Professional Documents
Culture Documents
โดย
นายไซยนุดดีน กูนิง
By
Mr.Zainuddeen Kuning
................................................................................
(อาจารย์อามฤทธิ์ ชูสุวรรณ)
คณบดีคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์
........................../........................../..........................
ผูค้ วบคุมศิลปนิพนธ์
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์สิทธิชยั ปรัชญารัติกุล
คณะกรรมการตรวจศิลปนิพนธ์ ...................................................................ประธานกรรมการ
(รองศาสตราจารย์พศั ยศ พุทธเจริ ญ)
...................../...................../.....................
...................................................................กรรมการ
(รองศาสตราจารย์ทินกร กาษรสุ วรรณ)
...................../...................../.....................
...................................................................กรรมการ
(ผูช้ ่วยศาสตราจารย์สิทธิชยั ปรัชญารัติกุล)
...................../...................../.....................
...................................................................กรรมการ
(ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ณฎั ฐพล สุ วรรณกุศลส่ ง)
...................../...................../.....................
...................................................................กรรมการและเลขานุการ
(ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ปราการ จันทรวิชิต)
...................../...................../.....................
หัวขอศิลปนิพนธ ความรัก ความเศรา ความสะเทือนใจ
สาขาวิชา ทัศนศิลป
ภาควิชา ภาพพิมพ
ปการศึกษา 2558
บทคัดยอ
จากความโศกเศราและความผิดหวังสูญเสียจากความรักที่มีตอบุคคลอันเปนที่รักที่ทํา
ใหสภาวะอารมณทางจิตใจมีแตความหดหู นั้นทําใหขาพเจาถายทอดสภาวะอารมณดังกลาวโดยการ
ใชรูปสัญลักษณ ภาษาทางกายของรางกายมนุษยที่ดําเนินเรื่องราวความรักที่สะทอนถึงความทุกข
ในชั่วขณะนั้นโดยการแสดงออกดวยรองรอยและฝแปรงที่ถายทอดสภาวะอารมณความรูสึกจาก
วิกฤตทางอารมณที่เกิดเปนความสูญเสีย โศกเศราเสียใจกับบุคคลอันเปนที่รักของขาพเจา
ง
Thesis Title Imbroglio of Temper
Abstract
When sadness and disappointment leave my state of mind damped and depress, I
choose to express it on my work, using symbols and human body languages to tell my stories and
reflect the sadness within me at the time. It was the state of feeling when I had lost the most
precious thing of mine.
จ
กิตติกรรมประกาศ
ฉ
คํานํา
เอกสารฉบับนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษาและเปนเอกสารประกอบผลงาน ศิลปนิพนธ
สาขาวิชาทัศนศิลป กลุมวิชาเอกภาพพิมพ คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ มหาวิทยาลัย
ศิลปากร ในหัวขอ “ความรัก ความเศรา ความสะเทือนใจ” (Imbroglio of Temper) ตามหลักสูตร
ปริญญาศิลปบัณฑิตที่นําเสนอกระบวนการของการดําเนินงานทางการศึกษา และการสรางสรรค
ผลงานชุดศิลปนิพนธ โดยเรียบเรียงใหสามารถเขาใจถึงกระบวนการคิดรวมไปถึงขั้นตอนการ
สรางสรรค ผลงานอย า งละเอีย ด ที่ป ระกอบไปดว ยเรื่อ งราว ความหมายทางความคิ ด รูป แบบ
ทางการสรางสรรคผลงานศิลปนิพนธ และกระบวนการสรางสรรค ศิลปะภาพพิมพชุดศิลปนิพนธนี้
ขา พเจ าสร างสรรค ขึ้นเพื่ อแสดงออกถึงสุน ทรียภาพทางอารมณ ที่ใ ช ภาษาทางศิลปะถายทอด
อารมณห รือสภาวะที่ เกิด ขึ้น ภายในจิ ต ใจ โนมนําไปสูการขัดเกลาจิตใจตนเองและยั ง เปน การ
เชื่อมโยงประสบการณเหลานี้กับผูชมผลงาน นําไปสูความงามที่สรางคุณคาทางจิตใจ
ช
สารบัญ
หนา
บทคัดยอภาษาไทย .................................................................................................................... ง
บทคัดยอภาษาอังกฤษ ............................................................................................................... จ
กิตติกรรมประกาศ..................................................................................................................... ฉ
คํานํา .......................................................................................................................................... ช
สารบัญภาพ ............................................................................................................................... ญ
บทที่
1 บทนํา ........................................................................................................................ 1
ความเปนมาในการสรางสรรค .......................................................................... 3
ความเปนมาในการสรางสรรค .......................................................................... 3
วัตถุประสงคในการสรางสรรค......................................................................... 3
แนวความคิดในการสรางสรรค......................................................................... 3
ขอบเขตในการสรางสรรค ................................................................................ 4
