Professional Documents
Culture Documents
เอกสารประกอบการสอนตรรกศาสตร์เบื้องต้น
เอกสารประกอบการสอนตรรกศาสตร์เบื้องต้น
ตรรกศาสตร์เบื้องต้น
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตรรกศาสตร์เบื้องต้น
1. ประพจน์ (Proposition)
บทนิยาม ประพจน์ คือ ประโยคหรือข้อความที่สามารถบอกค่าความจริงว่าเป็นจริงหรือเท็จอย่าง
ใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
ความเป็น จริง หรือ เท็จ ของประพจน์ เราเรียกว่า ค่าความจริงของประพจน์ ในที่นี้เราจะใช้ตัวอักษร T
และ F แทนค่าความจริงที่เป็นจริง และเป็นเท็จ ตามลาดับ
3
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
2. การเชื่อมประพจน์ ( Connective )
ประโยคบางประโยคเกิดจากประโยคย่อยๆ แต่ละประโยคจะมี “ตัวเชื่อม” ซึ่งตัวเชื่อมพื้นฐานของประพจน์
มี 4 ตัว ได้แก่ ตัวเชื่อม
และ ใช้สัญลักษณ์แทนด้วย
หรือ ใช้สัญลักษณ์แทนด้วย
ถ้า … แล้ว ใช้สัญลักษณ์แทนด้วย
ก็ต่อเมื่อ ใช้สัญลักษณ์แทนด้วย
2.1 ค่าความจริงของประพจน์ที่เกิดจากการเชื่อมประพจน์ด้วยตัวเชื่อมต่างๆ
ตารางแสดงค่าความจริงของการเชื่อมประพจน์ด้วยตัวเชื่อมต่างๆ
p q pq pq pq pq
T T T T T T
T F F T F F
F T F T T F
F F F F T T
4
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
หมายเหตุ : ข้อสังเกตจากตาราง
1. p q จะมีค่าความจริงเป็นจริง เมื่อ p และ q มีค่าความจริงเป็นจริงทั้งคู่
pq จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p หรือ q มีค่าความจริงเป็นเท็จ
อย่างน้อยหนึ่งประพจน์
2. pq จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p และ q มีค่าความจริงเป็นเท็จทั้งคู่
pq จะมีค่าความจริงเป็นจริง เมื่อ p หรือ q มีค่าความจริงเป็นจริง
อย่างน้อยหนึ่งประพจน์
3. pq จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p มีค่าความจริงเป็นจริง และ
q มีค่าความจริงเป็นเท็จ
pq จะมีคา่ ความจริงเป็นจริง เมื่อ p มีค่าความจริงเป็นเท็จ
pq จะมีค่าความจริงเป็นจริง เมื่อ q มีค่าความจริงเป็นจริง
4. pq จะมีค่าความจริงเป็นจริง เมื่อ p และ q มีค่าความจริงเหมือนกัน
pq จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p และ q มีค่าความจริงต่างกัน
2.2 นิเสธของประพจน์
การสร้างประพจน์ใหม่จากประพจน์ที่กาหนดให้ นอกจากจะใช้วิธีการเชื่อมประพจน์ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว เรา
ยังสามารถสร้างประพจน์ใหม่ได้อีกแบบหนึ่งคือ ใช้การเติมข้อความ “ไม่เป็นความจริงที่ว่า” ลงหน้าประพจน์เดิม
เรียกประพจน์ใหม่ที่ได้นี้ว่า นิเสธของประพจน์เดิม ดังมีนิยามดังนี้
ตารางแสดงค่าความจริงของการนิเสธประพจน์
p ~p
T F
F T
5
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
(11) p q (12) q r
ตัวอย่าง 2 กาหนดประพจน์ให้ต่อไปนี้
p แทน เป็นเซตจากัด
q แทน เป็นสับเซตแท้ของทุกเซต
r แทน P() = {}
s แทน A =
จงหาค่าความจริงของประพจน์ในแต่ละข้อต่อไปนี้
(1) (p q) r (2) (p r) (q r)
6
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
22
(5) 6 กับ 10 เป็นจานวนคี่ (6) Q แต่ Q
7
ตัวอย่าง 5 จงหานิเสธของประพจน์ต่อไปนี้
(1) 5 มากกว่า 0 (2) โลกเป็นดาวฤกษ์
7
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
3. การหาค่าความจริง
ในหัวข้อนี้มีจุดประสงค์เพื่อหาค่าความจริงของประพจน์เชิงประกอบ เมื่อทราบค่าความจริงของประพจ์ย่อย
หรืออาจจะไม่ทราบค่าความจริงของประพจน์ย่อยเลย ซึ่งจะมีวิธีการหาค่าความจริงแตกต่างกัน ดังนี้
3.1 การหาค่าความจริงเมื่อกาหนดค่าความจริงของประพจน์ย่อย
วิธีการหาค่าความจริงของประพจน์เชิงประกอบเมื่อทราบค่าความจริงประพจน์ย่อยเราจะใช้แผนภาพในการ
หา เพื่อความสะดวก ดังตัวอย่างต่อไปนี้
