Professional Documents
Culture Documents
สาเหตุของโรคตับอักเสบที่พบบ่อย คือ
1. ตับอักเสบเกิดจากเชื ้อไวรัส มี 5 ชนิดคือ เอ บี ซี ดี อี (ใหม่ที่สด
ุ คือ จี )
2. ตับอักเสบเกิดจากการถูกทำลายของเซลล์ตบ
ั เกิดพังผืดแทนเนื ้อตับที่ดี และเซลล์ตบั เกิดขึ ้นใหม่ ทำให้ ตบั ลักษณะ
เป็ นตุม่ ขรุขระทัว่ ทังตั
้ บ ซึง่ อาจเกิดจาก พิษของสุรา, ยา เช่น ยาแก้ ปวด ยารักษาวัณโรค ยาปฏิชีวนะ ยารักษาความดัน
โลหิตสูง ยาคุมกำเนิด เป็ นต้ น และเกิดจากได้ รับสารเคมี สารพิษ ต่างๆ หรื อแม้ แต่สารพิษจากเห็ดที่มีพิษ ฯลฯ
โรคตับอักเสบจำแนกออกเป็ น 2 ชนิด
1.ชนิดเฉียบพลัน ตับอักเสบที่เกิดจากเชื ้อไวรัสแบบเฉียบพลันเป็ นโรคที่ผ้ ปู ่ วยส่วนใหญ่จะหายเองได้ ด้วยระบบ
ภูมิค้ มุ กันของตนเอง จะกำจัดเชื ้อไวรัสออกจากร่างกาย และยังมีภมู ิค้ มุ กันให้ ไม่เป็ นซ้ำอีก สำหรับประเทศไทย เชื ้อไวรัส
ชนิดบี สำคัญที่สดุ เพราะเป็ นสาเหตุให้ ตบั ถูกทำลาย มีอาการอักเสบ บวม โตขึ ้น โรคตับอักเสบเรื อ้ รัง ตับแข็ง และมะเร็ง
ตับ มากที่สดุ
2. ชนิดเรื อ
้ รัง ผู้ป่วยตับอักเสบชนิดเฉียบพลัน ที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื ้อได้ หมดจะมีเชื ้อไวรัสตับอักเสบเรื อ้ รัง
อยู่ในร่างกาย มีการอักเสบอย่างต่อเนื่องเป็ นเวลานานเกิน 6 เดือน ซึง่ อาจกลายเป็ นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับในที่สดุ (5 –
10 %) ของผู้ที่ติดเชื ้อไวรัสบีกลายเป็ นพาหะของโรค หากร่ างกายไม่สามารถกำจัดได้ หมดและเซลล์ของตับถูกทำลายไป
มากๆ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตเพราะตับวาย
การรักษา
พักผ่อนให้ มากพอไม่ทำงานหนัก
การใช้ ยาตามแพทย์สงั่
การใช้ อาหารบำบัด
อาหารบำบัดโรคตับอักเสบอักเสบ
ผู้ป่วยตับอักเสบอันเกิดจากเชื ้อไวรัส พื ้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้ เซลล์ของตับฟื น้ ตัวได้ เร็วขึ ้น ถ้ าให้ อาหารที่เพียงพอ
และเหมาะสม ดังนี ้
พลังงาน ระยะนอนพักผ่อนก็ต้องให้ พลังงานมากเพียงพอ แม้ ลกุ จากเตียงได้ แต่มิได้ ออกแรงเหมือน
ปกติ มักจะให้ พลังงาน 2,500-3,000 กิโลแคลอรี่ /วัน ให้ เพียงพอกับความต้ องการใช้ พลังงาน
เพื่อการซ่อมแซม ฟื น้ ฟูเนื ้อเยื่อชดเชยกับการเผาผลาญที่สงู ขึ ้นในระยะมีไข้ ให้ ผ้ ปู ่ วยฟื น้ ตัว มีกำลัง
และสุขภาพดี
โปรตีน ต้ องได้ รับเพียงพอ เพื่อให้ ตบั ได้ มีโอกาสซ่อมแซม ฟื น้ ฟูเซลล์ที่อกั เสบ ร่างกายของผู้ป่วยจะ
มีการสลายตัวของโปรตีนมาก ควรให้ โปรตีนคุณภาพดีเช่ น เนือ้ นม ไข่ ควรได้ รับประมาณ
1.5-2 กรั ม/น้ำหนักตัวจริง 1 กิโลกรั ม/วัน ในโปรตีนมีสารซึง่ จำเป็ นในการที่จะเปลี่ยนไขมันให้
