You are on page 1of 14

ข้ อสอบเก่ ากฎหมายอาญา 1

ข้ อ 1

นายสมิทคนอังกฤษเดินทางมากรุ งเทพมหานครพักที่โรงแรมนายสุ รพงษ์ เกิดเรื่ องทะเลาะวิวาทกับ


นายสุ รพงษ์ นายสมิทได้ ทำ ร้ ายนายสุ รพงษ์ บาดเจ็บสาหั ส  แล้ วหลบหนี ไปประเทศญี่ป ุ่ นและถู กทางการ
ญี่ปุ่ นจับกุมตัวได้ รั ฐบาลไทยขอให้ รั ฐบาลญี่ป ุ่ นดำเนิ นคดีกับนายสมิทฐานทำร้ ายผู้ อื่นบาดเจ็บสาหั ส
ศาลญี่ป ุ่ นพิพากษาถึงที่สุ ดให้ ยกฟ้ องเพราะพยานหลักฐานอ่ อนนายสมิทจึงเดินทางมายัง
กรุ งเทพมหานครอีกและถู กตำรวจจับกุมดำเนิ นคดีเรื่ องที่เคยทำร้ ายนายสุ รพงษ์ ศาลไทยจะพิพากษา
ลงโทษนายสมิทได้ หรื อไม่

เฉลย

ตามประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 4 วรรคหนึ่ ง ) ผู ท้ ี่ ก ระทำ ผิด ในราชอาณาจัก รต้อ งรั บ โทษตาม


กฎหมาย การที่ นายสมิ ท ทำร้ ายนายสุ รพงษ์บาดเจ็บสาหัสเหตุ เกิ ดในประเทศไทย ฉะนั้ นนายสมิ ทจึ งต้อง
รั บโทษในประเทศไทย อย่างไรก็ตามหลังจากทำร้ ายนายสุ รพงษ์แล้ว นายสมิ ทหลบหนี ไปประเทศญี่ ป่ ุ น
และถูกจับ กุมที่ น้ ั นรั ฐบาลไทยได้ข อร้ องให้รั ฐบาลญี่ ป่ ุ นดำเนิ น คดี ก บั นายสมิ ท ฐานทำร้ า ยผู อ้ ื่ น บาดเจ็บ
สาหัส แต่ ศ าลญี่ป่ ุ นพิพ ากษาถึง ที่ สุ ด ยกฟ้ องเพราะพยานหลัก ฐานอ่อ นกรณี จ ึ ง ต้อ งประมวลกฎหมาย
อาญา (มาตรา 11 วรรคสอง) ที่ว ่าในกรณี ที่ ผ ู ก้ ระทำความผิดในราชอาณาจักรได้ฟ้ องต่ อศาลต่ างประเทศ
โดยรั ฐบาลไทยร้ องขอ ห้า มมิ ใ ห้ล งโทษผู น้ ้ั น ในราชอาณาจัก รเพราะการกระทำนั้ น ถ้า ได้มี คำ พิพ ากษา
ถึ ง ที่ สุ ด ของศาลต่ า งประเทศให้ป ล่ อ ยตัว ผู น้ ้ ั น ดัง นั้ น เมื่ อ ศาลญี่ ป่ ุ นพิพ ากษาถึ ง ที่ สุ ด ยกฟ้ อง นายสมิ ท
ศาลไทยจะลงโทษนายสมิ ทในความผิดฐานทำร้ ายร่ างกายนายสุ รพงษ์อี กไม่ ได้ 

โจทก์

ในคืน วัน เพ็ญเดือนสิ บ สองนายดำได้ ไ ปที่บ้ านของนางสาวแดงคู่ รั กและร่ วมกัน จุ เทียนในกระทงเพื่อ นำ


ไปปล่ อย ปรากฏว่ า ด้ ว ยความประมาทนายดำและนางสาวแดงทำเทียนหล่ น ลงพื ้น เกิด ไฟไหม้ บ้ านของ
นางสาวแดง เนื่องจากบ้ านของนางสาวแดงเป็ นตึกแถวอยู่ ต ิด กับ บ้ านของนายดำขณะ ที่ไ ฟลามเกือบถึง
บ้ านนายดำ ดำเกรงว่ าไฟจะไหม้ บ้ านตน นายดำจึง พังบ้ านของนายฟ้ า แล้ วเอาเครื่ องมือ ดับ เพลิง มาดับ
ไฟที่บ้ า นของนางสาวแดง กรณีด ัง กล่ า วนายดำต้ อ งรั บ โทษทางอาญาในการพัง บ้ า นของนายฟ้ าหรื อ ไม่
เพราะเหตุ ใด

เฉลย

ตามประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 67) ผู ท้ ี่ ก ระทำความผิด ด้ว ยความจำเป็ นเพราะอยู่ใ นที่ บ งั คับ หรื อ


ภายใต้อำ นาจซึ่ งไม่ สามารถหลีกเหลี่ยงหรื อขัดขืนได้เพราะให้ตนเองหรื อผู อ้ ื่ นพ้นจากอันตรายที่ ใกล้จะ
ถึ ง และไม่ ส ามารถหลีก เลีย งให้พ น้ โดยวิธี อ ื่น ใดได้ เมื่ อ ภยัน อัน ตรายนั้ น ตนมิ ไ ด้ก ่ อ ให้เ กิ ด ขึ้ น เพราะ
ความผิด ของตน ถ้า การกระทำนั้ น ไม่ เ ป็ นการเกิ น สมควรแก่ เ หตุ แ ล้ว ผู น้ ้ ัน ไม่ ต อ้ งรั บ โทษ จากข้อ เท็จ
จริ งตามปั ญ หา การที่น ายดำได้ไ ปที่ บ า้ นนางสาวแดงและร่ ว มกัน จุ ด เที ย นด้ว ยความประมาททำให้เ กิ ด
เพลิ งไหม้ข องนางสาวแดง นายดำเกรงว่า ไฟจะลามไปไหม้บ า้ นของตนเองเพราะบ้า นของนางสาวแดง
เป็ นตึ กแถวอยู่ติ ด กับ บ้า นนายดำ และไฟก็กำ ลังจะลามไปถึ งบ้านของนายดำจึ งตัด สิ น ใจพังบ้า นของนาย
ฟ้ า และนำเครื่ องมื อดับ เพลิงมาดับ ไฟที่ บ า้ นของนางสาวแดง การกระทำของนายดำดังกล่ า วถื อ ว่า นาย
ดำกระทำเพื่อให้ตนพ้น จากภยัน ตรายที่ ใ กล้จ ะถึ ง และไม่ สามารถหลี กเหลี ย งให้พ น้ โดยวิธี อื่ น ใดได้แ ต่
เนื่ อ งจากภยัน ตรายที่ ว ่า นั้ น คือ ภยัน ตรายซึ่ ง เกิ ด จากไฟไหม้เ ป็ นภยัน ตรายที่ น าย ดำเป็ นผู ม้ ี ส่ ว นก่ อ ให้
เกิ ด ขึ้ น เพราะความผิด ของตน นายดำจึ ง ไม่ ส ามารถอ้า งว่า การพัง บ้า นของนายฟ้ านั้ น เป็ นการกระทำ
ความผิด ด้ว ยความจำเป็ นอันจะทำให้ตนไม่ ต อ้ งรั บ โทษได้ ดังนั้นนายดำจึ งต้อ งรั บ โทษทางอาญาในทาง
พังบ้านของนายฟ้ า ด้วยเหตุผลดังกล่ าวแล้ว
 

