Professional Documents
Culture Documents
คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
คณะผู้เขียน
ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค
กัลยภัฏร์ ศรี ไพโรจน์
ทิวาวลี บุญญดิษฐ์
คณะบรรณาธิการ
สมาพร ยิง่ คุณธนา
นิตยาพร สายเสนา
วิชุดา คงสุ ทธิ์
๒
คณะผู้เขียน
ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค กศบ., กศ.ม.
กัลยภัฏร์ ศรี ไพโรจน์ วท.บ.
ทิวาวลี บุญญดิษฐ์ วท.บ., วท.ม.
คณะบรรณาธิการ
สมาพร แซ่บาง ศษ.บ., ศษ.ม.
นิตยาพร สายเสนา วท.บ., ศศ.ม.
วิชุดา คงสุ ทธิ์ คบ., คม.
ISBN978-974-18-5803-3
พิมพ์ที่ บริษัท โรงพิมพ์วฒ
ั นาพานิช จํากัด นายเริงชัย จงพิพฒ
ั นสุ ข กรรมการผู้จดั การ
สื่ อการเรียนรู้ ป. 1–ป.6 (ชั้นละ 1 เล่ม) ตัวชี้วดั เป็ นชั้นปี ตามหลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
หนังสื อเรียน (ฉบับ ศธ. อนุญาต) –แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ (CD) –คู่มือการสอน–สื่ อการเรียนรู้ PowerPoint (CD)
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กหัด–แผนฯ (CD) –คูม่ ือการสอน–สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) ภาษาไทย ป. 1–6 เล่ ม 1–2..................... สุ ระ ดามาพงษ์ และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กหัด–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) คณิตศาสตร์ ป. 1–6 เล่ ม 1–2.....ประทุมพร ศรี วฒั นกูล และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) วิทยาศาสตร์ ป. 1–6 ……........…ดร.บัญชา แสนทวี และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) สั งคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม..ป. 1–6 สุ เทพ–พิษณุและคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 1–6.…ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) ศิลปะ ป. 1–6 …………..…………ทวีศกั ดิ์ จริ งกิจ และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) การงานอาชีพและเทคโนโลยี ป. 1–6........อรุ ณี ลิมศิริ และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ(CD) เทคโนโลยีสารสนเทศ ป. 1–6………………………………..…………ดร.ศรี ไพร ศักดิ์รุ่งพงศากุล และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ–ซีดี Tops ป. 1–6 ………………………………………………………….Rebecca York Hanlon และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ–ซีดี Gogo Loves English ป. 1–6 ………….………………………………………..Staton Proctor และคณะ
หนังสื อเรี ยน–แบบฝึ กทักษะ–แผนฯ–ซีดี BINGO! ป. 1–6 ………….……….….………………………………………….Ken Methold และคณะ
สื่ อการเรี ยนรู ้ –ฉบับสมบูรณ์แบบ–แผนฯ(CD) ภาษาอังกฤษ ป. 1–6 ……………..…………………………………ดร.ประไพพรรณ เอมชู และคณะ
สื่ อการเรี ยนรู ้ –ฉบับสมบูรณ์แบบ–แผนฯ(CD) หลักการใช้ ภาษาไทย สมบูรณ์ แบบ ป. 1–6 ……………………………………สุ ระ ดามาพงษ์ และคณะ
สื่ อการเรี ยนรู ้ ฉบับสมบูรณ์แบบเศรษฐกิจพอเพียง ป. 1–6 ………………………….……..…………………………………สุ เทพ จิตรชื่น และคณะ
สื่ อการเรี ยนรู ้ ฉบับสมบูรณ์แบบคุณธรรมนําความรู้ สมบูรณ์ แบบ ป. 1–6 …………………..…………………………….…สุ เทพ จิตรชื่น และคณะ
กิจกรรม ลูกเสื อ เนตรนารี ฉบับสมบูรณ์แบบ ป. 1–6 ……………………………………..…………………………....ดร.อํานาจ ช่างเรี ยน และคณะ
กิจกรรม ยุวกาชาด ฉบับสมบูรณ์แบบ ป. 1–6 …………………………………………..………………...…………....ดร.อํานาจ ช่างเรี ยน และคณะ
๓
คํานํา
คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ สุ ขศึกษาและพลศึกษา ชั้ น ป. 1–6 ชุดนี้ เป็ นสื่ อการเรี ยนรู้ที่จดั ทําขึ้นเพื่อใช้เป็ น
แนวทางในการจัดการเรี ยนรู ้ โดยยึ ดหลักการออกแบบการจัดการเรี ยนรู้ แบบ Backward Design ที่ เน้ นผู้ เรี ยนเป็ น
ศู นย์ กลาง (child centered) ตามหลักการที่เน้ นผู้เรี ยนเป็ นสํ าคัญ เพื่อให้นักเรี ยนมีส่วนร่ วมในกิ จกรรมและกระบวนการ
เรี ยนรู ้ สามารถสร้างองค์ความรู้ ได้ด้วยตนเอง ทั้งเป็ นรายบุ คคลและรายกลุ่ม บทบาทของครู มีหน้าที่ เอื้ ออํานวยความ
สะดวกให้นักเรี ยนประสบผลสําเร็ จ โดยสร้ างสถานการณ์ การเรี ยนรู้ท้ งั ในห้องเรี ยนและนอกห้องเรี ยน ทําให้นักเรี ยน
สามารถเชื่ อมโยงความรู้ในกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้อื่น ๆ ได้ในเชิ งบูรณาการด้วยวิธีการที่ หลากหลาย เน้นกระบวนการคิด
วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสรุ ปความรู ้ดว้ ยตนเอง ทําให้นกั เรี ยนได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้และด้านทักษะ/กระบวนการ
ด้านคุณธรรม จริ ยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และนําไปสู่การอยูร่ ่ วมกันในสังคมอย่างสันติสุข
การจัดทําคู่ มื อครู แผนการจัดการเรี ยนรู้ สุ ขศึ กษาและพลศึ กษา ป. 1–6 ชุ ดนี้ ได้จดั ทําตามหลักสู ตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่ งครอบคลุมทุกสาระการเรี ยนรู้ โดยภายในเล่มได้นาํ เสนอแผนการจัดการเรี ยนรู้เป็ น
รายชัว่ โมงตามหน่วยการเรี ยนรู้ เพื่อให้ครู นาํ ไปใช้ในการจัดการเรี ยนรู้ได้สะดวกยิง่ ขึ้น นอกจากนี้แต่ละหน่วยการเรี ยนรู้
ยังมีการวัดและประเมินผลการเรี ยนรู้ท้ งั 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู ้ และด้านคุณธรรม จริ ยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ และด้านทักษะ/กระบวนการ ทําให้ทราบผลการเรี ยนรู้แต่ละหน่วยการเรี ยนรู้ของนักเรี ยนได้ทนั ที
คู่มือครู แผนการจัดการเรี ยนรู้ สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 1–6 ชุดนี้ นําเสนอเนื้อหาแบ่งเป็ น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 คํ าชี้ แ จงการจั ด แผนการจั ด การเรี ยนรู้ ประกอบด้วยแนวทางการใช้แ ผนการจัดการเรี ย นรู้
สัญลักษณ์แสดงลักษณะและเป้ าหมายของกิจกรรมการเรี ยนรู้ การออกแบบการจัดการเรี ยนรู้ตามแนวคิด Backward
Design เทคนิ คและวิธีการจัดการเรี ยนรู ้–การวัดและประเมินผลกลุ่มสาระการเรี ยนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ตาราง
วิเคราะห์ความสอดคล้องของหน่ วยการเรี ยนรู้กบั สาระ/มาตรฐานการเรี ยนรู ้และตัวชี้ วดั ชั้นปี โครงสร้างการแบ่ง
เวลารายชัว่ โมงและขอบข่ายสาระการเรี ยนรู้
ตอนที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ รายชั่วโมงได้เสนอแนะแนวทางการจัดการเรี ยนรู้แต่ละหน่วยการเรี ยนรู ้ใน
หนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา แบ่งเป็ นแผนย่อยรายชัว่ โมง ซึ่ งแผนการจัดการเรี ยนรู้แต่ละ
แผนมีองค์ประกอบครบถ้วนตามแนวทางการจัดทําแผนการจัดการเรี ยนรู ้ของสถานศึกษา
ตอนที่ 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสํ าหรับครู ประกอบด้วยตัวอย่างแบบทดสอบต่าง ๆ และความรู ้เสริ มสําหรับ
ครู ซึ่งบันทึกลงในซีดีรอม (CD-ROM) เพื่ออํานวยความสะดวกให้ครู ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน
คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 1–6 ชุดนี้ได้ออกแบบการเรี ยนรู ้ดว้ ยเทคนิ คและ
วิธีการสอนอย่างหลากหลาย หวังว่าจะเป็ นประโยชน์ต่อการนําไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรี ยนรู ้ให้เหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมของนักเรี ยนต่อไป
คณะผู้จดั ทํา
๔
สารบัญ
ตอนที่ 1 คําชี้แจงการจัดแผนการจัดการเรียนรู้.................................................................................................... 1–00
แนวทางการใช้แผนการจัดการเรี ยนรู้........................................................................................................... 2
สัญลักษณ์แสดงลักษณะและเป้ าหมายของกิจกรรมการเรี ยนรู ้.................................................................... 5
การออกแบบการจัดการเรี ยนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design...............................................................7
เทคนิคและวิธีการจัดการเรี ยนรู ้–การวัดและประเมินผล กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษา....... 17
ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้องของหน่วยการเรี ยนรู ้กบั สาระ/มาตรฐานการเรี ยนรู ้และตัวชี้วดั ชั้นปี ........ 20
โครงสร้างการแบ่งเวลารายชัว่ โมงและขอบข่ายสาระการเรี ยนรู ้............................................................... 21
ตอนที่ 1
คําชี้แจงการจัดแผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา
2
1. แนวทางการใช้ แผนการจัดการเรียนรู้
คู่มือครู แผนการจัดการเรี ยนรู ้ สุ ขศึกษาและพลศึกษาเล่มนี้ จัดทําขึ้นเพื่อเป็ นแนวทางให้ครู ใช้ประกอบการ
จัดการเรี ยนรู ้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งการแบ่งหน่วยการเรี ยนรู้สาํ หรับจัดทําแผนการจัดการเรี ยนรู้เป็ นรายชัว่ โมงในคู่มือครู
แผนการจัดการเรี ยนรู้เล่มนี้ สามารถใช้ควบคู่กบั หนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 คู่มือการสอน
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป.5 และสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยแบ่งเนื้ อหาออกเป็ น
5 หน่วยการเรี ยนรู้ ประกอบด้วยหน่วยการเรี ยนรู ้ดงั นี้
หน่ วยการเรียนรู้ที่ 1 เรี ยนรู้ตวั เรา
หน่ วยการเรียนรู้ที่ 2 ชีวิตและครอบครัว
หน่ วยการเรียนรู้ที่ 3 เพิ่มพูนทักษะการเคลื่อนไหว
หน่ วยการเรียนรู้ที่ 4 ใส่ใจสุ ขภาพ
หน่ วยการเรียนรู้ที่ 5 ชีวิตปลอดภัย
คู่มือครู แผนการจัดการเรี ยนรู้ น้ ี ได้นําเสนอรายละเอี ยดไว้ครบถ้วนตามแนวทางการจัดการเรี ยนรู ้ของ
สถานศึกษา นอกจากนี้ยงั ได้ออกแบบกิจกรรมการเรี ยนการสอนให้นกั เรี ยนได้พฒั นาองค์ความรู้สมรรถนะสําคัญ
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้อย่างครบถ้วนตามหลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ครู ควรศึกษาแผนการจัดการเรี ยนรู ้น้ ีให้ละเอียด เพื่อปรับใช้ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม สถานการณ์ และสภาพ
ของนักเรี ยน
ในแต่ละหน่วยการเรี ยนรู ้จะแบ่งแผนการจัดการเรี ยนรู ้ออกเป็ นรายชัว่ โมง ซึ่งมีจาํ นวนมากน้อยไม่เท่ากัน
ขึ้นอยูก่ บั ความยาวของเนื้อหาสาระและในแต่ละหน่วยการเรี ยนรู้จะระบุ
1. ผังมโนทัศน์ เป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ ายภาระงาน เป็ นการแสดงขอบข่ายเนื้อหาการจัดการเรี ยนรู้
ที่ครอบคลุมความรู้ คุณธรรม จริ ยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทักษะ/กระบวนการ และภาระงาน/
ชิ้นงาน
2. กรอบแนวคิดผังการออกแบบการจัดกิจกรรมเรียนรู้เพือ่ เน้ นสู่ ผลลัพธ์ ปลายทาง (Backward Design
Template) เป็ นกรอบแนวคิดในการจัดการเรี ยนรู ้ของแต่ละหน่วยการเรี ยนรู้ แบ่งเป็ น 3 ขั้น ได้แก่
ขั้นที่ 1 ผลลัพธ์ปลายทางที่ตอ้ งการให้เกิดขึ้นกับนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรี ยนรู ้ ซึ่งเป็ นหลักฐานที่แสดงว่านักเรี ยนมีผลการเรี ยนรู้ตามที่
กําหนดไว้อย่างแท้จริ ง
ขั้นที่ 3 แผนการจัดการเรี ยนรู ้จะระบุวา่ ในหน่วยการเรี ยนรู ้น้ ี แบ่งเป็ นแผนการจัดการเรี ยนรู้กี่แผน และ
แต่ละแผนใช้เวลาในการจัดกิจกรรมกี่ชวั่ โมง
3. แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง เป็ นแผนการจัดการเรี ยนรู้ตามกรอบแนวคิดผังการออกแบบการเรี ยนรู ้
เพื่อเน้นสู่ผลลัพธ์ปลายทาง (Backward Design) ประกอบด้วย
3
2. สั ญลักษณ์ แสดงลักษณะและเป้าหมายของกิจกรรมการเรียนรู้
คู่มือครู แผนการจัดการเรี ยนรู้ สุ ขศึกษาและพลศึกษาชุดนี้ สามารถใช้คู่กบั หนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน
สุ ขศึกษาและพลศึกษา และยังสอดรับกับคู่มือการสอน ฯ สื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint (CD) และแบบฝึ กทักษะ
รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ซึ่งทุกเล่มได้มีสญ ั ลักษณ์กาํ กับกิจกรรมการเรี ยนรู ้ไว้ทุกกิจกรรมเพื่อช่วยให้
ครู และนักเรี ยนรู้และเข้าใจถึงลักษณะและเป้ าหมายของกิจกรรมนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถจัดกิจกรรมได้ดียงิ่ ขึ้น
สัญลักษณ์แสดงลักษณะกิจกรรมการเรี ยนรู ้มีดงั นี้
การปฏิบัตจิ ริง/ฝึ กทักษะ เป็ นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้นกั เรี ยนได้ปฏิบตั ิจริ งหรื อฝึ กปฏิบตั ิเพื่อเกิด
ทักษะอันจะช่วยให้การเรี ยนรู้เป็ นไปตามเป้ าหมายอย่างสมบูรณ์และติดตัวคงทน
การศึกษาค้ นคว้า/สื บค้ น เป็ นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้นกั เรี ยนศึกษาค้นคว้าหรื อสื บค้น เพื่อสร้าง
องค์ความรู้ดว้ ยตนเองจนเกิดเป็ นนิสยั
การสั งเกต เป็ นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้นกั เรี ยนรู ้จกั สังเกตสิ่ งที่ตอ้ งการเรี ยนรู ้จนสร้างองค์ความรู้ได้
อย่างเป็ นระบบและมีเหตุผล
6
กิจกรรมสํ าหรับกลุ่มพิเศษ เป็ นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้นกั เรี ยนได้พฒั นาการเรี ยนรู ้เพิ่มเติม เพื่อการ
พัฒนาให้เต็มตามศักยภาพ
เมื่ อ จะตอบคําถามสําคัญ ดังกล่ าวข้างต้นให้ค รู นึกถึ งเป้ าหมายของการศึ กษา มาตรฐานการเรี ยนรู้ ด้าน
เนื้ อหาระดับชาติที่ปรากฏอยู่ในหลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 รวมทั้งมาตรฐานการ
เรี ยนรู ้ระดับเขตพื้นที่การศึกษาหรื อท้องถิ่น
การทบทวนความคาดหวัง ของหลัก สู ต รการศึ ก ษาขั้น พื้ น ฐานเนื่ อ งจากมาตรฐานแต่ ล ะระดับ จะมี
ความสัมพันธ์กบั เนื้ อหาสาระต่าง ๆ ซึ่ งมีความแตกต่างลดหลัน่ กันไปด้วยเหตุน้ ี ข้ นั ที่ 1 ของ Backward Design ครู
จึงต้องจัดลําดับความสําคัญ และเลื อกผลลัพธ์ปลายทางของนักเรี ยนซึ่ งเป็ นผลการเรี ยนรู้ท่ี เกิ ดจากความเข้าใจที่
คงทนต่อไป
ความเข้ าใจที่คงทนของนักเรียน
ความเข้าใจที่คงทนคืออะไรความเข้าใจที่คงทนเป็ นความรู้ที่ลึกซึ้ง ได้แก่ ความคิดรวบยอด ความสัมพันธ์
และหลักการของเนื้อหาและวิชาที่นกั เรี ยนเรี ยนรู ้ หรื อกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็ นความรู ้ท่ีอิงเนื้อหา ความรู ้น้ ีเกิดจาก
การสะสมข้อมูลต่าง ๆ ของนักเรี ยน และเป็ นองค์ความรู้ที่นกั เรี ยนสร้างขึ้นด้วยตนเอง
การเขียนความเข้ าใจที่คงทนในการออกแบบการจัดการเรียนรู้
ถ้าความเข้าใจที่คงทนหมายถึงสาระสําคัญของสิ่ งที่จะเรี ยนรู ้แล้ว ครู ควรจะรู้วา่ สาระสําคัญหมายถึงอะไร
คําว่า สาระสําคัญ มาจากคําว่า Concept ซึ่ งนักการศึ กษาของไทยแปลเป็ นภาษาไทยว่า สาระสําคัญ ความคิ ด
รวบยอด มโนทัศน์ มโนมติ และสังกัป แต่การเขียนแผนการจัดการเรี ยนรู้นิยมใช้คาํ ว่า สาระสําคัญ
สาระสําคัญเป็ นข้อความที่แสดงแก่นหรื อเป้ าหมายเกี่ยวกับเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งเพื่อให้ได้ขอ้ สรุ ปรวมและข้อ
แตกต่างเกี่ ยวกับเรื่ องใดเรื่ องหนึ่ ง โดยอาจครอบคลุมข้อเท็จจริ ง กฎ ทฤษฎี ประเด็น และการสรุ ปสาระสําคัญและ
ข้อความที่มีลกั ษณะรวบยอดอย่างอื่น
ประเภทของสาระสําคัญ
1. ระดับกว้าง (Broad Concept)
2. ระดับการนําไปใช้ (Operative Concept หรื อ Functional Concept)
ตัวอย่ างสาระสําคัญระดับกว้ าง
– พัฒนาการทางเพศ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของร่ างกายโดยมีฮอร์โมนเป็ นตัวเร่ งการเจริ ญเติบโต
ตัวอย่ างสาระสําคัญระดับนําไปใช้
– การเจริ ญ เติ บโตของมนุ ษ ย์จะเป็ นไปตามเพศและวัยที่ เปลี่ ยนแปลงไป โดยมี ฮอร์ โมนเป็ นตัวเร่ งการ
เจริ ญเติบโตลักษณะการเจริ ญเติบโตของร่ างกายทางเพศมนุ ษย์ สามารถมองเห็นได้จากขนาดของร่ างกายที่มีขนาด
ใหญ่ข้ ึนมีการเปลี่ยนแปลงทางร่ างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
แนวทางการเขียนสาระสําคัญ
1. ให้เขียนสาระสําคัญของทุกเรื่ อง โดยแยกเป็ นข้อ ๆ (จํานวนข้อของสาระสําคัญจะเท่ากับจํานวนเรื่ อง)
2. การเขียนสาระสําคัญที่ดีควรเป็ นสาระสําคัญระดับการนําไปใช้
3. สาระสําคัญต้องครอบคลุมประเด็นสําคัญครบถ้วน เพราะหากขาดส่ วนใดไปแล้ว จะทําให้นกั เรี ยนรับ
สาระสําคัญที่ผดิ ไปทันที
4. การเขียนสาระสําคัญที่จะให้ครอบคลุมประเด็นสําคัญวิธีการหนึ่งคือ การเขียนแผนผังสาระสําคัญ
9
ความหมายของ การเปลี่ยนแปลงในส่วนที่
การพัฒนาการทางเพศ เกี่ยวกับแรงผลักดันทางเพศ
ความหมายและลักษณะ บทบาททางเพศ และ
ของพัฒนาการทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ
ลักษณะของการ เด็กหญิงจะเข้าสู่ช่วงในวัยรุ่ น
พัฒนาการทางเพศ เร็ วกว่าเด็กชาย
การจัดการเรี ยนรู้ โดยการสื บสวนสอบสวน (Inquiry Process) เป็ นการฝึ กให้นักเรี ยนค้นหาความรู้ด้วย
ตนเอง เพื่ออธิ บายสิ่ งต่าง ๆ อย่างเป็ นระบบ มีหลักเกณฑ์ โดยนักเรี ยนจะต้องใช้ความสามารถของตนเองคิดค้น
สื บเสาะ แก้ปัญหา หรื อคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ดว้ ยตนเอง
การจัดการเรี ยนรู้ แบบกระบวนการแก้ ปัญหา (Problem Solving) เป็ นการฝึ กให้นักเรี ยนเรี ยนรู้จากการ
แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการทําความเข้าใจปั ญหา วางแผนแก้ปัญหา ดําเนิ นการแก้ปัญหา และตรวจสอบหรื อมอง
ย้อนกลับ
การจัดการเรี ยนรู้ แบบโครงงาน (Project Work) ซึ่ งเป็ นวิธีการจัดการเรี ยนรู้ รูปแบบหนึ่ งที่ ส่งเสริ มให้
นักเรี ยนเรี ยนรู้ดว้ ยตนเองจากการลงมือปฏิบตั ิ โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู ้หรื อค้นคว้าหาคําตอบในสิ่ งที่
นักเรี ยนอยากรู้หรื อสงสัย ด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างหลากหลาย
การจัดการเรียนรู้ที่เน้ นการปฏิบัติ (Active Learning) ให้นกั เรี ยนได้ทดลองทําด้วยตนเอง เพื่อจะได้เรี ยนรู้
ขั้นตอนของงาน รู้จกั วิธีแก้ปัญหาในการทํางาน
การจัดการเรียนรู้แบบสร้ างผังความคิด (Concept Mapping) เป็ นการสอนด้วยวิธีการจัดกลุ่มความคิดรวบ
ยอด เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์กนั ระหว่างความคิดหลักและความคิดรองลงไป โดยนําเสนอเป็ นภาพหรื อเป็ นผัง
การจัดการเรียนรู้ จากประสบการณ์ (Experience Learning) เป็ นการจัดกิจกรรมหรื อจัดประสบการณ์ให้
นักเรี ยนเกิดการเรี ยนรู ้จากการปฏิบตั ิ แล้วกระตุน้ ให้นกั เรี ยนพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เจตคติใหม่ ๆ หรื อวิธีการคิดใหม่ ๆ
การจัดการเรียนรู้ โดยการแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็ นการจัดกิจกรรมที่ให้นกั เรี ยนได้แสดง
บทบาทในสถานการณ์ ที่สมมุ ติข้ ึน โดยอาจกําหนดให้แสดงบทบาทสมมุติที่เป็ นพฤติ กรรมของบุ คคลอื่น หรื อ
แสดงพฤติกรรมในบทบาทของตนเองในสถานการณ์ต่าง ๆ
การจัดการเรียนรู้ จากเกมจําลองสถานการณ์ (Simulation Gaming) เป็ นเทคนิ คการจัดการเรี ยนรู ้ที่คล้าย
กับการแสดงบทบาทสมมุ ติ แต่เป็ นการให้เล่นเกมจําลองสถานการณ์ โดยครู นําสถานการณ์จริ งมาจําลองไว้ใน
ห้ อ งเรี ย น โดยการกําหนดกฎ กติ ก า เงื่ อ นไขสํ าหรั บ เกมนั้น ๆ แล้ว ให้ นัก เรี ย นไปเล่ น เกมหรื อ กิ จ กรรมใน
สถานการณ์จาํ ลองนั้น
การจัดการศึกษาแบบนีโอฮิวแมนนิสต์ (Neo-humanist) เป็ นการจัดการศึกษาเพื่อเน้นเป้ าหมายให้นกั เรี ยน
บรรลุเป้ าหมายใน 2 มิติ คือ มิติทางด้านจิตใจ ให้รู้จกั ตนเองและสังคม และมิติทางด้านสติปัญญา โดยการจัดการ
เรี ยนรู ้แบบบูรณาการ 2 มิติเข้าด้วยกัน
การจั ด การเรี ย นรู้ ตามแนวคิ ด สรรคนิ ย ม (Constructivism) เป็ นการจัด การเรี ย นรู ้ ที่ มี นั ก เรี ย นเป็ น
ศูนย์กลาง ซึ่ งนักเรี ยนจะต้องสร้างกระบวนการเรี ยนรู้จากความสัมพันธ์ระหว่างสิ่ งที่พบเห็นกับสิ่ งที่มีอยูเ่ ดิมด้วย
ตนเอง และจะต้องให้นกั เรี ยนมีส่วนร่ วมในกิจกรรมการเรี ยนรู ้ตลอดเวลา ให้นกั เรี ยนได้ฝึกคิด ฝึ กวิเคราะห์ วิจารณ์
คิ ดสร้ างองค์ความรู ้ ฝึ กสังเกต ฝึ กถาม–ตอบ ฝึ กสื่ อสาร ฝึ กการเชื่ อ มโยงบู รณาการ ฝึ กบันทึ ก ฝึ กนําเสนอ ฝึ ก
วิเคราะห์วิจารณ์ และลงมือปฏิบตั ิจริ ง
การจัดการเรียนรู้ ด้วยการจัดกิจกรรมที่เน้ นไปสู่ ผลลัพธ์ ปลายทาง (Backward Design) เป็ นกระบวนการ
ออกแบบจัดการเรี ยนรู้ โดยเริ่ มต้นจากการเลือกมาตรฐานที่ ตอ้ งการจะเรี ยนรู ้แล้วออกแบบการประเมิ นผล เพื่อ
เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างการประเมินผลกับมาตรฐานการเรี ยนรู้น้ นั เพื่อสะท้อนให้เห็นว่านักเรี ยนสามารถ
แสดงออกได้ตามมาตรฐาน โดยใช้คาํ ถามหลากหลายเพื่อกระตุน้ การเรี ยนรู้น้ นั หลังจากนั้นจึงตัดสิ นใจเลือกสร้าง
19
ตอนที่ 2
แผนการจัดการเรียนรู้ รายชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา
23
ผังมโนทัศน์ เป้าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย
– ระบบย่อยอาหาร
– ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ทักษะ/กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม ค่ านิยม
1. การสื่ อสารเพื่ออธิบายความสําคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
หน้าที่ โครงสร้าง และการทํางาน 1. มีวินยั และใฝ่ เรี ยนรู ้ในการร่ วมศึกษาและ
ของระบบย่อยอาหารและระบบ ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้เกี่ยวกับ
ขับถ่ายปั สสาวะ ความสําคัญ หน้าที่ โครงสร้างการ
2. การสื่ อสารเพื่ออธิบายแนวทางการ ทํางาน และแนวทางในการดูแลระบบ
ดูแลระบบย่อยอาหารและระบบ เรียนรู้ ตัวเรา ย่อยอาหารและระบบขับถ่ายปั สสาวะ
ขับถ่ายปั สสาวะให้ทาํ งานตามปกติ กับผูอ้ ื่น
3. การแสดงทักษะในการดูแลระบบ 2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบ
ย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ย่อยอาหารและระบบขับถ่ายปั สสาวะ
ปั สสาวะ ที่มีผลต่อสุขภาพการเจริ ญเติบโตและ
4. การนําความรู ้ไปใช้ประโยชน์ใน พัฒนาการ
ชีวิตประจําวัน 3. ตระหนักถึงความสําคัญของการดูแล
5. การใช้เทคโนโลยีในการศึกษา ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย
ค้นคว้า ปั สสาวะให้ทาํ งานตามปกติ
ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. ศึกษาความสําคัญ หน้าที่ โครงสร้างการทํางาน และการดูแลระบบย่อยอาหาร
2. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ระบบย่ อยอาหาร ลองมาบอกขานหน้ าที่
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ วิธีดูแลรั กษาระบบย่ อยอาหาร ที่ เรี ยนวันวานนั้นเป็ นเช่ นไร
4. ศึกษาความสําคัญ หน้าที่ โครงสร้างการทํางาน และการดูแลระบบขับถ่ายปั สสาวะ
5. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ลากเส้ นจับคู่ ลองหาดูค่ ไู หนเป็ นคู่กัน
6. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ สนใจระบบขับถ่ าย ยังไม่ สายที่ จะดูแล
7. โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร
8. โครงงานการทดลองเรื่ อง การรณรงค์ให้คนในชุมชนดูแลรักษาระบบขับถ่ายปัสสาวะ
9. โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง อาหารที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทํางานได้ดีข้ นึ
24
2. วิธีการและเครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้
• วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ • เครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้
– การสนทนาซักถามโดยครู – แบบบันทึกการสนทนา
– การวัดและประเมินผลด้านความรู ้ – แบบทดสอบก่อนเรี ยน
– แบบทดสอบหลังเรี ยน
– แบบทดสอบประจําหน่วย
– การวัดและประเมินผลด้านคุณธรรม จริ ยธรรม – การวัดและประเมินผลด้านคุณธรรม จริ ยธรรม
ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
3. สิ่ งที่มุ่งประเมิน
– ความสามารถในการอธิ บาย ชี้ แจง การแปลความและตี ความ การประยุกต์ ดัดแปลง และนําไปใช้
การมีมุมมองที่หลากหลาย การให้ความใส่ใจในความรู้สึกของผูอ้ ื่น และการรู ้จกั ตนเอง
– ความสามารถในการพัฒนาพฤติกรรมสุ ขภาพที่ให้ความสําคัญทั้งทางด้านร่ างกาย จิตใจ สังคม และ
จิตวิญญาณ
– ความสามารถในการวางแผนการปฏิบตั ิ แสดงความคิดเห็นวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาความรู ้ ความเข้าใจ
ทัศนคติ และทักษะที่ช่วยส่งเสริ มการปฏิบตั ิเกี่ยวกับสุ ขภาพ
ขั้นที่ 3 การวางแผนการจัดการเรียนรู้
• หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 1 เรี ยนรู้ตวั เรา จํานวน 9 ชัว่ โมง
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 1: ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 2: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 3: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 4: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 5: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 6: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 7: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 8: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 9: ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
27
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 1
ปฐมนิเทศและข้ อตกลงในการเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา
เรื่อง ปฐมนิเทศและข้ อตกลงในการเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
1. สาระสํ าคัญ
การจัดการเรี ยนรู ้ตามแนวทางการปฏิ รูปการศึ กษาของไทย ปั จจุบนั ยึดแนวคิดของการพัฒนาที่ มุ่งเน้น
ผูเ้ รี ยนเป็ นสําคัญ ดังนั้นการสร้างความเข้าใจในขอบข่ายของเรื่ องที่นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู ้ รายละเอียดในการเรี ยนรู้
เป้ าหมายของการเรี ยนรู้ วิธีการเรี ยนรู ้ ตลอดจนการวัดและประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ ของการเรี ยนรู้
ดังกล่าวให้นกั เรี ยนได้รับรู ้ นอกจากจะช่วยให้นกั เรี ยนมีความเข้าใจพื้นฐานในแนวทางและขอบข่ายองค์ความรู้ที่
ได้ศึกษาแล้ว ยังจะช่วยให้การจัดการจัดการเรี ยนรู ้ตามแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาของไทยบรรลุเป้ าหมายตาม
แนวทางที่กาํ หนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ได้วางไว้
หลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษา
ในระดับประถมศึกษาได้กาํ หนดตัวชี้วดั การเรี ยนรู ้เป็ นตัวชี้วดั ชั้นปี โดยแบ่งสาระการเรี ยนรู้ออกเป็ น 5 สาระและ 6
มาตรฐานการเรี ยนรู ้ ซึ่ งรายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ได้กาํ หนดองค์ความรู ้ไว้ในสาระและมาตรฐานการเรี ยนรู้ที่สาระ
ที่ 1 มาตรฐาน พ 1.1 สาระที่ 2 มาตรฐาน พ 2.1 สาระที่ 4 มาตรฐาน พ 4.1 และสาระที่ 5 มาตรฐาน พ 5.1 หาก
นักเรี ยนมี ความรู ้และความเข้าใจในเรื่ องดังกล่าวอย่างชัดเจนจะช่ วยให้การเรี ยนรู้ และการเข้าร่ วมกิ จกรรมของ
นักเรี ยนมีการพัฒนาและบรรลุไปสู่เป้ าหมาย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
–
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายเกี่ยวกับข้อตกลงและแนวทางในการศึกษาวิชาสุขศึกษาอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ระบุวธิ ี และแหล่งความรู้ที่สนับสนุนการเรี ยนรู ้ของกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษาอย่างถูกต้องได้
(P)
3. อธิ บายและระบุเกณฑ์การตัดสิ นผลการเรี ยนในวิชาสุขศึกษาอย่างถูกต้องได้ (K, P)
4. เข้าร่ วมกิจกรรมการเรี ยนรู ้กบั ผูอ้ ื่นด้วยความเต็มใจและกระตือรื อร้น (A)
28
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามความรู้และแนวคิดเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนข้อมูล/ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ขอบข่ายเนื้อหาในสาระการ การอภิปราย/การเขียนแผนที่ 2 ขึ้นไป
เรี ยนรู ้วชิ าสุ ขศึกษา ความคิด*
– เจตคติที่มีต่อการศึกษาในสาระ
การเรี ยนรู ้วชิ าสุ ขศึกษา
– ข้อตกลงในการเข้าร่ วม
กิจกรรมการเรี ยนรู ้และการ
ปฏิบตั ิกิจกรรม
– แนวทางการสื บค้นความรู ้ที่
เกี่ยวข้องกับวิชาสุ ขศึกษา
• ตรวจสอบความถูกต้องของการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม ใบงานเรื่ อง หน่วยการเรี ยนรู ้
– ใบงานเรื่ อง หน่วยการเรี ยนรู ้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู้สุขศึกษาและ
กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษา พลศึกษา*/**
และพลศึกษา
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
*/**ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู หรื อในสื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์
วัฒนาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
29
5. สาระการเรียนรู้
การปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
– ข้อตกลงในการเรี ยน
– สาระและมาตรฐานการเรี ยนรู้ รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึ กษา ในกลุ่มสาระการเรี ยนรู้สุขศึ กษาและพลศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
– การจัดแบ่งหน่ วยการเรี ยนรู ้การวัดและประเมิ นผล ตลอดจนเกณฑ์การตัดสิ นผลการเรี ยนในกลุ่มสาระ
การเรี ยนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟัง อ่าน และเขียนคําศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับวิชาสุขศึกษา
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นและเขียนสรุ ปความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทาง
ในการศึกษาในรายวิชาสุขศึกษา
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนผังหรื อโปสเตอร์ภาพเรื่ อง สาระและมาตรฐานการ
เรี ยนรู้ รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ในกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นเตรียมก่อนนําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาทําความรู ้จกั กัน โดยครู แนะนําตัว แล้วให้นกั เรี ยนแต่ละคนแนะนําตัว โดยครู ใช้วิธี
เรี ยกชื่อเรี ยงตามกลุ่มตัวอักษร
2. ครู ให้นกั เรี ยนร่ วมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็นคําถามที่กาํ หนด เพื่อตรวจสอบเจตคติและประสบการณ์
การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนในวิชาสุ ขศึกษาที่ผา่ นมา เช่น
– การเรี ยนวิชาสุ ขศึกษามีผลดีต่อนักเรี ยนอย่างไร
– นักเรี ยนเคยศึกษาความรู้ในเรื่ องใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับวิชาสุขศึกษา
– วิชาสุขศึกษาระดับชั้นนี้นกั เรี ยนจะเรี ยนรู ้ในเรื่ องใดบ้าง
(ครู อาจใช้ คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้ )
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
• ให้นกั เรี ยนช่วยกันคิดประเด็นคําถามที่ เกี่ยวข้องกับการจัดการเรี ยนการสอนในวิชาสุ ขศึกษาตามที่สนใจ
ตัวอย่างเช่น
– ข้อตกลงในการเรี ยน
– มารยาทในการปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ร่วมกับเพื่อน
– วิธีเรี ยนให้ประสบผลสําเร็ จ
30
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาและปฏิบตั ิกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายมาล่วงหน้า เพื่อประกอบการศึกษาในการเรี ยนครั้ง
ต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
32
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 2
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบย่ อยอาหาร
1. สาระสํ าคัญ
ระบบย่อยอาหารเป็ นระบบที่มีความสําคัญต่อการดํารงชีวิต โดยจะทําหน้าที่ในการย่อยอาหารให้มีขนาด
เล็กและดูดซึ มอาหารที่รับประทานเข้าไป เพื่อให้ร่างกายได้นาํ สารอาหารไปใช้ประโยชน์ในการเจริ ญเติบโตและ
สร้างพลังงาน
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายหน้าที่ของระบบย่อยอาหารอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบย่อยอาหารที่มีผลต่อสุ ขภาพการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการ (A)
3. ระบุหน้าที่ของระบบย่อยอาหารอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ทดสอบความรู้พ้นื ฐานในหน่วย • แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการ –
การเรี ยนรู้ที่ 1 เรี ยนรู้ตวั เรา เรี ยนรู้ที่ 1 เรี ยนรู้ตวั เรา*/**
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย
– ระบบย่อยอาหาร
• ความสําคัญของระบบย่อยอาหาร
1. หน้าที่ของระบบย่อยอาหาร
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับอวัยวะในระบบย่ อยอาหาร
สังคมศึกษาฯ พูดคุ ยแสดงความคิ ดเห็ นเกี่ ยวกับ เรื่ อง ค่ านิ ยมของคนในสังคมเมื องในการ
บริ โภคอาหารจานด่วนที่ส่งผลกระทบต่อการเกิดโรคกับระบบย่อยอาหารของ
คนไทย
34
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ครู แจกแบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 1 เรี ยนรู ้ตวั เรา ให้นกั เรี ยนเพื่อตรวจสอบความรู้ความ
เข้าใจพื้นฐานโดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
3. ครู สุ่มนักเรี ยนให้บอกคําตอบที่นกั เรี ยนเลือกในแต่ละข้อเรี ยงตามลําดับ เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ
ของนักเรี ยนเบื้องต้น
4. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบเพื่อสร้างความสนใจให้เกิดขึ้นกับนักเรี ยน และระบุเชื่อมโยง
ไปสู่เนื้อหาที่นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู ้ในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 1 เรี ยนรู ้ตวั เรา
5. นักเรี ยนดูภาพแสดงอวัยวะในระบบย่อยอาหารในร่ างกายของคนเราที่ครู เตรี ยมมาแล้วสนทนาร่ วมกัน
เกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนรู้ หรื อไม่ อาหารที่ เรารั บประทานต้ องผ่ านการทํางานของระบบใดในร่ างกาย (ระบบ
ย่ อยอาหาร)
– จากภาพโครงสร้ างการทํางานของอวัยวะต่ าง ๆ ที่นักเรี ยนมองเห็นจัดเป็ นโครงสร้ างการทํางานของ
ระบบใดในร่ างกาย (ระบบย่ อยอาหาร)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อ ระบบย่อยอาหาร ในประเด็นเกี่ยวกับความสําคัญของ
ระบบย่อยอาหาร และหัวข้อย่อยที่ 1. หน้าที่ของระบบย่อยอาหาร เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและ
ความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
35
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครูให้ ความรู้ เรื่อง ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย ในหัวข้ อระบบย่อยอาหาร ในประเด็นเกีย่ วกับความสํ าคัญของ
ระบบย่อยอาหาร และหัวข้ อย่ อยที่ 1. หน้ าที่ของระบบย่ อยอาหาร โดยใช้ ภาพหรือเปิ ดสื่ อวีดิทัศน์ ที่
เกีย่ วข้ องให้ นักเรียนดูประกอบการอธิบาย และร่ วมกันสรุปความรู้ที่ได้ รับจากการเรียนรู้และการปฏิบัติ
กิจกรรมลงในสมุดบันทึก
2. ครูนําบัตรคําแสดงชื่อระบบย่อยอาหารในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออก
เสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา โดยระบบย่อยอาหารในภาษาอังกฤษตรงกับ
คําว่า Digestive System อ่านออกเสี ยงว่า ไดเจซ-ทิฝ ซีซ-เท็ม (ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศ
สมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน แต่ละกลุ่มร่ วมกันเขียนความหมายของระบบย่อยอาหาร ความสําคัญ
ของระบบย่อยอาหาร หน้าที่ของระบบย่อยอาหาร และความผิดปกติของร่ างกายที่เกิดจากการทํางานของ
ระบบย่อยอาหารจากประสบการณ์และความเข้าใจของนักเรี ยน โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู คอย
เสนอแนะและให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. นักเรี ยนแบ่งเป็ น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันตั้งคําถามและตอบคําถามที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อย
อาหาร โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด ตัวอย่างเช่น
– ถ้ าคนเราไม่ มีระบบย่ อยอาหารจะเป็ นอย่ างไร (อาหารที่รับประทานเข้ าไปไม่ ถกู ย่ อยและดูดซึ มไปใช้
ประโยชน์ ในร่ างกาย ทําให้ ร่างกายไม่ เจริ ญเติบโต)
– ระบบย่ อยอาหารของแต่ ละคนทํางานเหมือนกันหรื อแตกต่ างกันอย่ างไร (ระบบย่ อยอาหารในร่ างกาย
ของทุกคนทํางานเหมือนกัน แต่ จะมีประสิ ทธิ ภาพมากน้ อยเพียงใดขึน้ อยู่กบั ปั จจัยในหลายด้ าน
โดยเฉพาะอย่ างยิ่งพฤติกรรมส่ วนบุคคลซึ่ งส่ งผลต่ อการทํางานของระบบย่ อยอาหาร เช่ น คนที่ เคีย้ ว
อาหารไม่ ละเอี ยดก่ อนกลืนย่ อมทําให้ ประสิ ทธิ ภาพการทํางานของระบบย่ อยอาหารด้ อยกว่ าคนที่เคีย้ ว
อาหารละเอียดก่ อนกลืน หรื ออาจก่ อให้ เกิดความผิดปกติของระบบย่ อยอาหารขึน้ เช่ น ท้ องอื ด ท้ องเฟ้ อ
เป็ นต้ น)
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนสังเกตการทํางานของระบบย่อยอาหารของตนเอง แล้วจดบันทึกลงในสมุด เป็ นเวลา 1 สัปดาห์
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
36
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อระบบย่ อยอาหาร ในหัวข้ อย่ อยที่ 2. โครงสร้ างของระบบย่อย
อาหาร ในประเด็นเกีย่ วกับหน้ าที่ของของอวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร ดังรายละเอียดใน
หนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต
ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และจดบันทึกข้ อคําถามที่สงสั ยหรือสนใจอย่างน้ อย 2 ถึง 3
ประเด็นลงในสมุด เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้ วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียน
ครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าเพิ่มเติมเกีย่ วกับคําศัพท์ ที่เกีย่ วข้ องกับอวัยวะของระบบย่อยอาหารในภาษาอังกฤษ
และภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยขอคําแนะนําจากผู้ปกครอง เช่ น คําว่า ย่ อยอาหาร ในภาษาอังกฤษ
ใช้ คาํ ว่ า Digestion (อ่านว่ า ไดเจซ-ชัน) แล้ วรวบรวมจัดทําสมุดคําศัพท์ ระบบย่ อยอาหาร เพือ่ สร้ างเสริม
ทักษะทางด้ านภาษา
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างและการทํางานของระบบย่อยอาหาร จากแหล่งการเรี ยนรู ้
ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อหนังสื อที่ให้ความรู้เกี่ยวกับร่ างกายของมนุษย์ในห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อ
กระตุน้ ความสนใจในการเรี ยนรู้และทําให้เกิดความเข้าใจในระบบย่อยอาหารในร่ างกายของตนเองมากขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
38
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 3
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบย่ อยอาหาร (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
โครงสร้างของระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะที่สาํ คัญได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ตับ
ลําไส้เล็ก และสําไส้ใหญ่ ทํางานร่ วมกันเป็ นระบบย่อยอาหาร โดยปากจะมีต่อมนํ้าลายซึ่ งสร้างนํ้าลาย และเอนไซม์
ในนํ้าลายที่ช่วยในการย่อยอาหาร ส่วนหลอดอาหารจะมีกล้ามเนื้อที่ทาํ หน้าที่ในการหดตัวและคลายตัวเพื่อให้
อาหารเคลื่อนที่ผา่ นหลอดอาหารลงไปในกระเพาะอาหาร โดยกระเพาะอาหารจะเป็ นที่รวมอาหารที่รับประทานเข้า
ไปและมีน้ าํ ย่อยทําหน้าที่ยอ่ ยอาหารให้มีขนาดเล็กลง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร และหน้าที่ของอวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร
อย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบย่อยอาหารที่มีผลต่อสุ ขภาพการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการ (A)
3. ระบุโครงสร้างของระบบย่อยอาหารอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับโครงสร้างของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ระบบย่อยอาหาร และหน้าที่ของ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
อวัยวะปาก หลอดอาหาร และ แผนที่ความคิด*
กระเพาะอาหาร
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
39
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– ระบบย่อยอาหาร (ต่อ)
2. โครงสร้างของระบบย่อยอาหาร
– ปาก
– หลอดอาหาร
– กระเพาะอาหาร
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้าง
ของระบบย่อยอาหาร
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนของอวัยวะที่จดั เป็ นโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร
ภาษาไทย พูดคุยหรื อเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร และ
หน้าที่ ของอวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร ซึ่ งเป็ นอวัยวะใน
โครงสร้างของระบบย่อยอาหาร
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพ แผ่นพับ
ใบความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและการทํางานของระบบย่อยอาหาร
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพอวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร ซึ่ งเป็ น
อวัยวะในโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร
40
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน
เพื่อทบทวนความรู้
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับโครงสร้ างของระบบย่อยอาหาร
และหน้ าที่ของอวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหารที่สงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้
ศึกษาค้ นคว้ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา แล้วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่ าวร่ วมกัน โดย
ครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
3. ให้นกั เรี ยนดูภาพบุคคลที่กาํ ลังรับประทานอาหารที่ครู เตรี ยมมา และร่ วมกันตอบคําถามในประเด็นที่วา่
“เกิดอะไรขึ้นกับอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในร่ างกาย”
4. ครู อธิ บายถึงแนวคําตอบที่ถูกต้องว่า อาหารที่เรารับประทานเข้าไปในร่ างกาย จะเข้าสู่ระบบย่อยอาหาร
โดยเริ่ มต้นตั้งแต่อวัยวะปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ตับ ลําไส้เล็ก และลําไส้ใหญ่ ซึ่งในระหว่าง
กระบวนการย่อยนั้น สารอาหารที่ได้จากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นจะถูกดูดซึมบางส่วน และอีก
บางส่วนที่เหลือจะเป็ นกากอาหารหรื อเป็ นของเสี ยที่ตอ้ งขับออกจากร่ างกาย ซึ่งนักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้ใน
ระดับที่สูงขึ้นต่อไป
5. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร ซึ่งประกอบด้วยอวัยวะที่สาํ คัญได้แก่ ปาก หลอด
อาหาร กระเพาะอาหาร ตับ ลําไส้เล็ก และสําไส้ใหญ่ ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้
ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนรู ้หรื อไม่ อาหารที่เรารับประทานก่อนที่ร่างกายจะนําไปใช้ประโยชน์ ต้องผ่านการทํางานของ
ระบบใดในร่ างกาย (ระบบย่ อยอาหาร)
– อวัยวะที่ทาํ งานในระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะสําคัญใดบ้าง (ปาก หลอดอาหาร กระเพาะ
อาหาร ตับ ลําไส้ เล็ก และสําไส้ ใหญ่ )
– หากอวัยวะดังกล่าวเกิดความผิดปกตินกั เรี ยนคิดว่าจะมีผลอย่างไร (ส่ งผลให้ การทํางานของร่ างกายเกิด
ความผิดปกติ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
6. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อระบบย่อยอาหาร ในหัวข้อย่อยที่ 2. โครงสร้างของ
ระบบย่อยอาหาร ในประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร เพื่อเป็ น
การกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
41
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู แสดงภาพทางเดินอาหารหรื อโครงสร้างของระบบย่อยอาหารในร่ างกายของมนุษย์ให้นกั เรี ยนดูและชี้
ไปที่ภาพอวัยวะในแต่ละตําแหน่ง แล้วให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบว่าอวัยวะที่ครู ช้ ีคืออวัยวะใดในระบบย่อย
อาหาร (ชี้ไปที่อวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหารตามลําดับ)
2. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย ในหัวข้อระบบย่อยอาหาร ในหัวข้อย่อยที่ 2. โครงสร้างของ
ระบบย่อยอาหาร ในประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร โดยใช้
ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย และร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้รับจาก
การเรี ยนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมลงในสมุดบันทึก
3. ครูนําบัตรคําแสดงชื่ออวัยวะในระบบย่ อยอาหารในภาษาอังกฤษที่ตรงกับคําว่า ปาก หลอดอาหาร และ
กระเพาะอาหารให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่ านสะกดคําและอ่ านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม เพือ่ สร้ างเสริม
ทักษะทางด้ านภาษา ดังนี้
– ปาก ในภาษาในอังกฤษ คือ Mouth อ่านออกเสี ยงว่ า เมาธ
– หลอดอาหาร ในภาษาในอังกฤษ คือ Esophagus อ่านออกเสียงว่ า อิซอฟ-อะกัซ
– กระเพาะอาหาร ในภาษาในอังกฤษ คือ Stomach อ่านออกเสี ยงว่ า ซทัม-แอ็ค
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ อนื่ ๆ ที่เกีย่ วข้ องนอกเหนือจากนีไ้ ด้ หรืออาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศ
สมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งเป็ น 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มส่งอาสาสมัครออกมาจับสลากเลือกหัวข้อเรื่ องเพื่อปฏิบตั ิกิจกรรมการ
อภิปรายสรุ ปเกี่ยวกับหน้าที่และการทํางานของอวัยวะในโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร พร้อมทั้งวาดรู ป
และระบายสี ประกอบให้สวยงาม ซึ่งหัวข้อเรื่ องในที่น้ ีประกอบด้วย
– เรื่ องที่ 1 ปาก
– เรื่ องที่ 2 หลอดอาหาร
– เรื่ องที่ 3 กระเพาะอาหาร
โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนผลัดเปลี่ยนกันออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอย
เสนอแนะและให้ความรู ้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
42
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อระบบย่ อยอาหาร ในหัวข้ อย่ อยที่ 2. โครงสร้ างของระบบย่อย
อาหาร (ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับหน้ าทีข่ องอวัยวะตับ ลําไส้ เล็ก และลําไส้ ใหญ่ ดังรายละเอียดในหนังสื อ
เรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต
ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และจดบันทึกข้ อคําถามที่สงสั ยหรือสนใจอย่างน้ อย 2 ถึง 3
ประเด็นลงในสมุด เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้ วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียน
ครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาระน่ารู ้ที่เกี่ยวข้องกับการทํางานของอวัยวะในโครงสร้างของระบบ
ย่อยอาหาร ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อ
หนังสื อที่ให้ความรู้เกี่ยวกับร่ างกายของมนุษย์ในห้องสมุดของโรงเรี ยน หรื อหนังสื อข่าวสารสุ ขภาพทัว่ ไป
เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และทําให้เกิดความเข้าใจในการทํางานของระบบย่อยอาหารมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
44
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 4
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบย่ อยอาหาร (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
โครงสร้างการทํางานของระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะที่สาํ คัญได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร
ตับ ลําไส้เล็ก และสําไส้ใหญ่ ทํางานร่ วมกันเป็ นระบบย่อยอาหาร ซึ่ งตามที่ได้กล่าวถึงหน้าที่และการทํางานของ
ปาก หลอดอาหาร และกระเพาะอาหารไปแล้ว ในที่น้ี จะกล่าวถึงหน้าที่แ ละการทํางานของตับ ลําไส้เล็ก และ
ลําไส้ใหญ่ โดยตับจะทําหน้าที่ผลิตนํ้าดีเพื่อช่วยย่อยไขมันให้แตกตัว ในขณะที่ลาํ ไส้เล็กจะย่อยและดูดซึ มอาหาร
ให้กบั ร่ างกาย โดยมีลาํ ไส้ใหญ่ทาํ หน้าที่ดูดนํ้ากลับเข้าสู่ร่างกายและขับกากอาหารออกทางไส้ตรงในลําดับต่อไป
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร และหน้าที่ของอวัยวะตับ ลําไส้เล็ก และลําไส้ใหญ่อย่างถูกต้องได้
(K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบย่อยอาหารที่มีผลต่อสุ ขภาพการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการ (A)
3. ระบุโครงสร้างของระบบย่อยอาหารอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับโครงสร้างของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ระบบย่อยอาหาร และหน้าที่ของ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
อวัยวะตับ ลําไส้เล็ก และลําไส้ แผนที่ความคิด*
ใหญ่
45
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– ระบบย่อยอาหาร (ต่อ)
2. โครงสร้างของระบบย่อยอาหาร (ต่อ)
– ตับ
– ลําไส้เล็ก
– ลําไส้ใหญ่
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับอวัยวะตับ ลําไส้ เล็ก และลําไส้ ใหญ่ ซึ่ งเป็ นอวัยวะในโครงสร้ างของ
ระบบย่อยอาหาร
ภาษาไทย พูดคุยหรื อเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะตับ ลําไส้เล็ก และลําไส้
ใหญ่ ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร
46
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน
เพื่อทบทวนความรู้
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อระบบย่อยอาหาร ในหัวข้ อย่ อย
ที่ 2. โครงสร้ างของระบบย่ อยอาหาร (ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับหน้ าที่ของอวัยวะตับ ลําไส้ เล็ก และลําไส้ ใหญ่
พร้ อมทั้งนําเสนอข้ อคําถามที่สงสั ยหรือสนใจที่จดบันทึกมา แล้วให้ เพือ่ น ๆ ในชั้นเรียนร่ วมกันตอบ
คําถาม
3. ครู แสดงความคิดเห็นต่อผลการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนและให้ความรู ้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงเด็กสองคนกําลังรับประทานอาหารจนมีอาการปวดท้อง พร้อมข้อความบทสนทนา
ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของ
นักเรี ยน และตอบคําถามในประเด็นที่วา่ “ทําไมเด็กสองคนในภาพจึงปวดท้อง”
5. ครู อธิ บายถึงแนวคําตอบที่ถูกต้องว่า การที่เด็กสองในภาพมีอาการปวดท้องอาจมีผลมาจากการ
รับประทานอาหารในปริ มาณมากเกินไปและเร็ วเกินไป จึงเกิดอาการอึดอัดแน่นท้อง ทําให้เกิดแก๊สใน
กระเพาะอาหารมากกว่าปกติ และอาหารไม่ยอ่ ยด้วย ซึ่งอาจเรี ยกได้วา่ มีอาการท้องอืดนัน่ เอง
6. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อระบบย่อยอาหาร ในหัวข้อย่อยที่ 2. โครงสร้างของ
ระบบย่อยอาหาร (ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะตับ ลําไส้เล็ก และลําไส้ใหญ่ เพื่อเป็ นการ
กระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย ในหัวข้อระบบย่อยอาหาร ในหัวข้อย่อยที่ 2. โครงสร้างของ
ระบบย่อยอาหาร (ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะตับ ลําไส้เล็ก และลําไส้ใหญ่ โดยใช้ภาพหรื อ
เปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ครูนําบัตรคําแสดงชื่ออวัยวะในระบบย่ อยอาหารในภาษาอังกฤษที่ตรงกับคําว่า ตับ ลําไส้ เล็ก และลําไส้
ใหญ่ ให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะ
ทางด้ านภาษา ดังนี้
– ตับ ในภาษาในอังกฤษ คือ Liver อ่านออกเสี ยงว่ า ลีฝ-เออะ
– ลําไส้ เล็ก ในภาษาในอังกฤษ คือ Small Intestine อ่านออกเสี ยงว่า ซมอล อินเทซ-ทิน
47
– ลําไส้ ใหญ่ ในภาษาในอังกฤษ คือ Large Intestine อ่านออกเสี ยงว่ า ลาจ อินเทซ-ทิน
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ อนื่ ๆ ที่เกีย่ วข้ องนอกเหนือจากนีไ้ ด้ หรืออาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศ
สมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนแบ่งเป็ น 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มส่งอาสาสมัครออกมาจับสลากเลือกหัวข้อเรื่ องเพื่อปฏิบตั ิกิจกรรมการ
อภิปรายสรุ ปเกี่ยวกับหน้าที่และการทํางานของอวัยวะในโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร พร้อมทั้งวาด
ภาพและระบายสี ประกอบให้สวยงาม ซึ่งหัวข้อเรื่ องในที่น้ ีประกอบด้วย
– เรื่ องที่ 1 ตับ
– เรื่ องที่ 2 ลําไส้เล็ก
– เรื่ องที่ 3 ลําไส้ใหญ่
โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอย
เสนอแนะและให้ความรู ้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. ครู ให้นกั เรี ยนร่ วมกันอภิปรายทบทวนความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของระบบย่อยอาหาร โดยครู เสนอแนะ
และให้ความรู้ที่เป็ นประโยชน์เพิม่ เติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม ระบบย่ อยอาหาร ลองมาบอกขานหน้ าที่ ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจก
ให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 ภายในเวลาที่ครู กาํ หนด
2. ครู สุ่มนักเรี ยน 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรม ระบบย่ อยอาหาร ลองมาบอกขานหน้ าที่
หน้าชั้นเรี ยน
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้อง และให้นกั เรี ยนปรบมือให้เพื่อนที่ปฏิบตั ิกิจกรรมที่ได้ถูกต้อง
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อระบบย่ อยอาหาร ในหัวข้ อย่ อยที่ 3. การดูแลระบบย่อยอาหาร
มาล่ วงหน้ า ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่ง
การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และให้ แต่ ละคนเสนอวิธีการ
ดูแลระบบย่อยอาหารของตนเองมาคนละ 5 ข้ อ เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้วมา
นําเสนอและสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
48
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าเพิ่มเติมเกีย่ วกับคําศัพท์ ที่เกีย่ วข้ องกับอวัยวะของระบบย่อยอาหารในภาษาอังกฤษ
และภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยขอคําแนะนําจากผู้ปกครอง แล้วรวบรวมจัดทําสมุดคําศัพท์ ระบบ
ย่ อยอาหาร เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาระน่ารู ้ที่เกี่ยวข้องกับการทํางานของอวัยวะในโครงสร้างของระบบ
ย่อยอาหาร ได้แก่ ตับ ลําไส้เล็ก และลําไส้ใหญ่ จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อหนังสื อที่ให้
ความรู้เกี่ยวกับร่ างกายของมนุษย์ในห้องสมุดของโรงเรี ยน หรื อหนังสื อข่าวสารสุ ขภาพทัว่ ไป เพื่อเสริ มสร้าง
การเรี ยนรู้และทําให้เกิดความเข้าใจในการทํางานของระบบย่อยอาหารมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
50
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 5
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบย่ อยอาหาร (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ระบบย่อยอาหารเป็ นระบบที่มีความสําคัญต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการของคนเรา เพื่อให้ระบบ
ย่อยอาหารทํางานได้ปกติ เราควรรับประทานผักและผลไม้ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน ไม่รับประทานอาหารรสจัด
และหมัน่ ออกกําลังกายอย่างสมํ่าเสมอ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายวิธีการดูแลระบบย่อยอาหารอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบย่อยอาหารที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ (A)
3. แสดงทักษะในการดูแลระบบย่อยอาหารอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับวิธีการดูแลระบบ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ย่อยอาหาร ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
51
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– ระบบย่อยอาหาร (ต่อ)
3. การดูแลระบบย่อยอาหาร
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาไทย พูดคุย หรื อเขียนสรุ ปความรู้ หรื อเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีการดูแล
ระบบย่อยอาหาร
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพการ์ตูนบุคคลแสดงพฤติกรรมการดูแลระบบย่อยอาหาร
วิทยาศาสตร์ ศึกษาและรวบรวมข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร
ที่เกิดจากการมีพฤติกรรมการดูแลสุ ขภาพที่ไม่ถูกต้อง
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผ่นพับความรู ้หรื อป้ ายนิเทศเกี่ยวกับการดูแลระบบย่อย
อาหาร
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน
เพื่อทบทวนความรู้
52
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาระน่ารู ้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลระบบย่อยอาหารให้มีประสิ ทธิภาพ
ตลอดจนความรู ้เกี่ยวกับโรคหรื อความผิดปกติต่าง ๆ ของระบบย่อยอาหาร จากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น
อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และสามารถนําความรู ้ดงั กล่าวไปปรับใช้
ในชีวติ ประจําวันได้
2. นักเรี ยนควรนําความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาระบบย่อยอาหารที่ถูกต้องไปใช้ปฏิบตั ิในชีวิตประจําวัน โดยขอ
ความรู้และคําแนะนําเพิ่มเติมจากผูป้ กครอง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
55
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 6
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ
1. สาระสํ าคัญ
ระบบขับถ่ายปั สสาวะเป็ นอีกระบบหนึ่ งของร่ างกายที่มีความสําคัญต่อการดํารงชีวิต โดยทําหน้าที่กรองของเสี ย
ออกจากเลือดและกําจัดออกจากร่ างกายในรู ปของนํ้าปัสสาวะ โดยผ่านการทํางานของไต
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายหน้าที่ของระบบขับถ่ายปัสสาวะอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบขับถ่ายปัสสาวะที่มีผลต่อสุขภาพการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการ (A)
3. ระบุหน้าที่ของระบบขับถ่ายปัสสาวะอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความสําคัญของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ระบบขับถ่ายปัสสาวะที่มีผลต่อ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
สุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และ แผนที่ความคิด*
พัฒนาการ
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
• ความสําคัญของระบบขับถ่ายปัสสาวะ
1. หน้าที่ของระบบขับถ่ายปั สสาวะ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่
เกี่ยวกับอวัยวะในระบบขับถ่ายปัสสาวะ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่ อง พฤติกรรมการขับถ่ายปัสสาวะของ
บุคคลในปั จจุบนั
57
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน
เพื่อทบทวนความรู้
2. ให้ นักเรียนจับคู่แลกเปลีย่ นผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม วิธีดูแลรักษาระบบย่อยอาหาร ที่เรี ยนวันวานนั้นเป็ น
เช่ นไร กับเพือ่ นในชั้นเรียน หากเพือ่ นวาดภาพและเขียนวิธีการดูแลรักษาระบบย่ อยอาหารได้ ถูกต้องให้
เขียนชื่นชมเพือ่ นลงไปในบริเวณที่ว่างในผลงาน แต่ หากเพือ่ นทําผิดให้ เขียนแก้ไขให้ ถูกต้ อง แล้วส่ งคืน
เพือ่ นที่เป็ นเจ้ าของผลงาน โดยครูแสดงความคิดเห็นและประเมินผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรียนและ
ให้ นักเรียนปรบมือให้ ตนเอง
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อระบบขับถ่ าย
ปัสสาวะ ในประเด็นเกีย่ วกับความสํ าคัญของระบบขับถ่ ายปัสสาวะ และในหัวข้ อย่อยที่ 1. หน้ าที่ของ
ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครู แสดงความ
คิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงทางเดินของนํ้าปัสสาวะในร่ างกายของมนุษย์และภาพแสดงพฤติกรรมการขับถ่าย
ปัสสาวะและที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การ
เรี ยนรู ้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพโครงสร้ างการทํางานของอวัยวะต่ าง ๆ ที่นักเรี ยนมองเห็นจัดเป็ นโครงสร้ างการทํางานของ
ระบบใดในร่ างกาย (ระบบขับถ่ ายปั สสาวะ)
– นํ้าปัสสาวะมาจากไหน (นํา้ ปั สสาวะเป็ นของเสี ยที่ไตกรองออกมาจากเลือดในร่ างกายและถูกขับออก
นอกร่ างกายผ่ านทางท่ อปั สสาวะ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ ในหัวข้อระบบขับถ่ายปัสสาวะ ในประเด็นเกี่ยวกับ
ความสําคัญของระบบขับถ่ายปั สสาวะ และในหัวข้อย่อยที่ 1. หน้าที่ของระบบขับถ่ายปั สสาวะ เพื่อเป็ น
การกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
58
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้แก่นกั เรี ยนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกําจัดของเสี ยของร่ างกายผ่านการทํางานของอวัยวะที่สาํ คัญ
ใน 4 ระบบ ได้แก่ ระบบหายใจ (ของเสี ยในรู ปของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์) ระบบผิวหนัง (ของเสี ยใน
รู ปของเหงื่อ) ระบบขับถ่ายของเสี ยทางลําไส้ใหญ่ (ของเสี ยในรู ปของอุจจาระ) และระบบขับถ่าย
ปัสสาวะ (ของเสี ยในรู ปของนํ้าปัสสาวะ)
2. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย ในหัวข้อระบบขับถ่ายปัสสาวะ ในประเด็นเกี่ยวกับ
ความสําคัญของระบบขับถ่ายปั สสาวะ และในหัวข้อย่อยที่ 1. หน้าที่ของระบบขับถ่ายปั สสาวะ โดยใช้
ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย และร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้รับจาก
การเรี ยนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมลงในสมุดบันทึก
3. ครูนําบัตรคําแสดงชื่อระบบขับถ่ ายปัสสาวะในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่ านสะกดคําและอ่ าน
ออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา โดยระบบขับถ่ ายปัสสาวะใน
ภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Urinary System อ่านออกเสี ยงว่า ยู-ริเนริ ซีซ-เท็ม (ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ น
ภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม ลากเส้ นจับคู่ ลองหาดูว่าคู่ไหนเป็ นคู่กัน ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจกให้
หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. สุ่มนักเรี ยนประมาณ 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู คอยเสนอแนะ
และให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
2. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้นกั เรี ยนร่ วมกันตรวจสอบแก้ไขคําตอบให้ถูกต้อง
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อระบบขับถ่ ายปัสสาวะ ในหัวข้ อย่อยที่ 2. โครงสร้ างของระบบ
ขับถ่ ายปัสสาวะ ในประเด็นเกีย่ วกับหน้ าที่ของอวัยวะไตและท่ อไต ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน
รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุด
ของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และจดบันทึกข้ อคําถามที่สงสั ยหรือสนใจอย่างน้ อย 2 ถึง 3 ประเด็นลงใน
สมุด เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้ วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่อไป
59
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าเพิ่มเติมเกีย่ วกับคําศัพท์ ที่เกีย่ วข้ องกับอวัยวะของระบบขับถ่ ายปัสสาวะใน
ภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยขอคําแนะนําจากผู้ปกครอง เช่ น คําว่ า นํา้ ปัสสาวะ ใน
ภาษาอังกฤษใช้ คาํ ว่า Urine (อ่านว่ า ยู-ริน) แล้ วรวบรวมทําสมุดคําศัพท์ ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ เพือ่ สร้ างเสริม
ทักษะทางด้ านภาษา
2. นักเรี ยนควรสังเกตการทํางานของระบบขับถ่ายปั สสาวะของตนเองแล้วจดบันทึกลงในสมุด เป็ นเวลาอย่าง
น้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าใจการทํางานของระบบขับถ่ายปั สสาวะมากขึ้นและสามารถประเมินความผิดปกติที่
เกิดขึ้นกับระบบขับถ่ายปัสสาวะของตนเองได้
3. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างและการทํางานของระบบย่อยอาหารจากแหล่งการเรี ยนรู้
ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อหนังสื อที่ให้ความรู้เกี่ยวกับร่ างกายของมนุษย์ในห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อ
กระตุน้ ความสนใจในการเรี ยนรู้และทําให้เกิดความเข้าใจในระบบย่อยอาหารในร่ างกายของตนเองมากขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
61
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 7
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
โครงสร้ างการทํางานของระบบขับถ่ายปั สสาวะประกอบด้วยอวัยวะที่ สําคัญได้แก่ ไต ท่ อไต กระเพาะ
ปั สสาวะ และท่อปั สสาวะ ทํางานร่ วมกันเป็ นระบบขับถ่ายปั สสาวะโดยไตจะทําหน้าที่กรองของเสี ยออกจากเลือด
แล้วกลายเป็ นนํ้าปั สสาวะ ส่วนท่อไตจะรองรับนํ้าปัสสาวะจากไตแล้วส่งต่อไปยังกระเพาะปั สสาวะ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายโครงสร้างของระบบขับถ่ายปั สสาวะ และหน้าที่ของอวัยวะไตและท่อไตอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบขับถ่ายปัสสาวะที่มีผลต่อสุขภาพการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการ (A)
3. ระบุโครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับโครงสร้างของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ และหน้าที่ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ของอวัยวะไตและท่อไต แผนที่ความคิด*
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– ระบบขับถ่ายปัสสาวะ (ต่อ)
2. โครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะ
– ไต
– ท่อไต
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับอวัยวะไตและท่อไต ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้างของระบบขับถ่าย
ปัสสาวะ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนของอวัยวะที่จดั เป็ นโครงสร้างในระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ภาษาไทย พูดคุยหรื อเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับโครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะ และ
หน้าที่ของอวัยวะไตและท่อไต ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้างของระบบขับถ่าย
ปัสสาวะ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพ แผ่นพับ
ใบความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและการทํางานของระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพอวัยวะไตและท่อไต ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้างของ
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
63
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน
เพื่อทบทวนความรู้
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับโครงสร้ างของระบบขับถ่ าย
ปัสสาวะที่นักเรียนสงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ อ่านมาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
แล้วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่ าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
3. นักเรี ยนดูภาพที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการขับถ่ายปั สสาวะที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับ
ความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– ในแต่ละวันนักเรี ยนปั สสาวะประมาณวันละกี่ครั้ง (พิจารณาคําตอบของนักเรี ยนซึ่ งขึน้ อยู่กับพฤติกรรม
ในการขับถ่ ายปั สสาวะของแต่ ละบุคคล ดังนั้นคําตอบอาจแตกต่ างกัน จึงไม่ มีคาํ ตอบใดถูกหรื อผิด และ
อธิ บายเพิ่มเติมว่ า จํานวนการขับถ่ ายปั สสาวะถือเป็ นพฤติกรรมส่ วนบุคคล ซึ่ งในแต่ ละคนจะไม่ เท่ ากัน
ขึน้ อยู่กบั ปริ มาณของนํา้ ที่ ได้ รับในแต่ วัน เช่ น บางคนดื่มนํา้ มากก็ย่อมขับถ่ ายปั สสาวะมาก บางคนดื่ม
นํา้ น้ อยก็ย่อมขับถ่ ายปั สสาวะน้ อย แต่ โดยส่ วนใหญ่ แล้ วคนเราจะปั สสาวะวันละ 4–6 ครั้ ง
โดยประมาณ)
– ทําไมเพื่อนบางคนจึงปัสสาวะบ่อยกว่าเรา (จํานวนครั้ งและปริ มาณการขับถ่ ายปั สสาวะถือเป็ น
พฤติกรรมส่ วนบุคคล ซึ่ งในแต่ ละคนจะไม่ เท่ ากันขึน้ อยู่กับปริ มาณของนํา้ ที่ได้ รับในแต่ วัน ซึ่ งการที่
เพื่อนบางคนปั สสาวะบ่ อยกว่ าเรา ก็อาจจะเป็ นไปได้ ว่าเพื่อนคนดังกล่ าวนั้นได้ ดื่มนํา้ ในปริ มาณที่
มากกว่ าเรานั่นเอง)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
4. นักเรี ยนดูภาพแสดงโครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะ ซึ่งประกอบด้วยอวัยวะที่สาํ คัญได้แก่ ไต ท่อไต
กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจาก
ประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– อวัยวะที่ทาํ งานในระบบขับถ่ายปั สสาวะประกอบด้วยอวัยวะสําคัญใดบ้าง (ไต ท่ อไต กระเพาะ
ปั สสาวะ และท่ อปั สสาวะ)
– หากอวัยวะดังกล่าวเกิดความผิดปกตินกั เรี ยนคิดว่าจะมีผลอย่างไร (ส่ งผลให้ การทํางานของร่ างกายเกิด
ความผิดปกติ)
64
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาระน่ารู ้ที่เกี่ยวข้องกับการทํางานของอวัยวะในโครงสร้างของระบบ
ขับถ่ายปั สสาวะ ได้แก่ ไตและท่อไต จากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อหนังสื อที่ให้ความรู้
เกี่ยวกับร่ างกายของมนุษย์ในห้องสมุดของโรงเรี ยน หรื อหนังสื อข่าวสารสุ ขภาพทัว่ ไป เพื่อเสริ มสร้างการ
เรี ยนรู้และทําให้เกิดความเข้าใจในการทํางานของระบบขับถ่ายปัสสาวะมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
67
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 8
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
โครงสร้ างการทํางานของระบบขับถ่ายปั สสาวะประกอบด้วยอวัยวะที่ สําคัญได้แก่ ไต ท่ อไต กระเพาะ
ปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ทํางานร่ วมกันเป็ นระบบขับถ่ายปั สสาวะ ซึ่งตามที่ได้กล่าวถึงหน้าที่และการทํางานของไต
และท่อไตไปแล้ว ในที่ น้ ี จะกล่าวถึ งหน้าที่ และการทํางานของกระเพาะปั สสาวะและท่อปั สสาวะ โดยกระเพาะ
ปัสสาวะจะทําหน้าที่กกั เก็บนํ้าปัสสาวะ ส่ วนท่อปั สสาวะจะรับนํ้าปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะและขับถ่ายออกสู่
ภายนอกร่ างกาย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายโครงสร้างของระบบขับถ่ายปั สสาวะ และหน้าที่ของอวัยวะกระเพาะปั สสาวะและท่อปัสสาวะ
อย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบขับถ่ายปัสสาวะที่มีผลต่อสุขภาพการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการ (A)
3. ระบุโครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับโครงสร้างของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ และหน้าที่ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ของอวัยวะกระเพาะปัสสาวะและ แผนที่ความคิด*
ท่อปั สสาวะ
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
68
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– ระบบขับถ่ายปัสสาวะ (ต่อ)
2. โครงสร้างของระบบขับถ่ายปั สสาวะ (ต่อ)
– กระเพาะปัสสาวะ
– ท่อปั สสาวะ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับอวัยวะกระเพาะปั สสาวะและท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้าง
ของระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ภาษาไทย พูดคุยหรื อเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะกระเพาะปัสสาวะและ
ท่อปั สสาวะ ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพอวัยวะกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็ นอวัยวะ
ในโครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะ
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สื บค้น และบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และกระบวนการทํางาน
ของกระเพาะปั สสาวะและท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็ นอวัยวะในโครงสร้างของระบบ
ขับถ่ายปั สสาวะ
69
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน
เพื่อทบทวนความรู้
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อระบบขับถ่ ายปัสสาวะ ใน
หัวข้ อย่ อยที่ 2. โครงสร้ างของระบบขับถ่ ายปัสสาวะ (ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับหน้ าที่ของอวัยวะกระเพาะ
ปัสสาวะและท่ อปัสสาวะ พร้ อมทั้งนําเสนอข้อคําถามที่สงสั ยหรือสนใจที่จดบันทึกมา แล้วให้ เพือ่ น ๆ ใน
ชั้นเรียนร่ วมกันตอบคําถาม
3. ครู แสดงความคิดเห็นต่อผลการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนและให้ความรู ้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
4. นักเรี ยนดูแผนภาพแสดงวงกลมสี เหลืองที่มีการไล่ระดับสี จากสี เหลืองอ่อนมาหาสี เหลืองเข้ม ซึ่งเป็ น
แสดงการจําลองสี ของนํ้าปัสสาวะที่ครู เตรี ยมมา หรื อเปิ ดในสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพล
ศึกษา ป. 5หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 1 เรี ยนรู ้ตวั เรา แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 8 ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ) ให้
นักเรี ยนดูประกอบการเรี ยน แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การ
เรี ยนรู ้ของนักเรี ยน และตอบคําถามในประเด็นที่วา่ “สี ของนํ้าปัสสาวะมีความเกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพ
ของเราหรื อไม่”
5. ครู อธิ บายถึงแนวคําตอบที่ถูกต้องว่า สี ของนํ้าปัสสาวะมีความเกี่ยวข้องกับภาวะสุ ขภาพของเราโดยตรง
เช่น ปั สสาวะมีสีเหลืองเข้ม อาจเกิดจากการดื่มนํ้าน้อย หรื อเกิดภาวะการติดเชื้อของกระเพาะปั สสาวะ
เป็ นต้น
6. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อระบบขับถ่ายปัสสาวะ ในหัวข้อย่อยที่ 2. โครงสร้าง
ของระบบขับถ่ายปั สสาวะ (ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ
เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย ในหัวข้อระบบขับถ่ายปัสสาวะ ในหัวข้อย่อยที่ 2. โครงสร้าง
ของระบบขับถ่ายปั สสาวะ (ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ
โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครูนําบัตรคําแสดงชื่ออวัยวะในระบบขับถ่ ายปัสสาวะในภาษาอังกฤษที่ตรงกับคําว่ า กระเพาะปัสสาวะ
และท่ อปัสสาวะ ให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม เพือ่ สร้ างเสริม
ทักษะทางด้ านภาษา ดังนี้
– กระเพาะปัสสาวะ ในภาษาในอังกฤษ คือ Bladder อ่านออกเสี ยงว่ า บแลด-เดอะ
– ท่ อปัสสาวะ ในภาษาในอังกฤษ คือ Urethra อ่านออกเสี ยงว่า ยุรี-ธระ
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ อนื่ ๆ ที่เกีย่ วข้ องนอกเหนือจากนีไ้ ด้ หรืออาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศ
สมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
70
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งเป็ น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มส่งอาสาสมัครออกมาจับสลากเลือกหัวข้อเรื่ องเพื่อปฏิบตั ิกิจกรรมการ
อภิปรายสรุ ปเกี่ยวกับหน้าที่และการทํางานของอวัยวะในโครงสร้างของระบบขับถ่ายปั สสาวะ พร้อมทั้ง
วาดรู ปและระบายสี ประกอบให้สวยงาม ซึ่งหัวข้อเรื่ องในที่น้ ีประกอบด้วย
– เรื่ องที่ 1 กระเพาะปัสสาวะ
– เรื่ องที่ 2 ท่อปัสสาวะ
โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอย
เสนอแนะและให้ความรู ้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
2. ครู ให้นกั เรี ยนร่ วมกันอภิปรายทบทวนความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของระบบขับถ่ายปัสสาวะ โดยครู
เสนอแนะและให้ความรู ้ที่เป็ นประโยชน์เพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อระบบขับถ่ ายปัสสาวะ ในหัวข้ อย่อยที่ 3. การดูแลระบบ
ขับถ่ ายปัสสาวะ มาล่ วงหน้ า ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และให้ แต่ ละ
คนเสนอวิธีการดูแลระบบขับถ่ ายปัสสาวะของตนเองมาคนละ 5 ข้ อ เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานใน
การศึกษา แล้วมานําเสนอและสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าเพิ่มเติมเกีย่ วกับคําศัพท์ ที่เกีย่ วข้ องกับอวัยวะของระบบขับถ่ ายปัสสาวะใน
ภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยขอคําแนะนําจากผู้ปกครอง แล้วรวบรวมทําสมุด
คําศัพท์ ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิม่ เติมเกี่ยวกับสาระน่ารู ้ที่เกี่ยวข้องกับการทํางานของอวัยวะในโครงสร้างของระบบ
ขับถ่ายปั สสาวะ ได้แก่ กระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อ
หนังสื อที่ให้ความรู้เกี่ยวกับร่ างกายของมนุษย์ในห้องสมุดของโรงเรี ยน หรื อหนังสื อข่าวสารสุ ขภาพทัว่ ไป
เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และทําให้เกิดความเข้าใจในการทํางานของระบบขับถ่ายปัสสาวะมากยิ่งขึ้น
71
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
72
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 9
ระบบต่ าง ๆ ของร่ างกาย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา เรื่อง ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ระบบขับถ่ายปั สสาวะเป็ นอีกระบบหนึ่งในร่ างกายที่มีความสําคัญต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการของ
คนเรา โดยจะทําหน้าที่ในการขับถ่ายหรื อกําจัดของเสี ยออกจากร่ างกาย เพื่อไม่เกิ ดการตกค้างของของเสี ยภายใน
ร่ างกายซึ่งจะเป็ นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคมากมาย นักเรี ยนจึงควรดูแลรักษาระบบดังกล่าวให้สามารถทํางานได้อย่าง
ปกติ ด้วยการดื่มนํ้าที่สะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ไม่กลั้นปัสสาวะ ไม่รับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด ดูแลความ
สะอาดของอวัยวะเพศอยูเ่ สมอ และถ้ามีอาการผิดปกติในการขับถ่ายปั สสาวะให้รีบบอกผูป้ กครองพาไปพบแพทย์
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ
(พ 1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายวิธีการดูแลระบบขับถ่ายปัสสาวะอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของระบบขับถ่ายปัสสาวะที่มีผลต่อสุ ขภาพ การเจริ ญเติบโต และพัฒนาการ (A)
3. แสดงทักษะในการดูแลระบบขับถ่ายปัสสาวะอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับวิธีการดูแลระบบ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ขับถ่ายปั สสาวะ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม สนใจระบบ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ขับถ่ าย ยังไม่ สายที่จะดูแล พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5*
73
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย (ต่อ)
– ระบบขับถ่ายปัสสาวะ (ต่อ)
3. การดูแลระบบขับถ่ายปัสสาวะ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาไทย พูดคุย หรื อเขียนสรุ ปความรู้ หรื อเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีการดูแล
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพการ์ตูนบุคคลแสดงพฤติกรรมการดูแลระบบขับถ่าย
ปัสสาวะ
วิทยาศาสตร์ ศึกษาและรวบรวมข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบขับถ่าย
ปัสสาวะที่เกิดจากการมีพฤติกรรมการดูแลสุ ขภาพที่ไม่ถูกต้อง
74
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน
เพื่อทบทวนความรู้
2. ครูให้ นักเรียนผลัดกันตั้งคําถามและตอบคําถามในประเด็นที่เชื่อมโยงกับเนือ้ หาที่ศึกษาค้นคว้าผ่านมา
ตัวอย่างเช่ น
– ระบบขับถ่ ายปัสสาวะเป็ นระบบที่มคี วามสํ าคัญต่ อสุ ขภาพและการเจริญเติบโตของคนเราอย่ างไร (ช่ วย
กรองของเสียออกจากเลือดและกําจัดออกจากร่ างกายในรูปของนํ้าปัสสาวะ เพือ่ ไม่ ให้ เกิดการตกค้ าง
ของของเสียภายในร่ างกาย ซึ่งจะส่ งผลเสียต่ อสุ ขภาพและการเจริ ญเติบโตเป็ นสาเหตุให้ เกิดโรคต่ าง ๆ
มากมาย)
– ปกติร่างกายของคนเรามีโครงสร้ างการกําจัดของเสี ยออกจากร่ างกายกีท่ าง อะไรบ้ าง (4 ทางได้ แก่ ทาง
ลําไส้ ใหญ่ ทางไต ทางปอด และทางผิวหนัง)
– ของเสี ยที่ถูกกําจัดออกมาจากร่ างกายโดยอวัยวะไตเรียกว่ าอะไร (นํ้าปัสสาวะ)
(ครูอาจใช้ คาํ ถามอืน่ ๆที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรียนการสอนได้ )
3. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คน ออกมานําเสนอวิธีการดูแลระบบขับถ่ ายปัสสาวะของตนเอง 5 ข้ อ แล้ วให้
เพือ่ น ๆ ในชั้นเรียนร่ วมกันแสดงความคิดเห็น
4. ครู แสดงความคิดเห็นต่อผลการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน พร้อมทั้งให้ขอ้ เสนอแนะหากผลการปฏิบตั ิ
กิจกรรมดังกล่าวแสดงถึงวิธีการ แนวคิด หรื อความเชื่อที่ผิด ๆ ของนักเรี ยนในการดูแลระบบขับถ่าย
ปัสสาวะ ให้เกิดความเข้าใจในเบื้องต้นที่ถูกต้อง และให้นกั เรี ยนปรบมือให้เพื่อน ๆ ที่ออกมานําเสนอผล
การปฏิบตั ิกิจกรรม
5. นักเรี ยนดูภาพแสดงพฤติกรรมการกลั้นปัสสาวะที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ อง
ดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกันในประเด็นที่ว่า “ทําไมเราจึงไม่
ควรกลั้นปั สสาวะ”
6. ครู อธิ บายถึงแนวคําตอบที่ถูกต้องว่า เราไม่ควรกลั้นปัสสาวะเพราะอาจทําให้ปัสสาวะตกค้างในกระเพาะ
ปัสสาวะและเกิดการติดเชื้อแบคทีเรี ย ทําให้กระเพาะปั สสาวะอักเสบ มีอาการปวดท้องได้
7. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อระบบขับถ่ายปัสสาวะ ในหัวข้อย่อยที่ 3. การดูแล
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
75
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ระบบต่าง ๆ ของร่ างกาย ในหัวข้อระบบขับถ่ายปัสสาวะ ในหัวข้อย่อยที่ 3. การดูแล
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนร่ วมกันปฏิบตั ิกิจกรรม สนใจระบบขับถ่ าย ยังไม่ สายที่ จะดูแล ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู
แจกให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
แล้วนํามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาระบบขับถ่ายดังกล่าวร่ วมกับเพื่อน
2. ครู เฉลยคําตอบในกิจกรรม สนใจระบบขับถ่ าย ยังไม่ สายที่ จะดูแล โดยให้นกั เรี ยนที่ลากเส้นจับคู่ไม่
ถูกต้องแก้ไขให้ถูกต้อง
3. นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน แต่ละกลุ่มระดมสมองทําแผ่นพับความรู้เรื่ อง การดูแลระบบขับถ่าย
ปัสสาวะ โดยใช้อุปกรณ์ที่ครู เตรี ยมให้ ภายในเวลาที่ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอยเสนอแนะ
และให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
2. ครู ให้นกั เรี ยนนําแผ่นพับความรู ้ดงั กล่าวไปเผยแพร่ โดยจัดแสดงบนป้ ายนิเทศภายในโรงเรี ยน
3. ครู แจกแบบทดสอบหลังเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 1 เรี ยนรู ้ตวั เรา ให้นกั เรี ยนทําเพื่อตรวจสอบความรู ้ความ
เข้าใจหลังการเรี ยนรู ้ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
4. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้ความรู ้เพิ่มเติมเพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้ให้กบั นักเรี ยน
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. ครูถามคําถามเชื่อมโยงสู่ บทเรียนต่ อไป เพือ่ ให้ นักเรียนไปค้ นหาคําตอบจากบทเรียนมาล่วงหน้ า ดังนี้
– เมื่อเข้ าสู่ ช่วงวัยรุ่นนักเรียนจะมีพฒ
ั นาการทางเพศเกีย่ วกับการเปลีย่ นแปลงทางด้ านร่ างกายที่สําคัญ
อย่ างไรบ้ าง
3. มอบหมายให้ นักเรียนไปศึกษาเนือ้ หาในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว เรื่อง พัฒนาการทางเพศ
ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้
ต่ าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ หรือขอรับความรู้จากผู้ปกครอง มาล่วงหน้ า แล้ ว
นํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
76
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาระน่ารู ้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลระบบขับถ่ายปั สสาวะให้มี
ประสิ ทธิภาพ ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับโรคหรื อความผิดปกติต่าง ๆ ของระบบขับถ่ายปั สสาวะ จากแหล่งการ
เรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และสามารถนําความรู้
ดังกล่าวไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้
2. นักเรี ยนควรวาดภาพระบายสี กิจกรรมที่ถือว่าเป็ นการดูแลรักษาระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายปัสสาวะ
พร้อมกับคําอธิบายประกอบภาพ แล้วนํามาอภิปรายร่ วมกัน
3. นักเรี ยนควรแบ่งกลุ่ม จัดกิจกรรมการให้ความรู้และรณรงค์ให้กบั สมาชิกภายในชุมชนเรื่ อง การดูแลรักษา
ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายปัสสาวะ
4. นักเรี ยนควรนําความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาระบบขับถ่ายที่ถูกต้องไปใช้ปฏิบตั ิในชีวิตประจําวัน โดยขอ
ความรู้และคําแนะนําเพิ่มเติมจากผูป้ กครอง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
78
ผังมโนทัศน์ เป้าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
คุณธรรม จริยธรรม ค่ านิยม
ความรู้
ทักษะ/กระบวนการ 1. พัฒนาการทางเพศ
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. การสื่ อสารเพื่ออธิบายความหมายและ 2. ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรม 1. มีวินยั ใฝ่ เรี ยนรู ้ในการร่ วมศึกษาและปฏิบตั ิ
ลักษณะของพัฒนาการทางเพศ ไทย กิจกรรมการเรี ยนรู ้เกี่ยวกับความหมายและ
2. การสื่ อสารเพื่ออธิบายแนวทางการปฏิบตั ิตน 3. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ลักษณะของพัฒนาการทางเพศรวมถึงแนวทาง
ที่เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศ ในการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมกับพัฒนาการทาง
3. การแสดงทักษะการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมกับ เพศที่เกิดขึ้นกับผูอ้ ื่น
พัฒนาการทางเพศที่เกิดขึ้น 2. มีวินยั ใฝ่ เรี ยนรู ้ในการร่ วมศึกษาและปฏิบตั ิ
4. การสื่ อสารเพื่ออธิบายลักษณะของครอบครัว กิจกรรมการเรี ยนรู ้เกี่ยวกับลักษณะของ
ไทยและครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรม ชีวติ และครอบครัว ครอบครัวไทยและครอบครัวที่อบอุ่นตาม
ไทย วัฒนธรรมไทยตลอดจนแนวทางการปฏิบตั ิ
5. การระบุแนวทางในการปฏิบตั ิตนเพื่อให้ เพื่อให้ครอบครัวอบอุ่นกับผูอ้ ื่น
ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย 3. ตระหนักถึงความสําคัญของการมีครอบครัวที่
6. การระบุปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและ อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ 4. มีวินยั ใฝ่ เรี ยนรู ้ในการร่ วมศึกษาและปฏิบตั ิ
ในการแก้ไขปั ญหาความขัดแย้ง กิจกรรมการเรี ยนรู ้เกี่ยวกับปั จจัยที่ก่อให้เกิด
7. การใช้เทคโนโลยีในการศึกษาค้นคว้า ความขัดแย้งและพฤติกรรมที่พงึ ประสงค์และ
ไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความ
ขัดแย้งกับผูอ้ ื่น
ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. ศึกษาความหมายและลักษณะของพัฒนาการทางเพศ
2. ศึกษาเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมกับพัฒนาการทางเพศ
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ สิ่ งใดควรทําและเป็ นพฤติกรรมที่สร้ างสรรค์ คนดี
4. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ช่ วงวัยรุ่ นที่ผันผ่ าน หาผู้เล่ าขานประสบการณ์ ที่ผ่านมา
5. ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของครอบครัวไทย
6. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ครอบครั วเดี่ยวหรื อครอบครั วขยาย วาดภาพระบายให้ สวยงาม
7. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ครอบครั วของฉันวาดฝั นไว้ เช่ นไร
8. ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทยและการปฏิบตั ิตนเพือ่ ให้ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
9. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ครอบครั วอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย เป็ นเช่ นไรไหนลองบอก
10. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ปั ญหาครอบครั วไทย เป็ นเช่ นไรช่ วยกันศึกษา
11. ศึกษาเกี่ยวกับปั จจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและพฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปั ญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพือ่ น
12. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ สิ่ งใดทําให้ ขดั แย้ง ช่ วยแสดงเครื่ องหมายเพื่อแยกออกไป
13. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ฝึ กทักษะการสื่ อสาร เพื่อผสานความสั มพันธ์
14. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ แยกแยะสิ่ งดี เพื่อหลีกหนีความขัดแย้ง
15. โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง พฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
16. โครงงานการสํารวจเรื่ อง พัฒนาการทางเพศของนักเรี ยนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ในสถานศึกษา
17. โครงงานการทดลองเรื่ อง แนวทางในการพูดคุยและปฏิบตั ิกิจกรรมร่ วมกันเพื่อสร้างความอบอุ่นภายในครอบครัวและกลุ่มเพือ่ น
79
ชีวิตได้อย่างราบรื่ น
4. ครอบครั ว หมายถึง กลุ่มคนตั้งแต่ 2 คน
ขึ้นไปมาเกี่ยวกันและสื บสายเลือด ได้แก่ พ่อ
แม่ ลูก และอาจมีญาติหรื อไม่ใช่ญาติมาอาศัย
อยูด่ ว้ ยกัน ซึ่งถือว่าเป็ นสมาชิกของครอบครัว
เช่นกัน
5. สมาชิกทุกคนในครอบครัวมีความสําคัญที่จะ
ทําให้ครอบครัวอบอุ่นได้ เพราะการอยู่
ร่ วมกันย่อมมีการปฏิบตั ิต่อกันพึ่งพาซึ่งกัน
และกัน ดังนั้นสมาชิกทุกคนในครอบครัวจึง
ต้องปฏิบตั ิตนเพื่อสร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้น
ภายในครอบครัวตามวัฒนธรรมไทย สิ่ งนี้จะ
ช่วยปลูกฝังให้เรามีความอ่อนโยน รัก
ครอบครัว เชื่อฟังผูใ้ หญ่และยังส่งผลทําให้
เกิดความสงบสุ ขในสังคม
6. การดําเนินชีวิตของคนเราต้องมีการ
ติดต่อสื่ อสารกับคนรอบข้างมากมาย ซึ่ง
บางครั้งอาจมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ระหว่างกันขึ้นได้ ซึ่งเป็ นเรื่ องที่ไม่สามารถ
หลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถที่จะปรับตัวเพื่อ
ยอมรับกันและกัน และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่
ไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาที่ก่อให้เกิด
ความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้
ซึ่งจะช่วยให้เราอยูร่ ่ วมกับบุคคลอื่นในสังคม
ได้อย่างมีความสุ ข
81
– ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทยและการปฏิบตั ิตนเพื่อให้ครอบครัว
อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
– ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ ครอบครั วอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย เป็ นเช่ นไรไหนลองบอก
– ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ ปั ญหาครอบครั วไทย เป็ นเช่ นไรช่ วยกันศึกษา
– ศึกษาเกี่ยวกับปั จจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและพฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการ
แก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
– ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ สิ่ งใดทําให้ ขดั แย้ ง ช่ วยแสดงเครื่ องหมายเพื่อแยกออกไป
– ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ ฝึ กทักษะการสื่ อสาร เพื่อผสานความสัมพันธ์
– ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ แยกแยะสิ่ งดี เพื่อหลีกหนีความขัดแย้ ง
– โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง พฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว
และกลุ่มเพื่อน
– โครงงานการสํารวจเรื่ อง พัฒนาการทางเพศของนักเรี ยนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ในสถานศึกษา
– โครงงานการทดลองเรื่ อง แนวทางในการพูดคุยและปฏิบตั ิกิจกรรมร่ วมกันเพื่อสร้างความอบอุ่น
ภายในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
2. วิธีการและเครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้
• วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ • เครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้
– การสนทนาซักถามโดยครู – แบบบันทึกการสนทนา
– การวัดและประเมินผลด้านความรู ้ – แบบทดสอบก่อนเรี ยน
– แบบทดสอบหลังเรี ยน
– แบบทดสอบประจําหน่วย
– การวัดและประเมินผลด้านคุณธรรมจริ ยธรรม – การวัดและประเมินผลด้านคุณธรรม จริ ยธรรม
ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
3. สิ่ งที่มุ่งประเมิน
– ความสามารถในการอธิ บาย ชี้แจง การแปลความและตีความ การประยุกต์ ดัดแปลง และนําไปใช้
การมีมุมมองที่หลากหลาย การให้ความใส่ใจในความรู้สึกของผูอ้ ื่น และการรู ้จกั ตนเอง
– ความสามารถในการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพที่ให้ความสําคัญทั้งทางด้านร่ างกาย จิตใจ สังคม และ
จิตวิญญาณ
– ความสามารถในการวางแผนการปฏิบตั ิ แสดงความคิดเห็นวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาความรู ้ ความเข้าใจ
ทัศนคติ และทักษะที่ช่วยส่งเสริ มการปฏิบตั ิเกี่ยวกับสุ ขภาพ
ขั้นที่ 3 การวางแผนการจัดการเรียนรู้
• หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว จํานวน 11 ชัว่ โมง
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 10: พัฒนาการทางเพศ
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 11: พัฒนาการทางเพศ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 12: พัฒนาการทางเพศ (ต่อ)
83
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 10
พัฒนาการทางเพศ
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง พัฒนาการทางเพศและการปฏิบัติตนทีเ่ หมาะสม
1. สาระสํ าคัญ
เด็กชายอายุประมาณ 12–13 ปี เด็กหญิงอายุประมาณ 10–11ปี จะเป็ นช่วงเข้าสู่วยั เด็กตอนปลายหรื อวัยแรก
รุ่ น โดยจะมีการเจริ ญเติบโตของร่ างกายอย่างรวดเร็ วทั้งในด้านส่วนสูงและนํ้าหนัก เพราะต่อมเพศภายในร่ างกาย
จะผลิตฮอร์โมนที่เป็ นตัวเร่ งการเจริ ญเติบโตส่งผลให้เด็กวัยนี้มีส่วนสูงเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งเป็ นเรื่ องปกติของเด็กชาย
และเด็กหญิงที่กาํ ลังจะย่างเข้าสู่วยั รุ่ น
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่ นจะมีพฒั นาการทางเพศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่ างกายที่สาํ คัญ คือ ในเด็กชาย
จะเริ่ มเกิดอาการฝันเปี ยก ส่วนในเด็กหญิงจะเริ่ มมีประจําเดือน
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• อธิ บายการเปลี่ยนแปลงทางเพศและปฏิบตั ิตนได้เหมาะสม (พ 2.1ป. 5/1)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมายของพัฒนาการทางเพศและความหมายของวัยรุ่ นอย่างถูกต้องได้ (K)
2. อธิ บายการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่ างกายของวัยรุ่ นอย่างถูกต้องได้ (K)
3. ร่ วมศึกษาและปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับความหมายและลักษณะของพัฒนาการทางเพศ และการ
เปลี่ยนแปลงทางด้านร่ างกายของวัยรุ่ นด้วยความสนใจ (A)
4. แสดงทักษะในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่ างกายเมื่อเข้าสู่วยั รุ่ นอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ทดสอบความรู้พ้นื ฐานในหน่วย • แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการ –
การเรี ยนรู้ที่ 2 ชีวิตและครอบครัว เรี ยนรู้ที่ 2 ชีวิตและครอบครัว*/**
85
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. พัฒนาการทางเพศ
– พัฒนาการทางเพศและการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสม
1. การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่ างกาย
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ค้นคว้าและเปรี ยบเทียบลักษณะพัฒนาการทางเพศของวัยรุ่ นในภูมิภาคต่าง ๆ
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับพัฒนาการทางเพศของวัยรุ่น
คณิ ตศาสตร์ คาดคะเนนํ้าหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ของวัยรุ่ นชายและวัยรุ่ นหญิงไทย
86
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ครู แจกแบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว ให้นกั เรี ยนเพื่อตรวจสอบความรู้
ความเข้าใจพื้นฐานโดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและระบุเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาที่นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้ในหน่วย
การเรี ยนรู้ที่ 2 ชีวิตและครอบครัว
4. ครูและนักเรียนสนทนาร่ วมกันเกีย่ วกับเนือ้ หาการเรียนรู้ในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว เรื่อง
พัฒนาการทางเพศ ที่มอบหมายให้ นักเรียนอ่ านมาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
5. สุ่ มนักเรียน 2–3 คนออกมาตอบคําถามเชื่อมโยงที่ให้ นักเรียนไปค้ นหาคําตอบจากการเรียนครั้งที่ผ่านมา
ในคําถามที่ว่า “เมือ่ เข้ าสู่ ช่วงวัยรุ่นนักเรียนจะมีพฒ ั นาการทางเพศเกีย่ วกับการเปลีย่ นแปลงทางด้ าน
ร่ างกายที่สําคัญอย่างไรบ้ าง” (เมื่อเข้ าสู่ ช่วงวัยรุ่นจะมีพฒั นาการทางเพศเกีย่ วกับการเปลี่ยนแปลง
ทางด้ านร่ างกายที่สําคัญ คือ ในเด็กชายจะเริ่มเกิดอาการฝันเปี ยก ส่ วนในเด็กหญิงจะเริ่ มมีประจําเดือน)
โดยครูให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
6. นักเรี ยนดูภาพวัยรุ่ นชายหญิงที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจาก
ประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– วัยรุ่ นเป็ นวัยที่อยูใ่ นช่วงอายุกี่ปี (อายุระหว่ าง 10–20 ปี )
– เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเข้าสู่วยั รุ่ น (เราจะรู้ ว่าตนเองเข้ าสู่ช่วงวัยรุ่ นโดยพิจารณาจากอายุของตนเอง
และสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึน้ กับร่ างกายเป็ นสําคัญ ซึ่ งโดยปกติเพศหญิงจะเข้ าสู่วัยรุ่ นเมื่อมีอายุ
ประมาณ 10 ปี แต่ เพศชายจะเข้ าสู่วยั รุ่ นช้ ากว่ าเพศหญิง 1–2 ปี และเมื่อเราเข้ าสู่ช่วงวัยรุ่นจะมีการ
เปลี่ยนแปลงทั้งทางด้ านร่ างกาย จิตใจและอารมณ์ และสังคมเกิดขึน้ มากกว่ าทุกช่ วงวัย ซึ่ งมักจะสังเกต
ได้ อย่ างชัดเจนจากการเปลี่ยนแปลงทางด้ านร่ างกาย โดยวัยรุ่ นหญิงจะเริ่ มมีประจําเดือน ส่ วนวัยรุ่ นชาย
จะเริ่ มเกิดอาการฝั นเปี ยก)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
87
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในหัวข้อ พัฒนาการทางเพศและการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสม ในหัวข้อย่อยที่ 1.
การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่ างกาย จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อ
เสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และสามารถนําความรู้ดงั กล่าวไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้
2. นักเรี ยนควรสังเกตพัฒนาการทางเพศเกี่ยวกับลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่ างกายที่เกิดขึ้นกับตนเอง
อย่างสมํ่าเสมอ พร้อมทั้งจดลงในสมุดบันทึก เพื่อให้มีทกั ษะในค้นหาหรื อตรวจสอบความผิดปกติของ
สุ ขภาพด้วยตนเอง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
90
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 11
พัฒนาการทางเพศ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง พัฒนาการทางเพศและการปฏิบัติตนทีเ่ หมาะสม (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
วัยรุ่ นมีพฒั นาการทางเพศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์โดยมักมีความเชื่อมัน่ ใน
ตนเอง มีความสนุกสนาน มีความรัก มีความอยากรู้อยากเห็น และมีอารมณ์แปรปรวนง่าย ซึ่งถ้าวัยรุ่ นไม่ปรับตัวต่อ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจก่อให้เกิดปัญหาได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• อธิ บายการเปลี่ยนแปลงทางเพศและปฏิบตั ิตนได้เหมาะสม (พ 2.1ป. 5/1)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่ นอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ร่ วมศึกษาและปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่ นด้วย
ความสนใจ (A)
3. แสดงทักษะในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์เมื่อเข้าสู่วยั รุ่ นอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับพัฒนาการทางเพศ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ในประเด็นเกี่ยวกับการ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและ แผนที่ความคิด*
อารมณ์เมื่อเข้าสู่วยั รุ่ น
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
91
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. พัฒนาการทางเพศ (ต่อ)
– พัฒนาการทางเพศและการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสม (ต่อ)
2. การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าข้อมูลข่าวสารจากสื่ อสิ่ งพิมพ์หรื อสื่ ออินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับปั ญหา
ที่ เกิ ดจากการไม่ป รับ ตัวต่อการเปลี่ ยนแปลงทางด้านจิ ตใจและอารมณ์ ข อง
วัยรุ่ นในสังคมปั จจุบนั
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนเรี ยงความเรื่ องที่เกี่ยวข้องกับ
การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่ น
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดแสดงอารมณ์ของวัยรุ่ นในลักษณะต่าง ๆ
วิทยาศาสตร์ สังเกตและเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและ
อารมณ์ของตนเองและเพื่อน
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
92
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. ครู นาํ บัตรคําแสดงข้อความเกี่ยวกับอารมณ์ในลักษณะต่าง ๆ ของวัยรุ่ นให้นกั เรี ยนดู แล้วแต่ละคนจําแนก
ว่าอารมณ์ใดเป็ นอารมณ์ที่ดีและควรเก็บไว้ และอารมณ์ใดเป็ นอารมณ์ที่ไม่ดี ไม่ควรเก็บไว้ เขียนลงใน
สมุดบันทึก โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด ตัวอย่างบัตรคําแสดงข้อความเกี่ยวกับอารมณ์ เช่น
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. ครู สุ่มนักเรี ยน 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู คอยเสนอแนะและให้
ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
2. ครู เฉลยผลการปฏิบตั ิกิจกรรมและให้ความรู ้ที่เป็ นประโยชน์เพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนขอความรู้หรือสอบถามผู้ปกครองเพิม่ เติมเกีย่ วกับผลกระทบที่เกิดจากการไม่
ควบคุมอารมณ์ ของตนเองของวัยรุ่น และจดความรู้หรือประสบการณ์ ที่ได้ รับลงในสมุดบันทึก แล้วนํามา
สนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อ พัฒนาการทางเพศและการปฏิบัตติ นที่เหมาะสม ในหัวข้ อ
ย่ อยที่ 3. การเปลีย่ นแปลงทางด้ านสั งคม ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพล
ศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้ว
นํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในหัวข้อ พัฒนาการทางเพศและการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสม ในหัวข้อย่อยที่ 2.
การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของ
โรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และสามารถนําความรู้ดงั กล่าวไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้
94
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
95
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 12
พัฒนาการทางเพศ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง พัฒนาการทางเพศและการปฏิบัติตนทีเ่ หมาะสม (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
วัยรุ่ นมีพฒั นาการทางเพศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมโดยส่วนใหญ่มกั ชอบอยูก่ บั เพื่อน ซึ่ง
เพื่อนคือบุคคลที่เข้ามามีบทบาทสําคัญในช่วงวัยนี้เป็ นอย่างมาก และวัยนี้ยงั เป็ นวัยที่เริ่ มสนใจเพื่อนต่างเพศ และคบ
เพื่อนต่างเพศมากขึ้นด้วย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• อธิ บายการเปลี่ยนแปลงทางเพศและปฏิบตั ิตนได้เหมาะสม (พ 2.1ป. 5/1)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมของวัยรุ่ นอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ร่ วมศึกษาและปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมของวัยรุ่ นด้วยความสนใจ (A)
3. แสดงทักษะในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมเมื่อเข้าสู่วยั รุ่ นอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับพัฒนาการทางเพศ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ในประเด็นเกี่ยวกับการ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมเมื่อเข้า แผนที่ความคิด*
สู่วยั รุ่ น
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
96
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. พัฒนาการทางเพศ (ต่อ)
– พัฒนาการทางเพศและการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสม (ต่อ)
3. การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยและเปรี ยบเทียบเกี่ยวกับลักษณะของกลุ่มเพื่อนที่พบเห็นในปัจจุบนั
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนเรี ยงความเรื่ องที่เกี่ยวข้องกับ
เพื่อนและครอบครัว
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดแสดงอารมณ์ของวัยรุ่ นในลักษณะต่าง ๆ
วิทยาศาสตร์ สังเกตการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ของตนเองและเพื่อน
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอความรู้หรือประสบการณ์ ทไี่ ด้ รับจากการสอบถาม
ผู้ปกครองเกีย่ วกับผลกระทบทีเ่ กิดจากการไม่ ควบคุมอารมณ์ ของตนเองของวัยรุ่น โดยครูคอยให้ ความรู้
ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
97
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในหัวข้อ พัฒนาการทางเพศและการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสม ในหัวข้อย่อยที่ 3.
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม จากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อ
เสริ มสร้างการเรี ยนรู้และสามารถนําความรู ้ดงั กล่าวไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
100
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 13
พัฒนาการทางเพศ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง พัฒนาการทางเพศและการปฏิบัติตนทีเ่ หมาะสม (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การปฏิบตั ิตนที่เหมาสมเมื่อเกิดพัฒนาทางเพศทําได้โดยเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นควรปรึ กษาพ่อแม่ ไม่วิตก
กังวลกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พยายามควบคุมอารมณ์ กรณี มีประจําเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ หมัน่
ชําระร่ างกายให้สะอาด หากมีอาการปวดท้องควรวางกระเป๋ านํ้าร้อนที่บริ เวณท้องน้อยหรื อกินยาแก้ปวด ส่วนกรณี
การเกิดอาการฝันเปี ยก ควรเปลี่ยนกางเกงในและผ้าปูที่นอนที่เปื้ อนนํ้าอสุจิ อาบนํ้าชําระร่ างกายและอวัยวะเพศให้
สะอาด
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• อธิ บายการเปลี่ยนแปลงทางเพศและปฏิบตั ิตนได้เหมาะสม (พ 2.1ป. 5/1)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายแนวทางการปฏิบตั ิตนเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ร่ วมศึกษาและปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศด้วยความ
สนใจ (A)
3. แสดงทักษะในการปฏิบตั ิตนเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ที่เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ทางเพศ แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม สิ่ งใดควรทํา และ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
เป็ นพฤติกรรมที่ สร้ างสรรค์ คนดี พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
101
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. พัฒนาการทางเพศ (ต่อ)
– พัฒนาการทางเพศและการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสม
• การปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศ
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารในสื่ อสิ่ งพิมพ์หรื อสื่ ออินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับผลของ
การปฏิบตั ิตนไม่เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศในวัยรุ่ นและแนวทางการ
ปรับปรุ งแก้ไข
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตนที่
เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพ แผ่นพับ
ใบความรู้เกี่ยวกับการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอความรู้หรือประสบการณ์ ทไี่ ด้ รับจากการสอบถาม
ผู้ปกครองเกีย่ วกับแนวทางการเลือกคบเพือ่ น โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
102
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรนําวิธีการปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมเมื่อเกิดพัฒนาการทางเพศที่ถูกต้องไปใช้ในชีวิตประจําวัน โดยขอ
ความรู้และคําแนะนําเพิ่มเติมจากผูป้ กครอง
2. นักเรียนควรศึกษาเกีย่ วกับรูปแบบการแต่ งกายของผู้หญิงในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่แต่ งกายได้ สุภาพ
เรียบร้ อย แล้วนํามาปรับใช้ ในชีวติ ประจําวัน เนื่องจากเป็ นพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม ซึ่งจะช่ วยป้องกัน
ภัยทางเพศที่อาจเกิดขึน้ ได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
105
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 14
ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว เรื่อง ลักษณะของครอบครัวไทย
1. สาระสํ าคัญ
ครอบครัวไทยในอดีตมักมีลกั ษณะเป็ นครอบครัวขยายซึ่งเป็ นครอบครัวใหญ่ โดยครอบครัวหนึ่งมีท้ งั พ่อ
แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยายและญาติพนี่ อ้ งอื่น ๆ อาศัยอยูร่ วมกัน ซึ่งส่วนใหญ่ครอบครัวขยายจะพบมากในชนบท แต่ใน
ปัจจุบนั พบครอบครัวที่มีลกั ษณะเป็ นครอบครัวเดี่ยวหรื อครอบครัวขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น คือ สมาชิกในครอบครัวมี
เฉพาะพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยูร่ ่ วมกัน โดยแยกออกมาจากญาติพนี่ อ้ ง ซึ่งส่วนใหญ่ครอบครัวเดี่ยวพบได้มากในสังคมเมือง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• อธิ บายความสําคัญของการมีครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย (พ 2.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายลักษณะของครอบครัวไทยอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงคุณค่าและความสําคัญของความเป็ นครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย (A)
3. แสดงทักษะการปฏิบตั ิตนในการปรับตัวกับครอบครัวของตนเองอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับลักษณะของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ครอบครัวไทย ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
แผนที่ความคิด*
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
2. ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
2.1 ลักษณะของครอบครัวไทย
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยเกี่ยวกับลักษณะของครอบครัวไทยในภูมิภาคต่าง ๆ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับครอบครัว
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกในครอบครัวของตนเองและของเพื่อน
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนเรี ยงความเรื่ องที่เกี่ยวข้องกับ
ลักษณะของครอบครัวไทย
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพ แผ่นพับ
ใบความรู้เกี่ยวกับลักษณะของครอบครัวไทย
107
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ช่ วงวัยรุ่นที่ผันผ่ าน หาผู้เล่ าขาน
ประสบการณ์ ที่นานมา ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ อง
เพิม่ เติม
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง ครอบครัวอบอุ่น
ตามวัฒนธรรมไทย ในหัวข้ อที่ 2.1 ลักษณะของครอบครัวไทย มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการ
เรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการเปรี ยบเทียบครอบครัว 2 ครอบครัว ที่มีจาํ นวนสมาชิกในครอบครัวแตกต่าง
กัน โดยภาพครอบครัวที่ 1 เป็ นครอบครัวขนาดเล็กหรื อครอบครัวเดี่ยว ประกอบด้วยสมาชิกใน
ครอบครัว ได้แก่ พ่อ แม่ ลูก ส่วนภาพครอบครัวที่ 2 เป็ นครอบครัวขนาดใหญ่หรื อครอบครัวขยาย
ประกอบด้วยสมาชิกในครอบครัว ได้แก่ พ่อ แม่ ลูก ตา ยาย (หรื อญาติคนอื่น ๆ ร่ วมด้วย) ที่ครู เตรี ยมมา
แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบ
คําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนรู ้ไหมว่าครอบครัวที่ 1 และครอบครัวที่ 2 มีความแตกต่างกันในด้านใด (แตกต่ างกันที่ขนาด
ของครอบครั วหรื อรู ปแบบของครอบครั ว โดยครอบครั วที่ 1 เป็ นครอบครั วขนาดเล็ก ประกอบด้ วย
สมาชิ กในครอบครั ว ได้ แก่ พ่ อ แม่ และลูก หรื อเรี ยกว่ า ครอบครั วเดี่ยว ส่ วนครอบครั วที่ 2 เป็ น
ครอบครั วขนาดใหญ่ ประกอบด้ วยสมาชิ กในครอบครั ว ได้ แก่ พ่ อ แม่ ลูก ปู่ /ตา ย่ า/ยาย หรื อเรี ยกว่ า
ครอบครั วขยาย)
– นักเรี ยนชอบภาพครอบครัวแบบใด และทําไมจึงคิดเช่นนั้น (ตอบได้ โดยอิ สระ เช่ น ชอบภาพครอบครั ว
ที่ 2 เพราะมีสมาชิ กในครอบครั วจํานวนมาก ทําให้ ร้ ู สึกอบอุ่นและมีความสุขที่ได้ อยู่ร่วมกับญาติพี่น้อง
อย่ างพร้ อมหน้ ากัน)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 2.1 ลักษณะของครอบครัวไทย เพื่อเป็ นการกระตุน้
การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
108
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย ในหัวข้อที่ 2.1 ลักษณะของครอบครัวไทย โดยใช้
ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ครูนําบัตรคําแสดงชื่อสมาชิกในครอบครัวในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่ านสะกดคําและอ่าน
ออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น
– บิดาหรือพ่อ ในภาษาในอังกฤษ คือ Father อ่านออกเสี ยงว่า ฟา-เฑอะ
– มารดาหรือแม่ ในภาษาในอังกฤษ คือ Mother อ่านออกเสี ยงว่า มัฑ-เออะ
– ลูกชาย/ลูกสาว ในภาษาในอังกฤษ คือ Son/Daughter อ่านออกเสี ยงว่า ซัน/ดอ-เทอะ
– ปู่ /ตา ในภาษาในอังกฤษ คือ Grand Father อ่านออกเสี ยงว่า กแร็นด ฟา-เฑอะ
– ย่ า/ยาย ในภาษาในอังกฤษ คือ Grand Mother อ่านออกเสี ยงว่า กแร็นด มัฑ-เออะ
– น้ าผู้ชาย/อาผู้ชาย/ลุง ในภาษาในอังกฤษ คือ Uncle อ่านออกเสี ยงว่า อัง-ค’ล
– น้ าผู้หญิง/อาผู้หญิง/ป้า ในภาษาในอังกฤษ คือ Aunt อ่านออกเสี ยงว่า อานท
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ อนื่ ๆ ที่เกีย่ วข้ องนอกเหนือจากนีไ้ ด้ หรืออาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศ
สมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัคร 1–2 คน ออกมาเล่าเรื่ อง ลักษณะของครอบครัวที่นกั เรี ยนประทับใจ โดยครู แสดง
ความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนและให้เพื่อน ๆในชั้นเรี ยนร่ วมกันปรบมือให้เพื่อนที่
ออกมาเล่าเรื่ อง
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนร่ วมกันยกตัวอย่างลักษณะของครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย โดยพิจารณาจากครอบครัว
ของตนเองว่าอยูใ่ นประเภทใด และมีสมาชิกเป็ นใครบ้าง (ตอบโดยอิสระ)
2. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม ครอบครั วเดี่ยวหรื อขยาย วาดระบายให้ สวยงาม ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่
ครู แจกให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• สุ่ มนักเรี ยนประมาณ 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอยเสนอแนะและ
ให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิม่ เติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรม ครอบครั วของฉัน วาดฝันไว้ เช่ นไร ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่
ครูแจกให้ หรือในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 นอกเวลาเรียน แล้วมา
นําเสนอในการเรียนครั้งต่อไป
109
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของครอบครัวไทย โดยขอรับความรู้จากผูป้ กครอง หรื อจาก
แหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุดของโรงเรี ยน ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และทําให้เกิด
ความเข้าใจในเรื่ องดังกล่าวมากยิง่ ขึ้น
2. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าเพิม่ เติมเกีย่ วกับลักษณะของครอบครัวในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนจากแหล่งการ
เรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ เพือ่ เสริมสร้ างการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวให้
กว้ างขวางมากยิ่งขึน้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
111
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 15
ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว เรื่อง ครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
1. สาระสํ าคัญ
สมาชิกทุกคนในครอบครัวมีความสําคัญในการทําให้ครอบครัวอบอุ่นและมีความสุขได้โดยควรมีความรัก
ความห่วงใยซึ่งกันและกัน พูดจาสุ ภาพต่อกัน มีน้ าํ ใจ ให้ความเคารพและเชื่อฟังผูใ้ หญ่ มีส่วนร่ วมในการตัดสิ นใจ
หรื อแสดงความคิดเห็นในครอบครัว ปฏิบตั ิตามบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเหมาะสม มีความอดทนและรู ้จกั ให้
อภัยผูอ้ ื่น และหมัน่ สร้างสัมพันธภาพอันดีต่อเครื อญาติอย่างสมํ่าเสมอ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• อธิ บายความสําคัญของการมีครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย (พ 2.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายลักษณะของครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทยและแนวทางการปฏิบตั ิตนของสมาชิกในครอบครัว
เพื่อการมีครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทยอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงคุณค่าและความสําคัญของความเป็ นครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย (A)
3. แสดงทักษะในการปฏิบตั ิตนต่อครอบครัวเพื่อการมีครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทยอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับลักษณะของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรม ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ไทยและแนวทางการปฏิบตั ิตน แผนที่ความคิด*
ของสมาชิกในครอบครัวเพื่อการมี
ครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรม
ไทย
112
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
2. ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย (ต่อ)
2.2 ครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยเกี่ยวกับตัวอย่างของครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทยในสังคม
ทั้งในอดีตและปัจจุบนั เช่น ครอบครัวของบุคคลที่มีชื่อเสี ยงต่าง ๆ ที่เป็ นที่รู้จกั
อย่างกว้างขวาง
113
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ครอบครั วของฉัน วาดฝันไว้ เช่ นไร
ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมของ
นักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง ครอบครัวอบอุ่น
ตามวัฒนธรรมไทย ในหัวข้ อที่ 2.2 ครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย ตามที่ได้ รับมอบหมายในการ
เรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพสมาชิกในครอบครัวกําลังปฏิบตั ิกิจกรรมร่ วมกัน ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกัน
เกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น
– ครอบครัวที่อบอุ่นมีลกั ษณะอย่างไร ตอบมาอย่างน้อย 3 ข้อ (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น 1. มีความรั กและ
ความห่ วงใยซึ่ งกันและกันอยู่เสมอ 2. สมาชิ กในครอบครั วทุกคนรู้ จักรั บผิดชอบในบทบาทหน้ าที่ของ
ตนเองอย่ างเต็มที่ 3. หมัน่ ปฏิบัติกิจกรรมร่ วมกันอย่ างมีความสุข)
– นักเรี ยนคิดว่าบุคคลที่อยูใ่ นครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นจะมีลกั ษณะอย่างไร (ไม่ มีความสุขในการ
ดําเนินชี วิต อาจส่ งผลกระทบต่ อการเรี ยน ทําให้ ขาดสมาธิ ในการเรี ยน ผลการเรี ยนตกตํา่ เกิดปั ญหา
สุขภาพจิต นอกจากนั้นอาจทําให้ ติดเพื่อนหรื อคบหาคนที่มีพฤติกรรมที่ ไม่ ดีและถูกชักจูงไปปฏิบัติใน
สิ่ งที่ไม่ เหมาะสม หรื อเมื่อเกิดปั ญหาในครอบครั วแล้ วแก้ ไขปั ญหาด้ วยวิธีการที่ผิด ๆ เช่ น ดื่มสุรา
เสพสารเสพติด ทําร้ ายตนเอง เป็ นต้ น)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 2.2 ครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย เพื่อเป็ น
การกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
114
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย ในหัวข้อที่ 2.2 ครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรม
ไทย โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ให้นกั เรี ยนแบ่งกลุ่มเป็ น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด ดังนี้
– กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 เขียนวิเคราะห์สาเหตุของครอบครัวไทยที่ขาดความอบอุ่น
– กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 เขียนวิธีการปฏิบตั ิตนเพื่อให้ครอบครัวอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย
3. ให้นกั เรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู ้
ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม ครอบครั วอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย เป็ นเช่ นไรไหนลองบอก และกิจกรรม
ปั ญหาครอบครั วไทย เป็ นเช่ นไรช่ วยกันศึกษา ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจกให้หรื อในแบบฝึ ก
ทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. สุ่มนักเรี ยนประมาณ 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู คอยเสนอแนะ
และให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้นกั เรี ยนร่ วมกันตรวจสอบแก้ไขคําตอบให้ถูกต้อง
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนนําวิธีการปฏิ บตั ิ ตนเป็ นสมาชิ กที่ ดีของครอบครัวไปปฏิบตั ิในชี วิตประจําวัน โดยให้ผปู ้ กครอง
คอยให้คาํ แนะนําและตอบรับผลการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนกลับมาที่ครู
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในเรื่อง การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ในหัวข้ อที่ 3.1 ปัจจัยที่ก่อให้ เกิด
ความขัดแย้ง ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่ง
การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และจดบันทึกข้ อคําถามที่
สงสั ยหรือสนใจอย่างน้ อย 2 ถึง 3 ประเด็นลงในสมุด เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้ว
นํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
115
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรเข้าไปช่วยเหลือพ่อแม่ทาํ งานบ้านหลังเลิกเรี ยนทุกวัน แล้วสังเกตพร้อมทั้งจดบันทึกถึงพฤติกรรม
วิธีการพูดคุยของสมาชิกในครอบครัว และบรรยากาศที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวก่อนและหลังการช่วยเหลือ
งาน เพื่อให้เข้าใจและตระหนักถึงความสําคัญของการมีครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทยมากยิง่ ขึ้น และ
ควรปฏิบตั ิจนเป็ นสุ ขนิสยั
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิตนเพื่อการมีครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรม
ไทย โดยขอรับความรู ้จากผูป้ กครอง หรื อจากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุดของโรงเรี ยน
ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และสามารถนํามาปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้เป็ นอย่างดี
3. นักเรียนควรศึกษาเกีย่ วกับคําพูดลงท้ ายอย่ างสุ ภาพในภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งในภาษาไทย
ผู้หญิงจะลงท้ ายด้ วยคําว่า “ค่ ะ และผู้ชายจะลงท้ ายคําว่ า “ครับ” เช่ น ในภาษาลาวผู้หญิงและผู้ชายจะกล่าวลง
