You are on page 1of 25

หลักพืน้ ฐานในการฝึ กทักษะแม่ ไม้ มวยไทย

ในการฝึ กมวยไทยจาเป็ นต้องมีความรู ้ความเข้าใจหลักพื้นฐานก่อน เพราะเป็ นทักษะเบื้องต้นการเรี ยนแม่


ไม้มวยไทยและกลมวย เพื่อนาไปสู่ การมีทกั ษะในขั้นสู งต่อไป ซึ่ งหลักพื้นฐานดังกล่าว สานักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติ ได้กล่าวไว้ในศิลปะมวยไทย ดังนี้

การตั้งท่าจดมวย

การตั้งท่าจดมวย หมายถึง การวางเข่า การ วางมือให้ถูกต้องตามหลักการฝึ ก ซึ่งในการ


จดมวยนั้น ต้องทราบเหลี่ยมมวยด้วย เหลี่ยมมวย หมายถึง การแสดงการใช้มือ
และเท้าที่ถนัด ออกมาให้เห็น โดยปกติ มวยจะมี ๒ เหลี่ยม คือ เหลี่ยมซ้าย และ
เหลี่ยมขวา

เหลีย่ มซ้ าย หมายถึง การยืน่ หมัดขวาไปข้างหน้าสู งเหนือระดับหางคิ้ว ในขณะที่เท้าขวายืน่ ไปข้างหลัง หมัดซ้าย


ชิดคาง เท้าซ้ายอยูด่ า้ นหลัง ลาตัวเหยียดตรง ไม่เกร็ งปล่อยตัวตามสบาย โดยให้น้ าหนักอยูท่ ี่เท้าซ้าย ระยะห่างของ
เท้าทั้งสองข้าง ๑ ช่วงตัว สายตามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู ้ตลอดเวลา

เหลีย่ มขวา หมายถึง การยืน่ หมัดซ้ายไปข้างหน้าสู งเหนือระดับหางคิว้ ในขณะที่เท้าซ้ายยืน่ ไปข้างหลัง แขนซ้าย


ขนานกับลาตัว หมัดขวาชิดคาง เท้าขวาอยูด่ า้ นหลัง ลาตัวเหยียดตรง ไม่เกร็ งปล่อยตัวตามสบาย ให้น้ าหนักอยูท่ ี่
เท้าขวา สายตามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู ้ตลอดเวลา

การวางตาแหน่ งอวัยวะ
การวางตาแหน่งของอวัยวะที่ได้จดมวย หมายถึง การกาหมัด วางเท้า มือ และลาตัว
การกาหมัดที่ถูกต้อง คือ แบมือให้นิ้วมือทั้ง ๔ เรี ยงชิดติดกัน แล้วพับนิ้วทั้ง ๔ นิ้วเข้าหาอุง้ มือ แล้วกดทับด้วย
นิ้วหัวแม่มือลงทาบ ในลักษณะเฉี ยงกับนิ้วชี้และนิ้วกลาง เพื่อให้หมัดที่กากระชับแน่น โดยไม่เกร็ ง
การใช้ หมัด เท้า เข่ า ศอก

ศิลปะการใช้ หมัด เท้า เข่ า ศอก

เป็ นทักษะพื้นฐานของกีฬามวยไทยที่มีอยูม่ ากมายหลายแบบ ซึ่ งครู มวยต่างๆ ได้คิดค้นขึ้นมาใช้ และได้นามา


เขียน หรื อบันทึกไว้ เพื่อประโยชน์ ในการเรี ยนการสอนวิชามวยไทยในปัจจุบนั

 ศิลปะการใช้หมัด เช่น หมัดตรง หมัดตัด หมัดตวัด หมัดเสย


 ศิลปะการใช้เท้า แบ่งออกเป็ น การเตะ และการถีบ สาหรับการเตะนั้น เช่น เตะตรง เตะเฉี ยง เตะตวัด เตะ
กลับหลัง ส่ วนการถีบ เช่น ถีบตรง ถีบข้าง ถีบกลับหลัง
 ศิลปะการใช้เข่า เช่น เข่าตรง เข่าเฉี ยง เข่าตัด เข่าโค้ง เข่าลอย

ศิลปะการใช้ศอก เช่น ศอกตี ศอกตัด ศอกงัด ศอกพุง่ ศอกกระทุง้ ศอกกลับ

๑) การใช้ หมัด

หมัดตรง หมายถึง การใช้หมัด ที่ถนัดมุ่งไปยังเป้ าหมาย โดยอาศัยแรงจาก


หัวไหล่ ลาตัว และเท้ายันพื้น โดยน้ าหนักตัวอยูท่ ี่เท้าหน้า ใช้แรงส่ งจาก
เท้าหลังและสะโพก หัวไหล่

หมัดตัด หมายถึง การใช้หมัด เหวีย่ งในลักษณะโค้งเป็ นครึ่ งวงกลม


บริ เวณลาตัว ใบหน้า หรื อศีรษะ ของคู่ต่อสู ้ ผูร้ ู ้บางคนเรี ยกว่า "หมัด
เหวีย่ ง" แบ่งออกเป็ น หมัดเหวีย่ ง สั้น และหมัดเหวีย่ งยาว

