Professional Documents
Culture Documents
การเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
สาระสาคัญ
การเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ (Shielded Metal Arc Welding: SMAW) คือการเชื่อมด้วยไฟฟ้า
ในลักษณะที่ทาให้เกิดการอาร์กและได้รับความร้อนจากการอาร์กระหว่างลวดเชื่อมชนิดมีสารพอกหุ้มกับ
ชิ้นงาน สารพอกหุ้มบนลวดเชื่อมเมื่อละลายจะทาหน้าที่เป็นเกาะป้องกันบรรยากาศ ลวดเชื่อมทาหน้าที่
เป็ น โลหะเติม ด้ ว ย การเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์เป็นกระบวนการเชื่อมวิ ธีหนึ่ งที่ นิ ย มงานใช้กัน อย่า ง
กว้างขวาง เพราะการเชื่อมกระทาได้โดยง่าย มีความสะดวกและคล่องตัวสูง เครื่องมืออุ ปกรณ์ที่ใช้ใน
กระบวนการเชื่อมมีราคาถูก วิธีการเชื่อมที่ไม่สลับซับซ้อนและสามารถเชื่อมงานได้ทุกท่าเชื่อม เป็นต้น
ในบทเรียนนี้จะอธิบายเกี่ยวกับหลักการเชื่อมอาร์ลวดหุ้มฟลักซ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ในการ
เชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ ลวดเชื่อมและมาตรฐานของลวดหุ้มฟลักซ์ ตาแหน่งท่าเชื่อมและรอยต่อในงาน
เชื่อม องค์ประกอบที่มีผลต่อแนวเชื่อม เทคนิคการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ ข้อบกพร่องในการเชื่อมและ
วิธีการแก้ไข และอันตรายและความปลอดภัยในงานเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
เนื้อหา
1. หลักการเชื่อมอาร์ลวดหุ้มฟลักซ์
2. เครื่องมือและอุปกรณ์ในการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
3. ลวดเชื่อมและมาตรฐานของลวดหุ้มฟลักซ์
4. ตาแหน่งท่าเชื่อมและรอยต่อในงานเชื่อม
5. องค์ประกอบที่มีผลต่อแนวเชื่อม
6. เทคนิคการเชื่อมอาร์กลวดหุม้ ฟลักซ์
7. ข้อบกพร่องในการเชื่อมและวิธีการแก้ไข
8. อันตรายและความปลอดภัยในงานเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
จุดประสงค์ของบทเรียน
1. อธิบายหลักการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ได้
2. บอกชื่อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ได้
3. อธิบายข้อแตกต่างของเครื่องเชื่อมได้
4. อธิบายวิธีการต่อวงจรเชื่อมได้
5. บอกชื่อและหน้าที่ของอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเข้ากับเครื่องเชื่อมได้
6. อธิบายวิธีการกาหนดรหัสลวดหุ้มฟลักซ์ตามมาตรฐานของ AWS (A5.1-1991) ได้
7. บอกตาแหน่งท่าเชื่อมและรอยต่อในงานเชื่อมได้
8. บอกองค์ประกอบที่มีผลต่อแนวเชื่อมได้
9. อธิบายข้อบกพร่องในการเชื่อมและวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องในการเชื่อมได้
10. บอกอันตรายและความปลอดภัยในงานเชื่อมอาร์กลวดหุม้ ฟลักซ์ได้
84
1. หลักการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
การเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ (Shielded Metal Arc Welding: SMAW) คือการเชื่อมด้วยไฟฟ้า
ในลักษณะที่ทาให้เกิดการอาร์กและได้รับความร้อนจากการอาร์กระหว่างลวดเชื่อมชนิดมีสารพอกหุ้มกับ
ชิ้นงาน สารพอกหุ้มบนลวดเชื่อมเมื่อละลายจะทาหน้าที่เป็นเกาะป้องกั นบรรยากาศ ลวดเชื่อมทาหน้าที่
เป็นโลหะเติมด้วย สารพอกหุ้มเมื่อแข็งตัวแล้วจะกลายเป็นสแลก (Slag) หรือขี้เชื่อม ดังรูปที่ 3.1
ทิศทางการเชื่อม
2. เครื่องมือและอุปกรณ์ในการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
การเชื่อมอาร์ก ลวดหุ้มฟลักซ์ เป็นการด้วยไฟฟ้าที่ อาศัยเครื่องเชื่อมเป็นต้นกาลังในการผลิต
กระแสเชื่อม โดยเครื่องเชื่อมนี้จะทาหน้าที่จ่ายกระแสไฟจากสายเชื่อมแล้วไหลต่อไปยังลวดเชื่อมและ
ชิ้นงานเพื่อให้เกิดการอาร์กขึ้นขณะเชื่อม เครื่องมือและอุปกรณ์เบื้องต้นในการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
แสดงดังรูปที่ 3.2
กระแสไฟฟ้าสูง ทาให้เกิดการสูญเสียของพลังงานในขณะเชื่อมบริเวณรอยต่อเกิดความร้อนสูงและ
อาจเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
2.6 อุปกรณ์เบ็ดเตล็ด
2.6.1 หน้ากากเชื่อม (Welding Helmet) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อป้องกันใบหน้าและ
ดวงตาจากรังสีอัลตราไวโอเล็ต รังสีอินฟาเรด ความร้อนและสะเก็ดโลหะร้อนจากการเชื่อม โดยใช้ควบคู่
กับกระจกกรองแสง หน้ากากเชื่อมทาจากวัสดุที่มีน้าหนักเบาและทนความร้อนสูง หน้ากากเชื่อมที่นิยม
ใช้โดยทั่วไปมี 2 ชนิดดังนี้
1. หน้ ากากเชื่อมชนิ ดสวมหัว (Helmet) หน้า กากเชื่อมชนิ ด นี้ มี สายรัดหัวเข้า กับ
หน้ากากด้วยกัน เมื่อสวมหัวแล้วด้านหน้าของหน้ากากสามารถเปิด-ปิดได้ ช่วยป้องกันศีรษะและใบหน้า
ขณะใช้งาน
2. หน้ากากเชื่อมชนิดมือถือ (Hand Shield) หน้ากากชนิดนี้มีโครงสร้างเหมือนกับแบบ
สวมหัว แตกต่างกันที่แบบมือถือจะใช้มืออีกด้านหนึ่งจับเพื่อยกขึ้นปิดใบหน้าขณะเชื่อม
สายรัดหัว
กระจกกรองแสง
หน้ากาก
กระจกกรองแสง
หน้ากาก
ด้ามจับ