เป็ น ไลโปโปรตีนและถูกพาออกไปนอกตับ
คาร์ โบไฮเดรต ต้ องได้ รับเพียงพอ เพื่อให้ ร่างกายสร้ างและสะสม ไกลโคเจนในตับและเพื่อให้ ได้
พลังงานเพียงพอ จะช่วยป้องกันมิให้ โปรตีนถูกนำมาสลายตัวเพื่อเผาผลาญเป็ นพลังงานแทน จึง
ควรให้ มีคาร์ โบไฮเดรต 50-55% ของพลังงานที่ได้ รับ หรือวันละประมาณ 300-400 กรัม
ไขมัน ให้ ได้ รับปานกลาง (ไม่มากเกินไป) จะช่วยให้ อาหารมีลกั ษณะ รสชาติดี ชวนรับประทาน ควร
ให้ ไขมัน 25-40% ของพลังงานที่ได้ รับจากอาหาร หรือวันละประมาณ 80-100 กรัม
วิตามิน เสริ มทังวิ
้ ตามินที่ละลายในไขมัน และละลายในน้ำ
ของเหลวหรื อปริมาณน้ำ ควรให้ วันละ 3,000 ซี.ซี. จะทำให้ ผ้ ปู ่ วยรู้สกึ สดชื่นไม่กระหาย และอาจ
จะมีความอยากอาหารมากขึ ้น
การจัดอาหาร
การจัดอาหารสำหรับผู้ป่วยตับอักเสบต้ องจัดอาหารที่ให้ สารอาหารมากทุกอย่างในขณะที่ผ้ ปู ่ วยเบื่ออาหาร อาจช่วยได้
โดยให้ อาหารเหลว ในระยะแรกที่มีคณุ ค่ามาก (ทำด้ วยนม ไข่ น้ำตาล ไอศกรี ม ฯลฯ) ผสมกันให้ ดื่มบ่อยๆ
ระยะต่อมาเมื่อผู้ป่วยดีขึ ้น รับประทานอาหารธรรมดาได้ จงึ ให้ อาหารธรรมดาที่มีคณ ุ ค่าครบถ้ วน เลือกจัดอาหารที่ผ้ ู
ป่ วยชอบ จัดให้ น่าดู ปรุงให้ รสชาติดี ผู้ดแู ลผู้ป่วยควรให้ ความสนใจ และพยายามที่จะให้ ผ้ ปู ่ วยได้ รับอาหารเพียงพอตามที่
ร่างกายต้ องการเพราะอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ ผ้ ปู ่ วยฟื น้ ตัวจากโรคและเป็ นปกติได้ เร็วที่สดุ
ข้ อควรระวัง
โรคนี ้เป็ นโรคติดต่อ ภาชนะและอุปกรณ์ ในการกินของผู้ป่วยต้ องแยกต่างหาก เมื่อหายแล้ วต้ องฆ่าเชื ้อเครื่ องใช้ ในการ
กินทังหมด
้ (ต้ มในน้ำให้ เดือดสักครู่ )
4. ไขมัน
ผู้ป่วยโรคตับแข็งมีปัญหาด้ านการย่อยและดูดซึมไขมันทัว่ ไปในอาหาร ดังนันอาจลดไขมั
้ นที่ใช้ ตามปกติใน
อาหาร และทดแทนด้ วย น้ำมันเอ็มซีที (MCT oil: medium chained fatty acid) คือ น้ำมันที่มีกรดไขมันที่มีโมเลกุล
ยาวปานกลาง เนื่องจากไม่ต้องการน้ำดีในการย่อย สามารถดูดซึมเข้ าสูต่ บั ได้ โดยตรง
5. วิตามิน
ผู้ป่วยมีปัญหาด้ านการย่อย การดูดซึม และการเก็บวิตามินหลายชนิดในตับ ดังนัน้ วิตามินที่ได้ รับจากอาหาร
อาจไม่เพียงพอ จำเป็ นที่แพทย์ต้องสัง่ เสริ มทัง้ วิตามินที่ละลายในไขมัน (A, D, E, K) และวิตามินที่ละลายน้ำ คือ B1, B2,
B6, B12 และกรดโฟลิก
สาเหตุของโรคมะเร็งตับ
การติดเชื ้อไวรัสตับอักเสบบีเป็ นปั จจัยเสี่ยงที่สำคัญ ผู้ป่วยมักไม่ทราบถึงปั จจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ จึงไม่มีการ
