Professional Documents
Culture Documents
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
นายชาญยุทธ เกตวานันท์ ์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
นายนรชัย พงศาชาญ
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
นายเสฏฐวุฒิ บุญเข็ม
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
นายอนุวฒ
ั น์ สง่ าชาติ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
นายชาญยุทธ เกตวานันท์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
นายนรชัย พงศาชาญ
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
นายเสฏฐวุฒิ บุญเข็ม
คา องก
ชีย
มค ึ งข
นายอนุวฒั น์ สง่าชาติ
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
สาขาวิชาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์
(ล
มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
ปี การศึกษา 2550
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
Mr.Chanyut Ketavanan
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
Mr.Norachai Phongsachan
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
Mr.Sadthawud Bunkhem ์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
Mr.Anuwat Sangachat
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
For the Degree of the Bachelor of Engineering in Mechatronics and Robotic Engineering
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
.............................................
รม ต ร
(ผศ.วิศิษฎ์ ประทุมสุ วรรณ)
ร์
กร าส
คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์
ศิ ว มศ
ะว รร
มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
50 นย คณ ศิ วก
คณะกรรมการสอบปริญญานิพนธ์ :
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
…………………………ประธานกรรมการ
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
(นายอมร สมเจตน์เลิศเจริ ญ)
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
…………………………กรรมการ
อา
คา องก
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
…………………………กรรมการ
ยา
า ว
ห
วก สว่
(นางสาววลีพรรณ กันเนื่อง)
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
…………………………กรรมการ
นข
สา ิ พ
(ผศ.ณัฐ จันท์ครบ)
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
…………………………กรรมการ/ที่ปรึ กษา
(ล
(นายวรพจน์ ศตเดชากุล)
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
……………………………….
รม ต ร
(Asst.Prof.Wisit Pratumsuwan)
ร์
กร าส
Dean of Faculty of Engineering
ศิ ว มศ
ะว รร
South-East Asia University
50 นย คณ ศิ วก
รว
Special Project Committee:
า ียอ นต สูต …………………………Chairman
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
(Mr.Amorn Somjetlertcharoen)
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
…………………………Member
อน ศกึ
คเ
ทร าร
(Mr.Chatchai Aiumpornsin)
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
…………………………Member
มเ น่
ลัย
รร นห
(Mrs.Waleephan Gunnang)
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
…………………………Member
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
(Asst.Prof.Natt Junkorb)
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
…………………………Member/Advisor
ิขส
ปร
(Mr.Worapot Satadachakul)
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
นายชาญยุทธ เกตวานันท์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นายนรชัย พงศาชาญ
เ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
นายเสฏฐวุฒิ บุญเข็ม
ทร าร
อา
คา องก
นายอนุวฒั น์ สง่าชาติ
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
นายนรชัย พงศาชาญ
สต ฑ
ศา บัณ
นายเสฏฐวุฒิ บุญเข็ม
รม ต ร
นายอนุวฒั น์ สง่าชาติ
ร์
กร าส
อาจารย์ ที่ปรึกษา นายวรพจน์ ศตเดชากุล
ศิ ว มศ
ชื่ อปริญญา วิศวกรรมศาสตร์บณั ฑิต
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
สาขาวิชา วิศวกรรมเมคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์
รว
คณะ วิศวกรรมศาสตร์
ปี การศึกษา 2550 า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
บทคัดย่ อ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
โครงงานนี้ได้ทาการสร้างหุ่นยนต์อุตสาหกรรม 6 แกน (Industrial Robot 6 Axis)
มค ึ งข
เอเ
โดยใช้อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ และ เมคคานิกส์มาประกอบเข้าด้วยกัน ตัวหุ่ นยนต์มีลกั ษณะเป็ น
มเ น่
ลัย
รร นห
แขนกลที่ ขบั เคลื่ อนด้วย DC Servo motor โดยใช้โปรแกรม Mathematica ทาการคานวณฟั งก์ช่ัน
ยา
า ว
ห
วก สว่
ทางคณิ ตศาสตร์และใช้โปรแกรม Lab VIEW 8.2 เป็ นส่ วนประมวลผล และ ควบคุมผ่านระบบ PXI
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
แกนกระทาได้โดยการกาหนดตาแหน่ งและให้โปรแกรมทาการคานวณรอบและทิศทางการหมุน
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
การเคลื่ อนที่ ต ามคาสั่งได้ห ลาย ๆ ตาแหน่ ง โดยการสั่งงานครั้ งเดี ยวจนกว่าจะสั่งหยุด เพื่ อให้
ิขส
ปร
ประสิ ทธิภาพ
ข
ิต
Mr.Norachai Phongsachan
สต ฑ
ศา บัณ
Mr.Sadthawut Buankhem
รม ต ร
Mr.Anuwat Sangachat
ร์
กร าส
Advisor Mr.Worapot Satadaechakul
ศิ ว มศ
Degree Bachelor of Engineering in Mechatronics and Robotics Engineering
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
Department Mechatronics and Robotics Engineering
รว
Faculty Engineering
Academic Year 2007 า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
Abstract
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
electronic and mechatronic and equipment. The robot’s arm movement is operated by a DC servo
มค ึ งข
เอเ
with applied Mathematical program to calculate mathematical functions. The Lab VIEW 8.2
มเ น่
ลัย
รร นห
program is also used as processor to control the robot’s arm movement via PXI driver of the servo
ยา
า ว
ห
วก สว่
motor. The operation was performed automatically form the commands it received such it
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
The performance showed that it is applicable for industrial use and for simple
นข
สา ิ พ
าน
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ค
กิตติกรรมประกาศ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
การดาเนินการจัดทาปริ ญญานิพนธ์เรื่ อง หุุ ุ่นยนต์อุตสาหกรรม 6 แกน สุาเร็จลุล่วงไป
รม ต ร
ได้ดว้ ยดี ทางคณะผูจ้ ดั ทาขอขอบพระคุณท่าน อาจารย์ วรพจน์ ศตเดชากุล หุัวหน้าสาขาวิชา
ร์
กร าส
วิศวกรรมเมคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ ทุุี ่ ได้ให้คาปรึ กษาแนะนาเป็ นอย่างดีตลอดระยะเวลาใน
ศิ ว มศ
ะว รร
การดาเนินงาน อันเป็ นสิ่ งที่คณะผูจ้ ดั ทารู ้สึกซาบซึ้งเป็ นอย่างยิง่ คณะผูจ้ ดั ทาขอกรามขอบพระคุณ
50 นย คณ ศิ วก
เป็ นอย่างสู งไว้ ณ โอกาสนี้
รว
ขอบพระคุณท่าน อาจารย์ฉัตรชัย เอี่ยมพรสิ น ที่ได้ช้ ีแจงและตรวจสอบความสมบูรณ์ของ
า ียอ นต สูต
เนื้ อหาของปริ ญ ญานิ พ จน์ ตลอดจนให้ก าลังใจในการด าเนิ น การตลอดมาคณะผูจ้ ดั ท าขอกราบ
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
ขอบพระคุณเป็ นอย่างสู ง 25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
คณะผูจ้ ดั ทาขอขอบพระคุณ บิดา มารดา ผุู ุ้ให้กาเนิดและเลี้ยงดูจนเติบโต ขอบคุณ
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
เพื่อน พุุี ่ และ นุ้อง ตลอดจนทุกท่านที่ได้ให้ความช่วยเหลือ และเป็ นกาลังใจสาคัญอย่างยิง่ ใน
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
อุตสาหกรรม 6 แกน ยุ่อมเป็ นผลมาจาก ความเมตตา กรุ ณา และ การดูแลเอาใจใส่ ช่วยเหลิอจากผู ้
มค ึ งข
เอเ
มีพระคุณทุกท่านดังกล่าวมาข้างต้น คณะผูจ้ ดั ทารู ้สึกซาบซึ้งเป็ นอย่างยิง่ จุึงใคร่ ขอขอบพระคุณ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
คณะผู้จัดทา
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
นายชาญยุทธ เกตวานันท์
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
นายนรชัย พงศาชาญ
ิขส
ปร
นายเสฏฐวุฒิ บุญเขุม็
(ล
นายอนุวฒั น์ สง่าชาติ
ง
สารบัญ
ิต
สต ฑ
หน้ า
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
บทคัดย่อไทย ................................................................................................................................. ก
ศิ ว มศ
บทคัดย่ออังกฤษ ........................................................................................................................... ข
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
กิตติกรรมประกาศ ........................................................................................................................ ค
รว
สารบัญ ......................................................................................................................................... ง
า ียอ นต สูต
สารบัญตาราง ............................................................................................................................... ช
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
สารบัญภาพ .................................................................................................................................. ซ
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
1.1 ความเป็ นมาและความสาคัญของงานที่ทา . ....…………………………………….. 1
นย
)์
อน ศกึ
คเ
1.1.1 ข้อดี ....……………………….………………………………………… 4
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
1.2 วัตถุประสงค์ …………………’………………………………………………….. 5
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
อง
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
สารบัญ (ต่ อ)
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
หน้ า
รม ต ร
ร์
กร าส
2.4 การแก้ปัญหาแบบวิเคราะห์ (analytical approach) …….………………………… 11
ศิ ว มศ
2.5 การแก้ปัญหาแบบวาดรู ป (graphical approach) …………………………………. . 12
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
2.6 การแก้ปัญหาแบบวิเคราะห์…………………………………..…………….……… 13
รว
2.7 สมการเวกเตอร์สามมิติ …....……………………………….….……….……….... 15
า ียอ นต สูต
2.8 ผลคูณภายในของเวกเตอร์ ..,………………………………………….………….. 16
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
2.9 ผลคูณภายนอกของเวกเตอร์ ……………………………………...………..……. . 17
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
2.11 เมตริ กซ์การหมุน …………………………………………………….………….. 19
นย
)์
อน ศกึ
คเ
2.12 การเปลี่ยนระบบพิกดั …………………………………………………....…….. 23
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
2.14 มุมออยเลอร์ (euler angles) ……………………………………………………… 25
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
อง
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
สารบัญ (ต่ อ)
ิต
หน้ า
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
2.25 คิเนมาติกดาเนินไปข้างหน้า (Forward Kinematics) …………………..……… 43
ร์
กร าส
2.26 คิเนมาติกส์ดาเนินย้อนกลับ ( Inverse Kinematics ) …………...…….…….…. 45
ศิ ว มศ
2.27 อนุพนั ธ์ดิเนมาติกส์ของหุ่นยนต์ ….…………………………….……..…….… 54
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
2.28 หุ่นยนต์ CRS-A255 …………………………………………………………… 61
รว
บทที่ 3 การออกแบบ ................................................................................................................... 70
า ียอ นต สูต
3.1 Servo system............................................................................................................ 71
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
3.2 การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า................................................................................. 73
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
3.2.1 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (DC motors)......................................................... 74
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
3.2.2 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC motors) ....................................................... 75
อน ศกึ
คเ
3.2.3 ชุดขับไฮดรอลิก .......................................................................................... 76
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
3.2.5 ชุดขับแบบพลังแม่เหล็ก ................................................................................ 78
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
3.2.8 ลักษณะเฉพาะของระบบขับเคลื่อน................................................................ 78
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
3.3 Driver...................................................................................................................... 80
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
(ล
ตารางที่
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
สารบัญตาราง
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
2-1 D-H parameters …….………………………………………….………………………….. 40
2-2 Denavit-Hartenberg ของหุ่นยนต์ CRS-A255 …………………..………..……………….. 106
หน้ า
ช
ซ
สารบัญภาพ
ิต
ภาพที่ หน้ า
สต ฑ
ศา บัณ
2-1 แสดงความสัมพันธ์ของระบบพิกดั 3 แบบ…………………………………...……………… 7
รม ต ร
ร์
กร าส
2-2 ระบบพิกดั คาร์ทีเชียนในระบบ 3 มิติ……………………………………...…………………. 8
ศิ ว มศ
2-3 แสดงการบอกปริ มาณเวกเตอร์……………………………………...……………………….. 9
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
2-4 แสดงการหาผลรวมของเวกเตอร์……………………………..………….……….………… 12
รว
2-5 แสดงผลการหาค่าต่างฯของเวกเตอร์…………………………………………….….……… 12
า ียอ นต สูต
2-6 แสดงการหาผลรวมของเวกเตอร์ดว้ ยวิธีวาดรู ป……………………………………..……… 15
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
2-7 แสดงการใช้กฎมือขวา…………………………………………..………………...……..…. 17
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
2-9 axis rotation about Z axis …………………………………………………………….….… 21
นย
)์
อน ศกึ
คเ
2-10 การเปลี่ยนระบบพิกดั …………………………………………………………………...… 23
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
2-12 มุมออยเลอร์………………………………………………………………………....……... 25
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
อง
2-16 สมดุลของแรงบนก้านโยง…………………………………………..……………………... 33
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
สารบัญภาพ(ต่ อ)
ิต
ภาพที่ หน้ า
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
2-25 ปลายสุ ดที่หุ่นยนต์สามารถไปถึง .………………….……………………………………. 50
ศิ ว มศ
ะว รร
2-26 End-Effector Orientation ………………………………………………………………... 53
50 นย คณ ศิ วก
2-27 คิเนมาติกส์อนุพนั ธ์ ……………………………………………………………………….. 55
รว
2-28 คิเนมาติกส์อนุพนั ธ์ของแขนกล …..................................................................................... 56
า ียอ นต สูต
2-29 หุ่นยนต์ CRS-A255 ……………………………………………………………................ 61
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
์
2-31 Atrix for YPR …………………………………………….……………………………... 62
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
2-32 แสดงการ Inverse Kinematics ของแกนที่ 1 …………….…………………...................... 67
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
