You are on page 1of 18

สรุ ปเนือ้ หาวิชา GAS4605 แบตมินตัน

ประวัตคิ วามเป็ นมาของกีฬาแบตมินตัน


 ในปี คศ.1870 ได้มีหลักฐานบันทึกไว้อย่างชัดเจน ว่าได้มีการเล่นลูกขนไก่ที่เมืองปูนาประเทศอินเดียโดยทหารจาก
ประเทศอังกฤษ และปี คศ.1873 ทหารเหล่านี้ได้นำการเล่นประเภทนี้ กลับไปเล่นที่ประเทศอังกฤษที่คฤหาสน์แบตมิน
ตัน การเล่นกีฬาชนิดนี้จึงถูกเรี ยกว่าแบตมินตันตามชื่อของคฤหาสน์ต้ งั แต่น้ นั มา
 ในปี คศ.1893 ได้มีการจัดตั้งสมาคมแบตมินตันแห่งประเทศอังกฤษ ซึ่ งถือเป็ นสมาคมแบตมินตันแห่งแรกของโลก
 ในปี คศ.1899 ได้มีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์ ภายในประเทศอังกฤษซึ่ งมีชื่อเรี ยกว่า ออลอิงแลนด์คพั และหลังจากนั้น
ได้รับความนิยมไปยังประเทศต่างๆมากมาย เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริ กา ไอซ์แลนด์ สกอตแลนด์ เวลส์ เดนมาร์ก
ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และ นิวซีแลนด์ และได้ร่วมกันจัดตั้งสมาพันธ์แบตมินตันนานาชาติโดยมีจุดศูนย์กลางตั้งอยูท่ ี่
กรุ งลอนดอน ประเทศอังกฤษ
 ในปี คศ.1963 เซอร์ จอร์จ โทมัส ดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์แบตมินตันนานาชาติเป็ นคนแรก ได้มอบถ้วยสำหรับ
แข่งขันที่มีชื่อว่าโทมัสคัพโดยเป็ นการแข่งขันเฉพาะประเภทชายเท่านั้น โดยแบ่งเป็ นการแข่งขันประเภทเดี่ยว 5 คู่
ประเภทคู่ 4 คู่ โดยผูช้ นะจะต้องชนะในการแข่งขัน 5 คู่ และจัดการแข่งขันทุกๆ 3 ปี
 ในปี คศ.1950 มิสซิส เอส อูเบอร์ ซึ่ งเป็ นนักกีฬาแบตมินตันหญิงที่มีฝีมือที่ยอดเยีย่ มมากจนได้รับรางวัลนักแบตมินตัน
ยอดเยีย่ มหลายสมัย ได้มอบถ้วยรางวัลสำหรับใช้ในการแข่งขันอูเบอร์คพั ซึ่ งเป็ นการแข่งขันเฉพาะประเภทหญิง
เท่านั้น โดยแบ่งเป็ นการแข่งขันประเภทเดี่ยว 3 คู่ ประเภทคู่ 4 คู่ โดยผูช้ นะจะต้องชนะในการแข่งขัน 4 คู่ โดยจัดการ
แข่งขันเป็ นครั้งแรกในปี คศ.1955 และในปี 1957 จึงถูกเรี ยกชื่อการแข่งขันว่า อูเบอร์คพั
 ในปี พศ.2456 พระยานิพทั ยกุลพงษ์ ได้นำกีฬาแบตมินตันเข้ามาเผยแพร่ ในประเทศไทย โดยจัดทำคอร์ดที่บา้ นของ
ตนเอง ริ มคลองสมเด็จเจ้าพระยาธนบุรี เพื่อให้เครื อญาติได้เล่นกัน โดยในสมัยนั้นเล่นกันครั้งละ 3 คน
 ในปี พศ.2462 สมาคมกลาโหมได้จดั การแข่งขันประเภททัว่ ไป โดยมีการแข่งขันในประเภทเดี่ยว ประเภทคู่ และ
ประเภท 3 คน
 พระบามสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงโปรดและชื่นชอบในกีฬาแบตมินตัน
 ในปี พ.ศ. 2494 พระยาจินดารักษ์ได้ก่อตั้งสมาคมชื่อว่า "สมาคมแบดมินตันแห่ งประเทศไทย" เมื่อแรกตั้งมีอยู่ 7
สโมสร คือ สโมสรสมานมิตร สโมสรบางกอก สโมสรนิวบอย สโมสรยูนิต้ี สโมสร ส.ธรรมภักดี สโมสรสิ งห์อุดม
และสโมสรศิริบำเพ็ญบุญ ซึ่ งในปัจจุบนั นี้ เหลือเป็ นสโมสรสมาชิกของสมาคมอยูเ่ พียง 2 สโมสร คือ สโมสรนิวบอย
และสโมสรยูนิต้ ีเท่านั้น และในปี เดียวกัน สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยก็ได้สมัครเข้าเป็ นสมาชิกของสหพันธ์
แบดมินตันนานาชาติและส่ งนักกีฬาเข้าแข่งขันรายการโทมัสคัพที่ประเทศอินเดีย สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย
มีนกั กีฬาแบดมินตันที่มีฝีมือดีอยูม่ าก ซึ่ งได้สร้างชื่อเสี ยงให้กบั ประเทศไทยจากการลงแข่งขันใน รายการต่าง ๆ ของ
โลกเป็ นอย่างมาก ทั้งโธมัสคัพ อูเบอร์คพั และการแข่งขันออลอิงแลนด์ โดยวงการแบดมินตันของไทยยกย่อง นาย
ประวัติ ปัตตพงศ์ (หลวงธรรมนูญวุฒิกร) เป็ นบิดาแห่งวงการแบตประเทมินตันของไทย

ประโยชน์ ของกีฬาแบตมินตัน
 ร่ างกายแข็งแรง อวัยวะส่ วนต่างๆได้รับการพัฒนาและมีประสิ ทธิ ภาพมากยิง่ ขึ้น
 ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระบบประสาทระบบกล้ามเนื้ อทำให้เกิดความคล่องตัว ความว่องไว
 ความอดทน มีสมรรถนะการทำงานของร่ างกายที่ดี
 จิตใจแจ่มใส อารมณ์ดี ผ่อนคลาย สุ ขภาพจิตดี
 สติปัญญาดี ฉลาด มีไหวพริ บ มีสมาธิ
 จัดเป็ นกิจกรรมนันทนาการที่ใช้บำบัดผูท้ ี่จิตไม่ปกติ สมาธิ ส้ นั
 สร้างความสัมพันธ์ สร้างมิตรภาพ การอยูร่ ่ วมกันในสังคม
 ผูนำ้ ผูต้ าม เคารพกฎกติกา เห็นได้ชดั ในการเล่นประเภทคู่
 เล่นได้ทุกเพศทุกวัย
 ลงทุนน้อย อุปกรณ์ราคาไม่แพง
มารยาทผู้เล่น
 ไม่เอาเปรี ยบคู่ต่อสู ้ เช่นการส่ งลูกควรส่ งลูกเมื่อผูต้ ่อสู ้มีความพร้อมเท่านั้น
 ไม่แสดงอาการหรื อท่าทางที่เป็ นการดูถูกคู่ต่อสู้ ต้องมีความสุ ภาพ อ่อนน้อม
 ใช้คำพูดที่สุภาพ เช่น เตือนคู่ต่อสู้ที่ยนื รับผิดคอร์ด
 รู้จกั คำขอโทษและขอบคุณฝ่ ายตรงข้าม เช่น ตบลูกโดนหน้าคู่ต่อสู ้หรื อลูกพลิกตาข่ายและตกยังแดนคู่ต่อสู ้ควรแสดงการขอโทษ
ด้วยการยกมือบอกคู่ต่อสู้
 ในขณะแข่งขันหากต้องเดินออกนอกสนามต้องขออนุญาตผูต้ ดั สิ นก่อนทุกครั้ง
 เชื่อฟังและยอมรับคำตัดสิ น ไม่แสดงอาการโกรธหรื อไม่ยอมรับคำตัดสิ น เมื่อแข่งจบให้ขอบคุณผูต้ ดั สิ นด้วยทุกครั้ ง

