You are on page 1of 9

Rain bi

ชื่อในการแสดง : Bi
ชื่อในการเป็ นนักร้อง : Rain
ชื่อจริ ง : Jeong Ji-Hun
ชื่อเล่น : Woody
วันเกิด : 25 มิถุนายน 1982
ส่วนสูง / น้ำหนัก : 184 cm. / 74 kg.
กรุ๊ ปเลือด : O
สี ที่ชอบ : แดง และ ดำ
แนวเพลงที่ชอบ : R&B , Funky , Hip Hop
อาหารที่ชอบ : ไอศกรี ม
งานอดิเรก : ดูหนัง ฟังเพลง สะสมรองเท้าและเสื้ อผ้า
กีฬาที่ชอบ : บาสเกตบอล ว่ายน้ำ สโนว์บอร์ด
ความสามารถพิเศษ : การเต้น และ การร้องเพลง
นักแสดงที่ชอบ : ชาร์ลี แชปปลิ้น และ ฮัน ซอก-ยู
นักร้องที่ชอบ : ไมเคิล แจ็กสัน และ พัก จิน-ยอง
ผูห้ ญิงในฝัน : ผูห้ ญิงที่มีดวงตาสวย ผมยาว เป็ นคนดี มีนิสยั เรี ยบร้อย และเข้ากันได้ในทุก ๆ เรื่ อง
คติพจน์ประจำใจ : ถ้าไม่พยายาม ไม่อดทน และไม่ถ่อมตัว ชีวิตก็จะไม่ประสบความสำเร็ จ
อนาคตอยากเป็ น : ดีไซเนอร์ หรื อ โปรดิวเซอร์เพลง
การศึกษา : มหาวิทยาลัย Kyunghee เอกการแสดง
ที่อยู่ : 123-50 JYP Entertainment Seoul Kangnam-Gu Sheongdam-Dong 123-50

ชอง จี ฮุน หนุ่มที่ใช้ชื่อในการแสดงว่า Bi และ Rain ในการเป็ นนักร้อง แต่วนั นี้เราขอแทนตัวเขาด้วยชื่อเท่ๆ


ในการเล่าประวัติของเขาว่า Bi นะคะ

Bi เกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ปี ค.ศ.1982 ชีวิตในวัยเด็กของ Bi ค่อนข้างแตกต่างจากเด็กเกาหลีทวั่ ๆ ไป


เพราะหลังจากที่แม่ของ Bi เสี ยชีวิตไปได้ไม่นานนัก พ่อของ Bi ก็ท้ิง Bi และน้องสาวไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก
กำพร้าตามลำพัง ทำให้ Bi ต้องเติบโตขึ้นมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ Bi ก็ไม่เคยท้อต่อสิ่ งที่เกิดขึ้นกับ
ชีวิตของเขา เพราะ Bi มีแหวนของแม่คอยเป็ นสิ่ งเตือนใจว่าเขาจะต้องต่อสู้กบั สิ่ งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อๆ ไปใน
ชีวิต

Bi เริ่ มต้นชีวิตในวงการบันเทิงด้วยการเป็ นนักเต้นให้กบั ค่ายเพลง JYP Entertainment โดยเป็ นนักเต้นตัว


หลักให้กบั นักร้องสาวชื่อดังของเกาหลีอย่าง ปาร์ค จี ยุน ในปี 2000 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็ นนักเต้นหลักให้กบั
ปาร์ค จิน ยอง นักร้องและเจ้าของค่ายเพลง JYP Entertainment ในปี 2001 และการมาเป็ นนักเต้นให้กบั
ปาร์ค จิน ยอง นี่เอง ทำให้ ปาร์ค จิน ยอง เริ่ มเห็นแววความเป็ นเอนเทอร์เทนเนอร์ในตัวของ Bi ดังนั้น ปาร์ค
จิน ยอง จึงผลักดันให้ Bi ก้าวเข้าสู่ การเป็ นนักร้องหน้าใหม่ของค่าย JYP Entertainment ในปี ต่อมา

Bi ในความหมายภาษาอังกฤษคือคำว่า Rain ดังนั้นก่อนที่จะออกอัลบั้มเพลงชุดแรก Bi จึงตัดสิ นใจจะใช้ชื่อ


่ นโลกล้วน
Rain แทน Bi ในการเป็ นนักร้อง และเหตุผลที่ใช้ชื่อ Bi เป็ นชื่อในวงการก็เพราะว่า ทุกสิ่ งที่อยูบ
แล้วแต่ตอ้ งการน้ำฝนด้วยกันทั้งนั้น Bi เคยให้สมั ภาษณ์ไว้แบบนั้น
อัลบั้มเพลงชุดแรกของ Bi ใช้ชื่อว่า Bad Guy เริ่ มออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 สิ งหาคม ปี 2002
ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ส่ง 2 เพลงในอัลบั้ม Bad Guy และ Besides Saying Goodbye ให้กลายเป็ นเพลง
ฮิตขึ้นมาทันทีในช่วงปลายปี นั้น ด้วยเสี ยงร้องสุ ดเซ็กซี่ และท่าเต้นที่เร้าใจ ทำให้ Bi สามารถคว้ารางวัลนักร้อง
หน้าใหม่ยอดเยีย่ มประจำปี 2002 จากทั้งงานประกาศรางวัลเพลงของ SBS, KBS, MBC, KMTV และ
M-NET ไปครอง เรี ยกว่ากวาดรางวัลไปครบทุกงานประกาศรางวัลเพลงของเกาหลีในปี นั้นเลยทีเดียว

