Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 3
บทที่ 3
การสืบสวนหลังเกิดเหตุระเบิดของผู้กอ่ ความรุนแรง
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
บทเรี ย นการก่ อเหตุระเบิ ด ในรูป แบบต่า งๆ ของผู้ก่ อความรุ นแรงในพื้ น ที่
จังหวัดชายแดนภายใต้
จากการศึ ก ษาและท าการเก็ บ รวบรวมข้ อ มูล รู ปแบบการก่ อ เหตุ ร ะเบิ ด ของกลุ่ ม
ผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทาให้สามารถสรุปเป็นบทเรียนที่ผู้ก่อความรุนแรง
มักจะใช้ก่อเหตุในรูปแบบต่างๆ ได้ดังนี้
๑. ยุทธวิธีการวางระเบิดแบบเร่งด่วน
ยุทธวิธีการวางระเบิด แบบเร่ง ด่วน คือ ยุทธวิธีที่ผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่จัง หวั ด
ชายแดนภาคใต้ ได้มีการพัฒนาขึ้นมาในช่วงปลายปี พ.ศ.๒๕๕๖ ใช้วิธีการนาวัต ถุระเบิด แสวงเครื่อง
ไปวางในพื้นที่สังหาร โดยใช้เวลาไม่นาน (ประมาณไม่เกิน ๓ ชั่วโมง) ก่อนที่เป้า หมายจะเข้า มาใน
พื้นที่สังหาร เพื่อป้องกันการถูกตรวจพบได้ก่อนหากวางไว้เป็นเวลานานๆ และรอเป้า หมายผ่า นมา
โดยมีปัจจัยในการก่อเหตุดังนี้
๑.๑ พฤติกรรมประจาของเป้าหมาย (เส้นทาง เวลา ยานพาหนะ ยุทธวิธี)
๑.๒ ภารกิจเปิดเผย คาดเดาการใช้เส้นทางได้ง่ายหรือเส้นทางบังคับ
๑.๓ แนวร่วมก่อเหตุในพื้นที่
๑.๔ ฝ่ายขานเป้า การเคลื่อนไหวของเป้าหมาย และเส้นทางที่จะใช้เวลาเคลื่อนตัว
๑.๕ ฝ่ายเก็บซ่อน IED (ระเบิดแสวงเครื่อง) และสิ่งที่ใช้ซุกซ่อนที่จะใช้ก่อเหตุ
๑.๖ คนนาไปวางและจุดระเบิด
๑.๗ การลาดตระเวนเส้น ทางของเจ้ า หน้ า ที่ผ่ า นแล้ว ไม่ มีการควบคุม จุด เสี่ย ง
หากต้องย้อนกลับเส้นทางเดิม
๑.๘ บริเวณพื้นที่ข้างทางยากต่อการขุดเจาะ เพื่อฝังระเบิดแสวงเครื่อง
๑.๙ สภาพด้านข้างเส้นทางมีกองวัสดุ วัชพืชปกคลุม หรือสิ่งก่อสร้างถาวร เอื้ออานวย
ต่อการซ่อนพรางระเบิดแสวงเครื่องเพื่อก่อเหตุ กรณีไ ม่มีสิ่ง ที่กล่า วมามักจะใช้วิธีการซุกซ่อนมากับ
ยานพาหนะแล้วนามาจอดทิ้งไว้ มาตรการการตรวจและคุมเส้นทางของเจ้า หน้า ที่ที่เคร่ง ครัด ทาให้
โอกาสในการวางระเบิดแสวงเครื่องล่วงหน้า เป็นเวลานานเพื่อรอก่อเหตุ อาจถูกตรวจพบและเก็บกู้
ทาลายก่อน
ตัวอย่างและรายละเอียดของเหตุการณ์
เหตุล อบวางระเบิด รถยนต์ ของเจ้า หน้า ที่อาสาสมั ค ร เมื่อวั นที่ ๒๔ ก.พ.๒๕๖๐
เหตุเกิดบริเวณพื้นที่ริมถนนสาย ๔๐๗๔ ทุ่งยางแดง-กะลาพอ ม.๓ ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จว.ปัต ตานี
พิกัดทางภูมิศาสตร์ที่ QH ๗๙๐๓๖๑ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัค ร อ.ไม้แก่น จว.ปัต ตานี ขับรถยนต์
๗๔
๔. มีการแบ่งหน้าที่กันทาเป็นฝ่าย
๔.๑ ชุด ตรวจการณ์แ ละขานเป้า หมายที่ผ่า นเข้า มาในเส้น ทางที่ กาหนดเป็ น
เส้นทางก่อเหตุ
๔.๒ ชุ ด ซ่ อนพรางยานพาหนะ วั ต ถุ ระเบิ ด และนามาวาง เมื่อ ได้ รับ แจ้ ง ว่ า
เป้าหมายเคลื่อนที่มาในพื้นที่สังหาร
๔.๓ ชุดจุดระเบิดและก่อเหตุซ้า เพื่อแย่งชิงอาวุธและยิงซ้าเป้าหมายที่รอดชีวิต
๔.๔ ชุดควบคุมสั่งการกาหนดยุทธวิธี
แนวทางการแก้ไข
๑. เมื่อจาเป็นต้องปฏิบัติภารกิจ ในลักษณะนี้ ควรใช้ยุทธวิธี การประสานกองกาลัง
ลาดตระเวนและควบคุมเส้นทาง โดยวางกาลังเป็นช่วงๆ เพื่อควบคุมจุดเสี่ยงและมีอุปกรณ์ตรวจการณ์
จากระยะไกล เพื่อเป็นการป้องกันการวางระเบิดแบบเร่งด่วน
๒. ในเส้นทางที่ปกติ เจ้าหน้าที่มักจะไม่ใช้เป็นเส้นทางสัญจรประจาและไม่มีการวาง
กองกาลังของเจ้าหน้าที่ตลอดเส้นทาง ทาให้เป็นเส้นทางที่ผู้เหตุ มีเสรี ภาพในการเคลื่อนไหว จึง ต้อง
อาศัยงานการข่าวพิสูจน์ทราบ AJAK และ SUPPORT SITE แล้วใช้กาลังเข้าปิดล้อมกดดัน เพื่อจับกุม
หรือสลายกองกาลัง รวมทั้งการ POP UP เพื่อสร้างความหวาดระแวงต่อกองกาลังฝ่ายผู้ ก่อความรุนแรง
และจากัดเสรีภาพการเคลื่อนไหว
๓. กรณีประสานกองกาลังลาดตระเวนและควบคุมเส้นทางไม่ไ ด้ใ ห้ รู้จักการสัง เกต
การจอดยานพาหนะข้างทางในลักษณะผิดปกติและมีพิรุธ โดยเฉพาะในเส้นทางผ่านที่บริเวณโดยรอบ
เป็นพื้นที่ห่างไกลชุมชน ซึ่งเข้าองค์ประกอบเป็นพื้นที่เสี่ยงและจุด ล่อแหลมต่อการก่ อเหตุโดยให้คิด
ย้อนแย้งแบบผู้ก่อการร้ายคือ พื้นที่นั้นสามารถปฏิบัติการได้ สามารถหลบหนีได้โดยง่ายหรือไม่ แล้ วหยุด
รถตรวจการณ์ เพื่อตรวจการณ์โดยละเอียด หากพบข้อพิรุธและสงสัยให้ดาเนินการประสานหน่วยงาน
ที่มีขีดความสามารถโดยตรงมาทาการพิสูจน์ทราบให้พื้นที่ปลอดภัย
๒. การก่อเหตุระเบิดชุดลาดตระเวนเส้นทาง
การก่อเหตุระเบิด โดยวิธีการจุด ระเบิด ด้วยระบบไฟฟ้า ชนิ ด ใช้สายไฟจุด ระเบิ ด
วางข้ามลาน้า ซึ่งก่อเหตุลอบวางระเบิดชุดลาดตระเวนเส้นทาง บริเวณ ต.บ้านแหร อ.ธารโต จว.ยะลา
เมื่อวันที่ ๑ ธ.ค.๒๕๕๔
รายละเอียดของเหตุการณ์
เมื่อวันที่ ๑ ธ.ค.๒๕๕๔ ขณะที่ชุด ปฏิบัติการตามแผนการรักษาความปลอดภัย ครู
ซึ่งแบ่งกาลังออกเป็น ๓ ชุด โดยให้ ๑ ชุด เป็นชุด ที่ใ ช้ยานพาหนะเดินทางร่วมไปกับคณะครู โดยมี