2-34 แสดงการ Inverse Kinematics ของแกนที่ 2 …………….................................................. 68
มค ึ งข
เอเ
2-35 แสดงการ Inverse Kinematics ของแกนที่ 5 ………………………………………………. 69
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
3-4 ส่ วนประกอบของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง…………………………………………………..74
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
สารบัญภาพ(ต่ อ)
ิต
ภาพที่ หน้ า
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
3-14 เส้นทางแบบเส้นตรง (linear)..................................................................................................88
ศิ ว มศ
3-15 เส้นทางแบบเส้นตรงผสมกับพาราโบลา .............................................................. ...............88
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
3-16 การควบคุมตาแหน่งของหุ่นยนต์ …………………………………………………………. 92
รว
3-17 มวลต่อกับสปริ ง …………………………………………………………………………….93
า ียอ นต สูต
3-18 การ์ดเชื่อมต่อสาหรับการควบคุมการเคลื่อนที่ ……………………………………………...94
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
์
3-20 เซนเซอร์วดั ความเร็ ว (velocity sensors) ……………………………………………………97
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
3-21 Front Panel …………………………………………………………………………………98
อน ศกึ
คเ
3-22 ตัวอย่างของตัว Control และ Indicator แบบ Numerics ใน Front Panel ……………………98
ทร าร
อา
คา องก
3-23 ตัวอย่างของตัว Control และ Indicator แบบ Strings Boolean ใน Front Panel ……………..99
ชีย
มค ึ งข
เอเ
3-24 ตัวอย่างของตัว Control และ Indicator แบบ Strings ใน Front Panel …….………………...99
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
สารบัญภาพ(ต่ อ)
ิต
ภาพที่ หน้ า
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
4-6 เปิ ดโปรแกรม LabVIEW 8.2 ………………………………………………………………..109
ศิ ว มศ
ะว รร
4-7 เปิ ดโปรแกรม Robot CRS_82ASH1 ………………………………………………………..109
50 นย คณ ศิ วก
4-8 Step 1 ……………………………………………………………………………………….110
รว
า ียอ นต สูต
4-9 Step 2 ……………………………………………………………………………………….110
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
4-10 Step 3 ………………………………………………………………………………………111
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
4-11 Step 4 ……………………………………………………………………………………...111
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
4-12 Step 5 ………………………………………………………………………………………112
นย
)์
อน ศกึ
คเ
4-13 Step 6 ………………………………………………………………………………………112
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
4-14 Step 7 ………………………………………………………………………………………113
มค ึ งข
เอเ
4-15 Step8 ……………………………………………………………………………………….113
มเ น่
ลัย
รร นห
มห
น์ ี เ้
นข
ิ์เป็
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
1.1 ควำมเป็ นมำและควำมสำคัญของงำนทีท่ ำ
รม ต ร
ร์
ความเจริ ญก้าวหน้าของโลกมนุ ษย์ เกิดจากความพยายามของมนุ ษย์ที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข
กร าส
ศิ ว มศ
ในสิ่ งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการดารงชี วิต และ เพื่อความปลอดภัย
ะว รร
เทคโนโลยีอีกด้านหนึ่ งที่ในปั จจุบนั มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ ว คือ เทคโนโลยีดา้ นหุ่ นยนต์และ
50 นย คณ ศิ วก
แขนกล ไม่ว่าจะงานทางด้านอุตสาหกรรมหรื อหุ่ นยนต์ในด้านอื่นๆ นับว่าเป็ นเทคโนโลยีที่มีการ
รว
พัฒนาตลอดเวลา ซึ่งเป็ นผลดีต่อมนุษย์ ช่วยทาให้ส่ิ งที่อยากให้เป็ นสิ่ งที่ง่าย
า ียอ นต สูต
หุ่นยนต์ (Robot) เป็ นคารากศัพท์ที่มาจากภาษาสโรวิคของประเทศเชกโกสโลวาเกีย ซึ่งอาจถือ
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
์
Robots แต่งโดยนักเขี ยนชาวเชกโกสโลวาเกี ย ชื่ อ Karel Kapek โดยบทละครได้แสดงถึ ง
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
เครื่ องจักรที่ลอ้ เลียนแบบการเคลื่อนไหวของมนุษย์ และแสดง ถึงความสามารถของเครื่ องจักรที่
อน ศกึ
คเ
ทร าร
สามารถท าลายได้ทุ ก สิ่ ง ในอดี ต ชาวอี ยิป ต์โบราณได้ป ระดิ ษ ฐ์แ ขนกลเข้ากับ รู ป บู ชา เพื่ อให้
อา
คา องก
ชีย
นักบวชได้ใช้แสดงปาฏิหาริ ยต์ ่อผูค้ น ต่อมาในศตวรรษที่ 18 ได้มีการประดิษฐ์หุ่นเชิ ดในยุโรป
มค ึ งข
เอเ
เพื่อเลียนแบบการเคลื่อนที่ของมนุ ษย์ และ สัตว์ ประกอบไปด้วย เครื่ องต้นแบบแขนกล และ
มเ น่
ลัย
รร นห
ส่ ว นอื่ น ฯ ขับ เคลื่ อ นด้ว ย ชุ ด กลไก (Linkages) และลู ก เบี้ ย ว (Cams) ในหุ่ น ยนต์บ างตัว
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
ทิ ธ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ลักษณะการเคลื่อนไหวก็คือ การเลียนแบบผูค้ วบคุมนัน่ เอง โดยแขนกลแบบหัวหน้าสั่งลูกน้อง
ประกอบไปด้วย 6 องศาอิสระ (Degrees of freedom : DOF) แต่ละข้อต่อนั้นจะมีการเคลื่อนที่
รม ต ร
ร์
กร าส
แบบเชิงมุมซึ่ งมีลกั ษณะคล้ายคลึงกับแขนของมนุ ษย์อนึ่ งในการรวมกันของการควบคุมเชิงตัวเลข
ศิ ว มศ
และการควบคุมทางไกล ทาให้เกิดการศึกษาด้านหุ่ นยนต์ซ่ ึ งรวมถึง การออกแบบ (Design) และ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ควบคุม (Control) ที่แตกต่างไปจากเดิม
รว
จากหลัก การเบื้ องต้น ของหุ่ น ยนต์ที่ โปรแกรมของ George C. Devol ต่ อมาได้มี ก าร
า ียอ นต สูต
พัฒนาด้วยการเพิ่ม การควบคุมแบบย้อนกลับ (sensor feedback) โดย H.A. Ernst ได้สร้างมือกล
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ พร้อมเครื่ องมือวัดแบบสัมผัส ซึ่ งกลไกนี้ สามารถตอบสนองความรู ้สึก
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
ดังกล่าวเป็ นตัวอย่างหนึ่ งของความสามารถ ในการควบคุมหุ่ นยนต์ที่ไม่ใช้มนุ ษย์ควบคุม โดยที่
นย
)์
อน ศกึ
คเ
หุ่นยนต์มีความสามารถปรับพฤติกรรมเข้ากับสภาพแวดล้อมได้
ทร าร
อา
คา องก
ในปี ค.ศ. 1969 Mc Carthy และคณะที่ Stanford Artificial Intelligence Laboratory ได้สร้าง
ชีย
มค ึ งข
เอเ
หุ่ นยนต์ที่ประกอบไปด้วย มือ ตา และ หู ซึ่ งก็คือ แขนกล กล้องโทรทัศน์ และไมโครโฟน โดย
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
ในปี ค.ศ. 1978 บริ ษทั General Motors ประเทศสหรัฐอเมริ กาได้สร้าง หุ่ นยนต์ต้ งั ชื่อว่า พูม่า
าน
ิ์เป็
วชิ
( PUMA: Programmable Universal Machine for Assembly) ซึ่ งมีขนาดเท่า ๆ กับขนาดแขนมนุ ษย์
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ในช่วงปี ค.ศ. 1970 นี้ ก็มีการคิดค้นพัฒนาอุปกรณ์เครื่ องมือตรวจวัดต่าง ๆ มากมาย เพื่อช่วย
ในการทางานของแขนกล เช่ น มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ ด Bolles และ Paul ใช้การมองเห็ น
รม ต ร
ร์
กร าส
และชุดควบคุมป้อนกลับด้วยแรง ( force feedback control) ต่อเข้ากับแขนกล Stanford Arm และ
ศิ ว มศ
คอมพิวเตอร์ PDP -10 เพื่อใช้ประกอบปั๊มน้ าในรถยนต์
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
บริ ษ ัทไอบี เอ็ม Will และ Grossman ได้พ ฒ ั นาชุ ดควบคุ มแขนกลที่ ประกอบด้วยระบบ
รว
สัมผัส และ อุปกรณ์วดั แรง โดยหุ่ นยนต์แขนกลนี้ ใช้ในการประกอบชิ้นส่ วน ในเครื่ องพิมพ์ดีด
จานวน 20 ชิ้น า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
Jet Propulsion Laboratory (JPL) ประเทศสหรั ฐ อเมริ ก า ได้ศึ ก ษาการควบคุ ม แบบ ทอร์ ก
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
รู ปแบบของเซอร์ โว (servo control) Hirose and Yoneda Robotics Laboratory แห่ งสถาบัน
นย
)์
อน ศกึ
คเ
เทคโนโลยีแห่ งโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้เห็นถึงศักยภาพ ของของหุ่ นยนต์ อีกมากมาย ในงาน
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
FANUC, TOSHIBA SEIKI,FANUC เป็ นต้น
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ROBOT : (n) 1 A : a machine that looks like a human being and performs various
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
complex acts (as walking or talking) of a human being ; also : a similar but fictional machine
ปร
(ล
whose lack of capacity for human emotions is often emphasized or B: an efficient insensitive
person who functions automaticatlly 2 : a device that automatically performs complicated often
repetitive tasks3 : a mechanism guided by automatic controls
จากพจนานุกรม MERRIAM-WEBSTER ได้ให้ความหมายไว้ 3 แบบโดยความหมายแรก คือ
เครื่ องจักรกลที่มีลกั ษณะคล้ายมนุ ษย์และสามารถกระทาการที่ซับซ้อน เช่น เดินหรื อพูดได้คล้าย
มนุษย์ หรื อ อาจหมายถึง บุคคลที่ไม่มีความรู ้สึกในการรับรู ้ ความหมายที่สอง คือกลไกที่สามารถ
4
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ของหุ่ น ยนต์ในแนววิท ยาศาสตร์ ที่เขียนขึ้ น ว่ามี ล กั ษณะคล้ายมนุ ษ ย์ แต่ ไม่ มีความรู ้ สึก และถู ก
นามาใช้งานแทนมนุ ษย์ โดยหุ่ นยนต์ในนิ ยายนี้ ได้ออกแบบอย่างดีไม่มีขอ้ บกพร่ อง (FAIL-SAFE
รม ต ร
ร์
กร าส
MACHINE) และสมองหุ่ นยนต์ได้ถูกตั้งโปรแกรมไว้ดว้ ยมนุ ษย์ และได้กาหนดกฎหลัก 3 ข้อของ
ศิ ว มศ
หุ่นยนต์ คือ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
1.หุ่นยนต์ตอ้ งไม่ทาร้ายมนุษย์ หรื อปล่อยให้มนุษย์ได้รับอันตราย
รว
2.หุ่นยนต์ตอ้ งเชื่อฟังคาสัง่ ของมนุษย์เว้นแต่จะขัดแย้งกับกฎข้อที่ 1
า ียอ นต สูต
3.หุ่นยนต์ตอ้ งปกป้องสภาพแวดล้อมของตนเองที่เป็ นอยูต่ ราบที่ไม่ขดั แย้งกับกฎข้อ1และข้อ 2
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
1.1.1 ข้อดี
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
ของการผลิต
นย
)์
อน ศกึ
คเ
(ข) ทางานในบริ เวณที่อนั ตราย ในที่อบั หรื อความปลอดภัย
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
ตลอดเวลาอีกทั้งไม่ตอ้ งมีวนั หยุด
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
เหนือกว่ามนุษย์หลายเท่า ทั้งยังทางานหลายประเภทได้ในเวลาเดียวกัน
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
1.1.2 ข้อเสี ย
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
โปรแกรมควบคุมเอาไว้ก่อนล่วงหน้า
ปร
(ล
1.2. วัตถุประสงค์
1.2.1. เพื่อศึกษาการทางานของแขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม
1.2.2. เพื่อศึกษาเกี่ยวกับหลักการโครงสร้าง และ ส่ วนประกอบต่าง ๆของแขนกล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
1.2.3. เพื่ อ สร้ างแขนกลแบบหกแกน (6 DEGREE OF FREEDOM หรื อ 6- DOF) โดยใช้
รม ต ร
AC SERVO MOTOR
ร์
กร าส
1.2.4. เพื่อศึกษาระบบควบคุมโดยใช้ PC ในการ CONTROL
ศิ ว มศ
1.2.5. เพื่อนาแขนกลที่สร้างขึ้นมา เป็ นต้นแบบในการศึกษาภาค CONTROL กับ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
MACHANICAL
รว
1.2.6. เพื่อเป็ นต้นแบบในการสร้างเพื่อพัฒนา และ เป็ นต้นแบบในการวิจยั ในอนาคต
1.3. ขอบเขตโครงงำน
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
1.3..1 สามารถสร้างแขนกล 6 แกนเคลื่อนที่จากจุด A ไปสู่ จุด B ได้
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
1.4 ขั้นตอนกำรดำเนินงำน
อา
คา องก
ชีย
ขั้นตอนการในการดาเนินงานนี้จะถูกแยกออกเป็ น 3 ส่ วนใหญ่ ฯ ด้วยกันคือ
มค ึ งข
เอเ
1.4.1 ศึกษาและค้นคว้าทฤษฏีที่เกี่ยวของ และรวบรวมข้อมูลที่ได้ ซึ่งการทางานของหุ่ นยนต์
มเ น่
ลัย
รร นห
(ก) ทางด้านฮาร์ดแวร์
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
- ชุดเฟื อง และเกียร์ทดกาลัง
นข
สา ิ พ
- ชุดทาโคลงแขนใช้ อลูมิเนี่ยม
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
(ข) ทางด้านซอฟท์แวร์
ิขส
ปร
ิต
1.5.2 เป็ นแนวทางในการพัฒนาและวิจยั แขนกลในงานอุตสาหกรรม
สต ฑ
ศา บัณ
1.5.3 เป็ นแนวทางในการพัฒ นาระบบการควบคุ ม ต าแหน่ งการหมุ น ของ AC SERVO
รม ต ร
MOTOR
ร์
กร าส
1.5.4 เป็ นต้นแบบในการสร้างแขนกลของอนุชนรุ่ นหลังสื บไป
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
บทที่ 2
ทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
พื้นฐานทางคณิ ตศาสตร์เป็ นสิ่ งจาเป็ นในการศึกษาวิชาหุ่นยนต์ ในบทนี้จะอธิบายถึงระบบพิกดั
รม ต ร
ร์
กร าส
(coordinate systems) ,ระบบเวกเตอร์ (vector), ตาแหน่ง ,เมตริ กซ์การหมุน, การเปลี่ยนระบบพิกดั ,
ศิ ว มศ
สมการจลนศาสตร์
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
2.1 ระบบพิกดั (coordinate systems)
า ียอ นต สูต
ระบบพิ กัด ที่ จ าเป็ นมี อ ยู่ 3 ประเภท คื อ ระบบพิ กัด แบบคาร์ ที เชี ย น (cartesion coordinate)
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ระบบพิ กัด แบบเชิ ง ขั้ว (polar coordinate) และระบบพิ กัด แบบเชิ ง ซ้ อ น(complex coordinate)
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
ระบบพิกดั คาร์ ทีเชียน (Cartesian coordinate) คือ ระบบพิกดั ที่ใช้กนั ทัว่ ไป ประกอบด้วย
ปร
(ล
แกน 3 แกน คือ แกน X แกน Y บนระนาบหรื อถ้าเป็ นระบบสามมิติ (3D) ก็จะประกอบด้วย แกน X
, Yและ Z ทิศทางของแกนทั้งสามนั้นต้องตั้งฉากกันและกัน และเป็ นไปตามทิศทางของกฎมือขวา
(right hand rule) โดยตั้งแกน X ที่นิ้วชี้โดยที่)ลายชี้ออกเป็ นบวก แล้ววางแกน Y ที่นิ้วกลาง ก็จะได้
แกน Z อยูใ่ นแนวนิ้วโป้ง
8
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
(ก ) ทิศทางของกฎมือขวา (ข) ทิศทางของเกน 3 แกน X,Y,Z
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ภาพที่ 2-2 ระบบพิกดั คาร์ทีเชียนในระบบ 3 มิติ
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
ซึ่ งถ้ากาหนดทิศทางของแกน 2 แกน ก็สามารถหาทิศทางของแกนที่ 3 ได้โดยใช้กฎมือ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ขวา โดยที่ i เป็ นเวกเตอร์ หนึ่ งที่ทิศทางตามแกน x, j เป็ นเวกเตอร์ หนึ่ งหน่ วยที่ทิศทางตามแกน y
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
2.1.2 ระบบพิกดั เชิงขั้ว
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
าวทิ
ป
x = r cos θ
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
y = r sin θ
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
โดยทัว่ ไปปั ญหาทางวิศวกรรมจะกาหนดให้แกนของโลกเป็ นแกนอ้างอิงที่อยูก่ บั ที่ (fixed reference
รม ต ร
frame) กรณี ที่คิดบนพื้นโลก
ร์
กร าส
การเคลื่ อนที่ แ บบสั ม บู รณ์ (absolute motion) คื อ การเคลื่ อนที่ ที่ สัมพัน ธ์กับ แกน
ศิ ว มศ
อ้างอิงที่ยึดติดอยู่กบั ที่ (fixed reference frame) ส่ วนการเคลื่อนที่สัมพันธ์ (relative motion) คือ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
การเคลื่อนที่ที่สัมพันธ์กบั แกนอ้างอิงที่เคลื่อนที่โดยเทียบกับแกนอ้างอิงที่อยู่กบั ที่ ถ้าแกนเคลื่อน
รว
สัมพันธ์ (relative reference frame) ไม่มีการเคลื่อนที่กถ็ ือว่าเป็ นแกนอ้างอิงที่อยูก่ บั ที่
า ียอ นต สูต
ระบบพิ กัด จะเป็ นตัว ก าหนดค่ าของต าแหน่ ง (position) และค่ าเชิ งมุ ม (angular)
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
โดยทัว่ ไปค่าตาแหน่งมักอ้างอิงถึงจุด (points) ส่ วนค่าเชิงมุมมักอ้างอิงถึงวัตถุ (bodies)
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
2.2 เวกเตอร์ (Vectors)
นย
)์
อน ศกึ
คเ
เวกเตอร์ คือ ปริ มาณทางคณิ ตศาสตร์ที่มีขนาด (magnitude) และทิศทาง (directions) ซึ่ งการบ่ง
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
( CCW = counterclockwise) มี ค่ า บ ว ก แ ล ะ ใ น ทิ ศ ต า ม เ ข็ ม น า ฬิ ก า
(CW = clockwise) มีค่าลบและ A คือ ขนาดของเวกเตอร์ A และเป็ นปริ มาณสเกลาร์จะได้วา่
ิต
A = Aθ
สต ฑ
ศา บัณ
= A (cos + sin )
รม ต ร
= i+ j
ร์
กร าส
=A
ศิ ว มศ
= A( i + j)
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
=A
รว
หมายเหตุ : j ในสมการข้างบน คือ จานวนจินตภาพ j = -1
AX = A cos θ า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
AY = A sin θ
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
