized noses. Also the HEBREW'S physical makeup and height was
significantly greater than that of the Egyptian. So by appearance alone, MOSES could not
have passed for an Egyptian man, and his survival in the house of Pharaoh was totally due
to his ADOPTED Mother's love for him.

ในอีกลักษณะหนึง่ นัน ี รู ได ้มีลักษณะใบหน ้าอ่อนโยนมาก กับจมูกขนาดปานกลาง


้ คนฮบ
ด ้วยโครงสร ้างทางกายภาพของคนฮบ ี รูและความสูงนั น
้ ใหญ่กว่าของคนอียป ั
ิ ต์อย่างเด่นชด
ดังนัน
้ โดยลักษณะท่าทางอย่างเดียว โมเสสไม่สามารถผ่านเป็ นชาย

111
ชาวอียป ่ งจากเป็ นบุตรบุญธรรมของมารดาซงึ่ รักเขา
ิ ต์และการอยูร่ อดในบ ้านของฟาโรห์ทัง้ หมด เนือ
ตามสทิ ธิทรี่ ับเขามาเลีย
้ งดู

Even though most of the HEBREWS could speak in the Egyptian language, very
few of the Egyptians could speak in the HEBREW language. MOSES was used by Pharaoh as
an interpreter in many circumstances, and also was sent to spy on the HEBREWS. He would
also teach the captains overseeing the HEBREWS learn the HEBREW language so they
could spy. With the exception of his mother, brother, and sister, MOSES was greatly hated
by the HEBREW people and considered to be an informant to Pharaoh. Hopefully you can
see that the Egyptians neither accepted MOSES or the HEBREW people and HE was truly a
person without nation.

แม ้ว่าคนฮบ ี รูสว่ นใหญ่สามารถพูดภาษาอียป ิ ต์


น ้อยมากทีค ่ นอียป ิ ต์จะสามารถพูดในภาษาฮบ ี รู

โมเสสถูกใชโดยฟาโรห์ ในฐานะเป็ นล่ามในหลายสภาวะ
และยังถูกสง่ ออกไปเพือ ่ เป็ นผู ้สอดแนมต่อคนฮบ ี รู เขายังสอนให ้หัวหน ้า สงั เกตการณ์คนฮบ ี รู
เรียนรู ้ภาษาฮบ ี รู เพือ ่ เขาสามารถเป็ นผู ้สอดแนม ยกเว ้น มารดาของเขา น ้องชาย และพีส ่ าว
โมเสสได ้ถูกเกลียดชงั อย่างมาก
โดยผู ้คนชาวฮบ ี รูและพิจารณาทีจ ่ ะเป็ นผู ้แจ ้งข่าวสารต่อฟาโรห์หวังว่าคุณสามารถเห็นได ้ว่า
คนอียป ิ ต์หรือผู ้คนฮบ ี รูทัง้ สองไม่ใชจ ่ ะยอมรับโมเสส และแท ้จริงแล ้วเขาเป็ นบุคคลทีไ่ ม่มช ี นชาติ

MOSES, being BORN of THE SPIRIT 0F GOD, had a relationship with GOD even as a
child. Even though he was not allowed to practice his faith with the HEBREW people, he
often PRAYED to GOD and knew that HIS PRAYERS were heard. MOSES didn't
DEMONSTRATE to others HIS FAITH in GOD until after his CALLING by GOD for the
FORTHCOMING DELIVERANCE. GOD directed MOSES' every move, from his birth to his
death (if you believe that MOSES had really died).

เนือ่ งจากโมเสส ได ้ถือกาเนิดจากพระวิญญาณของพระเจ ้า มีความสม ั พันธ์กับพระเจ ้า


แม ้กระทั่งสมัยทีย ่ ังเป็ นเด็ก ถึงแม ้ว่าเขาไม่รับอนุญาตให ้ฝึ กฝนความเชอ ื่ ของเขากับผู ้คนฮบ
ี รู
บ่อยครัง้ ทีเ่ ขาได ้อธิษฐานกับพระเจ ้าและรับรู ้ว่าการอธิษฐานของเขา พระองค์ทรงรับฟั งและได ้ยิน
โมเสสไม่ได ้แสดงให ้ผู ้อืน ่ เห็นถึง
ความเชอ ื่ ของเขาในพระเจ ้าจนกระทั่งหลังจากการทรงเรียกของพระเจ ้าต่อเขา
เพือ ่ เป็ นผู ้ปลดปล่อยทีก ่ าลังจะมาถึง พระเจ ้าชน ี้ าทุกการเคลือ ่ นไหวของโมเสส
ตัง้ แต่การเกิดของเขาไปยังการตายของเขา (ถ ้าคุณเชอ ื่ ว่าโมเสสได ้ตายจริงๆ)

Just after MOSES' fifty-first birthday, HE was out in the slime pits and while there, saw
an Egyptian guard whipping a HEBREW man to his death. In defense of the HEBREW man
MOSES then killed the guard and then buried him in a shallow grave in the sand. The
following day, MOSES went back to the scene of the killing and was spotted by some of the
HEBREWS working in the slime pits and they openly called HIM a murderer.

112
หลังจากวันเกิดของโมเสสอายุได ้ 51 ปี ผ่านไป เขาได ้ออกไปบริเวณ
บ่อทีม
่ ส ิ แร่ซงึ่ มีลก
ี น ั ษณะเป็ นของเหลวเหนียวและในขณะนัน ้ ทีน ่ ั่น
เขาได ้เห็นทหารยามคนอียป ิ ต์ตชี ายฮบ ี รูถงึ แก่ความตาย เพือ
่ เป็ นการชว่ ยปกป้ อง ชายชาติฮบี รู
โมเสส จึงฆ่าทหารยามและจากนัน ้ ฝั งศพเขาในหลุมทรายทีต ่ น
ื้ เขิน วันต่อมา
โมเสสได ้กลับไปไปยังสถานทีข ่ องเหตุการณ์ทเี่ กิดการฆ่ากันและพบว่ามีเบาะแสของคนฮบ ี รูทที่ างา
นในบ่อแร่ และพวกเขาได ้เรียกโมเสสอย่างเปิ ดเผยว่าเป็ นฆาตกร

Knowing now by the HEBREW comments that the body had been discovered by the
Egyptians and furthermore that the punishment for any HEBREW killing an Egyptian
would be death, MOSES immediately flees from Egypt to Mid'-i-an, where the Ethiopians
dwell. Once in Mid' -i-an, MOSES establishes himself as a SHEPHERD and tends to the flocks
of the High Priest there, by the name of Jethro.

ขณะนีไ ี รู วิพากวิจารณ์วา่ ศพทหารยามคนอียป


้ ด ้รับรู ้โดย คนฮบ ิ ต์ ได ้ถูกค ้นพบ
และนอกจากนัน ้ ยังมีการลงโทษสาหรับคนฮบ ี รู ผู ้ใดฆ่าคนอียป
ิ ต์จะต ้องตาย
โมเสสจึงหนีไปโดยทันทีทันใดจากอียป ิ ต์ไปยัง เมืองมีเดียน ซงึ่ เป็ นทีอ
่ าศัยของชาวเอธิโอเปี ย
ทีม
่ เี ดียนนัน

โมเสสจัดตัง้ ตัวเองเป็ นเหมือนผู ้เลีย ้ งแกะและดูแลลูกแกะของปุโรหิตตาแหน่งสูงอยูท ่ น ื่ ว่า
ี่ ั่ น ชอ
“Jethro เยโธร”

Jethro, who has a daughter by the name of Zip-po' -rah, brings MOSES into their
family and Zip-po'-rah becomes quite attached to MOSES. Zip-po'-rah is then given to
MOSES by Jethro to be his wife. Jethro, being a fair, JUST, and a GOD FEARING man, then
helps MOSES to grow his FAITH in GOD. With MOSES having THE HOLY SPIRIT of GOD
upon him, it becomes quite clear to Jethro that GOD had a higher PURPOSE for MOSES to
serve rather than him just being a SHEPHERD and looking after the flocks. After MOSES had
lived with Jethro for twelve years and already having his first son with Zip-po' rah whom he
named, "Ger '-shom", (meaning: "I have been a stranger in a strange land"), MOSES then
seeks by FAITH a closer relationship with GOD.

เยโธร มีบต ุ รสาวชอ ื่ ว่า “ศป


ิ โปราห์”
นาโมเสสเข ้าไปพบครอบครัวของเธอและศป ิ โปราห์นัน
้ ได ้กลายเป็ นผู ้ค่อนข ้างผูกพันกับโมเสส
เยโธร จึงยกศป ิ โปราห์เป็ นภรรยาให ้แก่โมเสส เยโธรเป็ นผู ้ทีม ่ คี วามเทีย ่ งธรรม ยุตธิ รรม
และเป็ นผู ้ยาเกรงพระเจ ้า ได ้ชว่ ยโมเสสเพือ ่ เติบโตความเชอ ื่ ของเขาต่อพระเจ ้า
ด ้วยกันกับโมเสสได ้มีการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสท ุ ธิข์ องพระเจ ้าอยูเ่ หนือเขา
จึงทาให ้เยโธรได ้เข ้าใจสงิ่ ต่างๆออกมาอย่างชด ั เจน ว่าพระเจ ้า
มีวต ้
ั ถุประสงค์ให ้โมเสสเป็ นผู ้รับใชพระองค์ แทนทีจ่ ะเป็ นผู ้เลีย ้ งแกะและดูแลฝูงสต ั ว์
หลังจากโมเสสได ้อาศัยอยูก ่ ับเยโธรเป็ นเวลา 20
ปี และเวลาผ่านไปได ้มีบต ุ รชายคนแรกกับศป ิ โปราห์ ซงึ่ เขามีชอ ื่ ว่า “เกอร์โชม” (หมายถึง

113
“ข ้าพเจ ้าเป็ นคนต่างด ้าวอาศัยอยูต
่ า่ งประเทศ”) จากนั น ื่
้ โมเสส แสวงหาโดยความเชอ
ความสม ั พันธ์ใกล ้ชดิ กับพระเจ ้า

Being now 63 years old and having been out of Egypt for TWELVE YEARS, MOSES
has his second son, and names him "E-li'-e'-zer", (meaning: "GOD has delivered me from the
hand of Pharaoh"). Shortly after the birth of E-li'-e'-zer, MOSES then starts to have both
DREAMS and PROPHETIC VISIONS, and is INSPIRED by GOD to WRITE the history of the
world. Over the next fifteen years MOSES WRITES the entire Book of Genesis.

ขณะชว่ งอายุอายุ 63 ปี และซงึ่ เป็ นเวลาได ้ออกจากมาอียป ิ ต์ 12 ปี


โมเสสได ้มีบต ุ รชายคนทีส ่ อง และชอ ื่ ของเขา “เอลีอซ ิ อร์” (หมายถึง
“พระเจ ้าได ้ปล่อยฉั นเป็ นอิสระจากพระหัตถ์ของฟาโรห์”) ในไม่ชาหลั ้ งจากการเกิดของเอลีอซ
ิ อร์,
จากนัน้ โมเสสเริม่ ต ้นทีจ
่ ะมีทัง้ ความฝั นและนิมต ิ พยากรณ์
และซงึ่ เกิดจากการดลใจโดยพระเจ ้าเพือ ิ าสตร์ของโลก ในชว่ งเวลาผ่านไป 15
่ เขียนประวัตศ
ปี โมเสสเขียนปฐมกาลหมดทัง้ เล่ม

This was all done prior to MOSES' going back into the land of Egypt, and also prior
to his first meeting with GOD at the BURNING BUSH. Although MOSES had not yet HEARD
the VOICE of GOD, he knew by his inspired writings of the Book of Genesis, that HIS two
sons should be circumcised. However, his wife Zip-po'-rah, being an Ethiopian woman and
living by the manner of the Ethiopian custom , refuses to allow it. This becomes an issue
that is ongoing between MOSES and Zip-po'-rah and causes a permanent division in their
marriage.

เรือ
่ งนีถ
้ ก
ู เขียนก่อนโมเสสจะเดินทางกลับสูด ่ น
ิ แดนอียปิ ต์ และก่อนทีจ
่ ะพบกับพระเจ ้า
ครัง้ แรกของเขาทีพ ่ มุ่ ไม ้เปลวไฟ แม ้ว่าโมเสสยังไม่ได ้ยินพระสุรเสย ี งของพระเจ ้า ในเวลานั น

โดยการเขียนซงึ่ เกิดจากการดลใจของพระเจ ้าต่อเขาในหนั งสอ ื ปฐมกาล
ทีบ
่ ต ุ รชายสองคนของเขาควรจะเข ้าพิธส ี ห
ุ นัต แต่อย่างไรก็ตามภรรยาของเขาศป ิ โปราห์
เป็ นหญิงเอธิโอเปี ยและการใชช้ วี ต ิ ขนมธรรมเนียมต่างๆเป็ นชาวเอธิโอเปี ย ปฏิเสธทีจ ่ ะยินยอม
เรือ
่ งนีก้ ลายเป็ นเรือ ่ งใหญ่ทข ี่ ด
ั เคืองกันอย่างไม่หยุดยัง้ ระหว่างโมเสสและศป ิ โปราห์
และเป็ นสาเหตุทาให ้เกิดการแบ่งแยกอย่างถาวรในการแต่งงานของพวกเขา

It wasn't until the age SEVENTY-EIGHT (27 years after HIS leaving Egypt) that
MOSES while tending to the flocks at the backside of Mount Sinai in Horeb, sees a strange
phenomenon that is called "THE BURNING BUSH". This is a bush that appears to be on fire;
however, there isn't any smoke from the fire. Once MOSES approaches the bush that is
burning, HE sees the ANGEL of THE LORD amidst the flames. A VOICE then CALLS OUT to
HIM from the bush.

ไม่ได ้จนกระทั่งอายุ 78 ปี (27 ปี หลังจากการออกจากอียป


ิ ต์ของเขา)
ั ว์ หลังภูเขาซน
ในขณะทีโ่ มเสสดูแลฝูงสต ี ายใน Horebโฮเรบ

114
โมเสสได ้เห็นปรากฏการณ์ทแ ี่ ปลกปะหลาดเหนือธรรมชาติ เรียกว่า “พุม ่ ไม ้เปลวไฟ”
นีค
่ อื พุม
่ ไม ้ทีป
่ รากฏเป็ นเปลวไฟ ไม่มค ี วันใดๆ จากเปลวไฟ ครัน
้ เมือ
่ โมเสส
เข ้าหาเปลวไฟทีก ่ าลังลุกไหม ้ เขาเห็นทูตสวรรค์ของพระเจ ้าท่ามกลางเปลวไฟ
พระสุรเสย ี งจึงเรียกหาเขาจากพุม ่ ไม ้

Exodus 3:4 And when THE LORD saw that he turned aside to see, GOD CALLED unto him
out of the midst of the bush, and said, MOSES, MOSES. And he said, Here am I.

อพยพ 3:4
และเมือ ่ พระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรเห็นเขาเดินเข ้ามาดูพระเจ ้าจึงตรัสแก่เขาออกมาจากท่ามกลาง
พุม
่ ไม ้นัน
้ ว่า “โมเสส โมเสส” และโมเสสทูลตอบว่า “ข ้าพระองค์อยูท
่ นี่ ”ี่

Exodus 3:5 And HE said, Draw not nigh hither: put off thy shoes from off thy feet, for the
place whereon thou standest, is HOLY GROUND.

อพยพ 3:5 พระองค์จงึ ตรัสว่า “อย่าเข ้ามาใกล ้ทีน ี


่ ี่ จงถอดรองเท ้าของเจ ้าออกเสย
่ งึ่ เจ ้ายืนอยูน
เพราะว่าทีซ ่ เี้ ป็ นทีบ
่ ริสท
ุ ธิ”์

Exodus 3:6 Moreover HE said, I am the GOD of thy father, the GOD of ABRAHAM, the GOD of
ISAAC, and the GOD of JACOB, And MOSES hid his face; for he was afraid to look upon GOD.

อพยพ 3:6 แล ้วพระองค์ตรัสอีกว่า “เราเป็ นพระเจ ้าของบิดาเจ ้า เป็ นพระเจ ้าของอับราฮัม


เป็ นพระเจ ้าของอิสอัค และเป็ นพระเจ ้าของยาโคบ” และโมเสสปิ ดหน ้าเสย ี
เพราะกลัวไม่กล ้ามองดูพระเจ ้า

GOD then continues to talk to MOSES and tells him how HE has heard thecry of the
CHILDREN of ISRAEL due to their enslavement, and that HE has come down to DELIVER
them out of Egypt, and HE WILL do so by the HAND of MOSES. GOD also tells MOSES that
after the CHILDREN of ISRAEL have been brought out of Egypt that they are to be brought
back to this Mountain (Sinai at Horeb), to WORSHIP HIM!

พระเจ ้าจึงตรัสต่อไปกับโมเสส และตรัสบอกเขาว่า พระองค์ได ้ยิน


ี งร ้องของลูกหลานของอิสราเอล ทุกข์ทรมานในชว่ งเวลาทีถ
เสย ่ ก
ู จับไปเป็ นทาส
และขณะนีพ ่ ชว่ ยเหลือ ปลดปล่อยพวกเขาออกจากอียป
้ ระองค์ได ้เสด็จลงมาเพือ ิ ต์
และพระองค์จะทาสงิ่ นี้ โดยผ่านมือของโมเสส พระเจ ้ายังตรัสบอกโมเสสอีกว่า
หลังจากลูกหลานของอิสราเอล ได ้ถูกนาออกจากอียป ิ ต์พวกเขาจะถูกนากลับไปยังภูเขานี้
(ซนี ายทีโ่ ฮเรบ) เพือ่ นมัสการพระองค์!

MOSES, being a very meek man tries to make excuses to GOD on the various
problems that HE would encounter, if HE were to try to do these things for THE LORD.
MOSES starts out by telling GOD, that when HE goes to the people and tells them that the
GOD of their fathers has sent HIM to them, and they then ask what is THIS GOD'S NAME
what shall HE then tell them?
115
โมเสส เป็ นคนถ่อมสุภาพและยาเกรงพระเจ ้าอย่างมาก
พยายามขออภัยและแก ้ต่างต่อพระเจ ้าบนปั ญหาต่างๆทีเ่ ขาจะเผชญ ิ หน ้า
ถ ้าเขาได ้พยายามกระทาสงิ่ เหล่านีเ้ พือ ่ าจากทาตามใจ
่ พระองค์เจ ้า (เสริม ไม่ใชม
ของโมเสสแต่เป็ นน้ าพระทัยของพระเจ ้า)
เมือ่ โมเสสได ้ไปบอกประชากรและบอกพวกเขาว่าพระเจ ้าของบรรพบุรษ ุ ของพวกเขาได ้สง่ เขา
มาเพือ ่ ชว่ ยพวกเขา และจากนัน ้ ถ ้าพวกเขาได ้ถาม พระนามของพระเจ ้าองค์นี้
แล ้วเขาจะบอกว่าชอ ื่ อะไรต่อพวกเขา?

Exodus 3:14 And GOD said unto MOSES, I AM THAT I AM: And HE said, thus shalt thou say
unto the CHILDREN of ISRAEL, I AM hath sent me unto you.

อพยพ 3:14 พระเจ ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “เราเป็ นผู ้ซงึ่ เราเป็ น” แล ้วพระองค์ตรัสว่า


“เจ ้าจงไปบอกชนชาติอส ิ ราเอลว่า ‘เราเป็ นได ้ทรงใชข้ ้าพเจ ้ามาหาท่านทัง้ หลาย”

Then THE LORD proceeds to give MOSES instructions. GOD tells MOSES that HE is to
go to the Elders of the CHILDREN of ISRAEL and tell them that the GOD of their fathers has
sent HIM to them. And, that GOD will DELIVER them out of their BONDAGE by Pharaoh and
DELIVER them out of their captivity in Egypt, and that when HE tells them this; they will
believe him. (Note 7)

Note 7: The reason that the people will believe MOSES when HE tells them these things,
though it is unbeknown to MOSES at the time, is that a young boy by the name of O'-she'-a
had already PROPHESIED of HIS COMING. O'-she'-a being filled with THE SPIRIT of GOD,
was believed by the HEBREW people to be a Prophet, and had since Prophesied of the
COMING DELIVERER. This young boy will be given a new NAME by MOSES after their
DELIVERANCE, he shall be RENAMED and called by the NAME of "JOSHUA".

จากนัน ้ พระองค์เจ ้าได ้แนะนาโมเสส พระเจ ้าตรัสบอกโมเสสว่า


ให ้เขาติดต่อไปยังผู ้อาวุโสของลูกหลานของอิสราเอล
และบอกพวกเขาว่าพระเจ ้าของบรรพบุรษ ุ ของพวกเขาได ้สง่ เขา มาเพือ
่ ชว่ ยเหลือพวกเขา และ
พระเจ ้าจะชว่ ยให ้พวกเขาให ้ รอดออกจากการตกเป็ นทาสของพวกเขาโดยฟาโรห์
และชว่ ยพวกเขาออกจากการถูกจับเป็ นเชลยในอียป ่ โมเสสบอกสงิ่ นี้ ต่อพวกเขา
ิ ต์ และเมือ
พวกเขาจะเชอ ื่ โมเสส (หมายเหตุ 7)

หมายเหตุ 7: เหตุผลทีค ่ นเหล่านีจ ้ ะเชอ ื่ โมเสส เมือ ่ เขาบอกพวกเขาสงิ่ เหล่านี้ แม ้ว่า


โมเสสไม่เป็ นทีร่ ู ้จัก ในชว่ งระยะเวลานัน ้ เป็ นเด็กหนุ่มชอ ื่ ว่า “O'-she'-a had โอชเี อฮัส”
ได ้พยากรณ์ไว ้ก่อนหน ้านีแ ่ งของการใกล ้เสด็จเข ้ามาของพระองค์ โอชเี อฮัส
้ ล ้ว ถึงเรือ
ถูกเจิมเต็มด ้วย พระวิญญาณของพระเจ ้า เป็ นทีเ่ ชอ ื่ ถือของคนฮบ ี รู ว่าเป็ นผู ้พยากรณ์
และตัง้ แต่มก
ี ารพยากรณ์เกีย ่ วกับการเสด็จมาของ DELIVERANCE ผู ้ปลดปล่อย
เด็กหนุ่มคนนีไ ้ ด ้ถูกเรียกชอ ื่ ใหม่เป็ นชอ ื่ โมเสสหลังจาก เป็ นผู ้ปลดปล่อย DELIVERANCE
เขาจะถูก เปลีย ่ นชอ ื่ และถูกเรียกโดยชอ ื่ ว่านั น
้ ว่า“โยชูวา JOSHUA”

116
GOD further instructs MOSES, that after he has presented himself to the ELDERS of
the TRIBES of ISRAEL, that HE and the Elders must go before Pharaoh and demand that
they be released, so they may come to this mountain and WORSHIP their GOD. GOD also
tells MOSES that once HE has made this demand to Pharaoh that Pharaoh will not let them
go, because GOD will harden his heart.

พระเจ ้า แนะนาเพิม
่ เติมแก่โมเสส
ว่าหลังจากเขาได ้แสดงตัวเขาเองต่อผู ้อาวุโสกว่าของเผ่าพันธุอ ์ ส
ิ ราเอล
ว่าเขาและผู ้อาวุโสจะต ้องไปพูดอยูต ่ อ
่ หน ้าฟาโรห์และเรียกร ้องให ้ปลดปล่อยพวกเขา
จากนัน้ พวกเขาจะเดินทางมาถึงภูเขานีแ ้ ละเพือ
่ ทีจ่ ะนมัสการพระเจ ้าของพวกเขา
พระเจ ้ายังตรัสบอกโมเสสว่า เมือ ่ เขาได ้เรียกร ้องเชน ่ นีต
้ อ
่ ฟาโรห์
จากนัน ้ ฟาโรห์จะไม่ให ้พวกเขาออกไป เพราะพระเจ ้าจะทาให ้หัวใจของเขาแข็งกระด ้าง

GOD says to MOSES that HE shall stretch forth HIS MIGHTY HAND, and will smite
Egypt with HIS MIGHTY WONDERS. After GOD has severely punished Pharaoh and Egypt
for what they had done to the Children of ISRAEL, Pharaoh will then release them.
Furthermore GOD instructs MOSES that prior to their release from Egypt , that all the
people are to borrow items of value from their Egyptian neighbors so they will not leave
Egypt empty handed.

พระเจ ้าตรัสต่อโมเสสว่า พระองค์จะยืน ่ พระหัตถ์อันทรงฤทธิอ ์ อกไปข ้างหน ้า


และฟาดฟั นอียป ิ ต์ด ้วยสงิ่ มหัศจรรย์ทท ี่ รงฤทธานุภาพของพระองค์
หลังจากนัน ้ พระเจ ้าจะได ้ลงโทษฟาโรห์และต่อคนอียป ิ ต์อย่างรุนแรง
ในสงิ่ ทีพ ่ วกเขาได ้กระทาต่อลูกหลานของอิสราเอล จากนัน ้ ฟาโรห์จะปล่อยพวกเขา
นอกจากนีพ ้ ระเจ ้ายังได ้แนะนาโมเสสว่าก่อนทีพ ่ วกเขาจะถูกปลดปล่อยจากอียป ิ ต์
ให ้ผู ้คนทัง้ หมดนาเอาสงิ่ ของมีคา่ ต่างๆ จากเพือ ่ นบ ้านชาวอียป ิ ต์ของพวกเขา
เพือ
่ ทีพ ่ วกเขาจะไม่ออกจากอียป ิ ต์มอ
ื เปล่า

MOSES, who now is looking more like a SHEPHERD rather than a warrior ready for
battle, then asks THE LORD, what shall HE use for a BATTLE WEAPON? Then GOD asked
MOSES, what he had in his hand, and MOSES answers, "a ROD". GOD says, "THIS ROD
SHALL BE YOUR WEAPON OF WAR"! THE LORD tells MOSES to cast THE ROD to the
ground and when MOSES does as THE LORD has so instructed HIM to do, THE ROD turns
into a serpent. THE LORD further tells MOSES to grab the serpent by the tail, and as soon as
MOSES does it, the serpent again became THE ROD. (note 8)

โมเสส ผู ้ซงึ่ ขณะนีก ้ าลังมองดูเหมือนเป็ นคนเลีย


้ งแกะ มากกว่าทีจ ่ ะเป็ นนักรบ
ได ้พร ้อมทีจ ่ ะทาการรบแล ้ว จากนัน ้ ได ้ถามพระองค์เจ ้า ในอาวุธทีเ่ ขาจะใช ้ ในการต่อสู ้ ?
จากนัน ้ พระเจ ้าตรัสถามโมเสส มีอะไรอยูใ่ นมือของเขา และโมเสสตอบว่า “ไม ้เท ้า” พระเจ ้าตรัสว่า
“ไม ้เท ้านีจ
้ ะเป็ นอาวุธในการทาสงครามของเจ ้า” ! พระองค์เจ ้าตรัสบอกโมเสส
ให ้โยนไม ้เท ้าลงไปยังพืน ้ ดินและเมือ่ โมเสสทาอย่างทีพ ่ ระองค์เจ ้าได ้แนะนาเขา

117
ไม ้เท ้าก็กลายเป็ นงู พระองค์เจ ้าตรัสบอกโมเสสต่อไปให ้คว ้างูทห
ี่ างและทันทีทโี่ มเสส จับ
หางงูก็กลายเป็ นไม ้เท ้าอีกครัง้ (หมายเหตุ 8)

Note 8: THE ROD in the hand of MOSES REPRESENTS THE WORD of GOD! Throughout all
the SCRIPTURES contained in THE HOLY BIBLE, THE LORD teaches you to fight the enemy
with THE WORD of GOD!

หมายเหตุ 8: ไม ้เท ้าในมือของโมเสสเป็ นตัวแทนพระคาของพระเจ ้า!


ข ้อความในพระคัมภีรต ์ ลอดทัง้ หมดทีป ่ ระกอบในพระคัมภีรไ์ บเบิล

พระองค์เจ ้าทรงสอนคุณเพือ ่ ต่อสูกั้ บศัตรูด ้วยพระคาของพระเจ ้า!

GOD, to further strengthen the FAITH of MOSES, tells MOSES to put his hand into his
robe, and MOSES does as THE LORD said. When MOSES removes his hand from his robe the
hand becomes white and leprous. MOSES is now told to put his hand back into his robe a
second time, and this time when he removes his hand from the robe, it becomes normal
again.

พระเจ ้า เพิม ่ เติมความเชอ ื่ ของโมเสสให ้เข ้มแข็ง


ตรัสบอกโมเสสให ้วางมือของเขาเข ้าไปในเสอ ื้ คลุมยาว และโมเสสทาอย่างทีพ ่ ระองค์เจ ้าตรัส
เมือ
่ โมเสสนามือของเขาจากเสอ ื้ คลุมยาว มือนั น ้ ได ้ตกกระเป็ นสข ี าวและเป็ นโรคเรือ
้ น
ขณะเดียวกันเมือ ่ โมเสสถูกบอกให ้นามือกลับเข ้าไปในเสอ ื้ คลุมครัง้ ทีส
่ อง
และครัง้ นีเ้ มือ
่ เขาย ้ายมือจากเสอ ื้ คลุม ก็กลายเป็ นปกติอก ี ครัง้

MOSES, still being uncertain about his capabilities due to HIS lack of CONFIDENCE
and his concern in being able to do as GOD instructed him to do, makes further excuses to
THE LORD. MOSES tells THE LORD that HE is slow of speech and has a slow tongue,
therefor making HIM unfit to SPEAK for THE LORD! (Note 9)

โมเสส ยังคงมีความไม่แน่ใจ
เกีย่ วกับความสามารถของเขาเนือ ่ งจากอยูใ่ นระหว่างชว่ งทีเ่ ขาขาดความมั่นใจและมีความกังวลในค
วามสามารถของเขาทีจ ่ ะทาอย่างทีพ่ ระเจ ้าชนี้ าเขา ทาให ้แก ้ต่างต่อไปกับพระองค์เจ ้า
โมเสสบอกพระองค์เจ ้าว่า เขาเป็ นคนพูดชาและพู ้ ดไม่คล่อง
ด ้วยเหตุนท ี้ าให ้เขาไม่เหมาะสมเพือ่ ทีจ
่ ะพูดสาหรับพระองค์เจ ้า! (หมายเหตุ 9)

Note 9: Many people believe that MOSES had a problem with stuttering. This was not the
case at all .The primary language spoken by MOSES was Egyptian, however he also spoke in
HEBREW. When MOSES spoke in the HEBREW TONGUE he spoke it rather poorly as he had
problems pronouncing many of the WORDS. His brother Aaron and his sister Miriam tested
MOSES about his HEBREW speaking on several occasions, and MOSES didn't feel
comfortable when speaking in the HEBREW language. He also did not speak the Egyptian
language with absolute perfection, as sometimes he would substitute a HEBREW WORD for

118
an Egyptian word, thus causing him to have to think about what he was about to say, prior
to say it.

หมายเหตุ 9: ผู ้คนหลายคนเชอ ื่ ว่าโมเสสมีปัญหาในการพูดติดขัด ไม่ใชก ่ รณีนอี้ ย่างแน่นอน


โมเสสพูดภาษาหลักเป็ นภาษาอียป ิ ต์ แม ้ว่าเขายังพูดในฮบ ี รู เมือ
่ โมเสสพูดในภาษาฮบ ี รู
เขาพูดออกมาค่อนข ้างจะไม่สมบูรณ์ เพราะเขามีปัญหาเกีย ่ วกับการออกเสย ี งถ ้อยคาหลายคา
อาโรนพีช ่ ายของเขาและมีเรียมพีส ่ าวของเขา
ได ้ทดสอบโมเสสเกีย ่ วกับการพูดภาษาฮบ ี รูของเขาในโอกาสต่างๆ
และโมเสสไม่สามารถพูดภาษาฮบ ี รูได ้อย่างราบรืน ่
เขายังไม่ได ้พูดภาษาอียป ิ ต์ได ้อย่างสมบูรณ์เชน ่ เดียวกัน
บางครัง้ เขาจะใชค้ าฮบ ี รูสาหรับแทนคาพูดในภาษาอียป ิ ต์

This cautious thinking caused MOSES to be rather slow in his speaking. When
MOSES spoke to GOD, HE spoke to HIM in the HEBREW language, therefor MOSES knew
that THE LORD saw that he was having difficulty pronouncing some of the WORDS.
However, GOD was not going to allow MOSES a way out, because HE knew that MOSES’
brother Aaron spoke both the HEBREW and Egyptian languages perfectly! And also, GOD
had made MOSES who was born of THE HOLY SPIRIT, to be THE DELIVERER, and there
was not going to be any SUBSTITUTIONS!

ดังนัน้ นีเ้ ป็ นสาเหตุให ้เขาคิดอย่างรอบคอบก่อนทีจ ่ ะพูด


ทาให ้โมเสสจะค่อนข ้างทีจ ้
่ ะชาในลั กษณะการพูดของเขา เมือ ่ โมเสสพูดกับพระเจ ้า
เขาพูดกับพระองค์ในภาษาฮบ ี รู ด ้วยเหตุนโี้ มเสสรู ้
ว่าพระองค์เจ ้าเห็นว่าเขาได ้มีความยากลาบากเกีย ่ วกับการออกเสย ี งบางคา
แต่อย่างไรก็พระเจ ้าไม่ได ้ทีจ ่ ะอนุญาตโมเสสทางออก
เพราะว่าพระองค์รู ้ว่าอาโรนพีช ่ ายของโมเสสพูดทัง้ สองภาษาฮบ ี รูและภาษาอียป
ิ ต์ได ้อย่างสมบูรณ์!
และด ้วย พระเจ ้าได ้ทาให ้โมเสสผู ้ซงึ่ ได ้เกิดจากพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
ทีจ่ ะเป็ นผู ้ปลดปล่อยให ้รอดพ ้น และจะไม่มใี ครจะสามารถ กระทาการแทนได ้ !

These continuing excuses being made by MOSES finally ANGERS THE LORD. Then
GOD tells MOSES that his brother Aaron can do the talking for him. GOD further explains to
MOSES, that HE WILL GIVE THE WORDS TO MOSES and MOSES can give the WORDS to
Aaron, and then Aaron could speak to the people. GOD goes on to tell MOSES, that
furthermore; his brother Aaron will come out to meet him just prior to his entering into
Egypt and that Aaron will be very happy when he sees him. And, Aaron will know that THE
LORD has sent MOSES to DELIVER the CHILDREN of ISRAEL out of then BONDAGE in
Egypt.

ข ้อแก ้ต่างเหล่านีด
้ าเนินต่อไปจากโมเสสในทีส่ ด
ุ พระเจ ้าทรงกริว้
จากนัน
้ พระเจ ้าตรัสบอกโมเสส ว่าอาโรนพีช ่ ายของเขาสามารถทีจ่ ะกระทาสงิ่ นีแ
้ ทนเขา
พระเจ ้าอธิบายโมเสส

119
ต่อไปว่าพระองค์จะให ้ถ ้อยคาต่อโมเสสและโมเสสสามารถให ้ถ ้อยคาไปยังอาโรน
และจากนัน ้ อาโรนควรพูดกับประชากร พระเจ ้าทรงทาต่อไปเพือ ่ ตรัสบอกโมเสส ว่านอกจากนี้
อาโรนพีช่ ายของเขาจะออกมา เพือ ่ พบเขา
เพียงก่อนหน ้าทีจ่ ะเข ้าไปในอียป ิ ต์ของเขาและอาโรนจะมีความสุขมากเมือ
่ เห็นเขา และ
อาโรนจะรู ้ว่าพระองค์เจ ้าได ้สง่ โมเสส มาเพือ่ ปลดปล่อยลูกหลานของอิสราเอล
ออกจากความเป็ นทาสในอียป ิ ต์

MOSES, after his meeting with THE LORD at the BURNING BUSH, returns to HIS
father-in-law, Jethro, and MOSES tells Jethro about his meeting with GOD. But MOSES does
not tell Jethro the details as to what THE LORD had wanted HIM to do. After struggling with
what THE LORD had told HIM, and one and one-half years had past from the time of
MOSES' INITIAL MEETING with GOD, MOSES then goes to Jethro and tells him that he must
return to Egypt. He also tells Jethro how he must free the HEBREW people from their
slavery, as GOD had instructed him to do. Jethro then BLESSES MOSES and prays for his
safe journey back to Egypt. Then with Zip-po'-rah and their two sons riding on asses and
MOSES walking before them with his ROD in hand, the four of them set out to go back into
the land of Egypt.

โมเสส หลังจากการพบกับพระเจ ้าทีพ ่ ม ุ่ ไม ้เปลวไฟ กลับไปยัง เยโธรพ่อตาของเขา


และโมเสสบอกเยโธรเกีย ่ วกับการพบกับพระเจ ้าของเขา
แต่โมเสสไม่ได ้บอกเยโธรรายละเอียดในสงิ่ ทีพ ่ ระองค์เจ ้าได ้ต ้องการเขาให ้ทา
หลังจากทีค ่ วามพยายามมานะบากบั่นกับสงิ่ ทีพ ่ ระองค์เจ ้าได ้ทรงตรัสบอกเขา และ 1 ½
ปี ได ้เป็ นอดีตจากเวลาทีโ่ มเสสได ้พบกับพระเจ ้า โมเสสจากนัน ้ ได ้เดินทางไปพบ
เยโธรและบอกเขาว่า เขาจะต ้องกลับไปยังอียป ิ ต์ เขายังบอกเยโธร ว่า เขาต ้องไปปลดปล่อย
ผู ้คนฮบ ี รู ให ้อิสระจากความเป็ นทาสของพวกเขา อย่างทีพ ี้ นะเขาให ้กระทา จากนั น
่ ระเจ ้าได ้ชแ ้
เยโธร อวยพรโมเสสและอธิษฐานสาหรับการเดินทางอย่างปลอดภัยกลับไปทีอ ่ ย
ี ป
ิ ต์ จากนั น

ศป ิ โปราห์และบุตรชายสองคนของเขาขีบ ่ นลา และ โมเสสได ้เดินนาหน ้าพวกเขากับไม ้เท ้าในมือ
ทัง้ สขี่ องพวกเขาเริม ่ ออกเดินทางเพือ
่ กลับไปในดินแดนของอียป ิ ต์

Exodus 4:20 And MOSES took HIS wife and HIS sons, and set them upon an ass, and HE
returned to the land of Egypt: MOSES took the ROD of GOD in HIS hand. (Note10)

อพยพ 4:20 โมเสสจึงให ้ภรรยาและบุตรชายของตนขีล ่ ากลับไปยังแผ่นดินอียป


ิ ต์
สว่ นโมเสสก็ถอ
ื ไม ้เท ้าของพระเจ ้าในมือของท่านไปด ้วย

NOTE 10: The ROD of GOD in MOSES' hand is also referred to elsewhere in the Scriptures as
being a "ROD OF IRON". This ROD represents THE WORD of GOD. The underlying MESSAGE
in the Scriptures shows that one single man, armed only with THE WORD of GOD,
undertakes a journey to go into the most powerful nation in the known world to free GOD'S
PEOPLE! You will see as the story progresses that MOSES, armed only with THE WORD of

120
GOD, not only frees the PEOPLE from their BONDAGE, but also brings Pharaoh and Egypt to
their knees.

หมายเหตุ10:
ไม ้เท ้าของพระเจ ้าในมือของโมเสสยังถูกเกีย ่ วโยงถึงทีอ่ น
ื่ ในข ้อความในพระคัมภีรอ
์ ย่างทีก
่ ารเป็ น
“คฑาเหล็ก” ไม ้เท ้านีเ้ ป็ นตัวแทนของพระวจนะของพระเจ ้า
ข ้อความพืน ้ ฐานทีส
่ าคัญจากพระคัมภีรแ ์ สดงว่าหนึง่ ชายโสด อุม ่ กอดเพียงพระวจนะของพระเจ ้า
ดาเนินการการเดินทางเพือ ่ ไปเข ้าไปในชนชาติทม ี่ อ
ี านาจทีส ่ ด

เป็ นทีร่ ู ้จักกันในโลกเพือ่ ปลดปล่อยผู ้คนของพระเจ ้า ให ้อิสระ !
คุณจะเห็นได ้จากเรือ ่ งราวต่อไปโมเสส เตรียมพร ้อมเพียงพระวจนะของพระเจ ้าเท่านัน ้
ไม่เพียงแต่ปลดปล่อยผู ้คนให ้เป็ นอิสระจากการเป็ นทาสของพวกเขา
แต่ยังนาฟาโรห์และอียป ิ ต์ยอมแพ ้ต่อพวกเขา

MOSES, having been forewarned by GOD to not enter into Egypt, until his two sons
were both circumcised, then sees an ANGEL sent by GOD to RESTRAIN him. Zip-po'-rah,
also seeing the ANGEL of THE LORD in their direct path, reluctantly agrees to circumcise
their sons. After she has circumcised them, Zip'-po-rah then cast their foreskins at the feet
of MOSES in submission and disgust for having to do so.

โมเสส ได ้ถูกเตือนล่วงหน ้าโดยพระเจ ้าเพือ ่ ไม่ให ้เข ้าไปในอียปิ ต์


จนกระทั่งบุตรชายของเขาได ้เข ้าพิธส ี ห
ุ นัตทัง้ สองคน
จากนัน ้ ได ้เห็นทูตสวรรค์สง่ โดยพระเจ ้าเพือ ่ หยุดหยัง้ เขา ศป ิ โปราห์
นัน
้ ยังเห็นทูตสวรรค์ของพระองค์เจ ้าด ้วยเชน ่ กัน ในการนาทางปฏิบัตพ ิ วกเขาโดยตรง
ซงึ่ ไม่เต็มใจตกลงทีจ ่ ะเข ้าพิธส
ี ห
ุ นั ตบุตรชายของพวกเขา
หลังจากเธอได ้เข ้าสุหนัตบุตรชายพวกเขา ศป ิ โปราห์จงึ โยนหนั งหุ ้ม (ปลายอวัยวะเพศของชาย)
ไปทีเ่ ท ้าของโมเสส เป็ นการยอมจานน และด ้วยความไม่สบอารมณณ์
ซงึ่ เป็ นสงิ่ ทีน
่ ่าสะอิดสะเอียนต่อการกระทาเชน ่ นั น

As a result of this reluctance to be circumcised, by the TWO SONS of MOSES and their
mother, the two sons are never allowed to enter into priesthood, and the relationship
between Zip-po'-rah and MOSES ENDS. MOSES has both the mother and the two sons
return to her father, Jethro, to wait for MOSES' return from Egypt. During the entire period
that MOSES spent in Egypt he neither sees his wife, or his two sons.

ด ้วยสาเหตุของความไม่เต็มใจเพือ ่ เข ้าพิธส
ี ห
ุ นัต
บุตรชายทัง้ สองของโมเสสและมารดาของเขา
บุตรชายทัง้ สองไม่เคยถูกอนุญาตเพือ ั พันธ์ระหว่างศป
่ เข ้าเป็ นปุโรหิต และความสม ิ โปราห์
และโมเสส สน ิ้ สุด ทัง้ มารดาและบุตรชายทัง้ สองของโมเสส ได ้กลับไปยังบิดาเยโธร ของเธอ
เพือ
่ รอโมเสส กลับจากอียป ิ ต์
ตลอดชว่ งระยะเวลาทีโ่ มเสสใชในอี ้ ยป ิ ต์เขาไม่เคยพบเห็นภรรยาหรือบุตรชายทัง้ สอง

121
After HE sends his family back to Jethro, MOSES continues on his journey to Egypt
and GOD sends his brother Aaron out to meet him along the way. Aaron, being a sculptor
and an engraver for Pharaoh and having one of the more esteemed jobs given to a HEBREW
slave, was allowed to move freely about and to even go outside of the borders of Egypt.
After being told by GOD of MOSES' coming for the DELIVERANCE of ISRAEL, Aaron goes out
to meet MOSES in Horeb.

้ โมเสสสง่ ครอบครัวของเขากลับไปยังเยโธร โมเสส ได ้เดินทางต่อ


หลังจากนัน
ไปยังอียป ิ ต์และพระเจ ้าสง่ อาโรนพีช ่ ายของเขาออกไปเพือ ่ พบเขาในทางเดียวกัน
อาโรนเป็ นชา่ งปฏิมากรและเป็ นผู ้แกะสลัก สาหรับฟาโรห์และเป็ นงานหนึง่ ทีม ่ ค
ี วามนิยม
ยกย่องมากกว่างานอืน ่ ๆ ทีม่ อบให ้ทาสชาวฮบ ี รู
ซงึ่ อนุญาตให ้สามารถไปไหนมาไหนได ้อย่างอิสระเพือ ่ การทางานนั น
้ และสามารถทีจ ่ ะออกไปภายน
อกพรมแดนของอียป ิ ต์ หลังจากทีพ ่ ระเจ ้าได ้ตรัสบอกว่าโมเสสกาลังเดินทางมา
เพือ ่ ชว่ ยปลดปล่อยชาวอิสราเอลให ้รอด อาโรนออกไปพบโมเสสที่ Horeb โฮเรป

After the meeting of MOSES and Aaron they cross over the border and into Egypt.
MOSES explains to Aaron, all that GOD had told him to do. MOSES also tells Aaron that he
must speak for HIM because of HIS problem of being slow of speech. MOSES tells Aaron,
that HE would explain to Aaron what GOD wants him to say, and Aaron would be the one
who would talk to the people! They both then gather up the Elders of the Twelve Tribes of
the CHILDREN of ISRAEL and Aaron explains to them GOD'S PLAN for their DELIVERANCE
out of bondage. As GOD had told MOSES it would be, so it was, the people BELIEVED what
MOSES had told them about their DELIVERANCE.

หลังจากการพบกันของโมเสสและอาโรน พวกเขาได ้ข ้ามพรมแดนและเข ้าไปในอียป ิ ต์


โมเสสได ้อธิบายต่ออาโรน ถึงแผนการณ์ทัง้ หมดทีพ ่ ระเจ ้าได ้ตรัสบอกเขาให ้กระทา
โมเสสยังบอกอาโรนว่า เขาต ้องเป็ นคนพูด เพราะว่าโมเสสตัวเขาเองนั น ้ มีปัญหาในการพูดชา้
โมเสสบอกอาโรน ว่าเขาจะอธิบายต่ออาโรนใน สงิ่ ทีพ ่ ระเจ ้าต ้องการให ้เขาให ้พูด
และอาโรนควรจะเป็ นผู ้ที่ พูดประกาศให ้ประชากรคนอืน ่ ๆรับรู ้!
พวกเขาจึงรวบรวมผู ้อาวุโสของบุตรหลานอิสราเอล สบ ิ สองเผ่าพันธุ์
และอาโรนจึงได ้อธิบายต่อพวกเขาถึงแผนการของพระเจ ้า
สาหรับการชว่ ยปลดปล่อยพวกเขาให ้รอดพ ้นออกจากการเป็ นทาส
เหมือนอย่างทีพ ่ ระเจ ้าได ้ตรัสบอกโมเสส ว่าควรจะเป็ นไปตามนัน ้
ประชากรได ้เชอ ื่ สงิ่ ทีโ่ มเสสได ้บอกพวกเขา
เกีย
่ วกับการปลดปล่อยให ้รอดพ ้นจากการเป็ นทาสของพวกเขา

After speaking to the Elders, MOSES and Aaron go to see Pharaoh. MOSES tells
Pharaoh that THE LORD GOD of ISRAEL, says, "LET MY PEOPLE GO, so they may come and
WORSHIP ME AT MY MOUNTAIN"! MOSES further says, if Pharaoh will not let GOD'S
PEOPLE GO, GOD will punish both Pharaoh and all of Egypt.

122
หลังจากการสนทนากับผู ้อาวุโส โมเสสและอาโรนเข ้าไปพบฟาโรห์
โมเสสบอกฟาโรห์วา่ พระองค์เจ ้า พระเจ ้าของอิสราเอล ตรัสว่า
“อนุญาติให ้ผู ้คนของพระองค์เจ ้าออกไป”
เพือ่ พวกเขาอาจจะเข ้ามาและนมัสการเราทีภ่ เู ขาของพระเจ ้า”! โมเสสพูดต่อไปว่า
ถ ้าฟาโรห์จะไม่ยอมให ้ประชากรของพระเจ ้าออกไปจากอียป ิ ต์
พระเจ ้าจะลงโทษทัง้ ฟาโรห์และประชากรของอียป ิ ต์ทัง้ หมด

Pharaoh says in reply, that he knows not their GOD and that they should return to
their work in the making of his bricks, and not bother him any further with their nonsense.
Pharaoh says furthermore, because they had wasted his time on this matter that he will no
longer provide them with the straw they need for the making of the bricks, and that he will
no longer provide it as he had done in the past. Pharaoh continues on to say that the slaves
daily count of bricks, shall not diminish, even though they must gather their own straw.

ฟาโรห์ พูดโต ้ตอบว่า


เขาไม่รู ้จักพระเจ ้าของพวกชาวอิสราเอลและพวกเขาควรจะกลับไปทางานของพวกเขา
ซงึ่ เป็ นงานสร ้างก่อสร ้างของฟาโรห์ และอย่ามารบกวนใดๆต่อเขา ด ้วยเรือ ่ งราวทีไ่ ร ้สาระอีกต่อไป
ฟาโรห์พด ู ในลักษณะเชน ่ นี้ เพราะว่าพวกเขาทาให ้ฟาโรห์ได ้เสย ี เวลาในการรับฟั งเรือ ่ งราวเหล่านี้
ทาให ้ฟาโรห์ไม่พอใจและจะไม่จัดหาฟางหรือสงิ่ จาเป็ นเล็กๆน ้อยๆต่อพวกเขาสาหรับการทาอิฐอีกต่
อไป, เหมือนอย่างทีฟ ่ าโรห์ได ้จัดหาสงิ่ เหล่านีเ้ หมือนทีเ่ ขาได ้กระทาในอดีต ฟาโรห์
ยังคงทีจ ่ ะพูดต่อไปว่า จานวนของอิฐประจาวันขัน ้ ต่าของทาสทีต ่ ้องทานัน
้ จะไม่มก ี ารลดน ้อยลง
ถึงแม ้ว่าพวกเขาจะต ้องรวบรวมวัสดุฟางมาทาอิฐของพวกเขาเอง

After the people are informed of what Pharaoh said in regard to their gathering
their own straw and the brick count should not diminish, by the Egyptian Taskmasters, the
HEBREW Leaders REVOLT! For their rebelling, the Taskmasters begin beating the people
for not producing enough bricks, causing the Hebrew Leaders to go to Pharaoh and
complain about the new rules being imposed upon them. Pharaoh tells them that because
of MOSES and Aaron's demands to FREE them, so they may WORSHIP their GOD, they had
brought this burden upon themselves.

หลังจากผู ้คนได ้รับแจ ้งว่าฟาโรห์โดยหัวหน ้าคนงานชาวอียป ิ ต์


ถึงเรือ
่ งการรวบรวมวัสดุเศษฟางของพวกเขาเองและปริมาณการทาอิฐไม่ควรลดน ้อยลง
เพราะว่ผู ้นาาคนฮบ ี รูได ้กบฏ! นีเ้ ป็ นการลงโทษต่อการขัดขืนของพวกเขา หัวหน ้าคนงานเริม ่
โบยตีผู ้คนเมือ
่ การผลิตอิฐไม่เพียงพอกับความต ้องการ
เป็ นเหตุทาให ้ผู ้นาคนฮบ ี รูไปเข ้าเฝ้ าฟาโรห์และร ้องทุกข์เกีย
่ วกับกฎระเบียบใหม่ซงึ่ ได ้กาหนดอยูเ่ ห
นือพวกเขา
ฟาโรห์บอกพวกเขาว่าเพราะว่าการเรียกร ้องของโมเสสและอาโรนให ้ปลดปล่อยพวกเขาเป็ นอิสระ
จากนัน ้ พวกเขาอาจจะมา นมัสการพระเจ ้าของพวกเขา สงิ่ ทีพ ่ วกเขาได ้กระทานั น

นาความยากลาบากมาเหนือพวกเขาเอง

123
After the Leaders return from seeing Pharaoh, they meet MOSES and Aaron along
the way. The HEBREW Leaders then complain to MOSES and Aaron about their meeting
with Pharaoh and how it had caused the workloads to increase, and how the people were
being beaten now for not meeting their daily tally.

หลังจากผู ้นากลับออกมา จากการพบกับฟาโรห์


พวกเขาได ้พบโมเสสและอาโรนระหว่างทาง จากนั น ี รู
้ ผู ้นาฮบ
บ่นต่อโมเสสและอาโรนเกีย ่ วกับการพบปะกับฟาโรห์ของพวกเขา
และว่าทาไมปริมาณงานถึงเพิม ่ ขึน

และผู ้คนได ้ถูกตีเพราะไม่สามารถทางานได ้ครบจานวนตามทีก ี ระจาวันของ
่ าหนดไว ้ในบันทึกบัญชป
พวกเขา

The Elders then tell MOSES and Aaron that because of them, the lives of the
Hebrew People had been made worse rather than better, due to the demands for their
freedom being made to Pharaoh. The Leaders further say, that they held both MOSES and
Aaron responsible for bringing this hardship on the Children of ISRAEL, because they had
not asked either of them to speak to Pharaoh, on their behalf.

กลุม ่ ผู ้อาวุโสกว่าจึงบอกโมเสสและอาโรน เพราะพวกเขาเป็ นสาเหตุทาให ้


การใชช้ วี ต
ิ ของคนฮบ ี รูนัน
้ แย่ลงแทนทีจ
่ ะดีขน
ึ้ เนือ
่ งจากคาเรียกร ้องให ้ปลดปล่อย
เป็ นอิสระของพวกเขา ทีไ่ ด ้พูดกับฟาโรห์ ผู ้นาพูดต่อไป ว่าพวกเขาคิดบัญชก ี บ
ั โมเสสและอาโรน
ในความรับผิดชอบ สาหรับการนาความลาบากนีม ้ าอยูเ่ หนือลูกหลานของอิสราเอล
เพราะว่าพวกเขาไม่ได ้ร ้องถามให ้โมเสสและอาโรนไปพูดต่อฟาโรห์ เพือ ่ ชว่ ยเหลือของพวกเขา

After hearing the cries of the people, MOSES then confronts THE LORD, and tells
HIM that since they had gone to Pharaoh and had said to him what THE LORD had
instructed them to say, things had become worse for the people. THE LORD tells MOSES
that after Pharaoh sees what HE will do to him that Pharaoh will not only let the people go,
he will DEMAND that they leave Egypt.

หลังจากการได ้ยินเสย ี งร ้องไห ้ของผู ้คน โมเสสจึงเผชญ ิ หน ้ากับพระองค์เจ ้า


และตรัสบอกพระองค์วา่ ตัง้ แต่พวกเขาได ้ไปพบกับฟาโรห์และได ้กล่าวกับฟาโรห์ถงึ
สงิ่ ทีพ ี้ า พวกเขา สถานการณ์ทก
่ ระองค์เจ ้าได ้ชน ุ สงิ่ ได ้กลับกลายเป็ นแย่ลงต่อประชากรฮบ
ิ รู
พระองค์เจ ้าตรัสบอกโมเสสว่าหลังจากฟาโรห์เห็นสงิ่ ทีพ ่ ระองค์จะทาสาหรับเขา
ฟาโรห์นัน ้ จะไม่เพียงอนุญาติให ้ประชากรฮบ ี รูออกไป
เขาจะเรียกร ้องให ้ประชากรฮบ ี รูออกจากอียป ิ ต์แบบไม่ต ้องหวนกลับมาอีก

THE LORD also REMINDS MOSES of THE COVENANT that had been MADE with
ABRAHAM, ISAAC, and JACOB, and how GOD INTENDED TO LIVE UP TO HIS PROMISE HE
HAD MADE TO THE FATHERS of THE CHILDREN of ISRAEL! GOD tells MOSES that HIS
NAME IS "YAHWEH", and up until this time, HE was known only as THE ALMIGHTY GOD!

124
พระองค์เจ ้ายังทรงเตือนความจาโมเสสเกีย ่ วกับพันธสญ ั ญาทีไ่ ด ้จัดทาขึน
้ กับอับราฮัม อิสอัค
และยาโคบ และพระเจ ้ามีเจตนาทีจ ่ ะรักษาคามั่นสญ ั ญาของพระองค์อย่างไร
พระองค์ได ้จัดตัง้ บิดาของลูกหลานของอิสราเอล!
พระเจ ้าตรัสบอกโมเสสว่าพระนามของพระองค์คอ ื "YAHWEH ยาเวห์”
และไปจนกระทั่งถึงชว่ งระยะเวลานี้ พระองค์เป็ นทีร่ ู ้จักเสมือนเป็ น พระเจ ้าทรงอานุภาพเท่านัน ้ !

NOTE: Although the King James 1611 version translates the NAME YAHWEH to the name
JE-HO'-VAH, this NAME CANNOT BE TRANSLATED, FOR IT IS THE NAME of GOD!

หมายเหตุ: แม ้ว่าพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ ฉบับคิงเจมส ์ 1611 แปลโดยเปลีย ่ น พระนาม YAHWEH ยาเวห์


จากภาษาฮบ ี รู ไปยังภาษาอังกฤษว่า JE-HO'-VAH เยโฮวาห์
พระนามของพระองค์นไ ี้ ม่สามารถแปลเป็ นภาษาอืน ่ ๆได ้เพราะ เป็ นพระนามของพระเจ ้า!
้ บศัพท์ภาษาฮบ
(ควรใชทั ี รู ว่า YAHWEH ยาเวห์ )

GOD now gives MOSES and Aaron the names of the PERSONS who will be over each
of the TWELVE TRIBES of the CHILDREN of ISRAEL once they have departed from Egypt.
MOSES, still having doubt says to GOD, who am I that Pharaoh should listen to me? THE
LORD IN REPLY SAYS to MOSES, "SEE, I HAVE MADE THEE A GOD to Pharaoh: and Aaron
thy brother shall be thy PROPHET".

พระเจ ้า บัดนีใ้ ห ้โมเสสและอาโรน จดรายชอ ื่ ของบุคคล ทีม่ าจาก แต่ละเผ่าของ 12


เผ่าพันธ์ของบุตรหลานซงึ่ เป็ นชนชาติอส ิ ราเอล เมือ
่ พวกเขาได ้ออกจากอียป ิ ต์ โมเสส
ยังคงมีข ้อสงสย ั ในการทีจ ่ ะพูดกล่าวเพือ
่ พระเจ ้า ว่าเราคือใครทีฟ ่ าโรห์จะรับฟั งต่อเรา?
พระองค์เจ ้าตรัสตอบต่อโมเสส “เห็นไหม เราได ้ทาให ้เจ ้า
เป็ น(ตัวแทนของ)พระเจ ้าองค์หนึง่ ต่อฟาโรห์ และอาโรนพีช ่ ายของเจ ้าจะเป็ นผู ้พยากรณ์ของเจ ้า”

MOSES, now being EIGHTY years old and Aaron EIGHTY-THREE years old, they make
a total of TWELVE CONFRONTATIONS with Pharaoh, on behalf of the CHILDREN of
ISRAEL'S CAPTIVITY. Eleven of these confrontations result in Pharaoh's refusal to let the
CHILDREN of ISRAEL leave Egypt, because GOD had purposely hardened Pharaoh's heart
so Pharaoh, all of Egypt, and the CHILDREN of ISRAEL might see the POWER of GOD! The
following is a list of those confrontations and also the MIRACLES resulting from each
confrontation:

ขณะนี้ โมเสส อายุ 80 ปี และอาโรนอายุ 83 ปี


พวกเขาได ้ทาการเผชญ ิ หน ้ากับฟาโรห์ทัง้ หมด สบ ิ สองครัง้
ในนามของลูกหลานของอิสราเอลทีถ ่ ก
ู กักขังเป็ นทาส
การเผชญ ิ หน ้าสบ
ิ เอ็ดครัง้ เหล่านีผ
้ ลลัพธ์ก็คอื ฟาโรห์ได ้ปฏิเสธ
ทีจ
่ ะปล่อยตัวลูกหลานของอิสราเอลออกจากอียป ิ ต์

เพราะว่าพระเจ ้า มีเจตนาทาให ้หัวใจของฟาโรห์นัน


้ แข็งกระด ้าง จากนัน
้ ฟาโรห์
ประชากรทัง้ หมดของอียปิ ต์และลูกหลานของอิสราเอล จะได ้เห็นฤทธิเ์ ดชของพระเจ ้า!

125
ต่อไปนีเ้ ป็ นรายละเอียด
ของการเผชญิ หน ้าเหล่านั น
้ และการอัศจรรย์ซงึ่ เป็ นผลต่อเนือ ิ หน ้าแต่ละอย่าง
่ งมาจากการเผชญ

1. The first confrontation with Pharaoh results in the CHILDREN of ISRAEL having their
workloads increased, and Pharaoh's refusing to give them the straw needed to make the
bricks. No miracle was performed as a result of this confrontation.

1. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ แรกกับฟาโรห์ ผลลัพธ์ตอ ่ ลูกหลานของอิสราเอล


นัน
้ ได ้รับปริมาณการทางานของเขาเพิม ่ มากขึน

และถูกปฏิเสธจากฟาโรห์ในการจัดเตรียมเศษฟางทีจ ่ าเป็ นแก่พวกเขาสาหรับทาอิฐ
ไม่มผี ลลัพธ์ของการสาแดงอัศจรรย์ในการเผชญ ิ หน ้าครัง้ นี้

2. At the second confrontation with Pharaoh, Aaron cast down MOSES' ROD and it turns
into a serpent. Pharaoh's Magicians then duplicate the miracle.

2. ทีก ิ หน ้าครัง้ ที่ 2 กับฟาโรห์ อาโรนโยนไม ้เท ้าของโมเสสลงไปทีพ


่ ารเผชญ ่ น
ื้ และกลายเป็ นงู
นักมายากลของฟาโรห์จงึ ก๊อปปี้ การอัศจรรย์

(ไม ้เท ้าของของโมเสส ในครัง้ แรก เมือ ่ โมเสส และอาโรน เข ้าเฝ้ าฟาโรห์นัน ้
องค์ฟาโรห์ตรัสสงั่ ให ้พวกเขาแสดงอัศจรรย์เพือ ่ พิสจู น์วา่ คาพูดของทัง้ สองเป็ นจริงนั น

พระเจ ้าทรงให ้อาโรน โยนไม ้เท ้าลงบนพืน ้ ไม ้เท ้านัน
้ ก็กลายเป็ นงู
องค์ฟาโรห์ก็ทรงเรียกพวกนั กปราชญ์ และนั กแสดงกลมากระทาเชน ่ เดียวกันนี้
แต่งข ู องอาโรนนั น
้ ก็กน
ิ งูของนั กวิทยากลเหล่านั น ้ เสย ี สน
ิ้
แต่องค์ฟาโรห์ก็ไม่ทรงเอาใจใสต ่ อ
่ คาพูดของทัง้ สองคน จึงเป็ นเหตุให ้มีภัยพิบัตเิ กิดขึน ้ )

3. The third confrontation takes place while MOSES stands on the riverbank shouting to
Pharaoh as he passes by on the river, and Aaron strikes the river with the ROD of MOSES
causing the water to turn to blood. And causing the FIRST PLAGUE to occur Pharaoh's
Magicians again duplicate the miracle.

3. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 3 เกิดขึน้ ในขณะทีโ่ มเสสยืนบนฝั่ งแม่น้ าตะโกนให ้ฟาโรห์


ขณะทีเ่ ขาได ้มองอยูเ่ หนือผ่านไปตามแม่น้ า และอาโรนตีแม่น้ าด ้วยไม ้เท ้าของโมเสส
เป็ นเหตุให ้แม่น้ าทีจ
่ ะกลายเป็ นเลือด และเป็ นสาเหตุให ้ภัยพิบัตแ ิ รกเกิดขึน
้ แต่
มายากลของฟาโรห์อก ี ครัง้ ก๊อปปี้ การอัศจรรย์

(ภัยพิบัตจิ ากโลหิต เสริม


ด ้วยฟาโรห์ทรงไม่ใสใ่ จต่อการเข ้าเฝ้ าครัง้ แรกของโมเสสและอาโรน
พระเจ ้าจึงทรงให ้เขาทัง้ สองเข ้าเฝ้ าฟาโรห์อก ี ครัง้
้ นรุ่งขึน
ในเชาวั ้ เพือ
่ สาแดงภัยพิบัตค ิ รัง้ แรกแก่อย
ี ป ้ ง่ ขึน
ิ ต์ เชารุ ้ โมเสสและอาโรนได ้ไปเข ้าเฝ้ าฟาโรห์
ณ ริมแม่น้ าไนล์ โดยอาโรนได ้นาไม ้เท ้าไปด ้วย
โมเสสจึงได ้แจ ้งแก่ฟาโรห์ให ้ปล่อยชนชาติอส ิ ราเอล หากไม่เชน ่ นั น

พระเจ ้าจะทรงทาให ้แม่น้ าลาคลองและบึงต่างๆกลายเป็ นโลหิต

126
ปลาในน้ าจะตายและชาวอียป ิ ต์จะดืม
่ น้ าจากแม่น้ าไนล์ไม่ได ้
แต่ฟาโรห์ไม่ได ้สนพระทัยต่อคาพูดของทัง้ สองคน

พระเจ ้าทรงสงั่ ให ้อาโรน ยกไม ้เท ้าขึน ้ ตีน้ าต่อพระพักตร์ของฟาโรห์ และบรรดาข ้าราช
บริพาร น้ าในแม่น้ าไนล์ก็กลายเป็ นโลหิต ปลาในแม่น้ าก็ตายหมดสน ิ้ และน้ านั น
้ ก็ดม
ื่ กินไม่ได ้
แต่เหล่าบรรดาวิทยากลของอียป ิ ต์ ก็สามารถกระทากลเชน ่ นัน
้ ได ้เชน ่ กัน
ฟาโรห์จงึ ไม่เชอ ื่ พวกเขาทัง้ สอง ดังนัน้ ชาวอียป ิ ต์จงึ ต ้องขุดบ่อเพือ ่ หาน้ าดืม

เนือ
่ งจากน้ าดืม
่ จากแม่น้ าไนล์นัน
้ ดืม
่ ไม่ได ้ )

4. The fourth confrontation with Pharaoh results in Aaron stretching forth the ROD of
MOSES, causing the 2nd PLAGUE to occur. This plague results in an innumerable amount
of frogs that come over all the land and into the houses of all the Egyptians. Pharaoh's
Magicians with their enchantments also duplicate this miracle.

4. การเผชญิ หน ้าครัง้ ที่ 4 กับฟาโรห์ ผลลัพธ์ทาให ้อาโรน ถือไม ้เท ้าของโมเสส


เหยียดออกไปข ้างหน ้า เป็ นสาเหตุให ้ภัยพิบัตค ิ รัง้ ทีส
่ องขึน
้ ภัยพิบัตน ิ ม
ี้ ผ
ี ล
ทาให ้กบจานวนมากมายนับไม่ถ ้วน
ออกมาอยูเ่ หนือพืน้ ดินทัง้ หมดและเข ้าไปในบ ้านของชาวอียป ิ ต์ทัง้ หมด
นักมายากลของฟาโรห์กับการทาให ้ลุม ่ หลงของพวกเขาด ้วยก๊อปปี้ การอัศจรรย์นี้

( ภัยพิบัตจิ ากกบ เสริม หลังภัยพิบัตแ ิ รกผ่านไป 7 วัน พระเจ ้าจึงทรงใชให ้ ้ โมเสส และอาโรน
ไปเข ้าเฝ้ าฟาโรห์อกี ครัง้ แจ ้งแก่องค์ฟาโรห์ให ้ปล่อยชาวอิสราเอลไปเสย ี
มิฉะนัน
้ พระเจ ้าจะทรงให ้ฝูงกบในแม่น้ าไนล์ ขึน ้ มาจนเต็มแผ่นดินอียป ิ ต์ แต่องค์ฟาโรห์ก็มไิ ด ้สนใจ
พระเจ ้าจึงให ้อาโรนชูไม ้เท ้าเหนือแม่น้ า ฝูงกบก็พากันขึน
้ มาจากแม่น้ าไนล์จนเต็มแผ่นดิน
แต่เหล่านักแสดงกล ก็สามารถแสดงกลเรียกกบขึน ้ มาจากแม่น้ าได ้ด ้วยเชน่ กัน

แต่เมือ
่ ฝูงกบอยูก
่ ันเต็มเมือง องค์ฟาโรห์จงึ เรียก โมเสส และ อาโรน เข ้าพบ
ั ญาหากทัง้ สองทูลต่อพระเจ ้าให ้ฝูงกบไปเสย
และให ้สญ ี จากแผ่นดินอียป
ิ ต์
องค์ฟาโรห์จะยอมให ้ชาวอิสราเอลออกเดินทางได ้ในวันรุง่ ขึน ้ โมเสส จึงร ้องทูลพระเจ ้า
และฝูงกบก็พากันตายสน ิ้ ทัง้ แผ่นดินอียป
ิ ต์ )

5. The fifth confrontation with Pharaoh resulted in the 3rd PLAGUE put upon Egypt by GOD;
Aaron stretched forth the ROD of MOSES and an epidemic of lice came over the whole land
of Egypt. Although the Magicians tried to duplicate this miracle, they could not and
warned Pharaoh that THE FINGER of GOD had performed this miracle!

5. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 5 กับฟาโรห์เป็ นผลในภัยพิบัตค ิ รัง้ ที่ 3 ลงบนแผ่นดินอียป


ิ ต์โดยพระเจ ้า
อาโรน ไม ้เท ้าของโมเสส เหยียดออกไปข ้างหน ้า และภัยพิบัตจิ ากริน ้
(นาโรคระบาดจากเชอ ื่ โรคปรสต ิ เล็กๆ) ทีอ
่ ยูบ
่ นคนและสต ั ว์ลงมาเหนือดินแดนของอียป ิ ต์ทัง้ หมด
แม ้ว่านักมายากลพยายามทีจ ่ ะก็กอปปี้ การอัศจรรย์นี้ พวกเขาไม่สามารถและเตือนฟาโรห์วา่
นิว้ พระหัตถ์ของพระเจ ้า ได ้แสดงการอัศจรรย์นี้

127
(ภัยพิบัตจิ ากริน
้ เสริม ครัน้ เมือ
่ ฝูงกบตายเสย ี สนิ้ ความเดือดร ้อนก็บรรเทาไปแล ้ว
องค์ฟาโรห์จงึ ทรงไม่ปฏิบต ั ต
ิ ามคาสญ ั ญาทีจ ่ ะให ้อิสราเอลออกเดินทางในวันรุ่งขึน้ พระเจ ้าจึงให ้
โมเสส และอาโรน เข ้าเฝ้ า ฟาโรห์ และให ้อาโรนเอาไม ้เท ้าตีฝนดิ ุ่ น
ให ้กลายเป็ นริน ้ ทั่วประเทศอียป ิ ต์ ครัง้ นีเ้ หล่านักแสดงกลของฟาโรห์
ไม่สามารถแสดงกลทาให ้ฝุ่ นกลายเป็ นริน ้ ได ้ จึงทูลต่อฟาโรห์วา่
"นีเ่ ป็ นกิจการแห่งนิว้ พระหัตถ์พระเจ ้า"แต่ฟาโรห์ก็มไิ ด ้สนพระทัย)

6. The sixth confrontation occurs when Pharaoh came down to the river and was warned
by MOSES to release ISRAEL or suffer the consequences, however, he still refuses to let the
people go. This brings about the 4th PLAGUE on Egypt, which is a swarm of flies covering
the Land of Egypt, except for the area of Goshen. This is because GOD severs the land of
Goshen from Egypt where the HEBREWS live, so only in this area is the PLAGUE and ALL
but the LAST PLAGUE, INACTIVE!

6. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 6 เกิดขึน้ เมือ ่ ฟาโรห์ลงมายังแม่น้ าและถูกเตือนโดยโมเสสเพือ ่ ปลดปล่อย


ชนชาติอส ิ ราเอลหรือจะรับผลการทุกข์ทรมานจากผลทีต ่ ามมา แจ่อย่างไรก็ตาม
เขายังคงปฏิเสธทีจ ่ ะปล่อยประชากรไป เป็ นเหตุให ้เกิดภัยพิบัตค ิ รัง้ ที่ 4 ลงบนอียป ิ ต์
โดยแมลงฝูงเหลือบใหญ่ได ้บินมา ปกคลุมดินแดนของอียป ิ ต์ ยกเว ้นสาหรับพืน ้ ทีข
่ อง “โกเชน”
(ชอ ื่ พืน
้ ทีใ่ นประเทศอียป ิ ต์ตอนใต ้)
นีเ่ ป็ นเพราะว่าพระเจ ้าป้ องกันดินแดนของโกเชนจากชาวอียป ิ ต์เป็ นสถานทีซ ่ งึ่ ชาวฮบ ี รูได ้ อาศัยอยู่
ดังนัน ้ เพียงในพืน ้ ทีข
่ องอียป ิ ต์นที้ ไี่ ด ้รับภัยพิบต
ั แ
ิ ละแต่เป็ นภัยพิบัตท ิ ้ายสุดจากทัง้ หมดทีผ ่ า่ นไป
เหมือนไม่มค ี วามคืบหน ้า

( ภัยพิบ ้ติจากเหลือบ เสริม วันรุง่ ขึน ้ พระเจ ้าทรงให ้โมเสสไปรอพบฟาโรห์ ทีร่ ม ิ แม่น้ าไนล์
และทูลต่อพระองค์วา่ หากไม่ทรงอนุญาตให ้อิสราเอลออกไปนมัสการพระเจ ้า ณ ถิน ่ ทุรกันดาร
พระเจ ้าก็จะทรงบันดาลให ้ฝูงเหลือบอยูเ่ ต็มประเทศอียป ิ ต์
ยกเว ้นแต่เมืองโกเชนทีช ่ าวอิสราเอลอาศัยอยู่
จะไม่มเี หลือบเข ้าไปเพือ ่ แสดงให ้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็ นพระเจ ้าของอิสราเอล
องค์ฟาโรห์ทรงไม่ยอมเชน ่ เดิม พระเจ ้าจึงทรงให ้ฝูงเหลือบบินเต็มทั่วเมืองอียป ิ ต์
ยกเว ้นแต่เมืองโกเชน ฟาโรห์จงึ ทรงให ้เรียก โมเสส และอาโรน มาพบ และรับสงั่ ให ้ อิสราเอล
ถวายเครือ ่ งบูชาแด่พระเจ ้าในอียป ิ ต์ มิให ้ออกไปนอกเมือง
แต่โมเสสทูลแย ้งว่าการถวายเครือ ่ งบูชาของอิสราเอลต ้องฆ่าสต ั ว์ต ้องห ้ามของอียปิ ต์
จึงจาเป็ นต ้องไปกระทาในถิน ่ ทุรกันดาร องค์ฟาโรห์จงึ ว่า "เราจะปล่อยพวกเจ ้าไป
เพือ
่ จะได ้ถวายสต ั วบูชาแด่พระเจ ้าของเจ ้าในถิน ่ ทุรกันดาร แต่วา่ พวกเจ ้าอย่าไปให ้ไกลนั ก
จงวิงวอนเพือ ่ เราด ้วย" โมเสสจึงอธิษฐานต่อพระเจ ้าให ้ฝูงเหลือบไปจากแผ่นดินอียป ิ ต์ )

7. The seventh confrontation with Pharaoh brings about the 5th PLAGUE, this PLAGUE is a
disease that kills many of the domestic animals in Egypt, but not a one of the CHILDREN of
ISRAEL'S animals were lost.

128
7. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 7 กับฟาโรห์เป็ นเหตุให ้เกิดภัยพิบัตคิ รัง้ ที่ 5
ภัยพิบัตนิ เี้ ป็ นโรคระบาดทีฆ ่ า่ สตั ว์เลีย
้ งในบ ้านมากมายในอียปิ ต์
แต่ไม่มแี ม ้แต่หนึง่ ตัวซงึ่ เป็ นสต ั ว์ของลูกหลานของอิสราเอลได ้รับความเสย ี หาย

( ภัยพิบัตท ิ เี่ กิดกับฝูงสต ั ว์ เสริม เมือ


่ สน ิ้ ฝูงเหลือบ
องค์ฟาโรห์ก็ทรงละเลยต่อสญ ั ญาของพระองค์อก ี ครัง้
พระเจ ้าจึงทรงให ้โมเสสเข ้าไปทูลต่อฟาโรห์วา่
หากพระองค์ไม่ยอมปล่อยคนของพระเจ ้าไปนมัสการพระองค์
พระเจ ้าจะทรงกระทาให ้ฝูงสต ั ว์ของอียป ิ ต์ ทัง้ ม ้า ลา อูฐ โค แพะ และแกะ เป็ นโรคระบาดร ้ายแรง
และยกเว ้นฝูงสตั ว์ของคนอิสราเอลทีจ ่ ะไม่เป็ นโรค โดยกาหนดโรคระบาด คือวันถัดไป
แต่องค์ฟาโรห์ ก็มไิ ด ้สนพระทัย วันรุง่ ขึน ้ ฝูงสต ั ว์ของอียป ิ ต์ก็พากันตายหมด
เหลือเพียงฝูงสต ั ว์ของอิสราเอล แต่ฟาโรห์ก็ยังไม่ทรงปล่อยชาวอิสราเอลออกไป )

8. The eighth confrontation with Pharaoh brings about the 6th PLAGUE, whereby MOSES
and Aaron take handfuls of ashes from the brick furnaces and throw the ashes into the air.
This results in the boil with blisters of the skin which break out on both the men and to
beasts of Egypt.

8. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 8 กับฟาโรห์เป็ นเหตุให ้เกิด ภัยพิบัตค


ิ รัง้ ที่ 6
ซงึ่ โมเสสและอาโรนกาขีเ้ ถ ้าหนึง่ กามือจากเตาเผาอิฐและโยนขีเ้ ถ ้าไปในอากาศ ผลลัพธ์นี้
ทาให ้เกิดบาดแผล พุพองของผิวหนังเป็ นฝี แตกลามทั่วไปตัว ในคนและสต ั ว์ของอียป
ิ ต์

( ภัยพิบัตจิ ากฝี เสริม พระเจ ้าทรงให ้ โมเสส กาเขม่าจากเตาไฟเต็มฝ่ ามือ ไปเข ้าเฝ้ า ฟาโรห์
และเมือ ่ อยูต่ อ
่ หน ้าฟาโรห์ ก็ซด ั เขม่านัน
้ ออกไป เขม่านั น
้ ก็กลายเป็ นฝุ่ นกระจายไปทั่วอียป
ิ ต์
ทาให ้ชาวอียป ิ ต์กลายเป็ นฝี แตกลามทัง้ ตัว รวมไปถึงเหล่านักแสดงกลของฟาโรห์
ก็เป็ นฝี ทั่วตัวด ้วยเชน่ กัน แต่องค์ฟาโรห์ก็ไม่ยอมปล่อยอิสราเอลออกไป )

9. The ninth confrontation with Pharaoh results in the 7th PLAGUE which was GREAT
HAILSTONES coming down from Heaven that pound Egypt. When the GREAT HAILSTONES
hit earth, a fire emits from the HAILSTONE and runs along the ground burning all in its
path.

9. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 9 กับฟาโรห์ เป็ นผลลัพธ์ในภัยพิบัตค ิ รัง้ ที่ 7


สงิ่ ซงึ่ เป็ นลูกเห็บครัง้ ยิง่ ใหญ่การลงมาจากสวรรค์ทก ี่ ระหน่าอียป ิ ต์
เมือ ่ ลูกเห็บตกลงมาอย่างหนักโจมตีโลก
ไฟกระจายจากลูกเห็บทีพ ่ งุ่ ตกลงมาด ้วยความเร็วสูงและตกไปตามพืน ้
้ ดินเผาทัง้ หมดในเสนทางที
ต ่
กลงมานัน ้

(ภัยพิบัตจิ ากลูกเห็บ เสริม พระเจ ้าทรงให ้โมเสสเข ้าเฝ้ าฟาโรห์แต่เชา้ และทูลต่อพระองค์วา่


หากฟาโรห์ไม่ยน ิ ยอมปล่อยชาวอิสราเอลไป วันรุง่ ขึน ้
พระเจ ้าจะให ้มีลกู เห็บตกลงทั่วแผ่นดินอียป ิ ต์อย่างทีไ่ ม่เคยเกิดขึน
้ มาก่อน
และเตือนให ้ผู ้คนและสต ั ว์ทัง้ หลายหลบอยูใ่ นทีก
่ าบัง มิฉะนั น ี ชวี ต
้ จะโดนลูกเห็บเสย ิ
129
เหล่าข ้าราชบริพารสว่ นใหญ่ก็เกรงกลัว จึงได ้นาฝูงสต ั ว์หลบในทีก ่ าบัง และเมือ
่ ถึงเวลา
พระเจ ้าก็ทรงบันดาลให ้มีลก ู เห็บ และฟ้ าร ้อง
ลูกเห็บทีต ่ กลงในแผ่นดินอียป ิ ต์ครัง้ นัน
้ นับว่าเป็ นครัง้ ใหญ่ทส
ี่ ดุ
จึงทาลายพืชผลของอียป ิ ต์ทัง้ แผ่นดิน ยกเว ้นแต่ในเมืองโกเชนทีอ ิ ราเอลอาศัยอยู่
่ ส
ไม่มล ี กู เห็บตกเลยฟาโรห์จงึ ทรงให ้คนไปตามโมเสส และอาโรนมา แจ ้งว่า
"ครัง้ นีเ้ ราทาบาปแน่แล ้ว พระเจ ้าเป็ นฝ่ ายถูก เราและชนชาติของเราผิด..."
แต่โมเสสก็ทราบว่าทีฟ ่ าโรห์กล่าวเชน ่ นัน
้ มิได ้ยาเกรงพระเจ ้าจริง
แต่เมือ ่ โมเสสออกจากเข ้าเฝ้ าฟาโรห์ ก็ทล ู ขอต่อพระเจ ้าให ้ลูกเห็บหยุดตก ฟาโรห์ก็ยังคงแข็งขืน
มิยอมให ้อิสราเอลออกจากอียป ิ ต์ไป )

10.The tenth confrontation with Pharaoh results in the 8th PLAGUE, which brings a great
swarm of locusts who come and devour the trees and the herbs of the field. These locusts
destroy all that survived the GREAT HAILSTONES, thus wiping out Egypt's food supply.

10. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 10 กับฟาโรห์ เป็ นผลลัพธ์ใน ภัยพิบัตค


ิ รัง้ ที่ 8
โดยนาตั๊กแตนฝูงใหญ่เข ้ามากัดกินต ้นไม ้และทุง่ หญ ้าสมุนไพรต่างๆ ตั๊กแตนเหล่านีท
้ าลายทัง้ หมด
ทีร่ อดตาย จากลูกเห็บตกอย่างหนัก ซงึ่ เป็ นการกวาดล ้าง
แหล่งอาหารของอียป ิ ต์ออกไปในการสง่ เสริมกาลังกองทัพ

(ภัยพิบัตจิ ากฝูงตั๊กแตน เสริม พระเจ ้าก็ทรงให ้ โมเสส และอาโรน เข ้าเฝ้ าฟาโรห์ อีกครัง้
ี สน
แจ ้งว่าครัง้ นี้ พระเจ ้าจะทรงให ้เกิดฝูงตั๊กแตนเข ้าทาลายพืชผลทีเ่ หลือรอดจากลูกเห็บเสย ิ้
บรรดาข ้าราชบริพารจึงพากันทูลขอให ้ฟาโรห์ปล่อยพวกเขาไป

ฟาโรห์จงึ ให ้โมเสส และอาโรน นาอิสราเอลไปนมัสการพระเจ ้าได ้ แต่ให ้นาไปได ้เฉพาะผู ้ชาย


แต่ผู ้หญิงต ้องอยูใ่ นอียป
ิ ต์ ดังนัน
้ เมือ
่ โมเสสกลับจากเข ้าเฝ้ า
พระเจ ้าจึงทรงให ้มีฝงู ตั๊กแตนจานวนมากเข ้าทาลายพืชผลทั่วแผ่นดินอียปิ ต์

ฟาโรห์จงึ ให ้เรียก โมเสส และอาโรนมาเฝ้ า และขอให ้ทูลต่อพระเจ ้าให ้ไล่ฝงู ตั๊กแตนไปเสย ี


โมเสสก็ทล
ู ขอต่อพระเจ ้า แต่ฟาโรห์ก็เปลีย
่ นพระทัย ไม่ยอมให ้อิสราเอลออกไปจากอียป ิ ต์อก
ี )

11. The eleventh confrontation with Pharaoh results in the 9th PLAGUE, which brings about
a total darkness throughout the land of Egypt. Neither the sun nor the moon shine at all in
the Land of Egypt for three full days. However the houses in Goshen still had LIGHT.

11. การเผชญ ิ หน ้าครัง้ ที่ 11 กับฟาโรห์ เป็ นผลลัพธ์ภัยพิบัตค


ิ รัง้ ที่ 9
เป็ นเหตุให ้เกิดความมืดทั่วทัง้ หมดของแผ่นดินอียป ิ ต์
ไม่มด ี วงอาทิตย์หรือดวงจันทร์สอ ่ งแสงทัง้ หมดในแผ่นดินอียป ิ ต์เป็ นเวลาสามวันเต็ม
แต่อย่างไรก็ตามทีห ่ มูบ ่ ้านในโกเชนยังคงมีความสว่าง

(ภัยพิบัตจิ ากความมืด ต่อมาพระเจ ้าจึงทรงทาให ้ท ้องฟ้ าเหนือแผ่นดินอียป ิ ต์มด


ื ไป เป็ นเวลา
3 วัน ชาวเมืองไม่สามารถไปไหนได ้ เพราะมองไม่เห็น
ยกเว ้นแต่เมืองทีช ่ าวอิสราเอลอาศัยอยูท
่ ม
ี่ แ
ี สงสว่าง ฟาโรห์จงึ ให ้ตามต ้ว โมเสส และอาโรน มา

130
แจ ้งว่าจะทรงอนุญาตให ้นาผู ้คนได ้นนัสการพระเจ ้าได ้ทุกคน แต่ไม่ทรงอนุญาตให ้นาฝูงสต ั ว์ไป
โมเสสจึงแจ ้งว่า "ต ้องโปรดประทานให ้มีเครือ ั วบูชา
่ งสต
และเครือ ่ งเผาบูชาติดมือไปด ้วย...ข ้าพระบาทต ้องนาฝูงสต ั ว์ไปด ้วย ขาดไม่ได ้สก
ั กีบเดียว..."
องค์ฟาโรห์จงึ ทรงพิโรธ ขับไล่ทัง้ สองออกไป และกล่าวว่า "อย่ามาให ้เราเห็นหน ้าอีกเลย
เพราะถ ้าเจ ้าเห็นหน ้าเราวันใด เจ ้าจะต ้องตายวันนัน
้ )

12. During Pharaoh's twelfth and final CONFRONTATION by MOSES and Aaron, Pharaoh
tells them that if they were to come before him again, he would have them killed. GOD tells
MOSES that HE will yet do 0NE MORE THING to Pharaoh and Egypt. GOD then tells MOSES
what the people must do to survive THE 10th PLAGUE. This PLAGUE entails the killing of
ALL of the firstborn throughout the land of Egypt. All from the Throne of Pharaoh to the
least in the kingdom of Egypt . This killing of the firstborn includes even the first born of all
the animals.

12. ในระหว่างครัง้ ที่ 12 ของฟาโรห์และการเผชญ ิ หน ้าครัง้ สุดท ้ายโดยโมเสสและอาโรน


ฟาโรห์ตรัสบอกพวกเขาว่า ถ ้าพวกเขาคือทีจ ่ ะมาต่อหน ้าพระองค์อก ี ครัง้
พระองค์จะให ้พวกเขาถูกฆ่า พระเจ ้าตรัสบอกโมเสสว่า
พระองค์จะยังไม่กระทาอีกหนึง่ สงิ่ ต่อฟาโรห์และชาวอียป ิ ต์ พระเจ ้าจึงตรัสบอกโมเสส
สงิ่ ทีผ ่ มีชวี ต
่ ู ้คนจาต ้องกระทาเพือ ิ อยูต่ อ่ ไป ภัยพิบต ั ค
ิ รัง้ ที่ 10 โดยภัยพิบัตน ิ วี้ างเงือ
่ นไข
การฆ่าบุตรหัวปี ทั่วทัง้ แผ่นดินของอียป ิ ต์
ทัง้ หมดจากบัลลังก์ของฟาโรห์ไปยังผู ้น ้อยตา่ ต ้อยทีส ่ ด
ุ ในอาณาจักรของอียป ิ ต์
การฆ่าของบุตรหัวปี นี้ รวมไปถึงสต ั ว์ทเี่ ป็ นเกิดออกมาตัวแรกทัง้ หมดโดยไม่มข ิ้
ี ้อยกเว ้นใดๆทัง้ สน

GOD further instructs MOSES to have all the people on the tenth day of the month
take from their flocks a male lamb. The LAMB must be without a blemish, (and it can either
be of a LAMB of sheep, or of a he goat) and they are to keep the LAMB until the 14th day of
the month. Then on the 14th day of the month, Abib (April), they are to kill it. After killing
the LAMB, they must strike the LAMB'S BLOOD upon the two side posts and the upper post
of the doors that enter into their houses.

พระเจ ้าทรงชแ ี้ นะโมเสสต่อไป เพือ่ ให ้ผู ้คนทัง้ หมดภายในวันที่ 10 ของเดือน


เอาลูกแกะตัวผู ้จากฝูงสต ั ว์ของพวกเขา ลูกแกะจะต ้องปราศจากตาหนิใดๆ
(และสามารถจะนาลูกแกะของแกะ หรือลูกของแพะอย่างใดอย่างหนึง่ )
และพวกเขาเป็ นเพือ ่ เก็บรักษา ลูกแกะจนกระทั่งวันที่ 14 ของเดือน จากนัน ้ ในวันที่ 14 ของเดือน
อบิด Abib (เมษายน) สัตว์เหล่านีเ้ ตรียมไว ้เพือ ่ นามาฆ่า หลังจากการฆ่าลูกแกะ
พวกเขาจะต ้องทาเลือดของลูกแกะ เหนือประตู(ทางเข ้าออก)ทัง้ สองด ้าน และตาแหน่งเหนือ
วงกบประตู ทีเ่ ป็ นทางเข ้าสูบ่ ้านของพวกเขา

After doing this they are to roast the lamb over a fire and not break any of the lamb's
bones, and all of the lamb must be eaten that evening. GOD also tells MOSES that if one

131
family cannot eat the entire lamb, they are to share it with a neighbor, but the LAMB must
be completely eaten on that night.

หลังจากการทาเชน ่ นีล
้ กู แกะต ้องนามาเผาย่างไฟ และห ้ามทาให ้กระดูกใดๆ
ของลูกแกะนัน ้ แตกหรือหักลง และต ้องรับประทานให ้หมดหัวคา่ นัน ้ พระเจ ้ายังตรัสบอกโมเสสว่า
ถ ้าครอบครัวหนึง่ ไม่สามารถกินเนือ ้ ลูกแกะย่างนัน
้ ทัง้ หมด พวกเขาสามารถนาไป
แบ่งปั นกับเพือ
่ นบ ้าน แต่ลก ู แกะต ้องกินทัง้ หมดในคืนนัน้

Once all the HOUSEHOLDS have been MARKED with the BLOOD of the LAMB then HE,
meaning THE HOLY SPIRIT, will pass through the Land of Egypt and kill all the FIRSTBORN
residing in the houses where there is no marking with blood on the lintels and door posts.
Then, on that very night when

ครัง้ หนึง่ ครัวเรือนทัง้ หมดได ้ทาเครือ


่ งหมายกับเลือดของลูกแกะจากนัน ้ พระองค์
หมายถึงพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
จะผ่านไปแผ่นดินของอียป ิ ต์และฆ่าบุตรหัวปี ทอ ่ าศัยในบ ้านทีซ
ี่ ยูอ ่ งึ่ ไม่มก
ี ารทาด ้วยเลือดบนคานประ
ตูและเสาประตู (วงกบประตู) จากนัน ้ ในกลางคืนมิดไนท์นัน ้ เมือ

HE SHALL PASSOVER, all the people should be dressed, packed up, and ready to leave
Egypt. For after this FINAL PLAGUE has occurred, Pharaoh will demand that ISRAEL leave
Egypt! (NOTE 11)

พระองค์จะผ่านไป ทุกคนควรจะแต่งตัว จัดกระเป๋ า และเตรียมตัวเพือ


่ ออกจากอียป
ิ ต์
เพราะนีเ้ ป็ นเหตุการณ์ภัยพิบัตค
ิ รัง้ สุดท ้ายนี้ จะเกิดขึน

ฟาโรห์จะเรียกร ้องให ้อิสราเอลออกจากอียป ิ ต์! (หมายเหตุ 11)

(NOTE 11) I have heard many people say that the ANGEL of death is the one who
performed the EVENT of the killing of the firstborn in Egypt. However, this was not the act
of an ANGEL at all!. THIS ACT of DELIVERANCE WAS DONE BY THE DELIVERER HIMSELF,
IXOTE, THE HOLY SPIRIT! It was HE who passed through the land of Egypt that EVENING,
and it was HE who killed all the firstborn in Egypt, BOTH MAN AND BEAST and not an
ANGEL!

(หมายเหตุ 11) ผมได ้ยินหลายคนพูดว่าทูตสวรรค์ของความตายเป็ นผู ้นัน ้ ทีส


่ าแดงเหตุการณ์
ของการฆ่าของบุตรหัวปี ในอียป ิ ต์ แต่อย่างไรก็ตามทีก่ ล่าวมานี้
ไม่เป็ นการกระทาของทูตสวรรค์เลย! การกระทานีเ้ ป็ นการปลดปล่อยให ้เป็ นอิสระ
ถูกกระทาโดยผู ้ชว่ ยให ้รอดพ ้นพระองค์เอง IXOTE (พระนามของพระวิญญาณบริสท ุ ธิ)์
พระวิญญาณบริสท ุ ธิ!์ นั่นเป็ นพระองค์ผู ้ซงึ่ ผ่านไปแผ่นดินของอียป ิ ต์ทตี่ อนกลางคืนนัน ้
และนั่นเป็ นพระองค์ผู ้ซงึ่ ฆ่าบุตรหัวปี ทัง้ หมดในอียป
ิ ต์ ทัง้ มนุษย์และสต ั ว์และไม่ใชท ่ ต
ู สวรรค์!

Exodus 12:12 FOR I WILL PASS THROUGH THE LAND OF EGYPT THIS NIGHT, AND WILL
SMITE ALL THE FIRSTBORN IN THE LAND OF EGYPT, BOTH MAN AND BEAST; AND

132
AGAINST ALL the gods of EGYPT I WILL EXECUTE JUDGMENT: I AM THE LORD.
DELIVERANCE

อพยพ 12:12 เพราะในคืนวันนัน ้ เราจะผ่านไปในประเทศอียป ิ ต์


และเราจะประหารลูกหัวปี ทัง้ หมดในประเทศอียป ั ว์
ิ ต์ ทัง้ ของมนุษย์และของสต
และเราจะพิพากษาลงโทษพระทัง้ ปวงของอียป ิ ต์เราคือพระเยโฮวาห์

So on the 14th day of April, being exactly four hundred and thirty years to the day
(since their coming into Egypt,) at 4:44 AM in the morning, THE CHILDREN of ISRAEL are
free to leave Egypt, BEING DELIVERED by the MIGHTY ARM of GOD!

ดังนัน
้ ในวันที่ 14 ของเดือนเมษายน เป็ นเวลาทีแ ่ น่นอน 430 ปี จนถึงวันนี้
(ตัง้ แต่การมาถึงของพวกเขาเข ้าไปในอียป ิ ต์) ทีเ่ วลาตี 4.44 น. ในตอนเชา้
ลูกหลานของอิสราเอลเป็ นอิสระทีจ ่ ะออกจากอียป ิ ต์ ได ้มีชวี ต
ิ อยูโ่ ดยการชว่ ยให ้รอด
ภายใต ้พระหัตถ์อันทรงฤทธิข ์ องพระเจ ้า!

NOTE: By our calendar this would have been the 15 th day of April. However, the HEBREW
day both begins and ends at approximately 6:00PM in the evening, which is the time, called
EVEN.

หมายเหตุ: โดยปฏิทน ิ ของพวกเรานีจ ้ ะเป็ นวันที่ 15 ของเดือนเมษายน แต่อย่างไรก็ตาม


วันเวลาของคนฮบ ี รูเริม ิ้ สุดทีโ่ ดยประมาณ 6.00 น. ในตอนเย็น
่ ต ้นและสน
ซงึ่ เป็ นเวลาทีเ่ รียกว่ายามพลบคา่

Now GOD directs the CHILDREN of ISRAEL (with them being well over one million in
number: 600,000 men over 20 years old, plus women, and children under the age of 20)
through the wilderness outside of Egypt and towards the Red Sea. HE has them take this
route rather than allowing them to take the shorter route through the land of the
Philistines. GOD does this purposely knowing that the Philistines, being a warring nation,
would not allow them to pass through their land without a fight. GOD does not at this time
want to subject the CHILDREN of ISRAEL to war, knowing they have a weakness in FAITH.

บัดนีพ
้ ระเจ ้าทรงนาลูกหลานของอิสราเอล(กับความเป็ นอยูข ่ องพวกเขา
ซงึ่ เป็ นจานวนคนมากกว่าหนึง่ ล ้านคน ตัวเลขผู ้ชาย 600,000 คน ทีอ ่ ายุมากกว่า 20 ปี
นับเพิม ่ ผู ้หญิง และเด็กๆ อายุตา่ กว่า 20 ปี )
ผ่านทีร่ กร ้างว่างเปล่าด ้านนอกของอียป ิ ต์และตรงไปยังทะเลแดง
พระองค์ทรงมีความประสงค์ให ้พวกเขาผ่านเสนทางนี ้ ้ แทนทีจ ้
่ อนุญาติให ้เลือกเสนทางที ส ั ้ กว่า
่ น
โดยผ่านแผ่นดินของชาวฟี ลส ุ ประสงค์ทรงกระทาสงิ่ นี้
ิ เตีย พระเจ ้ามีจด
เพราะรู ้ว่าชาวฟี ลส ้ น
ิ เตียเป็ นชนชาติในการสูรบกั
จะไม่ยน ิ ยอมพวกเขาผ่านไปจากดินแดนของพวกฟิ ลศ ิ เตีย โดยปราศจากการต่อสู ้
พระเจ ้าไม่ต ้องการให ้ลูกหลานของอิสราเอล
ในเวลานีท ้ าสงครามเพราะรู ้ว่าพวกเขายังอ่อนแอในเรือ ่ งของความเชอ ื่

133
Exodus 13:21 And THE LORD went before them by day in a pillar of a cloud, to lead them
the way; and by night in a pillar of FIRE, to give them LIGHT; to go by day and night:

อพยพ 13:21 พระเยโฮวาห์เสด็จนาทางพวกเขาในเวลากลางวันด ้วยเสาเมฆ


และตอนกลางคืนด ้วยเสาเพลิง ให ้เขามีแสงสว่างเพือ
่ จะได ้เดินทางได ้ทัง้ กลางวันและกลางคืน :

Exodus 13:22 HE took not away the pillar of the cloud by day, nor the pillar of FIRE by
night, from before the people. (Note 12)

อพยพ 13:22 เสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน


พระองค์มไิ ด ้ให ้คลาดจากเบือ
้ งหน ้าประชากรเลย หมายเหตุ 12

Note 12: The CLOUD that hovered over the CHILDREN of ISRAEL by day and provided them
shade; and the PILLAR of FIRE by night, providing them LIGHT and their course of
direction; was enacted by the ANGEL RAPHAEL. RAPHAEL is the ANGEL of THE HOLY
SPIRIT of GOD who is also called, THE ANGEL OVER FIRE AND WATER!

หมายเหตุ 12: เมฆทีล ่ อยเหนือลูกหลานของอิสราเอลในเวลากลางวัน


และเพือ ่ เป็ นการจัดเตรียมร่มเงาแก่พวกเขา และเสาเพลิงในเวลากลางคืน
เป็ นการจัดเตรียมความสว่างให ้พวกเขาและทิศทางแก่พวกเขา โดย ANGEL RAPHAEL
ทูตสวรรค์ราฟาเอล ราฟาเอลเป็ นทูตสวรรค์ของพระวิญญาณบริสท ุ ธิข
์ องพระเจ ้า
เป็ นผู ้ซงึ่ ถูกเรียกว่า ทูตสวรรค์ซงึ่ มีฤทธานุภาพเหนือไฟและน้ า!

THE LORD tells MOSES to take the people to the edge of the Red Sea and make a camp
there. HE also tells MOSES that HE is going to harden Pharaoh's heart ONCE MORE so that
Pharaoh will come after the CHILDREN of ISRAEL, and GOD will destroy Pharaoh's army so
that Pharaoh will know THAT THE LORD IS GOD!

พระองค์เจ ้าตรัสบอกโมเสสเพือ ่ นาผู ้คนไปยังปลายสุดทางของทะเลแดงและทาค่ายขึน


้ ทีน
่ ั่
น พระองค์ยังตรัสบอกโมเสสว่าพระองค์กาลังจะทาให ้หัวใจของฟาโรห์ให ้แข็งกระด ้าง
อีกครัง้ หนึง่ ดังนัน
้ ฟาโรห์จะตามหลังลูกหลานของอิสราเอลมาและพระเจ ้าจะทาลายกองทัพของฟา
โรห์ดังนัน้ ฟาโรห์จะรู ้ว่า พระองค์เจ ้าคือพระเจ ้า!

When they get to the Red Sea the CHILDREN of ISRAEL see the great Egyptian army
and their chariots of war in hot pursuit after them, and immediately fear for their lives. The
PILLAR of FIRE (RAPHAEL) moves from before them to their flank and divides the Egyptian
army from the CHILDREN of ISRAEL with a PILLAR of FIRE. Then GOD brings forth an east
wind, (The ANGEL ASAPH), who parts the Red Sea after MOSES stretches forth his ROD and
says, BEHOLD, THE POWER of GOD!

เมือ
่ พวกเขาไปถึงทะเลแดงลูกหลานของอิสราเอลเห็นกองทัพอียป ิ ต์ซงึ่ มีกาลังอย่างมาก
และรถม ้าศก ึ ของสงครามในการติดตามอย่างร ้อนรนอยูห
่ ลังพวกเขา
และเกิดความหวาดกลัวอย่างฉั บพลันสาหรับดารงชวี ติ ของพวกเขา เสาเพลิง (RAPHAELราฟาเอล)
134
เคลือ่ นย ้ายนาไปก่อน
จากนัน ้ พวกเขาได ้จัดแถวของพวกเขาและแบ่งแยกกองทัพอียป ิ ต์จากลูกหลานของอิสราเอลกับเสา
เพลิง จากนัน ้ พระเจ ้า นาลมจากทิศตะวันออกไปข ้างหน ้า (โดยการกระทาของ The ANGEL
ASAPH ทูตสวรรค์อาซาฟ)
เป็ นผู ้ซงึ่ แบ่งสว่ นทะเลแดงหลังจากโมเสสเหยียดไม ้เท ้าของเขาออกไปข ้างหน ้าและกล่าวว่า
จงมองดู! ฤทธิเ์ ดชของพระเจ ้า!

With the Egyptian army being held at bay by the PILLAR of FIRE, the CHILDREN of
ISRAEL cross over the Red Sea. After they have gotten a sufficient distance between them
and the pursuing Egyptian army, the PILLAR of FIRE diminishes from before Pharaoh's
army. Once this has happened the Egyptians continue to pursue the CHILDREN of ISRAEL
on chariots, horseback, and on foot, into the Red Sea, with them riding so hard in pursuit
that the wheels start falling off of their chariots in the midst of the sea.

ตามมาด ้วยกันกับกองทัพอียป ิ ต์ ชว่ งท ้ายสุดนัน


้ มีเสาเพลิง เพือ ่ ลูกหลานของอิสราเอล
ข ้ามไปยังทะเลแดง หลังจากนัน ้ พวกเขาได ้ทิง้ ระยะห่างพอสมควร
ระหว่างพวกเขาและกองทัพอียป ิ ต์ในการติดตาม เสาเพลิงลดน ้อยลงอย่างริบหรี่
เมือ่ เหตุการณ์นเี้ กิดขึน
้ ต่อหน ้ากองทัพทหารของฟาโรห์ชาวอียป ิ ต์ยังคงดาเนินการทีจ่ ะติดตามลูกห
ลานของอิสราเอล ด ้วยรถม ้าศก ึ บนหลังม ้า และเดินเท ้า
เข ้าไปในทะเลแดงซงึ่ พวกเขาได ้เดินทางติดตามมาอย่างยากลาบาก ล ้อรถถึงเริม ่ หลุด
แยกออกจากรถม ้าศก ึ ของพวกเขาในบริเวณตรงกลางของทะเล

Once the cast of the CHILDREN of ISRAEL reach the far bank of the Red Sea, MOSES
gain stretches forth his ROD and the parting of the sea ceases and comes back together as it
was. This causes the pursuing Egyptians to get caught up in the Red Sea killing many
thousands of them, whose dead bodies eventually wash on to the shore.

เมือ
่ นาลูกหลานของอิสราเอลไปถึงชายฝั่ งของทะเลแดง
ซงึ่ ทะเลแดงยังคงมีชอ ่ งว่างเป็ นระยะทางยาว โมเสสจึงได ้เหยียดไม ้เท ้า
ของเขาออกไปข ้างหน ้าอีกครัง้
และการแบ่งแยกของทะเลก็ยต ุ หิ ยุดและกลับคืนมาเป็ นห ้วงน้ าทะเลเหมือนเดิม
ด ้วยสาเหตุนท ี้ าให ้การติดตามของชาวอียป ิ ต์ได ้กับดัก จมลงไปในทะเลแดง
ฆ่าหลายพันของกองทัพทหารของพวกเขา ซงึ่ ศพคนตายในทีส ่ ด
ุ ถูกพัดพาไปยังชายฝั่ งทะเล

The Egyptians, even over a course of time never fully recover from the GREAT WRATH
of GOD and from the PLAGUES HE bestowed upon them, when HE brought the CHILDREN
of ISRAEL out of the land of Egypt.

ชาวอียป
ิ ต์
เป็ นเวลานานไม่เคยได ้ค ้นพบพระพิโรธครัง้ ยิง่ ใหญ่ของพระเจ ้าอย่างเต็มขนาดเต็มพิกด
ั และจากภัย

135
่ ระองค์จะสง่ มาอยูเ่ หนือพวกเขา
พิบัต ิ ทีพ
เมือ
่ พระองค์นาลูกหลานของอิสราเอลออกจากแผ่นดินของอียป
ิ ต์

***** At the END TIMES, GOD WILL DO AGAIN TO THE WORLD, AS HE HAD DONE TO
PHARAOH AND EGYPT, WHEN HE DELIVERED HIS PEOPLE OUT OF BONDAGE! SO THE
WHOLE WORLD AGAIN MAY BEHOLD THE POWER OF GOD! *****

***** ณ ยุคสุดท ้าย (ณ เวลาปั จจุบันนี้ พระเจ ้าจะกระทาอีกครัง้ ต่อโลก


อย่างทีพ
่ ระองค์ได ้กระทาต่อฟาโรห์และประเทศอียป ิ ต์ เมือ่ พระองค์ชว่ ยคนของพระองค์ให ้รอด
โดยการปลดปล่อย ออกจากความเป็ นทาส!
จากนัน
้ ทัง้ โลกอาจจะได ้เห็นฤทธิเ์ ดชของพระเจ ้าอีกครัง้ ! *****

Micah 7:14 Feed thy people with thy ROD, the flock of thine heritage, which dwell solitarily
in the wood, in the midst of Carmel: let them feed in Ba'-shan and Gil'-e-ad, as in the days of
old.

มีคาห์ 7:14
ขอทรงเลีย ้ งดูประชาชนของพระองค์ด ้วยคทาของพระองค์คอ
ื ฝูงประชาชนทีเ่ ป็ นมรดกของพระองค์
ผู ้อาศัยโดดเดีย่ วอยูใ่ นป่ า ในท่ามกลางคารเมล
ขอทรงให ้เขาทากินอยูใ่ นบาชานและกิเลอาดอย่างในโบราณกาล

Micah 7:15 According to the days of thy coming out of the land of Egypt will I shew unto
him marvellous things.

มีคาห์ 7:15 ดังในสมัยเมือ ิ ต์ เราจะสาแดงสงิ่ มหัศจรรย์แก่เขา


่ เจ ้าออกจากแผ่นดินอียป

ี าย
Journey to SINAI / การเดินทางไกลไปยังซน

After three days journey in the wilderness without water the CHILDREN of ISRAEL
come to a place called Ma' -rah and there they found water. However the water was not
drinkable as it contained large amounts of minerals and there were sulfur deposits in it.
MOSES PRAYED to GOD for help as the people were complaining about their not having any
water to drink. THE LORD shows MOSES a certain TREE and tells him to cut it down and
put it into the well of the bitter water.

หลังจาก 3 วัน การเดินทางไกลไปในถิน ่ ทุรกันดารโดยปราศจากแหล่งน้ า


ลูกหลานของอิสราเอล ได ้มาถึงสถานทีเ่ รียกว่าตาบลมาราห์ และทีน ่ ัน
้ พวกเขาได ้พบแหล่งน้ า
แต่อย่างไรก็ตาม
น้ าไม่สามารถดืม ่ ได ้เพราะประกอบไปด ้วยแร่ธาตุเข ้มข ้นจานวนมากและมีกามะถันสะสมในน้ า
โมเสสจึงได ้อธิษฐานต่อพระเจ ้า สาหรับการชว่ ยเหลือในสงิ่ ทีป ่ ระชากร
กาลังบ่นเกีย่ วกับการไม่มน ี ้ าดืม
่ ของพวกเขา พระองค์เจ ้าสาแดงแก่โมเสสว่า
ต ้นไม ้บางชนิดนั น้ และตรัสบอกเขาทีจ ่ ะตัดต ้นไม ้นั น ่ อ
้ ลงและใสท ่ นไม ้ทีต
่ ัดนีไ้ ปในบ่อน้ าทีร่ สชาติขม

136
Once MOSES did as THE LORD had told him to do, the water immediately became
drinkable. MOSES tells the people that they should TRUST in THE LORD and obey HIS
COMMANDMENTS. MOSES also says if the people were to be obedient to GOD, THE LORD
would provide for them ALL that they NEEDED and would not allow any of the PLAGUES
that were brought to bear on Egypt to come upon them.

ครัน้ เมือ
่ โมเสสได ้กระทา อย่างทีพ ่ ระองค์เจ ้า ได ้ตรัสบอกเขา
ในทันทีทันใดน้ าได ้เปลีย ่ นเป็ นน้ าทีด่ ม
ื่ ได ้
โมเสสบอกประชากรว่าพวกเขาควรจะเชอ ื่ วางใจในพระองค์เจ ้าและเชอ ื่ ฟั งคาสงั่ สอนบัญญัตข
ิ องพร
ะองค์ โมเสสยังกล่าวต่อไปอีกว่า ถ ้าประชากรได ้เชอ ื่ ฟั งต่อพระเจ ้า
พระองค์เจ ้าจะจัดเตรียมสงิ่ ต่างๆสาหรับพวกเขาทัง้ หมด ในสงิ่ ทีพ ่ วกเขาจาเป็ นและจะไม่อนุญาตให ้
ภัยพิบัตใิ ดๆ ทีไ่ ด ้เกิดขึน
้ ในอียป ิ ต์นัน
้ เข ้ามาเกิดขึน้ กับพวกเขา

After ten days had past, the CHILDREN of ISRAEL then come to a place called E'-lim,
which has an oasis with TWELVE WELLS Of WATER and SEVENTY PALM TREES in the
midst of it. While one month had passed since they had left Egypt, the CHILDREN of ISRAEL
had run out of food and began to complain to MOSES about their hunger. GOD, after hearing
the cry of the people, tells MOSES that HE would rain upon them food from HEAVEN, and
that they were to gather up only enough of that food for one day. However on the sixth day
they could gather enough to eat for the two days so they would not have to violate THE
LORD'S SABBATH, by gathering food on the SEVENTH DAY.

หลังจาก 10 วันได ้ผ่านไปแล ้ว จากนัน ้ ลูกหลานของอิสราเอล


ได ้เดินทางเข ้ามามาถึงสถานที่ ทีเ่ รียกว่า “เอลิม”
ซงึ่ มีความอุดมสมบูรณ์ด ้วยน้ าและต ้นไม ้ในทะเลทรายกับบ่อน้ า 12 บ่อและมีต ้นอินทผลัม 70
ต ้นในท่ามกลางสถานทีแ ่ ห่งนี้

ในขณะทีห
่ นึง่ เดือนได ้ผ่านไปตัง้ แต่พวกเขาได ้ออกจากอียป ิ ต์
อาหารของลูกหลานอิสราเอลได ้เริม ่ หมดและเริม
่ ต ้นทีจ
่ ะบ่นต่อโมเสสเกีย่ วกับความหิวของพวกเขา
หลังจากพระเจ ้าได ้ยินเสยี งร ้องไห ้ของพวกเขา
จึงตรัสบอกโมเสสว่าพระองค์จะให ้อาหารตกลงมาจากฟ้ าสวรรค์ ดุจฝนเพือ ่ พวกเขา
และพวกเขาต ้องเก็บรวบรวมเข ้าด ้วยกันให ้พอกินเฉพาะวันหนึง่ ๆ เท่านัน ้ แต่อย่างไรก็ตามในวันที่ 6
พวกเขาจะสามารถรวบรวมเพือ ่ ให ้เพียงพอในการรับประทานสาหรับ 2 วัน
ดังนัน
้ พวกเขาจะไม่ต ้องล่วงละเมิดวันสะบาโตของพระองค์เจ ้า
โดยการรวบรวมอาหารไว ้สาหรับวันทีเ่ จ็ด

THE LORD every morning thereafter, rained MANNA from HEAVEN within the
borders of their campsite, and they gathered up the MANNA for their food as THE LORD
had said. Those who gathered more than one day's portion of MANNA on any one day other
than on the sixth day, found a worm in the MANNA the day after they had gathered it and

137
could not eat it. It was only on the sixth day that they could gather a two days portion of
food and the worm in the MANNA was not present on the SEVENTH DAY.

หลังจากนั น ้
้ ทุกเชาพระองค์ เจ ้า ได ้ประทานมานา
ดุจฝนตกจากฟ้ าสวรรค์ภายในขอบเขตบริเวณทีต ่ งั ้ ค่าย และพวกเขาเก็บรวบรวม มานา
เพือ ่ เป็ นอาหารของพวกเขาอย่างทีพ ่ ระองค์เจ ้า ได ้ตรัสไว ้ บรรดาคนเหล่านัน้
ผู ้ซงึ่ ได ้รวบรวมสว่ นของมานา มากกว่าสาหรับ 1 วัน นอกจากวันที่ 6 จะพบว่ามีหนอนในมานานัน ้
ในวันถัดไปจากทีพ ่ วกเขาได ้รวบรวมเก็บมานาและไม่สามารถรับประทานมานานัน ้
มีเป็ นเพียงในวันที่ 6 เท่านั น ้ ทีพ
่ วกเขาสามารถเก็บ รวบรวมเป็ นสารองอาหารสาหรับสองวัน
และไม่มห ี นอน ใน มานา ให ้เห็นในวันที่ 7

After a short period of time with them eating only MANNA, the people again
complain to MOSES about not having any meat to eat. THE LORD hearing their complaints
tells MOSES, HE will give them the meat they have asked for. On that very evening at EVEN
(Sundown) THE LORD did as HE said HE would do. The ground throughout the entire area
suddenly became covered with quail as far as the eye could see. Now the people had bread
(MANNA) in the morning to eat and quail in the evening. (Note13)

หลังจากเวลาผ่านไปชว่ งสน ั ้ ๆ มีเพียง มานา ในการรับประทานของพวกเขา


อีกครัง้ ประชากรได ้บ่น กับโมเสสเกีย ่ วกับอาหาร ว่าไม่มเี นือ ั ว์ใดๆ เพือ
้ สต ่ รับประทาน พระองค์เจ ้า
การได ้ยินเสย ี งการบ่นของพวกเขา จึงได ้ตรัสบอกโมเสส
พระองค์จะประทานเนือ ั ว์แก่พวกเขาอย่างทีพ
้ สต ่ วกเขาได ้ขอร ้อง ในตอนเย็นชว่ งเวลา
(ดวงอาทิตย์ตกดิน) พระองค์เจ ้า ทรงกระทาอย่างทีพ ่ ระองค์ตรัสไว ้ว่าพระองค์จะกระทา
ในทันทีทันใด พืน ้ ดินตลอดทัง้ หมดถูกปกคลุมด ้วยนกคุม ่ ไกลเท่าทีส ่ ายตาสามารถมองเห็น
ขณะทีป ่ ระชากรมีขนมปั ง (มานา) ในตอนเชาเพื ้ อ ่ รับประทานและนกคุ ้มในตอนเย็น (หมายเหตุ 13)

Note 13: One must keep in mind that GOD was feeding an entire NATION of people. The
population of the HEBREW NATION, ISRAEL, consisted of about one million and five
hundred thousand people. Therefor, they required an enormous amount of food and water.
The Scriptures indicate the people gorged themselves with the quail. If each person were to
eat only a single quail, then one million and five hundred thousand quail would be required
for each and every meal. During the entire FORTY YEARS that the CHILDREN of ISRAEL
wandered in the wilderness, GOD provided them with the MANNA from HEAVEN to eat
every morning.

หมายเหตุ 13: คนหนึง่ จะต ้องจดจาไว ้ว่าพระเจ ้าได ้กาลังเลีย


้ งดูอาหารประชากรทัง้ ชนชาติ
ประชากรของชนชาติฮบ ี รู อิสราเอล จานวนคงทีโ่ ดยประมาณ 1,500,000 คน
ดังนัน
้ พวกเขาต ้องการ อาหารและน้ าจานวนมหาศาล

ข ้อความในพระคัมภีรไ์ ด ้ระบุไว ้นัน



ประชากรคนหนึง่ ต ้องการนกคุม่ (นกตัวเล็ก)ในปริมาณเท่าไรต่อพวกเขาจานวนทัง้ หมด

138
ถ ้าแต่ละบุคคลต ้องรับประทานนกคุม ่ เพียงตัวเดียว จากนัน ้ ประชากรจานวน 1,500,000 คน
ความต ้องการอาหารในแต่ละมือ ้ อย่างต่อเนือ ี่ บ
่ งเป็ นเวลาสส ิ ปี
ทีช่ นชาติอสิ ราเอลนัน
้ ได ้พเนจรในถิน่ ทุรกันดาร พระเจ ้า ได ้จัดเตรียม
มานาจากฟ้ าสวรรค์แก่พวกเขาเพือ ่ รับประทานทุกเชา้

The MANNA from HEAVEN did not cease until The Children of ISRAEL crossed over
the River Jordan and entered into THE PROMISED LAND, where there was an abundance of
food.

มานาจากฟ้ าสวรรค์ไม่ได ้ยุต(ิ หยุด)ลง ตัง้ แต่ลก ู หลานของอิสราเอลข ้ามแม่น้ าจอร์แดน


และจนกระทั่ง เข ้าไปในดินแดนแห่งพันธสญ ั ญาทีซ ่ งึ่ มีความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร

With the CHILDREN of ISRAEL continuing on their journey towards Mount Sinai, in
Horeb, the people once again ran out of water. Their complaints to MOSES had now become
more like violent demands and they were saying to MOSES and amongst themselves that
they would have been better off if they had stayed in Egypt. MOSES, in his frustration with
the people cries out to THE LORD for help, and tells HIM that the people haven't any water
to drink and they are now becoming violent towards him and Aaron.

ด ้วยกันกับลูกหลานของอิสราเอลยังคงอยูใ่ นระหว่างการเดินทางของพวกเขาไปยังภูเขาซน ี
าย ในโฮเรป ครัง้ หนึง่ เมือ
่ ประชากรได ้ขาดน้ าอีกครัง้
การบ่นของพวกเขาต่อโมเสสในขณะนีไ ้ ด ้เพิม
่ ความรุนแรง และพวกเขาได ้กาลังพูดกับโมเสส
และท่ามกลางพวกเขากันเองว่า พวกเขาจะมีความเป็ นอยูท ่ ด
ี่ ก
ี ว่านี้ ถ ้าพวกเขาได ้อยูใ่ นอียป
ิ ต์
่ มีความหงุดหงิดกับประชากร จึงได ้ร ้องทูลต่อพระองค์เจ ้า สาหรับชว่ ยเหลือ
โมเสสเริม
และบอกพระองค์วา่ ประชากรไม่มน ี ้ าดืม
่ ใดๆ
และขณะนีพ ้ วกเขากาลังมีการกล่าวโทษพาดพิงอย่างรุนแรง ตรงมาเขา และอาโรน

THE LORD tells MOSES to gather up the Elders of the TWELVE Tribes and to
stand upon a certain rock once they are assembled. THE LORD further tells MOSES, once
HE had gathered the Elders together THE LORD would stand before him, and MOSES was to
strike the rock with his ROD. Once MOSES had struck the rock, THE LORD would then bring
forth water out of the rock.

พระองค์เจ ้า ตรัสบอกโมเสสให ้รวบรวม ผู ้อาวุโสของ 12 เผ่าพันธุแ์ ละยืนอยู่ ณ


หินทีพ ่ ระองค์ได ้บอกไว ้ เมือ
่ พวกเขาได ้รวมตัวกัน พระองค์เจ ้า ตรัสบอกโมเสสต่อไปว่า
เมือ
่ เขาได ้รวบรวมผู ้อาวุโสยืนต่อหน ้า พระองค์เจ ้า ด ้วยกัน และโมเสสจะทุบหินกับไม ้เท ้าของเขา
ครัน้ เมือ
่ โมเสสได ้ตีหนิ พระองค์เจ ้า จะทรงกระทาให ้น้ าไหลออกมา จากศล ิ า

With MOSES still being angered at the people for their continual complaining, HE
strikes the rock two times in anger and says: Shall we bring forth water out of this rock?
After saying these words, water suddenly gushed out of the rock creating a stream the
people could drink from. Although MOSES had done as THE LORD so COMMANDED, the

139
way MOSES had behaved himself while striking the rock displeased THE LORD. This
displeased GOD because MOSES did not GIVE THE GLORY for the MIRACLE UNTO GOD, but
had rather implied that it was HE and Aaron who were going to bring forth the water out of
the rock.

เนือ
่ งจากว่าโมเสส ยังคงโกรธทีป ่ ระชากรได ้บ่นอย่างต่อเนือ ่ ง เขาจึงได ้ตีหน ิ นัน
้ 2
ครัง้ ด ้วยความโกรธและกล่าวว่า จะให ้เรานาน้ าไหลออกจากหินนีห ้ รือ? หลังจากการกล่าวคาเหล่านี้
ทันทีทันใด น้ าก็พงุ่ ออกจากหิน เป็ นเหมือนน้ าพุ พุ่งขึน ้ เพือ
่ ให ้ประชากรสามารถดืม ่ น้ าจากทีน่ ั่น
แม ้ว่าโมเสสได ้กระทาอย่างที่ พระองค์เจ ้า สงั่ แต่ทา่ ทีในการแสดงออกมานัน ้
โมเสสได ้ประพฤติกงึ่ ตามความโมโหของตัวเอง ในขณะทีใ่ นชว่ งระหว่างการตีหน ิ นั น
้ ทาให ้พระเจ ้า
ไม่พอพระทัยเรือ ่ งนีเ้ พราะว่า โมเสสไม่ได ้ถวายพระสริ ใิ นการอัศจรรย์ของพระเจ ้า
แต่ได ้ค่อนข ้างจะทีบ ่ อกเป็ นนั ยว่า เป็ นเขาและอาโรนผู ้ซงึ่ ได ้นาน้ า ไหลออกจากหิน

Psalm 106:32 They angered HIM also at the waters of strife, so that it went ill with MOSES
for their sakes:

สดุด ี 106:32 ท่านทาให ้พระองค์กริว้ ทีน


่ ้ าแห่งการโต ้เถียง เพราะเรือ
่ งของท่านนี้ โมเสส
ก็พลอยเสย ี หายด ้วย

Psalm 106:33 Because they provoked HIS SPIRIT, so that HE spake unadvisedly with HIS
lips. (Note 14)

สดุด ี 106:33 เพราะท่านทาให ้จิตใจโมเสสขมขืน


่ ดังนัน
้ ริมฝี ปากของเขาจึงพูดด ้วยคาหุนหัน
(หมายเหตุ 14)

Note 14 : Later on in THE BIBLE, in the Book of Deuteronomy, GOD tells MOSES just prior
to the CHILDREN of ISRAEL'S crossing over the RIVER JORDAN that he could not go with
them into the PROMISED LAND. The reason given by THE LORD to MOSES why he could
not go into The Promised Land, was because he failed to GLORIFY GOD at the bringing forth
of (P248) water out of the rock at Mer'-i-bah Ka'-desh (Deuteronomy 32:51-52). With this
being the TRUTH, it was not the only reason why MOSES could not enter into The Promised
Land.

หมายเหตุ 14 : ต่อมาในพระคัมภีร ์ ในหนั งสอ ื พระราชบัญญัต ิ (เฉลยธรรมบัญญัต)ิ


พระเจ ้าตรัสบอกโมเสสก่อนหน ้าที่ ลูกหลานของอิสราเอล จะข ้ามแม่น้ าจอร์แดน
ว่าเขาไม่สามารถเดินทางต่อไปกับชนชาติอส ิ ราเอล เพือ ่ เข ้าสูใ่ นดินแดนแห่งพันธสญ
ั ญา
เหตุผลให ้โดยพระองค์เจ ้า ทีโ่ มเสสไม่สามารถเข ้าไปดินแดนแห่งพันธสญ ั ญานัน
้ เป็ นเพราะว่าเขา
ทาบาปล ้มลงต่อการถวายเกียรติแด่พระเจ ้า เนือ ่ งจากการตีให ้น้ าไหลออกมาจากหินทีเ่ มรบาห์
คาเดช (พระราชบัญญัต ิ 32:51-52) ซงึ่ เรือ
่ งนีเ้ ป็ นความจริงนี้ แต่ไม่ใชเ่ พียงเหตุผลเดียวเท่านัน

ว่าทาไมโมเสสไม่สามารถเข ้าไปในดินแดนแห่งพันธสญ ั ญา

140
Even if MOSES had GLORIFIED GOD at Mer-i-bah Ka-desh, HE would have still not
been allowed to cross over with the CHILDREN of ISRAEL and enter into the PROMISED
LAND. The PRIMARY REASON for this was that MOSES was born of THE HOLY SPIRIT, and
at the time of the crossing over the RIVER JORDAN HE would have been 120 years old. This
means that MOSES could NO LONGER be in possession of THE HOLY SPIRIT due to his
reaching the TERM LIMIT in which THE HOLY SPIRIT can dwell with a man!

ถึงแม ้ว่า ถ ้าโมเสสได ้ถวายพระเกียรติพระเจ ้าทีเ่ มรบาห์ คาเดช เขาจะยังคงไม่ได ้รับ


อนุญาตเพือ ่ ทีจ
่ ะข ้ามไปกับ ลูกหลานของอิสราเอล และเข ้าไปยังในดินแดนแห่งพันธสญ ั ญา
เหตุผลเบือ ้ งต ้นนัน้ เป็ นเพราะว่า โมเสสได ้เกิดจากพระวิญญาณบริสท ุ ธิแ
์ ละ ณ เวลา นัน

ของการข ้ามไปยัง แม่น้ าจอร์แดน เขาจะได ้มีอายุ 120 ปี นีห ่ มายความว่า โมเสสไม่สามารถ
อยูใ่ นการครอบครองของพระวิญญาณบริสท ุ ธิอ
์ ก
ี ต่อไป เนือ
่ งจากมาถึงเวลาทีก ่ าหนดไว ้ของ
พระวิญญาณบริสท ุ ธิท์ จี่ ะสามารถสถิตย์อยูก
่ ับมนุษย์!

Genesis 6:3 And THE LORD said, MY SPIRIT shall not always strive with man, for that HE
also is flesh: yet HIS days shall be an hundred and twenty years.

ปฐมกาล 6:3 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “วิญญาณของเราจะไม่วงิ วอนกับมนุษย์ตลอดไป


เพราะเขาเป็ นแต่เนือ
้ หนัง อายุของเขาจะเพียงแต่ร ้อยยีส ิ ปี
่ บ

Am'a-Ielz goes to war against ISRAEL /

คนอามาเลขเข ้ามาทาสงครามต่อต ้านอิสราเอล

Am' -a-lek, a local leader is informed that the CHILDREN of ISRAEL have entered
into his land. He then comes down to where The Children of ISRAEL have entered in, to go
to war against them and force them back out. MOSES and JOSHUA being informed by GOD
that Am-a-Iek is about to attack them, select men from the CHILDREN of ISRAEL to go out
and fight against him. During the battle, MOSES strategically places himself upon a hill
where them fighting can see him, and when he holds up his ROD where it is visible to the
CHILDREN of ISRAEL, they prevail in their battle.

คนอามาเลข ผู ้นาท ้องถิน่ แจ ้งรายละเอียดข ้อมูลว่า


ลูกหลานของอิสราเอลได ้เข ้าไปในดินแดนของเขา
เขาจึงลงมายังสถานทีซ ่ งึ่ ลูกหลานของอิสราเอลได ้เข ้าไป เพือ ่ การทาสงครามต่อต ้านพวกเขา
และผลักดันพวกเขาถอนตัวออกไป โมเสสและโยชูวา ได ้รับรายละเอียดโดยพระเจ ้าว่า
คนอามาเลขได ้เดินทางมาประชด ิ (เข ้ามาไกล ้) เพือ ่ ทีจ
่ ะโจมตีพวกเขา
ให ้คัดเลือกคนจากลูกหลานของอิสราเอล เพือ ่ ออกไปและต่อสูต่้ อต ้านคนอามาเลข
ในระหว่างการต่อสู ้ โมเสส ได ้มีสถานทีย ่ ทุ ธศาสตร์ของเขาอยูบ ่ นเนินเขา
ทีซ่ งึ่ พวกเขาทีก ้
่ าลังไปต่อสูสามารถมองเห็ นเขาได ้ และเมือ ่ เขายก ไม ้เท ้า
ขึน
้ ลูกหลานของอิสราเอลจะสามารถเห็นได ้
ทีซ ่ งึ่ พวกเขาจะมีอานาจเหนือการต่อสูเพื ้ อ ่ ชยั ชนะของพวกเขา

141
But when his arms became tired and HE could no longer hold up the ROD where it
could be seen, then Am' -a-lek prevailed in the battle. Once Aaron becomes aware of this,
then both he and Hur go up onto the hill where MOSES is standing and sit MOSES down on
a rock, and both Aaron and Hur hold up MOSES' arms so that the fighting men could see the
ROD. The CHILDREN of ISRAEL then defeated Am' -a-lek, and THE LORD after the battle
CURSES Am' -a-lek forever, for his coming out against ISRAEL!

แต่เมือ
่ แขนของเขาเหนือ ่ ยเมือ
่ ยล ้าและเขาไม่สามารถยกไม ้เท ้าขึน้ อีกต่อไป
ซงึ่ สามารถเห็นออกมาได ้ จากนัน ้ คนอามาเลขจะเป็ นต่อในการต่อสู ้
ครัง้ หนึง่ อาโรนรับรู ้ถึงเรือ
่ งทีก
่ ล่าวมานี้ จากนัน ้ ทัง้ เขาและเฮอร์
ขึน
้ ไปบนเนินเขาทีซ ่ งึ่ โมเสสกาลังยืนอยูเ่ พือ ่ ชว่ ยยกแขนโมเสสขึน ้ และโมเสสนั่งลงบนก ้อนหินและ
ทัง้ อาโรนและเฮอร์ยกมือของโมเสสขึน ้ การต่อสู ้ คนสามารถมองเห็นไม ้เท ้า
้ ดังนั น
จากนัน ้ ลูกหลานของอิสราเอล ได ้รบชนะคนอามาเลขและ หลังจากการต่อสู ้
พระองค์เจ ้าได ้สาปแชง่ คนอามาเลขตลอดกาล สาหรับการออกมาต่อต ้าน อิสราเอล ของเขา!

Once MOSES and the CHILDREN of ISRAEL reach the base of MOUNT SINAI,
MOSES' father-in-law Jethro, comes out to meet him, bringing with him Zip-po' -rah and
MOSES' two sons, Ger' -shorn and E-li' -e' -zer. After Jethro spends a few days with MOSES
and sees how many people there were of The Children of Israel, and how they depended on
MOSES for all matters and disputes, Jethro makes the following suggestion to MOSES.
Jethro suggests MOSES appoint Captains over various size groups of the people. Some of
these Captains should be over tens, some over hundreds, and some over thousands of the
people. Jethro suggests by doing this,

ครัน
้ เมือ
่ โมเสสและลูกหลานของอิสราเอลเข ้ามาถึงทีเ่ นินเขาของ ภูเขาซน ี าย เยโธร
พ่อตาของโมเสส ได ้เดินทางออกมาเพือ ่ พบเขา โดยนาศป ิ โปราห์และบุตรชายสองคนของโมเสส
เกอร์โชมและเอลีเยเซอร์มาพบเขา หลังจากเยโธรใชเวลา ้ 2-3 วันกับโมเสส
และดูวา่ ลูกหลานของอิสราเอลมีกค ี่ น และพวกเขาไว ้วางใจโมเสส สาหรับทุกเรือ
่ งและมีโต ้แย ้ง
เยโธร ทีไ่ ด ้ให ้ข ้อแนะนาต่อโมเสส
เยโธรเสนอแนะโมเสสแต่งตัง้ หัวหน ้าในแต่ละกลุม ่ ตามขนาดของประชากร
ประมาณของหัวหน ้าเหล่านีค ้ วรจะเกิน 10 คน เกิน 100 คนและประมาณเกิน 1,000 ของประชากร
เยโธรเสนอแนะโดยการกระทาเชน ่ นี้

it would allow MOSES time to take care of the more serious matters by allowing the
Captains to resolve most of the trivial matters within their own respective groups. After
being told this by Jethro, MOSES confronts THE LORD on Jethro's suggestion and THE LORD
says that HE should do as had been suggested.

ซงึ่ จะอนุญาติให ้โมเสส มีเวลาทีจ ่ ะดูแล เรือ


่ งทีร่ ้ายแรง
หรือยากต่อการตัดสน ิ ใจเพือ่ แก ้ปั ญหาในเรือ
่ งทีส
่ าคัญไปตามลาดับ โดยหัวหน ้าเป็ นผู ้พิจารณา
แก ้ไขปั ญหาเล็กๆน ้อยๆในแต่ละกลุม ่ ของพวกเขาเอง หลังจากได ้รับการบอกเชน ่ นีจ้ ากเยโธร

142
โมเสสได ้ถามต่อพระองค์เจ ้า ในเรือ
่ งข ้อแนะนาของเยโธรและพระองค์เจ ้า
ตรัสว่าเขาควรจะกระทาอย่างทีไ่ ด ้คาแนะนา

Now in the third month of journeying since their departure from Egypt, and ISRAEL
being camped at the base of Mount Sanai, MOSES then goes up to the FOUNTAIN of GOD
(MI. Sinai) to MEET with GOD.

ตัง้ แต่การออกเดินทางจากอียป ิ ต์ บัดนีเ้ ข ้าสูเ่ ดือนทีส


่ ามของการเดินทาง และอิสราเอล
ี าย โมเสสจึงขึน
การตัง้ ค่ายทีเ่ นินเขาของภูเขาซน ี าย)
้ ไปยังน้ าพุของพระเจ ้า (ภูเขาซน
เพือ
่ พบกับพระเจ ้า

Exodus 19:3 And MOSES went up unto GOD, and THE LORD called unto him out of the
mountain. saying, Thus shalt thou say to the house of JACOB, and tell the CHILDREN of
ISRAEL;

อพยพ 19:3 โมเสสขึน


้ ไปเฝ้ าพระเจ ้า พระเยโฮวาห์ตรัสจากภูเขานัน
้ ว่า
“บอกวงศว์ านยาโคบและชนชาติอส ิ ราเอลดังนีว้ า่

Exodus 19:4 Ye have seen what I did unto the Egyptians, and how I bare you on EAGLES'
WINGS, and brought you unto MYSELF.

อพยพ 19:4 ‘พวกเจ ้าได ้เห็นกิจการซงึ่ เรากระทากับชาวอียป


ิ ต์แล ้ว และทีเ่ ราเทิดชูเจ ้าขึน

ดุจดังด ้วยปี กนกอินทรี เพือ
่ นาเจ ้ามาถึงเรา

Exodus 19:5 Now therefore, if ye will obey MY VOICE indeed, and KEEP MY COVENANT,
then ye shall be a peculiar treasure unto ME above ALL PEOPLE: for ALL THE EARTH IS
MINE.

อพยพ 19:5 เหตุฉะนัน ้ บัดนีถ ื่ ฟั งเสย


้ ้าเจ ้าเชอ ี งเรา และรักษาพันธสญ
ั ญาของเราไว ้
ิ้ เป็ นของเรา
เจ ้าจะเป็ นทรัพย์อันประเสริฐของเรา ยิง่ กว่าชาติทัง้ ปวง เพราะแผ่นดินทัง้ สน

MOSES after HIS meeting with THE LORD, then goes and tells the people what GOD
had said to him. Once the people had heard THE WORDS of THE LORD, given by MOSES to
them, the people tell MOSES they would do all that GOD should COMMAND them to do. THE
LORD tells MOSES that on the third day, the people should be SANCTIFIED, and wash their
clothes so that they might be presentable before HIM, and once they had done this, THE
LORD would come down to the people.

หลังจากโมเสส พบกับพระองค์เจ ้า ของเขา


แล ้วออกไปและบอกกล่าวประชากรในสงิ่ ทีพ ่ ระเจ ้าได ้ตรัสกับเขา
ครัง้ หนึง่ ประชากรได ้ยินพระคาของพระองค์เจ ้า ให ้ไว ้โดยโมเสสไปยังพวกเขา
ประชากรบอกโมเสสว่า พวกเขาจะกระทาทัง้ หมดทีพ ่ ระเจ ้าสงั่ แก่พวกเขาเพือ่ ให ้ปฎิบัตต
ิ าม
พระองค์เจ ้าตรัสบอกโมเสสว่าในวันทีส ่ าม ประชากรควรจะถวายเครือ ่ งบูชา

143
ั เสอ
และซก ื้ ผ ้าของพวกเขา เพือ
่ ทีพ
่ วกเขาจะเข ้าเฝ้ าต่อพระองค์ และเมือ ่ นี้
่ พวกเขาได ้กระทาเชน
พระองค์เจ ้า จะเสด็จลงมายังประชากร

THE LORD also WARNS MOSES that the people should BEWARE, and that no one
should come near to, or even touch the mountain once HE had come down. Neither man
nor beast should come near to GOD and if anyone were to violate this warning, they would
be put to death. THE LORD also tells MOSES that on the THIRD DAY, THE TRUMPET WILL
BE SOUNDED, and when the people hear the TRUMPET, the men should gather themselves
together to HEAR THE WORD of THE LORD. THE LORD COMMANDED MOSES that the men
should not have any sexual relations with their wives prior to their coming, and should be
CLEAN and PRESENTABLE prior to their gathering together to HEAR GOD'S WORD!

พระองค์เจ ้า ยังตักเตือนโมเสสว่าประชากรควรจะระวังตัว และไม่มใี ครทีจ ่ ะเข ้ามาใกล ้


หรือแม ้แต่จะมาสม ั ผัสบริเวณเขตแดนของภูเขา รอจนกระทั่งเขาได ้ลงมา
ไม่วา่ คนหรือสต ั ว์ไม่ควรจะเข ้ามาใกล ้บริเวณภูเขาของพระเจ ้า
และถ ้าใครก็ตามมีการละเมิดคาเตือนนี้ พวกเขาก็จะถูกวางโทษถึงแก่ความตาย พระองค์เจ ้า
ยังบอกโมเสสว่าในวันทีส ี งแตรจะดังขึน
่ าม เสย ้ และเมือ
่ ประชากรได ้ยินเสยี งแตร
พวกผู ้ชายควรจะจับกลุม ่ รวมของพวกเขาเองเข ้าด ้วยกัน เพือ
่ ฟั งพระคาของพระองค์เจ ้า
พระองค์เจ ้ารับสงั่ โมเสสว่าพวกผู ้ชายควรจะไม่มเี พศสม ั พันธ์ใดๆกับภรรยาของพวกเขา
ก่อนทีจ ่ ะเข ้ามาพบพระเจ ้า และควรจะชาระ
ทาความสะอาดร่างกายและแต่งกายสุภาพเรียบร ้อยเหมาะสม ก่อนทีจ ่ ะรวมตัวกันเพือ่ ฟั งพระคาของ
พระเจ ้า!

On the third day, THE TRUMPET did SOUND just as THE LORD had said it would. The
SOUND of THE TRUMPET being HEARD by the people, was ear piercing! After the
SOUNDING of the TRUMPET there was a QUAKING of the ground, and there were
THUNDERINGS and LIGHTNING unlike anything the world had seen before.

ในวันทีส ่ าม เสย ี งแตรดังขึน


้ เหมือนทีพ
่ ระองค์เจ ้า ได ้ตรัสว่าจะเป็ น
ี งของแตรนัน
เสย ้ จะได ้ยินโดยประชากร ดังแบบแสบแก ้วหู! หลังจากเสย ี งของแตรดังขัน

ี งการสน
จะมีเสย ั่ สะเทือน ของพืน ้ ดินและมีฟ้าร ้องและฟ้ าแลบ
ไม่เหมือนกับสงิ่ ใดๆทีเ่ คยเห็นมาก่อนในโลก

Then THE LORD DESCEND in the whirlwind of FIRE and SMOKE ascended up from
the fire like a FURNACE and the TRUMPET SOUNDED AGAIN! As THE TRUMPET became
LOUDER AND LOUDER THE EARTH SHOOK and the people became more and more
frightened, and then MOSES SPOKE OUT to THE LORD. THE LORD called MOSES then to
the top of the mountain, and when the people LORD as HE SPOKE to MOSES they trembled
out of fear, VOICE of GOD!

144
จากนัน
้ พระองค์เจ ้า ได ้เสด็จลงมา
เหมือนลมหมุนของไฟและควันลอยขึน ้ จากไฟเหมือนไฟจากเตาหลอมโลหะและเสย ี งแตรดังขึน ้ อีก
ครัง้ ! เสย ี งแตรได ้ดังเพิม ่ ขึน
้ และดังเพิม่ มากขึน
้ จนแผ่นดินโลกสน ั่ สะเทือน และประชากรจะรู ้สก

มีความตกใจกลัวเพิม ่ ขึน
้ และมากขึน ้ และจากนัน ้ โมเสสได ้พูดต่อพระองค์เจ ้า
จากนัน ้ พระเจ ้าทรงเรียกโมเสส ขึน ้ ไปยังยอดสูงสุดของภูเขา
และเมือ ่ ประชากรได ้ยินเสย ี งของพระองค์เจ ้า ทีพ่ ระองค์ตรัสกับโมเสสพวกเขา
ตัวสน ั่ ด ้วยความเกรงกลัว พระสุรเสย ี งของพระเจ ้า!

THE TEN COMMANDMENTS /

พระบัญญัตส ิ ประการ
ิ บ

Once MOSES had reached the top of the MOUNTAIN, THE LORD then tells MOSES that
he should go back down and get Aaron and return back to the top of Sinai. GOD WARNS
MOSES that HE should not allow either the Priest or the people to come any closer to HIM
than they were. For if they any closer they would be consumed by FIRE for approaching HIS
PRESENCE THEN GOD spoke these WORDS, AND HE SPOKE THEM ALOUD, so that all the
PEOPLE could HEAR THEM!

เมือ
่ โมเสสได ้ขึน
้ มาถึงยอดของภูเขา จากนัน ้ พระองค์เจ ้า
ตรัสบอกโมเสสว่าเขาควรจะกลับลงไปข ้างล่างและนาอาโรนและกลับมายอดภูเขาซน ี าย
พระเจ ้าเตือนโมเสสว่าเขา ไม่ควรจะอนุญาตให ้ทัง้ ปุโรหิตหรือประชากร
เข ้ามาใกล ้พระองค์มากไปกว่าพืน ้ ทีเ่ ขตแดนทีพ ่ วกเขาได ้อาศัยอยู่ ไม่วา่ ในลักษณะใดๆก็ตาม
ถ ้าพวกเขาได ้เข ้ามาใกล ้กว่าจุดนัน้ พวกเขาควรจะถูกทาลายโดย เนือ ่ งจากเข ้ามาไกล ้
การทรงสถิตย์ของพระองค์ จากนัน ้ พระเจ ้าตรัสพระคาเหล่านี้ และพระองค์ตรัสกับพวกเขา
ี งดัง เพือ
ด ้วยเสย ่ ทีท
่ ก
ุ คนสามารถได ้ยินพวกเขา !

Exodus 20:2 I AM THE LORD THY GOD, WHICR BROUGHT THEE OUT OF THE LAND OF
EGYPT, OUT OF THE HOUSE OF BONDAGE.

อพยพ 20:2 “เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเจ ้า


ผู ้ได ้นาเจ ้าออกจากแผ่นดินอียป
ิ ต์คอ
ื จากเรือนทาส

Exodus 20:3 THOU SHALT HAVE NO OTHER gods BEFORE ME.

อพยพ 20:3 อย่ามีพระอืน


่ นอกเหนือจากเรา

Exodus 20:4 THOU SHALT NOT MAKE UNTO THEE ANY GRAVEN IMAGE, OR ANY
LIKENESS OF ANYTHING. THAT IS IN HEAVEN ABOVE, OR THAT IS IN THE BENEATH, OR
THAT IS IN THE WATER UNDER THE EARTH:

อพยพ 20:4 อย่าทารูปเคารพสลักสาหรับตนเป็ นรูปสงิ่ หนึง่ สงิ่ ใด ซงึ่ มีอยูใ่ นฟ้ าเบือ
้ งบน
หรือซงึ่ มีอยูท
่ แ ้ งล่าง หรือซงึ่ มีอยูใ่ นน้ าใต ้แผ่นดิน
ี่ ผ่นดินเบือ

145
Exodus 20:5 THOU SHALT NOT BOW DOWN THY THEM, NOR SERVE THEM: FOR I THE
LORD THY GOD. AM A JEALOUS GOD, VISITING THE INIQUITY FATHERS UPON THE
CHILDREN UNTO THE THIRD FOURTH GENERATION OF THEM THAT HATE ME

อพยพ 20:5 อย่ากราบไหว ้หรือปรนนิบัตริ ป


ู เหล่านัน
้ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเจ ้า
เป็ นพระเจ ้าทีห
่ วงแหน
ให ้โทษเพราะความชวั่ ชาของบิ
้ ดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู ้ทีช ่ งั เราจนถึงสามชวั่ สช
ี่ วั่ อายุคน

Exodus 20:6 AND SHEWING MERCY UNTO THOUSANDS OF THEM THAT LOVE ME, AND
KEEP MY COMMANDMENTS.

ิ องเรา จนถึงพันชวั่ อายุคน


อพยพ 20:6 แต่แสดงความเมตตาต่อคนทีร่ ักเรา และรักษาบัญญัตข

Exodus 20:7 THOU SHALT NOT TAKE THE NAME OF THE LORD THY GOD IN VAIN; FOR
THE LORD WILL NOT HOLD HIM GUILTLESS THAT TAKETH HIS NAME IN VAIN.

อพยพ 20:7 อย่าออกพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเจ ้าอย่างไร ้ประโยชน์


เพราะผู ้ทีอ
่ อกพระนามพระองค์อย่างไร ้ประโยชน์นัน
้ พระเยโฮวาห์จะทรงถือว่าไม่มโี ทษก็หามิได ้

Exodus 20:8 REMEMBER THE SABBATH DAY, TO KEEP IT HOLY.

อพยพ 20:8 จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็ นวันบริสท


ุ ธิ์

Exodus 20:9 SIX DAYS SHALT THOU LABOUR, AND DO ALL THY WORK:

ิ้ ของเจ ้าหกวัน
อพยพ 20:9 จงทาการงานทัง้ สน

Exodus 20:10 BUT THE SEVENTH DAY IS THE SABBATH OF THE LORD THY GOD: IN IT
THOU SHALT NOT DO ANY WORK, THOU, NOR THY SON, NOR THY DAUGHTER, SOR THY
MANSERVANT, NOR THY MAIDSERVANT, NOR THY CATTLE, NOR THY STRANGER THAT IS
WITHIN THY GATES:

อพยพ 20:10 แต่วันทีเ่ จ็ดนัน้ เป็ นวันสะบาโตของพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเจ ้า


ในวันนัน ี องเจ ้า
้ อย่ากระทาการงานใดๆ ไม่วา่ เจ ้าเอง หรือบุตรชายบุตรสาวของเจ ้า หรือทาสทาสข
ั ว์ใชงานของเจ
หรือสต ้ ้าหรือแขกทีอ ่ าศัยอยูใ่ นประตูเมืองของเจ ้า

Exodus 20:11 FOR IN SIX DAYS THE LORD MADE HEAVEN AND THE EARTH, THE SEA,
AND ALL THAT IN THEM IS, AND RESTED THE SEVENTH DAY: WHEREFORE THE LORD
BLESSED THE SABBATH DAY, AND HALLOWED IT.

อพยพ 20:11 เพราะในหกวันพระเยโฮวาห์ทรงสร ้างฟ้ า และแผ่นดิน


ทะเลและสรรพสงิ่ ซงึ่ มีอยูใ่ นทีเ่ หล่านัน
้ แต่ในวันทีเ่ จ็ดทรงพัก
เพราะฉะนั น
้ พระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตัง้ วันนัน ้ ไว ้เป็ นวันบริสท
ุ ธิ์

146
Exodus 20:12 HONOR THY FATHER AND THY MOTHER: THAT THY DAYS MAY BE LONG
UPON THE LAND WHICH THE LORD THY GOD GIVETH THEE.

อพยพ 20:12 จงให ้เกียรติแก่บด ิ ามารดาของเจ ้า เพือ


่ อายุของเจ ้าจะได ้ยืนนานบนแผ่นดิน
ซงึ่ พระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเจ ้าประทานให ้แก่เจ ้า

Exodus 20:13 THOU SHALT NOT KILL.

อพยพ 20:13 อย่าฆ่าคน

Exodus 20:14 THOU SHALT NOT COMMIT ADULTERY.

อพยพ 20:14 อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา

Exodus 20:15 THOU SHALT NOT STEAL. Exodus 20:16 THOU SHALT NOT BEAR FALSE
WITNESS AGAINST THY NEIGHBOR.

อพยพ 20:15 อย่าลักทรัพย์

Exodus 20:17 THOU SHALT NOT COVET THY NEIGHBOR'S HOUSE, THOU SHALT NOT
COVET THY NEIGHBOR'S WIFE, NOR HIS MANSERVANT, NOR HIS MAIDSERVANT, NOR
HIS OX, NOR HIS ASS, NOR ANY THING THAT IS THY NEIGHBOR'S.

อพยพ 20:16 อย่าเป็ นพยานเท็จใสร่ ้ายเพือ


่ นบ ้าน

ONCE the people HEARD the WORDS SPOKEN by THE LORD, they were afraid and
trembled out of FEAR at THE VOICE of GOD, as the very ground they stood upon shook as
HE SPOKE. The people asked MOSES if HE alone could act and speak on their behalf to GOD,
because they FEARED HIM. The CHILDREN of ISRAEL from that time forward no longer
heard THE VOICE of GOD!

ครัน
้ เมือ
่ ประชากร ได ้ยินพระคา ตรัสโดยพระองค์เจ ้า
พวกเขาได ้เกรงกลัวและตัวสน ั่ ด ้วยความกลัวในพระสุรเสย ี งของพระเจ ้า
เสมือนพืน ้ ดินได ้สน ั่ สะเทือนมาก เมือ ี งพระองค์ตรัส ประชากรถามโมเสส
่ ได ้ยินเสย
ถ ้าเขาเพียงคนเดียว จะสามารถทาและพูดเป็ นตัวแทนในนามของพระเจ ้า
เพราะว่าพวกเขากลัวพระองค์ จากเวลานัน ้ ทาให ้ ลูกหลานของอิสราเอล
ไม่ได ้ยินพระสุรเสย ี งของพระเจ ้าอีกต่อไป

MOSES remained on the mountain with GOD for forty days and forty nights, and
while on the mountain GOD gave MOSES all of HIS PRECEPTS and STATUTES regarding
SPIRITUAL and MORAL BEHAVIOR. Then GOD WROTE with HIS FINGER into the first set of
STONE TABLETS, HIS TEN COMMANDMENTS.

147
โมเสส ยังอยูบ
่ นภูเขากับพระเจ ้า สาหรับ 40 วันและ 40 คืน และในขณะทีอ ่ ยูบ
่ นภูเขา
พระเจ ้าได ้ให ้กฎและระเบียบแก่โมเสสทัง้ หมด
เกีย
่ วกับในด ้านฝ่ ายจิตวิญญาณและจริยธรรมเกีย ่ วกับพฤติกรรม
จากนัน้ พระเจ ้าทรงอักษรกับนิว้ ของพระองค์ไปในชุดแรกของแผ่นศล ิ าจารึกพระโอวาทซงึ่ เป็ น
บัญญัตส ิ ประการของพระองค์
ิ บ

THE LORD also gave MOSES the dimensions and the materials that were to be used in
the construction of THE ARK of the COVENANT and all the details for the construction of
the TABERNACLE of GOD. GOD also gave MOSES instructions on the PRIESTS' GARMENTS
that were to be worn while in HIS PRESENCE, and the RULES and CONDUCT governing the
HANDLING of the ARK and the setting up and the taking down of THE TABERNACLE.

พระองค์เจ ้า ยังให ้ขนาดกว ้างยาวและหนา (สูง) และวัสดุทจ ้


ี่ ะถูกใชในการสร ้างของ
หีบพันธสญ ั ญา แก่โมเสสและรายละเอียดทัง้ หมดสาหรับการก่อสร ้างของ พลับพลาของพระเจ ้า
พระเจ ้ายังให ้การชแี้ นะโมเสส
เกีย
่ วกับเครือ
่ งแต่งกายของปุโรหิตทีจ ่ ะต ้องใสใ่ นขณะทีใ่ นการอยูต
่ อ
่ หน ้าพระองค์ และหลักเกณฑ์
และการปฏิบัตค ิ วบคุมดูแลการรักษาของหีบ และการจัดวางและการนาพลับพลา ลงมา

When MOSES finally comes down from the mountain after being there for forty days
and forty nights, HE finds the people worshipping a golden calf that Aaron had fashioned
for them. In OUTRAGE, MOSES throws the stone tablets to the ground, breaking them in
pieces. THE LORD tells MOSES that HE is going to kill all the people for breaking HIS LAWS
and HE WILL make MOSES a new NATION using different people.

ในท ้ายสุดเมือ
่ โมเสส ลงมาจากภูเขาหลังจาก ได ้อยูท ่ น ี่ ั่นเป็ นเวลา 40 วันและ 40 คืน เขา
พบประชากรกาลังนมัสการ ลูกวัวทองคาทีอ ่ าโรนได ้ปั ้นแก่พวกเขา ในความโกรธเคืองของ โมเสส
จึงได ้โยนแผ่นศล ิ าจารึกพระโอวาทไปยังพืน ้ ดิน ทาลายศล ิ านั น
้ แตกเป็ นชน ิ้ ๆ พระองค์เจ ้า
ตรัสบอกโมเสสว่าพระองค์
กาลังจะฆ่าประชากรทัง้ หมดสาหรับการทาลายกฎระเบียบของพระองค์และพระองค์จะทาให ้ โมเสส

เป็ นชนชาติใหม่โดยการใชประชากรคนอื น
่ ๆ

But MOSES tells THE LORD, if HE kills all of the people, the Egyptians will say that the
GOD of ISRAEL brought the CHILDREN of ISRAEL out of Egypt just to kill them! After
hearing what MOSES had to say, GOD withholds HIS anger. MOSES, to appease GOD,
gathers together the Levites (who are destines to be the Priests and servants for GOD), and
directs them to take up their swords and slay all of those (three thousand people) who had
taken part in worshipping the golden calf. Afterwards, MOSES goes back to the
mountaintop of Sanai and GOD engraves two NEW TABLETS of STONE, CONTAINING THE
WORDS of the TEN COMMANDMENTS. (Note 15, 16)

148
แต่เมือ
่ โมเสสบอกพระองค์เจ ้า ว่า ถ ้าพระองค์ฆา่ ประชากรทัง้ หมด
ชาวอียป ิ ต์จะพูดว่าพระเจ ้าของอิสราเอล นาลูกหลานของอิสราเอลออกจากอียป ิ ต์เพียงเพือ
่ มา
ฆ่าพวกเขา ! หลังจากการได ้ยินสงิ่ ทีโ่ มเสสได ้กล่าว พระเจ ้าระงับความโกรธของพระองค์
เพือ
่ เห็นแก่คาขอร ้องของโมเสส พระเจ ้าจึงให ้รวบรวมกลุม
่ ของเผ่าเลวี
(ผู ้ซงึ่ ถูกกาหนดไว ้เพือ่ เป็ นปุโรหิตและคนรับใชส้ าหรับพระเจ ้า)

และชแ ี้ นะพวกเขาเพือ ่ เอา ดาบของพวกเขาและเข่นฆ่าคนเหล่านั น ้ (3,000 คน)ทัง้ หมด


ผู ้ซงึ่ ได ้มีสว่ นร่วมในการนมัสการลูกวัวทองคา หลังจากนั น ้
โมเสสกลับไปยังสว่ นทีส ่ งู ทีส
่ ด ี ายและพระเจ ้า ได ้จารึกพระโอวาท 2 แผ่น
ุ ของภูเขาซน
ศลิ าซงึ่ เขียนด ้วยนิว้ พระหัตถ์ของพระเจ ้า ประกอบด ้วยพระคาของบัญญัตส ิ ประการ (หมายเหตุ
ิ บ
15, 16)

NOTE 15: The TWO SETS of TABLETS of STONE represent the OLD and the NEW
COVENANT. The first COVENANT (the first TABLETS of STONE) was broken due to GOD'S
people disobeying THE COMMANDMENTS of THE LORD. Just as MOSES broke the first set
of STONE TABLETS when he had found that the people were worshipping the golden calf .
THE NEW TABLETS of STONE, (the second set of STONE TABLETS) represent THE NEW
COVENANT that was put into effect after the crucifixion and RESURRECTION of JESUS
CHRIST.

หมายเหตุ 15: แผ่นศล ิ าจารึกพระโอวาท 2 ชุด เป็ นตัวแทนพันธสญ ั ญาเก่าและพันธสญ


ั ญาใหม่
พันธสญ ั ญาเดิมอันแรก เป็ นแผ่นศล ิ าจารึก กฏเกณฑ์ครัง้ แรก
ได ้แตกหักเนือ ่ งจากประชากรของพระเจ ้าการไม่เชอ ื่ ฟั งบัญญัตข
ิ องพระองค์เจ ้า
เป็ นเพียงแค่เหมือนโมเสสทาลายชุดแรกของแผ่นคาจารึก
เมือ่ เขาได ้พบว่าประชากรได ้กาลังนมัสการลูกวัวทองคา แผ่นศล ิ าเขียนจารึกใหม่
(ชุดทีส ่ องของแผ่นศล ิ าจารึก) เป็ นตัวแทนพันธสญ ั ญาใหม่ทไี่ ด ้วางเข ้าไป
ก่อให ้เกิดผลหลังจากการสน ิ้ พระชนม์ของพระเยซูบนไม ้กางเขนและการฟื้ นคืนพระชนม์ของพระเย
ซูคริสต์

Note 16: If you could see into the THIRD LAYER of the OLD TESTAMENT the PROPHECY
given by the events that had taken place at SINAI, then you would see that the PROPHECY
PROCLAIMS a breaking of the OLD COVENANT and the making of the NEW COVENANT!
This is why GOD’S PEOPLE live in accordance with THE GOSPELS of JESUS CHRIST which is
a COVENANT by FAITH and not according to the OLD COVENANT which was a COVENANT
governed solely by LAW.

โน ้ต 16: ถ ้าคุณสามารถเห็นเข ้าไปในระดับชน ั ้ ทีส


่ าม ของพันธสญ ั ญาเดิม
คาพยากรณ์ทไี่ ด ้ให ้ไว ้ในกรณีเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน ้ ทีภ ี าย
่ เู ขาซน
จากนัน้ คุณจะเห็นว่าคาพยากรณ์ได ้กล่าวไว ้ถึงการแตกหักของพันธสญ ั ญาเดิม
และการทาขึน ้ ของพันธสญ ั ญาใหม่ !
ด ้วยเหตุนปี้ ระชากรของพระเจ ้าอาศัยอยูใ่ นติดตามข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์เจ ้าซงึ่ เป็ นการทา

149
ั ญาด ้วยความเชอ
พันธสญ ื่ และไม่ใชต
่ ามพันธสญ
ั ญาเดิมทีซ
่ งึ่ เป็ นการควบคุมด ้วยกฏหมายและกฏเก
ณฑ์

However, just as the second set of STONE TABLETS had the SAME WORDS that
were WRITTEN on the first set of STONE TABLETS, so do GOD’S LAWS REMAIN, and apply
to the NEW COVENANT, as well as the OLD COVENANT. The only difference between the
TWO COVENANTS is in the NEW COVENANT, BY FAITH in GOD WILL ALL LAWS BE
FULFILLED, JUST AS THEY WERE ORIGINALLY WRITTEN. JESUS CHRIST verifies that
GOD’S LAWS still apply in HIS GOSPELS.

แต่อย่างไรก็ตาม แผ่นศล ิ าจารึก ครัง้ ทีส


่ องนัน
้ ได ้เขียนคาต่างๆ
ทีเ่ หมือนกันกับทีไ่ ด ้เขียนไว ้ในศลิ าแผ่นแรก
นัน
้ หมายถึงกฏหมายของพระเจ ้าได ้ยังคงอยูแ ่ ละนามาประยุกต์ใชกั้ บพันธสญ ั ญาใหม่
เทียบได ้เท่ากับพันธสญ ั ญาเดิม สงิ่ ทีแ ่ ตกต่างระหว่างสองพันธสญ ั ญานั น ั ญาใหม่
้ คือพันธสญ
เป็ นพันธสญ ั ญาความเชอ ื่ พระเจ ้าได ้มอบกฎหมายต่างๆ
เพือ ่ ทีจ่ ะกระทาให ้สาเร็จเหมือนทีไ่ ด ้เขียนไว ้
พระเยซูคริสต์ได ้มอบความหมายของกฏเกณฑ์ของพระเจ ้า
เพือ ่ ทีจ่ ะนามาประยุกต์กับข่าวประเสริฐต่างๆ ของพระองค์

Matthew 5:17 THINK NOT THAT I AM COME TO DESTROY THE LAW, OR THE PROPHETS: I
AM NOT COME TO DESTROY, BUT TO FULFIL.

มัทธิว 5:17 อย่าคิดว่าเรามาเพือ


่ จะทาลายพระราชบัญญัตห ี
ิ รือคาของศาสดาพยากรณ์เสย
เรามิได ้มาเพือ
่ จะทาลาย แต่มาเพือ่ จะให ้สาเร็จ

Matthew 5:18 FOR VERILY I SAY UNTO YOU, TILL HEAVEN AND EARTH PASS, ONE JOT OR
ONE TITTLE SHALL IN NO WISE PASS FROM THE LAW, TILL ALL BE FULFILLED.

มัทธิว 5:18 เพราะเราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ถึงฟ้ าและดินจะล่วงไป


แม ้อักษรหนึง่ หรือจุดๆ หนึง่ ก็จะไม่สญ ิ้
ู ไปจากพระราชบัญญัต ิ จนกว่าจะสาเร็ จทัง้ สน

The Book of Exodus concludes with MOSES having the people build the
TABERNACLE of GOD and THE ARK of the COVENANT. They also fashioned the Priests’
Garments and all the articles that were to be used in the TABERNACLE. MOSES had these
ARTICLES made in STRICT ACCORDANCE with THE LORD’S SPECIFICATIONS, all of which
were given to MOSES on Mount Sinai.

ื อพยพ เรือ
หนังสอ ่ งราวได ้จบลงโดยโมเสส
ได ้สร ้างพลับพลาของพระเจ ้าด ้วยกันกับประชากรและมีหบ ี พันธสญั ญา
พวกเขาได ้มีการสวมเสอ ื้ คลุมของปุโรหิตและสงิ่ ต่างๆ ทีต ้
่ ้องใชในพระวิหาร
โมเสสได ้มีกฏหมายทีพ ่ ระเจ ้าได ้มอบไว ้โดยเฉพาะในรายละเอียดแต่ละข ้อ
กฏทัง้ หมดได ้มอบไว ้ทีภ่ เู ขาซน ี าย

150
THE LORD remained with the Children of ISRAEL both by day and by night
throughout their journey in the wilderness, and GOD provided them shade by day and
LIGHT by night so the people were ALWAYS aware of GOD’s CONTINUAL PRESENCE!

