Professional Documents
Culture Documents
ไฟฟ้ากระแสสลับ
e = Em sin t
ให้ e คือ แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนาที่เวลา t ใดๆ หน่วย โวลต์ (V)
Em คือ แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนาสูงสุด หน่วย โวลต์ (V)
คือ ความถี่เชิงมุม หน่วย เรเดียนต่อวินาที (rad/s)
1. ความต่างศักย์และกระแสของวงจรกระแสสลับ
1.1 ความต่างศักย์ของวงจรกระแสสลับ
เมื่อขดลวดของเครื่องกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับหมุนตัดผ่านสนามแม่เหล็กด้วยความเร็ว
เชิงมุมคงตัว ความต่างศักย์ที่ปลายทั้งสองของขดลวดจะมีการสลับขั้วบวกและขั้วลบเป็นจังหวะสม่าเสมอ และ
ความต่างศักย์จะเปลี่ยนค่าตามเวลาการหมุนของขดลวด เขียนเป็นกราฟได้ดังรูป
ความต่างศักย์ไฟฟ้าขณะหนึ่ง ณ เวลา t
v = Vm sin t
ให้ v คือ ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่เวลา t ใดๆ หน่วย โวลต์ (V)
Vm คือ ความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุด หน่วย โวลต์ (V)
คือ ความถี่เชิงมุม หน่วย เรเดียนต่อวินาที (rad/s)
1.2 กระแสของวงจรกระแสสลับ
กระแสที่เครื่องกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับให้ออกมาจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางตามจัง หวะ
การสลับขั้วบวกและขั้วลบของความต่างศักย์ เรียกว่ากระแสสลับ และกระแสสลับจะเปลี่ยนค่าตามการหมุน
ของขดลวด เขียนเป็นกราฟได้ดังรูป
กระแสไฟฟ้าขณะหนึ่ง ณ เวลา t
i = Im sin t
ให้ i คือ กระแสไฟฟ้าที่เวลา t ใดๆ หน่วย แอมแปร์ (A)
Im คือ กระแสไฟฟ้าสูงสุด หน่วย แอมแปร์ (A)
คือ ความถี่เชิงมุม หน่วย เรเดียนต่อวินาที (rad/s)
ตัวอย่างการคานวณความต่างศักย์และกระแสของวงจรกระแสสลับ
2. ค่ายังผลของความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
ในวงจรกระแสสลับ ความต่างศักย์และกระแสจะเปลี่ยนค่าตามเวลาการหมุนของขดลวด
ค่ายังผล (Effective Value) เป็นค่าเฉลี่ยของความต่างศักย์ไฟฟ้าและค่าเฉลี่ยของกระแสไฟฟ้า
ซึ่งเป็นค่าที่อ่านได้จากมิเตอร์วัด
2.1 ค่ายังผลของกระแสไฟฟ้า
Im
I rms =
2
ให้ คือ ค่ายังผลของกระแสไฟฟ้า หน่วย แอมแปร์ (A)
I rms
Im คือ กระแสไฟฟ้าสูงสุด หน่วย แอมแปร์ (A)
2.1 ค่ายังผลของความต่างศักย์ไฟฟ้า
Vm
Vrms =
2
ให้ Vrms คือ ค่ายังผลของความต่างศักย์ไฟฟ้า หน่วย โวลต์ (V)
Vm คือ ความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุด หน่วย โวลต์ (V)