นอกจากหน้ า กากเชื่อมทั้ง สองชนิ ดที่ก ล่า วมาแล้ว ข้า งต้น ยัง มี หน้ า กากเชื่อมชนิ ดที่ส ามารถ
ป้องกันควันพิษได้ขณะเชื่อมดังแสดงในรูปที่ 3.19
กระจกใส กระจกกรองแสง
ด้านแบน
รูปที่ 3.21 แสดงลักษณะของค้อนเคาะสแลก
(ที่มา : ปราโมทย์ อุทัยวัฒน์, 2558)
2.6.4 แปรงลวด (Wire Brush) ด้ามทาด้วยไม้ ส่วนขนแปรงทาด้วยเหล็กที่จัดเป็นแถว
ฝังติดกับด้ามไม้ ใช้สาหรับขัดทาความสะอาดสิ่งสกปรก เช่น สนิม และคราบน้ามันออกจากชิ้นงานทั้งก่อน
เชื่อมและหลังเชื่อม
3. ลวดเชื่อมและมาตรฐานของลวดหุ้มฟลักซ์
3.1 นิยามของลวดเชื่อม
สมาคมการเชื่อมอเมริกา (American Welding Society : AWS) ได้ให้นิยามของลวดเชื่อมไว้ว่า
“ลวดเชื่อมที่ใช้สาหรับเติมลงในแนวเชื่อมและเป็นตัวทาหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จากขั้วจ่ายไฟฟ้า
ผ่านตัวมันเองไปยังการอาร์ก ซึ่งจะผลิตออกมาเป็นเส้นลวดหรือเป็นแท่ง มีทั้งลวดเปลือยและลวดมีสาร
พอกหุ้ม” ลวดหุ้มฟลักซ์เป็นลวดเชื่อมที่ผ่านกระบวนการผลิตโดยใช้สารพอกหุ้มแกนลวดเชื่อมไว้ โดยที่
แกนลวดเชื่อมมีหน้าที่สาคัญ คือเป็นขั้วไฟฟ้าและในขณะเดียวกันก็เป็นตัวเติมเนื้อโลหะลงในแนวเชื่อม
อีกด้วย
แกนลวดเชื่อม
ฟลักซ์หรือสารพอกหุ้ม
รหัสลวดเชื่อม
รูปที่ 3.25 แสดงลักษณะของลวดหุ้มฟลักซ์
(ที่มา : ปราโมทย์ อุทัยวัฒน์, 2558)
98
3.2 ส่วนประกอบของลวดหุ้มฟลักซ์
ลวดหุ้มฟลักซ์มีส่วนประกอบที่สาคัญ ได้แก่ แกนลวดเชื่อมและฟลักซ์หรือสารพอกหุ้ม
บนผิวนอกของฟลักซ์ด้านที่ใช้จับเข้ากับหัวจับลวดเชื่อมจะระบุรหัสของลวดเชื่อม เช่น E6013 เป็นต้น
3.5 มาตรฐานของลวดหุ้มฟลักซ์
ลวดหุ้มฟลักซ์ที่ผลิตออกมาจาหน่ายในปัจจุบันมีหลายมาตรฐาน ได้แก่ AWS, ISO, DIN, JIS
และมาตรฐาน มอก. (TIS) เป็นต้น ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะลวดหุ้มฟลักซ์ตามมาตรฐานของสมาคม
การเชื่อมอเมริกา (AWS A5.1-1991) ซึ่งเป็นลวดเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอนหุ้มฟลักซ์ (Carbon Steel
Electrode for Shielded Metal Arc Welding) โดยมีการกาหนดรหัสของลวดเชื่อมไว้ดังรูปที่ 3.27
ลวดหุ้มฟลักซ์
ความต้านทานแรงดึงต่าสุด (ksi), คูณด้วย 1,000 มีหน่วยเป็นปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi)
ตาแหน่งท่าเชือ่ ม, ชนิดของกระแสไฟ และชนิดของฟลักซ์ (ดูตารางที่ 3.2)
F = ท่าราบ AC = กระแสสลับ
H = ท่าระดับ DCEP = กระแสตรงลวดเชือ่ มเป็นขั้วบวก (DCRP)
H- = ท่าระดับเชื่อมมุม (Fillet) DCEN = กระแสตรงลวดเชื่อมเป็นขั้วลบ (DCSP)
V-Down = ท่าตั้ง (เชื่อมลง)
V = ท่าตั้ง
OH = ท่าเหนือศีรษะ
4. ตาแหน่งท่าเชื่อมและรอยต่อในงานเชื่อม
4.1 ตาแหน่งท่าเชื่อม (Welding Position)
ตาแหน่งท่าเชื่อมพื้นฐานในการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์แบ่งเป็น 4 ตาแหน่งดังนี้
4.1.1 ท่าราบ (Flat Position) คือตาแหน่งการเชื่อมที่วางชิ้นงานในแนวราบและขนาน
กับพื้น เป็นตาแหน่งที่เชื่อมได้ง่ายเพราะสามารถควบคุมบ่อหลอมเหลวที่อยู่บนชิ้นงานหรือรอยต่อได้สะดวก
5. องค์ประกอบที่มีผลต่อแนวเชื่อม
5.1 มุมลวดเชื่อม (Electrode Angle)
ในขณะเชื่อมทิศทางเชื่อมและมุมที่ลวดเชื่อมกระทาต่อชิ้นงาน จะมีต่อผลการไหลของกระแสไฟที่
ส่งผ่านน้าโลหะไปยังบ่อหลอม ดังนั้นถ้าตั้งทามุมลวดเชื่อมกับชิ้นงานไม่ถูกต้องจะมีผลทาให้แนวเชื่อม
ไม่สมบูรณ์หรือมีข้อบกพร่อง เช่น การหลอมลึกไม่สมบูรณ์ (Incomplete Penetration) การกัดขอบ
(Undercut) และรอยเกย (Overlap) เป็นต้น
105
ในการเลือกใช้กระแสไฟเชื่อม ขนาดและชนิดของลวดเชื่อมที่เหมาะสมกับความหนาของงาน
ขนาดแสดงดังตารางที่ 3.3
ตารางที่ 3.3 การเลือกใช้กระแสไฟเชื่อม ขนาดและชนิดของลวดเชื่อมที่เหมาะสมกับความหนาของงาน
ความหนาของงาน ขนาดลวดเชื่อม ชนิดของลวดเชื่อมและกระแสไฟเชื่อม (แอมแปร์)
E6010
นิ้ว มม. นิ้ว มม. E6011 E6012 E6013 E6020 E6022 E6027
1/16-5/64 1.6-2.0 5/64 2.0 - 25-60 25-60 - - -
5/16-1/8 2.0-3.2 3/32 2.4 40-80 35-85 45-90 - - -
1/8-1/4 3.2-6.4 1/8 3.2 75-125 80-140 80-130 100-150 110-160 125-185
1/4-3/8 6.4-9.5 5/32 4.0 110-170 110-190 105-180 130-190 140-190 169-240
3/8-1/2 9.5-12.7 3/16 4.8 140-215 140-240 150-230 175-250 170-400 210-300
1/2-3/4 12.7-19.1 7/32 5.6 170-250 200-320 210-300 225-310 370-520 250-350
3/4-1 19.1-25.4 1/4 6.4 210-320 250-400 250-350 275-375 - 300-420
มากกว่า 1 25.4
ขึ้นไป ขึ้นไป 5/16 8.00 275-425 300-500 320-430 340-450 - 375-475
(ที่มา : Andrew D. Althouse and Others, 2012, p. 165)
6. เทคนิคการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
ในหัวข้อนี้จะได้อธิบายเกี่ยวกับเทคนิคการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์เบื้องต้น เพื่อเป็นแนวทางใน
การฝึกทักษะภาคปฏิบัติ ดังนี้
109
6.1 การเริ่มต้นอาร์ก
