Professional Documents
Culture Documents
PDF - 12 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต for web
PDF - 12 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต for web
¤Ù‹Á×ͼٌ½ƒ¡Ê͹¡ÕÌÒ»˜¹¨Ñ¡ÊÕÅѵ
คูมือผูฝกสอนกีฬาปนจักสีลัต
§Ò¹¾Ñ²¹Òͧ¤¤ÇÒÁÃÙŒ
¡Í§ÇÔªÒ¡ÒáÕÌÒ
½†ÒÂÊÒÃʹà·ÈáÅÐÇÔªÒ¡ÒáÕÌÒ
¡ÒáÕÌÒáË‹§»ÃÐà·Èä·Â
¾.È. 2559 ËŒÒÁ«×éÍ-¢Ò www.satc.or.th
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
จัดทำ�โดย
กองวิชาการกีฬา
การกีฬาแห่งประเทศไทย
ห้ามซื้อ-ขาย พ.ศ. 2559
1
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
2
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คำ�นำ�
ค�ำน�ำ
การกี ฬ าแห่ ง ประเทศไทย เป็ น องค์ ก รหลั ก ในการพั ฒ นากี ฬ าไปสู ่ ค วามเป็ น เลิ ศ และ
ในระดับอาชีพ ให้ประเทศเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้น�าทางการกีฬาของเอเชีย ดังนั้น การส่งเสริมบุคลากรให้
เกิดความสนใจในการเล่นกีฬาแล้ว ยังต้องส่งเสริมบุคลากรไปสู่ความเป็นเลิศและระดับอาชีพได้
ต่อไป
ดังนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทยจึ ประเทศไทย งได้ได้ดด� า�ำเนิเนินนการจั การจัดดท�ท�าำคูคู่ ม่มื อือฝึ ก สอนกี ฬ าปันจักสีลัต
เพื่อให้เป็นหลักในการฝึกกีฬาชนิดนี้ อันถือได้ว่ามีรากฐานที่สืบเนื่องมายาวนานในประเทศไทย
ให้สู่ความเป็นเลิศ จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้สืบไป
หวังเป็นอย่อย่าางยิ
งยิ่งง่ ว่ว่าา คูคู่มม่ ืออื ฝึผูกฝ้ ผูกึ ้ฝสอนกีฬาปั
ึกสอนกี ฬาปันจันกจัสีกสีลลตั ัตจะเป็
จะเป็นนประโยชน์
ประโยชน์ตตอ่ ่อผูผูส้ ้สนใจ ผูฝ้ ้ฝกึ ึกสอน
นใจ ผู
นักกีฬา ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี และขอขอบคุณนางสาวยูวารีเยาะ อับดุลดานิง ผู้เรียบเรียงต้นฉบับ
ตลอดจนผู้มีส่วนสนับสนุนให้คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัตส�าเร็จไว้ในโอกาสนี้
การกีฬาแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2554
2559
3
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คำ�นำ�
ค�ำน�ำ
ปันจักสีลัต เป็นกีฬาศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวที่ผสมผสานกลิ่นไอแห่งวัฒนธรรมและประเพณี
ดั้งเดิมของประเทศในแถบภูมิภาคแหลมมลายู ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์
และทางตอนใต้ของประเทศไทย ปันจักสีลัตในประเทศไทยยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก ทั้งหนังสือ
ที่เกี่ยวกับปันจักสีลัตก็ยังมีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ที่สนใจ
หนังสือ “ปันจักสีลัต (ต่อสู้)” เล่มนี้ เป็นหนังสือซึ่งได้แปลจากต้นฉบับหนังสือชื่อ “Teknik
Dasar Pencak silaT TanDing” ผู้แต่ง คือ KoToT slameT HariyaDi ชาวอินโดนีเซียอดีตผู้ฝึกสอน
ปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบุคคลผู้เชี่ยวชาญในด้านกีฬาปันจักสีลัต จึงเป็นหนังสือที่ให้
ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคพื้นฐาน เหมาะส�าหรับผู้ที่สนใจ จนสามารถน�าไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ทุกกระบวนท่าเนื่องจากมีภาพประกอบอย่างสมบูรณ์ และจะสามารถส่งเสริมให้เยาวชนหันมาสนใจ
กีฬากันมากขึ้นด้วย
ผู้แปลขอขอบคุณ อาจารย์ oong Maryono ผู้ให้ค�าแนะน�าเกี่ยวกับการแปลหนังสือเล่มนี้
ตั้งแต่เริ่มต้นจวบจนแปลส� าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณ พล.ต.อรรควุฒิ โพธิแพทย์ และ
คณะผู้บริหารสมาคมปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย ซึ่งสนับสนุนเผยแพร่ กีฬาปันจักสีลัตจนเป็น
ที่รู้จักกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน
ดิฉันหวังว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ให้ประโยชน์ แก่ผู้ที่สนใจทั่วไป ได้เข้าใจกีฬา
ปันจักสีลัตและสามารถเล่นกีฬาปันจักสีลัตได้อย่างถูกต้อง จนสามารถพัฒนาการเล่นไปจนถึงระดับ
มืออาชีพต่อไปได้
ยูวารีเยาะ อับดุลดานิง
กรกฎาคม 2553
4
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คำ�ค�นิำยนิยมม
ผมต้องขอขอบคุณ “ยูวารีเยาะ อับดุลดานิง” (คุณลูกสาวที่ผมมักเรียกชื่อเล่นๆ เธอว่า
“กะยา”) เด็กสาวรุ่นใหม่ผู้มีน�้าใจและเป็นผู้รักกีฬาปันจักสีลัตโดย “ธรรมชาติ” คือทุ่มเทแรงกาย
แรงใจ เวลา ความรู ้ และเสี ย สละยอมละอาชี พ คุ ณ ครู ม าให้ กั บ กี ฬ าปั น จั ก สี ลั ต โดยมิ ไ ด้ ห วั ง
ผลประโยชน์ใดๆ สมาคมเรา (และรวมถึงสังคมกีฬาเมืองไทยในภาพรวม) ต้องการบุคคลากรเช่นนี้
ครับ คือ มีทั้งความ “รู้” ความ “รัก” และเธอก็มีความเอื้ออารี “สามัคคี” กับคนรอบข้างเธอด้วย
ผมจึงต้องขอบคุณเธอโดยธรรมชาติเช่นกัน
ท่านทั้งหลายครับ ความรู้ดังแจ้งอยู่ในต�าราก็จริง แต่ในด้านการกีฬา หากไม่น�าเทคนิค
ทักษะ และ ฯลฯ จากในต�ารามาฝึกฝน มาซ้อม มาปฏิบัติ มาประยุกต์หรือพัฒนาให้เหมาะสมกับตน
จนท�าได้เป็นอัตโนมัติแล้ว สิ่งที่ผู้เขียนต�าราเล่มต้นต�าหรับ (ขออนุญาตกล่าวนาม R.KoToT slameT
HariyaDi) และผู้แปลเป็นต�าราไทย (กะยา/ยูวารีเยาะ) ก็คงจะเสียเวลาเปล่า เพราะยังประโยชน์แค่
เป็นตัวอักษรที่อยู่ในรูปเล่มบนหิ้งเท่านั้น..เรามาเริ่มสร้างเยาวชนของเราให้รักการกีฬากันดีกว่าครับ
ขอแนะน�ากีฬาปันจักสีลัตให้เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่อยากให้ลูกหลานของเราหันมาเหลียวดู รวมทั้ง
ผู้ฝึกสอนด้วย เพราะเป็นกีฬาที่สร้างความแข็งแรง ความอดกลั้น ไหวพริบ และที่ส�าคัญ คือเป็นกีฬา
ที่สร้าง “คุณธรรม” ให้กับผู้เล่น ผู้ฝึกสอน และผู้ตัดสินครับ
5
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ค�คำำนิ�นิยมยม
ในการแข่งขันกีฬา เป้าหมายสูงสุด คือ ชัยชนะ นักกีฬาจึงจ�าเป็นต้องมีการฝึกฝนทักษะ
ยุทธวิธีการเล่น การน�าวิทยาศาสตร์การกีฬาและเทคโนโลยีในด้านต่างๆ มาใช้ในการพัฒนา
ความสามารถทางกีฬา นักกีฬาที่มีทักษะการเล่นที่ดีและถูกต้องจะเป็นปัจจัยส�าคัญที่ส่งผลต่อ
การประสบความส�าเร็จในการแข่งขัน
คู่มือปันจักสีลัตฉบับนี้ จะช่วยเป็นแนวทางให้ผู้ที่สนใจมีความรู้และพัฒนาทักษะการเล่น
ได้ อ ย่ า งถู ก ต้ อ งเพิ่ ม ขึ้ น น� า ไปใช้ ใ นการออกก� า ลั ง กายเพื่ อ สุ ข ภาพ หรื อ ฝึ ก เพื่ อ ความเป็ น เลิ ศ
ก่อให้เกิดชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลและประเทศชาติต่อไป
ผม หนึ่งในคณะกรรมการบริหารสมาคมปันจักสีลัต ขอขอบคุณ ยูวารีเยาะ อับดุลดานิง
ผู้จัดท�าเอกสารฉบับนี้ อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งส�าหรับวงการกีฬาปันจักสีลัต ผมคาดหวังว่าคู่มือ
ฉบับนี้จะสร้างเสริมและพัฒนานักกีฬาปันจักสีลัต ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และยังท�าให้กีฬา
ปันจักสีลัตเป็นที่รู้จักและนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายต่อไป
นายนักรบ ทองแดง
กรรมการบริหารสมาคมปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย
6
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คำค�ำ�นินิยยมม
ปันจักสีลัต เป็นศิลปะการต่อสู้อีกแขนงหนึ่งที่มีการแข่งขันในระดับชาติและนานาชาติ
ทั้งในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ กีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน กีฬาแห่งชาติ ชิงแชมป์ประเทศไทย
ที่จัดขึ้นเป็นประจ�าทุกปี นอกจากนั้นปันจักสีลัตบรรจุอยู่ในหลักสูตรของสถาบันการพลศึกษาด้วย
ทุกวันนี้ปันจักสีลัตเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในวงกว้างมากขึ้น แต่ในทางกลับกันหนังสือ และต�ารา
เกี่ยวกับปันจักสีลัตมีน้อยมากหรือค่อนข้างจ�ากัด
จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่อาจารย์ยูวารีเยาะ ได้แปลและเรียบเรียงหนังสือ
“ปันจักสีลัต (PencaKsilaT)” ถือได้ว่าเป็นงานที่ท�าได้ยาก เพราะต้องใช้เวลาศึกษา ค้นคว้าและอาศัย
ข้อมูลต่าง ๆ มากมาย ถือเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อวงการกีฬา
นายวันใหม่ ประพันธ์บัณฑิต
อดีตผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัตทีมชาติไทย
7
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คำค��ำนินิยยมม
ปันจักสีลัต เป็นกีฬาต่อสู้ป้องกันตัวของชาวมลายู หรือที่รู้จักกันว่า “ดีกา” ในเขต 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ ข องประเทศไทย ปั จ จุ บั น ได้ มี ก ารแข่ ง ขั น ในระดั บ ชิ ง แชมป์ แ ห่ ง ประเทศไทย
ซึ่งแบ่งเป็นรุ่นยุวชนไม่เกิน 14 ปี เยาวชนไม่เกิน 18 ปี และรุ่นประชาชน ทั้งประเภทต่อสู้และร่ายร�า
เนื่ อ งจาก หนั ง สื อ เกี่ ย วกั บ กี ฬ าปั น จั ก สี ลั ต มี น ้ อ ยในปั จ จุ บั น กระผมจึ ง ขอชื่ ม ชม
น.ส. ยูวารีเยาะ อับดุลดานิง อดีตนักกีฬาปันจักสีลัตทีมชาติไทยประเภทร่ายร�า ที่มีความตั้งใจศึกษา
ค้นหาความรู้เกี่ยวกับกีฬาปันจักสีลัตทั้งในและต่างประเทศ จนได้แปลหนังสือ “ปันจักสีลัต (ต่อสู้)”
เล่มนี้ได้เป็นผลส�าเร็จ ท�าให้เกิดประโยชน์ แก่วงการกีฬาปันจักสีลัต ที่สามารถน�าความรู้จากในต�ารา
เล่มนี้ไปพัฒนาฝีมือตนเองให้ดียิ่งขึ้นได้
อับดุลเลาะ มะหลี
อดีตนักกีฬาปันจักสีลัตทีมชาติไทย
8
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
สารบัญ
ส�รบั ญ
บทที่ 1 บทน�า 1
ประวัติกีฬาปันจักสีลัต 1
บทที่ 2 ระเบียบการปฎิฏิบัติก่อนการซ้อมกีฬาปันจักสีลัต 7
บทที่ 3 เทคนิคพื้นฐานกีฬาปันจักสีลัต 12
3.1 เทคนิคการนั่งม้ากูดา กูดา (Kuda-kuda) 13
3.2 เทคนิคการร�า ซีกับ ปาซัง (Sikap Pasang) 19
3.3 เทคนิคการก้าวเท้า ลังกะห์ (Langkah) 25
3.4 เทคนิคการหลบ เบลาอัน (Belaan) 29
3.4.1 เทคนิคการหลบ ตังเกสสัน (Tangkisan) 29
3.4.2 เทคนิคการหลบ ฮินดารัน (Hindaran) 43
ทบทวนเทคนิคการหลบเพื่อป้องกันตัว 47
3.5 เทคนิคการออกอาวุธ ซือรังงัน (Serangan) 50
3.5.1 การต่อย ปูโกลลัน (Pukulan) 50
3.5.2 การศอก ซีกูวัน (Sikuan) 61
3.5.3 เทคนิคการเตะ ตึงดังงัน (Tendangan) 64
3.5.4 เทคนิคการเข่า ดึงกูลลัน (Dengkulan) 73
3.6 เทคนิค ล้ม รีดามัน (Redaman) 77
3.6.1 เทคนิคล้มหน้า จาโตฮ ดือปัน (Jatuh Depan) 78
3.6.2 เทคนิคล้มหลัง จาโตฮ บือลากัง (Jatuh Belakang) 80
3.6.3 เทคนิคล้มข้าง จาโตฮ ซ�าเป็ง (Jatuh Samping) 82
3.6.4 เทคนิคล้มม้วนหน้า จาโตฮ ปูโงง (Jatuh Punggung) 84
9
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
10
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
บทน�ำ
1 ประวัติควำมเป็นมำของกีฬำปันจักสีลัต
ปันจักสีลัต (PENCAK SILAT) เป็นศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวที่ใช้มือเปล่า รวมทั้งอาวุธประกอบ
การเล่น เช่น กระบอง มีด โซ่ เคียวเกี่ยวข้าว เป็นต้น นอกจากนั้นปันจักสีลัตเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันอย่างเป็น
ทางการ ปันจักสีลัตประเภทต่อสู้ใช้เทคนิคการต่อย การเตะ การท�าล้ม ส�าหรับการแข่งขันปันจักสีลัตประเภท
ร่ายร�า มีทั้งร่ายร�าเดี่ยว (ประกอบด้วยมือเปล่า มีด กระบอง) ร่ายร�าคู่ 2 คน และร่ายร�าทีม 3 คน ใช้ค�าสั่งใน
กระบวนท่าเทคนิค ตลอดจนค�าสั่งในการแข่งขันเป็นภาษามลายู
กีฬาปันจักสีลัต มีหลักฐานยืนยันกันว่ามีแหล่งก�าเนิดที่ประเทศอินโดนีเซีย และได้รับความนิยมกัน
อย่างแพร่หลาย ในเขตภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ได้แก่ มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม รวมทั้ง
ภาคใต้ของประเทศไทย และปัจจุบันปันจักสีลัตได้แพร่หลายและมีการแข่งขันทั่วยุโรปแล้ว
แต่เดิมนั้น ปันจักสีลัตมีการฝึกฝนกันไว้เพื่อป้องกันตัว ฝึกให้เหล่าทหารใช้ป้องกันประเทศ และเพื่อ
ต่อสู้กับสัตว์ร้าย ที่น่าประหลาดใจคือ เทคนิคและกระบวนท่าของปันจักสีลัต เป็นการเลียนแบบจากสัตว์
นานาชนิด เช่น กระบวนท่าสีลัตเสือ ช้าง นกกระเรียน หรือท่าเดินย่องแมว เป็นต้น อย่างไรก็ตามการฝึก
ปันจักสีลัตจะต้องมีสมรรถภาพทางกายและจิตใจ ซึ่งประกอบด้วยความแข็งแรง (Strength) พลังกล้ามเนื้อ
(Power) ความอดทน (Endurance) ความอ่อนตัวหรือความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ (Flexibility) ความเร็ว
(Speed) ความว่องไว (Agility) และต้องมีสมาธิในการฝึกซ้อม ปัจจุบันปันจักสีลัตเป็นที่รู้จักในนามกีฬา
ศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวและได้รับอนุมัติให้มีการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ภายใต้การดูแลของสมาพันธ์
ปันจักสีลัตนานาชาติ ซึ่งท�าหน้าที่ในการเผยแพร่ สนับสนุน รวมทั้งวางกฏ กติ ฎ กา การแข่งขันในปัจจุบัน
การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ดูจะเป็นการแข่งขัน ปันจักสีลัต ชิงแชมป์โลกที่จะมีการแข่งขันตลอด 2 ปี 1 ครั้ง
แต่ละปีมสี มาชิกร่วมเข้าแข่งขันเพิม่ ขึน้ ทุกปี ล่าสุดมี มมากกว่ ากกว่า 40 ประเทศทัว่ โลก เป็นการแข่งขันทีแ่ ต่ละประเทศ
สมาชิก รอคอยเพื่อการช่วงชิงและครอบครองชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และในทวีปยุโรปมีการจัดการแข่งขัน
กันอย่างต่อเนื่อง ทั้งปันจักสีลัตชิงแชมป์แห่งอังกฤษ ชิงแชมป์แห่งฝรั่งเศส และปันจักสีลัตชิงแชมป์แห่ง
ยุโรปด้วย
ในภูมิภาคเอเชีย กีฬาปันจักสีลัต แข่งขันอย่างเป็นทางการในระดับซีเกมส์ (Sea Games) เอเชี่ยน
อิ น ดอร์ เ กมส์ บาหลี บี ช ปั น จั ก สี ลั ต ชิ ง แชมป์ แ ห่ ง เอเซี ย แปซิ ฟ ิ ก ซึ่ ง ปั จุ บั น เป็ น กี ฬ าที่ นิ ย มกั น มากขึ้ น
นอกจากนี้ทางสมาพันธ์ปันจักสีลัตนานาชาติ ได้ผลักดันกีฬาปันจักสีลัต ให้เข้าเป็นหนึ่งในการแข่งขัน
เอเชี่ยนเกมส์ (Asian Games) จนกระทั่งได้เข้าเป็นกีฬาสาธิตการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ (Asian Games)
ที่ปูซาน ประเทศเกาหลี ปี 2002 ส่วนในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน แม้กระทั่งสิงคโปร์ เริ่มแข่งขันกัน
ตั้งแต่ระดับอนุบาล ระดับมัธยม ระดับเขต ระดับมหาวิทยาลัย ไปจนถึงการแข่งขันต่างชมรม ทั้งนี้แม้ว่า
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 1 1
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
.