ตัวอย่างการคานวณค่ายังผลของความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
3. วงจรตัวต้านทาน
= 2f
3.1 ความต้านทานกับความถี่ของไฟฟ้ากระแสสลับ
ความต้านทาน R มีค่าคงตัว
3.2 กระแสขณะหนึ่งและความต่างศักย์ขณะหนึ่งของตัวต้านทาน
กระแสที่ไหลผ่านตัวต้านทานและความต่างศักย์คร่อมตัวต้านทานมีเฟสตรงกัน เขียนกราฟ
ความสัมพันธ์ ณ เวลาขณะหนึ่งได้ดังรูป
ค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าขณะหนึ่งหาได้ดังนี้
V = Vm sin t
R
I = Im sin t
R
3.3 แผนภาพเฟเซอร์ของตัวต้านทาน
แผนภาพเฟเซอร์เป็นรูปเวกเตอร์แสดงค่าการวัดและความต่างเฟสระหว่างกระแส I กับ
ความต่างศักย์ V ของตัวต้านทาน R
จากกราฟเราจะได้ค่ากระแสไฟฟ้ าและความต่ างศัก ย์มีเฟสตรงกัน สามารถเขีย นเป็ น
แผนภาพเฟเซอร์ได้ดังรูป
IR VR
ตัวอย่างการคานวณวงจรตัวต้านทาน
4. วงจรตัวเหนี่ยวนา
L
= 2f
4.1 ความต้านทานเชิงเหนี่ยวนากับความถี่กระแสสลับ
ความต้านทานเชิงเหนี่ยวน าเปลี่ยนค่ า ตามความถี่กระแสสลั บ โดยความต้านทานเชิ ง
เหนี่ยวนาแปนผันตรงกับความถี่กระแสสลับ ดังสมการ
X = L
L
ค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าขณะหนึ่งหาได้ดังนี้
VL = Vm sin t +
2
IL = Im sin t
3.3 แผนภาพเฟเซอร์ของตัวเหนี่ยวนา
แผนภาพเฟเซอร์เป็นรูปเวกเตอร์แสดงค่าการวัดและความต่างเฟสระหว่างกระแส I กับ
ความต่างศักย์ V ของตัวเหนี่ยวนา L
VL
IL
ตัวอย่างการคานวณวงจรตัวเหนี่ยวนา
ตัวอย่าง 5 ตั ว เหนี่ ย วน ามี ค่ า ความเหนี่ ย วน า 10 เฮนรี ต่ อ อยู่ กั บ แหล่ ง จ่ า ยไฟห้ า กระแสสลั บ ที่ ใ ห้
กระแสไฟฟ้าเป็น i = 20sin5t แอมแปร์ จงหาค่าความต่างศักย์ไ ฟฟ้าคร่อมตัวเหนี่ยวนา ณ
เวลา t วินาที
ตัวอย่าง 6 ตั ว เหนี่ ย วน ามี ค่ า ความเหนี่ ย วน า 10 เฮนรี ต่ อ อยู่ กั บ แหล่ ง จ่ า ยไฟห้ า กระแสสลั บ ที่ ใ ห้
กระแสไฟฟ้าเป็น i = 20sin5t แอมแปร์ จงหาค่าความต่างศักย์สูงสุดคร่อมตัวเหนี่ยวนา
ตัวอย่าง 7 ตั ว เหนี่ ย วน ามี ค่ า ความเหนี่ ย วน า 10 เฮนรี ต่ อ อยู่ กั บ แหล่ ง จ่ า ยไฟห้ ากระแสสลั บ ที่ ใ ห้
กระแสไฟฟ้ าเป็ น i = 20sin5t แอมแปร์ จงหาค่ า ยั ง ผลขจองความต่า งศั ก ย์ ไ ฟฟ้า คร่อมตัว
เหนี่ยวนา
5. วงจรตัวเก็บประจุ
C
= 2f
4.1 ความต้านทานเชิงความจุกับความถี่กระแสสลับ
ความต้านทานเชิงความจุเปลี่ยนค่าตามความถี่กระแสสลับ โดยความต้านทานเชิงความจุ
แปรผกผันกับความถี่กระแสสลับ ดังสมการ
1
XL =
C
