Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 2
ทฤษฎีทเี่ กีย่ วข้ อง
หม้อ แปลงกระแสไฟฟ้ าที่ มี ข ดลวดปฐมภู มิ และขดลวดทุ ติย ภู มิ อยู่ใ นตัวเดี ย วกัน ที่
ขดลวดปฐมภูมิ ูกทาไว้ให้สามาร เลือกย่านของกระแสไฟฟ้ าได้ สาหรักขนาดกระแสไฟฟ้ าสู ง ๆ
นั้นหม้อแปลงกระแสไฟฟ้ าจะใช้แกนเหล็กเป็ นแกกวงแหวนและใช้สานตัวนาของกระแสไฟฟ้ า
สอดผ่ า นวงในของแกนเหล็ ก ที่ เป็ นขดลวดปฐมภู มิ จากรู ป 2.1 แสดงชนิ ด ของหม้อ แปลง
5
กระแสไฟฟ้ าที่ ด้า นขดลวดปฐมภู มิ ส ามาร เลื อ กาิ ก ัด กระแสไฟฟ้ า ได้ 2.5A, 10A, และ25A
นอกจากนั้นยังสามาร ใช้วงด้านในของแกนเหล็กสาหรักกระแสไฟฟ้ า 100A, 125 A และ250A ซึ่ ง
ขึ้นอยูก่ กั ผูผ้ ลิต เช่น จานวนของสายตัวนาที่ตอ้ งสอดผ่านแกนวงแหวนสาหรักกระแสไฟฟ้ า ึง 500
A ให้านั ไว้เาียง 1 รอก หรื อ า้ ใช้กกั กระแสไฟฟ้ า 250 A ใช้านั ไว้ 2 รอก เป็ นต้น
2.3.1 กฎของการเหนี่ยวนา
กฎข้อที่หนึ่ ง (Lenz’s law) กล่ าวว่าในวงจรปิ ดใด ๆ ที่มีการเปลี่ ยนแปลงการไหลของ
กระแสในวงจร ย่อมทาให้เกิดการเหนี่ ยวนาแรงเคลื่อนไฟฟ้ าในวงจรนั้น โดยมีทิศทางตรงกันข้าม
กักการเปลี่ยนแปลงการไหลของกระแสในวงจรนั้น
กฎข้อที่ส อง (Faraday’s law) กล่ าวว่าการเหนี่ ยวนาแรงเคลื่ อนไฟฟ้ าที่ เกิ ดขึ้ นระหว่าง
ปลายของขดลวดหรื อลู ป อัน หนึ่ งนั้นเป็ นสั ดส่ วนกัก อัตราการเปลี่ ยนแปลงเส้ น แรงแม่ เหล็ ก ที่
ล้อมรอกขดลวดนั้นๆ หรื อการเหนี่ ยวนาแรงเคลื่ อนไฟฟ้ าที่เกิ ดขึ้นระหว่างของแท่งตัวนาอันหนึ่ ง
นั้น เป็ นสัดส่ วนโดยตรงกักการที่ตวั นาตัดผ่านเส้นแรงแม่เหล็กนั้นๆต่อหนึ่งหน่วยเวลา
F = m.m.f = NI (2.3)
เมื่อ N = จานวนรอกของขดลวด
I = กระแสเป็ นแอมแปร์
i1 m
i2
V1 l 1 l 2 V2
N1 N2
จากรู ป L1 เรี ย กว่า เส้ น แรงแม่ เหล็ ก รั่ ว ไหลที่ ก ระท าระหว่า งจุ ด a ึ งจุ ด b จะเป็ น
สัดส่ วนโดยตรงกักแอมป์ แปร์ เทอนของขดลวดปฐมภูมิ และ L 2 นี้ จะเกิดขึ้นาร้อม I1 ซึ่ ง L 2 นี้
จะท าให้ เกิ ด แรงดัน ไฟฟ้ าเหนี่ ย วน าขึ้ นมาอี ก ค่ า หนึ่ ง ให้ มี ค่ า เท่ า กัก eL1 ในท านองเดี ย วกัน
แอมป์ แปร์ เทอนของขดลวดทุ ติยภู มิ ที่ กระท าระหว่างจุ ด c ึ ง d ก็ จะท าให้เกิ ดเส้ นแรงแม่ เหล็ ก
