Professional Documents
Culture Documents
59) 1
16 Nov 2019
2. จานวนเต็มบวก 𝑛>2 ที่นอ้ ยที่สดุ ที่หารด้วย 18 และ 24 แล้วเหลือเศษ 2 มีคา่ อยูใ่ นช่วงใดต่อไปนี ้
1. [73, 77] 2. [78, 82] 3. [83, 87]
4. [88, 92] 5. [93, 97]
𝜋
3. กาหนดให้ 𝐴, 𝐵 ∈ (0, )
2
ถ้า tan 𝐴 = 2 และ tan 𝐵 = 3 แล้ว 𝐴 + 𝐵 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 𝜋4 2. 𝜋
3
3. 3𝜋
4
4. 4𝜋3
5. 5𝜋4
2 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59)
4. ถ้า 𝑎⃑ = 2𝑖⃑ − 𝑗⃑ + 𝑘⃑⃑ และ 𝑏⃑⃑ × 𝑐⃑ = 3𝑖⃑ + 2𝑗⃑ − 𝑘⃑⃑ แล้ว (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ (𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑ + 𝑐⃑) เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. −3 2. −2 3. 2
4. 3 5. 2√21
(3+2𝑛)13 (5+𝑛)2
10. ถ้าลาดับ 𝑎𝑛 = (1−2𝑛)15
แล้ว nlim
𝑎𝑛 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1 1 1
1. −1 2. −2 3. −4 4. 0 5. 2
ตอนที่ 2 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบทีถ่ กู ที่สดุ จานวน 20 ข้อ ข้อละ 4 คะแนน รวม 80 คะแนน
𝑧̅ −1
11. ถ้า 𝑧 เป็ นจานวนเชิงซ้อน ซึง่ สอดคล้องกับสมการ 𝑧+|
𝑧−1
| = −3 + 2𝑖
แล้ว |𝑧| มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 3 2. √10 3. √13
4. 2√5 5. 4
14. ไฮเพอร์โบลารูปหนึง่ มีโฟกัสอยูท่ จี่ ดุ (−7, 1) และ (5, 1) ถ้าเส้นกากับเส้นหนึง่ ของไฮเพอร์โบลานี ้ ขนานกับ
เส้นตรง √2𝑥 − 𝑦 + 5 = 0 แล้วสมการของไฮเพอร์โบลาคือข้อใดต่อไปนี ้
(𝑥+1)2 (𝑦−1)2 (𝑥+1)2 (𝑦−1)2 (𝑥−1)2 (𝑦+1)2
1. 24
−
12
=1 2. 12
−
24
=1 3. 12
−
24
=1
(𝑦−1)2 (𝑦+1)2
4. (𝑥 + 1)2 −
2
=1 5. (𝑥 − 1)2 −
2
=1
2. 24 ตารางหน่วย
3. 28 ตารางหน่วย
4. 28√2 ตารางหน่วย A 8 D
5. 28√3 ตารางหน่วย
6 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59)
16. กาหนดให้ 𝑎, 𝑏 เป็ นจานวนจริง ถ้า 𝑣̅ = (sin 80° + sin 20°)𝑖⃗ + 𝑎𝑗⃗ + 𝑏𝑘⃑⃗
และ |𝑣̅ × 𝑖⃗| = sin 70° + sin 10° แล้ว |𝑣̅ |2 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 1 2. 3 3. 5 4. 6 5. 7
𝑎 2 1 𝑥 3
18. กาหนดระบบสมการ 𝐴𝑋 = 𝐵 เมื่อ
𝐴 = [𝑏 0 −1] , 𝑋 = [𝑦] และ 𝐵 = [ 3 ]
𝑐 2 −2 𝑧 −4
𝑎 2 1 3 1 2 1 3
ถ้า [𝑏 0 −1 3 ] ~ [0 1 0 −3] แล้ว det(𝐴) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
𝑐 2 −2 −4 0 0 1 5
1. −8 2. −4 3. −1 4. 4 5. 8
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59) 7
20. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 }
จานวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึง่ 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมาชิก 2 ตัว เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96
1. 6 2. 10
X
3. 12 4. 16 0 1 3
𝑦 = 𝑓(𝑥)
5. 32