หมัดตวัด หมายถึง การใช้สันหมัดกดลง บริ เวณอวัยวะสาคัญของคู่ต่อสู ้ ใน


ลักษณะเหยียดแขนออกไป พร้อมชกตวัด วงแคบ
หมัดเสย หมายถึง การใช้ หมัดชกเข้าหาคู่ต่อสู ้โดยงอศอก เกร็ งข้อศอกหงาย
หมัด แล้วพุง่ หมัดยกขึ้นสู่ เป้ าหมาย ได้แก่ ปลายคาง ดั้งจมูก หรื อใบหน้าคู่
ต่อสู ้

๒) การใช้ เท้า

การใช้เท้าจะแบ่งออกเป็ น ๒ ไม้ คือ การเตะ และการถีบ

การเตะ

หมายถึง การใช้อวัยวะส่ วนขาตั้งแต่เอวลงไปจนถึงปลายเท้า

 เตะตรง หมายถึง การเตะเสยจากพื้นขึ้นไปส่ วนบนในลักษณะตั้งฉากกับพื้น


 เตะตัด หมายถึง การเตะที่ใช้เท้าวาดขึ้นขนานกับพื้น สามารถเตะตัดได้ท้ งั ส่ วนล่างของลาตัว และ
ส่ วนบนของอวัยวะ
 เตะตวัด หรื อเตะเฉี ยง หมายถึง การเตะที่ทิศของการเตะจะเฉี ยงลงพื้นสู่ เป้ าหมาย
 กลับหลังเตะ หมายถึง การหมุนตัวหันหลังให้คู่ต่อสู ้ แล้วเหวีย่ งขาที่วางอยูด่ า้ นหลังให้ส้นเท้าปะทะ
เป้ าหมาย
การถีบ

หมายถึง การใช้ปลายเท้า ฝ่ าเท้า หรื อส้นเท้าปะทะคู่ต่อสู ้ ปลายเท้าปะทะคู่ต่อสู ้

การถีบตรง หมายถึง การ ถีบออกไปตรงๆ ให้ปลายเท้า ส้นเท้า


หรื อฝ่ าเท้าปะทะเป้ าหมาย ในส่ วนต่างๆ ของคู่ต่อสู ้ โดยอาจเหยียด
เท้าตรง หรื องอเท้าเข้าถีบก็ ได้
การถีบข้าง หมายถึง การ ใช้ปลายเท้าถีบออกไปด้านข้างของลาตัว
โดยเอียงศีรษะออกไปห่าง จากลาตัว
การกลับหลังถีบ หมายถึง การถีบตรงออกไปด้านหลัง อาจ
เหยียดขาตรง หรื องอขา แล้วเหยียดตรงออกไปยังเป้ าหมาย
การถีบจิก หมายถึง การใช้ปลายเท้าที่ถนัดจิกไปบริ เวณหน้าท้อง หรื อลิ้นปี่ ของคู่ต่อสู ้ โดยอาศัยแรงส่ งจากเท้าที่
ไม่ถนัด

๓) การใช้ เข่ า

หมายถึง การใช้อวัยวะส่ วนที่เป็ นข้อต่อระหว่างกระดูกขาส่ วนบนกับกระดูกขาส่ วนล่าง แล้วงอพับขา กระทุง้ ไป


ยังเป้ าหมายของคู่ต่อสู ้

 เข่าตรง หมายถึง เข่าพุง่ ตรงไป ข้างหน้าเข้าสู่ เป้ าหมาย


 เข่าเฉี ยง หมายถึง เข่าตีเฉี ยงเข้าสู่ เป้ าหมายด้านตรงกับเข่าที่พงุ่ ออกไป
 เข่าโค้ง หมายถึง การบิดสะโพก ให้คว่าลง พร้อมกับเหวีย่ งขาให้มีรัศมี
โค้งจากบนลงล่าง ปะทะ เป้ าหมาย ให้ปลายเท้าเหยียดเป็ น
เส้นตรงกับขาและเข่า
 เข่าโยน หมายถึง การกระโดด โยนเข่าขึ้นไปตรงๆ คล้ายๆ เข่าลอย
เป้ าหมายที่ปลายคาง และหน้าอก ของคู่ต่อสู ้
 เข่าลอย หมายถึง การกระโดดขึ้น สู ง ทะยานกับเข่าโยน แต่เข่าลอยสู่ พ้นื
สู งกว่า
๔) การใช้ ศอก

การใช้ศอกขั้นพื้นฐานมีลกั ษณะดังนี้

 ศอกตี บางคนเรี ยกว่า ศอกสับ โดยใช้วธิ ี การตีศอกจากบนสู่ ล่าง เฉี ยงซ้ายคล้ายมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตัว
ตี โดยมีแรงส่ งจากไหล่ ลาตัว และเท้า
 ศอกตัด หมายถึง การตีศอกตัดขนานไปสู่ เป้ าหมาย
 ศอกงัด หมายถึง การตีศอกจากกลาง งัดขึ้นไปข้างบน ตรงเป็ นมุมฉาก
 ศอกกระทุง้ หมายถึง การใช้ศอกพุง่ ออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุง้ แก้ไขสถานการณ์ที่คู่ต่อสู ้ประชิด
เข้ามาด้านหลัง
 ศอกกลับ หมายถึง การหมุนตัวตีศอก กลับไป
ทางด้านหลัง ตามจังหวะที่สัมพันธ์กบั การเคลื่อนตามเท้า
การเคลือ่ นที่

การเคลื่อนที่ หรื อการเคลื่อนไหว เป็ นพื้นฐานของการใช้แม่ไม้มวยไทย ทั้งการรุ กและการรับ โดยการเคลื่อนที่ใน