รั่วไหลขึ้นอีกส่ วนหนึ่ งคือ L1 ซึ่ งเกิ ดขึ้นาร้อมกัก I2 และจะสร้ างแรงดันไฟฟ้ าเหนี่ ยวนาขึ้นมีค่า
เท่ากัก e L1
ขีะที่ไม่มีโหลด หรื อมีโหลดน้อยๆนั้นแอมแปร์ เทอนของขดปฐมภูมิและขดลวดชุดทุติ
ภู มิ น้ ี จะมี ค่ าน้อยมาก ดังนั้น ค่ าเส้ น แรงแม่ เหล็ ก รั่ วไหลจะไม่ คิด แต่ ้าโหลดเาิ่ ม ขึ้ นจะท าให้
กระแสที่ไหลในขดลวดชุ ดปฐมภูมิ และขดลวดทุติยภูมิมีค่ามากขึ้น เป็ นผลทาให้แอมป์ แปร์ เทอน
มีค่าเาิ่มมากขึ้นและมีผลให้เส้นแรงแม่เหล็กรั่วไหลเาิ่มขึ้นด้วย
เส้ นแรงแม่เหล็กรั่ วไหลนี้ จะเกิ ดขึ้ นรอก ๆ ขดลวดในแต่ละชุ ดและสร้ างแรงดันไฟฟ้ า
เหนี่ยวนาขึ้นในขดลวดนั้น ซึ่ งเราสามาร เขียนสมการสมมูลย์เป็ นอินดักทีฟคอยล์ (Inductive Coil)
9
1
= (µ r =1) (2.4)
µr
1
= (2.5)
µA
สาหรักวงจรทางแม่เหล็กเท่าที่กล่าวมาแล้วาอที่จะรวกรวมสมการที่ใช้หน่วย MKS ได้ดงั นี้
10
F = m.m.f = NI =
H = NI
l
= BA
B = 4µ
1
=
µ
เมื่อ
F = แรงเคลื่อนแม่เหล็ก (แอมป์ - รอก)
N = จานวนรอกของขดลวด (รอก)
I = กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านขดลาด (แอมป์ )
= เส้นแรงแม่เหล็ก (เวเกอร์ )
R = ความต้านทานเส้นแรงแม่เหล็ก (แอมป์ -รอก) / เวเกอร์
H = ความเข้มสนามแม่เหล็ก (แอมป์ - รอก) / เมตร
µ = สภาาความซึ มซากทางแม่เหล็กนั้น ๆ
l = ความยาวของวงจรแม่เหล็กที่เส้นแรงวิง่ ผ่าน (เมตร)
A = า.ท.หน้าตัดของวงจรแม่เหล็กที่เส้นแรงวิง่ ผ่าน (ตารางเมตร)
µ r = 1 (ในอากาศ)
V 1 = E1 และ V2 = E2 (2.8)
เมื่อ
V1 คือ แรงดันที่ข้ วั ของขดด้านปฐมภูมิ
V2 คือ แรงดันที่ข้ วั ทางด้านทุติยภูมิ
ดังนั้นจากสมการที่ 2.6 , 2.7 และ 2.8 จะได้อตั ราส่ วนการ ่ายโอนแรงดัน (Voltage
Transformation Ratio) ดังนี้
V1 E1 N1
a = = = (2.9)
V2 E2 N2
และในการาิจารีากระแสของหม้อแปลงอุดมคติมีความสัมาันธ์กกั แรงดันดังนี้
กาลังขาเข้า (Power Input) = กาลังขาออก (Power Output)
V1I1 = V2I2
ดังนั้น
V1 I2 N1 I2
= หรื อ = (2.10)
V2 I1 N2 I1
มัก จะปรากฏให้ เห็ น อย่ า งกว้า งขวางที่ มี ก ารใช้ ก ระแสด้ ว ยชั้ นท์ ( Shunt) แล้ ว วัด