4 กรกฎาคม ปี 2003 อัลบั้มเพลง Remix ชุดใหม่ของ Bi ที่ใช้ชื่อว่า First Drop ( Overseas Version
) ก็ได้ออกวางจำหน่ายทัว่ เกาหลี โดยเป็ นการ Remix เพลงทุกเพลงจากอัลบั้มแรกมาทำให้กลายเป็ นเพลงที่มี
จังหวะสนุกสนานในการเต้นมากยิง่ ขึ้น ซึ่งได้นกั ร้อง รับเชิญ Sea, Lexy, Danny วง G.O.D. ฯลฯ มาร่ วม
สร้างสี สนั ให้กบั งานเพลงของเขาให้น่าสนใจมากยิง่ ขึ้น จากนั้นช่วงต้นเดือนกันยายนปี เดียวกัน ละครเรื่ องแรก
Sang Doo, Let’s Go To School! ของ Bi ก็ออกฉายครั้งแรกทางสถานี โทรทัศน์ KBS โดย Bi รับบท
เป็ น Sang Doo เด็กหนุ่มที่พอ่ แม่เสี ยชีวิตจากอุบตั ิเหตุต้ งั แต่เขายังเด็ก Sang Doo จึงต้องไปอาศัยอยูก่ บั คุณปู่
จนกระทัง่ อายุได้ 10 ขวบ คุณปู่ ก็ท้ิง Sang Doo ไป แต่ Sang Doo ก็ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัว
เศรษฐี ซึ่งรับ Sang Doo เอาไว้เป็ นบุตรบุญธรรม และเมื่อ Sang Doo เข้าเรี ยนระดับชั้นมัธยมปลายเขาก็ได้
พบ กับ ชา อึน ฮวา รับบทโดย กอง เฮ จิน หญิงสาวที่กลายเป็ นความทรงจำที่ดีของ Sang Doo ในช่วงที่เขา
อยูใ่ นวัยเรี ยน จนวันหนึ่ง Sang Doo เกิดไปมีเรื่ องกับชายคนหนึ่งจนเป็ นเหตุให้ชายผูน้ ้ นั เสี ยชีวิต Sang
Doo ต้องติดคุกโดยที่ ชา อึน ฮวา ไม่รู้เรื่ องราวที่เกิดขึ้นกับเขา หลายปี ผ่านไป ชา อึน ฮวา กลายเป็ นคุณครู
สอนคณิ ตศาสตร์ในโรงเรี ยนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ในขณะที่ Sang Doo พ้นโทษออกมา เขากลับไปหา ชา อึน
ฮวา อีกครั้ง แต่หนทางเดียวที่เขาจะกลับมาสนิทกับ ชา อึน ฮวา ได้เหมือนเดิมก็คือ Sang Doo จะต้องกลับ
เข้าไปเรี ยนในชั้นมัธยมปลายอีกครั้ง...

ละครเรื่ อง Sang Doo, Let’s Go To School! โด่งดังอย่างรวดเร็ ว ทำให้ Bi ได้รับรางวัล New Actor
Awards และ Best Couple Awards ไปครองร่ วมกับ กอง เฮ จิน นางเอกในเรื่ อง จากงานประกาศรางวัล
ของสถานีโทรทัศน์ KBS

ยังไม่ทนั ที่กระแสความแรงของ Sang Doo, Let’s Go To School! จะจางหายไป อัลบั้มเพลงชุดที่สอง


ของ Bi ภายใต้ชื่อ Rain vol.2 ก็ออกวางจำหน่ายตามมาติด ๆ ในวันที่ 16 ตุลาคม ปี 2003 ส่ งเพลง
“Running Away from the Sun” เข้าไปติดในชาร์ตเพลงอันดับ 1 ที่เกาหลียาวนานถึง 3 สัปดาห์ซอ้ น

ปี 2004 Bi มีผลงานละครเรื่ องใหม่ Full House ร่ วมกับ ซอง เฮ เคียว โดยออกฉายทางสถานีโทรทัศน์


KBS โดยนำเอาการ์ ตูนยอดฮิตของเกาหลีออกฉายทางจอแก้วเป็ นครั้งแรก ซึ่ ง Bi ก็ได้รับบทที่ใกล้เคียงกับตัว
เองในบทของ Young Jae นักร้องหนุ่มซูเปอร์สตาร์ขวัญใจสาวๆ และปลายปี นั้น Bi ก็ส่งผลงานเพลงอัลบั้มที่
3 It’s Raining ออกวางจำหน่ายในวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่ งสองเพลงฮิต It’s Raining และ I Do สามารถขึ้น
ไปติดบนชาร์ตทัว่ เอเชียอย่างรวดเร็ ว พร้อม ๆ กับการบุกตลาดเพลงญี่ปุ่นซึ่งดำเนินไปได้อย่างดีทีเดียว

---------------------------------------------------------------------------------
ชองจีฮุน มีชื่อที่ใช้ในการแสดงว่า พี(Bi) ซึ่งในภาษาเกาหลีแปลว่า "ฝน" ทำให้เขาเป็ นที่รู้จกั กันในนามนักร้อง
นักเต้นว่า เรน(Rain)
เรนมีความสามารถโดดเด่นไม่วา่ จะเป็ นบทบาทนักร้อง ซึ่งได้รับรางวัลทุกอัลบั้มแล้ว บทบาทแสดงนำจากซีรีส์
เรื่ องดัง Full House ที่ออกอากาศในบ้านเราเมื่อปี ที่แล้ว จนดังเป็ นพลุแตกไปทัว่ เอเชีย

เรนเกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1982 สูง 184 cm. น้ำหนัก 74 kg. เลือดกรุ๊ ป O ครอบครัวมีพอ่ และน้อง
สาว 1 คน

คงไม่ตอ้ งสาธยายกันมาก สำหรับประวัติของหนุ่มฮอตคนนี้

เพียงลีลาการเต้นที่เร้าใจกับรู ปร่ าง สัดส่ วนที่สมบูรณ์แบบพร้อมโชว์ให้คนดูหลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับการแสดง


ได้ สิ่ งเหล่านี้คงไม่ใช่องค์ประกอบสำคัญที่ผลักดันให้หนุ่มเรนโด่งดังสุ ดๆได้มายืนแถวหน้าของเอเชียเท่านั้น
ความคิดและวิธีการฝึ กปฏิบตั ิบนเส้นทางชีวิตกว่าจะเป็ นซุปเปอร์สตาร์ของเขาล้วนยากลำบาก แต่ความมานะ
อดทนและพยายามทำให้เขาได้มีวนั นี้ เป็ นรางวัลตอบแทนการไม่ยอ่ ท้อต่ออุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ทำให้เรา
ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยวัยเพียง 24 ปี

ความโด่งดังของเขาไม่ได้หยุดอยูใ่ นประเทศเกาหลีใต้บา้ นเกิดเท่านั้น เรนยังเป็ นนักร้องเอเชียที่ไปเปิ ดคอนเสิ ร์ต


ไกลถึงฝั่งอเมริ กา นับเป็ นก้าวย่างที่น่าจับตามองเป็ นอย่างยิง่

เรนได้เขียนบันทึกเรื่ องราวเกี่ยวกับตัวเขา ในปี 2002 หลังจากที่ออกอัลบั้มชุดแรก เป็ นเรื่ องราวใน วัยเด็ก, วัย
เรี ยน, ความหลงไหลในการเต้น, การเข้าสู่วงการครั้งแรกกับ JYP และความรักที่มีต่อแม่ของเขา

1) วัยเด็ก
ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่า ตอนนี้ผมได้เป็ นนักร้องแล้ว บางครั้งเมื่อผมนัง่ อยูท่ ่ามกลางกองแผ่น CD ผลงานของตัว
เอง ขณะที่เรากำลังจัดเตรี ยมการกับมันอยู่ ผมรู้สึกหัวใจพองโต มันช่างเป็ นความสุ ขจริ งๆ ที่คนฟังและรู้สึกชื่น
ชอบกับการที่ผมเต้นในสไตล์ของตัวเอง หลังจากเต้นและร้องเพลงของ Seotaeji and Boys and Deux
ความฝันของผมกลายเป็ นจริ ง

"ผมได้เป็ นนักร้องแล้ว "

เมื่อตอนเด็กผมอาศัยอยูใ่ กล้มหาวิทยาลัยฮงอิก แม่ของผมเพิ่งจากไปเมื่อสองปี ที่แล้ว และในตอนนั้นผมอยูก่ บั พ่อ


และน้องสาวซึ่งอ่อนกว่าผม 3 ปี (ผมเกิดในปี 1982 ชื่อจริ งของผม คือ ชองจีฮุน) ความที่เป็ นคนไม่ช่างพูด วัน
หนึ่งพูดกันแค่สองสามประโยคเท่านั้น

ผมเคยออกไปข้างนอกโดยไม่บอกใครๆ ตอนนั้นผมยังเด็ก เป็ นเหตุการณ์ที่ผมจำได้ลางๆ ผมออกจากบ้านไปเมื่อ


ตอนประมาณ 4 ขวบ ญาติของผมมักจะมาทำงานที่บา้ น แต่ในวันนั้นพวกเขาไม่พบผม พวกเขาโทรหาตำรวจที่
สี่ แยก แต่ไม่มีใครรู้เรื่ องของผม ทุกคนวิตกมาก แต่หายังไงก็ไม่พบ

วันหนึ่งญาติโทรมาบอกว่าพบผมที่ สถานีรถประจำทางรถกังวาโด แถวบ้านที่เราอยู่ ผมคิดว่าผมคงจะขึ้นรถจาก


ที่นี่ไป ที่กงั วาโด พวกเขาเห็นหมายเลขติดต่อบนสายรัดข้อมือผมและโทรเรี ยกครอบครัวของผมให้มารับ ผมก็
นึกไม่ออกเหมือนกัน จำได้ลางๆ ว่ามีผหู้ ญิงคนหนึ่งที่ช่วยผมขึ้นรถ

(2) เริ่ มค้นพบตัวเอง


ผมเป็ นคนเคร่ งขรึ มตั้งแต่ตอนเด็กๆ อย่างไรตอนนี้กย็ งั คงเป็ นอย่างนั้น มันเป็ นการยากมากที่ผมจะเป็ นฝ่ ายจะเริ่ ม
ต้นคบกับใคร แต่มีอยูค่ รั้งหนึ่งผมพูดและทำได้ดีมากจนตัวเองรู้สึกประหลาดใจ

เมื่อตอนอยูช่ ้ นั ประถมผมเรี ยนไม่ค่อยเก่ง ความที่ไม่ค่อยพูดจากับใคร ผมก็เลยไม่มีแฟน ไม่มีใครมาสนใจหรื อ


สังเกต เพื่อนๆในชั้นเรี ยนถ้าจะมีใครสังเกตเกี่ยวกับตัวผมก็คงจะเป็ นความสูง เพราะผมมักจะยืนเป็ นที่ 3 หรื อที่
4 ของคนที่สูงที่สุดในชั้น