ตรวจคัดกรองเพื่อสามารถตรวจพบโรคมะเร็งตับได้ ในระยะเริ่ มต้ น ปั จจุบนั ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับสามารถรักษาให้ หายขาดได้
หากมีการตรวจพบตังแต่ ้ ระยะแรก หากไม่ได้ รับการรักษา การลุกลามมากแล้ ว ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งตับให้ หายขาด
ได้
อาการ
ผู้ที่ป่วยเป็ นมะเร็งตับมีอาการเหมือนกับมะเร็งระบบอื่นๆ อาการคือ น้ำหนักลดเบื่ออาหารจุกเสียดแน่นท้ อง ปวดท้ อง
ตลอดเวลา ท้ องบวมขึ ้น หายใจลำบากตัวเหลือง ตาเหลือง คลำได้ ก้อนที่บริ เวณตับ อาการผู้ป่วยทรุดลงอย่างรวดเร็ว
อาหารบำบัดโรคมะเร็งตับ
อาหารบำบัดโรคมะเร็งตับ
ผู้ป่วยมะเร็งตับจำเป็ นต้ องได้ รับความใส่ใจดูแลเป็ นพิเศษ เพราะอาการของโรคอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เสมอ อาการ
ที่พบบ่อย คือ ท้ องอืด เนื่องจากตับเป็ นอวัยวะในการผลิตน้ำดีเพื่อทำการช่วยย่อยไขมัน และตับอยู่ใกล้ ชิดกับบริ เวณลำไส้
จึงอาจส่งผลกระทบต่อระบบการย่อยอาหารได้ ง่าย นอกจากอาการทางระบบย่อยอาหารแล้ ว ยังอาจส่งผลต่อการรับรส
อาหารที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของสมองและระบบประสาท ดังนันอาหารจึ ้ งเป็ นสิ่งสำคัญในการดูแล
ผู้ป่วยให้ มีคณ
ุ ภาพชีวิตที่ดี และอยู่อย่างมีความสุข
1. โปรตีน ช่วงแรกของการเกิดโรคผู้ป่วยควรได้ รับโปรตีนเพิ่มขึ ้นเป็ น 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อให้
ร่างกายมีโปรตีนเพียงพอที่จะไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึง่ โปรตีนควรได้ รับจากเนื ้อปลา ไข่ไก่ เป็ นต้ น ในผู้ป่วย
มะเร็งตับหากมีอาการบวมน้ำที่มีสาเหตุมาจากการมีโปรตีนอัลบูมิน (albumin) ต่ำ ควรได้ รับการเสริ มอาหารประเภท
โปรตีนโดยเฉพาะไข่ขาว เพราะในไข่ขาวจะมีโปรตีนอัลบูมินอยู่สงู คุณสมบัติของโปรตีนนี ้จะช่วยอุ้มน้ำ ดังนันจึ
้ งสามารถ
ทำให้ อาการบวมน้ำดีขึ ้นได้ อาจรับประทานไข่ขาวลวกวันละ 2 ฟอง เพื่อเพิ่มอัลบูมินแก่ร่างกาย
ในบางกรณีผ้ ปู ่ วยมีอาการทางระบบประสาทที่เป็ นสาเหตุมาจากตับ ได้ แก่ มึนงง เบลอ การควบคุมตนเองผิด
ปกติอาจถึงขันชั
้ กได้ การรับประทานโปรตีนจะได้ รับในปริ มาณมากไม่ได้ ควรต้ องได้ รับการดูแลและควบคุมโปรตีนเป็ น
พิเศษ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อได้ รับคำวินิจฉัยที่ถกู ต้ องเพื่อการดูแลตนเองที่ถกู ต้ อง
2. คาร์ โบไฮเดรต สารอาหารชนิดนี ้สามารถรับประทานได้ ตามปกติ โดยควรได้ รับคาร์ โบไฮเดรต 55-60% ของ
พลังงานที่ร่างกายต้ องการในแต่ละวัน หรืออาจจะเพิ่มได้ ในรายที่ไม่ เป็ นโรคเบาหวาน รับประทานคาร์ โบไฮเดรต
ประเภทข้ าว และในรูปแบบของน้ำหวาน ไม่ควรบริ โภคธัญพืชผักใบเขียวในปริ มาณที่มากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้
