Professional Documents
Culture Documents
โครงงานIS น้ำยาล้างจาน
โครงงานIS น้ำยาล้างจาน
รายงาน
เรื่อง น้ำยาล้ างจานจากสมุนไพร
เสนอ
คุณครู วีรญาดา บางแบ่ง
คุณครู ณฐั วรรณ เอี่ยมรักษา
จัดทำโดย
1. เด็กหญิงพุทธิ ดา มาแก้ว เลขที่ 27
2. เด็กหญิงภัทรกร ล่องลม เลขที่ 29
3. เด็กหญิงสาริ ศา ฐานะวุฒฑ์ เลขที่ 31
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2
รายงาน
2
เรื่อง น้ำยาล้างจานจากสมุนไพร
เสนอ
คุณครู วีรญาดา บางแบ่ง
คุณครู ณฐั วรรณ เอี่ยมรักษา
จัดทำโดย
1. เด็กหญิงพุทธิดา มาแก้ว เลขที่ 27
2. เด็กหญิงภัทรกร ล่องลม เลขที่ 29
3. เด็กหญิงสาริ ศา ฐานะวุฒฑ์ เลขที่ 31
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2
กิตติกรรมประกาศ
รายงานนี้สำเร็ จลุล่วงได้ดว้ ยความกรุ ณาจากคุณครู ณฐั วรรณ เอี่ยมรักษา อาจารย์ที่ปรึ กษา
โครงงานที่ได้ให้คำเสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่ องต่างๆ มาโดยตลอด จนโครงงาน
เล่มนี้เสร็ จสมบูรณ์
ผูศ้ ึกษาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็ นอย่างสู ง ขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อคุณแม่และผู ้
ปกครองที่ให้คำปรึ กษาใน เรื่ องต่างๆ รวมทั้งเป็ นกำลังใจที่ดีเสมอมา ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ให้คำ
แนะนำดีๆ และที่ได้ให้ความร่ วมมือในการทำ แบบสอบถามเรื่ อง น้ำยาล้างจานจากสมุนไพร
จนทำให้โครงงานสำเร็ จลุล่วงไปได้
คณะผูจ้ ดั ทำ
2
ชื่อเรื่อง น้ำยาล้างจานจากสมุนไพร
ผู้จัดทำ เด็กหญิงพุทธิ ดา มาแก้ว เลขที่ 27
เด็กหญิงภัทรกร ล่องลม เลขที่ 29
เด็กหญิงสาริ ศา ฐานะวุฒน์ เลขที่ 31
อาจารย์ ที่ปรึกษา นางสาว วีรญาดา บางเบ่ง
นางสาว ณัฐวรรณ เอี่ยมรักษา
ปี การศึกษา 2562
บทคัดย่ อ
รายงานเรื่ อง น้ำยาล้างจานจากสมุนไพร มีวตั ถุประสงค์ดงั นี้ เพื่ อศึกษาสรรพคุณของ
สมุนไพรที่สามารถใช้ทำน้ำยาล้างจานได้ เพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิ ภาพของน้ำยาล้างจานในแต่ละ
สู ตร และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผูใ้ ช้น ้ำยาล้างจานจากสมุนไพร เมื่อคณะผูจ้ ดั ทำเริ่ มดำเนิน
งาน คณะผูจ้ ดั ทำได้ทดสอบประสิ ทธิ ภาพในการขจัดคราบไขมันเเละขจัดกลิ่นบนภาชนะใส่ อาหาร
ของน้ำยาล้างจานสูตรที่1 สูตรมะกรู ดและมะนาว สู ตรที่2 สู ตรมะกรู ด มะนาว และว่านหางจระเข้
และสูตรที่3 สูตรมะกรู ด มะนาวและสับปะรด พบว่าสู ตรที่3 สู ตรมะกรู ด มะนาวและสับปะรดมี
ประสิ ทธิภาพในการขจัดคราบไขมันเเละขจัดกลิ่นได้ดีที่สุด รองลงมาคือสู ตรที่ สู ตรที่ 1 สู ตรมะกรู ด
และมะนาว สูตรที่2 สูตรมะกรู ด มะนาว และว่านหางจระเข้และผูใ้ ช้น ้ำยาล้างจานจากสมุนไพรมี
