Professional Documents
Culture Documents
รายงานวิชาบาสเกตบอล
รายงานวิชาบาสเกตบอล
รายงาน
เรื่อง บาสเกตบอล
จัดทำโดย
นายพศวีร์ มุ่งงาม รหัส 6210051
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้องที่ 7
เลขที่ 23
เสนอ
อาจารย์บุญลอด ศรีเจริญ
คำนำ
นายพศวีร์ มุ่งงาม
ผู้จัดทำ
วันที่ 16 มกราคม 2567
3
สารบัญ
หน้า
คำนำ ๒
บทนำ ๔
ทักษะพื้นฐานการอบอุ่นร่างกายก่อนเล่น ๔
ทักษะการพื้นฐานการเลี้ยงบอล ๙
ทักษะการเลี้ยงบอลไปกลับ ๑๑
ทักษะเลี้ยงบอลซิกแซก ๑๒
ทักษะพื้นฐาน ส่ง - รับบอล ๑๒
ทักษะเคลื่อนที่ส่งรูปแบบต่างๆ ๑๓
ทักษะเคลื่อนที่ส่ง 3 คน ๑๕
ทักษะการชู้ต ๑๕
ทักษะการเคลื่อนที่ชู้ต ๑๗
ทักษะการป้องกัน ๑๙
ทักษะการเล่นทีม ๒๐
เอกสารอ้างอิง ๒๑
4
บาสเกตบอล
บทนำ
บาสเก็ตบอลเป็นกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งแบ่งผู้เล่นเป็น 2 ทีม แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่น 5 คนพยายาม
ทำคะแนนโดยการโยนลูกเข้าห่วงหรือตะกร้า (basket) ภายใต้กติกาการเล่นมาตรฐานตั้งแต่ที่คิดค้นขึ้นในปี
พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) โดยเจมส์ เนสมิท บาสเกตบอลได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นกีฬาสากล กีฬานี้มีจุดเริ่มต้นจาก
ในวายเอ็มซีเอลีกที่เกิดขึ้นในสมัยแรก ๆ เป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมากลายเป็นกีฬาอาชีพมีการจัดตั้งลีกเอ็น
บีเอ (National Basketball Association, NBA) ถึงแม้ว่าในระยะแรกยังเป็นกีฬาที่เล่นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา
กีฬาชนิดนี้แพร่ขยายไปสู่ระดับสากลด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบันมีนักกีฬาและทีมที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
ได้รับออกซิเจนมากขึ้น การหายใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ทำให้ระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น การหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้ อดี
กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น
และช่วงของการเคลื่อนไหวของข้อต่อให้มากขึ้น การเล่นกีฬาจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการ
บาดเจ็บจากการเล่นกีฬาได้เป็นอย่างดี
4. ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มที่ การสั่งงานของระบบประสาทรวดเร็วขึ้น กระตุ้นให้ระบบ
การเคลื่อนไหวของร่างกายทำงานอย่างประสานสัมพันธ์กัน เกิดความคล่องแคล่ว
