Professional Documents
Culture Documents
ประวัติบาสเกตบอลในต่ างประเทศ
กีฬาบาสเกตบอล ( Basketball) เป็ นกีฬาประจาชาติอเมริ กนั ถูกคิดขึ้น เพื่อต้องการช่วยเหลือบรรดา
สมาชิก Y.M.C.A. ได้เล่นกีฬาในฤดูหนาว เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวสภาพพื้นภูมิประเทศโดยทัว่ ๆไป ถูก
หิ มะปกคลุม อันเป็ นอุปสรรคในการเล่นกีฬากลางแจ้ง เช่น อเมริ กนั ฟุตบอล เบสบอล คณะกรรมการสมาคม
Y.M.C.A. ได้พยายามหาหนทางแก้ไขให้บรรดาสมาชิ กทั้งหลายได้เล่นกีฬาในช่วงฤดูหนาวโดยไม่บงั เกิด
ความเบื่อหน่าย ในปี ค.ศ.1891 Dr.James A.Naismith ครู สอนพลศึกษาของThe International Y.M.C.A.
Training School อยูท่ ี่เมือง Springfield รัฐ Massachusetts ได้รับมอบหมายจาก Dr.Gulick ให้เป็ นผูค้ ิดค้นการ
เล่นกีฬาในร่ มที่เหมาะสมที่จะใช้เล่นในช่วงฤดูหนาว Dr.James ได้พยายามคิดค้นดัดแปลงการเล่นกีฬา
อเมริ กนั ฟุตบอลและเบสบอลเข้าด้วยกันและให้มีการเล่นที่เป็ นทีม ในครั้งแรก Dr.James ได้ใช้ลูกฟุตบอล
และตะกร้าเป็ นอุปกรณ์สาหรับให้นกั กีฬาเล่น เขาได้นาตะกร้าลูกพีชไปแขวนไว้ที่ฝาผนังของห้องพลศึกษา
แล้วให้ผเู ้ ล่นพยายามโยนลูกบอลลงในตะกร้านั้นให้ได้ โดยใช้เนื้ อที่สนามสาหรับเล่นให้มีขนาดเล็กลงแบ่ง
ผูเ้ ล่นออกเป็ นข้างละ 7 คน ผลการทดลองครั้งแรกผูเ้ ล่นได้รับความสนุกสนานตื่นเต้น แต่ขาดความเป็ น
ระเบียบ มีการชนกัน ผลักกัน เตะกัน อันเป็ นการเล่นที่รุนแรง ในการทดลองนั้น ต่อมา Dr.James ได้ตดั การ
เล่นที่รุนแรงออกไป และได้ทาการวางกติกาห้ามผูเ้ ล่นเข้าปะทะถูกเนื้อต้องตัวกัน นับได้วา่ เป็ นหลักเบื้องต้น
ของการเล่นบาสเกตบอล Dr.James จึงได้วางกติกาการเล่นบาสเกตบอลไว้เป็ นหลักใหญ่ๆ 3 ข้อ ด้วยกัน คือ
1. ผูเ้ ล่นที่ครอบครองลูกบอลอยูน่ ้ นั จะต้องหยุดอยูก่ บั ที่หา้ มเคลื่อนที่ไปไหนประตูจะต้องอยูเ่ หนื อศีรษะของ
ผูเ้ ล่น และอยูข่ นานกับพื้น
2. ผูเ้ ล่นสามารถครอบครองบอลไว้นานเท่าใดก็ได้ โดยคู่ต่อสู ้ไม่อาจเข้าไปถูกต้องตัวผูเ้ ล่นที่ครอบครองบอล
ได้
3. ห้ามการเล่นที่รุนแรงต่างๆโดยเด็ดขาด ผูเ้ ล่นทั้งสองฝ่ ายจะต้องไม่กระทบกระแทกกันเมื่อได้วางกติกาการ
เล่นขึ้นมาแล้วก็ได้นาไปทดลอง และพยายามปรับปรุ งแก้ไขระเบียบดีข้ ึน เขาได้พยายามลดจานวนผูเ้ ล่นลง
เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน จนในที่สุดก็ได้กาหนดตัวผูเ้ ล่นไว้ฝ่ายละ 5 คน ซึ่งเป็ นจานวนที่เหมาะสมที่สุด