ความพึงพอใจโดยรวมอยูใ่ นระดับมากที่สุด
สารบัญ
เรื่อง หน้ า
กิตติกรรมประกาศ ก
บทคัดย่อ ข
สารบัญ ค
3
สารบัญรู ปภาพ ง
สารบัญตาราง จ
บทที่ 1 บทนำ 1 -2
- ที่มาและความสำคัญ 1-2
- วัตถุประสงค์ 2
- สมมติฐาน 2
- ขอบเขตการวิจยั 2
- ระยะเวลา 2
- ประโยชน์ที่ได้รับ 2
บทที่ 2 เอกสารที่เกีย่ วข้ อง 3 -11
- สมุนไพร 3-9
- น้ำยาล้างจาน 9 -11
บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน 12 -16
- วัสดุอุปกรณ์ 12
- วิธีการดำเนินงาน 12 -13
บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน 14 - 16
บทที่ 5 สรุ ป อภิปราย และข้ อเสนอแนะ 17
- สรุ ปผลการทดลอง 17
- อภิปรายผลการทดลอง 17
- ข้อเสนอแนะ 17
บรรณานุกรม 18
ภาคผนวก 19 - 25
สารบัญรู ปภาพ
สารบัญตาราง
บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
มนุษย์เรานั้นจำเป็ นต้องมีการบริ โภค เพื่อให้ร่างกายเจริ ญเติบโต และได้รับพลังงานไปใช้
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่ วนภาระที่ตามมาหลังจากการบริ โภค คือ การทำความสะอาดภาชนะ
ใส่ อาหาร ซึ่ งหลายคนก็คงอยากที่จะหลีกเลี่ยง เพราะคราบไขมันที่ติดอยูบ่ นภาชนะนั้นล้างออกยาก
และภาชนะบางชนิดก็ยงั มีกลิ่นคาวของอาหารอยูแ่ ม้จะล้างออกแล้วก็ตาม บางครอบครัวจึงตัด
ปั ญหานี้โดยการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านแทน
น้ำยาล้างจาน คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดภาชนะใส่ อาหาร มีส่วนผสมหลักๆ
ได้แก่ สารเพิ่มความข้นเหนียว สารที่ทำให้เกิดฟอง สี และกลิ่นสังเคราะห์ โดยมีสารเคมีตวั สำคัญที่
ช่วยในการชำระล้างคราบสกปรก คือ สารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ซึ่ งจะทำหน้าที่ช่วยขจัดคราบ
มันหรื อสิ่ งสกปรกที่ติดอยูบ่ นภาชนะให้หลุดออกอย่างง่ายดาย โดยคุณลักษณะทัว่ ไปของน้ำยาล้าง
จานควรเป็ นของเหลวเนื้ อเดียวกัน ไม่มีสิ่งแปลกปลอมปรากฏ อาจมีสารแต่งสี ได้แต่ตอ้ งเป็ นสี ที่
กระทรวงสาธารณสุ ขอนุญาตให้ใช้ได้ในเครื่ องสำอาง สามารถละลายน้ำได้ดี และเมื่อใช้ตามคำ
แนะนำที่ระบุไว้ที่ฉลากแล้วต้องไม่เป็ นอันตรายต่อสุ ขภาพ เช่น อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้เกิดการแพ้
และระคายเคืองต่อผิวหนังอีกด้วย หลังจากเก็บไว้นาน 1 ปี ในภาชนะบรรจุปิดสนิทและภาวะปกติ
น้ำยาล้างจานต้องมีคุณลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ สำหรับภาชนะบรรจุตอ้ งทำด้วยวัตถุที่ไม่ทำ
ปฏิกิริยากับน้ำยาล้างจาน ปิ ดได้สนิท และแข็งแรงเพียงพอที่จะป้ องกันการรั่วอันเนื่องมาจากการ
ขนส่ งหรื อใช้งาน
น้ำยาล้างจานที่ผลิตโดยส่ วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีอนั ตราย จึงเป็ นทางเลือก
