Professional Documents
Culture Documents
6 À À À À À 2
6 À À À À À 2
การพัฒ นาบทเรี ยนคอมพิ ว เตอร์ ช่ ว ยสอนผ่ า นเครื อข่ า ยอิ น เตอร์ เ น็ ต เรื่ องการฝึ ก
วอลเลย์บอลขั้นพื้นฐาน ผูว้ จิ ยั ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ทักษะการฝึ กวอลเลย์บอลเบื้องต้น
2. บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
2.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
2.2 รู ปแบบของการใช้คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
2.3 คุณลักษณะของบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
2.4 ประโยชน์ของบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
2.5 ข้อจากัดของบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
2.6 หลักการออกแบบบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
2.7 ขั้นตอนการออกแบบการผลิตบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน (Alessi and Trollip)
2.8 การหาประสิ ทธิภาพบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
3. ทฤษฎีการเรี ยนการสอนที่เกี่ยวข้องกับบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
4. งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
วิธีปฏิบัติหรือการฝึ กการเคลื่อนไหวของเท้า
1. ยืน่ ให้เท้าสองข้างขนานกัน ย่อเข่าและก้มลาตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
2. ก้าวเท้าซ้ายไปทางซ้ายของลาตัวด้านข้าง 1 ก้าว ก้าวเท้าขวาชิดเท้าซ้ายในจังหวะเดียวกับ
ก้าวเท้าซ้ายออกไปอีกก้างหนึ่ง
3. ทาซ้ าในข้อ 2 ไปเรื่ อย ๆ (ใช้วธิ ีนบั 1,2 1,2,3)
การบริหารร่ างกายก่อนเลิก
1. วิง่ ธรรมดา
2. วิง่ เหยาะ ๆ
3. ขยับให้เส้นสายหย่อน
4. บริ หารให้กล้ามเนื้อคลายความตึงเครี ยด
5. บริ หารโดยการหายใจเข้าออกให้สัมพันธ์กบั ท่าที่บริ หาร
การฝึ กเพื่อให้เกิดความคุน้ เคยกับลูกวอลเลย์บอล เพื่อฝึ กประสาทตาและร่ างกายส่ วนที่จะ
ใช้สัมผัสกับลูกบอลให้เกิดความสัมพันธ์ต่อเนื่ องกันอย่างสมบูรณ์ เมื่อลูกบอลอยูใ่ นลักษณะ
อย่างไรก็สามารถที่จะเคลื่อนตัวไปยังจุดที่ลูกบอลจะตกลงได้ และสามารถที่จะใช้มือบังคับให้ไป
ในทิศทางที่ตอ้ งการได้โดยไม่ผดิ กติกา
วิธีปฏิบัติ ท่านั่ง
1. ให้ลูกบอลอยูร่ ะหว่างขาแล้วยกขาขึ้นเป็ นรู ปตัว “วี” หมุนขาไปรอบ ๆ
2. ให้ลูกบอลอยูร่ ะหว่างขาแล้วก้มให้ศีรษะแตะพื้น พ้นคอกับคาง กลิ้งม้วนตัวไปข้างหน้า
12