โจทย์

ดิโก้ ต้ องการจะฆ่ าบราวน์ โค้ ชผู้ ฝึ กสอนชาวเยอรมัน จึงจ้ างโรเจอร์ นั กแม่ นปื นจากแคมารู น ให้ มาเก็บ
บราวน์ แล้ วมอบปื นพร้ อมกระสุ น และดิโก้ บอกแก่ โรเจอร์ ให้ ทราบถึงประสิ ทธิ ภาพของปื นกระบอกดัง
กล่ าวว่ า ปื นกระบอกนี ้ยิงไกลสุ ด  50 เมตร ยิงหวังผล 20 เมตร ขณะที่ก ุลลิทขี่ม้ าฝึ กซ้ อมออกกำลังกาย
ตอนเช้ ามืด ในระยะ 80 เมตรโรเจอร์ ค ิดว่ าเป็ นบราวน์ จึงยิงไปปรากฏว่ ากระสุ นปื นไม่ ถู กกุลลิท เลยกรณี
หนึ่ ง

อีกกรณีหนึ่ ง ขณะที่บราวน์ ขี่ม้ าฝึ กซ้ อมออกกำลังกายตอนเช้ ามืดอยู่ เช่ นกันในระยะ 20 เมตร โรเจอร์ รี บ


ร้ อนยิงไปถู กม้ าถึงแก่ ความตาย ส่ วนบราวน์ ตกม้ าบาดเจ็บสาหั ส

ทั้ งสองกรณี ขอให้ ท่ านวินิจฉั ยความรั บผิดชอบดิโก้ และโรเจอร์ ตั้ งแต่ ต้ นปี  2532 และต่ อมาก็ได้ ร่ วม
ประเวณีกันอีกประมาณ 10 ครั้ ง จนนางสมหญิงตั้ งครรภ์ และคลอดบุ ตร คือ ด.ช. สมชาติออกมาโดย
มิได้ มีชายอื่นมายุ่ งเกี่ยวด้ วยเลยเช่ นนี ้ เป็ นการที่บ ุคคลทั้ งสองได้ ร่ วมประเวณีกันในระยะเวลา 180 วัน
ถึง 310 วัน ก่ อนเด็กเกิด อันเป็ นระยะเวลาที่นางสมหญิงอาจจะตั้ งครรภ์ ได้ และไม่ มีเหตุ ผลอันควรเชื่ อ
ว่ า ด.ช. สมชาติเป็ นบุ ตรของชายอื่นจึงเป็ นเหตุ ให้ นางสมหญิงฟ้ องบังคับให้ นายสมชายรั บ ด.ช. สม
ชาติ เป็ นบุ ตรชอบด้ วยกฎหมายได้ ตามมาตรา 1555 (6)

  เฉลย

หลักกฎหมาย

มาตรา 84 “ ผู ใ้ ดก่ อให้ผ ู อ้ ื่น กระทำความผิด ไม่ ว ่า ด้ว ยการใช้บ งั คับ ขู่เ ข็ญ จ้า งวานหรื อ ยุย งส่ งเสริ ม หรื อ
ด้วยวิธี อื่ นใด ผูน้ ้ ั นเป็ นผู ใ้ ช้ให้กระทำความผิด”
มาตรา 80 “ ผู ใ้ ดลงมื อกระทำความผิด แต่ กระทำไปไม่ ต ลอดหรื อ กระทำไปตลอดแล้ว แต่ การกระทำไม่
บรรลุ ผล ผูน้ ้ ั นพยายามกระทำความผิด”

มาตรา 81 “ ผู ใ้ ดกระทำการโดยมุ่ งต่ อผลซึ่ งกฎหมายบัญญัติ เป็ นความผิดแต่ การกระทำนั้นไม่ สามารถจะ


บรรลุ ผ ลได้อย่า งแน่ แท้ เพราะเหตุปั จ จัย ซึ่ งใช้ใ นการกระทำหรื อ เหตุ แห่ งวัต ถุ ที่ มุ ่ งหมาย กระทำต่ อ ให้
ถื อว่าผู น้ ้ ั นพยายามกระทำความผิด”

มาตรา 61 “ ผู ใ้ ดเจตนากระทำต่ อบุคคลหนึ่ ง แต่ ไ ด้กระทำต่ อ อี กบุ ค คลหนึ่ งโดยสำคัญผิด ผู น้ ้ ั นจะยกเอา


ความสำคัญผิดเป็ นข้อแก้ต วั ว่ามิ ได้กระทำโดยเจตนา หาได้ไม่ ”

ตามปั ญหาดิ โก้มี เจตนาจะฆ่ าบราวน์โค้ชชาวเยอรมัน จึ งจ้างโรเจอร์ ให้เก็บบราวน์การกระทำของดิ โก้


เป็ นการก่ อให้ผ ู อ้ ื่นกระทำความผิดโดยการจ้าง ดิ โก้จึ งกระทำความผิดฐานเป็ นผู ใ้ ช้ (มาตรา 84) ในขณะ
ที่ กุลลิ ทขี่ ม า้ ออกกำลังกายโรเจอร์ เห็ นกุลลิ ทคิ ดว่าเป็ นบราวน์ จึ งยิงไปด้วยความสำคัญผิดโรเจอร์ จจึ ง
แก้ต วั ไม่ ได้ว ่ามิ ได้เจตนา ที่ จะฆ่ ากุลลิท แต่ เนื่ องจากปื นที่ นายโรเจอร์ ใช้ย ิงนายกุลลิ ทนี้ มี ประสิ ทธิ ภาพ
ยิงไกลเพียง 50 เมตรเท่ านั้ น นายโรเจอร์ ได้ย ิงนายกุลลิ ทในระยะห่ างถึ ง  80 เมตร จึ งไม่ สามารถทำ
อันตรายแก่ นายกุลลิทได้ ตามปั ญหาจึ งเป็ นการกระทำความผิดที่ เป็ นไปไม่ ได้อย่างแน่ แท้เพรา ะปั จจัย
ซึ่ งใช้ในการกระทำความผิด กรณี น้ี กฎหมายบัญญัติ ให้ผ ู ก้ ระทำต้องรั บผิดฐานพยายามกระทำผิดดังนั้ น
นายโรเจอร์ จึ งต้องรั บโทษฐานพยายามกระทำความผิด ส่ วนนายดิ โก้กระทำความผิดฐานเป็ นผู ใ้ ช้ให้โร
เจอร์ กระทำความผิด

  กรณี ขณะที่ บราวน์ขี่ ม า้ ออกกำลังกายเช้า มื ดเช่ น กัน ในระยะ 20 เมตร โรเจอร์ รี บร้ อนยิงปื นไปไม่ ถูก
บราวน์แต่ ถูกม้านตาย บราวน์ได้รั บบาดเจ็บสาหัส การกระทำของโรเจอร์ เจตนากระทำต่ อบราวน์แล้ว
พราดไปถูกม้าตายจึ งไม่ เป็ นการกระทำโดยพลาดเพราะเจตนากระทำต่ อคนแต่ ไม่ ถูกทรั พย์ไม่ ถื อว่า
เป็ นกระทำโดยพลาด แต่ เป็ นการลงมื อกระทำความผิดต่ อบราวน์ตลอดแล้ว แต่ ไม่ บรรลุ โรเจอร์ จึ งมี
ความผิดฐานพยายามฆ่ าบรวาน์ ส่ วนดิโก้มี ความผิดฐานใช้ให้โรเจอร์ กระทำความผิดฐานพยายามฆ่ า
บราวน์ (มาตรา 80)