หนึ่งที่ช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิ ทธิ ภาพมากขึ้น ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และไม่
ทำลายสิ่ งแวดล้อมอีกด้วย โดยสับปะรด มีสรรพคุณคือ เป็ นยารักษาโรคผิวหนัง ช่วยเสริ มสร้าง
ระบบภูมิคุม้ กันให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยในการฆ่าตัวอ่อนของแมลง และย่อยอาหารจำพวกโปรตีน
ดังนั้นการใช้สบั ปะรดเป็ นส่ วนผสมในการทำน้ำยาล้างจาน จะไม่ทำให้เกิดการแพ้ การระคายเคือง
ต่อผิวหนัง และดับกลิ่นคาวบนภาชนะใส่ อาหารได้ดี หรื อใช้วา่ นหางจระเข้เป็ นส่ วนผสมในการทำ
น้ำยาล้างจาน เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณคือ ใช้รักษาแผล ต่อต้านเชื้อแบคทีเรี ย และสมานแผล
ได้ดี นอกจากนี้ น้ำยาล้างจานไม่ได้ใช้สำหรับทำความสะอาดภาชนะอย่างเดียว แต่ยงั สามารถนำไป
ทำความสะอาดชิ้นส่ วนเครื่ องจักร เครื่ องประดับ กระจก และพื้นห้องครัวได้ หรื อนำน้ำที่ใช้แล้ว
จากการล้างภาชนะในครัวเรื อนมารดน้ำต้นไม้หรื อลานหญ้าเพื่อเป็ นการเพิ่มปุ๋ ยฟอสฟอรัสได้
จากความสัมพันธ์ขา้ งต้นคณะผูจ้ ดั ทำจึงคิดที่จะทำน้ำยาล้างจานโดยมีส่วนผสมหลักจาก
ธรรมชาติ ได้แก่ มะกรู ด มะนาว ว่านหางจระเข้ และสับปะรดเพื่อให้ได้น ้ำยาล้างจานที่ไม่ใส่ สาร
เคมีที่ส่งผลเสี ยหรื อก่อให้เกิดอันตรายต่อร่ างกายของผูใ้ ช้งาน
วัตถุประสงค์
2
1. เพื่อศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรที่สามารถใช้ทำน้ำยาล้างจานได้
2. เพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิ ภาพของน้ำยาล้างจานในแต่ละสู ตร
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผูใ้ ช้น ้ำยาล้างจานจากสมุนไพร
สมมติฐาน
น้ำยาล้างจานจากสับปะรดมีประสิ ทธิ ภาพในการขจัดคราบไขมันและการขจัดกลิ ่นได้ดี
ที่สุด
ขอบเขตการวิจัย
1. เรื่ องที่จะศึกษา คือ สมุนไพรที่นำมาทำน้ำยาล้างจาน ได้แก่ มะกรู ด มะนาว ว่านหาง-
จระเข้ และสับปะรด
2. กลุ่มเป้ าหมายเป็ นผูใ้ ช้น ้ำยาล้างจานจากสมุนไพร อายุ 10 - 26 ปี ขึ้นไป จำนวน 15 คน
ระยะเวลา
เริ่ ม สิ งหาคม พ.ศ. 2562 - มกราคม พ.ศ. 2563
บทที่ 2
เอกสารที่เกีย่ วข้ อง
1. สมุนไพร
1.1 มะนาว
1.1.1 ลักษณะทัว่ ไป
มะนาวมีลกั ษณะเป็ นไม้พุม่ สู ง 2 - 4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามแหลม เปลือกต้น
เรี ยบ สี น ้ำตาลปนเทา มีใบย่อยใบเดียว ลักษณะใบเป็ นรู ปไข่หรื อรู ปรี ยาว กว้าง 3 - 5 เซนติเมตร
และยาว 4 - 8 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน มีปีกแคบ ๆ ขอบใบหยัก แผ่นใบมีต่อมน้ำมัน
กระจายอยูต่ ามผิวใบ ออกดอกเป็ นช่อสั้น 5 - 7 ดอก หรื อออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ดอกมีสีขาว