ประโยชน์ของกำรเล่นกีฬำปันจักสีลัต
.
ปันจักสีลัตเป็นกีฬาต่อสู้ป้องกันตัว สามารถใช้ป้องกันตัวจากภัยอันตรายต่างๆ ทั้งจากคน
และจากสัตว์ร้าย
เป็นกีฬาที่ผสมผสานการเคลื่อนไหวต่างๆ มาใช้ร่วมกันทั้งการต่อย การเตะ การทุ่มท�าล้ม
การจับท�าให้ล้ม การวิ่ง การหลบหลีก การกระโดด ฯลฯ ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย
.
ให้แข็งแรง ระบบต่างๆ ในร่างกายท�างานและประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งระบบกล้ามเนื้อ ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย และระบบไหลเวียนของโลหิต
.
ผู้เล่นปันจักสีลัตจะมีไหวพริบดี อารมณ์มั่นคง สมาธิดี มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความ
กล้าหาญ สามารถแก้ปัญหาต่างๆ และมีการตัดสินใจที่ดีและถูกต้อง
ปันจักสีลัตเป็นกีฬาที่มีกฎ กติกา มารยาทที่ดี ที่ผู้เล่นต้องเคารพและปฏิบัติตาม มีความ
อดทน อดกลั้น มีน�้าใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
.
ระเบียบและกติกำกำรแข่งขันกีฬำปันจักสีลัต
1. อุปกรณ์กำรแข่งขัน
สนามการแข่งขันเป็นรูปสีเ่ หลีย่ มจตุรสั ต้องปูพนื้ ด้วยเบาะ ซึง่ มีลกั ษณะราบเรียบไม่ยดื หยุน่
มีความหนาไม่
วามหนา 3-5 เซนติ เ มตร
เกิน 5 เซนติ หรื อแผ่
เมตร หรื ปผ่นนยางสั
ยางสังเคราะห์
ง เคราะห์ มี ค วามกว้
มีความกว้ า ง 10 เมตร
าง 10 เซนติ เมตร
ยาว ยาว 10 เซนติ
เมตร พื
10 เมตร พื้นทีน้ ่ตทีรงกลางมี
ต่ รงกลางมีลลักกั ษณะเป็
ษณะเป็นวงกลมเส้
วงกลมเส้นนผ่ผ่านศู
านศูนย์นกย์ลาง ยาว 8 เซนติ
เมตร
กลาง ยาว 8 เมตร
คือสังเวียนที่ท�าการแข่งขัน (Competition Ring) ซึ่งการแข่งขันผู้แข่งขันต้องแข่งภายใน
บริเวณนี้
2 2 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
.
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
.
และเส้นกว้าง 5 เซนติเมตร วงกลมนี้จะเป็นเส้นที่แยกให้ผู้แข่งขันทั้งสองอยู่ห่างกันและ
เตรียมความพร้อมก่อนการเริ่มต้นของการแข่งขัน
มุมทั้งสองของนักกีฬา จะตั้งอยู่ในมุมทแยงของสนามแข่งขัน มีฝ่ายแดงและฝ่ายน�้าเงิน
ส่วนมุมที่เหลืออีกสองมุมเป็นมุมกลาง
แผนผังสนำมแข่งขันปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 3 3
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
..
2. อุปกรณ์ในบริเวณสนำมแข่งขัน ประกอบด้วย
..
ถังน�้า ผ้าเช็ดหน้า และพรมเช็ดเท้า
นาฬิกาจับเวลา
..
ฆ้องหรืออุปกรณ์ซึ่งท�าหน้าที่อย่างเดียวกัน
สัญญาณไฟหรือสัญญาณอื่นๆ ที่ใช้ในการบอกยกแต่ละยก
ไฟสีแดง ไฟสีนา�้ เงิน หรืออุปกรณ์อะไรก็ตามทีส่ ามารถให้สญ
ั ญาณบอกผูช้ นะในการแข่งขัน
..
อุปกรณ์ส�าหรับช่วยเหลือผู้แข่งขัน
3. อุปกรณ์กำรแข่งขัน
.
ชุดแข่งขันกีฬาปันจักสีลัตสีด�า
เครื่องป้องกันร่างกาย
เครื่องป้องกันอวัยวะเพศ (กระจับ)
กำรแบ่งรุ่น ประเภทชำย
รุ่น A ตั้งแต่ 45 กก. ถึง 50 กก.
รุ่น B มากกว่า 50 กก. ถึง 55 กก.
รุ่น C มากกว่า 55 กก. ถึง 60 กก.
รุ่น D มากกว่า 60 กก. ถึง 65 กก.
รุ่น E มากกว่า 65 กก. ถึง 70 กก.
รุ่น F มากกว่า 70 กก. ถึง 75 กก.
รุ่น G มากกว่า 75 กก. ถึง 80 กก.
รุ่น H มากกว่า 80 กก. ถึง 85 กก.
รุ่น I มากกว่า 85 กก. ถึง 90 กก.
รุ่น J มากกว่า 90 กก. ถึง 95 กก.
กำรแบ่งรุ่น ประเภทหญิง
รุ่น A ตั้งแต่ 45 กก. ถึง 50 กก.
รุ่น B มากกว่า 50 กก. ถึง 55 กก.
รุ่น C มากกว่า 55 กก. ถึง 60 กก.
รุ่น D มากกว่า 60 กก. ถึง 65 กก.
รุ่น E มากกว่า 65 กก. ถึง 70 กก.
รุ่น F มากกว่า70 กก. ถึง 75 กก.
การจัดรุ่นเพิ่มเติม ท�าได้โดยการจัดให้แต่ละรุ่นมีน�้าหนักเพิ่มขึ้นต่างกัน 5 กก.
4 4 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
เวลำของกำรแข่งขัน
เวลาในการแข่งขัน การแข่งขันมี 3 ยก เวลาของแต่ละยก 2 นาที และเวลาส�าหรับการพัก ระหว่างยก
1 นาที ประเภทร่ายร�าต้องร่ายร�าทุกกระบวนท่าบังคับภายในเวลา 3 นาที
.
ค�ำสั่งที่ใช้ในกำรแข่งขัน
ค�าสัง่ ว่า “เบอร์ซเี ดีย” (Bersedia) หมายถึง การเตรียมความพร้อม ค�าสัง่ นีใ้ ช้สา� หรับเตือนผูแ้ ข่งขัน
..
กรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน ให้เตรียมพร้อม ขณะที่การแข่งขันก�าลังจะ
เริ่มต้น
.
ค�าสัง่ ว่า “มูลาย” (Mulai) หมายถึง เริม่ ได้ ค�าสัง่ นีใ้ ช้เมือ่ ต้องการให้เริม่ แข่งขันหรือแข่งขันต่อไปได้
ค�าสั่งว่า “เบอร์เฮนตี” (Berhenti) หมายถึง หยุด ค�าสั่งนี้ใช้เพื่อหยุดการแข่งขัน
.
ค�าสัง่ ว่า “ปาซัง” (pasang) หมายถึง การจับคู่ ค�าสัง่ นีใ้ ช้เพือ่ ให้ผแู้ ข่งขันจับคูเ่ ตรียมพร้อมแข่งขัน
ตามแบบฉบับของปันจักสีลัต
เสียงฆ้อง เป็นสัญญาณให้เริ่มต้นหรือยุติการแข่งขัน จะมีค�าสั่งให้เริ่มหรือหยุดการแข่งขันควบคู่
ไปด้วย
เป้ำหมำย
เป้าหมาย คือ ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่นักกีฬาสามารถเข้ากระท�าได้ ตามก�าหนด (ยกเว้นคอและ
อวัยวะเพศ) ดังนี้ คือ
- อก
- ท้อง (บริเวณล�าตัวและเหนือขึ้นไป)
- ด้านข้างซ้าย - ขวา ของเอว
- บริเวณหลัง
แขนและขาอาจเป็นเป้าหมายของการเข้ากระท�า เพื่อที่จะให้คู่ต่อสู้ล้มลงได้ หรือหยุดคู่ต่อสู้ แต่การ
กระท�าที่แขนและขาจะไม่ได้คะแนน
.
กำรให้คะแนน
1. หลักกำรให้คะแนน ส�ำหรับกำรแข่งขันจำกเทคนิคของกำรต่อสู้มีดังต่อไปนี้
.
ได้ 1 คะแนน ส�าหรับการต่อสู้ถูกเป้าหมายด้วยการใช้มือ โดยคู่ต่อสู้ไม่ได้หลบหลีกป้องกัน
หรือตอบโต้
ได้ 2 คะแนน ส�าหรับการต่อสู้ถูกเป้าหมายด้วยการใช้เท้า โดยคู่ต่อสู้ไม่ได้หลบหลีกป้องกัน
หรือตอบโต้
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 5 5
.
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
.
ได้ 3 คะแนน ส�าหรับการต่อสู้ใช้เทคนิคการท�าให้ล้ม มีผลท�าให้การล้มสมบูรณ์ ภายใน
5 วินาที
.
ได้ 1+1 คะแนน ส�าหรับการตอบโต้ ป้องกัน หรือ หลบหลีกจากการเข้ากระท�าของคู่ต่อสู้อย่าง
ได้ผล และตามด้วยการเข้ากระท�าถูกเป้าหมาย ด้วยการใช้มือโดยทันที
.
ได้ 1+2 คะแนน ส�าหรับการตอบโต้ ป้องกัน หรือ หลบหลีกจากการเข้ากระท�าของคู่ต่อสู้อย่าง
ได้ผล และตามด้วยการเข้ากระท�าถูกเป้าหมาย ด้วยการใช้เท้าโดยทันที
ได้ 1+3 คะแนน ส�าหรับการตอบโต้ ป้องกัน หรือ หลบหลีกจากการเข้ากระท�าของคู่ต่อสู้อย่าง
ได้ผล และตามด้วยการใช้เทคนิคการท�าให้คู่ต่อสู้ล้มสมบูรณ์โดยทันที
.
2. ระบบเทคนิคกำรให้คะแนน
การใช้มือเข้ากระท�า จะได้คะแนนเมื่อการเข้ากระท�านั้นถูกเป้าหมายด้วยเทคนิค การใช้มือ
.
(ในลักษณะใดก็ได้ที่ไม่ผิดกติกา) ซึ่งการเข้ากระท�านั้นต้องหนักแน่น มีน�้าหนักและมีแรงส่ง
อย่างเห็นได้ชัด
การใช้เท้า หรือขาเข้ากระท�า จะได้คะแนนเมื่อการเข้ากระท�านั้นถูกเป้าหมายด้วยเทคนิค
.
การใช้เท้า (ในลักษณะใดก็ได้ทไี่ ม่ผดิ กติกา) ซึง่ การเข้ากระท�านัน้ ต้องหนักแน่น มีนา�้ หนักและ
มีแรงส่ง อย่างเห็นได้ชัด
การใช้เทคนิคการท�าล้ม จะได้คะแนนเมื่อผู้แข่งขันสามารถท�าให้คู่ต่อสู้ล้มลงโดยสมบูรณ์
ภายใน 5 วินาที นั่นคือ การท�าให้ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งถูกพื้น เทคนิคการท�าให้ล้มไม่ได้
เกี่ยวกับการปล�า้ การท�าลักษณะนี้ต้องเกิดขึ้นเนื่องจากความพยายามในการที่จะป้องกันตัว
จากการเข้าท�า หรือเกิดขึ้นเนื่องจากมีการเข้าท�าก่อน
กำรตัดสินผู้ชนะกำรแข่งขัน
1. การชนะคะแนน (Wining Score) การตัดสินชนะโดยคะแนน
2. การชนะโดยเทคนิค (Technical Win)
3. การชนะโดยสมบูรณ์ หรือการชนะโดยน๊อคเอาท์ (Absolute Win)
4. การชนะโดยให้ออก (ต้องตีความให้ออกเพราะอะไร) จากการแข่งขัน (Win due to Disqualification)
5. การชนะเนื่องจากคู่แข่งขันมีฝีมือต่างกันมาก (R.S.C.)