A =
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
= cosθ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
= sinθ
ทร าร
อา
คา องก
θ = arctan ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
ตัวอย่างของการรวมเวกเตอร์ . เวกเตอร์ใดๆ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
C =A+B
(ล
ตัวอย่างการหาคาตอบของสมการเวกเตอร์
ตัวอย่างที่ 2.1 กาหนดขนาดของเวกเตอร์ดงั ต่อไปนี้
) = 7.07i 7.07j
ิต
A = 10 = 10(
สต ฑ
ศา บัณ
B = B =
รม ต ร
C = C =) C( )
ร์
กร าส
เวกเตอร์ A กาหนดค่าขนาดและทิศทาง ให้ส่วนเวกเตอร์ B และ C กาหนดเฉพาะทิศทางแต่ไม่
ศิ ว มศ
ทราบขนาด ปั ญหาลักษณะเช่นนี้มกั พบในทัว่ ไป
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
2.4 การแก้ปัญหาแบบวิเคราะห์ (analytical approach)
า ียอ นต สูต
ในการแก้ปัญหาแบบวิเคราะห์จะเขียนรายละเอียดของเวกเตอร์ดงั นี้
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
C = A + B25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
i j= i j
์
i j
ทิ ย ิ กส ษา
เ
จัดรู ปใหม่แยกส่ วนของเวกเตอร์ I และ เวกเตอร์ j จะได้สมการ 2 สมการ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
Cx = Ax + Bx
ทร าร
อา
คา องก
Cy = Ay + By
ชีย
มค ึ งข
ลัย
C (0.867) = 7.07 + Bx
รร นห
ยา
า ว
C (5.05) = 7.07
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
วาดรู ป ตามทิ ศ ทางที่ ก าหนดให้ ในสมการในแต่ ล ะข้างของสมการ โดยเริ่ ม จาก pole แล้ว วาด
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
ภาพที่ 2-4 แสดงการหาผลรวมของเวกเตอร์
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
กันกับปลายหัวของเวกเตอร์ ดังตัวอย่างข้างต้นที่มีการหาผลรวมของเวกเตอร์ A+ B โดยการนา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ปลายหางของเวกเตอร์ B ต่อกับส่ วนปลายหัวของเวกเตอร์ A
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
ต่อกับส่ วนปลายหัวของเวกเตอร์ A ดังภาพที่ 2.5
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
2.6 การแก้ปัญหาแบบวิเคราะห์
เริ่ มต้นจากสมการ 2 สมการ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
Cx =
รม ต ร
Cy =
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
แทนค่าที่กาหนดมาให้
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
15 = 7.07 + 6
15 า ียอ นต สูต
= 7.07 + 6
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
แก้สมการโดยการยกกาลังสองทั้งสองสมการ
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
225 = 50 + 36 + 84.5
ทร าร
อา
คา องก
225 = 50 + 36
ชีย + 84.5
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
เพื่อลดรู ปสมการลงเป็ น
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
1.0489 = +
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
หาคาตอบโดยการใช้คุณสมบัติทางตรี โกณมิติของมุมดังนี้
ปร
(ล
=
แทนค่าลงไป
1.0489 = +
14
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
a + bX + c = 0
รม ต ร
X=
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
หาคาตอบ t = 0.25, 0.951
ะว รร
คาตอบของมุม คือ =2 = 87.1°, 2.86°
50 นย คณ ศิ วก
หลังจากทราบค่าของ แล้วสามารถหาค่า โดยนาสมการทั้งสองมาหารกันจะ
รว
ได้
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
= =
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
ได้คาตอบมุม 2 ค่า
คเ
ทร าร
อา
คา องก
= ชีย = 60.5°
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
= = 30.3°
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
ที่ทราบขนาดและทิศทาง จากนั้นวาดวงกลมที่มีนขาดความยาวรัศมีเท่ากับขนาดความยาวเวกเตอร์
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
รัศมีเท่ากับขนาดความยาวเวกเตอร์ C
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
ภาพที่ 2-6 แสดงการหาผลรวมของเวกเตอร์ดว้ ยวิธีวาดรู ป
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
จากตัว อย่า งนี้ พบว่า ค าตอบของทิ ศ ทางของเวกเตอร์ C เป็ นไปได้ 2 ค่ า ทั้ง นี้ เพราะจาก
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
คุณสมบัติของมุมทางตรี โกณมิติที่สามารถมีค่ามุมเป็ นบวกและลบ หรื ออีกนัยหนึ่ งคือ การวัดมุม
นย
)์
อน ศกึ
คเ
แบบทวนเข็มนาฬิ ก าและวัด มุ มแบบตามเข็ม นาฬิ ก านั่น เอง ซึ่ งปั ญ หานี้ มัก จะพบต่ อไปในการ
ทร าร
อา
คา องก
คานวณหามุมการเคลื่อนไหวในแขนกล ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
สามารถเขียนในรู ปแบบของเวกเตอร์ได้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
A = i+ j+ k
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
A=
A=
16
2.8 ผลคูณภายในของเวกเตอร์
การหาผลคูณภายในของเวกเตอร์ หรื อ inner product ของเวกเตอร์ จะให้ คาตอบเป็ นปริ มาณ
สเกลาร์ (scalar) วิธีการหา inner product มีดงั นี้
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
สมมุติเวกเตอร์ A , B ดังต่อไปนี้
รม ต ร
A=
ร์
กร าส
B =
ศิ ว มศ
สู ตรการหา inner product
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
A.B =
รว
A คือ ขนาดของเวกเตอร์ A คานวณได้จา
= า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
= ์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
และ A , B คือ มุมระหว่าง A และ B
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
วิเคราะห์ในรู ปของเมตริ กซ์ A = , B=
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
A∙B =
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
A.B = =
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
(ล
1. A∙ B = B∙A
2. A∙( B+C) = A∙B + A∙C
3. A∙B = , โดย θ เป็ นมุมระหว่าง A และ B
4. เวกเตอร์สองเวกเตอร์ต้ งั ฉากกันมีค่า inner product เป็ น 0 เช่น i∙j = j∙k =k∙i = 0
5. เวกเตอร์สองเวกเตอร์ที่ขนานกัน inner product มีค่าเป็ น 1 เช่น i∙i =j∙j = k∙k = 1
17
2.9 ผลคูณภายนอกของเวกเตอร์
การค านวณหาผลคู ณ ภายนอกของเวกเตอร์ (outer product) หรื อ การ cross product ของ
เวกเตอร์ จะให้คาตอบออกมาเป็ นปริ มาณเวกเตอร์ซ่ ึงจะมีท้ งั ขนาดและทิศทาง
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ตัวอย่างเช่น C =A × B สามารถหาคาตอบของขนาดเวกเตอร์ C ได้โดย
รม ต ร
= , โดย θ คือมุมระหว่างเวกเตอร์ A และ B
ร์
กร าส
ส่ วนทิศทางนั้นหาได้จากการใช้กฎมือขวาดังแสดงในรู ป 2.7 โดยทิศทางบวกของเวกเตอร์ A
ศิ ว มศ
อยูต่ ามแนวนิ้วชี้และแนวทิศทางบวกของเวกเตอร์ B ตามทิศของนิ้วกลางหรื อทิศพุง่ ออกจากฝ่ ามือ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
จะได้ผลลัพธ์ทิศทางของเวกเตอร์ C ตามแนวนิ้วโป้ง
รว
คุณสมบัติการหาผลคูณภายนอกของเวกเตอร์ คือ
1. A× B = -B × A า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
2. A × ( B + C ) = A × B + A × C
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
(ล
i×j = k,j×k=i,k×i =j
i×i = j×j=k×k=0
หรื อสามารถเขียนแจกแจงรายละเอียด คือ
A× B=( )×( )
=( )i + ( )j + ( )k
18
ิต
สต ฑ
A× B =
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
=
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
หรื อคานวณในรู ปแบบเมตริ กซ์โดยใช้คุณสมบัติของ kew symmetric matrix เช่นเวกเตอร์ใด ๆ
รว
ในระนาบสามมิติ สามารถเขียนให้อยูใ่ นรู ปเมตริ กซ์ขนาด 3×3 ได้
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
= ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ยา
ว
A× B= B
ห า
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
=
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
=
ิขส
ปร
(ล
2.10 ตาแหน่ ง
การบอกต าแหน่ ง โดยทั่ว ไปมัก จะบอกโดยอ้างอิ งกับ สิ่ งอื่ น เช่ น ถ้ามี ค าถามว่า สถาบัน
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนื ออยูท่ ี่ไหน อาจได้รับคาตอบว่าอยูใ่ กล้แม่น้ าเจ้าพระยา หรื อ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
อยูใ่ กล้เชิงสะพานพระราม 7 เป็ นต้น สังเกตว่าการบอกตาแหน่งของสถานที่มกั จะใช้อา้ งอิงกับสิ่ งที่
รม ต ร
ยึดติดอยูก่ บั ที่ เช่น สะพาน หรื อ แม่น้ า ซึ่ งเมื่อเปรี ยบเทียบกับวิชาหุ่ นยนต์ สิ่ งที่ยึดติดอยูก่ บั ที่น้ นั ก็
ร์
กร าส
คื อ แกนอ้า งอิ ง (reference frame) นั่ น เอง และค าว่ า ใกล้แ ม่ น้ า หรื อ เชิ ง สะพานอาจหมายถึ ง
ศิ ว มศ
ระยะทางโดยประมาณ ซึ่งคือการบอกตาแหน่งในทางหุ่นยนต์นน่ั เอง
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
การสัง่ งานของหุ่นยนต์ หรื อแขนกลให้เคลื่อนที่ไปตาแหน่งที่ตอ้ งการเป็ นยากในหุ่ นยนต์หรื อ
รว
แขนกลจะต้องมีการกาหนดจุดพิกดั ( coordinates ) เพื่อที่แขนกลนั้นจะรู ้ถึงตาแหน่ งของวัตถุน้ นั
า ียอ นต สูต
โดยต้องมีการกาหนดแกนอ้างอิงขึ้นด้วยในที่น้ ีจะใช้การบอกพิกดั แบบคาร์ทีเซียน หรื อ แกน x , y
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
, z โดย ทิศทางของแกน z มีนิยามมาจากกฎมือขวา
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
กรณี หนังสื อที่วางอยูโ่ ต๊ะ ถ้าเราแต้มสี ณ จุดหนึ่ งบนหนังสื อเพื่อใช้เป็ นจุดอ้างอิงแล้วรี ยกว่า
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
จุด P เราสามารถบอกได้ว่าหนังสื อเล่มนี้ อยู่ที่ตาแหน่ งสัมพัน ธ์กับแกนอ้างอิ ง ซึ่ งอาจจะวางจุ ด
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ศูนย์กลางของแกนอ้างอิงไว้ที่มุมหนึ่งของโต๊ะ เราสามารถแสดงพิกดั ของจุด P ได้วา่
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
สมการ โดยจุ ด P แสดงถึ งจุ ด บนวัต ถุ (body-fixed point) ดัง ภาพที่ 2.8 และ r คื อ เวกเตอร์
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
R=
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
เมตริ ก ซ์ก ารหมุ น R แสดงถึ งการหมุ น ของวัตถุ แข็งเกร็ ง สัม พัท ธ์กับ แกนอ้างอิ งที่ ติด อยู่กับ ที่
รว
( fixed coordinate) สังเกตว่าในคอลัมน์เวกเตอร์ ของเมตริ กซ์การหมุน R ประกอบด้วย เวกเตอร์
า ียอ นต สูต
n, t, b ซึ่งตั้งฉากซึ่งกันและกัน ( perpendicular )
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
์
dot product) เท่ากับศูน ย์ เช่ น a ∙ b = 0 หมายความว่า a และ b ตั้งฉากซึ่ งกัน และกัน และจาก
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
คุณสมบัติ a ∙ b =
อน ศกึ
คเ
ทร าร
กรณี เมตริ กซ์การหมุน R มี คุณ สมบัติออทอร์ นอร์ มลั ( orthornormal ) ซึ่ งมี คุณ สมบัติที่
อา
คา องก
ชีย
เวกเตอร์ท้ งั สามตัวนั้นตั้งฉากกัน และมีขนาดหนึ่งหน่วย เราสามารถเขียนได้วา่
มค ึ งข
เอเ
n∙t =t∙b=b∙n=0
มเ น่
ลัย
รร นห
= = =0
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
และขนาดของเวกเตอร์แสดงได้ดงั นี้
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
= =1
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
= =1
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
= =1
(ล
ิต
สต ฑ
คุณสมบัติที่สาคัญอี กข้อหนึ่ ง ของเมตริ กซ์ก็คือ ค่า determinant จะต้องมีค่าเท่ากับ หนึ่ ง
ศา บัณ
เสมอ det |R |= 1 ในกรณี น้ ีที่เราใช้กฎมือขวา
รม ต ร
ร์
กร าส
ลาดับต่อไปจะหาเมตริ กซ์การหมุนตามรอบแกน Z สังแกตจากภาพที่ 2.9 แกนอ้างอิงที่ 0 รอบ
ศิ ว มศ
แกนอ้างอิงที่ 1 หมุนไปจากแกนอ้างอิงที่ 0 รอบแกน Z ที่มุม θ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
ว
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
นข
=
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
วิธีพิสูจน์ R และ R นั้นขอให้ผอู ้ ่านทาเป็ นแบบฝึ กหัด
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
เราสามารถนาเมตริ กซ์การหมุนมาเรี ยงกัน ( cascade ) ซึ่ งเมื่อมีการหมุนรอบหลายแกน เช่น มี
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
สังเกตว่าขนาดของเมตริ กซ์จะมีขนาด 3 × 3 เสมอ จากนั้นมีการหมุนอีกรอบแกน Y เป็ นมุม
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
fixed frame ) และแกนอ้างอิ ง ( world coordinate frame) ในการวิ เคราะห์ น้ ี เราจะใช้แ กนหมุ น
มเ น่
ลัย
รร นห
สามารถเขียนเป็ นสมการได้วา่
ยา
า ว
=
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
=
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
จัดรู ปสมการ (3.11) ใหม่ได้ เนื่ องจากเมตริ กซ์มีคุณสมบัติ associativity คือ A(BC) = (AB)C
าน
ิ์เป็
วชิ
เรี ยกว่า R
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
สมการบรรยายถึงการหมุน 3 แบบคือ โรลล์ (roll) พิตช์ (pitch) และ ยอว์ (yow) โดยโรลล์คือ
การหมุนรอบแกน Z ส่ วนพิตช์ คือการหมุนรอบแกน Y และยอว์ คือการหมุนรอบแกน X ตัวอย่าง
วัตถุที่มีการหมุนเป็ นแบบสามแกนนี้ ได้แก่ เครื่ องบิน เรื อดาน้ า ลูกรักบี้ที่ลอยอยู่ในอากาศ เป็ นต้
การวิเคราะห์เมตริ กซ์การหมุนสามารถกาหนดการหมุนโดยการอ้างอิงถึงลาดับการหมุน โดยเริ่ ม
จากการหมุนเริ่ มแรก ประวัติการหมุนนั้นอาจเป็ นการหมุนหลายขั้นตอน แต่สามารถอธิบายได้โดย
ใช้เมตริ กซ์การหมุนเดียว ซึ่งมาจากการคูณเป็ นลาดับ และบ่งบอกถึงการหมุนใด ๆ ก็ตามในรู ปแบบ
ของโรลล์ พิตช์ และยอร์
23
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
2.12 การเปลีย่ นระบบพิกดั
ศิ ว มศ
การบอกตาแหน่งของวัตถุน้ นั เราจาเป็ นต้องบอกถึงว่าจุดนั้นอ้างอิงกับแกนใด ดังตังอย่างก่อน
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
หน้าจุด หมายถึงว่า จุดนี้ อา้ งอิงแกน 0 ท่านองเดียวกันกับจุด อ้างอิงกับแกนที่ 1 ดังนั้นเมื่อมี
รว
การกาหนดตาแหน่งและเมตริ กซ์การหมุนของแกน 1 สัมพันธ์กบั แกน 2 (frame 1 with respect 2 )
คือ า ียอ นต สูต
และพิกดั ในแกนที่ 2 คือ เราสามารถเขียนเวกเตอร์ตาแหน่งได้ดงั นี้
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
หมายเหตุ : หนังสื อบางเล่มอาจใช้สญั ลักษณ์ P 12 แทน r
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
(ล
วิธีทา
24
ิต
สต ฑ
คาตอบจากสมการ แสดงถึงเมื่อมีการหมุนเวกเตอร์ Po ไป 90 องศาทิศทวงเข็มนาฬิกา จะได้
ศา บัณ
เวกเตอร์ โดยอ้างอิ งกับแกนอ้างอิงเริ่ มต้น ผูอ้ ่านจะเข้าใจมากขึ้นเมื่ อลองทาการทดลองหมุน
รม ต ร
ร์
กร าส
เวกเตอร์ตามตัวอย่าง
ศิ ว มศ
ะว รร
2.13 สมการจลนศาสตร์
50 นย คณ ศิ วก
การบอกตาแหน่ง และการหมุนของปลายแขนกล ( end effector )สามารถแสดงอยูใ่ นรู ปของ
รว
า ียอ นต สูต
การบอกตาแหน่งด้วยเวกเตอร์ p และการหมุนด้วย ( n, o, a,) ดังในภาพที่ 2.11
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
ทิ ธ
ฐาน (fixed Cartesian frame at the base ) ของหุ่ นยนต์ โดยที่เวกเตอร์ a คือ เวกเตอร์ มีขนาดหนึ่ ง
ิขส
ปร
(ล
n=o x a
การบอกตาแหน่ งนี้ สามารถบอกโดยใช้ระบบพิกดั อื่นอีกได้ เช่ น ระบบพิกดั ทรงกระบอก (
cylindrical coordinates) ระบบพิกดั ทรงกลม ( spherical coordinates )
25
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
2.14 มุมออยเลอร์ (euler angles)
รม ต ร
ในการทางานของหุ่ นยนต์หรื อแขนกลโดยทัว่ ไปนั้นมักจะต้องระบุถึงลาดับการหมุนของวัตถุ
ร์
กร าส
ลาดับขั้นในการหมุนมีส่วนสาคัญมากการใช้มุมออยเลอร์ เป็ นวิธีหนึ่ งที่สามารถระบุลกั ษณะการ
ศิ ว มศ
หมุนของวัตถุในระนาบสามมิติ ดังภาพที่ 2.12
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
อง
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
Euler ( ∅ , θ , )=
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
=
50 นย คณ ศิ วก
รว
= า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
ดัง นั้ นการหมุ น ของเวกเตอร์ n, o, a, ณ จุ ด ปลายของแขนกลเขี ย นให้ อ ยู่ใ นรู ป ของ euler
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
coordinates ∅ , θ , ได้ คือ
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
การหมุ น ของวัต ถุ บ นระนาบสามมิ ติยงั มี รายละเอี ย ดอี ก มาก เช่ น การหมุ น รอบแกนเดี่ ย ว