จุดนัดพบในเขตเมือง และจัด อีก ๒ ชุด เป็นชุด ลาดตระเวนเดินเท้า คุ้มครองเส้นทาง จากบริเวณ
ทางแยกถนนสาย ๔๑๐ ไปยั งโรงเรี ยนบ้ า นบั วทอง โดยกลุ่ ม เป้ า หมายในการก่ อ เหตุ ใ นครั้ ง นี้
เป็นชุด ลาดตระเวนเดินเท้า ที่มีฐ านปฏิบัติการตั้ง อยู่หลัง โรงเรียนบ้า นบัวทอง ขณะที่กาลัง ออกไป
ปฏิบัติภารกิจ ลาดตระเวนและคุ้มครองเส้นทาง เมื่อไปถึง จุด เกิด เหตุ ซึ่ง ห่า งจากฐานปฏิบัติการ
ประมาณ ๑ กม. โดยคนร้ายไม่ทราบชื่อและจานวนได้จุดชนวนระเบิด ขณะที่ชุดลาดตระเวนเส้นทาง
เดินผ่านแรงระเบิด ทาให้มีผู้เสียชีวิต ๑ คน เมื่อตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิด แสวงเครื่องใช้ภาชนะ
๗๖
ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จว.ปัตตานี จนมาถึง ที่เกิด เหตุ ซึ่ง ก่อนถึง จุด ที่มีการยิง ปืน นั้น ขณะที่กาลัง จะ
ผ่านตาแหน่งที่คนร้ายลอบวางระเบิด ไว้ ได้มีค นร้า ยไม่ทราบชื่อและจ านวน จุด ระเบิด ที่ซ่อนพราง
ในกระสอบใยสังเคราะห์ซุกซ่อนไว้บริเวณไหล่ทาง ซึ่งคาดว่าต้องเป็นเส้นทางที่เจ้า หน้า ที่จ ะต้องผ่า น
หากใช้รูปขบวนยานยนต์ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รับผิดชอบ ได้สนธิกาลังกัน
เข้ า ท าพื้ น ที่ ใ ห้ ป ลอดภั ย และเก็บ พยานหลั กฐานในที่ เ กิด เหตุ เพื่ อ น าไปสู่ กระบวนการสื บ สวน
หลังเกิดเหตุและหาตัวผู้กระทาผิดต่อไป
ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุพบองค์ประกอบวัตถุระเบิด ดังนี้
๑. ภาชนะบรรจุ เป็น ถัง แก๊ส หุง ต้ม ขนาดบรรจุ ๔ กก. น้ าหนั กรวมส่วนสัง หาร
เมื่อประกอบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ประมาณ ๒๐-๒๕ กก.
๒. จุดระเบิด ด้วยระบบไฟฟ้าบังคับจุดระเบิดจากระยะไกล ด้วยวิทยุสื่อสาร
๓. แหล่งจ่ายพลังงานพบ แบตเตอรี่ขนาด ๑.๕ และ ๙ โวลต์ จานวน ๒ ก้อน
๔. ใช้ดินระเบิดแรงสูงแบบผสมเอง
๕. ส่วนสังหารพบ เหล็กเส้นตัดท่อนขนาด ๔ และ ๖ มม. ความยาวคละขนาดกัน
การวิเคราะห์เหตุการณ์
เป็ น การก่ อ เหตุ ล วงเพื่ อ ก่ อ เหตุ ซ้ าต่ อ เจ้ า หน้ า ที่ ใ นขณะเ ดิ น ทางเข้ า ที่ เ กิ ด เหตุ
แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่ใช้รูปขบวนยานยนต์ในการเข้าที่เกิดเหตุในครั้งแรก ผู้ก่อความรุนแรงจึง จุด ระเบิด
ในขณะที่ ชุ ด จรยุ ท ธ์ ที่ ก าลั ง เข้ า ที่ เ กิ ด เหตุ แ ต่ ค นละฝั่ ง ถนนกั น ท าให้ พ ลาดเป้ า หมายและไม่ มี
ผู้ได้รับบาดเจ็บ
๑. กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงก่อเหตุลวง เพื่อให้เจ้า หน้า ที่ชุด ลาดตระเวนของ ฉก.ทพ.
๔๔๑๐ เข้าพื้นที่สังหาร ซึ่งผู้ก่อความรุนแรงใช้วัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ภาชนะบรรจุถัง แก๊สหุง ต้ม
ขนาดบรรจุ ๔ กก. น้าหนักรวมเมื่อประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ประมาณ ๒๐-๒๕ กก. จุด ชนวน
ระเบิดด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมการจุดระยะไกลด้วยวิทยุสื่อสาร ซุกซ่อนไว้บริเวณป่ารกข้างทาง
๒. มีชุดยิงก่อกวน เพื่อลวงให้เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนออกตรวจสอบพื้นที่
แนวทางการแก้ไข
การตกเป็นเป้าหมาย โดยการสร้างโอกาสด้วยการก่อเหตุลวงเพื่อก่อเหตุซ้าในเส้นทาง
๑. ให้ทบทวนและเน้นย้ามาตรการการเข้าตรวจและควบคุมที่เกิดเหตุของทุกๆ หน่วย
หรือตามสั่งการของผู้บังคับบัญชา พร้อมทั้ง ให้สันนิษ ฐานและประเมินค่า อันตรายแต่ละเหตุ ให้อยู่
ในระดับสูงสุดเสมอ เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้าจากการลวงก่อเหตุหรือการก่อเหตุ และปฏิบัติการโจมตี
ต่อเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนภารกิจที่เกิดเหตุ
๒. จัดชุดลาดตระเวน จุดตรวจ-จุด สกัด และชุด ซุ่มเฝ้า ระวัง รวมทั้ง จ ากัด เสรีภาพ
ในการเคลื่ อนไหวและการพยายามก่ อ เหตุ ต่ อเป้ า หมายที่มี ก ารข่ า วความเคลื่อ นไหวของกลุ่ ม
ผู้ก่อความรุนแรง รวมถึงพื้นที่รอยต่อ
๓. จัดรูปขบวนเคลื่อนที่ใ ห้เหมาะสมตามสถานการณ์ โดยค านึง ถึง ผลที่ผู้ก่อ ความ
รุนแรงกระทาในเบื้องต้น มาประกอบการตัดสินใจในการจัดรูปขบวนเข้าที่เกิดเหตุ
๗๘
๖. การก่อเหตุระเบิดในท่อลอดใต้ผิวถนน
การก่อเหตุระเบิดบริเวณท่อลอดระบายน้าใต้ถนน มีตัวอย่า งเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นคือ
ชุดลาดตระเวนเส้นทางตรวจพบ ระเบิด แบบลากสายบนเส้นทาง บ.บาโงบองอ ต.วัง พญา อ.รามัน
จว.ยะลา เมื่อวันที่ ๑ ก.ค.๒๕๕๕
รายละเอียดของเหตุการณ์
เมื่อวันที่ ๑ ก.ค.๒๕๕๕ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. ชุด เฉพาะกิ จ ยะลา ได้รับแจ้ง
จากแหล่งข่าวว่า มีคนร้ายไม่ทราบจานวน เตรียมที่จะก่อเหตุระเบิดบนถนนสาย บ.อูเป๊า ะ-บ.ซาเมาะ
ต.วังพญา อ.รามัน จว.ยะลา จึงได้สั่งการให้จัดชุดลาดตระเวนออกพิสูจน์ทราบบริเวณเส้นทางดังกล่าว
เมื่อชุดลาดตระเวนทาการลาดตระเวนมาถึง บ.บาโงบองอ ได้สังเกตเห็นหญ้าบริเวณข้า งทางแห้ง ตาย