มารยาทผู้ชม
 แต่งกายสุ ภาพเรี ยบร้อยเพื่อเป็ นเกียรติให้กบั การแข่งขัน
 ให้เกียรตินกั กีฬาทั้งสองฝ่ ายด้วยการปรบมือเมื่อมีการแนะนำชื่อผูเ้ ข้าแข่งขัน
 ใช้วาจาสุ ภาพ
 ไม่รบกวนสมาธิของผูเ้ ล่นในขณะดำเนินการแข่งขัน
 ไม่รบกวนผูช้ มรอบข้างภายในสนาม
 ไม่วิพากษ์วจิ ารณ์ผเู ้ ล่นหรื อผูช้ มผูอ้ ื่น
 ไม่วิพากษ์วจิ ารณ์ผตู ้ ดั สิ นด้วยคำพูดหรื อกิริยาท่าทางถึงแม้จะมีการตัดสิ นผิดพลาด
 ควรปรบมือเมื่อผูเ้ ล่นฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งเล่นลูกได้ดีหรื อเมื่อจบการแข่งขัน

มารยาทผู้ตัดสิ น
 แต่งกายสุ ภาพถูกระเบียบการแข่งขัน
 สำรวมกิริยา ไม่หยอกล้อกับผูเ้ ล่น
 กระฉับกระเฉง มีความสง่า ไม่ประหม่า
 ไม่สนทนากับผูเ้ ล่น
 ตัดสิ นเด็ดขาด
 ใจเย็น สุ ขมุ
 ตรวจสอบคะแนน
 ไม่แสดงความคิดเห็น ถกเถียง

การจับไม้
 การจับไม้แบบเช็คแฮนด์ เหมาะสำหรับการตีลูกหน้ามือจนถึงลูกอ้อมศีรษะ
 การจับไม้แบบวีเชฟ เหมาะสำหรับการตีลูกหลังมือ
 การจับไม้แบบสั้น เหมาะสำหรับการตีลูกหรื อเล่นลูกหน้าตาข่ายเนื่องจากเป็ นการเล่นลูกเร็ ว
 การจับไม้แบบยาว เหมาะสำหรับการตีลูกตบหรื อโอเวอร์เฮดที่รุนแรง
 การจับไม้แบบปานกลาง เหมาะกับการดีลูกทั้งสองแบบ ไม่มีขอ้ เสี ยที่เด่นชัด
การส่ งลูก
 หัวไม้ตอ้ งต่ำกว่าข้อมือก่อนที่จะเริ่ มส่ งและหัวไม้ตอ้ งต่ำกว่าสะดือหรื อเอวของผูส้ ่ งลูก
 การจับลูกมี 3 แบบ คือ จับที่ฐาน จับที่ส่วนกลาง จับที่ปลายลูกขนไก่
 การส่ งลูกแบบหน้ามือเหมาะสำหรับการเล่นประเภทเดี่ยว โดยพยายามโยนไปด้านหลังเพื่อให้คู่ต่อสู ้มีพ้ืนที่ดา้ นหน้า
 การส่ งลูกแบบหลังมือเหมาะสำหรับการเล่นประเภทคู่ทุกประเภท โดยพยายามตีลูกให้เลียดตาข่ายมากที่สุดหรื อมีความสู งจาก
ตาข่ายไม่เกิน 1 ฟุต เพราะหากเกินอาจโดนคู่ต่อสู้แย็บหรื อตบยัดกลับมา
การตีลูกโด่ ง
 คือลูกที่โยนไปด้านหลังทำมุมตก 90 องศาเพื่อให้คู่ต่อสู ้มีพ้ืนที่ดา้ นหน้า
 แบบหน้ามือเหนือศีรษะ พยายามโยนลูกไปด้านหลังแล้วฝึ กการถ่ายเทน้ำหนักเท้านำเท้าตาม โดยตีลูกขณะที่ลูกอยูเ่ หนือศีรษะ
ห้ามตีลูกในขณะที่ลูกอยูต่ ่ำกว่าศีรษะเพราะจะกลายเป็ นลูกดาดหรื อเป็ นลูกหยอดหรื อตัดหยอด ซึ่ งไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
 แบบหลังมือเหนือศีรษะ มีลกั ษณะคล้ายๆกับลูกหน้ามือเหนือศีรษะ แต่เราต้องเบี่ยงตัวไปทางซ้ายในกรณี ที่ถนัดขวา และเบี่ยงตัว
ตัวไปทางขวาในกรณี ที่ถนัดซ้าย
 ลูกโด่งหลังป้ องกัน พยายามตีให้ลึกไปยังเส้นท้ายคอร์ดให้ได้มากที่สุด เพื่อป้ องกันไม่ให้คู่ต่อสู ้มาอยูด่ า้ นหน้าตาข่าย
 ลูกโด่งโจมตี จะสู งน้อยกว่า จุดที่เราตีจะอยูบ่ ริ เวณข้างหน้า โดยการเงยไม้ข้ึนเพื่อตีลูกออกไป มักถูกใช้บ่อยในการแข่งขัน
ประเภทเดี่ยว

การตีลูกหยอด
 เพื่อเป็ นการบีบให้คู่ต่อสู้ทิ้งตำแหน่งส่ วนกลางแล้วเคลื่อนที่มาด้านหน้า
 ลูกหยอดหน้าตาข่าย ใช้หน้ามือแตะลูกเล็กน้อยเพื่อให้ลูกตกบริ เวณหน้าตาข่าย
 ลูกแตะหยอดหรื อตัดหยอด คือการเฉือนลูก ตัดแปะนิดเดียว เพื่อให้ลูกไม่สูงและตกใกล้บริ เวณตรงนั้น

การตีลูกงัด (โยนหลัง)
 คือการส่ งลูกไปบริ เวณท้ายคอร์ดเพื่อให้มีเวลาในการเล่นพื้นที่ดา้ นหน้าได้มาก โดยสะบัดข้อมือให้แรง
 แบบหน้ามือ พยายามเบี่ยงตัวไปทางขวามือในกรณี ที่ถนัดขวาแล้วสะบัดข้อมือตีลูกออกไปพร้อมทำฟอลโลทรู ไปด้วย
 แบบหลังมือ พยายามเบี่ยงตัวไปทางด้านซ้าย แล้วสะบัดข้อมือ ทำฟอลโลทรู เช่นเดียวกัน

