Professional Documents
Culture Documents
ห้ามดําเนินกระบวนพิจารณา า้ํ
มาตรา 144 ว.1 เมื่อศาลใดมีคาํ พิพากษา หรือคําสั่งวินจิ ฉัยชีข้ าดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว ห้ามมิให้
ดําเนินกระบวนพิจารณาในศาลนัน้ อันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชีข้ าดแล้วนัน้ เว้นแต่...
มาตรา 14 ว.1 ายใต้บงั คับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนีว้ ่าด้วยการอุทธรณ์ฎีกา และการพิจารณาใหม่
คําพิพากษาหรือคําสั่งใด ๆ ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคาํ สั่งนับตัง้ แต่วนั ที่ได้
พิพากษาหรือมีคาํ สั่ง จนถึงวันที่คาํ พิพากษาหรือคําสั่งนัน้ ได้ถกู เปลีย่ นแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ถ้าหากมี
ผลของการดําเนินกระบวนพิจารณา าํ้
1. เป็ นปั ญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ในศาลชัน้ ต้น แม้คคู่ วามไม่ยกขึน้ เป็ นข้อต่อสู้ ศาลชัน้ ต้นมีดลุ พินจิ ที่จะยกขึน้ วินจิ ฉัยเองได้ (ม.142 (5))
ในชัน้ อุทธรณ์ คู่ความมีสิทธิยกขึน้ อ้างในชัน้ อุทธรณ์ตามมาตรา 225 ว.2 แม้จะมิได้ยกขึน้ ว่ากล่าวมาในศาล
ชัน้ ต้น หรือถ้าคูค่ วามไม่ยกขึน้ อ้าง ศาลอุทธรณ์ยอ่ มมีอาํ นาจยกขึน้ วินิจฉัยเองได้ตามมาตรา 246, 142 (5)
2. การดําเนินกระบวนพิจารณาซํา้ สําหรับคู่ความบางคนอาจทําให้ศาลพิพากษาตามคําฟ้องไม่ได้
*ฎ.11391/2555 โจทก์ฟ้องจําเลยทัง้ สองโดยมีคาํ ขอให้เพิกถอนนิตกิ รรมการซือ้ ขายบ้านและทีด่ นิ ระหว่าง
จําเลยที่ 1 และที่ 2 ให้จาํ เลยที่ 2 จดทะเบียนโอนบ้านและทีด่ นิ คืนแก่จาํ เลยที่ 1 และให้จาํ เลยที่ 1 จดทะเบียนคืนแก่
โจทก์ เมือ่ ฟ้องโจทก์สาํ หรับจําเลยที่ 2 เป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาซํา้ ซึ่งไม่อาจบังคับให้เพิกถอนนิตกิ รรมการซือ้ ขาย
บ้านและทีด่ นิ พิพาทระหว่างจําเลยที่ 1 และที่ 2 และไม่อาจบังคับให้จาํ เลยที่ 2 จดทะเบียนคืนแก่จาํ เลยที่ 1 ได้แล้ว
ส าพคํา อบังคับ องโจทก์อนั เกี่ยวกับจําเลยที่ จึงไม่เปิ ดช่องทีจ่ ะบังคับตามคําขอของโจทก์ในคดีนไี ้ ด้ คดีสาํ หรับ
จําเลยที่ 1 จึงไม่เป็ นประโยชน์ทจี่ ะพิจารณาอีกต่อไป
หลักเกณ ม์ าตรา 144 ว.1 ***
1.ศาลได้มีคาํ พิพากษาหรือคําสั่งวินิจ ัยชีข้ าดคดีหรือ 4.ห้ามดําเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องนัน้ ซํา้ ทุกรูปแบบ
คําสั่งในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว 5.ห้ามทัง้ ในศาลเดียวกันและศาลอื่น
2.คําพิพากษาหรือคําสั่งนัน้ ไม่จาํ เป็ นต้องถึงที่สดุ 6.ห้ามเฉพาะที่เกี่ยวกับคดี/ประเด็นที่ได้วินิจฉัยชีข้ าดแล้ว
3.ห้ามคู่ความและศาลดําเนินกระบวนพิจารณานัน้ ซํา้ อีก
ติวกฎหมาย เข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ & อาจารย์ตูน T.086-987-5678, Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 5
3) กรณีมบี ุคคลอืน่ ใช้สทิ ธิดาํ เนินคดีแทนตนไปแล้ว ถือว่าเป็ นคู่ความในคดีเดิมด้วย
Ex 1 .เจ้าของรวม (ฎ.7281/2556*) คนหนึง่ ดําเนินกระบวนพิจารณาไปแล้ว เจ้าของรวมอื่นจะมาดําเนินกระบวน
พิจารณาให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นเดียวกันไม่ได้ (ดูป.พ.พ. มาตรา 1359)
Ex 2. ผูส้ ืบสิทธิของคู่ความเดิมถือว่าเป็ นคู่ความในคดีเดิมด้วย อาทิ ผูร้ บั มรดกหรือรับโอนทรัพย์สินที่พิพาทของ