เป็นทางยาวผิดปกติและพบสายไฟสีเขียว จึงประสานเจ้าหน้าที่ EOD เข้าตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิด
แสวงเครื่อง ใช้ภาชนะบรรจุเป็นถังน้ายาปรับอากาศฝังอยู่บริเวณใต้พื้นผิวถนน น้าหนักรวมประมาณ
๓๐ กก. โดยลากสายไฟฟ้า ออกไปจากถนนเข้า ไปข้า งทางไกลประมาณ ๑๐๐ เมตร ต่อ จากนั้ น
เจ้าหน้าที่ได้ทาการเก็บกู้วัตถุระเบิดได้อย่างปลอดภัย
ข้อพิจารณาเหตุการณ์
๑. บริเวณเส้นทางที่ตรวจพบระเบิดพร้อมใช้งาน ตามแผนการรักษาความปลอดภัย
ครูในพื้นที่ ต.วังพญา อ.รามัน จว.ยะลา เป็นความรับผิด ชอบของเจ้า หน้า ที่ต ารวจ ซึ่ง ปกติรูปแบบ
การรักษาความปลอดภัยที่ใช้คือ การจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยใช้รถจักรยานยนต์ และ
รถยนต์กระบะ ร่วมขบวนไปกับยานพาหนะของคณะครู
๒. การตรวจพบระเบิดพร้อมใช้งานในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นการทาลายความพยายาม
ครั้งสาคัญอีกครั้งหนึ่ง ต้องชมเชยแหล่งข่าวของชุดเฉพาะกิจยะลาที่ให้ข่าวได้อย่างแม่นยา
๓. อย่างไรก็ตาม การทาเส้นทางให้ปลอดภัยของหน่วยรับผิด ชอบเส้นทาง คงต้อง
พึ่งตนเองเป็นหลัก ด้วยการวิเคราะห์ภูมิประเทศ วิเคราะห์เส้นทางให้ละเอียด กาหนดพื้นที่เสี่ยง
ให้ครบองค์ประกอบของการก่อเหตุ และกาหนดมาตรการในการคุ้มครองความเสี่ยงให้ชัดเจนว่า จะให้
ชุดปฏิบัติการเส้นทางลาดตระเวนทาอะไร น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่ทาให้เส้นทางปลอดภัย
หลักการวางแผนในการท้าท่อลอดให้ปลอดภัย
๑. ท่อลอดที่ มักใช้เป็ นต าบลวางระเบิ ด มักอยู่ไ ม่ ไ กลจากหมู่บ้ า นที่ มีโครงสร้า ง
มวลชน และอยู่บนเส้นทางที่ฝ่ายเราไม่ได้มีการเฝ้าตรวจหรือเข้าไปเคลื่อนไหวบ่อยๆ
๒. ท่อลอดเป็นจุด เสี่ยงที่กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงอาจใช้เป็นสถานที่ ลอบวางระเบิด
การทาพื้นที่บริเวณท่อลอดให้ปลอดภัยของหน่วยที่รับผิด ชอบเส้นทาง จะต้องมีมาตรการป้องกัน
การเกาะติด การควบคุมสถานที่ที่อาจใช้ใ นการชี้เป้า การควบคุมต าบลจุด ระเบิด และใช้การตรวจ
ณ บริเวณท่อลอดเป็นมาตรการสุดท้าย
๓. การตรวจบริเวณท่อลอดโดยใช้คนเข้าไปก้มมองหรือมุดเข้า ไปดู เป็นอันตรายต่อ
ผู้ปฏิบัติอย่างยิ่ง ยุทธวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดคือ การสัง เกตสภาพแวดล้อมที่ผิด ปกติ บริเวณ
ปากท่อลอด การตรวจหาสายไฟโดยใช้ เครื่องมือช่ วย การใช้ กับดั ก เช่น โปรยเศษแก้ว สัง กะสี
แผงตะปูดักเหยียบไว้ในท่อ
๘๓
ข้อพิจารณาจากเหตุการณ์
๑. ก่อนเกิดเหตุลอบวางระเบิดในครั้งนี้ เมื่อต้นเดือน มี.ค.๒๕๕๕ ได้เกิด เหตุระเบิด
ร้า นก๋ วยเตี๋ ย วในเขตเทศบาลรื อ เสาะ จว.นราธิ ว าส โดยที่ ชุด เฉพาะกิ จ นราธิ ว าส ๓๐ ได้ เ พิ่ ม
ประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย ในเขตเมือง ด้วยการจัด ทหารเข้า ไปตั้ง จุด ตรวจ-จุด สกัด
มากขึ้น และเพิ่มความเข้มในการตรวจจุดเฝ้าระวังมากขึ้น จึงทาให้ขณะที่ชุด เฉพาะกิจ นราธิวาส ๓๐
เดินทางกลับฐานที่ตั้งในคราวนี้ ตัดสินใจที่จะใช้เส้นทางรอง ซึ่งไม่ได้มีการทาให้ถนนมีค วามปลอดภัย
ไม่มีกาลังคุ้มครองเส้นทาง และจากัดความเคลื่อนไหวของผู้ก่อความรุนแรง ถึง แม้จ ะให้ ยานพาหนะ
ทั้ง ๒ คั น มีการดับไฟหน้า แต่ค วามเร็ วของรถไปได้ช้า อีกทั้ง เป็น คืนวั นเพ็ญ พระจันทร์ เต็มดวง
แสงสว่า งระยะทางสายตาประมาณ ๖๐ เมตร ทาให้ผู้ก่ อเหตุ สามารถตรวจการณ์ การเคลื่อนที่ของ
ยานพาหนะจากจุดที่วางตัวจุดระเบิดได้
๒. การวางสายไฟลอดใต้ทางรถไฟ ผู้กอ่เหตุใช้สายไฟสีเทากลมกลืนกับสีของหมอน
รองรางรถไฟ ทาให้ยากต่อการตรวจพบ ดังนั้นจะต้องมีการตรวจโดยละเอียดก่อนที่จะใช้เส้นทาง
บทเรียนจากเหตุการณ์
๑. การใช้ยานพาหนะในการเดินทางในพื้นที่ใ นยามวิกาล ย่อมมีค วามเสี่ยงเสมอ
หากจาเป็นต้องใช้ควรใช้เส้นทางหลัก ใช้ความระมัดระวัง และมีการหยุดตรวจพื้นที่เสี่ยงก่อนใช้รถวิ่ง
ผ่านเสมอ
๒. ชุดรักษาความปลอดภัยเส้นทางรถไฟ ต้องรู้จักประเมินภัยคุกคามที่คนร้า ย มักใช้
แนวถนนเลียบทางรถไฟเป็นพื้นที่ก่อเหตุ แล้วลากสายไฟลอดใต้รางรถไฟ โดยต้องมีการกาหนดพื้นที่
เสี่ยงบนถนนแล้วตรวจพื้นที่โดยรอบรางรถไฟให้ละเอียด โดยเฉพาะสายไฟก็จะเป็นการช่วยทาให้ถนน
ปลอดภัยมากขึ้น
๓. ควรหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ต้นแบบ (ไชยปราการ) ในเส้นทางที่ไ ม่มีมาตรการ
การทาเส้นทางให้ปลอดภัย เพราะรถประเภทดัง กล่า วไม่แตกต่า งจากรถจักรยานยนต์ เพียงบรรทุก
กาลังได้มากกว่าและมีความเร็วมากกว่าเท่านั้น
๘. ระเบิดขว้างแบบแสวงเครื่อง
ระเบิ ด แสวงเครื่อ ง เป็น อีก พัฒนาการหนึ่ ง ของผู้ก่ อความรุน แรงในพื้ นที่จั ง หวั ด
ชายแดนภาคใต้ ซึ่งพบว่ามีการนามาใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๕๕๑ มีวิธีการผลิตโดยใช้ค วามรู้ด้า นวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ นามาปรับประยุกต์ใ ห้เป็นวงจรจุด ระเบิด แบบนับเวลาถอยหลัง หลักการคล้า ยกับ