3. นอนราบกับพื้นให้ลูกบอลอยูห่ ว่างขาใช้ขาหนีบบอลยกมาแตะศีรษะ
4. นอนราบมือจับลูกบอล กลิ้งไปข้าง ๆ
5. นัง่ ส่ งลูกบอลด้วยเท้า
6. นัง่ ขวางลูกบอล ส่ งลูกบอลระดับอก ขว้างลูกบอลข้ามตัว
7. นัง่ เลี้ยงลูกบอลลอดขาตัวเอง
วิธีปฏิบัติ ท่ายืน
1. ส่ งลูกบอลหมุนรอบขาให้เป็ นเลข 8
2. ส่ งลูกบอลหมุนรอบตัวให้เป็ นวงกลม
3. ขว้างลูกบอลไปข้างหลังโดยผ่านช่องขาข้างล่าง
4. กระโดดโดยมีลูกบอลอยูร่ ะหว่างขา
5. จับลูกใต้ขาสลับกัน
6. จับลูกใต้ขาขณะก้างเดิน
7. ส่ งลูกบอลลอดขาไปข้างหลังให้ลูกบอลข้ามศีรษะตัวเอง
การส่ งลูกบอล
1. ส่ งลูกด้วยมือล่าง
2. ส่ งลูกด้วยมือบน หรื อการส่ งลูกผ่าน
3. การเสิ ร์ฟ
การรับบอล
1. รับลูกบอลจากการรุ กของคู่ต่อสู ้ (ตบหรื อหยอด)
2. การรับลูกเสิ ร์ฟ
3. การสกัดกั้นลูกบอล
การตบลูก
1. ตบลูกเป็ นมุมแหลมลงในแดนคู่ต่อสู ้
2. ตบลูกเพื่อส่ งลูกข้ามตาข่าย
วิธีปฏิบัติ
1. เหวีย่ งแขนหงายมือที่จะตีลูกบอลให้เฉี ยดด้านข้างของลาตัวไปมา หลาย ๆ ครั้งเพื่อให้
เกิดความชานาญ โดยมือเหวี่ยงแขนไปด้านหน้าให้โดนใต้ลูกบอลค่อนมาทางด้านหลังเล็กน้อย
พร้อมกับย่อตัวโยกหาจังหวะ
2. ในจังหวะที่โยนลูกบอลขึ้นเพื่อจะตีลูกให้เหวีย่ งแขนไปข้างหลัง เมื่อเริ่ มเหวีย่ งแขนมา
ข้างหน้าให้ยอ่ ตัวตามจังหวะของแขนที่เหวีย่ งไป
3. ลูกบอลไม่ควรโยนสู งเพราะควบคุมยาก ควรโยนระดับเอวของผูต้ ีเมื่อลูกลอยนิ่งจะเป็ น
จังหวะเดียวกับที่แขนเหวีย่ งมาตีลูก
4. ในจังหวะที่มือกระทบลูกต้องเกร็ งให้มือแข็ง พยายามตีให้ถูกกึ่งกลางลูกค่อนมาข้างใต้
เล็กน้อยส่ งแรงผ่านไปโดยเหวีย่ งแขนตามและบิดตัวตามด้วย
ถ้าต้องการบังคับลูกให้นิ่ง เมื่อมือตีกระทบลูกบอลควรพยายามให้ถูกเฉพาะสันมือ และ
ควรเกร็ งมือไว้ไม่เหวีย่ งตามลูกบอลไป
15
วิธีปฏิบัติ
1. ย่อตัวเข่างอเล็กน้อย ส่ งลูกบอลขึ้นในตาแหน่งที่มือขวาจะตีลูกบอลได้สะดวก
3. จัง หวะที่ ลูกบอลลอยขึ้ นเกื อบสู งสุ ดจะเป็ นจังหวะเดี ย วกับมื อขวาเงื้ อเต็มที่ พร้ อม ๆ
น้ าหนักตัวถ่ายมาอยูเ่ ท้าหลังเกือบทั้งหมด
17
วิธีปฏิบัติ (การโต้ลูกไปข้างหน้า)
1. เมื่อลูกบอลลอยมา ให้เคลื่อนที่เข้าไปใต้ลูกบอลในลักษณะลากเท้า (Slide) ย่อตัวให้อยู่
ใต้ระดับลูกบอล
2. สายตาจ้องการดูการเคลื่อนที่ของลูกบอลตลอดเวลา
3. ทรงตัวให้มนั่ คง แขนทั้งสองประสานกันให้แน่นเหยียดตึงทามุมประมาณ 45 องศากับ
ลาตัว
4. เมื่อลูกบอลลอยมาให้เคลื่อนที่เข้าไปหยุดในตาแหน่งที่ลูกบอลจะตกกระทบระหว่าง
ข้อมือและกึ่งกลางแขนท่อนล่าง