24. ถ้า 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนาม และกราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดกับกราฟของ 𝑦 = 3𝑥 − 4 ที่ 𝑥=2 และ 𝑥=5
5
แล้ว (2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥 2 − 1)𝑓 ′ (𝑥)) 𝑑𝑥 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
2
211
26. กาหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎𝑛 , … เป็ นอนุกรมเรขาคณิต ถ้า 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 = 9
11
และ 𝑎𝑖 = 27 แล้วจานวนจริง 𝑥 ซึง่ ทาให้ |𝑎𝑖 − 𝑥| มีคา่ น้อยที่สดุ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
i 1 i 1
64 16 32 64
1. 81
2. 1 3. 9
4. 27
5. 27
27. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนามดีกรีสาม ซึง่ มีคา่ วิกฤตที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 พิจารณาข้อความต่อไปนี ้
ก. 𝑓 ′′(−4) ∙ 𝑓 ′′(4) < 0
ข. 𝑓(4√3) = 2𝑓(0)
ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 2𝑓(0)
ง. ค่าเฉลีย่ เลขคณิตของ 𝑓(−2) , 𝑓(−1) , 𝑓(0) , 𝑓(1) , 𝑓(2) เท่ากับ 𝑓(0)
จานวนข้อความทีถ่ กู เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 0 (ไม่มีขอ้ ความใดถูก) 2. 1 3. 2
4. 3 5. 4
10 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59)
2 100
28. ถ้า 𝑆 เป็ นเซตของจานวนเต็มบวก 𝑚 ที่ทาให้ 2100 −𝑚
เป็ นจานวนเต็มบวก
แล้วผลบวกของสมาชิกของ 𝑆 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 99(299 ) 2. 100(299) + 1 3. 99(2100 ) + 1
4. 100(2100 ) 5. 101(2101 )
5𝜋 5𝜋 𝑘
cos − 𝑖 sin
29. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, … , 99, 100 } และ 𝐵={𝑘∈𝐴| ( 8
3𝜋
cos − 𝑖 sin
8
3𝜋 ) = 𝑖 } โดยที่ 𝑖 2 = −1
4 4
จานวนสมาชิกของ 𝐵 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 5 2. 7 3. 9 4. 11 5. 13
0 1 𝑎 𝑏
30. กาหนดให้ 𝑆 = { −2 , −1 , 0 , 1 , 2 } 𝐴=[
−1 1
] 𝑊={[ ] | 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ 𝑆}
𝑐 𝑑
ถ้าสุม่ เมทริกซ์จากเซต 𝑊 มา 1 เมทริกซ์แล้วความน่าจะเป็ นที่จะได้เมทริกซ์ 𝐵 ซึง่ 𝐴𝐵 = 𝐵𝐴 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
17 19 21 23 25
1. 625 2. 625 3. 625
4. 625
5. 625
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59) 11
เฉลย
1. 5 7. 2 13. 5 19. 1 25. 3
2. 1 8. 5 14. 2 20. 5 26. 4
3. 3 9. 3 15. 1 21. 1 27. 4
4. 1 10. 3 16. 2 22. 1 28. 3
5. 4 11. 4 17. 1 23. 3 29. 2
6. 5 12. 2 18. 5 24. 4 30. 2
แนวคิด
1. กาหนดให้ 𝑃(𝑥) = 2𝑥 3 + 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏, 𝑐 เป็ นจานวนจริง
ถ้า 𝑥 + 1 , 𝑥 + 2 และ 𝑥 + 3 เป็ นตัวประกอบชอง 𝑃(𝑥) แล้ว 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 12 2. 24 3. 32 4. 40 5. 46
