You are on page 1of 40

บทที่ 10

การเงินการธนาคาร
การคลังรัฐบาล
อ.อรคพัฒร์ บัวลม
การเงินการธนาคาร
ค่าของเงิน
ความหมายของค่าของเงิน
ค่าของเงิน หมายถึง ความสามารถหรืออานาจซื้อ(Purchasing
Power )ของเงินแต่ละหน่วยทีจ่ ะนาออกมาเพือ่ จับจ่ายใช้สอยสาหรับ
การซื้อสินค้าและบริการ (Good and Services) ในระบบเศรษฐกิจ
“ค่าของเงินเปลีย่ นแปลงเป็ นส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับอานาจซื้อ”
ค่าของเงิน สามารถแบ่งออกได้เป็ น 2 ชนิด
1. ค่าของเงินภายใน(Internal Value)
2. ค่าของเงินภายนอก(External Value)
ปริมาณเงิน (Money Supply)
ความหมายของปริมาณเงิน
1. ปริมาณเงินในความหมายแคบ (Norrow : M1)
 ปริมาณเงินทัง้ หมด หมายถึง ปริมาณของเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร
และเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งอยู่ในมือของมหาชน(ประชาชน และ
องค์กรธุรกิจ) ในขณะใดขณะหนึ่ง
2. ปริมาณเงินในความหมายกว้าง (Broad Money : M2)
1) ปริมาณเงินทัง้ หมด หมายถึง ปริมาณของเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร
เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจาในระบบธนาคาร
พาณิ ช ย์ รวมกัน ทัง้ หมดที่อ อกมาใช้ห มุน เวีย นอยู่ ใ นมือ ประชาชนในขณะใด
ขณะหนึ่ง
2) ปริมาณเงินทัง้ หมด (M3) หมายถึง ปริมาณของเหรียญกษาปณ์
ธนบัตร เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจาในระบบ
ธนาคารพาณิชย์ เงินฝากประจาในสถาบันการเงินทุกประเภท เงินฝากทีเ่ ป็ นเงินตรา
ต่างประเทศ และตัวสั
๋ ญญาใช้เงินของบริษทั เงินทุนและบริษทั เงินทุนหลักทรัพย์ท่ี
รวมกันออกใช้ในท้องตลาดในขณะใดขณะหนึ่ง
ปริมาณเงินในประเทศไทย
สิ้นเดือนธันวาคม 2549 หน่ วย: ล้านบาท

1 ธนบัตรและเหรียญทีอ่ อกใช้ : 806,374.7

2 อยูใ่ นมือรัฐบาล 1,123.6

3 อยูใ่ นมือธนาคารพาณิ ชย์ 135,108.2

4 อยูใ่ นมือธุรกิจและครัวเรื อน 652,729.3

5 อยูใ่ นมือสถาบันการเงินอื่นๆ 17,413.6

6 เงินฝากเผือ่ เรียก : 457,930.3

7 อยูใ่ นมือรัฐบาล 135,672.2

8 อยูใ่ นมือธนาคารพาณิ ชย์ 59,468.3

9 อยูใ่ นมือธุรกิจและครัวเรื อน 247,566.5

10 อยูใ่ นมือสถาบันการเงินอื่นๆ 15,223.3

11 ปริมาณเงินทั้งหมด (M1) : (4 + 5 + 9 + 10) 932,932.7


การหมุนเวียนของเงิน

การหมุนเวียนของเงิน คือ การทีเ่ งินถูกใช้จ่ายเปลีย่ นมือกันไป


เรื่อยๆ การหมุนเวียนของเงินมีผลกับปริมาณเงินทีอ่ อกใช้ คือ ทา
ให้เกิดการใช้จ่ายเกินกว่าปริมาณเงินทีอ่ อกใช้หลายเท่า ถ้ามีการ
หมุนเวียนของเงินเร็วกว่าการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจอาจทาให้
เกิดเงินเฟ้ อได้
ทฤษฎีปริมาณเงิน (The Quantity Theory of Money)

ทฤษฎีปริมาณเงินถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออธิบายถึงความสัมพันธ์
ระหว่างปริมาณเงินกับระดับราคา

ทฤษฎีปริมาณเงินในรูปแบบของสมการการแลกเปลีย่ น(The
Equation of Exchange )โดย เออวิงฟิ ชเชอร์ เป็ นทฤษฎี
ปริมาณเงินที่ดดั แปลงมาจากทฤษฎีปริมาณเงินแบบดัง้ เดิมโดย
เพิม่ อัตราหมุนเวียน และปริมาณของสินค้าในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ
“ยอดรายจ่ายของผูซ้ ้อื จะเท่ากับยอดรายรับของผูข้ ายเสมอ”
MV = PT หรือ P = MV/T

โดยมี M = ปริมาณเงินหมุนเวียน
V = อัตราความเร็วในการหมุนเวียนของเงิน (คงที)่
(จานวนครัง้ ทีเ่ งินแต่ละหน่วยโดยเฉลีย่ แล้วถูกนาไปใช้ในรายการแลกเปลีย่ นทุก
ชนิดในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง )
P = ระดับราคาสินค้า
T = ปริมาณของสินค้าซึง่ ขายกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ(คงที)่
ความต้องการถือเงิน (demand for money)

1. เพือ่ ใช้จ่ายประจาวัน (transaction motive)


2. เพือ่ เป็ นทุนสารองเมือ่ มีเหตุจาเป็ น(precautionary motive)
3. เพือ่ เก็งกาไร (speculative motive)

ความต้องการถือเงินทัง้ 3 ประเภท จะเปลีย่ นแปลงในทาง


ตรงกันข้ามกับอัตราดอกเบี้ย และจะเปลีย่ นแปลงไปในทาง
เดียวกันกับรายได้
รูปแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงิน

อัตราดอกเบี้ย รายได้
เส้นความต้องการถือเงิน

r
เส้นความต้องการถือเงิน Y

Y1
r1

M M1 ปริ มาณเงิน M M1 ปริ มาณเงิน


อัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ

เคนส์ กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยคุณภาพถูกกาหนดโดยอุปสงค์
อุปทานของเงิน นัน่ หมายความว่าอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กบั ความ
ต้องการถือเงิน และปริมาณเงินทีใ่ ช้หมุนเวียน

ปริมาณเงินที่ใช้หมุนเวียน จะมากน้อยเท่าใด ก็ข้ ึนอยู่กบั


นโยบายการเงินเป็ นสาคัญ
 อัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กบั ความต้องการถือเงิน
 ปริมาณเงินขึ้นอยู่กนั นโยบายการเงิน ไม่ข้นึ อยู่กบั อัตราดอกเบี้ย จึงเป็ นเส้นตรงตัง้
ฉากขนานกับอัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ย
M
r2 เส้นปริ มาณเงิน

อัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ
r
r1 เส้นความต้องการถือเงิน

M2 M M1 ปริ มาณเงิน
ภาวะเงินเฟ้ อ (Inflation)

ภาวะเงินเฟ้ อ หมายถึง การที่ระดับของราคาสินค้าและบริการ


โดยทัว่ ไป (General Price Level ) เพิม่ สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (Hign
Price ) และต่อเนื่อง
สาเหตุสาคัญที่กอ่ ให้เกิดภาวะเงินเฟ้ อ