ท้ ายด้ วยคําว่า “เจ้ า หรือ โดย” เพือ่ แสดงความสุ ภาพ โดยไม่ มีการแบ่ งแยกชายหรือหญิง เป็ นต้ น เพือ่
เสริมสร้ างการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวให้ กว้ างขวางมากยิง่ ขึน้
4. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าเพิม่ เติมเกีย่ วกับครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมอืน่ ๆ โดยเฉพาะวัฒนธรรมของ
ประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน เพือ่ ให้ เกิดการเรียนรู้ที่กว้างขวางมากยิง่ ขึน้ และสามารถนําความรู้และแนว
ทางการปฏิบัตทิ ี่ดีและเป็ นประโยชน์ มาปรับใช้ ในชีวติ ประจําวันได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
117
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 16
การแก้ ไขปัญหาความขัดแย้ ง
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว เรื่อง ปัจจัยทีก่ ่ อให้ เกิดความขัดแย้ ง
1. สาระสํ าคัญ
การดําเนินชีวิตในแต่ละวันต้องมีการติดต่อสื่ อสารกับคนรอบข้างมากมาย ทั้งสมาชิกภายในครอบครัว
เพื่อน และคนภายในชุมชน ซึ่งบางครั้งอาจมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกันขึ้นได้ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความ
ขัดแย้ง ได้แก่ ค่านิยมหรื อความเชื่อของแต่ละบุคคล ความไม่เข้าใจระหว่างกัน การไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของ
ผูอ้ ื่น ความอิจฉาริ ษยา ไม่พอใจในสิ่ งที่ตนเองมี และการขาดศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ระบุพฤติกรรมที่พึงประสงค์และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน (พ 2.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงผลกระทบของการเกิดความขัดแย้ง (A)
3. แสดงทักษะในการปฏิบตั ิตนให้ถูกต้องเพื่อลดความขัดแย้งภายในครอบครัวและสังคมอย่างถูกต้อง
เหมาะสม (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความหมายของ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ความขัดแย้งและปัจจัยที่ก่อให้เกิด ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ความขัดแย้ง แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม สิ่ งใดที่ ทาํ ให้ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ขัดแย้ ง ช่ วยแสดงเครื่ องหมาย พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
เพื่อแยกออกไป ป. 5*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
118
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
3.1 ปั จจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งของบุคคลในลักษณะต่าง ๆ ในสังคม
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับปัญหาความขัดแย้ง
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนบทความเรื่ องที่เกี่ยวข้องกับ
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดสรุ ปปั จจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับปัจจัยที่ก่อให้ เกิดความขัดแย้ง ที่สงสั ย
หรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา แล้ วให้ เพือ่ น ๆ
ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
119
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรื อระหว่างกลุ่มบุคคล
ที่มกั เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนในวัยรุ่ น โดยขอรับความรู้จาก
ผูป้ กครอง หรื อจากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุดของโรงเรี ยน ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการ
เรี ยนรู ้และทําให้เข้าใจในเรื่ องดังกล่าวมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
122
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 17
การแก้ ไขปัญหาความขัดแย้ ง (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง พฤติกรรมทีพ่ งึ ประสงค์ และไม่ พงึ ประสงค์ ในการแก้ ไขปัญหาความขัดแย้ งในครอบครัว
และกลุ่มเพือ่ น
1. สาระสํ าคัญ
ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ เป็ นเรื่ องที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวติ ประจําวันของคนเราทุกคนที่ตอ้ งดําเนินชีวิตอยู่
ร่ วมกับผูอ้ ื่นมากมายในสังคม ดังนั้นเราจึงควรรู ้จกั ปรับตัวให้เข้ากับผูอ้ ื่น และรู้จกั แก้ไขสถานการณ์เมื่อเกิดปั ญหา
ความขัดแย้งอย่างเหมาะสม ซึ่งการที่เราจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้น้ นั ต้องมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
คือ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่น คิดในแง่บวก สื่ อสารทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออกทางกาย และยึดหลัก
ศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ
การรู ้จกั ยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่นเป็ นวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน โดยคิดเสมอว่าการยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่นเป็ นสิ่ งที่ช่วยให้เกิดความสามัคคี และเพิ่มเติม
แนวความคิดใหม่ ๆ มากขึ้น
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ระบุพฤติกรรมที่พึงประสงค์และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน (พ 2.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะพฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อนอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน (A)
3. แสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปั ญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้ (P)
123
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แผนที่ความคิด*
ในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
ในประเด็นเกี่ยวกับการยอมรับฟัง
ความคิดเห็นของผูอ้ ื่น
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง (ต่อ)
3.2 พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
1. การยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่น
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อนื่
124
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอตัวอย่ างการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อนื่ 3 ตัวอย่ าง ที่
เขียนมา ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่ วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความ
คิดเห็นต่ อการรายงานผลของนักเรียน และให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
3. ให้นกั เรี ยนดูภาพตัวอย่างบทสนทนาของสมาชิกในครอบครัวที่ขดั แย้งกันอันเนื่องจากจากการไม่ยอมรับ
ฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจาก
ประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนคิดว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้เกิดจากสาเหตุใดเป็ นสําคัญ (การไม่ ยอมรั บฟั งความ
คิดเห็นของผู้อื่น)
– ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างไร (อาจทําให้ เกิดการใช้ ความรุ นแรงในการ
แก้ ปัญหา หรื อทําให้ เกิดความบาดหมางต่ อกัน ครอบครั วขาดความอบอุ่น)
– หากนักเรี ยนเป็ นสมาชิกในครอบครัวดังกล่าว เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้านักเรี ยนปฏิบตั ิตน
อย่างไร (ยอมรั บฟั งความคิดเห็นของสมาชิ กคนอื่น ๆ ในครอบครั ว และพยายามกระตุ้นเตือนคนใน
ครอบครั วให้ รับฟั งกันและกันอย่ างมีเหตุผล สามัคคีกัน)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
4. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ใน
การแก้ไขปั ญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ในหัวข้อย่อยที่ 1. การยอมรับฟังความคิดเห็น
ของผูอ้ ื่น เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
125
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การแก้ไขปั ญหาความขัดแย้ง ในหัวข้อที่ 3.2 พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึง
ประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ในหัวข้อย่อยที่ 1. การยอมรับฟัง
ความคิดเห็นของผูอ้ ื่น โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนอาสาสมัครผลัดเปลี่ ยนกันออกมาเขียนข้อดี ของการยอมรับฟั งความคิดเห็ นของผูอ้ ื่ น หน้าชั้น
เรี ยน คนละ 1 ข้อ
2. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน พร้อมทั้งเฉลยคําตอบและให้ความรู้ที่ถูกต้อง
เพิ่มเติม แล้วให้เพื่อน ๆ ในชั้นเรี ยนปรบมือให้เพื่อนที่ออกมาปฏิบตั ิกิจกรรม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนแบ่งกลุ่มออกเป็ น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันระดมสมองวางแผนการแสดงบทบาทสมมุติเรื่ อง การ
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่น ภายในเวลาที่กาํ หนด ในหัวข้อเรื่ องดังต่อไปนี้
– กลุ่มที่ 1 เรื่ อง การยอมรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว
– กลุ่มที่ 2 เรื่ อง การยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนหรื อกลุ่มเพื่อน
2. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมาปฏิบตั ิกิจกรรมแสดงบทบาทสมมุติหน้าชั้นเรี ยนตามหัวข้อที่
กลุ่มตนเองได้รับ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
3. ครู ให้เพื่อนแต่ละกลุ่มผลัดกันวิจารณ์หรื อแสดงความคิดเห็นต่อการแสดงของเพื่อนอีกกลุ่ม จากนั้นครู
สรุ ปผลการปฏิบตั ิกิจกรรมและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในเรื่อง การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ในหัวข้ อที่ 3.2 พฤติกรรมที่พงึ
ประสงค์ และไม่ พงึ ประสงค์ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพือ่ น (ต่อ) ในหัวข้ อย่อย
ที่ 2. การคิดในแง่ บวก ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือ
จากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และให้ แต่ ละคน
เขียนตัวอย่างการคิดในแง่ บวกมาคนละ 5 ตัวอย่ าง แล้ วมานําเสนอและสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้ง
ต่ อไป
126
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิในการยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่น โดยขอรับ
ความรู้จากผูป้ กครอง หรื อจากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุดของโรงเรี ยน ฯลฯ เพื่อ
เสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
127
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 18
การแก้ ไขปัญหาความขัดแย้ ง (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง พฤติกรรมทีพ่ งึ ประสงค์ และไม่ พงึ ประสงค์ ในการแก้ ไขปัญหาความขัดแย้ งในครอบครัว
และกลุ่มเพือ่ น (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การคิดในแง่บวก เป็ นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน โดยควรคิด
ในแต่เรื่ องที่ดี มีความสุ ข มีรอยยิม้ อยูเ่ สมอ และไม่หนีปัญหา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความขัดแย้งแล้ว ยังเป็ นแรงเสริ ม
สนับสนุนให้เกิดการยอมรับตัวเราจากคนรอบข้างมากขึ้นด้วย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ระบุพฤติกรรมที่พึงประสงค์และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน (พ 2.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะพฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อนอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน (A)
3. แสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปั ญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แผนที่ความคิด*
ในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ใน
ประเด็นเกี่ยวกับการคิดในแง่บวก
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
128
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง (ต่อ)
3.2 พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน (ต่อ)
2. การคิดในแง่บวก
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับการคิดในแง่ บวก
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนเรี ยงความจากประสบการณ์
ของตนเองเกี่ยวกับการคิดในแง่บวก
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพ แผ่นพับ
ใบความรู้เกี่ยวกับการคิดในแง่บวก
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพการ์ตูนจําลองสถานการณ์ตวั อย่างการคิดในแง่บวก
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สังเกต และวิเคราะห์เกี่ยวกับผลดีของการคิดในแง่บวก
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
129
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอตัวอย่ างการคิดในแง่ บวก 5 ตัวอย่ าง ที่เขียนมา ตามที่ได้ รับ
มอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการรายงานผล
ของนักเรียน และให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
3. ให้นกั เรี ยนดูภาพเปรี ยบเทียบระหว่างภาพที่ 1 แสดงลักษณะของบุคคลที่กาํ ลังคิดวิตกกังวลในเรื่ องต่าง ๆ
ของชีวติ กับภาพที่ 2 แสดงลักษณะของบุคคลที่กาํ ลังยิม้ อย่างความสุ ขกับการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ใน
ชีวิตประจําวันหรื อนัง่ ใช้ความคิดด้วยสี หน้าที่ยมิ้ แย้ม มีความสุข ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกัน
เกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนชอบอยูก่ บั เพื่อนที่มีลกั ษณะเหมือนในภาพที่ 1 หรื อภาพที่ 2 เพราะเหตุใด (ภาพที่ 2 เพราะเป็ น
บุคคลที่คิดในแง่ บวก เมื่ออยู่ร่วมด้ วยแล้ วจะเกิดความสบายใจ มีความสุข ไม่ มีความเครี ยด หรื อความ
กดดัน หรื อความวิตกกังวลกับสิ่ งต่ าง ๆ ในชี วิตมากจนเกินไป และยังส่ งผลทําให้ เรามีความคิ ดในแง่
บวกตามไปด้ วย)
– บุคคลในภาพใดมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งได้มากที่สุด (ภาพที่ 1 เพราะบุคคลในภาพเป็ น
คนที่ มองโลกในแง่ ร้ายหรื อคิดในแง่ ลบ ส่ งผลให้ มกั แสดงพฤติกรรมที่สร้ างความกดดันและขัดแย้ งกับ
ผู้อื่นได้ มากกว่ าบุคคลในภาพที่ 1 ซึ่ งดําเนินชี วิตอย่ างมีความสุข)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
4. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ใน
การแก้ไขปั ญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน (ต่อ) ในหัวข้อย่อยที่ 2. การคิดในแง่บวก เพื่อ
เป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การแก้ไขปั ญหาความขัดแย้ง ในหัวข้อที่ 3.2 พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึง
ประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน (ต่อ) ในหัวข้อย่อยที่ 2. การคิดใน
แง่บวก โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนอาสาสมัครผลัดเปลี่ยนกันออกมาเขียนข้อดีของการคิดในแง่บวก หน้าชั้นเรี ยน คนละ 1 ข้อ
2. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน พร้อมทั้งเฉลยคําตอบและให้ความรู้ที่ถูกต้อง
เพิ่มเติม แล้วให้เพื่อน ๆ ในชั้นเรี ยนปรบมือให้เพื่อนที่ออกมาปฏิบตั ิกิจกรรม
3. นักเรี ยนเขียนเรี ยงความเรื่ อง การคิดในแง่บวกของฉัน โดยมีความยาว 1 หน้ากระดาษ และใช้เวลาตามที่
ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนอาสาสมัคร 3–4 คนออกมานําเสนอผลการเขียนเรี ยงความหน้าชั้นเรี ยน
2. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
130
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิม่ เติมเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิในการคิดในแง่บวก โดยขอรับความรู้จาก
ผูป้ กครอง หรื อจากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุดของโรงเรี ยน ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการ
เรี ยนรู ้และนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
132
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 19
การแก้ ไขปัญหาความขัดแย้ ง (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง พฤติกรรมทีพ่ งึ ประสงค์ และไม่ พงึ ประสงค์ ในการแก้ ไขปัญหาความขัดแย้ งในครอบครัว
และกลุ่มเพือ่ น (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การสื่ อสารทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออกทางกาย เช่น พูดจาอย่างสุ ภาพอ่อนโยน พูดแต่เรื่ องที่ดี รู ้จกั
กล่าวคําขอโทษ และการยึดหลักศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ พอใจในสิ่ งที่ตนมี สิ่ งเหล่านี้ถือเป็ นอีกวิธีหนึ่งที่
จะช่วยลดความขัดแย้งได้เป็ นอย่างดี
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ระบุพฤติกรรมที่พึงประสงค์และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน (พ 2.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะพฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อนอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและ
กลุ่มเพื่อน (A)
3. แสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการแก้ไขปั ญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้ (P)
133
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แผนที่ความคิด*
ในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ใน
ประเด็นเกี่ยวกับการสื่ อสาร
ทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออก
ทางกาย และการยึดหลักศีลธรรม
และคุณธรรมประจําใจ
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม ฝึ กทักษะการ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
สื่ อสาร เพื่อนผสานความสัมพันธ์ พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม แยกแยะสิ่ งดี ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
เพื่อหลีกหนีความขัดแย้ ง พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5*
• ตรวจสอบความถูกต้องของการ • แบบทดสอบหลังเรี ยน หน่วยการ • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ทดสอบประจําหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 2 เรี ยนรู้ที่ 2 ชีวิตและครอบครัว**
ชีวิตและครอบครัว
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
**ดูรายละเอียดในสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง (ต่อ)
3.2 พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน (ต่อ)
3. การสื่ อสารทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออกทางกาย
4. การยึดหลักศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับการสื่ อสารทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออกทางกาย และการยึดหลัก
ศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับการสื่ อสาร
ทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออกทางกาย และการยึดหลักศีลธรรมและ
คุณธรรมประจําใจ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพ แผ่นพับ
ใบความรู ้ เกี่ ย วกับ แนวทางการสื่ อ สารทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออก
ทางกาย และการยึดหลักศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพการ์ตูนจําลองสถานการณ์ตวั อย่างในการสื่ อสารทางบวก
ทั้งวาจาและการแสดงออกทางกาย และการยึดหลักศี ลธรรมและคุ ณ ธรรม
ประจําใจ
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สังเกต และวิเคราะห์เกี่ยวกับผลดีของการสื่ อสารทางบวกทั้งวาจาและ
การแสดงออกทางกาย และการยึดหลักศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
135
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกไปปฏิบตั ิกิจกรรมการโต้วาทีตามที่ได้วางแผนการจัดกิจกรรมใน
การเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาหน้าชั้นเรี ยน โดยกลุ่มที่ 1 พบกับกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 พบกับกลุ่มที่ 4 โดยใช้เวลา
ตามที่ครู กาํ หนด
2. เพื่อน ๆ ในกลุ่มที่ยงั ไม่ได้ออกไปปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนตั้งใจฟังการโต้วาทีของเพื่อน แล้วจด
ใจความสําคัญที่เป็ นประโยชน์ลงในสมุดบันทึก
3. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน แล้วสรุ ปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม พร้อมทั้งให้
ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม ฝึ กทักษะการสื่ อสาร เพื่อผสานความสัมพันธ์ และกิจกรรม แยกแยะสิ่ งดี เพื่อ
หลีกหนี ความขัดแย้ ง ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจกให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. สุ่ มนักเรี ยนประมาณ 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอยเสนอแนะและ
ให้ความรู ้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้นกั เรี ยนร่ วมกันตรวจสอบแก้ไขคําตอบให้ถูกต้อง
4. ครู แจกแบบทดสอบหลังเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 2 ชีวิตและครอบครัว ให้นกั เรี ยนทําเพื่อตรวจสอบ
ความรู้ความเข้าใจหลังการเรี ยนรู ้ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
5. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้ความรู ้เพิ่มเติมเพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้ให้กบั นักเรี ยน
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาทบทวนความรู้จากที่ได้ ศึกษาในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 1 และหน่ วยการเรียนรู้ที่ 2
ที่ผ่านมา เพือ่ เตรียมตัวเข้ ารับการทดสอบกลางปี รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา ป. 5 ในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
• นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิในการสื่ อสารทางบวกทั้งวาจาและการแสดงออก
ทางบวก ตลอดจนการยึดหลักศีลธรรมและคุณธรรมประจําใจ โดยขอรับความรู้จากผูป้ กครอง หรื อจากแหล่ง
การเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุดของโรงเรี ยน ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และนําไปปรับใช้ใน
ชีวิตประจําวัน
137
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
138
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 20
การทดสอบกลางปี รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง การทดสอบกลางปี รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบกลางปี เป็ นกระบวนการวัดและประเมินผลเพื่อสรุ ปผลการเรี ยนรู้ (Summative Assessment )
ที่นกั เรี ยนได้รับจากองค์ความรู ้ที่กาํ หนดไว้ในขอบข่ายของตัวชี้วดั ในโครงสร้างของหลักสูตร และการสอบกลางปี
ยังเป็ นการนําข้อมูลของค่าคะแนนที่ได้นาํ มาใช้เป็ นส่วนสําคัญในการวัดและประเมินผลเพื่อตัดสิ นผลการเรี ยนหรื อ
ให้ระดับผลการเรี ยน ตลอดจนให้การรับรองความรู้ความสามารถของผูเ้ รี ยนว่าผ่านรายวิชาหรื อไม่ ควรได้รับการ
เลื่อนชั้นหรื อไม่ หรื อสามารถจบหลักสูตรหรื อไม่
การศึกษารายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา เป็ นอีกหนึ่งรายวิชาที่นาํ กระบวนการวัดและประเมินผลมาใช้เพื่อ
สรุ ปผลการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน โดยใช้แบบทดสอบทั้งในข้อคําถามที่เน้นกระบวนการการคิดวิเคราะห์เพื่อตัดสิ นข้อ
คําตอบ ในรู ปแบบอัตนัยและรู ปแบบปรนัย ครอบคลุมองค์ความรู้และตัวชี้วดั ชั้นปี ในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 1 และ2
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. อธิ บายความสําคัญของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่มีผลต่อสุขภาพการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการ (พ
1.1 ป. 5/1)
2. อธิ บายวิธีดูแลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทาํ งานตามปกติ (พ 1.1 ป. 5/2)
3. อธิบายการเปลี่ยนแปลงทางเพศและปฏิบตั ิตนได้เหมาะสม (พ 2.1 ป. 5/1)
4. อธิบายความสําคัญของการมีครอบครัวที่อบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย (พ 2.1 ป. 5/2)
5. ระบุพฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
(พ 2.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายเกี่ยวกับระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 ได้อย่างถูกต้อง
(K)
2. ระบุวธิ ี การทําแบบทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5 ได้ (P)
3. เข้าร่ วมกิจกรรมการเรี ยนรู ้กบั ผูอ้ ื่นด้วยความเต็มใจและกระตือรื อร้น (A)
139
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความเข้าใจใน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
เนื้อหาในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 1 ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
และหน่วยการเรี ยนรู้ที่ 2 แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องของ • แบบทดสอบกลางปี รายวิชา • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
การทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน พื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5**
สุ ขศึกษา ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
**ดูรายละเอียดในสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
–
6. แนวทางบูรณาการ
–
140
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
• ให้นักเรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คน รายงานผลการศึกษาทบทวนความรู ้ในหน่วยการเรี ยนรู้ที่ 1 และหน่วยการ
เรี ยนรู้ที่ 2 เพื่อเตรี ยมตัวทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5 ที่ ได้มอบหมายในการเรี ยนครั้งที่
ผ่านมา
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5 ให้นกั เรี ยนได้เข้าใจ
และซักถามข้อสงสัย
2. ให้นกั เรี ยนทุกคนทําแบบทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 ตามเวลาที่กาํ หนดให้
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• หลังจากที่นกั เรี ยนทําแบบทดสอบเสร็ จแล้ว ครู ให้นกั เรี ยนช่วยกันเฉลยคําตอบของแบบทดสอบกลางปี
รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 ทีละข้อร่ วมกัน โดยครู อธิบายและชี้แนะคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบ
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนจดบันทึกความรู ้ที่ได้จากการเฉลยคําตอบของแบบทดสอบกลางปี ลงในสมุดบันทึก
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครูถามคําถามเชื่อมโยงสู่ บทเรียนต่ อไป เพือ่ ให้ นักเรียนไปค้ นหาคําตอบจากบทเรียนมาล่วงหน้ า ดังนี้
– นักเรียนคิดว่ าการเคลือ่ นไหวร่ างกายขณะปฏิบัตกิ จิ กรรมกีฬามีลกั ษณะแตกต่ างจากการเคลือ่ นไหว
ร่ างกายขณะปฏิบัตกิ จิ กรรมในชีวติ ประจําวันหรือไม่ อย่างไร
2. ครูมอบหมายให้ นักเรียนไปศึกษาเนือ้ หาในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง การ
เคลือ่ นไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา
และพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ หรือ
ขอรับความรู้จากผู้ปกครอง มาล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรทบทวนความรู้ความเข้าใจที่ได้ศึกษาผ่านมาอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อเสริ มสร้างความรู้ความเข้าใจใน
เรื่ องดังกล่าวให้ดียงิ่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
142
ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. ศึกษาลักษณะและตัวอย่างการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล ตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา และ
ทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและการเล่นกีฬา
2. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ วิทยาศาสตร์ การเคลื่อนไหว ดูซิไหนใช้ แรง รั บแรง และรั กษาความสมดุล
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ประสบการณ์ การเคลื่อนไหว สร้ างความประทับใจออกมาเป็ นภาพ
4. ศึกษาความหมาย ประโยชน์ และตัวอย่างของเกมนําไปสู่ กีฬาและกิจกรรมแบบผลัด
5. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ฝึ กทักษะเกมนําไปสู่กีฬา และค้ นหาทีมไหนเก่ งที่สุด
6. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ เล็งเห็นคุณค่ า เฮฮาไปกับเกม
7. ศึกษาความหมายและการแบ่งประเภทของกรี ฑาและกรี ฑาประเภทลู่ ลักษณะการวิ่งระยะสั้น และทักษะการวิ่งระยะสั้น
8. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ขั้นตอนการวิ่ง หากรู้ จริ งเรี ยงลําดับมา
9. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ วิธีการเข้ าเส้ นชัย ทําอย่างไรช่ วยบอกที
10. ศึกษาลักษณะการเล่นฟุตบอล ทักษะในการเล่น สนามที่ใช้เล่น ตําแหน่งผูเ้ ล่น และหน้าที่ในการเล่นกีฬาฟุตบอล
11. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ตําแหน่ งการยืนของผู้เล่ นฟุตบอล ครู เคยสอนลองมาวาดภาพกัน
12. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ แข่ งฟุตบอลกันดีไหม ปรั บนิสัยให้ รักสามัคคี
13. ศึกษาลักษณะกีฬามวยไทย ขั้นตอนการฝึ กการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย การฝึ กทักษะพื้นฐาน และกติกาการแข่งขันกีฬามวยไทย
14. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ข้ อไหนถูก ข้ อไหนผิด ช่ วยกันคิ ดให้ ถ้วนถี่
15. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ฝึ กฝนท่ าไหว้ ครู และเรี ยนรู้ รํามวยไทย
16. ศึกษาลักษณะการเล่นตะกร้อวง การฝึ กทักษะพื้นฐาน และกติกาการแข่งขันตะกร้อวง
17. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ ทักษะตะกร้ อวงที่ฉันชื่ นชอบ ลองเขียนตอบพร้ อมบอกวิธีฝึก
18. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ วาดภาพระบายสี ตาํ แหน่ งตะกร้ อวง ใครไม่ งงลองวาดดูที
19. ศึกษาความหมายและความสําคัญของกิจกรรมนันทนาการ หลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ และประเภทและตัวอย่างของกิจกรรม
นันทนาการ
20. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ พิจารณาภาพเหล่ านี ้ กิจกรรมไหนที่ เป็ นกิจกรรมนันทนาการ
21. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ระดมสมองเขียนแผนที่ ความคิ ด ลักษณะเด่ นของกิจกรรมนันทนาการ
22. โครงงานการสํารวจเรื่ อง ความชื่นชอบในการเล่นกีฬาของนักเรี ยนในชั้นเรี ยน (ชั้นเรี ยนของนักเรี ยน)
23. โครงงานการสํารวจข้อมูลเรื่ อง ประเภทของกิจรรมนันทนาการที่นกั เรี ยนในชั้นเรี ยนเลือกปฏิบตั ิ (ชั้นเรี ยนของนักเรี ยน)
24. โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง การเพิ่มประสิ ทธิภาพในการเล่นกีฬาโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
25. โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง กีฬาพื้นบ้านของไทย
144
ร่ างกายให้แข็งแรงและสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
9. มวยไทย เป็ นกีฬาไทยที่ใช้อวัยวะทุกส่วนของ
ร่ างกายเข้าต่อสูป้ ้ องกันตัวในระยะประชิด ซึ่งต้อง
ใช้ฝีมือในการชกเข้าประชันกัน ใช้สติปัญญาในการ
แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และต้องมีการตัดสิ นใจในการ
เลือกใช้กลวิธีแก้หรื อแม่ไม้ที่เหมาะสม
10. ตะกร้ อวง เป็ นกีฬาไทยที่สร้างความสนุกสนาน
เพลิดเพลินให้กบั ผูเ้ ล่น โดยการที่ผเู ้ ล่นยืนเป็ น
วงกลม ช่วยกันเตะลูกตะกร้อเลี้ยงรับส่งประคอง
ไม่ให้ลกู ตะกร้อตกพื้น
10. กิจกรรมนันทนาการ เป็ นกิจกรรมยามว่างที่บุคคล
เลือกทําด้วยความสมัครใจ ที่นาํ มาซึ่งความพึงพอใจ
ไม่เป็ นอาชีพ แต่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและ
สังคมไม่ขดั ต่อศีลธรรมประเพณี กฎหมาย ไม่สร้าง
ความแตกแยกในสังคม ไม่ก่อความเสี ยหายหรื อ
สร้างความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม เป็ นที่ยอมรับของ
สังคม
147
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 21
ปฐมนิเทศและข้ อตกลงในการเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง ปฐมนิเทศและข้ อตกลงในการเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5
1. สาระสํ าคัญ
การจัดการเรี ยนรู ้ตามแนวทางการปฏิ รูปการศึ กษาของไทย ปั จจุบนั ยึดแนวคิดของการพัฒนาที่ มุ่งเน้น
ผูเ้ รี ยนเป็ นสําคัญ ดังนั้นการสร้างความเข้าใจในขอบข่ายของเรื่ องที่นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู ้ รายละเอียดในการเรี ยนรู้
เป้ าหมายของการเรี ยนรู้ วิธีการเรี ยนรู ้ ตลอดจนการวัดและประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ ของการเรี ยนรู้
ดังกล่าวให้นกั เรี ยนได้รับรู ้ นอกจากจะช่วยให้นกั เรี ยนมีความเข้าใจพื้นฐานในแนวทางและขอบข่ายองค์ความรู้ที่
ได้ศึกษาแล้ว ยังจะช่วยให้การจัดการจัดการเรี ยนรู ้ตามแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาของไทยบรรลุเป้ าหมายตาม
แนวทางที่กาํ หนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ได้วางไว้
หลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษา
ในระดับประถมศึกษาได้กาํ หนดตัวชี้วดั การเรี ยนรู ้เป็ นตัวชี้วดั ชั้นปี โดยแบ่งสาระการเรี ยนรู้ออกเป็ น 5 สาระและ 6
มาตรฐานการเรี ยนรู ้ ซึ่ งรายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ได้กาํ หนดองค์ความรู ้ไว้ในสาระและมาตรฐานการเรี ยนรู้ที่สาระ
ที่ 3 มาตรฐาน พ 3.1 และมาตรฐาน 3.2 หากนักเรี ยนมีความรู้และความเข้าใจในเรื่ องดังกล่าวอย่างชัดเจนจะช่วยให้
การเรี ยนรู ้และการเข้าร่ วมกิจกรรมของนักเรี ยนมีการพัฒนาและบรรลุไปสู่เป้ าหมาย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
–
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายเกี่ยวกับข้อตกลงและแนวทางในการศึกษาวิชาพลศึกษาอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ระบุวธิ ี และแหล่งความรู้ที่สนับสนุนการเรี ยนรู ้ในวิชาพลศึกษาอย่างถูกต้องได้ (P)
3. อธิ บายและระบุเกณฑ์การตัดสิ นผลการเรี ยนในวิชาพลศึกษาอย่างถูกต้องได้ (K, P)
4. เข้าร่ วมกิจกรรมการเรี ยนรู ้กบั ผูอ้ ื่นด้วยความเต็มใจและกระตือรื อร้น (A)
152
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามความรู้และแนวคิดเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนข้อมูล/ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ขอบข่ายเนื้อหาในสาระการ การอภิปราย/การเขียนแผนที่ 2 ขึ้นไป
เรี ยนรู ้วชิ าพลศึกษา ความคิด*
– เจตคติที่มีต่อการศึกษาในสาระ
การเรี ยนรู ้วชิ าพลศึกษา
– ข้อตกลงในการเข้าร่ วม
กิจกรรมการเรี ยนรู ้และการ
ปฏิบตั ิกิจกรรม
– แนวทางการสื บค้นความรู ้ที่
เกี่ยวข้องกับวิชาพลศึกษา
• ตรวจสอบความถูกต้องของการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม ใบงานเรื่ อง หน่วยการเรี ยนรู ้
– ใบงานเรื่ อง หน่วยการเรี ยนรู ้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู้สุขศึกษาและ
กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษา พลศึกษา*/**
และพลศึกษา
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
*/**ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู หรื อในสื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์
วัฒนาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
153
5. สาระการเรียนรู้
การปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5
– ข้อตกลงในการเรี ยน
– สาระและมาตรฐานการเรี ยนรู้ รายวิชาพื้นฐาน พลศึ กษา ในกลุ่มสาระการเรี ยนรู้สุขศึ กษาและพลศึ กษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
– การจัดแบ่งหน่ วยการเรี ยนรู ้การวัดและประเมิ นผล ตลอดจนเกณฑ์การตัดสิ นผลการเรี ยนในกลุ่มสาระ
การเรี ยนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟัง อ่าน และเขียนคําศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับวิชาพลศึกษา
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นและเขียนสรุ ปความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทาง
ในการศึกษาในรายวิชาพลศึกษา
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนผังหรื อโปสเตอร์ภาพเรื่ อง สาระและมาตรฐานการ
เรี ยนรู้ รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ในกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นเตรียมก่อนนําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาทําความรู ้จกั กัน โดยครู แนะนําตัว แล้วให้นกั เรี ยนแต่ละคนแนะนําตัว โดยครู ใช้วิธี
เรี ยกชื่อเรี ยงตามกลุ่มตัวอักษร
2. ครูให้ นักเรียนร่ วมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็นคําถามที่กาํ หนด เพือ่ ตรวจสอบเจตคติและประสบการณ์
การเรียนรู้ของนักเรียนในวิชาพลศึกษาที่ผ่านมา เช่ น
– การเรียนวิชาพลศึกษามีผลดีต่อนักเรียนอย่างไร
– นักเรียนเคยศึกษาความรู้ในเรื่องใดบ้ างที่เกีย่ วข้ องกับวิชาพลศึกษา
– วิชาพลศึกษาระดับชั้นนีน้ ักเรียนจะเรียนรู้ในเรื่องใดบ้ าง
(ครูอาจใช้ คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้ )
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
• ให้นกั เรี ยนช่วยกันคิดประเด็นคําถามที่ เกี่ยวข้องกับการจัดการเรี ยนการสอนในวิชาพลศึกษาตามที่สนใจ
ตัวอย่างเช่น
– ข้อตกลงในการเรี ยน
– มารยาทในการปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ร่วมกับเพื่อน
– วิธีเรี ยนให้ประสบผลสําเร็ จ
154
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาและปฏิบตั ิกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายมาล่วงหน้า เพื่อประกอบการศึกษาในการเรี ยนครั้ง
ต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
156
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 22
การเคลือ่ นไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง การเคลือ่ นไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้ แรง และการรักษาความสมดุล
1. สาระสํ าคัญ
การเคลื่อนไหวร่ างกายของเราต้องอาศัยการทํางานร่ วมกันของระบบในร่ างกายที่สาํ คัญ 3 ระบบ ประกอบด้วย
ระบบประสาท ระบบกระดูก และระบบกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ นอกจาก
อาศัยการทํางานของระบบของร่ างกายทั้ง 3 ระบบ ตามธรรมชาติแล้วหากผูเ้ คลื่อนไหวมีความรู้ความเข้าใจในเรื่ อง
หลักการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลในขณะเคลื่อนไหว แล้วจะช่วยให้การเคลื่อนไหวมี
ประสิ ทธิภาพมากยิง่ ขึ้น
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. จัดรู ปแบบการเคลื่อนไหวแบบผสมผสานและควบคุมตนเองเมื่อใช้ทกั ษะการเคลื่อนไหวตามแบบที่กาํ หนด
(พ 3.1 ป. 5/1)
2. ควบคุมการเคลื่อนไหวในเรื่ องการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (พ 3.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมายและรู ปแบบของการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความ
สมดุลอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล (A)
3. แสดงทักษะการปฏิบตั ิในการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลอย่าง
ถูกต้องได้ (P)
157
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ทดสอบความรู้พ้นื ฐานในหน่วย • แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการ –
การเรี ยนรู้ที่ 3 เพิ่มพูนทักษะการ เรี ยนรู้ที่ 3 เพิ่มพูนทักษะการ
เคลื่อนไหว เคลื่อนไหว*/**
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลัก ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
วิทยาศาสตร์การกีฬา แผนที่ความคิด*
– การเคลื่อนไหวร่ างกาย โดยการ
รับแรง การใช้แรงและความ
สมดุล
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม วิทยาศาสตร์ การ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
เคลื่อนไหว ดูซิภาพไหนใช้ แรง พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
รั บแรง และรั กษาความสมดุล ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
158
5. สาระการเรียนรู้
1. การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
1.1 การเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ ย วกั บ การเคลื่ อ นไหวร่ า งกายโดยการรั บ แรง การใช้ แรง และการรั ก ษา
ความสมดุล
คณิ ตศาสตร์ บวก–ลบจํานวนสมาชิกและอุปกรณ์ที่นาํ มาประกอบการปฏิบตั ิกิจกรรมการ
เคลื่อนไหวร่ างกายในรู ปแบบต่าง ๆ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปความเข้าใจในเรื่ อง การ
เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดหรื อสมุดภาพรวบรวมรู ปแบบการ
เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพกิจกรรมการเคลื่ อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้
แรง และการรักษาความสมดุล เพื่อประกอบการจัดทําสมุดภาพ
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สื บค้น และบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ในเรื่ อง วิทยาศาสตร์
การกีฬา เกี่ ยวกับการเคลื่ อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการ
รักษาความสมดุล
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นเตรียมก่อนนําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนทําความรู้จกั และสร้างความคุน้ เคยระหว่างกัน
2. ครู แนะนําเกี่ยวกับระเบียบและมารยาทในการปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้ร่วมกับผูอ้ ื่นให้นกั เรี ยนทราบ
3. ครู แจกแบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 3 เพิ่มพูนทักษะการเคลื่อนไหว ให้นกั เรี ยนเพื่อ
ตรวจสอบความรู ้ความเข้าใจพื้นฐาน โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
4. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและระบุเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาที่นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้ในหน่วย
การเรี ยนรู้ที่ 3 เพิ่มพูนทักษะการเคลื่อนไหว
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู นาํ นักเรี ยนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) เพื่อเตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม ด้วยการปฏิบตั ิท่า
ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกาย โดยใช้เวลา 5–10 นาที ตัวอย่างเช่น
– ประสานมือ เหยียดแขนตึงเหนือศีรษะ เขย่งปลายเท้า ค้างไว้ นับ 1–10 ปฏิบตั ิ 10 ครั้ง
– บิดลําตัวซ้ายและขวา 10 ครั้ง
159
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ในหัวข้อที่ 1.1 การเคลื่อนไหว
ร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้อง
ให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับการเคลือ่ นไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้ แรง และการรักษาความสมดุล
ในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม ตัวอย่างเช่ น คําว่ า
– วิทยาศาสตร์ การกีฬา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Sport Science อ่านออกเสี ยงว่ า ซโพท ไซ-เอ็นซ
– การเคลือ่ นไหวร่ างกาย ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Body Movement อ่านออกเสี ยงว่ า บอด-อิ มูฝ-เม็นท
– แรง ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Force อ่านออกเสี ยงว่ า โฟซ
– ความสมดุล ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Balance อ่านออกเสี ยงว่ า แบล-แอ็นซ
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ให้นกั เรี ยนร่ วมกันยกตัวอย่างการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาสมดุลที่
นักเรี ยนเคยปฏิบตั ิมาในชีวิตประจําวัน เช่น การกลิ้งตัวม้วนหน้าเมื่อหกล้มในขณะออกกําลังกายหรื อเล่น
กีฬา เพื่อป้ องกันและลดการบาดเจ็บ
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. ครู นาํ บัตรคําแสดงข้อความเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่ างกายในลักษณะต่าง ๆ ให้นกั เรี ยนดู แล้วให้ร่วมกัน
ระบุวา่ การเคลื่อนไหวร่ างกายดังกล่าวเป็ นการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การเคลื่อนไหวร่ างกาย
โดยการใช้แรง การเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรักษาความสมดุล หรื อการเคลื่อนไหวร่ างกายแบบ
ผสมผสาน แล้วเขียนลงในสมุดบันทึก โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด ตัวอย่างบัตรคําแสดงข้อความ
เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่ างกายในลักษณะต่าง ๆ เช่น
เดินบนคานทรงตัว รับลูกหยอดในการเล่นแบดมินตัน
ม้วนหน้าขางอ กระโดดยิงประตูบาสเกตบอล
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม วิทยาศาสตร์ การเคลื่อนไหว ดูซิภาพไหนใช้ แรง รั บแรง และรั กษาความสมดุล
ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจกให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. ครู สุ่มนักเรี ยนประมาณ 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอยเสนอแนะ
และให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้นกั เรี ยนร่ วมกันตรวจสอบแก้ไขคําตอบให้ถูกต้อง
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การเคลือ่ นไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา ใน
หัวข้ อที่ 1.2 ตัวอย่ างการเคลือ่ นไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้ แรง และการรักษาความสมดุล ในหัวข้ อ
ย่ อยที่ 1. การรับและส่ งลูกบอลด้ วยมือ และหัวข้ อย่ อยที่ 2. การเลีย้ งลูกบอลด้ วยมือ ดังรายละเอียดใน
หนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น
อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า และจดบันทึกข้อคําถามที่สงสั ยหรือสนใจอย่ าง
น้ อย 2 ถึง 3 ประเด็นลงในสมุด เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้ วนํามาสนทนาร่ วมกันใน
การเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในเรื่ อง การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ในหัวข้อที่ 1.2
ตัวอย่างการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ
เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และสามารถนําความรู ้ดงั กล่าวไปปรับ
ใช้ในชีวิตประจําวันได้
6. ห้องสมุดของโรงเรี ยนหรื อสื่ อต่าง ๆ เช่น วารสารเกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย และการ
เล่นกีฬา หรื อพลศึกษา สื่ ออินเตอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา
นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ
7. ใบกิจกรรม เรื่ อง วิทยาศาสตร์ การเคลื่อนไหว ดูซิภาพไหนใช้ แรง รั บแรง และรั กษาความสมดุล
8. หนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
9. แบบฝึ กทักษะ สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
10. คู่มือการสอน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
11. สื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
163
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 23
การเคลือ่ นไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง ตัวอย่ างกิจกรรมทีเ่ คลือ่ นไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้ แรง และการรักษาความสมดุล
1. สาระสํ าคัญ
การเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลมีตวั อย่างรู ปแบบกิจกรรมที่
นักเรี ยนควรได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิ ตัวอย่างเช่น การรับและส่ งลูกบอล การเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ การกระโดดยิง
ประตู และกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน ซึ่งในที่น้ ีจะกล่าวถึงการรับและส่งลูกบอล และการเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ
การรับและส่งลูกบอลเป็ นกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่ างกายแบบผสมผสานระหว่างการวิ่ง การโยน การ
บังคับสิ่ งของขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และเป็ นการใช้ทกั ษะการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลของ
ร่ างกายในการรับ การส่ง และการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า
การเลี้ยงลูกบอลด้วยมือเป็ นการเคลื่อนไหวร่ างกายแบบผสมผสานระหว่างการวิ่ง การบังคับสิ่ งของขณะ
เคลื่อนที่ไปข้างหน้า และเป็ นการใช้ทกั ษะการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลของร่ างกายเพื่อควบคุม
แรงในการบังคับทิศทางของลูกบอล และการเคลื่อนไหวไปยังทิศทางต่าง ๆ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. จัดรู ปแบบการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน และควบคุมตนเอง เมื่อใช้ทกั ษะการเคลื่อนไหวตามแบบที่กาํ หนด
(พ 3.1 ป. 5/1)
2. ควบคุมการเคลื่อนไหวในเรื่ องการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (พ 3.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายตัวอย่างกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล (A)
3. แสดงทักษะการปฏิบตั ิในการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลอย่าง
ถูกต้องได้ (P)
164
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ตัวอย่างกิจกรรมกิจกรรมที่ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เคลื่อนไหวร่ างกาย โดยการ แผนที่ความคิด*
รับแรง การใช้แรง และการรักษา
ความสมดุล
– กิจกรรมการรับและส่งลูกบอล
ด้วยมือและการเลี้ยงลูกบอลด้วย
มือ
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา (ต่อ)
1.2 ตัวอย่างกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล
1. การรับและส่งลูกบอลด้วยมือ
2. การเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ
165
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนครั้งและบันทึกสถิติในการรับและส่งลูกบอลด้วยมือและในการ
เลี้ยงลูกบอลด้วยมือ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นหรื ออธิ บายขั้นตอนการปฏิบตั ิกิจกรรมในแบบฝึ ก
ปฏิบตั ิการรับและส่งลูกบอลด้วยมือและการเลี้ยงลูกบอลด้วยมือแก่ผอู้ ื่น
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดสรุ ปหรื อสมุดภาพแสดงตัวอย่างกิจกรรม
ที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล
วิทยาศาสตร์ ทดลองปฏิบตั ิกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และ
การรักษาความสมดุล ในการรับและส่ งลูกบอลด้วยมือและการเลี้ ยงลูกบอล
ด้วยมื อ พร้ อมทั้งสังเกตการทํางานของระบบต่ าง ๆ ในร่ างกายขณะปฏิ บ ตั ิ
และจดบันทึก
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับตัวอย่างกิจกรรมที่เคลือ่ นไหว
ร่ างกายโดยการรับแรง การใช้ แรง และการรักษาความสมดุล ในการรับและส่ งลูกบอลด้ วยมือ และการ
เลีย้ งลูกบอลด้ วยมือที่สงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้ง
ที่ผ่านมา แล้วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้องเพิม่ เติม
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพการปฏิบตั ิกิจกรรมรับและส่งลูกบอลด้วยมือที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับ
ความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนจะปฏิบตั ิอย่างไรให้การรับลูกบอลเกิดความแม่นยํามากขึ้น (มีสมาธิ สายตาจดจ้ องอยู่ที่ลกู บอล
เตรี ยมพร้ อมเคลื่อนไหวมือและเท้ าเพื่อเข้ ารั บลูก หมัน่ ฝึ กฝนทักษะการรั บ–ส่ งลูกบอลอย่ างสมํา่ เสมอ
จนเกิดความชํานาญในการเคลื่อนที่และเกิดประสบการณ์ ในการตัดสิ นใจที่ แน่ นอนมากยิ่งขัน้ รวมถึง
หมัน่ สร้ างเสริ มสมรรถภาพทางด้ านความคล่ องแคล่ วว่ องไว และด้ านเวลาปฏิกิริยาตามสนองอยู่เสมอ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 1.2 ตัวอย่างกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการ
รับแรง การใช้แรง และความสมดุล ในหัวข้อย่อยที่ 1. การรับและส่งลูกบอลด้วยมือ และหัวข้อย่อยที่ 2.
การเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
166
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ในหัวข้อที่ 1.2 ตัวอย่างกิจกรรมที่
เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล ในหัวข้อย่อยที่ 1. การรับและส่งลูกบอล
ด้วยมือ และหัวข้อย่อยที่ 2. การเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยน
ดูประกอบการอธิบาย
2. ให้นกั เรี ยนจับคู่กบั เพื่อน โดยยืนหันหน้าเข้าหากันเพื่อเตรี ยมปฏิบตั ิกิจกรรม
3. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมาสาธิตวิธีการรับและส่งลูกบอลด้วยมือ และการเลี้ยงลูกบอลด้วยมือร่ วมกับ
ครู แล้วให้นกั เรี ยนแต่ละคู่ฝึกปฏิบตั ิตาม
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนจับคู่กบั เพื่อน ร่ วมกันปฏิบตั ิกิจกรรมการรับและส่ งลูกบอลด้วยมือ ปฏิบตั ิซ้ าํ จนเกิดความชํานาญ
โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิม่ เติมเพื่อให้
นักเรี ยนเกิดความมัน่ ใจในการปฏิบตั ิและสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
2. นักเรี ยนแบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม ร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ โดยให้แต่ละกลุ่มเข้าแถว
ตอนเรี ยงหนึ่ง ยืนหันหน้าเข้าหากัน จากนั้นให้ฝ่ายใดฝ่ ายหนึ่งที่อยูห่ วั แถวเลี้ยงลูกบอลไปส่งให้คนที่อยู่
หัวแถวของอีกฝ่ ายหนึ่ง แล้วไปต่อแถวฝั่งตรงข้าม ปฏิบตั ิผลัดเปลี่ยนกันไปเรื่ อย ๆ โดยใช้เวลาตามที่ครู
กําหนด โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิ่มเติมเพื่อให้นกั เรี ยนเกิดความ
มัน่ ใจในการปฏิบตั ิและสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
3. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนแบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม สมาชิกในแต่ละกลุ่มจับคู่กนั ยืนแถวตอนเรี ยงเป็ นคู่ จากนั้นทั้งสองกลุ่ม
ร่ วมกันแข่งขันการรับและส่งลูกบอล โดยผูป้ ฏิบตั ิแต่ละคู่จะต้องรับและส่ งลูกบอลสลับกันไปมาพร้อม
ทั้งวิง่ ไปยังเส้นชัยที่ครู กาํ หนด โดยลูกบอลต้องไม่หล่นตกพื้น หากผูป้ ฏิบตั ิทาํ ลูกบอลตกพื้นต้องไป
จุดเริ่ มต้นแล้วรับและส่งลูกบอลใหม่ กลุ่มใดปฏิบตั ิจนครบทุกคู่ก่อนเป็ นฝ่ ายชนะ ให้เพื่อน ๆ ปรบมือ
แสดงความยินดี
2. ครู สุ่มนักเรี ยน 2–3 คนออกมาแสดงความรู้สึกต่อการปฏิบตั ิกิจกรรม แล้วครู ให้ความรู้ที่เป็ นประโยชน์แก่
นักเรี ยนเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
167
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการรับและส่งลูกบอลด้วยมือ และการเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ เพิ่มเติมนอกเวลา
เรี ยน หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด โดยปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง หรื อ
ปฏิบตั ิร่วมกับเพื่อน หรื อปฏิบตั ิร่วมกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อส่งเสริ มให้เกิดความชํานาญในการปฏิบตั ิและ
เป็ นการออกกําลังกายเพื่อสร้างเสริ มสุ ขภาพร่ างกายให้มีพฒั นาการและการเจริ ญเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
169
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 24
การเคลือ่ นไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง ตัวอย่ างกิจกรรมทีเ่ คลือ่ นไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้ แรง และการรักษาความสมดุล
(ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลมีตวั อย่างรู ปแบบกิจกรรมที่
นักเรี ยนควรได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิ ตัวอย่างเช่น การรับและส่ งลูกบอล การเลี้ยงลูกบอลด้วยมือ การกระโดดยิง
ประตู และกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน ซึ่งในที่น้ ีจะกล่าวถึงการกระโดดยิงประตูและกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน
การกระโดดยิงประตูเป็ นการเคลื่อนไหวที่ตอ้ งใช้ทกั ษะการใช้แรงและการรักษาความสมดุลของร่ างกาย
ในการกระโดดยิงประตู หากเสี ยความสมดุลของร่ างกายในขณะกระโดดยิงประตูจะส่งผลให้ความแรง และทิศทาง
ของลูกบอลไม่เป็ นไปตามที่ได้กาํ หนดไว้
กิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐานเป็ นกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่ างกายแบบผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหว
โดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลของร่ างกาย ซึ่งประกอบไปด้วยทักษะเบื้องต้นเกี่ยวกับการ
ม้วนตัว การหมุนตัว การบิดตัว การทรงตัว การหยุน่ ตัว (การพับตัว) การพลิกตัว และการเหวี่ยงตัว ซึ่งกิจกรรม
เหล่านี้จะช่วยสร้างเสริ มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่ างกาย ทําให้ร่างกายเคลื่อนไหวด้วยความสง่า
งาม ปราดเปรี ยว และมีบุคลิกภาพที่ดี ระบบการทํางานในร่ างกายทํางานประสานกันได้ดี
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. จัดรู ปแบบการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน และควบคุมตนเอง เมื่อใช้ทกั ษะการเคลื่อนไหวตามแบบที่กาํ หนด
(พ 3.1 ป. 5/1)
2. ควบคุมการเคลื่อนไหวในเรื่ องการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (พ 3.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายตัวอย่างกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุล (A)
3. แสดงทักษะการปฏิบตั ิในการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษาความสมดุลอย่าง
ถูกต้องได้ (P)
170
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับตัวอย่างกิจกรรม • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
การกระโดดยิงประตูและกิจกรรม ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา (ต่อ)
1.2 ตัวอย่างกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (ต่อ)
3. การกระโดดยิงประตู
4. กิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนก้าว และคาดคะเนระยะและทิศทางการเหวีย่ งแขนในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมกระโดดยิงประตู และนับจังหวะในการปฏิบตั ิกิจกรรมยืดหยุน่
ขั้นพื้นฐาน
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นหรื ออธิ บายขั้นตอนการปฏิบตั ิกิจกรรมในแบบฝึ ก
ปฏิบตั ิการกระโดดยิงประตูและกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐานแก่ผอู ้ ื่น
171
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับตัวอย่างกิจกรรมที่เคลือ่ นไหว
ร่ างกายโดยการรับแรง การใช้ แรง และการรักษาความสมดุล ในการกระโดดยิงประตูและกิจกรรมยืดหยุ่น
ขั้นพืน้ ฐานที่สงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
แล้วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่ าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพการปฏิบตั ิกิจกรรมการกระโดดยิงประตูในกีฬาบาสเกตบอลที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนา
ร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น
– จากภาพ เป็ นการปฏิบตั ิกิจกรรมที่เคลื่อนไหวโดยการรับแรง การใช้แรง หรื อการรักษาความสมดุล
(จากภาพเป็ นการกระโดดยิงประตูในกีฬาบาสเกตบอลซึ่ งเป็ นการเคลื่อนไหวร่ างกายที่ ต้องใช้ ทักษะ
การใช้ แรงและการรั กษาความสมดุลของร่ างกายในการกระโดดยิงประตู หากเสี ยความสมดุลของ
ร่ างกายในขณะกระโดดยิงประตูจะส่ งผลให้ ความแรง และทิ ศทางของลูกบอลไม่ เป็ นไปตามที่ ได้
กําหนดไว้ )
– นักเรี ยนเคยยิงประตูบาสเกตบอลแล้วไม่ลงห่วงหรื อไม่ ถ้าเคยนักเรี ยนคิดว่าเกิดจากข้อผิดพลาดใด
(ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น เคย ซึ่ งคิดว่ าเกิดจากการที่ตนเองยังไม่ สามารถควบคุมทิ ศทางการเคลื่อนไหว
ของร่ างกายและทิศทางของลูกบาสเกตบอลได้ ทําให้ พลาดเป้ าหมายดังกล่ าว)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 1.2 ตัวอย่างกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการ
รับแรง การใช้แรง และความสมดุล (ต่อ) ในหัวข้อย่อยที่ 3. การกระโดดยิงประตู และหัวข้อย่อยที่ 4.
กิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
172
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ในหัวข้อที่ 1.2 ตัวอย่างกิจกรรมที่
เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (ต่อ) ในหัวข้อย่อยที่ 3. การกระโดดยิง
ประตู และหัวข้อย่อยที่ 4.กิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน ใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดู
ประกอบการอธิบาย
2. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมาสาธิตวิธีการกระโดดยิงประตูและกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐานร่ วมกับครู
ตามลําดับ แล้วให้นกั เรี ยนฝึ กปฏิบตั ิตาม
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการกระโดดยิงประตูและกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐาน โดยครู คอยดูแล
การปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิ่มเติมเพื่อให้นกั เรี ยนเกิดความมัน่ ใจในการปฏิบตั ิและ
สามารถปฏิบตั ิกิจกรรมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
2. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนแบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันศึกษาและวิเคราะห์ลกั ษณะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมการกระโดดยิงประตูและกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐานตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา โดย
ใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. ให้นกั เรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู ้
ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. สุ่มนักเรี ยน 2–3 คนออกมากล่าวความรู ้สึกต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง
การใช้แรง และการรักษาความสมดุลที่ผา่ นมา พร้อมทั้งระบุวา่ ชอบกิจกรรมใดมากที่สุด และเพราะเหตุใด
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนปฏิบัติกจิ กรรม ประสบการณ์ การเคลื่อนไหว สร้ างความประทับใจออกมาเป็ นภาพ
ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครูแจกให้ หรือในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป.