โจทย์

นายซิ ม ต้ อ งการฆ่ า นายแก้ ว จึง ไปแอบซุ่ ม ข้ า งทางในเวลากลางคืน นายซิ ม เห็น นายก้ อ นเดิน มาเป็ นเงา
ตะคุ่ ม ๆ ในความมืด นายซิ ม เข้ า ใจผิด ว่ า นายก้ อ นเป็ นนายแก้ ว จึง ใช้ ปื นยิง  1 นั ด ถู ก นายก้ อ นตาย
กระสุ น ปื นทะลุน ายก้ อ นไปถู ก นายช้ อ นบิด าของนายซิ ม ถึง ความตายด้ ว ยเช่ น นี ้ใ ห้ ว ิน ิ จ ฉั ย ความรั บ ผิด
ของนายซิ มตามประมวลกฎหมายอาญา

เฉลย
  ตามประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 6) ในกรณี ผ ู ก้ ระทำเจตนากระทำต่ อคนหนึ่ งแต่ ได้กระทำต่ ออี กคน
หนึ่ งโดยสำคัญผิด กฎหมายถือว่าผู ก้ ระทำได้กระทำโดยเจตนาแก่ ผ ู ก้ ระทำนั้ น

  จากข้อเท็จ จริ งในปั ญ หา การที่ น ายซิ มต้องการฆ่ า นายแก้ว จึ งไปแอบซุ มข้า งทางในเวลากลางคืน พอ
นายก้อนเดิ นมาเป็ นเงาตะคุม ๆ ในความมื ด นายซิ มเข้าใจผิดว่านายก้อนเป็ นนายแก้ว จึ งใช้ปื นยิง  1 นัด
ถูกนายก้อนตายถือว่านายซิ มเจตนากระทำต่ อนายก้อน ตามหลักกฎหมายข้างต้น นายซิ มจึ งมี ความผิด
ฐานฆ่ านายก้อนโดยเจตนา

  ส่ วนการที่ กระสุ น ปื นทะลุ น ายก้อนไปถูกนายซ้อนบิ ดาของนายซิ มถึ งแก่ ค วามตายด้ว ยนั้ น กรณี น้ี เ ป็ น
เรื่ องของการกระทำโดยพลาด ซึ่ งตามประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 60 ) ในกรณี ผ ู ก้ ระทำได้กระทำ
โดยเจตนาต่ อคนหนึ่ งแต่ ผลของการกระทำเกิ ด แก่ อี กคนหนึ่ งโดยพลาดไปกฎหมายถื อว่าผู ก้ ระทำได้
กระทำโดยเจตนาแก่ ผ ู ไ้ ด้รั บผลร้ าย เมื่ อนายซิ มเจตนายิงนายก้อนแต่ กระสุ นปื นไปถูกนายซ้อน นายซ้วน
ก็เป็ นผู ไ้ ด้รั บผลร้ ายจากการกระทำของนายซิ ม ดังนั้ น โดยกฎหมายต้องถื อว่านายซิ มได้กระทำโดย
เจตนาต่ อนายซ้วนด้วย สำหรั บการที่นายซ้วนเป็ นบิ ดาของนายซิ มนั้ น ประมวลกฎหมาย
อาญา (มาตรา 60 ตอนท้าย) ได้บ ญ ั ญัติ ว ่า กรณี ที่ กฎหมายบัญญัติ ให้ลงโทษหนักขึ้ นเพราะฐานะของ
บุ คคลหรื อเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู ก้ ระทำกับบุ คคลที่ ได้รั บผลร้ าย มิ ให้นำ กฎหมายนั้ นมาใช้
บังคับเพื่อลงโทษผู ก้ ระทำให้หนักขึ้ น กรณี น้ี นายซิ มจึ งผิดเพียงฆ่ านายซ้วนเสมื อนเป็ นบุคคลธรรมดา
โดยเจตนาไม่ ใช่ ผ ิดฐานบุพการี ตามมาตรา 289  

โจทก์

ก ทำงานกลางคืน วัน หนึ่ง ขณะเลิกงานซึ่ ง เป็ นเวลาดึกมาก ก เดิน กลับ บ้ านมาคนเดียวระหว่ างทางขณะ
ที่เ ดิน เข้ า ซอย มีว ัย รุ่ น  2 คน ซึ่ ง เป็ นอัน ธพาลอยู่ แ ถวนั้ น ได้ ต รงเข้ า ล้ อ ม ก และชกต่ อ ยทำร้ า ย ก จึง วิ่ง
หนี พร้ อมกันนั้ น เหล่ า วัย รุ่ น ก็ว ิ่ง ไล่ ต าม พอดีส วนทางกับ ยามของหมู่ บ้ านแถวนั้ น ก จึง ผลักยามล้ ม ลง
พร้ อมกับ แย่ ง ปื นของยามเพื่อ เอามาขู่ ว ัย รุ่ น แต่ ว ัย รุ่ น พวกนั้ น ก็ย ัง ตรงเข้ า มาทำร้ า ย ก อีก จึง ยิง ปื นไป
หนึ่ ง นั ด ถู กวัย รุ่ น คนหนึ่ง ถึง แก่ ค วามตาย ทั้ ง ก มีค วามผิด ที่ก ระทำต่ อ วัย รุ่ น ผู้ ต ายหรื อ ไม่ แ ละจะต้ อ ง
รั บโทษเพียง ใดหรื อไม่  

เฉลย

  มาตรา 68 บัญ ญัต ิ ว ่า “ผู ใ้ ดจำ ได้ต อ้ งกระทำ การใดเพื่อ ป้ องก น


ั สิ ท ธิ ข องตนหรื อ ของผู อ้ ื่ น ให้พ น้
ภยัน ตรายซึ่ ง เกิ ด จากการประทุษ ร้ า ยอัน ละเมิ ด ต่ อ กฎหมายและเป็ นภยัน ตรายที่ ใ กล้จ ะถึ ง ถ้า ได้ก ระทำ
โดยสมควรแก่ เหตุ การกระทำนั้นเป็ นการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู น้ ้ ันไม่ มี ความผิด”

มาตรา 604 ถ้าผู ว้ ่าจ้างเป็ นผู จ้ ดั หาสัมภาระ และการที่ น้ ั นพังทลายหรื อบุ บสลายลงก่ อนได้ส่ งมอบกันถูก
ต้อง ความวินาศนั้ นตกเป็ นพับแก่ ผ ู ว้ ่าจ้าง หากความวินาศนั้ นมิ ได้
  ในกรณี เ ช่ น ว่า นี้ สิ น จ้า งก็เ ป็ นอัน ไม่ ต อ้ งใช้ เว้น แต่ ค วามวินาศนั้ น เป็ นเพราะการกระทำของผู ว้ าจ้า ง

  ตามปั ญหา การที่ ก. ตกลงจ้า ง ข. จัดสร้ า งโรงรถเป็ นสัญ ญาจ้า งทำของตามมาตรา 587 เพราะมี


วัตถุ ประสงค์เพื่อผลสำเร็ จแห่ งการที่ ทำ และ ก. ผู ว้ ่าจ้างเป็ นผู จ้ ดั หาสัมภาระ การที่ โรงรถที่ สร้ างเสร็ จ
ถูกพายุพ ดั แรงผิดปติ จนพังทลายลงก่ อนที ่ส่ งมอบโรงรถนั้ น มิ ใช่ เป็ นเพราะการกระทำของ ข. ผู ร้ ั บจ้าง
ความวินาศจึ งตกเป็ นพับแก่ ก. ผู ว้ ่าจ้างตามมาตรา 604 วรรคแรกดังนั้ น ก. จะเรี ยกให้ ข. จัดการทำให้
ใหม่ หาได้ไม่

  กรณี ด งั กล่ า วที่ โ รงรถพัง ทลายลงมิ ใ ช่ เ ป็ นเพราะการกระของ ก.ผู ว้ ่า จ้า ง ข. จะเรี ย กร้ อ งให้ ก. ผู ว้ ่า จ้า ง
จ่ ายสิ นจ้างให้ตนหาได้ไม่ กรณี ต อ้ งด้วยมาตรา 604 วรรค 2 ตอนแรก 