คู่ความเดิม เช่น ทายาท ผูจ้ ดั การมรดก ผูซ้ ือ้ ทรัพย์สินที่พิพาท (หลักการเดียวกันกับฟ้องซํา้ และฟ้องซ้อน)
ในทางกลับกัน คําพิพากษาหรือคําสั่งที่วินิจฉัยชีข้ าดย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเดิมตามมาตรา 145 ดังนัน้
บุคคลที่มิใช่ค่คู วามในคดีเดิมย่อมไม่ตอ้ งห้ามที่จะขอให้ศาลดําเนินกระบวนพิจารณานัน้ ซํา้ อีก
ฎ. 85/25 (ผูพ้ พิ ากษาสนามใหญ่ปี 59) ตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 145 (2) บัญญัตขิ อ้ ยกเว้นไว้ว่าคําพิพากษาที่
วินจิ ฉัยถึงกรรมสิทธิแห่งทรัพย์สนิ ใด เป็ นคุณแก่คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งอาจใช้ยนั แก่บคุ คล ายนอกได้ เว้นแต่
บุคคล ายนอกนัน้ จะพิสูจน์ได้วา่ ตนมีสทิ ธิดกี ว่า คดีนโี ้ จทก์นาํ พยานมาสืบได้ว่าจําเลยครอบครองทีด่ นิ พิพาทยังไม่ครบ
10 ปี จึงไม่ได้กรรมสิทธิในทีด่ นิ พิพาทโดยการครอบครอง เมือ่ ทีด่ นิ พิพาทเป็ นทีง่ อกริมตลิ่งจากทีด่ นิ ของโจทก์ โจทก์จงึ
เป็ นเจ้าของทีด่ นิ พิพาทตามป.พ.พ. มาตรา 1308 โจทก์พสิ ูจน์ได้วา่ โจทก์มีสทิ ธิดกี ว่าจําเลย คําสัง่ ของศาลชัน้ ต้นในคดี
ดังกล่าวจึงใช้ยนั โจทก์ไม่ได้ คําพิพากษาทีร่ ะบุไว้ตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 145 (2) นัน้ มิได้หมายถึงเฉพาะกรณีคาํ พิพากษา
ในคดีทมี่ ีคู่ความตัง้ แต่สองฝ่ ายขึน้ ไปเท่านัน้ ดังนัน้ คําสั่ง องศาลชัน้ ต้ นในคดีไม่มี ้ อพิพาททีส่ ั่งว่าจําเลย ึ่งเป็ นผู้
ร้ อง อในคดีดังกล่าวมีกรรมสิท ิในทีด่ ินพิพาทโดยการครอบครองจึงอยู่ในบังคับบทบัญญัติมาตรา 5 (2)
ด้วย โจทก์มิได้ เป็ นคู่ความในคดีทจี่ ําเลยร้ อง อแสดงกรรมสิท ทีิ ด่ นิ กับจําเลย (คดีก่อน) จึง ือว่าโจทก์เป็ น
บคคล ายนอกตามบทบัญญัตแิ ห่งป.วิ.แพ่ง มาตรา 145 (2) และการทีโ่ จทก์ฟ้องคดีนกี ้ เ็ พือ่ พิสจู น์ให้เห็นว่าโจทก์ยงั คงมี
กรรมสิทธิในทีด่ นิ พิพาทจึงถือไม่ได้ว่าเป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาซํ้ากับคดีดงั กล่าว
ประเด็น บุคคลซึง่ ถูกกล่าวอ้างว่าเป็ นบริวารของจําเลยในคดีฟ้องขับไล่ ถือว่าเป็ นคูค่ วามในคดีก่อนหรือไม่
1) ถ้ามิได้ย่ืนคําร้องขอแสดงอํานาจพิเศษในคดีก่อน ถือว่ามิใช่ค่คู วามในคดีก่อน
*ฎ.3557/2560 การทีบ่ รรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยฟ้องขับไล่ ช. (จําเลยในคดีก่อน) โดยผลของมาตรา 142 (1)
แห่ง ป.วิ.พ. คําพิพากษาทีใ่ ห้ขบั ไล่ย่อมมีผลใช้บงั คับตลอดถึงวงศ์ญาติทงั้ หลายและบริวารของ ช. ซึ่งไม่สามารถแสดง
อํานาจพิเศษให้ศาลเห็นได้เท่านัน้ แต่หาได้ ทาํ ให้ วงศ์ญาติและบริวารทีอ่ าจ กู บังคับตามคําพิพากษานั้นมี านะ
เป็ นคู่ความไปด้ วยไม่ เมือ่ ไม่ปรากฏว่าจําเลย (คดีน)ี ้ เคยยืน่ คําร้องขอแสดงอํานาจพิเศษ จําเลยจึงยังไม่อยูใ่ น านะเป็ น
คู่ความในคดี ทัง้ การทีจ่ าํ เลยรับมอบอํานาจจาก ช. ให้เป็ นผูด้ าํ เนินคดีแทน ก็ไม่ทาํ ให้จาํ เลยกลับมี านะกลายเป็ นคู่ความ
ในคดีไปได้ เมือ่ จําเลยมิได้เป็ นคูค่ วามในคดีก่อน และในคดีก่อนศาลยังมิได้วนิ จิ ฉัยชีข้ าดว่าจําเลยมีสทิ ธิอยู่ในทีด่ นิ และสิ่ง
ปลูกสร้างพิพาทได้โดยไม่เป็ นละเมิดต่อสิทธิของเจ้าของหรือไม่อย่างไร การทีโ่ จทก์มาฟ้องเป็ นคดีนี ้ จึงไม่เป็ นฟ้องซํา้
2) ถ้าได้ย่นื คําร้องขอแสดงอํานาจพิเศษในคดีก่อน ถือว่าเป็ นคู่ความในคดีก่อน (ฎ.4479/2556)
ฎ.4479/2556 คดีก่อนจําเลย (คดีน)ี ้ ยืน่ คําร้องขอแสดงอํานาจพิเศษในชัน้ บังคับคดีว่าตนเองไม่ใช่บริวารของ .