การตีลูกดาด
 คือการตีลูกขนานพื้น และเลียดตาข่าย พยายามบังคับให้ลูกตกบริ เวณด้านหน้าคู่ต่อสู ้เพื่อเป็ นการบังคับให้คู่ต่อสู ้เล่นยากขึ้น
การตีลูกตบ
 คือการตีลูกเพื่อทำคะแนน โดยพยายามตบให้ห่างจากตัวผูร้ ับ หรื อตบเข้าหาตัวผูร้ ับ หรื อพยายามตบลูกลงเท้าคู ่ต่อสู ้

การตีลูกแย็บ
 ใช้ในกรณี ที่คู่ต่อสู ้เล่นพลาดตีลูกลอยเหนือตาข่ายมาไม่มาก หรื อสู งไม่พน้ ศีรษะของเรามากนัก
 เป็ นลูกที่ค่อนข้างเร็ ว

การเล่นประเภทเดีย่ ว
 นิยมการส่ งลูกแบบหน้ามือโดยการตีโยนลูกไปด้านหลัง เพื่อเป็ นการเปิ ดพื้นที่ดา้ นหน้าตาข่ายของคู่ต่อสู ้
 พยายามส่ งลูกเพื่อให้คู่ต่อสู้ตอ้ งเคลื่อนที่เยอะ หรื อต้องเคลื่อนที่ออกจากจุดศูนย์กลางเพื่อรับลูก

การเล่นประเภทคู่
 นิยมการส่ งลูกแบบหลังมือเพื่อสามารถทำแต้มได้ง่าย
 มีการยืนแบบหน้าหลัง คนที่อยูด่ า้ นหน้ารับผิดชอบโซนหน้า ด้านหลังรับผิดชอบโซนหลัง
 การยืนแบบเคียงข้างคือรับผิดชอบฝั่งใครฝั่งมัน
 การเล่นแบบทแยงมุม
 การเล่นแบบหมุนเวียน คือ ไม่ตายตัวแล้วแต่กรณี
 แบบผสม คือ เป็ นการผสมผสานทุกรู ปแบบเข้าด้วยกัน โดยขึ้นอยูก่ บั สถานการณ์ในการแข่งขัน

ขนาดสนามแบตมินตัน
กติกากีฬาแบตมินตัน

1.1 สนามจะเป็ นรู ปสี่ เหลี่ยมผืนผ้าประกอบด้วยเส้นกว้างขนาด 40 มิลลิเมตร ตามภาพผัง ก.