โจทก์

  น้ อยหน่ าเป็ นนั กเรี ยนหั ด ขับ รถยนต์ ย ัง ไม่ ไ ด้ รั บ ใบอนุ ญาตขับ ขี่ น้ อยหนาจึงไปสมัค รเรี ยนกับ โรงเรี ยน
สอนขับรถยนต์ มังคุ ดได้ รั บใบอนุ ญาตขับขี่แต่ ยังไมได้ รั บอนุ ญาตเป็ นครู ฝึ กสอนขับรถยนต์ ขณะเกิด
เหตุ ถนนตอนนั้ นเป็ นคนพลุกพล่ าน ฝนตก ถนนลื่น น้ อยหน่ า กำลังหั ดขับ หั กหลบรถสามล้ อเครื่ อง
ไม่ ทัน มังคุ ดต้ องเข้ าช่ วยถือพวงมาลัยและให้ น้ อยหน่ าปล่ อยมือ แต่ เท้ าของน้ อยหน่ ายังเหยียบคันเร่ ง
น้ำมันอยู่ มังคุ ดหักพวงมาลัยเบนขวาเพื่อให้ พ้ นสามล้ อเครื่ อง เป็ นเหตุ ให้ รถพุ่ งข้ ามถนนชนคนบาดเจ็บ
และตาย กรณีหนึ่ง

  อี กกรณี ห นึ่ ง น้อยหน่ า หัดขับรถเล่ น มาตามถนนด้วยความเร็ ว สู ง ทำท่า จะชนลองกอง แต่ น ้อยหน่ า
เบรกทัน รถไม่ ชนลองกอง ทำให้ลองกองตกใจจนแทบสิ ้ นสติ

  ดังนี้ ทั้ง 2 กรณี น้อยหน่ า และมังคุ ดจะต้องรั บผิดชอบในการกระทำโดยประมาทอย่า งไรหรื อไม่

เฉลย

  หลักกฎหมาย

  มาตรา 59 วรรค 4 บัญ ญัติ ว ่า “กระทำโดยประมาท ได้แก่ การกระทำความผิดมิ ใช่ โ ดยเจตนา แต่ การก
ระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่ งบุคคลในภาวะเช่ นนั้นจักต้องมี ตามวิสัยและพฤติ การณ์ และผู ้
กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่ นว่านั้ นได้ แต่ หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ ”

  มาตรา 80 บัญ ญัติ ว ่า “ ผู ใ้ ดลงมื อกระทำความผิดแต่ กระทำไปไม่ ตลอดแล้ว แต่ การกระทำนั้ น ไม่ บรรลุ
ผลผูน้ ้ ั นพยายามกระทำความผิด ”
  การที่ น ้อยหน่ า ขับรถไปตามถนนโดยไม่ มี ใบอนุ ญ าตขับขี่ ยังไมพอที่ จ ะถื อว่า เป็ นการกระทำโดย
ประมาท แต่ การที่ น ้อยหน่ าและมังคุดขับรถชนคนบาดเจ็บและตาย เป็ นการกระทำผิดโดยไม่ เจตนาและ
พฤติ การณ์ ที่ คนพลุกพล่ าน ฝนตก ถนนลื่ น ทำให้น ้อยหน่ าและมังคุ ดไม่ อาจใช้ความระมัดระวังได้
เนื่ องจากน้อยหน่ าขับรถไม่ เป็ น กำลังหัดขับ น้อยหน่ าจึ งกระทำโดยประมาทเป็ นเหตุ ให้คนบาดเจ็บและ
ตาย ขณะเดี ยวการกระทำของมังคุดที่ เข้าช่ วยถื อพวงมาลัย ในพฤติ การณ์ เช่ นนั้นมังคุ ดย่อมกระทำโดย
ประมาทเป็ นเหตุให้มี คนตายและบาดเจ็บด้วย ซึ่ งเป็ นกรณี กระทำโดยประมาทหลายคน มังคุ ดและ
น้อยหน่ าจึ งต่ างคนต่ างรั บผิดฐานประมาทเป็ นเหตุ ให้คนตายและบาดเจ็บ  (มาตรา 59 วรรคสี่ ) 

โจทย์

  เมื่อวันที่   7 มกราคม 2529 เพ็ชรหลอกขายวิท ยุเครื่ องหนึ่ ง แก่ นิ ล การกระทำของเพ็ชรเป็ นความผิดฐาน


ขายของโดยหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ซึ่ งเป็ นความผิดอันยอมความได้ ต่ อมา
วันที่ 25 มีนาคม 2529 รั ฐบาลได้ ประกาศใช้ บังคับพระราชบัญญัติแก้ ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
โดยแก้ ไขความผิดตามมาตรา 271 ให้ เป็ นความผิดต่ อแผ่ นดิน วันที่  20 พฤษภาคม 2529 นิ ลร้ องทุ กข์ ต่ อ
พนั กงานสอบสวนให้ ดำ เนินคดีต่ อเพ็ชรฐานขายของโดย หลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 271 เพ็ชรอ้ างว่ า คดีขาดอายุความแล้ ว ข้ ออ้ างของเพ็ชรฟั งขึ ้นหรื อไม่

เฉลย

ตามประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 3 )ถ้ากฎหมายที่ ใช้ในภาวะกระทำผิดแตกต่ างกับกฎหมายที่ ใช้ภาย


หลังการกระทำผิด ให้ใช้กฎหมายส่ วนที่ เป็ นคุ ณแก่ ผ ู ก้ ระทำผิดไม่ วาในทางใด บทบัญญัติ น้ี เป็ นการ
บัญญัติ ให้กฎหมายอาญามี ผลย้อนหลังได้ หากว่ากฎหมายที่ ออกภายหลังนั้ นเป็ นคุ ณแก่ ผ ู ก้ ระทำผิด จาก
ข้อเท็จจริ งในปั ญหาขณะเพ็ชรกระทำผิด กฎหมายอาญาบัญญัติ ให้ความผิดตามมาตรา 271 เป็ นความผิด
อันยอมความได้ ความผิดประเภทนี้ เป็ นคุ ณแก่ ผ ู ก้ ระทำผิด เพราะมี เงื่ อนไขในการฟ้ อง คื อผู เ้ สี ยหายต้อง
ร้ องทุ กข์ภายใน 3 เดื อน นับแต่ รู ้ เรื่ องและรู ้ ต วั ผูกระทำผิด มิ ฉะนั้ นคดี ขาดอายุความการที่ รั ฐบาลออก
กฎหมายใหม่ แก้ไขความผิดตามมาตรา 271 ให้เป็ นความผิดต่ อแผ่นดิ น ทำให้เงื่ อนไขอายุความร้ อง
ทุ กข์ 3 เดื อนหมดไปผู ก้ ระทำผิดไม่ ได้รั บประโยชน์จากเงื่ อนไขนี้ กฎหมายจึ งไม่ เป็ นคุ ณแก่ ผ ู ก้ ระทำผิด
จึ งไม่ มี ผลย้อนหลัง ต้องถือว่า ความผิดตามมาตรา 271 ที่ เพ็ชรได้กระทำนั้ น เป็ นความผิดอันยอมความ
ได้อยู่ ซึ่ งมี อายุความร้ องทุกข์ 3 เดื อน ปรากฏว่านิ ลร้ องทุ กข์ต ่ อพนักงานสอบสวน เมื่ อวัน
ที่  20พฤษภาคม 2529 เกิ นกำหนด 3 เดื อน นับแต่ ว นั ที่ นิ ลรู ้ เรื่ องความผิด และรู ้ ต วั ผู ก้ ระทำผิด คื อ วัน
ที่  7 มกราคม 2529 คดี ย ่อมขาดอายุความข้ออ้างของเพ็ชรจึ งอ้างขึ้ น
ข้ อสอบกฎหมายอาญา 1 ภาค 2/2548