ผมมักจะนัง่ เงียบเสมอเมื่ออยูใ่ นชั้นเรี ยน แต่มีอยูว่ นั หนึ่งผมลุกขึ้นมาแสดงความสามารถเป็ นตัวแทนของชั้นเพื่อ


เข้าแข่งขันของแต่ละโรงเรี ยนเมื่อตอนเรี ยนอยูเ่ กรด 6 และในชั้นของเราไม่มีคนสมัครเข้าแข่งขันเลย

ผมรู้สึกกระวนกระวายใจเลยบอกพวกเขาว่าผมจะเป็ นตัวแทนในการเข้าแข่งขัน แต่คำตอบของเพื่อนๆ ในชั้นที่


เห็นด้วยก็มีไม่มากนัก ผมได้ยนิ พวกเขาวิพากษ์วจิ ารณ์เกี่ยวกับตัวผม จากนั้นผมก็ถามว่า "ทำไมพวกเขาถึงไม่
แสดงแทนผมล่ะ"

ในที่สุดผมก็ได้กลับมาเป็ นตัวแทนของชั้นเรี ยนด้วยความภาคภูมิใจ พวกเพื่อนๆ พากันมองมาที่ผม เมื่อดนตรี เริ่ ม


ขึ้น ผมบอกกับตัวเองว่าจะโชว์การเต้นเหมือนอย่างที่เห็นในทีวีหรื อตามท้องถนน หัวสมองในขณะนั้นไม่คิด
อะไรทั้งสิ้ น นอกจากสองสิ่ งนี้เท่านั้น

เสี ยงปรบมือดังกึกก้องเมื่อการแสดงจบลง ผมรู้สึกถึงความสำเร็ จเป็ นครั้งแรกในชีวิต แล้วความคิดที่เกิดขึ้นในใจ


ตอนนั้น มันบอกผมว่า "ใช่เลย มันคือการเต้นนัน่ เอง!"

(3) ความเศร้าทำร้ายตัวเองให้ตกต่ำ
ผมเข้าเรี ยนที่โรงเรี ยนซุงมุน ในขณะที่ใจผมร่ำร้องอยากจะเต้น คนอื่นๆเล่าว่า ผมเป็ นนักเรี ยนที่เกเร ไม่สนใจ
อะไร นอกจากการเต้น ผมชอบโดดเรี ยนไปกับรุ่ นพี่ และไม่ใส่ ใจการเรี ยนแม้วา่ เขาจะเอาเงินและเสื้ อผ้าของผม
ไป เหตุผลเดียวที่ผมยอมพวกเขาเพียงเพื่อต้องการที่จะเรี ยนรู้ในการเต้นเท่านั้น

ครั้งหนึ่งเราถูกตำรวจจับไปที่โรงพัก ขณะนั้นเรากำลังฝึ กซ้อมเต้นที่สวนสาธารณะใกล้กบั มหาวิทยาลัยฮงอิก


เพราะว่าเราไม่มีสถานที่จะฝึ กซ้อม คนที่ผา่ นมาแถวนั้น ต่างก็เห็นและพูดถึงนักเรี ยนเกเรที่โดดเรี ยน ตอนนั้นผม
โกหกพ่อว่าผมไปห้องสมุด แต่จริ งๆ แล้วผมไม่สนใจการเรี ยนเลย เพราะผมเต้นจนไม่มีเวลาจะเรี ยน ทำให้การ
เรี ยนแย่ลงไปเรื่ อยๆ

ผลการสอบในเทอมแรกผมสอบได้ที่ 45

4) "จะไม่ทำเลว" คำสัญญาที่ให้กบั พ่อ


ั ญากับพ่อว่าผมจะไม่สูบบุหรี่ หรื อยุง่
ถึงผมจะยังคบหากับพวกเด็กเกเรเพื่อที่จะเรี ยนรู้ในการเต้น แต่ผมก็ให้สญ
เกี่ยวกับยาเสพติด

ทีมเต้นของเราฝึ กหนักและเข้าแข่งขันโดยไม่หวังรางวัล ทั้งที่ ลอตเต้ เวิลด์, จัมซิล และโซล ยืนยันความ


สามารถของเราได้เป็ นอย่างดี ผมจำไม่ได้วา่ ปี ไหน เพียงอินบงเป็ นตัวตลกในการแข่งขัน MC ชื่อทีมของเราคือ
Challenger ผมเข้าแข่งขันกัน 4 คน ผมยืนอยูต่ รงกลาง เพราะตัวสู ง
เราไม่ได้รับรางวัล รู้จากเพียงอินบงในภายหลังที่ผมเป็ นนักร้องที่กงั ทาแล้ว ว่ามีนกั ร้องเข้าแข่งขันด้วย ผมเริ่ ม
สนใจกีฬารักบี้ เมื่อตอนผมเรี ยนอยูเ่ กรด 12 ส่ วนใหญ่พวกที่อยูช่ มรมรักบี้จะดูดีมากๆ ผมฝึ กรักบี้กบั โรงเรี ยน
ใกล้ๆ แต่ผมก็รู้สึกว่าไม่สามารถทำทั้งสองอย่างให้ดีได้ ผมจึงเลือกที่จะเต้น

ในที่สุดปี สุ ดท้ายของชีวิตมัธยมต้นก็มาถึง ผมเริ่ มวิตกกังวลกับอนาคตของตัวเอง เพื่อนๆพากันไปห้องสมุด มี


