Professional Documents
Culture Documents
Agricultural Machinery
Engineering
ANSYS VERSION
PONTHEP VENGSUNGNLE
Rajamangala University of Technology Esan
ก
คำนำ
เอกสารประกอบการสอนเล่มนี้เป็นเอกสารที่ใช้ในการเรียนวิชาวิธีไฟไนท์อีลิเมนต์เบื้องต้น
สาหรับวิศวกรรมเกษตร ซึ่งถูกจัดทาขึ้นโดยรวบรวมเอาเนื้อหามาจากหนังสือหลากหลายเล่ม เนื้อหา
ส่ ว นใหญ่ เ น้ น การฝึ ก ปฏิ บั ติ โ ดยน าเอาปั ญ หาจริ ง มาวิ เ คราะห์ เ ป็ น หลั ก เพื่ อ ท าให้ นั ก ศึ ก ษามี
ประสบการณ์ในการนาเอาระเบียบการทางไฟไนต์เอลิเมนต์ไปใช้ในการวิ เคราะห์ ออกแบบ แก้ไข
ปัญหาและพัฒนางานให้มีความสมบูรณ์ต่อการใช้งานมากที่สุด
สุดท้ายผู้เขียนขอขอบพระคุณ ดร.จาริณี จงปลื้มปิติ ที่คอยให้คาชี้แนะและสละเวลาในการ
ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารประกอบการสอนเล่ มนี้ ซึ่งผู้เขียนตระหนักดีว่าถึงแม้เอกสาร
ประกอบการสอนที่ผ่านการตรวจทานจากผู้เขียนอย่างเข้มข้น และผ่านพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ แต่
เอกสารเล่มนี้ก็อาจจะมีจุดที่ผิดพลาดบ้างซึ่งหากผู้เขียนพบก็จะได้นาเอาไปปรับปรุงในโอกาสต่อไป
และหวังว่านักศึกษาที่เข้าเรียนและได้นาเอาเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้มาใช้ประกอบกับการเรียน
จะได้ผลประโยชน์สูงสุดในการศึกษาเพื่อให้สมกับเป็นวิศวกรนักปฏิบัติต่อไปในอนาคต
(นายพลเทพ เวงสูงเนิน)
ผู้จัดทา
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ข
สำรบัญ
หน้าที่
คานา ก
สารบัญ ข
สารบัญรูปภาพ จ
สารบัญตาราง ต
วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ประเด็นยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ถ
ปรัชญา ความสาคัญ และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ท
ลักษณะรายวิชา ธ
การแบ่งหน่วยเรียน น
จุดประสงค์การสอน ป
กาหนดการสอน ม
การประเมินผลรายวิชา ร
ตารางกาหนดน้าหนักคะแนน ล
หน่วยที่ 1 การจาลองสถานการณ์ทางด้านวิศวกรรม 2
1.1. แนวคิดเบื้องต้น 2
1.2. ไฟไนต์เอลิเมนต์ 3
1.3. การวิเคราะห์คาน 6
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 16
หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์งานทางกลเบื้องต้น 20
2.1. งานทางกล 20
2.2. การวิเคราะห์งานทางกล 23
2.3. การวิเคราะห์งานทางกลโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 2 มิติ 30
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 36
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ค
หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัสดุ 40
3.1. วัสดุ 40
3.2. การวิเคราะห์ชิ้นงานที่มีวัสดุที่แตกต่างกัน 41
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 50
หน่วยที่ 4 การวิเคราะห์โครงถัก 54
4.1. โครงถัก 54
4.2. การวิเคราะห์โครงถักโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 1 มิติ 57
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4 66
หน่วยที่ 5 การวิเคราะห์งานประกอบ 70
5.1. งานประกอบ 70
5.2. การวิเคราะห์งานประกอบพื้นฐาน 72
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 5 80
หน่วยที่ 6 การแก้ไขงานประกอบก่อนการวิเคราะห์ 84
6.1. แบบจาลองที่ไม่สมบูรณ์ 84
6.2. การวิเคราะห์งานประกอบที่แบบจาลองมีจุดบกพร่อง 87
6.3. การวิเคราะห์งานประกอบโดยใช้จุดเชื่อมต่อ 96
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 6 105
หน่วยที่ 7 การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน 109
7.1. การวิเคราะห์ทางพลศาสตร์ 109
7.2. การวิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง 110
7.3. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนปีกเครื่องบิน 118
7.4. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถัก 124
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 131
หน่วยที่ 8 การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อน 135
8.1. การถ่ายเทความร้อน 135
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ง
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
จ
สำรบัญรูปภำพ
หน้าที่
รูปที่ 1-1 แบบจาลองทางไฟไนต์เอลิเมนต์ที่แสดงผลลัพธ์ 2
รูปที่ 1-2 simple pendulum 3
รูปที่ 1-3 ตัวอย่างการแบ่งส่วนย่อยของปัญหาในการวิเคราะห์ทางไฟไนต์เอลิเมนต์ 4
รูปที่ 1-4 การนาความร้อนในครีบระบายความร้อน 4
รูปที่ 1-5 การเสียรูปของครีบระบายความร้อน 5
รูปที่ 1-6 เอลิเมนต์แบบ 2 มิติของแผ่นสี่เหลี่ยมเจาะรู 5
รูปที่ 1-7 คานเหล็กที่ถูกนามาใช้ในการวิเคราะห์ 6
รูปที่ 1-8 เครื่องมือ Workbench ในโปรแกรม ANSYS 6
รูปที่ 1-9 ส่วนประกอบของโปรแกรม 7
รูปที่ 1-10 หน้าต่างของโปรแกรม 7
รูปที่ 1-11 การเลือกหน่วยที่ใช้ในการวิเคราะห์ 8
รูปที่ 1-12 การบันทึกงาน 8
รูปที่ 1-13 การเลือกวัสดุที่ใช้ในการวิเคราะห์ 8
รูปที่ 1-14 ชื่อวัสดุที่จะนามาใช้ในการวิเคราะห์ 9
รูปที่ 1-15 คุณสมบัติของวัสดุที่ถูกนามาใช้ในการวิเคราะห์ 9
รูปที่ 1-16 การนาเข้าแบบจาลองที่จะนามาใช้ในการวิเคราะห์ 10
รูปที่ 1-17 แบบจาลองเหล็กเส้น 10
รูปที่ 1-18 การสร้างเอลิเมนต์ 11
รูปที่ 1-19 แบบจาลองที่ผ่านการสร้างเอลิเมนต์แล้ว 11
รูปที่ 1-20 การเลือกจุดยึด 12
รูปที่ 1-21 การเลือกภาระที่เกิดขึ้นบนแบบจาลอง 12
รูปที่ 1-22 การกรอกค่าแบบจาลอง 12
รูปที่ 1-23 การเลือกผลที่ต้องการทราบ 12
รูปที่ 1-24 การเลือกค่า Total Deformation 13
รูปที่ 1-25 การเลือกค่า Equivalent (von-Mises) Strain 13
รูปที่ 1-26 การเลือกค่า Equivalent (von-Mises) Stress 13
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฉ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ช
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ซ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฌ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ญ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฎ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฏ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฐ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฑ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฒ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ณ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ด
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ต
สำรบัญตำรำง
หน้าที่
ตารางที่ 1-1 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 1 16
ตารางที่ 2-1 ผลการวิเคราะห์ชิ้นงาน 29
ตารางที่ 2-2 แรงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น 30
ตารางที่ 2-3 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 2 36
ตารางที่ 3-1 ผลการวิเคราะห์ชิ้นงานเมื่อใช้วัสดุเป็นเหล็ก 48
ตารางที่ 3-2 ผลการวิเคราะห์ชิ้นงานเมื่อใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม 49
ตารางที่ 3-3 ผลการวิเคราะห์ชิ้นงานเมื่อใช้วัสดุเป็นไทเทเนียม 49
ตารางที่ 3-4 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 3 50
ตารางที่ 4-1 ผลการวิเคราะห์โครงถัก 65
ตารางที่ 4-2 แรงปฏิกิริยาที่กระบนจุดยึดติด 65
ตารางที่ 4-3 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 4 66
ตารางที่ 5-1 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 5 80
ตารางที่ 6-1 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 6 105
ตารางที่ 7-1 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 7 131
ตารางที่ 8-1 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 8 154
ตารางที่ 9-1 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 9 169
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ถ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ท
1) ปรัชญา
เพื่อผลิตบัณฑิตให้มีความเป็นผู้นาด้านการปฏิบัติ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในงานวิศวกรรม
เครื่องจักรกลเกษตร ตลอดจนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และมีคุณธรรม จริยธรรม
2) วัตถุประสงค์
1) เพื่อผลิ ตวิศวกรปฏิ บั ติ การระดั บปริ ญญาตรีที่ มี คุณ สมบัติ เหมาะสม สามารถปฏิบั ติ ง าน
วิศวกรรมเครื่องจักรกลเกษตรในสภาพปัจจุบัน
2) เพื่อผลิตวิศวกรด้านเครื่องจักรกลเกษตร ที่มีความสามารถปฏิบั ติงานเฉพาะด้าน สามารถใช้