ให้ XC คือ ความต้านทานเชิงความจุ หน่วย โอห์ม ( )
คือ ความถี่เชิงมุม หน่วย เรเดียนต่อวินาที (rad/s)
C คือ ค่าความจุไฟฟ้า หน่วย ฟารัด (F)
4.2 กระแสขณะหนึ่งและความต่างศักย์ขณะหนึ่งของตัวเก็บประจุ
กระแสที่ไหลผ่านตัวเก็บประจุและความต่างศักย์คร่อมตัวเก็บประจุมีเฟสต่างกัน 90 องศา
หรือ 2 เรเดียน โดยกระแสไฟฟ้ามีเฟสนาหน้า เขียนกราฟความสัมพันธ์ ณ เวลาขณะหนึ่งได้ดังรูป
ค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าขณะหนึ่งหาได้ดังนี้
VL = Vm sin t −
2
=
IL Im sin t
3.3 แผนภาพเฟเซอร์ของตัวเก็บประจุ
แผนภาพเฟเซอร์เป็นรูปเวกเตอร์แสดงค่าการวัดและความต่างเฟสระหว่างกระแส I กับ
ความต่างศักย์ V ของตัวเก็บประจุ C
IC
VC
ตัวอย่างการคานวณวงจรตัวเก็บประจุ
R L C
VR VL VC
= 2f
6.1 แผนภาพเฟเซอร์
VL
I VR
VC
6.2 ความต่างศักย์รวมของวงจร
จากแผนภาพเฟเซอร์ ค่าความต่างศักย์สามารถหาได้ดังนี้
V = VR2 + ( VL − VC )
2
VL - VC
VR
VR
VC - VL
VL > VC VC > VL
XL - XC
R
Z
R
XC - XL
XL > XC XC > XL
IR IL IC
R L C
= 2f
7.1 แผนภาพเฟเซอร์
IC
IR V
IL
7.2 กระแสไฟฟ้ารวมของวงจร
จากแผนภาพเฟเซอร์ ค่ากระแสไฟฟ้าสามารถหาได้ดังนี้
I = I2R + ( IL − IC )
2
IC - IL
IR
I
IR
IL - IC
IC > IL IL > IC
1/X C - 1/X L
1/R
Z
1/R
1/X L - 1/X C
1/X C > 1/X L 1/X L > 1/X C
R L C
20 V R L C
R = 30 L = 20 H C = 5 F
8. กาลังไฟฟ้าและตัวประกอบกาลัง
8.1 กาลังไฟฟ้าของวงจรกระแสสลับ
กาลังไฟฟ้าของวงจรกระแสสลับ หมายถึง กาลัง ไฟฟ้าเฉลี่ยที่ใช้ไปจริง ในอุปกรณ์ไฟฟ้า
ขณะทางาน (เขียนแทนด้วย P)
วงจรกระแสสลับที่มี R, L, C ต่อรวมกันจะมีการสูญ เสียก าลัง ไฟฟ้า บางส่วนในรู ป ของ
กาลังไฟฟ้าต้านกลับของขดลวดเหนี่ยวนา ทาให้กาลังไฟฟ้าชองวงจรกระแสสลับ (กาลัง ไฟฟ้าเฉลี่ยที่ใช้ไปจริง
ในอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะทางาน) ไม่เท่ากับกาลังไฟฟ้าปรากฏที่แหล่งจ่ายไฟกระแสสลับส่งหรือจ่ายออกมา
วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ RLC ไม่ว่าจะต่อแบบใดก็ตาม กาลังไฟฟ้าของวงจรกระแสสลับจะ
ใช้ที่ตัวต้านทาน R เท่านั้น (ตัวเหนี่ยวนา L และตัวเก็บประจุ C ไม่มีการใช้กาลังไฟฟ้า)
กาลังไฟฟ้าของวงจรกระแสสลับ หาได้หลายวิธี
1) หากาลังไฟฟ้าของวงจรกระแสสลับจากมุมเฟสของความต่างศักย์กับกระแสไฟฟ้า
V
I
VR2
หรือ P =
R
ตัวอย่างการคานวณตัวประกอบกาลัง
I = 5 A
220 V , 50 H z
120 V
60 H z
R = 30 L = 20 H C = 5 F
3 6
100 V
4 8