Professional Documents
Culture Documents
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของจำนวนเต็มบวก ศูนย์ และจำนวนเต็มลบได้
2. จำแนกจำนวนเต็มแต่ละประเภทได้
จำนวนเต็มแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
1. จำนวนเต็มบวก หมายถึง จำนวนเต็มที่มากกว่า 0 ขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด
จำนวนเต็มบวก คือ จำนวนนับ หรือ จำนวนธรรมชาตินั่นเอง ได้แก่ 1 , 2 , 3 , …
1 เป็นจำนวนนับที่น้อยที่สุด
เส้นจำนวนแสดงจำนวนศูนย์และจำนวนเต็มบวก
2. จำนวนศูนย์ ได้แก่ 0
0 ไม่ใช่จำนวนนับ
3. จำนวนเต็มลบ ได้แก่ จำนวนเต็มที่น้อยกว่าศูนย์ และมีค่าลดลงเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด ได้แก่ –1 ,–2,–3
,… เส้นจำนวนแสดงจำนวนเต็มลบ
เขียนแสดงจำนวนเต็มทั้งหมดโดยใช้เส้นจำนวน ดังนี้
จุดประสงค์การเรียนรู้ เปรียบเทียบจำนวนเต็มที่กำหนดให้ได้
การเปรียบเทียบจำนวนเต็มสามารถเปรียบเทียบจากเส้นจำนวนได้ดังนี้
-7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3
จากเส้นจำนวนจะพบว่าจำนวนเต็มที่อยู่ทางขวาจะมากกว่าจำนวนเต็มที่อยู่ทางซ้ายเสมอ
และจำนวนเต็มที่อยู่ทางขวาของศูนย์จะมีค่าเพิ่มขึ้นทีละ 1 ไปเรื่อยๆ ส่วนจำนวนเต็มที่อยู่ทางซ้าย
ของศูนย์จะมีค่าลดลงทีละ 1 ไปเรื่อยๆ
สัญลักษณ์แสดงการเปรียบเทียบจำนวนเต็ม
= แทน เท่ากับ
≠ แทน ไม่เท่ากับ
> แทน มากกว่า
< แทน น้อยกว่า
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความหมายและลักษณะของค่าสัมบูรณ์ได้
2. แสดงวิธีการหาค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็มที่กำหนดให้ได้
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็ม
เมื่อพิจารณาระยะทางระหว่าง 0 ถึง 3 และ 0 ถึง -3 โดยใช้เส้นจำนวนจะเห็นว่า
-5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5
3 อยู่ห่างจาก 0 เป็นระยะ 3 หน่วย
กล่าวว่า ค่าสัมบูรณ์ของ 3 เท่ากับ 3
-5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5
ตัวอย่าง
เนื่องจาก 5 อยู่ห่างจาก 0 เป็นระยะ 5 หน่วย ดังนั้น | 5 | = 5
เนื่องจาก -5 อยู่ห่างจาก 0 เป็นระยะ 5 หน่วย ดังนั้น | -5 | = 5
ชื่อ……………………………………….นามสกุล…………………………………….ชั้น …………….เลขที่…………..