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
ทิ ธ
ตัว เพื่อช่วยในการคานวณหากการหมุนของวัตถุแข็งเกร็ ง
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
เมตริ กช์การหมุนแบบ โรลล์ ฟิ ตช์ ยอว์ สามารถพิจารณาจาก
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
RPY ( γ , β , α ) =
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
แสดงวิธีการคานวณทางเมตริ กช์
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
RPY =
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
=
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
=
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
คาตอบของการหมุนของเวกเตอร์ n, o, a สามารถหาได้จาก
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
=
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ข้อต่อแบบหมุน ( R: revolute joint ) ตัวแปรที่เปลี่ยนแปลง (variable) คือ มุม θ โดยระยะ d
รม ต ร
คงที่
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
นิยามของตัวแปรมีดงั นี้
ยา
า ว
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
29
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
frame)
รม ต ร
2. กาหนดแกนในแต่ละก้านโยง ตามกฎมือขวาโดยให้แกนหมุนเป็ นแกนเริ่ มต้นที่ 0
ร์
กร าส
เช่ น ในสวนของข่อต่อแบบหมุนหรื อข้อต่อแบบสไลด์ ทิศทางของแกน Z ไปในทิ ศ
ศิ ว มศ
ทางออกจากก้านโยง
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
3. กาหนดแกนของกานโยง ถัดไปให้ดูตามแกนหมุนโดยให้แกนนั้นเป็ นแกน
รว
4. ทิ ศ ทางของแกน หาได้ โ ดยได้ โ ดยได้ ม าจากผลลัพ ธ์ ข อง cross product
า ียอ นต สูต
แกนแต่ละแกนจะถูกกาหนดที่สวนปลายของข้อต่อ (distal joint) ของก้านโยง
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
5. กรณี มีระยะออฟเซตจะมีระยะ d หรื อถ้าไม่มี d = 0
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
2.17 Transformation operators
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
หัวข้อ 3.3 เมตริ กซ์การหมุน ซึ่ งบอกถึงการหมุนของวัตถุในสามมิติ และเพิ่มการบอกตาแหน่งพิกดั
มเ น่
ลัย
รร นห
เข้าไป1 คอลัมน์ จะได้เมตริ กซ์ใหม่น้ ี เรี ยกว่า transformation operators โดยเป็ นเมตริ กซ์ 4 x 4 มี
ยา
า ว
ลักษณะดังสมการ
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
โดย N คือ แกนอ้างอิงเริ่ มต้น และ A คือ แกนอ้างอิงสุ ดท้าย เช่ น วัตถุมีการหมุนรอบแกน
ิขส
ปร
(ล
ในท านองเดี ยวกัน transformation operators นี้ มี คุณ สมบัติคล้ายกับ เมตริ ก ซ์ก ารหมุ น คื อ
สามารถนามาต่อกัน สาหรับในกรณี ที่มีการเคลื่อนย้ายวัตถุในหลาย ๆ แกนอ้างอิง เช่น
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
สมการ แสดงถึง สามารถอ้างอิงจากแกนอ้างอิงที่ 1 ไปยังแกนอ้างอิงที่ 2 และแกน
ร์
กร าส
อ้างอิงที่ 3 เช่นเดียวกัน ในการคานวณหาแกนที่ 1 ไปยังแกนที่ 2 ได้ คือ
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
แต่อย่างไรก็ตาม การหาอินเวอร์ ส (inverse) ของ T นั้นไม่เหมือนกับเมตริ กซ์ การหมุน เพราะ
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
transformation operators ไม่มีคุณสมบัติออท์นอร์มลั (orthornormal)
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
สุ ตรการคานวณหาอินเวอร์สของ T ดังสมการ
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
าวทิ
ป
ปลายของแขนกล แล้วต้องการคานวณหาค่ามุมที่เกิดขึ้นในแต่ละข้อต่อของแขนกล
มห
น์ ี เ้
นข
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
31
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
สมการ ( 1)
รม ต ร
x=
ร์
กร าส
y= ⋯⋯
ศิ ว มศ
(1)
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
ต้องการหาค่ามุม และ การหาคาตอบสมการทาด็โดยการยกกาลังสองของ
ทั้งสองสมการ า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
= ⋯ (2)
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
= ⋯ (3)
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
สมการ( 2 ) + สมการ ( 3 ) ลดรู ปอย่างง่ายดังสมการ (4)
ทร าร
อา
คา องก
= + ชีย ⋯⋯⋯
มค ึ งข
เอเ
(4)
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
สมการหาคาตอบของมุม
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
= ⋯⋯⋯
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
(5)
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
x= ⋯⋯⋯
(ล
(6)
y= ⋯⋯⋯
(7)
ิต
ดังนั้นคาตอบของมุม คือ
สต ฑ
ศา บัณ
= arctan
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
2.19 การศึกษาทางกลศาสตร์ (mechanics)
50 นย คณ ศิ วก
มักจะเกี่ยวข้องกับสภาวะที่วตั ถุหยุดนิ่ งหรื อเคลี่อนที่ดว้ ยความเร่ งภายใต้แรง ภายนอก วิชา
รว
า ียอ นต สูต
ทางกลศาสตร์ สามารถแบ่ งออกได้ 2 ส่ วนหลัก ๆ คือ การศึ ก ษาทางสถิ ตยศาสตร์ (statics) และ
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
พลศาสตร์ (dynamics) ในบทนี้ จะกล่าวถึงการคานวณทางสถิตยศาสตร์ ที่นามาใช้ในการคานวณ
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ของแกนกลหุ่นยนต์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
ที่มากกระทาให้วตั ถุเคลื่อนที่ ไปตามส้นทางของแนวแรง หรื อวัตถุน้ นั หมุนรอบแกนหมุนมักเรี ยก
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
แรงนี้วา่ แรงกิริยา (reaction force)
คา องก
ชีย
เมื่อมีการต่อต้านการเคลื่อนที่ของแรง ทาให้เกิดแรงปฏิกิริยา ( reaction force ) ในบางครั้ง
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ยา
ว
ทของวัตถุที่จะเปลื่ยนแปลงอันเนื่องมาจากแรงปฏิกิริยา
ห า
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ภาวะสมดุ ลทางสถิ ตยศาสตร์ มกั คิดในกรณี ที่หุ่ น ยนต์น้ ัน หยุดนิ่ งซึ่ งในทางคานวณ คือ
ป
มห
น์ ี เ้
นข
ิ์เป็
ทิ ธ
วัตถุที่
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
2.20 สมดุลขอลแรงบนก้ านโยง
ร์
กร าส
พิจารณาสภาวะสมดุลของแรง ( force balance) บนก้านโยง 1 ก้าน ซึ่งสามารถพิจารณาหาแรง
ศิ ว มศ
ลัพธ์ ( net force ) และแรงบิดลัพธ์ (net torque) ที่เกิดจากแรงภายนอก ดังภาพที่ 2.20
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
กระทา ซึ่ งประกอบด้วยแรง 3 แรง คือ ก้านโยงที่ n-1 ส่ งแรงผ่านข้อต่อ n ก้านโยงที่ n ส่ งแรงผ่าน
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ของแรงสถิตคือ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
⋯⋯⋯ (9)
ปร
(ล
โดยที่
= คือ มวลของก้านโยง n
= คือ เวกเตอร์แรงโน้มถ่วง
= คือ แรงลัพธ์ที่กระทาบนก้านโยง n
= คือ แรงลัพธ์ที่กระทาบนก้านโยง n จากก้านโยง n-1
34
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ถึงแรงปฏิกิริยาจะมีขนาดเท่ากันแรงกิริยาแต่มีทิศตรงกันข้าม ส่ วนสมดุลแรงบิดเกิดจากแรงที่มา
รม ต ร
จากก้านโยงที่ติดกันทาให้เกิดแรงบิดรอบ ๆ จุดศูนย์กลางมวล(center of mass) และเกิดแรงบิดขึ้นที่
ร์
กร าส
ข้อต่อเนื่ องจากมีขบั เคลื่อน และอันเนื่ องจากแรงบิรงโน้มถ่วงกระทาที่จุดศูนย์กลางมวลไม่ให้เกิด
ศิ ว มศ
แรงบิดเขียนสมการสมดุลสถิตเนื่องจากแรงบิดได้ คือ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
⋯⋯ (10)
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
โดยที่ คือ เวกเตอร์ ตาแหน่ ง วัดจากจุดเริ่ มต้นของแกน n-1 ณ ข้อต่อ n ไปยังจุด
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
คือ แรงบิดที่กระทาบนก้านโยง n โดยก้านโยง n-1
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
ในกรณี ของข้อต่อแบบหมุนจะสนใจแรงบิด ณ ข้อต่อ ในกรณี ของสมดุลสถิต สมการ (10) มี
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
⋯ (11)
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ทาการจัดรู ปสมการใหม่ได้วา่
= ×( ) ∙⋯⋯ (13)
35
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
actuator = ⋯⋯⋯ (14)
รม ต ร
ร์
กร าส
โดยที่ คือ เวกเตอร์ หนึ่ งหน่ วยที่อธิ บายถึงแกนของข้อต่อ และต่าแรงบิดเป็ นบวกจะ
ศิ ว มศ
เป็ นบวกจะเป็ นการเพิ่มมุมบิด
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ชุ ดขับของข้อต่อแบบหมุน จะมีแต่เพียงแรงบิดอย่างเดี ยว แรงที่กระทากับแขนกลจะต้อง
รว
สมดุ ลด้วยแรงบิดผ่านโมเมนต์ของแขนหรื อผ่างทางแรงปฏิบตั ิกิริยาภายในก้านโยงนั้น สามารถ
า ียอ นต สูต
วิเคราะห์หาสมการสภาวะสมดุลของแรงจะได้วา่
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
= ⋯⋯⋯ (15)
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
2.22 งานเสมือน (Virtual work)
นย
)์
อน ศกึ
คเ
งานเสมือน (Virtual work) คือ งานที่สมมุติว่าเกิดขึ้น แต่จริ ง ๆ แล้วยังไม่เกิดขึ้น สมมุติว่ามี
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
เป็ นระยะ โดยที่ระยะ นี้ เรี ยกว่า ระยะขจัดเสมือน (virtual displacement) ซึ่ งโดย
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
= Q∙ ⋯⋯⋯ (16)
ขา นธ
δW
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
δW = Q ⋯⋯⋯ (17)
เป็ นได้ท้ งั แรง F หรื อทอร์ ก τ จากแรงบิ ด และทานองเดี ยวกัน q อาจเป็ นระยะขจัดเชิ งเส้นหรื อ
ระยะขจัดเชิงมุม
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
2.22.1 สมดุลของอนุภาค
ถ้าอนุ ภ าคหนึ่ งอยู่ในสภาวะสมดุ ลแล้ว งานแสมื อนของแรงที่ กระท าต่ ออนุ ภ าค
รม ต ร
ร์
กร าส
เคลื่อนที่ดว้ ยระยะขจัดเสมือน dq สามารถหาได้จาก
ศิ ว มศ
δW = (
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
= =0
รว
ซึ่ ง ∑ F cos θ คือผลรวมของแรงย่อยในทิศทางของ δq มีค่าเป็ นศูนย์ ดังนั้นแรง
า ียอ นต สูต
ลัพธ์ในแนว δq เท่ากับศูนย์เมื่ออนุภาคอยูใ่ นภาวะสมดุลสมการ δW = 0 นี้ แสดงถึงสภาวะสมดุล
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ของอนุภาคซึ่งสามารถสรุ ปได้วา่
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
=0
นย
)์
∑
อน ศกึ
คเ
∑ =0
ทร าร
อา
คา องก
∑ =0 ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
อนุภาคเดี่ยวเพราะมีความยุง่ อยากมากกว่า
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
2.22.2 สมดุลของวัตถุแข็งเกร็ ง
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
δW = 0 ⋯⋯⋯ (18)
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
diagram เพราะสามารถคิดคานวณได้ท้ งั ระบบ
2. สามารถคานวณแรงกริ ยา (action force) ได้โดยไม่ตอ้ งสนใจ แรงปฏิกิริยา (reaction
รม ต ร
ร์
กร าส
force)
ศิ ว มศ
ข้อดี ของทั้งสองวิธีน้ ี ช่วยให้คานวณหาตาแหน่ งสมดุ ลของระบบภายในภาวะรั บ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
โหลดทราบค่าได้ง่ายขึ้นและในการเขียน free body diagram ต้องแสดงทิศทางของแรงทุกแรงที่
รว
กระทาบนวัตถุ (body) ซึ่งรวมถึงแรงปฎิกิริยา
า ียอ นต สูต
แต่ ในวิ ธีข องงานแสมื อ นนั้น สามารถเขี ยนในรู ป ของระบบ (system) โดยแสดง
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
เฉพาะแรงกิริยาเท่านั้น และแรงที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะไม่นามาคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงปฏิกิริยา ซึ่ ง
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
ปั ญหาส่ วนใหญ่ที่พบในกรณี ของหุ่ นยนต์หรื อแขนกลที่มีจานวนองศาอิสระจานวน
นย
)์
อน ศกึ
คเ
n องศา หรื อที่ มี ข อ้ ต่ อจ านวน n ข้อ ต่ อ ก็ส ามารถใช้ส มการ (18) จานวน n สมการ หรื อเท่ ากับ
ทร าร
อา
คา องก
จานวนระยะขจัดเสมือน ในการคิดแต่ละครั้งจะสมมุติให้ระยะอื่นไม่มีการเคลื่อนที่
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
(ล
δ у₁ ₌ 𝛿 + 𝛿 + 𝛿
δ ₌ 𝛿 + 𝛿 + 𝛿
δ ₌ 𝛿 + 𝛿 + 𝛿
38
ซึ่งสามารถเขียนโดยใช้สญ
ั ลักษณ์ดงั นี้
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
𝛿Y = 𝛿X ⋯⋯⋯ (19)
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
J(X) = = ⋯⋯⋯ (20)
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
หาอนุพนั ธ์เทียบกับเวลาทั้งสองข้างจากสมการ (19) จะได้วา่
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปลของข้อต่อกับตาแหน่ งที่จุดปลายแขนกลภายใต้
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
แข็งเกร็ ง เพื่อที่จะใช้เป็ นแนวทางในการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ ของแขนกล และศึกษาถึงแรงทาง
มเ น่
ลัย
รร นห
สถิตยศาสตร์ที่กระทาบนวัตถุแข็งเกร็ ง
ยา
า ว
าวทิ
ป
อง
เชิงมุม
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
ศาสตร์แบบไปข้างหน้า ได้วา่
ปร
(ล
= ⋯⋯⋯
(23)
=
39
= J( )) ⋯⋯⋯ (24)
ิต
ซึ่ง จาโคเบียนเมตริ กซ์ คือ
สต ฑ
ศา บัณ
J( )= ⋯⋯⋯ (25)
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
2.23.1 จาโคเบียนในขอบแขตของแรง
ะว รร
การคานวณหาจาโคเบียนในขอบแขตของแรง (jacobians in the force domain) เริ่ ม
50 นย คณ ศิ วก
จากกฎการคานวณ principle of virtual work
รว
า ียอ นต สูต
δW = Q . δq ⋯⋯⋯ (26)
โดย Q แรงวางนัย (generalized forces ) ซึ่ งอาจจะเป็ นได้ท้ งั แรง F หรื อทอร์ ก τ
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
จากแรงบิ ด และ δq คื อ virtual displacement ซึ่ งอาจเป็ นได้ท้ ังระยะขจัด เชิ งเส้ น x,y หรื อ
ี กา าล แ์ ล ตา
์
เชิงมุม θ และงานเป็ นปริ มาณสเกลาร์ เราอาจจะเขียนได้วา่
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
τ⋅δθ = F⋅δX ⋯⋯⋯ (27)
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
หรื อเขียนอยูใ่ นรู ปของการคูณของเมตริ กซ์ได้วา่
คา องก
ชีย
⋯⋯⋯ (28)
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ยา
ว
⋯⋯⋯ (29)
ห า
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
τ =
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
ทิ ธ
เป็ นเมตริ กซ์ซ่ ึ งไม่ใช่ เอกฐาน(nonsingular matrix) คือ สามารถที่จะหาระยะขจัดหรื อความเร็ วค่า
(ล
J( )= ⋯⋯⋯ (31)
ิต
วิ ธี ก ารหาจุ ด เอกฐานนั้ นคื อ เมื่ อ ค่ า determinant ของจาโคเบี ย นเป็ นศู น ย์ เช่ น
สต ฑ
ศา บัณ
คานวณหาค่า determinant สมการ (31)ได้วา่
รม ต ร
det
ร์
กร าส
พบว่า = 0,180 องศา เป็ นค่าที่ ทาให้ det หรื อทาให้จาโคเบี ยน
ศิ ว มศ
ะว รร
สู ญเสี ยความเป็ น full rank และเอกฐาน(singular)
50 นย คณ ศิ วก
ตัวอย่างที่ 4.2 จงหาโคเบียนเมตริ กซ์ของหุ่นยนต์ดงั ภาพที่ 2.21
รว
วิ ธี ท า เริ่ ม ต้น จากการก าหนดแกนลงบนหุ่ น ยนต์ จากนั้น หา D-H parameters แสดงดัง
า ียอ นต สูต
ตาราง เพือ่ คานวณหาจลนศาสตร์ไปข้างหน้าจากนั้นคานวณหาพิกดั ที่ปลายแขน
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
i
ิขส
ปร
1 0
(ล
2 0 0 0
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
สังเกตว่าหุ่นยนต์ในตัวอย่างนี้ประกอบด้วยข้อต่อแบบหมุน และ แบบสไลด์ ดังนั้น ตัวแปร
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ในหุ่ นยนต์จะประกอบไปด้วย และ จาก สามารถบอกค่าพิกดั ที่ปลายของแขน
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
หุ่นยนต์ได้ คือ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
คานวณหาจากจาโคเบียนเมตริ กซ์
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
J=
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
=
(ล
J=
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ในการศึกษาทางพลศาสตร์ ของวิชาหุ่ นยนต์ มีวิธีที่นิยมใช้กนั อยู่ 2 แบบ วิธีแรกคือ แบบลากรองจ์
รม ต ร
ร์
กร าส
(Lagrange s method )ซึ่งใช้หลักการของพลังงานจลน์ (kinetic energy) และพลังงานศักย์( potential
ศิ ว มศ
energy ) มาช่วยในการคิด ส่ วนวิธีที่สองคือ แบบนิวตัน(Newton's approach)
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
2.24 คิ เนมาติ ก ส์ ด าเนิ น ไปข้ างหน้ าของแขนกลหุ่ นยนต์ (Forward Kinematics of Robot
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
Manipulator)
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
approach vector.