6. การชนะเนื่องจากคู่ต่อสู้ไม่มาท�าการแข่งขันที่สนามแข่งขัน หรือชนะโดยได้ผ่าน (Walk Over)
6 6 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลประเทศไทย
ัต
บทที่ 2
1. ระเบียบกำรปฏิบัติก่อนกำรฝึกซ้อมกีฬำปันจักสีลัต
ส�าหรับกีฬาทุกประเภทนั้นจะต้องมีระเบียบการปฏิบัติ หรือกฎกติกาการฝึกซ้อม ทั้งก่อนการซ้อม
ระหว่างการซ้อมและหลังการซ้อม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และป้องกันอุบัติเหตุ รวมทั้งเป็นการเชื่อม
สัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างครูบาอาจารย์และเพื่อนนักกีฬา ภายใต้กฏกติกาที่ได้วางไว้และยอมรับร่วมกัน
กีฬาปันจักสีลัต ก็เช่นเดียวกัน ระเบียบการปฏิบัติก่อนและหลังการซ้อม ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความส�าคัญ
และจ�าเป็นต้องกระท�า จะสามารถสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย จะรู้จักการแสดงความเคารพ ไม่ว่าจะ
เป็นการแสดงความเคารพระหว่างครูกับลูกศิษย์ พี่กับน้อง หรือกระทั่งการแสดงความเคารพระหว่างคู่ซ้อม
ด้วยกันเอง ซึ่งแต่ละทีม หรือชมรมจะมีการวางกฎ ระเบียบที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างทีม
ภายในกฎ กติกาการซ้อมส่วนใหญ่ต้องระบุเวลาในการซ้อมอย่างชัดเจน (ซ้อมกี่ชั่วโมงต่อวัน กี่วันต่อ
สัปดาห์) ระบุถึงข้อห้ามและข้อควรกระท�าตั้งแต่ก่อนการซ้อมไปจนถึงเสร็จสิ้นการซ้อม อาทิเช่น ต้องร�าไหว้ครู
ประจ�าชมรมก่อนการซ้อม ต้องแสดงความเคารพต่อครูบาอาจารย์ทุกครั้ง ห้ามมาสาย (เมื่อมาสายต้องถูก
ลงโทษ) ห้ามดื่มน�้าหรือรับประทานอาหารในระหว่างการซ้อม(เนื่องจากจะท�าให้เกิดอาการเสียดท้อง) ต้องขอ
อนุญาตผู้ฝึกสอนทุกครั้งเมื่อต้องการลากิจหรือลาป่วย (โดยการโทรแจ้ง หรือมีใบลา หรือแจ้งต่อผู้ฝึกสอน
โดยตรง) เป็นต้น
นักกีฬาจะได้รบั ประโยชน์จากกฎ กติกาการซ้อมได้อย่างมหาศาล ทัง้ ในเรือ่ งของมารยาทในการแสดง
ความเคารพผูท้ อี่ าวุโสกว่า ในเรือ่ งของการตรงต่อเวลา รูจ้ กั หน้าที ่ และความรับผิดชอบ จะส่งผลให้นกั กีฬาเป็น
ผู้ที่มีความเป็นระเบียบ มีวินัย มีมารยาทที่ดี สามารถอยู่ร่วมกันกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุข
ในแต่ละทีม หรือชมรมจะมีการวางกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่แตกต่างกัน จากการที่ผู้เขียนได้ผ่านการ
เป็นนักกีฬาตั้งแต่อยู่ในชมรมเล็กๆ (ชมรมปันจักสีลัตนูซันตาราแห่งประเทศไทย) เป็นนักกีฬาปันจักสีลัตทีม
ชาติไทย จนกระทั่งเป็นอาจารย์ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต ระเบียบข้อบังคับในการซ้อมที่ดี ควรประกอบ
ไปด้วย
1. จัดแถวอย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย และผู้ฝึกสอนนับจ�านวนผู้เรียน
2. ผู้ฝึกสอนกล่าวน�าให้นักกีฬา หลับตานั่งสมาธิ ก่อนการซ้อม (แต่ละศาสนาอาจกล่าวบทสวด
เพื่อขอพรให้ปลอดภัยจากการซ้อม)
3. อ่านค�าปฏิญาณ ประจ�าชมรม (ถ้ามี)
4. ค�านับ แสดงความเคารพต่อผูฝ้ กึ สอน และจัดแถวให้เป็นระเบียบอีกครัง้ โดยการน�าของผูฝ้ กึ สอน
5. การอบอุ่นร่างกายก่อนการซ้อม (Warm up)
6. ท�าการซ้อมอย่างเคร่งครัด
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 7 7
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
7. อธิบายถึงประโยชน์ของการซ้อมในวันนี้
8. การคลายอุ่นหลังการซ้อม (Cool down)
9. หลังการซ้อมทุกครั้ง ให้แสดงความเคารพและขอบคุณผู้ฝึกสอน โดยวิธีการจับมือ หรือไหว้ จน
กระทั่งแสดงความเคารพต่อเพื่อนนักกีฬาด้วยกันเอง
การอบอุ ่ น ร่ า งกายก่ อ นการซ้ อ ม (Warm up) และการคลายอุ ่ น หลั ง การซ้ อ ม (Cool down)
จะเป็นไปตามการอบอุ่นร่างกายแบบมาตรฐานสากลของ วิทยาศาสตร์การกีฬา หรือหากไม่มีความรู้ด้าน
วิทยาศาสตร์การกีฬา ก็ให้เป็นไปตามประสบการณ์จากการได้เรียนรูส้ บื ต่อกันมา หรือจากผูท้ มี่ คี วามเชีย่ วชาญ
ในกีฬาปันจักสีลัตอย่างแท้จริง
8 8 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ท่ำ เตรียมซียับ (siap) ท่ำ ไหว้แสดงควำมเคำรพ (hormat khas Pencak Silat)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 9 9
การกีฬาแห่งประเทศไทย
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 3
ท่ำนั่งเพื่อเตรียมท�ำสมำธิ (berdoa)
รูปที่ 4
กำรไหว้เพื่อแสดงควำมเคำรพกันและกัน ซึ่งนิยมปฏิบัติทั้งก่อนและหลังกำรซ้อม
กำรแสดงควำมเคำรพเช่นนี้ จะปฏิบัติทุกครั้งเมื่อเจอกันไม่ว่ำจะเป็นในชมรม หรือตำมสถำนที่ต่ำง ๆ
10 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
10
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
รูปที่ 5
กำรจับมือ เช่นนี้ก็เป็นกำรแสดงควำมเคำรพอีกวิธีหนึ่ง เพื่อแสดงควำมเป็นมิตรต่อกัน
และกำรให้เกียรติซึ่งกันและกัน
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 11 11
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
บทที่ 3
3. เทคนิคพื้นฐำน กีฬำปันจักสีลัต
เทคนิคพื้นฐานถือว่าเป็นสิ่งที่จ�าเป็นอย่างยิ่งส�าหรับศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวทุกประเภท เพื่อให้นักกีฬา
สามารถพัฒนาฝีมอื ประสบความส�าเร็จในการแข่งขัน ตลอดจนเป็นทีย่ อมรับของสังคมล้วนแล้วแต่ตอ้ งมาจาก
การมีความรู้พื้นฐานที่สมบูรณ์ นักกีฬาจึงจ�าเป็นที่ต้องมีความพร้อมในด้านเทคนิคพื้นฐาน
การเรียนเกี่ยวกับเทคนิคพื้นฐานปันจักสีลัตที่ดี ผู้เรียนควรที่จะเอาใจใส่และตั้งใจเรียนให้มาก
เพื่อเป็นฐานที่มั่นคงก่อนที่จะเรียนในล�าดับขั้นสูงขึ้น เมื่อเทคนิคพื้นฐานถูกต้องและดีแล้วก็จะสามารถ
แสดงท่าทางได้อย่างสวยงาม ปัจจุบันยังคงมีนักกีฬาหลายท่านที่ยังแสดงท่าทางไม่ถูกต้อง จึงท�าให้ต้อง
เสียคะแนนในการแข่งขัน และเป็นปัญหาทีผ่ ฝู้ กึ สอนต้องวางแผนการซ้อมใหม่ เพือ่ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีก
บางครัง้ การฝึกซ้อมอย่างไม่เข้มงวด เพือ่ ให้นกั กีฬาได้กระบวนท่า แต่มองข้ามความถูกต้องของเทคนิค
พืน้ ฐานอย่างจริงจัง และนักกีฬาเองก็ใช้เทคนิคทีผ่ ดิ ๆ จนติดเป็นนิสยั เพราะนักกีฬาคิดว่าตนจะฝึกให้ได้ทว่ งท่า
อย่างรวดเร็วเลยมองข้ามความถูกต้องไปแล้วนัน้ จะท�าให้นกั กีฬาเสียเวลากลับมาเรียนเทคนิคตัง้ แต่ขนั้ พืน้ ฐาน
กันใหม่อีกครั้ง
ในส่วนของผู้ฝึกสอนเอง การเตรียมการสอนเทคนิคพื้นฐานเป็นสิ่งที่จา� เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นผู้ฝึกสอน
ต้องขยันทบทวนกระบวนท่าพื้นฐานซ�้าแล้วซ�้าเล่า เพื่อให้นักกีฬาสามารถน�ามาใช้จริงได้อย่างอัตโนมัติ
เมื่อนักกีฬามีเทคนิคพื้นฐานที่ดีแล้ว การเรียนการสอนในกระบวนท่าต่อไป จะเป็นสิ่งที่ง่ายและประสบ
ความส�าเร็จได้ตามเป้าหมาย
ปัญหาทีส่ า� คัญของนักกีฬา คือ เมือ่ นักกีฬาใช้กระบวนท่าผิดๆ จนติดเป็นนิสยั และเมือ่ ผูฝ้ กึ สอนต้องการ
ที่จะเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ ผู้ฝึกสอนจึงต้องใช้ความพยายามอย่างสูงและอดทน
เป็นอย่างมากที่จะต้องย้อนกลับมาอธิบายว่า หากเทคนิคพื้นฐานถูกต้องแล้วจะสามารถน�าไปใช้ท�าอะไร?
ท�าอย่างไร? เพื่ออะไร? เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกสอนควรค�านึงก่อนฝึกสอนด้วยการอธิบายเหตุผลทุกครั้ง เพื่อนักกีฬา
จะได้ทราบว่ากระบวนท่าไหนมีวตั ถุประสงค์ใด? และน�าไปปฏิบตั จิ ริงอย่างไร? จะสามารถช่วยกระตุน้ ให้นกั กีฬา
ตั้งใจซ้อมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น กระบวนท่านั่งม้าหรือภาษาอินโดนีเซียเรียกว่าท่า กูดา กูดา (kuda kuda)
เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ส�าคัญในกีฬาปันจักสีลัต จุดประสงค์ของการซ้อมคือ เราจะมีวิธีการสอนอย่างไรเพื่อให้
ขาทั้งสองข้างอยู่ในต�าแหน่งที่พร้อมจะต่อสู้ สอนอย่างไรให้นักกีฬาเกิดความสมดุลของร่างกาย หรือจะสอน
อย่างไรเพือ่ ให้นกั กีฬาสามารถทนต่อการรับน�า้ หนักของตัวเอง ตลอดจนต้องสอนอย่างไรเพือ่ ให้การนัง่ ม้ามีสว่ น
ให้การเคลื่อนไหวในแต่ละกระบวนท่าว่องไว ดังนั้นท่านั่งม้า กูดา กูดา (kuda kuda) นี้จะช่วยให้นักกีฬา
เกิดความเคยชินกับการเคลื่อนไหวของขาให้สมดุลกับร่างกาย ผู้ฝึกสอนจึงต้องให้ความส�าคัญกับท่านั่งม้า
12 12 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 13 13
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
14 14 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
2. ท่านั่งม้า ที่มีชื่อทางภาษาอินโดนีเซียว่า กูดา กูดา ดีตินเจา ดารี บึนโตะยา (kuda kuda ditinjau
dari bentuknya) คือ กระบวนท่านัง่ ม้า ทีส่ มาพันธ์ IPSI แห่งอินโดนีเซียได้ก�าหนดมาตรฐานและกฎเกณฑ์ของ
กระบวนท่าเพื่อให้ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก กล่าวคือ เมื่อต้องการท่าทางที่สวยงามแล้ว ก็จ�าเป็นที่ต้อง
ประกอบไปด้วยท่านั่งม้าซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อการให้คะแนนในการแข่งขันมีความยุติธรรมมากที่สุด
กระบวนท่านั่งม้านี้จะใช้กระบวนท่า จากท่าดารีโบบต (dari bobot) ได้แก่ กูดา กูดา รีงัน (kuda-kuda ringan)
กูดา กูดา เซดัง (kuda-kuda sedang) กูดา กูดา บือรัต (kuda-kuda berat) เป็นพื้นฐานหลักในการน�าไป
ประกอบการแสดงท่าทางร่วมกัน ทัง้ การป้องกันตัวจริง การแข่งขันประเภทต่อสู ้ และการแข่งขันประเภทร่ายร�า
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 15 15
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1
กูดำ กูดำดือปัน ลูรุส
(kuda-kuda depanlurus)
วางขาข้างใดข้างหนึ่งไว้ด้านหน้า
พร้อมงอเข่าและทิง้ น�า้ หนักตัวลงบริเวณ
เข่ า และนิ้ ว เท้ า ส่ ว นขาด้ า นหลั ง ให้
เหยี ย ดตรงเป็ น แนวเฉี ย งกั บ ล� า ตั ว
ข้อควรระวังคือให้ขาด้านหน้าอยู่บน
เส้นขนานเดียวกันกับขาด้านหลัง และ
หันหน้าไปทิศทางเดียวกับขาด้านหน้า
รูปที่ 2
กูดำ กูดำ ดือปันเซรอง
(kuuda- kuda depan serong)
ลั ก ษณะการวางขาเหมื อ น กู ด า
กูดาดือปัน ลูรุส (kuda-kuda depan
lurus) ทุกประการ แต่จุดที่แตกต่างกัน
คือ ขาด้านหน้าและขาด้านหลังจะไม่อยู่
บนเส้นขนานเดียวกัน แต่จะให้ขาด้าน
หลังวางเป็นเส้นเฉียงกับขาด้านหน้า
เล็กน้อย
16 16 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปันาแห่
จักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 3
กูดำ กูดำ บือลำกัง
(kada-kuda belakang)
วางขาข้างใดข้างหนึ่งไว้ด้านหน้าและ
งอเข่าปล่อยขาตามสบายโดยทิ้งน�้าหนักตัว
ลงเล็กน้อยเท่านัน้ ส่วนขาด้านหลังให้งอเข่า
วางขาหลังห่างจาก ขาหน้าเล็กน้อยและทิ้ง
น�้าหนักตัวลงบริเวณก้นและส้นเท้า ข้อควร
ระวังคือให้ขาด้านหน้าและขาด้านหลังอยู่
บนเส้นขนานเดียวกัน โดยหันหน้าไปทิศทาง
เดียวกับขาด้านหน้า
รูปที่ 4
กูดำ กูดำ ซัมเปง
(kuda-kuda samping)
วางขาข้างใดข้างหนึง่ ไว้ดา้ นหน้าพร้อม
งอเข่า ขาอีกข้างไว้ด้านหลังเหยียดขาตรง
เป็นแนวเฉียงกับล�าตัว กระบวนท่านี้จะทิ้ง
น�า้ หนักตัวไว้ทขี่ าทัง้ สองข้าง ข้อควรระวังคือ
ให้ขาด้านหน้าอยู่บนเส้นขนานเดียวกันกับ
ขาด้านหลัง และให้หนั ข้างล�าตัว (ระหว่างขา
ทั้งสองข้าง)
รูปที่ 5
กูดำ กูดำ ตืองะห์
(kuda-kuda tengah)
แยกขาทั้ ง สองข้ า ง พร้ อ มงอเข่ า ทิ้ ง
น�้าหนักตัวลงที่ขาทั้งสองข้าง หากผู้แสดง
ต้ อ งการให้ ก ระบวนท่ า นี้ ดู ส วยงามแล้ ว
ควรงอเข่าให้มาก ๆ ซึ่งผู้ที่สามารถงอเข่า
ได้มากนัน้ แสดงว่าเป็นผูท้ มี่ สี มรรถภาพของ
ขาสมบูรณ์แข็งแรง และต้องผ่านการซ้อมมา
อย่างหนักจึงจะสามารถแสดงท่าดังนี้ได้
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 17 17
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
18 18 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 19 19