วิธีการศึกษา ...................................................................................................... 4
แหลงขอมูลที่นํามาใชสรางสรรค ..................................................................... 4
2 ทฤษฎีที่เกี่ยวของกับการสรางสรรคและอิทธิพลจากผลงานศิลปกรรม .................... 5
จิตวิทยากับความรัก Psychology and love........................................................ 5
การเผชิญหนากับสภาวะสูญเสีย และโศกเศรา.................................................. 8
การสูญเสีย (Loss)............................................................................................. 8
ความโศกเศรา (Grief)....................................................................................... 9
อิทธิผลที่ไดรับจากการสรางสรรคผลงาน......................................................... 12
รูปแบบผลงานของ จอรท บาซิลิซ (George Baselitz)....................................... 18
3 การพัฒนาและวิธีการสรางสรรคผลงาน ................................................................... 19
เทคนิคและวิธีการสรางสรรค............................................................................ 19
รูปแบบของผลงาน............................................................................................ 20
ลักษณะการทํางานของทัศนะธาตุ ..................................................................... 20
ขั้นตอนการสรางสรรคผลงาน .......................................................................... 28
ขั้นตอนการประมวลความแนวความคิด ........................................................... 28
ขั้นตอนการกําหนดรูปแบบ .............................................................................. 29
ซ
ขั้นตอนการเตรียมวัสดุอุปกรณ ......................................................................... 29
ขั้นตอนการสรางสรรคผลงานผานกระบวนการพิมพ....................................... 31
ขั้นตอนการสรางภาพราง.................................................................................. 31
ขั้นตอนการขยายแบบราง ................................................................................. 32
ขั้นตอนการเตรียมแมพิมพแผนอลูมินั่ม ............................................................ 33
ขั้นตอนการสรางสรรคแมพิมพดวยกรรมวิธีตาง ๆ บนแมพิมพ ....................... 33
ขั้นตอนการคัดลอกแบบราง ลงบนแมพิมพ ...................................................... 34
กระบวนการเขียนแมพิมพ ................................................................................ 35
ขั้นตอนการเคลือบกาวและกัดกรด (Etching)ในกระบวนการภาพพิมพหิน ..... 37
ขั้นตอนการลางเขมา ......................................................................................... 41
ขั้นตอนการกลิ้งหมึก......................................................................................... 42
ขั้นตอนการทําชื้นกระดาษ................................................................................ 43
ขั้นตอนการพิมพในเทคนิคภาพพิมพหิน (Lithograph) .................................... 44
ขั้นตอนการพิมพเทคนิคภาพพิมพรองลึก (Intaglio)......................................... 45
4 การวิเคราะหและการพัฒนาผลงาน........................................................................... 48
การสรางสรรคผลงานชุดกอนศิลปนิพนธ ระยะที่ 1 ......................................... 48
การสรางสรรคผลงานชุดกอนศิลปนิพนธ ระยะที่ 2 ......................................... 52
การสราสรรคผลงานชุดกอนศิลปนิพนธ ระยะที่ 3........................................... 58
การสรางสรรคศิลปนิพนธ ................................................................................ 64
5 บทสรุป ..................................................................................................................... 82
บรรณานุกรม............................................................................................................................. 83
รายชื่อผลงานศิลปนิพนธ ป พ.ศ.2558-2559 ............................................................................. 84
ประวัติผูวิจัย .......................................................................................................................... 85
ฌ
บทที่ 1
บทนา
1
ทฤษฎีความรัก Theories of Love, เข้าถึงเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2558, เข้าถึงได้จาก
http://teen.mthai.com/love/70492.html
1
2
2
ความรักเป็ นการตีความของสมองภายใต้อิทธิ พลจากฮอร์ โมน เป็ นหนึ่งในกลไกสาคัญที่
ช่ วยดารงรั ก ษาเผ่า พันธุ์ ม นุ ษ ย์เอาไว้ ความรั ก ระหว่า งชายกับ หญิ ง แต่ เดิ ม มี ไ ว้ส าหรั บ การเพิ่ ม
จานวนประชากรเพื่อดารงเผ่าพันธุ์แห่ งมนุ ษยชาติ เพราะเมื่อยังเยาว์มนุ ษย์น้ นั อ่อนแอ จึงจาเป็ นที่