พระเจ ้ายังคงอยูก ่ ับบุตรทัง้ หลายของอิสราเอลทัง้ กลางวันและกลางคืนตลอดการเดินทางในถิน ่ ทุรกั


นดารและพระเจ ้าให ้ได ้จัดเตรียมร่มเงาในเวลากลางวันและแสงสว่างในเวลากลางคืนเพือ ่ ให ้ประชา
กรรับรู ้ว่าอยูเ่ สมอรู ้อย่างต่อเนือ
่ ง ในการทรงสถิตอยูด
่ ้วยกันของพระเจ ้า!

Exodus 40:38 For the CLOUD of THE LORD was upon the TABMERNACLE by day, and FIRE
was on it by night, in the SIGHT of ALL the house of ISRAEL, throughout all their JOURNEYS.

อพยพ 40:38 เพราะตลอดทางทีเ่ ขายกเดินไปนัน



ในกลางวันเมฆของพระเยโฮวาห์ทางสถิตอยูเ่ หนือพลับพลา
้ ประจักษ์ แก่ตาของวงศว์ านอิสราเอลทัง้ ปวง
และในตอนกลางคืนมีไฟสถิตอยูเ่ หนือพลับพลานั น

6. 7 Leviticus / เลวีนต
ิ ิ

The Book of Leviticus opens with GOD giving MOSES instructions for a multitude of
sacrifices to be given to HIM for various types of sins. MOSES was also TOLD by THE LORD
how these sacrifices were to be prepared for SIN OFFERINGS and how the OFFERING itself
was to be OFFERED to GOD. The details on the SACRIFICE were meant to be instructions to
the Levite Priests, as before JESUS CHRIST came to the earth the people did not have any
access to GOD whatsoever, except by way of the Priests. So the protocol was that if a person
had been identified as having sin upon their soul, they would then bring forth a particular
sacrifice to the Levite Priest to be SACRIFICED on their behalf.

หนังสอ ื เลวีนติ เิ ป็ นเรือ


่ งราวของ พระเจ ้าให ้คาแนะนาโมเสส
สาหรับการถวายเครือ ่ งบูชาของคนหลากหลายประเภท
สาหรับความบาปหลากหลายรูปแบบทีจ ่ ะมอบให ้แก่พระองค์
โมเสสยังถูกตรัสบอกโดยพระผู ้เป็ นเจ ้า ถึงเรือ ่ งการถวายเครือ ่ งบูชาเหล่านีเ้ ป็ นการเตรียมการ
เพือ่ เป็ นค่าไถ่ของความบาป และเป็ นการเสนอสงิ่ เหล่านั น ้ เป็ นเครือ่ งถวายบูชาต่อพระเจ ้า
รายละเอียดในการถวายเครือ ่ งบูชาถูกให ้ความหมายเป็ นความรับผิดชอบในการแนะนาต่อ ปุโรหิตเผ่
าเลวี ก่อนหน ้าที่ พระเยซูคริสต์ จะเสด็จมายังโลก
ประชากรไม่มส ิ ธิใดๆทีจ
ี ท ิ้ , ยกเว ้นโดยทางของปุโรหิต
่ ะเข ้าเฝ้ าถึงพระเจ ้าไม่วา่ กรณีใดๆทัง้ สน
ดังนัน้ ระเบียบการนีไ ้ ด ้ตกลงกัน
ถ ้าบุคคลถูกระบุวา่ มีการกระทาความบาปอยูเ่ หนือจิตวิญญาณของพวกเขา,
จากนัน ้ พวกเขาจะนาเครือ ่ งบูชาอย่างเฉพาะเจาะจงไปยังปุโรหิตเลวีเพือ ่ เป็ นการถวายเครือ
่ งบูชา
เป็ นค่าไถ่ในนามของพวกเขา

That person would then repent of their sins to the Priest and then the Priest prior to
GIVING the sacrifice would take on the burden of the sin of that person upon himself. When

151
the sacrifice was offered properly to GOD, HE in turn would forgive that person's sin by
receiving the sacrifice. There were different types of sacrifices for different types of SINS.
Not only could an individual person commit a SIN against GOD, but GOD would also hold
groups of people accountable for their SIN as a commingled entity! SIN OFFERINGS had to
be made as well for Families, Clans, Complete Tribes, and even for ISRAEL as a whole.

บุคคลนั น้ ก็จะสานึกผิดของบาปของพวกเขาต่อปุโรหิต
และจากนัน ้ ก่อนทีจ ่ งบูชาปุโรหิตชงั่ น้ าหนั กของความบาปของบุคคลนั น
่ ะถวายเครือ ้ เหนือตัวเขาเอง
เมือ่ การถวายเครือ ่ งบูชาถูกถวายอย่างเหมาะสมต่อพระเจ ้า,
พระองค์จะกลับคืนดีให ้อภัยบาปของบุคคลนัน ้ โดยการรับการถวายเครือ ่ งบูชา
มีรป ู แบบความแตกต่างของเครือ ่ งบูชา สาหรับความแตกต่างในชนิดของบาป
ไม่ใชแ ่ ต่เพียงแต่ละบุคคลกระทาบาปต่อต ้านพระเจ ้า เท่านัน ้ , แต่พระเจ ้ายังคงจะนั บคิดบัญชกี ับ
กลุม ่ ของผู ้คนสาหรับรายละเอียดของความบาปของพวกเขา
ผสมผสานเข ้าด ้วยกันตามการปรากฏอยูจ ่ ริง! สงิ่ ทีม
่ อบถวายเพือ ่ เป็ นการไถ่บาป
นัน
้ ได ้กระทาสาหรับครอบครัว, ตระกูล, แต่ละเผ่าในสบ ิ สองชนเผ่าของอิสราเอล,
และแม ้แต่สาหรับชนชาติอส ิ ราเอลทัง้ หมด

This process of SACRIFICE was somewhat COMPLICATED and required a very


detailed procedure that had to be precisely followed. GOD on many occasions refused the
SACRIFICED offerings for them being improperly offered. GOD would consume with FIRE
any of the Priests who were guilty of an IMPROPER OFFERING, when the OFFERING that
was made was grossly out of order. Acting as a PRIEST was a SERIOUS responsibility and
GOD expected those of the Priesthood to properly follow the procedures that were given to
them by MOSES. (Note:17)

กระบวนการถวายเครือ ่ งบูชา
นีค
้ อ่ นข ้างจะซบั ซอนและมี
้ ความเฉพาะเจาะจงในการกาหนดรายละเอียดแต่ละอย่าง
ในวิธก ี ารปฏิบัตต ิ ามรูปแบบทีถ่ ก
ู ต ้อง ในหลายโอกาสพระเจ ้าปฏิเสธการถวายเครือ ่ งบูชา
เพราะว่าสงิ่ ทีพ
่ วกเขามอบถวายนัน ้ เป็ นการถวายบูชาอย่างไม่เหมาะสม
โดยพระเจ ้าจะทาลายด ้วยไฟของปุโรหิตใดๆ ผู ้ซงึ่ กระทาผิดต่อการถวายเครือ ่ งบูชาทีไ่ ม่เหมาะสม,
เมือ่ การถวาย ถูกทาให ้เป็ นอย่างหยาบนอกเหนือจากคาสงั่ การดาเนินการของปุโรหิตนัน ้
เป็ นความรับผิดชอบอย่างจริงจัง และพระเจ ้าคาดหวัง
บรรดาปุโรหิตเหล่านัน ้ จะปฏิบัตต ิ ามอย่างเหมาะสมติดตามระเบียบการทีถ ่ ก
ู ต ้องทีม
่ อบไว ้ให ้แก่พวกเ
ขาโดยโมเสส (หมายเหตุ :17)

Note 17(A): The Book of Leviticus dedicates itself to the REMISSION and REPENTANCE of
SIN by SACRIFICE, therefor WE would like to discuss HOW TODAY one must REPENT of
their SINS to GOD. The only difference NOW as compared to the days of MOSES for one's
REMISSION and REPENTANCE of SIN, is that in the NEW COVENANT, JESUS CHRIST has
become the PERFECT SACRIFICE TO GOD FOR ALL SIN.

152
(หมายเหตุ:17) (A) หนังสอ ื เลวีนต
ิ ิ ถูกเขียนขึน
้ โดยมีวตั ถุประสงค์เพือ
่ เป็ นค่าไถ่บาปและ
โดยกลับใจจากความผิดบาปมาเป็ นการถวายบูชา
ด ้วยสาเหตุนพ ี้ วกเราถึงต ้องมาศก ึ ษารายละเอียดว่า ในทุกวันนี้
คนหนึง่ จาต ้องกลับใจจากความผิดบาปของพวกเขาต่อพระเจ ้า
นีเ้ ป็ นเพียงสงิ่ เดียวเมือ
่ เปรียบเทียบกับชว่ งเวลาในอดีตทีค ่ นหนึง่ จะถวายบูชาเป็ นค่าไถ่บาปและเป็ น
การกลับใจจากความผิดบาป นีเ้ ป็ นพันธสญ ั ญาใหม่
โดยพระเยซูคริสต์นัน ้ กลายมาเป็ นเครือ ่ งถวายบูชาต่อพระเจ ้าสาหรับความบาปทัง้ หมด

This is why JESUS had to die in a VERY SPECIFIC manner on THE CROSS. Just as it was
for the LAMB that was used during the PASSOVER in Egypt, so was it with JESUS CHRIST,
not one of JESUS' BONES could be broken. The common practice by the Romans was to
eventually break the legs of the person who had been crucified so that they could no longer
support their own weight thus causing them to suffocate. When the Jews had complained to
Pilate that he should not leave the THREE that were crucified hanging on the cross during
their PASSOVER,

นีค
่ อ ื เหตุผลว่า ทาไมพระเยซูคริสต์ ต ้องมาตายในลักษณะพิเศษโดยเฉพาะบนไม ้กางเขน
เปรียบเสมือนเป็ นลูกแกะทีถ ่ ก
ู ฆ่าในระหว่าง PASSOVER
เทศกาลเฉลิมฉลองของยิวในอียป ิ ต์(เพือ
่ ระลึกถึงวันหนีออกจากอียป ิ ต์),
จากนัน ้ ในอดีตเป็ นภาพสง่ ผลสะท ้อนมาถึงพระเยซูคริสต์, โดยไม่มก ี ระดูกของพระเยซู
สกั หนึง่ ชน ิ้ ทีจ ่ ะแตกหัก
การปฏิบัตพ ิ น
ื้ ฐานโดยชาวโรมันในทีส ุ จะหักขาของบุคคลผู ้ซงึ่ ได ้ถูกตรึงบนไม ้กางเขน
่ ด
เพือ ่ ทีพ ่ วกเขาจะไม่สามารถพยุงน้ าหนักของตัวพวกเขาเองได ้อีกต่อไป
เป็ นสาเหตุทาให ้พวกเขาตายสนิทเพราะหายใจไม่ออก
เมือ่ พวกยิวได ้ร ้องเรียนต่อปิ ลาตว่าเขาไม่ควรจะปล่อยทัง้ สามคนทีถ ่ ก ู ตรึงไว ้บนไม ้กางเขนในระหว่า
งใน ชว่ งปั สกาของพวกเขา,

Note 17(B): Pilate then sent out his soldiers to break their legs. However, when the
soldiers found that JESUS was already dead, after they had broken the legs of the other two
men, they then PIERCED HIS SIDE with a spear. This caused both BLOOD and WATER to
gush from the BODY of JESUS. The SPILLING of the BLOOD of JESUS CHRIST represents the
SAVING GRACE that had come by way of the SACRIFICE. This was the same as the striking
of the LAMBS BLOOD on the lintels and the side posts of the Children of ISRAEL’S houses;
that of which had provided their protection prior to the coming of the TENTH PLAGUE in
Egypt. The WATER that came out of JESUS CHRIST represents THE WORD of GOD that HE
had left behind for the WORLD by way of HIS GOSPELS (THE LIVING WATERS).

หมายเหตุ 17(B): จากนัน ้ ปิ ลาตจึงสง่ ทหารของเขาออกไป ทีจ ่ ะหักขาของพวกเขา


ถึงแม ้ว่า,พวกทหารได ้พบว่าพระเยซูได ้สน ิ้ พระชนม์เรียบร ้อยแล ้ว,
หลังจากพวกเขาได ้ทาขาหักของชายอืน ่ 2 คน, พวกเขาก็แทงด ้านข ้างของพระองค์ด ้วยหอก
นีเ้ ป็ นสาเหตุทาให ้ ทัง้ โลหิตและน้ าพุง่ จากร่างกายของพระเยซู การทาให ้
153
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ตกแสดงให ้เห็น การชว่ ยให ้รอดด ้วยพระคุณความเมตตา
ทีไ่ ด ้มาโดยทางของการถวายเครือ ่ งบูชา
นีเ้ ป็ นเหมือนกันกับการทาเครือ ่ งหมายด ้วยเลือดของลูกแกะ
บนประตูทัง้ สองข ้างและวงกบประตูของบ ้านของลูกหลานอิสราเอล;
สงิ่ นีเ้ ป็ นการจัดเตรียมการป้ องกันของพวกเขาก่อนที่ ภัยพิบัต ิ 10 อย่างในอียป
ิ ต์
น้ าทีอ ่ อกมาจากพระเยซูคริสต์เป็ นตัวแทนพระคาของพระเจ ้า
ทีพ ่ ระองค์ได ้ทิง้ ไว ้เบือ
้ งหลังสาหรับคนบนโลก โดยผ่านทางข่าวประเสริฐของพระองค์
(เป็ นแม่น้ าแห่งชวี ต ิ )

The greatest pain that was suffered by JESUS while on the cross was not the
crucifixion itself, but rather the receipt of the world's SIN upon HIM. When JESUS CHRIST
RECEIVED the SIN of the world this caused GOD TO LOOK AWAY FROM HIM, as a result of
JESUS bearing that SIN! GOD WILL NOT LOOK UPON SIN! This was the first time that JESUS
had ever EXPERIENCED LIFE WITHOUT GOD and the PAIN was UNBEARABLE, thus
causing HIS DEATH! This is why the Centurions were surprised to find that JESUS was
already dead after a few short hours, because it was unusual for one to die so soon!

ความเจ็บปวดทีย ่ งิ่ ใหญ่ทส ี่ ด


ุ ประสบโดยพระเยซู
ขณะทีอ ่ นไม ้กางเขนไม่ได ้เป็ นการประหารชวี ต
่ ยูบ ิ โดยตรึงไว ้บนไม ้กางเขนนั น ้ , แต่เป็ นเพราะว่า
การรับแบกบาปของโลกบนพระองค์ เมือ ่ พระเยซูคริสต์ ได ้รับบาปของโลก นัน ้ เป็ นสาเหตุทาให ้
พระเจ ้าไม่สามารถทีจ ่ ะมองลงมาบนพระเยซูคริสต์, เพราะสาเหตุเนือ ่ งจาก พระเยซู
ได ้แบกบาปของคนทัง้ โลกนัน ้ ! พระเจ ้าจะไม่มองมาทีค่ วามบาป! นีเ่ ป็ นครัง้ แรกที่ พระเยซู
ทีม ี ระสบการณ์ชวี ต
่ ป ิ แยกจากพระเจ ้าและเป็ นความเจ็บปวดทีไ่ ม่สามารถอดกลัน ้ อยูไ่ ด ้,
ด ้วยสาเหตุนท ี้ าให ้เกิดการสวรรคตของพระองค์!
นีเ้ หตุผลว่าทาไมผู ้บังคับกองร ้อยในกองทัพโรมันได ้ประหลาดใจทีพ ่ บว่าพระเยซูสวรรคตแล ้ว
หลังจากชว่ งเวลาอันสน ั ้ ภายในไม่กใี่ นชวั่ โมง,
เพราะว่าเป็ นสงิ่ ผิดปกติสาหรับคนๆหนึง่ ทีจ ่ ะตายเร็วมาก!

If a person dies with any SIN upon his SOUL then that person CANNOT be accepted
into HEAVEN without prior JUDGMENT for the SIN that they bear. This was not so with
JESUS CHRIST. JESUS was received into HEAVEN IMMEDIATELY because HE was
RECEIVED into HEAVEN by DIVINE RIGHT, rather than by DELIVERANCE through the
remission of SIN! This is why only HE could BEAR the SIN of the WORLD and this is how
GOD allows MAN to defeat death by WAY OF JESUS CHRIST. Therefor, if you BELIEVE in
JESUS CHRIST you need never TASTE OF DEATH, as HE DIED FOR YOU and HE is your
RESURRECTION UNTO LIFE.

ถ ้าบุคคลหนึง่ ได ้ตายด ้วยกันกับบาป ใดๆอยูเ่ หนือดวงจิตวิญญาณของเขา,


จากนัน
้ บุคคลนัน ้ จะไม่เป็ นทีย
่ อมรับเพือ่ ทีเ่ ข ้าไปใน สวรรค์ โดยปราศจากการพิพากษาก่อน
สาหรับบาปทีพ ่ วกเขาได ้แบกไว ้ นีไ่ ม่ใชเ่ ป็ นกรณีของพระเยซูคริสต์

154
พระเยซูถกู ได ้รับเข ้าไปในสวรรค์ทันทีทันใด
เพราะว่าพระองค์ถก ู รับเข ้าไปในสวรรค์โดยสท ิ ธิอานาจอย่างถูกต ้อง,
แทนทีจ่ ะเป็ นโดยการชว่ ยให ้รอดผ่านการไถ่บาป ! นีค ่ อื เหตุผลเดียวว่าทาไม
ว่าพระองค์เป็ นเพียงผู ้เดียวเท่านัน
้ ทีส
่ ามารถแบกบาปของโลกนี้ และนีค ่ อ
ื วิธพ
ี ระเจ ้าอนุญาตมนุษย์
มีชนะเหนือความตาย โดยผ่านทางของพระเยซูคริสต์ ด ้วยจุดประสงค์ ถ ้าคุณเชอ ื่ ในพระเยซูคริสต์
ท่านไม่จาเป็ นต ้องรับประสบการณ์ของความตาย,
เพราะว่าพระองค์ได ้ตายเพือ ่ ื้ นคืนชวี ต
่ คุณและพระองค์เป็ นผู ้ทีฟ ิ ของท่าน

SIN ?

What is SIN? SIN can be defined as an ACT against GOD by the VIOLATION of HIS LAWS.
This can be either intentionally done, or unintentionally done, however, in either case the
SIN is the SAME! Let us take a look at the definition of an unintentional SIN. This is defined
as a SIN that is committed against GOD through IGNORANCE and the person who has
committed that SIN is unaware of it. In the EYES of GOD this is looked at in a TIME of
JUDGMENT to be the same as a deliberate SIN.

บาปคืออะไร?

ความบาปสามารถให ้คาจากัด เป็ นเหมือนการกระทาทีต ่ อ


่ ต ้านพระเจ ้า
โดยการล่วงละเมิดกฎข ้อบังคับของพระองค์
นีส
้ ามารถเป็ นกระทาโดยเจตนาหรือกระทาโดยไม่ได ้เจตนา, แม ้ว่าต่างกันในแต่ละกรณี
แต่เป็ นความบาปเหมือนกัน! ให ้เราดูทค ี่ าจากัดความของบาปซงึ่ ไม่ได ้เจตนา นีค ่ อ
ื คาจากัด
เป็ นบาปทีก
่ ระทาต่อต ้านพระเจ ้าผ่านความไม่รู ้ ความหลงลืม
และบุคคลผู ้ซงึ่ ได ้กระทาบาปนัน
้ เป็ นทีไ่ ม่คาดคิดมาก่อนด ้วยความไม่ได ้ระมัดระวัง
ในสายพระเนตรของพระเจ ้า นีค ่ อื ในเวลาของการพิพากษา
จะพิจารณาเหมือนกันกับความบาปทีก ่ ระทาอย่างตัง้ ใจ

As an example, place yourself in this IMAGINARY scenario: You are brought before
THE WHITE THRONE of GOD to justify your breaking of GOD'S FOURTH COMMANDMENT,
thus not HONORING THE LORD'S SABBATH. As you stand accused of this SIN, you then
proceed to tell HIM; that you recognize by your church's doctrine that Sunday (the 1st
DAY) is your SABBATH rather than SATURDAY (the 1st DAY), as it is written in THE HOLY
BIBLE. Then you are asked by THE HOLY SPIRIT (AS HE WILL BE YOUR JUDGE), as to why
you did not follow the LAW as it is WRITTEN?

ด ้วยตัวอย่าง, ให ้คุณจินตนาการเมือ
่ อยูใ่ นฉาก
ทีไ่ ด ้ถูกนามาต่อหน ้าราชบัลลังก์บริสท ุ ธ์ของพระเจ ้าเพือ ่ ให ้คุณบอกเหตุผลของการฝ่ าฝื นบัญญัตท
ิ ี่
4 ของพระเจ ้าของคุณ, โดยการไม่ได ้ให ้ เกียรติวน ั สะบาโตของพระเจ ้า
เมือ่ คุณได ้ยืนอยูด่ ้วยการถูกกล่าวหาของบาปเรือ ่ งนี,้ คุณได ้บอกพระองค์
ว่าคุณยอมรับคาสอนของคริสตจักรของคุณให ้วันอาทิตย์

155
(เป็ นวันเริม
่ แรก)โดยถือเป็ นวันสะบาโตของคุณ แทนทีจ ่ ะวันเสาร์ (เป็ นวันเริม ั ดาห์),
่ แรกของสป
เหมือนทีเ่ ขียนไว ้ในพระคัมภีรไ์ บเบิล
้ จากนัน
้ คุณถูกถามโดยพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
(เพราะพระองค์จะเป็ นผู ้พิพากษาคุณ), ว่าทาไมคุณไม่ปฏิบัตต ิ ามกฎข ้อบังคับเหมือนทีไ่ ด ้เขียนไว ้ ?

WHAT WILL YOUR ANSWER BE THEN? Will you say to THE HOLY SPIRIT, "I am
sorry, please forgive me for I was taught INCORRECTLY"? THE HOLY SPIRIT WILL THEN
SAY TO YOU, "I DO NOT FORGIVE SIN, I ONLY JUDGE SIN". "YOU WILL BE HELD
ACCOUNTABLE FOR THAT SIN"!

อะไรจะเป็ นคาตอบหลังจากนัน ้ ? คุณจะกล่าวต่อพระวิญญาณบริสท ุ ธิ,์ “ฉั นเสยี ใจ,


กรุณาอภัยฉั นสาหรับฉั นได ้ถูกสอนอย่างไม่ถกู ต ้อง”? พระวิญญาณบริสท ุ ธิก์ ็จะตรัสกับคุณว่า,
เราจะไม่อภัยบาป, เราจะตัดสน ิ ความผิดบาปเท่านั น
้ ” “คุณจะถูกนั บไว ้เพือ
่ ทีค ่ ด
ิ บัญชส ี าหรับบาปนั น
้ ”!

As you can see from this scenario, a SIN through IGNORANCE is not any different
than a SIN committed deliberately. JESUS said that HE had not come to CHANGE THE LAW,
but to rather FULFIL IT. Just as the TEN COMMANDMENTS were WRITTEN the SAME on
both the FIRST and SECOND set of STONE TABLETS, THEY STILL STAND IN THE NEW
COVENANT AND WILL STAND FOREVER WITHOUT CHANGE!

เหมือนทีค ่ ณุ สามารถเห็นจากสถานการณ์ในฉากนี้, ความบาปผ่านทางความไม่รู ้


ความไม่ใสใ่ จอย่างถีถ ่ ้วน ไม่ได ้แตกต่างจาก การกระทาบาปอย่างมีเจตนา พระเยซูตรัสว่า
พระองค์ไม่ได ้เสด็จมาเพือ ่ เปลีย
่ นกฎข ้อบังคับ, แต่แทนทีด
่ ้วย จะทาให ้สาเร็จบรรลุผล เหมือนที่
บัญญัต ิ 10 ประการถูกเขียนไว ้เหมือนกันทัง้ ชุดแรกและชุดทีส ่ องของแผ่นศล ิ าจารึก,
บัญญัตเิ หล่านีย
้ ังคงดาเนินอยูใ่ นพันธสญ ั ญาใหม่และจะดาเนินอยูต ่ ลอดกาลปราศจากการเปลีย ่ นแป
ลง!

Where in THE HOLY BIBLE did the SABBATH DAY CHANGE from SATURDAY to
Sunday? And why does the Church not HONOR GOD'S FOURTH COMMANDMENT? WHY
ARE SOME CHURCHES STILL practicing pre-resurrection doctrine, and proclaiming THAT
ONE MUST CONFESS HIS SINS before a Priest? And, who gave the Church the AUTHORITY
to change THE WORD of GOD?

ทีไ่ หนในพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ บอกว่าวันสะบาโตเปลีย ่ นจากวันเสาร์ไปยังวันอาทิตย์ ?


และทาไมคริสตจักรไม่ให ้เกียรติบัญญัตท ิ ี่ 4 ของพระเจ ้า ?
ทาไมบางคริสตจักรยังคงปฏิบัตเิ รือ ่ ยมาในคาสอนก่อนการ ฟื้ นคืนพระชนม์ของพระเยซู,
และประกาศว่า คนๆ คนหนึง่ ต ้องสารภาพบาปของเขา ต่อหน ้าปุโรหิตอย่างนั น ้ หรือ?
และผู ้ซงึ่ มอบให ้คริสตจักรเป็ น ผู ้มีอานาจ เพือ ่ การเปลีย
่ นแปลงพระคาของพระเจ ้าหรือ?

JESUS SAID, FOR GOD SO LOVED THE WORLD, HE GAVE HIS ONLY BEGOTTEN SON,
THAT WHOSOEVER BELIEVETH IN HIM, SHALL NOT PERISH, BUT HAVE EVERLASTING
LIFE. JESUS taught HIS Disciples to PRAY directly to GOD, in THE NAME of JESUS, for the
REMISSION of SIN, and to do so IN PRIVATE. HOW THEN CAN ONE PROCLAIM TO BELIEVE

156
IN JESUS CHRIST AND NOT FOLLOW HIS DOCTRINE BY REMITTING THEIR SIN TO A
PRIEST?

พระเยซูตรัสว่า เพราะว่าพระเจ ้ารักโลกอย่างมากมาย,


พระองค์ทรงประทานพระบุตรองค์คนเดียวของพระองค์, ผู ้ใดทีไ่ ว ้วางใจในพระองค์, จะไม่พน ิ าศเลย,
แต่จะมีชวี ต
ิ นิรันดร์ พระเยซูสอนสาวกของพระองค์เพือ ่ อธิษฐานต่อพระเจ ้า, ในพระนามของพระเยซู,
สาหรับการให ้อภัยของบาป, และเพือ ่ กระทาเชน ่ นัน
้ ในสว่ นตัว
แล ้วทาไมคนๆคนหนึง่ สามารถประกาศว่าเชอ ื่ ในพระเยซูคริสต์และไม่ตด ิ ตามคาสอนของพระองค์
โดยไปสารภาพบาปของพวกเขาเป็ นการยกโทษบาปต่อหน ้าปุโรหิตอย่างนัน ้ หรือ?

There are many, many things that are taught by the Churches that are in DIRECT
CONFLICT with THE WORD of GOD. JESUS WARNED HIS Disciples to BEWARE of the leaven
of the Pharisees. This can be UNDERSTOOD to MEAN, "BEWARE of the DOCTRINE of the
CHURCH". Even though ONE may be SINNING through IGNORANCE as a result of what the
Churches have taught them, they themselves will still be held accountable for that SIN!
This is why it is so very important that YOU READ THE WORD of GOD for YOURSELF, and
not take the words of men for the explanation of it!

มีหลายสงิ่ , หลายอย่างทีเ่ ป็ นคาสอนโดยคริสตจักร


นัน
้ เป็ นความขัดแย ้งโดยตรงกับพระคาของพระเจ ้า พระเยซูเตือนสาวกของพระองค์ให ้ระวัง
เชอ ื้ พวกฟารีส ี ดังทีก
่ ล่าวมานีส
้ ามารถเข ้าใจได ้โดยหมายถึง, “ระวังหลักการคาสอนของคริสตจักร”
แม ้ว่าคนๆคนหนึง่ อาจจะเป็ นการทาบาป ผ่าน ความไม่รู ้ หลงลืมละเลย
ไม่ให ้ความสนใจอย่างละเอียด เพราะว่าผลลัพธ์เนือ ่ งจากสงิ่ ต่างๆทีโ่ บสถ์ได ้สอนพวกเขา,
พวกเขาเองจะยังคงถูกนับไว ้คิดบัญชเี ป็ นการกระทาบาป! นีค ่ อ
ื เหตุผลว่าทาไม
เป็ นความสาคัญอย่างมากทีค ่ ณ
ุ จาต ้องอ่านพระคาของพระเจ ้าสาหรับ ตัวคุณเอง, และไม่นาถ ้อยคา
ความคิดของมนุษย์มาตีความหมายหรือมาอธิบาย!

Before we leave this subject on SINNING through IGNORANCE, I would like to


mention some of the STANDARD PRACTICES of the Churches that are in DIRECT conflict
with the TEACHINGS of JESUS CHRIST. One in particular is the addressing of a Priest as
Father. THE WORD of GOD FORBIDS THIS! Let us SEE what JESUS CHRIST SAYS about the
referring to another man (other than your biological father) as your father:

ก่อนหน ้านีพ ้ วกเราจะให ้ความหมายในเรือ ่ งของการทาบาปผ่านความไม่รู ้,รู ้ไม่ถงึ ,ความหลงลื


มละเลยไม่ละเอียดถีถ ่ ้วน
ผมต ้องการกล่าวถึงบางสว่ นของมาตราฐานการปฏิบัตข ิ องเหล่าคริสตจักรทีเ่ ป็ นความขัดแย ้งโดยตร
งกับหลักคาสอนของพระเยซูคริสต์ หนึง่ ในความเฉพาะเจาะจงเป็ นการปราศรัยของผู ้นา บิชอบ
หรือปุโรหิต ตัวอย่างเชน ่ คาว่าบิดา พระคาของพระเจ ้าตักเตือนห ้ามเรียก คานาหน ้าชอ ื่ เชน
่ นี!้
ให ้เราเห็นสงิ่ ทีพ
่ ระเยซูคริสต์ ตรัสเกีย่ วกับการกล่าวอ ้างมนุษย์ผู ้ชายคนอืน
่ ๆเป็ นบิดาของคุณ
(นอกเหนือจากบิดาทีไ่ ด ้ให ้กาเนิดคุณมา)

157
Matthew 23:8 BUT BE NOT YE CALLED RABBI: FOR ONE IS YOUR MASTER, EVEN CHRIST;
AND ALL YE ARE BRETHREN.

มัทธิว 23:8 ท่านทัง้ หลายอย่าให ้ใครเรียกท่านว่า “รับบี”


ด ้วยท่านมีพระอาจารย์แต่ผู ้เดียวคือพระคริสต์และท่านทัง้ หลายเป็ นพีน
่ ้องกันทัง้ หมด

Matthew 23:9 AND CALL NO MAN YOUR FATHER UPON THE EARTH: FOR ONE IS YOUR
FATHER, WHICH IS IN HEAVEN.

มัทธิว 23:9 และอย่าเรียกผู ้ใดในโลกว่าเป็ นบิดา เพราะท่านมีพระบิดาแต่ผู ้เดียว


คือผู ้ทีท
่ รงสถิตในสวรรค์

In the first Scripture JESUS is telling HIS Disciples that they are to refer to one
another as being BROTHERS. JESUS is also saying that the calling of a person "Rabbi, is the
same as making reference to that person as being your Master and High Priest. JESUS
CHRIST IS "YOUR MASTER" and "YOUR HIGH PRIEST"! I would also like to clarify that the
WORD "MASTER" means TEACHER IN THE SCRIPTURES and NOT "BOND KEEPER". JESUS
does not lead you around by your nose, HE TEACHES YOU!

ในข ้อความจากพระคัมภีรม ์ ัทธิว 23:8 พระเยซูกาลังตรัสบอกสาวกของพระองค์วา่


พวกเขาทัง้ หลายเกีย ่ วโยงกับอีกคนหนึง่ เหมือนเป็ นพีน่ ้อง พระเยซูยังกล่าวว่า
การเรียกคานาหน ้าของบุคคลว่า “รับบี,
เป็ นการอ ้างอิงบุคคลนัน ้ เป็ นเหมือนเจ ้านายและปุโรหิตระดับสูง พระเยซูคริสต์ทรงเป็ น
“เจ ้านายของคุณ” และ “ปุโรหิตระดับสูงสุดของคุณ” (เสริม แต่เพียงผู ้เดียว)!
แต่ผมยังต ้องการชแ ี้ จงคาว่า “เจ ้านาย” หมายถึงครูผู ้สอน ข ้อความในพระคัมภีรแ ์ ละไม่ใช ่
“ผู ้ควบคุมดูแล กักขังอย่างมีภาระผูกพัน” พระเยซูไม่ได ้จูงรอบๆจมูกของคุณ, พระองค์ทรงสอนคุณ!
(ให ้มีความเชอ ื่ มีความเข ้าใจในฝ่ ายวิญญาณ)

The second Scripture refers to those Priests who insist on being addressed as
"Father". This was not something that was done in practice at the TIME JESUS GAVE THIS
WARNING to HIS Disciples, but it was started by the teachings of the Apostle Paul. JESUS
KNEW that this practice would be inclusive in the DOCTRINE of the Churches to come, by
way of Paul, and HE THEREFOR PRE-WARNS AGAINST IT!

ข ้อความในพระคัมภีร ์ มัทธิว 23:9


อ ้างอิงถึงปุโรหิตเหล่านัน ้ ผู ้ซงึ่ ยืนหยัดเรียกคานาหน ้านามว่า “บิดา”
นีไ
่ ม่ใชส ่ งิ่ หนึง่ สงิ่ ใดทีจ
่ ะฝึ กฝนในทางปฏิบัตเิ มือ ่
เวลาพระเยซูได ้ให ้การเตือนนีต ้ อ่ สาวกของพระองค์,
แต่สงิ้ นีไ้ ด ้เริม
่ ต ้นโดยการสอนของอัครสาวกเปาโล พระเยซูทรงทราบก่อนล่วงหน ้า
ว่าการปฏิบัตน ิ จ
ี้ ะรวมอยูใ่ นหลักคาสอนของเหล่าคริสตจักรในเวลาต่อมา
โดยวิธข ี องเปาโล(อ่านเพิม ่ …เรือ ่ งผู ้ปกครอง), และพระองค์ได ้กล่าวเตือนล่วงหน ้าต่อต ้านสงิ่ เหล่านี!้

158
I cannot over EMPHASIZE THAT YOU MUST READ THE HOLY BIBLE for yourselves !
Don't depend on others to tell you what the Scriptures mean, as THEY can only give you an
opinion and not necessarily the TRUTH. ASK GOD for the SPIRIT of UNDERSTANDING and
LET HIM TEACH YOU THE MEANINGS of the Scriptures. GOD WILL HOLD YOU
PERSONALLY RESPONSIBLE for YOUR SIN. HOWEVER, GOD WILL PERSONALLY GUIDE
YOU THROUGH HIS WORD AND AWAY FROM SIN, IF YOU SUBMIT YOURSELF TO HIM
THROUGH THE WORD OF GOD!

ผมไม่สามารถเน ้นหนักเกินไปที่ คุณจาต ้องอ่านพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ สาหรับตัวคุณเอง!


อย่าขึน้ อยูก
่ ับคนอืน
่ ๆ ทีจ
่ ะบอกคุณว่าข ้อความในพระคัมภีรห ์ มายถึงอะไร,
เหมือนทีพ ่ วกเขาสามารถเพียงแสดงความเห็นและซงึ่ ไม่ใชค ่ วามจริง(ทีจ
่ าเป็ นแก่ชวี ต
ิ ของคุณเอง)
ทูลขอพระเจ ้าสาหรับ
พระวิญญาณแห่งความเข ้าใจและให ้พระองค์สอนความหมายของข ้อความในพระคัมภีรแ ์ ก่ตัวคุณ
พระเจ ้าจะนับไว ้คิดบัญชใี นความบาปทีค ่ ณ
ุ ต ้องรับผิดชอบของตัวคุณเอง,แต่อย่างไรก็ตาม
พระเจ ้าจะนาทางคุณเป็ นสว่ นตัวผ่านพระคาของพระองค์และออกห่างจากบาป,
ถ ้าคุณยอมจานนตัวคุณเองต่อพระองค์ผา่ นพระวจนะของพระเจ ้า!

The Anointing and Consecration for Ministry /

การเจิมและแต่งตัง้ โดยพระเจ ้า อุทศ


ิ ตนเพือ
่ การทาการประกาศข่าวประเสริฐ

Before Aaron and his sons (the Priests) were allowed to go behind the VEIL to THE
HOLY PLACE WHERE GOD SAT, MOSES had to wash them and clothe them in the special
Priest Garments. MOSES also had to CONSECRATE them with Blood from off the ALTAR,
and ANOINT them with oil as well. A special marking of their right ears, their right thumbs,
and their right big toes with the Blood from the ALTAR was necessary so that the ANGELS
would not identify them as a THREAT to THE THRONE. The MARKING that the Priests had
received was necessary because it identified the Priests as being CONSECRATED UNTO
GOD (SET ASIDE FOR GOD'S PURPOSE).
ก่อนอาโรนและบรรดาบุตรชายของเขา (ปุโรหิต) ได ้รับอนุญาตให ้เข ้าไปข ้างหลังม่าน
สูพ ่ ระสถานบริสท ุ ธิท ี่ งึ่ เป็ นพระทีน
์ ซ ่ ั่ งของพระเจ ้าทรงสถิตย์อยู,่
โมเสสต ้องชาระล ้างพวกเขาและสวมเสอ ื้ ผ ้าให ้พวกเขาในเครือ
่ งแต่งกายปุโรหิตพิเศษ
โมเสสยังต ้องชาระพวกเขาด ้วยเลือดจากแท่นบูชาสถาปนาแต่งตัง้
และเจิมพวกเขาด ้วยน้ ามันเชน ่ เดียวกัน การทาเครือ ่ งหมายพิเศษทีห ่ ข
ู ้างขวาของพวกเขา,
นิว้ โป้ งขวาของพวกเขา, และนิว้ โป้ งเท ้าขวาของพวกเขากับเลือดจากแท่นบูชา
เป็ นความจาเป็ นเพือ ่ ให ้ทูตสวรรค์ประจาจะไม่ระบุตวั พวกเขาเป็ นภัยคุกคามต่อราชบัลลังก์
เครือ ่ งหมายทีป ่ โุ รหิตได ้รับเป็ นสงิ่ จาเป็ น เพราะว่าเป็ นสงิ่ ทีร่ ะบุวา่ ปุโรหิตเป็ นผู ้สถาปนาโดยพระเจ ้า
(จัดตัง้ ไว ้เพือ
่ วัตถุประสงค์ของพระเจ ้า)

159
This is similar to what JESUS had done at the LAST SUPPER. HE went around the
TABLE and WASHED the feet of HIS Disciples as did MOSES wash Aaron and his sons prior
to them approaching GOD. JESUS also gave them BREAD to eat, which REPRESENTED HIS
BODY, and WINE to drink that REPRESENTED HIS BLOOD, in COMMUNION for the NEW
COVENANT. The DRINKING of the WINE was the same as the marking of the EARS,
THUMBS, and TOES, with the Blood.
นีเ่ ป็ นสงิ่ ทีค
่ ล ้ายคลึงกับสงิ่ ทีพ
่ ระเยซูได ้กระทา ณ อาหารเย็นมือ ้ สุดท ้าย
พระองค์ได ้เดินโดยรอบโต๊ะและล ้างเท ้าของสาวกของพระองค์
เหมือนทีโ่ มเสสได ้ทาความสะอาดอาโรนและบรรดาบุตรชายของอาโรน
ก่อนทีพ ่ วกเขาจะเข ้าใกล ้พระเจ ้า พระเยซูยังให ้ขนมปั ง แก่พวกเขาเพือ ่ รับประทาน,
เป็ นสญั ลักษณ์แทนร่างกายของพระองค์, และไวน์เพือ ่ ดืม
่ ทีแ ่ ทนพระโลหิตของพระองค์,
ในการรับศล ี มหาสนิท สาหรับพันธสญ ั ญาใหม่
การดืม่ ไวน์เป็ นสงิ่ เดียวกันอย่างทีก ่ ารทาเครือ
่ งหมายทีห ่ ,ู นิว้ หัวแม่มอื , และนิว้ หัวแม่เท ้ากับเลือด

The EATING of the BREAD, was the same as the Eating of the sacrifice that was
given to the Priests, thus completing their CONSECRATION. All that was left to COMPLETE
the preparation for the Disciples for their MINISTRIES was the SACRIFICE ITSELF, and THE
ANOINTING of the Disciples with THE HOLY SPIRIT. THE SACRIFICE TOOK PLACE AT THE
CRUCIFIXION AND THE ANOINTING TOOK PLACE AT PENTECOST AFTER THE
RESURRECTION.

การรับประทานขนมปั งเป็ นสงิ่ เดียวกันการรับประทานของถวายเครือ ่ งบูชาทีไ่ ด ้ให ้กับปุโรหิต,


เป็ นเหมือนการเสร็จสน ิ้ การสถาปนาแต่งตัง้ ของเขา
สาวกทัง้ หมดทีถ่ กู คงเหลือไว ้เพือ ่ การกระทาพันธกิจของพวกเขาให ้สาเร็จ
มาเป็ นการถวายเครือ ่ งบูชาของการกระทานัน ้ เอง, และการเจิมพระวิญญาณบริสท ุ ธิข์ องสาวก
การถวายเครือ่ งบูชาเกิดขึน ้ จากการสน ิ้ พระชนม์ของพระเยซูคริสต์บนไม ้กางเขนและการเจิมจากพระ
วิญญาณบริสท ุ ธิ์ เกิดขึน ้ ทีว่ น
ั เพ็นเทคอสท์หลังจากการฟื้ นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

As you can see, the CEREMONY performed by MOSES on Aaron and the Priests, was
the same as the CEREMONY PERFORMED BY JESUS CHRIST at the "LAST SUPPER"! MOSES'
CEREMONY was done in the flesh, and JESUS' CEREMONY WAS DONE IN THE SPIRIT.
Therefor, JESUS DEMONSTRATED by HIS CEREMONY that the BAPTISM by THE HOLY
SPIRIT of GOD, WOULD PROVIDE BOTH THE CONSECRATION and THE ANOINTING THAT
IS NECESSARY FOR ONE TO GO BEHIND
เหมือนอย่างทีค ่ ณ
ุ ได ้เห็นออกมา, พิธก ี ารได ้ปฏิบัตโิ ดยโมเสสไปยังอาโรนและปุโรหิต,
เป็ นเหมือนกันกับ พิธก ี ารได ้ปฏิบัตโิ ดยพระเยซูคริสต์ ณ “อาหารเย็นมือ ้ สุดท ้าย”!
พิธก ี ารของโมเสสถูกทาในเนือ ้ หนังและพิธก
ี ารของพระเยซูได ้ทาในพระวิญญาณ
ดังนัน ้ พระเยซูได ้สาแดงพิธก ี ารของพระองค์โดยการบัพติสมาในพระวิญญาณบริสท ุ ธิข
์ องพระเจ ้า,
จะจัดเตรียมทัง้ การสถาปนาและการเจิมตามมาทีหลังซงึ่ เป็ นความจาเป็ นสาหรับคนๆคนหนึง่

160
THE VEIL (BE IN THE PRESENCE OF GOD). The renting (tear ing) of the VEIL as it is
WRITTEN in THE GOSPELS, REPRESENTS the breaking of the OLD COVENANT and the
allowance of anyone who has been BAPTIZED IN THE HOLY SPIRIT, A DIRECT ACCESS TO
GOD.
ม่านพระวิหาร (อยูใ่ นการทรงสถิตย์ของพระเจ ้า) การทีผ ่ ้าม่านนั น
้ ได ้ขาดออก (แยกจากกัน)
เขียนอยูใ่ นข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์
ั ลักษณ์ของการทาลายพันธสญ
เป็ นสญ ั ญาเดิมและเป็ นการอนุญาติให ้ใครก็ตามผู ้ซงึ่ ได ้บัพติสมาใน
พระวิญญาณบริสท ิ ธิทจ
ุ ธิ,์ มีสท ี่ ะเข ้าถึงโดยตรงต่อพระเจ ้า

So ONE may gather from this that the taking of COMMUNION should be done in the
REMEMBRANCE of JESUS CHRIST and HIS BRINGING FORTH of THE NEW COVENANT, and,
THIS IS CERTAINLY TRUE! However, when you see in the Churches the people putting oil
on one another and claiming by their doing so that they are anointing one another,
BELIEVE IT NOT! THIS PRACTICE IS NONSENSE! This anointing with oil serves no
PURPOSE whatsoever in the NEW COVENANT. The anointing oil that was used by MOSES
was replaced with THE ANOINTING of THE HOLY SPIRIT in the NEW COVENANT that was
GIVEN by JESUS CHRIST.
ดังนัน
้ เมือ
่ คนๆคนหนึง่ ได ้มารวมกลุม ่ กันเพือ ่ รับศล ี มหาสนิท ควรจะทาเพือ ่ เป็ น
การระลึกถึงพระเยซูคริสต์และการทรงมอบพันธสญ ั ญาใหม่ของพระองค์และนีเ้ ป็ นความจริงอย่างแน่
นอน!แต่อย่างไรก็ตาม,
เมือ
่ คุณเห็นผู ้คนในคริสตจักรเหล่านัน ้ ได ้มีการเจิมน้ ามันบนคนอืน ่ ๆและการประกาศโดยการกระทาข
องพวกเขานัน ้ เป็ นการกาลังเจิมคนอืน ่ ๆ, เชอ ื่ หรือไม่! การปฏิบัตน ิ เี้ ป็ นเรือ
่ งไร ้สาระ!
การเจิมด ้วยน้ ามันนีเ้ ป็ นการปรนนิบัต ิ ทีไ่ ม่ได ้มีเป้ าหมายไม่วา่ อะไรก็ตามทีเ่ ล็งเห็นถึง
พันธสญ ั ญาใหม่ การเจิมน้ ามันทีเ่ คยใชโดยโมเสส
้ ถูกแทนทีด่ ้วย
การเจิมของพระวิญญาณบริสท ุ ธิใ์ นพันธสญ ั ญาใหม่นัน ้ ถูกมอบให ้โดยพระเยซูคริสต์

Furthermore, anyone who participates in this oil anointing is INSULTING THE HOLY
SPIRIT by his or her IGNORANCE! There isn't any carnal event that took place in the OLD
TESTAMENT that can FULFIL THE SPIRITUAL CONVERSION that must take place to FULFIL
the NEW COVENANT! What was done in the FLESH for the OLD, must now be done in THE
SPIRIT FOR THE NEW.

โดยเฉพาะอย่างยิง่ , ใครก็ตามเป็ นผู ้ซงึ่ มีสว่ นร่วมในการเจิมน้ ามันนี้ เป็ นกระทา


ในเชงิ สบประมาทพระวิญญาณบริสท ุ ธิโ์ ดยความไม่รู ้(ความโง่เขลาเบาปั ญญา)ของเขาหรือของเธอ!
ไม่มกี รณีใดทีเ่ กีย
่ วกับฝ่ ายเนือ้ หนั งทีเ่ กิดขึน ้ ในพันธสญั ญาเดิม
นัน
้ ไม่ได ้บรรลุผลจากการเปลีย ่ นมาเป็ น
การสนทนาในฝ่ ายวิญญาณทีจ ่ าต ้องเกิดขึน ้ เพือ
่ กระทาให ้บรรลุผลสาเร็จในพันธสญั ญาใหม่!
อะไรได ้ได ้ถือปฏิบต ั ใิ นฝ่ ายเนือ ้ หนั งสาหรับอดีต,ได ้ปฎิบัตใิ นปั จจุบันนีใ้ นฝ่ าย
วิญญาณสาหรับพันธสญ ั ญาใหม่

ั ว์สะอาดและไม่สะอาด (เลวีนต
Clean and UNCLEAN animals / สต ิ บ
ิ ทที่ 11)
161
There are two very important reasons why THE LORD (through MOSES), gave the
people instructions of what animals could be eaten or touched, and considered clean or
UNCLEAN. The first reason was that the ingestion of certain types of meats and fowl, and
marine life without proper cooking would result in food poisoning. In the case of the pig
(swine) and other types of UNCLEAN animals, if those animals were not properly
preserved and cooked completely, then the parasites within the meat would cause damage
to a person's internal organs and probable death. The other reason was for the prevention
of the spreading of disease caused by the bacterial infection present in these animals.

มี 2 เหตุผลทีส ่ าคัญมากทาไม พระผู ้เป็ นเจ ้า มอบคาแนะนา(ผ่านโมเสส)


ให ้แก่ผู ้คนเกีย
่ วกับเรือ ่ งของสต ั ว์ตา่ งๆ ทีส
่ ามารถรับประทานได ้หรือทีส ั ผัสได ้
่ ามารถสม
และโดยพิจารณาให ้เป็ นสต ั ว์สะอาดหรือสต ั ว์ทเี่ ป็ นมลทิน(ไม่สะอาด)
สาเหตุแรกคือเป็ นสต ั ว์ระบบย่อยของสต ั ว์ทเี่ คีย
้ วเอือ
้ งประเภทไหนทีร่ ับประทานเป็ นเนือ ั ว์ได ้และ
้ สต
ั ว์ปีก และสต
สต ั ว์น้ าปราศจากการปรุงอาหารถูกต ้องจะมีผลทาให ้เกิดอาหารเป็ นพิษ

สาเหตุในกรณีของหมู (สุกร) และสต ั ว์ไม่สะอาดในประเภทอืน ่ ๆ


ถ ้าสต ั ว์เหล่านั น ้ ไม่ถก ู เก็บรักษาอย่างถูกต ้องและปรุงอาหารสุขอย่างสมบูรณ์
แล ้วพยาธิทอ ี่ าศัยอยูภ ่ ายในเนือ
้ สตั ว์จะทาให ้เกิดความเสย ี หายต่ออวัยวะภายในของบุคคลและอาจเ
ป็ นสาเหตุให ้เสย ี ชวี ต
ิ เหตุผลอืน ่ ๆนัน
้ เพือ่ เป็ นการป้ องกันของการแพร่กระจายของโรค
ทีเ่ กิดโดยเชอ ื้ แบคทีเรียจากสต ั ว์เหล่านี้

The CHILDREN of ISRAEL spent forty years wandering about in the wilderness
and did not have the facilities for the proper preservation and sanitation of their food, nor
even for themselves. Any infectious bacteria or viruses would spread amongst them and
could kill thousands of people in a very short period of time due to their close living
conditions. Without such things as running water, food preservatives, and cool storage for
their meat, the people could not eat most of the foods we commonly eat today, due to the
rapid deterioration and bacterial growth of those types of food.

ลูกหลานของอิสราเอลใชเวลา ้ 40 ปี
เร่รอ ่ นไปในสถานทีต ่ า่ งๆในถิน ่ ทุรกันดารและไม่ได ้มีสงิ่ อานวยความสะดวก การถนอมอาหาร
สาหรับการป้ องกันรักษาทีถ ่ ก
ู ต ้องและสุขาภิบาลเกีย ่ วกับอาหารของพวกเขา
หรือแม ้แต่สาหรับตัวของพวกเขาเอง
การติดเชอ ื้ แบคทีเรียหรือเชอ ื้ ไวรัสจะแพร่ระบาดท่ามกลางพวกเขาได ้อย่างง่ายดายและสามารถฆ่า
ผู ้คนนับพันในระยะเวลาสน ั ้ มาก เนือ ่ งจากสภาพความเป็ นอยูท ิ กันของพวกเขา
่ ใี่ กล ้ชด
ปราศจากน้ าไหลผ่าน, การเก็บ ถนอม รักษาอาหาร,
และการเก็บรักษาด ้วยความเย็นสาหรับเนือ ั ว์ของพวกเขา,
้ สต
ผู ้คนไม่สามารถรับประทานอาหารสว่ นใหญ่ ทีเ่ ราทานปกติในวันนี,้
เนือ ่ งจากการเสอ ื่ มสภาพอย่างรวดเร็วและแบคทีเรียเจริญเติบโตในชนิดของอาหารเหล่านั น ้

162
Because these people were very stubborn and only FEARED sinning against GOD,
GOD had to forbid them to eat certain animals. GOD told the people that these animals were
unclean and forbidden to eat, otherwise they would have eaten them and died. These
STATUTES given to them by MOSES about the forbidden foods were given to them more so
for their own protection against disease, rather than it being a sinful action against GOD.

เพราะว่าผู ้คนเหล่านีเ้ ป็ นคนดือ้ รัน


้ หัวแข็ง
และมีเพียงการเกรงกลัวการกระทาผิดต่อต ้านพระเจ ้า,
พระเจ ้าจึงต ้องห ้ามพวกเขาทีจ ่ ะรับประทานสต ั ว์บางชนิดโดยเฉพาะ
พระเจ ้าตรัสบอกผู ้คนว่าสต ั ว์เหล่านีไ้ ม่สะอาดและห ้ามทาน,
มิฉะนัน ้ พวกเขาจะกินพวกเขาและเสย ี ชวี ติ กฎระเบียบเหล่านีม
้ อบให ้แก่พวกเขาโดยโมเสส
เกีย
่ วกับอาหารต ้องห ้ามถูกให ้สาหรับพวกเขาเพิม ่ มากขึน

เพือ่ เป็ นการป้ องกันร่างกายของพวกเขาเองต่อโรคระบาด
แทนทีจ ่ ะเป็ นการกระทาความบาปต่อต ้านพระเจ ้า

Diagnosis of Disease, Separation and Quarantine

การวินจ
ิ ฉั ยโรคและการแยกและกักกันโรคติดต่อ

MOSES and the Priests, being protected themselves against disease by GOD, had not
only to provide the people with SPIRITUAL and Practical Leadership, but also had to look
after the people's health and well being. In chapters 12 through 15 of the Book of Leviticus,
GOD teaches MOSES how to diagnose and safeguard against the spread of leprosy
throughout the camp.

โมเสสและปุโรหิต,มีภม ิ ุ ้มกันต่อต ้านโรคต่างๆของพวกเขา ซงึ่ เป็ นการปกป้ องโดยพระเจ ้า,


ู ค
่ องพวกเขาไม่ใชเ่ พียงแต่จัดเตรียมผู ้คนในฝ่ ายจิตวิญญาณและฝึ กสอนการเป็ นผู ้นา,
หน ้าทีข
แต่ยังต ้องดูแลสุขภาพของผู ้คนและให ้มีความเป็ นอยูท ่ ด ื เลวีนต
ี่ ี ในบทที่ 12 -15 ของหนั งสอ ิ ,ิ
พระเจ ้าสอนโมเสสถึงวิธก
ี ารวินจ ิ ฉั ยและการป้ องกันต่อต ้านการแพร่กระจายของโรคเรือ ้ นทั่วไปทัง้ ค่
าย

In these chapters GOD explains to MOSES how to recognize the difference between
skin irritations and the early warning signs of leprosy. HE also teaches MOSES how to
quarantine the people to prevent the spreading of these diseases and how to contain and
disinfect contaminated areas. GOD identifies disease in the same manner that HE identifies
SIN. Disease is a corruption of the flesh, and SIN is a CORRUPTION of THE SPIRIT.

ในบทเหล่านีพ้ ระเจ ้าอธิบายต่อโมเสสในเรือ ่ งการทีจ


่ ะรู ้จักความแตกต่างระหว่างผิวระคายเคื
องและสญ ั ญาณตือนแรกๆของโรคเรือ ้ น พระองค์ยงั สอนโมเสส ถึงวิธก ี ารกักกันโรคติดต่อจากผู ้คน
เพือ
่ ป้ องกันการแพร่กระจายของโรคเหล่านีแ ้ ละวิธก
ี ารบรรจุและฆ่าเชอ ื้ บริเวณทีป่ นเปื้ อน

163
พระเจ ้าระบุโรคในลักษณะเดียวกันกับทีพ ่ ระองค์ระบุบาป โรคภัยไข ้เจ็บ
เป็ นการคอรัป(ทาลาย)ให ้เนือ ื่ มสภาพและความบาปเป็ นการคอรัปชน
้ หนั งเสอ ั่
ทาลายในฝ่ ายจิตวิญญาณ

JESUS was never sick from any kind of illness in his entire life upon the earth because
HE was free from SIN. Disease is a result of SIN, and GOD will not allow anyone with a
disease near to HIM, as HE will also not allow anyone with SIN near to HIM. Any of the
CONGREGATION of the CHILDREN of ISRAEL who had any sort of illness were considered
UNCLEAN, and could not come amidst the CONGREGATION for certain periods of time.
These periods of time varied depending on the particular illness.

พระเยซูคริสต์ ไม่เคยป่ วยจากโรคภัยไข ้เจ็บชนิดใดๆในชว่ งชวี ต ิ ทัง้ หมดของพระองค์


ทีอ ่ ยูบ
่ นแผ่นดินโลก เพราะว่าพระองค์เป็ นอิสระ(ปราศจาก)บาป
โรคภัยไข ้เจ็บเป็ นผลของความบาปและพระเจ ้าจะไม่อนุญาตใครก็ตามทีเ่ ป็ นคนป่ วยเข ้าใกล ้กับพระ
องค์ เหมือนทีพ ่ ระองค์ไม่อนุญาตใครก็ตามทีก ่ ระทาบาป เข ้าใกล ้กับพระองค์
ผู ้ใดในสถานทีป ่ ระชุมของลูกหลานของอิสราเอล ถ ้ามีโรคภัยไข ้เจ็บใดๆ
นัน
้ ถูกพิจารณาเป็ นมลทิน(ไม่สะอาด) และไม่สามารถมาอยูท ่ า่ มกลางการชุมนุมกัน
ในระยะชว่ งเวลาทีก ่ าหนดไว ้ ชว่ งเวลาเหล่านีแ
้ ตกต่างการขึน
้ อยูก
่ ับโรคภัยไข ้เจ็บในแต่ละอย่าง

Laws Regarding Sexuality /

กฎหมายต่างๆเกีย
่ วกับเรือ
่ งเพศ

THE LORD has specific LAWS governing one's sexual behavior. These are clearly
WRITTEN in chapter 18 of the Book of Leviticus. As we have discussed earlier in this BOOK,
the "UNCOVERING of ANOTHER PERSON'S NAKEDNESS", is an act of having a sexual
activity with a person who has been dedicated or is related to another family member
through kinship or marriage. THE LORD is quite clear on these MORAL STANDARDS. GOD
forbids anyone should have any sexual activity with a woman during her female cycle. HE
also forbids anyone to have any homosexual relationships, as either of these ACTS are
considered IMMORAL and is an ABOMINATION unto GOD!

พระผู ้เป็ นเจ ้ามีกฎระเบียบเฉพาะในการปกครองดูแล ความพฤติกรรมทางเพศของคนๆหนึง่


ไว ้อย่างชดั เจน โดยเขียนบันทึกไว ้ในบทที่ 18 ของหนั งสอ ื เลวีนต
ิ ิ
เหมือนทีพ ่ วกเราได ้อภิปรายไปตัง้ แต่เริม่ แรกๆของหนั งสอื
“การเปิ ดของลับในการเปลือยกายของผู ้อืน ่ ”
เป็ นการกระทากิจกรรมทางเพศกับบุคคลผู ้ซงึ่ ได ้ยินยอมหรือ
การมีความสม ั พันธ์ทางเพศกับสมาชก ิ ครอบครัวคนๆอืน่ ผ่านความเป็ นญาติเกีย
่ วดองกันหรือเป็ นการ
ั เจนบน
แต่งงาน พระผู ้เป็ นเจ ้าค่อนข ้างกล่าวไว ้อย่างชด
มาตรฐานตามหลักจริยธรรมความประพฤติเหล่านี้

164
พระเจ ้าห ้ามใครก็ตามทีจ ั พันธ์รักร่วมเพศใดๆ,การกระทาเหล่านี(้ ชายกับชาย
่ ะมีความสม
หญิงกับหญิง) พิจารณาเป็ นการไร ้ศล ี ธรรมและเป็ นสงิ่ ทีน
่ ่ารังเกียจสะอิดสะเอียนแก่พระเจ ้า!

The woman's female cycle is a blood cleansing period prior to ovulation and during
that period of time, the woman is considered to be UNCLEAN as she is disposing of her
bodily wastes. Homosexual relationships are a fleshly sexual act and not an act of love! The
ACT of HOMOSEXUAL behavior is an ACT AGAINST THE LORD'S making of MAN and
WOMAN exclusively for each other!

รอบประจาเดือนของผู ้หญิงเป็ นระยะเวลาการทาความสะอาดเลือดก่อนการตกไข่และในระหว่างทีช ่ ่


วงเวลานี,้ ผู ้หญิงถูกพิจารณาว่าเป็ นมลทิน(ไม่สะอาด)ขณะที่
เธอกาลังขับของเสย ี ทีไ่ ม่มป
ี ระโยชน์ออกจากร่างกายของเธอ
ชายรักร่วมเพศเป็ นการกระทาทางเพศในฝ่ ายเนือ ้ หนั งและไม่ใชเ่ ป็ นการกระทาของความรัก!
พฤติกรรมของชายรักร่วมเพศเป็ นการกระทาต่อต ้านการทรงสร ้าง
มนุษย์ผู ้ชายและผู ้หญิงของพระผู ้เป็ นเจ ้า
ซงึ่ เป็ นสงิ่ ทรงสร ้างอย่างพิถพ ี ถ ่ สง่ เสริมความสม
ิ ันโดยเฉพาะเพือ ั พันธ์ทด ี่ งี ามกันและกัน

The Devil HATES the woman, for it was because of her that he fell from HEAVEN.
One must remember that the Devil, Lucifer, is himself a homosexual and wants all his
following to be just like him! The following Scripture will verify that the Devil is a
HOMOSEXUAL as the Scripture speaks to his description!

มารซาตานเกลียดผู ้หญิง เพราะเธอเป็ นสาเหตุทาให ้ ซาตานได ้ร่วงหล่นจากสวรรค์


คนหนึง่ ต ้องจดจาไว ้ว่า มารซาตาน, ลูซเี ฟอร์, ตัวเขาเองเป็ นชายรักร่วมเพศ
และต ้องการผู ้ทีต
่ ด
ิ ตามเขาทัง้ หมดนัน
้ เป็ นเหมือนเขา! ข ้อพระคัมภีรด
์ ังต่อไปนี้
จะพิสจ
ู น์ตรวจสอบให ้เห็นว่ามารซาตานเป็ น ชายรักร่วมเพศ ดังข ้อความในพระคัมภีรน ์ ี้
มีรายละเอียดของเขา!

Daniel 11 :37 Neither shall he regard the GOD of his fathers, nor the desire of women, nor
regard any god: for he shall magnify himself above all.

ดาเนียล 11:37 เขาจะไม่เชอ ื่ ฟั งพระเจ ้าแห่งบรรพบุรษ ุ ของเขา


ื่ ฟั ง(มีปรารถนาต่อ)ผู ้หญิงมาเป็ นทีร่ ัก เขาจะไม่เชอ
หรือเชอ ื่ พระ(เจ ้า)องค์ใดๆเลย
เพราะเขาจะพองตัวเองเหนือทุกสงิ่ ทุกอย่าง

A sexual desire without the ingredient of LOVE is a physical LUST and not a
SPIRITUAL DESIRE and is driven purely by the flesh. This does not mean that two persons
being of the opposite sex should not be sexually attracted to one another. This ACT should
be an expression of LOVE of one towards the other, and that also those two people should
still have the desire to be together after the sexual act has occurred.

165
ความต ้องการทางเพศปราศจากสว่ นผสมของความรักนัน ้ เป็ นกิเลสตัณหาทางร่างกาย
และไม่ใชค ่ วามต ้องการฝ่ ายวิญญาณและถูกขับเคลือ่ นโดยเนือ ิ้ เชงิ
้ หนั งอย่างสน
้ ม่ได ้หมายความว่าคนสองคนซงึ่ เป็ นเพศตรงข ้าม ไม่ควรจะมีความดึงดูดทางเพศกันและกัน
นีไ
การกระทานีค ้ วรจะเป็ นการแสดงออกของความรักของคนๆหนึง่ ไปยังอีกคนหนึง่ ,
และพวกเขาทัง้ สองคน ยังคงมีความปรารถนาทีจ ่ ะอยูด
่ ้วยกันหลังจากการมีเพศสม ั พันธ์ทเี่ กิดขึน

THE LORD in Leviticus advises MOSES on these MORAL VALUES and STANDARDS
because HE KNOWS that the CHILDREN of ISRAEL will soon be entering into the land of
Canaan where all of these forbidden acts are performed routinely. The people that lived in
the land of Canaan were continually offering sacrifices to devils and sacrificing their own
children in unholy religious ceremonies. THE LORD WARNS MOSES against these immoral
acts and also WARNS that if the CHILDREN of ISRAEL were to participate in this type of
behavior, THEY WOULD BE CUT OFF FROM ISRAEL!

ในเลวีนต ิ พ ิ ระผู ้เป็ นเจ ้า ได ้ให ้คาแนะนาแก่โมเสส ในคุณธรรม ศล ี ธรรม


จริยธรรมเหล่านีแ ้ ละเพือ ่ เป็ นมาตรฐานนามาปฏิบัต ิ เพราะว่าพระองค์รู ้ว่า ในไม่ชา้
ลูกหลานของอิสราเอล จะเข ้าไปในดินแดนคานาอัน การกระทาต ้องห ้ามเหล่านีท ้ ัง้ หมด
ควรเป็ นทีร่ ับรู ้แก่ทก ุ คน แต่สาหรับผู ้คนทีอ ่ าศัยอยูใ่ นดินแดนคานาอัน
ทีย่ ังคงถวายเครือ ่ งบูชาแก่มารซาตานอย่างต่อเนือ ่ งและมีการถวายเครือ ่ งบูชาลูกหลานของพวกเขา
เองในบรรดาพิธก ี ารทางศาสนาทีไ่ ม่บริสท ุ ธิ์
พระผู ้เป็ นเจ ้าตักเตือนผ่านโมเสสให ้ต่อต ้านการกระทาทีไ่ ร ้ศล ี ธรรมเหล่านีแ
้ ละยังตักเตือนว่า
ถ ้าลูกหลานของอิสราเอลได ้มีสว่ นร่วมในพฤติกรรมเหล่านี,้
พวกเขาจะถูกตัดออกจากชนชาติอส ิ ราเอล!

Leviticus 18:30 Therefore shall ye keep mine ordinance, that ye commit not anyone of
these ABOMINABLE CUSTOMS, which were committed before you, and that ye DEFILE not
yourselves therein: I AM THE LORD your GOD.

เลวีนติ ิ 18:30 เพราะฉะนัน้ เจ ้าทัง้ หลายจงรักษากฎของเรา


เจ ้าอย่าประพฤติตามธรรมเนียมอันน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้ ซงึ่ เขาประพฤติกันมาก่อนเจ ้า
และอย่าทาตัวเจ ้าให ้เป็ นมลทินด ้วยสงิ่ เหล่านี้ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเจ ้า”

Laws regarding personal behavior

่ วกับพฤติกรรมสว่ นตัว
กฎระเบียบเกีย

THE LORD instructs MOSES that once the people settle into the land and they have
planted their crops that they should not mingle the various types of seed. HE also TELLS
MOSES that they should also leave some of the fruit and the vegetables in the field after
their initial picking of their crops for the poor, for the stranger, and for the fatherless.

166
ี้ นะโมเสสว่า
พระผู ้เป็ นเจ ้าชแ
เมือ
่ ผู ้คนตัง้ ถิน
่ ฐานเข ้าไปในแผ่นดินและพวกเขาได ้ปลูกพืชเพือ
่ นามาเป็ นธัญญาหารของพวกเขานั ้
น พวกเขาไม่ควรจะผสมพืชข ้ามสายพันธุ(์ ตัดแต่งพันธุกรรม เชน ่ GMO ในปั จจุบัน)
พระองค์ยังตรัสบอกโมเสสว่าพวกเขาควรจะทิง้ บางสว่ นของผลไม ้และผักในทุง่ หญ ้า
หลังจากเริม ่ ต ้นฤดูของการเก็บเกีย่ วของธัญญาหารของพวกเขาไว ้สาหรับคนยากจน,
สาหรับคนแปลกหน ้า, และสาหรับผู ้ทีก ่ าพร ้าพ่อ

GOD further INSTRUCTS MOSES that the CHILDREN of ISRAEL should not lie to
one another, or deal falsely, nor rob each other, nor cheat anyone out of their wages, and
that they should fairly measure all that is either to be sold or to be bought. They also should
not crossbreed any of their animals, nor make any garments from linen mingled with wool.
GOD also tells MOSES when a tree that bears fruit is planted that the fruit of it should not be
gathered or eaten for the first three years, but it should rather be left on the vine. THE
LORD tells MOSES that the CHILDREN of ISRAEL should love their neighbor as they love
themselves (just as JESUS had said to HIS Disciples), and that any stranger that lives among
them should be treated like a family member.

พระเจ ้าชแ ี้ นะโมเสสต่อไปว่าลูกหลานของอิสราเอลไม่ควรจะโกหกซงึ่ กันและกัน, หรือเกีย ่ ว


ข ้องกับการหลอกลวง, หรือไม่ขโมยซงึ่ กันและกัน,
หรือไม่โกงใครก็ตามในค่าจ ้างของพวกเขาและพวกเขาควรจะวัดปริมาณอย่างยุตธิ รรมทัง้ หมด
ไม่วา่ จะเป็ นการขายหรือการซอ ื้
พวกเขายังไม่ควรจะผสมข ้ามพันธุใ์ ดๆของสต ั ว์ทัง้ หลายของพวกเขา,
หรือไม่ทาเครือ ่ งแต่งกายใดๆจากทีท ่ าด ้วยผ ้าลินนิ ปนกันกับขนสตั ว์ พระเจ ้ายังตรัสบอกโมเสส
เมือ่ ปลูกต ้นไม ้ทีอ
่ อกผลนัน ้ ไม่ควรเก็บผลนัน ้ หรือกินผลชว่ งเวลา 3 ปี แรก, แต่ควรจะทิง้ ไว ้บนไม ้เถา
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสสว่าลูกหลานของอิสราเอลควรจะรักเพือ ่ นบ ้านของพวกเขาอย่างทีพ ่ วกเ
ขารักตัวเขาเอง (เชน ่ เดียวกับพระเยซูได ้ตรัสไปยังบรรดาสาวกของพระองค์)
และว่าคนแปลกหน ้าใดๆทีอ ่ าศัยอยูท
่ า่ มกลางพวกเขาควรจะถูกปฏิบัตเิ หมือนสมาชก ิ ครอบครัว

THE LORD also WARNS MOSES against the CHILDREN of ISRAEL having any
dealings whatsoever with witches or wizards, with those that have familiar spirits (those
who talk to the dead), or enchanters, or astrologers, or evil worshippers. THE LORD further
instructs MOSES to tell the people about their sexual behavior and how it should be
governed. And, also, how the CHILDREN of ISRAEL should not have any sexual encounters
between fathers and daughters, brothers and sisters, mothers and sons, or man with man
or woman with woman, or mankind with any animal of any sort.

พระผู ้เป็ นเจ ้ายังเตือนโมเสสต่อต ้านลูกหลานของอิสราเอล


ว่าอย่ามีการติดต่อใดๆไม่วา่ อะไรก็ตามกับแม่มดหรือพ่อมด(พวกไสยศาสตร์)
หรือกับพวกเขาเหล่านั น ้ ทีม
่ วี ญ ่ ร่างทรง
ิ ญาณในลักษณะเดียวกัน (เชน
่ ๆซงึ่ สามารถพูดคุยกับคนตาย) หรือหมอทาเสน่ห ์ หรือนักโหราศาสตร์
หรืออืน
หรือผู ้บูชาความชวั่ ร ้าย พระผู ้เป็ นเจ ้าชแ
ี้ นะต่อไปว่า
167
โมเสสควรจะบอกผู ้คนเกีย ่ วกับพฤติกรรมทางเพศของพวกเขาและควรจะมีปกครองดูแลอย่างไร
และลูกหลานของอิสราเอลไม่ควรจะ มีพฤติกรรมทางเพศระหว่างบิดาและบุตรสาว, พีช ่ าย
น ้องชายและพีส่ าว น ้องสาว, มารดาและบุตรชาย, หรือชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง,
หรือมนุษย์กับสต ั ว์ชนิดใดๆ

The penalties for anyone committing one of these acts was that they were to be
stoned to death . HOWEVER THESE PENALTIES NO LONGER APPLY BECAUSE JESUS
CHRIST abolished capital punishment! So even though these acts are still against GOD'S
STATUTES and PRECEPTS for ALL of MANKIND, the penalties for committing these acts or
for that matter even the breaking of any of GOD'S LAWS, are no longer punishable by death.
THEREFOR, by the AUTHORITY of JESUS CHRIST, CAPITAL PUNISHMENT WAS ABOLISHED
and man does not have the right to take another persons LIFE, other than in self-defense, or
in an act of war, or by accident, or by unintentional negligence. This can be CONFIRMED
through the Scriptures of the GOSPELS of JESUS CHRIST.

บทบาทลงโทษสาหรับใครก็ตาม ทีไ่ ด ้กระทาสงิ่ ชวั่ ร ้าย ผิดศล ี ธรรม


หนึง่ ของการลงโทษในการกระทาเหล่านัน ้ พวกเขาจะถูกหินขว ้างปาถึงแก่ความตาย
แม ้ว่าบทลงโทษเหล่านีจ ้ ะไม่นามาประยุกต์ใชอี้ กต่อไป เพราะว่าพระเยซูคริสต์
เลิกล ้มการลงโทษทีถ ่ งึ ความตาย ! ดังนัน้ ถึงแม ้ว่าการกระทาเหล่านีย ้ ังคงต่อต ้าน
กฎระเบียบของพระเจ ้าและกฏข ้อบังคับต่างๆทีม ่ ไี ว ้สาหรับมนุษย์ทก
ุ คน,
บทลงโทษสาหรับการกระทาสงิ่ ชวั่ ร ้ายเหล่านี้
หรือจะเป็ นการทาลายสงิ่ ใดๆในกฎระเบียบของพระเจ ้า,
นัน
้ ไม่สมควรแก่การถูกลงโทษถึงแก่ความตายอีกต่อไป ด ้วยเหตุน,ี้
โดยสท ิ ธิอานาจของพระเยซูคริสต์, การลงโทษทีม ่ โี ทษถึงตายถูกเลิกล ้ม
และมนุษย์ไม่มส ิ ธิทจ
ี ท ี่ ะเอา ชวี ต
ิ บุคคลอืน่ ๆ, นอกเหนือในการป้ องกันตัวเอง,
หรือในการกระทาของสงคราม, หรือโดยอุบัตเิ หตุ, หรือโดยประมาทซงึ่ ไม่ได ้เจตนา
ดังทีก่ ล่าวมานีส
้ ามารถเป็ น การยืนยัน ผ่านทางข ้อความในพระคัมภีรข ์ อง
ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์

In Chapter 8, of the GOSPEL of John: A woman, who was caught in the act of
ADULTERY (which was a crime punishable by death), was brought before JESUS. The
Pharisees in an act to trick JESUS thought to put HIM into a "NO WIN SCENARIO". The Jews
at that time were not allowed by Roman Law to put anyone to death. However, by the LAW
given by MOSES, ADULTERY was a crime that was punishable by death. When JESUS was
asked what should be done with the woman that was caught in the act of ADULTERY, if HE
were to say "stone her", then HE would be breaking the Roman Law. If he were to say "free
her", then HE wasn't abiding by MOSES' LAW. But what JESUS SAID WAS, "HE THAT IS
WITHOUT SIN AMONG YOU, LET HIM FIRST CAST A STONE AT HER".

ในบทที่ 8, ของพระกิตติคณ
ุ ของยอห์น: หญิงคนหนึง่ ,
ผู ้ซงึ่ ถูกจับในการกระทาของการล่วงประเวณี/ชู ้ (เป็ นลักษณะความผิดทางศล
ี ธรรม (หรือ

168
อาชญากรรม)สมควรแก่การถูกลงโทษโดยความตาย), ถูกนามาต่อหน ้าพระเยซู เป็ นใชเล่ ้ หเ์ หลีย
่ ม,
เพทุบายของพวกฟารีส ี เพือ ่ เป็ นการจับผิดพระเยซู ให ้พระองค์เข ้าไปในสู่ “ในสถานะการณ์
ทีไ่ ม่สามารถมีชย ั ชนะ” ในเวลานัน ้ โดยกฎระเบียบโรมันต่อพวกยิวนัน ้
ไม่ได ้รับอนุญาตจัดการกับใครก็ตามจนถึงแก่ความตาย ถึงแม ้ว่า,โดยกฎระเบียบมอบให ้โดยโมเสส,
การล่วงประเวณี/ชู ้ เป็ นความผิดทางศล ี ธรรม สมควรแก่การถูกลงโทษถึงแก่ความตาย
เมือ่ พระเยซูถก ู ถาม (จากพวกฟารีส)ี สงิ่ ทีค ่ วรจะทาแก่หญิงทีถ่ ก
ู จับ จากการกระทาล่วงละเมิดใน
การล่วงประเวณี/ชู,้ และถ ้าพระองค์ได ้ตรัสว่า “เอาหินขว ้างเธอให ้ตาย”
จากนัน ้ พระองค์จะทาลายกฎระเบียบโรมัน ถ ้าพระองค์ตรัสว่า “ปล่อยเธอ”
จากนัน ้ พระองค์ไม่ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบโดยโมเสส แต่สงิ่ ทีพ ่ ระเยซูตรัสคือ,
“ผู ้ใดในพวกท่านทีไ่ ม่มบ ี าป ก็ให ้ผู ้นัน
้ เอาหินขว ้างเธอก่อน”

After JESUS SPOKE these WORDS they all through their own guilt left one by one
until there was only JESUS and the ADULTERESS left there. What JESUS was demonstrating
in the Scripture, is that no man is worthy to condemn another to death. If a person should
be accused of breaking one of either GOD'S LAWS or man's laws then that person should be
justly tried for the crime.

หลังจากทีพ่ ระเยซูตรัส ตรัสถ ้อยคาเหล่านี้ พวกเขาทัง้ หมด


ผ่านความสานึกผิดของพวกเขาเองได ้ออกจากทีน ่ ั่ นไปทีละคน
จนกระทั่งมีเหลือเพียงพระเยซูและหญิงทีถ ู จับในความผิดฐานเป็ นชู ้
่ ก
สงิ่ ทีพ
่ ระเยซูได ้แสดงออกในข ้อความในพระคัมภีร,์ ไม่มม ี นุษย์ผู ้ใด
ควรค่าทีจ ่ ะตัดสนิ คนอืน
่ ในการกระทาความผิดจริงนัน ้ ถึงความตาย
ถ ้าบุคคลหนึง่ ควรจะถูกกล่าวโทษ ไม่วา่ ในการล่วงละเมิด กฎระเบียบของพระเจ ้า
หรือกฎระเบียบข ้อบังคับของมนุษย์ จากนัน ้ ทีบ่ ค
ุ คลนัน ้ ควรจะถูกพิจารณา อย่างยุตธิ รรม
ว่าเป็ นคนทีพ ่ ยายามทาผิดทางอาญา (หรือทางศล ี ธรรมจริยธรรม)

If they are found guilty and convicted of the crime they should be imprisoned and
put into hard labor, for as many days as the crime may warrant, even up to the balance of
that person's life. But those in conviction of that person must REMEMBER that it was GOD
that gave that person their life and that only HE MAY TAKE IT FROM THEM! Imprisonment
and hard labor will give that person MANY HOURS to consider the crime that they
committed and also a chance to REPENT for that crime.

ถ ้าพบว่าพวกเขามีความผิดและถูกตัดสน ิ ว่ามีความผิดทางอาญา
พวกเขาควรจะถูกจองจาในคุกและจัดวางเขาเป็ นคนใชแรงงานอย่ ้ างหนั ก,
กับความผิดทางอาญาเป็ นการลงโทษตามสมควรสาหรับหลายวัน,
บางทีอาจจะชวั่ ชวี ต ิ ของบุคคลนัน ้ แต่ในการลงโทษเหล่านัน ้ ของบุคคลนัน ้ เพือ
่ จะได ้ระลึกถึงว่า
้ เป็ นพระเจ ้าทีไ่ ด ้ไว ้ชวี ต
นัน ิ แก่บคุ คลเหล่านัน
้ และมีเพียง
พระองค์มส ิ ธิทจ
ี ท ี่ ะเอาชวี ต ิ ไปจากพวกเขา!
การจองจาในคุกและการลงโทษโดยการทางานอย่างหนัก แก่บค ้ เป็ นเวลา หลายชวั่ โมง
ุ คลนัน

169
เพือ ่ วกเขาได ้กระทา สงิ่ ชวั่ ร ้ายและมีโอกาสทีก
่ เป็ นการพิจารณาความผิดทางอาญาทีพ ่ ลับใจ
จากความผิดทางอาญานั น ้ ด ้วย

Until the TIME of JESUS CHRIST it was LIFE for LIFE, eye for eye, and tooth for tooth.
But JESUS gave his LIFE willingly for ALL of MANKIND. JESUS PAID THE PRICE FOR ALL
CRIME WITH HIS LIFE, even though HE HIMSELF had never committed a CRIME!

จนกระทั่งมาถึงสมัย เวลาของพระเยซูคริสต์ สมัยก่อนเป็ นชวี ต


ิ สาหรับชวี ติ , ตาสาหรับตา,
และฟั นสาหรับฟั น แต่พระเยซูมอบสละชวี ต
ิ ของพระองค์อย่างเต็มใจสาหรับมนุษย์ทัง้ หมด
พระเยซูจา่ ยราคาสาหรับ ความผิดบาปทีส่ มควรได ้รับการลงโทษทัง้ หมดด ้วยชวี ต ิ ของพระองค์,
ถึงแม ้ว่าพระองค์เองไม่เคยกระทาความผิดบาป

Rules regarding Priesthood and Feasts

กฎระเบียบเกีย
่ วกับความเป็ นปุโรหิตและวันเทศกาล

The Priests that were allowed to go behind the VEIL had certain rules that they had to
comply with before doing so. One of those RULES was that THE LORD would not allow
anyone in the Priesthood that had any blemish whatsoever on him to come in behind the
VEIL. All of the Priests at that time were of the family of Aaron and THE LORD wanted to
make clearly known to MOSES those who could and those who could not come behind the
VEIL. This was for their own protection, however, when you READ the specifics in the Book
of Leviticus on the rules, they may seem to be a bit odd. The ANGELS assigned to PROTECT
THE THRONE of GOD take their responsibilities most seriously.

บรรดาปุโรหิตทีไ่ ด ้รับอนุญาตให ้เข ้าไปหลังม่าน มีกฎข ้อบังคับ


ระเบียบอย่างเฉพาะเจาะจงทีพ ่ วกเขาต ้องปฏิบัตต ิ ามก่อนทีจ ่ ะเข ้าไป หนึง่ ในกฎเหล่านัน

ทีพ ่ ระผู ้เป็ นเจ ้าจะไม่อนุญาต
ให ้ใครก็ตามทีด ่ ารงความเป็ นปุโรหิตนัน้ มีมลทินใดๆไม่วา่ อะไรก็ตามบนตัวเขา
ทีจ ่ ะเข ้ามาในหลังม่าน ปุโรหิตทุกคนในเวลานัน ้ เป็ นคนจากครอบครัวของอาโรนและพระผู ้เป็ นเจ ้า
ต ้องการสาแดงอย่างชด ั เจนให ้โมเสสรับรู ้ไว ้ ว่าเป็ นผู ้ใดสามารถและผู ้ใดไม่สามารถเข ้ามาหลังม่าน
นีเ้ ป็ นการป้ องกันสาหรับตัวของพวกเขาเอง, แต่อย่างไรก็ตาม,
เมือ ่ คุณอ่านในหนั งสอ ื เลวีนต
ิ โิ ดยเฉพาะชว่ งกฎระเบียบ,
สงิ่ เหล่านีอ ้ าจจะดูเหมือนจะค่อนข ้างแปลกอยูเ่ ล็กน ้อย
เพราะทูตสวรรค์เหล่านัน ้ ได ้ถูกมอบหมายเพือ ่ ป้ องกันราชบัลลังก์ของพระเจ ้า
โดยจะมีความรับผิดชอบของพวกอย่างเอาจริงจังมากทีส ่ ด

Any ill or maimed, or disfigured, or dwarfed, or gimped, or blind, or deaf, or


speechless person, even though GOD LOVES THEM, would be considered by the ANGEL to
be a THREAT to THE THRONE of GOD.

170
ทุกๆคนทีม ่ อ
ี าการเจ็บป่ วยหรือพิการ, หรือผิดรูปผิดร่าง,รูปร่างผิดปกติ หรือแคระแกร็น,
หรือเดินขโยกเขยก, หรือตาบอด, หรือหูหนวก, หรือบุคคลทีพ ่ ด
ู ไม่ได ้ (ใบ ้),
ถึงแม ้ว่าพระเจ ้ารักพวกเขา, จะถูกพิจารณาโดยทูตสวรรค์ทจ ี่ ะเป็ น
ภัยคุกคามต่อราชบัลลังก์ของพระเจ ้า

These varying defects are viewed to be unholy in the same manner as SIN and when
identified by the ANGEL as being in the PRESENCE of GOD, persons with those defects
would be immediately CONSUMED by FIRE for PURIFICATION purposes. THE HOLY cannot
be commingled with the unholy, even for a moment! This is why GOD gave you JESUS
CHRIST, so that man even being imperfect could be commingled with HIM through JESUS
who is the PERFECT MAN, THE LAMB without blemish!

ความบกพร่องของร่างกายหลากหลายรูปแบบเหล่านี้
ถูกมองดูทจ ี่ ะเป็ นสงิ่ ทีไ่ ม่บริสท
ุ ธิใ์ นลักษณะเดียวกันกับความบาปและถูกระบุโดยทูตสวรรค์ทอ ี่ ยูต
่ อ

หน ้า พระพักตร์การทรงสถิตย์ของพระเจ ้า,
บุคคลเหล่านัน ้ กับความบกพร่องเหล่านีจ ้ ะถูกเผาทันทีทันใดโดยไฟ
เพือ ่ เป้ าหมายของการชาระทาให ้บริสท ุ ธิ์ สถานทีศ ั ดิส
่ ก ิ ธิไ์ ม่สามารถผสมผสานกับซงึ่ ไม่บริสท
์ ท ุ ธิ,์
แม ้แต่เพียงครูเ่ ดียว!นีค ่ อ
ื เหตุผลทีพ ่ ระเจ ้ามอบพระเยซูคริสต์,ให ้แก่คณ ุ
จากนัน ้ มนุษย์ทอ ี่ ยูใ่ นความไม่สมบูรณ์
อาจจะผสมผสาน(เสริมจนเป็ นหนึง่ เดียวกัน)กับพระองค์ผา่ นทาง พระเยซู
ผู ้ซงึ่ เป็ นมนุษย์สมบูรณ์ไร ้ตาหนิ, ลูกแกะปราศจากตาหนิใดๆ!

The Book of Leviticus also covers other rules as well as the aforementioned. The
Priests who came BEHIND the VEIL could not come near to any dead persons except under
certain conditions due to the Priest's relationship with the deceased. However, even then
the Priests were considered to be unclean for a specified time and had a time period and a
methodology for PURIFICATION prior to them coming behind THE VEIL. The HIGH PRIEST
(Aaron) could never go near to a dead body even if it was his own mother or father.

หนังสอ ื เลวีนต ิ ยิ ังครอบคลุมไปถึงกฎระเบียบอืน ่ ๆทีก


่ ล่าวมาก่อนหน ้านี้
ปุโรหิตผู ้ซงึ่ เข ้ามาข ้างหลังม่านไม่สามารถเข ้าใกล ้กับคนตายใดๆ
ยกเว ้นภายใต ้เงือ ่ นไขของคนทีม ่ ค ั พันธ์เกีย
ี วามสม ่ วข ้องกับปุโรหิตอย่างไกล ้ชด ิ นั น
้ ถึงแก่ความตาย
แต่อย่างไรก็ตาม
จากนัน้ ปุโรหิตถูกพิจารณาว่าเป็ นมลทินสาหรับเวลาทีก ่ าหนดและมีชว่ งระยะของเวลาและมีวธิ ก ี าร
สาหรับการทาให ้บริสท ุ ธิ์ ก่อนทีพ
่ วกเขาการมาข ้างหลังม่าน แต่ปโุ รหิตชน ั ้ สูง (อาโรน)
ไม่สามารถไปใกล ้กับศพคนตาย แม ้ว่าจะเป็ นมารดาหรือบิดาของเขาเอง

The Priests were also forbidden to marry outside of virginity, or outside of the
LINEAGE of the Tribe of Levi. The Levite PEDIGREE had to remain INTACT and any
marriage outside of the Levites would cause that person to be removed from the

171
Priesthood. Any VIOLATIONS of these RULES for a person coming behind the VEIL would
result in their immediate death by consummation with FIRE.

่ ะแต่งงานกับผู ้หญิงทีไ่ ม่ใชเ่ ป็ นหญิงพรหมจารีย,์


ปุโรหิตยังถูกห ้ามทีจ
หรือนอกเหนือจากเชอ ื้ สายของเผ่าเลวี
ื้ สายของบรรพบุรษ
เชอ ุ เลวีต ้องยังคงเหมือนเดิมและการแต่งงานใดๆ
นอกเหนือของเผ่าเลวีจะเป็ นเหตุให ้บุคคลนัน ้ จะถูกไล่ออกจากการเป็ นปุโรหิต
การฝ่ าฝื นใดๆของกฎระเบียบเหล่านี้
สาหรับบุคคลทีเ่ ข ้ามาหลังม่านจะมีผลในความตายทันทีของพวกเขา โดยการเผาด ้วยไฟ

In Chapter 10 of the Book of Leviticus it tells of how Aaron's two sons, Na-dab and
A-bi'-hu who had been drinking wine and went BEHIND the VEIL, were consumed by FIRE!
This was for their offering of strange incense in their censors while they were behind the
VEIL. After that incident, GOD forbade the Priests to drink either wine or strong drink prior
to them coming unto HIM.

ในบทที่ 10 ของหนังสอ ื เลวีนต


ิ ไิ ด ้บอกถึง เรือ ่ งราวเกีย ่ วกับบุตรชายทัง้ 2 ของอาโรน,
นาดับและอาบีฮผ ู ู ้ซงึ่ ได ้ดืม
่ ไวน์และได ้เข ้าไป ข ้างหลังม่าน, จึงถูกเผาผลาญโดยไฟ!
่ ด ้เป็ นการถวายบูชาในสภาพมึนเมา ซงึ่ เป็ นความผิดปกติของพวกเขาจึงได ้ถูกตัดออก
นีไ
ในขณะทีพ ่ วกเขาเข ้ามาอยูข ่ ้างหลังม่าน หลังจากเหตุการณ์ถก ู เผาผลาญด ้วยไฟนัน้ ,
พระเจ ้าห ้ามปุโรหิตในการดืม ่ ไวน์หรือเครือ ่ งดืม
่ ทีเ่ ข ้มข ้น ก่อนทีจ ่ ะเข ้ามาหาพระองค์ของพวกเขา

The Feasts and the Sabbaths / วันฉลองเทศกาลและวันสะบาโต

The feasts and SABBATHS that THE LORD said that all generations must observe are
compiled in the following list. These days of feasts and SABBATHS always begin at
sundown (even) on the day before, and end at sundown (even) on the final day.

วันฉลองเทศกาลและวันสะบาโตทีพ ่ ทุกชวั่ อายุคน


่ ระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสไว ้สาหรับทุกรุน
ต ้องปฎิบัตติ าม ได ้รวบรวมเรียบเรียงในรายการดังต่อไปนี้
วันฉลองเทศกาลเหล่านีแ ้ ละวันสะบาโตเริม่ ต ้นเสมอทีเ่ วลาดวงอาทิตย์ตก (เย็น) ในวันก่อนหน ้า,
และสน ิ้ สุดทีด
่ วงอาทิตย์ตก (เย็น) ในวันสุดท ้าย

1. The SEVENTH day SABBATH (To be observed each and every week)

่ จะสงั เกตในแต่ละและทุกสป
วันที่ 7 เป็ นวันสะบาโต (เพือ ั ดาห์)

2. The feast of WEEKS (SEVEN weeks after the gathering of the HARVEST)

ั ดาห์ (7 สป
วันฉลองเทศกาลของสป ั ดาห์หลังจากการรวบรวมของการเก็บเกีย
่ ว)

3. The FEAST of the PASSOVER (The 14th day of April)

วันฉลองเทศกาลของวันปั สกา (วันที่ 14 เมษายน)

172
4. The FEAST of unleavened bread (The 15th day through the 21 st day of April)

ื้ (วันที่ 15 ผ่านไปจนถึง 21 เมษายน)


วันฉลองเทศกาลของขนมปั งไร ้เชอ

5. The DAY of TRUMPETS (The 1st day of October)

ี งแตร(วันที่ 1 ตุลาคม)
วันฉลองเทศกาลระลึกด ้วยเสย

6. The day of ATONEMENT (the 10th day of October) (Yom Kippur)

วันชาระชดเชยและกลับใจจากบาป (เลวีนต
ิ ิ 16:29,23:27) (วันที่ 10 ตุลาคม)

7. The FEAST of the TABERNACLES (The 15th day through the 21 st day of October)

วันฉลองเทศกาลอยูเ่ พิงของพลับพลาของพระเจ ้า (วันที่ 15 – 21 ตุลาคม)

Even though only the Jewish Faith recognizes these days as HOLY DAYS, all those
who are chosen to enter into GOD'S REST (THE MILLENNIUM) will observe THESE HOLY
DAYS in THE MILLENNIUM!

ถึงแม ้มีเพียงความเชอ ื่ ของชาวยิวได ้ตระหนั กถึงวันเหล่านี้เหมือนเป็ น วันบริสท


ุ ธิ์ ศักดิส ิ ธิ,์
์ ท
้ ทัง้ หมดผู ้ซงึ่ ถูกเลือก เข ้าไปใน วันแห่งการหยุดพักของพระเจ ้า (มิลลิเนียม/ระยะเวลา
คนเหล่านั น
1000 ปี ) จะได ้สงั เกตเห็นวันศักดิส ิ ธิเ์ หล่านีใ้ นยุคมิลลิเนียม!
์ ท

Jubilee / การฉลองครบรอบทุก 50 ปี

THE LORD told MOSES while he was yet on Mount Sinai that when the people come
into the Promised Land, HE was going to allow them for the first six years to plant and
harvest their crops. However, on the SEVENTH YEAR the land that had been planted
previously should receive rest. GOD furthermore tells MOSES that this practice should
continue throughout all of the Children of ISRAEL'S generations. The SEVENTH YEAR
would then be declared a SABBATH YEAR and HALLOWED, and whatever the land had
produced on it's own (without re-seeding or cultivation) on the SEVENTH YEAR could then
be freely eaten by ALL.

พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสส ในขณะทีเ่ ขายังอยูบ ่ นภูเขาซน ี ายว่า


เมือ่ ผู ้คนเข ้ามาในดินแห่งพันธสญ ั ญา, พระองค์จะอนุญาต 6
ปี แรกสาหรับพวกเขาเพือ ่ ปลูกพืชและเก็บเกีย่ วธัญญาหารของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม, ในปี ท ี่ 7
บริเวณพืน ้ ทีท่ ไี่ ด ้ปลูกพืชมาก่อนควรจะได ้รับการหยุดพัก พระเจ ้าตรัสบอกโมเสส
นอกจากนีว้ า่ การปฏิบัตน ิ คี้ วรจะดาเนินต่อไปตลอดทุกชวั่ อายุคนของลูกหลานอิสราเอล ปี่ ท ี่ 7
ก็จะประกาศปี สะบาโตและทีไ่ ด ้รับการแต่งตัง้ ไว ้ให ้เป็ นปี บริสท ุ ธิถ
์ วายเกียรติแด่พระเจ ้า,
และจะไม่มก ี ารปลูกสงิ่ ใดๆนอกเหนือจากสงิ่ ทีเ่ กิดขึน้ เองในดินเหล่านั น ้
(ปราศจากการหว่านเมล็ดอีกครัง้ หรือการเพาะปลูก) ณ ปี่ ท ี่ 7
จากนัน ้ สามารถรับประทานได ้อย่างอิสระโดยทุกคน

173
However, that which had grown on its own during the SEVENTH YEAR, could not be
gathered nor stored or sold. Any person who lived on the land or had worked the land
could during the SABBATH YEAR come and take what they needed for food without being
charged for it by the Landlord. THE LORD also said that HE would BLESS the sixth year's
harvest and it would produce enough food to feed them for THREE YEARS. The excess of
that sixth year's harvest was to be laid up in their storehouses for the coming year of rest
when they could neither plant nor harvest.

แต่อย่างไรก็ตาม, สงิ่ ทีไ่ ด ้เติบโตเป็ นผลผลิตในดินทีเ่ กิดขึน ้ เอง ในระหว่างปี่ ท ี่ 7,


ไม่สามารถรวบรวมหรือเก็บไว ้ในโกดังหรือขาย
ทุกๆคนผู ้ซงึ่ อาศัยอยูบ ่ ริเวณนัน
้ หรือได ้ทางานจากดินแดนนั น ้ ในระหว่างปี สะบาโต
จะเข ้ามาและนาเอาสงิ่ ทีพ ่ วกเขาต ้องการไปเป็ นอาหารปราศจาก การคิดราคาจากเจ ้าของที่
พระผู ้เป็ นเจ ้ายังตรัสว่า พระองค์จะอวยพรการเก็บเกีย ่ วของปี่ ท ี่ 6 และมันจะผลิตอาหารเพียงพอ
เพือ ้ งพวกเขาสาหรับ 3 ปี สว่ นเกินของการเก็บเกีย
่ เลีย ่ วปี ท ี่ 6 ได ้เพือ
่ เป็ นสะสมไว ้ในโกดัง
สาหรับปี ทใี่ กล ้เข ้ามาของการหยุดพัก
เมือ
่ พวกเขาไม่สามารถทาการหว่านพืชหรือไม่ทาการเก็บเกีย ่ วพืชมิได ้

THE LORD also tells MOSES that when SEVEN SABBATHS of YEARS (49 years) had
past, that on the 10th day of the SEVENTH MONTH (October 10 th The Day of Atonement")
They were to SOUND the TRUMPET, and HALLOW the 50th year, and proclaim it to be the
year of JUBILEE.

พระผู ้เป็ นเจ ้ายังตรัสบอกโมเสสว่าเมือ ่ ถึงวันทีค


่ รบกาหนดของ
ปี สะบาโตครัง้ ทีเ่ จ็ดของจานวนปี ท ี่ (49 ปี ) ได ้ผ่านไป, เป็ นวันที่ 10 ของ เดือนที่ 7 (ตุลาคม วันที่
10 “เป็ นวันของการไถ่คน ื ”) พวกเขาได ้สง่ เสยี งแตร, ทาให ้เป็ นวันสงิ่ ศักดิส ิ ธิป
์ ท ์ ี ท ี่ 50
และประกาศให ้เป็ นปี แห่งการเฉลิมฉลอง JUBILEE จูบล ิ ี่

Up until the year of JUBILEE anything that had belonged originally to a family and
was sold for whatsoever reason to another individual, the original owner would have the
right to buy it back. If that person could not afford to buy it back prior to JUBILEE, then one
of his next to kin could do so for him with the price of REDEMPTION declining in
accordance with the amount of years that the new owner had the use of the land. However,
in the YEAR of JUBILEE the land would automatically be returned to its original owner.

ขึน
้ ไปจนกระทั่งปี การฉลองครบรอบทุก 50 ปี
สงิ่ ใดก็ตามทีไ่ ด ้เป็ นของครอบครัวเดิมและถูกขายด ้วยเหตุผลใดก็ตามไปเป็ นของบุคคลอืน ่ ,
เจ ้าของดัง้ เดิมจะมีสท ิ ธิทจ ื้ มันกลับ
ี่ ะซอ
ถ ้าบุคคลนัน ้ ไม่สามารถมีเงินพอจะจ่ายได ้เพือ ่ ซอ ื้ สงิ่ นั น
้ กลับไปถึง การฉลองครบรอบทุก 50 ปี ,
จากนัน ้ หนึง่ ในญาติรน ุ่ ถัดไปสามารถทาเชน ่ นัน้ เพือ่ เขาในการซอ ื้ ราคาทีค
่ วามสอดคล ้องกับจานวนปี
ทีเ่ จ ้าของใหม่ได ้มีการใชประโยชน์ ้ จากทีด
่ นิ แต่อย่างไรก็ตาม ในปี ของการฉลองครบรอบทุก 50
ปี ทด ี่ น
ิ จะโดยอัตโนมัตถ ิ ก
ู คืนไปยังเจ ้าของเดิม

174
JUBILEE not only applied to the land but it also applied to dwellings and as well to
persons who may have been sold as Servants to a landlord. The Servants were also to be
released in the YEAR of JUBILEE, if they or a family member prior to JUBILEE had not
already redeemed them. This applied only to those servants that chose to leave the
Landlord. The Servant could be redeemed with money prior to JUBILEE as was the land at a
declining price based on their years of service that they had given against their obligation
to the Landlord. This redemption of the Servant could be done by either themselves or by
next of kin.

การฉลองครบรอบทุก 50 ปี ไม่เพียงประยุกต์ใชกั้ บทีด ่ น



แต่ยังประยุกต์ใชกั้ บทีอ ่ าศัยและรวมถึงบุคคลเป็ นผู ้ซงึ่ ได ้ถูกขายมาเป็ นคนรับใชกั้ บเจ ้าของบ ้าน
่ ยูอ
คนรับใช ้ จะถูกปล่อยเป็ นอิสระ ในปี การฉลองครบรอบทุก 50 ปี ,
ถ ้าพวกเขาหรือสมาชก ิ ครอบครัวก่อนหน ้าการฉลองครบรอบทุก 50 ปี ไม่ได ้ไถ่คน ื ตัวพวกเขา
้ ระยุกต์ใชกั้ บคนรับใชเหล่
นีป ้ านัน ้ ทีเ่ ลือกจะออกไปจากเจ ้าของบ ้านเท่านั น


คนรับใชสามารถไถ่ คน
ื พร ้อมกับเงิน ก่อนหน ้าการฉลองครบรอบทุก 50 ปี เป็ นเหมือนกรณีของทีด ่ น

ทีม่ รี าคาใกล ้เคียงกับราคาพืน ้ ฐาน ขึน ่ ับจานวนปี ของพวกเขาในการรับใช ้
้ อยูก
ทีพ ่ วกเขาได ้มอบไว ้เป็ นการต่อต ้านสญ ั ญาข ้อผูกมัด ต่อเจ ้าของบ ้าน
การไถ่ถอนของคนรับใชนี้ ส ้ ามารถการกระทาได ้โดยตัวพวกเขาเองหรือโดยญาติคนถัดไป

Those who had been sold into service as Servants that were of the CHILDREN of
ISRAEL, were to be treated as hired help and paid wages, and could not be treated like
slaves. Only the heathen could be put into slavery and bought and sold freely as property,
and the YEAR of JUBILEE would therefor not apply to the heathen. Those who were not of
the Children of ISRAEL who had been circumcised and WORSHIPPED GOD and lived among
them, were to be treated the same as the Children of ISRAEL.

บรรดาคนเหล่านั น ้ ผู ้ซงึ่ ได ้ถูกขายเป็ นคนรับใช ้


ถ ้าคนรับใชคนนั้ น
้ เป็ นลูกหลานของคนอิสราเอล, ควรจะปฏิบัตใิ นฐานะผู ้รับจ ้างและได ้ค่าแรง,
และไม่สามารถปฏิบัตอ ิ ย่างทาส คนทีไ่ ม่เชอ ื่ ฟั งพระเจ ้าเท่านั น

จะสามารถจัดวางในระบบทาสเข ้าไปในการซอ ื้ และขายอย่างอิสระเหมือนทรัพย์สน ิ ,
และด ้วยเหตุนป ี้ ี ของการฉลองครบรอบทุก 50 ปี จะไม่ประยุกต์กับคนทีไ่ ม่เชอ ื่ ฟั งพระเจ ้า
บรรดาผู ้ซงึ่ เหล่านีไ ้ ม่ใชข่ องลูกหลานอิสราเอล ผู ้ซงึ่ ได ้เข ้าพิธส ี ห
ุ นั ตและนมัสการพระเจ ้า
และอาศัยอยูท ่ า่ มกลางพวกเขา, เคยได ้รับการปฏิบัตเิ ชน ่ เดียวกับลูกหลานของอิสราเอล

THE LORD implemented the STATUTE of JUBILEE to insure that the land would be
passed down from generation to generation within its original family ownership. This was
done to protect the future generations from loss of their land and their possessions, due to
their predecessors squandering or carelessly losing their inheritance. A person outside of
the original owner's family could only have use of the land for FIFTY YEARS, with the land
eventually returning to the family that GOD had originally given it to. (NOTE 18)

175
พระผู ้เป็ นเจ ้า ได ้ร่างสญั ญา กฎระเบียบของการฉลองครบรอบทุก 50 ปี
เพือ ่ รับรองว่าทีด ่ นิ จะได ้ผ่านลงจากรุน ่ ไปสูร่ น
ุ่ อยูภ ่ ายในครอบครัวเจ ้าของเดิม
สงิ่ นีท้ าขึน ้ เพือ
่ เป็ นการป้ องกันการสูญเสย ี
ของทีด ่ น
ิ ของพวกเขาและทรัพย์สน ิ ของพวกเขาในอนาคตจากชวั่ อายุคน,
เนือ ่ งจากบรรพบุรษ ุ ของพวกเขาได ้ใชทรั ้ พย์สน ิ อย่างสุรยุ่ สุรา่ ย
หรือเป็ นการสูญเสย ี ไปโดยประมาทในมรดกทีด ่ น
ิ ของพวกเขา
บุคคลภายนอกทีไ่ ม่ใชค ่ รอบครัวของเจ ้าของเดิม สามารถใชที ้ ด
่ น
ิ ได ้เพียง 50 ปี ทีด
่ น
ิ นัน
้ ในทีส
่ ด

จะกลับคืนไปยังครอบครัวทีพ ่ ระเจ ้าได ้ประทานไว ้ตัง้ แต่ดงั ้ เดิม (18)

NOTE 18: It is important for one to know ALL of THE LAWS, PRECEPTS and STATUTES
given in the OLD TESTAMENT because they will still apply both in the MILLENNIUM and as
well in HEAVEN. This is also why JESUS said that HE did not come to CHANGE the LAWS,
but rather to FULFILL them. GOD USES THIS METHODOLOGY in the DISTRIBUTION and in
the GOVERNING of HIS CHILDREN'S INHERITANCE. GOD'S LAWS WILL PREVAIL
THROUGHOUT ETERNITY!

หมายเหตุ 18:เป็ นสงิ่ สาคัญสาหรับคนๆหนึง่ ทีจ ่ ะรู ้จัก กฏระเบียบวินัย,


กฏข ้อบังคับสงั่ สอนและกฎระเบียบทีม ่ อบไว ้ในพันธสญ ั ญาเดิมทัง้ หมดเพราะว่าพวกเขาจะยังคงประ
ยุกต์ใชได ้ ้ ทัง้ ในมิลลิเนียมยุคหนึง่ พันปี ครองราชย์ของพระเยซูคริสต์และเหมือนเชน ่ ในสวรรค์
นีเ่ ป็ นเหตุผลทีพ ่ ระเยซูตรัสว่าพระองค์ไม่ได ้มาเพือ ่ เปลีย ่ นกฎเกณฑ์ กฏระเบียบวินัย,
แต่แทนทีด ่ ้วยมาเพือ ่ ทาให ้บรรลุผลสาเร็จต่อพวกเขา
พระเจ ้าทรงใชหลั ้ กการนีใ้ นการกระจายการปกครองและในการควบคุมการปกครองดูแล
เป็ นสท ิ ธิครอบครองมรดกของลูกหลานอิสราเอลของพระองค์
กฎระเบียบของพระเจ ้าจะมีชย ั ชนะเหนือตลอดไปเป็ นนิจนิรันดร์ !

ื กันดารวิถ ี
6.8 The BOOK of Numbers หนั งสอ

A(เสริม พระธรรมก ันดารวิถ ี (ภาษาอังกฤษ: Book of Numbers) เป็ นพระธรรมเล่มที่ 4


ในหมวดพระธรรมเบญจบรรณ เนือ ้ หาในพระธรรมกันดารวิถ ี
เป็ นประวัตศ ิ าสตร์ของอิสราเอลทีต ่ อ
่ เนือ่ งมาจากพระธรรมอพยพ พระธรรมกันดารวิถ ี
แปลมาจากพระคัมภีรภ ์ าษาฮบ ี รู:ba-midbar ‫ במדבר‬ซงึ่ แปลว่า"in the desert..."
ซงึ่ เป็ นคาแรกของพระคัมภีรฉ ์ บับนี้ แต่ในภาษาอังกฤษ ใชช้ อ ื ว่า The Book of Numbers
เนือ่ งจากพระธรรมเล่มนีไ ้ ด ้กล่าวถึงการทาสามะโนประชากรอิสราเอลถึงสองครัง้ ทีภ ี าย
่ เู ขาซน
และทีโ่ มอับ ในขณะทีภ ่ าษาไทยใชช้ อ ื่ ว่า พระธรรมกันดารวิถ ี
เนือ ่ งจากพระธรรมเล่มนีก ้ ล่าวถึงพงศาวดารของอิสราเอลชว่ งทีต ่ ้องใชช้ วี ต
ิ ในถิน
่ ทุรกันดาร
(ทะเลทราย) เป็ นเวลา 40 ปี ก่อนจะได ้เข ้าสูแ ่ ผ่นดินคานาอัน

เนือ ี ี้ จะแบ่งสว่ นสาคัญออกได ้เป็ น สว่ น


้ หาในพระธรรมกันดารวิถน

1. การนับอิสราเอลทีภ ี าย (บทที่ 1-2)


่ เู ขาซน
2. การกาหนดงานให ้แก่คนเลวี และพระบัญญัตเิ รือ
่ งการถวายบูชา (บทที่ 3-9 บทที่
17-19 บทที่ 28-30)

176
3. ออกเดินทางจากภูเขาซน ี าย (บทที่ 10-12)
4. การสอดแนมแผ่นดินคานาอัน (บทที่ 13-16)
5. การเดินทางในถิน
่ ทุรกันดาร (บทที่ 20-25 บทที่ 27 บทที่ 31)
6. การแบ่งดินแดนอิสราเอล และการแต่งตัง้ โยชูวา (บทที่ 32-36)

The fourth Book of MOSES called Numbers, opens with GOD telling MOSES to take a
census of all the tribes of ISRAEL. The census is to be taken of all the MALES from the ages
of twenty (NOTE 19) and upward except for the tribe of Levi. The reason THE LORD has
MOSES number only the MALES are because GOD is preparing them for war. With the
upper age limit being forty-nine years old

หนังสอื เล่มที่ 4 ของโมเสส มีชอ ื่ เรียกว่า กันดารวิถ ี


(Numbersตัวเลข),เป็ นเรือ ่ งราวทีพ่ ระเจ ้าทรงตรัสบอกโมเสสเพือ ่ ทาสามะโนประชากรของเผ่าพันธุ์
อิสราเอลทัง้ หมด สามะโนครัวประชากรนั บจานวนจากผู ้ชายทุกคน ทีม ่ อ
ี ายุ 20 ปี (โน ้ต 19)
และทีม ่ อ
ี ายุมากกว่า รวมอายุขน ึ้ ไปสูงสุด 49 ปี ไม่นับรวมเผ่าของเลวี เหตุผลที่
พระผู ้เป็ นเจ ้าให ้โมเสส นั บจานวนของผู ้ชายเท่านัน ้
เป็ นเพราะว่าพระเจ ้ากาลังจัดเตรียมพวกเขาสาหรับการทาสงคราม

B (เสริม จากพระธรรมอพยพ เมือ่ โมเสสได ้รับพระบัญญัตข


ิ องพระเจ ้า ณ ภูเขาซน ี ายนัน ้

พระเจ ้าทรงให ้โมเสส ทาสามะโนครัวประชากรอิสราเอล สบสองเผ่า ทีม ่ อ
ี ายุตงั ้ แต่ 20 ปี ขน
ึ้ ไป
ิ้ 603,550 คน แบ่งเป็ น
โดยนับได ้จานวนทัง้ สน

 เผ่ารูเบน จาวน 46,500 คน


 เผ่าสเิ มโอน จานวน 59,300 คน
 เผ่ากาด จานวน 45,650 คน
 เผ่ายูดาห์ จานวน 74,600 คน
 เผ่าอิสสาคาร์ จานวน 54,400 คน
 เผ่าเศบูลน ุ จานวน 57,400 คน
 พงศพ ์ ันธุโ์ ยเซฟ
o เผ่าเอฟราอิม จานวน 45,000 คน
o เผ่ามนัสเสห์ จานวน 32,200 คน
 เผ่าเบนยามิน จานวน 35,400 คน
 เผ่าดาน จานวน 62,700 คน
 เผ่าอาเชอร์ จานวน 41,500 คน
 เผ่านัฟทาลี จานวน 53,400 คน

ในการสามะโนประชากรครัง้ นั น ้ ไม่ได ้นั บรวมเผ่าเลวีเข ้าไปด ้วย


เนือ่ งจากพระเจ ้าทรงกาหนดงานพิเศษให ้แก่ชนเผ่าเลวี โดยเฉพาะ
โดยมีหน ้าทีต
่ งั ้ ไว ้สาหรับพลับพลาของพระเจ ้า มีหน ้าทีข
่ นพลับพลา ตัง้ เต็นท์อยูร่ อบพลับพลา
รือ
้ พลับพลา และตัง้ พลับพลา )

the lower age limit being twenty years old for the warrior, the total of those
numbered for being warriors is 603,550. THE LORD considers a person at the age of twenty

177
years old to be accountable to themselves for their actions therefor making them fit for
battle. On the other hand, a person fifty years of age and older was considered to be too old
for battle. (โน ้ต 20)

อายุน ้อยทีส ่ ด
ุ ของนักรบนัน
้ คือ 20 ปี , จานวนของนักรบรวมทัง้ หมดนับได ้ 603,550 คน
พระผู ้เป็ นเจ ้าทรงพิจารณาบุคคลทีอ ่ ายุ 20 ปี นัน
้ มีความรับผิดชอบต่อพวกเขาเอง
ด ้วยเหตุนพ ี้ วกเขาเหมาะสมในการต่อสูเพื ้ อ
่ ทาการรบ ในอีกด ้านหนึง่ , บุคคลอายุ 50
ปี และแก่กว่านั น ้ ถูกพิจารณาว่าอายุมากเกินไปสาหรับการต่อสู ้ (หมายเหตุ20)

NOTE 19: Before we get into the Book of Numbers I want you to UNDERSTAND the
meaning of the WORDS "LAW", "PRECEPTS", and "STATUTES" as to their INTENDED
meaning when used in THE HOLY SCRIPTURES. The WORD "LAW" means GOD'S LAWS
governing both MORAL and SPIRITUAL BEHAVIOR. The WORD "PRECEPTS" applies to
GOD'S RULES governing one's SPIRITUAL BEHAVIOR, and the WORD "STATUTES" applies
to GOD'S RULES governing one's MORAL BEHAVIOR.

่ นั งสอ
หมายเหตุ 19: ก่อนทีเ่ ราเข ้าสูห ื กันดารวิถ ี ผมต ้องการคุณเข ้าใจความหมายของคาว่า
“"LAW", กฎหมาย”, “"PRECEPTS", คาสงั่ สอน”, และ “"STATUTES" กฏข ้อบังคับ”
สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นรายละเอียดเจตนาหมายความไปถึงเมือ ่ ประยุกต์ใชกั้ บข ้อความในพระคัมภีรบ
์ ริสท
ุ ธิ์

คาว่า “LAW กฎหมาย” หมายถึงกฎของพระเจ ้าควบคุมดูแลทัง้ ฝ่ ายเนือ


้ หนังและฝ่ ายจิตวิญญาณ
คาว่า “PRECEPTS คาสงั่ สอน”

ประยุกต์ใชในการปกครองของพระเจ ้าควบคุมดูแลพฤติกรรมฝ่ ายจิตวิญญาณของคนๆหนึง่ , และ

คาว่า “STATUTES กฏข ้อบังคับ”



ประยุกต์ใชในการปกครองของพระเจ ้าเพือ
่ ควบคุมดูแลพฤติกรรมของฝ่ ายเนื้อหนังของคนๆหนึง่

An example of this is when one gets involved in Satani rituals he or she is most
definitely breaking one of GOD'S PRECEPTS. On the other hand, homosexual behavior
would be the BREAKING of one of GOD'S STATUTES. Although both are SINS, the
BREAKING of a PRECEPT can very easily DAMN one's ETERNITY if the SIN COMMITTED is
a BLASPHEMY against THE HOLY SPIRIT of GOD.

ตัวอย่างเรือ
่ งนี้ เมือ
่ คนๆหนึง่ เข ้าไปเกีย
่ วข ้องในพิธกี รรมทีเ่ กีย
่ วกับซาตาน
เขาหรือเธอได ้ทาลาย GOD'S PRECEPTS
หนึง่ ในกฏคาสงั่ สอนของพระเจ ้าในฝ่ ายวิญญาณอย่างแน่นอนทีส ่ ด ุ
อีกนัยหนึง่ เมือ
่ คนทีก่ ระทาผิดทางพฤติกรรมเป็ นโฮโมเซ็กชวล ได ้ทาลาย GOD'S STATUTES
กฏข ้อบังคับด ้านความประพฤติในฝ่ ายเนือ ้ หนัง ถึงแม ้ว่าการกระทาทัง้ สองเป็ นบาป,

การทาลายกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าในฝ่ ายวิญญาณสามารถนาการ


แชง่ สาปชวั่ กัปชวั่ กัล(ตกนรกเป็ นนิรันดร) มาสู่ คนหนึง่ อย่างง่ายดาย
ถ ้าบาปนัน
้ เป็ นการกระทาทีเ่ ป็ นการหมิน ่ ประมาทต่อต ้านพระวิญญาณบริสทุ ธิข
์ องพระเจ ้า

178
NOTE 20: These same lower age standards apply to a person's responsibility for their own
SIN as it also begins at the age of twenty, and then continues on until they die. So any sin
that is committed by a child nineteen years of age or younger, the burden for those SINS is
put upon the SOULS of their parents. The only exception to this rule is if the child on their
own accord leaves the family for either marriage or their own emancipation from the
family. Only then are the parents free from the burden of the children's SINS.

หมายเหตุ 20: มาตรฐานอายุเดียวกันนีป ้


้ ระยุกต์ใชในความรั บผิดชอบของบุคคลหนึง่
สาหรับบาปของพวกเขาเองเริม ่ ต ้นทีอ
่ ายุ 20 ปี , และต่อเนือ่ งไปจนกระทั่งพวกเขาตาย
ดังนัน ้ บาปใดๆกระทาโดยเด็กอายุ 19 ปี หรืออายุน ้อยกว่า,
เป็ นภาระหน ้าทีค ่ วามรับผิดชอบต่อบาปนัน ้
ถูกจัดวางไว ้อยูเ่ หนือดวงวิญญาณของบิดามารดาของพวกเขา
ยกเว ้นในกรณีถ ้าเด็กอยูใ่ นเงือ
่ นไขข ้อตกลงของพวกเขาเองได ้ละทิง้ ครอบครัว
ไม่วา่ โดยการแต่งงานหรือเลือกทีจ ่ ะเป็ นอิสระของพวกเขาเองจากครอบครั วเท่านัน ้
ทีบ
่ ดิ ามารดาจะเป็ นอิสระจากภาระหน ้าทีท ่ ตี่ ้องรับผิดชอบในบาปของเด็กๆ

However, this does not apply to those parents who choose to put the child out of the
family prior to the age of twenty, for any reason whatsoever. The burden of SIN will still be
placed upon those parents' SOULS even though those children may reside outside of the
household of the family. GOD holds parents accountable for the actions of their children, so
the parent should use whatever means possible to correct them for their actions.

แต่อย่างไรก็ตาม,กรณีนไ ี้ ม่ได ้ประยุกต์ใชส้ าหรับบิดามารดาเหล่านั น ้ ผู ้ซงึ่ เลือกให ้เด็กออกไปจากคร


อบครัวก่อนทีอ ่ ายุ 20 ปี , ไม่วา่ ด ้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
ภาระหน ้าทีค ่ วามรับผิดชอบของบาปจะยังคงวางอยูเ่ หนือดวงวิญญาณของบิดามารดาเหล่านั น ้
แม ้ว่าเด็กๆเหล่านัน
้ จะอยูอ ่ าศัยภายนอกของครัวเรือนของครอบครัว
พระเจ ้าทรงถือว่าบิดามารดาต ้องรับผิดชอบต่อการกระทาของลูกๆของพวกเขา,
ดังนัน้ บิดามารดาควรจะใชทุ ้ กวิถที างเท่าทีจ
่ ะเป็ นไปได ้ เพือ
่ แก ้ไข อบรม
สงั่ สอนการกระทาของลูกๆ

้ อ
The SERVICE TO GOD for the Levites / การรับใชเพื ่ พระเจ ้าสาหรับคนเผ่าเลวี

C (เสริม การกาหนดงานแก่คนเลวี

ในการกาหนดงานแก่คนเลวีนัน ่ ามวงศ ์ (ชอ


้ ได ้แบ่งออกเป็ นหน ้าทีต ื่ บุตรชายของเลวี)
ได ้แก่วงศว์ านเกอร์โชน วงศว์ านโคอาท และวงศว์ านเมรารี โดยมีการกาหนดหน ้าทีแ ่ ตกต่างกัน
โดยทรงกาหนดอายุของผู ้เข ้าปฏิบัตงิ านของคนเผ่าเลวี คือ ชายหนุ่มทีม ่ อ
ี ายุตงั ้ แต่ 30-50 ปี [1]
โดยวงศว์ านเผ่าเลวีมด ี ังนี้

 วงศว์ านเกอร์โชน มีจานวนผู ้ชายอายุ 1 เดือนขึน


้ ไปจานวน 7,500 คน
ต ้องตัง้ ค่ายอยูข
่ ้างหลังพลับพลาด ้านทิศตะวันตก โดยมีหน ้าทีร่ ับผิดชอบงานในพลับพลา
179
ได ้แก่ งานพลับพลา งานเต็นท์ พร ้อมเครือ ่ งเต็นท์ แท่นบูชา
และสงิ่ ของทัง้ ปวงทีเ่ กีย ่ วข ้องกับสงิ่ เหล่านี้ [2]
 วงศว์ านโคอาท มีจานวนผู ้ชายอายุ 1 เดือนขึน ้ ไปจานวน 8,600 คน
ต ้องตัง้ ค่ายอยูท ่ างใต ้ของพลับพลา มีหน ้าทีด ่ แู ลหีบพระโอวาท โต๊ะขนมปั ง คันประทีป
แท่นบูชาทัง้ สอง และเครือ ้
่ งใชสถานนมั สการซงึ่ ปุโรหิตใชงาน ้ และม่าน [3]
 วงศว์ านเมรารี มีจานวนผู ้ชายอายุ 1 เดือนขึน ้ ไปจานวน 6,200 คน
ต ้องตัง้ ค่ายอยูด ่ ้านเหนือของพลับพลา มีหน ้าทีด ่ แ
ู ลงานไม ้กรอบพลับพลา ไม ้กลอน ไม ้เสา
ฐานรองและเครือ ่ งประกอบทัง้ หมด เสารอบลานพลับพลา
พร ้อมกับฐานรองหลักหมุดและเชอ ื กโยง [4]
 บุคคลผู ้ได ้รับแต่งตัง้ เป็ นปุโรหิต ได ้แก่ โมเสส อาโรน และบุตรทัง้ สองของอาโรน
ตัง้ ค่ายอยูด ่ ้านหน ้าของเต็นท์นัดพบ ด ้านทิศตะวันออก
มีหน ้าทีด ่ แ
ู ลพิธก ี ารภายในสถานนมัสการ[5] และเมือ ่ เคลือ
่ นย ้ายค่าย
ปุโรหิตมีหน ้าทีน ่ าผ ้าม่านมาห่อหุ ้มบรรดาหีบพระโอวาท แท่นบูชา โต๊ะขนมปั ง คันประทีป
่ ิ
และสงของทัง้ สน ิ้ ในพลับพลาตามทีพ ่ ระเจ ้าบัญชาไว ้
แล ้วจึงให ้วงศว์ านโคอาทเข ้ามาปฏิบัตห ิ น ้าทีต่ อ่
แต่ห ้ามมิให ้คนโคอาทเข ้ามาห่อหุ ้มสงิ่ ของต่าง ๆ [6]

นอกจากนี้ พระเจ ้ายังทรงมีพระบัญญัตต ิ า่ ง ๆ ทีเ่ กีย


่ วเนือ
่ ง
และเป็ นงานทีป ่ โุ รหิตต ้องชาระให ้คนอิสราเอลอีกหลายประการ เชน ่ กฎหมายเรือ
่ งการคืนของ[7]
กฎหมายเรือ่ งความหึงหวง กฎหมายของพวกนาศรี ์ พระบัญญัตวิ า่ ด ้วยเครือ
[8] [9] ่ งบูชา[10]
พระบัญญัตวิ า่ ด ้วยสงิ่ ของทีจ่ ัดสรรให ้แก่ปโุ รหิตและคนเผ่าเลวี[11]
พระบัญญัตวิ า่ ด ้วยการชาระผู ้ทีม ี ลทิน[12] และพระบัญญัตวิ า่ ด ้วยการถวายบูชาในโอกาสต่าง ๆ)
่ ม
[13]

GOD tells MOSES to ANOINT his brother Aaron so that Aaron may be HIS High Priest.
GOD also appoints Aaron's two remaining sons, E-Ie-a' -zar and Ith'-a-mar to both minister
in the Priest's office. GOD has MOSES and Aaron bring the Levites before them so they may
instruct the Levites on their specific duties in regard to the care, transportation, the setting
up, and the taking down of the TABERNACLE and the ARK of the COVENANT.

พระเจ ้าตรัสบอกโมเสสให ้เจิมอาโรนพีช ่ ายของเขา


จากนัน ้ อาโรนจะเป็ นปุโรหิตระดับอาวุโสของพระองค์
พระเจ ้ายังแต่งตัง้ บุตรชายเหลืออยูท ่ ัง้ สองของอาโรน,
เอเลอาซาร์และอิธามาร์ทาหน ้าทีช ่ ว่ ยเหลือพระเจ ้าในสานั กงานของปุโรหิต
พระเจ ้าได ้มอบให ้โมเสสและอาโรน นาชนเผ่าคนเลวีมาอยูต ่ อ
่ หน ้าพวกเขา
ดังนัน
้ พวกเขาอาจจะชแ ี้ นะคนเลวีในภาระหน ้าทีค ่ วามรับผิดชอบเฉพาะของพวกเขาในการดูแล,
การเคลือ ่ ยย ้ายขนสง่ , การจัดตัง้ , และการจัดเก็บพลับพลาลงมาและนาหีบพันธสญ ั ญา

GOD places Aaron and his two sons over all the Levites and PROCLAIMS that the
Levites are to be HIS Priests and Ministers throughout all their generations. GOD tells
MOSES that HE has done this because when HE had killed all the firstborn in the land of
Egypt, HE HALLOWED all the FIRSTBORN in ISRAEL, thus making them HIS. Instead of GOD

180
taking all the FIRSTBORN in ISRAEL to be HIS Priests and Ministers, GOD had substituted
the Levites for the FIRSTBORN in ISRAEL, proclaiming the Levites for HIMSELF.

พระเจ ้าจัดตัง้ อาโรนและบุตรชายทัง้ สองของเขาดูแลเหนือคนเลวีทัง้ หมด


และประกาศว่าคนเผ่าเลวีจะเป็ นปุโรหิตของพระองค์และผู ้รับใชตลอดทุ ้ กชวั่ อายุพงศพ
์ ันธ์ของพวกเ
ขา พระเจ ้าทรงตรัสบอกโมเสสว่าพระองค์ได ้กระทาเชน ่ นีเ้ พราะว่า
เมือ
่ พระองค์ได ้ฆ่าบุตรหัวปี ทัง้ หมดในดินแดนอียปิ ต์,
พระองค์ได ้สถาปนาบุตรหัวปี ทัง้ หมดในอิสราเอล จากนัน ้ ทาให ้พวกเขาเป็ นของพระองค์
แทนทีพ ่ ระเจ ้าจะทรงนาบุตรหัวปี ทก ุ คนในอิสราเอล เพือ ้
่ มาเป็ นปุโรหิตและผู ้รับใชของพระองค์ ,
พระเจ ้าได ้มอบให ้เผ่าเลวีเป็ นตัวแทนสาหรับบุตรหัวปี ในอิสราเอล,
ประกาศแต่งตัง้ ให ้คนเผ่าเลวีเป็ นของ พระองค์เอง

THE LORD tells MOSES to NUMBER ALL the Levite males from one month old and
upward. MOSES does as THE LORD has told him to do and he does so in accordance with
their families. The combined total of the census of all the Levite males from one month old
and upward numbered 22,000. THE LORD then gives MOSES instructions to NUMBER all
the FIRSTBORN males of the CHILDREN of ISRAEL (excluding the Levites), from one month

พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสส เพือ ่ นับจานวนผู ้ชายเผ่าเลวีทัง้ หมด จากอายุ 1 เดือนขึน้ ไป
โมเสสกระทาอย่างทีพ ่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ตรัสบอกเขาให ้ทา และเขากระทาด ้วยกันกับครอบครัวของเขา
โดยรวบรวมสามะโนประชากรของชายเผ่าเลวีทัง้ หมดนั บจากอายุ 1 เดือนขึน ้ ไป ได ้ 22,000 คน
จากนัน ้ พระผู ้เป็ นเจ ้าจึงทรงให ้การชแ ี้ นะ โมเสสเพือ่ นับ จานวนผู ้ชายบุตรหัวปี
ทัง้ หมดของลูกหลานของอิสราเอล (การไม่นับรวมคนเผ่าเลวี),

from one month old and upward to see how they compare to the number of the
Levite males. After MOSES takes the count he finds that the combined total of the
FIRSTBORN males of the CHILDREN of ISRAEL numbered 22,273.

จากอายุ 1 เดือนขึน
้ ไป เพือ
่ เปรียบเทียบจานวนของผู ้ชายเผ่าเลวี
หลังจากโมเสสทาการนับเขาพบว่า จานวนผู ้ชายบุตรหัวปี ของลูกหลานอิสราเอลทัง้ หมดเป็ น
22,273

Then for the 273-person difference found between the FIRSTBORN of CHILDREN of
ISRAEL as opposed to the NUMBER of the Levite males, THE LORD tells MOSES that the
273-person difference can be REDEEMED with money. So MOSES collects from the
CHILDREN of ISRAEL the price of the REDEMPTION MONEY for that 273-person difference,
and then gives that money to Aaron and his sons for the price of redemption.

จากนัน ้ พบว่ามีความแตกต่างอยู่ 273 คน


ระหว่างบุตรหัวปี ของลูกหลานของอิสราเอลตรงกันข ้ามกับจานวนของผู ้ชายเผ่าเลวี,
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสสว่า ความแตกต่าง 273 คนสามารถไถ่คน ื ชดใชด้ ้วยเงิน
ดังนัน
้ โมเสสเก็บรวบรวม, ราคาของค่าไถ่ของเงินเพือ ่ เป็ นการชดใชส้ าหรับ 273

181
คนทีแ ่ ตกต่างนัน
้ จากลูกหลานของอิสราเอล, และจากนัน
้ มอบเงินนัน
้ แก่อาโรนและบุตรชายของเขา
เพือ
่ เป็ นราคาของการไถ่คนื ชดใช ้

NOTE: With Aaron and his sons representing GOD'S TREASURY, the payment of that money
to them for the difference in the head count is considered to be the same as a payment
made directly to THE LORD, for the 273-person difference.

หมายเหตุ: อาโรนและบุตรชายของเขาการเป็ นตัวแทนคลังของพระเจ ้า,


การชาระเงินของพวกเขานั บจากจานวนบุตรหัวปี ทแ ี่ ตกต่างกันกับจานวนคนเผ่าเลวี
ถูกนามาคิดคานวณโดย พระผู ้เป็ นเจ ้า, สาหรับจานวนคนทีแ ่ ตกต่างกันอยู่ 273 คน

THE LORD instructs MOSES as to what responsibilities each family within the Tribe of
Levi will have in regard to THE TABERNACLE, THE ARK, and ALL of THE OTHER HOLY
ITEMS. GOD assigns the Levites by family to the various tasks required for the setting up
and the taking down and for the transport of all those ITEMS. The setting up and the taking
down of ALL THE HOLY ARTICLES that were to be behind the VEIL could only to be done
by Aaron or his sons.

ี้ นะโมเสสในสงิ่ ต่างๆของแต่ละครอบครัวภายในเผ่าเลวีทจ
พระผู ้เป็ นเจ ้าทรงชแ ี่ ะต ้องรับผิดชอบเกีย
่ ว
ข ้องกับ พลับพลา, หีบพันธสญ ั ญา, และทัง้ หมดของรายการบริสท ุ ธิอ
์ น
ื่ ๆ
ทีพ่ ระเจ ้ากาหนดให ้คนเผ่าเลวี มีภาระหน ้าทีต ่ า่ งๆในการจัดตัง้ และการนาเก็บพลับพลา
และสาหรับการลาเลียงของรายการทัง้ หมดเหล่านัน ้
การจัดตัง้ และการนาเก็บของรายการบริสท ุ ธิอ
์ น ื่ ๆทัง้ หมดในพลับพลา
ทีอ ่ ยูห
่ ลังม่านสามารถจะทาโดยอาโรนหรือบุตรชายของเขา เท่านัน ้

The Levites could only touch those HOLY ARTICLES after they had been properly
wrapped with their coverings. THE LORD WARNS MOSES that if anybody should touch
even one of the HOLY ARTICLES prior to their covering, that person would be immediately
CONSUMED by FIRE. The HOLY ARTICLES that were referred to were those SPECIFIC
ARTICLES that sat BEHIND THE VEIL.

คนเผ่าเลวีเพียงสามารถสม ั ผัสสงิ่ ของบริสทุ ธิต์ า่ งๆเหล่านัน้


หลังจากพวกเขาจะเก็บบรรจุในหีบห่ออย่างถูกต ้องเหมาะสม พระผู ้เป็ นเจ ้าทรงเตือนโมเสสว่า
ถ ้าใครก็ตามทีส่ มั ผัสแม ้แต่หนึง่ ชน ิ้ ของสงิ่ ของบริสท ุ ธิ(์ หลังม่านวิหาร)
ขณะทีท ่ าการเก็บแพ็คสงิ่ ของต่างๆในวิหาร , บุคคลนัน ้ จะถูกเผาผลาญทันทีทันใดด ้วยไฟ
สงิ่ ของบริสท
ุ ธิท
์ ถ ู อ ้างอิงถึงคือสงิ่ ของทีเ่ ฉพาะเจาะจงเหล่านัน
ี่ ก ้ ทีว่ างอยูห
่ ลังม่าน

The Law of Jealousies / กฎระเบียบของความอิจฉาริษยา

If a man had suspected that his wife had committed ADULTERY and was jealous by
reason of it, and if she had denied any infidelity, then that woman would be brought before

182
the Priest with a JEALOUSY offering. The Priest would then take HOLY WATER that sat
BEHIND the VEIL and mix into it dust from off the floor of the TABERNACLE from below
the ALTAR.

ถ ้าชายคนหนึง่ ได ้สงสย ั ว่าภรรยาของเขาได ้กระทาการล่วงประเวณี


และด ้วยเหตุผลของความหึงหวงจากเหตุการณ์นี้, และถ ้าเธอได ้ปฏิเสธในความไม่สต ั ย์ซอ
ื่ ใดๆ,
จากนัน ้ หญิงนัน ้ จะถูกนามาต่อหน ้าปุโรหิตกับการถวายบูชา ความอิจฉาริษยา ปุโรหิตจะนา
น้ าบริสทุ ธิ์ ทีว่ างอยูข่ ้างหลังม่าน, และผสมกับฝุ่ นทีน่ ามาจากพืน
้ ของพลับพลา
ด ้านล่างของแท่นถวายบูชาศักดิส ิ ธิข
์ ท ์ องพระเจ ้า

The woman would then be brought before THE LORD with her head uncovered and
her offering in her hand. The Priest would then have the woman swear an oath of
innocence; thus proclaiming her innocence before GOD, and to also proclaim her
willingness to accept a curse that would be put upon her if she had lied. The curse she was
to receive if she had lied was; that after she drank the HOLY WATER that was mixed with
the dust from off the floor of the TABERNACLE her belly would then swell and her thigh
would rot.

จากนัน
้ หญิงนัน
้ จะถูกนามาอยูต ่ อ
่ หน ้า พระผู ้เป็ นเจ ้า
โดยไม่ได ้ปกคลุมศรี ษะของเธอและพร ้อมกับนาสงิ่ ถวายบูชาของเธอทีถ ่ อ ื อยูใ่ นมือเธอ
จากนัน้ ปุโรหิตจะให ้ผู ้หญิงสาบาน คาปฎิญาณในความบริสท ุ ธิ;์
ประกาศความบริสท ุ ธิข์ องเธอต่อหน ้าพระเจ ้า,
และเพือ ่ ประกาศความเต็มใจของเธอทีจ ่ ะยอมรับคาแชง่ สาปทีจ ่ ะถูกวางอยูเ่ หนือเธอ
คาแชง่ สาปทีเ่ ธอจะได ้รับนัน้ คือหลังจากเธอได ้ดืม่ น้ าบริสท ุ ธิท ์ ผ ี่ สมกับฝุ่ นจากพืน ้ ของพลับพลา
หน ้าท ้องของเธอจะบวมและต ้นขาจะแผลเน่าถ ้าเธอได ้โกหก

PROCEDURE: The Priest would write the curse into a book that was kept within the
TABERNACLE and then blot the woman's name that was written next to the curse, with the
WATER and the DUST THAT CAUSES THE CURSE. At that time then the woman would be
made to drink the water, and the Priest would take the woman's JEALOUSY OFFERING and
wave it before THE LORD, and then offer it upon the ALTAR. If the woman had lied then the
curse would come to pass; and her belly would swell and her thigh would rot. If she had not
lied, then the woman would be BLESSED by conceiving and bearing a child. (Note 21)

วิธก
ี าร:
ปุโรหิตจะเขียนคาแชง่ สาปลงไปในหนั งสอ ื ทีถ
่ ก
ู เก็บรักษาภายในพลับพลาและจากนั น ้ ทาการเขียนช ื่
อของหญิง และเขียนคาแชง่ สาป, ด ้วยน้ าและฝุ่ น ทีเ่ ป็ นสาเหตุการแชง่ สาป ในเวลาทีห่ ญิงได ้ดืม
่ น้ า,
และปุโรหิตจะนาของถวายบูชาในความอิจฉาริษยาของหญิงและโบกสะบัดต่อหน ้าพระผู ้เป็ นเจ ้า,
และจากนัน ้ นาสงิ่ ของนัน
้ ถวายบูชาเหนือแท่นบูชา ถ ้าหญิงนัน ้ ได ้โกหก
จากนัน้ คาแชง่ สาปจะผ่านลงมา; และสว่ นท ้องของเธอจะขยายตัวและต ้นขาของเธอจะเน่า

183
ถ ้าเธอไม่ได ้โกหก, จากนัน
้ หญิงจะได ้รับการอวยพรโดยการตัง้ ครรภ์และการให ้กาเนิดบุตร
(หมายเหตุ 21)

Note 21: In the entire Old Testament the Jealousy testing and offering is the only
circumstance where HOLY WATER is used to proclaim one's innocence. The water had to
be brought BEHIND THE VEIL and be in the PRESENCE of GOD for it to become HOLY,
which was only one of the ingredients needed for the CURSE. It also required the DUST
from below the ALTAR of GOD to become COMPLETE.

หมายเหตุ 21:
ในพันธสญ ั ญาเดิมการทดสอบความอิจฉาริษยาทัง้ หมดและสงิ่ ทีม ่ อบให ้ในการดาเนินการ มีเพียง
น้ าบริสท ุ ธิถ ์ ก ้ อ
ู ใชเพื ่ ประกาศความบริสท ุ ธิไ์ ร ้มลทินของคนๆหนึง่ น้ านั น
้ ต ้องถูกนามาจาก
ข ้างหลังม่าน, และอยูใ่ นบริเวณการทรงสถิตย์ของพระเจ ้า เพราะสงิ่ นั น ้ จะกลายเป็ นสงิ่ บริสท
ุ ธิ,์
เป็ นสงิ่ ซงึ่ นามาเป็ นสว่ นผสมทีจ ่ าเป็ นสาหรับการแชง่ สาป
และยังต ้องการฝุ่ นทีอ ่ ยูภ
่ ายใต ้แท่นถวายบูชาของพระเจ ้าเป็ นการเสร็จสมบูรณ์

ONLY GOD BY HIS SANCTIFICATION and CONSECRATION CAN MAKE SOMETHING


OF THIS EARTH HOLY! A PRIEST THAT HAS BEEN BEHIND THE VEIL CAN ONLY PERFORM
THIS ACT AFTER GOD HAS HALLOWED HIM! GOD IS HOLY AND ONLY HE CAN HALLOW.
Water deemed by the Church to be "Holy Water", is nothing more than plain old "H2O" and
CANNOT SANCTIFY anything!

มีเพียงพระเจ ้าเท่านัน
้ โดยการชาระให ้บริสท ุ ธิข
์ องพระองค์และการสถาปนาแต่งตัง้
สามารถทาให ้บางสงิ่ บางอย่างของโลกบริสท ุ ธิไ์ ด ้ !
ปุโรหิตทีไ่ ด ้อยูข่ ้างหลังม่านเพียงแต่ทาตามหน ้าทีส ่ าแดง
สงิ่ นีห
้ ลังจากพระเจ ้าได ้ชาระเขาให ้บริสท ุ ธิ์ !
พระเจ ้าคือความบริสท ุ ธิแ
์ ละพระองค์เท่านัน ้ สามารถชาระกระทาให ้บริสท ุ ธิ์
น้ า(เป็ นการบัพติสมา)จากความเชอ ื่ โดยคริสตจักรเป็ น “น้ าบริสท ุ ธิ”์ ,
ไม่มค ี วามหมายอะไรเลยนอกเสย ี จาก เป็ นน้ าเปล่า อย่างเดิม “H₂O”
และไม่สามารถชาระให ้บริสท ุ ธิ(์ หรือ ปลดเปลือ ้ งจากบาป)ใดๆ!

D เสริม ข้อมูล เกีย


่ วก ับพล ับพลา

ม่านพล ับพลา

พลับพลาประกอบด ้วยม่าน จานวน 10 ผืน ผ ้าม่านแต่ละผืน ทาด ้วยผ ้าป่ านเนือ ้ ดี


ี ้ า สม
และผ ้าทอด ้วยด ้ายย ้อมสฟ ี ว่ ง สแ
ี ดงเข ้ม และมีรปู เครูปบนผ ้าม่านนั น
้ ผ ้าม่านแต่ละผืนยาว 28
ศอก กว ้าง 4 ศอก ผ ้าม่านนีค ้ ล ้องขอเกีย ่ วกันเป็ น 2 ชุด แต่ละชุดประกอบด ้วยผ ้าม่าน 5 ผืน
ผ ้าม่ามแต่ละชุดจะมีหู จานวน 50 หู ซงึ่ คล ้องด ้วยขอทองคาให ้เกีย ่ วกันไว ้

นอกจากนี้ ยังมีมา่ นทีท ั ้ นอกอีก 11 ผืน


่ าด ้วยขนแพะ สาหรับเป็ นเต็นท์คลุมพลับพลาชน
ผ ้าม่านขนแพะแต่ละผืนจะยาว 30 ศอก กว ้าง 4 ศอก ผ ้าม่านแต่ละผืนมีหว่ง 50

184
หูตด ิ กับขอบผ ้าม่านแต่ละชุด ผ ้าม่านชุดทีห ่ นึง่ จะมีผ ้าม่านขนแพะ 5 ผืน ผ ้าม่านชุดทีส ่ อง
มีผ ้าม่านขนแพะ 6 ผืน มีขอทองสม ั ฤทธิ์ เกีย
่ วทีห่ ข
ู องผ ้าม่าน ทาให ้เป็ นผืนเดียวกัน

ด ้านบนของพลับพลา ใชหนั ้ งแกะตัวผู ้ ย ้อมสแ


ี ดงชน
ั ้ หนึง่
ั ้ หนึง่
และคลุมหลังด ้วยทาคัชอีกชน

ไม้กรอบสาหรับทาพลับพลา ใชไม ้ ้กระถินเทตตัง้ ตรง แต่ละแผ่นกว ้าง ศอกเศษ ยาว 10


้ ิ
ศอก มีเดือยชนละ 2 อัน ทาฐานรองรับด ้วยเงิน ชน ิ้ ละ 2 ฐาน จานวนไม ้กรอบทัง้ สน
ั ้ 48 แผ่น
ใชส้ าหรับกรอบด ้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ทิศละ 20 แผ่น
และใชส้ าหรบกรอบทางด ้านหลัง ใชไม้ ้กรอบจานวน 6 แผ่น และใชส้ าหรับมุมอีก 2 แผ่น

สงิ่ ของประกอบพล ับพลา

กาหนดของพระเจ ้า ทรงให ้นาหีบพระโอวาทไว ้ในพลับพลา


และวางพระทีน ่ ั่งกรุณาบนหีบพระโอวาท และทาผ ้าม่านด ้วยผ ้าทอกัน ้ ไว ้
เป็ นการแบ่งพืน
้ ทีร่ ะหว่างวิสทุ ธิสถาน(พืน้ ทีล
่ านพลับพลา) และอภิสท ุ ธิสถาน(พืน ่ ลับพลา) [1]
้ ทีพ
และทรงกาหนดเครือ ่ งใช ้ และอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทีม่ ส ้
ี าหรับใชในพลั บพลาดังนี[2]

ลานพล ับพลา

ลานพลับพลานี้ โมเสสได ้รับบัญชาจากพระเจ ้าให ้สร ้าง มีรัว้ ทางด ้านทิศเหนือ


และทิศใต ้ยาวด ้านละ 100 ศอก ทาด ้วยผ ้าป่ านเนื้อดี มีเสา และฐานทองสม ั ฤทธิร์ องรับเสาด ้านละ
20 ต ้น รัว้ ทางด ้านทิศตะวันตก และทิศตะวันออก ยาวด ้านละ 50 ศอก มีเสาด ้านละ 10 ต ้น
ประตูทางเข ้าอยูท ่ างด ้านทิศตะวันออก มีบานประตู 2 บาน ความกว ้างบานละ 15 ศอก
บังประตูด ้วยผ ้าป่ าน และผ ้าสฟ ี ้ า สม
ี่ ว่ ง สแ
ี ดงเข ้ม[3]

หีบพระโอวาท

หีบพระโอวาท หรือ หีบพันธสญ ั ญาแห่งพระเจ ้า Ark of Covernance เป็ นหีบสาคัญ


เนือ ิ
่ งจากภายในได ้บรรจุ แผ่นศลาจารึกคาสอนของพระเจ ้า
ซงึ่ อิสราเอลถือได ้ว่าเป็ นเสมือนตัวแทนพระเจ ้าทีเดียว
และหีบพระโอวาทมีบทบาทต่ออิสราเอลในยุคต่าง ๆ มาก เชน ่

 เมือ
่ อิสราเอลต ้องการยึดเมืองเยรีโค แม ้เมืองจะมีกาแพงเข ้มแข็ง
แต่อส ิ ราเอลได ้เพียงแต่เดินขบวนรอบกาแพงเมือง โดยมีปโุ รหิต และหีบพระโอวาทนาหน ้า
กาแพงเมืองเยรีโค ก็ถล่มราบลงต่อหน ้าอิสราเอล[4]
 เมือ่ คนฟี ลส ิ เตียมาบุกอิสราเอล
และได ้ยึดหีบพระโอวาทไปวางไว ้ในวิหารแห่งพระดาโกน เมือ ้ น
่ เชาขึ ้ มา
พระดาโกนก็ล ้มควา่ หน ้าลงมายังพืน ้ ดินตรงหน ้าหีบพระโอวาท
และเมือ ่ ชาวฟี ลส ิ เตียยกพระดาโกนขึน ้ ตัง้ วันรุง่ ขึน
้ พระดาโกนก็ล ้มลง
เศย ี รพระดาโกนก็หก ั ออก[5]
 เมือ ่ กษั ตริยด์ าวิด ได ้นาหีบพระโอวาทกลับมาจากชาวฟี ลส ิ เตีย
ได ้นาหีบพระโอวาทขึน ้ เกวียนบรรทุก โดยมีอส ุ ซาห์ และอาบีนาดับเป็ นผู ้ดูแล
เมือ
่ ระหว่างทางโคสะดุด อุสซาห์ได ้เอือ ้ มมือไปจับหีบพระโอวาท
พระพิโรธของพระเจ ้าก็ขน ึ้ กับอุสซาห์
185
และทรงประหารเขาทีน ่ ั่นเพราะเขาเหยียดมือออกจับหีบนัน ้ (ทัง้ นี้
เนือ
่ งจากในพระบัญญัตห ิ ้ามมิให ้บุคคลทั่วไปแตะต ้องหีบพระโอวาท
การขนสง่ หีบพระโอวาทให ้กระทาโดยการหาบด ้วยคานหาม)[6]

ในการสร ้างหีบพระโอวาทนัน ้ พระเจ ้าทรงบัญชาผ่านโมเสสทีภ ่ เู ขาซนี าย ดังนี้


“ให ้เขาทาหีบใบหนึง่ ด ้วยไม ้กระถินเทศ ยาว 2 ศอกคืบ กว ้างศอกคืบ และสูงศอกคืบ
หีบนัน้ หุ ้มด ้วยทองคาบริสท ุ ธิท
์ ัง้ ด ้านในและด ้านนอก แล ้วทากระจังคาดรอบหีบนัน ้ ด ้วยทองคา
ให ้หล่อห่วงทองคาสห ี่ ว่ งสาหรับหีบนัน ้ ติดไว ้ทีม ุ ทัง้ ส ี่
่ ม
...ทาคันหามด ้วยไม ้กระถินเทศหุ ้มด ้วยทองคาสาหรับยกหีบนั น ้ ...ไม ้คานหามให ้สอดไว ้ในห่วงของ
หีบอย่าถอดเลย...แล ้วจงทาพระทีน ่ ั่งกรุณาด ้วยทองคาบริสท ุ ธิ์ ยาวสองศอกคืบ สูงศอกคืบ
จงทาเครูบทองคา 2 รูปตัง้ ไว ้ทีป ่ ลายพระทีน ่ ั่งกรุณาทัง้ สองข ้าง
ให ้ตอนปลายเครูบทัง้ สองข ้างติดเป็ นเนือ ้ เดียวกับพระทีน ่ ั่งทองคา
ให ้เครูบกางปี กออกปกพระทีน ่ ั่งกรุณา แล ้วตัง้ พระทีน ่ ั่งกรุณานัน ้ ไว ้บนหีบ...”[7]

แท่นเครือ
่ งเผาบูชา

แท่นสาหรับเผาเครือ ่ งเผาบูชา ในพลับพลานั น


้ ทาด ้วยไม ้กระถินเทศหุ ้มด ้วยทองคา
เชน่ เดียวกับวัสดุอน ื่ ๆ ในพลับพลา มีขนาดกว ้าง 5 ศอก ยาว 5 ศอก และสูง 3 ศอก
มีเชงิ งอนติดไว ้ทีม
่ ม ี่ ้าน
ุ ทัง้ สด

แท่นเครือ
่ งเผาบูชา มีเครือ ่ งประกอบอืน ่ ซงึ่ ทาด ้วยทองสม
ั ฤทธิ์ ประกอบด ้วย
หม ้อสาหรับใสข่ เึ้ ถ ้า ทัพพี ชาม ขอเกีย ่ วเนือ
้ และถาดรองไฟ นอกจากนีย ้ ังมีตาข่ายประดับแท่น
ติดรอบแท่นในระดับทีต ่ า่ กว่ากระจัง โดยห ้อยตัง้ แต่กลางแท่นลงไป
และมีหว่ งทองสม ั ฤทธิต ์ ดิ ทีม
่ ม
ุ ทัง้ สข ี่ องตาข่าย มีไม ้คานหามทาจากไม ้มะกอกเทศ หุ ้มทองสม ั ฤทธิ์
[8]

แท่นเครือ
่ งหอม

แท่นสาหรับเผาเครือ ่ งหอมทาจากไม ้มะถินเทศหุ ้มด ้วยทองคา ขนาดกว ้างxยาวxสูง 1x1x2



ศอก มีเชงงอนมุมแท่น และกระจังทองคาล ้อมรอบ มีหว่ งทองคา 2
อยูใ่ ต ้กระจังด ้านละห่วงตรงข ้ามกัน มีไม ้สาหรับหาม ทาด ้วยไม ้กระถินเทศหุ ้มทองคา

แท่นสาหรับเผาเครือ
่ งหอมนี้ ถูกไว ้ใกล ้กับหีบพระโอวาท
และมอบหมายให ้ปุโรหิตเผาเครือ ้
่ งหอมวันละ 2 ครัง้ คือเชาและเย็ น

เชนเดียวกันกับการจุดทันประทีป [9]

โต๊ะขนมหน้าพระพ ักตร์

ในพลับพลา มีโต๊ะสาหรับวางขนมปั งหน ้าพระพักตร์ ซงึ่ พระเจ ้าทรงบัญชาแก่โมเสสไว ้ว่า


“จงเอาไม ้กระถินเทศมาทาโต๊ะตัวหนึง่ ยาวสองศอก กว ้างหนึง่ ศอก
สูงสองคืบ...หุ ้มโต๊ะนัน
้ ด ้วยทองคา...ประกับโต๊ะให ้กว ้างหนึง่ ฝ่ ามือโดยรอบ
แล ้วทากระจังทองคาประกอบให ้รอบประกับนั น ้ ...จงทาห่วงทองคาติดไว ้ทีม ุ ขาโต๊ะทัง้ ส ี่
่ ม
ติดกับกระจังเพือ ่ เอาไว ้สอดคานหาม...จงทาคานหามด ้วยไม ้มะกอกเทศ

186
หุ ้มด ้วยทองคา...จงทาจาน ชาม ชอน ้ คนโท และอ่างน้ าทีใ่ ชส้ าหรับรินเครือ
่ งดืม
่ บูชา
เหล่านีด ้ ้วยทองคาบริสท
ุ ธิ.์ ..” [10]

ค ันประทีปทองคา

ตามพระบ ้ญชาของพระเจ ้า ในพลับพลาจะมีคันประทีป 1 อัน ทาด ้วยทองคาบริสท ุ ธิ์


โดยมีรายละเอียดทีร่ ะบุไว ้ในพระคัมภีรด ์ ังนี้ ฐานและลาดัวของคันประทีปนั น ้ ให ้ใชค้ ้อนทาดอก คือ
ฐานดอกและกลีบติดเป็ นเนือ ้ เดียวกันกับคันประทีป ให ้มีกงิ่ 6 กิง่ แยกจากคันประทีปนัน ้ ข ้างละ 3
กิง่

กิง่ หนึง่ มีดอก เหมือนดอกอัลมันด์ 3 ดอก ทุกดอกมีฐานดอก และกลีบดอก ใต ้กิง่ ทุก ๆ คู่
ทัง้ หกกิง่ ทีล
่ าประทีป มีกระเปาะเป็ นเนือ
้ เดียวกับคันประทีป แต่สาหรับตัวคันประทีป
มีดอกเหมือนดอกอัลมันด์ 4 ดอก และคันประทีปนีม ้ ต ิ้ 7 ดวง
ี ะเกียงทั ง้ สน

ประทีปในพลับพลา จะต ้องเติมด ้วยน้ ามันมะกอกเทศบริสท ุ ธ์


และให ้ประทีปนีส ่ งสว่างตลอดเวลา
้ อ
และกาหนดให ้ปุโรหิตเป็ นผู ้ดูแลประทีปนีต
้ งั ้ แต่พลบคา่ จนถึงหัวรุง่ [11]


นอกจากดวงประทีปแล ้ว ยังมีตะไกรตัดใสตะเกียง และถาดใสต่ ะไกรตัดใสตะเกี
้ ยง โดยทัง้
3 สงิ่ นี้ ได ้แก่ คันประทีป กรรไกรตัดใสตะเกี
้ ่ ะไกร ทามาจากทองคาบริสท
ยง และถาดใสต ุ ธิน
์ ้ าหนั ก
1 ตะลันต์[12]

นา้ ม ันเจิม และเครือ


่ งหอม

ในพระธรรมอพยพ พระเจ ้าทรงตรัสสงั่ โมเสสถึงสูตรปรุงน้ ามันเจิม และเครือ ่ งหอมไว ้


และให ้เป็ นสูตรเฉพาะสาหรับการเป็ นน้ ามันเจิมเท่านั น ้
้ ไม่ทรงอนุญาตให ้นาไปใชชโลมผู ้คนทั่วไป
โดยน้ ามันเจิมนีใ้ ชส้ าหรับเจิมปุโรหิต เต ้นท์นัดพบ หีบพระโอวาท คันประทีป แท่นเครือ ่ งเผาบูชา
แท่นเครือ่ งหอมบูชา และสงิ่ ต่าง ๆ ทีใ่ ชในพลั
้ บพลาของพระเจ ้า

องค์ประกอบทีส ่ าคัญ ได ้แก่ มดยอบน้ าหนั ก 500 เชเขล อบเชยหอมหนัก 250 เชเชล
ตะไคร ้ 250 เชเชล การบูร 500 เชเชล และน้ ามันมะกอกเทศ 1 ฮน ิ
ิ ปของชา่ งปรุงน ้ามัน
แล ้วนาไปปรุงด ้วยศล [13]

เครือ
่ งโลหะสาหร ับวิสทุธส
ิ ถาน

ในสถานนมัสการ
มีอป
ุ กรณ์ประกอบหลายอย่างทีต ้
่ ้องใชประกอบกั บบรรดาองค์ประกอบแต่ละตัวของพลับพลา อาทิ

 ขันทองสมั ฤทธิ์ สาหรับการล ้างชาระ[14]


 พานทองสม ั ฤทธิ์
 ม่านบังตา

ในการสร ้างพลับพลา และอุปกรณ์ประกอบในพลับพลา พระธรรมอพยพระบุไว ้ว่า


ได ้จากการรวบรวมจากชาวอิสราเอลทีม ่ อ
ี ายุตงั ้ แต่ 20 ปี ขน
ึ้ ไป จานวน 603,550 คน
ิ้ 29 ตะลันต์ กับ 730 เชเขล และเงิน ทัง้ สน
รวบรวมได ้ทองคา ทัง้ สน ิ้ 1,770 เชเขล[15]

187
อ้างอิง

ั ญาเดิม[16]
การเทียบมาตรหน่วยวัด ในพันธสญ

 1 ศอก = 44.42 เซนติเมตร


 1 คืบ = 22.21 เซนติเมตร
 1 เชเขล = 11.424 กรัม
 1 ตะลันต์ = 34.272 กิโลกรัม

1. พระธรรมอพยพ บทที่ 26
2. ้
พลับพลาแบบนี้ ใชจนกระทั ่งถึงสมัยของกษั ตริยด
์ าวิด
ก็มก
ี ารเปลีย
่ นแปลงสร ้างใหม่ตา่ งไปจากเดิม
3. พระธรรมอพยพ บทที่ 20
4. พระธรรมโยชูวา บทที่ 6 ข ้อที่ 1-27
5. พระธรรม 1ซามูเอล บทที่ 5 ข ้อที่ 1-12
6. พระธรรม 2ซามูเอล บทที่ 6 ข ้อที่ 1-11
7. พระธรรมอพยพ บทที่ 25 ข ้อที่ 10-22 และพระธรรมอพยพ บทที่ 37 ข ้อที่ 1-9
8. พระธรรมอพยพ บทที่ 27 ข ้อที่ 1-8 และพระธรรมอพยพ บทที่ 38 ข ้อที่ 1-7
9. พระธรรมอพยพ บทที่ 30 ข ้อที่ 1-10 และพระธรรมอพยพ บทที่ 37 ข ้อที่ ข ้อ 25-
28
10. พระธรรมอพยพ บทที่ 25 ข ้อที่ 23-30 และพระธรรมอพยพ บทที่ 37 ข ้อที่ 10-16
11. พระธรรมอพยพ บทที่ 27 ข ้อที่ 20-21
12. พระธรรมอพยพ บทที่ 25 ข ้อที่ 31-40 และพระธรรมอพยพ บทที่ 37 ข ้อที่ 17-24
13. พระธรรมอพยพ บทที่ 30 ข ้อที่ 22-38 และพระธรรมอพยพ บทที่ 37 ข ้อที่ 29
14. พระธรรมอพยพ บทที่ ข ้อที่ 17-21
15. พระธรรมอพยพ บทที่ 38 ข ้อที่ 21-31
16. พระคริสตธรรมคัมภีร ์ ฉบับเรียงพิมพ์ใหม่ ปี พ.ศ. 2541 (1998)

The Law of the Nazarite /

คนทีป่ ฏิญาณเป็ นนาศรี ์


กันดารวิถ ี 6:1-27 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า 6:2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมือ ่ ผู ้ชายก็ด ี
ผู ้หญิงก็ด ี ปลีกตัวด ้วยการกระทาสต ั ย์ปฏิญาณ คือปฏิญาณเป็ นนาศรี ์
คือปลีกตัวออกถวายแด่พระเยโฮวาห์ 6:3 ก็ให ้ผู ้นัน ้ ปลีกตัวออกจากเหล ้าองุน ่ และสุรา
เขาต ้องไม่ดม ้ ไ่ ด ้จากเหล ้าองุน
ื่ น้ าสมที ่ หรือสุรา ไม่ดม ื่ น้ าองุน
่ หรือรับประทานองุน ่ ไม่วา่ สดหรือแห ้ง
6:4 ตลอดเวลาทีเ่ ขาปลีกตัวออกมานัน ้ เขาต ้องไม่รับประทานสงิ่ ใดทีไ่ ด ้จากต ้นองุน ่
แม ้เป็ นเมล็ดหรือเปลือกองุน ่ ก็ด ี 6:5 ตลอดเวลาทีเ่ ขาปฏิญาณปลีกตัวออกมานัน ้
อย่าให ้มีดโกนถูกศรี ษะของเขา
เขาต ้องบริสท ุ ธิจ์ นกว่าจะสน ิ้ กาหนดเวลาทีเ่ ขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเยโฮวาห์
เขาจะต ้องไว ้ผมยาว 6:6 ตลอดเวลาทีเ่ ขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเยโฮวาห์
เขาต ้องไม่เข ้าใกล ้ศพ 6:7 อย่าทาตัวให ้มีมลทินด ้วยบิดามารดาหรือพีน ่ ้องชายหญิงทีต ่ าย
เพราะทีเ่ ขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเจ ้านัน ้ เป็ นพันธนะของเขา 6:8
ตลอดเวลาทีเ่ ขาปลีกตัวออกมา เขาต ้องบริสท ุ ธิแ
์ ด่พระเยโฮวาห์

188
6:9 และถ ้ามีคนมาตายอยูใ่ กล ้ตัวเขาปั จจุบันทันด่วน
ศรี ษะของเขาทีช่ าระให ้บริสท
ุ ธิไ์ ว ้ก็เป็ นมลทินเสย ี แล ้ว
เขาต ้องโกนศรี ษะของเขาในวันชาระตัวคือในวันทีเ่ จ็ ดนั น ้ เขาต ้องโกนศรี ษะ
6:10
ในวันทีแ่ ปดเขาต ้องนานกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัวไปให ้ปุโรหิตทีป ่ ระตูพลับพลาแห่งชุม
นุม 6:11 และปุโรหิตจะถวายบูชาตัวหนึง่ เป็ นเครือ ่ งบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึง่ ถวายเป็ นเครือ ่ งเผาบูชา
ลบมลทินให ้เขา เพราะเขาได ้กระทาผิดเหตุเรือ ่ งศพ และเขาต ้องชาระศรี ษะให ้บริสท ุ ธิใ์ นวันนัน
้ อีก
6:12 และให ้เขาปลีกตัวออกถวายแด่พระเยโฮวาห์ตลอดเวลาการปลีกตัวของเขา
และนาลูกแกะอายุหนึง่ ขวบมาเป็ นเครือ ่ งบูชาไถ่การละเมิด แต่เวลาก่อนนั น ้ นับไม่ได ้
เพราะการปฏิญาณปลีกตัวของเขานัน ้ มีมลทินเสย ี แล ้ว

6:13 เมือ ่ เวลาปลีกตัวของเขาครบแล ้ว พระราชบัญญัตข ิ องพวกนาศรี ม ์ ด ี ังนี้


ให ้นาเขามาทีป ่ ระตูพลับพลาแห่งชุมนุม 6:14 ให ้เขาถวายเครือ ่ งบูชาแด่พระเยโฮวาห์
คือลูกแกะผู ้อายุขวบหนึง่ ทีป ่ ราศจากตาหนิเป็ นเครือ ่ งเผาบูชา
และลูกแกะเมียอายุขวบหนึง่ ทีป ่ ราศจากตาหนิเป็ นเครือ ่ งบูชาไถ่บาป
และแกะผู ้ตัวหนึง่ ทีป ่ ราศจากตาหนิเป็ นเครือ ่ งสน ั ติบช ู า 6:15 และขนมปั งไร ้เชอ ื้ กระจาดหนึง่
ขนมทาด ้วยยอดแป้ งคลุกน้ ามัน
ขนมแผ่นไร ้เชอ ื้ ทาน้ ามันพร ้อมกับเครือ ่ งธัญญบูชาและเครือ ่ งดืม ่ บูชาทีค ่ กู่ ัน6:16
และปุโรหิตจะนาของเหล่านีถ ้ วายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
แล ้วถวายเครือ ่ งบูชาไถ่บาปและเครือ ่ งเผาบูชา 6:17
และปุโรหิตจะถวายแกะผู ้เป็ นเครือ ่ งสน ั ติบช ู าแด่พระเยโฮวาห์ พร ้อมกับขนมปั งไร ้เชอ ื้ กระจาดหนึง่
ปุโรหิตจะถวายธัญญบูชาและเครือ ่ งดืม ่ บูชาทีค่ กู่ ันด ้วย
6:18 และผู ้เป็ นนาศรี จ ์ ะโกนศรี ษะแห่งการปลีกตัวนั น ้ ทีป่ ระตูพลับพลาแห่งชุมนุม
และนาเอาผมทีศ ี
่ รษะแห่งการปลีกตัวนัน ่
้ ไปใสไฟทีอ ่ ยูใ่ ต ้เครือ
่ งสน ั ติบช ู าเสย ี 6:19
่ ผู ้เป็ นนาศรี โ์ กนผมแห่งการปลีกตัวเสร็จแล ้ว ปุโรหิตจะนาเนือ
เมือ ้ สน ั ขาหน ้าของแกะตัวผู ้ทีต ่ ้มแล ้ว
กับขนมไร ้เชอ ื้ ก ้อนหนึง่ จากกระจาด
และขนมแผ่นไร ้เชอ ื้ แผ่นหนึง่ วางไว ้ในมือทัง้ สองของผู ้เป็ นนาศรี น ์ ัน

6:20
แล ้วปุโรหิตจะนาของเหล่านัน ้ แกว่งไปแกว่งมาเป็ นเครือ ่ งบูชาแกว่งถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
เป็ นสว่ นบริสท ุ ธิท
์ ก
ี่ ันไว ้สาหรับปุโรหิต พร ้อมกับเนือ ้ อกทีแ่ กว่งถวาย และเนือ ้ โคนขาทีถ ่ วายแล ้ว
ต่อจากนีผ ้ ู ้เป็ นนาศรี ก ์ ็ ดม
ื่ น้ าองุน
่ ได ้ 6:21 นีเ่ ป็ นพระราชบัญญัตข ิ องผู ้เป็ นนาศรี ผ
์ ู ้ปฏิญาณ
และเครือ ่ งบูชาของเขาทีถ ่ วายแด่พระเยโฮวาห์ในการปลีกตัว นอกจากสงิ่ อืน ่ ๆทีเ่ ขาถวายได ้
ดังนัน
้ แหละเขาต ้องกระทาตามพระราชบัญญัตข ิ องการปลีกตัวออกไปเป็ นนาศรี ์
ตามทีเ่ ขาได ้ปฏิญาณไว ้"
6:22 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า 6:23 "จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรชายทัง้ หลายของอาโรนว่า
ท่านทัง้ หลายจงอวยพรแก่คนอิสราเอลดังต่อไปนี้ คือว่าแก่เขาทัง้ หลายว่า 6:24
ขอพระเยโฮวาห์ทรงอานวยพระพรแก่ทา่ น และพิทักษ์รักษาท่าน 6:25
ขอพระเยโฮวาห์ทรงให ้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงแก่ทา่ น และทรงพระกรุณาท่าน 6:26
ขอพระเยโฮวาห์ทรงมีสพ ี ระพักตร์แชม ่ ชน
ื่ ต่อท่านและประทานสน ั ติสข
ุ แก่ทา่ น 6:27
ดังนัน้ แหละให ้เขาประทับนามของเราเหนือคนอิสราเอล และเราจะได ้อวยพรแก่เขาทัง้ หลาย"

189
กฎระเบียบของผู ้ให ้คาปฏิญาณเป็ นนาศรี (์ กันดารวิถ ี 6:1-27)

A Nazarite is a person who has dedicated himself exclusively to the SERVICE of GOD.
ONLY A MALE CAN ASSUME THIS RESPONSIBILITY! The person taking the oath of the
Nazarite can specify the time and duration of their SERVICE that they will be giving to GOD
at the time of their oath. A parent also can make a Nazarite dedication for their child, but
this DEDICATION must be done prior to the child's conception. However, PARENTAL
DEDICATION for the Nazarite must be a lifetime dedication of SERVICE to GOD. Some of the
better known Nazarites are Samson, Samuel, and John the Baptist, although there were
many, many, more than just these three.