แต่ผมคนเดียวที่ท้ งั เรี ยนทั้งเต้นในเวลาเดียวกัน ผมตัดสิ นใจมาเรี ยนการแสดง ผมไม่สนใจสาขาอื่น ผมต้องการ
เป็ นนักแสดง ผมดูละครและจำมาฝึ กซ้อมด้วยตัวเอง

(5) สอบเข้าโรงเรี ยนศิลปอันยางได้ดว้ ยความภาคภูมิใจ


เริ่ มจากที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการแสดง ผมไปที่ร้านหนังสื อ ซื้อทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแสดง และอ่านมัน
ทั้งหมดก่อนจะสอบเข้าที่โรงเรี ยนศิลปะอันยาง ผมต้องการแสดงความสามารถพิเศษในการเต้น ผมตัดสิ นใจ
เลือกเล่นละครใบ้ เพื่อให้ส่วนต่างๆของร่ างกายบอกเล่าเรื่ องราวซึ่งคนอื่นๆไม่ค่อยเห็นด้วย เขาพูดกันว่าการ
แสดงไม่ใช่ตวั ตนของผม แต่ผมก็ฝึกซ้อมอย่างหนักและสอบผ่านเข้ามาได้ดว้ ยความภาคภูมิใจ

แต่เมื่อการแสดงกลายมาเป็ นการเรี ยน มันกลับไม่น่าสนุกอีกต่อไป และมันก็ไม่เหมาะกับผมด้วย ในช่วงปี แรก


ที่เป็ นน้องใหม่ ผมต้องเรี ยนการแสดงและหยุดพักการเต้น ส่วนคนอื่นๆที่รู้จกั ผม ให้ผมได้เป็ นตัวแทนเข้า
แข่งขันการแสดงต่างๆ พวกผูห้ ญิงพากันชื่นชอบในตัวผม

ทุกๆเช้าตอนผมไปโรงเรี ยน พอเปิ ดล็อคเกอร์จะมีของขวัญจากใครๆที่ผมก็ไม่รู้ ของขวัญส่วนมากจะเป็ น นม


ขนมเค้ก ดอกไม้และจดหมาย ผมรู้สึกเสี ยดายที่ไม่ได้สานต่อความรู้สึกดีๆเหล่านั้น เพราะผมไม่มีเวลาเลย ผม
เอาแต่ซอ้ มเต้น ผมไม่เคยมีเวลาจะคิดเรื่ องแฟน โดยเฉพาะช่วงปี แรกในฐานะน้องใหม่ ซึ่งผมพยายามเรี ยนรู้ที่จะ
พัฒนาตัวเองเรี ยนให้จบในด้านการแสดง

แต่ในระหว่างนั้นก่อนจบผมเริ่ มเกลียดการแสดงในชั้นเรี ยนมาก ผมไม่สนใจเรี ยนและรู้สึกว่ามันไม่น่าสนใจ


อีกต่อไปแล้ว ช่วงนั้นผมไปโรงเรี ยนสายบ่อยมาก ผมจะไปเพียงร่ วมประชุมในช่วงเช้าเท่านั้น และพลาดการฝึ ก
ซ้อมในชั้นเรี ยน

ช่วงนั้นผมมัวแต่หมกมุ่นในการฝึ กเต้น และถูกตราหน้าว่าเป็ นเด็กเลว

(6) โดนครู ตี
ตอนนี้ผมอยากจะเล่าถึงครู ของผม เมื่อตอนที่ผมเรี ยนที่โรงเรี ยนศิลปอันยาง ผมทะเลาะกับครู เพราะเรื่ องเต้น
ผมหมกมุ่นกับการเต้นมากจนไม่เข้าร่ วมประชุมทีมการแสดง นักเรี ยนรุ่ นพี่เริ่ มเกลียดผม พวกเขามาพบผมหลัง
โรงเรี ยนและรุ มด่าว่าผม ผมไม่อยากถูกไล่ออกจากกลุ่ม ก็เลยตัดสิ นใจหันมามุ่งด้านการแสดงมากกว่าเต้น แต่มนั
ก็ไม่ทำให้ผมเลิกล้มความอยากเต้นได้เลย

วันหนึ่งอยูๆ่ ผมก็ลุกขึ้น แล้ววิ่งออกไปนอกห้องเรี ยน ในวันถัดมาครู ที่สอนผมเข้ามาตำหนิอย่างรุ นแรง แล้ว


บอกให้ผมตีเขาไม่เช่นนั้นเขาจะตีคนอื่นๆด้วย ในหัวผมตอนนั้นความคิดขัดแย้งสับสนวุน่ วายมาก มีแต่พวกผู้
หญิงในชั้นเท่านั้นที่ยงั รู้สึกดีกบั ผม ในตอนนั้นผมคิดจะตอบโต้ครู จริ งๆ แต่กไ็ ม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็ นแค่ความ
คิดชัว่ วูบเท่านั้น

ก่อนเราจะจบการศึกษา เมื่อครู ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เขาบอกว่าเขาไม่เคยคิดว่าผมจะเกลียดเขาจริ งๆ เขา


ชอบใช้วิธีแบบเดียวกันนี้กบั คนอื่นๆที่โรงเรี ยน มันเป็ นวิธีหลอกล่อเพื่อให้นกั เรี ยน รู้สึกผิดส่วนมากมักจะพูดว่า
เสี ยใจและก็ร้องไห้ แต่กจ็ ะมุ่งมัน่ เอาชนะจนเรี ยนจบได้ในที่สุด
) โชคชะตาทำให้ได้พบกับ ปาร์ คจินยอง
ในปี 2000 มีเหตุการณ์สำคัญๆ 2 เรื่ องที่เกิดขึ้นในชีวิต ผมได้พบกับปาร์คจินยองและเขาผลักดันให้ผมได้
กลายมาเป็ นนักร้อง กับเรื่ องที่แม่ของผมได้เสี ยชีวิตจากผมไป