5. ตีลูกบอลขึ้นด้วยแรงส่ งของเท้าและลาตัว โดยพยายามรักษาตาแหน่งของแขนไว้ไม่ยก
เหวีย่ งตามลูกบอลไป นอกจากส่ งตามเพียงเล็กน้อย
6. รักษาตาแหน่งของร่ างกายและทรงตัวให้ดี
7. เตรี ยมพ้อมที่จะเล่นต่อไป
19
ข้ อเสนอแนะ
1. ต้องอยูใ่ นท่าเตรี ยมพร้อม แต่ไม่ควรจับมือไว้ก่อน เพราะอาจทาให้การเคลื่อนไหวไม่ดี
เท่าที่ควร
2. การจับมือทุกแบบ นิ้วหัวแม่มือต้องเรี ยงขนานกันไป
3. ต้องเคลื่อนเท้าหรื อโยกลาตัวเพื่อรับลูก ไม่ควรยืน่ แขนไปรับลูกโดยไม่เคลื่อนที่ เพราะ
จะทาให้ผดิ พลาดได้ง่าย
4. การเล่นลูกมือล่างควรฝึ กโต้ลูกบอลให้เคลื่อนที่ไปในลักษณะไม่หมุน (Flat) เพราะเป็ น
ประโยชน์ทาให้ฝ่ายเราตั้งหรื อตบได้ง่าย
5. ไม่ควรเล่นมือเดียว นอกจากได้รับการฝึ กเป็ นพิเศษ โดยล้มตัวเล่นลูกบอลเมื่อต้องใช้
ทักษะการเล่นลูกมือเดียว
การตบและการสกัดกั้น
การตบ (Spike) เป็ นวิธีการรุ กที่รุนแรงกระทาโดยผูเ้ ล่นกระโดดขึ้นบริ เวณใกล้ตาข่ายแล้วตี
ลูกบอลด้วยมือหรื อแขน โดยมีจุดมุ่งหมายให้ลูกบอลตกลงในเขตสนามของฝ่ ายตรงข้าม
การสกัดกั้น (Block) เป็ นวิธีการป้ องกันไม่ให้ลูกบอลข้ามตาข่ายมาตกในแดนของตน โดย
การยกมือขึ้นเหนือตาข่ายสกัดกั้นทิศทางที่ลูกบอลจะผ่านมา
การตบและการสกัดกั้น จึงจาเป็ นต้องฝึ กกะโดดให้สูงสามารถยกมือเหนื อตาข่ายได้มาก ๆ
เพื่อสะดวกในการตบหรื อสกัดกั้น การกระโดดต้องกระทาใกล้ ๆ ตาข่าย โดยไม่ให้ถูกตาข่าย จึง
จาเป็ นต้องฝึ กกระโดดในแนวดิ่งให้ชานาญ นอกจากนั้นภายหลังจากการตกหรื อสกัดกั้นแล้ว ต้อง
ลงสู่ พ้นื ในลักษณะที่มีการทรงตัวที่ดีและควรให้เท้าทั้งสองลงสู่ พ้นื พร้อม ๆ กัน
24
2. บริ เวณที่ใช้ฝ่ามือสัมผัสลูกบอลเมื่อตบลูก
3. การย่อตัวเพื่อกระโดดตบลูกบอล จะต้องหยุดย่อตัวให้ห่างจากรัศมีที่ลูกบอลจะตกลงพื้น
ประมาณ 30 – 50 เซนติเมตร
25
องค์ประกอบเพื่อให้การตบได้ผลโดยสมบูรณ์ ได้แก่
1. การเคลื่อนที่เข้าหาลูกบอล
2. การกระโดดและการตบลูก
3. การทรงตัวภายหลักการตบ
1. การเคลือ่ นทีเ่ ข้ าหาลูกบอล การเคลื่อนที่เข้าหาลูกบอลมีความสาคัญเป็ นอันดับแรกใน
การฝึ กตบ เพราะถ้าหากเคลื่อนเข้าไปชิดหรื อห่างลูกบอลเกินไปก็ทาให้การตบไม่ได้ผลดี การ
เคลื่อนที่เข้าหาลูกบอลควรอยูห่ ่างลูกบอลทางด้านหลังประมาณช่วงแขนของผูเ้ ล่น เพราะเมื่อ
กระโดดขึ้นไปแรงเหวีย่ งจากการเคลื่อนที่จะส่ งให้เข้าไปใกล้ลูกบอลอีก
การเคลื่อนที่เข้าหาลูกบอลก็ควรฝึ กให้ห่างจากจุดมุ่งหมายที่จะตบประมาณ 3 – 4 เมตร
ในช่วงแรกผูต้ บจะเคลื่อนที่โดยการวิง่ เหยาะ ๆ ในจังหวะสุ ดท้ายที่จะกระโดดขึ้นตบลูกบอล จึงใช้