การฝึ กมวยมีดงั นี้

๑) การรุ กและถอยเป็ นเส้ นตรง

ก. การรุ กหรือถอย แบบเดินหน้ าหรือถอยหลังโดยการลากเท้ า

คือ ถ้ารุ กไปข้างหน้า ก็เดินหน้าและให้เท้าหลังลากตามเป็ นจังหวะ โดยอาจยกเท้าหรื อไม่ก็ได้ ในขณะที่เวลาถอย


ก็ใช้แรงส่ งจากเท้าหน้า ให้เท้าหลังก้าวออกไป แล้วเท้าหน้าก้าวตามเป็ นจังหวะ โดยอาจยกเท้าหรื อไม่ก็ได้

ข. การรุ กหรือถอย แบบสลับมือเท้ า

หมายถึง การรุ กที่มีการสลับมือและเท้าตามข้อ ๑) และถอยสลับมือและเท้าตามข้อ ๑) เมื่อฝึ กได้อย่างมีทกั ษะแล้ว


ใช้เดินรุ กสลับเท้าและถอยสลับเท้าให้คล่องแคล่ว จะช่วยให้นาไปใช้ในการฝึ กทักษะขั้นสู งต่อไป
๒) การรุ กและถอยฉาก

ก. การรุ กเป็ นมุมฉาก

หมายถึง การเพิ่มจากการรุ กธรรมดาโดยใช้เท้าที่ไม่ถนัดตั้งนา เท้าที่ไม่ถนัดไปข้าง เท้าที่ถนัดส่ งตาม ต่อจากนั้น


ใช้เท้าที่ไม่ถนัด ลากออกไปด้านข้าง ส่ งเท้าที่ถนัดตามไปอยูด่ า้ นหน้าเท้าที่ไม่ถนัด ลักษณะการเคลื่อนที่เป็ น
ลักษณะอยูใ่ นมุมฉาก ดังนี้

๑. การรุ กฉากขวาแบบธรรมดาจากการตั้งท่าขวานา
วิธีฝึก
จังหวะที่ ๑ รุ กไปด้านหน้าในท่าธรรมดา
จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าขวาฉากไปทางขวาเล็กน้อย
จังหวะที่ ๓ ก้าวเท้าซ้ายฉากไปทางขวาโดยให้เท้าซ้ายไปอยูข่ า้ งหน้าเท้าขวา

๒. การรุ กฉากซ้ายแบบรุ กเท้าสลับจากการตั้งท่าขวานา


วิธีฝึก
จังหวะที่ ๑ รุ กไปด้านหน้าแบบรุ กธรรมดา
จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าซ้ายฉากไปทางซ้ายเล็กน้อย
จังหวะที่ ๓ ชักเท้าขวาฉากตาม ให้อยูด่ า้ นหน้าเท้าซ้าย

ข. การถอยฉาก

หมายถึง การถอยเพื่อต้องการให้ตาแหน่งของการตั้งท่าเปลี่ยนทิศทางไม่ให้เป็ นเป้ าหมายของคู่ต่อสู ้ในขณะ


รุ ก สามารถถอยฉากได้ดงั นี้

๑. ฉากขวาจากการตั้งท่ามือซ้าย เท้าซ้ายอยูห่ น้า


วิธีฝึก
จังหวะที่ ๑ ถอยไปด้านหลังโดยการถอยแบบเท้านาเท้าตาม
จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าขวาฉากไปทางด้านขวา
จังหวะที่ ๓ ก้าวเท้าซ้ายเฉี ยงไปทางขวาให้
ไปอยูห่ น้าเท้าขวา
๒. ฉากขวา (ไม่ตอ้ งถอย) จากการตั้งท่ามือซ้ายอยูห่ น้า
วิธีฝึก
จังหวะที่ ๑ ก้าวเท้าขวาฉากไปทางขวาเพียงเล็กน้อย
จังหวะที่ ๒ ชักเท้าซ้ายเฉียงไปทางขวา ให้มาอยูห่ น้าเท้าขวา การตั้งท่าเท้าซ้ายนา

๓. ฉากซ้ายจากการตั้งท่ามือซ้าย เท้าซ้ายอยูห่ น้า


วิธีฝึก
จังหวะที่ ๑ ถอยไปข้างหลังแบบเท้านาเท้าตาม
จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าซ้ายฉากไปทางด้านซ้าย
จังหวะที่ ๓ ชักเท้าขวาถอยหลังให้ไปอยูห่ ลังเท้าซ้ายในลักษณะการตั้งท่าซ้ายนาอยูห่ น้า

๔. ฉากซ้าย (ไม่ตอ้ งถอย) จากการตั้งท่ามือซ้าย เท้าซ้ายอยูห่ น้า


วิธีฝึก
จังหวะที่ ๑ ก้าวเท้าซ้ายเฉี ยงไปทางซ้ายเล็กน้อย
จังหวะที่ ๒ ชักเท้าขวาไปข้างหลังเท้าซ้ายให้มาอยูใ่ นลักษณะการตั้งท่าแบบซ้ายนา
๓) การเคลือ่ นทีเ่ ป็ นวงกลม

การเคลื่อนที่เป็ นวงกลม คือ การเคลื่อนที่โดยใช้การรุ กและการถอยแบบการเคลื่อนที่ของแบบเท้าธรรมดา ใน