หลักวิชาเพื่อแก้ปัญหาในด้านวิศวกรรมเครื่องจักรกลเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ขั้น
พื้ น ฐานทางด้ า นวิศ วกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ สั ง คมศาสตร์ แ ละอื่ น ๆ ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง เพื่ อ น ามา
ประยุกต์ใช้ในงานวิศวกรรมเครื่องจักรกลเกษตรได้เป็นอย่างดี สามารถปฏิบัติงานด้านวิศวกรรมใน
ลั ก ษณะที่ เ พิ่ ม พู น ประสิ ท ธิ ภ าพ เพิ่ ม ผลผลิ ต ทางการเกษตร การรั ก ษาสภาวะแวดล้ อ มและ
ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
3) เพื่อฝึกฝนให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีกิจนิสัยในการค้นคว้า ปรับปรุงตนเองให้ก้าวหน้า
อยู่เสมอ สามารถวางแผนเพื่อกาหนดการปฏิบัติงานและควบคุมที่ถูกหลักวิชาการ ซึ่งจะก่อให้เกิด
ผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายอย่างประหยัด รวดเร็ว ตรงต่อเวลาและมีคุณภาพ
4) เพื่อเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความมีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา ความซื่อสัตย์สุจริต
ขยันหมั่นเพียรความสานึกในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่และสังคม
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ธ
ลักษณะรำยวิชำ
1. รหัสและชื่อวิชา 04-083-403 วิธีไฟไนท์อีลิเมนต์เบื้องต้นสาหรับวิศวกรรมเกษตร
(Introduction to Finite Element Method for Agricultural
Engineering)
2. สภาพรายวิชา วิชาชีพเลือก
3. ระดับรายวิชา ชั้นปีที่ 4
4. วิชาบังคับก่อน ไม่มี
5. เวลาเรียน ทฤษฎี 15 คาบ ปฏิบัติ 45 คาบต่อสัปดาห์และนักศึกษาจะต้องใช้เวลาศึกษา
ค้นคว้านอกเวลา 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
6. จานวนหน่วยกิต 2 (1-3-3) หน่วยกิต
7. จุดประสงค์รายวิชา 1. รู้และเข้าใจการใช้วิธีการแปรผัน และวิธีส่ วนคงเหลือถ่วงน้าหนัก การ
สร้างสมการไฟไนท์อีลิเมนต์ เทคนิคการสร้างเมทริกซ์ ลักษณะเฉพาะของไฟ
ไนต์อีลิเมนต์ และการประกอบเมทริกซ์เข้าด้วยกัน
2. วิเคราะห์งานทางกลเบื้องต้น พร้อมทั้งสามารถวิเคราะห์เมื่อเปลี่ยนแปลง
คุณสมบัติวัสดุได้
3. วิเคราะห์โครงถัก วิเคราะห์งานประกอบ พร้อมทั้งแก้ไขงานประกอบ
ก่อนการวิเคราะห์ได้
4. วิเคราะห์การสั่นสะเทือน วิเคราะห์การถ่ายเทความร้อน และวิเคราะห์
การเคลื่อนที่ของเครื่องจักรกลได้
8. คาอธิบายรายวิชา การใช้วิธีการแปรผัน และวิธีส่วนคงเหลือถ่วงน้าหนัก การสร้างสมการไฟ
ไนท์อีลิเมนต์ เทคนิคการสร้างเมทริกซ์ ลักษณะเฉพาะของไฟไนต์อีลิเมนต์
และการประกอบเมทริกซ์เข้าด้วยกัน การประยุกต์ปัญหา ในการวิเคราะห์
ความเค้น ความร้อน และการไหลของของไหล ในระบบระนาบ 1 มิติ และ 2
มิติ การใช้คอมพิวเตอร์กับวิธีไฟไนท์อีลิเมนต์เพื่องานวิศวกรรมเกษตร
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
น
กำรแบ่งหน่วยเรียน
ชั่วโมงเรียน
รำยกำร
ทฤษฎี ปฏิบัติ
หน่วยที่ 1 การจาลองสถานการณ์ทางด้านวิศวกรรม
1.1. แนวคิดเบื้องต้น
1 3
1.2. ไฟไนต์เอลิเมนต์
1.3. การวิเคราะห์คาน
หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์งานทางกลเบื้องต้น
2.1. งานทางกล
1 3
2.2. การวิเคราะห์งานทางกล
2.3. การวิเคราะห์งานทางกลโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 2 มิติ
หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัสดุ
3.1. วัสดุ 1 3
3.2. การวิเคราะห์ชิ้นงานที่มีวัสดุที่แตกต่างกัน
หน่วยที่ 4 การวิเคราะห์โครงถัก
4.1. โครงถัก 1 3
4.2. การวิเคราะห์โครงถักโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 1 มิติ
หน่วยที่ 5 การวิเคราะห์งานประกอบ
5.1. งานประกอบ 1 3
5.2. การวิเคราะห์งานประกอบพื้นฐาน
หน่วยที่ 6 การแก้ไขงานประกอบก่อนการวิเคราะห์
6.1. แบบจาลองที่ไม่สมบูรณ์
2 6
6.2. การวิเคราะห์งานประกอบที่แบบจาลองมีจุดบกพร่อง
6.3. การวิเคราะห์งานประกอบโดยใช้จุดเชื่อมต่อ
หน่วยที่ 7 การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน 3 9
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
บ
ชั่วโมงเรียน
รำยกำร
ทฤษฎี ปฏิบัติ
7.1. การวิเคราะห์ทางพลศาสตร์
7.2. การวิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง
7.3. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนปีกเครื่องบิน
7.4. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถัก
หน่วยที่ 8 การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อน
8.1. การถ่ายเทความร้อน
8.2. การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อนผ่านฝาผนัง 2 6
8.3. การวิเคราะห์การถ่ายโอนความร้อนในท่อระบายความร้อน
8.4. การวิเคราะห์ปัญหาการแผ่รังสี
หน่วยที่ 9 การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของเครื่องจักรกล
การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank
9.1. Mechanisms
การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank 3 9
9.2. Mechanisms ที่มีแรงต้าน
การวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนในการเคลื่อนที่ของ
9.3. Slider Crank Mechanisms ที่มีแรงต้าน
รวมทฤษฎี 15 ชม.
รวมปฏิบัติ 45 ชม.
ทดสอบ 6 ชม.
รวม 66 ชม.
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ป
จุดประสงค์กำรสอน
เวลำเรียน
หน่วยที่ รำยกำร ทฤษฎี ปฏิบัติ
(ชั่วโมง) (ชั่วโมง)
หน่วยที่ 1 การจาลองสถานการณ์ทางด้านวิศวกรรม 1 3
1.1. รู้แนวคิดเบื้องต้นของการจาลองสถานการณ์
1.1.1. บอกความหมายพื้นฐานของการจาลอง
สถานการณ์ได้
1.1.2. บอกความหมายแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ได้
1.2. รู้แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับไฟไนต์เอลิเมนต์
1.2.1. บอกความหมายแนวคิดเบื้องต้นได้
1.2.2. บอกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ทั่วไปได้
1.2.3. บรรยายตัวอย่างพื้นฐานโปรแกรมวิเคราะห์ทางไฟ
ไนต์เอลิเมนต์ได้
1.3. รู้พื้นฐานการวิเคราะห์คาน
1.3.1. บอกแนวคิดเบื้องต้นได้
1.3.2. บอกขั้นตอนในการวิเคราะห์ได้
1.3.3. บรรยายผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์งานทางกลเบื้องต้น 1 3
2.1. รู้พื้นฐานงานทางกล
2.1.1. บอกความหมายของสถิตศาสตร์ได้
2.1.2. บอกความหมายของกลศาสตร์วัสดุได้
2.2. เข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์งานทางกล
2.2.1. อธิบายแนวคิดเบื้องต้นได้
2.2.2. อธิบายขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
2.2.3. อธิบายผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ผ
เวลำเรียน
หน่วยที่ รำยกำร ทฤษฎี ปฏิบัติ
(ชั่วโมง) (ชั่วโมง)
2.3. วิเคราะห์งานทางกลโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 2 มิติ
2.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
2.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
2.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัสดุ 1 3
3.1. รู้พื้นฐานวัสดุ
3.1.1. บอกความหมายของวัสดุ
3.1.2. บอกความรู้พื้นฐานวัสดุวิศวกรรม
3.1.3. บอกประเภทของวัสดุ
3.2. เข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์ชิ้นงานที่มีวัสดุที่
แตกต่างกัน
3.2.1. อธิบายแนวคิดเบื้องต้นได้
3.2.2. อธิบายขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
3.2.3. อธิบายผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 4 การวิเคราะห์โครงถัก 1 3
4.1. รู้พื้นฐานโครงถัก
4.1.1. บอกความหมายโครงถักอย่างง่ายได้
4.1.2. บอกระเบียบวิธีการในการวิเคราะห์จุดเชื่อมต่อได้
4.1.3. บอกความหมายชิ้นส่วนที่มีแรงกระทาเป็นศูนย์ได้
4.2. วิเคราะห์โครงถักโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 1 มิติ
4.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
4.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
4.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 5 การวิเคราะห์งานประกอบ 1 3
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฝ
เวลำเรียน
หน่วยที่ รำยกำร ทฤษฎี ปฏิบัติ
(ชั่วโมง) (ชั่วโมง)
5.1. รู้พื้นฐานงานประกอบ
5.1.1. บอกความหมายของผิวสัมผัสได้
5.1.2. บอกการกาหนดชื่อและประเภทของการเชื่อมต่อ
ได้
5.2. วิเคราะห์งานประกอบพื้นฐาน
5.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
5.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