ระบบทางเดินอาหารทำงานมากขึ ้นและเกิดอาการแน่นท้ องมากขึ ้นได้ ผู้ป่วยควรได้ รับพลังงานที่เพียงพอ เพื่อป้องกัน
การเกิดภาวะทุพโภชนาการ ทำให้ น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว แล้ วร่างกายดึงโปรตีนมาใช้ ทำให้ กล้ ามเนื ้ออ่อนแรง ซึง่
หากเกิดภาวะดังกล่าวจะทำให้ ผ้ ปู ่ วยเกิดภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื ้อได้ ง่าย และอาจเกิดโรคแทรกซ้ อน
3. ไขมัน ผู้ป่วยควรระวังการบริ โภคไขมันเป็ นพิเศษเพราะเมื่อมะเร็งเกิดขึ ้นที่ตบั ทำให้ การสร้ างน้ำดีอาจจะมี
น้ อยลงหากรับประทานไขมันในปริ มาณสูงเข้ าไป ไขมันจะย่อยยากหรื อไม่สามารถย่อยได้ ทำให้ เกิดภาวะถ่ายเป็ นหยดไข
มัน แน่นท้ อง ท้ องอืด จากการที่มีไขมันคัง่ ค้ าง จุลินทรี ย์ในลำไส้ จะเปลี่ยนไขมันเป็ นแก๊ ส ทำให้ เกิดแก๊ สในทางเดินอาหาร
จึงเป็ นสาเหตุของอาการท้ องอืด แน่นท้ อง ในบางกรณีแพทย์ มักจะให้ ใช้ ไขมัน คือ MCT ให้ ผ้ ูป่วยทดแทนไขมัน
ปกติ โดยแพทย์หรื อนักกำหนดอาหารจะเป็ นผู้สงั่ ให้ รับประทานในรูปแบบอาหารทางการแพทย์
การจัดอาหาร
ผู้ป่วยมะเร็งตับบางครัง้ อาจมีการย่อยอาหารยาก แน่นท้ อง ท้ องอืดได้ ง่าย ทำให้ ไม่สามารถรับประทานอาหารใน
ปริ มาณเท่ากับคนปกติ ดังนันควรจั
้ ดอาหารให้ ผ้ ูป่วย โดยกระจายมือ้ อาหารจากปกติ 3 มือ้ เป็ น 5-6 มือ้ เช่น จาก
เดิมรับประทานอาหาร 3 มื ้อ เช้ า กลางวัน เย็น ก็เพิม่ เป็ น เช้ า ว่างเช้ า กลางวัน ว่างบ่าย เย็น ก่อนนอน นอกจากผู้ป่วย
มะเร็งตับต้ องได้ รับอาหารให้ พอเพียงกับความต้ องการของร่างกาย แล้ วยังต้ องปราศจากสิ่งปนเปื อ้ น เพราะหากได้ รับสิ่ง
ปนเปื อ้ นจะทำให้ ตบั ต้ องทำงานในการกำจัดสารพิษมากขึ ้น อีกทังผู ้ ้ ป่วยมะเร็งตับจะมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ
ร่างกายเกิดขึ ้นบ่อย ดังนันควรได้
้ รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ ชิด
ผู้ป่วยมะเร็งตับจำเป็ นต้ องได้ รับความใส่ใจดูแลเป็ นพิเศษ เพราะอาการของโรคอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เสมอ อาการ
ที่พบบ่อย คือ ท้ องอืด เนื่องจากตับเป็ นอวัยวะในการผลิตน้ำดีเพื่อทำการช่วยย่อยไขมัน และตับอยู่ใกล้ ชิดกับบริ เวณลำไส้
จึงอาจส่งผลกระทบต่อระบบการย่อยอาหารได้ ง่าย นอกจากอาการทางระบบย่อยอาหารแล้ ว ยังอาจส่งผลต่อการรับรส
อาหารที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของสมองและระบบประสาท ดังนันอาหารจึ ้ งเป็ นสิ่งสำคัญในการดูแล
ผู้ป่วยให้ มีคณ
ุ ภาพชีวิตที่ดี และอยู่อย่างมีความสุข