5 แล้ วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่อไป
173
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการกระโดดยิงประตูและกิจกรรมยืดหยุน่ ขั้นพื้นฐานเพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน หรื อ
ใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด โดยปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง หรื อปฏิบตั ิ
ร่ วมกับเพื่อน หรื อปฏิบตั ิร่วมกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อส่งเสริ มให้เกิดความชํานาญในการปฏิบตั ิและเป็ น
การออกกําลังกายเพื่อสร้างเสริ มสุ ขภาพร่ างกายให้มีพฒั นาการและการเจริ ญเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแรง
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่ างกายโดยการรับแรง การใช้แรง และการรักษา
ความสมดุลในแบบฝึ กอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อเป็ นการสร้างเสริ มทักษะการเคลื่อนไหวร่ างกายขั้นพื้นฐานจนความ
ชํานาญ และนําไปสู่ทกั ษะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและการเล่นกีฬาในระดับที่
สูงขึ้นต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
175
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 25
การเคลือ่ นไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง ทักษะกลไกในการปฏิบัติกจิ กรรมทางกายและการเล่ นกีฬา
1. สาระสํ าคัญ
ทักษะกลไก หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนไหวร่ างกายในรู ปแบบต่าง ๆ อย่างมีประสิ ทธิ ภาพของ
บุคคล ซึ่ งทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและการเล่นกีฬาที่สาํ คัญ ได้แก่ ความคล่องแคล่วว่องไว การ
ทรงตัว การประสานสัมพันธ์ พลังกล้ามเนื้อ เวลาปฏิกิริยาตอบสนอง และความเร็ ว
ตัวอย่างแบบฝึ กทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา เช่น วิ่งซิกแซก วิ่งเปลี่ยนตําแหน่ง
ตีลูกเทนนิสกระทบผนัง กระโดดข้ามช่องสี่ เหลี่ยมขาเดียว เคลื่อนที่ตามทิศทางของบอล และวิ่งเร็ ว 50 เมตร
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. จัดรู ปแบบการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน และควบคุมตนเอง เมื่อใช้ทกั ษะการเคลื่อนไหวตามแบบที่กาํ หนด
(พ 3.1 ป. 5/1)
2. ควบคุมการเคลื่อนไหวในเรื่ องการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (พ 3.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมาย องค์ประกอบ และตัวอย่างแบบฝึ กทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา
อย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (A)
3. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬาอย่างถูกต้องและมีประสิ ทธิภาพได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับตัวอย่างทักษะ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
กลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรม ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ทางกายและเล่นกีฬา แผนที่ความคิด*
176
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา (ต่อ)
1.3 ทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับทักษะกลไกในการปฏิบัตกิ จิ กรรมทางกายและเล่นกีฬา
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนอุปกรณ์ในการฝึ กทักษะกลไกการเคลื่อนไหว วัดระยะห่างหรื อ
ขนาดของพื้นที่ที่ใช้ในการฝึ กปฏิบตั ิ จับเวลาในการฝึ กปฏิบตั ิแต่ละครั้ง และ
นับจํานวนครั้งหรื อจํานวนรอบในการฝึ กปฏิบตั ิ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นหรื ออธิ บายขั้นตอนการปฏิบตั ิกิจกรรมในแบบฝึ ก
ทักษะกลไกการเคลื่อนไหว
177
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนั กเรี ยน 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิ บั ติกิจกรรม ประสบการณ์ การเคลื่อนไหว สร้ างความ
ประทับใจออกมาเป็ นภาพ ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครู แสดงความคิดเห็นต่ อ
การปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรียนและให้ ความรู้ที่ถูกต้องเพิม่ เติม
4. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับทักษะกลไกในการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ทางกายและการเล่ นกีฬาที่สงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่ วงหน้ าในการเรียน
ครั้งที่ผ่านมา แล้วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
5. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงบุคคลกําลังเล่นกีฬาที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ อง
ดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– การเล่นกีฬานอกจากจะต้องใช้ทกั ษะการเคลื่อนไหวร่ างกายตามลักษณะของกีฬาชนิดนั้น ๆ แล้ว
นักเรี ยนคิดว่าต้องมีทกั ษะใดอีกบ้างที่ทาํ ให้การเล่นกีฬามีประสิ ทธิภาพ (ทักษะกลไกในการเคลื่อนไหว
ร่ างกาย ซึ่ งมีทักษะที่สาํ คัญประกอบด้ วย ความคล่ องแคล่ วว่ องไว การทรงตัว การประสานสัมพันธ์
พลังกล้ ามเนือ้ เวลาปฏิกิริยาตอบสนอง และความเร็ ว)
– นักเรี ยนคิดว่าการเคลื่อนไหวร่ างกายอย่างมีประสิ ทธิ ภาพเกี่ยวข้องกับการเล่นกีฬาเก่งหรื อไม่ อย่างไร
(เกี่ยวข้ อง เพราะหากผู้เล่ นกีฬาสามารถเคลื่อนไหวร่ างกายในรู ปแบบต่ าง ๆ ได้ ดี เหมาะสมกับชนิด
กีฬาที่ เล่ น มีความคล่ องแคล่ วว่ องไว รวดเร็ ว ย่ อมส่ งผลทําให้ สามารถเล่ นกีฬานั้น ๆ ได้ อย่ างเต็ม
ความสามารถ นําไปสู่การทําคะแนนหรื อชนะการแข่ งขันได้ หรื อมีแนวโน้มในการเป็ นนักกีฬาที่เก่งได้
นัน่ เอง)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
6. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 1.3 ทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและ
เล่นกีฬา เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
178
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ในหัวข้อที่ 1.3 ทักษะกลไกใน
การปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา ในประเด็นเกี่ยวกับความหมายและทักษะกลไกในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมทางกายและเล่นกีฬาที่สาํ คัญ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดู
ประกอบการอธิบาย
2. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับทักษะกลไกในการปฏิบัตกิ จิ กรรมทางกายและเล่ นกีฬาในภาษาอังกฤษให้
นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ าน
ภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่า
– ทักษะกลไก ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Motor skull อ่านออกเสี ยงว่ า โม-เทอะ ซคิล
– ความคล่องแคล่วว่องไว ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Agility อ่านออกเสี ยงว่ า อะจีล-อิทิ
– การทรงตัว ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Balance อ่านออกเสี ยงว่ า แบล-แอ็นซ
– การประสานสั มพันธ์ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Coordination อ่านออกเสี ยงว่ า โคะออดิเน-ฌัน
– พลังกล้ามเนือ้ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Muscle power อ่านออกเสี ยงว่ า มัซ-,ล เพา-เออะ
– เวลาปฏิกริ ิยาตอบสนอง ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Reaction Time อ่านออกเสี ยงว่ า ริแอค-ฌัน ไทม
– ความเร็ว ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Speed อ่านออกเสี ยงว่ า ซพีด
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ครู ให้ความรู ้ในประเด็นเกี่ยวกับตัวอย่างแบบฝึ กทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา
โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย พร้อมทั้งสาธิตวิธีการปฏิบตั ิ
แล้วให้นกั เรี ยนฝึ กปฏิบตั ิตาม
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม แต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันฝึ กปฏิบตั ิตามฐานศึกษาแบบฝึ กทักษะกลไกในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬาที่กาํ หนดให้ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิ
อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิ่มเติมเพื่อให้นกั เรี ยนเกิดความมัน่ ใจในการปฏิบตั ิและสามารถ
ปฏิบตั ิกิจกรรมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งมีฐานศึกษาที่กาํ หนดให้ ได้แก่
– ฐานศึกษาที่ 1 วิง่ ซิกแซ็ก
– ฐานศึกษาที่ 2 วิง่ เปลี่ยนตําแหน่ง
– ฐานศึกษาที่ 3 ตีลูกเทเบิลเทนนิสกระทบผนัง
– ฐานศึกษาที่ 4 กระโดดข้ามช่องสี่ เหลี่ยมขาเดียว
– ฐานศึกษาที่ 5 เคลื่อนที่ตามทิศทางของบอล
– ฐานศึกษาที่ 6 วิง่ เร็ ว 50 เมตร
2. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
179
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนร่ วมกันเขียนแสดงความรู ้สึกที่ได้จากการปฏิบตั ิกิจกรรมตามฐานศึกษาที่ผา่ นมา พร้อมทั้งเขียน
แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นที่วา่ “นักเรี ยนจะนําความรู้เรื่ องหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาไป
ประยุกต์ใช้ในการเคลื่อนไหวร่ างกายหรื อเล่นกีฬาอย่างไร” (แสดงความคิดเห็นได้ โดยอิสระ เช่ น
นําไปใช้ ในการเคลื่อนไหวร่ างกายและเล่ นกีฬาให้ เกิดการทรงตัวที่ ดีขึน้ เช่ น ขณะกระโดดลงสู่พืน้ จะ
กางขาและย่ อเข่ าลง เพื่อความสมดุลของร่ างกายไม่ ให้ หกล้ มโดยง่ าย) ลงในสมุดบันทึก โดยใช้เวลาที่ครู
กําหนด
2. ครู สุ่มนักเรี ยน 2–3 คนออกมานําเสนอผลการเขียนแสดงความรู ้สึกและแสดงความคิดเห็นหน้าชั้นเรี ยน
โดยครู ให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรี ยนศึ กษาค้ นคว้ าในเรื่ อง เกมนํ าไปสู่ กีฬ าและกิจกรรมแบบผลัด ดังรายละเอียดใน
หนั ง สื อ เรี ย น รายวิ ช าพื้ น ฐาน สุ ขศึ ก ษาและพลศึ ก ษา ป. 5 หรื อ จากแหล่ ง การเรี ย นรู้ ต่ า ง ๆ เช่ น
อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
4. มอบหมายให้ นักเรียนแบ่ งกลุ่ม 5 กลุ่ม แต่ ละกลุ่มระดมสมองร่ วมกันศึกษาวิธีการเล่นเกมนําไปสู่ กฬ ี าและ
กิจกรรมแบบผลัดตามหัวข้ อเกมหรือกิจกรรมที่กลุ่มตนเองได้ รับ มาล่วงหน้ านอกเวลาเรียน ดัง
รายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 พร้ อมทั้งร่ วมกันวิเคราะห์ ถึง
ประโยชน์ ที่ได้ จากการเล่นเกมหรือปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าว แล้วมานําเสนอในการเรียนครั้งต่ อไป ซึ่งแต่
ละกลุ่มจะได้ เลือกเกมหรือกิจกรรม กลุ่มละ 1 ชนิด ดังต่ อไปนี้
– กลุ่มที่ 1 เกมโบว์ ลงิ บอลด้ วยเท้ า
– กลุ่มที่ 2 เกมเชลยบอล
– กลุ่มที่ 3 การรับลูกบอลส่ งมุม
– กลุ่มที่ 4 การส่ งลูกบอลสลับ
– กลุ่มที่ 5 การขว้างลูกบอลผลัด
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา จากแหล่ง
การเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น วารสารเกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย และการเล่นกีฬา หรื อพลศึกษา
สื่ ออินเตอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ เพื่อ
เสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และทําให้เข้าใจในเรื่ องดังกล่าวมากยิง่ ขึ้น
180
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
181
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 26
เกมนําไปสู่ กฬ
ี าและกิจกรรมแบบผลัด
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง เกมนําไปสู่ กฬ
ี าและกิจกรรมแบบผลัด
1. สาระสํ าคัญ
เกมนําไปสู่กีฬาเป็ นกิจกรรมการเล่นเป็ นกลุ่มหรื อบุคคลที่ตอ้ งใช้ทกั ษะต่าง ๆ สูงขึ้น เพื่อเป็ นการนําทักษะ
ดังกล่าวไปสู่การเล่นกีฬา ดัดแปลงกิจกรรมการเล่นให้มีกฎ กติกา ข้อบังคับให้นอ้ ยลง สามารถเล่นได้ง่ายและ
เหมาะสมกับวัย ซึ่งประโยชน์ของเกมนําไปสู่กีฬา คือ เป็ นการฝึ กทักษะเบื้องต้นในทักษะการยืน การทรงตัว การจับ
การรับ การส่งของด้วยมือและเท้า เพื่อนําไปสู่ทกั ษะการเล่นกีฬาต่าง ๆ อีกทั้งยังรู ้จกั รับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง
และทําให้เกิดความสามัคคีในกลุ่มด้วย ตัวอย่างของเกมนําไปสู่กีฬา เช่น เกมโบว์ลิงบอลด้วยเท้า เกมเชลยบอล
เกมรับลูกบอลส่งมุม
กิจกรรมแบบผลัดเป็ นกิจกรรมที่เล่นตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไป โดยแต่ละกลุ่มจะมีผเู้ ล่นไม่นอ้ ยกว่า 2 คน ซึ่ง
ประโยชน์ของเกมนําไปสู่กีฬา คือ ทําให้ได้รับความสนุกสนาน ร่ าเริ ง ผ่อนคลายอารมณ์ที่ตึงเครี ยด ทําให้ทุกคน
ได้ร่วมกิจกรรมทางกายเพื่อส่งเสริ มทักษะขั้นพื้นฐาน ตัวอย่างของกิจกรรมแบบผลัด เช่น ส่งลูกบอลสลับ ขว้าง
ลูกบอลผลัด
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. เล่นเกมนําไปสู่กีฬาที่เลือกและกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผลัด (พ 3.1 ป. 5/2)
2. ออกกําลังกายอย่างมีรูปแบบ เล่นเกมที่ใช้ทกั ษะการคิดและตัดสิ นใจ (พ 3.2 ป. 5/1)
3. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกาการเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
4. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายความหมาย ประโยชน์ และตัวอย่างของเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัดอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมปฏิบตั ิกิจกรรมการเล่นเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัดด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการเล่นเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัดอย่างถูกต้องและปลอดภัยได้ (P)
182
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความหมาย • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ประโยชน์ และตัวอย่างของเกม ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
นําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัด แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
– ฝึ กทักษะเกมนําไปสู่กีฬา และ พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ค้ นหาทีมไหนเก่ งที่ สุด ป. 5
– เล็งเห็นคุณค่ า เฮฮาไปกับเกม
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
2. เกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัด
2.1 เกมนําไปสู่กีฬา
2.2 กิจกรรมแบบผลัด
183
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัดของประเทศอื่น ๆ
โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับเกมนําไปสู่ กฬ
ี าและกิจกรรมแบบผลัด
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนอุปกรณ์การเล่น ผูเ้ ล่น และนับคะแนนในการเล่นเกมนําไปสู่กีฬา
และกิจกรรมแบบผลัด
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นและเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับความหมาย ประโยชน์
และตัวอย่างของเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัด รวมถึงอธิบายวิธีการ
เล่นเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัดที่กาํ หนดให้
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด แผนผังสรุ ป หรื อแผ่นภาพความรู้เกี่ยวกับ
วิธีการเล่นเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัด
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง เกมนําไปสู่ กฬ ี า
และกิจกรรมแบบผลัด ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการ
ปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพการเล่นเกมนําไปสู่กีฬาและกิจกรรมแบบผลัด เช่น เกมลิงชิงบอล การส่งลูกบอลสลับ ที่
ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนรู ้จกั หรื อเคยเล่นเกมหรื อกิจกรรมดังกล่าวหรื อไม่ อย่างไร (ขึน้ อยู่กบั ภาพการเล่ นเกมหรื อกิจกรรม
ที่ครู เตรี ยมมา เช่ น รู้ จักและเคยเล่ นเกมดังกล่ าวร่ วมกับเพื่อน ๆ ซึ่ งเป็ นเกมที่มีชื่อเรี ยกว่ า เกมลิงชิ งบอล)
– นักเรี ยนรู ้หรื อไม่วา่ การเล่นเกมหรื อกิจกรรมดังกล่าวมีประโยชน์อย่างไร (ขึน้ อยู่กบั ภาพการเล่ นเกม
หรื อกิจกรรมที่ครู เตรี ยมมา เช่ น ทําให้ ได้ รับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้ ปฏิบัติกิจกรรมร่ วมกับ
ผู้อื่น ฝึ กทักษะการเคลื่อนไหวร่ างกาย ส่ งเสริ มสมรรถภาพทางกาย และนําไปสู่ทักษะการเล่ นกีฬา
ต่ าง ๆ ได้ ด้วย เช่ น กีฬาบาสเกตบอล)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
184
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรเข้าร่ วมเล่นเกมนําไปสู่กีฬาหรื อกิจกรรมแบบผลัดกับเพื่อน ๆ ในเวลาว่าง หรื อใช้เวลาในกิจกรรม
การลดเวลาเรี ยนเพิม่ เวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพื่อฝึ กฝนทักษะการเคลื่อนไหว นําไปสู่การสร้างเสริ ม
และพัฒนาทักษะในการเล่นกีฬาต่อไปได้
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกมนําไปสู่กีฬาหรื อกิจกรรมแบบผลัดอื่น ๆ จากแหล่งการเรี ยนรู ้
ต่าง ๆ เช่น วารสารเกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย และการเล่นกีฬา หรื อพลศึกษา สื่ อ
อินเตอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ เพื่อ
เสริ มสร้างการเรี ยนรู ้ ตลอดจนนําไปปฏิบตั ิเพื่อสร้างเสริ มสุ ขภาพและนําไปสู่การพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว
และทักษะการเล่นกีฬาต่าง ๆ ต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
187
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 27
กีฬา
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง กรีฑาประเภทลู่
1. สาระสํ าคัญ
กรี ฑาประเภทลู่ เป็ นกรี ฑาที่เล่นหรื อแข่งขันอยูบ่ นลู่วิ่งหรื อทางวิ่ง ได้แก่ การวิ่งระยะสั้น การวิ่งระยะกลาง
การวิ่งระยะไกล การวิ่งผลัด และการวิ่งข้ามรั้ว
การวิ่งระยะสั้น เป็ นการวิ่งในระยะทางไม่เกิน 200 เมตร โดยลักษณะการวิ่งระยะสั้นมีหลักการปฏิบตั ิ คือ
ขณะวิ่งผูว้ ิ่งจะต้องให้ลาํ ตัวโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย การก้าวเท้าต้องยกเข่าสูง ขาท่อนบนเกือบขนานกับพื้น วิง่ ด้วย
ปลายเท้าเป็ นเส้นตรงขนานไปข้างหน้า และไม่เปิ ดเข่าออกด้านข้างลําตัว ยกแขนเป็ นมุมฉาก มือกําหลวม ๆ แกว่ง
แขนขึ้นลงเฉี ยดด้านข้างลําตัว ขณะแกว่งแขนขึ้นมือสูงไม่เกินระดับไหล่และตํ่าสุดระดับสะโพก ศีรษะไม่ส่าย ก้ม
หน้าเล็กน้อย ตามองทางวิง่ ที่ตรงไปข้างหน้าขณะก้าวขาต้องกระตุกเข่าไปข้างหน้าและไม่เหวี่ยงส้นเท้าขึ้นด้านหลัง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะการวิง่ ระยะสั้นซึ่งจัดเป็ นกรี ฑาประเภทลู่ชนิดหนึ่งอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิเกี่ยวกับลักษณะการวิ่งระยะสั้นด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะตามลักษณะของการวิ่งระยะสั้นอย่างถูกต้องได้ (P)
188
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ความรู้ความเข้าใจในเรื่ อง กรี ฑา ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
โดยเฉพาะกรี ฑาประเภทลู่ แผนที่ความคิด*
– ลักษณะการวิ่งระยะสั้น
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา
3.1 กรี ฑาประเภทลู่
1. ลักษณะการวิ่งระยะสั้น
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมาของกีฬากรี ฑา โดยเฉพาะกรี ฑา
ประเภทลู่ในการวิ่งระยะสั้น ทั้งจุดเริ่ มต้นในต่างประเทศและเมื่ อเริ่ มนําเข้ามา
เล่นในประเทศไทย
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับกรีฑาประเภทลู่และการวิง่ ระยะสั้ น
189
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง กีฬา ในหัวข้ อ
3.1 กรีฑาประเภทลู่ ในหัวข้ อย่อยที่ 1. ลักษณะการวิง่ ระยะสั้ น ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่
ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบตั กิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูแผ่นภาพแสดงการเปรี ยบเทียบ โดยแผ่นภาพที่ 1 ประกอบด้วยภาพการเล่นกรี ฑาประเภทลู่
เช่น การวิ่งระยะสั้น การวิ่งระยะกลาง การวิ่งระยะไกล การวิ่งผลัด การวิง่ ข้ามรั้ว ส่วนแผ่นภาพที่ 2
ประกอบด้วยการเล่นกรี ฑาประเภทลาน เช่น ขว้างจักร พุง่ แหลน กระโดดสูง กระโดดไกล ที่ครู เตรี ยมมา
แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบ
คําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนรู ้ไหมว่าภาพที่อยูใ่ นแผ่นภาพที่ 1 และแผ่นภาพที่ 2 มีความแตกต่างกันในประเด็นใด (แตกต่ างกัน
ในประเด็นเกี่ยวกับประเภทของกรี ฑา โดยแผ่ นภาพที่ 1 แสดงภาพการเล่ นกรี ฑาประเภทลู่ ส่ วนแผ่ นภาพ
ที่ 2 แสดงภาพการเล่ นกรี ฑาประเภทลาน)
190
– กรี ฑาประเภทลู่และกรี ฑาประเภทลานต่างกันอย่างไร (ต่ างกัน โดยกรี ฑาประเภทลู่เป็ นกรี ฑาที่เล่ นหรื อ
แข่ งขันอยู่บนลู่วิ่งหรื อทางวิ่งตลอดระยะทาง ตัดสิ นกันด้ วยเวลา เช่ นการวิ่งระยะสั้น การวิ่งผลัด เป็ นต้ น
ส่ วนกรี ฑาประเภทลานเป็ นกรี ฑาที่เล่ นหรื อแข่ งขันอยู่บนลานสนาม เช่ น การขว้ างจักร การกระโดดสูง
เป็ นต้ น)
– การวิ่งระยะสั้นจัดเป็ นกรี ฑาประเภทใด (กรี ฑาประเภทลู่ เพราะแข่ งขันในลู่วิ่ง)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.1 กรี ฑาประเภทลู่ ในหัวข้อย่อยที่ 1. ลักษณะการ
วิ่งระยะสั้น เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เพิม่ เติมในประเด็นเกี่ยวกับความหมายและการจัดแบ่งประเภทของกรี ฑา โดยใช้แผนภูมิ
แสดงการแบ่งประเภทของกรี ฑาประกอบการอธิ บาย
2. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับกรีฑา โดยเฉพาะกรีฑาประเภทลู่และการวิง่ ระยะสั้ น ในภาษาอังกฤษให้
นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ าน
ภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่า
– กรีฑา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Athletics อ่านออกเสี ยงว่ า แอ็ธเลท-ลิคซ
– กรีฑาประเภทลู่ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Track Events อ่านออกเสี ยงว่ า ทแรค อิเฝนท
– กรีฑาประเภทลาน ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Field Events อ่านออกเสี ยงว่า ฟี ลด อิเฝนท
– การวิง่ ระยะสั้ น ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า The Sprints อ่านออกเสี ยงว่ า เฑอะ ซพรินท
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.1 กรี ฑาประเภทลู่ ในหัวข้อย่อยที่ 1. ลักษณะการวิง่ ระยะสั้น โดยใช้ภาพหรื อ
เปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
4. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมาสาธิตลักษณะการวิ่งระยะสั้นร่ วมกับครู หน้าชั้นเรี ยน แล้วให้เพื่อน ๆ
ร่ วมกันปฏิบตั ิตาม โดยครู ตรวจสอบความถูกต้องในการปฏิบตั ิของนักเรี ยน
5. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนจับคู่กบั เพื่อน ร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิท่าทางตามลักษณะการวิ่งระยะสั้นที่ถูกต้อง โดยใช้เวลาตามที่ครู
กําหนด โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิดและให้คาํ แนะนําที่ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนร่ วมกันอภิปรายในประเด็นที่วา่ “เหตุใดการวิ่งระยะสั้น ผูว้ ิ่งจึงต้องโน้มลําตัวไปข้างหน้า” โดยใช้
ความรู้ความเข้าใจจากการศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิที่ผา่ นมาและความรู ้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว
หรื อวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อวิเคราะห์ความรู ้ในประเด็นดังกล่าว
2. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบ (แนวคําตอบ: ในการวิ่งระยะสั้น ผู้วิ่งจะต้ องโน้ มลําตัวไป
ข้ างหน้ า เพราะเป็ นมุมที่เหมาะสมที่ สุด ซึ่ งจะช่ วยลดแรงต้ านทานของอากาศ ทําให้ วิ่งได้ เร็ วขึน้ )
191
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิท่าทางตามลักษณะการวิง่ ระยะสั้นที่ถูกต้องนอกเวลาเรี ยนเพิ่มเติม หรื อใช้เวลาใน
กิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพื่อให้เกิดความชํานาญและเป็ นทักษะพื้นฐาน
นําไปสู่การฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการวิ่งระยะสั้นในการเรี ยนครั้งต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
193
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 28
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง กรีฑาประเภทลู่ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ทักษะการวิง่ ระยะสั้นที่สาํ คัญ ได้แก่ การออกวิ่ง การเข้าเส้นชัย และการวิ่งทางโค้ง
การออกวิ่ง ผูว้ ิ่งจะต้องนัง่ ลงบนส้นเท้าห่ างจากเส้นเริ่ ม 1 ก้าว เข่าข้างหนึ่ งยกขึ้น วางมือทั้ง 2 ข้างลงพื้น
ห่ างกัน 1 ช่วงไหล่ นิ้ วหัวแม่มือและนิ้ วชี้อยู่หลังเส้นเริ่ มเกือบชิดเส้น แขนเหยียดตึง เมื่อได้ยินสัญญาณออกวิ่งให้
ถีบเท้าพร้อมกับดึงเข่าของขาหลังก้าวไปด้านหน้า ลําตัวพุง่ ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ ว
การเข้ าเส้ นชัย มี 3 วิธี คือ วิ่งเข้าเส้นชัยธรรมดา ใช้หน้าอกแตะแถบเส้นชัย และใช้ไหล่เอียงข้างแตะแถบชัย
การวิ่งทางโค้ ง ผูว้ ิ่งจะวิ่งเวียนซ้าย เอนตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย แขนซ้ายแกว่งเป็ นวงแคบแขนขวาแกว่งเป็ น
วงกว้าง ขณะเหวี่ยงแขนขึ้นข้างหน้าให้แกว่งแขนตัดเฉี ยงลําตัวเล็กน้อย ปลายเท้าทั้งสองพยายามจดพื้นให้เบน
ขนานไปตามทิศทางที่วิ่ง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะการวิง่ ระยะสั้น ในการออกวิ่ง การเข้าเส้นชัย และการวิ่งทางโค้งอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะการวิ่งระยะสั้นด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั
(A)
3. แสดงทักษะการวิ่งระยะสั้น ในการออกวิ่ง การเข้าเส้นชัย และการวิ่งทางโค้งอย่างถูกต้องได้ (P)
194
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับทักษะการวิ่งระยะ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
สั้น ในการออกวิ่ง การเข้าเส้นชัย ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
และการวิง่ ทางโค้ง แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.1 กรี ฑาประเภทลู่ (ต่อ)
2. ทักษะการวิ่งระยะสั้น
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับทักษะการวิง่ ระยะสั้ น ในการออกวิง่ การเข้ าเส้ นชัย และการวิง่ ทางโค้ ง
คณิ ตศาสตร์ วัดระยะทางในการวิ่งระยะสั้น วัดระยะในการจัดตําแหน่งของร่ างกายขณะ
ปฏิบตั ิทกั ษะการออกวิง่ จัดท่าทางตามมุมที่เหมาะสมกับการเคลื่อนไหว
ร่ างกายในการวิง่ ระยะสั้น รวมถึงจับเวลาและบันทึกสถิติในการวิ่ง
195
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อ 3.1 กรีฑา
ประเภทลู่ ในหัวข้ อย่ อยที่ 2. ทักษะการวิง่ ระยะสั้ น ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดย
ครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูแผ่นภาพแสดงการออกวิง่ การเข้าเส้นชัย และการวิง่ ทางโค้งของนักกีฬาวิง่ ระยะสั้น ที่ครู
เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักวิ่ง เมื่อได้รับสัญญาณเตือนใดจึงค่อยออกตัววิ่ง (สัญญาณนกหวีด หรื อการยิงปื นขึน้ ฟ้ า หรื อ
สัญญาณอื่น ๆ ที่ สามารถส่ งเสี ยงให้ ได้ ยินอย่ างชัดเจน)
– การวิ่งจะสิ้ นสุดลงเมื่อปฏิบตั ิตามภาพใดจนสําเร็ จ (ชี ท้ ี่ ภาพการเข้ าเส้ นชัย)
– การเข้าเส้นชัยมีกี่วิธี อะไรบ้าง (การเข้ าเส้ นชัยที่ได้ รับความนิยมมี 3 วิธี คือ การวิ่งเข้ าเส้ นชัยธรรมดา
การใช้ หน้ าอกแตะแถบเส้ นชัย และการใช้ ไหล่ เอียงข้ างแตะแถบเส้ นชัย)
– การเข้าเส้นชัยวิธีใดดีที่สุด และเพราะเหตุใด (ขึน้ อยู่กับสถานการณ์ ในขณะวิ่ง โดยการวิ่งเข้ าเส้ นชัย
ธรรมดาเหมาะที่จะใช้ ในกรณี ที่ผ้ วู ิ่งนําหน้ าคู่แข่ งขันมาก ๆ ส่ วนการใช้ หน้ าอกแตะแถบเส้ นชัยและการ
ใช้ ไหล่ เอียงข้ างแตะแถบเส้ นชัยเหมาะที่จะใช้ ในกรณี ที่ผ้ วู ิ่งกับคู่แข่ งขันวิ่งในระยะทางที่สูสีหรื อ
ใกล้ เคียงกัน)
196
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรชักชวนเพื่อนหรื อสมาชิกในครอบครัวร่ วมฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการวิง่ ระยะสั้นนอกเวลาเรี ยนเพิ่มเติม
อย่างสมํ่าเสมอ หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู ้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพื่อสร้างเสริ ม
สุ ขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
199
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 29
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง กรีฑาประเภทลู่ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะการวิ่งระยะสั้น ประกอบด้วย ทักษะการออกวิ่ง ทักษะการเข้าเส้นชัย ทักษะการ
วิ่งทางโค้ง ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะทําให้ทราบถึงระดับความสามารถและทักษะการวิ่งระยะสั้นของนักเรี ยน ซึ่ ง
จะช่วยให้นาํ ข้อมูลที่ได้มาใช้พฒั นาทักษะดังกล่าวให้ดีข้ ึนได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะการวิง่ ระยะสั้น ในการออกวิ่ง การเข้าเส้นชัย และการวิ่งทางโค้งอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะการวิ่งระยะสั้นด้วยความกระตือรื อร้นและมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะการวิ่งระยะสั้น ในการออกวิ่ง การเข้าเส้นชัย และการวิ่งทางโค้งอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับการฝึ กทักษะการ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
วิ่งระยะสั้น ในการออกวิ่ง การเข้า ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เส้นชัย และการวิ่งทางโค้ง แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
200
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน การวิ่งระยะสั้น* 3 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.1 กรี ฑาประเภทลู่ (ต่อ)
– การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะการวิ่งระยะสั้น
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ วัดระยะทางในการทดสอบวิง่ ระยะสั้น วัดระยะในการจัดตําแหน่งของร่ างกาย
ขณะปฏิบตั ิทกั ษะการออกวิ่ง จัดท่าทางตามมุมที่เหมาะสมกับการเคลื่อนไหว
ร่ างกายในการวิง่ ระยะสั้น รวมถึงจับเวลาและบันทึกสถิติในการวิ่ง
ภาษาไทย อธิ บายแนวทางการปฏิบตั ิทกั ษะการวิ่งระยะสั้น ในการออกวิ่ง การเข้าเส้นชัย
และการวิ่งทางโค้ง
วิทยาศาสตร์ วิเคราะห์ลกั ษณะการเคลื่ อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิทกั ษะการวิ่งระยะสั้น
ตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
201
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้ อย่ อยที่ 1. ลักษณะการเล่นฟุตบอล
หัวข้ อย่ อยที่ 3. สนามที่ใช้ เล่ นฟุตบอล และหัวข้ อย่ อยที่ 4. ตําแหน่ งผู้เล่นและหน้ าที่ในการเล่น ดัง
รายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ
เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่ วงหน้ า และจดบันทึกข้ อคําถามที่สงสั ยหรือสนใจ
อย่ างน้ อย 2 ถึง 3 ประเด็นลงในสมุด เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้วนํามาสนทนา
ร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรชักชวนเพื่อนหรื อสมาชิกในครอบครัวร่ วมฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการวิง่ ระยะสั้นนอกเวลาเรี ยนอย่าง
สมํ่าเสมอ หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู ้ตามที่สถานศึกษากําหนด ตลอดจนศึกษาและฝึ ก
ปฏิบตั ิทกั ษะกรี ฑาประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างเสริ มสุ ขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
204
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 30
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล
1. สาระสํ าคัญ
ฟุตบอล เป็ นกีฬาประเภททีมที่ได้รับความนิ ยม โดยลักษณะการเล่นฟุตบอลจะมีผเู ้ ล่น 2 ทีม แต่ละทีมมีผู้
เล่นจํานวน 11 คน แบ่งเป็ นผูร้ ักษาประตู 1 คน ผูเ้ ล่น 10 คน ผูเ้ ล่นแต่ละทีมต้องส่งลูกบอลด้วยเท้าหรื อศีรษะให้กบั
ผูเ้ ล่นในทีมเดียวกันเพื่อยิงประตูฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากกว่าฝ่ ายตรงข้าม เวลาการเล่นแบ่งเป็ น 2 ครึ่ ง ครึ่ งละ 45 นาที
พักครึ่ งไม่เกิน 15 นาที เมื่อจบเวลาการแข่งขันทีมที่ได้ประตูมากกว่าเป็ นฝ่ ายชนะ หากได้ประตูเท่ากันถือว่าเสมอ
สนามที่ ใช้เล่นฟุตบอลเป็ นรู ปสี่ เหลี่ ยมผืนผ้า ประกอบด้วยเขตประตู เขตโทษ เส้นแบ่งแดนกลางสนาม
และวงกลมจุดเริ่ มเล่นกลางสนาม จุดเตะโทษ 2 จุด และเขตเตะจากมุมสนามทั้ง 4 ด้าน
ตําแหน่งผูเ้ ล่นในกีฬาฟุตบอล ประกอบด้วย ผูร้ ักษาประตูมีหน้าที่หยุดหรื อป้ องกันไม่ให้ลูกบอลเข้าประตู
กองหลัง ประกอบด้วยแบ็กขวาและแบ็กซ้าย เป็ นผูช้ ่วยผูร้ ักษาประตูในการป้ องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยิงประตู
กองกลาง ประกอบด้วย ฮาฟขวา (right half) เซนเตอร์ ฮาฟ (center half) และฮาฟซ้าย (left half) จะเป็ นทั้งผูเ้ ล่นใน
การรุ กและการรับ โดยจะช่วยสนับสนุนผูเ้ ล่นกองหน้าในการทําประตูและช่วยเหลือกองหลังในการป้ องกันประตู
และกองหน้าประกอบด้วย ปี กขวา ในขวา ศูนย์หน้า ในซ้าย และปี กซ้าย มี หน้าที่ ในการทําประตูให้กบั ที มของ
ตนเอง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
205
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะการเล่นฟุตบอล สนามที่ใช้เล่นฟุตบอล ตําแหน่งผูเ้ ล่นและหน้าที่ในการเล่นฟุตบอลอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับลักษณะการเล่นฟุตบอล สนามที่ใช้เล่นฟุตบอล
ตําแหน่งผูเ้ ล่น และหน้าที่ในการเล่นฟุตบอลด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการสื่ อสารเกี่ยวกับลักษณะการเล่นฟุตบอล สนามที่ใช้เล่นฟุตบอล ตําแหน่งผูเ้ ล่นและหน้าที่
ในการเล่นฟุตบอลให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ประสบการณ์และความรู้ความ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เข้าใจในเรื่ อง กีฬาฟุตบอล แผนที่ความคิด*
– ลักษณะการเล่นฟุตบอล สนามที่
ใช้เล่นฟุตบอล ตําแหน่งผูเ้ ล่น
และหน้าที่ในการเล่นฟุตบอล
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม ตําแหน่ งการยืน ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ของผู้เล่ นฟุตบอล ครู เคยสอนลอง พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
มาวาดภาพกัน ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล
1. ลักษณะการเล่นฟุตบอล
3. สนามที่ใช้เล่นฟุตบอล
4. ตําแหน่งผูเ้ ล่นและหน้าที่ในการเล่น
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึ กษาค้นคว้าเกี่ ยวกับประวัติความเป็ นมาของกี ฬาฟุตบอลทั้งในต่างประเทศ
และในประเทศไทย ตลอดจนสํารวจความนิยมของกีฬาฟุตบอลในแต่ละ
ท้องถิ่นในประเทศไทย
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับกีฬาฟุตบอล
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกหรื อผูเ้ ล่นฟุตบอลในทีม วัดขนาดของสนามที่ใช้เล่น
ฟุตบอล
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับประโยชน์
ของการเล่นฟุตบอล ลักษณะการเล่นฟุตบอล สนามที่ใช้เล่นฟุตบอล ตําแหน่ง
ผูเ้ ล่นและหน้าที่ในการเล่นฟุตบอล
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดหรื อแผนผังแสดงตําแหน่งผูเ้ ล่นและ
หน้าที่ในการเล่นฟุตบอล
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพสมาชิกหรื อผูเ้ ล่นฟุตบอลในแต่ละทีมประกอบการจัดทํา
แผนที่ความคิดหรื อแผนผังแสดงตําแหน่งผูเ้ ล่นและหน้าที่ในการเล่นฟุตบอล
207
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับลักษณะการเล่ นฟุตบอล สนามที่ใช้
เล่ นฟุตบอล และตําแหน่ งผู้เล่ นและหน้ าที่ในการเล่ นที่สงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษา
ค้ นคว้ ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา แล้ วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่าวร่ วมกัน โดยครู
คอยให้ ความรู้ที่ถูกต้องเพิม่ เติม
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการเล่นหรื อการแข่งขันกีฬาฟุตบอลที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับ
ความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพคือกีฬาชนิดใด (กีฬาฟุตบอล)
– นักเรี ยนเคยเล่นหรื อเคยดูการแข่งขันกีฬาดังกล่าวหรื อไม่ (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น ไม่ เคยเล่ น แต่ เคยดูการ
แข่ งขันจากโทรทัศน์ )
– นักเรี ยนคิดว่าเพราะเหตุใดกีฬาฟุตบอลจึงได้รับความนิยม (เพราะกีฬาฟุตบอลเป็ นกีฬาที่ได้ รับการยอมรั บ
ในระดับสากล มีวิธีการเล่ นที่สะดวก เข้ าใจง่ าย ใช้ อุปกรณ์ การเล่ นไม่ มาก รวมถึงหาสนามที่ จะใช้ เล่ นได้
ง่ าย เป็ นกีฬาที่นอกจากจะสร้ างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้ กับทั้งผู้เล่ นและผู้ชมกีฬาแล้ ว ยังช่ วยสร้ าง
เสริ มสมรรถภาพทางกายให้ แข็งแรง ส่ งผลดีต่อสุขภาพทั้งทางร่ างกายและจิตใจ รวมถึงสร้ างเสริ มความ
สามัคคีในหมู่คณะ และยังถือเป็ นกีฬาที่ ช่วยเชื่ อมสัมพันธไมตรี ระหว่ างบุคคล รวมถึงประเทศชาติได้ ดีอีก
ด้ วย)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้อย่อยที่ 1. ลักษณะการเล่น
ฟุตบอล หัวข้อย่อยที่ 3. สนามที่ใช้เล่นฟุตบอล และหัวข้อย่อยที่ 4. ตําแหน่งผูเ้ ล่นและหน้าที่ในการเล่น
เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้ในประเด็นเกี่ยวกับความสําคัญและประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล โดยใช้ภาพหรื อเปิ ด
สื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้อย่อยที่ 1. ลักษณะการเล่นฟุตบอล หัวข้อย่อยที่ 3. สนามที่ใช้
เล่นฟุตบอล และหัวข้อย่อยที่ 4. ตําแหน่งผูเ้ ล่นและหน้าที่ในการเล่น โดยใช้ภาพแผนผังแสดงขนาดของ
สนามและตําแหน่งการยืนของผูเ้ ล่นในการเล่นกีฬาฟุตบอล หรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดู
ประกอบการอธิบาย
208
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะการเล่นฟุตบอล สนามที่ใช้เล่นฟุตบอล และตําแหน่งผูเ้ ล่น
และหน้าที่ในการเล่น หรื อกฎกติกาการแข่งขันฟุตบอล จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น วารสารเกี่ยวกับการ
สร้างเสริ มสุขภาพ การออกกําลังกาย และการเล่นกีฬา หรื อพลศึกษา สื่ ออินเตอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้ใน
ชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และทําให้เกิดความ
เข้าใจในกีฬาฟุตบอล สามารถนําไปใช้เล่นหรื อแข่งขันได้ในชีวิตประจําวัน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
211
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 31
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่นกั เรี ยนควรศึกษาประกอบด้วยการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป)
การเตะลูกข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล การหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล การทุ่มลูก
บอลเข้าเล่น การเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และการรักษาประตู หากนักเรี ยนได้ปฏิบตั ิดว้ ยความชํานาญจะช่วยให้
สามารถเล่นกีฬาฟุตบอลได้เป็ นอย่างดี ซึ่งในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการเล่นกีฬา
ฟุตบอลในการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) และการเตะลูกข้างเท้าด้านนอก โดย
การเตะลูกข้ างเท้ าด้ านใน (ลูกแป) ผูเ้ ล่นวางเท้าข้างที่ไม่ได้เตะให้อยูร่ ะดับเดียวกับลูกบอล ปลายเท้าชี้ไป
ในทิศทางที่ตอ้ งการ ส่งลูกบอลไป ตามองที่ลูกบอล เปิ ดปลายเท้าข้างที่จะเตะให้ปลายเท้าหันออกนอกลําตัวเป็ นมุม
ฉาก เหวี่ยงเท้าเตะโดยใช้แรงเหวี่ยงจากสะโพกให้เท้าถูกลูกบอลบริ เวณระหว่างโคนหัวแม่เท้ากับกระดูกข้อเท้า
การเตะลูกข้ างเท้ าด้ านนอก ให้ผเู ้ ล่นวางเท้าที่ไม่ได้เตะด้านข้างลูกบอลค่อนไปข้างหลัง ยกเท้าข้างที่เตะขึ้น
เตะลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก หักข้อเท้าลงจนส่วนข้างเท้าด้านนอกขนานผ่านตัดลูกบอลไปตามแนวทิศทางที่จะ
ส่งลูกบอล ขณะเท้าเตะลูกบอลให้เกร็ งขาและข้อเท้า โดยให้ขา้ งเท้าด้านนอกถูกลูกบอล แล้วเหยียดเท้าตามลูกบอลไป
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
212
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) และการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านนอก
อย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับการฝึ กทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานด้วย
ความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) และการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านนอก
อย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับทักษะการเล่นกีฬา • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ฟุตบอลในการเตะลูกข้างเท้าด้าน ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ใน (ลูกแป) และการเตะลูกด้วย แผนที่ความคิด*
ข้างเท้าด้านนอก
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม ตําแหน่ งการยืน ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ของผู้เล่ นฟุตบอล ครู เคยสอนลอง พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
มาวาดภาพกัน ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
213
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
2. ทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล
1) การเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป)
2) การเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านนอก
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับทักษะการเตะลูกบอลในกีฬาฟุตบอล
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับทักษะการ
เล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) และการเตะลูกด้วยข้าง
เท้าด้านนอก
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนภาพแสดงวิธีปฏิบตั ิทกั ษะการเล่นกีฬา ฟุ ต บ อ ล ใ น
การเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) และการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านนอก
วิทยาศาสตร์ สังเกต ศึกษา สื บค้น วิเคราะห์ บันทึ กข้อมูล ทดลองปฏิบตั ิ ประเมินผล และ
สรุ ปผลเกี่ ยวกับลักษณะการเคลื่ อนไหวร่ างกายในการปฏิ บตั ิ ทกั ษะการเล่น
กีฬาฟุตบอลในการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) และการเตะลูกด้วยข้างเท้า
ด้านนอกตามหลักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวหรื อหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล
ในหัวข้ อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่ นฟุตบอล ในข้ อที่ 1) การเตะลูกข้ างเท้ าด้ านใน (ลูกแป) และข้ อที่ 2) มา
ล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติ
กิจกรรมดังกล่าวของนักเรียน
214
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) และการเตะลูกข้างเท้าด้านนอกเพิ่มเติมนอก
เวลาเรี ยน หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด อย่างสมํ่าเสมอจนเกิด
ความชํานาญ เพื่อเป็ นทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาฟุตบอล และเสริ มสร้างสุ ขภาพร่ างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
217
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 32
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกด้วย
หลังเท้าและการโหม่งลูกบอล โดย
การเตะลูกด้ วยหลังเท้ า ให้ยืนหันหน้าเข้าหาลูกบอล วางเท้าที่ไม่ได้เตะในระดับเดียวกับลูกบอลด้านข้าง
ห่างจากลูกบอลประมาณ 1 คืบ ใช้แรงเหวี่ยงเท้าที่ใช้เตะจากสะโพก งุม้ ปลายเท้าลงพร้อมกับเกร็ งข้อเท้า ใช้บริ เวณ
หลังเท้าสัมผัสลูกบอลตรงกึ่งกลางลูก หากต้องการให้ลูกบอลเรี ยดก็โน้มตัวไปข้างหน้าเหนือลูกบอล หากต้องการ
ให้ลูกโด่งก็แอ่นตัวไปด้านหลัง
การโหม่ งลูกบอล สายตาจะต้องจ้องมองที่ลูกบอล เก็บคางและเกร็ งคอ แล้วเอนตัวไปข้างหลัง เมื่อลูกบอล
มาสู่ระยะที่สามารถโหม่งได้แล้วให้ชะโงกหน้าไปข้างหน้า ใช้บริ เวณหน้าผากโขกลูกบอล
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอลอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับการฝึ กทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานด้วย
ความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอลอย่างถูกต้องได้ (P)
218
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับทักษะการเล่นกีฬา • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ฟุตบอลในการเตะลูกด้วยหลังเท้า ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
และการโหม่งลูกบอล แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
2. ทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล (ต่อ)
3) การเตะลูกด้วยหลังเท้า
4) การโหม่งลูกบอล
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับทักษะการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอลในกีฬาฟุตบอล
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับทักษะการ
เล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอล
219
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล
ในหัวข้ อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่ นฟุตบอล (ต่ อ) ในข้ อที่ 3) การเตะลูกด้ วยหลังเท้ า และข้ อที่ 4) การโหม่ ง
ลูกบอล) มาล่ วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการ
ปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงทักษะการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอลของนักกีฬาฟุตบอลที่ครู เตรี ยม
มา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบ
คําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพ ผูเ้ ล่นจะใช้บริ เวณใดของเท้าในการเตะลูก (หลังเท้ า)
– การเตะลูกด้วยหลังเท้ามักใช้ในกรณี ใด (การเตะลูกด้ วยหลังเท้ ามักใช้ ในกรณี ที่ต้องการยิงประตู การ
ผ่ านลูกระยะยาว หรื อการเตะลูกระยะไกล เพราะเป็ นการเตะที่ มีความรุ นแรง มีแรงส่ งลูกมากกว่ าการ
เตะลูกในลักษณะอื่น ๆ)
– การโหม่งลูกบอลใช้ในกรณี ใด (หมัน่ ฝึ กฝนอย่ างสมํา่ เสมอจนเกิดความชํานาญ)
– ส่วนใดของร่ างกายเป็ นตัวบังคับทิศทางของลูกบอลที่ลอยอยูใ่ นอากาศในขณะที่เรากระโดดขึ้นโหม่ง
ลูกบอล (หมัน่ ฝึ กฝนอย่ างสมํา่ เสมอจนเกิดความชํานาญ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่น
ฟุตบอล (ต่อ) ในข้อที่ 3) การเตะลูกด้วยหลังเท้า และข้อที่ 4) การโหม่งลูกบอล) เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมี
ส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
220
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่นฟุตบอล (ต่อ) ในข้อที่ 3) การเตะ
ลูกด้วยหลังเท้า และข้อที่ 4) การโหม่งลูกบอล ตามลําดับ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้
นักเรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมาสาธิตทักษะการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอลร่ วมกับครู หน้าชั้น
เรี ยนในแต่ละทักษะตามลําดับ แล้วให้เพือ่ น ๆ ร่ วมกันปฏิบตั ิตาม โดยครู ตรวจสอบความถูกต้องในการ
ปฏิบตั ิของนักเรี ยนเป็ นรายบุคคล
3. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับทักษะการเตะลูกด้ วยหลังเท้ าและการโหม่ งลูกบอลในกีฬาฟุตบอล ใน
ภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริม
ทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่ า
– เตะลูกด้ วยหลังเท้ า ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Instep kick อ่านออกเสี ยงว่ า อีน-ซเท็พ คิค
– โหม่ งลูกบอล ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Heading อ่านออกเสี ยงว่ า เฮ็ดดิง
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนจับคู่กบั เพื่อน ร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอล โดยเตะลูกและ
โหม่งลูกรับและส่งทั้งแบบอยูก่ บั ที่และเคลื่อนที่ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิ
อย่างใกล้ชิดและให้คาํ แนะนําที่ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนแต่ละคู่ผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงทักษะการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอลให้ครู และ
เพื่อนดู โดยครู คอยให้คาํ แนะนําแก้ไขให้ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้ อย่ อยที่ 2. ทักษะในการเล่นฟุตบอล
(ต่ อ) ในข้ อที่ 5) การหยุดลูกบอล ข้ อที่ 6) การเลีย้ งลูกบอล และข้ อที่ 7) การทุ่มลูกบอลเข้ าเล่น ดัง
รายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ
เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่ วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้ง
ต่ อไป
221
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการเตะลูกด้วยหลังเท้าและการโหม่งลูกบอลเพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน หรื อใช้เวลา
ในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนดอย่างสมํ่าเสมอจนเกิดความชํานาญ เพื่อเป็ น
ทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาฟุตบอล และเสริ มสร้างสุ ขภาพร่ างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
222
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 33
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการหยุดลูกบอล
การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้าเล่น โดย
การหยุดลูกบอล ต้องอาศัยการผ่อนแรงเพื่อให้ลูกบอลอยูใ่ นการครอบครอง ซึ่งการหยุดลูกบอลมีหลายวิธี
ได้แก่ การหยุดลูกบอลด้วยหน้าอก ด้วยฝ่ าเท้า ด้วยข้างเท้าด้านใน และด้วยหน้าท้อง
การเลีย้ งลูกบอล เป็ นการพาลูกบอลไปด้วยการใช้เท้าทั้ง 2 ข้างสลับกัน เพื่อเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่
ต้องการ โดยมีการฝึ กเลี้ยงลูกบอล ได้แก่ การเลี้ยงลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านในทั้ง 2 ข้าง และการเลี้ยงลูกบอลอ้อมเสา
การทุ่มลูกบอลเข้ าเล่ น ให้ผทู ้ ุ่มจับลูกบอลด้วยฝ่ ามือทั้ง 2 ข้าง ค่อนไปข้างหลัง นิ้วหัวแม่มือห่างกันพอประมาณ
ยืนอยูน่ อกเส้นที่กาํ หนด เท้าข้างหนึ่งอยูห่ น้าเท้าอีกข้างหนึ่งอยูห่ ลัง หรื อยืนแยกเท้าห่างกันพอประมาณ ยกหัวไหล่เอน
ตัวไปข้างหลัง ข้อศอกเหยียดตรง การทุ่มต้องใช้แรงจากแขนและนิ้วมือเพื่อส่งลูกบอลออกไป ขณะทุ่มลูกบอลเท้าใด
เท้าหนึ่งจะยกพ้นจากพื้นไม่ได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
2. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้าเล่นอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับการฝึ กทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานด้วย
ความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้าเล่นอย่างถูกต้อง
ได้ (P)
223
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับทักษะการเล่นกีฬา • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ฟุตบอลในการหยุดลูกบอล การ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอล แผนที่ความคิด*
เข้าเล่น
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
2. ทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล (ต่อ)
5) การหยุดลูกบอล
6) การเลี้ยงลูกบอล
7) การทุ่มลูกบอลเข้าเล่น
224
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษ ภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเกีย่ วกับ
ทักษะการหยุดลูกบอล การเลีย้ งลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้ าเล่น
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับทักษะการ
เล่นกีฬาฟุตบอลในการหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอล
เข้าเล่น
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนภาพแสดงวิธีปฏิบตั ิทกั ษะการเล่นกีฬา ฟุตบอลใน
การหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้าเล่น
วิทยาศาสตร์ สังเกต ศึกษา สื บค้น วิเคราะห์ บันทึกข้อมูล ทดลองปฏิบตั ิ ประเมินผล และ
สรุ ปผลเกี่ยวกับลักษณะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิทกั ษะการเล่น
กีฬาฟุตบอลในการหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้าเล่น
ตามหลัก วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวหรื อหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล
ในหัวข้ อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่ นฟุตบอล (ต่ อ) ในข้ อที่ 5) การหยุดลูกบอล ข้ อที่ 6) การเลีย้ งลูกบอล
และข้ อที่ 7) การทุ่มลูกบอลเข้ าเล่น มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครู
แสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติกจิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงทักษะการหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้าเล่นของนักกีฬา
ฟุตบอลที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้
ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– การหยุดลูกบอลจะต้องใช้ส่วนใดของร่ างกายในการบังคับลูก (ใช้ อวัยวะในร่ างกายได้ หลายส่ วน เช่ น
หน้ าอก ฝ่ าเท้ า ข้ างเท้ าด้ านใน และหน้ าท้ อง)
– การเลี้ยงลูกบอลต้องใช้เท้าข้างใด (เท้ าทั้ง 2 ข้ างสลับกัน)
– การทุ่มลูกบอลเข้าเล่นจะเกิดขึ้นเมื่อใด (การทุ่มลูกบอลเข้ าเล่ นจะเกิดขึน้ เมื่อลูกบอลออกไปนอกสนาม
ทางเส้ นข้ าง)
225
– ผลัดกันเลี้ยงลูกบอลอ้อมเสา
– ผลัดกันทุ่มลูกบอลเข้าเล่น
ฯลฯ
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนแต่ละคู่ผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงทักษะการหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้า
เล่นให้ครู และเพื่อนดู โดยครู คอยให้คาํ แนะนําแก้ไขให้ถูกต้องเพิม่ เติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้ อย่ อยที่ 2. ทักษะในการเล่นฟุตบอล
(ต่ อ) ในข้ อที่ 8) การเข้ าสกัดกั้นหรือแย่ งลูกบอล และข้ อที่ 9) การรักษาประตู ดังรายละเอียดในหนังสื อ
เรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต
ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้ วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการหยุดลูกบอล การเลี้ยงลูกบอล และการทุ่มลูกบอลเข้าเล่นเพิ่มเติมนอกเวลา
เรี ยนหรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนดอย่างสมํ่าเสมอจนเกิดความ
ชํานาญ เพื่อเป็ นทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาฟุตบอล และเสริ มสร้างสุขภาพร่ างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
228
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 34
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเข้าสกัดกั้น
หรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตู โดย
การเข้ าสกัดกั้นหรื อแย่ งลูกบอล เป็ นวิธีเข้าปะทะเพื่อแย่งลูกบอลจากฝ่ ายตรงข้าม แต่จะต้องไม่เจตนาเตะ
ฝ่ ายตรงข้ามหรื อกระโดดเข้าหาฝ่ ายตรงข้าม
การรั กษาประตู ผูร้ ักษาประตูตอ้ งทําหน้าที่ป้องกันการยิงประตูจากฝ่ ายตรงข้าม โดยการฝึ กทักษะการรับ
ลูกบอลประกอบด้วย ท่าเตรี ยมพร้อมของผูร้ ักษาประตู การรับลูกบอลระดับตํ่า การรับลูกบอลระดับเอว และการรับ
ลูกบอลระดับสูง ซึ่งผูร้ ักษาประตูตอ้ งเลือกปฏิบตั ิให้เหมาะสมกับทิศทางการเคลื่อนที่ของลูกบอล
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตูอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู้เกี่ยวกับการฝึ กทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานด้วย
ความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตูอย่างถูกต้องได้ (P)
229
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับทักษะการเข้าสกัด • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
กั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษา ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ประตู แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
2. ทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล (ต่อ)
8) การเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล
9) การรักษาประตู
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับทักษะการเข้ าสกัดกั้นหรือแย่งลูกบอลและการรักษาประตู
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับทักษะการ
เล่นกีฬาฟุตบอลในการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตู
230
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล
ในหัวข้ อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่ นฟุตบอล (ต่ อ) ในข้ อที่ 8) การเข้ าสกัดกั้นหรือแย่ งลูกบอล และข้ อที่ 9)
การรักษาประตู มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อ
การปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงทักษะการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตูของนักกีฬาฟุตบอลที่ครู
เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– การเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลในกีฬาฟุตบอลมีจุดประสงค์ในการเล่นอย่างไร (มีจุดประสงค์ ในการ
เล่ นเพื่อแย่ งลูกบอลจากฝ่ ายตรงข้ ามมาครอบครอง)
– ผูเ้ ล่นที่เข้าสกัดกั้นลูกบอลหรื อแย่งลูกบอลสามารถใช้มือในการแย่งบอลได้หรื อไม่ อย่างไร (ไม่ ได้
เพราะเป็ นการกระทําผิดกติกา อาจถูกปรั บโทษได้ )
– ผูเ้ ล่นในตําแหน่งใดต้องทําหน้าที่รักษาประตูรักษาประตู (ผู้รักษาประตู)
– ผูร้ ักษาประตูตอ้ งยืนประจําในบริ เวณใดของสนาม (เขตประตู)
– ผูร้ ักษาประตูเมื่อรับลูกบอลมากระทบมือแล้ว ควรปฏิบตั ิต่อลูกบอลอย่างไรต่อไป (ดึงบอลมากอดไว้ ที่
หน้ าอก พร้ อมที่จะส่ งต่ อให้ ผ้ เู ล่ นฝ่ ายตนเองในสนามต่ อไป)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่น
ฟุตบอล (ต่อ) ในข้อที่ 8) การเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และข้อที่ 9) การรักษาประตู เพื่อเป็ นการกระตุน้
การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
231
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.2 ฟุตบอล ในหัวข้อย่อยที่ 2. ทักษะในการเล่นฟุตบอล (ต่อ) ในข้อที่ 8) การเข้า
สกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และข้อที่ 9) การรักษาประตู ตามลําดับ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้อง
ให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมาสาธิตทักษะการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตูร่วมกับครู
หน้าชั้นเรี ยนในแต่ละทักษะตามลําดับ แล้วให้เพื่อน ๆ ร่ วมกันปฏิบตั ิตาม โดยครู ตรวจสอบความถูกต้อง
ในการปฏิบตั ิของนักเรี ยนเป็ นรายบุคคล
3. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับทักษะการเข้ าสกัดกั้นหรือแย่งลูกบอลและการรักษาประตูในกีฬาฟุตบอล ใน
ภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริม
ทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่ า
– การกีดกันหรือขัดขวางการเล่นฝ่ ายตรงข้ าม ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Blocking อ่านออกเสี ยงว่ า
บล็อก-กิง
– การเตะลูกโทษ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Free Kick อ่านออกเสี ยงว่ า ฟรี คิค
– การป้องกันประตู ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Save อ่านออกเสี ยงว่า เซฝ
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนจับคู่กบั เพื่อน ร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตูโดยใช้
เวลาตามที่ครู กาํ หนด โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิดและให้คาํ แนะนําที่ถูกต้องเพิ่มเติม ตัวอย่าง
แบบฝึ กปฏิบตั ิ เช่น
– สลับกันเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลแบบอยูก่ บั ที่
– สลับกันเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลแบบเคลื่อนที่
– สลับกันเป็ นผูร้ ักษาประตูและผูย้ งิ ประตู
ฯลฯ
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนแต่ละคู่ผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงทักษะการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตูให้ครู
และเพื่อนดู โดยครู คอยให้คาํ แนะนําแก้ไขให้ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
232
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะการเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอลและการรักษาประตูเพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน หรื อใช้
เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู ้ตามที่สถานศึกษากําหนดอย่างสมํ่าเสมอจนเกิดความชํานาญ เพื่อ
เป็ นทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาฟุตบอล และเสริ มสร้างสุ ขภาพร่ างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
234
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 35
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ครั้งที่ 1 ประกอบด้วย การเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป)
การเตะลูกข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการหยุดลูกบอล ซึ่งการทดสอบดังกล่าว
จะทําให้ทราบถึงระดับความสามารถและทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลของนักเรี ยน ซึ่งจะช่วยให้นาํ ข้อมูลที่ได้มา
ใช้พฒั นาทักษะดังกล่าวให้ดีข้ ึนได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมี
ระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลตามข้อกําหนดในการทดสอบทักษะในการเล่นกีฬาตามที่กาํ หนดได้ (P)
235
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามทบทวนความรู้และการฝึ ก • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะการเตะลูก ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) การเตะลูก แผนที่ความคิด*
ข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วย
หลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการ
หยุดลูกบอล
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน กีฬาฟุตบอล* 3 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
– การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ครั้งที่ 1 (การเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) การเตะลูก
ข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการหยุดลูกบอล)
236
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนครั้งที่ปฏิบตั ิทกั ษะการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) การเตะลูก
ข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการหยุดลูกบอล
ได้ภายในเวลาที่กาํ หนด
ภาษาไทย อธิ บายแนวทางการปฏิบตั ิทกั ษะการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) การเตะลูก
ข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการหยุดลูกบอล
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการฝึ กปฏิบัตทิ ักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ในการเตะลูกข้ าง
เท้ าด้ านใน (ลูกแป) การเตะลูกข้ างเท้ าด้ านนอก การเตะลูกด้ วยหลังเท้ า การโหม่งลูกบอล และการหยุดลูก
บอล นอกเวลาเรียน เพือ่ เตรียมเข้ ารับการทดสอบ ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครู
แสดงความคิดเห็นต่ อการรายงานผลของนักเรียนและให้ คําแนะนําเพิม่ เติม
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ทบทวนความรู ้เกี่ยวกับทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ในการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) การเตะลูกข้าง
เท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการหยุดลูกบอล โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิ
ทัศน์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนเข้ารับการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ครั้งที่ 1 ซึ่ งประกอบด้วยทักษะการเตะลูก
ข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) การเตะลูกข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการ
หยุดลูกบอล โดยทําการทดสอบเป็ นรายบุคคล เรี ยงตามลําดับชื่อ จนครบทุกคน โดยครู คอยดูแลการ
ปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด
2. ครู สรุ ปผลการทดสอบปฏิบตั ิให้นกั เรี ยนทราบ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อการทดสอบการปฏิบตั ิของ
นักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
237
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนนําผลการทดสอบทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเตะลูกข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) การเตะลูก
ข้างเท้าด้านนอก การเตะลูกด้วยหลังเท้า การโหม่งลูกบอล และการหยุดลูกบอลที่ตนเองได้รับ บันทึก
ความรู้สึกและผลการทดสอบลงในสมุดบันทึก
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนฝึ กปฏิบัตทิ บทวนทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเลีย้ งลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้ า
เล่ น การสกัดกั้นหรือแย่ งลูกบอล และการรักษาประตู เพิม่ เติมนอกเวลาเรียน หรือใช้ เวลาในกิจกรรมการ
ลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู้ ตามที่สถานศึกษากําหนด เพือ่ เตรียมเข้ ารับการทดสอบในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรนําผลการทดสอบทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้าน
ในมาใช้ในการปรับปรุ งทักษะและความสามารถของตนเองให้ดีข้ ึน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
239
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 36
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ครั้งที่ 2 ประกอบด้วย การเลี้ยงลูกบอล การทุ่มลูกบอล
เข้าเล่น การเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และการรักษาประตู ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะทําให้ทราบถึงระดับ
ความสามารถและทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลของนักเรี ยน ซึ่งจะช่วยให้นาํ ข้อมูลที่ได้มาใช้พฒั นาทักษะดังกล่าว
ให้ดีข้ ึนได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมี
ระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลตามข้อกําหนดในการทดสอบทักษะในการเล่นกีฬาตามที่กาํ หนดได้ (P)
240
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามทบทวนความรู้และการฝึ ก • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะการเลี้ยง ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้าเล่น การ แผนที่ความคิด*
เข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และ
การรักษาประตู
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน กีฬาฟุตบอล* 3 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
– การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ครั้งที่ 2 (การเลี้ยงลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้าเล่น
การเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และการรักษาประตู)
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนครั้งที่ปฏิบตั ิทกั ษะการเลี้ยงลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้าเล่น การเข้า
สกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และการรักษาประตูได้ภายในเวลาที่กาํ หนด
241
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการฝึ กปฏิบัตทิ ักษะการเลีย้ งลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้ าเล่น การ
เข้ าสกัดกั้นหรือแย่งลูกบอล และการรักษาประตู นอกเวลาเรียน เพือ่ เตรียมเข้ ารับการทดสอบ ตามที่ได้ รับ
มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่อการรายงานผลของนักเรียนและให้
คําแนะนําเพิม่ เติม
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ทบทวนความรู้เกี่ยวกับทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล ในการเลี้ยงลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้าเล่น การเข้า
สกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และการรักษาประตู โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดู
ประกอบการอธิบาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนเข้ารับการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล ครั้งที่ 2 ซึ่ งประกอบด้วยทักษะการเลี้ยง
ลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้าเล่น การเข้าสกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และการรักษาประตู โดยทําการทดสอบ
เป็ นรายบุคคล เรี ยงตามลําดับชื่อ จนครบทุกคน โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด
2. ครู สรุ ปผลการทดสอบปฏิบตั ิให้นกั เรี ยนทราบ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อการทดสอบการปฏิบตั ิของ
นักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนนําผลการทดสอบทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลในการเลี้ยงลูกบอล การทุ่มลูกบอลเข้าเล่น การเข้า
สกัดกั้นหรื อแย่งลูกบอล และการรักษาประตูที่ตนเองได้รับ บันทึกความรู ้สึกและผลการทดสอบลงใน
สมุดบันทึก
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
242
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรฝึ กทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาฟุตบอลอย่างสมํ่าเสมอ ซึ่งนอกจากเป็ นการออกกําลังกายเพื่อการ
มีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังนําไปสู่การเล่นหรื อแข่งขันกีฬาฟุตบอลในชีวิตประจําวันทั้งในระดับสมัครเล่นหรื อเป็ น
กีฬาอาชีพได้ในอนาคตต่อไปอีกด้วย
2. นักเรี ยนควรดูวีดิทศั น์แสดงการแข่งขันกีฬาฟุตบอลจากสื่ อการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต เพื่อเป็ นตัวอย่าง
แนวทางการเล่นหรื อแข่งขันฟุตบอลประกอบการเรี ยนในครั้งต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
244
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 37
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การเข้าร่ วมการแข่งขันฟุตบอลจัดเป็ นวิธีการสร้างเสริ มทักษะและประสบการณ์ในการเล่นกีฬา ซึ่ง
นักเรี ยนจะได้นาํ ทักษะจากการเรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิมาใช้สร้างเสริ มประสบการณ์โดยตรง โดยในการเรี ยนครั้งนี้
นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และนําทักษะที่ได้ศึกษามาเข้าร่ วมในสถานการณ์ของการแข่งขัน โดย
การแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 1 เป็ นการจัดการแข่งขันแบบแบ่งสายที่มีการแข่งรอบคัดเลือก โดยสาย A ทีมที่ 1
จะพบกับทีมที่ 2 โดยทีมที่ชนะการแข่งขันจะเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศเพื่อพบกับผูช้ นะในสาย B ในการจัดการแข่งขัน
ฟุตบอลครั้งที่ 3
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลด้วยความมีระเบียบวินยั มีความสามัคคี และมีน้ าํ ใจนักกีฬา (A)
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลตามกฎ กติกาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสนุกสนานได้ (P)
245
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบ วิธีการ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
แข่งขัน และกติกาการแข่งขันกีฬา ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ฟุตบอล แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
– การแข่งขันฟุตบอล ครั้งที่ 1
6. แนวทางบูรณาการ
สั งคมศึกษาฯ ศึกษาค้ นคว้ าเกี่ยวกับการแข่ งขันกีฬาฟุตบอลในท้ องถิ่นต่ าง ๆ และการแข่ งขัน
ฟุตบอลทั้งในระดับภูมภิ าคอาเซียนและในระดับโลก
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนการทําประตูในการแข่งขันฟุตบอลหรื อคะแนนการแข่งขัน จับเวลา
ในการแข่งขัน จัดตารางการแข่งขันตามผลการแข่งขัน และนับสถิติการยิง
ประตู รวมถึงการทําผิดกติกาการแข่งขันของนักกีฬาแต่ละทีม
246
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการแบ่ งทีมและฝึ กซ้ อมแข่ งขันฟุตบอลนอกเวลาเรียน เพือ่
เตรียมจัดการแข่ งขันฟุตบอลครั้งที่ 1 ที่มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายแนวทางการแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 1–3 ให้นกั เรี ยนทราบ โดยนําตารางแสดงรายการการแข่งขัน
ฟุตบอลแบบแบ่งสายให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย และเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ตวั อย่างการแข่งขันฟุตบอลให้
นักเรี ยนดูเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาเป็ นแนวทางในการจัดการแข่งขัน
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปทีมที่ชนะการแข่งขันสาย A โดยครู แสดงความคิดเห็นต่อการแข่งขันฟุตบอล
ของนักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
2. นักเรี ยนไปฝึ กซ้อมแข่งขันกีฬาฟุตบอลเพิม่ เติมนอกเวลาเรี ยน โดยให้ผปู้ กครองแสดงความคิดเห็นและ
ตอบรับผลการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนกลับมาที่ครู
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปสรุ ปผลการแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 1 และการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยน
บันทึกความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนในทีมที่ยงั ไม่ได้ ลงแข่ งขันฟุตบอลฝึ กซ้ อมทักษะในการเล่ นกีฬา
ฟุตบอลและทบทวนกติกาการแข่ งขันเพิม่ เติมนอกเวลาเรียน หรือใช้ เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรียนเพิม่
เวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพือ่ เตรียมจัดการแข่ งขันฟุตบอลครั้งที่ 2 ในการเรียนครั้งต่อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรเข้าร่ วมการเล่นหรื อการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อเป็ นการใช้เวลาว่างให้เกิด
ประโยชน์และส่งผลดีต่อการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการทั้งทางด้านร่ างกาย จิตใจและอารมณ์ สังคม และสติ
ปัญหา
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
249
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 38
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การเข้าร่ วมการแข่งขันฟุตบอลจัดเป็ นวิธีการสร้างเสริ มทักษะและประสบการณ์ในการเล่นกีฬา ซึ่ง
นักเรี ยนจะได้นาํ ทักษะจากการเรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิมาใช้สร้างเสริ มประสบการณ์โดยตรง โดยในการเรี ยนครั้งนี้
นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และนําทักษะที่ได้ศึกษามาเข้าร่ วมในสถานการณ์ของการแข่งขัน โดย
การแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 2 เป็ นการจัดการแข่งขันแบบแบ่งสายที่มีการแข่งรอบคัดเลือก โดยสาย B ทีมที่ 3
จะพบกับทีมที่ 4 โดยทีมที่ชนะการแข่งขันจะเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศเพื่อพบกับผูช้ นะในสาย A ในการจัดการแข่งขัน
ฟุตบอลครั้งที่ 3
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลด้วยความมีระเบียบวินยั มีความสามัคคี และมีน้ าํ ใจนักกีฬา (A)
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลตามกฎ กติกาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสนุกสนานได้ (P)
250
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบ วิธีการ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
แข่งขัน กติกาการแข่งขันกีฬา ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ฟุตบอล และผลการแข่งขัน แผนที่ความคิด*
ฟุตบอลครั้งที่ 1
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
– การแข่งขันฟุตบอล ครั้งที่ 2
6. แนวทางบูรณาการ
สั งคมศึกษาฯ ศึกษาค้ นคว้ าเกี่ยวกับการแข่ งขันกีฬาฟุตบอลในท้ องถิ่นต่ าง ๆ และการแข่ งขัน
ฟุตบอลทั้งในระดับภูมภิ าคอาเซียนและในระดับโลก
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนการทําประตูในการแข่งขันฟุตบอลหรื อคะแนนการแข่งขัน จับเวลา
ในการแข่งขัน จัดตารางการแข่งขันตามผลการแข่งขัน และนับสถิติการยิง
ประตู รวมถึงการทําผิดกติกาการแข่งขันของนักกีฬาแต่ละทีม
251
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครูและนักเรียนสนทนาเกีย่ วกับผลการแข่ งขันฟุตบอลครั้งที่ 1 และการปฏิบัตกิ จิ กรรมในการเรียนครั้งที่
ผ่านมาร่ วมกัน เพือ่ ทบทวนประสบการณ์ และภาระงานตามที่นักเรียนได้ รับมอบหมาย
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายทบทวนแนวทางการแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 2 ให้นกั เรี ยนทราบ โดยนําตารางแสดงรายการการ
แข่งขันฟุตบอลแบบแบ่งสายให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย พร้อมทั้งทบทวนผลการแข่งขันฟุตบอล
ครั้งที่ 1 หรื อทีมที่ชนะสาย A ให้นกั เรี ยนทราบเพิ่มเติม
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรเข้าร่ วมการเล่นหรื อการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อเป็ นการใช้เวลาว่างให้เกิด
ประโยชน์และส่งผลดีต่อการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการทั้งทางด้านร่ างกาย จิตใจและอารมณ์ สังคม และสติ
ปัญหา
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
254
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 39
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ฟุตบอล (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การเข้าร่ วมการแข่งขันฟุตบอลจัดเป็ นวิธีการสร้างเสริ มทักษะและประสบการณ์ในการเล่นกีฬา ซึ่ง
นักเรี ยนจะได้นาํ ทักษะจากการเรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิมาใช้สร้างเสริ มประสบการณ์โดยตรง โดยในการเรี ยนครั้งนี้
นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และนําทักษะที่ได้ศึกษามาเข้าร่ วมในสถานการณ์ของการแข่งขัน โดย
การแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 3 เป็ นการจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โดยทีมที่ชนะการแข่งขันสาย A จะทํา
การแข่งขันร่ วมกับทีมที่ชนะการแข่งขันสาย B ซึ่งทีมที่ชนะการแข่งขันในครั้งนี้จะเป็ นทีมที่ชนะเลิศ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลด้วยความมีระเบียบวินยั มีความสามัคคี และมีน้ าํ ใจนักกีฬา (A)
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลตามกฎ กติกาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสนุกสนานได้ (P)
255
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบ วิธีการ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
แข่งขัน กติกาการแข่งขันกีฬา ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ฟุตบอล และผลการแข่งขัน แผนที่ความคิด*
ฟุตบอลครั้งที่ 2
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม แข่ งขันฟุตบอลกัน ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ดีไหม ปรั บนิสัยให้ รักสามัคคี พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
(ต่ อ) ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.2 ฟุตบอล (ต่อ)
– การแข่งขันฟุตบอล ครั้งที่ 3
256
6. แนวทางบูรณาการ
สั งคมศึกษาฯ ศึกษาค้ นคว้ าเกี่ยวกับการแข่ งขันกีฬาฟุตบอลในท้ องถิ่นต่ าง ๆ และการแข่ งขัน
ฟุตบอลทั้งในระดับภูมภิ าคอาเซียนและในระดับโลก
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนการทําประตูในการแข่งขันฟุตบอลหรื อคะแนนการแข่งขัน จับเวลา
ในการแข่งขัน จัดตารางการแข่งขันตามผลการแข่งขัน และนับสถิติการยิง
ประตู รวมถึงการทําผิดกติกาการแข่งขันของนักกีฬาแต่ละทีม
ภาษาไทย อธิ บายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ตลอดจน
เขียนสรุ ปผลการแข่งขัน
วิทยาศาสตร์ เคลื่อนไหวร่ างกายในการแข่งขันฟุตบอลตามหลักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว
หรื อหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครูและนักเรียนสนทนาเกีย่ วกับผลการแข่ งขันฟุตบอลครั้งที่ 2 และการปฏิบัตกิ จิ กรรมในการเรียนครั้งที่
ผ่านมาร่ วมกัน เพือ่ ทบทวนประสบการณ์ และภาระงานตามที่นักเรียนได้ รับมอบหมาย
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายทบทวนแนวทางการแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 3 ให้นกั เรี ยนทราบ โดยนําตารางแสดงรายการการ
แข่งขันฟุตบอลแบบแบ่งสายให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย พร้อมทั้งทบทวนผลการแข่งขันฟุตบอล
ครั้งที่ 1 หรื อทีมที่ชนะสาย A และผลการแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 2 หรื อทีมที่ชนะสาย B ให้นกั เรี ยนทราบ
เพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนในทีมที่ชนะการแข่งขันฟุตบอลสาย A และทีมที่ชนะการแข่งขันสาย B ออกมาทําการแข่งขัน
ร่ วมกันเพื่อหาทีมที่ชนะในรอบชิงชนะเลิศ
2. นักเรี ยนร่ วมกันปฏิบตั ิกิจกรรม แข่ งขันฟุตบอลกันดีไหม ปรั บนิสัยให้ รักสามัคคี (ต่อ) ดังรายละเอียดใน
ใบกิจกรรมที่ครู แจกให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลา
ตามที่ครู กาํ หนด โดยครู คอยให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล โดยครู แสดงความคิดเห็นต่อการแข่งขัน
ฟุตบอลของนักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
2. สุ่มนักเรี ยน 2–3 ออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรม แข่ งขันฟุตบอลกันดีไหม ปรั บนิสัยให้ รักสามัคคี
โดยครู ให้ขอ้ เสนอแนะที่เป็ นประโยชน์เพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปผลการแข่งขันฟุตบอลครั้งที่ 2 และการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาทบทวนความรู้ในเรื่อง การเคลือ่ นไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา
เกมนําไปสู่ กฬี าและกิจกรรมแบบผลัด และกีฬา ในหัวข้ อที่ 3.1 กรีฑาประเภทลู่ และหัวข้ อที่ 3.2 ฟุตบอล
เพือ่ เตรียมตัวเข้ ารับการทดสอบกลางปี รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5 ในการเรียนครั้งต่อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรชักชวนเพื่อนหรื อสมาชิกในครอบครัวร่ วมเล่นหรื อการแข่งขันกีฬาฟุตบอลนอกเวลาเรี ยนเพิม่ เติม
อย่างสมํ่าเสมอ เพื่อสร้างเสริ มสุ ขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
259
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 40
การทดสอบกลางปี รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง การทดสอบกลางปี รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบกลางปี เป็ นกระบวนการวัดและประเมินผลเพื่อสรุ ปผลการเรี ยนรู้ (Summative Assessment )
ที่นกั เรี ยนได้รับจากองค์ความรู ้ที่กาํ หนดไว้ในขอบข่ายของตัวชี้วดั ในโครงสร้างของหลักสูตร และการสอบกลางปี
ยังเป็ นการนําข้อมูลของค่าคะแนนที่ได้นาํ มาใช้เป็ นส่วนสําคัญในการวัดและประเมินผลเพื่อตัดสิ นผลการเรี ยนหรื อ
ให้ระดับผลการเรี ยน ตลอดจนให้การรับรองความรู้ความสามารถของผูเ้ รี ยนว่าผ่านรายวิชาหรื อไม่ ควรได้รับการ
เลื่อนชั้นหรื อไม่ หรื อสามารถจบหลักสูตรหรื อไม่
การศึกษารายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา เป็ นอีกหนึ่งรายวิชาที่นาํ กระบวนการวัดและประเมินผลมาใช้เพื่อ
สรุ ปผลการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน โดยใช้แบบทดสอบทั้งในข้อคําถามที่เน้นกระบวนการการคิดวิเคราะห์เพื่อตัดสิ นข้อ
คําตอบ ในรู ปแบบอัตนัยและรู ปแบบปรนัย ครอบคลุมองค์ความรู้และตัวชี้วดั ชั้นปี ในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 3
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. จัดรู ปแบบการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน และควบคุมตนเอง เมื่อใช้ทกั ษะการเคลื่อนไหวตามแบบที่กาํ หนด
(พ 3.1 ป. 5/1)
2. เล่นเกมนําไปสู่กีฬาที่เลือกและกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผลัด (พ 3.1 ป. 5/2)
3. ควบคุมการเคลื่อนไหวในเรื่ องการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (พ 3.1 ป. 5/3)
4. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
5. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
6. ออกกําลังกายอย่างมีรูปแบบ เล่นเกมที่ใช้ทกั ษะการคิดและตัดสิ นใจ (พ 3.2 ป. 5/1)
7. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
8. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกาการเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
9. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
260
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายเกี่ยวกับระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ได้อย่างถูกต้อง
(K)
2. ระบุวธิ ี การทําแบบทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ได้ (P)
3. เข้าร่ วมกิจกรรมการเรี ยนรู ้กบั ผูอ้ ื่นด้วยความเต็มใจและกระตือรื อร้น (A)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความเข้าใจใน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
เนื้อหาในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 3 ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เรื่ อง แผนที่ความคิด*
– การเคลื่อนไหวร่ างกายตามหลัก
วิทยาศาสตร์การกีฬา
– เกมนําไปสู่กีฬาและกิกรรมแบบ
ผลัด
– กีฬา ในหัวข้อ กรี ฑาประเภทลู่
และฟุตบอล
• ตรวจสอบความถูกต้องของ • แบบทดสอบกลางปี รายวิชา • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
การทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน พื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5**
พลศึกษา ป.5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
**ดูรายละเอียดในสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
–
6. แนวทางบูรณาการ
–
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
• ให้ นั กเรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คน รายงานผลการศึ กษาทบทวนความรู้ ในหน่ วยการเรี ยนรู้ ที่ 3 เรื่ อง การ
เคลื่อนไหวร่ างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬา เกมนําไปสู่ กีฬ าและกิจกรรมแบบผลัด และกีฬา ใน
หั วข้ อ กรี ฑ าประเภทลู่และฟุ ตบอล เพื่อเตรี ยมตัวทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึ กษา ป. 5 ที่ ได้
มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ให้นกั เรี ยนได้เข้าใจ
และซักถามข้อสงสัย
2. ให้นกั เรี ยนทุกคนทําแบบทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ตามเวลาที่กาํ หนดให้
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• หลังจากที่นกั เรี ยนทําแบบทดสอบเสร็ จแล้ว ครู ให้นกั เรี ยนช่วยกันเฉลยคําตอบของแบบทดสอบกลางปี
รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ทีละข้อร่ วมกัน โดยครู อธิ บายและชี้แนะคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบ
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนจดบันทึกความรู ้ที่ได้จากการเฉลยคําตอบของแบบทดสอบกลางปี ลงในสมุดบันทึก
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครูถามคําถามเชื่อมโยงสู่ บทเรียนต่ อไป เพือ่ ให้ นักเรียนไปค้ นหาคําตอบจากบทเรียนมาล่วงหน้ า ดังนี้
– นักเรียนมีความคิดเห็นอย่ างไรต่ อกีฬามวยไทย
262
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรทบทวนความรู ้ความเข้าใจ ตลอดจนทักษะกีฬาที่ได้ศึกษาผ่านมา เพื่อเสริ มสร้างความรู ้ความ
เข้าใจและทักษะกีฬาในเรื่ องดังกล่าวให้ดียงิ่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
263
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 41
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย
1. สาระสํ าคัญ
มวยไทยเป็ นกี ฬ าไทยที่ ใช้อ วัย วะทุ กส่ วนของร่ างกาย เช่ น ศี รษะ มื อ ศอก เข่ า แข้ง และเท้า เข้าต่ อ สู้
ป้ องกันตัวในระยะประชิด ซึ่งถือเป็ นศิลปะป้ องกันตัวที่ควรรักษาและศึกษาไว้เพื่อใช้ป้องกันตนเองและผูอ้ ื่นในยาม
มี ภยั อันตราย ไม่ใช่ เพื่อนําไปกลัน่ แกล้งหรื อรังแกผูอ้ ื่ น นอกจากนี้ การฝึ กทักษะกี ฬามวยไทยยังช่วยสร้างเสริ ม
สุ ขภาพให้แก่ผฝู้ ึ กได้เป็ นอย่างดีอีกด้วย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะและความสําคัญของกีฬามวยไทยอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของกีฬามวยไทย ตลอดจนเข้าร่ วมศึกษาเกี่ยวกับลักษณะและความสําคัญของกีฬา
มวยไทยด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการสื่ อสารเกี่ยวกับลักษณะและความสําคัญของกีฬามวยไทยให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้ (P)
264
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ประสบการณ์และความรู้ความ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เข้าใจในเรื่ อง กีฬามวยไทย แผนที่ความคิด*
– ลักษณะและความสําคัญของ
กีฬามวยไทย
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย
– ลักษณะและความสําคัญของกีฬามวยไทย
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมาของกีฬามวยไทยและรวบรวมนักกีฬา
มวยไทยที่มีชื่อเสี ยง
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับกีฬามวยไทย
265
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.3 มวยไทย ใน
ประเด็นเกีย่ วกับลักษณะและความสํ าคัญของกีฬามวยไทย มาล่ วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการ
เรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการเล่นหรื อการแข่งขันกีฬามวยไทยที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับ
ความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพคือกีฬาชนิดใด (มวยไทย)
– นักเรี ยนเคยเล่นหรื อเคยดูการแข่งขันกีฬาดังกล่าวหรื อไม่ (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น ไม่ เคยเล่ น แต่ เคยดูการ
แข่ งขันจากโทรทัศน์ )
– นักเรี ยนคิดว่าเพราะเหตุใดกีฬามวยไทยจึงได้รับความนิยมเป็ นอย่างมากในปั จจุบนั ทั้งในประเทศไทยและ
ต่างประเทศ (เพราะมวยไทยเป็ นศิลปะการต่ อสู้ป้องกันตัวที่ มีความงดงาม แต่ แฝงไปด้ วยความเข้ มแข็ง มี
กลวิธีในการรั บมือหรื อใช้ ต่อสู้ที่ดีเยี่ยม แสดงถึงการใช้ สติปัญหาที่เฉี ยบแหลม มีความเด็ดขาด ว่ องไว จึง
ทําให้ ในปั จจุบันมวยไทยเป็ นกีฬาที่ได้ รับการยอมรั บในระดับสากล)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับลักษณะและ
ความสําคัญของกีฬามวยไทย เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของ
นักเรี ยน
266
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับลักษณะและความสําคัญของกีฬามวยไทย และ
ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมาของกีฬามวยไทย โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้อง
ให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู ให้ความรู ้เพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับอุปกรณ์การเล่นกีฬามวยไทย ซึ่งมีอุปกรณ์ที่สาํ คัญ เช่น ผ้า
ประเจียด (ผ้าสําหรับพันต้นแขน) ผ้าพันมือ กระจับ สนับฟัน มงคลสวมศีรษะ กางเกงมวยไทย โดยใช้
ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ หรื ออุปกรณ์ของจริ งมาให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
3. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับเรื่อง มวยไทย ในประเด็นเกีย่ วกับลักษณะและความสํ าคัญของกีฬามวย
ไทย รวมถึงอุปกรณ์ การเล่นกีฬามวยไทย ในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่าน
ออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่า
– มวยไทย ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Muaythai อ่านออกเสี ยงว่ า มวยไทย
– มงคลสวมศีรษะ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Sacred Headband อ่านออกเสี ยงว่า เซ-คเร็ด เฮ็ด-แบ็นด
– ผ้าประเจียด ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Kwrang Wrang อ่านออกเสี ยงว่า เครื่องราง
– ผ้าพันมือ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Hand Wraps อ่านออกเสี ยงว่ า แฮ็นด แร็พซ
– กระจับ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Groin Guard อ่านออกเสี ยงว่า กรอยน กาด
– สนับฟัน ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Gum Shield อ่านออกเสี ยงว่า กัม ฌีลด
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
5. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5–6 คน แต่ละกลุ่มร่ วมกันศึกษาและสรุ ปความรู้ในประเด็นเกี่ยวกับลักษณะและ
ความสําคัญของกีฬามวยไทย โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู ้ที่
ถูกต้องเพิ่มเติม
2. นักเรี ยนนําความรู ้ที่ได้ไปพูดคุยและถ่ายทอดเรื่ องราวจากการเรี ยนรู้ให้ผปู ้ กครองฟังและให้ผปู ้ กครอง
ตอบรับผลการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนกลับมาที่ครู
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
267
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกีย่ วกับการไหว้ ครูและร่ ายรํามวยไทย
ท่ าพรหมสี่ หน้ า ขั้นตอนที่ 1–3 ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้วนํามา
สนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับความนิยมในการเล่นกีฬามวยไทยทั้งในประเทศไทย ประเทศเพื่อน
บ้านหรื อประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน หรื อประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มเติม จากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น
วารสารเกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย และการเล่นกีฬา หรื อพลศึกษา สื่ ออินเตอร์เน็ต ฯลฯ
เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และตระหนักในความสําคัญของกีฬามวยไทยมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
269
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 42
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การไหว้ครู เป็ นสิ่ งที่ตอ้ งปฏิบตั ิก่อนการแข่งขันมวยไทยเสมอ ซึ่งเป็ นประเพณี ที่ปฏิบตั ิสืบต่อกันมาจนถึง
ปัจจุบนั เพื่อเป็ นการทําความเคารพต่อครู บาอาจารย์ที่เป็ นผูป้ ระสิ ทธิ์ ประสาทวิชาให้ และเป็ นการแสดงความเคารพ
ต่อประธานในพิธีการแข่งขัน รวมถึงเป็ นการถวายบังคมแด่พระมหากษัตริ ยด์ ว้ ย
ตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 1–3 มีวิธีการปฏิบตั ิดงั นี้
– ขั้นตอนที่ 1 ปฏิบตั ิโดยนั่งคุกเข่าลงกับพื้นกลางสังเวียน วางฝ่ ามือทั้งสองไว้บนต้นขา นิ้ วชี้ เข้าหากัน
กราบเบญจางคประดิษฐ์ลงบนพื้น 3 ครั้ง
– ขั้นตอนที่ 2 ปฏิบตั ิโดยเหยียดแขนไปด้านหลัง เคลื่อนสันมือไปข้าง ๆ ลําตัว ลากให้สมั ผัสพื้นจนมือทั้ง
สองมาชิดกันอยูด่ า้ นหน้า แล้วดึงมือทั้งสองมาชิดหน้าอก พนมมือ
– ขั้นตอนที่ 3 ปฏิบตั ิโดยถวายบังคมโน้มตัวไปด้านหน้า แขนทั้งสองเหยียดตึงพุ่งไปข้างหน้า แล้วยกมือ
ขึ้นเหนื อศีรษะ ตามองตามมือ ดึ งปลายนิ้วแตะหน้าผาก แล้วดันแขนเหยียดตึงขึ้นเหนื อศีรษะ ตามองตามมือ โน้ม
ตัวไปด้านหน้า พร้อมกับยืน่ มือทั้ง 2 ข้างลงกอบพื้นด้านหน้า ดึงมือเข้าหาหน้าอก พนมมือ (ปฏิบตั ิ 3 ครั้ง)
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายจุดมุ่งหมายของการปฏิบตั ิและขั้นตอนการปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย ตลอดจนเข้าร่ วมศึกษาเกี่ยวกับการไหว้ครู และ
ร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะในการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่างถูกต้องและสวยงาม (P)
270
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ความสําคัญและจุดมุ่งหมายของ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
การไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย แผนที่ความคิด*
– การฝึ กท่าไหว้ครู และร่ ายรํา
มวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า
ขั้นตอนที่ 4–7
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– การไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย (ตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 1–3)
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับการไหว้ ครูและร่ ายรํามวยไทย
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนท่าและขั้นตอนการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย และนับจํานวน
สมาชิกในกลุ่มเพื่อฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า
ขั้นตอนที่ 1–3
271
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.3 มวยไทย ใน
ประเด็นเกีย่ วกับการไหว้ ครูและร่ ายรํามวยไทยท่ าพรหมสี่ หน้ า ขั้นตอนที่ 1–3 มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับ
มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของ
นักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยของนักมวย ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกัน
เกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น
– จากภาพ นักเรี ยนทราบไหมว่านักมวยกําลังปฏิบตั ิสิ่งใด (ปฏิบัติท่าไหว้ ครู และร่ ายรํามวยไทย)
– ทําไมก่อนชกมวย นักกีฬามวยไทยจึงต้องปฏิบตั ิท่าไหว้ครู (การไหว้ ครู ต้องปฏิบัติทุกครั้ งก่ อนแข่ งขันมวย
ไทย เพื่อเป็ นการทําความเคารพต่ อครู บาอาจารย์ ที่เป็ นผู้ประสิ ทธิ์ ประสาทวิชาให้ และเป็ นการแสดงความ
เคารพต่ อประธานในพิธีการแข่ งขัน รวมถึงเป็ นการถวายบังคมแด่ พระมหากษัตริ ย์ด้วย)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับการไหว้ครู และ
ร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของ
นักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย โดยอธิบายให้
นักเรี ยนทราบถึงความสําคัญและจุดมุ่งหมายของการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อ
วีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
272
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 1–3 เพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน หรื อ
ใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด จนเกิดความชํานาญ เพื่อนําไปสู่
การศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7 ในการเรี ยนครั้งต่อไป
273
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
274
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 43
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7 มีวิธีการปฏิบตั ิดงั นี้
– ขัน้ ตอนที่ 4 ปฏิบตั ิโดยยกตัวขึ้น เข่าขวาตั้งฉาก ลําตัวตั้งตรง โน้มตัวไปข้างหน้า กระดกเท้าซ้ายขึ้น
พร้อมกับวาดแขนขนานกับพื้นออกไปด้านข้างลําตัวจนถึงด้านหน้า แล้วควงหมัดเป็ นวงกลมจากข้างหน้า 3 รอบ
โน้มตัวกลับด้านหลัง นัง่ ทับส้นเท้าซ้ายพร้อมกับชักศอกขวาไปด้านหลัง ยกแขนซ้ายป้ องหน้าโดยหงายฝ่ ามือ
ออกไปด้านหน้า หันหน้ามองศอกขวาของตนเองแล้วหันกลับ
– ขัน้ ตอนที่ 5 ปฏิบตั ิโดยโน้มตัวไปด้านหน้า ควงหมัดเป็ นวงกลมข้างหน้า 3 รอบ (ไม่ตอ้ งวาดแขนออก
ด้านข้าง) โน้มตัวกลับด้านหลัง นัง่ ทับส้นเท้าซ้ายพร้อมกับชักศอกขวาไปด้านหลัง ยกแขนซ้ายป้ องหน้าโดยหงาย
ฝ่ ามือออกไปด้านหน้า หันหน้ามองศอกขวาของตนเองแล้วหันกลับ โน้มตัวไปด้านหน้า ควงหมัดเป็ นวงกลม
ข้างหน้า 3 รอบ (ไม่ตอ้ งวาดแขนออกด้านข้าง)
– ขัน้ ตอนที่ 6 ปฏิบตั ิโดยพนมมือไว้ที่หน้าอก ลุกขึ้นยืน ลากเท้าซ้ายมาชิดเท้าขวา ขาเหยียดตรง พนมมือที่
หน้าอกแล้วโค้งไหว้ 1 ครั้ง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายขั้นตอนการปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย ตลอดจนเข้าร่ วมศึกษาเกี่ยวกับการไหว้ครู และ
ร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะในการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่างถูกต้องและสวยงาม (P)
275
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับการฝึ กท่าไหว้ครู • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 4–7 แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– การไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย (ตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7)
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกในกลุ่มเพื่อฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหม
สี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นและเขียนอธิ บายลําดับขั้นตอนการปฏิบตั ิท่าไหว้ครู
และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพเกี่ ยวกับ
ท่าการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพแสดงท่าการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า
ขั้นตอนที่ 4–7 ประกอบการจัดทําแผ่นภาพหรื อสมุดภาพ
276
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าและลองฝึ กปฏิบัตใิ นหัวข้ อ
มวยไทย ในประเด็นเกีย่ วกับการไหว้ ครูและร่ ายรํามวยไทยท่ าพรหมสี่ หน้ า ขั้นตอนที่ 4–7 มาล่วงหน้ า
ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าว
ของนักเรียน
4. ครู สอบถามนักเรี ยนในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย เพื่อตรวจสอบความรู ้ความ
เข้าใจของนักเรี ยน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนควรปฏิบตั ิตนอย่างไรขณะไหว้ครู (ตั้งใจและมีสมาธิ ปฏิบัติท่าไหว้ ครู และร่ ายรํามวยไทยตามที่
ครู สอนมา และสํารวมกิริยามารยาทให้ เหมาะสม)
– นักเรี ยนควรฝึ กมวยไทยหรื อไม่ เพราะเหตุใด (ควรฝึ ก เพราะการฝึ กมวยไทยนอกจากจะเป็ นการออก-
กําลังกายและใช้ เวลาว่ างให้ เกิดประโยชน์ แล้ ว ทักษะต่ าง ๆ ของกีฬานํามาใช้ ในการป้ องกันตัวเมื่อเกิด
เหตุร้ายหรื ออันตรายได้ รวมถึงยังเป็ นการอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมไทยให้ คงอยู่สืบไปด้ วย)
– การร่ ายรํามวยไทยถือเป็ นการอบอุ่นร่ างกายได้ หรื อไม่ อย่ างไร (ได้ เพราะมีการเคลื่อนไหวและยืดเหยียด
ส่ วนต่ าง ๆ ของร่ างกาย)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับการไหว้ครู และ
ร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7 เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการ
เรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ให้นกั เรี ยนร่ วมกันปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 1–3 ที่ได้ศึกษาและฝึ ก
ปฏิบตั ิในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมา เพื่อทบทวนความรู ้และนําไปสู่การปฏิบตั ิในท่าต่อเนื่อง ขั้นตอนที่ 4–7
ในการเรี ยนครั้งนี้
2. ครู ให้ความรู ้ประกอบการสาธิตตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7 โดย
ใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย และให้นกั เรี ยนฝึ กปฏิบตั ิตาม
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
277
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7
โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด โดยครู คอยตรวจสอบความถูกต้องในการปฏิบตั ิของนักเรี ยน
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 4–7
ให้ครู และเพื่อนดู โดยครู คอยให้คาํ แนะนําแก้ไขให้ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าหรือลองฝึ กปฏิบัตใิ นหัวข้ อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกีย่ วกับการไหว้
ครู และร่ ายรํามวยไทย ขั้นตอนที่ 8–10 ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพล
ศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่ วงหน้ า แล้ว
นํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรทบทวนและฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 1–7 เพิ่มเติมนอกเวลา
เรี ยน หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด จนเกิดความชํานาญ เพื่อ
นําไปสู่การศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10 ในการเรี ยนครั้ง
ต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
279
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 44
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10 มีวิธีการปฏิบตั ิดงั นี้
– ขั้นตอนที่ 8 ปฏิบตั ิโดยยกเข่าซ้ายขึ้น ขาท่อนบนขนานพื้น ควงหมัดเป็ นวงกลมข้างหน้า 3 รอบ วางเท้า
ซ้ายลงด้านหน้าประมาณ 1 ก้าว ยกเข่าขวาขึ้น ขาท่อนบนขนานพื้น ควงหมัดเป็ นวงกลมข้างหน้า 3 รอบ วางเท้าขวา
ลงข้างหน้าประมาณ 1 ก้าว ยกเข่าซ้าย มื อซ้ายวางบนเข่าซ้าย มื อขวายกป้ องหน้า หมุ นตัวไปทางซ้าย 2 มุ มฉาก
(กลับหลังหัน)วางเท้าซ้ายชิดเท้าขวา พนมมือไว้ที่หน้าอก โค้งไหว้ 1 ครั้ง
– ขั้นตอนที่ 9 ปฏิบตั ิโดยยกเข่าขวาขึ้น ขาท่อนบนขนานพื้น ควงหมัดเป็ นวงกลมข้างหน้า 3 รอบ วางเท้า
ขวาลงด้านหน้าประมาณ 1 ก้าว ยกเข่าซ้ายขึ้น ขาท่อนบนขนานพื้น ควงหมัดเป็ นวงกลมข้างหน้า 3 รอบ วางเท้าซ้าย
ลงข้างหน้าประมาณ 1 ก้าว ยกเข่าขวา มือขวาวางบนเข่าขวา มือซ้ายยกป้ องหน้า หมุนตัวไปทางขวา 3 มุมฉาก (หัน
หน้าเข้าหามุม) พร้อมกับวางเท้าขวาลงด้านหน้าห่ างจากเท้าซ้ายประมาณ 1 ก้าว โล้ตวั ไปด้านหน้า พนมมื อไว้ที่
ด้านหน้า โค้งไหว้ 1 ครั้ง
– ขั้นตอนที่ 10 ปฏิบตั ิโดยกํามือทั้ง 2 ข้างอย่างหลวม ๆ เสมอหน้าอกในท่าตั้งการ์ด หันหน้ามองกลับหลัง
ไปทางซ้าย (มองคู่ต่อสู้) พยักหน้า 3 ครั้ง หันหน้ามองมุ มตัวเอง ควงหมัดเป็ นวงกลมข้างหน้า 3 รอบ พร้อมกับ
กระทื บเท้าขวาลงด้านหน้า 3 ครั้ง แล้วยกเข่าซ้ายขึ้ น มือ ซ้ายวางบนเข่าซ้าย มื อขวาป้ องหน้า หมุนตัวกลับ หลัง
ทางซ้าย วางเท้าซ้ายชิดเท้าขวา ยืนตรงพนมมือไว้ที่หน้าอก โค้งไหว้ 1 ครั้ง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
280
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายขั้นตอนการปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย ตลอดจนเข้าร่ วมศึกษาเกี่ยวกับการไหว้ครู และ
ร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะในการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่างถูกต้องและสวยงาม (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับการฝึ กท่าไหว้ครู • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 8–10 แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– การไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย (ตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10)
281
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกในกลุ่มเพื่อฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหม
สี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นและเขียนอธิ บายลําดับขั้นตอนการปฏิบตั ิท่าไหว้ครู
และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพเกี่ ยวกับ
ท่าการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพแสดงท่าการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า
ขั้นตอนที่ 8–10 ประกอบการจัดทําแผ่นภาพหรื อสมุดภาพ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าและลองฝึ กปฏิบัตใิ นหัวข้ อ
มวยไทย ในประเด็นเกีย่ วกับการไหว้ ครูและร่ ายรํามวยไทยท่ าพรหมสี่ หน้ า ขั้นตอนที่ 8–10 มาล่วงหน้ า
ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าว
ของนักเรียน
4. ครู สอบถามนักเรี ยนในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทย เพื่อตรวจสอบความรู ้ความ
เข้าใจของนักเรี ยน ตัวอย่างเช่น
– ทําไมนักมวยจึงต้องสวมมงคลก่อนขึ้นแข่งขัน (เพื่อความเป็ นสิ ริมงคล)
– การโค้งไหว้ขณะไหว้ครู เป็ นการทําความเคารพบุคคลใด (ครู บาอาจารย์ ที่เป็ นผู้ประสิ ทธิ์ ประสาทวิชา
ประธานในพิธีการแข่ งขัน และถวายบังคมแด่ พระมหากษัตริ ย์)
– การควงหมัดเป็ นวงกลมในการไหว้ครู ท่าพรหมสี่ หน้าแต่ละครั้งต้องทําจํานวนกี่รอบ (3 รอบ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับการไหว้ครู และ
ร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10 เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการ
เรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
282
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ให้นกั เรี ยนร่ วมกันปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 1–7 ที่ได้ศึกษาและฝึ ก
ปฏิบตั ิในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมา เพื่อทบทวนความรู ้และนําไปสู่การปฏิบตั ิในท่าต่อเนื่อง ขั้นตอนที่ 8–10
ในการเรี ยนครั้งนี้
2. ครู ให้ความรู ้ประกอบการสาธิตตัวอย่างท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10โดย
ใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย และให้นกั เรี ยนฝึ กปฏิบตั ิตาม
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10
โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด โดยครู คอยตรวจสอบความถูกต้องในการปฏิบตั ิของนักเรี ยน
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 8–10
ให้ครู และเพื่อนดู โดยครู คอยให้คาํ แนะนําแก้ไขให้ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรี ยนแบ่ งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แต่ ละกลุ่มร่ วมกันฝึ กทบทวนปฏิบัติท่าไหว้ ครู และร่ ายรํ า
มวยไทยท่ าพรหมสี่ หน้ า ขั้นตอนที่ 1–10 นอกเวลาเรียน เพือ่ เตรียมเข้ ารับการทดสอบปฏิบัติในการเรียน
ครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรทบทวนและฝึ กปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ 1–10 เพิ่มเติมนอกเวลา
เรี ยน หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด จนเกิดความชํานาญ เพื่อเป็ น
ทักษะพื้นฐานของการเล่นกีฬามวยไทยและช่วยอนุรักษ์ศิลปะการต่อสูป้ ้ องกันตัวของไทยให้คงอยูส่ ื บไป
3. ห้องสมุดของโรงเรี ยนหรื อสื่ อต่าง ๆ เช่น วารสารเกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย และการ
เล่นกีฬา หรื อพลศึกษา สื่ ออินเตอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา
นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ
4. หนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
5. แบบฝึ กทักษะ สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
6. คู่มือการสอน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
7. สื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
284
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 45
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า ประกอบด้วยลําดับขั้นตอนการปฏิบตั ิ
ทั้งหมด 10 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1–10 ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะทําให้ทราบถึงระดับความสามารถและทักษะ
การไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยของนักเรี ยน ซึ่ งจะช่วยให้นาํ ข้อมูลที่ได้มาใช้พฒั นาทักษะดังกล่าวให้ดีข้ ึนได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายขั้นตอนการปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการทดสอบปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าด้วยความกระตือรื อร้นและมีระเบียบ
วินยั (A)
3. แสดงทักษะในการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้าอย่างถูกต้องและสวยงาม (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามทบทวนความรู้และการฝึ ก • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวย ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ไทยท่าพรหมสี่ หน้า ขั้นตอนที่ แผนที่ความคิด*
1–10
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
285
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน กีฬามวยไทย* 3 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– การทดสอบปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกในกลุ่มเพื่อเข้าร่ วมการทดสอบปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํา
มวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า
ภาษาไทย อธิ บายแนวทางการปฏิบตั ิท่าไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยท่าพรหมสี่ หน้า
ขั้นตอนที่ 1–10
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการฝึ กทบทวนปฏิบัตทิ ่ าไหว้ ครูและร่ ายรํามวยไทยท่ าพรหมสี่ หน้ า
ขั้นตอนที่ 1–10 นอกเวลาเรี ยน เพื่อเตรี ยมเข้ ารับการทดสอบ ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรี ยนครั้ งที่
ผ่ านมา โดยครู แสดงความคิดเห็นต่ อการรายงานผลของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
286
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าและฝึ กปฏิบตั ิท่าการไหว้ครู และร่ ายรํามวยไทยในท่าอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากท่า
พรหมสี่ หน้า เช่น ท่าสาวน้อยประแป้ ง ท่าหนุมานตบยุง จากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องสมุดของโรงเรี ยน
ห้องสมุดในชุมชน อินเทอร์เน็ต หรื อหนังสื อความรู ้เกี่ยวกับกีฬามวยไทย เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู ้เกี่ยวกับ
กีฬามวยไทยและเป็ นการร่ วมอนุรักษ์ศิลปะการต่อสูข้ องไทยให้คงอยูส่ ื บไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
288
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 46
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทย ผูฝ้ ึ กหัดควรเริ่ มฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยม ทักษะการใช้หมัด
ทักษะการใช้ศอก และทักษะการใช้เข่า โดยในการเรี ยนครั้งนี้ นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู ้และฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะท่าตั้งการ์ ด
หรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัด โดย
การฝึ กทักษะท่ าตั้งการ์ ดหรื อท่ าเตรี ยม ปฏิบตั ิโดยก้าวเท้าข้างใดข้างหนึ่งไปข้างหน้า ยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นกํา
หลวม ๆ เสมอไหล่
การฝึ กทั กษะการใช้ หมัด ประกอบด้วยหมัดแย็บและหมัดตรง โดยหมัดแย็บเริ่ มจากท่าตั้งการ์ ด เหยียด
แขนข้างเดี ยวกับเท้าที่อยูด่ า้ นหน้าพุ่งตรงไปข้างหน้า มือควํ่าหมัด และหมัดตรงเริ่ มจากท่าตั้งการ์ ด ถ่ายนํ้าหนักตัว
จากไหล่ไปยังมือที่กาํ หมัด พร้อมกับเหยียดแขนข้างเดียวกับเท้าที่อยูด่ า้ นหลังพุง่ ตรงไปข้างหน้า มือควํ่าหมัด
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัดอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัด
ด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัดอย่างถูกต้องได้ (P)
289
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับตัวอย่างการฝึ ก • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและ แผนที่ความคิด*
ทักษะการใช้หมัด
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม ฝึ กฝนท่ าไหว้ ครู ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
และเรี ยนรู้ รํามวยไทย พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– ตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทย
1. การฝึ กทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยม
2. การฝึ กทักษะการใช้หมัด
290
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับทักษะพืน้ ฐานมวยไทยในทักษะท่ าตั้งการ์ ดหรือท่ าเตรียมและทักษะการ
ใช้ หมัด
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกหรื อจํานวนผูฝ้ ึ กและอุปกรณ์ในการฝึ กทักษะพื้นฐาน
มวยไทย นับจํานวนครั้งหรื อนับจังหวะในการฝึ กทักษะการใช้หมัด
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับวิธีการฝึ ก
ทักษะพื้นฐานมวยไทย ในทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัด
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนภาพแสดงวิธีปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทย ในทักษะ
ท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัด
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพแสดงการปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทย ในทักษะท่า
ตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัด
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ฝึ กฝนท่ าไหว้ ครู และเรี ยนรู้รํามวยไทย ตามที่
ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรียน
และให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
4. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.3
มวยไทย ในประเด็นเกีย่ วกับตัวอย่ างการฝึ กทักษะพืน้ ฐานมวยไทย ในหัวข้ อย่อยที่ 1. การฝึ กทักษะท่ าตั้ง
การ์ ดหรือท่ าเตรียม และหัวข้ อย่ อยที่ 2. การฝึ กทักษะการใช้ หมัด มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายใน
การเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครู แสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
5. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการต่อสูใ้ นกีฬามวยไทยที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ อง
ดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– กีฬามวยไทยใช้อวัยวะส่วนใดของร่ างกายได้บา้ ง (ใช้ อวัยวะทุกส่ วนของร่ างกายได้ เช่ น ศีรษะ มือ ศอก
เข่ า แข้ ง และเท้ า)
291
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าหรื อดูสื่อวีดิทศั น์แสดงการฝึ กทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและทักษะการใช้หมัด
เพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด และฝึ ก
ปฏิบตั ิตามเพื่อให้เกิดความแม่นยําและชํานาญในการปฏิบตั ิมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
294
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 47
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้ศอก ซึ่ง
ประกอบด้วย ศอกตี ศอกงัด ศอกสับ และศอกกลับ โดยศอกตีเริ่ มจากท่าตั้งการ์ด งอแขนข้างเดียวกับเท้าที่อยู่
ด้านหน้า เหวี่ยงศอกไปข้างลําตัวแล้วพุง่ กลับมายังเป้ าหมาย ตําแหน่งของมือข้างที่เหวีย่ งศอกอยูร่ ะดับอก ศอกงัด
เริ่ มจากท่าตั้งการ์ด งอแขนข้างเดียวกับเท้าที่อยูด่ า้ นหน้าเหวี่ยงศอกจากด้านล่างของลําตัวพุง่ ไปยังเป้ าหมายด้านบน
ศอกสับเริ่ มจากท่าตั้งการ์ด งอแขนข้างเดียวกับเท้าที่อยูด่ า้ นหลัง เหวี่ยงศอกจากด้านบนของศีรษะพุง่ ไปยังเป้ าหมาย
ด้านล่าง และศอกกลับ เริ่ มจากท่าตั้งการ์ด งอแขน เหวี่ยงศอกไปด้านหลังพร้อมกับหมุนลําตัว 1 รอบ ให้ศอกพุง่ ไป
ยังเป้ าหมายที่อยูด่ า้ นหลัง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้ศอกอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้ศอกด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้ศอกอย่างถูกต้องได้ (P)
295
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับตัวอย่างการฝึ ก • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
การใช้ศอก แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– ตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทย (ต่อ)
3. การฝึ กทักษะการใช้ศอก
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้ศอก
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกหรื อจํานวนผูฝ้ ึ กและอุปกรณ์ในการฝึ กทักษะพื้นฐานมวย
ไทย นับจํานวนครั้งหรื อนับจังหวะในการฝึ กทักษะการใช้ศอก
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับวิธีการฝึ ก
ทักษะพื้นฐานมวยไทย ในทักษะการใช้ศอก
296
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คนออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.3 มวยไทย ใน
ประเด็นเกีย่ วกับตัวอย่ างการฝึ กทักษะพืน้ ฐานมวยไทย (ต่ อ) ในหัวข้ อย่ อยที่ 3. การฝึ กทักษะการใช้ ศอก
มาล่ วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติ
กิจกรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการใช้ศอกเข้าต่อสูใ้ นกีฬามวยไทยที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับ
ความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพ นักมวยใช้ทกั ษะใดในการต่อสู้ (ทักษะการใช้ ศอก)
– ทักษะการใช้ศอกในกีฬามวยไทยมีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง (4 รู ปแบบ ได้ แก่ ศอกตี ศอกงัด ศอกสับ และ
ศอกกลับ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับตัวอย่างการฝึ ก
ทักษะพื้นฐานมวยไทย (ต่อ) ในหัวข้อย่อยที่ 3. การฝึ กทักษะการใช้ศอก เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วน
ร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัคร 1–2 คนออกมาแสดงทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยมและ
ทักษะการใช้หมัดให้เพื่อนและครู ดูหน้าชั้นเรี ยน เพื่อเป็ นการทบทวนการเรี ยนรู ้และการฝึ กปฏิบตั ิในการ
เรี ยนครั้งที่ผา่ นมา โดยครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิของนักเรี ยน พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิม่ เติม
2. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.3 มวยไทย ในประเด็นเกี่ยวกับตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทย (ต่อ) ใน
หัวข้อย่อยที่ 3. การฝึ กทักษะการใช้ศอก โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดู
ประกอบการอธิบาย
297
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าหรื อดูสื่อวีดิทศั น์แสดงการฝึ กทักษะการใช้ศอกเพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน หรื อใช้เวลาใน
กิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด และฝึ กปฏิบตั ิตามเพื่อให้เกิดความแม่นยําและ
ชํานาญในการปฏิบตั ิมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
299
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 48
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้เข่า ซึ่ง
ประกอบด้วย เข่าตรง เข่าโค้ง โดยเข่ าตรงเริ่ มจากท่าตั้งการ์ด มือทั้ง 2 ข้างจับคอคู่ต่อสูโ้ น้มลงมา งอเข่าพร้อมกับส่ง
แรงจากสะโพกพุง่ ไปยังเป้ าหมายตรง ๆ ความสูงเหนือเอว และเข่ าโค้ งเริ่ มจากท่าตั้งการ์ด มือทั้ง 2 ข้างจับคอคู่ต่อสู้
โน้มลงมา งอเข่าพร้อมกับส่งแรงจากสะโพกเหวี่ยงเข่าไปทางด้านข้างลําตัว บิดสะโพก กดหัวเข่าพุง่ ไปยังเป้ าหมาย
กติกาการแข่งขันกีฬามวยไทย การแข่งขันจะมีท้ งั หมด 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที และไม่มี
การเพิ่มยก โดยผูต้ ดั สิ นต้องให้คะแนนแก่ผแู ้ ข่งขันตามจํานวนของการชกที่ถูกต้องตามแบบของมวยไทย ซึ่งทําให้คู่
ต่อสูไ้ ม่สามารถป้ องกันและทําให้เป็ นฝ่ ายเสี ยเปรี ยบถือว่า ได้คะแนน และมีขอ้ ห้ามในการแข่งขันที่สาํ คัญ เช่น ห้าม
ใช้ศีรษะกระแทกหรื อโขกคู่ต่อสู้ ห้ามกัด ควัก หรื อกดลูกตา จิกผม ถ่มนํ้าลายใส่คู่ต่อสู้ เป็ นต้น
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้เข่า และกติกาการแข่งขันกีฬามวยไทยอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้เข่า และกติกาการแข่งขันกีฬามวยไทยด้วย
ความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะการใช้เข่าอย่างถูกต้อง และสามารถสื่ อสารเกี่ยวกับกติกาการแข่งขัน
กีฬามวยไทยให้ผอู ้ ื่นเข้าใจได้ (P)
300
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐาน ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
มวยไทย ในทักษะการใช้เข่า แผนที่ความคิด*
– กติกาการแข่งขันกีฬามวยไทย
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– ตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทย (ต่อ)
4. การฝึ กทักษะการใช้เข่า
– กติกาการแข่งขันกีฬามวยไทย
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกี่ยวกับทักษะพืน้ ฐานมวยไทยในทักษะการใช้ เข่ าและกติกาการแข่ งขันกีฬา
มวยไทย
301
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คนออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.3 มวยไทย ใน
ประเด็นเกีย่ วกับตัวอย่ างการฝึ กทักษะพืน้ ฐานมวยไทย (ต่ อ) ในหัวข้ อย่ อยที่ 4. การฝึ กทักษะการใช้ เข่ า
และประเด็นเกีย่ วกับกติกาการแข่ งขันกีฬามวยไทย มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่
ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบตั กิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการใช้เข่าเข้าต่อสูใ้ นกีฬามวยไทยและการแข่งขันกีฬามวยไทย ที่ครู เตรี ยมมา แล้ว
สนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน และตอบคําถาม
ร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพ นักมวยใช้ทกั ษะใดในการต่อสู้ (ทักษะการใช้ เข่ า)
– ทักษะการใช้เข่าในกีฬามวยไทยมีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง (2 รู ปแบบ ได้ แก่ เข่ าตรง เข่ าโค้ ง)
– การที่นกั กีฬามวยไทยใช้เข่าในการต่อสูก้ บั คู่แข่งขันถือว่าเป็ นการกระทําที่ผดิ กติกาหรื อไม่ (ไม่ ผิด
กติกา เพราะการใช้ เข่ าเป็ นอีกทักษะหนึ่งของกีฬามวยไทย)
302
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้ากติกาการแข่งขันกีฬามวยไทยหรื อดูสื่อวีดิทศั น์แสดงการฝึ กทักษะการใช้เข่าและการ
แข่งขันกีฬามวยไทยเพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน หรื อใช้เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรี ยนเพิ่มเวลารู้ตามที่
สถานศึกษากําหนด และฝึ กปฏิบตั ิตามเพื่อให้เกิดความแม่นยําและชํานาญในการปฏิบตั ิมากยิง่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
305
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 49
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง มวยไทย (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทย ประกอบด้วย ทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยม ทักษะการใช้หมัด
ทักษะการใช้ศอก และทักษะการใช้เข่า ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะทําให้ทราบถึงระดับความสามารถและทักษะ
พื้นฐานมวยไทยของนักเรี ยน ซึ่งจะช่วยให้นาํ ข้อมูลที่ได้มาใช้พฒั นาทักษะดังกล่าวให้ดีข้ ึนได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทยอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานมวยไทยอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามทบทวนความรู้และการ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ฝึ กปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะพื้นฐาน ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
มวยไทย แผนที่ความคิด*
306
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน กีฬามวยไทย* 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.3 มวยไทย (ต่อ)
– การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทย
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิกหรื อจํานวนผูเ้ ข้าร่ วมทดสอบทักษะพื้นฐานมวยไทย
นับจํานวนครั้งหรื อนับจังหวะในการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทย
ภาษาไทย อธิ บายแนวทางการปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยในทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อ
ท่าเตรี ยม ทักษะการใช้หมัด ทักษะการใช้ศอก และทักษะการใช้เข่า
307
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการฝึ กปฏิบัตทิ ักษะพืน้ ฐานมวยไทย นอกเวลาเรียน เพือ่ เตรียม
เข้ ารับการทดสอบ ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการ
รายงานผลของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ทบทวนความรู้ในประเด็นเกี่ยวกับตัวอย่างการฝึ กทักษะพื้นฐานมวยไทย โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์
ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนเข้ารับการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทย ซึ่งประกอบด้วยทักษะท่าตั้งการ์ดหรื อท่าเตรี ยม
ทักษะการใช้หมัด ทักษะการใช้ศอก และทักษะการใช้เข่าโดยทําการทดสอบเป็ นรายบุคคล เรี ยงตามลําดับชื่อ
จนครบทุกคน โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด
2. ครู สรุ ปผลการทดสอบปฏิบตั ิให้นกั เรี ยนทราบ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อการทดสอบการปฏิบตั ิของ
นักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม ข้ อไหนถูก ข้ อไหนผิด ช่ วยกันคิดให้ ถ้วนถี่ ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจก
ให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. สุ่ มนักเรี ยนประมาณ 2–3 คนออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยนโดยครู คอยเสนอแนะและ
ให้ความรู ้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้นกั เรี ยนร่ วมกันตรวจสอบแก้ไขคําตอบให้ถูกต้อง
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
308
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในหัวข้ อที่ 3.4 ตะกร้ อวง ในประเด็นเกีย่ วกับลักษณะและความสํ าคัญ
ของการเล่นตะกร้ อวง ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือ
จากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนา
ร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรชักชวนเพื่อนหรื อสมาชิกในครอบครัวร่ วมฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานมวยไทยหรื อเล่นกีฬามวยไทย
เพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน เพื่อเป็ นการออกกําลังกายสร้างเสริ มสุ ขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง นอกจากนี้ยงั สามารถ
นําไปใช้ในชีวิตประจําวันสําหรับป้ องกันตัวหากเกิดภัยอันตราย รวมถึงเป็ นการอนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้
ป้ องกันตัวของไทยให้คงอยูส่ ื บไปด้วย
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่ไม้มวยไทย จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น ห้องสมุดของโรงเรี ยน
สื่ ออินเตอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ
เสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
310
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 50
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง
1. สาระสํ าคัญ
ตะกร้อวงเป็ นการละเล่นที่สร้างความสนุ กสนานและสร้างเสริ มสุ ขภาพให้กบั ผูเ้ ล่น ซึ่ งมีลกั ษณะการเล่น
โดยผูเ้ ล่นยืนเป็ นวงกลม ทีมละ 5 คน ช่วยกันเตะลูกตะกร้อ เลี้ยงรับ–ส่ งประคองไม่ให้ลูกตะกร้อตกพื้น โดยใช้เท้า
เข่า และศีรษะในการเล่นลูก
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะและความสําคัญของการเล่นตะกร้อวงอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการเล่นตะกร้อวง ตลอดจนเข้าร่ วมศึกษาเกี่ยวกับลักษณะและความสําคัญของ
การเล่นตะกร้อวงด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการสื่ อสารเกี่ยวกับลักษณะและความสําคัญของการเล่นตะกร้อวงให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับประสบการณ์ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
และความรู ้ความเข้าใจในเรื่ อง ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ตะกร้อวง แผนที่ความคิด*
311
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง
– ลักษณะและความสําคัญของการเล่นตะกร้อวง
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมาของกีฬาตะกร้อวงในประเทศไทย
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับตะกร้ อวง
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนสมาชิก/จํานวนผูเ้ ล่น/อุปกรณ์ในการเล่นตะกร้อวง
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับลักษณะและ
ความสําคัญของการเล่นตะกร้อวง
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผ่น ภาพความรู ้ เกี่ ยวกับ ลักษณะและความสําคัญ ของ
การเล่นตะกร้อวง
312
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.4 ตะกร้ อวง ใน
ประเด็นเกีย่ วกับลักษณะและความสํ าคัญของการเล่นตะกร้ อวง มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการ
เรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการเล่นตะกร้อวงที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู้ในเรื่ อง
ดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพคือกีฬาชนิดใด (ตะกร้ อวง)
– นักเรี ยนเคยเล่นกีฬาหรื อการละเล่นดังกล่าวหรื อไม่ (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น ไม่ เคยเล่ น แต่ เคยพบเห็น
การละเล่ นดังกล่ าวในชุมชน)
– นักเรี ยนคิดว่าตะกร้อวงกับเซปักตะกร้อต่างกันหรื อไม่ อย่างไร (ต่ างกัน โดยตะกร้ อวง ผู้เล่ นจะยืนเป็ น
วงกลม ทีมละ 5 คน ช่ วยกันเตะลูกตะกร้ อเลีย้ งรั บ–ส่ งไม่ ให้ ลกู ตะกร้ อตกลงพืน้ แต่ เซปั กตะกร้ อจะแบ่ ง
ผู้เล่ นเป็ น 2 ที ม ทีมละ 3 คน เล่ นโดยโต้ ตะกร้ อข้ ามตาข่ ายเพื่อให้ ลงในแดนของคู่ต่อสู้)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คน มาเล่าประสบการณ์ในการเข้าร่ วมกิจกรรมการเล่นตะกร้อวงทั้งในฐานะผู ้
เล่นหรื อผูด้ ู ออกมาเล่าประสบการณ์ที่มีให้เพื่อน ๆ ฟังหน้าชั้นเรี ยน
6. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.4 ตะกร้อวง ในประเด็นเกี่ยวกับลักษณะและ
ความสําคัญของการเล่นเซปักตะกร้อ เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของ
นักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้ในหัวข้อที่ 3.4 ตะกร้อวง ในประเด็นเกี่ยวกับลักษณะและความสําคัญของการเล่นตะกร้อวง
และให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมาของตะกร้อวง โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่
เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย พร้อมทั้งนําลูกตะกร้อของจริ งที่ใช้เล่นมาให้นกั เรี ยนดู
ประกอบด้วย
313
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้าเพิม่ เติมเกีย่ วกับลักษณะการเล่นและชื่อเรียกกีฬาตะกร้ อในประเทศกลุ่มสมาชิก
อาเซียน เช่ น เมียนมา เรียกกีฬาตะกร้ อว่ า ชินลง (Ching long) ลาว เรียกกีฬาตะกร้ อว่ า กะต้อ (Kator) เป็ น
ต้ น จากแหล่ งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น ห้ องสมุดของโรงเรียน สื่ ออินเตอร์ เน็ต ฯลฯ เพือ่ เสริมสร้ างการเรียนรู้และ
ความสามารถในด้ านทักษะทางภาษา
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
316
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 51
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวง ประกอบด้วยการฝึ กท่าเตรี ยมพร้อม การเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน การเตะ
ลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วยศี รษะ ซึ่ งในการเรี ยนครั้งนี้ นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้ และฝึ ก
ปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน ดังนี้
ท่ าเตรี ยมพร้ อม เริ่ มจากการยืนแยกเท้าระยะห่างระหว่างเท้าทั้ง 2 ข้าง ประมาณ 1 ช่วงไหล่ ย่อเข่าทั้ง 2 ข้าง
ลงเล็กน้อย งอศอกยกแขนขึ้นไว้ดา้ นข้างลําตัว
การเตะลูกด้ วยข้ างเท้ าด้ านใน เริ่ มจากท่าเตรี ยมพร้อม ยกข้างเท้าด้านในของเท้าข้างที่ ถนัดเตะลูกตะกร้อ
โดยให้ปลายเท้าและส้นเท้าขนานกับพื้น
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในอย่างถูกต้องได้
(K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในด้วย
ความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในอย่างถูกต้องได้ (P)
317
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับทักษะพื้นฐาน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
การเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง (ต่อ)
– การฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวง
1. ท่าเตรี ยมพร้อม
2. การเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ คาดคะเนระยะห่างของเท้าในการฝึ กท่าเตรี ยมพร้อมในการเล่นตะกร้อวงและ
นับจํานวนครั้งในการเล่นลูกด้วยข้างเท้าด้านใน
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นและเขียนอธิ บายวิธีการปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อ
วงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน
318
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในหัวข้ อที่ 3.4 ตะกร้ อวง ใน
ประเด็นเกีย่ วกับการฝึ กทักษะพืน้ ฐานตะกร้ อวง ในหัวข้ อย่ อยที่ 1. ท่ าเตรียมพร้ อม และหัวข้ อย่ อยที่ 2.
การเตะลูกด้ วยข้ างเท้ าด้ านใน มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดง
ความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการเล่นตะกร้อวงในรู ปแบบต่าง ๆ เช่น เล่นด้วยเท้า เล่นด้วยศีรษะ เล่นด้วยเข่า ที่
ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– การเล่นตะกร้อวงใช้อวัยวะส่วนใดในร่ างกายเล่นลูกได้บา้ ง (การเล่ นตะกร้ อวงสามารถใช้ ได้ ทั้งเท้ า เข่ า
และศีรษะในการเล่ นลูก)
– ตะกร้อวงมีลกั ษณะการเล่นอย่างไร (ผู้เล่ นยืนเป็ นวงกลม ที มละ 5 คน ช่ วยกันเตะลูกตะกร้ อ เลีย้ งรั บ–
ส่ งประคองไม่ ให้ ลกู ตะกร้ อตกพืน้ โดยใช้ เท้ า เข่ า และศีรษะในการเล่ นลูก)
– ท่าเตรี ยมพร้อมในการเล่นตะกร้อวง แขนทั้งสองข้างของผูเ้ ล่นควรอยูใ่ นลักษณะใด (งอศอกยกแขนขึน้
ไว้ ด้านข้ างลําตัว)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.4 ตะกร้อวง ในประเด็นเกี่ยวกับการฝึ กทักษะ
พื้นฐานตะกร้อวง ในหัวข้อย่อยที่ 1. ท่าเตรี ยมพร้อม และหัวข้อย่อยที่ 2. การเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน
เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้ประกอบการสาธิตการฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้าง
เท้าด้านใน โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย และให้นกั เรี ยน
ฝึ กปฏิบตั ิตาม
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
319
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูก
ด้วยข้างเท้าด้านใน โดยใช้เวลาตามที่ ครู กาํ หนด โดยครู คอยตรวจสอบความถูกต้องในการปฏิบตั ิ ของ
นักเรี ยน
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงทักษะพื้นฐานตะกร้อวง ในทักษะท่าเตรี ยมพร้อมและการ
เตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในให้ครู และเพื่อนดู โดยครู คอยให้คาํ แนะนําแก้ไขให้ถูกต้องเพิ่มเติม
2. แต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันแข่งขันการเล่นลูกในอากาศด้วยทักษะการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน กลุ่มใด
สามารถเล่นลูกด้วยทักษะดังกล่าวได้นานที่สุดหรื อได้มากครั้งที่สุด โดยลูกตะกร้อไม่ตกพื้น เป็ นกลุ่มที่
ชนะ ให้เพื่อน ๆ ปรบมือให้
3. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน และให้ความรู ้และคําแนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนฝึ กปฏิบัตทิ บทวนทักษะพืน้ ฐานตะกร้ อวงในท่ าเตรียมพร้ อมและการเตะลูกด้ วยข้ าง
เท้ าด้ านใน เพิ่มเติมนอกเวลาเรียน เพื่อเตรียมเข้ ารั บการทดสอบพืน้ ฐานตะกร้ อวง ครั้งที่ 1 ในการเรียน
ครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในเพิ่มเติม
นอกเวลาเรี ยนจนเกิดความชํานาญ เพื่อนําไปสู่การเรี ยนรู ้และฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงอื่น ๆ ในการ
เรี ยนครั้งต่อไป
5. ห้องสมุดของโรงเรี ยนหรื อสื่ อต่าง ๆ เช่น วารสารเกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย และการ
เล่นกีฬา หรื อพลศึกษา สื่ ออินเตอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา
นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ
6. หนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
7. แบบฝึ กทักษะ สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
8. คู่มือการสอน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
9. สื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
321
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 52
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวง ครั้งที่ 1 ประกอบด้วย ท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้าง
เท้าด้านใน ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะทําให้ทราบถึงระดับความสามารถและทักษะพื้นฐานตะกร้อวงของนักเรี ยน
ซึ่งจะช่วยให้นาํ ข้อมูลที่ได้มาใช้พฒั นาทักษะดังกล่าวให้ดีข้ ึนได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในอย่างถูกต้องได้
(K)
2. เข้าร่ วมรับการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน
ตามที่กาํ หนดด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานตะกร้อวงตามข้อกําหนดในการทดสอบทักษะในการเล่นกีฬาตามที่กาํ หนดได้ (P)
322
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามทบทวนความรู้และการฝึ ก • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะพื้นฐาน ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและ แผนที่ความคิด*
การเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน พื้นฐานตะกร้อวง 3 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง (ต่อ)
– การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวง ครั้งที่ 1 (ท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน)
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ วางตําแหน่งของเท้าและจัดตําแหน่งของร่ างกายในการทดสอบทักษะพื้นฐาน
ตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อม และนับจํานวนครั้งที่ได้ในการเตะลูกด้วยข้างเท้า
ด้านในภายในเวลาที่กาํ หนด
ภาษาไทย อธิ บายวิธีการปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูก
ด้วยข้างเท้าด้านใน
323
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการฝึ กปฏิบัตทิ ักษะพืน้ ฐานตะกร้ อวงในท่ าเตรียมพร้ อมและ
การเตะลูกด้ วยข้ างเท้ าด้ านในนอกเวลาเรียน เพือ่ เตรียมเข้ ารับการทดสอบ ตามที่ได้ รับมอบหมายในการ
เรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการรายงานผลของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ทบทวนความรู้ในประเด็นเกี่ยวกับทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้าง
เท้าด้านใน โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนเข้ารับการทดสอบปฏิบตั ิพ้ืนฐานตะกร้อวง ครั้งที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยทักษะในท่าเตรี ยมพร้อมและ
การเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านใน โดยทําการทดสอบเป็ นรายบุคคล เรี ยงตามลําดับชื่อ จนครบทุกคน โดยครู
คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด
2. ครู สรุ ปผลการทดสอบปฏิบตั ิให้นกั เรี ยนทราบ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อการทดสอบการปฏิบตั ิของ
นักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนนําผลการทดสอบทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในที่
ตนเองได้รับ บันทึกความรู้สึกและผลการทดสอบลงในสมุดบันทึก
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
324
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าหรือลองฝึ กปฏิบัตใิ นหัวข้ อที่ 3.4 ตะกร้ อวง ในประเด็นเกีย่ วกับการฝึ ก
ทักษะพืน้ ฐานตะกร้ อวง (ต่อ) ในหัวข้ อย่อยที่ 3. การเตะลูกด้ วยหลังเท้ า หัวข้ อย่ อยที่ 4. การเล่นลูกด้ วย
เข่ า และหัวข้ อย่อยที่ 5. การเล่ นลูกด้ วยศีรษะ ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา
และพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มา
ล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรนําผลการทดสอบทักษะตะกร้อวง ในท่าเตรี ยมพร้อมและการเตะลูกด้วยข้างเท้าด้านในมาใช้ใน
การปรับปรุ งทักษะและความสามารถของตนเองให้ดีข้ ึน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
326
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 53
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า
การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะ โดย
การเตะลูกด้ วยหลังเท้ า เริ่ มจากท่าเตรี ยมพร้อม ยกหลังเท้าข้างที่ถนัดเตะลูกตะกร้อ โดยให้ลูกตะกร้อถูก
หลังเท้าบริ เวณโคนนิ้วเท้า กระดกปลายเท้าขึ้น
การเล่ นลูกด้ วยเข่ า เริ่ มจากท่าเตรี ยมพร้อม ก้าวเท้าข้างไม่ถนัดเข้าหาลูก ยกเข่าข้างที่ถนัดรับลูกโดยตั้งเข่า
ทํามุมกับพื้น 90 องศา ปลายเท้าชี้ลงพื้น ตําแหน่งที่ลูกตะกร้อสัมผัสเข่าบริ เวณหน้าขาเหนือสะบ้า
การเล่ นลูกด้ วยศีรษะ เริ่ มจากท่าเตรี ยมพร้อม ย่อเข่าเอนตัวไปด้านหลัง ตามองลูกตะกร้อ สปริ งข้อเท้า
เหยียดลําตัวและเท้าทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับโยกตัวไปข้างหน้าโหม่งลูกตะกร้อ ตําแหน่งที่ลูกตะกร้อสัมผัสศีรษะบริ เวณ
หน้าผากด้านบนหรื อแง่ศีรษะ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วย
ศีรษะอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่น
ลูกด้วยศีรษะด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะอย่าง
ถูกต้องได้ (P)
327
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับทักษะพื้นฐาน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ตะกร้อวงในการเตะลูกด้วย ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
หลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และ แผนที่ความคิด*
การเล่นลูกด้วยศีรษะ
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม ทักษะตะกร้ อวง ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ที่ฉันชื่ นชอบ ลองเขียนตอบ พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
พร้ อมบอกวิธีฝึก ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง (ต่อ)
– ทักษะพื้นฐานตะกร้อวง (ต่อ)
3. การเตะลูกด้วยหลังเท้า
4. การเล่นลูกด้วยเข่า
5. การเล่นลูกด้วยศีรษะ
328
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนครั้งในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูก
ด้วยศีรษะ คาดคะเนการตั้งเข่าทํามุมกับพื้นในการเล่นลูกด้วยเข่า
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็นและเขียนอธิ บายวิธีการปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อ
วงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. สุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าและลองฝึ กปฏิบัตใิ นหัวข้ อ
ที่ 3.4 ตะกร้ อวง ในประเด็นเกีย่ วกับการฝึ กทักษะพืน้ ฐานตะกร้ อวง (ต่ อ) ในหัวข้ อย่ อยที่ 3. การเตะลูก