บิดาและมารดานั้นต้องใช้ความรักประคับประคองเด็กวัยนี้ ความรักของผูค้ นทัว่ ไปนั้น ก็เพื่อดารง
รั ก ษาสั งคมไว้ และสั งคมก็ คื อกลไกที่ ถู กพัฒนาขึ้ นมาอย่า งชาญฉลาดเพื่ อดารงเผ่า พันธุ์ มนุ ษ ย์
คชานนท์ นิ รันดร์ พงศ์ นักศึกษาปริ ญญาเอกด้านฟิ สิ กส์ อนุ ภาค แห่ งมหาวิทยาลัย Bristol อังกฤษ)
ซึ่ ง ข้อเสนอนี้ มี หลัก ฐานสนับ สนุ นชัดเจนว่า เวลาที่ ค นเราตกหลุ ม รั ก หรื อก าลัง มี ค วามรู ้ สึ ก ที่
เรี ยกว่ารั ก สารเคมี ในสมองเปลี่ ยนแปลงไปอย่างไร และมี ผลต่อพฤติ กรรมการแสดงออกหรื อ
ความเปลี่ยนแปลงของร่ างกาย กล่าวคือ หากเราเกิดความรู ้สึกตกหลุมรักนั้น ร่ างกายทางานด้วยการ
สั่งผ่านในระบบสมอง เพื่อเปลี่ยนแปลงสารเคมีจานวนหนึ่ ง สารเคมีหนึ่ งในจานวนนั้นคือ เซโรโต
นิน (Serotonin) เป็ นสารสื่ อประสาท ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมสภาพจิตใจ และความยืดหยุน่ ทาง
อารมณ์ เมื่อเราเกิดอาการตกหลุมรักใคร ปริ มาณ เซโรโตนิ น (Serotonin) จะลดต่าลง(ส่ งผลให้เสี ย
การควบคุมสภาพจิตใจและไม่มีความยืดหยุน่ ทางอารมณ์) เมื่อปริ มาณ Serotonin ลดลง จะทาให้
เกิดพฤติกรรมย้ าคิดย้ าทา รวมทั้งกระตุน้ ให้สมองส่ วนหน้าของเปลื อกสมอง (Anterior cingulate
gyrus) ทางานหนัก ขึ้ น เมื่ อสมองส่ วนดังกล่ าวท างานหนัก คนเราก็มี แนวโน้ม ที่ จะติ ดอยู่ก ับ
ความคิดใดความคิดหนึ่ ง และพะวงอยูก่ บั การแสดงพฤติกรรมบางอย่าง อาจพูดได้ว่า สมองส่ วน
หน้าของเปลือกสมอง (Anterior cingulate gyrus) ทางานทาให้คนเราจะคิดถึงบุคคลที่เกิดความรู ้สึก
ตกหลุมรัก
2
หนังสือ "จีด๊ เพราะรัก พักทางนี"้ เขียนโดย กิตติศกั ดิ์ โถวสมบัติ จากบท "รักคืออะไร ในสายตา
นักวิทยาศาสตร์" หน้า28-31, เข้าถึงเมื่อ 22 พฤศจกายน2558
3
แนวความคิดในการสร้ างสรรค์
จากความโศกเศร้ า และความผิดหวัง สู ญเสี ย ความรั ก ที่ มี ต่อ บุ ค คลอันเป็ นที่ รัก ที่ ท าให้
สภาวะอารมณ์ทางจิตใจมีแต่ความหดหู่น้ นั ทาให้ขา้ พเจ้าถ่ายทอดสภาวะอารมณ์ดงั กล่าวโดยการใช้
รู ปสัญลักษณ์ ภาษาของร่ างกายมนุ ษย์ที่ดาเนิ นถึ งเรื่ องราวความรั ก สะท้อนถึ งความทุ กข์ในชั่ว
ขณะนั้นโดยการแสดงออกด้วยร่ องรอยและฝี แปรงที่ถ่ายทอดสภาวะอารมณ์ ความรู ้สึกจากวิกฤติ
ทางอารมณ์ ที่เกิดเป็ นความสู ญเสี ย เศร้าโศก เสี ยใจกับบุคคลอันเป็ นที่รักของข้าพเจ้า
4
ขอบเขตในการสร้ างสรรค์
ด้วยความรู้สึกในสภาวะทางอารมณ์ของตนเองเป็ นปั จจัยหลักในการสร้างสรรค์โดยนา
เป็ นแรงผลักดันเพื่อถ่ายทอดออกมาเป็ นผลงานภาพพิมพ์หินที่ผสมผสานกับภาพพิมพ์วสั ดุ โดยมี
ขอบเขตดังต่อไปนี้
-ขอบเขตด้านเนื้อหาเป็ นการนาเสนอเรื่ องราวที่สะท้อนความสู ญเสี ยที่เกิดเป็ นความทุกข์
-ขอบเขตด้านรู ปแบบนาเสนอผลงานภาพพิมพ์ในลักษณะ 2 มิติในรู ปแบบกึ่งนามธรรม
(Semi Abstract)
-ขอบเขตด้านเทคนิ คแสดงออกผ่านกระบวนการทางภาพพิมพ์หินผสมผสานกับกระบวน
บวนการภาพพิมพ์วสั ดุ ซ่ ึ งมีลกั ษณะเฉพาะทางเทคนิ คและสามารถถ่ายทอดความรู ้สึกทางสภาวะ
ทางอารมณ์ได้เป็ นอย่างดี
วิธีการศึกษา
การสร้ างสรรค์ศิลปะนิ พนธ์ โดยอาศัยความรู ้สึกที่เกิ ดขึ้นภายในจิตใจมาสร้างมโนภาพที่
มุ่ ง แสดงออกทางด้า นอารมณ์ บนพื้ นที่ ที่ รองรั บ รู ป ทรงที่ ส อดคล้องกับ อารมณ์ ค วามรู ้ สึ ก เพื่ อ
สะท้อนความรู ้ สึกในขณะนั้น เป็ นการแสดงออกในลักษณะฉับพลันเพื่อเป็ นการบันทึ กอารมณ์
ความรู ้สึกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันหากใช้เวลานานความรู ้สึกที่เกิดขึ้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ จึงเลือกใช้
การแสดงออกแบบฉับพลันปรากฏในผลงานระนาบ 2 มิติ
3
www.librarianmagazine.com, จิตวิทยากับความรัก (psychology and love), เข้าถึงเมื่อ 15 กันยายน
2558 เข้าถึงได้จากhttp://librarianmagazine.com/VOL2/NO6/psychology_love.htm#_ftn4
5
6
4
ปี ที่ 21 ฉบับที่ 7 (ฉบับพิเศษ) 2556 วารสารวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทพิ ย์ สุดา สาเนียงเสนาะ คณะ
พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
9
ที่สูญเสี ยหรื อคาดว่ากาลังสู ญเสี ย และ (4) ประสบการณ์ การสู ญเสี ยในอดีตมีผลต่อการแสดงออก
ในปัจจุบนั ซึ่ งประเภทของการสู ญเสี ยนั้นแบ่งออกเป็ นได้ 4 ประเภท(1) การสู ญเสี ยสิ่ งของภายนอก
(Loss of External Object) คือการสู ญเสี ยสิ่ งของต่าง ๆ ภายนอกร่ างกาย เช่ น ทรัพย์สินเงิน ทอง
เครื่ องประดับ บ้าน หรื อการถูกแยกจากสภาพแวดล้อมเดิมชัว่ คราวและถาวร เช่น การย้ายที่อยู่ การ
เปลี่ ย นที่ท างาน ซึ่ งท าให้เกิ ดความไม่ม น่ั คง ส่ งผลให้ไ ม่ส ามารถตอบสนองความต้องการของ
ตนเองได้เป็ นต้น (2) การสู ญเสี ยตามวัยต่าง ๆ (Maturational Loss) เช่ น เด็กที่ตอ้ งหย่านมแม่การ
ต้องออกจากโรงเรี ยนเมื่อสาเร็ จการศึกษา ออกจากครอบครัวเมื่อไปใช้ชีวิตคู่ การสู ญเสี ยบทบาท
ครอบครัวเมื่อต้องมีลูกหลาน การเปลี่ยนแปลงบทบาทเมื่อแต่งงาน การเปลี่ยนแปลงด้านสรี ระตาม
วัยเมื่ อเข้าสู่ วยั สู งอายุ ซึ่ งเป็ นการสู ญเสี ยจากการเปลี่ ยนแปลงตามวัยที่ เลี่ ยงไม่ได้(3) การสู ญเสี ย
ภาพลักษณ์หรื ออัตมโนทัศน์ (Loss Of Body Image Or Some Aspect Of Self) เป็ นการสู ญเสี ยด้าน
ร่ างกายหรื อจิตสังคม เช่ น การสู ญเสี ยอวัยวะในร่ างกาย หรื อการสู ญเสี ยการทาหน้าที่ของร่ างกาย
อาจจากโรคภัยไข้เจ็บหรื ออุบตั ิเหตุ ซ่ ึ งการการศึกษาพบว่าผูท้ ี่มีปัญหาสุ ขภาพร่ างกาย เช่น เกิดการ