คนนาศไี รท์ เป็ นผู ้ซงึ่ ให ้คาปฏิญาณถวายตัวเขาเองเพือ ้


่ การรับใชพระเจ ้า
แต่มเี พียงผู ้ชายทีส ่ ามารถทาหน ้าทีใ่ นความรับผิดชอบนี้! บุคคลทีป ่ ฏิญาณเป็ นนาศไี รท์
จะมีระยะเวลาอุทศ ิ ตนโดยเฉพาะ ในชว่ งเวลาของการรับใชพระเจ ้ ้าของพวกเขา บิดามารดา
สามารถทีจ ่ ะอุทศ
ิ บุตรของพวกเขาถวายแด่พระเจ ้า
แต่การอุทศ ้ าต ้องทาในชว่ งก่อนการตัง้ ครรภ์เด็ก แต่อย่างไรก็ตาม
ิ ตนนีจ
การอุทศ ิ ถวายบุตรของบิดามารดาเพือ ่ การเป็ นนาศไี รท์
นีจ
้ าต ้องเป็ นการอุทศ ิ ชวั่ ชวี ต ้
ิ ในการรับใชพระเจ ้า ผู ้ทีอ
่ ท ิ ถวายตนเป็ นนาศไี รท์ เป็ นทีร่ ู ้จักนั น
ุ ศ ้ ได ้แก่
แซมสน ั ซามูเอลและยอห์น บัพติสมา แต่ในความจริงแล ้วมีมากกว่านั น ้
มากกว่าสามคนทีย ่ กตัวอย่างมานี้

Elijah was also a Nazarite! However the HOLY BIBLE does not specifically address
him as one. GOD gave varying SUPERNATURAL POWERS to all of the Nazarites, who were
dedicated prior to conception, and they are most often referred to in the Scriptures, as MEN
of GOD! These men were all GREATLY feared by the people and were often avoided because
of those GREAT GOD GIVEN POWERS.

เอลียาห์เป็ นผู ้ทีป่ ฏิญาณ(สาบานตน)เป็ นนาศไี รท์ !


แม ้ว่าพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ ไม่ได ้กล่าวอย่างเฉพาะ เจาะจงว่าเขาเป็ นเสมือนหนึง่ ในนัน ้
ิ ธิอานาจเหนือธรรมชาติหลายสงิ่ หลายอย่าง
พระเจ ้าได ้ให ้สท
ต่อพวกเขาเหล่านัน ้ ทีเ่ ป็ นนาศไี รท์,ผู ้ซงึ่ ได ้อุทศ
ิ ตนตัง้ แต่ชว่ งเวลาก่อนการตัง้ ครรภ์และพวกเขานั น
้ ถู
กอ ้างอิงในพระคาภีรบ ์ อ่ ยๆว่าเป็ นเหมือน คนของพระเจ ้า ชายนาศไี รท์เหล่านี้
ผู ้คนทัง้ หมดได ้เกรงกลัวพวกเขาและจะหลีกเลีย ่ งการพบปะพวกเขา
เพราะว่าพระเจ ้าผู ้ยิง่ ใหญ่มอบสท ิ ธิอานาจ ฤทธานุภาพ

Due to the Nazarite being CONSECRATED by GOD for service to HIM, there were
certain Laws that applied only to the Nazarite. The Nazarite was FORBIDDEN to drink wine,
or vinegar, or strong drink of any type. Nor could they eat anything that grew on a vine
whatsoever. They were never allowed to cut their hair during their time as a Nazarite or
come in contact with any dead person except during battle. They could not even be near to
a parent after their death, and if it so happened that a person should die in their presence,

190
suddenly, where they could not avoid it, then PURIFICATION was necessary for that
exposure.

เนือ ่ งจาก นาศไี รท์ ได ้รับการสถาปนาโดยพระเจ ้าสาหรับการรับใชพระองค์ ้ ,


จึงได ้มีกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดทีม ่ ต ่ นาศไี รท์เท่านัน
ี่ อ ้ นาศไี รท์ถก
ู สงั่ ห ้ามทีจ ่ ะดืม
่ ไวน์,

หรือน้ าสมสายชู , หรือเครือ่ งดืม ่ กลิน ่ ฉุนทุกประเภท
หรือพวกเขาไม่สามารถรับประทานสงิ่ ใดก็ตามทีเ่ จริญงอกงามจากต ้นองุน ่
พวกเขาไม่เคยได ้รับอนุญาตให ้ตัดผมของพวกเขาในระหว่างชว่ งเวลาทีอ ่ ท ุ ศ ิ ตนเป็ นนาศไี รท์
หรือเข ้ามาสม ั ผัสกับคนตายใดๆ ยกเว ้นในระหว่างสงคราม พวกเขาไม่สามารถ
แม ้แต่จะเข ้าไปใกล ้กับบิดามารดาหลังจากการตายของพวกเขา, และถ ้าสงิ่ เหล่านีเ้ กิดขึน ้
ด ้วยเหตุบังเอิญในทันทีทันใด
บุคคลนัน ้ ได ้จะตายอยูต ่ อ่ หน ้าของพวกเขา,ทีซ ่ งึ่ พวกเขาไม่สามารถหลีกเลีย ่ งสงิ่ นี,้
จากนัน ้ การชาระให ้บริสท ุ ธิเ์ ป็ นสงิ่ จาเป็ นสาหรับการเปิ ดโอกาสนัน ้

This PURIFICATION consisted of the Nazarite having to shave their head completely
SEVEN days after the event had occurred, and then come before the Priest on the eighth
day for their PURIFICATION. An offering would be made of two pigeons, or two turtledoves
that were brought by the Nazarite to the Priest for a SACRIFICE to GOD. The Priest would
offer one of the SACRIFICES for a SIN OFFERING and one of the SACRIFICES for a BURNT
OFFERING.

การชาระให ้บริสทุ ธิน ี้ ระกอบด ้วยผู ้ให ้คาปฏิญาณเป็ นนาศไี รท์


์ ป
ต ้องโกนศรี ษะของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ 7 วันหลังจากเหตุการณ์นัน ้ เกิดขึน้ ,
และจากนัน ้ เข ้ามาต่อหน ้าปุโรหิต ณวันที่ 8 สาหรับการชาระให ้บริสท ุ ธิข
์ องพวกเขา
นาศไี รท์จะต ้องนานกพิราบ 2 ตัว,
หรือนกเขาขนาดเล็กเป็ นเครือ ่ งถวายบูชานาไปยังปุโรหิตเพือ ่ การถวายเครือ ่ งบูชาแด่พระเจ ้า
ปุโรหิตจะทาการถวายหนึง่ ของเครือ ่ งถวายบูชา สาหรับการไถ่บาป
และหนึง่ ของเครือ ่ งถวายบูชาเพือ ่ การเผาไหม ้ลบมลทิน

The Priest would HALLOW the Nazarite's head by the burning of his hair at the
ALTAR, because he had been in the presence of the dead and had DEFILED his head. After
the Nazarite had been PURIFIED, he must bring on the following day a TRESPASS
OFFERING. This SACRIFICE of a TRESPASS OFFERING was due from him for the time that
he had lost in his SERVICE to GOD while he was DEFILED.

ปุโรหิตจะประกาศชาระนาศไี รท์ ให ้บริสท ุ ธิ์ โดยการเผาผมของเขาทีแ ่ ท่นบูชา,


เพราะว่าเขาได ้อยูต ่ อ
่ หน ้าคนตายและทาให ้เป็ นมลทินทีศ ่ รี ษะของเขา หลังจากนาศไี รท์
ได ้ถูกชาระให ้บริสทุ ธิ,์ เขาจาต ้องทาการถวายของบูชาจากการละเมิด ฝ่ าฝื น
การถวายเครือ ่ งบูชาของการละเมิด
ในชว่ งระหว่างทีเ่ ขาไม่ได ้ทาการรับใชต่้ อพระเจ ้าขณะทีเ่ ขาเป็ นมลทิน

191
Once the duration of the Nazarite's service to GOD had been fulfilled, the Nazarite
would then come before the door of the TABERNACLE with his SACRIFICE, and while there
shave the hair from his head in the presence of the Priest. The Priest would take the
SACRIFICE brought by the Nazarite and offer it upon the ALTAR, and burn the hair from the
Nazarite's head in the fire from beneath the ALTAR.

เมือ ้
่ ระยะเวลาของการรับใชพระเจ ้าของนาศไี รท์ นั น ิ้ สุดลง จากนั น
้ ได ้สน ้ นาศไี รท์
จะมาอยูต่ รงหน ้าประตูพลับพลากับเครือ่ งถวายบูชา, และโกนผมจากศรี ษะของเขาต่อหน ้าปุโรหิต
ปุโรหิตจะเอาเครือ ่ ามาโดยนาศไี รท์นัน
่ งถวายบูชา ทีน ้ และถวายบูชาต่อหน ้าแท่นบูชาของพระเจ ้า,
และเผาผมทีโ่ กนจากศรี ษะของนาศไี รท์ ด ้วยไฟทีอ ่ ยูใ่ ต ้แท่นบูชา

The Laws governing the Nazarite would be then waived by GOD and would no longer
apply to that man for he had fulfilled his service as a Nazarite. Nearly all of the Prophets as
well as those referred to as "MEN of GOD" in the Old Testament had sworn the oath of the
Nazarite, and carried out their duties in accordance with the Laws of the Nazarite.

กฎระเบียบการควบคุมดูแลนาศไี รท์
จะยกเลิกตัง้ แต่นัน
้ โดยพระเจ ้าและจะไม่มก ี ารปฏิบัตห
ิ น ้าทีข
่ องชายคนนัน


ในการรับใชของเขาเสมื อนเป็ นนาศไี รท์อก ้ ้ว
ี ต่อไปเพราะเขาได ้บรรลุหน ้าทีใ่ นการรับใชแล
เกือบทัง้ หมดของผู ้พยากรณ์ทก ี่ ล่าวถึงเป็ น“บุคคลของพระเจ ้า”
ในพันธสญ ั ญาเดิมได ้สาบานคาปฏิญาณตนเป็ นนาศไี รท์,
และทาหน ้าทีข ่ องพวกเขาติดตามมาด ้วยกฎระเบียบของผู ้ให ้คาปฏิญาณเป็ นคนนาศไี รท์

GOD'S COURSE and DIRECTION

ลาดับเหตุการณ์และทิศทางของพระเจ ้า

THE LORD instructs MOSES to make two silver TRUMPETS and these TRUMPETS
would act as a public address system to the people. There were certain soundings (the
number of blasts of the TRUMPET) that would indicate certain events. The TRUMPETS
were also used to INDICATE GOD'S MOVEMENT. During the day a CLOUD would hover over
the TABERNACLE and FIRE would hover over the TABERNACLE by night.

พระผู ้เป็ นเจ ้าทรงชแ ี้ นะโมเสสเพือ ่ ทาให ้แตรเงิน 2


อันและแตรเหล่านีจ ้ ะใชเพื ้ อ
่ เป็ นสญ ั ญาณเป่ าประกาศในทีส ่ าธารณะชนไปยังผู ้คน
มี(จานวนครัง้ ของเสย ี งแตร)ทีเ่ ป่ าอย่างชดั เจน
ซงึ่ จะทาให ้มีความชด ั เจนในการรู ้เหตุการณ์แต่ละอย่าง เสย ี งสญ
ั ญาณแตรยังคงใชเพื
้ อ

ทาให ้รู ้การเคลือ ่ นไหวของพระเจ ้า
ในระหว่างชว่ งเวลากลางวันเมฆจะลอยมาอยูเ่ หนือพลับพลาและจะมีไฟจะลอยเหนือพลับพลาเวลา
กลางคืน

192
There was always someone who would stand watch over the CLOUD or the FIRE to
see if it were to move. When either the CLOUD or the FIRE would lift up above the
TABERNACLE the TRUMPETS would be sounded, so the people would know that GOD
wanted them to move to another place. They would pack up all their belongings and follow
the CLOUD by day or the FIRE by night UNTIL IT SETTLED. It was GOD who would
determine the Children of ISRAEL'S comings and goings.

จะมีบางคนเป็ นผู ้ซงึ่ เฝ้ าดูอยู่ เหนือเมฆหรือไฟอย่างเสมอ ว่าได ้เคลือ


่ นทีไ่ ปไหม
เมือ
่ ไม่วา่ ทัง้ เมฆหรือไฟได ้ถูกยกขึน ้ เหนือพลับพลา เสย ี งสญ
ั ญาณแตรจะดังขึน้ ,
ดังนัน
้ ผู ้คนจะรู ้ว่าพระเจ ้าต ้องการให ้พวกเขาเคลือ่ นย ้ายไปยังสถานทีอ
่ น
ื่
พวกเขาจะจัดกระเป๋ าข ้าวของสว่ นตัวทัง้ หมดและติดตามเมฆในกลางวันหรือไฟในกลางคืนจนกระทั่
งถึงเวลาพักจัดตัง้ ค่ายนั่น
้ รงเป็ นพระเจ ้าซงึ่ จะเป็ นผู ้ตัดสน
นีท ิ ใจการเดินทางไปและหยุดพักของลูกหลานของอิสราเอล

GOD also instructed MOSES as to how the twelve tribes of ISRAEL would be situated
about the TABERNACLE when they were camped. GOD even determined which group of
people was to be the first to pack up and leave as well as to whom was the first to set up
camp. This same sequence would also apply in the event of a war, as to who would be
forward and lead and who would be flanked.

พระเจ ้ายังชแ ี้ นะโมเสส เกีย ่ วกับการจัดตัง้ ตาแหน่งของพลับพลาแก่ชนชาติ อิสราเอล 12


เผ่า เมือ ่ พวกเขาอยูค ่ า่ ย พระเจ ้าตัดสน ิ ใจแม ้กระทั่ง
เผ่าไหนเป็ นกลุม ่ แรกทีจ ่ ัดกระเป๋ าและเดินทางออกไปก่อนอย่างเหมาะสมเพือ ่ เป็ นกลุม
่ แรกในการจัด
ตัง้ ค่าย ลาดับเหตุการณ์เดียวกันนี้ จะยังนามาใชในกรณี ้ ของสงคราม,
เกีย ่ วกับผู ้ซงึ่ จะเป็ นกองทัพหน ้าและผู ้นาและผู ้ซงึ่ จะอยูก่ องกาลังเสริม(ด ้านข ้าง)

The CLOUD or the FIRE would hover over the ARK of the COVENANT and would
travel in the direction that the people were to go, so it ALWAYS hovered over the forward
most part of the people and acted as their COMPASS. Those who carried the ARK would
always observe the direction in which the CLOUD or the FIRE would go and that was the
direction that the ARK would go and all the people would follow after it. THE LORD was
also THE ONE who went out first in a time of battle, and when THE LORD would go out
before the people to battle, they ALWAYS defeated their enemies.

เมฆหรือไฟจะลอยเหนือหีบแห่งพันธสญ ั ญา และจะเดินทางไปในทิศทางทีผ ่ ู ้คนควรจะไป,


้ สงิ่ นีจ
ดังนั น ้ ะลอยอยูข ่ ้างหน ้าเหนือสว่ นใหญ่ของผู ้คนและเป็ นเหมือนเข็มทิศของพวกเขาอย่างสมา่ เ
สมอ คนเหล่านัน ้ ทีห
่ าม หีบพันธสญ ั ญา จะสงั เกตทิศทาง จากเมฆหรือไฟจะนาไปในทิศทางไหน
และนั่นเป็ นทิศทางหีบพันธสญ ั ญา จะไปและทุกคนจะเดินทางติดตามหลังทิศทางนัน ้
พระผู ้เป็ นเจ ้าเป็ นบุคคลนั น ้ จะเสด็จออกไปก่อนในเวลาของการต่อสู,้
และเมือ ่ พระผู ้เป็ นเจ ้าเสด็จออกไปก่อนประชากรเพือ ่ ทาการต่อสู,้
พวกเขาจะรบชนะศัตรูพวกเขาอย่างสมา่ เสมอ

193
Numbers 10:35 And it came to pass, when the ARK set forward, that MOSES said, RISE UP,
LORD, and let thine enemies be scattered; and let them that hate thee flee before thee.

กันดารวิถ ี 10:35 ต่อมา เมือ ่ หีบยกออกเดินเมือ


่ ไร โมเสสกราบทูลว่า “ข ้าแต่พระเยโฮวาห์
ขอทรงลุกขึน ้ เถิดให ้ศัตรูทัง้ หลายของพระองค์กระจัดกระจายไป
่ งั พระองค์หลีกหนีพระองค์ไป”
ให ้ผู ้ทีช

Numbers 10:36 And when it rested, he said, RETURN, 0' LORD, unto the many thousands of
ISRAEL. (NOTE 22)

กันดารวิถ ี 10:36 เมือ


่ หีบยับยัง้ ท่านกราบทูลว่า “โอ ข ้าแต่พระเยโฮวาห์
ขอเสด็จกลับมาสูค ่ นอิสราเอลทีน ่ ั บเป็ นพันๆเถิด” (โน ้ต 22)

NOTE 22: With the Children of ISRAEL consisting of over one and one-half million people,
GOD could move the lot of them by the aforementioned procedure in less than two hours.
They could either make camp, or break camp and be on the move, in an extremely short
period of time!

โน ้ต 22: เนือ
่ งจากลูกหลานของอิสราเอล, มีจานวนคนมากกว่า หนึง่ ล ้านห ้าแสนคน
พระเจ ้าสามารถเคลือ ่ นย ้ายคนจานวนมากเหล่านัน
้ โดยวิธก
ี ารปฏิบัตท
ิ ก
ี่ ล่าวมาก่อนหน ้านี้
ในเวลาไม่ถงึ 2 ชวั่ โมง พวกเขาสามารถจะจัดตัง้ ค่าย, หรือจัดเก็บค่ายและเพือ ่ ทาการเคลือ ่ นย ้าย
ในระยะเวลาอันสน ั้ !

MOSES' frustration / ความท ้อใจของโมเสส

With the people having only MANNA to eat most of the time, they were continually
complaining to MOSES over and over again and this displeased THE LORD that these
people were never satisfied. On one occasion THE LORD sent an ANGEL as a FIRE around
the perimeter of the camp and the FIRE consumed

เนือ
่ งจากประชากรบ่อยครัง้ ได ้รับ “มานา” เพียงอย่างเดียวในการรับประทานอาหาร,
พวกเขาได ้บ่นอย่างต่อเนือ ่ งต่อโมเสสครัง้ แล ้วครัง้ เล่า และ พระผู ้เป็ นเจ ้าไม่พอพระทัยถึงเรือ
่ งนี้
ทีผ ้ ม่เคยมีความเพียงพอ ในบางโอกาส พระผู ้เป็ นเจ ้าสง่ ทูตสวรรค์เป็ นเหมือนไฟ
่ ู ้คนเหล่านีไ
มาล ้อมรอบบริเวณของค่ายและไฟ นัน ้ ได ้เผาผลาญ

all those at the outer camp boundary. When the people saw what GOD was doing out
of HIS ANGER they became extremely frightened. They then cried out to MOSES for him to
PRAY to GOD to stop HIS WRATH against ISRAEL. Once MOSES cried out to THE LORD GOD
of ISRAEL on the behalf of the Children of ISRAEL, GOD WOULD QUENCH HIS ANGER
against the people, FOR GOD LOVED MOSES!

ทุกทีเ่ หล่านัน ้
้ ทีเ่ ป็ นเสนแบ่
งเขตแดนภายนอกค่าย
่ ผู ้คนเห็นสงิ่ ทีพ
เมือ ่ ระเจ ้าได ้กระทาเนือ
่ งจากพระพิโรธของพระองค์ พวกเขาได ้ตกใจกลัวสุดขีด

194
พวกเขาจึงร ้องทุกข์ไปยังโมเสสเพือ ่ ให ้เขา อธิษฐานต่อพระเจ ้า หยุด
พระพิโรธของพระองค์ตอ ่ ต ้านอิสราเอล ครัง้ หนึง่ โมเสสร ้องทุกข์ตอ
่ พระผู ้เป็ นเจ ้าของอิสราเอล
ในนามของลูกหลานของอิสราเอล, พระเจ ้าจะทรงระงับพระพิโรธของพระองค์ตอ ่ ผู ้คน,
เพราะพระเจ ้ารักโมเสส!

The people still continually complained about them not having any meat to eat. This
DISPLEASED both THE LORD and MOSES because of their continual complaints and THE
LORD'S anger was again kindled against the Children of ISRAEL. MOSES asked THE LORD
why he alone had the responsibility to care for all these people? MOSES also told THE LORD
that the people's continual complaints were becoming more than he could bear.

แต่ผู ้คนยังคงบ่นอย่างต่อเนือ
่ งเกีย
่ วกับเรือ่ งอาหารการกิน ไม่มเี นือ ้ ทีจ
่ ะรับประทาน
ทาให ้ทัง้ พระผู ้เป็ นเจ ้าและโมเสสไม่พอใจ เรือ ่ งนี้ เนือ
่ งจากการร ้องขอบ่นพึมพัม
อย่างต่อเนือ ่ งของพวกเขาและเป็ นการกระตุ ้น พระพิโรธของพระผู ้เป็ นเจ ้า
อีกครัง้ ต่อต ้านลูกหลานของอิสราเอล โมเสสถามพระผู ้เป็ นเจ ้า ว่า
ทาไมเขาคนเดียวจะต ้องมีความรับผิดชอบ เพือ ่ ดูแลคนเหล่านีท ้ ัง้ หมด?
โมเสสยังบอกพระเจ ้าว่าการบ่นพึมพัมต่อว่าอย่างต่อเนือ ่ งของผู ้คน
ได ้กลายเป็ นภาระหนักทีเ่ ขาไม่สามารถแบกรับไว ้ได ้

THE LORD tells MOSES to gather together the SEVENTY ELDERS of the Tribes of
ISRAEL, and once they are gathered together, to bring them to the door of the
TABERNACLE. THE LORD also tells MOSES that GOD will come down (DESCEND) and take
some of the SPIRIT that HE had put upon MOSES, and put some of that same SPIRIT upon
the SEVENTY ELDERS. GOD says that once HE has done this that the SEVENTY ELDERS
could share in MOSES' responsibility. THE LORD then gave MOSES the WORDS to say to the
people.

จากนัน ้ พระผู ้เป็ นเจ ้า ได ้ตรัสบอกโมเสสเพือ ่ รวบรวม ผู ้อาวุโส 70 คนของเผ่าอิสราเอล,


และครัน ้ เมือ
่ พวกเขาได ้รวมกลุม ่ แล ้ว นาพวกเขาไปยังหน ้าประตูของพลับพลา
พระผู ้เป็ นเจ ้ายังตรัสบอกโมเสสว่าพระเจ ้าจะเสด็จลงมา (จากพระบัลลังก์)
และจะทรงนาพระวิญญาณทีพ ่ ระองค์ได ้จัดวางเจิมอยูเ่ หนือโมเสส บางสว่ นออกไป,
และมอบบางสว่ นของพระวิญญาณเดียวกันนัน ้ ลงมาเหนือ ผู ้อาวุโส 70 คน พระเจ ้าตรัสสงิ่ นี้
พระองค์ ทรงกระทาให ้ ผู ้อาวุโส 70 คน สามารถแบ่งความรับผิดชอบของโมเสส
พระผู ้เป็ นเจ ้าจึงให ้โมเสสพระวจนะเพือ ่ กล่าวแก่ผู ้คน

Numbers 11:18 And say thou unto the people, SANCTIFY your- selves against tomorrow,
and ye shall eat flesh: for ye have wept in the EARS of THE LORD, saying, Who shall give us
flesh to eat? For it was well with us in Egypt: therefore THE LORD will give you flesh, and
ye shall eat.

195
กันดารวิถ ี 11:18 และจงกล่าวแก่คนทัง้ ปวงว่า ‘ท่านทัง้ หลายจงชาระตัวให ้บริสท ุ ธิส
์ าหรับพรุง่ นี้
ท่านจะได ้รับประทานเนือ ้ เพราะท่านร ้องไห ้ต่อพระพระกรรณของพระเยโฮวาห์วา่
“ผู ้ใดจะให ้เนือ้ เรากิน เมือ
่ เราอยูใ่ นอียป
ิ ต์เราก็สข
ุ สบาย”
เพราะเหตุนพ ี้ ระเยโฮวาห์จะทรงประทานเนือ ้ ให ้ท่านทัง้ หลายรับประทาน

THE LORD further tells MOSES that HE will give them enough meat to last them an
entire month. MOSES in turn asks THE LORD, "Where is this meat going to come from?
Should they then kill all their cattle and their herds of sheep? Or should they gather all the
fish out of the sea, and how should GOD be able to give all these people meat to eat"? THE
LORD then SAYS to MOSES, is anything too difficult for THE LORD?

พระผู ้เป็ นเจ ้า ตรัสบอกโมเสสต่อไปว่า


พระองค์จะประทานอาหารเนือ ้ แก่พวกเขามือ ้ สุดท ้ายอย่างเพียงพอตลอดทั ง้ เดือน
โมเสสถามกลับต่อพระผู ้เป็ นเจ ้าว่า “อาหารเนือ ้ นีจ
้ ะมาจากทีไ่ หน?
พวกเขาควรจะฆ่าวัวทัง้ หมดของพวกเขาและฆ่าฝูงแกะของพวกเขาหรือ?
หรือพวกเขาควรจะรวมกลุม ่ กันออกไปหาปลาจากทะเล, และพระเจ ้า
จะทาอย่างไรถึงจะสามารถทีจ ่ ะให ้อาหารเนือ
้ แก่ทก ุ คนเหล่านี?้ ” พระผู ้เป็ นเจ ้าจึงตรัสต่อโมเสส,
ี งิ่ ใดทีย
ไม่มส ่ ากเกินไปสาหรับพระผู ้เป็ นเจ ้า?

Once MOSES calls the SEVENTY ELDERS to the door of the TABERNACLE, only sixty-
eight of the SEVENTY show up. THE LORD then DESCENDED in a CLOUD and placed some
of the SPIRIT that was upon MOSES upon the sixty-eight ELDERS that were at the door, just
as GOD had said HE would do. GOD even put some of the SPIRIT upon the two who did not
show up at the TABERNACLE and remained in their tents,

ครัง้ หนึง่ โมเสส เรียกผู ้อาวุโส 70 คนไปยังหน ้า ประตูของพลับพลา, 68 ของ 70


เท่านัน ้ ทีไ่ ด ้เดินทางไปรายงานตัว
พระผู ้เป็ นเจ ้าเสด็จลงมาสถิตย์อยูเ่ หนือเมฆและได ้เจิมบางสว่ นของพระวิญญาณทีอ ่ ยูเ่ หนือโมเสส
ลงมาเหนือผู ้อาวุโส 68 คนทีอ ่ ยูห ่ เดียวกับพระเจ ้าได ้ตรัสว่าพระองค์จะทา
่ น ้าประตู, เชน
พระเจ ้ายังคงได ้เจิมบางสว่ นของพระวิญญาณ ลงมาเหนือ ผู ้ซงึ่ ไม่ได ้ปรากฏตัวทีพ ่ ลับพลา 2 คน
ซงึ่ ยังคงอยูใ่ นเต็นท์ของพวกเขา,

even though they had not come to the door of THE TABERNACLE. Then once THE
SPIRIT of GOD came upon the SEVENTY, they ALL began to speak in TONGUES
(HEBREWAH), and this was rumored about the camp. Joshua not being present at the
TABERNACLE DOOR came and told MOSES about the two who were not at the assembly
who were now speaking in TONGUES. Joshua asks MOSES shouldn't MOSES be forbidding
the two who had not shown up at the TABERNACLE DOOR from PROPHESYING (Speaking
in TONGUES)?

196
แม ้ว่าพวกเขาไม่ได ้มาทีป ่ ระตูของพลับพลา เมือ ่ พระวิญญาณของพระเจ ้า ลงมาอยูเ่ หนือ
70คน พวกเขาทุกคนเริม ่ ทีจ่ ะพูดภาษาพระวิญญาณ (ฮบ ี รูวาห์), และเรือ
่ งนี้ถก ิ อยูค
ู ซุบซบ ่ า่ ย
โยชูวาไม่เป็ นทีป ่ รากฏอยูท ่ ปี่ ระตูพลับพลา ได ้เข ้ามาและบอกโมเสสถึงเรือ ่ งราวของ 2 คน
ผู ้ซงึ่ ไม่อยูท ่ ก
ี่ ารชุมนุมได ้ตอนนีไ ้ ด ้พูดภาษาพระวิญญาณ โยชูวาถามโมเสสว่า
โมเสสไม่ควรจะสงั่ ห ้าม 2 คน นัน ้ ผู ้ซงึ่ ไม่ได ้ปรากฏตัวทีป่ ระตูพลับพลาจาก
การเจิมในการกล่าวคาพยากรณ์ (การพูดในภาษาพระวิญญาณ)

Numbers 11:29 And MOSES said unto him, Enviest thou for my sake? Would GOD that all
THE LORD'S people were Prophets, and THE LORD would put HIS SPIRIT upon them.

กันดารวิถ ี 11:29 แต่เมเสสบอกเขาว่า “ท่านเจ็บร ้อนแทนเราหรือ


เราใคร่ให ้ประชาชนของพระเยโฮวาห์เป็ นผู ้พยากรณ์ทก ุ คน
และใคร่ให ้พระเยโฮวาห์ทรงใสว่ ญ
ิ ญาณของพระองค์ไว ้บนเขาเหล่านั น
้ ”

THE LORD did as HE said HE would do! GOD brought forth a wind from the sea and in
the wind there were quails that were then scattered over seven square miles of land. The
quails were thirty-six inches deep in all directions omitting from the center of the camp to
well outside of it! The people then lusted after the quail like wild animals and this further
angered THE LORD. Then all those who did eat in excess and gorge d themselves with the
quail died, because THE LORD had put a PLAGUE upon them.

พระผู ้เป็ นเจ ้าทาอย่างทีพ


่ ระองค์ตรัสว่าพระองค์จะทา!
พระเจ ้านาลมออกมาจากทะเลและในลมมี นกกระทา การกระจายมากกว่า 7
ตารางไมล์อยูเ่ หนือดินแดนนัน ้ นกกระทาเป็ นจานวนมากกองทัพกันเป็ นความลึก 36 นิว้
ในทุกทิศทางยกเว ้นจาก พลับพลาของค่ายทีอ ่ ยูต ่ รงกลาง และพืน้ ทีบ่ ริเวณภายนอกค่าย!
จากนัน ้ ประชากรได ้เกิดกิเลสจากการกินนกกระทาเหมือนมนุษย์สต ั ว์ป่าและการกระทาเชน่ นีท
้ าให ้พ
ระเจ ้า พิโรธ จากนั น ้ บรรดาเหล่านัน ้ ทัง้ หมดผู ้ซงึ่ ได ้กินมากกว่าปกติและกินอย่างตระกละ สวาปาม
ตัวพวกเขาเองได ้ตายจากการกินนกกระทานัน ้ ,
เพราะว่าพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้จัดวางภัยพิบัตเิ หนือพวกเขา

Numbers 11:34 And he called the name of that place Kib-roth- hat-ta-a-vah: because there
they buried the people that lusted.

กันดารวิถ ี 11:34 เขาจึงเรียกชอื่ ตาบลนัน


้ ว่าขิบโรทหัทธาอาวาห์
เพราะทีน
่ ั่นเขาฝั งศพคนทัง้ ปวงทีโ่ ลภมาก

MOSES' AUTHORITY CHALLENGED!

ิ ธิอานาจหน ้าทีข
ความขัดแย ้งในสท ่ องโมเสส!

MOSES' wife Zip-po’-rah being an Ethiopian woman had quite dark skin . This
caused both Miriam and Aaron (MOSES' brother and sister) to make condemnations to the

197
people in regard to MOSES' mixed marriage. The two were also openly questioning MOSES'
AUTHORITY to lead them, and saying to the people, that GOD had also spoken through
them as well as MOSES. They questioned why they shouldn't be leading the people rather
than MOSES, who had married outside of the Children of ISRAEL? This never really
bothered MOSES when hearing this murmuring, as the POWER that GOD had given to
MOSES seemed to him at times to be more of a curse rather than a BLESSING.

ิ โปราห์ภรรยาของโมเสสการเป็ นหญิงเอธิโอเปี ย(ชาวคูช)มีผวิ ค่อนข ้างคล้า


ศป
ด ้วยสาเหตุนท ี้ ัง้ มีเรียมและอาโรน (พีช ่ ายและพีส ่ าวของโมเสส) ถึงกับกล่าวประณามต่อผู ้คน
เกีย ่ วกับการแต่งงานผสมของโมเสส ทัง้ สองคนยังมีคาถามอย่างเปิ ดเผยถึง
อานาจหน ้าทีข ่ องโมเสสทีไ่ ด ้นาพวกเขา, และการพูดกับผู ้คน, ว่าทาไม พระเจ ้า
ไม่ได ้ตรัสผ่านพวกเขาเชน ่ เดียวกับโมเสส พวกเขายังถามอีกว่า
ทาไมไม่เป็ นพวกเขาทีค ่ วรจะนาผู ้คน แทนทีจ ่ ะเป็ น โมเสส,
ผู ้ซงึ่ ได ้แต่งงานนอกสมรสกับวงศว์ านลูกหลานของอิสราเอล
สงิ่ นีไ ้ ม่เคยทีจ ่ ะรบกวนใจของโมเสสเลย เมือ ่ ได ้ยินการบ่นพึมพานี,้ เพราะ
ฤทธานุภาพทีพ ่ ระเจ ้าได ้ให ้แก่โมเสส ในสายตาของเขาดูเหมือนว่าเป็ นเวลาของการแชง่ สาป
แทนทีจ ่ ะเป็ นการอวยพร

HOWEVER; this most certainly DISPLEASED THE LORD! GOD after hearing what
Aaron and Miriam had said regarding MOSES' AUTHORITY, came down in a CLOUD VERY
ANGRY and called MOSES, Aaron, and Miriam to the door of the TABERNACLE.

แต่อย่างไรก็ตาม สงิ่ นีท


้ าให ้พระผู ้เป็ นเจ ้าไม่พอพระทัย อย่างแน่นอนทีส ่ ด
ุ ! พระเจ ้า
หลังจากได ้ยินสงิ่ ทีอ
่ าโรนและมีเรียมได ้กล่าวอ ้างถึง สท ิ ธิอานาจหน ้าทีข
่ องโมเสส,
พระองค์ได ้เสด็จลงมาบนเมฆ ทรงกริว้ มากและจึงได ้เรียกโมเสส, อาโรน, และ มีเรียม
ไปยังหน ้าประตูของพลับพลา

Numbers 12:6 AND HE SAID, HEAR NOW MY WORDS: IF THERE BE A PROPHET AMONG
YOU, I THE LORD WILL MAKE MYSELF KNOWN UNTO HIM IN A VISION, AND WILL SPEAK
UNTO HIM IN A DREAM.

กันดารวิถ ี 12:6 พระองค์ตรัสว่า “จงฟั งถ ้อยคาของเรา ถ ้าจะมีผู ้พยากรณ์ทา่ มกลางเจ ้าทัง้ หลาย
เราพระเยโฮวาห์จะสาแดงตัวแก่ผู ้นัน ้ เป็ นนิมต
ิ เราจะพูดกับเขาทางฝั น

Numbers 12:7 MY SERVANT MOSES IS NOT SO, WHO IS FAITHFUL IN ALL MINE HOUSE.


กันดารวิถ ี 12:7 สาหรับโมเสสผู ้รับใชของเราก็ ่ นั น
ไม่เป็ นเชน ้ ในวงศว์ านทัง้ หมดของเราเขาสต
ั ย์ซอ
ื่

Numbers 12:8 WITH HIM WILL I SPEAK MOUTH TO MOUTH, EVEN APPARENTLY, AND
NOT IN DARK SPEECHES; AND THE SIMILITUDE OF THE LORD SHALL HE BEHOLD:
WHEREFORE THEN WERE YE NOT AFRAID TO SPEAK AGAINST MY SERVANT MOSES?

198
ั เจน ไม่พด
กันดารวิถ ี 12:8 เราพูดกับเขาปากต่อปากอย่างชด ู เร ้นลับ
และเขาเห็นสณ ั ฐานของพระเยโฮวาห์ ไฉนเจ ้าไม่กลัวทีจ ้
่ ะพูดติโมเสสผู ้รับใชของเรา”

After THE LORD had spoken these words to Aaron and Miriam, HE DEPARTED IN
ANGER. Miriam immediately became LEPROUS from head to toe as though she had been
born a leper. Once Aaron had seen what THE LORD had done to Miriam, he cried out to
MOSES asking him for forgiveness.· MOSES in turn CRIED OUT TO THE LORD on behalf of
Miriam, and THE LORD SAID to MOSES, PUT HER OUT OF THE CAMP FOR SEVEN DAYS,
and then HE WOULD HEAL HER AFFLICTION. (After this event, Miriam's name is only
mentioned once more regarding her death and is never mentioned again throughout the
Scriptures of the TORAH.)23

หลังจากพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ตรัสคาพูดเหล่านีต ้ อ


่ อาโรนและมีเรียม,
พระองค์เสด็จจากไปในความโกรธ ในทันใดนัน ้ มีเรียมได ้กลายเป็ นโรคเรือ
้ นอย่างฉั บพลัน
จากศรี ษะจรดเท ้า ราวกับว่าเธอได ้เกิดมาแล ้วเป็ นโรคเรือ ้ น ครัน
้ เมือ

อาโรนได ้เห็นสงิ่ ทีพ
่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้กระทาต่อมีเรียม, เขาได ้ร ้องขอต่อโมเสส สาหรับการให ้อภัย
โมเสสได ้หันกลับมา ร ้องทูลต่อพระผู ้เป็ นเจ ้าในนามของมีเรียม, และพระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสต่อโมเสส,
นาเธอออกไปนอกค่ายเป็ นเวลา 7 วัน,
และจากนัน ้ พระองค์จะรักษาความเจ็บปวดจากการเป็ นโรคเรือ ้ นของเธอ (หลังจากเหตุการณ์น,ี้
ื่ ของมีเรียมถูกกล่าวถึงเท่านัน
ชอ ้ อีกครัง้ หนึง่ เกีย
่ วกับการตายของเธอและไม่เคยถูกกล่าวถึงอีกครัง้ ต
ลอดข ้อความในพระคัมภีรข ์ องโทราห์) 23

Note 23: MOSES, being born of the HOLY SPRIT was certainly more than a Prophet. Each
and every time that THE HOLY SPIRIT COMES DOWN AS THE DELIVERER, in the form of a
PERSON, THAT PERSON IS EMPOWERED to do MORE than the previous PERSON of THE
HOLY SPIRIT was able to do.

หมายเหตุ 23: โมเสส, ได ้กาเนิด ถูกเจิมอยูใ่ นพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์ ทาหน ้าทีม่ ากกว่าเป็ น ผู ้พยา
กรณ์อย่างแน่นอน แต่ละและทุกครัง้ ทีพ ่ ระวิญญาณบริสทุ ธิเ์ สด็จลงมา เป็ นเหมือน พระผู ้ชว่ ยให ้รอด
(เป็ นผู ้นาสง่ และเป็ นผู ้ปลดปล่อย), ในรูปร่างของบุคคล, บุคคลนั น ้ จะได ้รับมอบสท ิ ธิอานาจ
มีการเจิม เพือ ่ ระทาสงิ่ ต่างๆ มากกว่า บุคคลของพระวิญญาณบริสท
่ ทีก ุ ธิก
์ อ
่ นหน ้านีใ้ นอดีต

NOAH being the first DELIVERER was EMPOWERED to build the ARK and to gather up
all the animals of the earth. JOSEPH, BEING THE SECOND DELIVERER WAS EMPOWERED
TO RECEIVE VISIONS AND DREAMS, and was GIVEN by GOD GREAT EARTHLY
AUTHORITY. MOSES BEING THE THIRD DELIVERER WAS EMPOWERED TO BRING ABOUT
PLAGUES, AND CURSES, AND BLESSINGS, AND MIRACLES OF ALL SORTS.

โนอาห์ เป็ นบุคคล ผู ้ชว่ ยให ้รอดคนที่ 1


ิ ธิอานาจเพือ
ได ้รับมอบสท ่ สร ้างเรือและเพือ ั ว์ทัง้ หมดของโลก
่ รวบรวมสต

199
โยเซฟ เป็ นบุคคล ผู ้ชว่ ยให ้รอดคนที่ 2 ได ้รับมอบสท ิ ธิอานาจเพือ ่ รับนิมต
ิ และความฝั น,
และเป็ นสงิ่ ทีป
่ ระทานให ้โดยพระเจ ้า ให ้เป็ นผู ้ซงึ่ มีสท
ิ ธิอานาจยิง่ ใหญ่กย
ี่ วกับการครอบครองโลก

โมเสส เป็ นบุคคล ผู ้ชว่ ยให ้รอดคนที่ 3 ได ้รับมอบสท


ิ ธิอานาจเพือ ิ ละคาแชง่ สาป,
่ นาภัยพิบัตแ
และการอวยพร, และทาการอัศจรรย์ในหลากลายรูปแบบ

WHEN THE HOLY SPIRIT COMES AGAIN, AS THE 182 PERSON, HIS EMPOWERMENT
SHALL BE UNLIMITED and WITHOUT MEASURE! HE SHALL COMMAND THE HEAVENS
AND THE EARTH, AND THEY SHALL OBEY!

เมือ
่ พระวิญญาณบริสท ุ ธิเ์ สด็จมาอีกครัง้ (เสริม ในชว่ งเวลายุคสุดท ้ายขณะนี)้ ,
อยูใ่ นร่างของบุคคล(ในฝ่ ายเนือ ้ หนัง)หมายเลขรหัสรวม 182
สท ิ ธิอานาจนั น้ จะไม่จากัดและไม่สามารถมีอะไรมาวัด หรือเปรียบเทียบได ้!(เสริม เป็ น
ผู ้ชว่ ยให ้รอดคนที่ 4 จะกระทาหมายสาคัญและการอัศจรรย์ มากกว่า โนอาห์ โยเซฟ
โมเสสได ้กระทามาแล ้วในอดีต เกินกว่ามนุษย์จะคาดคิดและเข ้าใจได ้ ) พระองค์จะออกคาสงั่
ฟ้ าสวรรค์ และแผ่นดินโลก, และสงิ่ เหล่านัน ้ จะเชอ ื่ ฟั งกระทาตาม !
(รวมไปถึงกรุงเยรูซาเล็มใหม่จะลงมาบนแผ่นดินโลก เป็ นต ้น)

The Prophet Micah confirms this in his Scriptures!

ผู ้พยากรณ์มค
ี าห์ยน
ื ยันเรือ
่ งนีใ้ นข ้อความในพระคัมภีรข
์ องเขา!

Micah 7:15 According to the days of thy coming out of the land of Egypt will I shew unto
him MARVELLOUS THINGS.

มีคาห์ 7:15 ดังในสมัยเมือ ิ ต์ เราจะสาแดงสงิ่ มหัศจรรย์แก่เขา


่ เจ ้าออกจากแผ่นดินอียป

Micah 7:16 The nations shall see and be confounded at all their might: they shall lay their
hand upon their mouth, their ears shall be deaf

ิ้ ของเขาทัง้ หลาย
มีคาห์ 7:16 ประชาชาติทัง้ หลายจะแลเห็นอับอายด ้วยอานุภาพทัง้ สน
(เสริมหมายถึงพยานทัง้ สอง วิวรณ์ 11:3)
เขาทัง้ หลายจะเอามือปิ ดปากไว ้และหูของเขาจะหนวกไป

Micah 7:17 They shall lick the dust like a serpent, they shall move out of their holes like
worms of the earth: they shall be afraid of THE LORD our GOD, and shall fear because of
thee.

มีคาห์ 7:17 เขาทัง้ หลายจะเลียผงคลีเหมือนอย่างงู


เขาจะเคลือ่ นตัวออกจากรูของเขาดุจหนอนบนแผ่นดินโลก
เขาจะตระหนกตกใจพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเราเนื่องด ้วยเจ ้า เขาทัง้ หลายจะกลัว

(หัวข ้อต่อไป ข ้อมูลเสริม

200
การสอดแนมแผ่นดินคานาอัน

ครัน ้ เมือ
่ เดินทางใกล ้ถึงแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินพระสญ ั ญาของพระเจ ้า
โมเสสได ้สง่ ผู ้สอดแนมซงึ่ เป็ นตัวแทนของแต่ละเผ่า เพือ ่ ตรวจดูแผ่นดิน
และผู ้คนในแผ่นดินนั น ้
้ ว่าเป็ นอย่างไร บรรดาผู ้สอดแนมใชเวลาเดิ นทาง 40 วัน
จึงได ้กลับมายังค่ายและเล่าเรือ ่ งแผ่นดิน และคนในแผ่นดินนัน
้ ให ้อิสราเอลฟั ง ต่อไปนีค
้ อ

ชอื่ ของผู ้สอดแนมทัง้ 12 คน

รายชอ ื่ ผู ้สอดแนมทัง้ 12 คน
เผ่ารูเบน ชมั มุวา
เผ่าสเิ มโอน ชาฟั ท
เผ่ายูดาห์ คาเลบ
เผ่าอิสสาคาร์ อิกาล
เผ่าเอฟราอิม โฮเชยา
เผ่าเบนยามิน ปั ลที
เผ่าเศบูลน ุ กัดเดียล
เผ่ามนัสเสห์ กัดดี
เผ่าดาน อัมมีเอล
เผ่าอาเชอร์ เสธูร ์
เผ่านัฟทาลี นาบี
เผ่ากาด เกอูเอล

เมือ
่ ทัง้ 12 นัน ้ กลับมาจากการสอดแนม ได ้กล่าวร ้ายต่อแผ่นดินนัน ้ โดยแจ ้งว่า
ถึงแม ้แผ่นดินนัน ้ จะอุดมสมบูรณ์ แต่ผู ้คนโหดร ้าย กาแพงเมืองก็เข ้มแข็ง ยกเว ้น โยชูวา และคาเลบ
ทีก
่ ล่าวให ้อิสราเอลเข ้ายึดครองแผ่นดินนัน ้ แต่คนอิสราเอลนั น ื่ ผู ้สอดแนมอีก 10 คน
้ เชอ
และไม่ยอมเดินทางเข ้าแผ่นดินคานาอัน เป็ นเหตุให ้พระเจ ้าทรงพิโรธเป็ นอย่างมาก จึงทรงตรัสว่า
จะให ้คนอิสราเอลทีอ ่ ายุตงั ้ แต่ 20 ปี ขน
ึ้ ไปนั น ี ชวี ต
้ เสย ิ ในทะเลทราย
และอิสราเอลต ้องใชช้ วี ต ิ อยูใ่ นทะเลทรายเป็ นเวลา 40 ปี
เท่าจานวนวันทีผ ้
่ ู ้สอดแนมได ้ใชเวลาในแผ่ นดินคานาอัน

การเดินทางในถิน
่ ทุรกันดาร

การเดินทางของอิสราเอลในถิน ่ ทุรกันดาร หรือ ทะเลทรายนี้ กินเวลา 40 ปี


ึ ่
ซงตลอดระยะเวลาดังกล่าวมีเหตุการณ์ตา่ ง ๆ เกิดขึน ้
แต่ในทีน
่ จ
ี้ ะนาเฉพาะเหตุการณ์ทน
ี่ ่าสนใจมาสรุป ดังนี้

กบฎโคราห์

โคราห์ ซงึ่ เป็ นเผ่าเลวี ได ้ตัง้ ตนเป็ นกบฎต่อโมเสส


ั จูงให ้เผ่าเลวีและอิสราเอลบางสว่ นติดตามเขา เนือ
และได ้ชก ่ งจากไม่พอใจทีโ่ มเสส
และอาโรนได ้รัง้ ตาแหน่งปุโรหิตไว ้ โมเสสจึงให ้พระเจ ้าทรงเป็ นผ่านเลือกว่าจะให ้ใครเป็ นผู ้นา
201
โดยให ้นาเครือ ่ งหอมไปถวายต่อพระพักตร์พระเจ ้าในสถานนมัสการ
เมือ
่ โคราห์และพวกได ้เข ้าไปถวายเครือ ่ งหอมบูชาแล ้วเดินกลับออกมานอกพลับพลานัน ้
แผ่นดินก็ดด ู คนเหล่านัน ้ รวมทัง้ ครอบครัว และข ้าวของทัง้ หมดของพวกเขาด ้วย
้ อิสราเอลได ้กล่าวว่า โมเสสได ้พรากชวี ต
แต่ในครัง้ นัน ิ ของคนเหล่านั น ้
พระเจ ้าจึงทรงได ้ลงโทษคนอิสราเอล จนกระทั่งโมเสสได ้ทูลขอต่อพระเจ ้า
และทาการถวายเครือ ่ งบูชาลบมลทินให ้ การลงทัณฑ์จงึ ได ้ยุตล ิ ง
แต่ในครัง้ นัน ี ชวี ต
้ อิสราเอลได ้เสย ิ ไปด ้วยเหตุการณ์นกี้ บฏโคราห์นมี้ ากถึง 14,700 ตน

ไม ้เท ้าของอาโรน

จากเหตุการณ์กบฎโคราห์
พระเจ ้าจึงทรงบัญชาให ้โมเสสนาไม ้เท ้าของบรรดาหัวหน ้าเผ่าทัง้ หมดของอิสราเอล
และไม ้เท ้าของอาโรนสลักชอ ื่ และนาเข ้าไปในพลับพลา และทรงตรัสว่า
จะทรงสาแดงให ้เห็นว่าใครคือคนทีพ ่ ระองค์ทรงเลือก เมือ
่ นาไม ้เท ้าของบรรดาหัวหน ้าเผ่าเข ้าไปได ้
1 วัน โมเสสจึงได ้นาไม ้เท ้าเหล่านัน
้ ออกมา ปรากฏว่า มีเพียงไม ้เท ้าของอาโรนเท่านัน

ทีอ
่ อกดอกและผลอัลมันด์ อิสราเอลจึงได ้ทราบถึงบุคคลทีพ ่ ระเจ ้าทรงเลือกไว ้

ได ้น้ าจากหิน

เมือ
่ อิสราเอลเดินทางเข ้าถิน ี
่ ทุรกันดารสน
เกิดการขาดน้ าและชุมชนอิสราเอลได ้บ่นต่อว่าทัง้ โมเสส และต่อว่าพระเจ ้าต่าง ๆ นานา
โมเสสได ้เข ้าไปทูลขอน้ าจากพระเจ ้าและพระองค์ตรัสสงั่ ให ้โมเสส บอกให ้น้ าไหลออกมาจากหิน
แต่เมือ่ โมเสสและอาโรนได ้อยูต ่ อ ้ ้เท ้าตีหน
่ หน ้าประชาชน โทสะได ้ครอบงาท่านไว ้ จึงได ้ใชไม ิ
น้ าจึงออกมาจากหินนัน ้ ด ้วยเหตุการณ์ทโี่ มเสส และอาโรน มิได ้กระทาตามทีพ ่ ระเจ ้าบอก
ทัง้ สองจึงไม่ได ้รับสทิ ธิเข ้าไปในแผ่นดินคานาอัน

ี ชวี ต
การเสย ิ ของมีเรียม และอาโรน

ภายหลังจากเหตุการณ์การสอดแนมทีค ่ านาอัน เมือ่ อิสราเอลเดินทางเข ้าถิน ี


่ ทุรกันดารสน
มีเรียม พีส
่ าวของโมเสสก็ได ้เสย ี ชวี ต
ิ ลง และภายหลังเหตุการณ์ได ้น้ าจากหิน
เมือ
่ อิสราเอลเดินทางถึงภูเขาโฮร์ อาโรน ก็ได ้เสย ี ชวี ต
ิ ลงทีน ี ชวี ต
่ ั่ น โดยก่อนเสย ิ
พระเจ ้าทรงตรัสสงั่ ให ้ โมเสส นา อาโรน และเอเลอาซาร์ บุตรชายของอาโรนขึน ้ ไปบนภูเขา
และได ้ให ้อาโรนทาการมอบเครือ ่ งแต่งกายปุโรหิตให ้แก่เอเลอาซาร์ แล ้วท่านจึงสน ิ้ ใจบนภูเขานั น้

ภาพกษั ตริยบ
์ าลาอัม จากพระธรรมกันดารวิถ ี บทที่ 23 โดย เจเกอร์ ไบเลียม เองเจล

บาลาค และบาลาอัม

เมือ่ คนอิสราเอลตัง้ ค่ายอยูใ่ กล ้คนโมอับนัน้ บาลาค


กษั ตริยข
์ องคนโมอับเกรงว่าอิสราเอลจะเข ้ามายึดครอง จึงได ้เชญ ิ บาลาอัม
มาทาพิธส ี าปแชง่ แก่อสิ ราเอล ฝ่ ายบาลาอัมนั น ้ ได ้เดินทางมายังบริเวณค่าย
แต่ยังไม่ได ้เข ้าไปในเมืองโมอับนัน ้ พระเจ ้าทรงตรัสแก่ บาลาอัม ว่า"...เจ ้าจงอย่าแชง่ ชนชาตินัน

เพราะเขาทัง้ หลายเป็ นคนทีไ่ ด ้รับพร..." แล ้วบาลาอัมจึงแจ ้งแก่บาลาคว่า
ไม่สามารถกระทาการนัน ้ ได ้ เนือ
่ งจากพระเจ ้าทรงอยูข ่ ้างอิสราเอล และบาลาคก็ได ้มาเชญ ิ บาลาอัม
202
อีก เป็ นครัง้ ทีส
่ อง แต่บาลาอัมได ้ปฏิเสธ และกล่าวว่า
"...แม ้บาลาคจะให ้เงินและทองเต็มบ ้านเต็มเรือนของท่านแก่ข ้าพเจ ้า
ข ้าพเจ ้าจะกระทาอะไรนอกเหนือจากพระบัญชาพระเยโฮวาห์ พระเจ ้าของข ้าพเจ ้าไม่ได ้..."
แต่ตอ่ มาพระเจ ้าทรงใชให ้ ้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาคได ้เฉพาะเมือ ่ มีคนมาเรียกให ้ไป
แต่บาลาอัมไม่ได ้รอใหผู ้มาเรียก ก็เดินทางไป
พระเจ ้าจึงทรงให ้ทูตของพระองค์มาขวางทางเดินของลานัน ้
และพระเจ ้าทรงเปิ ดปากลาให ้พูดเพือ ่ เตือนสติบาลาอัม

ครัน
้ แล ้วพระเจ ้าทรงให ้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาค
แต่ให ้บาลาอัมกระทาเฉพาะในสงิ่ ทีพ ่ ระเจ ้าทรงบัญชาเท่านั น ้ เมือ
่ ไปถึง
บาลาคได ้นาบาลาอัมไปยังเขตแดนเพือ ่
่ ให ้บาลาอัมสาปแชงอิสราเอล
แต่บาลาอัมกลับอวยพรให ้แก่อส ิ ราเอลว่า
"...ใครจะนับเผ่าพันธุข ์ องยาโคบทีม ่ ากอย่างผงคลีดน ิ นั น
้ ได ้ หรือนั บหนึง่ ในสขี่ องอิสราเอลได ้..."
บาลาคได ้ย ้ายจุดเพือ ่ ให ้บาลาอัมสาปแชง่ อีก 2 ที่ แต่บาลาอัม ก็อวยพรแก่อส ิ ราเอลทัง้ 3 ครัง้
ท่านกล่าวว่า "...ข ้าพเจ ้ากระทาอะไรนอกเหนือพระบัญชาพระเจ ้าไม่ได ้...พระเจ ้าตรัสประการใด
ข ้าพเจ ้าก็พด ู อย่างนัน้ ..." แล ้วบาลาอัมก็ลากลับไปยังเมืองของท่าน

การแบ่งดินแดนคานาอัน

เมือ่ ครบกาหนดเวลา 40 ปี ทอ ิ ราเอลใชช้ วี ต


ี่ ส ิ อยูใ่ นทะเลทราย
เพือ ้
่ ชดใชความบาปของชนรุน ่ ก่อน พระเจ ้าทรงระลึกถึงอิสราเอล
และได ้ให ้โมเสสได ้ดาเนินการเพือ่ การเดินทางเข ้าแผ่นดินคานาอันต่อไป
โดยได ้จัดสรรแผ่นดินคานาอันให ้แก่เผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล และการมอบอานาจการบริหารต่าง ๆ
ให ้แก่คนรุน
่ ต่อไป

ิ สอง
แผ่นดินคานาอัน และการแบ่งดินแดนตามเผ่าทัง้ สบ

การนับประชากรทีโ่ มอับ

ก่อนถึงเวลาทีอ
่ ส
ิ ราเอลจะได ้แบ่งดินแดนคานาอัน
เพือ ่ จะเข ้ายึดครองตามพันธสญ ั ญาทีพ่ ระเจ ้าทรงประทานให ้นัน

พระเจ ้าทรงให ้โมเสสทาสามะโนประชากรอีกครัง้ ณ แผ่นดินโมอับนั่นเอง
ซงึ่ การสามะโนประชากรในครัง้ นี้ มีจานวนประชากรชายทีม ่ อ
ี ายุมากกว่า 20 ปี ขน
ึ้ ไป เป็ นจานวน
601,730 คน แบ่งออกตามเผ่าต่าง ๆ ได ้ดังนี้

 เผ่ารูเบน จาวน 43,730 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 46,500 คน)


 เผ่าสเิ มโอน จานวน 22,200 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 59,300 คน)
 เผ่ากาด จานวน 40,500 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 45,650 คน)
 เผ่ายูดาห์ จานวน 76,500 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 74,600 คน)
 เผ่าอิสสาคาร์ จานวน 64,300 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 54,400 คน)
 เผ่าเศบูลน ุ จานวน 60,500 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 57,400 คน)
 พงศพ ์ ันธุโ์ ยเซฟ
o เผ่าเอฟราอิม จานวน 32,500 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน
45,000 คน)

203
o เผ่ามนัสเสห์ จานวน 52,700 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 32,200
คน)
 เผ่าเบนยามิน จานวน 45,600 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 35,400 คน)
 เผ่าดาน จานวน 64,400 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 62,700 คน)
 เผ่าอาเชอร์ จานวน 53,400 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 41,500 คน)
 เผ่านัฟทาลี จานวน 45,400 คน (เทียบกับการสามะโนครัวครัง้ ก่อน 53,400 คน)

สว่ นเผ่าเลวีนัน
้ พระเจ ้าทรงยกไว ้ ไม่ได ้มีสว่ นในมรดกแห่งแผ่นดินคานาอันแก่เขา
เนือ
่ งจากเผ่าเลวีนัน้ มีหน ้าทีต
่ ้องปฏิบต
ั งิ านในสถานนมัสการของพระเจ ้า
และรับสว่ นแบ่งจากของถวายซงึ่ พระเจ ้าได ้ทรงกาหนดไว ้ ในครัง้ นัน ้ จานวนคนเลวีทมี่ อ
ี ายุตงั ้ แต่ 1
เดือนขึน้ ไป มีจานวน 23,000 คน

การจัดสรรแผ่นดินคานาอัน

พระเจ ้าทรงบัญชาให ้โมเสส


ได ้นาบรรดาหัวหน ้าของแต่ละเผ่ามาเพือ
่ กาหนดเขตแดนแผ่นดินคานาอันทีจ
่ ะให ้อิสราเอลเข ้ายึดคร
อง และให ้จับฉลากแบ่งดินแดนกันตามเผ่า วงศว์ าน ตระกูลของแต่ละคน
ทัง้ นีพ
้ ระเจ ้าทรงกาหนดเขตแดนของคานาอันดังนี้

 ทิศเหนือ จากภูเขาโฮร์ ถึงเมืองฮามัท สน ิ้ สุดทีฮ


่ าซาเรนั น
 ทิศใต ้ นั บจากถิน
่ ทุรกันดารสน ี ตามแนวด ้านเอโดม ไปจนถึงทะเลเกลือ (ทะเลตาย)
 ทิศตะวันออก จากอาซาเรนันถึงเชฟาม ยาวลงมาถึงแม่น้ าจอร์แดน
สุดทางลงทะเลเกลือ (ทะเลตาย)
 ทิศตะวันตก เป็ นพืน ้ ทีต
่ ด
ิ ทะเลใหญ่ (ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)

ด ้วยเขตแดนทีป่ รากฏในพระคัมภีรน ้ ทีใ่ นสว่ นนีค


์ ี้ เป็ นหลักฐานอ ้างอิงให ้อิสราเอลได ้ขอพืน ้ น

ภายหลังสงครามโลกครัง้ ที่ 2 เมือ่ ชาวยิว 7 คนได ้สร ้างประวัตศ ิ าสตร์ทาลายค่ายนาซไี ด ้นั น

ชาวยิวได ้นาหลักฐานนีอ้ ้างอิงในการขอพืน ้ ทีเ่ พือ ่ ตัง้ ประเทศอิสราเอลขึน้
โดยได ้รับการสนับสนุนจากฝ่ ายพันธมิตร )

Failure to TRUST in THE LORD!

ความล ้มเหลวในการวางใจในพระผู ้เป็ นเจ ้า!

With the CHILDREN of ISRAEL now nearing the River Jordan and soon to be entering
into the land of Canaan, THE LORD instructs MOSES to select one person from each of the
TWELVE TRIBES, so they may go out before them and spy out the land. MOSES selects one
member from each of the tribes omitting the tribe of Levi, as the tribe of Levi BELONGED to
THE LORD.

ขณะนีล ้ ก ้
ู หลานของอิสราเอลได ้เข ้ามาไกล ้แม่น้ าจอร์แดนและในไม่ชาจะเข ้าไปในดินแดนค
ี้ นะโมเสสเพือ
านาอัน, พระผู ้เป็ นเจ ้าชแ ่
เลือกคนหนึง่ จากแต่ละเผ่าของทัง้ สบ ิ สองเผ่า,เพือ
่ ทีพ
่ วกเขาจะเดินทางออกไปก่อนพวกเขาทัง้ หลา

204
ย และเพือ ิ แต่ละเผ่ายกเว ้น
่ ไปสอดแนมทั่วดินแดนคานาอัน โมเสสได ้เลือกหนึง่ คนจากสมาชก
เผ่าเลวี เพราะว่าเผ่าเลวี เป็ นของพระผู ้เป็ นเจ ้า

MOSES, in keeping the NUMBER of TRIBES to TWELVE, selects two from the tribe of
JOSEPH. Namely, one from the tribe of E' -phra-im, and one from the tribe of Ma-nas'-seh,
with E'-phra-im and Ma-nas'-seh both being the sons of JOSEPH. The tribe of E' -phra-im
was the replacement for the tribe of Levi and the tribe of Ma-nas' -seh represented the tribe
of JOSEPH. Instructions were given to those who were sent to spy out the land. They were
told that they should look over the land to see how productive the land was and they were
also supposed to search out where the cities were located and what kind of defenses those
cities had.

โมเสส, ยังคงรักษาจานวนคนจากเผ่าต่างๆเป็ น 12 คน, เลือก 2 คนจากเผ่าโยเซฟ


กล่าวคือ, หนึง่ คนจากเผ่าเอฟราอิม, และหนึง่ คนจากเผ่ามนัสเสห์,
ซงึ่ เผ่าเอฟราอิมและมนัสเสห์ทัง้ สองเป็ นบุตรของโยเซฟ
เผ่าของเอฟราอิมเป็ นตัวแทนสาหรับเผ่าเลวีและเผ่าของมนัสเสห์ เป็ นตัวแทนเผ่าของโยเซฟ
คาแนะนาถูกให ้แก่บรรดาคนเหล่านัน ้ เป็ นผู ้ซงึ่ สง่ ออกไปเพือ
่ การสอดแนมทั่วแผ่นดิน
พวกเขาได ้ถูกแนะนาว่า พวกเขาควรสารวจทั่วทัง้ แผ่นดิน เพือ ่ ดูผลผลิตในแผ่นดินนัน ้ เป็ นอย่างไร
และพวกเขาจาต ้องค ้นหาบริเวณทีต ่ งั ้ ของเมืองต่างๆและเมืองเหล่านัน ้ มีการป้ องกันการโจมตีอย่างไ

After the TWELVE Tribal Representatives had spent forty days of spying in the land of
Canaan, they returned having brought back with them, grapes and pomegranates and figs
that were growing abundantly in the land. But the report coming from all but two of the
twelve spies were that the land that they were about to POSSESS was very well defended
by at least four different groups of people. They also informed MOSES that they had spotted
some of the Angelic offspring living in the land who were GIANTS, men of great stature.
They referred to the Angelic-offspring (the Anakim) as GIANTS and ten of the TWELVE
spies proclaimed that The CHILDREN of ISRAEL could not take this land because they could
not defeat these GIANTS!

หลังจากตัวแทน 12 เผ่าได ้ใชเวลา้ 40 วันในการสอดแนมของดินแดนคานาอัน,


พวกเขากลับมาพร ้อมด ้วย
ผลองุน ่ และผลทับทิมและมะเดือ ่ (ผลฟิ ก)ทีไ่ ด ้เติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินนัน ้
แต่รายงานจากทัง้ หมดนัน ้ มี 2 คนจาก 12 ผู ้สอดแนม กล่าวว่าดินแดนนัน ้ มีคนครอบครอง
อย่างน ้อย 4 กลุม ่ คนทีแ่ ตกต่างกัน และถูกป้ องกันไว ้อย่างดี
พวกเขายังแจ ้งโมเสสว่าพวกเขายังจาได ้ว่ามีเชอ ื้ สายทีเ่ กิดจากทูตสวรรค์ทรี่ ว่ งหล่นจากพระคุณ
ซงึ่ เป็ นคนใหญ่โตมหึมา มนุษย์รป ู ร่างสูงใหญ่
พวกเขาได ้อ ้างถึงเชอ ื้ สายของทูตสวรรค์ทก ี่ ระทาผิดบาป (Anakim อนาคิม)เป็ น มนุษย์ยักษ์
และรายงานจาก 10 คนใน12

205
เผ่าผู ้สอดแนมประกาศว่าลูกหลานของอิสราเอลไม่สามารถเป็ นเจ ้าของดินแดนนีเ้ พราะว่าพวกเขาไ
ม่สามารถรบชนะ มนุษย์ยักษ์ เหล่านี!้

Numbers 13:32 And they brought up an evil report of the land which they had searched
unto the CHILDREN of ISRAEL, saying, The Land, through which we have gone to search it,
is a land that eateth up the inhabitants thereof; and all the people we saw in it are men of a
great stature.

กันดารวิถ ี 13:32 และเขาได ้กล่าวร ้ายเรือ


่ งแผ่นดินทีเ่ ขาได ้ไปสอดแนมมาเล่าให ้คนอิสราเอลฟั งว่า
ื ดูตลอดแล ้วนัน
“แผ่นดินทีเ่ ราได ้ไปสบ ้ เป็ นแผ่นดินทีก
่ นิ คนซงึ่ อยูใ่ นนั น

บรรดาชาวเมืองทีเ่ ราเห็นเป็ นคนรูปร่างใหญ่โต

Numbers 13:33 And there we saw GIANTS, the sons of A 'nak, which come of the GIANTS:
and we were in our own sight as grasshoppers, and so we were in their sight.

กันดารวิถ ี 13:33 ทีน ื บุตรของคนอานาค ซงึ่ มาจากพวกมนุษย์ยักษ์


่ ั่ นเราเห็นพวกมนุษย์ยักษ์ คอ
เราเป็ นเหมือนตั๊กแตนในสายตาของเขาก็เหมือนกัน”

After hearing the report from ten of the spies on how the land could not be taken, the
CHILDREN of ISRAEL become fearful for their lives and complain to MOSES and Aaron
about it. The people were now saying that they should have never left the land of Egypt,
because they had now been brought into the wilderness by GOD to die! HOWEVER, two of
the TWELVE that went to spy out the land said, with GOD'S HELP we KNOW that we can
defeat those who now occupy the land.

หลังจากฟั งรายงานจาก 10 ผู ้สอดแนม ว่าทาไมดินแดนนี้ ไม่สามารถเข ้ายึดครองได ้,


ลูกหลานของอิสราเอล, กลายเป็ นวิตกกังวล สาหรับการดารงชวี ต ิ ของพวกเขา
และบ่นพึมพัมกับโมเสส และอาโรนเกีย ่ วกับเรือ
่ งนี้
ผู ้คนในตอนนีไ ้ ด ้พูดว่าพวกเขาไม่ควรละทิง้ ดินแดนอียป ิ ต์,
เพราะว่าพวกเขาตอนนีไ ้ ด ้ถูกนาเข ้าไปในถิน่ ทุรกันดาร โดยพระเจ ้าเพือ ี ชวี ต
่ จะเสย ิ ! ถึงแม ้ว่า, 2
คนจาก 12 เผ่า ทีไ่ ปสอดแนมทั่วดินแดนกล่าวว่า, ด ้วยกันกับการชว่ ยเหลือของพระเจ ้า
พวกเรารับรู ้ว่าเราสามารถกาจัดบรรดาคนเหล่านั น ้ ผู ้ซงึ่ ตอนนีไ
้ ด ้ ยึดครองดินแดน

These two that had FAITH in GOD were O'-she-a, (whom MOSES had renamed Joshua),
and Caleb the son of Je-phun'-neh. But the people refused to believe their report and
wanted to stone both Joshua and Caleb for their disagreement with the other ten spies. Due
to the peoples lacking in FAITH towards GOD and their unwillingness to go into battle
against the current occupants of the land, MOSES became DISTRAUGHT with the Children
of ISRAEL.

ื่ ในพระเจ ้าคือ โอชเี อ, (ผู ้ซงึ่ โมเสสได ้ตัง้ ชอ


ทัง้ สองคนทีไ่ ด ้มีความเชอ ื่ ใหม่วา่ โยชูวา),
และคาเลบบุตรชายของเยฟุนเนห์

206
แต่ผู ้คนปฏิเสธทีจ ื่ รายงานของพวกเขาและต ้องการใชหิ
่ ะเชอ ้ นปาทัง้ โยชูวาและคาเลบสาหรับความ
ไม่เห็นด ้วยของพวกเขากับผู ้สอดแนมอีก 10 คน เนือ ่ งจากผู ้คนขาดแคลน
ความเชอ ื่ ต่อพระเจ ้าและด ้วยความไม่เต็มใจทีจ ่ ะเข ้าไป
ในการต่อสูต่้ อต ้านกับเจ ้าของทีต
่ งั ้ ถิน
่ ฐานรกรากอยูก ่ อ่ นหน ้าในดินแดนนั น้
โมเสสกลายเป็ นวิตกกังวลใจกับลูกหลานของอิสราเอล

Once THE LORD hears about the violence that the people had towards Joshua and
Caleb, and SEES their unwillingness to go out and fight for the land which THE LORD had
promised their fathers, HE AGAIN appears at the DOOR of the TABERNACLE before all the
people.

เมือ
่ พระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ยินเรือ
่ งราวความรุนแรงทีผ
่ ู ้คนได ้มีตอ
่ โยชูวาและคาเลบ,
และเห็นความไม่เต็มใจทีจ ่ ะออกไปและต่อสูยึ้ ดครอง
ดินแดนทีซ่ งึ่ พระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ทรงสญั ญากับบิดาของพวกเขาพระองค์ปรากฏอีกครัง้ ทีป ่ ระตูพลับพลา
ก่อนทุกคน

Numbers 14:11 And THE LORD said unto MOSES, HOW LONG WILL THIS PEOPLE
PROVOKE ME? AND HOW LONG WILL IT BE ERE THEY BELIEVE ME, FOR ALL THE SIGNS
WHICH I HAVE SHEWED AMONG THEM?

กันดารวิถ ี 14:11 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า


“ชนชาตินจ ั เท่าใด”แม ้ว่าเราได ้กระทาหมายสาคัญต่างๆ
ี้ ะสบประมาทเรานานสก
ท่ามกลางเขามาแล ้ว เขาทัง้ หลายจะไม่เชอื่ เรานานเท่าใด

Numbers 14:12 I WILL SMITE THEM WITH THE PESTILENCE, AND DISINHERIT THEM,
AND WILL MAKE OF THEE A GREATER NATION AND MIGHTIER THAN THEY.

กันดารวิถ ี 14:12 เราจะประหารเขาเสยี ด ้วยโรคร ้ายและตัดเขาเสย


ี จากการสบ
ื มรดก
เราจะกระทาให ้เจ ้าเป็ นประเทศใหญ่โตและแข็งแรงกว่าเขาอีก”

After MOSES sees that THE LORD once again wants to destroy ISRAEL, MOSES
pleads with THE LORD that HE quench HIS ANGER and have mercy on the people and
excuse their ignorance. He reminds THE LORD as to what the Egyptians would say when
they hear that GOD had DESTROYED all of HIS PEOPLE? MOSES further tells THE LORD that
once the Egyptians hear of ISRAEL'S fate they will say, that the GOD of ISRAEL could not
DELIVER these people into the land that HE had promised them, so HE therefor
DESTROYED them ALL in the wilderness.

หลังจากโมเสสเห็นว่าพระผู ้เป็ นเจ ้าต ้องการทีจ่ ะทาลายอิสราเอลอีกครัง้ หนึง่ ,


โมเสสอ ้อนวอนต่อพระผู ้เป็ นเจ ้าเพือ ่ ที่ พระองค์จะทรงระงับความพิโรธของพระองค์
และมีเมตตาต่อผู ้คนและยกโทษในความไม่รู ้ของพวกเขา เขาเตือนความทรงจาพระผู ้เป็ นเจ ้า
่ วกับ สงิ่ ทีค
เกีย ่ นอียป
ิ ต์จะพูดเมือ
่ พวกเขาได ้ยินว่าพระเจ ้าทรงทาลายผู ้คนทัง้ หมดของพระองค์?

207
โมเสสบอกกับพระผู ้เป็ นเจ ้าต่อไปว่า ครัน
้ เมือ
่ คนอียป
ิ ต์
ได ้ยินเรือ
่ งโชคชะตาของประชากรอิสราเอลพวกเขาจะกล่าว,
ว่าพระเจ ้าของอิสราเอลไม่สามารถชว่ ยปลดปล่อยผู ้คนเหล่านีใ้ ห ้รอด
เข ้าไปสูใ่ นดินแดนทีพ ั ญาพวกเขา, จากนัน
่ ระองค์ได ้สญ ้ ด ้วยสาเหตุนพ
ี้ ระองค์จงึ ทาลาย
พวกเขาทุกคนในถิน ่ ทุรกันดาร

GOD after hearing MOSES' plea, agrees with MOSES that HE should not DESTROY
ISRAEL and decides to pardon them. But GOD tells MOSES what HE will do rather than
DESTROYING them. GOD reminds MOSES that The CHILDREN of ISRAEL had seen all the
miracles that HE had performed in the land of Egypt and in the wilderness, yet they were
still unable to TRUST in HIM.

หลังจากได ้ยินคาวิงวอนของโมเสส,
พระเจ ้าเห็นด ้วยกับโมเสสว่าพระองค์จะไม่ทาลายอิสราเอล และตัดสน ิ ใจให ้อภัยยกโทษพวกเขา
แต่พระเจ ้าทรงตรัสบอกโมเสสว่า สงิ่ ทีพ ่ ระองค์จะกระทาแทนทีจ
่ ะทาลายพวกเขา
พระเจ ้าเตือนโมเสสว่าลูกหลานของอิสราเอลได ้เห็นการอัศจรรย์ทัง้ หมดทีพ่ ระองค์ได ้กระทาในดินแ
ดนอียป
ิ ต์และในถิน ่ ทุรกันดาร, อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงไม่สามารถวางใจในพระองค์

GOD said that because of their lack in FAITH, HE would not allow this particular
generation of the CHILDREN of ISRAEL to enter into the PROMISED LAND! GOD says, all of
this generation over the age of nineteen years will die in the wilderness, excepting for
Joshua and Caleb, for they were the only ones who TRUSTED in THE LORD!

พระเจ ้าตรัสว่าเพราะการขาดแคลนความเชอ ื่ ของพวกเขา,


พระองค์จะไม่อนุญาติให ้ชวั่ อายุคนของ ลูกหลานของอิสราเอล เหล่านี้
มีสว่ นในการเข ้าไปในดินแดนแห่งพันธสญ ั ญา!พระเจ ้าตรัสว่า, ชวั่ อายุคนทัง้ หมด ทีเ่ กินกว่า อายุเกิน
19 ปี นัน
้ จะตายในถิน ่ ทุรกันดาร,
ยกเว ้นสาหรับโยซูวาและคาเลบ,เพราะว่าพวกเขาเป็ นคนทีไ่ ด ้วางใจในพระผู ้เป็ นเจ ้า!แต่เพียงผู ้เดียว

Due to the CHILDREN of ISRAEL'S lack in FAITH and TRUST in THE LORD, only Joshua
and Caleb were allowed to cross over the River Jordan and enter into the PROMISED LAND.
The CHILDREN of ISRAEL then wander for FORTY YEARS in the wilderness because of their
LACK of FAITH in GOD, and this GENERATION never sees the PROMISED LAND!

เนือ
่ งจากขาดแคลนความเชอ ื่ และความวางใจในพระผู ้เป็ นเจ ้าของลูกหลานของอิสราเอล,
มีเพียงโยชูวาและคาเลบได ้รับอนุญาติให ้ ข ้ามแม่น้ าจอร์แดนและเข ้าไปในดินแดนแห่งพันธสญ ั ญา
ลูกหลานอิสราเอลจึงหลงทาง(อย่างไร ้จุดหมาย)เป็ นเวลา 40 ปี ในถิน ่ ทุรกันดาร
เพราะการขาดแคลน ความเชอ ื่ ในพระเจ ้า ของพวกเขา, และชวั่ อายุคนเหล่านี้ จะไม่เคยเห็น
ดินแดนแห่งพันธสญ ั ญา!

Korah's Rebellion / การกบฏของโคราห์

208
With the AUTHORITY given to MOSES and Aaron by GOD being continually challenged
by the people, a man by the name Korah of the Levites and 250 of the princes of the
assembly (Levites that look after the articles of the TABERNACLE), go before MOSES and
Aaron. They challenge both MOSES and Aaron's authority and threaten to take over the
charge of the TABERNACLE.

ิ ธิ อานาจหน ้าที่ มอบให ้แก่โมเสสและอาโรนโดยพระเจ ้า


ด ้วยสท
ถูกท ้าทายอย่างต่อเนือ ่ งโดยประชากร, โดยชายคนหนึง่ ชอ ื่ “โคราห์” จากคนเผ่าเลวีและได ้นา 250
คนซงึ่ เป็ นตัวแทนของเจ ้าชาย ในกลุม ่ สาขาของประชากร (คนเลวีทด ี่ แ
ู ลรับผิดชอบ
สงิ่ ของของพลับพลา), เผชญ ิ หน ้ากับ โมเสสและอาโรน พวกเขาท ้าทายทัง้
สท ิ ธิอานาจหน ้าทีข ่ องโมเสสและอาโรน และข่มขูเ่ พือ
่ ยึดอานาจภาระหน ้าทีข ่ องพลับพลา

They tell MOSES and Aaron that they are now going to take charge over the
CHILDREN of ISRAEL and the ARK of the COVENANT and TABERNACLE as well. MOSES
says in response to them that they should bring their censers with them on the following
day and meet at the TABERNACLE DOOR. While at the TABERNACLE they should offer up
their fire before GOD and see who GOD accepts to make an offering to HIM, whether HE
accepts MOSES and Aaron's OFFERING or theirs?

พวกเขาบอกโมเสสและอาโรนว่า
บัดนีพ
้ วกเขากาลังยึดอานาจความรับผิดชอบเหนือลูกหลานของอิสราเอล
และหีบพันธสญ ั ญาและพลับพลาด ้วย โมเสสกล่าวโต ้ตอบต่อพวกเขาว่า ในวันถัดไป
พวกเขาควรจะนากระถางกายานของพวกเขามาพร ้อมกันกับพวกเขา
และพบกันทีห ่ น ้าประตูพลับพลา ขณะทีใ่ น พลับพลา
พวกเขาควรจะถวายบูชาไฟของพวกเขาต่อหน ้าพระเจ ้าและดูวา่ ผู ้ใดทีพ่ ระเจ ้า
จะยอมรับเพือ ่ ทาการถวายบูชาต่อพระองค์ ของผู ้ใดทีพ ่ ระองค์
จะยอมรับสงิ่ ทีม ่ อบถวายไม่วา่ จะเป็ นของโมเสสและอาโรน หรือของพวกเขา ?

Whosoever THE LORD allows to come near to HIM once the OFFERING has been
made, they will be the ones that GOD has chosen. MOSES also explains to them that THE
LORD has chosen the Levites only to serve and minister to the TABERNACLE, but not to be
HIS Priests, nor could they take charge over it, as this responsibility was given ONLY to
Aaron and his sons.

ผู ้ใดที่ พระผู ้เป็ นเจ ้า อนุญาตเข ้ามาใกล ้กับพระองค์ เพือ ่ ทาการถวายบูชา ซงึ่ ได ้จัดทาขึน
้ ,
พวกเขาจะเป็ นคนๆคนหนึง่ ทีพ ่ ระเจ ้าได ้เลือกสรร โมเสส
ยังอธิบายแก่พวกเขาว่าพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้เลือกคนเลวีเท่านั น ้ ทีจ ้ แลชว่ ยเหลือสาหรับงาน
่ ะรับใชและดู
ใน พลับพลา, แต่ไม่ใชเ่ พือ ่ เป็ นปุโรหิตของพระองค์,
หรือพวกเขาไม่สามารถมาควบคุมความรับผิดชอบอยูเ่ หนือสงิ่ เหล่านี,้
เพราะความรับผิดชอบนีถ ้ ก
ู มอบให ้แก่อาโรนและบุตรชายของเขา เท่านัน ้

209
The following day Aaron and MOSES, along with Korah and his 250 followers meet
at the DOOR to the TABERNACLE. Each man in both groups had their censers in their hands
full of burning incense, and prepared to make an OFFERING to THE LORD. THE LORD
appears in a CLOUD by the door and THE LORD tells MOSES and Aaron to separate
themselves from Korah and his men. THE LORD says that HIS patience had run out and that
HE was going to CONSUME all the CHILDREN of ISRAEL for their disobedience towards
HIM.

วันถัดไปนัน ้ อาโรนและโมเสส, พร ้อมกับโคราห์และผู ้ติดตาม 250 คนของเขา


พบกันทีป ่ ระตูพลับพลา แต่ละฝ่ ายจากทัง้ สองกลุม ่ ได ้นา
กระถางกายานของพวกเขาถืออยูใ่ นมือของพวกเขาเต็มไปด ้วยเครือ ่ งเผากายาน,
และจัดเตรียมทีจ ่ ะมาทาการ มอบถวายแด่องค์พระผู ้เป็ นเจ ้า พระผู ้เป็ นเจ ้าปรากฏในเมฆ ณ
หน ้าประตูและพระผู ้เป็ นเจ ้า ตรัสบอกโมเสสและอาโรน เพือ ่ แยกพวกเขาเอง
จากโคราห์และคนของเขา พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสว่าความอดทนของพระองค์ได ้สน ิ้ สุด
และพระองค์นัน ้ กาลังจะทาลายลูกหลานของอิสราเอล
สาหรับการไม่เชอ ื่ ฟั งของพวกเขาต่อพระองค์

MOSES again pleads for the lives of The CHILDREN of ISRAEL and begs THE LORD
not to kill those who had not taken any part in Korah's rebellion. THE LORD tells MOSES to
tell the entire congregation to separate themselves from Korah and any of his following.

โมเสสอ ้อนวอนขอไว ้ชวี ต ิ ของลูกหลานของอิสราเอลอีกครัง้


และอ ้อนวอนพระผู ้เป็ นเจ ้าไม่ให ้ ฆ่าบรรดาผู ้ซงึ่ เหล่านัน
้ ไม่ได ้มีสว่ นร่วมใดๆในการ กบฏของโคราห์
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสสเพือ ่ บอกกลุม่ คนทัง้ หมดทีจ ่ ะแยก
พวกเขาเองจากโคราห์และผู ้ทีต ่ ด ิ ตามคนอืน
่ ๆของพวกเขา

MOSES goes and tells the people what THE LORD had said and how they should
separate themselves immediately from Korah and his following. MOSES informs them that
THE LORD was going to kill Korah for his rebellious actions, and GOD was going to do so in
a way that all of the people would know that MOSES and Aaron were THE ONE'S GOD
intended to be in charge.

โมเสสไปและบอกผู ้คน ในสงิ่ ทีพ ่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ตรัส


และบอกว่าทาไมพวกเขาควรจะแยกตัวเองออกจากกบฏโคราห์และผู ้ติดตามกลุม ่ หนึง่ ของเขา
ในทันทีทันใดทีโ่ มเสสได ้ชแ ี้ จงพวกเขาว่าพระผู ้เป็ นเจ ้ากาลังทีจ ่ ะฆ่ากบฏโคราห์เพราะการกระทาที่
ดือ
้ ดึง ต่อต ้านของเขา,
และพระเจ ้ากระทาเชน ่ นั น
้ เพือ่ ทีจ
่ ะให ้ทุกคนรู ้ว่าโมเสสและอาโรนเป็ นผู ้ทีพ ่ ระเจ ้าตัง้ ใจไว ้ให ้รับผิดช
อบอยูเ่ หนือหน ้าทีน
่ ี้

MOSES explains to the people that if Korah were to die in a common type of death,
they would all know that THE LORD had not sent MOSES and Aaron to be in charge over

210
them. But, if the ground were to be opened up and swallow Korah and those who followed
him as well as all of their belongings, then the people should know that MOSES and Aaron
had been chosen by GOD to be their leaders.

โมเสส อธิบายต่อผู ้คนว่า ถ ้ากบฎโคราห์ได ้ตายในรูปแบบของการเสย ี ชวี ต


ิ โดยทั่วไป,
พวกเขาทัง้ หมดจะรับรู ้และคิดว่าพระผู ้เป็ นเจ ้า ไม่ได ้สง่ โมเสสและอาโรน
เพือ่ ทาหน ้าทีค
่ วามรับผิดชอบนีอ ้ ยูเ่ หนือพวกเขา
แต่ถ ้าพืน
้ ดินได ้ถูกเปิ ดออกและกลืนโคราห์และบรรดาคนเหล่านั น ้ ผู ้ซงึ่ ติดตามเขา
ด ้วยกันกับทรัพย์สน ิ สว่ นตัวของพวกเขาทัง้ หมด, จากนัน ้ ผู ้คนควรจะรู ้ว่า
โมเสสและอาโรนได ้ถูกเลือกโดยพระเจ ้าเพือ ่ เป็ นผู ้นาของพวกเขา

Once Korah had heard the WORDS of MOSES he was OUTRAGED. While he and his
household remained standing at the door of their tents, they watched as the people
withdrew themselves from them. Once the people were separated from Korah and his
following, the ground opened up and swallowed Korah, is family, and all that pertained to
him, and as the people watched in FEAR the ground closed over them while they were yet
still alive! Meanwhile while watching this happen to Korah and his family, the Children of
ISRAEL ran off in fear for their lives, but still observed what was happening from a
distance.

ครัน
้ เมือ
่ กบฎโคราห์ได ้ยิน คาพูดของโมเสส ทาให ้เขาได ้เจ็บแค ้น ในขณะทีเ่ ขาและครัว
เรือนของเขา ยังคงยืนอยูท ่ ห ี่ น ้าประตูเต็นท์ของพวกเขา,
ขณะทีพ ่ วกเขาได ้เฝ้ าดูประชากรได ้ถอนตัวเองออกจากพวกเขา
เมือ
่ ผู ้คนถูกแยกจากโคราห์และผู ้ติดตามของเขา, พืน ้ ดินเปิ ดออกและกลืนกบฎโคราห์ทัง้ ครอบครัว,
และทัง้ หมดทีเ่ ป็ นทรัพย์สน ิ ของเขา, และขณะทีผ ่ ู ้คนเฝ้ าดูในความกลัว
พืน
้ ดินปิ ดปกคลุมพวกเขาในขณะทีพ ่ วกเขายังคงมีชวี ต ิ อยู!่
ในระหว่างนัน ้ ขณะทีเ่ ฝ้ าดูสงิ่ ทีเ่ กิดขึน
้ กับโคราห์และครอบครัวของเขา,
ลูกหลานของอิสราเอลหลีกหนีในความกลัวสาหรับความเป็ นอยูข ่ องเขา,
แต่ยังคงสงั เกตสงิ่ ทีเ่ กิดขึน ้ จากระยะไกล

Shortly thereafter, FIRE came down from HEAVEN and consumed the 250 followers
of Korah still having their censers in their hands, thus burning up them and their golden
censers. THE LORD tells MOSES to take the censers that were now molten that were
CONSECRATED unto HIM and HALLOWED by the FIRE, and make the censers into broad
plates for a covering of the ALTAR. This would be for a memorial for the CHILDREN of
ISRAEL to remember to NEVER do what Korah had done.

หลังจากนัน ้ ไฟได ้ลงมาจากฟ้ าสวรรค์และเผาผลาญ 250


้ ในไม่ชา,
คนผู ้ติดตามของโคราห์ซงึ่ ยังคงมีกายานในมือของพวกเขา,
ได ้ลุกไหม ้พวกเขาและกระถางกายานทองคาของพวกเขา พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสสว่าบัดนี้
ให ้นากระถางกายานทีถ ่ ก
ู หลอมละลาย เป็ นการถวายบูชาแล ้ว ต่อพระองค์

211
และทาให ้บริสท ุ ธิโ์ ดยไฟ, และนากระถางกายาน รีดให ้แบนเป็ นแผ่นโลหะเพือ
่ ปกคลุม แท่นบูชา
เพือ่ จะเป็ นการเตือนความทรงจาแก่ลก ู หลานของอิสราเอล
่ ะไม่กระทาสงิ่ ทีโ่ คราห์ได ้กระทาอีกต่อไป
ทีจ

The day after GOD'S DESTROYING Korah and his following, the CHILDREN of ISRAEL
gather themselves together and accuse MOSES and Aaron of being murderers, because they
caused Korah and his company's death.

หลังจากพระเจ ้าทาลาย กบฏโคราห์และผู ้ติดตามของเขา,


ลูกหลานของอิสราเอลรวบรวมกลุม ่ ของพวกเขาเองด ้วยกันและกล่าวโทษ โมเสสและอาโรน
เป็ นฆาตกร,
เพราะว่าพวกเขาเป็ นสาเหตุให ้โคราห์และผู ้ร่วมในความคิดเห็นเดียวกันกับเขานั น ี ชวี ต
้ เสย ิ

After hearing this THE LORD again comes down to the door of the TABERNACLE
and tells MOSES and Aaron to separate themselves from the CHILDREN of ISRAEL for HE
HAD ENOUGH! As soon as MOSES and Aaron put some distance between them and the
people, the people immediately start dying from a PLAGUE THE LORD had brought upon
them.

หลังจากได ้ยินเรือ ่ งนี้ พระผู ้เป็ นเจ ้า เสด็จลงมาอีกครัง้ ยังประตูของพลับพลา


และตรัสบอกโมเสสและอาโรน
เพือ่ ทีจ
่ ะแยกพวกเขาเองจากลูกหลานของอิสราเอลเพราะพระองค์ได ้มีจานวนคนอย่างเพียงพอแล ้
ว!

ในไม่ชาขณะที โ่ มเสสและอาโรนแยกตัวออกมาจากระยะห่างเพียงบางสว่ นระหว่างพวกเขาและผู ้คน
ทีก
่ ล่าวโทษนัน ้ , ผู ้คนเริม
่ ล ้มหายตายอย่างกะทันหันจากภัยพิบัตโิ รคระบาด
ทีพ่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้นามาสูพ ่ วกเขา

Once MOSES sees that thousands are being killed by the PLAGUE, HE hastily sends
Aaron off to the TABERNACLE to get his censer filled with fire from the ALTAR, and make
atonement for the CHILDREN of ISRAEL. Once Aaron had gotten the censer with FIRE from
the ALTAR he runs and gets between the PLAGUE and the CHILDREN of ISRAEL. The
PLAGUE was then halted by THE LORD, however not before fourteen thousand seven
hundred people had been killed by the PLAGUE.

ครัน้ เมือ่ โมเสส เห็นว่าผู ้คนนับพันถูกฆ่าโดยโรคระบาด,


โมเสเสสง่ อาโรนออกไปยังพลับพลาเพือ ่ เอากระถางกายานของเขา
เติมไฟจากแท่นบูชาให ้เต็มอย่างรีบด่วน, และเพือ ่ เป็ นการไถ่โทษสาหรับลูกหลานของอิสราเอล
เมือ
่ อาโรนนากระถางกายานกับไฟจากแท่นบูชา เขาได ้วิง่ และอยูต ่ รงกลาง
ระหว่างผู ้ทีไ่ ด ้รับโรคระบาดและลูกหลานอิสราเอล จากนัน ้ ภัยพิบัตถิ ก
ู ระงับโดยพระผู ้เป็ นเจ ้า,
อย่างไรก็ตามไม่ได ้หยุดลงก่อนที่ 14,700 คนได ้ถูกฆ่าโดยภัยพิบัตโิ รคระบาดนัน ้

212
After the incident regarding Korah, and the Leadership of the other tribes still
bickering for the control of the TABERNACLE of GOD, THE LORD tells MOSES to do the
following. GOD says that MOSES should have each one of the TWELVE tribes take a ROD
from an almond tree and then write the name of their tribe on each of the RODS.

หลังจากเหตุการณ์เรือ ่ งกบฎโคราห์เกิดขึน้ และผู ้นาของเผ่าอืน


่ ๆยังคงโต ้เถียงสาหรับการคว
บคุมพลับพลาของพระเจ ้า, พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสสเพือ ่ ทาดังต่อไปนี้
พระเจ ้าตรัสว่าโมเสสควรจะให ้ แต่ละเผ่า ของ 12 เผ่านาไม ้เท ้า จากต ้นอัลมอนด์
และจากนัน ้ เขียนชอื่ ของเผ่าของเขาบนไม ้เท ้าเหล่านัน
้ แต่ละอัน

But on the ROD for tribe of Levi, write Aaron's name only, because he had been put
in charge over the tribe of Levi. Then, once the RODS had been made, MOSES was to bring
the TWELVE RODS into the TABERNACLE and leave them overnight. Furthermore, THE
LORD tells MOSES to tell the CHILDREN of ISRAEL that THE LORD'S CHOICE for who
should be in charge over the TABERNACLE, would be given to the tribe whose ROD had
sprouted BUDS overnight.

ื่ ของอาโรนเท่านัน
แต่บนไม ้เท ้า สาหรับเผ่าเลวี ทีเ่ ขียนชอ ้
เพราะเขาได ้ถูกจัดวางในการดูแลเหนือเผ่าเลวี จากนัน ้ เมือ
่ ไม ้เท ้า ได ้ถูกทาขึน
้ , โมเสสได ้นา
ไม ้เท ้า12 อัน เขาไปในพลับพลาและทิง้ ไม ้เท ้าเหล่านัน ้ ค ้างคืนไว ้ นอกจากนี้ พระผู ้เป็ นเจ ้า
ยังตรัสบอกโมเสสเพือ ่ ไปบอก ลูกหลานของอิสราเอลว่า พระผู ้เป็ นเจ ้าจะทรงเลือก
ผู ้ซงึ่ ดูแลอยูเ่ หนือพลับพลา โดยมอบหน ้าทีใ่ ห ้แก่เผ่าทีไ่ ม ้เท ้าได ้แตกใบอ่อน ชวั่ ข ้ามคืน

The next morning when MOSES went in and removed the twelve RODS from the
TABERNACLE, only Aaron's ROD was BUDDED. It had not only budded and blossomed, but
Aaron's ROD had even brought forth almonds out of its stem. Once the CHILDREN of
ISRAEL saw that the ROD bearing Aaron's name was the only one with BUDS, they
understood that only Aaron, his sons, and the tribe of Levi had the authority by GOD to
oversee the TABERNACLE.

ต่อมาในตอนเชา้ เมือ ่ โมเสส เข ้าไปข ้างในและนาเอา ไม ้เท ้า12 อัน จากพลับพลา, ไม ้เท ้า
ของอาโรนเท่านัน ้ ได ้แตกใบอ่อน ไม่ใชเ่ พียงแต่แตกใบเท่านั น ้ แต่ยังคงผลิ ดอกไม ้บาน
แต่เฉพาะไม ้เท ้าของอาโรนเท่านัน ้ ทีม
่ ผ
ี ลของอัลมอนด์ออกมาด ้วย
เมือ่ ลูกหลานของอิสราเอลเห็นว่าไม ้เท ้า ทีม ่ ช ื่ ของอาโรน มีเพียงอันเดียวเท่านั น
ี อ ้ ทีม
่ ก
ี ารแตกใบ
พวกเขาได ้เข ้าใจว่าอาโรน บุตรชายของเขา และเผ่าเลวีเท่านั น ้ ,
ิ ธิอานาจหน ้าทีโ่ ดยพระเจ ้าเพือ
ทีไ่ ด ้รับสท ่ ดูแลพลับพลา

Chapter 20 of the BOOK of NUMBERS, Full Circle?

สงิ่ ทีอ ื กันดารวิถ?ี


่ ้างอิงถึง ในบทที่ 20 ของหนั งสอ

213
In Chapter 20 of the Book of NUMBERS the chapter opens with Miriam (MOSES and
Aaron's sister) dying and being buried in Ka'-desh. The Scriptures go on to tell of the same
story that had been previously told in the 17th Chapter of the Book of Exodus. This is the
story about bringing forth the water out of the rock. The Scriptures in NUMBERS also
repeat how MOSES failed to give GOD the GLORY by his not GLORIFYING GOD in the eyes of
the people at the time of the miracle.

ในบทที่ 20 ของหนังสอ ื กันดารวิถ ี เปิ ดเนือ้ หาเรือ


่ งราวเกีย่ วกับ มีเรียม
(พีส่ าวของโมเสสและของอาโรน) ได ้สน ิ้ ชวี ต
ิ และถูกฝั งทีค่ าเดช
ข ้อความในพระคัมภีรด ์ าเนินต่อไปทีจ ่ ะบอกเรือ ่ งเดียวกันกับ ทีเ่ คยบอกมาก่อนหน ้านีใ้ นบทที่ 17
ของหนังสอ ื อพยพ เกีย ่ วกับเรือ
่ งการนาน้ าออกจากหิน ข ้อความในพระคัมภีรใ์ นกันดารวิถ ี
ยังกล่าวซ้าเรือ่ งราวของโมเสสล ้มลง ในการกระทาทีจ ่ ะ ถวายเกียรติพระเจ ้า
โดยเหตุผลนีท ้ าให ้เขาไม่ถวายพระเกียรติพระเจ ้าในสายตาของประชากร ณ
ชว่ งเวลาของการอัศจรรย์

The first time this story is told in the Book of Exodus; the event takes place just
shortly after the CHILDREN of ISRAEL had been DELIVERED out of EGYPT. This would put
MOSES around the age of 81. However in Chapter 20 of the Book of NUMBERS, not only is
this miracle referred to once again (with the water coming forth out of the rock), but it also
speaks about Aaron's death.

เรือ
่ งนีค้ รัง้ แรกถูกบอกในหนั งสอ ื ของอพยพ;
เหตุการณ์เพิง่ เกิดขึน ้
้ ในไม่ชาหลั งจากลูกหลานของอิสราเอลได ้ถูกปลดปล่อยชว่ ยให ้รอดพ ้นออกจ
ากอียปิ ต์ ซงึ่ โมเสส ตอนนัน ้ ประมาณอายุ 81 ปี ถึงแม ้ว่าในบทที่ 20 ของหนั งสอ ื กันดารวิถ,ี
ไม่เพียงแต่เป็ นการอัศจรรย์เดียวกันนีเ้ กีย ่ วโยงอ ้างอิงอีกครัง้ หนึง่ (ซงึ่ น้ าได ้ออกมาจากหิน)
แต่ก็ยังคงพูดถึง ณ ชว่ งเวลาการเสย ี ชวี ต ิ ของอาโรน

With Aaron being only three years older than MOSES and his death occurring at about
the age of 120 years old, this would have put MOSES at the age of 117 at the time of Aaron's
death. Is this a CONFLICT in the Scriptures? Was MOSES 117 years old at the time of this
MIRACLE rather than 81 years old as the time line would indicate in the Book of Exodus, or
did this exact same event happen twice?

ด ้วยอาโรน มีอายุแก่กว่าโมเสส เพียง 3 ปี และการเสย ี ชวี ต


ิ ของเขาเกิดขึน
้ ทีอ
่ ายุประมาณ
120 ปี , นีท ่ าให ้โมเสสมีอายุท ี่ 117 ปี ณ เวลาของการเสย ี ชวี ติ ของอาโรน
ซงึ่ เป็ นความขัดแย ้งในข ้อความพระคัมภีรห ์ รือ ? โมเสสอายุได ้ 117 ปี ณ ทีเ่ วลาทีท่ าการอัศจรรย์นี้
แทนทีจ ่ ะเป็ น 81 ปี ในชว่ งเวลาทีร่ ะบุไว ้จากหนั งสอื อพยพ หรือเหตุการณ์เดียวกันนีเ้ กิดขึน ้ 2 ครัง้ ?

Before these questions can be answered you must first UNDERSTAND how the WORD
of GOD was COMPILED within THE HOLY BIBLE. With the exception of the Book of Genesis,
Moses along with several other people wrote the Scripture that is included in the four

214
following Books of MOSES (Exodus, Leviticus, NUMBERS, and Deuteronomy). The writing
of these other four books was done over a course of many, many years, even well after the
death of MOSES. Of course the bulk of the Scripture came from the writings of MOSES,
however there were many insertions made to its current form.

ก่อนทีจ ่ ะสามารถตอบคาถามเหล่านี้ ประการแรก ท่านจาต ้องเข ้าใจว่า


พระวจนะของพระเจ ้าถูกรวบรวมภายในพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ ยกเว ้นของหนังสอ ื ปฐมกาลไว ้อย่างไร,
โมเสสพร ้อมด ้วยคนอืน ่ อีกหลายคนเขียนบันทึก ข ้อความในพระคัมภีรซ ์ งึ่ รวมอยูใ่ น 4
เล่มของโมเสส ดังต่อไปนี้ (อพยพ, เลวีนต ิ ,ิ กันดารวิถ ี และพระราชบัญญัต)ิ การเขียนหนั งสอ ื 4
เล่มเหล่านีถ
้ ก ้ ในชว่ งเวลาหลาย หลายปี หลังจากการเสย
ู จัดทาขึน ี ชวี ติ ของโมเสส
แน่นอนว่าสว่ นใหญ่ของข ้อความในพระคัมภีรม ์ าจากการเขียนของโมเสส,
แต่อย่างไรก็ตามมีสงิ่ ทีแ่ ทรกเข ้าไปในรูปแบบซงึ่ เป็ นทีย ่ อมรับในปั จจุบัน

You need not be concerned as to the accuracy of THE HOLY BIBLE, for all that has been
inserted into the OLD TESTAMENT is the INSPIRED WORD OF GOD! In summary what this
means, is that when one READS THE HOLY BIBLE they must REMEMBER that the sequence
of events taking place within the Scriptures are not necessarily in chronological order. This
can be further explained if you can imagine trying to put a book into a perfect sequential
order, having all of the pages available to you, but the pages are not numbered. The content
of the Book would be complete, however it may not necessarily be in the proper sequential
order as its AUTHORS compiled it.

ท่านไม่จาเป็ นต ้องเป็ นกังวลเกีย ่ วกับความแม่นยาถูกต ้องของพระคาภีร ์


เพราะว่าเรือ ่ งราวทัง้ หมดทีไ่ ด ้เขียนบันทึกเข ้าไปในพระคาภีรเ์ ดิมนัน ้
เป็ นการดลใจในการเขียนพระคามาจากพระเจ ้า สรุปโดยย่อนัน ้ หมายความว่า
เมือ่ คนหนึง่ ได ้อ่านพระคาภีรไ์ บเบิล ้ พวกเขาจาต ้องจดจาไว ้ว่า
ลาดับเหตุการณ์ของเรือ ่ งราวในพระคาภีรท ์ ไี่ ด ้บันทึกไว ้
นัน
้ ไม่จาเป็ นว่าต ้องเรียงลาดับเหตุการณ์จริงว่าได ้เกิดขึน ้ เมือ
่ ไร

นีส้ ามารถทีจ ่ ะอธิบายให ้เข ้าใจได ้มากขึน ้


ถ ้าท่านสามารถทีจ ่ ะจินตนาการพยายามทีจ ่ ะบรรจุสงิ่ ทีอ ื เล่มหนึง่ โดยเรียงตามลาดับเหตุ
่ ยูใ่ นหนั งสอ
การณ์ตามวันเวลาทีเ่ กิดขึน ้ จริง อย่างต่อเนือ่ งตามลาดับ
มีการเล่าเหตุการณ์ทก ุ อย่างพร ้อมทีจ่ ะนาความเข ้าใจมาถึงท่าน
แต่สงิ่ ทีบ
่ รรจุไว ้ในหนังสอ ื มีความประสงค์ให ้สมบูรณ์ไม่ใชเ่ รียงลาดับตัวเลขหน ้าหนั งสอ ื ทีก
่ ากับไว ้
แต่อย่างไรก็ตามอาจไม่จาเป็ นว่าเหตุการณ์เหล่านั น ้ จะเรียงเกีย ่ วโยงต่อเนือ
่ งกันอย่างเหมาะสม
เหมือนทีผ ่ ู ้เขียนได ้บันทึกไว ้

The Book of Revelation is purposely composed this way and cannot be put into the
proper sequence without being able to discern its LAYERS. This is why the Church has so
much confusion when it tries to explain The Book of Revelation and the Teachers of the
Church stumble and fall about its meaning.

215
หนังสอ ื วิวรณ์นเี้ ป็ นมีเจตนาเขียนรวบรวมในลักษณะนีแ ้ ละไม่สามารถวางลาดับเหตุการณ์เข ้าไปอย่า
งถูกต ้องเหมาะสม โดยปราศจากความสามารถในการมองเห็น
(มีความเข ้าใจ)ในลาดับชน ั ้ ความลึกของพระคาภีร ์ นีค ้ อื ทาไมคริสตจักร
โบสถ์ตา่ งๆได ้ทาให ้เกิดสบ ั สนอย่างมาก
เมือ
่ พยายามทีจ ่ ะอธิบายหนั งสอ ื วิวรณ์และผู ้สอนในโบสถ์นัน ้ ได ้กระทาผิดพลาด ทาให ้สะดุด
และล ้มลง ในความหมายทีแ ่ ท ้จริงทีไ่ ด ้ระบุไว ้

This type of TEACHING is what JESUS CHRIST refers to as "THE BLIND, LEADING
THE BLIND"! The blind are those who cannot discern the LAYERS. These teachers are those
who try to teach what they themselves do not UNDERSTAND!

การสอนแบบนีพ ้ ระเยซูคริสต์ได ้หมายถึง คนตาบอดนาคนตาบอด


คนตาบอดนัน ้ เป็ นคนเหล่านั น
้ ทีไ่ ม่สามารถมองเห็นในลาดับชน ั ้ ความลึกต่างๆของพระคาภีร ์
ครูสอนเหล่านีพ้ ยายามสอนในสงิ่ ทีต ่ ัวพวกเขาเองนั น
้ ไม่มค
ี วามเข ้าใจ

The answer to the previously asked questions as to; "Did this event happen twice?" or
"is this the same event?" can be explained as follows: The answer to the TWO previous
questions is YES and NO, and NO and YES! Let me try to explain:

คาตอบไปยังคาถามนีเ้ กิดขึน ้ มาก่อนหน ้านีใ้ นเรือ


่ งของ มีเหตุการณ์นเี้ กิดขึน
้ สองครัง้ หรือ ?
หรือ เป็ นเหตุการณ์เดียวกันไหม ? สามารถทีจ ่ ะอธิบายตามมาด ้วยการตอบคาถาม
สองหัวข ้อข ้างต ้นว่า ใช ่ และไม่ใช ่ และไม่ใช ่ และ ใช ่ ผมพยายามทีจ ่ ะอธิบายว่า

The CHILDREN of ISRAEL wandered for forty years in a relatively small area and
basically walked in a big CIRCLE, with Miriam dying on one of the many times the
CHILDREN of ISRAEL had passed by the area of Mer'-i-bah Ka'-desh. The person who made
this particular insertion into the Book of NUMBERS, merely recalled the event that had
taken place at Mer'-i-bah Kadesh, being unaware himself which of the times the CHILDREN
of ISRAEL had passed by the area.

ลูกหลานของอิสราเอลหลงทางเป็ นเวลา 40 ปี
อยูใ่ นบริเวณพืน ้ ทีไ่ ม่กว ้างขวางมากนั กทีเ่ ชอ ื่ มโยงกันและโดยแท ้จริงได ้เดินทางเป็ นวงกลมใหญ่(ว
กไปวนมาเป็ นวงกลม) ซงึ่ กล่าวถึงการตายของมีเรียมหนึง่ ในสถานทีน ่ ัน

ลูกหลานของอิสราเอลได ้ผ่านในสถานทีข ่ อง “เมอร์อบ ี าห์คาเดช”หลายครัง้
บุคคลผู ้ซงึ่ จดบันทึกสว่ นนีเ้ ข ้าไปในหนั งสอ ื กันดารวิถ,ี
เพียงแต่ย้าเตือนความทรงจาของเหตุการณ์ทไี่ ด ้เกิดขึน ้ ณ “เมอร์อบ
ี าห์คาเดช”,
เป็ นสงิ่ ทีไ่ ม่ได ้คาดคิดมาก่อนกับตัวเขาเองว่า
สถานทีน ่ ห ี้ ลายครัง้ ลูกหลานของอิสราเอลได ้ผ่านบริเวณนี้

The EVENTS and the PLACES are always accurate within the Scriptures, however;
the TIMES of the events are open to interpretation. GOD EXISTS IN ALL TIMES, AND ALL

216
PLACES! So, time is irrelevant in regard to THE WORD of GOD! The "WHAT" and the
"WHERE", and the "WHY" are IMPORTANT, HOWEVER: the "when" hasn't any BEARING on
the TRUTH!

เหตุการณ์ตา่ งๆและสถานทีถ ่ ก
ู ต ้องเสมอภายในข ้อความในพระคัมภีร ์ อย่างไรก็ตาม
เวลาของเหตุการณ์ตา่ งๆนัน ้ ได ้เปิ ดกว ้างในการตีความหมาย เนือ ่ งจาก
พระเจ ้าทรงดารงอยูใ่ นทุกเวลา, และทุกสถานที!่ ดังนัน ้ เวลาไม่เกีย
่ วข ้องกับพระวจนะของพระเจ ้า!
“อะไร” และ “ทีไ่ หน”, และ “ทาไม” นัน ้ มีความสาคัญ แต่อย่างไรก็ตาม ชว่ งเวลาว่า“เกิดขึน
้ เมือ
่ ไร”
ดูเหมือนว่าไม่อยูบ
่ นพืน
้ ฐานความจริง!

ิ้ ชวี ต
The death of Aaron / อาโรนสน ิ

Contained also in the Scriptures of the 20th Chapter of the Book of Numbers is the
death of Aaron. The Scriptures tell how MOSES was instructed by GOD to take his brother,
Aaron and his brother's son, E-Ie-a' -zar, to the top of Mount Hor, where Aaron was to die.

ข ้อความในพระคัมภีรบ ื กันดารวิถย
์ ทที่ 20 ของหนั งสอ ี ังบรรจุการเสย ี ชวี ต
ิ ของอาโรน
ข ้อความในพระคัมภีรบ ์ อกว่า โมเสสได ้รับคาแนะนาโดยพระเจ ้าเพือ ่ นาพีช
่ ายของเขา,
อาโรนและบุตรชายของพีช ่ าย (หลานชาย), เอเลอาซาร์, ไปยังยอดสูงสุดของภูเขาโฮร์,
ทีซ่ งึ่ อาโรนได ้เสย
ี ชวี ติ

MOSES is also told by THE LORD that once he has reached the peak of the mountain,
that he should strip Aaron of his Priestly Garments and put them on Aaron's son E-Ie-a' -
zar, making him the next HIGH PRIEST. THE LORD also says that after MOSES has done as
THE LORD has instructed him to do, Aaron will die atop the Mountain and it was as THE
LORD had said it would be. Aaron died atop the mountain and MOSES came back down
with E-Ie-a'-zar now being the High Priest REPLACING his father Aaron. The people then
mourned Aaron's death for a full thirty days.

โมเสสยังถูกบอกโดยพระผู ้เป็ นเจ ้าว่า ครัน ้ เมือ


่ เขาได ้ไปถึงจุดสูงสุดของภูเขา
เขาควรจะถอดเครือ ่ งแต่งกายปุโรหิตของอาโรนและจัดวางชุดนัน ้ บนเอเลอาซาร์
แต่งตัง้ ให ้เขาปุโรหิตชน ั ้ สูงคนต่อไป
พระผู ้เป็ นเจ ้ายังทรงตรัสว่าหลังจากโมเสสได ้ทาอย่างทีพ ี้ นะเขา
่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ชแ
อาโรนจะสน ิ้ ชวี ต
ิ บนยอดภูเขาและเป็ นเหมือนทีพ ่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ทรงตรัสไว ้ว่าจะเกิดขึน
้ แบบนัน

อาโรนสน ิ้ ชวี ติ บนยอดภูเขาและโมเสสกลับลงมาจากภูเขากับเอเลอาซาร์
ซงึ่ ขณะนีไ ้ ด ้ดารงตาแหน่งเป็ นปุโรหิตชน ั ้ สูง แทนตาแหน่งของอาโรนบิดาของเขา
ผู ้คนจึงไว ้ทุกข์การตายของอาโรนเป็ นเวลา 30 วันเต็ม

ั ลักษณ์ของแพทยศาสตร์
The Symbol of Medicine / สญ

After the death of Aaron, MOSES and the CHILDREN of ISRAEL journeyed by the shore
of the Red Sea. Then shortly thereafter defeating King A' -rad of Canaan, the Children of

217
ISRAEL start murmuring against GOD and MOSES again. The people complain to MOSES
that they were tired of eating MANNA and were short of water, and they also believed that
GOD by the hand of MOSES had brought them into the wilderness to die. This continual
complaining by The Children of ISRAEL again angers THE LORD. So GOD IN HIS ANGER
sent out a fiery serpent among them.

หลังจากการสน ิ้ ชวี ติ ของอาโรน, โมเสสและลูกหลานของอิสราเอล


จึงออกเดินทางจากชายฝั่ งของทะเลแดง แล ้วหลังจากนั น ้
้ ในไม่นานมากนั กได ้ทาการสูรบชนะ
กษั ตริยอ ์ าราดของคานาอัน, ลูกหลานของอิสราเอลเริม ่ การบ่นพึมพาต่อ พระเจ ้าและโมเสสอีกครัง้
ผู ้คนร ้องเรียนต่อโมเสสว่าพวกเขาได ้เบือ ่ การกินมานาและขาดแคลนน้ า,
และพวกเขายังเชอ ื่ ว่าพระเจ ้าได ้ใชมื้ อของโมเสสนาพวกเขาเข ้ามาในถิน ่ ทุรกันดารเพือ
่ ทีจ
่ ะตาย
การบ่นพึมพัมนีย ้ ังคงมีอยูอ ่ ย่างต่อเนือ
่ งจากลูกหลานของอิสราเอล
เป็ นสาเหตุทาให ้พระผู ้เป็ นเจ ้าโกรธขึน ้ อีกครัง้ ดังนัน
้ พระเจ ้าในความพิโรธ
จึงสง่ ออกงูแมวเซาท่ามกลางพวกเขา

This serpent's venom was so toxic, it caused anyone being bitten by it to die shortly
after being bitten. The people now dying in mass numbers by the serpent bites, begin to
humble themselves before GOD, for HIM to have MERCY on them. The people then go
before MOSES admitting they had sinned against GOD and him and ask MOSES to pray for
the people, for many were dying from the serpent bites.

การฉกกัดของงูนเี้ ป็ นพิษอย่างแรง,
เป็ นสาเหตุให ้คนใดคนหนึง่ เมือ ่ ถูกฉกจะถึงแก่ความตายในไม่ชาหลั ้ งการถูกกัด
ผู ้คนตอนนีใ้ กล ้ตายในจานวนเป็ นกลุม ่ ๆโดยงูกัด,
เริม่ ทีจ
่ ะถ่อมตัวพวกเขาเองต่อพระพักตร์พระเจ ้า,เพือ ่ พระองค์จะมีความเมตตาต่อพวกเขา
ผู ้คนจึงไปเผชญ ิ หน ้ากับโมเสสสารภาพในสงิ่ ทีพ ่ วกเขาได ้กระทาผิดเพราะพวกเขาได ้ทาบาปต่อพร
ะเจ ้าและโมเสส และขอร ้องโมเสสทีจ ่ ะอธิษฐานเพือ่ ผู ้คน, ทีก
่ าลังตายจากงูกัดเป็ นจานวนมาก

MOSES PRAYS for the people for GOD to have MERCY on them. In answer to MOSES'
PRAYER, GOD tells MOSES to fashion a fiery serpent on a brass pole and gather those who
have been bitten by the serpents so they may look upon the brass pole MOSES had
fashioned. Then after viewing the brass pole they would be healed and not die from the
bite. The brass pole that was fashioned by MOSES had on it the WINGS of an ANGEL and a
serpent wound around the pole. This is the same symbol used by the medical profession
today, being symbolic of medicinal healing.

โมเสสอธิษฐานเผือ ่ ผู ้คนเพือ
่ ทีพ
่ ระเจ ้าทีจ
่ ะมีความเมตตายกโทษต่อพวกเขา
ในการตอบคาอธิษฐานของโมเสส,
พระเจ ้าตรัสบอกโมเสสปั น ้ งูแมวเซาบนเสาทองเหลืองและรวบรวมบรรดาผู ้ซงึ่ เหล่านั น ้ ได ้ถูกกัดโดย
งู จากนัน
้ เมือ
่ พวกเขาได ้มองดูเสาทองเหลืองทีโ่ มเสสได ้ปั ้นขึน ้ มา หลังจากมองดูเสาทองเหลือง
พวกเขาจะถูกรักษาและจะไม่ตายจากการถูกงูกัด

218
เสาทองเหลืองทีไ่ ด ้ปั ้นโดยโมเสสด ้านบนมีปีกของทูตสวรรค์ และงูเลือ ้ ยไปรอบเสา
นีค
่ อ ั ลักษณ์เดียวกันใชโดยวิ
ื สญ ้ ชาชพ ี เกีย
่ วกับทางการแพทย์ทก
ุ วันนี,้
การเป็ นสญั ลักษณ์ของการรักษาทีม ่ ผ
ี ลในการบาบัดเหมือนยา

Balaam and Balak / บาลาอัมและบาลาค

The story of Balaam and Balak is one of the insertions that have been put into the
Holy Scriptures of the Book of Numbers by someone other than MOSES, as has been earlier
explained. The story begins in Chapter 22 of The Book of NUMBERS and continues through
Chapter 24. When you read this story you will see that the name of MOSES is not mentioned
once throughout its entirety.

เรือ
่ งราวของบาลาอัมและบาลาค
เป็ นเรือ
่ งหนึง่ ทีไ่ ด ้สอดแทรกเพิม ่ เข ้าไปในพระคัมภีรบ ์ ริสท
ุ ธิข ื กันดารวิถ ี
์ องหนั งสอ
โดยใครบางคนทีน ่ อกเหนือจากโมเสส, อย่างทีไ่ ด ้เคยอธิบายไปก่อนหน ้านี้
เรือ
่ งราวเริม ่ ต ้นของหนั งสอ ื กันดารวิถจ ี ากบทที่ 22 และต่อเนือ ่ งถึงบทที่ 24
เมือ่ ท่านอ่านเรือ ่ งราวเหล่านีท
้ า่ นจะเห็นได ้ว่าชอื่ ของโมเสสไม่ได ้ถูกกล่าวถึง สก ั ครัง้ หนึง่
ตลอดจนจบเรือ ่ ง

This is because this event wasn't well known throughout ISRAEL, however GOD
wanted the event to be placed within the Holy Scriptures. This is a TRUE STORY, however
because the war between the King of Moab and the CHILDREN of ISRAEL did not take place
(as a result of Balaam refusing-to put a curse against the CHILDREN of ISRAEL), not all of
ISRAEL was aware of the details surrounding the event. This caused the event to be put
into the Book of NUMBERS well after the death of MOSES.

นีเ่ ป็ นเพราะว่าเหตุการณ์เหล่านีไ ้ ม่เป็ นทีร่ ู ้จักดีทั่วทัง้ อิสราเอล, แต่อย่างไรก็ตาม


พระเจ ้าต ้องการเหตุการณ์นัน ้ ถูกบันทึกไว ้ภายในพระคัมภีรบ ์ ริสทุ ธิ์
นีเ่ ป็ นเรือ
่ งราวทีเ่ กิดขึน ้ จริง,แต่อย่างไรก็ตามเพราะว่าสงครามระหว่างกษั ตริยข ์ องเมืองโมอับและลูก
หลานของอิสราเอลไม่ได ้เกิดขึน ้
(เนือ ่ งจากบาลาอัมปฏิเสธทีจ ่ ะไปแชง่ สาปต่อลูกหลานของอิสราเอล),
ไม่ใชอ ่ ส
ิ ราเอลทัง้ หมดได ้รับทราบรายละเอียดต่างๆในสภาวะแวดล ้อมของเหตุการณ์
นีเ้ ป็ นสาเหตุทาให ้เหตุการณ์นไ ี้ ด ้ถูกบันทึกเข ้าไปในหนั งสอ ื กันดารวิถอ
ี ย่างครบถ ้วน
หลังจากการเสย ี ชวี ต
ิ ของโมเสส

As previously explained, when MOSES had complained to THE LORD about the
burden of his looking after the CHILDREN of ISRAEL, THE LORD put some of the SPIRIT
that was upon MOSES, on SEVENTY of the ELDERS of the CHILDREN of ISRAEL. This was
done so the SEVENTY ELDERS could share in MOSES' burden.

ก่อนหน ้านีไ
้ ด ้อธิบายว่า
เมือ
่ โมเสสได ้วิงวอนต่อพระผู ้เป็ นเจ ้าเกีย
่ วกับภาระหน ้าทีท
่ ต
ี่ ้องรับผิดชอบในการดูแลลูกหลานของอิ

219
สราเอลของเขา, พระผู ้เป็ นเจ ้าได ้นาการเจิมของพระวิญญาณบางสว่ นทีอ
่ ยูเ่ หนือโมเสสออกไป
โดยเจิมลงบน ผู ้อาวุโส 70 ท่านของลูกหลานของอิสราเอล ได ้กระทาเชน ่ นีเ้ พือ
่ ผู ้อาวุโส 70 ท่าน
สามารถทีจ
่ ะแบ่งปั นภาระหน ้าทีค ่ วามรับผิดชอบของโมเสส

Of these SEVENTY, there were some who chronicled the events that had taken place
during their journey for the forty years in the wilderness. Many of the writings of the
SEVENTY ELDERS were commingled with the writings of MOSES and when Ezra compiled
the OLD TESTAMENT these writings were included in the Scriptures of the last four books
of MOSES. The story of Balaam and Balak is a true story chronicled by one of the SEVENTY
ELDERS and was inserted by Ezra the Priest into the Book of Numbers many, many years
after the event had taken place.

ในบรรดา 70 คนนี้
มีบางคนผู ้ซงึ่ รายงานเหตุการณ์ตา่ งๆทีไ่ ด ้เกิดขึน ้ ชว่ งระหว่างการเดินทางของพวกเขาเป็ นเวลา 40
ปี ในถิน
่ ทุรกันดาร มีหลากหลายการบันทึกจากผู ้อาวุโส 70 คน
ได ้ผสมผสานกับการเขียนของโมเสสและเมือ ่ เอสราได ้รวบรวมพันธสญ ั ญาเดิม
การบันทึกเหล่านีไ ้ ด ้ถูกรวมอยูใ่ นพระคัมภีร ์ 4 เล่มสุดท ้ายของโมเสส เรือ ่ งของบาลาอัมเป็ นเรือ
่ งจริง
จากรายงานเหตุการณ์บันทึกประวัตศ ิ าสตร์ของ 1 ใน ผู ้อาวุโส 70 ท่าน
และได ้สอดแทรกรวบรวมเข ้าไป โดย ปุโรหิตเอสราอยูใ่ นหนั งสอ ื กันดารวิถ ี
เป็ นระยะเวลานานนับหลายๆปี ภายหลังจากเหตุการณ์ได ้เกิดขึน ้

Return to BaIaam and BaIak / กลับมายังเรือ


่ งราวของบาลาอัมและบาลาค

When the CHILDREN of ISRAEL came into the land of Moab, the Elders of Moab
were quite concerned that they might be overthrown and conquered by them. Rumors of
the wars that had taken place in the surrounding kingdoms of Moab with the Children of
ISRAEL, that had ultimately ended up with those Kingdoms being overthrown and
DESTROYED, posed a great threat now to the Moabite people.

เมือ
่ ลูกหลานของอิสราเอล เข ้ามาสูด ่ น
ิ แดนของโมอับ,
ผู ้อาวุโสของโมอับค่อนข ้างจะวิตกกังวลว่าพวกเขาอาจจะถูกโค่นล ้มและถูกยึดอานาจโดยชาวอิสรา
เอล ข่าวลือของสงครามได ้เกิดขึน ้ ทั่วไปทัง้ ราชอาณาจักรของโมอับกับลูกหลานของอิสราเอล
ในทีส ่ ด
ุ บรรดาราชอาณาจักรเหล่านัน ิ้ สุดลงโดยถูกโค่นล ้มและทาลาย
้ ได ้สน
ทิง้ ความหวาดกลัวขณะนั น ้ ต่อประชากรโมอับ

The King of Moab, King Balak, knew with GOD fighting for the CHILDREN of ISRAEL,
any nation or people who would go out to war against them would be utterly destroyed. It
was rummored throughout the land that complete civilizations were completely wiped out
by GOD rather quickly, and the people of Moab were concerned now that the Children of
ISRAEL had showed up on their land!

220
กษั ตริยข
์ องโมอับ,พระราชาบาลาค, รู ้จักเรือ
่ งราวของพระเจ ้า นั น ้ อ
้ ได ้ทาการต่อสูเพื ่ ลูก
หลานของอิสราเอล,
ชนชาติใดๆหรือผู ้คนผู ้ซงึ่ ได ้ออกไปเพือ ่ สงครามต่อต ้านพวกเขาจะถูกทาลายล ้างอย่างสน ิ้ เชงิ
นีเ้ ป็ นข่าวลือทั่วไปทัง้ ดินแดนทีม
่ อ
ี ารยธรรมสมบูรณ์นัน ้
ได ้ถูกกวาดล ้างอย่างราบคราบโดยพระเจ ้าอย่างรวดเร็ว,
และในขณะนีป ้ ระชากรของโมอับได ้เป็ นกังวล
ว่าลูกหลานของอิสราเอลได ้ปรากฏตัวบนดินแดนของพวกเขา !

After the one and one-half million HEBREWS showed up on the doorstep of Moab
(who incidentally, was a direct descendant of ABRAHAM'S nephew, Lot), the Elders
summoned Balak who was the King of Moab to go out and fight against them. Balak, being
aware GOD was fighting for the CHILDREN of ISRAEL sought out a certain Enchanter by the
name of Balaam, in hope Balaam would put some sort of curse against the Children of
ISRAEL, so he might defeat them in battle.

หลังจากคนฮบ ี รู จานวนหนึง่ ล ้านและห ้าแสนคน ได ้ปรากฏตัวอยูห ่ น ้าบันไดประตูของคน


โมอับ (ผู ้ซงึ่ โดยมิได ้คาดหมาย, เป็ นลูกหลานโดยตรงของโลทหลานชายของอับราฮัม)
ผู ้อาวุโสได ้เชญิ ตัวบาลาคผู ้ซงึ่ เป็ นกษั ตริยข
์ องโมอับให ้ออกไปและต่อสูต่้ อต ้านพวกเขา
บาลาคได ้ตระหนักถึงพระเจ ้าได ้ต่อสูเพื ้ อ่ ลูกหลานของอิสราเอล จึงได ้ไปแสวงหาผู ้ทาไสยศาสตร์
มีชอ ื่ ว่าบาลาอัม, ด ้วยความหวังให ้บาลาอัม สง่ คาแชง่ สาปต่อต ้านลูกหลานของอิสราเอล,
ดังนัน ้ เขาอาจจะรบชนะพวกเขาในสงคราม

Balaam, although not having a personal relationship with GOD most certainly did
believe in HIM, and knew that he must first seek GOD'S approval on the matter prior to him
placing any curse against ISRAEL. Most of Balaam's supernatural abilities came by way of
the devil, because Balaam was an Enchanter and not a Seer (a Prophet).

แม ้ว่าบาลาอัม, ไม่มส ั พันธภาพสว่ นตัวกับพระเจ ้า แต่มค


ี ม ี วามเชอ ื่ ในพระองค์อย่างแน่นอน
และเริม่ แรกเขารับรู ้ว่า เขาต ้องแสวงหาการอนุญาตจากพระเจ ้าในกรณีของเหตุการณ์นี้
ก่อนสง่ คาแชง่ สาปใดๆต่อต ้านอิสราเอล
ความสามารถของบาลาอัมในสว่ นใหญ่มาจากวิธก ี ารของมารซาตาน,
เพราะว่าบาลาอัมเป็ นผู ้ทาไสยศาสตร์ และไม่ใชผ ่ ู ้มองเห็นอนาคต (ผู ้พยากรณ์)

In chapter 22, verse 20, you will see where it indicates that GOD tells Balaam to go
to Balak who had summoned him. However, Balaam was being told that he should go to see
Balak by the Devil and not being told this by GOD. This is why when Balaam went on his
way to see Balak, GOD sent out an ANGEL to stop him (NOTE 24 )

ในบทที่ 22:20,
ท่านจะเห็นสงิ่ ทีช ี้ อกว่าพระเจ ้าตรัสบอกบาลาอัมเพือ
่ บ ่ ไปยังบาลาคผู ้ซงึ่ ได ้เชญ
ิ ตัวเขา
แต่อย่างไรก็ตาม

221
บาลาอัมได ้ถูกบอกโดยมารซาตานว่าเขาควรจะไปพบกับบาลาคและคาพูดนีไ ้ ม่ใชเ่ ป็ นการบอกโดย
พระเจ ้า นีค่ อ
ื เหตุผลว่าทาไมเมือ
่ บาลาอัมเดินทางไป ในระหว่างทางของเขาเพือ
่ พบบาลาค,
พระเจ ้าสง่ ออกไปทูตสวรรค์เพือ ่ หยุดหยัง้ เขา. (หมายเหตุ 24)

NOTE 24 : This scenario happens several times throughout the HOLY BIBLE where the
Scriptures seem to indicate that GOD has given a direction to someone, and they somehow
get themselves in trouble for doing what GOD has said to do! However, the direction is
actually being given to those individuals by the Devil, which is mimicking GOD!

หมายเหตุ 24: แผนการนีเ้ กิดขึน ้ หลายครัง้ ตลอดทั่วไปทัง้ หมดในพระคัมภีรไ์ บเบิล ้


ทีซ่ งึ่ ข ้อความในพระคัมภีรด ์ เู หมือนทาให ้รู ้ว่าพระเจ ้าได ้ให ้ทิศทางสาหรับบางคน,
และด ้วยเหตุใดไม่ทราบพวกเขาได ้นาตัวพวกเขาเองเข ้าสูป ่ ั ญหาสาหรับการกระทาในสงิ่ ทีพ
่ ระเจ ้าไ
ด ้ตรัสเพือ ่ ให ้กระทาตาม ! แม ้ว่า,
ทิศทางความเป็ นจริงทีม ่ อบให ้แก่ตัวบุคคลเหล่านัน ้ มาจากมารซาตาน,
ซงึ่ เป็ นการลอกเลียนแบบพระเจ ้า!

Afterwards that person who receives and follows these false instructions then
receives some form of punishment by GOD for doing so. GOD WILL ALWAYS CONFIRM HIS
DIRECTIONS AT LEAST ONCE, AFTER HE HAS GIVEN THEM! AND ONE SHOULD ALWAYS
ASK GOD TO GIVE CONFIRMATION, WHEN THEY FEEL THEY ARE BEING DIRECTED TO DO
SOMETHING IN THE NAME OF GOD! Only the TRUTH can be CONFIRMED,

ภายหลังบุคคลนัน ้ ผู ้ซงึ่ ได ้รับและติดตามคาแนะนาเทียมเท็จ(จากซาตาน)เหล่านี้


ได ้รับบางสว่ นในรูปแบบของการลงโทษโดยพระเจ ้า สาหรับการกระทาเชน ่ นั น

พระเจ ้าจะยืนยันทิศทางของพระองค์เสมออย่างน ้อยทีส ่ ด
ุ ครัง้ หนึง่ , หลังจากพระองค์ได ้ให ้พวกเขา!
และคนๆหนึง่ ควรจะถามพระเจ ้าเสมอในการให ้การยืนยัน(เป็ นเรือ ่ งสาคัญมากๆ) เมือ ึ ว่า
่ พวกเขารู ้สก
พวกเขาถูกนาให ้กระทาบางสงิ่ บางอย่างในพระนามของพระเจ ้า!
มีเพียงความจริงเท่านัน้ ทีจ
่ ะสามารถยืนยันได ้,

so there for The Devil by deception cannot confirm anything because a lie cannot be
confirmed! ดังนัน้ สาหรับมารซาตานในรูปแบบของการหลอกลวง
ไม่สามารถยืนยันทุกสงิ่ ทุกอย่างเพราะว่า คาพูดโกหกไม่สามารถถูกยืนยันได ้ !

***

When Balaam finally gets to Balak, Balak then asks Balaam to place a curse against
the CHILDREN of ISRAEL so he may defeat them in war. Balaam then tells King Balak that
he must first confront GOD on the matter. GOD then tells Balaam that the CHILDREN of
ISRAEL are to be BLESSED and should not be cursed. Balak then refusing to accept GOD'S
BLESSING of ISRAEL rather than allowing him to curse ISRAEL has Balaam make an
offering to GOD three times in hope of changing GOD'S MIND. Each time this offering is
made to GOD, Balaam has Balak make SEVEN ALTARS and on each ALTAR make a

222
ในทีส ่ ด
ุ เมือ
่ บาลาอัมเดินทางไปถึงบาลาค, บาลาคจึงถามให ้
บาลาอัมสง่ คาแชง่ สาปต่อลูกหลานของอิสราเอล, เพือ ่ ทีเ่ ขาอาจจะทาลายพวกอิสราเอลในสงคราม
บาลาอัมจึงบอกกษั ตริยบ ์ าลาคว่า ในเหตุการณ์นเี้ ขาต ้องเผชญ ิ หน ้ากับพระเจ ้าก่อน
พระเจ ้าจึงตรัสบอกบาลาอัมว่าลูกหลานของอิสราเอลควรจะ
ต ้องได ้รับการอวยพรและไม่ควรจะถูกแชง่ สาป แต่บาลาคปฏิเสธทีจ ่ ะกระทาตามใน
การอวยพรต่ออิสราเอลของพระเจ ้า, แทนทีด ่ ้วยอนุญาติให ้ตัวเขานั น ้ แชง่ สาปอิสราเอล
บาลาอัมได ้ถวายบูชาต่อพระเจ ้า 3 ครัง้ ในความหวังทีจ ่ ะเปลีย ่ นแปลงความคิดของพระเจ ้า
แต่ละครัง้ ทีเ่ สนอเครือ ่ งถวายบูชาต่อพระเจ ้า, มี 7 แท่นบูชา ทีบ ่ าลาคทาให ้
บาลาอัมและในแต่ละแท่นบูชาทาขึน ้

burnt offering of SEVEN bullocks and SEVEN rams, one of each on every ALTAR. All
three attempts are futile attempts to try and change GOD'S MIND, with Balaam after each
and every offering continuing to BLESS the CHILDREN of ISRAEL rather than cursing them.
King Balak then in frustration sends Balaam off and the war between Moab and The
Children of ISRAEL is aborted.note25

เผาเครือ
่ งถวายบูชาของวัวตัวผู ้ 7 ตัวและแกะตัวผู ้ 7 ตัว, ในแต่ละหนึง่ และทุกๆแท่นบูชา
ความพยายามทัง้ 3
ด ้วยกันกับบาลาอัมในการถวายบูชาเพือ ่ ทีจ่ ะปลีย่ นความคิดของพระเจ ้านัน้ ไร ้ผล
หลังจากแต่ละและทุกการถวายบูชาเพือ ่ อวยพรลูกหลานของอิสราเอลได ้ดาเนินต่อไป
แทนทีจ ่ ะคาแชง่ สาปต่อพวกเขา จากนัน ้ กษั ตริยบ์ าลาคได ้เกิดความท ้อแท ้ใจ
สง่ บาลาอัมออกไปและสงครามระหว่างโมอับและลูกหลานของอิสราเอลได ้หยุดลง (หมายเหตุ25)

NOTE 25: The offering made by Balaam of the SEVEN bullocks and the SEVEN rams is yet
another MARKER of the prophecy of the coming of JESUS CHRIST. As previously discussed,
the WORD "CHRIST" has the alphanumeric sum of the NUMBER "77". Each time this
offering was made by Balaam a blessing was given to the CHILDREN of ISRAEL. The
BLESSING was given THREE times, thus in THE NAME OF THE FATHER, and IN THE NAME
OF THE SON, and in THE NAME OF THE HOLY SPIRIT. The BLESSING given to The Children
of ISRAEL is the FINAL SACRIFICE, and HIS NAME is JESUS CHRIST!

หมายเหตุ 25 : การถวายบูชาทีก ่ ระทาโดยบาลาอัมด ้วย วัวตัวผู ้ 7 ตัว และ แกะตัวผู ้ 7ตัว


เป็ นเครือ
่ งหมายอีกอันหนึง่ ของการพยากรณ์ ของการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
อย่างทีก่ ล่าวไว ้ก่อนหน ้านี้, คาว่า “พระคริสต์ CHRIST” มีตัวอักษรภาษาอังกฤษและผลรวมของ
ตัวเลขเป็ น “77” แต่ละครัง้ ของการถวายบูชาทีถ ่ ก
ู ทาขึน
้ โดยบาลาอัม
เป็ นการอวยพรให ้แก่ลก ู หลานของอิสราเอล การอวยพรได ้มอบให ้ 3 ครัง้
ด ้วยเหตุนใี้ นพระนามของพระบิดา, และในพระนามของพระบุตร,
และในพระนามของพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
การอวยพรได ้ให ้แก่ลก ู หลานของอิสราเอลเป็ นการถวายเครือ ่ งบูชาสุดท ้าย
และในพระนามของพระองค์คอ ื พระเยซูคริสต์ !

223
***

The Balance of Numbers / สงิ่ ทีค ื กันดารวิถ ี


่ งเหลือของหนั งสอ

The CHILDREN of ISRAEL being in the area of MOAB start to intermingle with the
Midianite people who worship a false god they have named Ba' -al. This causes many of the
Children of ISRAEL to fall away from THE LORD, causing GOD to bring a plague upon them,
causing twenty-four thousand of them to die!

ลูกหลานของอิสราเอล อาศย ั อยูใ่ นบริเวณพืน


้ ทีข
่ องคนโมอับ
เริม่ ต ้นทีจ ่ ะผสมปะปนเข ้าด ้วยกันกับประชากรชาวมีเดียนผู ้ซงึ่ นมัสการพระเจ ้าเทียมเท็จ
ซงึ่ พวกเขาตัง้ ชอ ื่ ว่า “พระบาอัล”
สาเหตุนล ี้ กู หลานของอิสราเอลจานวนมากทีไ่ ด ้ล ้มลงออกห่างจากพระผู ้เป็ นเจ ้า,
เป็ นสาเหตุให ้พระเจ ้านาภัยพิบัตม ิ าเหนือพวกเขา, ทาให ้ประชากรของพวกเขาได ้เสย ี ชวี ต
ิ 24,000
คน!

THE LORD has MOSES take another census of the men from ages twenty and
upward. Nearly forty years had past since the last census and GOD prepares them again for
war. THE LORD tells MOSES that he is nearing his time to die, and MOSES asks THE LORD
after he dies who would take charge over the CHILDREN of ISRAEL?

พระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ให ้โมเสสจัด ทาสามะโนประชากรอีกครัง้ จากผู ้ชายอายุ 20


ปี และยีส ิ ปี ขน
่ บ ึ้ ไป ตัง้ แต่สารวจนั บสามะโนประชากรครัง้ ล่าสุดเป็ นเวลายาวนานเกือบ 40
ปี ได ้ผ่านไป และพระเจ ้าจัดเตรียมพวกเขาอีกครัง้ สาหรับสงคราม
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสสอีกว่า ตัวเขากาลังใกล ้เวลาทีจ ่ ะตาย,
และโมเสสถามพระผู ้เป็ นเจ ้าหลังจากเขาเสย ี ชวี ต
ิ ผู ้ใดจะรับผิดชอบเหนือลูกหลานของอิสราเอล ?

THE LORD tells MOSES to take O'-she-a whom MOSES had renamed Joshua, and
bring him before the High Priest, and while in the presence of the entire congregation, lay
his hands upon Joshua and THE LORD would pass some of MOSES' anointing on to Joshua.
MOSES does as THE LORD had told him to do and GOD passes MOSES' anointing on to
Joshua. The Leadership was then transferred from MOSES to Joshua, who GOD HAD
CHOSEN to LEAD the CHILDREN of ISRAEL over the River Jordan and into the PROMISED
LAND.NOTE 26

พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโมเสสให ้เลือก“โอชเี อ” ผู ้ซงึ่ โมเสสได ้ให ้ชอ ื่ ใหม่ “โยชูวา”,
และนาเขามาอยูต ่ อ
่ หน ้าปุโรหิตระดับสูง, และในขณะอยูท ่ ก
ี่ ารเข ้าร่วมประชุมกลุม

ทีป
่ ฏิบัตต
ิ ามระเบียบต่างๆของพลับพลาทัง้ หมด,
ให ้วางมือของเขาเหนือโยชูวาและพระผู ้เป็ นเจ ้าจะผ่านการเจิมของโมเสสบางสว่ น ลงบนโยชูวา
โมเสสกระทาอย่างทีพ ่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ตรัสบอกเขาให ้กระทาและพระเจ ้าผ่านการเจิมของโมเสสลงบ
น โยชูวาโดยความเป็ นผู ้นาได ้สง่ ต่อจากโมเสสไปยังโยชูวา, ผู ้ซงึ่ พระเจ ้าได ้ทรงเลือก

224
เพือ ั ญา
่ นาลูกหลานของอิสราเอล ข ้ามผ่านแม่น้ าจอร์แดนและเข ้าไปในดินแดนแห่งพันธสญ
(หมายเหตุ26)

NOTE 26 : Because MOSES was the Iiving host to THE HOLY SPIRIT, and the THIRD
DELIVERER, all of his anointing could not be passed along to another. Only some of MOSES'
anointing could be passed along to Joshua as the Scriptures indicate. THE LORD had
previously taken some of THE HOLY SPIRIT from MOSES and passed it along to the
SEVENTY ELDERS, and now HE was passing some along to Joshua.

No one other than MOSES could RECEIVE ALL of HIS ANOINTING. When MOSES
died in the flesh, both HE and THE HOLY SPIRIT ASCENDED TO HEAVEN BEING AS ONE.
With the 120 year TERM in the FLESH being fulfilled by THE HOLY SPIRIT with MOSES,
THE HOLY SPIRIT AFTERWARD COULD ONLY BE WITH MAN ON A PERIODIC BASIS. HE
WILL NOT DWELL WITH MAN AGAIN PERMANENTLY, UNTIL THE COMING OF JESUS
CHRIST, BEING BORN AS HIS SON and SAVIOR for the world!

หมายเหตุ 26: เพราะว่าโมเสสได ้เป็ นผู ้ทีม ่ ช ี วี ต


ิ ของพระวิญญาณบริสท ุ ธิส
์ วมทับอยู,่ และเป็ น
ผู ้ชว่ ยให ้รอดคนที่ 3, ทัง้ หมดของการเจิมของเขาไม่สามารถผ่านไปยังผู ้อืน ่ อีก มีเพียงบางสว่ นของ
การเจิมของโมเสสทีส ่ ามารถผ่านไปยังโยชูวา เหมือนข ้อความในพระคัมภีรท์ ก
ี่ ล่าวไว ้ก่อนหน ้านี้
พระผู ้เป็ นเจ ้าได ้นาการเจิมบางสว่ นของพระวิญญาณบริสท ุ ธิจ
์ ากโมเสสและผ่านลงไปยังผู ้อาวุโส
70 คน, และตอนนีพ ้ ระองค์ได ้ผ่านการเจิมบางสว่ นไปยังโยชูวา

ไม่มใี ครอืน
่ นอกจากโมเสสทีส ่ ามารถได ้รับการเจิมทัง้ หมดของพระองค์
เมือ่ โมเสสตายในฝ่ ายเนือ ้ หนัง,
ทัง้ โมเสสและพระวิญญาณบริสท ุ ธิไ์ ด ้ลอยขึน
้ ไปยังสวรรค์เสมือนเป็ นเหนึง่ เดียวกันด ้วยถึง
เวลาทีก ่ าหนด 120 ปี ของพระวิญญาณบริสท ุ ธิก
์ ับโมเสส ทีจ ่ ะอยูใ่ นร่างกายเนือ้ หนังอย่างครบถ ้วน,
ต่อมาหลังจากนัน ้ พระวิญญาณบริสท ุ ธิ์ สามารถอยูก ่ ับมนุษย์เพียงชวั่ คราว
พระองค์จะไม่อาศัยอยูท ่ า่ มกลางกับมนุษย์อก ี ครัง้ อย่างถาวร,
จนกระทั่งการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์,
เป็ นการกาเนิดเสมือนเป็ นพระบุตรและพระผู ้ชว่ ยให ้รอดสาหรับโลกนี!้

***

Several years after the incident with Balaam and Balak, the CHILDREN of ISRAEL do
go into battle with the Midianites (Moab), and GOD instructs MOSES to kill them all.
However, the Children of ISRAEL do not follow MOSES' orders and spare the Midianite
women. MOSES warns them against taking the women, because of the religious order they
follow, for GOD would punish them if they did as the Midianites.NOTE27

หลายปี หลังจากเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน


้ กับบาลาอัมและบาลาค,
ลูกหลานของอิสราเอลได ้เข ้าไปในการต่อสูกั้ บคนมีเดียน (โมอับ),
ี้ นะโมเสสเพือ
และพระเจ ้าทรงชแ ่ ฆ่าพวกเขาทัง้ หมด แม ้ว่า,

225
ลูกหลานของอิสราเอลไม่ได ้ฟั งคาสงั่ ของโมเสส คงเหลือผู ้หญิงคนมีเดียนไว ้,
โมเสสได ้ตักเตือนพวกเขาทัง้ หลายต่อต ้านการนาเอาผู ้หญิงมา
เนือ่ งจากคาสงั่ สอนของศาสนาทีห่ ญิงเหล่านั น
้ ได ้ปฏิบัตต
ิ าม
เป็ นสาเหตุทาให ้พระเจ ้าจะลงโทษพวกเขาถ ้าพวกเขาปฏิบัตต ิ ามเหมือนคนมีเดียน (หมายเหตุ27)

NOTE 27 Balaam the Midianite high priest (who we had discussed a little earlier in this
Chapter) had taught these Midianite women how to worship false gods. MOSES knew that
these women would be a STUMBLING BLOCK to the Children of ISRAEL and would cause
them to SIN against GOD. So MOSES again WARNS them that if the Midianite women begin
causing the CHILDREN of Israel to sin by them following after the Midianite false gods, then
GOD would bring another PLAGUE upon ISRAEL.

หมายเหตุ 27: บาลาอัมเป็ นพระชน ั ้ สูงของชาวมีเดียน (ผู ้ซงึ่ เราได ้บอกรายละเอียด


ก่อนหน ้านีไ้ ปเล็กน ้อยในบทนี)้
ได ้สอนหญิงชาวมีเดียนเหล่านีถ ้ งึ วิธก
ี ารนมัสการไหว ้พระเทียมเท็จต่างๆ
โมเสสรู ้ว่าบรรดาหญิงเหล่านีจ ้ ะเป็ นอุปสรรคขัดขวางถ่วงความก ้าวหน ้าต่อลูกหลานของอิสราเอล
และจะเป็ นเหตุให ้พวกเขาถึงกับกระทาบาปต่อพระเจ ้า ดังนัน
้ โมเสสเตือนพวกเขาอีกครัง้ ว่า
ถ ้าหญิงชาวมีเดียนการเป็ นเหตุทาให ้ลูกหลานของอิสราเอลถึงกับกระทาบาป
โดยพวกหญิงเหล่านีต ้ ด
ิ ตามหลังจาก บรรดาพระเทียมเท็จของชาวมีเดียน,
จากนัน้ พระเจ ้าจะนาภัยพิบัตอ ิ นื่ ๆมาเหนือชนชาติอส ิ ราเอล

So MOSES commands that the CHILDREN of ISRAEL kill all the Midianite women who
are not virgins, but MOSES allowed those who were virgins to live and be kept by the men
who had captured them. However, both they and the virgin Midianite women had to go
through a SEVEN-DAY PURIFICATION process before they could come again into the
congregation of GOD. You will see as we get further into the HOLY BIBLE STORY, that these
Midianite women do indeed play a major role in ISRAEL'S downfall.

ดังนัน ้ โมเสสจึงได ้ออกคาสงั่ ต่อลูกหลานของอิสราเอลฆ่าบรรดาหญิงชาวมีเดียนทัง้ หมดผู ้ซงึ่ ไม่ใช ่


หญิงพรหมจารี,
แต่โมเสสอนุญาติให ้พวกเขาเหล่านัน ้ ผู ้ซงึ่ เป็ นหญิงพรหมจารีมช ี วี ต
ิ และถูกคุ ้มครองโดยบรรดาชาย
ผู ้ซงึ่ ได ้จับหญิงเหล่านัน
้ เป็ นเชลย แต่อย่างไรก็ตาม ทัง้ พวกเขาและบรรดาหญิงสาวพรหมจารีย ์
ชาวมีเดียนจะต ้องไปผ่านการชาระล ้างเพือ ่ บริสทุ ธิ์ 7 วัน
ตามพิธก ี ารก่อนทีพ
่ วกเขาสามารถจะเข ้ามาในกลุม ่ คนทีป
่ ฏิบัตต
ิ ามกฎระเบียบของพระเจ ้าอีกครัง้
ท่านจะเห็นได ้ว่าเมือ ่ พวกเราได ้ทาความเข ้าใจเพิม ่ มากขึน้ ในเนือ ้ หาของพระคัมภีรไ์ บเบิล้ ต่อจากนี,้
บรรดาหญิงชาวมีเดียนเหล่านีม ้ บ
ี ทบาททีส ่ าคัญ ซงึ่ นาความพินาศ หายนะมาสู่ อิสราเอล

Taking Possession of the LAND / การครอบครองดินแดน

226
After taking control of the land in the area of Gil’-e-ad and having it now in their
possession, the tribes of Reuben, Gad, and half of the tribe of Ma-nas' -seh ask MOSES if
they might keep the land for themselves? With these two and one-half tribes having a great
amount of cattle and sheep and the land of Gil’-e-ad providing good grazing for their
herds, MOSES agrees to let them have the land. However a condition would apply to this
agreement

หลังจากการควบคุมเหนือดินแดนในพืน ้ ทีข่ องกิเลอาดและบัดนีส ้ งิ่ ทีพ


่ วกเขาเป็ นเจ ้าของครอ
บครองของเผ่ารูเบน, กาด, และครึง่ หนึง่ ของเผ่าของมนั สเสห์ ถามโมเสสว่า
พวกเขาสามารถจะเก็บรักษาดินแดนนีไ ้ ว ้สาหรับพวกเขาเองไหม ? ด ้วยทัง้ สองเผ่านีแ
้ ละ
ั ว์เลีย
ครึง่ หนึง่ ของเผ่ามีฝงู สต ้ งและฝูงแกะจานวนมากและดินแดนของกิเลอาด
ได ้จัดเตรียมทุง่ หญ ้าอย่างดีสาหรับการเลีย ้ งฝูงสตั ว์ของพวกเขา,
โมเสสตกลงทีจ ่ ะอนุญาตพวกเขามีดน ิ แดน แต่มเี งือ ้
่ นไขจะประยุกต์ใชตามข ้อตกลงนี้

The condition set forth by MOSES was that the tribes could leave their flocks and
families on the Gil' -e-ad side of the Jordan, but all the men able to fight had to go over the
River Jordan to help the other tribes acquire their land. Then once the other tribes had
received their land, the tribes of Reuben, Gad and the half tribe of Ma-nas' -seh could
return to their families and herds in Gil' -e-ad. After hearing MOSES' condition, the tribes
agree with MOSES' terms, and promise to help the other tribes acquire their land across the
Jordan. THE LORD tells MOSES how to set the boundaries of the land once they had taken
possession of it, and what parcels would go to each of the tribes.

เงือ
่ นไขข ้อตกลงทีจ ่ ัดตัง้ ขึน
้ มาโดยโมเสส
เผ่าเหล่านั น ้ สามารถทิง้ ฝูงสต ั ว์และครอบครัวของพวกเขาทีก ่ เิ ลอาด ริมฝั่ งแม่น้ าจอร์แดน,
แต่ชายทัง้ หมดทีม ่ คี วามสามารถในการต่อสูจะต ้ ้องไปข ้ามไปเหนือแม่น้ าจอร์แดนเพือ ่ ชว่ ยเผ่าอืน ่ ๆเ
ข ้ายึดครอบครองดินแดนของพวกเขา จากนัน้ เมือ
่ เผ่าอืน ่ ๆได ้รับมอบดินแดนเป็ นของพวกเขา
เผ่าของรูเบน, กาดและ ครึง่ หนึง่ ของ
เผ่าของนมัสเสห์สามารถกลับไปยังครอบครัวและเลีย ้ งฝูงสตั ว์ของพวกเขาในกิเลอาด
หลังจากการได ้ยินเงือ ่ นไขของโมเสส, บรรดาเผ่าเหล่านัน ้ ก็ตกลงกับระยะเวลาทีก ่ าหนดของโมเสส,
และสญ ั ญาทีจ ่ ะชว่ ยเหลือ บรรดาเผ่าอืน ่ ๆเข ้าครอบครองดินแดนของพวกเขาข ้ามฝั่ งแม่น้ าจอร์แดน
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสแนะนาโมเสสถึงวิธก ี ารกาหนดขอบเขตดินแดนของพวกเขา
เมือ่ พวกเขาได ้เข ้ายึดครอบครองดินแดนเหล่านัน ้ , และแต่ละดินแดนเป็ นสว่ นแบ่งไปยังแต่ละเผ่า

The Misunderstanding of Forgiveness

การเข ้าใจผิดพลาดเกีย
่ วกับการให ้อภัย

Although this insertion does not necessarily pertain specifically to The Book of
NUMBERS, THE LORD has asked that I further explain what FORGIVENESS means. There is
a great misunderstanding about FORGIVENESS that exists in the CHRISTIAN Church today.

227
I hear FORGIVENESS being preached continually by various church leaders and the way
that it is being preached is WRONG!

ถึงแม ้ว่า การแทรกเรือ ่ งนีเ้ ข ้าไปนัน้ ไม่จาเป็ นกับเนือ ้ หาเฉพาะของหนั งสอื กันดารวิถ,ี
พระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ขอให ้ผมชว่ ยอธิบายเพิม ่ เติม่ เกีย
่ วกับ การให ้อภัยหมายความว่าอย่างไร
มีความเข ้าใจผิดอย่างมากเกีย ่ วกับการให ้อภัย ทีย
่ ังคงอยูใ่ นคริสตจักรของคริสเตียนทุกวันนี้
ผมได ้ยินการเทศนาเรือ ่ งการให ้อภัยอย่างต่อเนือ ่ งโดยผู ้นาคริสตจักรต่างๆและเป็ นการเทศนาสงั่ สอ
นทีผ
่ ด
ิ พลาด!

The Church will tell you that you must forgive someone of their wrongdoing
regardless of the circumstances, and whether or not those who have done the wrongdoing
ask for forgiveness or not. Let US set up a scenario and you will see how there are set
conditions for forgiveness and why this misunderstanding exists in the Church TODAY.

คริสตจักรจะบอกคุณว่าต ้องให ้อภัยบางคน สาหรับการกระทาผิดของพวกเขา


ไม่วา่ ในกรณีใดๆก็ตามของความประพฤติ
และอันใดอันหนึง่ หรือไม่วา่ บรรดาคนเหล่านั น ้ ผู ้ซงึ่ ได ้กระทาผิด
มาขอร ้องเพือ ่ การให ้อภัยหรือไม่ได ้ร ้องขอก็ตาม
ให ้เราจัดตัง้ เรือ
่ งราวในกรณีตา่ งๆและคุณจะเห็นเงือ ่ นไขสาหรับการให ้อภัยว่าเป็ นอย่างไร
และทาไมการเข ้าใจผิดเรือ ่ งนี้ ยังคงมีอยูใ่ นคริสตจักรจนถึงทุกวันนี้

Let us take the terrorist acts that took place on September 11 th 2001, the intentional
killing of innocent people. Should you forgive these people that took part in this act? The
answer is YES! However, there are CERTAIN requirements that MUST be met for one to
RECEIVE FORGIVENESS.

ให ้เรายกตัวอย่าง การกระทาผู ้ก่อการร ้ายทีเ่ กิดขึน


้ ณวันที่ 11 กันยายน 2001,
การฆ่าซงึ่ มีเจตนาต่อผู ้คนทีบ
่ ริสท
ุ ธิ์ คุณควรจะให ้อภัยผู ้คนเหล่านีท
้ ม ี ว่ นร่วมในการกระทานีห
ี่ ส ้ รือไม่
? ถ ้าคาตอบคือ ใช ่ ! แต่อย่างไรก็ตามมีความประสงค์อย่างแน่นอนทีจ ่ ะพบได ้สาหรับคนๆหนึง่ เพือ

ได ้รับการให ้อภัย

JESUS CHRIST told PETER when PETER had asked JESUS, how many times should
he forgive someone that had sinned against him, seven times? JESUS' reply to PETER was
SEVEN times SEVENTY times. JESUS also told HIS Disciples that they should always
FORGIVE because their HEAVENLY FATHER FORGIVES. However, one must UNDERSTAND
the CONDITIONS that GOD has set forth for FORGIVENESS. These are the same
CONDITIONS that GOD has placed upon YOU for HIS FORGIVENESS.

พระเยซูคริสต์บอกเปโตร เมือ ่ เปโตรได ้ถามพระเยซู,


กีค
่ รัง้ เขาควรจะให ้อภัยบางคนทีไ่ ด ้ทาบาปต่อเขา, 7 ครัง้ หรือเท่าไร ?
คาตอบของพระเยซูตอ ่ เปโตรคือ 7 คูณ 70 ครัง้
พระเยซูยังตรัสบอกสาวกของพระองค์วา่ พวกเขาควรจะให ้อภัยเสมอ

228
เพราะว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงให ้อภัย พวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม คนหนึง่ ต ้องเข ้าใจเงือ ่ นไข
ทีพ
่ ระเจ ้ากาหนดไว ้นั บจากจุดเริม ่ ต ้นสาหรับการให ้อภัย
เหล่านีเ้ ป็ นเงือ
่ นไขเดียวกันทีพ
่ ระเจ ้าได ้ทรงวางอยูเ่ หนือคุณสาหรับการให ้อภัยของพระองค์

You have been given previously in this BOOK a set of NINE RULES that apply to this
WORLD. I am now going to list them again and you should memorize them, for they will
help you to UNDERSTAND GOD'S LAWS.