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบำยจำนวนตรงข้ำมที่กำหนดให้ได้
2. แสดงวิธีกำรหำจำนวนตรงข้ำมของจำนวนเต็มที่กำหนดให้ได้
จานวนตรงข้าม คือ จำนวนที่อยู่ห่ำงจำกศูนย์เป็นระยะเท่ำกันบนเส้นจำนวน และอยู่คนละข้ำงของศูนย์
-3 -2 -1 0 1 2 3
จะเห็นว่ำ -3 และ 3 อยู่ห่ำงจำก 0 เป็นระยะเท่ำกับ 3 หน่วย เท่ำกัน
เรียก -3 และ 3 ว่ำเป็นจำนวนตรงข้ำมซึ่งกันและกัน
นั่นคือ -3 เป็นจำนวนตรงข้ำมของ 3
3 3เป็นเป็
จ�ำนนวนตรงข้
จำนวนตรงข้ ำมของ
ำมของ -3 -3
และ 3 + (-3) = (-3) + 3 = 0
จำนวนเต็มบวกและจำนวนเต็มลบที่มีค่ำสัมบูรณ์ เท่ำกันเป็นจำนวนตรงข้ำมกัน
หมายเหตุ 0 เป็นจำนวนตรงข้ำมของ 0
สรุป ถ้ำ a เป็นจำนวนใดๆ จำนวนตรงข้ำมของ a เขียนแทนด้วย -a
และ จำนวนตรงข้ำมของ -a คือ a ซึ่งเขียนแทนด้วย -(-a)= a
และ a + (-a) = (-a) + a =0
ตัวอย่างที่ 1 จงหำค่ำของ 4
วิธีทา เนื่องจำก 4 = 4
ดังนั้น 4 = -4
ตอบ -4
ตัวอย่างที่ 2 จงหำจำนวนตรงข้ำมของ 11
วิธีทา เนื่องจำก 11 = 11
ดังนั้น จำนวนตรงข้ำมของ 11 = จำนวนตรงข้ำมของ 11
= -11
ตอบ -11
5
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการบวกจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกได้
2. แสดงวิธีการหาคำตอบของการบวกจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกได้
การบวกจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก คือ การบวกจำนวนนับด้วยจำนวนนับนั่นเอง เช่น 3+2
สามารถแสดงการหาผลบวก โดยใช้เส้นจำนวนได้ดังนี้
–6 –5 –4 –3 –2 –1 0 1 2 3 4 5 6
เริ่มต้นที่ 0 นับไปทางขวามือถึง 3 เมื่อบวกด้วย 2 ให้นับเพิ่มไปทางขวา 2 หน่วย ซึ่งจะไปสิ้นสุดที่ 5 จะ
ได้ 5 เป็นผลบวกของ 3 กับ 2 ดังนั้น 3+2 = 5
หรือ อาจหาผลบวกโดยใช้ค่า สัมบูรณ์ โดยการนำค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็มบวกมาบวกกัน ผลลัพธ์ที่ได้
เป็นจำนวนเต็มบวกเช่น
ค่าสัมบูรณ์ของ 19 หรือ |19| = 19
ค่าสัมบูรณ์ของ 11 หรือ |11| = 11
จะได้|19| + |11| = 19 + 11
= 30
ดังนั้น 19 + 11= 30
6
4 หน่วย 3 หน่วย
-7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1
ดังนั้น (-3) + (-4) = -7
พิจารณาการหาผลบวกของ (-3) + (-4) โดยใช้ค่าสัมบูรณ์ ดังนี้
ค่าสัมบูรณ์ ของ -3 คือ 3
ค่าสัมบูรณ์ ของ -4 คือ 4
จะเห็นได้ว่า เมื่อนำค่าสัมบูรณ์ของทั้งสองจำนวนมาบวกกัน แล้วตอบเป็นจำนวนเต็มลบ จะได้ผลลัพธ์
เท่ากับ -7 เช่นเดียวกับการใช้เส้นจำนวน
การบวกจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ ให้นำค่าสัมบูรณ์
มาบวกกันแล้วตอบเป็นจำนวนเต็มลบ
ตอบ - 12
7
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการบวกจำนวนเต็มลบกับจำนวนเต็มบวกได้
2. แสดงวิธีหาคำตอบของการบวกจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวกได้
การบวกจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก สามารถแสดงการหาผลบวกโดยใช้เส้นจำนวนได้
พิจารณาการหาผลบวกของ ( -7) + 9 บนเส้นจำนวน
-10 -9 -8 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5
เริ่มต้นนับจาก 0 ไปทางซ้าย 7 หน่วย เมื่อบวกด้วย 9 นับจาก –7 ไปทางขวา 9 หน่วยซึ่งจะไปสิ้นสุด
ที่ 2 จะได้ 2 เป็นผลบวกของ ( -7) + 9
ดังนั้น ( -7) + 9 = 2
-10 -9 -8 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5
หลักการบวกจำนวนเต็ม
1. การบวกจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกใช้วิธีเดียวกับการบวกจำนวนนับด้วยจำนวนนับ ซึ่งจะได้
ผลบวกเป็นจำนวนเต็มบวก
2. การบวกจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ ให้นำค่าสัมบูรณ์มาบวกกันแล้วตอบเป็นจำนวนเต็มลบ
3. การบวกระหว่างจำนวนเต็มบวกกับจำนวนเต็มลบให้นำค่าสัมบูรณ์ที่มากกว่าลบด้วยค่าสัมบูรณ์ที่น้อยกว่า