เจ็บป่ วยด้วยโรคเรื้ อรัง จะส่ งผลให้เกิ ดภาวะทุพพลภาพและการสู ญเสี ยความสามารถด้านกิ จวัตร
ประจาวัน ก่อให้เกิ ดความรู ้สึกว่าไม่สามารถจัดการตนเองได้ และมักจะทาให้เกิดภาวะซึ มเศร้ าได้
ง่าย(4) การสู ญเสี ยบุคคลสาคัญหรื อบุคคลอันเป็ นที่รัก (loss of a love or a significant other) เช่น
การตายของบิดา มารดา ญาติพี่ น้อง คู่สมรส บุตร เพื่อนสนิ ท ซึ่ งอารมณ์ เศร้าโศกจากการสู ญเสี ยที่
ผิดปกติมกั จะเกี่ยวข้องกับการสู ญเสี ยบุคคลที่มีความผูกพันใกล้ชิดอย่างมาก [9] ประกอบกับ การ
เสี ยชี วิตของบุคคลอันเป็ นที่รัก พบได้บ่อยครั้งว่าว่านาไปสู่ อารมณ์เศร้าโศก ซึ่ งบางครั้งอาจรุ นแรง
จนเกิดอาการซึมเศร้าตามมา
ความเศร้ าโศก(grief)
คือปฏิกิริยาตอบสนองปกติของบุคคลหรื อครอบครัวเมื่อประสบกับการสู ญเสี ย ความเศร้า
โศกเป็ นกระบวนการที่ เกิ ดขึ้ นหลัง จากการสู ญเสี ย ซึ่ ง ในที่ นี่จะกล่ า วถึ ง ผูท้ ี่ ใ ห้แ นวคิ ดเกี่ ย วกับ
ปฏิกิริยาเศร้าโศกจากการสู ญเสี ย (Grieving Process) เป็ นที่รู้จกั กันดีคือ 2 ท่านได้แก่ Kubler-Ross
และ Engle โดย Kubler-Ross ที่ได้แบ่งปฏิกิริยาเศร้าโศกจากการสู ญเสี ยเป็ น 5 ระยะได้แก่
ปฏิเสธ (Denial) เป็ นระยะเวลาที่บุคคลพยายามปฏิ เสธไม่ยอมรับสิ่ งที่เกิ ดขึ้น เป็ นกลไก
ปกป้ องของบุคคลที่ตอ้ งเผชิญความจริ งที่เจ็บปวด โดยพยายามรวบรวมแหล่งประโยชน์ภายในและ
ภายนอกเพื่ อพยายามผ่อนคลายผลกระทบจากความสู ญเสี ย อาจมี อาการชา ขาดความรู ้ สึ ก ไป
ชัว่ ขณะ รู ้ สึกตัวเองไม่ใช่ ตวั เอง และไม่สามารถที่จะตั้งสติเรี ยงลาดับเหตุการณ์ ที่เกิ ดขึ้นได้ว่าเกิ ด
อะไรขึ้นกับตนเองและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้
10
5
http://www.bloggang.com/ ศิลปะลัทธิ Ne-expression, http://www.gagosian.com/artists/georg-
baselitz
13
ภาพที่ 2 จอร์ท บาซิลิซ(Georg Baselitz), ‚Elk‛ ปี ที่สร้าง ค.ศ. 1976 ,จิตรกรรม, สี น้ ามันบนผ้าใบ
ที่มา : http://pictify.saatchigallery.com/300510/georg-baselitz-elke
15
ภาพที่ 3 จอร์ท บาซิลิซ(Georg Baselitz), The Big Night Down the Drain, ปี ที่สร้าง ค.ศ. 1962,
ขนาด 250x180 เซนตีเมตร ,จิตรกรรม, สี น้ ามันบนผ้าใบ
ที่มา : http://www.independent.co.uk/arts-entertainment/art/great-works/great-works-the-big-
night-down-the-drain-19623-250-x-180cm-georg-baselitz-2183838.html
ภาพที่ 4 จอร์ท บาซิลิซ, The Great Friends, 1965, ปี ที่สร้าง ค.ศ. 1965,จิตรกรรม, สี น้ ามันบนผ้าใบ
ที่มา:https://www.google.co.th/search?q=Georg+Baselitz&biw=1680&bih=949&source=lnms&tb
m=isch&sa=X&ved=0CAYQ_AUoAWoVChMI9Nzj15eIyAIVih2UCh2ylAi4
16
ภาพที่ 6 จอร์ท บาซิลิซ(Georg Baselitz), Das Motiv: das Gluck daheim, ปี ที่สร้าง ค.ศ.1938
จิตรกรรม, สี น้ ามันบนผ้าใบ
ที่มา : http://www.christies.com/lotfinder/paintings/georg-baselitz-das-motiv-das-gluck-daheim-
5459971-details.aspx
17
ภาพที่ 7 จอร์ท บาซิลิซ(Georg Baselitz), The Brücke Chorus, ปี ที่สร้าง ค.ส.1983, ขนาด 280x450
เซนติเมตร ,จิตรกรรม, สี น้ ามันบนผ้าใบ
ที่มา: http://www.saatchigallery.com/aipe/georg_baselitz.htm
ภาพที่ 8 จอร์ท บาซิลิซ, DreieckZwischen Arm Und Rumpf, ปี ที่สร้าง ค.ส. 1977, ขนาด 250x200
เซนติเมตรจิตรกรรม, สี น้ ามันบนผ้าใบ
ที่มา : http://www.saatchigallery.com/aipe/georg_baselitz.htm
18
การพัฒนาและวิธีการสรางสรรคผลงาน
เทคนิคและวิธีการสรางสรรค
ขาพเจาเลือกเทคนิคที่สามารถแสดงออกใหไดผลสอดคลองกับแนวความคิดเพื่อใหเทคนิค
และแนวความคิดนั้นสัมพันธกัน สอดรับกันอยางลงตัวนั้นขาพเจาจึงเลือกใชเทคนิคภาพพิมพหิน
(Lithograph)ผสมกับเทคนิคภาพพิมพรองลึก (Intaglio) ดวยความเรียบแบนและยังสามารถแสดงฝ
แปรงอย า งฉั บ พลั น พื้ น ผิ ว (Texture) ที่ เ ป น ลั ก ษณะเฉพาะของเทคนิ ค ภาพพิ ม พ หิ น เพื่ อ สร า ง
บรรยากาศ รูปทรง และพื้นที่วางอีกทั้งเทคนิคภาพพิมพหิน (Lithograph) ยังเหมาะที่จะใชสีสันเพื่อ
นํามาสรางบรรยากาศผสมผสานกับเทคนิคภาพพิมพรองลึก (Intaglio) ที่สามารถแสดงความรุนแรง
ของฝแปรงและเสนที่แสดงออกไดอยางรุนแรงเฉียบพลัน แสดงลักษณะพื้นผิวของการเผาไหม ขูด
ขีด และพื้นผิวตางตางจากการใชวัสดุอีกมากมาย ที่มีความเฉพาะตัวแตกตางจากภาพพิมพหิน
(Lithograph) ทั้งสองเทคนิคดังกลาวขาพเจาเลือกใชความพิเศษของเทคนิคและวิเคราะหตีความ
19
20
ทดลองหาความเป น ไปได เ พื่ อ นํ า ไปสู ก ารเลื อ กใช ทั้ ง สองเทคนิ ค ดั ง กล า วได อ ย า งลงตั ว และ
สอดคลองกับแนวความคิดในการนําเสนอผลงานซึ่งมีรูปแบบที่มุงเนนการแสดงออกทางดาน
อารมณความรูสึก (Expression) ดังนั้นการใหความสําคัญกับเรื่องของเทคนิคทั้งสองเทคนิคดังกลาว
จึงมีความจําเปนที่ตองเชี่ยวชาญพรอมกับหาความเปนเอกลักษณเฉพาะตัวเพื่อใหงานที่มุงเนนการ
แสดงออกทางดานอารมณ (Expression) บนเทคนิคทางภาพพิมพที่มีขอจํากัดทางเทคนิคมากมาย
ใหไดสําริดผลมากที่สุดจึงตองอาศัยทั้งความชํานาญทางเทคนิค และความกลาแสดงออก กลาเสี่ยง
กลาทดลองสิ่งใหมใหม จึงเกิดมาเปนผลงานภาพพิมพบนระนาบ 2 มิติที่สมบูรณแบบ
1.1รูปแบบของผลงาน
1.1.1.สัญลักษณ (Symbol)
สัญลั กษณ (Symbol) สิ่ งหนึ่ งที่สําคัญที่ถูกสรางดวยการตีความทางประสบการณและ