3
กลีบดอกมี 4 - 5 กลีบ หลุดร่ วงง่าย ผลมีรูปทรงกลม ผิวเรี ยบเกลี้ยง ผลอ่อนสี เขียวเข้ม พอแก่เป็ นสี
เหลือง มีรสเปรี้ ยว เมล็ดกลมรี สี ขาว มี 10 - 15 เมล็ด
1.1.2 ชื่อและความเป็ นมา
มะนาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Lime และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์วา่
Citrus Aurantifolia Swingle หรื อ Citrus Aurantifolia Swing เป็ นพืชที่มีตน้ กำเนิดอยูแ่ ถบเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ซ่ ึ งเป็ นผูท้ ี่เรี ยนรู้การใช้มะนาวเป็ นอย่างดีรวมทั้งประเทศไทยด้วย มะนาวเป็ นพืช
ที่ออกผลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าแล้งจะออกผลน้อยกว่าปกติ
1.1.3 พันธุ์ที่นิยมปลูกในไทย
1) มะนาวแป้ น
มะนาวแป้ นเป็ นพันธุ์มะนาวยอดนิยมในประเทศไทย มีแยกย่อยออก
ไปอีกหลายสายพันธุ์ยอ่ ย ถ้าปลูกขายส่ วนใหญ่จะเลือกเป็ นพันธุ์มะนาวแป้ นดกพิเศษ มะนาวแป้ น
พิจิตร และมะนาวแป้ นพวง แต่พวกมะนาวแป้ นทวายและมะนาวแป้ นแม่ไก่ไข่ตก ก็เป็ นที่นิยมชม
ชอบไม่แพ้กนั ลักษณะลำต้นจะเป็ นไม้พุม่ ขนาดเล็ก ผลมีต้ งั แต่ขนาดกลาง-ใหญ่ ทรงกลมแป้ น
เปลือกบาง น้ำเยอะ นิยมขยายพันธุ์ดว้ ยการตอนกิ่ง ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก บำรุ งรักษาเหมือนมะนาว
ทัว่ ไป
2) มะนาวนิ้วมือ
มะนาวนิ้วมือ หรื อมะนาวคาเวียร์ ต้นกำเนิดอยูใ่ นประเทศออสเตรเลีย
ลำต้นสูงประมาณ 5 - 6 เมตร ใบเล็กเรี ยวยาว ผิวใบเกลี้ยง ปลายใบหยัก ดอกสี ขาว ผลทรงกระบอก
มีเม็ดข้างใน ลักษณะคล้ายถุงน้ำ มีหลายสี หลายกลิ่น หลายรส เช่น เรดแชมเปญ (รสเปรี ยวจี๊ด)
พิงค์ ไอซ์ (รสนุ่มละมุน) จาลิเรด เอมเมอรัล และเทสตี้กรี น ผูค้ นนิยมนำเม็ดมาตกแต่งจานและเพิ่ม
รสชาติให้กบั อาหาร แถมหลายคนก็ยงั ปลูกประดับบ้านด้วย ส่ วนวิธีการปลูกทำได้ท้ งั เพาะเมล็ด
และปักชำ ระยะเวลาปลูก 18 เดือน ชอบอุณหภูมิประมาณ 15 - 19 องศาเซลเซี ยส ชอบบริ เวณที่มี
ปริ มาณฝนสูงและแสงแดดมาก ทนต่อน้ำค้างและแสงแดดจัดดี สามารถปลูกในกระถางได้
3) มะนาวหวาน
มะนาวหวาน เป็ นไม้พุม่ สู งประมาณ 2 - 4 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมี
หนามแหลม ใบรู ปไข่ ขอบขนาน ผิวใบเรี ยบเป็ นมัน เนื้ อใบมีลายจุด กลิ่นหอมแรง ดอกสี ขาว ผล
ทรงกลม ขนาดใหญ่กว่ามะนาวปกติ เปลือกบางสี เขียวคล้ำ เนื้อฉ่ำน้ำสี เหลืองหรื อสี แดงเรื่ อคล้าย
ส้มเขียวหวาน ไม่มีเมล็ด ให้น ้ำเยอะ รสชาติหวานปนเปรี้ ยวเล็กน้อย ออกดอกออกผลตลอดทั้งปี
นิยมขายพันธุ์ดว้ ยการตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสี ยบยอด
4) มะนาวตาฮิติ