ปัญหาที่มักจะเกิด ขึ้นกับผู้เ ริ่มต้นฝึกเชื่อมใหม่ ๆ คือลวดเชื่อมติดกับชิ้นงานและการอาร์กดับ
อยู่เสมอ ดังนั้นจึงควรฝึกทักษะในการเริ่มต้นอาร์กให้ถูกต้องและเกิดความชานาญ การเริ่มต้นอาร์ก
โดยทั่วไปมี 2 วิธีดังนี้
6.1.1 วิธีเคาะ (Tapping) หรือวิธีแตะลวดเชื่อม มีวิธีการดังนี้
1. จับลวดเชื่อมให้อยู่ในตาแหน่งตั้งฉากกับชิ้นงาน
2. เคลื่อนลวดเชื่อมลงไปเคาะหรือแตะบนแผ่น ชิ้นงานเบาๆ เมื่อปลายลวดเชื่อมสัมผัส
กับผิวชิ้นงานแล้วให้รีบยกลวดเชื่อมขึ้นทันที โดยที่การอาร์กยังคงอยู่และรักษาระอาร์กให้คงที่
3. เมื่อการอาร์กคงที่แล้วจึงเคลื่อนลวดเชื่อมไปยังตาแหน่งเริ่มต้นเชื่อม
ลวดเชื่อม
อาร์ก ชิ้นงาน
6.2 การเชื่อมเดินแนว
การเชื่อมเดินแนวมีขั้นตอนดังนี้
1. การเริ่มต้นเชื่อมที่บริเวณจุดเริ่มต้นของแนวเชื่อม มีวิธีการคือทาให้เกิดการอาร์ก
เมื่อเกิดการอาร์กขึ้นแล้วให้ยกลวดเชื่อมขึ้น ห่างจากชิ้นงานประมาณ 1.5 เท่าของความโตลวดเชื่อม
และตั้ ง มุ ม เชื่ อ มงานและมุ ม เดิ น ลวดเชื่ อมตามลั ก ษณะของรอยต่อ จากนั้ น สร้ า งบ่อ หลอมให้ ก ว้ า ง
ประมาณ 1.5 - 2.0 เท่าของความโตลวดเชื่อม
2. หลังจากเริ่มต้นอาร์กและปรับระยะอาร์กแล้ว ให้เชื่อมเดินแนวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
โดยการจับลวดเชื่อมให้ทามุมตั้งมุมงานเท่ากับ 90 องศา และมุมเดินลวดเชื่อมประมาณ 75 - 85 องศา
ไปตามทิศทางการเชื่อมและขณะเชื่อมจะต้องเติมลวดเชื่อมที่หลอมละลายเติมลงไปในแนวเชื่อม
ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนลวดเชื่อมควรให้ลวดเชื่อมเดิมเหลือความยาวประมาณ 1.50
นิ้ว จึงทาการเปลี่ยนลวดเชื่อมเส้นใหม่เพื่อความประหยัด
6.3 การเติมลวดเชื่อมที่แอ่งปลายแนวเชื่อม
เมื่อทาการเชื่อมมาถึงจุดสุดท้ายแนวเชื่อมจะเป็นรอยบุ๋มหรือเป็นแอ่ง (Crater) ซึ่งเป็นตาแหน่ง
ที่มีความแข็งแรงต่าสุดของแนวเชื่อมและอาจทาให้เกิดรอยร้าวขึ้นได้ ดังนั้นจึงจาเป็นต้องเติมลวดเชื่อม
ที่ปลายแอ่งโลหะให้เต็ม โดยการเดินแนวเชื่อมย้อนกลับมาเล็กน้อย (จากจุด A มาที่จุด B) แล้วหยุดเติม
แอ่งปลายแนวเชื่อมให้เต็ม
7. ข้อบกพร่องในการเชื่อมและวิธีการแก้ไข
การเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ เป็นการกระบวนการทาให้เนื้อโลหะยึดติดกันโดยการหลอมเนื้อ
โลหะงานและโลหะเติมหรือลวดเชื่อมเข้าด้วยกัน ดังนั้นถ้าหากการเชื่อมไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อัน
เนื่องมาจากสาเหตุใดก็ตามก็จะทาให้เกิดข้อบกพร่อง ซึ่งลักษณะข้อบกพร่องสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในแนว
เชื่อมและโลหะงาน ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงข้อบกพร่องในการเชื่อมและวิธีการแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
7.1 โพรงอากาศฝังในแนวเชื่อมหรือการเกิดรูพรุน (Porosity)
โพรงอากาศหรือรูพรุนมี ลักษณะเป็นวงกลมหรือยาวรีฝังในเชื่อมเชื่อม ซึ่งมีสาเหตุมาจากแก๊ส
ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของสิ่งสกปรก หรือความชื้นไม่สามารถจะลอยตัวออกนอกผิวหน้ ารอยเชื่อมได้ทัน
ก่อนการแข็งตัวของโลหะ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอันเนื่องจากการทาความสะอาดชิ้นงานก่อนการเชื่อมไม่
ดีพอ การเตรียมงานไม่ดีทาให้มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บริเวณรอยต่อ และทาให้เกิดฟองแก๊สได้ขณะทาการ
เชื่อม นอกจากนี้ขณะเชื่อมหรือการใช้เทคนิคในการเชื่อมที่ ไม่ถูกต้อง ก็อาจเป็นสาเหตุ ของการเกิดโพรง
อากาศได้เช่นเดียวกัน สาหรับแนวทางในการแก้ไขมีดังนี้
1. ทาความสะอาดรอยเชื่อมให้สะอาดก่อนทาการเชื่อม
2. เลือกลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับวัสดุชิ้นงาน และอบลวดเชื่อมให้แห้งตามกาหนดเพื่อ
ขจัดความชื้นออกให้หมด
3. ลดกระแสไฟเชื่อมให้ต่าลงเล็กน้อย
4. ใช้เทคนิคการส่ายลวดเชื่อมให้แคบลง หรือเดินลวดเชื่อมให้ช้าลงเล็กน้อย
5. อุ่นชิ้นงานก่อนการเชื่อมและใช้ลวดเชื่อมชนิดไฮโดรเจนต่า
6. ลดความเร็วในการเชื่อมเพื่อให้การหลอมลึกลงไปถึงส่วนที่เป็นรากของรอยต่อ
7. บากหน้าชิ้นงานให้มีมุมกว้างขึ้น
สแลกฝังในแนวเชื่อม
1. ปรับกระแสไฟเชื่อมให้ต่าลง
2. ปรับระยะอาร์กให้สั้นลง ประมาณเท่ากับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดเชื่อม
3. ใช้มุมลวดเดินลวดเชื่อมให้ถูกต้อง
4. เคลื่อนที่ของลวดเชื่อมให้ช้าลงเล็กน้อยและสัมพันธ์กับการส่ายลวดเชื่อม
รอยร้า วมี สาเหตุ หลายประการ ได้แก่ เกิดความเค้น ภายในเนื้ อโลหะ ลวดเชื่อมมี ความชื้น
โลหะชิ้นงานเป็นโลหะที่มีส่วนผสมของโลหะเจือมาก อัตราการเย็นตัวของแนวเชื่อมเร็วเกินไป เนื้อโลหะ
ชิ้นงานมีกามะถันผสมมากขณะอาร์กเกิดไฮโดรเจนมาก หรือออกซิเจนเข้าไปรวมตัวกับน้าโลหะ การทา
ความสะอาดแนวเชื่อมไม่ดี และการเตรียมงานไม่ดี เป็นต้น สาหรับแนวทางในการแก้ไขมีดังนี้
1. อบลวดเชื่อมก่อนทาการเชื่อมตามกาหนด