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่1 รูปที่ 2
ท่ำร่ำยร�ำแบบเปิด ท่ำร่ำยร�ำแบบปิด
(SikapPasangTerbuka) (Sikap Pasang Tertutup)
กางแขนออก ปล่อยแขนตามสบาย ท่าร่าย แขนทั้ ง สองข้ า งอยู ่ ใ นท่ า ที่ ป ิ ด เพื่ อ ปิ ด บั ง
ร�านีเ้ หมาะทีจ่ ะใช้เพือ่ เป็นท่าล่อลวงคูต่ อ่ สูใ้ ห้เข้ามา ร่างกายส่วนบน พร้อมก้มตัวเอนตัวไปทางข้างหน้า
ประชิดตัว พร้อมเฝ้าคอยการรุกของคู่ต่อสู้อย่าง เล็กน้อย ท่านี้จะใช้ได้ทั้งการเป็นฝ่ายรุกและเป็น
ระมัดระวัง เมื่อคู่ต่อสู้เผลอคิดว่าจะสามารถเข้าถึง ฝ่ายรับ
ตัวได้ง่ายแล้ว จึงค่อยหาทางโต้ตอบ
ท่ำที่ 1
เหยียดแขนขวาไปข้างหน้ามือซ้ายก�าหมัด
ยกขึ้นวางบริเวณหู พับศอก (หลังมือหันเข้าหู)
แยกขาออก โดยขาซ้ า ยอยู ่ ห น้ า งอเข่ า
ขาขวาถอยหลังให้ขาตึง ตามองคู่ต่อสู้
ท่ำที่ 2
กางแขนซ้ า ยไปทางด้ า นข้ า ง แขนขวา
พับศอกแบมือวางบริเวณใต้คาง
ยกขาขวา สูงประมาณเข่าซ้าย ตามองคู่ต่อสู้
ท่ำที่ 3
กางแขนออกทั้งสองข้าง แขนขวากางไป
ข้างหน้า (ต�่ากว่าใบหน้า) แขนซ้ายกางออกไป
ข้างหลัง (ชูสูงกว่าศีรษะ)
ขาขวาไขว้หลัง ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อย หันหน้า
มองตามแขนขวา
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 21 21
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ท่ำที่ 4
กางแขนออกทั้ ง สองข้ า งแขนขวากาง
ต�า่ บริเวณเอว แขนซ้ายกางยกสูงขึน้ เหนือศีรษะ
แยกขาออกทั้งสองข้าง งอเข่าเล็กน้อย
หันหน้าตรงตามล�าตัว
ท่ำที่ 5
ยกแขนขวาขึ้นพับศอกตั้งฉากกับใบหน้า
แขนซ้ายปิดล�าตัวมือจับเอว
ขาทั้ ง สองชิ ด ติ ด กั น หั น หน้ า ข้ า งล� า ตั ว
(ทางด้านแขนขวา)
ท่ำที่ 6
กางแขนขวาไปด้ า นข้ า งล�า ตั ว (ต�่ า กว่ า
ใบหน้า) แบบมือหงาย แขนซ้ายพับศอกตั้งมือ
วางใต้คาง
ขาขวาไขว้หน้าขาซ้าย งอเข่าเล็กน้อย ตาม
องคู่ต่อสู้ (หันหลังให้คู่ต่อสู้)
22 22 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
ท่ำที่ 7
แขนขวางอศอก มือขวาก�าหมัด
เข้าหาล�าตัว แขนซ้ายแบมือ วางมือ
บริเวณศอกขวา
แยกขาทั้งสองข้าง งอเข่า ตามอง
ที่ศอกขวา (มองคู่ต่อสู้เมื่อเข้าประชิด
ตัว)
ท่ำที่ 8
แขนขวาจับเข่าขวา แขนซ้ายพับ
งอศอกตั้งฉากเหนือศีรษะ
ขาขวางอเข่าเล็กน้อย ขาซ้าย
แยกออกเหยียดตรง ตามองคู่ต่อสู้
ท่ำที่ 9
แขนขวาพับศอก มือก�าหมัดวาง
บริเวณหู แขนซ้ายพับศอกตั้งฉากปิด
ตัวบริเวณอก
ก้าวขาขวาไปข้างหน้า งอเข่า แยก
ขาซ้ า ยวางด้ า นหลั ง ขาเหยี ย ดตึ ง
หน้ามองคู่ต่อสู้
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 23 23
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ท่ำที่ 10
นัง่ ลงโดยขาขวาวางทับบนขาซ้าย
แขนทั้งสองกางออกแขนซ้ายยก
สูง เหนือศีร ษะ แขนขวากางต�่ า กว่า
ใบหน้ า หั น หน้ า มองตามทิ ศ ทาง
แขนขวา (เนื่ อ งจากเป็ น ท่ า แบบนั่ ง
จึงไม่นิยมใช้ในการแข่งขันประเภท
ต่อสู้)
ท่ำที่ 11
นั่ ง ลงโดยขาขวาพั บ เข่ าไป
ข้างหน้า ขาซ้ายวางด้านหลังงอเข่า
เล็กน้อย
แขนซ้ายยกสูงเหนือศีรษะงอศอก
เล็กน้อย แขนขวาวางบนพืน้ (เนือ่ งจาก
เป็นท่าแบบนั่ง จึงไม่นิยมใช้ในการ
แข่งขันประเภทต่อสู้)
ท่ำที่ 12
แขนขวาก�าหมัดวางบริเวณหน้าอก
แขนซ้ า ยเหยี ย ดไปข้ า งหน้ า แบมื อ
งอศอกเล็กน้อย
แยกขาทั้ ง สองข้ า งออก ล� า ตั ว
ตั้ ง ตรง อกผายไหล่ ผึ่ ง ตามองตาม
ทิศทางแขนซ้าย (เป็นท่าร่ายร�าพืน้ ฐาน
ที่นิยมน�ามาใช้มากที่สุด)
24 24 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
โครงสร้ำงกำรก้ำวเท้ำโดยรวม
1. a.A1-D1 : ก้าวหน้าซ้าย
b. A2-D1 : ก้าวหน้าขวา
c. A1-D2 : ก้าวหลังซ้าย
d. A2-D2 : ก้าวหลังขวา
2. a. A1-B1 : ก้าวข้างซ้าย
b. A2-B2 : ก้าวข้างขวา
3. a. A1-C1 : ก้าวเฉียงหน้าซ้าย
b. A2-C2 : ก้าวเฉียงหน้าขวา
c. A1-C3 : ก้าวเฉียงหลังซ้าย
d. A2-C4 : ก้าวเฉียงหลังขวา
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 25 25
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
a. ก้าวหน้าซ้าย (Langkah lurus depan kiri) b. ก้าวหน้าขวา (Langkah lurus depan kanan)
c. ก้าวหลังซ้าย (Langkah lurus mundur kiri) d. ก้าวหลังขวา (Langkah lurus mundur kanan)
26 26 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
a. ก้าวเฉียงหน้าซ้าย (Langkah serong depan kiri) b. ก้าวเฉียงหน้าขวา (Langkah serong depan kanan)
c. ก้าวเฉียงหลังซ้าย (Langkah serong mundur kiri) d. ก้าวเฉียงหลังขวา (Langkah serong mundur kanan)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 27 27
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
a. ก้าว ปูตัร ซ้าย Langkah Putar ke kiri b. ก้าว ปูตัร ขวา Langkah Putar ke kanan
28 28 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ยืนด้วยกระบวนท่า กูดา-กูดา ตืองะห์ รีงนั (kuda- แกว่งแขนจากเหนือศีรษะ ลงปัดป้องตัวตามการ
kuda tengah ringan) ชู แ ขนขวาขึ้ น เหนื อ ศี ร ษะ เตะของคูต่ อ่ สู ้ (ส่วนใหญ่การเตะจะประมาณเอวลงมา
นิ้วชิดกันทุกนิ้ว ( ตามองตาม) มือซ้ายก�าหมัดป้องตัว เล็กน้อย) พร้อมทัง้ ให้เปลีย่ นทิศทางของขาทัง้ สองตาม
บริเวณอก การปัดขา (ขาขวาบิดตรง ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อย)
เทคนิคการซ้อมเพื่อการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า
ใช้กระบวนท่า กูดา-กูดา ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 31 31
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ยืนด้วยกระบวนท่า กูดา-กูดา ซ�าเป็ง รีงนั (kuda- แกว่งแขนจากเหนือศีรษะ ลงป้องตัวบริเวณลิ้นปี่
kuda samping ringan) ก� า หมั ด และชู แ ขนขวา และท้อง (หรือตามความสูงของขาและหมัดของคูต่ อ่ สู้
ขึ้นเหนือศีรษะ ตามองตาม มือซ้ายแบมือป้องตัว ขณะออกอาวุธ) พร้อมทั้งให้เปลี่ยนทิศทางของขาทั้ง
บริเวณอก สองตามแรงแกว่งของการปัด (ย่อเข่าขวาเข่าชี้ตรงไป
ด้านหน้า ส่วนขาซ้ายชี้ไปด้านข้าง)
เทคนิคการซ้อมเพื่อการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า
ใช้กระบวนท่า กูดา-กูดา ตืองะห์ รีงัน Kuda-Kuda tengah serong
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 33 33
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ยืนตัวตรงแยกขาเล็กน้อย มือทั้งสองข้างก�าหมัด ออกแรงดันหมัดทั้งสองข้างลงบริเวณเอว หรือ
(หงายขึ้น) วางบริเวณอกใกล้ รักแร้ บริเวณที่คู่ต่อสู้ออกอาวุธ แขนทั้งสองข้างไขว้หนีบขา
คู่ต่อสู้ (บริเวณที่ใช้ป้องกัน คือบริเวณกระดูกแขนใกล้
ข้อมือ)
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 35 35
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ขาชิ ด แขนขวาวางบนแขนซ้ า ย เพื่ อ ป้ อ งกั น แกว่งแขนขวาจากล�าตัวลงล่าง พร้อมแยกขาออก
การเตะหรือต่อยบริเวณล�าตัวบน (ขาซ้ายงอเข่า ขาขวาเหยียดตึง เอียงตัวไปทางขวา)
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 37 37
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ยกแขนขวาก�าหมัด ยื่นออกจากล�าตัว แขนซ้าย แกว่งแขนจากข้างล�าตัว เข้าในล�าตัวเพื่อป้องตัว
แบมือป้องกันบริเวณอก แยกขาออกเล็กน้อย และบิดเอวตามแรงแกว่ง
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 39 39
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
แขนขวาพั บ ศอกล� า ตั ว เอี ย งข้ า ง มื อ ก� า หมั ด ออกแรงแกว่งศอกขวา แตะฝ่ามือซ้าย (ตัวและ
แขนซ้ายแบมือแตะหมัดขวา ขาขวางอเข่าเล็กน้อย เอวหมุนตามแรงแกว่งศอก) เปลีย่ นทิศทางขา (ขาซ้าย
ขาซ้ายเหยียดตรง งอเข่าเล็กน้อยขาขวาเหยียดตรง)
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 41 41
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
พับขาขวายกขึน้ โดยให้เข่าตัง้ สูงกว่าเอวเล็กน้อย เหวี่ยงขาขวาจากข้างล�าตัวเข้าในล�าตัว(เพื่อรับ
ข้อเท้าเหยียดลงนิ้วเท้าชี้พื้น (ขาซ้ายเหยียดตรงรับน�้า การปะทะ) มือขวาก�าหมัด มือซายแบมื
้ อป้องตัว ดังรูป
หนักร่างกาย) มือขวาก�าหมัดมือซ้ายแบมือ ป้องตัว
รูปที่ 3 รูปที่ 4
พับขาขวายกขึ้นตรงล�าตัวหันเฉียงไปทางซ้าย เหวี่ยงขาขวาจากในล�าตัวออกนอกล�าตัว พับขา
เข่าตั้งสูงกว่าเอว (ข้อขาเหยียดตรงนิ้วชี้พื้น) มือขวา ท�ามุมเฉียงกับล�าตัว ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อย มือขวา
ก�าหมัด มือซ้ายแบมือป้องตัว ก�าหมัด มือซ้ายแบมือป้องตัว ดังรูป
42 42 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
A. อีโกสัน (Egosan)
เทคนิค อีโกสัน (Egosan) เป็นเทคนิคการหลบด้วยการใช้ขาทัง้ สองข้างสลับขาหลบเพือ่ เปลีย่ นทิศทาง
ของร่างกาย
เทคนิค อีโกสัน (Egosan) เป็นเทคนิคที่ง่ายต่อการน�าไปใช้ ไม่ยุ่งยากหลบด้วยทิศทางการสลับขา
ที่ไม่ซับซ้อน และสามารถหลบได้ไกลจากคู่ต่อสู้ นักกีฬาสามารถถอยหลบแบบตรงหรือหลบแบบเฉียงก็ได้
แม้ผู้เริ่มต้นเรียนก็สามารถน�ามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคการหลบ สามารถน�ามาใช้ได้กับทุกกระบวนท่าเตะ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเตะด้วยกระบวนท่าใดก็จะ
สามารถหลบได้ทนั ดังนัน้ นักกีฬาควรฝึกซ้อมเทคนิคการหลบอย่างสม�า่ เสมอ รวมทัง้ ฝึกซ้อมกระบวนท่าในการ
โต้ตอบหลังจากที่คู่ต่อสู้เข้าประชิดตัว การตอบโต้ต้องตอบโต้อย่างรวดเร็วจึงจะสามารถเห็นผลได้
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 43 43
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ตั้งท่า พร้อมปะทะ หน้ามองคู่ต่อสู้ เมื่ อ คู ่ ต ่ อ สู ้ ย กขาพร้ อ มเตะ นั ก กี ฬ ายกขาขวา
เตรียมถอยหลัง สายตามองขาคูต่ อ่ สูม้ อื ทัง้ สองป้องตัว
รูปที่ 4 รูปที่ 3
เมื่อคู่ต่อสู้ยืดขาเตะ นักกีฬารีบหลบถอยหลัง ถอยหลั ง ด้ ว ยการวางขาขวาไขว้ ห ลั ง ขาซ้ า ย
โดยก้าวขาซ้าย ยาวๆ หนึ่งก้าวและงอเข่า ขาขวา สายตามองขาคู่ต่อสู้
เหยียดตรง เอียงตัวไปตามขาซ้าย
44 44 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
B. อีละกัน ( Elakan)
เทคนิค การหลบอีละกัน( Elakan) เป็นเทคนิคการหลบด้วยการใช้ขาหลบเพียงข้างเดียวเพื่อเปลี่ยน
ทิศทางการเคลื่อนไหวของร่างกาย
เทคนิคการหลบนี้จะเป็นเทคนิคการหลบที่ยากกว่าเทคนิคการหลบ อีโกสัน (Egosan) แต่ข้อดีของ
เทคนิคนี้ คือ เป็นเทคนิคที่สามารถหลบหลีกได้ทั้งการต่อยและการเตะ และหลบได้ไม่ไกลจนเกินไป นักกีฬา
จึงสามารถตอบโต้คู่ต่อสู้ได้ทัน
เทคนิคนี้ ต้องใช้ขาข้างเดียวหลบหลีกคู่ต่อสู้ นักกีฬาต้องเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายในส่วนของ
การเคลื่อนไหว ความคล่องแคล่วว่องไว ปฏิกิริยาตอบสนอง รวมทั้งความอ่อนตัว
รูปที่ 1
ตั้งท่า เตรียมพร้อม หน้ามองคู่ต่อสู้
รูปที่ 2 รูปที่ 3
เมือ่ คูต่ อ่ สูย้ กขาพร้อมเตะ ให้ยกขาขวาเตรียมถอย คู่ต่อสู้ยืดขาเตะแล้ว หลบด้วยการยกขาขวาวาง
วางข้างหลัง ข้างหลังทันที(ขาขวางอเข่า ขาซ้ายเหยียดตรง เอียงตัว
ไปตามขาซ้าย)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 45 45
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
C. กือลิตัน (Kelitan)
เทคนิคการหลบ กือลิตัน (Kelitan) คือเทคนิคการหลบด้วยการใช้การเอียงขาเพื่อเปลี่ยนทิศทางของ
ร่างกาย เพื่อเอียงล�าตัวหลบการเตะของคู่ต่อสู้ เทคนิคนี้ ยังไม่ค่อยนิยมน�ามาใช้ในการแข่งขัน เนื่องจากไม่
สามารถหลบคูต่ อ่ สูไ่ ด้ไกลมากนัก เป็นการเสีย่ งทีจ่ ะหลบไม่ทนั แต่หากนักกีฬาฝึกฝนจนเกิดความคล่องตัวแล้ว
การหลบด้วยเทคนิคนี ้ จะเป็นการหลบทีด่ มี าก เนือ่ งจากนักกีฬาสามารถโต้ตอบได้ถงึ ตัวคูต่ อ่ สูม้ ากกว่าเทคนิค