จําเลยจึงอยู่ใน านะเป็ นคู่ความในคดีก่อนด้วย เมื่อศาลชัน้ ต้ นในคดีก่อนมีคําวินิจฉัยชี้ าดแล้วว่าจําเลยไม่ใช่ผูม้ ี
อํานาจพิเศษในทีด่ นิ พิพาททีจ่ ะยกขึน้ ต่อสูโ้ จทก์ การทีโ่ จทก์ฟ้องขับไล่จาํ เลยออกจากทีด่ นิ พิพาทเป็ นคดีนี ้ จึงมีประเด็นที่
จะต้องวินจิ ฉัยเกีย่ วกับสิทธิในทีด่ นิ พิพาทระหว่างโจทก์กบั จําเลยเช่นเดียวกัน โดยโจทก์กบั จําเลยคดีนเี ้ ป็ นคู่ความเดียวกับ
คดีก่อน ย่อมเป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาในศาลนัน้ อันเกีย่ วกับประเด็นทีไ่ ด้วนิ จิ ฉัยชีข้ าดแล้ว จึงเป็ นการดําเนิน
กระบวนพิจารณาซํ้า แม้โจทก์จะฟ้องคดีนไี ้ ว้ก่อนก็ตาม
ติวกฎหมาย เข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ & อาจารย์ตูน T.086-987-5678, Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 6
4.ห้ามดําเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องนั้น าํ้ ทุกรู ปแบบ
Ex. ห้ามการดําเนินคดีทงั้ แบบคดีมีขอ้ พิพาทหรือไม่มีขอ้ พิพาท (ให้ดปู ระเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยเป็ นหลัก)
ฎ.26 /255 ศาลชัน้ ต้นวินจิ ฉัยประเด็นข้อพิพาทในคดีรอ้ งขอเป็ นผูจ้ ดั การมรดกคดีก่อนซึ่งเป็ นคดีไม่มีขอ้
พิพาทโดยถือว่าคําร้องขอของผูร้ อ้ งซึ่งถือว่าเป็ นโจทก์มีส าพเป็ นคําฟ้อง และคําคัดค้านของผูค้ ดั ค้านซึ่งถือว่าเป็ นจําเลย
เป็ นคําให้การว่า ห. ผูต้ ายนําเงินทีไ่ ด้จากการขายทีด่ นิ ของผูต้ ายซึ่งมีอยูก่ ่อนอยู่กินกับโจทก์ไปชําระค่าทีด่ นิ ตามหนังสือ
รับรองการทําประโยชน์ (น.ส. 3) ให้แก่ ว. ผูข้ าย ทีด่ นิ ตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3) จึงเป็ นของผูต้ าย ไม่ใช่
ทรัพย์ทผี่ ูต้ ายกับโจทก์ทาํ มาหาได้ร่วมกัน ผูร้ อ้ ง (โจทก์) มิใช่เจ้าของรวมในทีด่ นิ มิใช่เป็ นผูม้ ีส่วนได้เสียในทีด่ นิ และคดีถึง
ทีส่ ดุ แล้ว คําพิพากษาในคดีก่อนย่อมต้องผูกพันโจทก์และจําเลยซึ่งเป็ นคูค่ วามในคดีก่อน ตามป.วิ.แพ่งมาตรา 145 วรรค
หนึ่ง โจทก์นาํ คดีนมี ้ าฟ้องจําเลยซึ่งเป็ นคู่ความรายเดียวกันว่า ระหว่างโจทก์กบั ห. ผูต้ ายอยู่กินเป็ นสามี ริยาไม่จด
ทะเบียนสมรส โจทก์กบั ผูต้ ายได้ร่วมกันซือ้ ทีด่ นิ ตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์(น.ส. 3) ด้วยเงินทีท่ าํ มาหาได้รว่ มกัน
ทีด่ นิ เป็ นทรัพย์ทที่ าํ มาหาได้ร่วมกัน โจทก์กบั ผูต้ ายเป็ นเจ้าของมีสทิ ธิครอบครองคนละกึ่งหนึ่ง ย่อมเป็ นการดําเนิน
กระบวนพิจารณาด้วยการรือ้ ร้องฟ้องกันอีกในประเด็นทีศ่ าลชัน้ ต้นได้วนิ จิ ฉัยถึงทีส่ ดุ โดยอาศัยเหตอย่างเดียวกันกับคดี
ก่อนว่า โจทก์กับผู้ตายเป็ นเจ้ า องผู้มีสทิ ิครอบครองทีด่ นิ ดังกล่าวร่วมกันหรือเป็ นทรัพย์สินทีท่ าํ มาหาได้
ร่วมกันหรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนเี ้ ป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาซํ้าตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 และฟ้องซํ้าตามมาตรา 148
ติวกฎหมาย เข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ & อาจารย์ตูน T.086-987-5678, Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 7
ฎ.9011/2560 คดีนมี ้ ีประเด็นข้อพิพาทหลักเช่นเดียวกันกับคดีก่อนและมีคู่ความรายเดียวกัน แม้ขณะทีโ่ จทก์ฟ้อง
คดีนศี ้ าลชัน้ ต้นในคดีก่อนยังไม่มีคาํ พิพากษาจึงไม่ทาํ ให้การฟ้องคดีของโจทก์เป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาซํ้า ตามป.วิ.
แพ่งมาตรา 144 ก็ตาม แต่ต่อมาศาลชัน้ ต้นในคดีก่อนมีคาํ พิพากษาวินจิ ฉัยชีข้ าดในประเด็นแห่งคดีแล้ว ศาลชัน้ ต้นในคดีนี ้
ย่อมไม่อาจดําเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้เพราะจะเป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาซํ้า ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
และต้องเลือ่ นการนั่งพิจารณาคดีนตี ้ ่อไปจนกว่าคําพิพากษาคดีก่อนจะถึงทีส่ ดุ ตามมาตรา 39 ว.1 มิใช่พพิ ากษายกฟ้อง เพราะ
การฟ้องคดีของโจทก์มิใช่กระบวนพิจารณาทีต่ อ้ งห้ามตามกฎหมาย เมือ่ ต่อมาคดีกอ่ นศาลฎีกามีคาํ พิพากษาว่าจําเลยทํา
สัญญาขายทีด่ นิ และบ้านพิพาทให้แก่โจทก์และโจทก์ทาํ สัญญาจะซือ้ ขายคืนให้แก่จาํ เลย มิใช่เป็ นการแสดงเจตนาลวง คํา