ว่องไว มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดี เล่นกีฬาได้อย่างเต็มสมรรถนะ ทักษะการเล่นจะดีขึ้นเมื่อร่างกายพร้อม เล่น
กีฬาได้อย่างสนุกสนานและและแสดงทักษะได้สวยงาม
5. ทำให้เพิ่มแรงจูงใจที่จะเล่นกีฬาหรือแข่งขัน มีจิตใจที่ฮึกเหิมพร้อมที่จะเล่น เกิดความเชื่อมั่นใน
ตนเอง มีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะหรือแสดงทักษะการเล่นอย่างเต็มที่ ช่วยลด
ความวิตกกังวล ความเครียดต่างๆ การอบอุ่นร่างกายจึงเป็นผลดีต่อจิตใจและอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
6. ทำให้อัตราการเผาผลาญเพื่อสร้างพลังงานสูงขึ้น ทำให้มีแรงเล่นกีฬาได้อย่างยาวนาน
7. ลดการบาดเจ็บจากการใช้เนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายมากเกินไป เนื้อเยื่อต่างๆ ทนต่อการใช้งานที่
หนักขึ้น ทำให้ไม่ฉีกขาดหรือบาดเจ็บได้ง่ายและลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บได้มากขึ้น
ข้อเสียของการขาดการอบอุ่นร่างกายก่อนการเล่นกีฬา
ปัญหาการบาดเจ็บจากการกีฬา ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดการอบอุ่นร่างกาย การอบอุ่นร่างกายไม่
ถูกต้องเหมาะสมและไม่เพียงพอ บางคนรู้แต่ก็ยังละเลย จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการอบอุ่นร่างกาย ทำให้
เกิดปัญหาการบาดเจ็บ ขาดความไม่พร้อมในการเล่นกีฬาและบางทีอาจถึงกับเสียชีวิตจากการเล่นกีฬาก็มใี ห้
อยู่เสมอ
โทษของการขาดการอบอุ่นร่างกาย สรุปได้ดังนี้
1. ลดประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา เล่นกีฬาได้ไม่เต็มความสามารถ เนื่องจากร่างกายยังไม่พร้อม
2. มีโอกาสที่จะบาดเจ็บในการเล่นกีฬามาก โดยเฉพาะการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ เอ็น
รวมทั้งระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหายใจ
3. ลดประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบ
กล้ามเนื้อ ข้อต่อ ระบบหายใจและระบบประสาท เป็นต้น
4. สมรรถภาพทางกายด้านต่างๆ ลดลง เช่น ความแข็งแรง ความเร็ว ความคล่องแคล่ว ความอ่อน
ตัว เป็นต้น
5. เกิดภาวะความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ เนื่องจากเกิดความวิตกกังวล ว่าร่างกายไม่พร้อม เมื่อ
ร่างกายทำงานที่หนัก ทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด กล้ามเนื้อตึงตัว การเคลื่อนไหวไม่ดี
6. เกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ข้อต่อและเอ็นได้ง่าย เพราะเป็นอวัยวะที่ใช้ในการเคลื่อนไหว เกิด
ความตึงมากที่สุด โอกาสที่บาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อและเอ็นต่างๆ จึงเกิดขึ้นได้ทุกเวลาในขณะเล่นกีฬา