ตอบ 5
𝑃(𝑥) เป็ นพหุนามกาลังสาม ที่มี 𝑥 + 1 , 𝑥 + 2 และ 𝑥 + 3 เป็ นตัวประกอบ
ดังนัน้ 𝑃(𝑥) ต้องอยูใ่ นรูป 𝑘(𝑥 + 1)(𝑥 + 2)(𝑥 + 3) เมื่อ 𝑘 เป็ นจานวนจริง
และจากพจน์กาลังสามของ 𝑃(𝑥) คือ 2𝑥 3 ดังนัน้ 𝑘 = 2 → 𝑃(𝑥) = 2(𝑥 + 1)(𝑥 + 2)(𝑥 + 3)
จะกระจาย 𝑃(𝑥) แล้วเทียบสัมประสิทธิ์ก็ได้ แต่สงั เกตว่าถ้าแทน 𝑥 = 1 ก็จะได้ 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 ได้เหมือนกัน
𝑃(𝑥) = 2𝑥 3 + 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 = 2(𝑥 + 1)(𝑥 + 2)(𝑥 + 3) แทน 𝑥 = 1
2(13 ) + 𝑎(12 ) + 𝑏(1) + 𝑐 = 2(1 + 1)(1 + 2)(1 + 3)
2 + 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 = 48
𝑎 + 𝑏 + 𝑐 = 46
2. จานวนเต็มบวก 𝑛 > 2 ที่นอ้ ยที่สดุ ที่หารด้วย 18 และ 24 แล้วเหลือเศษ 2 มีคา่ อยูใ่ นช่วงใดต่อไปนี ้
1. [73, 77] 2. [78, 82] 3. [83, 87]
4. [88, 92] 5. [93, 97]
ตอบ 1
ต้องหาจานวนที่นอ้ ยที่สดุ ที่หารด้วย 18 และ 24 ลงตัว แล้วเอามาบวก 2 ก็จะทาให้หารแล้วเหลือเศษ 2
จานวนที่นอ้ ยที่สดุ ที่หารด้วย 18 และ 24 ลงตัว = ค.ร.น. ของ 18 และ 24
6 18 24 → จะได้ ค.ร.น. = 6 × 3 × 4 = 72
3 4 → จะได้ 𝑛 = 72 + 2 = 74 อยูใ่ นช่วงของ ข้อ 1. [73, 77]
3. กาหนดให้ 𝐴, 𝐵 ∈ (0, 𝜋2) ถ้า tan 𝐴 = 2 และ tan 𝐵 = 3 แล้ว 𝐴 + 𝐵 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 𝜋4 2. 𝜋3 3. 3𝜋
4
4. 4𝜋3
5. 5𝜋4
ตอบ 3
มี tan 𝐴 = 2 และ tan 𝐵 = 3 → สามารถหา tan(𝐴 + 𝐵) = 1tan 𝐴 + tan 𝐵
− tan 𝐴 tan 𝐵
2+3 5
= 1 − (2)(3) = −5 = −1
และจาก 0 < 𝐴 < 𝜋2
𝜋
0 < 𝐵 < 2
3𝜋
ดังนัน้ 0 < 𝐴+𝐵 < 𝜋 จาก tan(𝐴 + 𝐵) = −1 จะได้ 𝐴+𝐵 = 4
12 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59)
4. ถ้า 𝑎⃑ = 2𝑖⃑ − 𝑗⃑ + 𝑘⃑⃑ และ 𝑏⃑⃑ × 𝑐⃑ = 3𝑖⃑ + 2𝑗⃑ − 𝑘⃑⃑ แล้ว (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ (𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑ + 𝑐⃑) เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. −3 2. −2 3. 2
4. 3 5. 2√21
ตอบ 1
(𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ (𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑ + 𝑐⃑)
กระจาย (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ ในการบวกเวกเตอร์
= (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑎⃑ + (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑏⃑⃑ + (𝑎⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑐⃑
หมุน × และ ∙ ค่าไม่เปลี่ยน
= (𝑎⃑ × 𝑎⃑) ∙ 𝑐⃑ + (𝑐⃑ × 𝑏⃑⃑) ∙ 𝑎⃑ + (𝑐⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑎⃑
𝑢⃑⃑ × 𝑢⃑⃑ = 0̅
= 0̅ ∙ 𝑐⃑ + (𝑐⃑ × 𝑏⃑⃑) ∙ 𝑎⃑ + 0̅ ∙ 𝑎⃑
0̅ ∙ 𝑢
⃑⃑ = 0
= ⃑⃑
(𝑐⃑ × 𝑏) ∙ 𝑎⃑
𝑢
⃑⃑ × 𝑣⃑ = −(𝑣⃑ × 𝑢
⃑⃑)
= −(𝑏⃑⃑ × 𝑐⃑) ∙ 𝑎⃑