พิพากษาอันถึงทีส่ ดุ ในคดีก่อนมีผลผูกพันโจทก์และจําเลยซึ่งเป็ นคู่ความในคดีนดี ้ ว้ ยตามม.145 ว.1 เท่ากับว่าสัญญาขายทีด่ นิ
และบ้านและสัญญาจะซือ้ ขายระหว่างโจทก์จาํ เลยมีผลสมบูรณ์ มิใช่นติ กิ รรมอําพราง โจทก์จึงไม่มีอาํ นาจฟ้องคดีนี ้
ติวกฎหมาย เข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ & อาจารย์ตูน T.086-987-5678, Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 8
หลักสําคัญ กรณีคคู่ วามยื่นฟ้องคดีใหม่หรือยื่นคําร้องใหม่โดยอ้างประเด็นใหม่หรือเหตุใหม่หรือข้อเท็จจริงใหม่
โดยหลักแล้วย่อมไม่เป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาซํา้ แต่ถ้าศาลเห็นว่าคู่ความนั้นสามารถอ้างเหตุดังกล่าวมาใน
คําฟ้ องหรือคําร้อง บับแรกได้อยู่แล้ว แต่ไม่อ้างมา ศาลอาจถือว่าคําฟ้องหรือคําร้องฉบับที่ 2 มีประเด็นที่จะต้อง
วินิจฉัยอย่างเดียวกันกับคําฟ้องหรือคําร้องฉบับแรกจึงเป็ นการดําเนินกระบวนพิจารณาซํา้ ***
ฎ.4716/2561 คําฟ้องของโจทก์เป็ นฟ้องซํ้ากับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 142/2558 ของศาลแขวงอุบลราชธานี
หรือไม่ เห็นว่า คดีก่อนโจทก์ฟ้องนางสาวเตือนใจและจําเลยเรียกทรัพย์มรดกคืน อ้างว่าบุคคลทัง้ สองมีเจตนาทุจริต
ร่วมกันฉ้อฉลโจทก์ทาํ นิตกิ รรมโอนทีด่ นิ พิพาทตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2297 เป็ นของจําเลย
และนางสาวเตือนใจโดยไม่แบ่งให้ทายาทอืน่ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนทีด่ นิ ดังกล่าวกลับเข้าสู่กองมรดก ศาล
แขวงอุบลราชธานี วินจิ ฉัยว่า จําเลยเป็ นบุตรของนายถวิล เจ้ามรดกจึงเป็ นทายาทโดยธรรมซึ่งมีสทิ ธิจะรับมรดก เมือ่
นางสาวเตือนใจซึ่งเป็ นผูจ้ ดั การมรดกโอนทรัพย์มรดกให้จาํ เลยแล้ว จําเลยย่อมมีความชอบธรรมทีจ่ ะรับไว้ดว้ ยสิทธิความ
เป็ นทายาท และย่อมจะครอบครองทรัพย์มรดกได้ดว้ ยอํานาจของตน กรณีไม่เข้าข่ายการปิ ดบังยักย้ายทรัพย์มรดกและไม่
ถือเป็ นการครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ เมือ่ โจทก์ฟ้องจําเลยเพือ่ รับเอาทรัพย์มรดก จึงเป็ นคดีมรดก และโจทก์ฟ้อง
คดีเกิน 10 ปี นับแต่เมือ่ เจ้ามรดกตาย คดีในส่วนของจําเลยขาดอายุความและพิพากษายกฟ้องในส่วนของจําเลย โจทก์
มิได้อทุ ธรณ์คาํ พิพากษาของศาลแขวงอุบลราชธานี คําพิพากษาคดีดงั กล่าวจึงถึงทีส่ ดุ มีผลผูกพันโจทก์และจําเลยซึ่งเป็ น
คู่ความตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึง่
การทีโ่ จทก์ฟ้องคดีนขี ้ อให้เพิกถอนการโอนทีด่ นิ พิพาทระหว่างนางสาวเตือนใจกับจําเลย โดยอาศัยข้อเท็จจริง
เดียวกันกับคดีก่อน แม้จะอ้างเหตุแห่งการเพิกถอนว่าเป็ นนิตกิ รรมอําพรางก็ดว้ ยมีความประสงค์อย่างเดียวกัน คือให้ทดี่ นิ
พิพาทกลับสู่กองมรดกของนายถวิล และนํามาแบ่งปันแก่โจทก์รวมทัง้ ทายาทอืน่ ต่อไป ข้ออ้างทีอ่ าศัยเป็ นหลักแห่งข้อหา
ในคดีนแี ้ ละคดีก่อนจึงเป็ นข้ออ้างเดียวกัน คือ การโอนทีด่ นิ ระหว่างนางสาวเตือนใจกับจําเลยกระทําโดยชอบด้วย
กฎหมายหรือไม่ ดังนี ้ แม้คดีก่อนศาลแขวงอุบลราชธานีได้พพิ ากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนจําเลยเพราะเหตุขาดอายุความ
แต่ศาลแขวงอุบลราชธานีก็ได้วนิ จิ ฉัยชีข้ าดในประเด็นแห่งคดีดว้ ยว่า จําเลยเป็ นทายาทโดยธรรมย่อมมีสทิ ธิรบั มรดก การ
ทีน่ างสาวเตือนใจผูจ้ ดั การมรดกโอนทีด่ นิ พิพาทให้จาํ เลยมิใช่การปิ ดบังยักยอกทรัพย์มรดกและไม่ถือว่าจําเลยครอบครอง
ทีด่ นิ แทนโจทก์ ถือได้ว่าศาลแขวงอุบลราชธานีได้วนิ จิ ฉัยในเนือ้ หาของเรือ่ งทีฟ่ ้องร้องกันแล้ว ฟ้องโจทก์ในคดีนจี ้ ึงเป็ นการ
รือ้ ร้องฟ้องกันอีกในประเด็นทีไ่ ด้วนิ จิ ฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน คําฟ้องของโจทก์จงึ เป็ นฟ้องซํ้ากับคดีแพ่งหมายเลข
แดงที่ 142/2558 ของศาลแขวงอุบลราชธานี ตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 148
ติวกฎหมาย เข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ & อาจารย์ตูน T.086-987-5678, Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 9
ฟ้ อง า้ํ
***มาตรา 148 คดีท่ไี ด้มีคาํ พิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สดุ แล้วห้ามมิให้คคู่ วามเดียวกันรือ้ ร้องฟ้องกันอีก ใน
ประเด็นที่ได้วินจิ ฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เว้นแต่.....