5.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 6 การแก้ไขงานประกอบก่อนการวิเคราะห์ 2 6
6.1. รู้พื้นฐานแบบจาลองที่ไม่สมบูรณ์
6.1.1. บอกความหมายของขนาดชิ้นงานประกอบกันไม่
พอดี
6.1.2. บอกความหมายของขนาดของเพลาไม่สามารถ
สวมตลับลูกปืนได้
6.1.3. บอกความหมายของขนาดของชิ้นงานยาวเกิน
ชิ้นงานที่จะประกอบกัน
6.1.4. บอกความหมายของการควบคุมระยะระหว่าง
ผิวสัมผัส
6.2. วิเคราะห์งานประกอบที่แบบจาลองมีจุดบกพร่อง
6.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
6.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
6.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
6.3. วิเคราะห์งานประกอบโดยใช้จุดเชื่อมต่อ
6.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
6.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
พ
เวลำเรียน
หน่วยที่ รำยกำร ทฤษฎี ปฏิบัติ
(ชั่วโมง) (ชั่วโมง)
6.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 7 การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน 3 9
7.1. รู้พื้นฐานการวิเคราะห์ทางพลศาสตร์
7.1.1. บอกความสาคัญของการวิเคราะห์พลศาสตร์
7.1.2. บอกความหมายของการสั่นสะเทือน
7.1.3. บอกประเภทของการสั่น
7.2. วิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง
7.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
7.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
7.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
7.3. วิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนปีกเครื่องบิน
7.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
7.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
7.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
7.4. วิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถัก
7.4.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
7.4.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
7.4.3. สรุปผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 8 การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อน 2 6
8.1. รู้พื้นฐานการถ่ายเทความร้อน
8.1.1. บอกความหมายการนาความร้อน
8.1.2. บอกความหมายการพาความร้อน
8.1.3. บอกความหมายการแผ่รังสี
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ฟ
เวลำเรียน
หน่วยที่ รำยกำร ทฤษฎี ปฏิบัติ
(ชั่วโมง) (ชั่วโมง)
8.2. วิเคราะห์การถ่ายเทความร้อนผ่านฝาผนัง
8.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
8.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
8.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
8.3. วิเคราะห์การถ่ายโอนความร้อนในท่อระบายความ
ร้อน
8.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
8.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
8.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
8.4. วิเคราะห์ปัญหาการแผ่รังสี
8.4.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
8.4.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
8.4.3. สรุปผลการวิเคราะห์
หน่วยที่ 9 การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของเครื่องจักรกล 3 9
9.1. รู้พื้นฐานการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider
Crank Mechanisms
9.1.1. บอกแนวคิดเบื้องต้นได้
9.1.2. บอกขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
9.1.3. บรรยายผลการวิเคราะห์
9.2. วิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank
Mechanisms ที่มีแรงต้าน
9.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
9.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
9.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ภ
เวลำเรียน
หน่วยที่ รำยกำร ทฤษฎี ปฏิบัติ
(ชั่วโมง) (ชั่วโมง)
9.3. การวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนในการ
เคลื่อนที่ของ Slider Crank Mechanisms ที่มี
แรงต้าน
9.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
9.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
9.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ม
กำหนดกำรสอน
ชั่วโมงเรียน
สัปดำห์ที่ รำยกำร
ทฤษฎี ปฏิบัติ
หน่วยที่ 1 การจาลองสถานการณ์ทางด้านวิศวกรรม
1.1. แนวคิดเบื้องต้น
1 1 3
1.2. ไฟไนต์เอลิเมนต์
1.3. การวิเคราะห์คาน
หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์งานทางกลเบื้องต้น
2.1. งานทางกล
2 1 3
2.2. การวิเคราะห์งานทางกล
2.3. การวิเคราะห์งานทางกลโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 2 มิติ
หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัสดุ
3 3.1. วัสดุ 1 3
3.2. การวิเคราะห์ชิ้นงานที่มีวัสดุที่แตกต่างกัน
หน่วยที่ 4 การวิเคราะห์โครงถัก
4 4.1. โครงถัก 1 3
4.2. การวิเคราะห์โครงถักโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 1 มิติ
หน่วยที่ 5 การวิเคราะห์งานประกอบ
5 5.1. งานประกอบ 1 3
5.2. การวิเคราะห์งานประกอบพื้นฐาน
หน่วยที่ 6 การแก้ไขงานประกอบก่อนการวิเคราะห์
6 6.1. แบบจาลองที่ไม่สมบูรณ์
2 6
6.2. การวิเคราะห์งานประกอบที่แบบจาลองมีจุดบกพร่อง
7 6.3. การวิเคราะห์งานประกอบโดยใช้จุดเชื่อมต่อ
8 สอบกลางภาค
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ย
ชั่วโมงเรียน
สัปดำห์ที่ รำยกำร
ทฤษฎี ปฏิบัติ
หน่วยที่ 7 การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน
9 7.1. การวิเคราะห์ทางพลศาสตร์
7.2. การวิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง 3 9
10 7.3. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนปีกเครื่องบิน
11 7.4. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถัก
หน่วยที่ 8 การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อน
12 8.1. การถ่ายเทความร้อน
8.2. การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อนผ่านฝาผนัง 2 6
การวิเคราะห์การถ่ายโอนความร้อนในท่อระบาย
13 8.3. ความร้อน
8.4. การวิเคราะห์ปัญหาการแผ่รังสี
หน่วยที่ 9 การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของเครื่องจักรกล
14 การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank
9.1. Mechanisms
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ร
กำรประเมินผลรำยวิชำ
1. เกณฑ์การพิจารณา
รายวิชานี้แบ่งเป็น 10 หน่วยเรียน การวัดและประเมินผลรายวิชาดาเนินการแยกเป็น 3 ส่วน
โดยแบ่งแยกคะแนนแต่ละส่วนจากคะแนนเต็ม ทั้งรายวิชา 100 คะแนน ดังนี้
1.1 การทดสอบแต่ละหน่วยเรียน 40 คะแนน หรือร้อยละ 40 โดยจัดแบ่งน้าหนักคะแนนใน
แต่ละหน่วยตามตารางกาหนดน้าหนักคะแนน
1.2 ผลงานที่มอบหมาย 20 คะแนน หรือร้อยละ 20
1.3 การทดสอบกลางภาค และทดสอบปลายภาค 40 คะแนน หรือร้อยละ 40
2. เกณฑ์ผ่านรายวิชา
ผู้ที่จะผ่านรายวิชานี้จะต้อง
2.1 มีเวลาเรียนไม่ต่ากว่า ร้อยละ 80
2.2 คะแนนรวมทั้งรายวิชาไม่ต่ากว่าร้อยละ 50 ของคะแนนรวม
3. เกณฑ์ค่าระดับคะแนน
การประเมินแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
3.1 พิจารณาตามเกณฑ์ผ่านรายวิชาตามข้อ 2 ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์ข้อ 2 จะได้รับค่าระดับคะแนน
จ หรือ F
3.2 ผู้ที่สอบผ่านเกณฑ์ข้อ 2 จะได้รับค่าระดับคะแนน ตามเกณฑ์ ดังนี้
คะแนนร้อยละ 80 ขึ้นไป ได้ ก หรือ A
คะแนนร้อยละ 75-79 ได้ ข+ หรือ B+
คะแนนร้อยละ 70-74 ได้ ข หรือ B
คะแนนร้อยละ 65-69 ได้ ค+ หรือ C+
คะแนนร้อยละ 60-64 ได้ ค หรือ C
คะแนนร้อยละ 55-59 ได้ ง+ หรือ D+
คะแนนร้อยละ 50-54 ได้ ง หรือ D
คะแนนร้อยละ 49 ลงไป ได้ จ หรือ F
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
ล
ตำรำงกำหนดนำหนักคะแนน
น้าหนักคะแนน
คะแนนรายหน่วย
พุทธพิสัย
เลขที่หน่วย
ชื่อหน่วย
ทักษะพิสัย
การนาไปใช้
ความเข้าใจ
ความรู้
สูงกว่า
การจาลองสถานการณ์ทางด้าน
1
วิศวกรรม 4 4
2 การวิเคราะห์งานทางกลเบื้องต้น 4 1 1 1 1
3 การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัสดุ 4 2 2
4 การวิเคราะห์โครงถัก 4 1 1 1 1
5 การวิเคราะห์งานประกอบ 4 1 1 1 1
การแก้ไขงานประกอบก่อนการ
6
วิเคราะห์ 5 1 1 1 2
7 การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน 5 1 1 1 2
8 การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อน 5 1 1 1 2
การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ
9
เครื่องจักรกล 5 1 1 1 2
คะแนนการทดสอบแต่ละหน่วย
ก
เรียน 40 13 9 7 11
ข คะแนนผลงานที่มอบหมาย 20
คะแนนทดสอบกลางภาค และ
ค
ทดสอบปลายภาค 40
รวมทั้งสิ้น 100
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
1
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 8 ชั่วโมง
1-2
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 1 การจาลองสถานการณ์ทางด้านวิศวกรรม
1.1. แนวคิดเบื้องต้น
1.2. ไฟไนต์เอลิเมนต์
1.3. การวิเคราะห์คาน
จุดประสงค์การสอน
1.1. รู้แนวคิดเบื้องต้นของการจาลองสถานการณ์
1.1.1. บอกความหมายพื้นฐานของการจาลองสถานการณ์ได้
1.1.2. บอกความหมายแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ได้
1.2. รู้แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับไฟไนต์เอลิเมนต์
1.2.1. บอกความหมายแนวคิดเบื้องต้นได้
1.2.2. บอกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ทั่วไปได้
1.2.3. บรรยายตัวอย่างพื้นฐานโปรแกรมวิเคราะห์ทางไฟไนต์เอลิเมนต์ได้
1.3. รู้พื้นฐานการวิเคราะห์คาน
1.3.1. บอกแนวคิดเบื้องต้นได้
1.3.2. บอกขั้นตอนในการวิเคราะห์ได้
1.3.3. บรรยายผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
2
หน่วยที่ 1 กำรจำลองสถำนกำรณ์ทำงด้ำนวิศวกรรม
การจ าลองสถานการณ์ (simulation) ทางด้ า นวิ ศ วกรรมด้ ว ยคอมพิ ว เตอร์ ช่ ว ยทางด้ า น
วิศวกรรม (computer aided engineering: CAE) ถือเป็นหั ว ข้อที่มีแนวโน้มที่มีผู้ ส นใจมากยิ่ ง ขึ้ น
เนื่องจากสามารถช่วยให้ วิศวกรหรือผู้ ออกแบบ สามารถออกแบบได้โดยลดต้นทุนที่เป็นเงิน และ
ทางด้านเวลา CAE มีการใช้ระเบียบวิธีการหลากหลาย เช่น ระเบียบวิธีการทางไฟไนต์เอลิ เ มนต์
(finite element method: FEM) พลศาสตร์ของไหลเชิงคานวณ (computational fluid dynamic:
CFD) ระเบี ย บวิ ธี ก ารผลต่ า งสื บ เนื่ อ ง (finite difference method: FDM) ฯลฯ ในการจ าลอง
สถานะการณ์ถูกนามาใช้ในงานทางด้านวิศวกรรมอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านการ
ขนส่ง การจัดการโรงงาน การบิน การออกแบบโครงสร้างอาคาร การออกแบบเครื่องจักรกล ฯลฯ ซึ่ง
ในรายวิชานี้จะเป็นการประยุกต์นาเอาระเบียบวิธีการทางไฟไนต์เอลิเมนต์มาใช้ในการออกแบบทาง
วิศวกรรมเป็นหลัก โดยผ่านทางคอมพิวเตอร์กราฟฟิคซึ่งตัวอย่างสามารถแสดงได้ดังรูปที่ 1-1
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
3
เมื่อพฤติกรรมของธรรมชาติที่ผ่านสมมติฐานให้เป็นสมการรทางคณิตศาสตร์แล้ว
กระบวนการต่ อ มาจะเป็ น การประมาณค่า โดยระเบี ยนวิธี ก ารเชิ งตัว เลข (numerical method)
จากนั้นจึงถูกนาเสนอผ่านคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเพื่อให้ผู้ออกแบบได้เห็นภาพอีกที
1.1.2. แบบจาลองทางคณิตศาสตร์
แบบจาลองทางคณิตศาสตร์สามารถสร้างได้โดยสมมติฐานเบื้องต้นรวมกับทฤษฎี
ทางฟิสิกส์หรือกฎของฟิสิกส์เพื่อใช้ในการอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่นสมการการเคลื่อนที่
ของลูกตุ้มนาฬิกาดังรูปที่ 1-2 จะได้ฟังก์ชั่นผลเฉลยดังสมการที่ (1-1) (Reddy, 20006) เมื่อ t
คือมุมของลูกตุ้มนาฬิกาที่กระทาในแนวดิ่ง
1.2. ไฟไนต์เอลิเมนต์
1.2.1. แนวคิดเบื้องต้น
แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับไฟไนต์เอลิเมนต์ คือการหาคาตอบของปัญหาทางวิศวกรรม
ที่มีความซับซ้อนโดยใช้การหาคาตอบโดยการประมาณค่าแทนการหาคาตอบด้วยผลเฉลยแม่นตรง
(exact solution) เนื่องจากเทคนิคทางคณิตศาสตร์ไม่สามารถหาผลเฉลยแม่นตรงได้จึงเป็นที่มาของ
ระเบียบวิธีการทางไฟไนต์เอลิ เมนต์ ในกระบวนทางไฟไนต์เอลิเมนต์จะเริ่มจากการแบ่งส่ว นของ
ปัญหาออกเป็นส่วนย่อยเล็กๆ ตัวอย่างการแบ่งส่วนของปัญหาออกเป็นส่วนย่อยสามารถแสดงได้ดัง
รูปที่ 1-3
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
4
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
5
1.2.3. พื้นฐานโปรแกรมวิเคราะห์ทางไฟไนต์เอลิเมนต์
การวิเคราะห์ทางไฟไนต์เอลิเมนต์มีพื้นฐานที่สาคัญ 3 ส่วนได้แก่ ส่วนของการเตรียม
กระบวนการ (preprocessing phase) การหาคาตอบ (solution phase) และการแสดงผล (post-
processing phase) ซึ่งมีขั้นตอนย่อยดังนี้ (Moaveni, 2008)
1) สร้ างโดเมนของคาตอบที่นามาใช้ในแบบจาลอง นั่นก็คือการสร้างเอลิ
เมนต์และโหนดที่ใช้ในการวิเคราะห์ ดังรูปที่ 1-6 เป็นแบบการสร้างเอลิเมนต์
เพื่อนามาใช้ในการวิเคราะห์แบบจาลอง
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
6
6) แก้เซตของสมการที่ใช้ในการวิเคราะห์
7) นาเอาข้อมูลที่ได้มาทาการวิเคราะห์
1.3. การวิเคราะห์คาน
1.3.1. แนวคิดเบื้องต้น
ในตัวอย่างนี้เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของคานภายใต้ภาระที่มากระทาเพื่อใช้ใน
การทานาย และออกแบบคานให้สามารถทางานภายใต้เงื่อนไขที่กาหนดได้อย่างปลอดภัย โดยคานที่
นามาใช้ในการวิเคราะห์สามารถแสดงได้ดังรูปที่ 1-7
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
7
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
8
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
9
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
10
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
11
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
12
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
13
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
14
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
15
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
16
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 1
จงวิเคราะห์งานเมื่อมีแรง (Force) มากระทาที่ปลาย และปลายอีกด้านหนึ่งยึดติดกับผนัง โดย
นักศึกษาในแต่ละคนจะได้เงื่อนไขดังตาราง เพื่อคานวณหาค่าการเสียรูป Total Deformation (min
max) ความเครียด Equivalence von-Mises Strain ( min max ) ความเค้น Equivalence von-
Mises Stress (min max ) และค่าความปลอดภัยที่ต่าที่สุดที่เกิดขึ้นบนงาน ทารายงานสรุป 1 หน้า
สไลด์ Powerpoint พร้อมทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
Force
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
17
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
18
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 4 ชั่วโมง
2
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์งานทางกลเบื้องต้น
2.1. งานทางกล
2.2. การวิเคราะห์งานทางกล
2.3. การวิเคราะห์งานทางกลโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 2 มิติ
จุดประสงค์การสอน
2.1. รู้พื้นฐานงานทางกล
2.1.1. บอกความหมายของสถิตศาสตร์ได้
2.1.2. บอกความหมายของกลศาสตร์วัสดุได้
2.2. เข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์งานทางกล
2.2.1. อธิบายแนวคิดเบื้องต้นได้
2.2.2. อธิบายขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
2.2.3. อธิบายผลการวิเคราะห์
2.3. วิเคราะห์งานทางกลโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 2 มิติ
2.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
2.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
2.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
19
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 1
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 1 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
20
หน่วยที่ 2 กำรวิเครำะห์งำนทำงกลเบืองต้น
การวิเคราะห์งานทางกลจาเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานในวิชา หรือศาสตร์นั้นๆ ก่อนที่ผู้ออกแบบ
จะทาการวิเคราะห์ เหตุผลที่ความรู้พื้นฐานเป็นส่วนที่สาคัญที่จาเป็นต้องมี เนื่องจากในทุกขั้นตอนของ
การวิเคราะห์ปัญหาทางวิศวกรรมโดยการใช้ระเบียบวิธีการทางไฟไนต์เอลิเมนต์นั้นจะต้องดาเนินการ
ด้ว ยความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็ น การสร้างแบบจาลอง การแบ่งส่ ว นย่อยของแบบจาลอง การสมมติ
ฟังก์ชั่นประมาณค่า การกาหนดขอบเขตเงื่อนไขเบื้องต้น การแปลความหมายของค่าที่ได้ รวมไปถึง
การนาผลที่ได้ไปใช้ในการออกแบบ
F0 (2-1)
M 0 (2-2)
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
21
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
22
2.1.2.