นข
สา ิ พ
orientation vector
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
normal vector ( )
ิขส
ปร
position vector
(ล
เมื่อ
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว 2.25 คิเนมาติกดาเนินไปข้ างหน้ า (Forward Kinematics)
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
44
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห รว
2.27 คิเนมาติกส์ ดาเนินย้ อนกลับ ( Inverse Kinematics )
25 าค ์
เ
ขั้นที่ 1 หา
เมื่อ I =
มเ น่
มค ึ งข
Wrist Center Position
คา องก
โดยนา
ม ห ทร าร
(ล า ว อน ศกึ
ซึ่งได้ผลลัพธ์ของสมการเป็ น
ิขส ป ทิ ย ิ กส ษา
ทิ ธ ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
คูณตลอดสมการ
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
46
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
<
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
เมื่อ 0 <
รร นห
tan
มเ น่
ดังแสดงในรู ปด้านล่าง
มค ึ งข
สามารถคานวณมุม
คา องก
แต่เนื่องจากอัตราส่ วน
ม
มุมคาตอบที่ได้ คือ
ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
หรื อ {
อง
มห
า ียอ นต สูต จากสมการได้โดยตรง
25 าค ์
เ รว
าวทิ 50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
0 } มุมคาตอบที่ได้
อา สต ฑ
คเ
นย ร์ ิต
)์
47
และ {0
48
เมื่ อ เช่ น เดี ยวกัน สามารถแบ่ งเป็ นกรณี ย่อยอี กสองกรณี คือ เมื่ อ -π
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
และ { 0 < และ 0 } มุ ม คาตอบที่ ได้ คื อ หรื อ และ
รม ต ร
มุมคาตอบที่ได้ คือ ดังแสดงในรู ป
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
สมการ
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
+
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
+
ิขส
ปร
(ล
เมื่อ
49
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
และ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ดังนั้น สามารถเขียน และ เมื่อ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
=
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
หุ่ น ยนต์ส ามารถเข้า ถึ ง ต าแหน่ ง นั้น ได้ส องรู ป แบบ คื อ Elbow up กับ Elbow down ดัง รู ป
ด้านล่าง โดย Elbow up เกิดขึ้นเมื่อ
ิต
=
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
ส่ วน Elbow down เกิดขึ้นเมื่อ
กร าส
ศิ ว มศ
=
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
ิ์เป็
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
เมื่อ
าวศิ ป็น
คูณด้วย
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
หลังจากได้คาตอบทั้ง
คา องก
ม ห ทร าร
(ล า ว อน ศกึ
และ
ิขส ป ทิ ย ิ กส ษา
ทิ ธ ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง
ทาการหาคาตอบโดยการเทียบสัมประสิ ทธ์สมการ
า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
เ
นามาแทนค่าในสมการ
าวทิ 50 นย คณ ศิ วก
์
ภาพที่ 2-25 ปลายสุ ดที่หุ่นยนต์สามารถไปถึง
ยา ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
51
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
คูณด้วย
คูณด้วย
วก สว่
คูณด้วย
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม
นาสมการทั้งสองมาลบกัน
ห ทร าร
=
า
=
(ล ว อน ศกึ
=
=
นาสมการแรกลบด้วยสมการที่สอง
ิขส ป ทิ ย ิ กส ษา
ทิ ธ ี กา าล แ์ ล ตา
2
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
52
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
เมื่อ
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ป
ขั้นที่ 3 End-Effector Orientation
ทิ ย ิ กส ษา
และด้วยคุณสมบัติทางตีโกณมิติ ของ
ทาการเปรี ยบเทียบแต่ละพจน์ยอ่ ยของ
ทิ ธ ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
กับ
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ภาพที่ 2-26 End-Effector Orientation
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
ทาให้เกิดเงื่อนไขขึ้นสามกรณี คือ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
53
54
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ให้แขนหุ่นยนต์ตาแหน่งแกนที่ 5 ยืดตรง ( Singular Configuration )
รม ต ร
กรณี ที่ ส ามเมื่ อ ค าตอบของ ในกรณี น้ ี ไม่ ส ามารถหาค าตอบทาง
ร์
กร าส
กายภาพได้หรื อกล่าวอีกในหนึ่งว่าหุ่นยนต์ไม่สามารถเคลื่อนไปสู่ ตาแหน่ง นั้นได้
ศิ ว มศ
เมื่ อ ได้ค าตอบของ แล้ว สามารถน าไปสู่ ก ารคค านวณค่ าหา โดย ≠0 ท าการ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
เปรี ยบเทียบพจน์ ที่ และ ของ กับ
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
ซึ่งนาไปสู่ การคานวณค่าหา
55
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
2.27 อนุพนั ธ์ ดิเนมาติกส์ ของหุ่นยนต์ (Differential Kinematics of Robot Manipulators)
รว
คิเนมาติกส์อนุพนั ธ์ของวัตถุ (Differential Kinematics of Rigid Body)
เมื่อ า ียอ นต สูต
คือตาแหน่งของจุด p เทียบกับ Frame B
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
จากคุณสมบัติของ และ
ทาการคูณระหว่าง ด้วย
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข =
Ω
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ นาสมการแทนสมการความเร็ ว
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
กรณี ข้อต่อเป็ นแกนหมุน(Revolute Axis) ทาให้ =0
รม ต ร
ร์
กร าส
กรณี ข้อต่อเป็ นแกนเลื่อน(Prismatic Axis) ทาให้ =0
ศิ ว มศ
นา คูณกับ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
โดย = และ =
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
ดังนั้น =
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
(ล
มาทาการหาอนุพนั ธ์
=
=
จาก
โดย
วก สว่
โดยที่
=
รร นห
=
=
=
มเ น่
กลุ่มตามสมการ
มค ึ งข
พจน์ที่ปรากฏใน
คูณกับ
คา องก
ม ห ทร าร
=
(ล า ว อน ศกึ
แล้วเราสามารถจัดรู ปแบบของ
ิขส ป ทิ ย ิ กส ษา
ทิ ธ ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข
และ
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
ตามสมการ และถ้า
อา ศา บัณ
ในลักษณะเดียวกับสมการได้
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
58
ยังสามารถสามารถแบ่งกลุ่มตามลักษณะทางกายภาพได้สอง
=
=
59
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
=
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ซึ่ งค่าของ , และ ที่ปรากฏในสมการ คือความเร็ วเชิ งมุมของปลายเขน
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
หุ่นยนต์เทียบกับแกนอ้างอิง
รว
ส่ วน , และ ที่ปรากฏในสมการ คือ ความเร็ วเชิงเส้นของปลายเขนหุ่ นยนต์
เทียบกับแกนอ้างอิงเช่นเดียวกัน า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
=
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
= =
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
= =
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
=
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
=
ิขส
ปร
(ล
โดยที่
วก สว่
รร นห
=
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
และ
อา ศา บัณ
สต ฑ
=
คเ
นย ร์ ิต
)์
60
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
ข้อศอก
คา องก
หัวไหล่
Elbow (J3)
ม
Shoulder (J2)
ห ทร าร
CRS-A255 Specification
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
์
เอว
ลัย ศิ ว มศ
Waist (J1)
เอเ กร าส
ข้อมือ
ชีย รม ต ร
มือจับ
Twist (J4)
Pitch (J5)
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
61
62
ิต
• Joint 1 • Joint 4
สต ฑ
• Joint 2 • Joint 5
ศา บัณ
• Joint 3
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
ภาพที่ 2-30 Workspace and Dimension
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
ว
าวทิ
ป
มห
cos sin 0
น์ ี เ้
To get from A to B:
อง
ขา นธ
Rz ( ) sin cos 0
1. Rotate about z axis
นข
0 1
สา ิ พ
0
าน
ิ์เป็
Rzyx
ญิ ญ
ทิ ธ
Ry ( ) 0 1 0
3. Then rotate about x axis sin 0 cos
ิขส
ปร
(ล
1 0 0
Rx ( ) 0 cos sin
Rzyx , , Rz ( ) Ry ( ) Rx ( ) 0 sin cos
ิต
T Rz , Ry , Rx ,
สต ฑ
ศา บัณ
C S 0 0 C 0 S 0 1 0 0 0
รม ต ร
S 0 0 0 0 C 0
ร์
C 0 1 0 S
กร าส
T
0 0 S 0 C 0 0 S C 0
ศิ ว มศ
0 1
0 0 0 1 0 0 0 1 0 0 0 1
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
Z
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
Y
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
X ์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
ิ์เป็
T0
n
วชิ
ญิ ญ
S CS
ทิ ธ
CC pz
ิขส
0 0 0 1
ปร
(ล
nx sx ax px
sin1 (nz )
n p y az
T0n y
sy ay cos1 ( )
nz sz az pz cos
n
0 0 0 1 cos1 ( x )
cos
64
Review
ิต
• Yaw-Pitch-Roll Representation
สต ฑ
ศา บัณ
T Rz , Ry , Rx, Rz,1 T R y , Rx ,
รม ต ร
ร์
C S 0 0 nx sx ax 0 C 0 S 0 1 0 0 0
กร าส
S C 0 n
0 sy ay 0 0 1 0 0 0 C S 0
ศิ ว มศ
y
0 0 1 0 nz sz az 0 S 0 C 0 0 S C 0
ะว รร
0 0 0 1 0 0 0 1 0 0 0 1 0 0 0 1
50 นย คณ ศิ วก
C n x S n y 0
รว
XX XX
S n C n S s x C s y S a x C a y 0
า ียอ นต สูต
x y
nz XX XX 0
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
0 25 าค ์ 0 0 1
C SS SC 0
ี กา าล แ์ ล ตา
0
์ C S 0
ทิ ย ิ กส ษา
เ
นย
)์
S CS CC 0
อน ศกึ
คเ
ทร าร
0 0 0 1
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
i i
าน
joint ai di
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
1 0 d1 1
ิขส
ปร
2
(ล
2 0 a2 0 2
3 0 a3 0 3
4
4 0 0
2
5 0 0 d5 5
D-H parameters
ai i d i i
ิต
These four DH parameters,
สต ฑ
ศา บัณ
Homogeneous matrix:
รม ต ร
c i s i 0 1 0 0 1 0 ai 1 0 0
ร์
0 0 0 0
กร าส
s c i 0 0 0 1 0 0 0 1 0 0 0 c i s i 0
T i
ศิ ว มศ
0 0 1 0 0 0 1 d i 0 0 1 0 0 s i c i 0
ะว รร
0 1 0 0 1 0 0 1 0 0 1
0 0 0 0 0
50 นย คณ ศิ วก
รว
First, translate by di along z axis Then, translate by ai along x axis
า ียอ นต สูต
and rotate by i about z axis and rotate by i about x axis
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
D-H parameters
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
These four DH parameters, ai i d i i
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
Homogeneous matrix:
ลัย
รร นห
ยา
ว
c i s i 0 0 1 0 0 0 1 0 0 ai 1 0 0 0
า
ห
วก สว่
s 0 0 0 0 0 0 0 0 c i s i 0
าวศิ ป็น
าวทิ
c i 0 1 1
T i
ป
0 0 1 d i 0 1 0 0 s i 0
มห
0 0 1 0 0 c i
น์ ี เ้
0 0 0 0 0
นข
สา ิ พ
าน
c i s i c i d s i s i ai c i
ิ์เป็
ทิ ธ
i
s c i c i c i s i ai s i
T i i and rotate by i about x axis
di
ิขส
ปร
0 s i c i
0 1
(ล
0 0
66
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
Transformation
รม ต ร
Forward kinematics Inverse Kinematics
ร์
Matrix
กร าส
1 q x 1
ศิ ว มศ
q
2 y x x x qx 2
ะว รร
3 q z y q y 3
A50 y
50 นย คณ ศิ วก
A10 A21 A32 A43 A54
y
4 z z z qz 4
5 5
รว
0 0 0 1
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
67
68
Inverse Kinematics
1
ิต
A 1 0
สต ฑ
0 1
1 p A3 3p
ศา บัณ
รม ต ร
p x c 1 p y s 1 a2 c 2 a3 c 23
ร์
กร าส
d1 pz a2 s 2 a3 s 23
p s p c
ศิ ว มศ
0
x 1 y 1
ะว รร
1 1
50 นย คณ ศิ วก
รว
px s1 p y c1 0
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
py
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์ 1 tan 1
px
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
ภาพที่ 2-32 แสดงการ Inverse Kinematics ของแกนที่ 1
อน ศกึ
คเ
ทร าร
3 อา
คา องก
ชีย A
0
1
1 0
p 1
A3 3p
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
2
p x c 1 p y s 1 a2 c 2 a3 c 23
ยา
ว
า
d1 pz a2 s 2 a3 s 23
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
p x s 1 p y c 1
าวทิ
0
ป
มห
1 1
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
2 A
0
1
1 0
p 1
A3 3p
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
p x c 1 p y s 1 a2 c 2 a3 c 23
d1 pz a2 s 2 a3 s 23
รม ต ร
p s p c
ร์
0
กร าส
x 1 y 1
1 1
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
1 a2 a3 c 3 2 a3 s 3
1 a3 s 3 2 a2 a3 c 3
รว
1 p x c1 p y s1 2 d1 p z
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์ 2 1 1 2 2 1 1 2
2 tan 1 2
2 1 1 2 2 1 1 2
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
5
ยา
า ว
A
ห
วก สว่
1 0
3
A5 0
A5
าวศิ ป็น
าวทิ
3
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
c 4 c 5 c 4 s 5 s 4 d 5 s 4
นข
s c s 4 s 5 c 4 d 5 c 4
สา ิ พ
3
A5 4 5
0
าน
s 5 c 5
ิ์เป็
0
วชิ
0 1
ญิ ญ
ทิ ธ
0 0
ิขส
ปร
c1c 23 s 1c 23 s 23 a3 a2 c 3 d 1 s 23
(ล
c 1 s 23 s 1 s 23 c 23 a2 s 3 d 1c 23
A
0
3
1
s 1 c 1 0 0
0 0 0 1
4 3
A5 A
0 1 0
A5
ิต
3
สต ฑ
ศา บัณ
c 4 c 5 c 4 s 5 s 4 d 5 s 4
รม ต ร
s c s 4 s 5 c 4 d 5 c 4
ร์
A5 4 5
กร าส
3
s 5 c 5 0 0
ศิ ว มศ
0 1
0 0
ะว รร
c1c 23 s 1c 23 s 23 a3 a2 c 3 d 1 s 23
50 นย คณ ศิ วก
c 1 s 23 s 1 s 23 c 23 a2 s 3 d 1c 23
A
0 1
s 1 c 1
รว
3
0 0
า ียอ นต สูต
0
กึ ษ เช ุ่นย ลกั 0 0 1
รศ ัยเอ ะห มห
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
ภาพที่ 2-36 แสดงการ Inverse Kinematics ของแกนที่ 4
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
บทที่ 3
การออกแบบ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ในบทนี้จะกล่าวถึงองค์ประกอบหลักๆ ของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมซึ่งสามรถแยกเป็ น 2 ส่ วน
รม ต ร
ใหญ่
ร์
กร าส
ได้ดงั นี้
ศิ ว มศ
ะว รร
ส่ วนขับเคลื่อนเป็ นส่ วนที่จ่ายพลังงานป้อนให้ลาตัวหุ่ นยนต์ทางานถ้าหุ่ นยนต์ขบั เคลื่อนด้วย
50 นย คณ ศิ วก
มอเตอร์ ไฟฟ้ าส่ วนนี้ จะเป็ นส่ วนจ่ายพลังงานไฟฟ้ าให้กบั มอเตอร์ แต่ละตัวบางครั้งส่ วนขับเคลื่อน
รว
จะอยูภ่ ายในส่ วนควบคุมด้วย
1. Servo Motor า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
2. Driver
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
3. Motion I/O ์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
4. Sensors
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
หน้าที่โปรเซสข้อมูลทั้งหลายที่ใช้ในการควบคุมรับข้อมูลจากการวัดออกคาสั่งให้กลไกแต่ละชิ้น
มค ึ งข
เอเ
ในหุ่ นยนต์ทางานจะมีการควบคุมซี เคว้นซ์การทางานและควบคุมตาแหน่ งหรื อระยะทางโดยการ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
1 Controller
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
2 Lapview
นข
สา ิ พ
3 Matlab
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
4 C++
ิขส
ปร
(ล
71
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
ภาพที่ 3-1 แสดง Block Diagram
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
3.1. Servo system
ี กา าล แ์ ล ตา
์
คือระบบควบคุมที่ประกอบด้วยระบบไฟฟ้าคอนโทรลและเครื่ องกล หรื อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
แมคคาทรอนิกส์ (ซึ่งเป็ นการรวมเอาเครื่ องกล (MECHANICAL) และไฟฟ้าคอนโทรล (Electrical
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
Control) มาร่ วมกัน) ใช้สาหรับงานที่ตอ้ งการควบคุมตาแหน่ง, ความเร็ ว, แรงบิด โดยที่งานนั้นๆ
คา องก
ชีย
ต้องการความ แม่นยารวดเร็ วดังนั้นทั้งเครื่ องกลและไฟฟ้าคอนโทรลต้องทางานสอดคล้องกันถ้ามี
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ยา
ว
ต้องการ
ห า
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
มห
อง
ขา นธ
ทิ ธ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
โครงสร้างของ AC servo Motor จะประกอบด้วย 2 ส่ วนคือ สเตเตอร์ และโรเตอร์ ซึ่ งคล้ายกับ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
เป็ นแบบสตาร์ (Star หรื อ WYE) และมีสายต่อมาที่ข้ วั ต่อสายด้านนอก 3 เส้น (จุดนิ วทรอลจะอยู่
ชีย
มค ึ งข
ลัย
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ขนาดเล็กลงด้วยการเพิม่ ความยาวโรเตอร์ ดังนั้นรู ปร่ างโครงสร้างทางกายของเซอร์โวมอเตอร์ ที่เรา
รม ต ร
พบเห็นทัว่ ไปจึงมีลกั ษณะผอมบางและมีความยาวมากกว่ามอเตอร์ที่ใช้งานทัว่ ไป นอกจากนั้นยังมี
ร์
กร าส
แรงบิดสู งกว่ามอเตอร์ทวั่ ไปอีกด้วย (หากพิจารณาที่พกิ ดั กาลังเท่าๆกัน)
ศิ ว มศ
ะว รร
คุณสมบัติของ Servo motor จะต้องมีดงั นี้คือ
50 นย คณ ศิ วก
1. มีอตั ราเร่ งที่ดี
รว
า ียอ นต สูต
2. ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ ว
3. ย่านการควบคุมกว้าง
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
4. ความเร็ วในการหมุนต้องคงที่
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
ชนิดของ Servo motor แบ่งออกได้ดงั นี้
อน ศกึ
คเ
ทร าร
1. DC Servo motor
อา
คา องก