วิธี “ก้าวรวบเท้า” พร้อมกับเหวีย่ งแขนทั้งสองข้างมาข้างหลัง ย่อตัวเตรี ยมกระโดดขึ้นตบลูกบอล
ต่อไป
วิธีปฏิบัติ
1. ในจังหวะที่เท้าข้างหนึ่งถึงจุดที่ตอ้ งกระโดด ให้ยอ่ ตัวพร้อมกับลากเท้าอีกข้างหนึ่งเข้ามา
ใกล้ ๆ กัน แขนทั้งสองข้างเหวีย่ งไปข้างหลัง ลาตัวและน้ าหนักตัวจะเอนไปอยูท่ างด้านหลัง
เล็กน้อย
2. เหวีย่ งแขนทั้งสองข้างเฉี ยดข้างลาตัวขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับถีบเท้าทั้งสองกระโดดขึ้น
ในแนวดิ่ง (แขนทั้งสองเหวีย่ งขึ้นไปอยูเ่ หนือศีรษะ)
3. ขณะลอยอยูใ่ นอากาศทรงตัวให้ดี โดยยกแขนไว้ ใบหน้าเงยมองดูลูกบอลที่จะตบ
26
ขั้นตอนของการตบลูก C
ลูกบอลอยูท่ ี่ 1 ผูต้ บยืนสารวจสนามฝ่ ายตรงข้ามพร้อมกับมองผูเ้ ซต
ลูกบอลอยูท่ ี่ 2 ผูต้ บเริ่ มถ่ายน้ าหนักตัวออกข้างหน้าเตรี ยมเคลื่อนไหว
ลูกบอลอยูท่ ี่ 3 ผูต้ บวิง่ เข้าหาจุดตกของลูก จุดตกของลูกต้องอยูใ่ นแนวแนวเดียวกับไหล่ที่จะใช้
ตบและอยู่ ข้างหน้าเล็กน้อย
ลูกบอลอยูท่ ี่ 4 ผูต้ บเริ่ มกระโดดลอยตัวขึ้นจากพื้นพร้อมกับเงื้อแขนออกข้างหลัง
ลูกบอลอยูท่ ี่ 5 ผูต้ บเหวีย่ งแขนข้ามศีรษะมาตบลูกที่อยูข่ า้ งหน้าในแนวไหล่ไปในทิศทางที่
ต้องการ
ขั้นตอนของการตบลูก B
ลูกบอลอยูท่ ี่ 1 ผูต้ บถ่ายน้ าหนักตัวออกข้างหน้าเตรี ยมเคลื่อนไหว
ลูกบอลอยูท่ ี่ 2 ผูต้ บวิง่ เข้าหาจุดที่คาดว่าลูกบอลจะตกลงมา
ลูกบอลอยูท่ ี่ 3 ผูต้ บกระโดด
ลูกบอลอยูท่ ี่ 4 ผูต้ บเหวีย่ งแขนตบลูกไปในทิศทางตามต้องการ
28
ขั้นตอนของการตบลูก A
ลูกบอลอยูท่ ี่ 1 ผูต้ บวิง่ เข้าหาคนเซตพร้อมกับกระโดด
ลูกบอลอยูท่ ี่ 2 ผูต้ บเงื้อแขนที่จะใช้ตบออกข้างหลัง
ลูกบอลอยูท่ ี่ 3 ผูต้ บเหวีย่ งแขนตามลูกบอลตามต้องการ
การสกัดกั้น
การสกัดกั้นมีอยู่ 2 แบบ คือ
1. การสกัดกั้นเป็ นรายคน
2. การสกัดกั้นเป็ นทีม
การสกัดกั้นเป็ นรายคน
วิธีปฏิบัติ เมื่อเห็ นฝ่ ายตรงข้ามเล่นลูกมือบน เตรี ยมที่จะให้อีกคนตบ ฝ่ ายป้ องกันคนที่อยู่
ใกล้คนตบลูกต้องเตรี ยมตัวกระโดดลอยตัวให้สูงที่สุด พร้อ มกับแบมือและชูมือทั้งสองขึ้นเหนื อตา
ข่ายตามทิศทางของลูกที่มา แขนอยู่ในลักษณะเกื อบขนานกับตาข่าย และสู งจากตาข่ายประมาณ
6 นิ้ว
การวางมือในการสกัดกั้น
29
ข้ อเสนอแนะ
1. แขนควรชิดกันและปลายนิ้วมือควรตะแคงกลับเพื่อป้ องกันนิ้วซึ่ งอาจจะได้รับอันตราย
2. คนที่ทาการสกัดกั้นลูกควรจะอยูห่ ่างจากตาข่ายประมาณ 2 - 3 นิ้ว
3. ส่ วนใดส่ วนหนึ่งในขณะที่กระโดดขึ้นและกระโดดลงจะต้องไม่ถูกตาข่ายหรื อเหยียบ