แรงดันไฟฟ้ าด้วยมัลติาลายเออร์ (Multipliers) ซึ่ งจะวัดได้เฉาาะไฟฟ้ ากระแสตรงซึ่ งวิธีน้ ี เหมาะ
สาหรักวัดค่าน้อย ๆ เท่านั้นซึ่ งหมายความว่าวิธีน้ ีมีขอ้ เสี ย
14
H
(แอมแปร์ -รอบ/เมตร) 4 8 16 3 24 40 48
B
(เทสล่ า) 0.05 0.15 0.50 1.00 1.30 1.42 1.50
H
(แอมแปร์ -รอบ/ 56 64 72 80 200 400 1000
เมตร)
B
(เทสล่า) 1.56 1.60 1.64 1.67 1.71 1.75 1.8
2.8.1 เพาเวอร์ แฟคเตอร์ (p.f.) ของเบอร์ เดน (Burden) และค่ าผิดพลาดทางด้ านทุติยภูมิ
อัตราส่ วนผิดาลาด (Error Ratio) จากการสังเกตากว่า เกอร์ เดน (Burden) เหนี่ ยวนาของ
กระแสทุติยภูมิ (I5) จะล้าหลังแรงเคลื่อนที่เหนี่ยวนาของทุติยภูมิ (ES) ดังนั้น ค่า จะมีค่าเป็ นกวก
ซึ่ งภายในสภาาเช่นนี้ อตั ราส่ วนการแปลงจะมากกว่าอัตรารอกเสมอ แต่ า้ เกอร์ เดนเหนี่ ยวนาของ
กระแสทุติยภูมิ (I5) นาหน้าแรงเคลื่อนเหนี่ ยวนาของทุติยภูมิ (ES) แล้ว จะมีค่าเป็ นลก อัตราส่ วน
การแปลงจะน้อยกว่าอัตราส่ วนและค่า มีค่าประมาี -90๐
มุมเฟส (Phase Angle) จากตัวอย่างสมการ 2.17 จะากว่า ค่าเกอร์ เดนเหนี่ยวนาและมุมเฟส
จะเป็ นกวก และค่ า จะมี ค่ า น้อ ย (p.f ของขดทุ ติย ภู มิ สู ง ) แต่ จ ะกลายเป็ นค่ า ลกเมื่ อ เกอร์ เดน
เหนี่ยวนามีค่ามากขึ้น และมีค่าประมาี 90๐ สาหรักค่า า้ เป็ นลก มุมเฟสจะเป็ นกวกเสมอ
อีกทางหนึ่ งที่จะอธิ กาย ก็คือ ค่าเหนี่ ยวนาของเาาเวอร์ แฟคเตอร์ ทุติยภูมิจะเาิ่มขึ้นมุมซึ่ ง
ต้องนาเฟสเซอร์ nIS และ IO มาปิ ดแต่ละด้าน (จากภาาที่ 2.17) และค่า IS เาิ่มขึ้นจะทาให้อตั ราการ
แปลงสู งขึ้น อัตราส่ วนผิดาลาดก็มีค่าเป็ นลกมากขึ้ น ดังนั้น ค่า IP และ nIS ก็จะลดลงมุ มเฟสก็จะ
ลดลง ทาให้ค่ากวกน้อยลงด้วย ค่าเาาเวอร์ แฟคเตอร์ ของ Lagging ทุติยภูมิ
การเปลี่ยนของอัตราการแปลง (a) และมุมเฟส () รวมทั้งจะแสดงไว้ในภาาที่ 2.14 มัน
ควรจะกันทึ กว่า อัตราส่ วนและมุ มของการเหนี่ ยวนาแม่เหล็กและการสู ญเสี ยส่ วนประกอกของ
กระแสกระตุน้ เท่ากักมุมเฟสของวงจรทุ ติยภูมิ เาราะฉะนั้นจากข้อมูลเกื้ องต้นและกราฟสามาร
นาไปใช้เป็ นค่าขนาดความต้านทานคงที่ของทุติยภูมิ
23
ภาาที่ 2.16 Ring Type Core ภาาที่ 2.17 Spiral Type Core
ก. ข. ค.