1. ภาวะเงินเฟ้ อที่เกิดจากแรงดึงของอุปสงค์ (Demand Pull


Inflation ) หมายถึง ภาวะเงินเฟ้ อทีเ่ กิดขึ้น เนื่องมาจากความ
ต้องการซื้อรวม มีปริมาณมากกว่าจานวนสินค้าและบริการที่
เสนอขายรวม ซึ่งปัจจัย สาคัญที่ทาให้อุปสงค์มวลรวมหรือ
ความต้องการทีจ่ ะซื้อของประเทศมีมากจนเกินไป
2. ภาวะเงินเฟ้ อที่เกิดจากแรงผลักดันของอุปทาน (Cost Push
Infation ) หมายถึง ถาวะเงินเฟ้ อทีส่ ่งผลกระทบทาให้ระดับของ
ราคาสินค้าและบริการโดยทัว่ ไปเพิ่มสู งขึ้นอย่างรวดเร็ ว อัน
เนื่องมาจากต้นทุนการผลิตเพิม่ สูงขึ้น
ผลของการเกิดภาวะเงินเฟ้ อ
(1) ผลทีม่ ตี ่อระดับการผลิตและการลงทุน
(2) ผลทีม่ ตี ่อการกระจายรายได้ ได้แก่
- ลูกหนี้จะเป็ นฝ่ ายได้เปรียบ เพราะค่าเงินบาทลดลงไปเรื่อยๆ
- ผูเ้ ก็งกาไร คือ ผูท้ ม่ี รี ายได้จากการทากาไรจะเป็ นฝ่ ายได้เปรียบในขณะทีผ่ ูท้ ม่ี ี
รายได้ประจาจะเป็ นฝ่ ายเสียเปรียบ
- ผูท้ ถ่ี อื สินทรัพย์ทม่ี รี าคาไม่แน่นอนตายตัว จะเป็ นฝ่ ายได้เปรียบในขณะที่ ผูท้ ม่ี ี
ถือสินทรัพย์ทเ่ี ป็ นตัวเงิน เช่น เงินสด และเงินฝากประจา จะเป็ นฝ่ าย
เสียเปรียบ
(3) ผลกระทบต่อรัฐบาล เมือ่ เกิดภาวะเงินเฟ้ อขึ้นในระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลมักจะได้รบั
ผลประโยชน์จาการมีรายได้เพิม่ สูงขึ้น
(4) ผลทีม่ ตี ่อดุลการชาระเงินของประเทศ เมือ่ เกิดภาวะเงินเฟ้ อขึ้นในระบบเศรษฐกิจ
อาจจะส่งผลกระทบทาให้เกิดการขาดดุลการค้าและดุลการชาระเงินของประเทศได้
ภาวะเงินฝื ด (Deflation )

ภาวะเงิน ฝื ด หมายถึง การที่ร ะดับ ราคาสิน ค้า และบริก าร


โดยทัว่ ไปในระบบเศรษฐกิจ (General Price Level ) ลดลง
อย่างรวดเร็ว (Height Price ) สาหรับการลดลงของระดับราคา
สินค้าและบริการโดยทัว่ ไปต้องมิใช่เป็ นการลดลงเพียงระยะสัน้ ๆ
แล ้วหมดไป แต่จะต้องเป็ นสถานการณ์ทร่ี ะดับของราคาสินค้าและ
บริการโดยทัว่ ไปลดลงไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ความหมายของธนาคารพาณิ ชย์
(The Meaning of Commercial Bank )

การประกอบธุรกิจประเภทรับฝากเงินทีต่ อ้ งจ่ายคืน เมือ่ มีการ


ทวงถามเกิดขึ้น หรือเมือ่ สิ้นระยะเวลาอันกาหนดไว้ และใช้
ประโยชน์เงินนัน้ ในทางหนึ่งหรือหลายทาง เช่น การให้สนิ เชื่อ การ
ซื้อขายตัวแลกเงิ
๋ น หรือตราสารเปลีย่ นมืออืน่ ใด และ การซื้อขาย
เงินปริวรรตต่างประเทศ
บริการของธนาคารพาณิ ชย์

ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะให้บริการในลักษณะต่าง ๆ
ดังต่อไปนี้ คือ