กลศาสตร์วัสดุ
กลศาสตร์วัสดุเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีและแนวคิดพื้นฐานของการวิเคราะห์
การเสียหายของวัดสุภายใต้ภาระที่มากระทา โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ความเค้น ความเครียด ไป
จนถึงทฤษฎีการเสียหายของวัสดุ การวิเคราะห์ค่าเหล่านี้จาเป็นต้องมีพื้นฐานมาจากวิชาสถิตศาสตร์
ก่อนจึงจะสามารถเข้าใจหลักของวิชานี้ได้ง่ายขึ้น พื้นฐานสมการที่ใช้ในการวิเคราะห์ความเค้นและ
ความเครียดสามารถแสดงได้ดังสมการที่ (2-3) และ (2-4)
F
(2-3)
A
(2-4)
L
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
23
2.2. การวิเคราะห์งานทางกล
2.2.1. แนวคิดเบื้องต้น
ในการวิเคราะห์ความแข็งแรงของชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบขึ้นเป็นเครื่องจักร หรือ
อุปกรณ์ใดๆ สามารถทาให้แบบจาลองเป็นแบบจาลองอย่างง่ายก่อนจึงดาเนินการวิเคราะห์ ตัวอย่ าง
เช่น การวิเคราะห์ความแข็งแรงของรถแทร็กเตอร์ดัง รูปที่ 2-4 สามารถแยกวิเคราะห์เป็นส่วนๆ ได้
เช่นเดียวกันกับชุดต่อพ่วงของรถแทร็กเตอร์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
24
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
25
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
26
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
27
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
28
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
29
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
30
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
31
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
32
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
33
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
34
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
35
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
36
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 2
จงวิเคราะห์ งาน model week2.scdoc เมื่อมีแรง (Force) ในแนวแกน X และแกน Z มา
กระทาที่ จุ ดยึ ด อุป กรณ์ ต่ อ พ่ว ง และอีกสองรู ยึด กับ แขนล่ างและแขนบนของรถแทร็ กเตอร์ โดย
นักศึกษาในแต่ละคนจะได้เงื่อนไขดัง ตารางที่ 2-3 เพื่อคานวณหาค่าการเสียรูป Total Deformation
(min max) ความเครียด Equivalence von-Mises Strain ( min max ) ความเค้น Equivalence
von-Mises Stress (min max ) และค่าความปลอดภัยที่ต่าที่สุดที่เกิดขึ้นบนงาน ทารายงานสรุป 1
หน้าสไลด์ Powerpoint พร้อมทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
ForceX
ForceZ
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
37
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
38
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 4 ชั่วโมง
3
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัสดุ
3.1. วัสดุ
3.2. การวิเคราะห์ชิ้นงานที่มีวัสดุที่แตกต่างกัน
จุดประสงค์การสอน
3.1. รู้พื้นฐานวัสดุ
3.1.1. บอกความหมายของวัสดุ
3.1.2. บอกความรู้พื้นฐานวัสดุวิศวกรรม
3.1.3. บอกประเภทของวัสดุ
3.2. เข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์ชิ้นงานที่มีวัสดุที่แตกต่างกัน
3.2.1. อธิบายแนวคิดเบื้องต้นได้
3.2.2. อธิบายขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
3.2.3. อธิบายผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
39
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 2
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 2 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
40
หน่วยที่ 3 กำรเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัสดุ
ในการออกแบบชิ้นส่วนทางด้านวิศวกรรมนั้น ในบางกรณีผู้ออกแบบจาเป็นต้องคานึงถึงการ
เลือกใช้วัสดุทีเหมาะสมด้วย เนื่องจากวัสดุแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความแข็ง
ความต้านทานการเสียรูป ความยืดหยุ่น หรือสภาพการนาความร้อนเป็นต้น ซึ่ง หากเลือกใช้ได้อย่าง
เหมาะสมก็จะทาให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
41
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
42
3.2.2. ขั้นตอนการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
43
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
44
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
45
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
46
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
47
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
48
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
49
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
50
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 3
จงวิเคราะห์ งาน model week3.scdoc เมื่อมีแรง (Force) ในแนวแกน X และแกน Z มา
กระทาที่จุดยึดอุปกรณ์ต่อพ่วง และอีกรูยึดแน่น โดยนักศึกษาในแต่ละคนจะได้เงื่อนไขดังตารางที่ 3-4
เพื่อคานวณหาค่าการเสี ย รู ป Total Deformation (min max) ความเครียด Equivalence von-
Mises Strain ( min max ) ความเค้น Equivalence von-Mises Stress (min max ) และค่าความ
ปลอดภัยที่ต่าที่สุดที่เกิดขึ้น บนงาน ทารายงานสรุป 1 หน้าสไลด์ Powerpoint พร้อมทั้งสรุปการ
ทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
ForceZ
ForceX
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
51
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
52
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 4 ชั่วโมง
4
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 4 การวิเคราะห์โครงถัก
4.1. โครงถัก
4.2. การวิเคราะห์โครงถักโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 1 มิติ
จุดประสงค์การสอน
4.1. รู้พื้นฐานโครงถัก
4.1.1. บอกความหมายโครงถักอย่างง่ายได้
4.1.2. บอกระเบียบวิธีการในการวิเคราะห์จุดเชื่อมต่อได้
4.1.3. บอกความหมายชิ้นส่วนที่มีแรงกระทาเป็นศูนย์ได้
4.2. วิเคราะห์โครงถักโดยใช้เอลิเมนต์แบบ 1 มิติ
4.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
4.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
4.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
53
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 3
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 3 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
54
หน่วยที่ 4 กำรวิเครำะห์โครงถัก
ในการออกแบบโครงสร้างเพื่อใช้สาหรับรับภาระเชิงกลในบางกรณีจาเป็นต้องออกแบบโดย
การใช้โครงถัก (truss) เพื่อลดภาระทางด้านน้าหนักของโครงสร้างและยังคงความแข็งแรงเพื่อให้ได้
ตามเงื่อนไขที่กาหนด โครงถักเป็นโครงสร้างที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนตรงยาวเชื่อมกันด้วยจุดต่อ
(joint) โดยส่วนใหญ่ที่เห็นอาจจะเป็นไม้หรือโลหะก็ได้ ในบทนี้เป็นการกล่าวถึงการวิเคราะห์โครงถัก
โดยระเบียบวิธีการทางไฟไนต์เอลิเมนต์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
55
4.1.2. ระเบียบวิธีการในการวิเคราะห์จุดเชื่อมต่อ
ในการวิเคราะห์โครงถักหากต้องการที่จะทราบแรงที่กระทาภายในชิ้นส่วนแต่ละ
ชิ้นส่วนนั้นสามารถวิเคราะห์ได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นก็คือการวิเคราะห์จุดเชื่อมต่อโดยระเบียบวิธีการนี้
ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมดุล หมายถึงแรงที่กระทาบนจุดเชื่อมต่อทั้งหมดมีผลรวมของแรงเท่ากับ
ศูนย์ดังสมการที่ (4-1) ซึ่งตัวอย่างสามารถแสดงได้ดังรูปที่ 4-3
F 0 (4-1)
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
56
4.1.3. ชิ้นส่วนที่มีแรงกระทาเป็นศูนย์
การวิเคราะห์ปัญหาโครงถักในบางกรณีสามารถพิจารณาให้ชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนมีแรง
กระทาที่เป็นศูนย์ (zero-force members) ได้ หลักในการพิจารณาคือถ้าจุดเชื่อมต่อของโครงข้อถัก
เกิดจากการเชื่อมต่อกันโดยชิ้นส่วนสองชิ้นและไม่มีแรงกระทาที่จุดต่อแล้วชิ้นส่วนทั้งสองจะเป็น
ชิ้นส่วนที่มีแรงกระทาเป็นศูนย์ดัง รูปที่ 4-4 อีกรูปแบบหนึ่งคือถ้าจุดเชื่อมต่อของโครงถักประกอบไป
ด้วยชิ้นส่วน 3 ชิ้นส่วน โดยมี 2 ชิ้นส่วนอยู่ในแนวเดียวกันแล้วไม่มีแรงภายนอกมากระทาที่จุดเชื่อม
ต่อชิ้นส่วนที่เหลือจะเป็นชิ้นส่วนที่มีแรงกระทาเป็นศูนย์ดังรูปที่ 4-5
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
57
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
58
4.2.2. ขั้นตอนการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
59
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
60
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
61
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
62
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
63
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
64
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
65
4.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์โครงถักที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนจานวน 4 ชิ้น แสดงให้เห็นว่าโครง
ถักที่ใช้เหล็กท่อขนาดรัศมีภายนอกเท่ากับ 20 mm และรัศมีภายในเท่ากับ 10 mm มีการเสียรูป
สูงสุดเท่ากับ 1.415x10-3 mm และมีการเสียรูปเฉลี่ยเท่ากับ 8.456x10-4 mm
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
66
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 4
จงวิเคราะห์โครงถักงาน truss week4.scdoc โดยนักศึกษาในแต่ละคนจะได้เงื่อนไขของแรง
กระจายที่ ก ระท าบนชิ้ น ส่ ว นของโครงถั ก ดั ง ตารางที่ 4-3 เพื่ อ ค านวณหาค่ า การเสี ย รู ป Total
Deformation (min max), Axial Force, Total Bending Moment, Torsional Moment แ ล ะ
Total Shear Force ของส่วนประกอบแต่ละชิ้นที่ประกอบเป็นโครงถัก ทารายงานสรุป 1 หน้าสไลด์
Powerpoint พร้อมทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
67
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
68
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 4