8
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
9
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
3.2 การหาค่าความจริงเมื่อไม่กาหนดค่าความจริงของประพจน์ย่อย
การหาค่าความจริงของประพจน์ที่ยังไม่กาหนดค่าความจริงมาให้ เราสามารถสร้างตารางค่าความจริงของ
ประพจน์เชิงประกอบนั้นได้
โดยเราจะเรียกประพจน์ย่อยที่ยังไม่กาหนดค่าความจริง ว่า ตัวแปรแทนประพจน์
และเรียกประพจน์เชิงประกอบที่ประกอบด้วยตัวแปรแทนประพจน์ ว่า รูปแบบของประพจน์
การสร้างตารางค่าความจริง
ถ้ามีประพจน์ย่อยจานวน n ประพจน์ การพิจารณาค่าความจริงของประพจน์ย่อยต้องพิจารณาค่าความ
จริงทุกกรณี
p q r รูปแบบประพจน์
T T T
T T F
T F T
T F F
F T T
F T F
F F T
F F F
10
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
p q pq p (p q) [p (p q)] q
ข้อสังเกต เราจะหาค่าความจริงของประพจน์ที่วงเล็บในสุดก่อนแล้วขยับออกมาเรื่อยๆ
p q p q p q p q ( p q) ( p q)
p q r (p r) q
11
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
12
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตัวอย่าง 15 จงหาค่าความจริงของประพจน์ย่อยในประพจน์เชิงประกอบที่กาหนดค่าความจริงให้
ในแต่ละข้อต่อไปนี้
ประพจน์เชิงประกอบ ค่าความจริงของประพจน์ย่อย
ในประพจน์เชิงประกอบ
ประพจน์ ค่าความจริง p q r s
(1) (p q) r F
(2) p (q r) F
(3) (r q) (q s) F
(5) (p q) p F
(6) (p q) (r s) F
(7) (r p) (s p) T
(8) (p q) (r s) F
(9) [(p q) r] (p s) F
(10) (p s) (p q) F
13
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
14
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
15
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
4. รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน (Equivalent)
บทนิยาม รูปแบบประพจน์ที่สมมูลกัน
คือ รูปแบบของประพจน์สองรูปแบบที่มีค่าความจริงเหมือนกันทุกกรณี
จากนิยาม รูปแบบประพจน์ที่สมมูลกันสามารถใช้แทนกันได้
คุณสมบัติของการสมมูลของรูปแบบประพจน์
กาหนดให้ A, B และ C เป็นรูปแบบของประพจน์
(1) การสะท้อน : A A
(2) การสมมาตร : ถ้า A B แล้ว B A
(3) การถ่ายทอด : ถ้า A B และ B C แล้ว A C
บทนิยาม รูปแบบประพจน์ที่เป็นนิเสธกัน
คือ รูปแบบของประพจน์สองรูปแบบที่มีค่าความจริงต่างกันทุกกรณี
วิธีการตรวจสอบการสมมูลกันของรูปแบบประพจน์
(1) สร้างตารางค่าความจริง โดยตารางของรูปแบบประพจน์ทั้งสองในตารางเดียวกัน จากนั้นพิจารณา
ว่าแต่ละกรณีมีค่าความจริงเหมือนกันทุกกรณีหรือไม่
ถ้าทุกกรณีมีค่าความจริงเหมือนกัน จะกล่าวว่า รูปแบบประพจน์ทั้งสองนั้นสมมูลกัน
ถ้ามีบางกรณีที่มีค่าความจริงต่างกัน จะกล่าวว่า รูปแบบประพจน์ทั้งสองนั้นไม่สมมูลกัน
16
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
*** รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกันที่สาคัญ ***
E 1. (p) p
E 2. pq qp
E 3. pq qp
E 4. pq qp
E 5. (p q) r p (q r)
E 6. (p q) r p (q r)
E 7. (p q) r p (q r)
E 8. p (q r) (p q) (p r)
(q r) p (q p) (r p)
E 9. p (q r) (p q) (p r)
(q r) p (q p) (r p)
E 10. p (q r) (p q) (p r)
p (q r) (p q) (p r)
E 11. (p q) r (p r) (q r)
(p q) r (p r) (q r)
E 12. pq p q q p
E 13. pq p q (p q) (q p)
E 14. (p q) p q
E 15. (p q) p q
E 16. (p q) p q
E 17. (p q) p q p q
E 18. pp p
E 19. pp p
E 20. pT p
E 21. pF p
E 22. Tp p
E 23. pF p
E 24. pT p
E 25. pF p
17
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตัวอย่าง 20 จงเติมประพจน์ในช่องว่างทาให้รูปแบบประพจน์ที่กาหนดให้สมมูลกัน
(1) p q q ……. (2) p q …… q
(3) p q q ….… (4) p q …… …….