2. AC Servo motor
ชีย
มค ึ งข
เอเ
2.1 Synchronous servo motor
มเ น่
ลัย
รร นห
3. Stepping motor
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
ในปัจจุบนั จะนิยมใช้ AC Servo ที่เป็ นแบบ Synchronous servo motor กันมากที่สุด เพราะว่าใช้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
ทิ ธ
ิขส
ปร
เมื่อกล่าวถึงการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามักจะนึกถึงมอเตอร์ไฟฟ้ามอเตอร์ไฟฟ้าคือ อุปกรณ์เปลี่ยน
พลังงาน
ไฟฟ้าเป็ นพลังงานกลเพื่อนาไปขับเคลื่อนกลไกของหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ไปตาแหน่งที่ตอ้ งการ
โดยทัว่ ไปมอเตอร์ไฟฟ้าแบ่งออกเป็ น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง
(DC motor) และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC motor)
การใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าต้องมีการติดตั้งระบบป้อนกลับข้อมูลการเคลื่อนที่เพื่อใช้ควบคุมการ
เคลื่อนที่ส่ง
74
ข้อมู ลป้ อนกลับ ไปยังชุ ด ควบคุ ม สัญ ญาป้ อนกลับ เรี ยกว่า tachometer signal สร้ างขึ้ น จาก
หลักการมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง
3.2.1 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (DC motors)
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
การใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงมีเหตุผลหลัก 2 ข้อ ข้อแรกคือ ความสัมพันธ์ระหว่าง
ความเร็ วและแรงบิดโดยแรงบิดมอเตอร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ช่วงกว้าง นั้นคือ เมื่อมีภาระงาน
รม ต ร
ร์
กร าส
(load) เพิ่มขึ้นก็จะทาให้แรงบิดมอเตอร์เพิม่ ขึ้นมากขึ้น แต่ทาให้แรงบิดของมอเตอร์เพิ่มมากขึ้น แต่
ศิ ว มศ
ทาให้รอบลดลง ซึ่งจะแก้ปัญหาโดยการเพิ่มกระแสไฟฟ้าเข้าไประบบ จะทาให้สามารถควบคุม
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ความเร็ วรอบของมอเตอร์ให้คงที่
รว
อีกเหตุผลที่ใช้มอเตอร์ ไฟฟ้ ากระแสตรง เพราะสามารถควบคุมได้โ ดยตรงและทางาน
า ียอ นต สูต
ร่ ว ม กั บ อุ ป ก ร ณ์ อื่ น เช่ น ไ ม โ ค ร โ พ ร เซ ล เซ อ ร์ (microprocessors)ห รื อ ชุ ด ค ว บ คุ ม
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ไมโครคอนโทรลเลอร์ (microcontroller) เพราะอุปกรณ์ เหล่านี้ ใช้อุปกรณ์ เหล่านี้ ใช้ระบบไฟฟ้ า
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
เกิดจากการตัดกันของ 2 สนามแม่เหล็ก (magnetic fields) โดยสนามแม่เหล็กหนึ่ งเกิดจากแม่เหล็ก
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ถาวรและสนามแม่ เหล็ก อี ก ชุ ด หนึ่ งเกิ ด จากสนามแม่ เหล็ก ไฟฟ้ า(electromagnetics)ที่ ส ร้ างขึ้ น
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
ของโรเตอร์ ส ร้ างสนามแม่ เหล็ก ทิ ศ ตรงข้ามส่ ว นสนามแม่ เหล็ก ไฟฟ้ าเกิ ด จากแหล่ งพลังงาน
ภายนอกที่ ต่อกันแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้ ากระแสตรงให้กบั มอเตอร์ การต่อกับขดลวดอาร์ เมจอร์
ผ่านแปรงถ่าน (brushes) โดยแปรงถ่านนี้สมั ผัสกับส่ วนนาไฟฟ้า
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ข้อพึงระวังของมอเตอร์ คือ ความร้อนอันเกิดจากความต้านทานของขดลวด ยิ่งกระแส
รม ต ร
สู งจะทาให้เกิดความร้อนขึ้นสู ง แต่ถา้ ใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่ข้ ึนก็จะทาให้เกิดความร้อนน้อยลง
ร์
กร าส
แต่น้ าหนักเพิ่มมากขึ้นด้วยอีกทั้งยังมีราคาแพงอย่างไรก็ตามในการทางานของมอเตอร์ น้ นั จะต้องมี
ศิ ว มศ
ความร้อนเกิดขึ้น วิธีแก้ไข คือ การติดตั้งมอเตอร์ให้อยูใ่ นที่ที่สามารถระบายความร้อนได้สะดวก
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
3.2.2 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC motors)
รว
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับมีขอ้ ดีหลายประการ เช่น สามารถใช้กระแสไฟฟ้าสลับที่จ่าย
า ียอ นต สูต
ในโรงงานสะดวก กว่ามอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงที่ตอ้ งทาการแปลงระบบไฟฟ้าจากกระแสสลับให้
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
เป็ นกระแสตรงมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับจะมีขนาดเล็กและให้กาลังงานเท่ากับมอเตอร์ไฟฟ้า
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
คือมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับไม่ทาให้เกิดการสปาร์กของกระแสไฟ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
หลักการทางานของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
ที่หยุดนิ่ง และโรเตอร์เป็ นส่ วนที่หมุนในสนามแม่เหล็ก มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับทางานโดยใช้
มเ น่
ลัย
รร นห
หลักการของสนามแม่เหล็กจากสเตเตอร์ที่มีกระแสไฟไหลผ่าน ดังภาพที่ 2
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
สามารถใช้ในพื้นที่อนั ตรายหรื อในอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์แต่อย่างไรก็ตามสิ่ งที่หลีกเลี่ยง
ไม่ได้ของระบบนี้ คือการรั่วซึ มอีกทั้งยังมีราคาแพงปั จจุบนั หุ่ นยนต์ส่วนใหญ่ใช้ระบบไฟฟ้าแต่ใน
รม ต ร
ร์
กร าส
งานหนักประเภทที่ตอ้ งการแรงสู งยังจาเป็ นต้องใช้ระบบไฮดรอลิก
ศิ ว มศ
แรง F ที่เกิดขึ้นในกระบอกไฮดรอลิกคานวณได้จาก
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
F = PxA
รว
P คือ ความดันของระบบไฮดรอลิก
า ียอ นต สูต
A คือ ขนาดของพื้นที่หน้าตัดของกระบอกสู บไฮดรอลิก
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ระบบไฮดรอลิกประกอบไปด้วยส่ วนประกอบ ดังภาพที่ 3
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
3.2.4 ชุดขับนิวแมติกส์
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ชุดขับนิวแมติกส์ มีลกั ษณะคล้ายคลึงกับชุดขับไฮดรอลิก เช่น วาล์วปรับความดันความ
รม ต ร
ปลอดภัย ชุด
ร์
กร าส
กระบอกสู บ ฯลฯ สิ่ งแตกต่างคือแหล่งพลังงานจากน้ ามันไฮดรอลิกเป็ นลมอัด เพื่อใช้
ศิ ว มศ
ขับกระบอกลมหรื อมอเตอร์แบบใช้ลมอัดขับเคลื่อน ระบบนิวแมติกส์แสดงดังภาพที่ 4
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
การทางานควบคุมด้วยโซลินอยด์วาล์วซึ่งอาจใช้ไฟฟ้าควบคุมอีกทีหนึ่ง ระบบนี้มี
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ไบโอเมทัล (biometal) เป็ นshape memory alloy ชนิดเมื่อให้ความร้อนถึงอุณหภูมิค่า
รม ต ร
หนึ่งจะหดตัว การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้ ีทาให้เกิดการเปลี่ยนส่ วนประกอบของอัลลอยด์
ร์
กร าส
3.2.7 ชุดขับกล้ามเนื้อเทียม
ศิ ว มศ
ชุดขับกล้ามเนื้อเทียม เป็ นชุดขับเคลื่อนที่ใช้แหล่งพลังงานจากลมอัดมีลกั ษณะการ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ทางานคล้ายกับกล้ามเนื้อมนุษย์โดยมีการยึดหดตัวเมื่อมีลมอัดจ่ายเข้าไปจะหดตัวทาให้เกิดแรงดัง
รว
ขึ้นที่ปลายทั้งสองข้างและจะคลายตัวเมื่อปล่อยลมออก
า ียอ นต สูต
3.2.8 ลักษณะเฉพาะของระบบขับเคลื่อน
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
1) น้ าหนัก แรงต่อน้ าหนัก ความดัน
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
ในการขับเคลื่อนนอกจากจะต้องแบกภาระน้ าหนักชิ้นส่วนของหุ่นยนต์เองแล้ว ต้องพิจารณาถึง
นย
)์
อน ศกึ
คเ
น้ าหนักชุดขับเองด้วยจึงได้มีค่าดัชนีที่ใช้พจิ ารณาเลือกใช้ชุดขับ คือ อัตราส่ วนกาลังงานต่อน้ าหนัก
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
ที่มีกาลังงานเท่ากัน แต่สเตปเปอร์มอเตอร์มีน้ าหนักสู งกว่า ดังนั้นค่าดัชนีของกาลังงานต่อน้ าหนัก
มเ น่
ลัย
ของสเตปเปอร์มอเตอร์จึงทาให้มีค่าต่ากว่าเซอร์โวมอเตอร์
รร นห
ยา
า ว
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
ชุดส่ งกาลังไฮดรอลิกอันประกอบไปด้วย ปั้ ม ถังเก็บน้ ามัน ตัวกรองน้ ามัน วาล์ว เป็ นต้น ซึ่งถ้า
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
2) ความแข็งตึงและความหยุน่
ความแข็งตึง (stiffness) คือ แรงต้านของวัตถุต่อการเปลี่ยนแปลงรู ปร่ าง เช่น
รม ต ร
ร์
กร าส
ความแข็งตึงของคานต่อแรงบิด
ศิ ว มศ
ภายใต้น้ าหนักแรงต้านของไวน์ต่อแรงอัดในขวดระหว่างการบรรจุ ระบบที่มี
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ความแข็งตึงสู งยิง่ ต้องการแรงกระทามากเพื่อเปลี่ยนรู ปร่ าง ในทางกลับกันระบบที่มีความหยุน่
รว
(stiffness) สู งยิง่ ต่อการเปลี่ยนแปลง และความแข็งตึงมีความสัมพันธ์ตรงกันกับมอดูสสั ความ
ยืดหยุน่ ของวัตถุ า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
3) การทดเกียร์
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
จาเป็ นต้องใช้การทดเกียร์เพือ่ ให้ได้แรงบิดสู ง ชุดกระบอกไฮดรอลิกสามารถนาไปขับต่อกับชิ้นงาน
นย
)์
อน ศกึ
คเ
เพื่อใช้งานได้โดยตรง ซึ่งเป็ นการลดขั้นตอนการออกแบบให้ง่ายขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายรวมถึง
ทร าร
อา
คา องก
น้ าหนักและลดการหมุนเคลื่อนที่ของข้อต่อ
ชีย
มค ึ งข
เอเ
แต่ในมอเตอร์ไฟฟ้าทางานที่ความเร็ วรอบสู งอาจสู งถึงหลายพันรอบต่อนาที
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
ของแขนกลกับมอเตอร์ไฟฟ้า
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
T = NT m (2)
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ไฟฟ้า
. 1 .
= m
N
.. 1 ..
m
N
80
สามารถเขียนสมการสมดุลของแรงบิดได้
.. . 1
Tm I m m bm Tl (3)
N
ิต
สต ฑ
.. . 1 .. .
(4)
ศา บัณ
I m m bm m ( I e e be e )
N
รม ต ร
ร์
.. . 1 .. .
(5)
กร าส
I m m bm m ( I e m be m)
N2
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
bm , bเป็ นสัมประสิ ทธิ์ความหน่วง (viscous coefficients of friction) ของ
รว
มอเตอร์ (m) และของภาระโหลดตามลาดับ ( ) จากสมการ (5) พบว่ามอเตอร์รับภาระจากโมเมนต์
า ียอ นต สูต
ความเฉื่ อย จากภาระโหลดเป็ นสัดส่ วนกับอัตราทดของเกียร์
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
1
I Effective Il
์ (6)
ทิ ย ิ กส ษา
N2
เ
นย
)์
1
2 Il Im (7)
อน ศกึ
I total
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
ลัย
ยา
ว
าวทิ
ป
สามารถละทิ้งได้
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
3. 3 Driver
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
ทิ ธ
ตามประเภทการใช้งาน
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
เงื่อนไขบังคับทางพลศาสตร์อื่น ๆ เพราะมักมุ่งเน้นไปถึงเส้นทางที่จะทาการเคลื่อนที่ ซึ่งอาจรวมถึง
การเปลี่ยนตาแหน่งและการหมุนของหุ่นยนต์น้ นั ด้วย
รม ต ร
ร์
กร าส
การวางแผนการเคลื่อนที่ (trajectory planning) คือการวางแผนให้หุ่นยนต์หรื อแขนกล
ศิ ว มศ
เคลื่อนที่จากจุดเริ่ มต้นไปยังจุดสุ ดท้ายโดยทาการควบคุมผ่านผูค้ วบคุมหรื อโดยการโปรแกรมและ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ในระหว่างการเคลื่อนที่น้ นั หุ่นยนต์ตอ้ งหลบหลีกสิ่ งกีดขวางและเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่ได้
รว
วางแผน
า ียอ นต สูต
ส่ วนทราเจกทอรี (trajectory)หมายถึงประวัติของเวลาของตาแหน่งการเคลื่อนที่หรื อความเร็ ว
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
แลความเร่ งของแต่ละองศาอิสระ(degree of freedom:DOF) รวมถึงมนุษย์ผคู ้ วบคุมที่มาเกี่ยวข้องกับ
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
ควบคุมจาเป็ นต้องเขียนแสดงในฟังก์ชนั ของเวลาเพื่อบ่งบอกถึงงานที่ตอ้ งการ และมักจะบ่งบอกถึง
นย
)์
อน ศกึ
คเ
แผนการเคลื่อนที่รูปแบบง่าย ๆ ที่ตอ้ งการจากนั้นปล่อยให้ระบบการคิดค้นหาในรายละเอียด
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
ระบบที่เหลือจะทาการวิเคราะห์เองในการจัดวางอย่างไรให้ได้ตามระยะเวลา ความเร็ว หรื อตัวแปร
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
เส้นทางและทราเจกทอรี
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
B
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
A
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
ภาพที่ 3-8 robot movement
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ภาพที่ 3-8 แสดงเส้นทางการเคลื่อนที่ของแขนกล โดยในกรณี ของเส้นทางนั้นไม่คานึงถึง
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
ความเร็ วและความเร่ ง โดยแขนกลจะเคลื่อนที่ไปยังจุด B และ C ที่เวลาต่างกัน ทาให้เกิดทราเจก
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทอรี ที่แตกต่างกัน ในบทนี้จะอธิบายถึงความเร็ วและความเร่ งของหุ่นยนต์อีกด้วยมิติแบบข้อต่อและ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
เคลื่อนที่ไปยังตาแหน่ง B สามารถที่จะคานวณโดยใช้จลนศาสตร์ผลผันเพื่อหาค่าระยะเคลื่อนที่ของ
มเ น่
ลัย
รร นห
จะนาไปใช้ในการควบคุมเพือ่ ควบคุมหุ่นยนต์การเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์โดยการใช้ค่าระยะเคลื่อนที่
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ภาพที่ 3-9 sequential motions
รว
า ียอ นต สูต
แผนการเคลื่อนที่แบบคาร์ ทีเชียน อาจจะเป็ นที่เข้าใจง่ายเพราะแผนการเคลื่อนที่อยู่ในพิกดั
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
คาร์ ทีเชียน แต่อย่างไรก็ตามวิธีน้ ี ใช้การคานวณมากและการประมวลผลที่รวดเร็ ว แต่อย่างไรก็ตาม
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
เกิ นขอบเขตที่ สามารถเคลื่อนที่ไปถึงหรื ออาจเกิ ดการเปลี่ยนแปลงของมุมอย่างกะทันหันในการ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
เคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ทร าร
อา
คา องก
พื้นฐานการวางแผนการวางแผนทราเจกทอรี
ชีย
มค ึ งข
เอเ
พิจารณาการวางแผนเคลื่อนที่ของระบบแขนกลประกอบด้วย 2 ก้านโยงบนระนาบดังรู ป
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
เคลื่ อ นที่ จ ากจุ ด A ไปจุ ด B คื อ ควบคุ ม ให้ ข ้อ ต่ อ ทั้ง สองเคลื่ อ นที่ ด้ว ยความเร็ ว เชิ ง มุ ม สู ง สุ ด
(maximum an gular velocities ) นั้ นคื อ หลัง จากเวลา 2 วิ น าที ก้านโยงที่ ติ ด กับ ฐานสิ้ น สุ ด การ
เคลื่อนที่ ส่ วนก้านโยงถัดมาใช้เวลา 3 วินาที ในการสิ้ นสุ ดการเคลื่อนที่ ดังภาพที่ 6.3 จะพบว่าแนว
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ทางการเคลื่อนที่น้ นั ไม่เป็ นเส้นตรงและไม่ต่อเนื่องทดลองใหม่ โดยบังคับให้ค่าการเคลื่อนที่ของข้อ
ต่อทั้งสองเป็ นค่าที่ปรับค่า normalized ด้วยแฟกเตอร์ร่วมกันโดยบังคับให้ขอ้ ต่อทั้งสองเคลื่อนที่ชา้
รม ต ร
ร์
กร าส
ลง และด้วยอัตราส่ วนการเคลื่อนที่เริ่ มต้นและสุ ดท้ายพร้อม ๆ กันกรณี น้ ี ขอ้ ต่อทั้งสอเคลื่อนที่ดว้ ย
ศิ ว มศ
ความเร็ วต่างกัน แต่เคลื่อนที่พร้อมกันอย่างต่อเนื่อง โดยมุม เคลื่อนที่ดว้ ยอัตรา 4 องศาต่อวินาที
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
และมุม เคลื่อนที่ดว้ ยอัตรา 10 องศาต่อวินาที ผลการเคลื่อนที่แสดงดังภาพที่ 8
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
ตามเส้นทางยังไม่เป็ นเส้นตรง
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ภาพที่ 3-12 joint-space Cartesian
85
ถ้าต้อ งการให้ แ ขนกลเคลื่ อ นที่ ต ามแนวเส้ น ตรงจากจุ ด A ไปยังจุ ด B วิธี ที่ ง่ายที่ สุ ด คื อ
ลากเส้นตรงจาก A ไปจุด B แล้วแบ่งเส้นตรง AB ออกเป็ น 5 ส่ วนเท่าๆกัน จากนั้นหาค่า , แต่
ละจุด ดังภาพที่ 8 วิธีน้ ี เรี ยกว่า interpolation ระหว่างจุด และ B สังเกตว่า เส้นทางนั้นเป็ นเส้นตรง
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
แต่มุมการเคลื่อนที่ในข้อต่อนั้นไปต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามถ้าต้องการความละเอียดเพิ่มขึ้นทาได้โดย
รม ต ร
การแบ่งส่ วนของเส้นตรง AB มากขึ้น แผนการเคลื่อนที่แบบนี้ เรี ยกว่า มิติแบบคาร์ ทีเชียน เพราะ
ร์
กร าส
ทุกส่ วนการเคลื่อนที่ตอ้ งคานวณจากระบบแกนคาร์ทีเชียน
ศิ ว มศ
ทราเจกทอรี แบบมิติของข้อต่อ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ในการคานวณทราเจกทอรี แบบมิติของข้อต่อ (joint space trajec torice) นี้ พิจารณาแผนการ
รว
เคลื่ อนที่ ในรู ปฟั งก์ชัน ของมุ มมี ห ลายรู ปแบบ เช่ น ฟั งก์ชัน โพลิ โนเมี ยล (polynomials) ฟั งก์ชัน
า ียอ นต สูต
เส้ น ตรงผสมพาราโบลิ ก (linear functions with parabolic ) เป็ นต้น สั งเกตว่า วิ ธี น้ ี จะให้ ค่ าการ
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
เคลื่อนที่ ของมุมในแต่ละข้อต่อไม่ใช่ ค่าพิกดั คาร์ ทีเชี ยนในแต่ละจุดของเส้นทาง และการหมุนที่
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
เป็ นเชตของมุมที่ตอ้ งการ โดยใช้วิธีจลนศาสตร์ผกผัน
นย
)์
อน ศกึ
คเ
โพลิโนเมียลกาลังสาม
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
เวลา t f แล้วใช้จลนศาสตร์ ผกผันคานวณหามุมที่ตรงกันกับตาแหน่ งและการหมุนต้องการ โดย
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
(0) = 0 ) = f
(t f (1)
รม ต ร
ส่ วนอีก 2 เงื่อนไขมาจากกรณี ฟังก์ชนั นั้นต่อเนื่อง (continuous) ได้วา่
ร์
กร าส
. .