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 5 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
69
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 4 ชั่วโมง
5
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 5 การวิเคราะห์งานประกอบ
5.1. งานประกอบ
5.2. การวิเคราะห์งานประกอบพื้นฐาน
จุดประสงค์การสอน
5.1. รู้พื้นฐานงานประกอบ
5.1.1. บอกความหมายของผิวสัมผัสได้
5.1.2. บอกการกาหนดชื่อและประเภทของการเชื่อมต่อได้
5.2. วิเคราะห์งานประกอบพื้นฐาน
5.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
5.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
5.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
70
หน่วยที่ 5 กำรวิเครำะห์งำนประกอบ
ในบทนี้เป็นการวิเคราะห์งานประกอบซึ่งจะมีชิ้นงานตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป การวิเคราะห์จะต้องมี
การพิจารณาในเรื่องของการสัมผัส (contact) การเลือกเอลิเมนต์และการเลือกประเภทของการสัมผัส
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
71
5.1.2.การกาหนดชื่อและประเภทของการเชื่อมต่อ
การวิเคราะห์ ชิ้น งานที่มีผิ วสัมผั ส จาเป็นต้องมีการกาหนดชื่อของการสั มผัส และ
ประเภทของการสัมผัสก่อนการวิเคราห์เพื่อทาให้ผู้วิเคราะห์สามารถวิเคราะห์งานได้อย่างถูกต้องต้อง
และรวดเร็ว
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
72
5.2. การวิเคราะห์งานประกอบพื้นฐาน
5.2.1. แนวคิดเบื้องต้น
การวิเคราะห์ในตัวอย่างนี้เป็นการวิเคราะห์ชิ้นส่วนของรถแทร็กเตอร์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
73
5.2.2. ขั้นตอนการวิเคราะห์
เปิดไฟล์แบบจาลองชิ้นส่วนของแทร็กเตอร์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
74
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
75
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
76
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
77
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
78
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
79
5.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
จากผลการวิเคราะห์งานประกอบในบทนี้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนของการพิจารณา
งานประกอบ ขั้นตอนการวิเคราะห์และผลของการวิเคราะห์ จากการวิเคราะห์ แสดงให้เห็นว่าเกิด
total deformation สู ง สุ ด ที่ lower arm เท่ า กั บ 8.90 mm ค่ า Equivalent Stress สู ง สุ ด มี ค่ า
เท่ า กั บ 283.22 MPa ค่ า Safety Factor ต่ าสุ ด มี ค่ า เท่ า กั บ 0.88 ซึ่ ง ต่ ากว่ า เกณฑ์ ดั ง นั้ น จึ ง ควร
ออกแบบให้ cylinder มีขนาดโตขึ้น
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
80
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 5
จงวิเคราะห์งาน model week5.scdoc เมื่อมีแรง (Force) ในแนวแกน X แกน Y และแกน Z
มากระทาที่จุดยึดอุปกรณ์ต่อพ่วง และอีกรูยึดแน่น โดยนักศึกษาในแต่ละคนจะได้เงื่อนไขดัง ตารางที่
3-4 เพื่ อ ค านวณหาค่ า การเสี ย รู ป Total Deformation (min max) ความเครี ย ด Equivalence
von-Mises Strain ( min max ) ความเค้น Equivalence von-Mises Stress (min max ) และค่า
ความปลอดภัยที่ต่าที่สุดที่เกิดขึ้นบนงานแต่ละชิ้น ทารายงานสรุป 1 หน้าสไลด์ Powerpoint พร้อม
ทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
ForceZ
ForceX
รูปที่ 5-28 ชิ้นงานที่ใช้ในการวิเคราะห์ในบทที่ 5
ตารางที่ 5-1 เงื่อนไขที่ใช้ในการวิเคราะห์บทที่ 5
No. ID Name ForceX (N) ForceY (N) ForceZ (N)
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
81
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
82
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 5
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 5 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
83
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 8 ชั่วโมง
6-7
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 6 การแก้ไขงานประกอบก่อนการวิเคราะห์
6.1. แบบจาลองที่ไม่สมบูรณ์
6.2. การวิเคราะห์งานประกอบที่แบบจาลองมีจุดบกพร่อง
6.3. การวิเคราะห์งานประกอบโดยใช้จุดเชื่อมต่อ
จุดประสงค์การสอน
6.1. รู้พื้นฐานแบบจาลองที่ไม่สมบูรณ์
6.1.1. บอกความหมายของขนาดชิ้นงานประกอบกันไม่พอดี
6.1.2. บอกความหมายของขนาดของเพลาไม่สามารถสวมตลับลูกปืนได้
6.1.3. บอกความหมายของขนาดของชิ้นงานยาวเกินชิ้นงานที่จะประกอบกัน
6.1.4. บอกความหมายของการควบคุมระยะระหว่างผิวสัมผัส
6.2. วิเคราะห์งานประกอบที่แบบจาลองมีจุดบกพร่อง
6.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
6.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
6.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
6.3. วิเคราะห์งานประกอบโดยใช้จุดเชื่อมต่อ
6.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
6.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
6.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
84
หน่วยที่ 6 กำรแก้ไขงำนประกอบก่อนกำรวิเครำะห์
การวิเคราะห์งานประกอบที่มีชิ้นงานตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป หากการเตรียมแบบจาลองมีความ
ผิดพลาด เช่น ขนาดชิ้นงานไม่สามารถประกอบกันได้พอดี ขนาดของเพลาไม่สามารถสวมตลับลูกปืน
ได้พอดี ขนาดของชิ้นงานยาวเกินกว่าที่จะประกอบกันได้ ฯลฯ การวิเคราะห์งานเหล่านี้จาเป็นต้องมี
การปรับแต่ค่าต่างๆ ในโปรแกรมการวิเคราะห์ทางไฟไนต์เอลิเมนต์ก่อนการวิเคราะห์จริง ไม่ว่าจะเป็น
การปรับแบบจาลองโดยตรง การปรับสมการในการวิเคราะห์ การปรับเงื่อนไขในการวิเคราะห์ หรือ
การปรับรูปแบบของการเชื่อมติด เป็นต้น
6.1. แบบจาลองที่ไม่สมบูรณ์
6.1.1. ขนาดชิ้นงานประกอบกันไม่พอดี
ในบางกรณีการเขียนแบบสามมิติอาจเกิดข้อผิดพลาดจากผู้เขียนแบบส่งผลให้การ
เขียนแบบสามมิติอาจมีข้อผิดพลาดเมื่อนางานมาประกอบกันอาจจะไม่พอดีดัง รูปที่ 6-1 เป็นการ
ประกอบของชิ้นงานสองชิ้นที่พอดี ส่วนรูปที่ 6-2 เป็นรูปของชิ้นงานที่ไม่พอดีกัน เมื่อนามาประกอบ
จึงเกิดช่องว่างระหว่างชิ้นงานเกิดขึ้น
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
85
6.1.2. ขนาดของเพลาไม่สามารถสวมตลับลูกปืนได้
ในการออกแบบเครื่องจักรกล ชิ้นส่วนที่สาคัญส่วนหนึ่งได้แก่ชิ้นส่วนที่มีการหมุน
และส่วนที่ทาให้เครื่องจักรหมุนได้คือส่วนที่มีตลับลูกปืน รูปที่ 6-3 แสดงให้เห็นถึงการประกอบกัน
ของเพลาและตลับลูกปืนที่มีขนาดพอดีกัน ส่วนรูปที่ 6-4 เป็นแบบจาลองที่แสดงให้เห็นถึงเพลาและ
ตลับลูกปืนที่มีขนาดไม่เท่ากัน ทาให้เกิดช่องว่างระหว่างเพลาและลูกปืนขึ้น แบบจาลองแบบนี้หาก
นามาวิเคราะห์ในโปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการวิเคราะห์ขึ้นได้
6.1.3. ขนาดของชิ้นงานยาวเกินชิ้นงานที่จะประกอบกัน
กรณีที่ผู้ออกแบบมีการออกแบบชิ้นงานที่ประกอบกันแล้วมีชิ้นใดชิ้นหนึ่งเกิดมีขนาด
ที่ผิดพลาดไปจากที่ออกแบบภาพร่างไว้ ในกรณีนี้งานประกอบที่นามาวิเคราะห์ จะเกิดความผิดพลาด
ขึ้นในการวิเคราะห์ได้ รูปที่ 6-5 แสดงให้เห็นถึงงานประกอบที่สมบูรณ์ซึ่งหากมีการให้ขนาดชิ้นส่วนใด
ผิดขนาดดังรูปที่ 6-6 ก็จะส่งผลให้การวิเคราะห์ทางโปรแกรมดาเนินการผิดพลาดได้
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
86
6.1.4. การควบคุมระยะระหว่างผิวสัมผัส
การวิเคราะห์ชิ้นงานที่มีผิวสัมผัสที่ไม่สัมผัสกันพอดีจาเป็นต้องมีการปรับค่าระยะ
ระหว่างงานให้มีการสัมผัสกันพอดีดังรูปที่ 6-7 และรูปที่ 6-8
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
87
6.2. การวิเคราะห์งานประกอบที่แบบจาลองมีจุดบกพร่อง
6.2.1. แนวคิดเบื้องต้น
การวิเคราะห์งานประกอบที่มีชิ้นงานตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป หากการเตรียมแบบจาลองมี
ความผิดพลาด เช่น ขนาดชิ้นงานไม่สามารถประกอบกันได้พอดี ขนาดของเพลาไม่สามารถสวมตลับ
ลู กปื น ได้พอดี ขนาดของชิ้น งานยาวเกิ น กว่า ที่จ ะประกอบกัน ได้ ฯลฯ การวิเคราะห์ งานเหล่ า นี้
จาเป็นต้องมีการปรับแต่ค่าต่างๆ ในโปรแกรมการวิเคราะห์ทางไฟไนต์เอลิเมนต์ก่อนการวิเคราะห์จริง
ไม่ว่าจะเป็นการปรับแบบจาลองโดยตรง การปรับสมการในการวิเคราะห์ การปรับเงื่อนไขในการ
วิเคราะห์ หรือการปรับรูปแบบของการเชื่อมติด เป็นต้น
6.2.2. ขั้นตอนการวิเคราะห์
ตัวอย่างของการวิเคราะห์ในหัวข้อนี้เริ่มจากการเปิดไฟล์ที่ผู้สอนได้เตรียมไว้ให้ชื่อ
Contact_Interface.wbpz โดยทาการ Restore Archive ดังรูปที่ 6-9
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
88
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
89
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
90
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
91
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
92
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
93
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
94
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
95
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
96
6.3. การวิเคราะห์งานประกอบโดยใช้จุดเชื่อมต่อ
6.3.1. แนวคิดเบื้องต้น
การวิเคราะห์งานที่มีการประกอบกันตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปที่มีการประกอบกันแบบไม่
ยึดติด มีการเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนที่สามารถวิเคราะห์โดยใช้การวิเคราะห์จุดเชื่อมต่อได้ดังรูปที่ 6-59
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
97
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
98
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
99
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
100
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
101
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
102
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
103
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
104
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
105
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 6