(5) p q …… …… (6) p q …… …….
(7) pq …… p (8) p q …… q
(9) p q (p ….…) (10) p q ( p ...….)
18
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
19
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตัวอย่าง 22 จงหานิเสธของประพจน์ต่อไปนี้
(1) p q (2) pq
(5) (p q) r (6) p ( q r)
ตัวอย่าง 23 จงหานิเสธของข้อความต่อไปนี้
(1) เป็นจานวนอตรรกยะและมีค่ามากกว่า 3
ตัวอย่าง 24 จงหาข้อความที่สมมูลกับข้อความต่อไปนี้
(1) ถ้า xy = 0 และ x ≠ 0 แล้ว y = 0
20
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
(4) A : a
{0} ก็ต่อเมื่อ a หาค่าได้
B : (ถ้า a หาค่าไม่ได้ แล้ว a
{0} ) และ
( a หาค่าไม่ได้ หรือ a
{0} )
21
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
5. สัจนิรันดร์ (Tautology)
จากการหาค่าความจริงของรูปแบบประพจน์ดดยใช้ตารารงค่าความจริงบางครั้งเราจะพบว่าในทุกกรณีมีค่า
ความจริงเป็นจริง ในหัวข้อนี้เราสนใจจะตรวจสอบรูปแบบของประพจน์ว่ารูปแบบใดมีลักษณะเช่นนี้
วิธีการตรวจสอบความเป็นสัจนิรันด์
วิธีที่ 1 : สร้างตารางค่าความจริง
เป็นวิธีที่สามารถใช้ได้ทุกรูปแบบของประพจน์
วิธีที่ 2 : ใช้ความรู้เกี่ยวกับการสมมูล ดังนี้
กาหนดให้ T แทนรูปแบบประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็นจริง
F แทนรูปแบบประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็นเท็จ
A แทนประพจน์ใด ๆ
A ~A T ดังนั้น A ~A เป็นสัจนิรันดร์
AT T ดังนั้น ถ้า B เป็นจริง T แล้ว A B เป็นสัจนิรันดร์
AT T ดังนั้น ถ้า B เป็นจริง T แล้ว A B เป็นสัจนิรันดร์
FA T ดังนั้น ถ้า A เป็นจริง F แล้ว A B เป็นสัจนิรันดร์
22
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
2. รูปแบบของประพจน์ที่อยู่ในรูป A B
ใช้วิธีหาข้อขัดแย้ง โดยสมมติให้ รูปแบบประพจน์ A B เป็นเท็จ
นั่นคือ A มีค่าความจริงเป็น T และ B มีค่าความจริงเป็น F
แล้วหาค่าความจริงของประพจน์ย่อยในรูปแบบประพจน์ A B
ถ้าค่าความจริงของประพจน์ย่อยสอดคล้องกันโดย ไม่มีข้อขัดแย้ง *
แสดงว่ารูปแบบประพจน์ A B มีโอกาศเป็นเท็จได้
ดังนั้น A B ไม่เป็นสัจนิรันด์ *
ถ้าค่าความจริงของประพจน์ย่อยไม่สอดคล้องกันโดย มีข้อขัดแย้ง *
แสดงว่ารูปแบบประพจน์ A B ไม่มีโอกาศเป็นเท็จได้ (เป็นจริงเสมอ)
ดังนั้น A B เป็นสัจนิรันด์ *
3. รูปแบบของประพจน์ที่อยู่ในรูป A B
3.1 ใช้วิธีหาข้อขัดแย้ง โดยสมมติให้ รูปแบบประพจน์ A B เป็นเท็จ
นั่นคือ กรณีที่ 1 A มีค่าความจริงเป็น T และ B มีค่าความจริงเป็น F
กรณีที่ 2 A มีค่าความจริงเป็น F และ B มีค่าความจริงเป็น T
ในแต่ละกรณีหาค่าความจริงของประพจน์ย่อยในรูปแบบประพจน์ A B
ถ้าทั้ง 2 กรณี มีบางกรณีที่ค่าความจริงของประพจน์ย่อยสอดคล้องกัน
โดย ไม่มีข้อขัดแย้ง *
แสดงว่ารูปแบบประพจน์ A B มีโอกาศเป็นเท็จได้
ดังนั้น A B ไม่เป็นสัจนิรันด์ *
ถ้าทั้ง 2 กรณี แต่ละกรณีมีค่าความจริงของประพจน์ย่อยไม่สอดคล้องกัน
โดย มีข้อขัดแย้ง *
แสดงว่ารูปแบบประพจน์ A B ไม่มีโอกาศเป็นเท็จได้ (เป็นจริงเสมอ)
ดังนั้น A B เป็นสัจนิรันด์ *
3.2 ใช้การสมมูลกัน โดยตรวจสอบว่าประพจน์ A และ B สมมูลกันหรือไม่
ถ้า A B แล้ว A B เป็นสัจนิรันด์
ถ้า A B แล้ว A ไม่เป็นสัจนิรันดร์
23
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตัวอย่าง 26 จงตรวจสอบรูปแบบประพจน์ต่อไปนี้เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