ด้ วยหลังเท้ า หัวข้ อย่อยที่ 4. การเล่นลูกด้ วยเข่ า และหัวข้ อย่อยที่ 5. การเล่นลูกด้ วยศีรษะ มาล่วงหน้ า
ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าว
ของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการเตะลูกตะกร้อด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะ ที่ครู
เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– ถ้านักเรี ยนจะโหม่งลูกตะกร้อควรให้ลูกตะกร้อสัมผัสบริ เวณใด (สัมผัสศีรษะบริ เวณหน้ าผากด้ านบน
หรื อแง่ ศีรษะ)
– การเล่นลูกด้วยเข่า ผูเ้ ล่นควรยกเข่าทํามุมกับพื้นเท่าใด จึงจะเป็ นมุมที่เหมาะสมมากที่สุด (ทํามุมกับพืน้
90 องศา)
– ถ้าลูกตะกร้อลอยมาตรงบริ เวณด้านหน้านักเรี ยน แต่มีระยะไกลจากตัว นักเรี ยนคิดว่าควรจะเล่นลูกด้วย
ข้างเท้าด้านในหรื อหลังเท้าจึงจะเหมาะสม (ควรเล่ นลูกด้ วยหลังเท้ า เพราะเป็ นระยะที่เท้ าสามารถยื่น
ออกไปรั บลูกได้ ทันและมีมมุ ที่ พอดีกันเนื่องจากหลังเท้ าหั นออกทางด้ านหน้ า ซึ่ งพอดีกับทิศทางของ
ลูกที่ ลอยมาด้ านหน้ าด้ วยนั่นเอง)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.4 ตะกร้อวง ในประเด็นเกี่ยวกับการฝึ กทักษะ
พื้นฐานตะกร้อวง (ต่อ) ในหัวข้อย่อยที่ 3. การเตะลูกด้วยหลังเท้า หัวข้อย่อยที่ 4. การเล่นลูกด้วยเข่า และ
329
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรฝึ กปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูก
ด้วยศีรษะเพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยนหรื อในช่วงเวลาการจัดกิจกรรมลดเวลาเรี ยนเพิม่ เวลารู ้ตามที่สถานศึกษา
กําหนดอย่างสมํ่าเสมอจนเกิดความชํานาญ เพื่อเป็ นทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาตะกร้อวง และเสริ มสร้าง
สุ ขภาพร่ างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
331
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 54
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวง ครั้งที่ 2 ประกอบด้วย การเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วย
เข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะ ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะทําให้ทราบถึงระดับความสามารถและทักษะพื้นฐาน
ตะกร้อวงของนักเรี ยน ซึ่งจะช่วยให้นาํ ข้อมูลที่ได้มาใช้พฒั นาทักษะดังกล่าวให้ดีข้ ึนได้
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วย
ศีรษะอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมรับการทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการ
เล่นลูกด้วยศีรษะตามที่กาํ หนดด้วยความสนใจ กระตือรื อร้น และมีระเบียบวินยั (A)
3. แสดงทักษะพื้นฐานตะกร้อวงตามข้อกําหนดในการทดสอบทักษะในการเล่นกีฬาตามที่กาํ หนดได้ (P)
332
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามทบทวนความรู้และการฝึ ก • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ปฏิบตั ิเกี่ยวกับทักษะพื้นฐาน ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ตะกร้อวงในการเตะลูกด้วย แผนที่ความคิด*
หลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และ
การเล่นลูกด้วยศีรษะ
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน พื้นฐานตะกร้อวง 3 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง (ต่อ)
– การทดสอบปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวง ครั้งที่ 2 (การเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และ
การเล่นลูกด้วยศีรษะ)
333
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนครั้งที่ได้ในการเตะลูกตะกร้อด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และ
การเล่นลูกด้วยศีรษะภายในเวลาที่กาํ หนด
ภาษาไทย อธิ บายวิธีการปฏิบตั ิทกั ษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การ
เล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการฝึ กปฏิบัตทิ ักษะพืน้ ฐานตะกร้ อวงในการเตะลูกด้ วยหลังเท้ า
การเล่ นลูกด้ วยเข่ า และการเล่นลูกด้ วยศีรษะนอกเวลาเรียน เพือ่ เตรียมเข้ ารับการทดสอบ ตามที่ได้ รับ
มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่อการรายงานผลของนักเรียนและให้
คําแนะนําเพิม่ เติม
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ทบทวนความรู้ในประเด็นเกี่ยวกับทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วย
เข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนเข้ารับการทดสอบปฏิบตั ิพ้ืนฐานตะกร้อวง ครั้งที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยทักษะการเตะลูกด้วยหลังเท้า
การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูกด้วยศีรษะ โดยทําการทดสอบเป็ นรายบุคคล เรี ยงตามลําดับชื่อ จนครบ
ทุกคน โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด
2. ครู สรุ ปผลการทดสอบปฏิบตั ิให้นกั เรี ยนทราบ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อการทดสอบการปฏิบตั ิของ
นักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนนําผลการทดสอบทักษะพื้นฐานตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการ
เล่นลูกด้วยศีรษะที่ตนเองได้รับ บันทึกความรู้สึกและผลการทดสอบลงในสมุดบันทึก
334
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรนําผลการทดสอบทักษะตะกร้อวงในการเตะลูกด้วยหลังเท้า การเล่นลูกด้วยเข่า และการเล่นลูก
ด้วยศีรษะมาใช้ในการปรับปรุ งทักษะและความสามารถของตนเองให้ดีข้ ึน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
336
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 55
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
กติกาการแข่งขันตะกร้อวงในประเด็นที่สาํ คัญซึ่งนักเรี ยนควรได้เรี ยนรู ้ มีดงั นี้
– สนามที่ ใช้ แข่ งขัน พื้นสนามมีวงกลมอยู่ตรงกลาง 2 วง ทั้ง 2 วงมีจุดศูนย์กลางร่ วมกัน วงกลมในมีเส้น
ผ่านศูนย์กลาง 4 เมตร วงกลมนอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตร
– ลูกตะกร้ อ ทําด้วยหวายหรื อใยสังเคราะห์ช้ นั เดียว มี 12 รู กับ 20 จุดตัดไขว้
– จํานวนผู้เล่ น ทีมละ 6 คน ผูล้ งเล่นในสนาม 5 คน สํารอง 1คน)
– ตําแหน่ งการเล่ น ผูเ้ ล่นทุกคนยืนหันหน้าเข้าหาวงกลมในยืนเรี ยงตามตําแหน่ งหมายเลขที่ 1, 3, 5, 2, 4
ตามเข็มนาฬิกาหรื อทวนเข็มนาฬิกาก็ได้ ส่งลูกวนตามลําดับเลขไปเรื่ อย ๆ
– การเล่ นลูกเล่นแต่ละคนสามารถเล่นลูกได้ไม่เกิน 3 ครั้งติดต่อกัน และในขณะที่ส่งลูก เท้าของผูเ้ ล่นต้อง
ยืนอยูใ่ นพื้นที่แข่งขันจึงจะได้คะแนน
– เวลาที่ ใช้ ในการแข่ งขัน ผูแ้ ต่ละทีมจะเล่น 3 เซต เซตละ 10 นาที พักระหว่างเซต 2 นาที
– เกณฑ์ การให้ คะแนน จะมีความยาก 2 ระดับ โดยระดับที่ 1 ได้ 1 คะแนน คือ ท่าที่ใช้ศีรษะ หน้าเท้า หน้า
แข้ง ลูกเข่า ลูกไหล่ หลังเท้า ข้างเท้า และระดับที่ 2 ได้ 3 คะแนน คือ ท่าลูกกระโดดไขว้เท้าเตะ และลูกเตะจาก
ด้านหลังด้วยส้นเท้า
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
337
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายกติกาการแข่งขันตะกร้อวงอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการปฏิบตั ิตามกติกาการแข่งขันกีฬา และเข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการ
เรี ยนรู ้เกี่ยวกับกติกาการแข่งขันตะกร้อวงด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการสื่ อสารเกี่ยวกับกติกาการแข่งขันตะกร้อวงให้ผอู ้ ื่นเข้าใจได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับกติกาการแข่งขัน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ตะกร้อวง ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม วาดภาพระบายสี ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ตําแหน่ งตะกร้ อวง ใครไม่ งง พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ลองวาดดูที ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
338
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง (ต่อ)
– กติกาการแข่งขันตะกร้อวง
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการแข่งขันตะกร้อวงที่จดั ขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับกติกาการแข่ งขันตะกร้ อวง
คณิ ตศาสตร์ วัดขนาดพื้นที่สนามที่ใช้แข่งขัน นับจํานวนรู และจุดตัดไขว้ของลูกตะกร้อ วัด
เส้นรอบวงและชัง่ นํ้าหนักลูกตะกร้อ นับจํานวนผูเ้ ล่นหรื อสมาชิกในทีม ระบุ
เวลาในการแข่งขัน วิธีการให้คะแนนและนับคะแนนในการแข่งขันตะกร้อวง
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น อภิปราย และเขียนสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับกติกาการ
แข่งขันตะกร้อวง
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพ แผ่นพับ
ใบความรู้เกี่ยวกับกติกาการแข่งขันตะกร้อวง
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพสนามที่ใช้แข่งขันตะกร้อวง ลูกตะกร้อ และตําแหน่งการ
เล่นของผูเ้ ล่นในสนาม เพื่อประกอบการจัดทําแผนที่ ความคิด หรื อสมุดภาพ
หรื อแผ่นพับใบความรู ้
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สื บค้น และบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกติกาการแข่งขันตะกร้อวง
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับกติกาการแข่ งขันตะกร้ อวงที่สงสั ย
หรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา แล้ วให้ เพือ่ น ๆ
ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
339
3. มอบหมายให้ นักเรียนจัดทีมแข่ งขันตะกร้ อวง โดยแบ่ งออกเป็ นทีม ทีมละ 5 คน ให้ แต่ ละกลุ่มฝึ กซ้ อม
แข่ งขันตะกร้ อวงนอกเวลาเรียนหรือในช่ วงเวลาการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู้ เพือ่ เตรียมจัดการ
แข่ งขันตะกร้ อวงครั้งที่ 1 ในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับกติกาแข่งขันตะกร้อวง จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น วารสาร
เกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย และการเล่นกีฬา หรื อพลศึกษา สื่ ออินเตอร์เน็ต และแหล่ง
การเรี ยนรู้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู พลศึกษา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และ
ทําให้เกิดความเข้าใจในกีฬาตะกร้อวง สามารถนําไปใช้เล่นหรื อแข่งขันได้ในชีวิตประจําวัน
2. นักเรี ยนควรดูวีดิทศั น์แสดงการแข่งขันตะกร้อวง จากสื่ อการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต เพื่อเป็ นตัวอย่าง
แนวทางการแข่งขันตะกร้อวงประกอบการเรี ยนในครั้งต่อไป
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
342
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 56
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การเข้าร่ วมการแข่งขันตะกร้อวงจัดเป็ นวิธีการสร้างเสริ มทักษะและประสบการณ์ในการเล่นกีฬา ซึ่ง
นักเรี ยนจะได้นาํ ทักษะจากการเรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิมาใช้สร้างเสริ มประสบการณ์โดยตรง โดยในการเรี ยนครั้งนี้
นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และนําทักษะที่ได้ศึกษามาเข้าร่ วมในสถานการณ์ของการแข่งขัน โดย
การแข่งขันตะกร้อวง ครั้งที่ 1 เป็ นการจัดการแข่งขันโดยแบ่งผูเ้ ล่นเป็ นทีม ทีมละ 5 คน แต่ละทีม
ผลัดเปลี่ยนกันออกมาทําการแข่งขันภายในเวลาที่กาํ หนด
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันตะกร้อวงอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการแข่งขันตะกร้อวงด้วยความมีระเบียบวินยั มีความสามัคคี และมีน้ าํ ใจนักกีฬา (A)
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการแข่งขันตะกร้อวงตามกฎ กติกาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสนุกสนานได้ (P)
343
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบ วิธีการ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
แข่งขัน และกติกาการแข่งขัน ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ตะกร้อวง แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง (ต่อ)
– การแข่งขันตะกร้อวง ครั้งที่ 1
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนผูเ้ ล่นหรื อสมาชิกในทีมที่เข้าร่ วมการแข่งขันตะกร้อวง นับคะแนน
จากการเล่นลูกในการแข่งขัน จดจําและนับลําดับการส่งลูกตามตําแหน่งการ
ยืนในสนามของสมาชิกในทีม และจับเวลาในการแข่งขัน
ภาษาไทย อธิ บายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันตะกร้อวง ตลอดจน
เขียนสรุ ปผลการแข่งขัน
344
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมารายงานผลการแบ่ งทีมและฝึ กซ้ อมแข่ งขันตะกร้ อวงนอกเวลาเรียน เพือ่
เตรียมจัดการแข่ งขันตะกร้ อวงครั้งที่ 1 ที่มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายแนวทางการแข่งขันตะกร้อวงครั้งที่ 1–2 ให้นกั เรี ยนทราบ และเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ตวั อย่างการ
แข่งขันตะกร้อวงให้นกั เรี ยนดูเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาเป็ นแนวทางในการจัดการแข่งขัน
2. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแต่ละทีมผลัดเปลี่ยนกันออกมาทําการแข่งขันตะกร้อวง โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด และให้เพื่อน ๆ
ในทีมที่ยงั ไม่ได้ทาํ การแข่งขันเป็ นผูช้ มและครู ร่วมเป็ นกรรมการตัดสิ น (ทีมที่ยงั ไม่ได้ทาํ การแข่งขันใน
การเรี ยนครั้งนี้ให้ทาํ การแข่งขันในการเรี ยนครั้งต่อไป)
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปผลการแข่งขันตะกร้อวงของทีมที่ได้ทาํ การแข่งขันไปแล้วในการเรี ยนครั้งนี้
โดยครู แสดงความคิดเห็นต่อการแข่งขันตะกร้อวงของนักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิม่ เติม
2. นักเรี ยนไปฝึ กซ้อมแข่งขันกีฬาตะกร้อวงเพิ่มเติมนอกเวลาเรี ยน โดยให้ผปู ้ กครองแสดงความคิดเห็นและ
ตอบรับผลการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนกลับมาที่ครู
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
345
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรหมัน่ ฝึ กทักษะพื้นฐานตะกร้อวงอย่างสมํ่าเสมอ ซึ่งนอกจากเป็ นการออกกําลังกายเพื่อการมี
สุ ขภาพที่ดีแล้ว ยังนําไปสู่การเล่นหรื อแข่งขันกีฬาตะกร้อวงในชีวติ ประจําวันได้อีกด้วย
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
346
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 57
กีฬา (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว เรื่อง ตะกร้ อวง (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
การเข้าร่ วมการแข่งขันตะกร้อวงจัดเป็ นวิธีการสร้างเสริ มทักษะและประสบการณ์ในการเล่นกีฬา ซึ่ง
นักเรี ยนจะได้นาํ ทักษะจากการเรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิมาใช้สร้างเสริ มประสบการณ์โดยตรง โดยในการเรี ยนครั้งนี้
นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และนําทักษะที่ได้ศึกษามาเข้าร่ วมในสถานการณ์ของการแข่งขัน โดย
การแข่งขันตะกร้อวง ครั้งที่ 2 เป็ นการจัดการแข่งขันตะกร้อวงต่อเนื่องจากการแข่งขันในการเรี ยนครั้งที่
ผ่านมา โดยให้ทีมที่ยงั ไม่ได้ทาํ การแข่งขันผลัดเปลี่ยนกันออกมาทําการแข่งขันภายในเวลาที่กาํ หนด
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
2. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
3. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
4. ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่น (พ 3.2 ป. 5/3)
5. ปฏิบตั ิตนตามสิ ทธิ ของตนเอง ไม่ละเมิดสิ ทธิผอู ้ ื่น และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กีฬาสากล (พ 3.2 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันตะกร้อวงอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมการแข่งขันตะกร้อวงด้วยความมีระเบียบวินยั มีความสามัคคี และมีน้ าํ ใจนักกีฬา (A)
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการแข่งขันตะกร้อวงตามกฎ กติกาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสนุกสนานได้ (P)
347
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบ วิธีการ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
แข่งขัน กติกาการแข่งขันตะกร้อ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
วง และผลการแข่งขันตะกร้อวง แผนที่ความคิด*
ครั้งที่ 1
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. กีฬา (ต่อ)
3.4 ตะกร้อวง (ต่อ)
– การแข่งขันตะกร้อวง ครั้งที่ 2
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนผูเ้ ล่นหรื อสมาชิกในทีมที่เข้าร่ วมการแข่งขันตะกร้อวง นับคะแนน
จากการเล่นลูกในการแข่งขัน จดจําและนับลําดับการส่งลูกตามตําแหน่งการ
ยืนในสนามของสมาชิกในทีม และจับเวลาในการแข่งขัน
ภาษาไทย อธิ บายรู ปแบบ วิธีการแข่งขัน และกติกาการแข่งขันตะกร้อวง ตลอดจน
เขียนสรุ ปผลการแข่งขัน
348
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครูและนักเรียนสนทนาเกีย่ วกับผลการแข่ งขันตะกร้ อวงครั้งที่ 1 และการปฏิบัตกิ จิ กรรมในการเรียนครั้งที่
ผ่านมาร่ วมกัน เพือ่ ทบทวนประสบการณ์ และภาระงานตามที่นักเรียนได้ รับมอบหมาย
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
• ครู อธิบายทบทวนแนวทางการแข่งขันตะกร้อวงให้นกั เรี ยนทราบ และเปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามใน
ประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนในทีมที่ยงั ไม่ได้ทาํ การแข่งขันตะกร้อวงผลัดเปลี่ยนกันออกมาทําการแข่งขัน โดยใช้เวลาตามที่ครู
กําหนด และให้เพื่อน ๆ ในทีมที่ไม่ได้ทาํ การแข่งขันเป็ นผูช้ มและครู ร่วมเป็ นกรรมการตัดสิ น
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปผลการแข่งขันตะกร้อวง โดยครู บอกคะแนนรวมในการแข่งขันของแต่ละทีม
ซึ่งทีมที่ได้คะแนนมากที่สุด จะเป็ นทีมที่ชนะการแข่งขัน ให้เพื่อน ๆ ปรบมือให้
2. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการแข่งขันตะกร้อวงของนักเรี ยนและให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในเรื่อง กิจกรรมนันทนาการ ในหัวข้ อที่ 4.1 ความหมายและ
ความสํ าคัญของกิจกรรมนันทนาการ และ 4.2 หลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ ดังรายละเอียดใน
หนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น
อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
349
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรเข้าร่ วมการเล่นหรื อการแข่งขันกีฬาตะกร้อวงอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อเป็ นการใช้เวลาว่างให้เกิด
ประโยชน์และส่งผลดีต่อการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการทั้งทางด้านร่ างกาย จิตใจและอารมณ์ สังคม และ
สติปัญญา
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
350
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 58
กิจกรรมนันทนาการ
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง ความหมายและความสําคัญของกิจกรรมนันทนาการ และหลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ
1. สาระสํ าคัญ
กิจกรรมนันทนาการ หมายถึง กิจกรรมที่บุคคลหรื อกลุ่มบุคคลเลือกทําด้วยความสมัครใจ ทําในเวลาว่างที่
สามารถให้ประสบการณ์ ความพึงพอใจ ความสนุกสนาน มีประโยชน์ มีคุณค่า และเป็ นที่ยอมรับของสังคม
กิ จกรรมนัน ทนาการมี ป ระโยชน์ต่ อ ผูป้ ฏิ บ ัติ โดยช่ วยให้เกิ ด การเจริ ญ เติ บ โตของร่ างกาย ผ่อ นคลาย
ความเครี ยด ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนช่วยป้ องกันและลดปั ญหาในการปรับตัวเข้าสังคม โดยการเลือก
กิจกรรมนันทนาการมีหลักการที่ควรคํานึงก่อนเลือกปฏิบตั ิ คือ เลือกตามความสนใจ เลือกตามความถนัด เลือกให้
เหมาะสมกับสุขภาพ และเลือกกิจกรรมที่ปลอดภัย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
อธิ บายหลักการเข้าร่ วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย 1 กิจกรรม (พ 3.1 ป. 5/6)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมายและความสําคัญของกิจกรรมนันทนาการ และหลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญในการเข้าร่ วมกิจกรรมนันทนาการ (A)
3. แสดงทักษะในการสื่ อสารเกี่ยวกับความหมายและความสําคัญจากกิจกรรมนันทนาการ และหลักการเลือก
กิจกรรมนันทนาการให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความหมายและ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ความสําคัญของกิจกรรม ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
นันทนาการ และหลักการเลือก แผนที่ความคิด*
กิจกรรมนันทนาการ
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
351
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
4. กิจกรรมนันทนาการ
4.1 ความหมายและความสําคัญของกิจกรรมนันทนาการ
4.2 หลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับกิจกรรมนันทนาการ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนเรี ยงความ หรื อเขียนสรุ ป
ความเข้าใจในเรื่ อง ความหมายและความสําคัญของกิจกรรมนันทนาการ และ
หลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด หรื อแผนผังสรุ ปความรู้ในเรื่ อง
ความหมายและความสําคัญของกิจกรรมนันทนาการ และหลักการเลือก
กิจกรรมนันทนาการ
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สื บค้น และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมนันทนาการ
352
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง กิจกรรม
นันทนาการ ในหัวข้ อที่ 4.1 ความหมายและความสํ าคัญของกิจกรรมนันทนาการ และหัวข้ อที่ 4.2
หลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครู
แสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติกจิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพแสดงการปฏิบตั ิกิจกรรมนันทนาการของบุคคลหรื อกลุ่มบุคคลในรู ปแบบต่าง ๆ ที่ครู
เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับความรู ้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– ภาพที่นกั เรี ยนเห็นสื่ อถึงเรื่ องใด (ขึน้ อยู่กับรู ปภาพ)
– กิจกรรมนันทนาการหมายถึงอะไร (กิจกรรมที่บุคคลหรื อกลุ่มบุคคลเลือกทําด้ วยความสมัครใจ ทําใน
เวลาว่ างที่ สามารถให้ ประสบการณ์ ความพึงพอใจ ความสนุกสนาน มีประโยชน์ มีคุณค่ า และเป็ นที่
ยอมรั บของสังคม)
– นักเรี ยนเคยปฏิบตั ิกิจกรรมนันทนาการหรื อไม่ อะไรบ้าง (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น เคยปฏิบัติกิจกรรม
นันทนาการ ได้ แก่ เล่ นการละเล่ นพืน้ เมือง ว่ ายนํา้ เล่ นฟุตบอล ฟั งเพลง ดูภาพยนตร์ และวาดภาพ)
– นักเรี ยนชื่นชอบการปฏิบตั ิกิจกรรมนันทนาการหรื อไม่ เพราะเหตุใด (ชื่ นชอบการปฏิบัติกิจกรรม
นันทนาการเป็ นอย่ างมาก เพราะเป็ นกิจกรรมที่ ทาํ ให้ มีความสุข คลายเครี ยด และได้ ใช้ เวลาว่ างให้ เกิด
ประโยชน์ ด้วย)
– ระหว่างกิจกรรมนันทนาการที่นกั เรี ยนมีความถนัดกับกิจกรรมนันทนาการที่นิยมปฏิบตั ิให้กลุ่มเพื่อน
ส่วนใหญ่ นักเรี ยนจะเลือกปฏิบตั ิกิจกรรมใด เพราะอะไร (เลือกปฏิบัติในกิจกรรมนันทนาการที่ ตนเอง
ถนัด เพราะกิจกรรมนันทนาการต้ องเป็ นกิจกรรมที่เราเลือกปฏิบัติอย่ างสมัครใจ มีความชื่ นชอบ ปฏิบัติ
แล้ วเกิดความเพลิดเพลิน)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 4.1 ความหมายและความสําคัญของกิจกรรม
นันทนาการ และหัวข้อที่ 4.2 หลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและ
ความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
353
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้นกั เรี ยนร่ วมกันบอกความหมายและความสําคัญของกิจกรรมนันทนาการจากประสบการณ์ในการ
เรี ยนรู ้ระดับชั้นที่ผา่ นมา
2. ครู ให้ความรู ้ในเรื่ อง กิจกรรมนันทนาการ ในหัวข้อที่ 4.1 ความหมายและความสําคัญของกิจกรรม
นันทนาการ และหัวข้อที่ 4.2 หลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่
เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
3. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับกิจกรรมนันทนาการในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคํา
และอ่านออกเสียงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่า
– กิจกรรมนันทนาการ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Recreation อ่านออกเสี ยงว่ า เรคริเอฌัน
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน แต่ละกลุ่มร่ วมกันระดมสมองสรุ ปความหมายและความสําคัญของ
กิจกรรมนันทนาการ และหลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนแต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมารายงานผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู คอยเสนอแนะ
และให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู ้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึกความรู ้
โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าในเรื่อง กิจกรรมนันทนาการ ในหัวข้ อที่ 4.3 ประเภทและตัวอย่ างของ
กิจกรรมนันทนาการ ดังรายละเอียดในหนังสือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือ
จากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้วให้ แต่ ละคน
เขียนกิจกรรมนันทนาการที่ตนเองสนใจจะปฏิบัตมิ ากที่สุด 3 อันดับแรก พร้ อมแสดงเหตุผลประกอบ
บันทึกลงในสมุด เพือ่ ใช้ เป็ นร่ องรอยและหลักฐานในการศึกษา แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียน
ครั้งต่ อไป
4. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าเกีย่ วกับกิจกรรมนันทนาการที่เยาวชนในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน
นิยมปฏิบัติ คนละ 1 กิจกรรม จดบันทึกลงในสมุด แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
354
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการเลือกกิจกรรมนันทนาการจากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น
อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และสามารถนําความรู ้ดงั กล่าวไปปรับใช้ใน
ชีวิตประจําวันได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
355
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 59
กิจกรรมนันทนาการ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 3: การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่ นเกม
กีฬาไทยและกีฬาสากล เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 เพิม่ พูนทักษะการเคลือ่ นไหว
เรื่อง ประเภทและตัวอย่ างของกิจกรรมนันทนาการ
1. สาระสํ าคัญ
กิจกรรมนันทนาการมีอยูม่ ากมายหลายชนิดเราสามารถเลือกปฏิบตั ิได้ตามความเหมาะสมและให้เกิด
ประโยชน์ต่อตนเองหรื อต่อสังคม โดยกิจกรรมนันทนาการแบ่งเป็ นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ กีฬาและการละเล่น
ศิลปหัตถกรรม ดนตรี นาฏศิลป์ การแสดง และกิจกรรมบันเทิง งานอดิเรก กิจกรรมทางภาษา กิจกรรมนอกสถานที่
กิจกรรมทางสังคม กิจกรรมอาสาสมัครและบําเพ็ญประโยชน์ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมและประเพณี
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
อธิ บายหลักการเข้าร่ วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย 1 กิจกรรม (พ 3.1 ป. 5/6)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายประเภทและตัวอย่างของกิจกรรมนันทนาการอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมกิจกรรมนันทนาการด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการสื่ อสารเกี่ยวกับประเภทและตัวอย่างของกิจกรรมนันทนาการให้ผอู ้ ื่นเข้าใจได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัด เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การ
และ วัดและ
ประเมินผล ประเมินผ
ล
356
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
358
5. สาระการเรียนรู้
4. กิจกรรมนันทนาการ (ต่อ)
4.3 ประเภทและตัวอย่างของกิจกรรมนันทนาการ
6. แนวทางบูรณาการ
สั งคมศึกษาฯ ศึกษาค้ นคว้าและเปรียบเทียบเกีย่ วกับตัวอย่างของกิจกรรมนันทนาการใน
สั งคมเมืองและสั งคมชนบทของไทย และศึกษาค้ นคว้ ากิจกรรมนันทนาการที่
เยาวชนในกลุ่มประเทศอาเซียนนิยมปฏิบัติ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
เกีย่ วกับประเภทและตัวอย่ างของกิจกรรมนันทนาการ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปความเข้าใจในเรื่ อง
ประเภทและตัวอย่างของกิจกรรมนันทนาการ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด หรื อแผนผังสรุ ปความรู้ หรื อแผนภาพ
แสดงประเภทและตัวอย่างของกิจกรรมนันทนาการ
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพแสดงตัวอย่างของกิจกรรมนันทนาการ
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สื บค้น และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับประเภทและตัวอย่างของกิจกรรม
นันทนาการ โดยเฉพาะกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู ้ทางด้านวิทยาศาสตร์
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอกิจกรรมนันทนาการที่ตนเองสนใจจะปฏิบตั ิมากที่สุด 3
อันดับแรก พร้ อมเหตุผลประกอบ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ามาล่ วงหน้ าในการเรียนครั้งที่
ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการรายงานผลของนักเรียน และให้ ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
359
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรเข้าร่ วมปฏิบตั ิกิจกรรมนันทนาการที่สร้างสรรค์ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น หลังเลิกเรี ยนหรื อ
วันหยุดต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อเป็ นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ท้ งั ต่อตนเองและผูอ้ ื่น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
362
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 60
การทดสอบปลายปี รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง การทดสอบปลายปี รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปลายปี เป็ นกระบวนการวัดและประเมินผลเพื่อสรุ ปผลการเรี ยนรู้ (Summative Assessment )
ที่นกั เรี ยนได้รับจากองค์ความรู ้ที่กาํ หนดไว้ในขอบข่ายของตัวชี้วดั ในโครงสร้างของหลักสูตร และการสอบปลายปี
ยังเป็ นการนําข้อมูลของค่าคะแนนที่ได้นาํ มาใช้เป็ นส่วนสําคัญในการวัดและประเมินผลเพื่อตัดสิ นผลการเรี ยนหรื อ
ให้ระดับผลการเรี ยน ตลอดจนให้การรับรองความรู้ความสามารถของผูเ้ รี ยนว่าผ่านรายวิชาหรื อไม่ ควรได้รับการ
เลื่อนชั้นหรื อไม่ หรื อสามารถจบหลักสูตรหรื อไม่
การศึกษารายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา เป็ นอีกหนึ่งรายวิชาที่นาํ กระบวนการวัดและประเมินผลมาใช้เพื่อ
สรุ ปผลการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน โดยใช้แบบทดสอบทั้งในข้อคําถามที่เน้นกระบวนการการคิดวิเคราะห์เพื่อตัดสิ นข้อ
คําตอบ ในรู ปแบบอัตนัยและรู ปแบบปรนัย ครอบคลุมองค์ความรู้และตัวชี้วดั ชั้นปี ในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 3
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. จัดรู ปแบบการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน และควบคุมตนเอง เมื่อใช้ทกั ษะการเคลื่อนไหวตามแบบที่กาํ หนด
(พ 3.1 ป. 5/1)
2. เล่นเกมนําไปสู่กีฬาที่เลือกและกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผลัด (พ 3.1 ป. 5/2)
3. ควบคุมการเคลื่อนไหวในเรื่ องการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล (พ 3.1 ป. 5/3)
4. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬา (พ 3.1 ป. 5/4)
5. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททีมได้อย่างละ 1 ชนิด (พ 3.1 ป. 5/5)
6. ออกกําลังกายอย่างมีรูปแบบ เล่นเกมที่ใช้ทกั ษะการคิดและตัดสิ นใจ (พ 3.2 ป. 5/1)
7. เล่นกีฬาที่ตนเองชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้างทางเลือกในการปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลายและมีน้ าํ ใจ
นักกีฬา (พ 3.2 ป. 5/2)
363
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายเกี่ยวกับระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ได้อย่างถูกต้อง
(K)
2. ระบุวธิ ี การทําแบบทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ได้ (P)
3. เข้าร่ วมกิจกรรมการเรี ยนรู ้กบั ผูอ้ ื่นด้วยความเต็มใจและกระตือรื อร้น (A)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความเข้าใจใน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
เนื้อหาในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 3 ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
เรื่ อง แผนที่ความคิด*
– กีฬา ในหัวข้อ มวยไทยและ
ตะกร้อวง
– กิจกรรมนันทนาการ
• ตรวจสอบความถูกต้องของการ • แบบทดสอบปลายปี รายวิชา • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน พื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5**
พลศึกษา ป.5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
**ดูรายละเอียดในสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
–
6. แนวทางบูรณาการ
–
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
• ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คน รายงานผลการศึกษาทบทวนความรู้ในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง กีฬา ใน
หัวข้ อที่ 3.3 มวยไทย และหัวข้ อ 3.4 ตะกร้ อวง และเรื่อง กิจกรรมนันทนาการ เพือ่ เตรียมตัวทดสอบ
ปลายปี รายวิชาพืน้ ฐาน พลศึกษา ป. 5 ที่ได้ มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ให้นกั เรี ยนได้เข้าใจ
และซักถามข้อสงสัย
2. ให้นกั เรี ยนทุกคนทําแบบทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ตามเวลาที่กาํ หนดให้
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• หลังจากที่นกั เรี ยนทําแบบทดสอบเสร็ จแล้ว ครู ให้นกั เรี ยนช่วยกันเฉลยคําตอบของแบบทดสอบปลายปี
รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ป. 5 ทีละข้อร่ วมกัน โดยครู อธิ บายและชี้แนะคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบ
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนจดบันทึกความรู ้ที่ได้จากการเฉลยคําตอบของแบบทดสอบปลายปี ลงในสมุดบันทึก
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครูถามคําถามเชื่อมโยงสู่ บทเรียนต่ อไป เพือ่ ให้ นักเรียนไปค้ นหาคําตอบจากบทเรียนมาล่วงหน้ า ดังนี้
– สุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติคอื อะไร และมีความสํ าคัญกับเราหรือไม่
2. ครูมอบหมายให้ นักเรียนไปศึกษาเนือ้ หาในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การปฏิบัตติ นตาม
สุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ ในประเด็นเกีย่ วกับความหมายและความสํ าคัญของสุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ และแนวทาง
365
การปฏิบัตติ นตามสุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5 ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ
หรือขอรับความรู้จากผู้ปกครอง มาล่ วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรทบทวนความรู ้ความเข้าใจ ตลอดจนทักษะกีฬาที่ได้ศึกษาผ่านมา เพื่อเสริ มสร้างความรู ้ความ
เข้าใจและทักษะกีฬาในเรื่ องดังกล่าวให้ดียงิ่ ขึ้น
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
366
365
ผังมโนทัศน์ เป้าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้
1. การปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่ งชาติ
2. ข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ
3. สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
4. การดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วย
5. การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. ศึกษาเกี่ยวกับความหมายและความสําคัญของสุ ขบัญญัติแห่งชาติ และแนวทางการปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติ
2. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ แนวทางสุ ขบัญญัติแห่ งชาติซ่อนอยู่ตรงไหน ใครสงสั ยลองช่ วยกันหา
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ เรี ยนรู้สุขบัญญัติแห่ งชาติ อย่ าให้ ขาดแนวทางปฏิ บัติ
4. ศึกษาเกี่ยวกับวิธีคน้ หาและตัวอย่างแหล่งข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ และการใช้ขอ้ มูลข่าวสารในการสร้างเสริ มสุ ขภาพ
5. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ หาข้อมูลข่าวสารในการบริ โภค เพื่อไม่ ให้ เศร้ าโศกหลังตัดสิ นใจ
6. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ช่ วยกันหาข่าวสารควบคุมโรค ที่ คนทั่วโลกร่ วมกันป้ องกัน
7. ศึกษาเกี่ยวกับสื่ อโฆษณากับการเลือกซื้ ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
8. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ อาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพซื ้ออย่ างไร พ่ อแม่ ไขช่ วยเราได้
9. ศึกษาเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณา
10. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ สื่ อโฆษณาเป็ นจริ งหรื อไม่ ควรใส่ ใจถึงรายละเอียด
11. ศึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วยด้วยโรคไข้หวัด
12. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ลองเขียนเล่ าประสบการณ์ ที่เคยผ่ านเกี่ยวกับไข้หวัด
13. ศึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วยด้วยโรคไข้เลือดออก
14. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ การป้ องกันโรคไข้เลือดออก สิ่ งแวดล้ อมภายนอกควรทําอย่ างไร
15. ศึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วยด้วยโรคกลากและโรคเกลื้อน
16. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ เขียนวิธีการรั กษาร่ างกาย เพื่อกันโรคร้ ายทําได้ ไหมหนา
17. ศึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วยด้วยโรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
18. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ แจกแจงสิ่ งที่ทาํ ให้ ฟันผุ พร้ อมทั้งระบุออกมาเป็ นภาพ
19. ศึกษาเกี่ยวกับการทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ
20. ปฏิบตั ิกิจกรรมการการเรี ยนรู ้ ควรอ้ วนหรื อผอม เราจะยอมให้ เป็ นอย่ างไร
21. ปฏิบตั ิกิจกรรมการการเรี ยนรู ้ วิธีการใดหนา ที่ช่วยพัฒนาสมรรถภาพ
22. โครงงานการสํารวจเรื่ อง การปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติของนักเรี ยนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ในสถานศึกษา
23. โครงงานการสํารวจเรื่ อง โรคที่พบบ่อยของเด็กนักเรี ยนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ในสถานศึกษา
24. โครงงานการสํารวจเรื่ อง พฤติกรรมการสร้างเสริ มสมรรถภาพทางกายของบุคคลในชุมชนของตนเอง
367
5. การที่เราจะสร้างเสริ มสุขภาพได้อย่างถูกต้อง
และเกิดผลดีต่อสุขภาพของตนเองนั้น จะต้อง
มีขอ้ มูลความรู้ทางด้านสุขภาพที่ได้รับจาก
แหล่งที่น่าเชื่อถือถูกต้องและเป็ นปั จจุบนั
6. โฆษณา หมายถึง การเผยแพร่ ข่าวสารไปสู่
ประชาชน เพื่อให้ได้รับเรื่ องราวอย่าง
กว้างขวาง
7. การโฆษณามีความสําคัญต่อผูผ้ ลิตในการ
นําเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริ การสุขภาพ
ของตนให้ผบู ้ ริ โภครู ้วา่ มีขอ้ ดีอย่างไร ผูผ้ ลิต
และผูใ้ ห้บริ การแต่ละรายจึงแข่งขันกันทํา
โฆษณาผ่านสื่ อต่าง ๆ โดยบางครั้งมีการ
โฆษณาสรรพคุณของผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกิน
ความจริ ง ทําให้เราหลงเชื่อซื้อมาใช้ ซึ่งอาจ
เป็ นอันตรายต่อสุ ขภาพได้ เราจึงควรมีการ
ตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณาก่อนซื้อ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพและบริ การสุขภาพทุกครั้ง
8. การเรี ยนรู ้และทําความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ
อาการ การป้ องกัน และการดูแลรักษาตนเอง
เบื้องตนเมื่อเจ็บป่ วยจะช่วยลดความเสี่ ยงและ
อันตรายจากการเจ็บป่ วยนั้น ๆ ได้
9. สมรรถภาพทางกาย หมายถึง ความสามารถ
ของร่ างกายในการทํากิจกรรมอย่างใด
อย่างหนึ่งได้เป็ นระยะเวลายาวนานติดต่อกัน
โดยไม่เกิดความเหนื่อยล้าหรื ออ่อนเพลีย
จนเกินไป และสามารถกลับคืนสู่สภาพปกติ
ได้ในเวลาอันรวดเร็ ว
10. การทดสอบสมรรถภาพทางกายเป็ นการ
ปฏิบตั ิการเคลื่อนไหวของร่ างกายในลักษณะ
ต่าง ๆ ที่จะตรวจสอบร่ างกาย ทั้งความ
แข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัว ความ
อดทนของกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียน
โลหิ ต และความเร็ ว ว่ามีสมรรถภาพทางกาย
อยูใ่ นระดับใด
369
2. วิธีการและเครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้
• วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ • เครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้
– การสนทนาซักถามโดยครู – แบบบันทึกการสนทนา
– การวัดและประเมินผลด้านความรู ้ – แบบทดสอบก่อนเรี ยน
– แบบทดสอบหลังเรี ยน
– แบบทดสอบประจําหน่วย
– การวัดและประเมินผลด้านคุณธรรมจริ ยธรรม – การวัดและประเมินผลด้านคุณธรรม จริ ยธรรม
ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
371
3. สิ่ งที่มุ่งประเมิน
– ความสามารถในการอธิ บาย ชี้แจง การแปลความและตีความ การประยุกต์ ดัดแปลง และนําไปใช้
การมีมุมมองที่หลากหลาย การให้ความใส่ใจในความรู้สึกของผูอ้ ื่น และการรู ้จกั ตนเอง
– ความสามารถในการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพที่ให้ความสําคัญทั้งทางด้านร่ างกาย จิตใจ สังคม และ
จิตวิญญาณ
– ความสามารถในการวางแผนการปฏิบตั ิ แสดงความคิดเห็นวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาความรู ้ ความเข้าใจ
ทัศนคติ และทักษะที่ช่วยส่งเสริ มการปฏิบตั ิเกี่ยวกับสุ ขภาพ
ขั้นที่ 3 การวางแผนการจัดการเรียนรู้
• หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 4 ใส่ใจสุ ขภาพ จํานวน 14 ชัว่ โมง
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 61: การปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติ
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 62: การปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 63: ข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 64: ข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 65: สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 66: สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 67: การดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วย
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 68: การดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วย (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 69: การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 70: การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 71: การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 72: การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 73: การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
– แผนการจัดการเรี ยนรู ้ที่ 74: การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
372
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 61
การปฏิบัติตนตามสุ ขบัญญัติแห่ งชาติ
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การปฏิบัติตนตามสุ ขบัญญัติแห่ งชาติ
1. สาระสํ าคัญ
สุ ขบัญญัติแห่งชาติ คือ ข้อกําหนด 10 ประการที่เด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทัว่ ไปพึงปฏิบตั ิอย่าง
สมํ่าเสมอจนเป็ นสุ ขนิสยั เพื่อให้มีสุขภาพดีท้ งั ร่ างกาย จิตใจ และสังคม ซึ่งในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู ้
แนวทางปฏิบตั ิข้นั พื้นฐานของสุขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 1 ถึง 5 โดย
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 1 คือ ดูแลรักษาร่ างกายและของใช้ให้สะอาด
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 2 คือ รักษาฟันให้แข็งแรง และแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 3 คือ ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 4 คือ กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
สี ฉูดฉาด
–สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 5 คือ งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนัน และการสําส่อนทางเพศ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• แสดงพฤติกรรมที่เห็นความสําคัญของการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ (พ 4.1 ป. 5/1)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมายและความสําคัญของสุขบัญญัติแห่งชาติ และแนวทางการปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติ
แห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5 อย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ (A)
3. แสดงทักษะในการปฏิบตั ิตนตามแนวทางปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5 อย่าง
ถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ทดสอบความรู้พ้นื ฐานในหน่วย • แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการ –
การเรี ยนรู้ที่ 4 ใส่ใจสุขภาพ เรี ยนรู้ที่ 4 ใส่ใจสุ ขภาพ*/**
373
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. การปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ
– ความหมายและความสําคัญของสุ ขบัญญัติแห่งชาติ
– แนวทางปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5
374
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค่านิยมในการปฏิบตั ิตนตามแนวทางสุ ขบัญญัติ
แห่งชาติในสังคมไทยในแต่ละภูมิภาค
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับแนวทางปฏิบัตขิ ้นั พืน้ ฐานของสุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5
คณิ ตศาสตร์ จัดจําแนกพฤติกรรมการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5
ของนักเรี ยน และนับจํานวนนักเรี ยนที่ปฏิบตั ิตนตามแนวทางสุขบัญญัติ
แห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับความหมายและ
ความสําคัญของสุขบัญญัติแห่งชาติ และแนวทางปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติ
แห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด ออกแบบและตกแต่งตารางหรื อบันทึก
ประจําวันในการปฏิบตั ิตนตามแนวทางสุ ขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ครู แจกแบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 4 ใส่ใจสุขภาพ ให้นกั เรี ยนเพื่อตรวจสอบความรู้ความ
เข้าใจพื้นฐาน โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและระบุเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาที่นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้ในหน่วย
การเรี ยนรู้ที่ 4 ใส่ใจสุ ขภาพ
4. ครูและนักเรียนสนทนาร่ วมกันเกีย่ วกับเนือ้ หาการเรียนรู้ในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การ
ปฏิบัตติ นตามสุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ ในประเด็นเกีย่ วกับความหมายและความสํ าคัญของสุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ
และแนวทางการปฏิบัตติ นตามสุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5 ที่มอบหมายให้ นักเรียนอ่ านมา
ล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
5. สุ่ มนักเรียน 2–3 คนออกมาตอบคําถามเชื่อมโยงที่ให้ นักเรียนไปค้ นหาคําตอบจากการเรียนครั้งที่ผ่านมา
ในคําถามที่ว่า “สุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติคอื อะไร และมีความสํ าคัญกับเราหรือไม่ ” (สุ ขบัญญัติแห่ งชาติ คือ
ข้ อกําหนด 10 ประการ ที่เด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปพึงปฏิบัติอย่ างสมํา่ เสมอจนเป็ นสุ ข
นิสัย เพือ่ ให้ มีสุขภาพดีทั้งร่ างกาย จิตใจ และสังคม ซึ่งสุ ขบัญญัติแห่ งชาติมีความสําคัญกับเราเป็ นอย่ าง
ยิง่ เพราะหากเราปฏิบัติตนตามข้ อกําหนด 10 ประการก็จะทําให้ เรามีสุขภาพร่ างกายที่แข็งแรง) โดยครูให้
ความรู้ที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
375
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
378
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 62
การปฏิบัติตนตามสุ ขบัญญัติแห่ งชาติ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การปฏิบัติตนตามสุ ขบัญญัติแห่ งชาติ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้แนวทางปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 6 ถึง 10
โดย
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 6 คือ สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 7 คือ ป้ องกันอุบตั ิเหตุดว้ ยการไม่ประมาท
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 8 คือ ออกกําลังกายสมํ่าเสมอ และตรวจสุ ขภาพประจําปี
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 9 คือ ทําจิตใจให้ร่าเริ งแจ่มใสอยูเ่ สมอ
– สุ ขบัญญัติแห่งชาติประการที่ 10 คือ มีสาํ นึกต่อส่วนรวม ร่ วมสร้างสรรค์สงั คม
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• แสดงพฤติกรรมที่เห็นความสําคัญของการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ (พ 4.1 ป. 5/1)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายแนวทางการปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุ ขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10 อย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ (A)
3. แสดงทักษะในการปฏิบตั ิตนตามแนวทางปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10 อย่าง
ถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ประการที่ 6 ถึง 10 แผนที่ความคิด*
379
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. การปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ (ต่อ)
– แนวทางปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับแนวทางปฏิบัตขิ ้นั พืน้ ฐานของสุ ขบัญญัตแิ ห่ งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10
คณิ ตศาสตร์ จัดจําแนกพฤติกรรมการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 1 ถึง 5
ของนักเรี ยน และนับจํานวนนักเรี ยนที่ปฏิบตั ิตนตามแนวทางสุขบัญญัติ
แห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับความหมายและ
ความสําคัญของสุขบัญญัติแห่งชาติ และแนวทางปฏิบตั ิข้ นั พื้นฐานของสุขบัญญัติ
แห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10
380
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับแนวทางปฏิบัตขิ ้นั พืน้ ฐานของสุ ข
บัญญัตแิ ห่ งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10 ที่สงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้นคว้ามาล่วงหน้ า
ในการเรียนครั้งที่ผ่านมา แล้วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่ าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่
ถูกต้ องเพิม่ เติม
3. นักเรี ยนดูภาพแสดงตัวอย่างการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกัน
เกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนคิดว่าการปฏิบตั ิตนตามหลักสุ ขบัญญัติแห่งชาติจะส่งผลดีต่อเราอย่างไรบ้าง (ส่ งผลดีทาํ ให้ เรามี
สุขภาพแข็งแรง ไม่ เจ็บป่ วยบ่ อย เช่ น สุขบัญญัติข้อ 3 ล้ างมือให้ สะอาดก่ อนกินอาหารและหลังการ
ขับถ่ าย เมื่อปฏิบัติเป็ นประจําจะช่ วยลดการเจ็บป่ วยจากโรคติดต่ อต่ าง ๆ ได้ )
– นักเรี ยนคิดว่าถ้าเราปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติอยูเ่ สมอ สุ ขภาพของเราจะเป็ นอย่างไร (มีสุขภาพ
ดี แข็งแรง ร่ างกายเจริ ญเติบโตสมวัย ไม่ เจ็บป่ วยง่ าย)
– นักเรี ยนจะนําสุขบัญญัติแห่งชาติที่ได้เรี ยนรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวันหรื อไม่ อย่างไร (จะนําสุขบัญญัติ
แห่ งชาติทั้ง 10 ประการไปปฏิบัติให้ เป็ นสุขนิสัย โดยจะดูแลรั กษาร่ างกายและของใช้ ให้ สะอาด รั กษา
ฟั นให้ แข็งแรงและแปรงฟั นทุกวัน ล้ างมือให้ สะอาดก่ อนกินอาหารและหลังการขับถ่ าย กินอาหารสุก
สะอาด ปราศจากสารอันตราย หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สี ฉูดฉาด งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนัน และ
การสําส่ อนทางเพศ สร้ างความสัมพันธ์ ในครอบครั วให้ อบอุ่น ป้ องกันอุบัติเหตุด้วยการไม่ ประมาท
ออกกําลังกายสมํา่ เสมอ ตรวจสุขภาพประจําปี ทําจิตใจให้ ร่าเริ งแจ่ มใสอยู่เสมอ และมีสาํ นึกต่ อ
ส่ วนรวม ร่ วมสร้ างสรรค์ สังคม)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
4. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติ
แห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10 เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติ (ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิตน
ตามสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10 โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดู
ประกอบการอธิบาย
381
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่
6 ถึง 10 จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู ้และ
สามารถนําความรู้ดงั กล่าวไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้
2. นักเรี ยนควรนําความรู้เกี่ยวกับการปฏิบตั ิตนตามสุขบัญญัติแห่งชาติ ประการที่ 6 ถึง 10 ไปปฏิบตั ิในชีวิต
ประจําวันจนเป็ นสุขนิสยั ตลอดจนแนะนําให้สมาชิกในครอบครัวปฏิบตั ิตามเพื่อการมีสุขภาพที่ดี
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
384
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 63
ข้ อมูลข่ าวสารสุ ขภาพ
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง วิธีค้นหาและตัวอย่ างแหล่ งข้ อมูลข่ าวสารสุ ขภาพ
1. สาระสํ าคัญ
ข่าวสารสุ ขภาพ หมายถึง ข่าวหรื อข้อความเกี่ยวกับสุ ขภาพที่ผสู ้ ่งต้องการประชาสัมพันธ์หรื อถ่ายทอด
ความรู ้ให้กบั บุคคลที่เกี่ยวข้องหรื อบุคคลอื่น ๆ ที่สนใจ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เป็ นแหล่งข้อมูลข่าวสารสุขภาพ ผูท้ ่ี
เกี่ยวข้องหรื อผูท้ ี่สนใจสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลได้หลากหลายแนวทาง เช่น เว็บไซต์ โทรศัพท์ หนังสื อ วารสาร
โทรทัศน์ วิทยุ หรื อที่หน่วยงานโดยตรง
แหล่งข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับด้านสุ ขภาพที่สาํ คัญที่ควรได้เรี ยนรู ้ ได้แก่ สํานักงานคณะกรรมการอาหาร
และยา สํานักงานคณะกรรมการคุ ม้ ครองผูบ้ ริ โภค สายด่วนผูบ้ ริ โภค 1556 สายด่วน 1675 (กิ นดี สุ ขภาพดี กรม
อนามัย) กรมควบคุมโรค กรมอนามัย สํานักงานหลักประกันสุ ขภาพแห่ งชาติ (สปสช.) และสํานักงานกองทุ น
สนับสนุ นการสร้างเสริ มสุ ขภาพ (สสส.) หน่ วยงานเหล่านี้ ถือว่าเป็ นแหล่งข้อมูลข่าวสารที่ เกี่ ยวกับด้านสุ ขภาพ
โดยตรง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ค้นหาข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้สร้างเสริ มสุ ขภาพ (พ 4.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายวิธีคน้ หาและตัวอย่างแหล่งข้อมูลข่าวสารสุขภาพอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการได้รับข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ (A)
3. แสดงทักษะการปฏิบตั ิเพื่อเลือกวิธีคน้ หาข้อมูลข่าวสารสุขภาพอย่างถูกต้องได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความหมายและ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ความสําคัญของข้อมูลข่าวสาร ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
สุ ขภาพ และวิธีคน้ หาและตัวอย่าง แผนที่ความคิด*
แหล่งข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ
385
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
2. ข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ
2.1 วิธีคน้ หาและตัวอย่างแหล่งข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยถึงข้อมูลข่าวสารเพื่อสุขภาพและสถานบริ การสุ ขภาพของชุมชน
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับข้ อมูลข่ าวสารสุ ขภาพ
คณิ ตศาสตร์ รวบรวม นับจํานวน และจัดจําแนกสถานบริ การสุ ขภาพในชุมชนของตนเอง
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอวิธีการอนุรักษ์ นํา้ โดยการนําหลักเศรษฐกิจพอเพียงมา
ประยุกต์ ใช้ ให้ เกิดประโยชน์ สูงสุ ด ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ามาล่ วงหน้ าในการเรียนครั้งที่
ผ่านมา โดยครูให้ ความรู้และคําแนะนําที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
3. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอตัวอย่ างแหล่งข้ อมูลข่ าวสารสุ ขภาพที่ค้นหาทาง
อินเทอร์ เน็ตทีต่ นเองสนใจคนละ 1 แห่ ง พร้ อมบอกรายละเอียดของแหล่งข้ อมูลดังกล่าวและเหตุผลที่
สนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่วงหน้ าในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูให้ ความรู้และ
คําแนะนําที่ถูกต้ องเพิม่ เติม
4. นักเรี ยนดูภาพแสดงตัวอย่างแหล่งข้อมูลสุขภาพทางอินเทอร์เน็ตที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกัน
เกี่ยวกับความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนเคยมีประสบการณ์ในการค้นหาแหล่งข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพหรื อไม่ อย่างไร (เคยค้ นหาชื่ อ
โรงพยาบาลเฉพาะทางที่เชี่ ยวชาญด้ านการรั กษาโรคหั วใจจากสื่ ออินเทอร์ เน็ต เพื่อนํามาใช้ เป็ นข้ อมูล
ประกอบการตัดสิ นเลือกสถานพยาบาลเพื่อช่ วยรั กษาอาการเจ็บป่ วยของคุณยาย)
– แหล่งข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพที่นกั เรี ยนคิดว่าเชื่อถือได้มีที่ใดบ้าง และมีวิธีการค้นหาหรื อติดต่ออย่างไร
(สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา โทรศัพท์ หมายเลข 0–2590–7000 หรื อ www.fda.moph.go.th
สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริ โภค โทรศัพท์ หมายเลข 0–2629–7037–9 หรื อโทรสายด่ วน
ร้ องทุกข์ 1166 หรื อ www.oic.go.th)
– ถ้านักเรี ยนไม่แน่ใจว่าขนมที่นกั เรี ยนรับประทานมีความปลอดภัยหรื อไม่นกั เรี ยนควรติดต่อสอบถามที่
หน่วยงานไหน (สามารถสอบถามข้ อมูลเกี่ยวกับการเลือกซื ้อ เลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ สุขภาพชนิดต่ าง ๆ ได้
ที่สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
– นักเรี ยนจะเลือกค้นหาข้อมูลข่าวสารสุขภาพด้วยวิธีใด และเพราะเหตุใด (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น เลือก
ค้ นหาจากเว็บไซต์ ของหน่ วยงานต่ าง ๆ ผ่ านทางอินเทอร์ เน็ต เพราะสะดวกรวดเร็ วและข้ อมูลมีความ
ทันสมัย)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
387
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพในชุมชนของตนเองเพิ่มเติมโดยขอความรู้จาก
สถานบริ การสุ ขภาพของชุมชน ผูป้ กครอง ครู ประจําชั้น หรื อแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรื อ
ห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และสามารถนําความรู ้ดงั กล่าวไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้
2. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าเพิม่ เติมเกีย่ วกับระบบหลักประกันสุ ขภาพของประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มประเทศ
สมาชิกอาเซียน เพือ่ เสริมสร้ างการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวให้ กว้ างขวางมากยิ่งขึน้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
390
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 64
ข้ อมูลข่ าวสารสุ ขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การใช้ ข้อมูลข่ าวสารในการสร้ างเสริมสุ ขภาพ
1. สาระสํ าคัญ
การเลือกใช้ขอ้ มูลข่าวสารเป็ นสิ่ งสําคัญที่เราควรจะวิเคราะห์ขอ้ มูลข่าวสารก่อนที่จะนํามาปฏิบตั ิตามเพื่อ
ความปลอดภัยต่อสุ ขภาพ โดยควรพิจารณาและตรวจสอบจากแหล่งที่มาของข้อมูล หน่วยงานหรื อบุคคลอ้างอิงที่
เชื่อถือได้ วันที่ลงข้อมูลมีความเป็ นปัจจุบนั และมีคนเคยใช้และปฏิบตั ิตามมากน้อยเพียงใด
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ค้นหาข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้สร้างเสริ มสุ ขภาพ (พ 4.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายวิธีการใช้ขอ้ มูลข่าวสารในการสร้างเสริ มสุขภาพอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการใช้ขอ้ มูลข่าวสารในการสร้างเสริ มสุ ขภาพ (A)
3. แสดงทักษะการปฏิบตั ิตนในการเลือกใช้ขอ้ มูลข่าวสารสุ ขภาพอย่างเหมาะสมได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับการใช้ขอ้ มูล • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ข่าวสารในการสร้างเสริ มสุ ขภาพ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
2. ข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพ (ต่อ)
2.2 การใช้ขอ้ มูลข่าวสารในการสร้างเสริ มสุขภาพ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับข้ อมูลข่ าวสารสุ ขภาพ
คณิ ตศาสตร์ สํารวจสถิ ติและจัดลําดับแหล่งข้อมูลข่าวสารสุ ขภาพที่ มีจาํ นวนผูใ้ ช้บ ริ การ
มากที่สุดเรี ยงตามลําดับ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับแนวทางการใช้
ข้อมูลข่าวสารในการสร้างเสริ มสุ ขภาพ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด หรื อแผ่นพับความรู้ หรื อป้ ายนิเทศแสดง
ความรู ้เกี่ยวกับแนวทางการใช้ขอ้ มูลข่าวสารในการสร้างเสริ มสุขภาพ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง ข้ อมูลข่ าวสาร
สุ ขภาพ ในหัวข้ อที่ 2.2 การใช้ ข้อมูลข่ าวสารสุ ขภาพในการสร้ างเสริมสุ ขภาพ มาล่ วงหน้ า ตามที่ได้ รับ
มอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่ าวของนักเรียน
3. ครู สอบถามนักเรี ยนเกี่ยวกับประสบการณ์ในการใช้ขอ้ มูลข่าวสารในการสร้างเสริ มสุ ขภาพ ให้นกั เรี ยน
ร่ วมกันตอบ ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนคิดว่าการใช้ขอ้ มูลข่าวสารสุ ขภาพ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยควรตรวจสอบจากสิ่ งใดจึงจะ
เชื่อถือได้ (ตรวจสอบจากวันที่ลงข้ อมูล สถานที่ ให้ ข้อมูล หากเป็ นข้ อมูลจากหน่ วยงานราชการจัดว่ า
น่ าเชื่ อถือ)
392
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรนําความรู้เกี่ยวกับวิธีการค้นหาแหล่งข้อมูลข่าวสารสุขภาพและแนวทางการเลือกใช้ขอ้ มูล
ข่าวสารสุ ขภาพไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันด้วยตนเองและถ่ายทอดให้แก่ผอู ้ ื่นเพื่อเป็ นประโยชน์ในการดูแล
และสร้างเสริ มสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน
2. นักเรี ยนควรหมัน่ ติดตามข้อมูลข่าวสารสุขภาพจากแหล่งที่ให้ความรู้ทางด้านสุขภาพทั้งในประเทศไทยและ
ต่างประเทศอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้ให้กว้างขวางและทันสมัยอยูเ่ สมอและสามารถนําความรู ้
ได้ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวติ ประจําวันได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
394
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 65
สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพ
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ
เรื่อง สื่ อโฆษณากับการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพ
1. สาระสํ าคัญ
โฆษณาในปัจจุบนั มีอิทธิ พลต่อการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพมากขึ้น ซึ่งมีท้ งั โฆษณาตาม
ความเป็ นจริ งและโฆษณาที่เกินจริ ง ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีเราจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสิ นใจเลือกซื้อ
อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากและเครื่ องหมายรับรองคุณภาพ ภาชนะที่บรรจุ
ต้องสะอาดเรี ยบร้อย และได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• วิเคราะห์สื่อโฆษณาในการตัดสิ นใจเลือกซื้ ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างมีเหตุผล (พ 4.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมายและความสําคัญของสื่ อโฆษณา และอิทธิพลของสื่ อโฆษณาต่อการเลือกซื้ออาหารและ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างถูกต้องได้ (K)
2. อธิ บายหลักการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างถูกต้องได้ (K)
3. ตระหนักถึงความสําคัญของอิทธิพลของสื่ อโฆษณาต่อการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (A)
4. แสดงทักษะสื่ อสารเกี่ยวกับความหมาย ความสําคัญ และอิทธิ พลของสื่ อโฆษณาต่อการเลือกซื้ออาหารและ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ผอู ้ ื่นเข้าใจได้ (P)
395
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ความหมายและความสําคัญของ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
สื่ อโฆษณา แผนที่ความคิด*
– อิทธิ พลของสื่ อโฆษณาต่อการ
เลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์
สุ ขภาพ
– หลักการเลือกซื้ออาหารและ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม ช่ วงวัยรุ่ นที่ผันผ่ าน ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
หาผู้เล่ าขานประสบการณ์ ที่นานมา พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
3.1 สื่ อโฆษณากับการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
396
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผลกระทบของการเลือกซื้ ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ตามสื่ อโฆษณาที่เกิดขึ้นกับผูค้ นในสังคมปั จจุบนั
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับสื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพ
คณิ ตศาสตร์ จัดแบ่งประเภทของผลิตภัณฑ์สุขภาพในชีวิตประจําวัน
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับความหมายและ
ความสําคัญของสื่ อโฆษณา อิทธิพลของสื่ อโฆษณาต่อการเลือกซื้ออาหาร
และผลิตภัณฑ์สุขภาพ และหลักการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด แผนผังสรุ ป หรื อแผ่นพับความรู ้เกี่ยวกับ
หลักการเลือกซื้ ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ช่ วยกันหาข่ าวสารควบคุมโรค ที่คน
ทั่วโลกร่ วมกันป้ องกัน ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการ
ปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง สื่ อโฆษณากับ
อาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพ ในหัวข้ อที่ 3.1 สื่ อโฆษณากับการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพ มา
ล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติ
กิจกรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ครู สอบถามนักเรี ยนเกี่ยวกับสื่ อโฆษณากับการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ จากประสบการณ์
การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน ให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบ ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนเคยพบเจอขนมหรื อสิ นค้าบริ โภคอื่น ๆ ที่ไม่มีฉลากหรื อไม่ (ตอบตามประสบการณ์ ของ
นักเรี ยน)
– นักเรี ยนเคยซื้อสิ นค้าที่มีของแถมหรื อไม่อะไรบ้าง (ตอบตามประสบการณ์ ของนักเรี ยน)
– นักเรี ยนเคยเลือกซื้ออาหารหรื อผลิตภัณฑ์สุขภาพเพราะเกิดความสนใจหลังจากได้ดูโฆษณาสิ นค้า
หรื อไม่ อย่างไร (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น เคยซื อ้ โยเกิร์ตรสผลไม้ ในร้ านสะดวกซื อ้ เพราะได้ ดูโฆษณา
สิ นค้ าดังกล่ าวผ่ านโทรทัศน์ แล้ วเกิดความสนใจ รู้ สึ กว่ าสิ นค้ าชนิดนีม้ ีหน้ าตาน่ ารั บประทาน)
397
– “การซื อ้ สิ นค้ าที่ ลดราคาจะช่ วยประหยัดค่ าใช้ จ่ายในครอบครั วได้ ”นักเรี ยนเห็นด้วยกับคํากล่าวนี้
หรื อไม่ อย่างไร (ไม่ เห็นด้ วย เพราะสิ นค้ าที่ ลดราคาบางชนิดก็อาจเป็ นสิ นค้ าที่คุณภาพตํา่ เสื่ อม
ประสิ ทธิ ภาพ หากเราซื อ้ มาอุปโภคบริ โภคย่ อมก่ อให้ เกิดอันตรายต่ อสุขภาพได้ ดังนั้นจึงควรพิจารณา
ที่คุณภาพของสิ นค้ ามากกว่ าการลดราคาดังกล่ าว
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 3.1 สื่ อโฆษณากับการเลือกซื้ออาหารและ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในหัวข้อที่ 3.1 สื่ อโฆษณากับการเลือกซื้อ
อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับสื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู
พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา
ตัวอย่างเช่ น คําว่ า
– โฆษณา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Advertisement อ่านออกเสี ยงว่ า แอ็ดเฝอ-ไทสเม็นท
– ผลิตภัณฑ์ สุขภาพ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Health Product อ่านออกเสี ยงว่า เฮ็ลธ พรอด-อัคท
– เครื่องสํ าอาง ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Cosmetics อ่านออกเสี ยงว่า ค็อสเมท-อิค
– ยา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Drug อ่านออกเสี ยงว่า ดรัก
– ซื้อ ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Buy อ่านออกเสี ยงว่า ไบ
– ขาย ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Sell อ่านออกเสี ยงว่า เซ็ล
– ลดราคา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Discount อ่านออกเสี ยงว่ า ดีซ-เคานท
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันยกตัวอย่างสิ นค้าที่เคยพบเห็นตามหัวข้อที่กาํ หนดให้ กลุ่มละ 1
หัวข้อ แล้วร่ วมกันวิเคราะห์ถึงราคา หรื อของแถม หรื อของชิงโชค และคุณภาพของสิ นค้า ว่ามีความ
เหมาะสมกันหรื อไม่ อย่างไร โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด โดยมีหวั ข้อ ได้แก่
– กลุ่มที่ 1 สิ นค้าที่มีของแถม
– กลุ่มที่ 2 สิ นค้าที่มีการชิงโชค
– กลุ่มที่ 3 สิ นค้าที่มีการลดราคา
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• แต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู้ที่ถูกต้อง
เพิ่มเติม
398
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ตลอดจนสิ ทธิ
ผูบ้ ริ โภคในด้านต่าง ๆ โดยขอความรู ้จากผูป้ กครองและค้นหาจากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
ห้องสมุดของโรงเรี ยน ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้และทําให้เกิดความเข้าใจในเรื่ องดังกล่าวมากยิง่ ขึ้น
และสามารถนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
400
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 66
สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การตรวจสอบข้ อเท็จจริงของสื่ อโฆษณา
1. สาระสํ าคัญ
การตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณาควรพิจารณาโดยซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีฉลาก มี
เครื่ องหมายรับรองคุณภาพจากหน่วยงานราชการ นอกจากนี้ควรสอบถามข้อเท็จจริ งเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์
จากผูข้ าย หรื อผูท้ ี่เคยซื้อหรื อใช้มาแล้ว และอย่าหลงเชื่อคําโฆษณา ต้องศึกษาเงื่อนไขรายละเอียดอื่น ๆ ของตัว
สิ นค้าหรื อบริ การที่อาจไม่ได้ระบุไว้ในการโฆษณาด้วย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• วิเคราะห์สื่อโฆษณาในการตัดสิ นใจเลือกซื้ ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างมีเหตุผล (พ 4.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายวิธีการตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณาอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณาก่อนเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (A)
3. แสดงทักษะในการตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณาก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างถูกต้องเหมาะสม
ได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณา ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม อาหารและ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ผลิตภัณฑ์ สุขภาพซื อ้ อย่ างไร พ่ อ พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
แม่ ไขช่ วยเราได้ ป. 5*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
401
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
3. สื่ อโฆษณากับอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ต่อ)
3.2 การตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณา
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับวิธีการ
ตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณา
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด แผนผังสรุ ป หรื อแผ่นพับความรู ้เกี่ยวกับ
วิธีการตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม อาหารและผลิตภัณฑ์ สุขภาพซื้อ
อย่ างไร พ่อแม่ ไขช่ วยเราได้ ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อ
การปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
402
3. มอบหมายให้ นักเรียนปฏิบตั กิ จิ กรรม สื่อโฆษณาเป็ นจริ งหรื อไม่ ควรใส่ ใจถึงรายละเอียด ดังรายละเอียด
ในใบกิจกรรมที่ครูแจกให้ หรือในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 แล้ วนํามา
สนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
4. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าเรื่อง การดูแลรักษาตนเองเบือ้ งต้ นเมือ่ เจ็บป่ วย ในหัวข้ อที่ 4.1 โรค
ไข้ หวัด และหัวข้ อที่ 4.2 โรคไข้ เลือดออก ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและ
พลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า
แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบข้อเท็จจริ งของสื่ อโฆษณาอยูเ่ สมอ เพื่อสร้าง
เสริ มการเรี ยนรู้และให้รู้เท่าทันสถานการณ์ปัจจุบนั ที่มีผลต่อการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่ง
สามารถนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันให้เกิดผลดีต่อสุ ขภาพได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
406
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 67
การดูแลรักษาตนเองเบือ้ งต้ นเมื่อเจ็บป่ วย
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง โรคไข้ หวัดและโรคไข้ เลือดออก
1. สาระสํ าคัญ
การเจ็บป่ วยหรื อการเป็ นโรคสามารถเกิดขึ้นได้กบั บุคคลทุกเพศ ทุกวัย แต่หากผูป้ ่ วยดูแลรักษาตนเอง
เบื้องต้นอย่างถูกวิธีจะสามารถป้ องกันการลุกลามหรื อแพร่ กระจายของเชื้อโรคได้ทนั ท่วงที ซึ่งในการเรี ยนครั้งนี้
นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้เกี่ยวกับโรคที่พบบ่อยในชีวิตประจําวัน ได้แก่ โรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออก โดย
โรคไข้ หวัด เป็ นโรคติดต่อที่เป็ นกันมากในช่วงที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งการ
รักษาและการป้ องกันโรคทําได้โดยถ้ามีไข้ควรกินยาลดไข้ นอนหลับพักผ่อนมาก ๆ รักษาร่ างกายให้อบอุ่นอยูเ่ สมอ
และรับประทานผักผลไม้ที่มีวติ ามินซี
โรคไข้ เลือดออก เป็ นโรคติดต่อที่มียุงลายเป็ นพาหะนําโรค ซึ่ งการรักษาและการป้ องกันโรคทําได้โดยถ้า
สงสัยว่าเป็ นโรคไข้เลือดออกห้ามรับประทานยาลดไข้แอสไพริ น ควรไปพบแพทย์ทนั ที อย่าให้ยงุ กัด ให้นอนในมุง้
และกําจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยงุ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ปฏิบตั ิตนในการป้ องกันโรคที่พบบ่อยในชีวิตประจําวัน (พ 4.1 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายลักษณะ สาเหตุ อาการ และการรักษาและการป้ องกันโรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออกอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการปฏิบตั ิตนในการป้ องกันโรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออก (A)
3. แสดงทักษะในการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วยด้วยโรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออกอย่างถูกต้องได้
(P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับลักษณะ สาเหตุ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
อาการ และการรักษาและการ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ป้ องกันโรคไข้หวัดและโรค แผนที่ความคิด*
ไข้เลือดออก
407
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
4. การดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วย
4.1 โรคไข้หวัด
4.2 โรคไข้เลือดออก
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสถานการณ์การเจ็บป่ วยด้วยโรคไข้หวัดและโรค
ไข้เลือดออกของประชากรไทยในภูมิภาคต่าง ๆ และความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ
การดูแลรักษาโรคดังกล่าว
408
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมารายงานผลการสั งเกตและวิเคราะห์ วธิ ีการเลือกซื้อสิ นค้ าของบุคคล
ในครอบครัวของตนเอง และรายงานผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม สื่อโฆษณาเป็ นจริงหรื อไม่ ควรใส่ ใจถึง
รายละเอียด ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติ
กิจกรรมของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การดูแลรักษา
ตนเองเบือ้ งต้ นเมือ่ เจ็บป่ วย ในหัวข้ อที่ 4.1 โรคไข้ หวัด และหัวข้ อที่ 4.2 โรคไข้ เลือดออก มาล่ วงหน้ า
ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าว
ของนักเรียน
4. นักเรี ยนดูภาพผูท้ ี่ป่วยเป็ นโรคไข้หวัดหรื อโรคไข้เลือดออก ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับ
ความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยนและตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนเคยป่ วยเป็ นโรคไข้หวัดหรื อไม่ แล้วขณะที่ป่วยนักเรี ยนปฏิบตั ิตนอย่างไร (ตอบได้อิสระขึ้นอยู่
กับประสบการณ์เดิมของนักเรี ยน เช่น เคยป่ วยเป็ นโรคไข้หวัด ซึ่งขณะป่ วยคุณแม่เช็ดตัวให้ไข้ลดลง
แล้วพาไปพบแพทย์ หลังจากนั้นก็กินยาลดไข้และลดนํ้ามูกตามแพทย์สงั่ )
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 4.1 โรคไข้หวัด และหัวข้อที่ 4.2 โรคไข้เลือดออก
เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
409
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง การดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วย ในหัวข้อที่ 4.1 โรคไข้หวัด และหัวข้อที่ 4.2
โรคไข้เลือดออก โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับโรคไข้ หวัดและโรคไข้ เลือดออกในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่าน
สะกดคําและอ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่า
– โรคไข้ หวัด ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Common Cold อ่านออกเสี ยงว่ า คอม-มัน โคลด
– โรคไข้ เลือดออก ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Dengue Fever อ่านออกเสี ยงว่า เดง-เก ฟี -เฝอะ
– ยุงลาย ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Common House Mosquito อ่านออกเสี ยงว่า คอม-มัน เฮาซ มัซคี-โท
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ให้นกั เรี ยนผลัดกันเล่าถึงการเจ็บป่ วยด้วยโรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออก แล้วเปรี ยบเทียบความเหมือน
หรื อแตกต่างกันของโรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออก
4. ครู เชิญแพทย์ พยาบาล หรื อเจ้าหน้าที่สาธารณสุ ขมาให้ความรู ้เกี่ยวกับการรักษาและการป้ องกันโรค
ไข้หวัดและโรคไข้เลือดออก หรื อเรื่ องอื่น ๆ ตามความสนใจ
5. ครูให้ ความรู้ เสริมอาเซียนเกี่ยวกับโรคไข้ เลือดออก โดยอธิบายว่ า ประเทศสมาชิกอาเซียนกําหนดให้ วนั ที่
15 มิถุนายนของทุกปี เป็ นวันไข้ เลือดออกอาเซียน (Asean Dengue Day) เพือ่ รณรงค์ ให้ ความรู้และ
ป้องกันโรค โดยมุ่งหวังให้ ประชากรของประเทศต่ าง ๆ ในประชาคมอาเซียนมีอตั ราการเจ็บป่ วยและ
เสี ยชีวติ จากโรคไข้ เลือดออกน้ อยลง
6. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิม่ เติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ5–6 คน แต่ละกลุ่มร่ วมกันศึกษาและสรุ ปความรู้เรื่ อง โรคไข้หวัดและโรค
ไข้เลือดออก แล้วส่งตัวแทนออกมานําเสนอผลการศึกษาและสรุ ปความรู ้หน้าชั้นเรี ยน
2. แต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู คอยเสนอแนะและ
ให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
3. ครู ต้ งั ประเด็นคําถาม ให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบ เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรี ยน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนทราบหรื อไม่วา่ โรคไข้เลือดออกมีสตั ว์ใดเป็ นตัวพาหะนําโรค (ยุงลาย)
– โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อโรคใด (เชื อ้ ไวรั ส)
– โรคไข้เลือดออกติดต่อกันได้อย่างไร (ยุงลายไปกัดผู้ที่ป่วยแล้ วมากัดคนปกติกจ็ ะถ่ ายเชื อ้ โรคเข้ าสู่
ร่ างกายคนปกติ ทําให้ ป่วยเป็ นไข้ เลือดออก)
– ผูท้ ี่ป่วยเป็ นโรคไข้เลือดออกจะแสดงอาการอย่างไร (ไข้ สูง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้ อง มี
เลือดออกใต้ ผิวหนัง)
410
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม ลองเขียนเล่ าประสบการณ์ ที่เคยผ่ านเกี่ยวกับโรคไข้ หวัด และกิจกรรม การ
ป้ องกันโรคไข้ เลือดออก สิ่ งแวดล้ อมภายนอกควรทําอย่ างไร ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจกให้
หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. นักเรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คนผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน
3. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน พร้อมทั้งเฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบ
และให้นกั เรี ยนร่ วมกันตรวจสอบแก้ไขคําตอบให้ถกู ต้อง
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนแบ่ งกลุ่ม จัดทําป้ายนิเทศเรื่อง การป้องกันและการดูแลตนเองเบือ้ งต้ นเมือ่ เป็ นโรค
ไข้ หวัดและโรคไข้ เลือดออก แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่ อไป
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าเรื่อง การดูแลรั กษาตนเองเบื้องต้ นเมื่อเจ็บป่ วย (ต่ อ) ในหัวข้ อที่ 4.3
โรคกลากและโรคเกลือ้ น และหัวข้ อที่ 4.4 โรคฟันผุและโรคปริทันต์ ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน
รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุด
ของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้ วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้งต่อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและหมัน่ ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออกจาก
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยูเ่ สมอ เช่น กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุ ข ฯลฯ เพื่อเสริ มสร้าง
ความรู ้ความเข้าใจ ตลอดจนรู้เท่าทันสถานการณ์การเกิดโรค และสามารถนําความรู ้มาใช้ในชีวิตประจําวันเพื่อ
ป้ องกันโรคให้กบั ตนเองและบุคคลในครอบครัวได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
412
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 68
การดูแลรักษาตนเองเบือ้ งต้ นเมื่อเจ็บป่ วย (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ
เรื่อง โรคกลากและโรคเกลือ้ น โรคฟันผุและโรคปริทนั ต์
1. สาระสํ าคัญ
นอกจากโรคไข้หวัดและโรคไข้เลือดออกที่ได้เรี ยนรู้ไปแล้วในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมา ในการเรี ยนครั้งนี้
นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้เกี่ยวกับโรคที่พบบ่อยในชีวิตประจําวัน ได้แก่ โรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
โดย
โรคกลาก เป็ นเชื้อราชนิดหนึ่งติดต่อได้จากการใช้เสื้ อผ้าร่ วมกับคนที่เป็ นกลาก เมื่อเป็ นจะมีผนื่ แดงวงกลม
มีขอบเขตชัดเจนและเป็ นขุย ส่วนโรคเกลือ้ น เกิดจากติดเชื้อราที่ผวิ หนัง บริ เวณที่เป็ นเกลื้อนจะมีผื่นและมีขยุ อยู่
รอบรู ขมุ ขน ซึ่งการรักษาและป้ องกันโรคกลากและโรคเกลื้อนทําได้โดยใช้ยาทาบริ เวณที่มีอาการของโรค หากไม่
หายให้ไปพบแพทย์ อาบนํ้า ฟอกสบู่ให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ไม่สวมเสื้ อผ้าร่ วมกับผูอ้ ื่น
โรคฟั นผุ เป็ นโรคที่เกิ ดขึ้นในช่องปากที่ทาํ ให้เกิ ดโพรงฟั นผุข้ ึน การรักษาและป้ องกันโรคทําได้โดยให้
ทันตแพทย์ทาํ การรักษาฟันผุ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจดูทุก ๆ 6 เดือน ส่วนโรค
ปริ ทันต์ เป็ นโรคที่มีการอักเสบของเหงือก เอ็นยึดปริ ทนั ต์ เคลือบรากฟัน และกระดูกเบ้าฟัน การรักษาและป้ องกัน
โรคปริ ทนั ต์ทาํ ได้โดยให้ทนั ตแพทย์ทาํ การรักษาโรค แปรงฟันและซอกฟันอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งใช้ไหมขัดฟันร่ วม
ด้วย อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง พบทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ปฏิบตั ิตนในการป้ องกันโรคที่พบบ่อยในชีวิตประจําวัน (พ 4.1 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายลักษณะ สาเหตุ อาการ และการรักษาและการป้ องกันโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
อย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการปฏิบตั ิตนในการป้ องกันโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
(A)
3. แสดงทักษะในการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วยด้วยโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
อย่างถูกต้องได้ (P)
413
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับลักษณะ สาเหตุ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
อาการ และการรักษาและการ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ป้ องกันโรคกลากและโรคเกลื้อน แผนที่ความคิด*
โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม เขียนวิธีการรั กษา ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ร่ างกาย เพื่อป้ องกันโรคร้ ายทําได้ พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ไหมหนา ป. 5*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม แจกแจงสิ่ งที่ทาํ ให้ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ฟั นผุ พร้ อมทั้งระบุออกมาเป็ นภาพ พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
414
5. สาระการเรียนรู้
4. การดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่ วย (ต่อ)
4.3 โรคกลากและโรคเกลื้อน
4.4 โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสถานการณ์การเจ็บป่ วยด้วยโรคกลากและโรคเกลื้อน
ของประชากรไทยในภูมิภาคต่าง ๆ และพูดคุยเกี่ยวกับโรคฟันผุของเด็กไทย
ในปัจจุบนั
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่
เกีย่ วกับโรคกลากและโรคเกลือ้ น โรคฟันผุและโรคปริทันต์
คณิ ตศาสตร์ สํารวจสถิติการเกิดโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
จัดลําดับการเจ็บป่ วยด้วยโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์
ตามเพศและช่วงวัยของผูป้ ่ วย
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับลักษณะ สาเหตุ
อาการ และการรักษาและการป้ องกันโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและ
โรคปริ ทนั ต์
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด แผนผังสรุ ป หรื อแผ่นพับความรู ้เกี่ยวกับ
แนวทางการรักษาและการป้ องกันโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรค
ปริ ทนั ต์ โดยเฉพาะการดูแลรักษาฟันและการแปรงฟันที่ถูกวิธี
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สื บค้น วิเคราะห์ และบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคกลากและ
โรคเกลื้อน โรคฟันผุและโรคปริ ทนั ต์ ตามหลักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการจัดป้ายนิเทศเรื่อง การป้องกันและการดูแลตนเอง
เบือ้ งต้ นเมือ่ เป็ นโรคไข้ หวัดและโรคไข้ เลือดออก ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครู
แสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติกจิ กรรมของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
415
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนปฏิบตั ิกิจกรรม เขียนวิธีการรั กษาร่ างกาย เพื่อป้ องกันโรคร้ ายทําได้ ไหมหนา และกิจกรรม แจก
แจงสิ่ งที่ ทาํ ให้ ฟันผุ พร้ อมทั้งระบุออกมาเป็ นภาพ ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู แจกให้หรื อในแบบ
ฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. นักเรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คนผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน
3. ครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน พร้อมทั้งให้ความรู ้ที่ถูกต้องและคําแนะนํา
เพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
2. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าเรื่อง การทดสอบและปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ใน
ประเด็นเกีย่ วกับความหมายและความสํ าคัญของสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ และในหัวข้ อที่ 5.1 การ
ทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ในประเด็นเกีย่ วกับวิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
และการแปลผล ในหัวข้ อย่อยที่ 1. การดันพืน้ 30 วินาที และหัวข้ อย่ อยที่ 2. การลุกนั่ง 60 วินาที ดัง
รายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ
เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่ วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้ง
ต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและหมัน่ ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคกลากและโรคเกลื้อน โรคฟันผุและ
โรคปริ ทนั ต์ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยูเ่ สมอ เช่น กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุ ข ฯลฯ
เพื่อเสริ มสร้างความรู ้ความเข้าใจ ตลอดจนรู้เท่าทันสถานการณ์การเกิดโรค และสามารถนําความรู ้มาใช้ใน
ชีวิตประจําวันเพื่อป้ องกันโรคให้กบั ตนเองและบุคคลในครอบครัวได้
2. นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดต่อที่พบบ่อยในชีวิตประจําวันจากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น
ห้องสมุดของโรงเรี ยนหรื อสื่ อต่าง ๆ เช่น วารสารการแพทย์หรื อสุขภาพ สื่ ออินเทอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู้
ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุ ข ฯลฯ เพื่อสร้างเสริ มความรู้ความเข้าใจและ
นําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน
4. ห้องสมุดของโรงเรี ยนหรื อสื่ อต่าง ๆ เช่น วารสารการแพทย์หรื อสุขภาพ สื่ ออินเทอร์เน็ต และแหล่งการเรี ยนรู ้
ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุ ข ฯลฯ
5. ใบกิจกรรม เรื่ อง เขียนวิธีการรั กษาร่ างกาย เพื่อป้ องกันโรคร้ ายทําได้ ไหมหนา
6. ใบกิจกรรม เรื่ อง แจกแจงสิ่ งที่ ทาํ ให้ ฟันผุ พร้ อมทั้งระบุออกมาเป็ นภาพ
7. หนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
8. แบบฝึ กทักษะ สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
9. คู่มือการสอน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
10. สื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
419
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 69
การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
1. สาระสํ าคัญ
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ หมายถึง ความสามารถของร่ างกายในการปฏิบตั ิกิจกรรมหรื อทํางานอย่าง
ใดอย่างหนึ่งได้เป็ นระยะเวลายาวนานติดต่อกันโดยไม่เกิดความเหนื่อยล้าหรื ออ่อนเพลียจนเกินไป และสามารถ
กลับคืนสู่สภาพปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ ว ซึ่งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพประกอบด้วย ความแข็งแรงของ
กล้ามเนื้อ ความอดทนของกล้ามเนื้อ ความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิ ตและระบบหายใจ ความอ่อนตัวหรื อ
ความยืดหยุน่ และความเหมาะสมของส่วนสูงและนํ้าหนักของร่ างกาย
การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพจะทําให้รู้ระดับความสามารถของสมรรถภาพทางกายของ
ตนเอง ซึ่งในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู ้และฝึ กปฏิบตั ิวิธีการทดสอบ 2 รายการ ได้แก่ การดันพืน้ 30 วินาที
เป็ นการวัดความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อแขนและกล้ามเนื้อส่วนบนของร่ างกาย และการนั่ง 60
วินาที เป็ นการวัดความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อท้อง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ป. 5/5)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายความหมาย ความสําคัญ และองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพอย่างถูกต้องได้ (K)
2. อธิบายวิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพและการแปลผลในการดันพื้น 30 วินาทีและการลุกนัง่
60 วินาที อย่างถูกต้องได้ (K)
3. ตระหนักถึงความสําคัญของการมีสมรรถภาพทางกายที่ดี และเข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการ
ทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
4. แสดงทักษะในการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการดันพื้น 30 วินาทีและการลุกนัง่ 60 วินาที
อย่างถูกวิธีได้ (P)
420
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ความหมายและความสําคัญของ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ แผนที่ความคิด*
– วิธีการทดสอบสมรรถภาพทาง
กายเพื่อสุขภาพและการแปลผล
ในการดันพื้น 30 วินาทีและการ
ลุกนัง่ 60 วินาที
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
5. การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ
• ความหมายและความสําคัญของสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ
5.1 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ
– วิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพและการแปลผลในการดันพื้น 30 วินาทีและการลุกนัง่
60 วินาที
421
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ เปรี ยบเทียบระดับสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของบุคคลวัยต่าง ๆ ใน
ชุมชน
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่
เกีย่ วกับสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
คณิ ตศาสตร์ จับเวลาในการทดสอบและแปลผลการทดสอบการดันพื้น 30 วินาทีและการ
ลุกนัง่ 60 วินาที โดยนับจํานวนครั้งที่ทาํ ได้ และนําไปเปรี ยบเทียบกับตาราง
เกณฑ์มาตรฐาน
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับความหมาย
และความสําคัญของสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ และวิธีการทดสอบ
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพและการแปลผลในการดันพื้น 30 วินาทีและ
การลุกนัง่ 60 วินาที
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด แผนผังสรุ ปองค์ประกอบของ
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ
วิทยาศาสตร์ สังเกตและวิเคราะห์ลกั ษณะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการทดสอบสมรรถภาพ
ทางกายเพื่อสุ ขภาพ ในการดันพื้น 30 วินาทีและการลุกนัง่ 60 วินาที ตามหลัก
วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวหรื อวิทยาศาสตร์การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การทดสอบและ
ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ในประเด็นเกีย่ วกับความหมายและความสํ าคัญของสมรรถภาพ
ทางกายเพือ่ สุ ขภาพ และในหัวข้ อที่ 5.1 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ในประเด็นเกีย่ วกับ
วิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพและการแปลผล ในหัวข้ อย่อยที่ 1. การดันพืน้ 30 วินาที
และหัวข้ อย่อยที่ 2. การลุกนั่ง 60 วินาที มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
422
– ลุกนั่ง 60 วินาที ภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Sixty Second Sit-Ups อ่านออกเสี ยงว่ า ซิคซ-ทิ เซค-อันด
ซิท-อัพซ
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
3. ครู ให้ความรู้ในประเด็นเกี่ยวกับวิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพและการแปลผล ในหัวข้อย่อย
ที่ 1. การดันพื้น 30 วินาที และหัวข้อย่อยที่ 2. การลุกนัง่ 60 วินาที โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่
เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
4. ครู ต้ งั ประเด็นคําถาม ให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบ เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรี ยน ตัวอย่างเช่น
– หากนักเรี ยนเป็ นเพศหญิง อายุ 11 ปี สามารถปฏิบตั ิท่าดันพื้น 30 วินาที ได้จาํ นวน 18 ครั้ง แปลว่า
นักเรี ยนจะมีความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อแขนและกล้ามเนื้อส่วนบนของร่ างกายอยูใ่ น
เกณฑ์ใด (อยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง)
– หากนักเรี ยนเป็ นเพศชาย อายุ 10 ปี สามารถปฏิบตั ิท่าลุกนัง่ 60 วินาที ได้จาํ นวน 17 ครั้ง แปลว่า
นักเรี ยนจะมีความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อท้องอยูใ่ นเกณฑ์ใด (อยู่ในเกณฑ์ ตาํ่ )
– หากทดสอบลุกนัง่ 60 วินาทีแล้วพบว่า ตนเองอยูใ่ นเกณฑ์ต่าํ นักเรี ยนจะต้องปรับปรุ งสมรรถภาพทาง
กายในด้านใด (ต้ องปรั บปรุ งสรรถภาพทางกายด้ านความแข็งแรงและความอดทนของกล้ ามเนือ้ )
5. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัคร 1 คนออกมาร่ วมสาธิ ตวิธีการดันพื้น 30 วินาที และการลุกนัง่ 60 วินาที เพื่อเป็ น
ตัวอย่างให้กบั นักเรี ยนคนอื่น ๆ ในชั้นเรี ยนได้สงั เกตและปฏิบตั ิตาม โดยครู ให้คาํ แนะนําขั้นตอนวิธีการ
ปฏิบตั ิที่ถูกต้องให้กบั นักเรี ยน
6. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนจับคู่ร่วมกันฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการดันพื้น 30 วินาที และการลุกนัง่ 60 วินาที โดยใช้เวลาตามที่ครู
กําหนด โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิ่มเติมเพื่อให้นกั เรี ยนเกิดความ
มัน่ ใจในการปฏิบตั ิและสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
2. ครู ให้นกั เรี ยนจับคู่ผลัดเปลี่ยนกันปฏิบตั ิกิจกรรมทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพในการดันพื้น 30
วินาที และการลุกนัง่ 60 วินาที แล้วจดบันทึกผลการปฏิบตั ิ
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนนําจํานวนครั้งที่ทาํ ได้ในการปฏิบตั ิกิจกรรมการทดสอบการดันพื้น 30 วินาทีและการลุกนัง่ 60
วินาที มาเปรี ยบเทียบกับตารางเกณฑ์มาตรฐาน และจดบันทึกว่าตนเองมีสมรรถภาพทางกายในด้าน
ดังกล่าวอยูใ่ นระดับใด แล้วอภิปรายร่ วมกับเพื่อน ๆ ในชั้นเรี ยน
2. นักเรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คนผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการแปลผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย
เพื่อสุขภาพในการดันพื้น 30 วินาที และการลุกนัง่ 60 วินาที ของตนเอง หน้าชั้นเรี ยน โดยครู แสดงความ
คิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยน พร้อมทั้งให้ความรู้ที่ถูกต้องและคําแนะนําเพิ่มเติม
424
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรนําผลการทดสอบการดันพื้น 30 วินาที และการลุกนัง่ 60 วินาที มาใช้ในการปรับปรุ งสมรรถภาพ
ทางกายเพื่อสุ ขภาพให้ดีข้ ึน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
426
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 70
การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนี้นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิวิธีการทดสอบ 3 รายการ ได้แก่ การวิ่งระยะไกล เป็ น
การวัดความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิ ตและระบบหายใจ การนั่งตัวงอไปข้ างหน้ า เป็ นการวัดความอ่อนตัว
ของกล้ามเนื้อหลังและต้นขาด้านหลัง และการหาค่ าดัชนีมวลกาย เป็ นการคํานวณค่าขององค์ประกอบของร่ างกาย
เพื่อประเมินความเหมาะสมของสัดส่วนของร่ างกาย ซึ่งหมายถึง ส่วนสูงและนํ้าหนักของร่ างกาย
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ป. 5/5)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพและการแปลผลในการวิ่งระยะไกล การนัง่ ตัวงอไป
ข้างหน้า และการหาค่าดัชนีมวลกายอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการมีสมรรถภาพทางกายที่ดี และเข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการ
ทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการวิ่งระยะไกล การนัง่ ตัวงอไปข้างหน้า และ
การหาค่าดัชนีมวลกายอย่างถูกวิธีได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับวิธีการทดสอบ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
และการแปลผลในการวิง่ ระยะไกล แผนที่ความคิด*
การนัง่ ตัวงอไปข้างหน้า และการ
หาค่าดัชนีมวลกาย
427
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
5. การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
5.1 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ (ต่อ)
– วิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพและการแปลผลในการวิ่งระยะไกล การนัง่ ตัวงอไป
ข้างหน้า และการหาค่าดัชนีมวลกาย
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาต่างประเทศ ฟังและอ่านคําศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่
เกีย่ วกับสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
คณิ ตศาสตร์ จับเวลาในการทดสอบวิ่งระยะไกล วัดระยะทางในการวิ่งระยะไกล วัด
ระยะทางที่ทาํ ได้ในการนัง่ งอตัวไปข้างหน้า คํานวณค่าดัชนีมวลกาย และแปลผล
การทดสอบการวิ่งระยะไกล การนัง่ งอตัวไปข้างหน้า และการหาค่าดัชนีมวลกาย
โดยนําเวลาที่ทาํ ได้ หรื อระยะทางที่ทาํ ได้ หรื อค่าดัชนีมวลกายที่คาํ นวณได้ไป
เปรี ยบเทียบกับตารางเกณฑ์มาตรฐาน
428
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การทดสอบและ
ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ในหัวข้ อที่ 5.1 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
ในประเด็นเกีย่ วกับวิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพและการแปลผล ในหัวข้ อย่อยที่ 3. การ
วิ่งระยะไกล หัวข้ อย่อยที่ 4. การนั่งงอตัวไปข้ างหน้ า และหัวข้ อย่อยที่ 5. การหาค่ าดัชนีมวลกาย มา
ล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติ
กิจกรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู้ในหัวข้อที่ 5.1 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ (ต่อ)
ในประเด็นเกี่ยวกับวิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพและการแปลผล ในหัวข้อย่อยที่ 3. การ
วิ่งระยะไกล หัวข้อย่อยที่ 4. การนัง่ งอตัวไปข้างหน้า และหัวข้อย่อยี่ 5. การหาค่าดัชนีมวลกาย เพื่อเป็ น
การกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู้เรื่ อง การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ในหัวข้อที่ 5.1 การทดสอบ
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับวิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพและ
การแปลผล ในหัวข้อย่อยที่ 3. การวิ่งระยะไกล หัวข้อย่อยที่ 4. การนัง่ งอตัวไปข้างหน้า และหัวข้อย่อยที่
5. การหาค่าดัชนีมวลกาย โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิบาย
2. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพในการวิง่ ระยะไกล การนั่งงอ
ตัวไปข้ างหน้ า และการหาค่ าดัชนีมวลกาย ในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่ านสะกดคําและอ่าน
ออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่า
– การวิง่ ระยะไกล ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Distance Run อ่านออกเสี ยงว่ า ดีซ-แท็นซ รัน
429
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรนําผลการทดสอบการวิ่งระยะไกล การนัง่ งอตัวไปข้างหน้า และการหาค่าดัชนีมวลกาย มาใช้ในการ
ปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพให้ดีข้ ึน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
432
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 71
การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
1. สาระสํ าคัญ
การที่ร่างกายของคนใดคนหนึ่งจะมีสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพที่ดีได้น้ นั จะต้องฝึ กการสร้างเสริ ม
สมรรถภาพทางกายแบบต่าง ๆ อย่างสมํ่าเสมอ โดยสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพที่นิยมสร้างเสริ มประกอบด้วย
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัว ความอดทนของกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิ ต และความเร็ ว ซึ่งใน
การเรี ยนครั้งนักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้และฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมสร้างเสริ มความแข็งแรง โดยมีรูปแบบการปฏิบตั ิ
ตัวอย่างเช่น ท่ายกเข่าแตะข้อศอก ท่ายกขาตั้งฉาก ท่ายกขาแยกชิด ท่าไถนา และท่างอขาถีบ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ป. 5/5)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความแข็งแรงอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความ
แข็งแรงด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความแข็งแรงอย่างถูกวิธีได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบการปฏิบตั ิ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
กิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้าง แผนที่ความคิด*
เสริ มความแข็งแรง
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
433
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
5. การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
5.2 การปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ
– การสร้างเสริ มความแข็งแรง
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนครั้งในการปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มความแข็งแรง
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุ ง
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้างเสริ มความแข็งแรง
วิทยาศาสตร์ สังเกตและวิเคราะห์ลกั ษณะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิกิจกรรมการ
สร้างเสริ มความแข็งแรงตามหลักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวหรื อวิทยาศาสตร์
การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
434
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรียนควรฝึ กปฏิบัตกิ จิ กรรมการสร้ างเสริมความแข็งแรง ท่ าที่ 1 ถึง 5 รวมถึงท่ าอืน่ ๆ นอกเหนือจากบทเรียน
เพิม่ เติมนอกเวลาเรียน หรือใช้ เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพือ่ สร้ าง
เสริมสุ ขภาพร่ างกายให้ แข็งแรง สามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมในชีวติ ประจําวันได้ อย่างมีประสิ ทธิภาพ
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
437
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 72
การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมสร้างเสริ มความอ่อนตัว โดยมีรูปแบบการ
ปฏิบตั ิ ตัวอย่างเช่น ท่าเดินตัวหนอน ท่ายีราฟชูคอ ท่าปี กไก่ ท่าเหยียดขาให้กว้างที่สุด และท่านัง่ พับตัว
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ป. 5/5)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความอ่อนตัวอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความอ่อนตัว
ด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความอ่อนตัวอย่างถูกวิธีได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบการปฏิบตั ิ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
กิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้าง แผนที่ความคิด*
เสริ มความอ่อนตัว
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
5. การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
5.2 การปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ (ต่อ)
– การสร้างเสริ มความอ่อนตัว
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจังหวะการปฏิบตั ิในแต่ละท่าค้างไว้ นับจํานวนครั้งในการปฏิบตั ิกิจกรรม
การสร้างเสริ มความอ่อนตัว
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุ ง
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้างเสริ มความอ่อนตัว
วิทยาศาสตร์ สังเกตและวิเคราะห์ลกั ษณะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิกิจกรรมการ
สร้างเสริ มความอ่อนตัวตามหลักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวหรื อวิทยาศาสตร์
การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การทดสอบและ
ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ในหัวข้ อที่ 5.2 การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
(ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับการสร้ างเสริมความอ่อนตัว มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้ง
ที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ ิจกรรมดังกล่ าวของนักเรียน
439
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• สุ่มนักเรี ยน 5 คู่ แต่ละคู่ออกมาแสดงทักษะการปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มความอ่อนตัว ท่าที่ 1 ถึง 5
โดยปฏิบตั ิคู่ละ 1 ท่า ตามลําดับ ให้เพื่อนและครู ดูหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู ้ที่ถูกต้องและให้คาํ แนะนํา
เพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าเรื่อง การทดสอบและปรั บปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ใน
หัวข้ อที่ 5.2 การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับการสร้ างเสริมความ
อดทน ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการ
เรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการ
เรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรียนควรฝึ กปฏิบัตกิ จิ กรรมการสร้ างเสริมความอ่อนตัว ท่ าที่ 1 ถึง 5 รวมถึงท่ าอืน่ ๆ นอกเหนือจากบทเรียน
เพิม่ เติมนอกเวลาเรียน หรือใช้ เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพือ่ สร้ าง
เสริมสุ ขภาพร่ างกายให้ แข็งแรง สามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมในชีวติ ประจําวันได้ อย่างมีประสิ ทธิภาพ
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
442
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 73
การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมสร้างเสริ มความอดทน โดยมีรูปแบบการ
ปฏิบตั ิ ตัวอย่างเช่น ท่าเตะแบบปู ท่ากระโดดขาเดียว ท่ายกปลายเท้าแตะกัน และท่าดันพื้น
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ป. 5/5)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความอดทนอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความอดทน
ด้วยความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความอดทนอย่างถูกวิธีได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบการปฏิบตั ิ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
กิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้าง แผนที่ความคิด*
เสริ มความอดทน
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
5. การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
5.2 การปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ (ต่อ)
– การสร้างเสริ มความอดทน
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ นับจํานวนครั้งในการปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มความอดทน
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุ ง
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้างเสริ มความอดทน
วิทยาศาสตร์ สังเกตและวิเคราะห์ลกั ษณะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิกิจกรรมการ
สร้างเสริ มความอดทนตามหลักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวหรื อวิทยาศาสตร์
การกีฬา
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การทดสอบและ
ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ในหัวข้ อที่ 5.2 การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
(ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับการสร้ างเสริมความอดทน มาล่ วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่
ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบตั กิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
444
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• สุ่มนักเรี ยน 4 คู่ แต่ละคู่ออกมาแสดงทักษะการปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มความอดทน ท่าที่ 1 ถึง 4 โดย
ปฏิบตั ิคู่ละ 1 ท่า ตามลําดับ ให้เพื่อนและครู ดูหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู ้ที่ถูกต้องและให้คาํ แนะนํา
เพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. มอบหมายให้ นักเรียนศึกษาค้ นคว้าเรื่อง การทดสอบและปรั บปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ใน
หัวข้ อที่ 5.2 การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับการสร้ างเสริม
ความเร็ว ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการ
เรียนรู้ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของโรงเรียน ฯลฯ มาล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการ
เรียนครั้งต่ อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรียนควรฝึ กปฏิบัตกิ จิ กรรมการสร้ างเสริมความอดทน ท่ าที่ 1 ถึง 4 รวมถึงท่ าอืน่ ๆ นอกเหนือจากบทเรียน
เพิม่ เติมนอกเวลาเรียน หรือใช้ เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพือ่ สร้ าง
เสริมสุ ขภาพร่ างกายให้ แข็งแรง สามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมในชีวติ ประจําวันได้ อย่างมีประสิ ทธิภาพ
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
447
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 74
การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: การสร้ างเสริมสุ ขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 ใส่ ใจสุ ขภาพ เรื่อง การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ (ต่ อ)
1. สาระสํ าคัญ
ในการเรี ยนครั้งนักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้และฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมสร้างเสริ มความเร็ ว โดยมีรูปแบบการปฏิบตั ิ
ตัวอย่างเช่น การวิ่งแตะเส้น การวิ่ง 50 เมตร การวิ่งอยูก่ บั ที่ และการวิ่งสลับเดิน
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ป. 5/5)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความเร็ วอย่างถูกต้องได้ (K)
2. เข้าร่ วมศึกษาและฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความเร็ วด้วย
ความสนใจและกระตือรื อร้น (A)
3. แสดงทักษะในการปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพในการสร้างเสริ มความเร็ วอย่างถูกวิธีได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับรู ปแบบการปฏิบตั ิ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
กิจกรรมการปรับปรุ งสมรรถภาพ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้าง แผนที่ความคิด*
เสริ มความเร็ ว
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
5. การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ)
5.2 การปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ (ต่อ)
– การสร้างเสริ มความเร็ ว
6. แนวทางบูรณาการ
คณิ ตศาสตร์ วัดระยะทางในการวิ่ง จับเวลาในการวิ่ง และนับจํานวนครั้งในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมการสร้างเสริ มความเร็ ว
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุ ง
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพในการสร้างเสริ มความเร็ ว
วิทยาศาสตร์ สังเกตและวิเคราะห์ลกั ษณะการเคลื่อนไหวร่ างกายในการปฏิบตั ิกิจกรรมการ
สร้างเสริ มความเร็ วตามหลักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวหรื อวิทยาศาสตร์
การกีฬา
449
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ให้นกั เรี ยนอาสาสมัครออกมานําเพื่อนอบอุ่นร่ างกาย (warm–up) ด้วยการปฏิบตั ิท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ
หรื อท่ากายบริ หาร หรื อปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายตามที่เคยได้ศึกษาผ่านมา โดยใช้เวลา 5–10 นาที เพื่อ
เตรี ยมความพร้อมในการปฏิบตั ิกิจกรรม
2. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การทดสอบและ
ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ ในหัวข้ อที่ 5.2 การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุ ขภาพ
(ต่ อ) ในประเด็นเกีย่ วกับการสร้ างเสริมความเร็ว มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่
ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบตั กิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบคําถามในประเด็นต่อไปนี้ เพื่อเป็ นการกระตุน้ ความสนใจในการเรี ยนรู้ของ
นักเรี ยน ตัวอย่างคําถาม เช่น
– หากนักเรี ยนต้องการทราบสมรรถภาพทางกายด้านความเร็ วจะมีวิธีการทดสอบอย่างไร (ทดสอบโดย
ปฏิบัติกิจกรรมการวิ่งเร็ ว 50 เมตร เพื่อไปแตะเส้ นชัย แล้ วให้ เพื่อนจับเวลา)
– ถ้านักเรี ยนวิ่งช้าไม่ทนั เพื่อน นักเรี ยนจะปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายด้านความเร็ วของตนเองให้ดีข้ ึนได้
หรื อไม่ อย่างไร (สามารถปรั บปรุ งให้ ดีขึน้ ได้ โดยหมัน่ ฝึ กวิ่งอยู่กับที่ วิ่งเร็ ว วิ่งสลับเดิน ซึ่ งต้ องฝึ กอย่ าง
ต่ อเนื่องและสมํา่ เสมอ จะช่ วยสร้ างเสริ มสมรรถภาพทางกายด้ านความเร็ วให้ ดีขึน้ ได้ ตามลําดับ)
– นักเรี ยนรู ้จกั หรื อเคยปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มสมรรถภาพทางกายด้านความเร็ วหรื อไม่ อย่างไร
(ตอบได้ โดยอิสระ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู้ในหัวข้อที่ 5.2 การปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ
(ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับการสร้างเสริ มความเร็ ว เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจใน
การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู้เรื่ อง การทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ในหัวข้อที่ 5.2 การปรับปรุ ง
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุ ขภาพ (ต่อ) ในประเด็นเกี่ยวกับการสร้างเสริ มความเร็ ว โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อ
วีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ครู สาธิตวิธีปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มความเร็ ว ท่าที่ 1 ถึง 4 ตามลําดับ โดยให้นกั เรี ยนอาสาสมัครเข้า
ร่ วมการสาธิตเพื่อเป็ นตัวอย่าง แล้วให้นกั เรี ยนฝึ กปฏิบตั ิตาม
3. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
450
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนจับคู่ร่วมกันฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มความเร็ ว ท่าที่ 1 ถึง 4 ตามลําดับ โดยใช้เวลาตามที่
ครู กาํ หนด จนเกิดความชํานาญ โดยครู คอยดูแลการปฏิบตั ิอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คาํ แนะนําเพิ่มเติม
เพื่อให้นกั เรี ยนเกิดความมัน่ ใจในการปฏิบตั ิและสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
2. สุ่มนักเรี ยน 4 คู่ แต่ละคู่ออกมาแสดงทักษะการปฏิบตั ิกิจกรรมการสร้างเสริ มความเร็ว ท่าที่ 1 ถึง 4 โดย
ปฏิบตั ิคู่ละ 1 ท่า ตามลําดับ ให้เพื่อนและครู ดูหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู้ที่ถูกต้องและให้คาํ แนะนํา
เพิ่มเติม
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
1. นักเรี ยนร่ วมกันปฏิบตั ิกิจกรรม วิธีการใดหนา ที่ ช่วยพัฒนาสมรรถภาพ ดังรายละเอียดในใบกิจกรรมที่ครู
แจกให้หรื อในแบบฝึ กทักษะ รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
2. นักเรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู้และ
คําแนะนําที่ถูกต้องเพิม่ เติม
3. ครู แจกแบบทดสอบหลังเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 4 ใส่ใจสุ ขภาพ ให้นกั เรี ยนทําเพื่อตรวจสอบความรู ้
ความเข้าใจหลังการเรี ยนรู้ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
4. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและให้ความรู ้เพิ่มเติมเพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้ให้กบั นักเรี ยน
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. นักเรี ยนอาสาสมัครออกนําเพื่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool–down) ในท่ายืด–เหยียดกล้ามเนื้อที่ศึกษาผ่านมา
แล้วทําความสะอาดร่ างกาย
2. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
3. ครูถามคําถามเชื่อมโยงสู่ บทเรียนต่ อไป เพือ่ ให้ นักเรียนไปค้ นหาคําตอบจากบทเรียนมาล่วงหน้ า ดังนี้
– นักเรียนมีความคิดเห็นอย่ างไรกับการใช้ สารเสพติดของเยาวชนไทยในปัจจุบัน
4. มอบหมายให้ นักเรียนไปศึกษาเนือ้ หาในหน่ วยการเรียนรู้ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย เรื่อง ยาและสารเสพติด ใน
ประเด็นเกีย่ วกับความหมายของยาและสารเสพติด และในหัวข้ อที่ 1.1 ปัจจัยที่มอี ทิ ธิพลต่อการใช้ สารเสพติด
รวมถึงในหัวข้ อที่ 1.2 ผลกระทบของการใช้ ยาและสารเสพติด ดังรายละเอียดในหนังสื อเรียน รายวิชา
พืน้ ฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่ น อินเทอร์ เน็ต ห้ องสมุดของ
โรงเรียน ฯลฯ หรือขอรับความรู้จากผู้ปกครอง มาล่วงหน้ า แล้วนํามาสนทนาร่ วมกันในการเรียนครั้ง
ต่ อไป
451
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรียนควรฝึ กปฏิบัตกิ จิ กรรมการสร้ างเสริมความอดทน ท่ าที่ 1 ถึง 4 รวมถึงท่ าอืน่ ๆ นอกเหนือจากบทเรียน
เพิม่ เติมนอกเวลาเรียน หรือใช้ เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด เพือ่ สร้ าง
เสริมสุ ขภาพร่ างกายให้ แข็งแรง สามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมในชีวติ ประจําวันได้ อย่างมีประสิ ทธิภาพ
2. นักเรี ยนควรหมัน่ ฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมสร้างเสริ มสมรรถภาพทางกายในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและสมํ่าเสมอ
เพื่อการมีสุขภาพร่ างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และควรนําความรู ้ที่ได้เรี ยนรู ้และฝึ กปฏิบตั ิดงั กล่าวไปถ่ายทอดแก่
สมาชิกในครอบครัวและคนในชุมชนเพื่อช่วยส่งเสริ มการมีสุขภาพดีให้กบั ผูอ้ ื่นด้วย
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
453
ผังมโนทัศน์ เป้าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้
1. ยาและสารเสพติด
2. อิทธิ พลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
3. การป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬา
ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. ศึกษาเกี่ยวกับความหมายของยาและสารเสพติด และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด
2. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ สารเสพติดดีหรื อไม่ เรารู้ ไหมช่ วยบอกมา
3. ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด
4. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ร่ วมกันอ่ านกรณี ศึกษานี ้ แล้ วช่ วยชี ้ถึงปั ญหา
5. ศึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างปลอดภัย
6. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ในตู้ยามีอะไร ร่ วมกันไปเร่ งค้ นหา
7. ศึกษาเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด
8. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ร่ วมกันระดมความคิด เพื่อพิชิตสารเสพติด
9. ศึกษาเกี่ยวกับความหมายของพฤติกรรมสุ ขภาพและสื่ อ อิทธิพลของสื่ อที่มีผลดีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ และอิทธิพลของสื่ อที่มีผลเสี ยต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
10. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ อิทธิ พลของสื่ อ ที่เลื่องลือถึงสุ ขภาพ
11. ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้ สื่ อไม่ ดีล้วนมีอิทธิ พล ลองช่ วยบอกผลที่ กระทบต่ อพวกเรา
12. ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการเล่นกีฬาและการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาในแต่ละปัจจัย
13. ปฏิบตั ิกิจกรรมการการเรี ยนรู ้ อันตรายจากการเล่ นกีฬา เราลองมาหาวิธีป้องกัน
14. ปฏิบตั ิกิจกรรมการการเรี ยนรู ้ ลองดูภาพกีฬาที่มีให้ อาจเกิดอันตรายอย่ างไรช่ วยบอกมา
15. โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง อันตรายจากการใช้ยาไม่ถูกต้อง พฤติกรรมในการใช้ยาของสมาชิกในครอบครัว
16. โครงงานการค้นคว้าข้อมูลเรื่ อง โทษของสารเสพติด
17. โครงงานการสํารวจเรื่ อง รายการโทรทัศน์ที่เหมาะกับเด็กและเยาวชน
18. โครงงานการค้นข้อมูลเรื่ อง แนวทางการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาของนักเรี ยนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5
454
ยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนและหลังเล่นทุกครั้ง
เมื่อรู้สึกตัวว่าเหนื่อยให้หยุดเล่น ศึกษาวิธีการ
และกฎกติกาการเล่นอยูเ่ สมอ หมัน่ ฝึ ก
ควบคุมอารมณ์และสติของตนเองในขณะเล่น
ตรวจสอบสภาพสนามและอุปกรณ์กีฬาก่อน
เล่นทุกครั้ง สวมเสื้ อผ้าและรองเท้าที่
เหมาะสมกับชนิดของกีฬาที่จะเล่น และ
สํารวจสภาพอากาศก่อนเล่น หรื อในขณะเล่น
หากมีฝนตกพื้นลื่นไม่ควรลงเล่น เพราะอาจ
ได้รับบาดเจ็บได้
4. สื่ อ หมายถึง การติดต่อถึงกัน ซึ่งในปั จจุบนั
สื่ อมีหลากหลายรู ปแบบและต่างก็มีผลต่อ
พฤติกรรมสุ ขภาพของผูร้ ับสื่ อ ดังนั้นผูร้ ับสื่ อ
จึงต้องรู้จกั คิดวิเคราะห์ถึงผลดีและผลเสี ยของ
สื่ อที่รับมา ซึ่งสามารถส่งผลโดยตรงต่อตัว
ของผูร้ ับสื่ อเอง
5. กีฬา เป็ นกิจกรรมที่สร้างเสริ มให้ร่างกายของ
เราแข็งแรงและส่งผลให้มีสุขภาพที่ดี แต่ถา้
เราไม่ระมัดระวังตนเองในขณะเล่นกีฬาก็อาจ
ก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผูอ้ ื่นได้ การ
ป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาจึงเป็ น
สิ่ งจําเป็ นสําหรับนักกีฬาหรื อผูเ้ ล่นกีฬาเป็ น
อย่างยิง่ เพื่อป้ องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการ
บาดเจ็บขึ้นได้
ความรู้ของนักเรียนที่จะนําไปสู่ ความเข้ าใจที่คงทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนที่จะนําไปสู่ ความ
เมื่อศึกษาจบหน่วยการเรี ยนรู ้น้ ีนกั เรี ยนจะรู้ ว่า… เข้ าใจที่คงทน
1. คําที่ควรรู้ ได้แก่ คําว่า ยา สารเสพติด เมื่อศึกษาจบหน่วยการเรี ยนรู้นกั เรี ยนควรมี
2. ยา หมายถึง สารที่ใช้ในการป้ องกันโรคหรื อ ทักษะและสามารถที่จะ…
ความเจ็บป่ วย รวมทั้งใช้บาํ รุ งและสร้างเสริ ม 1. อธิ บายปัจจัยที่มีอิทธิ พลต่อการใช้สารเสพติด
สุ ขภาพร่ างกายและจิตใจ ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด การ
3. สารเสพติด หมายถึง สิ่ งที่เสพแล้วเกิดโทษต่อ ใช้ยาอย่างปลอดภัย และการหลีกเลี่ยงสาร
ร่ างกายและจิตใจ ผูเ้ สพจะเกิดความต้องการ เสพติด
เสพอีกโดยไม่สามารถหยุดเสพได้
456
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 75
ยาและสารเสพติด
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: ความปลอดภัยในชีวติ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย
เรื่อง ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธิพลต่ อการใช้ สารเสพติด และผลกระทบของการใช้ ยาและสารเสพติด
1. สาระสํ าคัญ
ปัจจัยที่มีอิทธิ พลต่อการใช้สารเสพติด ได้แก่ ครอบครัว เพื่อน สังคม ปัญหาสุ ขภาพ และสื่ อ
ผลกระทบของการใช้ยาไม่ถูกวิธีที่มีต่อร่ างกาย เช่น อาการดื้อยา ต่อจิตใจ เช่น การติดยาหรื ออาการทางจิต
ต่อสังคม เช่น การก่อปัญหาอาชญากรรม และต่อสติปัญญา เช่น การทํางานของสมองลดลง
ส่วนผลกระทบของการใช้สารเสพติดที่มีต่อตนเอง เช่น สุขภาพทรุ ดโทรม ต่อจิตใจ เช่น อารมณ์และจิตใจ
ไม่ปกติ ต่อสังคม เช่น ก่ออาชญากรรมต่าง ๆ และต่อสติปัญญา เช่น ทําให้ระดับผลการเรี ยนตํ่ากว่าคนปกติ
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. วิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด (พ 5.1 ป.5/1)
2. วิเคราะห์ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดที่มีผลต่อร่ างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
(พ 5.1 ป. 5/2)
3. ปฏิบตั ิตนเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยาและหลีกเลี่ยงสารเสพติด (พ 5.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมายของยาและสารเสพติดอย่างถูกต้องได้ (K)
2. อธิ บายปัจจัยที่มีอิทธิ พลต่อการใช้สารเสพติดและผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดอย่างถูกต้องได้ (K)
3. ตระหนักถึงผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด (A)
4. แสดงทักษะในการสื่ อสารเพื่ออธิบายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติดและผลกระทบของการใช้ยาและ
สารเสพติดให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ทดสอบความรู้พ้นื ฐานในหน่วย • แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการ –
การเรี ยนรู้ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย เรี ยนรู้ที่ 5 ชีวิตปลอดภัย*/**
459
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
460
5. สาระการเรียนรู้
1. ยาและสารเสพติด
1.1 ปั จจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด
1.2 ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ ระบาดของสารเสพติดใน
เยาวชนไทยในปัจจุบนั และข่าวเกี่ยวกับการใช้ยาที่ไม่ปลอดภัย รวมถึง
ผลกระทบที่เกิดกับผูใ้ ช้ในด้านต่าง ๆ
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่ านคําศั พท์ ภาษาอังกฤษหรื อภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนที่
เกีย่ วกับยาและสารเสพติด
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับความหมายของ
ยาและสารเสพติด ปั จจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด ผลกระทบของการ
ใช้ยาและสารเสพติด
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิด แผนภาพ แผ่นพับความรู้ หรื อป้ ายนิเทศ
เผยแพร่ ความรู ้เกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพแสดงผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด เพื่อใช้
ประกอบการจัดแผ่นภาพ แผ่นป้ าย หรื อสื่ อรณรงค์ป้องกันสารเสพติดใน
โรงเรี ยนและชุมชน
วิทยาศาสตร์ ศึกษา สื บค้น และบันทึ กข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับกลไกการออกฤทธิ์ ของยาและ
สารเสพติดชนิดต่าง ๆ เพื่อสร้างเสริ มความรู ้
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ครู แจกแบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย ให้นกั เรี ยนเพื่อตรวจสอบความรู้ความ
เข้าใจพื้นฐาน โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด
3. ครู เฉลยคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบและระบุเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาที่นกั เรี ยนจะได้เรี ยนรู้ในหน่วย
การเรี ยนรู้ที่ 5 ชีวิตปลอดภัย
461
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ยกตัวอย่างข่าวเกี่ยวกับสารเสพติดและให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบคําถามในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
– นักเรี ยนรู ้สึกอย่างไรกับข่าวนี้ (ตอบได้ โดยอิสระ)
– จากข่าวดังกล่าว นักเรี ยนคิดว่าสารเสพติดเป็ นปัญหาต่อสังคมและประเทศชาติหรื อไม่ อย่างไร
(ตอบได้ โดยอิสระ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่นๆที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
2. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ยาและสารเสพติด ในประเด็นเกี่ยวกับความหมายของยาและสารเสพติด และในหัวข้อที่
1.1 ปั จจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด รวมถึงในหัวข้อที่ 1.2 ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด
โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
3. ครูแสดงบัตรคําที่เกีย่ วข้ องกับยาและสารเสพติด ในภาษาอังกฤษให้ นักเรียนดู พร้ อมทั้งอ่านสะกดคําและ
อ่านออกเสี ยงให้ นักเรียนอ่ านตาม เพือ่ สร้ างเสริมทักษะทางด้ านภาษา ตัวอย่ างเช่ น คําว่า
– ยา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Drug อ่านออกเสี ยงว่า ดรัก
– ตู้ยา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Medicine Cupboard อ่ านออกเสี ยงว่า เมด-อิซิน คับ-เอิด
– ฉลากยา ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่า Medicine Label อ่านออกเสี ยงว่า เมด-อิซิน เล-เบ็ล
– สารเสพติด ในภาษาอังกฤษตรงกับคําว่ า Narcotic อ่านออกเสี ยงว่า นาคอท-อิค
(ครูอาจเพิม่ คําศัพท์ ที่เป็ นภาษาในประเทศสมาชิกอาเซียนในการเรียนการสอนด้ วยได้ )
4. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. นักเรี ยนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน แต่ละกลุ่มร่ วมกันศึกษาและสรุ ปความรู ้เกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ
การใช้ยาและสารเสพติด และผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติด แล้วส่งตัวแทนออกมานําเสนอผล
การศึกษาและสรุ ปความรู้หน้าชั้นเรี ยน
2. แต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู ้ที่ถูกต้อง
เพิ่มเติม
3. ครู ต้ งั ประเด็นคําถาม ให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบ เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรี ยน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนคิดว่าปั จจัยสําคัญใดบ้างที่ส่งผลให้คนเราเสพสารเสพติดมากที่สุด เพราะอะไร (ปั ญหา
ครอบครั วแตกแยก เนื่องจากลักษณะของครอบครั วดังกล่ าว สมาชิ กในครอบครั วมักไม่ ค่อยเอาใจใส่
ซึ่ งกันและกัน ขาดความรั กความอบอุ่น เมื่อสมาชิ กคนใดคนหนึ่งมีปัญหาก็ไม่ สามารถหาที่ พึ่งพาได้
จึงหั นไปติดสารเสพติดได้ ง่าย)
– ผูเ้ สพสารเสพติดจะมีลกั ษณะอย่างไรบ้าง (อารมณ์ และจิ ตใจไม่ ปกติ ฟุ้ งซ่ าน ความคิดเลื่อนลอย
หวาดระแวง อาจคลุ้มคลั่ง อาละวาด ทําร้ ายผู้อื่น)
463
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดในประเทศไทยและ
ปัญหาสารเสพติดของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน จากแหล่งการเรี ยนรู ้ต่าง ๆ เช่น
อินเทอร์เน็ต หรื อห้องสมุดของโรงเรี ยน เพื่อเสริ มสร้างการเรี ยนรู้ให้กว้างขวางมากยิง่ ขึ้นและสามารถนํา
ความรู้ดงั กล่าวไปปรับใช้ในชีวติ ประจําวันได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
465
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 76
ยาและสารเสพติด (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: ความปลอดภัยในชีวติ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย
เรื่อง การใช้ ยาอย่ างปลอดภัยและการหลีกเลีย่ งการใช้ สารเสพติด
1. สาระสํ าคัญ
ยาช่วยรักษาและบรรเทาให้เราหายจากอาการเจ็บป่ วยได้ แต่กส็ ามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าเราใช้ยาไม่
ถูกวิธีและไม่มีความรู ้เพียงพอ ซึ่งการใช้ยาอย่างปลอดภัยปฏิบตั ิได้โดย ควรบอกผูป้ กครองหรื อครู ทุกครั้งเมื่อรู ้สึก
เจ็บป่ วยหรื อต้องใช้ยาโดยให้ท่านหยิบยาให้ และปฏิบตั ิตามที่ท่านแนะนําอย่างเคร่ งครัด เมื่อได้รับยาควรอ่านฉลาก
ยาโดยดูชื่อยา วันหมดอายุ และวิธีใช้อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง และไม่ควรนํายามาเล่นหรื อใช้อย่างพรํ่าเพรื่ อ
ส่วนปัญหาสารเสพติดจะหมดไปได้ถา้ ทุก ๆ คนร่ วมมือมีส่วนร่ วมในการต่อต้านสารเสพติด โดยอาจเริ่ ม
จากการหลีกเลี่ยงตนเองให้พน้ จากสารเสพติด ซึ่งปฏิบตั ิได้โดย เมื่อมีปัญหาควรปรึ กษาพ่อแม่ ผูป้ กครอง หรื อครู
ศึกษาทําความเข้าใจเกี่ยวกับโทษและอันตรายของสารเสพติด ก่อนใช้ยาทุกครั้งควรอ่านฉลากให้ละเอียด ไม่รับ
ขนมหรื ออาหารจากคนแปลกหน้า ไม่ทดลองสารเสพติดทุกชนิด ไม่ใช้ยาอย่างพรํ่าเพรื่ อ และไม่ใช้ยาทุกชนิดโดย
ไม่ได้รับคําแนะนําจากแพทย์หรื อเภสัชกร ทําจิตใจให้ร่าเริ งแจ่มใส และควรหาเวลาออกกําลังกาย หากรู ้สึกว่าตัวเองถูก
หลอกหรื อถูกบังคับให้เสพสารเสพติด ควรรี บบอกให้พอ่ แม่ ผูป้ กครอง หรื อครู ให้ทราบโดยเร็ ว
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. วิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด (พ 5.1 ป.5/1)
2. วิเคราะห์ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดที่มีผลต่อร่ างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
(พ 5.1 ป. 5/2)
3. ปฏิบตั ิตนเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยาและหลีกเลี่ยงสารเสพติด (พ 5.1 ป. 5/3)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายแนวทางการปฏิบตั ิตนเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยาและวิธีการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
3. ตระหนักถึงความสําคัญของการใช้ยาอย่างปลอดภัยและการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด (A)
4. แสดงทักษะในการปฏิบตั ิตนเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยาและหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดได้ (P)
466
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับการใช้ยาอย่าง • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ปลอดภัยและการหลีกเลี่ยงการใช้ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
สารเสพติด แผนที่ความคิด*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
1. ยาและสารเสพติด (ต่อ)
1.3 การใช้ยาอย่างปลอดภัย
1.4 การหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ พูดคุยเกี่ยวกับความร่ วมมือในการแก้ไขปัญหาสารเสพติดของกลุ่มประเทศ
อาเซียน
คณิ ตศาสตร์ ระบุจาํ นวนผูเ้ ข้าร่ วมโครงการป้ องกันสารเสพติดในโรงเรี ยนและชุมชน
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับการใช้ยาอย่าง
ปลอดภัยและการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด
467
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอประเด็นคําถามเกีย่ วกับการใช้ ยาอย่ างปลอดภัยและการ
หลีกเลีย่ งการใช้ สารเสพติด ที่สงสั ยหรือสนใจ ตามที่ได้ รับมอบหมายให้ ศึกษาค้ นคว้ ามาล่ วงหน้ าในการ
เรียนครั้งที่ผ่านมา แล้วให้ เพือ่ น ๆ ช่ วยกันตอบคําถามดังกล่าวร่ วมกัน โดยครูคอยให้ ความรู้ที่ถูกต้ อง
เพิม่ เติม
3. ให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบคําถามในประเด็นต่อไปนี้ เพื่อเป็ นการกระตุน้ ความสนใจในการเรี ยนรู้ของ
นักเรี ยน ตัวอย่างคําถาม เช่น
– นักเรี ยนรู ้จกั ยารักษาโรคอะไรบ้าง (ตอบโดยอิสระ)
– นักเรี ยนปฏิบตั ิอย่างไรบ้างเมื่อรู้สึกเจ็บป่ วยแล้วต้องรับประทานยา (บอกผู้ปกครองให้ หยิบยาและอ่ าน
ฉลากยาให้ ละเอี ยดก่ อนรั บประทาน)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
4. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในหัวข้อที่ 1.3 การใช้ยาอย่างปลอดภัย และหัวข้อที่ 1.4 การ
หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง ยาและสารเสพติด ในหัวข้อที่ 1.3 การใช้ยาอย่างปลอดภัย โดยแจกแผ่นพับหรื อเอกสาร
ที่เกี่ยวกับข้อควรคํานึงก่อนการใช้ยาที่ครู เตรี ยมมาให้นกั เรี ยนหมุนเวียนกันดู หรื อใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิ
ทัศน์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
2. ให้นกั เรี ยนดูภาพเด็กวัยรุ่ นกลุ่มหนึ่งกําลังมัว่ สุ มเสพสารเสพติด ที่ครู เตรี ยมมา แล้วร่ วมกันตอบคําถาม
เพื่อกระตุน้ ความสนใจการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน ตัวอย่างเช่น
– ถ้านักเรี ยนพบเห็นเหตุการณ์ดงั ที่ปรากฏภาพ นักเรี ยนจะปฏิบตั ิอย่างไร (รี บเดินหนีจากบริ เวณดังกล่ าว
แล้ วไปแจ้ งเจ้ าหน้ าที่ ตาํ รวจหรื อรี บกลับบ้ าน)
468
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรียนควรร่ วมกันจัดป้ายนิเทศหรือจัดทําแผ่นพับความรู้เกีย่ วกับการใช้ ยาอย่างปลอดภัยและการหลีกเลีย่ ง
การใช้ สารเสพติด เพือ่ ช่ วยรณรงค์ และเผยแพร่ ความรู้ในเรื่องดังกล่าวภายในโรงเรียนและในชุ มชน โดยร่ วมกัน
จัดทํานอกเวลาเรียน หรือใช้ เวลาในกิจกรรมการลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู้ตามที่สถานศึกษากําหนด
469
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
470
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 77
อิทธิพลของสื่ อทีม่ ีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: ความปลอดภัยในชีวติ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย เรื่อง อิทธิพลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
1. สาระสํ าคัญ
พฤติกรรมสุขภาพ หมายถึง การกระทําที่เราแสดงออกซึ่งมีผลต่อสุขภาพทั้งในด้านที่เป็ นผลดีและผลเสี ย
สื่ อ หมายถึง ตัวกลางหรื อสื่ อกลางที่ทาํ หน้าที่ส่งผ่านข้อมูลจากผูส้ ่งไปยังผูร้ ับ
อิทธิ พลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ คือ ก่อให้เกิดแนวทางการสร้างเสริ มสุ ขภาพ สร้างความรู ้
ความเข้าใจ และได้รับข้อเท็จจริ งทางด้านสุขภาพที่ถูกต้องและตรงกับความต้องการ สร้างเจตคติที่ดีต่อการ มี
พฤติกรรมสุ ขภาพที่ดี กระตุน้ ให้เราเกิดความสนใจดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น และสร้างความร่ วมมือในการ
ดูแลสุขภาพในครอบครัว ชุมชนและสังคมโดยรวม
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• วิเคราะห์อิทธิพลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพ (พ 5.1 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายความหมายของพฤติกรรมสุขภาพและสื่ อ และความสําคัญของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพอย่าง
ถูกต้องได้ (K)
2. อธิ บายลักษณะอิทธิพลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมสุขภาพอย่างถูกต้องได้ (K)
3. ตระหนักถึงความสําคัญของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพ (A)
4. แสดงทักษะในการวิเคราะห์อิทธิ พลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพอย่างถูกต้องได้ (P)
5. สามารถใช้สื่ออย่างถูกต้องและปลอดภัยได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
– ความหมายของพฤติกรรม ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
สุ ขภาพและสื่ อ และความสําคัญ แผนที่ความคิด*
ของสื่ อที่มีตอ่ พฤติกรรมสุขภาพ
– อิทธิ พลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อ
พฤติกรรมสุ ขภาพ
471
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
2. อิทธิพลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
2.1 อิทธิพลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมสุขภาพ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่ อ
ที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพการ์ตูนแสดงตัวอย่างการใช้สื่อที่ถูกต้องและ
ส่งผลดีต่อสุขภาพ
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพการ์ตูนแสดงตัวอย่างการใช้สื่อที่ถูกต้องและส่งผลดีต่อ
สุ ขภาพ ประกอบการจัดทําสมุดภาพเผยแพร่ ความรู ้
472
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ในตู้ยามีอะไร ร่ วมกันไปเร่ งค้ นหา
และกิจกรรม ร่ วมระดมความคิด เพือ่ พิชิตสารเสพติด ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา
โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง อิทธิพลของสื่ อที่
มีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ ในประเด็นเกีย่ วกับความหมายของพฤติกรรมสุ ขภาพและสื่ อ และตัวอย่างการ
วิเคราะห์ ผลดีและผลเสี ยของสื่ อต่ าง ๆ และในหัวข้ อที่ 2.1 อิทธิพลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
มาล่ วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัติ
กิจกรรมดังกล่าวของนักเรียน
4. ให้นกั เรี ยนดูภาพตัวอย่างการใช้สื่อ เช่น สื่ ออินเทอร์เน็ต ที่ครู เตรี ยมมา แล้วสนทนาร่ วมกันเกี่ยวกับ
ความรู้ในเรื่ องดังกล่าวจากประสบการณ์การเรี ยนรู้ของนักเรี ยน และตอบคําถามร่ วมกัน ตัวอย่างเช่น
– จากภาพ เป็ นการใช้สื่อประเภทใด (สื่ ออิ นเทอร์ เน็ต)
– นักเรี ยนใช้สื่ออินเทอร์เน็ตบ่อยหรื อไม่ อย่างไร (ตอบได้ โดยอิสระ)
– นอกจากการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตดังในภาพแล้ว นักเรี ยนรู ้จกั สื่ อในรู ปแบบใดอีกบ้าง (สื่ อสิ่ งพิมพ์ สื่ อ
โทรทัศน์ สื่ อวิทยุ)
– ปัจจุบนั นักเรี ยนใช้สื่อในรู ปแบบใดมากที่สุด 3 อันดับแรก (ตอบได้ โดยอิสระ เช่ น 1. สื่ ออินเทอร์ เน็ต 2.