1.2 เส้นทุกเส้นต้องเด่นชัด และควรทาด้วยสี ขาวหรื อสี เหลือง
1.3 เส้นทุกเส้นเป็ นส่ วนประกอบของพื้นที่ซ่ ึ งกำหนดไว้
1.4 เสาตาข่ายจะต้องสู ง 1.55 เมตรจากพื้นสนาม และตั้งตรงเมื่อขึงตาข่ายให้ตึงตามที่ได้กำหนดไว้ในกติกา ข้อ 1.10 โดยที่จะต้องไม่มี
ส่ วนหนึ่งส่ วนใดของเสายืน่ เข้ามาในสนาม (เฉพาะรายการที่รับรองโดย IBF จะต้องใช้ระเบียบนี้ จนกระทัง่ 1 สิ งหาคม พ.ศ. 2547 ทุก
รายการที่แข่งขันจะต้องยึดตามระเบียบนี้ )
1.5 เสาตาข่ายจะต้องตั้งอยูบ่ นเส้นเขตข้างของประเภทคู่ ตามที่ได้แสดงไว้ในภาพผัง ก. โดยไม่ตอ้ งคำนึงว่าจะเป็ นประเภทเดี่ยวหรื อเล่นคู่
1.6 ตาข่ายจะต้องถักด้วยเส้นด้ายสี เข้ม และมีขนาดตากว้างไม่นอ้ ยกว่า 15 มิลลิเมตร และไม่เกิน 20 มิลลิเมตร
1.7 ตาข่ายต้องมีความกว้าง 760 มิลลิเมตร และความยาวอย่างน้อย 6.1 เมตร
1.8 ขอบบนของตาข่ายต้องมีแถบผ้าสี ขาวพับสอง ขนาดกว้าง 75 มิลลิเมตร ทับบนเชือกหรื อลวดที่ร้อยตลอดแถบผ้าขาว
1.9 เชือกหรื อลวดต้องมีขนาดพอที่จะขึงให้ตึงเต็มที่กบั หัวเสา
1.10 สุ ดขอบบนตาข่ายต้องสูงจากพื้นที่ตรงกึ่งกลางสนาม 1.524 เมตร และ 1.55 เมตร เหนือเส้นเขตข้างของประเภทคู่
1.11 ต้องไม่มีช่องว่างระหว่างสุ ดปลายตาข่ายกับเสา ถ้าจำเป็ นต้องผูกร้อยปลายตาข่ายทั้งหมดกับเส
2. ลูกขนไก่
2.1 ลูกขนไก่อาจทำจากวัสดุธรรมชาติ  หรื อวัสดุสงั เคราะห์ ไม่วา่ ลูกนั้นจะทำจากวัสดุชนิดใดก็ตาม ลักษณะวิถีวิ่ง
ทัว่ ไป จะต้องเหมือนกับลูกซึ่ งทำจากขนธรรมชาติ ฐานเป็ นหัวไม้ก๊อก หุม้ ด้วยหนังบาง
2.2 ลูกขนไก่ตอ้ งมีขน 16 อัน ปักอยูบ่ นฐาน
2.3 วัดจากปลายขนถึงปลายสุ ดของฐาน โดยความยาวของขนในแต่ละลูกจะเท่ากันหมด ระหว่าง 62 มิลลิเมตร ถึง 70 มิลลิเมตร
2.4 ปลายขนแผ่เป็ นรู ปวงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 58 มิลลิเมตร ถึง 68 มิลลิเมตร
2.5 ขนต้องมัดให้แน่นด้วยเส้นด้าย หรื อวัสดุอื่นที่เหมาะสม
2.6 ฐานของลูกต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 มิลลิเมตร ถึง 28 มิลลิเมตร และส่ วนล่างมนกลม
2.7 ลูกขนไก่จะมีน ้ำหนักตั้งแต่ 4.74 ถึง 5.50 กรัม
2.8 ลูกขนไก่ที่ไม่ใช้ขนธรรมชาติ
  2.8.1 ใช้วสั ดุสงั เคราะห์แทนขนธรรมชาติ
  2.8.2 ฐานลูก ดังที่ได้กำหนดไว้ในกติกาข้อ 2.6
  2.8.3 ขนาดและน้ำหนักของลูกต้องเป็ นไปตามที่ได้กำหนดไว้ในกติกาข้อ 2.3, 2.4 และ 2.7 อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของ
ความถ่วงจำเพาะ และคุณสมบัติของวัสดุสังเคราะห์โดยการเปรี ยบเทียบกับขนธรรมชาติ ยอมให้มีความแตกต่างได้ถึง 10%
2.9 เนื่องจากมิได้กำหนดความแตกต่างในเรื่ องลักษณะทัว่ ไป ความเร็ วและวิถีวิ่งของลูกอาจมีการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะดังกล่าวข้างต้น
ได้โดยการอนุมตั ิจากองค์กรแห่งชาติที่เกี่ยวข้องในที่ซ่ ึ งสภาพความกดอากาศสู งหรื อสภาพดินฟ้ าอากาศ เป็ นเหตุให้ลูกขนไก่ตาม
มาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เหมาะสม
3. การทดสอบความเร็วของลูก
3.1 การทดสอบ ให้ยนื หลังเส้นเขตหลังแล้วตีลูกใต้มืออย่างสุ ดแรง โดยจุดสัมผัสลูกอยูเ่ หนือเส้นเขตหลัง ลูกจะพุง่ เป็ นมุมสู ง และอยูใ่ น
แนวขนานกับเส้นเขตข้าง
3.2 ลูกที่มีความเร็ วถูกต้อง จะตกห่างจากเส้นเขตหลังของอีกด้านหนึ่งไม่นอ้ ยกว่า 530 มิลลิเมตร และไม่มากกว่า 990 มิลลิเมตร (ภาพผัง
ข.)
4. แร็กเกต
4.1 เฟรมของแร็ กเกตยาวทั้งหมดไม่เกิน 680 มิลลิเมตร และกว้างทั้งหมดไม่เกิน 230 มิลลิเมตร ส่ วนต่าง ๆ ที่สำคัญได้อธิ บายไว้ในกติกา
ข้อ 4.1.1 ถึง 4.1.5 และได้แสดงไว้ในภาพผัง ค.
  4.1.1 ด้านจับ เป็ นส่ วนของแร็ กเกตที่ผเู้ ล่นใช้จบั
  4.1.2 พื้นที่ขึงเอ็น เป็ นส่ วนของแร็ กเกตที่ผเู้ ล่นใช้ตีลูก
  4.1.3 หัว บริ เวณที่ใช้ขึงเอ็น
  4.1.4 ก้าน ต่อจากด้ามจับถึงหัว (ขึ้นอยูก่ บั กติกาข้อ 4.1.5)
  4.1.5 คอ (ถ้ามี) ต่อก้านกับขอบหัวตอนล่าง
4.2 พืน้ ที่ขึงเอ็น
  4.2.1 พื้นที่ขึงเอ็นต้องแบนราบ ด้วยการร้อยเอ็นเส้นขวางขัดกับเส้นยืนแบบการขึงเอ็นทัว่ ไป โดยพื้นที่ตอนกลาง ไม่ควรทึบน้อยกว่า
ตอนอื่น ๆ
  4.2.2 พื้นที่ขึงเอ็นต้องยาวทั้งหมดไม่เกิน 280 มิลลิเมตร และกว้างทั้งหมดไม่เกิน 220 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตามอาจขึงไปถึงคอเฟรม หาก
ความกว้างที่เพิ่มของพื้นที่ขึงเอ็นนั้นไม่เกิน 35 มิลลิเมตรและความยาวทั้งหมดของพื้นที่ขึงเอ็นต้องไม่เกิน 330 มิลลิเมตร
4.3 แร็กเกต
  4.3.1 ต้องปราศจากวัตถุอื่นติดอยู่ หรื อยืน่ ออกมา ยกเว้นจากส่ วนที่ทำเพื่อจำกัดและป้ องกันการสึ กหรอ ชำรุ ดเสี ยหาย การสัน่ สะเทือน
การกระจายน้ำหนัก หรื อการพันด้ามจับให้กระชับมือผูเ้ ล่น และมีความเหมาะสมทั้งขนาดและการติดตั้งสำหรับวัตถุประสงค์ดงั กล่าว
 4.3.2 ต้องปราศจากสิ่ งประดิษฐ์อื่น ๆ ที่ช่วยให้ผเู้ ล่นเปลี่ยนรู ปทรงของแร็ กเกต
5. การยอมรับอุปกรณ์
          สหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ จะกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับปั ญหาของแร็ กเกต ลูกขนไก่ หรื ออุปกรณ์ตน้ แบบ ซึ่ งใช้ในการเล่น
แบดมินตันให้เป็ นไปตามข้อกำหนดต่าง ๆ กฏเกณฑ์ดงั กล่าวอาจเป็ นการริ เริ่ มของสหพันธ์เองหรื อจากการยืน่ ความจำนงของคณะบุคคล
ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างแท้จริ งกับผูเ้ ล่น ผูผ้ ลิต หรื อองค์กรแห่งชาติหรื อสมาชิกขององค์กรนั้น ๆ
6. การเสี่ยง