ลักษณะเท้านาเท้าตาม ที่เคลื่อนที่ไปด้านหน้า ด้านหลัง ไปทางซ้าย หรื อไปทางขวา

ก. การเคลือ่ นทีต่ ามแนวรอบวงกลม

การเคลื่อนที่แบบนี้ให้เคลื่อนที่ตามคู่ต่อสู ้ไปเป็ นวงกลม ถ้าจะรุ กหรื อถอยให้ใช้แบบการรุ กและถอยแบบธรรมดา


คือ ใช้แบบเท้านาเท้าตาม หรื อจะใช้การรุ กแบบเท้าสลับก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยูก่ บั โอกาสของการเคลื่อนที่

ข. การเคลือ่ นทีไ่ ปทางซ้ าย หรือทางขวา

การเคลื่อนที่แบบนี้เป็ นการเคลื่อนที่โดยมีคู่ต่อสู ้เป็ นแกนกลาง มี ๒ จังหวะ คือ

จังหวะที่ ๑ การเคลื่อนที่แบบนี้เป็ นการเคลื่อนที่ไปทางด้านขวา การเคลื่อนที่จะต้องเอาเท้าหลังไปก่อน


จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าหน้าตามเท้าหลัง หากเคลื่อนที่ไปทางด้านซ้ายจะต้องใช้เท้าหน้านาไปก่อน แล้วเอาเท้าหลัง
เคลื่อนตามไป
การก้าวย่าง

การก้าวย่าง หมายถึง การเดินหรื อลากเท้านัน่ เอง ใช้ในโอกาสทั้งรุ กและถอย ลักษณะการก้าวย่างในมวยไทยนั้น


คือ การยกเข่าขึ้นสู งพร้อมทั้งยกแขนขึ้นเป็ นแนว การยกเข่าขึ้นให้ติดกับศอกหรื อเกือบติดกับศอก เข่าที่ยกนั้น
อาจยกก่อนแล้วลากเท้า การเคลื่อนที่ลกั ษณะดังกล่าวนี้เรี ยกว่า "การก้าวย่าง" บางครั้งอาจลากเท้าไปข้างหน้า
ก่อนยกเข่าขึ้น
ในบางโอกาสอาจถอย
แล้วยกเข่าเกือบติดศอกก็ได้ การที่ยกเข่าขึ้นติดศอก
เป็ นการป้ องกันคู่ต่อสู ้ บางครั้ง อาจทาสลับกันได้ ทั้ง
ด้านซ้ายนาและขวานา

๑) การย่ างสามขุม
การย่างสามขุม คือ การเดินจุด ๓ จุด โดยการเปลี่ยน
ตาแหน่งของเท้าการเดินให้ กาหนดจุดที่ใช้ในการ
เปลี่ยนตาแหน่งของเท้า เช่น เท้าซ้ายอยูข่ า้ งหน้า ให้
เปลี่ยนไปเป็ นอยูข่ า้ งหลัง กล่าวคือ เป็ นการ
เปลี่ยนเหลี่ยมของร่ างกาย นัน่ เอง
การย่างสามขุมให้ชานาญนั้น จะต้องฝึ กการย่า การ
ก้าวย่าง และการย่างสามขุม ทั้งนี้ การกระทา
ดังกล่าวอาจป้ องกัน หลบหลีก บางครั้งใช้ในการรับ
หรื อการรุ กได้อย่างมี ประสิ ทธิภาพ

๒) การย่ างสุ ขเกษม


การย่างสุ ขเกษม คือ การก้าวย่าง หรื อการเคลื่อนที่ โดยการก้าวเท้าออกไปด้านนอกตัว พร้อมกับการยกตัวใช้มือ
ปั ดลงมาข้างล่าง ในขณะที่อีกมือหนึ่งยกขึ้นระดับใบหน้า เพื่อป้ องกันอาวุธ ส่ วนที่ปัดลงมา ใช้ในกรณี ที่คู่ต่อสู ้ถีบ
มาหาเรา ให้ใช้มือปั ดป้ องกัน ส่ วนมือที่อยูข่ า้ งบน ก็ใช้ป้องกันอาวุธได้ ทั้งนี้ ในการกระทานั้นจะต้องบิดสะโพก
ตามไปด้วย พร้อมกับปั ดมือล่างให้ผา่ นลาตัว ส่ วนเท้าเคลื่อนที่กา้ วไปพร้อมกับการปั ดมือผ่านลาตัว
ศิลปะการรุ กและรับ

ศิลปะการรุ กและรับ หมายถึง การเลือกใช้ไม้มวยไทยและกลวิธีต่างๆ ให้ผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดประสิ ทธิ ภาพ


ไม้มวยไทยที่ใช้ในการชกมวยไทย ได้แก่ หมัด เท้า เข่า และศอก การใช้หมัดชกคู่ต่อสู ้ เรี ยกว่า "ไม้ หมัด" การใช้
เท้าเตะคู่ต่อสู ้เรี ยกว่า "ไม้ เตะ" การใช้เท้าถีบเรี ยกว่า "ไม้ ถีบ" การใช้เข่าเรี ยกว่า "ไม้ เข่ า" การใช้ศอกเรี ยกว่า "ไม้
ศอก" และยังมีการแบ่งตามลักษณะความสั้น-ยาวของการใช้ไม้มวยไทย โดยแบ่งออกเป็ น ๒ ลักษณะ คือ ไม้ส้ นั
และไม้ยาว เช่น การใช้หมัดเหวีย่ งสั้น หมัดงัด ศอกและเข่า เรี ยกว่า "ไม้ ส้ั น" การใช้เท้าเตะ ใช้เท้าถีบ หมัดเหวีย่ ง
ยาว เรี ยกว่า "ไม้ ยาว"