แล้วตอบเป็นจำนวนเต็มบวกหรือจำนวนเต็มลบตามจำนวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า
9
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. หาผลลบจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกได้
2. หาผลลบจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบได้
การลบจำนวนเต็ม
การลบจำนวนเต็ม เราอาศัยการบวกตามข้อตกลง ดังนี้
หลักเกณฑ์การลบจำนวนเต็ม
ตัวตั้ง – ตัวลบ = ตัวตั้ง +จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
10
ใบความรู้ที่ 9
เรื่อง การลบจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบและการลบจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9
เรื่อง การลบจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบและการลบจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
รายวิชาคณิตศาสตร์1 รหัสวิชา ค21101 ภาคเรียนที่ 1ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. หาผลลบจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบได้
2. หาผลลบจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวกได้
การลบจำนวนเต็ม
การลบจำนวนเต็ม เราอาศัยการบวกตามข้อตกลง ดังนี้
หลักเกณฑ์การลบจำนวนเต็ม
ตัวตั้ง – ตัวลบ = ตัวตั้ง +จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
11
ใบความรู้ที่ 10
เรื่อง การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกและการคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
เรื่อง การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกและการคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
รายวิชาคณิตศาสตร์ 1 รหัสวิชา ค21101 ภาคเรียนที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. หาผลคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกได้
รายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน 1 รหัส ค21101 ภาคเรียนที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2. หาผลคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบได้
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก คือ การคูณจำนวนนับด้วยจำนวนนับ เช่น
3×5 = 5+5+5 =15
4 ×6 = 6 + 6 + 6 + 6 = 24
5×2 = 2 + 2 + 2 + 2 + 2 = 10
จะได้ว่าการคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวก
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ เป็นไปตามกฎเกณฑ์การคูณจำนวนเต็มที่กล่าวว่า
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับ
ผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น เช่น
(-3) × (-5) = 15
(-8) × (-4) = 32
(-10) × (-9) = 90
จะได้ว่าการคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวก
หลักเกณฑ์การคูณจำนวนเต็ม
1.การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก จะได้ผลคูณเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าเท่ากับ
ผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
2.การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ จะได้ผลคูณ เป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าเท่ากับ
ผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
12
ใบความรู้ที่ 11
เรื่อง การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบและการคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11
เรื่อง การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบและการคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
รายวิชาคณิตศาสตร์ 1 รหัสวิชา ค21101 ภาคเรียนที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จุดประสงค์การเรียนรู้