เส้น
4. จังหวะการกระโดดต้องให้พอดีกบั คนจะตบลูกกระโดดขึ้น
การสกัดกั้นเป็ นทีม
วิธีปฏิบัติ วิธีการสกัดกั้นเหมือนกับการสกัดกั้นเป็ นรายบุคคล เพียงแต่เป็ นการสกัดกั้นด้วย
หลาย ๆ คนพร้อมกันเท่านั้น
บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนทั้ง 3 รู ปแบบ คือ แบบสอนเนื้ อหา แบบฝึ กทักษะ และ
สร้างสถานการณ์จาลอง เป็ นรู ปแบบที่พบเห็นเป็ นส่ วนใหญ่ แต่ยงั มีบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
อี ก หลายรู ปแบบ เช่ น บทเรี ย นคอมพิ วเตอร์ ช่วยสอนเพื่อการแก้ปัญหา การสาธิ ต และ เกม
การศึ กษา ทุ ก รู ปแบบสามารถนาไปออกแบบร่ วมกับบทเรี ย นคอมพิ วเตอร์ ช่ วยสอนแบบสอน
เนื้อหา ซึ่ งความหลากหลายของรู ปแบบนี้ หากใช้ให้เหมาะสมกับผูเ้ รี ยนและทฤษฎีการเรี ยนรู ้ จะ
เป็ นประโยชน์ต่อการเรี ยนรู ้เป็ นอย่างยิง่
ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2545 : 240 – 245) และรุ จโรจน์ แก้วอุไร (2543 : 29) กล่าวถึง
แนวความคิดเกี่ ยวกับหลักการสอนของกาเย่ ทั้ง 9 ประการที่สามารถนามาใช้ในการสร้างบทเรี ยน
คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน โดยยึดหลักการนาเสนอเนื้ อหาและการจัดกิ จกรรมการเรี ยนรู ้ จากการมี
ปฏิสัมพันธ์ ซึ่ งจะออกแบบให้คล้ายคลึงกับลักษณะของการสอนจริ ง พอจะสรุ ปได้ดงั นี้
35
รายละเอียดแต่ ละขั้นตอนมีดังนี้
ผลป้ อนกลับคาแนะนา คาชี้ แจง ภาพนิ่ ง ภาพเคลื่ อนไหว ฯลฯ ในขั้นนี้ ควรที่จะมีการประเมิน
และทบทวนแก้ไขบทเรี ยนจากสตอรี่ บอร์ ดนี้จนกระทัง่ พอใจกับคุณภาพของบทเรี ยนเสี ยก่อน
ทฤษฎี น้ ี จะมุ่ ง ให้ ค วามส าคัญ ไปที่ พ ฤติ ก รรมของผูเ้ รี ย นที่ เ ปลี่ ย นแปลงอย่ า งชัด เจน
สามารถสังเกตและวัดได้ จากการรับรู ้โดยประสาทสัมผัสต่อสิ่ งเร้าทาให้เกิดการตอบสนอง รู ปแบบ
ของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจะกระทาต่อไปเรื่ อย ๆ จนเป็ นอัตโนมัติ โดยมีการเสริ มแรง (Reinforcement)
เป็ นตัวการที่จะส่ งผลต่อพฤติกรรมในการเรี ยนการสอนเพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงค์ ซึ่ งผลจากการเรี ยน
ในขั้นแรกจะเป็ นฐานในการเรี ยนขั้นต่อไป บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนที่ออกแบบการเรี ยนรู ้ ตาม
แนวคิดของทฤษฎีน้ ี จะมีโครงสร้างของบทเรี ยนในลักษณะเชิ งเส้นตรง (Linear) ผูเ้ รี ยนต้องผ่าน
การประเมินตามเกณฑ์ของวัตถุประสงค์ก่อนจึงจะผ่านบทเรี ยนต่อไป หากไม่ผา่ นต้องศึกษาใหม่