(0) = 0, (t f ) = 0 (2)
ศิ ว มศ
ะว รร
จากเงื่อนไข 4 นั้น เราสามารถนามาวิเคราะห์ได้โพลิโนเมียลดีกรี สาม (third polynomials)
50 นย คณ ศิ วก
หรื อ cubic ซึ่งมีรูปดังสมการ (3)
รว
(t ) = a0 a1t a 2 t 2 a3t 3 (3)
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
ตามลาดับ
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
.
(t ) = a1 2a2 t 3a3t 2 (4)
อา
คา องก
.
ชีย
มค ึ งข
..
(t ) = 2a2 6a3t (5)
เอเ
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
0 = a0
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
=
มห
f a0 a1t f a 2 t 2f a3t 3f
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
0 a1
นข
สา ิ พ
0 a1 a 2 t f a3 t 2f (6)
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
a0 0
a1 0
a 2 t f2 f 0
3
a 2 t f 0
2
3
f
87
เราสามารถใช้ส มการ (7) ค านวณหาค่ าตอบของโพลิ โ นเมี ย ลดี ก รี ส าม ซึ่ งต่ อ ระหว่าง
จุดเริ่ มต้นใด ๆ กับจุดสุ ดท้ายใด ๆ ในกรณี ของการเริ่ มและจบที่ความเร็ วเป็ นศูนย์
วิธีโพลิโนเมียลกาลังสามผ่านจุด
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
จากที่ผา่ นมาได้ศึกษาถึงการเคลื่อนที่ที่พิจารณาโดยระบุช่วงเวลาที่ตอ้ งการและจุดหมายที่
รม ต ร
ต้องการโดยทัว่ ไปเราต้องการให้เส้นทางการเคลื่อนที่น้ นั ผ่านจุดระหว่างกลาง (intermediate) วิธีโพ
ร์
กร าส
ลิโนเมียลกาลังสามผ่านจุด (cubic polynomials for a path with via points) การเคลื่อนที่ผา่ นจุด
ศิ ว มศ
ระหว่างกลางนั้นจะเคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่องไม่มีการหยุด (without stopping)
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ดังนั้นต้องคานวณหาสมการที่สอดคล้องกับเงื่อนไขบังคับที่ได้มีดงั นี้ (constraints)
รว
. .
(0) = 0
า ียอ นต สูต
.
(t f ) =
.
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
f
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์ .
นั้นคือ ต้องทราบความเร็ วของข้อต่อที่จุดเริ่ มต้น (0) และความเร็วของข้อต่อที่จุด
ี กา าล แ์ ล ตา
นย
)์
.
และสมการ (6.8) ที่อธิบายโพลิโนเมียลดีกรี สามคือ
อน ศกึ
(t f )
คเ
ทร าร
อา
=
คา องก
0 ชีย a0
=
มค ึ งข
f a 0 a1t f a 2 t 2f a 3 t 3f
เอเ
มเ น่
ลัย
.
= (8)
รร นห
0 a1
ยา
า ว
.
ห
= a a1 a 2 t f a3t 2f
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
f
ป
อง
ขา นธ
a0 = 0
นข
สา ิ พ
.
=
าน
0
ิ์เป็
a1
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
3
2 . 1 .
= t f2 ( f 0 ) 0
ิขส
a2 f
ปร
tf tf
(ล
3
1 . .
a3 = t ( f 0 )
2
f ( f 0 )
t 2f
ใช้สมการ (9) คานวณหาโพลิโนเมียลดีกรี สามที่เชื่อมต่อระหว่างจุดเริ่ มต้นและจุดสุดท้ายที่
.
ทราบค่าความเร็ วของข้อต่อ ณ จุดเริ่ มต้น (initial velocities) (0) และความเร็วสุ ดท้าย (final
.
velocities) f
วิธีเส้นตรงที่ปลายเป็ นพาราโบลิก(method of linear segments with parabolic blends) เป็ นวิธี
ที่ใช้คานวณหาเส้นทางการเคลื่อนที่ คือ เส้นทางการเคลื่อนที่เป็ นเส้นตรง (linear) นัน่ คือ การใช้
88
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
ภาพที่ 3-14 เส้นทางแบบเส้นตรง (linear)
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
ไม่ได้หมายความว่าจุดปลายของแขนกลเคลื่อนที่เป็ นแนวเส้นตรงการเคลื่อนที่ของข้อต่อเป็ นแบบ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
ทั้งสองข้าง ดังภาพที่ 11
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ในการนากราฟพาราโบลามาเพิ่มที่ปลายทั้งสองข้องโดยประมาณว่าช่วงระยะเวลาเท่ากัน
นัน่ คือ มีค่าความเร่ งคงที่เดียวกัน สมมุติว่า ณ จุดเริ่ มต้นค่าตาแหน่งของมุมเป็ น 0 ที่เวลา t 0 = 0
และจุดสุ ดท้ายค่าตาแหน่งของมุมเป็ น0 ´f ที่เวลา t f สามารถเขียนสมการพาราโบลา คือ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
1
(t ) = c0 c1t c 2 t 2
2
รม ต ร
ร์
.
= c c1 c2 t
กร าส
(t )
ศิ ว มศ
..
(t) = c2
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
..
พบว่าค่าความเร่ ง คงที่ และค่าความเร็ วต่อเนื่อง ณ จุด A และ B แทนค่าที่เงื่อนไขที่ปลาย
รว
สองข้อ(boundary conditions)
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
(t=0) = 0 c0
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
.
(t 0) 0 c1
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
..
(t ) c 2
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
จะได้ค่าคงที่ ชีย
มค ึ งข
เอเ
= 0
มเ น่
c0
ลัย
รร นห
= 0
ยา
c1
า ว
ห
วก สว่
..
=
าวศิ ป็น
าวทิ
c2
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
1
=
ิ์เป็
(t ) 0 c2 t 2
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
2
ิขส
.
(t ) =
ปร
c2t
(ล
..
(t ) = c2
B A (t f t b ) t b t f 2t b
. .
B A
ิต
f B A 0
สต ฑ
ศา บัณ
.
f 0
รม ต ร
ร์
กร าส
โดยช่วงเวลา t b คานวณได้จาก
ศิ ว มศ
ะว รร
c2
50 นย คณ ศิ วก
tb
f 0 c 2 t b2 t f 2t b
รว
า ียอ นต สูต
f 0 t b2 t f 2t b
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
tb
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
0 f t f
tb
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
และค่าความเร็วเชิงมุมสู งสุ ด
นย
)์
2 f 0
อน ศกึ
คเ
ทร าร
max
อา
คา องก
ชีย tf
ส่ วนครึ่ งหลังของพาราโบลาคล้ายกันเพียงแต่ความเร่ งเป็ นค่าลบ
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
t f c2 t f t 2
ลัย
1
รร นห
ยา
ว
2
ห า
วก สว่
t f t f t 2
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
2t b
มห
น์ ี เ้
t t t
.
อง
ขา นธ
f
นข
tb
สา ิ พ
าน
t
..
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
tb
ิขส
ปร
(ล
ทราเจกทอรี แบบคาร์ทีเชียน
ทราเจกทอรี แบบคาร์ทีเชียน (Cartesian space trajectories) จะศึกษาถึงการเคลื่อนที่ของแขน
หุ่ น ยนต์ในพิ กัด คาร์ ที เชี ยนตามด้วยตาแหน่ งและการหมุ น ของหุ่ น ยนต์ นอกเหนื อจากการวาง
แผนการเคลื่อนที่แบบเส้นตรงแล้ว ยังมีวิธีการอื่นอีกที่จะใช้ ในการขับเคลื่อนเส้นทางการเคลื่อนที่
ของหุ่นยนต์
วิธีการวางแผนเคลื่อนที่ขอ้ ต่อ joint space trajectories) นามาใช้ได้ในแบบคาร์ทีเชียน แต่มี
ข้อแตกต่าง คือ จะต้องคานวณค่าระยะเคลื่อนที่ของข้อต่อซ้ า ๆ กันโดยวิธีคานวณทางจลนศาสตร์
91
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
สามารถอธิบายได้ในลาดับการคานวณ คือ
รม ต ร
1. เพิ่มเวลาในการคานวณ t=t+ t
ร์
กร าส
2. คานวณตาแหน่ง และการหมุนบนเส้นทางเคลื่อนที่ที่ตอ้ งการ
ศิ ว มศ
3. คานวณค่าการเคลื่อนที่ของข้อต่อสาหรับค่าตาแหน่งและการหมุนของแขนกลโดย
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ใช้สมการจลนศาตร์ผกผัน
รว
4. ส่ งค่าที่คานวณได้ผา่ นไปยังจุดชุดควบคุม
า ียอ นต สูต
5. ทาช้ าจากลาดับข้างต้นในเวลาถัดไป คือ เพิ่มเวลา t
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
การควบคุม
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
หัวข้อนี้ อธิ บายถึงระบบควบคุม (contort systems) โดยเบื้องต้นของหุ่ นยนต์ โดยมีวตั ถุที่จะ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
เข้าใจถึงกฎการควบคุม (control laws ) เพื่อที่ จะรักษาเสถียรภาพ (stabilize) ในที่ น้ ี จะกล่าวเพียง
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
นั้นขอให้ผอู ้ ่านได้ติดตามในหนังสื อระบบควบคุมต่อไป
มเ น่
ลัย
รร นห
หลักการพื้นฐานของการควบคุม
ยา
า ว
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
หุ งน่ าจะสุ กพอดี ทั้งนี้ คงต้องมีการใส่ ปริ มาณน้ าที่พอดีกบั ปริ มาณข้างสาร เพราะถ้าใส่ ปริ มาณน้ า
รม ต ร
มากไปก็อาจกลายเป็ นข้าวต้ม อย่างไรก็ตามถ้ามีการวัดความชื้นของข้าวที่กาลังหุง เพื่อตรวจสอบว่า
ร์
กร าส
ข้างนั้นสุ กดีหรื อยัง วิธีการนี้ เรี ยกว่าการควบคุมแบบป้ อนกลับ (feedback control ) โดยครั้งนี้ จะทา
ศิ ว มศ
การวัดความชื้ น ว่าสุ กพอดี ที่จะเป็ นข้าวสวยหรื อยัง ซึ่ งจะต้องการวัดค่าป้ อนกลับ(feedback) เพื่อ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
นามาใช้ในการควบคุม
รว
จากการอธิ บายเบื้องต้น สามารถนามาใช้ในการควบคุมหุ นยนต์ได้ดงั ในภาพที่ 6.11 แสดง
า ียอ นต สูต
แผนภาพกาควบคุมตาแหน่ง (position control) โดยการควบคุมในแต่ละข้อต่อ จะมีการวัดโดยใช้วง
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
จกเข้ารหัส เพื่อที่จะนามาเปรี ยบเทียบค่าป้อนกลับและค่าอ้างอิง เพื่อนนามาลดค่าความผิดพลาด
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
การถ่ายโอน
การหาฟั งก์ชัน การถ่ายโอน (transfer function) หรื อ แบบจาลองของระบบ (plant model)
เป็ นสิ่ งที่ตอ้ งทาเป็ นอันดับแรกของการควบคุม ยกตัวอย่างของระบบมวลติดสปริ ง ดังภาพที่ 13
93
Spring K
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
F t Mass m
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ภาพที่ 3-17 มวลต่อกับสปริ ง
รว
สามารถเขียนสมการได้ า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
m x f x kx F t
.. .
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
โดยที่ f คือ แรงเสี ยดทานระหว่างมวลกับพื้น และ F(t) คือแรงภายนอกที่มากระทา สามารถ
ทิ ย ิ กส ษา
เ
หาฟังก์ชนั การถ่ายโอนโดยใช้ laplace transform ได้ดงั นี้
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
G s
output 1 1
อา
mS fS k S a s b
คา องก
2
input ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ยา
ว
ค่ ามาท าเครื่ อ งหมายแสดงลงบนแผนภาพ pole-zero diagram ได้อ นึ่ งในส่ ว นของหุ่ น ยนต์น้ ั น
ห า
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
จะต้อ งหาฟั ง ก์ ชั น การถ่ า ยโอนของทั้ง ก้า นโยงและชุ ด ขับ (actuator) ก้า นโยงสามารถสร้ า ง
ป
มห
น์ ี เ้
นข
.. .