ก่อนหน ้านีค ้ ณ ื เล่มนีก


ุ ได ้รับข ้อมูลในหนั งสอ ้ ฏธรรมดา 9 ่ ะประยุกต์ใชต่้ อโลก
อย่างทีจ
้ มกาลังย ้อนกลับไปทบทวนอีกครัง้ และคุณควรจะจดจาสงิ่ เหล่านี,้
ตอนนีผ
เพราะสงิ่ เหล่านีจ
้ ะชว่ ยคุณ เข ้าใจกฎระเบียบของพระเจ ้า

In this world, YOU CANNOT HAVE : ในโลกนี,้ ท่านไม่สามารถมี :

1. LIGHT without darkness ความสว่างโดยปราศจากความมืด

2. GOOD without evil ความดีงามโดยปราศจากความชวั่ ร ้าย

3. LOVE without hatred ความรักโดยปราศจากความเกลียดชงั

4. BETTER without worse สงิ่ ทีด ี ว่าโดยปราศจากสงิ่ ทีเ่ ลวลง


่ ก

5. GOODWILL without mischief ความหวังดีโดยปราศจากการรบกวน

6. MERCY without punishment ความเมตตาโดยปราศจากการลงโทษ

7. FAITH without doubt ื่ โดยปราศจากความสงสย


ความเชอ ั

8. FORGIVENESS without REPENTANCE การให ้อภัยโดยปราศจากการกลับใจจากบาป

9. DELIVERANCE without SAVING GRACE การชว่ ยให ้รอดโดยปราศจากพระคุณความเมตตา

As you can see by the RULE number 8, you CANNOT FORGIVE anyone who does
not REPENT and ask for FORGIVENESS. Anyone who sins against you must be in agreement
they have sinned against you, for you to forgive them. IF ONE DOES NOT REPENT, HE
CANNOT BE FORGIVEN, for he believes he has not done anything wrong.

ขณะทีค ่ ณ
ุ สามารถเห็น โดยกฏธรรมดา ข ้อ 8,
คุณไม่สามารถให ้อภัยใครก็ตามผู ้ซงึ่ ไม่กลับใจและโดยการมาขอร ้องในเรือ ่ งการให ้อภัย
ใครก็ตามผู ้ซงึ่ ทาบาปต่อต ้านคุณ จะต ้องอยูใ่ นเงือ
่ นไขข ้อตกลงทีพ
่ วกเขาได ้ทาบาปต่อต ้านคุณ
เพือ
่ ทีค
่ ณ
ุ จะให ้อภัยพวกเขา ถ ้าคนๆหนึง่ ไม่กลับใจ, เขาไม่สามารถจะได ้รับการให ้อภัย
เพราะเขาเชอ ื่ ว่าเขาไม่ได ้กระทาผิดสงิ่ ใดๆก็ตาม

229
The same CONDITIONS APPLY that apply to YOUR FORGIVENESS BY GOD. THE
RULES ARE ALWAYS THE SAME! GOD WILL ONLY FORGIVE YOU AFTER YOU HAVE
REPENTED of YOUR SINS TO HIM, AND YOU SHALL DO THE SAME!

เงือ่ นไขเดียวกันประยุกต์ใช ้ เมือ


่ มีการขอร ้องต่อพระเจ ้าเพือ
่ การให ้อภัยแก่คณ

ระเบียบนีเ้ ป็ นสงิ่ เดียวกันเสมอ!
พระเจ ้าจะให ้อภัยคุณหลังจากคุณได ้กลับใจจากความบาปของคุณต่อพระองค์เท่านัน ้ ,
และคุณก็จะทาเชน ่ เดียวกัน!

So in answer to the scenario of the forgiving of those involved in the terrorist acts
that occurred on September 11 th 2001, the answer is this: They can only be forgiven after
they have REPENTED and have asked for forgiveness for their wrongdoing. If they choose
not to repent, they SHALL NOT be forgiven!

ดังนัน
้ ในคาตอบไปยังขบวนการ
ของการให ้อภัยของบรรดาผู ้ทีเ่ กีย
่ วข ้องเหล่านัน
้ ในการกระทาก่อการร ้ายทีเ่ กิดขึน
้ ในวันที่ 11
กันยายน 2001, คาตอบนีค ้ อ
ื : พวกเขาสามารถได ้รับการให ้อภัย
หลังจากพวกเขาได ้กลับใจและได ้ร ้องขอการให ้อภัยสาหรับการกระทาผิดของพวกเขา
ถ ้าพวกเขาไม่เลือกทีจ
่ ะกลับใจ, พวกเขาจะไม่รับการให ้อภัย!

Luke 17:3 TAKE HEED TO YOURSELVES: IF THY BROTHER TRESPASS AGAINST THEE,
REBUKE HIM; AND IF HE REPENT, FORGIVE HIM.

ลูกา 17:3 จงระวังตัวให ้ดี ถ ้าพีน


่ ้องทาการละเมิดต่อท่าน จงเตือนเขาและถ ้าเขากลับใจแล ้ว
จงยกโทษให ้เขา

Luke 17:4 AND IF HE TRESPASS AGAINST THEE SEVEN TIMES IN A DAY, AND SEVEN
TIMES IN A DAY TURN AGAIN TO THEE, SAYING, I REPENT; THOU SHALT FORGIVE HIM.

ลูกา 17:4 แม ้เขาจะทาการละเมิดต่อท่านวันหนึง่ เจ็ดหน


และจะกลับมาหาท่านทัง้ เจ็ดหนในวันเดียวนัน
้ แล ้วว่า ‘ฉั นกลับใจแล ้ว’ จงยกโทษใหเขา

However, there is ONE CONDITION of SIN that will not be FORGIVEN, regardless of
REMISSION and REPENTANCE of that SIN. This is a SIN against THE HOLY SPIRIT of GOD!
Any SINS committed against HIM will result in ETERNAL DAMNATION, for HE WILL NOT
FORGIVE!

แต่อย่างไรก็ตาม มีหนึง่ เงือ


่ นไขของบาปทีจ
่ ะไม่สามารถได ้รับการยกโทษ,
โดยไม่คานึงถึงการให ้อภัยและการสานึกผิดของบาปนัน ้
นีค
่ อื บาปต่อต ้านพระวิญญาณบริสท ุ ธิข
์ องพระเจ ้า! บาปใดๆ
ทีก่ ระทาต่อพระองค์จะบังเกิดผลเป็ นการแชง่ สาปชวั่ กับชวั่ กัลป์ , เพราะ
องค์พระวิญญาณบริสท ุ ธิ(์ พระองค์เอง)จะไม่ให ้อภัยบาป!

230
However, if you are TRULY SAVED (and there are many who think they are, but are
NOT!), you cannot commit this type of SIN for having been BAPTIZED and REBORN in THE
HOLY SPIRIT, HE cannot SIN against HIMSELF! A SIN against THE HOLY SPIRIT is a denial
of GOD and THE HOLY SPIRIT will certainly not deny HIMSELF! BEING REBORN IN THE
SPIRIT MAKES YOU THE ONLY BEGOTTEN OF THE FATHER, THE SON of GOD, THEREFOR
YOU ARE FOUND SINLESS!

แต่อย่างไรก็ตาม ถ ้าคุณเป็ นผู ้ที่ ได ้รับความรอดอย่างแท ้จริง


(และมีหลายคนซงึ่ คิดว่าพวกเขาเป็ นผู ้ทีไ่ ด ้รับความรอด, แต่พวกเขาไม่ใชเ่ ป็ นผู ้ทีไ่ ด ้รับความรอด),
คุณไม่สามารถกระทาบาป ในรูปแบบนี้ ถ ้าได ้รับบัพติสมาและการเกิดใหม่ในพระวิญญาณบริสท ุ ธิ,์
พระองค์ไม่สามารถกระทาบาปต่อต ้านพระองค์เอง!
บาปต่อต ้านพระวิญญาณบริสท ุ ธิค์ อื การปฏิเสธพระเจ ้าและพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
ไม่ปฏิเสธพระองค์เองอย่างแน่นอน! การเกิดใหม่จากพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
ในฝ่ ายวิญญาณท่านถูกให ้กาเนิดโดยพระบิดา(บนสวรรค์)เพียงผู ้เดียว,
มีฐานะเป็ นพระบุตรของพระเจ ้า, ด ้วยเหตุนจ ี้ ะพบว่าคุณไม่มค ี วามบาป!

6.9 Deuteronomy / พระราชบัญญัต ิ (เฉลยธรรมบัญญัต)ิ

The fifth Book of Moses called Deuteronomy, meaning: The Refreshing of the LAW,
or the 2nd giving of the Law, takes place on the Bank of the River Jordan just prior to the
CHILDREN of ISRAEL'S crossing over it. At this time GOD tells MOSES that he shall not cross
over the river with them into the PROMISED LAND.

ื เล่มที่ 5 ของโมเสสเรียกว่า “พระราชบัญญัต ิ (เฉลยธรรมบัญญัต)ิ ”, ความหมาย:


หนังสอ
เป็ นการกระตุ ้นในความจา(เป็ นความสดชน ื่ สดใหม่)ของกฎเกณฑ์, หรือเป็ นการให ้กฎเกณฑ์ครัง้ ที่
2, เกิดขึน ้ บนชายฝั่ งของแม่น้ าจอร์แดน
ก่อนทีล ่ ก
ู หลานของอิสราเอลจะข ้ามไปอีกฝั่ งหนึง่ ของแม่น้ า
เวลานีพ้ ระเจ ้าตรัสบอกโมเสสว่าเขาจะไม่ได ้ข ้ามไปยังแม่น้ ากับพวกเขาเหล่านัน

เข ้าไปในตินแดนพันธสญ ั ญา

Once MOSES hears this he feels it is necessary to remind the Children of ISRAEL of
all their past experiences and the need to reiterate the LAW to them. Of all the generation
that was DELIVERED out of the Land of Egypt that was over the age of nineteen, only
MOSES, Joshua, and Caleb, remain alive. After the forty years of the Children of ISRAEL
wandering in the wilderness for not TRUSTING or LISTENING to THE LORD, MOSES wants
to make sure that the Children of ISRAEL do not make the same mistakes over again that
caused them to fall away from GOD.

ครัน ่ โมเสสได ้ยินสงิ่ นีเ้ ขารู ้สก


้ เมือ ึ ว่าเป็ นสงิ่ จาเป็ นทีจ
่ ะต ้องเตือนความทรงจาของลูกหลานของอิสรา
เอล ถึงประสบการณ์อดีตของพวกเขาทัง้ หมดและจาเป็ นต ้องกล่าวกฏเกณฑ์ซ้าต่อพวกเขา

231
จากชวั่ อายุคนทัง้ หมดทีถ ู ชว่ ยให ้รอดปลดปล่อยออกจากดินแดนของอียป
่ ก ิ ต์ ทีม
่ อ
ี ายุเกิน 19 ปี ,
นัน้ มีเพียงโมเสส, โยชูวา, และคาเลบ, เท่านัน ้ ทีย่ ังคงมีชวี ต
ิ อยู่ หลังจาก 40
ปี ของลูกหลานของอิสราเอลทีไ่ ด ้เร่รอ ่ นไปในถิน ่ ทุรกันดาร
เพราะการไม่เชอ ื่ วางใจหรือเชอ ื่ ฟั งต่อพระผู ้เป็ นเจ ้า, โมเสสต ้องการมั่นใจว่าลูกหลานของอิสราเอล
จะไม่กระทาความผิดพลาดอย่างเดียวกันซ้าอีกครัง้ ซงึ่ เป็ นสาเหตุทาให ้พวกเขาล ้มลงออกไปจากพร
ะเจ ้า

MOSES explains to them how he by the DIRECTION of GOD has established the
foundation of their Leadership and established the LAWS for their future Judges to follow.
MOSES also explains to them how their Leaders and Judges have been instructed on how to
enforce and Judge in accordance to the LAWS of GOD.

โดยคาแนะนาของพระเจ ้าโมเสสอธิบายต่อพวกเขาว่า
เขาได ้จัดตัง้ รากฐานของความเป็ นผู ้นาของพวกเขาและสถาปนาจัดตัง้ กฏเกณฑ์สาหรับการพิพากษ
าในอนาคตของพวกเขา เพือ ่ การปฏิบัตต
ิ าม
โมเสสยังอธิบายต่อพวกเขาถึงการเป็ นผู ้นาของพวกเขาและได ้ชนี้ าการพิพากษาว่า
ต ้องบังคับให ้ปฏิบัตต
ิ ามอย่างไร และพิพากษาอยูใ่ นความสอดคล ้องต่อ กฏเกณฑ์ของพระเจ ้า

He also refreshes their memories as to what the results had been along the way
when the CHILDREN of ISRAEL went astray from GOD'S DIRECTION. MOSES also reminds
them of how the first Generation of the CHILDREN of ISRAEL were denied access to the
PROMISED LAND and had all died in the wilderness for their refusing to OBEY and TRUST
in GOD.

เขายังกระตุ ้นความทรงจาของพวกเขาเพือ ่ ทีจ


่ ะเห็นถึงผลตามมาเมือ ่ ลูกหลานของอิสราเอล
ไม่สต ั ย์ซอ
ื่ หลงทางไปจากทิศทางของพระเจ ้า โมเสสยังเตือนความจาพวกเขา
ถึงชวั่ อายุคนรุน่ แรกของลูกหลานของอิสราเอลทีถ ่ กู ปฏิเสธไม่มส ิ ธิทจ
ี ท ี่ ะเข ้าถึงยังดินแดนแห่งพันธ
สญั ญาและได ้เสย ี ชวี ต
ิ ทัง้ หมดในถิน
่ ทุรกันดารสาหรับการปฏิเสธทีจ ่ ะเชอ ื่ ฟั งและวางใจในพระเจ ้าขอ
งพวกเขา

MOSES WARNS the Children of ISRAEL to beware of the false gods that the people in
the land of Canaan worship and that if they were to worship the same gods that the
Canaanite does, GOD would put a curse upon all the people. MOSES further WARNS them
not to make for themselves any type of graven images of any sorts, nor worship any types
of astrological things such as the sun, the moon, or the stars.

โมเสสยังคงตักเตือนลูกหลานของอิสราเอลทีจ ่ ะระมัดระวังพระเทียมเท็จต่างๆซงึ่ ผู ้คนในดินแดนคา


นาอันได ้นมัสการและถ ้าสงิ่ นั น
้ จะทาให ้พวกเขาออกห่างไปนมัสการพระเจ ้าเทียมเท็จเชน ่ เดียวกันกั
่ นคานาไนท์ได ้กระทา, พระเจ ้าจะวางคาแชง่ สาปเหนือผู ้คนเหล่านัน
บทีค ้ ทัง้ หมด

232
โมเสสเตือนพวกเขาเพิม ่ ะไม่ทารูปเคารพแกะสลักในรูปแบบลักษณะจากสงิ่ ใดๆสาหรับตัวพว
่ เติมทีจ
กเขาเอง, ไม่วา่ จะเป็ นการนมัสการในรูปแบบใดๆของสงิ่ ต่างๆทีเ่ กีย
่ วกับโหราศาสตร์
่ พระอาทิตย์, ดวงจันทร์, หรือดวงดาว
เชน

MOSES knowing that the people will sin (because GOD had told him that they
would) assures the people that the GOD of ISRAEL is a MERCIFUL GOD, and when they do
SIN if they were to REPENT to GOD for that SIN, GOD WOULD FORGIVE them. MOSES
further reminds the people as to how the previous GENERATION had feared THE LORD
when they had HEARD HIM SPEAK at Mount Sinai in Horeb, when HE gave them their TEN
COMMANDMENTS. So MOSES reiterates in the ears of ALL the people the TEN
COMMANDMENTS given to him by GOD.

โมเสสรู ้ว่าผู ้คนจะกระทาบาป (เพราะว่าพระเจ ้าได ้ตรัสบอกเขาว่าพวกเขาจะทา)


เพือ ั ญาต่อผู ้คนว่า พระเจ ้าของอิสราเอลคือ พระเจ ้าแห่งความเมตตา,
่ ให ้คามั่นสญ
และเมือ่ พวกเขากระทาบาป ถ ้าพวกเขากลับใจจากบาปต่อพระเจ ้า, พระเจ ้าจะให ้อภัยพวกเขา
โมเสสยังเตือนความทรงจาของผู ้คนต่อไปในเรือ ่ งชวั่ อายุคนก่อนหน ้านีไ ้ ด ้เกรงกลัวพระผู ้เป็ นเจ ้า
ขณะทีพ ่ วกเขาได ้ยินพระองค์ตรัสทีภ ่ เู ขาซนี ายในโฮเรบ, เมือ ่ พระองค์ได ้มอบ บัญญัต ิ 10 ประการ
แก่พวกเขา จากนัน ้ โมเสสกล่าวซ้าให ้เข ้าหูผู ้คนทัง้ หมดเพือ ่ ตัง้ ใจฟั ง บัญญัต ิ 10
ประการทีม ่ อบแก่เขาโดยพระเจ ้า

The people are told by MOSES that the TEN COMMANDMENTS and all the LAWS of
morality given to them should be like "frontlets between their eyes", meaning they should
meditate on GOD'S LAWS and teach them from generation to generation throughout all
time. MOSES further tells them that the COVENANT between them and GOD hinges on all
the people following after and obeying GOD'S COMMANDMENTS, LAWS, PRECEPTS,
STATUTES, and JUDGMENTS.

โมเสสบอกผู ้คนว่าบัญญัต ิ 10
ประการและกฏเกณฑ์ทัง้ หมดเป็ นคุณธรรมอันดีงามได ้ให ้แก่พวกเขาควรจะเป็ นเสมือน
“อยูต่ รงหน ้าผากระหว่างดวงตาของพวกเขา(เสริมจากผู ้แปล เสมือนเป็ น
มาคกางเขนในฝ่ ายวิญญาณทีเ่ ป็ นเครือ ่ งหมายป้ องกันจากภัยพิบัต)ิ ”, ความหมายว่า
พวกเขาควรจะไตร่ตรอง
นามาไคร่ครวญอยูใ่ นกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าและสอนพวกเขาจากชวั่ อายุคนไปยังอีกชวั่ อายุคนอยูต ่ ล
อดเวลา
โมเสสบอกพวกเขาต่อไปอีกว่าพันธสญ ั ญาระหว่างพวกเขาและพระเจ ้าขึน ้ อยูก
่ ับผู ้คนทัง้ หมดจะปฏิ
บัตแ
ิ ละเชอ ื่ ฟั งติดตามหลังจาก บัญญัตข ิ องพระเจ ้า, กฏเกณฑ์, คาสอน, ระเบียบ, และการพิพากษา

MOSES tells the people that after they cross over the River Jordan and receive the
land that GOD had PROMISED to their fathers, that GOD will choose a place to put HIS
NAME (SHILOH).

233
โมเสสบอกผู ้คนว่าหลังจากพวกเขาข ้ามไปยังแม่น้ าจอร์แดนและได ้รับดินแดนทีพ ั ญาต่
่ ระเจ ้าได ้สญ
อบิดาของพวกเขา ซงึ่ พระเจ ้าจะเลือกสถานทีเ่ พือ
่ ประทับ(วาง)พระนามของพระองค์ (SHILOH)

Deuteronomy 12:10 But when ye go over Jordan, and dwell in the land which THE LORD
your GOD giveth you to inherit, and when HE giveth you rest from all your enemies round
about, so that ye dwell in safety;
พระราชบัญญัต ิ 12:10 แต่เมือ่ ท่านข ้ามแม่น้ าจอร์แดนไปแล ้ว
และอาศัยอยูใ่ นแผ่นดินซงึ่ พระเยโฮวาห์พระเจ ้าของท่านทัง้ หลายประทานเป็ นมรดกแก่ทา่ น
่ พระองค์โปรดให ้ท่านพักพ ้นศัตรูรอบข ้างของท่านทัง้ สน
และเมือ ิ้ ท่านจึงอยูอ
่ ย่างปลอดภัย

Deuteronomy 12:11 Then there shall be a PLACE which THE LORD your GOD shall CHOOSE
to cause HIS NAME to dwell there; thither shall ye bring all that I command you; your burnt
offerings and your sacrifices, your tithes, and the heave offering of your hand, and all your
choice vows which ye vow unto THE LORD:

พระราชบัญญัต ิ 12:11 แล ้วจงไปยังสถานทีซ ่ งึ่ พระเยโฮวาห์พระเจ ้าของท่านจะทรงเลือกไว ้


ให ้พระนามของพระองค์ประทับทีน ่ ั่ น จงนาบรรดาสงิ่ ต่างๆไปด ้วยซงึ่ ข ้าพเจ ้าได ้บัญชาท่านทัง้ หลาย
คือเครือ่ งเผาบูชา และเครือ ั วบูชาของท่าน ทัง้ สบ
่ งสต ิ ชก
ั หนึง่ และเครือ
่ งบูชาทีจ
่ ะยืน
่ ถวาย
ทัง้ บรรดาเครือ
่ งบูชาปฏิญาณทีด ่ ท
ี สี่ ดุ ซงึ่ ท่านได ้ปฏิญาณไว ้ต่อพระเยโฮวาห์

Deuteronomy 12:12 And ye shall rejoice before THE LORD your GOD, ye, and your sons,
and your daughters, and your menservants, and your maidservants, and the Levite that is
within your gates; forasmuch as he hath no part nor inheritance with you. 28

พระราชบัญญัต ิ 12:12 และท่านทัง้ หลายจงปี ตริ า่ เริงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ ้าของท่าน


ทัง้ ตัวท่านทัง้ หลายและบุตรชายบุตรสาวของท่าน
ทัง้ ทาสชายหญิงของท่านและคนเลวีซงึ่ อยูภ ่ ายในประตูเมืองของท่าน
เพราะเขาไม่มส ี ว่ นแบ่งหรือสว่ นมรดกกับท่าน 28

****

NOTE 28: This PROPHECY GIVEN by MOSES to the people is an ONGOING PROPHECY The
FIRST DWELLING place for THE LORD will be in SHILOH.
The SECOND DWELLING PLACE of THE LORD however will not come to pass for
over a thousand years after SHILOH.
The SECOND DWELLING PLACE of THE LORD will be THE TEMPLE of GOD that will
be built in JERUSALEM by KING SOLOMON, and during the reign of KING SOLOMON there
will be a period of total peace and safety just as the Scripture so indicates.
The THIRD DWELLING PLACE of THE LORD is THE TEMPLE of GOD called JESUS
CHRIST.
Then the FOURTH and FINAL PLACE where GOD SHALL PUT HIS NAME IS CALLED
ISRAEL or ZION or more CORRECTLY CALLED, GOD'S PEOPLE!

234
หมายเหตุ 28:
การพยากรณ์นไ ี้ ด ้ให ้โดยโมเสสไปยังผู ้คนเป็ นการพยากรณ์ดาเนินไปอย่างไม่หยุดยัง้ สถานทีอ ่ ยูอ
่ า
ศัยทีแ่ รกสาหรับพระผู ้เป็ นเจ ้าจะอยูใ่ น SHILOH (ชโิ ลห์)
สถานทีอ ่ ยูอ ่ าศัยที่ 2 ของพระผู ้เป็ นเจ ้า แม ้ว่าจะไม่กลายเป็ นอดีตสาหรับอีก 1,000
ปี ถัดไปหลังจาก SHILOH (ชโิ ลห์)
สถานทีอ ่ ยูอ ่ าศัยที่ 2
ของพระผู ้เป็ นเจ ้าจะเป็ นพระวิหารของพระเจ ้าทีจ ่ ะถูกสร ้างในเยรูซาเล็มโดยกษั ตริยโ์ ซโลมอน,
และในระหว่างชว่ งการปกครองของกษั ตริยโ์ ซโลมอน
จะมีในชว่ งระยะเวลาของสน ั ติภาพทัง้ หมดและความปลอดภัย
เป็ นความจริงอย่างทีข ่ ้อความในพระคัมภีรช ี้ อกอย่างมาก
์ บ
สถานทีอ ่ ยูอ ่ าศัยที่ 3 ของพระผู ้เป็ นเจ ้าเป็ นพระวิหารของพระเจ ้าเรียกว่าพระเยซูคริสต์
จากนัน ้ ที่ 4 และสถานทีส ่ ด ่ งึ่ พระเจ ้าจะวางพระนามของพระองค์ถก
ุ ท ้ายทีซ ู เรียกว่า อิสราเอล หรือ
ศโิ ยน หรือเรียกให ้ถูกต ้องมากกว่านีค ้ อ
ื , ประชากรของพระเจ ้า!

Revelation 22:3 And there shall be no more CURSE: but THE THRONE of GOD and THE
LAMB shall be in it; and HIS SERVANTS shall serve HIM:

วิวรณ์ 22:3 จะไม่มก ี ารสาปแชง่ ใดๆอีกต่อไป


พระทีน่ ั่งของพระเจ ้าและของพระเมษโปดกจะตัง้ อยูใ่ นเมืองนัน


และบรรดาผู ้รับใชของพระองค์ จะปรนนิบัตพ
ิ ระองค์

Revelation 22:4 And they shall see HIS FACE; and HIS NAME shall be in their foreheads.

วิวรณ์ 22:4 เขาเหล่านัน


้ จะเห็นพระพักตร์พระองค์
และพระนามของพระองค์จะประทับอยูท ่ ห
ี่ น ้าผากเขา

MOSES also tells the Children of ISRAEL about the forthcoming Prophets and how
the Prophets will have DREAMS and VISIONS foreseeing the future. But MOSES also
WARNS the people to beware of both the false Prophets and the false DREAMERS of
DREAMS. MOSES says that the people should always look towards THE WORD of THE
LORD for the CONFIRMATION of the Prophecy that has been GIVEN. Furthermore he says;
that the false Prophet's prophecy will not come to pass, whereas the TRUE PROPHET'S
PROPHECY will come to pass!

โมเสสยังบอกลูกหลานของอิสราเอลเกีย ่ วกับผู ้พยากรณ์ทก ี่ าลังจะมาถึงและโดยผ่านทางผู ้พยากร


ณ์จะมีความฝั นและนิมต ิ การมองเห็นอนาคตล่วงหน ้า
แต่โมเสสยังเตือนผู ้คนทีจ่ ะระวังทัง้ ผู ้พยากรณ์เทียมเท็จและนักนิมต ิ เทียมเท็จของความฝั น
โมเสสกล่าวว่าผู ้คนควรจะมองไปยังพระวจนะของพระผู ้เป็ นเจ ้าเสมอ
สาหรับการยืนยันของการพยากรณ์ทไี่ ด ้มอบให ้ นอกจากนีเ้ ขากล่าว;
ว่าการพยากรณ์ของผู ้พยากรณ์เทียมเท็จจะไม่เกิดขึน ้ จริงจนกลายเป็ นอดีตไป,
โดยพิจารณาให ้เห็นว่าคาพยากรณ์แท ้จริงของผู ้พยากรณ์จะเกิดขึน ้ จริงจนกลายเป็ นอดีตไป

235
MOSES details the LAWS and principles governing war and the law of the unsolved
murder, laws regarding sexual morality and the law concerning divorce. MOSES recites the
various laws, statutes and precepts that they must follow to remain in THE BLESSING of
GOD. He continually reiterates the WARNING against worshipping false gods and idolatry,
because THE LORD had forewarned MOSES that the people in the latter days would go
WHORING after these false gods.

โมเสสชแี้ จงรายละเอียดกฏเกณฑ์และการสูรบ ้
หลักการปกครองควบคุมดูแลและกฏเกณฑ์ของการฆาตกรรมทีแ ่ ก ้ปั ญหาไม่ได ้,
กฏเกณฑ์เกีย่ วกับจริยธรรมทางเพศและกฏเกณฑ์เกีย ่ วกับการหย่าร ้าง โมเสสแถลงกฏเกณฑ์ตา่ งๆ,
ระเบียบและคาสอนทีพ ่ วกเขาต ้องปฏิบัตต ิ ามเพือ
่ คงอยูภ่ ายใต ้ความทรงจาในการอวยพรของพระเจ ้า
เขากล่าวซ้าอย่างต่อเนือ ่ ง ตักเตือนต่อต ้านการบูชาพระเจ ้าเทียมเท็จและการบูชารูปเคารพ,
เพราะว่าพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ทรงเตือนล่วงหน ้าโมเสส ว่าผู ้คนทีใ่ นชว่ งระยะเวลาต่อมาจะไปล่วงประเวณี
ติดตามพระเทียมเท็จเหล่านี้

After MOSES recites the LAW, he gives the people both the BLESSINGS that GOD shall
give them if they ABIDE in GOD'S LAWS and the CURSES that GOD will put upon them if
they do not. He then reconfirms to the people the change in command over the Children of
ISRAEL that has taken place and explains how GOD has now put Joshua in charge to
oversee them.

โมเสสหลังจากแถลง(ข ้อเท็จจริง)ในกฏเกณฑ์,
เขาให ้ผู ้คนทัง้ การอวยพรทีพ ่ ระเจ ้าจะให ้พวกเขา
ถ ้าพวกเขายืนหยัดอยูใ่ นกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าและให ้คาแชง่ สาปทีพ ่ นพวกเขาถ ้าพวกเ
่ ระเจ ้าจะใสบ
ขาไม่ประพฤติตาม
เขาจึงยืนยันอีกครัง้ ต่อผู ้คนถึงการเปลีย ่ นแปลงการรับคาสงั่ สอนเหนือลูกหลานของอิสราเอลทีไ่ ด ้เกิ
ดขึน้ และอธิบายวิธวี า่ ตอนนี้ พระเจ ้าได ้วางโยชูวาเป็ นผู ้รับหน ้าทีน
่ เี้ พือ
่ ดูแลพวกเขา
MOSES instructs Joshua as to all he must do to ensure the people's continuing in
OBEDIENCE to the LAW. Moses also instructs Joshua as to the importance of the Children of
ISRAEL'S remaining to walk in the WAYS of THE LORD and WARNS that if they do not, then
the CURSES he had warned them of will come to pass. He also instructs Joshua to
remember all the FEAST DAYS and how he must routinely READ the LAW to the people.

โมเสส ชแ ี้ นะโยชูวาในเรือ
่ งของทัง้ หมด
ทีเ่ ขาต ้องทาเพือ่ ทาให ้แน่ใจในการทาต่อไปของผู ้คนนัน ื่ ฟั งต่อกฏเกณฑ์ โมเสส
้ อยูใ่ นการเชอ
ยังแนะนา โยชูวา ในเรือ ่ งของความสาคัญของลูกหลานของอิสราเอลยังคงอยู่
ในทางของพระผู ้เป็ นเจ ้าและเตือนว่าถ ้าพวกเขาไม่ปฎิบัตต ิ าม,
จากนัน ้ คาแชง่ สาปทีเ่ ขาได ้กล่าวย้าเตือนนัน้ จะเกิดขึน ้ จนกลายเป็ นอดีต เขายังแนะนา โยชูวา
ทีจ ่ ะจดจา
วันหยุดและพิธเี ลีย ้ งฉลองทัง้ หมดและวธีปฏิบัตต ิ า่ งๆทีเ่ ขาต ้องอ่านกฏเกณฑ์เป็ นกิจวัตรประจาต่อผู ้
คน

236
Then THE LORD AGAIN WARNS MOSES as to what will befall ISRAEL in the latter
days. How the people will eventually go whoring after other gods and many evils will befall
them as a result of it, thus ultimately causing HIM to BREAK HIS COVENANT with them at a
later time. GOD then tells MOSES to write a SONG.

ต่อมาพระองค์เจ ้าเตือนโมเสสอีกครัง้ ในเรือ ่ งของสงิ่ ทีจ


่ ะเกิดขึน ้ กับอิสราเอล ในระยะหลัง
ว่าในทีส ่ ด
ุ ผู ้คนจะไปล่วงประเวณีตด ่ ๆและสงิ่ ทีช
ิ ตามหลังจากพระอืน ่ วั่ ร ้ายไม่ดม
ี ากมายจะเกิดขึน
้ กับ
พวกเขาจากผลของการกระทาเหล่านัน ้ ,
ด ้วยเหตุนท ี้ ้ายทีส
่ ด
ุ สาเหตุให ้พระองค์
ทาลายพันธสญ ั ญาของพระองค์กับพวกเขาในระยะเวลาต่อมา
พระเจ ้าต่อมาตรัสบอกโมเสสทีจ ่ ะเขียนบทเพลง
Deuteronomy 31:19 Now therefore write ye this SONG for you, and teach it the CHILDREN
of ISRAEL: put it in their mouths, that this SONG may be a witness for ME against the
CHILDREN of ISRAEL.

พระราชบัญญัต ิ 31:19 เพราะฉะนัน


้ บัดนีเ้ จ ้าทัง้ สองจงเขียนบทเพลงนี้
และสอนคนอิสราเอลให ้ร ้องจนติดปาก เพือ ่ บทเพลงนีจ ้ ะเป็ นพยานของเราปรักปราคนอิสราเอล

Deuteronomy 31:22 MOSES therefore wrote this SONG the same day, and taught it the
CHILDREN of ISRAEL.

พระราชบัญญัต ิ 31:22 โมเสสจึงได ้เขียนบทเพลงนีใ้ นวันเดียวกันนัน



และสอนให ้แก่ประชาชนอิสราเอล

(READ THE SONG: Deuteronomy 32:1 through 32:45) (อ่านเพิม


่ บทเพลงใน: พระราชบัญญัต ิ
32:1 – 45)

MOSES then BLESSES the people and then goes up to the top of Mount Nebo, called
Pis' -gah to die. While at the top of the mountain, THE LORD shows MOSES all the land that
HE is going to give the CHILDREN of ISRAEL.

จากนัน ้ ไปยังข ้างบนยอดเขาของภูเขาเนโบ, ซงึ่ เรียกว่า ปิ สกาห์


้ โมเสส อวยพรผู ้คนและจึงขึน
ทีจ
่ ะตาย ในขณะทีย ่ อดของภูเขา,
พระผู ้เป็ นเจ ้าแสดงโมเสสดินแดนทัง้ หมดทีพ ่ ระองค์กาลังจะมอบให ้ลูกหลานของอิสราเอล

Deuteronomy 34:5 So MOSES the servant of THE LORD died there in the land of Moab,
according to the WORD of THE LORD.

พระราชบัญญัต ิ 34:5 เหตุฉะนัน ้


้ โมเสสผู ้รับใชของพระเยโฮวาห์ ิ้ ชวี ต
จงึ สน ิ ทีน
่ ั่ นในแผ่นดินโมอับ
ตามพระดารัสของพระเยโฮวาห์

Deuteronomy 34:6 And HE buried him in a valley in the land of Moab, over against Beth-pe
-or: but no man knoweth of his sepulchre unto this day. NOTE 29

237
พระราชบัญญัต ิ 34:6 และพระองค์ทรงฝั งท่านไว ้ในหุบเขาในแผ่นดินโมอับ ตรงข ้ามเบธเปโอร์
จนถึงทุกวันนีห
้ ามีผู ้ใดรู ้จักทีฝ
่ ั งศพของท่านไม่ หมายเหตุ 29

Matthew 17:1 And after six days JESUS taketh Peter, James, and John his brother, and
bringeth them up into an high mountain apart,

มัทธิว 17:1 ครัน้ ล่วงไปได ้หกวันแล ้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน ้องชายของยากอบ


ขึน
้ ภูเขาสูงแต่ลาพัง

Matthew 17:2 And was TRANSFIGURED before them: and HIS FACE did shine as the sun,
and HIS raiment was WHITE as the LIGHT.

มัทธิว 17:2 แล ้วพระกายของพระองค์ก็เปลีย


่ นไปต่อหน ้าเขา
พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง

Matthew 17:3 And, BEHOLD, there appeared unto them MOSES and ELIJAH talking with
HIM

มัทธิว 17:3 ดูเถิด โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านัน



กาลังเฝ้ าสนทนากับพระองค์

1. NOTE: These last three Scriptures taken from the GOSPEL of Matthew tells you WHERE
MOSES had gone from the top of Mount Nebo. 29 (เสริม Deuteronomy 34:1 Moses went
up from the plains of Moab to Mount Nebo, to the top of Pisgah
โมเสสได ้เห็นแผ่นดินคานาอัน แล ้วสนิ้ ชวี ต
ิ บนภูเขาเนโบ 34:1
และโมเสสก็ขน ึ้ ไปจากราบโมอับถึงภูเขาเนโบ ถึงยอดเขาปิ สกาห์ ...)
หมายเหตุ: ข ้อความในพระคัมภีร ์ 3 บทสุดท ้ายเหล่านี้
อ ้างอิงมาจากข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์เรียบเรียงโดยมัทธิวบอกคุณ ว่า
โมเสสได ้ไปจากยอดเขาของภูเขาเนโบ (หมายเหตุ:29)

From this Scripture you can rest assured that the people went up on the mountain to
look for MOSES' remains, however they could not find them. THIS IS BECAUSE MOSES WAS
TAKEN UP TO HEAVEN; HE ASCENDED UP IN A WHIRLWIND WITH THE HOLY SPIRIT of
GOD!

จากข ้อความในพระคัมภีรน์ ค
ี้ ณ
ุ สามารถมั่นใจเป็ นหลักประกันว่าผู ้คนทีข ่ น
ึ้ ไปบนภูเขาเพือ
่ ค ้นหา
ศพ(โครงกระดูก)ของโมเสส ยังคงมีอยูห ่ รือไม่, แม ้ว่าพวกเขาไม่สามารถพบหลักฐาน
นีค
้ อ
ื เพราะว่าโมเสส ถูกนาขึน
้ ไปยังสวรรค์;
เขาลอยขึน ้ ในลมหมุนทีค่ วามเร็วสูงกับพระวิญญาณบริสท ุ ธิข
์ องพระเจ ้า!

Deuteronomy 34:7 And MOSES was an HUNDRED and TWENTY YEARS old when he died:
his eye was not dim, nor his natural force abated.

238
พระราชบัญญัต ิ 34:7 เมือ ิ้ ชวี ต
่ โมเสสสน ิ นั น
้ ท่านมีอายุหนึง่ ร ้อยยีส ิ ปี นั ยน์ตาของท่านมิได ้มัวไป
่ บ
หรือกาลังของท่านก็ไม่ถอย

Deuteronomy 34:8 And the CHILDREN of ISRAEL wept for MOSES in the plains of Moab
thirty days: so the days of weeping and mourning for MOSES were ended.

ิ วัน
พระราชบัญญัต ิ 34:8 และคนอิสราเอลร ้องไห ้ถึงโมเสสทีร่ าบโมอับสามสบ
ิ้ ลง
แล ้ววันทีร่ ้องไห ้ไว ้ทุกข์ถงึ โมเสสก็สน

Deuteronomy 34:9 And Joshua the son of Nun was full of the SPIRIT of WISDOM; for
MOSES had laid his hands upon him: and the CHILDREN of ISRAEL hearkened unto him,
and did as THE LORD COMMANDED MOSES.

พระราชบัญญัต ิ 34:9 โยชูวาบุตรชายนูนมีจต


ิ ใจอันประกอบด ้วยสติปัญญา
เพราะโมเสสได ้เอามือของท่านวางบนเขา ดังนั น ื่ ฟั งเขา
้ ประชาชนอิสราเอลจึงเชอ
และได ้กระทาดังทีพ
่ ระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว ้

Deuteronomy 34:10 And there arose not a PROPHET since in ISRAEL like unto MOSES,
whom THE LORD knew FACE to face,

พระราชบัญญัต ิ 34:10 ตัง้ แต่วน ั นัน


้ มาก็ไม่มผ
ี ู ้พยากรณ์คนใดเกิดขึน
้ ในอิสราเอลเสมอโมเสส
ผู ้ซงึ่ พระเยโฮวาห์ทรงรู ้จักหน ้าต่อหน ้า

Deuteronomy 34:11' In all the SIGNS and the WONDERS, which THE LORD sent him to do
in the land of Egypt to Pharaoh, and to all his servants, and to all his land,

พระราชบัญญัต ิ 34:11 ไม่มผ


ี ู ้ใดเสมอเหมือนท่านในเรือ
่ งหมายสาคัญและการมหัศจรรย์
ซงึ่ พระเยโฮวาห์ทรงใชท่
้ านให ้กระทาในแผ่นดินอียป ิ ต์
ต่อฟาโรห์และต่อบรรดาข ้าราชบริพารของฟาโรห์ และต่อแผ่นดินของท่านทัง้ สนิ้

Deuteronomy 34:12 And in all that MIGHTY HAND, and in all the GREAT TERROR which
MOSES shewed in the SIGHT of all ISRAEL.

พระราชบัญญัต ิ 34:12
และในเรือ ิ้ ซงึ่ โมเสสกระทาในสายตาข
่ งอานาจยิง่ ใหญ่และกิจการอันน่าเกรงกลัวและใหญ่โตทัง้ สน
องคนอิสราเอลทัง้ ปวง

ื ของโยชูวา
6.10 The Book of Joshua / หนั งสอ

MOSES ASCENDED up to HEAVEN on the first day of March and the CHILREN of
ISRAEL mourned his death for thirty days. After the period of mourning, THE LORD came
to JOSHUA and told him to prepare to take the CHILDREN of ISRAEL over the River Jordan.
With the Jordan River nearly overflowing its banks, THE LORD tells Joshua to send the
Priests bearing THE ARK of the COVENANT into the Jordan first. THE LORD tells Joshua

239
that HE would MAGNIFY Joshua in the sight of all the people on the day that they were to
cross over the River Jordan, so they would know that GOD was now with him!

โมเสสลอยขึน ้ ไปยังฟ้ าสวรรค์ ณวันแรกของเดือนมีนาคมและลูกหลานของอิสราเอล


ไว ้ทุกข์การตายของเขาสาหรับ 30 วัน หลังจากระยะเวลาของการไว ้ทุกข์ พระผู ้เป็ นเจ ้าเสด็จมาถึง
โยชูวา และบอกเขาเพือ ่ ทีจ
่ ะจัดเตรียมนาลูกหลานของอิสราเอลข ้ามผ่านแม่น้ าจอร์แดน
ปริมาณในแม่น้ าจอร์แดนเกือบล ้นตลิง่ ,
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโยชูวาให ้สง่ ปุโรหิตแบกหามหีบพันธสญ ั ญา ผ่านเข ้าไปในจอร์แดนก่อน
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโยชูวาว่าพระองค์จะสาแดงโยชูวาเป็ นผู ้ยิง่ ใหญ่ในสายตาของผู ้คนทัง้ หมดใน
วันนัน้ ทีพ
่ วกเขาจะข ้ามแม่น้ าจอร์แดน, จากนัน ้ พวกเขาจะรู ้ว่าตอนนี้ พระเจ ้า สถิตย์อยูก
่ ับเขา!

The Priests are then instructed by Joshua to BEAR-UP THE ARK of the COVENANT
and go to the brink of the River Jordan. Once they had reached the edge of the river they
should go into the water until it has reached only to their ankles, and then wait. The people
are also instructed by Joshua when they see the ARK being moved they should follow
along behind it.

จากนัน ้ บรรดาปุโรหิตได ้รับคาชแ ี้ นะจากโยชูวา ทีจ่ ะชว่ ยประคับประคองหีบพันธสญ


ั ญา
และจนไปถึงอีกฝั่ งของแม่น้ าจอร์แดน เมือ ่ พวกเขาได ้มาถึงริมแม่น้ า
พวกเขาควรจะเข ้าไปในน้ าจนกระทั่งระดับความลึกประมาณข ้อเท ้าของพวกเขา, และจากนัน ้ รอคอย
ผู ้คนได ้รับคาชแี้ นะจากโยชูวา เมือ่ พวกเขาเห็น หีบพันธสญ ั ญา เคลือ ่ นย ้าย
พวกเขาควรติดตามอยูข ่ ้างหลังหีบพันธสญ ั ญา

But they should not go any nearer to the ARK than two thousand cubits (one
thousand yards) and should maintain that distance between themselves and the ARK until
it is time for them to cross over the River Jordan.

แต่พวกเขาไม่ควรจะเข ้าไปใกล ้ หีบพันธสญ ั ญา มากไปกว่า 2,000 ศอก (1,000 หลา)


และควรจะรักษาระยะห่างนัน้ ระหว่างตัวพวกเขาเองและ หีบพันธสญ ั ญา
จนกระทั่งถึงเวลาสาหรับพวกเขาทีจ่ ะข ้ามไปยังฝั่ งแม่น้ าจอร์แดน

As soon as the feet of the Priests that were carrying the ARK went into the water
the water began to separate and stand in a heap on the one side as though it had been
dammed. The river also started to diminish as it ran down stream on the other side,
therefor making a dry path through the water for the Priests bearing the ARK to pass over.

ทันทีทันใดทีเ่ ท ้าของปุโรหิตทีแ ่ บกหาม หีบพันธสญ ั ญา ได ้เดินลงไปสูใ่ นผิวน้ า


ผิวน้ าได ้เริม
่ ทีจ
่ ะแยกออกและพุง่ ย ้อนกลับไปตัง้ อยูร่ าวกับว่าได ้มีเขือ
่ นมาขวางกัน

ปริมาณน้ าในแม่น้ าเริม ่ ต ้นทีจ
่ ะลดน ้อยลงไหลย ้อนกลับในอีกด ้าน,
จากนัน ้
้ ทาให ้เสนทางเดิ นแห ้งตลอดแม่น้ า เพือ
่ ปุโรหิตจะทาการแบกหามหีบพันธสญ ั ญา ผ่านไป
As soon as the Priests BEARING the ARK had reached the middle of the River
Jordan, the water had been completely parted and then the people were summoned to pass
over the river. By the instruction of THE LORD, Joshua picks one man from each of the

240
TWELVE TRIBES to gather one stone each from the middle of the Jordan River and bring
the stone to the far side of the Jordan, where they will make their camp that night.

ทันทีทันใดปุโรหิตแบกหาม หีบพันธสญ ั ญา ไปถึงครึง่ ทางของแม่น้ าจอร์แดน,


แม่น้ าได ้แบ่งแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์และจากนัน ้ ผู ้คนถูกเรียกให ้ข ้ามผ่านแม่น้ า
โดยคาแนะนาของพระผู ้เป็ นเจ ้า, โยชูวาเลือกชาย จาก 12 เผ่า เผ่าละ1 คน
เพือ
่ รวบรวมก ้อนหินคนละ 1 ก ้อนจากกึง่ กลางของแม่น้ าจอร์แดน
่ งึ่ พวกเขาจะตัง้ ค่ายในเวลากลางคืนทีน
และนาก ้อนหินไปยังอีกฝั่ งหนึง่ ของจอร์แดน, สถานทีซ ่ ัน

THE LORD also tells Joshua that the TWELVE STONES that have been gathered from
the middle of the Jordan should be set up on the far bank in the form of a pillar, for a
MEMORIAL of the EVENT. THE LORD tells Joshua that this MEMORIAL would act as a
reminder to them in the latter days on how THE LORD had parted the River Jordan so that
the CHILDREN of ISRAEL could walk across it on dry ground.

พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโยชูวาว่าหิน 12 ก ้อนทีไ่ ด ้ถูกรวบรวมจากกึง่ กลางของแม่น้ าจอร์แดน


ควรจะจัดตัง้ บนชายฝั่ งในรูปแบบของเสาหิน, เพือ ่ เป็ นสงิ่ ทีเ่ ตือนความจาของเหตุการณ์นี้
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกโยชูวาว่า สงิ่ ทีเ่ ตือนความจานีจ ้ ะกระทา
เหมือนผู ้เตือนไปยังภายหลัง(คนรุน ่ หลัง)ของพวกเขา
ว่าพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้แบ่งแยกแม่น้ าจอร์แดนออกเป็ นสองสว่ นอย่าไร เพือ ่ ทีล
่ ก
ู หลานของอิสราเอล
จะสามารถเดินผ่านข ้ามลงไปบนพืน ้ แห ้ง

While the Priests BEARING the ARK were still standing in the middle of the Jordan,
Joshua goes out to where they were standing and he gathers yet another TWELVE STONES.
Joshua erects another pillar out of the second set of TWELVE STONES in the middle of the
River Jordan, to mark where the feet of the Priests had stood.

ในขณะทีป ่ โุ รหิตแบกหาม หีบพันธสญ ั ญา ยังคงยืนในกึง่ กลางของแม่น้ าจอร์แดน,


โยชูวาออกไปยังจุดทีซ ่ งึ่ พวกเขาได ้กาลังยืนและเขาได ้รวบรวมหินอีก 12 ก ้อน
โยชูวาก่อตัง้ เสาหิน12 ก ้อนทีน ่ ามาจากกึง่ กลางของแม่น้ าจอร์แดน อีกชุดหนึง่ เป็ นชุดที่ 2
เพือ
่ ทาเครือ
่ งหมายสถานทีซ ่ งึ่ เท ้าของปุโรหิตได ้เคยยืน

After the people standing on the far bank of the Jordan pass over it, Joshua then
commands the Priests to come up out of the river. Once the feet of the Priests BEARING the
ARK of the COVENANT had set foot on the far bank of the river, the waters returned back to
their original state.

หลังจากผู ้คนได ้ยืนอยูบ ่ นริมฝั่ งของแม่น้ าจอร์แดน ซงึ่ ได ้ข ้ามผ่านมาเรียบร ้อยแล ้ว จากนั น

โยชูวา ได ้สงั่ ให ้ปุโรหิต ออกมาจากแม่น้ าจอร์แดน เมือ ่ เท ้าของปุโรหิต

241
ทีแ
่ บกหามหีบพันธสญ ั ญาได ้ก ้าวข ้ามมายังริมฝั่ งแม่น้ าจอร์แดน
ระดับน้ าของแม่น้ าจอร์แดนได ้กลับคืนสูร่ ะดับเต็มตลิง่ เหมือนเดิม
So on the tenth day of April the Children of ISRAEL for the first time set their feet on
the PROMISED LAND. Since they are now in the PROMISED LAND, Joshua has all the males
CIRCUMCISED. This CIRCUMCISING was done because during the FORTY YEARS that had
past during their WANDERING in the wilderness, there were not any of the second
generation who had been circumcised.

ต่อมาวันทีส ิ ของเมษายนลูกหลานของชนชาติอส
่ บ ิ ราเอล
ได ้ย่างเท ้าของเขาทัง้ หลายเข ้ามาครัง้ แรกใน ดินแดนแห่งพันธสญ ั ญา ,ตอนนี้ โยชูวาได ้นา
เพศชายทัง้ หมดตัดหนังหุ ้มอวัยวะเพศชาย การทาพิธส ี ห
ุ นัตนัน ้ ได ้กระทาขึน

เพราะว่าชว่ งระหว่างปี สส ี่ บ
ิ ทีผ
่ า่ นไป ระหว่างการเร่รอ
่ นหลงทางของเขาทัง้ หลายในถิน ่ ทรุกันดาร
ไม่มผ ี ู ้ใดในรุน
่ ทีส
่ องของลูกหลานอิสราเอลได ้กระทาพิธส ี หุ นัต
On the 14th Day of April, five days after their crossing over the River Jordan, the
CHILDREN of ISRAEL kept the FEAST of the PASSOVER and ate unleavened cakes and
parched com made from that which had grown in the PROMISED LAND. From that day
forward, THE LORD no longer provided them with MANNA from HEAVEN to eat, for the
land they were now on provided them with their food.

ณ วันที่ 14 ของเมษายน, ห ้าวันหลังจากการข ้ามผ่านแม่น้ าจอร์แดน ของเขาทัง้ หลาย


ลูกหลานของชนชาติอส ิ ราเอล
ยังคงรักษาพิธฉี ลองของเทศกาลปั สกา(ในฤดูใบไม ้ผลิ)และกินขนมปั งไม่ได ้ใสเ่ ชอ ื้ ยีสต์และ
ทาให ้แห ้งจากแป้ งทีไ่ ด ้เติบโตอยูใ่ นดินแดนแห่งพันธสญ ั ญา จากวันนัน้ ต่อไปในข ้างหน ้า,
พระองค์เจ ้าไม่ได ้จัดเตรียมขนมปั งจากฟ้ าสวรรค์เพือ ่ ทีจ่ ะกินเป็ นอาหารอีกต่อไป,
เพราะดินแดนทีพ ั
่ วกเขาได ้เข ้ามาอาศยอยูข ่ ณะนีไ
้ ด ้จัดเตรียมอาหารแก่พวกเขา

The Battle of Jericho / การทาสงครามทีเ่ มืองเยรีโค

The first major city that had to be taken in battle, for the CHILDREN of ISRAEL to take
POSSESSION of their LAND, was the city of Jericho. As Joshua approaches the city of Jericho
he looks up and sees the ANGEL GABRIEL with his sword drawn before him standing in his
path. The ANGEL GABRIEL tells Joshua how THE LORD has given the CHILDREN of ISRAEL
the city of Jericho, and GABRIEL further gives Joshua instructions as to what he must do in
order to defeat Jericho in battle. NOTE 30

เมืองแรกทีส ่ าคัญ สาหรับลูกหลานของอิสราเอลได ้ทาการต่อสู ้


เพือ
่ ทายึดครอบครองมาเป็ นดินแดนของพวกเขา คือเมืองเยรีโค ขณะทีโ่ ยชูวาเข ้าใกล ้เมืองเยรีโค
เขาได ้มองตรงขึน ้ ไปและเห็นทูตสวรรค์กาเบรียล
กับดาบของทูตสวรรค์ทช ั ออกจากฝั กยืนอยูข
ี่ ก ่ ้างหน ้าเขาในแนวรบของเขา กาเบรียล
บอกโยชูวาว่าพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้มอบเมืองเยรีโคให ้แก่
ลูกหลานของอิสราเอลอย่างไรและนอกจากนีก ้ าเบรียลยังได ้ให ้คาแนะนา
โยชูวาในสงิ่ ทีเ่ ขาจะต ้องทาในการรบให ้ได ้รับชนะเมืองเยรีโค

242
NOTE 30 Jericho was an extremely well fortified city with a great and magnificent wall
surrounding it, thus making the city nearly impossible to penetrate by force.

โน ้ต30 เยรีโคเป็ นเมืองทีม ่ กี ารสร ้างป้ อมปราการอย่างดียงิ่


กับสภาพแวดล ้อมซงึ่ มีกาแพงสูงเด่น
ทาให ้เมืองนีเ้ กือบเป็ นไปไม่ได ้ทีจ่ ะผ่านทะลุเมืองโดยการใชก้ าลัง

The ANGEL GABRIEL instructs Joshua to make SEVEN TRUMPETS out of ram's horns.
These SEVEN TRUMPETS are for the Levite Priests who will SOUND them at the
appropriate time, and the Priests bearing those TRUMPETS should walk before the ARK of
the COVENANT as it is being carried.

ทูตสวรรค์กาเบรียลชแ ี้ นะโยชูวาทาแตรทัง้ 7 จากเขาสต ั ว์ของแกะตัวผู ้


่ ให ้ปุโรหิตเลวีเป็ นผู ้เป่ า แตรทัง้ 7 เหล่านี้เป็ นการสง่ เสย
เพือ ี งสญั ญาณ
แก่พวกเขาในเวลาทีเ่ หมาะสม, และบรรดาปุโรหิตเป่ าแตรเหล่านัน ้ ควรจะเดินอยูข
่ ้างหน ้า
ขณะทีท ่ าการหาม หีบแห่งพันธสญ ั ญา

GABRIEL also instructs Joshua to have all the men that are fit for battle walking
before the trumpeters while the rest of the people walk behind the ARK. GABRIEL says to
Joshua that for six days, they should walk around the wall of the city one time, and then
after they had compassed the city one time they should return again to their camp. On the
SEVENTH day they should proceed around the wall of the city SEVEN times.

กาเบรียล ยังชแ ี้ นะโยชูวาจัดเตรียมผู ้ชายให ้พร ้อมสาหรับการต่อสูทั ้ ง้ หมด


เดินอยูข
่ ้างหน ้าบรรดาคนเป่ าแตร ในขณะทีผ ่ ู ้คนทีเ่ หลือเดินอยูด
่ ้านหลังหีบพันธสญั ญา
กาเบรียลกล่าวต่อโยชูวาว่าเป็ นเวลา 6 วัน พวกเขาควรจะเดินรอบกาแพงของเมือง 1 รอบ
และต่อมาหลังจากนัน ้ พวกเขาควรจะเดินรอบเมือง 1 รอบ
จากนัน
้ พวกเขาควรจะกลับไปยังค่ายของพวกเขาอีกครัง้ ในวันที่ 7
พวกเขาควรจะดาเนินการต่อไปรอบกาแพงของเมือง 7 รอบ,

On the SEVENTH time around the city on the SEVENTH DAY, the SEVEN Priests
bearing the SEVEN TRUMPETS should make a long blast on the TRUMPETS. When the
people hear the SOUND of the TRUMPETS they should ALL SHOUT together as LOUD as
they could. Once they had SHOUTED, THE LORD would knock down the wall of Jericho so
they may enter into the city!

ในรอบที่ 7 ของการเดินรอบเมืองในวันที่ 7, ปุโรหิต 7 ท่านทีถ ่ อ


ื แตรทัง้ 7
ี งแตรดังยาวออกไป เมือ
ควรจะเป่ าให ้เสย ี งสญ
่ ผู ้คนได ้ยินเสย ั ญาณของแตร
พวกเขาทัง้ หมดควรจะตะโกนเสย ี งดังเท่าทีพ ่ วกเขาสามารถทาได ้อย่างพร ้อมเพียงกัน
เมือ
่ พวกเขาได ้ตะโกน, พระผู ้เป็ นเจ ้าจะทาลายกาแพงของเยรีโคลง
จากนัน้ พวกเขาจะได ้เข ้าไปในเมือง!

243
In the meantime, Joshua sends out two men into the city of Jericho to spy. While the
men are inside of the city of Jericho, the King of Jericho is informed that the Children of
ISRAEL had come into the city to spy. After hearing this, the King sends his soldiers out to
look for them.

ในชว่ งเวลาระหว่างนัน ้ , โยชูวาสง่ ชาย 2 คนเข ้าไปในเมืองเยรีโคเพือ


่ ทาการสอดแนม
ในขณะทีช ่ ายทัง้ สองอยูภ ่ ายในของเมืองเยรีโค,
กษั ตริยข
์ องเยรีโคได ้รับรายงานแจ ้งว่าลูกหลานของอิสราเอลได ้เข ้าไปในเมืองเพือ ่ สอดแนม
หลังจากการได ้ยินเชน ่ นี้ กษั ตริยไ์ ด ้สง่ ทหารของเขาออกเพือ
่ ค ้นหาตัวพวกเขา

Within the City of Jericho there lived a harlot who had a house that sat on top of the
great wall of Jericho, and her name was Ra' -hab. While the men who were sent to spy on
the city are looking for some place to hide, they find Ra' hab's house that sat upon the wall
of the city, and the men ask Ra' -hab if she will hide them.

ภายในเมืองเยรีโคทีน ่ ั่นมีหญิงโสเภณีอาศัยอยู่
ึ ่
ผู ้ซงมีบ ้านตัง้ อยูด
่ ้านบนของกาแพงใหญ่ของเมืองเยรีโค, และชอ ื่ ของเธอคือ ราหับ ในขณะที่
ชายทัง้ สองซงึ่ ถูกสง่ ไปสอดแนมในเมืองได ้มองหาสถานทีบ ่ างแห่งทีจ ่ นตัว
่ ะซอ
พวกเขาได ้พบบ ้านของราหับทีอ ่ ยูบ
่ นกาแพงเมือง และชายทัง้ สองถาม ราหับ
ถ ้าเธอจะชว่ ยหาทีห ่ นแก่พวกเขา
่ ลบซอ

Ra' -hab agrees to hide the spies from the soldiers, but says that she will only do so if
they will spare her and her family; when they attack the city . Ra' -hab had heard of the
GREAT GOD whom the CHILDREN of ISRAEL serve, who goes out to FIGHT for HIS people,
also how the Children of ISRAEL had defeated all of their enemies. Ra' -hab then tells the
spies that if she and those who live with her may be spared when the CHILDREN of ISRAEL
take control of the city, she will provide them with a place to hide.

ราหับได ้ตกลงยินยอมทีจ
่ ะซอ่ นพวกสอดแนมจากทหาร
แต่เธอกล่าวว่าทีเ่ ธอกระทาดังนัน้ ถ ้าพวกเขาจะละเว ้นเธอ และครอบครัวของเธอ;
เมือ่ พวกเขาโจมตีชาวเยรีโค ราหับ เคยได ้ยินเกีย ่ วกับเรือ
่ งราวของพระเจ ้าผู ้ยิง่ ใหญ่
เป็ นผู ้ทีล ู หลานของอิสราเอลได ้รับใช,้ เป็ นผู ้ซงึ่ ออกไปทาการต่อสู ้ เพือ
่ ก ่ ผู ้คนของพระองค์
ทาให ้ลูกหลานของอิสราเอลได ้มีชย ั ชนะศต ั รูทัง้ หมดของพวกเขา จากนัน ้ ราหับ
บอกผู ้สอดแนมว่า ถ ้าเธอและผู ้คนเหล่านั น ้ ทีอ ั
่ าศยอยูก ่ ับเธออาจจะถูกละเว ้น
เมือ ่ ลูกหลานของอิสราเอลจะเข ้ายึดครองเมืองนี,้ เธอจะจัดเตรียมสถานทีท ่ จ
ี่ ะซอ ่ นแก่พวกเขา

The two men agree to provide the safety for Ra' -hab and her household for their
hiding them. After being hid for a short period of time, Ra' -hab then lets the two men out of
her window and down the wall suspending them with a SCARLET COLORED LINE. As they
are being let down, the two men tell Ra' -hab that she should tie the same SCARLET LINE
around her window as a MARKER, before the battle begins. The men tell Ra' -hab that they
will instruct their people to not harm anyone within the house where the SCARLET LINE is
tied around the window.

244
ชาย 2 คน ตกลงยอมรับทีจ ่ ะจัดเตรียมความปลอดภัยสาหรับราหับ
และสมาชก ิ ทีอ
่ ยู ้ในครอบครัวของเธอ หลังจากการซอ ่ นตัวของเขาเป็ นระยะเวลาไม่นาน,
จากนัน้ ราหับให ้ชาย 2 คนหนีออกไปจากทางหน ้าต่างของเธอ
และลงจากกาแพงโดยการแขวนพวกเขากับเชอ ื กซงึ่ มีสแ
ี ดงสด ขณะทีพ ่ วกเขากาลังไต่ลงมา ชาย
2 คนบอกราหับว่าเธอควรจะผูกเชอ ื กสแ ี ดงสดเดียวกันนีร้ อบๆหน ้าต่างของเธอเพือ่ เป็ นเครือ
่ งหมาย,
ก่อนการรบจะเริม ่ ต ้น
ชายทัง้ สองบอกราหับว่าพวกเขาจะชแ ี้ นะผู ้คนของพวกเขาทีจ ่ ะไม่ทาอันตรายใครก็ตาม
่ งึ่ มีเชอ
ข ้างในบ ้านทีซ ื่ กสแ
ี ดงสดผูกอยูร่ อบหน ้าต่าง

Once the spies had returned to the camp, Joshua does that which the ANGEL GABRIEL
had instructed him to do. He marches the CHILDREN of ISRAEL around the city once a day,
for six consecutive days. On the SEVENTH DAY they marched around the city SEVEN times.
Once they had completed the SEVENTH time around the city of Jericho, the TRUMPETS
SOUNDED and let out a long BLAST and all the people SHOUTED, and the wall fell flat to the
ground.

เมือ
่ ผู ้สอดแนมได ้กลับไปยังค่าย, โยชูวาปฏิบัตต ิ ามสงิ่ เหล่านั น
้ ทีท
่ ต
ู สวรรค์กาเบรียล
ี้ นะเขาให ้กระทาตาม เขาพาลูกหลานของอิสราเอล เดินรอบๆเมืองหนึง่ ครัง้ ต่อวันเป็ นเวลา 6
ได ้ชแ
วัน ต่อเนือ ่ งกัน ในวันที่ 7 พวกเขาได ้เดินไปแถวรอบเมือง 7 รอบ
่ พวกเขาได ้เดินรอบเมืองเยรีโคครัง้ ที่ 7 ซงึ่ เป็ นรอบสุดท ้าย
เมือ
จากนัน ้ สญ ั ญาณแตรได ้เป่ าขึน ้ และด ้วยการเป่ าแตรเป็ นเสยี งยาวและผู ้คนทัง้ หมดได ้ตะโกน
และกาแพงนัน ้ ก็ได ้พังลงไปยังพืน
้ ดิน

After the wall had collapsed, the Children of ISRAEL stormed Jericho and all the
people that were in the city, except for Ra' -hab and her household were killed. The
Children of ISRAEL by the INSTRUCTION of GOD burnt the city of Jericho to the ground.
Joshua then placed a curse against the city of Jericho; that it should never be built up again,
and anyone who tries to rebuild it would be CURSED!

หลังจากกาแพงได ้พังทลายลง,
ลูกหลานของอิสราเอลได ้เข ้าจูโ่ จมเมืองเยรีโคและผู ้คนทัง้ หมดทีอ่ ยูใ่ นเมือง,
ยกเว ้นสาหรับราหับและครัวเรือนของเธอได ้ถูกฆ่า
โดยคาแนะนาของพระเจ ้าลูกหลานของอิสราเอลเผาเมืองเยรีโคราบคาบไปถึงพืน ้ ดิน
ในต่อมาโยชูวาได ้วางคาแชง่ สาปต่อต ้านเมืองเยรีโค จะไม่มก ี ารสร ้างขึน้ ใหม่อก
ี ครัง้
และใครก็ตามผู ้ซงึ่ พยายามทีจ ้ มาใหม่จะถูกแชง่ สาป!
่ ะสร ้างขึน

Prior to the taking of the city of Jericho, the CHILDREN of ISRAEL were instructed
that only the gold and silver could be taken from the city. They were also told that the gold
and silver that was taken, was to be placed in the treasury of THE LORD. They were given
FIRM ORDERS that everything else in the city had to be DESTROYED and burnt with FIRE.
This burning with fire included the men, the women, the children, and even all the

245
livestock, and if they didn't do this accordingly, GOD would put a curse upon the CHILDREN
of ISRAEL.

ก่อนการยึดครองของเมืองเยรีโค, ลูกหลานของอิสราเอลได ้รับคาสงั่ ว่ามีเพียงทอง


และเงินเท่านัน ้ ทีส
่ ามารถเอาจากเมือง พวกเขายังได ้รับบอกกล่าวว่าทอง และเงินทีย ่ ด
ึ มา
ให ้นามาอยูใ่ นคลังของพระผู ้เป็ นเจ ้า พวกเขาถูกให ้กฏระเบียบอย่างเคร่งครัด
โดยทุกสงิ่ ทุกอย่างอืน ่ ๆในเมืองจะต ้องถูกทาลาย และเผาด ้วยไฟ
การเผาด ้วยไฟนีป ั ว์เลีย
้ ระกอบด ้วยบรรดาชาย, บรรดาผู ้หญิง, เด็กๆ, และแม ้แต่สต ้ งทัง้ หมด,
และถ ้าพวกเขาไม่กระทาตามนี้, พระเจ ้าจะใสค ่ าแชง่ สาปเหนือลูกหลานของอิสราเอล

Even though the Children of ISRAEL had thought they had done as THE LORD had
so instructed them to do, a man by the name of A' -chan decided to keep some of the silver
and gold wedges for himself. A' -chan also decided to keep an ephod that was part of a
Babylonian priest's garment and he hides those articles under his tent.

แม ้ว่าลูกหลานของอิสราเอล
ได ้คิดว่าพวกเขาได ้ทาตามพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ชแ ี้ นะพวกเขาเพือ ่ ะกระทา, แต่ชายคนหนึง่ ซงึ่ มีชอ
่ ทีจ ื่ ว่า
เอชาน ตัดสน ิ ใจทีจ ่ ะเก็บเงินและทองสาหรับไว ้สาหรับตัวเอง เอชาน
ได ้ตัดสนิ ใจทีจ่ ะเก็บชุดเครือ ่ กัน
่ งทรงของปุโรหิตไว ้ด ้วยเชน
และได ้เก็บซอ ่ นสงิ่ เหล่านัน้ ไว ้ในเต ้นท์ของเขา

Joshua not knowing that GOD'S instructions had been breached by A' -chan, sends
three thousand men out (shortly after their defeat from Jericho) to take control of a small
city by the name of A' -i. However, the three thousand men sent to fight for the control of A'
-i are easily defeated and are chased out of A' -i by the occupants of the city, and thirty-six
of them are killed during their flight from the city.

โยชูวาไม่ได ้รับรู ้ว่าคาแนะนาของพระเจ ้าได ้ถูกทาลายโดย เอชาน


จึงได ้สง่ ทหารสามพันคนออกไป(ไม่นานหลังจากทีพ ่ วกเขาได ้รบชนะเมืองเยรีโค)
เพือ
่ ทีจ
่ ะยึดอานาจจากเมืองเล็กๆเมืองหนึง่ ชอ ื่ เมือง อัย
แต่อย่างไรก็ตามชายสามพันคนทีไ่ ด ้สง่ ไปต่อสูที ้ เ่ มือง
อัยได ้มีชยั ชนะอย่างง่ายดายและได ้ไล่อัยของจากเมืองซงึ่ เป็ นผู ้ตัง้ รกรากของเมืองนี้
แต่มสี ามสบ ิ หกคนของชาวอิสราเอลได ้เสย ี ชวี ต ้
ิ ระหว่างการต่อสูจากเมื องนี้

When Joshua hears that he has lost thirty-six men he is shocked. Joshua, not losing a
single person in the battle over the great city of Jericho, knows that something had to have
gone wrong. So Joshua asks THE LORD why they had failed in their effort to take the city of
A' -i. GOD tells Joshua how the CHILDREN of ISRAEL had SINNED against HIM by their
taking some of the gold and silver for themselves, and how some of the cursed things were
taken from the spoils of Jericho.

246
เมือ ี ทหารสามสบ
่ โยชูวาได ้ยินว่าเขาได ้สูญเสย ิ หกคน เขาได ้ตกใจเป็ นอย่างมาก
เพราะโยชูวา ไม่ได ้สูญเสย ี ทหาร แม ้แต่สกั คนหนึง่ ในการต่อสูที
้ เ่ มืองสาคัญของเยรีโค
จึงรู ้ว่ามีบางสงิ่ ผิดพลาด จากนัน ้ โยชูวาได ้อธิษฐานถามพระเจ ้า
ทาไมพวกเขาได ้ล ้มเหลวในความพยายามทีจ ่ ะยึดครองเมืองอัย
พระเจ ้าได ้ตรัสบอกโยชูวาว่าบุตรหลานของอิสราเอลได ้กระทาบาปต่อพระองค์โดยได ้ยักยอกนาเงิน
และทองบางสว่ น จึงรับผลบางสว่ นจากสงิ่ ของทีไ่ ด ้ทาการสาปแชง่ ของเมืองโยรีโค
After THE LORD discloses this to Joshua, he discovers that A' -chan is the person who
had committed the sin, and because of A' -chan's sin, GOD had brought a curse upon
ISRAEL. Once Joshua hears this from GOD, he has A' -chan and his family stoned to death
for the crime. Joshua also has all of A' -chau's belongings burnt with FIRE, and GOD
removed HIS CURSE from ISRAEL.

หลังจากพระเจ ้าได ้เปิ ดเผยสงิ่ นีต


้ อ
่ โยชูวา เขาได ้พบว่า
เอชานเป็ นบุคคลทีไ่ ด ้กระทาบาปและเพราะว่าเอชานได ้กระทาบาป
พระเจ ้าได ้นาคาแชง่ สาปมาเหนืออิสราเอล หลังจากโยชูวาได ้ยินสงิ่ นีจ
้ ากพระเจ ้า เขาได ้ปาหิน
ต่อเอชานและครอบครัวถึงแก่ความตาย โยชูวาได ้เผาสงิ่ ของต่างๆทีเ่ ป็ นของ
เอชานด ้วยไฟและพระเจ ้าได ้เอาคาแชง่ สาปออกไปจากอิสราเอล

The Sun Stands Still / ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน

Once THE LORD removed HIS CURSE from ISRAEL, HE teaches Joshua certain battle
tactics and war strategies to be used in their future battles. GOD allows the CHILDREN of
ISRAEL to conquer A' -i, and also the Kings of Gibeon. Once these Kings had been taken out,
the people of Gibeon who were the neighbors to A' -i agree to serve the CHILDREN of
ISRAEL rather than be destroyed as the people of A' -i were. Joshua agrees to not kill the
people of Gibeon

เมือ่ พระองค์เจ ้าถอดถอนคาสาปแชง่ ของพระองค์ จากชนชาติอส ิ ราเอล


พระองค์ได ้สอนโยชูวาถึงเทคนิคและยุทธศาสตร์การรบทีจ ้
่ ะใชในอนาคต
พระเจ ้าได ้อนุญาติให ้บุตรหลานของชนชาติอส ิ ราเอลนัน ้ ได ้รับชย ั ชนะเมือง

อัยและกษั ตริยเ์ มืองกิดโิ อนด ้วยเชนกัน เมือ ่ กษั ตริยไ์ ด ้ถูกถอดถอนตาแหน่ง
ประชาชนกิดโิ อนผู ้ซงึ่ ได ้เป็ นเพือ
่ นบ ้านของเมืองอัยได ้ตกลงทีจ ้
่ ะรับใชชนชาติ อส
ิ ราเอลแทนทีจ
่ ะถูก
ทาลายเหมือนประชากรเมืองอัย โยชูวาได ้ตกลงทีจ ่ ะไม่ฆา่ ประชาชนของกิดโิ อน

and allows them to stay in the city and dwell with the CHILDREN of ISRAEL, however
they were told that they would be ISRAEL'S servants. The Gibeonites were not given any
authority whatsoever and were given menial tasks to perform such as; gathering wood for
the ALTAR and bringing water into the city for the CHILDREN of ISRAEL.

และยอมให ้พวกเขาพักในเมืองและอาศัยอยูท ่ า่ มกลางกับบุตรหลานของอิสราเอล,


แต่อย่างไรก็พวกเขาได ้ถูกบอกว่าพวกเขาจะต ้องคนรับใชของชนชาติ ้ อส
ิ ราเอล
ชาวกิดโิ อนไม่ได ้รับมอบให ้เป็ นเจ ้าหน ้าทีใ่ นตาแหน่งใดๆ
ไม่วา่ อะไรก็ตามและได ้มอบงานเกีย ่ นใช ้
่ วกับหน ้าทีค
247
่ การเก็บไม ้ฟื นมารวบรวมไว ้สาหรับการเผาทีแ
เชน ่ ท่นบูชาและนาน้ ามาเข ้าไปในเมืองสาหรับบุตรหล
านของอิสราเอล,
When the King of Jerusalem, Ad-o' -ni-ze' -dek hears how Joshua and the CHILDREN of
ISRAEL had defeated both Jericho and A-i, and also how the Gibeonites had submitted
themselves as servants to them, he calls together four of the neighboring Kings. He does
this in an effort so they may join forces with him to fight against the CHILDREN of ISRAEL
and take back the city Gibeon for themselves.

เมือ
่ กษั ตริยข์ องกรุงเยรูซาเล็ม Ad-o' -ni-ze' -dek อาโดนีเซเดก
ได ้รับทราบข่าวสารว่าโยชูวาและบุตรหลานของชนชาติอส ิ ราเอลได ้รบชนะเมืองเยริโคและเมืองอัย
และเชน ่ เดียวกับเมืองกิดโิ อน ได ้ยอมจานนพวกเขาเองเป็ นคนรับใชของพวกเขาทั ้ ง้ หลาย
พวกเขาได ้รวบรวมกษั ตริยเ์ พือ ่ นบ ้านสแี่ ห่ง
เขาได ้กระทาเชน ่ นีเ้ พือ
่ พยายามทีจ
่ ะร่วมกันเป็ นแรงกดดันทีจ ่ ะต่อสูต่้ อต ้านบุตรหลานของอิสราเอล
และอยากยึดครองเมืองกิดโิ อนกลับคืนมาเพือ ่ เป็ นของพวกเขาเอง

The five kings set themselves in a battle array around the city of Gibeon, which the
CHILDREN of ISRAEL now control. When the men of Gibeon see that they are about to be
attacked, they send word out to Joshua who is camped in Gilgal, explaining to him how the
five Kings of the Amorites are of about to take the city by force, and request his help

์ ัง้ 5 ท่านได ้จัดตัง้ พวกเขาเองในการต่อสูล้ ้อมรอบเมืองกิดโิ อนทีซ


กษั ตริยท ่ งึ่
บุตรหลานของชนชาติอส ิ ราเอลได ้ครอบครองอยู่ เมือ ่ คนกิดโิ อนเห็นว่าพวกเขากาลังจะถูกโจมตี
พวกเขาได ้สง่ คาพูดมาถึงโยชูวาผู ้ซงึ่ อยูใ่ น Gilgal กิลกาล รายงานเขาเกีย ่ วกับกษั ตริยท
์ ัง้ 5
ท่านชาวอโมไรต์นัน ้ กาลังจะใชก้ าลังเข ้ามายึดเมืองและร ้องขอความชว่ ยเหลือจากโยชูวา

Joshua goes up to Gibeon and while on his way, THE LORD tells him to not be afraid
for HE will deliver the Amorites into his hand before the sun goes down. THE LORD sends
down GREAT HAILSTONES from HEAVEN while the CHILDREN of ISRAEL attack the
Amorites, and there were more Amorites killed by the HAILSTONES than were killed by the
swords of the CHILDREN of ISRAEL.

โยชูวาจึง ขึน
้ บนยังกิดโิ อน และระหว่างการเดินทางของเขา
พระองค์เจ ้าบอกเขาว่าไม่ต ้องกลัวเพราะพระองค์จะสง่ คน อโมไรต์เข ้าไปอยูใ่ นมือของเขา
่ วงอาทิตย์จะตกดิน พระองค์เจ ้าสง่ จากลูกเห็บจากสวรรค์ตกลงมาอย่างหนั ก
ก่อนทีด
ขณะทีบ ่ ต
ุ รหลานของชนชาติอส ิ ราเอลเข ้าโจมตี
คนอโมไรต์และทีน ่ ัน
้ คนอโมไรต์ถก ู ฆ่าด ้วยลูกเห็บทีต
่ กลงมาจากท ้องฟ้ ามากกว่าทีจ
่ ะถูกฆ่าโดยดาบ
ของ บุตรหลานของชนชาติอส ิ ราเอล

Joshua 10:12 Then spake Joshua to THE LORD in the day when THE LORD delivered up the
Am '-or-ites before the CHILDREN of ISRAEL, and he said in the sight of ISRAEL, Sun, stand
thou still upon Gib 'e-on; and thou, Moon, in the valley of Aj'-a-Ion.

248
Joshua 10:13 And the sun STOOD STILL, and the moon STAYED, until the people had
avenged themselves upon their enemies. Is not this written in the Book of Ja '-sher? So the
sun STOOD STILL in the midst of heaven, and hasted not to go down about a whole day.

Joshua 10:14 And there was no day like that before it or after it, that THE LORD hearkened
unto the voice of a man: for THE LORD fought for ISRAELNOTE 31

โยชูวา 10:12
แล ้วโยชูวาก็กราบทูลพระเยโฮวาห์ในวันทีพ ่ ระเยโฮวาห์ทรงมอบคนอาโมไรต์ตอ ่ หน ้าคนอิสราเอลนั ้
น และท่านได ้กล่าวท่ามกลางสายตาของคนอิสราเอลว่า "ดวงอาทิตย์เอ๋ย
เจ ้าจงหยุดนิง่ ตรงเมืองกิเบโอน และดวงจันทร์เอ๋ย เจ ้าจงหยุดอยูต
่ รงหุบเขาอัยยาโลน"

โยชูวา 10:13 ดวงอาทิตย์ก็หยุดนิง่


และดวงจันทร์ก็ตงั ้ เฉยอยูจ ั รูของเขาเสร็จ
่ นประชาชนได ้แก ้แค ้นศต
เรือ
่ งนีม
้ ไิ ด ้จารึกไว ้ในหนั งสอื ยาชาร์ดอกหรือ ดวงอาทิตย์หยุดนิง่ อยูก
่ ลางท ้องฟ้ า
หาได ้รีบตกไปตามเวลาประมาณวันหนึง่ ไม่

โยชูวา 10:14
วันทีพ ี งของมนุษย์อย่างกับวันนั น
่ ระเยโฮวาห์ทรงสดับฟั งเสย ้ ทัง้ ในสมัยก่อนหรือในสมัยต่อมาไม่มอ
ี ี
้ อ
กแล ้ว เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงต่อสูเพื ่ อิสราเอล โน ้ต 31

NOTE 31 The GREAT HAILSTONES that THE LORD had sent down from HEAVEN selectively
hit only the Amorites and none of the CHILDREN of ISRAEL. Imagine a battle that consists
of hand to hand combat having thousands of men where both the enemy and the ally are
only an arms-length apart. Imagine seeing GREAT HAIL coming down from the sky striking
only the enemy.

โน ้ต 31 ลูกเห็บขนาดใหญ่ทพ ี่ ระองค์เจ ้าได ้สง่ ตกลงมาจากสวรรค์


เลือกทีจ่ ะโจมตีเฉพาะคนอาโมไรต์เท่านัน ้ และไม่มแ ั คนของบุตรหลานของชนชาติอส
ี ม ้แต่สก ิ ราเอล
ถูกโจมตีด ้วยลูกเห็บขนาดใหญ่

จินตนาการการสูรบนี ้
มือต่อมือได ้ทาการต่อสูมี้ ผู ้คนนั บพันทีซ่ งึ่ เป็ นศัตรูและซงึ่ ทัง้ สองอยูป ิ ตัวกันในชว่ งระยะความห่
่ ระชด
างระหว่างชว่ งแขน
จินตนาการวาดภาพว่าลูกเห็บขนาดใหญ่ได ้ตกลงมาจากท ้องฟ้ าโจมตีเฉพาะศัตรูเท่านัน ้

Another point being made in the Scriptures; is that THE LORD promised Joshua that
HE would DELIVER the Amorites into Joshua's hand that day. THE LORD, to fulfill his
PROMISE to Joshua, held back the going down of the sun until the Amorites were defeated.

จุดอืน
่ ๆทีส
่ าแดงในพระคัมภีรไ์ บเบิล
้ นัน ั ญากับโยชูวาแล ้ว
้ คือพระเจ ้าได ้สญ
พระองค์จะชว่ ยปลดปล่อยเขาออกจากคนอโมไรต์ให ้อยูภ ่ ายใต ้มือของโยชูวาในวันนัน

พระเจ ้ารักษาสญ ั ญาทีพ่ ระองค์มต
ี อ
่ โยชูวาถือเวลาก่อนดวงอาทิตย์ตกดินจนกระทั่งคนอโมไรต์พา่ ย
แพ ้กลับไป

249
Once the five Kings had seen that the CHILDREN of ISRAEL were destroy ing their
armies, they went into a cave to hide themselves. When Joshua sees this, he has the mouth
of the cave sealed with some very large stones so the kings could not escape, while the
Children of ISRAEL continued to pursue after the soldiers, who were fleeing from them.
After catching up to and killing all of the Amorite Soldiers, the CHILDREN of ISRAEL return
to the cave they had sealed and bring out the five Kings.

เมือ่ กษั ตริยท


์ ัง้ 5 ท่านได ้เห็นบุตรหลานของชนชาติอส ิ ราเอล
ทาลายกองทัพทหารของเขาทัง้ หลาย
พวกเขาได ้เข ้าไปหลบหนีเข ้าไปในถ้าเพือ ่ ทีจ
่ ะซอ ่ นตัวพวกเขาเอง เมือ ่ โยชูวาเห็นสงิ่ นี,้
เขาได ้ปิ ดผนึกปากด ้วยหินใหญ่ เพือ ่ ทีก
่ ษั ตริยเ์ หล่านัน
้ ไม่สามารถหลบหนีไปได ้
ขณะทีบ ่ ตุ รหลานของชนชาติอส ิ ราเอลยังคงไล่ตามทหาร ผู ้ซงึ่ กาลังหนีจากพวกเขา
หลังจากนัน ้ ตามจับทหารมาฆ่าและได ้ฆ่าทหารอาโมไรต์ทัง้ หมด
จากนัน
้ บุตรหลานของชนชาติอส ิ ราเอลกลับไปยังถ้าทีเ่ ขาได ้ปิ ดผนึกไว ้และนากษั ตริยท ์ ัง้ 5
ท่านออกมา

Joshua has his Army Captains put their feet upon the necks of the five Kings for a show
of force and conquest. He tells the CHILDREN of ISRAEL, if they will continue to SERVE
GOD, all of their enemies would end up in defeat like the five Kings. Joshua then orders
the Kings to be killed, and has their dead bodies hung up on five trees until the sun had
finally gone down, which was forty-eight hours after initially coming up.

โยชูวามีหัวหน ้ากัปตันกองทัพทหารของเขา จับเท ้ากษั ตริยท ์ ัง้ 5 ท่าน


มัดงอถึงคอของเขาทัง้ หลาย
เพือ
่ เป็ นการแสดงว่ายอมสยบกาลังลงและเพือ ั ชนะ
่ สาแดงการได ้รับชย
โยชูวาบอกบุตรหลานของชนชาติอส ิ ราเอล ถ ้าพวกเขาจะยังคงรับใชพระเจ ้ ้าต่อไป
ศัตรูทัง้ หมดจะพ่ายแพ ้จบลงแบบกษั ตริยท ์ ัง้ 5 ท่าน ต่อมาโยชูวาได ้สงั่ ให ้ฆ่ากษั ตริยท ์ ัง้ 5 ท่าน
และศพของพวกเขาได ้แขวนอยูบ ่ นต ้นไม ้จนกระทัง้ ดวงอาทิตย์ตกดินทีซ ่ งึ่ เป็ นเวลาสส
ี่ บิ แปดชวั่ โมง
หลังจากการเดินทางมาของโยชูวา
THE LORD has Joshua immediately go out to war and defeat several more cities
prior to their returning to their camp in Gilgal. THE LORD has Joshua do this to boost
ISRAEL'S CONFIDENCE and to SHOW the CHILDREN of ISRAEL the ALMIGHTY POWER of
GOD. In each and every city where they had gone into battle, the Children of ISRAEL were
instructed by GOD to kill every single person and leave not one of them alive. THE LORD
had so COMMANDED them to do this, for HE knew the people in these cities were corrupt,
and if they were to remain alive, they would corrupt the Children of ISRAEL with their false
gods and cause them to sin.

ในทันทีทันใดพระองค์เจ ้าได ้สงั่ ให ้โยชูวาออกไปทาสงครามและได ้รบชนะอีกหลายๆเมืองก่อนหน ้า


ทีเ่ ขาจะย ้อนกลับเข ้าไปในค่าย Gilgal กิลกาล
พระองค์เจ ้าให ้โยชูวากระทาสงิ่ นีเ้ พือ
่ เพิม
่ ความมั่นใจต่อบุตรหลานของอิสราเอลและเพือ
่ สาแดงว่าช

250
นชาติอส
ิ ราเอลเป็ นผู ้ทีม
่ พ
ี ลังฤทธานุภาพของพระเจ ้า
้ าสงคราม
ในแต่ละและทุกๆเมืองทีไ่ ด ้เข ้าไปต่อสูท
บุตรหลานของอิสราเอลได ้รับคาแนะนาจากพระเจ ้าให ้ฆ่าทุกคนและไม่ให ้เหลือแม ้แต่หนึง่ ชวี ต
ิ ในพ
วกเขาเหล่านัน

พระองค์เจ ้าได ้สงั่ ให ้พวกเขากระทาสงิ่ นีเ้ พราะพระองค์รู ้ว่าประชากรเหล่านีจ


้ ะคอรัปกบฏ
ถ ้าพวกเขายังคงมีชวี ต

พวกเขาจะคอรัป(ทาให ้หลงผิด)ต่อบุตรหลานของอิสราเอลด ้วยการไปกราบไหว ้พระเทียมเท็จและเ
ป็ นสาเหตุให ้พวกเขาไปกระทาบาป

THE LORD leads Joshua to Victory


ั ชนะ
พระองค์เจ ้าทรงนาโยชูวาให ้ได ้รับชย

Joshua continues to go to battle against many of the Canaanite Kingdoms and


conquers thirty-one kingdoms in all. He also roots out nearly all of the An' -a kim people,
who were a race of giants that were the offspring of the angel. Only a few An' -a-kims
remained alive in the land that was possessed by the Philistines.

โยชูวายังคงทาสงครามสูรบต่ ้ อต ้าน
อาณาจักรของคานาไนท์หลายแห่งและได ้รับชย ั ชนะใน 31 ราช อาณาจักรทัง้ หมด
เขาได ้ถอนรากเชอ ื้ สายของคน อานาคคิม
เกือบทัง้ หมดผู ้ซงึ่ มีรปู ร่างยักษ์ สงู ใหญ่เป็ นเชอื่ สายของทูตสวรรค์ทรี่ ว่ งหล่นจากพระคุณ
มีเพียงเชอ ื้ สายอานาคคิมทีม ี วี ต
่ ช ิ คงเหลืออยูน่ ้อยมากในดินแดนนั น้ ซงึ่ คนฟิ ลส
ิ เตียเป็ นเจ ้าของทีด
่ น

นัน

Joshua 11:21 And at that time came Joshua, and cut off the An '-a kims from the mountains,
from He 'bron, from De 'bir; from A ' nab, and from all the mountains of Judah, and from all
the mountains of ISRAEL: Joshua destroyed them utterly with their cities.

Joshua 11:22 There was none of the An' -a-kims left in the land of the CHILDREN of ISRAEL:
only in Ga za, in Gath, and in Ash ' dod, there remained.

โยชูวา 11:21 คราวนัน


้ โยชูวาได ้มาขจัดคนอานาคออกจากแดนเทือกเขา จากเฮโบรน จากเดบีร ์
จากอานาบ และจากทั่วแดนเทือกเขาแห่งยูดาห์ และจากทั่วแดนเทือกเขาแห่งอิสราเอล
ี สน
โยชูวาได ้ทาลายคนเหล่านีเ้ สย ิ้ พร ้อมทัง้ เมืองทัง้ หลายของพวกเขาด ้วย

โยชูวา 11:22 ไม่มคี นอานาคเหลืออยูใ่ นแผ่นดินของประชาชนอิสราเอล เว ้นแต่ในกาซา ในเมือง


กัทและอัชโดด ทีย่ ังมีเหลืออยูบ
่ ้าง

The tribe of Reuben and the tribe of Gad, and one-half the tribe of Ma-nas' seh had
their land allocated to them (and their land was on the other side of the Jordan), and it was
now time for the other tribes to receive their land as well. THE LORD tells Joshua that he

251
must now allocate the land to the remaining nine tribes and also to the remaining half-tribe
of Ma-nas' -seh.

เผ่ารูเบนและเผ่ากาดและครึง่ หนึง่ ของเผ่ามนัสเสห์


ได ้มีทด ี่ นิ ของพวกเขา(ซงึ่ ทีด่ น
ิ ของพวกเขาอยูอ ่ ก
ี ฝั่ งหนึง่ ของแม่น้ าจอร์แดน)และนีค
้ อ
ื เวลาของเผ่า
อืน
่ ๆทีจ่ ะได ้รับมอบทีด ่ น ่ กัน พระเจ ้าได ้บอกโยชูวาว่า
ิ เชน
บัดนีพ้ ระองค์จาต ้องแบ่งดินแดนสาหรับเผ่าทีเ่ หลือและอีกครึง่ หนึง่ ของเผ่ามนั สเสห์เชน ่ กัน

So Joshua sets the boundaries of the land and divides it in accordance to the size of
each of the tribes, with the larger tribes receiving the larger parcels of land. Joshua also
gives to Caleb the city He' -bron for only he and Caleb of the prior generation of ISRAEL was
willing to go out and fight for their land, after spying it out for MOSES. It was also only
Joshua and Caleb who had survived from the first generation that GOD had DELIVERED out
of the land of Egypt.

จากนัน
้ โยชูวาได ้จัดตัง้ ขอบเขตของดินแดน
และแบ่งตามขนาดของจานวนประชากรของแต่ละเผ่า
เป็ นขนาดของดินแดนทีแ ่ ต่ละเผ่าควรจะได ้รับ โยชูวาได ้มอบเมืองเฮโบนแก่เคเลบ
เพราะมีเพียงเขาและเคเลบทีเ่ ป็ นชนชาติอส ิ ราเอลรุน
่ แรกก่อน
ทีจ
่ ะออกไปทาการรบเพือ ่ ยึดครองดินแดน
หลังจากได ้กลับมาจากภาระหน ้าทีข ่ องการสอดแนมเพือ ่ สง่ ข่าวให ้โมเสส
มีเพียงโยชูวาและเคเลบผู ้ซงึ่ ได ้มีชวี ต
ิ อยูจ
่ ากชนชาติอส ิ ราเอลรุน ่ แรกทีพ่ ระเจ ้าได ้ปลดปล่อยออกจา
กดินแดนของประเทศอียป ิ ต์

THE LORD has Joshua allocate land to the Levites so there could be made certain
cities called, 'Cities of Refuge". These cities were established for the protection of people
whom were accused of causing the death of another person and had not yet been JUDGED
for the crime. It was common place at that time, that even if a person accidentally caused
the death of another, the relatives of the deceased would seek the life of the accused. The
accused person could flee to one of the Cities of Refuge and there receive protection, prior
to their judgment. The Levites controlled all the "Cities of Refuge"

พระองค์เจ ้าได ้ให ้โยชูวาจัดสรรทีด ่ น


ิ สาหรับคนเลวี จากนัน ้ สร ้างเป็ นเมืองทีเ่ รียกว่า
เมืองลีภ ้ ัยนีค
้ อ
ื เมืองทีไ่ ด ้จัดตัง้ ขึน้ เพือ ่
เป็ นการปกป้ องคนทีไ่ ด ้ถูกกล่าวโทษถึงแก่ความตายจากอีกบุคคลหนึง่ และยังไม่ได ้ทาการพิพากษ
าสาหรับการฆาตกรรม นีค ้ อื สถานทีธ ่ รรมดาสามัญในเวลานั น ้
ถ ้าหากว่าบุคคลหนึง่ ได ้เป็ นสาเหตุทาให ้อีกคนหนึง่ ตายโดยอุบัตเิ หตุไม่ได ้เจตนา
ญาติของเขาได ้จะทาการแสวงหาชวี ต ิ คนนัน้ เพือ
่ เป็ นการกล่าวโทษ
ผู ้ทีถ
่ ก
ู กล่าวโทษจะสามารถหนีมาทีเ่ มืองนี้ เป็ นเมืองหลบภัยและมีการป้ องกันก่อนทีจ ่ ะพิพากษา
คนเลวีจะเป็ นผู ้ควบคุม เมืองลีภ ้ ัยนีท้ ัง้ หมด

252
The tribe of Levi did not have any inheritance (because GOD was their inheritance),
so each of the TWELVE TRIBES gave some of their land to the Levites so they would have
some place to live. The Levite Priests also governed and lived in the Cities of Refuge and
some other cities that encircled the area where the ARK of the COVENANT and the
TABERNACLE sat. The FIRST PERMANENT place where the TABERNACLE and ARK of the
COVENANT was set up, was called "SHILOH".

เผ่าของคนเลวีไม่สามารถมีมรดกใดๆ(เพราะว่าพระเจ ้าเป็ นมรดกของพวกเขา


)จากนัน ้ สบิ สองเผ่าของอิสราเอลจะมอบทีด ่ น
ิ ของพวกเขาแก่คนเลวีเพือ ่ พวกเขาจะได ้มีทอ ี่ ยู่
ปุโรหิตเลวีนัน ้ จะปกครองและอาศัยอยูใ่ นเมืองลีภ ้ ัยนีแ
้ ละบางเมืองทีอ
่ ยูร่ อบๆสถานทีต
่ งั ้ ของหีบพันธ
สญั ญาและทีต ่ งั ้ ของพลับพลา สถานทีเ่ ป็ นทีต่ งั ้ ถาวรของพลับพลาและหีบพันธสญ ั ญาทีไ่ ด ้จัดตัง้ ขึน

นัน้ คือสถานทีม ่ ช ื่ เรียกว่า ชโิ ลห์
ี อ

With most of the land of Canaan taken by the CHILDREN of ISRAEL, Joshua sets
boundaries for the remaining nine tribes and the half-tribe of Ma nas' -seh. He then allows
the tribes of Reuben, Gad and the other half-tribe of Ma-nas' -seh to return to their land on
the far side of the Jordan. Joshua, now being one hundred and ten years old and ill from old
age, calls the CHILDREN of ISRAEL together to give ISRAEL his (male BLESSING.) Once the
Children of ISRAEL had been gathered together, Joshua reminds them of all the GREAT
WORKS they had seen with their own eyes, which THE LORD had done.

ทีด่ น
ิ ทัง้ หมดของคานาไนท์ได ้ถูกยึดครองโดยบุตรหลานของอิสราเอล
โยชูวาได ้จัดตัง้ ขอบเขตดินแดนทีเ่ หลือให ้กับเก ้าเผ่าและครึง่ หนึง่ ของเผ่ามนั สเสห์
จากนัน ้ เขาได ้อนุญาติให ้เผ่า รูเบน
กาดและครึง่ หนึง่ ของเผ่ามนัสเสห์กลับไปยังทีด ่ น
ิ ไกล ้ริมฝั่ งแม่น้ าจอร์แดน โยชูวาบัดนีม
้ อ
ี ายุ 110 ปี
และได ้ป่ วยจากโรคคนแก่
จึงได ้เรียกลูกหลานอิสราเอลมารวมประชุมกัน(เป็ นการอวยพรต่อบุตรชาย)
โยชูวาได ้เตือนความทรงจาแก่พวกเขาเกีย ่ วกับการงานทีย ่ งิ่ ใหญ่มากมาย
ทีเ่ ขาได ้เห็นด ้วยสายตาของเขาเองทีซ ่ งึ่ พระเจ ้าได ้เป็ นผู ้กระทา

Joshua also warns them as MOSES had done, to never worship any idols or false
gods. Joshua tells the Children of ISRAEL how their GOD is a jealous GOD, and how GOD will
hold them accountable for VIOLATING HIS COMMANDMENTS. Joshua dies shortly
thereafter and is buried in the land of his inheritance, which is on the north side of the hill
of Ga' -ash.

โยชูวายังได ้ตักเตือนพวกเขาเหมือนทีโ่ มเสสได ้กระทาถึง


อย่าไปกราบไหว ้รูปเคารพใดๆหรือพระเจ ้าเทียมเท็จต่างๆ โยชูวาบอกลูกหลานอิสราเอลว่า พระเจ ้า
ของพวกเขาเป็ นพระเจ ้าทีห ่ วงแหนและพระเจ ้าจะคิดบัญชก ี ับพวกเขาในการฝ่ าฝื นคาสงั่ สอนของพร
ะองค์ โยชูวาได ้เสย ี ชวี ต
ิ หลังจากนัน
้ ไม่นานและได ้ฝั งศพของเขาในดินแดนทีเ่ ขาได ้รับมรดก
่ งึ่ อยูท
ทีซ ่ างด ้านเหนือของภูเขา กาเอซ

253
Joshua 24:31 And ISRAEL served THE LORD all the days of Joshua, and all the days of the
Elders that overlived Joshua, and which had known all the WORKS of THE LORD, that HE
had done for ISRAEL.

โยชูวา 24:31 คนอิสราเอลได ้ปรนนิบัตพ ิ ระเยโฮวาห์ตลอดสมัยของโยชูวา


และตลอดสมัยของพวกผู ้ใหญ่ผู ้มีอายุยน ื นานกว่าโยชูวา
ผู ้ซงึ่ ได ้ทราบถึงบรรดาพระราชกิจซงึ่ พระเยโฮวาห์ทรงกระทาเพือ
่ อิสราเอล

NOTE: THE LORD has told me the way in which HE had caused the wall of Jericho to fall flat
to the ground, and has also told me that I should share this explanation with you. Many of
the MIRACLES that GOD had PERFORMED over the course of time have a scientific
explanation to them, as to what had CAUSED the MIRACLE to HAPPEN. The MIRACLE in
many cases is not the EVENT in itself, but rather the circumstances that had occurred
leading up to the EVENT, which in turn had CAUSED the MIRACLE to HAPPEN!

หมายเหตุ: พระองค์เจ ้าได ้บอกผม(ผู ้พยากรณ์โรเบิต)ถึง


แผนการทีพ ่ ระองค์ได ้ทาให ้กาแพงของเมืองเยรีโคพังลงมาทีพ ่ น
ื้ ดินและพระองค์ได ้บอกผมว่า
ผมควรจะอธิบายแบ่งปั นต่อท่านผู ้อ่าน
อัศจรรย์หลายสงิ่ หลายอย่างทีพ ่ ระเจ ้าได ้ทรงสาแดงเป็ นเวลานาน
นัน
้ มีการอธิบายเป็ นหลักการทางวิทยาศาตร์ตอ ่ พวกเขาทัง้ หลาย
ว่าสงิ่ ใดเป็ นสาเหตุทที่ าให ้เกิดการอัศจรรย์
กรณีของการอัศจรรย์ในหลายๆเหตุการณ์นัน ่ ารอัศจรรย์ในตัวของมันเอง
้ ไม่ใชก
แต่มากไปกว่านัน ้ สถานะการณ์โดยรอบ นาไปสูเ่ หตุการณ์ซงึ่ เป็ นสาเหตุทาให ้เกิดการอัศจรรย์

In the case of the wall of Jericho, GOD had Joshua make SEVEN TRUMPETS from
ram's horns. The ram's horns that were selected by Joshua had varying lengths and
diameters making each one resonate at a slightly different audio frequency when it was
blown. When the TRUMPETS were blown in combination with one another, the combined
frequencies of the ram's horns created an odd order acoustical resonance.

ในกรณีของกาแพงเยรีโค พระเจ ้าได ้ให ้โยชูวาทาแตรเจ็ดอันจากเขาแกะตัวผู ้


เขาสต ั ว์จากแกะตัวผู ้
ได ้ถูกคัดสรรจากโยชูวาซงึ่ มีความยาวและความกว ้างของขนาดของเขาสต ั ว์ทแ
ี่ ตกต่างกันนั น
้ เป็ นหนึ่
งในเหตุผลทีท ี งแหลมทีแ
่ าให ้เกิดเสย ่ ตกต่างกันในคลืน่ ความถีเ่ สยี งเมือ
่ เป่ า
เมือ
่ แตรได ้เป่ าอย่างพร ้อมเพียงกันจะรวมความถีข่ องจากเสย ี งทีด่ ังออกมาจากเขาสต ั ว์
ทาให ้เพิม ่ ความแปลกปะหลาดของคลืน ี งสะท ้อนออกมา
่ เสย

The resonance of the TRUMPETS in conjunction with the SHOUTING VOICES of the
one and one-half million PEOPLE further combined together and created a secondary
random resonance to occur within the wall of Jericho. This secondary random resonance
produced an acoustic shock wave within the wall, by consisting of the proper magnitude
and frequency spectrum. This caused the rock structure of the wall of Jericho to
disintegrate!

254
เสยี งสะท ้อนของแตรบวกกับการตะโกนของเสย ี งของหนึง่ ล ้านและอีกห ้าแสนคน
เพิม่ รวมไปและสร ้างเป็ นเสยี งสะท ้อนก ้องกังวาลอยูภ่ ายในกาแพง
นีค
้ อื เหตุผลทีส่ องของเสยี งสะท ้อนเป็ นคลืน
่ สะท ้อนฉั บพลันก ้องกังวาลอยูใ่ นกาแพงโดยค่าคงทีท
่ เี่
หมาะสมและความถีใ่ นชว่ งสเปคตรัมนีเ้ ป็ นสาเหตุทาให ้โครงสร ้างของหินของกาแพงเมืองเยรีโคพัง
ทลายลง

In summary, the resonance resulting from the PEOPLES VOICES and the TRUMPETS
sounding together, created a random vibration within the rock wall, causing its molecular
structure to go into a crystal resonance. The random vibration caused by this resonance
caused the wall's crystalline structure to deteriorate, making the rocks within the wall to
crumble and fall to the ground!

สรุปในความสาคัญของเสย ี งสะท ้อนเป็ นผลลัพธ์จากเสย ี งของประชากรและเสย ี งของแตรรวมกันสร ้


างเป็ นคลืน
่ สนั่ สะเทือนสุม ่ อยูใ่ นโครงสร ้างภายในของหิน
เป็ นสาเหตุทาให ้โมเลกุลของหินรวมไปถึงคริสตัล(ผลึก)โมเลกุลสน ั่ สะเทือน
การสุม่ โดยใชเส ้ ย
ี งสน
ั่ สะเสอ ื นเป็ นสาเหตุทาให ้สร ้างคลืน ่ สะท ้อนของคริสตัลทีย ่ ด
ึ อยูใ่ นโครงสร ้างข
้ ้างกาแพง นั น
องหินทีใ่ ชสร ้ พังทะลาย
และทาให ้หินภายในกาแพงแตกเป็ นเศษชน ิ้ สว่ นและร่วงลงมาทีพ ่ น
ื้ ดิน

The Book of Judges ,THE FOUR SERAPHIM are JUDGE in HEAVEN and provide the
SPIRITUAL GUIDANCE to ALL of GOD'S PEOPLE 18/30

ื ของผู ้วินจ
หนังสอ ิ ฉั ย เสราฟิ มทัง้ ส ี่
เป็ นผู ้วินจ
ิ ฉั ยบนสวรรค์และได ้จัดเตรียมการทรงนาฝ่ ายวิญญาณต่อประชากรของพระเจ ้าทัง้ หมดใน
สวรรค์

6.11 The Book of Judges


ื ของผู ้วินจ
6.11 หนั งสอ ิ ฉั ย

Before we go into the Book of Judges let us talk a bit about the PURPOSE of the
JUDGE. The WORD "JUDGE" in the HEBREWAH LANGUAGE (Tongues) is the WORD "Cor' -
tah". This is also the NAME given to THE FOUR SERAPHIM for they are referred to in
HEAVEN as the COR'-TAH. This name is given to them because THE FOUR SERAPHIM are
JUDGE in HEAVEN and provide the SPIRITUAL GUIDANCE to ALL of GOD'S PEOPLE and
THE HEAVENLY HOSTS in accordance with THE WORD of GOD.

ก่อนทีเ่ ราจะเข ้าไปสูใ่ นหนั งสอ


ื ของผู ้วินจ
ิ ฉั ย
ให ้เราพูดคุยเล็กๆน ้อยๆเกีย่ วกับจุดประสงค์ของผู ้วินจ ิ ฉั ย คาว่า"JUDGE ผู ้วินจ
ิ ฉั ย"
(การพิพากษาตัดสน ิ ) ในภาษา HEBREWAH (แปลกๆ)คือคาว่า " Cor '- tah " นีเ้ ป็ นชอ ื่ ทีม
่ อบให ้แก่
่ ี
(4 SERAPHIM) เสราฟิ มทัง้ ส เพราะว่าพวกเขาถูกอ ้างถึงในสวรรค์เป็ นเสมือน COR '-TAH

255
ื่ นีไ
ชอ ้ ด ้มอบให ้แก่พวกเขาเพราะว่า (4 SERAPHIM) เสราฟิ มทัง้ ส ี่ คือ ผู ้พิพากษา ในฟ้ าสวรรค์
และจัดเตรียมการแนะแนวทางเกีย ่ วกับการทรงนาฝ่ ายจิตวิญญาณต่อผู ้คนของพระเจ ้าและคนทีอ ่ ยูอ

าศัยบสวรรค์ทัง้ หมด ให ้สอดคล ้องตามพระคาของพระเจ ้า

ALL FOUR of the COR' - TAH have either WRITTEN or RECITED THE WORD of GOD
as it was to be WRITTEN into the Scriptures. THE FOURTH COR' - TAH oversees all of
CONTENTS within the Scriptures of the FORTY-FOUR BOOKS contained within THE HOLY
BIBLE. The FOURTH COR' - TAH who is the DIRECT DESCENDANT of THE HOLY SPIRIT of
GOD sees that the DELIVERY of THE WORD of GOD is always SPIRITUALLY CORRECT, and
HE is also the ONE who inspires ALL that is WRITTEN in THE NAME of GOD.

ส ี่ COR '- TAH ทัง้ หมด


ไม่จาเป็ นต ้องเขียนหรือท่องจาพระคาของพระเจ ้าทีไ่ ด ้เขียนไว ้ในข ้อพระคาภีรท ์ ัง้ หลาย COR' -
TAH
เสราฟิ มทีส่ น ี่ ัน
้ ดูแลเหนืออยูเ่ หนือข ้อพระคาภีรท ์ ัง้ หมดทีอ
่ ยูใ่ นพระคาภีรส ี่ บ
์ ส ิ สเี่ ล่มซงึ่ บรรจุไว ้ในพระ
คาภีรไ์ บเบิล ้ COR' - TAH
เสราฟิ มทีส ่ เี่ ป็ นผู ้ซงึ่ สบ
ื ทอดเชอื้ สายของพระวิญญาณบริสท ุ ธ์ของพระเจ ้า
ดูแลอยูเ่ หนือการนาสง่ ข ้อพระคาของพระเจ ้าในฝ่ ายวิญญาณซงึ่ จะถูกต ้องอย่างสมา่ เสมอ
และพระองค์เป็ นผู ้เดียวเท่านัน ้ ซงึ่ เป็ นผู ้ดลใจให ้เขียนพระคาในพระนามของพระเจ ้า

In HEAVEN THE JUDGE presides in a THRONE much like a KING. THE JUDGE in
HEAVEN only judges the WORKS of a PERSON or the WORKS of an ANGEL, however, THE
JUDGE CANNOT JUDGE the WORTHINESS of either a PERSON or an ANGEL, for JUDGMENT
of ONE'S WORTHINESS can only be DONE by THE HOLY SPIRIT.

ในฟ้ าสวรรค์ผู ้วินจ


ิ ฉั ยเป็ นผู ้รับผิดชอบ อยูห่ น ้าพระบัลลังก์เหมือนกับกษั ตริย ์
ผู ้วินจ ิ ฉั ยทีอ
่ ยูใ่ นสวรรค์นัน ้ มีเพียงกระทาการพิพากษาการงานต่างๆของบุคคลหนึง่
หรือการงานต่างๆของทูตสวรรค์ แต่อย่างไรก็ตาม
ผู ้วินจ ิ ฉั ยไม่สามารถพิพากษาความคูค ่ วรของอีกคนหนึง่
หรือของทูตสวรรค์เพราะการพิพากษาของคนหนึง่
ทีค ่ ค
ู่ วรสามารถกระทาได ้โดยองค์พระวิญญาณบริสท ุ ธิเ์ ท่านัน

You will see as we enter into the Book of Judges that GOD gave ISRAEL the Judge to
PRESIDE over both ISRAEL'S moral and SPIRITUAL behavior. This JUDGMENT by the
Judges was done in accordance with GOD'S LAWS, PRECEPTS and STATUTES, with the
Judge not allowing MAN'S laws to interfere with GOD'S LAWS. You will further see when we
enter into the Books of Samuel, Kings and Chronicles that because ISRAEL insisted on
having a man for their King rather than GOD, that the King was limited to presiding over
one's moral behavior only.

256
ท่านจะเห็นได ้ว่าขณะทีพ ่ นั งสอ
่ วกเราได ้เข ้าสูห ื ผู ้วินจ
ิ ฉั ย ซงึ่ พระเจ ้าได ้มอบผู ้วินจ
ิ ฉั ย
ให ้แก่อส ิ ราเอล
ทาหน ้าทีร่ ับผิดชอบควบคุมดูแลอยูเ่ หนือพฤติกรรมภายนอกและภายในฝ่ ายวิญญาณของคนอิสราเอ
ล นีค ้ อ
ื การพิพากษาโดยผู ้วินจ ิ ฉั ยทีก
่ ระทาตามกฏเกณฑ์ของพระเจ ้า กฏระเบียบ
และข ้อบังคับต่างๆซงึ่ ผู ้วินจิ ฉั ยไม่อนุญาติให ้กฏเกณฑ์ของมนุษย์มา
แทรกแซง,ยุง่ เกีย ่ ว,สอดแทรก,ก ้าวก่าย กับกฏเกณฑ์ของพระเจ ้า
ท่านจะเห็นว่าเมือ ่ พวกเราได ้เข ้าสูห่ นั งสอ
ื ซามูเอล พงษ์ กษั ตริยแ ์ ละพงศาวดาร
เพราะว่าอิสราเอลต ้องการมนุษย์เป็ นกษั ตริยข ์ องพวกเขาแทนทีจ ่ ะเป็ นพระเจ ้า
ซงึ่ กษั ตริยไ์ ด ้มีขอบเขตจากัดในความรับผิดชอบอยูเ่ หนือความประพฤติของคนหนึง่ เท่านั น ้

THE PROPHET was given to the King by GOD to preside over the King's SPIRITUAL
BEHAVIOR, for GOD did not want HIS LAWS violated because of the King's POLITICAL
AFFAIRS. The PROPHET made sure that the King's behavior towards the pleasing of the
people didn't interfere with the King or the people following after GOD'S LAWS!

ผู ้พยากรณ์ได ้ถูกมอบไว ้ให ้กับกษั ตริยโ์ ดยพระเจ ้า


เพือ ่ ทีจ
่ ะรับผิดชอบอยูเ่ หนือความประพฤติฝ่ายจิตวิญญาณของกษั ตริย ์
เพราะว่าพระเจ ้าไม่ได ้ต ้องการให ้กฏเกณฑ์ของพระองค์นัน ้ เสอื่ มเสย
ี เพราะการยุง่ เกีย
่ วการเมืองของ
กษั ตริย ์
ผู ้พยากรณ์ได ้ปฏิบัตต ิ ามกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าโดยทาหน ้าทีต ่ รวจสอบความประพฤติของกษั ตริยต ์ ร
งไปทีเ่ ป็ นความโปรดปรานต่อประชาชน ไม่ได ้มายุง่ เกีย ่ วกับกษั ตริยห ์ รือประชากร

Whereas the PROPHET only took his DIRECTION from GOD and hadn't any concern
about his POLITICAL CORRECTNESS, the King most always looked towards the pleasing of
the people. Therefor with the PROPHET taking only his direction from GOD, the PROPHET
could not be INFLUENCED on matters where POLITICAL CORRECTNESS may have
CONFLICTED with GOD'S LAWS. This is because the PROPHETS did not care what the
people or the King had thought of them, for they looked towards only SERVING GOD!

ขณะทีผ ่ ู ้พยากรณ์นัน ้ ได ้รับมอบทิศทางจากพระเจ ้าและไม่ได ้ยุง่ เกีย่ วกับความถูกต ้องทางการเมืองข


องกษั ตริยซ ์ งึ่ หน ้าทีส่ ว่ นใหญ่เพือ ่ ดูแลการปกครองเป็ นทีช ื่ ชอบโปรดปรานของประชาชน
่ น
จากนัน ้ ผู ้พยากรณ์ได ้รับทิศทางการดาเนินชวี ต ิ ของเขาจากพระเจ ้าเท่านั น้
ผู ้พยากรณ์ไม่สามารถมามีสว่ นร่วมกับเหตุการณ์ความถูกต ้องทางการเมือง
ซงึ่ อาจจะเป็ นสงิ่ ทีข ่ ด ั แย ้งกับกฏ เกณฑ์ของพระเจ ้า
นีค
้ อื เพราะว่าผู ้พยากรณ์ไม่ได ้สนใจสงิ่ ต่างๆว่าประชากรหรือกษั ตริยไ์ ด ้คิดเห็นกับพวกเขาอย่างไร
เพราะเขาได ้มองตรงไปทีก ้
่ ารรับใชของพระเจ ้าเท่านัน

Most of the Judges given to ISRAEL were SELECTED by GOD and came from all
walks of life. However there were some that were appointed by the people to be Judges
who failed in their leadership and became CORRUPT. The TRUE Judges, that is to say the

257
one's that were SELECTED by GOD to lead the people, had both the LEADERSHIP qualities
and the COUNSELING and GUIDANCE from GOD that was necessary to properly LEAD the
people.

ผู ้วินจิ ฉั ยทีม่ อบให ้กับคนอิสราเอลนัน ้ ถูกเลือกโดยพระเจ ้าและเลือกออกมาจากหลากหลายรูปแบบข


องการดาเนินชวี ต ิ
แต่อย่างไรก็ตามมีบางคนทีไ่ ด ้เป็ นจัดการแต่งตัง้ ให ้เหมาะสมโดยประชากรเพือ ่ ะพิพากษาผู ้ซงึ่ ล ้
่ ทีจ
มเหลวในความเป็ นผู ้นาและกลายเป็ นผู ้ทีค ั่
่ อรัปชน
ผู ้วินจ ิ ฉั ยทีแ่ ท ้จริงนัน
้ จะพูดได ้ว่าเป็ นการถูกเลือกโดยพระเจ ้าเพือ่ ทีจ
่ ะนาประชากร
มีคณ ุ สมบัตเิ ป็ นทัง้ ผู ้นาและผู ้ให ้คาปรึกษาและเป็ นผู ้ได ้รับการทรงนาจากพระเจ ้า
เป็ นสงิ่ จาเป็ นต่อความถูกต ้องเหมาะสมในการนาประชากร

THE HOLY SPIRIT of GOD gave the COUNSELING and the GUIDANCE to these
Judges who were men of GOD, and APPOINTED by GOD to RULE over the people. The Judge
saw GOD as the KING of ISRAEL and looked towards HIM for their DIRECTION, and as long
as the Judge followed the DIRECTION given to him by GOD, ISRAEL lived in PEACE and
PROSPERITY as long as that Judge was in power.

พระวิญญาณของพระเจ ้าได ้มอบคาปรึกษาและทรงนาต่อผู ้วินจ ้ ผู ้ซงึ่ เป็ นคนของพระเจ ้าแ


ิ ฉั ยเหล่านั น
ละได ้รับการแต่งตัง้ จากพระเจ ้าเพือ ่ ทีจ
่ ะปกครองอยูเ่ หนือประชากร
ผู ้วินจ
ิ ฉั ยได ้เห็นพระเจ ้าเป็ นเหมือนกษั ตริยข ์ องอิสราเอลและมองตรงไปทีพ ่ ระองค์เพือ ่ การนาทิศทา
งและตราบเท่าทีผ ่ ู ้วินจ
ิ ฉั ยได ้ติดตามการทรงนาทีม ่ อบให ้เขาโดยพระเจ ้า
อิสราเอลจะมีชวี ต ิ ความเป็ นอยูท ่ ส
ี่ งบและมีความสาเร็จรุง่ เรือ
่ งตราบเท่าทีผ ่ ู ้วินจ
ิ ฉั ยได ้มีอานาจอยู่

After the death of Joshua and the Elders of his regime who had been taught the
ways of THE LORD by Joshua, the CHILDREN of ISRAEL ceased to follow the
COMMANDMENTS that GOD had given them.

หลังจากการเสยี ชวี ต
ิ ของโยชูวาและผู ้อวุโสเป็ นผู ้ดูแลปกครองซงึ่ เป็ นผู ้สอนการดาเนินชวี ต ิ ในทางข
องพระเจ ้าโดยโยชูวา
ลูกหลานของอิสราเอลได ้หยุดติดตามพระบัญญัตข ิ องพระเจ ้าทีไ่ ด ้มอบให ้แก่พวกเขาทัง้ หลาย

You may recall that earlier in this BOOK you were told that the Canaanite was the
offspring of the devil (Lucifer) and the worshippers of IDOLS. Prior to the Children of
ISRAEL entering into the PROMISED LAND, GOD had instructed both MOSES and Joshua as
to what the CHILDREN of ISRAEL must do prior to them taking POSSESSION of the land.

ท่านสามารถจะเห็นได ้จากเรือ ่ งราวก่อนหน ้านี้


ท่านได ้รับรู ้ถึงว่าชนชาติคานาไนท์นัน ื่ สายของทูตสวรรค์ทรี่ ว่ งหล่นจากพระคุณของพวกปี ศ
้ เป็ นเชอ

258
าจ(ลูซเิ ฟอร์)และได ้นมัสการพระเทียมเท็จรูปเคารพต่างๆ
ก่อนหน ้าทีล ่ ก ่ น
ู หลานอิสราเอลจะเข ้าสูด ั ญาพระเจ ้าได ้ชแ
ิ แดนของพันธสญ ี้ นะทัง้ โมเสสและโยชูวา
สงิ่ ใดทีล
่ ก
ู หลานอิสราเอลควรจะกระทาก่อนหน ้าทีพ ่ วกเขาจะยึดครองดินแดน

They were clearly TOLD by GOD that they must completely DESTROY all those who
had lived in the LAND before them. They were also TOLD they must DESTROY all the
IMAGES, IDOLS and the GROVES that the Canaanite people had made to worship their false
gods, and that the CHILDREN of ISRAEL were not to intermarry with any of the Canaanite
people.

พวกเขาได ้ถูกบอกอย่างชด ั เจนโดยพระเจ ้า


ว่าพวกเขาจาต ้องทาลายทุกสงิ่ ทุกอย่างทีไ่ ด ้อาศัยอยูใ่ นพืน
้ ทีก
่ อ
่ นหน ้าพวกเขาทัง้ หลาย
พวกเขาได ้ถูกบอกให ้ ทาลายรูปเคารพทัง้ หมด รูปปั ้นทีท ่ าจากไม ้ทีค่ นคานาไนท์ได ้ทาขึน้
เพือ
่ นมัสการพระเทียมเท็จต่างๆและบุตรหลานของอิสราเอลจะต ้องไม่แต่งงานกับคนต่างชาติคานา
ไนท์

In the opening of the Book of Judges it is recorded that the CHILDREN of ISRAEL did
all that THE LORD had TOLD them NOT TO DO! They did not kill all the Canaanite people
but rather allowed them to live within their borders. They did not DESTROY all the IDOLS,
IMAGES, and GROVES either, but rather took part in the Canaanite religious activities.

เปิ ดเนือ
้ หาของหนั งสอ ื วินจ
ิ ฉั ยนั น
้ ได ้บันทึกว่าลูกหลานของอิสราเอล
ได ้กระทาในสงิ่ ทีพ ่ ระเจ ้าสงั่ พวกเขาไม่ให ้กระทา
พวกเขาไม่ได ้ฆ่าคนคานาไนท์ทัง้ หมดแต่แทนทีด ้ อาศัยอยูต
่ ้วยพวกเขาได ้อนุญาติให ้คนเหล่านั น ่ าม
ชายแดน พวกเขาไม่ได ้ทาลายรูปเคารพและรูปปั ้นจากไม ้ทัง้ หมดด ้วยเชน ่ กัน
แต่ได ้รับสว่ นของการร่วมกระทากิจกรรมของศาสนาของคนคานาไนท์

The Children of ISRAEL did what the Canaanite people were doing and went whoring
after false gods, just as GOD had told MOSES that they would do. They also participated in
in termarriage with the Canaanite and performed human sacrifices to the Canaanite false
gods. These false gods of the Canaanite were Ba'-al and Ash' ta-roth and the Canaanite
people taught the Children of ISRAEL to worship them as they did.

ลูกหลานของอิสราเอลได ้กระทาในสงิ่ ทีค ่ นคานาไนท์ได ้กระทาและได ้ล่วงประเวณีกับพระเทียมเท็จ


ผิดๆเหมือนทีพ
่ ระเจ ้าได ้บอกโมเสสว่าพวกเขาจะกระทา
พวกเขาได ้แต่งงานกับคนต่างเชอ ื้ ชาติกับคานาไนท์และสาแดงการถวายบูชาด ้วยมนุษย์ตอ ่ พระเจ ้าเ
ทียมเท็จของคนคานาไนท์ พระเจ ้าเทียมเท็จเหล่านี้คอ ื พระบาอัล Ba'-al และอาร์ทาโรส Ash' ta-
roth และคนคานาไนท์สอนพวกเขาให ้นมัสการพระเหล่านัน ้ เหมือนทีพ
่ วกเขาได ้กระทา

For the SINNING that was going on, GOD allowed an evil King of Mesopotamia by the
name of Chu' -shan-rish-a-tha-im, to rule over the Children of ISRAEL for an eight year
259
period of time. After their eight years of hard RULE, THE LORD once more hears the cries of
the people. GOD sees the misery that is being inflicted by this King and has compassion on
them and decides to give them their first Judge.

เพราะว่าความบาปทีไ่ ด ้กระทาอย่างต่อเนือ ่ ง
พระเจ ้าอนุญาติให ้กษั ตริยท ี่ วั่ ร ้ายในดินแดนเมโสโปเตเมียชอ
์ ช ื่ ว่า Chu' -shan-rish-a-tha-im
ปกครองอยูเ่ หนือคนอิสราเอลเป็ นระยะเวลาแปดปี
หลังจากแปดปี ของการปกครองด ้วยความทุกข์ยากลาบาก
ี งหัวใจของลูกหลานของพระองค์ร ้องไห ้
พระเจ ้าได ้ยินเสย
พระเจ ้าเห็นความสบ ั สนทีไ่ ด ้อยูใ่ นสภาพความกดดันโดยกษั ตริยค ์ นนีแ
้ ละพระองค์ได ้มีความเมตตาต่
อพวกเขาและตัดสน ิ ใจทีจ
่ ะมอบแก่พวกเขาผู ้วินจ ิ ฉั ย

The First Judge's name is Oth' -ni-el who was the son of Caleb's brother. Oth' -ni-el
then delivers the people out of the hand of the King of Mesopotamia and rules as a Judge
over ISRAEL for the next forty years. Oth' -ni-el struggles, but manages to bring the
CHILDREN of ISRAEL back into the ways of THE LORD, having them destroy all of the
idolatry of the Canaanite and return to WORSHIPPING only GOD. Over that forty-year
period of time when Oth' -ni el RULED there was PEACE in all the land of ISRAEL.

ผู ้วินจ
ิ ฉั ยคนแรกมีชอ ื่ ว่า Oth' -ni-el ผู ้ซงึ่ เป็ นบุตรของพีน ่ ้อง Caleb จากนัน
้ Oth' -ni-
elได ้ปลดปล่อยประชากรของพระองค์ออกจากมือของกษั ตริยด ์ น
ิ แดนเมโสโปเตเมียและได ้ปกครอง
เหมือนเป็ นผู ้วินจ ิ ฉั ยอยูเ่ หนืออิสราเอลถัดไปสส ี่ บ ิ ปี Oth' -ni-elได ้มีความพยายามอย่างหนัก
เพือ
่ ทีจ ่ ะบริหารลูกหลานของอิสราเอลกลับมาสูท ่ างของพระเจ ้า
ได ้ทาลายรูปเคารพทัง้ หมดของคนคานาไนท์และกลับมานมัสการพระเจ ้าแต่เพียงผู ้เดียว
กว่าสส ี่ บิ ปี ของชว่ งเวลาที่ Oth' -ni-elได ้ปกครองนัน ้ ได ้มีความสงบสุขอยูใ่ นดินแดนอิสราเอล

After the death of Oth' -ni-el the CHILDREN of ISRAEL went back to SINNING against
GOD and went back to worshipping the false gods of the Canaanite people. So THE LORD
delivers the CHILDREN of ISRAEL back into captivity and into the hand of Eg' -lon who is
the King of Moab. Eg' -lon reigns over the Children of ISRAEL for eighteen years.

หลังจากการเสย ี ชวี ต
ิ ของOth' -ni-
elลูกหลานของอิสราเอลได ้กลับไปกระทาบาปต่อต ้านพระเจ ้าอีกครัง้ และกลับไปนมัสการพระเทียมเ
ท็จของคนคานาไนท์ จากนัน ้ พระเจ ้าได ้ให ้อิสราเอลตกไปเป็ นเชลยและเข ้าไปอยู่ในมือของ Eg' –
lon ผู ้ซงึ่ เป็ นกษั ตริยข
์ องโมอับ Eg' –
lonได ้ปกครองอยูเ่ หนือลูกหลานของอิสราเอลเป็ นเวลาสบ ิ แปดปี

After eighteen years of misery, THE LORD again hears the cries of the people as
King Eg' -Ion had inflicted them with much pain. GOD then ANOINTS a left-handed man by
the name of E' -hud to be the second Judge over ISRAEL. Once E'-hud RECEIVES his
ANOINTING by GOD to be a Judge, E' -hud then kills the King of Moab and defeats the

260
Moabite people in battle and regains the control over ISRAEL. Then ISRAEL once more lives
in peace under E'-hud's RULE.

หลังจากสบ ิ แปดปี ของความทุกข์ยาก สบ ั สน


พระเจ ้าได ้ยินเสย ี งร ้องไห ้คร่าครวญของประชากรในการที่ กษั ตริย ์ Eg' –lon
ได ้กดขีข ่ ม ่ เหงพวกเขาด ้วยความเจ็บปวดหลายๆอย่าง พระเจ ้าได ้เจิมมือซายของผู้ ้ชายชอ ื่ E' –hud
เป็ นผู ้วินจ ิ ฉั ยคนทีส ่ องของอิสราเอล ครัน ้ เมือ E' –
hudได ้รับการเจิมจากพระเจ ้าให ้เป็ นผู ้วินจ ่ ส
ิ ฉั ยและได ้ยึดอานาจการปกครองกลับมาสูอ ิ ราเอล
จากนัน ้ อิสราเอลได ้อาศัยอยูอ ่ ย่างสงบภายใต ้การปกครองของ E' -hud

After E'-hud's reign as Judge, a man by the name of A'-nath is ANOINTED to be a


Judge over ISRAEL. During the time of these two Judges, E' -hud and A' -nath, the land had
PEACE for eighty consecutive years. (Note: GOD considers FORTY YEARS to be a complete
generation.) After the deaths of E' -hud and A' -nath, the CHILDREN of ISRAEL once more
return to the ways of the Canaanite people and again worship IDOLS made of stone and
wood.
หลังจาก E' –hud ได ้ปกครองเป็ นผู ้วินจ ิ ฉั ย ชายอีกคนหนึง่ ชอ ื่ A'-
nathได ้รับการเจิมเป็ นผู ้วินจ ่
ิ ฉั ยอยูเ่ หนืออิสราเอล ชวงระหว่างทีผ ่ ู ้วินัยฉั ยทัง้ สอง E' -hud และ A' –
nath ปกครองดินแดนอิสราเอลได ้อยูด ่ ้วยความสงบเป็ นเวลาแปดสบ ิ ปี อย่างต่อเนือ
่ งตามลาดับ
(โน ้ต พระเจ ้าพิจารณาสส ี่ บ
ิ ปี เป็ นเหมือนความสมบูรณ์ของหนึง่ ชวั่ อายุคน
)หลังจากการเสยชวตี ี ิ ชอง E' -hud และ A' –nath
ลูกหลานของอิสราเอลได ้กลับไปสูก ่ ารดาเนินชวี ติ ของคนคานาไนท์และอีกครัง้ ได ้นมัสการรูปเคารพ
ทีท
่ าจากหินและไม ้ (
As a result of these SINFUL acts by the Children of ISRAEL, THE LORD allows Ja' -
bin who is the King of Canaan, to seize power over ISRAEL, and Ja'-bin ruled over ISRAEL
quite violently. Now, King Ja'-bin had a Captain of the guard by the name of Sis' -e-ra, who
was in control over King Ja' -bin's very large army. Sis'-e-ra was greatly feared by all of
ISRAEL because of his fighting tactics with modern weaponry and was considered by the
people to be a ruthless killer. Sis' -e-ra was so powerful a person that even the King revered
him. The CHILDREN of ISRAEL, only having foot soldiers with swords for battle, and Sis' -e-
ra having many well armed foot soldiers and horse drawn iron chariots, would defeat the
CHILDREN of ISRAEL every time they went into battle against him.

เพราะผลของการกระทาความบาปโดยลูกหลานของอิสราเอล พระเจ ้าได ้อนุญาติให ้ ยาบิน


Ja' –bin ปกครองด ้วยความกดดันอย่างรุนแรงอยูเ่ หนืออิสราเอล ขณะนีก ้ ษั ตริย ์ ยาบิน Ja' –bin
ได ้มีผู ้นาทางทหารมีชอ ื่ ว่า สเิ สรา Sis' -e-ra เป็ นผู ้ซงึ่ ควบคุมกาลังทหารขนาดใหญ่
คนอิสราเอลทัง้ หมดหวาดกลัว สเิ สรา Sis' -e-ra
ผู ้ซงึ่ มีกาลังและเทคนิคการต่อสูอย่ ้ างมากด ้วยอาวุธทันสมัยและพิจารณาจากประชาชนทั่วไปว่าเป็ น
นักฆ่าทีโ่ หดเหีย ้ ม สเสรา Sis' -e-ra เป็ นผู ้ซงึ่ มีกาลังอย่างมาก

แม ้กระทั่งกษั ตริยย ์ ังให ้ความเคารพเขา
บุตรหลานของอิสราเอลมีเพียงทหารเดินเท ้าและดาบสาหรับการต่อสู ้ แต่ สเิ สรา Sis' -e-ra
มีกาลังทหารเดินเท ้าและกาลังทหารม ้าพร ้อมกับ เกวียนเหล็ก

261
สามารถทีจ ้
่ ะทาการต่อสูชนะลู ่ วกเขาได ้เดินทางมาต่อสูต่้ อต ้านเข
กหลานอิสราเอลได ้ในทุกเวลาทีพ

Between the cities of Ramah and Bethel there lived a woman by the name of
Deborah who was a PROPHETESS, and THE LORD ANOINTED Deborah to be the next Judge
over ISRAEL. Although King ยาบิน Ja' -bin still ruled over ISRAEL'S land, the Children of
ISRAEL would come to Deborah for Judgment and for their DIRECTION in a time of crisis,
for they knew that Deborah was not only a Judge, but she was also a PROPHET of GOD.
With Sis'-e-ra continually overpowering the Children of ISRAEL and taking their
possessions, THE LORD tells Deborah, that HE will deliver Sis' -e-ra and his army into the
hands of the CHILDREN of ISRAEL, and Slis' -e-ra will meet his fate by the hand of a woman.

ระหว่างเมือง รามาห์ Ramah และ เบธเอล Bethel ทีน ่ ั่นมีหญิงคนหนึง่ ชอื่ ว่า เดโบราห์
Deborah ผู ้ซงึ่ เป็ นผู ้พยากรณ์หญิงและพระเจ ้าได ้เจิม เดโบราห์ Deborah เป็ นผู ้วินจ ิ ฉั ยคนถัดไป
ถึงแม ้ว่ายาบินยังคงปกครองอยูด ่ นิ แดนอิสราเอล ลูกหลานอิสราเอลจะเข ้ามาหาเดโบราห์
Deborahเพือ ่ การวินจ
ิ ฉั ยและเพือ ่ การนาทิศทางของพวกเขาทัง้ หลายในสภาวะคับขันเพราะพวกเขา
รู ้ว่า เดโบราห์ Deborah นั น ้ ไม่ใชผ ่ ู ้วินจ
ิ ฉั ยแต่เป็ นผู ้พยากรณ์ของพระเจ ้า เนือ่ งจาก สเิ สรา Sis' -e-ra
่ ิ
ยังคงกุมกาลังอยูเ่ หนือลูกหลานอิสราเอลและได ้เข ้ามายึดสงของ พระเจ ้าได ้บอก เดโบราห์
Deborah ว่า พระองค์จะนากองทัพทหารของเขามาอยูใ่ นมือของอิสราเอล และ สเิ สรา Sis' -e-ra
จะพบกับชะตากรรมทีเ่ ลวร ้ายท ้ายสุดด ้วยมือของผู ้หญิง

After THE LORD has told Deborah this she goes to a man by the name of บาราค Ba' -
rak who was an Elder of the tribe of Naph' -ta-li, and tells Ba' -rak what THE LORD has told
her. She also tells Ba' -rak that he should gather up ten thousand of his men of war and go
out to fight against Sis' -e-ra, because GOD will now deliver Ja'bin's Army into the hand of
ISRAEL and Sis'-e-ra into the hand of a woman. Ba' -rak, who believes in what Deborah had
told him and knowing that she is a PROPHET of THE LORD, tells her that he will only go
into battle against Sis' -e-ra and Ja' -bin's Army if she will go with him. Deborah agrees to go
with Ba' -rak so they go together and gather up ten thousand foot soldiers and go up to
Mount Ta' -bor to stage an attack against King Ja' -bin's Army.

หลังจากพระองค์เจ ้าได ้ตรัสกับ เดโบราห์ Deborah เธอได ้ไปหาชายคนหนึง่ ชอ ื่ บาราค


Ba' -rak ซงึ่ เป็ นผู ้อวุโสของเผ่า นัฟทาลี Naph' -ta-li,และบอกแก่
บาราคถึงเรือ ่ งทีพ่ ระเจ ้าได ้บอกเธอ เธอยังได ้บอก บาราคให ้เขารวบรวมกลุม ่ ทหารประมาณ
หนึง่ หมืน ่ คนเพือ่ ทาการรบและต่อสูต่้ อต ้าน สเิ สรา Sis' -e-ra
เพราะว่าพระเจ ้าจะนากองทัพทหารของยาบิน เข ้ามาอยูใ่ นมือของอิสราเอลและนา สเิ สรา Sis' -e-
ra มาอยูใ่ นมือของผู ้หญิง บาราคเป็ นผู ้ซงึ่ เชอ ื่ ในสงิ่ ที่ เดโบราห์ Deborah
บอกเขาและรู ้ว่าเธอเป็ นผู ้พยากรณ์หญิงของพระเจ ้า
ได ้บอกกลับต่อเธอว่าเขาจะเข ้าทาการต่อสูต่้ อต ้าน สเิ สรา Sis' -e-ra และกองทัพทหารยาบิน
ถ ้าเธอจะไปกับเขาด ้วยกัน เดโบราห์ Deborah ได ้ตกลงกับ บาราค Ba' -rak ว่า
เขาทัง้ สองจะไปด ้วยกันและรวมคนหนึง่ หมืน ่ คนเป็ นทหารใชเท ้ ้าและขึน
้ ไปทีภ
่ เู ขา ทาโบร์ Ta' -bor
เพือ่ เป็ นฐานกาลังทีจ ้
่ ะใชในการต่ อสูต่้ อต ้านกองทัพทหารของกษั ตรย์ยาบิน

262
While ISRAEL prepares for war, a Ken'-ite man by the name of He'-bor tells Sis'-e-ra
that the CHILDREN of ISRAEL have gathered together for battle against him, and have gone
up to Mount Ta'-bor to stage their attack. Sis'-e-ra gathers his army along with 900
chariots of iron to go up and confront Ba' -rak and his ten thousand foot soldiers at Mount
Ta' -bor, Once both armies meet for the battle, Ba' -rak, being assisted by GOD easily defeats
the Army of Ja' -bin. Ba' -rak and his soldiers also destroy nearly all Sis' -e-ra's chariots of
iron and this forces Sis' -e-ra to leap out of his chariot, and flee on foot from Ba' -rak.

ขณะทีอ่ ส ิ ราเอลจัดเตรียมสงิ่ ต่างๆเพือ่ การทาสงคราม, ชายคนเคไนต์ Ken'-ite ชอ ื่ ว่า


เฮเบอร์ He'-bor ได ้บอก สเิ สรา Sis' -e-ra
ว่าอิสราเอลได ้รวบรวมกลุม ่ คนเพือ ่ ะทาการต่อสูต่้ อต ้านเขาและได ้เดินทางไปทีภ
่ ทีจ ่ เู ขา ทาโบร์
Ta'-bor เป็ นทีร่ าบเพือ่ ตัง้ ฐานทัพในการต่อสู ้ สเิ สรา Sis' -e-ra
ได ้รวมกลุม
่ กองกาลังทหารตามมาด ้วยรถม ้าเหล็ก 900 คัน
ขึน
้ ไปพบกับบาราคและกองทัพทหารเดินเท ้าหนึง่ หมืน ่ คน ทีภ
่ เู ขา ทาโบร์ Ta' –bor
เมือ่ กองกาลังทหารของทัง้ สองได ้มาพบกันเพือ ่ ทาการต่อสู ้
โดยความชว่ ยเหลือของพระเจ ้าผู ้ทรงพระชนม์
บาราคได ้เอาชนะกองกาลังทหารของยาบินอย่างง่ายดาย
บาราคและกองกาลังทหารของเขาได ้ทาลายรถม ้าเหล็กของเกือบจะทัง้ หมดและกดดันให ้ สเิ สรา
Sis' -e-ra กระโดดออกไปจากรถม ้าเหล็กและวิง่ หนีไปด ้วยเท ้า

Now He'-bor the Ken'-ite, (who was the one who had warned Sis'-e-ra about
ISRAEL'S pending attack) has a wife by the name of JAEL. JAEL is a Levite woman who has
had a mixed marriage with He' -bor, because He' -bor the Ken-ite is an Ethiopian offspring
and not of the Children of ISRAEL.

ตอนนี้ เฮเบอร์ He'-bor คนเคไนต์(ผู ้ซงึ่ เป็ นคนทีไ่ ด ้พูดเตือน สเิ สรา Sis' -e-ra
เกีย่ วกับอิสราเอลกาลังจะมาต่อสู ้ )ได ้มีภรรยาชอ ื่ ยาเอล JAEL
ยาเอลเป็ นคนเลวีผู ้ซงึ่ ได ้แต่งงานผสมกับ เฮเบอร์ He'-bor เพราะว่าเฮเบอร์ He'-bor
เป็ นคนเคไนต์ซงึ่ เป็ นเชอื่ สายคนเอธิโอเปี ยและไม่ใชล ่ ก
ู หลานของอิสราเอล

NOTE: He'-bor the Ken'-ite is a direct descendant of Jethro, the father in law to MOSES and
this is a VERY IMPORTANT POINT of the story. Meanwhile with the battle nearly over, Sis' -
e-ra starts to look for a place to hide from the pursuing ISRAELITE soldiers. He comes to
the tent of JAEL, and asks JAEL (thinking that SHE was his friend as her husband Het-bor
was), if SHE would hide him from the pursuing Army of ISRAEL.

โน ้ต: เฮเบอร์ He'-bor เป็ นคนเคไนต์เป็ นซงึ่ เป็ นเชอ ื้ สายของ เยโธร Jethro
พ่อตามกฏหมายของโมเสสและจุดนีเ้ ป็ นสงิ่ ทีส ่ าคัญมากในเรือ่ งราวนี้
ขณะทีก ้ ้ไกล ้จะจบลง สเิ สรา Sis' -e-ra
่ ารต่อสูได
เริม
่ ทีจ
่ ะหาสถานทีห ่ ลบซอ ่ นจากการขับไล่ตามล่าจากทหารของอิสราเอล
เขาได ้เข ้ามาทีเ่ ต ้นท์ของยาเอลและถามยาเอลว่า
(เขาคิดว่ายาเอลเป็ นเพือ ่ นของเขาเหมือนกับเฮเบอร์ He'-bor สามีของเธอ)
เพือ่ ทีเ่ ธอจะได ้ซอ่ นตัวเขาจากการขับไล่ตามล่าของทหารอิสราเอล

263
JAEL invites Sis'-e ra into HER tent and once in the tent, Sis-e-ra asks JAEL for some
water to drink. JAEL gives Sis' -e-ra some milk to drink instead of the water he had asked
for, and SHE also gives him a blanket for him to hide under. Once Sis' -e ra has fallen to
sleep and is hidden under the blanket, JAEL takes a tent nail and a hammer and drives the
tent nail through the temples of his head while he is asleep, pinning him to the floor of her
tent.
ยาเอล ได ้เชญิ สเิ สรา Sis' -e-ra เข ้าไปในเต็นท์ของเธอและเมือ ่ เข ้ามาในเต ้นท์ของเธอ
ได ้ถามยาเอลถึงน้ าทีจ่ ะดืม ่ แต่ยาเอลได ้นานมแทนทีจ ่ ะเป็ นน้ าทีเ่ ขาได ้ถามหา
และเธอได ้นาผ ้าห่มมาเพือ ่ ทีจ ่
่ ะให ้เขาได ้หลบซอน ครัน ่ สเิ สรา Sis' -e-ra
้ เมือ
ได ้นอนหลับลงและได ้ซอ ่ นตัวอยูใ่ นผ ้าห่ม
ยาเอลได ้นาตะปูตอกเต ้นท์กับค ้อนและตอกลงบนกลางหัวขณะทีเ่ ขาได ้นอนหลับ
เจาะเขาติดลงบนพืน ้ เต ้นท์ของเธอ

In the meanwhile with Ba' -rak still looking for Sis' -e-ra, Ba' -rak then shows up at
JAEL'S tent. JAEL then tells Ba' -rak if he will come into HER tent, SHE will show him the
man that he had been looking for. When Ba' -rak enters into JAEL'S tent he sees Sis'-e-ra
who is the most feared man in all the land of ISRAEL dead, and pinned to the ground by a
tent nail. Ba' -rak then realizes that what he is seeing is the fulfillment of the PROPHECY of
Deborah, who had PROPHESIED that Sis' -e-ra would be delivered into the hand of a
woman!"

ขณะทีบ่ าราค Ba '- rak ได ้ยังคงตามหาตัวของ สเิ สรา Sis' -e-ra จนมาถึงเต ้นท์ของยาเอล
JAEL จากนัน ้ ยาเอลได ้บอกเบราค ถ ้าเขาจะเข ้ามาในเต ้นท์ของเธอ
เธอได ้สาแดงผู ้ชายคนทีบ ่ บาราคเข ้ามาในเต ้นท์ของยาเอล เขาได ้เห็น สเิ สรา
่ าราคได ้ตามหา เมือ
Sis' -e-ra
ผู ้ซงึ่ เป็ นคนสว่ นใหญ่ทั่วทัง้ ดินแดนอิสราเอลได ้หวาดกลัวนอนตายอยูแ ่ ละปั กอยูก
่ ับตะปูตอกเต ้นท์ล
งไปทีพ ่ น ื้ บาราคได ้พบกับความจริงว่าสงิ่ ทีเ่ ขาได ้เห็นนั น
้ ได ้สาเร็จตามคาเผยพระวจนะของ
เดโบราห์ Deborah ผู ้ซงึ่ เป็ นผู ้พยากรณ์วา่ สเิ สรา Sis' -e-ra
จะถูกนามาอยูภ ่ ายใต ้น้ ามือของผู ้หญิง

Let us review the similarities given by the Scriptures between these TWO
DELIVERERS, MOSES and JAEL. MOSES was a PERSON of THE HOLY SPIRIT and MOSES
married a dark skinned woman who was the daughter of Jethro, an Ethiopian man. JAEL is
also a PERSON of THE HOLY SPIRIT who had married a man with dark skin and that man
turns out to be a direct descendant of Jethro, MOSES' father in law.

ให ้เราย ้อนกลับไปทบทวนความคล ้ายคลึงกันทีม ่ อบความหมายไว ้โดยพระคัมภีรไ์ บเบิลระหว่าง


DELIVERERS ผู ้ชว่ ยอิสราเอลให ้รอด โมเสส MOSES และ ยาเอล JAEL โมเสส MOSES
คือบุคคลของพระวิญญาณบริสท ุ ธิแ
์ ละ โมเสสMOSES
ได ้แต่งงานกับผู ้หญิงผิวคล้าคือลูกสาวของJethro เยโธร, ซงึ่ เป็ นผู ้ชายเอธิโอเปี ย Ethiopian
ยาเอลJAEL

264
เป็ นบุคคลหนึง่ ของพระวิญญาณบริสท
ุ ธิแ
์ ต่งงานกับผู ้ชายมีผวิ คล้าและผู ้ชายนีม ื้ สายตรงข
้ าจากเชอ
อง ของJethro, เยโธร พ่อตาของโมเสส
MOSES by the GUIDANCE of THE HOLY SPIRIT DELIVERED the CHILDREN of
ISRAEL out of the hand of Pharaoh, and JAEL by the GUIDANCE of THE HOLY SPIRIT
DELIVERED Sis'-e-ra into the hand of the CHILDREN of ISRAEL. JAEL was sent to earth for
the EXPRESS PURPOSE of DELIVERING Sis'-e-ra into the hands of ISRAEL. JAEL is never
again mentioned throughout the Scriptures outside of this EVENT, recorded in the Book of
Judges!

โมเสส
MOSESโดยการทรงนาของพระวิญญาณบริสท ุ ธิเ์ ขาได ้ปลดปล่อยชนชาติอส ิ ราเอลออกจากมือของ
ฟาโรห์และยาเอลโดยการทรงนาของพระวิญญาณบริสท ุ ธิไ์ ด ้นาสเิ สรา Sis' -e-ra
เข ้ามาอยูใ่ นมือของลูกหลานอิสราเอล ยาเอลนั น ่
้ สงมายังโลกเพือ ่ เป้ าหมายในการนาสเิ สรา Sis' -e-
ra เข ้ามาสูม ่ อ
ื ของชาติอสิ รเอล ยาเอลไม่เคยทีจ ่ ะกล่าวถึงอีกต่อไป
ทั่วไปทัง้ พระคาภีรน ์ อกเหนือจากเหตุการณ์ของหนั งสอ ื ผู ้วินจ
ิ ฉั ย

NOTE : One of the QUESTIONS that I have asked THE LORD in regard to the Scriptures
referring to JAEL is: Why did JAEL give Sis' -e-ra milk to drink rather than the water he had
asked for? And, JAEL HERSELF gave ME the answer to my question. JAEL told ME that Sis ' -
e-ra had been running and was tired. If SHE were to give him water to drink rather than
WARM MILK, he would not have fallen asleep! One other noteworthy thing must also be
pointed out about the similarities BETWEEN THE TWO DELIVERERS, MOSES AND JAEL;
THEY WERE BOTH LEVITES!

หมายเหตุ: หนึง่ ของคาถามทีผ ่ มได ้ถามพระองค์เจ ้าเกีย่ วกับข ้อพระคัมภีรไ์ บเบิล


เกีย่ วกับยาเอลทาไมยาเอลได ้ให ้นมแทนทีจ ่ อย่างที่ สเิ สรา Sis' -e-ra ได ้ขอ
่ ะเป็ นน้าดืม
และยาเอลตัวของเธอเองได ้ตอบคาถามผมว่า ยาเอลบอกว่า สเิ สรา Sis' -e-ra
ได ้วิง่ หนีมาและเหนือ ่ ยมาก
ถ ้าเธอให ้น้ าดืม ่ แก่เขาแทนทีจ ่ ะเป็ นนมอุน
่ ๆเขาคงไม่นอนหลับลงอย่างง่ายดาย
หนึง่ สงิ่ ทีน
่ ่าสงั เกตเกีย่ วกับเหตุการณ์คล ้ายคลึงกัน
เกีย ่ วกับผู ้ชว่ ยปลดปล่อยให ้รอดทัง้ สองโมเสสและยาเอลพวกเขาได ้มาจากเชอ ื่ สายเลวี
Judges 5:24 BLESSED above women shall JA 'EL the wife of He ' ber the Ken '-ite be,
BLESSED shall SHE be above women in the tent.

ผู ้วินจ
ิ ฉั ย 5:24 หญิงทีน่ ่าสรรเสริญมากทีส ่ ด
ุ ก็คอ
ื ยาเอล ภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์
เป็ นหญิงทีน ่ ่าสรรเสริญมากทีส ่ ด
ุ ทีอ
่ ยูเ่ ต็นท์

When Ba' -rak had asked Deborah to go with him into battle, he had so requested her
presence because he had believed that she would be the woman to whom GOD had said
that HE would DELIVER Sis' -e-ra too. However it was JAEL rather than Deborah that THE
LORD had referred to in the PROPHECY.

เมือ่ บาราคได ้ถามให ้เดโบราห์ไปกับเขาในการต่อสู ้


เขาได ้ต ้องการการทรงสถิตย์ของเธอเพราะว่าเขาคิดว่าเธอคือผู ้หญิงทีพ
่ ระเจ ้าได ้มอบให ้แก่พวกเขา

265
เป็ นผู ้ปลดปล่อย สเิ สรา Sis' -e-ra แต่อย่างไรก็ตาม เป็ นยาเอล JAEL
แทนทีจ ่ ะเป็ นเดโบราห์ซงึ่ พระเจ ้าได ้หมายถึงในคาพยากรณ์ลว่ งหน ้า

I would also like to point out to you the similarities in the PERSONS of THE HOLY
SPIRIT; the PEOPLE who are called THE DELIVERERS. JAEL (who is the most BLESSED
WOMAN in THE HOLY BIBLE) is not just a woman but rather a woman of the ANGEL who
had been sent to earth by GOD to be a woman.

ผมอยากทีจ ี้ อกคุณอีกอย่างหนึง่
่ ะชบ
ในเหตุการณ์ทค ี่ ล ้ายคลึงกันเกีย่ วกับบุคคลของพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
บุคคลทีไ่ ด ้เรียกว่าเป็ นผู ้ปลดปล่อยชว่ ยให ้รอด ยาเอล JAEL
(ผู ้ซงึ่ เป็ นหญิงทีไ่ ด ้รับการอวยพรมากทีส ่ ดุ ในพระคาภีร)์
นัน
้ ไม่ใชผ ่ ู ้หญิงแต่เป็ นทูตสวรรค์ผู ้ซงึ่ ได ้ถูกสง่ มายังโลกโดยพระเจ ้าเพือ
่ เกิดมาเป็ นผู ้หญิง

In HEAVEN, JAEL is the SEVENTH ANGEL of the ARK and as well, the FOURTH
COVENANT ANGEL. JAEL is also the WIFE of THE DELIVERER, THE 182 PERSON, who is
the FOURTH SERAPHIM. Of all the ANGELS in HEAVEN only the FOUR SERAPHIM and THE
FOUR COVENANT ANGELS are GIVEN in MARRIAGE. JAEL therefor by MARRIAGE, follows
after the order of THE DELIVERERS.

บนสวรรค์
ยาเอลได ้เป็ นทูตสวรรค์ชน ั ้ ทีเ่ จ็ดของหีบพันธสญ
ั ญาและเป็ นทูตสวรรค์พันธสญ ั ญาทีส่ ี่
ยาเอลเป็ นภรรยาของ THE DELIVERER ผู ้ปลดปล่อยให ้รอด รหัสรวม 182 ซงึ่ เป็ นเสราฟิ มทีส ่ ี่
ทัง้ หมด ในบรรดาเหล่าทูตสวรรค์ของสวรรค์
ี่ ละทูตสวรรค์พันธสญ
มีเ่ พียงเสราฟิ มทัง้ สแ ั ญาทัง้ สเี่ ท่านั น
้ ทีไ่ ด ้มอบให ้มีการแต่งงาน
ด ้วยสาเหตุจากยาเอลได ้แต่งงานจึงได ้รับคาสงั่ จากผู ้ปลดปล่อยมาชว่ ย(อิสราเอล)ให ้รอด

The Story of Gideon


เรือ
่ งราวของกิดโิ อน

Shortly after the death of Deborah, the Judge of ISRAEL, the CHILDREN of ISRAEL
return AGAIN to the forbidden ways of the Canaanite, and GOD gave ISRAEL into the hands
of the Midianites for PUNISHMENT. Once the Midianites seized control of ISRAEL, they
forced the CHILDREN of ISRAEL out of their cities and many of them took refuge in the
mountains and hide themselves in caves. The Children of ISRAEL also had most of their
cattle and other livestock taken from them by the Midianites, as well as their grazingland
and their fields. In short, the Midianites took away most of what the CHILDREN of ISRAEL
had in their possession at that time.

ไม่นานหลังจากการตายของเดโบราห์ ผู ้วินจ ิ ฉั ยของอิสราอล


่ ารดาเนินชวี ต
ลูกหลานของอิสราเอลได ้ย ้อนกลับไปสูก ิ ทีต
่ ้องห ้าม(ไม่ให ้ประพฤติไม่ให ้ปฏิบัต)ิ อีกครั ้

266
ง และพระเจ ้าได ้มอบอิสราเอลตกอยูใ่ นมือของคนมีเดียนเพือ ่ เป็ นการลงโทษ
ครัน ้ เมือ่ คนมีเดียนเติบโตขยายจน ควบคุมอานาจของอิสราเอล
พวกเขาได ้ใชก้ าลังกดขีบ ่ ต
ุ รหลานของอิสราเอลออกไปจากเมืองและหลายๆคนได ้เป็ นคนเร่รอ ่ นไป
อยูต ่ ามภูเขาและซอ ่ นตัวพวกเขาอยูใ่ นถ้า
สตั ว์เลีย ้ งของลูกหลานของอิสราเอลและปศุสต ั ว์อน
ื่ ๆได ้ถูกนาเอาไปจากพวกเขาโดยคนมีเดียน
ทุง่ หญ ้าทีเ่ ลีย ั ว์และทุง่ นาของพวกเขาก็ถก
้ งสต ู ริบไปด ้วยเชน ่ กัน
ในชว่ งระยะเวลาอันสน ั ้ คนมีเดียนได ้เอาทุกสงิ่ ไปจากคนอิสราเอลทีเ่ ขาได ้เป็ นเจ ้าของครอบครองใน
เวลานัน ้

It was commonplace for the Midianites while controlling ISRAEL to simply go in and
seize whatsoever they wanted from the Children of ISRAEL. The Children of ISRAEL, not
having any leadership whatsoever, were oppressed by the Midianites and forced to do
whatever the Midianite Landlords ordered them to do, even worshipping their false gods.

เป็ นเรือ
่ งธรรมดาของคนมีเดียนเมือ ่ ได ้ควบคุมอิสราเอล
ได ้เข ้าไปข ้างในบ ้านฉกฉวยทุกสงิ่ ทุกอย่างทีพ ่ วกเขาต ้องการจากลูกหลานของอิสราเอล
ลูกหลานของอิสราเอลไม่ได ้มีผู ้นาหรืออะไรก็ตามได ้ถูกยึดไปเป็ นของคนมีเดียนและได ้ควบคุมในก
ารกระทาสงิ่ ต่างๆ คนมีเดียนผู ้ซงึ่ เป็ นเจ ้านายออกคาสงั่ พวกเขาทัง้ หลายให ้กระทาตาม
แม ้กระทั่งนนัสการพระเทียมเท็จของพวกเขาทัง้ หลาย

Now there was a man by the name of Gideon who was of the tribe of Ma nas'-seh. One
day the ANGEL GABRIEL came to Gideon while he was threshing wheat and preparing to
hid it by a winepress so the Midianites would not find it and take it from him. The ANGEL
GABRIEL tells Gideon, "THE LORD is with thee, thou MIGHTY man of VALOR".

Judges 6:12 And the angel of the LORD appeared unto him, and said unto him, The LORD is
with thee, thou mighty man of valour.

บัดนีม
้ ช ื่ ว่า กิดโิ อนผู ้ซงึ่ เป็ นตัวแทนจากเผ่ามนั สเสห์ วันหนึง่ ทูตสวรรค์
ี ายคนหนึง่ ชอ
กาเบรียลได ้เข ้ามาหา
กิดโิ อนขณะทีเ่ ขากาลังกระเทาะเปลือกข ้าวสาลีและเตรียมซอ ่ นไว ้ในบ่อยา่ องุน

เพือ
่ คนมีเดียนจะไม่สามารถหาพบและนาเอาไปจากเขา ทูตสวรรค์กาเบรียลได ้บอกกิดโิ อนว่า
พระเจ ้าทรงสถิตย์อยูก่ ับท่าน เจ ้าจะเป็ นชายทีป ่ ระกอบไปด ้วยกาลังของความกล ้าหาญ

ผู ้วินจ
ิ ฉั ย 6:12 ทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ปรากฏแก่กเิ ดโอนพูดกับเขาว่า "เจ ้าบุรษ
ุ ผู ้กล ้าหาญเอ๋ย
พระเยโฮวาห์ทรงสถิตกับเจ ้า"

Gideon, being somewhat confused by what he is being told by the ANGEL, says to
GABRIEL, "How can THE LORD be with us when we are so oppressed by the Midianites"?
THE LORD speaking through GABRIEL tells Gideon that he, Gideon, had been sent to the

267
CHILDREN of ISRAEL to free them from the Midianites. (Note: Gideon is also a SEVENTH
LEVEL ANGEL as is GABRIEL, but he isn't aware of it!)

กิดโิ อนค่อนข ้างจะสบ ั สนในสงิ่ ทีเ่ ขาได ้ถูกบอกจากทูตสวรรค์กาเบรียล


จากนัน ้ เขาได ้ตอบกาเบรียลว่า พระเจ ้าจะสามารถสถิตย์อยูก ่ ับพวกเราได ้อย่างไร
ขณะทีพ ่ วกเราถูกคนมีเดียนกดขีข ่ ม
่ เหง พระเจ ้าได ้พูดผ่านกาเบรียลให ้บอก กิดโิ ดนว่า
เขาเป็ นผู ้ทีถ ู สง่ ไปเพือ
่ ก ่ ปลดปล่อยลูกหลานของอิสราเอลให ้เป็ นอิสระจากคนมีเดียน (โน ้ต
กิดโิ อนนัน ้ เป็ นทูตสวรรค์ชน ั ้ ทีเ่ จ็ดเท่ากับระดับชน ั ้ เดียวกันกับกาเบรียลแต่เขาไม่ทันจะระวังตัวในเรือ

งนี้ )

(NEXT The Story of Gideon)

19/30
Gideon proceeds to tell GABRIEL that he is just a very poor man and certainly not a
man of war, and furthermore how would he be able to free his people being under the
control of the great Midianite army? GABRIEL responds to Gideon's comment; and says,
THE LORD is with thee Gideon, and you can DEFEAT the Midianites all by yourself, needing
only THE LORD'S HELP!

กิดโิ อนได ้บอกต่อทูตสวรรค์กาเบรียลว่า เขาเป็ นคนตา่ ต ้อย(เป็ นผู ้เล็กน ้อย)มากคนหนึง่


และไม่ใชผ ่ ู ้ชายทีเ่ ป็ นนั กรบอย่างแน่นอนและมากไปกว่านั น ้ จะเป็ นไปได ้อย่างไรทีเ่ ขาจะสามารถชว่
ยผู ้คนให ้เป็ นอิสระจากกองทัพทหารขนาดใหญ่ กาเบรียลตอบคาถามของกิดโิ อนว่า
พระเจ ้าจะสถิตย์อยูก ่ ับกิดโิ อนและท่านสามารถทีจ ้
่ ะต่อสูชนะกองก าลังทหารของมีเดียนทัง้ หมด
ทัง้ หมดทีต ่ ัวเจ ้าจาเป็ นนัน ้ เป็ นเพียงการชว่ ยเหลือจากพระเจ ้าเท่านั น ้

Gideon, questioning GABRIEL'S authenticity, asks him for a sign so he would know he
wasn't just imagining their meeting, as GABRIEL came to Gideon in a VISION. Before
GABRIEL has a chance to respond to Gideon's request, Gideon heads off towards his house
so he may bring some food out for them to eat, and request that GABRIEL wait for his
return. Shortly thereafter Gideon brings out some goat's meat and bread, and also soup and
offers it to the ANGEL.

กิดโิ อนได ้ตัง้ คาถามต่อกาเบรียลว่า เป็ นทูตสวรรค์แท ้จริงทีส ่ ง่ มาจากพระเจ ้าจริงหรือไม่


ถามทูตสวรรค์สาหรับการอัศจรรย์จากนัน ้ เขาจะรู ้ว่า เขาไม่ได ้จินตาการเรือ่ งราวทีก
่ าเบรียลเข ้ามาหา
กิดโิ อนในนิมต ิ ร ก่อนหน ้านีท ้ ต
ู สวรรค์กาเบรียลได ้มีโอกาศทีจ ่ ะพูดตอบคาถามของกิดโิ อน
กิดโิ อนได ้เดินกลับมาทีบ ่ ้านของเขา
เพือ
่ ทีเ่ ขาจะสามารถจัดเตรียมอาหารบางอย่างให ้พวกเขาได ้รับประทานและต ้องการทีจ ่ ะให ้กาเบรีย
ลรอคอยเขาจนกว่าจะกลับมา
หลังจากกิดโิ อนได ้นาอาหารเนือ ้ แพะและขนมปั งเชอ ื้ และซุปมามอบถวายให ้แก่ทต ู สวรรค์

GABRIEL tells Gideon to lay the meat and the bread on a rock near to the house and
to pour out the soup as well onto the rock. Gideon does as the ANGEL so instructs him to

268
do. Once the bread, the meat, and the soup were put upon the rock, GABRIEL takes the staff
in his hand and strikes the rock. Once GABRIEL'S STAFF had struck the rock, it suddenly
shoots forth fire and consumes all of the food on it. Gideon in amazement at what he had
just seen, then sees the ANGEL GABRIEL ASCEND up to HEAVEN in the smoke from the
FIRE 33

กาเบรียลได ้บอกกิดโิ อนว่าให ้วางเนือ ้ และขนมปั งบนก ้อนหินไกล ้ๆบ ้านและเทซุปลงไปทีก


่ ้อนหิน
กิดโิ อนได ้ทาตามทีท ่ ตู สวรรค์กาเบรียลได ้ชแี้ นะให ้เขากระทา
เมือ
่ ขนมปั งและเนือ ้ แพะและซุปได ้เทลงบนก ้อนหิน
กาเบรียลได ้ใชไม ้ ้เท ้า(คทา)ยืน ่ ลงบนก ้อนหินในทันใดนัน ้ ไฟก็ลงมาเผาอาหารทัง้ หมด
กิดโิ อนได ้อัศจรรย์ใจในสงิ่ ทีเ่ ขาได ้เห็น
จากนัน ้ ทูตสวรรค์กาเบรียลได ้หายตัวกลับไปสวรรค์ในประกายไฟ 33

**************

NOTE 33 THE LORD wants ME to explain to you the difference between a VISION and a
DREAM. When one meets with an ANGEL or a HEAVENLY HOST in a dream, the person
RECEIVING the DREAM is CONSCIOUSLY ASLEEP. HOWEVER, WHEN THEY AWAKEN, THE
DREAM WILL BE COMPLETELY REMEMBERED IN DETAIL! The meeting place in the
DREAM will always be in some unfamiliar LOCATION.