1. หนึ่ งและโท ทะเลาะกัน หนึ่งชั กปื นยิงโท แต่ โทไม่ ตาย หนึ่ งจึงยิงซ้ำแต่ พลาดถู กตรี ตาย ถามว่ าหนึ่ ง
ผิดฐานใด

เฉลย ข้อ1. แม้จะเป็ นการกระทำโดยพลาดแต่ หนึ่ งมี เจตนาที่ จะฆ่ า โท ที่ ว ่า มี เจตนา เพราะกระทำโดยรู ้


สำนึ ก ประสงค์ต่ อผลและย่อมเล็งเห็ นผลเนื่ องจากว่าถ้ากระสุ นถูกโทแล้วโทต้องตาย ดังนั้น หนึ่ งผิด
ฐานฆ่ าผู อ้ ื่นตายโดยเจตนา

2. ดีและชั่ วทะเลาะโต้ เถียงกัน ชั่ วท้ าดีต่ อย แต่ ด ีไม่ รั บ คำท้ า เดินกลับบ้ าน ชั่ วเลยตามไปชกต่ อยดี ดีจึง
กอดปล้ำกับชั่ วจนตกลงไปในคลองด้ วยกัน ชั่ วกดดีจมน้ำและกัด ดีจึงกัดหู ชั่ วขาด ดีมีความผิดฐานใด
หรื อไม่

เฉลย ข้อ2. จากคำถาม แม้จะมี การทะเลาะโต้เถี ยงแต่ ขณะนั้ นยังมิ ได้ต่ อยตี เมื่ อชัว่ ท้าชกต่ อยแล้วดี ไม่
รั บคำท้าพร้ อมกันนั้นก็เดิ นกลับบ้านย่อมแสดงว่าดี มิ ได้สมัครใจเข้าวิวาทแล้ว เหตุ การณ์ โต้เถี ยงตอน
แรกยุติ ลงแล้ว การที่ ดี ต อ้ งกอดปล้ำกับชั่วหลังจากที่ ช ั ่วชกต่ อยดี น้ ันเป็ นการป้ องกันตนเองและเมื่ อ
ตกลงไปในคลองน้ำแล้วชั่วยังกดดี ให้จมน้ำซึ่ งถื อว่าเป็ นเหตูการณ์ บ งั คับหากดี ไม่ ก ดั หู ช ั่วดี อาจจะจม
น้ำตายก็เป็ นได้ การกระทำของดี เป็ นการป้ องกันตนพอสมควรแก่ เหตุ ดี ไม่ มี ความผิด

3. กิ่งกับก้ านรู้ ว่ ากบมีนาฬิ กาเรื อนทองฝั งเพชร กิ่งและก้ านอยากได้ จึงร่ วมกันฆ่ ากบ โดยกิ่งใช้ ปื นยิง
กบ ก้ านใช้ มีดฟั นกบ จนกบถึงแก่ ความตาย กิ่งและก้ านจึงเอานาฬิ กาไป โกงรู้ ว่ าทั้ ง  2 ร่ วมกันฆ่ ากบ
แล้ วเอานาฬิ กามา ทั้ ง  2 ให้ โกงซ่ อนนาฬิ กาให้ โกงก็ช่ วยเอาไปซ่ อนให้ ทั้ ง  3 ถู กจับได้ พงส.ตั้ งข้ อหากิ่ง
และก้ านเป็ นตัวการร่ วมฐานฆ่ ากบโดยเจตนา ส่ วนโกงเป็ นผู้ สนั บสนุ นในการกระทำความผิด ท่ านเห็ น
ด้ วยกับข้ อหานี ้หรื อไม่ เพราะเหตุ ใด

เฉลย ข้อ 3. ข้าฯทั้งเห็ นด้วยและไม่ เห็ นด้วยกับ พงส.ที่ เห็ นด้วยคื อการตั้ งข้อหากิ่ งและก้านเป็ นตัวการ
ร่ วม เพราะตัวการนั้ นมี หลักกฎหมายวางไว้ว ่าถ้าบุ คคล 2 คนร่ วมกันกระทำผิดบุ คคลทั้ง 2 นั้ นคื อตัวการ
ส่ วนที่ ต้ ังข้อหาต่ อโกงว่าเป็ นผู ส้ นับสนุ นนั้ นข้าฯไม่ เห็ นด้วย เพราะว่าผู ส้ นับสนุ นคื อผู ท้ ี่ ให้ความ
สะดวก สนับสนุ นให้ผ ู อ้ ื่นกระทำผิดทั้งก่ อนกระทำและขณะกระทำแต่ จากคำถามนี้ ไม่ ปรากฏว่าโกงได้
มี ส่ วนอำนวยความสะดวกหรื อสนับสนุ นกิ่ งและก้าน การนำนาฬิ กาไปซ่ อนนั้นเกิ ดขึ้ นหลังจากความผิด
สำเร็ จแล้ว โกงจึ งมิ ใช่ ผ ู ส้ นับสนุ น

ข้ อสอบกฎหมายอาญา 1 ภาคการศึ กษาพิเศษ /2548

1. นาย ก ต้ องการเอาหินข้ างปา นาย ข.แต่ นาย ข หลบทัน ก้ อนอิฐ จึงไปถู ก นาง ค. แล้ วเสี ยหลักตก
น้ำตาย

                กรณี ตามปั ญหาการที่ นาย ก. เอาหิ นขว้างปานาย ข. นั้นเป็ นการกระทำที่ มี เจตนาทำร้ ายนาย
ข. และเป็ นการกระทำที่ ถึงขั้นลงมื อกระทำความผิดแล้วแต่ การกระทำนั้นไม่ บรรลุ ผล นาย ก. จึ งมี ความ
ผิดฐานพนานามทำร้ายนาย ข. ตาม ปอ. 295+80
                การที่ นาย ก. เอาก้อนอิฐขว้างปานาย ก. แต่ พลาดไปถูกนาง ค. จนเป็ นเหตุ ให้นาง ค. เสี ยหลัก
ตกน้ำตายนั้ นเป็ นการทำร้ ายร่ างกายโดยพลาดตาม ปอ. 60 และการทำร้ ายนั้ นเป็ นเหตุ ให้นาง ค. จม
น้ำตายและความตายความตายของนาง ค. นั้นเป็ นผลโดยตรงและเป็ นผลที่ ตามธรรมดายอมเกิ ดขึ้ นได้
จากการทำร้ ายของนาง ก. นาย ก.จึ งมี ความผิดฐานทำร้ ายร่ างกายผู อ้ ื่น (นาง ค.)จนเป็ นเหตุ ให้ถึ งแก่ ความ
ตายโดยพลาดตาม ปอ. 290+60 อีกฐานหนึ่ ง

2. นายแดง เป็ นเจ้ าของช้ างซึ่ งตกมันอยู่ ได้ เอาเชื อกผู กช้ างไว้ กับต้ นไม้ ซึ่ งจริ งๆแล้ วจะต้ องใช้ โซ่ ล่ าม
ปรากฏว่ าช้ างเชื อกหลุด วิ่งไปจะเอางาแทง นายดำ ๆ จึงเอาปื นยิงช้ างตาย ถามว่ า นายดำต้ องรั บผิด
อย่ างไร

                กรณี ตามปั ญหาการที่ ช ้างตกมันของนายแดงวิ ่งไปจะเอางาแทงนายดำนั้ นเป็ นภยันตรายที่ เกิ ด