โดยใช้การสร้างตารางค่าความจริง
(1) [(p q) p] q (2) (p q) (p q)
p q p q
24
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตัวอย่าง 27 จงตรวจสอบรูปแบบประพจน์ต่อไปนี้เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
(1) (p p) (q r) (2) (p q) p q
25
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
6. การอ้างเหตุผล
ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่ารูปแบบของประพจน์ A B จะประกอบด้วยส่วนสองส่วน คือ เหตุ ได้แก่ A
และ ผล ได้แก่ B เราจะอาศัยความรู้นี้มาศึกษาเรื่องการอ้างเหตุผล
*** วิธีการตรวจสอบการอ้างเหตุผลว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่***
26
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
27
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
28
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
29
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
7. ประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ
7.1 ประโยคเปิด ( Open Sentence )
บทนิยาม ประโยคเปิด หมายถึง ประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธที่มีตัวแปร และเมื่อแทน
ค่าตัวแปรในประโยคเปิดด้วยสมาชิกใดๆ ในเอกภพสัมพัทธ์ จะเป็นประพจน์
(2) เขาเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียนมากใช่หรือไม่
(7) x2 9
(8) x2 9 (x 3)(x 3)
(10) (x + 5)(x – 1) = x2 4x 5
30
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
บทนิยาม เรียกข้อความ
“สาหรับ ….. ทุกตัว” และ “สาหรับ ..… บางตัว” ว่าเป็น ตัวบ่งปริมาณ โดยที่
(1) ข้อความ “สาหรับ …. ทุกตัว” แสดงให้เห็นว่าเรากาลังกล่าวถึงสมาชิกทุกตัวใน U
และเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์
(2) ข้อความ“สาหรับ …. บางตัว” แสดงให้เห็นว่าเรากาลังกล่าวถึงสมาชิกบางตัวใน U
และเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์
จากนิยามการเขียนตัวบ่งปริมาณ ที่มีตัวแปร 1 ตัว และตัวแปร 2 ตัวในประโยคเปิดมีดังนี้
ข้อความตัวบ่งปริมาณ สัญลักษณ์
แบบที่ 1 : “สาหรับ x ทุกตัว” x
แบบที่ 2 : “สาหรับ x บางตัว” หรือ “มี x บางตัว” x
แบบที่ 3 : “สาหรับ x ทุกตัว y ทุกตัว” xy
แบบที่ 4 : “สาหรับ x บางตัว y บางตัว” xy
แบบที่ 5 : “สาหรับ x บางตัว สาหรับ y ทุกตัว” หรือ
xy
“มี x บางตัว สาหรับ y ทุกตัว”
แบบที่ 6 : “สาหรับ x ทุกตัว สาหรับ y บางตัว” หรือ
xy
“สาหรับ x ทุกตัว มี y บางตัว”
หมายเหตุ
1. ตัวบ่งปริมาณ จะมีความหมายก็ตอ่ เมื่อกาหนดเอกภพสัมพัทธ์มาด้วย
ดังนั้นการเขียนประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ จะต้องเขียนเอกภพสัมพัทธ์กากับไว้เสมอ
จึงจะสมบูรณ์ เพราะจะได้ทราบว่า สมาชิกทุกตัวหรือสมาชิกบางตัวที่กาลังกล่าวถึงเป็น
สมาชิกของเซตใด
2. ถ้าเป็นประโยคที่มตี ัวบ่งปริมาณทีเ่ กี่ยวข้องกับเรื่องของจานวน และ
ไม่ได้กาหนดเอกภพสัมพัทธ์มาให้ถือว่าเอกภพสัมพัทธ์คือ เซตของจานวนจริง
3. ตัวบ่งปริมาณ จะใช้เขียนนาหน้าประโยคเปิด
31
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
x
(11) มี x และ y บางตัว ที่ ไม่เป็นจานวนจริง
y
8. ค่าความจริงของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ
8.1 ค่าความจริงของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ 1 ตัว
ให้ P(x) แทนประโยคเปิดที่มี x เป็นตัวแปร และ U แทนเอกภพสัมพัทธ์
1. x[P(x)] มีค่าความจริงเป็น จริง
ก็ต่อเมื่อ นาสมาชิกทุกตัวใน U ไปแทนค่า x ใน P(x) แล้ว ทาให้ P(x) เป็นจริง
x[P(x)] มีค่าความจริงเป็น เท็จ
ก็ต่อเมื่อ มีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวใน U ไปแทนค่า x ใน P(x) แล้ว ทาให้ P(x) เป็นเท็จ
ข้อสังเกต
1. ถ้า x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นจริง แล้ว x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นจริง
2. ถ้า x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นเท็จ แล้ว เราไม่สามารถสรุปเกี่ยวกับค่าความจริงของ
x[P(x)] ได้
3. ถ้า x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นเท็จ แล้ว x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นเท็จ
4. ถ้า x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นจริง แล้ว เราไม่สามารถสรุปเกี่ยวกับค่าความจริงของ
x[P(x)] ได้
ตัวอย่าง 34 จงหาค่าความจริงของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณต่อไปนี้
ค่า x ใน U ที่ทาให้ P(x) ค่าความจริง
ประพจน์ เอกภพสัมพัทธ์ U
เป็นจริง เป็นเท็จ ของประพจน์
x[x ≥ 0] {–2, –1, 0, 1, 2}
x[x +1 > x] {–1, 0, 1}
x[x + 1 ≥ x]
x[ x2 x]
x[2x 2 + 3x + 1 = 0]
33
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
x[ x2 x]
x[2x 2 + 3x + 1 = 0]
x2 4
(3) x[ x 2] (4) x[ x3 6 x]
x 2
34
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
35
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
xy[ x2 y y2 x]
xy[xy = y]
36
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
37
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
9. การสมมูลของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ
การสมมูลกันของประโยคเปิด
กาหนดเอกภพสัมพัทธ์ U และกาหนดประโยคเปิด P(x) , Q(x) และ R(x) จะได้รูปแบบของประโยคเปิดที่
สมมูลกัน จะมีรูปแบบที่เหมือนกับรูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน ดังตารางนี้
รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน รูปแบบของประโยคเปิดที่สมมูลกัน
E 1. (p) p E 1. (P(x)) P(x)
E 2. pqqp E 2. P(x) Q(x) Q(x) P(x)
E 3. pq qp E 3. P(x) Q(x) Q(x) P(x)
E 4. pq qp E 4. P(x) Q(x) Q(x) P(x)
E 5. (p q) r p (q r) E 5. [P(x) Q(x)] R(x) P(x) [Q(x) R(x)]
E 6. (p q) r p (q r) E 6. [P(x) Q(x)] R(x) P(x) [Q(x) R(x)]
E 7. (p q) r p (q r) E 7. [P(x) Q(x)] R(x) P(x) [Q(x) R(x)]
E 8. p (q r) (p q) (p r) E 8. P(x)[Q(x) R(x)] [P(x) Q(x)] [P(x) R(x)]
(q r) p (q p) (r p) [Q(x) R(x)] P(x) [Q(x) P(x)] [R(x) P(x)]
E 9. p (q r) (p q) (p r) E 9. P(x) [Q(x) R(x)] [P(x) Q(x)] [P(x) R(x)]
(q r) p (q p) (r p) [Q(x) R(x)] P(x) [Q(x) P(x)] [R(x) P(x)]
E 10.p (q r) (p q) (p r) E10. P(x)[Q(x) R(x)] [P(x)Q(x)] [P(x)R(x)]
p (q r) (p q) (p r) P(x)[Q(x) R(x)] [P(x)Q(x)] [P(x)R(x)]
E 11.(p q) r (p r) (q r) E 11.[P(x) Q(x)]R(x) [P(x)R(x)] [Q(x)R(x)]
(p q) r (p r) (q r) [P(x) Q(x)]R(x) [P(x)R(x)] [Q(x)R(x)]