การหลบประเภทอื่น ๆ
นักกีฬาต้องใช้ความไวของปฏิกิริยาตอบสนอง ใช้สมาธิ รวมทั้งความคล่องตัวของขาโดยเฉพาะเข่า
และล�าตัวต้องเอียงตัวเพื่อหลบการเตะของคู่ต่อสู้
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ตั้งท่า เตรียมพร้อม หน้ามองคู่ต่อสู้ เมือ่ คูต่ อ่ สูย้ กขาเตะ นักกีฬาหลบด้วยการเอียงตัว
ไปทางด้านหลัง ขาซ้ายงอเข่า ขาขวาเหยียดตรง
ยกปลายขา เอียงหลังตามขาซ้าย
46 46 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลประเทศไทย
ัต
ทบทวนเทคนิคกำรหลบเพื่อป้องกันตัว
รูปที่ 1
การซ้ อ มเทคนิ ค ป้ อ งกั น ตั ว ตั ง เกสสั น กาลั ง
(Tangkisan kalang) นักกีฬาควรเอียงล�าตัวและเอว
ตามการแกว่งของแขน แขนที่ป้องกันควรเป็นข้างตรง
ข้ามกับขาที่ก้าวไปข้างหน้า เพื่อความสะดวกต่อการ
ตอบโต้
รูปที่ 2
การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ปอตอง
(Tangkisan Potong) นักกีฬาควรฝึกซ้อมด้วยการ
งอศอกเล็กน้อย ไม่ควรเหยียดแขนตรง เพราะแรงเตะ
ที่หนักแน่น อาจท�าให้แขนหักได้ แขนที่ใช้ป้องกันควร
เป็นข้างเดียวกันกับขาที่ก้าวไปข้างหน้า
รูปที่ 3
การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน จือเปด
บาวะห์ (Tangkisan Jepit Bawah) นักกีฬาควร
ฝึกซ้อมโดยใช้บริเวณกระดูกข้อมือด้านบนในการ
ป้ องกั น ใช้ ใ หล่ ช ่ วยกดขาคู ่ ต ่ อสู ้ งอศอกเล็ก น้ อย
จะสามารถเพิ่มแรงกดได้
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 47 47
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 4
การซ้ อ มเทคนิ ค ป้ อ งกั น ตั ว ตั ง เกสสั น ซี กู
(Tangkisan Siku) นักกีฬาควรฝึกซ้อมการศอกเข้า
บริเวณข้อเท้าของคู่ต่อสู้ หรือบริเวณกลางหน้าแข้ง
เพราะเป็นบริเวณกระดูกที่มีกล้ามเนื้อหุ้มเพียงเล็ก
น้อยเท่านั้น เมื่อเกิดการปะทะ จะเกิดอาการเจ็บง่าย
หรือบาดเจ็บถึงขั้นกระดูกร้าวหรือแตกหักได้
รูปที่ 5
การซ้ อ มเทคนิ ค ป้ อ งกั น ตั ว ตั ง เกสสั น กื อ ดิ ก
(Tangkisan Gedik) นักกีฬาควรฝึกซ้อมด้วยการเกร็ง
แขน ชูแขนก�าหมัดเหนือศีรษะดึงจากบนลงมาป้องกัน
การเตะ ให้โดนบริเวณข้อเข่าของคู่ต่อสู้ ล�าตัวและ
เอวเอี ย งตามแขน ควรย่ อ เข่ า เล็ ก น้ อ ยเพื่ อ ให้ ก าร
ออกแรงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รูปที่ 6
การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ตือเปส
(Tangkisan Tepis) นักกีฬาควรฝึกซ้อมด้วยการปัดขา
โดยใช้บริเวณ ฝ่ามือปัดขาคู่ต่อสู้ นิ้วมือชิดติดกัน
งอศอกเล็กน้อยเพือ่ ป้องกันการหักจากการเตะ ตัวและ
เอวเอียงตามการปัด แขนที่ใช้ปัดควรเป็นแขนข้าง
ตรงกันข้ามกับขาซึ่งก้าวไปข้างหน้า เพื่อสามารถ
ตอบโต้ได้ง่าย
48 48 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปันาแห่
จักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 7
การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ลูตุด ดาลัม
กือลูวัร (Tangkisan Lutut Dalam ke Luar ) นักกีฬา
ควรฝึ ก ซ้ อ มด้ ว ยการหมั่ น เหวี่ ย งขาจากในล� า ตั ว
ออกนอกล� า ตั ว เพื่ อ ให้ ก ระดู ก บริ เ วณสะโพกเกิ ด
ความเคยชิน และหมั่นเข้าคู่กับเพื่อนเพื่อรับการเตะ
จนกล้ า มเนื้ อ และกระดู ก หน้ า แข้ ง เคยชิ น กั บ การ
โดนปะทะ
รูปที่ 8
การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ลูตดุ ลูวรั กือ
ดาลัม (Tangkisan Lutut Luar ke Dalam) นักกีฬา
ควรฝึกซ้อมด้วยการหมั่นเหวี่ยงขาจากนอกล�าตัวเข้า
ในล�าตัว เพือ่ ให้กระดูกบริเวณสะโพกเกิดความเคยชิน
เช่นเดียวกับการซ้อม เทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน
ลูตุด ดาลัม กือลูวัร (Tangkisan Lutut Dalam ke
Luar)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 49 49
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
50 50 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปันาแห่
จักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 1
แบมือ นิ้วชิดติดกัน นิ้วโป้งชี้ขึ้น
รูปที่ 2
พับนิ้วทั้ง 4 นิ้ว เข้าหาข้อพับกลางนิ้ว
รูปที่ 3
พับนิ้วอีกครั้ง ให้ชิดติดฝ่ามือ
รูปที่ 4
นิ้วโป้งกดทับนิ้วชี้ และนิ้วนาง พร้อมออกแรงก�าหมัด
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 51 51
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1
หงายหมัดขึน้ เลยข้อมือ เมือ่ ต่อยด้วยหมัด
ดั ง นี้ อาจเกิ ด อาการบาดเจ็ บ ไปจนถึ ง
ข้อมือซ้น หรือหักได้
รูปที่ 2
หมัดคว�่าลง ต�่ากว่าข้อมือ เมื่อ
ต่อยด้วยหมัด ดังนี ้ อาจเกิดอาการบาดเจ็บ
ไปจนถึง ข้อมือซ้น หรือหักได้ เช่นกัน
รูปที่ 3
การต่อยอย่างถูกวิธี คือ การก�าหมัดเป็น
แนวตรงกับแขน พับข้อศอกเล็กน้อย แขน
และไหล่ (ช่วยในการออกแรงต่อยหมัด)
52 52 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 53 53
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 6
รูปที่ 4 รูปที่ 5 ก้าวขาขวาไปข้างหน้า (ขาขวา
ขาซ้ายวางหน้า ขาขวาวางหลัง ขาขวาชิดขาซ้าย งอเข่า หันตัว งอเข่า ขาซ้ายเหยียดตรงเอียงตัวไป
ย่อตัวลง แขนทั้งสองข้างป้องตัว เอียงไปทางขวา เล็กน้อย แขนขวา ข้างหน้าเล็กน้อย) พร้อมออกแรง
ตามองคู่ต่อสู้ พับศอกก�าหมัดวางบริเวณเอว มือ ต่อยด้วยหมัดขวา แขนซ้ายพับศอก
ซ้ายแบมือ ปิดหมัดขวา แบมือป้องอก (ล�าตัวและเอวบิด
ตามแรงต่อย)
54 54 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝการกี
ึกสอนกีฬ าแห่
ฬาปั นจัง
กสีประเทศไทย
ลัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 55
55
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อย หันหน้าออกข้างตัว เหวี่ยงแขนขวาต่อย (จากข้างในล�าตัวออกนอก
แขนซ้ายป้องตัวมือก�าหมัดวางบริเวณคาง แขนขวา ล�าตัวใช้หลังมือต่อย) แขนซ้ายก�าหมัดป้องตัว
พับศอกโอบล�าตัว (ดังรูป)
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 57 57
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
แขนซ้ า ยแบมื อ ป้ อ งตั ว แขนขวาก� า หมั ด วาง กระทุ้งแขนขวา จากด้านล่าง (เอว) ขึ้นบน (ล�าตัว
บริเวณใต้เอว (วางหมัดเลยล�าตัวเล็กน้อย) แยกขาออก หรือใบหน้า) หมัดหงาย แขนซ้ายป้องตัว ล�าตัวและ
ย่อเข่า ล�าตัวก้มลงตามหมัด เอวบิดตามแรงต่อย
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 59 59
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
แขนขวาพับศอก ท�ามุม 90 องศา มือก�าหมัดกาง เหวี่ยงหมัดขวาต่อยเข้าในล�าตัว ไหล่และเอวบิด
แขนออกนอกล�าตัว แขนซ้ายพับศอกแบมือป้องตัว หัน ตามแรงต่อย ขาซ้ายเอียงออกซ้ายเล็กน้อย
หน้ามองตามหมัด กางขาเล็กน้อย
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 61 61
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ใช้กระบวนท่านัง่ ม้า กูดากูดา ตืองะห์ รีงนั (Kuda เหวี่ ย งแขน ศอกจากข้ า งล� า ตั ว เข้ า ในล� า ตั ว
kuda tengah ringan) แขนขวาพับศอกดึงศอกออก อย่างเต็มแรง ไหล่และเอวบิดตามการเหวีย่ ง แขนซ้าย
นอกล�าตัว ก�าหมัด (หมัดคว�า่ ) แขนซ้ายพับศอกแบมือ แบมื อ ป้ อ งล� า ตั ว ขาทั้ ง สองข้ า งเอี ย งไปทางซ้ า ย
วางทาบกับหมัดขวา ไหล่และเอวเอียงตามศอก เล็กน้อย
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong)
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ใช้กระบวนท่านัง่ ม้า กูดากูดา ตืองะห์ รีงนั (Kuda เหวี่ยงแขนทั้งสองข้างพร้อมกัน โดยแขนขวา
kuda tengah ringan) แขนทั้งสองข้างพับศอก แขน เหวีย่ งศอก แขนซ้ายพับศอกวางหมัดบริเวณเอว (หมัด
ขวาวางบนแขนซ้าย (ขวาศอก) มือทั้งสองข้างก�าหมัด หงาย)
หน้าหันออกข้างล�าตัว กางขาเล็กน้อย
เทคนิคกำรซ้อมเพื่อกำรเคลื่อนไหวไปข้ำงหน้ำ
ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ตืองะห์ (Kuda-Kuda tengah)
64 64 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
การกีฬาแห่งประเทศไทย
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 เทคนิคกำรเตะที่ผิดวิธี
การเตะด้วยการเหยียดเข่าตึงมากจนเกินไป จะท�าให้การเตะไม่มแี รง และออกตัวช้า ไปจนถึงจะท�าให้เกิด
อาการบาดเจ็บ บริเวณเข่าและกล้ามเนื้อใต้เข่า เรื้อรังได้
รูปที่ 2 เทคนิคกำรเตะที่ถูกวิธี
การเตะอย่างถูกวิธี คือ ไม่เหยียดเข่าตึงจนเกินไป ควรงอเข่าเล็กน้อย ออกแรงเกร็งขาทั้งขา ล�าตัว เอว ก้น
กลัไบด้ได้ทันทท่ันวท่งทีวงที
ไปจนถึงการเกร็งเท้า จะท�าให้ออกอาวุธเตะได้หนักแน่น รวดเร็ว และสามารถดึงขากลั
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 65
65
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2
ยกเข่าขวาสูงกว่าเอวเล็กน้อย กระดกนิ้วเท้าชี้ขึ้น ส่งขาขวาเตะไปข้างหน้า ย่อเข่าเล็กน้อยไม่เหยียด
(ป้องกันอาการบาดเจ็บ หรือหักเมื่อปะทะ) เข่าตึงจนเกินไป เกร็งนิ้วเท้าชี้ขึ้นไปข้างบน ออกแรง
ช่วยตั้งแต่ ล�าตัว เอว ก้นไปจนถึงขาทั้งขา แขนทั้งสอง
ป้องตัว ดังรูป
66 66 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 67 67
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
68 68 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ยกเข่าขึ้น สูงกว่าเอวเล็กน้อย บิดเอว ล�าตัว ก้นเพื่อเปลี่ยนทิศทางขา (จากหัน
หน้า เป็นหันข้าง บิดขาซ้ายเล็กน้อยเพื่อช่วยทรงตัว
รูปที่ 4 รูปที่ 3
รูป การเตะอย่างถูกวิธี จากด้านหน้า ส่งขาเตะไปข้างหน้า ด้วยวิธีการหงายฝ่าเท้าขึ้น
เหยียดขาตรง งอเข่าเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างป้องตัว
(ดังรูป)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 69 69
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2
ยกขาขวาขึ้ น สู ง กว่ า เอว งอเข่ า และหงาย ส่ง ขาเตะไปข้า งหน้ า (ส้ นเท้ าหรื อฝ่ าเท้ าเป็ น
ส้นเท้าขึ้น (ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อยเพื่อการทรงตัว) บริเวณที่เตะหรือถีบคู่ต่อสู้) ขณะเตะล�าตัวเอียงหลัง
แขนทั้งสองป้องตัว (ดังรูป) เล็กน้อยเพื่อการทรงตัว (ดังรูป)
70 70 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลประเทศไทย
ัต
วิธีกำรเตะที่นักกีฬำมักปฏิบัติผิดวิธี ดังนี้
1. ขณะหมุนตัว ถ้านักกีฬาหมุนตัวมากเกินไปหรือเตะหมุนตัวน้อยเกินไป จนเตะไม่โดนเป้าหมาย
(คู่ต่อสู้) ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากนักกีฬาไม่สามารถประมาณการยืนของคู่แข่งหรือ ขณะหมุนตัวไม่มองคู่ต่อสู้
ว่าอยู่ตา� แหน่งใด ท�าให้เตะไม่โดนคู่ต่อสู้
2. ขณะหมุนตัว นักกีฬาหมุนตัวยังไม่เรียบร้อย (ไม่หมุนไหล่ตาม) แต่ส่งแรงเตะคู่ต่อสู้แล้ว เช่นนี้
จะท�าให้การเตะเอียงข้าง และเสียการทรงตัว อาจท�าให้นักกีฬาล้มลงได้
3. ขณะเหยียดขาเตะหากนักกีฬาไม่ก้มตัวหรือ ก้มหน้าเพียงเล็กน้อยก็ท�าให้ไม่สามารถทรงตัวได้
เช่นเดียวกัน หรือหากนักกีฬาไม่ใช้ส้นในการเตะแต่กลับใช้ข้างฝ่าเท้าแทน เช่น การเตะ Tendangan “T” (side
kick) จะท�าให้การเตะไม่มีแรง และอาจท�าให้เกิดอาการบาดเจ็บ บริเวณกล้ามเนื้อขาได้ เพราะนักกีฬาบิดขา
ผิดวิธี
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 71 71
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2
ขณะประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ ให้หันหลัง ขาขวา ยกขาขวาขึน้ เตรียมเตะไปทางด้านหลัง ก้มตัวลง
วางหน้า ขาซ้ายยกส้นเท้าขึ้น ย่อเข่าทั้งสองข้างเล็ก เล็กน้อย เพื่อการทรงตัว
น้อย แขนทั้งสองป้องตัว (ดังรูป)
ขั้นที่ 3
ส่งขาขวาเตะหลัง เหยียดขาตรงเพื่อการทรงตัว พร้อมก้มตัวลง (ยิ่งก้มต�่าก็จะยิ่งเตะสูงขึ้น) แขนทั้งสอง
ป้องตัว (ดังรูป)
72 72 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 73 73