สื่ อโทรทัศน์ และ 3. สื่ อสิ่ งพิมพ์ เช่ น นิตยสารต่ าง ๆ)
– นักเรี ยนคิดว่าสื่ อมีความสําคัญหรื อไม่ (ตอบโดยอิสระ)
– นักเรี ยนยกตัวอย่างสื่ อที่เกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพที่นกั เรี ยนเคยพบเห็น (ตอบโดยอิสระ)
(ครู อาจใช้คาํ ถามอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรี ยนการสอนได้)
5. ครู สนทนากับนักเรี ยนเพื่อเชื่อมโยงความรู ้ในประเด็นเกี่ยวกับความหมายของพฤติกรรมสุ ขภาพและสื่ อ
และตัวอย่างการวิเคราะห์ผลดีและผลเสี ยของสื่ อต่าง ๆ และในหัวข้อที่ 2.1 อิทธิ พลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อ
พฤติกรรมสุ ขภาพ เพื่อเป็ นการกระตุน้ การมีส่วนร่ วมและความสนใจในการเรี ยนรู้ของนักเรี ยน
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง อิทธิ พลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพ ในประเด็นเกี่ยวกับความหมายของพฤติกรรม
สุ ขภาพและสื่ อ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
473
2. ให้นกั เรี ยนแบ่งออกเป็ น 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มร่ วมกันศึกษาและสรุ ปความรู ้เรื่ อง อิทธิพลของสื่ อที่มีต่อ
พฤติกรรมสุ ขภาพ ในประเด็นเกี่ยวกับตัวอย่างการวิเคราะห์ผลดีและผลเสี ยของสื่ อต่าง ๆ ดังรายละเอียด
ในหนังสื อเรี ยน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 กลุ่มละ 1 หัวข้อ โดยใช้เวลาตามที่ครู
กําหนด โดยมีหวั ข้อดังต่อไปนี้
– กลุ่มที่ 1 เรื่ อง อินเทอร์เน็ต
– กลุ่มที่ 2 เรื่ อง เกมคอมพิวเตอร์
– กลุ่มที่ 3 เรื่ อง โทรทัศน์
3. แต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเสนอผลการศึกษาและสรุ ปความรู ้ตามหัวข้อที่กลุ่มตนเองได้รับหน้า
ชั้นเรี ยน โดยครู แสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรี ยนและให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
4. ครู ต้ งั ประเด็นคําถาม ให้นกั เรี ยนร่ วมกันตอบ เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรี ยน ตัวอย่างเช่น
– นักเรี ยนควรเลือกรายการโทรทัศน์ที่มีลกั ษณะอย่างไร เพื่อป้ องกันตนเองไม่ให้มีพฤติกรรมความ
รุ นแรง (เลือกดูรายการโทรทัศน์ ที่แสดงสัญลักษณ์ รายการที่ เหมาะสมกับวัยของตนเองเท่ านั้น เช่ น
สัญลักษณ์ รายการทั่วไปสามารถรั บชมได้ ทุกวัย)
5. ครู ให้ความรู ้เรื่ อง อิทธิ พลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพ ในหัวข้อที่ 2.1 อิทธิ พลของสื่ อที่ส่งผลดีต่อ
พฤติกรรมสุ ขภาพ โดยใช้ภาพหรื อเปิ ดสื่ อวีดิทศั น์ที่เกี่ยวข้องให้นกั เรี ยนดูประกอบการอธิ บาย
6. ครู เปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนสอบถามในประเด็นที่สงสัยหรื อสนใจเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
1. ครู นาํ โปสเตอร์รณรงค์เกี่ยวกับพฤติกรรมสุ ขภาพให้นกั เรี ยนหมุนเวียนกันดู
2. นักเรี ยนร่ วมกันปฏิบตั ิกิจกรรมเขียนสื่ อโฆษณารณรงค์ โดยแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน แต่ละกลุ่มส่ง
ตัวแทนกลุ่มออกมาจับสลากเลือกหัวข้อเรื่ องที่ตอ้ งเขียนสื่ อโฆษณารณรงค์ จากนั้นช่วยกันเขียนสื่ อ
โฆษณารณรงค์ในหัวข้อที่ได้รับ ลงในกระดาษวาดเขียนที่ครู เตรี ยมไว้ โดยใช้เวลาตามที่ครู กาํ หนด ซึ่ง
หัวข้อที่กาํ หนดให้มีดงั ต่อไปนี้
– ออกกําลังกายทุกวันสุ ขภาพแข็งแรง
– รับประทานอาหารครบ 5 หมูร่ ่ างกายแข็งแรง
– หลีกเลี่ยงขนมหวานและใส่สีจดั ๆ
– กําจัดลูกนํ้ายุงลายเพื่อป้ องกันไข้เลือดออก
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• แต่ละกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันออกมานําเนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรี ยน โดยครู ให้ความรู ้และคําแนะนํา
ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
1. ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปความรู้ที่ได้จากการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยให้นกั เรี ยนบันทึก
ความรู้โดยสังเขปลงในสมุดบันทึก
474
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการใช้สื่อที่ถูกต้องและปลอดภัย จากแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ
เช่น ห้องสมุดของโรงเรี ยนหรื อสื่ อต่าง ๆ เช่น วารสารการแพทย์หรื อสุขภาพ สื่ ออินเทอร์เน็ต และแหล่งการ
เรี ยนรู้ในชุมชน เช่น ผูป้ กครอง ครู แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุ ข ฯลฯ และนําความรู้ที่ได้รับไปปรับ
ใช้ในชีวิตประจําวัน
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
476
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 78
อิทธิพลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ (ต่ อ)
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: ความปลอดภัยในชีวติ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย เรื่อง อิทธิพลของสื่ อทีส่ ่ งผลเสี ยต่ อพฤติกรรมสุ ขภาพ
1. สาระสํ าคัญ
อิทธิ พลของสื่ อที่ส่งผลเสี ยต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ คือ การให้ขอ้ มูลความรู้ที่ไม่ถูกต้องหรื อบิดเบือนไปจาก
ความเป็ นจริ งจนเกิดความเข้าใจผิด การสร้างค่านิยมทางสุ ขภาพที่ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดพฤติกรรมความรุ นแรง
ทางด้านร่ างกาย จิตใจ และสังคม ขาดการสร้างปฏิสมั พันธ์กบั คนในสังคม และขาดความสนใจในตนเอง
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• วิเคราะห์อิทธิพลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพ (พ 5.1 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายลักษณะอิทธิพลของสื่ อที่ส่งผลเสี ยต่อพฤติกรรมสุขภาพอย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพ (A)
3. แสดงทักษะในการวิเคราะห์อิทธิ พลของสื่ อที่ส่งผลเสี ยต่อพฤติกรรมสุ ขภาพอย่างถูกต้องได้ (P)
4. สามารถใช้สื่ออย่างถูกต้องและปลอดภัยได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่ อที่ • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ส่งผลเสี ยต่อพฤติกรรมสุขภาพ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ขึ้นอยูก่ บั ดุลยพินิจของครู
ปฏิบตั ิกิจกรรม อิทธิ พลจากสื่ อ ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
ที่เลื่องลือถึงสุขภาพ พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ป. 5*
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
477
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
5. สาระการเรียนรู้
2. อิทธิพลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ (ต่อ)
2.2 อิทธิพลของสื่ อที่ส่งผลเสี ยต่อพฤติกรรมสุขภาพ
6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่ อ
ที่ส่งผลเสี ยต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพการ์ตูนแสดงตัวอย่างการใช้สื่อที่ไม่ถูกต้องและ
ส่งผลเสี ยต่อสุ ขภาพ
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพการ์ตูนแสดงตัวอย่างการใช้สื่อที่ไม่ถูกต้องและส่งผลเสี ย
ต่อสุ ขภาพ ประกอบการจัดทําสมุดภาพเผยแพร่ ความรู ้
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม อิทธิพลจากสื่อ ที่เลือ่ งลือถึงสุ ขภาพ
ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมของ
นักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
478
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรนําความรู ้เกี่ยวกับอิทธิพลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพไปปรับใช้ในการวิเคราะห์สื่อต่าง ๆ ใน
ชีวิตประจําวัน เพื่อเป็ นผลดีต่อพฤติกรรมสุขภาพของตนเองและครอบครัว
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
481
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 79
การป้องกันอันตรายจากการเล่ นกีฬา
สาระการเรียนรู้ ที่ 4: ความปลอดภัยในชีวติ เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 5 ชีวติ ปลอดภัย
เรื่อง ปัจจัยทีก่ ่ อให้ เกิดอันตรายจากการเล่ นกีฬาและการป้องกันอันตรายจากการเล่ นกีฬา
ในแต่ ละปัจจัย
1. สาระสํ าคัญ
กีฬาเป็ นกิจกรรมที่สร้างเสริ มให้ร่างกายของเราแข็งแรงและส่ งผลให้มีสุขภาพที่ดี แต่ถา้ เราไม่ระมัดระวัง
ตนเองในขณะเล่นกีฬา ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผูอ้ ื่นได้ โดยปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการเล่น
กีฬาแบ่งออกเป็ น 2 ปัจจัย คือ ปั จจัยภายใน ได้แก่ สภาพร่ างกายไม่พร้อมที่จะเล่น ขาดการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ที่
เหมาะสมและเพียงพอก่อนและหลังเล่นกีฬา ฝึ กฝนมากจนเกินกําลังของตนเอง ขาดความรู้เรื่ องวิธีการเล่นและกฎ
กติกาที่ถูกต้อง และขาดการควบคุมอารมณ์ที่ดี ปั จจัยภายนอก ได้แก่ สนามกีฬาที่ไม่ได้มาตรฐานหรื อไม่ได้รับการ
ซ่อมแซม อุปกรณ์ในการเล่นกีฬาไม่เหมาะสมหรื อไม่ได้มาตรฐาน สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เป็ นกีฬาที่มีการ
ปะทะ และการถูกคู่แข่งขันทําลายสมาธิ ก่อให้เกิดการปะทะ
การป้ องกันอันตรายจากการเล่ นกีฬาที่เกิดจากปั จจัยภายใน ปฏิบตั ิได้โดยตรวจสุ ขภาพก่อนเล่นกีฬา เพิ่ม
ความระมัดระวังในการเล่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนและหลังการเล่น เมื่อรู้สึกตัวว่าเหนื่อยให้หยุดเล่น ศึกษาวิธีการ
เล่นและกฎกติกาก่อนการเล่น และฝึ กควบคุมอารมณ์ ส่วนการป้ องกันอันตรายจากการเล่ นกีฬาที่เกิดจากปั จจัย
ภายนอก ปฏิบตั ิได้โดยตรวจสอบสภาพสนามกีฬาและอุปกรณ์กีฬาก่อนการเล่นกีฬาทุกครั้ง สวมเสื้ อผ้า รองเท้าที่
ถูกต้องกับกีฬาชนิดนั้น ๆ และสํารวจสภาพอากาศก่อนการเล่นหรื อในขณะเล่น
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
• ปฏิบตั ิตนเพื่อป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬา (พ 5.1 ป. 5/5)
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิ บายปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการเล่นกีฬา และวิธีการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาในแต่ละปั จจัย
อย่างถูกต้องได้ (K)
2. ตระหนักถึงความสําคัญของการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬา (A)
3. แสดงทักษะในการปฏิบตั ิตนเพื่อป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาในแต่ละปั จจัยอย่างถูกต้องได้ (P)
482
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับปั จจัยที่ก่อให้เกิด • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
อันตรายจากการเล่นกีฬา และการ ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
ป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬา แผนที่ความคิด*
ในแต่ละปัจจัย
• ตรวจสอบความถูกต้องในการ • รู ปแบบของกิจกรรมตามที่ระบุใน • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ปฏิบตั ิกิจกรรม ใบกิจกรรม/แบบฝึ กทักษะ รายวิชา
– สื่ อไม่ ดีล้วนมีอิทธิ พล ลองช่ วย พื้นฐาน สุ ขศึกษาและพลศึกษา
บอกผลที่กระทบต่ อพวกเรา ป. 5*
– อันตรายจากการเล่ นกีฬา เราลอง
มาหาวิธีป้องกัน
– ลองดูภาพกีฬาที่มีให้ อาจเกิด
อันตรายอย่ างไรช่ วยบอกมา
• ตรวจสอบความถูกต้องของ • แบบทดสอบหลังเรี ยน หน่วยการ • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
การทดสอบประจําหน่วย เรี ยนรู้ที่ 5 ชีวิตปลอดภัย**
การเรี ยนรู้ที่ 5 ชีวิตปลอดภัย
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
*/**ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู หรื อในสื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์
วัฒนาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
483
5. สาระการเรียนรู้
3. การป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬา
3.1 ปั จจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการเล่นกีฬา
3.2 การป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาในแต่ละปั จจัย
6. แนวทางบูรณาการ
สังคมศึกษาฯ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับอันตรายจากการเล่นกีฬาที่มกั เกิดขึ้นกับนักกีฬาประเภท
ต่าง ๆ ในประเทศไทย
ภาษาต่างประเทศ ฟั งและอ่านคําศัพท์ภาษาอังกฤษ ภาษาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซี ยนเกี่ยวกับ
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการเล่นกีฬา
คณิ ตศาสตร์ ศึ กษาและรวบรวมสถิ ติอ นั ตรายจากการเล่น กี ฬาที่ มกั เกิ ดขึ้ นกับ นักกี ฬ าใน
โรงเรี ยน แล้วจําแนกออกเป็ นกลุ่มตามลักษณะปั จจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายจาก
การเล่นกีฬา
ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเห็น หรื ออภิปราย หรื อเขียนสรุ ปเกี่ยวกับปัจจัยที่
ก่อให้เกิดอันตรายจากการเล่นกีฬา และการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬา
ในแต่ละปัจจัย
การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดภาพประกอบเกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิด
อันตรายจากการเล่นกีฬา และการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาในแต่ละ
ปัจจัย
ศิลปะ วาดภาพ/ระบายสี ภาพแสดงลักษณะของปั จจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการ
เล่นกีฬา และการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาในแต่ละปัจจัย ประกอบการ
จัดทําแผนที่ความคิด
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
1. ครู และนักเรี ยนสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาและการปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรี ยนครั้งที่ผา่ นมาร่ วมกัน เพื่อ
ทบทวนประสบการณ์และภาระงานตามที่นกั เรี ยนได้รับมอบหมาย
2. ให้ นักเรียนอาสาสมัคร 2–3 คนออกมานําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม สื่อไม่ ดีล้วนมีอิทธิพล ลองช่ วยบอก
ผลที่กระทบต่ อพวกเรา ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความคิดเห็นต่ อการ
ปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรียนและให้ คาํ แนะนําเพิม่ เติม
3. ครูสุ่ มนักเรียน 2–3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์ และความรู้จากการศึกษาค้ นคว้ าในเรื่อง การป้องกัน
อันตรายจากการเล่ นกีฬา มาล่วงหน้ า ตามที่ได้ รับมอบหมายในการเรียนครั้งที่ผ่านมา โดยครูแสดงความ
คิดเห็นต่ อการปฏิบัตกิ จิ กรรมดังกล่าวของนักเรียน
484
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. นักเรียนควรศึกษาค้ นคว้ าและวิเคราะห์ เปรียบเทียบเกีย่ วกับลักษณะรู ปร่ างของนักกีฬาไทยและ
นักกีฬาของประเทศอืน่ ๆ ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีความเกีย่ วข้ องกับปัจจัยทีก่ ่ อให้ เกิด
อันตรายจากการเล่ นกีฬา เพื่อสร้ างเสริมการเรียนรู้ให้ กว้างขวางมากยิง่ ขึน้
2. นักเรี ยนควรนําความรู ้เกี่ยวกับการป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬาไปปรับใช้ในการเล่นกีฬา การออกกําลังกาย
การเล่นเกม หรื อการปฏิบตั ิกิจกรรมทางกายในชีวิตประจําวัน เพื่อป้ องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
487
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 80
การทดสอบปลายปี รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
สาระการเรียนรู้ ที่ 2: ชีวติ และครอบครัว เวลา 1 ชั่วโมง
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว
เรื่อง การทดสอบปลายปี รายวิชาพืน้ ฐาน สุ ขศึกษา ป. 5
1. สาระสํ าคัญ
การทดสอบปลายปี เป็ นกระบวนการวัดและประเมินผลเพื่อสรุ ปผลการเรี ยนรู้ (Summative Assessment )
ที่นกั เรี ยนได้รับจากองค์ความรู้ที่กาํ หนดไว้ในขอบข่ายของตัวชี้วดั ในโครงสร้างของหลักสูตร และการสอบปลายปี
ยังเป็ นการนําข้อมูลของค่าคะแนนที่ได้นาํ มาใช้เป็ นส่วนสําคัญในการวัดและประเมินผลเพื่อตัดสิ นผลการเรี ยนหรื อ
ให้ระดับผลการเรี ยน ตลอดจนให้การรับรองความรู้ความสามารถของผูเ้ รี ยนว่าผ่านรายวิชาหรื อไม่ ควรได้รับการ
เลื่อนชั้นหรื อไม่ หรื อสามารถจบหลักสูตรหรื อไม่
การศึกษารายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา เป็ นอีกหนึ่งรายวิชาที่นาํ กระบวนการวัดและประเมินผลมาใช้เพื่อ
สรุ ปผลการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน โดยใช้แบบทดสอบทั้งในข้อคําถามที่เน้นกระบวนการการคิดวิเคราะห์เพื่อตัดสิ น
ข้อคําตอบ ในรู ปแบบอัตนัยและรู ปแบบปรนัย ครอบคลุมองค์ความรู้และตัวชี้วดั ชั้นปี ในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 4 และ5
2. ตัวชี้วดั ชั้นปี
1. แสดงพฤติกรรมที่เห็นความสําคัญของการปฏิบตั ิตนตามสุ ขบัญญัติแห่งชาติ (พ 4.1 ป. 5/1)
2. ค้นหาข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้สร้างเสริ มสุ ขภาพ (พ 4.1 ป. 5/2)
3. วิเคราะห์สื่อโฆษณาในการตัดสิ นใจเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างมีเหตุผล (พ 4.1 ป. 5/3)
4. ปฏิบตั ิตนในการป้ องกันโรคที่พบบ่อยในชีวิตประจําวัน (พ 4.1 ป. 5/4)
5. ทดสอบและปรับปรุ งสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ป. 5/5)
6. วิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด (พ 5.1 ป. 5/1)
7. วิเคราะห์ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดที่มีผลต่อร่ างกายจิตใจอารมณ์สงั คมและสติปัญญา
(พ 5.1 ป. 5/2)
8. ปฏิบตั ิตนเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยาและหลีกเลี่ยงสารเสพติด (พ 5.1 ป. 5/3)
9. วิเคราะห์อิทธิพลของสื่ อที่มีต่อพฤติกรรมสุ ขภาพ (พ 5.1 ป. 5/4)
10. ปฏิบตั ิตนเพื่อป้ องกันอันตรายจากการเล่นกีฬา (พ 5.1 ป. 5/5)
488
3. จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายเกี่ยวกับระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 ได้อย่างถูกต้อง
(K)
2. ระบุวธิ ี การทําแบบทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 ได้ (P)
3. เข้าร่ วมกิจกรรมการเรี ยนรู ้กบั ผูอ้ ื่นด้วยความเต็มใจและกระตือรื อร้น (A)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านความรู้ (K)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• ซักถามเกี่ยวกับความเข้าใจใน • แบบประเมินผลการนําเสนอ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
เนื้อหาในหน่วยการเรี ยนรู ้ที่ 4 ข้อมูล/การอภิปราย/การเขียน 2 ขึ้นไป
และหน่วยการเรี ยนรู้ที่ 5 แผนที่ความคิด*
• ตรวจสอบความถูกต้องของการ • แบบทดสอบปลายปี รายวิชา • ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน พื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5**
สุ ขศึกษา ป. 5
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
**ดูรายละเอียดในสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 บริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
ด้ านทักษะ/กระบวนการ (P)
วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมินผล เกณฑ์ การวัดและประเมินผล
• สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/กระบวนการ* • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ
ของนักเรี ยน 2 ขึ้นไป
*ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู ้เสริ มสําหรับครู
489
5. สาระการเรียนรู้
–
6. แนวทางบูรณาการ
–
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นําเข้ าสู่ บทเรียน
• ให้นักเรี ยนอาสาสมัคร 2–3 คน รายงานผลการศึกษาทบทวนความรู ้ในหน่วยการเรี ยนรู้ที่ 4 และหน่วยการ
เรี ยนรู้ที่ 5 เพื่อเตรี ยมตัวทดสอบกลางปี รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5 ที่ ได้มอบหมายในการเรี ยนครั้งที่
ผ่านมา
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครู อธิ บายระเบียบและข้อตกลงในการทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5 ให้นกั เรี ยนได้เข้าใจ
และซักถามข้อสงสัย
2. ให้นกั เรี ยนทุกคนทําแบบทดสอบปลายปี รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 ตามเวลาที่กาํ หนดให้
ขั้นที่ 3 ฝึ กฝนทักษะและประสบการณ์
• หลังจากที่นกั เรี ยนทําแบบทดสอบเสร็ จแล้ว ครู ให้นกั เรี ยนช่วยกันเฉลยคําตอบของแบบทดสอบปลายปี
รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 ทีละข้อร่ วมกัน โดยครู อธิบายและชี้แนะคําตอบที่ถูกต้องให้นกั เรี ยนทราบ
ขั้นที่ 4 การนําไปใช้
• นักเรี ยนจดบันทึกความรู ้ที่ได้จากการเฉลยคําตอบของแบบทดสอบปลายปี ลงในสมุดบันทึก
ขั้นที่ 5 สรุ ปความรู้
• ครู และนักเรี ยนร่ วมกันสรุ ปสิ่ งที่ได้รับจากการเรี ยนรู ้ในรายวิชาพื้นฐาน สุ ขศึกษา ป. 5 เพื่อเป็ นพื้นฐานใน
การเรี ยนรู้ในระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรี ยนควรทบทวนความรู ้ความเข้าใจที่ได้ศึกษาผ่านมาอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อเสริ มสร้างความรู้ความเข้าใจใน
เรื่ องดังกล่าวให้ดียงิ่ ขึ้น
490
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ (ผู้สอน)
491
ตอนที่ 3
เอกสาร/ความรู้ เสริมสํ าหรับครู
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา
492
ตอนที่ 3
เอกสาร/ความรู้ เสริมสําหรับครู
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา
เอกสาร/ความรู้เสริ มสําหรับครู กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษาชุดนี้ ประกอบไปด้วยเอกสาร
และความรู ้เสริ มสําหรับครู ที่ครู นาํ มาใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน และการวัดและประเมินผล
สําหรับนักเรี ยน
1. ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการเรี ยนรู ้ ตัวชี้วดั และสาระการเรี ยนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรี ยนรู้
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
2. ความรู้เกี่ยวกับความสําคัญของการจัดการเรี ยนรู ้ในกลุ่มสาระการเรี ยนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
3. ความรู้เกี่ยวกับแฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio)
4. เอกสารแบบทดสอบก่อนเรี ยน สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
– แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 1 เรี ยนรู้ตวั เรา
– แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 2 ชีวิตและครอบครัว
– แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 3 ใส่ใจสุ ขภาพ
– แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 4 ชีวิตปลอดภัย
– แบบทดสอบก่อนเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 5 เพิม่ พูนทักษะการเคลื่อนไหว
(หมายเหตุ: แบบทดสอบหลังเรี ยนในแต่ละหน่วยสามารถนํามาใช้ได้จากสื่ อการเรี ยนรู้ PowerPoint
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 ของบริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด)
5. เอกสารใบกิจกรรมการเรี ยนรู ้ สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
6. เอกสารแบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผล
– แบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผลการเรี ยนรู้ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
– แบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผลการเรี ยนรู้ดา้ นคุณธรรม จริ ยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
– แบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผลการนําเสนอข้อมูล
– แบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผลการอภิปราย
– แบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผลการสร้างแผนที่ความคิด
7. ตัวอย่างแบบบันทึกสรุ ปผลการประเมินผล
– ตัวอย่างแบบบันทึกผลการประเมินการนําเสนอข้อมูล/การอภิปราย/การสร้างแผนที่ความคิดเป็ น
รายบุคคล
– ตัวอย่างแบบบันทึกสรุ ปการประเมินผลการเรี ยนรู้ของนักเรี ยนหน่วยการเรี ยนรู้ที่ 1–5
8. เอกสารแบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะการวิ่งระยะสั้น
9. เอกสารแบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะกีฬาฟุตบอล
10. เอกสารแบบประเมินผลการปฏิบตั ิทกั ษะกีฬามวยไทย
493
ใบความรู้ ที่ 1
หลักสู ต รแกนกลางการศึ กษาขั้น พื้ น ฐาน พุ ท ธศัก ราช 2551 เป็ นหลัก สู ต รที่ มุ่ งเน้น พัฒ นา
นักเรี ยนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กาํ หนด เพื่อช่วยให้นกั เรี ยนเกิดสมรรถนะสําคัญและคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ที่มีเป้ าหมายเพื่อการดํารงสุ ขภาพ การสร้างเสริ มสุขภาพและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
บุคคล ครอบครัว และชุมชนให้ยงั่ ยืน โดยผ่านมาตรฐานการเรี ยนรู้เป็ นข้อกําหนดคุณภาพของนักเรี ยน
ทั้งด้านความรู ้ ด้านทักษะ/กระบวนการ ด้านคุณธรรม จริ ยธรรม และค่านิยม โดยผ่านองค์ความรู ้หลัก 5
สาระ และมีการกําหนดมาตรฐานการเรี ยนรู ้ที่ตอ้ งการให้เกิดขึ้นหลังจากการเรี ยนรู้แต่ละสาระ รวม 6 ข้อ
ประกอบด้วย สาระที่ 1 การเจริ ญ เติ บ โตและพั ฒ นาการของมนุษ ย์ ประกอบด้วยมาตรฐานข้อ พ 1.1
เข้า ใจธรรมชาติ ข องการเจริ ญเติ บ โตและพัฒ นาการของมนุ ษ ย์ สาระที่ 2 ชี วิ ต และครอบครั ว
ประกอบด้วยมาตรฐานข้อ พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทกั ษะในการ
ดํา เนิ น ชี วิ ต สาระที่ 3 การเคลื่ อ นไหว การออกกํา ลั ง กาย การเล่ น เกม กี ฬ าไทย และกี ฬ าสากล
ประกอบด้วยมาตรฐานข้อ พ 3.1 เข้าใจ มีทกั ษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และ
กี ฬ า และมาตรฐานข้อ พ 3.2 รั กการออกกําลังกาย การเล่น เกม และการเล่ น กี ฬ า ปฏิ บ ตั ิ เป็ นประจํา
อย่างสมํ่าเสมอ มี วินัย เคารพสิ ท ธิ กฎ กติ กา มี น้ าํ ใจนักกี ฬ า มี จิตวิญ ญาณในการแข่งขัน และชื่ น ชม
ในสุ น ทรี ย ภาพของการกี ฬ า สาระที่ 4 การสร้ างเสริ มสุ ข ภาพ สมรรถภาพ และการป้ องกั น โรค
ประกอบด้วยมาตรฐานข้อ พ 4.1 เห็ นคุณ ค่าและ มี ทกั ษะในการสร้างเสริ ม สุ ขภาพ การดํารงสุ ขภาพ
การป้ องกัน โรค และการสร้ างเสริ ม สมรรถภาพเพื่ อ สุ ข ภาพ และสาระที่ 5 ความปลอดภั ย ในชี วิ ต
ประกอบด้วยมาตรฐานข้อ พ 5.1 ป้ องกันและหลีกเลี่ยงปั จจัยเสี่ ยง พฤติกรรมเสี่ ยงต่อสุ ขภาพ อุบตั ิเหตุ
การใช้ยา สารเสพติด และความรุ นแรง
495
ใบงานที่ 1
ประเด็นคําถาม สรุปความคิดเห็นของสมาชิกกลุ่ม
กลุ่มที่ ________
1. _____________________________ เลขที่ _____ ประธานกลุ่ม
2. _____________________________ เลขที่ _____ สมาชิก
3. _____________________________ เลขที่ _____ สมาชิก
4. _____________________________ เลขที่ _____ สมาชิก
5. _____________________________ เลขที่ _____ สมาชิก
6. _____________________________ เลขที่ _____ เลขานุการกลุ่ม
ใบความรู้ ที่ 2
5. การตัดสิ นผลการเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
5.1 นําคะแนนดิบที่เป็ นคะแนนรวมของกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้สุขศึกษาและพลศึกษามารวมกัน
เป็ นคะแนนดิบวิชาละเท่ากัน เช่น 100 + 100 ÷ 2
501
6. แบบประเมินพฤติกรรมของผู้เรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
แบบประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม
แบบสั งเกตพฤติกรรมรายบุคคล
ตอนที่ 3.1
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้ แกนกลาง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
ตามหลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
สาระที่ 1: การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์
มาตรฐาน พ 1.1: เข้าใจธรรมชาติของการเจริ ญเติบโตและพัฒนาการมนุษย์
มาตรฐาน พ 3.2: รักการออกกําลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบตั ิเป็ นประจําอย่างสมํ่าเสมอ มีวินยั เคารพ
สิ ทธิ กฎ กติกา มีน้ าํ ใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมในสุ นทรี ยภาพของการกีฬา
ตัวชี้วดั ชั้นปี /ข้ อ สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. ออกกําลังกายอย่างมีรูปแบบ เล่นเกมที่ใช้ทกั ษะการ • หลักการและรู ปแบบของการออกกําลังกาย
คิดและตัดสิ นใจ • การออกกําลังกายและการเล่นเกม เช่น เกมเบ็ดเตล็ด
เกมเลียนแบบเกมนําและการละเล่นพื้นเมือง
2. เล่นกีฬาที่ตนเองชื่นชอบอย่างสมํ่าเสมอ โดยสร้าง • การเล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและทีมที่
ทางเลือกในวิธีปฏิบตั ิของตนเองอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับวัยอย่างสมํ่าเสมอ
และมีน้ าํ ใจนักกีฬา • การสร้างทางเลือกในวิธีปฏิบตั ิในการเล่นกีฬาอย่าง
หลากหลายและมีน้ าํ ใจนักกีฬา
506
สาระที่ 5: ความปลอดภัยในชีวติ
มาตรฐาน พ 5.1: ป้ องกันและหลีกเลี่ยงปั จจัยเสี่ ยง พฤติกรรมเสี่ ยงต่อสุขภาพ อุบตั ิเหตุ การใช้ยา สารเสพติด และ
ความรุ นแรง
ตัวชี้วดั ชั้นปี /ข้ อ สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. วิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด• ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด (สุ รา บุหรี่ ยาบ้า
สารระเหย ฯลฯ)
– ครอบครัวสังคมเพื่อน
– ค่านิยมความเชื่อ
– ปัญหาสุ ขภาพ
– สื่ อ ฯลฯ
2. วิเคราะห์ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดที่มี • ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดที่มีต่อร่ างกาย
ผลต่อร่ างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
ตอนที่ 3.2
ความสําคัญของการจัดการเรียนรู้ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา
• ทําไมต้ องเรียนสุ ขศึกษาและพลศึกษา
สุ ข ภาพ ห รื อ สุ ข ภาวะ หมายถึง ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ งั ทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทางปั ญญา
หรื อจิตวิญญาณ สุขภาพหรื อสุขภาวะจึงเป็ นเรื่ องสําคัญ เพราะเกี่ยวโยงกับทุกมิติของชีวิต ซึ่งทุกคนควรจะได้เรี ยนรู ้
เรื่ องสุ ขภาพ เพื่อจะได้มีความรู ้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง มีเจตคติ คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม รวมทั้งมีทกั ษะ
ปฏิบตั ิดา้ นสุขภาพเป็ นกิจนิสยั อันจะส่งผลให้สงั คมโดยรวมมีคุณภาพ
• เรียนรู้ อะไรในสุ ขศึกษาและพลศึกษา
สุ ขศึกษาและพลศึกษาเป็ นการศึกษาด้านสุ ขภาพที่มีเป้ าหมายเพื่อการดํารงสุ ขภาพ การสร้างเสริ มสุ ขภาพ
และการพัฒนาคุณภาพชีวติ ของบุคคล ครอบครัว และชุมชนให้ยงั่ ยืน
สุ ขศึกษา มุ่งเน้นให้นกั เรี ยนพัฒนาพฤติกรรมด้านความรู้ เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม และการปฏิบตั ิเกี่ยวกับ
สุ ขภาพควบคู่ไปด้วยกัน
พลศึกษา มุ่งเน้นให้นกั เรี ยนใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกกําลังกาย การเล่นเกมและกีฬา เป็ น
เครื่ องมือในการพัฒนาโดยรวมทั้งด้านร่ างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุ ขภาพและ
กีฬา
สาระที่เป็ นกรอบเนื้อหาหรื อขอบข่ายองค์ความรู้ของกลุ่มสาระการเรี ยนรู้ สุ ขศึกษาและพลศึกษา
ประกอบด้วย
• การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ นักเรี ยนได้เรี ยนรู ้เรื่ อง ธรรมชาติของการเจริ ญเติบโตและ
พัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริ ญเติบโต ความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการทํางานของระบบต่าง ๆ ของ
ร่ างกาย รวมถึงวิธีปฏิบตั ิตนเพื่อให้เจริ ญเติบโตและมีพฒั นาการที่สมวัย
• ชีวติ และครอบครัว นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้เรื่ อง คุณค่าของตนเองและครอบครัว การปรับตัวต่อการ
เปลี่ยนแปลงทางร่ างกาย จิตใจ อารมณ์ ความรู ้สึกทางเพศ การสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับผูอ้ ื่น สุ ขปฏิบตั ิทาง
เพศ และทักษะในการดําเนินชีวิต
• การเคลือ่ นไหว การออกกําลังกาย การเล่นกีฬาไทย และกีฬาสากล นักเรี ยนได้เรี ยนรู ้เรื่ องการเคลื่อนไหว
ร่ างกายในรู ปแบบต่าง ๆ การเข้าร่ วมกิจกรรมทางกายและกีฬา ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีมอย่างหลากหลาย
ทั้งไทยและสากล การปฏิบตั ิตามกฎ กติกา ระเบียบ และข้อตกลงในการเข้าร่ วมกิจกรรมทางกายและกีฬา และความ
มีน้ าํ ใจนักกีฬา
509
ตอนที่ 3.3
แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio)
แฟ้ มสะสมผลงาน หมายถึง แหล่งรวบรวมเอกสาร ผลงาน หรื อหลักฐาน เพื่อใช้สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์
ความสามารถ ทักษะ และพัฒนาการของนักเรี ยน มีการจัดเรี ยบเรี ยงผลงานไว้อย่างมีระบบ โดยนําความรู ้ ความคิด
และการนําเสนอมาผสมผสานกัน ซึ่งนักเรี ยนเป็ นผูค้ ดั เลือกผลงานและมีส่วนร่ วมในการประเมิน แฟ้ มสะสม
ผลงานจึงเป็ นหลักฐานสําคัญที่จะทําให้นกั เรี ยนสามารถมองเห็นพัฒนาการของตนเองได้ตามสภาพจริ ง รวมทั้งเห็น
ข้อบกพร่ องและแนวทางในการปรับปรุ งแก้ไขให้ดีข้ ึนต่อไป
ลักษณะสํ าคัญของการประเมินผลโดยใช้ แฟ้มสะสมผลงาน
1. ครู สามารถใช้เป็ นเครื่ องมือในการติดตามความก้าวหน้าของนักเรี ยนเป็ นรายบุคคลได้เป็ นอย่างดี
เนื่องจากมีผลงานสะสมไว้ ครู จะทราบจุดเด่น จุดด้อยของนักเรี ยนแต่ละคนจากแฟ้ มสะสมผลงาน และสามารถ
ติดตามพัฒนาการได้อย่างต่อเนื่อง
2. มุ่งวัดศักยภาพของนักเรี ยนในการผลิตหรื อสร้างผลงานมากกว่าการวัดความจําจากการทําแบบทดสอบ
3. วัดและประเมินโดยเน้นผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลาง คือ นักเรี ยนเป็ นผูว้ างแผน ลงมือปฏิบตั ิงาน รวมทั้ง
ประเมินและปรับปรุ งตนเอง ซึ่งมีครู เป็ นผูช้ ้ ีแนะ เน้นการประเมินผลย่อยมากกว่าการประเมินผลรวม
4. ฝึ กให้นกั เรี ยนรู ้จกั การประเมินตนเองและหาแนวทางปรับปรุ งพัฒนาตนเอง
5. นักเรี ยนเกิดความมัน่ ใจและภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง รู้วา่ ตนเองมีจุดเด่นในเรื่ องใด
6. ช่วยในการสื่ อความหมายเกี่ยวกับความรู้ ความสามารถ ตลอดจนพัฒนาการของนักเรี ยนให้ผทู ้ ี่เกี่ยวข้อง
ทราบ เช่น ผูป้ กครอง ฝ่ ายแนะแนว ตลอดจนผูบ้ ริ หารของโรงเรี ยน
ขั้นตอนการประเมินผลโดยใช้ แฟ้มสะสมผลงาน
การจัดทําแฟ้ มสะสมผลงานมี 10 ขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียด ดังนี้
1. การวางแผนจัดทําแฟ้มสะสมผลงาน การจัดทําแฟ้ มสะสมผลงานต้องมีส่วนร่ วมระหว่างครู นักเรี ยน
และผูป้ กครอง
ครู การเตรี ยมตัวของครู ตอ้ งเริ่ มจากการศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตร คู่มือครู คําอธิบายรายวิชา วิธีการ
วัดและประเมินผลในหลักสูตร รวมทั้งครู ตอ้ งมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินโดยใช้แฟ้ มสะสมผลงาน จึง
จะสามารถวางแผนกําหนดชิ้นงานได้
นักเรียน ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรี ยนรู้ เนื้อหาสาระ การประเมินผลโดยใช้แฟ้ ม
สะสมผลงาน การมีส่วนร่ วมในกิจกรรมการเรี ยนรู้ การกําหนดชิ้นงาน และบทบาทในการทํางานกลุ่ม โดยครู ตอ้ ง
แจ้งให้นกั เรี ยนทราบล่วงหน้า
ผู้ปกครอง ต้องเข้ามามีส่วนร่ วมในการคัดเลือกผลงาน การแสดงความคิดเห็น และรับรู้พฒั นาการของ
นักเรี ยนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก่อนทําแฟ้ มสะสมผลงาน ครู ตอ้ งแจ้งให้ผปู ้ กครองทราบหรื อขอความร่ วมมือ รวมทั้ง
ให้ความรู้ในเรื่ อง การประเมินผล โดยใช้แฟ้ มสะสมผลงานแก่ผปู้ กครองเมื่อมีโอกาส
510
1. ส่ วนนํา ประกอบด้วย
– ปก
– คํานํา
– สารบัญ
– ประวัติส่วนตัว
– จุดมุ่งหมายของการทําแฟ้ มสะสมผลงาน
รูปแบบแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงจากการออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward
Design
Backward Design เขียนโดยใช้รูปแบบของแผนการจัดการเรี ยนรู ้แบบเรี ยงหัวข้อ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
• ชื่อแผน... (ระบุชื่อและลําดับที่ของแผนการจัดการเรี ยนรู ้)
• สาระที่... (ระบุสาระที่ใช้จดั การเรี ยนรู้)
• ชั้น... (ระบุช้ นั ที่จดั การเรี ยนรู ้)
• หน่วยการเรี ยนรู้ที่... (ระบุชื่อและลําดับที่ของหน่วยการเรี ยนรู ้)
• เวลา... (ระบุระยะเวลาที่ใช้ในการจัดการเรี ยนรู้ต่อ 1 แผน)
• สาระสําคัญ... (เขียนความคิดรวบยอดหรื อมโนทัศน์ของหัวเรื่ องที่จะจัดการเรี ยนรู ้)
• ตัวชี้วดั ช่วงชั้น... (ระบุตวั ชี้วดั ช่วงชั้นที่ใช้เป็ นเป้ าหมายของแผนการจัดการเรี ยนรู ้)
• จุดประสงค์การเรี ยนรู้... (กําหนดให้สอดคล้องกับสมรรถนะสําคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ
นักเรี ยนหลังจากสําเร็ จการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งประกอบด้วย
– ด้านความรู้ความคิด (Knowledge: K)
– ด้านคุณธรรม จริ ยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Affective: A)
– ด้านทักษะ/กระบวนการ (Performance: P))
• การวัดและประเมินผลการเรี ยนรู้... (ระบุวธิ ี การและเครื่ องมือวัดและประเมินผลที่สอดคล้อง
กับจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ท้ งั 3 ด้าน)
• สาระการเรี ยนรู้... (ระบุสาระและเนื้อหาที่ใช้จดั การเรี ยนรู้ อาจเขียนเฉพาะหัวเรื่ องก็ได้)
• กระบวนการจัดการเรี ยนรู ้... (กําหนดให้สอดคล้องกับธรรมชาติของกลุ่มสาระและการ
บูรณาการข้ามสาระ)
• กิจกรรมเสนอแนะ... (ระบุรายละเอียดของกิจกรรมที่นกั เรี ยนควรปฏิบตั ิเพิ่มเติม)
• แนวทางบูรณาการ... (เสนอแนะและระบุกิจกรรมของกลุ่มสาระอื่นที่บูรณาการร่ วมกัน)
• สื่ อ/แหล่งการเรี ยนรู้... (ระบุสื่อ อุปกรณ์ และแหล่งการเรี ยนรู้ที่ใช้ในการจัดการเรี ยนรู ้)
• บันทึกผลหลังการจัดการเรี ยนรู ้... (ระบุรายละเอียดของผลการจัดการเรี ยนรู ้ตามแผนที่กาํ หนดไว้ อาจ
นําเสนอข้อเด่นและข้อด้อยให้เป็ นข้อมูลที่สามารถใช้เป็ นส่วนหนึ่งของการทําวิจยั ในชั้นเรี ยนได้)
ในส่วนของการเขียนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้น้ นั ให้ครู ที่เขียนแผนฯ นําขั้นตอนหลักของเทคนิค วิธีการ
ของการจัดการเรี ยนรู ้ที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสําคัญ เช่น การเรี ยนแบบแก้ปัญหา การศึกษาเป็ นรายบุคคล การอภิปรายกลุ่ม
ย่อย/กลุ่มใหญ่ การฝึ กปฏิบตั ิการ การสื บค้นข้อมูล ฯลฯ มาเขียนในขั้นสอน โดยให้คาํ นึงถึงธรรมชาติของกลุ่มสาระ
การเรี ยนรู ้
515
ตอนที่ 3.4
แบบทดสอบก่ อนเรียน
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
แบบทดสอบก่อนเรียน หน่ วยการเรียนรู้ที่ 1 เรียนรู้ตวั เรา
คําชี แ้ จง: เขียนเครื่ องหมาย ล้อมรอบหน้าคําตอบที่ถูกต้อง
คะแนนที่ได้ รับจากการทดสอบความรู้
คะแนนที่ได้ ร้ อยละของคะแนน
คะแนนที่ได้ รับจากการทดสอบความรู้
คะแนนที่ได้ ร้ อยละของคะแนน
คะแนนที่ได้ รับจากการทดสอบความรู้
คะแนนที่ได้ ร้ อยละของคะแนน
คะแนนที่ได้ รับจากการทดสอบความรู้
คะแนนที่ได้ ร้ อยละของคะแนน
คะแนนที่ได้ รับจากการทดสอบความรู้
คะแนนที่ได้ ร้ อยละของคะแนน
หมายเหตุ: แบบทดสอบหลังเรี ยน หน่วยการเรี ยนรู้ที่ 5 ครู /ผูส้ อนสามารถคัดสําเนาแบบทดสอบได้จากสื่ อการเรี ยนรู ้ PowerPoint
สุ ขศึกษาและพลศึกษา ป. 5 ของบริ ษทั สํานักพิมพ์วฒั นาพานิช จํากัด
525
ตอนที่ 3.5
กิจกรรมการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 5
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 1 เรียนรู้ ตวั เรา
2. เขียนวิธีการดูแลรักษาระบบย่อยอาหารลงในช่องว่างที่กาํ หนด
ระบบย่อยอาหาร วิธีการดูแลรักษา
1. รั บประทานผักและผลไม้
2. เคีย้ วอาหารให้ ละเอี ยด
3. ไม่ รับประทานอาหารที่ มีรสจัด
4. ออกกําลังกายอย่ างสมํา่ เสมอ
5. พักผ่ อนให้ เพียงพอ
527
1 2
3 4
2. รายงานผลหน้าชั้นเรี ยน
530
ครอบครัวเดีย่ ว
ครอบครัวขยาย
532
2. ตอบคําถามในเรื่ องที่เกี่ยวข้อง
1) ครอบครัวของนักเรี ยนมีลกั ษณะอย่างไร
แนวคําตอบ
เป็ นครอบครั วขยาย ซึ่ งเป็ นครอบครั วใหญ่ /เป็ นครอบครั วเดี่ยวหรื อครอบครั วขนาดเล็ก
2) สมาชิกในครอบครัวของนักเรี ยนประกอบด้วยใครบ้าง
แนวคําตอบ
พ่ อ แม่ ลูก ปู่ ย่ า ตา ยาย และญาติพี่น้องอื่ น ๆ
533
2. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) นักเรี ยนคิดว่าตอนนี้ครอบครัวของนักเรี ยนมีความอบอุ่นหรื อยัง ถ้ายังควรทําอย่างไรเพื่อให้ครอบครัวอบอุ่น
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
การถกเถียงกันในเรื่ องใครผิดใครถูก การจับกลุ่มนินทาเพื่อนคนอื่น
การชื่นชมเพื่อนที่เล่นกีฬาเก่งกว่า การพูดล้อเลียนในส่วนด้อยของเพื่อน
1. จับคู่แสดงบทบาทการพูดสื่ อสารทางบวกหน้าชั้นเรี ยน
2. ช่วยกันสรุ ปวิธีการสื่ อสารทางบวกเพื่อลดปั ญหาความขัดแย้งลงในแบบบันทึกและรายงานผลหน้าชั้นเรี ยน
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
3. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) การสื่ อสารทางบวกให้ประโยชน์อย่างไร
ช่ วยลดความขัดแย้ ง
1. ฉันพยายามคิดคําพูดที่ไม่รุนแรงก่อนที่จะพูด
5. ฉันไม่โต้เถียงกับใคร
6. เมื่อฉันชกต่อยใครมักจะทําให้ฉนั รู้สึกมีความสุ ข
7. ฉันมักจะคิดถึงความรู้สึกของผูอ้ ื่นเสมอ
9. ฉันมักฟังผูอ้ ื่นแสดงความคิดเห็นเสมอ
1 2 3
4 5 6
1. การเคลื่อนไหวโดยการรับแรง ได้แก่ 2 5
2. การเคลื่อนไหวโดยการใช้แรง ได้แก่ 1 3
3. การเคลื่อนไหวโดยใช้การรักษาความสมดุล ได้แก่ 4 6
540
ใบกิจกรรมที่ 16 ฝึ กทักษะเกมนําไปสู่ กฬ
ี า และค้ นหาทีมไหนเก่ งที่สุด
1. แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 8–10 คน โดยแต่ละกลุ่มร่ วมกันระดมสมองวางแผนแข่งขันเล่นเกมยิงประตูจากวิธีการเล่นที่
กําหนด
2. แต่ละกลุ่มอบอุ่นร่ างกายและแข่งขันเล่นเกมยิงประตูระหว่างกลุ่ม
เกมยิงประตู
อุปกรณ์ ลูกบาสเกตบอล
วิธีการเล่ น ผูเ้ ล่น 2 ทีม คือ ทีม ก และทีม ข
1. ผูเ้ ล่นทีม ก ยืนอยูท่ ี่รอบนอกเส้นเขตยิงโทษของสนาม
บาสเกตบอล
2. ผูเ้ ล่นทีม ข ยืนอยูใ่ นเขตยิงโทษของสนามบาสเกตบอล
3. ผูเ้ ล่นทีม ก ชูตลูกบอลไปที่หวง
1) ถ้าลูกบอลเข้าห่วงได้ 1 คะแนน มีสิทธิ์ชูตลูกบอลได้อีก
1 ครั้ง
2) ถ้าลูกบอลไม่เข้า ผูเ้ ล่นทีม ข จะชูตลูกบอลได้ทนั ทีก่อนที่
ลูกบอลจะตกลงสู่พ้นื เมื่อลูกบอลเข้าทีม ข จะได้ 2 คะแนน
และมีสิทธิ์ เป็ นผูช้ ูตลูกบอลแทนทีม ก ทันที ถ้าลูกบอลไม่
เข้าผูเ้ ล่นทีม ก คนต่อไปชูตลูกบอลตรงเส้นโทษ
3. บันทึกผลการแข่งขันและรายงานผลการแข่งขันหน้าชั้นเรี ยน
แบบบันทึกผลการแข่ งขัน
ชื่อกลุ่ม
สมาชิกในกลุ่ม
1. 6.
2. 7.
3. 8.
4. 9.
5. 10.
แผนการแข่ งขันเล่นเกมของกลุ่ม
1.
2.
3.
4.
5.
ผลการแข่ งขัน
4. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) เกมยิงประตูใช้ทกั ษะอะไรบ้าง
แนวคําตอบ
1. ทักษะการรั บ–ส่ งลูกบอล
2. ทักษะการชูตลูกบอล
3) ข้อควรระวังในการเล่นเกมยิงประตูมีอะไรบ้าง
แนวคําตอบ
การปะทะกันของผู้เล่ นอาจทําให้ เกิดการบาดเจ็บ
ความสนุกสนาน ผ่ อนคลายความเครี ยด
2. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) นักเรี ยนชอบกิจกรรมแบบผลัดชนิดใดเลือกมา 1 ชนิด แล้ววิเคราะห์วา่ ตนองใช้ทกั ษะอะไรบ้างในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมแบบผลัดนั้น
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
3 5
2 1
546
2. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) นักเรี ยนคิดว่ากีฬากรี ฑามีประโยชน์อย่างไร
แนวคําตอบ
1. สร้ างเสริ มความแข็งแรงของร่ างกาย
2. สร้ างเสริ มทักษะการทํางานกลุ่ม
3. พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว
4. สร้ างเสริ มความมีระเบียบวินัยและความมีนา้ํ ใจนักกีฬา
ศูนย์ หน้ า
550
ตารางผลการแข่ งขันฟุตบอล
ระดับคะแนนการแข่ งขัน
ได้อนั ดับที่ 1 คะแนน 4 คะแนน
ได้อนั ดับที่ 2 คะแนน 3 คะแนน
ได้อนั ดับที่ 3 คะแนน 2 คะแนน
ได้อนั ดับที่ 4 คะแนน 1 คะแนน
ชื่อกลุ่ม
ชื่อกิจกรรม
สมาชิกในกลุ่ม
552
แบบบันทึกผลการปฏิบัติกจิ กรรม
แผนการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ข้ อบกพร่ องทีพ่ บ
วิธีการแก้ไข
1) การแข่งขันมวยไทยมีการแข่งขันทั้งหมด 3 ยก
4) การแข่งขันไม่สามารถใช้ศีรษะกระแทกได้ แต่สามารถจิกผมได้
5) เวลาพักระหว่างยกใช้เวลา 2 นาที
6) ใน 1 ยกใช้เวลาแข่งขัน 3 นาที
8) นักกีฬาสามารถจับเชือกหรื อโหนเชือกแล้วชกได้ไม่ผิดกติกา
9) การแสดงวาจาไม่สุภาพถือว่าเป็ นข้อห้ามในการแข่งขัน
2. เขียนแสดงความคิดเห็นถึงความแตกต่างของมวยไทยและมวยสากล
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
ชื่อกลุ่ม
ชื่อกิจกรรม
สมาชิกในกลุ่ม
555
แบบบันทึกผลการปฏิบัติกจิ กรรม
แผนการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ข้ อบกพร่ องทีพ่ บ
วิธีการแก้ไข
556
วิธีการฝึ ก
วิธีการฝึ ก
557
2. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) กิจกรรมนันทนาการที่นกั เรี ยนชื่นชอบคือ (พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
2) เพราะเหตุใดนักเรี ยนจึงชื่นชอบกิจกรรมนันทนาการชนิดนี้
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
559
ตัวอย่างกิจกรรมนันทนาการอาสาสมัครและบําเพ็ญประโยชน์
แนวคําตอบ
อ่ านหนังสื อให้ คนชราหรื อเด็กตาบอดฟั ง เพื่อช่ วยสร้ างเสริ มความรู้ ให้ กับพวก
เขา และช่ วยให้ เกิดความเพลิดเพลิน ไม่ คิดน้ อยใจตนเอง
560
2. รักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟัน แนวคําตอบ
ทุกวันอย่างถูกต้อง 1. แปรงฟั นหรื อบ้ วนปากหลังรั บประทานอาหาร
2. หลีกเลี่ยงการรั บประทานลูกอมลูกกวาดทอฟฟี่
3. ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทาน แนวคําตอบ
อาหารและหลังการขับถ่าย 1. ล้ างมือให้ สะอาดก่ อนรั บประทานอาหาร
2. ล้ างมือให้ สะอาดหลังการขับถ่ ายทุกครั้ ง
6. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว แนวคําตอบ
ให้อบอุ่น 1. มีกิจกรรมรื่ นเริ งสังสรรค์ และพักผ่ อนภายในครอบครั ว
2. มีส่วนร่ วมแสดงความคิดเห็นในครอบครั ว
8. ออกกําลังกายสมํ่าเสมอและตรวจ แนวคําตอบ
สุ ขภาพประจําปี 1. ออกกําลังกายหลังเลิกเรี ยน
2. ตรวจสุขภาพเป็ นประจําทุกปี
บันทึกผลการปฏิบัติกจิ กรรม
564
การป้องกันและควบคุมโรคภัยที่คุกคามสุ ขภาพ
2. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) เพราะเหตุใดจึงเลือกข้อมูลข่าวสารนี้
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
2) ข้อมูลข่าวสารนี้มีความสําคัญต่อตนเองและคนรอบข้างอย่างไร
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
565
1. สนทนากับพ่อแม่โดยขอความรู ้เกี่ยวกับแนวทางการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ถูกต้อง
แล้วบันทึกผลการสนทนาลงในแบบบันทึก
2. รายงานผลหน้าชั้นเรี ยน และร่ วมกันอภิปราย
บันทึกผลการสนทนา
ผูบ้ นั ทึก
วันที่ / /
566
3. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) หลักการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยต่อสุ ขภาพมีอะไรบ้าง
แนวคําตอบ
อาหารที่สด สะอาด ปราศจากสารอันตราย ภาชนะที่บรรจุต้องสะอาด
ภาพผลิตภัณฑ์ อาหาร
ภาพผลิตภัณฑ์ สุขภาพ
568
3. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) ผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพภายในบ้านของนักเรี ยนมีอะไรบ้าง
แนวคําตอบ
นํา้ ปลา, นํา้ ตาล, ซาลาเปา, บะหมี่กึ่งสําเร็ จรู ป, ยาแก้ ปวดท้ อง ฯลฯ
2) ผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพภายในบ้านของนักเรี ยนมีคุณภาพและปลอดภัยทุกชิ้น
หรื อไม่พิจารณาจากสิ่ งใดยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มา 1 ชิ้น
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
4) ฉลากผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัยควรมีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง
บอกวันเดือนปี ที่ผลิต มีเครื่ องหมายรั บรองคุณภาพ บอกวิธีการใช้ บอกส่ วนประกอบ
บอกราคา
569
2. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) ทําไมบริ เวณที่นกั เรี ยนเลือกจึงเป็ นแหล่งเพาะพันธุ์ยงุ ลายได้
แนวคําตอบ
เพราะมีนา้ํ ท่ วมขัง ยุงลายจึงสามารถวางไข่ ได้
2. วาดภาพและระบายสี แสดงลักษณะฟันที่แข็งแรงและฟันที่ผุ
ค่าดัชนีมวลกาย
สามารถบ่งบอกถึงสภาวะอ้วนหรื อ
ผอมของร่ างกายของคนเราได้
เมื่อเปรี ยบเทียบค่าดัชนีมวลกายในตารางแล้ว สรุ ปได้วา่ นักเรี ยนเป็ นผูท้ ี่มีน้ าํ หนักและลักษณะรู ปร่ าง
4. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
574
กิจกรรมเพือ่ พัฒนา
ระบบไหลเวียนโลหิต
กิจกรรมเพือ่
สร้ างเสริมความแข็งแรง (พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
ของกล้ามเนือ้
กิจกรรมที่พฒ
ั นา
ความอ่อนตัว
กิจกรรมที่ช่วย
ควบคุมนํา้ หนัก
576
2. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) นักเรี ยนคิดว่าปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อการติดสารเสพติดมากที่สุด เพราะเหตุใด
พิจารณาจากคําตอบของนักเรี ยน
กรณีศึกษาเรื่องเดินทางผิด
นายตุย้ เคยเป็ นคนดี มีความสามารถ แต่วนั นี้ ตกงาน ไม่มีงานทํา
เขากลุม้ ใจมากจึงลองเสพยาบ้า โดยคิดว่าจะช่วยทําให้หายกลุม้ เวลาผ่านไป
เขากลับติ ดยาบ้าจนเลิกไม่ได้ จากคนพูดจาสุ ภาพเรี ยบร้อยกลายเป็ นพูดจา
หยาบคาย ข่ ม ขู่แ ม่ แ ละน้ อ งเพื่ อ เอาเงิ น ไปซื้ อ ยาบ้าและมัก ทําร้ ายคนใน
ครอบครัวบ่อยครั้ง วันหนึ่งด้วยฤทธิ์ ของยาบ้าเขาใช้มีดจี้จบั เด็กนักเรี ยนเป็ น
ตัว ประกัน เพราะคิ ด ว่ามี คนมาทําร้ ายตน ทําให้เด็ก นักเรี ยนคนนั้น ได้รั บ
บาดเจ็บสาหัส
3. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) ใครได้รับผลกระทบจากเรื่ องนี้บา้ ง
แนวคําตอบ
นายตุ้ยได้ รับผลกระทบโดยตรงจากฤทธิ์ ยาบ้ า ทําให้ สุขภาพร่ างกายทรุ ดโทรม
และมีพฤติกรรมรุ นแรง
แม่ และน้ องถูกข่ มขู่และทําร้ ายร่ างกาย
เด็กนักเรี ยนที่ถกู นายตุ้ยจับเป็ นตัวประกัน
2) ครอบครัวของตุย้ ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
แนวคําตอบ
ครอบครั วไม่ มีความสุข เพราะถูกนายตุ้ยข่ มขู่และทําร้ ายร่ างกาย และต้ องสูญเสี ย
เงินเพื่อซื อ้ ยาบ้ า
แนวคําตอบ
ยาแดง พาราเซตามอล
3. ตอบคําถามตามประเด็นที่กาํ หนด
1) นักเรี ยนเคยใช้ยาอะไรบ้าง
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
2) ข้อควรคํานึงก่อนใช้ยาคืออะไร
แนวคําตอบ
1. ควรบอกผู้ปกครองหรื อครู ทุกครั้ งเมื่อรู้ สึกเจ็บป่ วยหรื อต้ องใช้ ยา โดยให้ ท่าน
หยิบยาให้ และปฏิบัติตามที่ท่านแนะนําอย่ างเคร่ งครั ด
2. เมื่อได้ รับยาควรอ่ านชื่ อยาและวิธีใช้ อย่ างละเอียดอีกครั้ งหนึ่ง
3. ไม่ ควรนํายามาเล่ นหรื อใช้ อย่ างพรํ่าเพรื่ อ
579
กิจกรรมระดมความคิดพิชิตสารเสพติด
580
ติดภาพ
(พิจารณาจากคําตอบนักเรี ยน)
581
อิทธิพลของสื่ อที่ส่งผลเสี ย
ต่ อพฤติกรรมสุ ขภาพ
2. ร่ วมกันวิเคราะห์แนวทางที่ถูกต้องในการใช้สื่อเพื่อก่อให้เกิดพฤติกรรมสุ ขภาพที่ดี
แนวคําตอบ
1. แบ่ งเวลาในการใช้ สื่อและกิจวัตรประจําวันอย่ างเหมาะสม
2. เชื่ อฟั งคําแนะนําของผู้ปกครองมากกว่ าสื่ อ
3. รู จักคิดวิเคราะห์ เมื่อได้ รับทราบข้ อมูลจากสื่ อต่ าง ๆ ก่ อนที่จะหลงเชื่ อ
4. ไม่ ลอกเลียนแบบพฤติกรรมจากสื่ อที่เป็ นพฤติกรรมที่ ผิดศีลธรรมและทําให้ ผ้ อู ื่น
เดือดร้ อน
582
ใบกิจกรรมที่ 46 อันตรายจากการเล่นกีฬาเราลองมาหาวิธีป้องกัน
แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน รวมกันวิเคราะห์ผลกระทบและวิธีการป้ องกันอันตรายที่เกิดจากกีฬา
มวยไทยและกีฬาฟุตบอล แล้วบันทึกลงในกรอบ
กีฬามวยไทย
ผลกระทบที่เกิดขึน้ วิธีการป้องกัน
หากนักเรียนไม่ ระมัดระวัง แนวคําตอบ แนวคําตอบ
หรือป้องกันอันตราย 1. ฟั นหั ก 1. ใส่ อุปกรณ์ ป้องกัน
ก่อนที่จะเล่น 2. สมองเสื่ อม 2. เรี ยนรู้ ทักษะที่ถูกต้ อง
3. เสี ยชี วิต
กีฬาฟุตบอล
ผลกระทบที่เกิดขึน้ วิธีการป้องกัน
หากนักเรียนไม่ ระมัดระวัง แนวคําตอบ แนวคําตอบ
หรือป้องกันอันตราย 1. กล้ ามเนือ้ อักเสบ 1. สํารวจสนามก่ อนเล่ น
ก่อนที่จะเล่น 2. ลื่นหกล้ มเป็ นแผลถลอก 2. เพิ่มความระมัดระวัง
3. กระดูกหั กหรื อกระดูก 3. ยืดเหยียดกล้ ามเนือ้
เคลื่อน ก่ อนเล่ น
583
ตอนที่ 3.6
แบบประเมินและเกณฑ์ การประเมินผล
แบบประเมินและเกณฑ์ การประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะ/กระบวนการ
สั งเกตพฤติกรรมของนักเรียนเป็ นรายบุคคลในขณะทํางานตามกิจกรรม หรือตามที่กําหนดให้ ในใบกิจกรรมประกอบการพิจารณา
ระดับการปฏิบัติ
รายการประเมิน พฤติกรรมการแสดงออก 3 2 1
แบบประเมินและเกณฑ์ การประเมินผลการเรียนรู้
ด้ านคุณธรรม จริยธรรม ค่ านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ระดับการ
รายการประเมิน พฤติกรรมการแสดงออก ปฏิบัติ
3 2 1
1. แสดงออกถึงการหมัน่ ฝึ กปฏิบตั ิ และตรวจสอบภาวะสุ ขภาพและสมรรถภาพทางกายของตนเองเป็ น
1. ความอดทนและมี ประจํา
ระเบียบวินัย 2. ปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยความรับผิดชอบ
3. มีความอดทนต่อการทํากิจกรรมที่เหน็ดเหนื่อยและมีอุปสรรคจนบรรลุผลสําเร็ จ
1. มีความสนใจในการติดตามข่าวสารและความรู ้เกี่ยวกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย การ
เล่นกีฬา และสมรรถภาพทางกายอย่างสมํ่าเสมอ
2. เข้าร่ วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเสริ มสุ ขภาพ การออกกําลังกาย การเล่นกีฬา นันทนาการ
2. ความใฝ่ รู้ ใฝ่ เรียน
และสมรรถภาพทางกายอย่างสมํ่าเสมอ
3. หมัน่ แสวงหาความรู ้และเลือกใช้ขอ้ มูลสารสนเทศ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุ ขภาพใน
แนวทางที่ดี
1. มีการนําเสนอข้อมูลทางด้านสุ ขภาพของตนเองตามความเป็ นจริ ง
3. ความซื่อสัตย์ สุจริต
2. เคารพกฎ กติกา และข้อตกลงในการปฏิบตั ิกิจกรรม
4. ความเป็ นอยู่อย่าง 1. แสดงออกถึงความเข้าใจในตนเองและดําเนินชีวติ ตามแนวทางการปฏิบตั ิดา้ นสุ ขภาพที่ดี
พอเพียง 2. แสดงออกถึงความประหยัดและการใช้ทรัพยากรอย่างคุม้ ค่า
1. แสดงถึงความภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบตั ิตามระเบียบวินยั กฎ กติกา ในการเข้าร่ วมกิจกรรมสุ ขภาพ
2. แสดงออกถึงความพึงพอใจในประสบการณ์ที่ได้รับจากกิจกรรมสุ ขภาพ และให้ความร่ วมมืออย่าง
5. ความภาคภูมิใจ/ สันติ
รักความเป็ นไทย 3. แสดงออกถึงความชื่นชมในความงามของสุ นทรี ยภาพของการเคลื่อนไหว การออกกําลังกาย การ
เล่นกีฬา และกิจกรรมนันทนาการ ทั้งในฐานะผูป้ ฏิบตั ิและผูช้ มที่แสดงออกถึงมารยาทที่ดีตาม
วัฒนธรรมไทย
1. กล้าแสดงออกในการปฏิเสธเรื่ องที่ไม่เหมาะสมอย่างมีเหตุผล
6. ความมีวุฒภิ าวะ 2. ควบคุมอารมณ์และแสดงพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม
3. ยอมรับคําวิจารณ์ ข้อโต้แย้ง หรื อข้อคิดเห็นที่มีเหตุผลของผูอ้ ื่น
1. แสดงถึงความเอื้ออาทร เสี ยสละ ให้ความช่วยเหลือผูอ้ ื่น และเข้าร่ วมกิจกรรมเพื่อสังคมอย่าง
7. การมีจติ สาธารณะ/ สมํ่าเสมอ
ใส่ ใจส่ วนรวม 2. แสดงออกถึงการเป็ นผูน้ าํ และแบบอย่างที่ดีในการดําเนินชีวิต
3. ปฏิบตั ิหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากกลุ่มด้วยความเต็มใจและให้ความร่ วมมือจนบรรลุผลสําเร็ จ
คะแนนที่ได้
คะแนนรวม
คะแนนเฉลีย่
หมายเหตุ การคิดคะแนนเฉลี่ ยคิ ดได้จากการนําคะแนนรวมในแต่ ละช่ องรายการปฏิ บตั ิ มารวมกัน แล้วหารด้วยจํานวนข้อ จากนั้นนํา
เกณฑ์ การตัคะแนนเฉลี ่ยที่ได้มาเทียบกับเกณฑ์การตัดสิ นคุณภาพและสรุ ปผลการประเมิน
ดสิ นคุณภาพ
587
ระดับคุณภาพ
รายการประเมิน
3 2 1
1. ความถูกต้องของข้อมูลที่นาํ เสนอ
2. ได้ใจความสําคัญและตรงกับวัตถุประสงค์
3. การจัดเรี ยงลําดับข้อมูลได้ถูกต้องและมีความสอดคล้องกัน
4. ความถูกต้องของการใช้ภาษาและการสื่ อความหมายในการนําเสนอข้อมูล
5. ความสมบูรณ์ครบถ้วนของประเด็นในการนําเสนอข้อมูล
6. การสรุ ปความสําคัญของการนําเสนอข้อมูล
คะแนนที่ได้
คะแนนรวม
คะแนนเฉลีย่
แบบประเมินและเกณฑ์ การประเมินผลการอภิปราย
ระดับคุณภาพ
รายการประเมิน
3 2 1
1. ความมัน่ ใจในการแสดงความคิดเห็น
2. การแสดงเหตุผลต่อการแสดงความคิดเห็นของตนเองและความคิดเห็นของผูอ้ ื่น
3. ความถูกต้องของการใช้ภาษาในการสื่ อสาร
5. ความถูกต้องสมบูรณ์ของการสรุ ปผลการอภิปราย
คะแนนที่ได้
คะแนนรวม
คะแนนเฉลีย่
หมายเหตุ การคิ ดคะแนนเฉลี่ ยคิ ดได้จากการนําคะแนนรวมในแต่ ละช่ องรายการปฏิ บตั ิ มารวมกันแล้วหารด้วยจํานวนข้อ จากนั้นนํา
คะแนนเฉลี่ยที่ได้มาเทียบกับเกณฑ์การตัดสิ นคุณภาพและสรุ ปผลการประเมิน
ระดับคุณภาพ
รายการประเมิน
3 2 1
1. ความถูกต้องของข้อมูลที่นาํ เสนอ
2. ความครอบคลุมรายละเอียดสําคัญ
3. การใช้ภาษาที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทย
4. การจัดเรี ยงลําดับความเชื่อมโยงของข้อมูล
5. จํานวนของข้อมูลที่นาํ เสนอ
คะแนนที่ได้
คะแนนรวม
คะแนนเฉลีย่
ตอนที่ 3.7
ตัวอย่ างแบบบันทึกสรุ ปการประเมินผล
ระดับคุณภาพ
ด้ านคุณธรรม
สรุ ปผลการประเมิน
รายชื่อนักเรียน ด้ านทักษะ/ จริยธรรม ค่ านิยม
ผลการเรียนรู้ หน่ วยที่ ด้ านความรู้
กระบวนการ และคุณลักษณะอัน
พึงประสงค์
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
593
ตอนที่ 3.8
แบบประเมินผลการปฏิบัตทิ ักษะการวิ่งระสั้ น
ตอนที่ 3.9
แบบประเมินผลการปฏิบัตทิ ักษะกีฬาฟุตบอล
ตอนที่ 3.10
แบบประเมินผลการปฏิบัตทิ ักษะกีฬามวยไทย
ตอนที่ 3.11
แบบประเมินผลการปฏิบัตทิ ักษะกีฬาตะกร้ อวง
ตอนที่ 3.12
โครงงาน แผนทีค่ วามคิด ผังแสดงเหตุและผล
การจัดทําโครงงานสุ ขศึกษาและพลศึกษา
โครงงานเป็ นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ที่ตอ้ งการให้นกั เรี ยนได้เรี ยนรู ้โดยการปฏิบตั ิกิจกรรมการศึกษาค้นคว้า
และลงมือปฏิบตั ิดว้ ยตนเองตามความสนใจ ถ้านักเรี ยนได้เรี ยนรู้ดว้ ยการทําโครงงานตลอดเวลา จะทําให้นกั เรี ยน
ั นาการคิด โครงงานจะต้องเกิดขึ้นจากนักเรี ยน เช่น ขณะที่เรี ยนนักเรี ยนมีข้อสงสั ย หรื อมีความต้ องการ หรื อ
ได้พฒ
มีความสนใจ ต้องการคําตอบ จะเป็ นจุดเริ่ มต้นของโครงงานของนักเรี ยน
วัตถุประสงค์ของการทําโครงงานเพื่อให้นกั เรี ยนได้ประยุกต์ ใช้ ทักษะในกลุ่มวิชาต่ าง ๆ มีทักษะในการ
แสวงหาความรู้ มีทักษะทางสั งคม ทักษะการนําเสนอ เห็นคุณค่ าในวิชาที่เรียน เน้ นถึงพลังความอยากรู้อยากเห็น
ของนักเรียน และส่ งเสริมการตัดสิ นใจ การจะคิด จะทําของนักเรียน
โครงงานแบ่งเป็ น 4 ประเภท ได้แก่ โครงงานการสํ ารวจ โครงงานการทดลอง โครงงาน การสร้ างทฤษฎี/
การอธิบาย และโครงงานการประดิษฐ์ /สร้ างชิ้นงาน
ขั้นตอนการทําโครงงาน มีดงั นี้
ขั้นตอนที่ 1 การวางแผน
– สร้างแผนที่ความคิดและใช้เทคนิค 5WH ให้ครอบคลุมสาระของโครงงาน
ใครทําอะไร ทําไมต้ องทํา ทําที่ไหน ทําเมือ่ ไร ทําอะไร และทําอย่ างไร
– ถ้านําประเภทของโครงงานเป็ นเกณฑ์การพิจารณา จะใช้กระบวนการต่อไปนี้ได้กบั โครงงานในทุกกลุ่ม
สาระการเรี ยนรู ้
1. ถ้าเป็ นโครงงานการทดลอง การสร้ างทฤษฎี/การอธิบาย จะใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (การพัฒนา
สมองด้านซ้าย) กล่าวคือโครงงานการทดลองหรื อการสร้ างทฤษฎี/การอธิบาย มีข้ นั ตอนการทํา ดังนี้
1) ปั ญหา/ข้อสงสัย
2) การตั้งสมมุติฐาน/การคาดคะเนคําตอบ
3) การทดลอง
4) การรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์
5) การสรุ ปผล
2. ถ้าเป็ นโครงงานการสํ ารวจ จะใช้ ข้นั ตอนเหมือนข้ อ 1 เพียงแต่ไม่ต้องตั้งสมมุตฐิ าน/การคาดคะเน
คําตอบ
1) ปั ญหา/ข้อสงสัย
2) การสํารวจ
3) การรวบรวมข้อมูล/วิเคราะห์
4) การสรุ ปผล
598
ผังแสดงเหตุและผล
สาเหตุ สาเหตุ
ปั ญหาที่
เกิดขึ้น
วิธีการสร้ างผังแสดงเหตุและผล
1. เขียนปั ญสาเหตุ
หาหรื อผลที่เกิดสาเหตุ
ขึ้นทางด้านซ้ายมือสาเหตุ
2. เขียนสาเหตุหลัก ๆ เติมลงบนเส้นกระดูกสันหลังทั้งบนและล่าง
600
สาเหตุ สาเหตุ
ปั ญหาที่
เกิดขึ้น
สาเหตุ
สาเหตุ สาเหตุ