On the other hand, a VISION takes PLACE while ONE IS COMPLETELY AWAKE. THE
VISION OF THE MEETING WITH THE ANGEL OR HEAVENLY HOST, WILL MOST OFTEN BE
IN FAMILIAR SURROUNDINGS, whereas with the DREAM, it will not. The feeling that
occurs while RECEIVING the VISION, (BECAUSE YOU ARE IN THE PRESENCE OF A HOLY
BEING), is a feeling of SUSPENSION.

THIS FEELING FEELS TO THE PERSON HAVING THE VISION AS THOUGH THEY HAD
BEEN PLACED WITHIN ANOTHER DIMENSION, WHILE YET BEING AWARE THAT THEY
ARE PHYSICALLY STILL HERE ON EARTH. ALSO IN A VISION, ONE CAN BE MOVED ABOUT
TO ANOTHER TIME OR TO ANOTHER PLACE ON EARTH AS WELL.

**************
บันทึก 33 พระองค์เจ ้าต ้องการผมจะอธิบายแก่คณ ุ ในความแตกต่างระหว่างนิมต ิ รและความฝั น
เมือ ่ คนหนึง่ พบกับทูตสวรรค์หรือทูตของสวรรค์ในความฝั น
บุคคลนัน ้ ทีไ่ ด ้รับความฝั นในชว่ งเวลาขณะนอนหลับแต่สามารถรับรู ้ได ้
แต่อย่างไรก็ตามเมือ ่ พวกเขาตืน ่ ขึน ้ มา จะยังคงจารายละเอียดในความฝั นเหล่านัน ้ ได ้อย่างสมบูรณ์
สถานทีพ ่ บปะในความฝั นจะไม่ใชสถานทีค ่ ่ ุ ้นเคย
ในทางตรงกันข ้าม เมือ ่ เป็ นนิมต ิ รขณะทีค ่ นหนึง่ ได ้ตืน
่ อยู่
นิมต ิ รทีไ่ ด ้พบทูตสวรรค์หรือผู ้ทีอ ่ าศัยอยูใ่ นสวรรค์
จะเป็ นสถานทีท ่ ค ี่ ุ ้นเคยอยูร่ อบๆทีซ ่ งึ่ ความฝั นจะไม่ใชเ่ ป็ นสถานทีค ่ ุ ้นเคย ความ
รู ้สกึ ทีไ่ ด ้เกิดขึน ้ เมือ ่ ได ้รับนิมต
ิ ร

269
(เพราะว่าท่านได ้อยูใ่ นการสถิตย์อยูค
่ วามบริสท ึ สน
ุ ธิ)์ จะมีความรู ้สก ั่ เหมือนคลืน
่ กระทบลอยตัวของอ
นุภาคในของเหลว

ความรู ้สกึ นีจ


้ ะมีเป็ นความรู ้สก ึ ทีค
่ นหนึง่ ได ้รับนิมต
ิ รเหมือนผ่านพวกเขาไปในสถานทีอ
่ ก
ี มิตห
ิ นึง่
ขณะทีย ่ ังรับรู ้ในร่างกายขณะอยูบ ่ นโลกทุกอย่าง เชน ่ เดียวกันกับใน
นิมต
ิ รคนหนึง่ สามารถทีจ ่ ะเคลือ ่
่ นไหวในอีกชวงเวลาหนึง่
หรือไปอีกสถานทีห ่ นึง่ ของโลกด ้วยเชน ่ กัน

Back to Gideon กลับไปสูเ่ รือ


่ งราวของกิดโิ อน

Once Gideon finally realizes that he has just been with an ANGEL of THE LORD, he
immediately cries out to GOD in FEAR, and THE LORD says to Gideon, "PEACE BE UNTO
THEE; FEAR NOT: THOU SHALT NOT DIE". Gideon, in HONORING THE LORD, immediately
starts to erect an ALTAR to GOD for a SACRIFICE. THE LORD directs Gideon to take one of
his father's bullocks (a SEVEN year old Bull) and place it on the ALTAR for the sacrifice.

ท ้ายทีส่ ด
ุ เมือ
่ กิดโิ อนได ้พบกับความจริงว่า เขาได ้พบกับทูตสวรรค์ของพระเจ ้า ในทันที
ทันใดนัน ้ เขาได ้ร ้องต่อพระเจ ้าด ้วยความกลัวและพระเจ ้าได ้ตรัสตอบต่อกิดโิ อนว่า
ั ติสข
สน ุ มีอยูก่ ับท่าน ไม่ต ้องกลัว เจ ้าจะไม่ตาย ในทันทีทันใด
กิดโิ อนด ้วยท่าทีเ่ คารพยาเกรงต่อพระเจ ้า
ได ้เริม
่ ต ้นสร ้างแท่นบูชาของพระเจ ้าเพือ ่ เป็ นการถวายบูชา
พระองค์เจ ้าได ้ทรงนากิดโิ อนให ้นาวัวตัวผู ้ของบิดาของเขา(ซงึ่ มาอายุเจ็ดปี )และได ้วางลงบนแท่นบู
ชาของพระเจ ้าเพือ ่ ทาการถวายบูชา

GOD tells Gideon to knock down the altar that the Midianites had made in Gideon's
garden to serve the false god Ba' -al, and to also clear the grove that had been planted
before the altar to Ba' -al. Gideon then makes a SACRIFICE to GOD on the ALTAR made for
THE LORD. After Gideon had made his SACRIFICE to GOD, with the assistance of ten of his
father's servants, then· knocks down the altar that was made for Ba' -al. Gideon and the ten
servants also clear the grove leaving only the ALTAR Gideon had made for GOD standing
where the other altar had stood.

พระเจ ้าตรัสต่อกิดโิ อนว่า ให ้ทาลายแท่นบูชาของคนมีเดียน


ทีไ่ ด ้จัดทาขึน ้ ในสวนของกิดโิ อนทีป ่ รนนิบัตพ
ิ ระเทียมเท็จพระบาอัลและทาลายสวนเล็กๆทีไ่ ด ้ปลูกไ
ว ้ต่อหน ้าแท่นบูชาของพระบาอัล จากนัน ้ กิดโิ อนได ้ถวายเครือ
่ งบูชาต่อพระเจ ้าบนแท่นบูชา
ทีไ่ ด ้จัดทาขึน ้ สาหรับพระองค์ หลังจากกิดโิ อนได ้ถวายเครือ ่ งบูชาสาหรับพระเจ ้า
จากนัน ้ ด ้วยการชว่ ยเหลือของคนรับใชของบิ ้ ดาสบ ิ คน
ได ้ทาลายแท่นบูชาทีไ่ ด ้สร ้างขึน ้ สาหรับพระบาอัล กิดโิ อนและคนรับใชของเขาส ้ ิ คน

กวาดทาลายล ้างสวนทีอ ่ ยูต่ อ
่ หน ้าแท่นบูชาของพระบาอัล
คงเหลือไว ้แต่เพียงแท่นบูชาทีก ่ ดิ โิ อนได ้จัดทาขึน ้ ต่อพระเจ ้าตัง้ อยูแ
่ ทนแท่นบูชาเดิม

270
On the following morning when some of the men of the city had come up to sacrifice
to their false god Ba' -al, they see Gideon's newly constructed ALTAR STANDING where Ba'-
al's altar was. They notice the altar to Ba'-al has been knocked down and the grove by the
altar had been cleared. The men ask the servants of Gideon's household, who had knocked
down the altar and cleared the grove made to serve Ba' -al? In response, the servants who
had helped Gideon say, that Gideon had done it, for they feared for their own lives.

้ ว่ น
เชาตรู ั ถัดมาเมือ ่ ชายบางคนได ้เข ้ามา เพือ
่ ทีจ
่ ะถวายบูชาแก่พระเทียมเท็จบาอัล
พวกเขาได ้เห็นแท่นถวายบูชาใหม่ของกิดโิ อนซงึ่ สร ้างแทนทีข ่ องแท่นถวายบูชาของพระบาอัล
พวกเขาได ้สงั เกตเห็นว่าแท่นบูชาของพระบาอัลได ้ถูกทาลายลง
ชายเหล่านัน ้ ได ้ถามคนใชของกิ ้ ดโิ อนว่า
ผู ้ใดได ้ทาลายแท่นบูชาและกวาดสวนเล็กๆทีไ่ ด ้สร ้างเพือ ่ พระบาอัลออกไป
คนรับใชผู้ ้ซงึ่ ได ้ชว่ ยกิดโิ อน ทาลายแท่นบูชาเหล่านี้ ได ้โต ้ตอบกลับไปว่ากิดโิ อนได ้ทาลาย
เพราะว่าพวกเขาได ้กลัวถึงชวี ต ิ ของพวกเขาเอง

The men of the city tell Joash, Gideon's father, (who is standing nearby to where the
servants were), Gideon must die, for destroying the altar to Ba' -al! But Joash, Gideon's
father, tells the men, if Ba' -al were really a god, why should they have to kill Gideon for
him, couldn't Ba'-al avenge himself? The men being unable to answer Joash then decide to
back down from their demands for Gideon to be put to death.

ชายเหล่านัน้ ทีไ่ ด ้อยูใ่ นเมืองบอก โยอาช บิดาของกิดโิ อนว่า (ผู ้ซงึ่ ได ้ยืนอยูไ่ กล ้กับคนรับใช)้
กิดโิ อนจะต ้องมีโทษถึงตาย เพราะว่าได ้ทาลายแท่นบูชาของพระบาอัล แต่โยอาช
บิดาของกิดโิ อนได ้บอกชายเหล่านัน ้ ว่า ถ ้าพระบาอัลนัน
้ เป็ นพระเจ ้าองค์หนึง่ จริงๆ
ทาไมพวกเขาถึงจะมาฆ่ากิดโิ อนเพือ ่ พระบาอัล ทาไมพระบาอัลไม่แก ้แค ้นสงิ่ เหล่านีด ้ ้วยตัวเอง ?
โยอาชได ้ตัดสน ิ ใจพูดในลักษณะนีเ้ พือ ่ ให ้พวกเขายอมจานนในความต ้องการทีจ ่ ะฆ่ากิดโิ อนถึงแก่ค
วามตาย ชายเหล่านัน ้ ไม่สามารถจะตอบคาถามเหล่านัน ้ ได ้

THE LORD comes to Gideon again, and tells him that HE wants him to go out and
defeat the Midianites in battle. In reply, Gideon asks THE LORD to give him some kind of
CONFIRMATION so he would know for certain that it was indeed THE LORD who was
telling him to do these things. Gideon asks THE LORD, if THE LORD could make only the
fleece that he would sleep on that night. become wet from the morning dew, while yet all
the ground around his fleece be completely dry. Gideon says to THE LORD that if HE were
to perform this MIRACLE for him, he would know that is was a CONFIRMATION from THE
LORD.

พระองค์เจ ้าได ้เสด็จมาถึงกิดโิ อน อีกครัง้


และบอกเขาว่าพระองค์ต ้องการให ้เขาทีจ ่ ะออกไปต่อสูกั้ บคนมีเดียน กิดโิ อนได ้ตอบกลับไป
โดยทูลถามพระองค์เจ ้าให ้มอบการยืนยัน จากนัน ้ เพือ
่ ทีเ่ ขาจะมีความแน่ใจ
ว่าพระเจ ้าเป็ นผู ้บอกเขาให ้กระทาสงิ่ ต่างๆเหล่านัน้ กิดโิ อนได ้ทูลขอพระเจ ้า
ถ ้าพระเจ ้าจะสามารถกระทาให ้เพียงขนแกะทีเ่ ขาได ้ใชนอนนั ้ น ่ ด ้วยน้ าค ้างในตอนเชา้
้ เปี ยกชุม

271
ขณะทีพ ่ น
ื้ ดินนัน
้ ยังคงแห ้งสนิท กิดโิ อนได ้บอกกับพระเจ ้า
ถ ้าพระองค์ได ้สาแดงหมายสาคัญและการอัศจรรย์เพือ ่ เขา
จากนัน้ เขาจะรับรู ้ว่านี้เป็ นการยืนยันมาจากพระองค์เจ ้า (6:36-40)

When Gideon awakens the following morning, he sees his fleece that he had slept on
that night was soaking wet from the morning dew, while yet all the ground around his
fleece, was completely dry. This helps Gideon to BELIEVE that THE LORD CONFIRMED that
it was HE who had spoke to Gideon and not just Gideon's imagination. But Gideon still was
not absolutely certain it was GOD who had been giving him these DIRECTIONS.

เมือ ่ กิดโิ อนได ้ตืน ่ ขึน ้


้ ในตอนเชาเขาได ้เห็นขนแกะนั น ้
้ ทีเ่ ขาใชนอนนั น ื้ จากน้ าค ้างในตอนเชา้
้ เปี ยกชน
ขณะทีพ ่ น
ื้ ดินบริเวณรอบๆนัน ้ ยังคงแห ้งสนิท
เพือ ่ เป็ นการชว่ ยเหลือให ้กิดโิ อนได ้เชอ ื่ ว่าพระเจ ้าเป็ นผู ้ทีย
่ น
ื ยันว่าเป็ นพระองค์ทไี่ ด ้พูดตรัสกับกิดโิ อ
น และไม่ใชจ ่ น
ิ ตนาการความคิดของกิดโิ อนเอง แต่กด ิ โิ อนยังคงไม่ได ้มีความแน่ใจทัง้ หมดว่า
่ ึ
นีเ้ ป็ นพระเจ ้าผู ้ซงได ้มอบทิศทางเหล่านีใ้ ห ้แก่เขา

Gideon, not wanting to offend THE LORD, but still having some doubt, asks GOD if HE
would once again give him another sign of CONFIRMATION. So Gideon asks THE LORD if on
this night, GOD would do the opposite of that which HE had done on the previous night.
Gideon asks THE LORD to make the fleece that he would sleep on that night remain dry
while the ground around his fleece become wet from the morning dew. That night THE
LORD again ful fills Gideon's request and gives him a second CONFIRMATION.

กิดโิ อนไม่ได ้ต ้องการทีจ ่ ะทาให ้พระองค์เจ ้าขุน ่ เคือง แต่ยังคงสงสย ั อยูบ


่ ้าง
จึงได ้ทูลถามพระเจ ้าว่าเขาจะเขาขอหมายสาคัญเพือ ่ เป็ นการยืนยันอีกครัง้ หนึง่
จากนัน ้ กิดโิ อนทูลถามพระเจ ้าว่าถ ้าในเวลากลางคืนพระเจ ้าจะกระทาในสงิ่ ทีต ่ รงกันข ้าม
กับทีซ ่ งึ่ ได ้กระทาในคืนก่อนหน ้านี้ กิดโิ อนถามพระเจ ้าได ้โปรดกระทาให ้ขนแกะนัน ้ แห ้ง
เมือ
่ เขาได ้นอนในตอนกลางคืนขณะทีพ ่ นื้ ดินนัน
้ เปี ยกชน ื้ จากน้ าค ้างในตอนเชา้
ในคืนนั น ้ พระเจ ้าได ้ให ้หมายสาคัญแก่กด ิ โิ อนตามทีเ่ ขาได ้เรียกร ้องและมอบให ้แก่เขาเป็ นการยืนยัน
ครัง้ ทีส่ อง

Gideon, being assured now that it is THE LORD who was directing him and not his
imagination, to free the CHILDREN of ISRAEL from the Midianites, now spreads the WORD
throughout his tribe, of what GOD had told him to do. Once the people hear what Gideon
has to say, they BELIEVE him. So Gideon gathers thirty-two thousand men from the tribe of
Ma- nas' -seh to go into battle against the Midianites.

ขณะนีก ้ ด
ิ โิ อนได ้มีความมั่นใจ
ว่าเป็ นพระเจ ้าผู ้ซงึ่ ได ้ทรงนาทิศทางเขาและไม่ใชม
่ าจากจินตนาการความคิดของเขาเอง
เพือ
่ ทีจ ่ ะปลดปล่อยบุตรหลานของอิสราเอลออกจากคนมีเดียน
บัดนีไ ้ ด ้กระจายข่าวพูดต่อกันไปยังอิสราเอลทุกเผ่าในสงิ่ ทีพ
่ ระเจ ้าได ้บอกแก่เขาให ้กระทา

272
ครัน
้ เมือ
่ ประชากรได ้ยินข่าวสารในเรือ
่ งราวทีก
่ ด ื่ ในสงิ่ กิดโิ อนได ้บอก
ิ โิ อนได ้บอกเล่า พวกเขาได ้เชอ
จากนัน้ กิดโิ อนได ้รวบรวมคนสามหมืน ่ สองพันคนจากเผามนั สเสห์เพือ ่ ออกไปต่อสูต่้ อต ้านคนมีเดียน

However, after Gideon has gathered the people together, THE LORD tells Gideon, he
has gathered more people than he will need, and should allow those who do not want to
fight, to leave. So Gideon tells those who chose not to go into battle that they may leave.
This causes twenty-two thousand of them who had been gathered for battle against the
Midianites to leave, leaving Gideon only ten thousand men now for the battle.

อย่างไรก็ตามหลังจากกิดโิ อนได ้รวบรวมผู ้คนเข ้าด ้วยกัน พระองค์เจ ้าบอกกิดโิ อนว่า


เขาได ้รวบรวมผู ้คนมากเกินกว่าทีเ่ ขาความจาเป็ น
และไม่ควรทีจ ่ ะอนุญาติให ้คนทีไ่ ม่เต็มใจนั น้ ออกไป ต่อสู ้
จากนัน ้ กิดโิ อนได ้บอกพวกเขาเหล่านัน ้ ทีจ ่ ะไปทาการรบต่อสู ้
่ ะเลือกว่า ผู ้ใดไม่ต ้องการทีจ
พวกเขาสามารถออกไปได ้
นีเ้ ป็ นสาเหตุให ้มีคนสองหมืน ่ สองพันคนในพวกเขาได ้รวมกลุม ่ กันออกไปจากต่อสูกั้ บขับไล่ชาวมีเดี
ยน บัดนี้ มีคงเหลือเพียงหนึง่ หมืน ่ คนเป็ นผู ้ชายทีไ่ ด ้ทาการต่อสู ้

Once Gideon had released the twenty-two thousand men, THE LORD tells Gideon that
he still has too many men to fight. THE LORD says to take the men down to the river to
drink, and select only a few for battle from the ten thousand. THE LORD tells Gideon to
observe the men while they are drinking from the river, and choose only those men who
had cupped their hands to drink and lapped the water out of their hands like a dog. THE
LORD further tells Gideon that the men who kneel down to drink out of the river, rather
than lapping the water out of their hands, should be allowed to leave. Once Gideon has
done this, there are only three hundred men left to fight, and the other ninety seven
hundred men are sent home.

เมือ
่ กิดโิ อนได ้นาคนสองหมืน ่ สองพันคนออกมา
พระเจ ้าได ้ตรัสบอกกิดโิ อนว่าเขายังคงมีคนทีจ ้
่ ะไปต่อสูมากเกิ นไป
พระเจ ้าได ้กล่าวบอกให ้นาผู ้ชายเหล่านัน ้ ไปดืม่ น้ าทีแ
่ ม่น้ าและเลือกคนเพียงไม่กค ี่ นไปทาการต่อสูจ้
ากคนหนึง่ หมืน ่ คน
พระเจ ้าได ้บอกกิดโิ อนให ้สงั เกตคนขณะทีพ ่ วกเขาได ้ดืม ่ น้ าและเลือกเพียงคนทีไ่ ด ้ใชอุ้ ้งมือของพวก
เขาดืม่ น้ าและเป็ นคนทีเ่ ลียน้ าจากมือของพวกเขาเหมือนสุนัข พระเจ ้าได ้บอกกิดโิ อนว่า
พวกเขาเหล่านัน ้ ทีไ่ ด ้คุกเข่าลงดืม ่ น้ าจากลาธาร
แทนทีจ ่ ะเป็ นคนทีเ่ ลียน้ าจากมือของพวกเขานัน ้ อนุญาติให ้ออกไปจากการรบ
ครัน
้ เมือ
่ กิดโิ อนได ้กระทาดังนีม ้ เี พียงคนสามร ้อยคนได ้คงเหลือไว ้ออกไปสูรบในครั ้ ง้ นี้
และสว่ นคนอืน ่ ๆเก ้าพันเจ็ดร ้อยคนได ้สง่ กลับไปบ ้าน

Note: THE LORD purposely reduces the number of ISRAEL'S forces so it will be certain in
the MINDS of the Children of ISRAEL that it was THE LORD who had DEFEATED the
Midianites, and NOT ISRAEL'S fighting force!

273
หมายเหตุ: เป้ าหมายทีพ
่ ระองค์เจ ้าได ้ลดจานวนกองทัพของคนอิสราเอลลงจานวนมากมาย
จากนัน
้ แน่นอนว่า
ในความคิดของคนอิสราเอลนัน ้ เป็ นพระเจ ้าทีไ่ ด ้ทาการต่อสูต่้ อต ้านคนมีเดียนและไม่ใชเ่ ป็ นการต่อสู ้
ของกองทัพอิสราเอล

Now with Gideon's forces being reduced in size to three hundred men, THE LORD tells
Gideon to go and spy on the Midianites that evening, where they were camped and ready
for battle and listen to what they are saying amongst themselves. THE LORD also tells
Gideon if he were afraid to go alone, he could bring one of his servants along with him.

บัดนี้ กองทัพของกิดโิ อนได ้ลดจานวนลงเหลือสามร ้อยคน จากนัน ้ พระเจ ้าได ้บอกกิดโิ อนว่า
ให ้ไปสอดแนมคนมีเดียนในตอนเย็นวันนัน ้
่ งึ่ พวกเขาได ้ตัง้ ค่ายอยูแ
ทีซ ่ ละเตรียมพร ้อมเพือ ้
่ การต่อสูและฟั งว่าพวกเขาพูดอะไรท่ามกลางพวกเข
าเอง พระองค์เจ ้าได ้บอกกิดโิ อนว่า ถ ้าเขาได ้กลัวทีจ่ ะไปคนเดียว
เขาสามารถนาคนรับใชติ ้ ดตามเขาไปด ้วย

NOTE: Those, who Gideon was sent to spy on, were not only the Midianites, but were also
the Amalekites and another group of people who were called "the children of the east",
with them being one hundred and fifty thousand men strong. With Gideon having only
three hundred men, Gideon's FAITH in GOD was definitely being challenged.

However, the three hundred men that THE LORD allowed Gideon to keep were for
Gideon's sake only and not needed, for THE LORD had told Gideon that HE would deliver
the Midianites into Gideon's hand, thus meaning that Gideon needed no further help
whatsoever!

หมายเหตุ: คนเหล่านัน ้ ทีก


่ ดิ โิ อนสง่ ไปเป็ นผู ้สอดแนมไม่ใชม ่ แี ต่เพียงคนมีเดียน
แต่มค ี นอามาเลขและกลุม ่ คนอืน ่ ๆผู ้ซงึ้ มีชอ
ื่ เรียกว่าบุตรชาวตะวันออก (7:12)
พวกเขามีด ้วยกันหนึง่ แสนห ้าหมืน ่ คนเป็ นกาลังทีแ ่ ข็งแรง แต่กด ิ โิ อนมีเพียงสามร ้อยคน
กิดโิ อนมีความเชอ ื่ ในพระเจ ้าอย่างแน่นอนเป็ นผู ้ซงึ่ กาลังท ้าทาย อย่างไรก็ตาม
สามร ้อยคนนั น ้ พระองค์เจ ้าได ้ให ้กิดโิ อนสารองไว ้เท่านัน ้ และไม่ได ้มีความจาเป็ น
เพราะพระองค์เจ ้าได ้บอกกิดโิ อนว่า
พระองค์จะเป็ นผู ้ทีป ่ ลดปล่อยคนมีเดียนเข ้ามาอยูใ่ นมือของกิดโิ อนซงึ่ หมายความว่ากิดโิ อนไม่ได ้มี
ความจาเป็ นสาหรับการชว่ ยเหลือ จากกองกาลังทหารทีเ่ พิม ่ มากขึน ้ ไม่วา่ ในกรณีใดก็ตาม
(เสริม ผู ้วินจิ ฉั ย 7:13 ครัน ้ กิเดโอนแอบมา ดูเถิด มีชายคนหนึง่ เล่าความฝั นให ้เพือ ่ นฟั งว่า "ดูเถิด
เราฝั นเรือ
่ งหนึง่ ดูเถิด มีขนมข ้าวบาร์เลย์ก ้อนหนึง่ กลิง้ เข ้ามาในค่ายของพวกมีเดียน
มาถึงเต็นท์โดนเต็นท์ทาให ้เต็นท์ล ้มลง พลิกขึน ้ แล ้วก็ราบไป" 7:14 เพือ ่ นของเขาจึงตอบว่า
"นีไ ่ น
่ ม่ใชอ ื่ ไกลเลย นอกจากดาบของกิเดโอนบุตรชายโยอาชบุรษ ุ ของอิสราเอล
พระเจ ้าได ้ทรงมอบพวกมีเดียน และกองทัพทัง้ สน ิ้ ไว ้ในมือของเขาแล ้ว )

Gideon then goes covertly into the camp of the opposing forces. While he and his
servant are hiding near the camp, Gideon overhears one of the Midianite soldiers telling
another about a dream he has had. The one soldier says to the other that in his dream, he

274
saw a barley cake come tumbling down the hill and into his tent, and as it ran through his
tent, it knocked the tent to the ground. The soldier, who was being told the dream, tells the
other man the INTERPRETATION of the DREAM.

จากนัน ้ กิดโิ อนได ้เข ้าไปแอบดูในค่ายทีต ่ รงกันข ้ามกับกองทัพทหารอย่างลับๆ


ขณะทีเ่ ขาและคนใชของเขาได ้ ่ นตัวอยูไ่ กล ้กับค่าย
้ซอ
กิดโิ อนได ้ยินหนึง่ ในทหารของคนมีเดียนพูดซงึ่ กันและกันเกีย ่ วกับความฝั นของเขา
ทหารคนหนึง่ บอกกับอีกคนว่าในความฝั นของเขาว่า
เขาได ้เห็นยุ ้งฉางข ้าวบาเลย์ก ้อนหนึง่ ได ้พังทลายกลิง้ ลงจากภูเขาและเข ้าไปสูเ่ ต ้นท์ของเขาและล ้ม
ทับเต ้นลงไปทีพ ่ นื้ ดิน ทหารอีกคนซงึ่ ได ้รับฟั งเรือ่ งของความฝั นก็แปลความหมายของความฝั น

He says that the meaning of dream is that a man from the Children of ISRAEL by the
name of Gideon, was being DIRECTED by THE ALMIGHTY GOD, and Gideon was going to
defeat the Midianites and all their allies that very evening.

เขาพูดแปลความหมายของความฝั นว่า ผู ้ชายคนหนึง่ จากบุตรหลานของอิสราเอลชอ ื่ ว่า


กิดโิ อนนัน ้
ได ้รับการทรงนาจากพระเจ ้าและกิดโิ อนได ้กาลังจะเข ้ามาทาการต่อสูกั้ บคนมีเดียนและคนทัง้ หลาย
ทีเ่ ป็ นศัตรูของพวกเขาในตอนพลบคา่ เร็วๆนี้

(เสริม ผู ้วินจ
ิ ฉั ย 7:15 เมือ ่ นัน
่ กิเดโอนได ้ยินเขาเล่าความฝั นและคาแก ้ฝั นเชน ้ แล ้ว ท่านก็นมัสการ
และกลับไปสูค ่ า่ ยอิสราเอลสงั่ ว่า "จงลุกขึน
้ เถิด
เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงมอบกองทัพคนมีเดียนไว ้ในมือของท่านทัง้ หลายแล ้ว" )

Once Gideon had heard this conversation between these two men, he knew for
certain that GOD was with him, and it was THE LORD who had given the enemy these
dreams. He also knew, with THE LORD'S HELP, he could not lose the battle with the
Midianites. So Gideon returns to his own camp with a GREAT deal of CONFIDENCE in
defeating the Midianites and their allies, for GOD had further CONFIRMED HIS backing of
Gideon!

เมือ
่ กิดโิ อนได ้ยินการสนทนาระหว่างทหารสองคน
่ ับเขาและนีเ้ ป็ นพระเจ ้าได ้มอบความฝั นแก่ศัตรู
เขารู ้ว่าพระเจ ้าได ้สถิตย์อยูก
เขายังรับรู ้อีกว่าด ้วยการชว่ ยเหลือของพระเจ ้า เขาจะไม่พา่ ยแพ ้ในการสูรบกั ้ บคนมีเดียน
จากนัน ้ กิดโิ อนได ้กลับไปยังค่ายด ้วยความมั่นใจอย่างมากในการต่อสูกั้ บคนมีเดียนและพันธมิตรของ
พวกเขาทัง้ หลาย
เพราะว่าพระเจ ้าได ้ยืนยันเพิม ่ มากขึน
้ โดยพระองค์เป็ นผู ้สนับสนุนอยูเ่ บือ
้ งหลังของกิดโิ อน

คนอิสราเอลชนะโดยใชแตร ้ หม ้อเปล่าและคบเพลิง
(เสริม ผู ้วินจ
ิ ฉั ย 7:16 ท่านจึงแบ่งคนสามร ้อยนัน ้ ออกเป็ นสามกองให ้ถือแตรทุกคน
และถือหม ้อเปล่า มีคบเพลิงอยูข ่ ้างในหม ้อนัน
้ )

275
On that same night Gideon devises a plan of attack. He divides his three hundred
men into three companies of one hundred each. Gideon has each man take a trumpet and
an empty pitcher with each empty pitcher having a lighted lamp (a torch) in it. Gideon
instructs the three groups of one hundred men, to approach the Midianite camp from three
different directions. Then, when the enemy had set the new evening watch, they were to
blow on their trumpets and at the same time break their pitchers, so the light from the
lamp in the pitcher could be seen. Once they had SOUNDED their TRUMPETS and broken
their pitchers they were to shout out the words, "BY THE SWORD OF THE LORD and of
Gideon". After they had done this, all of the three hundred men were to then rush the camp
of the enemy.

ในวันเดียวกันนัน ้ ตอนกลางคืน กิดโิ อนได ้วางแผนการโจมตี


เขาได ้แบ่งสว่ นของทหารสามร ้อยคนเป็ นกลุม ่ ละหนึง่ ร ้อยคน
กิดโิ อนได ้ให ้แต่ละคนในกลุม ่ นัน ้ เป่ าแตร และถือหม ้อเปล่าและมีไฟคบเพลิงอยูใ่ นหม ้อตะเกียงนัน

กิดโิ อนได ้แนะนาคนสามกลุม ่ จากสามร ้อยคน เข ้าไกล ้ค่ายคนมีเดียนจากสามทิศทางทีแ ่ ตกต่างกัน
รอคอยเวลาเมือ ั
่ ศตรูได ้จัดเปลีย ่ นเวรยามคนเฝ้ ามองใหม่
พวกเขาจะเป่ าแตรและในเวลาเดียวกันจะเห็นแสงสว่างทีจ ่ ด
ุ คบเพลิงจากหม ้อ
เมือ ี งสญ
่ ได ้เป่ าเสย ั ญาณแตรของพวกเขาทัง้ หลายและขณะทีไ่ ด ้จุดคบเพลิงพวกเขาจะตะโกน
ร ้องว่า ดาบของพระเจ ้าและของกิดโิ อน หลังจากพวกเขาได ้กระทาดังนี้
คนสามร ้อยคนก็จะวิง่ เข ้าไปจูโ่ จมในค่ายของศัตรูอย่างรวดเร็ว

Once Gideon's men had set themselves in their positions, they proceeded as Gideon
so instructed them to do. With the noise of the breaking of the pitchers and the exposing of
the lamps within the pitchers, Gideon's men create so much confusion within the enemy's
camp, the Midianites and their allies start attacking each other. In the meanwhile, three of
the other tribes of the Children of ISRAEL hear the commotion being caused by Gideon and
his three hundred men.

ครัน
้ เมือ
่ คนของกิดโิ อน ได ้จัดตัง้ พวกเขาเองในแต่ละตาแหน่ง
พวกเขาได ้ดาเนินตามทีก ่ ด
ิ โิ อนได ้แนะนาพวกเขาให ้กระทา
ี งทุบหม ้อแตกนั น
เสย ้ ดังกระจายอย่างมากและจุดไฟจากในหม ้อตะเกียงคบเพลิง
คนของกิดโิ อนได ้สร ้างความสบ ั สนให ้กับค่ายของศต
ั รู
คนมีเดียนและพันธมิตรของพวกเขาได ้ต่อสูกั้ นเอง
ในชว่ งระหว่างนัน ้ สามร ้อยคนจากเผ่าอิสราเอลได ้ยินความสบ ั สนวุน
่ วายซงึ่ ได ้เกิดขึน
้ จากการวางแผ
นของกิดโิ อนและคนสามร ้อยคน

ิ ฉั ย 7:17 และท่านสงั่ เขาว่า "จงคอยดูเรา แล ้วให ้ทาเหมือนกัน และดูเถิด


(เสริม ผู ้วินจ
เมือ่ เราไปถึงค่ายด ้านนอกแล ้ว เรากระทาอย่างไรก็จงกระทาอย่างนัน ้ 7:18 ขณะเมือ
่ เราเป่ าแตร
คือตัวเรากับบรรดาคนทีอ ่ ยูก
่ ับเรา เจ ้าจงเป่ าแตรรับให ้รอบค่ายทัง้ หมดแล ้วร ้องว่า
`ดาบของพระเยโฮวาห์และของกิเดโอน'" 7:19
กิเดโอนกับทหารหนึง่ ร ้อยคนทีอ ่ ยูก
่ ับท่านก็มาถึงด ้านนอกค่ายในเวลาต ้นยามกลาง
พึง่ พลัดเวรยามใหม่ เขาก็เป่ าแตรขึน ้ และต่อยหม ้อซงึ่ อยูใ่ นมือให ้แตก)

276
They see that the Midianites are in complete disarray from the confusion caused by
Gideon, and join in to fight against the Midianites. Once Gideon sees he has the Midianites
on the run, he sends off a messenger to the tribe of E' -phra-im (the brother and
neighboring tribe of Ma-nas' -seh) for further assistance and they as well join in the fight
and chase after the fleeing Midianites.

พวกเขาได ้เห็นคนมีเดียนนั น ้ สบั สนจากความยุง่ เหยิงทีเ่ กิดขึน


้ โดยการวางแผนของกิดโิ อนและทีไ่ ด ้เ
ข ้าร่วมต่อสูกั้ บคนมีเดียน เมือ่ กิดโิ อนเห็นพวกเขาวิง่ หนี เขาได ้สง่ ผู ้สอ
ื่ สารไปยังอิสราเอล
เผ่าเอราฟิ ม(พีช ่ ายและเพือ
่ นบ ้านของเผ่ามนัสเสห์ลก ู ชายของโยเซฟ)
เพือ่ ทีจ ่ การชว่ ยเหลือมากขึน
่ ะเพิม ้
้ และพวกเขาได ้เข ้าร่วมการต่อสูและวิ ง่ ไล่ตามคนมีเดียนทีไ่ ด ้หนีไ

(เสริม ผู ้วินจ ิ ฉั ย 7:20 ทหารทัง้ สามกองก็เป่ าแตรและต่อยหม ้อ มือซายถื ้ อคบเพลิง


มือขวาถือแตรจะเป่ า และเขาร ้องขึน ้ ว่า "ดาบของพระเยโฮวาห์และของกิเดโอน" 7:21
ต่างก็ยน ื อยูต
่ ามทีข ่ องตนเรียงรายรอบค่าย บรรดากองทัพก็ร ้องอือ ้ อึงวิง่ หนีไป 7:22
เมือ
่ เขาเป่ าแตรทัง้ สามร ้อยอันนัน ้ พระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให ้เขาฆ่าฟั นกันทั่วทุกกอง
กองทัพก็แตกตืน ่ หนีไปถึงตาบลเบธชท ิ ธาห์ทางไปเมืองเศเรราห์ไกลไปจนถึงเขตเมืองอาเบลเมโฮ
ลาห์ทต ี่ าบลทับบาท 7:23 คนอิสราเอลถูกเรียกออกมาจากนัฟทาลี และจากอาเชอร์
และจากทั่วมนัสเสห์ และพร ้อมกันติดตามพวกมีเดียนไป 7:24
และกิเดโอนก็ใชผู้ ้สอ ื่ สารออกไปทั่วแดนเทือกเขาเอฟราอิม ประกาศว่า "จงลงมารบพวกมีเดียน
และยึดแควทัง้ หลาย ไกลไปถึงตาบลเบธบาราห์ และแม่น้ าจอร์แดนด ้วย"
เขาก็เรียกบรรดาทหารเอฟราอิมออกมา เขาทัง้ หลายยึดแควถึงเบธบาราห์ และแม่น้ าจอร์แดนไว ้
7:25 จับโอเรบและเศเอบเจ ้านายสองคนของพวกมีเดียนได ้ เขาฆ่าโอเรบเสย ี ทีศ ิ าโอเรบ
่ ล
และฆ่าเศเอบเสย ี ทีบ ่ อ ่ ยา่ องุน ื่ เศเอบ แล ้วก็ไล่ตด
่ ชอ ิ ตามพวกมีเดียนไป

และเขานาเอาศรษะโอเรบและเศเอบมาให ้กิเดโอนทีฟ ่ ากแม่น้ าจอร์แดนข ้างโน ้น )

With the battle now being nearly over, Gideon and his three hundred men go off to
capture the two Midianite Kings who had fled from the battle. While in pursuit of the two
Kings, Gideon and his three hundred men become hungry and stop at Suc' -coth and ask the
people there for some food to eat. But the Princes of Suc' -coth say to Gideon, "who are you,
that we should give you food", and refuse to give them any. Gideon, being greatly
displeased for the Princes refusing to give him and his men any food, tell them as soon as
they capture the two fleeing Kings that he and his men were going to come back to Sue' -
coth, and avenge themselves.

ด ้วยการรบในครัง้ นีใ้ กล ้จะสน ิ้ สุดลง


กิดโิ อนและทหารสามร ้อยคนได ้ตามจับตัวกษั ตริยข ์ องคนมีเดียนสองคนทีไ่ ด ้หนีไปจากการต่อสู ้
ขณะทีก ่ าลังตามจับสองกษั ตริยม ์ าลงโทษ กิดโิ อนและทหารสามร ้อยคนได ้เกิดหิวและได ้หยุดอยู่
ณ สถานที่ Suc' –coth สุคคท และถามผู ้คนทีน ่ ัน
้ ว่ามีอาหารให ้กินไหม แต่เจ ้าชายเมือง Suc' –coth
สุคคท บอกกิดโิ อนว่า ท่านเป็ นใครทาไมพวกเราควรจะให ้อาหารแก่ทา่ น
และปฏิเสธทีจ ่ ะให ้สงิ่ ใดๆแก่กด
ิ โิ อน
กิดโิ อนไม่พอใจอย่างมากทีเ่ จ ้าชายได ้ปฏิเสธทีม ่ อบอาหารใดๆแก่เขาและคนของเขา

277
บอกพวกเขาว่าหลังจากจับตัวกษั ตริยท
์ ัง้ สองคนทีห
่ นีไป และเขาและคนของเขาจะกลับมาที่ Suc' –
coth สุคคท และแก ้แค ้นลงโทษต่อพวกเขา

(เสริม กิเดโอนไล่ตาม จับและฆ่ากษั ตริยแ ์ ห่งพวกมีเดียน ผู ้วินจ


ิ ฉั ย 8:1
คนเอฟราอิมจึงพูดกับท่านว่า "ทาไมท่านจึงกระทาแก่เราอย่างนี้
คือเมือ
่ ท่านยกไปต่อสูพวกมี ้ เดียนนั น
้ ท่านก็ไม่ได ้เชญิ เราให ้ไปรบด ้วย"
และเขาทัง้ หลายก็ตอ ่ ว่าท่านอย่างรุนแรง 8:2 ท่านจึงตอบเขาทัง้ หลายว่า "สงิ่ ทีเ่ ราทามาแล ้วจะ
เปรียบเทียบกับสงิ่ ทีท ่ า่ นทัง้ หลายทาแล ้วได ้หรือ
ผลองุน ่ ทีช
่ าวเอฟราอิมเก็บเล็มก็ยังดีกว่าผลองุน ่ ทีอ่ าบีเยเซอร์เก็บเกีย ่ รือ 8:3
่ วมิใชห
พระเจ ้าประทานโอเรบและเศเอบ เจ ้านายมีเดียนไว ้ในมือของท่าน
ข ้าพเจ ้าสามารถกระทาอะไรทีจ ่ ะเทียบกับท่านได ้เล่า" เมือ่ ท่านพูดอย่างนี้ เขาทัง้ หลายก็หายโกรธ
8:4 กิเดโอนก็มาทีแ ่ ม่น้ าจอร์แดนและข ้ามไป ทัง้ ท่านและทหารสามร ้อยคนทีอ ่ ยูด
่ ้วย
ถึงจะอ่อนเปลีย ้ แต่ก็ยังติดตามไป )

8:5 ท่านจึงพูดกับชาวเมืองสุคคทว่า "ขอขนมปั งให ้คนทีต ่ ด


ิ ตามเรามาบ ้าง เพราะเขาอ่อนเปลีย ้
เรากาลังไล่ตดิ ตามเศบาห์และศัลมุนนากษั ตริยแ ์ ห่งมีเดียน" 8:6 เจ ้านายของเมืองสุคคทจึงตอบว่า

"มือของเศบาห์และของศลมุนนาอยูใ่ นมือเจ ้าแล ้วหรือ เราจึงจะเอาขนมปั งมาเลีย ้ งกองทัพของเจ ้า"
8:7 กิเดโอนจึงกล่าวว่า "ถ ้าอย่างนั น ้ เมือ
่ พระเยโฮวาห์มอบเศบาห์และศล ั มุนนาไว ้ในมือเราแล ้ว
เราจะเอาหนามใหญ่แห่งถิน ่ ทุรกันดาร และหนามย่อยมานวดเนือ ้ เจ ้าทัง้ หลาย"
8:8 ท่านก็ออกจากทีน ่ ั่นขึน ้ ไปยังเมืองเปนูเอล และพูดกับเขาในทานองเดียวกัน
ชาวเมืองเปนูเอลก็ตอบท่านอย่างเดียวกับทีช ่ าวเมืองสุคคทตอบ 8:9
ท่านจึงพูดกับชาวเมืองเปนูเอลด ้วยว่า "เมือ ่ เรากลับมาด ้วยสน ั ติภาพ เราจะพังป้ อมนีล ี "
้ งเสย

8:10 ฝ่ ายเศบาห์และศัลมุนนาอาศัยอยูท ่ ค
ี่ ารโครกับกองทัพมีทหารหนึง่ หมืน ่ ห ้าพันคน
เป็ นกองทัพชาวตะวันออกทีเ่ หลืออยูท ่ ัง้ หมด เพราะว่าผู ้ทีถ ่ อ ี
ื ดาบล ้มตายเสยหนึง่ แสนสองหมืน ่ คน
8:11 กิเดโอนขึน ้ ไปตามทางสญ ั จรของคนทีอ ่ าศัยในเต็นท์
ทิศตะวันออกของเมืองโนบาห์และเมืองโยกเบฮาห์เข ้าโจมตีกองทัพได ้แล ้ว
เพราะว่ากองทัพคิดว่าพ ้นภัย 8:12 เศบาห์และศัลมุนนาก็หนีไป
กิเดโอนก็ไล่ตด ิ ตามไปจับเศบาห์กับศัลมุนนากษั ตริยพ ์ วกมีเดียนทัง้ สององค์ได ้
และทากองทัพทัง้ หมดให ้แตกตืน ่ 8:13
ฝ่ ายกิเดโอนบุตรชายโยอาชก็กลับจากการศก ึ ก่อนดวงอาทิตย์ขน ึ้
8:14 จับชายหนุ่มชาวเมืองสุคคทได ้คนหนึง่ จึงซก ั ถามเขา
ชายคนนีก ้ ็เขียนชอ ื่ เจ ้านายและพวกผู ้ใหญ่ของเมืองสุคคทให ้ รวมเจ็ดสบ ิ เจ็ดคนด ้วยกัน 8:15
กิเดโอนจึงมาหาชาวเมืองสุคคทกล่าวว่า "จงมาดูเศบาห์และศัลมุนนา ซงึ่ เมือ ่ ก่อนเจ ้าเยาะเย ้ยเราว่า
`มือของเศบาห์และของศล ั มุนนาอยูใ่ นมือเจ ้าแล ้วหรือ
เราจะได ้เลีย ้ งทหารทีเ่ หน็ ดเหนือ ่ ยของเจ ้าด ้วยขนมปั ง'" 8:16
กิเดโอนก็จับพวกผู ้ใหญ่ในเมืองเอาหนามใหญ่แห่งถิน ่ กันดาร และหนามย่อยด ้วย
มาสงั่ สอนชาวเมืองสุคคท
8:17 ท่านก็พังป้ อมเมืองเปนูเอล และประหารชวี ต ิ ชาวเมืองเสย ี

8:18 ท่านจึงถามเศบาห์และศัลมุนนาว่า "คนทีเ่ จ ้าฆ่าเสย ี ทีท


่ าโบร์เป็ นคนแบบไหน" เขาตอบว่า
"ท่านเป็ นอย่างไร เขาก็เป็ นอย่างนัน ้ เป็ นเหมือนราชบุตรทุกคน" 8:19 กิเดโอนจึงกล่าวว่า
"คนเหล่านัน ่ ้องท ้องเดียวกันกับเรา พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ถ ้าเจ ้าไว ้ชวี ต
้ เป็ นพีน ิ เขา
เราก็จะไม่ประหารชวี ต ้ " 8:20 แล ้วท่านสงั่ เยเธอร์บต
ิ เจ ้าแน่ฉันนัน ุ รหัวปี ของท่านว่า

278
"จงลุกขึน ี " แต่หนุ่มคนนัน
้ ฆ่าเขาทัง้ สองเสย ้ ไม่ยอมชก ั ดาบออก ด ้วยว่าเขากลัว
เพราะเขายังหนุ่มอยู่
8:21 ฝ่ ายเศบาห์กับศัลมุนนาจึงว่า "ท่านลุกขึน ้ ฟั นเราเองซ ิ เป็ นผู ้ใหญ่เท่าใดกาลังก็แข็งเท่านัน
้ "
กิเดโอนก็ลก ้ ฆ่าเศบาห์และศัลมุนนาเสย
ุ ขึน ี แล ้วเก็บเครือ่ งประดับทีค ่ ออูฐของเขาไว ้ )

While Gideon and his men continue to pursue the two Midianite Kings they soon
thereafter come to the tower of Pe-nu' -el. While at the tower they ask the men of Pe-nu' -el
also for some food to eat. But the men of the tower deny Gideon and his men any food just
as the Princes of Suc'-coth had done. So Gideon tells the men of the tower to beware, for as
soon as he and his men capture the two Kings of Midian, they are going to return to them
and knock down their tower!

ขณะทีก ่ ด ิ โิ อนและคนของเขายังคงตามจับตัวสองกษั ตริยท ์ ห


ี่ นีไป พวกเขาได ้มาถึงทีห
่ อคอย
Pe-nu' -el เปนูเอลเมือ ่ อยูท่ น
ี่ ัน้ พวกเขาได ้ถามคน Pe-nu' -el เปนูเอล ถึงอาหารจานวนหนึง่ ทีจ ่ ะกิน
แต่คนทีห่ อคอยนัน ้ ได ้ปฏิเสธทีจ ่ ะมอบอาหารแก่กด ิ โิ อนและคนของเขา เหมือนเจ ้าชายเมือง Suc' –
coth สุคคท ได ้กระทา จากนัน ้ กิดโิ อนได ้บอกคนของหอคอยให ้ระวังตัว

เพราะในไม่ชาเขาและคนของเขาจั บตัวกษั ตริยม
์ เี ดียนได ้เมือ
่ ไร
พวกเขาจะกลับมาถล่มทาลายหอคอยของพวกเขา
Once Gideon catches up the two fleeing Kings, Ze' –bah and Zal-mun' –ah and their
remaining fifteen thousand soldiers, he and his men quickly defeat them and take the two
Kings into their custody. Gideon then returns to Suc coth with the two Kings in shackles
and carries out his threat. He subdues the Prince and the elders of Suc'-coth and binds them
with thorns and briers he and his men had taken out of the wilderness.

่ กิดโิ อนได ้จับตัวกษั ตริย ์ Ze' –bah เศบาห์ และ Zal-mun' –ah ศัลมุนนา
เมือ
และเขาทัง้ หลายยังคงมีทหารเหลืออยูห ่ นึง่ หมืน
่ ห ้าพันคน
เขาและคนของเขาได ้รบชนะอย่างรวดเร็วและได ้นาตัวสองกษั ตริยม ์ าคุมขัง
จากนัน้ กิดโิ อนได ้กลับไปยัง Suc' –coth สุคคท
ด ้วยกันกับล่ามโซก ่ ญ
ุ แจมือสองกษั ตริยแ ์ ละด ้วยการขูเ่ ข็ญของเขา
เขาได ้ชนะเจ ้าชายและผู ้อาวุโสของเมือง Suc' –coth สุคคท
และผูกมัดพวกเขาด ้วยหนามและพุม ่ ไม ้ทีม ่ ห
ี นาม
เขาและคนของเขาได ้นาพวกเขาเหล่านัน ้ ออกไปยังถิน ่ ทุรกันดาร

Gideon does this to humiliate them in front of their people, for their refusing to give
them food. After Gideon leaves Sue' -coth he goes back to tche tower of Pe-nu' -el, where
they also had denied them food and Gideon and his men knock down the Tower of Pe-nu' -
el just as he had said he would do.

กิดโิ อนได ้กระทาเชน ่ นีเ้ พือ


่ ให ้พวกเขาได ้ละอายใจต่อหน ้าประชากรของพวกเขา
เพราะพวกเขาได ้ปฏิเสธทีจ ่ ะมอบอาหารแก่กด ิ โิ อนและคนของเขา
หลังจากนัน ้ กิดโิ อนได ้กลับไปยังหอคอย Pe-nu' –el
เปนูเอลทีน ่ ัน
้ พวกเขาได ้ปฏิเสธทีจ ่ ะให ้อาหารของพวกเขาด ้วยเชน ่ กัน
และกิดโิ อนและคนของเขาได ้ทาลายหอคอย Pe-nu' -el เปนูเอลเหมือนทีเ่ ขาได ้พูดว่าเขาจะกระทา

279
Gideon untill having the two Midianite Kings in his custody, then slays the two Kings
and takes the golden ornaments from off their camel's necks. Now that Gideon(within the
HELP of THE LORD) had defeated the Midianites, the CHILDREN of ISRAEL come to Gideon
and request that he be their King. But Gideon tell them that no man should rule over them,
for ONLY THE LORD could rule over ISRAEL.

จนกระทั่งกิดโิ อนได ้จับตัวกษั ตริยม์ เี ดียนทัง้ สองคนมาคุมขังภายใต ้น้ ามือของเขา


จากนัน ้ ได ้ฆ่าสองกษั ตริยแ ์ ละนาเอาทองคาทีต ่ กแต่งจากคออูฐออกไป
บัดนีก
้ ด ิ โิ อน(จากการชว่ ยเหลือของพระเจ ้า)ได ้มีชย ั ชนะเหนือคนมีเดียน
บุตรหลานของอิสราเอลได ้เข ้ามาหากิดโิ อนและต ้องการให ้เขาเป็ นกษั ตริย ์
แต่กด ิ โิ อนบอกพวกเขาว่าไม่มผ ี ู ้ใดควรจะปกครองอยูเ่ หนือพวกเขาทัง้ หลาย
มีเพียงแต่พระเจ ้าผู ้เดียวเท่านัน ้ สามารถทีจ ่ ะปกครองอยูเ่ หนือคนอิสราเอล

However Gideon makes a request that the CHILDREN of ISRAEL gather up the golden
earrings from off the dead Midianites and give all to them to him. The CHILDREN of
ISRAEL honor Gideon's request for his feeling them from the Midianites. Gideon then
makes the golden earring into the e- phod (A Priest's Vest). However, the e'-phod made by
Gideon' later becomes a snare to both him and his family.

แต่อย่างไรก็ตามกิดโิ อนได ้ร ้องขอให ้


บุตรหลานของอิสราเอลรวบรวมต่างหูทองคาจากศพของคนมีเดียนและมอบให ้แก่เขาทัง้ หมด
บุตรหลานของอิสราเอลได ้กระทาตามคาเรียกร ้องของ
กิดโิ อนเพราะว่าเขาได ้ทาการรบชนะคนมีเดียน
จากนัน ้ กิดโิ อนได ้นาต่างหูทองคาหลอมทาเป็ นเอโฟด(เสอ ื้ คลุมของปุโรหิต) แต่อย่างไรก็ตาม
เอโฟดทีก ่ ด
ิ โิ อนได ้ทาขึน ้ ภายหลังได ้กลายเป็ นสงิ่ ทีล
้ มานั น ่ อ ่ ลองติดบ่วง(เป็ นรูปเคารพ)ทัง้ เขาและ
ครอบครัว (แทนทีจ ่ ะเคารพถวายเกียรติแด่พระเจ ้าแต่เพียงผู ้เดียว)

(เสริม ผู ้วินจ
ิ ฉั ย 8:22 ครัง้ นัน ้ คนอิสราเอลก็เรียนกิเดโอนว่า
"ขอจงปกครองพวกข ้าพเจ ้าทัง้ หลายเถิด ทัง้ ตัวท่านและลูกหลานของท่านสบ ื ไปด ้วย
เพราะว่าท่านได ้ชว่ ยเราทัง้ หลายให ้พ ้นจากมือของมีเดียน" 8:23 กิเดโอนจึงตอบเขาทัง้ หลายว่า
"เราจะไม่ปกครองท่านทัง้ หลาย และบุตรชายของเราก็จะไม่ปกครองท่านทัง้ หลาย
พระเยโฮวาห์จะทรงปกครองท่านทัง้ หลายเอง" 8:24 กิเดโอนก็บอกคนเหล่านัน ้ ว่า
"เราจะขอสงิ่ หนึง่ จากท่านทัง้ หลาย คือขอให ้ทุกคนถวายตุ ้มหูซงึ่ ริบมาได ้นั น ้ "
(ด ้วยว่าคนเหล่านั น ้ มีตุ ้มหูทองคาเพราะเป็ นชนอิชมาเอล) 8:25 เขาก็เรียนตอบท่านว่า
"เราทัง้ หลายเต็มใจจะให ้" เขาก็ปผ ู ้าลง วางตุ ้มหูซงึ่ ริบมาได ้นัน
้ ไว ้ทีน
่ ั่ น 8:26
ตุ ้มหูทองคาซงึ่ ท่านขอได ้นัน ้ มีน้ าหนั กหนึง่ พันเจ็ดร ้อยเชเขลทองคา นอกจากนีย ้ ังมีเครือ
่ งประดับ
จีแ
้ ละฉลององค์สม ี ว่ งซงึ่ กษั ตริยพ์ วกมีเดียนทรง ทัง้ เครือ ่ งผูกคออูฐด ้วย 8:27
กิเดโอนก็เอาทองคานีท ้ าเป็ นรูปเอโฟดเก็บไว ้ทีเ่ มืองของท่านคือโอฟราห์
และบรรดาคนอิสราเอลก็เล่นชูกั้ บรูปเคารพนีก ้ ระทาให ้เป็ นบ่วงดักกิเดโอนและวงศว์ านของท่าน
8:28 ดังนีแ้ หละพวกมีเดียนก็พา่ ยแพ ้ต่อหน ้าคนอิสราเอล ไม่อาจยกศรี ษะขึน ้ อีกได ้เลย
และแผ่นดินก็พักสงบอยูใ่ นสมัยของกิเดโอนถึงสส ี่ บ
ิ ปี คนอิสราเอลไหว ้รูปเคารพ 8:33

280
อยูม
่ าเมือ
่ กิเดโอนสนิ้ ชวี ต
ิ แล ้ว คนอิสราเอลก็หันกลับอีก และเล่นชูกั้ บพระบาอัล
ถือว่าบาอัลเบรีทเป็ นพระของเขาทัง้ หลาย )

The reason the e'- phod problem, is because the CHILDREN of ISRAEL see the e'-
phod as and an ariticle of conquest over the Midianites, giving the credit to Gideon, rather
than honoring THE LORD for what HE had done through Gideon. After the" Midianite
defeat THE LORD gives ISRAEL PEACE again for another forty years. Gideon presided over
the Children of ISRAEL as their Judge.34

เหตุผลทีไ่ ด ้มีปัญหาในเรือ ่ งของ เอโฟด เพราะว่าบุตรหลานของอิสราเอลเห็น เอโฟด


(เสอ ื้ คลุมของปุโรหิต)นัน ้ เปรียบเหมือนและเป็ นเหมือนสญ ั ลักษณ์ในการต่อสูชนะเหนื
้ อคนมีเดียน
โดยได ้มอบเครดิตให ้แก่ กิดโิ อนแทนทีจ ่ ะเป็ นการถวายเกียรติให ้แก่พระองค์เจ ้า
ในสงิ่ ทีพ่ ระองค์เจ ้าได ้กระทาผ่านทางกิดโิ อน หลังจากได ้มีชย ั ชนะเหนือคนมีเดียน
พระเจ ้าได ้มอบสน ั ติสข ุ แก่อสิ ราเอล อีกสส ี่ บ
ิ ปี
กิดโิ อนได ้ดารงตาแหน่งเป็ นผู ้วินจ ิ ฉั ยอยูเ่ หนือบุตรหลานของอิสราเอล โน ้ต 34

NOTE 34 Through the entire Book of Judges it is evident that when THE LORD provides the
Children of ISRAEL with a Judge to oversee them, (such as with Gideon), they have PEACE
and happiness while that Judge oversees them. However, without the leadership of the
Judge (who had been appointed by GOD), the CHILDREN of ISRAEL deviate from GOD'S
COMMANDMENTS and suffer for it. GOD punishes the CHILDREN of ISRAEL for their
SINNING by causing them to lose control of their land and possessions time and time
again.

โน ้ต 34 ทั่วทัง้ หนั งสอ ื ของผู ้นิจฉั ย เป็ นหลักฐานว่าเมือ ่ พระองค์เจ ้าจัดเตรียม ผู ้วินจ
ิ ฉั ยดูแลลูก
หลานของชนชาติอส ิ ราเอล(เชน ่ เดียวกันกับกิดโิ อน)
พวกเขาได ้มีสน ั ติสขุ และมีความสงบสุขขณะทีม ่ ผี ู ้วินจ
ิ ฉั ยดูแลปกครองอยูเ่ หนือพวกเขา
แต่อย่างไรก็ตามถ ้าปราศจากผู ้นาทีเ่ ป็ นผู ้วินจ ิ ฉั ย(ผู ้ซงึ่ ถูกแต่งตัง้ จากพระเจ ้า)
บุตรหลานของอิสราเอล
จะเปลีย่ นแปลงออกนอกลูน ่ อกทางเพราะความบาปของพวกเขาเป็ นสาเหตุให ้พวกเขาได ้สูญเสย ี ใน
การเป็ นเจ ้าของทีด ่ นิ และทรัพย์สมบัตต ิ า่ งๆของพวกเขาทัง้ หลายครัง้ แล ้วครัง้ เล่า

By their refusing to OBEY GOD'S LAWS, THE LORD further punishes the Children of
ISRAEL by having them ruled over by some evil and ungodly power, rather than by a Judge
of HIS CHOOSING. You will see this phenomenon echoed throughout the Scriptures of the
OLD TESTAMENT. This is still a stumbling block for all nations of the world ..

โดยการปฏิเสธทีจ ่ ะเชอ ื่ ฟั งกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าพวกเขาทัง้ หลาย


พระเจ ้าได ้เพิม ่ การลงโทษต่อบุตรหลานของอิสราเอล
โดยการให ้พวกเขาถูกปกครองจากคนทีช ่ วั่ ร ้ายและอยูภ
่ ายใต ้อานาจของคนทีไ่ ม่มพี ระเจ ้า
แทนทีจ ่ ะเป็ นผู ้วินจ
ิ ฉั ยจากการทรงเลือกของพระเจ ้า
ท่านจะได ้เห็นเหตุการณ์ทส ี่ ง่ ผลสะท ้อนออกมา ให ้เห็นผ่านไปทัว้ ทัง้ พระคาภีรเ์ ดิม
นีค ื สงิ่ ทีย
้ อ ่ ังเป็ นอุปสรรคขัดขวาง คนทุกชนชาติของโลกใบนี้

281
All the governments and nations that follow after GOD'S WAYS and
COMMANDMENTS PROSPER, and all those who do not eventually crumble and fall! This
scenario plays throughout time and is evident throughout the history of the world. Nations
come and nations go, but those NATIONS who SERVE and place their TRUST and FAITH in
GOD, REMAIN INTACT!

รัฐบาลต่างๆของโลกทัง้ หมดและชนทุกชาติทไี่ ด ้ปฏิบัตต ิ ามทางของพระเจ ้าและคาสงั่ สอนของพระ


องค์จะมีความเจริญก ้าวหน ้า
และท ้ายทีส่ ดุ คนเหล่านัน ้ ทัง้ หมดทีไ่ ม่ได ้เชอ ื่ ฟั งนัน้ ได ้พังพินาศและล ้มลง
นีค
้ อ ่ งจริงของชวี ต
ื เหตุการณ์เรือ ิ ทีไ่ ด ้ดาเนินผ่านมานานแสนนานและเป็ นหลักฐานผ่านทางประวัตศ ิ า
สตร์ของโลก ชนชาติทัง้ หลายทีไ่ ด ้ผ่านมาและผ่านไป
แต่ชนชาติเหล่านั น ้ ทีย
่ ังคงปรนนิบัตริ ับใชและเช้ ื่ ศรัทธาและวางใจในพระเจ ้า

ยังคงอยูอ่ ย่างบริบรู ณ์โดยไม่ได ้รับความเสยหาย ี
****** เอเมน******

บัญญัต ิ 10 ประการมีดังนี้

1. เจ ้าจงอย่ามีพระเจ ้าอืน ่ ต่อหน ้าเรา


2. เจ ้าจงอย่าสร ้างรูปเคารพสาหรับคนเป็ นสณ ั ฐานรูปใด ๆ ซงึ่ มีอยูใ่ นท ้องฟ้ า อากาศเบือ ้ งบน
หรือแผ่นดินเบือ ้ งล่าง หรือในน้ าใต ้แผ่นดิน อย่ากราบไหว ้ ปฏิบัตริ ป ู นัน ้ ๆ ด ้วยเราคือ
YAHVEH ยาเวย์พระเจ ้าเบือ ้ งบน ของเจ ้า เป็ นผู ้หวงแหน ให ้โทษของบิดา
ซงชงเราติดถึงลูกหลาน กระทั่ง 3-4 ชวั่ อายุคน แต่แสดงกรุณาต่อผู ้ทีร่ ักเรา
่ ึ ั
และรักษาบัญญัตข ิ องเราหลายพันชวั่ อายุคน
3. อย่าออกนาม YAHVEH ยาเวย์พระเจ ้าของเจ ้าเปล่า ๆ
ด ้วยผู ้ทีอ
่ อกนามของพระองค์ทา่ นเล่นเปล่า ๆ นัน ้ พระเจ ้าจะไม่ปรับโทษก็หามิได ้
4. จงนับถือวันสะบาโต (Sabbath day) คือ วันศุกร์เย็นถึงวันเสาร์เย็นเป็ นวันบริสท ุ ธิ์
จงทางานของเจ ้าให ้เสร็จใน 6วัน (ตัง้ แต่วน ั อาทิตย์เป็ นวันต ้นสป ั ดาห์ถงึ วันศุกร์) แต่วน ั ที่ 7
เป็ นวันสะบาโตของ YAHVEH ยาเวย์พระเจ ้าของเจ ้า ในวันนัน ้ จงอย่าทางานใด ๆ
คือเจ ้าเองหรือบุตรธิดาของเจ ้า หรือทาสของเจ ้า หรือบรรดาสต ั ว์ใชงานของเจ
้ ้า
หรือแขกผู ้อาศัยอยูข ่ ้างในประตูเมืองของเจ ้า ทัง้ นี้ เพราะพระเจ ้าได ้สร ้างฟ้ าแผ่นดิน
และทะเล และทุกสงิ่ ทีม ่ อี ยูใ่ นทีท่ ัง้ ปวงนัน
้ พระองค์ทรงพักในวันที่ 7ฉะนัน ้
พระเจ ้าจึงทรงอวยพรแต่วน ั สะบาโต และทรงถือว่าเป็ นวันบริสท ุ ธิ์
5. จงนับถือพ่อแม่ของตน เพือ ่ เจ ้าจะได ้มีชวี ต ิ ยืนนานอยูบ ่ นแผ่นดินทีY ่ AHVEH ยาเวย์
พระเจ ้าของเจ ้า ประทานแก่เจ ้า
6. อย่าฆ่าคน
7. อย่าล่วงประเวณีในลูกเมียของเขา
8. อย่าขโมย
9. อย่าเป็ นพยานเท็จต่อเพือ ่ นบ ้านของเจ ้า
10. อย่าโลภอยากได ้เรือนของเพือ ่ นบ ้าน อย่าโลภมากอยากได ้เมียของเพือ ่ นบ ้าน
หรือทาสของเขา โค ลา ของเขา หรือสงิ่ หนึง่ สงิ่ ใดของเพือ ่ นบ ้านนั น ้

ISRAEL’s Judges. GOD'S LEADERSHIP 20/30

282
ผู ้วินจ
ิ ฉั ยของประเทศอิสราเอล เป็ นตาแหน่งผู ้นาของพระเจ ้า

There are several other Judges of ISRAEL in the Book of Judges other than those we
have briefly covered. The ones that were appointed by the people, rather than by GOD,
cause disarray and hardship for the people. However, the ones that GOD appoints, provide
the solid LEADERSHIP needed for the people to be HAPPY and PROSPEROUS.

มีผู ้วินจ
ิ ฉั ยคนอืน ่ ๆของชนชาติอส ิ ราเอล ในหนังสอ ื ของผู ้วินจ ิ ฉั ยอีกหลายคน
นอกเหนือจากทีเ่ ราได ้นาเสนอครอบคลุมอย่างย่อๆ
สว่ นคนอืน
่ ๆทีไ่ ด ้รับการแต่งตัง้ ขึน ้ มาโดยมนุษย์แทนทีจ ่ ะเป็ นพระเจ ้า
เป็ นสาเหตุทท ี่ าให ้เกิดความสบ ั สนและทุกข์ยากขาดแคลนมาสูป ่ ระชากร แต่อย่างไรก็ตาม
คนเหล่านัน ้ ทีพ่ ระเจ ้าได ้แต่งตัง้ ขึน้ มาเพือ
่ จัดเตรียมขึน
้ เป็ นผู ้นาทีไ่ ว ้วางใจได ้
มีความจาเป็ นเพือ ่ ความเป็ นสุขของประชากร และเพือ ่ ความเจริญรุง่ เรือง ประสบความสาเร็จ

However, some of those judges GOD had APPOINTED, by allowing outside


influences to come between them and THE LORD, met with failure as well! One such Judge
was a man by the name of Samson. Read the story of Samson from the Scriptures in Judges,
Chapter 13 through Chapter 16. Samson, who was a Danite and the son of Manoah, had his
birth announced even prior to his conception. An ANGEL came to both his mother and
father telling them of the forthcoming birth of Samson.

แต่อย่างไรก็ตามบางคนของผู ้วินจิ ฉั ย พระเจ ้าได ้แต่งตัง้ ขึน้ มา


ถ ้าได ้ยินยอมอิทธิพลภายนอกเข ้ามาอยูร่ ะหว่างพวกเขาเหล่านัน ้ กับพระเจ ้า
่ ่
ก็จะพบกับความล ้มเหลวเชนเดียวกัน ตัวอย่างเชนผู ้วินจ ิ ฉั ยคนหนึง่ ชอ ื่ ว่า แซมสน

เมือ่ ท่านได ้อ่านเรือ
่ งราวของแซมสน ั จากหนั งสอ ื ผู ้วินจ
ิ ฉั ย บททีส่ บิ สาม ผ่านไปถึง บททีส ิ หก
่ บ
แซมสน ั เป็ นอิสราเอลเกิดจากเผ่าดานและเป็ นบุตรของมาโนอาห์ ก่อนการกาเนิดตัง้ ครรภ์ของเขา
ทูตสวรรค์ได ้เข ้ามาหาทัง้ บิดาและมารดาประกาศบอกพวกเขาก่อนทีจ ั
่ ะให ้กาเนิดแซมสน

NOTE: In nearly all cases in THE HOLY BIBLE where an ANGEL comes to give a specific
MESSAGE to a person or persons, the ANGEL sent by GOD is the ANGEL GABRIEL. It is
noteworthy to say that the ANGEL sent to Manoah and his wife prior to the birth of Samson,
was the ANGEL GABRIEL, even though in the Scriptures GABRIEL refused to give Manoah
his NAME, saying it was secret.

หมายเหตุ: เกือบทุกกรณีในพระคัมภีรไ์ บเบิลทัง้ หมด


ทีท
่ ตู สวรรค์ได ้เสด็จเข ้ามาให ้ข ้อความพิเศษต่อบุคคลหนึง่ หรือบุคคลอืน ่ ๆ

ทูตสวรรค์ได ้ถูกสงมาโดยพระเจ ้านัน ้ เป็ นทูตสวรรค์กาเบรียล นีค ื เป็ นสงิ่ ทีส
้ อ ่ าคัญควรจดจา
เพือ
่ ทีจ่ ะบอกว่า
ทูตสวรรค์ทถ ู สง่ มาถึงมาโนอาห์และภรรยาของเขาก่อนหน ้าการกาเนิดของแซมสน
ี่ ก ั นั น
้ เป็ นทูตสวรร
ค์กาเบรียล ถึงแม ้แต่ในพระคาภีรท ์ ต
ู สวรรค์กาเบรียลนั น้ ได ้ปฏิเสธทีจ ่ ะบอกชอ ื่ ของเขาแก่มาโนอาห์
โดยให ้เหตุผลว่าเป็ นความลับ

283
By Samson being dedicated to GOD even prior to his conception made him a
NAZARITE, so THE LORD placed Samson under the laws of the Nazarite. Samson's
fascination over the Philistine women caused him to break his Nazarite VOWS to GOD. He
broke his VOWS by allowing his hair to be cut and by his also drinking wine, both of which
are forbidden for the Nazarite.

โดยการเป็ นอยูข ่ องแซมสน ั ได ้อุทศ ิ ถวายตัวแด่พระเจ ้า ก่อนการตัง้ ครรภ์ของเขา


ทาให ้เขาเป็ นนาศไี รท์ NAZARITE, ดังนัน ้ พระองค์เจ ้าวางแซมสน ั ไว ้อยูภ
่ ายใต ้กฏหมายของนาศไี รท์
Nazarite การหลงเสน่หข ั
์ องแซมสนบนผู ้หญิงชาวฟิ ลส ิ เตียน
เป็ นสาเหตุให ้เขาฝ่ าฝื นคาสาบานต่อพระเจ ้า ในการเป็ นนาศไี รท์Nazarite ของตัวเขาเอง
เขาได ้ฝ่ าฝื นโดยการยอมตัดผมและดืม ่ ซงึ่
่ เหล ้าองุน
ทัง้ สองสงิ่ นัน
้ ต ้องห ้ามสาหรับผู ้ทีอ
่ ทุ ศิ ตนเป็ นนาศไี รท์ Nazarite

This breach of PROMISE to GOD ends up with Samson being enslaved, blinded, and
ultimately losing his life. The story of Samson in general depicts the falling away of man
from GOD over man's affection towards a woman. This affection by Samson leads him to be
DECEIVED by the woman and ultimately causes Samson to SIN. This is the same scenario
that caused ADAM to SIN and to be cast out of the Garden of Eden. However, even though
Delilah (a Philis tine woman) impaired Samson's JUDGMENT, it was still Samson who
SINNED against GOD. If you VOW a VOW to THE LORD, GOD will most certainly expect you
to keep it, regardless of any outside influences. The VOW is between YOU and HIM and HE
EXPECTS YOU TO HONOR IT!

การฝ่ าฝื นคาสญ ั ญาต่อพระเจ ้าแซมสน ั ได ้ลงเอยด ้วยการตกเป็ นทาส, ตาบอด,


และสุดท ้ายได ้สูญเสย ี ชวี ต
ิ ของเขา เรือ ่ งราวของแซมสน ั โดยทั่วๆไปได ้อธิบาย
ถึงการละทิง้ พระเจ ้าของผู ้ชายโดยอิทธิพลจากการหลงเสเน่หผ ์ ู ้หญิงคนหนึง่
การหลงใหลนีท ้ าให ้แซมสน ั นาตัวเขาเองตกอยูใ่ นห ้วงของการหลอกลวงโดยผู ้หญิงและเป็ นสาเหตุ
ทาให ้แซมสน ั กระทาบาปในทีส ุ สงิ่ นีเ้ ชน
่ ด ่ เดียวกันกับเรือ
่ งราวทีเ่ ป็ นสาเหตุทาให ้ ADAM
กระทาบาปและถูกขับไล่ออกมาจากสวนเอเดน อย่างไรก็ตาม, แม ้ว่า เดลิยาห์ Delilah
(ผู ้หญิงฟิ ลส
ิ เตีย)ทาให ้การตัดสน ิ ใจของแซมสน ั อ่อนแอ
แต่ยังคงเป็ นแซมสน ั ทีก่ ระทาบาปต่อต ้านพระเจ ้า ถ ้าคุณได ้ให ้คามั่นสญ ั ญากับพระองค์เจ ้า,
สว่ นใหญ่พระเจ ้าหวังว่าคุณทีจ ่ ะรักษาคามั่นสญ ั ญา โดยไม่คานึงถึงอิทธิพลจากภายนอกใดๆ
คามั่นสญ ั ญานัน ้ ระหว่างคุณและพระองค์และพระองค์หวังว่าคุณจะรักษา เคารพต่อคาสญ ั ญานัน

Ecclesiastes 5:4 When thou vowest a vow unto GOD, defer not to pay it; for HE hath no
pleasure in fools: pay that which thou hast vowed.

Ecclesiastes 5:5 Better is it that thou shouldest not vow, than shouldest vow and not pay.

ปั ญญาจารย์ 5:4 เมือ่ เจ ้าปฏิญาณไว ้ต่อพระเจ ้า อย่าชก ั ชาที


้ จ ่ ะทาตามคาปฏิญาณนั น
้ ให ้สาเร็จ
เพราะพระองค์หาชอบพระทัยในคนเขลาไม่ จงทาตามทีเ่ จ ้าปฏิญาณไว ้เถิด 5:5
ทีเ่ จ ้าจะไม่ปฏิญาณก็ยังดีกว่าทีเ่ จ ้าปฏิญาณแล ้วไม่ทาตาม

284
Samson was well aware of his Nazarite VOWS! This is why he knew that his GREAT
STRE GTH would be subdued if his hair was to be cut, for the hair of the Nazarite is
HALLOWED UNTO GOD. Samson had his hair braided into SEVEN LOCKS and his hair had
not been cut from the time of his birth. If you will recall that which was covered about the
NAZARITE earlier in this BOOK:

แซมสน ั นัน
้ ได ้ระวังเป็ นอย่างดีในการปฏิญาณตัวเป็ นนาศไี รท์
เขาได ้รับรู ้ว่าพละกาลังของเขาจะลดลงถ ้าเขาได ้ตัดผมออกไป
เพราะการไว ้ผมยาวเป็ นนาศไี รท์เพือ ่ ถวายตัวในการดาเนินชวี ต
ิ บริสท ุ ธิต
์ อ
่ พระเจ ้า
แซมสน ั ได ้ถักผมเปี ยเจ็ดล็อคและผมของเขาไม่ได ้ถูกตัดตัง้ แต่เกิด
ถ ้าท่านได ้จะจดจาเรือ ่ งราวของนาศไี รท์ทเี่ ราได ้กล่าวไปก่อนหน ้านีใ้ นหนั งสอ ื กันดารวิถ ี

if the Nazarite were to complete his vows of the Nazarite he would shave the hair off
his head and it was meant to be a HOLY matter. The Nazarite hair once shaved from his
head was to be burnt with fire from below the ALTAR. THE NAZARITE'S HAIR SHOULD
NEVER BE CUT AS IT IS SACRED TO GOD. THE NAZARITE ALSO IS NEVER ALLOWED TO
DRINK OR EAT ANYTHING THAT GROWS ON THE VINE. Samson broke BOTH of these
VOWS to GOD.

ถ ้านาศไี รท์นัน
้ ได ้เสร็จสน ิ้ ภาระการถวายตัวของเขาในกฏนาศไี รท์
เขาจะโกนผมจากศรี ษะและนีห ้ มายถึงกระทาตามกฏทีบ ่ ริสท
ุ ธิ์
่ นาศไี รท์ได ้โกนผมออกจากศรีษะนัน
เมือ ้ จะต ้องนามาเผาต่อหน ้าแท่นบูชาของพระเจ ้า
ผมของนาศไี รท์ไม่ควรจะตัดเสหมือนเป็ นสงิ่ บริสท ุ ธิต
์ อ
่ พระเจ ้า
นาศไี รท์จะไม่รับอนุญาติให ้ดืม ่ หรือกินสงิ่ ใดๆทีเ่ ติบโตมาจากต ้นองุน ่
แซมสน ั ได ้ทาลายกฎเกณฑ์ทัง้ สองทีไ่ ด ้ปฏิภาณไว ้กับพระเจ ้า

Samson, being a Danite (meaning, being of the tribe of Dan) was predestined for
failure before he was even born. When JACOB (ISRAEL) gave his BLESSINGS to each one of
his TWELVE sons, it was made clear that the tribe of Dan would fall away from GOD and
follow in the footsteps of the Devil. The De vil is referred to as being a serpent and is also
known to be a heel biter. This is because the serpent crawls on his belly on the ground
therefor making the heel the easiest part of the body for the serpent to bite! Let us review
JACOB'S blessing given to his son Dan as it is taken from the Scriptures, and see the
PROPHECY of Dan and his offspring's (Samson's) destiny!

แซมสน ั , เกิดมาจากเผ่าดาน (หมายความว่า


เป็ นอิสราเอลเผ่าดาน)ซงึ่ ได ้ถูกกาหนดไว ้ล่วงหน ้าแล ้ว ก่อนหน ้าทีเ่ ขาจะเกิดมา
เมือ่ ยาโคบ(อิสราเอล)ได ้มอบคาพยากรณ์อวยพรไว ้ในแต่ละเผ่าจากบุตรสบ ิ สองคน
นีค
้ อ ั
ื ชดเจนว่าเผ่าดานนัน ้ จะล ้มลงออกไปจากทางของพระเจ ้าและจะไปติดตามทางของพวกปี ศาจ
พวกปี ศาจได ้อ ้างอิงเป็ นงูและนี้เป็ นทีร่ ู ้จักกันในคาพูด ถูกงูกด ้
ั สนเท ้า
สาเหตุนัน ้ เป็ นเพราะว่าท ้องของงูได ้เลือ้ ยไปตามพืน ้ ดินและข ้อเท ้าเป็ นสว่ นของร่างกายทีจ
่ ะถูกงูกด

285
ได ้ง่ายทีส่ ด
ุ ให ้เราได ้ทบทวนคาพยากรณ์ของยาโคบเกีย ่ วกับการอวยพรของลูกของเขา
ทีไ่ ด ้นามาจากข ้อพระคาภีรแ ์ ละจะเห็นถึงคาพยากรณ์และเชอื้ สายของเขาแซมสนั ในวาระสุดท ้าย
Genesis 49:16 Dan shall JUDGE his people, as one of the tribes of ISRAEL.

ปฐมกาล 49:16 สว่ นดานจะปกครอง(ผู ้วินจ


ิ ฉั ย)พลไพร่ของตน เหมือนเป็ นตระกูลหนึง่ ในอิสราเอล

This is the PROPHECY of Samson's coming to earth to be a Judge over ISRAEL.


Samson, being of the tribe of Dan was destined to be a JUDGE over ISRAEL by this
PROPHECY. Samson fulfilled the PROPHECY made by JACOB nearly a thousand years after
JACOB had made it!

คาพยากรณ์นเี้ ป็ นการทานาย
การมาเกิดของแซมสน ั บนโลกเพือ ่ ทีจ
่ ะเป็ นผู ้วินจ
ิ ฉั ยอยูเ่ หนืออิสราเอล
แซมสนั เป็ นอิสราเอลเผ่าดานนัน้ เป็ นผู ้วินจ
ิ ฉั ยคนสุดท ้ายของอิสราเอล โดยคาพยากรณ์นี้
แซมสน ั ได ้ทาให ้คาพยากรณ์สาเร็จเกือบจะหนึง่ พันปี หลังจากยาโคบได ้กล่าวไว ้

Genesis 49:17 Dan shall be a serpent by the way, an adder in the path, that biteth the horse
heels, so that his rider shall fall backward.

ปฐมกาล 49:17 ดานจะเป็ นงูอยูต


่ ามทาง เป็ นงูพษ
ิ ทีอ
่ ยูใ่ นหนทางทีก ้
่ ัดสนเท ้าม ้า
ให ้คนขีต
่ กหงายลง

This PROPHECY depicts that the tribe of Dan would eventually fall away from GOD
as a result of them following after the ways of the Devil (the Canaanite). When the ARK of
the COVENANT was at SHILOH and all of the CHILDREN of ISRAEL came up to WORSHIP
GOD at SHILOH, the tribe of Dan stayed in the city of Dan and worshipped an idol they had
stolen for themselves from a man named Micah.

คาพยากรณ์นไ ี้ ด ้ทานายว่าเผ่าดาน
จะล ้มลงจากการติดตามพระเจ ้าเนือ ่ งจากสาเหตุของพวกเขาได ้ติดตามทางของมารซาตาน(คานาไ
นท์) เมือ
่ หีบพันธสญั ญาได ้อยูท ี่ โิ ลห์และอิสราเอลทัง้ หมดได ้เข ้ามานมัสการพระเจ ้าทีช
่ ช ่ โิ ลห์
แต่เผ่าดานอยูใ่ นเมืองของดานและนมัสการรูปเคารพพวกเขาได ้ขโมยจากชายคนหนึง่ ชอ ื่ ว่ามีคาห์ด ้
วยตัวพวกเขาเอง

In the Book of Revelation, in Chapter SEVEN, there are noted to be 144,000


TRIBULATION SAINTS who are chosen and SEALED by GOD for MINISTRY during the
GREAT TRIBULATION with TWELVE THOUSAND chosen from each of the TWELVE TRIBES.

ในหนังสอื ของการเปิ ดเผยวิวรณ์บททีเ่ จ็ด มีโน ้ต 144,000 เป็ นธรรมชก ิ ชน


ึ ่
ผู ้ซงได ้ถูกเลือกโดยพระเจ ้าและได ้ถูกประทับตราทีห ่ ทาพันธกิจชว่ ยเหลือระ
่ น ้าผากโดยพระเจ ้าเพือ
หว่างชว่ งวันแห่งความทุกข์ยากลาบาก ด ้วยกันทัง้ หนึง่ หมืน ่ สองพันคนถูกเลือกจาก
แต่ละเผ่าของอิสราเอลสบ ิ สองเผ่า

286
If you READ this chapter you will see that the tribe of Dan is not included as one of
the TWELVE TRIBES. The Scriptures indicate that the TRIBE of Ma-nas' seh replaces the
tribe of Dan. This is because the tribe of Dan was DESTINED for damnation just as Samson
was DESTINED for failure as a JUDGE.

ถ ้าคุณได ้อ่านในบทนีค ้ ณุ จะเห็นว่าเผ่าดาน นัน


้ ไม่ได ้รวมอยูใ่ นหนึง่ ของสบ ิ สองเผ่าอิสราเอล
พระคาภีรไ์ ด ้อุทศ
ิ ให ้เผ่ามนัสเสห์มาแทนทีข ่ องเผ่าดาน
นีค
้ อ
ื เพราะว่าเผ่าดานท ้ายทีส ่ ดุ จะเป็ นเหมือน แซมสน ั ทีไ่ ด ้ล ้มเหลวในการเป็ นผู ้วินจ
ิ ฉั ย

Judges 18:30 And the children of Dan set up the graven image: and Jonathan, the son of Ger
'sham, the son of Ma-nas 'seh, he and his sons were priests to the tribe of Dan until the day
of the captivity of the land.

Judges 18:31 And they set them up Mi -cah s graven image, which he made, all the time
that the HOUSE of GOD was in SHI'-LOH.

ิ ฉั ย 18:30 คนดานก็ตงั ้ รูปแกะสลักไว ้ สว่ นโยนาธานบุตรชายเกอร์โชน บุตรชายของมนั สเสห์


ผู ้วินจ
ทัง้ ท่านและบรรดาบุตรชายของเขาก็เป็ นปุโรหิตให ้แก่คนตระกูลดานจนถึงสมัยทีแ ่ ผ่นดินตกไปเป็ นเ
ชลย

ผู ้วินจ
ิ ฉั ย 18:31
เขาได ้ตัง้ รูปแกะสลักซงึ่ มีคาห์ได ้ทาไว ้นั น
้ ขึน
้ นานตลอดเวลาทีพ
่ ระนิเวศของพระเจ ้าอยูท ี่ โี ลห์
่ ช

You will see as YOU READ THROUGH THE HOLY BIBLE, in many cases, GOD
punished all the people for the irresponsible behavior of those whom the people had
chosen to lead them. In a democratic society where the people elect the officials, it is most
IMPORTANT that those who are elected to an office of power follow after the ways of THE
LORD and OBEY HIS LAWS and COMMANDMENTS.

คุณจะเห็นขณะทีค ่ ณ ุ อ่านพระคัมภีรไ์ บเบิล ้ ทัง้ ไปทัง้ หมด ในหลายๆกรณี


พระเจ ้าได ้ลงโทษประชากรทัง้ หมดเพราะว่า
ความประพฤติทข ี่ าดความรับผิดชอบผู ้นาของพวกเขาเหล่านัน ้ ซงึ่ เป็ นผู ้ทีป
่ ระชากรได ้เลือกมา
ในสงั คมพรรคการเมืองทีซ ่ งึ่ ประชากรได ้เลือกมาเป็ นผู ้บริหาร นีค ้ อ ื สงิ่ สาคัญมากทีส ่ ด

ว่าคนเหล่านั น
้ ทีถ
่ ก ิ ธิอานาจในคณะบริหาร
ู เลือกตัง้ มาให ้เป็ นผู ้มีสท
ได ้ติดตามทางของพระเจ ้าและเชอ ื่ ฟั งกฏเกณฑ์ของพระองค์และพระบัญญัตข ิ องพระเจ ้า

Just as GOD holds people accountable for their actions so does HE hold entire
NATIONS ACCOUNTABLE for their actions! More IMPORTANT than a Leader's political
skills, is that Leader's RELATIONSHIP with GOD.

่ ระเจ ้านั บการคิดบัญช(ี การลงโทษ)กับประชากร


เหมือนทีพ
สาหรับการกระทาของพวกเขาจากนัน ี ับประชากรทัง้ หมด
้ พระองค์ได ้คิดบัญชก

287
สาหรับการกระทาของพวกเขาทัง้ หลาย
ทีส ี่ วชาญของผู ้นาทางการเมือง นัน
่ าคัญมากกว่าทักษะความเชย ั พันธ์กับพระเจ ้า
้ คือผู ้นามีความสม

This does not necessarily mean that a fair and honest leader of a nation must be
involved with the Church. As a matter of fact, it should be considered to be the contrary. As
you will see later on in this BOOK, when GOD gives ISRAEL a King to lead them, HE also
provides the King with a Prophet allowing the King to have a GOOD CONNECTION to GOD
by way of the Prophet. The King's purpose is to GOVERN the people, and THE PROPHET'S
PURPOSE is to JUDGE the actions of the King, ensuring the King's commandments coincide
with GOD'S COMMANDMENTS.

สงิ่ นีไ
้ ม่ได ้จาเป็ นต ้องหมายความว่า
ผู ้นาทีม ่ ใี จเป็ นธรรมและผู ้ทีส ั ย์ซอ
่ ต ื่ ของชนชาติหนึง่ จาต ้องไปเกีย ่ วข ้องกับโบสถ์
นีค
้ อ ื เหตุการณ์ความเป็ นจริง ให ้พิจารณาในทางตรงกันข ้าม
ขณะทีค ่ ณุ ได ้อ่านเรือ่ งราวต่อไปในคาอธิบายต่างๆในหนังสอ ื (ผู ้วินจิ ฉั ยไปจนถึงหนึง่ ซามูเอล)นี้
เมือ ่ พระเจ ้าได ้มอบกษั ตริยแ ์ ก่อสิ ราเอลทีจ ่ ะนาพวกเขา
พระองค์จะจัดเตรียมผู ้พยากรณ์สาหรับกษั ตริย ์ เพือ ่ ทีจ
่ ะมีความสม ั พันธ์ทด ี่ ก
ี ับพระเจ ้า
โดยผ่านทางผู ้พยากรณ์ทจ ี่ ะทาการพิพากษาการกระทาของกษั ตริย ์
รับประกันได ้ว่าบัญญัตข ิ องกษั ตริยน ์ ัน
้ จะประจวบเหมาะสอดคล ้องด ้วยกันกับพระบัญญัตข ิ องพระเจ ้า

This is why in the Constitution of THE UNITED STATES there is a separation of


Church and State. The State's actions can be considered to be the actions taken by the King
or that nation's Leader. The Church's role in aiding the nation's Leadership is similar to that
of the PROPHET and can be considered to be the JUDGEMENT of those actions taken by its
Leader. The Church should provide for the government the same as THE PROPHET had
provided for the King in the days of old.

A nation's Leader must have a continual dialogue with the Church when framing a
new law or regulation to ensure that the new law does not- in any way VIOLATE GOD'S
LAWS!

นีค
้ อื เหตุผลว่าทาไมการจัดตัง้ กฎหมายสหรัฐอเมริกานัน ้ ได ้แยกโบสถ์ออกจากรัฐต่างๆ
รัฐต่างๆได ้ปฏิบัตโิ ดยพิจารณาจากคาสงั่ ของกษั ตริยห์ รือผู ้นาของชนชาตินัน้ โบสถ์ได ้ทาหน ้าทีช่ ว่ ย
เหลือประชากรของผู ้นา
คล ้ายกับผู ้พยากรณ์และสามารถทีจ ่ ะทาการพิพากษาในการกระทาต่างๆทีก ่ ระทาโดยผู ้นา
โบสถ์ได ้จัดเตรียมไว ้สาหรับรัฐบาล เหมือนทีผ
่ ู ้พยากรณ์ได ้มีการจัดเตรียมไว ้สาหรับกษั ตริยใ์ นอดีต

ผู ้นาชนชาติตา่ งๆนั น
้ จาต ้องมีการสนทนากับโบสถ์
เมือ
่ มีการร่างกรอบของกฏหมายใหม่หรือกฏระเบียบ
กฏข ้อบังคับเพือ่ ทีก
่ ฏหมายใหม่นัน ้ จะไม่ได ้ละเมิดกฏหมายของพระเจ ้าไม่วา่ ในกรณีใดๆ

288
The United States of America was founded on the PRINCIPLES of a Country under the
LEADERSHIP of GOD. "ONE COUNTRY, UNDER GOD, indivisile". On all of its currency it is
WRITTEN, "IN GOD WE TRUST"!

I ASK NOW WHY THE DUE TO YOUR POLITICAL CORRECTNESS DO YOU REFUSE TO
RECOGNIZE GOD? WOULD YOU PREFER NOT TO OFFEND THE WHORE ? HISTORY HAS
PROVEN THAT ANY NATION THAT AWAY FROM GOD WILL MOST CERTAINLY PERISH!

สหรัฐอเมริกานัน ้ ได ้เริม
่ ต ้นจัดตัง้ หลักกฏหมายสาคัญของประเทศ
ผู ้นาอยูภ
่ ายใต ้สท ิ ธิอานาจของพระเจ ้า ประเทศหนึง่ เดียวทีไ่ ด ้อยูภ ื่ ฟั งพระเจ ้า
่ ายใต ้การเชอ
ไม่สามารถแบ่งแยกเป็ นสว่ นๆ หรือเป็ นกฏหมายของรัฐต่างๆ
บนเหรียญ(เงินตรา)ของประเทศอเมริกาได ้เขียนว่า พวกเราเชอ ื่ วางใจในพระเจ ้า
้ มถามว่า ทาไมชว่ งเวลาผ่านไปพรรคการเมืองของอเมริกานั น
บัดนีผ ้
ได ้ปฏิเสธทีจ่ ะรู ้จักกฏเกณฑ์ของพระเจ ้า(ความหมายคือการระบบการเมืองไม่เกีย ่ วข ้องกัน กฏหมาย
กฏระเบียบของพระเจ ้า) ท่านเกรงว่าจะทาให ้หญิงโสเภณีสะดุด
(พรรคการเมืองเปรียบเสมือนหญิงโสเภณี)
ประวัตศ ิ าตร์ได ้พิสจ ู น์แล ้วว่าไม่วา่ ชนชาติไหนๆทีไ่ ด ้ล ้มลงไปจากทางของพระเจ ้า
นัน
้ แน่นอนทีส ่ ด
ุ นัน้ พังพินาศ

In the United State of America one has the freedom to worship whatever god they
shall choose. This sounds good in principle, however this part of one's Constitution Rigths
most definitely VIOLATES GOD'S LAWS! GOD told the CHILDREN of ISRAEL that if a
stranger was to come and live amidst them, that stranger MUST LIVE UNDER THE LAWS
and STATUTES of THE LORD, juts as they were SUPPOSED to do!

ในสหรัฐอเมริกา(สามารถนาไปประยุกต์ได ้กับทุกชนชาติ)
คนหนึง่ มีอส ิ ระภาพทีจ่ ะนมัสการพระเจ ้าอะไรก็ตามทีพ ่ วกเขาได ้เลือก
หลักการดูเหมือนว่าเป็ นสงิ่ ทีด ่ ี แต่อย่างไรตาม
นีเ้ ป็ นสว่ นหนึง่ ของรัฐธรรมนูญ(กฏหมายของรัฐ)ทีถ ่ ก
ู ต ้อง
นัน ้ สว่ นใหญ่ได ้ทาลายกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าอย่างเห็นได ้ชด ั
พระเจ ้าได ้บอกบุตรหลานของอิสราเอลว่า
ถ ้าคนแปลกหน ้าได ้เข ้ามาและมีชวี ต ิ อาศัยอยูท
่ า่ มกลางพวกเขา
คนแปลกหน ้านัน ้ จาต ้องอยูภ
่ ายใต ้กฏหมายและ กฏระเบียบ ข ้อบังคับของพระเจ ้า
เหมือนทีพ ่ วกเขาต ้องปฎิบัตต ิ าม

If the Leadership or the Govern and for the people and by the people, it must be a
SERVANT to people , Therefor, if the Government is to be a SERVANT to the people All of
THE PEOPLE must be SERVING THE SAME GOD. YOU CANNOT SERVE TWO MASTERS ! If
the Government is serving a people and those people are not serving the ONE TRUE and
FAITHFUL GOD, then that nation is DIVIDED. JESUS SAID, A HOUSE DIVIDED AGAINST
ITSELF, CANNOT STAND!

289
ถ ้าผู ้นาหรือผู ้ปกครองท ้องถิน ่ และเพือ
่ ประชากรและโดยประชากร
นัน
้ จาต ้องรับใชคนทั ้ ง้ หลาย จากนัน
้ รัฐบาลนีไ ้
้ ด ้รับใชประชากร
เพือ่ ทีป
่ ระชากรทัง้ หมดจะได ้รับใชพระเจ ้ ้าองค์เดียวกัน ท่านไม่สามารถทีจ ้ ้านายสองท่าน
่ ะรับใชเจ

ถ ้ารัฐบาลได ้รับใชประชาชนและประชาชนเหล่ านัน ้ ไม่ได ้ปรนนิบัตพิ ระเจ ้าเทีย
่ งแท ้และพระเจ ้าแต่เพี
ยงผู ้เดียว จากนัน ้ ประชาชาติจะเกิดความแตกแยก เหมือนทีพ ่ ระเยซูคริสต์ได ้กว่าวว่า
บ ้านทีไ่ ด ้แตกแยกต่อต ้านตัวเองไม่สามารถยืนอยูไ่ ด ้

READ for yourselves in the Book of Judges. Carefully examine how the people's
behavior towards GOD affected their LIFESTYLES. When the Children of ISRAEL who
WORSHIPPED GOD lived among the Canaanite people who did not WORSHIP GOD, the
Children of ISRAEL took on the behavior of the Canaanite, and SUFFERED for it!
When a nation allows its people to worship any god they may choose or no god at all,
that nation is doomed for DE STRUCTION and will eventually cause those WORSHIPPING
the ONE TRUE GOD, to fall away from HIM

หนังสอ ื ของผู ้วินจ


ิ ฉั ยให ้คุณอ่านด ้วยตัวเอง อ่านอย่างระมัดระวัง
ว่าประชากรได ้มีความประพฤติอย่างไรตรงไปทีพ ่ ระเจ ้า
สง่ ผลสะท ้อนออกมาเป็ นการดาเนินชวี ต ิ ของพวกเขาในแต่ละคน
เมือ ่ บุตรหลานของอิสราเอลผู ้ซงึ่ ได ้นมัสการพระเจ ้า ท่ามกลางคนคานาไนท์(ลูกของมาร
เชอ ื่ สายของมาร)ผู ้ซงึ่ ไม่ได ้นมัสการพระเจ ้า
บุตรหลานของอิสราเอลได ้รับเอาความประพฤติของคนคานาไนท์และได ้ทุกข์ทรมานกับผลของการ
กระทาเหล่านัน ้
เมือ
่ ชนชาติหนึง่ ได ้อนุญาติให ้ประชากรนมัสการพระเจ ้าอืน ่ ๆ
ทีพ ่ วกเขาอาจจะเลือกหรือเลือกทีจ ่ ะไม่มพี ระเจ ้าเลย
ชนชาตินัน ้ ได ้ตกอยูใ่ นการถูกทาลายและจะเป็ นสาเหตุทาให ้พวกเขาเหล่าโน ้นผู ้ซงึ่ นมัสการพระเจ ้า
ผู ้เทีย ่ งแท ้แต่เพียงผู ้เดียว ล ้มเหลวจากพระองค์ด ้วยเชน ่ กัน

By GOD'S CHOICE, HE has allowed HIS PEOPLE to remain SILENT where there is a
CONFLICT between with HIS LAWS and mans laws. But on the other hand, the Devil and his
elect have been shooting off their mouths from the very beginning creating new laws

so they may make certain that man continually VIOLATES THE LORD'S! Although it
may seem hopeless at times to those trying to abide in GOD'S LAWS, don't let man's laws
interfere with your obedience to GOD.

FOR GOD WILL SOON PERMANENTLY SILENCE them that are BREAKING HIS LAWS
while observing their own!

โดยการทรงเลือกของพระเจ ้า
พระองค์ได ้อนุญาติให ้ประชากรของพระองค์ทจี่ ะอยูอ ่ งึ่ ได ้มีความสบ
่ ย่างเงียบๆทีซ ั สนระหว่างกฏเก
ณฑ์ของพระองค์และกฎเกณฑ์ของมนุษย์
แต่มองอีกด ้านหนึง่ ซาตานและคนทีซ
่ าตานเลือกสรรได ้พูดกล่าวในทางทีไ่ ม่ด ี
จากการเริม
่ ต ้นออกกฏหมายใหม่ๆ

290
จากนัน้ พวกเขายังคงทีจ่ ะทาให ้มนุษย์ ทาลายกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าอย่างต่อเนือ ่ ง
แม ้กระทั่งอาจจะดูเหมือนไม่มค ี วามหวังในเวลานีท้ พี่ วกเขาเหล่านัน้ พยายามทีจ ่ ะอยู่ในกฏเกณฑ์ขอ
งพระเจ ้า อย่าให ้กฏเกณฑ์ของมนุษย์มารบกวนท่านในการทีจ ื่ ฟั งพระเจ ้า
่ ะเชอ
้ พ
เพราะว่าในไม่ชานี ้ ระเจ ้าจะทาให ้พวกเขานัน้ เงียบอย่างถาวร(เสริม จากผู ้แปล
น่าจะหมายถึงตายในภัยพิบัต ิ
แบบพูดไม่ได ้อีกเลย)เพราะได ้ทาลายกฏเกณฑ์ของพระองค์ขณะทีพ ่ วกเขาได ้ติดตามกฏเกณฑ์ขอ
งพวกเขาเอง (กฏเกณฑ์ของมนุษย์ทไี่ ด ้จัดตัง้ ขึน
้ มา)

ื ของนางรูทและซามูเอล
รอการแปล 6.12 The BOOKS of Ruth and 1st Samuel หนั งสอ

6.12 The BOOKS of Ruth and 1st Samuel

The BOOK of Ruth

ื ของนางรูท
หนั งสอ

The Book of Ruth is a story of a Moabite woman who changes her Moabite ways and
follows after the ways of GOD who she has learned about through her mother-in-law,
Naomi. Ruth's devotion to her mother-in-law, who loved and served GOD causes her to
leave the land of Moab and follow Naomi back to her homeland in Judah. This all happens
after the death of Ruth's husband, who is Naomi's son. Ruth refuses to stay in Moab and
separate herself from Naomi and the GOD that she serves.

หนั งสอ ื ของนางรูท เป็ นเรือ ่ งราวของผู ้หญิงโมอับคนหนึง่


ผู ้ซงึ่ ได ้เปลีย่ นทิศทางการดาเนินชวี ต ิ ติดตามการดาเนินชวี ต ิ ในทางของพระเจ ้า
่ ึ
ซงเธอได ้เรียนรู ้ผ่านแม่ของสามี นาโอมี นางรูท
ได ้อุทศ ิ ตัวเธอต่อแม่ของสามีผู ้ซงึ่ รักและปรนนิบัตริ ับใชพระเจ ้ ้า
เป็ นสาเหตุให ้เธอได ้ทิง้ บ ้านเกิดเมืองนอนของเธอและติดตาม นาโอมี
กลับไปทีบ ่ ้านเกิดของแม่สามีในยูดาห์ เหตุการณ์ทัง้ หมดนีเ้ กิดขึน ้ หลังจาก
สามีของรูทได ้เสย ี ชวี ต
ิ ผู ้ซงึ่ เป็ นลูกชายของ นาโอมี
รูทปฏิเสธทีจ ่ ะดาเนินชวี ติ อยูท ่ ดี่ น
ิ แดนโมอับและแยกตัวเธอออกจาก นาโอมี
และพระเจ ้าทีเ่ ธอได ้ปรนนิบัตริ ับใช ้

Ruth leaves Moab and returns to Judah with Naomi. Once Ruth and Naomi arrive
back into the land of Judah, Ruth, while working in the fields, meets the Landlord of the

291
fields, a man by the name of Boaz. Boaz shows an immediate interest in her and he goes out
of his way to try to help her.
นางรูท ได ้เดินทางออกจากดินแดนโมอับและได ้กลับไปยังดินแดนยูดาห์กับ นาโอมี
เมือ่ นางรูทและ นาโอมี มาถึงทีด่ น
ิ แดนยูดาห์ ขณะทีไ่ ด ้ทางานอยูใ่ นไร่ได ้พบเจ ้าของไร่
เป็ นชายคนหนึง่ ชอื่ ว่า
โบอาช โบอาชได ้สาแดงความสนใจในตัวเธออย่างทันทีทันใดและเขาได ้ออกไปตามทางของเขาเ
่ ชว่ ยเหลือเธอ
พือ

Boaz, being a wealthy bachelor, buys back the land belonging to Ruth's deceased
husband, who had given the land up prior to his going off to live in Moab. The land is
bought back for Ruth in accordance with the laws of Jubilee. Ruth, by following the
direction of her mother-in-law, being directed by GOD to kindle Ruth's relationship with
Boaz, finds him to be a warm and LOVING person. Ruth eventually marries Boaz, thus
bringing the SEED of LOT (the Moabite) back into the Tribe of Judah (ABRAHAM).

โบอาชนัน ้ มีความมั่งคังเป็ นชายโสด


ได ้ซอ ื้ ทีด
่ นิ จากบรรพบุรษ ุ ของสามีของนางรูทผู ้ซงึ่ ได ้ขายทีด ิ ก่อนออกไปอาศัยอยูท
่ น ่ ด
ี่ น
ิ แดนโมอับ
ทีด
่ นิ นีไ้ ด ้นามาให ้แก่รทู ตามกฏหมายของ Jubilee จูบล ี ี รูท
โดยการติดตามทิศทางของแม่สามีซงึ่ ได ้รับการทรงนาจากพระเจ ้าได ้แนะนาความสม ั พันธ์ระหว่างรู
ทกับโบอาช ซงึ่ พบว่าเขาเป็ นคนอบอุน ่ และเป็ นคนน่ารัก ในท ้ายที่ สุด รูทได ้แต่งงานกับโบอาช
ซงึ่ ได ้นาเชอ ื่ สายของโลท(คนโมอับไบท์)กลับมาสูเ่ ผ่ายูดาห์(อับราฮัม)
NOTE: If you will recall when we covered the Book of Genesis, ABRAHAM'S nephew's
name was LOT and LOT'S two daughters had an incestuous relationship with their father
while he was drunk and living in a cave. Each of the two daughters then had a son by their
father, and the eldest daughter named her son Moab. Ruth then came through the lineage of
Moab, thus bringing the SEED of LOT back into the SEED of ABRAHAM, who was in the
ancestry of Judah. Therefor, by Ruth's marrying and having children with Boaz, their
offspring were a combination of both the SEED of ABRAHAM and the SEED of LOT, bringing
the two SEEDS back together through Boaz and Ruth.

หมายเหตุ: ถ ้าคุณจะจาเหตุการณ์ทพ ี่ วกเราได ้แบ่งปั นอธิบายในหนั งสอื ปฐมกาล


หลานของอับราฮัมชอ ื่ ว่า โลท และโลทมีลก ู สาวสองคนซงึ่ ได ้มีความสม ั พันธ์ไกล ้ชด
ิ กับพ่อของเขา
ขณะทีเ่ ขาได ้ดืม ่ เหล่าองุน ่ และอาศัยอยูใ่ นถ้า
ลูกสาวแต่ละคนได ้กาเนิดมีลก ู ชายโดยพ่อของพวกเขาและลูกสาวคนทีอ ื่ บุตรว่า
่ ายุมากกว่าได ้ตัง้ ชอ
โมอับ รูทได ้สบ ื เชอ ื้ สายมาจากคนโมอับ
ซงึ่ เป็ นการนาเชอ ื้ สายของโลทกลับเข ้ามาสูเ่ ชอ ื้ สายของอับราฮัม
ผู ้ซงึ่ เป็ นเชอ
ื่ สายบรรพบุรษ ุ ของยูดาห์ จากนัน ้ รูทได ้แต่งงานกับโบอาชและได ้มีบต ุ ร

292
ซงึ่ เป็ นการรวมเชอ ื้ สายของอับบราฮัมและเชอ
ื้ สายของโลท
นาทัง้ สองเชอ ื้ สายกลับมาผ่านทางโบอาชและรูท

After marrying Boaz, Ruth has a son who they name O'-bed. After O'-bed is grown
and married, he also has a son who he names Jesse, and O'-bed's son Jesse has a son also
who he names DAVID, who becomes the KING of ISRAEL!
หลังจากทีแ ่ ต่งงานกับโบอาช นางรูทได ้ให ้กาเนิดบุตรชายซงึ่ พวกเขาได ้ตัง้ ชอื่ ว่า โอเบด
หลังจาก โอเบด เติบโตขึน ้ และได ้แต่งงาน เขาได ้มีบต ี
ุ รชายนามว่า เจสซและเจสซนันี ้ ได ้มีลกู ชาย
นามว่าดาวิด ผู ้ซงึ่ เป็ นกษั ตริยข์ องอิสราเอล

NOTE: With KING DAVID being in the DIRECT ANCESTRY of JESUS CHRIST, and Ruth being
KING DAVID'S GREAT GRANDMOTHER, you can readily ee the importance of the Story of
Ruth!

หมายเหตุ: ด ้วยกันกับ กษั ตริยด


์ าวิด เป็ นบรรพบุรษ
ุ โดยตรงของพระเยซูคริสต์และ
นางรูทเป็ นยายทวดของกษั ตริยด ์ าวิด คุณสามารถทีจ ่ ะอ่านเรือ
่ งราวของรูทจะเห็นความสาคัญนั น

There is GREAT depth in this story about Ruth and Boaz, as the story also depicts the
story of the Church and it's MARRIAGE to CHRIST. The person of Ruth represents the lost
SOUL, who becomes SAVED through her relationship and TRC T in GOD. Therefor depicting
the role of Ruth as being the same as the role of the CHURCH, and the role of Boaz being the
same as the role of CHRI T. who REDEEMS and GIVES back ALL belonging to the proper
OWNER. If you READ this story and envision the Church being Ruth and Boaz eing CHRIST
you will see the CONNECTION, the RELATIONSHIP and the OUTCOME. If., that GOD has in
store for ALL THOSE WHO LOVE and TRUST IN HIM through JESUS CHRIST!

ความหมายลึกซงึ้ ของเรือ ่ งราวนีเ้ กีย


่ วกับ รูทและโบอาช เป็ นเรือ
่ งราว
ของการพรรณนาเรือ ่ ง ราว
ของโบสถ์และการแต่งงานกับพระเยซูคริสต์ นางรูทเป็ นตัวแทนของจิตวิญญาณของผู ้หลงหายได ้
กลับมารับความรอด ผ่านทางการการมีความสม ั พันธ์ของเธอและมีความเชอ ื่ วางใจในพระเจ ้า
จากนัน ้ บรรยายเรือ่ งราวของของรูทนัน ้ เป็ นเหมือน บทบาทของโบสถ์และบทบาทของโบอาช
เป็ นเหมือนบทบาทของพระเยซูคริสต์
ผู ้ซงึ่ ได ้ไถ่คน
ื และมอบทุกสงิ่ ทุกอย่างคืนกลับไปยังเจ ้าของทีเ่ หมาะสม
ถ ้าคุณได ้อ่านเรือ ่ งราวเหล่านีแ
้ ละจินตาการภาพของโบสถ์เป็ นเหมือน
นางรูทและโบอาชเป็ นเหมือนพระเยซูคริสต์ คุณจะพบการเชอ ื่ มโยง
ความสม ั พันธ์และผลทีอ ่ อกมา ซงึ่ พระเจ ้าได ้รอคอยสาหรับทุกคนทีร่ ักพระองค์และเชอ ื่ วางใจในพร
ะองค์ผา่ นทางพระเยซูคริสต์

The First BOOK of Samuel


ื เล่มแรกของซามูเอล
หนังสอ

293
There was a woman of the tribe of E' -phra-im by the name of Hannah. With Hannah g
one of two wives that was married to a man by the name of El' - ka-nah and being unable to
CONCEIVE and bear children, she thought that she o fEl -ka-nah's two wives. Even though
Hannah could not bear El'- ka-nah any children like his other wife Pe-nin' -nah had, El' -ka-
nah still loved his wif e Hannan very much. On the other hand, Pe-nin' -nah who was
the other wife was always reminding Hannah that she was the one who had given her
husband any children .. Tot being able to bear her husband any children troubled Hannah
considerably.

มีผู ้หญิงคนหนึง่ ซงึ่ อยูใ่ นเผ่า เอราฟิ มมีชอ ื่ ว่า ฮน


ั นา
เนือ่ งจากฮันนาเป็ นหนีง่ ในภรรยาทัง้ สองทีไ่ ด ้แต่งงานกับผู ้ชายคนหนึง่ มีชอ ื่ ว่า เอลคานาห์
และไม่สามารถทีจ ่ ะตัง้ ครรภ์ให ้กาเนิดบุตรแก่ เอลคานาห์ เธอได ้คิดว่าภรรยาอีกคนหนึง่ ของ
เอลคานาห์ นัน ้ คิดว่าเธอไม่สามารถตัง้ ครรภ์ให ้แก่ เอลคานาห์ เหมือนกันภรรยาอีกคนหนึง่
เปนินนาห์ เอลคานาห์ ยังคงรักนางฮันนาอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน เปนินนาห์
ภรรยาอีกคนหนึง่ ยังคงย้าเตือนนางฮันนาว่า เธอเป็ นผู ้หญิงคนนัน ้ ทีไ่ ด ้มีบต
ุ รให ้กับสามีของเธอ
ซงึ่ เรือ
่ งให ้มีบต ุ รให ้สามีของเธอ นัน ้ เป็ นปั ญหาสาหรับเธอย่างมาก

One year when she and El' -ka-nah had gone up to SHILOH to WORSHIP THE LORD,
Hannah PRAYED to THE LORD that she might CONCEIVE and bear her husband a son. In
her PRAYER she told THE LORD that if HE would allow her to conceive and bare her
husband a son, that she would dedicate her son's ENTIRE life to the SERVICE of GOD, thus
vowing the vow of the NAZARITE.

่ นางฮันนาและ เอลคานาห์ ได ้ขึน


หนึง่ ปี ผา่ นไปเมือ ้ ไป นมัสการพระเจ ้าทีช ่ โิ ลห์
นางฮันนาได ้อธิษฐานต่อพระเจ ้าหวังว่าเธออาจจะตัง้ ครรภ์ และให ้กาเนิดบุตรชายแก่สามีของเธอ
ในคาอธิษฐานของเธอ เธอได ้บอกกับพระเจ ้าว่า
ถ ้าพระองค์ได ้อนุญาติให ้เธอได ้ตัง้ ครรภ์และกาเนิดบุตรชายแก่สามีของเธอ
จากนัน้ เธอจะอุทศ ้
ิ ให ้บุตรของเธอปรนนิบัตริ ับใชพระเจ ้าชวั่ ชวี ต ่ การได ้สาบานเป็ นนาศไี รท์ (
ิ ดังเชน
1ซามูเอล 1:11 )

THE LORD heard Hannah's PRAYER and ANSWERED it, and she con ceived and had
a son and called his NAME Samuel. Once Samuel had been weaned from Hannah's breasts,
she took Samuel up to the TABERNACLE in SHILOH to present him to the High Priest,
whose name was Eli, and to also ful fill her PROMISE to GOD. While presenting Samuel to

294
Eli, Hannah told Eli how she had dedicated Samuel to THE LORD for a LIFETIME of
SERVICE and left Samuel there at the TABERNACLE with Eli, to help Eli in his SERVICE to
GOD.

พระองค์เจ ้าได ้ยินคาอธิษฐานของ ฮน ั นา และได ้ตอบคาอธิษฐานนัน ้


และเธอได ้ตัง้ ครรภ์และให ้กาเนิดบุตรชายมีชอ ื่ ว่า ซามูเอล
ครัน
้ เมือ
่ ซามูเอลได ้หย่านมจากการเลีย ้ งดูของนางฮันนา
เธอได ้นาซามูเอลขึน ้ ไปยังพระวิหารของพระเจ ้าทีช ่ โิ ลห์เพือ ่ ะเสนอตัวของเขาต่อปุโรหิตซงึ่ มีชอ
่ ทีจ ื่
ว่า เอลี และได ้กระทาให ้คาสญ ั ญาของเธอสาเร็จต่อพระเจ ้า ขณะทีเ่ สนอตัวซามูเอลต่อเอลี
นางฮันนาได ้บอกเอลีวา่ เธอได ้อุทศ ิ ซามูเอลต่อพระเจ ้า
สาหรับการปรนนิบัตช ิ วั่ ชวี ต
ิ และได ้มอบซามูเอลไว ้ทีพ ่ ระวิหารกับเอลีเพือ ่ ะชว่ ยเอลีในการรับใชพ
่ ทีจ ้
ระเจ ้า ของเขา

Hannah would on occasion come up to SHILOH to visit Samuel. She would bring
Samuel clothes she had made for him and it was obvious to Hannah whenever she saw him
that he was filled with THE HOLY SPIRIT of GOD! Hannah also saw that Eli the High Priest
and the Elders all LOVED Samuel, so she knew that he was being well cared for by them.
THE LORD because of Hannah's DEDICATION of Samuel to HIM, allowed Hannah to further
CONCEIVE and bear her husband EI'-ka-nah more children.

นางฮันนา ในบางโอกาสได ้เดินทางขึน ่ โิ ลห์ เพือ


้ มาทีช ่ ทีจ
่ ะมาเยีย่ มซามูเอล เธอจะนามา
เสอ ื้ ผ ้ามาให ้ ซามูเอล ซงึ่ เธอได ้จัดทาไว ้สาหรับเขาและเมือ ่ ไรก็ตามทีน ่ างฮันนาได ้เห็นเขา
นัน
้ เต็มด ้วยพระวิญญาณบริสท ุ ธิข์ องพระเจ ้าออกมาอย่างชด ั เจน นางฮันนานั น ้ เห็นว่า
เอลี ปุโรหิตชน ั ้ สูงและผู ้อวุโสทัง้ หมดนั น ้ รักซามูเอลอย่างมาก
จากนัน ้ เธอรับรู ้ว่าเขาได ้รับการเลีย ้ งดูอย่างดีโดยท่านผู ้อาวุโสเหล่านัน ้
สาเหตุเพราะว่านางฮันนาได ้อุทศ ิ ซามูเอลแก่พระองค์
พระเจ ้าจึงอนุญาติให ้นางฮันนาตัง้ ครรภ์บต ุ รและกาเนิดบุตรให ้แก่สามีของเธอ เอลคานาห์
เพิม ่ อีก(1ซามูเอล 2:21 )

Eli, who had two sons of his own, was very troubled by their actions. Eli's two sons
did many sinful and unlawful things and took advantage of their associate priesthood. They
routinely would take bribes for favors and on many occasions pocket the TABERNACLE
FUNDS. The Elders had brought this to Eli's attention several times, however, even though
Eli was aware of what his sons were doing he didn't do anything to stop them.

เอลี ผู ้ซงึ่ มีบต


ุ รชายสองคน(โฮฟนีและฟี เนหัส)จากตัวเขาเอง
นัน
้ ได ้สร ้างปั ญหาอย่างมากโดยการเป็ นคนอันธพาลของพวกเขา บุตรชายสองคนของ เอลี
กระทาความผิดบาปหลายอย่างซงึ่ เป็ นสงิ่ ต ้องห ้ามและได ้เอาประโยชน์จากการเป็ นเชอ ื้ สายของปุโร
หิต ในยามว่างพวกเขาจะเข ้ามาเอาเนือ ั ว์ทถ
้ สต ี่ วาย
ไปตามใจชอบและในหลายๆโอกาสได ้นาเงินจากพระวิหารใสก ่ ระเป๋ าไป
บุตรชายคนโตได ้นาความกลุ ้มใจมาสูอ ่ าลีในหลายๆครัง้ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม ้ เอลี

295
ได ้ระมัดระวังในเรือ
่ งทีบ
่ ต
ุ รชายของเขาได ้กระทา
แต่เขาไม่กระทาการใดๆทีจ ่ ะหยุดยัง้ บุตรชายทัง้ สองของเขา( 1ซามูเอล 3:13 )

GOD BRINGS a CURSE against the Philistines 21/30

พระเจ ้านาคาสาปแชง่ ต่อต ้านชาวฟิ ลส


ิ เตีย ต่อต ้านคนอามาเลข 21/30

21/30

THE LORD, being ANGERED by the actions of Eli's two sons, came one night to Samuel,
and GOD told him how HE was going to kill Eli's two sons and also cut off Eli from the
priesthood. Once Eli had found out that GOD had been talking with Samuel, he demands
that Samuel tell him all that GOD had said. Samuel, being open and honest, tells Eli what
THE LORD had told him in regard to Eli and his sons. THE LORD shortly thereafter kills Eli
and his two sons and this is how their deaths had occurred:

พระองค์เจ ้าได ้ทรงพระพิโรธโดยการกระทาต่างๆของบุตรชายของ เอลี Eli


ได ้ทรงเสด็จเข ้ามาหาซามูเอลในกลางคืน วันหนึง่ และพระเจ ้าได ้บอกเขาว่า
พระองค์จะฆ่าบุตรชายทัง้ สองของ เอลี Eli อย่างไร และตัดเอลี Eli การเป็ นปุโรหิตชน ั ้ สูง เมือ
่ เอลี
Eli ได ้พบว่าพระเจ ้าได ้พูดตรัสกับซามูเอล
เขาได ้ต ้องการจะถามซามูเอลทัง้ หมดว่าพระเจ ้าได ้ตรัสว่าอะไร
ซามูเอลซงึ่ เป็ นคนเปิ ดเผยและเป็ นคนสต ั ย์ซอ
ื่ ได ้บอกต่อเอลี Eli ว่าพระเจ ้าบอกเขาเกีย ่ วกับเอลี
Eliและบุตรชายของเขา
ต่อจากนัน ้ ในระยะอันสนั ้ พระเจ ้าได ้ฆ่าเอลีและบุตรชายทัง้ สองของเขาและนีค ้ อ
ื การตายของพวกเขา
ทีเ่ กิดขึน
้ อย่างไร

With the Children of ISRAEL being in a continual war against the Philistines and most
often losing to them in battle, they decide to go and remove THE ARK of THE COVENANT
from the TABERNACLE in SHILOH, so the ARK might go before them in battle. The Children
of ISRAEL do this thinking that THE LORD would go before them on THE ARK and fight
against the Philistines for them. So the Children of ISRAEL go to the TABERNACLE in
SHILOH and request from Eli's two sons that they be allowed to remove THE ARK from the
TABERNACLE and take it into battle.

เนือ
่ งจากบุตรหลานของอิสราเอลยังคงทาสงครามอย่างต่อเนือ ่ งต่อต ้านพวกฟิ ลส ิ เตีย
และสว่ นใหญ่ได ้พ่ายแพ ้ต่อคนฟิ ลส ิ ใจและเคลือ
ิ เตีย พวกเขาได ้ตัดสน ่ นย ้าน
หีบพันธสญ ั ญาจากพระวิหารทีช ่ โิ ลห์
จากนัน้ เพือ ่ ทีห
่ บ
ี พันธสญ ั ญาอาจจะเดินทางไปพร ้อมกับพวกเขาในการต่อสู ้
บุตรหลานของอิสราเอลคิดว่าการกระทานี้
พระเจ ้าจะเดินทางไปก่อนหน ้าพวกเขาด ้วยกันกับหีบพันธสญ ั ญาและต่อสูต่้ อต ้านคนฟิ ลสิ เตียเพือ
่ พ
วกเขา จากนัน ้ บุตรหลานอิสราเอลได ้เข ้าไปในพระวิหารทีช ่ โิ ลห์
และร ้องขอให ้บุตรชายของอาลีทัง้ สองคน
อนุญาติทจ ี่ ะเคลือ ่ นย ้ายหีบพันธสญ ั ญาจากพระวิหารและนาเข ้าไปในการต่อสู ้

296
Eli's two sons (after being paid off by those requesting the ARK) agree to
accommodate them. The two sons bear up the ARK and carry it into battle before the
Children of ISRAEL. During the battle with the Philistines, both of Eli's sons are slain and
the ARK is then taken by the Philistine soldiers and brought to the city of Ashdod. Once the
ARK comes into the city, the Philistine soldiers place THE ARK of THE COVENANT in the
temple of Dagon, who is a false god that the Philistines worshipped.

บุตรชายทัง้ สองคนของเอลี Eli


(หลังจากได ้รับเงินอย่างเงียบๆจากคนเหล่านั น ้ ทีต่ ้องการเคลือ ั ญา)ได ้ตกลงจัดให ้พวก
่ นหีบพันธสญ
เขา
ชว่ งระหว่างบุตรทัง้ สองได ้หามหีบพันธสญ ั ญาและนาออกไปในการต่อสูก่้ อนหน ้าบุตรหลานของอิส
ราเอล ระหว่างการสูรบ ้ บุตรชายของทัง้ สองของเอลี Eli
ได ้ถูกฆ่าและหีบพันธสญ ั ญาได ้ถูกทหารคนฟิ ลส ิ เตียนยึดไป และนาไปไว ้ที่ เมืองอัชโดด Ashdod
ครัน ้ เมือ
่ หีบพันธสญ ั ญาได ้เข ้ามาถึงเมืองนี้
ทหารฟิ ลส ิ เตียได ้วางหีบพันธสญ ั ญาไว ้ในวิหารมังกร(นิเวศของพระดาโกน)
ซงึ่ เป็ นวิหารของพระเจ ้าเทียมเท็จของคนฟิ ลส ิ เตียได ้กราบไหว ้บูชา

Once Eli hears that his two sons had been killed in battle and that the Philistines had
taken THE ARK of THE COVENANT, he falls over backwards in shock, and being a very fat
man, breaks his neck and dies.
เมือ
่ เอลี Eli

ได ้ยินว่าบุตรชายทัง้ สองของเขาได ้ถูกฆ่าในการต่อสูและคนฟิ ลส ั ญา
ิ เตียได ้ยึดหีบพันธสญ
เขาได ้ล ้มลงด ้วยความตกใจช็อคและเนือ ่ งจากเขาเป็ นคนอ ้วนมากจากการล ้มจึงทาให ้คอหักตาย

(1ซามูเอล 4:18 ต่อมาเมือ ่ เขากล่าวถึงหีบแห่งพระเจ ้า เอลีก็หงายหลังจากทีน ่ ั่งทีอ


่ ยูข
่ ้างประตู
คอของท่านก็หก ั และท่านสน ิ้ ชวี ต ิ แล ้ว เพราะท่านชรามากและตัวก็หนั ก
ท่านได ้วินจ
ิ ฉั ยคนอิสราเอลอยูส ่ สบ่ ี ิ ปี )

NOTE: It was GOD'S intent to remove Eli from his priesthood because GOD HELD ELI
ACCOUNTABLE FOR HIS SONS ACTIONS. However, GOD waited until Samuel was old
enough to take charge of THE TABERNACLE. Since Eli the High Priest and his two sons
were now dead, the TABERNACLE needed a CUSTODIAN to oversee it. So Samuel assumed
the responsibilities of the High Priest and was also a PROPHET and a JUDGE for ISRAEL.
Samuel holds the position as Judge over the next several years, until ISRAEL receives its
first King, and then Samuel acts as a Prophet to the King.

หมายเหตุ: เป็ นเจตนาของพระเจ ้าทีจ ่ ะถอดถอน เอลี Eli จากการเป็ นปุโรหิตของเขา


เพราะว่าพระเจ ้านับการคิดบัญชก ี ารลงโทษสาหรับการกระทาของบุตรชายทัง้ สองของเขา
แต่อย่างไรก็ตาม พระเจ ้าได ้รอคอยซามูเอลเติบโตเป็ นผู ้ใหญ่เพียงพอ
เพือ่ ทีจ
่ ะดูแลรับผิดชอบพระวิหาร ตัง้ แต่เอลี Eli
เป็ นปุโรหิตชน ั ้ สูงและบุตรชายของเขาบัดนีไ ้ ด ้จบชวี ต
ิ ลง พระวิหารจาเป็ นต ้องมี ผู ้ดูแลรับผิดชอบ
ดังนัน้ ซามูเอลได ้รับหน ้าทีใ่ นการรับผิดชอบเป็ นปุโรหิตชน ั ้ สูงและเป็ นผู ้พยากรณ์และเป็ นผู ้วินจ
ิ ฉั ย

297
สาหรับอิสราเอล ซามูเอลได ้ดารงตาแหน่งเหมือนผู ้วินจ ิ ฉั ยอยูห
่ ลายปี จนกระทั่ง
อิสราเอลได ้มอบให ้มีกษั ตริยแ
์ ละจากนัน
้ ซามูเอลได ้ดารงตาแหน่งในฐานะเป็ นผู ้พยากรณ์คนหนึง่ ต่อ
กษั ตริย ์

GOD BRINGS a CURSE against the Philistines

พระเจ ้านาคาสาปแชง่ ต่อต ้านชาวฟิ ลส


ิ เตีย

On the day after the Philistines had placed the ARK of THE COVENANT in the temple
of Dagon, the priests of Dagon go into their temple to worship. Once in their temple they
find their false god, Dagon had been toppled over. They stand the idol, Dagon back upright,
but become rather concerned as to what had caused the image to topple over. On the very
next day after they had set the idol back into its upright position, the priests of Dagon go
back into their temple to worship. The Priests of Dagon find that the image of Dagon had
not only been toppled over gain, but also Dagon's head and hands had been broken off .

หลังจากวันทีช่ าวฟิ ลส
ิ เตียได ้วางหีบพันธสญ ั ญาในวิหารของดาโกน ปุโรหิต
นักบวชของวิหารดาโกนได ้เข ้าไปในวิหารเพือ ่ ทีจ
่ ะกราบไหว ้
ครัน
้ เมือ
่ เข ้าไปในวิหารของพวกเขาพบว่า พระเจ ้าเทียมเท็จของพวกเขา พระดาโกนได ้ล ้มลง
พวกเขาได ้จัดรูปเคารพเหล่านัน ้ อีกครัง้ พระดาโกนได ้ควา่ ลงไปอีกแต่กลายเป็ นได ้สงั เกตว่า
้ ยืนขึน
อะไรเป็ นสาเหตุทาให ้รูปเคารพเหล่านีไ ้ ด ้ล ้มลง
ในวันถัดมาหลังจากทีพ ่ วกเขาได ้จัดตัง้ รูปเคารพตัง้ ขึน ่ ภาพเดิมอีกครัง้ นั กบวช ปุโรหิตของ
้ กลับสูส
พระดาโกน ได ้กลับไปเพือ ่ ทีจ
่ ะกราบไหว ้
นักบวชได ้พบว่ารูปเคารพมังกรไม่ใชแ ่ ค่เพียงล ้มลงแต่หัวและฝ่ ามือของรูปปั ้นนั น้ ได ้แตกออกจากกั
น (1 ซามูเอล 5:4)

1 ซามูเอล 5:4 แต่เมือ


่ เขาทัง้ หลายตืน ้
่ เชาในวั นรุง่ ขึน
้ ดูเถิด
พระดาโกนก็ล ้มหน ้าควา่ ลงมายังพืน้ ดินตรงหน ้าหีบแห่งพระเยโฮวาห์
ี รของพระดาโกนและฝ่ ามือทัง้ สองก็ถก
เศย ู ตัดออกอยูท ่ ธ
ี่ รณีประตู เหลืออยูแ
่ ต่ลาตัวพระดาโกน

Shortly thereafter the Philistines, who lived in Ashdod where THE ARK of THE
COVENANT had been taken, started to get tumors in various parts of their body and many
of them die from the tumors. The Philistines see that all these evil thing- started to happen
to them after THE ARK had been brought into their city. So the Philistines, believing that
THE GOD of the Children of ISRAEL had placed a curse on them for their taking of THE ARK,
decide to move the ARK to another Philistine City, the City of Gath.

ต่อจากนั น้ ในระยะอันสน ั ้ ชาวฟิ ลส ิ เตียผู ้ซงึ่ ได ้อาศัยอยูท ่ เี่ มือง อัชโดด Ashdod ทีซ ่ งึ่
หีบพันธสญ ั ญาได ้ถูกนามาวางไว ้ทีน ่ ี้ เริม
่ ต ้นป่ วยเป็ นโรคเนือ ้ งอกประหลาด
ตามสว่ นต่างๆของร่างกายของพวกเขา และ หลายคนได ้เสย ี ชวี ต ิ จากมะเร็งเนือ
้ ร ้ายเหล่านี้
ชาวฟิ ลส ่ ิ ่ ั
ิ เตียเห็นว่าสงชวร ้ายต่างๆทัง้ หมดได ้เริม ่ ต ้นเกิดขึน
้ ต่อพวกเขาหลังจากการนาหีบพันธสญ ั ญ
า เข ้ามาในเมืองของพวกเขา
จากนัน ้ คนฟิ ลส ิ เตียได ้เชอ ื่ ว่าพระเจ ้าของบุตรหลานอิสราเอลได ้วางคาแชง่ สาปตกอยูท ่ พ
ี่ วกเขา

298
เพราะพวกเขาได ้นาหีบพันธสญั ญาเข ้ามา จึงตัดสน
ิ ใจเคลือ ั ญาจากเมืองฟิ ลส
่ นหีบพันธสญ ิ เตีย
ไปยังเมือง กัท Gath (1 ซามูเอล 5:6-9)

1 ซามูเอล 5:6 พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์อยูเ่ หนือประชาชนอัชโดดอย่างหนัก


พระองค์ทรงทาลายเขาและทรงเฆีย ่ นเขาด ้วยริดสด ี วงทวารขัน
้ รุนแรง
ทัง้ ชาวอัชโดดและเขตแดนของชาวเมืองนัน ้
5:9 แต่เมือ่ เขาทัง้ หลายนาหีบอ ้อมไปเมืองนัน ้ แล ้ว
พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์ก็ตอ ้ องนั น
่ สูเมื ้ กระทาให ้เกิดการทาลายอย่างหนั ก
และทรงเฆีย ่ นชาวเมืองนั น
้ ทัง้ เด็กและผู ้ใหญ่
คือให ้เกิดริดสดี วงทวารขัน ้ รุนแรงขึน ่ ว่ นลับของเขาทัง้ หลาย
้ ทีส
Once the ARK arrive in the City of Gath, the men of Gath also start getting tumors
just as they did in Ashdod. But now the Philistine men were getting the tumors in their
gonads and they also start dying from them. So the Philistines now decide to move the ARK
again to another Philistine City, and this time it is the City of Ekron.

เมือ
่ หีบพันธสญ ั ญาได ้มาถึงเมืองกัช คนของเมืองกัช
ได ้เริม
่ ต ้นเป็ นเนือ ้ งอกร ้ายแรงเหมือนกับพวกเขาในเมือง อัชโดด Ashdod
แต่ตอนนีผ ้ ู ้ชายคนชาวฟิ ลส ิ เตียได ้เป็ นมะเร็งเนือ
้ ร ้ายทีอ ื พันธุ์
่ วัยวะสบ
และพวกเขาเริม ่ ต ้นทีจ
่ ะตายจากมะเร็งเนือ ้ ร ้ายเป็ นสาเหตุ
จากนัน ้ ชาวฟิ ลส ิ เตียได ้ตัดสน ิ ใจเคลือ่ นย ้ายหีบพันธสญ ั ญาไปอีกเมืองหนึง่ ของชาวฟิ ลส
ิ เตียและครัง้
นีไ
้ ด ้นาไปยังเมือง เอโครน Ekron

Once the people in Ekron hear that THE ARK OF THE COVENANT is be ing brought
into their city, they panic! The people having heard of the curses that had already come
upon the cities of Ashdod and Gath, fear that those same PLAGUES would now be in their
city also. When the ARK of THE COV ENANT arrives in Ekron, the men of the city
immediately start to get the same tumors as did the other two cities and the city has now
become infested with mice. Then the men of Ekron start dying from the tumors and those
who didn't get the tumors get painful hemorrhoids, and couldn't walk as a result of them.

ครัน้ เมือ่ ผู ้คนในเอโครน Ekron ได ้ยินว่าหีบพันธสญ ั ญาได ้ถูกนามาทีเ่ มืองของพวกเขา


พวกเขาได ้สน ั่ กลัว ประชากรได ้ยินคาแชง่ สาปทีไ่ ด ้มาถึงเมือง อัชโดด Ashdod และ กัท Gath
กลัวว่าสงิ่ เหล่านัน ้ จะเกิดขึน ้ เป็ นคาสาปแชง่ เหมือนกันกับเมืองเหล่านั น ้ เมือ ั ญาได ้มาถึง
่ หีบพันธสญ
เอโครนEkron, คนในเมืองเริม ่ เป็ นมะเร็งเนือ
้ ร ้าย
โดยทันทีเหมือนมะเร็งเนือ ้ ร ้ายเดียวกันกับสองเมืองทีผ ่ า่ นมาและในเมืองได ้เต็มไปด ้วยภัยพิบัต ห
ิ นูว ิ่
งไปวิง่ มา จากนัน ้ คนในเมือง เอโครน Ekron,เริม ่ ตายจากมะเร็งเนือ
้ ร ้าย
และพวกเขาเหล่านัน ้ ทีไ่ ม่ได ้เป็ นเนือ
้ งอกได ้มีความเจ็บปวดจากอาการริดสด ี วงทวารและไม่สามารถ
ทีจ
่ ะเดินได ้จากเหตุผลเหล่านัน ้ (1 ซามูเอล 5:12,6:1,5)

1 ซามูเอล 5:12 คนทีไ่ ม่ตายก็เป็ นริดสด ี วงทวารขัน้ รุนแรง


และเสยี งร ้องของชาวเมืองนัน้ ก็ขน
ึ้ ไปยังฟ้ าสวรรค์ 6:1
หีบแห่งพระเยโฮวาห์อยูใ่ นถิน
่ คนฟี ลส ิ เตียเจ็ดเดือน 6:5

299
เพราะฉะนัน ี วงทวารขัน
้ ท่านต ้องทารูปริดสด ้ รุนแรงของท่านและรูปหนูของท่านซงึ่ ทาลายแผ่นดิน
และท่านทัง้ หลายจงถวายสง่าราศแ ี ด่พระเจ ้าของอิสราเอล
ชะรอยพระองค์จะทรงเบาพระหัตถ์ของพระองค์จากท่านทัง้ หลาย
ทัง้ จากพระของท่านและแผ่นดินของท่าน

The people of Ekron then cry out in fear to their Leaders to remove the ARK of THE
COVENANT from their city. They are saying that they will all perish from the curse that had
come upon them for their taking of the HEBREW ARK from the Children of ISRAEL. The
Philistine Leaders then decide to get rid of the ARK, but are uncertain where to take it. So
the Philistines then place THE ARK in an ox drawn cart."

จากนัน
้ ผู ้คนของเมือง เอโครน Ekron
ร ้องให ้ออกมาในความกลัวต่อพวกผู ้นาของเขาเพือ ่ ทีจ
่ ะเคลือ ั ญา
่ นย ้ายหีบพันธสญ
ออกจากเมืองของพวกเขา
พวกเขาได ้กล่าวว่าพวกเราได ้พินาศจากคาสาปแชง่ ทีไ่ ด ้ลงมาเหนือพวกเขา
เพราะพวกเขาได ้นาหีบพันธสญ ั ญาของคนฮบ ิ บรูออกมาจากบุตรหลานของอิสราเอล
จากนัน้ พวกผู ้นาคนฟิ ลส ิ ใจทีจ
ิ เตียได ้ตัดสน ่ ะทาอะไรบางสงิ่ บางอย่างกับหีบพันธสญ ั ญา
แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะนาไปทีไ่ หน
จากนัน ้ พวกคนฟิ ลส ิ เตียได ้วางหีบพันธสญ ั ญาวางอยูใ่ นเกวียนใหม่ของแม่วัว

With the Philistines now FEARING GOD, they believe that they should offer
something to THE GOD of ISRAEL so HE might lift THE PLAGUES off them. So they make
five golden mice and five golden tumors to give them as an offering to GOD. They make the
five golden mice and the five golden tumors for the representation of the curses of the mice
and the tumors they had received, and because there were five tribes of the Philistines,
they made five of each for an offering.

คนฟิ ลส ิ เตียบัดนีไ้ ด ้หวาดกลัวพระเจ ้าผู ้ทรงพระชนม์


พวกเขาเชอ ื่ ว่าพวกเขาควรจะถวายบางสงิ่ ต่อพระเจ ้าของอิสราเอล
จากนัน ้ พระองค์จะนาคาแชง่ สาปออกไป
ดังนัน
้ พวกเขาได ้นาทองคาหลอมเป็ นรูปหนูและรูปเนื้องอกอย่างละห ้ารูป
่ เป็ นตัวแทนของคาแชง่ สาปของหนูและเนือ
เพือ ้ งอกทีพ่ วกเขาได ้ประสบและเพราะว่ามีห ้าเผ่าของช
าวฟิ ลส ิ เตียพวกเขาได ้ทาสงิ่ นีอ ้ ย่างละหนึง่ รูปเพือ
่ การบูชาไถ่ในการละเมิด (1 ซามูเอล 6:17)
1 ซามูเอล 6:17
ต่อไปนีเ้ ป็ นรูปริดสด ี วงทวารทองคาขัน ้ รุนแรงซงึ่ คนฟี ลส ิ เตียถวายเป็ นเครือ
่ งบูชาไถ่การละเมิดถวาย
แด่พระเยโฮวาห์ รูปหนึง่ สาหรับเมืองอัชโดด เมืองกาซารูปหนึง่ เมืองอัชเคโลนรูปหนึง่
เมืองกัทรูปหนึง่ เมืองเอโครนรูปหนึง่

They placed the five golden mice and the five golden tumors in the cart along side
of the ARK as a trespass offering to THE LORD, in hope THE LORD would then remove the
curse from them. The Philistines, not being absolutely certain as to where they should take

300
THE ARK, yoke up two oxen to the cart where THE ARK was placed. The two oxen that
were chosen to draw the cart, had never been yoked or had ever drawn a cart before.

พวกเขาได ้วางหนูทองคาห ้าตัวและเนือ ้ งอกทองคาห ้ารูป


ลงไปในเกวียนข ้างๆหีบพันธสญ ั ญาเป็ นการไถ่บช ู าต่อพระเจ ้า
จากนัน้ ในความหวังว่าให ้พระเจ ้าจะถอดถอนคาแชง่ สาปออกไปจากพวกเขา
ชาวฟิ ลสิ เตียนั น
้ ไม่รู ้ว่าสถานทีไ่ หนทีพ
่ วกเขาจะนาหีบพันธสญ ั ญาไปจึงได ้ใชแอกของแม่
้ ววั สองตัวว
างหีบพันธสญ ั ญาลงไป แม่ววั สองตัวถูกเลือกนาทิศทางเกวียนทีไ่ ม่เคยขีม ่ าก่อน
หรือไม่เคยแบกเกวียนมาก่อนหน ้านี้

They then send the ox drawn cart off on its own to see where the ARK should end up.
The Philistines follow behind the cart carrying the ARK from a distance to observe where it
may go and see that it heads directly back into the land of ISRAEL, on its own.

จากนัน้ พวกเขาได ้สง่ แม่ววั ทีล


่ ากเกวียนไปตามทางเพือ ่ ทีจ ั ญาจะไปทีไ่ หน
่ ะดูวา่ หีบพันธสญ
ชาวฟิ ลส
ิ เตียได ้ติดตามอยูข
่ ้างหลังหีบพันธสญ ั ญาอยูห ่ สงั เกตดูวา่ จะนาไปทีไ่ หนและได ้เห็น
่ า่ งๆเพือ
และได ้ยินว่านาตรงกลับไปทีด ่ น
ิ แดนอิสราเอลด ้วยตัวของหีบพันธสญ ั ญาเอง

NOTE 35 As you will see by the Scriptures in 1st Samuel, GOD allowed the Philistines to
TOUCH the ARK. This was something that only the Levite Priests were allowed to do in
ISRAEL, as anyone else who had ever touched THE ARK had been consumed with FIRE for
doing so. GOD allowed the Philistines to touch THE ARK, because HE wanted the ARK to be
MOVED throughout the Philistine cities. The reason HE did this is so HE could inflict the
Philistines with THE PLAGUES for taking the ARK and instill the FEAR of GOD into them!

บันทึก 35 ท่านจะเห็นได ้ว่าข ้อพระคาภีรใ์ นหนึง่ ซามูเอล


พระเจ ้าได ้อนุญาติให ้คนฟิ ลส
ิ เตียจับหีบพันธสญ ั ญา ขณะทีค
่ นอืน
่ ๆนั น
้ เมือ่ สม ั ผัสหีบพันธสญั ญา
นัน
้ จะถูกเผาด ้วยไฟเพราะการกระทานี้ พระเจ ้าได ้อนุญาติให ้คนฟิ ลสิ เตีย
แตะต ้องหีบพันธสญ ั ญาเพราะว่าพระองค์ต ้องการให ้หีบพันธสญ ั ญาเคลือ ่ นผ่านเมืองต่างๆของคนฟิ
ลิสเตีย
เหตุผลทีพ ่ ระองค์ได ้กระทาเชน ่ นีจ
้ ากนัน
้ พระองค์จะสามารถทาโทษคนฟิ ลส ิ เตียด ้วยคาแชง่ สาปเพร
าะการนาหีบพันธสญ ั ญาไปและเป็ นการปลูกฝั งความเกรงกลัวพระเจ ้าอยูภ ่ ายในพวกเขาเหล่านั น ้

Once back in the borders of ISRAEL the ox drawn cart stops at the field of Joshua.
After the Philistines had seen for themselves how THE LORD had returned the ARK back to
ISRAEL, they leave THE ARK and the cart at the field of Joshua and return to their City of
Ekron.

เมือ
่ หีบพันธสญั ญาได ้กลับมาสูเ่ ขตแดนของชนชาติอส ิ ราเอล
แม่ววั นัน
้ ได ้หยุดตรงทีท
่ งุ่ นาของโยชูวา หลังจากพวกฟิ ลส
ิ เตียได ้เห็นกับสายตาพวกเขาเองว่า
พระองค์เจ ้าได ้นาหีบพันธสญ ั ญากลับมาสูอ
่ ส
ิ ราเอล

301
ั ญาและเกวียนอยูใ่ นไร่ของโยชูวาและได ้กลับไปยังเมือง เอโครน Ekron
พวกเขาได ้ละหีบพันธสญ
ของพวกเขา

When the CHILDREN of ISRAEL see that THE ARK of THE COVENANT has come back
to ISRAEL, they gather around it but leave it untouched and summon the Levite Priests to
come and remove the ARK from the ox drawn cart. Once the Levite Priests had removed the
ARK the people out of curiosity decide to remove its cover so they may look inside to see
the contents of THE ARK. THE LORD,

เมือ ่ บุตรหลานของอิสราเอลได ้เห็น หีบพันธสญ ั ญาได ้กลับเข ้ามาทีอ ่ ส


ิ ราเอล
พวกเขาได ้รวมตัวกันไปดูรอบๆและไม่ได ้แตะต ้องและเรียกให ้ปุโรหิตคนเลวีเข ้ามาและเคลือ ่ นย ้ายหี
บพันธสญ ั ญาออกไปจากแม่ววั ทีไ่ ด ้ดึงเกวียน
ครัน
้ เมือ
่ ปุโรหิตเลวีได ้เคลือ
่ นย ้ายหีบพันธสญ ั ญาประชาชนได ้อยากรู ้
จึงตัดสน ิ ใจเปิ ดหีบพันธสญ
ั ญาจากนั น ่ ทีเ่ ขาจะได ้เห็นสงิ่ ทีบ
้ เพือ ่ รรจุอยูภ ั ญา(1
่ ายในหีบพันธสญ
ซามูเอล 6:19-20,7:1-4)

1 ซามูเอล 6:19 พระองค์จงึ ทรงประหารชาวเบธเชเมช


เพราะว่าเขาทัง้ หลายได ้มองข ้างในหีบแห่งพระเยโฮวาห์
พระองค์ได ้ทรงประหารเสย ี ห ้าหมืน ิ คน และประชาชนก็ไว ้ทุกข์
่ เจ็ดสบ
เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงประหารประชาชนเสย ี เป็ นอันมาก
6:20 แล ้วชาวเบธเชเมชจึงกล่าวว่า
"ผู ้ใดสามารถยืนอยูต
่ อ
่ พระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ ้าบริสท ุ ธิอ
์ งค์นไ
ี้ ด ้
พระองค์จะเสด็จไปจากเราไปหาผู ้ใดดี"

ั ญาไปยังเรือนของอาบีนาดับ
ได ้นาหีบพันธสญ

1 ซามูเอล 7:1
ชาวคีรยิ าทเยอาริมได ้มาเชญ ิ หีบแห่งพระเยโฮวาห์ขน ึ้ ไปถึงเรือนของอาบีนาดับซงึ่ อยูบ ่ นเนินเขา
และเขาทัง้ หลายก็ชาระเอเลอาซาร์บต ุ รชายของเขาให ้บริสท
ุ ธิเ์ พือ
่ ให ้ดูแลหีบแห่งพระเยโฮวาห์ 7:2
อยูม
่ านับแต่วน
ั ทีห
่ บ
ี นัน
้ อยูท
่ คี่ รี ย ้
ิ าทเยอาริมก็เป็ นเวลาชานานตั ง้ ยีส ิ ปี
่ บ
และบรรดาวงศว์ านอิสราเอลทัง้ สน ิ้ ก็คร่าครวญถึงพระเยโฮวาห์

1 ซามูเอล 7:3 แล ้วซามูเอลพูดกับวงศว์ านอิสราเอลทัง้ สน ิ้ ว่า


"ถ ้าท่านทัง้ หลายจะกลับมาหาพระเยโฮวาห์ด ้วยสน ิ้ สุดใจของท่าน
จงทิง้ พระต่างด ้าวและพระอัชทาโรทเสย ี จากท่ามกลางท่านทัง้ หลาย
และเตรียมใจของท่านให ้ตรงต่อพระเยโฮวาห์ และปรนนิบัตแ ิ ต่พระองค์เท่านัน

พระองค์จะทรงชว่ ยท่านให ้พ ้นจากมือของคนฟี ลส ิ เตีย" 7:4
คนอิสราเอลจึงทิง้ พระบาอัลและพระอัชทาโรท และเขาทัง้ หลายปรนนิบัตแ ิ ต่พระเยโฮวาห์เท่านัน

in ANGER for their removing the cover of the ARK, kills fifty thousand and seventy of
the curious on-looking people and the others scatter! Once the people were at a safe
distance from the ARK, the Levite Priests bring the ARK to the nearby house of A-bin' -a-
dab. The Levite Priests then sanctify A-bin' -a-dab's son, E-Ie-a' -zar, who is also a Levite, so

302
he could come near to THE ARK of THE COVENANT while it is at the house of his father.
The ARK remains in the house of A-bin'-a-dab for the next twenty years.

ในความโกรธต่อพวกเขาทีไ่ ด ้เปิ ดหีบพันธสญ ั ญา


สงิ่ นีไ
้ ด ้ฆ่าประชากรเป็ นจานวนห ้าหมืน ่ เจ็ดสบ ิ คน
ทีไ่ ด ้มองดูด ้วยความอยากรู ้และจากแสงรังสส ี ะท ้อน
ครัน ้ เมือ่ ประชากรได ้อยูใ่ นระยะห่างทีป ่ ลอดภัยจากหีบพันธสญ ั ญา
คนเลวีได ้นาหีบพันธสญ ั ญาเข ้ามาไกล ้บ ้านของ อาบีนาดับ A-bin' -a-dab. บุตรของอาบีนาดับ
ปุโรหิตคนเลวีได ้กระทาตามทีก ่ าหนดไว ้ ซงึ่ เอเลอาซาร์ E-Ie-a' –zar ก็เป็ นคนเลวีด ้วย
จากนัน ้ เขาสามารถทีจ ่ ะเข ้ามาไกล ้หีบพันธสญ ั ญาขณะทีอ ่ ยูใ่ นบ ้านของพ่อเขา
หีบพันธสญ ั ญาได ้คงอยูท่ น
ี่ ัน
้ ในบ ้านของอาบีนาดับ เป็ นเวลายีส ิ ปี
่ บ

ISRAEL wants a King


ชนชาติอส
ิ ราเอลต ้องการกษั ตริย ์

With Samuel being a PROPHET and JUDGE over ISRAEL, the people come to him and
complain about their not having a King. They tell Samuel that they no longer want a JUDGE
to rule over them and now want a King to RULE ISRAEL. They go on to tell Samuel, they
want to be just like the other nations who all have Kings ruling over them who are willing
to fight for their cause. (1 ซามูเอล 7:15-17)
ซามูเอลเป็ นผู ้พยากรณ์ ปุโรหิตและผู ้วินจ ิ ฉั ยคนอิสราเอล
1 ซามูเอล 7:15 ซามูเอลได ้วินจ ิ ฉั ยคนอิสราเอลอยูต ่ ลอดชวี ต ิ ของท่าน 7:16
และท่านก็เทีย ่ วไปโดยรอบทุกปี เป็ นประจา ไปถึงเมืองเบธเอล กิลกาล และมิสปาห์
และท่านก็วน ิ จิ ฉั ยคนอิสราเอลในบรรดาเมืองเหล่านัน ้ 7:17 แล ้วท่านจะกลับมายังเมืองรามาห์
เพราะว่าบ ้านของท่านอยูท ่ น
ี่ ั่น ท่านก็วนิ จ
ิ ฉั ยคนอิสราเอลทีน ่ ั่นด ้วย
ท่านได ้สร ้างแท่นบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ทน ี่ ั่น

เนือ ่ งจากซามูเอล เป็ นผู ้พยากรณ์และเป็ นผู ้วินจ ิ ฉั ยอยูเ่ หนืออิสราเอล


ประชากรได ้เข ้ามาหาเขาและบ่นต่อว่าเกีย ่ วกับเขาไม่มก ี ษั ตริย ์
พวกเขาบอกซามูเอลว่าพวกเขาไม่ต ้องการผู ้วินจ ิ ฉั ยอีกต่อไปทีจ ่ ะปกครองเหนือพวกเขาและต ้องกา
รกษั ตริยป ์ กครองอิสราเอล พวกเขาได ้บอกซามูเอลต่อไปว่า
พวกเขาต ้องการเหมือนชนชาติอน ื่ ๆผู ้ซงึ่ ชนชาติเหล่านั น ้ ได ้มีกษั ตริยป
์ กครองอยูเ่ หนือพวกเขา
ผู ้ซงึ่ ได ้เต็มใจจะต่อสูเพื
้ อ่ พวกเขา(1 ซามูเอล 8:4-5)

1 ซามูเอล 8:4 และบรรดาพวกผู ้ใหญ่ของอิสราเอลก็พากันมาหาซามูเอลทีเ่ มืองรามาห์8:5


และเรียนท่านว่า "ดูเถิด ท่านชราแล ้ว และบุตรชายของท่านมิได ้ดาเนินในทางของท่าน
บัดนีข
้ อท่านได ้กาหนดตัง้ กษั ตริยใ์ ห ้วินจ
ิ ฉั ยพวกเราอย่างประชาชาติทัง้ หลายเถิด"

Samuel in frustration confronts THE LORD on the matter of ISRAEL having a King
instead of a JUDGE to RULE over them. GOD tells Samuel to listen to the voice of the people
and that HE will now allow them to have a King.

303
ความสบ ั สนของซามูเอลเผชญ ิ หน ้ากับพระเจ ้าในเหตุการณ์ของอิสราเอลต ้องการมีกษั ตริยแ ์ ทนทีจ
่ ะ
เป็ นผู ้วินจิ ฉั ยปกครองอยูเ่ หนือพวกเขา พระเจ ้าได ้บอกซามูเอลว่า
เพือ่ ทีจ่ ะฟั งเสย ี งของประชาชนและบัดนีพ ้ ระองค์จะอนุญาติให ้พวกเขาเหล่านั น
้ ได ้มีกษั ตริยป์ กครอง
(1 ซามูเอล 8:10-13)

1 ซามูเอล 8:10
ซามูเอลจึงเอาพระดารัสทัง้ สน ิ้ ของพระเยโฮวาห์มาบอกกล่าวแก่ประชาชนผู ้ร ้องขอให ้ท่านตัง้ กษั ตริ
ย์ 8:11 ท่านกล่าวว่า "นีเ่ ป็ นวิธก ี ารของกษั ตริยผ ์ ู ้ทีจ
่ ะครอบครองเหนือเจ ้า
กษั ตริยจ
์ ะเกณฑ์บต ุ รชายทัง้ หลายของเจ ้าและกาหนดให ้ประจารถรบ และให ้เป็ นพลม ้า
และให ้วิง่ หน ้ารถรบของพระองค์ 8:12 แล ้วพระองค์จะตัง้ เขาให ้เป็ นนายพัน นายห ้าสบ ิ ของพระองค์
ให ้บางคนไถทีด ่ น
ิ ของพระองค์และเกีย ่ วข ้าว และทาศัสตราวุธ และเครือ ้
่ งใชของรถรบ 8:13
พระองค์จะนาบุตรสาวของเจ ้าไปเป็ นผู ้ปรุงเครือ ่ งหอม ทาครัวและปิ้ งขนม

THE LORD tells Samuel that he must however first warn the people, of the
consequences associated with them having a King to RULE over them. THE LORD explains
how a King will require a certain amount of taxation from the people, and how a King will
take their sons to be his soldiers in battle, and also gather all the best of their land and their
crops to himself, to benefit his kingdom. So Samuel explains this to the people and warns
them against having a King other than GOD. Samuel also explains to the people that when
they cry out to GOD because of their hardships with the King, that GOD will not help them,
because it was their choice and not GOD'S CHOICE to make for themselves a King.

พระองค์เจ ้าบอกซามูเอล ว่าเขาควรจะเตือนประชากรก่อนว่า


ผลทีอ ่ อกมาจากการเกีย ่ วข ้องกันกับพวกเขาในการทีม ่ ก
ี ษั ตริยไ์ ด ้ปกครองอยูเ่ หนือพวกเขา
พระเจ ้าได ้อธิบายว่า กษั ตริยน ์ ัน
้ ต ้องการภาษีจานวนมากจากประชากร
และกษั ตริยน ์ ัน
้ จะนาบุตรหลานของพวกเขาไปเป็ นทหารเพือ ่ ทาสงครามในการต่อสู ้
และยังรวบรวมทีด ่ น
ิ ทีด่ ท ี ส
ี่ ด
ุ ของพวกเขาทัง้ หลายและเก็บเกีย ่ วสงิ่ ของของพวกเขาทัง้ หลายเพือ ่ ตัว
ของกษั ตริยเ์ อง เพือ ่ เป็ นประโยชน์กับอาณาจักรของเขา จากนัน ้ ซามูเอลยังได ้อธิบายต่อไปว่า
เมือ
่ ประชากรได ้ร ้องทูลขอต่อพระเจ ้า เพราะว่าความยากลาบากของเขาเนือ ่ ง
จากการมีกษั ตริยว์ า่ พระเจ ้าไม่ได ้ชว่ ยพวกเขา
เพราะว่านั น
้ คือทางเลือกของพวกเขาเองและไม่ใชส ่ งิ่ ทีพ่ ระเจ ้าเลือกให ้เพือ
่ ทีจ่ ะให ้พวกเขามีกษั ตริ
ย์ปกครอง(1 ซามูเอล 8:14-22)

1 ซามูเอล 8:14 พระองค์จะเอานา


สวนองุน ่ และสวนมะกอกเทศทีด ่ ท
ี สี่ ด
ุ ของเจ ้าให ้แก่ข ้าราชการของพระองค์ 8:15
พระองค์จะชก ั หนึง่ ในสบ
ิ ของพืชผลและผลองุน ่ ของท่านให ้แก่มหาดเล็กและข ้าราชการของพระองค์
8:16 พระองค์จะเอาคนใชผู้ ้ชายและคนใชผู้ ้หญิง และคนหนุ่มๆทีด ่ ท ี ส
ี่ ดุ ของท่าน
และลาของท่านให ้ไปทางานของพระองค์ 8:17 พระองค์จะชก ั หนึง่ ในสบ ิ ของฝูงสต
ั ว์ของท่าน
และท่านทัง้ หลายจะเป็ นทาสของพระองค์ 8:18 ในวันนัน ้ ท่านจะร ้องทุกข์เพราะกษั ตริยข ์ องท่าน
ผู ้ซงึ่ ท่านทัง้ หลายได ้เลือกนัน ้ แต่พระเยโฮวาห์จะไม่สดับท่านในวันนั น ้ " 8:19
แต่ประชาชนปฏิเสธไม่เชอ ื่ ฟั งเสย ี งของซามูเอล เขาทัง้ หลายกล่าวว่า "เราไม่ยอม

304
แต่เราจะต ้องมีกษั ตริยป ์ กครองเรา 8:20 เพือ ่ เราจะเป็ นเหมือนประชาชาติทัง้ หลายด ้วย
และเพือ ่ กษั ตริยข
์ องเราจะวินจ ิ ฉั ยเรา และนาหน ้าเราไปและรบศก ึ ให ้เรา"8:21
และเมือ ่ ซามูเอลได ้ยินถ ้อยคาทัง้ สน ิ้ ของประชาชน ท่านก็นาไปทูลพระเยโฮวาห์ให ้ทรงทราบ 8:22
และพระเยโฮวาห์ตรัสกับซามูเอลว่า "จงฟั งเสย ี งของเขาทัง้ หลายเถิด
และจงตัง้ กษั ตริยอ ์ งค์หนึง่ ให ้เขา" แล ้วซามูเอลจึงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า
"ให ้ทุกคนกลับไปยังเมืองของตน"

1 Samuel 8:7 And THE LORD said unto Samuel, Hearken unto the voice of the people in all
that they say unto thee: for they have not rejected thee, but they have rejected ME, that I
should not reign over them.

1ซามูเอล 8:7 และพระเยโฮวาห์ทรงตอบซามูเอลว่า


"จงฟั งเสย ี งประชาชนในเรือ ิ้ ทีเ่ ขาทัง้ หลายขอต่อเจ ้า เพราะว่าเขามิได ้ละทิง้ เจ ้า
่ งทัง้ สน
แต่เขาทัง้ หลายได ้ละทิง้ เรา ไม่ให ้เราครอบครองเหนือเขา

Saul of the Tribe of Benjamin. Anointed King of ISRAEL

ซาอูลเผ่าเบนยามิน พระเจ ้าทรงนาซามูเอลให ้ตัง้ ซาอูลเป็ นกษั ตริย ์

There was a man by the name of Kish who was of the tribe of Benjamin, and Kish had a
son whose name was Saul. Saul was very tall and well over six feet with his shoulder height
being about the height of the normal man. One day, Kish, Saul's father, sends Saul off to find
his asses that had gone astray. After a two-day journey with Saul not able to locate the lost
asses, both he and his servant decide to go to the city where the Prophet Samuel lives. They
do this in hope that Samuel, the man of GOD, would help them locate the lost asses, for Saul
BELIEVED a SEEK(A PROPHET) could foresee where the lost asses may have gone. (1
ซามูเอล 9:2,10:1)

1 ซามูเอล 9:2 ท่านมีบต ื่ ซาอูล เป็ นคนหนุ่มทีด


ุ รชายคนหนึง่ ชอ ่ ท
ี ส
ี่ ด
ุ รูปงาม
ไม่มช
ี ายคนใดในหมูค่ นอิสราเอลทีจ
่ ะงามกว่าเขา เขาสูงกว่าประชาชนทัง้ หลายตัง้ แต่บา่ ขึน
้ ไป

การเจิมซาอูลด ้วยน้ ามันให ้เป็ นกษั ตริย ์ หมายสาคัญต่างๆจากพระเจ ้า


1 ซามูเอล 10:1 แล ้วซามูเอลก็หยิบขวดน้ ามันเทลงบนศรี ษะของซาอูล และจุบท่านแล ้วกล่าวว่า
่ รือ
"พระเยโฮวาห์ทรงเจิมท่านไว ้ให ้เป็ นเจ ้านายเหนือมรดกของพระองค์แล ้วมิใชห

มีผู ้ชายคนหนึง่ มีชอ ื่ ว่า คีช Kish ผู ้ซงึ่ เป็ นอิสราเอลเผ่าเบนยามิน


และคีชได ้มีบต ุ รชายชอ ื่ ว่าซาอูล ซาอูลเป็ นคนทีม ่ รี ปู ร่างสูงและสูงกว่าหกฟุต
ไหล่สง่าผ่าเผยเหมือนไหล่คนปกติทั่วไป วันหนึง่ คีช
บิดาของซาอูลได ้สง่ ซาอูลออกไปหาลาของเขาทีห ่ ลงหายไป
หลังจากการเดินทางสองวันผ่านไปซาอูลไม่สามารถทีจ ่ ะพบว่า ลาหายไปอยูบ ่ ริเวณพืน
้ ทีไ่ หน
เขาและคนใชจึ้ งตัดสน ิ ใจเดินทางไปยังเมืองทีผ ่ ู ้พยากรณ์ซามูเอลได ้อาศัยอยู่
พวกเขาหวังว่าซามูเอล
คนของพระเจ ้าจะสามารถชว่ ยเหลือพวกเขาในการบอกบริเวณทีล ่ านั น
้ ได ้หายไป

305
ื่ ว่าการแสวงหาผู ้พยากรณ์นัน
เพราะซาอูลเชอ ้ สามารถทีจ
่ ะทานายล่วงหน ้าว่าสถานทีไ่ หนทีล
่ าได ้หา
ยไป

Meanwhile, THE LORD tells Samuel that HE will send him the man who is to be the
New King and Ruler over ISRAEL. On the next day as Saul approaches the city where
Samuel lives, THE LORD tells Samuel the man who has come into the city and is now
approaching him, is the one who HE had selected to be the King over ISRAEL.