มะนาวตาฮิติ มีตน้ กำเนิดมาจากรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริ กา เป็ น
พืชที่คนไทยส่ วนใหญ่ไม่ค่อยนิยม จึงเหมาะจะส่ งออกต่างประเทศ ใบค่อนข้างใหญ่และหนา ผลรู ป
ไข่ ขนาดใหญ่ เปลือกหนา เนื้ อสี เขียว ให้น ้ำมาก ไม่มีเมล็ด ออกผลตลอดทั้งปี แม้ช่วงนอกฤดู อีกทั้ง
ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติเป็ นเอกลักษณ์ แอบเปรี้ ยวกว่ามะนาวส่ วนใหญ่ แต่กม็ ีความหวาน
4
เป็ นสี เขียวแก่ เมื่อผลสุ กจะเปลี่ยนเป็ นสี เหลืองสด พันธุ์ที่มีผลเล็ก ผิวจะขรุ ขระน้อยกว่าและไม่มีจุก
ที่ข้ วั ภายในมีเมล็ดจำนวนมากๆ
1.2.2 สรรพคุณ
เป็ นยาบำรุ งหัวใจ ขับลมในลำไส้ แก้แน่นท้องจุกเสี ยด กระทุง้ พิษ แก้ฝี และ
แก้เสมหะเป็ นพิษ
1.2.3 การใช้ประโยชน์
การใช้มะกรู ดสระผมน่าจะรู ้จกั กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ วิธีการสระ บ้างก็ใช้
ผลดิบผ่าแล้วบีบน้ำสระโดยตรง บ้างก็นำไปเผา หรื อต้มก่อนสระ มะกรู ดยังมีใช้ในพระราชพิธี
สำคัญ เช่น พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่ งระบุไว้ในพระราชพิธีสิบสองเดือนไว้วา่ ต้องมีผลมะกรู ดและ ใบ
ส้มป่ อยประกอบในพิธีดว้ ย
น้ำมะกรู ดมีรสเปรี้ ยว กลิ่นฉุนคล้ายใบ แต่ใช้นอ้ ยกว่าน้ำมะนาว ใช้ปรุ งรส
เปรี้ ยวแทนมะนาวได้ เช่นในปลาร้าหลน น้ำพริ กปลาร้า น้ำพริ กมะกรู ด มะกรู ดมีส่วนเปลือกที่หนา
ส่ วนเปลือกนิยมนำผิวมาประกอบอาหารบางชนิดด้วย ในมะกรู ดมีน ้ำมันหอมระเหยอยูม่ าก ใบ
มะกรู ดนั้นใส่ ในต้มยำทุกชนิด น้ำยาขนมจีน ยำหอย ใส่ ในแกงเช่น แกงเผ็ด แกงเทโพ แต่ถา้ ใส่ มาก
เกินไปจะมีรสขมมีกลิ่นฉุน ทั้งในใบ และผล บางครั้งสามารถนำไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้ผล
มะกรู ดผ่าซีกที่บีบน้ำออกแล้ว ใช้เป็ นยาดับกลิ่นในห้องสุ ขาได้
1.2.4 สายพันธุข์ องมะกรู ด
มะกรู ดหวาน เป็ นมะกรู ดสายพันธุ์หนึ่ง ใบนิ่ม ผิวใบเรี ยบ ผลใหญ่กว่า
มะกรู ดเปรี้ ยว ผลมีรสหวาน ใช้รับประทานเป็ นผลไม้ ไม่นิยมใช้ปรุ งอาหาร เป็ นผลไม้ทอ้ งถิ่นใน
จังหวัดสมุทรสงคราม
1.3 ว่านหางจระเข้
1.3.1 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ว่านหางจระเข้เป็ นพืชชนิดหนึ่งที่พืชอวบน้ำลำต้นสั้นหรื อไม่มีลำต้นสู ง
10 - 100 เซนติเมตร กระจายพันธุโ์ ดยตะเกียง ใบหนาอ้วนมีสีเขียวถึงเทาเขียว บางสายพันธุ์มีจุดสี
ขาวบนและล่างของโคนใบ ขอบใบเป็ นหยักมีสีขาว ออกดอกในฤดูร้อนบนช่อเชิงลด สู งได้ถึง 90
เซนติเมตร ดอกเป็ นดอกห้อย วงกลีบดอกสี เหลืองรู ปหลอด ยาว 2 – 3 เซนติเมตร ว่านหางจระเข้ก็
เหมือนพืชชนิดอื่นในสกุลที่สร้างอาร์บสั คูลาร์ไมคอร์ไรซา (Arbuscular mycorrhiza) ขึ้น ซึ่ งเป็ น
สมชีพที่ทำให้พืชดูดซึมสารอาหารและแร่ ธาตุในดินได้ดีข้ ึน