= −(3𝑖⃑ + 2𝑗⃑ − 𝑘⃑⃑ ) ∙ (2𝑖⃑ − 𝑗⃑ + 𝑘⃑⃑ )
= −((3)(2) + (2)(−1) + (−1)(1)) = −3
ผลยกกาลัง เป็ น 1 ได้ 3 กรณี คือ ฐาน = 1 , เลขชีก้ าลัง = 0 (เมื่อ ฐาน ≠ 0) , (−1)𝑐 เมื่อ 𝑐 เป็ นเลขคู่
|𝑥 − 2| = 1 𝑥−5 = 0 |𝑥 − 2| = −1
𝑥 − 2 = 1 , −1 𝑥 = 5 ค่าสัมบูรณ์เป็ นลบไม่ได้
𝑥 = 3, 1 (𝑥 = 5 จะได้ฐาน |𝑥 − 2| ≠ 0) ไม่มีคาตอบ
จะได้ผลบวกคาตอบ = 3+1+5 = 9
(3+2𝑛)13 (5+𝑛)2
10. ถ้าลาดับ 𝑎𝑛 = (1−2𝑛)15
แล้ว nlim
𝑎𝑛 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1 1 1
1. −1 2.−2 3. −4 4. 0 5. 2
ตอบ 3
จัดรูป 𝑎𝑛 โดยดึง 𝑛 จากทัง้ เศษและส่วนออกมาตัดกัน
13 2
3 5
(3+2𝑛)13 (5+𝑛)2 (𝑛( + 2)) (𝑛( + 1))
𝑛 𝑛
(1−2𝑛)15
= 15
1
(𝑛( − 2))
𝑛
3 13 5 2
𝑛13 ( + 2) 𝑛2 ( + 1)
𝑛 𝑛
= 1 15
𝑛15 ( − 2)
𝑛
3 13 5 2
( + 2) ( + 1) (0+2)13 (0+1)2 213 1
= 𝑛
1
𝑛
15 → ดังนัน้ nlim
𝑎𝑛 = (0−2)15
= −215
= −4
( − 2)
𝑛
𝑧̅ −1
11. ถ้า 𝑧 เป็ นจานวนเชิงซ้อน ซึง่ สอดคล้องกับสมการ 𝑧+|
𝑧−1
| = −3 + 2𝑖
แล้ว |𝑧| มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 3 2. √10 3. √13
4. 2√5 5. 4
ตอบ 4
𝑧̅ −1
𝑧+| | = −3 + 2𝑖
𝑧−1
̅
สังยุคของจานวนจริง จะได้เท่าเดิม → 1̅ = 1
𝑧̅ −1
𝑧+| | = −3 + 2𝑖
𝑧−1
̅̅̅̅̅̅
ดึงสังยุคออกนอกการลบ
𝑧−1
𝑧+| | = −3 + 2𝑖
𝑧−1
กระจายค่าสัมบูรณ์ในการคูณ
| ̅̅̅̅̅̅
𝑧−1 |
𝑧+ = −3 + 2𝑖
| 𝑧−1 | จากสมมบัติของค่าสัมบูรณ์ จะได้ | ̅̅̅̅̅̅̅
𝑧−1|=|𝑧−1|
𝑧+ 1 = −3 + 2𝑖
𝑧 = −4 + 2𝑖
จะได้ |𝑧| = √(−4)2 + 22 = √20 = 2√5
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59) 15
+ − + + − +
−4 4 −8 −2
กรณีนคี ้ ือ 𝑥 ≥ 0 → จะเหลือคาตอบคือ [4, ∞) กรณีนคี ้ ือ 𝑥<0 → จะได้คาตอบคือ [−8, −2]
รวมสองกรณี จะได้ 𝐵 = [−8, −2] ∪ [4, ∞)
𝐴∩𝐵 = เอา 𝐵 เฉพาะที่อยูใ่ นช่วง [−10, 10] → [−8, −2] จะมี 7 ตัว
→ [4, 10] จะมี 7 ตัว รวม 14 ตัว
14. ไฮเพอร์โบลารูปหนึง่ มีโฟกัสอยูท่ จี่ ดุ (−7, 1) และ (5, 1) ถ้าเส้นกากับเส้นหนึง่ ของไฮเพอร์โบลานี ้ ขนานกับ
เส้นตรง √2𝑥 − 𝑦 + 5 = 0 แล้วสมการของไฮเพอร์โบลาคือข้อใดต่อไปนี ้
(𝑥+1)2 (𝑦−1)2 (𝑥+1)2 (𝑦−1)2 (𝑥−1)2 (𝑦+1)2
1. 24
−
12
=1 2. 12
−
24
=1 3. 12
−
24
=1
(𝑦−1)2 (𝑦+1)2
4. (𝑥 + 1)2 −
2
=1 5. (𝑥 − 1)2 −
2
=1
ตอบ 2
จุดโฟกัสเรียงตัวในแนวนอน → เป็ นไฮเพอร์โบลาแนวนอน ดังรูป
(𝑥−ℎ)2 (𝑦−𝑘)2
จะได้รูปสมการคือ 𝑎2 − 𝑏2
=1 𝐹1 (−7, 1) 𝐹2 (5, 1)
จะได้ระยะโฟกัส 𝑐 = 5−(−7)
2
= 6 แทนในสูตร 𝑐 2 = 𝑎2 + 𝑏 2
62 = 𝑎2 + 𝑏 2 …(1)
(𝑥−ℎ)2 (𝑦−𝑘)2
โจทย์ให้เส้นกากับเส้นหนึง่ ของไฮเพอร์โบลา 𝑎2
− 𝑏2
= 1 ขนานกับเส้นตรง √2𝑥 − 𝑦 + 5 = 0
(𝑥−ℎ)2 (𝑦−𝑘)2 √2𝑥 +5 = 𝑦
จะได้เส้นกากับคือ 𝑎2
− 𝑏2
= 0
(𝑥−ℎ)2 (𝑦−𝑘)2 ความชัน = √2
=
𝑎2 𝑏2
𝑏2
(𝑥 − ℎ)2 = (𝑦 − 𝑘)2
𝑎2
𝑏
± (𝑥 − ℎ) = 𝑦−𝑘
𝑎
𝑏
ความชัน = 𝑎𝑏 , − 𝑎𝑏 → ขนานกัน ความชันจะเท่ากัน → 𝑎
= √2