เวลาในระหว่างนัน ้ พระองค์เจ ้าบอกซามูเอล ว่า พระองค์ได ้สง่ เขา


ผู ้ชายคนนัน ่ ึ
้ ผู ้ซงจะมาเป็ นกษั ตริยแ ์ ละปกครองอยูเ่ หนืออิสราเอล
ในวันถัดมาขณะทีซ ่ าอูลได ้เข ้ามาใกล ้ เมืองทีซ ่ ามูเอลได ้อาศัยอยู่ พระเจ ้าได ้บอกซามูเอลว่า
ชายคนนีท ้ จ ี่ ะเข ้ามาในเมืองและบัดนีไ ้ ด ้เข ้ามาไกล ้เขานัน
้ เป็ นคนหนึง่ ทีพ
่ ระองค์ได ้เลือกเพือ
่ ทีจ
่ ะเป็
นกษั ตริยป ์ กครองอยูเ่ หนืออิสราเอล

When Saul meets Samuel, he explains to Samuel how he and his servant had been
looking for his father's lost asses and is unable to locate them. Saul further tells Samuel
how he had hoped that he being a man of GOD (A Prophet) could tell him where the lost
asses were. Samuel tells Saul that the asses had already been found and he need not worry
about them, for his father had the asses back in his possession. Samuel then requests that
Saul remain in the city that day, and join him for dinner that evening. Saul being somewhat
confused by Samuel's invitation to dinner, wonders why a revered man such as the Prophet
Samuel would want someone like him to join him for dinner?

เมือ่ ซาอูลพบกับซามูเอล เขาได ้อธิบายต่อซามูเอลถึงเรือ ่ ง



เขาและคนใชของเขาได ้ตามหา
ลาของบิดาทีไ่ ด ้หายไปและไม่สามารถหาเจอว่าหายไปในบริเวณไหน ซาอูลได ้บอกซามูเอลว่า
เขาได ้มีความหวังเป็ นอย่างยิง่ ว่าคนของพระเจ ้า(ผู ้พยากรณ์)
สามารถทีจ ่ ะบอกเขาว่าลานัน ้ ได ้สูญหายไปทีไ่ หน ซามูเอลได ้บอกซาอูลว่า
ลาของท่านได ้พบแล ้วและเขาไม่ต ้องกังวลเกีย ่ วกับสงิ่ เหล่านั น

เพราะบิดาของเขาได ้ลากลับคืนเป็ นสมบัตข ิ องเขาแล ้ว ซามูเอลจากนัน ้ ได ้ถาม
ให ้ซาอูลนั น
้ ยังคงอยูท
่ เี่ มืองนีใ้ นวันนัน
้ และร่วมรับประทานอาหารคา่ กับเขา ในเย็นวันนั น ้ ด ้วย
ซาอูลได ้สบ ั สนว่าทาไมซามูเอลได ้เชอ ื้ เชญ
ิ เขารับประทานอาหาร
แปลกใจว่าทาไมผู ้พยากรณ์ของพระเจ ้าซงึ่ เป็ นทีเ่ คารพนั บถือนั น ้ ได ้ต ้องการให ้คนอย่างเขา
เข ้ามาร่วมรับประทานอาหารคา่

That afternoon when Saul shows up for dinner, he sees Samuel seated at the table
with about thirty of the Elders of ISRAEL, and that it is somewhat of a formal gathering.
Samuel places Saul at the head of the table where he and the Elders are sitting and Samuel
tells Saul, how they had waited dinner for him. Samuel instructs the servant who is serving
the food to serve Saul the finest piece of meat on the platter, and Saul sees this. Saul being

306
very confused as to why he is being treated with such honor, accepts that which is being
given to him graciously and Samuel invites Saul to spend the night as his guest.

บ่ายวันนัน ้ เมือ
่ ซาอูลได ้ตอบรับประทานอาหารมือ ้ คา่
เขาได ้เห็นทีน
่ ั่งของซามูเอลรวมกับทีน ่ ั่งของผู ้อาวุโสของอิสราเอลและเป็ นการรวมประชุมกันอย่างเ
ป็ นทางการ ซามูเอลได ้วางตาแหน่งเก ้าอีข ้ องซาอูลอยูท ่ ห ี่ ัวโต๊ะทีซ่ งึ่ เขาและผู ้อาวุโสนั น
้ นั่ งอยู่
และซามูเอลบอกซาอูลว่า พวกเขาได ้รอคอยเพือ ่ รับประทานอาหารคา่ แก่เขา
ซามูเอลได ้แนะนาผู ้รับใชผู้ ้ซงึ่ ได ้เสริพอาหารแก่ซาอูลชน ิ้ เนือ้ ทีด
่ ท
ี สี่ ดุ ลงในจาน
และซาอูลได ้เห็นสงิ่ นี้ ซาอูลได ้สบ ั สนทาไมเขาถึงได ้รับการดูแลด ้วยความเคารพเยีย ่ งนี้
จึงได ้ตอบรับในความกรุณาของเขาและซามูเอลได ้ใชเวลากั ้ บซาอูลในตอนกลางคืนเสมือนเป็ นแขก
ิ ของเขา
รับเชญ

When both Samuel and Saul awake the following morning, Samuel tells Saul to let his
servant go on ahead of him because he had a message for Saul from GOD, and he didn't
want the servant to hear what he had to say.

เมือ
่ ซามูเอล และ ซาอูล ตืน่ ขึน
้ มาในตอนเชาต่ ้ อจากนั น ้ ซามูเอล บอก ซาอูล

ว่าให ้คนใชของเขา เดินทางไปก่อนเขาเพราะว่าเขามีขา่ วสารจากพระเจ ้าสาหรับซาอูล
และเขาไม่ต ้องการทีจ ้ ้ยินในสงิ่ ซงึ่ เขาจะต ้องพูด
่ ะให ้คนใชได

1 Samuel 10:1 Then Samuel took a vial of oil, and poured it upon his head, and kissed him,
and said, IS IT NOT BECA USE THE LORD HATH ANOINTED THEE TO BE CAPTAIN OVER
HIS INHERITANCE ?

1ซามูเอล 10:1 แล ้วซามูเอลก็หยิบขวดน้ ามันเทลงบนศรี ษะของซาอูล และจุบท่านแล ้วกล่าวว่า


่ รือ
"พระเยโฮวาห์ทรงเจิมท่านไว ้ให ้เป็ นเจ ้านายเหนือมรดกของพระองค์แล ้วมิใชห

After Samuel ANOINTS Saul with the oil, he gives him a PROPHECY. Samuel tells
him of the events that will take place on his journey back home: How a band of roving
Prophets will cross his path, and how the SPIRIT of THE LORD will come upon him. Samuel
tells Saul that after his meeting up with the Prophets, he will start speaking in TONGUES, as
the Prophets do. Shortly after their conversation Saul leaves and heads back towards his
home, and all that Samuel had told Saul about his journey back home, came to pass!

หลังจากซามูเอลได ้เจิมน้ ามันให ้ซาอูลเป็ นกษั ตริย ์ เขาได ้ให ้คาพยากรณ์


ซามูเอลบอกถึงเหตุการณ์ตา่ งๆทีจ ่ ะเกิดขึน ้ ก่อนทีจ
่ ะกลับไปยังบ ้านของเขา
ว่าจะมีการเดินทางของผู ้พยากรณ์ทใี่ ชแตร(ผู้ ้ทานาย)ผ่านสวนในทางของเขาและพระวิญญาณของ
พระเจ ้าจะเสด็จลงมาอยูเ่ หนือเขา
ซามูเอลนัน ้ ได ้บอกซาอูลว่าหลังจากการพบปะกับผู ้พยากรณ์ทัง้ หลายของเขา
เขาจะเริม่ ต ้นพูดภาษาแปลกๆ เหมือนทีผ ่ ู ้พยากรณ์ได ้กระทา หลังจากนัน ้ การสนทนาของพวกเขา
ซาอูลได ้เดินทางจากไปและตรงไปยังบ ้านเกิดของเขาและทัง้ หมดทีซ ่ ามูเอลได ้บอกแก่ซาอูลในกา
รเดินทางของเขานั น ้ เกิดขึน
้ เป็ นจริงจนกลายเป็ นอดีตไป

307
When Saul finally arrives home his uncle greets him and tells him how he has heard
that Saul had spent a great deal of time with the Prophet Samuel as his honored guest.
Saul's uncle further tells him how he had also heard by rumors, how Saul had been in the
company of the Prophets and had also prophesised (spoke in TONGUES) like the Prophets.

ในทีส่ ดุ ซาอูลได ้มาถึงบ ้าน


ลุงของเขาได ้แสดงความยินดีและบอกกับเขาว่าเขาได ้ยินว่าซาอูลได ้ใชเวลากั ้ บผู ้พยากรณ์ซามูเอล
เป็ นแขกทีม
่ เี กียรติ
ลุงของซาอูลได ้ถามเขาเพิม ่ มากขึน ้ ว่าเขาได ้ยินคนเลือ
่ งลือว่าซาอูลได ้มีการสนทนากับผู ้พยากรณ์แ
ละได ้กล่าวคาพยากรณ์ในภาษาแปลกๆเหมือนผู ้พยากรณ์คนอืน ่ ๆ

His uncle then asks Saul to tell him what had happened during his visit with the
Prophet Samuel, for he was quite curious as to what transpired between them! Saul then
tells his uncle everything, except he purposely omits telling him about the ANOINTING that
had taken place, and how GOD had given Saul the authority (ANOINTING) to be the King of
ISRAEL.

จากนัน้ ลุงของเขาได ้ถามซาอูลถึงเรือ ้ ระหว่างชว่ งการเยีย


่ งราวทีไ่ ด ้เกิดขึน ่ มเยียนผู ้พยากรณ์ซามูเอ
ล เพราะเขาค่อนข ้างทีจ ่ ะอยากรู ้เรือ
่ งราวความเป็ นมาระหว่างเขาทัง้ สอง
จากนัน
้ ซาอูลได ้เล่าเหตุการณ์ทก ุ อย่างยกเว ้น
เขาได ้ตัดชว่ งทีเ่ ขาได ้รับการเจิมน้ ามันนัน ้ และพระเจ ้าได ้มอบให ้ซาอูลเป็ นกษั ตริยข ์ องอิสราเอลเหตุ
การณ์ได ้เกิดขึน
้ อย่างไร(1 ซามูเอล 10:24-26)

1 ซามูเอล 10:24 ซามูเอลจึงกล่าวแก่ประชาชนทัง้ ปวงว่า


"ท่านเห็นผู ้ทีพ
่ ระเยโฮวาห์ทรงเลือกไว ้แล ้วหรือ ในท่ามกลางประชาชนไม่มใี ครเหมือนท่าน"
และประชาชนจึงร ้องเสย ี งดังว่า "ขอกษั ตริยท ์ รงพระเจริญ" 10:25
แล ้วซามูเอลจึงบอกกับประชาชนให ้ทราบถึงสท ิ ธิและหน ้าทีข
่ องตาแหน่งกษั ตริย ์
และท่านบันทึกไว ้ในหนั งสอ ื และวางถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
แล ้วซามูเอลก็ให ้ประชาชนกลับไปยังบ ้านของตนทุกคน 10:26
ซาอูลก็กลับไปยังบ ้านของท่านทีก ่ เิ บอาห์ด ้วย
และมีพวกนักรบซงึ่ พระเจ ้าทรงดลจิตใจไปกับท่านด ้วย

Saul Reigns in Gibeah


ซาอูลได ้ปกครองในเมืองกิเบอาห์

Shortly after Saul had returned home, Samuel calls for all the tribes of ISRAEL to
gather at Mizpeh. Once all the heads of the tribes had gathered there, Samuel tells the
people that THE LORD has selected Saul to be their King. However, not all the Tribes of
ISRAEL wanted Saul for their King, and refused him! So Saul reigned over the Tribes of
Benjamin and Judah only.

308
หลังจากในระยะเวลาอันสน ั ้ ซาอูลได ้กลับบ ้าน
ซามูเอลได ้เรียกอิสราเอลทุกเผ่าไปรวมตัวกันที่ Mizpeh มิสปาห์
ครัน
้ เมือ่ หัวหน ้าเผ่าได ้ไปรวมตัวกันทีน ่ ัน
้ ซามูเอลได ้บอกประชากรว่า
พระเจ ้าได ้เลือกซาอูลเป็ นกษั ตริยข ์ องพวกเขา
ไม่ใชอ่ ส ิ ราเอลทุกเผ่าต ้องการกษั ตริยแ ์ ละได ้ปฏิเสธเขา
จากนัน ้ ซาอูลได ้ปกครองอยูเ่ หนือเผาเบนยามินและยูดาห์เท่านัน ้

After a few short years as reigning King over the tribes of Judah and Benjamin, Saul
starts to do things on his own accord and this displeases THE LORD. Samuel being the
Prophet and overseeing the Kings behavior had been instructed by GOD to have Saul do
certain things, however Saul did not follow Samuel's instructions. 36

หลังจากสองสามปี ผา่ นไปในการปกครองเป็ นกษั ตริยอ ์ ยูเ่ หนืออิสราเอล


เผ่ายูดาห์และเผ่าเบนจามิน ซาอูลได ้เริม ่ ต ้นทีจ่ ะกระทาในสงิ่ ทีเ่ ขาต ้องการซงึ่ พระเจ ้าไม่พอพระทัย
ซามูเอลซงึ่ เป็ นผู ้พยากรณ์ในเวลานัน ้ และได ้ดูแลอยูเ่ หนือความประพฤติของกษั ตริย ์
้ ี
ได ้รับคาชนาจากพระเจ ้าว่าเพือ ่ ะให ้ซาอูลกระทาในสงิ่ ทีก
่ ทีจ ่ ล่าวไว ้อย่างชด ั เจน
แต่อย่างไรก็ตามซาอูลไม่ได ้กระทาตามคาชน ี้ าของซามูเอล โน ้ต 36

NOTE 36 THE LORD gave ISRAEL the Prophet and the JUDGE to keep them in line with THE
LORD'S COMMANDMENTS, and even though ISRAEL now had been allowed by THE LORD
to have a King, the Prophet and the JUDGE (in this case Samuel) was still the VOICE of THE
LORD. With Samuel being in AUTHORlTY to JUDGE the actions of the King, Samuel was the
VOICE of GOD and Saul needed to listen to Samuel

However, with the power given to Saul going to his head, he was not consulting with
Samuel on any matters and doing whatever he pleased. The power and authority that Saul
was given as King was causing him to not hearken unto the VOICE of THE LORD. Saul's
tendency was to go off and do things on his own and deviate from GOD'S instructions as
was spoken through the Prophet Samuel. With obedience being the KEY in serving GOD,
and more important than sacrifice or offering before HIM, Saul was neither LISTENING or
being OBEDIENT to THE LORD!

โน ้ต 36 พระองค์เจ ้าได ้มอบผู ้พยากรณ์และผู ้วินจ ิ ฉั ยต่อชนชาติอส ิ ราเอล


เพือ ่ ทีจ
่ ะรักษาพวกเขาอยูใ่ นกฏเกณฑ์ บทบัญญัตท ิ างของพระเจ ้า
และถึงแม ้ว่าบัดนีพ ้ ระเจ ้าอนุญาติอส ิ ราเอลมีกษั ตริย ์
ผู ้พยากรณ์และผู ้วินจ ิ ฉั ย(ในกรณีของซามูเอล)นัน ้ ยังคงเป็ นเสยี งของพระเจ ้า
เนือ่ งจากซามูเอลนัน ้ ได ้มีสท ิ ธิอานาจทีจ ่ ะพิพากษาในการกระทาของกษั ตริย ์
ซามูเอลนัน ้ เป็ นเสยี งของพระเจ ้าและซาอูลนั น ้ จาต ้องฟั งเสย ี งของซามูเอล
แต่อย่างไรก็ตาม
อานาจทีใ่ ห ้แก่ซาอูลนัน ้ เริม
่ ทีจ
่ ะออกไปในทางทีเ่ ขาไม่ต ้องการทีจ ่ ะปรึกษาซามูเอลในเหตุการณ์ตา่
งๆและกระทาในสงิ่ ต่างๆทีเ่ ขาชน ื่ ชอบ(ออกนอกลูน ่ อกทาง)

อานาจและสทธิอานาจทีไ่ ด ้มอบแก่ซาอูลเป็ นกษั ตริย ์
นัน
้ เป็ นสาเหตุทาให ้เขาไม่ได ้เชอ ื่ ฟั งพระสุรเสย ี งของพระเจ ้า

309
ซาอูลได ้หันเหออกจากทางนัน ้ และกระทาในสงิ่ ทีต่ ัวของเขาต ้องการกระทา
และไม่ได ้เชอื่ ฟั งคาชแ ี้ นะของพระเจ ้าทีไ่ ด ้พูดผ่านผู ้พยากรณ์ซามูเอล
เนือ
่ งจากการเชอ ื่ ฟั งนัน้ เป็ นกุญแจสาคัญในการรับใชพระเจ ้ ้าและเป็ นสงิ่ ทีส
่ าคัญมากกว่าการถวายบู
ชาหรือการถวายสงิ่ อืน ่ ๆต่อหน ้าพระเจ ้า
ซาอูลไม่ได ้เชอ ื่ ฟั งหรือไม่ได ้อยูใ่ นโอวาทด ้วยความถ่อมใจต่อพระเจ ้า(1 ซามูเอล 15:1-3,8-9)

ซาอูลไม่เชอ ื่ ฟั งพระเจ ้าอย่างสุดใจเรือ ่ งคนอามาเลข


1 ซามูเอล 15:1 ซามูเอลก็เรียนซาอูลว่า
"พระเยโฮวาห์ทรงใชให ้ ้ข ้าพเจ ้ามาเจิมท่านเป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอลประชาชนของพระองค์
เพราะฉะนัน ้ บัดนีข ้ อท่านฟั งเสย ี งพระวจนะของพระเยโฮวาห์
15:3 บัดนีท ้ า่ นจงไปโจมตีอามาเลข และทาลายบรรดาทีเ่ ขามีนัน ี ให ้สน
้ เสย ิ้ เชงิ อย่าปรานีเขาเลย
จงฆ่าเสย ี ทัง้ ผู ้ชายผู ้หญิง ทัง้ ทารกและเด็กทีย ่ ังดูดนม ทัง้ วัว แกะ อูฐและลา'"
15:8 ทรงจับอากักกษั ตริยข ์ องคนอามาเลขได ้ทัง้ เป็ น
และได ้ฆ่าฟั นประชาชนเสย ี อย่างสน ิ้ เชงิ ด ้วยคมดาบ 15:9 แต่ซาอูลและประชาชนได ้ไว ้ชวี ต ิ อากัก
และทีด ่ ท
ี สี่ ดุ ของแกะกับวัวและสต ั ว์อ ้วนพีกับลูกแกะ และสงิ่ ดีๆทัง้ หมด
ไม่ยอมทาลายเสย ี อย่างสน ิ้ เชงิ ทุกสงิ่ ทีเ่ ขาดูถก ู และไร ้ค่า เขาก็ทาลายเสย ี สน ิ้
Saul gets ousted
ซาอูลได ้ถูกบังคับให ้ออกไปจากการเป็ นกษั ตริย ์
THE LORD instructs Samuel to send Saul off to war against the Amalekites and to kill
them all and DESTROY all their possessions and take nothing from them. Samuel explains
this in detail to Saul, how he should kill every man, woman, and child, and even all of their
animals, because the Amalekites were of Canaanite ancestry and worshipped idols. Samuel
also tells Saul that they should not take anything from the Amalekites and he was to
destroy all of their belongings.

พระองค์เจ ้าแนะนา ซามูเอลให ้สง่ ซาอูลไปสูรบต่ ้ อต ้านคน


อามาเลขและฆ่าพวกเขาทัง้ หมดและทาลายสงิ่ ของของพวกเขาและไม่ให ้นาอะไรติดตัวมา
ซามูเอลได ้อธิบายสงิ่ นีใ้ นรายละเอียดให ้ซาอูลฟั งว่า
เขาควรจะฆ่าคนทัง้ หมดและผู ้หญิงและเด็กๆและไม่เหลือแม ้แต่สต ั ว์ตา่ งๆ เพราะว่าคน
อามาเลขนั น ื้ สายของคนคานาไนท์ และนมัสการรูปเคารพ ซามูเอลยังได ้บอกกับซาอูลว่า
้ เป็ นเชอ
พวกเขาไม่ควรนาอะไรเลยจากคนอามาเลขและเขาควรจะทาลายทุกสงิ่ ทีเ่ ป็ นของพวกเขา

But Saul does not do as he had so been instructed by the Prophet Samuel and decides
to spare the King of the Amalekites. He also decides to take the best of their cattle and their
sheep for a reward for his defeat of them. This GREATLY displeases and FRUSTRATES THE
LORD and HE tells Samuel to tell Saul, and Samuel confronts Saul on the matter.

แต่ซาอูลไม่ได ้กระทาตามทีผ ่ ู ้พยากรณ์ซามูเอลได ้แนะนาเขาและตัดสน ิ ใจทีจ ่ ะละเว ้นชวี ต


ิ ของกษั ตริ
ย์ อามาเลข
ิ ใจนาสต
เขาได ้ตัดสน ั ว์เลีย
้ งของพวกเขาทัง้ หลายและแกะทีล ่ ักษณะดีเพือ่ เป็ นรางวัลสาหรับการรบช
นะพวกเขา

310
นีค ื สงิ่ ทีไ่ ม่เป็ นทีโ่ ปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์เจ ้าอย่างมากและทาให ้พระเจ ้าโกรธอย่าง
้ อ
มาก และพระองค์ได ้บอกซามูเอลให ้บอกซาอูลและให ้ซามูเอลไปเผชญ ิ หน ้ากับซาอูล

Saul explains to Samuel that he had kept the cattle and the sheep to make a sacrifice to
THE LORD with them, and that the people did not want to kill all of the Amalekite's cattle
and sheep but rather had preferred to keep them. Saul further tells Samuel how he had
listened to the voice of the people and what they wanted and how their demands had
caused him to deviate from Samuel's instructions.

แต่ซาอูล ได ้อธิบายแก่ซามูเอลว่า เขาได ้เก็บสต ั ว์เลีย ้ งและแกะ


ไว ้เพือ
่ ทีจ
่ ะนามาถวายบูชาต่อพระเจ ้าด ้วยกันกับพวกเขาทัง้ หลายและประชากรไม่ได ้ต ้องการ
ทีจ
่ ะฆ่าสต ั ว์เลีย
้ งและแกะทัง้ หมด ของคนอามาเลข แต่แทนทีด ่ ้วยเก็บสงิ่ เหล่านั น
้ ไว ้จะดีกว่า
ซาอูลได ้บอกซามูเอลเพิม ่ มากขึน
้ ว่าเขาได ้เลือกฟั งเชอื่ ฟั งเสยี งของประชากรอย่างไรและสงิ่ ทีพ ่ วกเ
่ ิ
ขาต ้องการและสงพวกเขาได ้ต ้องการนัน ้ เป็ นสาเหตุให ้เขา
เบีย
่ งเบนหันเหไปจากการแนะนาของซาอูล

1 Samuel 15:22 And Samuel said, Hath THE LORD as great delight in burnt offerings and
sacrifices, as in obeying the VOICE of THE LORD? Behold, to obey is better than sacrifice,
and to hearken than the fat of rams.

1 Samuel 15:23 For rebellion is as the sin of witch craft, and stubbornness is as iniquity and
idolatry. Because thou hast rejected the WORD of THE LORD, HE hath also rejected thee
from being King.

1ซามูเอล 15:22 และซามูเอลกล่าวว่า "พระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัยในเครือ ่ งเผาบูชา


และเครือ ั วบูชามากเท่ากับการทีจ
่ งสต ่ ะเชอ ื่ ฟั งพระสุรเสย
ี งของพระเยโฮวาห์หรือ ดูเถิด
ทีจ ื่ ฟั งก็ดก
่ ะเชอ ี ว่าเครือ ั วบูชา และซงึ่ จะสดับฟั งก็ดก
่ งสต ี ว่าไขมันของบรรดาแกะผู ้

15:23 เพราะการกบฏก็เป็ นเหมือนบาปแห่งการถือฤกษ์ถอ ื ยาม


และความดือ ้ ดึงก็เป็ นเหมือนความชวั่ ชาและการไหว
้ ้รูปเคารพ
เพราะเหตุทท ี่ า่ นทอดทิง้ พระวจนะของพระเยโฮวาห์
พระองค์จงึ ทรงถอดท่านออกจากตาแหน่งกษั ตริย"์

Samuel then tells Saul to bring to him A' -gag, the King of the Amalekites and they
bring A' -gag to Samuel.
ซามูเอลได ้บอกกับซาอูลให ้นา อากักมาหาเขา
ซงึ่ เป็ นกษั ตริยข
์ องอาลาเมขและพวกเขาได ้นาอากักมาหาซามูเอล
1 Samuel 15:33 And Samuel said, As thy sword hath made women childless, so shall thy
mother be childless among women. And Samuel hewed A '-gag in pieces before THE LORD
in Gil'gal.

311
1ซามูเอล15:33 ฝ่ ายซามูเอลกล่าวว่า "ดาบของท่านได ้กระทาให ้ผู ้หญิงไร ้บุตรฉั นใด
มารดาของท่านจะไร ้บุตรในหมูพ ่ วกผู ้หญิงทัง้ หลายฉั นนัน
้ "
และซามูเอลก็ฟันอากักเสยี เป็ นท่อนๆต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ทใี่ นกิลกาล

1 ซามูเอล 15:34 ฝ่ ายซามูเอลก็ไปรามาห์


และซาอูลก็เสด็จขึน
้ ไปยังวังของพระองค์ทก ี่ เิ บอาห์แห่งซาอูล 15:35
และซามูเอลไม่มาพบซาอูลอีกจนวันสน ิ้ ชพ
ี แต่ซามูเอลได ้โศกเศร ้าเพราะซาอูล
และพระเยโฮวาห์ทรงกลับพระทัยทีไ่ ด ้ทรงกระทาให ้ซาอูลเป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอล

DAVID Anointed KING over ISRAEL


ดาวิดถูกเจิมเป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอล
22/30

While Samuel is still upset over THE LORD'S disenfranchising Saul as King, THE
LORD tells Samuel not to fret because HE had rejected Saul as the King over ISRAEL. GOD
tells Samuel to fill his horn with anointing oil and go up to BETHLEHEM, and while there
find a man by the name of Jesse, and THE LORD will then pick one of the sons of Jesse to be
the next KING over ISRAEL. Samuel tells THE LORD that if Saul were to find out that he had
went to BETHLEHEM to ANOINT another to be the King over ISRAEL, he would have him
put to death for it.

ในขณะทีซ ่ ามูเอล Samuel ยังคงเสย ี ใจถึงเรือ


่ งการถอนสท ิ ธิซ
์ าอูล Saul
จากการเป็ นกษั ตริยข์ องพระองค์เจ ้า, พระองค์เจ ้าตรัสบอกซามูเอลไม่ต ้องเป็ นทุกข์กังวลใจ
เพราะว่าพระองค์ได ้ปฏิเสธซาอูลเป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอล
พระเจ ้าตรัสบอกซามูเอลให ้เติมน้ ามันแห่งการเจิมในเขาสต ั ว์ของเขาให ้เต็ม และเดินทางขึน ้ ไปยัง
เบธเลเฮม, และขณะทีอ ่ ยูท ี่ ั่นให ้ถามหา พบชายคนหนึง่ นามว่าเจสซ,ี
่ น
และจากนัน ้ พระองค์เจ ้าจะทรงเลือกคนหนึง่ ในบรรดาบุตรชายของเจสซเี พือ ่ เป็ นกษั ตริยอ
์ งค์ตอ
่ ไปเ
หนืออิสราเอล ซามูเอลบอกพระองค์เจ ้าว่า
ถ ้าซาอูลจะพบว่าเขาได ้ไปถึงเบธเลเฮมเพือ ่ เจิมคนอืน
่ เป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอล,
ซาอูลจะฆ่าเขาถึงแก่ความตายสาหรับเรือ ่ งนี้

THE LORD tells Samuel to bring a heifer with him to BETHLEHEM and if anyone were
to ask why he had come up to BETHLEHEM, tell them he had come up to sacrifice to THE
LORD. THE LORD further tells Samuel that once he gets to BETHLEHEM he is to call Jesse
and his sons to the sacrifice, and once Samuel had viewed ALL of Jesse's sons, THE LORD
would PICK one of Jesse's sons to be the REIGNING KING over ISRAEL.

พระองค์เจ ้าบอกซามูเอลทีจ ่ ะนาวัวสาวไปกับเขาถึงเบธเลเฮม


และถ ้าคนใดคนหนึง่ จะถามทาไมเขาได ้ขึน ้ มาถึงเบธเลเฮม, ให ้บอกพวกเขาว่า
เขาได ้ขึน้ มาเพือ
่ ถวายเครือ
่ งบูชาแด่พระองค์เจ ้า พระองค์เจ ้าทรงตรัสบอกซามูเอลต่อไปว่า
ครัน ่ เขาได ้มาถึงเบธเลเฮม ให ้เขาเรียกเจสซ ี
้ เมือ

312
และบุตรชายของเขาเพือ ่ มาถวายเครือ
่ งบูชาแด่พระเจ ้า,
และเมือ ่ ซามูเอลได ้เห็นหน ้าตาบุตรชายของเจสซท ี งั ้ หมด,
พระองค์เจ ้าจะทรงเลือกหนึง่ คนจากบรรดาบุตรชายของเจสซ ี
เพือ
่ เป็ นกษั ตริยป
์ กครองมีอานาจสูงสุดเหนืออิสราเอล
1 Samuel 16:4 And Samuel did that which THE LORD spake, and came to BETH'-LE-HEM
And the Elders of the town TREMBLED at his coming, and said, Cometh thou peaceably?
NOTE 37

1 ซามูเอล 16:4 ซามูเอลก็กระทาตามทีพ ่ ระเยโฮวาห์ทรงบัญชา และมาทีเ่ บธเลเฮม


พวกผู ้ใหญ่ของเมืองนั น ั่ ออกมาหาท่านกล่าวว่า "ท่านมาอย่างสน
้ ก็ตัวสน ั ติหรือ"

NOTE 37: With Samuel being both a Nazarite and a JUDGE and known to be a MAN of GOD,
he was both respected and FEARED by ALL the people. Whenever Samuel would show up
on the scene the people knew that he was there on behalf of GOD and there was always a
concern by them as to why he was there. As with the other men of GOD, Samuel was given
GREAT POWER and AUTHORITY by GOD and the people knew this and were quite
frightened at his presence. If someone were to oppose Samuel's PRESENCE, GOD would
bring a CURSE upon them and in some circumstances send FIRE down from HEAVEN,
CONSUMING them.

โน ้ต 37: เกีย่ วกับการใชช้ วี ต ิ ของซามูเอลทีอ ่ ท


ุ ศ ้
ิ รับใชพระเจ ้าเป็ นนาซไี รท์ และเป็ นผู ้วินจ
ิ ฉั ย
(พิพากษา) และเป็ นทีร่ ับรู ้ว่าเป็ นคนของพระเจ ้า, เขาได ้เป็ นทีเ่ คารพและยาเกรงจากผู ้คนทัง้ หมด
ไม่วา่ เมือ
่ ไรทีซ่ ามูเอลจะไปทาอะไรผู ้คนจะรู ้ว่าเขาไปอยูท ่ น
ี่ ัน
้ ในพระนามของพระเจ ้า
และจะมีคนให ้ความสนใจอยูเ่ สมอว่าทาไมเขามาอยูท ่ น ี่ ั่น
เหมือนกันกับคนอืน ่ ๆซงึ่ เป็ นคนของพระเจ ้า ซามูเอลได ้รับมอบให ้ฤทธานุภาพยิง่ ใหญ่
และสทธิอานาจหน ้าทีโ่ ดยพระเจ ้า และผู ้คนรับรู ้ถึงสงิ่ นี้

และค่อนข ้างจะตกใจกลัวในการปรากฏของเขา
ถ ้าใครบางคนจะขัดขวางการทรงสถิตย์ของพระเจ ้าในซามูเอล, พระเจ ้าจะนามาซงึ่ คาแชง่ สาป
ลงบนพวกเขา และในบางกรณีสง่ ไฟลงจากฟ้ าสวรรค์, เผาผลาญพวกเขา ( เสริม จากผู ้แปล
ให ้ท่านระมัดระวังชวี ต ิ ต่อผู ้ทีไ่ ด ้รับการเจิมจากพระเจ ้าในยุคสุดท ้าย เชน ่ พยานทัง้ สองในวิวรณ์
11:3 -11 ผู ้พยากรณ์แท ้จริงทีพ ่ ระเจ ้าทรงเจิมในยุคสุดท ้าย
เพือ่ การดาเนินชวต ี ิ ของท่านทีจ ่ ะไม่หมิน่ ต่อพระวิญญาณบริสท ุ ธิ)์

Once in BETHLEHEM Samuel tells the Elders of Bethlehem that he has come up to
sacrifice to THE LORD, and that THE LORD requested the presence of both Jesse and his
sons at the SACRIFICE. Once hearing this, the Elders PROMPTLY bring Jesse and his sons to
Samuel and he has Jesse's sons pass before him one by one. When Jesse's eldest son E'-li-ab
passes first before Samuel, Samuel sees that E'-li-ab has a very large stature similar to
Saul's. Samuel also sees that E'-li-ab is a very attractive man and says within himself, surely
it must be E'-li-ab who will be THE LORD'S next Anointed.

ครัน
้ เมือ
่ ถึงในเบธเลเฮม ซามูเอลบอกบรรดาผู ้อาวุโสของเบธเลเฮม
ว่าเขาได ้ขึน
้ มาเพือ่ ถวายเครือ
่ งบูชาแด่พระองค์เจ ้า, และพระองค์เจ ้าทรงต ้องการทีจ ่ ะพบเจสซ ี
และบุตรชายของเขา ณ สถานทีก ่ ารถวายเครือ
่ งบูชา เมือ ่ นี,้ บรรดาผู ้อาวุโสก็ได ้นาเจสซ ี
่ ได ้ยินเชน

313
และบุตรชายของเขามาพบซามูเอลอย่างรวดเร็ว และเขาได ้พบบรรดาบุตรชายของเจสซ ี
เดินผ่านไปต่อหน ้าเขาทีละคน เมือ ่ “เอลีอับ”
บุตรชายหัวปี ของเจสซค ี นแรกผ่านไปต่อหน ้าซามูเอล, ซามูเอลมองเห็นว่าเอลีอับ E'-li-ab
รูปร่างสูงใหญ่มากคล ้ายกับรูปร่างของซาอูล
ซามูเอลยังมองเห็นว่าเอลีอับเป็ นชายซงึ่ มีเสน่หแ
์ ละพูดอยูใ่ นใจของตัวเขาเอง
อย่างไม่ต ้องสงสยต ้องเป็ นเอลีอับอย่างแน่นอน ผู ้ซงึ่ จะเป็ นผู ้รับการเจิมคนต่อไปของพระองค์เจ ้า

1 Samuel 16:7 But THE LORD said unto Samuel, Look not on his countenance, or on the
height of his stature; because I have refused him: for THE LORD seeth not as man seeth; for
man looketh on the outward appearance, but THE LORD looketh on the HEART. NOTE 38

1 ซามูเอล 16:7 แต่พระเยโฮวาห์ตรัสกับซามูเอลว่า


"อย่ามองดูทรี่ ป
ู ร่างหน ้าตาหรือทีค
่ วามสูงแห่งร่างกายของเขา ด ้วยเราไม่ยอมรับเขา
เพราะพระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรไม่เหมือนกับทีม ่ นุษย์ดู ด ้วยว่ามนุษย์ดท
ู รี่ ป
ู ร่างภายนอก
แต่พระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรจิตใจ" โน ้ต 38:

NOTE 38: What THE LORD is telling Samuel is that HE sees the person SPIRITUALLY and
not as flesh and bones, for the HEART of MAN spoken of in the Scriptures, refers to a
person's SPIRIT. .
โน ้ต 38: สงิ่ ทีพ
่ ระองค์เจ ้ากาลังตรัสบอกซามูเอล
เป็ นสงิ่ ทีพ
่ ระองค์ทอดพระเนตรในฝ่ ายวิญญาณของบุคคล
และไม่ใชใ่ นฝ่ ายร่างกายภายนอก(เนือ ้ หนั งและโครงสร ้างกระดูก)
สาหรับหัวใจของมนุษย์ทก ี่ ล่าวถึงในข ้อความในพระคัมภีร,์ อ ้างถึงเป็ นวิญญาณจิตของบุคคล
The Scriptures go on to say that Jesse has SEVEN of his son's pass before Samuel and
THE LORD does not pick any of those SEVEN to be HIS ANOINTED and Samuel asks Jesse if
he has any other sons. Jesse tells Samuel that he has one more son who is the youngest and
is out in the field tending to the sheep. Samuel tells Jesse that he will not sacrifice unto THE
LORD until he has seen ALL of Jesse's sons, including his youngest son.

ข ้อความในพระคัมภีรก ์ ล่าวต่อไปว่าเจสซม ี บ ี ต
ุ รชายของเขา 7
คนเดินผ่านต่อหน ้าซามูเอลและพระองค์เจ ้าไม่ได ้ทรงเลือกคนใดๆเลยใน 7
คนเหล่านัน ่ มารับการเจิมของพระองค์ และซามูเอลถามเจสซวี า่ เขายังมีบต
้ เพือ ุ รชายคนอืน
่ อีกไหม
เจสซบ ี่ อกซามูเอลว่าเขามีบต ุ รชายอีกคนหนึง่ ผู ้ซงึ่ เป็ นคนสุดท ้องและกาลังออกไปเลีย
้ งแกะในทุง่ ห

ญ ้า ซามูเอลบอกเจสซวา่ เขาจะไม่ถวายเครือ ่ งบูชาต่อพระองค์เจ ้า
จนกว่าเขาจะได ้เห็นบรรดาบุตรชายของเจสซท ี ัง้ หมด, รวมทัง้ บุตรชายคนสุดท ้องของเขา
1 Samuel 16:10 Again Jesse made SEVEN of his sons to pass before Samuel. And Samuel
said unto Jesse, THE LORD hath not chosen these.

1 ซามูเอล 16:10 แล ้วเจสซใี ห ้บุตรชายทัง้ เจ็ดคนเดินผ่านหน ้าซามูเอล


และซามูเอลบอกกับเจสซวี า่ "พระเยโฮวาห์มไิ ด ้ทรงเลือกคนเหล่านี"้

1 Samuel 16:11 And Samuel said unto Jesse, Are here all thy children? And he said, There
remaineth yet the youngest, and, behold, he keepeth the sheep. And Samuel said unto Jesse,
Send and fetch him: for we will not sit down till he come hither. NOTE 39

314
1 ซามูเอล 16:11 แล ้วซามูเอลกล่าวแก่เจสซวี า่ "บุตรชายของท่านอยูท ่ น
ี่ ห
ี่ มดแล ้วหรือ"
ี อบว่า "ยังมีคนสุดท ้องอีกคนหนึง่ ดูเถิด เขากาลังเลีย
เจสซต ้ งแกะอยู"่
และซามูเอลกล่าวแก่เจสซวี า่ "จงใชคนไปตามเขามา
้ เพราะเราจะไม่ยอมนั่งจนกว่าเขาจะมาทีน ่ "ี่

1 Chronicles 2:13 And Jesse begat his firstborn E-li 'ab, and A bin 'a-dab the second, and
Shim '-ma the third,

1 พงศาวดาร 2:13 เจสซใี ห ้กาเนิดเอลีอับบุตรหัวปี ของท่าน อาบีนาดับทีส


่ อง ชเิ มอาทีส
่ าม

NOTE 39: The Scriptures tell us that SEVEN of Jesse's sons passed before Samuel prior to
DAVID'S passing before him, making DAVID, Jesse's eighth son. However, DAVID is Jesse's
SEVENTH SON and not the eighth and this can be verified in the Book of I Chronicles,
Chapter 2, verses, 13, 14, and 15

โน ้ต 39: ข ้อความในพระคัมภีรก ่ นหน ้านี้ บอกเราว่าบุตรชาย 7 คนของเจสซ ี


์ อ
เดินผ่านไปต่อหน ้าซามูเอล ก่อนทีด ่ าวิดจะเดินผ่านไปต่อหน ้าเขา, ทาให ้ ดาวิด บุตรชายคนที่ 8
ของเจสซ ี แม ้ว่า, ดาวิดคือบุตรชายคนที่ 7 ของเจสซ ี และไม่ใชค ่ นที่ 8
และสงิ่ นีส
้ ามารถถูกพิสจู น์อยูใ่ นหนั งสอื ของ 1 พงศาวดาร, บทที่ 2 : ข ้อที่ 13, 14 และ 15

1 Chronicles 2:14 Ne-than '-e-e I the fourth, Rad' -dai the fifth,

่ ี่ รัดดัยทีห
1 พงศาวดาร 2:14 นาธันเอลทีส ่ ้า

1 Chronicles 2:15 Ot-zem the sixth, DAVID the SEVENTH:

1 พงศาวดาร 2:15 โอเซมทีห


่ ก ดาวิดทีเ่ จ็ด

Note: So therefor, one should ask is this an error in the Scriptures? The answer to this
question is, yes, this is an error! However, this error has been purposely placed within the
Scriptures. DAVID was indeed Jesse's SEVENTH son, so why would the Scripture in 1
Samuel state otherwise, saying, that seven of Jesse's sons had passed before Samuel prior
to DAVID'S passing before him making DAVID the eighth son? THE LORD PURPOSELY put
this error in the Scripture so those seeking the TRUTH through the WORD of GOD may see
how the answer can be found in another Scripture within THE WORD of GOD!

หมายเหตุ: ดังนัน ้ ด ้วยเหตุน,ี้ คนหนึง่ ควรจะถามว่า นี้คอื ข ้อผิดพลาดในข ้อความในพระคัมภีรห


์ รือ ?
คาตอบต่อคาถามนี,้ ใช, นีค ่ ้ อื ข ้อผิดพลาด! แม ้ว่า,
ข ้อผิดพลาดนีไ ้ ด ้ถูกจัดวางอย่างมีเจตนาภายในข ้อความในพระคัมภีร ์ ดาวิดได ้เป็ นบุตรชายคนที่ 7
ของเจสซ,ี ดังนัน ้ ทาไมข ้อความในพระคัมภีรใ์ น 1 ซามูเอล บอกเป็ นอย่างอืน ่ ,

โดยกล่าวว่าบุตรชายทัง้ 7 ของเจสซ ได ้เดินผ่านไปต่อหน ้าซามูเอล
ก่อนหน ้าทีด่ าวิดจะเดินผ่านไปต่อหน ้าเขา ทาให ้ดาวิดบุตรชายคนที่ 8 อย่างนัน ้ หรือ ?
พระองค์เจ ้า มีเจตนาจัดวางข ้อผิดพลาดนีใ้ นข ้อความในพระคัมภีร ์
จากนัน ้ คนเหล่านัน ้ ทีเ่ จาะจงแสวงหาความจริงผ่านทางพระวจนะของพระเจ ้า
อาจจะเห็นวิธห ี าคาตอบ
สามารถถูกค ้นพบอยูใ่ นข ้อความในพระคัมภีรอ ์ นื่ ๆภายในพระวจนะของพระเจ ้า!
315
Ecclesiastes 11:1 Cast thy bread upon the waters: for thou shalt find it after many days.

ปั ญญาจารย์ 11:1 จงโยนขนมปั งของเจ ้าลงบนน้ า เพราะอีกหลายวันเจ ้าจะพบมันได ้

Ecclesiastes 11:2 Give a portion to SEVEN, and also to EIGHT; 40 for thou knowest not what
evil shall be upon the earth.

ปั ญญาจารย์ 11:2 จงปั นสว่ นหนึง่ ให ้แก่คนเจ็ดคน เออ ถึงแปดคนก็ให ้เถอะ


เพราะเจ ้าไม่ทราบว่าสงิ่ สามานย์อย่างใดจะบังเกิดขึน้ บนพืน
้ แผ่นดิน

Revelation 10:7 But in the days of the VOICE of the SEVENTH ANGEL, when HE shall begin
to SOUND, the MYSTERY of GOD should be finished, as HE hath DECLARED to HIS servants
the Prophets.

วิวรณ์ 10:7 แต่วา่ ในวันแห่งเสย ี งของทูตสวรรค์องค์ทเี่ จ็ดนั น


้ คือเมือ
่ ท่านจะเป่ าแตรขึน

ความลึกลับของพระเจ ้าทีพ ่ ระองค์ได ้ตรัสไว ้แก่พวกศาสดาพยากรณ์
ซงึ่ เป็ นผู ้รับใชของพระองค์
้ นัน
้ ก็จะสาเร็จ

However, one MUST REMEMBER that all Scripture in THE WORD of GOD has a
MULTITUDE of APPLICATIONS and the Scriptures can be applied to the past, the present,
or the future. The past, the present, and the future LAYERS are the first THREE LAYERS of
THE WORD of GOD,

แต่อย่างไรก็ตาม คนหนึง่ ต ้องจาไว ้ว่าข ้อความในพระคัมภีรท์ ัง้ หมดในพระวจนะของพระเจ ้า



มีการนามาประยุกต์ใชได ้หลากหลาย
และข ้อความในพระคัมภีรส ์ ามารถนาประยุกต์ใชเพื้ อ
่ เหตุการณ์ในอดีต, ปั จจุบัน, หรือในอนาคต
เหตุการณ์ในอดีต, ปั จจุบน
ั , และในอนาคต เป็ นระดับความลึก สามลาดับชน ั ้ แรก

ของพระวจนะของพระเจ ้า(ทัง้ หมดสบสองชน) ั ้

therefor ONE must know in what LAYER the answer lies, to properly apply it! In
regard to the MEANING of the Scripture taken from Ecclesiastes 11:2, the PROPHECY given
is contained in the 2nd LAYER of the Scripture, thus applying itself to the PRESENT. The
PAST and the FUTURE, LAYERS 1 and 3 of this same Scripture have an entirely different
APPLICATION!

ด ้วยเหตุนี้ คนหนึง่ ต ้องรู ้ในสงิ่ ทีเ่ ป็ น ระดับความลึกทีซ ่ นอยู่


่ อ
เพือ
่ ทีจ
่ ะสามารถเป็ นคาตอบของการโกหก, เพือ ่ จะนามาประยุกต์ใชข้ ้อพระคาภีรอ ์ ย่างเหมาะสม
ในความสม ั พันธ์เกีย
่ วข ้องต่อความหมายของข ้อความในพระคัมภีร ์ ถูกนามาจาก ปั ญญาจารย์ 11:2,
การพยากรณ์ถก ู บรรจุในระดับความลึกชน ั ้ ที่ 2 ของข ้อความในพระคัมภีร,์
ดังนัน
้ การประยุกต์ใชไปยั ้ งปั จจุบัน เหตุการณ์ในอดีตและในอนาคต, ระดับชน ั ้ ความลึกที่ 1 และที่ 3
ของข ้อความในพระคัมภีรเ์ ดียวกันนีม ้ ก
ี ารประยุกต์ใชแตกต่ ้ างโดยสน ิ้ เชงิ

316
NOTE 40: These Scriptures give the PROPHECY of my pointing out to YOU this error in the
Scripture, that was written many thousands of years ago. The "casting your bread upon the
waters", is ones placing their TRUST in the WORD of GOD. The "finding it after many days",
is both the finding out of the error and as well the explanation to the error! The "giving a
portion to SEVEN and also to EIGHT", is the error itself which in itself does not affect THE
WORD of GOD. The Scripture also applies to the person who shall point out the error to
you; for the sum of the number of my name,

"ROBERT" is the number "78". "For thou knowest not what evil shall be upon the
earth", relates to both the error and its explanation given to you in this BOOK, for it is given
to you at the END TIMES when evil starts to abound in the earth! The HOLY BIBLE tells you
that at the END TIMES all the answers to all questions regarding the Scriptures will be
answered: The mystery surrounding the WORD of GOD will be REVEALED and this is only
the beginning of that REVELATION!

NOTE 40: ข ้อความในพระคัมภีรเ์ หล่านีใ้ ห ้การพยากรณ์ของการชแ ี้ จงของผมแก่คณ ุ ถึงข ้อผิด


พลาด นีใ้ นข ้อความในพระคัมภีร,์ ซงึ่ ถูกเขียนขึน ้ หลาย 1,000 ปี ทแี่ ล ้วมา
"การโยนขนมปั งของคุณเหนือน้ า",
หมายถึงคนหนึง่ ๆได ้วางความเชอ ื่ ของพวกเขาในพระวจนะของพระเจ ้า
"การค ้นหา(ความจริง)พบเจอหลังจากอีกหลายๆวัน", เป็ นทัง้ การค ้นหาทัง้
ข ้อผิดพลาดและเชน ่ เดียวกันกับ การอธิ บาย ไปยังข ้อผิดพลาด !
"การให ้สว่ นแบ่ง(อาหารฝ่ ายวิญญาณ)เป็ น 7 และเป็ น 8 ด ้วยเชน ่ กัน",
เป็ นข ้อผิดพลาดในตัวข ้อพระคาภีรเ์ อง สงิ่ เหล่านัน ้ ในตัวข ้อพระคาภีรเ์ อง
ไม่สง่ กระทบต่อ(ความจริงแท ้)ของพระวจนะของพระเจ ้า ข ้อความในพระคัมภีรย ์ ังประยุกต์ใช ้
ถึงบุคคลผู ้ซงึ่ จะชแ ี้ จง(เปิ ดเผย)ข ้อผิดพลาดให ้คุณได ้รับรู ้;
สาหรับผลรวมของจานวนตัวเลขของชอ ื่ ผม,

ผู ้พยากรณ์ โรเบิรต ์ “ROBERT" คือ ตัวเลขรวม "78"


"เพราะคุณไม่ได ้จะรู ้ดีทส ุ ว่าความชวั่ นัน
ี่ ด ้ อยูบ่ นโลก", เกีย ่ วข ้องกับการให ้ทัง้ ข ้อผิดพลาด
และการอธิบายเหตุผลให ้แก่คณ ุ ในหนั งสอ ื เล่มนี,้ เพือ
่ มอบให ้แก่คณ ุ ในยุคสุดท ้าย
่ ความชวั่ เริม
เมือ ่ ทีจ
่ ะเต็มทั่วไปทัง้ โลก! พระคัมภีรไ์ บเบิล ้ บอกคุณว่าทีย ่ ด ุ สุดท ้าย
การตอบ(การเปิ ดเผย)ต่อคาถามทัง้ หมดเกีย ่ วกับข ้อความในพระคัมภีรจ ์ ะถูกตอบ:ความลีล ้ ับล ้อมรอ
บพระวจนะของพระเจ ้าจะถูกเปิ ดเผย และสงิ่ นีเ้ ป็ นเพียงจุดเริม ่ ต ้นของการเปิ ดเผยสาแดงเท่านัน ้ !
(เสริมข ้อพระคาภีรจ ์ ากผู ้แปล พระวิญญาณบริสท ุ ธิจ์ ะทรงนาทางคริสเตียน
ยอห์น 16:12 เรายังมีอก ี หลายสงิ่ ทีจ ่ ะบอกท่านทัง้ หลาย แต่เดีย ๋ วนีท ้ า่ นยังรับไว ้ไม่ได ้
16:13 เมือ ่ พระองค์ พระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล ้ว
พระองค์จะนาท่านทัง้ หลายไปสูค ่ วามจริงทัง้ มวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง
แต่พระองค์จะตรัสสงิ่ ทีพ ่ ระองค์ทรงได ้ยิน
และพระองค์จะทรงแจ ้งให ้ท่านทัง้ หลายรู ้ถึงสงิ่ เหล่านัน ้ ทีจ่ ะเกิดขึน้
16:14 พระองค์จะทรงให ้เราได ้รับเกียรติ
เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสงิ่ ทีเ่ ป็ นของเรามาสาแดงแก่ทา่ นทัง้ หลาย

317
16:15 ทุกสงิ่ ทีพ
่ ระบิดาทรงมีนัน
้ เป็ นของเรา เหตุฉะนัน
้ เราจึงกล่าวว่า
พระวิญญาณทรงเอาสงิ่ ซงึ่ เป็ นของเรานั น้ มาสาแดงแก่ทา่ นทัง้ หลาย)

Back to DAVID / ย ้อนถึงดาวิด

After Samuel finds out that Jesse has yet one more son whom he has not yet seen,
Jesse summons his son DAVID from the sheepfolds and brings him before Samuel. When
Samuel sees DAVID, DAVID has an appearance quite the contrary to what Samuel had
expected. Samuel sees a young eighteen-year old boy with red hair and having a very light
complexion. DAVID is also slightly freckled across his cheeks and is rather short when
compared to his older brothers, being only five foot, six inches tall. However what did
impress Samuel was DAVID'S glowing countenance, and HIS beautiful smile. THE LORD
then says to Samuel, "ARISE, ANOINT HIM: FOR THIS IS HE".

หลังจากซามูเอลพบว่าเจสซ ี ยังมีบต ุ รชายอีกคนหนึง่ ซงึ่ เขายังได ้ไม่เห็น,


เจสซจ ี งึ ได ้เรียกตัวดาวิดบุตรชายของเขาจากคอกแกะ และนาเขามาต่อหน ้าซามูเอล
เมือ ่ ซามูเอลเห็นดาวิต, ดาวิดมีลักษณะท่าทางค่อนข ้างขัดแย ้งกับสงิ่ ทีซ ่ ามูเอลได ้คาดหวังไว ้
ซามูเอลเห็นชายหนุ่มอายุ 18 ปี กับผมสแ ี ดงและมีสผ ี วิ ขาวมาก
ดาวิดยังตกกระเล็กน ้อยแถวแก ้มของเขา และค่อนข ้างเตีย ้ เมือ
่ เปรียบเทียบกับบรรดาพีช ่ ายของเขา
่ ึ
ซงมีความสูง 5 ฟุต 6 นิว้ เท่านัน ้
แม ้ว่าสงิ่ ซงึ่ ได ้ประทับใจซามูเอลคือหน ้าตาทีบ ่ อ
่ บอกความใจเย็นของดาวิด,
และรอยยิม ้ สวยงามของเขา จากนัน ้ พระองค์เจ ้าตรัสต่อซามูเอลว่า "ลุกขึน ้ , เจิมน้ ามันแก่เขา:
เพราะนีค ้ อ
ื เขา คนนัน ้ (ผู ้ทีพ
่ ระเจ ้าจะเจิมเป็ นกษั ตริย)์ "

1 Samuel 16:13 Then Samuel took the horn of oil, and anointed him in the midst of his
brethren: and THE SPIRIT of THE LORD came upon DAVIDfrom that day forward. So
Samuel rose up and went to Ra 'mah.

1 ซามูเอล 16:13 ซามูเอลจึงนาขวดเขาน้ ามันและเจิมตัง้ เขาไว ้ท่ามกลางพีช่ ายของเขา


และพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์ก็สวมทับดาวิดตัง้ แต่วน ั นัน
้ เป็ นต ้นไป
และซามูเอลก็ลกุ ขึน
้ กลับไปยังรามาห์

Shortly after Samuel's ANOINTING of DAVID, Saul gathered his army together and
was set in an array to go into battle against the Philistines. With the area of Judah being
challenged by the Philistines, Saul gathered his troops together to defend it. Once the battle
area had been staged, the CHILDREN of ISRAEL were set on one mountainside while the
Philistine army was on the other mountainside with each of the warring factions facing one
towards the other. The Philistines, having an offspring of the Anakim (Angelic Offspring) by
the name of Goliath as their mighty warrior, offer him as their representative to fight for
them. The Philistines CHALLENGE the CHILDREN of ISRAEL to send their greatest warrior
to be their representative so he may fight against Goliath and the winner of that match
would determine the winner of the battle, between ISRAEL and Philistia.
318
ในไม่ชาหลั ้ งจากซามูเอลได ้เจิมดาวิด ซาอูลรวบรวมกองทัพทหารของเขาเข ้าด ้วยกัน
และจัดตัง้ ขบวนกองทัพทหาร ่ เข ้าไปต่อสูต่้ อต ้านพวกฟี ลส
เพือ ิ เตีย
การท ้าทายนีอ ้ ยูใ่ นพืน
้ ทีข ่ องยูดาห์โดยคนฟี ลส ิ เตีย,
ซาอูลรวบรวมกองกาลังของเขาเข ้าด ้วยกันเพือ ่ ทาการต่อสูป้้ องกันโต ้ตอบไป
ครัน ้ เมือ ่ พืน
้ ทีก ่ ารต่อสูได ้ ้จัดตัง้ ขึน
้ มา ลูกหลานของอิสราเอลได ้อยูบ ่ ริเวณทีล ่ าดของภูเขาด ้านหนึง่
ในขณะทีก ่ องทัพฟี ลส ิ เตียได ้อยูท ่ บี่ ริเวณลาดของภูเขาอีกด ้านหนึง่
ซงึ่ เป็ นการเผชญ ิ หน ้าซงึ่ กันและกัน คนฟี ลส
ิ เตีย,มีเชอ ื้ สายสบื ทอดมาจากคนอนาคิม
(เชอ ื้ สายทูตสวรรค์ทรี่ ว่ งหล่นไปจากพระคุณ)
ขณะทีโ่ กลิอท ั เป็ นนักรบผู ้ทรงพลังในนามของพวกเขา,
โกลิอท ั เสนอตัวเองทีจ ่ ะเป็ นแทนของพวกฟิ ลส ิ เตียเพือ ่ ทาการต่อสูส้ าหรับพวกเขา
คนฟี ลส ิ เตียได ้ท ้าทายลูกหลานของอิสราเอลเพือ ่ สง่ นักรบยิง่ ใหญ่ของอิสราเอลมาเป็ นตัวแทน
จากนัน ้ เพือ ่ ทีเ่ ขาอาจจะทาการต่อสูต ่ อ
่ ต ้านโกลิอัทและผู ้ใดได ้รับชนะนั น ้ จะตัดสน ิ ถือว่าเป็ นผู ้ชนะใน
การรบครัง้ นี้ ระหว่างอิสราเอลและฟี ลส ิ เตีย

With Goliath being well over nine feet tall, King Saul cannot find anyone of the
CHILDREN of ISRAEL suitable to fight against a man of that size. After several days of a
standoff between the two warring factions, DAVID is sent by HIS father to the battleground
to bring his older brothers some food, and to check on their well being. DAVID, not being
yet twenty years old, was considered by HEBREW LAW not old enough to go into battle,
and this is why HE was not among the ISRAELITE Army set to fight.

เนือ่ งจากโกลิอัทมีรป ู ร่างใหญ่ ความสูงมากกว่า 9 ฟุต,


กษั ตริยซ์ าอูลไม่สามารถพบผู ้ใดไม่วา่ ใครก็ตามของลูกหลานของอิสราเอล
ทีเ่ หมาะสมในการทีจ ่ ะต่อสูต่้ อต ้านชายขนาดรูปร่างบึกบึนใหญ่มหึมานัน ้
หลังจากหลายวันของต่อสูกั้ นยังไม่มใี ครได ้รับชย ั ชนะจึงได ้ปลีกตัวไปตัง้ หลัก
ดาวิดได ้ถูกสง่ มาโดยบิดาของเขาไปยังสนามรบ เพือ
่ นาอาหารมาให ้พีช ่ ายของเขา,
และเพือ ่ ตรวจดูความปลอดภัยของพวกเขา ดาวิด, อายุยังไม่ครบ 20 ปี ,
โดยกฎเกณฑ์ฮบ ี รูถก
ู พิจารณาว่าอายุยังน ้อย ไม่มากพอทีจ ่ ะเข ้าไปทาการรบ, และนี่คอ ื สาเหตุวา่
ทาไมเขาไม่อยูท ่ า่ มกลางกองทัพของอิสราเอลผู ้สบ ื เชอ
ื้ สายมาจากยาโคบทีจ ่ การต่อสู ้
่ ัดตัง้ เพือ

DAVID inquires why the battle had not yet begun and what had caused the standoff
between ISRAEL and the Philistines. The soldiers explain to DAVID as to how the Philistines
had challenged them to fight against the GIANT Goliath and how the winner of that match
would determine the outcome of the battle. They also tell DAVID that King Saul would
HONOR the man who could defeat the GIANT, but as of yet the King had not found a worthy
competitor for him!

ดาวิดสอบถามทาไมการรบยังไม่ได ้เริม ่ ต ้น
และสงิ่ ใดได ้เป็ นสาเหตุให ้ปลีกตัวมาพักตัง้ หลักระหว่างอิสราเอลและคนฟี ลส ิ เตีย
ทหารอธิบายต่อดาวิดว่า คนฟี ลส
ิ เตียได ้ท ้าทายพวกเราเพือ ้
่ ต่อสูต่อต ้านมนุษย์ยักษ์ โกลีอัท
และผู ้ใดชนะจากการต่อสูนั้ น ้ ผลการตัดสน ิ ออกมาจะเป็ นฝ่ ายชนะ
พวกเขายังบอกดาวิดว่ากษั ตริยซ ์ าอูลจะเคารพยาเกรงคนนัน ้ ผู ้ซงึ่ สามารถรบชนะมนุษย์ยักษ์ ,
แต่จนถึงเวลานีก ้ ษั ตริยย
์ ังไม่พบผู ้ใด มาเป็ นคูแ ้ อ
่ ข่งในการต่อสูเพื ่ เขา!
319
DAVID tells the men, that this GIANT Goliath is nothing more than a heathen, and
neither Goliath or the Philistines can compete against an army or even a man being led by
THE ALMIGHTY GOD. DAVID tells Saul that he should not be offended or feel inferior to
Goliath and that HE would go out to fight for ISRAEL. With Saul not having any other
options he agrees to let DAVID go and fight against the GIANT Goliath. Once DAVID had
received Saul's permission to fight, HE goes down to the stream and gathers FIVE smooth
stones from the stream to use in his sling against the Giant. NOTE 41

ดาวิดบอกชายทัง้ หลาย, ว่ามนุษย์ยักษ์ โกลิอท


ั นีไ
้ ม่ได ้มีอะไรนอกเสย ี จากเป็ นคนนอกรีต,
และไม่วา่ ทัง้ โกลิอัทหรือคนฟี ลส ิ เตียจะสามารถชว่ งชงิ ต่อต ้านกองทัพทหาร
หรือมากไปกว่านัน ้ ไม่สามารถทีจ ่ ะชนะ
ผู ้ชายคนหนึง่ ทีไ่ ด ้รับการทรงเจิมโดยพระเจ ้าผู ้ทรงฤทธานุภาพ
ดาวิดบอกซาอูลว่าเขาไม่ควรจะสะดุด ึ ด ้อยกว่าต่อโกลิอท
หรือรู ้สก ั
และเขาจะออกไปเพือ ่ ต่อสูส้ าหรับอิสราเอล กับซาอูลไม่มท ี างเลือกอืน
่ ใด
เขาได ้ตกลงทีจ ่ ะอนุญาตให ้ดาวิดไปและต่อสูต่้ อต ้านมนุษย์ยักษ์ โกลิอัท
ครัน ้ เมือ
่ ดาวิดได ้รับการอนุญาติยน ิ ยอมให ้ไปต่อสู,้ เขาลงไปลาธารและรวบรวมก ้อนหินเรียบ 5
ก ้อนจากลาธารเพือ ้ งสติ๊ กของเขายิงต่อต ้านโกลิอท
่ ใชหนั ั .โน ้ต 41

NOTE 41 The reason DAVID gathers five smooth stones from the stream, rather than only
one (for DAVID will have only enough time to sling one stone at the Giant), is because in all
of the world there were only FIVE Anakim left. Goliath was one of those five and all of them
were related to one another and living among the Philistines. The five stones represent one
stone for each of the Anakim, all of which DAVID or his ELECT ultimately kill prior to
DAVID'S death. After the reign of KING DAVID there were not any more Anakim left on
earth for HE and his ELECT had killed them all!

โน ้ต 41 เหตุผลทีด ่ าวิดรวบรวมก ้อนหินเรียบ 5 ก ้อนจากลาธาร, แทนทีจ ่ ะเป็ นเพียง 1 ก ้อน


(เพราะดาวิดจะมีเวลาพอทีจ ่ ะยิงหนังสติ๊ กไปทีโ่ กลิอัทด ้วยหินเพียง 1 ก ้อนเท่านัน
้ ),
นั่นเป็ นเพราะว่าในโลกมีเพียง คนอนาคิม5 คนเหลืออยู่ โกลิอท ั คือ 1 ของ 5 ของคนเหล่านัน ้
และทัง้ หมดของพวกเขาได ้เกีย ่ วข ้องกันจากคนหนึง่ ไปยังอีกคนหนึง่
ทีอ่ าศัยอยูท ่ า่ มกลางคนฟี ลส ิ เตีย ก ้อนหิน 5 ก ้อน
แต่ละก ้อนเป็ นตัวแทนสาหรับแต่ละคนของเชอ ื่ สายอนาคิม,
ท ้ายทีส ่ ด
ุ ภาระหน ้าทัง้ หมดของดาวิดหรือผู ้ถูกเลือกโดยพระเจ ้าของเขา
ได ้ฆ่า(คนอนาคิมเชอ ื้ สายมนุษย์ยักษ์ ทัง้ หมด)ก่อนการเสย ี ชวี ต
ิ ของดาวิด
หลังจากชว่ งการปกครองของกษั ตริยด ์ าวิด ไม่มค ี นอนาคิม
เหลือบนโลกอีกต่อไปเพราะเขาและผู ้ทีถ ่ ก
ู เลือกโดยพระเจ ้าของเขาได ้ฆ่าพวกเขาทัง้ หมด!

Once DAVID goes out to battle against Goliath and Goliath sees him approaching, he
feels insulted by ISRAEL'S sending a young and rather small boy to fight him. With DAVID

320
armed only with a staff in HIS hand and a sling, and not wearing any type of armor
(because DAVID refused to wear Saul's armor), Goliath becomes infuriated and curses
DAVID by his gods. Goliath threatens to slay DAVID and leave his dead body for the
vultures to eat. DAVID in reply to him says that Goliath may be armed with a sword, a
spear, and a shield, but HE was armed with THE ALMIGHTY GOD, and on that very day GOD
would deliver Goliath into his hand, and HE would have Goliath's head!

ครัน้ เมือ่ ดาวิดออกไปทาการรบต่อสูกั้ บโกลิอัทและโกลิอท ั เห็นเขาเข ้ามาใกล ้


เขาได ้สบประมาทโดยการสง่ เด็กหนุ่มของอิสราเอลและค่อนข ้างจะเป็ นเด็กผู ้ชายตัวขนาดเล็ก
เพือ
่ ทีจ ่ ะมาต่อสูกั้ บเขา ในมือของดาวิดมีเพียงอาวุธไม ้เท ้าและหนังสติ๊ ก,
และไม่มก ี ารสวมใสเ่ สอ ื้ เกราะชนิดใดๆ (เพราะว่าดาวิดปฏิเสธทีจ่ ะสวมเสอื้ เกราะของซาอูล),
โกลิอท ั กลายเป็ นกราดเกรีย ้ วโมโห โกรธเคืองและแชง่ สาปดาวิดในนามพระและเจ ้าต่างๆของเขา
โกลิอท ั ข่มขูท ่ จ ี่ ะเข่นฆ่าดาวิดและทิง้ ศพให ้อีแร ้งกิน ดาวิดตอบโต ้ต่อเขากล่าวว่า
ถึงแม ้โกลิอท ั จะติดอาวุธดาบ, หอก, และโล่อยูใ่ นมือ
แต่มอื ของเขาติดอาวุธด ้วยการเจิมจากพระเจ ้าผู ้ทรงฤทธานุภาพ, และในวันนัน้
พระเจ ้าได ้ชว่ ยปลดปล่อยโกลิอท ั เข ้าไปในมือของเขา, และเขาจะได ้ถือหัวของโกลิอท ั !

Once the words had been exchanged, Goliath charges toward DAVID and DAVID takes
one of the smooth stones out of his bag and slings it at the Giant hitting him directly in the
temple of his head, knocking him to the ground. While Goliath is now laying on the ground
unconscious, DAVID takes Goliath's huge sword from him and lops off his head. Once the
Philistines had seen what had happened to their mighty giant, they all fled the scene.
DAVID then stood with his foot upon Goliath's back while holding the Giant's severed head
in his hand and ALL of ISRAEL cheered!

เมือ
่ มีการพูดโต ้ตอบกัน โกลิอท ั ท ้าทายตรงไปยังดาวิด และจากนัน้ ดาวิดนา 1
ในก ้อนหินเรียบออกจากกระเป๋ าของเขา และยิงเหวีย
่ งมันทีโ่ กลิอัท
โดนตรงระหว่างขมับของศรี ษะของนักรบโกลิอัท กระแทกเขาลงไปยังพืน ้
ขณะทีโ่ กลิอท ั ได ้กาลังนอนยาวบนพืน ้ ดินอย่างหมดสติ ดาวิดนาดาบมหึมาของโกลิอท ั
และตัดศรี ษะเขาออก
ครัง้ หนึง่ คนฟี ลสิ เตียได ้เห็นสงิ่ ซงึ่ ได ้เกิดขึน้ ต่อมนุษย์ยักษ์ ทรงพลังของพวกเขา,
พวกเขาทัง้ หมดหนีออกไปจากทีเ่ กิดเหตุการณ์
จากนัน ้ ดาวิดได ้ยืนขึน ้ โดยเท ้าของเขาอยูบ ่ นแผ่นหลังของโกลิอท ั
ขณะเดียวกันได ้ถือศรี ษะของมนุษย์ยักษ์ อยูใ่ นมือของเขาและทัง้ หมดของอิสราเอลตะโกนเชย ี ร์ด ้วย
ความยินดี!

After DAVID'S GREAT DEFEAT of the Philistine Giant, DAVID is honored by King Saul
and given a position as a captain in the army of ISRAEL, in spite of HIS age, being under
twenty years old. Saul now treating DAVID like a son introduces him to all that were close
to the King and DAVID plays the HARP for Saul to soothe him when he is troubled. Once
Saul's son Jonathan and DAVID meet they become very close friends and are like brothers
to one another.

321
หลังจากการรบชนะครัง้ ยิง่ ใหญ่ของดาวิดกับมนุษ์ยักษ์ของคนฟี ลส ิ เดีย,
ดาวิดได ้รับการเคารพโดยกษั ตริยซ ์ าอูลและได ้ให ้ตาแหน่งเหมือนผู ้นาในกองทัพของอิสราเอล,
ทัง้ ๆทีอ่ ายุของเขาน ้อยกว่า20 ปี ตอนนีซ ้ าอูล ได ้ต ้อนรับดาวิด
เป็ นเหมือนบุตรชายและแนะนาเขาต่อคนใกล ้ชด ิ ของกษั ตริยท์ ัง้ หมด และดาวิดดีด
พิณขนาดใหญ่เพือ ่ ชว่ ยให ้ซาอูลได ้ผ่อนคลาย เมือ
่ เขามีปัญหารบกวบจิตใจ
ครัน ้ เมือ
่ โจนาธานบุตรชายของซาอูลและดาวิดได ้พบกัน
พวกเขากลายเป็ นเพือ ่ นสนิทกันมากและเหมือนพีน ่ ้องกัน

As time goes on however, Saul starts to hate DAVID and is jealous of how the people
REVERE him. All of ISRAEL come to LOVE DAVID because of HIS great DEFEATS over the
Philistine Army, and they openly PRAISE DAVID above Saul. On several occasions Saul tries
to kill DAVID because of his jealousy, but each and every time Saul's attempts fail!

อย่างไรก็ตาม, เมือ่ เวลาผ่านไป ซาอูลเริม ่ ะเกลียดชงั


่ ทีจ ดาวิด
และอิจฉาเกีย่ วกับเรือ
่ งทีผ
่ ู ้คนได ้ให ้ความเคารพนับถือเขา อิสราเอลทัง้ หมดได ้หันกลับมารักดาวิด
เนือ
่ งจากการรบชนะอย่างยิง่ ใหญ่ของเขาเหนือกองทัพคนฟี ลส ิ เตีย,
และพวกเขายกย่องดาวิดอย่างเปิ ดเผยเหนือกว่าซาอูล
ในหลายๆโอกาสซาอูลพยายามทีจ ่ ะฆ่าดาวิดเนือ
่ งจากความอิจฉาของเขา,
แต่ละและทุกเวลาความพยายามของซาอูลนัน ้ ได ้ล ้มเหลว!
Saul even goes so far in his attempts to kill DAVID, he gives HIM his daughter Michal
to marry. He does this in hopes that Michal will betray DAVID'S TRUST and give Saul, the
opportunity to kill HIM. However Michal foils that effort by warning DAVID about her
father's plan to kill HIM. Saul makes several other attempts on DAVID'S life, and on several
occasions, Jonathan the son of Saul saves DAVID from his father's plots to kill HIM.

ในเวลาทีผ ่ า่ นมาของซาอูล ถึงแม ้เขาได ้มีความความพยายามทีจ ่ ะฆ่าดาวิด,


เขาได ้มอบให ้ลูกสาวของเขามิเชล ทีจ่ ะแต่งงานกับดาวิด
เขาทาสงิ่ นีเ้ พือ
่ หวังว่ามิเชลจะทรยศจากความวางใจของดาวิด และเปิ ดโอกาศให ้ซาอูลทีจ ่ ะฆ่าเขา
แต่อย่างไรก็ตามมิเชลพยายามทีจ ่ ะขัดขวางโดยการเตือนดาวิด
เกีย
่ วกับการวางแผนของบิดาของเธอทีจ ่ ะฆ่าเขา ซาอูลพยายามหลายครัง้ ทีจ ่ ะเอาชวี ติ ของดาวิด,
และในหลายโอกาส,
โยนาธานบุตรชายของซาอูลได ้ชว่ ยดาวิดให ้รอดปลอดภัยจากแผนการของบิดาทีจ ่ ะฆ่าเขา

DAVID eventually flees from Saul for fear of HIS life causing HIM to leave ISRAEL.
While in exile HE gathers a band of dedicated men who are loyal to HIM, and DAVID and
HIS men by the guidance of GOD continually defeat anyone who dares to come out against
them. DAVID on several occasions is given the opportunity to kill Saul, but each and every
time DAVID decides to spare Saul's life. DAVID'S refusing to kill him is due to HIS honoring
Saul for being the King over ISRAEL. DAVID even for a period of time lives amongst the
Philistines who believed that DAVID had defected from ISRAEL, and they even considered
DAVID and HIS men to be their allies rather than their enemies. 42

322
ในทีส
่ ดุ ดาวิดหนีไปจากซาอูล ด ้วยความหวาดกลัวต่อชวี ต ิ ของเขา
เป็ นสาเหตุทาให ้เขาทีจ ่ ะออกจากอิสราเอล ในขณะทีเ่ ขาถูกเนรเทศออกไปจากอิสราเอล
เขาได ้รวบรวมบรรดาชายทีอ ่ ท
ุ ศิ ตนติดตามเขาเป็ นผู ้ซงึ่ ภักดีตอ่ เขา,
โดยการทรงนาของพระเจ ้าอย่างต่อเนือ ่ งดาวิดและบรรดาคนของเขา
รบชนะทุกคนไม่วา่ ใครก็ตามทีก ่ ล ้าออกมาเผชญ ิ ต่อต ้านพวกเขา
ในโอกาสดาวิดต่างๆได ้มีให ้โอกาสทีจ ่ ะฆ่าซาอูล, แต่ละและทุกเวลาของดาวิด
ตัดสน ิ ใจทีจ
่ ะไว ้ชวี ต
ิ ของซาอูล การปฏิเสธของดาวิดทีจ ่ ะฆ่าเขาคือเนือ
่ งจากความสต ั ย์ซอ
ื่
ให ้เกียรติซาอูลสาหรับการเป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอล แม ้แต่ในระยะเวลาหนึง่

ดาวิดได ้อาศยอยูท ่ า่ มกลางคนฟี ลส ่ ึ ่ ื
ิ เตียผู ้ซงเชอว่าดาวิดได ้รบชนะจากอิสราเอล,
และพวกเขาได ้พิจารณาดาวิดและบรรดาคนของเขา
ทีจ
่ ะเป็ นพันธมิตรของพวกเขาแทนทีจ ่ ะเป็ นศัตรูของพวกเขาทัง้ หลาย NOTE 42
NOTE 42: THE LORD had DAVID live among the Philistines so HE could learn the Philistine
war tactics and strategies; so in the latter times DAVID could defeat them by using their
own tactics and strategies of war against them.

โน ้ต 42: พระผู ้เป็ นเจ ้าให ้ดาวิดอาศัยอยูท่ า่ มกลางคนฟี ลส


ิ เตีย
จากนัน ้ เขาจะสามารถเรียนรู ้กลยุทธเทคนิค วิธก
ี ารสงครามของคนฟี ลส ิ เตียและยุทธศาสตร์การรบ;
ดังนัน้ ในชว่ งเวลาสุดท ้ายดาวิดสามารถรบชนะพวกเขา
โดยการใชเทคนิ ้ คและยุทธศาสตร์ของสงครามของพวกเขาเองต่อต ้านพวกเขา

King Saul still being outrageously jealous of DAVID in a vengeful gesture gives
DAVID'S wife Michal to another man, while DAVID is in exile and living in the mountains.
While living in the mountain caves as an outlaw to ISRAEL, DAVID marries again to two
other women. With DAVID and his band of men growing GREATER in STRENGTH and in
REPUTATION throughout the land, after several years passing since HIS exile from ISRAEL,
Saul again goes into battle against the Philistines. However, in this battle both Saul and his
son Jonathan, and two of Saul's other sons are killed. After the deaths of Saul and Jonathan,
DAVID returns to ISRAEL bringing with HIM HIS band of loyal followers.

กษั ตริยซ์ าอูลยังคงอิจฉาโกรธแค ้นอย่างรุนแรงต่อดาวิด


ด ้วยการแสดงอากัปกิรย ิ าพยาบาทโดยการอนุญาติให ้มิเชลภรรยาของดาวิดไปอยูก ่ ับชายอืน ่ ,
ในขณะทีด ่ าวิดอยูใ่ นระหว่าง การเนรเทศและอาศัยอยูท ่ า่ มกลางภูเขา
ในขณะทีก ่ ารอาศัยอยูใ่ นถ้าภูเขาเป็ นคนนอกกฎหมายของอิสราเอล,
ดาวิดได ้แต่งงานอีกครัง้ กับหญิงอืน ่ อีก 2 คน เนือ
่ งจากดาวิดและบรรดาผู ้ชาย
ผู ้ติดตามของเขาได ้เติบโตยิง่ ใหญ่เพิม ่ มากขึน

ในความแข็งแรงและมีชอ ื่ เสย ี งตลอดทั่วไปทัง้ ดินแดน
หลังจากหลายปี ทผ ี่ า่ นไปตัง้ แต่การถูกเนรเทศของดาวิเออกไปจากอิสราเอล
เกิดสงครามสูรบอี ้ กครัง้ ซาอูล ได ้เข ้าไปในการต่อสูต่้ อต ้านคนฟี ลส ิ เตีย
แต่อย่างไรก็ตามในการต่อสูครั ้ ง้ นีท
้ ัง้ ซาอูลและโยนาธาน,บุตรชายของเขา และ บุตรชายคนอืน ่ ๆอีก
2 คนของซาอูล ได ้ถูกฆ่า
หลังจากความตายของซาอูลและโยนาธาน, ดาวิดได ้กลับมายังอิสราเอล
นาผู ้ติดตามด ้วยความจงรักภักดี ของเขามาด ้วย

323
6,13-The Second BOOK of Samuel
6.13 The Second BOOK of Samuel (23/30)

ื เล่มทีส
หนังสอ ่ องของซามูเอล

Shortly after the death of Saul and Jonathan, DAVID asks THE LORD if HE should
return to JUDAH? THE LORD tells HIM that HE should go back to JUDAH and dwell in one of
the cities of Hebron. After DAVID had gone to Hebron, (a territory of JUDAH), the people of
JUDAH come to DAVID and anoint HIM to be the KING over the house of JUDAH.


ในไม่ชาหลั งจากการตายของซาอูลและโยนาธาน ดาวิดได ้ทูลถามพระผู ้เป็ นเจ ้า
ถ ้าเขาควรจะเดินทางกลับไปยังยูดาห์ ? พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกเขาว่า
เขาควรจะกลับไปยังยูดาห์และอาศัยอยูใ่ นเมืองหนึง่ ของเฮโบรน หลังจากดาวิดได ้ผ่านไปเฮโบรน,
(อาณาเขตของยูดาห์),
ผู ้คนของยูดาห์ได ้เข ้ามาพบดาวิดและเจิมเขาเพือ่ เป็ นกษั ตริยเ์ หนือครัวเรือนของเผ่ายูดาห์

Meanwhile, Abner, Saul's Captain of the Guard, anoints Saul's surviving son Ish-be' -
sheth to be the next King over ISRAEL, with ISRAEL at that time being primarily the Tribe
of Benjamin. Due to a power struggle going on between the House of JUDAH and ISRAEL, a
man by the name of Joab, DAVID'S Captain of the Guard, confronts Abner, Ish-be' -sheth's
Captain of the Guard at the Pool of Gibeon.

ในระหว่างนัน
้ อับเนอร์ หัวหน ้าทหารรักษาพระองค์ของซาอูล, สถาปนา อิชโบเชท
ราชโอรสของซาอูลให ้เป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอลคนต่อไป,
อิสราเอลในเวลานัน ่ องเผ่าของเบนยามินเป็ นสว่ นสาคัญ
้ มีการเป็ นอยูข
เนือ
่ งจากการแข่งขันในความเข ้มแข็ง การต่อสูได ้ ้เกิดขึน
้ ระหว่างครัวเรือนของยูดาห์และอิสราเอล,
ชายโดยชอ ื่ โยอาบ หัวหน ้าทหารรักษาพระองค์ของดาวิด, เผชญ ิ หน ้ากับอับเนอร์,
หัวหน ้าทหารรักษาพระองค์ของอิชโบเชททีบ ่ งึ สระน้ า(เฮลขัทฮัสซูรม ิ )เมืองกิเบโอน

With each Captain of the Guard having a small group of men with them, they confront
one another first with words and then in a fierce fight with swords. This confrontation ends
up with a defeat of Abner, by Joab, with Abner being the only one who escapes. During
Abner's flee from Joab, he kills Joab's younger brother, A' -sa-hel, who had been chasing
after him, and because of the death of A' -sa-hel, Joab seeks revenge.

หัวหน ้าทหารรักษาของแต่ละพระองค์เป็ นชายกลุม ่ เล็กๆ(2 ซามูเอล 2:15


ฝ่ ายละ12คน)ซงึ่ รวมกันกับพวกเขา พวกเขาได ้เผชญ ิ หน ้าต่อสูซ้ งึ่ กันและกัน
เริม
่ แรกด ้วยการทะเลาะกันด ้วยคาพูด และจากนั น ้ เป็ นการต่อสูด้ ้วยดาบ
การเผชญ ิ หน ้าจบลงด ้วยเอาชนะแม่ทัพอับเนอร์ โดยโยอาบ
เอบเนอร์เป็ นเพียงผู ้เดียวซงึ่ หลบหนีไป ในระหว่างหลบหนีของอับเนอร์,ไปจากโยอาบ
เขาฆ่าน ้องชายคนสุดท ้องของโยอาบ, A' -sa-hel อาสาเฮล, ผู ้ซงึ่ ได ้ไล่ลา่ ตามเขา,
และเนือ ่ งจากความตายของ A' -sa-helอาสาเฮล, โยอาบได ้แสวงหาโอกาศทีจ ่ ะแก ้แค ้น

324
DAVID, now RULING over Judah becomes the more popular of the two Kings in
ISRAEL. As DAVID becomes more popular, King Ish-bc-sheth (Saul's son) becomes less
popular and starts losing the respect of the people. There begins to be infighting between
Ish-bo ' -sheth and Abner, Ish-bo ' -sheth's Captain of the Guard.

ตอนนีด ้ าวิดปกครองอยูเ่ หนือยูดาห์ได ้เป็ นทีย


่ กย่องโดยทั่วไปมากกว่า
ระหว่างกษั ตริยท ์ ัง้ สองในอิสราเอล ขณะทีด่ าวิดกลายเป็ นทีน ่ ย
ิ มยกย่องโดยทั่วไปมากกว่า,
กษั ตริยอ ์ ช
ิ โบเชท (โอรสของซาอูล)
เป็ นทีน ่ ยิ มยกย่องโดยทั่วไปน ้อยกว่าและเริม ่ ต ้นการสูญเสย ี ความนั บถือจากผู ้คน
ทีน ่ ต ้นจะมีการต่อสูกั้ นอย่างลับๆในระหว่างอิชโบเชทและอับเนอร์,
่ ั่ นเริม
หัวหน ้าทหารรักษาพระองค์ของอิชโบเชท

During one of their squabbles, Ish-bo ' -sheth accuses Abner of having a sexual
relationship with one of his late father Saul's, concubines. This accusation by Ish-bo-sheth
causes Abner to defect from ISRAEL and form an alliance with KING DAVID. DAVID had a
great deal of respect for Abner, and feels that the people of ISRAEL would follow Abner
rather than Ish-bo'-sheth, so DAVID and Abner agree to join forces

ชว่ งระหว่างหนึง่ ของการทะเลาะวิวาทของพวกเขา,อิชโบเชทกล่าวหาอับเนอร์


ในเรือ่ งของการมีความสม ั พันธ์ทางเพศกับหนึง่ ในนางสนม เมียน ้อยของซาอูล, การกล่าวหานีโ้ ดย
อิชโบเชทเป็ นสาเหตุทาให ้อับเนอร์ มีจด ุ ด่างพร ้อยจากอิสราเอล
และจึงได ้ไปเป็ นพันธมิตรไกล ้ชด ิ กับกษั ตริยด ์ าวิด ดาวิดมีข ้อตกลงยิง่ ใหญ่ในการนับถืออับเนอร์,
และรู ้สกึ ว่าผู ้คนของอิสราเอลจะปฏิบต ั ต
ิ ามอับเนอร์คอ ่ นข ้างมากกว่าทีจ ่ ะเป็ นอิชโบเชท,
ดังนัน
้ ดาวิดและอับเนอร์จงึ ตกลงเพือ ่ เข ้าร่วมกาลังในการต่อสู ้

Once Joab, DAVID'S Captain of the Guard finds out that Abner had had a secret
meeting with DAVID, he feels threatened, and offended by it. Joab already hating Abner for
killing his brother decides to lure Abner into a trap to kill him. Abner trusting in Joab
because of his alliance with DAVID, is drawn into Joab's trap and Joab kills Abner to avenge
his brother, A'-sa-hel's death.

ครัน
้ เมือ
่ โยอาบ, หัวหน ้าทหารรักษาพระองค์ของดาวิด
พบว่าอับเนอร์ได ้มีการพบกันลับๆกับดาวิด, เขารู ้สก ึ ถูกคุกคาม, และสะดุดขุน่ เคืองโดยเรือ
่ งนี้
โยอาบได ้การเกลียดชงั อับเนอร์สาหรับการฆ่าน ้องชายของเขา
ตัดสน ิ ใจทีจ ่ ะล่อลวงอับเนอร์เข ้าไปในกับดักเพือ ่ ทีจ
่ ะฆ่าเขา อับเนอร์โดยความไว ้วางใจในโยอาบ
เนือ
่ งจากพันธสญ ั ญาของเขากับดาวิด , ถูกชก ั จูงเข ้าไปในหลุมพรางของโยอาบ
และโยอาบฆ่าอับเนอร์เพือ ่ แก ้แค ้นให ้น ้องชายของเขา, อาสาเฮล ทีไ่ ด ้เสยี ชวี ต

This act by Joab greatly displeases DAVID because he had great respect for Abner,
and DAVID never forgives Joab for killing him. Shortly after the death of Abner, two of King
Ish-bo' -sheth's captains assassinate him while he asleep in his own bedroom. The same
two captains then go to DAVID and tell him what they had done, in hopes DAVID might

325
praise them for it. But DAVID on the contrary is offended by their actions, and has them
both killed for their assassinating Ish-bo' -sheth, King of Israel

การกระทาสงิ่ นี้ โดยโยอาบทาให ้ดาวิดไม่พอใจอย่างยิง่ เพราะว่า


เขามีความนับถืออับเนอร์อย่างยิง่ และดาวิดไม่เคยยกโทษให ้โยอาบสาหรับการฆ่าอับเนอร์
ในไม่ชาหลั้ งจากความตายของอับเนอร์, หัวหน ้าทหาร2
คนของกษั ตริยอ ิ โบเชทลอบสงั หารกษั ตริยใ์ นขณะทีเ่ ขานอนหลับในห ้องนอนของตัวเขาเอง
์ ช
จากนัน ้ หัวหน ้าเดียวกันทัง้ 2 คน ได ้เข ้าไปพบ ดาวิดและบอกเขาสงิ่ ทีพ่ วกเขาได ้กระทา,
ในความหวังว่าดาวิด อาจจะสรรเสริญพวกเขาสาหรับเรือ ่ งนี้ แต่โดยทางกลับกันดาวิด
ได ้ขุน
่ เคืองโดยการกระทาของพวกเขา, และได ้ฆ่าพวกเขาทัง้ สองสาหรับการลอบฆ่าอิชโบเชท,
กษั ตริยข ์ องอิสราเอล

DAVID Reigns over ALL of ISRAEL

การปกครองของกษั ตริยด
์ าวิดเหนืออิสราเอลทัง้ หมด

Shortly after the assassination of King Ish-bo' -sheth the Elders of the ten other tribes
of ISRAEL along with those of the Tribe of Benjamin come to DAVID, and ask him if HE
would be their KING and REIGN over all TWELVE TRIBES of ISRAEL.


ในไม่ชาหลั งจากการลอบฆ่าของกษั ตริยอ ์ ช ิ เผ่าอืน
ิ โบเชท ผู ้อาวุโสของสบ ่ ๆของอิสราเอล
รวมทัง้ กับบรรดาพวกเขาเหล่านัน ้ ของเผ่าของเบนยามินเข ้ามาพบ ดาวิด, และพวกเขาถาม ดาวิด
ปรารถนาให ้ดาวิดเป็ นกษั ตริยข
์ องพวกเขาและการปกครองอยูเ่ หนือ 12 เผ่าของอิสราเอลทัง้ หมด
2 Samuel 5:3 So all the Elders of ISRAEL came to the KING to He'bron; and KING DAVID
made a league with them in He bron before THE LORD: and they ANOINTED DAVID KING
over ISRAEL.

2 ซามูเอล 5:3 ดังนัน


้ พวกผู ้ใหญ่ของคนอิสราเอลก็มาเฝ้ ากษั ตริยท ์ เี่ มืองเฮโบรน
และกษั ตริยด์ าวิดทรงกระทาพันธสญ ั ญากับเขาทัง้ หลายทีเ่ มืองเฮโบรนต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
และเขาทัง้ หลายก็เจิมตัง้ ดาวิดให ้เป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอล

DAVID was thirty years old when he was ANOINTED KING over all of the TWELVE
TRIBES of ISRAEL. He had already reigned as the KING for SEVEN years and SIX months
over JUDAH in Hebron, and would go on to REIGN for another thirty-three years over ALL
of ISRAEL and JUDAH.

ดาวิดอายุได ้ 30 ปี เมือ
่ เขาถูกเจิมเป็ นกษั ตริยอ์ ยูเ่ หนืออิสราเอลทัง้ หมด 12 เผ่า
เขาได ้ปกครองเป็ นกษั ตริยเ์ ป็ นเวลา 7 ปี และ 6 เดือนเหนือยูดาห์ในเฮโบรน,
และได ้ดาเนินการปกครองต่อไปโดยเป็ นกษั ตริยส ์ าหรับอีก 33
ปี อยูเ่ หนืออิสราเอลและยูดาห์ทัง้ หมด

DAVID'S SEVEN WIVES

326
ภรรยาทัง้ 7 ของดาวิด

DAVID had SEVEN wives at the time of HIS being ANOINTED the KING over ALL of
ISRAEL. One of those SEVEN wives was HIS first wife, Michal, the daughter of Saul. DAVID
had reclaimed Michal after Saul had given her to another man and had Abner take her from
that man and bring her back to HIM. The bringing of Michal back to DAVID was part of the
deal that DAVID had made with Abner to show Abner's sincerity in joining DAVID, while
making the alliance between the two kingdoms, in Hebron.

ดาวิดมีภรรยา 7
คนในชว่ งทีเ่ วลาของการเจิมดารงตาแหน่งเป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอลทัง้ หมด
หนึง่ ของบรรดาภรรยา 7 คนเหล่านัน ้ คือภรรยาคนแรกของเขา, ชอ ื่ มีคาล ลูกสาวของซาอูล
ดาวิดได ้ประกาศการกลับคืนมาของ มีคาล หลังจากซาอูลได ้ยกให ้เธอไปยังชายอืน ่
และอับเนอร์ได ้เอาตัวเธอจากชายคนนัน ้ และนาเธอกลับมาให ้เขา โดยนา มีคาล
กลับคืนไปยังดาวิด เป็ นสว่ นของข ้อตกลงว่าดาวิดได ้ทาขึน
้ กับอับเนอร์
เพือ
่ แสดงความใจจริงของอับเนอร์ในการเข ้าร่วมกับดาวิด, ในขณะทีพ ั ญาทาขึน
่ ันธสญ ้ ระหว่าง 2
ราชอาณาจักร, ในเฮโบรน

The names of the other two wives after Michal, were A-hin-o-am and Ab'-i gail. These
are the two who DAVID had married while he was in exile. DAVID had sons with both of
these women during his reign over JUDAH, in Hebron. HE also had sons in Hebron with
Princess Ma' -a-cah, Hag' -gith, Ab-i-tal, and Eg'-lah. However, DAVID never had any
children with Michal the daughter of Saul.

ื่ ของภรรยาอีก 2 อืน
ชอ ่ ๆหลังจากมีคาล, คือ อาหิโนอัมและอาบีกายิล ทัง้ 2
ึ ่
ผู ้ซงดาวิดได ้แต่งงานด ้วยในขณะทีเ่ ขาอยูใ่ นการเนรเทศ ดาวิดมีโอรสกับหญิงทัง้ สองคนเหล่านี้
ในชว่ งระหว่างทีก ่ ารปกครองเป็ นกษั ตริยข
์ องเขาอยูเ่ หนือยูดาห์, ในเฮโบรน
เขายังมีโอรสในเฮโบรนกับเจ ้าหญิง มาอาคาห์, ฮักกีท, อาบีตัล, และเอกลาห์ แต่อย่างไรก็ตาม,
ดาวิดไม่เคยมีโอรสและธิดาใดๆกับ มีคาลราชธิดาของซาอูล
This was partly due to the bitterness that Michal had towards DAVID because of her
being taken forcefully from her second husband by Abner, and brought back to DAVID. This
was part of the deal struck between Abner and DAVID; that Michal be returned to HIM.
Even though Michal was brought back to DAVID and she was still his wife, DAVID never
slept with Michal after her return, due to her willfully being with another man!

สงิ่ นีเ้ ป็ นบางสว่ นของความขมขืน ่ ทีน


่ างมีคาลมีตอ่ ดาวิด
เพราะว่าการเป็ นอยูข ่ องเธอถูกชงิ ตัวจากสามีคนทีส ่ องโดยอับเนอร์ และได ้นากลับไปยังดาวิด
นีเ้ ป็ นสว่ นของข ้อตกลงเป็ นผลกระทบระหว่างอับเนอร์และดาวิด ทีม ี าลถูกสง่ คืนสูเ่ ขา
่ ค
แม ้ว่ามีคาลถูกนากลับมาสูด ่ าวิด และเธอยังคงเป็ นภรรยาของเขา,
ดาวิดไม่เคยหลับนอนกับมีคาลหลังจากเธอกลับคืนมาของเธอ,
เนือ ่ งจากความเต็มใจของเธอเป็ นอยูก ่ ับชายอืน่ ๆ!

327
After DAVID'S taking the Throne of all of ISRAEL, DAVID moves to JERUSALEM. Once
in JERUSALEM, DAVID meets with some resistance from the Elders there, because some of
bitterness between ISRAEL and JUDAH still lingered. However, the resistance soon after
diminished. While in JERUSALEM, DAVID built himself a house and its location was
renamed, "The City of DAVID". The City of DAVID was a southeastern hill in JERUSALEM
and not a separate city. While in JERUSALEM, DAVID continues to marry and take more
concubines for HIMSELF.

หลังจากการครองราชบัลลังก์อส ิ ราเอลทัง้ หมดของดาวิด, ดาวิดเคลือ ่ นย ้ายไปยังเยรูซาเล็ม


่ อยูใ่ นเยรูซาเล็ม, ดาวิดพบกับการต่อต ้านบางสว่ นจากจากผู ้อาวุโสทีน
เมือ ่ ั่ น,

เพราะว่าบางสวนของความขมขืน ่ ระหว่างอิสราเอล และยูดาห์ยังคงอยูภ ่ ายในใจลึกๆอย่างยาวนาน
แต่อย่างไรก็ตาม จาก นัน ้ การต่อต ้านหลังได ้ลดน ้อยลง ในขณะทีใ่ นกรุงเยรูซาเล็ม,
ดาวิดได ้สร ้างคฤหาสถ์ของเขาเองและทีต ่ งั ้ ของคฤหาสถ์ ถูกตัง้ ชอื่ ใหม่วา่ "เมืองของดาวิด"
เมืองของดาวิดอยูท ่ บ
ี่ ริเวณเนินเขาหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต ้ในเยรูซาเล็ม
และไม่ได ้แยกตัวออกจากเมือง ในขณะทีด ่ าวิด ประทับทีก ่ รุงเยรูซาเล็ม,
ยังคงอยูใ่ นการแต่งงานและได ้นานางสนมมาเพิม ่ ขึน
้ สาหรับตัวเขาเอง

2 Samuel 5:13 And DAVID took him more concubines and wives out of JERUSALEM, after he
was come from He 'bran: and there were yet sons and daughters born to DAVID.

2 Samuel 5:14 And these be the names of those that were born unto him in JERUSALEM;
Sham-mu 'ah, and Sho 'bab, and Nathan, and SOLOMON,

2 Samuel 5:15 Ib 'har also, and El-i-shu 'a, and Ne '-pheg, and Ja-phi-a,

2 Samuel 5:16 And E-lish 'a-ma, and E-li '-a da, and E-liph '-a-let.

2 ซามูเอล5:13 ภายหลังทีพ
่ ระองค์เสด็จจากเฮโบรน
ดาวิดทรงได ้นางสนมและมเหสจ ี ากเยรูซาเล็มเพิม
่ ขึน
้ อีก
และบังเกิดราชโอรสและราชธิดาแก่ดาวิดอีก

ื่ ของผู ้ทีบ
5:14 ต่อไปนีเ้ ป็ นชอ ั มุอา โชบับ นาธัน ซาโลมอน
่ ังเกิดกับพระองค์ในเยรูซาเล็ม คือ ชม

5:15 อิบฮาร์ เอลีชอ


ู า เนเฟก ยาเฟี ย

5:16 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท

With the LORD'S help DAVID goes on to defeat the Philistines in their entirety and
decides to bring THE ARK of the COVENANT out of the house of A-bin-a-dab (where it had
been for twenty years) and into JERUSALEM. Once they had removed the ARK from A-bin-
a-dab's house, they placed the ARK on a cart drawn by oxen and played musical
instruments before it, as it headed towards JERUSALEM.

328
กับความชว่ ยเหลือของพระผู ้เป็ นเจ ้า
ดาวิดทาสงครามอย่างต่อเนือ ่ งโดยรบชนะชาวฟี ลส ิ ใจนาหีบพันธ
ิ เตียทั่วไปทัง้ หมดและจึงได ้ตัดสน
ั ญาออกมาจากเรือนของอาบีนาดับ (ซงึ่ อยูท
สญ ่ น
ี่ ั น
้ เป็ นเวลา 20 ปี ) และเข ้าไปในเยรูซาเล็ม
ครัง้ หนึง่ พวกเขาได ้ย ้ายหีบพันธสญ ั ญาจากเรือนของอาบีนาดับ,
พวกเขาวางหีบพันธสญ ั ญาบนเกวียนลากโดยแม่ววั และเล่นเครือ ่ งดนตรีรามะนาประกอบนาหน ้า,
ขณะทีม ่ งุ่ หน ้าตรงไปยังเยรูซาเล็ม (2 ซามูเอล 6:5-7)

2 ซามูเอล 6:5
ดาวิดกับวงศว์ านอิสราเอลทัง้ สน ิ้ ก็รา่ เริงกันอยูต
่ อ ้ อ
่ พระพักตร์พระเยโฮวาห์ด ้วยใชเครื ่ งดนตรีทก
ุ ชนิด
ซงึ่ ทาด ้วยไม ้สนสามใบ คือพิณเขาคูแ ่ ละพิณใหญ่ รามะนา กรับ และฉาบ 6:6
และเมือ่ มาถึงลานนวดข ้าวของนาโคน อุสซาห์ก็เหยียดมือออกจับหีบของพระเจ ้าไว ้เพราะวัวสะดุด
6:7 และพระพิโรธของพระเยโฮวาห์ก็เกิดขึน ้ กับอุสซาห์
และพระเจ ้าทรงประหารเขาเสย ี ทีน ่ ั่ นเพราะความผิดพลาดนั น ้
และเขาก็สน ิ้ ชวี ต
ิ อยูข
่ ้างหีบของพระเจ ้า

Along the way the oxen shook the cart, and Uz'-zah one of DAVID'S men, put forth his
hand to steady the ARK. The moment his hand had touched the ARK, a bolt of lightning
came forth from the IT and struck Uz' -zah, killing him. This troubled DAVID that GOD had
taken the life of HIS friend Uz' -zah for accidentally touching the ARK, and now DAVID was
uncertain whether GOD would allow THE ARK of the COVENANT to be brought into
JERUSALEM.

ในระหว่างทางวัวฉุดลากเกวียน และอุสซาห์ หนึง่ ในคนของดาวิด,


ได ้ยืน ่ มือไปสมั ผัสเพือ
่ การประครอง หีบพันธสญ ั ญา
ขณะนั น ้ มือของเขาได ้สม ั ผัสหีบพันธสญ ั ญา,เสย ี งของฟ้ าแลบเข ้ามาทางด ้านหน ้าจากหีบพันธสญ
ั ญ
าและพุง่ ชอต ้ อุสซาห์, ฆ่าเขาถึงแก่ชวี ต ิ (ทีเ่ ปเรศอุสซาห์)
สงิ่ นีร้ บกวนดาวิดทีพ ่ ระเจ ้าได ้เอาชวี ต
ิ เพือ่ นของเขาอุสซาห์สาหรับการสม ั ผัสหีบพันธสญั ญาโดยบังเ
อิญ, และตอนนีด ้ าวิดไม่แน่ใจว่า
พระจ ้าจะอนุญาติให ้เคลือ ่ นย ้ายหีบพันธสญ ั ญาไปยังกรุงเยรูซาเล็มหรือไม่

So DAVID by himself carried the ARK to the nearby house of O'-bed-e'-dom and THE
ARK of THE COVENANT remains in O'-bed-e' dom's house for three months. THE LORD
during those three months, BLESSED the house of O'-bed-e'-dom, because O'-bed-e'-dom
never let THE ARK out of his sight the entire time it was there. GOD BLESSED both O'-bed e'
-dom and his household, for looking after the ARK! 43

จากนัน ้ ดาวิดได ้เคลือ ่ นย ้ายหีบพันธสญั ญาด ้วยตัวเขาเอง ไปยังบ ้านใกล ้เคียงของ


โอเบดเอโดมและหีบพันธสญ ั ญายังคงอยูใ่ นบ ้านของโอเบดเอโดมเป็ นเวลา 3 เดือน ในระหว่าง 3
เดือนนัน้ พระผู ้เป็ นเจ ้า, ได ้อวยพรของบ ้านโอเบดเอโดม,
เพราะว่าโอเบดเอโดมไม่เคยยินยอมหีบพันธสญ ั ญา ออกจากสายตาของเขา ตลอดเวลาทีอ ่ ยูท
่ น
ี่ ั่น
พระเจ ้าได ้อวยพรทัง้ โอเบดเอโดมและครัวเรือนของเขา, สาหรับการดูแลรักษาหีบพันธสญ ั ญา! โน ้ต
43

329
NOTE 43 The reason THE LORD killed Uz'-zah was twofold. First and foremost, THE ARK of
the COVENANT was always to be carried by the Levite Priests and not drawn on a cart by
oxen. This was made clear in GOD'S instructions to MOSES. This act of moving THE ARK on
a cart with oxen DISHONORED THE LORD because this is the manner in which the
Philistines had previously moved it. Also, Uz' -zah was not CONSECRATED by GOD to either
carry or touch THE ARK.

However, O'-bed-e'-dom was not CONSECRATED either, but he wasn't harmed in


anyway! This was because O'-bed-e'-dom offered his house to THE LORD and GOD honored
him for it. During those three months in his house, neither 0' -bed-e' -dom, his family or
servants, came near to or touched THE ARK. You will also see from the Scripture that it was
DAVID who carried THE ARK into the house of 0' -bed-e' dom, because no one else would
dare touch it!

โน ้ต 43 เหตุผลพระองค์เจ ้า ทีไ่ ด ้ฆ่า อุสซาห์ Uz'-zah โดยมีสงิ่ ทีซ ้


่ อนกั นอยูส ่ องเรือ ่ ง
สงิ่ สาคัญทีส ่ ด
ุ อย่างแรก
หีบพันธสญ ั ญายังคงสมา่ เสมอทีจ ่ ะทาการเคลือ ่ นย ้ายโดยคนเลวีและไม่ใชใ่ ชเกวี ้ ยนลากโดยแม่ววั
นีค
้ อื สงิ่ ทีไ่ ด ้กล่าวไว ้อย่างชด ั เจนกับโมเสส
การเคลือ ั
่ นหีบพันธสญญาด ้วยเกวียนนัน ้ เป็ นการไม่เคารพนั บถือพระเจ ้าเพราะว่านีเ้ ป็ นลักษณะของค
นฟิ ลส ิ เตียได ้เคลือ ่ นย ้ายหีบพันธสญ ั ญาก่อนหน ้านี้ อีกอย่างหนึง่ อุสซาห์ Uz'-zah
ไม่ได ้ถูกพิจารณาโดยพระเจ ้าให ้มาเคลือ ่ นย ้ายหรือสม ั ผัสหีบพันธสญ ั ญา
แต่ โอเบดเอโดม O'-bed-e'-dom ก็ไม่ได ้ถูกพิจารณาโดยพระเจ ้าด ้วยเชน ่ กัน
แต่เขาไม่ได ้สม ั ผัสใดๆต่อหีบพันธสญ ั ญา นีค ้ อ ื เป็ นเพราะว่า โอเบดเอโดม O'-bed-e'-dom
ได ้เสนอบ ้านของเขาต่อพระเจ ้าและพระเจ ้าได ้ให ้เกียรติเขาสาหรับเรือ ่ งนี้
ระหว่างชว่ งระยะเวลาสามเดือนในบ ้านของเขา ไม่วา่ จะเป็ น โอเบดเอโดม O'-bed-e'-dom
หรือครอบครัวของเขา หรือคนรับใชของเขาได ้ ้เข ้ามาไกล ้หีบพันธสญ ั ญา
ท่านจะเห็นได ้จากรายละเอียดในข ้อพระคาภีรว์ า่ เป็ นดาวิดผู ้ซงึ่ ได ้นาหีบพันธสญ ั ญาเข ้าไปสูบ
่ ้าน
โอเบดเอโดม O'-bed-e'-dom เพราะว่าไม่มผ ี ู ้ใดกล ้าเสย ี่ ง(หรือสามารถ)ทีจ ่ ะสม ั ผัสหีบพันธสญ
ั ญา
After THE ARK had remained in the house of O'-bed-e'-dom for three months, DAVID
returns to bring THE ARK of THE COVENANT back with him to JERUSALEM. This time
DAVID moves THE ARK properly, and brings the Levite Priests with HIM to bear up THE
ARK and carry it on their shoulders. This time both DAVID and those bearing THE ARK are
most cautious to not anger THE LORD, so while moving THE ARK they had stop six paces
and make a sacrifice to GOD. (2 Samuel 6:13 And it was so, that when they that bare the ark
of the LORD had gone six paces, he sacrificed oxen and fatlings)

หลังจากหีบพันธสญ ั ญา ได ้ยังคงอยูใ่ นบ ้านของโอเบดเอโดมเป็ นเวลา 3 เดือน,


ดาวิดได ้กลับมาเพือ ่ นาพาหีบพันธสญ ั ญากลับไปกับเขาไปยังเยรูซาเล็ม
เวลานีด้ าวิดเคลือ ่ นย ้ายหีบพันธสญ ั ญาอย่างเหมาะสม,
และนาพาปุโรหิตเลวีกับเขาเพือ ่ ชว่ ยประคองหีบและแบกหีบพันธสญ ั ญา บนบ่าของพวกเขา
เวลานีท ้ ัง้ ดาวิดและปุโรหิตเลวี
ได ้เคลือ่ นย ้ายหีบพันธสญ ั ญาอย่างระมัดระวังเป็ นทีส ่ ด
ุ เพือ
่ ทีจ
่ ะไม่ให ้พระผู ้เป็ นเจ ้าโกรธ
ดังนัน
้ ในขณะทีก ่ ารเคลือ ั
่ นย ้ายหีบพันธสญญา พวกเขาเดินหกก ้าวผ่านไปได ้หยุด

330
และทาการถวายเครือ ่ งบูชาแด่พระเจ ้า (2 ซามูเอล 6:13
และเมือ
่ ผู ้ทีห
่ ามหีบของพระเยโฮวาห์เดินไปได ้หกก ้าว ดาวิดก็ทรงถวายวัวกับลูกวัวอ ้วน

The Scriptures WITNESS that DAVID while moving THE ARK, was wearing only a
linen Ephod (a priest's vest) and HE danced before IT, exposing his buttocks and his most
private parts to the onlookers. As THE ARK enters into the city of JERUSALEM, DAVID'S
first wife Michal (the daughter of Saul) sees DAVID through her window dancing before
THE ARK. When Michal sees that DAVID is wearing only an ephod and his buttocks were
exposed, this embarrasses her. With their marital relationship being essentially
nonexistent, and her despising DAVID for being taken forcefully by Abner and brought back
to HIM,

ข ้อพระคัมภีรเ์ ป็ นพยานว่า ในขณะทีก ่ ารเคลือ ั ญา,ดาวิด


่ นย ้ายหีบพันธสญ
ได ้นุ่งห่มผ ้าลินน ิ เท่านัน ้ Ephod (เสอ ื้ คลุมของปุโรหิต )และเขาได ้เต ้นราหน ้าหีบพันธสญ ั ญา
โชว์ก ้นของเขา และทีล ่ ับของเขาในสว่ นต่างๆของร่างกายโดยผู ้มองดู เมือ ั ญา
่ หีบพันธสญ
ได ้เคลือ ่ นเข ้าสูก ่ รุงเยรูซาเล็ม ภรรยาของดาวิดคนแรก มีคาล(บุตรสาวของซาอูล)เห็นดาวิด
ผ่านหน ้าต่างได ้เต ้นราต่อหน ้าหีบพันธสญ ั ญา
เมือ ่ มีคาลเห็นดาวิดนัน ้ ได ้สวมเพียงชุดลินน ิ เอโฟดและก ้นของเขาได ้เปิ ดออก
นีเ้ ป็ นสงิ่ ทีน
่ ่าละอายต่อเธอ ด ้วยความสม ั พันธ์ของเขาทัง้ สองไม่ได ้เกิดขึน
้ อีกและเธอได ้ปฏิเสธหมิน

ดาวิดทีไ่ ด ้นาตัวเธอกลับมาให ้เขา ผ่านอับเนอร์โดยพลการไม่เป็ นการยินยอมจากเธอ (2 ซามูเอล
6:20-23)

Michal accuses DAVID of making an exhibition of himself in front of the people. But
DAVID tells Michal that HE was preferred by GOD over her father Saul to be the KING over
ISRAEL, and if HE had offended her, so be it! Then because of Michal's open accusations
against DAVID, Michal spends the rest of her life by herself and is frowned on by all the
people. She never has any children; nor is she ever honored by anyone for being once a
daughter and a wife to a KING of ISRAEL.

มีคาล กล่าวหา ดาวิด ว่าโชว์ร่างกายของเขาเองต่อหน ้าประชากร แต่ดาวิดได ้บอกมีคาลว่า


เขาได ้เป็ นทีโ่ ปรดปรานในสายพระเนตรของพระเจ ้า
เหนือบิดาของเธอซงึ่ เป็ นกษั ตริยอ ์ ยูเ่ หนืออิสราเอล และถ ้าเขาจะทาให ้เธอขุน
่ เคืองในเรือ
่ งนี้
ก ้ขอให ้เป็ นไปตามนัน ้ จากนัน ้ มีคาลได ้กล่าว โทษต่อต ้าน ดาวิด
มีคาลได ้ใชชวต ้ ี ิ ของเธอทีเ่ หลือโดยลาพังคนเดียวและไม่เป็ นทีช ื่ ชอบของประชาชน
่ น
เธอไม่ได ้มีบต ุ ร
ไม่ได ้เป็ นทีเ่ คารพโดยผู ้ใดสาหรับการเป็ นหนึง่ ในบุตรสาวและเป็ นภรรยาของกษั ตริยค ์ นหนึง่ ของอิส
ราเอล

Once DAVID had conquered the Philistines there was PEACE throughout the land of
ISRAEL, and HE felt the need to build a TEMPLE for THE LORD and make a permanent
resting-place for THE ARK of THE COVENANT. But THE LORD tells the Prophet Nathan
(who is DAVID'S son), that one of DAVID'S sons (SOLOMON) will build THE TEMPLE for

331
THE LORD, and not HIM. THE LORD said, because DAVID'S hands had shed so much blood
HE would not allow DAVID to build THE TEMPLE. THE LORD tells Nathan that DAVID'S
Throne, and also HIS SON'S Throne, will be established forever! NOTE 44

ครัน
้ เมือ
่ ดาวิดได ้ปราบปรามชาวฟี ลส ิ เตีย ั ติสข
ได ้มีสน ุ ทั่วดินแดนของอิสราเอล,
และเขามีรู ้สก ึ ปรารถนาทีจ่ ะสร ้างพระวิหารสาหรับพระผู ้เป็ นเจ ้า
และสร ้างพระวิหารถาวรสาหรับหีบพันธสญ ั ญา แต่พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกนาธันผู ้พยากรณ์
(ผู ้ซงึ่ คือโอรสของดาวิด),ว่าหนึง่ ในโอรสของดาวิด (โซโลมอน)
จะสร ้างพระวิหารสาหรับพระผู ้เป็ นเจ ้า, และไม่ใชเ่ ขา พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสว่า,
เพราะว่ามือของดาวิดได ้ทาให ้โลหิตตกไหลออกมาอย่างมาก
พระองค์จะไม่ยน ิ ยอมให ้ดาวิดทีจ่ ะสร ้างพระวิหาร
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกนาธันว่าราชบัลลังก์ของดาวิด, และราชบัลลังก์ของโอรสของเขาด ้วย,
จะถูกสถาปนาก่อตัง้ ตลอดไป! โน ้ต44
NOTE 44: DAVID and SOLOMON both being SERAPHIM (two of the FOUR LIVING BEASTS),
are two of the FOUR REIGNING KINGS in HEAVEN. In TONGUES (HEBREWAH) the WORD
"Cor'-tah" means "SERAPHIM". It also means "JUDGE" or "KING". This is why in Chapter 20
of the Book of Revelation it talks of there being "THRONES" (Plural) where Judgment is
made. This is because there are FOUR THRONES, one for each of the FOUR SERAPHIM.

โน ้ต 44: ดาวิดและโซโลมอนทัง้ สองการเป็ นเสราฟิ ม (2 จาก 4 สต ั ว์ทม ี วี ต


ี่ ช ิ หน ้าพระบัลลังก์) เป็ น 2
จาก 4 กษั ตริยท ์ ป
ี่ กครองในสวรรค์ คาว่า "Cor'-tah คอร์ทาห์ "ในภาษาแปลกๆ (ภาษาพระวิญญาณ
(ฮบ ี รูวาห์) หมายถึง "เสราฟิ ม” ยังมีหมายความไปถึงเป็ น "ผู ้วินจ ิ ฉั ย" หรือเป็ น "กษั ตริย"์
นีค
้ อื ทาไมในบทที่ 20 ของหนั งสอ ื วิวรณ์บอกว่าเป็ น "ราชบัลลังก์" (พหูพจน์)
ทีซ่ งึ่ การพิพากษาจะมีขน ึ้ ทีน
่ ค
ี้ อ
ื เพราะว่ามี 4 ราชบัลลังก์, หนึง่ ราชบัลลังก์สาหรับแต่ละ 4 เสราฟิ ม

However, GOD has given the SERAPHIM only Judgment over works and not
JUDGMENT, which may include CONDEMNATION! This JUDGMENT comes only by way of
THE WHITE THRONE, the THRONE of THE HOLY SPIRIT of GOD! ONLY HE CAN CONDEMN
TO ETERNAL DAMNATION!
อย่างไรก็ตาม,
พระเจ ้าได ้ให ้เสราฟิ มเป็ น"ผู ้วินจ
ิ ฉั ย"เหนือการทางานต่างๆเท่านั น ่ าการพิพากษา,
้ และไม่ใชท
่ งึ่ อาจจะรวมไปถึงการลงโทษแชง่ สาปชวั่ นิรันดร
ทีซ
การพิพากษานีม ้ าโดยแนวทางของราชบัลลังก์สข ี าว,เท่านัน

ราชบัลลังก์ของพระวิญญาณบริสท ุ ธิข์ องพระเจ ้า
พระองค์เท่านัน ้ ทีส่ ามารถลงโทษทีจ ่ ะการแชง่ สาปชวั่ นิรันดร!

Revelation 20:4 And I saw Thrones, and they sat upon them, and JUDGMENT was given
unto them: and I saw the SOULS of them that were beheaded for the witness of JESUS, and
for THE WORD of GOD, and which had not worshipped the beast, neither his image, neither
had received his mark upon their foreheads, or in their hands; and they lived and REIGNED
with CHRIST a thou sand years.

332
วิวรณ์ 20:4 ข ้าพเจ ้าได ้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู ้ทีน
่ ั่งบนบัลลังก์นัน ้
ทรงมอบให ้เป็ นผู ้ทีจ ่ ะพิพากษา และข ้าพเจ ้ายังได ้เห็นดวงวิญญาณของคนทั ง้ ปวงทีถ ่ กู ตัดศรี ษะ
เพราะเป็ นพยานของพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ ้า
และเป็ นผู ้ทีไ่ ม่ได ้บูชาสตั ว์ร ้ายนัน้ หรือรูปของมัน
และไม่ได ้รับเครือ ่ งหมายของมันไว ้ทีห ่ น ้าผากหรือทีม่ อ
ื ของเขา ้ กลับมีชวี ต
คนเหล่านั น ิ ขึน
้ มาใหม่
และได ้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็ นเวลาพันปี

DAVID and Bath-sheba / ดาวิดและบัทเชบา

The Second book of Samuel continues on to tell of DAVID'S many conquests, and also
about his adulterous affair with Bath-sheba, who is the mother of SOLOMON. The
Scriptures describe how DAVID sends Bath-sheba's husband, Uriah, to the front line in
battle purposely to cause his death. DAVID does this so he may have Bath-sheba whom he
has gotten pregnant with his child for a wife.


หนังสอ 2 ซามูเอลดาเนินการบอกเล่าต่อไปของการปราบปรามมากมายของดาวิด,
และยังบอกเกีย ่ วกับความสม ั พันธ์ชสาวของเขากั
ู้ บบัทเชบา, ผู ้ซงึ่ คือมารดาของโซโลมอน
ข ้อพระคัมภีรอ
์ ธิบายวิธท ี่ าวิดสง่ สามีของบัทเชบา,
ี ด Uriah,อุรอี าห์,
ไปยังกองหน ้าในการรบอย่างตัง้ ใจเพือ ่ เป็ นสาเหตุให ้เขาตาย ดาวิดทาสงิ่ นีเ้ พือ
่ ทีเ่ ขาอาจจะรับ
่ ึ
นางบัทเชบาซงได ้มีการตัง้ ครรภ์โอรสของเขามาเป็ นภรรยา

DAVID by HEBREW LAW could not take her for HIS wife if she were divorced, and
could only have her if she were to become a widow. So DAVID makes certain that Bath-
sheba will become a widow, by sending her husband Uriah out to fight where his chances of
survival; were nil. This act by DAVID displeases THE LORD and GOD TELLS Nathan the
Prophet to confront DAVID on the issue.Nathan confronts DAVID and HE REPENTS and is
for given by GOD for his SIN; however, THE LORD does not allow the child, whom Bath-
sheba and DAVID had out of wedlock to live.

โดยกฏเกณฑ์ฮบ ี รูดาวิด ไม่สามารถนาเธอมาเป็ นภรรยาของเขา ถ ้าเธอถูกหย่าร ้าง,


และสามารถรับเธอมาเป็ นภรรยา ถ ้าเธอได ้กลายเป็ นหญิงม่ายเท่านั น ้ ดังนัน
้ ดาวิดต ้องทาให ้แน่ใจว่า
บัทเชบาจะกลายเป็ นหญิงม่าย, โดยการสง่ อุรอี าห์สามีของเธอออกไปเพือ ่ ต่อสู ้
่ งึ่ โอกาสของการรอดชวี ต
ทีซ ิ ของเขา คือการไม่มเี ลย การกระทานีโ้ ดยดาวิดไม่พอพระทัย
พระผู ้เป็ นเจ ้าและพระเจ ้าตรัสบอกนาธันผู ้พยากรณ์ทจ ี่ ะเผชญิ หน ้ากับดาวิดในเรือ ่ งนี้
เขาได ้สานึกบาปและถูกยกโทษให ้โดยพระเจ ้าสาหรับบาปของเขา; อย่างไรก็ตาม,
ิ ยอมให ้บุตร, ผู ้ซงึ่ บัทเชบาและดาวิดมีนอกการสมรสทีจ
พระผู ้เป็ นเจ ้าไม่ยน ่ ะมีชวี ติ
DAVID had many sons and daughters and endures many hardships while raising them.
Amnon, who was DAVID'S firstborn in Hebron by HIS wife A hin-o-am, has a lust for his
half-sister Tamar, and this lust eventually causes him to rape her and DAVID has to deal
with this incestuous rape of HIS daughter. As a result of Amnon's raping Tamar, Absalom,
who is Tamar's brother and also DAVID'S son, murders Amnon, causing Absalom to flee

333
form DAVID for some period of time, fearing that DAVID would kill him for his killing
Amnon.

ดาวิดมีโอรสและธิดามากมายและมีความอดทน
ต่อความยากลาบากมากมายในขณะทีเ่ ลีย ้ งดูพวกเขาอัมโนน, ผู ้ซงึ่ เป็ นบุตรหัวปี ของดาวิด
ในเฮโบรนโดยอาหิโนอัมภรรยาของเขา, ได ้หลงไหลทามาร์น ้องสาวต่างมารดาของเขา,
และความหลงไหล คลั่งไคล ้นีใ้ นทีส
่ ด
ุ เป็ นเหตุให ้เขาข่มขืนเธอ
และดาวิดจะต ้องจัดการกับเรือ ่ งการข่มขืนนี้
เกิดจากการร่วมประเวณีระหว่างชายหญิงทีเ่ ป็ นพีน ่ ้องกันซงึ่ เป็ นธิดาของเขา
ผลลัพธ์ของการข่มขืน ่ ทามาร์ของอัมโนน, อับซาโลม,
่ ึ
ผู ้ซงคือพีช ่ ายของทามาร์และยังเป็ นโอรสของดาวิด, ได ้ฆ่าอัมโนน,
การเป็ นเหตุให ้อับซาโลมทีจ ่ ะหนีไปแบบดาวิดเป็ นระยะเวลาหนึง่ ,
เกรงกลัวว่าดาวิดจะฆ่าเขาสาหรับการฆ่าอัมโนนของเขา
However, Absalom eventually returns to JERUSALEM and is forgiven by DAVID, for
killing his half-brother. A short while after the return of Absalom to JERUSALEM, he gets
into a power struggle with DAVID and tries to overthrow HIM and take possession of the
Kingdom by force. However, Absalom ultimately ends up being killed in battle against
DAVID'S men. Even though Absalom had caused a civil uprising in ISRAEL, his death causes
DAVID to grieve over him, for DAVID had thought Absalom would be the next King of
ISRAEL.45
อย่างไรก็ตาม, อับซาโลมในทีส ่ ดุ กลับไปยังเยรูซาเล็มและถูกให ้อภัยโดยดาวิด,
สาหรับการฆ่าพีช ่ ายต่างมารดาของเขา
ในขณะทีช ่ ว่ งสนั ้ หลังจากทีก่ ารกลับคืนของอับซาโลมถึงเยรูซาเล็ม,
เขาเข ้าไปยึดอานาจฝ่ าฝื นต่อต ้านกับดาวิด
และพยายามทีจ ่ ะโค่นล ้มดาวิดและยึดการครอบครองของราชอาณาจักร
แม ้ว่าในการรบต่อต ้าน,โดยกาลัง อับซาโลม ในทีส ่ ด
ุ จบลงการถูกฆ่าโดยคนของดาวิด
แต่อย่างไรก็ตามอับซาโลมได ้เป็ นเหตุให ้เกิด การปฎิวต ั ก
ิ ับประชาชนในอิสราเอล,
การตายของเขาเป็ นเหตุให ้ดาวิดทีจ ี ใจอาลัยเขาอย่างมาก,เพราะดาวิดได ้คิดว่าอับซาโลมาจะเ
่ ะเสย
ป็ นกษั ตริยค ์ นต่อไปของอิสราเอล.45

NOTE 45: At this time, DAVID was not certain as to which one of his sons would be the
King after him. Absalom was tall and quite a good-looking man and was respected by many
of the people in ISRAEL, leading DAVID to believe that Absalom would be the next King
over ISRAEL. But as with all men, DAVID was looking at the outward appearance of
Absalom and not at his HEART, as THE LORD does!

โน ้ต 45: ในเวลานั น
้ , ดาวิดไม่แน่ใจในเรือ
่ งของหนึง่ ในโอรสของเขาคนไหน
ทีจ
่ ะเป็ นกษั ตริยต ์ อ่ จากเขา อับซาโลมมีรป
ู ร่างสูงสง่า
และค่อนข ้างเป็ นชายหน ้าตาดีและได ้รับความเคารพโดยผู ้คนมากมายในอิสราเอล,
ทาให ้ดาวิดเชอ ื่ ว่าอับซาโลมจะเป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอลคนต่อไป แต่โอรสชายทัง้ หมด,
ดาวิดได ้กาลังมองทีก ่ ารปรากฏภายนอกของอับซาโลมและไม่ใชภ ่ ายในหัวใจของเขา,
อย่างทีพ ่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้กระทา!

334
The Remaining four smooth stones / การคงอยูห ่ น
ิ ก ้อนเรียบ 4 ก ้อน
2 Samuel, Chapter 21, verses 19 through 22 tell of the killing of the four remaining
Anakim, fulfilling the use of the four remaining smooth stones that were gathered by
DAVID in his battle with Goliath. The five smooth stones that DAVID had gathered from the
brook represented the five Anakim that were left upon the earth. After DAVID'S killing of
Goliath, there yet remained four of Goliath's sons, all of whom were living among the
Philistines.

2 ซามูเอล, บทที่ 21:19-22 บอกเรือ ่ งราวของการฆ่าคนอนาคิมทัง้ 4 ทีค ่ งเหลืออยู,่



ทาให ้บรรลุผลสาเร็จในการใชของก ้อนหินเรียบ 4
ก ้อนทีเ่ หลืออยูซ ่ งึ่ ได ้ถูกรวบรวมโดยดาวิดในการรบของเขากับโกลิอัท หินเรียบ 5
ก ้อนทีด ่ าวิดได ้รวบรวมจากลาธาร สาแดงให ้เห็นถึงคนเชอ ื่ สายอนาคิม 5 คน ทีถ ่ ก
ู ทิง้ เหลือบนโลก
หลังจากการฆ่าโกลิอัทของดาวิด, ทีน ้ ื
่ ั่ นยังคงเหลือคนเชอสายอนาคิม อยู่ 4
คนคือบุตรชายของโกลิอท ั , ทัง้ หมดของผู ้ซงึ่ ได ้กาลังมีชวี ต ิ อยูท
่ า่ มกลางชาวฟิ ลส ิ เตีย

2 Samuel21:22 Thesefour were born to the GIANT in Gath, and fell by the hand of DAVID,
and by the hand of his servants.

2 ซามูเอล 21:22 ี่ บ
คนทัง้ สน ี้ ังเกิดแก่คนยักษ์ในเมืองกัท
เขาทัง้ หลายล ้มตายด ้วยพระหัตถ์ของดาวิด และด ้วยมือของข ้าราชการของพระองค์

The Devil Deceives DAVID: มารซาตานหลอกลวงดาวิด

The Second Book of Samuel ends with DAVID calling for a census of the people. The
HOLY BIBLE implies that DAVID does the census by the direction of THE LORD. However
DAVID is being deceived into believing that the direction is coming from THE LORD, while
it was really coming from the devil. Joab, HIS Captain of the Guard, warns DAVID against
taking the census, but DAVID'S insistence prevails, and the census is taken. After DAVID
taken numbers the people, THE LORD speaks to the Prophet Gad, telling Gad that DAVID
had SINNED against GOD, for taking the census! Gad tells DAVID what THE LORD had said,
and how GOD had given DAVID three choices for his punishment, and these are the three
choices given to DAVID

หนังสอ ื ของ 2 ซามูเอลตอนจบ ดาวิดเรียกทา สาหรับสามะโนประชากร


พระคัมภีรไ์ บเบิล ้ หมายความว่า ดาวิดทาสามะโนประชากรตามคาแนะนาของพระผู ้เป็ นเจ ้า
แม ้ว่าดาวิดได ้กาลังถูกหลอกลวงเข ้าไปในความเชอ ื่ ว่าคาแนะนานีม ้ าจากพระผู ้เป็ นเจ ้า,
ในขณะทีแ ่ ท ้จริงได ้มาจากมารซาตาน โยอาบ, หัวหน ้าขององครักษ์ของเขา
เตือนดาวิดต่อต ้านการทาสามะโนประชากร, แต่การยืนกรานของดาวิดเหนือกว่า,
และเมือ ่ สามะโนประชากรได ้จดมา หลังจากดาวิดจดจานวนผู ้คน,
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสผ่านผู ้พยากรณ์,กาด ให ้กาดไปบอกดาวิดว่าได ้ทาบาปต่อต ้านพระเจ ้า,
สาหรับการทาสามะโนประชากร! กาดบอกดาวิดว่าพระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ตรัสว่า,
และพระเจ ้าได ้มอบให ้ดาวิด 3 ตัวเลือกสาหรับการลงโทษของเขาในการไม่เชอ ื่ ฟั ง
และสงิ่ เหล่านีค ้ อื 3 ตัวเลือกมอบให ้แก่ดาวิด

335
1) ISRAEL would go through SEVEN years of famine.
อิสราเอลจะประสบ 7 ปี ของภาวะข ้าวยากหมากแพง (ทุกขภัยพิบัต)ิ

2) The enemies of ISRAEL would be allowed to overrun them and chase ISRAEL down for
three months.
อนุญาตให ้ศัตรูของอิสราเอลทาสงิ่ ทีเ่ กินขอบเขตต่อพวกเขาและไล่ลา่ อิสราเอล ตกตา่ ลงไป
เป็ นเวลา 3เดือน

3) ISRAEL would suffer three days of plague (pestilence) in their land.


อิสราเอลจะได ้รับความทุกข์ 3 วันของโรคระบาด (โรคติดต่อร ้ายแรง) ในดินแดนของเขา

Note: You should notice by the THREE forms of punishment, that GOD was not punishing
DAVID alone, but HE was rather punishing ALL of ISRAEL, for DAVID'S ACTIONS!
DAVID, after reviewing the three choices for the punishment of ISRAEL, chooses the third
choice, with DAVID trusting in THE LORD'S MERCY for ISRAEL'S fate.

หมายเหตุ: คุณควรจะสงั เกตโดย 3 รูปแบบของการลงโทษ,


ว่าพระเจ ้าไม่ได ้กาลังลงโทษดาวิดแต่ตามลาพัง, แต่พระองค์คอ ่ นข ้างจะการลงโทษประชากร
ทัง้ หมดของอิสราเอล, สาหรับการกระทาของดาวิด! ดาวิด, หลังจากการทบทวน 3
ตัวเลือกสาหรับการลงโทษของอิสราเอล, เลือกตัวเลือกที่ 3,
กับดาวิดทีไ่ ว ้วางใจในความเมตตาของพระผู ้เป็ นเจ ้าสาหรับภัยพิบัตขิ องอิสราเอล

2 Samuel 24:15 So THE LORD sent a pestilence upon ISRAEL from the morning even to the
time appointed: and there died of the people from Dan even to Be =er-she=ba SEVENTY
thousand men.

2 ซามูเอล 24:15
ดังนัน
้ พระเยโฮวาห์จงึ ทรงให ้โรคระบาดเกิดขึน ้
้ ในอิสราเอลตัง้ แต่เวลาเชาจนส ิ้ เวลากาหนด

และประชาชนทีต ่ ายตัง้ แต่เมืองดานถึงเบเออร์เชบามีเจ็ดหมืน
่ คน

2 Samuel 24:16 And when the ANGEL stretched out his hand upon ERUSALEM to destroy it,
THE LORD repented HIM of the evil, and said to the ANGEL that destroyed the people, it is
enough: stay now thine hand. And the ANGEL of THE LORD was by the threshing place of A
-rau '-nah the Jeb 'u-site.

2 ซามูเอล 24:16 และเมือ


่ ทูตสวรรค์ยนื่ มือออกเหนือกรุงเยรูซาเล็มจะทาลายเมืองนัน

พระเยโฮวาห์ทรงกลับพระทัยในเหตุร ้ายนัน ้ ตรัสสงั่ ทูตสวรรค์ผู ้กาลังทาลายประชาชนว่า "พอแล ้ว
ยับยัง้ มือของเจ ้าได ้" สว่ นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ก็อยูท ่ ล
ี่ านนวดข ้าวของอาราวนาห์คนเยบุส

DAVID asks THE LORD, why HE was punishing all the people for what HE had done
alone? THE LORD tells DAVID by way of the Prophet Gad, if he wants THE LORD to stop the
PLAGUE he should go and make an ALTAR and SACRIFICE to THE LORD for the good of the
people, so that the plague should be stayed."

336
ดาวิดถามพระผู ้เป็ นเจ ้า ทาไมพระองค์ได ้กาลังลงโทษผู ้คนทัง้ หมด
สาหรับสงิ่ ทีเ่ ขาได ้ทาตามลาพัง? พระผู ้เป็ นเจ ้าบอกดาวิดโดยผ่านทางผู ้พยากรณ์ชอ ื่ กาด
ถ ้าเขาต ้องการให ้พระผู ้เป็ นเจ ้าทีจ
่ ะหยุดภัยพิบต
ั โิ รคระบาด
เขาควรจะไปและทาแท่นบูชาและการถวายเครือ ่ งบูชาแด่พระผู ้เป็ นเจ ้า สาหรับเป็ นการดีของผู ้คน
จากนัน ้ ทีโ่ รคระบาดจะหยุดไม่ดาเนินต่อไป "

6.14 The books of Kings and Chronicles 24/30

ื ของกษั ตริยแ
6.14 หนังสอ ์ ละบันทึกเหตุการณ์เป็ นลาดับเวลา24/30
6.14 The First Book of Kings

ื ของ 1พงศก
6.14 หนั งสอ ์ ษั ตริย ์
DAVID, KING of ISRAEL, now sixty-three years old and bed ridden, has difficulty
staying warm. So DAVID'S servants search throughout the land of ISRAEL to find a worthy
young lady to come and keep DAVID warm at night. After searching for some period of
time, they find a beautiful young lady by the name of Ab' -i-shag. Ab' -i-shag is honored to
serve the KING and comes to the house of DAVID to live with the KING in his old age, as a
concubine. Although Ab'-i-shag LOVES the KING and sleeps with DAVID to keep him warm
at night she and the KING never engaged in any form of intimate relationship.

ดาวิด กษั ตริยข ์ องประเทศอิสราเอล บัดนีอ ้ ายุ หกสบ ิ -สามปี และป่ วยนอนอยูบ ่ นเตียง
ไม่สามารถทีจ ่ ะรักษาความอบอุน ่ ของร่างกาย
จากนัน ้ คนรับใชของดาวิ ้ ดได ้ค ้นหาทั่วทัง้ ดินแดนอิสราเอลเพือ ่ ทีจ
่ ะพบหญิงสาวรุน ่ ทีค
่ วรค่าเข ้ามาแ
ละรักษาดาวิดให ้อบอุน ่ ในเวลากลางคืน
หลังจากได ้ค ้นหาในชว่ งระยะเวลาผ่านไปพอสมควรพวกเขาได ้พบหญิงสาวคนหนึง่ มีชอ ื่ ว่า Ab' -i-
shag อาบีชาก หญิงชาวชูเนม. Ab' -i-shag.อาบีชาก
เป็ นผู ้ทีเ่ คารพต่อการรับใชกษั ้ ตริยแ ์ ละเข ้ามาในบ ้านของกษั ตริยด ์ าวิดเพือ ่ ะอาศัยอยูก
่ ทีจ ่ ับกษั ตริยใ์
นชว่ งทีก ่ ษั ตริยไ์ ด ้มีอายุมากแล ้วในตาแหน่งภรรยาน ้อย แม ้ว่าAb' -i-shag
อาบีชาก.ได ้รักกษั ตริยแ ์ ละได ้นอนกับดาวิดเพือ ่ ทีจ่ ะรักษาร่างกายของพระองค์ให ้อบอุน ่ ในยามกลาง
คืนและกษั ตริยไ์ ม่เคยทีจ ่ ะพัวพันในการมีความสม ั พันธ์ใดๆอย่างไกล ้ชด ิ

ISRAEL, knowing DAVID was near to HIS death, looks towards its next King, and
DAVID'S son Ad-o-ni'-jah decides that he should be the one to take the THRONE and RULE
over ISRAEL. Ad-o-ni' -jah, proclaiming himself as the new King over ISRAEL, gathers his
following in a celebration of him being the new King. Once THE LORD hears him
proclaiming himself as King, GOD tells Nathan the Prophet to go to Bath-sheba who is
SOLOMON'S mother, and have Bath-sheba go before DAVID in regard to the Kingdom; to
remind HIM who is the RIGHTFUL HEIR to the Throne.

ประเทศอิสราเอล, รับรู ้ว่ากษั ตริยด


์ าวิดนัน ี ชวี ต
้ ได ้ไกล ้จะเสย ิ
กาลังมองหากษั ตริยอ ์ งค์ตอ
่ ไปและบุตรของดาวิดอาโดนียาห์ Ad-o-ni'-jah
ิ ใจว่าเขาควรจะเป็ นหนึง่ ในการได ้รับตาแหน่งราชบัลลังก์และปกครองอยูเ่ หนืออิสราเอล
ได ้ตัดสน
อาโดนียาห์Ad-o-ni'-

337
jahได ้ทาการประกาศตัวเองว่าเขานัน ้ เป็ นกษั ตริยค
์ นใหม่อยูเ่ หนืออิสราเอลได ้รวบรวมผู ้ติดตามของเ
ขาเพือ ่ ทาการเลีย ้ งฉลองตัวเขาในการดารงตาแหน่งกษั ตรย์คนใหม่
ครัน
้ เมือ ่ พระเจ ้าได ้ยินว่าเขากาลังจะประกาศตัวเขาเองเป็ นกษั ตริย ์
พระเจ ้าได ้บอกกับนาธันผู ้พยากรณ์ไปบอก
พระนางบัชเชบาผู ้ซงึ่ เป็ นพระมารดาของซาโลมอนและเพือ ่ ทีพ ่ ระนางบัชเชบาจะไปพบกษั ตริยด ์ าวิ
ดก่อน
ในเรือ่ งเกีย่ วกับอาณาจักรและเตือนความทรงจาของพระองค์วา่ ผู ้ใดทีม ่ ส ิ ธิใ์ นการครอบครองราชบั
ี ท
ลลังก์

THE LORD tells Nathan to have Bath-sheba REMIND DAVID as to what DAVID had
told her regarding SOLOMON'S reigning after him as KING. THE LORD also tells Nathan that
he should let DAVID know, Ad-o-ni'-jah was al ready proclaiming himself the new King over
ISRAEL, and was in the midst of celebrating the event. Nathan does as THE LORD tells him,
and both he and Bath-sheba go before DAVID.

พระองค์เจ ้าได ้บอกนาธันเพือ ่ ทีจ่ ะให ้พระนางบัชเชบาเตือนความทรงจาของกษั ตริยด ์ าวิดเกีย


่ วกับด
าวิดได ้เคยบอกพระนางว่าซาโลมอนจะปกครองต่อจากพระองค์ในฐานะกษั ตริย ์
พระเจ ้ายังคงบอกนาธันว่าเขาควรจะให ้ดาวิดรับทราบเกีย ่ วกับ อาโดนียาห์ Ad-o-ni'-jah
ได ้เตรียมตัวประกาศตัวเองเป็ นกษั ตริยอ ์ งค์ใหม่เหนืออิสราเอลและกาลังอยูท
่ า่ มกลางงานเลีย ้ งฉลอ

นาธันได ้กระทาตามทีพ ่ ระเจ ้าได ้บอกพระองค์และทัง้ เขาและพระนางบัชเชบาได ้เข ้าไปหากษั ตริยด ์
าวิด (1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 1:8, 1:30-34,39)

1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 1:8 แต่ศาโดกปุโรหิต และเบไนยาห์บต ุ รชายเยโฮยาดา


และนาธันผู ้พยากรณ์กับชเิ มอีและเรอี และพวกทแกล ้วทหารของดาวิดมิได ้อยูฝ ่ ่ ายอาโดนียาห์
1:30 เราได ้ปฏิญาณต่อเจ ้าในพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ ้าแห่งอิสราเอลว่า
`ซาโลมอนบุตรของเจ ้าจะครองสมบัตต ิ อ
่ จากเราแน่นอน และเธอจะนั่งบนบัลลังก์ของเราแทนเรา'
เราก็จะกระทาอย่างนัน ้ วันนีแ
้ หละ" 1:33 และกษั ตริยต ์ รัสสงั่ เขาทัง้ หลายว่า
"จงพาข ้าราชการของเจ ้านายของเจ ้าไปจัดให ้ซาโลมอนโอรสของเราขึน ้ ขีล
่ อ
่ ของเรา
และนาเขาลงไปทีก ่ โี ฮน
1:34 และให ้ศาโดกปุโรหิต และนาธันผู ้พยากรณ์เจิมตัง้ เขาไว ้เป็ นกษั ตริยเ์ หนืออิสราเอลทีน ่ ั่น
แล ้วท่านทัง้ หลายจงเป่ าแตร และประกาศว่า `ขอกษั ตริยซ ์ าโลมอนทรงพระเจริญ'
1:39 แล ้วศาโดกปุโรหิตได ้นาเขาสต ั ว์ทบี่ รรจุน้ ามันมาจากพลับพลา และเจิมตัง้ ซาโลมอนไว ้
และเขาทัง้ หลายก็เป่ าแตร และประชาชนทัง้ ปวงกล่าวว่า "ขอกษั ตริยซ ์ าโลมอนทรงพระเจริญ"

Once KING DAVID hears the matter, HE tells Nathan to get Za'-dok the Priest and Be-
na'-iah HIS loyal Servant, and to also fetch the KING'S mule. DAVID says, once they had
done this they were to put HIS SON SOLOMON on the KING'S mule, and ANOINT SOLOMON,
KING of ISRAEL, in the eyes of the people. The KING further says that once SOLOMON had
been ANOINTED THE KING, they were to then blow the TRUMPET and say, "GOD save KING
SOLOMON note 46

338
เมือ ่ กษั ตริยด
์ าวิดได ้รับ ทราบเรือ ่ งราว เขาได ้บอกนาธันว่าให ้ไปนาศาโดก Za'-dok
ปุโรหิตและ เบไนยาห์ Be-na'-iah คนใชที ้ ส ั ย์ซอ
่ ต ื่ จงรักภักดีของพระองค์ และนาราชรถของกษั ตริย ์
ดาวิดยังคงกล่าวต่อไปอีกว่า
ครัน
้ เมือ
่ พวกเขาได ้กระทาดังนีใ้ ห ้นาซาโลมอนประทับอยูใ่ นราชรถของกษั ตริยด ์ ้วย
และเจิมซาโลมอนเป็ นกษั ตริยข ์ องอิสราเอล ในสายตาของประชาชน
กษั ตริยย ์ ังทรงกล่าวเพิม ่ เติมว่า เมือ
่ เขาได ้เจิมแต่งตัง้ ซาโลมอนเป็ นกษั ตริยแ
์ ล ้ว
จากนัน้ ให ้พวกเขาเป่ าแตรและประกาศว่า `ขอกษั ตริยซ ์ าโลมอนทรงพระเจริญ โน ้ต 46

NOTE 46 As we have discussed before, THE LORD holds nations accountable for sinful acts
done by their Leadership! So as you start to see the horrible things that are happening to
the United States of America and the world, just remember who has taken GOD out of the
schools, and out of the Leadership, and out of your lives! It MUST be UNDERSTOOD that
GOD will punish an entire nation and not just its Leadership, for the SINS committed by
that nation's Leadership!

โน ้ต 46 เชน ่ เดียวกับเราได ้อภิปรายไปก่อนหน ้านี,้


พระองค์เจ ้าได ้คิดบัญชก ี ารลงโทษกับความบาปของประชาชาติโดยความประพฤติของผู ้นาของพว
กเขา เริม่ ต ้นท่านจะเห็นว่าสงิ่ ทีต ่ ้องทุกข์ทรมานนัน
้ เกิดขึน
้ ในประเทศอเมริกาและในโลกนี้
จงจาไว ้ว่าเพราะว่าผู ้ใดทีไ่ ด ้นาพระเจ ้าออกไปจากระบบของโรงเรียนต่างๆและออกไปจากผู ้นาเหล่า
้ และออกไปจากการดาเนินชวี ต
นัน ิ ของคุณ
จงเข ้าใจไว ้ว่าพระเจ ้าผู ้ทรงพระชมน์นัน ้ จะลงโทษประชาชาติทัง้ หมดและไม่ใชเ่ พียงลงโทษผู ้นาเพ
ราะความบาปทีผ ่ ู ้นาได ้กระทา

Nathan, Za'-dok, and Be-na'-iah do as DAVID had told them to do, and all the people
gather and rejoice over their new king, KING SOLOMON. Once Ad-o-ni'-jah hears the
commotion from the CELEBRATION going on for SOLOMON, he asks those around him,
what had caused the TRUMPETS to SOUND? They tell Ad-o-ni' -jah that SOLOMON had just
been ANOINTED KING and the people were CELEBRATING the occasion.

นาธัน Nathan, ศาโดก Za '-dok, และเบไนยาห์ Be-na'-iah กระทาตามที่ ดาวิดDAVID


ได ้บอกพวกเขาให ้กระทา,
และรวบรวมผู ้คนทัง้ หมดและแสดงความยินดีกับกษั ตริยใ์ หม่ของพวกเขาทัง้ หลาย, เมือ ่ อาโดนียาห์
ได ้ยินความชุลมุนวุน
่ วายจากการไปงานเลีย ้ งฉลองสาหรับซาโลมอน
เขาได ้ถามคนเหล่านัน ้ รอบๆเขา อะไรเป็ นสาเหตุให ้เสย ี งแตรดังขึน้ พวกเขาบอกอาโดนียาห์
ว่าซาโลมอนได ้ถูกเจิมน้ ามันเป็ นกษั ตริย ์ และประชากรได ้เลีย
้ งฉลองในโอกาสนี้

Once he and those that were with him hear this, they quickly disperse from the
gathering for fear of dishonoring KING SOLOMON. Ad-o-ni'jah, now knowing he had done
wrong by proclaiming himself to be King, then runs off to ALTAR in THE TABERNACLE and
grabs hold of the HORNS of THE ALTAR, looking for mercy and fearing for his life.note 47

339
ครัน
้ เมือ
่ เขาและพวกเขาเหล่านัน ้ ทีเ่ ป็ นฝ่ ายเขาได ้ยินดังนี้
พวกเขาได ้แพร่กระจายข่าวไปอย่างรวดเร็วรวบรวมกลุม ่ ด ้วยความเกรงกลัวว่าไม่เป็ นทีเ่ คารพต่อกษั
ตริยซ ์ าโลมอน อาโดนียาห์
รับรู ้ว่าเขาได ้กระทาผิดทีป ่ ระกาศตัวเขาเองเป็ นกษั ตริย ์ จากนัน ้ ได ้วิง่ หนีไปหลบในพระวิหาร
และหยิบคว ้าเขาสต ั ว์ของหน ้าแท่นบูชา แสวงหาความปรานีและเกรงกลัวสาหรับชวี ต ิ ของเขา โน ้ต
47

NOTE 47 Going in to the TABERNACLE and taking hold of the HORNS of the ALTAR was
something that was done when a person was seeking mercy. The law indicated; if anyone
was in opposition to a newly anointed KING, they were considered to be a threat to the
throne, and they would be more than likely put to death for it. By Ad-o-ni'-jah proclaiming
himself to be the new King, he had demonstrated his opposition to KING SOLOMON'S
REIGN and had put his life in jeopardy.

โน ้ต 47 ได ้เข ้าไปในพระวิหารและได ้ถือแตรสต ั ว์ไปทีห


่ น ้าแท่นบูชาของพระเจ ้า
้ เป็ นสงิ่ ทีไ่ ด ้กระทาของบุคคลหนึง่ เพือ
นัน ่ ทีจ
่ ะขอความเมตตา
กฏหมายนีไ ้ ด ้ชบ ี้ อกถ ้าผู ้ใดได ้อยูใ่ นตาแหน่งตรงข ้ามต่อต ้านของการเจิมกษั ตริยใ์ หม่นัน
้ จะถูกพิจาร
ณาเป็ นภัยคุกคามต่อราชบัลลังก์ และพวกเขาจะต ้องนามาลงโทษถึงแก่ความตาย โดยการที่
อโดนียาห์ได ้ประกาศตัวเขาเป็ นกษั ตริยใ์ หม่
เขาได ้สาแดงสงิ่ ทีต ่ รงกันข ้ามกับราชบัลลังก์ของกษั ตริยซ ์ าโลมอนและทาให ้ชวี ต ิ ของเขาตกอยูใ๋ นอั
นตราย

When KING SOLOMON hears that his brother Ad-o-ni'-jah had gone into the
TABERNACLE and taken hold of the HORNS of THE ALTAR for fear of his life, SOLOMON
proclaims: If Ad-o-ni ' -jah will show himself as a worthy man, no harm would come to him.
So the first act of KING SOLOMON was to grant his brother Ad-o-ni'jah clemency. DAVID,
now very near to his death, gives some last minute instructions on some unfinished
business to his son SOLOMON, and after doing so, BLESSES him. Shortly thereafter, DAVID
dies at the age of sixty-three, and is buried in the city of DAVID (an area in south eastern
JERUSALEM).

เมือ ์ าโลมอน ได ้ยินสงิ่ ทีพ


่ กษั ตริยซ ่ ช
ี่ ายอาโดนียาห์ของเขา
ได ้เข ้าไปในพระวิหารและได ้ถือแตรสต ั ว์ไปทีห ่ น ้าแท่นบูชาของพระเจ ้าเพราะเกรงกลัวถึงชวี ต ิ ของเ
ขา ซาโลมอนประกาศว่าถ ้าอาโดนียาห์ ได ้สาแดงตัวของเขาเป็ นผู ้ชายทีค ่ วรค่า
จะไม่มก ี ารทาร ้ายใดๆเข ้ามาถึงเขา นีค ้ อื การกระทา
ครัง้ แรกทีซ ่ าโลมอนได ้อนุญาติให ้พีช ่ ายอาโดนียาห์ของเขาเป็ นการผ่อนผัน กษั ตริยด ์ าวิด
บัดนีไ ้ กล ้ถึงแก่ความตายของพระองค์แล ้วได ้มอบคาแนะนา
นาทีสด ุ ท ้ายในภาระกิจบางอย่างทีย ่ ังไม่เสร็จสน ิ้ ต่อบุตรชายของเขาซาโลมอน
และหลังจากนัน ้ ได ้อวยพรเขาด ้วย ไม่นานหลังจากนัน ิ้ ใจเมือ
้ ดาวิดก็สน ่ อายุได ้ประมาณ 63
ปี และได ้ฝั งพระศพในเมืองของดาวิด(ในบริเวณทางตะวันออกเฉียงใต ้ของกรุงเยรูซาเล็ม (1
พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:3-4)

340
1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:3 และจงรักษาพระบัญชากาชบ ั ของพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของเจ ้า
คือดาเนินในบรรดาพระมรรคาของพระองค์ และรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
พระบัญญัตข ิ องพระองค์ คาตัดสน ิ ของพระองค์ และพระโอวาทของพระองค์
ดังทีไ่ ด ้จารึกไว ้ในพระราชบัญญัตข ิ องโมเสส เพือ่ เจ ้าจะได ้จาเริญในบรรดาการซงึ่ เจ ้าได ้กระทา
และในทีใ่ ดๆทีเ่ จ ้าไป
2:4 เพือ ่ พระเยโฮวาห์จะได ้รักษาพระวจนะของพระองค์ ซงึ่ พระองค์ตรัสเกีย ่ วกับเราว่า
`ถ ้าลูกหลานทัง้ หลายของเจ ้าระมัดระวังในวิถท ี างทัง้ หลายของเขา
ทีจ
่ ะดาเนินต่อหน ้าเราด ้วยความจริงอย่างสุดจิตสุดใจของเขา (พระองค์ตรัสว่า)
ราชวงศจ ์ ะไม่ขาดชายทีจ ่ ะนั่ งบนบัลลังก์ของอิสราเอล'

Although SOLOMON had granted clemency to Ad-o-ni'-jah, THE LORD knows, because
of Ad-o-ni ' -jah's rebellious nature, he will later become a thorn in SOLOMON'S side. So
THE LORD puts into Ad-o-ni' jah's mind to ask for permission to have DAVID'S young
concubine, Ab'-i-shag, for his wife. So Ad-o-ni' -jah goes to SOLOMON'S mother, Bath-sheba,
and request that she go before the KING and ask HIS permission for him to have Ab' -i-shag.

ถึงแม ้ว่าซาโลมอนได ้มีใจกรุณาปรานีทผ ี่ อ


่ นผัน อาโดนียาห์
พระเจ ้ารู ้ว่าเพราะว่าธรรมชาติของอาโดนียาห์ นัน ้ จะกบฎ
ไม่นานเขาได ้หลายเป็ นหนามทิม ่ แทงซาโลมอนอยูด ่ ้านข ้าง
ดังนัน
้ พระเจ ้าได ้ใสค ่ วามคิดไปในอโดนียาห์เพือ ่ ทีจ่ ะถามขออนุญาติเกีย ่ วกับ Ab' -i-shag.อาบีชาก
ภรรยาน ้อยของกษั ตริยด ์ าวิด มาเป็ นภรรยาของเขา จากนัน ้ อาโดนียาห์ ได ้เข ้าไปหาพระมารดา
บัชเชบา ของซาโลมอนและร ้องขอให ้เธอไปเข ้าเฝ้ ากษั ตริยซ ์ าโลมอน
และถามเพือ ่ ทีจ
่ ะอนุญาติสาหรับเขาเพือ ่ ทีจ
่ ะรับนาง Ab' -i-shag.อาบีชาก มาเป็ นภรรยา

Once KING SOLOMON hears this request coming from HIS Mother HE is shocked, and
SOLOMON asks her who had put her up to asking HIM this! SOLOMON was concerned
because this request coming from HIS mother, was considered to be a disgraceful act by
HEBREW LAW. Ab-i-shag, being a concubine to KING DAVID could never be allowed to be
with another man, nor could she ever be anyone's wife

ครัน
้ เมือ
่ กษั ตรย์ซาโลมอนได ้ยินเรือ ่ งการร ้องขอมาจากพระมารดาของเธอ เขาได ้ตกใจช็อค
และซาโลมอนได ้ถามเธอกลับไปว่าใครได ้ให ้มาถามเขาเกีย ่ วกับเรือ
่ งนี้
ซาโลมอนได ้พิจารณาแล ้วว่าการร ้องขอสงิ่ นีท ้ อ
ี่ อกมาจากพระมารดาของเธอนั น ้ ถือว่าเป็ นสงิ่ ทีไ่ ม่คว
รพึงกระทาต่อกฏหมายของฮบ ิ บรู Ab' -i-shag.อาบีชาก นั น้ เป็ นภรรยาน ้อยของกษั ตริยด์ าวิด
ไม่สามารถทีจ ่ ะอนุญาติให ้ไปอยูร่ ว่ มกับผู ้ชายคนอืน่ ๆ
หรือเธอไม่สามารถทีจ ่ ะไปเป็ นภรรยาของผู ้ใดก็ตาม

Once SOLOMON finds out that the request had come from his half-brother Ad-o-ni' -
jah, this left SOLOMON with no other options but to have Ad-o-ni' -jah put to death. If
SOLOMON had not done so for Ad-o ni' -jah making this request, the name of KING DAVID
would be dishonored, by allowing DAVID'S bed to be defiled. So SOLOMON orders the
death of Ad-o-ni' -jah!

341
กษั ตริยซ
์ าโลมอนค ้นพบว่า การขอได ้มาจากกึง่ ของพีช ่ ายของเขา อาโดนียาห์
ไม่เหลือออพชน ั่ ทางเลือกอืน
่ ๆให ้แก่ซาโลมอน นอกเสย ี จากให ้ อาโดนียาห์
ถูกลงโทษถึงแก่ความตาย ถ ้าซาโลมอนไม่ได ้กระทาสงิ่ นี้
โดยอนุญาติให ้ตามทีอ ่ าโดนียาห์ร ้องขอเรือ ื่ ของกษั ตริยด
่ งนี้ ชอ ื่ มเกียรติ
์ าวิด DAVID จะเสอ
โดยยินยอมให ้เตียงของกษั ตริยด ์ าวิดเป็ นมลทิน ดังนัน ้ ซาโลมอนมีคาสงั่ ประหารชวี ต ิ อาโดนียาห์

DAVID'S LAST Instructions to SOLOMON on unfinished business While on his


deathbed, DAVID tells SOLOMON about certain matters regarding unfinished business that
must be attended to, immediately following HIS death. These are things that DAVID had
either sworn by an oath not to do while he was yet alive, or matters that were set aside for
awhile and now needed addressing.

คาแนะนาสุดท ้ายของกษั ตริยด ์ าวิด DAVIDให ้แก่ซาโลมอน


ในภารกิจทีย ่ ังไม่เสร็จสน ิ้ ขณะทีเ่ ขาได ้ถึงแก่ความตาย ดาวิด DAVID
บอกซาโลมอนเกีย ่ วกับเหตุการณ์ภารกิจทีย ่ ังไม่เสร็จสน ิ้
่ ึ
ซงต ้องให ้ความสนใจอย่างตัง้ ใจ,ทันทีทเี่ ขาได ้ตาย สงเหล่านีค่ ิ ื สงิ่ ทีด
้ อ ่ าวิด
นัน
้ ได ้ให ้คาปฎิญาณโดยการสาบานทีจ ่ ะกระทาขณะทีเ่ ขายังมีชวี ติ
หรือเหตุการณ์ตา่ งๆนีค ้ วรจะกระทาไม่ควรรีรอหยุดพักไว ้ ในขณะทีบ ่ ัดนีจ
้ าเป็ นทีจ
่ ะต ้องดาเนินการ
(1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:5-9,32)

1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:5 ยิง่ กว่านัน ้ อีก เจ ้าก็รู ้อยูแ ่ ล ้วว่า โยอาบบุตรนางเศรุยาห์ได ้กระทาอะไรแก่เรา
คือว่าเขาได ้กระทาประการใดแก่ผู ้บัญชาการทัง้ สองแห่งกองทัพของอิสราเอล
คือกระทาแก่อับเนอร์บต ุ รเนอร์ และแก่อามาสาบุตรเยเธอร์ทโี่ ยอาบได ้ฆ่าเสย ี
ทาให ้โลหิตทีต ่ กในยามสงครามไหลในยามสนติ ั
และวางโลหิตทีต ่ กในยามสงครามลงบนรัดประคดทีเ่ อวของเขา และลงบนรองเท ้าของเขา 2:6
เพราะฉะนัน ้ เจ ้าจงกระทาให ้เหมาะสมตามปั ญญาของเจ ้า
อย่าปล่อยให ้ศรี ษะหงอกของเขาลงไปสูแ ่ ดนคนตายอย่างสน ั ติ 2:7
แต่จงปฏิบัตด ิ ้วยความเมตตาต่อบุตรชายทัง้ หลายของบารซล ิ ลัยคนกิเลอาด
จงยอมให ้เขาอยูใ่ นหมูค ่ นทีร่ ับประทานอยูท ่ โี่ ต๊ะของเจ ้า
เพราะว่าเมือ ่ เราหนีจากอับซาโลมพีช ่ ายของเจ ้านัน ้
เขาทัง้ หลายได ้มาพบกับเราด ้วยความเมตตาดังนัน ้ แหละ
2:8 และดูเถิด มีชเมอีบต ิ ุ รเก-ราคนเบนยามินจากบ ้านบาฮูรม ิ อยูก ่ ับเจ ้าด ้วย
เขาเป็ นผู ้ด่าเราอย่างน่าสลดใจในวันทีเ่ ราเดินไปยังมาหะนาอิม แต่เขามาต ้อนรับเราทีแ ่ ม่น้ าจอร์แดน
และเราจึงได ้ปฏิญาณต่อเขาในพระนามพระเยโฮวาห์วา่ `เราจะไม่ประหารชวี ต ิ เจ ้าด ้วยดาบ'
2:9 เพราะฉะนัน ้ บัดนีเ้ จ ้าอย่าถือว่าเขาไม่มค ี วามผิด เพราะเจ ้าเป็ นคนมีปัญญา
เจ ้าจะทราบว่าควรจะกระทาประการใดแก่เขา
และเจ ้าจงนาศรี ษะหงอกของเขาลงไปสูแ ่ ดนคนตายพร ้อมกับโลหิต"
2:32 พระเยโฮวาห์ทรงทาให ้โลหิตของเขากลับมาตกบนศรี ษะของเขาเอง
เพราะว่าเขาได ้โจมตีและฆ่าชายสองคนทีช ่ อบธรรมและดีกว่าตัวเขาด ้วยดาบ
โดยทีด ่ าวิดราชบิดาของเราหาทรงทราบไม่ คืออับเนอร์บต ุ รเนอร์ผู ้บัญชาการกองทัพของอิสราเอล
และอามาสาบุตรเยเธอร์ผู ้บัญชาการกองทัพของยูดาห์

342
So, after the death of KING DAVID, SOLOMON carries out HIS Father's last minute
instructions. The first thing DAVID had told SOLOMON to do was to have Joab, the Captain
of the Guard, put to death. DAVID has SOLOMON do this to avenge the murder of Abner,
who Joab had murdered. This was an act that KING DAVID never forgave Joab for, however;
HE swore not to kill him as long as HE was alive! There was also other innocent blood Joab
had shed during the REIGN of KING DAVID that needed to be avenged, so SOLOMON
ORDERS Joab to be killed!

