Professional Documents
Culture Documents
Magnetism
1.1 สนามแม่เหล็ก
บริเวณรอบ ๆ แท่งแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet) จะมีเส้นแรงแม่เหล็ก
(Magnetic Flux Lines) กระจายอยู่รอบ ๆ โดยวิ่งจากขั้วเหนือไปยังขั้วใต้ของแท่ง
แม่เหล็ก บริเวณที่มีเส้นแรงแม่เหล็กนี้เรียกว่า สนามแม่เหล็ก (Magnetic Field) ความ
เข้มของสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field Strength) ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของจานวน
เส้นแรงแม่เหล็กต่อบริเวณพื้นที่นั้น
วิธีการวัดสนามแม่เหล็กจะใช้การวัดจานวนเส้นแรงแม่เหล็กต่อพื้นที่หน้าตัดที่สนาม
แม่เหล็กผ่าน
ความหนาแน่นของสนามแม่เหล็กโลกมีค่าประมาณ 1 10-5 T
ตัวอย่างที่ 1.1
จากรูปที่ 1.3 ถ้าพื้นทีห่ น้าตัด A เท่ากับ 1.2 10-3 ตารางเมตร และมีเส้นแรงแม่เหล็ก
ผ่าน 6 10-5 Wb จงหาความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็ก
วิธีทา
Magnetic Flux Density, B = Wb/m2
A
6 10 -5
B = = 5 10-2 T
1.2 10 -3
ตัวอย่างที่ 1.2
จากรูปที่ 1.3 ถ้าความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กเท่ากับ 1.2 Wb/m2 ผ่านพื้นที่ หน้า
ตัด 0.25 ตารางนิ้ว จงหาจานวนเส้นแรงแม่เหล็กนี้
วิธีทา
Magnetic Flux, = BA Wb
ต้องเปลี่ยนหน่วยพื้นที่จากตารางนิ้วให้เป็นหน่วยตารางเมตรก่อน
0.25 in2
1m 1m
A = = 1.613 10-4 m2
39.37 39.37
1.2 สนามแม่เหล็กรอบตัวนาที่มีกระแสไฟฟ้าไหล
ถ้ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวนา (Conductor) จะเกิดสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวนา
นั้น ลักษณะนี้เรียกว่า สนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnet)
ตัวนำ
เส้นแรงแม่เหล็ก
เส้นแรงแม่เหล็ก
1.3 สนามแม่เหล็กในขดลวด
ถ้ามีขดลวดที่มีจานวนรอบ 1 รอบ และมีกระแสไฟฟ้า ไหลผ่านขดลวดจะเกิดเส้นแรง
แม่เหล็กในทิศทางดังรูปที่ 1.5
I I
I I
I
และจานวนเส้นแรงแม่เหล็กแปรผันตรงกับแรงเคลื่อนแม่เหล็ก
NI
Power Electrotechnology 7
ตัวอย่างที่ 1.3
ขดลวดมีจานวนรอบ 600 รอบ พันรอบวงแหวนไม้กลมที่มีพื้นที่หน้าตัด 1 ตาราง
เซนติเมตร วัดเส้นแรงแม่เหล็กรวมทั้งหมดได้ 0.2 Wb เมื่อมีกระแสไฟฟ้า 800 mA
ไหลในขดลวด ถ้ามีกระแสไฟฟ้าในขดลวด 2 A ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กจะมี
ค่าเท่าใด
วิธีทา
Magnetomotive Force (MMF) M1 = NI
= 600 800 10-3
= 480 At
8 เทคโนโลยีไฟฟ้ากาลัง
ถ้ามีกระแสไฟฟ้าในขดลวด 2 A
MMF, M2 = NI = 600 2 = 1,200 At
0.2 1,200
ถ้า MMF, M2 = 1,200 At ได้ t2 =
480
= 0.5 Wb
0.5 10 -6
Magnetic Flux Density, B = = = 0.005 T หรือ 5 mT
A 1 10 -4
NI
Magnetizing Force, H At/m …… 1.3
l
1.6 Permeability
ปริมาณของความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็ก, B ขึ้นอยู่กับ Magnetizing Force, H
ดังรูปที่ 1.10
Power Electrotechnology 9
B
หรือ Permeability, = Or =
H
…… 1.4
Relative Permeability, r = …… 1.5