จงใช้ ข้ อ มู ล ที่ ก าหนดให้ เ พื่ อ ค านวณหา Total Deformation (min max) Equivalence
von-Mises Strain ( min max ) Equivalence von-Mises Stress (min max ) ค่าความปลอดภัย
ที่ต่าที่สุดที่เกิดขึ้นบนชิ้นงานแต่ละชิ้น และแรงปฏิกิริยาที่จุดยึดและจุดเชื่อมต่อทุกจุด ทารายงานสรุป
1 หน้าสไลด์ Powerpoint พร้อมทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
106
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
107
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 6
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 6 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
108
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 12 ชั่วโมง
9-11
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 7 การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน
7.1. การวิเคราะห์ทางพลศาสตร์
7.2. การวิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง
7.3. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนปีกเครื่องบิน
7.4. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถัก
จุดประสงค์การสอน
7.1. รู้พื้นฐานการวิเคราะห์ทางพลศาสตร์
7.1.1. บอกความสาคัญของการวิเคราะห์พลศาสตร์
7.1.2. บอกความหมายของการสั่นสะเทือน
7.1.3. บอกประเภทของการสั่น
7.2. วิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง
7.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
7.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
7.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
7.3. วิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนปีกเครื่องบิน
7.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
7.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
7.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
7.4. วิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถัก
7.4.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
7.4.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
7.4.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
109
หน่วยที่ 7 กำรวิเครำะห์กำรสั่นสะเทือน
การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนถือเป็นส่วนที่สาคัญในการออกแบบทางกล หากผู้ออกแบบได้
คานึงถึงการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในการดาเนินงานชิ้นส่วนทางกลหรือเครื่องจักรก็จะส่งผลให้การ
ออกแบบมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
110
7.1.3. ประเภทของการสั่น
7.1.3.1. การสั่นแบบอิสระ
การสั่นแบบอิสระ (free vibration) คือการสั่นของระบบในลักษณะที่
ไม่มีแรงภายนอกมากระทา ตัวอย่างของการสั่นอย่างอิสระ ได้แก่ การสั่นของลูกตุ้มนาฬิกา การแกว่ง
ของชิงช้า เป็นต้น โดยการเคลื่อนที่ของระบบที่มี การสั่นแบบอิสระสามารถแสดงได้ดังสมการที่ (7-1)
(Inman, 2007) ซึ่งพจน์ทางด้านซ้ายมือหมายถึงลักษณะของระบบที่ประกอบไปด้วยมวล ตัวหน่วง
ของการสั่นสะเทือน และค่าคงที่ของสปริง
mx t cx t kx t 0 (7-1)
7.1.3.2. การสั่นแบบบังคับ
การสั่นสะเทือนแบบบังคับ (Force vibration) เป็นการสั่นสะเทือนซึ่ง
เกิดเนื่องจากพลังงานภายนอกกระทากับระบบระหว่างการสั่นสะเทือน โดยพลังงานภายนอกที่กระทา
นั้นอาจจะอยู่ในรูปของแรง แรงบิดหรืออาจเป็นการขจัดเพื่อบังคับให้เกิดการสั่นก็ได้ โดยลักษณะการ
เคลื่อนที่ของระบบที่มีการสั่นแบบบังคับสามารถแสดงได้ดังสมการที่ (7-2) (Bottega, 2006)
mx t cx t kx t F t (7-2)
7.2. การวิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง
7.2.1. แนวคิดเบื้องต้น
การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนของการวิเคราะห์มวลที่ติดบนสปริง เพื่อให้มีความ
เข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับปัจจัย ที่มีผลต่อความถี่ธรรมชาติ (natural frequency) โดยความถี่ธรรมชาติ
สามารถคานวณได้ดังสมการที่ (7-3)
1 k
f (7-3)
2 m
โดยที่
f หมายถึงความถี่ (Hz)
k หมายถึงค่าคงที่ของสปริง (N/m)
m หมายถึงมวลของวัตถุ (kg)
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
111
7.2.2. ขั้นตอนในการวิเคราะห์
การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการสั่นสะเทือนในบทนี้เริ่มจากการสร้างแบบจาลอง
รูปทรงลูกบาศก์ขนาด 10 mm x 10 mm x 10 mm ดังรูปที่ 7-3
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
112
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
113
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
114
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
115
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
116
7.2.3. ผลการวิเคราะห์
หลังจากการวิเคราะห์ในส่วนของ modal vibration เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้วิเคราะห์
สามารถเลือกดูได้ว่าต้องการดูลั กษณะของการสั่นในรูปแบบใด และแต่ละรูปแบบมีเกิดขึ้น เมื่ อมี
ความถี่เท่าใด กราฟผลการวิเคราะห์สามารถแสดงได้ดังรูปที่ 7-17
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
117
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
118
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
119
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
120
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
121
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
122
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
123
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
124
7.4. การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถัก
7.4.1. แนวคิดเบื้องต้น
การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนบนโครงถักเพื่อให้มีความเข้าใจในการออกแบบโครงถัก
ที่สามารถใช้ในการสภาวะที่เกิดภาระที่เป็นลักษณะเป็นรอบได้
7.4.2. ขั้นตอนในการวิเคราะห์
ขั้นตอนในการวิเคราะห์รูปแบบการสั่นสะเทือนของโครงถักเริ่มจากการ import
ไฟล์โครงถักที่ต้องการวิเคราะห์มาในโปรแกรม
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
125
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
126
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
127
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
128
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
129
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
130
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
131
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 7
จงคานวณหาค่าการสั่นสะเทือนของโครงสร้างในแต่ละรูปแบบ โดยแสดงค่าการสั่นสะเทือน
รู ป แบบของการสั่ น ใน 10 รู ป แบบแรกและแสดงกราฟการตอบสนองของชิ้ น งานเมื่ อ ความถี่
เปลี่ยนแปลง โดยนักศึกษาจะได้รับเงินไขความหนาแน่นและค่า Young's Modulus ที่แตกต่างกัน
ทารายงานสรุป 1 หน้าสไลด์ Powerpoint พร้อมทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
132
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
133
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 7
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 7 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
134
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 8 ชั่วโมง
12-13
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 8 การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อน
8.1. การถ่ายเทความร้อน
8.2. การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อนผ่านฝาผนัง
8.3. การวิเคราะห์การถ่ายโอนความร้อนในท่อระบายความร้อน
8.4. การวิเคราะห์ปัญหาการแผ่รังสี
จุดประสงค์การสอน
8.1. รู้พื้นฐานการถ่ายเทความร้อน
8.1.1. บอกความหมายการนาความร้อน
8.1.2. บอกความหมายการพาความร้อน
8.1.3. บอกความหมายการแผ่รังสี
8.2. วิเคราะห์การถ่ายเทความร้อนผ่านฝาผนัง
8.2.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
8.2.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
8.2.3. สรุปผลการวิเคราะห์
8.3. วิเคราะห์การถ่ายโอนความร้อนในท่อระบายความร้อน
8.3.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
8.3.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
8.3.3. สรุปผลการวิเคราะห์
8.4. วิเคราะห์ปัญหาการแผ่รังสี
8.4.1. สรุปแนวคิดเบื้องต้นได้
8.4.2. สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ได้
8.4.3. สรุปผลการวิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
135
หน่วยที่ 8 กำรวิเครำะห์กำรถ่ำยเทควำมร้อน
การถ่ายเทความร้อน (heat transfer) พื้นฐานมีอยู่สามรูปแบบด้วยกัน ได้แก่ การนาความร้อน
(heat conduction) การพาความร้อน (heat convection) และการแผ่ รังสี (radiation) ตัว อย่าง
การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อนสามารถแสดงได้ดังรูปที่ 8-1
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
136
dT
Qcond kA (8-1)
dn
โดยที่
Qcond หมายถึงพลังงานในการถ่ายเทความร้อนโดยการนา
k หมายถึงสภาพการนาความร้อน
A หมายถึงพื้นที่ผิวของวัตถุที่พิจารณา
ตัวอย่างที่ 8-1 The inner and outer surfaces of a 4-m x 7-m brick wall of thickness
3 0 cm and thermal conductivity 0 . 6 9 W/m °C are maintained at
temperatures of 26 °C and 8 °C, respectively. Determine the rate of
heat transfer through the wall, in W.
8.1.2.
การพาความร้อน
การพาความร้อนเป็นการถ่ายเทความร้อนจากแหล่งหนึ่งไปแหล่งหนึ่ง โดยเป็นการ
ถ่ายเทความร้อนระหว่างของแข็งและของไหล (ของเหลง หรือก๊าซ) ซึ่งเกิดขึ้นจากอิทธิพลของการนา
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
137
ความร้อนและการเคลื่อนที่ของของไหล ของไหลที่เคลื่อนที่เร็วกว่าจะส่งผลให้อัตราการถ่ายโอนความ
ร้อนมีค่ามากกว่า สามารถคานวณได้จากสมการที่ (8-2)
Qconv hAs dT (8-2)
โดยที่
Qconv หมายถึงพลังงานในการถ่ายเทความร้อนโดยการพา
h หมายถึงสัมประสิทธิ์การพาความร้อน
As หมายถึงพื้นที่ผิวของวัตถุที่พิจารณา
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
138
(Çengel, 2002)
วิธีทา
8.1.3.