𝑏 2
= 2
𝑎2
𝑏 = 2𝑎2 …(2)
2
2. 24 ตารางหน่วย
3. 28 ตารางหน่วย
4. 28√2 ตารางหน่วย A 8 D
5. 28√3 ตารางหน่วย
ตอบ 1
ใช้กฎของ cos กับ ∆ABC เพื่อหา BA → ถ้าให้ BA = 𝑥 จะได้ 72 = 𝑥 2 + 52 − 2(𝑥)(5) cos 120°
1
49 = 𝑥 2 + 25 − 10𝑥 (− 2)
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59) 17
0 = 𝑥 2 + 5𝑥 − 24
0 = (𝑥 − 3)(𝑥 + 8)
𝑥 = 3 , −8 (ความยาว เป็ นลบไม่ได้)
ลากเส้นประเพิ่มดังรูป จะได้ EF = BA = 3 C
และจะได้ CB̂E เหลือ 120° − 90° = 30°
CE
ใน ∆CBE จะได้ sin 30° = BC 5
1 CE 7
2
= 5 B 30° E
2.5 = CE
จะได้ CF = CE + EF = 2.5 + 3 = 5.5 3
16. กาหนดให้ 𝑎, 𝑏 เป็ นจานวนจริง ถ้า 𝑣̅ = (sin 80° + sin 20°)𝑖⃗ + 𝑎𝑗⃗ + 𝑏𝑘⃑⃗
และ |𝑣̅ × 𝑖⃗| = sin 70° + sin 10° แล้ว |𝑣̅ |2 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 1 2. 3 3. 5 4. 6 5. 7
ตอบ 2
ใช้สตู ร sin 𝐴 + sin 𝐵 = 2 sin 𝐴+𝐵2
𝐴−𝐵
cos 2 จัดรู ปผลบวกของ sin ในโจทย์ก่อน ดังนี ้
80°+20° 80°−20° 70°+10° 70°−10°
sin 80° + sin 20° = 2 sin 2 cos 2 sin 70° + sin 10° = 2 sin cos
2 2
= 2 sin 50° cos 30° = 2 sin 40° cos 30°
√3 √3
= 2 sin 50° = 2 sin 40° 2
2
= √3 sin 50° = √3 sin 40°
ดังนัน้ 𝑣̅ = (√3 sin 50°)𝑖⃗ + 𝑎𝑗⃗ + 𝑏𝑘⃑⃗ และ |𝑣̅ × 𝑖⃗| = √3 sin 40°
|𝑣̅ ||𝑖⃗| sin 𝜃 = √3 sin 40° |𝑢̅ × 𝑣̅ | = |𝑢̅||𝑣̅ | sin 𝜃
|𝑣̅ | sin 𝜃 = √3 sin 40° 𝑢̅ ∙ 𝑣̅ = |𝑢̅||𝑣̅ | cos 𝜃
|𝑣̅ |2 sin2 𝜃 = 3 sin2 40° …(1)
จะเห็นว่า ถ้ามี |𝑣̅ |2 cos2 𝜃 อีกตัวมาบวก จะดึง |𝑣̅ |2 แล้วใช้สตู ร sin2 𝜃 + cos2 𝜃 = 1 เพื่อหาสิง่ ที่โจทย์ถามได้
ซึง่ เราหา |𝑣̅ |2 cos 2 𝜃 ได้จากการดอท → 𝑣̅ ∙ 𝑖⃗ = |𝑣̅ ||𝑖⃗| cos 𝜃 = |𝑣̅ | cos 𝜃
√3 sin 50° 1
[ 𝑎 ] ∙ [0] = |𝑣̅ | cos 𝜃
𝑏 0
√3 sin 50° = |𝑣̅ | cos 𝜃
3 sin2 50° = |𝑣̅ |2 cos2 𝜃 …(2)
เอา (1) + (2) จะได้ |𝑣̅ |2 sin2 𝜃 + |𝑣̅ |2 cos 2 𝜃 = 3 sin2 40° + 3 sin2 50° โคฟังก์ชนั
|𝑣̅ |2 (sin2 𝜃 + cos2 𝜃) = 3(sin2 40° + cos2 40°)
2 sin2 𝜃 + cos 2 𝜃 = 1
|𝑣̅ | = 3
18 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59)
𝑎 2 1 𝑥 3
18. กาหนดระบบสมการ 𝐴𝑋 = 𝐵 เมื่อ
𝐴 = [𝑏 0 −1] , 𝑋 = [𝑦] และ 𝐵 = [ 3 ]
𝑐 2 −2 𝑧 −4
𝑎 2 1 3 1 2 1 3
ถ้า [𝑏 0 −1 3 ] ~ [0 1 0 −3] แล้ว det(𝐴) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
𝑐 2 −2 −4 0 0 1 5
1. −8 2. −4 3. −1 4. 4 5. 8
ตอบ 5
1 2 1 3 𝑥 + 2𝑦 + 𝑧 = 3 …(1)
แปลง [0 1 0 −3] กลับเป็ นระบบสมการ จะได้ 𝑦 = −3 …(2)
0 0 1 5 𝑧 = 5 …(3)
แทน (2), (3) ใน (1) : 𝑥 + 2(−3) + 5 = 3
𝑥 = 4
จะเอา 𝑥, 𝑦, 𝑧 ไปแทนใน แล้วหา 𝑎, 𝑏, 𝑐 ก็ได้ แต่ใช้กฎของเครเมอร์กบั ค่า 𝑥 จะหา det(𝐴) ได้โดยตรง
3 2 1
𝑎 2 1 3 |3 0 −1|
จาก [𝑏 0 −1 3 ] ใช้กฎของเครเมอร์ จะได้ 𝑥 = −4
𝑎
2 −2
2 1
𝑐 2 −2 −4 |𝑏 0 −1|
𝑐 2 −2
0+8+6−0+6+12
4 = det(𝐴)