1.ขณะยื่นฟ้องคดีหลัง คดีแรกได้มีคาํ พิพากษาหรือคําสั่งวินิจฉัยชีข้ าดคดีอนั ถึงที่สดุ แล้ว
2.ห้ามมิให้คคู่ วามเดียวกันรือ้ ร้องฟ้องกันอีก (แม้สลับ านะ, แม้จะฟ้องในรูปแบบอื่น ฎ.5216/2538)
3.คดีแรกต้องได้วินิจฉัยชีข้ าดในประเด็นแห่งคดีแล้ว
4.คดีแรกและคดีหลังมีประเด็นอย่างเดียวกัน
1.ขณะยื่นฟ้ องคดีหลัง คดีแรกได้ถงทีส่ ุดแล้ว
ประเด็นว่าคดีถึงที่สดุ เมื่อใดพิจารณาได้จากมาตรา ว.1 ว.2 ประกอบมาตรา 244/1
1) คําพิพากษาหรือคําสั่งใดซึ่งตามกฎหมายจะอุทธรณ์หรือฎีกาหรือมีคาํ ขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้
ให้ถือว่าเป็ นทีส่ ุดตั้งแต่วนั ทีไ่ ด้อ่านเป็ นต้นไป ตามมาตรา 147 วรรคหนึง่
2) คําพิพากษาหรือคําสั่ง ่งอาจอุทธรณ์ฎีกา หรือมีคาํ ขอให้พจิ ารณาใหม่ได้ ถ้ามิได้อทุ ธรณ์ ฎีกาหรือร้อง
ขอให้พิจารณาใหม่ ายในเวลาที่กาํ หนดไว้ ถือว่าเป็ นทีส่ ุดตั้งแต่ระยะเวลาเช่นว่านั้นได้สิน้ สุดลง ตามม.147 ว.สอง
เนติ สมัย 7 ศาลชัน้ ต้นอ่านคําพิพากษา 15 ม.ค.61 ไม่มีการอุทธรณ์ คดีถึงที่สดุ 15 ก.พ.61
2.ห้ามมิให้คู่ความเดียวกันรือ้ ร้องฟ้ องกันอีก
1) ถ้ามิได้เป็ นคู่ความในคดีก่อน ไม่เป็ นฟ้องซํา้ (*ฎ.2524-2525/2529, 9899/2557*, 7631/2552*)
ฎ.7631/2552 คดีก่อนโจทก์ฟ้องสามีจาํ เลยให้ชาํ ระหนีก้ ูย้ ืมเงิน โจทก์ไม่ได้ฟ้องจําเลยคดีนเี ้ ป็ นจําเลยในคดี
ดังกล่าว สามีจาํ เลยซึ่งเป็ นจําเลยในคดีก่อนกับจําเลยคดีนจี ้ ึงไม่ได้เป็ นคู่ความเดียวกัน ฟ้องของโจทก์คดีนไี ้ ม่เป็ นฟ้องซํา้
2) กรณีคคู่ วามในคดีก่อนสลับ านะกันในคดีหลังเป็ นฟ้องซํา้ ได้ ( เนติ 68 ฎ.2473/2552)
3) คดีไม่มขี อ้ พิพาท ผูร้ อ้ งเป็ นคู่ความเสมอ ส่วนบุคคล ายนอกจะเป็ นคู่ความในคดีต่อเมื่อยื่นคําคัดค้าน
Ex 1. คดีก่อนแม่ย่นื คําร้องขอตัง้ ผูจ้ ดั การมรดก คดีหลังลูกยื่นคําคัดค้านในคดีรอ้ งขอตัง้ ผูจ้ ดั การมรดกของผูอ้ ื่น
*ฎ.640/2515 คดีก่อนมารดาผูค้ ดั ค้านยืน่ คําร้องขอเป็ นผูจ้ ดั การมรดก (ผูค้ ดั ค้านมิได้เป็ นคู่ความในคดีกอ่ น)
และผูร้ อ้ งเป็ นผูค้ ดั ค้าน คดีหลังผูร้ อ้ งยืน่ คําร้องขอเป็ นผูจ้ ดั การมรดกรายเดียวกัน และผูค้ ดั ค้านได้ยืน่ คําคัดค้าน คูค่ วามทัง้
สองคดีมใิ ช่คู่ความเดียวกันจึงไม่เป็ นฟ้องซํา้ แม้ผูร้ อ้ งจะร้องขอให้ตงั้ ผูร้ อ้ งเป็ นผูจ้ ดั การมรดกในคดีหลังในระหว่างทีค่ ดีก่อน
ยังพิจารณาอยู่ก็ไม่เป็ นการฟ้องซ้อน เพราะผูร้ อ้ งมิได้เคยร้องขอให้ตงั้ ผูร้ อ้ งเป็ นผูจ้ ดั การมรดกรายนีใ้ นคดีกอ่ นมาก่อน
Ex 2. ผูร้ อ้ งยื่นคําร้องขอครอบครองปรปั กษ์ท่ดี ินแปลงเดียวกันไว้สองคดี เป็ นฟ้องซํา้ (ฎ.5216/2538)
หมายเหตุ หากในคดีก่อนเป็ นคดีไม่มีขอ้ พิพาทและมีผยู้ ่นื คําคัดค้าน ผูค้ ดั ค้านย่อมเป็ นคูค่ วามในคดีก่อนด้วย
หากมีการนําเรื่องเดียวกันมารือ้ ร้องฟ้องกันใหม่ ย่อมเป็ นฟ้องซํา้ ได้ (ฎ.4549/2540)
4) หากคดีแรกและคดีหลังเป็ นคูค่ วามคนเดียวกันแต่คนละ านะถือว่ามิใช่ค่คู วามเดียวกัน
*ฎ.1010/2551 คดีก่อน ก. เป็ นโจทก์มีโจทก์คดีนเี ้ ป็ นผูฟ้ ้องแทนใน านะผู้แทนโดยชอบ รรมของ ก. ผูเ้ ยาว์
คดีนโี ้ จทก์ฟ้องจําเลยเป็ นส่วนตัวใน านะคู่สัญญาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มิใช่คู่ความเดียวกัน ไม่เป็ นฟ้องซํ้า
5) บุคคลผูส้ ืบสิทธิตามกฎหมายหรือรับโอนสิทธิมาจากคู่ความเดิม ถือว่าเป็ นคูค่ วามในคดีเดิมด้วย
ติวกฎหมายเข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ อาจารย์ตนู SmartLaw utor .086-987-5678 Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 10
Ex 1.ผูส้ ืบสิทธิตามกฎหมายมาจากคู่ความเดิม เช่น ทายาทที่มีสทิ ธิรบั มรดกหรือผูจ้ ดั การมรดกของคู่ความเดิม
ซึ่งเสียชีวติ ไปแล้ว (ข้อสอบเนติ สมัย 62 ฎ.3962/2547*, /2544, 2751/2 , 4636/2556*, 13284/2558)