จนกว่าจะผ่านเกณฑ์การประเมิน
มีห ลัก การที ่ส าคัญ เกี ่ย วกับ การสอน การเรี ย นรู ้ก ็ค ือ นัก เรี ย นจะต้อ งสร้า งความรู ้
(Knowledge) ขึ้นในใจเอง ผูส้ อนเป็ นแค่เพียงผูช้ ่วยหรื อเข้าใจในกระบวนการนี้ โดยหาวิธีการ
จัดการข้อมูลข่าวสารให้มีความหมายแก่นกั เรี ยน (รุ จโรจน์ แก้วอุไร. 2545 : 1) เพื่อเตรี ยมความใน
การแก้ไขปั ญหาในสถานการณ์ที่มีความกากวมโดยการใช้ประสบการณ์ ของแต่ละบุคคลประกอบกับ
โครงความรู้ (Schema) บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนที่ ออกแบบตามแนวคิดนี้ จะออกแบบให้
ผูเ้ รี ยนได้เผชิ ญกับปั ญหาหรื อสถานการณ์ ที่กาหนดขึ้นเปิ ดโอกาสให้ผูเ้ รี ยนได้มีทางเลื อกในการ
แก้ปัญหาที่หลากหลาย โดยสามารถนาระบบที่ช่วยในการตัดสิ นใจแก้ปัญหาซึ่ งเรี ยกว่า Artificial
Intelligence เข้ามาช่วยเพื่อให้ผเู ้ รี ยนได้คน้ พบคาตอบด้วยตนเองจากทฤษฎีขา้ งต้นสามารถสรุ ปได้วา่
การสร้างบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน ผูส้ ร้างต้อง คานึง ถึงองค์ประกอบหลายๆ ด้าน และนาทฤษฎี
การออกแบบบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน และทฤษฎีทางด้านการศึกษา มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทุก
ทฤษฎีที่กล่าวมาข้างต้นล้วนมีความหมายและความสาคัญ ต่อการสร้างบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ที่สามารถ
47
4. งานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้ อง
เนื้ อหาผูว้ ิจยั ได้นาหัวข้อเรื่ องมาวิเคราะห์เป็ นหน่ วยย่อย และกาหนดจุดประสงค์ก ารเรี ยนรู ้ ใ ห้
ครอบคลุ มตามเนื้ อหาที่แบ่งไว้ โดยตั้งสมมติฐานว่าบทเรี ยนการสอนมีคุณภาพอยู่ในระดับดี ข้ ึ น
ไปและมีป ระสิ ท ธิ ภาพไม่ต่ า กว่า เกณฑ์ที่กาหนด 80/80 ซึ่ ง ผลการวิจยั สรุ ป ได้ว่า การพัฒนา
บทเรี ย นการสอนมีคุ ณภาพด้านเนื้ อหาอยู่ในระดับดี มาก ด้า นเทคนิ ค การผลิ ตสื่ ออยู่ในระดับ ดี
มาก และมีประสิ ทธิ ภาพเท่ากับ 84.40/85.11
ปริ ศนา ปั้ นน้อย (2545 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจยั เรื่ องบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนผ่าน
เครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต วิชาระบบปฏิบตั ิการ เรื่ องการจัดการหน่วยความจา ได้นาไปทดลองใช้กบั
นักศึกษาโปรแกรมวิทยาการคอมพิวเตอร์ ชั้นปี ที่ 1 ที่กาลังเรี ยนอยูใ่ นภาคเรี ยนที่ 2 ปี การศึกษา