6.1 ก่อนเริ่ มเล่น จะต้องทำการเสี ยง ฝ่ ายที่ชนะการเสี ยง มีสิทธิ์ เลือกตามกติกาข้อ 6.1.1 หรื อ 6.1.2
  6.1.1 ส่ งลูกหรื อรับลูกก่อน
  6.1.2 เริ่ มเล่นจากสนามข้างใดข้างหนึ่ง
6.2 ฝ่ ายที่แพ้การเสี่ ยง มีสิทธิ์ ที่เหลือจากการเลือก
7. ระบบการนับคะแนน
7.1 แมทช์หนึ่งต้องชนะให้ได้มากที่สุดใน 3 เกม เว้นแต่จะได้กำหนดเป็ นอย่างอื่น
7.2 ในประเภทชายคู่และประเภทชายเดี่ยว ฝ่ ายที่ได้ 15 คะแนนก่อนเป็ นฝ่ ายชนะในเกมนั้น ยกเว้นตามที่ได้กำหนดไว้ในกติกาข้อ 7.5
7.3 ในประเภทหญิงเดี่ยว หญิงคู่ คู่ผสม ฝ่ ายที่ได้ 11 คะแนนก่อนเป็ นฝ่ ายชนะในเกมนั้น ยกเว้นตามที่ได้กำหนดไว้ในกติกาข้อ 7.5
7.4 ฝ่ ายส่ งลูกเท่านั้น เป็ นฝ่ ายได้คะแนน (ดูกติกาข้อ 10.3 หรื อ 11.5)
7.5 ถ้าได้ 14 คะแนนเท่ากัน (10 คะแนนเท่ากันในประเภทหญิงเดี่ยว หญิงคู่ คู่ผสม) ฝ่ ายที่ได้ 14 (10) คะแนนก่อน มีสิทธิ์ เลือกในกติกา
ข้อ 7.5.1 หรื อ 7.5.2:-
  7.5.1 ต่อเกมนั้นถึง 15 (11) คะแนน กล่าวคือ ไม่เล่นต่อ ในเกมนั้น หรื อ
  7.5.2 เล่นต่อ เกมนั้นถึง 17 (13) คะแนน
7.6 ฝ่ ายชนะ เป็ นฝ่ ายส่ งลูกก่อนในเกมต่อไป
8. การเปลีย่ นข้ าง
8.1 ผูเ้ ล่นจะเปลี่ยนข้าง :-
  8.1.1 หลังจากจบเกมที่ 1
  8.1.2 ก่อนเริ่ มเล่นเกมที่ 3 (ถ้ามี) และ
  8.1.3 ในเกมที่ 3 หรื อในการแข่งขันเกมเดียว เมื่อคะแนนนำถึง 6 คะแนน สำหรับเกม 11 คะแนน / 8 คะแนน สำหรับเกม 15 คะแนน
8.2 ถ้าผูเ้ ล่นลืมเปลี่ยนข้างตามที่ได้ระบุไว้ในกติกาข้อ 8.1 ผูเ้ ล่นต้องเปลี่ยนข้างทันทีที่รู้ตวั และลูกไม่อยูใ่ นการเล่น และให้นบั นับคะแนน
ต่อจากคะแนนที่ได้ในขณะนั้น
9. การส่ งลูก
9.1 ในการส่ งลูกที่ถูกต้อง
  9.1.1 ทั้งสองฝ่ ายต้องไม่ประวิงเวลาให้เกิดความล่าช้าในการส่ งลูกทันทีที่ผสู ้ ่ งลูก และผูร้ ับลูกอยูใ่ นท่าพร้อมแล้ว
  9.1.2 ผูส้ ่ งลูกและผูร้ ับลูก ต้องยืนในสนามส่ งลูกทะแยงมุมตรงข้ามโดยเท้าไม่เหยียบเส้นเขตของสนามส่ งลูก
  9.1.3 บางส่ วนของเท้าทั้งสองของผูส้ ่ งลูกและผูร้ ับลูก ต้องแตะพื้นสนามในท่านิ่งตั้งแต่เริ่ มส่ งลูก (กติกาข้อ 9.4) จนกระทัง่ ส่ งลูกแล้ว
(กติกาข้อ 9.5)
  9.1.4 จุดสัมผัสแรกของแร็ กเกตผูส้ ่ งต้องตีที่ฐานของลูก
  9.1.5 ทุกส่ วนของลูกจะต้องอยูต่ ่ำกว่าเอวของผูส้ ่ ง ขณะที่แร็ กเกตสัมผัสลูก
  9.1.6 ก้านแร็ กเกตของผูส้ ่ งลูกในขณะตีลูก ต้องชี้ลงต่ำจนเห็นได้ชดั ว่า ส่ วนหัวทั้งหมดของแร็ กเกตอยูต่ ่ำกว่าทุกส่ วนของมือที่จบั
แร็ กเกตของผูส้ ่ งลูก ตามภาพผัง ง.
  9.1.7 การเคลื่อนแร็ กเกตของผูส้ ่ งลูกไปข้างหน้า ต้องต่อเนื่องจากการเริ่ มส่ งลูก (กติกาข้อ 9.4) จนกระทัง่ ได้ส่งลูกแล้ว และ
  9.1.8 วิถีลูกจะพุง่ ขึ้นจากแร็ กเกตของผูส้ ่ งลูกข้ามตาข่าย และถ้าปราศจากการสะกัดกั้น ลูกจะตกลงบนพื้นสนามส่ งลูกของผูร้ ับลูก (กล่าว
คือ บนหรื อภายในเส้นเขต)
9.2 ถ้าการส่ งลูกไม่ถูกต้อง ตามกติกาของข้อ 9.1.1 ถึง 9.1.8 ถือว่าฝ่ ายทำผิด เสี ย (กติกาข้อ 13)
9.3 ถือว่า เสี ย ถ้าผูส้ ่ งลูกพยายามจะส่ งลูก โดยตีไม่ถูกลูก
9.4 เมื่อผูเ้ ล่นอยูใ่ นท่าพร้อมแล้ว การเคลื่อนแร็ กเกตไปข้างหน้าของผูส้ ่ งลูกถือว่า เริ่ มส่ งลูก
9.5 ถือว่าได้ส่งลูกแล้ว (กติกาข้อ 9.4) ถ้าแร็ กเกตของผูส้ ่ งสัมผัสลูกหรื อพยายามจะส่ งลูกแต่ตีไม่ถูกลูก
9.6 ผูส้ ่ งลูกจะส่ งลูกไม่ได้ถา้ ผูร้ ับลูกยังไม่พร้อม แต่ถือว่าผูร้ ับลูกพร้อมแล้วถ้าพยายามตีลูกที่ส่งมากลับไป
9.7 ในประเภทคู่ คู่ขาจะยืน ณ ที่ใดก็ได้ โดยไม่บงั ผูส้ ่ งลูกและผูร้ ับลูก
10. ประเภทเดีย่ ว
10.1 สนามส่ งลูกและรับลูก
  10.1.1 ผูเ้ ล่นจะส่ งลูกและรับลูกในสนามส่ งลูกด้านขวา เมื่อผูส้ ่ งลูกทำคะแนนไม่ได้ หรื อคะแนนที่ได้เป็ นเลขคู่ในเกมนั้น
  10.1.2 ผูเ้ ล่นจะส่ งลูกและรับลูกในสนามส่ งลูกด้านซ้าย เมื่อผูส้ ่ งลูกได้คะแนนเป็ นเลขคี่ในเกมนั้น
10.2 ผูส้ ่ งลูกและรับลูกจะตีโต้ลูกจนกว่าจะเกิด เสี ย หรื อลูกไม่อยูใ่ นการเล่น
10.3 คะแนนและการส่ งลูก
  10.3.1 ถ้าผูร้ ับทำเสี ย หรื อลูกไม่อยูใ่ นการเล่นเพราะตกลงบนพื้นสนามของผูร้ ับ ผูส้ ่ งลูกได้คะแนน ผูส้ ่ งจะได้ส่งลูกต่อไปในสนามส่ งอีก
ด้านหนึ่ง
10.3.2 ถ้าผูส้ ่ งทำเสี ย หรื อลูกไม่อยูใ่ นการเล่นเพราะตกลงบนพื้นสนามของผูส้ ่ ง ผูส้ ่ งหมดสิ ทธิ์ การส่ งลูก และผูร้ ับก็จะได้เป็ นผูส้ ่ งลูก โดย
ผูเ้ ล่นทั้งสองฝ่ ายไม่ได้คะแนน
11.ประเภทคู่
11.1 เมื่อเริ่ มเล่นแต่ละครั้ง ฝ่ ายที่ได้สิทธิ์ ส่ง ต้องเริ่ มส่ งจากสนามส่ งลูกด้านขวา
11.2 ผูร้ ับลูกเท่านั้นเป็ นผูต้ ีลูกกลับไป ถ้าลูกถูกตัว หรื อคู่ขาของผูร้ ับตีลูก ถือว่า เสี ย ผูส้ ่ งลูกได้ 1 คะแนน
11.3 ลำดับการเล่นและตำแหน่งยืนในสนาม
  11.3.1 หลังจากได้รับลูกที่ส่งมาแล้ว ผูเ้ ล่นของฝ่ ายส่ งคนหนึ่งคนใดตีลูกกลับไป และผูเ้ ล่นคนหนึ่งคนใดของฝ่ ายรับโต้ลูกกลับมา เป็ น
อย่างนี้เรื่ อยไปจนกว่า ลูกไม่อยูใ่ นการเล่น
  11.3.2 หลังจากได้รับลูกที่ส่งมาแล้ว ผูเ้ ล่นคนหนึ่งคนใดจะตีโต้ลูกจากที่ใดก็ได้ภายในสนามของตนโดยมีตาข่ายกั้น
11.4 สนามส่ งลูกและรับลูก
  11.4.1 ผูเ้ ล่นมีสิทธิ์ ส่งตอนเริ่ มต้นของแต่ละเกม จะส่ งหรื อรับลูกในสนามส่ งด้านขวา เมื่อผูเ้ ล่นฝ่ ายนั้นไม่ได้คะแนน หรื อคะแนนในเกม
นั้นเป็ นเลขคู่ และในสนามส่ งลูกด้านซ้ายเมื่อคะแนนในเกมนั้นเป็ นเลขคี่
  11.4.2 ผูเ้ ล่นที่เป็ นผูร้ ับตอนเริ่ มต้นของแต่ละเกม จะรับหรื อส่ งลูกในสนามส่ งลูกด้านขวา เมื่อผูเ้ ล่นฝ่ ายนั้นไม่ได้คะแนน หรื อคะแนนใน