การทางานของระเบิดขว้างมาตรฐาน เพื่อใช้ทดแทนระเบิดขว้างมาตรฐาน เป็นการเพิ่มอานาจกาลังรบ
ในการใช้เป็นวัตถุระเบิดขนาดเล็กที่สามารถพกพาติดตัวไปกับกาลัง รบของผู้ก่อความรุนแรง ในการ
ใช้โจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่หรืออยู่กับที่ที่เป็นบุคคลหรือกลุ่มเล็กๆ สร้างความบาดเจ็บ สูญเสีย หรือใช้ใน
การทาลายขวัญในการเข้าตีที่ตั้ง การโจมตีโฉบฉวย หรือใช้สกัดกั้นการติดตามกรณีถอนตัว
ตัวอย่างและรายละเอียดของเหตุการณ์
เหตุคนร้ายใช้ระเบิดขว้างชนิดแสวงเครื่อง (กระทาต่อเป้าหมายอ่อนแอ ลดความเชื่อถือ
ฝ่ายรัฐ) เมื่อวันที่ ๒๙ มิ.ย.๒๕๕๙ เวลาประมาณ ๒๑.๐๗ น. มีคนร้ายไม่ทราบชื่อจานวน ๒ คน ขับขี่
รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและไม่ติด ป้า ยทะเบียน ขว้า งลูกระเบิด ขว้า งชนิด แสวงเครื่องไปยั ง
หน้าร้านขายของชาเลขที่ ๑๕๐ ริมถนนสาย ๔๒ ฝั่งขาเข้าปัตตานี ม. ๒ ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จว.นราธิวาส
๘๕
กระบวนการสืบสวนหลังเกิดเหตุระเบิด
การรักษาที่เกิดเหตุระเบิด
ปัญหาของการตรวจสถานที่เกิด เหตุเกี่ยวกับเหตุระเบิด ที่พบมากที่สุด ในปัจ จุบัน คือ
ร่องรอยพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทาลาย หรือก่อนที่เจ้าหน้าที่รับผิดชอบจะไปถึง ที่เกิด เหตุ หรือ
ที่เกิด เหตุถูก เพิ่มร่อ งรอยพยานหลักฐาน จนทาให้สั บสนแก่การทางานของเจ้า หน้า ที่ผู้เกี่ ยวข้อ ง
ซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้น เพราะความไม่รู้ ความตื่นเต้น รวมทั้งคาสั่ง ที่สับสน โดยปกติแล้วเจ้า หน้า ที่ต ารวจ
ในพื้นที่ทุกระดับชั้น รวมถึง สื่อมวลชน มักจะเข้าที่เกิดเหตุก่อน และโดยหน้า ที่แล้วเจ้า หน้า ที่ต ารวจ
ในพื้น ที่ก็ พยายามรัก ษาที่เ กิด เหตุไ ว้ใ ห้ค งสภาพเดิม แต่ใ นบางครั้ ง ผู้ บัง คับ บัญ ชาในพื้น ที่ และ
สื่อมวลชน อาจจะเป็นผู้เข้าไปทาลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
เพื่อเป็นการป้องกันพยานหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุให้ปฏิบัติดังนี้
๑. กาหนดบริเวณรอบนอกของที่เกิดเหตุ
๒. ปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ
๓. ปิดล้อมบริเวณรอบนอกที่เกิดเหตุ
๔. เก็บหลักฐานโดยเริ่มจากจุดที่เกิดเหตุออกไปรอบข้าง
๕. แบ่งสถานที่เกิดเหตุออกเป็นส่วนๆ โดยใช้เชือกเส้นใหญ่ หรือเล็กก็ไ ด้ ลากเส้นแบ่ง
หรือใช้เครื่องหมายอื่นๆ
๘๙
๒.๒ ตรวจสอบเส้นทางการไปปฏิบัติงาน
๒.๓ จัดเตรียมเครือ่ งมือและอุปกรณ์ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และเครื่องมือเก็บ
กู้วัตถุระเบิด
๒.๔ จัดเตรียมวิทยุสื่อสาร
๒.๕ จัดเตรียมชุดคุ้มกัน เจ้าหน้าที่ EOD
๓. ถึงสถานที่เกิดเหตุ (Arrival Drills)
๓.๑ ชุด เก็บกู้วั ต ถุร ะเบิด (EOD) รายงานตั วที่จุด ควบคุ มเหตุการณ์ (ICP) และ
รายงานตัวกับ ผบ.เหตุการณ์ เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุ
๓.๒ ตรวจสอบความปลอดภัยของทีม โดยให้พิจารณาจาก
๓.๒.๑ ผลการระเบิ ด วั ต ถุ ระเบิ ด ลู กที่ ๒ ลู กที่ ๓ (Second Bomb Third
Bomb) และซากปรักหักพัง หรือเศษซากจากการระเบิดไม่หมด
๓.๒.๒ ทาการตรวจสอบพื้นที่สาหรับตั้ง ICP รวมถึงพิจารณาถึงพื้นที่ใช้งานมาก่อน
๓.๒.๓ พิจารณาว่าพื้นที่สาหรับตั้ง ICP ต้องไม่เป็นจุดเล็งหรือจุดล่อแหลม สาหรับ
การลอบวางระเบิดหรือลอบยิงหรือไม่
๓.๒.๔ อาจพิจารณาใช้อาคารเป็นที่กาบัง
๓.๓ ตรวจสอบความปลอดภัยของทีมอื่นโดยพิจารณาและร้องขอต่อ ผบ.เหตุการณ์
๓.๓.๑ เส้นทางการอพยพ (Evacuation)
๓.๓.๒ การปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ (Cordon)
๓.๓.๓ ตรวจสอบวัตถุอันตรายต่างๆ ในลาดับที่ ๒ (Secondary Hazards)
๓.๓.๔ ตรวจสอบรถฉุกเฉินเช่น รถพยาบาล รถดับเพลิง (Emergency Service)
๓.๔ ที่จุด ICP (Incident Control Point) ให้พิจารณาดังนี้
๓.๔.๑ การติดต่อสื่อสารระหว่าง ผบ.เหตุการณ์
๓.๔.๒ ตรวจสอบพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์
๓.๔.๓ การรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์และเครื่องมือ
๓.๔.๔ สื่อมวลชน
๓.๔.๕ การเปิดเผยเจ้าหน้าที่ EOD เท่าที่จาเป็น
๔. การตั้งคาถาม (Questioning)
๔.๑ ถามแบบเป็นมิตร
๔.๒ แยกกันสอบถามเหตุการณ์
๔.๓ ให้ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าด้วยตนเอง ฟังแล้วถาม
๔.๔ วาดแผนที่เกิดเหตุ
๔.๕ จดบันทึกรายละเอียด
๕. การประเมินสถานการณ์ (Evaluation Options)
๕.๑ ชั้นเข้าหา ให้ดาเนินการดังนี้
๕.๑.๑ พิจารณาการใช้เครื่องป้องกันการจุด ระเบิด ด้วยคลื่นความถี่วิทยุและ
โทรศัพท์
๙๑
๓.๕ จาแนกประเภทพยานหลักฐานที่รวบรวมมาได้
๓.๖ ดูแลและควบคุมพยานหลักฐานที่รวบรวมได้
๓.๗ การประสานงานกับหัวหน้าชุดและเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ในส่วนที่เกี่ยวกับ
สถานภาพของที่เกิดเหตุ
๓.๘ ก่อนที่จะออกจากที่เกิดเหตุ ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานที่พบ โดยการทบทวน