32
det(𝐴) = 4
= 8
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59) 19
20. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 }
จานวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึง่ 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมาชิก 2 ตัว เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96
ตอบ 5
𝐶 ∩ 𝐵 มีสมาชิก 2 ตัว → แสดงว่า ต้องเลือก 2 ตัวจาก 4 ตัวใน 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 } มาไว้ใน 𝐶
→ เลือกได้ (42) แบบ
และเนื่องจาก 𝐶 ⊂ 𝐴 ดังนัน้ สมาชิกส่วนที่เหลือของ 𝐶 ต้องมาจาก 𝐴 เท่านัน้
ที่เหลือใน 𝐴 คือ 1, 2, 7, 8 มี 4 ตัว → แต่ละตัวเลือก เอา หรือ ไม่เอา ให้ 𝐶 ได้ตวั ละ 2 แบบ
→ เลือกได้ 24 แบบ
ดังนัน้ จานวนแบบของ 𝐶 คือ (42) × 24 = 42∙ 3 × 16 = 96
1. 6 2. 10
X
3. 12 4. 16 0 1 3
𝑦 = 𝑓(𝑥)
5. 32
ตอบ 3
𝑎 , 𝑎≥0
แบ่งการอินทิเกรตเป็ นช่วง เพื่อให้รูเ้ ครือ่ งหมายบวกลบ แล้วใช้สมบัติ |𝑎| = {
−𝑎 , 𝑎<0
ถอดค่าสัมบูรณ์
3 1 3
(|𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 = ( |𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 + (|𝑓(𝑥)| − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥
0 0 1
จากกราฟ ช่วง (0, 1) → 𝑓(𝑥) เป็ นลบ ช่วง (1, 3) → 𝑓(𝑥) เป็ นบวก
ดังนัน้ |𝑓(𝑥)| = −𝑓(𝑥) ดังนัน้ |𝑓(𝑥)| = 𝑓(𝑥)
1 3
= (−𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 + ( 𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥
0 1
1 3
= −2𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 0 𝑑𝑥
0 1
1
24. ถ้า 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนาม และกราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดกับกราฟของ 𝑦 = 3𝑥 − 4 ที่ 𝑥=2 และ 𝑥=5
5
แล้ว (2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥 2 − 1)𝑓 ′ (𝑥)) 𝑑𝑥 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
2
211
26. กาหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎𝑛 , … เป็ นอนุกรมเรขาคณิต ถ้า 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 = 9
11
และ 𝑎𝑖 = 27 แล้วจานวนจริง 𝑥 ซึง่ ทาให้ |𝑎𝑖 − 𝑥| มีคา่ น้อยที่สดุ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
i 1 i 1
64 16 32 64
1. 81
2. 1 3. 9
4. 27
5. 27
ตอบ 4
𝑎1
จากสูตรอนุกรมเรขาคณิตอนันต์ จะได้ 𝑎𝑖 = 1−𝑟
= 27 …(∗)
i 1
และจากสูตรอนุกรมเรขาคณิต จะได้
𝑎1 (1−𝑟 5 ) 211
𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 = =
1−𝑟 9 จาก (∗)
211
27(1 − 𝑟 5 ) =
9
211
1 − 𝑟5 = 243
32 5
243
= 𝑟
2 𝑎1
3
= 𝑟 → แทนใน (∗) จะได้ 1−
2 = 27
3
2
𝑎1 = 27(1 − 3) = 9
11
จากสมบัติของค่ากลางในเรือ่ งสถิติ |𝑎𝑖 − 𝑥| จะมีคา่ น้อยที่สดุ เมือ่ 𝑥 = มัธยฐานของข้อมูล 𝑎1 , 𝑎2 , … , 𝑎11