เรื่ องแรกที่ผมจะเล่า คือว่า ผมพบกับปาร์คจินยองได้ยงั ไง ตอนนั้นผมมัว่ สุ มเต้นอยูก่ บั เพื่อนๆมัธยมปลาย ผม


อาศัยอยูก่ บั พวกเขา ทำกับข้าว ล้างจาน ทำความสะอาด และเต้นไปด้วยที่คลับย่าน อีแตวอน ใกล้ๆมหาวิทยาลัย
ฮงอิก ซึ่งเป็ นสถานที่ที่ผมอยูใ่ นช่วงนั้น

ครอบครัวของผมลำบาก พ่อทำธุรกิจค้าขายแต่กข็ าดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันหนึ่งเขาเขียนจดหมายทิ้งไว้บอกว่าจะ


เดินทางไปประเทศบราซิล และเมื่อตั้งตัวได้แล้วจะกลับมา ตอนนั้นแม่ของผมต้องทุกข์ทรมานจากโรคเบาหวาน
และยังต้องหาเลี้ยงครอบครัวไปด้วย ผมไม่เข้าใจแม่วา่ ทำไมต้องทำงานทั้งที่สุขภาพไม่ดี ผมรู้สึกโง่เง่ามากเพราะ
ไม่เคยนึกถึงใครนอกจากตัวเอง

ในเวลานั้นผมหมกมุ่นอยูก่ บั การเต้นมากพอๆกับเริ่ มรู้สึกไม่พอใจกับครอบครัวของตัวเอง วันหนึ่งผมตาม


เพื่อนไปทำงานกับพวกเด็กจรจัดที่ออฟฟิ ศซอมซ่อแห่งหนึ่ง อยูๆ่ ปาร์คจินยองก็เดินเข้ามา ห้องนั้นเป็ นออฟฟิ ศ
ของ ปาร์คจินยอง

เขาเห็นผม แล้วก็ถามว่า "ทำอะไรได้บา้ ง?"

ผมตอบ "เต้น" แล้วเขาก็บอกให้ส่งวิดีโอที่ผมเต้นมาให้ดู

"ว้าว ปาร์ คจินยอง โปรดิวเซอร์ จะฝึ กให้ผมเป็ นนักร้อง!!"

ผมมีความสุ ขมากในตอนนั้น หลังจากส่ งเทปให้เขาไม่นานนักผมก็กลับมา

(8) ปาร์ คจินยอง จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่


หลังจากที่ดูเทปแล้ว ปาร์คจินยอง ก็บอกผมว่า "มาทำอัลบั้มกันเถอะ"

เขาพอใจจะรับผมและฝึ กสอนผมเอง ผมมีความสุ ขจริ งๆ ผมฝึ กเต้นและร้องเพลงอย่างหนัก

ขณะที่ผมกำลังมีความสุ ขที่จะได้เป็ นนักร้องอย่างที่วาดฝันเอาไว้ แม่ของผมสุ ขภาพทรุ ดหนักโดยไม่รู้ตวั ตอน


ที่ผมยังเด็กแม่กป็ ่ วยอยูเ่ สมอ แต่ผมก็ไม่ได้ตระหนักถึงสภาพครอบครัวในเวลานั้น พ่อของผมเดินทางไปโน่นไป
นี่ ไม่มีใครดูแลแม่รวมทั้งตัวผมด้วย

ผมเริ่ มคิดว่าเหลือผมคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวในตอนนั้น ผมจึงเล่าให้ปาร์คจิน


ยองฟังทุกสิ่ งทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ที่ตอ้ งดูแล แล้วเขาก็พดู ว่า

"เพื่อความ บายใจของเธอ ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เอง ไม่ตอ้ งกังวล"

ผมรู้สึกซาบซึ้ งมาก แม่ของผมเข้ารับการรักษา ตอนนั้นแม่ผมเป็ นแผลพุพองขั้นรุ นแรงทัว่ ทั้งตัวอยูก่ ่อนแล้ว


แต่คนที่โรงพยาบาลบอกว่าอาการดีข้ ึนแล้ว ให้แม่กลับมาพักที่บา้ น ผมรู้สึกเหมือนมีกอ้ นอะไรมาจุกแน่นที่
หน้าอก เมื่อผมนึกถึงวันนั้น แม่ของผมอาการทรุ ดหนักมากเรานำกลับมาที่โรงพยาบาลอีก ปาร์คจินยองและ
ภรรยาของเขามาเฝ้ าดูอาการแม่ของผมด้วย

(9) เต้นอย่างไรให้เป็ นสไตล์ของตัวเอง


ถึงจะมีคนคอยช่วยเหลือ แม่ของผมก็ยงั คงไม่ดีข้ ึนและในที่สุดก็จากผมไป

แม่บอกกับผมก่อนเสี ยชีวิตว่า "ดูแลน้องสาวให้ดี" ผมสัญญากับแม่ดว้ ยหัวใจ

ผมเฝ้ าบอกตัวเองมาตลอดว่า "ผมจะทำให้ดีที่สุด"

ผมยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงแม่ ผมอยากให้แม่ได้เห็นว่าผมประสบความสำเร็ จในชีวิต ผมจะทำให้ดีที่สุด