กับขนาดเนื้ อที่สนามDr.James ได้ทดลองการเล่นหลายครั้งหลายหน และพัฒนาการเล่นเรื่ อยมา จนกระทัง่
เขาได้เขียนกติกาการเล่นไว้เป็ นจานวน 13 ข้อ ด้วยกัน และเป็ นต้นฉบับการเล่นที่ยงั คงปรากฏอยูบ่ นกระดาน
เกียรติยศในโรงเรี ยนพลศึกษา ณ Springfield อยูจ่ นกระทัง่ ทุกวันนี้
2
ประวัติบาสเกตบอลในประเทศไทย
กีฬาบาสเกตบอลแพร่ หลายเข้ามาในประเทศไทยเป็ นครั้งแรกในสมัยใด ปี ใดนั้น มิได้มีหลักฐานที่
จะปรากฏยืนยันแน่ชดั ได้ ทราบแต่เพียงว่า ในปี พ.ศ.2477 นายนพคุณ พงษ์สุวรรณ อาจารย์สอนภาษาจีนที่
โรงเรี ยนมัธยมวัดบพิตรพิมุข ได้ช่วยเหลือกรมพลศึกษาจัดแปลกติกาการเล่นบาสเกตบอลขึ้น ต่อมาในปี
พ.ศ. 2478 กระทรวงธรรมการ ได้จดั การอบรมครู จงั หวัดต่างๆจานวน 100 คน ภายในระยะเวลา 1 เดือน และ
ได้รับความช่วยเหลือจากพ.ต.อ.หลวงชาติตระการโกศลผูซ้ ่ ึงมีความรู ้และเชี่ยวชาญทางการเล่นกีฬา
บาสเกตบอลคนหนึ่ง ทั้งได้เคยเป็ นตัวแทนของมหาวิทยาลัยเข้าร่ วมการแข่งขัน เมื่อครั้งท่านกาลังศึกษาอยู่
ในสหรัฐอเมริ กามาเป็ นผูบ้ รรยายเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีเล่นบาสเกตบอลแก่บรรดาครู ที่เข้ารับการอบรม
ต่อมาก็เป็ นผลทาให้กีฬาบาสเกตบอลแพร่ หลายไปทัว่ ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2496 สมาคมบาสเกตบอล
สมัครเล่นแห่งประเทศไทยได้ถูกจัดตั้งขึ้นตามแบบอันถูกต้อง โดยจดทะเบียนที่สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ และ
ได้กลายมาเป็ นสมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศไทยในปี เดียวกันนั้นเอง และในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.
2496 สมาคมบาสเกตบอลแห่ งประเทศไทยก็ได้เข้าร่ วมเป็ นสมาชิกของสมาคมบาสเกตบอลระหว่างประเทศ
4
กติกาบาสเกตบอล
บาสเกตบอลเป็ นกีฬาที่เล่นระหว่างผูเ้ ล่น 2 ชุด ชุดละ 5 คน โดยมีจุดมุ่งหมายว่า แต่ละชุดต้องนาลูก
บอลไปโยนให้ลงห่วงประตูของคู่แข่งขัน และพยายามป้ องกันมิให้อีกฝ่ ายหนึ่งได้ครอบครองลูกบอล หรื อ
ทาคะแนน ทั้งนี้ผเู ้ ล่นอาจจะส่ ง โยน ปั ดกลิ้ง หรื อเลี้ยงลูกบอลไปยังทิศทางใดก็ได้ให้ถูกต้องตามกติกา
บาสเกตบอลทีม
แต่ละทีมจะประกอบไปด้วยผูเ้ ล่นไม่เกิน 10 คน และโค้ช 1 คน ผูเ้ ล่นคนใดคนหนึ่งจะเป็ นหัวหน้า
ทีม แต่ละทีมอาจจะมีผชู ้ ่วยโค้ชอีก 1 คน สาหรับทัวร์ นาเมนต์ที่ทีมนั้นจะต้องแข่งขันมากกว่า 3 ครั้ง จานวน
ผูเ้ ล่นในแต่ละทีมอาจจะเพิ่มเป็ น 12 คนก็ได้ ผูเ้ ล่น 5 คน ของแต่ละทีมจะต้องอยูใ่ นสนามแข่งขันระหว่าง