ดังนั้นการเตะ ถีบ เข่า และศอก เรี ยกว่า "แม่ ไม้ " ส่ วนการต่อย หมัดงัด หมัดเหวีย่ งสั้น-ยาว การเตะตรง เตะตัด
เตะตวัด เตะเฉี ยง เตะกลับหลัง ถีบตรง ถีบข้าง ถีบกลับหลัง เข่าตรง เข่าเฉี ยง เข่าตัด เข่าลอย ศอกตี ศอกตัด ศอก
กลับหลัง ศอกพุง่ เหล่านี้เรี ยกว่า "ลูกไม้ "
๑)ศิลปะการรุ ก

ไม้รุก หมายถึง หลักวิชาการในการใช้ไม้มวยต่างๆ มาประกอบกันเพื่อเป็ นการรุ กโจมตีคู่ต่อสู ้ มีท้ งั การหลอกล่อ


และเข้าสู ้กนั จริ ง โดยทัว่ ไปไม้นาของไม้รุกจะเป็ นไม้ยาว มีความเร็ ว รัดกุม มีหลักมัน่ คง สามารถใช้ไม้อื่นต่อไป
ได้ เช่น การถีบตรง การเตะเฉี ยง เตะลิด ส่ วนไม้ตามนั้นจะเป็ นไม้ยาวหรื อไม้ส้ นั ก็ได้

ทั้งนี้ ขึ้นอยูก่ บั การใช้ไม้จงั หวะแรกว่าได้ผลดีประการใด ดังนั้นจึงนิยมใช้ไม้มวยแบบสลับบนล่าง หรื อซ้ายสลับ


ขวา เพื่อให้คู่ต่อสู ้พะวง ถ้าใช้ไม้รุกเฉพาะส่ วน หรื อส่ วนล่างอย่างเดียวจะง่ายต่อการป้ องกันแก้ไข

โดยทัว่ ไปไม้รุกมีต้ งั แต่จงั หวะเดียวขึ้นไปจนไม่จากัดจานวน แต่นิยมใช้และได้ผลดี รวมไปถึงการฝึ กหัดได้ง่าย


คือ ไม้รุก ๑ จังหวะ ๒จังหวะ และ ๓ จังหวะ

๑. ไม้ รุก ๑ จังหวะ

หมายถึง การรุ กเข้าไปแล้วใช้ไม้มวยเพียงอย่างเดียว เช่น การชกหมัดตรงขวา เตะขวา โยนเข่าขวาหรื อด้านที่ถนัด


ที่สุด เรี ยกว่า "ไม้ รุกจังหวะเดียว"

๒. ไม้ รุก ๒ จังหวะ

หมายถึง การรุ กเข้าไปใช้ไม้มวย ๒ จังหวะ โดยในจังหวะที่ ๑ เป็ นไม้หลอก เพื่อให้คู่ต่อสู ้เสี ยหลัก แล้วตามไปใช้
ไม้จริ งในจังหวะที่ ๒ ต้องตามกันไปอย่างรวดเร็ ว เรี ยกว่า "ไม้ รุก ๒ จังหวะ"

๓. ไม้ รุก ๓ จังหวะ

หมายถึง การรุ กเข้าไปใช้ไม้มวยจังหวะที่ ๑, ๒ และ ๓ ติดต่อกัน เช่น ต่อยหมัดนา หมัดตรง แล้วเตะตาม ถ้าฝึ กจน
เกิดความชานาญแล้ว ก็สามารถใช้ไม้ส้ นั เช่น ศอก เข่า หมัดตวัด หมัดงัด เป็ นไม้นาได้เช่นกัน

๔. ไม้ รุก ๔ จังหวะ

หมายถึง การรุ กเข้าไปใช้ไม้มวยจังหวะที่ ๑, ๒ และ ๓ ติดต่อกัน และไม้รุกที่ออกไปต่างก็หวังผลทั้งหมด แล้วแต่


โอกาส ส่ วนมากจังหวะที่ ๑ และ ๒ เป็ นไม้หลอก จังหวะที่ ๓ และ ๔ เป็ นไม้จริ ง
๒) ศิลปะการรับ

ไม้รับ หมายถึง หลักวิชาการในการนาเอาไม้มวยต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขการจู่โจมของฝ่ ายรุ ก ไม้


มวยชนิดหนึ่ง อาจแก้การจู่โจมของไม้มวยชนิดเดียวกัน หรื อต่างชนิดก็ได้ หรื อแก้ทีละไม้ เช่น แก้การต่อย แก้การ
เตะ แก้การถีบ แก้การศอก แต่ในการชกมวยจริ งๆ ไม่ได้ชกหรื อเตะเพียงจังหวะเดียว แต่จะรุ กเป็ นชุด เช่น ต่อยนา
เตะตาม แล้วเข่าตาม หรื อต่อยตามเข่า ความหมายรวมไปถึงการทาทุกอย่างเพื่อแก้ไขการจู่โจม เช่น การถอยออก
ให้พน้ ระยะ เพื่อไม่ให้ถูกอาวุธของคู่ต่อสู ้ การหลบหลีก การปั ดป้ อง และการตอบโต้ ซึ่ งมีการชิงลงมือก่อน การ
ถอยแล้วตอบโต้ การหลบหลีกแล้วตอบโต้ ไม้รับในที่น้ ีจะกล่าวถึงการรับไม้มวยของคู่ต่อสู ้ทีละชนิดตามลาดับ
เริ่ มตั้งแต่รับการต่อย รับการเตะ รับการถีบ รับการเข่า และรับการศอก โดยอาศัยการถอย หลบหลีก ปั ดป้ อง และ
ตอบโต้ดว้ ยไม้มวยต่างๆ ดังต่อไปนี้