1. การเบิกเงินบัญชี
2. การให้กูย้ มื
- การให้กูย้ มื แก่ผูป้ ระกอบธุรกิจ
- การให้กูย้ มื แก่ผูบ้ ริโภค
3. การรับซื้อลดเช็ค หรือตัวเงิ ๋ น หรือตราสารเปลีย่ นมืออืน่ ๆ
4. การรับอาวัลตัวเงิ๋ น หรือการรับรองตัวเงิ๋ น หรือการออกเล็ตเตอร์ออฟ
เครดิต หรือการคา้ ประกัน
5. การโอนเงินและการเรียกเก็บเงิน
6. การรับฝากเงินทัง้ ระยะสัน้ และระยะยาว
7. การซื้อขายเงินปริวรรตต่างประเทศ
8. บริการอืน่ ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องกับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เช่น การออกเครดิต
การ์ด การออกเช็คของขวัญ การบริการให้เช่าตูน้ ิรภัย เป็ นต้น
หน้าที่และบทบาทของธนาคารพาณิ ชย์ต่อปริมาณเงิน

หน้า ที่ แ ละความรับ ผิ ด ชอบของธนาคารพาณิ ช ย์ (The


Function and Responsibility of Commercial Bank ) คือ
การสร้า งและการท าลายเงิน ฝาก การควบคุ ม ปริ ม าณเงิน
หมุนเวียนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจและการรักษาค่าของเงิน โดยที่
ธนาคารพาณิ ชย์จะทาหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างและการทาลายเงิน
ฝาก ส่วนธนาคารกลางก็จะทาหน้าทีเ่ กี่ยวกับการควบคุมปริมาณ
เงินและการรักษาค่าของเงิน
การรับฝากเงิน

คือ ธนาคารพาณิชย์มหี น้าทีร่ บั ฝากเงินจากประชากรโดยทัว่ ไปโดย


ผูฝ้ ากสามารถทีจ่ ะถอนเงินทีฝ่ ากนัน้ คืน ได้ตามกาหนดเวลาทีต่ กลงกัน
ไว้ และต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็ นค่าตอบแทนให้แก่ผูฝ้ าก ทัง้ ฝากเงิน
ประเภทออมทรัพย์ เงินฝากประจา ยกเว้นเงินฝากประเภทกระแส
รายวันเพียงอย่างเดียว แบ่งออกได้ 3 ประเภทคือ
1. เงินฝากเผือ่ เรียกหรือฝากระแสรายวัน
2. เงินฝากออมทรัพย์
3. เงินฝากประจาหรือเงินฝากทีต่ อ้ งจ่ายคืนเมือ่ สิ้นระยะเวลา
การจ่ายเงิน

คือ การจ่ายเงินให้แก่ผูฝ้ ากเงินไว้กบั ธนาคารพาณิชย์เพียง


อย่างเดียวเท่านัน้ โดยจะมิได้รวมถึงการจ่ายเงินเพือ่ การให้กูย้ มื
หรือเพือ่ ลงทุนในหลักทรัพย์แต่ประการใด
การให้กยู ้ มื เงินและการลงทุน