ถ้าแม่อยูร่ ออีกสักนิด......สภาพจิตใจผมแย่มาก ผมจะไม่ใส่ ใจครอบครัวได้ยงั ไงถ้าผมมีชีวิตที่ดี

ผมฝึ กซ้อมอย่างหนักหลังจากที่แม่จากไป บริ ษทั ของเราทำวิดีโอเทป 12 นักเต้นเพลงโซล มีทกั ษะการ


เคลื่อนไหว 9 ขั้นตอน ผมฝึ กจนเหนื่อย ปาร์คจินยองก็ยงุ่ มาก เขาไปที่สตูดิโอเพื่อดูและสอนผม แต่เขาก็ไม่เคย
พูดชมผมเลยสักครั้ง

จนถึงวันนี้ เขามักจะพูดว่า "อยากให้งานดี หรื อ อยากมีชื่อเสี ยง"

ตั้งแต่วนั นั้นที่ผา่ นมา เขามักจะกดดันผม เขาชอบพูดว่า "จะเต้นยังไงให้เป็ นสไตล์ของตัวเอง"

บางทีกว็ า่ "มันไม่เวิร์ก"

นัน่ เป็ นวิธีที่เขาสอนผม เมื่อเขาต้องหยุดสอนผม เพราะต้องเดินทางไปบันทึกเสี ยงที่อเมริ กา ผมต้องต่อสู้กบั


ความเหงา ผมอยูท่ ี่สตูดิโอจนกระทัง่ ทุกคนกลับบ้าน แล้วผมก็คิดท่าเต้นและฝึ กซ้อมในตอนนั้น ผมรู้สึกโดดเดี่ยว
เศร้าใจจริ งๆ ผมใช้วิธีร้องเพลงและเต้นบนรถไฟใต้ดินและบนรถเมล์

(10) ต่อสู ้กบั ความโดดเดี่ยว


ผมรู้สึกท้อแท้และอ่อนล้าที่ตอ้ งอยูต่ วั คนเดียว ดังนั้นผมจึงฝึ กซ้อมอย่างบ้าคลัง่ ด้วยการร้องตะโกนเสี ยงดังและ
เต้นไปทัว่ ตามถนนตลอดเส้นทางไปสตูดิโอและทางกลับบ้าน คิดท่าเต้นต่างๆให้เข้ากับเพลงที่ร้อง ไม่วา่ จะอยู่
บนรถไฟใต้ดิน รถเมล์ หรื อที่โล่งแจ้งอื่นๆ คล้ายกับคนบ้า

ผมรู้สึกว่ามันไม่ง่ายกว่าจะได้เป็ นนักร้อง

หลังจากที่ปาร์คจินยองไปเป็ นโปรดิวเซอร์ที่อเมริ กา ผมก็ทนทุกข์กบั ความเหงาและต้องอยูต่ วั คนเดียวฝึ กอย่าง


โดดเดี่ยวจนปาร์คจินยองกลับจากอเมริ กาหลังจากงานโปรดิวเซอร์ของเขาเสร็จ สมบูรณ์ ผมคิดว่าตัวเองจะได้ทำ
อัลบั้มออกมาเสี ยที แต่ปาร์คจินยองบอกกับผมว่า อัลบั้มของเขาจะต้องออกก่อนเพราะว่ามันเป็ นช่วงเวลาเหมาะ
สม ดังนั้นอัลบั้มชุดแรกของผมต้องเลื่อนไปเดือนสิ งหาคม ผมต้องคิดท่าเต้นประกอบด้วย แม้วา่ จะไม่ใช่การเต้น
ทั้งหมดในการร้องของผม แต่มนั ก็มาก

ผมทำงานเป็ นแดนเซอร์ของปาร์คจินยอง ถึงจะเป็ นประสบการณ์ที่ดีบนเวที แต่การต้องไปทุกๆ ที่กบั ปาร์คจิน


ยองทุกวันเพื่อฝึ กฝนมันยากมากๆ ขณะที่ปาร์คจินยองและผูจ้ ดั การที่ดูแลได้หยุดพักผ่อน ผมยังคงต้องฝึ กโดยไม่
ได้หยุดพัก ผมต้องร้องเพลงโดยอัตโนมัติ เมื่อไรก็ตามที่ปาร์คจินยองโบกมือของเขาและจะร้องซ้ำเพลงเดิมๆ
หลาย ๆ ครั้ง เป็ นพันๆครั้งในวันหนึ่ง ผมถูกตีหวั เพราะร้องผิดโน้ตซ้ำๆ ตีที่หวั ฟังดูเหมือนไม่รุนแรงอะไร แต่
การตีที่จุดเดิมๆบ่อยๆ มันทำให้เจ็บไม่นอ้ ยทีเดียว

(11) อัลบั้มของผมต้องล่าช้าออกไปอีก
ตอนที่ผมเต้นให้ปาร์คจินยอง ผมคิดและร้องอยูค่ นเดียวเป็ นพันๆ ครั้งเรื่ องอัลบั้มเพลงของตัวเอง ขณะนัง่ อยู่
ในรถคนอื่นๆ จะหลับและพักผ่อน แต่ผมก็ยงั คงร้องเพลงไม่หยุด เมื่อปาร์คจินยองโบกมือให้ ผมฝึ กฝนเฝ้ ารอให้
ถึงเดือนสิ งหาคม เพื่ออัลบั้มของผมจะได้ออกเสี ยที

พอเดือนสิ งหาคมมาถึง แผนงานก็ถูกเปลี่ยนแปลงอีก มันเป็ นการออกอัลบั้มของปาร์คจินยองต่างหาก