เกมนั้นเป็ นเลขคู่ และในสนามส่ งลูกด้านซ้าย เมื่อคะแนนในเกมนั้นเป็ นเลขคี่
  11.4.3 ให้คู่ขาของผูเ้ ล่นปฏิบตั ิในทางกลับกัน
11.5 คะแนนและการส่ งลูก
  11.5.1 ถ้าฝ่ ายรับทำ เสี ย หรื อลูกไม่อยูใ่ นการเล่น เพราะลูกตกลงบนพื้นสนามของฝ่ ายรับ ฝ่ ายส่ งได้ 1 คะแนน และผูส้ ่ งยังคงได้ส่งลูกต่อ
อีก
  11.5.2 ถ้าฝ่ ายส่ งทำ เสี ย หรื อลูกไม่อยูใ่ นการเล่น เพราะลูกตกลงบนพื้นสนามของฝ่ ายส่ ง ผูส้ ่ งหมดสิ ทธิ์ ส่ งลูก โดยผูเ้ ล่นทั้งสองฝ่ ายไม่
ได้คะแนน
 11.6 การส่ งลูกทุกครั้ง ต้องส่ งจากสนามส่ งลูก สลับกันไป ยกเว้นตามที่ได้กำหนดไว้ในกติกาข้อ 12 และ ข้อ 14
11.7 ในการเริ่ มต้นเกมใดก็ตาม ผูม้ ีสิทธิ์ ส่งลูกคนแรก ส่ งลูกจากสนามด้านขวาไปยังผูร้ ับลูกคนแรกและจากนั้นไปยังคู่ขาของผูร้ ับตาม
ลำดับไป จนกระทัง่ เสี ยสิ ทธิ์ และเปลี่ยนส่ งไปให้ฝ่ายตรงข้ามที่จะต้องเริ่ มส่ งจากสนามด้านขวา (กติกาข้อ 11.4) จากนั้นจะให้คขู่ าส่ ง จะ
เป็ นเช่นนี้ตลอดไป
11.8 ห้ามผูเ้ ล่นส่ งลูกก่อนถึงเวลาที่ตนเป็ นผูส้ ่ ง หรื อรับลูกก่อนถึงเวลาที่ตนเป็ นผูร้ ับ หรื อรับลูกติดต่อกันสองครั้งในเกมเดียวกัน ยกเว้น
ตามที่ได้กำหนดไว้ในกติกาข้อ 12 และ 14
11.9 ผูเ้ ล่นคนหนึ่งคนใดของฝ่ ายชนะ จะเป็ นผูส้ ่ งลูกก่อนในเกมต่อไปก็ได้ และผูเ้ ล่นคนหนึ่งคนใดของฝ่ ายแพ้จะเป็ นผูร้ ับลูกก่อนก็ได้
12. ความผิดในสนามส่ งลูก
12.1 ความผิดในสนามส่ งลูกเกิดขึ้นเมื่อผูเ้ ล่น
  12.1.1 ส่ งลูกก่อนถึงเวลาที่ตนเป็ นผูส้ ่ ง
  12.1.2 ส่ งลูกจากสนามส่ งลูกที่ผดิ หรื อ
  12.1.3 ยืนผิดสนามและได้เตรี ยมพร้อมที่จะรับลูกที่ส่งมา
12.2 ถ้าพบความผิดในสนามส่ งลูกก่อนส่ งลูกครั้งต่อไป
  12.2.1 หากฝ่ ายหนึ่งทำผิดและชนะในการตีโต้ ให้ เอาใหม่
  12.2.2 หากฝ่ ายหนึ่งทำผิดและแพ้ในการตีโต้ ไม่มีการแก้ไขความผิด
  12.2.3 หากทั้งสองฝ่ ายทำความผิดด้วยกัน ให้ เอาใหม่
12.3 ถ้ามีการ เอาใหม่ เพราะความผิดในสนามส่ งลูก ให้เล่นใหม่พร้มกับแก้ไข
12.4 ถ้าพบความผิดในสนามส่ งลูกหลังจากได้ส่งลูกครั้งต่อไปแล้ว จะไม่มีการแก้ไขความผิดนั้น ให้เล่นต่อไปโดยไม่มีการเปลี่ยนสนาม
ส่ งลูกใหม่ของผูเ้ ล่น (หรื อให้เปลี่ยนลำดับใหม่ของการส่ งลูกในกรณี เดียวกัน)
13. การทำเสี ย
13.1 ถ้าการส่ งลูกไม่ถูกต้อง (กติกาข้อ 9.1) หรื อตามกติกาข้อ 9.3 หรื อ 11.2
13.2 ถ้าในขณะเล่น ลูกขนไก
  13.2.1 ตกลงบนพื้นนอกเส้นเขตสนาม (กล่าวคือ ไม่อยูบ่ นหรื อภายในเส้นเขตสนาม)
  13.2.2 ลอดผ่านหรื อลอดใต้ตาข่าย
  13.2.3 ไม่ขา้ มตาข่าย
  13.2.4 ถูกเพดาน หรื อ ฝาผนัง
  13.2.5 ถูกตัวผูเ้ ล่น หรื อเครื่ องแต่งกายผูเ้ ล่น
  13.2.6 ถูกวัตถุหรื อตัวบุคคลภายนอกที่อยูใ่ กล้เคียงล้อมรอบสนาม (ในกรณี ที่มีความจำเป็ นเกี่ยวกับโครงสร้างของตัวอาคารผูม้ ีอำนาจ
เกี่ยวกับแบดมินตันท้องถิ่น อาจวางกฎเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกถูกสิ่ งกีดขวางได้ ทั้งนี้ ย่อมแล้วแต่สิทธิ ความเห็นชอบของภาคีสมาชิก)
13.3 ถ้าในระหว่างการเล่น ผูเ้ ล่นตีลูกก่อนที่ลูกข้ามตาข่ายมาในเขตสนามของตัวเอง (อย่างไรก็ดี ผูต้ ีอาจใช้แร็ กเกตตามลูกข้ามตาข่ายใน
ระหว่างตีลูก)
13.4 ถ้าลูกอยูใ่ นระหว่างการเล่น ผูเ้ ล่น
  13.4.1 ถูกตาข่ายหรื ออุปกรณ์ที่ขึง ด้วยแร็ กเกต ด้วยตัว หรื อด้วยเครื่ องแต่งกาย
  13.4.2 ล้ำบนตาข่ายเข้าไปในเขตสนามของคู่ต่อสู้ ด้วยแร็ กเกต ด้วยตัว ยกเว้นตามที่ได้รับอนุญาตไว้ในกติกาข้อ 13.3
  13.4.3 ล้ำใต้ตาข่ายเข้าไปในเขตสนามของคู่ต่อสู้ดว้ ยแร็ กเกต หรื อด้วยตัว จนเป็ นการกีดขวางหรื อทำลายสมาธิ คู่ต่อสู ้
  13.4.4 กีดขวางคู่ต่อสู ้ กล่าวคือ กันไม่ให้คู่ต่อสู้ตีลูกที่ขา้ มตาข่ายมาอย่างถูกต้องตามกติกา
13.5 ถ้าในระหว่างการเล่น ผูเ้ ล่นคนหนึ่งคนใดจงใจทำลายสมาธิคู่ต่อสู ้ดว้ ยการกระทำต่าง ๆ เช่น ร้องตะโกนหรื อแสดงท่าทาง
13.6 ถ้าระหว่างการเล่น ลูกขนไก่
  13.6.1 ติดอยูใ่ นแร็ กเกต แล้วถูกเหวี่ยงออกไปในระหว่างตีลูก
  13.6.2 ถูกตีสองครั้งติดต่อกัน โดยผูเ้ ล่นคนเดียวกัน
  13.6.3 ถูกตีโดยผูเ้ ล่นคนหนึ่ง และคู่ขาของผูเ้ ล่นคนนั้นติดต่อกัน หรื อ
  13.6.4 ถูกแร็ กเกตของผูเ้ ล่นคนหนึ่ง แล้วลอยไปทางท้ายสนามด้านหลังของผูเ้ ล่นคนนั้น
13.7 ถ้าผูเ้ ล่นทำผิดอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก หรื อผิดพลาดอยูต่ ลอด ตามกติกาข้อ 16
13.8 ถ้าหลังจากส่ งลูกแล้วลูกไปติดและค้างอยูบ่ นตาข่าย หรื อลูกข้ามตาข่ายแล้วติดค้างอยูใ่ นตาข่าย
14. การ "เอาใหม่ "
14.1 การ เอาใหม่ จะขานโดยกรรมการผูต้ ดั สิ น หรื อ โดยผูเ้ ล่น (ถ้าไม่มีกรรมการผูต้ ดั สิ น) ขานให้หยุดเล่น ในกรณี ที่
  14.1.1 ถ้าผูส้ ่ งลูก ส่ งลูกโดยที่ผรู้ ับลูกยังไม่พร้อม (ดูกติกาข้อ 9.6)
  14.1.2 ถ้าในระหว่างการส่ งลูก ผูร้ ับและผูส้ ่ งลูกทำเสี ย พร้อมกันทั้งสองฝ่ ายในเวลาเดียวกัน
  14.1.3 ถ้าลูกไปติดและค้างอยูบ่ นตาข่าย หรื อลูกข้ามตาข่ายแล้วติดค้างอยูใ่ นตาข่ายยกเว้นในการส่ งลูก
  14.1.4 ถ้าในระหว่างการเล่น ลูกขนไก่แตกแยกออกเป็ นส่ วน ๆ และฐานแยกออกจากส่ วนที่เหลือของลูกโดยสิ้ นเชิง
  14.1.5 ถ้ากรรมการกำกับเส้นมองไม่เห็น และกรรมการผูต้ ดั สิ นไม่สามารถตัดสิ นใจได้
  14.1.6 สำหรับกรณี ที่เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดในสนามส่ งลูก ตามที่ระบุในกติกาข้อ 12.2.1 หรื อ 12.2.3 หรื อ