๑. การหลอกล่อ
หมายถึง การเคลื่อนไหวร่ างกายเพื่อให้คู่ต่อสู ้เข้าใจผิด หรื อเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู ้จบั ทางเราได้ แบ่งออกเป็ น ๓ ลักษณะ
ซึ่ งเป็ นการเคลื่อนไหวอวัยวะต่างๆ โดยไม่เคลื่อนที่ไปจากที่เดิม คือ

 หลอกด้วยสายตา คือ มองสู งแต่ใช้ไม้มวยไปสู่ เป้ าหมายที่ต่า หรื อมองต่าแต่ใช้ไม้มวยไปสู่ เป้ าหมายที่สูง
 หลอกด้วยศีรษะ คือ การเคลื่อนไหวศีรษะไปมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เพื่อให้คู่ต่อสู ้หลงทาง
 หลอกล่อด้วยการเคลื่อนไหวลาตัว คือ การอาศัยความอ่อนตัว เช่น การโยกเอวหรื อโยกลาตัวไปทางซ้าย
และขวา

๒. การถอยให้ พ้นระยะ
หมายถึง การถอยให้ห่างจากคู่ต่อสู ้ อาจกระโดดเคลื่อนเท้าถอยหลัง หรื อก้าวถอยหลัง แต่ตอ้ งให้พน้ ระยะไม้มวย
ของคู่ต่อสู ้ ในการถอยเมื่อพ้นระยะแล้ว จะต้องอยูใ่ นท่าที่พร้อมจะตอบโต้คู่ต่อสู ้ทนั ที

๓. การโยกตัวหรือการเอนตัวให้ พ้นระยะ
หมายถึง การโยกตัวหรื อเอนตัวออกให้พน้ ระยะคู่ต่อสู ้

๔. การหลบหลีก
หมายถึง การเคลื่อนไหวส่ วนต่างๆ ของร่ างกาย เพื่อหลบหลีกไม้มวยของคู่ต่อสู ้ที่จู่โจมมา อาจใช้วธิ ี กม้ ตัวหลบ
ด้านซ้ายและขวา
๕. การปัดให้ เบี่ยงเบนออกไป
หมายถึง การใช้มือหรื อแขนปัดไม้มวยไปยังเป้ าหมายอื่น

๖. การปัดป้อง
หมายถึง การใช้ส่วนต่างๆ ที่แข็งแรงของร่ างกายปั ดป้ องอวัยวะที่เป็ นจุดอ่อนของร่ างกาย เช่น การใช้เข่าปั ดป้ อง
ท้อง รวมถึงบริ เวณลาตัว การใช้ศอกและเข่าบริ เวณหน้าอก

๗. การบังเกาะจับ
หมายถึง การบังไม่ให้ไม้มวยคู่ต่อสู ้ปะทะกับตัวเรา การบังนั้นจะต้องอาศัยการผ่อนแรงถูกจังหวะและเหมาะสม
จึงจะได้ผลดี เมื่อบังเกาะจับได้แล้ว ก็สามารถใช้ไม้มวยตอบโต้ได้ทนั ที

๘. การทาให้ ล้ม
ในมวยไทยมีหลายแบบ แต่ที่ถูกต้องตามกติกาคือ ใช้วธิ ี การบังเกาะจับแล้วผลักให้ลม้ หรื อการกอดรัดแล้วเหวีย่ ง
ให้ลม้

ศิลปะการตอบโต้

ศิลปะการตอบโต้ หมายถึง การใช้ไม้มวยตอบโต้คู่ต่อสู ้ดว้ ยวิธีการต่างๆ ได้แก่

๑) ถอยแล้วตอบโต้
หมายถึง การถอยให้พน้ ระยะไม้มวยที่จู่โจมมา แล้วจึงใช้ไม้มวยตอบโต้คู่ต่อสู ้ทนั ที

๒) การหลบหลีกแล้วตอบโต้
หมายถึง การเคลื่อนไหวส่ วนต่างๆ ของร่ างกาย เพื่อหลบหลีกให้พน้ ระยะไม้มวยของคู่ต่อสู ้ เช่น การก้มตัว การ
เอนตัว การย่อขา การเคลื่อนไหว

๓) การชิงทาแล้วตอบโต้
หมายถึง การใช้ไม้มวยตอบโต้คู่ต่อสู ้ที่ใช้ไม้รุกมายังเรา โดยให้ไม้มวยของเราออกไปให้ถึงเป้ าหมายก่อน
๔) การปิ ดป้องแล้วตอบโต้
หมายถึง การใช้ส่วนต่างๆ ที่แข็งแรงของร่ างกายปิ ดป้ องเป้ าหมายที่คู่ต่อสู ้จะจู่โจม ซึ่ งส่ วนมากเป็ นบริ เวณจุดอ่อน
ของร่ างกาย เช่น ปลายคาง ใบหน้า คอ หน้าอก ลาตัว ลิ้นปี่ ท้อง ขาพับ