จากการปทุษร้ ายอันละเมิ ดก่ อกฎหมายและเป็ นภยันตรายที่ ใกล้จะถึ ง การที่ นายดำใช้ปื นยิงช้างตายนั้ น
เป็ นการที่ จำ ต้องกระทำเพื่อป้ องกันชี วิตของนายดำ และได้กระทำไปพอสมควรแก่ เหตุ อันเป็ นการ
ป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ปอ.68 นายดำจึ งไม่ ต อ้ งรั บผิดอาญาฐานใดเลย

3. ไก่ ต้ องการ ฆ่ าเป็ ด จึงได้ ทำ การวางแผนเพื่อที่จะฆ่ าเป็ ด นายห่ านเป็ นศั ครู ของเป็ ดเหมือนกัน
ต้ องการฆ่ าเป็ ดเหมือนกัน จึงได้ ไปจ้ างวานนายไก่  3,000 ให้ ไปฆ่ า นายเป็ ด โดยที่นายห่ านไม่ รู้ ว่ านายไก่
ต้ องการฆ่ านายเป็ ด เหมือนกัน นายไก่ ต้ องการเงินใช้ จึงตกลงตามที่นายห่ านเสนอ เพราะตนเองก็
ต้ องการฆ่ านายเป็ ดอยู่ แล้ วถามว่ านายห่ าน ต้ องรั บผิดหรื อไม่

                กรณี ตามปั ญหาการที่ นายไก่ ผ ู ถ้ ูกใช้ตกลงรั บตามคำจ้างวานของนายห่ านเพื่อที่ จะไปฆ่ านาย


เป็ ดนั้นเป็ นการตกลงปลงใจคิดไตร่ ตรองไว้ก่ อนในการที่ จะฆ่ านายเป็ ด
                ถ้านายไก่ ผ ู ถ้ ูกใช้(นายไก่ )ได้กระทำการฆ่ านายเป็ ดตามที่ ใช้ ผู ใ้ ช้(นายห่ าน) ต้องรั บโทษ
เสมื อนตัวการในความผิดตาม ปอ. 289(4)+84 วรรคสอง
                ถ้าความผิดมิ ได้กระทำลงเพราะผู ถ้ ูกใช้ไม่ ยอมกระทำ ยังไม่ ได้กระทำหรื อเหตุ อื่ นใด ผู ้
ใช้(นายห่ าน)ต้องรั บโทษหนึ่ งในสามตาม ปอ.84 วรรคสองเช่ นกัน

4.เด็กหญิงแดงอายุ  12 ปี  9 เดือน รั กใคร่ ชอบพอกับเด็กชายดำ อายุ  13 ปี  9 เดือน เด็กหญิงแดงยินยอม


ให้ เด็กชายดำ ร่ วมประเวณีด้ วย ทั้ งนี ้โดยให้ เด็กหญิงขาว อายุ  13 ปี  8 เดือน คอยดู ต้ นทางอยู่ ใกล้ ๆ จง
วินิ จฉั ยความรั บผิดในทางอาญาของเด็กชายดำ

                ในกรณีของเด็กหญิงแดงและเด็กหญิงขาวนั้ นจะถือว่ าเป็ นตัวการ ผู้ ใช้ หรื อผู้ สนั บสนุ นอย่ าง
ใดอย่ างหนึ่ งร่ วมกับเด็กชายดำได้ หรื อไม่ เพราะเหตุ ใด

แนวตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ผู ใ้ ดกระทำชำเราเด็กหญิ งอายุย งั ไม่ เกิ นสิ บห้าปี


ซึ่ งมิ ใช่ ภริ ยาของตนโดยเด็กหญิงนั้ นจะยินยอมหรื อไม่ ก็ตาม ต้องระวางโทษ.....
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก เป็ นการกระทำแก่ เด็กหญิ งอายุย งั ไม่ เกิ นสิ บสามปี ต้องระวางโทษ

มาตรา 74 เด็กอายุกว่าเจ็ดปี แต่ ย งั ไม่ เกิ นสิ บสี่ ปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติ เป็ นความผิด เด็กนั้นไม่
ต้องรั บโทษ แต่ ให้ศาลมี อำ นาจที่จะดำเนิ นการดังต่ อไปนี้  .….
มาตรา 83 ในกรณี ความผิดใดเกิ ดขึ้ นโดยการกระทำของบุ คคลตั้งแต่ สองคนขึ้ นไป ผู ท้ ี่ ได้ร่ วมกระทำ
ความผิดด้วยกันนั้ นเป็ นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่ กฎหมายกำหนดไว้สำ หรั บความผิดนั้ น

มาตรา 84 ผู ใ้ ดก่ อให้ผ ู อ้ ื่นกระทำความผิดไม่ ว ่าด้วยการใช้ บังคับขู่เข็ญ จ้าง วาน หรื อยุยงส่ งเสริ ม หรื อ
ด้วยวิธี อื่ นใด ผูน้ ้ ั นเป็ นผู ใ้ ช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู ถ้ ูกใช้ได้กระทำความผิดนั้ น ผู ใ้ ช้ต อ้ งรั บโทษเสมื อนเป็ นตัวการ
ถ้าความผิดมิ ได้กระทำลง ไม่ ว ่าจะเป็ นเพราะผู ถ้ ูกใช้ไม่ ยอมกระทำ ยังไม่ ได้กระทำหรื อเหตุ อื่ นใด ผู ใ้ ช้
ต้องระวางโทษเพียงหนึ่ งในสามของโทษที่ กำ หนดไว้สำ หรั บความผิดนั้ น

ปรั บข้ อเท็จจริ ง

                ความรั บผิดของเด็กชายดำ มี ความผิดตามมาตรา 277 วรรคสอง แต่ ได้รั บยกเว้นโทษ ตาม


มาตรา 74 เพราะอายุน ้อยกว่า14 ปี ความรั บผิดของเด็กหญิ งแดง แม้เด็กหญิ งแดงจะมี ส่ วนร่ วมในการก
ระทำผิดของเด็กชายดำแต่ ก ็ไม่ เป็ นตัวการ ผู ใ้ ช้ หรื อผู ส้ นับสนุ น ในการกระทำความผิดตาม
มาตรา 277 ของเด็กชายดำเพราะตนเป็ นบุคคลที่ กฎหมายตามมาตรา 277 ประสงค์จะคุ ม้ ครอง ความรั บ
ผิดของเด็กหญิงขาว เป็ นตัวการตามมาตรา 83 ในการกระทำความผิดตามมาตรา 277 วรรคสอง ของเด็ก
ชายดำ เป็ นตัวการได้เพราะกฎหมายมาตรา 277 ใช้คำ ว่า “ผู ใ้ ด” เด็กหญิ งขาวจึ งมี ความผิดเป็ นตัวการ
แต่ ไม่ ต อ้ งรั บโทษเพราะอายุน ้อยกว่า 14 ปี ตามมาตรา 74

5.นายเขียวต้ องการฆ่ านายม่ วง จึงไปดักซุ่ มยิงตรงทางที่คาดว่ านายม่ วงจะเดินมา ระหว่ างที่รอนายม่ วง


อยู่ นั้ น นายเขียวเห็นนายฟ้ า ศั ตรู อีกคนหนึ่ งของนายม่ วง เดินมาจึงชวน นายฟ้ าให้ มาร่ วมในการฆ่ า
ด้ วย โดยให้ นายฟ้ าคอยดู ต้ นทางส่ วนนายเขียวจะเป็ นผู้ ยิง นายฟ้ าตกลงด้ วย นอกจากนั้ นนายฟ้ ายังให้
ปื นแก่ นายเขียวในการใช้ ยิงนายม่ วงด้ วย เมื่อได้ ปื นของนายฟ้ า นายเขียวจึงเก็บปื นของตนที่ นำ ติดตัว
มาไว้ และใช้ ปื นของนายฟ้ าคอยจ้ องเล็งจะยิงนายม่ วง ก่ อนที่นายม่ วงจะเดินมาถึง นายฟ้ าได้ บอกเลิก
การดู ต้ นทางให้ แก่ นายเขียว และขอตัวกลับบ้ านไปก่ อน ต่ อมานายเหลืองได้ เดินมาตรงนั้ น นายเขียว
เข้ าใจว่ าเป็ นนายม่ วง จึงใช้ ปื นของนายฟ้ ายิงนายเหลืองตาย