2 อุ่นชิ้นงานก่อนเชื่อมและใช้ลวดเชื่อมชนิดไฮโดรเจนต่า
3. จัดลาดับขั้นการเชื่อมให้เหมาะสม
4. อย่าเชื่อมให้แอ่งหลอมปลายแนวเชื่อมมีขนาดใหญ่เกินไป
5. ทาความสะอาดแนวเชื่อมให้ปราศจากสิ่งสกปรกก่อนเชื่อมต่อแนว
6. เทคนิคการเชื่อมโดยเติมลวดเชื่อมให้เต็มแอ่งหลอมปลายแนวเชื่อม
7. การเคลื่อนที่ลวดเชื่อมให้สัมพันธ์กับการส่ายลวดเชื่อม
เม็ดโลหะกระเด็น
5. ปรับมุมลวดเชื่อมให้เหมาะสม
8. อันตรายและความปลอดภัยในงานเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
8.1 อันตรายที่เกิดจากการเชื่อมไฟฟ้า
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการเชื่อมาอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์และวิธีการป้องกันมีดังนี้
1. อันตรายจากกระแสไฟฟ้า ได้แก่ ไฟฟ้ารั่วไหลที่ผู้ปฏิบัติงานไปสัมผัสโดยตรงกับส่วน
ใดส่วนหนึ่งที่ไม่มีฉนวนหุ้ม เช่น เครื่องเชื่อม หัวจับลวดเชื่อม สายเชื่อม สายดิน ชิ้นงานหรืออาจยืน
เชื่อมในบริเวณพื้นเปียกแฉะทาให้กระแสไหลครบวงจรผ่านตัวผู้ปฏิบัติงานและทาให้ไฟฟ้าดูด เป็นต้น
ส าหรั บ แนวทางในการป้ อ งกั น อั น ตราย คื อ ก่อ นปฏิ บั ติ ง านให้ ท าการตรวจสอบสภาพของ
เครื่องมืออุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องเชื่อม สายเชื่อม สายดิน หัวจับลวดเชื่อมและคีมจับสายดิน เป็นต้น
119
(ก) การประกอบสายเชื่อมเข้ากับเครื่องเชื่อม
รัง สี ทุ ก ชนิ ด ที่ ก ล่ า วมานี้ จ ะเกิ ดทุ ก ครั้ ง ที่ มี เ ชื่ อ ม ดั ง นั้ น เพื่ อ เป็น การป้ อ งกั น และลด
อันตรายให้น้อยลงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลทุกครั้ง
รังสีจากการเชื่อม
ไอระเหยจากการเชื่อม
ควันจากการเชื่อม
8.2 ความปลอดภัยในการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
1. การเตรียมการก่อนปฏิบัติงาน ต้องเตรียมเครื่องมือที่จาเป็นในงานเชื่อมที่สาคัญ เช่น
คีมจับงานร้อน ค้อนเคาะสแลก แปรงลวด และอุปกรณ์ ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ถุงมือ เสื้อหนัง
ปลอกแขน รองเท้าและหน้ากากเชื่อมพร้อมด้วยป้องกันแสง) ให้พร้อม
ลวดเชื่อม
คีมจับลวดเชื่อม
คีมจับงานร้อน
ทิศทางเคาะสแลก
ชิ้นงาน
แนวเชื่อม
สแลก
ชิ้นงาน
6. การเจียระไนตกแต่งแนวเชื่อมหรือชิ้นงานให้สวมแว่นตานิรภัยทุกครั้ง เพื่อป้องกัน
สะเก็ดของโลหะกระเด็นเข้าตา
สวมแว่นตานิรภัย
ถังบรรจุเชื้อเพลิง
หรือวัตถุไวไฟ
วัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้า
คาอธิบายวิธีการใช้งาน
ของอุปกรณ์ดับเพลิง
อุปกรณ์ดับเพลิง
แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
จงตอบคาถามต่อไปนี้ (90 คะแนน)
1. จงเขียนเครื่องหมายถูก () หรือเครื่องหมายผิด () ลงในช่องว่าง (............) ด้านหน้าหมายเลข
ทางซ้ายมือดังต่อไปนี้ (25 คะแนน)
............... 1.1 การเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์ คือการเชื่อมด้วยไฟฟ้าในลักษณะที่ทาให้เกิดการ
อาร์กและได้รับความร้อนจากการอาร์กระหว่างลวดเชื่อมชนิดเปลือยกับชิ้นงาน
............... 1.2 สารพอกหุ้มบนลวดเชื่อมเมื่อละลายจะทาหน้าที่เป็นเกาะป้องกันบรรยากาศ
............... 1.3 ลวดเชื่อมทาหน้าที่เป็นโลหะเติมลงในแนวเชื่อม
............... 1.4 การต่อวงจรเชื่อมแบบ DCEP ให้ลวดเชื่อมเป็นขั้วบวก (+) และต่อชิ้นงาน
เป็นขั้วลบ (-)
............... 1.5 การต่อวงจรเชื่อมแบบ DCEP กระแสไฟฟ้าไหลจากลวดเชื่อมไปยังชิ้นงาน
............... 1.6 การต่อวงจรเชื่อมแบบ DCEN ให้ลวดเชื่อมเป็นขั้วบวก (+) และต่อชิ้นงาน
เป็นขั้วลบ (-)
............... 1.7 การต่อวงจรเชื่อมแบบ DCEN กระแสไฟฟ้าไหลจากลวดเชื่อมไปยังชิ้นงาน
............... 1.8 หัวจับลวดเชื่อม คืออุปกรณ์ที่เป็นตัวนากระแสไฟฟ้าจากสายเชื่อมผ่านไป
สู่ลวดเชื่อม
............... 1.9 การเชื่อมชิ้นงานด้วยลวดเชื่อมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.2 มิลลิเมตร
ควรใช้กระจกกรองแสงเบอร์ 12
............. 1.10 สารพอกหุ้มทาหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดสแลกฝังใน
............. 1.11 ลวดหุ้มฟลักซ์ E6013 มีค่าความต้านทานแรงดึง 6,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
............. 1.12 ลวดหุ้มฟลักซ์ E6013 หมายเลข 1 คือตาแหน่งการเชื่อมหรือท่าเชื่อม
............. 1.13 การเชื่อมท่าราบ (Flat Position) คือ ตาแหน่งการเชื่อมที่วางชิ้นงานในแนวตั้ง
แนวเชื่อมขนานกับพื้น
............. 1.14 รอยต่อชน (Butt Joint) คือรอยต่อที่นาขอบของชิ้นงาน 2 ชิ้น มาวางซ้อนกัน
............. 1.15 มุมเดินลวดเชื่อม (Travel Angle) คือมุมเอียงลวดเชื่อมที่กระทากับชิ้นงาน
ในทิศทางเชื่อมหรือการเคลื่อนที่ของลวดเชื่อม
............. 1.16 ถ้าระยะอาร์กมากจะทาให้เกิดการแตกกระเด็นของน้าโลหะเชื่อม (Spatter)