รายการต่างๆ ที่ระบุในบัญชีคุมพยานหลักฐาน
๓.๙ บันทึกลาดับชั้นการควบคุม และจัดสถานที่ชั่วคราวเพื่อเก็บพยานหลักฐาน
๓.๑๐ เตรี ยมคาร้อง เพื่อขอให้มี การวิเ คราะห์ หลั กฐานในห้อ งปฏิบั ติการ และ
ดาเนินการส่งพยานหลักฐานไปยังห้องปฏิบัติการ
๔. เจ้าหน้าที่ร่างแผนผัง (Schematic Artist)
๔.๑ ทาหน้าที่คัดเลือกและรวบรวมเครื่องมือเครื่องใช้
๔.๒ ร่างแผนผังบริเวณที่ได้รับความเสียหายมาก
๔.๓ ร่างแผนผังบริเวณที่ได้รับความเสียหายทั่วไปของที่เกิดเหตุ
๔.๔ ระบุชี้พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุและบันทึกต าแหน่ง ที่พบ ให้หมายเลข
กากับพยานหลักฐานแต่ละชิ้นที่พบในแผนผังการควบคุมพยานหลักฐาน
๔.๕ แสดงการวัดขนาดต่างๆ เช่น สูง ยาว และกว้าง
๔.๖ ร่างแผนผังของสถานที่ก่อนเกิดเหตุ โดยอาศัยการจินตนาการบนพื้นฐานความ
เข้าใจจากการสังเกตการณ์ เช่น เฟอร์นิเจอร์จัดอย่างไร หรือโครงสร้างเป็นอย่างไร
๔.๗ จัดเตรียมคาอธิบายกากับในแผนผัง
๔.๘ ทาบัญชีพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ และประสานกับเจ้าหน้า ที่พยานหลักฐาน
เพื่อให้แน่ใจว่ามีการบันทึกพยานหลักฐานทุกชิ้นในแผนผังควบคุม
๔.๙ ทาเครื่องหมายหรือหมายเลขกากับ เพื่อระบุชี้แผนผัง ควบคุมพยานหลักฐาน
และแผนผังอื่นๆ ให้เหมาะสมเพื่อการนาเสนอในชั้นศาล
๔.๑๐ การประสานงานกั บ หั ว หน้ า ชุ ด และเจ้ า หน้ า ที่ อื่ น ๆ ในส่ ว นที่ เ กี่ ย วกั บ
สถานภาพของงานร่างแผนผัง
๕. หน่วยงานสืบสวนสอบสวนพื้นที่ฉุกเฉินที่ได้รับความเสียหายมาก (Immediate Area
Investigation Unit)
๕.๑ ท าหน้ า ที่ คั ด เลือ กและรวบรวมอุ ปกรณ์ เครื่ องมือ เครื่ องใช้ใ นการสื บสวน
สอบสวน
๕.๒ ซักถามเจ้าหน้าที่ใ นท้องถิ่น เจ้า หน้า ที่ดับเพลิง และพยานบุค คลที่เป็นไปได้
ทั้งหมดในสถานที่เกิดเหตุ
๕.๓ ตรวจสอบเจ้าของทรัพย์สิน ผู้ได้รับความเสียหาย หรือได้รับบาดเจ็บจากการ
ระเบิด
๕.๔ รวบรวมชื่อบุคคลที่โดยปกติจะอยู่ในบริเวณนั้น เช่น ลูกจ้า ง ยาม หรือนักการ
ภารโรง
๙๔
๓.๔ สร้างความเชื่อโยงและความสัมพันธ์
๓.๕ ประกบหาความเหมื อ นกั น เช่น ร่ องรอยเครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช้ กาก หรื อเศษที่
หลงเหลือ
๓.๖ รองรับและให้การสนับสนุนสมมุติฐานรูปคดีที่วาดไว้
๓.๗ ระบุเอกลักษณ์ใด ๆ
๔. ผลลัพธ์แบบต่างๆ ซึ่งอาจได้มาจากการศึกษาวิเคราะห์และพิสูจน์หลักฐาน (Types of Forensic
Examinations) ผลงานของการศึกษาวิเคราะห์และพิสูจน์หลักฐานจากห้อง LAB ที่มีประสิทธิภาพจะก่อให้เกิด
ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ คือ เราอาจสามารถที่จะ
๔.๑ ระบุส่วนประกอบต่างๆ ของระเบิดลูกนั้น
๔.๒ ศึกษาวิเคราะห์เอกสาร ซึ่งสร้างหรือก่อความกังขา นั่นคือ ที่ต้องมีการพิสูจน์
๔.๓ ระบุความเหมือนของรอยพิมพ์นิ้วมือ
๔.๔ ระบุร่องรอยของส้นรองเท้าและยางล้อรถ เพื่อบ่งชี้ว่ามาจากแหล่งใด
๔.๕ ระบุผลจากการศึกษาวิเคราะห์ภาพถ่าย
๔.๖ ระบุผลจากการศึกษาวิเคราะห์เส้นผม ใยเสื้อผ้า และระบุข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
๕. การศึกษาวิเคราะห์ด้านวิทยาศาสตร์
การศึกษาวิเคราะห์ด้านวิทยาศาสตร์และผลลัพธ์ที่มีประโยชน์บางรูปแบบอาจเป็นสิ่ง
ซึ่งได้มาโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษจ าเพาะใดๆ แต่อาจมีการศึกษาวิเคราะห์บางแบบ ซึ่ง ต้องใช้
เครื่อ งมื อพิ เศษ อาจสามารถด าเนิ นงานการศึ กษาวิ เคราะห์ เรื่ อ งต่ า งๆ ดัง ต่อ ไปนี้ โดยท างาน
ในห้องพิสูจน์หลักฐานธรรมดาที่มีเครื่องมือพร้อม ได้แก่ การวิเคราะห์
๕.๑ โลหิต
๕.๒ แร่ธาตุธรณีวิทยา
๕.๓ โลหะวิทยา
๕.๔ ด้านนิติเวช
๕.๕ ทันตกรรม
๕.๖ อาวุธปืน และร่องรอยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
๕.๗ การศึกษาวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์
๕.๘ การศึกษาวิเคราะห์วัตถุต่างๆ
๕.๙ การศึกษาวิเคราะห์ด้านเคมี
๕.๑๐ การศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ดินฟ้าอากาศ และนูทรอน
๕.๑๑ การศึกษาวิเคราะห์เครื่องมือหรือด้วยเครื่องมือ
๖. การศึกษาวิเคราะห์รอยพิมพ์นิ้วมือ ในฐานะเป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่อาจจะสามารถใช้รอยพิมพ์นิ้วมือ ซึ่งพบในที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานที่มีคุณค่า
อย่างยิ่ง รอยพิมพ์นิ้วมือเป็นหลักฐานซึ่ง ในปัจ จุบันนี้ เป็นสิ่ง ที่ยอมรับในศาลส่วนใหญ่ทั่วโลก และ
การระบุชี้รอยพิมพ์นิ้วมือเช่นนี้ อาจได้มาจากรอยพิมพ์ที่เป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ไ ด้ สาหรับจดบันทึก
(Note) รอยพิมพ์ ขนาดเพี ยงปลายดินสออาจเป็ นปริมาณมากเพี ยงพอที่จ ะใช้ เป็น หลัก ฐานและ
เครื่องยืนยันระบุตัวผู้กระทาความผิดได้ ซึ่งส่วนประกอบใดๆ ของลูกระเบิด ที่พบ ณ ที่เกิด เหตุ อาจมี
๙๙
๑. การค้นในจุดที่มีการระเบิด
ระเบียบสาหรับการปฏิบัติต่อสถานที่ที่เกิดเหตุระเบิดในลักษณะนี้ มีดังต่อไปนี้