ขั้นตอนการอบอุ่นร่างกาย
6
ท่าที่ 2 : ยืดโนขาหนีบด้านใน
นั่งราบลงกับพื้นแบะเท้าออก จับปลายเท้าชิดเข้าหากัน จากนั้นเอามือจับเท้าไว้ทั้งสองข้าง เอาแขน
และศอกกดขาเอาไว้ และค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้าทำค้างไว้ 10-15 วินาที ซึ่งครั้งแรกอาจจะก้มลงได้น้อยก็ไม่
ต้องฝืน พอครั้งต่อไปหลังจากกล้ามเนื้อยืดแล้วก็จะก้มได้มากขึ้น โดยทำ 3 ครั้ง
ท่าที่ 3 : ยืดส่วนน่องและกล้ามเนื้อ
7
นั่งลงแล้วยืดขาซ้ายไปด้านหน้าและก้มลงจับที่ปลายเท้าเข้ามาหาตัวเองค้างไว้ประมาณ 15
วินาที ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นข้างขวาทำเหมือนเดิมค้างไว้ 10-15 วินาที ซึ่งท่านี้นอกจากจะได้ยืดส่วนน่องและ
กล้ามเนื้อต้นขาแล้ว ยังได้ในส่วนหลังอีกด้วย ทำท่าละ 3 ครั้ง
ท่าที่ 4 : ยืดกล้ามเนื้อหลัง
นั่งราบกับพื้นเอาขาไขว้ไปทางด้านขวา ก่อนจะบิดตัวมาทางด้านซ้าย เพื่อยืดกล้ามเนื้อส่วนหลัง
โดยใช้ศอกขาที่ไขว้เอาไว้ ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วก็มาทำอีกข้างให้เหมือนกัน โดยทำท่าละ 3 ครั้ง
ท่าที่ 5 : ยืดหัวไหล่
ยืนตรงแล้วประสานมือไว้เหนือศรีษะ หงายมือขึ้น และยืดให้ตรงค้างไว้ประมาณ 10 วินาที ก่อน
ทำท่าเหมือนเดิมแต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นประสานมือไว้ข้างหลังและยืดเป็นแนวตรงค้างไว้ประมาณ 10 วินาที
โดยทำท่าละ 3 ครั้ง
ท่าที่ 6 : ยืดหัวไหล่ด้านข้าง
ยืนตรงยืดแขนซ้ายออกมาด้านหน้าแล้วให้มือขวาดันข้อศอกเอาไว้ก่อนจะบิดตัวไปทางขวาค้างไว้
ประมาณ 10 วินาที จากนั้นก็สลับข้างเปลี่ยนมาเป็นยืดแขนขวาออกมาด้านหน้าแล้วใช้มือซ้ายดันข้อศอกเอาไว้
ก่อนจะปิดตัวไปทางขวาค้างไว้ประมาณ 10 วินาที ทำทั้งสองด้านท่าล่ะ 3
8
ทักษะการพื้นฐานการเลี้ยงบอล
การเล่นกีฬาบาสเกตบอลให้เก่งและมีความสามารถพื้นฐานสำคัญอันดับแรกต้องเรียนรู้ทักษะการ
ครอบครองลูกบาสเกตบอลทีมไหนที่สามารถครอบครองลูกบาสเกตบอลได้ย่อมได้เปรียบที่จะทำประตูฝ่ายตรง
ข้ามและนำไปสู่ช ั ย ชนะ การเลี้ยงลูก บาสเกตบอล หมายถึง โดยการใช้นิ้ว และปลายนิ ้ว ทั้ง 5 แตะลู ก
บาสเกตบอลกดลงกระทบพื้นแล้วให้กระดอนขึ้นลง ครั้งเดียวหรือหลายครั้งจะเป็นการเลี้ยงลูกอยู่กับที่ หรือ
เคลื่อนที่ หรือเลี้ยงลูกสูง หรือต่ำ ขึ้นอยู่กับโอกาสหรือความต้องการของผู้เลี้ยง การเลี้ยงลูกบาสเกตบอลจะใช้
ในกรณีที่นำลูกเข้าไปยิงประตู เพื่อหลอกล่อและหลบหลีกคู่ต่อสู้ หรือในกรณีที่ไม่สามารถส่งลูกให้ผู้เล่นฝ่าย
