Professional Documents
Culture Documents
เคมี
เคมี
เสนอ
อาจารย์ ธิยา ภักดี
จัดทำโดย
นางสาวจุฑารัตน์
รอดสั้น เลขที่ 11
นางสาวศิรภัสสร
แซ่ฉวั่ เลขที่ 13
นางสาวธัญรดี
ชั้น ไชยชนะ เลขที่ 16 มัธยมศึกษาปี ที่ 6/6
สารกันแดด
ครี มกันแดด (sunscreen) คือ ผลิตภัณฑ์ทาผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด (Sunscreen agent) เพื่อใช้
ทาผิวสำหรับป้ องกันอันตรายจากแสงแดดที่มีต่อผิวหนัง อันได้แก่ รังสี อลั ตร้าไวโอเลต A (UVA), รังสี อลั ต
ร้าไวโอเลต B (UVB) และรังสี ที่ตามองเห็น (Visible Light) เพราะคนเราไม่สามารถหลบจากแสงแดดได้
ตลอดเวลา โดยเฉพาะคนที่ตอ้ งทำงานในที่โล่งแจ้ง และถึงแม้การได้รับแสงแดดในเวลาไม่นาน แต่หากได้
รับบ่อย ก็จะทำให้ภูมิตา้ นทานของเซลล์ผวิ หนังลดลง และสะสมจนเกิดมะเร็ งผิวหนังได้เช่นกัน
นอกจากนั้น แสงแดดยังเป็ นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผวิ หน้าเสื่ อมสภาพ และเกิดปั ญหาที่คนหนุ่มสาวไม่
ต้องการ อาทิ เกิดรอยเหี่ยวย่น เกิดตีนกา ผิวหน้าหมองคล้ำ และหยาบกร้าน เกิดกระ เกิดฝ้ า จนผิวหน้าแลดู
แก่กว่าวัยอันควร
ประเภทครีมกันแดด (แบ่งตามคุณสมบัติ)
1. สารกันแดดประเภท Chemical
สารกันแดด Chemical เป็ นสารที่มีคุณสมบัติปกป้ องรังสี ผวิ จากแสงแดดด้วยการดูดซับรังสี UV แล้ว
คายออกในรู ปแบบของความร้อน ไม่ใช่การสะท้อนแสงกลับออกไป และเมื่อทาแล้วไม่สามารถกันแดดได้
ทันที แต่ตอ้ งใช้เวลารอ 20-30 นาที ถึงจะมีประสิ ทธิ ภาพในการกันแดดได้ ส่ วนสารที่อยูใ่ นครี มกันแดด
ประเภทนี้จะมีมากกว่าครี มกันแดดประเภท Physical เพราะว่าสารบางตัวไม่สามารถป้ องกันได้ท้ งั แสง UVB
และ UVA เลยต้องประกอบไปด้วยสารหลายตัว เพื่อให้เกิดประสิ ทธิ ภาพที่ดีในการป้ องกันแสงแดด แบ่งได้
ดังนี้
1.1 PABA หรื อ Paraaminobenzoic acid ปั จจุบนั ไม่มีการใช้แล้ว เพราะมีฤทธิ์ ระคายเคือง บางรายมี
อาการแพ้ง่าย และอาจเป็ นสาเหตุของการเกิดมะเร็ ง
1.2 PABA ester พัฒนามาจากกลุ่ม PABA มีคุณสมบัติตา้ นฤทธิ์ ของสารเคมีอื่นอันไม่พึงประสงค์ แต่
ยังคงประสิ ทธิภาพในการกันแดดเหมือนเดิม ได้แก่ Padimate-O
1.3 BENZOPHENONE ได้แก่ Oxybenzone,Sulisobenzone
1.4 CINNAMATES ได้แก่ Octylmethyl Cinnamate, Cinoxate
1.5 Salicylates ได้แก่ Homomenthyl Salicylate
ข้อดี
ไม่มีสีหรื อมีสีอ่อนๆ มีคุณสมบัติในการบำรุ งผิว มีราคาถูก
ส่ วนข้อเสี ย คือ บางคนอาจเกิดอาการแพ้ต่อสารเคมีที่ผสมได้ รวมถึงต้องมัน่ ทาครี มทุกๆ 1-2 ชัว่ โมง
เมื่อต้องตากแดดเป็ นเวลานานๆ เพราะสารที่ผสมจะดูดซับรังสี ไว้ในปริ มาณที่ จำกัด หากดูดซับไว้เต็มที่แล้ว
ก็จะไม่สามารถดูดวับไว้ได้อีก ทำให้รังสี ที่ได้รับต่อมากระทบต่อผิวหนังทั้งหมด
2. สารกันแดดประเภท Physical
สารกันแดดจะมีส่วนผสมหลักเป็ นแร่ ธาตุจากธรรมชาติ ช่วยป้ องกันรังสี UV จากแสงแดดด้วยวิธีการ
สะท้อนกลับ เหมือนการสะท้อนแสงของกระจก เมื่อเราทาครี มกันแดดแบบกายภาพครี มกันแดดชนิดนี้ จะ
เคลือบอยูบ่ นผิวพอโดนแสงแดดปุ๊ ป ก็จะทำหน้าที่สะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนังทันที จึงสามารถออก
แดดได้ทนั ทีหลังทา โดยไม่ตอ้ งรอให้สารกันแดดซึ มเข้าสู่ ผวิ ก่อน 30 นาที เหมือนสารกันแดดแบบเคมี
สารที่อยูใ่ นครี มกันแดดแบบกายภาพประกอบด้วยสาร 2 ชนิด
Zinc Oxide ทำหน้าที่ป้องกันรังสี UV ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ สามารถป้ องกันได้ท้ งั รังสี