***ฎ.13284/2558 คดีก่อน พ. ้ องโจทก์ใน านะผูจ้ ดั การมรดกของ บ. ส่วนคดีนโี ้ จทก์ใน านะผูจ้ ดั การมรดก
ของ บ. ฟ้องจําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ใน านะทีจ่ าํ เลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็ นผูม้ ีชอื่ ถือกรรมสิทธิรวมในทีด่ นิ พิพาทกับ พ. หลังจากศาล
พิพากษาคดีก่อนและจําเลยที่ 4 ึงที่ 6 เป็ นทายาทผู้มีสิท ิรับมรดกในทีด่ นิ พิพาท อง พ. หลังจากศาลพิพากษาคดี
ก่อนแล้ว เจ้าพนักงานทีด่ นิ ได้จดทะเบียนโอนทีด่ นิ พิพาทให้แก่จาํ เลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็ นผูถ้ ือกรรมสิทธิรวมกับ พ. ในทีด่ นิ
พิพาท จําเลยทัง้ หกจึงเป็ นผูส้ บื สิทธิจาก พ. ซึ่งเป็ นโจทก์ในคดีก่อน ถือได้วา่ คูค่ วามในคดีนกี ้ บั คู่ความในคดีก่อนเป็ น
คู่ความรายเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนใี ้ นส่วนทีเ่ กีย่ วกับทีด่ นิ พิพาทจึงเป็ นฟ้องซํ้ากับคดีก่อน
Ex 2. บุคคลที่รบั โอนสิทธิโดยทางนิติกรรมมาจากคู่ความเดิม เช่น ผูซ้ อื ้ ผูร้ บั ให้ ผูร้ บั โอนสิทธิเรียกร้อง
*ฎ. 5210/2557 คดีเดิม โจทก์ฟอ้ งว่าทีด่ นิ พิพาทในคดีนเี ้ ป็ นทีธ่ รณีสง ์ จําเลยในคดีเดิม คือ ท. กับพวก ให้การ
ต่อสูว้ ่าทีด่ นิ พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ทธี่ รณีสง ์ แต่เป็ นทีด่ นิ ของจําเลย คือ ท. กับพวก คดีดงั กล่าวถึงทีส่ ดุ แล้ว โดยศาลฎีกา
มีคาํ วินจิ ฉัยฟังข้อเท็จจริงว่าทีด่ นิ พิพาทไม่ใช่ทธี่ รณีสง ์ตามทีโ่ จทก์อา้ ง การทีโ่ จทก์นําคดีนีม้ า ้ องจําเลยในคดีนี้ ึ่ง
เป็ นผู้รับโอนทีด่ นิ จากจําเลยในคดีก่อน โดยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่าทีด่ นิ พิพาทในคดีนเี ้ ป็ นทีธ่ รณีสง ์เช่นเดียวกับคดี
ก่อน และจําเลยในคดีนกี ้ ็ให้การต่อสูเ้ ช่นเดียวกันกับจําเลยในคดีก่อนว่าทีด่ นิ พิพาทไม่ใช่ทธี่ รณีสง ์ จึงเป็ นการรือ้ ร้องฟ้อง
กันอีกในประเด็นทีไ่ ด้วนิ จิ ฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันเป็ นการต้องห้ามตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 148
6) บุคคลที่คคู่ วามเดิมได้ใช้สิทธิดาํ เนินคดีแทนตนเองไปแล้ว เช่น เจ้าของรวม, ทายาท, ผูจ้ ดั การมรดก, สามี
ริยากรณีสินสมรส, พนักงานอัยการมีคาํ ขอให้คืนทรัพย์หรือใช้ราคาตามป.วิ.อาญา มาตรา 43
6.1.กรณีเจ้าของรวม (ดูป.พ.พ. มาตรา 1359 และ 1 วรรคหนึ่งประกอบ ฎ.4926/2548, 635/2515, 2595/2522
ม.1359 เจ้าของรวมคนหนึง่ ๆ อาจใช้สิทธิอนั เกิดแต่กรรมสิทธิครอบไปถึงทรัพย์สินทัง้ หมดเพื่อต่อสูบ้ คุ คล ายนอก ….
ฎ.1022/2561 สัญญาประนีประนอมยอมความทีจ่ าํ เลยและโจทก์ตกลงในประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลชัน้ ต้นมีคาํ
พิพากษาตามยอม โจทก์และจําเลยมิได้อทุ ธรณ์ฎีกาตามมาตรา 147 วรรคสอง คดีถึงทีส่ ดุ ไม่วา่ ผูร้ อ้ ง (เจ้าของรวม) จะ
ให้ความยินยอมในการทําสัญญาหรือไม่ก็ตาม คําพิพากษาซึ่งถึงทีส่ ดุ แล้วย่อมมีผลผูกพันผูร้ อ้ งซึ่งเป็ นเจ้าของกรรมสิทธิ
รวมด้วยตามป.วิ.แพ่งมาตรา 145 วรรคหนึง่ เพราะจําเลยใน านะเจ้าของกรรมสิทธิรวมคนหนึ่งได้ใช้สทิ ธิอนั เกิดแต่
กรรมสิทธิครอบไปถึงทรัพย์สนิ ทัง้ หมดเพือ่ ต่อสูโ้ จทก์ซ่งึ เป็ นบุคคล ายนอก ตามป.พ.พ. มาตรา 1359 การทีผ่ ูร้ อ้ งยืน่ คํา
ร้องขอแสดงอํานาจพิเศษโดยอ้างเหตุอย่างเดียวกันอีกว่าผูร้ อ้ งเป็ นเจ้าของกรรมสิทธิรวมกับจําเลยในทีด่ นิ พิพาทโดยการ
ครอบครองปรปักษ์โดยบ่ายเบีย่ งเป็ นว่าผูร้ อ้ งมิได้รูเ้ ห็นเป็ นใจหรือยินยอมในเรือ่ งทีโ่ จทก์กบั จําเลยทําสัญญายอมกันด้วยก็
ตาม ก็เป็ นการรือ้ ร้องฟ้องกันอีกในประเด็นทีไ่ ด้วนิ จิ ฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 148
6.2.กรณีสามี ริยาฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรสโดยได้รบั ความยินยอม