  14.1.7 สำหรับกรณี ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดมาก่อน หรื อโดยเหตุบงั เอิญ
14.2 เมื่อมีการ เอาใหม่ การเล่นหลังจากการส่ งลูกครั้งสุ ดท้ายถือเป็ นโมฆะ และผูเ้ ล่นที่ส่งลูกจะได้ส่งลูกอีกครั้งหนึ่ง ยกเว้นหากเป็ นไป
ตามกติกาข้อ 12
15. ลูกไม่ อยู่ในการเล่ น
ลูกไม่อยูใ่ นการเล่น เมื่อ
15.1 ลูกชนตาข่ายแล้วติดอยูท่ ี่ตาข่าย หรื อค้างอยูบ่ นขอบตาข่าย
15.2 ลูกชนตาข่ายหรื อเสาตาข่ายแล้วตกลงบนพื้นสนามในด้านของผูต้ ีลูก
15.3 ลูกถูกพื้นสนาม หรื อ
15.4 เกิดการ เสี ย หรื อการ "เอาใหม่"
16. การเล่นต่ อเนื่อง, การทำผิด, การลงโทษ
16.1 การเล่นต้องต่อเนื่องตั้งแต่เริ่ มส่ งลูกครั้งแรกจนสิ้ นสุ ดการแข่งขัน ยกเว้นตามที่ได้อนุญาตไว้ในกติกาข้อ 16.2 และ 16.3
16.2 พักระหว่างการจบเกมที่ 1 และเริ่ มเกมที่ 2 ได้ไม่เกิน 90 วินาที และไม่เกิน 5 นาที ระหว่างจบเกมที่ 2 และเริ่ มเกมที่ 3 อนุญาต
สำหรับทุกแมทช์ของการแข่งขัน (ในการแข่งขันที่มีการถ่ายทอดโทรทัศน์ กรรมการผูช้ ้ ีขาดอาจตัดสิ นใจก่อนเริ่ มการแข่งขันว่า การพักตา
มกติกาข้อ 16.2 อยูใ่ นอาณัติและเวลากำหนด)
16.3 พักการเล่นเมื่อมีความจำเป็ นจากสภาพแวดล้อมที่มิได้อยูภ่ ายใต้การควบคุมของผูเ้ ล่น กรรมการผูต้ ดั สิ นอาจสัง่ ให้พกั การเล่น
ชัว่ คราวตามที่พิจารณาเห็นว่าจำเป็ นภายใต้สภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่ผดิ ปกติ กรรมการผูช้ ้ี ขาดอาจแนะนำให้กรรมการผูต้ ดั สิ นพักการเล่น
  16.3.1 เมื่อมีความจำเป็ นจากสภาพแวดล้อมที่มิได้อยูภ่ ายใต้การควบคุมของผูเ้ ล่น กรรมการผูต้ ดั สิ นอาจสัง่ ให้พกั การเล่นชัว่ คราวตามที่
พิจารณาเห็นว่าจำเป็ น
  16.3.2 ภายใต้สภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่ผดิ ปกติ กรรมการผูช้ ้ี ขาดอาจแนะนำให้กรรมการผูต้ ดั สิ นพักการเล่น
  16.3.3 ถ้ามีการพักการเล่น คะแนนที่ได้จะอยูค่ งเดิม และจะเริ่ มใหม่จากคะแนนนั้น
16.4 การถ่วงเวลาการเล่น
  16.4.1 ไม่วา่ กรณี ใด ๆ ทั้งสิ้ น ห้ามถ่วงเวลาการเล่นเพื่อให้ผเู ้ ล่นฟื้ นคืนกำลัง หรื อหายเหนื่อย
  16.4.2 กรรมการผูต้ ดั สิ นจะวินิจฉัยความล่าช้าแต่เพียงผูเ้ ดียว
16.5 คำแนะนำและการออกนอกสนาม
  16.5.1 ห้ามผูเ้ ล่นรับคำแนะนำระหว่างการแข่งขัน ยกเว้นการพักตามกติกาข้อ 16.2 และ 16.3
  16.5.2 ห้ามผูเ้ ล่นเดินออกนอกสนามระหว่างการแข่งขันโดยมิได้รับอนุญาตจากกรรมการผูต้ ดั สิ น ยกเว้นระหว่างพัก 5 นาที ตามที่ได้
กำหนดไว้ในกติกาข้อ 16.2
16.6 ผูเ้ ล่นต้องไม่จงใจถ่วงเวลา หรื อพักการเล่น, จงใจแปลงหรื อทำลายลูกเพื่อเปลี่ยนความเร็ วและวิถี, แสดงกิริยาก้าวร้าว หรื อกระทำผิด
นอกเหนือกติกา
16.7 กรรมการผูต้ ดั สิ นจะต้องดำเนินการกับความผิดตามกติกาข้อ 16.4, 16.5 หรื อ 16.6 โดย
  16.7.1 เตือนผูก้ ระทำผิด
  16.7.2 ตัดสิ ทธิ์ ผกู ้ ระทำผิดหลังจากได้เตือนก่อนแล้ว
  16.7.3 ในกรณี ผดิ อย่างเห็นได้ชดั หรื อผิดอยูต่ ลอด ให้ตดั สิ ทธิ์ ผกู ้ ระทำผิด แล้วรายงานให้กรรมการผูช้ ้ี ขาดทราบทันที ซึ่ งกรรมการผู ้
ชี้ขาดมีอำนาจสัง่ ให้ผกู ้ ระทำผิดออกจากการแข่งขัน
17. กรรมการสนามและการอุทธรณ์
17.1 กรรมการผูช้ ้ ีขาดเป็ นผูด้ ูแลรับผิดชอบการแข่งขันทั้งหมด 
17.2 หากมีการแต่งตั้ง กรรมการผูต้ ดั สิ น ให้มีหน้าที่ควบคุมการแข่งขัน สนาม และบริ เวณโดยรอบสนามแข่งขัน กรรมการผูต้ ดั สิ นต้อง
รายงานต่อกรรมการผูช้ ้ ีขาด 
17.3 กรรมการกำกับการส่ งลูกเป็ นผูข้ าน เสี ย สำหรับการส่ งลูกที่ผสู ้ ่ งลูกเป็ นผูก้ ระทำผิด (กติกาข้อ 9) 
17.4 กรรมการกำกับเส้นเป็ นผูใ้ ห้สญ
ั ญาณ ดี หรื อ ออก ในเส้นเขตที่ได้รับมอบหมาย 
17.5 การตัดสิ นใจเกี่ยวกับข้อเท็จจริ งทั้งหมดของกรรมการสนามที่รับผิดชอบถือว่าสิ้ นสุ ด
17.6 กรรมการผูต้ ดั สิ นจะต้อง 
  17.6.1 ควบคุมการแข่งขันให้ดำเนินไปภายใต้กฏกติกาอย่างเคร่ งครัด โดยเฉพาะอย่างยิง่ การขาน เสี ย หรื อ เอาใหม่ เมื่อมีกรณี เกิดขึ้น 
  17.6.2 ตัดสิ นคำอุทธรณ์เกี่ยวกับการโต้แย้ง ซึ่ งมีข้ ึนก่อนการส่ งลูกครั้งต่อไป 
  17.6.3 แน่ใจว่า ผูเ้ ล่นและผูช้ มได้ทราบถึงความคืบหน้าของการแข่งขัน 
  17.6.4 แต่งตั้งหรื อถอดถอนกรรมการกำกับเส้น หรื อกรรมการกำกับการส่ งลูก หลังจากได้ปรึ กษากับกรรมการผูช้ ้ ีขาดแล้ว 
  17.6.5 หากไม่มีการแต่งตั้งกรรมการสนามอื่น จะต้องปฏิบตั ิหน้าที่น้ นั ให้เรี ยบร้อย 
  17.6.6 หากกรรมการสนามที่ได้รับการแต่งตั้งมองไม่เห็น ต้องดำเนินการในหน้าที่ของกรรมการนั้น หรื อให้ “เอาใหม่” 
  17.6.7 บันทึกและรายงานต่อกรรมการผูช้ ้ ีขาดทุกเรื่ องที่เกี่ยวกับกติกาข้อ 16 และ 
    17.6.8 เสนอคำอุทธรณ์ที่ไม่พึงพอใจในปัญหาเกี่ยวกับกติกาต่อกรรมการผูช้ ้ ีขาด (คำอุทธรณ์ดงั กล่าว จะต้องเสนอก่อนการส่ งลูกครั้ง
ต่อไป หรื อเมื่อการแข่งขันสิ้ นสุ ดลงก่อนที่ฝ่ายอุทธรณ์จะเดินออกจากสนาม)
สรุ ป
 การนับคะแนนในแต่ละเกมจะชนะกันใน 21 แต้ม
 ในกรณี ที่แต้มเท่ากันที่ 20 แต้ม จะมีการดิวส์เกิดขึ้น โดยจะต้องห่างกัน 2 แต้มจึงจะแพ้ชะกันได้หรื อสิ้ นสุ ดที่ 30 แต้ม
และในกรณี แต้มสุ ดท้าย กรรมการจะขานว่าอีกแต้มเดียวเกมหรื ออีกลูกเดียวเกม
 แต้มที่ 11 นักกีฬาจะมีการพักได้ 60 วินาที
 ในระหว่างเกมที่ 1-2 จะมีการพักได้ 120 วินาที
 ผูท้ ี่ชนะในเกมก่อนหน้าจะได้เป็ นผูเ้ ริ่ มส่ งลูกก่อนในเกมถัดไป
สั ญลักษณ์ มือ
ลูกตีสูงกว่าเอวผูท้ ี่ทำหน้าที่น้ ีคือผูต้ ดั สิ นที่มีหน้าที่ตรวจสอบการส่ งลูกและเปลี่ยนลูกขนไก่