จากนัน้ หลังจากความตายของกษั ตริยด ์ าวิด DAVID,


ซาโลมอนได ้ดาเนินการตามคาแนะนาในเวลาสุดท ้ายของพ่อเขา สงิ่ แรกดาวิด DAVID
ได ้บอกซาโลมอนให ้กระทาต่อโยอาบ Joab, หัวหน ้ากัปตันของการทหารรักษาพระองค์
โดยการประหารชวี ต ิ ถึงแก่ความตาย ดาวิด DAVIDให ้ซาโลมอนทาสงิ่ นี้
เพือ ่ ะแก ้แค ้นในการลักลอบสงั หารอับเนอร์ ผู ้ซงึ่ โยอาบได ้ฆ่านั น
่ ทีจ ้ การกระทานีด ้ าวิด DAVID
ไม่เคยยกโทษให ้ โยอาบ Joab อย่างไรก็ตามดาวิดได ้ สาบานจะไม่ฆา่ เขาในขณะทีเ่ ขาได ้มีชวี ต ิ อยู่
มีโลหิตตกไร ้เดียงสาอืน ่ ๆที่ โยอาบJoabได ้ฆ่าขณะทีด ่ าวิดได ้ปกครอง สงิ่ นัน
้ จาเป็ น
ต ้องได ้รับการแก ้แค ้น ดังนัน้ ซาโลมอนมีคาสงั่ ให ้ฆ่าโยอาบ Joab ถึงแก่ความตาย

There was also another matter that had been set aside in regard to PROPHECY given
to Samuel. SOLOMON orders that A-bi'-a-thar be removed from the priesthood, and
replaces him with Za'-dok. DAVID instructed SOLOMON to do this so that the PROPHECY
given to Samuel by THE LORD would be fulfilled. A-bi' -a-thar, being a relative of Eli the
Priest, whom THE LORD had said that both he and his house would be cut-off from
priesthood forever, had to be removed from the Priesthood for the PROPHECY to come to
PASS! There was also one last matter that needed to be attended too. (1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:26-
27)

อาบียาธาร์ถก ู ไล่ออกจากหน ้าทีป ่ โุ รหิต


(1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:26 สว่ นอาบียาธาร์ปโุ รหิตนั น
้ กษั ตริยร์ ับสงั่ ว่า "จงไปอยูท่ อี่ านาโธท
ไปสูไ่ ร่นาของเจ ้า เพราะเจ ้าสมควรทีจ ่ ะตาย แต่ในเวลานีเ้ ราจะไม่ประหารชวี ต ิ เจ ้า
เพราะว่าเจ ้าหามหีบขององค์พระผู ้เป็ นเจ ้าพระเจ ้าไปข ้างหน ้าดาวิดราชบิดาของเรา
และเพราะเจ ้าได ้เข ้าสว่ นในบรรดาความทุกข์ใจของราชบิดาเรา"2:27
ซาโลมอนจึงทรงขับไล่อาบียาธาร์เสย ี จากหน ้าทีป
่ โุ รหิตของพระเยโฮวาห์
กระทาให ้สาเร็จตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซงึ่ พระองค์ตรัสเกีย ่ วกับวงศว์ านของเอลีทเี่ มืองชโี ล
ห์

มีเหตุการณ์อนื่ ๆสงิ่ นั น
้ เกีย
่ วกับคาพยากรณ์ทใี่ ห ้ไว ้กับ ซามูเอล Samuel
ซาโลมอนมีคาสงั่ ให ้อาบียาธาร์ a- bi '-a- thar ถอดถอนจากการเป็ นเชอ ื้ สายปุโรหิต
และแทนทีเ่ ขาด ้วย ศาโดก Za '-dok ดาวิดDAVID
แนะนาซาโลมอนให ้ทาสงิ่ นีเ้ พือ ่ ให ้คาพยากรณ์ทใี่ ห ้ไว ้กับ ซามูเอล
โดยพระองค์เจ ้าบรรลุเป็ นผลสาเร็จ อาบียาธาร์ a- bi '-a-thar เป็ นญาติกับ ปุโรหิตเอลี Eli
ผู ้ซงึ่ พระองค์เจ ้าเคยทีบ่ อกว่าทัง้ เขาและครอบครัวเครือญาติของเขา

343
จะถูกตัดจากการเป็ นเชอ ื้ สายปุโรหิตตลอดไป,
มีความจาเป็ นทีต ่ ้องถอดถอนเชอ ื้ สายปุโรหิตเพือ
่ ให ้คาทานายเกิดขึน ้ เป็ นผ่านไปความจริง มีเหตุ
การณ์สด ่ งิ่ นั่นจาเป็ นต ้องกระทาอย่างทีต
ุ ท ้ายทีส ่ กัน
่ งั ้ ใจไว ้ด ้วยเชน

Shim' -e-i, who had mocked DAVID prior to HIS return from exile, was told by
SOLOMON that he could live in JERUSALEM, but if he were ever to leave the city, he would
be put to death. Even though SOLOMON gave Shim-e' -i his life, he eventually violates KING
SOLOMON'S confinement to the city, and goes out to look for two of his servants that had
run off. This causes Shim-e' - i to be put to death for leaving the city!

ชเิ มอี Shim' -e-i ผู ้ซงึ่ ได ้เยาะเย ้ย DAVID ก่อนทีด ่ าวิดจะกลับจากการเนรเทศ


บอกสงิ่ นัน ้ แก่ให ้ซาโลมอน ว่าเขาสามารถอาศัยอยูใ่ นกรุงเยรูซาเล็ม JERUSALEM
แต่ถ ้าเขาเคยออกไปจากเมือง, เขาจะถึงแก่ความตาย แม ้ว่าซาโลมอนให ้ชวี ต ิ แก่ชเิ มอี Shim' -e-i
ในทีส
่ ดุ เขาจะละเมิดกษั ตริยซ ์ าโลมอนในข ้อจากัดอยูแ ่ ต่ในเมือง,
และได ้ออกไปเพือ ้
่ ค ้นหาคนใชสองของเขาที ไ่ ด ้หนีไป สงิ่ นีเ้ ป็ นสาเหตุให ้ ชเิ มอี Shim' -e-i
รับโทษถึงแก่ความตาย สาหรับออกจากเมือง (1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:38, 40,41 ,42,46)

1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 2:38 และชเิ มอีทล ู กษั ตริยว์ า่ "ทีพ ่ ระองค์ตรัสนั น


้ ก็ดแ
ี ล ้ว

ผู ้รับใชของพระองค์ จะกระทาตามทีก ่ ษั ตริยเ์ จ ้านายของข ้าพระองค์ตรัสนั น ้ "
ชเิ มอีจงึ ได ้อาศัยอยูใ่ นกรุงเยรูซาเล็มเป็ นเวลานาน 2:40
ชเิ มอีก็ลก ุ ขึน ้ ผูกอานขีล ่ าไปเฝ้ าอาคีชทีเ่ มืองกัทเพือ ่ เสาะหาทาสของตน
ชเิ มอีได ้ไปนาทาสของตนมาจากเมืองกัท 2:41
และเมือ ่ มีผู ้กราบทูลซาโลมอนว่าชเิ มอีได ้ไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล ้ว2:42
กษั ตริยก ์ ็ทรงใชให ้ ้เรียกชเิ มอีมาเฝ้ าและตรัสกับเขาว่า
"เราได ้ให ้ท่านปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์มใิ ชห ่ รือ และได ้ตักเตือนท่านแล ้วว่า
`ท่านจงรู ้เป็ นแน่วา่ ในวันทีท ่ า่ นออกไป ไม่วา่ ไปทีใ่ ดๆ ท่านจะต ้องตายแน่ ' และท่านก็ได ้ตอบเราว่า
`คาตรัสทีข ่ ้าพระองค์ได ้ยินนัน ้ ก็ดแี ล ้ว' 2:46
แล ้วกษั ตริยท ์ รงบัญชาเบไนยาห์บต ุ รชายเยโฮยาดาและเขาก็ออกไปประหารชวี ต ิ ชเิ มอีเสย

ดังนัน ้ ราชอาณาจักรก็ตงั ้ มัน ่ คงอยูใ่ นพระหัตถ์ของซาโลมอน

The REIGN of KING SOLOMON

การปกครองโดยกษั ตริยซ
์ าโลมอน

SOLOMON is now the reigning KING over ISRAEL and HE makes an alliance with
Pharaoh, King of Egypt to make PEACE between the two nations. SOLOMON also marries
one of the Pharaoh's daughters and brings her back to JERUSALEM to live. SOLOMON
LOVED THE LORD and walked in the ways of his Father DAVID and HE made continual
sacrifices to THE LORD and THE LORD GOD ALMIGHTY BLESSED SOLOMON for doing so.

344
ซาโลมอนบัดนีไ้ ด ้เป็ นกษั ตริยก
์ ารปกครองอยูเ่ หนือประเทศอิสราเอลและเขาได ้เป็ นพันธมิตรกับฟาโ
รห์ Pharaoh กษั ตริยข ์ องประเทศอียป ั ติภาพระหว่างสองชนชาติ
ิ ต์ด ้สร ้างสน
ซาโลมอนยังได ้แต่งงานกับลูกสาวของฟาโรห์ Pharaoh และนาเธอกลับมาอาศัยยังกรุงเยรูซาเล็ม
JERUSALEM ซาโลมอนรักพระองค์เจ ้าและดาเนินชวี ต ิ ตามแบบอย่างของพ่อของเขาดาวิด DAVID
และเขาทายังคงถวายบูชาให ้พระองค์เจ ้าอย่างต่อเนือ ่ งและพระองค์เจ ้าผู ้ทรงฤทธานุภาพได ้อวยพร
ซาโลมอนสาหรับการทาเชน ่ นัน

1 Kings 3:5 In Gib '-e-on THE LORD appeared to SOLOMON in a dream by night: And GOD
said, Ask what I shall give thee.

1 Kings 3:6 And SOLOMON said, Thou hast shewed unto thy servant DAVID my Father
GREAT MERCY, according as he walked before thee in TRUTH, and in RIGHTEOUSNESS,
and in uprightness of HEART with thee; and thou hast kept for him this GREAT KINDNESS,
that thou hast given him a son to sit on his Throne, as it is this day.

1 Kings 3:7 And now 0 LORD my GOD, thou hast made thy Servant King instead of DAVID
my Father: and I am but a little child: I know not how to go out or come in.

1 Kings 3:8 And thy Servant is in the midst of thy people which thou hast chosen, a GREAT
people, that cannot be numbered nor counted for multitude.

1 Kings 3:9 Give therefore thy Servant an UNDERSTANDING HEART to JUDGE thy people,
that I may discern between GOOD and bad: for who is able to JUDGE this thy so GREAT a
people?

1 Kings 3:10 And the speech pleased THE LORD, that SOLOMON had asked this thing.

1 Kings 3:11 And GOD said unto him, Because thou hast asked this thing, and hast not asked
for thyself long life, neither hast asked riches for thyself, nor hast asked the life of thine
enemies; but hast asked for thyself UNDERSTANDING to discern JUDGMENT;

1 Kings 3:12 BEHOLD, I have done according to thy WORDS: 10, I have given thee a WISE
and an UNDERSTANDING HEART; so that there was none like thee before thee, neither
after thee shall any arise like unto thee.

1 Kings 3:13 And I have also given thee that which thou hast not asked, both riches, and
HONOR: so that there shall not be any among the Kings like unto thee all thy days.

1 Kings 3:14 And if thou wilt walk in my ways, to keep my statutes and my
COMMANDMENTS, as thy Father DAVID did walk, then I will lengthen thy days.

345
1 Kings 3:15 And SOLOMON awoke; and, BEHOLD, it was a DREAM. And he came to
JERUSALEM, and stood before THE ARK of THE COVENANT of THE LORD, and offered up
burnt offerings, and offered peace offerings and made a feast to all his servants.

์ ษั ตริย ์ 3:5 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนทีเ่ มืองกิเบโอนเป็ นพระสุบน


1 พงศก ิ ในกลางคืน
และพระเจ ้าตรัสว่า "เจ ้าอยากให ้เราให ้อะไรเจ ้าก็จงขอเถิด"

3:6 และซาโลมอนตรัสว่า

"พระองค์ได ้ทรงสาแดงความเมตตายิง่ ใหญ่แก่ดาวิดพระราชบิดาผู ้รับใชของพระองค์
เพราะว่าเสด็จพ่อดาเนินต่อพระพักตร์พระองค์ด ้วยความจริงและความชอบธรรม
ด ้วยจิตใจเทีย
่ งตรงต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาความเมตตายิง่ ใหญ่นไ ี้ ว ้เพือ
่ เสด็จพ่อ
และได ้ทรงประทานบุตรชายคนหนึง่ แก่เสด็จพ่อให ้นั่งบนราชบัลลังก์ของท่านในวันนี้

3:7 โอ ข ้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ ้าของข ้าพระองค์ ถึงแม ้ว่าข ้าพระองค์เป็ นแต่เด็ก


บัดนีพ ้
้ ระองค์ทรงกระทาให ้ผู ้รับใชของพระองค์เป็ นกษั ตริยแ์ ทนดาวิดเสด็จพ่อของข ้าพระองค์
ข ้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะเข ้านอกออกในอย่างไรถูก


3:8 และผู ้รับใชของพระองค์ ่ า่ มกลางประชาชนของพระองค์ ผู ้ซงึ่ พระองค์ทรงเลือกไว ้
ก็อยูท
เป็ นชนชาติใหญ่ ซงึ่ จะนับหรือคานวณประชาชนก็ไม่ได ้

3:9
เพราะฉะนัน ้
้ ขอพระองค์ทรงประทานความคิดความเข ้าใจแก่ผู ้รับใชของพระองค์ เพือ
่ จะวินจ
ิ ฉั ยประช
าชนของพระองค์ เพือ ่ ข ้าพระองค์จะประจักษ์ ในความผิดแผกระหว่างดีและชวั่
เพราะว่าผู ้ใดเล่าจะสามารถวินจ ิ ฉั ยประชาชนใหญ่ของพระองค์นไี้ ด ้"

3:10 ทีซ ่ นีก


่ าโลมอนทูลขอเชน ้ ็เป็ นทีพ
่ อพระทัยองค์พระผู ้เป็ นเจ ้า

3:11 พระเจ ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า "เพราะเจ ้าได ้ขอสงิ่ นีแ ้ ละมิได ้ขอชวี ต


ิ ยืนยาว
หรือความมั่งคั่งหรือชวี ต
ิ ของบรรดาศัตรูของเจ ้าเพือ ่ ตัวเจ ้าเอง
แต่เจ ้าขอความเข ้าใจเพือ ่ ตัวเจ ้าเองเพือ
่ ให ้ประจักษ์ในการวินจ ิ ฉั ย

3:12 ดูเถิด เราจะกระทาตามคาของเจ ้า ดูเถิด เราให ้จิตใจอันประกอบด ้วยปั ญญาและความเข ้าใจ


เพือ
่ ว่าจะไม่มใี ครทีเ่ ป็ นอยูก
่ อ
่ นเจ ้าเหมือนเจ ้า และจะไม่มใี ครทีข
่ น
ึ้ มาภายหลังเจ ้าเหมือนเจ ้า

3:13 เราจะให ้สงิ่ ทีเ่ จ ้าไม่ได ้ขอแก่เจ ้าด ้วย ทัง้ ความมั่งคั่งและเกียรติยศ
เพือ
่ ว่าตลอดวันเวลาทัง้ สน ิ้ ของเจ ้า จะไม่มก ี ษั ตริยอ
์ งค์อนื่ เปรียบเทียบกับเจ ้าได ้

3:14 และถ ้าเจ ้าจะดาเนินตามทางของเรา รักษากฎเกณฑ์ของเรา


และบัญญัตข ิ องเราดังดาวิดบิดาของเจ ้าได ้ดาเนินนัน
้ เราก็จะให ้วันเวลาของเจ ้ายืนยาว"

3:15 และซาโลมอนก็ตน ื่ บรรทม และดูเถิด เป็ นพระสุบน


ิ แล ้วพระองค์ก็เสด็จมาทีก
่ รุงเยรูซาเล็ม
และประทับยืนอยูห
่ น ้าหีบพันธสญั ญาของพระเยโฮวาห์ และถวายเครือ ่ งเผาบูชาและเครือ ่ งสนั ติบช
ู า
และพระราชทานเลีย ้ งแก่บรรดาข ้าราชการของพระองค์

346
So THE LORD gave SOLOMON GREAT WISDOM and he continually demonstrated that
GREAT WISDOM in all of his JUDGMENTS. The entire known world at that time had heard
of SOLOMON'S GREAT WISDOM and came from near and far to hear SOLOMON speak HIS
WORDS of WISDOM.

จากนัน ้ พระองค์เจ ้าได ้มอบสติปัญญาความฉลาดยิง่ ใหญ่ทส ี่ ด


ุ แก่ซาโลมอนและเขายังสาแดงความฉ
ลาดทีย ่ งิ่ ใหญ่นัน
้ อย่างต่อเนือ ิ พิพากษาทัง้ หมดของเขา ทั่วไปทัง้ โลกในเวลานัน
่ งต่อหน ้าการตัดสน ้
ได ้ยินความฉลาดใหญ่ยงิ่ ของซาโลมอนและได ้เดินทางมาจากใกล ้และไกลเพือ ่ ที่
จะมารับฟั งคาพูดทีป ่ ระกอบด ้วยสติปัญญาความฉลาดทีใ่ หญ่ยงิ่ ของซาโลมอน

1 Kings 4:32 And he spake three thousand PROVERBS: and his songs were a thousand and
five.

์ ษั ตริย ์ 4:32 พระองค์ตรัสสุภาษิตสามพันข ้อด ้วย และบทเพลงของพระองค์มห


1 พงศก ี นึง่ พันห ้าบท

Note: SOLOMON used his GREAT WISDOM to write the Book of PROVERBS, the Book of
Ecclesiastes and the Song of Solomon. SOLOMON also wrote some of the Psalms WRITTEN
in the Book of Psalms, for there were many Psalmists. Some of those who had written in the
Book of Psalms were DAVID, SOLOMON'S Father, SOLOMON'S brother Nathan the Prophet,
A' saph the Chief musician, Za' -dok the High Priest, and Be-na' -iah the son of Je hoi'-a-da.
There are many who think that DAVID wrote all the Psalms,


หมายเหตุ: ซาโลมอนใชความฉลาดสติ ปัญญาทีย ่ งิ่ ใหญ่ของเขา
เขียนหนังสอ ื ของสุภาษิต,หนั งสอ ื ปั ญญาจารย์ และบทเพลงของซาโลมอน
ซาโลมอนได ้เขียนบางสว่ นหนึง่ ของเพลงสดุดอ ี กี ด ้วย เพราะมีผู ้เขียนเพลงสดุดจ
ี านวนมากมาย
คนเหล่านั น
้ ทีเ่ คยเขียนในหนั งสอ ื บทเพลงสดุดค ี อ ื ดาวิด DAVID, พ่อของซาโลมอน, นาธัน Nathan
่ ายของซาโลมอน ซงึ่ เป็ นผู ้พยากรณ์ อาสาฟหัวหน ้านักดนตรี, ศาโดก Za '- dok ปุโรหิตชน
พีช ั ้ สูง
และ Be-na' -iah เบไนยาห์บต ุ รชาย Je hoi'-a-da เยโฮยาดา ผู ้คนจานวนมากมายคิดว่าดาวิด
DAVID ได ้เขียนบทเพลงสดุดท ี ัง้ หมด,
however, there were many AUTHORS who took part in the Book of Psalms that
were WRITTEN over the course of many years, even up until the time of ISRAEL'S
CAPTIVITY.

อย่างไรก็ตาม, มีผู ้เขียนจานวนมากมาย


ได ้หยิบสว่ นในหนังสอ
ื ของบทเพลงสดุดม ี าเขียนเป็ นแนวทางปฏิบัต,ิ
แนวความคิด,แนวทางศก ึ ษาอยูเ่ ป็ นเวลาหลายปี
แม ้แต่จนกระทั่งในเวลาทีต่ กไปเป็ นเชลยของประเทศอิสราเอล
The building of THE TEMPLE of THE LORD
สงิ่ ก่อสร ้างของพระวิหารของพระผู ้เป็ นเจ ้า

DAVID left SOLOMON with all the needed materials and with the basic design lands
for THE TEMPLE of GOD. However, SOLOMON added additional materials and also added
some additional features to THE TEMPLE, as HE was so instructed to do by THE LORD. The

347
cedar used in the construction of THE TEMPLE came from Lebanon, as a gift from King
Hiram, and although the gold came from many places in the world, all of the HOLY
ARTICLES that were fabricated were made with the gold that had come from Ba' -shan. This
as the purest and finest gold in the world for it was refined SEVEN times in the refiner's
furnace.

ดาวิดได ้ยังคงเหลืออุปกรณ์เครือ ่ งมือทีจ


่ าเป็ นทัง้ หมด
และการออกแบบพืน ้ ฐานของบริเวณพืน ้ ทีส่ าหรับพระวิหารของพระเจ ้าไว ้ให ้กับซาโลมอน แม ้ว่า,
ซาโลมอนได ้เพิม ่ วัสดุตา่ งๆเข ้าไปและยังเพิม ่ ลักษณะความโดดเด่นเป็ นพิเศษภายนอกไปยังพระวิห
าร, ตามทีเ่ ขาได ้รับคาแนะนาเพือ ่ กระทาสงิ่ ต่างๆเหล่านั น
้ โดยพระผู ้เป็ นเจ ้า
ไม ้ต ้นสนซด ี าร์ใชในการก่
้ อสร ้างของพระวิหารมาจากเลบานอน,เป็ นเสมือนของขวัญจากกษั ตริยฮ ์ รี า
ม Hiram, และถึงแม ้ว่าทองคาได ้นามาจากหลายสถานทีใ่ นโลก,
ทัง้ หมดของสงิ่ ของบริสท ุ ธิใ์ นพระวิหารได ้สร ้างขึน ้ มาจากทองคาทีไ่ ด ้มาจากบาชาน Ba' -shan
สงิ่ นีเ้ ป็ นเหมือนสงิ่ ทีบ ่ ริสทุ ธิท ์ ส
ี่ ด
ุ และเป็ นทองคาทีย ่ อดเยีย ่ มทีส ุ ในโลกซงึ่ ถูกผลิตอย่างประณีตโด
่ ด
ยการเผาให ้บริสท ุ ธิ์ ถึง 7 ครัง้ ในเตาหลอมละลาย โลหะ

The ANGELS that were fabricated and placed in THE TEMPLE whose wings
stretched from wall to wall in THE HOLY PLACE, were fashioned after the ANGELS Uriel
and Chamuel. However in HEAVEN, the Angel Uriel has been demoted to the lowest
ANGELIC post and now guards the gates of hell! The post that was once held by the ANGEL
Uriel has been given to the COVENANT ANGEL A' -SAPH by THE HOLY SPIRIT, for HE is
THE LORD of HOSTS and RULES over all the ANGELS. จัดวางในพระวิหาร

ทูตสวรรค์หลายท่านทีไ่ ด ้ตกแต่งและทีซ ่ งึ่ เป็ นปี กกางได ้วางตกแต่งจากกาแพงด ้านหนึง่ ไปยังกาแพ


งอีกด ้านหนึง่ ในสถานทีบ ่ ริสท
ุ ธิ,์ ของพระวิหาร จัดทาโดยทูตสวรรค์อไุ ร Uriel และชามูเอล Chamuel
แต่อย่างไรก็ตามในสวรรค์, ทูตสวรรค์อไุ ร Uriel
ได ้ถูกลดชนั ้ ไปยังตาแหน่งเป็ นทูตสวรรค์ทต ี่ า่ ทีส
่ ด
ุ และตอนนีเ้ ป็ นผู ้เฝ้ ารักษาประตูของนรก!
ตาแหน่งซงึ่ ครัง้ หนึง่ ได ้เคยครอบครองโดยทูตสวรรค์อไุ ร Uriel ได ้มอบตาแหน่งให ้แก่
ทูตสวรรค์“เอซาพห์” A'- SAPH
ซงึ่ ทูตสวรรค์แห่งพันธสญ ั ญาโดยพระวิญญาณบริสท ุ ธิเ์ พราะพระองค์เป็ นพระเจ ้าผู ้ทรงฤทธานุภาพแ
ละได ้ปกครองดูแลอยูเ่ หนือทูตสวรรค์ทัง้ หมด

All the articles that were either put into THE TEMPLE or part of its construction,
were made far from it and at an other site. This was done so the tools of the workman
fabricating these articles would not be heard at THE TEMPLE site!

สงิ่ ของทัง้ หมดไม่วา่ จะเป็ นสงิ่ ทีต


่ กแต่งใสเ่ ข ้าไปในพระวิหารหรือสว่ นของการก่อสร ้างนัน้ ได ้,
ได ้ถูกสร ้างไกลออกไปกว่าแบบทีว่ างแปลนเอาไว ้ และแตกต่างจากในสว่ นการก่อสร ้างอืน ่ ๆ
ซงึ่ สงิ่ นีถ
้ กู ทาขึน
้ จากเครือ
่ งมือต่างๆของคนงานการสร ้าง รายละเอียดสงิ่ ของเหล่านีจ
้ ะไม่เคยพบ
ไม่เคยได ้ยินในสว่ นของด ้านพระวิหาร!

348
THE TEMPLE took SEVEN years to build and all of the critical dimensions given to
SOLOMON were included in its architecture. There were also many articles that DAVID had
made for THE TEMPLE and when it was completed, SOLOMON had those articles brought
into it. The last article placed in THE TEMPLE was THE ARK of the COVENANT. KING
SOLOMON had also constructed during HIS REIGN over ISRAEL many other great pieces of
architecture, many of which are described in THE BOOKS AND THE CHRONICLES of the
KINGS.

พระวิหารใชเวลาสร ้าง 7 ปี และการตรวจทานแก ้ไขยังมีอก ี หลายสงิ่ หลายอย่าง
ทีไ่ ด ้รวมไปเป็ นสถาปั ตยกรรมของพระวิหารซงึ่ ได ้มอบให ้แก่ซาโลมอน
มีอป ุ กรณ์หลายอย่างทีด ่ าวิดได ้จัดทาขึน ้ สาหรับพระวิหารและเมือ ่ ได ้สร ้างเสร็จสนิ้ สมบูรณ์
ซาโลมอนได ้นาสงิ่ ของเหล่านั น ้ เข ้าไปในพระวิหาร สงิ่ สุดท ้ายในพระวิหารคือหีบพันธสญ ั ญา

์ าโลมอนได ้ก่อสร ้างวิหารในชว่ งระยะเวลาการปกครองเป็ นกษั ตริยข


กษั ตริยซ ์ องพระองค์เหนืออิสราเ
อล ิ้ โบว์แดงของสถาปั ตยกรรมหลายอย่าง,
มีผลงานยิง่ ใหญ่ชน
่ ิ ื
รายละเอียดสงต่างๆมากมายได ้อธิบายในหนั งสอและบันทึกเหตุการณ์เป็ นลาดับเวลาของพงศก ์ ษั ต
ริย ์

In chapter 8 of the First book of the Kings, SOLOMON dedicates THE TEMPLE to THE
LORD. In SOLOMON'S PRAYER, SOLOMON asks GOD to forgive the people of ISRAEL for
their SINS regardless of where they may be at the time of their PRAYERS. SOLOMON
further ASKS THE LORD to always hear their PRAYERS even if they were to be abroad or be
in captivity in some other nation

ในบทที่ 8 ของหนังสอ ื 1 พงศก์ ษั ตริย,์ ซาโลมอนถวายพระวิหารแด่พระผู ้เป็ นเจ ้า


ในการอธิษฐานของซาโลมอน,
ซาโลมอนทูลถามพระเจ ้าทีจ ่ ะยกโทษบาปให ้ผู ้คนของอิสราเอลสาหรับความบาปของพวกเขาทัง้ ห
ลาย โดยไม่คานึงถึงว่าพวกเขาอาจจะอยูท ่ ไี่ หน ในเวลาของการอธิษฐานของพวกเขา
ซาโลมอนทูลขอพระผู ้เป็ นเจ ้าเพิม ่ เติม ทีจ
่ ะได ้ยินคาอธิษฐานของพวกเขาเสมอ
แม ้ว่าถ ้าพวกเขาจะอยูต่ า่ งประเทศหรืออยูใ่ นการตกไปเป็ นเชลย
ถูกกักขังอยูใ่ นบางสว่ นของชนชาติอน ื่ ๆ

. In chapter 9, THE LORD tells SOLOMON that HE has heard HIS PRAYER and will
HONOR it; providing ISRAEL remains in the OBEDIENCE of HIS COMMANDMENTS, LAWS,
and STATUTES. But THE LORD also warns SOLOMON, as HE did MOSES, as to what will
happen to THE CHILDREN of ISRAEL should they turn away from HIM and turn towards
the false gods of the Canaanite.

ในบทที่ 9, พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกซาโลมอนว่าพระองค์ได ้ยินการอธิษฐานของเขา


และจะปกป้ องคาอธิษฐานนัน ้ ภายใต ้เงือ่ นไขทีว่ า่ อิสราเอลยังคงอยูใ่ นการเชอ ื่ ฟั งพระบัญญัต ิ
กฎเกณฑ์, และข ้อบังคับของพระองค์, แต่พระผู ้เป็ นเจ ้ายังทรงได ้ตักเตือนซาโลมอน,
อย่างทีพ
่ ระองค์กระทาต่อโมเสส, สงิ่ ใดจะเกิดขึน
้ ต่อลูกหลานของอิสราเอล
เมือ
่ พวกเขาหันหลังออกไปจากพระองค์และหันกลับไปยังพระเจ ้าเทียมเท็จของคนคานาไนท์

349
However SOLOMON did not take heed to what THE LORD had warned HIM of, and
much to SOLOMON'S own DESTRUCTION, HE took for himself SEVEN hundred wives and
three hundred concubines. A great many of these women that SOLOMON had brought into
HIS house served false gods and they eventually caused SOLOMON to SIN!

แม ้ว่าซาโลมอนไม่ได ้ตัง้ ใจ ระมัดระวัง เอาใจใสต ่ อ


่ สงิ่ ทีพ
่ ระผู ้เป็ นเจ ้าได ้เตือนเขา,
และนามาซงึ่ การทาลายตัวของซาโลมอนเอง, เขาได ้มีมเหส ี 700 คนและนางสนม 300
คนสาหรับตัวเขาเอง ผู ้หญิงเหล่านีท ้ ซ
ี่ าโลมอนได ้นาเข ้าไปในครัวเรือนของเขาได ้เป็ นจานวนมาก

ปรนนิบัตริ ับใชพระเจ ้าเทียมเท็จและหญิงเหล่านัน ้ ในทีส
่ ด
ุ เป็ นสาเหตุทาให ้ซาโลมอนกระทาบาป!

1 Kings 11:4 For it came to pass, when SOLOMON was old, that his wives turned away his
HEART after other gods: and his HEART was not perfect with THE LORD his GOD, as was
the HEART of DAVID his Father.

1 พงศก ์ ษั ตริย ์ 11:4 เพราะอยูม


่ าเมือ
่ ซาโลมอนทรงพระชราแล ้ว
มเหสขี องพระองค์ได ้หันพระทัยของพระองค์ให ้ไปตามพระอืน ่
และพระทัยของพระองค์หาได ้บริสท ุ ธิต
์ อ
่ พระเยโฮวาห์พระเจ ้าของพระองค์
ดังพระทัยของดาวิดราชบิดาของพระองค์ไม่

As a result of SOLOMON'S SINNING against GOD, THE LORD tells SOLOMON that for
the sake of DAVID his Father HE will not take the Kingdom from him, while he remains
alive. However, THE LORD SAYS, after SOLOMON'S death, GOD will take all but the Tribe of
JUDAH (which also includes the Tribe of Benjamin who lived in JUDAH) from HIS sons after
him. SOLOMON reigned over all of ISRAEL, as did his Father DAVID, for forty years.

เพราะว่าผลของการทาบาปของซาโลมอนต่อต ้านพระเจ ้า
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกซาโลมอนว่าเพือ
่ เห็นแก่ดาวิดบิดาของเขา
พระองค์จะไม่นาราชอาณาจักรไปจากเขา ในขณะทีเ่ ขายังคงมีชวี ต
ิ อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม,
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสว่า หลังจากการตายของซาโลมอน
พระเจ ้าจะนาเอาสงิ่ ต่างๆจากโอรสทัง้ หลายของเขาซงึ่ ครองราชย์หลังจากเขาทัง้ หมด
ยกเว ้นแต่เผ่าของยูดาห์ (ซงึ่ ยังประกอบด ้วยเผ่าของเบนยามินผู ้ซงึ่ อาศัยอยูใ่ นยูดาห์)
ซาโลมอนปกครองเหนืออิสราเอลทัง้ หมด เท่ากับการครองราชย์ของดาวิดบิดาของเขา, เป็ นเวลา
40 ปี
1 Kings 11:43 And SOLOMON slept with his fathers, and was buried in the city of DAVID his
Father: and Re-ho-bo 'am his son reigned in his stead.

์ ษั ตริย ์ 11:43 และซาโลมอนก็ลว่ งหลับไปอยูก


1 พงศก ่ ับบรรพบุรษ
ุ ของพระองค์
และเขาฝั งพระศพพระองค์ไว ้ในนครของดาวิดราชบิดาของพระองค์
และเรโหโบอัมราชโอรสของพระองค์ก็ขน ึ้ ครองแทน

Judah and Israel are agian Split into two Kingdoms


ยูดาห์และอิสราเอลถูกแบ่งแยกเข ้าไปในสองราชอาณาจักร

350
Shortly after the reign of Re-ho-bo' -am the son of SOLOMON, the kingdom of ISRAEL
is split. This split consisted of Re-ho-bo' -am ruling over Judah in Jerusalem and Jer-o-bo' -
am the son of Ne'bat, coming out of exile in Egypt, and reigning in Samaria over the
remaining ten tribes of Israel. The balance of the book of 1 Kings summarizes the acts of the
Judah's Kings and Israel's Kings. The first Book of the Kings also introduces the Prophet
Elijah, who PROPHESIES and performs many MIRACLES during the reign of King Ahab of
Israel, in Samaria.


ในไม่ชาหลั งจากชว่ งการปกครองของกษั ตริยข ์ องเรโหโบอัม โอรสของซาโลมอน,
ราชอาณาจักรของอิสราเอลถูกแบ่งแยก
การแบ่งแยกนีป ้ ระกอบด ้วยของเยโรโบอัมทีป ่ กครองเหนือยูดาห์ในเยรูซาเล็มและเยโรโบอัมบุตรชา
ยของเนบัท, ได ้ถูกเนรเทศไปอยูต ่ า่ งถิน
่ ในอียป
ิ ต์ (ทีซ่ งึ่ ท่านหนีไปจากพระพักตร์กษั ตริย)์ ,
และได ้ปกครองเป็ นกษั ตริยส ์ ามาเรียอยูเ่ หนืออิสราเอลทัง้ 10 เผ่า
บทสรุปของหนั งสอ ื ของ1พงศก ์ ษั ตริย ์ ซงึ่ เป็ นความพฤติกรรมของกษั ตริยข ์ องยูดาห์
และกษั ตริยข ์ องอิสราเอล หนั งสอื 1 ์
พงศกษั ตริยไ์ ด ้กล่าวถึง เอลียาห์ผู ้พยากรณ์,
ผู ้ซงึ่ กล่าวพยากรณ์และแสดงการอัศจรรย์มากมายในระหว่างการปกครองของกษั ตริยอ ์ าหับอิสราเอ
ลครองราชย์ในสามาเรีย

2 Kings, and 1 st and 2nd Chronicles 25/30

์ ษั ตริย,์ และ 1 st พงศาวดาร และ 2nd พงศาวดาร บันทึกประวัตศ


2nd พงศก ิ าสตร์อส
ิ ราเอล

The chapter in this BOOK we are now in, is titled "The HOLY BIBLE STORY" and is
intended to chronicle the key events of ISRAEL up until the birth of JESUS CHRIST. THE
LORD has instructed me to not dwell in any great detail on the balance of the OLD
TESTAMENT. However, you should read all the books in the OLD TESTAMENT to further
your UNDERSTANDING of THE WORD of GOD. To properly put into perspective The BIBLE
Story, which is the story of the COMING of JESUS CHRIST, it is important to know about ALL
of ISRAEL'S Kings. However, the KINGS of the GREATEST IMPORTANCE prior to the
COMING of JESUS CHRIST, are KING DAVID and KING SOLOMON, who we have already
covered in this chapter.

ขณะนีเ้ ราได ้อยูใ่ นหนังสอ ื เรือ


่ งราวของพระคัมภีรไ์ บเบิลศักดิส ิ ธิ์
์ ท
และสงิ่ นีม ้ เี จตนาทีจ ่ ะจดบันทึกเหตุการณ์สาคัญต่างๆของอิสราเอลจนกระทั่งการกาเนิดขององค์พระ
เยซูคริสต์
พระเจ ้าได ้แนะนาผม(ผู ้พยากรณ์)อย่าเขียนรายละเอียดเรือ ่ งใดเรือ
่ งหนึง่ มากเกินไปในหนั งสอ ื พันธสั
ญญาเดิมทัง้ หมดเพือ ่ ให ้เกิดความสมดุล
แต่อย่างไรก็ตามท่านสามารถทีจ ่ ะอ่านหนั งสอ ื ทัง้ หมดของพระคาภีรเ์ ดิมเพือ ่ เพิม่ ความเข ้าใจของท่า
นเกีย ่ วกับพระคาของพระเจ ้า
เพือ่ ทีจ ่ ะเข ้าใจความหมายแท ้จริงเข ้าสูก ่ ารเห็นภาพทัง้ หมดอย่างชด ั เจนและอย่างเหมาะสม
ในเรือ ่ งราวของพระคาภีรไ์ บเบิล ้ ทีซ ่ งึ่ เป็ นเรือ
่ งราวของการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์
นีค
้ อื สงิ่ ทีส ่ าคัญเพือ่ ทีจ ่ ะรู ้จักเกีย
่ วกับกษั ตริยท ์ ัง้ หมดของอิสราเอล แต่อย่างไรก็ตาม
กษั ตริยท ์ ส ี่ าคัญและมีความยิง่ ใหญ่กอ ่ นหน ้าการเสด็จมาเกิดของพระเยซูคริสต์ นั น ้ คือกษั ตริยด์ าวิด
DAVID และกษั ตริยซ ์ าโลมอน ผู ้ซงึ่ พวกเขาได ้ทาความเข ้าใจไปก่อนหน ้านีแ ้ ล ้ว

351
The other Kings that are described after SOLOMON in both Judah and IS RAEL are
described in l " and 2nd Kings and in I" and 2nd Chronicles, and do not greatly impact The
BIBLE STORY. Except for a few of these Kings, most of them continued to sin against GOD
causing both ISRAEL and Judah's cap tivity and DESTRUCTION! The books of 1 st and 2nd
Kings and 1 st and 2nd Chronicles summarize the acts of the Kings of Judah and ISRAEL up
until the time of their captivity by Ne b-u-chad-nez' -zar, King of Babylon. One should read
and be familiar with all the Kings, so you may better UNDERSTAND what had caused
ISRAEL to FALL FROM GOD, and REMEMBER, even though in today's world you LIVE under
the NEW TESTAMENT, the LAW described in the OLD TESTAMENT still applies!

กษั ตริยอ ์ น
ื่ ๆทีถ
่ กู บันทึกบรรยายหลังจากกษั ตริยซ ์ าโลมอน
ทัง้ ในยูดาห์และอิสราเอลนัน ้ เป็ นการบรรยายอยูใ่ น 1และ2 พงษ์กษั ตริยแ ์ ละ1และ 2
พงศาวดารและไม่มค ี วามยิง่ ใหญ่อยูใ่ นเรือ ่ งราวของพระคาภีรไ ์ บเบิล
้ ยกเว ้นกษั ตริยเ์ พียงน ้อยนิด
กษั ตริยส ์ ว่ นใหญ่ได ้กระทาบาปต่อต ้านพระเจ ้าเป็ นสาเหตุทาให ้อิสราเอลและยูดาห์ตกไปเป็ นเชลยแ
ละถูกทาลาย หนั งสอ ื 1และ2 พงษ์กษั ตริยแ ์ ละ1และ 2 พงศาวดาร
เป็ นเรือ
่ งราวสรุปของความประพฤติตา่ งๆของกษั ตริยท ์ ัง้ หลายของยูดาห์และอิสราเอลจนกระทั่งถูก
จับไปเป็ นเชลย โดย เนบูคัดเนสซาร์, Ne b-u-chad-nez' -zar,กษั ตริยข ์ องบาบิโลน
คนหนึง่ ควรจะอ่านและคุ ้นเคยเรือ ่ งราวของกษั ตริยท ์ งั ้ หมด
จากนัน ้ ท่านจะเข ้าใจในสงิ่ ต่างๆทีเ่ ป็ นสาเหตุทาให ้อิสราเอลล ้มเหลวออกจากทางของพระเจ ้า
และจาไว ้ว่า ถึงแม ้แต่ในโลกทุกวันนีท ี่ า่ นได ้อาศัยอยูภ
้ ท ่ ายใต ้พระคาภีรใ์ หม่(พันธสญั ญาใหม่)
กฏหมายนัน ้ บรรยายอยูใ่ นพระคาภีรเ์ ดิม(พันธสญ ั ญาเดิม)นั น ้ ยังคงนามาประยุกต์ใช ้

6.15 Ezra, Nehemiah, Esther, Job. Psalms. Proverbs.

Ecclesiastes, Songs of Solomon

6.15 เอสรา, เนหะมีย,์ เอสเธอร์, โยบ, เพลงสดุด ี สุภาษิต ,ปั ญญาจารย์ เพลงซาโลมอน

The BOOKS of Ezra and Nehemiah

ื ของ Ezra (เอสรา) และ หนั งสอ


หนั งสอ ื ของ Nehemiah (เนหะมีย)์

After SEVEN WEEKS of YEARS (490 years) of ISRAEL'S captivity and the TEMPLE in
JERUSALEM and JERUSALEM itself being DESTROYED for many years, GOD finally allows
the TEMPLE and the City of JERUSALEM to be rebuilt. With ISRAEL during that time being
ruled over by the Kings of the Chal-de' -ans the Kings of the Medes and the Persians, GOD
puts into the MINDS of three of the Kings of the MEDES and Persians to allow the Children
of ISRAEL to rebuild THE TEMPLE of GOD in JERUSALEM.

หลังจากเจ็ดสป ั ดาห์ของเจ็ดสบ ิ ปี (7x70=490 ปี )


ของอิสราเอลทีไ่ ด ้ถูกจับไปเป็ นเชลยและรวมไปถึงพระวิหารของกรุงเยรูซาเล็ม
และตัวพระวิหารของกรุงเยรูซาเล็มได ้ถูกทาลายอยูห ่ ลายปี
ในทีส
่ ด
ุ พระเจ ้าได ้อนุญาติให ้สร ้างพระวิหารและเมืองของกรุงเยรูซาเล็มขึน
้ มาใหม่
352
ด ้วยอิสราเอลขณะนัน ้ ถูกปกครองโดยกษั ตริย ์ Chal-de' -ans เคลเดีย กษั ตริยข ์ องเมเดส
และกษั ตริยเ์ ปอร์เซย ี พระเจ ้าได ้ใสภ
่ าระใจอยูใ่ นความคิดของกษั ตริยท
์ ัง้ สาม ของเมือง
เมเดสและเปอร์เซย ี
เพือ่ ทีจ
่ ะอนุญาติให ้ลูกหลานของชาวอิสราเอลสร ้างพระวิหารของพระเจ ้าในกรุงเยรูซาเล็มขึน ้ มาให
ม่

GOD does this over a course of several years by inspiring these three Kings to
REBUILD THE TEMPLE to a point where it becomes an obsession with them. The three
Kings RECENING this INSPIRATION from GOD and those who had allowed the re building
of the TEMPLE, were DARIUS, CYRUS, and ARTAXERXES. Ezra, who was the High Priest and
a Scribe, initiates the rebuilding of the wall around JERUSALEM prior to the rebuilding of
THE TEMPLE.

พระเจ ้าได ้กระทาสงิ่ นีอ ้ ยูห


่ ลายปี โดยการดลใจผ่านกษั ตริยท ์ ัง้ สาม
เพือ
่ ทีจ
่ ะสร ้างพระวิหารมาถึงจุดทีถ ่ ก ู รบกวนด ้วยภาระใจในสงิ่ เหล่านี้
กษั ตริยท์ ัง้ สามได ้รับการดลใจจากพระเจ ้าและพวกเขาได ้อนุญาติเพือ ่ ทีจ
่ ะสร ้างพระวิหารขึน
้ มาใหม่
โดย DARIUS ดาริอัส CYRUSไซรัส และ AR-TAX-ERX'-ES อาทาเซอร์ซส ี
เอสราเป็ นปุโรหิตชน ั ้ สูงและเป็ นผู ้จดบันทึกเหตุการณ์และเป็ นผู ้จัดการในการสร ้างพระวิหารและกาแ
พงของเมืองเยรูซาเล็มก่อนหน ้าทีจ ่ ะทาการสร ้างพระวิหารขึน
้ มาใหม่

Both he and Nehemiah, who is appointed to be the Governor overseeing Jerusalem,


supervise the construction and the rebuilding of JERUSALEM and THE TEMPLE of GOD.
They both also sorted out the confusion as to who was, or who was not of the Children
ISRAEL. This confusion in HEBREW PEDIGREE was due to the intermarriage that had taken
place while ISRAEL was in captivity. After a census was taken of those who had intended to
come back into JERUSALEM, Nehemiah and Ezra determined the pedigree of those people
by family name and by tribe, prior to allowing them to return to JERUSALEM.

ทัง้ เขาและเนหะมีย ์ เป็ นผู ้ซงึ่ ถูกเลือกไว ้ทีจ ่ ะควบคุมงานเหนือกรุงเยรูซาเล็ม ตรวจตรา, ดูแล,
ควบคุม, จัดการ ,ในการก่อสร ้าง และการสร ้างซอ ่ มแซมกรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารของพระเจ ้า
พวกเขาทัง้ สองได ้จัดหมวดหมู,่ จัดกลุม ่ ,
แยกประเภทเพือ ่ ป้ องกันความสบ ั สนว่าผู ้ใดเป็ นคนอิสราเอลและผู ้ใดไม่ใชบ ่ ต
ุ รหลานของชนชาติอส ิ
ราเอล
ความสบั สนของเชอ ื้ สายวงศต ์ ระกูลของคนฮบ ิ รูอยูใ่ นชว่ งระหว่างการแต่งงานกับคนต่างชาติทไี่ ด ้เข ้
ามาควบคุมยึดอานาจอยูเ่ หนืออิสราเอลขณะทีถ ่ กู จับไปเป็ นเชลย
หลังจากการทาสามะโนครัวประชากรนัน ้ ได ้นาคนเหล่านั น ้ ทีม
่ เี จตนาทีจ
่ ะกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม
เอสราและเนหะมียไ์ ด ้ตัดสน ิ ใจทาลาดับเชอ ื่ สายวงศต ์ ระกูลของคนเหล่านั น ้ โดยนามสกุลและโดยเผ่
าต่างๆของอิสราเอล ก่อนหน ้าทีจ ่ ะอนุญาติให ้เขากลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม

While ISRAEL'S FAITH in GOD could only be practiced in secrecy during captivity,
many of the Children of ISRAEL did not understand GOD'S COM MANDMENTS and the

353
LAWS, given by MOSES. While replacing the articles back into the TEMPLE after its
rebuilding, the WRITINGS of MOSES (The Book of Deuteronomy) was found and read to all
the people. After reading that which MOSES had written, the Elders realized they had not
been following after THE LAW.

ขณะทีค ื่ ของอิสราเอลในพระเจ ้ามีเพียงการปฏิบัตใิ นทีล


่ วามเชอ ่ ับชว่ งระหว่างถูกจับไปเป็ นเชลย
หลายคนของบุตรหลานอิสราเอลไม่ได ้เข ้าใจพระบัญญัตส ิ ประการและไม่ได ้เข ้าใจกฏเกณฑ์ทไี่ ด ้ม
ิ บ
อบไว ้แก่โมเสส
ชว่ งขณะเวลาทีน ่ าสงิ่ ของต่างๆกลับมาสูก
่ รุงเยรูซาเล็มหลังจากการสร ้างพระวิหารขึน ้ มาใหม่
ผลงานเขียนของโมเสส (หนังสอ ื เฉลยธรรมบัญญัต)ิ นั น ้ ได ้ถูกค ้นพบและได ้อ่านต่อประชากร
หลังจากอ่านการเขียนของโมเสส ผู ้อวุโสได ้พบกับความจริงว่า
พวกเขาไม่ได ้ดาเนินชวี ต ิ ตามกฏเกณฑ์ทพ ี่ ระเจ ้าได ้สงั่ ไว ้

Nehemiah the Governor, Ezra the High Priest and the Elders of ISRAEL make an
oath to GOD after reviewing the LAW. In their oath, the Children of ISRAEL promise to
teach and obey GOD'S COMMANDMENTS and LAWS, so ISRAEL may never again be taken
captive for their going astray from GOD'S LAWS. They also promise THE LORD that they
would properly govern the people of ISRAEL and continually RECITE THE WORD of GOD to
them, so they might not make the same mistakes that were made by their forefathers.

์ ู ้ซงึ่ ปกครองอยู่ เอสรา ปุโรหิตชน


เนหะมียผ ั ้ สูงและผู ้อวุโส ได ้กระทาสาบานตนต่อพระเจ ้า
หลังจากได ้อ่านทบทวนกฏหมายต่างๆ ในคาสาบานของพวกเขา
บุตรของอิสราเอลจะได ้รับการสอนและเชอ ื่ ฟั งบัตญ
ิ ต ั ส ิ ประการของพระเจ ้าและกฏเกณฑ์ตา่ งๆของ
ิ ป
พระเจ ้า พวกเขายังสญ ั ญากับพระเจ ้าว่า
พวกเขาจะปกครองอย่างเหมาะสมตอ่ประชากรอิสราเอลและจะยังคงท่องจาพระคาของพระเจ ้าต่อพ
วกเขาทัง้ หลาย
จากนัน
้ พวกเขาจะไม่กระทาความผิดเหมือนเดิมทีพ ่ วกเขาได ้กระทาโดยบรรบุรษ ุ ของพวกเขาทัง้ หล
าย

The Book of Esther


ื ของ Esther( เอสเธอร์)
หนั งสอ

Although the Book of Esther has only a single LAYER of depth, its inclusion into the
Holy Scriptures was an act of GOD. Unbeknown to many people, the book of Esther is a
biography of King DARIUS' mother, who was Esther. This book was written during the time
of ISRAEL'S captivity in Babylon by the order of King DARIUS. DARIUS, being the son of
King A' -has-u-e' -rus and Esther, wanted this biography of his mother to be written and
recorded. He does this to honor his mother and to also show by its writing, that he was also
half HEBREW from his mother Esther's side of the family.

354
ถึงแม ้ว่าหนังสอ ื ของ Esther
เอสเธอร์มล ี าดับชน ั ้ ความลึกเพียงชน ั ้ เดีย่ วเท่านัน ้ ซงึ่ ได ้ถูกนามารวมกับหนั งสอ ื พระคาภีรด ์ ้วยการกระ
ทาของพระเจ ้า แต่ไม่เป็ นทีร่ ู ้จักของหลายๆคน หนั งสอ ื ของเอสเธอร์นัน
้ เป็ นเรือ่ งราวพระมารดาของ
กษั ตรย์ดาริอัส คือพระนางเอสเธอร์
ื เล่มนีถ
หนั งสอ ้ ก
ู เขียนขึน ้ ระหว่างชว่ งเวลาทีอ ่ ส
ิ ราเอลได ้ถูกจับไปเป็ นเชลยอยูใ่ นบาบิโลน
โดยคาสงั่ ของกษั ตริยด ์ าริอัส ดาริอัสซงึ่ เป็ นบุตรของกษั ตริย ์ อาหสุเอรัส A' -has-u-e' –rus
และราชน ิ ี เอสเธอร์ Esther ต ้องการทีจ ่ ะให ้ชอ ื่ ของพระนางผู ้ให ้กาเนิดของพระองค์ได ้มีบันทึกไว ้
พระองค์ได ้เคารพรักพระมารดาและเพือ ่ ทีจ ่ ะสาแดงการเขียนบันทึกไว ้ทีซ ่ งึ่ เขาเป็ นคนฮบิ รูจากเชอื้ ส
ายจากครอบครัวครึง่ หนึง่ จากพระมารดาเอสเธอร์

Daniel 9:1 In the first year of Da-ri-us the son of A-has-u-e '-rus, of the seed of the Medes,
which was made King over the realm of the Chal-de' -ans;

ดาเนียล 9:1 ในปี ต ้นรัชกาลดาริอัส โอรสกษั ตริยอ ื้ สายคนมีเดีย


์ าหสุเอรัส เชอ
ผู ้ได ้เป็ นกษั ตริยเ์ หนือดินแดนเคลเดีย

Note: This Scripture taken from the 91h Chapter of the Book of Daniel verifies that King
DARIUS was the Son of A-has-u-e' -rus. A-has-u-e' -rus was the King who had taken Esther
(after choosing her out of a beauty pageant), to be his wife. Shortly after the King picked
Esther she was made Queen of the Medes. Esther then CONCEIVED by A-has-u-e' -rus and
bore him a son who the King NAMED DARIUS.

หมายเหตุ: ข ้อพระคัมภีรน ์ อ
ี้ ้างอิงมาจากหนั งสอ ื ดาเนียลบทที9 ่ ข ้อที่ 1
นัน
้ ได ้เปิ ดเผยว่ากษั ตริยด ์ าริอัสนัน ้ เป็ นบุตรของอาหสุเอรัส กษั ตริยอ ์ าหสุเอรัส
ได ้รับพระนางเอสเธอร์(หลังจากได ้คัดเลือกประกวดความสวยงาม) เพือ ่ ทีจ
่ ะมาเป็ นภรรยา
หลังจากนัน ้ กษั ตริยไ์ ด ้เลือกพระนางเอสเธอร์เป็ นราชน ิ เี มืองมีเดีย
พระนางเอสเธอร์ได ้ตัง้ ครรภ์กับอาหสุเอรัส และได ้ให ้กาเนิดบุตรชายเป็ นกษั ตริยม ์ นี ามว่า ดาริอัส

There are many that believe the story of Esther is a folk tale, because THE LORD'S
NAME is not mentioned in it even once! However, the story actually took place as it is
chronicled in the Book of Esther. In the 1 st Chapter, in verse 14, of the Book of Esther,
there are seven princes listed who were the sons of King A-has-u-e' -rus. If you read this list
you will see that DARIUS' name is not among them. The reason that his name is not listed in
the Scripture among the Princes is, because at that point in time DARIUS had not yet been
born.
หลายคนเชอ ื่ ว่าเรือ
่ งราวของราชน ิ เี อสเธอร์นัน
้ เป็ นนิยายทีแ
่ ต่งขึน ้ มา
เพราะว่าพระนามของพระเจ ้าไม่เคยเอ่ยถึงแม ้แต่หนึง่ ครัง้ แต่อย่างไรก็ตาม
เรือ
่ งราวนัน้ ได ้เกิดขึน ้ ในพงศาวดารซงึ่ รวมหนั งสอ ื เอสเธอร์ บทที่ 1 ข ้อที1 ่ 4 ของหนั งสอ ื เอสเธอร์
นัน ่ ื ่ ึ
้ มีรายชอเจ ้าชายอยูเ่ จ็ดท่านผู ้ซงเป็ นบุตรของ อาหสุเอรัส ถ ้าคุณได ้อ่านเรือ ่ งราวนีค
้ ณ
ุ จะเห็นว่า
ดาริอัส นัน้ ไม่ได ้อยูใ่ นท่ามกลางพวกเขา
เหตุผลทีพ ่ ระนามของพระองค์ไม่ได ้มีอยูใ่ นรายชอ ื่ ของข ้อพระคาภีรน ์ ท
ี้ า่ มกลางเจ ้าชายเหล่านีเ้ ป็ นเ
พราะว่า ชว่ งเวลานัน ้ ดาริอัสยังไม่ได ้กาเนิดมา

King A-has-u-e'-rus at the time the list of princes was compiled was married to a
woman by the name of Vash'-ti, who mothered the seven princes, and he hadn't as of yet

355
met Esther. DARIUS was the first born to King A-has-u-e'-rus by Esther, and this is why he
was made to be the King over the Chal-de'-ans. DARIUS' half brothers who were on the list
of the seven princes, and his full brothers (Esther's other sons) remained as princes of the
Medes and never reigned as kings.

ขณะเวลานัน
้ กษั ตริยอ
์ าหสุเอรัส ได ้แต่งงานกับผู ้หญิงชอ ื่ Vash'-ti วาสติ
ผู ้ซงึ่ เป็ นมารดาของเจ ้าชายทัง้ เจ็ด ท่านได ้บันทึกรายชอ ื่ ไว ้ และตอนนั น
้ เขายังไม่ได ้พบเอสเธอร์
ดาริอัสเป็ นบุตรคนแรกของกษั ตริยอ ์ าหสุเอรัส ทีก่ าเนิดจากพระนางเอสเธอร์
และนีเ้ ป็ นเหตุผลว่าทาไมเขาได ้ถูกแต่งตัง้ เป็ นกษั ตริยป ์ กครองอยูเ่ หนือ ดินแดนเคลเดีย
่ ื
ดาริอัสมีเชอสายครึง่ หนึง่ ของบรรดาพีช ่ ายต่างมารดาซงึ่ เป็ นเจ ้าชายทัง้ เจ็ดคนและมีน ้องชายจากพร
ะมารดาเดียวกัน(เอสเธอร์)อีกหนึง่ คน เป็ นเจ ้าชายของเมืองมีเดีย
และไม่เคยได ้ดารงตาแหน่งเป็ นกษั ตริยใ์ นการปกครอง

Ezra, who had compiled the OLD TESTAMENT with its current listing of books,
added the Book of Esther to the OLD TESTAMENT in honor of King DARIUS. Ezra honored
him because it was King DARIUS, who had initiated THE TEMPLE'S REBUILDING, even
though it was CYRUS who had given Ezra the permission to rebuild THE TEMPLE of GOD in
JERUSALEM. DARIUS is a SEVENTH LEVEL ANGEL who was sent from GOD to earth!
Although DARIUS (as with all ANGELS who have come to earth as a person) did not know
while here he was an ANGEL, .he indeed was sent by GOD to earth, as was also CYRUS and
ARTAXERXES to oversee the Children of ISRAEL during their time of captivity.

เอสราเป็ นผู ้รวบรวมพระคัมภีรไ์ บเบิลฉบับเดิม ล่าสุดของการรวบรวมหนั งสอ ื ต่างๆ


ได ้เพิม่ หนังสอ ื ของเอสเธอร์เข ้าไปในพระคาภีรเ์ ดิมเพือ ่ เป็ นการให ้เกียรติ กษั ตริยด
์ าริอัส
เอสราได ้เคารพเขาเพราะว่ากษั ตริยด ์ าริอัส เป็ นผู ้ซงึ่ ริเริม
่ ให ้มีการสร ้างพระวิหารขึน ้ มาใหม่
ถึงแม ้ว่าไซรัสได ้อนุญาติให ้เอสรา สร ้างพระวิหารของพระเจ ้าในกรุงเยรูซาเล็ม
ดาริอัสนัน ้ เป็ นหนึง่ ในทูตสวรรค์ชน ั ้ ทีเ่ จ็ดทีไ่ ด ้สง่ สูโ่ ลกโดยพระเจ ้า
แม ้ว่าดาริอัสไม่รู ้ว่าขณะทีอ ่ ยูใ่ นโลกนี้
เขาได ้เป็ นทูตสวรรค์(ขณะทีท ่ ต ู สวรรค์ทัง้ หมดได ้เข ้ามาสูโ่ ลกเหมือนเป็ นบุคคลคนหนึง่ )
ซงึ่ ถูกสง่ มาสูโ่ ลกโดยพระเจ ้า เชน ่ เดียวกันกับ CYRUS ไซรัส และ AR-TAX-ERX'-ES อาทาเซอร์ซส ี
เพือ ่ ปกครองดูแลบุตรหลานของชนชาติอส ่
ิ ราเอลชวงระหว่างตกไปเป็ นเชลยอีกด ้วย

When you read the Book of Esther you will see that THE LORD'S NAME is not
mentioned in it even once throughout the entire story. Nor are there any references in it
made to GOD whatsoever! This is due to DARIUS (even though he is an ANGEL of GOD) not
having the 'AUTHORITY to write THE WORD of GOD, unlike the other AUTHORS of THE
HOLY BIBLE. Nevertheless the story of Esther is a good story which gave hope to the Jewish
people, during their time of captivity. The story of Esther describes the coming of a SAVIOR
in a MEEK form (in this case a beautiful woman), to SAVE the people from annihilation.

เมือ
่ คุณอ่านหนังสอ ื ของ Esther เอสเธอร์ คุณจะพบว่า
ื่ ของพระองค์เจ ้าไม่ถก
ชอ ู กล่าวถึงตัง้ แต่ต ้นจนจบ
หรือไม่ได ้มีการอ ้างอิงทีเ่ กีย
่ วกับพระเจ ้าไม่วา่ ในกรณีใดๆ นีค ื ชว่ งเวลาของ
้ อ

ดาริอัส(ถึงแม ้ว่าเขาเป็ นทูตสวรรค์ของพระเจ ้า)ไม่ได ้มีสทธิอานาจหน ้าทีท ่ จ
ี่ ะเขียนพระคาของพระเจ ้

356
า ไม่เหมือนกันผู ้เขียนคนอืน ่ งเอสเธอร์ซงึ่ เป็ นเรือ
่ ๆของพระคาภีร ์ แม ้แต่เรือ ่ งราวทีด
่ ม
ี ส
ี าระ
่ งึ่ ได ้ให ้ความหวังกับคนยิวในชว่ งระหว่างตกไปเป็ นเชลย
ทีซ
่ งราวของเอสเธอร์ได ้บรรยายถึงการเสด็จกลับมาของพระผู ้ชว่ ยในรูปแบบของความสุภาพอ่อนโ
เรือ
ยน
(ในกรณีของผู ้หญิงสวยสง่างาม)เพือ ่ ะชว่ ยปลดปล่อยประชากรของพระองค์ให ้รอดจากการถูก
่ ทีจ
ทาลาย

NOTE: Similar to the Epistles (Doctrines of the Church), the book of Esther has only one
single layer of depth to it. This is because, it, like the Epistles is the word of man, and not
THE WORD of GOD!

หมายเหตุ: ซงึ่ กรณีนค ี้ ล ้ายกับจดหมายฝาก(คาสอนหลักการต่างๆของโบสถ์) หนั งสอื ของ


Estherเอสเธอร์ มีลาดับความลึกชนเดียว ั ้
นีเ้ ป็ นเพราะว่าเหมือนกันกับจดหมายฝากซงึ่ เป็ นคาพูดของมนุษย์ (เสริม มาอธิบายพระคาภีร ์
ไม่ใชพ ่ ระเยซูคริสต์สอนพระคาภีร)์ และไม่ใชพ ่ ระคาของพระเจ ้า
(เสริมอ่านการเปิ ดเผยของ มิท จิฟฟอร์ด เรือ ่ งคาอุปมาเรือ
่ งผลของต ้นฟิ ก
และมนุษย์คด ิ แบบไหนก็เป็ นแบบนัน ้
แต่ความคิดของพระเจ ้าสูงกว่ามนุษย์และไม่เหมือนความคิดของมนุษย์ สุภาษิต 23:7
เพราะเขาคิดในใจอย่างไร เขาก็เป็ นอย่างนั น ้ …อิสยาห์ 55:8
เพราะความคิดของเราไม่เป็ นความคิดของเจ ้า ...
เพราะฟ้ าสวรรค์สงู กว่าแผ่นดินโลกฉั นใด ความคิดของเราก็สงู กว่าความคิดของเจ ้าสดุด ี 94:11
พระเยโฮวาห์ทรงทราบความคิดของมนุษย์วา่ เป็ นเพียงแต่ไร ้สาระ)

Adolph Hitler banned the Book of Esther during his reign over Germany, because the
Jewish People during their captivity in Germany clung to the hope that was expressed in it.
The story led the people to believe; GOD would always provide a means of DELIVERANCE
for HIS people. Adolph Hitler made the Book of Esther an illegal piece of literature and
banned both the reading of it as well as the celebration of "Pu -rim", that was a ceremony
created by the Jewish People as a result of its writing. Hitler did this so he might deprive
the Jewish people of any possible hope for their ever being DELIVERED out of his control!

อดอล์ฟ ฮต ิ เล่อร์ได ้ประกาศห ้ามอ่าน หนั งสอ ื ของ Esther เอสเธอร์


ชว่ งระหว่างการปกครองของเขาเหนือเยอรมัน
เพราะว่าระหว่างชว่ งเวลานัน ้ คนยิวได ้ตกไปเป็ นเชลยในเยอรมัน
ได ้มีความหวังบรรยายออกมาให ้เห็นในนัน ้ เพราะว่าเรือ ื่ ในพระเจ ้า
่ งราวนี้ได ้นาประชากรเชอ
ว่าพระเจ ้าจะมีหนทาง การจัดเตรียม การปลดปล่อยประชากรของพระองค์ อดอล์ฟ
ฮต ิ เล่อร์ได ้กระทาให ้หนั งสอ ื เอสเธอร์เป็ นหนั งสอ ื ทีป่ ระพันธ์ขนึ้
อย่างผิดกฏหมายและประกาศห ้ามอ่านเรือ ่ งราวนีเ้ ทียบได ้เท่ากับห ้ามการฉลองเทศกาล "Pu -rim"
ปูรม ่ ึ
ิ ซงเป็ นงานเลีย ้ งฉลองจัดโดยคนยิว เนือ ่ งจากการเขียนเรือ ่ งนี้
ฮต ิ เลอร์ได ้กระทาสงิ่ นีเ้ พือ
่ ทีเ่ ขาจะกีดกันคนยิว
ไม่ให ้มีความหวังหลงเหลืออยูเ่ พือ ่ ทีพ
่ วกเขาจะถูกปลดปล่อยออกจากอานาจ
การควบคุมของฮต ิ เลอร์
( เสริม จากผู ้แปล สามารถนามาประยุกต์ใชกั้ บ
ซาตานไม่อยากให ้เราเรียนรู ้ความจริงของพระวจนะคาของพระเจ ้า

357
เพือ ่ ทีจ่ ะมีความหวังในการชว่ ยปลดปล่อยเราออกจากสงิ่ ทีเ่ ป็ นภาระหนั ก เพือ ั พันธ์
่ เราจะมีความสม
รู ้จักกับพระเจ ้าสว่ นตัว มาเป็ นทรัพย์สมบัตถ ิ าวร เพือ
่ ทีเ่ ข ้าสวรรค์ได ้
อีกกรณีหนึง่ ในยุคสุดท ้าย
แอนตีไ้ คร์จะควบคุมอานาจอยูเ่ บือ ้ งหลังจะต่อต ้านการอ่านหนั งสอ ื พระคาภีรค
์ งิ เจมและคาสอนผ่าน
ผู ้เผยพระวจนะแท ้จริง(ซงึ่ พระเยซูคริสต์เป็ นผู ้สอน)
เพือ ่ เพิม่ ความเชอ ื่ เป็ นการดาเนินชวี ต
ิ ทีม
่ ค
ี วามหวังจากพระเจ ้าให ้ได ้เรบเจอร์และรอดจากภัยพิบต ั ิ
ถ ้าหลังจากพระเยซูคริสต์ เสด็จกลับมาครัง้ ทีส ่ อง บนเมฆ คนต ้องยอมถูกตัดคอ
เพือ ่ ปฏิเสธการฝั งชพ ิ เครือ
่ งหมาย หก หก หก )
The Book of Job
หนั งสอื ของโยบ

The Book of Job tells the story of a man's FAITH in GOD being challenged by
Satan so that Satan could prove to GOD; man in a time of trouble would turn away from
HIM. Although this story is placed within the HOLY BIBLE well after the reign of KING
DAVID, it actually took place long before DAVID. There is a GREAT DEAL of INFORMATION
in the Book of Job, as it describes the use of Satan (Lucifer) by GOD to challenge one's
FAITH. It also clearly shows GOD'S people, that GOD can only defeat Satan and that man by
himself cannot defeat him. The entire 41'1 Chapter of the Book of Job is dedicated to
showing the great power that GOD has given Lucifer, the Devil. He is referred to in the
Scriptures as the Leviathan (the Red Dragon), and he is also referred to as the King over the
children of PRIDE.

หนังสอ ื ของโยบบอกเรือ ่ งราวในศรัทธาของผู ้ชายคนหนึง่ ทีม ่ ค


ี วามเชอ ื่ วางใจในพระเจ ้าถูกท ้าทายโ
ดยซาตาน เพือ ่ ว่าซาตานสามารถพิสจ ู น์ตอ ่ พระเจ ้าว่า
มนุษย์เมือ ่ เวลามีปัญหานั น ้ ได ้หันออกจาก(ทางของ)พระเจ ้า
ถึงแม ้ว่าเรือ ่ งราวนีไ ้ ด ้นามาเรียบเรียงขึน ้ อยูใ่ นพระคาภีรห ์ ลังจากการปกครองของกษั ตริยด ์ าวิด
ซงึ่ เรือ่ งนีไ ้ ด ้เกิดขึน้ ยาวนานก่อนชว่ งเวลาของดาวิด มีใจความสาคัญอยูใ่ นหนั งสอ ื ของโยบ
ขณะทีเ่ นือ ้ หาได ้บรรยายโดยการอนุญาติของพระเจ ้า

ใชซาตาน(ลู ซเิ ฟอร์)ท ้าทายความเชอ ื่ ของคนคนหนึง่
นีค
้ อ ื ความชด ั เจนทีส ่ าแดงต่อประชากรของพระเจ ้า
ว่าพระเจ ้าเป็ นผู ้เดียวทีส ่ ามารถชนะซาตานและมนุษย์นัน ้ โดยกาลังของตัวเองไม่สามารถทีจ ่ ะชนะซ
าตาน ทัว้ ทัง้ บทที่ 41ข ้อที1 ่ ของหนังสอ ื โยบได ้อุทศ ิ สาแดงฤทธานุภาพของพระเจ ้า
ทีไ่ ด ้มอบให ้กับลูซเิ ฟอร์ ซาตาน เขาได ้อ ้างอิงอยูใ่ นข ้อพระคาภีรเ์ หมือน Leviathan
เลวีอาธาน(มังกรแดง)และเขายังได ้อ ้างอิงตัวเองเป็ นกษั ตริยอ ์ ยูเ่ หนือบุตรของความเหย่อหยิง่

One of the strong points made in the Book of Job is the demonstration of how
quickly GOD can change the circumstances of a person's life. One can go from having a
peaceful and prosperous LIFE to having a life of misery and pain, in a very short span of
time! It also shows that it can happen to anyone, even to the most righteous of people for
seemingly no apparent reason. Man cannot reason as to why GOD allows certain things to
happen. However, you can be assured that any person whom may be afflicted by the WILL
of GOD, (regardless of how one may perceive the circumstances to be), will have a FAIR and

358
RIGHTEOUS outcome resulting from their afflictions! This is why it is SAID; through my
afflictions I am HEALED!

หนึง่ ของจุดโน ้มน ้าวทีเ่ กิดขึน ้ ในหนั งสอ ื โยบทีไ่ ด ้สาแดงว่า


พระเจ ้าสามารถทีจ ่ ะเปลีย ่ นแปลงสถานะการณ์ชวี ต ิ ของคนคนหนึง่ (เพือ ่ การทาบริสท ุ ธิ)์
คนหนึง่ สามารถทีจ ่ ะเปลีย ่ นจากสน ั ติสข ุ และประสบความสาเร็จเจริญรุง่ เรือ ่ งในชวี ต
ิ ไปสูช ่ วี ต
ิ ทีส ั สน
่ บ
มีความทุกข์ทรมานและมีความเจ็บปวด ในชว่ งระยะเวลาอันสน ั้
นีค้ อ ่ ิ
ื สาแดงให ้เห็นว่าสงนี้สามารถเกิดขึน ้ ได ้ในทุกคน
แม ้แต่คนทีช ่ อบธรรมมากทีส ุ ดูเหมือนว่าสงิ่ ทีเ่ กิดขึน
่ ด ้ ไร ้เหตุผล มนุษย์ไม่สามารถมีคาถาม
เหตุผลว่าทาไมพระเจ ้าอนุญาติให ้เรือ ่ งนีเ้ กิดขึน
้ แต่อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถจะแน่ใจ มั่นใจ
ได ้ว่ามนุษย์ทก ุ คนทีไ่ ด ้ รับผลกระทบโดยอยูใ่ นน้ าพระทัยของพระเจ ้า
(ไม่คานึงว่าคนคนหนึง่ จะประสบกับความยากลาบาก ประสบกับปั ญหาอย่างไร
ในสถานะการณ์ตา่ งๆ ) ผลลัพธ์ทอ ี่ อกมาจะเป็ นความยุตธิ รรมและชอบธรรมจากผลกระทบทีไ่ ด ้รับ
นีค
้ อื ทาไมกล่าวว่าผ่านทางผลกระทบ(เป็ นโรคต่างๆในฝ่ ายวิญญาณ)เราได ้รับการรักษาให ้หาย

Psalm 119:67 Before I was AFFLICTED I went astray: but now I have kept thy WORD.

Psalm 119:71 It is good for me that I have been AFFLICTED; that I might LEARN thy
statutes.

สดุด ี 119:67 ก่อนทีข ่ ้าพระองค์ทก


ุ ข์ยาก ข ้าพระองค์หลงเจิน

แต่บัดนีข้ ้าพระองค์รักษาพระวจนะของพระองค์ไว ้

สดุด ี 119:71 ดีแล ้วทีข


่ ้าพระองค์ทก
ุ ข์ยากเพือ
่ ข ้าพระองค์จะเรียนรู ้ถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์

In the story of Job, his friends come to him in his time of grief and trouble to try to
explain to him why GOD was punishing him. However, Job refuses to believe that he has
done anything wrong, because he had always tried to WORSHIP, HONOR, and OBEY THE
LORD. But Job's friends try to assure him that GOD only afflicts those who have sinned
against HIM.

ในเรือ
่ งราวของโยบ, เพือ ่ นของเขาได ้เข ้ามาเยีย ่ มเขาในเวลาแห่งความเศร ้าโศก
ทุกข์ยากของโยบและเพือ ่ อธิบายให ้โยบ ฟั งถึงความยากลาบากทีซ ่ งึ่ พระเจ ้ากาลังลงโทษเขา
แต่อย่างไรก็ตาม, โยบได ้ปฏิเสธว่าเขาไม่ได ้กระทาสงทีผ ่ ิ ่ ด ิ พลาด
เพราะว่าเขาได ้พยายามทีจ ่ ะนมัสการ ถวายเกียรติและเชอ ื่ ฟั งพระเจ ้าอยูต
่ ลอดเวลา
แต่เพือ
่ นของโยบพยายามทาให ้เขามั่นใจว่าพระเจ ้านัน ้ จะนาผลกระทบ ปั ญหา ความเจ็บป่ วย
่ วกเขาเหล่านัน
มาสูพ ้ ทีไ่ ด ้กระทาบาปต่อต ้านพระองค์

Even with Job's afflictions being overwhelming, he refuses to allow his FAITH in
GOD to be diminished. Nor does Job cast aside his TRUST in THE LORD, even though his
friends tell him, that GOD had FORSAKEN him. The outcome of Job's TRUST in GOD
does.not betray his HOPE, and all that was taken from Job by the Devil, was eventually
given back to him by GOD in sig nificantly GREATER MEASURE.

359
แม ้แต่กับการเจ็บป่ วยของโยบทัว้ ไปทัง้ ร่างกาย
เขาปฏิเสธทีจ ่ ะยินยอมให ้ความเชอ ื่ ของเขาในพระเจ ้านั น ้ ลดลงหรือโยบไม่ได ้ให ้ความเชอื่ ศรัทธาขอ
งเขาต่อพระเจ ้านัน ้ ไปอยูข
่ ้างหลัง หรือละทิง้ ความเชอ ื่ ในพระเจ ้า
แม ้ว่าเพือ
่ นๆของเขาได ้บอกเขาว่าพระเจ ้าได ้ทอดทิง้ เขา
ผลการกระทาจากโยบได ้มีความเชอ ื่ วางใจในพระเจ ้า
ี ่
ไม่ได ้สูญเสยความหวังและทุกสงของโยบทีถิ ่ ก
ู ซาตานทาลายนั น ้ ได ้มอบกลับคืนเขาโดยพระเจ ้าเป็
นสญั ญลักษณ์ของการตอบแทนทีย ่ งิ่ ใหญ่กว่า

The moral of the story of Job; is to remember; regardless of one's current


circumstances, THE LORD can GNE or THE LORD can take away from any person as HE so
chooses. However, GOD will never betray one's TRUST in HIM. So it is only a question of
one's FAITH and PATIENCE in THE LORD that will carry them through their time of trouble.
GOD'S PEOPLE can always be certain that THE LORD'S AFFLICTIONS are intended to
RESULT in FAIR and RIGHTEOUS CONCLUSIONS!

ความประพฤติ จริยธรรม สงิ่ สอนเตือนใจของเรือ ่ งราวของโยบ ทีจ


่ ะต ้องจดจาไว ้
เกีย่ วกับสถานะการณ์ ฉั บพลันของคนคนหนึง่
พระเจ ้าสามารถทีจ ่ ะเชอ ื่ มโยงหรือพระเจ ้าสามารถทีจ ่ ะนาออกไปจากคนใดคนหนึง่
ถ ้าพระเจ ้าเลือกทีจ ่ ะอนุญาติให ้สงิ่ นัน ้ เกิดขึน
้ แต่อย่างไรก็ตาม
พระเจ ้าไม่เคยทาให ้คนทีม ่ ค ่ ื
ี วามเชอในพระองค์นัน ้ ผิดหวัง
จากนัน ้ นีค
้ อื คาถามของความเชอ ื่ วางใจของคนคนหนึง่ และความอดทนเพียรพยายามในพระเจ ้า
ทีจ่ ะนาพวกเขาเข ้าสูช ่ ว่ งเวลาของการมีปัญหา ประชากรของพระเจ ้า
สามารถทีจ ่ ะมั่นใจในผลกระทบ(ปั ญหาต่างๆ)ทีพ ่ ระเจ ้าอนุญาตินัน้
มีเจตนาเพือ ่ ทีจ
่ ะให ้เกิดความยุตธิ รรม, เป็ นธรรม, เทีย ่ งตรง และความชอบธรรมในท ้ายทีส ่ ด

The BOOK of Psalms

ื สดุด ี
หนั งสอ

The Book of Psalms consists of one hundred and fifty Psalms that were written by
DAVID, SOLOMON, A'-saph, Nathan, and several other HOLY men. The Psalms were written
over a course of many years, with Psalms being written up until shortly after the first fall of
JERUSALEM. A Psalm is both a SONG and a PRAYER to the ALMIGHTY GOD and also
contained within the Psalms, is PROPHECY.

หนั งสอ ื เพลงสดุดป ี ระกอบด ้วยหนึง่ ร ้อยและห ้าสบ ิ เพลงสดุด ี ซงึ่ สงิ่ นั น
้ ถูกเขียนโดย ดาวิด,
ซาโลมอน, อาสาฟ,นาธัน และอีกหลายคนทีด ่ าเนินชวี ต
ิ บริสท
ุ ธิ์ จาเพาะพระพักตร์ของพระเจ ้า
เพลงสดุดถ ี ก
ู เขียนในระยะเวลาหลายปี
ซงึ่ เพลงสดุดไี ด ้เขียนขึน
้ ในระยะไม่นานจนกระทั่งหลังจากการล ้มลงของกรุงเยรูซาเล็มครัง้ แรก
เพลงสดุดเี ป็ นทัง้ บทเพลงและการอธิษฐานต่อพระเจ ้าผู ้ทรงฤทธานุ ภาพ
และสงิ่ บรรจุภายในเพลงสดุดอ ี ก
ี อย่างหนึง่ ด ้วยคือคาพยากรณ์

360
Often in the Psalms you will see the WORD "Selah" that is used many times as a
break in the Psalm. The WORD "Selah" indicates the sounding of the high cymbals that
would occur during the reciting of that Psalm by the CONGREGATION. However, the WORD
"Selah" also has the meaning of "The Unfulfilled Promise". You can arrive at this
UNDERSTANDING by knowing how the WORD Selah was derived. The WORD "Selah" is a
derivative from the name SHELAH, who was the youngest son of Judah. In the story of
Judah and Tamar told in the 38th Chapter of Genesis, SHELAH (Judah's youngest son) was
promised to be given in marriage to Tamar, who was Judah's daughter-in-law.

บ่อยครัง้ ในเพลงสดุดค ี ณ ุ จะพบคาว่า Selah เช-ลาห์ ซงึ่ ได ้ใชค้ านีอ


้ ยูเ่ ป็ นจานวนมาก
เป็ นเหมือนการหยุดพัก ในเพลงสดุดบ ี อ
่ ยๆ คา" Selah "ชบ ี้ อกเสย
ี งของฉาบสูง
่ งิ่ นัน
ทีส ้ จะเกิดขึน ้ ระหว่างการท่อง จาของเพลงสดุดใี นการชุมนุม แต่อย่างไรก็ตามคาว่า " Selah
"ยังมีความหมายถึง"การไม่ได ้บรรลุผลในคาสญ ั ญา".คุณสามารถเชอ ื่ มความเข ้าใจเกีย ่ วกับความรู ้ข
องคาว่า Selah เกิดขึน ้ มาจากชอื่ SHELAH ผู ้ซงึ่ คือลูกชายอายุน ้อยทีส ่ ด
ุ ของยูดาห์
ในเรือ ่ งราวของยูดาห์ และ ทามาร์ ในบทที่ 38ของหนั งสอ ื ปฐมกาล SHELAH เช-ลาห์
(ลูกชายอายุน ้อยทีส ่ ด
ุ ของยูดาห์ )สญ ั ญาทีจ ่ ะการสมรส กับ ทามาร์ ผู ้ซงึ่ คือลูกสาวของ ยูดาห์
ตามกฏหมาย

However this promise made by Judah (after Judah's two other sons had both died
while being married to Tamar), was never fulfilled. This WORD is quite often used in the
Psalms to indicate that the PROMISE being made by the Psalm is yet to be fulfilled. The
WORD "SHELAH" also means, when speaking in TONGUES (HEBREWAH), "GLORY UNTO
GOD". So when you see this WORD "Selah" used as a break in the Psalms REMEMBER its
meaning; "the sounding of the high cymbals", "the unfulfilled promise", and "GLORY UNTO
GOD"!

แต่อย่างไรก็ตามสญั ญาทีท ี ชวี ต


่ าโดย ยูดาห์ นี้(หลังจากลูกชายทัง้ สองของยูดาห์ได ้เสย ิ
ขณะใชช้ วี ต ้
ิ แต่งงานกับ ทามาร์ ) ทาให ้ไม่บรรลุผล คานีใ้ ชในเพลงสดุ ดบ
ี อ
่ ยครัง้
เพือ่ อุทศ
ิ แก่คาสญั ญาทีท่ าขึน
้ ในเพลงสดุดใี ห ้บรรลุผล คา SHELAH ในภาษาแปลกๆ(
HEBREWAH )ยังหมายถึง พระศริ ม ิ แี ด่พระเจ ้า เมือ
่ ท่านได ้พบคาว่า Selah
เป็ นการหยุดพักเพลงสดุดเี พือ ่ เตือนความทรงจาในความหมายของ เสย ี งของฉาบสูง
คาสญ ั ญายังไม่ได ้บรรลุผล และพระศริ ม ิ แ
ี ด่พระเจ ้า

The longest Psalm is Psalm 119, which has 176 verses, and the shortest Psalm is
Psalm 117 having only 2 verses. The Psalms contain some of the most POWERFUL
Scriptures in the OLD TESTAMENT, and one should read them daily to increase their FAITH
and HOPE in GOD. The Psalms will teach you how to PRAY and will also TEACH you how to
accurately INTERPRET the WORD of GOD. THE LORD taught DAVID through the Psalms. If
YOU in a time of trouble or confusion turn to the Psalms and read them out loud as though
they are your spoken PRAYERS, YOU can LEARN from them as well.

361
เพลงสดุดท ี ยี่ าวทีส่ ดุ คือเพลงสดุด1ี 19, มีโคลง 176 บท ,
และเพลงสดุดส ั ้ ทีส
ี น ่ ด ุ คือเพลงสดุด ี 117 มีโคลง2 บท
เพลงสดุดบ ี รรจุข ้อพระคัมภีรไ์ บเบิลบางสว่ นทีท ่ รงฤทธานุภาพ อยูใ่ นพระคัมภีรเ์ ดิม,
และคนหนึง่ ควรจะอ่านสงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นประจาทุกวัน
เพือ่ เพิม
่ ความเชอ ื่ ศรัทธาของเขาทัง้ หลายและให ้มีความหวังในพระเจ ้า
เพลงสดุดจ ี ะสอนคุณถึงวิธอ ี ธิษฐานและจะสอนคุณทีจ ่ ะแปลความหมายของพระคาของพระเจ ้าอย่า
งถูกต ้องอีกด ้วย พระองค์เจ ้า สอนดาวิด ผ่านเพลงสดุด ี
ถ ้าท่านอยูเ่ วลาของความยากลาบากหรือความสบ ั สนกลับไปอ่านเพลงสดุดแ ี ละอ่านเนือ
้ หาเหล่านี้

ออกเสยงดังๆราวกับว่าเป็ นการอธิษฐานของคาพูดของท่านเอง
ท่านสามารถเรียนรู ้จากเนื้อหาด ้วยเชน ่ กัน

The Psalms are composed to fit a person's SPIRITUAL needs (mood swings) at any
place or time in their LIFE. By becoming familiar with them you will know which Psalm
applies to your particular SPIRITUAL need. You will know which Psalm to read in a time of
TROUBLE or in a time of HOPE -LESSNESS, in a time you may be LACKING in FAITH, or
feeling PERSECUTED. You will know which Psalm will apply to a time of LONELINESS or a
time of SORROW, a time of feeling HELPLESS or a time of needing PROTECTION. The
Psalms may be viewed as a medicine cabinet that has a remedy for any and all SPIRITUAL
ILLNESSES.

เพลงสดุดจ ี ะเหมาะกับความต ้องการในฝ่ ายจิตวิญญาณของบุคคลคนหนึง่


(คนทีอ ่ ารมณ์แปรปรวน)ไปในแต่ละสถานทีต ่ า่ งๆหรือชว่ งเวลาในชวี ต
ิ ของเขาทัง้ หลาย
่ ิ
โดยกลายเป็ นสงคุ ้นเคยต่อพวกเขาทัง้ หลาย
คุณจะรู ้จักว่าเนือ
้ หาทีอ ่ ยูใ่ นเพลงสดุดส ี ามารถนาไปประยุกต์ใชกั้ บชว่ งเวลาของการมีปัญหาหรือบทเ
รียนในเวลาของความสน ิ้ หวัง ในชว่ งเวลาของคุณทีข ่ าดแคลนความเชอ ื่ วางใจ
หรือในชว่ งเวลาทีโ่ ศกเศร ้า ในเวลาทีไ่ ม่มค ี วามชว่ ยเหลือ หรือในเวลาทีม ่ ค
ี วามจาเป็ น
สาหรับการป้ องกัน
สดุดอี าจจะสามารถวาดภาพเป็ นตู ้ยารักษาทีไ่ ด ้เตรียมพร ้อมเยียวยาให ้แก่ผู ้ทีป ่ ่ วยในโรคฝ่ ายจิตวิญ
ญาณทัง้ หมด

JESUS CHRIST refers to the PROPHECY contained within the Psalms in the GOSPEL
of Luke and HE also used the Psalms (Psalm 110) to throw into the face of the Pharisees,
when they had challenged HIS AUTHORITY! Even the Devil used the Prophecy contained
within the Psalms (Psalm 91: 11 and 91: 12) to try to confuse JESUS, however he failed in
doing so!

พระเยซูคริสต์อ ้างอิงถึงคาพยากรณ์ทบ ี่ รรจุภายในเพลงสดุด ี


ในพระกิตติคณ ุ คาสงั่ สอนของพระเยซูของลูกา และพระองค์ใชเพลงสดุ ้ ด(ี เพลงสดุด ี 110
)ทีจ่ ะขว ้างลงไปบนหน ้าของฟารีส(ี พวกหน ้าซอ ื่ ใจคต,ผู ้ทีม
่ ป
ี ากกับใจไม่ตรงกันอีกด ้วย )
เมือ
่ พวกเขาได ้ท ้าทายสท ิ ธิอานาจของพระองค์

แม ้แต่ซาตานได ้ใชการท านายทีบ่ รรจุภายในเพลงสดุด ี (เพลงสดุด ี 91 : 11 และ 91 :12
)พยายามทีจ ่ ะทาให ้ทาให ้พระเยซูคริสต์สบั สน อย่างไรก็ตามเขาล ้มเหลวในการทาเชน ่ นั น

362
Luke 24:44 And HE said unto them, THESE ARE THE WORDS WHICH I SPAKE UNTO YOU,
WHILE I WAS YET WITH YOU, THAT ALL THINGS MUST BE FULFILLED, WHICH WERE
WRITTEN IN THE LAW OF MOSES, AND IN THE PROPHETS, AND IN THE PSALMS,
CONCERNING ME.

ลูกา 24:44 พระองค์ตรัสกับเขาว่า "นีเ่ ป็ นถ ้อยคาของเรา


ซงึ่ เราได ้บอกไว ้แก่ทา่ นทัง้ หลายเมือ่ เรายังอยูก
่ ับท่านว่า
บรรดาคาทีเ่ ขียนไว ้ในพระราชบัญญัตข ิ องโมเสส และในคัมภีรศ
์ าสดาพยากรณ์
และในหนังสอ ื สดุดกี ล่าวถึงเรานั น
้ จาเป็ นจะต ้องสาเร็จ"

The BOOK of Proverbs


ื ของสุภาษิต
หนั งสอ

KING SOLOMON WROTE all but chapters 30 and 31 of the Proverbs contained in
the Book of Proverbs. The Book outlines both the SPIRITUAL and MORAL "Does and the
Don'ts" for a person to follow. Any person choosing to follow the DIRECTIONS given in the
Proverbs will find that both they and their children will lead a more fruitful and productive
life.

กษั ตริย ์ ซาโลมอน เขียนหนั งสอ ื ของสุภาษิตทัง้ หมด แต่บทที่ 30 และ 31


ในหนั งสอื ของสุภาษิต เค ้าโครงหนั งสอ ื ทัง้ สองเกีย ่ วกับฝ่ ายวิญญาณและจริยธรรม ความประพฤติ
่ ิ ่ ิ
สงใดควรกระทาและสงใดไม่ควรกระทา สาหรับบุคคลเพือ ่ ทีจ
่ ะปฏิบต
ั ต
ิ าม
บุคคลใดๆทีเ่ ลือกจะปฏิบต ั ต
ิ ามทิศทางทีใ่ ห ้ไว ้ในสุภาษิตจะพบว่าทัง้ พวกเขาและบุตรหลานของเขา
ทัง้ หลายจะได ้รับการทรงนาทีเ่ กิดผลดี มีความอุดมสมบูรณ์ในชวี ต ิ และมีผลผลิตในชวี ต

When you read the Book of Proverbs you will see that many of the guidelines given
by SOLOMON for raising your children properly are now considered illegal! As a result of
man deviating from the WORD of GOD in the raising of his children, each and every
generation doing so moves further away from THE LORD and closer to hell.

เมือ
่ คุณอ่านหนังสอ ื ของสุภาษิต
คุณจะพบว่ามีเสนทางน ้ าร่องมากมายทีใ่ ห ้ไว ้โดยซาโลมอน สาหรับการเลีย้ งดูบต
ุ รอย่างเหมาะสม
ซงึ่ ในปั จจุบันนีถ ู พิจารณาเป็ นสงิ่ ทีไ่ ม่ถก
้ ก ู ต ้องตามกฎหมาย
่ ึ
ซงเป็ นผลลัพธ์มาจากมนุษย์ได ้วางพระคาของพระเจ ้า ไว ้ข ้างหลังทีจ ้
่ ะใชในการเลี ย
้ งดูบต
ุ ร
แต่ละคนและแต่ละของชวั่ อายุของทุกๆคน
ได ้ดาเนินชวี ต ิ ไปในทางทีห ่ า่ งไกลออกไปจากทางของพระองค์เจ ้าและดาเนินชวี ต ิ ไกล ้เคียงไปในท
างนรก

Proverbs 23:13 Withhold not correction from the child: for if thou beatest him with the rod,
he shall not die.

Proverbs 23:14 Thou shalt beat him with the rod, and shalt deliver his SOUL from hell.

363
ี จากเด็ก เพราะถ ้าเจ ้าตีเขาด ้วยไม ้เรียว เขาจะไม่ตาย
สุภาษิต 23:13 อย่ายับยัง้ การตีสอนเสย

23:14 เจ ้าจะตีเขาด ้วยไม ้เรียว แล ้วเจ ้าจะชว่ ยชวี ต


ิ ของเขาให ้รอดจากนรก

This Proverb by no means indicates that parents should brutally beat their
children. However LOVING parents should try reasoning with their children first, and if
that fails, then some form of corporal-punishment should be used to make them obey and
UNDERSTAND. It is so much more important a child learns to obey and follow the RULES
of GOD and HIS COMMANDMENTS, rather than the rules of man and his laws.

สุภาษิตนีไ ้ ม่ได ้ชบ ี้ อกว่าพ่อแม่(คนในครอบครัว)ควรจะตีบต ุ รหลานของเขาทัง้ หลายอย่างโหดร ้าย


แต่อย่างไรก็ตามพ่อแม่(คนในครอบครัว)ทีน ่ ่ารัก ควรจะแสดงเหตุผลกับเด็กทัง้ หลายก่อน
และถ ้าสงิ่ นัน ้ ล ้มเหลว ต่อมาจะเป็ นรูปแบบของการลงโทษทีค ่ วรจะใช ้
เพือ
่ ทาพวกเขาเชอ ื่ ฟั งและเข ้าใจ สงิ่ สาคัญมากกว่า
ให ้ลูกหลานเรียนรู ้ทีจ ่ ะเชอื่ ฟั งและปฏิบัตติ ามกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าและบัญญัตส ิ ประการของพระอ
ิ บ
งค์ แทนทีจ ่ ะเป็ นกฏเกณฑ์ของมนุษย์และกฏหมายของมนุษย์ทต ี่ งั ้ ขึน
้ มา

For if the child is taught to follow THE WORD of GOD they will also abide by the
rules of man; providing those rules do not CONFLICT with THE WORD of GOD. If a parent
does not hold their child's behavior in strict accordance to THE WORD of GOD, that parent
is almost certainly destining that child for hell.

เพราะถ ้าลูกหลานถูกสอนให ้ปฏิบัตต ิ ามพระคาของพระเจ ้า


พวกเขาจะปฏิบัตต ิ ามกฏของมนุษย์ด ้วยเชน ่ กัน
ถ ้าหากว่ากฏหมายเหล่านั น ้ ไม่ทาการขัดแย ้งกับพระคาของพระเจ ้า
ถ ้าพ่อแม่หรือคนในครอบครัวไม่สอนลูกหลานของเขาทัง้ หลาย ให ้ยึดถือพฤติกรรม
ปฏิบัตอ ิ ยูใ่ นพระคาของพระเจ ้า
พ่อแม่หรือคนในครอบครัวนัน ้ ได ้กาหนดจุดหมายปลายทางของลูกหลาน ทัง้ หลายไว ้สาหรับนรก
(ซงึ่ ยาวนานนิรันดร์ไม่มที างออกอยูใ่ นเพลิงไฟด ้วยความร ้อนสูงสุดของไฟ)

Proverbs 22:6 Train up a child in the way he should go: and when he is old, he will not
depart from it.

Proverbs 6:22 When thou goest, it shall lead thee; when thou sleepest, it shall keep thee;
and when thou awakest, it shall talk with thee.

Proverbs 6:23 For the COMMANDMENT is a lamp; and the LAW is LIGHT; and reproofs of
instruction are the way of LIFE.

Proverbs 6:20 My son, keep thy father s commandment, and forsake not the law of thy
mother:

Proverbs 6:21 Bind them continually upon thine heart, and tie them about thy neck.

364
สุภาษิต 22:6 จงฝึ กเด็กในทางทีเ่ ขาควรจะเดินไป และเมือ
่ เขาเติบโตแล ้ว
เขาจะไม่พรากจากทางนัน ้

สุภาษิต 6:20 บุตรชายของเราเอ๋ย จงรักษาบัญญัตข


ิ องพ่อเจ ้า และอย่าละทิง้ กฎเกณฑ์ของแม่เจ ้า

สุภาษิต 6:21 มัดมันติดไว ้บนใจของเจ ้าเสมอ ผูกมันไว ้ทีค


่ อของเจ ้า

สุภาษิต 6:22 เมือ่ เจ ้าเดิน มันจะนาเจ ้า เมือ


่ เจ ้านอนลง มันจะเฝ้ าเจ ้า และเมือ
่ เจ ้าตืน
่ ขึน

มันจะพูดกับเจ ้า

สุภาษิต 6:23 เพราะพระบัญญัตเิ ป็ นประทีป และพระราชบัญญัตเิ ป็ นสว่าง


และคาตักเตือนแห่งการสงั่ สอนเป็ นทางแห่งชวี ต

365
2 Kings, and 1 st and 2nd Chronicles

์ ษั ตริย,์ และ 1 st พงศาวดาร และ 2nd พงศาวดาร บันทึกประวัตศ


2nd พงศก ิ าสตร์อส
ิ ราเอล

The chapter in this BOOK we are now in, is titled "The HOLY BIBLE STORY" and is
intended to chronicle the key events of ISRAEL up until the birth of JESUS CHRIST. THE LORD
has instructed me to not dwell in any great detail on the balance of the OLD TESTAMENT.
However, you should read all the books in the OLD TESTAMENT to further your
UNDERSTANDING of THE WORD of GOD. To properly put into perspective The BIBLE Story,
which is the story of the COMING of JESUS CHRIST, it is important to know about ALL of
ISRAEL'S Kings. However, the KINGS of the GREATEST IMPORTANCE prior to the COMING of
JESUS CHRIST, are KING DAVID and KING SOLOMON, who we have already covered in this
chapter.

ขณะนีเ้ ราได ้อยูใ่ นหนังสอ ื เรือ


่ งราวของพระคัมภีรไ์ บเบิลศักดิส ์ ท ิ ธิ์ และสงิ่ นีม้ เี จตนาทีจ
่ ะจดบันทึก
เหตุการณ์สาคัญต่างๆของอิสราเอลจนกระทั่งการกาเนิดขององค์พระเยซูคริสต์ พระเจ ้าได ้แนะนาผม(ผู ้
พยากรณ์)อย่าเขียนรายละเอียดเรือ ่ งใดเรือ ่ งหนึง่ มากเกินไปในหนังสอ ื พันธสญ ั ญาเดิมทัง้ หมดเพือ ่ ให ้
เกิดความสมดุล แต่อย่างไรก็ตามท่านสามารถทีจ ่ ะอ่านหนังสอ ื ทัง้ หมดของพระคาภีรเ์ ดิมเพือ ่ เพิม่ ความ
เข ้าใจของท่านเกีย ่ วกับพระคาของพระเจ ้า เพือ ่ ทีจ่ ะเข ้าใจความหมายแท ้จริงเข ้าสูก ่ ารเห็นภาพทัง้ หมด
อย่างชด ั เจนและอย่างเหมาะสม ในเรือ ่ งราวของพระคาภีรไ์ บเบิล ้ ทีซ ่ งึ่ เป็ นเรือ
่ งราวของการเสด็จกลับมา
ของพระเยซูคริสต์ นีค ้ อ ่
ื สงทีสิ ่ าคัญเพือ ่ ทีจ
่ ะรู ้จักเกีย ่ วกับกษั ตริยท ์ ัง้ หมดของอิสราเอล แต่อย่างไรก็ตาม
กษั ตริยท์ สี่ าคัญและมีความยิง่ ใหญ่กอ ่ นหน ้าการเสด็จมาเกิดของพระเยซูคริสต์ นัน ้ คือกษั ตริยด ์ าวิดและ
กษั ตริยซ ์ าโลมอน ผู ้ซงึ่ พวกเขาได ้ทาความเข ้าใจไปก่อนหน ้านีแ ้ ล ้ว

The other Kings that are described after SOLOMON in both Judah and IS RAEL are
described in l " and 2nd Kings and in I" and 2nd Chronicles, and do not greatly impact The
BIBLE STORY. Except for a few of these Kings, most of them continued to sin against GOD
causing both ISRAEL and Judah's cap tivity and DESTRUCTION! The books of 1 st and 2nd
Kings and 1 st and 2nd Chronicles summarize the acts of the Kings of Judah and ISRAEL up
until the time of their captivity by e b-u-chad-nez' -zar, King of Babylon. One should read and
be familiar with all the Kings, so you may better UNDERSTAND what had caused ISRAEL to
FALL FROM GOD, and REMEMBER, even though in today's world you LIVE under the NEW
TESTAMENT, the LAW described in the OLD TESTAMENT still applies!

กษั ตริยอ์ น ื่ ๆทีถ


่ ก
ู บันทึกบรรยายหลังจากกษั ตริยซ ์ าโลมอน ทัง้ ในยูดาห์และอิสราเอลนัน ้ เป็ นการ
บรรยายอยูใ่ น 1และ2 พงษ์กษั ตริยแ ์ ละ1และ 2 พงศาวดารและไม่มค ี วามยิง่ ใหญ่อยูใ่ นเรือ
่ งราวของพระ
คาภีร ์ ยกเว ้นกษั ตริยเ์ พียงน ้อยนิด กษั ตริยส ์ ว่ นใหญ่ได ้กระทาบาปต่อต ้านพระเจ ้าเป็ นสาเหตุทาให ้
อิสราเอลและยูดาห์จกไปเป็ นเชลยและถูกทาลาย หนังสอ ื 1และ2 พงษ์กษั ตริยแ
์ ละ1และ 2 พงศาวดาร
เป็ นเรือ
่ งราวสรุปของความประพฤติตา่ งๆของกษั ตริยท ์ ัง้ หลายของยูดาห์และอิสราเอลจนกระทั่งถูกจับ
ไปเป็ นเชลย โดย e b-u-chad-nez' -zar,กษั ตริยข ์ องบาบิโลน คนหนึง่ ควรจะอ่านและคุ ้นเคยเรือ ่ งราว
ของกษั ตริยท ์ ัง้ หมด จากนัน ้ ท่านจะเข ้าใจในสงิ่ ต่างๆทีเ่ ป็ นสาเหตุทาให ้อิสราเอลล ้มเหลวออกจากทาง

366
The BOOK of Ecclesiastes

ื ปั ญญาจารย์
หนั งสอ

The Book of Ecclesiastes is the explanation as to; "What is the purpose of Life? " It
was written during the latter years of the reign of King SOLOMON, by King SOLOMON. The
WORD "Ecclesiastes" means the "Clergy Man" or "The Preacher". If one could fully
comprehend The Book of Ecclesiastes they would behold the meaning of life in this world.
An important point made in the writ ings of the Book of Ecclesiastes; is that all things that
happen in this world have happened before, and that also this world is never-ending!

ื ปั ญญาจารย์นเี้ ป็ นการอธิบายเกีย
หนั งสอ ่ วกับ อะไรคือเป้ าหมายของชวี ต ิ
ได ้เขียนขึน ้ ในระหว่างชว่ งปี ถัดมาจากการครองราชย์ของกษั ตริยซ ์ าโลมอน
โดยกษั ตริยซ ์ าโลมอนเป็ นผู ้เขียน คาว่า ปั ญญาจารย์ Ecclesiastes หมายความถึง
ผู ้ปฏิบัตเิ กีย่ วกับศาสนา บาทหลวง หรือผู ้เทศนา ถ ้าคนหนึง่ สามารถทีจ ่ ะเปรียบเทียบ
ทาความเข ้าใจอย่างถ่องแท ้ในหนั งสอ ื ปั ญญาจารย์ พวกเขาจะเห็นความหมายของชวี ต ิ ในโลกนี้
จุดสาคัญในการเขียนหนั งสอ ื ปั ญญาจารย์นค ื ทุกสงิ่ ทุกอย่างทีเ่ กิดขึน
ี้ อ ้ ในโลกนีไ ้ ด ้เกิดขึน
้ ก่อนหน ้าแ
ละโลกนีไ ้ ม่ได ้จบสนิ้

The reason this world goes on forever; is because the world is only in existence for
SEVEN THOUSAND YEARS at a time! Every SEVEN THOUSAND YEARS GOD recreates the
heavens and the earth and every SEVEN THOUSAND YEARS GOD DESTROYS them. GOD
then recreates that which HE has destroyed and starts all over again, and again, and again
and this goes on throughout eternity. This POINT is most certainly made clear in the Book
of Revelation, when it is read in conjunction with the Book of Ecclesiastes. The only thing
remaining after the DESTRUCTION of the heavens and the earth, is THE WORD of GOD, for
the SAME WORD of GOD is reintroduced into each and every New World.

สาเหตุทโี่ ลกนีด ้ าเนินไปแบบไม่สน ิ้ สุด


เพราะว่าโลกนีไ ้ ด ้เกิดขึน
้ สาหรับเจ็ดพันปี ในหนึง่ รอบ
ทุกๆเจ็ดพันปี พระเจ ้าได ้สร ้างสวรรค์และโลกใหม่อก ี ครัง้ และทุกๆเจ็ดพันปี พระเจ ้าได ้ทาลายโลกนี้
จากนัน้
พระเจ ้าได ้ทรงสร ้างใหม่ในสงิ่ ทีพ ่ ระองค์ได ้ทาลายและเริม ่ ต ้นใหม่ทัง้ หมดอีกครัง้ หนึง่ และซ้าไปซ้าม
าและผ่านไปตลอดไปเป็ นนิจนิรันดร์ นีค ้ อ
ื จุดทีเ่ ห็นออกมาอย่างชด ั เจนในหนังสอ ื วิวรณ์
เมือ
่ ได ้อ่านร่วมกับหนั งสอ ื ปั ญญาจารย์ สงิ่ ทีย ่ ังคงเหลือจากการถูกทาลายของฟ้ าสวรรค์และโลก
คือพระคาของพระเจ ้าเท่านัน ้ เพราะพระคาของพระเจ ้า
ยังคงไม่เปลีย ่ นแปลงเป็ นสงิ่ ทีน ่ าย ้อนกลับมาแนะนา(เพือ ่ สอนในการดาเนินชวี ต ิ )เมือ ่ เข ้าสูใ่ นแต่ละแ
ละทุกๆรอบของโลกใหม่

367
All of the key people that are instrumental in setting the course of the world return
to the "New World" over and over, again and again. Even the Devil is continually released
from hell to return to the earth every SEVEN THOUSAND YEARS! This is why the
description of the Devil as it is WRITTEN in the Book of Revelation is: "The Beast that was,
and is not, and yet is.

กุญแจไขทัง้ หมดของประชากร
นัน้ มีสว่ นเอือ ิ องโลกกลับเข ้าสูโ่ ลกใหม่อก
้ ประโยชน์ในการจัดระเบียบแนวทางปฏิบัตข ี ครัง้
ซ้าแล ้วซ้าเล่า แม ้แต่ซาตานยังคงถูกปล่อยออกมาจากนรกเพือ ่ กลับเข ้ามาสูโ่ ลกทุกๆเจ็ดพันปี
นีค
้ อื สาเหตุวา่ ทาไมซาตานได ้เขียนบรรยายในหนั งสอ ื วิวรณ์วา่ เป็ นสต
ั ว์ร ้ายในอดีต(อยูใ่ นกาลก่อน)
แต่บัดนีม ้ ไิ ด ้เป็ น และกาลังจะเป็ น(ในอนาคต)

Revelation 17:8 The beast that thou sawest was, and is not; and shall ascend out of the
bottomless pit, and go into perdition: and they that dwell on the earth shall wonder, whose
names were not WRITTEN in THE BOOK of LIFE from the foundation of the world, when
they behold the beast that was, and is not, and yet is.

วิวรณ์ 17:8 สต ั ว์ร ้ายทีท


่ า่ นได ้เห็นนั น ้ เป็ นอยูใ่ นกาลก่อน แต่บัดนีม
้ ไิ ด ้เป็ น
และมันจะขึน ้ มาจากเหวทีไ่ ม่มก ี ้นเหวเพือ ่ ไปสูค่ วามพินาศแล ้ว และคนทัง้ หลายทีอ่ ยูใ่ นโลก
ซงึ่ ไม่มช ื่ จดไว ้ในหนั งสอ
ี อ ื แห่งชวี ติ ตัง้ แต่แรกทรงสร ้างโลกนั น ้ ก็จะอัศจรรย์ใจ เมือ
่ เขาเห็นสตั ว์ร ้าย
ซงึ่ ได ้เป็ นอยูใ่ นกาลก่อน แต่บัดนีม ้ ไิ ด ้เป็ น และกาลังจะเป็ น

GOD is FOREVER building HIS KINGDOM and the earth provides the WOMB for HIS
CHILDREN to come OUT off All those who return to the "New World" remember nothing of
the past world when they were in it, and the "New World" is as new to them as it is to those
who have come for the first time.

พระเจ ้านั น
้ ทรงพระชนม์อยูเ่ ป็ นนิจนิรันดร์
ทรงสร ้างอาณาจักรของพระองค์และจัดเตรียมโลกใบนีน ้ ัน
้ เสมือนเป็ นมดลูกสาหรับ
บุตรทัง้ หลายของพระองค์เพือ ่ ะคลอดออกมา ทัง้ หมดผู ้ซงึ่ ได ้กลับเข ้ามา
่ ทีจ
สูโ่ ลกใหม่ไม่สามารถจาอะไรได ้ในโลกเก่า
ขณะทีพ ่ วกเขาได ้อาศัยอยูใ่ นนัน
้ และโลกใหม่เป็ นสงิ่ ใหม่ตอ ่ พวกเขาเสมือนพวกเขาเหล่านัน
้ ได ้เข ้า
มาเป็ นครัง้ แรก

Ecclesiastes 1:11 There is NO REMEMBRANCE offormer things; neither shall there be any
REMEMBRANCE of things that are to come with those that shall come after.

ปั ญญาจารย์ 1:11
ไม่มก ี ารจดจาสงิ่ หลังๆทีจ
ี ารจดจาถึงสมัยก่อนและจะไม่มก ่ ะเกิดมาในท่ามกลางบรรดาผู ้ทีม
่ าภายหลั

368
Isaiah 65:17 For, BEHOLD, I create NEW HEAVENS and a NEW EARTH: and the former shall
not be remembered, nor come into mind. 48

อิสยาห์ 65:17 เพราะ ดูเถิด เราจะสร ้างฟ้ าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่


เพราะสงิ่ เก่าก่อนนัน
้ จะไม่จากันหรือนึกได ้อีก 48

NOTE 48 Let us spend a minute to discuss the problems SOLOMON had during his REIGN
as King. When you read the Book of Ecclesiastes and receive the UNDERSTANDING of it by
THE SPIRIT of TRUTH, you can feel the frustration SOLOMON had as a result of his
RECEIVING GREAT WISDOM. Once SOLOMON had received it from GOD,

โน ้ต 48
ให ้พวกเราใชเวลาส้ ั สองสามนาทีเพือ
ก ่ ทีจ
่ ะทาความเข ้าใจเกีย
่ วกับปั ญหาของซาโลมอนในระหว่าง
ชว่ งดารงตาแหน่งเป็ นกษั ตริย ์
เมือ่ ท่านได ้อ่านหนั งสอ ื ปั ญญาจารย์และได ้รับความเข ้าใจจากการเปิ ดเผยจากพระวิญญาณแห่งควา
มจริง
ท่านสามารถรู ้สก ึ ถึงความผิดหวังของซาโลมอนเนือ ่ งจากผลลัพธ์ของการได ้รับสติปัญญาทีย
่ งิ่ ใหญ่
ของเขา ครัน ้ เมือ ่ ซาโลมอนได ้รับสติปัญญาจากพระเจ ้า

SOLOMON finds that there is very little difference in a carnal sense between the
man and the beast as to their final outcome. They both live and die in much the same way.
HE also finds that other than the SPIRIT given to man by GOD, the person of flesh never
leaves earth and only the SPIRIT of MAN returns to GOD. This is because man only sees
himself as a fleshly person here on this earth and not as the SPIRITUAL PERSON who
eventually ASCENDS up to GOD in HEAVEN.

ซาโลมอนได ้พบว่ามีความแตกต่างระหว่างธรรมชาติของความรู ้สก ึ ฝ่ ายเนือ


้ หนั งระหว่างมนุษย์และสั
ตว์(เสริม น่าจะรวมไปถึงมนุษย์นส ั เหมือนสต
ิ ย ั ว์ด ้วย) เมือ
่ มาถึงชว่ งเวลาท ้ายสุดของชวี ต ิ
ทัง้ สองได ้มีชวี ติ อาศัยและตายในลักษณะทีเ่ หมือนกัน
ซาโลมอนยังคงพบว่านอกจากวิญญาณของมนุษย์ทพ ี่ ระเจ ้าได ้มอบให ้
บุคคลในฝ่ ายเนือ ้ หนังไม่เคยทีจ ่ ะได ้ออกจากโลกและมีเพียงวิญญาณของมนุษย์นัน ้ ได ้กลับเข ้ามาสู่
พระเจ ้า
นีเ้ ป็ นเพราะว่ามนุษย์เห็นเพียงตัวเขาเองเป็ นเหมือนบุคคลทีอ ่ ยูใ่ นโลกใบนีแ ้ ละไม่ใชบ่ ค
ุ คลฝ่ ายวิญ
ญาณผู ้ซงึ่ ในทีส ่ ด ุ นั น
้ ได ้กลับขึน
้ ไปสูพ ่ ระเจ ้าในสวรรค์

This is what JESUS CHRIST taught HIS Disciples about being SPIRITUALLY REBORN
(John 6:63) and this is why JESUS said that the flesh will not profit by SPIRITUAL REBIRTH!
JESUS was trying to tell HIS Disciples that only the SPIRIT of MAN would ASCEND up to
HEAVEN

369
นีค
้ อื สงิ่ ทีพ
่ ระเยซูคริสต์ได ้สอนสาวกของพระองค์เกีย
่ วกับการเกิดใหม่ในฝ่ ายวิญญาณ(ยอห์น
6:63)และนีเ้ ป็ นสาเหตุวา่ ทาไมพระเยซูคริสต์ได ้ตรัสว่าเนือ
้ หนังจะไม่มกี ารกาไรจากการเกิดใหม่ในฝ่
ายวิญญาณ
พระเยซูคริสต์พยายามทีจ ่ ะบอกสาวกทัง้ หลายของพระองค์วา่ มีเพียงวิญญาณของมนุษย์เท่านัน้ ทีจ

ะขึน้ ไปยังสวรรค์

HE then by HIS WISDOM tried to perceive the PURPOSE of LIFE on earth. SOLOMON,
in the Book of Ecclesiastes looks in general at the life of both the GOOD man and the evil
man to see what differences if any there were between the two. The deeper HE looks into
the matter the more he sees this LIFE serving only a VAIN PURPOSE. and the man's body of
flesh will go back into the earth from where it came, once that person has ASCENDED in a
SPIRITUAL FORM!

จากนัน ้ ซาโลมอน โดยสติปัญญาของเขานีพ ้ ยายามทีจ ั ผัส


่ ะรับรู ้ สม
เข ้าใจในเป้ าหมายของชวี ต ิ ทีอ
่ ยูบ
่ นโลก ในหนั งสอ ื ปั ญญาจารย์
ได ้มองเข ้าไปในชวี ติ ทัง้ คนดีและคนชวั่ ร ้ายเพือ ่ ทีจ่ ะเห็นความแตกต่างระหว่างคนทัง้ สอง
มากเท่าไรทีเ่ ขาได ้มองลึกลงไปในเหตุการณ์ตา่ งๆของชวี ต ิ มากเท่านั น ้ ทีเ่ ขาได ้เห็นชวี ต
ิ นั น
้ ได ้มีเพีย
งการรับใช(ท ้ างาน)เพือ ่ เป้ าหมายของเนือ ้ หนังและเลือด
และร่างกายของมนุษย์ในฝ่ ายเนือ ้ หนังนัน
้ ได ้กลับไปสูด ่ น
ิ จากทีซ ่ งึ่ พวกเขาได ้(ถูกสร ้าง)มาจากผงค
ลีดน ิ จากนัน้ บุคคลทีไ่ ด ้กลับขึน้ ไปสู(่ สวรรค์)นัน ้ อยูใ่ นรูปร่างของฝ่ ายวิญญาณ

John 6:62 WHAT AND IF YE SHALL SEE THE SON OF MAN ASCEND UP WHERE HE WAS
BEFORE?

John 6:63 IT IS THE SPIRIT THAT QUICKENETH; THE FLESH PROFITETH NOTHING: THE
WORDS THAT I SPEAK UNTO YOU, THEY ARE SPIRIT, AND THEY ARE LIFE.

ยอห์น 6:62 ถ ้าท่านจะได ้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จขึน


้ ไปยังทีท
่ ท
ี่ า่ นอยูแ
่ ต่กอ
่ นนัน
้ ท่านจะว่าอย่างไร

6:63 จิตวิญญาณเป็ นทีใ่ ห ้มีชวี ต


ิ สว่ นเนือ
้ หนังไม่มป ี ระโยชน์อันใด
ถ ้อยคาซงึ่ เราได ้กล่าวกับท่านทัง้ หลายนั น ้ เป็ นจิตวิญญาณและเป็ นชวี ต

Further explained in Ecclesiastes, is that the spirit of the beast goes back into the
earth and only the GOD given SPIRIT of MAN ascends to HEAVEN. The good news in these
writings of SOLOMON is; that GOD has already determined who is HIS and the bad news is
that GOD has also determined who is not! Therefor, if YOU do BELONG to GOD, it is only a
question of time until YOU RETURN to GOD, for there is a time and a season for ALL
THINGS and ALL THINGS have been PREDETERMINED!

ื ปั ญญาจารย์ยังคงได ้อธิบายมากไปกว่านั น
หนังสอ ้
ว่าวิญญาณของสต ั ว์นัน
้ ได ้กลับสูโ่ ลกใบนีแ
้ ละมีเพียงพระเจ ้าเท่านัน
้ ทีจ
่ ะอนุญาติให ้วิญญาณของมนุ

370
ษย์ขน
ึ้ ไปสูส ่ วรรค์ ข่าวดีในงานเขียนของซาโลมอนนีเ้ ป็ นการตัดสน ิ พระทัยของพระเจ ้าว่า
ใครเป็ นของพระองค์และข่าวร ้ายสาหรับใครทีพ ิ พระทัยว่าผู ้ใดไม่ได ้เป็ นของพระองค์
่ ระเจ ้าตัดสน
จากนัน ้ ถ ้าท่านเป็ นของพระเจ ้า นีเ้ พียงคาถามของเวลาจนกระทั่งท่านได ้กลับไปหาพระเจ ้า
เพราะจะมีเวลาและฤดูสาหรับทุกสงิ่ และทุกอย่างทีไ่ ด ้ตัดสน ิ พระทัยไว ้ก่อนล่วงหน ้าแล ้ว

If you are of the SEED of GOD, then your purpose in this world is to find YOURSELF
SPIRITUALLY This can only be done via THE HOLY SPIRIT through THE WORD of GOD and
you can only receive THE HOLY SPIRIT through JESUS CHRIST who is THE WORD of GOD.
This is referred to in the Scriptures as "The SEEING of GOODNESS", as only through the
EYES of JESUS CHRIST (THE WORD of GOD) can GOODNESS be seen.

ื้ สายของพระเจ ้า)จากนัน
ถ ้าท่านเป็ นเมล็ดพันธุ(์ เชอ ้ จุดประสงค์ของการอยูใ่ นโลกนีน ้ ัน้ เพือ
่ ทีจ
่ ะค ้นพ
บ ตัวของท่านในฝ่ ายจิตวิญญาณ ซงึ่ สามารถทีจ ่ ะกระทาควบคูก ่ ันกับพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
ผ่านทางพระคาของพระเจ ้าและท่านจะได ้รับพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
ผ่านทางพระเยซูคริสต์ผู ้ซงึ่ เป็ นพระคาของพระเจ ้าเท่านัน้ (เสริม พระเยซูคริสต์เป็ นผู ้สอนพระคา)

นีค
้ อ ่ ระคาภีรเ์ ป็ นเหมือนการเห็นความดีงาม
ื การอ ้างอิงสูพ
มีเพียงมองผ่านสายพระเนตรของพระเยซูคริสต์ เท่านัน ้
(พระคาของพระเจ ้า)สามารถสาแดงความดีงาม ความมีคณ ุ ธรรมแท ้จริง ให ้เห็นออกมาได ้

Ecclesiastes 6:6 Yea, though he live a thousand years twice told, yet hath he seen no good:
do not all go to one place? NOTE49

ปั ญญาจารย์ 6:6 เออ แม ้ว่าเขามีชวี ต


ิ อยูพ
่ ันปี ทวีอก
ี เท่าตัว แต่ไม่ได ้เห็นของดีอะไร
ทุกคนมิได ้ลงไปทีเ่ ดียวกันหมดดอกหรือ

NOTE 49 This Scripture again verifies that a person may only enter into HEAVEN through
JESUS CHRIST and there isn't any other way. I have heard it said by many, who believe if
you are a good person (as seen through the eyes of man), you will be received into
HEAVEN. This is simply not so and a ploy used by the Devil to DECEIVE you.

You can only see GOODNESS through the EYES of JESUS CHRIST, and through any
other eyes you will be DECEIVED, by seeing evil as good, and the EYES of JESUS CHRIST is
THE WORD of GOD!

โน ้ต 49
ข ้อพระคาภีรไ์ ด ้บอกเพือ
่ เป็ นการยืนยันต่อบุคคลนัน ้ อาจจะเข ้าสวรรค์ได ้ผ่านทางพระเยซูคริสต์และไ
ม่มที างอืน่ ใดๆ
ผมเคยได ้ยินคาพูดกล่าวจากหลายๆคนผู ้ซงึ่ ได ้เชอ ื่ ว่าถ ้าท่านเป็ นคนดี(ผ่านทางการเห็นผ่านสายตา
ของมนุษย์) ท่านจะถูกรับเข ้าสวรรค์
นีไ ี ารซงึ้ เป็ นเล่หเ์ พทุบายโดยพวกซาตานเพือ
้ ม่เป็ นความจริงและนีเ้ ป็ นวิธก ่ ทีจ
่ ะหลอกลวงท่าน

371
ท่านสามารถทีจ
่ ะเห็นความดีงามผ่านทางสายพระเนตรของพระเยซูคริสต์เท่านัน ้
และผ่านทางสายตาคนอืน ้ ท่านจะถูกหลอกลวงโดยเห็นความชวั่ ร ้ายเป็ นเหมือนความดีและสาย
่ ๆนัน
พระเนตรของพระเยซูคริสต์นัน
้ เป็ นพระคาของพระเจ ้า

Ecclesiastes 3:18 I said in mine heart concerning the estate of the sons of men, that GOD
might manifest them, and they might see that they themselves are beasts.

Ecclesiastes 3:19 For that which befalleth the sons of men befalleth the beasts; even one
thing befalleth them: as the one dieth, so dieth the other; yea, they have all one breath; so
that a man have no preeminence above the beast: for all is vanity.

Ecclesiastes 3:20 All go unto one place; all are of dust, and all turn to dust again.

Ecclesiastes 3:21 Who knoweth the SPIRIT of MAN that goeth upward, and the spirit of the
beast that goeth downward to the earth?

ปั ญญาจารย์ 3:18 ข ้าพเจ ้าราพึงในใจของข ้าพเจ ้าเกีย


่ วกับสภาพของบุตรทัง้ หลายของมนุษย์วา่
"พระเจ ้าทรงทดสอบเขาเพือ ่ จะสาแดงว่าเขาเป็ นเพียงสต ั ว์"

3:19 เพราะว่าเหตุการณ์ของบุตรทัง้ หลายของมนุษย์กับเหตุการณ์ของสต ั ว์เดียรัจฉานนั น


้ เหมือนกัน
คือเป็ นเหตุการณ์อันเดียวกัน ฝ่ ายหนึง่ ตาย อีกฝ่ ายหนึง่ ก็ตายเหมือนกัน
ทัง้ สองมีลมหายใจอย่างเดียวกัน และมนุษย์ไม่มอ ั ว์เดียรัจฉาน เพราะสารพัดก็อนิจจัง
ี ะไรดีกว่าสต

3:20 สารพัดไปยังทีเ่ ดียวกัน สารพัดเป็ นมาจากผงคลีดน


ิ และสารพัดกลับเป็ นผงคลีดน
ิ อีก

3:21 ใครรู ้ว่าจิตวิญญาณของมนุษย์ไปสูเ่ บือ ้ งบนหรือเปล่า


และวิญญาณของสต ั ว์เดียรัจฉานลงไปสูพ
่ ภ
ิ พโลกหรือเปล่า

In Regard to SIN!

เกีย
่ วกับความบาป

Pertaining to SOLOMON as a person of flesh, while he was here on earth,


SOLOMON sinned, even though SOLOMON in HEAVEN is of the SERAPHIM. In HEAVEN HE
hasn't any FAULTS, however during HIS time in this world HE did sin, as His father DAVID
sinned before him. Even THE HOLY SPIRIT, as HE has walked here upon this earth as a
MAN has sinned. There is only ONE who has NEVER SINNED, THE LAMB of GOD, THE
THIRD SERAPHIM, for HE is THE LAMB without a blemish. This is why JESUS was sent to
the earth to be the EXAMPLE for MAN to follow, because only JESUS CHRIST NEVER
SINNED!

เกีย
่ วกับซาโลมอนนัน
้ เป็ นบุคคลในฝ่ ายเนือ ้ หนัง ขณะทีเ่ ขาได ้อยูบ
่ นโลกนัน ้ ได ้กระทาบาป
ถึงแม ้ว่าผ่านทางซาโลมอนอยูบ ่ นสวรรค์นัน ้ เป็ นเสราฟิ ม ในสวรรค์ซาโลมอนนัน ้ ไม่ได ้มีความผิดใดๆ
แต่อย่างไรก็ตามชว่ งระหว่างการมีชวี ต ิ อยูบ
่ นโลกเขาได ้กระทาบาป

372
เหมือนกับพ่อของเขากษั ตริยด ์ าวิดได ้กระทาผิดบาปก่อนหน ้าเขา
แม ้กระทั่งพระวิญญาณบริสท ุ ธิข
์ ณะทีพ ่ ระองค์ได ้ดาเนินชวี ต ิ อยูบ่ นโลกในฐานะเป็ นมนุษย์คนหนึง่ ได ้
ทรงกระทาบาปเชน ่ กัน มีเพียงผู ้เดียวเท่านัน
้ ผู ้ซงึ่ ไม่เคยกระทาบาป นั น ้ คือลูกแกะของพระเจ ้า
เสราฟิ มทีส่ าม เพราะพระองค์เป็ นลูกแกะปราศจากตาหนิใดๆ
นีค ื เหตุผลว่าทาไมพระเยซูคริสต์ได ้ถูกสง่ มายังโลกเพือ
้ อ ่ ทีจ่ ะเป็ น แบบอย่างของมนุษย์ทจี่ ะติดตาม
เพราะว่ามีเพียงพระเยซูคริสต์เพียงผู ้เดียวเท่านัน ้ ทีไ่ ม่เคยกระทาบาป

However, there is a major difference between DAVID and SOLOMON and THE HOLY
SPIRIT of GOD, who being sent to the earth as MEN, as COMPARED to the man that has
come out of the earth! THEY HAVE A DIVINE RIGHT TO HEAVEN, as does the ANGEL,
whereas the man of the earth hasn't any right to HEAVEN whatsoever! The only WAY the
man of the earth can be RECEIVED into HEAVEN SPIRITUALLY is by the GRACE of GOD. The
man of the earth MUST be REBORN SPIRITUALLY and at the time of his physical death be
WITHOUT SIN!

แต่อย่างไรก็ตาม
มีความสาคัญหลักทีแ ่ ตกต่างระหว่างดาวิดและซาโลมอนและพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
ผู ้ซงึ่ ได ้ถูกสง่ มายังโลกเป็ นเหมือนมนุษย์ ขณะทีเ่ ปรียบเทียบกับมนุษย์ทไี่ ด ้คลอดออกมาจากโลก
พวกเขาทัง้ สามได ้มีสท ิ ธิถก
ู ต ้องทีจ ่ ะเข ้าสวรรค์ เหมือนทูตสวรรค์
ทีซ ่ งึ่ มนุษย์บนโลกนั น ้ ไม่มส ิ ธิท
ี ท ์ จ
ี่ ะเข ้าสวรรค์ไม่วา่ ในกรณีใดๆก็ตาม
มีเพียงทางเดียวทีม ่ นุษย์จะสามารถถูกรับเข ้าสวรรค์ในรูปร่างฝ่ ายวิญญาณโดยพระคุณของพระเจ ้า
มนุษย์บนโลกถึงจาต ้องเกิดใหม่จากพระวิญญาณบริสท ์ ละชว่ งเวลาทีเ่ ขาได ้เสย
ุ ธิแ ี ชวี ต
ิ นัน
้ ปราศจาก
บาป

The GOOD NEWS for man is that ALL SINS can be forgiven by THE GRACE of GOD,
making one's SOUL white and free from SIN through THE BLOOD OF THE LAMB. In days of
old, sins could only be forgiven through an animal sacrifice! However, in THE NEW
COVENANT, THE LAMB of GOD replaced the animal sacrifice and only by THE BLOOD of
JESUS CHRIST can one's SOUL be cleansed, FREEING THAT SOUL FROM SIN!

ข่าวดีสาหรับมนุษย์นัน ้ ก็คอื ความบาปทัง้ หมดจะถูกยกโทษโดยพระคุณของพระเจ ้า


กระทาให ้ดวงวิญญาญดวงหนึง่ นัน ้ เป็ นอิสระจากความบาปผ่านทางพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
ในชว่ งวันเวลาอดีตพระคาภีรเ์ ดิม ความบาปสามารถทีจ ่ ะยกโทษผ่านทางการถวายสต ั ว์บช
ู า
แต่อย่างไรก็ตามในพันธสญ ั ญาใหม่
ลูกแกะของพระเจ ้าได ้เข ้ามาแทนทีก ่ ารถวายเครือ ั ว์และมีเพียงพระโลหิตของพระเยซูค
่ งบูชาด ้วยสต
ริสต์เท่านั น
้ ทีด
่ วงวิญญาณดวงหนึง่ สามารถทีจ ่ ะถูกชาระให ้สะอาด
ดวงวิญญาณนัน ้ จะเป็ นอิสระปราศจากบาป

Read Ecclesiastes in its entirety, for it most accurately describes the purpose of
one's life on earth. It critiques how the body of flesh is a product of the earth whereas the
GOD GIVEN SPIRIT is a PRODUCT of HEAVEN. The book also details how one most live their

373
life on earth in STRICT accordance with GOD'S LAWS and COMMANDMENTS and how man
must continually be OBEDIENT to GOD throughout his entire LIFE, for that is the PURPOSE
of MAN!

อ่านปั ญญาจารย์ทั่วทัง้ หมด


เพราะนีค ื สงิ่ ทีบ
้ อ ่ รรยายเป้ าหมายของชวี ต ิ ของคนคนหนึง่ ในโลก
เพือ่ เป็ นการทบทวนว่าร่างกายของเนือ ้ หนั งทีไ่ ด ้ผลิตออกมาจากโลกทีซ ่ งึ่ พระเจ ้าได ้มอบดวงวิญญา
ณเป็ นผลผลิตของสวรรค์ หนั งสอ ื เล่มนีย
้ ังรายละเอียดถึง
คนหนึง่ ควรดาเนินชวี ต ิ อย่างไรสาหรับชวี ต ิ ของพวกเขาควรจะเข ้มงวด
ฝึ กฝนตัวเองติดตามในกฏเกณฑ์ของพระเจ ้าและคาสงั่ สอนของพระองค์และมนุษย์จาต ้องเชอ ื่ ฟั งพร
ะเจ ้าอย่างสมา่ เสมอตลอดชวั่ ชวี ต ิ เพราะนีค ื เป้ าหมายของชวี ต
้ อ ิ มนุษย์

Ecclesiastes 12:13 Let us hear the conclusion of the whole matter: FEAR GOD, and keep HIS
COMMANDMENTS: for this is the whole duty of man.

ิ้ แล ้ว คือจงยาเกรงพระเจ ้า
ปั ญญาจารย์ 12:13 ให ้เราฟั งตอนสรุปความกันทัง้ สน
และรักษาพระบัญญัตข ิ องพระองค์ เพราะนีแ่ หละเป็ นหน ้าทีท ิ้ ของมนุษย์
่ ัง้ สน

The SONG of SOLOMON

บทเพลงของซาโลมอน

The book, "The Song of Solomon", was also written by King SOLOMON and is a
reciprocating expression of LOVE. It explains how one should offer their LOVE as well as
how one should receive it. This is how GOD has intended for you to express your LOVE to
those WHOM HE LOVES. You will notice when reading this book that there is a great deal of
sexual overtones expressed between the two LOVERS.

หนังสอ ื บทเพลงของซาโลมอนนั น ้ ถูกเขียนขึน


้ โดยกษั ตริยซ์ าโลมอน และเป็ นการแสดง
ออกให ้เห็นถึงการแลกเปลีย ่ นความรัก
โดยอธิบายว่าคนหนึง่ ควรจะเสนอความรักของพวกเขาอย่างไรเทียบได ้เท่ากับอีกคนหนึง่ ควรจะได ้รั
บความรักอย่างไร
นีค ื สงิ่ ทีพ
้ อ ่ ระเจ ้าได ้มีเจตนาเพือ่ ทีจ
่ ะให ้ท่านได ้แสดงออกถึงความรักต่อคนเหล่านัน ้ ผู ้ซงึ่ พระองค์ทร
งรัก ท่านอาจจะสงั เกตว่าเมือ ่ อ่านหนั งสอ ื เล่มนี้
มีการสาแดงออกถึงการมีความสม ั พันธ์อย่างลึกซงึ้ ระหว่างคนรักทัง้ สอง

This SEXUAL EXPRESSION of LOVE is NORMAL between SOUL MATES. As explained


to you before, the FOUR SERAPHIM and the FOUR COVENANT ANGELS are SOUL MATES,
and the WRITINGs in the Song of Solomon express the intimate LOVE between the
SERAPHIM and COVENANT ANGEL. GOD CREATED MAN and WOMAN to be like the
SERAPHIM and THE COVENANT ANGEL.

374
การแสดงออกถึงความรักนัน ้ เป็ นเรือ
่ งธรรมชาติระหว่างคูร่ ักของดวงวิญญาณ
เหมือนทีไ่ ด ้อธิบายท่านไปก่อนหน ้านีว้ า่
เสราฟิ มทัง้ สแี่ ละทูตสวรรค์แห่งพันธสญ ั ญานั น้ เป็ นคูร่ ักของดวงวิญญาณและงานเขียนของซาโลมอ
นทีแ
่ สดงออกถึงความรักนัน ้ เป็ นการบรรยายความรักระหว่าง เสราฟิ มกับทูตสวรรค์แห่งพันธสญ ั ญา
พระเจ ้าได ้สร ้างมนุษย์ผู ้ชายและผู ้หญิงขึน ้ มาเหมือนกับ
เสราฟิ มและทูตสวรรค์แห่งพันธสญ ั ญา

There is also a GREAT deal of Prophesy in the Song of Solomon, and through the
Scriptures it is made clear how those who are chosen for HEAVEN will live, while in the
PRESENCE of GOD. It also expresses the LOVE and PASSION between one another for those
who will have SOULMATES.

มีเป็ นคาพยากรณ์ทย ี่ งิ่ ใหญ่มากอยูใ่ นบทเพลงซาโลมอน


และผ่านทางข ้อพระคาภีรไ์ ด ้เห็นออกมาอย่างชด ั เจนว่า
คนเหล่านั น้ ได ้ถูกเลือกสาหรับการอาศัยอยูบ ่ นสวรรค์นัน
้ ขณะทีอ
่ ยูใ่ นการทรงสถิตย์ของพระเจ ้า
นีค
้ อ
ื การสาแดงความรักและความอดทนนานระหว่างคนหนึง่ และอีกคนหนึง่ ต่อคนเหล่านีน ้ ทีเ่ ป็ นคูร่ ัก
ของฝ่ ายวิญญาณ

In HEAVEN, only those of THE BRIDE of CHRIST will have a SOUL MATE. Those
who are guests of THE WEDDING SUPPER will be as the ANGEL and will have neither
GENDER nor a SOUL MATE. The reason for this is because only the SONS of GOD can mate
in HEAVEN, and the BRIDE becomes a SON through MARRIAGE!

บนสวรรค์มเี พียงเจ ้าสาวของพระเยซูคริสต์นัน ้ จะมีคข


ู่ องฝ่ ายวิญญาณ
้ ผู ้ซงึ่ เป็ นแขกรับเชญ
พวกเขาเหล่านัน ิ นัน
้ จะเป็ นเหมือนทูตสวรรค์และไม่มเี พศหรือไม่มค ี รู่ ักของฝ่ าย
วิญญาณ
เหตุผลเพราะว่ามีเพียงบุตรของพระเจ ้าเท่านัน ้ ทีส
่ ามารถจะมีครู่ ักบนสวรรค์และเจ ้าสาวกลายเป็ นบุต
รผ่านทางการแต่งงาน

6.16 The SIXTEEN WRITING PROPHETS

ิ หกคน ในพระคาภีรเ์ ดิม


ผลงานเขียนของผู ้พยากรณ์สบ

Before we get into The Writing Prophets there are a few things that one must
UNDERSTAND in order to see the PROPHECY in both the PRESENT and the FUTURE
LAYERS of the Scriptures. The nations and groups of people that are referred to in the
Scriptures represent certain TRAITS that existed in the nations and people at the time of
the WRITING.

ก่อนหน ้าทีเ่ ราจะเข ้าไปสูก่ ารบันทึกของผู ้พยากรณ์


มีสองสามสงิ่ ทีค
่ นหนึง่ ควรจะเข ้าใจเพือ่ ทีจ
่ ะเห็นถึงคาพยากรณ์ทัง้ ปั จจุบันและในอนาคต
ผ่านทางลาดับชน ั ้ ความลึกของข ้อพระคาภีรต ์ า่ งๆ

375
ชนชาติตา่ งๆและกลุม ่ ของประชากรทีไ่ ด ้อ ้างอิงในข ้อพระคาภีรน
์ ัน
้ เป็ นการสาแดงให ้เห็นถึงบุคคลิก
ลักษณะเฉพาะทีย ่ ังคงมีอยูข
่ องชนชาตินัน ้ ๆ ในชว่ งเวลาของการเขียนนั น ้

Those same TRAITS still apply to both people and nations in the present times, even
though they have been given different names. A good example of this is that the world as a
whole when it is barren of any GOODNESS can be referred to as Egypt or Babylon, as these
two nations were FAR from THE LORD in all that they did.

ลักษณะเฉพาะของคน(เอกลักษณ์)แบบเดียวกันนี้
ยังคงประยุกต์กับผู ้คนและประชาชาติในชว่ งเวลาปั จจุบันนี้
ถึงแม ้ว่าพวกเขาเหล่านั น ื่ เรียก(แต่ละประเทศ)ทีแ
้ ได ้มีชอ ่ ตกต่างกันออกไป
ตัวอย่างทีเ่ ห็นออกมาได ้ชด ั ยังคงมีอยูใ่ นโลกทัง้ หมด เมือ่ คนทีไ่ ด ้เป็ นหมันในการกระทาความดี
สามารถอ ้างอิงเป็ นเหมือนชนชาติอย ี ป
ิ ต์และบาบิโลน
ซงึ่ สองชนชาตินไ ี้ ด ้มีความประพฤติของพวกเขาห่างไกลไปจากลักษณะของพระองค์เจ ้าในทุกๆด ้า

Therefor when reading the Scriptures and how they apply to the PRESENT day
conditions and to the FUTURE conditions, one must first UNDERSTAND the TRAITS of
those nations or people's LIFESTYLES. To further explain, when reading Chapter 18 of the
Book of Revelation you will see many references made to the fall of the City of Babylon. The
Babylon spoken of here is not the ancient City of Babylon, but rather cities and nations and
people who have taken on the Babylonian TRAITS.

ด ้วยเหตุนเี้ มือ
่ อ่านพระคัมภีรไ์ บเบิล้
และสงิ่ เหล่านีน ้ ามาประยุกต์ใชกั้ บสภาพในปั จจุบันและในอนาคต แรกเริม ่ ,
คนหนึง่ จาต ้องเข ้าใจลักษณะเฉพาะของประชาชาติเหล่านัน ้ หรือวิถที างการดาเนินชวี ติ ของผู ้คน
อธิบายให ้เข ้าใจมากขึน ้ เมือ
่ อ่าน บทที1 ื
่ 8 ของหนั งสอวิวรณ์
ท่านจะเห็นการอ ้างอิงเป็ นจานวนมากเกีย ่ วกับ เมืองของบาบิโลนทีล่ ้มลง บาบิโลนทีก ่ ล่าวถึง
ณทีน่ ไี้ ม่ใชเ่ ป็ นเมืองเก่าแก่ของบาบิโลน,
แต่เป็ นการอ ้างอิงถึงเมืองต่างๆและประชาชาติตา่ งๆและผู ้คนซงึ่ มีลักษณะเอกลักษณ์เฉพาะ
เหมือนคนบาบิโลน
There are also references in the PROPHECIES made in regard to "The Assyrian".
These are references made in regard to the Devil, for he is referred to "The Assyrian" in the
Scriptures. The Devil is also referred to in the Scriptures as "Satan", "the Leviathan",
"Lucifer", "the Adulterer", "the Whore" and the Accuser".

มีการ อ ้างอิงกล่าวถึงในคาพยากรณ์ เกีย ่ วกับ ชาวอัสซเี รีย มีอ ้างอิงเกีย


่ วกับพวกปี ศาจ
เพราะเขาถูกกล่าวอ ้างอิงเป็ นเหมือน ชาวอัสซเี รีย อยูใ่ นพระคัมภีรไ์ บเบิล พวกปี ศาจ
ั ว์ทะเลขนาดใหญ่มหึมา Leviathan เลวีอาธาน
ยังคงถูกอ ้างถึงในพระคัมภีร ์ เป็ น"ซาตาน" สต
Lucifer ลูซเิ ฟอร์ คนล่วงประเวณี โฮโมเซ็กชวล หญิงแพศยาโสเภณี และการผู ้กล่าวโทษ

ื ของ อิสยาห์
The BOOK of Isaiah หนั งสอ

376
Of the sixteen Writing Prophets Isaiah was among the greatest. THE LORD gave Isaiah
Prophecy of ISRAEL'S future as well as the future outcome of their neihboring nations. He
was given the world's future outcome before, during and after THE GREAT TRIBULATION.

อิสยาห์นัน ้ เป็ นผู ้ทีม


่ ค
ี วามสาคัญมากทีส ่ ด
ุ ท่ามกลางผู ้พยากรณ์หนึง่ ในสบิ หกคน
พระองค์เจ ้าได ้มอบคาทานายอนาคตของอิสราเอลแก่อส ิ ยาห์
เทียบได ้เท่ากับเหตุการณ์ลว่ งหน ้าก่อนทีจ ่ ะเกิด ขึน้ ของเพือ่ นบ ้านชนชาติไกล ้เคียงทัง้ หลาย
พระองค์ได ้ให ้คาทานายเกีย ่ วกับโลกอนาคต ก่อนทีจ ่ ะเกิดขึน
้ ในระหว่าง THE GREAT
TRIBULATION ชว่ งวันเวลาแห่งความทุกข์ยากลาบาก

GOD also gave Isaiah Prophecy of the coming MIESSIAH (JESUS CHRIST) in Chapter
53, and the COMING of THE HOLY SPIRIT in the form of a MAN in Chapter 42 of the Book of
Isaiah.

พระเจ ้าได ้มอบคาพยากรณ์แก่อส ิ ยาห์


เกีย
่ วกับการเสด็จมาของพระเมสย ิ าห์(พระเยซูคริสต์)ในบทที่ 53
และการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสท ื อิสยาห์
ุ ธิใ์ นรูปร่างของมนุษย์ในบทที่ 42 ของหนั งสอ

The RAPTUE is also spoken about in the 57th chapter. JESUS CHRIST most often
quoted the writings of Isaiah along with the Psalms while giving HIS SERMONS . JESUS
also learned a GREAT deal about HIMSELF through the Scriptures in Isaiah's writings. The
Scriptures CONFIRMED HIS mission here and also told HIM about HIS pending death on the
CROSS .

การเรบเจอร์ได ้กล่าวถึงในบทที่ 57
บ่อยครัง้ ทีพ
่ ระเยซูคริสต์ได ้โค ้ท(อ ้างอิงการเขียน)ข ้อพระคาภีรใ์ นหนั งสอื อิสยาห์
ตามมาด ้วยเพลงสดุดข ี ณะทีพ่ ระองค์เทศนาสงั่ สอน พระเยซูคริสต์ยังได ้มีการเรียนรู ้
ผ่านข ้อพระคัมภีรใ์ นการเขียนของอิสยาห์ อย่างมากมายด ้วยพระองค์เอง
ข ้อพระคัมภีรย ์ น
ื ยันภาระกิจของพระองค์ทน ี่ แ
ี่ ละได ้บอกพระองค์เกีย
่ วกับ
ชว่ งระยะเวลาของลักษณะการตายบนไม ้กางเขนด ้วยเชน ่ กัน

JESUS lived as a common man for thirty years and by HIS continually Reading THE
WORD of GOD during those thirty years, HE received an UNDER STANDING of who HE was
and what GOD had intended for HIM to Do .This UNDERSTANDING came by way of certain
TRIGGER mechanisms contained within THE WORD of GOD. These TRIGGER mechanisms
are place within the Scriptures specifically to refresh one's memory, and in the case of
JESUS they allowed HIM to remember certain HEAVENLY things.

พระเยซูคริสต์มช ี วี ต
ิ อาศัยเป็ นผู ้ชายธรรมดาเป็ นเวลาสามสบ ิ ปี
และพระองค์ยังคงอ่านพระคาของพระเจ ้าอย่างต่อเนือ ่ ง ในชว่ งระหว่างอายุสามสบ ิ ปี นัน
้ ,
พระองค์ได ้รับความเข ้าใจว่า
พระองค์เป็ นใครและภาระกิจใดทีพ ่ ระเจ ้ามีเจตนาให ้พระองค์ทจ ี่ ะกระทา
ความเข ้าใจนีไ้ ด ้เข ้ามาในลักษณะเป็ นการดลใจภายในจากสงทีบ ่ ิ ่ รรจุอยูใ่ นพระคาของพระเจ ้า

377
สงิ่ ดลใจให ้กระทานีไ ้ ด ้วางอยูใ่ นข ้อพระคาภีรต
์ า่ งๆโดยเฉพาะเพือ ื่
่ เป็ นความสดชน
สดใหม่ในความทรงจา(เพือ ่ ทีจ่ ะระลึกถึง)และในกรณีของพระเยซูคริสต์
จากสงิ่ ต่างๆเหล่านั น
้ ได ้อนุญาติให ้พระองค์จดจาสงิ่ ต่างๆของสวรรค์

TRIGGER are present throughout the entire FORTY-FOUR Books of THE HOLY BIBLE
.and even in the Book of Esther, which has only a single LAYER of depth, they are present.
Once the Scriptures are READ and also SPOKEN aloud, the TRIGGERS are ingested into
one's SPIRIT by way of THE HOLY SPIRIT, thus giving the READER varying DEPTHS in their
UNDERSTANDING of the Scriptures.

การดลใจกระตุ ้นเร ้าจิตใจผ่านทางหนั งสอ ื สส


ี่ บ
ิ สเี่ ล่มของพระคาภีรไ์ บเบิล ้ ศักดิส ์ ทิ ธิ์ และแม ้
แต่ในหนังสอ ื ของเอสเธอร์ การบันทึกรายละเอียดได ้สาแดง
ระดับชนั ้ ความลึกเพียงชน ั ้ เดียวเท่านั น
้ เมือ
่ พระคัมภีรไ์ บเบิลได ้อ่านและได ้พูดดังๆ
จะเป็ นสงิ่ เร ้าใจซงึ่ จะถูกนาเข ้าไปในร่างกาย
ลงไปในวิญญาณของคนๆหนึง่ โดยผ่านทางพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์ ด ้วยเหตุนี้ทาให ้ผู ้อ่าน
เกิดความเข ้าใจอยูภ ่ ายในพวกเขาทัง้ หลาย
ในระดับความลึกหลากหลายผ่านทางข ้อพระคัมภีรไ์ บเบิล

Except for THE HOLY SPIRIT, no one that has ever walked upon the earth has
UNDERSTOOD THE WORD of GOD more EXCELLENTLY than JESUS CHRIST. This is why
JESUS CHRIST is called "THE WORD of GOD" and THE SPIRIT of PROPHECY.

. ยกเว ้นสาหรับองค์พระวิญญาณบริสทุ ธิ์ ไม่มใี ครทีเ่ คยเดินบนโลกได ้มีความเข ้าใจ


พระคาของพระเจ ้าอย่างยอดเยีย ่ มมากไปกว่าพระเยซูคริสต์ สงิ่ นีเ้ หตุผลว่าทาไมพระเยซูคริสต
ถูกเรียกว่า "พระคาของพระเจ ้า"และพระวิญญาณแห่งการพยากรณ์

Even during the WRITING of the Scriptures, the WRITING PROPHETS did not fully
understand much of what they themselves had written. THE WORD came to them by GOD
via THE HOLY SPIRIT. They would write down THE WORD as they had heard it and never
questioned its full meaning, for they KNEW it was THE WORD of GOD!

แม ้แต่ระหว่างชว่ งการเขียนบันทึกของพระคัมภีรไ์ บเบิล,


ผู ้พยากรณ์บันทึกเหตุการณ์ลว่ งหน ้าไม่เข ้าใจงานเขียนทัง้ หมด ในสงิ่ ซงึ่ พวกเขาเองได ้เขียนลงไป
คาพูดของพระเจ ้าทีเ่ ข ้ามาสู่ พวกเขาโดยการดลใจผ่านทางพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
พวกเขาจะบันทึกพระคาของพระเจ ้าเหมือนทีพ ่ วกเขาได ้ยินและไม่เคยถามถึงความหมายต่างๆอย่าง
ั เจน เพราะพวกเขารู ้จักว่านีเ้ ป็ นพระคาของพระเจ ้า
ชด

When reading the Scriptures one should ask THE LORD if they might RECEIVE THE
SPIRIT of TRUTH and UNDERSTAND- ING? For those who do RECEIVE IT, the TRIGGERS
buried in the depth of the Scriptures will be snapped for them, REVEALING to them, THE
BIBLE'S TRUTH.

378
เมือ
่ คนๆหนึง่ อ่านพระคัมภีรไ์ บเบิล
ควรจะอธิษฐานทูลขอพระองค์เจ ้าเพือ ่ ว่าพวกเขาอาจจะได ้รับพระวิญญาณแห่งความจริงและพระวิญ
ญาณแห่งความเข ้าใจ เพราะสาหรับคนเหล่านั น ้ ทีไ่ ด ้รับจากการอธิษฐานขอ
จะมีความกระตือรือร ้นเป็ นสงิ่ กระตุ ้นให ้เกิดความอยากเรียนรู ้ (แสวงหา) ความ
หมายทีฝ ่ นอยูใ่ นลาดับชน
่ ั งซอ ึ้ ความลึกของพระคาภีรข ์ ้อต่างๆ
ความจริงของพระคัมภีรไ์ บเบิลจะทาให ้เกิดความแตกฉานต่อพวกเขาเอง
เป็ นการเปิ ดเผยถึงความจริงในพระคาภีร(์ ในระดับทีล ่ กึ ซงึ้ ) ต่อพวกเขา
As with most of the Prophets, Isaiah did some pretty bizarre things to get the people's
attention when he would SPEAK. He walked naked through the streets for three years to
demonstrate the fate that was soon to befall ISRAEL, Egypt, and Ethiopia, by the King of
Babylon

เพราะผู ้พยากรณ์ลว่ งหน ้าทัง้ หลายสว่ นใหญ่, ตัวอย่างเชน ่ อิสยาห์ได ้กระทาสงิ่ แปลกปะหลาด
เพือ
่ ทีจ
่ ะให ้ประชากรสนใจเมือ่ เขาได ้พูด
เขาได ้เดินเปลือยกายผ่านไปตามถนนเป็ ยระยะเวลาสามปี เพือ ่ ทีจ่ ะแสดงให ้เห็นถึงชะตากรรมในไม่
้ จ
ชาที ่ ะมาถึงนั น
้ อิสราเอล อียปิ ต์ และเอธิโอเปี ย จะล ้มลงอยูภ่ ายใต ้กษั ตริยข
์ องบาบิโลน

Isaiah 20:3 And THE LORD said, Like as my servant Isaiah hath walked naked and barefoot
three years for a sign and wonder upon Egypt and upon Eithi-o 'pi-a;

Isaiah 20:4 So shall the king of Assyria lead away the Egyptians prisoners, and the E-thi-o
'pi-ans captives, young and old, naked and barefoot, even with their buttocks uncovered, to
the shame of Egypt.


อิสยาห์ 20:3 และพระเยโฮวาห์ตรัสว่า "อิสยาห์ผู ้รับใชของเราเดิ นเปลือยกายและเท ้าเปล่าสามปี
เป็ นหมายสาคัญและเป็ นมหัศจรรย์แก่อย
ี ป
ิ ต์และแก่เอธิโอเปี ยฉั นใด

อิสยาห์ 20:4 กษั ตริยแ์ ห่งอัสซเี รียจะนาคนอียป


ิ ต์ไปเป็ นเชลย
และจะกวาดคนเอธิโอเปี ยไปเป็ นเชลย ทัง้ คนหนุ่มสาวและคนแก่ เปลือยกายและเท ้าเปล่า เปิ ดก ้น
เป็ นทีล
่ ะอายแก่อย
ี ป
ิ ต์

There are many such TRIGGERS as we have previously discussed, buried within the
Scriptures of the Book of Isaiah. So, one must READ the Scriptures before they can RECEIVE
the PROPHECY and after their FIRST READING them, ask THE LORD for the
UNDERSTANDING of them and how they may apply to the PRESENT and the FUTURE.
When reading in the Book of Isaiah, REMEMBER, the nations being referred to in a
particular PROPHECY given by the Scriptures, had various types of traits. The PROPHECY
given in the Scriptures apply more so to those nations traits than to the nations themselves,

มีหลายสงิ่ หลายอย่างทีเ่ ป็ นการกระตุ ้นจูงใจ เหมือนทีพ ่ วกเราได ้แบ่งปั นกันก่อนหน ้านีว้ า่


ความหมายทีฝ ่ นอยูใ่ นหนั งสอ
่ ั งซอ ื อิสยาห์ จากนั น
้ เมือ
่ คนหนึง่ อ่านพระคาภีรก ์ อ
่ นหน ้า
ทีพ
่ วกเขาจะสามารถรับเข ้าใจการพยากรณ์ (เสริม ในการแปลความหมายของระดับชน ั ้ ความลึก)
และหลังจากพวกเขาได ้อ่านสงิ่ เหล่านีก ้ อ
่ น จากนัน ้ ได ้อธิษฐานทูลขอพระองค์เจ ้า

379
สาหรับเปิ ดเผยความเข ้าใจแก่พวกเขาและเพือ ่ ทีพ ้
่ วกเขาอาจจะนามาประยุกต์ใชในเหตุ การณ์ปัจจุบั
นและในอนาคต เมือ ่ อ่านหนังสอ ื อิสยาห์จงจาไว ้ว่า
ชนชาติตา่ งๆนัน ่ ว่ นหนึง่ ของคาพยากรณ์ทบ
้ ทีไ่ ด ้อ ้างอิงเข ้าสูส ี่ อกไว ้ผ่านทางข ้อพระคาภีรน ์ ัน
้ มีหลาก
หลายบุคคลิกลักษณะนิสย ั เฉพาะ
คาพยากรณ์ในข ้อความพระคาภีรน ์ ส ้ ม
ี้ ามารถนามาประยุกต์ใชเพิ ่ มากขึน ้ ต่อชนชาติทัง้ หลายในโลก
มากไปกว่าเป็ นชนชาติตา่ งๆทีร่ ะบุไว ้ของพวกเขาเอง

and the same PROPHECY can be applied to existing nations in the world today. The
PROPHECY can be applied as well to certain groups of people having those same traits as
the nations referred to in the Scriptures. For instance; the references made in the
Scriptures for the coming DESTRUCTION and DAMNATION of the nation of Babylon, are
also references made to the coming FATE of many nations and people exhibiting the same
traits as Babylon in the world today.

และคาพยากรณ์เดียวกันนี้ สามารถประยุกต์ใชกั้ บชนชาติทค ี่ งอยูใ่ นโลกทุกวันนี้ การทา


นาย สามารถประยุกต์ได ้ในบทบาททีเ่ หมือนกันอย่างแน่นอนใน
กลุม่ คนต่างๆทีม ่ ล
ี ักษณะเฉพาะบุคคลิก(นิสย ั ใจคอ)เดียวกันกับชนชาติอ ้างอิงถึงอยูใ่ นพระคัมภีรไ์ บเ
บิล ตัวอย่างเชน ่
ในพระคัมภีรไ์ บเบิลอ ้างอิงถึงการทาลายทีจ ่ ะมาถึงในอนาคตและการสาปแชง่ ของบรรดาชนชาติขอ
งบาบิโลน
นีค
้ อื การอ ้างอิงถึงสงิ่ เลวร ้ายต่างๆนาๆของทุกชนชาติและประชากรทีไ่ ด ้มีคณ ุ ลักษณะเหมือนกับผู ้ค
นในบาบิโลนทีไ่ ด ้อาศัยอยูใ่ นโลกทุกวันนี้

These nations and its people will suffer total DESTRUCTION just as Babylon had. Any
references made to "the Assyrian", are references made to the Devil, and references made
to the nation of Egypt apply to the Earth in its entirety. Therefor it is very important for you
to UNDERSTAND the traits of those nations, for it is because of those traits they ultimately
cause their own DESTRUCTION!

ชนชาติเหล่านีแ ้ ละนัน
้ หมายถึงประชากรทีจ ่ ะถูกทรมานอย่างแสนสาหัสในการทาลายทิง้
เหมือนกันบาบิโลนได ้ประสบ การอ ้างอิงใดๆถึงชาวอัสซเี รียนัน ้ หมายถึงพวกปี ศาจ
และการอ ้างอิงชนชาติของอียป ิ ต์นัน
้ หมายถึงประชากรโลกทั่วไปทัง้ หมด
จากนัน้ เป็ นสงิ่ ทีส
่ าคัญต่อตัวคุณเองทีจ ่ ะทาความเข ้าใจบุคคลิกลักษณะ(นิสย ั ใจคอ)ของชนชาติเหล่
านัน
้ เพราะว่า นิสย ั บุคลิกลักษณะเหล่านีไ ้ ด ้ท ้ายทีส
่ ด
ุ นัน ่ นเอง
้ เป็ นสาเหตุทาให ้นาความพินาศมาสูต

The BOOKS of Jeremiah and Lamentations

ื เยเรมียแ
หนั งสอ ์ ละบทเพลงคร่าครวญของเยเรมีย ์

Both the Books of Jeremiah and Lamentations were recited by Jeremiah the Prophet
and then written for him by Ba' -ruch the Scribe, because Jeremiah him self did not know

380
how to write. Jeremiah's prophecy was about the destruction of JERUSALEM, and he
prophesied during the reign of Jo-si'-ah, Je-hoi-a kim, and Zed-e-ki-ah, Kings of Judah. Due
to Jeremiah's LOVE for JERUSALEM and his people, he wept continually over them because
they refused to listen to his warnings!

หนังสอ ื เยเรมียแ ์ ละบทเพลงคร่าครวญของเยเรมียท ์ ัง้ สองถูกท่องจาโดย ผู ้พยากรณ์เยเรมีย ์


และต่อมาได ้ทาการเขียนแทน เยเรมียโ์ ดย บารุค Ba '- ruch(บุตรชายของเนริยาห์)
ซงึ่ เป็ นผู ้ทาหน ้าทีบ
่ ันทึกข ้อความในพระคาภีรน ์ ี้
เพราะว่าผู ้พยากรณ์เยเรมียต ์ ัวเองไม่สามารถจะเขียนได ้
คาพยากรณ์เยเรมียน ์ ัน
้ เกีย
่ วกับการถูกทาลายของกรุงเยรุซาเล็มทีน ่ ับวันไกล ้เข ้ามา
และเขาได ้ทานายระหว่างชว่ งการปกครองโดยกษั ตริย ์ Jo-si'-ah (โยสย ิ าห์) , Je-hoi-a
kim(เยโฮยาคิม) และ Zed-e-ki-ah (เศเดคียาห์) กษั ตริยข ์ องยูดาห์
เนือ่ งจากความรักของเยเรมียท ์ ม
ี่ ต
ี อ
่ กรุงเยรูซาเล็ม และผู ้คนของเขา
เขาร ้องไห ้อย่างต่อเนือ ่ งต่อพวกเขาเพราะว่าเขาปฏิเสธทีจ ่ ะรับฟั งคาเตือนของเขา .

According to the Scriptures, JERUSALEM suffers a TOTAL DESTRUCTION three times


every SEVEN THOUSAND YEARS, with two of those three times being already fulfilled. It's
final DESTRUCTION comes at the END of THE GREAT TRIBULATION. GOD compares
JERUSALEM in its final days as to Sodom and Gomorah and Babylon and Egypt.

ตามพระคัมภีรไ์ บเบิลกรุงเยรูซาเล็ม ได ้รับความทุกข์ทรมานจากการทาลายทัง้ หมด


สามครัง้ ในทุกๆรอบเจ็ดพันปี และสองครัง้ จากสามครัง้ นัน ้ ได ้เกิดขึน
้ เป็ นความจริงแล ้ว
นีค
้ อ ่ ะมาถึงชว่ งสุดท ้ายของชว่ งเวลาวันแห่งความทุกข์ยากลาบาก
ื การทาลายครัง้ สุดท ้ายทีจ
พระเจ ้าได ้เปรียบเทียบกรุงเยรูซาเล็มในชว่ งวันเวลาสุดท ้ายเหมือนโสโดม
กับกมราและบาบิโลนและอียป ิ ต์

Revelation 11:8 And their dead bodies shall lie in the street of the GREAT CITY, which
spiritually is called Sodom and Egypt, where also OUR LORD was crucified.

วิวรณ์ 11:8 และศพของเขาจะอยูท ่ ถ


ี่ นนในเมืองใหญ่นัน ้ ซงึ่ ตามฝ่ ายจิตวิญญาณเรียกว่า
เมืองโสโดมและอียปิ ต์ อันเป็ นเมืองซงึ่ องค์พระผู ้เป็ นเจ ้าของเราถูกตรึงด ้วย

The three over-turnings of ISRAEL and JERUSALEM is caused by the CORRUPTION of


its LEADERSHIP and are spoken about by the Prophet Ezekiel, in Chapter 21 of the Book of
Ezekiel. These three over-turnings cause the total destruction of JERUSALEM and all three
happen every SEVEN THOUSAND years, over and over again!

ครัง้ ทีส่ ามได ้ย ้อนกลับมาสูอ่ ส


ิ ราเอลและกรุงเยรูซาเล็มสาเหตุเนือ
่ งจากการคอรัปชน ั่ ทุจริตของผู ้นา
และได ้กล่าวถึงโดยผู ้พยากรณ์เอเสเคียล ใน บทที่ 21ของหนั งสอ ื เอเสเคียล
ครัง้ ทีส
่ ามทีท
่ าให ้กรุงเยรูซาเล็มนัน ้ ได ้ถูกทาลายและการทาลายทัง้ สามครัง้ จะเกิดขึน้ ในทุกๆรอบเจ็
ดพันปี โลก ครัง้ แล ้วครัง้ เล่า(ซ้าแล ้วซ้าอีก)

381
Ezekiel 21:25 And thou, PROFANE wicked prince of ISRAEL, whose day is come, when
iniquity shall have an END,

Ezekiel 21:26 Thus saith THE LORD GOD; Remove the diadem, and take off the crown: this
shall not be the same: EXALT him that is LO W, and abase him that is high.

Ezekiel 21:27 I WILL OVERTURN, OVERTURN, OVERTURN, it: and it shall be no more, until
HE come whose RIGHT it is; and I WILL give it HIM. 50

เอเสเคียล 21:25 และเจ ้า ผู ้ชวั่ ทีล


่ ามกคือเจ ้านายอิสราเอลเอ๋ย ผู ้ทีว่ น
ั กาหนดมาถึงแล ้ว
คือเวลาแห่งการลงโทษความชวั่ ชาครั ้ ง้ สุดท ้าย


เอเสเคียล 21:26 องค์พระผู ้เป็ นเจ ้าพระเจ ้าตรัสดังนีว้ า่ จงปลดผ ้าโพก และถอดมงกุฎออกเสย
สงิ่ ต่างๆจะไม่คงอยูอ
่ ย่างทีเ่ คยเป็ น ให ้ยกย่องคนทีต
่ า่ ขึน
้ และให ้กดคนทีส
่ งู ลง

เอเสเคียล 21:27 เราจะกระทาให ้เป็ นทีพ ่ ังทลาย พังทลาย พังทลาย


ิ ธิอ
และจะไม่มเี ลยจนกว่าผู ้มีสท ์ ันชอบธรรมจะมาถึง และเราจะประทานให ้แก่ทา่ นผู ้นั น
้ 50

Even though King Zed-e-ki' -ah was Jeremiah's grandson, Jeremiah was treated
horribly by the King. Jeremiah was put into prison and nearly starved to death because
King Zed-e-ki'-ah did not want to hear Jeremiah's words in regard to the fate of Judah and
JERUSALEM.

แม ้ว่ากษั ตริย ์ Zed -e- ki (เศเดคียาห์) เป็ นหลานของเยเรมีย ์


เยเรมียไ์ ด ้ถูกกักขังอย่างทารุณโหดร ้าย โดยกษั ตริย ์
เยเรมียไ์ ด ้ถูกจับเข ้าไปในคุกและเกือบอดอาหารตาย เพราะว่ากษั ตริย ์ Zed -e- ki (เศเดคียาห์)
ไม่ต ้องการทีจ ่ ะยินคาพูดของเยเรมีย ์ เกีย่ วกับชะตากรรมร ้ายแรงของยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม

After the fall of JERUSALEM to Neb-u-chad nez' -zar the King of Babylon, Jeremiah
was allowed to remain in JERUSALEM for a short period of time and during that time,
Jeremiah by the hand of Ba'-ruch wrote the Book of Lamentations. He shortly there after
went to Egypt to reside, and died there never seeing his Homeland again.