............. 1.17 การเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์โดยทั่วไปมีระยะอาร์กประมาณ 0.5 เท่าของขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลางของลวดเชื่อม
............. 1.18 การเริ่มต้นอาร์กมี 2 วิธี คือวิธีการเคาะและวิธีการแตะลวดเชื่อม
............. 1.19 การต่ อ แนวเชื่ อ มควรเริ่ ม ต้ น อาร์ ก ห่ า งจากแอ่ ง หลอมเดิ ม ไปทางด้ า นหน้ า
ประมาณ 1/2 นิ้ว เมื่อเกิดการอาร์กแล้วจึงเคลื่อนลวดเชื่อมมาที่ปลายแนวเชื่อม
128
หลักการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักช์
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................
2.1 หมายเลข 1 ...................................................................................................................................................
2.2 หมายเลข 2 ...................................................................................................................................................
2.3 หมายเลข 3 ...................................................................................................................................................
2.4 หมายเลข 4 ...................................................................................................................................................
2.5 หมายเลข 5 ...................................................................................................................................................
2.6 หมายเลข 6 ...................................................................................................................................................
2.7 หมายเลข 7 ...................................................................................................................................................
2.8 หมายเลข 8 ...................................................................................................................................................
129
9. จงบอกลักษณะของข้อบกพร่อง สาเหตุและแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องของงานเชื่อมดังต่อไปนี้
(25 คะแนน)
ข้อบกพร่อง สาเหตุ แนวทางแก้ไข
1. ........................................................... 1. .....................................................
9.1 .................................................. 2. ........................................................... 2. .....................................................
3. ........................................................... 3. .....................................................
1. ........................................................... 1. .....................................................
9.2 .................................................. 2. ........................................................... 2. .....................................................
3. ........................................................... 3. .....................................................
1. ........................................................... 1. .....................................................
9.3 .................................................. 2. ........................................................... 2. .....................................................
3. ........................................................... 3. .....................................................
1. ........................................................... 1. .....................................................
9.4 .................................................. 2. ........................................................... 2. .....................................................
3. ........................................................... 3. .....................................................
1. ........................................................... 1. .....................................................
9.5 .................................................. 2. ........................................................... 2. .....................................................
3. ........................................................... 3. .....................................................