๑.๑ กาหนดจุดบริเวณรอบนอก
๑.๒ ปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ
๑.๓ ปิดล้อมบริเวณรอบนอกที่เกิดเหตุ
๑.๔ ระบุแหล่งและเก็บหลักฐานโดยเริ่มจากจุด ที่เ กิด ระเบิด และค้นจากจุด นั้ น
ออกไปอย่างรอบด้าน
๑.๕ แบ่งสถานที่เกิดเหตุออกเป็นส่วนๆ
๑.๖ กาหนดแนวทางการค้นหา
๑.๗ ทางานจากด้านในออกไปด้านนอกจนกระทั่งเก็บหลักฐานที่เห็นได้ทั้งหมด
๒. การตรวจค้นสถานที่เกิดเหตุโดยรวมพร้อมๆ กัน
วิธีปฏิบัติต่อสถานที่เกิดเหตุระเบิดในลักษณะนี้คล้ายคลึง กับวิธีแรก แนวทางปฏิบัติ
มีดังต่อไปนี้
๒.๑ กาหนดบริเวณรอบนอกของสถานที่เกิดเหตุ
๒.๒ ปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุ
๒.๓ กาหนดบริเวณภายในสถานที่เกิดเหตุ
๒.๔ ปิดล้อมบริเวณรอบๆ จุด ที่เกิด เหตุระเบิด พร้อมกับจ ากัด การเข้า ถึง ต่อผู้ที่ทา
การสืบสวนในจุดนั้น
๒.๕ ดาเนินการค้นหาในจุดนี้พร้อมกับ การค้นหาหลักฐานในส่วนอื่นๆ ของสถานที่
เกิดเหตุ
๒.๖ เริ่มต้นการค้นหาจากจุดนอกสุดเข้าสู่จุดระเบิด
๒.๗ กาหนดแนวทางการค้นหา
๒.๘ แบ่งสถานที่เกิดเหตุออกเป็นส่วนๆ สาหรับการทางาน ถ้า เป็นไปได้อาศัยหลัก
หรือเครื่องกีดขวางตามธรรมชาติเป็นเครื่องหมายในการแบ่ง
๒.๙ ให้ค้นหาหลักฐานในส่วนที่แบ่งไว้ในรอบนอกก่อน เพื่อจะได้บริเวณที่จะต้องทางาน
ข้อเสนอแนะ เมื่อกาหนดบริเวณรอบนอกของสถานที่เกิดเหตุในตอนแรก ให้กาหนด
ไว้ในระยะทางที่ไกลจากจุดที่เกิดระเบิดกว่าที่จาเป็น สูตรนี้เรียกว่า สูตร ๕๐% เพื่อเป็นการรับประกันว่า
จะได้เก็บหลักฐานที่มีได้ทั้งหมด การกาหนดบริเวณไว้โดยให้มีพื้นที่ใหญ่ไว้นั้น จะเป็นผลดีกว่าพื้นที่เล็ก
เพราะถ้ากาหนดไว้เล็กเกินไปหลักฐานอาจถูกทาลายหรืออาจไม่พบหลักฐานอยู่ เพราะอยู่นอกบริเวณ
ที่ค้นหากัน
๓. วิธีการค้นหาหลักฐานในบริเวณเปิด
ให้เ ริ่มต้ น การค้น หาจากจุ ด ศู นย์ก ลางใกล้ จุด ที่ เกิ ด ระเบิด และวนออกไปเหมือ น
ขดลวดที่ขยายตัว
๓.๑ การค้นแบบตาราง
๓.๑.๑ แบ่งสถานที่เกิดเหตุออกเป็นส่วนๆ โดยใช้ เชือกเส้นใหญ่หรือเชือกเส้น
เล็กลากเส้นแบ่งหรือใช้เครื่องหมายอื่นๆ
๑๐๔
๓.๑.๒ ทาเครื่องหมายและระบุแต่ละตารางที่ค้นหาไว้ด้วยหมายเลขหรืออักษร
หรือใช้ทั้งสองอย่าง เป็นต้น
๓.๒ การค้นหาในพื้นที่ที่แบ่งเป็นส่วนๆ
๓.๒.๑ แบ่งที่เกิดเหตุออกเป็นส่วนๆ จะเป็นขนาด ๑/๔ ของพื้นที่หรือเป็นเขต
๓.๒.๒ แบ่งต่อออกให้เป็นเสี้ยว ทาเครื่องหมายและใช้ชื่อเป็นตัวเลข ตัวอักษร
หรือใช้ทั้งสองอย่าง จากนั้นดาเนินการค้นหาตามลาดับ วิธีนี้นั้นสามารถใช้ได้กับบริเวณพื้นที่ทุกขนาด
ทั้งใหญ่และเล็ก เปิดและปิด หรือในห้องก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน
๓.๓ การค้นหาเป็นแถวหรือเป็นแนว
การค้นหาแบบนี้นั้นใช้ได้ผลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริเวณเปิดที่กว้า งขวาง
และเปิดโอกาสให้มีการค้นหาพื้นที่ด้วยจานวนคนที่จากัด ได้ระเบียบปฏิบัติสาหรับการค้นหาลักษณะนี้
มีดังต่อไปนี้
๓.๓.๑ ให้ทีมงานยืนเข้าแถว แต่ละคนห่างจากกันเท่ากับความยาวของแขนที่
ยื่นออกข้างตัว
๓.๓.๒ ตั้งแถวที่ขอบนอกของบริเวณที่จะดาเนินการค้นหา
๓.๓.๓ เคลื่อนแถวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เป็นเส้นตรงจนสุดเขตการค้นหา
๓.๓.๔ ให้แถวเดินย้อนกลับไป
๓.๓.๕ ทาเช่นนี้จนกระทั่งค้นหาได้ทั่วบริเวณ
๓.๓.๖ ในขณะที่เจ้าหน้าทาการเดินค้นหานั้น ให้แต่ละคนมองกราดจากซ้ายไป
ขวาหรือจากขวาไปซ้าย เพื่อหาหลักฐานข้างหน้าของตน
๓.๓.๗ ออกคาสั่งให้หยุดแถว เมื่อพบสิ่งที่ควรเก็บเป็นหลักฐานทั้งแถวต้องหยุด
๓.๓.๘ ลูกแถวแต่ละคนต้องมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือสาหรับทาเครื่องหมาย
ตรงจุดที่พบสิ่งนั้นๆ
๓.๓.๙ เมื่อทาเครื่องหมายแล้ว ให้แถวดาเนินการค้นหาต่อไปได้
๓.๓.๑๐ จะต้องมี ๑ คน อยู่หลังแถว
๓.๓.๑๑ คนที่อยู่หลังแถวนี้ จะต้องมีเครื่องมือสาหรับทาเครื่องหมายมากเป็น
พิเศษ
๓.๓.๑๒ จัดให้มีคนกากับแถวให้เป็นเส้นตรงขณะทาการค้นหา
๓.๓.๑๓ ทาการค้นหาตามส่วนที่แบ่งไว้ ไม่ว่าจะเป็นขนาด ๑/๔ ของบริเวณเป็น
เขตหรือเป็นเสี้ยว
๓.๓.๑๔ ตรวจสอบ ประเมินสิ่งที่ทีมงานค้นหาและทาเครื่องหมายไว้
๓.๓.๑๕ ใช้เทคนิคที่เหมาะสมในการเก็บหลักฐาน
๓.๔ การใช้วิธีต่างๆ รวมกัน
เจ้า หน้า ที่ ทางเทคนิค เจ้า หน้า ที่ สืบสวน ใช้วิ ธีค้นหาหลั กฐานที่บ รรยายไว้
ข้างต้นทุกวิธี บางวิธีก็ใช้ได้สะดวกง่ายดายกว่าวิธีอื่นๆ ในบางสถานการณ์ และเห็นได้ง่า ยด้วยว่า การ
รวมวิธีตั้งแถวค้นอย่างที่อธิบายไว้เข้ากับการแบ่งส่วนบริเวณที่เกิดเหตุออกเป็น ๔ ส่วนนั้น ใช้ไ ด้ดีกับ
การค้นในบริเวณเปิด
๑๐๕
๓.๕ การค้นในบริเวณที่จากัด
๓.๕.๑ จุดอ้างอิง วัดระยะทางจากจุดอ้างอิง ไปถึง จุด ที่พบหลักฐาน วาดภาพ
หยาบๆ ของบริเวณที่พบหลักฐานไว้ วาดหลักฐานใส่ไว้ในภาพวาดด้วย
๓.๕.๒ การค้นในส่วนที่แบ่ง ไว้ขนาด ๑/๔ ของพื้นที่ ถ้า บริเวณที่กาหนดไว้
กว้ า งขวางมาก เช่ น โกดั ง เก็ บ ของ อาจต้ อ งใช้ วิ ธี ค้ น ตามส่ ว นที่ แ บ่ ง ไว้ แ ละด าเนิ น การค้ น หา