เวลาการแข่งขัน และสามารถเปลี่ยนตัวผูเ้ ล่นได้ตามที่ระบุไว้ในกติกาผูเ้ ล่นของทีมคือผูเ้ ล่น ที่อยูใ่ น
สนามแข่งขัน และถูกกาหนดว่าจะลงแข่งขันนอกเหนื อจากนี้แล้วจะเป็ นผูเ้ ล่นสารอง ดังนั้นผูเ้ ล่นสารองจะ
กลายเป็ นผูเ้ ล่นเมื่อผูต้ ดั สิ นได้ให้สัญญาณแจ้งให้เขา เข้าไปในสนามแข่งขัน และผูเ้ ล่นจะกลายเป็ นผูเ้ ล่น
สารองทันทีที่ผตู ้ ดั สิ นได้ส่งสัญญาณแก่ผทู ้ ี่จะ เข้ามาแทนผูเ้ ล่นคนนั้นให้เข้าไปในสนามแข่งขัน ผูเ้ ล่นแต่ละ
คนจะต้องมีหมายเลขที่ดา้ นหน้าและด้านหลังของเสื้ อที่ตนสวมใส่ โดยมีลกั ษณะเรี ยบธรรมดา
(ไม่มีลวดลาย) และมีสีทึบติดกับเสื้ อ หมายเลขจะต้องเด่นชัด สาหรับหมายเลขที่ติดด้านหลังจะต้องสู งไม่
น้อยกว่า 20 เซนติเมตร และหมายเลขที่ติดด้านหน้าจะต้องสู งไม่นอ้ ยกว่า 10 เซนติเมตร ทาด้วยวัสดุที่กว้าง
ไม่นอ้ ยกว่า 2 เซนติเมตร ทีมหนึ่ง ๆ จะต้องใช้หมายเลขตั้งแต่ 4 ถึง 15 ผูเ้ ล่นในทีมเดียวกันจะต้องไม่ใช้
หมายเลขซ้ ากัน
ชุ ดทีผ่ ้ เู ล่ นสวมใส่ จะต้ องประกอบไปด้ วยสิ่ งต่ อไปนี้
– เสื้ อทีม จะเป็ นสี เดียว มีลกั ษณะทึบสม่าเสมอเหมือนกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต้องสวมใส่ โดยผูเ้ ล่นทุก
คนในทีมนั้นเสื้ อที่มีลายทางแบบริ้ วลายจะไม่อนุ ญาตให้ใช้
– กางเกงขาสั้น จะเป็ นสี เดียว มีลกั ษณะทึบสม่าเสมอเหมือนกันทั้งทีม และจะต้องสวมใส่ โดยผูเ้ ล่นทุกคน
ในทีมนั้น
– เสื้ อคอกลม (ทีเชิ้ต) อาจจะสวมใส่ ได้ภายในเสื้ อทีม แต่ถา้ สวมเสื้ อคอกลมจะต้องใช้เสื้ อคอกลมมีสีเดียว
และให้เหมือนกับสี ของเสื้ อทีม
– ชุดชั้นในของกางเกง ที่ยนื่ เลยต่ากว่ากางเกงขาสั้น อาจจะสวมใส่ ได้โดยมีขอ้ กาหนดว่าจะต้องมีสีเดียว
และเหมือนกับกางเกงขาสั้น
ในกรณี ที่เสื้ อทีมมีสีตรงกันให้ทีมเหย้าเปลี่ยนสี เสื้ อทีมเมื่อแข่งขันที่สนามกลาง หรื อในทัวร์ นาเมนต์ทีมที่มี
ชื่อแรกในโปรแกรมการแข่งขันและต้องเป็ นชื่อแรกในใบบันทึกจะต้องเปลี่ยนสี เสื้ อทีมเพราะในทัวร์ นา
เมนต์หนึ่งๆ แต่ละทีมจะต้องมีเสื้ อทีมอย่างน้อย 2 ชุด คือชุดที่เป็ นสี จาง และชุดที่เป็ นสี เข้ม
สาหรับการแข่งขันที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ให้ทีมที่มีชื่อแรกในโปรแกรมการแข่งขัน (ทีมเหย้า) สวมเสื้ อสี
จาง และทีมที่มีชื่อที่สอง (ทีมเยือน) สวมเสื้ อสี เข้ม
5
ผู้เล่ นสารอง
ผูเ้ ล่นสารองก่อนที่จะเข้าไปในสนามต้องรายงานตัวต่อผูบ้ นั ทึก และต้องพร้อมที่จะทาการแข่งขัน
ได้ทนั ที โดยผูบ้ นั ทึกจะต้องให้สัญญาณทันทีที่มีบอลตาย และหยุดเวลาการแข่งขัน แต่ตอ้ งกระทาก่อนที่ลูก