จงวินิ จฉั ยความผิดของ


1.นายเขียวต่ อนายเหลือง
2 นายเขียวต่ อนายม่ วง
3 นายฟ้ าต่ อนายเหลือง
4 นายฟ้ าต่ อนายม่ วง

 แนวตอบ

ความรั บผิดของนายเขียวต่ อนายเหลือง


มี ความผิดฐานฆ่ านายเหลืองโดยเจตนา โดยไตร่ ตรองไว้ก่ อน ตามมาตรา 289 (4 ) เป็ นเจตนาฆ่ าประเภท
ประสงค์ต่ อผลตามมาตรา 59 โดยจะยกเอาความสำคัญผิดในตัวบุ คคลมาเป็ นข้อแก้ต วั ว่าไม่ มี เจตนาฆ่ า
ไม่ ได้ตามมาตรา 61
ความรั บผิด ของนายเขียวต่ อนายม่ วง
แม้นายเขี ยวจะมี เจตนาฆ่ านายม่ วงแต่ เมื่ อนายเขี ยวได้ห่ านายเหลื องดดยเจตนาโดยสำคัญผิดว่าเป็ นนาย
ม่ วง ดังนั้ นระหว่างนายเขียวต่ อนายม่วง นายเขี ยวจึ งไม่ มี ความผิดใดๆต่ อนายม่ วง
ความรั บผิดของนายฟ้ าต่ อนายเหลือง
นายฟ้ าเป็ นผู ส้ นับสนุ นนายเขียวในการที่ นายเขี ยวฆ่ าผู อ้ ื่ น แม้ว ่านายเขี ยวซึ่ งเป็ นผู ล้ งมื อจะกระทำโดย
สำคัญผิดในตัวบุคคล ก็ถือว่าอยู่ในขอบเขตของการสนับสนุ น ตามมาตรา 87 นายฟ้ าจึ งเป็ นผู ส้ นับสนุ น
นายเขี ยวในการฆ่ านายเหลือง จึ งต้องรั บผิดตาม มาตรา 289 (4 ) ประกอบมาตรา 86
นายฟ้ าไม่ ใช่ ต วั การในการฆ่ านายเหลือง เพราะไม่ มี การกระทำร่ วมกันและไม่ มี เจตนาร่ วมกันกับนาย
เขี ยวในขณะที่ นายเขียวยิงนายเหลือง แต่ เป็ นผู ส้ นับสนุ น เพราะให้ปื นแก่ นายเขี ยวในการใช้ย ิงนาย
ม่ วง ( แต่ ความจริ งใช้ย ิงนายเหลือง)
ความรั บผิดของนายฟ้ าต่ อนายม่ วง
เมื่ อนายเขี ยวผู ล้ งมื อ ไม่ ต อ้ งรั บผิดต่ อนายม่ วง นายฟ้ าก็ไม่ เป็ นผู ส้ นับสนุ นนายเขี ยวในการฆ่ านายม่ วง
ข้อนี้ ไม่ ใช่ เป็ นการกระทำโดยพลาดเพราะในที่ เกิ ดเหตุ มี ผ ู เ้ สี ยหายเพียงคนเดี ยว คื อนายเหลื อง จึ งไม่ ใช่
การกระทำโดยพลาด

โจทย์

1 ต้ องการฆ่ า  2 จึงไปจ้ าง 3 ให้ ไปวางยาพิษ  2 และวันต่ อมา 2 ไปว่ ายน้ำที่สระน้ำในหมู่ บ้ านซึ่ ง  3 ทำ
หน้ าที่เป็ นครู ฝึ กและมีหน้ าที่ด ู แลผู้ ที่มาใช้ บริ การในสระว่ ายน้ำนั้ นด้ วย เมื่อ  2 ว่ ายน้ำเล่ นอยู่ สั กพักหนึ่ ง
ก็เกิดเป็ นตะคริ วและจมน้ำ 3 เห็นเหตุ การณ์ โดยตลอดแต่ ไม่ เข้ าไปช่ วย 2 จึงจมน้ำตาย จงวิเคราะห์ ความ
ผิดของ 1 และ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา

แนวตอบ 1 ต้องการฆ่ า  2 (มี เจตนาคิดฆ่ า) จึ งไปจ้าง 3 ให้ไปวางยาพิษ  2 (ตกลงใจฆ่ า และลงมื อกระทำ


ความผิดโดยการจ้าง 3 และความผิดของ 1 เป็ นความผิด สำเร็ จแล้ว  ) ......(.ตรงนี้ คำ ถามไม่ ได้บอก
ว่า 3 ปฏิ เสธ หรื อไม่  ) และวันต่ อมา 2 ไปว่ายน้ำที่ สระน้ำในหมู่ บ า้ นซึ่ ง  3 ทำหน้าที่ เป็ นครู ฝึ กและ
มี หน้าที่ ดู แลผู ท้ ี่ มาใช้บริ การในสระว่ายน้ำนั้ นด้วย เมื่ อ 2 ว่ายน้ำเล่ นอยู่สักพักหนึ่ งก็เกิ ดเป็ นตะคริ วและ
จมน้ำ 3 เห็ นเหตุการณ์โดยตลอดแต่ ไม่ เข้าไปช่ วย ......(ถึ งตรงนี้ ความผิดของ3 เกิ ดขึ้ นแล้ว คื อเจตนาจะ
ปล่ อย2ให้จมน้ำตาย) 2 จึ งจมน้ำตาย ( เป็ นผลจากการกระทำของ3 คื อฆ่ าคนตายโดยการงดเว้นไม่ ให้
ความช่ วยเหลือตามหน้าที่ของ 3 ) บางท่ านอาจจะมองว่า 1 จ้างให้ 3 ไปวางยา แต่  3 ยังไม่ ได้
วางยา 2 ความผิดของ 1 และ 3 จึ งไม่ เกี่ ยวกัน แต่ ก ็จะได้คำ ตอบเหมื อนกัน

หลักกฎหมายอาญาที่ เกี่ ยวข้อง มาตรา 59 บุ คคลจะต้องรั บผิดในทางอาญาก็ต่ อเมื่ อได้กระทำโดยเจตนา

มาตรา 59 วรรคท้าย การกระทำให้หมายความรวมถึ งการให้เกิ ดผลอันหนึ่ งอันใดขึ้ นโดยงดเว้นการที่ จ กั