132
แบบทดสอบท้ายบทเรียน
คาชี้แจง : จงเลือกคาตอบข้อที่ถูกต้องที่สุด (66 คะแนน)
1. เครื่องเชื่อมแบ่งตามลักษณะของต้นกาลังที่ผลิตออกได้เป็นกี่ชนิด
ก. 1 ชนิด
ข. 2 ชนิด
ค. 3 ชนิด
ง. 4 ชนิด
2. เครื่องเชื่อมแบบขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจัดเป็นเครื่องเชื่อมชนิดใด
ก. เครื่องเชื่อมไฟฟ้ากระแสตรง
ข. เครื่องเชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ
ค. เครื่องเชื่อมไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลับ
ง. เครื่องเชื่อมอินเวอร์เตอร์
3. เจนเนอเรเตอร์ของเครื่องเชื่อมแบบขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทาหน้าที่อะไร
ก. ปรับกระแสไฟฟ้า
ข. ปรับความต้านทานไฟฟ้า
ค. จ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ
ง. จ่ายไฟฟ้ากระแสตรง
4. เครื่องเชื่อมแบบขับด้วยเครื่องยนต์เหมาะกับงานเชื่อมในลักษณะใด
ก. งานที่มีสภาพเปียกแฉะซึ่งอาจทาให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหล
ข. งานสนามที่ไม่สามารถหากระแสไฟฟ้าได้
ค. งานซ่อมบารุงภายในโรงงานทั่วไป
ง. ใช้ได้ทุกสภาพงาน
5. ชุดแปลงกระแสของเครื่องเชื่อมทาหน้าที่อะไร
ก. แปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง
ข. ปรับแรงเคลื่อนของกระแสฟ้าให้ลดลง
ค. ปรับแรงเคลื่อนของกระแสฟ้าให้เพิ่มขึ้น
ง. ขับเพลาเจนเนอเรเตอร์เพื่อนากระแสไฟฟ้าไปใช้ในการเชื่อม
6. ชุดแปลงกระแสไฟฟ้ามีอยู่ในเครื่องเชื่อมชนิดใด
ก. เครื่องเชื่อมแบบปรับกระแส ขดลวดตัวปรับเรียงกระแส
ข. เครื่องเชื่อมแบบขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
ค. เครื่องเชื่อมแบบขับด้วยเครื่องยนต์
ง. เครื่องเชื่อมแบบเรียงกระแส
133
7. ถ้าจานวนรอบขดลวดของตัวปรับเรียงกระแสมากกว่าขดลวดทุติยภูมิจะมีผลอย่างไรกับหม้อแปลง
ไฟฟ้าของเครื่องเชื่อมแบบปรับกระแส
ก. การเหนี่ยวนาของกระแสไฟฟ้าของหม้อแปลงมีค่ามาก
ข. ค่ากระแสไฟฟ้าในการเชื่อมสูง
ค. การเหนี่ยวนาของกระแสไฟฟ้าของหม้อแปลงมีค่าปานกลาง
ง. ค่ากระแสไฟฟ้าในการเชื่อมต่า
8. ขดลวดชนิดใดของเครื่องเชื่อมแบบปรับกระแสที่สามารถเคลื่อนที่ได้
ก. ขดลวดปฐมภูมิ
ข. ขดลวดทุติยภูมิ
ค. ขดลวดเรียงกระแส
ง. ขดลวดปรับแรงเคลื่อน
9. ตัวอักษรย่อของการต่อไฟฟ้ากระแสตรงต่อขั้วตรง คือ
ก. DCSP
ข. DCEP
ค. DECN
ง. DCRP
10. ข้อใดกล่าว ถูกต้อง เกี่ยวกับการต่อขั้วไฟเชื่อมแบบ DCEP
ก. ความร้อนอยู่ที่ลวดเชื่อม 50% และที่ชิ้นงาน 50%
ข. ความร้อนอยู่ที่ลวดเชื่อม 60% และที่ชิ้นงาน 40%
ค. ความร้อนอยู่ที่ลวดเชื่อม 70% และที่ชิ้นงาน 30%
ง. ความร้อนอยู่ที่ลวดเชื่อม 80% และที่ชิ้นงาน 20%
11. การต่อไฟฟ้ากระแสตรงต่อขั้วตรงจะมีผลอย่างไรต่อชิ้นงาน
ก. ชิ้นงานมีการซึมลึกน้อย
ข. ชิน้ งานได้รับความร้อนน้อยกว่าลวดเชื่อม
ค. ชิ้นงานกับลวดเชื่อมได้รับความร้อนเท่ากัน
ง. ชิ้นงานมีการซึมลึกดี
12. การต่อไฟฟ้ากระแสตรงต่อขั้วตรงเหมาะสาหรับเชื่อมชิ้นงานชนิดใด
ก. ชิ้นงานที่มีความหนาน้อย
ข. ชิ้นงานโลหะแผ่น
ค. ชิ้นงานที่มีความหนามาก
ง. เชื่อมชิ้นงานได้ทุกชนิด
134
13. วงจรไฟฟ้ากระแสตรงต่อกลับขั้วมีผลทาให้ลวดเชื่อมเป็นขั้วชนิดใด
ก. ขั้วบวก
ข. ขั้วลบ
ค. ขั้วบวกและลบ
ง. ขั้วบวกหรือลบก็ได้
14. ข้อใดกล่าวถึงวัฏจักรการทางานของเครื่องเชื่อม (Duty Cycle) ได้ถูกต้องมากที่สุด
ก. ความสามารถในการเชื่อมของเครื่องเชื่อมในเวลากาหนดไม่เกิน 10 นาที
ข. ประสิทธิภาพของเครื่องเชื่อมที่ทาการเชื่อมในเวลา 10 นาที
ค. ประสิทธิภาพของเครื่องเชือ่ มที่กาหนดเวลาในการเชื่อมไม่น้อยกว่า 10 นาที
ง. ตัวเลขที่บ่งชีถ้ ึงความสามารถของเครื่องเชื่อมที่กาหนดไว้ด้วยเวลา 10 นาที
15. ในการเชื่อมด้วยลวดเชื่อมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.2 มิลลิเมตร ควรใช้เบอร์ของกระจกกรองแสง
ขนาดเท่าใด
ก. เบอร์ 8
ข. เบอร์ 10
ค. เบอร์ 12
ง. เบอร์ 14
16. ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์มีหน้าที่อะไร
ก. ช่วยทาให้การอาร์กเรียบสม่าเสมอ