บอลจะเข้าสู่ การเล่นอีกครั้งหนึ่งภายหลังการทาผิด ระเบียบ เฉพาะทีมที่ไม่ได้ทาผิดระเบียบคือ ทีมที่จะส่ ง
ลูกบอลเข้าเล่นจากนอกเขตสนามทางเส้นข้างมีสิทธิ์ เปลี่ยนตัวผู ้ เล่น ถ้าได้มีสถานการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้น อีกฝ่ าย
หนึ่งจะมีสิทธิ์ เปลี่ยนตัวได้ ผูเ้ ล่นสารองจะต้องรออยูน่ อกเส้นข้างจนกว่าผูต้ ดั สิ นได้ให้สัญญาณจึงจะเข้า ไป
ในสนามแข่งขันได้อย่างทันที การเปลี่ยนตัวต้องเสร็ จสิ้ นโดยเร็ วที่สุดเท่าที่จะทาได้ ถ้าผูต้ ดั สิ นเห็นว่ามีการ
ชักช้าโดยไร้เหตุผลอันควร ก็ให้เป็ นเวลานอกแก่ทีมที่ล่าช้านั้นผูเ้ ล่นที่จะเล่นลูกกระโดดจะไม่ให้ เปลี่ยนตัว
กับผูเ้ ล่นคนอื่น
6
ผูเ้ ล่นที่ได้เปลี่ยนตัวออกไปแล้วจะไม่ให้เข้าไปในสนามแข่งขันอีกในช่วงการเปลี่ยนตัวเดียวกันจะไม่ให้มี
การเปลี่ยนตัวในกรณี ต่อไป
1. ภายหลังการทาประตูได้ เว้นแต่วา่ ได้มีการให้เวลานอก หรื อมีการขานฟาวล์
2. จากช่วงเวลาตั้งแต่ลูกบอลเข้าสู่ การเล่นเพื่อการโยนโทษครั้งแรก หรื อครั้งเดียว กระทัง่ ได้มีบอลตายอีก
ครั้งหนึ่งของช่วงเวลาการเดินนาฬิกาจับเวลาการแข่งขัน หรื อกระทัง่ มีการขานฟาวล์ หรื อมีการกระทาผิด
ระเบียบก่อนจะเดินนาฬิกา การลงโทษสาหรับการโยนโทษ การเล่นลูกกระโดด หรื อการส่ งลูกบอลเข้าเล่น
จากนอกสนามทางเส้นข้าง ข้อยกเว้น ในกรณี ที่มีการทาฟาวล์ระหว่างการโยนโทษ จะอนุญาตให้มีการ
เปลี่ยนตัวได้ แต่เฉพาะเมื่อการดาเนินการโยนโทษและการฟาวล์ก่อนหน้านั้นได้เสร็ จสมบูรณ์ แล้วเท่านั้น
และก่อนที่ลูกบอลจะเข้าสู่ การเล่นสาหรับโทษของการฟาวล์ครั้งใหม่ ภายหลังการโยนโทษครั้งเดียวหรื อ
ครั้งสุ ดท้ายได้ผล เฉพาะผูโ้ ยนโทษเท่านั้น จะอนุญาตให้เปลี่ยนตัวได้ โดยมีขอ้ แม้วา่ ต้องขอเปลี่ยนตัวไว้
ก่อนลูกบอลจะเข้าสู่ การเล่นเพื่อโยนโทษ ครั้งแรกหรื อครั้งเดียวเท่านั้น ในกรณี น้ ีอีกฝ่ ายหนึ่งอาจจะ
เปลี่ยนตัวได้คนหนึ่ง โดยมีขอ้ แม้วา่ ได้ขอเปลี่ยนตัวไว้ก่อนที่ลูกบอลจะเข้าสู่ การเล่นก่อนการโยน โทษครั้ง
สุ ดท้ายหรื อครั้งเดียวนั้น ภายหลังจากที่ผบู ้ นั ทึกได้ให้สัญญาณเพื่อการเปลี่ยนตัว ไม่อาจจะบอกยกเลิกการ
ขอเปลี่ยนตัวได้อีก อย่างไรก็ตาม จะขอยกเลิกการขอเปลี่ยนตัวได้ทุกเวลา ก่อนที่ผบู ้ นั ทึกจะให้สัญญาณว่ามี
การขอเปลี่ยนตัว
คาอธิบายกติกาการเปลีย่ นตัว
1.เมื่อเกิดการฟาวล์การโยนโทษจะพิจารณาเป็ นชุดหรื อเป็ นกลุ่มของการฟาวล์
คานิยาม ชุดอาจจะมีลกั ษณะดังนี้ คือ โยนโทษ 1 ครั้ง หรื อโยนโทษ 1+1 หรื อโยนโทษ 2 ครั้ง หรื อโยนโทษ