ฎ.2811/2519 จําเลยที่ 1 ฟ้อง ริยาโจทก์เรือ่ งกรรมสิทธิทีด่ นิ โจทก์ยินยอมให้ ริยาโจทก์ฟ้องแย้งจําเลย
ที่ 1 จําเลยที่ 1 กับ ริยาโจทก์ประนีประนอมยอมความกันในคดีนนั้ ศาลพิพากษาตามยอม โจทก์ฟ้องจําเลยที่ 1 ขอให้
แสดงกรรมสิทธิทีด่ นิ รายเดียวกันอีกไม่ได้ เป็ นฟ้องซํา้ (ฎ.7496/2555* วินจิ ฉัยแนวเดียวกัน)
ติวกฎหมายเข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ อาจารย์ตนู SmartLaw utor .086-987-5678 Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 11
6.3.กรณีทายาทหรือผูจ้ ดั การมรดก
*ฎ. 710/2509 การทีท่ ายาทคนหนึ่งฟ้องผูจ้ ดั การมรดกเกีย่ วกับการจัดการมรดก ถือว่าเป็ นการฟ้องแทนทายาท
คนอืน่ ด้วย ทายาทคนหนึ่งฟ้องผูจ้ ดั การมรดกคนก่อนว่า จัดการมรดกไปด้วยความทุจริตประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ทําให้ทายาทกองมรดกนัน้ เสียหาย ศาลวินจิ ฉัยว่าโจทก์นาํ สืบไม่ได้ว่าผูจ้ ดั การมรดกคนเก่านัน้ ได้กระทําไปด้วยความไม่
สุจริตและประมาทเลินเล่อการทีผ่ ูจ้ ดั การมรดกได้กระทําไปจึงผูกพันกองมรดกคดีถึงทีส่ ดุ ต่อมาผูจ้ ดั การมรดกคนใหม่ซ่งึ
เข้ามาจัดการมรดกแทนผูจ้ ดั การมรดกคนเก่าทีถ่ ูกศาลพิพากษาเพิกถอนได้ฟ้องผูจ้ ดั การมรดกคนเก่าในทํานองเดียวกันกับ
ทีท่ ายาทได้ฟ้องในคดีก่อน และคดีถึงทีส่ ดุ แล้วนัน้ ถือว่าเป็ นการรือ้ ฟื ้นคดีขนึ้ มาฟ้องแทนทายาทอีกเป็ นการใช้สทิ ธิของ
ทายาทซึ่งเป็ นตัวการทีไ่ ด้ฟ้องไปแล้ว จึงเป็ นฟ้องซํา้
ข้อยกเว้น ถ้าทายาทหรือเจ้าของรวมซึ่งเป็ นโจทก์ใช้สิทธิขดั กับทายาทหรือเจ้าของรวมคนอื่น การฟ้องคดีนหี ้ า
ได้ผกู พันทายาทอื่นหรือเจ้าของรวมคนอื่นไม่ (ดูป.พ.พ. มาตรา 1 )
มาตรา 1360 เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ มีสิทธิใช้ทรัพย์สินได้ แต่การใช้นนั้ ต้องไม่ขดั ต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่น ๆ
*ฎ.9129/2558 คดีก่อนโจทก์กบั นาง ท. ฟ้องจําเลยที่ 2 และที่ 3 ขอเพิกถอนนิตกิ รรมระหว่างจําเลยที่ 2 กับที่
3 ในคดีก่อนนัน้ ถือได้วา่ โจทก์ซ่งึ เป็ นทายาทคนหนึ่งฟ้องบุคคล ายนอกแทนทายาทคนอืน่ ด้วย เพราะหากศาลพิพากษา
ให้เพิกถอนทีด่ นิ กลับมาเป็ นทรัพย์ในกองมรดก ทายาททุกคนย่อมได้รบั ประโยชน์ แต่การทีโ่ จทก์กบั นาง ท. ทําสัญญา
ประนีประนอมยอมความให้จาํ เลยทัง้ สองชําระเงิน 90,000 บาท แก่โจทก์กบั นาง ท. และศาลพิพากษาตามยอม คดีถึง
ทีส่ ดุ แล้ว การกระทําของโจทก์ใน านะทายาทซึ่งเป็ นเจ้าของรวมในทรัพย์มรดกใช้สทิ ธิขดั กับทายาทอืน่ หรือเจ้าของรวม
คนอืน่ คําพิพากษาตามยอมในคดีดงั กล่าวคงผูกพันเฉพาะส่วนของโจทก์เท่านัน้ หาได้ผูกพันทายาทอืน่ หรือเจ้าของรวม
คนอืน่ ไม่ เมือ่ โจทก์ใช้อาํ นาจผูจ้ ดั การมรดกฟ้องจําเลยที่ 2 และที่ 3 เป็ นคดีนอี ้ กี จึงเป็ นคูค่ วามเดียวกันและมีประเด็น
เดียวกัน คือ ขอให้เพิกถอนนิตกิ รรมเกีย่ วกับทีด่ นิ พิพาทระหว่างจําเลยที่ 2 กับที่ 3 กับคดีก่อนซึ่งถึงทีส่ ดุ แล้ว จึงเป็ น ้ อง
้าํ เฉพาะส่วน องโจทก์ใน านะส่วนตัวเท่านัน้ แต่ในส่วนผูจ้ ดั การมรดกหาได้เป็ นฟ้องซํ้าด้วยไม่
ติวกฎหมายเข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ อาจารย์ตนู SmartLaw utor .086-987-5678 Line @smartlawtutor
อาจารย์เป้ SmartLaw MINI เนติ 2/74 กลุ่มวิแพ่ง ข้อ 2 หน้า 12
ตัวอย่างกรณีศาลพิพากษายกฟ้ อง ดยได้วินิจ ัยชีข้ าดในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้ว
1) คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีพยานหลัก านมาสืบ (ฎ.7872/2543, 554/2532)
2) คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มีหลัก านการทําสัญญาเป็ นหนังสือมาแสดง ในกรณีท่มี ี
กฎหมายบังคับให้ตอ้ งมีพยานหลัก านมาแสดง เช่น สัญญากูย้ มื เงิน สัญญาคํา้ ประกัน สัญญาเช่าซือ้
3) คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะจําเลยไม่ใช่ค่สู ญั ญา (ฎ. 1/2549)
4) คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ (ฎ.4431/2553)
4.คดีแรกและคดีหลังมีประเด็นอย่างเดียวกัน
4.1.คดีก่อนกับคดีหลังมีประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแตกต่างกัน
1) ทรัพย์สินที่พิพาทเป็ นคนละอย่าง และมีประเด็นที่ตอ้ งวินิจฉัยแตกต่างกัน
2) เป็ นมูลหนีค้ นละคราว, คนละประเ ท, ผิดนัดคนละงวด (ฎ. 7751/2538)
3) ฟ้องบังคับจํานองที่ดินแปลงเดียวกัน แต่หนีป้ ระธานต่างรายกัน ไม่เป็ นฟ้องซํา้ /ดําเนินกระบวนพิจารณาซํา้
ฎ. 6 /256 จํานองทรัพย์สนิ รายเดียวเป็ นประกันหนีป้ ระธานต่างราย คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า จําเลยทํา
สัญญาจํานองทีด่ นิ พิพาทเพือ่ เป็ นประกันหนีท้ ี่ ส. กูเ้ งิน 1,000,000 บาท ไปจากโจทก์ คดีนโี ้ จทก์ฟ้องว่า จําเลยทําสัญญา
จํานองทีด่ นิ พิพาทเพือ่ เป็ นประกันหนีท้ จี่ าํ เลยกูเ้ งิน 1,300,000 บาท ไปจากโจทก์ เป็ นการฟ้องเรียกหนีเ้ งินกูอ้ นั เป็ นหนี ้
ประธานและการจํานองอันเป็ นหนีอ้ ปุ กรณ์เพือ่ เป็ นประกันหนีป้ ระธานต่างรายกันไม่ได้มคี วามเกีย่ วข้องกันเลย แม้ทรัพย์
จํานองจะเป็ นทีด่ นิ พิพาทแปลงเดียวกันก็ตาม ความรับผิดของคดีก่อนและคดีนแี ้ ยกต่างหากจากกัน ฟ้องโจทก์ไม่เป็ นฟ้อง
ซํ้าหรือดําเนินกระบวนพิจารณาซํ้ากับคดีก่อน
4) เป็ นหนีห้ รือเหตุการณ์ท่เี กิดขึน้ ใหม่หลังจากยื่นฟ้องคดีก่อนหรือหลังจากศาลมีคาํ พิพากษาในคดีก่อน
Ex 1.หนีเ้ ดิมยังไม่ถงึ กําหนดชําระ มาฟ้องคดีใหม่หลังจากหนีถ้ ึงกําหนดชําระ (ฎ.1566/2552)
Ex 2.หนีห้ รือความเสียหายที่เกิดขึน้ หลังจากคดีก่อนศาลพิพากษาให้ยดึ รถ
Ex 3. คดีก่อนฟ้องว่าผิดสัญญาหุน้ ส่วน คดีนฟี ้ ้องขอคืนทุนเนื่องจากเลิกห้าง
ฎ. 22/256 คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์จาํ เลยตกลงร่วมลงทุนซือ้ ทีด่ นิ เพือ่ นําไปขายแบ่งกําไรกัน โจทก์ลงทุน
5,000,000 บาท จําเลยลงทุน 200,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบแล้วจําเลยซือ้ ทีด่ นิ ราคาเพียง 2,600,000 บาท ต่อมา
จําเลยขายไป 2,800,000 บาท กําไร 200,000 บาท ขอให้จาํ เลยคืนเงินลงทุนส่วนเกิน 2,600,000 บาท และเงินลงทุน
2,400,000 บาท และแบ่งกําไร จําเลยให้การว่า จําเลยซือ้ ทีด่ นิ ราคา 5,200,000 บาท แต่ขายไป 2,800,000 บาท ขาดทุน
2,400,000 บาท จําเลยไม่ตอ้ งคืนทุนหรือกําไร ประเด็นแห่งคดีมวี ่า จําเลยผิดสัญญาหุน้ ส่วนหลอกลวงเอาเงินลงทุนไป
จากโจทก์หรือไม่ และต้องคืนเงินลงทุนกับแบ่งผลกําไรให้แก่โจทก์หรือไม่ คดีนโี ้ จทก์ฟ้องว่า จําเลยขายทีด่ นิ ได้แล้วห้าง
หุน้ ส่วนเป็ นอันเลิกกันและต้องมีการชําระบัญชี แต่จาํ เลยเพิกเฉย ขอให้บงั คับจําเลยคืนเงินทุน 2,688,000 บาท จําเลยให้
การว่า ไม่ได้เป็ นหุน้ ส่วน ไม่ตอ้ งชําระบัญชี ทัง้ จําเลยเสียค่าใช้จา่ ยในการถมดิน ทําท่อระบายนํา้ ค่าคําขอขาย
ค่าธรรมเนียม ค่า าษีเงินได้บคุ คลธรรมดา ค่าอากรแสตมป์ ค่า าษีธุรกิจเฉพาะและรายได้ทอ้ งถิ่น และค่าพยาน รวม
1,081,985 บาท แม้โจทก์มีคาํ ขอให้จาํ เลยคืนเงินทุนแก่โจทก์ แต่เป็ นเงินทีเ่ ป็ นผลมาจากโจทก์อา้ งว่าห้างหุน้ ส่วนเลิกกัน
และโจทก์ได้ชาํ ระบัญชีแล้ว จําเลยให้การว่า โจทก์จาํ เลยร่วมลงทุนกัน ไม่ตอ้ งชําระบัญชี ประเด็นมีว่า กิจการระหว่าง
โจทก์จาํ เลยต้องมีการชําระบัญชีหรือไม่ อย่างไร ฟ้องโจทก์ไม่เป็ นฟ้องซํา้
5) คดีก่อนจําเลยยื่นคําให้การแต่ขอสละประเด็นดังกล่าวแล้ว (ฎ.11369/2555)
6) คดีก่อนศาลยกขึน้ วินิจฉัยให้โดยไม่ชอบ เช่น วินิจฉัยนอกฟ้อง นอกประเด็น (ฎ.1835-1836/2539)
7) ประเด็นข้อพิพาทในคดีก่อนที่ศาลมิได้ยกขึน้ วินจิ ฉัยให้
ติวกฎหมายเข้าใจง่าย สอบผ่านสบาย ต้องติวกับ อาจารย์เป้ อาจารย์ตนู SmartLaw utor .086-987-5678 Line @smartlawtutor