ภาาที่ 2.20 Stampings for Window Type Current Transformer
ก. Stadium ข. Circular ค. Rectangular
ก.
ข.
หากการทางานปกติของหม้อแปลงกระแสนั้นขดปฐมภูมิและขดทุติยภูมิจะสร้าง m.m.f.
ก็จะเหลือน้อย ค่า m.m.f. ที่เหลื อน้อยนี้ จะทาให้เกิดฟลัก๊ ที่แกนเหล็ก ซึ่ งความหนาแน่นของฟลัก๊ ก็
จะต่าไปด้วย จึงทาให้เกิดแรงเคลื่อนเหนี่ยวนาที่ขดทุติยภูมิเป็ นจานวนน้อยด้วย
า้ หากเราเปิ ดวงจรที่ทุติยภูมิในขีะที่ขดปฐมภูมิยงั มีกระแสไฟฟ้ าอยูเ่ หมือนเดิม ขดปฐม
ภูมิก็ยงั มีค่า m.m.f. อยู่ แต่ทางด้านทุติยภูมิน้ นั ค่า m.m.f. เป็ นศูนย์แล้ว ดังนั้น ค่า m.m.f. ทั้งหมดจริ ง
เท่ากัก m.m.f. ของปฐมภูมิ ซึ่ งมีค่าสู งมาก ค่า m.m.f. ที่สูงมากนี้จะทาให้เกิดฟลัก๊ ที่แกนเหล็กจน ึง
จุ ดอิ่ มตัว เาราะฉะนั้นก็ จะท าให้เกิ ดแรงดันเหนี่ ย วนามหาศาลที่ ข ดทุ ติยภู มิจนฉนวน ู ก ท าลาย
(แม้ว่าหม้อแปลงกระแสในปั จจุ ก นั นี้ จะออกแกกให้ฉ นวนทนแรงเคลื่ อนนี้ ได้) ก็จะท าให้เป็ น
อันตรายต่อผูป้ ฏิกตั ิงานกักหม้อแปลงขีะนั้นรวมทั้ง Eddy Current และ Hysteresis Lossed จะสู ง
มากด้วย จนทาให้เกิดความร้อนสู งที่หม้อแปลง แม้วา่ า้ ไม่เหตุการี์ขา้ งต้นดังกล่าว แกนเหล็กก็จะ
ูกทาให้กลายเป็ นแม่เหล็ก าวร และค่าอัตราส่ วนและมุมเฟสก็จะผิดาลาดไป
หม้อแปลงกระแสจานวนมากจะ ูกใช้กกั การต่อวงจรปิ ด หรื อต่อเข้ากักสวิทช์ที่ข้ วั ของ
ทุติยภูมิเสมอ ขดทุติยภูมิจะปลอดภัย เมื่อได้นามาต่อเข้ากักอุปกรี์การวัดเนื่ องจากอุปกรี์ การวัด
เหล่านี้ เป็ นเหมือนวงจรปิ ดตลอดเวลา เาราะมีค่าความต้านทานของ Burden เช่ นแอมมิเตอร์ วัตต์
มิเตอร์ ที่มีคอยล์กระแสที่มีค่าต่า
3. การต่ อ แบบเดลต้ า ( Delta Connection ) การต่ อ แกกเดลต้า ต้อ งใช้ ห ม้อ แปลง
กระแสสามลูก โดยนาขดลวดทุติยภูมิมาต่อกันแกกเดลต้าก่อนที่จะนามาต่อเข้ากักรี เลย์ การต่อ
แกกเดลต้าใช้สาหรักการป้ องกันหม้อแปลงกาลังที่มีการต่อขดลวดแกกเดลต้า - วาย ด้วยรู ปแกก
ของรี เลย์ผลต่างซึ่ งการป้ องกันหม้อแปลงกาลังด้วยรู ปแกกนี้ หม้อแปลงกระแสที่ต่อทางด้านเดลต้า