ข. นากระแสไฟฟ้าไปยังการบริเวณอาร์ก
ค. สร้างแก๊สคลุมแนวเชื่อม
ง. ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน
17. ข้อใด ไม่ใช่ หน้าที่ของฟลักซ์ที่ใช้หุ้มแกนลวดเชื่อม
ก. ช่วยทาให้การอาร์กเรียบสม่าเสมอ
ข. สร้างแก๊สคลุมแนวเชื่อม
ค. ช่วยดึงสิ่งสกปรกในบ่อหลอมขึ้นมารวมตัวกันเป็นสแลก
ง. นากระแสไฟฟ้าไปยังการบริเวณอาร์ก
18. ลวดเชื่อม E6013 มีค่าความแข็งแรงด้านแรงดึงต่าสุดเท่าใด
ก. 600 ปอนด์/ตารางนิ้ว
ข. 6,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว
ค. 60,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว
ง. 600,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว
135
24. จากภาพคือรอยต่องานเชื่อมชนิดใด
ก. รอยต่อเกย
ข. รอยต่อมุม
ค. รอยต่อชน
ง. รอยต่อขอบ
136
ก. มุมเดินลวดเชื่อม
ข. มุมงาน
ค. มุมจับลวดเชื่อม
ง. มุมจับชิ้นงาน
ก. มุมเดินลวดเชื่อม
ข. มุมงาน
ค. มุมจับลวดเชื่อม
ง. มุมจับชิ้นงาน
35. การเลือกใช้ชนิดของกระแสไฟฟ้าเชื่อมขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอะไรบ้าง
ก. ชนิดของลวดเชื่อม
ข. ท่าเชื่อม
ค. จานวนแนวเชื่อม
ง. รอยต่องานเชื่อม
36. การใช้กระแสไฟฟ้าสูงเกินไปจะมีผลต่อแนวเชื่อมอย่างไร
ก. บ่อหลอมละลายกว้างและเกิดการกัดขอบตามความยาวของแนวเชื่อม
ข. แนวเชื่อมกองนูนมาก
ค. ขอบแนวเชื่อมไม่หลอมรวมตัว
ง. แนวเชื่อมเล็กและไม่เกิดการซึมลึก
37. จากรูป เป็นแนวเชื่อมที่มีผลกระทบมาจากการปรับค่าตัวแปรชนิดใด ไม่ถูกต้อง
ก. กระแสไฟฟ้าเชื่อมต่า
ข. กระแสไฟฟ้าเชื่อมสูง
ค. ระยะอาร์กยาว
ง. ความเร็วเชื่อมสูง
38. จากรูป เป็นแนวเชื่อมที่มีผลกระทบมาจากการปรับค่าตัวแปรชนิดใด ไม่ถูกต้อง
ก. กระแสไฟฟ้าเชื่อมต่า
ข. ระยะอาร์กยาว
ค. กระแสไฟฟ้าเชื่อมสูง
ง. ความเร็วเชื่อมสูง
39. ข้อใด ไม่ใช่ องค์ประกอบสาคัญที่มีผลต่อการปรับค่ากระแสไฟฟ้าเชื่อม
ก. ขนาดของลวดเชื่อม
ข. ความหนาของชิ้นงาน
ค. ความเร็วในการเชื่อม
ง. ทิศทางเชื่อม
139
40. การส่ายลวดเชื่อมเร็วเกินไปจะมีผลอย่างไรกับแนวเชื่อม
ก. เกิดรอยแหว่งขอบแนว
ข. เกิดรอยร้าวที่จุดเชื่อมยึด
ค. เกิดความเค้นตกค้าง
ง. เกิดรูพรุน
41. การปรับกระแสไฟสูงเกินไปจะทาให้เกิดจุดบกพร่องอย่างไร
ก. สแลกฝังใน
ข. เกิดรูพรุน
ค. เนื้อแนวเชื่อมไม่ประสาน
ง. การเชื่อมซึมลึกไปข้างหลังมากเกินไป
42. ข้อใด ไม่ใช่ สาเหตุการเกิดรอยเกย (Overlap) ของแนวเชื่อม
ก. กรแสสูงเกินไป
ข. กระแสต่าเกินไป
ค. เลือกใช้ลวดเชื่อมไม่เหมาะสม
ง. มุมลวดเชื่อมไม่ถูกต้อง
43. ข้อใด ไม่ใช่ สาเหตุของการหลอมลึกไม่บริบูรณ์ที่ราก (Incomplete root penetration)
ก. ปรับกระแสไฟเชื่อมต่าเกินไป
ข. ความเร็วเดินลวดเชื่อมไม่ถูกต้อง
ค. ใช้ลวดเชื่อมผิดประเภท
ง. ขอบงานบางเกินไป
44. สาเหตุที่ทาให้เกิดรอยร้าว (Crack) ในแนวเชื่อม คือ
ก. ชิ้นงาสกปรก
ข. เคลื่อนที่ลวดเชื่อมช้า
ค. ใช้ลวดเชื่อมโตเกินไป
ง. เชื่อมยึดแนวเชื่อมเล็กเกินไป
45. สาเหตุที่ทาให้เกิดรอยแหว่งขอบแนว (Under cut) คือ
ก. กระแสไฟเชื่อมต่าเกินไป
ข. กระแสไฟเชื่อมสูงเกินไป
ค. ลวดเชื่อมเล็กเกินไป
ง. ลวดเชื่อมมีขนาดใหญ่เกินไป
46. ข้อใด ไม่ใช่ วิธีการป้องกันการรอยแหว่งขอบงาน (Undercut)
ก. ใช้กระแสไฟเชื่อมในช่วงที่เหมาะสม
ข. ปรับมุมเอียงลวดเชื่อมให้มากขึ้น
ค. ใช้ความเร็วในการเดินลวดเชือ่ มที่เหมาะสม
ง. รักษาระยะอาร์กประมาณเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดเชื่อม
140
47. แนวเชื่อมเย็นตัวแล้วมีความเค้นบางส่วนตกค้างอยู่ในแนวเชื่อมจะเกิดข้อบกพร่องใด
ก. ชิ้นงานบิดงอ
ข. แนวเชื่อมมีรูพรุน
ค. แนวเชื่อมมีสแลกฝังใน
ง. แนวเชื่อมหลอมลึกไม่สมบูรณ์
48. ข้อบกพร่องของแนวเชื่อมที่เกิดจากสาเหตุมีสิ่งสกปรกและลวดเชื่อมมีความชื้นสูงคือ
ก. ชิ้นงานบิดงอ
ข. แนวเชื่อมมีรูพรุน
ค. แนวเชื่อมมีสแลกฝังใน
ง. แนวเชื่อมหลอมลึกไม่บริบูรณ์ที่ราก
49. หากผู้ปฏิบัติงานไม่เคาะสแลกหรือเคาะสแลกออกไม่หมดก่อนเชื่อมทับแนวจะเกิดข้อบกพร่องใด
ก. ชิ้นงานบิดงอ
ข. แนวเชื่อมมีรูพรุน