เดียวกันได้ทัน การเลี้ยงลูกในขณะแข่งขันโดยไม่มีความจำเป็น เช่น เลี้ยงลูกเพื่อโชว์ลวดลายจะทำให้เสียเวลา
และโอกาสในการทำประตู หรืออาจจะถูกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามแย่งลูกไปครอบครองได้ การเลี้ยงลูกบาสเกตบอล
เป็นทักษะที่จำเป็นที่ผู้เล่นทุกคนทักษะการเลี้ยงลูกบาสเกตบอล ใช้สำหรับนำลูกบาสเกตบอลเคลื่อนที่ไปกับ
ตั ว เองหรื อ การครอบครองลู ก บาสเกตบอลไว้ก ั บ ตั ว เองซึ ่ งตามระเบีย บการ เล่ น กี ฬ าบาสเกตบอลการ
ครอบครองลูกบอลไว้นั้นต้องไม่นานเกิน 5 วินาที ถ้าผู้เล่นยังต้องการครอบครองลูกบอลไว้อีก จึงจำเป็นต้อง
เลี้ยงลูกบอลเพื่อรอจังหวะการเล่นต่อไป และการเลี้ยงลูกบาสเกตบอลยังถือเป็นวิธีการอย่างหนึ่งของฝ่ายรุก ที่
9
จะดึงฝ่ายป้องกันให้ออกมาจากเขตประตู หรือให้ผู้เล่นฝ่ายเดียวกันมีเวลาจัดตำแหน่งในการยืนหรือเข้าทำ
ประตูเมื่อมีโอกาส
เทคนิคการเลี้ยงลูกบาสเกตบอล
1. การเลี้ยงบอลตํ่า (The low or control dribbling) เป็นวิธีเลี้ยงบอลของผู้เล่นเมื่อถูกป้องกันอย่างใกล้ชิด
ผู้เลี้ยงบอลต้องย่อตัวฝ่ามืออยู่ บนลูกบอล ในการเลี้ยงบอลให้ลูกบอลกระทบพื้ นในระดับตํ่า และควรควบคุม
ลูกบอลอยู่ข้างลําตัว เพื่อป้องกันการแย่งหรือปัดบอล จากฝ่ายตรงข้าม
การเลี้ยงลูกบาสเกตบอลต่ำ ใช้สำหรับการหลบหลีกฝ่ายตรงข้าม หรือล่อหลอกฝ่ายตรงข้าม เพราะการ เลี้ยง
ลูกบาสเกตบอลต่ำนี้ช่วยให้มีความคล่องแคล่วว่องไวในการเลี้ยงลูกบอลสำหรับการเคลื่อนไหวได้ดี
วิธีปฏิบัติ เข่าทั้งสองงอมากกว่าการเลี้ยงลูกบาสเกตบอลสูง ศีรษะและไหล่โน้มไปข้างหน้า ถ้าใช้มือ
ขวาเลี้ยงลูกบอล มือ ซ้ายให้กางออกเล็กน้อย เพื่อช่วยการทรงตัว สายตามองไปข้างหน้า และควบคุมการ
กระดอนด้วยนิ้วมือและข้อมือ ลูกที่กระดอน ขึ้นให้สูงประมาณ
https://th.wikipedia.org/wiki
ทักษะการเลี้ยงบอลไปกลับ
ทักษะการเลี้ยงบอลไปกลับ ใช้สำหรับนำลูกบาสเกตบอลเคลื่อนที่ไปกับตัวเองหรือการครอบครองลูก
บาสเกตบอลไว้กับตัวเอง เป็นการฝึกทักษะการครอบครองลูกบอลไว้ เพื่อรอจังหวะการเล่นต่อไป การวิ่งเลี้ยง
ลูก ทำได้โดย
1. ยืนในท่าทรงตัวแบบเท้านำเท้าตาม ให้ลำตัว ศีรษะโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
11
2. ใช้มือข้างที่ครอบครองลูกบอลข้างเดียวกดลูกบอลทุ่มลงกับพื้น โดยใช้ข้อมือกระดกขึ้นกดลูกบอลติดต่อกัน
เพื่อควบคุมทิศทางและความสูง ต่ำของลูกบอลด้วยนิ้วมือ ทั้ง ๕ นิ้วให้ ลูกบอลกระดอนสูงระดับเอว แต่ไม่เกิน
ระดับไหล่
3. ใช้มือบังคับลูกบอลเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ ไปและกลับ
ทักษะเลี้ยงบอลซิกแซก