2544 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของสถาบันราชภัฏเพชรบูรณ์ จานวน 30 คน พบว่าบทเรี ยน
คอมพิวเตอร์ ช่วยสอนที่พฒั นาขึ้นมีประสิ ทธิ ภาพเท่ากับ 83.3./84.67 ซึ่ งสู งกว่าเกณฑ์ที่กาหนด 80/ 80
ทิพวรรณ ชาติวงส์ (2544: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการพัฒนาบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
เพื่อช่วยการเรี ยนรู ้ภาษาแบบสถานการณ์จาลอง วิชาภาษาอังกฤษเทคนิค 1 ระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพชั้นสู ง กรมอาชี วศึกษากลุ่มตัวอย่างเป็ นนักศึกษาระดับประกาศนี ยบัตรวิชาชี พชั้นสู ง ชั้นปี ที่ 1
สาขาวิชาก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคดุสิต จานวน 39 คน ผลการวิจยั ปรากฏว่า ประสิ ทธิ ภาพของ
บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน80.22/82.33 ซึ่ งสู งกว่าเกณฑ์ที่ต้ งั ไว้ในสมมติฐาน 80/80 และผลการ
เปรี ยบเทียบคะแนนหลังเรี ยนสู งกว่าก่อนเรี ยน อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ชาตรี จาปาศรี (2540 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจยั บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนวิชาทฤษฎี
อิเล็กทรอนิ กส์ เบื้องต้น เรื่ องการใช้มลั ติมิเตอร์ ตามหลักสู ตรประกาศนียบัตรวิชาชีพกรมอาชี วศึกษา
การทดลองครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างเป็ นนักเรี ยนระดับประกาศนี ยบัตรวิชาชี พ ชั้นปี ที่ 1 สาขาวิชาช่าง
อุตสาหกรรม วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ปี การศึกษา 2539 จานวน 20 คนผูว้ ิจยั ได้ทาการทดสอบ
ก่อนการเรี ยนและให้ผูเ้ รี ย น เรี ย นด้วยตนเอง จากบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนที่ผวู ้ ิจยั สร้างขึ้น
จากนั้นให้นกั เรี ยนทาแบบทดสอบหลังเรี ยน นาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และสรุ ปผล ผลการวิจยั พบว่า
บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนเรื่ องการใช้มลั ติมิเตอร์ ที่สร้างขึ้นมีประสิ ทธิ ภาพ 85.25/84.32 สู ง
กว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ต้ งั ไว้และเป็ นไปตามสมมุติฐานการวิจยั ส่ วนคะแนนที่ได้จากการ
ทดสอบก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนด้วยคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน แตกต่างกันอย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่
ระดับ .01