คือ เมือ่ ธนาคารพาณิชย์ระดมเงินทุนและเงินออมได้แล ้ว


ธนาคารพาณิชย์ก็จะนาเอาเงินดังกล่าวไปให้กูย้ มื หรือลงทุนใน
หลักทรัพย์ ทัง้ นี้เพือ่ ก่อให้เกิดการลงทุนและการจ้างแรงงานอีก
ต่อไปในอนาคต แบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ
(1) การเบิกเงินเกินบัญชี (Overdrafts or O/D )
(2) การกูย้ มื ทัว่ ๆ ไป (Loans )
(3) การซื้อลดตัวเงิ ๋ น
(1) การเบิกเงินเกินบัญชี (Overdrafts or O/D ) คือ ธนาคารจะให้
กูย้ มื ก็ต่อเมือ่ ลูกค้าจะต้องมีบญั ชีเงินฝากประเภทกระแสรายวันอยู่กบั
ธนาคาร โดยจะอนุญาตให้ลูกค้าเบิกเงินหรือสังจ่ ่ ายเงินได้เกินกว่า
จานวนเงินฝาก ในบัญชีกระแสรายวันของตนตามวงเงินทีไ่ ด้ทาตาม
ความตกลงกันไว้กบั ธนาคารล่วงหน้า
(2) การกูย้ มื ทัว่ ๆ ไป (Loans ) การกูย้ มื ประเภทต่างๆ เช่น การกูเ้ งิน
เพือ่ การพาณิชย์ การกูเ้ งินเพือ่ การอุตสาหกรรม และการกูเ้ งินเพือ่ การ
เกษตรกรรม และการกูเ้ งินเพือ่ การอุปโภคบริโภค
(3) การซื้อลดตัวเงิ ๋ น ตัวเงิ
๋ น คือ ใบสัญญาทีร่ ะบุวา่ ผูอ้ อกตัวจะใช้
๋ เงิน
ให้แก่ผูร้ บั ตัวเงิ
๋ นหรือผูถ้ อื ตัวเงิ
๋ น เมือ่ ครบกาหนดระยะเวลาทีร่ ะบุให้
ตัวเงิ
๋ น
การให้บริการทางด้านการเงิน

ธนาคารพาณิ ชย์จะทาหน้าที่เกี่ยวกับการให้บริการทางด้าน
การเงินทัง้ ในประเทศและต่างประเทศ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
(1) การโอนเงิน
(2) การเรียกเก็บเงินตามตราสาร
(3) การรับรองและการคา้ ประกัน
(4) การลงทุนในหลักทรัพย์
(5) ธุรกิจต่างประเทศ
ความรับผิดชอบของธนาคารพาณิ ชย์ต่อปริมาณเงิน
( The Responsibility of Commercial Banks by Money Supply )
 ความรับผิดชอบต่อลูกค้า ได้แก่ผูฝ้ ากเงิน และผูก้ ูย้ มื เงิน ธนาคาร
พาณิ ช ย์จ ะต้อ งรับ ผิด ชอบต่ อ ลู ก ค้า ในด้า นความมัน่ คงและความ
ปลอดภัยเกี่ยวกับการเงินและให้บริการในรูปต่างๆ
 ความรับ ผิดชอบต่ อ ผู ถ้ ือ หุน้ และพนักงาน เมื่อ ธนาคารพาณิ ช ย์ใ น
ประเทศไทยเป็ นบริษทั มหาชน การที่บุคคลเข้ามาซื้อหุน้ ของธนาคาร
พาณิชย์ก็เพือ่ หวังผลประโยชน์
 ความรับผิดชอบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จะมีความรับผิดชอบ
ต่อการขยายหรอการลดเครดิตด้วยการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ทางด้าน
เศรษฐกิ จ เพื่อ ให้ส อดคล อ้ งกับ นโยบายการเงิน ของประเทศและ
เหมาะสมกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ
 ความรับผิดชอบต่อสาธารณชน ความรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์ท่ี
พึง ควรมีต่ อ สังคมก็ จ ะต้อ งเป็ น ความรับ ผิด ชอบในแง่ท่ี ก่ อ ให้เ กิด
ประโยชน์ต่อส่วนรวม
บทบาทของธนาคารพาณิ ชย์ต่อปริมาณเงิน (The Roles of
Commercial Band by Money Supply )
 การรับฝากเงิน เมือ่ ธนาคารพาณิ ชย์เป็ นแหล่งระดมเงินออมที่สาคัญ
ที่สุดในระบบเศรษฐกิจ โดยที่แหล่งสะสมเงินออกจานวนมหาศาล
ดังกล่าวกล่าวจะอยู่ในรูปของเงินฝากประเภทกระแสรายวัน หรือเงิน
ฝากประเภทออมทรัพย์
 การให้กูย้ มื เงิน ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยนับเป็ นแหล่งเงินกูร้ าย
ใหญ่ ท่ีสุดของประเทศ และเมื่อธนาคารพาณิ ชย์สามารถที่จะระดม
เงินทุนและเงินออกได้แลว้ ทัง้ นี้เพื่อทาให้เกิดการลงทุนและการจ้าง
แรงงานต่อไป
การคลังรัฐบาล
การคลังสาธารณะ