รายวิณชจำนวนเต็
1. หาผลคู า คณิตศาสตร์
มบวกด้พวื้นยจำนวนเต็
ฐาน 1 รหัมสลบได้
ค21101 ภาคเรียนที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2. หาผลคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวกได้
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ สามารถหาผลคูณโดยใช้ความหมายของการบวก
จำนวนเต็มลบ ตัวอย่าง
2 (− 3) = (− 3) + (− 3) = −6
3 (− 4) = (− 4) + (− 4) + (− 4) = −12
5 (− 6) = (− 6) + (− 6) + (− 6) + (− 6) + (− 6) = −30
จากข้างต้นการคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มลบที่มี
ค่าสัมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น เช่น
7 ( −4 ) = − ( 7 4 ) = −28
15 ( −3) = − (15 3) = −45
9 ( −10 ) = − ( 9 10 ) = −90
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก เนื่องจากจำนวนเต็มมีสมบัติการสลับที่สำหรับการคูณ
ดังนั้นจึงหาผลคูณได้โดยใช้สมบัติการสลับที่ เช่น
(− 4) 7 = 7 (− 4)
= - 28
(− 3) 15 = 15 (− 3)
= - 45
(− 10) 9 = 9 (− 10)
= - 90
13
หลักเกณฑ์การคูณจำนวนเต็ม
1.การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกจะได้ผลคูณเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าเท่ากับ
ผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
2.การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบจะได้ผลคูณเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าเท่ากับ
ผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
3. การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบจะได้ผลคูณเป็นจำนวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์
14
ใบความรู้ที่ 12
เรื่อง การหารจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกและการหารจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12
เรื่อง การหารจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกและการหารจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
รายวิชาคณิตศาสตร์ 1 รหัสวิชา ค21101 ภาคเรียนที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. หาผลหารจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกได้
รายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน 1 รหัส ค21101 ภาคเรียนที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2. หาผลหารจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวกได้
การหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็ม
การหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัว จะได้ว่า
1.ถ้าตัวตั้งและตัวหารเป็นจำนวนเต็มบวกทั้งคู่ ใช้วิธีการเดียวกับการหารจำนวนนับด้วยจำนวนนับ
และหารลงตัวจะได้ ผลหารเป็นจำนวนเต็มบวก
2.ถ้าตัวตั้งและตัวหารเป็นจำนวนเต็มลบทั้งคู่ ให้นำค่าสัมบูรณ์ของตัวตั้งหารด้วยค่าสัมบูรณ์ของ
ตัวหารและหารลงตัวจะได้ ผลหารเป็นจำนวนเต็มบวก
15
ใบความรู้ที่ 13
เรื่อง การหารจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบและการหารจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13
เรื่อง การหารจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบและการหารจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
รายวิชาคณิตศาสตร์ 1 รหัสวิชา ค 21101 ภาคเรียนที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จุดประสงค์การเรียนรู้
หาผลหารจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบและหาผลหารจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวกได้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัว ซึ่งมีผลหารเป็นจำนวนเต็มและเศษเป็น 0 การหาร
จำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัวเราอาศัยการคูณตามข้อตกลงดังนี้
จุดประสงค์การเรียนรู้
หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หาร จำนวนเต็มได้
การหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัวหรือเป็นการหารที่ไม่ลงตัวก็ได้ แต่ในที่นี้จะกล่าวถึง
เฉพาะการหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัว ซึ่งมีผลหารเป็นจำนวนเต็มและ
เศษเป็น 0
การหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัวเราอาศัยการคูณตามข้อตกลงดังนี้
จุดประสงค์การเรียนรู้
สามารถแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณและหารได้
การหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัวหรือเป็นการหารที่ไม่ลงตัวก็ได้ แต่ในที่นี้จะกล่าวถึง
เฉพาะการหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัว ซึ่งมีผลหารเป็นจำนวนเต็มและเศษเป็น 0
การหารจำนวนเต็มด้วยจำนวนเต็มที่เป็นการหารลงตัวเราอาศัยการคูณตามข้อตกลงดังนี้
ตัวหาร ผลหาร = ตัวตั้ง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.อธิบายสมบัติของหนึ่ง ศูนย์ และนาไปใช้ได้
2.อธิบายเกี่ยวกับการบวก การคูณ จานวนเต็มและนาไปใช้ได้
1. สมบัติเกี่ยวกับการบวกและการคูณจานวนเต็ม
1.1 สมบัติการสลับที่
1) เมื่อมีจานวนเต็มสองจานวนบวกกัน เราสามารถสลับที่ระหว่างตัวตั้งและตัวบวกได้โดยที่
ผลลัพธ์ยังคงเท่ากัน เช่น
3 +(5) = (5) + 3 = 2
นั่นคือ ถ้า a และ b แทนจานวนเต็มใด ๆ แล้ว a + b = b + a สมบัตินี้เรียกว่า
สมบัติการสลับที่สาหรับการบวก
2) เมื่อมีจานวนเต็มสองจานวนคูณกัน เราสามารถสลับที่ระหว่างตัวตั้งและตัวคูณได้โดยที่ผลลัพธ์
ยังคงเท่ากัน เช่น
8 (9) = (9) 8 = 72
นั่นคือ ถ้า a และ b แทนจานวนเต็มใด ๆ แล้ว a b = b a สมบัตินี้เรียกว่า สมบัติการ
สลับที่สาหรับการคูณ
1.2 สมบัติการเปลี่ยนหมู่
1) เมื่อมีจานวนเต็มสามจานวนบวกกัน เราสามารถบวกจานวนเต็มคู่แรกหรือคู่หลังก็ได้ โดย
ที่ผลลัพธ์สุดท้ายยังคงเท่ากัน เช่น
[(5) +7] + (10) = (5) + [7 + (10)] = 8
นั่นคือ ถ้า a, b และ c แทนจานวนเต็มใด ๆ แล้ว
( a + b) + c = a + ( b + c)
สมบัตินี้เรียกว่า สมบัติการเปลี่ยนหมู่สาหรับการบวก
2) เมื่อมีจานวนเต็มสามจานวนคูณกัน เราสามารถคูณจานวนเต็มคู่แรกหรือคู่หลังก็ได้ โดยที่
ผลลัพธ์สุดท้ายยังคงเท่ากัน เช่น
[(-12) (-11)] 3 = (-12) [(-11) 3 ] = 396
นั่นคือ ถ้า a, b และ c แทนจานวนเต็มใด ๆ แล้ว
( a b) c = a ( b c)
สมบัตินี้เรียกว่า สมบัติการเปลี่ยนหมู่สาหรับการคูณ
22
1.3 สมบัติการแจกแจง
สมบัติการแจกแจง เป็นสมบัติที่แสดงความเกี่ยวข้องระหว่างการบวกและการคูณ ที่กล่าว
ว่า ถ้า a , b และ c แทนจานวนเต็มใด ๆ แล้ว
a (b + c) = (a b) + ( a c)
และ (b + c) a = (b a) + (ca)
เช่น (7) [( 4) +9] = [(7) ( 4)] + [(7) 9] =28 + (63) = 35
[( 4) +9] (7) = [( 4) (7)]+[ 9(7] = 35
สมบัติของหนึ่งและศูนย์
1. สมบัติของหนึ่ง
1) การคูณจานวนใด ๆ ด้วยหนึ่งหรือคูณหนึ่งด้วยจานวนใด ๆ จะได้ผลคูณเท่ากับจานวนนั้น
เช่น
25 1 = 1 25 = 25
(27) 1 = 1 (27) = 27
นั่นคือ ถ้า a แทนจานวนใดๆ แล้ว a 1 = 1 a = a
2) การหารจานวนใดๆ ด้วยหนึ่งจะได้ผลหารเท่ากับจานวนนั้น เช่น
19 37
19 37
1 1
a
นั่นคือ ถ้า a แทนจานวนใดๆ แล้ว a
1
2. สมบัติของศูนย์
1) การบวกจานวนใด ๆ ด้วยศูนย์หรือการบวกศูนย์ด้วยจานวนใดๆจะได้ผลบวกเท่ากับจานวน
นั้น เช่น
3+0=0+3=3
(53) + 0 = 0 + (53) = 53
0+0=0
นั่นคือ ถ้า a แทนจานวนใด ๆ แล้ว a +0 = 0 + a = a
2) การคูณจานวนใด ๆ ด้วยศูนย์หรือการคูณศูนย์ด้วยจานวนใดๆจะได้ผลคูณเท่ากับศูนย์ เช่น
15 0 = 0 15 = 0
(34) 0 = 0 (34) = 0
0 0=0
นั่นคือ ถ้า a แทนจานวนใด ๆ แล้ว a 0 = 0 a = 0
23