เช่นเดียวกับการค้นในบริเวณเปิด
๔. การดาเนินการกับพยานหลักฐานคดีระเบิดและการตรวจพิสูจน์
๔.๑ ขั้นตอนการรับพยานหลักฐาน ดังนี้
๔.๑.๑ พนักงานสอบสวน สภ.ท้องที่เกิดเหตุ ทาหนังสือนาส่ง พยานหลักฐาน
และนาพยานหลักฐานส่งตรวจพิสูจน์
๔.๑.๒ เจ้าหน้าที่หน่วยตรวจพิสูจน์ รับและตรวจนับพยานหลักฐาน ที่นาส่ง
ตามรายการ
๔.๑.๓ ลงลายมือชื่อรับหนังสือในตัวสาเนาให้พนักงานสอบสวนกลับคืนไป
๔.๑.๔ ให้ผู้ส่งพยานหลักฐานเซ็นส่งในใบนาส่งพยานหลักฐานที่จัด ทาขึ้นให้
ถูกต้อง
๔.๑.๕ นาหนังสือฉบับจริงเก็บเข้าแฟ้มรอตรวจพิสูจน์ต่อไป
๔.๑.๖ เมื่ อ ทาการตรวจพิ สู จ น์เ สร็ จ แล้ ว ต้ อ งออกเลขคุ ม ในสมุ ด คุ ม ให้
เรียบร้อย และเก็บสาเนาแฟ้ม
๔.๑.๗ ส่งผลการตรวจพิสูจ น์ทางไปรษณีย์และเก็บสาเนาหนัง สือ รวมถึง
สาเนาการส่งไปรษณีย์เข้าแฟ้ม
๔.๑.๘ กรณีรับพยานหลักฐานจากใบบันทึกรับส่งพยานหลักฐานในที่เกิด เหตุ
ขอให้ประสานพนักงานสอบสวนทาหนังสือนาส่ง
๔.๑.๙ การรับพยานหลักฐานให้ต รวจสอบพยานหลักฐานก่อน ถ้า หากเป็น
เรือใบ ตะปู อุปกรณ์เพลิงไหม้ อาวุธปืน มีด ให้นาส่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานหรือกองวิทยาการ
๔.๒ การจัดเก็บพยานหลักฐาน
๔.๒.๑ เมื่ อพนักงานสอบสวน/เจ้ า หน้า ที่ ต ารวจ นาพยานหลักฐานมาส่ ง
หลังจากลงรับ/ตรวจเช็คพยานหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ให้แยกเชื้อประทุกับส่วนที่เป็ นวัต ถุระเบิด หรือ
โทรศัพท์มือถือ สะเก็ด ระเบิด ภาชนะเอาดินระเบิด ออกจากภาชนะใส่ถุง ใหม่ พร้อมเขียนเลขรั บ
พยานหลักฐานไว้ รอถ่ายรูปและตรวจพิสูจน์ เก็บในห้องเก็บพยานหลักฐานรอตรวจพิสูจน์
๔.๒.๒ หากไม่มีการจับ/แตะต้อง ให้ประสานกองวิทยาการ ทาการเก็บ และ
ตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง หรือ DNA ก่อน
๔.๒.๓ หากมีโทรศัพท์มือถือ หรือซิมการ์ด หรือทั้งโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ด
ให้ส่งตรวจสอบกับเจ้ า หน้า ที่สืบสวน เพื่อ ตรวจสอบกับ เครือข่ า ยของระบบโทรศัพ ท์ โดยทาเป็ น
หนังสือนาส่ง
๔.๒.๔ หลังจากทาการตรวจพิสูจน์แล้ว ให้เก็บพยานหลักฐาน ส่วนที่เป็นวัตถุ
ระเบิดไว้ในห้องวัตถุพยาน
๑๐๖
ความต่อเนื่องของการครอบครองรักษาวัตถุพยาน
พยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะนาเข้ามาประกอบการพิจ ารณาคดีใ นกระบวนการยุติธรรม
จะต้องแสดงให้เห็นได้ว่า หลักฐานเหล่านั้นได้เก็บมาอย่างถูกต้องได้มาตรฐาน มีกระบวนการคุ้มครอง
หลักฐานไม่ให้เสื่อมสภาพ ถูกทาลาย สับเปลี่ยน การนาไปทดสอบตรวจสอบเป็นไปตามมาตรฐาน
การแปลผลการตรวจสอบถูกต้อง และมีการเก็บตัวอย่างไว้ตรวจสอบถามซ้าเมื่อถูกร้องขอ
ในงานนิ ติวิ ทยาศาสตร์ขั้ นตอนการคุ้ มครองหลั กฐานเหล่า นี้เ รี ยกว่า “ห่ว งโซ่แ ห่ ง
การครอบครองวัตถุพยาน” (Chain of Custody) เป็นเอกสารบันทึกกระบวนการ เริ่มตั้ง แต่ขั้นตอน
การเก็บตัวอย่างพยานหลักฐาน การเก็บรักษาคุ้มครองหลักฐาน การส่งต่อ การรับมอบ การน าตัวอย่าง
หลักฐานไปพิสูจน์ทดสอบ การรายงานผลการตรวจสอบ ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายในการทิ้ง หรือทาลาย
ตัวอย่างพยานหลักฐานเมื่อสิ้นสุดกระบวนการ โดยปกติเป็นลาดับของลายมือชื่อที่ แสดงการผ่า นจาก
บุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง
ความต่อ เนื่ องของการครอบครองรั กษาวัต ถุพ ยา น มีค วามส าคัญ อย่ า งยิ่ง ในการ
สืบสวน เป็นการลาดับติดต่อกันของเหตุการณ์ ที่ทาให้เกิดโดยวัตถุพยานที่พบในสถานที่เกิดเหตุเวลานั้น
ไปจนถึงเวลาที่มีการพิจารณาคดีใ นศาล ทุกๆ การเชื่อมโยงของลูกโซ่ไ ด้มีการบันทึกเป็นเอกสารไว้
จากสิ่งที่พบในสถานที่เกิดเหตุ การรวบรวมวัตถุพยาน การเก็บรักษา การวิเคราะห์ใ นห้องปฏิบัติการ
การส่งไปเก็บรักษา การส่งผ่า นไปที่ศ าล ทุกๆ การเชื่อมโยงถูกบันทึก วันที่ เวลา การถือครองของ
แต่ละบุคคล เป็นการบันทึกวัตถุพยานเฉพาะบุคคล ถ้ามีการขาดของลูกโซ่การครอบครองวัต ถุพยาน
ก็ไม่สามารถให้คาอธิบายในขั้นตอนการเดินทางของวัตถุพยาน จากสถานที่เกิดเหตุไปถึงห้องพิจ ารณา
ของศาลได้ วัตถุพยานนั้นก็ไม่มีประโยชน์ต่อคดีและอาจถูกส่งคืนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ห่วงโซ่การครอบครองวัตถุพยาน ที่ไม่ได้ทาบันทึกเป็นเอกสารนั้น ไม่อาจนามากล่า วอ้า ง
ได้ว่าได้มีกระบวนการของห่วงโซ่ในการครอบครองวัตถุพยานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้ว เพราะไม่สามารถ
ตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนได้ และถือว่าเป็นหลักฐานที่ไม่มีน้าหนักที่น่าเชื่อถือเมื่อเข้า สู่
การพิจารณาในกระบวนการยุติธรรม
เอกสารของห่วงโซ่การครอบครองวัตถุพยานนี้ ควรมีทั้งเอกสารกลาง ซึ่ง เป็นของแต่ละ
ตัวอย่างพยานหลักฐานและเอกสารซึ่ง เป็นบันทึกของแต่ละบุ ค คลหรือหน่วยงานที่รับผิด ชอบดูแล