i 1
𝑁+1 11+1
มีขอ้ มูล 11 ตัว → มัธยฐานอยูต่ วั ที่ 2
=
2
= 6 → มัธยฐาน = 𝑎6
2 5 25 32
ซึง่ จากสูตรลาดับเรขาคณิต 𝑎𝑛 = 𝑎1 𝑟 𝑛−1 จะได้ 𝑎6 = 𝑎1 𝑟 6−1 = 9 (3) = 33
= 27
24 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59)
27. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนามดีกรีสาม ซึง่ มีคา่ วิกฤตที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 พิจารณาข้อความต่อไปนี ้
ก. 𝑓 ′′(−4) ∙ 𝑓 ′′(4) < 0
ข. 𝑓(4√3) = 2𝑓(0)
ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 2𝑓(0)
ง. ค่าเฉลีย่ เลขคณิตของ 𝑓(−2) , 𝑓(−1) , 𝑓(0) , 𝑓(1) , 𝑓(2) เท่ากับ 𝑓(0)
จานวนข้อความทีถ่ กู เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 0 (ไม่มีขอ้ ความใดถูก) 2. 1 3. 2
4. 3 5. 4
ตอบ 4
จาก 𝑓(𝑥) มีดีกรี 3 จะได้ 𝑓 ′(𝑥) มีดีกรี 2
ค่าวิกฤตเกิดที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 ดังนัน้ สมการ 𝑓 ′ (𝑥) = 0 มีคาตอบคือ 4, −4
จะได้ 𝑓 ′(𝑥) ต้องอยูใ่ นรูป 𝑎(𝑥 + 4)(𝑥 − 4)
= 𝑎𝑥 2 − 16𝑎 เมื่อ 𝑎 เป็ นจานวนจริงใดๆ ที่ 𝑎 ≠ 0
𝑎𝑥 3
ดิฟต่อจะได้ 𝑓 ′′ (𝑥) = 2𝑎𝑥 อินทิเกรตจะได้ 𝑓(𝑥) = 3
− 16𝑎𝑥 + 𝑐
ก. 𝑓 ′′ (−4) ∙ 𝑓 ′′ (4) = 2𝑎(−4) ∙ 2𝑎(4) = −64𝑎2 < 0 → ก. ถูก
(เมื่อ 𝑎 ≠ 0 → 𝑎2 จะเป็ นบวกเสมอ)
3
𝑎(4√3) 𝑎(03 )
ข. 𝑓(4√3) = 3
− 16𝑎(4√3) + 𝑐 2𝑓(0) = 2 ( 3
− 16𝑎(0) + 𝑐)
= 64√3𝑎 − 64√3𝑎 + 𝑐 = 2( 𝑐)
= 𝑐 = 2𝑐
จะเห็นว่า 𝑐 ≠ 2𝑐 ดังนัน
้ 𝑓(4√3) ≠ 2𝑓(0) → ข. ผิด
𝑎(−4)3 𝑎(4)3
ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 3
− 16𝑎(−4) + 𝑐 + 3
− 16𝑎(4) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐
เท่ากับ 2𝑓(0) ที่เคยทา
ตัดกันได้ ตัดกันได้
ในข้อ ข. → ค. ถูก
𝑓(−2) + 𝑓(−1) + 𝑓(0) + 𝑓(1) + 𝑓(2)
ง. ค่าเฉลีย่ = 5
𝑎𝑥 3
สังเกตว่า 𝑥 ทุกตัวที่อยูใ่ น 𝑓(𝑥) = 3 − 16𝑎𝑥 + 𝑐 ถูกยกกาลังคี่ (𝑥 3 , 𝑥 1 )
ดังนัน้ 𝑓(𝑘) กับ 𝑓(−𝑘) จะตัดกันได้เสมอ (เหมือนกับ 𝑓(−4) + 𝑓(4) ในข้อ ค.)
𝑎(−2)3 𝑎(2)3
𝑓(−2) + 𝑓(2) = 3
− 16𝑎(−2) + 𝑐 + 3
− 16𝑎(2) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐
𝑎(−1)3 𝑎(1)3
𝑓(−1) + 𝑓(1) = 3
− 16𝑎(−1) + 𝑐 + 3
− 16𝑎(1) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐
𝑎(03 )
และ 𝑓(0) = 3
− 16𝑎(0) + 𝑐 = 𝑐
𝑓(−2)+𝑓(−1)+𝑓(0)+𝑓(1)+𝑓(2) 𝑓(−2)+𝑓(2) + 𝑓(−1)+𝑓(1) + 𝑓(0)
ดังนัน้ 5
= 5
2𝑐 + 2𝑐 + 𝑐 5𝑐
= 5
= 5
= 𝑐 = 𝑓(0) → ง. ถูก
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59) 25
2 100
28. ถ้า 𝑆 เป็ นเซตของจานวนเต็มบวก 𝑚 ที่ทาให้ 2100 −𝑚
เป็ นจานวนเต็มบวก
แล้วผลบวกของสมาชิกของ 𝑆 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 99(299 ) 2. 100(299) + 1 3. 99(2100 ) + 1
4. 100(2100 ) 5. 101(2101 )
ตอบ 3