3 ครั้ง กลุ่ม อาจจะมีลกั ษณะดังนี้ คือ
– โยนโทษ 1+1 และโยนโทษ 2 ครั้ง
– โยนโทษ 2 ครั้ง และโยนโทษ 2 ครั้ง + การครอบครองบอล
– โยนโทษ 1 ครั้ง และโยนโทษ 2 ครั้ง
– และการโยนโทษลักษณะผสมใด ๆ ของกลุ่มที่นอกเหนื อจากนี้
2. ถ้าภายหลังได้เริ่ มดาเนินการโยนโทษของกลุ่มการโยนโทษ แล้วปรากฎว่ามีการฟาวล์ หรื อการทาผิด
ระเบียบเกิดขึ้นก่อนจะเริ่ มเดินเวลาการแข่งขัน การลงโทษคือ การโยนโทษ (ครั้งเดียวหรื อหลายครั้ง) การ
เล่นลูกกระโดด หรื อการส่ งลูกบอลเข้าเล่นจากนอกเส้นข้างอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วก็ให้เปลี่ยนตัวเพิ่มได้อีก
7
การยิงประตู
เป็ นขั้นตอนที่สาคัญที่สุดในการรุ ก และเป็ นจุดมุ่งหมายหลักของการเล่นบาสเกตบอล ซึ่ งทักษะแต่
ละคนมีไม่เท่ากันต้องอาศัยการฝึ กฝน องค์ประกอบที่ช่วยให้เกิดความแม่นยาได้แก่ วิธีการเล็ง วิธีโค้งของลูก
สิ่ งแวดล้อม สภาพร่ างกาย และจิตใจผูย้ งิ ประตู องค์ประกอบดังกล่าว มีผลต่อความแม่นยาเป็ นอย่างยิง่ เช่น
ในขณะที่เกมกาลังดาเนินการแข่งขันซึ่ งมักดาเนินด้วยความตื่นเต้นและดุเดือด เพราะผูเ้ ล่นมีความสามารถ
ในการเล่นเกมรับและเกมรุ กพอๆกัน โดยเฉพาะเวลาที่มีแต้มใกล้เคียงกันสภาพจิตใจต้องเยือกเย็น มัน่ คง มี
การตัดสิ นใจที่แน่วแน่กล้าที่จะสู ้และขณะเล่นต้องมีจุดเล็งที่ดีเช่นการยิงโดยไม่ให้ลูกกระทบแป้ น มีจุดเล็งที่
เป็ นจุดกระทบขึ้นอยูก่ บั มุมยิง ระยะทางแรงของบอลโดยเฉพาะมุมแคบใต้แป้ น จุดกระทบมักอยูส่ ู งและไกล
จากห่วงส่ วนมุมยิงกว้างมุมกระทบมักจะต่าและใกล้ห่วงประตูนอก จากนี้ความโค้งของส่ วนเดินทางของลูก
สู่ ห่วงประตูตอ้ งมีความโค้งที่มีขีดจากัด ดังนั้นความสู งต่าของความโค้งขึ้นอยูก่ บั ความกว้างของมุมยิงจาก
มือ และเพื่อเพิ่มความแม่นยา ในระยะทางที่ปานกลางควรมีวถิ ีโค้งปานกลางโดยทัว่ ไปจุดสู งสุ ดของส่ วน
โค้งจะอยูร่ ะดับขอบบนของแป้ น (ไม่รวมลูกกระทบแป้ น) สาหรับทิศทางและความเร็ วของการหมุนของลูก
นั้น มาจากออกแรงของข้อมือนิ้วมือ ขณะที่บอลออกจากมือและอยูก่ ลางอากาศซึ่ งจะทาให้ลูกหมุนเข้าหาผู ้
ยิงโดยใช้ขวางของลูกเป็ นแกนหมุน ดังนั้นการรักษาทิศทางทางและความแรงของลูกไว้จะช่วยเพิม่ ความ
แม่นยาของลูกไว้
9
สนามแข่ งขัน
สนาม 28 x 15 เมตร ( เล็กสุ ด 26x 14 เมตร ) เพดานไม่ต่ากว่า 7 เมตร เส้นสนาม 5 ซม. ทุกเส้น ลูก
บาสเกตบอล ขนาดเบอร์ 7 เส้นรอบวง74.9-78 ซม. หนัก 567 – 650 กรัม การกระดอน ปล่อยจากจุด 180 ซม.