1.3.2 สรรพคุณทางยา
วุน้ ในใบว่านหางจระเข้มีสารเคมีอยูห่ ลายชนิด เช่น Aloe-emodin, Aloesin,
Aloin สารประเภท Glycoprotein และอื่นๆ ยางที่อยูใ่ นว่านหางจระเข้มีสาร Anthraquinone ทีมีฤทธิ์
ขับถ่ายด้วย ใช้ทำเป็ นยาดำ มีการศึกษาวิจยั รายงานว่า วุน้ หรื อน้ำเมือกของว่านหางจระเข้รักษาแผล
7
1.4.3 สรรพคุณ
1) สรรพคุณทางสารเคมี มีเอนไซม์ยอ่ ยโปรตีนชื่อบรอมีเลน (Bromelain)
ช่วยย่อยโปรตีนไม่ให้ตกค้างในลำไส้ และ มีเกลือแร่ วิตามินซี จำนวนมาก และนำไปใช้ใน
อุตสาหกรรมการแพทย์เพื่อรักษาอาการอักเสบของเนื้ อเยือ่ และนำไปใช้ในการผลิตเบียร์เพื่อ
ป้ องกันการตกตะกอนทำให้เบียร์ไม่ข่นุ
8
2.น้ำยาล้ างจาน
น้ำยาล้างจาน คือสารชำระล้าง (Detergent) ที่ใช้ช่วยในการล้างจาน มีส่วนผสมของสารลด
แรงตึงผิว (Surfactant) ที่มีการระคายเคืองต่ำ ประโยชน์หลักของน้ำยาล้างจานคือใช้ลา้ งภาชนะและ
เครื่ องครัวด้วยมือหลังจากประกอบหรื อรับประทานอาหารแล้ว น้ำยาล้างจานทำให้สิ่งสกปรกและ
ไขมันหลุดจากภาชนะและรวมตัวเป็ นอีมลั ชัน (Emulsion) อยูใ่ นน้ำหรื อฟอง (Foam) เนื่องจาก
โมเลกุลของน้ำยาล้างจานประกอบด้วยส่ วนที่มีข้ วั และไม่มีข้ วั เช่นเดียวกับผงซักฟอก ส่ วนที่มีข้ วั จะ
จับกับโมเลกุลของน้ำ และส่ วนที่ไม่มีข้ วั จะจับกับสิ่ งสกปรกให้หลุดออก ในสมัยก่อนมีชื่อเรี ยกอื่น
เช่น สบู่ลา้ งจาน หรื อ ครี มล้างจาน เนื่องจากเคยผลิตในรู ปของสบู่และครี มมาก่อน ปั จจุบนั น้ำยา
ล้างจานมีส่วนผสมอื่นรวมอยูด่ ว้ ย เช่น น้ำมะนาวหรื อชา ซึ่ งเชื่อว่าเป็ นการช่วยให้ภาชนะสะอาด
มากขึ้นและถนอมมือมากกว่าเดิม
2.1 ชนิดของน้ำยาล้างจาน
2.1.1 น้ำยาล้างจานจากพืช เป็ นน้ำยาล้างจานที่ผลิตได้จากส่ วนผสมของพืชเป็ น
หลัก เช่น น้ำมะกรู ด น้ำมะนาว เป็ นต้น มักเป็ นผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตในภาคครัวเรื อนเพื่อใช้เอง
หรื อผลิตเพื่อการจำหน่ายขนาดเล็กเป็ นผลิตภัณฑ์ชุมชน
2.1.2 น้ำยาล้างจานจากสารเคมี เป็ นน้ำยาล้างจานที่มีส่วนผสมของสารเคมีเป็ น
หลัก เป็ นผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตมากในภาคอุตสาหกรรม
9
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
จากการทำโครงงานเรื่ อง น้ำยาล้างจานจากสมุนไพรทั้ง 3 สู ตร ได้แก่ สู ตรที่1 สู ตร
มะกรู ด และมะนาว สูตรที่2 สูตรมะกรู ด มะนาว และว่านหางจระเข้ และสู ตรที่3 สู ตรมะกรู ด
มะนาว และสับปะรด มีวสั ดุอุปกรณ์ และวิธีการดำเนินงาน ดังนี้
วัสดุอุปกรณ์
1. มะกรู ด 15 ลูก
2. มะนาว 15 ลูก
3. สับปะรดครึ่ งลูก
4. ว่านหางจระเข้ 5 ใบ
5. น้ำเปล่า 9 ลิตร
6. N70 (สารที่ทำให้เกิดฟองและความหนืด) 3 กิโลกรัม
7. F24 (สารขจัดคราบ) 3 กิโลกรัม