ตัวอย่างพยานหลักฐาน ซึ่งสามารถนามาใช้สอบทาน (Counter Check) ซึ่งกันและกันได้
ความต่อ เนื่อ งของการครอบครองรัก ษาวั ต ถุพ ยาน เกี่ ยวข้องกับเอกสารที่ มี ล าดั บ
วันเดือนปี และเป็นเส้นทางของเอกสารที่แสดงถึง การถือเอาการครอบครอง การควบคุม การถ่ายโอน
การวิเคราะห์ การกาหนดว่าพยานหลั กฐานเป็นโดยรูปร่ างหรือทางอิเลคทรอนิ กส์ เพราะพยานหลักฐาน
สามารถใช้ในศาลลงโทษผู้กระทาความผิดได้ ซึ่งจะต้องมีการดูแลรักษาอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อ
กล่าวอ้างในภายหลังว่า มีการให้สินบนหรือการประพฤติผิด ซึ่งสามารถทาให้ยอมความในคดีที่มีการ
ฟ้องร้องให้ไปทางที่พ้นผิด หรือทาให้ยกฟ้องในคาตัดสินที่มีพิรุธของคณะตุลาการเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่มี
การอุทธรณ์ ความคิด หลังจากการบันทึกห่วงโซ่การครอบครองถูกสร้า งขึ้นเพื่อให้ พยานหลักฐานที่
กล่าวถึงเป็นข้อเท็จจริงที่ค่อนข้างสัมพันธ์กับความผิดทางอาญา ตัวอย่างเช่น มีการสร้างพยานหลักฐานที่
เป็นเท็จ ทาให้บุคคลบางคนเป็นผู้กระทาความผิดขึ้นได้
๑๐๘
เอกสารของแต่ละบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ไม่จาเป็นต้องมีรายละเอียดบันทึกอย่างครบถ้วน
เหมือนเอกสารกลางของตัวอย่างหลักฐานพยาน อาจจะเป็นเพียงเอกสารที่บุคคลหรือหน่วยงานนั้น และใช้
บันทึกในการปฏิบัติงานอยู่เป็นประจา เช่น Worksheet Logbook หรือ Form ก็ได้
แผนภาพที่ ๓-๑ ห่วงโซ่การครอบครองวัตถุพยาน
การจัดการ
การเก็บ
การขนส่ง
การส่งมอบ
ใช้ ในศาล
แนวทางการสร้างห่วงโซ่การครอบครองวัตถุพยาน
๑. ควรสร้างแบบสาหรับการบันทึกให้เป็นแบบมาตรฐานในแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้บุคลากร
ทุกคนได้นาไปใช้ โดยที่ก่อนนาไปใช้ควรฝึกอบรมบุคลากรให้เข้าใจ และสามารถบันทึกได้อย่า งถูกต้อง
และครบถ้วน
๒. ก าหนดบุ ค ลากรที่ มี หน้ า ที่ ใ นการเก็ บ พยานหลั กฐาน ก าหนดผู้ ที่ ส ามารถเข้ า ถึ ง
พยานหลักฐาน กาหนดผู้ที่มีหน้าที่ทดสอบพยานหลักฐาน ควรกาหนดบุค คลที่มีหน้า ที่ใ ห้แน่ชัด และ
ไม่ให้มีคนจานวนมากเกินความจาเป็น ควรมีบุคลากรที่เกี่ยวข้องน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
๓. ต้องมีการบันทึกลงในเอกสารทุกครั้งเมื่อมีการเข้าถึงพยานหลักฐาน โดยบันทึกด้วยการใช้
ปากกา ไม่ใช้ดินสอ เนื่องจากการแก้ไขโดยการลบดินสอนั้นง่าย และตรวจสอบได้ลาบากว่ามีการแก้ไ ข
หรือไม่
๔. ลงลายมือชื่อกากับทุกครั้งเมื่อมีการบันทึกห่วงโซ่การครอบครองวัตถุพยาน
๕. รายละเอียดข้อมูลในห่วงโซ่การครอบครองวัตถุพยาน ต้องประกอบด้วย
๕.๑ ข้อมูลส่วนหลักฐาน เก็บหลักฐานอะไร จากที่ไหน หลักฐานมีลักษณะอย่างไร
๕.๒ ข้อมูลส่วนบุคลากร ใครเป็นคนเก็บ เก็บเมื่อใด สถานที่ใด
๕.๓ ข้อมูลการครอบครองและการรักษาหลักฐาน เมื่อเก็บมาแล้วได้ จ ะต้องเก็บ
รักษาอย่างใด เมื่อมีการส่งมอบส่งมอบให้ใคร ที่ใด เมื่อไหร่ หลักฐาน ณ ขณะส่งมอบเป็นอย่างไร จนถึง
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อจะทาการทิ้งและทาลายหลักฐานภายหลังนามาตรวจวิเคราะห์เสร็จสิ้น และภายหลัง
สิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมแล้ว ต้องระบุว่า หลักฐานก่อนทิ้งทาลายเป็นอย่า งไร ใครเป็นผู้ทาการทิ้ง
ทาลาย และทาการทิ้งทาลายเมื่อใด สถานที่ไหน
สรุป
การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จัง หวัด ชายแดนภาคใต้ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่า นมานั้น
พบว่า การก่อเหตุระเบิดเป็นยุทธวิธีที่ผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่นิยมใช้เป็นอย่า งมาก โดยมีการใช้วัต ถุ
ระเบิด ทั้งที่เป็นวัตถุระเบิดมาตรฐานและวัต ถุระเบิด แสวงเครื่อง ในการก่อเหตุ การก่อเหตุระเบิด
ในแต่ ล ะครั้ง สร้า งความเสี ย หายมากมายมหาศาล ทั้ ง ยั ง เป็ น วิ ธี ที่ไ ด้ผ ลมากที่ สุ ด ในการกระท า
ต่อเป้าหมาย สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ฉะนั้นแล้วการศึกษาให้ทราบถึงบทเรียนการก่อเหตุระเบิดในรูปแบบต่างๆ เพื่อรวบรวมไว้ ไม่ว่า จะเป็น
ยุทธวิธีการวางระเบิด แบบเร่งด่วน การก่อเหตุระเบิดชุดลาดตระเวนเส้นทาง การลวงเพื่อก่อเหตุซ้า
การใช้ยานพาหนะประกอบเป็นระเบิด การใช้ทุ่นระเบิด หรือกับดัก การก่อเหตุระเบิด ในท่อลอดใต้
ผิวถนน การก่อเหตุบริเวณเส้นทางรถไฟระเบิด ขว้า งแบบแสวงเครื่อง การวางระเบิด เจ้า หน้า ที่ที่มี
พฤติกรรมซ้าๆ และการพัฒนาการซ่อนพรางวัตถุระเบิด การรวบรวมสถิติการก่อเหตุใ นแต่ละรูปแบบ
แล้วนามาวิเคราะห์เพื่อหาบทเรียนที่ผู้ก่อความรุนแรงใช้ ก่อเหตุ ล้วนส่ง ผลให้เจ้า หน้า ที่ที่เกี่ยวข้อง
รู้เท่า ทัน กลยุทธ์แ ละเข้า ใจในยุท ธวิธีของฝ่า ยก่อ ความรุ น แรงว่า จะออกมาในรูป แบบใด เพื่อที่จ ะ
สามารถนามากาหนดแนวทางหรือยุทธวิธใี นการตอบโต้ และวิเคราะห์ยุทธวิธีที่เหมาะสม เพื่อป้องกัน
การก่อความไม่สงบที่จ ะเกิด ขึ้น ในอนาคต นอกจากนี้ ผู้วิจัยยัง ได้ทาการศึกษากระบวนการสืบสวน
๑๑๐