ต้องกระดอนระหว่าง 120 – 140 ซม.
10
ประโยชน์ การเล่นบาสเกตบอล
1. พัฒนากลไกการเคลื่อนไหวของร่ างกายให้ดีข้ ึน โดยมีการทางานประสานกันระหว่างระบบกล้ามเนื้อและ
ระบบประสาท เช่น การประสานงานของมือกับตา เท้ากับตา มือกับเท้า เป็ นต้น
2. ฝึ กให้มีน้ าใจนักกีฬา ทาให้เป็ นคนใจกว้าง รู ้แพ้ รู ้ชนะ รู ้อภัย ยอมรับความคิดเห็นและความสามารถของ
ผูอ้ ื่น ตลอดจนเคารพต่อกฎกติกา ระเบียบของการแข่งขันบาสเกตบอล
3.นาไปใช้ในการจัดการจัดการเรี ยนการสอนวิชาพลศึกษา ในการเรี ยนวิชาพลศึกษาทุกช่วงชั้นแทบทุก
โรงเรี ยนมักมีการจัดกีฬาบาสเกตบอลเป็ นกิจกรรมให้นกั เรี ยนได้เรี ยนรู ้เพื่อการออกกาลังกาย
4. ทาให้ร่างกายแข็งแรง การเล่นกีฬาบาสเกตบอลจะให้ได้ออกกาลังกาย จงส่ งผลให้ร่างกายแข็งแรง
5. พัฒนาและเสริ มสร้างสมรรถภาพทางกาย การเล่นบาสเกตบอลต้องใช้ความสามารถทางร่ างกายหลายด้าน
เช่น ความเร็ ว ความคล่องตัว ความแข็งแรง ความอดทน เป็ นต้น จึงส่ งผลให้มีสมรรถภาพทางกายดีข้ ึน
6. ทาให้เกิดความรักใคร่ สามัคคีในหมู่คณะ บาสเกตบอลเป็ นกีฬาประเภททีม ผูเ้ ล่นต้องฝึ กซ้อมร่ วมกัน
ประสานสัมพันธ์กนั ในการเล่น มีการช่วยเหลือกัน เกิดความเห็นอกเห็นใจกัน
7. ทาให้มีไหวพริ บดี ฉลาด และแก้ปัญหาได้ดี การเล่นบาสเกตบอลต้องมีการเผชิ ญหน้ากับคู่แข่งขัน มีการ
หลบหลีก หลอกล่อเข้าแย่งลูกบอล ทาให้ตอ้ งคิดและมีการตัดสิ นใจตลอดเวลา
8. ทาให้สนุกสนาน เพลิดเพลิน กีฬาบาสเกตบอลเป็ นกีฬาที่เล่นสนุก คลายความตึงเครี ยดในการประกอบ
ภารกิจประจาวันได้
9. ทาให้มีจิตใจหนักแน่นควบคุมอารมณ์ได้ดี การเล่นบาสเกตบอลย่อมมีการกระทบกระทัง่ กันอยูบ่ ่อยครั้ง
จึงเป็ นการช่วยฝึ กจิตใจให้หนักแน่น และควบคุมอารมณ์โกรธ เพราะเป็ นการกระทบกระทัง่ กันในเกมการ
เล่น