คำแนะนำสำหรับกรรมการกำกับเส้ น
สัญลักษณ์มือของผูกำ
้ กับเส้นมีดงั นี้
ในกรณี ที่มีการเตือนผูเ้ ล่นทำผิด ผูต้ ดั สิ นจะให้ใบเหลือง หากผิดซ้ำซาก จะให้ใบแดง ในกรณี ที่ไม่สามารถตัดสิ นใจได้จะมอบหน้าที่ให้
กับกรรมการผูช้ ้ ีขาดเป็ นผูดำ
้ เนินการตัดสิ น

ตำแหน่ งการนั่งของผู้ฝึกสอน
สามารถสอนและแนะนำผูเ้ ล่นในระหว่างการแข่งขันได้ในช่วงของการพักแต้มที่ 11 หรื อการพักระหว่างเกม หรื อลูกตกพื้นด้านนอก
ห้ามสอนในขณะที่มีการเล่นลูกอยู่

คำแนะนำในการใช้ ใบบันทึกคะแนน
 S บันทึกคะแนนผูส้ ่ ง และ R บันทึกคะแนนผูร้ ับ
 L บันทึกการเริ่ มของผูเ้ ล่นด้านซ้าย และ R บันทึกการเริ่ มของผูเ้ ล่นด้านขวา
 เขียน 0 ลงในช่องของผูส้ ่ งลูกและผูร้ ับคนแรกในกรณี ที่เป็ นการเล่นประเภทคู่ ส่ วนประเภทเดี่ยวเราจะวง 0 เฉพาะคนส่ งลูก
 เริ่ มต้นในการส่ งลูกให้ส่งลูกทางคอร์ดด้านขวามือ คอร์ดซ้ายแต้มเลขคี่คอร์ดขวาแต้มเลขคู่
 หากมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันให้เราเขียนตัวอักษร ดังต่อไปนี้

You might also like