ความคิด ของศิลปนการเลือกหยิบนํามาใชในการทํางานศิลปะนั้นขึ้นอยูกับผลงานของศิลปนที่
เลือกใช สัญลักษณ (Symbol) ที่ซอนนัยยะทางความคิดที่นําไปสูแนวความคิดที่ศิลปนตองการ
นําเสนอความชาญฉลาดของศิลปนเองที่ควรเลือกใชรูปทรง เสน สี น้ําหนัก พื้นที่วาง แบบใดให
เหมาะสมเพื่อมุงประเด็นทางความคิดใหตรงประเด็นกับความคิดที่ศิลปนตองการนําเสนอ
สัญลักษณในผลงานแสดงออกดวยภาษากายของมนุษยรูปทรงของมนุษยในบริบทของคน
รักภายใตบรรยากาศที่แสดงอารมณความโศกเศราตนเหตุจากความสูญเสียบนพื้นที่ที่ถูกสรางขึ้น
เพื่อบันทึกความรูสึกและความคิดภายในจิตใจความสูญเสียที่สงผลตอสภาวะทางจิตใจซึ่งแตละ
ผลงานมีความแตกตางทางสัญลักษณ พื้นที่ รูปทรง ดวยการบันทึกอารมณความรูสึกในชั่วขณะ
21
ภาพที่ 9 ดวงตาที่แสดงอารมณโศกเศรา
คือสัญลักษณแทนความรูสึกโศกเศราผิดหวังจากความสูญเสียซึ่งสงผลตอสภาวะภายใน
จิตใจสรางใหเกิดสภาวะผิดปกติภายในจิตใจโดยขาพเจาเลือกใชรูปทรงมนุษย(Figure)เพื่อเปนสื่อ
ในการบันทึกความรูสึกของขาพเจาที่เกิดขึ้นการแสดงออกถึงความรูสึกผานดวงตาที่โศกเศราเพื่อ
สื่อสารถึงประเด็นสําคัญในแนวคิดที่ตองการนําเสนอ
ภาพที่ 10 กอด
คือสัญลักษณแทนภาษากายของมนุษยที่เปนการแสดงออกถึงความรักความเปนหวงเปนใย
หรือการปลอบโยน ซึ่งถูกนํามาใชในบรรยากาศที่มืดมน มัวหมอง เพื่อเปนการพูดถึงการสูญเสีย
กอดจากบุคคลคนอันเปนที่รักนั้นไป และยังแฝงนัยยะทางความคิดถึงการฉุดรั้ง ยึดเหนี่ยว ดวยกับ
การที่ไมอยากที่จะสูญเสียความสัมพันธหรือ ประสบการณทางความรูสึกที่ดีที่ผานมาทั้งหมดไป
22
เพื่อเปนการพูดถึงการสูญเสียกอดจากคนรักนั้นไปการยื้อไมใหความรูสึกนี้สูญเสียไป คือการ
แสดงออกถึงความรักที่มีตอบุคคลอันเปนที่รักจนมิอาจสูญเสียมันไปได
ภาพที่ 12 พื้นที่ภายในจิตใจ
คือสั ญลั กษณแ ทนพื้น ที่ ที่ถูก กํา หนดขึ้นมาเพื่อบัน ทึกอารมณความรูสึก ในชั่ว ขณะนั้น
อารมณความรูสึกคิดถึงคนรักที่จากไป ขาพเจามักพบวาเมื่อใดที่ตนเองอยูคนเดียวภายในพื้นที่ของ
ขาพเจาเองความรูสึกโศกเศรามักเกิดขึ้นเสมอ การใชมุมมอง (Perspective) ในลักษณะที่เปนหอง
เพื่อเปนนัยยะแสดงถึงการครุนคิดกับความรูสึกนี้อยูคนเดียว ภายใตชีวิตประจําวันที่ดูเหมือนความ
เศราจะหายไปแตแทจริงแลวความทรงจําตางตางที่มีผลกับความรูสึกเหลานี้ไมเคยจางหายไป
คือสัญลักษณที่แฝงนัยยะถึง สิ่งที่มีชีวิตที่งอกงามดวยน้ําเปนสวนหลอเลี้ยงชีวิตแตเมื่อขาด
น้ํา ความมีชีวิตของดอกไมนั้นก็จากไป การแฝงความคิดเชิงเปรียบเทียบระหวางดอกไมที่แหงเหี่ยว
กับความรักที่โศกเศราที่ครั้งหนึ่งเคยงอกงามเหมือนดอกไมที่สดใส และเมื่อถึงวันที่ตองขาดน้ํา
ความรักก็แหงเหี่ยวรวงโรยเหมือนกับดอกไมที่แหงเหี่ยวนั้นเอง
1.2.ลักษณะการทํางานของทัศนะธาตุ
ศิลปะประกอบไปดวย 2 สวนที่สําคัญคือ เนื้อหาที่เปนแนวความคิด (Concept) และรูปทรง
(Form) เปนภาพรวมขององคประกอบทางทัศนะธาตุ (Elements) ประกอบรวมกันจนเกิดความงาม
ความสมดุล ความเปนเอกภาพทางศิลปะ การสรางสรรคของขาพเจาเกิดจากแรงผลักดันภายใน
ถายทอดออกมาเปนผลงานศิลปะโดยผานทางรูปสัญลักษณของรูปทรงมนุษย (Figure) ที่สื่อถึง
ความสัมพันธที่สอดคลองไปกับแนวความคิด นํามาแสดงผานทางทัศนะธาตุทางศิลปะดังตอไปนี้
ภาพที่ 15 สี (Color)
1.2.2.สี (Color) สีคือหนึ่งในทัศนะธาตุที่สําคัญที่ถูกนํามาใชในการสรางบรรยากาศของ
ภาพ บรรยากาศที่ไมมีในความจริงหากแตเกิดจากการจินตนาการแตงเติมดวยความรูสึกในชวงเวลา
นั้น เพื่อใหบรรยากาศนั้นสอดคลองกับแนวความคิดในการนําเสนอผลงาน และยังใชสีในการสราง
มิติของรูปทรงการผลักระยะเพื่อใหเกิดมิติภาพลวงภาพในรูปแบบงาน 2 มิติ สีสามารถบงบอกถึง
ความรูสึก สรางความรูสึกบางอยางใหกับรูปทรงและยังสามารถบงบอกชวงเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งใน
26
ผลงานชุดสีที่นั้นใชดูเปนลักษณะหมนหมอง ไมสดใสเพื่อสรางบรรยากาศความเศราโศกเชื่อมโยง
กับแนวความคิดและความรูสึกในชวงเวลานั้น การทับซอนกันของสีในมิติของภาพพิมพชวยสราง
ลักษณะพิเศษที่แตกตางจากเทคนิคอื่นๆอีกดวย
2.ขั้นตอนการสรางสรรคผลงาน
2.1 ขั้นตอนการประมวลแนวความคิด
การสรางสรรคผลงานศิลปนิพนธของขาพเจามุงแสดงออกทางดานอารมณความรูสึกเปน
สําคัญโดยอาศัยประสบการณที่เกิดขึ้นซึ่งประสบการณที่เกิดขึ้นนั้นสรางสภาวะผิดปกติทางจิตใจ
บนพื้นที่แสดงอารมณความรูสึกที่จําลองภาพเหตุการณความสัมพันธระหวางบุคคลที่สรางความผูก
ผัน ใหคิ ด ถึงการกระทําหรื อคําพูด ที่อ าจจะตองสูญเสียความผูกผัน หรือคํ าพูด สัญญาเหลานี้ ไ ป
ขาพเจาจึงเลือกใชสัญลักษณภาษากายของมนุษยดําเนินถึงเรื่องราวความรัก สะทอนถึงความทุกข
29
2.2.ขั้นตอนการกําหนดรูปแบบ
คนหาแรงบันดาลใจดวยการบันทึกอารมณความรูสึกผานรูปแบบจิตรกรรมลักษณะการ
แสดงออกที่เนนทางดานอารมณความรูสึก (Expression) เพื่อเปนการนําความรูสึกในชวงขณะนั้น
มาตีความ ทั้งดานรูปทรง พื้นที่วาง ชุดสี บรรยากาศ นําไปสูการแสดงออกผานกระบวนการทาง
ภาพพิมพหินและภาพพิมพรองลึก (Lithograph and Intaglio) การใชเทคนิคจิตรกรรมเปนตนแบบ
เพื่อเปนแรงบันดาลใจ สอดคลองกับแนวคิดในการหยิบเอาความรูสึกในชั่วขณะเวลานั้นมาใชอยาง
ฉับพลัน วิธีการแบบจิตรกรรมนั้นจึงเปนวิธีการแสดงออกที่สอดคลองกับแนวความคิดที่ตองการ
นําเสนอมากที่สุด เพื่อสะทอนสภาวะความโศกเศราภายใจจิตใจ การใชอารมณความโศกเศราเปน
ตนของแรงบัลดาลใจในการสรางสรรคผลงานเพื่อสรางสรรครูปทรง พื้นที่วาง บรรยากาศ จาก