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1
พับเข่าขวา ยกขึ้นเข่าไปข้างหน้า (ใช้เข่าบริเวณ
ด้ า นหน้ า ล� า ตั ว คู ่ ต ่ อ สู ้ ) เอี ย งล� า ตั ว ไปข้ า งหลั ง
เล็กน้อย (เพื่อการทรงตัว แขนทั้งสองป้องตัว ดังรูป)
74 74 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
ขั้นที่ 1
พับเข่าขวา ยกขึ้น ข้างล�าตัว (สามารถเหวี่ยงเข้า
ในล�าตัวได้ เมื่อต้องการป้องกันล�าตัวจากด้านหน้า)
ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อยเพื่อการทรงตัว แขนทั้งสอง
ป้องตัว (ดังรูป)
ขั้นที่ 2
เหวี่ยงขาขวาจากข้างล�าตัว เข่าชี้เข้าในล�าตัวเมื่อ
ต้องการป้องกันล�าตัวหรือต้องการเข่าล�าตัวคู่ต่อสู้
(เข่าขวาเมื่อยกข้างล�าตัว ต้องอยู่ในลักษณะขวางกับ
ล�าตัว ดังรูป)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 75 75
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ขั้นที่ 1
พับเข่าขวา ยกเข่าขึ้นจากในล�าตัว แขนทั้งสอง
ป้องตัว (ดังรูป)
ขั้นที่ 2
เหวี่ยงขาขวาจากในล�าตัวออกข้างล�าตัว (เพื่อ
ปัดขาคูต่ อ่ สูอ้ อกข้างล�าตัว) ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อยเพือ่
การทรงตัว แขนทั้งสองป้องตัว (ดังรูป)
76 76 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 77 77
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
A เทคนิค จา โตฮ ดือ ปัน ซ�าเบล บืร ลูตุด (Jatuh Depan Sambil berlutut)
คือ การฝึกล้มหน้าแบบชันเข่าแล้วล้ม เริม่ ต้น ด้วยการนัง่ วางเข่าชันพืน้ กางแขนทัง้ สองข้างไปข้างหน้า
สูงประมาณไหล่ (ฝ่ามือคว�่าลง ตามองไปข้างหน้า) ค่อย ๆ ส่งแขนไปข้างหน้า จนกระทั่งแขนถึงเบาะ พร้อมยก
ตัวขึ้นเพื่อป้องกันอวัยวะส�าคัญกระแทกพื้น (พับศอก ส่วนที่แตะเบาะคือบริเวณศอกถึงมือเท่านั้น และนิ้วเท้า
ช่วยยกล�าตัวขึ้นไม่ให้ส่วนขากระแทกพื้น)
B เทคนิค จา โตฮ ดือ ปัน ดืองัน บืร จองกอก (Jatuh Depan degan berjongkok)
คือ การฝึกล้มหน้าแบบนัง่ ส้น เริม่ ต้นด้วยการนัง่ บนส้นเท้าและนิว้ เท้าช่วยชันล�าตัวขึน้ กางแขนทัง้ สอง
ข้างไปข้างหน้า สูงประมาณไหล่ (ฝ่ามือคว�่าลง ตามองไปข้างหน้า) ค่อย ๆ ส่งแขนและดีดขาหรือกระโดดส่งตัว
ไปข้างหน้า จนกระทั่งแขนถึงเบาะ พร้อมยกตัวขึ้นเพื่อป้องกันอวัยวะส�าคัญกระแทกพื้น (พับศอก ส่วนที่แตะ
เบาะคือบริเวณศอกถึงมือเท่านั้น และนิ้วเท้าช่วยยกล�าตัวขึ้นไม่ให้ส่วนขากระแทกพื้น)
C เทคนิค จา โตฮ ดือ ปัน ดืองัน บืร ดีรี (Jatuh Depan dengan berdiri)
คือ การฝึกล้มหน้าแบบยืนแล้วล้มตัวลง ลักษณะและวิธีการล้มเหมือนกับการล้มทั้งสองประเภท
เพียงแต่การล้มด้วยวิธกี ารยืนนี้ ระยะห่างระหว่างล�าตัวก่อนล้มถึงพืน้ จะไกลกว่า ซึง่ การล้มวิธนี ี้ เป็นวิธกี ารล้ม
ที่มักจะพบเห็นขณะแข่งขันปันจักสีลัตมากที่สุด
78 78 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
วิธีที่ 1
การล้มหน้าแบบชันเข่า
ชันเข่าทั้งสองบนพื้น ยื่นแขน
ทั้ ง สองไปด้ า นหน้ า (ฝ่ า มื อ
คว�่าลง)
วิธีที่ 2
(การล้มหน้าแบบชันขา)
พับเข่านัง่ ลงบนส้นขา ยืน่ แขน
ทั้ ง สองไปด้ า นหน้ า (ฝ่ า มื อ
คว�่าลง ดังรูป)
ขั้นตอนสุดท้ายของการล้มหน้า
ล้มตัวลงไปข้างหน้าในลักษณะนอนคว�า่ อวัยวะทีแ่ นบ
พื้น คือ เฉพาะข้อศอกไปจนถึงฝ่ามือ และปลายเท้า
เท่านั้น อวัยวะอื่นๆ ยกขึ้นไม่ติดพื้น (ดังรูป)
วิธีที่ 3
การล้มหน้าแบบยืน
ยื น ตั ว ตรง กางขาออก
เล็ ก น้ อ ย ยื่ น แขนไป
จังหวะการเอีย งตั ว เพื่ อ ข้างหน้า (ดังรูป)
การล้มแบบยืน ซึ่งขณะซ้อม
ต้ อ งค่ อ ยๆ เอี ย งตั ว ล้ ม ไป
ข้างหน้า
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 79 79
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
A เทคนิค จา โตฮ บือ ลากัง ซ�า เบล ตีโดร (Jatuh Belakang sambil tidur)
คือ การฝึกล้มหลังด้วยวิธีการนอนแล้วล้มหลัง เริ่มต้นด้วยการนอนหงาย ยื่นแขนและขาทั้งสองข้าง
ไปข้างหน้า เกร็งคอยกศีรษะขึน้ (ไม่ให้ตดิ พืน้ ) และใช้แขนทัง้ สองข้างตีเบาะพร้อมวางขาทัง้ สองข้างสูพ่ นื้ สุดท้าย
ให้ยกก้นและเกร็งคอยกศีรษะขึ้น
อวัยวะที่อันตรายส�าหรับการล้มหลัง คือ การกระแทกของสันหลัง หรือก้นและศีรษะเมื่อตกกระแทก
พื้น ขั้นตอนสุดท้ายจึงต้องยกบริเวณก้นและเกร็งศีรษะไม่ให้กระแทกพื้นเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น
B เทคนิค จา โตฮ บือ ลากัง ดือ งัน จอง กอก (Jatuh Belakang dengan jongkok)
คือ การฝึกล้มหลังด้วยวิธีการนั่งส้นแล้วล้มหลัง เริ่มต้นด้วยการพับเข่านั่งลงบนส้นเท้า (นิ้วเท้าช่วย
ยกส้นขึ้น) แขนทั้งสองข้างยื่นไปข้างหน้า (ฝ่ามือคว�่าลง) แล้วค่อยๆ วางก้นลงพื้น วางเอวและล�าตัวลงพื้นตาม
ล�าดับ แขนทั้งสองข้างตีเบาะ สุดท้ายให้ยกก้นและเกร็งคอยกศีรษะขึ้น
C เทคนิค จา โตฮ บือ ลากัง ดือ งัน บืร ดีรี (Jatuh Belakang dengan berdiri)
คือ การฝึกล้มหลังด้วยวิธกี ารยืนตัวตรงแล้วล้มหลัง เริม่ ต้นด้วยการยืนตัวตรง กางขาออกเล็กน้อย ยืน่
แขนทั้งสองข้างไปข้างหน้า (ฝ่ามือคว�่าลง) ต่อไปให้พับเข่านั่งลงบนส้นเท้าก่อนแล้วค่อยล้มหลัง สุดท้ายยกก้น
และเกร็งคอยกศีรษะขึ้นเช่นเดียวกับการล้มสองวิธีดังกล่าวข้างต้น
80 80 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 4
วางก้นลง ยื่นแขนไปข้างหน้า
รูปที่ 5
(ล้มหลังโดยสมบูรณ์) เกร็งคอ
ยกศีรษะและก้นขึน้ เพือ่ ป้องกันการ
กระแทกพื้น
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 81 81
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
A เทคนิค จา โตฮ ซ�า เป็ง ซ�าเบล ตีดูร (Jatuh Samping sambil tidur)
คือ เทคนิคการฝึกล้มข้างด้วยการนอน เริ่มต้นด้วยการฝึกล้มข้างขวาก่อน ให้นอนหงาย ยื่นแขนและ
ขาทัง้ สองข้างไปข้างหน้า เกร็งคอยกศีรษะขึน้ เมือ่ พร้อมแล้วเอียงตัวหันมาทางขวา และใช้แขนขวาตีเบาะ (แขน
ซ้ายป้องตัว) พร้อมให้ขาขวาเหยียดพื้น ขาซ้ายงอเข่าชันขึ้นเล็กน้อย และเกร็งคอยกศีรษะขึ้น
B เทคนิค จา โตฮ ซ�า เป็ง ดือ งัน จองกอก (Jatuh Samping dengan Jongkok)
คือ เทคนิคการฝึกล้มข้างด้วยการนั่งแล้วล้มข้าง เริ่มต้นด้วยการฝึกล้มข้างขวา โดยให้พับเข่าแล้วนั่ง
ลงบนส้นเท้าขวา (แขนขวาป้องตัว) ขาซ้ายพับเข่ายื่นขาไปข้างหน้าเล็กน้อย (ยื่นแขนซ้ายไปข้างหน้า) ค่อย ๆ
วางก้นลงหลังพร้อมขาขวาชันเข่า (แขนขวาป้องตัว) ขาและแขนซ้ายยกชีข้ นึ้ เมือ่ ถึงพืน้ ใช้แขนขวาตีเบาะ (แขน
ซ้ายป้องตัว) พร้อมให้ขาขวาเหยียดพื้น ขาซ้ายงอเข่าชันขึ้นเล็กน้อย และเกร็งคอยกหัวขึ้น
C เทคนิค จา โตฮ ซ�า เป็ง ดือ งัน บืร ดีรี (Jatuh Samping dengan berdiri)
คือ เทคนิคการฝึกล้มข้างด้วยการยืนแล้วล้มข้าง เริ่มต้นด้วยการฝึกล้มข้างขวาโดยให้ยืนตัวตรงแยก
ขาออกเล็กน้อย เมื่อพร้อมแล้วใช้แขนขวาป้องตัว ขาซ้ายและแขนซ้ายยกขึ้น จากนั้นค่อย ๆ เอนตัวลง (เอียง
มาทางขวา) พับเข่าแล้วนัง่ ลงบนส้นเท้าขวา (แขนขวาป้องตัว) ขาซ้ายพับเข่ายืน่ ขาไปข้างหน้าเล็กน้อย(ยืน่ แขน
ซ้ายไปข้างหน้า) ค่อย ๆ วางก้นลงหลังพร้อมขาขวาชันเข่า (แขนขวาป้องตัว) ขาและแขนซ้ายยกชี้ขึ้น เมื่อถึง
พื้น ใช้แขนขวาตีเบาะ (แขนซ้ายป้องตัว) พร้อมให้ขาขวาเหยียดพื้น ขาซ้ายงอเข่าชันขึ้นเล็กน้อย และเกร็งคอ
ยกศีรษะขึ้นทุกครั้ง
เทนนิคการล้มข้าง ใช้ส่วนของแขนข้างใดข้างหนึ่งและข้างล�าตัวลงพื้น แขนอีกข้างป้องตัวและ
เกร็งคอยกศีรษะขึ้นทุกครั้งเพื่อป้องกันการกระแทก
82 82 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
ล้มตัวลง พร้อมยื่นแขนและ
ขาเหยียดไปข้างหน้า
เมื่อล�าตัวถึงพื้นให้ใช้แขนตีพื้น
ยกขาทั้งสองเหยียดตรงขึ้นบน
(ดังรูป)
ล้มข้าง ด้วยการใช้ข้างล�าตัว
แตะพื้น เกร็งคอและยกศีรษะขึ้น
(ดังรูป)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 83 83
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
84 84 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
ยื น ตั ว ตรง แยกขา
ก้ ม ศี รษะลง มื อทั้ง สอง ออกเล็กน้อย ยืน่ แขน
แตะพื้น และค่อยๆ ยก ไปด้านหน้า
ส้นเท้าขึ้น
ยกส้นเท้าพร้อมยื่นล�าตัวม้วนไปข้างหน้า
(พับคอเข้าหาล�าตัว แขนค่อยๆ งอศอกตาม )
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 85 85
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
86 86 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2
ยกขาขวาขึ้น แขนทั้งสองป้องตัว (เตรียมผลัก) เหวี่ยงขาขวาลงปัดล่าง หงายฝ่าเท้าขึ้น แขนขวา
ปัดลง (ผลักตัวคูต่ อ่ สู)้ แขนซ้ายป้องอก ขาซ้ายป้องตัว
เล็กน้อย (ดังรูป)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 87 87
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
88 88 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 89 89
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
90 90 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2
ก้มตัวลงมือซ้ายแตะพืน้ แขนขวาชูขนึ้ บังหน้า พับ ส่งขาซ้ายไปข้างหน้า (ฝ่าเท้าแตะพื้น) ขาขวาพับ
เข่าซ้ายวางลงพื้น ขาขวางอเข่า (ดังรูป) เข่า ชันเข่าขึ้น (ดังรูป)
รูปที่ 4
หลังจากปฏิบัติตามรูปที่ 3 แล้ว ให้ใช้ขาขวาปาด
รูปที่ 3
กวาดหน้าทันที (บริเวณที่ใช้กวาด คือบริเวณตั้งแต่
เลือ่ นก้นเข้าใกล้ขาซ้าย (ขาซ้ายพับเข่าเข้าหาตัว)
หน้าแข้งจนถึงหน้าเท้าและเข้ากวาดหน้าแข้งคู่ต่อสู้)
เข่าขวาพับเข่าติดพืพี้น (เตรียมกวาดหน้า) แขนขวาป้อง
แขนขวาป้องศรีษะเพื่อป้องกันการตอบโต้จากคู่ต่อสู้
ศีรษะ (ดังรูป)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 91 91
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2
หันหลังให้คู่ต่อสู้เข่าซ้ายวางพื้น เข่าขวาตั้งชันขึ้น หมุนและหันตัวตามข้างขวา วางก้นลงขาขวาไขว้
แขนทั้งสองป้องอก ขาซ้าย ดังรูป
ขั้นที่ 4 ขั้นที่ 3
กวาดขาขวาให้สดุ ขา งอเข่าซ้ายเล็กน้อย แขนขวาป้อง ยืน่ ขาขวาเหยียดตรงไปข้างหน้า หงายฝ่าเท้าขึน้ พร้อม
ศีรษะ แขนซ้ายชันพื้น (คู่ต่อสู้โดนกวาดบริเวณตาตุ่ม กวาดขาขวามาด้านหลัง (บริเวณหลังแข้งเป็นบริเวณ
ไปจนถึงหน้าแข้งล่าง) ทีก่ วาดคูต่ อ่ สู)้ ขาซ้ายพับเข่า แขนขวาป้องตัวและแขน
ซ้ายแตะพื้น)
92 92 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
ยกขาขวาจากด้านหน้าล�าตัว หงายฝ่าเท้าขึ้น ขาซ้าย เหวี่ยงขาขวากวาดหลัง พร้อมยื่นแขนขวาส่งไปข้าง
งอเข่าเล็กน้อย แขนขวายื่นออกจากล�าตัว แขนซ้าย หน้า (ขาขวาปัดขาคู่ต่อสู้พร้อมแขนซ้ายผลักตัว ท�า
ป้องอก ดังรูป พร้อมกัน ) แขนซ้ายป้องตัวและเอียงตัวไปข้างหน้าเล็ก
น้อย
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 93 93
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
94 94 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2
ก้มตัวลงวางแขนทั้งสองแตะพื้น แยกขาออก ขาขวา กระโดดยกก้นขึน้ ส่งขาทัง้ สองไปข้างหน้า (หนีบขาไขว้
พับเข่าชันพืน้ ขาซ้ายเหยียดตรง เอียงตัวไปตามขาขวา กรรไกรกลางอากาศ)
ขั้นที่ 4 ขั้นที่ 3
กระบวนท่าสุดท้ายเมื่อนักกีฬาตกถึงพื้น ต้องใช้แขน ขณะทีห่ นีบขาคูต่ อ่ สูอ้ ยูก่ ลางอากาศ ให้แยกขาออกซึง่
ขวาปิดป้องศีรษะ เพื่อป้องกันการตอบโต้จากคู่ต่อสู้ เป็นจังหวะที่คู่ต่อสู้ล้ม (เนื่องจากเป็นจังหวะที่คู่ต่อสู้
ต้องแบกรับน�้าหนักตัวของนักกีฬา นั่นเอง)
รูปที่ 5
ภาพการกระโดดกรรไกรจากด้านหน้า
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 95 95
การกีฬาแห่
คู่มืองผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
ทบทวนกระบวนท่ำเทคนิคกำรท�ำล้ม
รูปที่ 1
เทคนิคการปัดขาอย่างถูกวิธ ี คือ ต้องใช้แขนดึงตัว
คู่ต่อสู้ไปพร้อม ๆ กัน
รูปที่ 2