หลังจากการตกเป็ นเชลยของกรุงเยรูซาเล็มไปสู่ Neb-u-chad nez' –zar เนบูคัดเนสซาร์


กษั ตริยข์ อง บาบิโลน
เยเรมียไ์ ด ้รับอนุญาติให ้อยูใ่ นกรุงเยรูซาเล็มในชว่ งระยะเวลาอันสน ั ้ และระหว่างเวลานัน้ เยเรมียโ์ ดยก
ารเขียนของเบรุคนั น ้ เป็ นผู ้บันทึกบทเพลงคร่าครวญของเยเรมีย ์
หลังจากนัน ้ เขาได ้กลับไปสูอ ่ ย
ี ป
ิ ต์เพือ ่ าศัยอยูแ
่ ทีอ ่ ละตายทีน
่ ัน
้ ไม่ได ้กลับมาเห็นบ ้านเกิดของเขาอีก
ครัง้

Jeremiah is one of twelve of the Writing Prophets who sit amongst the ELDERS in
HEAVEN. The other four of the Writing Prophets, who do not sit among the ELDERS, also
RESIDE in the SIXTH LEVEL of HEAVEN, however; they do not sit in COUNSEL with the
ELDERS.

382
ิ สองผู ้พยากรณ์ทไี่ ด ้บันทึกเหตุการณ์ลว่ งหน ้า
เยเรมียเ์ ป็ นหนึง่ ในสบ
เป็ นผู ้ซงึ่ นั่งอยูท
่ า่ มกลางผู ้อวุโสทัง้ ยีส ิ สท
่ บ ี่ า่ น บนสวรรค์ มีผู ้พยากรณ์อก ี สท ี่ า่ นสาหรับพระคาภีรเ์ ดิม
ผู ้ซงึ่ ไม่ได ้นั่งอยูท
่ า่ ม กลางผู ้อวุโส ได ้อาศัยอยูใ่ นระดับชน ั ้ ทีห
่ กของสวรรค์เชน ่ เดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได ้นั่ งอยูใ่ นตาแหน่งทีป ่ รึกษาของผู ้อวุโสทัง้ ยีส
่ บ ิ สท ี่ า่ น

The entire Book of Lamentations is a description of the DESTRUCTION of


JERUSALEM and how Jeremiah perceived JERUSALEM'S fate through his own eyes, after the
captivity of Judah by Neb-u-chad-nez' -zar. If one would replace the NAME, "JERUSALEM"
with the name "World",
the Book of Lamen tations would then describe what THE LORD is going to do to this
world, for it's falling away from HIM, much like HE had done to JERUSALEM. GOD ordained
Jeremiah to be a Prophet even prior to his birth, and for many years Jeremiah wore an oxen
yoke around his neck. He wore the yoke to demonstrate the PENDING DESTRUCTION and
forthcoming captivity of Judah and JERUSALEM

ื บทเพลงคร่าครวญของเยเรมียท
หนังสอ ์ ัง้ หมด
เป็ นการบรรยายถึงการถูกทาลายของกรุงเยรูซาเล็มและเห็นกรุงเยรูซาเล็มได ้ล่มสลายอย่างไร
ผ่านทางสายตาของเขาเอง หลังจากยูดาห์ได ้ถูกจับไปเป็ นเชลยโดย กษั ตริยN ์ eb-u-chad nez' –
zar เนบูคัดเนสซาร์ ถ ้าผู ้ใดแทนทีช ่ ื
่ อของกรุงเยรูซาเล็มด ้วยโลกนี้
ในหนั งสอ ื บทเพลงคร่าครวญของเยเรมียน ์ ัน
้ จะ
สามารถบรรยายได ้ถึงสงิ่ ใดทีพ ่ ระเจ ้ากาลังจะกระทาแก่คนบนโลกใบนี้
ทีไ่ ด ้ล ้มเหลวไปจากทางของพระองค์ เหมือนทีพ ่ ระองค์ได ้กระทาต่อกรุงเยรูซาเล็ม
พระเจ ้ามีเจตนาแต่งตัง้ ให ้เยเรมียเ์ ป็ นผู ้พยากรณ์กอ ่ นทีจ่ ะมาเกิดและหลายปี เยเรมียไ์ ด ้สวมสายคล ้อ
งคอของวัวตัวผู ้ล ้อมรอบคอของเขา
เขาได ้สายคล ้องคอนีเ้ ป็ นการสาแดงถึงการตกไปเป็ นเชลยในชว่ งระยะเวลาของการถูกทาลายและก
ารถูกจับไปเป็ นเชลยของยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม ทีจ ้ ้
่ ะมาถึงในไม่ชานี

(เสริม พระเจ ้าทรงแต่งตัง้ เยเรมียใ์ ห ้เป็ นผู ้พยากรณ์กอ ่ นทีท


่ า่ นจะบังเกิด เยเรมีย ์ 1:4
แล ้วพระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงข ้าพเจ ้าว่า 1:5
"เราได ้รู ้จักเจ ้าก่อนทีเ่ ราได ้ก่อร่างตัวเจ ้าทีใ่ นครรภ์ และก่อนทีเ่ จ ้าคลอดจากครรภ์
เราก็ได ้กาหนดตัวเจ ้าไว ้ เราได ้แต่งตัง้ เจ ้าเป็ นผู ้พยากรณ์ให ้แก่บรรดาประชาชาติ")

NOTE: When the King of Babylon took the people who had lived in JERUSALEM
captive, they were chained one to the other and led out of JERUSALEM NAKED, as it was
PROPHESISED by ISAIAH. In the END TIMES, SO SHALL IT BE AGAIN!

หมายเหตุ : เมือ
่ กษั ตริยข
์ องบาบิโลน ได ้นาประชากรทีอ ่ าศัยอยูใ่ นกรุงเยรูซาเล็มไปเป็ นเชลย
พวกเขาได ้ถูกล่ามโซ ่
ติดต่อกันและออกจากรุงเยรูซาเล็มด ้วยการเปลือยกายเหมือนทีผ ่ ู ้พยากรณ์อส ิ ยาห์ได ้กล่าไว ้ และ
ในยุคสุดท ้ายจะเกิดเหตุการณ์นี้ ขึน
้ อีกครัง้ (เสริมจากผู ้แปล อาจเกิดขึน ้ ก่อนเรบเจอร์ หรือ
ถูกทรมานจากรัฐบาลของแอนตีไ้ คร์ สาหรับคนทีไ่ ม่ได ้เรบเจอร์ซงึ่ เป็ นคนทีห ่ ลงอยูบ ่ นโลก)

NOTE 50 GOD is saying through these Scriptures that HE will OVERTURN ISRAEL every
time its LEADERSHIP becomes CORRUPTED! The HIM" spoken about in the last Scripture is

383
JESUS CHRIST! The Prophecy that was given by Jeremiah can be applied to anyone of the
THREE times that JERUSALEM is DESTROYED!

Jeremiah's PROPHECY should be READ and UNDERSTOOD to be in accordance with


the WORDS of the other sixteen Writing Prophets, as their writings pertain also to
JERUSALEM and ISRAEL'S fate, when they are properly commingled.

หมายเหตุ 50 พระเจ ้าได ้ตรัสผ่านตลอดทั่วทัง้ พระคาภีรว์ า่


พระองค์จะล ้มอานาจของอิสราเอลทุกครัง้ ทีผ ่ ู ้นานัน ั่ (ออกไปจากทางของพระเจ ้าโดยปร
้ ได ้คอรัปชน
าศจากความยาเกรง) พระองค์ HIM ในข ้อพระคาภีร ์ เอเสเคียล 21:27 ท่านผู ้นัน ้
ทีน
่ ห
ี้ มายถึงพระเยซูคริสต์
คาพยากรณ์นไ ี้ ด ้ถูกมอบให ้แก่เยเรมียส
์ ามารถทีจ ่ ะนามาประยุกต์ใชต่้ อใครก็ได ้ทีไ่ ด ้จะเป็ นเหมือนกา
รถูกทาลายของกรุงเยรูซาเล็มครัง้ ทีส ่ าม

คาพยากรณ์ของเยเรมียค ์ วรจะอ่านและเข ้าใจไปพร ้อมกับคาพยากรณ์ของผู ้พยากรณ์คนอืน ิ


่ ๆอีกสบ
หกท่าน เมือ ่ เนือ
้ หาได ้เชอ ื่ มเข ้ากันอย่างเหมาะสม
ทีไ่ ด ้เขียนถึงเกีย่ วกับกรุงเยรูซาเล็มและอิสราเอลประสบกับชะตากรรมทีร่ ้ายแรง

Isaiah 20:4 So shall the king of Assyria lead away the Egyptians prisoners, and the E-thi-o
'pi-ons captives, young and old, NAKED and barefoot, even with their buttocks uncovered,
to the SHAME of EGYPT

อิสยาห์ 20:4 กษั ตริยแ์ ห่งอัสซเี รียจะนาคนอียป


ิ ต์ไปเป็ นเชลย
และจะกวาดคนเอธิโอเปี ยไปเป็ นเชลย ทัง้ คนหนุ่มสาวและคนแก่ เปลือยกายและเท ้าเปล่า เปิ ดก ้น
เป็ นทีล
่ ะอายแก่อย
ี ป
ิ ต์

เสริม บทเพลงคร่าครวญ

(1) ผูเ้ ขียน


- บทเพลงคร่าครวญเขียนโดยผู ้เผยพระวจนะเยเรมีย ์ และเป็ นปุโรหิต บุตรของฮล ิ คียาห์
บ ้านอยูท ่ อ
ี่ นาโธท(เมืองของพวกปุโรหิต) ไม่ไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม (ยรม. 1.1)

- เยรามียร์ ับใชพระเจ ิ าห์
้านาน 50ปี ตัง้ แต่ BC 625-586 ในรัชสมัย คือกษั ตริยโ์ ยสย
เยโฮยาคิม
เยโฮอาหาส เศเดคียาห์ (ยรม. 1.2-3)
- เยรามียเ์ ขียนบทเพลงคร่าครวญในปี BC 586
เป็ นเวลาสองเดือนก่อนทีก ่ รุงเยรูซาเล็มถูกทาลายและหลังจากนัน ้
- บทกลอนของบทเพลงคร่าครวญมีลักษณะคล ้ายคลึงกับบทกวีในหนั งสอ ื เยรามีย ์
(2) เบือ ้ งหล ังเหตุการณ์
- เผยพระวจนะในชว่ งเวลาทีเ่ กิดสงครามระหว่าง 3 มหาอานาจ คืออัสซเี รีย อียป ิ ต์
และบาบิโลน
คนยูดาห์ตกไปเป็ นเชลยในบาบิโลน ครัง้ แรกในสมัยของกษั ตริยเ์ ยโฮอาหาส (กคศ. 605)

384
มีดาเนียลรวมอยูด ่ ้วย
ตกเป็ นเชลยครัง้ ที่ 2 ในสมัยของกษั ตริยเ์ ยโฮยาคิม (กคศ. 597)
มีเอเสเคียลรวมอยูด ่ ้วย ตกเป็ นเชลยครัง้ ที่ 3 ในสมัยของกษั ตริยเ์ ศเดคียาห์ (กศ. 586)
กรุงเยรูซาเล็มถูกทาลาย
- คาเตือนยูดาห์ให ้กลับใจเสย ี ใหม่
1.บทเรียนจากผ ้าคาดเอว (ยรม.13 .1-11)
2.บทเรียนจากไหเหล ้า (ยรม.13.12-14)
3.บทเรียนจากชา่ งปั ้นหม ้อ (ยรม.18)
4.บทเรียนจากภาชนะแตก (ยรม.19)
5. บทเรียนจากมะเดือ ่ ดีและเลว (ยรม.24)
6. คาทานายจะต ้องตกเป็ นเชลยในบาบิโลน 70 ปี (รยม.25)
7.บทเรียนจากแอก (ยรม. 27)
8.บทเรียนจากการซอ ื้ ทีน ่ า (ยรม. 32)
(เอเสเคียลใชภาพของอุ้ จาระมาปิ้ งขนมปั ง อสค.4.12 เล็งถึงความสกปรกของอิสราเอล)
- เยรามียแ ์ นะนาให ้กษั ตริยย ์ ดู าห์และประชาชนยอมจ่ายภาษี (สว่ ย)ให ้แก่บาบิโลน
เพือ ่ จะรักษาบ ้านเมืองไว ้ให ้ปลอดภัย แต่ถก ู หาว่าเป็ นพวกฝั กใฝ่ ศัตรู
- กษั ตริยเ์ ยโฮยาคิม(กคศ. 605) ยอมเสย ี ภาษี ในตอนแรกและและให ้บาบิโลน
กวาดต ้อนเชลยไปพร ้อมกับเครือ ่ งใชบางส ้ ว่ นของพระวิหารของพระเจ ้า (ดนล.1.2)
ต่อมาภายหลังเยโฮยาคิมปฏิเสธการจ่ายภาษี เนบูคัดเนสซา่ ร์กลับมาพร ้อมกับกวาดต ้อนเชลย 1
หมืน ่ คนไปเป็ นรอบทีส ่ อง และตัง้ กษั ตริยอ ์ งค์ใหม่ชอ ื่ เยโฮยาคีน
- กษั ตริยเ์ ศเดคียาห์ (กคศ.586) ปฏิเสธไม่ยอมจ่ายภาษี บาบิโลนจึงกลับมาครัง้ ที่ 3
ทาลายกรุงเยรูซาเล็มและกวาดต ้อนผู ้คนไปเป็ นเชลย และสน ิ้ สุดอาณาจักรของยูดาห์
(3) ล ักษณะบทเพลงครา ่ ครวญ
- พระคัมภีรฉ ์ บับภาษากรีกและลาตินเริม ่ ต ้นด ้วย
“เยรามียน ์ ั่งลงร ้องไห ้คร่าครวญทีก ่ รุงเยรูซาเล็มปรักหังพัง”
- บทเพลงคร่าครวญเป็ นประเพณีความเชอ ื่ ทีส ื ทอดกันในหมูช
่ บ ่ าวฮบ ี รู
- เยรามียเ์ ขียนในลักษณะของการเป็ นพยาน ซงึ่ เห็นกับตาทีก ่ รุงเยรูซาเล็มพังพินาศ
รู ้สกึ เจ็บปวดในจิตใจและจิตวิญญาณ (ยรม. 9.1,14.17-22)
- จากลาดับเหตุการณ์ใน 2 พกษ.25, ยรม. 40-44 คล ้ายกับว่าเยรามียอ ์ าศัยอยูท
่ ม
ี่ ส
ิ ปาห์
(4) บทเพลงครา ่ ครวญ
เกีย่ วข ้องกับการคร่าครวญถึงการล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็ม
โดยฝี มอ ื ของกองทัพบาบิโลน
1. การคร่าครวญครัง้ ที่ 1 หัวข ้อ “ความโศกเศร ้าเพราะเยรูซาเล็ม” (บทที่ 1)
2. การคร่าครวญครัง้ ที่ 2 หัวข ้อ “พระพิโรธของพระเจ ้า” (บทที่ 2)
3. การคร่าครวญครัง้ ที่ 3 หัวข ้อ “ความหวังยังมี” (บทที่ 3)
4. การคร่าครวญครัง้ ที่ 4หัวข ้อ “ผลของความผิดบาป” (บทที่ 4)
5. การคร่าครวญครัง้ ที่ 5 หัวข ้อ “คาอธิษฐานสารภาพความผิดบาป” (บทที่ 5)
(5) ล ักษณะของการเขียน

385
- 4 บทแรกเป็ นโคลงกระทู ้ทีเ่ รียงตามตัวอักษร หรือเท่ากับจานวนตัวอักษรของยิว 22 ตัว
- บทที่ 3, 4ใชตั้ วอักษรฮบ ี รูแต่ละตัวเริม
่ ต ้นในทุกสองข ้อ
- บทที่ 5 แม ้ว่าจะมีอักษร 22 ตัว แต่ไม่ได ้เรียงตามตัวอักษร
จุดประสงค์เพือ ่ ให ้จดจาได ้ง่าย
(6) เนือ้ หาสาระ
- เยรามียเ์ ป็ นพยานถึงเหตุการณ์อันน่ากลัว ทีเ่ คยเตือนล่วงหน ้าเป็ นเวลา 40 ปี แล ้ว
และการพิพากษาของพระเจ ้าก็เกิดขึน ้ จริงๆกับชนชาติยด ู าห์
- เยรามียแ ์ สดงความโศกเศร ้า ทีเ่ ห็นยูดาห์พน ิ าศ (บทที่ 3.49)
- ประชาชนตกเป็ นเชลย แผ่นดินลูกทาลาย พระวิหารถูกเผาพังพินาศ (บทที1 ่ .2 ,12, 2.7)
- ผู ้เผยพระวจนะเท็จถูกตาหนิอย่างรุนแรง (บทที่ 2.14)
- คนทีอ ่ ยูใ่ นกรุงเยรูซาเล็มเกิดความอดอยากกันดารอาหารอย่างหนัก
ต ้องกินเนือ้ มนุษย์ด ้วยกัน (2.11-12,4.5-10)
- ในเหตุการณ์ทัง้ ปวงเหล่านั น ้ เยรามียท์ ราบแน่ชด ั ว่า พระเจ ้าทรงบริสท
ุ ธิ์
ชอบธรรมและซอ ื่ สต ั ย์ตอ
่ พระสญ ั ญาของพระองค์เสมอ (3.21-33)
- การอธิษฐานอ ้อนวอนขอพระกรุณาธิคณ ุ ของพระเจ ้า
และสารภาพความผิดบาปของประชาชน (บทที่ 5.1-22 )
ื ของเอเสเคียล
หนั งสอ

Ezekiel the Prophet was visited by GOD with HIM coming down on HIS THRONE, as
was Isaiah. Both Ezekiel and Isaiah were brought before THE THRONE of GOD prior to their
ANOINTING to be PROPHETS. Ezekiel, like Isaiah, was given prophecy by THE LORD about
ISRAEL and Judah's pending fate, as well as the END TIME prophecy for the world. The
"Abomination that makes Desolate" that the Prophet Daniel wrote about, is described in
detail in chapters 8 and 9 of the Book of Ezekiel.

พระเจ ้าได ้เสด็จมาเยีย


่ มผู ้พยากรณ์เอเสเคียล
ซงึ่ พระองค์เสด็จลงมาจากพระราชบัลลังก์ของพระองค์ ทัง้ เอเสเคียล
และอิสยาห์ได ้ถูกนาตัวไปอยูห ่ น ้าพระราชบัลลังก์ ก่อนทีพ่ วกเขาจะถูกเจิมเป็ นผู ้พยากรณ์
ทัง้ เอเสเคียลและอิสยาห์ได ้รับมอบคาพยากรณ์โดยพระองค์เจ ้าเกีย ่ วกับประเทศอิสราเอลและชะตา
กรรมของยูดาห์ซงึ่ เป็ นเวลาไกล ้เข ้ามา
เปรียบเทียบได ้เท่ากับคาพยากรณ์ของชว่ งเวลายุคสุดท ้ายสาหรับโลกนี้
สงิ่ ทีน
่ ่าสะอิดสะเอียดจะทุกข์ทรมานจากการถูกทาลาย นั น ้ คือสงิ่ ทีผ
่ ู ้พยากรณ์ดาเนียลเห็นล่วงหน ้า
ได ้เขียนบรรยายในรายละเอียดบทที8 ่ และ9ของหนั งสอ ื ของเอเสเคียล

If you READ these chapters in conjunction with the 11 th and 12th chapters of the
Book of Daniel, it will broaden your UNDERSTANDING of the EVENTS that will take place
during THE GREAT TRIBULATION, which is about to BEGIN! The MARKING spoken about
in the 8th and 9th chapters of Ezekiel, is the MARKING of the TRIBULA TION SAINTS
spoken about in Revelation Chapter 7.

386
ถ ้าคุณอ่านบทเหล่านีก ้ ารเชอื่ มต่อกับบทที่ 11 และ บทที1 ่ 2 ของหนั งสอื ของดาเนียล
จะทาให ้ความเข ้าใจของคุณกว ้างขวางมากขึน ้
เกีย
่ วกับเหตุการณ์ตา่ งๆทีจ ่ ะเกิดขึน ้ ระหว่างชว่ งวันแห่งความทุกข์ยากลาบากใหญ่หลวงแบบทีไ่ ม่เค
ยมีมาก่อนบนแผ่นดินโลกซงึ่ กาลังจะเริม ่ ต ้น เครือ
่ ง หมายป้ องกัน ในบทที่ 8 และ บทที9 ่
ของหนังสอ ื เอเสเคียล นัน
้ คือเครือ
่ งหมายป้ องกันทีห ่ น ้าผาก ของธรรมิกชนทีไ่ ด ้พูดในวิวรณ์บททึ่ 7

GOD had also explained to Ezekiel how the common belief that the people had in
regard to being blessed through ABRAHAM, was a false belief. Ezekiel was told that each
person must work out his or her own SALVATION with GOD, and merely by being of the
LINEAGE of ABRAHAM had nothing to do with his or her own SALVATION.

พระเจ ้าได ้อธิบายแก่เอเสเคียลว่า ความเชอ ื่ อย่างธรรมดาสามัญ


ทีผ่ ู ้คนนัน
้ ได ้มีเกีย ่ งการอวยพรผ่านทางอับบราฮัมบิดาแห่งความเชอ
่ วกับเรือ ื่ นั น ื่ ทีผ
้ เป็ นความเชอ ่ ด
ิ พ
ลาด เอเสเคียลได ้รับคาอธิบายบอกกล่าวว่าผู ้คนควรจะแสวงหาความรอดกับพระเจ ้า(โดยตรง)
ด ้วยตัวของเขาหรือด ้วยตัวของเธอเอง
(มีความสม ั พันธ์กับพระเจ ้าเป็ นการสว่ นตัวในแต่ละบุคคล)และ
ไม่ใชเ่ พียงแต่คด ิ ว่าเป็ นเชอื้ สายของอับบราฮัมนัน
้ ไม่มผ ี ลใดๆกับการได ้รับความรอดของเขาหรือขอ
งเธอ
In Chapter 14 GOD tells Ezekiel that HE would not hold the fathers responsible for
the son's actions, nor would HE hold the sons responsible for the father's actions. THE
LORD uses the NAMES of NOAH, Daniel, and Job for examples of the RIGHTEOUS PEOPLE
who may have lived among the evil ones that were DESTINED for DESTRUCTION. GOD tells
Ezekiel that once the DESTRUCTION had begun,' only NOAH, Daniel and Job would be
spared and NOT THOSE who lived amongst them.

ในบทที่ 14 พระเจ ้าบอก เอเสเคียล


ว่าพระองค์จะไม่ถอ ื ว่าบิดาทัง้ หลายจะควรรับผิดชอบเกีย ่ วกับการกระทาใดๆของบุตร
หรือพระองค์ไม่ได ้ถือว่าบุตรทัง้ หลายควรจะรับผิดชอบเกีย ่ วกับการกระทาของบิดา
้ อ
พระเจ ้าได ้ใชเรื ่ งราวของโนอาห์
ดาเนียลและโยบเป็ นตัวอย่างของประชากรทีช ่ อบธรรมผู ้ซงึ่ อยูท
่ า่ มกลางคนทีช่ วั ร ้ายทัง้ หลาย
ทีไ่ ด ้พบจุดจบโดยการถูกทาลาย
พระเจ ้าได ้บอกเอเสเคียลว่าครัง้ หนึง่ เมือ ่ การทาลายได ้เริม
่ ต ้นขึน้ มีเพียงโนอาห์
ดาเนียลและโยบทีย ่ ังคงเหลือไว ้
และไม่ใชพ ่ วกเขาเหล่านั น ้ ทีไ่ ด ้อยูท
่ า่ มกลางพวกเขาทัง้ หลาย(นัน ้ หมายถึงแม ้แต่คนในครอบครัวก็ไ
ม่เหลือ)

NOTE: The people of ISRAEL had believed at that time, because they were the
descendants of ABRAHAM, they would share in ABRAHAM'S BLESSING and be SAVED by
GOD in a time of TROUBLE. But THE LORD told Ezekiel that that was a false understanding
on the part of ISRAEL, and HE wanted to set the matter STRAIGHT before them.

387
หมายเหตุ: ในเวลานัน ้ ผู ้คนของประเทศอิสราเอลได ้มีความเชอ ื่ ว่า,
เพราะว่าเขาเป็ นผู ้สบื สกุลของอับบราฮัม,
พวกเขาจะได ้รับสว่ นการอวยพรของอับราฮัมและได ้รับความรอดโดยพระเจ ้าในชว่ งวันเวลาของควา
มยากลาบาก แต่พระเจ ้าได ้บอก
เอเสเคียลว่าสงิ่ นัน
้ เป็ นความเข ้าใจผิดสว่ นหนึง่ ของชนชาติอส
ิ ราเอล,
และพระองค์ต ้องการจัดเตรียมเหตุการณ์ให ้ตรงไปตรงมา(ไม่อ ้อมค ้อมให ้เข ้าใจผิดพลาด)ก่อนหน ้า
พวกเขา

Ezekiel 14:17 Or if I bring a sword upon that land, and SAY, SWORD, GO THROUGH THE
LAND; so that I cut offman and beast from it:

Ezekiel 14:18 Though these three men were in it, as I LIVE, SAITH THE LORD GOD, they
shall DELIVER neither sons nor daughters, but they only shall be DELIVERED themselves.
51

เอเสเคียล 14:17 หรือถ ้าเรานาดาบมาเหนือแผ่นดินนัน้ และกล่าวว่า `ดาบเอ๋ย


จงผ่านแผ่นดินนัน
้ ไปโดยตลอด' เพือ่ เราจะตัดมนุษย์และสตั ว์ออกเสย
ี จากแผ่นดินนัน

เอเสเคียล 14:18 องค์พระผู ้เป็ นเจ ้าพระเจ ้าตรัสว่า แม ้บุรษ ้ เรามีชวี ต


ุ ทั ง้ สามจะอยูใ่ นนั น ิ อยูแ
่ น่ฉันใด
เขาทัง้ หลายจะชว่ ยบุตรทัง้ ชายหญิงให ้รอดพ ้นไม่ได ้ เฉพาะตัวเขาเองจะรอดพ ้นไปได ้

NOTE 51 As you can see from the aforementioned Scriptures, Daniel the Prophet was
before Ezekiel the Prophet. However, the Book of Ezekiel is inserted into the HOLY BIBLE
just prior to The Book of Daniel. The out of sequence insertions of the Books of the Sixteen
Writing Prophets continues throughout THE OLD TESTAMENT. This out of sequence
occurs because when Ezra the Priest had inserted the books as they were compiled, the
order in which they were inserted into the OLD TESTAMENT was not necessarily in
accordance with their sequential time of writing.

โน ้ต 51 คุณสามารถดูจากข ้อพระคาภีรด ์ ังทีก


่ ล่าวข ้างต ้น ผู ้พยากรณ์ดาเนียลเกิดเป็ นผู ้พยากรณ์
ก่อนผู ้พยากรณ์เอเสเคียล อย่างไรก็ตาม, หนั งสอ ื ของ
เอเสเคียลถูกเรียบเรียงไว ้เข ้าไปในพระคัมภีรไ์ บเบิลศักดิส ิ ธิก
์ ท ์ อ ื ของดาเนียล
่ นหนังสอ
ซงึ่ ไม่ได ้เรียบเรียงไว ้ตามลาดับของการเขียนหนั งสอ ื ในชว่ งเวลาของผู ้พยากรณ์สบ ิ หกคน
สงิ่ นีไ
้ ม่ได ้เรียงตามลาดับเวลาทีเ่ กิดขึน้ จริงของการเขียนทั่วทัง้ พระคัมภีรไ์ บเบิลฉบับเดิม
เพราะว่าเมือ ่ ปุโรหิตเอสรา ได ้นามารวมเข ้ากันจัดทาเรียบเรียงเป็ นหนั งสอ ื รวม
คาสงั่ ในการรวบรวมพระคาภีรเ์ ดิมนัน ้ ไม่จาเป็ นทีจ ่ ะเรียงตามลาดับเหตุการณ์จริงของชว่ งเวลาของก
ารเขียน

THE LORD PURPOSELY did this out of sequence presentation of the WRITTEN
PROPHECY in the OLD TESTAMENT to demonstrate that time hasn't any bearing on the
MESSAGE GIVEN by THE WORD of GOD. Regardless of what sequence THE WORD of GOD is
READ, the MESSAGE coming from THE WORD of GOD remains unchanged. For GOD is

388
TIMELESS as HIS WORD is also TIMELESS, and GOD cannot and WILL NOT be governed by
TIME! The MESSAGE given by GOD in Ezekiel 14:18 also applies to the CHURCH, for there
are MANY going to the CHURCH believing by their being there and part of it, they will be
SAVED! THIS IS SIMPLY NOT SO AND ALSO A FALSE BELIEF!

พระองค์เจ ้ามีเจตนากระทาแบบนี้
เพือ่ ทีจ่ ะสาแดงการเขียนคาพยากรณ์ในพระคาภีรเ์ ดิมนั น ้ การบ่งบอกถึงเวลานั น ้ ไม่ได ้มีสว่ นเกีย
่ วข ้อ
งกับข ้อความของพระคาของพระเจ ้า
โดยไม่คานึงถึงว่าพระคาของพระเจ ้านัน ้ จะอยูใ่ นชว่ งเวลาใดเพือ ่ ทีจ ่ ะอ่าน
ข ้อความทีม ่ าจากพระคาของพระเจ ้ายังคงไม่เปลีย ่ นแปลง เพราะพระเจ ้าอยูเ่ หนือการเวลา
เทียบได ้เท่ากับพระคาของพระเจ ้านัน ้ ไม่มกี าลเวลา
และพระเจ ้าไม่สามารถและจะไม่ถก ู ปกครองด ้วยเวลา ข ้อความของพระเจ ้าในเอเสเคียล 14:18
นัน ้
้ ยังคงประยุกต์ใชกับโบสถ์ทก ุ วันนี้ เพราะมีหลายๆคนเชอ ื่ ว่าไปนมัสการทีโ่ บสถ์
มีความเชอ ื่ ว่าโดยทีพ่ วกเขาได ้ไป(นมัสการและฟั งคาเทศนา)ทีน ่ ัน

และมีสว่ นในการทากิจกรรมเหล่านัน ้ พวกเขาจะได ้รับความรอด นีค ้ อื ไม่ได ้เป็ นเชน่ นั น

และนัน ้ เป็ นความเชอ ื่ ทีผ ิ พลาด (เสริม แต่ละคนต ้องแสวงหาความรอดโดยสว่ นตัว
่ ด
ไม่เกีย่ วกับการไปโบสถ์จะชว่ ยให ้ได ้รับความรอดจากบึงไฟนรก)

In the closing chapters of the Book of Ezekiel, Ezekiel is taken in a VISION of GOD to
see THE TEMPLE of GOD. While there at THE TEMPLE, Ezekiel was given all of its features
and its dimensions. Ezekiel RECORDED the TEMPLE'S dimensions and features because its
original architecture had not been recorded. This was done, so that at a later time when the
Children of ISRAEL would be allowed to rebuild THE TEMPLE, its CONSTRUCTION would
be done in accordance with THE WORD of GOD.

สรุปใจความสาคัญก่อนปิ ดหนั งสอ ื ของเอเสเคียล


เอเสเคียลได ้รับนิมต ิ รจากพระเจ ้าทีจ
่ ะไปเห็นพระวิหารของพระเจ ้า ขณะทีอ่ ยูบ
่ ริเวณพระวิหารนัน ้ ,
เอเสเคียลได ้เห็นนิมต ิ รในโครงสร ้างของความลึก สูง ยาว กว ้างทัง้ หมดและ ในไดเมนชน ั่ ต่างๆ
เอเสเคียลได ้จดบันทึกภายในไดเมนชน ั่ ของพระวิหาร และโครงสร ้างจากการมองเห็นภายนอก
เพราะว่านี้เป็ นการออกแบบ(งานสถาปั ตยกรรม)ต ้นฉบับ ซงึ่ ไม่ได ้ถูกบันทึกไว ้
สงิ่ นีไ ้ ในชว่ งเวลาถัดไป เมือ
้ ด ้กระทาขึน ่ บุตรหลานของประเทศอิสราเอล
ได ้รับอนุญาติให ้ก่อสร ้างพระวิหารอีกครัง้ โดย
จะทาการสร ้างเหมือนทีพ ่ ระคาของพระเจ ้าได ้บอกไว ้ในนิมต
ิ ร

ื ของ ดาเนียล
The book of Daniel หนั งสอ

The Book of Daniel shows that GOD demonstrated to the Kings ruling over ISRAEL,
that HE is ALMIGHTY and had POWER over them. GOD did this by displaying many
MIRACLES before these Kings so they would come to KNOW and FEAR HIM! Contained
within the Scriptures of Daniel is END TIME PROPHECY that was given to Daniel in
VISIONS, and further explained to him by the ANGEL GABRIEL and it is in the Book of
Daniel; that the ANGEL GABRIEL'S NAME is REVEALED!

389
หนังสอ ื ของ ดาเนียล แสดงให ้เห็นว่าพระเจ ้าทาการวินจ ิ ฉั ยกษั ตริยป ์ ระเทศอิสราเอล
พระองค์นัน ้ เป็ นผู ้ทรงฤทธานุภาพและสท ิ ธิอานาจอยูเ่ หนือกษั ตริยท ์ ัง้ ปวง
พระเจ ้ากระทาสงิ่ นีโ้ ดยมีเรือ
่ งราวการอัศจรรย์จานวนมากก่อนหน ้ากษั ตริยเ์ หล่านี้
ดังนัน
้ พวกเขาจะเข ้ามารู ้จักและยาเกรง และเกรงกลัวพระองค์
เพราะสงิ่ ทีบ ่ รรจุภายในพระคัมภีรไ์ บเบิลของหนั งสอ ื ดาเนียลซงึ่ ได ้มอบนิมต ิ รแก่ดาเนียลนัน
้ เป็ นคาพ

ยากรณ์ชวงยุคสุดท ้าย และได ้อธิบายให ้เขาเข ้าใจโดยทูตสวรรค์ GABRIEL กาเบเรียล
และอยูใ่ นหนังสอ ื ของ ดาเนียล ทีน่ ัน
้ ทูตสวรรค์ชอื่ ของ GABRIEL ได ้มีจดบันทึกเปิ ดเผยไว ้

GOD also demonstrates in the Book of Daniel how HE guides and protects you in a
time of TROUBLE, regardless of where you are, if you RELY and TRUST in HIM for your well
being. Many of the gifts of THE HOLY SPIRIT were given to the Prophet Daniel because GOD
LOVED Daniel. Daniel was given the INTERPRETATION of DREAMS and VISIONS,
PROPHECY, and the INTERPRETATION of TONGUES (the ability to UNDERSTAND
HEBREWAH), even though Daniel himself could not speak in TONGUES. Daniel was both
visited and protected by THE ANGELS of HEAVEN and had several conversations with
GABRIEL who is a Prince in HEAVEN, and THE ANGEL of CHRIST.

พระเจ ้ายังสาแดงเหตุการณ์ใน หนั งสอ ื ของ ดาเนียล


ว่าพระองค์ได ้ทรงนาและปกป้ องคุณอย่างไรในชว่ งเวลาทีม ่ ป
ี ั ญหา
โดยไม่ได ้คานึงว่าคุณจะอยูท ่ ไี่ หน
(ตกอยูใ่ นสถานะการณ์เชน ่ ไร)ถ ้าคุณได ้เชอ ื่ วางใจในพระองค์ทา่ นจะพบกับการปกป้ อง
หลากหลายของประทานจากพระวิญญาณบริสท ุ ธิน
์ ัน
้ ได ้มอบแก่ดาเนียลเพราะว่าพระเจ ้ารักดาเนียล
ดาเนียลได ้มอบของประทานเกีย ่ วกับการแปลความฝั นและนิมต ิ ร
คาพยากรณ์และของประทานในการแปลภาษาแปลกๆ (มีความสามารถทีจ ่ ะเข ้าใจภาษาฮาบูรวาห์)
ถึงแม ้ว่าดาเนียลไม่สามารถทีจ ่ ะพูดภาษาแปลกๆได ้
แต่ดาเนียลได ้มีการเยีย ่ มเยียนและได ้รับการปกป้ องโดยทูตสวรรค์ของบนสวรรค์และมีการสนทนาห
ลายสงิ่ หลายอย่างด ้วยกันกับทูตสวรรค์กาเบเรียลผู ้ซงึ่ เป็ นเจ ้าชายคนหนึง่ บนฟ้ าสวรรค์
และทูตสวรรค์ของพระเยซูคริสต์

As were the Kings of Judah and ISRAEL given Prophets to JUDGE their actions, so
were the Kings of Babylon given Daniel and other Prophets to JUDGE their actions. Even
though foreign Kings were RULING the Children of ISRAEL, GOD still RULED over them and
wanted those Kings to understand that HE was in charge. GOD demonstrated on many
occasions that HE was in CONTROL of all things and made that point clear to Neb-u-chad-
nez' zar the King of Babylon.

เพราะในขณะทีก ่ ษั ตริยข์ อง ยูดาห์


และอิสราเอลได ้มอบอานาจให ้ผู ้พยากรณ์ลว่ งหน ้าเป็ นผู ้ทีจ ิ พิพากษาการกระทาของเขาทัง้
่ ะตัดสน
หลาย, จากนัน ้ กษั ตริยบ์ าบิโลนได ้มอบให ้ ดาเนียล
และผู ้พยากรณ์ลว่ งหน ้าคนอืน ่ ๆทีจ
่ ะตัดสนิ การกระทาของพวกเขาทัง้ หลาย
แม ้ว่ากษั ตริยต
์ า่ งชาติได ้ปกครองอยูเ่ หนือบุตรหลานของอิสราเอล,
พระเจ ้ายังคงปกครองอยูเ่ หนือพวกเขาและต ้องการให ้กษั ตริยเ์ หล่านัน ้ เข ้าใจว่าพระองค์ได ้ปฎิบัตภ
ิ า
ระกิจอยูด่ ้วยเชน ่ กัน

390
พระเจ ้าสาแดงพระองค์ในหลายๆโอกาสให ้รับรู ้ว่าพระองค์ทรงการควบคุมอยูเ่ หนือทุกสงิ่ และทาให ้เ
ป็ นสงิ่ ทีป
่ ระจักษ์ กระจ่างแจ ้งแก่ เนบูคัดเนสซาร์ กษั ตริยข
์ องบาบิโลน

GOD showed the King that it was HE who had made Neb-u-chad-nez'-zar a King and
had empowered him, and it was not of his own doing. The entire 4th Chapter of the Book of
Daniel was written by Neb-u-chad nez' -zar the King of Babylon, to GLORIFY THE GOD of
ISRAEL. Neb-u chad-nez' -zar did this writing after he had been brought down to the level
of a beast and lived in the wilderness for SEVEN YEARS like a wild animal. This changed
Neb-u-chad-nez'-zar into a HUMBLE man making him realize that the GOD of ISRAEL was
the ONE and ONLY TRUE GOD, and it was GOD who had put him in power and was not of
his own doing.

พระเจ ้าสาแดงกษั ตริยว์ า่ เป็ นเพราะพระองค์ได ้กระทาให ้เนบูคัดเนสซาร์เป็ นกษั ตริยอ ์ งค์หนึง่ และได ้
ให ้อานาจเขา, และไม่ใชเ่ ป็ นการกระทาของตัวเขาเอง . ทัง้ หมดของหนั งสอ ื ของ ดาเนียลบทที่ 4
ถูกเขียนขึน ้ โดย เนบูคัดเนสซาร์กษั ตริยข ์ องบาบิโลน, เพือ ่ สรรเสริญพระเจ ้าของประเทศอิสราเอล
เนบูคัดเนสซาร์ทาการเขียนนีห ้ ลังจากเขาถูกนาลงจากตาแหน่งเป็ นระดับของมนุษย์สต ั ว์ป่าและมีชวี ิ
ตอาศัยในบริเวณทีร่ กร ้างว่างเปล่าเป็ นเวลาเจ็ดปี เหมือนสต ั ว์ป่า สงิ่ นีเ้ ปลีย
่ นแปลงทาให ้
เนบูคัดเนสซาร์
เป็ นผู ้ชายทีถ ่ อ
่ มใจทาให ้เขาได ้รับรู ้ว่าทีแ
่ ท ้จริงพระเจ ้าของประเทศอิสราเอลเป็ นพระเจ ้าเทีย ่ งแท ้แต่
เพียงผู ้เดียวเท่านัน ้ , และสงิ่ นัน
้ เป็ นเพราะพระเจ ้า
ผู ้ซงึ่ ได ้ให ้เขามีอานาจและไม่ใชเ่ ป็ นการกระทาด ้วยตัวของเขาเอง .

THE ANGEL GABRIEL in the Book of Daniel explains to Daniel about the rise and fall
of the kingdoms of the world. Daniel had seen these things in VI SIONs and DREAMS but did
not UNDERSTAND them. GABRIEL also gave him an explanation of the END TIME EVENTS
that were to take place in the latter days. Daniel had seen these events in his PROPHETIC
DREAMS, but again did not understand what they meant.

ทูตสวรรค์กาเบรียล GABRIEL ในหนั งสอ ื ของดาเนียล


อธิบายแก่ดาเนียลเกีย ่ วกับการเติบโตและตกร่วงหล่นลงของราชอาณาจักรต่างๆของโลก
่ ิ
ดาเนียลได ้เคยเห็นสงเหล่านีใ้ นนิมต ิ ร และความฝั น แต่ไม่ได ้เข ้าใจสงิ่ เหล่านั น
้ ทูตสวรรค์กาเบรียล
GABRIEL
ได ้ให ้คาอธิบายแก่เขาในเหตุการณ์ตา่ งๆของชว่ งเวลายุคสุดท ้ายว่าจะเกิดขึน ้ อย่างไรในเวลาหลังจา
กนัน้ ดาเนียลเคยเห็นเหตุการณ์ตา่ งๆเหล่านีใ้ นความฝั นทีเ่ ป็ นคาพยากรณ์ลว่ งหน ้าของเขา,
แต่ย ้อนกลับอีกครัง้ ไม่ได ้เข ้าใจสงิ่ เหล่านั น
้ หมายความว่าอย่างไร

Even after GABRIEL had given him the explanation to his VISIONS and DREAMS,
Daniel did not fully COMPREHEND them. But the PROPHECY given to Daniel was for him to
write about, more so than for him to UNDERSTAND. Much of Daniel's writing was beyond

391
his own comprehension, but he still wrote all that he saw into a book as THE LORD had
instructed him to do. The Book of Daniel ties directly to The Book of Revelation and all
other END TIME PROPHECY.

หลังจากทูตสวรรค์กาเบรียล GABRIEL ได ้ให ้คาอธิบายแก่เขา ในนิมต ิ รและความฝั นทัง้


หลายของเขา ดาเนียลไม่ได ้เข ้าใจสงิ่ เหล่านั น ้ อย่างถ่องแท ้ แต่การทานายทีม ่ อบให ้แก่ดาเนียล
เพือ ่ วกับสงิ่ ต่างๆนัน
่ ให ้เขาเขียนเกีย ้ มากเกินกว่าสาหรับเขาทีจ ่ ะเข ้าใจ
การเขียนของดาเนียลนัน ้ อยูเ่ หนือความเข ้าใจทีจ่ ะเปรียบเทียบออกมาด ้วยตัวของเขาเอง
แต่เขายังคงเขียนเรือ ่ งราวทัง้ หมดทีเ่ ขาเห็นลงไปในหนั งสอ ื ขณะทีพ ี้ นะให ้เขาทา
่ ระองค์เจ ้าได ้ชแ
หนังสอ ื ของดาเนียล โยงเกีย ่ วข ้องโดยตรงไปถึงหนังสอ ื การเปิ ดเผยของวิวรณ์ และ
เป็ นการพยากรณ์ทานายชว่ งเวลาของยุคสุดท ้ายทัง้ หมด
A MESSAGE from THE LORD
ข ้อความจากพระองค์เจ ้า

THE LORD has asked me to insert this message from HIM even though the MESSAGE
does not pertain directly to The Prophets. I recently heard a sermon being presented by a
Pentecost Minister who was telling the congregation "that the ALLAH who the Muslims
worship was not GOD, but rather the Devil.

พระผู ้เป็ นเจ ้าได ้ตรัสถามผมทีจ ่ ะแทรกใสข่ ้อความนีจ้ ากพระองค์


แม ้ว่าข ้อความข่าวสารไม่มส ี ว่ นเกีย
่ วข ้องโดยตรงกับผู ้พยากรณ์คนอืน
่ ๆ
ผมได ้ยินเมือ ่ ไม่นานมานีค ้ าสอนทีไ่ ด ้เทศนาโดยผู ้นาพันธกิจเพ็นตาคอส
ผู ้ซงึ่ ได ้บอกกลุม ่ คนทีม่ าประชุมทางศาสนา
"ว่าพระอัลเลาะห์(พระผู ้เป็ นเจ ้าของชาวมุสลิม)ผู ้ซงึ่ ชาวมุสลิมนมัสการไม่ใชพ ่ ระเจ ้า,
แต่คอ ่ นข ้างจะเป็ นพวกปี ศาจ ซาตาน

This simply is not true! The Muslims do in fact try to WORSHIP GOD. However, they
do not have a personal relationship with HIM and continually use HIS NAME in VAIN. The
Muslims cannot ever have a relationship with GOD, because that can only be accomplished
through JESUS CHRIST whom they REFUSE to RECOGNIZE.

สงิ่ นีเ้ ป็ นความเข ้าใจพืน ้ ฐานซงึ่ ไม่สงิ่ ถูกต ้อง!


แท ้จริงแล ้วชาวมุสลิมพยายามทีจ ่ ะนมัสการพระเจ ้า ถึงแม ้ว่า,
พวกเขาไม่มค ี วามสมั พันธ์สว่ นตัวกับพระองค์และยังคงใชพระนามของพระองค์
้ ในเนือ
้ หนังอย่างต่อเ

392
นือ
่ งแบบไม่มป ั พันธ์กับพระเจ ้าได ้,
ี ระโยชน์ ชาวมุสลิมไม่สามารถมีความสม
เพราะว่าเรือ
่ งนีส ้ ผู ้ซงึ่ พวกเขาปฏิเสธทีจ
้ ามารถบรรลุผลสาเร็จผ่านทางพระเยซูคริสต์เท่านั น ่ ะยอมรับ

You may find it interesting to know-that the WORD "ALLAH" in TONGUES


(HEBREWAH) means GOD! However, it means GOD in a general and not in a personalized
sense. Therefor those that pray to ALLAH are only recognizing GOD as BEING the SUPREME
RULER over them, although unknowingly do not realize that they themselves do not have a
personal relationship with GOD!

คุณอาจจะพบสงิ่ ทีน ่ ่าทึง่ ทีจ


่ ะรู ้ว่าคาว่า ""ALLAH" อัลเลาะห์"
ในภาษาพระวิญญาณ/ภาษาแปลกๆ (HEBREWAH) หมายความถึงพระเจ ้า!
ถึงแม ้ว่ามีหมายความถึงพระเจ ้าโดยทั่วไป และไม่ใชอ ่ ยูใ่ นความรู ้สก
ึ สมั ผัสสว่ นบุคคล
ด ้วยเหตุนบ ี้ รรดาคนเหล่านัน ้ อธิษฐานต่ออัลเลาะห์เป็ นเพียงแค่กาลังสงั เกตเห็นพระเจ ้าโดยเป็ นผู ้ปก
ครองสูงสุดอยูเ่ หนือพวกเขา,
ถึงแม ้ว่าไม่ได ้รับรู ้,ไม่ได ้ตระหนั กว่าตัวพวกเขาเองไม่มค ี วามสม ั พันธ์สว่ นตัวกับพระเจ ้า !

The WORD "E'-LI" in TONGUES (HEBREWAH), also means GOD. However unlike the
WORD ALLAH, "E'-LI" is the personalized use of the WORD GOD. When one uses the WORD
"E'-LI' in reference to GOD, that person is proclaiming that GOD is their GOD, and their
FATHER, and that PERSON both KNOWS HIM and has a PERSONAL relationship with HIM.
Before JESUS CHRIST had died upon the CROSS HE cried out to E'-LI and those who had
heard HIM thought HE was calling for Elijah.

คาว่า "เอลี E- LI" ในภาษาพระวิญญาณ/ภาษาแปลกๆ (HEBREWAH),


ยังหมายความถึงพระเจ ้า แม ้ว่าไม่เหมือนคาว่า อัลเลาะห์, “เอลี"
้ ่ ่ ื
เป็ นการใชคาเป็ นการสวนตัวเรียกชอของคาว่าพระเจ ้า เมือ ้
่ คนๆหนึง่ ใชคาว่า "เอลี”
ในการอ ้างอิงถึงพระเจ ้า, บุคคลนัน ้ กาลังประกาศว่าพระเจ ้าเป็ นพระเจ ้าของพวกเขา
และเป็ นพระบิดาของเขาทัง้ หลาย,
และบุคคลนัน ้ รู ้จักทัง้ พระองค์และมีความสม ั พันธ์สว่ นตัวกับพระองค์
ก่อนพระเยซูคริสต์ได ้สวรรคตบนไม ้กางเขน พระองค์ร ้องออกไปว่า เอลี
และบรรดาคนเหล่านั น ้ ผู ้ซงึ่ ได ้ยินพระองค์คด ิ ว่าพระองค์ได ้กาลังเรียกร ้องหาเอลีชา Elijah

This is because the Jews could not INTERPRET the LANGUAGE JESUS was SPEAKING
in, and didn't know what the WORD "E'-LI' meant. Even JESUS' s Disciples didn't know what
HE was saying at the time, because the Disciples could not INTERPRET the WORD "E'-LI
until after the DAY of PENTECOST, when they had been BAPTIZED in THE HOLY SPIRIT and
had RECEIVED THE GIFT of the INTERPRETATION of TONGUES. After RECEIVING the GIFT
they KNEW what the WORD E'-LI meant, and wrote it into the Scriptures of the GOSPELS.

นีเ่ ป็ นเพราะว่าชาวยิวไม่สามารถแปลภาษาของพระเยซูคริสต์ได ้กาลังตรัสอยู,่


และไม่รู ้ความหมายของคาว่า เอลี หมายถึงอะไร แม ้แต่สาวกของพระเยซูคริสต์ไม่ได ้รู ้ว่า
พระองค์ได ้กาลังตรัสอะไรในเวลานัน ้ , เพราะว่าสาวกไม่สามารถแปลภาษาแปลกๆ คาว่า เอลี

393
จนกระทั่งหลังจากวันเพ็นเทคอส,
เมือ
่ พวกเขาได ้รับพิธบ
ี ัพติสมาในพระวิญญาณบริสท ุ ธิแ
์ ละได ้รับของประทานของการแปลความหมา
ยของภาษาพระวิญญาณ/ภาษาแปลกๆ
หลังจากการได ้รับของประทานพวกเขาได ้รับรู ้ความหมายคาว่า เอลี หมายความถึงอะไร
และได ้เขียนเข ้าไปในข ้อพระคัมภีรข
์ องข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์

Matthew 27:46 And about the ninth hour JESUS cried with a LOUD VOICE, saying, E'-LI, E'-
LI, LA'-MA SA-BACH'-THA NI? That is to say, MY GOD, MY GOD, WHY HAST THOU
FORSAKEN ME ? 52

มัทธิว 27:46 ครัน้ ประมาณบ่ายสามโมงพระเยซูทรงร ้องเสย ี งดังว่า "เอลี เอลี ลามาสะบักธานี"



แปลว่า "พระเจ ้าของข ้าพระองค์ พระเจ ้าของข ้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงทอดทิง้ ข ้าพระองค์เสย
52

NOTE 52 While we are on the subject of SPEAKING in TONGUES I would like to share with
you some of my observations. I have been to several churches where I have heard gibberish
being spoken by some of the people, who claimed they were speaking in TONGUES. Many of
these people were not saying anything at all and can be compared to a baby making odd
sounds! There are but a few people I have heard in the churches, truly speaking in
TONGUES (HEBREWAH). One young Man who I heard one day kept saying over and over
again the WORD, "PA-PAH".

หมายเหตุ 52: ในขณะทีเ่ ราอยูใ่ นหัวข ้อของการพูดภาษาพระวิญญาณ/ภาษาแปลกๆ


ผมต ้องการทีจ ่ ะแบ่งปั นกับคุณบางสว่ นของการสงั เกตการณ์ของผม
ผมได ้ไปหลายๆคริสตจักรทีซ ่ งึ่ ผมได ้ยินการพูดภาษาทีไ่ ม่มค ี วามหมายโดยบางกลุม ่ ของผู ้คน,
่ ึ
ผู ้ซงได ้กล่าวอ ้างพวกเขาได ้กาลังพูดภาษาพระวิญญาณ/ภาษาแปลกๆ
ผู ้คนเหล่านีจ้ านวนมากไม่ได ้พูดภาษาใดๆเลยสก ั นิดเดียว
และสามารถเปรียบเทียบไปยังเด็กทารกการทาเสย ี งแปลก ผิดปกติ !
มีแต่ผู ้คนบางสว่ นจานวนน ้อยมาก ทีผ
่ มได ้ยินอยูใ่ นคริสตจักร,
ได ้พูดภาษาพระวิญญาณ/ภาษาแปลกๆ (HEBREWAH)อย่างแท ้จริง
ชายหนุ่มคนหนึง่ ผู ้ซงึ่ ผมได ้ยินในวันหนึง่ ได ้แต่พด ู ซ้าๆ แล ้วซ้าๆอีกครัง้ คาว่า, ปาปาห์ "PA - PAH"

This man indeed was speaking in the HEBREWAH LANGUAGE, even though he knew
but only ONE WORD, and probably wasn't aware of what the WORD meant. The WORD,
"PA-PAH" in HEBREWAH is the referencing of GOD as to being YOUR DADDY. This PERSON
had been TRULY BAPTIZED in THE HOLY SPIRIT for only a SON of GOD is GIVEN this
WORD!

ชายผู ้นีจ
้ ริงๆกาลังพูดในภาษาฮบ ี รูวาห์ HEBREWAH,แม ้ว่าเขารู ้เพียงคาเดียว,
และบางทีไม่ได ้ทันจะรู ้เรืองว่าคาพูดนี้ หมายความถึงอะไร, คาว่า ปาปาห์ "PA-PAH"
ในภาษาฮบี รูวาห์ HEBREWAH เป็ นการอ ้างอิงถึงพระเจ ้าเกีย
่ วข ้องเป็ นพระบิดาของคุณ

394
บุคคลนีไ
้ ด ้รับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสทุ ธิอ ์ ย่างแท ้จริง
เพราะมีเพียงบุตรของพระเจ ้าได ้รับมอบคานี้ !

่ ้อความข่าวสาร
Back to the MESSAGE / กลับสูข

In further regard to the Muslim faith and the serving of ALLAH: The Muslims share in
the same PROBLEM, as do the Jews with Judaism, who also believe they are serving
YAHWEH. Although both of these religions do in fact recognize the ONE TRUE GOD and in
their own way try to serve HIM, they cannot serve GOD in this way. It is GOD'S WAY OR NO
WAY AT ALL!

เพิม
่ เติมเกีย ื่ ของชาวมุสลิมและการรับใชพระอั
่ วกับความเชอ ้ ลเลาะห์:
ชาวมุสลิมได ้รับสว่ นในปั ญหากรณีเชน ่ เดียวกัน กับทีช่ าวยิวได ้ปรนนิบัตก
ิ ับศาสนายิว,
่ ึ ่ ื ้
ผู ้ซงยังเชอว่าพวกเขาได ้กาลังรับใชพระยาเวย์ YAHWEH
ถึงแม ้ว่าทัง้ สองของศาสนาเหล่านีไ ้ ด ้ยอมรับความเป็ นจริงรับรู ้
ถึงพระเจ ้าเทียงแท ้เพียงองค์เดียวและพวกเขาพยายามทีจ ้
่ ะรับใชพระองค์ ในทางของพวกเขา,

พวกเขาไม่สามารถรับใชพระเจ ้าด ้วยการปฏิบัตแ ิ บบนี้
การรับใชอยู ้ ใ่ นการทรงนาทางจากพระเจ ้าหรือไม่มท ี างอืน
่ ๆทีจ่ ะรับใชได ้ ้เลย(ถ ้าปราศจากการทรง
นาจากพระองค์) !

With neither of these two religions having a personal relationship with GOD, even
though they recognize HIM as did Neb-u-chad-nez'-zar the King of Babylon recognize GOD,
there cannot be any REDEMPTION nor SAVING GRACE for ANYONE not SERVING THE
LORD through JESUS CHRIST! THIS IS A SET CONDITION OF THE NEW COVENANT!

ทัง้ สองของศาสนาเหล่านีไ ้ ม่มค


ี วามสม ั พันธ์สว่ นตัวกับพระเจ ้า,
แม ้ว่าพวกเขาสงั เกตเห็นพระองค์เหมือนทีก ่ ษั ตริยเ์ นบูคัดเนสซาร์
กษั ตริยข ์ องบาบิโลนได ้สงั เกตรับรู ้ถึงว่ามีพระเจ ้า,
แต่ไม่สามารถมีการไถ่บาปใดๆหรือมีการชว่ ยให ้รอดโดยพระคุณสาหรับผู ้ใดก็ตาม

ทีไ่ ม่ได ้รับใชพระผู ้เป็ นเจ ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์! นีเ่ ป็ นเงือ ั ญาใหม่!
่ นไขทีไ่ ด ้จัดตัง้ ของพันธสญ

Here on the earth GOD BLESSES both the GOOD and the evil and many people confuse
BLESSINGS with GRACE. BLESSINGS are given and BLESSINGS are taken away, but GRACE
is ETERNAL, and ONLY by GRACE can one RECEIVE ETERNAL LIFE. GRACE can only be
RECEIVED after being BAPTIZED in THE HOLY SPIRIT, which comes after being FORGIVEN
of SIN.

ทีน ี่ นโลกพระเจ ้าอวยพรทัง้ คนดี และคนชวั่ ร ้าย


่ บ
และผู ้คนจานวนมากมายสับสนการอวยพรกับพระคุณความเมตตาแห่งความรอด
การอวยพรถูกมอบให ้และการอวยพรถูกเอาออกไป, แต่พระ
คุณความเมตตาในความรอดนัน ้ เป็ นสงิ่ ถาวร ชวั่ นิรันดร์,

395
และมีเพียงโดยพระคุณความเมตตาสามารถให ้คนๆหนึง่ ได ้รับชวี ต ิ นิรันดร์
พระคุณความเมตตาแห่งความรอด สามารถได ้รับหลังจากการ รับบัพติส
มาในพระวิญญาณบริสท ้ , สงิ่ ซงึ่ มาภายหลังจากการให ้อภัยบาป
ุ ธิเ์ ท่านัน

SIN can only be forgiven by a BLOOD SACRIFICE, and the BLOOD SACRIFICE of the
NEW COVENANT is THE LAMB of GOD, JESUS CHRIST. Therefor because neither the Jews
nor the Muslims believe in JESUS CHRIST, neither can be forgiven of their sins.

ความผิดบาปสามารถได ้รับให ้อภัยโดยการถวายเครือ ่ งบูชาด ้วยโลหิต,


และการถวายเครือ ั ญาใหม่เป็ นลูกแกะของพระเจ ้า คือ พระเยซูคริสต์,
่ งบูชาด ้วยโลหิตของพันธสญ
ด ้วยเหตุนไ
ี้ ม่วา่ ทัง้ ชาวยิว ื่ ในพระเยซูคริสต์,
ชาวมุสลิมทีไ่ ม่ได ้เชอ
ไม่สามารถได ้รับการให ้อภัยบาปของพวกเขา

FURTHERMORE: to those Muslims, who have shed innocent blood in the name of
ALLAH, THE LORD SAYS THE FOLLOWING TO THEM: GOD WILL HOLD YOU
ACCOUNTABLE FOR YOUR DEEDS. THOSE WHO HAVE SHED INNOCENT BLOOD IN MY
NAME TAKE HEED,

นอกจากนี:้ สาหรับชาวมุสลิมเหล่านัน
้ ,
ผู ้ซงึ่ ได ้ทาให ้เลือด(โลหิตตก)ทีบ ่ ริสท
ุ ธิไ์ หลออกมาในพระนามของพระอัลเลาะห์,
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสแก่พวกเขาดังต่อไปนี้วา่ : ี ากการกระทาของคนเหล่านั น
พระเจ ้าจะคิดบัญชจ ้
บรรดาคนเหล่านั น ้ ผู ้ซงึ่ ได ้ทาให ้โลหิต ไร ้เดียงสาไหลออกมาในนามของเรา ให ้ระวังตัวให ้ดี,
FOR I WARN YOU THAT THE MOMENT YOUR BREATH LEAVES YOUR BODY IN
THIS WORLD, YOU WILL OPEN YOUR EYES IN HADES. THE SEVENTY-TWO VIRGINS THAT
YOU SEEK FOR YOUR DEEDS WILL INSTEAD BE SEVENTY-TWO DEMONS WHO WILL
TORTURE YOUR SPIRITS THOUGHOUT ETERNITY!

เพราะเราเตือนเจ ้าว่า ในชว่ งขณะทีล ่ มหายใจสุดท ้าย ของเจ ้าได ้หยุดลง ร่างกายฝ่ ายวิญ
ญาณ ของเจ ้าได ้ออกจากโลกนี้, เจ ้าจะเปิ ดดวงตาของเจ ้าในนรก หญิงพรหมจารีย ์ 72
ื่ (ว่าจะได ้รับหลังจากตายไปแล ้ว)
คนทีเ่ จ ้าได ้มีความเชอ
จะพบว่าผลของการกระทาของเจ ้าจะแทนทีว่ ญ ิ ญาณชวั่ 72 ตน ผู ้ซงึ่ จะทรมานฝ่ ายวิญญาณเจ ้า
ตลอดชวั่ นิจนิรันดร์แบบไม่มท ี างออก

JESUS CHRIST warned HIS Disciples about this kind of people, who will kill the
innocent and claim to be doing so in the NAME of GOD.

พระเยซูคริสต์ได ้เตือนสาวกของพระองค์เกีย ่ วกับผู ้คนประเภทนี,้


ผู ้ซงึ่ จะฆ่าผู ้บริสท
ุ ธิแ
์ ละเพือ
่ ประกาศว่า เป็ นการกระทาในพระนามของพระเจ ้า

John 16:2 THEY SHALL PUT YOU OUT OF THE SYNAGOGUES: YEA, THE TIME COMETH,
THAT WHOSOEVER KILLETH YOU WILL THINK THAT HE DOETH GOD SERVICE.

396
ยอห์น 16:2 เขาจะไล่ทา่ นเสย ี จากธรรมศาลา แท ้จริงวันหนึง่ คนใดทีป
่ ระหารชวี ต
ิ ของท่านจะคิดว่า
เขาทาการนัน
้ เป็ นการปฏิบัตพ
ิ ระเจ ้า

Once NOAH entered into the NEW WORLD, THE LORD TOLD HIM that HE WOULD
HOLD THOSE ACCOUNTABLE WHO HAD SHED INNOCENT BLOOD. This still holds TRUE,
and GOD WILL MOST CERTAINLY PUNISH ALL WITHOUT MERCY WHO HAVE DONE SO
AND ARE CLAIMING TO DO IT IN HIS NAME.

ครัน ้ เมือ
่ โนอาห์ได ้เข ้าไปในโลกใหม่
พระผู ้เป็ นเจ ้าตรัสบอกเขาว่าพระองค์จะคิดบัญชก ี ับคนเหล่านัน
้ ผู ้ซงึ่ ได ้ทาให ้เลือดทีบ
่ ริสท
ุ ธิไ์ หลออ
กมา สงิ่ นีย
้ ังคงต ้องยึดถืออย่างถูกต ้อง, และพระเจ ้าจะลงโทษทัง้ หมดอย่างแน่นอนทีส ่ ด

โดยปราศจากความเมตตาผู ้ซงึ่ ได ้ทาอย่างนัน ้ และกาลังประกาศว่ากระทาในพระนามของพระองค์

Genesis 9:5 And surely your blood of your lives will I require; at the hand of every beast
will I require it, and at the hand of man; at the hand of every man s brother will I require
the LIFE of man.

Genesis 9:6 Whoso sheddeth man s blood, by man shall his blood be shed: for in the IMAGE
of GOD made HE man.

ปฐมกาล 9:5 โลหิตเจ ้าทีเ่ ป็ นชวี ต


ิ ของเจ ้า เราจะเรียกเอาแน่นอน
เราจะเรียกเอาจากชวี ต ิ ของสตั ว์ป่าทัง้ ปวงและจากมือมนุษย์
เราจะเรียกเอาชวี ต ิ มนุษย์จากมือพีน ่ ้องของตนทุกคน 9:6 ผู ้ใดทาให ้โลหิตของมนุษย์ไหล
ผู ้อืน
่ จะทาให ้ผู ้นัน
้ โลหิตไหล เพราะว่าพระเจ ้าทรงสร ้างมนุษย์ตามแบบพระฉายาของพระองค์

The BOOK of Hosea


ื ของโฮเชยา
หนั งสอ

Hosea prophesised during the same era as Isaiah and traveled throughout Judah and
ISRAEL with a Band of roving Prophets, whereas Isaiah remained almost exclusively in the
area of Judah. As with most of the Prophets being told by GOD how to demonstrate the fate
of Judah and Israel by their performing some sort of strange act, so was the Prophet Hosea
given an odd ity to perform by THE LORD.

โฮเชยาได ้พยากรณ์ระหว่างชว่ งยุคสมัยเดียวกันกับ


ของอิสยาห์และเดินทางไปทั่วทัง้ ยูดาห์และอิสราเอล โดยเป็ นผู ้พยากรณ์ทเี่ ป่ าเสย ี งแตร
ทีซ ่ งึ่ อิสยาห์ยังคงอยูเ่ ฉพาะบริเวณพืน ่ องยูดาห์เป็ นสว่ นใหญ่
้ ทีข
ผู ้พยากรณ์สว่ นใหญ่ได ้ถูกบอกโดยพระเจ ้าว่าควรจาสาแดงชะตากรรมของยูดาห์และอิสราเอลว่าใน
อนาคตจะเป็ นอย่างไร โดยใชการส ้ าแดงในสงิ่ ต่างๆทีค ่ อ
่ นข ้างแปลกประหลาด
จากนัน ้ ผู ้พยากรณ์โฮเชยาได ้รับคาสงั่ ให ้แสดงสงิ่ ทีผ
่ ด
ิ ปกติจากสายตาของคนทั่วไป

397
While Isaiah was told to walk naked through the streets of JERUSALEM, and Jeremiah
made to wear an oxen yoke about his neck, and Ezekiel told to eat the parchment scroll
containing the WORDS of GOD, the Prophet Hosea was told to marry a harlot (prostitute).
This was done to demonstrate the whoredoms being committed by Judah and ISRAEL
AGAINST GOD, and for their seeking after and worshipping strange gods.

ขณะที่ อิสยาห์ (20:3) ถูกบอกให ้เดินเปลือยกายผ่านไปตามท ้องถนนของกรุงเยรูซาเล็ม


และเยเรมีย(์ 27:2)ได ้สวมปลอกคอของวัวตัวผู ้อยูบ ่ นคอของเขา และเอเสเคียล(3:3-
ื ่ ึ
5)ถูกบอกให ้กินหนังสอม ้วน บรรจุเต็มท ้องซงประกอบด ้วยพระคาของพระเจ ้า
ผู ้พยากรณ์โฮเชยา(1:2)นั น ้ ถูกบอกโดยพระเจ ้าให ้ไปแต่งงานกับหญิงโสเภณี(หญิงแพศยา)นีค ื สงิ่
้ อ
ทีเ่ ป็ นการสาแดงการล่วงประเวณีทไี่ ด ้กระทาโดยยูดาห์และอิสราเอลต่อต ้านพระเจ ้าและพวกเขาได ้
แสวงหาติดตามและนมัสการพระเจ ้าทีเ่ ทียมเท็จแปลกปะหลาดอืน ่ ๆ(โฮเชยา1:4)

Nearly all of the prophecy given to Hosea relates to Judah and ISRAEL and the
warning given to them by THE LORD through Hosea of there pending downfall. However,
these warnings also apply to the world today.

เกือบทัง้ หมดของคาพยากรณ์ทม ี่ อบให ้แก่โฮเชยา


นัน
้ เกีย
่ วข ้องกับยูดาห์และอิสราเอลและเป็ นการตักเตือนพวกเขาโดยพระเจ ้าผ่านทางโฮเชยา
ซงอยูใ่ นระหว่างชว่ งกาลังจะตกไปเป็ นเชลยแต่อย่างไรก็ตามการตักเตือนนนีย
่ ึ ้ ังคงประยุกต์ใชกั้ บโล
กใบนีท ้ ก
ุ วันนี้

The SINS throughout today's world can be related to ISRAEL'S sins of yesteryear by
simply replacing ISRAEL'S idols and graven images with today's false religions and objects
of this world being put before GOD. This applies to all PROPHECY that warns against
IDOLATRY.

ความบาปของทั่วโลกทุกวันนี้
สามารถนามาประยุกต์เชอื่ มโยงการรับผลเชน ่ เดียวกันกับความบาปของชนชาติอส ิ ราเอลในอดีตทีผ
่ ่
านมา
ู เคารพของอิสราเอลและรูปเคารพต่างๆด ้วยศาสนาเทียมเท็จและ(ความต ้องการ)ส ิ่
โดยการแทนทีร่ ป
งของต่างๆของในโลกนี้ มาก่อนพระเจ ้า(ไม่ได ้ให ้พระเจ ้าเป็ นทีห
่ นึง่ )
สามารถประยุกต์คาพยากรณ์ทัง้ หมดทีไ่ ด ้ตักเตือนต่อต ้านการกราบไหว ้รูปเคารพ

IDOLATRY today can be a big house, or a shiny new car, a powerful position in
politics, or a business. It can be a woman or a man or a celebrity who is idolized, money or
status within the world, as these traits today are the same as the idols and images of
yesteryear.

รูปเคารพทุกวันนีส ้ ามารถ(เปลีย ่ น)เป็ นบ ้านทีใ่ หญ่โต หรือรถใหม่


หรือตาแหน่งทีม ่ ส ิ ธิอานาจในพรรคการเมืองต่างๆ หรือธุรกิจ สามารถเป็ นผู ้หญิง หรือเป็ นผู ้ชาย
ี ท
หรือผู ้ทีม
่ ช ื่ เสย
ี อ ี งผู ้ซงึ่ เป็ นเหมือนรูปเคารพ เงินทอง หรือตาแหน่งต่างๆบนโลกใบนี้
ขณะทีส ่ งิ่ เหล่านีท ้ ก ุ วันนีน้ ัน
้ เป็ นเหมือนรูปเคารพ(ในใจ)และเป็ นรูปร่างจินตนาการของภาพในอดีต
398
Anything of this world placed within your heart as being more important than your
relationship with GOD is in THE EYES of GOD, whoredoms, and the committing of adultery.
THE LORD SEES those who are giving their LOVE and SERVICE for worldly payment and
possessions, the same as the prostitute who performs her service for payment.

ทุกๆสงิ่ ของโลกนีท ้ วี่ างอยูภ ่ ายในหัวใจของคุณ


โดยให ้ความสาคัญมากกว่าความสม ั พันธ์ของคุณกับพระเจ ้า ในสายพระเนตรของพระเจ ้า
เป็ นการการค ้าประเวณี และเป็ นสญ ั ญาณของการเป็ นชู ้
พระองค์เจ ้าเห็นคนเหล่านัน ้ ทีไ่ ด ้ให ้ความรักและบริการ รับใช ้ ทางาน
โดยให ้ระบบโลกนีจ ้ า่ ยเงินแก่ทา่ นและการเป็ นเจ ้าของครอบครองสงิ่ ของในโลก
เป็ นแบบเดียว(เหมือน)กันกับผู ้ซงึ่ เป็ นหญิงโสเภณีทาหน ้าทีข ่ องเธอแลกกับการจ่ายเงิน
เป็ นผลตอบแทน

This does not mean that GOD does not want you to have good things in this life. What
it does means; is that GOD does not want you to put anything before HIM, nor allow
anything to come between HIM and you. This holds true in any MARRIAGE and your
RELATIONSHIP with GOD, is a MARRIAGE. Should you allow your job, or a house, or a car,
or money to be more important to you than your HUSBAND or your WIFE? If you were to
allow this to happen, and let these things come between you and your SPOUSE, then you
certainly could not LOVE them more than those objects!

สงิ่ นีไ
้ ม่ได ้หมายความว่าพระเจ ้าไม่ต ้องการคุณมีสงิ่ ทีด ่ ใี นชวี ต
ิ นี้ สงิ่ นีค
้ วามหมายถึงอะไร
พระเจ ้าไม่ต ้องการให ้คุณให ้ความสาคัญในสงิ่ ใดๆมาก่อนพระองค์
หรือไม่อนุญาติให ้สงิ่ อืน ่ ใดเข ้ามาขัดขวางระหว่างพระองค์กับคุณ
นีถ
้ อ
ื เป็ นกรณีของการแต่งงานและเป็ นความสม ั พันธ์ระหว่างคุณกับพระเจ ้า เป็ นเหมือนการแต่งงาน
ท่านจะอนุญาติยน ิ ยอมให ้การงาน หรือบ ้าน หรือรถ
หรือเงินทองมีความสาคัญมากกว่าสามีของท่านหรือ ภรรยาของท่านหรือ
ถ ้าท่านอนุญาติให ้สงิ่ นีเ้ กิดขึน ้ และสงิ่ เหล่านีเ้ ข ้ามาอยูร่ ะหว่างท่านและคูส ่ ามีภรรรยาของท่าน
จากนัน ้ แน่นอนทีส ุ ท่านจะไม่สามารถรักเขาหรือเธอมากไปกว่าสงิ่ ของเหล่านั น
่ ด ้

ื ของโยเอล
The BOOK of Joel หนั งสอ

The Book of Joel is dedicated primarily to END TIME PROPHECY and blends in with the
Book of Revelation and the other END TIME PROPHECY written by the PROPHETS.

ื ของโยเอล เขียนเพือ
หนังสอ ่ ให ้การทานายเริม
่ แรก ทีส
่ าคัญเกีย
่ วกับยุคสุดท ้าย
และผสมผสานกับหนั งสอื ของการเปิ ดเผยวิวรณ์และการทานายเวลายุคสุดท ้ายได ้เขียนโดยผู ้พยาก
รณ์อน
ื่ ๆ

Joel 2:10 The earth shall quake before them; the heavens shall tremble: the sun and the
moon shall be dark, and the stars shall withdraw their shining:

399
Joel 2:11 And THE LORD shall utter HIS VOICE before HIS ARMY: for HIS camp is very
GREAT for he is STRONG that executeth HIS WORD: for the day of THE LORD is GREAT and
very terrible; and who can abide it?

โยเอล 2:10 แผ่นดินโลกจะหวัน ั่ สะเทือน


่ ไหวต่อหน ้ามัน ฟ้ าสวรรค์จะสน
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะมืดไป ดวงดาวจะอับแสง

2:11 พระเยโฮวาห์จะทรงสง่ พระสุรเสย ี งต่อหน ้ากองทัพของพระองค์


เพราะค่ายของพระองค์ใหญ่โตยิง่ นัก ผู ้ทีก
่ ระทาตามพระวจนะของพระองค์นัน ้ มีเดชานุภาพมาก
เพราะว่าวันแห่งพระเยโฮวาห์เป็ นวันใหญ่โตและน่ากลัวยิง่ นั ก ผู ้ใดเล่าจะทนอยูไ่ ด ้

This WARNING matches the WARNINGS given in The Book of Revelation to the Apostle
John. คาเตือนนีเ้ ป็ นการยืนยันควบคูก ื ของการเปิ ดเผยวิวรณ์
่ ันกับคาเตือนทีไ่ ด ้มอบไว ้ในหนังสอ

Revelation 6:12 And I beheld when HE had opened the SIXTH SEAL, and, lo, there was a
GREAT EARTHQUAKE; and the sun became black as sackcloth of hair, and the moon
became as blood;

Revelation 6:13 And the stars of heaven fell unto the earth, even as a fig tree casteh her
untimely figs, when she is shaken of a mighty wind.

Revelation 6:14 And the heaven departed as a scroll when it is rolled together; and every
mountain and island were moved out of their places.

วิวรณ์ 6:12 เมือ


่ พระองค์ทรงแกะตราดวงทีห่ กนั น
้ แล ้ว ดูเถิด ข ้าพเจ ้าก็ได ้เห็นแผ่นดินไหวใหญ่โต
ดวงอาทิตย์ก็กลายเป็ นมืดดาดุจผ ้ากระสอบขนสต ั ว์ และดวงจันทร์ก็กลายเป็ นสเี ลือด

6:13 และดวงดาวทัง้ หลายในท ้องฟ้ าก็ตกลงบนแผ่นดิน


เหมือนต ้นมะเดือ
่ อันหวัน
่ ไหวด ้วยลมกล ้าจนทาให ้ผลหล่นลงไม่ทันสุก

6:14 ท ้องฟ้ าก็หายไปเหมือนกับหนั งสอื ทีเ่ ขาม ้วนขึน


้ ไปหมด
และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็เลือ ่ นไปจากทีเ่ ดิม

ื ของผู ้พยากรณ์อาโมส
The Book of Amos หนั งสอ

Amos was a herdsman who was taken from the flocks by THE LORD to be a Prophet
so he might WARN the people of ISRAEL'S pending downfall! Amos was given by GOD
PROPHECY about ISRAEL and Judah's JUDGMENT by GOD for their SINNING against HIM.
Amos prophesied as did Hosea and the other Prophets about ISRAEL'S upcoming
destruction and captivity.

อาโมสเป็ นผู ้ทาฟาร์มเลีย ั ว์ได ้ถูกเรียก


้ งสต
ออกจากฝูงสต ั ว์เลีย
้ งโดยพระองค์เจ ้ามาเป็ นผู ้พยากรณ์ลว่ งหน ้า
ดังนัน ่ ทีเ่ ขาอาจจะเตือนผู ้คนถึงชว่ งเวลาความหายนะของอิสราเอล
้ เพือ

400
พระเจ ้าได ้มอบให ้อาโมสกล่าวทานาย
เกีย
่ วกับประเทศอิสราเอลและการพิพากษายูดาห์สาหรับบาปของเขาทัง้ หลายทีก ่ ระทาต่อต ้านพระ
องค์ อาโมสทานายเหมือนกับโฮเชยา
และผู ้ทานายอืน ่ ๆซงึ่ เป็ นเรือ
่ งราวเกีย
่ วกับการทาลายประเทศอิสราเอลและสภาวะทีต
่ กไปเป็ นเชลย
กาลังจะเกิดขึน้

However, Amos was more vocal than the false prophets of ISRAEL were at that time,
and due to his outspokenness to the people and the leadership, he was made to leave
ISRAEL and go to Judah with his PROPHECY. While in Judah, Amos joined in with the
company of Isaiah and the other Prophets, and remained there until his death. Shortly
thereafter, ISRAEL was taken captive by the King of Babylon, as Amos had so prophesised

อย่างไรก็ตาม
อาโมสสง่ เสย ี งดังมากกว่าผู ้ทานายเทียมเท็จของประเทศอิสราเอลทีม ่ อ
ี ยูต
่ อนนัน

และเนือ
่ งจากคาพูดโผงผางของเขาต่อผู ้คนและผู ้นาทัง้ หลาย
เขาจึงถูกไล่ออกจากประเทศอิสราเอลและเดินทางไปถึงยูดาห์กับคาพยากรณ์ของเขา
ขณะทีอ ่ ยูใ่ นยูดาห์ อาโมสเข ้ามาร่วมป่ าวประกาศกับอิสยาห์ และผู ้พยากรณ์คนอืน ่ ๆ,
และยังคงอยูท ่ น
ี่ ั่นจนกระทั่งถึงแก่ความตายของเขา .
ต่อจากนัน้ ในระยะเพียงไม่นานประเทศอิสราเอลถูกจับเป็ นเชลยเหมือนนักโทษ
โดยกษั ตริยข ์ องบาบิโลนเหมือนทีอ ่ าโมสได ้กล่าวคาพยากรณ์ไว ้

With ISRAEL having many false Prophets during this period of time, the King and his
following despised Amos, because he was telling them of the King's pending death by the
sword and their being led off into captivity by the Chaldeans because of ISRAEL'S sins. This
differed in what the false Prophets were telling the King, so the King allowed the false
Prophets to cast Amos out of ISRAEL, because he preferred to hear their words about a
prospering ISRAEL, rather than the TRUTH of its future being given by Amos.

ด ้วยกันกับ อิสราเอลนั น ้ มีผู ้พยากรณ์เทียมเท็จชว่ งระหว่างเวลานั น ้


กษั ตริยแ ์ ละผู ้ติดตามได ้ปฏิเสธดูหมิน ่ อาโมส
เพราะว่าอาโมสได ้บอกพวกเขาว่ากษั ตริยน ์ ัน
้ จะตายด ้วยคมดาบและ
พวกเขาทัง้ หลายจะถูกจับไปเป็ นเชลยโดยคนเคลเดียของอาณาจักรบาบิโลน
เพราะความผิดบาปของอิสราเอล
ซงึ่ คาทานายแตกต่างจากของผู ้พยากรณ์เทียมเท็จนัน ้ ได ้บอกกษั ตริย ์
จากนัน ้ กษั ตริยจ ์ งึ อนุญาติให ้อาโมสนัน ้ ออกไปจากอิสราเอล
เพราะว่าเขาต ้องการฟั งคาของผู ้พยากรณ์เทียมเท็จซงึ่ ทานายเป็ นการประสบความสาเร็จของอิสราเ
อลมากกว่าจะเป็ นความจริงในอนาคตทีไ่ ด ้มอบผ่านอาโมส

Amos warns in chapter 8 of the Book of Amos about the corruption of ISRAEL that was
being caused by the false Prophets. He warns ISRAEL about how the false Prophets would
eventually have the people's minds so twisted by lies, it would ultimately cause their
destruction.

401
อาโมสกล่าวเตือนในบทที่ 8 ของหนั งสอ ื อาโมสเกีย
่ วกับความผิดพลาด
ถูกคอรัปชน ั่ ของอิสราเอล ซงึ่ สาเหตุมาจากผู ้พยากรณ์เทียมเท็จ
เขาเตือนประเทศอิสราเอลเกีย ่ วกับผู ้พยากรณ์เทียมเท็จ
นัน
้ ในทีส
่ ด
ุ จะกลับคาบิดเบือนความคิดของประชากรด ้วยการโกหกอย่างเนียบเนียน
เป็ นสาเหตุทาให ้นาเขาทัง้ หลายไปสูก ่ ารทาลาย

Also buried in the Scriptures of chapter 8 of the Book of Amos is The END TIME
PROPHECY of what the world will do to cause THE WORD of GOD to be nonexistent.
These Scriptures relate to the many false interpretations of THE HOLY BIBLE being
published, and the changing of THE WORD of GOD to the point where it has lost its
MESSAGE.

ข ้อความลึกซงึ้ ทีฝ ่ นอยูใ่ นพระคัมภีรไ์ บเบิลบทที8


่ ั งซอ ่ ของหนั งสอ ื อาโมส
คือการทานายชว่ งระยะเวลายุคสุดท ้ายว่าโลกนีจ ้ ะกระทาอะไร
จนเป็ นสาเหตุทาให ้พระวจนะของพระเจ ้านั น ้ ไม่หลง เหลือปรากฏให ้เห็น
ข ้อพระคาภีรน์ เี้ กีย
่ วโยงไปถึง
การแปลตีความหมายเรียบเรียงพระคาภีรไ์ บเบิล ้ ทีไ่ ด ้ทาการจัดพิมพ์ขน
ึ้ มาและเปลีย
่ นแปลงพระวจน
ะของพระเจ ้าไปใน จุดสาคัญทีซ ่ งึ่ ทาให ้ความ หมายของข ้อความทีเ่ ป็ นความจริงต่างๆนั น ี ไป
้ สูญเสย

Whereas the false Prophets were corrupting the people with their lies in the days of
Amos, so is it even this day that the misinterpretations of the Scriptures given in these new
BIBLE translations are corrupting one's UNDERSTANDING of THE WORD of GOD. ONLY
THE 1611 KING JAMES VERSION OF THE HOLY BIBLE IS THE CORRECT INTER PRETATION
OF THE HOLY SCRIPTURES. ALL OTHERS, ARE FALSE AND MISLEADING, and will cause
those who read them to err!

เปรียบเทียบกับ ผู ้พยากรณ์เทียมเท็จ ได ้คอรัปทาให ้คนหลงผิดไปด ้วยการโกหก


ของพวกเขาทัง้ หลายในวันเวลาของอาโมส จากนัน ้ ทุกวันนี้การแปลความหมาย
ตีความข ้อพระคาภีรต ์ า่ งๆผิดพลาดโดยการทาการพิมพ์ไบเบิล ้ เล่มใหม่ๆขึน
้ มา
นัน
้ ได ้คอรัปชน ั่ ความเข ้าใจของความหมายของพระคาของพระเจ ้าของคนคนหนึง่
มีเพียงพระคัมภีรไ์ บเบิลศก ั ดิส
์ ทิ ธิ์ ฉบับคิงเจมเวอร์ชน ั่ 1611
ทีไ่ ด ้มีการแปลความหมายทีถ ่ กู ต ้องจากความหมายต ้นฉบับ
พระคัมภีรไ์ บเบิล(ฉบับกอปปี้ เวอร์ชน ั่ )อืน่ ๆทัง้ หมด, ได ้มีข ้อผิดพลาดและทาให ้เกิดการเข ้าใจผิด,
และจะเป็ นสาเหตุทาให ้ผู ้คนเหล่านัน ้ ทีอ
่ า่ นเข ้าใจผิดพลาด

THE LORD WARNS of the time when the people will seek the WORD of GOD and will
not be able to find it. The Devil is too smart to simply abolish THE HOLY BIBLE. He will
simply change the meaning of the Scriptures so that the TRUE WORD of GOD will be
nonexistent!

พระองค์เจ ้าได ้ตักเตือนเวลานัน


้ มาถึง
เมือ
่ ผู ้คนแสวงหาพระคาของพระเจ ้าและจะไม่สามารถทีจ
่ ะค ้นพบ(ไม่สามารถหาเจอ)

402
พวกปี ศาจซาตานนัน้ ฉลาดมากมายเหลือเกิน ได ้ลบล ้างพระคัมภีรไ์ บเบิลศกั ดิส ิ ธิอ
์ ท ์ ย่างง่ายๆ
พวกซาตานได ้เปลีย
่ นความหมายของพระคัมภีรไ์ บเบิลเป็ นการเข ้าใจง่ายๆ
แต่จากนัน
้ ความหมายทีถ่ ก
ู ต ้องแท ้จริงของพระคาของพระเจ ้านัน
้ จะไม่ปรากฏให ้เห็น

He will do this in such a way that when the unlearned seek to find the TRUTH from
THE HOLY SCRIPTURES, there will be so many variations of the Scriptures that the TRUTH
will be LOST! This changing of THE WORD of GOD has been going on within the Church for
many years, and has gotten WORSE with TIME. There are so many new interpretations now
of the Scriptures, it will soon be impossible to determine which INTERPRETATION of THE
WORD of GOD is the TRUTH. THIS IS THE DEVIL'S PLAN!

พวกซาตานปี ศาจได ้กระทาในลักษณะที่ เมือ ่ คนทีไ่ ม่เคยเรียนรู ้


ต ้องการแสวงหาทีจ ่ ะพบความจริงจากพระคาภีรน ์ ัน้
จะมีหลากหลายความหมายของข ้อพระคาภีรซ ์ งึ่ ความจริงแท ้นั น ้ จะสูญหายไป
การเปลีย ่ นแปลงพระคาของพระเจ ้านัน ้ ได ้เริม
่ ต ้นขึน ่ งทีโ่ บสถ์ตา่ งๆในชว่ งเวลาหลายปี ผ่
้ อย่างต่อเนือ
านมาและเริม ่ แย่ลงทุกวัน
มีการแปลความหมายฉบับภาษาเรียบเรียงใหม่ๆเกิดขึน ้ ในพระคาภีรอ ์ ยูต
่ ลอด
นีค
้ อ
ื การวางแผนของซาตาน อีกไม่นานจะพบว่า
คนไม่สามารถตัดสน ิ ใจได ้ว่าฉบับการแปลไหนเป็ นพระคาของพระเจ ้าทีเ่ ป็ นความจริงแท ้

To PROVE this point, simply lay two or three of these new TRANSLA TIONS alongside
the KING JAMES 1611 VERSION, and read from the 2nd Chapter of the Book of Habakkuk,
and see if they say the same thing. You will find significant changes to THE WORD of GOD
have been made in these new translations. The Devil has been corrupting THE WORD of
GOD since the coming of JESUS CHRIST and diligently works towards the hiding of the
COMING of THE HOLY SPIRIT to the world for its DELIVERANCE.

นีค
้ อ
ื การพิสจ ู น์ถงึ จุดนี้
ให ้ท่านนาฉบับการแปลความหมายของพระคาภีรส ั สองสามเวอร์ชน
์ ก ั่ มาเทียบกันกับคิงเจิมสเ์ วอร์ชน
ั่
และอ่านจากบททีส ่ องของหนั งสอ ื ฮาบากุกและดูวา่ ท่านได ้เห็นสงิ่ ทีเ่ หมือนกันทุกอย่างหรือไม่
แล ้วท่านจะพบว่าเกิดการเปลีย ่ นแปลงพระคาของพระเจ ้า เกิดขึน ้ ในฉบับการแปลใหม่ๆ
พวกซาตานนัน ้ ได ้คอรัปชน ั่ พระคาของพระเจ ้า
ตัง้ แต่การเสด็จมาครัง้ แรกของพระเยซูคริสต์และขยันทางานเพือ ่ หลบซอ ่ น
การเสด็จลงมาของพระวิญญาณบริสท ุ ธิเ์ พือ
่ ปลดปล่อยโลกใบนี้

This is why many of the churches disallow anyone of its members to PRACTICE in
the GIFTS given by THE HOLY SPIRIT. The reason this CORRUPTION of THE WORD of GOD
exists in the new translations of the 2nd chapter of the Book of Habakkuk, is because these
Scriptures outline the COMING of THE HOLY SPIRIT to the earth as a MAN, and the Devil
wants to HIDE that from you!

403
นีค
้ อื เหตุผลว่าทาไมโบสถ์ไม่ยน ิ ยอมให ้สมาชก ิ คนใดก็ตามฝึ กฝนของประทานของพระวิญญาณบริส ุ
ทธิ์
เหตุผลนีเ้ ป็ นการการคอรัปชนั่ พระคาของพระเจ ้าได ้เกิดขึน ้ ในฉบับการแปลใหม่ของบททีส
่ องในหนั
งสอ ื ฮาบากุก เพราะว่าข ้อพระคาภีรข ์ ้อนีเ้ ป็ นการเกริน
่ นา
การเสด็จมาของพระวิญญาณบริสท ุ ธิม ่
์ าสูโลกในสภาพของมนุษย์และพวกซาตานต ้องการซอ ่ นควา
มจริงเหล่านี้ ไปจากท่าน

Amos 8:11 Behold, the days come, saith THE LORD GOD, that I will send afamine in the
land, not a famine of bread, nor a thirst of water, but of hearing the WORDS of THE LORD.

Amos 8:12 And they shall wander from sea to sea, and from north even to the east, they
shall run to and fro to SEEK THE WORD of THE LORD, and shall not find it.

อาโมส 8:11 องค์พระผู ้เป็ นเจ ้าพระเจ ้าตรัสว่า "ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง


่ เราจะสง่ ทุพภิกขภัยมาทีแ
เมือ ่ ผ่นดิน ไม่ใชก ่ ารอดอาหาร หรือการกระหายน้ า
แต่จะอดฟั งพระวจะของพระเยโฮวาห์

8:12 เขาทัง้ หลายจะท่องเทีย ่ วจากทะเลนีไ


้ ปทะเลโน ้น และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก
เขาทัง้ หลายจะวิง่ ไปวิง่ มาเพือ
่ แสวงหาพระวจนะของพระเยโฮวาห์ แต่เขาจะหาไม่พบ

I cannot over-emphasize the IMPORTANCE of the casting away of these FALSE


interpretations of THE HOLY BIBLE and putting them out of the Church of JESUS CHRIST.
This is why THE LORD has had me WARN YOU so many times in this BOOK on how the
Devil wants to mislead YOU through these false interpretations of THE BIBLE, and cause
you to err in THE EYES of GOD.

ผมไม่สามารถทีจ่ ะเน ้นความสาคัญของความผิดพลาดของฉบับการแปลหนั งสอ ื ของพระคาภีรม์ ากเ


กินไปและให ้นาสงิ่ เหล่านั น
้ ออกจากโบสถ์ของพระเยซูคริสต์ นีค
้ อ
ื เหตุผลว่า ทาไมพระเจ ้าให ้ผม
ตักเตือนคุณในการแปลความหมายของพระคาภีรไ์ บเบิล ้ หลายครัง้ ในหนั งสอ ื เล่มนี้
ว่าพวกซาตานต ้องการนาท่านไปในทางทีผ ่ ด
ิ พลาดผ่านทางการแปลความหมายพระคาภีรไ์ บเบิล ้ นั ้
นผิดพลาดและเป็ นสาเหตุให ้ท่านกระทาผิดพลาดในสายพระเนตรของพระเจ ้า

THUS SAITH THE LORD THY GOD: ALL THOSE INVOLVED IN THESE FALSE
INTERPRETATIONS ARE DESTINED FOR HELL AND ALL THOSE TEACHING THEM AND
FOLLOWING AFTER THEM, WILL CONTINUE TO FOLLOW THEM INTO THE LAKE of FIRE;
WHOSE FLAME CANNOT BE QUENCHED!

พระเจ ้าได ้ตรัสดังนี้


พวกเขาเหล่านัน้ ทีไ่ ด ้มีสว่ นร่วมในฉบับการแปลทีผ
่ ด
ิ พลาด(กล่าวคาพยากรณ์เท็จ)
โดยเปลีย
่ นแปลงความหมายของพระคาของพระเจ ้าผิดพลาด

404
จะมีจด
ุ หมายปลายทางอยูท ่ น
ี่ รกและพวกเขาเหล่านัน ้ ทีไ่ ด ้สอนพวกเขาทัง้ หลายและติดตามหลังฉบั
บการแปลความหมายเหล่านัน ้ (เสริม ไม่ยอมเลิกลา)
โดยยังคงติดตามพวกเขาทัง้ หลาย(ผู ้พยากรณ์เทียมเท็จ
ฉบับการแปลไบเบิล
้ ทีต
่ ค
ี วามใหม่ๆ)เหล่านัน ้ ลงไปในบึงไฟนรกซงึ่ เปลวไฟนัน ้ ไม่มวี น
ั ดับ

ื ของโอบาดีย ์
. The BOOK of Obadiah. หนั งสอ

The Prophet Obadiah was given a very specific prophetic message by THE LORD in
regard to E'-dom. E'-dom was a nation that was established by the offspring of Esau, Jacob's
twin brother. Although one may say that this prophecy does not pertain to the people
today, this is a wrong conclusion, because it still applies. Esau sold his BIRTHRIGHT to his
brother Jacob for a bowl of stew, and was forever damned by GOD for doing so.

โดยพระองค์เจ ้า
ผู ้พยากรณ์โอบาดียไ์ ด ้ให ้ข่าวสารเกีย ่ วกับการทานายอย่างจาเพาะเจาะจงมากเกีย ่ วกับชนชาติเอโด
ม ซงึ่ เอโดมนั น้ เป็ นชนชาติทไี่ ด ้เกิดจากเชอื่ สายของเอซาว , พีช ่ ายฝาแฝดของ ยาโคบ
ถึงแม ้ว่าคนหนึง่ อาจจะพูดว่าการทานายนี้ไม่มส ี ว่ นเกีย
่ วข ้องกับผู ้คนในทุกวันนี้
สงิ่ นีค
้ อ
ื บทสรุปทีผ่ ดิ พลาด
เพราะว่ายังคงประยุกต์ใชกั้ บเอซาวทีไ่ ด ้ขายสท ิ ธิบตุ รหัวปี ให ้กับน ้องชายยาโคบด ้วยเห็นแก่สตูเพียง
ชามเดียวและตลอดไปเป็ นนิจนิรันดร์ได ้ถูกแชง่ สาปโดยพระเจ ้าสาหรับการกระทา

This prophecy applies as well to those people who even this day have sold out their
SOULS to this world, and have become subjected to the Devil's deception. The BIRTHRIGHT
represents one's place in HEAVEN: Therefor when the things of this world become more
important to a person than their relationship with THE LORD and their place in HEAVEN,
they too have essentially sold their BIRTHRIGHT. The following Scriptures relate to the
outcome of those people who have cast GOD aside and sold their BIRTHRIGHTS for the
things of this world.

การกล่าวคาพยากรณ์นส ่ ะนามาประยุกต์ใชกั้ บคนเหล่านั น


ี้ ามารถทีจ ้
ทีท่ กุ วันนีไ
้ ด ้ขายดวงวิญญาณของตัวเองให ้กับโลกใบนี้
และกลายเป็ นเครือ ่ งมือของการหลอกลวงของซาตาน
สทิ ธิบต ุ รหัวปี นัน ้ เป็ นตัวแทนของคนคนหนึง่ ทีม ่ สี ถานทีอ ่ ยูบ
่ นสวรรค์
คนคนหนึง่ ทีจ ่ ะมีความสน ั พันธ์สว่ นตัวกับพระเจ ้าและสถานทีข ่ องพวกเขามีอยูบ ่ นสวรรค์
จากนัน ้ เมือ่ สงิ่ ต่างๆในโลกนีไ ้ ด ้กลายเป็ น สงิ่ ทีม
่ ค ี วามสาคัญมากกว่า
พวกเขาได ้มีความจาเป็ นอย่างยิง่ จนได ้ขายสท ิ ธิบต ุ รหัวปี (ขายดวงวิญญาณ)ของพวกเขาเอง
ข ้อความพระคาภีรน ์ ไ
ี้ ด ้เชอื่ มโยงความหมายออกมา
คนเหล่านัน ้ ทีไ่ ด ้ผลักพระเจ ้าออกไปด ้านข ้าง(เหมือนไม่มค ี วามสาคัญหรือไว ้ข ้างหลัง)
และขายสท ิ ธิบต ุ รหัวปี เพือ ่ แลกเปลีย ่ นกับความอยากได ้สงิ่ ต่างๆของในโลกนี้ (เสริม ลงทุน ลงแรง
เสย ี เวลา เหนือ ่ ยยากลาบาก จนไม่มเี วลาแสวงหาพระเจ ้าด ้วยสน ิ้ สุดจิตสุดใจ)

405
Obadiah 1:17 But upon MOUNT ZION shall be DELIVERANCE, and there shall be HOLINESS;
and the house of Jacob shall possess their possessions.

Obadiah 1:18 And the house of Jacob shall be a FIRE, and the house of JOSEPH a FLAME,
and the house of Esau for stubble, and they shall kindle in them, and devour them; and
there shall not be any remaining of the house of Esau; for THE LORD hath spoken it.

โอบาดีย ์ 1:17 แต่จะมีคนรอดพ ้นในภูเขาศโิ ยน และทีน ่ ัน


้ จะบริสท
ุ ธิ์
และวงศว์ านของยาโคบจะได ้ถือกรรมสท ิ ธิท
์ ด
ี่ น
ิ อันเป็ นกรรมสท ิ ธิข์ องเขา

1:18 วงศว์ านของยาโคบจะเป็ นไฟ วงศว์ านของโยเซฟจะเป็ นเปลวไฟ


และวงศว์ านของเอซาวจะเป็ นตอข ้าว ไฟและเปลวไฟจะไหม ้และเผาผลาญเสย ี
วงศว์ านของเอซาวจะไม่มใี ครรอดได ้เลย เพราะว่าพระเยโฮวาห์ได ้ลั่นพระวาจาแล ้ว

The Book of Jonah


ื ของโยนาห์
หนั งสอ

Jonah was given a prophetic message by THE LORD in regard to Nin'-e-veh. But
Jonah was reluctant to give the MESSAGE. However, once Jonah had given the PROPHECY
to the King, it never materialized, so Jonah became concerned about his credibility as a
Prophet. The reason the PROPHECY had not come to pass was because the people and the
King of Nin' -e-veh after hearing Jonah's MESSAGE from GOD, repented of their sins against
GOD. So GOD delayed Nin'-e-veh's DESTRUCTION and prolonged the people's days.

โยนาห์ได ้รับมอบข ้อความคาพยากรณ์โดยพระเจ ้าเกีย ่ วกับ เมืองนีนะเวห์


แต่โยนาห์ไม่เต็มใจทีจ ่ ะไปบอกข ้อความ
แต่อย่างไรก็ตามเมือ ่ โยนาห์ได ้กล่าวคาพยากรณ์ตอ ่ กษั ตริย ์ สงิ่ นีไ
้ ม่ได ้เกิดขึน
้ ให ้เห็นเป็ นความจริง
จากนัน ้ โยนาห์ได ้คิดถึงในเรือ ื่ ถือของตัวเขาเองกับการเป็ นผู ้พยากรณ์ของพระเจ ้า
่ งความน่าเชอ
เหตุผลทีค ่ าพยากรณ์ยังไม่ได ้เกิดขึน้ กลายเป็ นอดีตไป เพราะว่าหลัง
จากได ้ยินคาพยากรณ์จากพระเจ ้า ประชากรและกษั ตริยเ์ มืองนีนะเวย์
ได ้กลับใจจากความผิดบาปของพวกเขาทีก ่ ระทาต่อต ้านพระเจ ้า
จากนัน้ พระเจ ้าได ้เลือ่ นการทาลายเมืองนีนะเวห์และเลือ ่ นวันเวลาของประชาชน ในการมีชวี ต ิ อยู่

Due to the message from THE LORD to Jonah being a MESSAGE of the DESTRUCTION
of Nin' -e-veh, because of their sins, he was reluctant to tell the King of Nin'-e-veh fearing
for his own life. Then, rather than DELIVERING the MESSAGE, Jonah tried to flee from THE
LORD and was punished for doing so. During Jonah's flight from THE LORD he gets on a
ship that is going to Tar' -shish and the ship suddenly endures a violent storm.

ชว่ งระหว่างการมอบข่าวสารจากพระองค์เจ ้า ไปถึงโยนาห์เกีย


่ วกับการทาลาย เมืองนีนะเวห์
เพราะความบาปทัง้ หลายของพวกเขา เขาไม่เต็มใจทีจ ่ ะไปบอก
์ องเมืองนีนะเวห์เพราะความกลัวถึงชวี ต
กษั ตริยข ิ ของตัวเขาเอง

406
จากนัน
้ แทนทีจ
่ ะไปพูดบอกข่าวสารของพระเจ ้าออกไป
โยนาห์พยายามทีจ ่ ะหลบหนีจากพระเจ ้าและระหว่างชว่ งการฝ่ าฝื นคาสงั่ จากพระเจ ้าของโยนาห์
เขาได ้ลงไปในเรือทีก่ าลังจะเดินทางไป ทารชช ิ
และในทันทีทันใดพายุได่กอ ่ ตัวกาลังจะพัดเรือล่มสลายลง

Once the ship's captain and crew realize that it was Jonah who had brought the curse
upon the ship, they throw Jonah overboard. After Jonah is thrown overboard, he is swal
lowed by a whale and spends THREE DAYS in the whale's belly. While in the whale and yet
alive, Jonah PRAYS continually to GOD asking for GOD'S forgiveness. After THREE DAYS of
continual PRAYER in the whale's belly, Jonah is then thrown up by the whale and onto the
land, thus giving Jonah a second chance to DELIVER the MESSAGE from GOD to the City of
Nin'-e veh-"

เมือ
่ กัปตันของเรือและกลุม ่ ผู ้ลงเรือได ้พบกับความจริง
้ เป็ นเพราะว่าโยนาห์ได ้นาคาสาปแชง่ มาถึงเรือ พวกเขาได ้จับโยนาห์โยนลงไปในทะเล
นัน
หลังจากทีโ่ ยนาห์ได ้ถูกโยนลงไปในทะเล เขาได ้ถูกกลืนโดยปลาวาฬและได ้อยูใ่ นท ้องปลาวาฬ
สามวัน ขณะทีอ ่ ยูใ่ นปลาวาฬและยังคงมีชวี ต ิ โยนาห์ ได ้อธิษฐานต่อพระเจ ้าอย่างต่อเนือ
่ ง
ทูลขอพระเจ ้าทีจ ่ ะยกโทษแก่เขา หลังจากนัน ้ สามวัน
ขณะอยูใ่ นท ้องปลาวาฬทีไ่ ด ้อธิษฐานอยูอ ่ ย่างต่อเนือ
่ ง ปลาวาฬได ้สารอกโยนาห์ออกมาทีช ่ ายฝั่ ง
เป็ นการมอบโอกาศครัง้ ทีส ่ องทีโ่ ยนาห์เพือ ่ ทีจ
่ ะนาข ้อความข่าวสารของพระเจ ้าไปบอกเมืองนีนะเวห์

Matthew 12:40 FOR AS JO'-NAS WAS THREE DAYS AND THREE NIGHTS IN THE WHALE'S
BELLY; SO SHALL THE SON OF MAN BE THREE DAYS AND THREE NIGHTS IN THE HEART
OF THE EARTH. 53

มัทธิว 12:40 ด ้วยว่า `โยนาห์ได ้อยูใ่ นท ้องปลาวาฬสามวันสามคืน' ฉั นใด


บุตรมนุษย์จะอยูใ่ นท ้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉั นนั น้

NOTE 53 The THREE DAYS of Jonah's being in the belly of the whale represents the THREE
DAYS JESUS CHRIST spent in the bowels of the earth, prior to HIS RESURRECTION. JESUS
used the Scriptures from the Book of Jonah to demonstrate this when the Pharisees had
asked HIM to give them a sign. JESUS told the Pharisees that this would be the only sign
they would receive that would verify that HE is THE CHRIST, and THE SON of GOD.

โน ้ต 53 หลังจากสามวัน ทีโ่ ยนาห์ได ้อยูใ่ นท ้องของปลาวาฬ เป็ นเครือ ่ งหมายบ่งบอกว่า



พระเยซูคริสต์ จะใชเวลาอยู ใ่ นใจกลางโลก สามวัน ก่อนหน ้าทีพ ่ ระองค์จะฟื้ นคืนชวี ต

พระเยซูคริสต์ได ้ใชข้ ้อความของพระคาภีรจ ื ของโยนาห์
์ ากหนั งสอ
สาแดงต่อฟารีสท ี ไี่ ด ้ถามพระองค์ถงึ หมายสาคัญและการอัศจรรย์
พระเยซูคริสต์บอกฟารีสวี า่ นีจ ้ ะเป็ นเครือ
่ งหมายบ่งบอกว่า พวกเขาจะได ้รับรู ้ว่า พระ องค์
เป็ นพระเยซูคริสต์และเป็ นพระบุตรของพระเจ ้า

407
After Jonah's release from the belly of the whale, he most vigorously goes off and
DELIVERS the MESSAGE from GOD to the King of Nin'-e-veh. After hearing the WORDS from
Jonah, the King in turn proclaims a fast and repents of his kingdoms sinful nature to GOD.
Once Jonah sees that THE LORD has stayed HIS WRATH upon Nin' -e-veh, due to their
REPENTANCE, he feels that his credibility as a TRUE Prophet of THE LORD was in jeopardy,
and goes outside of the city to sulk. But THE LORD explains to Jonah that HE is a forgiving
GOD, and that the well being of the City of Nin'-e-veh was significantly more important to
HIM than Jonah's pride.

หลังจากโยนาห์ถก ู ปล่อยออกมาจากท ้องของปลาวาฬ


เขาได ้ออกไปอย่างคล่องแคล่วทีส ่ ด
ุ เพือ
่ ทีจ
่ ะออกไปบอกข ้อความของพระเจ ้าต่อกษั ตริยข
์ องเมืองนี
นะเวห์ หลังจากได ้ยินคากล่าวของโยนาห์
กษั ตริยไ์ ด ้หันมาประกาศต่อประชากรของอาณาจักรของเขา
ด ้วยการอดอาหารอธิษฐานและได ้กลับใจจากความบาปต่างๆ ต่อพระเจ ้า

หลังจากโยนาห์ได ้เห็นว่าพระเจ ้าได ้ยับยัง้ พระพิโรธต่อเมืองนีนะเวห์


ในชว่ งทีพ ่ วกเขาได ้กลับใจ โยนาห์รู ้สก ึ ว่า
ความน่าเชอ ื่ ถือของเขาทีเ่ ป็ นเหมือนผู ้พยากรณ์แท ้จริงของพระเจ ้านั น้
เป็ นสงิ่ ทีเ่ สย ี่ งภัยและจึงได ้ออกไปนอกเมืองด ้วยอารมณ์บด ู บึง้ ไม่พด
ู ไม่จา
แต่พระเจ ้าอธิบายต่อโยนาห์วา่ พระองค์เป็ นพระเจ ้าแห่งการยกโทษ และการทีเ่ มืองนีนะเวห์
กลับใจสูส ่ ภาพดี เป็ นสงิ่ ทีส
่ าคัญต่อพระองค์ มากกว่าความภูมใิ จ(ความหยิง่ )
ของโยนาห์(ทีจ ่ ะเห็นเมืองนีนะเวห์ พังพินาศ)

The BooK of Micah

ื ของมีคาห์
หนั งสอ

Micah also prophesised among the Prophets in Judah during the time of Isaiah. He
was given the prophetic knowledge of the pending DESTRUCTION and CAPTIVITY of both
ISRAEL and Judah, as was the other Prophets. But more pointedly was his prophecy aimed
towards the END TIME, and the coming of JESUS CHRIST as well as the COMING of the
DELIVERER, the 182 PERSON (THE HOLY SPIRIT as a MAN). Chapter 5 of the Book of Micah
speaks specifically to both of these EVENTS.

มีคาห์ได ้กล่าวคาพยากรณ์ทา่ มกลางผู ้พยากรณ์ในยูดาห์ ระหว่างชว่ งเวลาของอิสยาห์


เขาได ้รับมอบคาพยากรณ์ในความรู ้ถึงชว่ งระยะเวลาของการทาลายและการตกไปเป็ นเชลย
ของทัง้ อิสราเอลและยูดาห์ เหมือนกับผู ้พยากรณ์คนอืน่ ๆ
แต่มากไปกว่านัน ้ ในคาพยากรณ์ของเขาได ้มีจดุ ประสงค์ตรงไปทีย่ ค
ุ สุดท ้ายและการเสด็จกลับมาขอ
งพระเยซูคริสต์ (พระคาของพระเจ ้าถูกสร ้างเป็ นบุคคล)
เทียบได ้เท่ากับการเสด็จมาของผู ้ปลดปล่อย รหัสตัวเลขรวม 182

408
(พระวิญญาณบริสท ุ ธิใ์ นรูปบุคคล) บททีห ื มีคาห์
่ ้าของหนั งสอ
ได ้พูดถึงเหตุการณ์ทัง้ สองนีโ้ ดยเฉพาะ

Micah 5:2 But thou, Beth '-Ie-hem Eph 'ra-tah, though thou be little among the thousands
of Judah, yet out of thee shall HE come forth unto ME that is to be RULER in ISRAEL; whose
goings forth have been from of OLD, from EVERLASTING.

มีคาห์ 5:2 เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย แต่เจ ้าผู ้เป็ นหน่วยเล็กในบรรดาคนยูดาห์ทน ี่ ับเป็ นพันๆ
จากเจ ้าจะมีผู ้หนึง่ ออกมาเพือ
่ เรา เป็ นผู ้ทีจ
่ ะปกครองในอิสราเอล ดัง้ เดิมของท่านมาจากสมัยเก่า
จากยุคชวั่ นิรันดร์ EVERLASTING สมัยโบราณกาล

This Scripture PROCLAIMS the coming forth of JESUS CHRIST out of BETHLEHEM.
The Jews knew that the MESSIAH was to come forth out of BETHLEHEM from this
Scripture. However, the Jewish Leaders were unaware that JESUS CHRIST was born in
BETHLEHEM and had thought HE had been born in Nazareth of Galilee. By their thinking
this, they had said among them selves that JESUS could not be the CHRIST who was to come
out of BETHLEHEM. This lack of knowledge was a STUMBLING BLOCK THE LORD had
PURPOSELY set before the Jews.

ข ้อพระคัมภีรไ์ บเบิลนีไ
้ ด ้ประกาศถึงการกาเนิดของพระเยซูคริสต์ออกมาจาก เบธเลเฮม

คนยิวรู ้ว่าพระเมสยาห์ได ้กาเนิดออกมาจากเบธเลเฮม จากข ้อพระคาภีรน ์ ี้
แต่อย่างไรก็ตามผู ้นาของคนยิวนัน ้ ไม่ได ้ระวังว่าพระเยซูคริสต์ได ้เกิดทีเ่ บธเลเฮมและคิดว่าพระองค์
ได ้กาเนิดทีก ่ าลิล ี โดยความคิดนี้ พวกเขาได ้พูดท่ามกลางพวกเขากันเองว่า
พระเยซูคริสต์ไม่สามารถเป็ นพระคริสต์ผู ้ซงึ่ เกิดจากเบธเลเฮม
นีค ื สงิ่ ทีข
้ อ ่ าดแคลนความรู ้ได ้เป็ นสงิ่ กีดขวางเป้ าหมายของพระเจ ้าทีไ่ ด ้จัดตัง้ ไว ้ก่อนสาหรับคนยิว

The name Eph'-ra-tah (who was the founding father of Bethlehem), was the name
that BETHLEHEM had prior to it's being renamed BETHLEHEM. The name Eph' -ra-tah in
the Hebrew language means "fruitful", however; The WORD Eph'-ra-tah in TONGUES
(HEBREWAH) means, "BE OPENED". This WORD is spelled incorrectly in the Gospel
According to Mark, when Mark tells of how JESUS healed the deaf and dumb man (Mark
7:34 And looking up to heaven, he sighed, and saith unto him, Ephphatha, that is, Be
opened.). There are many names misspelled in THE GOSPELS due to changes in dialect that
had taken place in the Hebrew language.

ชอื่ Eph '- ra - tah (เป็ นผู ้ซงึ่ จะปกครองของเบธเลเฮม )ได ้ตัง้ ชอ ื่ ว่า เบธเลเฮม
BETHLEHEM ก่อนเปลีย ่ นชอื่ เป็ น BETHLEHEM นั น ้ เดิมมีชอื่ ว่า Eph '- ra - tah
ในภาษาฮบ ิ บรูหมายความว่า "เกิดผลมาก" อย่างไรก็ตาม คาว่า Eph '- ra - tah ในภาษาแปลกๆ (
ฮาบรูวาย์ HEBREWAH )ความหมายว่า "ได ้เปิ ดออก" คานีไ ้ ด ้สะกดอย่างไม่ถก ู ต ้อง
ในข่าวประเสริฐมาระโก เมือ ่ มาระโกได ้เล่าเรือ ่ งของพระเยซูคริสต์ทไ ี่ ด ้รักษาผู ้ชายหูหนวกและคนใบ ้
(มาระโก 7:34 แล ้วพระองค์ทรงแหงนพระพักตร์ดฟ ู ้ าสวรรค์ ทรงถอนพระทัยตรัสแก่คนนัน ้ ว่า
"เอฟฟาธา" แปลว่า
"จงเปิ ดออก")มีชอ ื่ อีกมากมายทีส ่ ะกดผิดในพระกิตติคณ ุ ข่าวประเสริฐของพระเยซู

409
เนือ่ งจากการเปลีย
่ นแปลงสาเนียงการพูดในภาษาท ้องถิน ิ บรูได ้เกิดขึน
่ ในภาษาฮบ ้ (หลังจากตกไปเ
ป็ นเชลย)

The HEBREWAH definition is the more correct INTERPRETATION of the Scripture


thus indicating the OPENING UP of BETHLEHEM to give BIRTH to the CHRIST CHILD (The
bringing forth of the "MAN CHILD" Rev. 12:5). To further your UNDERSTANDING of the use
of the WORD EPH'-RA-TAH,

the word, "RAPTURE", as it is spoken in the HEBREWAH LANGUAGE (TONGUES), is


SPOKEN: SHE-LE' EPH'-RA TAH, meaning: "DOOR BE OPENED!"

คาจากัดความ ภาษาฮบ ิ บรูวาห์ ทีอ


่ ธิบายให ้ถูกต ้องมากขึน้ ในข ้อพระคัมภีรไ์ บเบิล
นัน
้ หมายถึงการเปิ ดออกของเมืองเบธเลเฮม ในการกาเนิดบุตรเชอ ื่ สายของพระเยซูคริสต์
(นาการกาเนิดบุตรของมนุษย์ ในวิวรณ์ 12:5) เพิม ่ ความเข ้าใจมากขึน ่ วกับการใชค้ าว่า EPH'-
้ เกีย
RA-TAH

คาว่า "RAPTURE" การเรบเจอร์ นีค


้ อื สงิ่ ทีพ
่ ด
ู ในภาษาฮาบรูวาย์ ภาษาแปลกๆ ว่า SHE-LE'
EPH'-RA TAH หมายความว่า ประตูได ้เปิ ดออก

Micah 5:3 Therefore will HE give them up, until the time that she which travaileth hath
brought forth: then the REMNANT of HIS BRETHREN shall return unto the CHILDREN of
ISRAEL.

มีคาห์ 5:3 ดังนัน้ พระองค์จะทรงมอบเขาไว ้จนถึงเวลาทีห่ ญิงผู ้เจ็บครรภ์จะคลอดบุต ร


แล ้วบรรดาพีน่ ้องทีเ่ หลืออยูจ
่ ะกลับมายังคนอิสราเอล

The Scripture indicates that JESUS CHRIST will give up HIS THRONE as KING for a
period of time, until THE FOURTH SERAPHIM (Remnant of HIS BRETHREN), the LAST
SERAPHIM comes to earth as a MAN. This also means that the Church has been completed,
and has all of its members intact, like the members of a PERSON'S BODY.

ข ้อพระคัมภีรน
์ ช ี้ ใี้ ห ้เห็นว่า
พระเยซูคริสต์ได ้สละตาแหน่งแห่งราชบัลลังก์ในฐานะดารงเป็ นกษั ตริยช ์ ว่ งระยะเวลาหนึง่
จนกระทั่งเสราฟิ มทีส ่ (ี่ พีน ่ ้องทีเ่ หลือ เสริมจากผู ้แปล พระวิญญาณบริสท ่ (ี่ นกอินทรีย)์
ุ ธิเ์ สราฟิ มทีส
นัน้ จะเรียก เสราฟิ มทีส ่ าม(หน ้าคน) ว่าพีช ่ าย และเสราฟิ มทีส่ าม พระเยซูคริสต์
จะเรียกพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์ ว่าน ้องสาว)
เป็ นเสราฟิ มสุดท ้ายทีจ ่ ะมาสูโ่ ลกในฐานะเป็ นบุคคล(ร่างของมนุษย์)
นีค
้ อื หมายความว่าโบสถ์นัน ้ จะสมบูรณ์เสร็จสน ิ้ และสมาชกิ (เจ ้าสาวและแขกรับเชญ ิ )จะครบถ ้วนตาม
จานวน เหมือนสมาชก ิ ทัง้ หมดในร่างกายของบุคคลทีเ่ ป็ นหนึง่ เดียวกัน(ในพระกายของพระคริสต์)

Micah 5:4 And HE shall stand and feed in the STRENGTH of THE LORD, in the MAJESTY of
the NAME of THE LORD HIS GOD; and THEY shall ABIDE: for now shall HE be GREAT unto
the ends of the EARTH.

410
มีคาห์ 5:4 และพระองค์จะทรงยืนมั่น ทรงเลีย
้ งดูด ้วยพระกาลังแห่งพระเยโฮวาห์
ด ้วยสง่าราศแี ห่งพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ ้าของพระองค์ และเขาทัง้ หลายอยูไ่ ด ้
เพราะบัดนีพ้ ระองค์จะทรงเป็ นใหญ่ตลอดจนถึงทีส่ ด ุ ท ้ายปลายพิภพ

This Scripture DENOTES the COMING of THE HOLY SPIRIT, as a MAN (Remember, all
through the GOSPELS, JESUS CHRIST refers to HIMSELF as being the SON of MAN), and this
MAN will be the HOLY TEMPLE of GOD. For what is that that PROCEEDS from the THRONE
of GOD? The SEVEN SPIRITS of GOD, THE 182 PERSON, IN THE IMAGE OF GOD IS HE!

ข ้อพระคัมภีรไ์ บเบิลนีเ้ ป็ นการทาเครือ ั ลักษณ์


่ งหมายสญ
แทนการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสท ุ ธิใ์ นสภาพการเป็ นมนุษย์(จาไว ้ว่า
ทั่วทัง้ พระคาภีรใ์ นพระกิตค ิ ณ
ุ ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์พระองค์ได ้อ ้างอิงพระองค์เองเป็ นเหมื
อนบุตรมนุษย์) และบุคคลท่านนี้ เป็ นวิหารของพระเจ ้า
เพราะสงิ่ นีค้ อ
ื ผลทีเ่ กิดออกมาจากบัลลังก์ของพระเจ ้า พระวิญญาณทัง้ เจ็ดของพระองค์
พระวิญญาณ บริสท ุ ธิใ์ นรหัสบุคคล 182 ในพระลักษณะของพระเจ ้านัน ้ คือพระองค์

Micah 5:5 And this MAN shall be the PEACE, when the Assyrian shall come into our land:
and when he shall tread in our palaces, then shall we raise against him SEVEN SHEPHERDS,
and EIGHT PRINCIPAL MEN

มีคาห์ 5:5 พระองค์ผู ้นีจ ั ติสข


้ ะเป็ นสน ุ
่ ชาวอัสซเี รียจะยกเข ้ามาในแผ่นดินของเราและเมือ
คือเมือ ่ เขาจะเหยียบยา่ ในปราสาททัง้ หลายของเ
รา เราจะยกผู ้เลีย
้ งแกะเจ็ดคนและเจ ้านายแปดคนมาต่อต ้านเขา

The last Scripture explains how the 182 PERSON will PROVIDE the protection for
THE LORD'S PEOPLE, when the Devil (The Assyrian) is cast down onto earth and takes
control over Israel. This is the time when the Devil sets up the ABOMINATION that makes
DESOLATE in the Temple in JERUSALEM. The "SEVEN SHEPHERDS" spoke about in the
Scripture are seven MINISTERS, and the "EIGHT PRINCIPAL MEN" are EIGHT of the
SEVENTH LEVEL ANGELS sent from HEAVEN of to be with HIM.

ข ้อพระคัมภีรไ์ บเบิลล่าสุดอธิบายว่า พระวิญญาณบริสท ุ ธิ(์ รหัสเลขรวม


182)ได ้จัดเตรียมการป้ องกันสาหรับประชากรของพระเจ ้า
เมือ ่ ซาตาน(ชาวอัสซเี รีย)ได ้ถูกขับลงมาบนโลกและได ้ควบคุมอยูเ่ หนืออิสราเอล
นีค
้ อ ื ชว่ งเวลาทีซ่ าตานได ้จัดตัง้ สงิ ทีน
่ ่าสะอิดสะเอียนโดยการทาลาย(หมิน ่ ประมาทพระเจ ้า)อยูใ่ นพ
ระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม
ผู ้เลีย ้ งเจ็ดคนได ้กล่าวถึงในข ้อพระคาภีรน ้ หมายถึงการชว่ ยเหลือเจ็ดอย่างและมีหัวหน ้าเป็ นเจ ้าชา
์ ัน
ยแปดคน เป็ นทูตสวรรค์ระดับเจ็ดทีส ่ ง่ มาจากสวรรค์ทจ ี่ ะอยูก
่ ับพระองค์ (พระวิญญาณบริสท ุ ธิ)์

The NAMES of the EIGHT ANGELS are as follows: JAEL, RAPHAEL, GABRIEL,
DARIUS, MOR'-PHE'-ET, BEN-I'-EL, AR'-MON, and RABBAH-JAH. RA-BAH-JAH is THE
ANGEL of the Church of Philadelphia (The Pentecost Church). If you look up the meaning of

411
the Hebrew word, "Rabbah", you will see that it means, "GREATNESS" and was also the
name of the City prior to it being renamed by the Greeks, "Philadelphia". The WORD "JAH"
is the shortened form for the NAME, "YAHWEH", meaning GOD. So in further translation to
the NAME RABBAH-JAH, it means, "THE GREAT CHURCH of GOD".

ื่ ของทูตสวรรค์ทัง้ แปดท่าน มีดังต่อไปนี:้ จาเอลJAEL,ราฟาเอล RAPHAEL,


รายชอ
กาเบรียลGABRIEL, ดารุอสั DARIUS, มอร์ฟีอท ี MOR '- PHE '-ET, เบนอิเอล BEN -I'-EL, AR '-
MON, และ ราบาจาห์ RABBAH -JAH ,

ราบาจาห์ RA - BAH - JAH คือทูตสวรรค์ของโบสถ์ของ ฟิ ลาเดเฟี ย(โบสถ์เพนตาคอส


).ถ ้าคุณค ้นหาความหมายของคาว่า " Rabbah " ในภาษาฮบ ิ บรู คุณจะพบความหมายนั น ้ คือ
"ความยิง่ ใหญ่"และเป็ นชอ ื่ ของเมืองก่อนทีจ
่ ะเปลีย ื่ โดยคนกรีก เป็ นฟิ ลาเดเฟี ย คาว่า" JAH
่ นชอ
"เป็ นชอ ื่ ย่อสนั ้ ๆของพระนาม "YAHWEH" ยาเวย์ หมายถึงพระเจ ้า
จากนัน ้ เพิม ่ ความหมายมากขึน ้ จากการแปลชอ ื่ RABBAH-JAH หมายความว่า
โบสถ์ของพระเจ ้าทีย ่ งิ่ ใหญ่

The Books of Micah, and Isaiah (42nd Chapter), Habakkuk (2nd Chapter), and
Chapters 3 through 14 of the Book of Zechariah. and Chapter 10 ofthe Book of Revelation
all speak to the coming of THE HOLY SPIRIT to the world as a MAN. THE HOLY SPIRIT
COMES to set the world in order for the 2nd COMING of HIS SON, JESUS CHRIST.

หนังสอ ื ของมีคาห์ และ อิสยาห์ (บทที4 ่ 2),ฮาบากุก (บทที2


่ )และหนังสอื ของเศเคริยาห์
บทที3
่ ตลอดถึงบทที1 ื
่ 4 และหนั งสอวิวรณ์บทที่ 10 ทัง้ หมดได ้กล่าวถึงการเสด็จกลับมาของ
พระวิญญาณบริสท ุ ธิล ์ งมาสูโ่ ลกในสภาพของมนุษย์
พระวิญญาณบริสท ุ ธิไ์ ด ้เสด็จลงมาสูจ ่ ากโลกเพือ
่ ปลดปล่อยจัดเตรียมโลกนี้
ทวงคืนให ้กับการเสด็จมาครัง้ ทีส ่ อง พระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์

The BOOK of Habakkuk


ื ของฮาบากุก
หนั งสอ

Habakkuk prophesised during the time of Jeremiah in Judah, just prior to Judah's
DESTRUCTION and CAPTIVITY. THE LORD gave Habakkuk the END TIME PROPHECY in
answer to Habakkuk's supplication to GOD for JUDGMENT of the world for its wickedness.
Habakkuk is given a VISION of the COMING of THE HOLY SPIRIT as a MAN, and THE LORD
has Habakkuk WRITE IT DOWN as it is WRITTEN into the 2nd Chapter of Habakkuk.

ฮาบากุกได ้พยากรณ์ระหว่างชว่ งเวลาของเยเรมียใ์ นยูดาห์ ก่อนยูดาห์จะถูกจับไปเป็ นเชลย


พระเจ ้าได ้มอบคาพยากรณ์ยค ุ สุดท ้ายแก่
ฮาบากุกเพือ ่ เป็ นการตอบคาอธิษฐานวิงวอนของฮาบากุกเกีย ่ วกับการพิพากษาต่อโลกใบนีใ้ นความ
อ่อนแอชวั่ ชา้
ฮาบากุกนัน ้ ได ้รับมอบนิมติ รเกีย
่ วกับการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสท ุ ธิใ์ นร่างกายของมนุษย์และ
พระเจ ้าได ้ให ้ฮาบากุกเขียนลงไปในบททีส ื
่ องของหนั งสอฮาบากุก

412
This vision frightened Habakkuk so much that he wrote also his PRAYER for
protection from the WRATH of GOD in the very next chapter (Chapter 3). Habakkuk had
thought that the END TIME PROPHECY given to him by THE LORD, applied to the time he
was in and that it was DIRECTED towards the 15t DESTRUCTION of JERUSALEM, he knew
was forthcoming by the Chaldeans.

นิมติ รนีฮ
้ าบากุกได ้ตกใจกลัวเป็ นอย่างมาก
เขาได ้เขียนด ้วยการอธิษฐานเพือ ่ การปกป้ องพระพิโรธของพระเจ ้าในบททีส ่ ามถัดไป
ฮาบากุกคิดไคร่ครวญเกีย ่ วกับคาพยากรณ์ยค ุ สุดท ้ายทีไ่ ด ้มอบโดยพระเจ ้า
สามารถนามาประยุกต์ใชกั้ บชว่ งเวลาของเขาและเป็ นการทาลายตรงไปทีก ่ รุงเยรูซาเล็มซงึ่ จะมาถึงใ

นไม่ชาโดยคนคาเดี ย

I have yet to hear of anyone who UNDERSTANDS the PROPHECY given by Habakkuk.
THE LORD had Habakkuk write this PROPHECY in such a way that only HIS ANOINTED
could UNDERSTAND its MEANING. The key WORDS to the description of this PERSON are
twofold, with both descriptions given in the 4th verse of the 2nd chapter. The first of the
KEY WORDS (TRIGGERS) describing this PERSON, is that this PERSON'S SOUL is not
upright in HIM (Habakkuk 2:4 Behold, his soul which is lifted up is not upright in him: but
the just shall live by his faith )

The reason this PERSON is described in this way, is because THE HOLY SPIRIT
PERSON comes to the earth FIRST in the form of THE HOLY SPIRIT (as HE did with the
Apostles) and then in the FLESH (as the 182 PERSON). This COMING FIRST in THE SPIRIT
rather than in the FLESH is reversed from ALL that had ever come before HIM. ALL of the
others had come first in the flesh and then had been REBORN in the SPIRIT.

ผมไม่เคยได ้ยินว่าจะมีผู ้ใดเข ้าใจคาพยากรณ์ทม ี่ อบให ้แก่ฮาบากุก


พระเจ ้าได ้ให ้ฮาบากุกเขียนคาพยากรณ์ในลักษณะซงึ่
มีเพียงการเจิมจากพระองค์เท่านัน ้ ทีจ่ ะเข ้าใจความหมาย
นีค
้ อ
ื กุญแจสาคัญเกีย ่ วกับการบรรยายบุคคลเป็ นสองบุคคลิกซอนกั ้ น(อยูใ่ นฮาบากุก 2:4 )
ด ้วยการมอบรายละเอียดในบททีส ่ อง ข ้อทีส ่ ี่ หนึง่ ในสงิ่ ทีเ่ ป็ นกุญแจไข(ให ้เกิดความเข ้าใจ)
ในการบรรยายถึงบุคคลนีเ้ ป็ น บุคคลซงึ่ ฝ่ ายวิญญาณของเขาทีไ่ ม่ได ้ขึน ้ ตรงในพระองค์ (ฮาบากุก
2:4 ดูเถิด ผู ้ทีจ
่ ต
ิ ใจผยองขึน ้ ก็ไม่เทีย
่ งธรรม (เสริม ภาษาไทย แปลไม่เข ้าใจ น้ าพระทัยทีซ ่ นอยู่
่ อ
Behold, his soul which is lifted up is not upright in him จะเห็นว่า
บุคคลในฝ่ ายวิญญาณของเขาทีไ่ ม่ได ้ขึน ้ ตรงในพระองค์
แต่วา่ คนชอบธรรมจะมีชวี ต ิ ดารงอยูโ่ ดยความเชอ ื่ ).

เหตุผลทีบ
่ ค
ุ คลนีถ
้ กู บรรยายในลักษณะนี้ เพราะว่าพระวิญญาณบริสท ุ ธิไ์ ด ้เข ้ามาสูโ่ ลก
เริม
่ แรก ในรูปแบบของพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
(เหมือนทีพ ่ ระองค์ได ้อยูก
่ บั อัครสาวก)และจากนัน
้ ในเนือ
้ หนัง(เป็ นเหมือน บุคคลรหัสตัวเลข 182)
นีค
้ อื การเสด็จมาก่อน

413
ในฝ่ ายวิญญาณมากกว่าในเนือ ้ หนั งซงึ่ จะกลับกันจากคนทัง้ หมดทีเ่ คยมีมาก่อนหน ้าพระองค์
ก่อนหน ้านีท
้ ัง้ หมดเริม
่ แรกได ้มาจากเนือ ้ หนังและจากนั น
้ ได ้เกิดใหม่ในพระวิญญาณบริสทุ ธิ์

This SOUL REVERSAL only occurs with THE 182 PERSON, and was not so with any of
the other DELIVERERS. NOAH, JOSEPH, and MOSES all came first in the flesh and then
ASCENDED up in THE HOLY SPIRIT of GOD whereas THE 182 PERSON COMES BY WAY OF
THE HOLY SPIRIT FIRST!

การทางกลับกันในฝ่ ายจิตวิญญาณนีเ้ กิดขึน ้ กับบุคคลรหัสตัวเลข 182


และไม่ได ้เกิดขึน
้ กับคนอืน
่ ๆ ในบรรดาDELIVERERS ทีเ่ ป็ นผู ้ปลดปล่อย โนอาห์ NOAH โยเซฟ
JOSEPH และโมเสส MOSES ทัง้ หมดเข ้ามาใน(โลก)โดยเนือ ้ หนังก่อน
และจากนัน้ ถูกยกเจิมขึน้ ไปสูใ่ นพระวิญญาณบริสท
ุ ธิข์ องพระเจ ้า แต่ทซ ี่ งึ่ เป็ นบุคคล
182ได ้เสด็จมาเกิดโดยลักษณะของพระวิญญาณบริสท ุ ธิก
์ อ
่ น
The second set of KEY WORDS (TRIGGERS) describing the PERSON of THE HOLY
SPIRIT is also WRITTEN into that same verse as the following message: "but the JUST shall
LIVE by HIS FAITH". FAITH is the FIRST GIFT GIVEN of the NINE GIFTS GIVEN by THE
HOLY SPIRIT. Anyone who RECEIVES the BAPTISM of THE HOLY SPIRIT RECEIVES THE
GIFT OF FAITH FIRST, even though some may RECEIVE other GIFTS along with the GIFT of
FAITH.

สว่ นทีส
่ องเป็ นกุญแจ(ให ้เข ้าใจในฝ่ ายวิญญาณ)บรรยายถึงบุคคลของพระวิญญาณบริสท ุ ธิถ์ ก
ู เขียนใ
นลักษณะวลีทอ ี่ ยูใ่ นข ้อพระคาภีร ์ แต่วา่ คนชอบธรรมจะมีชวี ต ิ ดารงอยูโ่ ดยความเชอื่
ความเชอ ื่ วางใจนัน ้ เป็ นของประทานของพระวิญญาณบริสท ุ ธิห
์ นึง่ ในของประทานเก ้าอย่างโดยพระวิ
ญญาณบริสท ุ ธิเ์ ป็ นผู ้ประทาน ไม่วา่ บุคคลใดเป็ นผู ้ทีไ่ ด ้รับการบัพติสมาจากพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์
นัน้ จะมีของประทานทางด ้านความเชอ ื่ ก่อน
หลังจากนัน ้ บางคนจะได ้รับของประทานอืน ่ ๆทีต
่ ามมาด ้วยการมีของประทานด ้านความเชอ ื่ รวมอยูด ่ ้ว

This also CONFIRMS; that one must be BAPTIZED in THE HOLY SPIRIT of GOD IF
THEY ARE TO LIVE, BECAUSE THEY MUST BE GIVEN THE GIFT of FAITH FOR THEM TO
LIVE ("BUT THE JUST SHALL LIVE BY HIS FAITH'')! The LIFE spoken about in the
Scriptures by the Prophet and the Apostle, is the ETERNAL LIFE of THE GOD GIVEN SPIRIT
of MAN.

นีค
้ อ
ื การยืนยันว่า คนหนึง่ ควรจะบัพติสมาในพระวิญญาณบริสท ุ ธิข ์ องพระเจ ้า
ถ ้าพวกเขาจะมีชวี ต ิ เพราะว่าพวกเขาจาต ้องได ้รับของประทานทางด ้านความเชอ ื่ ต่อพวกเขาเพือ
่ ทีจ

ะมีชวี ต
ิ (ฮาบากุก 2:4 แต่วา่ คนชอบธรรมจะมีชวี ต ิ ดารงอยูโ่ ดยความเชอ ื่ )
ชวี ต
ิ ทีพ่ ด
ู ถึงโดยผู ้พยากรณ์และอัครสาวกนีค ื ชวี ต
้ อ ิ นิรันดร์ของพระเจ ้าได ้มอบพระวิญญาณของพระ
องค์ตอ ่ มนุษย์

414
John 6:63 IT IS THE SPIRIT THAT QUICKENETH; THE FLESH PROFITETH NOTHING: THE
WORDS THAT I SPEAK UNTO YOU, THEY ARE SPIRIT, AND THEY ARE LIFE.

ยอห์น 6:63 จิตวิญญาณเป็ นทีใ่ ห ้มีชวี ต


ิ สว่ นเนือ้ หนั งไม่มป
ี ระโยชน์อันใด
ถ ้อยคาซงึ่ เราได ้กล่าวกับท่านทัง้ หลายนั น
้ เป็ นจิตวิญญาณและเป็ นชวี ต ิ

THE LAYERS of PROPHECY


ั ้ ของการทานาย
ชน

To help you better UNDERSTAND PROPHECY Scripture. WE will use a well known
Story told in the FIRST BOOK of MOSES. called "Genesis". When ABRAHAM was told by THE
LORD that he should go TO the mountaintop in the Land of Mo-ri' -ah and OFFER his only
SON ISAAC for a BURNT OFFERING; while climbing up to the top of the mountain, ISAAC
asked his father ABRAHAM the following:

เพือ ่ ะชว่ ยคุณเข ้าใจคาพยากรณ์ในพระคัมภีรไ์ บเบิลได ้ดีมากกว่าเดิม


่ ทีจ
เราจะใชเรื ้ อ
่ งราวทีร่ ู ้จักกันดีทบ ื เล่มแรกของโมเสส เรียกว่า"ปฐมกาล"
ี่ อกกล่าวในหนั งสอ
่ อับราฮัมถูกบอกโดยพระองค์เจ ้าว่า เขาควรจะไปบนภูเขาในดินแดน Mo-ri' -ah โมรี ยาห์
เมือ
และถวายบูชาบุตรของเขาเอง อิสอัค สาหรับเป็ นการเผาบูชา
ขณะทีก ่ าลังเดินไปถึงบนสุดของภูเขา อิสอัค ได ้ถามพ่อของเขา อับราฮัมดังต่อไปนี:้

Genesis 22:7 And ISAAC spake unto ABRAHAM his father, and said, My father: and he said,
Here am I. my son. And he said, Behold the fire and the wood: but where is the LAMB for a
BURNT OFFERING?

Genesis 22:8 And ABRAHAM said ,MY SON ,GOD will provide HIMSELF a LAMB for a
BURNT OFFERING: so they went both of them together.

ปฐมกาล 22:7 อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่า "บิดาเจ ้าข ้า" และท่านตอบว่า "ลูกเอ๋ย พ่ออยูท ่ น


ี่ "ี่
ลูกจึงว่า "นีไ
่ ฟและฟื น แต่ลกู แกะสาหรับเครือ ่ ไี่ หน" 22:8 อับราฮัมตอบว่า "ลูกเอ๋ย
่ งเผาบูชาอยูท
พระเจ ้าจะทรงจัดเตรียมลูกแกะสาหรับพระองค์เองไว ้ให ้เป็ นเครือ ่ งเผาบูชา"
พ่อลูกทัง้ สองก็เดินต่อไปด ้วยกัน

When ABRAHAM had told ISAAC that "GOD will provide for HIMSELF a BURNT
OFFERING", he was giving his son PROPHECY. In the PROPHETIC MESSAGE from
ABRAHAM to ISAAC, were the PAST, the PRESENT, and the FUTURE MESSAGES of the
SACRIFICIAL LAMB, and here are those THREE MESSAGES:

่ อับราฮัมได ้บอกอิสอัคว่า "GOD will provide for HIMSELF a BURNT OFFERING"


เมือ
พระเจ ้าจะจัดเตรียมการถวายบูชาสาหรับพระองค์เอง เขากาลังให ้คาพยากรณ์แก่ลก ู ชายของเขา
ด ้วยข ้อความคาพยากรณ์จากอับบราฮัมถึงอิสอัคนัน ้ เป็ นอดีต ปั จจุบันและอนาคต
เกีย่ วกับการถวายบูชาลูกแกะและทีน ่ ไ
ี้ ด ้พบว่ามีข ้อความอยูส ่ ามสถานะการณ์
415
THE PAST: THE LORD told ABRAHAM that ISAAC was to be the SACRIFICE; So
ABRAHAM told ISAAC, GOD had chosen him to be the SACRIFICE which GOD provided
HIMSELF!

อดีต : พระองค์เจ ้าได ้บอกอับราฮัมว่าอิสอัคจะถูกใชในการถวายบู


้ ชา
จากนัน ้ อับราฮัมได ้บอกอิสอัคว่า พระเจ ้าจะจัดเตรียมเขาเพือ
่ ทีจ
่ ะเป็ นเครือ
่ งถวายบูชา
่ งึ่ พระเจ ้าจะจัดเตรียม HIMSELF พระองค์เอง
ทีซ

THE PRESENT: However, once ABRAHAM was told by THE ANGEL not to harm
ISAAC and that GOD was just testing him, ABRAHAM looked up and saw a ram caught up in
the thicket. ABRAHAM then used the ram for the SACRIFICE rather than ISAAC for a
BURNT OFFERING to THE LORD. Therefor GOD DID PROVIDE for HIMSELF a SACRIFICE,
the ram!

ปั จจุบัน :
แต่อย่างไรก็ตาม,เมือ ่ อับราฮัมได ้ถูกบอกโดยทูตสวรรค์อย่าแตะต ้องอิศอัคและพระเจ ้าเพียงแต่ทดล
องใจ อับราฮัมได ้มองไปและได ้เห็นแกะตัวผู ้ซงึ่ ได ้ถูกจับไว ้ทีพ
่ ม
ุ่ ไม ้ใหญ่
จากนัน ้ อับราฮัมได ้ใชแกะตั
้ วผู ้นัน
้ สาหรับการถวายบูชา
แทนทีจ ่ ะเป็ นอิสอัคสาหรับการถวายบูชาต่อพระเจ ้า
นัน
้ เป็ นพระประสงค์ของพระเจ ้าได ้จัดเตรียมลูกแกะตัวผู ้เพือ
่ การถวายบูชาสาหรับพระองค์เอง

THE FUTURE: What THE LORD was ULTIMATELY saying in the Scripture by the
WORDS of ABRAHAM to ISAAC, is that GOD WOULD PROVIDE JESUS CHRIST FOR A
SACRIFICE of BURNT OFFERING UNTO HIMSELF.

อนาคต : สงิ่ ทีพ


่ ระองค์เจ ้าได ้กล่าวคาพูดล่าสุดในพระคัมภีรไ์ บเบิล
โดยคาพูดทีอ ่ อกมาจากอับราฮัมทีพ ่ ด
ู คาพยากรณ์(ทานาย)กับอิสอัค
นัน
้ คือพระเจ ้าจะจัดเตรียมพระเยซูคริสต์สาหรับการถวายบูชามอบเป็ นเครือ ่ งถวายบูชาต่อพระองค์เอ

The MESSAGE OBVIOUS in the STORY, is a message about a FATHER who LOVES GOD
so MUCH, he is willing to GIVE his son's LIFE for HIM. BUT THE MESSAGE BURIED DEEP
WITHIN THE STORY, IS ABOUT GOD LOVING MAN SO MUCH HE IS WILLING TO GIVE HIS
ONLY BEGOTTEN SON'S LIFE FOR THE MAN.

ในเรือ
่ งราวนีม ้ ขี ้อความทีส ่ ามารถจะสงั เกตได ้
เป็ นข ้อความทีบ ่ ด ิ าผู ้ซงึ่ ได ้รักพระเจ ้าอย่างมากเขายินดี ทีจ ่ ะมอบชวี ต
ิ ของลูกชายต่อพระองค์เจ ้า
แต่ข ้อความทีซ ่ อ ่ นอยูอ ่ ย่างลึกซงึ้ ในเรือ ่ งราวนีน
้ ัน
้ เกีย
่ วกับ พระเจ ้าทรงรักมนุษย์อย่างมาก
พระองค์ยน ิ ดี และเต็มใจทีจ ่ ะมอบชวี ต ิ บุตรคนเดียวของพระ
องค์ตอ ่ มนุษย์(ทีพ ่ ระเจ ้าทรงสร ้างขึน ้ มา)

The BOOK of Zephaniah


ื ของ เศฟั นยาห์
หนั งสอ

416
Zephaniah prophesised also during the time of Isaiah and was one of the many
Prophets in Judah prior to its DESTRUCTION. THE LORD gave both ISRAEL and Judah
ample warning by the Prophets to REPENT of their SINS prior to them being destroyed and
taken captive by the Chaldeans.

เศฟั นยาห์กล่าวคาพยากรณ์อยูใ่ นชว่ งเวลาเดียวกันกับอิสยาห์


และเป็ นหนึง่ ในผู ้พยากรณ์หลายคนในยูดาห์ชว่ งระหว่างก่อนการทาลายเมือง
พระเจ ้าได ้มอบคาพยากรณ์แก่อส ิ ราเอลและยูดาห์ เพือ
่ กล่าวเน ้นการตักเตือนโดยผ่านผู ้พยากรณ์
เพือ
่ ทีจ
่ ะให ้พวกเขาได ้กลับใจจากความผิดบาปก่อนทีจ ่ ะถูกทาลายและถูกจับไปเป็ นเชลยโดย
Chaldeans คนเคลเดียของอาณาจักรบาบิโลน

However, because THE LORD was slow to ANGER and PUNISH the people for their
SINNING against HIM, they chose not to take heed to the warning being given them. Due to
GOD'S GREAT PATIENCE and prolonging HIS ANGER the people thought that they were
getting away with their SINFUL ACTIONS, but they were NOT! So for ISRAEL'S refusal to
listen to the Prophets they ultimately met up with the fate caused by their SINNING.

แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าพระองค์เจ ้าได ้มีความพิโรธ(โกรธ)ชา้


และลงโทษผู ้คนสาหรับบาปของเขาทัง้ หลายต่อต ้านพระองค์อย่างชาๆ ้
พวกเขาเลือกทีจ ่ ะไม่ใสใ่ จต่อคาตักเตือนทีม
่ อบให ้แก่พวกเขา
่ งจากอยูใ่ นชว่ งความอดทนยิง่ ใหญ่ของพระเจ ้าและความโกรธของพระองค์สะสมมายาวนาน
เนือ
จนผู ้คนคิดว่าพวกเขาได ้หนีรอดจากการกระทาบาปของเขาทัง้ หลายไปได ้ แต่พวกเขาคิดผิด
ดังนัน
้ สาหรับการปฏิเสธของประเทศอิสราเอลเพือ ่ ทีจ
่ ะรับฟั งผู ้พยากรณ์
พวกเขาได ้พบกับชะตากรรมโดยความบาปทีพ ่ วกเขาทัง้ หลายได ้กระทา

The BOOK of Haggai


ื ของฮักกัย
หนั งสอ

Haggai prophesied during the time of Judah's CAPTIVITY in Babylon and was given
the prophecy of the rebuilding of THE LORD'S TEMPLE in JERUSALEM. The permission to
REBUILD THE TEMPLE was granted by DARlUS, King of the Medes, in Babylon. Although
DARIUS in the flesh was a King over the Heathen, in HEAVEN he is a 7th LEVEL ANGEL, as
is CYRUS, and AR-TAX-ERX'-ES with all three being 7th LEVEL ANGELS.

ฮักกัยได ้กล่าวคาพยากรณ์ระหว่างชว่ งทีย ่ ด


ู าห์ได ้ถูกจับไปเป็ นเชลยในบาบิโลนและได ้รับมอบคาพ
ยากรณ์เกีย ่ วกับการสร ้างพระวิหารของพระเจ ้าในกรุงเยรูซาเล็มขัน ้ มาใหม่
การอนุญาติให ้สร ้างพระวิหารขึน ้ ใหม่ได ้รับความยินยอมโดยกษั ตริย ์ DARIUS ดาริอัส ของเมือง
เมเดสในบาบิโลน ถึงแม ้ว่ากษั ตริยด ์ ารัส

417
เป็ นกษั ตริยใ์ นฝ่ ายเนือ
้ หนั งทีป ื่ พระเจ ้า(คนนอกศาสนา)
่ กครองอยูเ่ หนือคนทีไ่ ม่เชอ
ในสวรรค์เขาเป็ นทูตสวรรค์ชน ั ้ ทีเ่ จ็ดเหมือนกับ CYRUSไซรัส และ AR-TAX-ERX'-ES อาทาเซอร์ซส

ด ้วยกันทัง้ สามท่าน เป็ นทูตสวรรค์ระดับชน ั ้ ทีเ่ จ็ด

These three Kings that ruled over ISRAEL during their captivity in Babylon were sent
by GOD to OVERSEE HIS PEOPLE, even though they themselves were not at that time aware
of their HEAVENLY STATUS. ALL three of them UPHELD THE WORD of GOD during
ISRAEL'S CAPTIVITY, and GRANTED ISRAEL the permission needed to rebuild THE WALL
and THE TEMPLE in JERUSALEM.

กษั ตริยท ์ ัง้ สามเหล่านีไ


้ ด ้ปกครองอยูเ่ หนือประเทศอิสราเอล
ระหว่างพวกเขาได ้ตกเป็ นเชลยในบาบิโลน
ถูกสง่ โดยพระเจ ้าทีจ ่ ะดูแลอยูเ่ หนือผู ้คน(อิสราเอลและยูดาห์)ของพระองค์
แม ้ว่าตอนนัน ้ พวกเขาเองไม่ระมัดระวังในสถานะตาแหน่งของสวรรค์ของเขาทัง้ หลาย
์ ัง้ สามได ้ยึดถือสง่ เสริมพระคาของพระเจ ้าในชว่ งระหว่างอิสราเอลได ้ถูกจับไปเป็ นเชลย
กษั ตริยท
และอนุญาติให ้อิสราเอลจาเป็ นทีจ ่ ะต ้องสร ้างกาแพงเมืองและพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม

The BOOK of Zechariah


ื ของ เศคาริยาห์
หนั งสอ

Zechariah also prophesied during ISRAEL'S time of CAPTIVITY and was given
similar prophecy as Haggai, about the rebuilding of the TEMPLE in JERUSALEM. However
Zechariah was also given PROPHECY in regard to the COMING of JESUS CHRIST, referred to
in the Scriptures as both "THE BRANCH" and "BEAUTY". Zechariah PROPHESIED also of the
COMING of THE HOLY SPIRIT as a MAN, who is also called "THE BRANCH" (as was JESUS)
and in the 11h Chapter is called "BANDS".

เศเคริยาห์ได ้กล่าวคาพยากรณ์ในชว่ งระหว่างประเทศอิสราเอลถูกจับไปเป็ นเชลยและได ้ให ้คาพยา


กรณ์เหมือนกับฮก ั กัยเกีย
่ วกับการสร ้างพระวิหารขึน
้ มาใหม่
แต่อย่างไรก็ตามเศเคริยาห์ได ้กล่าวคาพยากรณ์เกีย ่ วกับการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์
อ ้างอิงในคาพยากรณ์ทัง้ "THE BRANCH" และ "BEAUTY"
เศเคริยาห์ได ้กล่าวคาพยากรณ์เกีย ่ วกับการเสด็จกลับมาของพระวิญญาณบริสท ุ ธิใ์ นร่างกายของมนุ
่ ึ
ษย์ ซงเรียกว่า"THE BRANCH" (ขณะทีเ่ ป็ นพระเยซูคริสต์)ในบทที่ 11ทีเ่ รียกว่า"BANDS"

Zechariah 11:7 And I will feed the flock of slaughter, even you, O poor of the flock. And I
took unto me two staves; the one I called Beauty, and the other I called Bands; and I fed the
flock.
เศเคริยาห์ 11:7 ดังนัน ้ ข ้าพเจ ้าจึงจะได ้เลีย
้ งดูฝงู แพะแกะทีถ
่ กู ฆ่า คือตัวเจ ้าเอง โอ
พวกทีน ่ ่าสงสารแห่งฝูงแกะเอ๋ย ข ้าพเจ ้าจึงเอาไม ้เท ้าสองอัน อันหนึง่ ให ้ชอ ื่ ว่า Beauty พระคุณ
ื่ ว่า Bands สหภาพ และข ้าพเจ ้าก็เลีย
อีกอันหนึง่ ข ้าพเจ ้าให ้ชอ ้ งดูฝงู แกะ

418
GOD refers to both JESUS CHRIST and THE HOLY SPIRIT as HIS TWO STAVES in the
I11h Chapter, verse 7. The Scriptures show the TWO DIFFERENT PURPOSES that GOD'S
TWO STAVES SERVE. "BEAUTY", who is JESUS CHRIST, is sent to the earth to BREAK the
old COVENANT and to FEED the POOR of the flock. In the 11 th verse of the 11th chapter,
JESUS is referred to as "THE WORD of THE LORD". The Apostle John refers to JESUS CHRIST
as "THE WORD of GOD" in the 1 st Chapter of the Gospel of John, and does so again in the
Book of Revelation.

(เสริม Zechariah 11:10 And I took my staff, even Beauty, and cut it asunder, that I might
break my covenant which I had made with all the people. 11:11 And it was broken in that
day: and so the poor of the flock that waited upon me knew that it was the word of the
LORD.

เศเคริยาห์ 11:10 ข ้าพเจ ้าก็เอาไม ้เท ้าทีช ื่ Beauty พระคุณ นัน


่ อ ้ มาหัก
เพือ่ ล ้มเลิกพันธสญั ญาซงึ่ ข ้าพเจ ้าได ้ทาไว ้กับชนชาติทัง้ หลายเสย ี 11:11
จึงเป็ นอันล ้มเลิกในวันนั น
้ และพวกทีน ่ ่าสงสารแห่งฝูงแกะ ผู ้ซงึ่ คอยดูข ้าพเจ ้าอยูก
่ ็รู ้ว่า
นั่นเป็ นพระวจนะของพระเยโฮวาห์(หมายถึงพระเยซูคริสต์)

พระเจ ้าได ้อ ้างถึงพระเยซูคริสต์ และพระวิญญาณบริสท ุ ธิ์


เป็ นเหมือนต ้นมะกอกเทศในบททีส ิ เอ็ด ข ้อทีเ่ จ็ด ข ้อพระคาภีรน
่ บ ์ ไ
ี้ ด ้บอกถึง
ความแตกต่างของเป้ าหมายทัง้ สอง ของต ้นมะกอกเทศ ทัง้ สองของพระเจ ้า BEAUTY พระคุณ
ผู ้ซงึ่ คือพระเยซูคริสต์
ได ้ถูกสง่ มายังโลกเพือ ่ ทาลายพันธสญ ั ญาเดิมและเพือ ่ ทีจ
่ ะเลีย
้ งดูฝงู แกะทีพ่ ลัดหลงหายอย่างน่าสง
สาร ในบททีส ่ บ ิ เอ็ด ข ้อสบิ เอ็ด พระเยซูคริสต์ได ้ถูกอ ้างอิงเป็ นเหมือนพระคาของพระเจ ้า
ยอห์นได ้เขียนถึงยืนยันว่า
พระเยซูคริสต์เป็ นพระคาของพระเจ ้าในพระกิตค ิ ณุ ยอห์นและยืนยันอีกครัง้ ในหนั งสอ ื วิวรณ์

"BANDS", THE HOLY SPIRIT, SERVES AN ENTIRELY DIFFERENT PURPOSE than that
of "BEAUTY" (JESUS CHRIST). "BANDS" SEPARATES the brotherhood of the Jewish faith,
Judaism, from the CHRISTIAN FAITH (ISRAEL), and JUDGES the earth. BANDS starts first
with the JUDGMENT of the Shepherds who lead the Church (Pastors, Priests, Ministers and
other Christian Church Leaders). ******

"BANDS" พระวิญญาณบริสท ้ ดประสงค์ทแ


ุ ธิไ์ ด ้รับใชในจุ ี่ ตกต่างกันจาก BEAUTY
พระคุณ(พระเยซูคริสต์) "BANDS"(พระวิญญาณบริสท ุ ธิ)์ จะแยกความเชอ ื่ ของยิว
ยูดาห์และความเชอ ื่ ของคริสเตียน(อิสราเอล)และพิพากษาโลก "BANDS"
เริม
่ ต ้นการทางานด ้วยการพิพากษา ผู ้เลีย ้ งแกะผู ้ซงึ่ เป็ นผู ้นาทีโ่ บสถ์ (พาสเตอร์ ปุโรหิต
มิชชน ั่ การชว่ ยเหลือและผู ้นาต่างๆขององค์กรคริสเตียน)

The Book of Malachi


ื ของ มาลาคี
หนั งสอ

419
Malachi was given the PROPHECY of the reincarnation of the SPIRIT of
SOLOMON/Elijah (being John the Baptist), who was to come to announce the COMING of
JESUS CHRIST. He was also given the PROPHECY of the writing of THE GOSPELS and the
compiling of the HOLY SCRIPTURES into THE HOLY BIBLE that were to occur after the
COMING OF CHRIST.
มาลาคี ได ้รับมอบคาพยากรณ์เกีย ่ วกับ การกลับชาติมาเกิดของ วิญญาณ
ซาโลมอน/เอลียาห์ (เป็ นยอห์นผู ้บัพติสมา)
เขาได ้กล่าวคาพยากรณ์เกีย ่ วกับการเขียนข่าวประเสริฐและรวบรวมข ้อพระคาภีรบ์ ริสท
ุ ธิล
์ งไปและ
่ ระคัมภีรไ์ บเบิลศักดิส
เข ้าสูพ ิ ธิ์ THE HOLY BIBLE
์ ท
จะเกิดขึน ้ หลังจากการเสด็จมา(ทาพันธกิจ)ของพระเยซูคริสต์

Malachi 3:16 Then they that feared THE LORD spake often one to another: and THE LORD
hearkened, and heard it, and a BOOK of REMEMBRANCE was WRITTEN before HIM for
them that feared THE LORD, and that thought upon HIS NAME.

มาลาคี 3:16 แล ้วคนเหล่านัน ้ ทีเ่ กรงกลัวพระเยโฮวาห์จงึ พูดกันและกัน


พระเยโฮวาห์ทรงฟั งและทรงได ้ยิน และมีหนั งสอ ื ม ้วนหนึง่ สาหรับบันทึกความจาหน ้าพระพักตร์
ื่ ผู ้ทีเ่ กรงกลัวพระเยโฮวาห์ และทีต
ได ้บันทึกชอ ่ รึกตรอง(ความนึกคิด)ในพระนามของพระองค์ไว ้

Elijah to Come Again Before the Day of the Lord (Matt. 17:10-13; Luke 1:17;
Rev11:3-6)
Malachi 4:5 Behold, I will send you Elijah the prophet before the coming of the great and
dreadful day of the LORD:
4:6 And he shall turn the heart of the fathers to the children, and the heart of the children to
their fathers, lest I come and smite the earth with a curse.

เอลียาห์จะมาอีกก่อนวันแห่งพระเยโฮวาห์ (มธ 17:10-13; ลก 1:17; วว 11:3-6)


มาลาคี 4:5 ดูเถิด เราจะสง่ เอลียาห์ผู ้พยากรณ์มายังเจ ้าก่อนวันแห่งพระเยโฮวาห์
คือวันทีใ่ หญ่ยงิ่ และน่าสะพรึงกลัวมาถึง
มาลาคี 4:6 และท่านผู ้นัน ้ จะกระทาให ้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ
หาไม่ เราจะมาโจมตีแผ่นดินนัน ้ ด ้วยคาสาปแชง่ "

Conclusion of THE HOLY BIBLE STORY 30/30

่ งราวพระคัมภีรไ์ บเบิลศักดิส
บทสรุปของเรือ ิ ธิ์
์ ท

Now that we have covered the HOLY BIBLE STORY from Genesis through Malachi
(although briefly in most cases), and THE GOSPELS of JESUS CHRIST, all that remains of
THE WORD of GOD is the Book of Revelation.

เนือ ่ งราวในพระคัมภีรไ์ บเบิลศักดิส


่ งจากบัดนีเ้ ราได ้แบ่งปั นครอบคลุมเรือ ิ ธิจ์ ากปฐมกาลผ่าน
์ ท
ถึงมาลาคี (39
เล่ม)ถึงแม ้ว่าอย่างย่อๆในกรณีสว่ นใหญ่),และคาสงั่ สอนพระกิตค ิ ณ ุ ของพระเยซูคริสต์

หนังสอของการเปิ ดเผยวิวรณ์ ทัง้ หมดยังคงอยูเ่ ป็ นของคาของพระเจ ้า

420
One might ask the question, "What about the twenty-two other books"? The answer to
that question is a simple one: The twenty-two other books are not really books at all but
rather letters (epistles). These letters (epistles) are not THE WORD of GOD but rather the
words of men that have been put into Canon of THE HOLY BIBLE by THE CHURCH.

คนหนึง่ อาจจะถามคาถาม, "แล ้วจดหมายฝากยีส ่ บ ิ สองฉบับอืน ่ ๆ" ?


คาตอบสาหรับคาถามนีค ้ อ
ื อย่างง่ายๆ จดหมายฝากยีส ่ บ ิ สองฉบับแท ้จริงแล ้วไม่ใชห
่ นั งสอ

มากไปกว่านัน ้ ทุกอย่างจะเป็ นจดหมาย(เป็ นจดหมายเนือ ้ หาค่อนข ้างยาว)
จดหมายเหล่านีไ ้ ม่นับรวมว่าเป็ นพระคาของพระเจ ้าแต่คอ ่ นข ้างจะเป็ นคาพูดของคน (เสริม
มาเขียนอธิบายพระคาของพระเจ ้า)
สงิ่ เหล่านั น
้ ได ้ถูกใสเ่ ข ้าไปในพระคัมภีรไ์ บเบิลศก
ั ดิส ิ ธิโ์ ดยการดาเนินการณ์ของโบสถ์ในตอนนั น
์ ท ้

(เสริม จากผู ้แปล พระเยซูคริสต์เป็ นผู ้ทีอ


่ ธิบายพระคาของพระเจ ้าได ้ถูกต ้องทีส
่ ด
ุ แต่เพียงผู ้เดียว
แล ้วแต่พระองค์จะทรงเลือกคนไหน
มาเขียนเป็ นพยานการเปิ ดเผยจากหนั งสอ ื ม ้วนเล่มเล็กๆบนสวรรค์
เพือ
่ ให ้เข ้าใจน้ าพระทัยทีแ
่ ท ้จริงของพระเจ ้าและมากล่าวคาพยากรณ์เพราะพระเยซูคริสต์เป็ นวิญญ
าณของผู ้พยากรณ์ )

Howbeit, the men that wrote the epistles never intended for them to be included into
THE HOLY BIBLE, for they were letters to the Churches and not books! The insertion of the
Epistles was the work of the Church, with the Church Leadership thinking they could
expand upon THE WORD of GOD. This SUBJECT will be OUR lead-in to the Book of
Revelation, as it opens with the WARNINGS to the Churches.

ถึงแม ้ว่า,ผู ้ทีเ่ ขียนจดหมายฝากไม่เคยมีเจตนาให ้จดหมายฝากเหล่านีถ ้ ก


ู รวบรวมเข ้าไปในพระคัมภีร ์
ไบเบิลศักดิส ์ ท ิ ธิ,์ เพราะสงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นจดหมายเขียนไปให ้ทีโ่ บสถ์และไม่ใชห ่ นั งสอ
ื ของพระคาภีร ์
ผู ้ทีน
่ าจดหมายฝากมารวมใสในพระคาภีรค ่ ์ อ
ื การงานของโบสถ์,
ซงึ่ ผู ้นาโบสถ์คด ิ ว่าพวกเขาสามารถจะทีจ ่ ะขยายความพระคาของพระเจ ้า
หัวข ้อนีจ ้ ะนาเราเข ้าในหนั งสอ ื ของการเปิ ดเผยวิวรณ์, เพราะได ้เริม
่ ต ้นด ้วยคาเตือนไปถึงโบสถ์

421
422

You might also like