๕) การปัดให้ เบี่ยงเบนออกไปจากไม้ มวยของคู่ต่อสู้


หมายถึง การใช้มือหรื อแขนปัดไม้มวยไปยังเป้ าหมายอื่น

๖) การทาให้ ล้ม
ในมวยไทยมีหลายแบบ แต่ที่ถูกต้องตามกติกา โดยใช้วธิ ี การบังเกาะจับ หรื อทุ่มด้วยสะโพก
แม่ ไม้ มวยไทย

หมายถึง ท่าของการใช้ศิลปะมวยไทยที่สาคัญที่สุด อันเป็ นพื้นฐานของการใช้ไม้มวยไทย ซึ่ งผูฝ้ ึ กมวยไทยต้อง


เรี ยนรู ้ และปฏิบตั ิให้ได้ก่อนที่จะฝึ กลูกไม้ถือว่าเป็ นการใช้ไม้มวยไทยที่ละเอียดขึ้น บูรพาจารย์ผทู ้ รงคุณวุฒิได้
จัดแบ่งแม่ไม้มวยไทยออกเป็ น ๑๕ ไม้ ได้แก่

 สลับฟันปลา
 ปักษาแหวกรัง
 ชวาซัดหอก
 อิเหนาแทงกริ ช
 ยอเขาพระสุ เมรุ
 ตาเถรค้ าฝัก
 มอญยันหลัก
 ปักลูกทอย
 จระเข้ฟาดหาง
 หักงวงไอยรา
 นาคาบิดหาง
 วิรุฬหกกลับ
 ดับชวาลา
 ขุนยักษ์จบั ลิง
 หักคอเอราวัณ
ท่าสลับฟันปลา (รับด้านนอก)
ฝ่ ายรุ ก
เดินเข้ามาชกด้วยหมัดซ้าย ตรงไปที่ใบหน้าของฝ่ ายรับ
ฝ่ ายรับ
ใช้มือซ้ายปั ดหมัดฝ่ ายรุ กที่ขอ้ มือ ส่ วนมือขวากระแทกไปที่หวั ไหล่ดา้ นนอก ของฝ่ ายรุ ก
ท่าปักษาแหวกรัง (รับด้ านใน)
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้า มือซ้ายตั้งมัน่ พร้อมที่จะชกหมัด

ฝ่ ายรับ
ก้าวเท้าขวา ทแยงเฉี ยงด้านขวาสื บเท้าเข้าวงใน ทิ้งน้ าหนักตัวลงบนเท้าขวา ใช้แขนซ้ายปั ดหมัดให้พน้ ใบหน้า มือ
ขวากระแทกไปที่หวั ไหล่ดา้ นในของฝ่ ายรุ กทันที

ท่าชวาซัดหอก

ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่บริ เวณหน้าของฝ่ ายรับ มือขวาตั้งมัน่

ฝ่ ายรับ
รี บก้าวเท้าซ้ายเฉี ยงออกวงนอก ทิ้งน้ าหนักตัวลงบนเท้าซ้าย โดยพุง่ ตัวเข้าหาคู่ต่อสู ้ แขนขวายกขึ้นปั ดหมัดฝ่ ายรุ ก
ให้เบนออกพ้นตัว แขนซ้ายยกศอกกระแทกเข้าชายโครงของฝ่ ายรุ ก
ท่าอิเหนาแทงกริช
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่บริ เวณหน้า ของฝ่ ายรับ มือซ้ายตั้งมัน่

ฝ่ ายรับ
รี บก้าวเท้าขวาทแยงเข้าวงใน ทิ้งน้ าหนักลงบนเท้าขวา ยกแขนซ้ายขึ้นปั ดหมัดให้พน้ ตัว แขนขวางอศอก เพื่อส่ ง
ศอกกระแทกที่ชายโครงของฝ่ ายรุ ก

ท่ ายอเขาพระสุ เมรุ
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยชกด้วยหมัดขวา ตรงเข้าบริ เวณหน้าของฝ่ ายรับ มือซ้ายตั้งมัน่
ฝ่ ายรับ
รี บก้มศีรษะให้หมัดผ่านศีรษะไป พร้อมกับสื บเท้าขวาไปข้างหน้าเล็กน้อย ให้ได้จงั หวะหมัด แล้วชกหมัดขวา
เข้าสู่ ปลายคาง ของฝ่ ายรุ กทันที
ท่าตาเถรคา้ ฝัก
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยชกด้วยหมัดขวาตรงเข้าบริ เวณหน้าของฝ่ ายรับ มือซ้ายตั้งมัน่

ฝ่ ายรับ
รี บสื บเท้าขวาไปข้างหน้าเข้าวงในของฝ่ ายรุ ก ทิง้ น้ าหนักตัวลงบนเท้าขวา พร้อมกับงอแขนซ้ายยกขึ้นตรงหน้า
ปั ดกระแทกขึ้น ให้หมัดฝ่ ายรุ กพ้นศีรษะไป มือขวาชกเข้าสู่ ปลายคางของฝ่ ายรุ กทันที

ท่ามอญยันหลัก
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยชกด้วยหมัดซ้ายตรงเข้าบริ เวณหน้าของฝ่ ายรับ