E 12. p q p q q p E 12. P(x) Q(x) P(x) Q(x)
E 13. p q p q Q(x) P(x)
(p q) (q p) E 13. P(x) Q(x) P(x) Q(x)
E 14. (p q) p q (P(x) Q(x)) (Q(x) P(x))
E 15. (p q) p q E 14. [P(x) Q(x)] P(x) Q(x)
E 16. (p q) p q E 15. [P(x) Q(x)] P(x) Q(x)
E 17.(p q) p q E 16. [P(x) Q(x)] P(x) Q(x)
p q E 17.[P(x) Q(x)] P(x) Q(x) P(x) Q(x)
E 18. p p p E 18. P(x) P(x) P(x)
E 19. p p p E 19. P(x) P(x) P(x)
E 20. p T p E 20. P(x) T P(x)
E 21. p F p E 21. P(x) F P(x)
E 22. T p p E 22. T P(x) P(x)
E 23. p F p E 23. P(x) F P(x)
E 24. p T p E 24. P(x) T P(x)
E 25. p F p E 25. P(x) F P(x)
38
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
การสมมูลกันของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ
รูปแบบของประโยคเปิดที่สมมูลกัน ถ้าเติมตัวบ่งปริมาณชนิดเดียวกันไว้ข้างหน้ารูปแบบของ
ประโยคเปิดดังกล่าว จะได้ประพจน์ที่สมมูลกัน
ตัวอย่างเช่น
(1) ให้ P(x) และ Q(x) แทนประโยคเปิด
เราทราบว่า P(x) Q(x) P(x) Q(x)
จะได้ว่า x[P(x) Q(x)] x[~P(x) Q(x)]
x[P(x) Q(x)] x[~P(x) Q(x)]
(2) ให้ P(x, y) และ Q(x, y) แทนประโยคเปิด
เราทราบว่า P(x, y) Q(x, y) P(x, y) Q(x, y)
จะได้ว่า xy[P(x, y) Q(x, y)] xy[~P(x, y) Q(x, y)]
xy[P(x, y) Q(x, y)] xy[~P(x, y) Q(x, y)]
เป็นต้น
39
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
10. นิเสธของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ
นิเสธของประโยคเปิด
ประโยคเปิด Q(x) จะเรียกว่า เป็นนิเสธของประโยคเปิด P(x) ก็ต่อเมื่อ
ถ้าแทนค่า x ด้วยสมาชิกทุกตัวใน U แล้วทาให้ Q(x) เป็นนิเสธของประพจน์ P(x)
นั่นคือ สาหรับ x ทุกตัวใน U ทาให้ค่าความจริงของ Q(x) และ P(x) ต่างกัน
สิ่งที่ควรจา : คู่นิเสธในคณิตศาสตร์
ความสัมพันธ์ = > < หารลงตัว
นิเสธของความสัมพันธ์ ≠ ≤ ≥ หารไม่ลงตัว
ตัวอย่าง 39 จงหานิเสธของประโยคเปิดต่อไปนี้
ประโยคเปิด นิเสธประโยคเปิด
x < x +1
x = |x|
x +y ≠ 5
x2 y2
≥ 1
x หาร ด้วย y ลงตัว
xy เป็นจานวนเต็ม
x
เป็นจานวนตรรกยะ
y
x + y ไม่เป็นจานวนเต็ม
{x} {x, y}
{x} P({x, y})
x {1, 2, 3, 4}
40
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
นิเสธของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ
ข้อสังเกต : จากตารางนักเรียนจะพบว่า
การหานิเสธของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ เพียงแต่เปลี่ยน เป็น และ เปลี่ยน เป็น
จากนั้นใส่ หน้าประโยคเปิด เช่น
นิเสธของ x[P(x)] หาได้โดยเปลี่ยน x เป็น x แล้วใส่ หน้าประโยคเปิด P(x)
นิเสธของ xy[P(x,y)] หาได้โดยเปลี่ยน xy เป็น xy แล้วใส่ หน้าประโยคเปิด P(x, y)
41
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตัวอย่าง 40 จหานิเสธของประพจน์ต่อไปนี้
ประพจน์ นิเสธประพจน์
(1) x[x + 4 ≤ 10]
(2) x[4x > 9]
(3) x[x +1 = 0]
(4) x[x หารด้วย 5 ลงตัว]
(5) xy[ x2 y2 > 5]
(10) x[x ≤ 1 x2 ≥ 1]
3
(11) x[ x2 |x| x3 x]
(12) x[x + x = x2 x = 2]
(13) x[ x2 0 ] x[|x| ≥ 0]
42
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
ตัวอย่าง 41 จงหานิเสธของข้อความต่อไปนี้
(1) จานวนจริงทุกจานวนเป็นจานวนตรรกยะ
(2) จานวนนับทุกจานวนเป็นจานวนเต็ม
(3) จานวนเต็มทุกจานวนไม่เป็นจานวนอตรรกยะ