ของหม้อแปลงกาลังจะต่อแกกวาย และหม้อแปลงกระแสทางด้านวายจะต่อแกกเดลต้า ข้อควรจา
การต่อหม้อแปลงกระแสแกกเดลต้าจะทาให้มีกระแสไหลไปยังรี เลย์เท่ากัก 3 เท่าของกระแส
ทุติยภูมิ ดังนั้นจึงควราิจารีาการเลือกาิกดั กระแสปฐมภูมิของหม้อแปลงกระแสเมื่อจะนามาต่อ
แกกเดลต้าสาหรัก ภาาที่ 2.30 แสดงการต่อหม้อแปลงกระแสแกกเดลต้าและ า้ นามาประกอก
รวมกัก ภาาที่ 2.31 โดยการต่อขดลวดทางานของรี เลย์เข้ากักจุกต่อร่ วมสายกราวด์ของหม้อแปลง
กระแสก็จะได้รูปแกกการป้ องกันด้วยรี เลย์ผลต่างอย่างสมกูรี์
43
แรงดัน ความคงทน
ชั้นแรงดันของฉนวน ระบบ แรงดันไฟฟ้าที่ พิกดั แรงดันอิม
(Insulation class) สู งสุ ด ความถี่ไฟฟ้ ากาลัง พัลต์ (BIL) (KV)
(KV) (KV)
VDE : 10 N , IEC/BS : 12 KV
12 36 75
ANSI : 8.7 KV
VDE : 15 N , IEC/BS : 17.5 KV
24 55 125
ANSI : 15 KV , 18 KV
VDE : 25 N,30 N, IEC/BS :36 KV
38 75 200
ANSI : 25 KV, 34.5 KV
เพาเวอร์ เพ็ก
ค่ าเบอร์ เดน ความต้ านทาน อินดักแตนซ์ อิมพิแดนต์
เตอร์
VA (Ω ) (mH) (Ω)
(P.F)
2.5 0.09 0.116 0.1 0.9*
5.0 0.18 0.232 0.2 0.9*
12.5 0.45 0.58 0.5 0.5**
46
Primary terminal
Secondary terminal
Primary terminal
Secondary terminal
การตรวจสอกการลัดวงจรด้านทุติยภูมิ
ในกรีี ที่วงจรด้านทุติยภูมิของหม้อแปลงกระแสไม่สามาร ติ ดตั้งมาจากโรงงานได้ก็
มักจะมีการลัดวงจรด้านทุติยภูมิของหม้อแปลงกระแสมา ดังนั้นจึงควรตรวจสอกการต่อวงจรด้าน
ทุติยภูมิและตรวจสอกค่าเกอร์ เดนให้เรี ยกร้อยก่อนจึงค่อยทาการปลดการลัดวงจรดังกล่าวก่อนการ
ใช้งาน (จากหัวข้อที่ 2 จะเป็ นว่าไม่ควรเปิ ดวงจรด้านทุติยภูมิของหม้อแปลงกระแสในการใช้งาน)
การทดสอบด้ วยไฟฟ้ากระแสตรง
การทดสอกด้วยวิธีน้ ีเป็ นวิธีที่ทาได้ง่ายและรวดเร็ วแต่จะทาให้มีฟลักซ์แม่เหล็กตกค้างอยู่
ในตัวหม้อแปลงได้ ดังนั้นจึงควรทาการทดสอกการคุีลักษีะการกระตุน้ ของหม้อแปลงกระแส
(Excitation Test) ตามหัวข้อ 6.4 หลังจากที่ทดสอกแล้ว วิธีน้ ี จะใช้เาียงแหล่งจ่ายไฟฟ้ ากระแสตรง