ภายในจิ ต ได สํ านึ ก ออกมาเป น การแสดงออกในลั ก ษณะเฉพาะส ว นตั ว ที่ ข า พเจ า เชื่ อ มโยงกั บ
ประสบการณความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตัวขาพเจาเองการแสดงออกในลักษณะนี้ยังชวยเปนการ
สํารวจความรูสึก ภายใตสภาวะผิดปกติทางจิตใจนี้เองยังมีมุมมองทางความคิดที่ดีหรือความรูสึกที่ดี
เพื่อไปขัดเกลาจิตใจในสภาวะผิดปกติ และยังเปนการเรียนรูที่จะหามุมมองทางความคิดที่ดีใน
สภาวะผิดปกติทางจิตใจ นําไปสูการสรางสภาวะจิตใจที่ดียิ่งขึ้นกวาเดิม
2.3.ขั้นตอนการเตรียมวัสดุ อุปกรณในการทําภาพพิมพหินและภาพพิมพรองลึก
-กระดาษภาพพิมพฟาเบียโน (Fabriano Printing Paper)
-กระดาษพรูป (Newsprint)
-หมึกพิมพออฟเซท (Offset Ink)
-หมึกพิมพแมพิมพโลหะ (Etching Ink)
-แมพิมพแผนอลูมินั่ม (Aluminum Plate)
-แมพิมพพาสวูด (Plastwood Plate)
-น้ํามันกาซ (Cool Oil)
30
-แลคเกอรคลือบเงา (Laeguer)
-หัวเปาไฟแบบวาลว (Gas Torch)
-เหล็กแหลม (Needler)
-กระดาษทรายขัดเหล็กแบบหยาบ (Sandpaper)
-สีพลาสติก (Plastic colour)
-กาวกระถิน (Arabic Gum)
-เรดแลคเกอร (Red Lacquer)
-น้ํามันสน,น้ํามันทินเนอร (Turpentine, Thinner)
-กรดซัลฟูริค, กรดฟอสฟอริค (Sulphuric Acid, Phosphoric Acid)
-แปรงขนนุม (Brusher)
-ลูกกลิ้งยาง (Roller)
-เกรียง (Spatulas)
-ฟองน้ําจากใยพืช (Sponge)
-น้ํามันวานิช (Vanish Oil)
-ผงไลทแมกนีเซียม คารบอเนท (Light Magnesium Carbonate)
-เศษผาสําหรับเช็ด
31
2.4.ขั้นตอนการสรางสรรคผลงานผานกระบวนการพิมพ
กระบวนการพิมพดวยเทคนิคทางภาพพิมพที่ผสมผสานระหวางภาพพิมพหิน (Lithograph)
และภาพพิมพรองลึก(Intaglio)เปนกระบวนการที่เหมาะสมสําหรับการถายทอดอารมณของการ
แสดงออกที่เนนทางดานอารมณความรูสึก(Expression)ผลสําเร็จของกระบวนการภาพพิมพหินนั้น
ชวยสรางชุดสีบรรยากาศภายในงานไดใกลเคียงกับแบบรางที่ใชการถายทอดดวยกระบวนการ
จิตรกรรมและภาพพิมพหินนั้นยังถายทอดพื้นผิว(Texture)ที่ชวยสรางใหบรรยากาศที่เกิดขึ้นใน
ผลงานนั้นดูมีลักษณะพิเศษของเทคนิคไปสงเสริมใหดูมีความสมบูรณมากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ยัง
ตองอาศัยความฉับพลันในการแสดงออกจากเทคนิคภาพพิมพรองลึก (Intaglio)ที่เขามาชวยสงเสริม
ใหความสมบู รณในการถายทอดในลักษณะที่มุงเนนทางดานอารมณความรูสึกเปนสําคัญโดย
ทั้งหมดนี้ขาพเจาแบงการดําเนินออกเปน7ขั้นตอนในกระบวนการของการสรางสรรคแบบราง และ
ในกระบวนการทางเทคนิคภาพพิมพ
2.4.1.ขั้นตอนการสรางภาพราง
จากแนวความคิดในการสรางสรรคผลงานที่ตองการนําเสนอสภาวะผิดปกติทางจิตใจที่เกิด
จากความเศราโศกเสียใจจากการสูญเสียบุคคลอันเปนที่รักซึ่งผลงานนั้นใชวิธีและกระบวนการ
เทคนิคจิตรกรรมในการสรางภาพรางเพื่อเปนการบันทึกความรูสึกชั่วขณะหนึ่งในชวงเวลานั้นที่
ความคิ ด มี แ ต ค วามโศกเศร า ข า พเจ า จึ ง เลื อ กใช แ ละการบวนการทางเทคนิ ค จิ ต รกรรมในการ
สรางสรรคภาพรางซึ่งลักษณะการถายทอดนั้นมีลักษณะแสดงออกดวยฝแปรงที่รุนแรงและฉับพลัน
ทิ้งรองรอยของฝแปรงไวอยางชัดเจนรูปทรงที่ถูกคลี่คลายดวยกระบวนการที่ตองใชความฉับพลัน
ในการสรางสรรคภาพรางสงผลใหรูปทรงมนุษยนั้นถูกคลี่คลายออกไปจากความจริงเปนนัยยะที่
แสดงออกถึงเรื่องความไมสมบูรณของรูปทรง
32
2.4.2.ขั้นตอนการขยายแบบราง
เมื่อไดภาพรางที่สมบูรณพรอมนําไปสูขั้นตอนการขยายแบบรางแลวนั้น จึงนําแบบรางที่
ตองการขยายนําไปขยายใหญดวยเครื่องถายเอกสารโดยกําหนดขนาดของภาพ (ImageSize) อยุที่
100 X 70 เซนติเมตร ซึ่งจะสอดคลองกับขนาดมาตรฐานของกระดาษจะอยูที่ 100 X 70 เซนติเมตร
เมื่อไดถายเอกสารตามที่ตองการแลวนั้น ตรวจสอบวัดหาองศาความตั้งฉากของมุมภาพสี่ดานทุก
ครั้ง เพื่อเปนการตรวจสอบกอนที่จะนําแบบรางที่ขนาดใหญนี้ไปขยายลงในกระดาษไขฟมล (
Drafting Film) ขั้นตอนตอไป
33
ภาพที่ 20 การขยายแบบราง
นํ า กระดาษไขฟ ล ม วางทาบลงบนแบบร า งที่ ข ยายใหญ เ พื่ อ ลอกแบบลงบนกระดาษไขฟ ล ม
(Drafting Film )และนําไปลอกลงบนแมพิมพ
2.4.4.ขั้นตอนการสรางสรรคแมพิมพดวยกรรมวิธีตาง ๆ บนแมพิมพ
ในการเตรี ย มตั ว ก อ นที่ จ ะเริ่ ม ทํ า งานในกระบวนการภาพพิ ม พ นั้ น สิ่ ง ที่ สํ า คั ญ คื อ การ
วางแผนในการทํางาน วางแผนในการพิมพ เพื่อแยกรายละเอียดสีแยกออกมาเพื่อพิมพในแตละ
แมพิมพ ซึ่งจะถูกกําหนดในกระบวนการของภาพพิมพหินนั้นทั้งหมด 6-7เพลท เพื่อเปนการสํารอง
ในสวนที่เกิดความผิดพลาดในขั้นตอนการทํางานในการพิมพแตละสีลงบนกระดาษที่เตรียมไวนั้น
จํา เป นอย างยิ่ งที่ จ ะต องถู ก วางแผนสีใ นแตละเพลทไว เ พื่อการทํางานที่ส ะดวกและรวดเร็ ว แต
กระบวนการที่ซับซอนเหลานี้นั้นจะเปนตัวกําหนดหรือกรอบที่ทําใหผลงานลดความฉับพลันใน
34
การแสดงออกลงไป ขาพเจาจึงไมไดกําหนดใหการทํางานนั้นตองออกมาเหมือนกับแบบรางมาก
ที่สุด หากแตในการทํางานนั้นจึงละทิ้งความเปนตนแบบรางเพื่อการแสดงที่ฉับพลัน ใหแสดงผล
งานกระบวนการของภาพพิมพนั้นคือประเด็นที่ขาพเจาตองการนําเสนอ การเขียนแมพิมพนั้น
ขาพเจาเลือกใช น้ํามันวานิช ( Vanish Oil) โดยใชแปรงพูกันที่มีขนาดหลากหลาย เพื่อการทอดถาย
อารมณในลักษณะฝแปรงที่ฉันพลับ
ภาพที่ 22 กระบวนการเขียนแมพิมพ
แนวคิดที่ตองการนําเสนอมีความสอดคลองกับเทคนิคซึ่งตองอาศัยความฉับพลัน ในการแสดงออก
สวนที่สําคัญในกระบวนการเขียนแมพิมพขาพเจาใหความสําคัญไปที่ ขั้นตอนในการสรางแมพิมพ
รองลึก ( Intaglio ) ซึ่งในกระบวนการนั้นตองใชหลักการสรางพื้นผิวดวยการใชความรอนในการ