UVB และ UVA ทั้งหมด
Titanium Dioxide สารตัวนี้จะป้ องกันรังสี UVB ได้ รวมถึง UVA บางส่ วน (UVA-I)
ข้อดีของครี มกันแดดประเภทนี้ คือ
– ไม่สลายตัวง่ายเมื่อสัมผัสกับแสงแดด จึงไม่ตอ้ งทาซ้ำบ่อยๆ
– มีผลทำให้ผวิ ระคายเคืองน้อย ไม่เกิดอาการแพ้ง่าย
3. ครีมกันแดดแบบผสม (chemical-physical sunscreen)
ครี มกันแดดประเภทนี้ มีส่วนผสมของสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับ และสะท้อนรังสี เข้าด้วยกัน อีก
ทั้ง ยังช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ง่าย เนื้อครี มมีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็ นสี
ขาว น่าใช้มากขึ้น ดังนั้น จึงเป็ นผลิตภัณฑ์ที่รวมข้อดี และลดข้อด้อยของครี มกันแดดทั้งสองประเภทข้างต้น
ซึ่ งปั จจุบนั ครี มกันแดดที่วางจำหน่ายส่ วนมากจะเป็ นประเภทผสมผสาน
ระหว่ างครีมกันแดดแบบ Physical กับ Chemical แบบไหนดีกว่ ากัน
บอกไม่ได้วา่ แบบไหนที่ดีกว่ากัน เพราะการใช้ครี มกันแดดที่ให้เกิดประสิ ทธิ ภาพที่ดีน้ นั ขึ้นอยูก่ บั
สภาพผิว และการใช้ชีวิตของแต่ละคนไป เช่น ถ้าวันไหนไม่ตอ้ งออกไปตากแดดทั้งวัน อยูแ่ ต่ในห้อง ไม่
ค่อยมีเหงื่อออก ก็สามารถใช้ครี มกันแดดแบบ Physical ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าออกแดดทั้งวัน และไม่ชอบ
ความเหนียวเหนอะหนะที่มาคู่กบั อากาศร้อนอบอ้าว ก็ลองใช้แบบ Chemical ได้ หรื อถ้าเราเป็ นคนผิวแพ้ง่าย
ครี มกันแดดแบบ Chemical ก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่ นกั อีกทั้งในปั จจุบนั ครี มกันแดดหลายๆ
ตัวก็ใช้วิธีผสมทั้ง Physical และ Chemical ด้วยกันเพื่อเสริ มจุดดีและลบจุดด้อยของอีกตัว
5. ครีมกันแดด Smooth E
เป็ นครี มกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี
100% มัน่ ใจปราศจากปัญหาผิวหน้าระคายเคือง
ทำให้เหมาะกับทุกสภาพผิว เนื้ อครี มเกลี่ยง่าย ไม่หนัก
ผิว กันน้ำและเหงื่อได้เป็ นอย่างดี ทั้งยังมีสารสกัดจาก
วิตามิน A, B, C และ E ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กบั ผิว
คำถามย่ อย
ปริ มาณของ Titanium dioxide ในครี มกันแดดมีผลต่อความสามารถป้ องกันรังสี UVB
สมมติฐาน
ปริ มาณ Titanium dioxide 30% ในครี มกันแดดสามารถป้ องกันรังสี UVB ได้
ตัวแปร
ตัวแปรต้น : ปริ มาณ Titanium dioxide 30%
ตัวแปรตาม : ประสิ ทธิภาพในป้ องกันรังสี UVB
ตัวแปรควบคุม : ปริ มาณส่ วนประกอบอื่นๆ ที่ใช้ในครี มกันแดด
อุณหภูมิและปริ มาณของแสงแดดที่ใช้ในการทดลอง
เวลาที่ใช้ในการทดลอง
อุปกรณ์ที่ใช้ตรวจสอบ
ผูท้ ดสอบการป้ องกันรังสี UVB
ตรวจสอบสมมติฐาน
1. ทดลองทาครี มตามส่ วนผสมในท้องตลาดเพื่อใช้ในหารเปรี ยบเทียบ ดังนี้ Water, Zinc Oxide,
Ethylhexyl Palmitate, Ethylhexyl Methoxycinnamate, Cyclopentasiloxane, 4-Methylbenzylidene
Camphor, Lauryl PEG/PPG-18/18 Methicone, Cyclohexasiloxane, Stearyl Dimethicone, Butyl
Methoxydibenzoylmethane, Ceresin, Phenoxyethanol, Hydrogenated Castor Oil, Sodium
Chloride, Mineral Oil, Tocopheryl Acetate, Chlorphenesin, Dissodium EDTA,
Triethoxylcaprylylsilane, Propylene Glycol, Lanolin Alcohal, Sorbic Acid
2. ทดลองทาครี มกันแดดตามส่ วนผสมข้อ 1 แต่เพิ่ม Titanium dioxide 30%
3. เปรี ยบเทียบประสิ ทธิภาพครี มกันแดดหัวข้อที่ 1 กับ 2 โดยใช้อุปกรณ์ตรวจสอบความสามารถใน
การป้ องกันรังสี UVB