การเลี้ยงบาสเกตบอลซิกแซก หรือฝึกหัดเลี้ยงบอลหลบหลีกเครื่องกีดขวาง การจัดแถวจัดเป็นแถว
ตอน หัวแถวเริ่มเลี้ยงลูกซิกแซก ซ้าย-ขวา เป็นรูปสลับฟันปลา หลบหลีกเครื่องกีดขวางที่วางไว้ แล้วเลี้ยงซิก
แซกกลับไปกลับมา
ทักษะเคลื่อนที่ส่งรูปแบบต่าง ๆ
การเคลื่อนไหวเบื้องต้นของกีฬาบาสเกตบอล มีความจำเป็นและสำคัญยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ
และต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการทรงตัวของผู้เล่น การเคลื่อนไหวแบบ
13
ทักษะเคลื่อนที่ส่ง 3 คน
การรับ-ส่งลูกบอล 3 คนอ้อมหลัง โดยใช้ผู้ฝึก 3 คน ยืนอยู่ในตำแหน่งดังรูป ผู้ฝึกคนที่ 1 ถือลูกบอลไว้
แล้วปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ส่งลูกให้ 2 แล้ววิ่งอ้อมหลัง 2 ไปข้างหน้า
2. ส่งลูกให้ 3 แล้ววิ่งอ้อมหลัง 3 ไปข้างหน้า
3. ส่งลูกให้ 1 แล้ววิ่งอ้อมหลัง 1 ไปข้างหน้า
1 ส่งลูกให้ 2 แล้ววิ่งอ้อมหลัง 2 ไปข้างหน้า
ทักษะการเคลื่อนที่ชู้ต
การยิงประตูเป็นหัวใจสําคัญของการเล่นบาสเกตบอล ทีมใดที่ยิงประตูได้แม่นยํากว่า แม้ว่าทักษะอื่น
จะอ่อนไปบ้าง ก็ยังมีทางประสบชัยชนะได้ การโยนลูกบอลออกจากมือเพื่อหมาย ห่วงประตูแต่ละครั้งด้วย
ความมั่นใจ ด้วยความหวังและมีความแม่นยําสูงเพียงใด ย่อมหมายถึง ความหวังแห่งชัยชนะด้วย ดังนั้น ผู้เล่น
ทุกคนจะต้องฝึกฝนวิธียิงประตูแบบต่างๆให้ชํานาญ
1. การยืนยิงประตู (The set shot) โดยทั่วไปในการแข่งขันไม่นิยมใช้ลักษณะการยิงประตูชนิดนี้
ระหว่างนาฬิ กาเดิน เนื่องจากง่ายต่อการสกัดกั ้นส่วนมากใช้ในการโยนโทษ
2. การก้าวกระโดดขึ้นควํ่ามือยิงประตู (The lay-up shot) ผู้เล่นควรฝึกการยิงประตูลักษณะนี ้เป็น
อันดับแรก การยิงประตูลักษณะนี ้เป็นการพา ลูกบอลเคลื่อนที่ซึ่งใช้แรงส่งจากจังหวะการก้าวและกระโดด
ลอยตัวยกมือ งอเข่า และปล่อย ลูกบอลกระทบกระดานหลัง
3. การก้าวกระโดดขึ้ นหงายมือยิงประตู (The underhand shot) การยิงประตูลักษณะนี้คล้ายกับ
การก้าวกระโดดยิงประตูต่างกันที่จังหวะสุดท้ายของ การปล่อยลูกบอลต้องหงายมือและแขนทําให้ลูกบอลอยู่
ด้านบนมือ แล้วจึงใช้ข้อมือช่วยส่งแรง กระทบกระดานหลัง
4. การกระโดดยิงประตู (The jump shot) เป็นลักษณะการยิงประตูที่มักพบมากระหว่างการแข่งขัน
เนื่องจากยากต่อ การป้องกัน โดยเฉพาะหากผู้เล่นยิงประตูมีความสูง
5. การฮุ้กบอล (The hook shot) นิยมใช้มากกับผู้เล่นตําแหน่งเสาหลักล่าง (Low-post) การยิง
ประตูลักษณะนี้มี ความแม่นยําสูงและยากต่อการป้องกัน เนื่องจากแขนผู้เล่นยิงประตูห่างจากผู้เล่นฝ่ ายป้อง