เทคนิคการปัดขาด้วยหลังเท้า ใช้หลังเท้าปัดน่อง
คู่ต่อสู้
รูปที่ 3
เทคนิคการปัดด้วยการใช้ข้อเท้าเกี่ยว ต้องใช้
ข้ อ เท้ า นั ก กี ฬ าเกี่ ย วบริ เ วณข้ อ เท้ า คู ่ ต ่ อ สู ้ ด ้ ว ย
เช่นเดียวกัน
96 96 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬาปั
ฬนาแห่
จักสีงลัตประเทศไทย
รูปที่ 4
การปัดขาด้วยการปัดหรือเกีย่ วบริเวณข้อเท้าหน้า
(ตาตุ่ม) ของคู่ต่อสู้อย่างถูกวิธี
รูปที่ 5
เทคนิ ค การปั ด ขาด้ ว ย วิ ธี ก ารใช้ ก ล้ า มเนื้ อ ขา
ด้านหลัง หรือน่อง เกี่ยวพร้อมกับมือซ้ายดึงแขนขวา
มือขวาผลักตัวคู่ต่อสู้
รูปที่ 6
เทคนิ ค การปั ด ขาด้ ว ย วิ ธี ก ารล้ ม หน้ า คื อ
การปัดขาด้วยการล้มตัวลงและใช้ขาข้างใดข้างหนึ่ง
เกี่ยวขา บริเวณน่อง หรือข้อขาของคู่ต่อสู้
รูปที่ 7
เทคนิ ค การปั ด ขาด้ ว ย วิ ธี ก ารล้ ม หลั ง คื อ
การปัดขาด้วยการหมุนตัวล้มหลัง ใช้บริเวณข้อขาและ
น่องเป็นบริเวณปัดขาคู่ต่อสู้
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 97 97
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 8
เทคนิคการท�าล้มด้วยวิธีการหนีบขาคู่ต่อสู้ คือ
นักกีฬาต้องใช้ขาข้างใดข้างหนึ่งวางหรือผลักบริเวณ
น่อง และขาอีกข้างวางบริเวณข้อเท้าของคูต่ อ่ สู ้ (ขาทัง้
สองข้างต้องวางไขว้กัน หากข้างหนึ่งวางหน้าขา อีก
ข้างต้องวางหลังขาคู่ต่อสู้)
รูปที่ 9
เทคนิคการท�าล้มด้วยการกระโดดหนีบเอว คือ
นักกีฬาต้องใช้แรงกระโดดหนีบสูงขึ้นไปบริเวณน่อง
และเอวของคู่ต่อสู้ ใช้แขนช่วยดันตัวในการกระโดด
หนีบ
รูปที่ 10
เทคนิ ค การท� า ล้ ม ด้ ว ยการกระโดดหนี บ เอว
นักกีฬาต้องใช้แรงกระโดดทั้งตัวโดยไม่ต้องใช้แขน
ช่วยพยุงตัว วิธีนี้เป็นวิธีที่ยากกว่าวิธีอื่นๆ เนื่องจาก
ต้องหาจังหวะการกระโดดที่แน่นอนและต้องมั่นใจใน
การกระโดดเตะสามารถท�าให้คตู่ อ่ สูล้ ม้ ลงอย่างได้ผล
เนื่องจากคู่ต่อสู้จ� าเป็นต้องแบกรับน� าหนักตัวของ
นักกีฬาไว้ หากคู่ต่อสู้ไม่แข็งแรงก็จะเสียการทรงตัว
และล้มลงไปในที่สุด
98 98 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 99 99
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1
คู่ซ้อมหันหน้าเข้าหากันเพื่อเตรียมซ้อมวิธีการจับขา
รูปที่ 2 รูปที่ 3
ขณะที่ คู ่ ต ่ อ สู ้ ย กขาขึ้ น เตะได้ แ ล้ ว ครึ่ ง ทาง ให้ แขนขวาจับขาในลักษณะให้ขาคูต่ อ่ สูอ้ ยูใ่ นล�าตัว
นักกีฬา เตรียมจับด้วยการส่งแขนลงต�่า แขนซ้ายป้อง แขนซ้ายช่วยจับเพือ่ หยุดการเคลือ่ นไหวของเข่า คูต่ อ่ สู้
ตัว (ดังรูป) (ขาคู่ต่อสู้จะถูกล๊อกโดยทันที)
100 100 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
รูปที่ 1
คู่ซ้อมหันหน้าเข้าหากันเพื่อเตรียมซ้อมวิธีการจับขา
รูปที่ 2 รูปที่ 3
ขณะที่ คู ่ ต ่ อ สู ้ ย กขาขึ้ น เตะได้ แ ล้ ว ครึ่ ง ทาง ให้ ขั้นตอนสุดท้าย คือ แขนซ้ายจับขาคู่ต่อสู้ (รับขา
นักกีฬา เตรียมจับด้วยการส่ง แขนซ้ายลงต�่า (เตรียม ด้วยบริเวณข้อพับศอก) พร้อมใช้แขนอีกข้างผลักตัว
รับขา) ตาจ้องมองขาคู่ต่อสู้ (ดังรูป) คู่ตอ่ สู้ (ดังรูป)
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 101 101
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 103
103
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมื่อคู่ต่อสู้เตะด้วยขาขวาบริเวณท้อง ให้จับขาคู่ มื อ ขวาจั บ ขาให้ แ น่ น ใช้ ข าซ้ า ยเตะหลั ง แข้ ง
ต่อสู้ด้วยแขนขวา มือซ้ายจับไหล่ (เตรียมดึง) (เตรียมเกี่ยว) คู่ต่อสู้
รูปที่ 4 รูปที่ 3
คู่ต่อสู้ล้มลงโดยใช้แผ่นหลังลงพื้น มือซ้ายออกแรงดึงตัว พร้อมขาซ้ายออกแรงเกี่ยว
เข้า เพื่อให้คู่ต่อสู้ล้มลง
104 104 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมือ่ คูต่ อ่ สูเ้ ตะด้วยขาขวา ให้จบั ขาคูต่ อ่ สูด้ ว้ ยแขน แขนขวาจับขาขวาคู่ต่อสู้ (หมุนขาเปลี่ยนมาอยู่
ทั้งสองข้าง แยกขาออกเพื่อความสมดุลของร่างกาย ข้างล�าตัวด้านขวา) มือซ้ายเตรียมผลักล�าตัว
รูปที่ 4 รูปที่ 2
คู่ต่อสู้ล้มไปด้านหน้า ดังรูป ขาขวาถอยหลังมา 1 ก้าว (เตรียมเหวี่ยงคู่ต่อสู้)
ก้มตัวพร้อมกดขาลงต�่าเล็กน้อย
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 105 105
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 2
รูปที่ 1 ขาขวาถอยหลังมา 1 ก้าว (เตรียมเหวี่ยงคู่ต่อสู้)
เมื่อคู่ต่อสู้เตะด้วยขาขวา ให้นักกีฬาจับขาขวา ก้มตัวพร้อมกดขาลงต�่าเล็กน้อย
ด้วยมือทั้งสองข้าง แยกขาออกเล็กน้อยเพื่อความ
สมดุลของร่างกาย
รูปที่ 4 รูปที่ 3
คู่ต่อสู้ต้องเสียหลัก และล้มลง (ใช้ข้างล�าตัวล้ม) ดึงขาคู่ต่อสู้และเมื่อคู่ต่อสู้เสียจังหวะ เริ่มเหวี่ยง
ขา (เหวี่ยงไปทางขวา) พร้อมก้าวขาขวาไปข้างหน้า
106 106 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลัตประเทศไทย
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมื่อคู่ต่อสู้เตะด้วยขาขวา ให้นักกีฬาจับขาขวา ขาขวาถอยหลังมา 1 ก้าว (เตรียมเหวี่ยงคู่ต่อสู้)
ด้วยมือทั้งสองข้าง กางขาออกเล็กน้อยเพื่อความ ก้มตัวพร้อมกดขาลงต�่าเล็กน้อย
สมดุลของร่างกาย
รูปที่ 4 รูปที่ 3
คู่ต่อสู้ต้องเสียหลัก และล้มลง (ล้มหน้า) ดึงขาคู่ต่อสู้เมื่อคู่ต่อสู้เสียจังหวะ เริ่มเหวี่ยงขา
(เหวี่ ย งไปทางทิ ศ ทางซ้ า ย) พร้ อ มก้ า วขาขวาไป
ข้างหน้า
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 107 107
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1
เมื่อคู่ต่อสู้เตะด้วยขาขวา ให้นักกีฬาจับขาขวาด้วยมือทั้งสองข้าง แยกขาออกเล็กน้อยเพื่อความสมดุล
ของร่างกาย
รูปที่ 2 รูปที่ 3
เหวี่ยงพร้อมดึงขาขวาคู่ต่อสู ้ เมื่อคู่ต่อสู้ต้องหมุน คู่ต่อสู้เสียหลักและล้มลง ด้วยการล้มหลัง
ตัวตามการเหวี่ยง นักกีฬาใช้ขาขวาก้าวปัดขา
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมือ่ คูต่ อ่ สูเ้ ตะสูงด้วยขาขวา ใช้แขนทัง้ สองข้างจับ ใช้ขาขวาเกี่ยวขาซ้ายคู่ต่อสู้
ขาให้แน่น ก้าวขาซ้ายไปข้างหน้า
รูปที่ 4 รูปที่ 3
คู่ต่อสู้เสียหลักและล้มลงโดยสมบูรณ์ ขาขวาออกแรงเกีย่ วขาซ้าย พร้อมทัง้ แขนซ้ายช่วย
ดึงยกขาขวาคู่ต่อสู้ให้ล้มลง
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 109 109
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมื่อคู่ต่อสู้เตะสูงด้วยขาขวา ใช้แขนซ้ายจับขาให้ ใช้ขาขวาเกีย่ วหลังขาซ้าย (หลังขา) มือขวาจับไหล่ เพือ่
แน่น ก้าวขาซ้ายไปข้างหน้า เตรียมผลักตัวคู่ต่อสู้
รูปที่ 4 รูปที่ ่3
คู่ต่อสู้เสียหลักและล้มลง (ล้มหลัง) ขาขวาออกแรงเกีย่ วขา พร้อมมือขวาออกแรงผลัก
คู่ต่อสู้
110 110 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปันาแห่
จักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 1
แขนซ้ายคล้องขาคู่ต่อสู้ ดึงขาเข้าใกล้ตัว มือขวาจับบริเวณใต้ก้นเพื่อเตรียมยกตัว
รูปที่ 3 รูปที่ 2
คู่ต่อสู้ล้มลงโดยสมบูรณ์โดยวิธีล้มหลัง ยกหรืออุ้มตัวคู่ต่อสู ้ โดยใช้ก�าลังแขนทั้งสองข้าง
ช่วยยก
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 111 111
การกีฬาแห่คู่มงือประเทศไทย
ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมื่อคู่ต่อสู้เตะสูงด้วยขาซ้าย ใช้แขนขวาจับขาให้ มือซ้ายกดไหล่ พร้อมปัดขาขวาคูต่ อ่ สูด้ ว้ ยขาซ้าย
แน่น มือซ้ายจับไหล่ (เตรียมกดตัว)
รูปที่ 4 รูปที่ 3
คู่ต่อสู้ล้มลงในลักษณะม้วนหน้า แล้วล้มหลัง เมื่อคู่ต่อสู้เริ่มก้มตัวลงให้ยกขาซ้าย สูงขึ้น เรื่อยๆ
จะช่วยให้คู่ต่อสู้เสียหลักมากขึ้น
112 112 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี ฬนาแห่
สอนกีฬาปั จักสีงลประเทศไทย
ัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมื่อคู่ต่อสู้เตะสูงด้วยขาซ้าย ใช้แขนขวาจับขา มือซ้ายกดไหล่ พร้อมปัดขาขวาคูต่ อ่ สูด้ ว้ ยขาซ้าย
ให้แน่น มือซ้ายจับไหล่ (เตรียมกดตัว)
รูปที่ 4 รูปที่ 3
คู่ต่อสู้ล้มลงในลักษณะม้วนหน้า แล้วล้มหลัง เมื่อคู่ต่อสู้เริ่มก้มตัวลงให้ยกขาซ้าย สูงขึ้น เรื่อย ๆ จะ
ช่วยให้คู่ต่อสู้เสียหลักมากขึ้น
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต 113 113
การกีฬาแห่คู่มงือผูประเทศไทย
้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
รูปที่ 1 รูปที่ 2
เมื่อคู่ต่อสู้เตะสูงด้วยขาขวา ใช้แขนซ้ายจับขาให้ ขาขวาเกีย่ วขาซ้าย มือขวาจับไหล่เพือ่ เตรียมผลัก
แน่น ก้าวขาซ้ายไปข้างหน้า ล�าตัว
รูปที่ 4 รูปที่ 3
คู่ต่อสู้ล้มลงอย่างสมบรณ์ (ล้มหลัง) ออกแรงทั้งผลักตัวและเกี่ยวขาคู่ต่อสู้ ไปพร้อมๆ กัน
3.10 เทคนิค เบอร์ ตำ ฮำน นัน ตืร ฮำ ดับ บัน เต็ง งัน (Teknik bertahanan terhadap
bantingan) คือ เทคนิคการถ่วงดุลเพื่อไม่ให้ล้ม ในกีฬาปันจักสีลัต ผู้ที่เป็นฝ่ายท�าล้มกระท�าหน้าที่เป็นฝ่ายรุก
และหากนักกีฬาตกเป็นฝ่ายโดนท�าล้มก็กระท�าหน้าทีเ่ ป็นฝ่ายรับ ซึง่ ไม่วา่ จะโดนท�าล้มด้วยเทคนิคหรือวิธกี ารใด
-ผู้ที่สามารถท�าล้มคู่แข่งได้จะได้รับคะแนน 3 คะแนนทันที การล้มจึงเป็นเทคนิคที่ผู้ฝึกสอนรวมทั้งนักกีฬา
ต้องตระหนักและฝึกฝนกันอย่างจริงจังก่อนลงสนามแข่งขันกีฬาปันจักสีลัตประเภทต่อสู้
ในสนามการแข่งขันกีฬาปันจักสีลตั ฝ่ายใดสามารถท�าล้มคูต่ อ่ สูไ้ ด้ ถือว่ามีความส�าคัญต่อการตัดสิน
ของกรรมการ การท�าล้มได้จะสามารถสร้างก�าลังใจและความมั่นใจให้กับนักกีฬา แต่ในทางกลับกันผู้ใดโดน
ท�าล้มไปเพียงแค่ครั้งเดียวก็อาจท�าให้หมดก�าลังใจและท้อถอย และคิดว่าตนเองต้องแพ้แน่นอนแล้ว จึงเป็น
หน้าที่ของผู้ฝึกสอนที่จะต้องแก้เกมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักกีฬาขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นการท�าล้มนอกจาก
จะเป็นอันตรายส�าหรับร่างกายที่อาจได้รับบาดเจ็บ แล้วยังอาจก่อให้เกิดบาดแผลต่อสภาพจิตใจนักกีฬาอีก
ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ ก่อนการแข่งขันแต่ละสนาม ผู้ฝึกสอนรวมทั้งนักกีฬาจึงต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ หรือหา
วิธีการว่าท�าอย่างไร? เพื่อไม่ให้ล้มเมื่อโดนคู่ต่อสู้จับขา หรือช่วยกันคิดว่าจะมีเทคนิคใดจะสามารถถ่วงดุล
ไม่ให้เกิดการล้มไปตามสถานการณ์
เทคนิคการถ่วงดุลเพื่อไม่ให้ล้ม ที่มักพบเห็นกันบ่อยในสนามแข่งขันคือ เมื่อนักกีฬาโดนจับขามักจะ
ใช้วิธีการกอดคอ (ล็อคคอ) หรือ มักจะใช้ขาอีกข้างกระโดดย�่าอยุู่กับที่ หรือบางครั้งต้องใช้วิธีการตอบโต้ด้วย
การต่อยบริเวณล�าตัวเพือ่ ให้คตู่ อ่ สูพ้ ะวงว่าตนโดนต่อยและต้องเสียคะแนนจนต้องรีบปล่อยขา หรือบางคนเมือ่
โดนจับขาได้แล้วรีบมองหาเส้นขอบนอกเพื่อจะกระโดดออกนอกเส้น (การตกนอกเส้นสนามที่กา� หนดไม่เป็น
คะแนน) เป็นต้น ทัง้ นีแ้ ล้วแต่วา่ นักกีฬาว่าจะมีปฏิภาณไหวพริบ หรือจะใช้เทคนิคใดให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ที่ตนเองก�าลังเผชิญอยู่เพื่อสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการล้ม นั่นเอง
เทคนิคการท�าล้ม หรือเทคนิคการถ่วงดุลเพื่อไม่ให้ล้มเป็นเทคนิคที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เองอย่าง
อัตโนมัติขณะท�าการแข่งขัน แต่เทคนิคเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้กับนักกีฬา ในกรณีที่นักกีฬาได้รับการฝึกฝนมา
อย่างหนักใช้เทคนิคได้อย่างคล่องแคล่ว ฝึกฝนซ�า้ ๆ จนเกิดความเคยชินหรือน�าเทคนิคออกมาใช้ได้อย่างอัตโนมัต ิ
ก่อนที่จะลงสนามแข่งขัน เนื่องจากในสนามนักกีฬาจะได้รับความกดดันอย่างมหาศาล (ตื่นเต้น หรือกลัวการ
พ่ายแพ้) หากไม่ช�านาญในกระบวนท่าก็ไม่สามารถที่จะน�าเทคนิคแต่ละกระบวนท่าออกมาใช้ได้
ดังนั้น นักกีฬาต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะสามารถเป็นฝ่ายได้เปรียบในการแข่งขัน
รูปที่ 1