O
(ก) ( ข)
ค่า Reluctance, ℛ = M
NI
NI
BA
NI
μHA
ℛ = NI
μANI/l
ℛ =
1
=
1
At/Wb …… 1.7
A O r A
ตัวอย่างที่ 1.4
จากตัวอย่างที่ 1.3 ถ้ากระแสในขดลวด Toroid เท่ากับ 2 A จงหา
ก) Reluctance ในวงจรแม่เหล็ก
ข) ความยาวเฉลี่ยในวงจรแม่เหล็ก
ค) Magnetizing Force
วิธีทา
รูปที่ 1.12
12 เทคโนโลยีไฟฟ้ากาลัง
ก) Reluctance, ℛ =
NI
=
1
At/Wb
μA
600 2
= = 2,400 106 At/Wb
0.5 10 -6
ข) ความยาวเฉลี่ย, l
ℛ =
1
=
1
At/Wb
μA O r A
= 0.3 m หรือ 30 cm
NI
ค) Magnetizing Force, H =
1
At/m
600 2
= = 4,000 At/m
03
สมมติว่าไม่มีอานาจแม่เหล็กหลงเหลืออยู่ในตอนแรกขณะที่กระแสไฟฟ้า I = 0 เมื่อค่อย
ๆ เพิ่มกระแสไฟฟ้า I ค่า Magnetizing Force, H ก็จะเพิ่มขึ้นตามสมการ 1.3 คือ
H = NI
l
At/m …… 1.3
ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็ก, B = /A ก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามด้วย ตามแนว oa
ถ้าเพิ่มกระแสไฟฟ้า I มากขึ้นต่อไปอีก ค่า B ก็จะไม่เพิ่มอีกต่อไปที่จุด b ลักษณะนี้
เรียกว่า เกิดการอิ่มตัว (Saturation) ของเส้นแรงแม่เหล็ก ซึ่งเป็นเพราะคุณสมบัติของสาร
ที่ใช้ในวงจรแม่เหล็กที่จดุ b นี้จะได้ค่า B สูงสุดของสารแม่เหล็กนี้
สรุปว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกระแสไฟฟ้าหรือใส่ไฟฟ้ากระแสสลับในขดลวดที่พันบน
แกนเหล็ก จะทาให้เกิด Hysteresis หรือ B-H loop
สาร Hard Materials ได้แก่ อัลนิโก โคบอล ต์ อัลลอย เฟอรัสไอออน นิกเกิล เป็นต้น
ซึ่งสารเหล่านี้จะใช้ทาพวกแม่เหล็กถาวร
Power Electrotechnology 15
Bmax
HS
เมื่อ ke = ค่าคงที่จากสารที่ทาแกนแม่เหล็ก
Power Electrotechnology 17
t = ความหนาของแผ่นเหล็กบางแต่ละแผ่นที่มาอัดซ้อนกันเป็น
แกนแม่เหล็ก, เมตร
f = ความถี่ของกระแสไฟฟ้า I ที่ไหลในขดลวด
Bmax = ค่าสูงสุดของ Magnetic Flux Density, Wb
โดยทั่วไปจะรวมเรียก Hysteresis Loss และ Eddy Current Loss ว่า Magnetic Core
Losses ซึ่งการสูญเสียนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในกรณีที่กระแสไฟฟ้าในขดลวดเป็นกระแส
ไฟฟ้าสลับเท่านั้น
1.11 กฎของแอมแปร์
กฎของแอมแปร์ (Ampere’s Law) กล่าวว่า ผลรวมของ Magnetomotive Force,
MMF, (M) ในวงจรแม่เหล็กจะเท่ากับศูนย์
r1, l1 , A1 r2, l2 , A2
a M ab= H ab l ab
Mca = Hca lca
+
–
ℛ
ℛ
–
+ b
ℛ
+–
M bc= Hbc l bc
r3, l3 , A3
1.12 การคานวณในวงจรแม่เหล็ก
Power Electrotechnology 19
วงจรแม่เหล็กจะมีทั้งแบบอนุกรมและขนานคล้ายวงจรไฟฟ้า การคานวณในวงจรแม่เหล็ก
จะใช้กฎของแอมแปร์ และ B – H Curves ของสารแม่เหล็กชนิดต่าง ๆ
1.12.1 วงจรแม่เหล็กแบบอนุกรม
เส้นแรงแม่เหล็กจะวิ่งไปในทิศทางเดียว ไม่แยกออกเป็นแรงแม่เหล็กหลายเส้น
ตัวอย่างที่ 1.5
วงจรแม่เหล็กในรูปที่ 1.19 ขดลวดมีจานวนรอบ 250 รอบ และเส้นแรงแม่เหล็ก 0.48
mWb จงหา
ก) กระแสไฟฟ้า I
ข) Permeability และ r
ℛ
วิธีทา
0.48 10 -3
ก) Magnetic Flux Density, B = = = 1.2 T
A 4 10 - 4
20 เทคโนโลยีไฟฟ้ากาลัง