กัน โดย วิธีการปฏิบัติ สามารถเริ่มเมื่อผู้เล่นยิงประตูหันหลังให้ห่วงประตู การฮุ้กต้องมีการกระโดดและ 13
การทรงตัวที่ดี ผู้เล่นควรฝึกหัดการใช้ทั้งมือซ้ายและขวา หากใช้มือขวาให้ยกเข่าขวา หากใช้มือ ซ้ายให้ยกเข่า
ซ้าย ปล่อยบอลให้ใช้ข้อมือตวัดลูกบอลข้ามศีรษะ
17
ที่มา: https://www.shutterstock.com/th/image-vector/basketball-player-ballshooting-position-1400816477
ทักษะการป้องกัน (Defense)
การป้องกันที่ดีต้องมีพื้นฐานการเคลื่อนที่ของเท้า ( Foot-work ) ที่ดี ผู้เล่นฝ่ายป้องกันจะต้อง
คาดคะเนว่าฝ่ายรุกจะก้าวเท้าหรือเคลื่อนที่ไปทิศทางใด เพื่อหาตำแหน่งหารขืนป้องกันได้ถูกต้องและไม่ทำให้
เกิดการละเมิดกติกา ในการเล่นบาสเกตบอลทีม ทีมใดที่มีการป้องกันที่ดี ย่อมส่งผลถึงการได้เปรียบฝ่ายตรง
ข้ามในระหว่างการเล่น ทีมป้องกันอาศัยทักษะการป้องกันส่วนบุคคล การประสานงานภายในทีมตามรูปแบบที่
กำหนดไว้ จะทำในทีมประสบความสำเร็จได้ การป้องกันพื้นฐานแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ การป้องกันเป็นเขต
หรือโซน (Zone Defense) และ การป้องกันแบบคนต่อคน (Man to Man Defense) และรูปแบบการป้องกัน
แบบผสม
1. การป้องกันเป็นเขตหรือโซน (Zone Defense) หมายถึงการป้องกันที่มีการแบ่งเนื้อที่หรือพื้นที่ให้ผู้เล่น
ในทีมรับผิดชอบ ในการควบคุมและป้องกันพื้นที่ของตนเองให้ดีที่สุด สายตาจะต้องจับอยู่ที่ลูกบอลตลอดเวลา
2. การป้องกันแบบคนต่อคน (Man to Man Defense) การป้องกันแบบคนต่อคนหรือตัวต่อตัว คือการ
ป้องกันที่ได้มอบ หมายหน้าที่ให้ผู้เล่นแต่ละคนรับผิดชอบในการป้องกันและควบคุมผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเป็น
รายบุคคล ผู้เล่นฝ่ายรับจะต้องรับผิด ชอบติดตามฝ่ายรุกคนใดคนหนึ่งตลอดเวลาในสนามแข่งขันเป็นเงาตาม
ตัว เพื่อคอยป้องกัน ซึ่งผู้เล่นฝ่ายรับต้องมองที่ลูกบอลและคู่ของตัวเองตลอดเวลา
ข้อดีของการป้องกันแบบคนต่อคน
1. ผู้เล่นฝ่ายรับจะสามารถป้องกันไม่ให้ฝ่ายรุกเล่นได้สะดวก
2. ผู้เล่นฝ่ายรับสามารถจัดคู่ป้องกันฝ่ายรุกได้เหมาะสมตามความสามารถ
18
ทักษะการเล่นอื่น ๆ
การสกัดกั้นเข้าแย่งลูกบอล (Blocking out and Rebounding )
การเข้าแย่งลูกบอลเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งของการแข่งขัน การแย่งลูกบอลได้หมายความถึง
ผู้เล่นทีมนั้นมีโอกาสพาลูกบอลขึ้นทำประตูฝ่ายตรงข้ามได้ การแย่งลูกบอลได้ดีภายหลังจากอีกทีมหนึ่งยิงประตู
ไม่เป็นผลย่อมส่งปลายและสามารถทำให้ทีมนั้นได้รับชัยชนะ ผู้เล่นที่กระโดดสูงย่อมได้เปรียบต่อการแย่งลูก