เมื่อต้องโดนคู่ต่อสู้จับขา ให้ส่งหมัดต่อย นอกจากจะสามารถท�าให้คู่ต่อสู้พะวงไม่มั่นใจในการท�าล้ม
เนื่องจากโดนต่อยแล้ว ยังสามารถท�าคะแนนได้อีก 1 คะแนน (เพื่อความสะดวกในการต่อยควรต่อยด้วยแขน
ข้างเดียวกันกับขาที่โดนจับอยู่)
2. มึน ดอ รอง บำ ฮู ลำ วัน กือ บือ ลำ กัง (Mendorong bahu lawan ke balakang) คือ
การถ่วงดุลด้วยการผลักไหล่คู่ต่อสู้ กล่าวคือ เมื่อนักกีฬาโดนจับขาและก�าลังจะโดนท�าล้ม เหตุการณ์เช่นนี ้
นักกีฬามักจะคิดว่าไม่ควรเข้าใกล้คู่ต่อสู้ เนื่องจากการเข้าใกล้คู่ต่อสู้จะเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ท�าล้มได้ง่ายขึ้น
แต่ในทางกลับกัน การเข้าใกล้ขณะโดนจับขาบางครั้งก็เป็นโอกาสดีที่จะสามารถถ่วงดุลไม่ให้เกิดการล้มได้
นั่นก็คือ การเข้าใกล้เพื่อผลักล�าตัวคู่ต่อสู้ (ไหล่) พร้อมทั้งให้ออกแรงกดขาข้างที่ถูกจับ เพื่อให้คู่ต่อสู้รู้สึกหนัก
และเกิดอาการลังเลใจจนต้องปล่อยขาออก การล้มจึงไม่เป็นผลส�าเร็จ
เทคนิคการถ่วงดุลวิธีนี้ เหมาะสมที่จะน�ามาใช้ถ่วงดุลกับเทคนิคการล้มได้ทุกประเภท แต่ที่เหมาะสม
ที่สุด คือการท�าล้มด้วยเทคนิค บันเต็งงัน ซี และ ดี (Bantingan “C” และ “D”)
รูปที่ 2
เมื่อต้องโดนคู่ต่อสู้จับขา รีบเข้าใกล้และออกแรงผลักตัวคู่ต่อสู้ด้วยแขนทั้งสองข้าง พร้อมออกแรงเกร็งขา
ที่โดนจับ เพื่อให้คู่ต่อสู้รู้สึกหนักและเสียการทรงตัวเนื่องจากโดนผลักจนต้องปล่อยขา (เทคนิคนี้หากคู่ต่อสู้ไม่
แข็งแรงก็มีโอกาสที่จะล้มลงเองเนื่องจากต้านทานแรงผลักไม่ได้)
3. มึน จำ โยฮ กัน กำกี ปือ นุม ปู กือ บือ ลำ กัง (Menjauhkan kaki penumpu ke belakang)
คือ การถ่วงดุลด้วยการถอยหลังหลบ เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้สามารถกวาดขาได้ เป็นเทคนิคที่เหมาะสมกับการท�าล้ม
เทคนิค บันเต็งงัน เอ บี จี และเค (Bantingan “A”, “B”, “G”, และ “K”) เนื่องจากเทคนิคนี้คู่ต่อสู้ต้องใช้ขาเกี่ยว
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการล้ม แต่นักกีฬาต้องออกแรงเกร็งขาข้างที่โดนจับด้วย เพื่อให้คู่ต่อสู้รู้สึกหนักทั้งยัง
ไม่สามารถกวาดขาได้อีก จนต้องปล่อยขา เนื่องจากไม่สามารถท�าล้มได้ภายในเวลาที่ก�าหนด
รูปที่ 3
เมือ่ ขาโดนคูต่ อ่ สูจ้ บั และคูต่ อ่ สูพ้ ยายามใช้ขาอีกข้างกวาดหรือเกีย่ วขานักกีฬาเพือ่ ท�าล้ม เช่นนี ้ ให้นกั กีฬา
งอเข่า หรือก้าวถอยหลัง เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้กวาดขาถึง พร้อมทั้งต้องออกแรงเกร็งขาข้างที่โดนจับ เพื่อให้นักกีฬา
รู้สึกหนัก จนต้องยอมปล่อยขา
4. มือ งำ ลัง งี กือ ระ กำกี ลำ วัง (Menghalangi gerak kaki lawan) คือการถ่วงดุลด้วยการจับ
กดเข่าคูต่ อ่ สู ้ ทัง้ นี ้ เมือ่ นักกีฬาโดนจับขาข้างหนึง่ แล้ว ให้ใช้มอื ข้างใดข้างหนึง่ กดบริเวณน่องหรือเข่าคูต่ อ่ สู้ และ
มืออีกข้างกดบริเวณไหล่ พร้อมทั้งออกแรงเกร็งลงที่ขา ข้างที่โดนจับ เพื่อให้คู่ต่อสู้รู้สึกหนักและไม่สามารถ
ท�าล้มได้ เทคนิคนี้สามารถน�ามาใช้ได้กับทุกกระบวนท่าการท�าล้ม
รูปที่ 4
เมื่อคู่ต่อสู้จับขาส�าเร็จ และพยายามใช้ขาเพื่อกวาดหรือเกี่ยวขาของนักกีฬาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการท�าล้ม ให้นักกีฬาใช้มือกดน่องหรือบริเวณเข่าของคู่ต่อสู้ พร้อมใช้แขนขวาผลักตัวเพื่อให้คู่ต่อสู้ปล่อยขา
หรือล้มลงเอง
5. มือ มู ตัร ตู โบฮ ดัน มือ นำ ริก กำกี (Memutar tubuh dan menarik kaki) คือการถ่วงดุลด้วย
การหมุนตัวหันหลังพร้อมดึงขาออก เป็นเทคนิคทีน่ กั กีฬาต้องใช้กล้ามเนือ้ ขามากกว่าเทคนิคการถ่วงดุลประเภท
อื่น ๆ กล่าวคือ ขณะที่นักกีฬาโดนจับขาข้างหนึ่ง นักกีฬาต้องพยายามดึงขาตนเองให้หลุดออกจากการโดนจับ
พร้อมทั้งให้หมุนตัวหันหลังเพื่อให้คู่ต่อสู้ปล่อยขาง่ายขึ้น เทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับทุกกระบวนท่าการท�าล้ม
ข้อควรระวัง ขณะที่นักกีฬาหมุนตัวหันหลัง สายตาต้องจ้องมองคู่ต่อสู้ตลอดเวลา เนื่องจากเมื่อ
หันหลังแล้วนักกีฬาไม่ทันระวัง ท�าให้คู่ต่อสู้ตอบโต้ ด้วยการเตะ หรือถีบหลัง จนอาจท�าให้นักกีฬาล้มลงหัวทิ่ม
ปักพื้นได้
รูปที่ 1
เมื่อคู่ต่อสู้จับขานักกีฬาเป็นผลส�าเร็จ
รูปที่ 2
นักกีฬารีบหมุนตัวหันหลัง (หน้ายังคงหันมองคู่ต่อสู้) พร้อมทิ้งน�าหนักลงที่ขาทั้งสองข้าง (เกร็งขา)
รูปที่ 3
เมื่อคู่ต่อสู้จับขานักกีฬาเป็นผลส�าเร็จ
รูปที่ 4
นักกีฬารีบหมุนตัวหันหลัง (หน้ายังคงหันมองคู่ต่อสู้) พร้อมทิ้งน�า้ หนักลงที่ขาทั้งสองข้าง (เกร็งขา)
นิยำมค�ำศัพท์ปันจักสีลัต
Bersedia (p.5) = ค�าสั่งให้นักกีฬาพร้อมท�าการแข่งขัน
Mulai (p.5) = ค�าสั่งให้นักกีฬาเริ่มท�าการแข่งขัน
Berhenti (p.5) = ค�าสั่งให้นักกีฬาหยุดการเข้าปะทะ (ขณะแข่งขัน)
Pasang (p.5) = ค�าสั่งให้นักกีฬาตั้งท่าพร้อมแข่งขันตามท่าทางแบบฉบับของปันจักสีลัต
Siap (p.9) = ค�าสั่งให้นักกีฬาพร้อมท�าการซ้อม
lencang kiri (p.9) = ให้นักกีฬาซ้ายหัน
lencang kanan (p.9) = ให้นักกีฬาขวาหัน
rentangkan tangan (p.9) = ให้นักกีฬากางแขน
istirahat di tempat (p.9) = ให้นักกีฬาพักอยู่กับที่
hormat khas Pencak Silat (p.11) = การไหว้เพื่อแสดงความเคารพ
berdoa (p.11) = ท�าสมาธิ
kuda kuda (p.13) = กระบวนท่านั่งม้า
dari bobot (p.14) = การถ่ายน�้าหนักตัวลงที่ขาทั้งสองข้าง
depan (p.14) = ไปด้านหน้า
ringan (p.14) = เบา,เล็กน้อย
sedang (p.14) = เท่าๆ กัน
berat (p.14) = หนัก
bentuknya (p.16) = มาตรฐาน
lurus (p.16) = ตรงไปข้างหน้า
serong (p.16) = เฉียง
belakang (p.16) = ข้างหลัง
samping (p.16) = หันข้าง
tengah (p.16) = ตรงกลาง
sikap pasang (p.20) = การร�าที่เป็นแบบเฉพาะของปันจักสีลัต
Sikap Pasang Terbuka (p.21) = การร�าแบบกางแขนเปิด
Sikap Pasang Tertutup (p.21) = การร�าแบบแขนปิดล�าตัว
Langkah (p.26) = การก้าวเท้า
mundur (p.27) = การถอยหลัง
Selang (p.28) = การก้าวเอียง
Putar (p.29) = ก้าวกลับหลังหัน
122 122 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
Jatuh (p.79) = ตก
Punggung (p.79) = บริเวณก้น
Sambil (p.80) = จนกระทั่ง
Berjongkok (p.80) = นั่งชันเขา่
degan (p.80) = กับ,ด้วย
Berdiri (p.80) = การยืน
Tidur (p.82) = การนอน
Jatuhan (p.88) = ตก, การตก, การตกหล่น
Sapuan (p.88) = การกวาด
Tegak (p.88) = ตั้งตรง
Kepret (p.88) = การปัดด้วยขา
Sabetan (p.88) = การปัดด้วยฝ่าเท้า
Rebah (p.92) = การปัดด้วยการนั่งปัด
Besetan (p.95) = การปัดกลับ
Guntingan (p.96) = การท�าให้ล้มแบบหนีบกรรไกร
Tangkapan (p.101) = การจับ
Bentingan (p.104) = การเหวี่ยงล้ม
Bertahanan (p.117) = การถ่วงดุล,แรงต้านทาน
Terhadap (p.117) = เจาะจง,เน้น
Menyerang (p.118) = การตอบโต้
Mendorong (p.119) = การผลัก
Menjauhkan (p.120) = การถอยให้ไกล
Kaki (p.120) = บริเวณขา
Menghalangi (p.121) = การกดแล้วดันออก
gerak (p.121) = การเคลื่อนใหว
ไหว
lawan (p.121) = คู่ต่อสู้
Memutar (p.122) = การหมุนตัว
tubuh (p.122) = บริเวณล�าตัว
menarik (p.122) = การดึงกลับ
124
124 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกการกี
สอนกีฬฬ
าปัาแห่
นจักสีงลประเทศไทย
ัต
อ้ำงอิง
Kotot Slamet Hariyadi.(2003). “Teknik Dasar Pencak Silat Tanding” PT. Dian Rakyat – Jakarta,Indonesia
ประวัติของผู้แปล
ชื่อ นางสาวยูวารีเยาะ อับดุลดานิง เป็นพี่สาวคนโตจากบิดา ชื่อ นายอาแว อับดุลดานิง มารดาชื่อ
นางแวมือละห์ อับดุลดานิง เกิดที่ ต. ลูโบะสาวอ อ. บาเจาะ จ.นราธิวาส
กำรศึกษำ :
ประถมศึกษา โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 9 อ�าเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียน อัตตัรกียะห์ อิสลามียะห์ อ�าเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียน นราธิวาส อ�าเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
ปริญญาตรี คหกรรมศาสตร์ศึกษา (เอกธุรกิจงานประดิษฐ์) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
เทคนิคกรุงเทพ
ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (เอกการตลาด) มหาวิทยาลัย กรุงเทพธนบุรี
ผลงำนและประสบกำรณ์กำรกีฬำ :
กีฬาปันจักสีลัตชิงแชมป์โลก 2001 ณ ประเทศมาเลเซีย
กีฬาปันจักสีลัตชิงแชมป์เอเซียแปซิฟิก 2003 ณ ประเทศฟิลิปปินส์
กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 22 ณ ประเทศเวียดนาม
รางวัลเหริียญเงิน การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ณ ประเทศ อินโดนีเซีย
กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 22 ณ ประเทศฟิลิปปินส์
ผลงำนและประสบกำรณ์กำรท�ำงำน :
อาจารย์สอน โรงเรียนอิสลามสันติชน กลุ่มการงานอาชีพและกลุ่มพลศึกษา 2550-2553
ผูฝ้ กึ สอนชมรมปันจักสีลตั นูซนั ตาราอิสลามสันติชน นักกีฬาได้รบั รางวัล 5 เหรียญเงินจากการแข่งขัน
ประเภทร่ายร�า 2 เหรียญเงิน ประเภทต่อสู้ 3 เหรียญเงิน และได้รับรางวัล 2 เหรียญทองแดงจากประเภทต่อสู้
ในการแข่งขัน ปั ชนะเลิศศแห่
ปันจักสีลัตชิงชนะเลิ แห่งงประเทศไทย
ประเทศ ณ ห้ณางสรรพสิ นค้นาจัค้งาสีจัลงอน ภู
ห้างสรรพสิ สีลอนเก็ภูตเก็ ปีต 2552
ปี 2552
ผูฝ้ กึ สอนชมรมปันจักสีลตั นูซนั ตาราอิสลามสันติชน นักกีฬาได้รบั รางวัล 3 เหรียญทองจากการแข่งขัน
ประเภทร่ายร�า 4 เหรียญเงินจากการแข่งขันประเภทต่อสู ้ และ 2 เหรียญทองแดงจากการแข่งประเภทต่อสู้
ในการแข่งขันปันจักสีลัตชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย อ�าเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2553
ติดต่อ ผู้แปลได้ที่ E-mail reguya@hotmail.com
ที่อยู่ บ้านเลขที่ 6 ม.2 ต.ลูโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส 96170
126 126 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
127
คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต
คณะผู้จัดท�ำ
ที่ปรึกษา
นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
นายราเชลล์ ได้ผลธัญญา รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
(ฝ่ายส่งเสริมกีฬา)
นายสังเวียน บุญโต รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
(ฝ่ายบริหาร)
นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
(ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา)
พันโท รุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
(ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์)
นายประชุม บุญเทียม ผูอ้ ำ� นวยการฝ่ายสารสนเทศและวิชาการกีฬา
เรียบเรียงโดย
นางสาวยูวารีเยาะ อับดุลดานิง
กองบรรณาธิการ
นางรุ่งทิวา รอดโพธิ์ทอง ผู้อ�ำนวยการกองวิชาการกีฬา
นายวัชระ ค�ำเพ็ง หัวหน้างานพัฒนาองค์ความรู้
นางสาวหนึ่งฤทัย แสงกาศนีย์ นักวิชาการ 6
นางรวีวรรณ อรรถอินทรีย์ นักวิชาการ 6
นางสาวมธุรส สุขฤกษ์ พนักงานบริหารงานทั่วไป 3
นางสาวกรรณิกา จีนพวด ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ
นายสุวิทย์ สุขเลิศ ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ
นายปารย์ฐาเนกษ์ โศภิศภัทรพร ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ
นายนรุตภ์เดชษ์ งามแสง ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ
นายศาตรา เอื้อเฟื้อ ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ
นางสาวอรุณวรรณ แพทย์ปรีชา ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ
128
¤Ù‹Á×ͼٌ½ƒ¡Ê͹¡ÕÌÒ
¤Ù‹Á×ͼٌ½ƒ¡Ê͹¡ÕÌÒ»˜¹¨Ñ¡ÊÕÅѵ
คูมือผูฝกสอนกีฬาปนจักสีลัต
§Ò¹¾Ñ²¹Òͧ¤¤ÇÒÁÃÙŒ
¡Í§ÇÔªÒ¡ÒáÕÌÒ
½†ÒÂÊÒÃʹà·ÈáÅÐÇÔªÒ¡ÒáÕÌÒ
¡ÒáÕÌÒáË‹§»ÃÐà·Èä·Â
¾.È. 2559 ËŒÒÁ«×éÍ-¢Ò www.satc.or.th