ฝ่ ายรับ
รี บยกแขนทั้งสองขึ้นป้ องกันหน้า พร้อมกับยกเท้าขวาถีบเข้าที่ยอดอกหรื อท้องของฝ่ ายรุ ก ให้กระเด็นไป
ท่ าปักลูกทอย
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าเตะเหวีย่ งด้วยเท้าซ้ายเป้ าหมายคือ ศีรษะฝ่ ายรับ มือทั้งสองตั้งมัน่

ฝ่ ายรับ
รี บสื บเท้าเข้าหาครึ่ งก้าว พร้อมกับหมุนตัว เอาเท้าขวาเป็ นแกน หันหน้าเข้าหาทิศทางที่เท้าเตะมา ยกศอกขวา
ตั้งขึ้นระดับหน้าแข้ง มือซ้ายตั้งการ์ ดปิ ดระดับต้นคอให้มนั่ เพื่อป้ องกันพลาดถูกใบหน้า

ท่าจระเข้ ฟาดหาง
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงสุ ดแรง จนตัวเสี ยหลักถลันเข้าไปข้างหน้า

ฝ่ ายรับ
ก้าวเท้าซ้ายทแยงออกวงนอก เอี้ยวตัวให้หมัดผ่านทางไหล่ขวา ในระยะ ๑ คืบ แล้วใช้เท้าซ้ายเป็ นหลัก หมุนให้
ส้นเท้ากระแทกที่ศีรษะ ของฝ่ ายรุ ก
ท่านาคาบิดหาง
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าหา พร้อมเตะเหวีย่ งด้วยเท้าขวา มือทั้งสองตั้งมัน่

ฝ่ ายรับ
รี บพลิกตัวหันหน้าไปทางเท้าที่กาลังเตะมา น้ าหนักตัวทิ้งบนเท้าซ้าย เท้าขวาอยูใ่ นหลักยืนมวย แบบสิ งหยาตร มือ
ขวาตั้งฝ่ ามือปะทะปลายเท้า มือซ้ายแบหงาย ตะปบส้นเท้า แล้วใช้มือที่จบั ปลายเท้า พลิกบิดออกด้านนอก มือซ้าย
จับส้นเท้าฝ่ ายรุ ก ดึงเข้าหาตัว พร้อมกับใช้เข่ากระแทกไปที่น่อง

ท่าหักงวงไอยรา
ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าหาพร้อมยกเท้าเข้าเตะกราดบริ เวณชายโครง มือทั้งสองตั้งมัน่

ฝ่ ายรับ
ก้าวเท้าซ้ายเข้าหาฝ่ ายรุ กในระยะเกือบชิดตัวอย่างรวดเร็ ว หันหน้าเข้าหาทิศทาง ที่ฝ่ายรุ กเตะมา กระแทกศอกขวา
สู่ บริ เวณโคนขาฝ่ ายรุ ก พร้อมแขนซ้ายโอบจับตรงบริ เวณน่อง ยกขาให้สูง เพื่อให้เสี ยหลัก ป้ องกันฝ่ ายรุ กใช้ศอก
ถองที่ศีรษะ
ท่ าวิรุฬหกกลับ

ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าหา พร้อมทั้งยกเท้าเตะกราดตรงบริ เวณชายโครง

ฝ่ ายรับ
รี บพลิกตัวทแยงหันหน้าสู่ ทิศทางที่เท้าเตะมา ใช้เท้าซ้ายเป็ นหลักยืนให้มนั่ ยกเท้าขวากระแทกด้วยส้นเท้าที่ตน้ ขา
ให้สะท้อนกลับไป มือทั้งสองตั้งให้มนั่ เพื่อป้ องกันพลาดถูกชายโครง

ท่าหักคอเอราวัณ

ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าหา ชกด้วยหมัดขวาตรงบริ เวณหน้าของฝ่ ายรับ

ฝ่ ายรับ
ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า ใช้หมัดทั้งสองจับที่ตน้ คอฝ่ ายรุ ก จากนั้นก็กระแทกเข่าขวาไปที่หน้า ของฝ่ ายรุ ก
ท่าดับชวาลา

ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเข้าชกหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้าของฝ่ ายรับ

ฝ่ ายรับ
ก้าวเท้าซ้ายทแยงเฉี ยงออกวงนอก ทิ้งน้ าหนักตัวบนเท้าซ้าย ใช้มือซ้ายกดแขนขวา ของฝ่ ายรุ กให้เบนและลงต่า
รี บชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้า ให้เป็ นจังหวะเดียวกับมือซ้ายที่กดลงนั้นอย่างรวดเร็ ว

ท่ าขุนยักษ์ จับลิง

ฝ่ ายรุ ก
เดินมวยเขาชกหมัดซ้ายตรงเข้าที่บริ เวณหน้าของฝ่ ายรับ พร้อมกับเตะเท้าขวา ตรงบริ เวณชายโครง ตามด้วยศอก
ขวาอย่างรวดเร็ ว

ฝ่ ายรับ
รี บก้าวเท้าซ้ายสื บเข้าหาตัว ก้าวเท้าขวา ยกแขนทั้งสองข้างปั ดการเตะที่แข้งขวาของฝ่ ายรุ ก พร้อมยกแขนซ้าย
ป้ องกันศอกขวาของฝ่ ายรุ ก แม่ไม้น้ ีเป็ นการหลบหมัด หลบเตะ หลบศอก ในเวลาเดียวกัน
แบบฝึกทักษะมวยไทย

โดย

นายเรณู คาใสย
ครูวิทยฐานะชานาญการพิเศษ
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา

โรงเรียนกุดชุมวิทยาคม อาเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร


สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒๘

You might also like