8. เกลือ 450 กรัม
9. กะละมัง 2 ใบ
10. หม้อ
11. ไม้พาย
12. กรวยกรอก
11
13. ขวดบรรจุภณั ฑ์
วิธีการดำเนินงาน
ตอนที่ 1 การลงมือทำและทดสอบประสิ ทธิภาพของน้ำยาล้ างจานจากสมุนไพร
1. เริ่ มทำสูตรที่1 สูตรธรรมดา โดยการนำมะกรู ดและมะนาวอย่างละ 5 ลูกมาผ่าครึ่ งเป็ น 2
ซี ก แล้วนำไปต้มในน้ำเดือดปริ มาณ 1 ลิตร เป็ นเวลา 10 นาที
2. เมื่อต้มเสร็ จแล้วให้ตกั เนื้ อมะกรู ดและมะนาวออกจากหม้อ แล้วพักน้ำที่ตม้ ไว้ในหม้อจน
เย็น
3. เท N70 ปริ มาณ 1 กิโลกรัมใส่ กะละมัง แล้วคนไปทางเดียวกันเป็ นเวลา 10 นาที
4. เท F24 ปริ มาณ 1 กิโลกรัมลงไปผสมกับ N70 แล้วคนต่ออีก 10 นาที
5. นำเกลือ 150 กรัม ไปต้มในน้ำเปล่าปริ มาณ 1 ลิตร จนกว่าเกลือจะละลายหมด
6. นำน้ำที่พกั ไว้ในข้อ 2 และน้ำเกลือมาเทลงไปผสมกับ N70 และ F24 ในกะละมัง แล้ว
คนให้เป็ นเนื้ อเดียวกัน
7. พอส่ วนผสมหนืด ให้เติมน้ำเปล่าเพิ่ม 1 ลิตร แล้วคนต่ออีก 10 นาที
8. ทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน เพื่อให้ฟองยุบตัวลง แล้วบรรจุลงในขวดบรรจุภณั ฑ์
9. ทำอีก 2 สูตร โดยใช้วธิ ีเดียวกันตั้งแต่ข้ นั ตอนที่ 1 - 8 สู ตรที่2 เพิ่มว่านหางจระเข้ 5 ใบ
และสูตรที่3 เพิ่มสับปะรดครึ่ งลูก
10. นำน้ำยาล้างจานทั้ง 3 สู ตรไปทดสอบประสิ ทธิ ภาพในการขจัดคราบไขมันและการขจัด
กลิ่น โดยการนำไปใช้ทำความสะอาดภาชนะใส่ อาหาร
บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน
จากการทำโครงงานเรื่ อง น้ำยาล้างจานจากสมุนไพร คณะผูจ้ ดั ทำมีวตั ถุประสงค์ดงั นี้
1) เพื่อศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรที่สามารถใช้ทำน้ำยาล้างจานได้ 2) เพื่อเปรี ยบเทียบ
ประสิ ทธิภาพของน้ำยาล้างจานในแต่ละสู ตร โดยคณะผูจ้ ดั ทำได้นำเสนอผลการดำเนินงานและการ
วิเคราะห์ขอ้ มูลตามลำดับ ดังนี้
เกณฑ์ การแปลความหมาย
ค่าเฉลีย่ 4.51 - 5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยูใ่ นระดับมากที่สุด
ค่าเฉลีย่ 3.51 - 4.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยูใ่ นระดับมาก
14
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผล
ผลิตภัณฑ์น ้ำยาล้างจานจากสมุนไพรทั้ง 3 สู ตร มีความสามารถในการขจัดคราบไขมันและ
ขจัดกลิ่นได้ดี และผูใ้ ช้น ้ำยาล้างจานจากสมุนไพรมีความพึงพอใจโดยรวมอยูใ่ นระดับมากที่สุด
อภิปรายผล
15
ข้ อเสนอแนะ
1. ควรทำการศึกษาและเปรี ยบเทียบประสิ ทธิ ภาพของน้ำยาล้างจานจากสมุนไพรกับน้ำยา
ล้างจานตามท้องตลาด
2. ควรศึกษาสมุนไพรชนิดอื่นที่สามารถนำมาทำน้ำยาล้างจานจากสมุนไพรได้
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
18
ภาพที่ 5 นำเกลือไปต้มในน้ำเปล่า
จนกว่าเกลือจะละลายหมด
20