บอล แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถเสริมให้การแย่งลูกบอลได้ดีขึ้นนั่นคือ ตำแหน่งการยืนและช่วงจังหวะการ
เข้าแย่งที่ดี รวมถึงการป้องกันมิให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าไปในพื้นที่ที่ลูกบอลจะไปยังตำแหน่งนั้น
การกำบัง ( Screening )
เป็นการป้องกันที่ถูกต้องโดยผู้เล่นฝ่ายรุกยืนด้านข้างหรือด้านหลังของฝ่ายป้องกัน เพื่อกันให้ผู้เล่น
ร่วมทีมที่ครอบครองบอลหลุดจากการป้องกันเพื่อส่งบอล เลี้ยงบอลหรือยิงประตู การกำบังต้องยืนบังตาม
ทิศทางที่ฝ่ายป้องกันจะเคลื่อนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เล่นที่ได้รับการกำบัง หากผู้เล่นที่เข้ากำบังที่ผิด
ตำแหน่งหรือผิดทิศทางประสิทธิภาพของการกำบังลดลงและอาจถูกฝ่ายป้องกันแย่งบอลไปได้
การกำบังแล้วหมุนตัวรับบอล ( Pick and Roll )
เป็นวิธีการผสมผสานระหว่างผู้เล่นกำบังและผู้เล่นร่วมทีมที่ครอบครองบอล หลังจากผู้เล่นทำการ
กำบังแล้วให้หมุนตัวเพื่อเตรียมรับบอลจากการส่งบอลของเพื่อนร่วมทีม หากสามารถยืนตำแหน่งและกระทำ
ได้ ด ี ก ารขึ ้ น ทำประตูส ามารถกระทำได้โ ดยง่ าย การกำบั ง ชนิ ด นี ้ ใ ช้ ม ากเมื ่ อ ผู ้ เล่น ฝ่ า ยตรงข้า มป้ อ งกัน
ลักษณะ man-to-man
ทักษะการเล่นทีม
การเล่นบาสเกตบอลในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายป้องกันก็ตาม ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องมี
ความสามารความสามารถในการเล่น ได้ท ุ ก ตำแหน่ง หน้ าที ่ จึ ง จะทำให้ท ี ม มีป ระสิท ธิ ภ าพและประสบ
19
เอกสารอ้างอิง
งานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. 2563. การอบอุ่นร่างกายหรือ
การวอร์มอัพ (Warm Up) สำคัญอย่างไร
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1442. เข้าถึงเมื่อ 15 มกราคม 2567.
นันทรัตน์ ศรีสวัสดิ์. 2560. แนวทางการพัฒนาการสอนกีฬาบาสเกตบอล ตามกระบวนการสอนแบบการ
เรียนรู้เชิงรุก.วิทยานิพนธ์. มหาวิทยาลัยบูรพา.
https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/6347/1/Fulltext.pdf. เข้าถึงเมื่อ 15 มกราคม
2567.
Peak sport Thailand. การยืดเส้นยืดสายก่อนเล่นกีฬา. 2022.
http://www.peaksportthailand.com/news/content/warm-up.html. เข้าถึงเมื่อ 15 มกราคม
2567.
การเล่นเป็นทีม. http://www.digitalschool.club/digitalschool/health3_1/sport3_1/Unit3/3_5.php
เข้าถึงเมื่อ 15 มกราคม 2567.
ทักษะการยิงประตู. 2567. https://www.shutterstock.com/th/image-vector/basketball-player-
ballshooting-position-1400816477 เข้าถึงเมื่อ 16 มกราคม 2567.