การแผ่รังสี
การแผ่ รั งสี เป็น การกระจายพลั งงานโดยกลไกของเคลื่อนแม่เหล็กทาให้ เกิดการ
เปลี่ยนแปลงพลังงานภายในโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง สามารถคานวณได้จากสมการที่ (8-3)
Qrad As Ts4 Tsur4 (8-3)
โดยที่
Qrad หมายถึงพลังงานในการถ่ายเทความร้อนโดยการแผ่รังสี
หมายถึงค่าคงที่ของ Stefan–Boltzmann (5.670 x 10-8 W/m2 K4)
หมายถึงความสามารถในการแผ่รังสีความร้อน
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
139
As หมายถึงพื้นที่ผิวของวัตถุที่พิจารณา
8.2. การวิเคราะห์การถ่ายเทความร้อนผ่านฝาผนัง
8.2.1. แนวคิดเบื้องต้น
ตัวอย่างการวิเคราะห์ การถ่ายเทความร้อนผ่านฝาหนังเป็นการวิเคราะห์การถ่ายเท
ความร้อนที่เกิดจากการนาความร้อนและการพาความร้อน โดยมีแบบจาลองดังรูปที่ 8-4
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
140
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
141
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
142
8.2.3. ผลการวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์ในส่วนของการถ่ายโอนความร้อนผ่านฝาผนังสามารถแสดงผลการ
วิเคราะห์ได้เป็นการกระจายของอุณหภู มิ ฟลัคซ์ความร้อนหรือปริมาณความร้อนที่ผ่านฝาผนังได้
ตัวอย่างการแสดงผลของการวิเคราะห์การกระจายตัวของอุณหภูมิสามารถแสดงได้ดังรูปที่ 8-15
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
143
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
144
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
145
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
146
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
147
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
148
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
149
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
150
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
151
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
152
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
153
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
154
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 8
จงใช้ ข้ อ มู ล ที่ ก าหนดให้ เ พื่ อ ค านวณหาพลั ง งานความร้ อ นที่ ท่ อ สามารถระบายออกได้
อุณหภูมิต่าสุด -สูงสุดและความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิสูงสุดต่าสุด เปรียบเทียบระหว่างท่อแบบ
เรียบและท่อแบบมีครีบ และเปรียบเทียบระหว่างใช้ท่อเหล็กและท่อทองแดง ทารายงานสรุป 1 หน้า
สไลด์ Powerpoint พร้อมทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
155
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
156
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 8
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 8 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
157
ใบเตรียมการสอน
สัปดาห์ที่
เวลาในการเรียน 12 ชั่วโมง
14-16
ชื่อบทเรียน
หน่วยที่ 9 การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของเครื่องจักรกล
9.1. การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank Mechanisms
9.2. การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank Mechanisms ที่มีแรงต้าน
การวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนในการเคลื่อนที่ของ Slider Crank
9.3. Mechanisms ที่มีแรงต้าน
จุดประสงค์การสอน
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
158
หน่วยที่ 9 กำรวิเครำะห์กำรเคลื่อนที่ของเครื่องจักรกล
การวิเคราะห์ การเคลื่ อนที่ของเครื่องจักรกล หรือกลศาสตร์เครื่องจักรกล (mechanic of
machinery analysis) เป็ น การวิ เ คราะห์ ก ารเคลื่ อ นที่ ข องชิ้ น ส่ ว นทางกลที่ ป ระกอบกั น เป็ น
เครื่องจักรกล โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ Kinetics เป็นคาทีใ่ ช้ในสาขากลศาสตร์คลาสสิก
ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของวัตถุกับภาระที่กระทาได้แก่แรงและโมเมนต์
ส่วนการวิเคราะห์แบบ Kinematics เป็นการวิเคราะห์เพื่ออธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุและระบบ โดย
ไม่คานึงถึงมวลของแต่ละส่วนหรือแรงที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนที่ ซึ่งการวิเคราะห์จะต้องมีการนิยามตัว
แปรต่างๆ ของการเคลื่อนไหวก่อนที่จะทาการวิเคราะห์ ตัวอย่างของเครื่องจักรกลที่ถูกนามาวิเคราะห์
สามารถแสดงได้ดังรูปที่ 9-1 และรูปที่ 9-2
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
159
ซึ่งในการวิเคราะห์กลศาสตร์ของเครื่องจักรกลพื้นฐานมักพิจารณาให้เป็นวัตถุแข็งเกร็ง โดยมี
สมการการเคลื่ อ นที่ ดั ง สมการที่ (9-1) และสมการการเคลื่ อ นที่ แ ละหมุ น ดั ง สมการที่ (9-2)
(Chakrabarty & Dourmaskin, 2013)
d
F mV (9-1)
dt
T ri Fi
N
(9-2)
i 1
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
160
9.1.2. ขั้นตอนการวิเคราะห์
การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank Mechanisms มีลาดับการวิเคราะห์
เริ่มจากทาการสร้างแบบจาลองภายในโปรแกรมดังรูปที่ 9-5
wheel
connecting rod1
slot
connecting rod2
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
161
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
162
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
163
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
164
9.1.3. ผลการวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์สามารถแสดงได้ดังรูปที่ 9-19
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
165
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
166
9.2.3. ผลการวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของ Slider Crank Mechanisms ที่มีแรงต้านโดยใช้
ปริงเป็นอุปกรณ์ในการสร้างแรงสามารถแสดงได้ดัง รูปที่ 9-26 หากต้องการทราบแรงที่กระทาใน
แนวแกน X ก็สามารถแสดงได้ดังรูปที่ 9-27
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
167
9.3.2. ขั้นตอนในการวิเคราะห์
การวิ เ คราะห์ ค วามเสี ย หายของชิ้ น ส่ ว นในการเคลื่ อ นที่ ข อง Slider Crank
Mechanisms ที่ มี แ รงต้ า นสามารถวิ เ คราะห์ ไ ด้ โ ดยก าหนดภาระภายนอกให้ แ ก่ ร ะบบ จากนั้ น
กาหนดให้ชิ้นส่วนที่ต้องการวิเคราะห์เป็นชิ้นส่วนแบบ flexible
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
168
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
169
แบบฝึกหัดท้ำยบทที่ 9
จงใช้ ข้ อ มู ล ที่ ก าหนดให้ เ พื่ อ ค านวณหา Total Deformation (min max) Equivalence
von-Mises Strain ( min max ) Equivalence von-Mises Stress (min max ) ค่าความปลอดภัย
ที่ต่าที่สุดที่เกิดขึ้นบน connecting rod ทั้ง 2 ชิ้น ทารายงานสรุป 1 หน้าสไลด์ Powerpoint พร้อม
ทั้งสรุปการทางานเป็นคลิปวิดีโอส่ง
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
170
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
171
1. บอกความสาคัญของหน่วยเรียน
2. ให้เนื้อหาโดยวิธี บรรยาย ยกตัวอย่างประกอบ
วิธีสอนและกิจกรรม
3. ถามคาถามในห้องเรียน
4. ทาแบบฝึกหัดการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางไฟไนต์เอลิเมนต์
หนังสืออ้างอิง -
สื่อการสอน เอกสารประกอบ หน่วยที่ 9
วัสดุโสตทัศน์ Power point หน่วยที่ 8 และ LCD Projector
งานที่มอบหมาย ทาแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
1. สังเกตความสนใจในห้องเรียน
การวัดผล 2. การตอบคาถามขณะเรียน
3. ตรวจผลงานจากแบบฝึกหัดที่มอบหมาย
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
172
บรรณำนุกรม
Bottega, W. J. (2006). Engineering Vibration. Taylor & Francis.
Çengel, Y. A. (2002). Heat and Mass Transfer (2nd ed.). New York: McGraw-Hill
Education.
Cengel, Y. A., & Ghajar, A. J. (2015). Heat and Mass Transfer (5th ed.). United States:
McGraw-Hill Education.
Chakrabarty, D., & Dourmaskin, P. (2013). Chapter 21 Rigid Body Dynamics : Rotation
and Translation about a Fixed Axis. In Classical Mechanics: MIT 8.01 Course
Notes (pp. 1–29). Retrieved from
http://web.mit.edu/8.01t/www/materials/modules/chapter21.pdf
Coils Gallery. (2013). Retrieved from http://test.davidpwilson.com/coils-gallery/
Diagrams of an eccentric-and-rod mechanism. (2017). Retrieved from
https://www.illustrationsource.com/stock/image/481015/diagrams-of-an-
eccentric-and-rod-mechanism-commonly-used-to-drive-the-valve-gears-of-
engines/
Hibbeler, R. C. (2016). Engineering Mechanics Static and Dynamics (14th ed.). United
Stated of America: Pearson Education Limited.
Hibbeler, R. C. (2017). Mechanics of Matherials (10th ed.). Pearson Education Limited.
Hibbeler, Russell C. (2017). Mechanics of Materials (10th ed.). United States: Pearson.
Inman, D. J. (2007). Engineering Vibrations (3rd ed.). Prentice Hall.
Marikani, A. (2017). Materials Science. Delhi: PHI Learning Private Limited.
MEDIUM HIGH FINNED TUBES. (n.d.). Retrieved from http://www.wieland-
thermalsolutions.com/internet/en/products/finned_tubes/mittelhochberippte_r
ohre/Mittelhochberippte_rohre.jsp
Moaveni, S. (2008). Finite Element Analysis: theory and application with ANSYS (3rd
ed.). United Stated of America: Pearson Education Limited.
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน
173
เอกสารประกอบการสอนวิชา Finite Element Method for Agricultural Engineering โดย ดร.พลเทพ เวงสูงเนิน