ค. แนวเชื่อมมีสแลกฝังใน
ง. แนวเชื่อมหลอมลึกไม่บริบูรณ์
50. การบิดตัว (Distortion) ของชิ้นงานเชื่อมเกิดจากสาเหตุใด
ก. มีความเค้นบางส่วนตกค้างอยู่ในแนวเชื่อม
ข. ใช้กระแสไฟเชื่อมต่า
ค. ใช้กระแสไฟเชื่อมสูง
ง. ความเร็วในการเชื่อมช้าเกินไป
51. ข้อใด ไม่ใช่ วิธีการป้องกันการบิดตัวของชิ้นงาน
ก. การอุ่นชิ้นงาน (Preheat) ก่อนการเชื่อม
ข. การอุ่นชิ้นงานหลังการเชื่อม (Postheat)
ค. การส่ายลวดเชื่อม
ง. ปรับกระไสเชื่อมให้ต่าลง
52. ข้อใด ไม่ใช่ สาเหตุของการเกิดโพรงอากาศหรือรูพรุน (Porosity)
ก. ผิวงานมีสิ่งสกปรก
ข. ลวดเชื่อมมีความชื้นสูง
ค. ใช้กระแสไฟเชื่อมต่ามาก
ง. ระยะอาร์กห่างมากเกินไป
53. วิธีการป้องกันการเกิดรูพรุนในแนวเชื่อมควรปฏิบัติอย่างไร
ก. ทาความสะอาดชิ้นงานก่อนเชื่อม
ข. อุ่นงานก่อนเชื่อม
ค. ใช้กระแสไฟเชื่อมให้สูง
ง. ส่ายลวดเชื่อมให้กว้างเกิน 3 เท่าของความโตลวดเชื่อม
141
61. ผลกระทบที่รุนแรงมากที่สุดจากการสูดดมควันและฝุ่นละอองจากการเชื่อมคืออะไร
ก. เป็นโรคผิวหนัง
ข. เป็นโรคปอด
ค. ผิวหนังไหม้
ง. นัยน์ตาอักเสบ
62. ไอระเหย (Fumes) ของสารเคมีที่มีผลกระทบกับช่างเชื่อมอย่างไร
ก. เป็นอันตรายต่อระบบหายใจ
ข. ผิวหนังไหม้
ค. นัยน์ตาอักเสบ
ง. ระบบประสาททางานช้า
63. ข้อใด ไม่ใช่ องค์ประกอบที่ทาให้เกิดไอระเหยขณะทาการเชื่อมอาร์กด้วยลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์
ก. ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของโลหะชิ้นงานที่นามาเชื่อม
ข. วิธีการเชื่อม
ค. เครื่องเชื่อม
ง. ชนิดของลวดเชื่อม
64. ข้อใด ไม่ใช่ วิธีการป้องกันอันตรายจาการเชื่อมอาร์กด้วยเชื่อมหุ้มฟลักซ์
ก. ติดตั้งระบบการระบายอากาศเพื่อดูดควัน ไอระเหย และแก๊สออกจากห้องเชื่อม
ข. ติดตัง้ อุปกรณ์ดับเพลิงไว้บริเวณใกล้ๆ สถานที่เชื่อม
ค. สวมใส่ชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคลและหน้ากากเชื่อมขณะเชื่อม
ง. จัดสถานที่ปฏิบัติงานเชื่อมทีม่ ิดชิดเพื่อป้องกันควันพิษจากการเชื่อม
65. ข้อใด ไม่ใช่ วิธีการป้องกันไฟฟ้าดูดในขณะเชื่อม
ก. ไม่ใช้สายเชื่อมที่ชารุด
ข. สวมใส่ชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
ค. ไม่เชื่อมในสถานที่มีพื้นปียกแชะ
ง. ไม่สวมถุงมือขณะเชื่อม
66. ข้อใด ไม่ใช่ ผลกระทบของช่างเชื่อมเมื่อได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต
ก. นัยน์ตาอักเสบ
ข. เกิดอาการระคายเคือง เจ็บปวดที่ดวงตา
ค. ดวงตาเป็นสีแดงและมีเม็ดทรายเข้าตา
ง. ผิวหนังอักเสบ
143
บรรณานุกรม
ประทีป ระงับทุกข์. งานเชื่อมโลหะ 1. นนทบุร:ี เอมพันธ์, 2547.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมศัพท์การเชื่อม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.
กรุงเทพฯ: ไอเดีย สแควร์, 2554.
สมบูรณ์ เต็งหงษ์เจริญ และสุชาติ กิจพิทักษ์. งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100-1005.
กรุงเทพฯ: ศูนย์สง่ เสริมวิชาการ, 2552.
สมบูรณ์ เต็งหงษ์เจริญ. งานเชื่อมโลหะ 1. กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ, ม.ป.ป.
อานาจ ทองแสน. งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัสวิชา 2100-1005.
กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2558.
อานาจ ทองแสน และจรูญ พรมสุทธิ์. งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100-1005.
กรุงเทพฯ: ประสานมิตร, 2546.
Andrew D. Althouse, and Others. Modern Welding. 11th Edition,
The Goodheart-Willcox Publisher, 2012.
Jefferson’s. WELDING ENCYCLOPEDIA. 18th Edition. American Welding Society, 1977.
Larry Jeffus. Welding Principles and Application. 7th edition. Delmar Publishers, 2012.
เว็บไซต์ (Website)
http://www.thomex.com/ebrochures/ranga-enterprises.
http://www.plazathai.com/show-569140.html.
http://www.parakeet.in/thyristorised-welding-rectifier.htm.
http://www.welovesafety.com.
http://www.millionwelding.com.