(4) มีจานวนจริงบางจานวนเป็นจานวนตรรกยะ
(5) มีจานวนเต็มบางจานนไม่เป็นจานวนคู่
43
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
โจทย์ฝึกประสบการณ์เพิ่มเติม
คาชี้แจง : จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุด
1. ให้ p แทน 22 เป็นจานวนคู่ q แทน 213 เป็นจานวนคี่
r แทน 215 เป็นจานวนคี่ s แทน 24 เป็นจานวนคู่
พิจารณาข้อความต่อไปนี้
ก. ประพจน์ [(p q) r] (p s) มีค่าความจริงเป็นจริง
ข. ประพจน์ [~(p ~s)] (q ~r) มีค่าความจริงเป็นจริง
ข้อใดต่อไปนี้ถกู
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ผิด และ ข. ถูก
3. ก. ถูก และ ข. ผิด 4. ก. ผิด และ ข. ผิด
2. ถ้ากาหนดให้ p q, p r และ ~r เป็นข้อความที่มีค่าความจริงเป็นจริง
แล้วข้อใดต่อไปนี้มีค่าความจริงเป็นเท็จ
1. [~(p q)] (~p r) 2. (p r) (q ~p)
3. [~p (p r)] q 4. [q (r p)] p
3. กาหนดค่าความจริงของ [p (q r)] (q r) เป็นเท็จ
ประพจน์ใดต่อไปนี้มีค่าความจริงเป็นจริง
1. (p ~q) (q ~r) 2. (q ~r) (r ~p)
3. (r ~p) (p ~q) 4. (p ~r) (r ~q)
4. กาหนดให้ (p q) ~(p r) มีค่าความจริงเป็นจริง
จงพิจารณาค่าความจริงของประพจน์ต่อไปนี้
ก. p (q r) ข. p (q r)
ข้อใดต่อไปนี้ถกู
1. ก. และ ข. จริง 2. ก. เท็จ และ ข. จริง
3. ก. จริง และ ข. เท็จ 4. ก. และ ข. เท็จ
5. กาหนดข้อความ “ถ้า A B และ B C แล้ว A C ” ตัวอย่างของเซต A, B และ C
ในข้อใดต่อนี้ที่ทาให้ข้อความมีค่าความจริงเป็นเท็จ
1. A = , B = {}, C =
2. A = , B = , C = {}
3. A = , B = {}, C = {{}}
4. A = , B = {}, C = {, {}}
44
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
1. T
2. F
3. ไม่ทราบค่าความจริงแน่นอน เพราะไม่ทราบค่าความจริงของ r
4. มีค่าความจริงเหมือนกับค่าความจริงของ (~p) q
7. ถ้า p, q และ r เป็นประพจน์โดยที่ ~p q และ (p q) r มีค่าความจริงเป็นจริงทั้งคู่
พิจารณา
ก. p (~r q) มีค่าความจริงเป็นจริง
ข. (q ~r) p มีค่าความจริงเป็นจริง
ข้อใดต่อไปนี้ถกู
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ผิด และ ข. ถูก
3. ก. ถูก และ ข. ผิด 4. ก. ผิด และ ข. ผิด
8. ให้ p, q, r, x และ y เป็นประพจน์ ซึ่ง
p (q r) มีค่าความจริงเป็นเท็จ
(x y) (~q ~r) มีค่าความจริงเป็นจริง
ประพจน์ในข้อใดต่อไปนี้มีค่าความจริงเป็นจริง
1. (p r) (y q) 2. (x y) (p q)
3. x (q r) 4. (q r) ((x y) p)
9. ให้ p, q และ r เป็นประพจน์
พิจารณาข้อความต่อไปนี้
ก. ถ้า [(p ~r) q] ~(p q) เป็นเท็จ แล้ว (p q) r เป็นจริง
ข. ถ้า q ~r เป็นเท็จ แล้ว [p (q r)] ~q เป็นเท็จ
ข้อใดต่อไปนี้ถกู
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ผิด และ ข. ถูก
3. ก. ถูก และ ข. ผิด 4. ก. ผิด และ ข. ผิด
45
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
46
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
16. ข้อความใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง
1. (p q) (p r) สมมูลกับ (p ~r) (p ~q)
2. (p ~r) (p q) สมมูลกับ (p ~q) (p r)
3. (p r) (p q) สมมูลกับ (p ~r) (p ~q)
4. (p r) (p ~q) สมมูลกับ (p q) (p ~r)
17. กาหนด p q สมมูลกับ ~(p q) อัตราส่วนของจานวนกรณีของค่าความจริงของ
p (q r) เป็นจริงต่อจานวนกรณีของค่าความจริงของ p (q r) เป็นเท็จ เท่ากับเท่าใด
5 3
1. 2.