เนื่องจากเขาเป็ นผูจ้ ดั การบริ ษทั อัลบั้มของผมถูกเลื่อนไปเดือนพฤศจิกายนแทน ผมเริ่ มกระวนกระวายใจ กับ
เหตุการณ์ต่อเนื่องมาเรื่ อยๆ

หลังจากออกอัลบั้มเสร็ จ ปาร์คจินยองก็ไปอเมริ กาอีกครั้ง ผมยังคงฝึ กร้องเพลง ไม่มีอะไรนอกจากต้องรอไป


ก่อน ผมรู้สึกเลื่อนลอยเคว้งคว้าง กลัวว่าไม่ได้ออกอัลบั้มของตัวเองหลังจากที่เตรี ยมตัวมาอย่างหนักถึง 2 ปี ซึ่ง
ผมมีประสบการณ์ในการเต้นร้องเพลงมากขึ้นทีเดียว

พอปาร์คจินยองกลับมาเกาหลี ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของปี นั้น เขาบอกว่า ถึงเวลาออกอัลบั้มของผมได้แล้ว เรา


บันทึกเสี ยงประมาณหนึ่งเดือนกว่า การบันทึกเสี ยงใช้เวลาไม่นาน เพราะเพลงทั้งหมดทำเสร็ จนานแล้ว

ท้ายที่สุดผมได้ข้ ึนเวทีครั้งแรกวันที่ 28 เมษายน ผมอยากแสดงออกทุกสิ่ งทุกอย่างที่ผมฝึ กมานานทั้งร้องเพลง


และเต้นแต่มนั ก็ยงั ไม่ดีเท่าที่ควรและไม่ค่อยถูกแบบแผนนัก แต่ผมก็ไม่ขืนตัวเอง ยังคงปล่อยให้ร่างกาย
เคลื่อนไหวอย่างเป็ นอิสระ

ผมเฝ้ าบอกตัวเองว่ามันคงจะต้องจบ ถ้าผมไม่ทำในช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด

รู้ไหมครับพวกคนดูจอ้ งจนตาค้างไปเลย และผมก็ประสบความสำเร็ จด้วยความเชื่อมัน่ ในตนเอง

(12) ผมอยากเป็ นแฟชัน


่ ดีไซเนอร์ที่เก่ง
ความคิดต่างๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ต้ งั แต่เริ่ มฝึ กฝนที่จะเป็ นนักร้อง

"ทำไมคุณไม่ร้องเพลงตลอดไปล่ะ?"

หลังจากฝึ กร้องเพลงอย่างหนัก ผมมัน่ ใจว่าสามารถเป็ นนักร้องอาชีพได้ แต่ผมก็ยงั ไม่มีประสบการณ์มากพอ


สำหรับการเป็ นนักร้องหน้าใหม่ ผมเคยลิปซิงค์บนเวทีบา้ งแต่กไ็ ม่บ่อย

ผมมาเลิกวิตกกังวลเมื่อตอนได้ไปร้องเพลงที่ MBC TV ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ผูค้ นต่างชื่นชมผมว่านอก


จากจะเต้นได้ดีแล้วยังร้องเพลงได้ดีอีกด้วย พวกเขาประหลาดใจที่คนอื่นๆต่างพากันปรบมือหลังจากผมร้องเพลง
จบ เป็ นความทรงจำที่ดีที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้

มันเป็ นความปรารถนาอันยิง่ ใหญ่ของผมในการเป็ นนักร้องอาชีพ สามเดือนตั้งแต่ออกอัลบั้มผมได้รับความ


สำเร็ จท่ามกลางแฟนๆ ที่ให้กำลังใจ ผมยังคงทำงานหนักอยูต่ ่อไปเรื่ อยๆ เร็ วๆ นี้ ผมมีจะการแสดงใหม่ๆ กับ
บทบาทที่ทา้ ทาย ผมจะได้เล่นละครตลกซิทคอมและผมคิดว่าการแสดงมันน่าสนใจมาก ผมต้องการแสดงความ
สามารถในทุกๆ ด้าน
เมื่อร้องเพลง เต้น และแสดงได้ดีแล้ว หลังจากนั้นผมอยากจะเป็ นดีไซเนอร์ออกแบบแฟชัน่ ความฝันที่ยงิ่ ใหญ่
ที่สุดของผมในตอนนี้ คือการประสบความสำเร็ จในการเป็ นนักร้องภายใน 10 ปี และหลังจากนั้นผมจะเริ่ ม
ศึกษาด้านการออกแบบ

20 ปี ต่อจากนี้ ไป ผมอยากได้รับการยอมรับในฐานะดีไซเนอร์ ดว้ ย ผมขอขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่ องราวนี้


ครับ

เรนกล่าวไว้วา่ "ถ้าไม่พยายาม ไม่อดทน และไม่ถ่อมตัว ชีวิตก็จะไม่ประสบความสำเร็ จ"

ไม่วา่ หนทางนั้นจะสิ นสุ ดลงอย่างไร ถึงวันนี้ "เรน" ชองจีฮุน สายฝนเลือดเกาหลีคนนี้ ยังคงซัดสาดในวงการ


ธุรกิจบันเทิงให้ขบั เคลื่อนต่อไป.

เรนทำได้แน่ ฉันเชื่อเพราะเขาพยายามทำในสิ่ งที่เขารักถ้าเรารักใน


สิ่ งที่เราทำมันต้องสำเร็จแน่ในสักวันหนึ่ง

You might also like