เผาไหม ดวยลักษณะเนื้อของแมพิมพเพลทพาสวูด (Plastwood) นั้นเปนพลาสติกที่สามารถใชความ
ร อ นทํ า ให เ กิ ด พื้ น ผิ ว ได ขั้ น ตอนนี้ ส ามารถใช อุ ป กรณ ที่ ส ร า งความร อ นได ห ลากหลายตามแต
ความคิดและความถนัดในการควบคุมน้ําหนักและพื้นผิวของวัสดุที่ใชขาพเจาใชหัวเปาไฟแบบ
วาวลและแกสเติมไฟแชคน้ํามันรอนสัน (Ronsonol) ที่สามารถควบคุมระดับของความรอนที่จะ
สรางพื้นผิวไดนอกจากนั้นยังใชเหล็กแหลมในการสรางรองรอยทําใหเกิดรองลึกเพื่อสรางลักษณะ
พื้นผิวที่แตกตางไมเรียบแบนแตมีลักษณะนูนต่ํา (Bass relief) ขึ้นมาจากระนาบของกระดาษเพื่อ
สร า งลั ก ษณะพิ เ ศษอย า งเฉพาะตั ว ที่ แ ตกต า งจากเทคนิ ค อื่ น ๆเนื่ อ งจากผลงานสร า งสรรค ใ น
กระบวนการของภาพพิมพของขาพเจานั้นมีความจําเปนที่ตองใชพื้นผิวที่มีลักษณะพิเศษมาชวย
สงเสริมผลงานใหมีลักษณะของความเปนพื้นผิวเขาไปชวยผสมผสานกับความเรียบแบบของภาพ
พิมพหิน
37
ภาพที่ 24 ขั้นตอนการเคลือบกาวกระถินบริสุทธิ์
ภาพที่ 25 ขั้นตอนการกัดกรด
2.4.6.ขั้นตอนการพิมพในเทคนิคภาพพิมพหิน 6 (Lithograph) “แทนพิมพ (Press)
สําหรับภาพพิมพหินนั้น เปนลักษณะของการใชแรงกรด สามารถปรับระดับแรงกด (Pressure) ของ
แทนพิมพ ใหสัมพันธกับชนิดของแผนแมพิมพได โดยทั่วไปแลวนั้นระดับแรงกดของแทนพิมพ
ระหวางแทนที่ใชพิมพแผนแมพิมพอลูมินั่ม (Aluminum Plate) กอนใชงานจริงควรเตรียมขั้นตอน
ตางตางใหเกิดความพรอมมากที่สุด ซึ่งที่มีความสําคัญเปนอันดับแรกคือการเลือกความยาวของแผน
6
อํานาจ คงวารี,บทสนทนาระหวางฉันกับความปรารถนาที่กําหนดโดยสังคม,(คณะจิตรกรรม
ประติมากรรมและภาพพิมพ มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ.2558)
40
ภาพที่ 26 อุปกรณที่ใชในการพิมพ
41
ภาพที่ 27 ขั้นตอนการลางเขมา
ลางทําความสะอาดเขมาดวยน้ํามันสนและน้ํามันทินเนอรตามลําดับ จากนั้นเช็ดใหแหง
ดวยเศษผาใหสะอาดเพื่อใหวัสดุไขตางตางที่ใชเขียนนั้นหลุดออกจากแมพิมพ ขั้นตอนตอไปใชเรด
แลคเกอร (Red Lacguer) แดงเช็ควนใหทั่วแมพิมพ เพื่อทําใหหมึกที่ใชกลิ้งลงบนแมพิมพติดบน
หนาเพลทเร็วมากยิ่งขึ้ น จากนั้นใชเศษผาชุบดวยสีที่จะพิมพ ผสมกับน้ํามันสน แลวเช็ดใหทั่ว
แมพิมพ หลังจากเสร็จขั้นตอนในการเช็ดเรดแลคเกอรและสีผสมกับน้ํามันสนแลว จึงลางใหสะอาด
ดวยฟองน้ําบีบน้ําใหเทาแลวใชมือสะอาดถูเอาเรดแลคเกอรออกใหสะอาดเทาทั้งเพลท แลวใช
ฟองน้ําลูบใหเทาเพลท เพื่อเลี้ยงระดับความชื้นบนหนาเพลทไว
42
ภาพที่ 28 ขั้นตอนการกลิ้งหมึก
ใชฟองน้ําสะอาดชุบน้ําเช็ดใหทั่วแมพิมพทุกครั้งกอนที่จะกลิ้งหมึกดวยลูกกลิ้งยางบน
แมพิมพเพื่อชวยปองกันไมใหหมึกบนลูกกลิ้งยางนั้น ไปติดบริเวณที่ปราศจากวัสดุบนแมพิมพ กลิ้ง
หมึกดวยลูกกลิ้งยางบนแมพิมพใหครบทุกทิศทาง โดยตองสลับกับการเช็ดน้ําหลอเลี้ยงทุกครั้งที่
กลิ้งเสร็จหนึ่งชุด ลักษณะของการกลิ้งหนึ่งชุดนั้นคือการกลิ้งไปกลับสลับแปดทิศทาง และจึงกลิ้ง
ครึ่งแมพิมพครึ่งละ 1 ครั้งเปนการกลิ้งทั้งหมด 10 ครั้ง เมื่อครบ 20 ครั้งในการกลิ้งจึงนําลูกกลิ้งยาง
รับหมึกพิมพที่แทนกลิ้งหมึก แลวนํากลับมากลิ้งบนแมพิมพอีกครั้ง กลิ้งจนครบทั้ง 60 ครั้งแลวจึง
นําไปสูขั้นตอนการเตรียมชื้นกระดาษตอไป
43
ภาพที่ 29 ขั้นตอนทําชื้นกระดาษ
ขั้นตอนนี้เลือกใชกระบอกพนน้ําฉีดเปนละอองฝอย ลอยในอากาศอยางสม่ําเสมอ
และคอยคุมใหละอองน้ํากระจายอยูในบริเวณกระดาษอยางเทา ๆ กันทิ้งไวอยางนอย 2-3 นาที
เพื่อใหน้ําซึมลงไปในเนื้อของกระดาษพิมพฟาเบียโน (Fabriano) ที่ใชสําหรับพิมพผลงาน ปรับ
สภาพทําใหเนื้อกระดาษมีความออนนุมมากกวาปกติ แลวจึงใชกระดาษพรูฟสะอาดวางทับ ดูด
ซับละอองน้ําสวนเกินออก หลังจากซับน้ําสวนเกินออกแลวจึงนําไปสูขั้นตอนการพิมพทันที เพื่อ
44
หลั ง จากเสร็ จ สิ้น ในขั้ น ตอนของการอุ ด สี ห มึ ก พิ มพ นั้ น ขั้ น ตอนต อ ไปคื อ การทํ า ชื้ น
กระดาษเพื่อรอพิมพ นํากระดาษภาพพิมพผลงานที่ ผานกระบวนการเทคนิคภาพพิมพหินจนเสร็จ
สิ้นทั้งหมด มาเพื่อเตรียมทําชิ้นในอางพลาสติกที่มีขนาดใหญกวากระดาษภาพพิมพฟาเบียโน โดย
ภายในอางพลาสติกที่ใชทําชื้นกระดาษ รองน้ําไวโดยประมาณครึ่งอางพลาสติกหลังจากนั้นน้ํา
กระดาษโดยเอาสวนดานหนา คว่ําลงในอางพลาสติกเพื่อใหสวนดานหนาของผลงาน สัมผัสกับผิว
น้ําอยางเต็มที่ เพื่อชวยใหความชื้นมีระดับที่เทา ๆ กัน โดยทิ้งไวอยางนอย 5-6 นาที ระหวางที่รอ
กระดาษภาพพิมพผลงานทําชื้นอยูนั้น ใหเตรียมแทนสําหรับพิมพในเทคนิคภาพพิมพรองลึกโดย
การใชผาสักหลาดสองผืนที่มีขนาดใหญเทากับแผนอะคิลิคที่ใชรองบนแทนรองแมพิมพ จากนั้นใช
47
ภาพที่ 33 ขั้นตอนการดึงกระดาษขึ้นจากแมพิมพหลังจากผานกระบวนการพิมพในเทคนิคภาพ
พิมพรองลึก, ขั้นตอนการขึงกระดาษ ดวยเทปกาวน้ําหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการพิมพ
บทที่ 4
การวิเคราะหและการพัฒนาผลงาน
การพัฒนาตนเองในการสรางสรรคศิลปนิพนธ ดวยกับการพัฒนาทั้งดานกระบวนการ
ความคิด กระบวนการทางเทคนิครูปแบบหรือองคประกอบในผลงานศิลปนิพนธลวนแลวแตมา
จากการคิดวิเคราะห เพื่อมองหาขอดีและขอเสียที่เกิดขึ้นในแตละชิ้นผลงานนําไปปรับปรุงแกไข
และพัฒนาใหผลงานศิลปนิพนธนั้นมีความสมบูรณแบบมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการวิเคราะหเพื่อพัฒนา
ผลงานศิลปนิพนธจึงมีความสําคัญอยางยิ่งเพื่อการวางแผนในการสรางสรรคผลงานในชิ้นตอ ๆ ไป
ใหมีความละเอียดรอบคอบ ในทุก ๆ ดาน การวิเคราะหตีความนี้เองยังชวยเพื่อใหตัวขาพเจามองหา