1. รายได้ของรัฐบาล
2. รายจ่ายของรัฐบาล
3. หนี้สาธารณะ
4. งบประมาณแผ่นดิน
5. นโยบายการคลัง
รายได้ของรัฐบาล

1. รายได้จากภาษีอากร
2. รายได้ทม่ี ใิ ช่ภาษีอากร
3. รายได้จากการกู ้
4. การพิมพ์ธนบัตร
รายจ่ายของรัฐบาล
1. ด้านเศรษฐกิจ
2. ด้านการศึกษา
3. ด้านการป้ องกันประเทศ
4. ด้านสาธารณูปการ
5. ด้านการรักษาความสงบภายใน
6. ด้านการบริหารทัว่ ไป
7. ด้านชาระหนี้เงินกู ้
8. ด้านอืน่ ๆ
หนี้ สาธารณะ

วัตถุประสงค์ของการกูย้ มื

• เพือ่ ใช้จ่ายในโครงการต่างๆ
• เพราะรายได้นอ้ ยกว่าค่าใช้จ่าย
• เพือ่ รักษาดุลงบประมาณ
• เพือ่ ใช้จ่ายเมือ่ จาเป็ นเร่งด่วน
ประเภทของการกูเ้ งิน

1. แบ่งตามระยะเวลาการกู ้
 กูร้ ะยะสัน้
 กูร้ ะยะปานกลาง
 กูร้ ะยะยาว
2. แบ่งตามแหล่งเงินกู ้
 กูภ้ ายในประเทศ
 กูจ้ ากต่างประเทศ
งบประมาณแผ่นดิน

งบประมาณแผ่นดิน คือ แผนการใช้เงินจองรัฐบาลทีจ่ ดั ทาขึ้น


เพือ่ แสดงรายรับรายจ่ายของโครงการต่างๆ ทีก่ าหนดไว้ในปี ถดั ไป
งบประมาณมีกาหนดเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปี โดย
งบประมาณทีจ่ ดั ทาขึ้นในแต่ละปี งบประมาณเรียกว่า งบประมาณ
ประจาปี (annual budget)
ลักษณะของงบประมาณที่ดี

1. เป็ นศูนย์รวมของเงินแผ่นดิน
2. งบประมาณถือหลักพัฒนา
3. งบประมาณถือหลักประหยัด
4. งบประมาณมีระยะเวลาทีเ่ หมาะสม
นโยบายงบประมาณ

1. งบประมาณขาดดุล
2. งบประมาณเกินดุล
3. งบประมาณสมดุล
นโยบายการคลัง
นโยบายทีร่ ฐั บาลใช้เพือ่ ปรับให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ โดยใช้
นโยบายภาษีอากร นโยบายรายจ่ายของรัฐ และนโยบายหนี้สาธารณะ
อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ ทัง้ สามอย่างประกอบกัน ซึง่ จะดาเนินนโยบาย
ต่างกันแล ้วแต่สภาวะเศรษฐกิจในขณะนัน้
1. ในภาวะเงินเฟ้ อ คือ ใช้นโยบายเกินดุล โดยเก็บภาษีเพิม่ เพือ่ ลด
อุปสงค์ ลดรายจ่ายรัฐบาล
2. ในภาวะเงินฝื ด คือ ใช้นโยบายขาดดุล เพือ่ เพิม่ การลงทุนให้
สูงขึ้น ลดภาษี เพือ่ เพิม่ อุปสงค์รวมกระตุน้ ให้มกี ารขายการผลิต

You might also like