สา ิ พ
m f mgl
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
การ์ ด Motion I/Oเป็ นการ์ ดเชื่ อมต่อสาหรับงานควบคุมการเคลื่อนที่ ของเซอร์ โวมอเตอร์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
สัญญาณออกไปยัไดร์ ฟแบบ PWMการเชื่อมต่อการ์ ดเข้ากับแอมปลิฟายเออร์ และมอเตอร์ สามารถ
มค ึ งข
เอเ
ทาได้โดยผ่าน Connector ที่เป็ นแบบแยก คือ J24-J27 สาหรับเอ็นโคดเดอร์ และ J18-J21 สาหรับ
มเ น่
ลัย
รร นห
เชื่ อมต่อสัญญาณ PWM เข้ากับแอมปลิฟายเออร์ หรื อต่อจากConnector รวมขนาด 34 Pin คือ J29
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวทิ
ป
มห
เซนเซอร์(sensors)
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
สิ่ งมีชีวิต เช่ น เมื่ อมนุ ษย์เราตื่ นขึ้นจากการนอนหลับ ก่ อนจะลืมตาขึ้น มนุ ษย์สามารถรับรู ้ได้ถึง
ิขส
ปร
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
โดยจะอธิ บายรายละเอี ยดถึ งเซนเซอร์ ใช้วดั ตาแหน่ ง (position sensors) เซนเซอร์ ใช้วดั ความเร็ ว
รม ต ร
(accelerometer) เซนเซอร์ ที่ ใ ช้ ว ัด แรง (force sensors) เซนเซอร์ ที่ ใ ช้ ว ัด แรง (torque sensors)
ร์
กร าส
เซนเซอร์ที่ใช้ในการรับภาพ (image sensors)
ศิ ว มศ
ลักษณะเฉพาะของเซนเซอร์
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ในการใช้งานทัว่ ๆ ในนั้นเราต้องพิจารณาว่าเซนเซอร์ ประเภทหนึ่ งเหมาะกับงานประเภท
รว
หนึ่ง โดยทัว่ ไปหลักการเลือกเซนเซอร์มีดงั นี้
า ียอ นต สูต
Cost : ราคาเป็ นส่ วนสาคัญหนึ่ งโดยเฉพาะในงานที่ตอ้ งใช้เซนเซอร์ หลาย ๆ ตัว อย่างไรก็
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ตามคงต้องดูวา่ เหมาะสมกับการออกแบบ ความเชื่อถือได้ และ ความละเอียดของอุปกรณ์วดั นั้นด้วย
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
เ
ต้องหาเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กตามไปด้วย
นย
)์
อน ศกึ
คเ
Weight : น้ าหนักเป็ นปั จจัยที่สาคัญอีกข้อหนึ่ ง เพราะถ้าเซนเซอร์มีน้ าหนักมากก็จะไปเพิ่ม
ทร าร
อา
คา องก
โมเมนต์แรงเฉื่ อยของแขนขึ้นไปและยังทาให้รับภาระโหลดน้อยลงอีกด้วย
ชีย
มค ึ งข
เอเ
Type of output (digital or analog ) : ชนิ ดของข้อมูลที่ส่งออกจากเซนเซอร์ อาจเป็ นสัญญาณ
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
Interfacing: การอินเตอร์เฟสกับอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
นข
สา ิ พ
2 4 16 ระดับ นัน ่ คือ ในหนึ่งรอบ 360 องศา ดังนั้น จะมีค่าความละเอียดเป็ น 360/16 = 22.5 องศา
าน
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
(output)
ปร
(ล
Reliability : ความเชื่อถือได้
Accuracy : ความถูกต้อง
Repeatability : ค่าการทาซ้ า ในการตรวจวัดหลายๆครั้งค่าที่วดั ออกมาได้อาจมีการ
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ผิดพลาดไปในแต่ละครั้ง ทั้งนี้ อาจมีการกาหนดช่วงของการทาซ้ า โดยทัว่ ไปค่าการทาซ้ าเป็ นค่าสุ่ ม
รม ต ร
ที่ไม่สามารถปรับค่าได้
ร์
กร าส
เซนเซอร์วดั ตาแหน่ง (position sensors)
ศิ ว มศ
การวัดค่าตาแหน่งของหุ่ นยนต์ มีอุปกรณ์การวัดโดยทัว่ ไปอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ คือ โพเทนทิออ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
มิเตอร์ ให้สัญญาณการวัดเป็ นแอนนะลอก (analog) และวงจรเข้ารหัสที่ให้สัญญาณการวัดออกมา
รว
เป็ นดิจิทลั (digital) โดยอุปกรณ์ การวัดทั้งสองแบบนี้ สามารถวัดได้ท้ งั ระบบเชิ งเส้น (linear) และ
เชิงมุม (angular) า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
โพเทนทิออมิเตอร์ (potentiometers)
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
โพเทนทิ ออมิ เตอร์ คือ อุปกรณ์ วดั ค่าตาแหน่ งการเคลื่อนที่ในหุ่ นยนต์โดยค่าตาแหน่ งจะ
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
เปลี่ยนไปเป็ นค่าแรงดันไฟฟ้ า (voltage) ผ่านตัวต้านทานปรับค่าได้ (variable resistor) ขณะมีการ
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ขยับเปลี่ยนแปลงตาแหน่ง ค่าตาแหน่งต้านทานก็ปรับเปลี่ยนค่าไป หลักการทางานของโพเทนทิออ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
R
อง
Vcc
ขา นธ
นข
สา ิ พ
R1
าน
Vout
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ความต้านทานตามความเข้มของแสง เช่น โฟโตทรานซิ สเตอร์ (phototransistor) เมื่อล้อนั้นมีการ
หมุนไปก็จะส่ งสัญญาณต่อเนื่ อง และถ้านับจานวนสัญญาณที่ส่งก็สามารถหาค่าระยะขจัดเชิ งมุม
รม ต ร
ร์
กร าส
ของล้อนั้นได้ ทานองเดียวกันกับในลักษณะของแถบยาวที่ใช้กบั การวัดเชิงเส้น
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
าวทิ
ป
หารด้วยช่วงเวลานั้นก็จะได้ค่าความเร็ ว
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
3.4 LabVIEW
าน
ิ์เป็
วชิ
LabVIEW เป็ นโปรแกรมที่ ใช้เพื่ อ สร้ างโปรแกรมส าหรั บ การเก็บ ข้อมู ล , การเชื่ อ มต่ อกับ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
(ก) (ข)
รว
า ียอ นต สูต
ภาพที่ 3-21 Front Panel (ก) และ Block Diagram (ข) รวมทั้ง Tools, Functions
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
และ Controls ต่าง ๆ ใน
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
โปรแกรม LabVIEW
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
Front Panel เป็ นส่ วนที่ใช้สาหรับเชื่อมต่อกับผูใ้ ช้งาน ใช้สาหรับใส่ ค่า (input) และแสดงผล
นย
)์
อน ศกึ
คเ
(output) ของตัวโปรแกรมที่สร้างขึ้นมา โดยส่ วน input จะถูกเรี ยกว่า ”control” และ ส่ วน output จะ
ทร าร
อา
คา องก
เรี ย กว่ า ”indicator”ตัว control และ indicator ที่ ถู ก น ามาใช้ ใ น Front Panel ซึ่ งจะมี จุ ด ต่ อ เชื่ อ ม
ชีย
มค ึ งข
เอเ
ปรากฎอยู่ที่ Block Diagram ด้วย เมื่อโปรแกรมเริ่ มทางานตัว control ที่ Front Panel จะทาการส่ ง
มเ น่
ลัย
รร นห
ข้อมูลผ่านไปยัง Block Diagram และ ตัว output ก็จะส่ งค่าจาก Block Diagram กลับมาแสดงผลที่
ยา
า ว
Front Panel ผ่านตัว indicator ที่กาหนดไว้ขอ้ มูลที่ใช้ในตัว control และ indicator มีอยูด่ ว้ ยกันหลาย
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
รู ป แบบ เช่ น ตัว เลข (Numerics), เงื่ อ นไข (Booleans) และ ตัว อัก ษร (Strings Numerics มี อ ยู่
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
ภาพที่ 3-22 ตัวอย่างของตัว Control และ Indicator แบบ Numerics ใน Front Panel
Booleans เป็ นเงื่อนไข มี 2 สถานะคือ on/off หรื อ True/False รู ปแบบของ Boolean
99
จะเป็ นปุ่ มสี , ปุ่ มกดหยุด หรื อปุ่ มเลื่อนเปิ ดหรื อปิ ด ดังแสดงในภาพที่ 21
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
ภาพที่ 3-23 ตัว อย่ า งของตัว Control และ Indicator แบบ Strings Boolean ใน Front
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
Panel 25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
String เป็ นตัวอักษรที่ใช้สาหรับป้อนค่า, แสดงผล หรื อจัดเก็บไว้ในรู ปของไฟล์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
ดังแสดงในภาพที่ 24
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ภาพที่ 3-24 ตัวอย่างของตัว Control และ Indicator แบบ Strings ใน Front Panel
ิขส
ปร
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
ภาพที่ 3-25 ตัวอย่างของ Charts/Graphs แบบต่าง ๆ ใน Front Panel
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
เ
Block Diagram เป็ นส่ วนที่เก็บ ”Source Code” ของโปรแกรม LabVIEW ซึ่งตัวโปรแกรมใน
นย
)์
อน ศกึ
คเ
LabVIEW จะเรี ยกว่ า ”VI” ตั ว Code ในโปรแกรม LabVIEW เป็ นกราฟฟิ กที่ เรี ยกกั น ว่ า G
ทร าร
อา
คา องก
เอเ
เขียนโดยใช้คาสั่งต่าง ๆ ดังที่ใช้ทว่ั ไปในโปรแกรมอื่น ๆ เช่น C/C++, Visual C++ ซึ่ งอาจจะกล่าว
มเ น่
ลัย
ได้ว่า LabVIEW ใช้ห ลัก การเดี ย วกัน กับ การเขี ย น flow chart ตัว อย่างของ Numerics, Booleans,
รร นห
ยา
า ว
าวทิ
ป
3-26
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
(ก) Numerics
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง
(ค) Strings
า ียอ นต สูต
(ข) Booleans
มห รว
(ง) Charts/Graphs
25 าค ์
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
ภาพที่ 3-26 ตัวอย่างของ Numerics, Booleans, Strings และ Charts/Graphs ใน Block Diagram
101
102
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
File input/output (File I/O) ฟั งก์ชัน ต่ าง ๆ ที่ ก ล่ าวถึ งจะปรากฎอยู่ใน Block diagram เท่ านั้น ดัง
แสดงในภาพที่ 3-27 Operation เป็ นฟั งก์ชัน ที่ ใ ช้ช่ ว ยเพื่ อ สร้ างสมการหรื อ ค าสั่ งในโปรแกรม
รม ต ร
ร์
กร าส
LabVIEW ตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ (ดังภาพที่ 7) ส่ วนภาพที่ 8 แสดงฟังก์ชนั พื้นฐานที่นิยมใช้
ศิ ว มศ
สาหรับการเขียนโปรแกรมทางวิศวกรรม
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
Loop & Case Structures เป็ นฟั งก์ชนั พื้นฐานสาหรับการเขียนโปรแกรมดังภาพที่ 9 ซึ่ งมีไว้
ช่วยสาหรับการเขียนโปรแกรมที่ตอ้ งมีข้ นั ตอนการทางานซ้ าหลาย ๆ ครั้ง โดยรู ปแบบของฟั งก์ชนั
ขึ้ น อยู่กับลัก ษณะของกระบวนการเช่ น While Loop กระบวนการจะท าซ้ าจนกระทัง่ บรรลุ ตาม
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
เงื่อนไขที่กาหนดไว้ หากเป็ น ForLoop ตัวโปรแกรมจะกระทาซ้ าตามจานวนครั้งที่กาหนด และใน
รม ต ร
กรณี ของ Case Structure ตัวโปรแกรมจะกระทาเมื่อค่าเริ่ มต้นตรงตามข้อกาหนดของเงื่อนไขนั้น ๆ
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
ภาพที่ 3-29 ตัวอย่างของ Loop & Case Structure
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
โปรแกรม LabVIEW มี ฟั งก์ชัน File Input/Output (I/O) ที่ ส ามารถน ามาใช้เพื่ อ จัด เก็ บ
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
ข้อมู ลในรู ปของไฟล์ท้ ังแบบ Binary และ ASCII (text) Format โดยสามารถน ามาวิเคราะห์ และ
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
จัดทารายงานหรื อกราฟในภายหลังได้ ฟั งก์ชนั File I/O ประกอบด้วยฟั งก์ชนั อ่าน (Read) ข้อมูล
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
เป็ นต้น) และ format ของไฟล์ (binary หรื อ ASCII) ที่ตอ้ งการอ่านหรื อจัดเก็บ ดังแสดงใน
(ล
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
รม ต ร
ร์
กร าส
ศิ ว มศ
ะว รร
50 นย คณ ศิ วก
ภาพที่ 3-30 ฟังก์ชนั File I/O สาหรับข้อมูลแบบต่าง ๆ
รว
า ียอ นต สูต
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
คา องก
ชีย
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ทิ ธ
ิขส
ตัว ก าหนดค่ าตัว แปรเริ่ ม ต้น หรื อ ตัว แปรควบคุ ม ต่ าง ๆ ที่ จ าเป็ นต้อ งใช้ในโปรแกรม ตัว อย่าง
ปร
(ล
โปรแกรม LabVIEW เบื้ องต้น เช่ น โปรแกรมบวกเลข ซึ่ งมี ค่าเริ่ มต้น 2 ค่า และมี ผลลัพ ท์ 1 ค่า
Front Panel และ Block Diagram ของตัวอย่างดังแสดง
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
(ก) Front Panel ของโปรแกรมบวกเลข
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
(ข) Block Diagram ของโปรแกรมบวกเลขภาพที่ 3-32
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
ภาพที่ 3-32 วิธีการ Run โปรแกรมกระทาได้โดยกดปุ่ มลูกศรที่อยูท่ างด้านซ้ายบน
105
บทที่ 4
ผลการทดลอง
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
ขั้นตอนการทดลอง
รม ต ร
ร์
กร าส
1) จัดเตรี ยมข้อมูล Specification ของหุ่นยนต์ทดลอง CRS-A255
ศิ ว มศ
ะว รร
2) จัดทำตำรำง Denavit-Hartenberg
50 นย คณ ศิ วก
3) คำนวณหำ Forward Kinematics โดยใช้โปรแกรม Mathematica
รว
4) คำนวณหำ Inverse Kinematics ได้สูตรของกำรเคลื่อนที่แต่ละ Axis
า ียอ นต สูต
5) เชื่อมต่อสำยระหว่ำงหุ่น CRS-A255 กับชุด PC ควบคุม National Instruments
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
Automatic) ์
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
7) ทำกำรทดลองโปรแกรมควบคุมกับหุ่น ทดลองCRS-A255
อน ศกึ
คเ
ทร าร
8) แก้ไข BUG
อา
คา องก
ชีย
9) ปรับปรุ งและพัฒนำโปรแกรมให้มีประสิ ทธิภำพมำกขึ้น
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
น์ ี เ้
อง
ขา นธ
นข
สา ิ พ
าน
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
ิขส
ปร
(ล
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
118
บทที่ 5
สรุ ปผลการดาเนินงาน
ิต
สต ฑ
ศา บัณ
สามารถสร้างระบบควบคุมการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ CRS-A255 จากตาแหน่ง Aไปยัง
รม ต ร
ตาแหน่ง B และตาแหน่งอื่นๆ ที่ตอ้ งการ ซึ่งผลการเคลื่อนที่ไปได้ตามเป้าหมายของโครงงาน โดย
ร์
กร าส
สามารถเคลื่อนที่เป็ นแบบทีละตาแหน่ง ทีละ Step หรื อแบบอัตโนมัติท้ งั ตาแหน่งแลt Step ก็ได้
ศิ ว มศ
ะว รร
โดยไม่จากัดจานวนตาแหน่งและ Step ของการเคลื่อนที่
50 นย คณ ศิ วก
รว
5.1 ปัญหาและอุปสรรค
า ียอ นต สูต
5.1.1 ระบบ DC Servo มีแรงบิดน้อย
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
1) ไม่สามารถยกแขนได้ดีพอ 25 าค ์
ี กา าล แ์ ล ตา
์
2) เกิดการ Knock-out ขณะเริ่ มการเคลื่อนที่เป็ นบางครั้ง
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
5.1.2 ระบบโปรแกรม Software(Labview) ที่ใช้ เป็ นสิ่ งที่ใหม่มากกับทีมงาน
อน ศกึ
คเ
ทร าร
ชีย
2) ขาดผูเ้ ชี่ยวชาญที่รู้เกี่ยวกับโปรแกรม Labview
มค ึ งข
เอเ
5.1.3 ปริ มาณของเนื้องานของ Project ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่กาหนด
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
า ว
ห
วก สว่
5.2 แนวทางการแก้ไข
าวศิ ป็น
าวทิ
ป
มห
อง
ขา นธ
2) ศึกษาเพิ่มเติมในการเขียนโปรแกรม Labview
นข
สา ิ พ
ิ์เป็
วชิ
ญิ ญ
ทิ ธ
5.3 ข้ อเสนอแนะ
(ล
1) เขียนโปรแกรมควบคุม Loop ของการใช้สัญญาน I/O ของ Motion Card เพื่อ Trig อุปกรณ
ภายนอกหรื อรับสัญญาน Trig จากภายนอกมาสัง่ งานภายในการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์
2) เขียนโปรแกรมควบคุม Loop ของการเคลื่อนที่จากตาแหน่งหนึ่งไปอีกตาแหน่งหนึ่งให้เป็ น
แนวเส้นตรง และแนวเส้นโค้งตามที่กาหนดให้เพื่อใช้ในงานหุ่นยนต์เชื่อมต่างๆ โดยใช้ Path
Planning
3) ระบบ Teaching
4) ระบบการทางานร่ วมกับ Image Processing
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
(มหาชน), 2548
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห
บรรณานุกรม
25 าค ์
เ รว
าวทิ 50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
[1] ผศ. ดร.สถาพร ลักษณะเจริ ญ, วิศวกรรมหุ่นยนต์ , กรุ งเทพมหานคร : บริ ษทั ซีเอ็ดยูเคชัน่ จากัด
121
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
ภาคผนวก ก
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
DC Servo Drive
มเ น่
หุ่นยนต์ CRS-A255
ทิ ธ ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
ตารางที่ 4-2 แสดงรายการอุปกรณ์ ทใี่ ช้ ในการทาโครงงาน
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
รม ต ร
68-Pin Motion I/O Connector Pin Assignment for Axes 1–8
ชีย
อา ศา บัณ
สต ฑ
1
1
2
1
คเ
ิต
จานวน
นย ร์
)์
123
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
ภาคผนวก ข
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ลัย ศิ ว มศ
เอเ กร าส
ชีย รม ต ร
อา ศา บัณ
คเ สต ฑ
นย ร์ ิต
)์
ปร
ญิ ญ
าน
สา ิ พ
ขา นธ
วชิ น์ ี เ้
าวศิ ป็น
วก สว่
รร นห
มเ น่
มค ึ งข
คา องก
ม ห ทร าร
(ล
ิขส า ว อน ศกึ
ทิ ธ ป ทิ ย ิ กส ษา
ี กา าล แ์ ล ตา
ิ์เป็ รศ ัยเอ ะห มห
นข กึ ษ เช ุ่นย ลกั
อง า ียอ นต สูต
มห 25 าค ์ รว
าวทิ เ
50 นย คณ ศิ วก
ยา ์ ะว รร
ภาพที่ ข-1 CRS-A255 Specification
ลัย ศิ ว มศ
ิต
สต ฑ
เลขทะเบียน 4817810003
ศา บัณ
ชื่อ-สกุล นายนรชัย พงศาชาญ
รม ต ร
ร์
คุณวุฒิ-สถานศึกษา ระดับ ม.ศ. 5
กร าส
ศิ ว มศ
โรงเรี ยนอานวยศิลป์ พระนคร
ะว รร
ที่อยู่ (ตามทะเบียนบ้าน) 30/26 หมู่ 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค
50 นย คณ ศิ วก
จ.กรุ งเทพ ฯ 10160
รว
เลขทะเบียน
า ียอ นต สูต 4817M10001
กึ ษ เช ุ่นย ลกั
รศ ัยเอ ะห มห
25 าค ์
ชื่อ-สกุล นายเสฏฐวุฒิ บุญเข็ม
ี กา าล แ์ ล ตา
คุณวุฒิ-สถานศึกษา ์
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสู ง
ทิ ย ิ กส ษา
นย
)์
วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี
อน ศกึ
คเ
ทร าร
อา
ที่อยู่ (ตามทะเบียนบ้าน) 42/1 หมู่ 2 ต.ตาก้อง อ.เมือง
คา องก
ชีย
จ.นครปฐม 73000
มค ึ งข
เอเ
มเ น่
ลัย
รร นห
ยา
ว
เลขทะเบียน 4817M10002
ห า
วก สว่
าวศิ ป็น
าวทิ
มห
น์ ี เ้
คุณวุฒิ-สถานศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสู ง
อง
ขา นธ
เทคนิคกรุ งเทพ
นข
สา ิ พ
าน
ทิ ธ
จ.นครปฐม 73110
ิขส
ปร
(ล
เลขทะเบียน 4817Q20001
ชื่อ-สกุล นายอนุวฒั น์ สง่าชาติ
คุณวุฒิ-สถานศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสู ง
มหาวิทยาลัยสยาม
ที่อยู่ (ตามทะเบียนบ้าน) 91/217 หมู่ 6 แขวงแสมดา แขตบางขุนเทียน
จ.กรุ งเทพ ฯ 10150