2100 − 𝑚 ต้องเป็ นตัวประกอบที่เป็ นบวก ของ 2100
ตัวประกอบทีเ่ ป็ นบวกของ 2100 จะมี 20 , 21 , 22 , … , 299 , 2100
ดังนัน้ 2100 − 𝑚 = 20 , 21 , 22 , … , 299 , 2100
𝑚 = 2100 − 20 , 2100 − 21 , 2100 − 22 , … , 2100 − 299 , 2100 − 2100
ใช้ไม่ได้ (𝑚 ต้องเป็ นบวก)
ดังนัน้ ผลบวก 𝑚 = (2100 − 20 ) + (2100 − 21 ) + (2100 − 22 ) + … + (2100 − 299 )
= 100(2100 ) − (20 + 21 + 22 + ⋯ + 299 ) 0, 1, … , 99 มี 100 ตัว
299 (2)−20
= 100(2100 ) − ( 2−1
)
𝑎𝑛 𝑟 − 𝑎1
= 100(2100 ) − (2100 − 1)
อนุกรมเรขาคณิต 𝑆𝑛 = 𝑟−1
= 100(2100 ) − 2100 + 1
= 99(2100 ) +1
5𝜋 5𝜋 𝑘
cos − 𝑖 sin
29. กาหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, … , 99, 100 } และ 𝐵={𝑘∈𝐴| ( 8
3𝜋
cos − 𝑖 sin
8
3𝜋 ) = 𝑖 } โดยที่ 𝑖 2 = −1
4 4
จานวนสมาชิกของ 𝐵 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 5 2. 7 3. 9 4. 11 5. 13
ตอบ 2
จัดรูปให้เป็ นเชิงขัว้ ก่อน sin(−𝜃) = − sin 𝜃
เปลี่ยนให้เครือ่ งหมายตรงกลางเป็ นบวก เปลี่ยนมุมให้ตรงกับมุมของ sin cos(−𝜃) = cos 𝜃
5𝜋 5𝜋 5𝜋 5𝜋 5𝜋 5𝜋 5𝜋
cos 8
− 𝑖 sin 8
= cos 8
+ 𝑖 sin (− 8
) = cos (− 8
)+ 𝑖 sin (− 8
) = cis (− 8
)
3𝜋 3𝜋 3𝜋 3𝜋 3𝜋 3𝜋 3𝜋
cos 4 − 𝑖 sin 4 = cos 4 + 𝑖 sin (− 4 ) = cos (− 4 ) + 𝑖 sin (− 4 ) = cis (− 4 )
5𝜋 5𝜋 5𝜋
cos − 𝑖 sin cis(− ) 5𝜋 3𝜋 −5𝜋 + 6𝜋 𝜋
ดังนัน้ 8
3𝜋
cos − 𝑖 sin
8
3𝜋 = 8
3𝜋 = cis (− 8
− (− 4
)) = cis ( 8
) = cis 8
4 4
cis(− )
4
𝜋 𝑘
แทนในสมการเงื่อนไขของ 𝐵 จะได้ (cis 8 ) = 𝑖 𝑖
𝑘𝜋 𝜋
cis 8
= cis 2
𝑘𝜋 𝜋
8
= 2𝑛𝜋 + 2 ; เมื่อ 𝑛 เป็ นจานวนเต็ม
𝑘 = 16𝑛 + 4
เงื่อนไขของ 𝐵 คือ 𝑘∈𝐴 ดังนัน้ 1 ≤ 16𝑛 + 4 ≤ 100
3 96
− 16 ≤ 𝑛 ≤ 16
−
3
16
≤ 𝑛 ≤ 6 → 𝑛 = 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6 → มีทงั้ หมด 7 จานวน
26 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (ธ.ค. 59)
0 1 𝑎 𝑏
30. กาหนดให้ 𝑆 = { −2 , −1 , 0 , 1 , 2 } 𝐴=[
−1 1
] 𝑊={[ ] | 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ 𝑆}
𝑐 𝑑
ถ้าสุม่ เมทริกซ์จากเซต 𝑊 มา 1 เมทริกซ์ แล้วความน่าจะเป็ นที่จะได้เมทริกซ์ 𝐵 ซึง่ 𝐴𝐵 = 𝐵𝐴 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
17 19 21 23 25
1. 625 2. 625 3. 625
4. 625
5. 625
ตอบ 2
𝑎 𝑏 0 1 𝑎 𝑏 𝑎 𝑏 0 1
ให้ 𝐵=[ ] แทนในเงื่อนไจ 𝐴𝐵 = 𝐵𝐴 จะได้ [ ][
−1 1 𝑐 𝑑
] = [ ][ ]
𝑐 𝑑 𝑐 𝑑 −1 1
𝑐 𝑑 −𝑏 𝑎 + 𝑏
[ ]= [ ]
−𝑎 + 𝑐 −𝑏 + 𝑑 −𝑑 𝑐 + 𝑑
เครดิต
ขอบคุณ ข้อสอบ และเฉลยคาตอบ จาก อ.ปิ๋ ง GTRmath
ขอบคุณ คุณ Chonlakorn Chiewpanich
และ คุณครูเบิรด์ จาก กวดวิชาคณิตศาสตร์ครูเบิรด์ ย่านบางแค 081-8285490
และ คุณ Potae Kitti ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
ขอบคุณ คุณ คณิต มงคลพิทกั ษ์สขุ (นวย) ผูเ้ ขียน Math E-book สาหรับเฉลยข้อ 16.