8 5
5 8
3. 4.
3 5
18. จงตรวจสอบว่า ประพจน์ที่กาหนดให้เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
(1) ~(p q) (~p ~q) (2) [p (q r)] [q (p r)]
19. ประพจน์ใดต่อไปนี้ไม่เป็นทอโทโลยี
1. [((p q) r) (p q)] (p r)
2. [(p q) (q r)] (p r)
3. [p (q r)] [(p q) r]
4. [p (q r)] [(p q) r]
20. กาหนด p, q, r และ s เป็นประพจน์ ประพจน์ในข้อใดต่อไปนี้ ไม่เป็น สัจนิรันดร์
1. [p (q r)] [(p q) (p r)]
2. [p (q r)] ~[p (q r)]
3. [(p q) r] [~r (~p ~q)]
4. [(p q) (q r) (s ~r) ~s] p
21. ให้ p, q และ r เป็นประพจน์ ประพจน์ในข้อใดต่อไปนี้ ไม่เป็น สัจนิรันดร์
1. (p q) [~r (p q)]
2. p (~p q) (~q r) ~r
3. (p q) (q r) (~p ~q)
4. [(p q) r] {(~p q) (~r p)]
47
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
48
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
49
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
39. จงหานิเสธของประพจน์ต่อไปนี้
(1) x[x2 > 4] (2) x[x2 + 1 x + 7]
ข. ~ x 2x 3x 1
ข้อใดต่อไปนี้ถกู
1. ก. จริง และ ข. จริง 2. ก. จริง และ ข. เท็จ
3. ก. เท็จ และ ข. จริง 4. ก. เท็จ และ ข. เท็จ
39. กาหนดให้เอกภพสัมพัทธ์เป็นเซตของจานวนจริง และ p แทนประพจน์
“สาหรับจานวนจริงบวก x ใด ๆ ผลบวกของ x กับ 1 มีค่ามากกว่า 1”
x
พิจารณาข้อความต่อไปนี้
ก. p สมมูลกับ x x 0 x 1
1
x
ข. p มีค่าความจริงเป็นจริง
ข้อใดต่อไปนี้ถกู
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ผิด และ ข. ถูก
3. ก. ถูก และ ข. ผิด 4. ก. ผิด และ ข. ผิด
40. นิเสธของข้อความ x y[xy < 0 (x < 0 y < 0)] คือข้อความในข้อใดต่อไปนี้
1. x y[(xy 0 (x < 0 y < 0)]
2. x y[xy < 0 (x 0 y 0)]
3. x y[(xy 0) (x < 0 y < 0)]
4. x y[(xy < 0) (x 0 y 0)]
50
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา
คณิตศาสตร์เพิม่ เติม 1 ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น
43. พิจารณาข้อความต่อไปนี้
ก. เหตุ 1. นายสมหมายเป็นคนขยันหรือนายสมหมายสอบได้ที่หนึ่งของห้อง
2. นายสมหมายเป็นคนไม่ขยัน
ผล นายสมหมายสอบได้ที่หนึ่งของห้อง
ข. เหตุ 1. ถ้าสมศรีไปเที่ยวชายทะเลแล้วสมศรีไม่สบาย
2. สมศรีไม่สบาย
ผล สมศรีไปเที่ยวทะเล
การอ้างเหตุผลในข้อ ก. และ ข. ข้างต้น สมเหตุสมผลหรือไม่
1. ก. สมเหตุสมผล และ ข. สมเหตุสมผล
2. ก. สมเหตุสมผล และ ข. ไม่สมเหตุสมผล
3. ก. ไม่สมเหตุสมผล และ ข. สมเหตุสมผล
4. ก. ไม่สมเหตุสมผล และ ข. ไม่สมเหตุสมผล
51
อาจารย์อลงกต วงศ์ศรียา