(ซึ่ งสามาร ใช้แกตเตอรี่ ) และโวลต์มิ เตอร์ วดั แรงดันไฟฟ้ ากระแสตรง (ควรเป็ นแกกเข็ม) และ
สายตัวนา
1. ทาการต่อวงจรเาื่อเตรี ยมจ่ายแรงดันไฟฟ้ ากระแสตรงที่ขดลวดทุติยภูมิ
2. ทาการวัดแรงดันที่เกิดขึ้นที่ตวั นาทางด้านปฐมภูมิตามขั้วที่แสดงกนหม้อแปลงกระแส
ใช้วธิ ีวดั แรงดันกนตัวนาปฐมภูมิ
51
ตัวนาปฐมภูมิ H1
หม้อแปลงกระแส
10/5 A X1
X2
H2
V
- +
+ -
12 V
แสดงค่า 12/(10/5) = 6 V
ชัว่ ขณะ
ภาาที่ 2.33 การทดสอกขั้วของหม้อแปลงกระแสด้วยไฟฟ้ ากระแสตรง
52
การทดสอบด้ วยไฟฟ้ากระแสสลับ
วิธี การนี้ จะซัก ซ้อนกว่าการใช้ไฟฟ้ ากระแสตรงและสามาร ใช้ในการทดสอกขั้วหม้อ
แปลงได้ทุกชนิ ด โดยจะใช้จ่ายแรงดันผ่านแหล่งจ่ายไฟฟ้ ากระแสสลักที่ปรักค่าได้ เช่ น วาริ แอค
(Variac) และโวล์ตมิเตอร์ สาหรักวัดค่าแรงดันไฟฟ้ ากระแสสลัก โดยมีการต่อวงจรดังภาาที่ 2.34
H1
หม้อแปลงกระแส
15/5 A
V X1
VM3 X2
แสดงค่า VM1+VM2 = 20 V
H2
V
V
15 V
Variac
VM2
VM1 แสดงค่า 15/(15/5) = 5 V
แสดงค่า 15 V
ภาาที่ 2.34 การทดสอกขั้วของหม้อแปลงกระแสด้วยไฟฟ้ ากระแสสลัก
1. ต่อวงจรเาื่อจ่ายแรงดันไฟฟ้ ากระแสสลักทางด้านทุติยภูมิของหม้อแปลงกระแส และทา
การวัดแรงดันที่จ่ายไว้ดว้ ย (VM1)
2. ต่อลัดวงจรระหว่าง X1 กัก H2 (หรื อ X2 กัก H1)
3. วัดแรงดันตกคร่ อมตัวนาปฐมภูมิระหว่าง H1 กัก H2 (VM2) ซึ่ งควรจะมีค่าเป็ นไปตาม
อัตราส่ วนของหม้อแปลงกระแส
4. วัดแรงดันตกคร่ อม H2 กัก X2 (VM3) ซึ่ งควรจะมีค่าเท่ากัก VM1+VM2
5. า้ แรงดัน VM3 = VM1+VM2 แสดงว่าการกาหนดขั้วของหม้อแปลงกระแสไว้ ูกต้อง
แล้ว แต่ า้ VM3 มีค่าน้อยกว่า VM1 แสดงว่าการกาหนดขั้วนี้ไม่ ูกต้อง
หม้อแปลงกระแส
400/5 A
X1
X2
H2
V
V
80 V
Variac
VM2
VM1 แสดงค่า 80/(400/5) = 1 V
แสดงค่า 80 V
ภาาที่ 2.35 การทดสอกอัตราส่ วนของหม้อแปลงกระแส
หม้อแปลงกระแส
X1
X2
A
H2
V
Variac
สภาวะที่หม้อแปลง
กระแสอิ่มตัว (Saturate)
ช่วงการทางานปกติของหม้อแปลงกระแส
มีค่าความสัมพันธ์ของแรงดันและกระแส
เป็ นเชิงเส้น
ภาาที่ 2.37 คุีสมกัติการกระตุน้ ของหม้อแปลงกระแส
55