ต้องกระทำเพื่อป้ องกันผลนั้ นด้วย
มาตรา 84 ผู ใ้ ดก่ อให้ผ ู อ้ ื่นกระทำความผิดไม่ ว ่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วาน หรื อยุยงส่ งเสริ ม หรื อ
ด้วยวิธี อื่ นใดผู น้ ้ั นเป็ นผู ใ้ ช้ให้การะทำความผิด
มาตรา 289 ผู ใ้ ด
(4) ฆ่ าผู อ้ ื่ นโดยไตร่ ตรองไว้ก่ อน
ต้องระวางโทษ
ปรั บข้อเท็จจริ ง
ความผิดของ 1
การที่  1 ต้องการฆ่ า 2 จึ งไปจ้าง 3 ให้ไปวางยาพิษ  2 นั้ น 1 ได้กระทำความผิดอาญา ฐานเป็ นผู ใ้ ช้ ให้ผ ู ้
อื่ นกระทำความผิดตามมาตรา 84 ประกอบมาตรา 59 วรรคหนึ่ ง
ความรั บผิดของ 3
การที่  3 เห็ น  2 เป็ นตะคริ วในขณะว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำในหมู่ บ า้ น ซึ่ ง 3 เองมี หน้าที่ เป็ นครู ฝึ กและมี หน้า
ที่ ดู แลผู ท้ ี่ มาใช้บริ การในสระว่ายน้ำนั้ นด้วย โดยที่ เมื่ อ  3 เห็ นเหตุ การณ์ โดยตลอด แต่ กลับนิ่ งเฉย ไม่
เข้าไปช่ วย 3 ปล่ อยให้ 3 จมน้ำตาย ย่อมถื อได้ว ่า 3 มี เจตนาฆ่ า 2 โดยงดเว้นการกระทำเพื่อป้ องกันกับ
ผลนั้นด้วย ตาม มาตรา 59 วรรคแรกและวรรคท้าย จึ งถื อได้ว ่า 3 มี เจตนาฆ่ า 2 ตายโดยไตร่ ตรองไว้ก่ อน
ตาม มาตรา 289 (4)
สรุ ป
1 มี ความผิดฐาน เป็ นผู ใ้ ช้
2 มี ความผิดฐานฆ่ า คนตายโดยเจตนาด้วยการงดเว้นการกระทำเพื่อป้ องกันผลนั้น โดยไตร่ ตรองไว้ก่ อน
ข้อนี้ มี ข อ้ ที่ โต้แย้งได้ คือการที่  1 จ้างให้ 3 ไปวางยาพิษ  2 แต่  3 ไม่ ได้ฆ่ า 2 โดยการวางยา กลับฆ่ าด้วย
การปล่ อยให้จมน้ำตาย ตรงนี้ ถ า้ คำถามขยายความมาอี กว่า
3 กำลังหาโอกาสวางยา 2 อยู่ วันต่ อมา 2 ไปว่ายน้ำในสระน้ำของหมู่ บ า้ นซึ่ ง  3 มี หน้าที่
เป็ น................อันนี้ จะชัดเจนยิ ่งขึ้ น คือ  3 ยอมรั บการจ้างของ 1 ความผิดของ 1 ก็จะเปลี่ ยนไป ต้องรั บ
โทษเสมื อนเป็ นตัวการตาม ม.84 วรรคสองด้วย
และคำถามที่ ว ่า 3 ได้ไตร่ ตรองไว้ก่ อนหรื อไม่ การที่ ผ ู ม้ ี หน้าที่ เกี่ ยวข้องกับการป้ องกันดู แลความ
ปลอดภัยให้ก บั ผู อ้ ื่น ละเลยนิ่ งเฉย โดยรู ้ ดี อยู่แล้วว่า ผลแน่ ช ัดของการนิ ่ งเฉยเป็ นเช่ นไร ย่อมถื อได้ว ่า
ได้ไตร่ ตรองแล้ว กรณี น้ี คือการปล่ อยคนที่ เป็ นตะคริ วจมน้ำโดยไม่ มี ใครช่ วยผลแน่ นอนก็คื อจมน้ำตาย
ข้ อสอบกฎหมายอาญา 1

1. นายวาริ นขุดบ่ อเลี ้ยงปลาตามทฤษฎีเศรษฐกิจแบบพอเพียงต่ อมานายวาริ นจับปลาโดยต่ อสายไฟลง


ไปในน้ำเพื่อให้ กระแสไฟฟ้ าไปช๊ อตปลา แต่ ในขณะเดียวกันเด็ญหญิงวารี ซึ่ งเป็ นบุ ตรสาวกำลังเล่ นน้ำ
อยู่ ใต้ สะพาน ซึ่ งนายวาริ นไม่ ทันเห็นจึง ทำการปล่ อยกระแสไฟฟ้ าไปช๊ อตปลาเป็ นเหตุ ให้ เด็กหญิงวารี
ถึงแต่ ความตาย ถามว่ าการกระทำของนายวาริ นผิดกฎหมายหรื อไม่ สถานใด

2. ไก่ อยากให้ ขาวตาย จึงใช้ เขียวไปซื ้อยาพิษที่ตลาดเพื่อให้ เขียวนำไปใส่ ในอาหารให้ ขาวกิน เขียวไปซื ้ อ
ยาพิษที่ตลาดแต่ ระหว่ างเกิดกลับใจจึงซื ้อแป้ งมัน นำไปใส่ อาหารให้ เขียวกินแทน เขียวจึงไม่ ตาย ถามว่ า
ไก่ มีความผิดหรื อไม่ ฐานใด

3.หนึ่ งกับสองทะเลาะอยู่ กับขาว วันหนึ่งหนึ่งเห็ นขาวนั่ งกินข้ าวต้ มอยู่ ในร้ านอาหาร จึงไปบอกสอง
สองจึงรี บมากับหนึ่ง พอสองเห็นขาวจึงเข้ า ทำร้ ายขาวทันที แต่ หนึ่ งยืนดู อยู่ ด้ วย จากนั้ นสองหนี หนึ่ งก็
หนี ตามสองไปด้ วยกัน ดังนี ้หนึ่งมีความผิดฐานใด

ข้ อสอบกฎหมายอาญา 1

1. กรณ์ ยกกระถางต้ นไม้ อยู่ ที่ระเบียงหน้ าบ้ านชั้ นสอง กระถางต้ นไม้ ลื่นหลุดมือตกลงมาโดนนัท ซึ่ ง
เดินผ่ านมาพอดีศี รษะแตก นัทเข้ าใจว่ ากรณ์ ทำ ร้ ายตน เพราะไม่ ถ ู กกันอยู่ นัทจึงหยิบก้ อนหินขว้ างถู กก
รณ์ บาดเจ็บ และก้ อนหินยังเลยไปถู กแจกันลายครามพีทด้ วย ดังนี ้กรณ์ และนัท จะต้ องรั บผิดทางอาญา
อย่ างไรหรื อไม่

2. แอนเห็นสุ นัขตัวหนึ่งมาเห่ าสุ นัขของตนอยู่ หน้ าบ้ านจึงไปไล่ สุ นั ขตัวนั้ น สุ นั ขตัวนั้ นเห็นแอนมาไล่
เข้ าใจว่ าจะตี จึงวิ่งมากัดแขน แอนจึงใช้ ไม้ ตีสุ นั ขตัวนั้ น สุ นั ขพอถู กตีจะมากัดแอนอีก แอนจึงตึซ้ำ พอ
ดีบีเจ้ าของสุ นัขตัวนั้ นเดินตามหาสุ นัขที่หลบหนี ออกจากบ้ านเห็ นเข้ าพอดี เข้ าใจว่ าแอนจะทำร้ ายสุ นั ข
ของตนจึงใช้ ไม้ ตีแอนบาดเจ็บ ดังนี ้แอนและบี จะต้ องรั บผิดทางอาญาอย่ างไรหรื อไม่

3. สมจิตรทราบดีว่ าจิตลดาเป็ นโรคจิตรชอบไล่ ทำ ร้ ายผู้ อื่น สมจิตรจึงเอามีดไปให้ จิตลดา แล้ วหลอกให้


จิตลดาขณะไม่ รู้ ผิดชอบทำร้ ายราตรี ราตรี ถ ู กจิตลดาทำร้ าย ไปปรึ กษาสมหญิงแล้ วชวนกันมาทำร้ ายจิต
ลดาได้ รั บบาดเจ็บ โดยมีสมชายเป็ นคนชี ้ที่หลบซ่ อนของจิตลดา ดังนี ้สมจิตร ราตรี สมหญิง และ
สมชาย จะต้ องรั บผิดทางอาญาอย่ างไรหรื อ

You might also like