สิ่งใหม ๆ หนทางในการพัฒนาความคิด และตัวผลงานศิลปนิพนธ สรางความแตกตางที่พัฒนามาก
ขึ้นเพื่อสรางการพัฒนาที่ดีอยูเสมอ
48
49
สัญลักษณใหม เลาเรื่องภาพประสบการณขางตนเพื่อเปนการบันทึกความรูสึกและในขณะเดียวกัน
ยังเปนการเยียวยารักษาสภาวะผิดปกตินี้เพื่อการคนหามุมมองทางความคิดที่ดี ที่สงผลกับการเรียนรู
การรับมือกับความสูญเสียในชีวิตที่เกิดขึ้นอีก
การสรางสรรคผลงานศิลปนิพนธที่ผานกระบวนการทางเทคนิคภาพพิมพหินที่ผานมาทั้ง 3
ระยะนั้น แสดงถึงการมุงเนนในการแสดงออกทางดานอารมณความรูสึก ซึ่งเปนสิ่งที่ศิลปะใน
รูปแบบของ Expression ซึ่งมุงเนนการแสดงออกทางอารมณมากกวาดานกระบวนการทางความคิด
ดวยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ และการเนนทางดานอารมณความรูสึกที่ขาพเจาไดนําเสนอผาน
ผลงานภาพพิมพหินที่ผานมานั้น ทําใหเกิดแรงขับเคลื่อนที่จะมุงเนนในการแสดงออกทางดาน
อารมณม ากยิ่งขึ้ น จึง เกิด การทดลองและหาความเป นไปไดในการผสมผสานเทคนิคต าง ๆ ที่
ซับซอนมากยิ่งขึ้น เพื่อสงผลใหกระบวนการแสดงออกนั้น แสดงผลถึงความฉับพลัน ความรุนแรง
และทิ้ ง ฝ แ ปรงในการแสดงออกได ดี ม ากยิ่ ง ขึ้ น การทดลองผสมผสานทางเทคนิ ค ระหว า ง
กระบวนการเทคนิ ค ภาพพิม พ หิ น (Lithograph) และกระบวนการทางเทคนิค ภาพพิ มพรองลึ ก
(Intaglio) เป น การผสมผสานที่ ล งตั ว ระหว า งความเรี ย บแบบในลั ก ษณะของภาพพิ ม พ หิ น
ผสมผสานกับพื้นผิวที่ชัดเจนบนระนาบของภาพพิมพรองลึก สรางมิติใหผลงานของขาพเจามีการ
พั ฒ นาทางด า นกระบวนการทางเทคนิ ค เพิ่ ม มากยิ่ ง ขึ้ น เป า หมายเพื่ อ เพิ่ ม ความชํ า นาญทาง
กระบวนการทางเทคนิค หาความพอดี ความลงตัวระหวางรูปทรง พื้นผิว และพื้นที่วาง เพื่อสราง
ความสมบูรณแบบในผลงาน ทายที่สุดการแสดงออกถึงประสบการณทางความรูสึกสภาวะผิดปกติ
ที่เกิดจากความโศกเศรานี้ ยังเปนการคนหามุมมองทางความรูสึกที่ดี ๆ เพื่อลบลางความรูสึกเสียใจ
เหลานี้ และยังเปนการเชื่อมประสบการณทางความรูสึกกับผูคนที่เคยเศราโศกเสียใจ เพื่อเปน
กําลังใจและตอบสนองถึงการมุงแสดงออกทางดานศิลปะเพื่อขัดเกลาจิตใจ สะทอนใหผูคนที่รูสึก
เศราโศกเสียใจนี้เอง มุงหาหนทางที่จะชวยขัดเกลาจิตใจของตนใหดียิ่งขึ้นและผานประสบการณ
เหลานี้ไปไดดวยดี
ออกมาจากตูเชื่อมเหล็กสรางพื้นผิวรองลึกบนแมพิมพเพลทพาสวูด ขั้นตอนของการสรางพื้นผิว
รองลึกนี้ ยังสอดคลองกับจุ ดมุงหมายในการนําเสนอผลงานสรางสรรคที่เ นนทางด านอารมณ
ความรูสึก การเผาไหม ขูดขีดดวยเหล็กปลายแหลม ยังแสดงนัยยะถึงความรูสึกโศกเศราที่สราง
สภาวะผิดปกตินี้เอง สงผลถึงความกดดันอึดอัดทางความรูสึกบางอยา จึงนําแรงผลักดันจากอารมณ
ความรูเหลานี้ เปนแรงบันดาลใจในการแสดงออก ทางดานองคประกอบใชรูปทรงมนุษยที่คลี่คลาย
ดวยการใชฝแปรงและเสนที่รุนแรง แสดงภาษากายในลักษณะการโอบกอด ภายใตบรรยากาศ สีดํา
อมน้ําตาล มีสีที่แทรกอยูในบรรยากาศดวยสีเขียวอมฟา สีของรูปทรงหลักถูกใชสีแดง และสีชมพู
แสดงนัยยะทางอารมณความรูสึกถึงความรักที่มีตอบุคคลอันเปนที่รัก ใบหนาสรางอารมณความหด
หูดวยการใชพื้นผิวของการเผาไหม ทิ้งแววตามที่แสดงถึงความกดดัน ความโศกเศรา เพื่อใหมิติ
ทางดานอารมณความรูสึกของผลงาน สอดคลองกับแนวความคิดในการสรางสรรค
กระบวนการทางเทคนิคภาพพิมพหิน ที่ใชเทคนิคภาพพิมพหินนั้นมาสรางบรรยากาศของสีภายใน
ภาพ
เพื่อใชลักษณะของความขัดแยงระหวางพื้นผิวกับความเรียบแบน และยังชวยสงเสริมเพื่อความ
หลากหลายในเทคนิคที่ใชในการสรางสรรคผลงาน
บทที่ 5
บทสรุป
82
83
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
เว็บไซต
รายชื่อผลงานศิลปนิพนธ
ประวัติผูวิจัย
ประวัติการศึกษา
2550 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ กรุงเทพมหานคร
2554 ศิลปบัณฑิตสาขาวิชาภาพพิมพ คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ
คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ประสบการณ
พ.ศ.2557 work shop ภาพพิมพสีน้ําในโครงการ Print for you ครั้งที่ 3
ณ คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพมหาวิทยาลัยศิลปากร
พ.ศ.2558 ผูชวยสอนในรายวิชาพืน้ ฐานของภาพพิมพ
คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพมหาวิทยาลัยศิลปากร
ประวัติการแสดงผลงาน
พ.ศ.2555
- นิทรรศการ 10 steps Fundamental art,
คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ
พ.ศ.2556
- นิทรรศการ SEA AIR LAND นิทรรศการศิลปะทิวทัศนของนักศึกษาชั้นปที่ 2
คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ รุนที่ 68
- Creative Exhibition by students of Psg.Su.
86
พ.ศ.2557
- นิทรรศการ Print in Angkor Wat 2014 โครงการศึกษาประวัติศาสตรและ
อนุรักษสิ่งแวดลอม เพื่อการสรางศิลปะภาพพิมพเนื่องในโอกาส เนื่องใน
โอกาสครบรอบ 48 ของภาควิชาภาพพิมพมหาวิทยาลัยศิลปากร
- รวมแสดง Cubic Museum Art Exhibition exchange between Aichi University
of The Art Japan and Silpakorn University Thailand
พ.ศ.2558
- รวมแสดงนิทรรศการงานศิลปกรรมรวมสมัยของศิลปนรุนเยาว ครั้งที่ 32
- รวมแสดงนิทรรศการ “PARP-PIM” Mini Print Project 2015
พ.ศ.2559
- รวมแสดงนิทรรศการศิลปะกับกลุมศิลปน Rock Around Asia
- รวมแสดงนิทรรศการ 1 st International Print Biennial Lodz Prints, Poland
- รวมแสดงนิทรรศการ The International Bicnnial Print Exhibit: 2016
ROC. ณ ประเทศ ไตหวัน