Professional Documents
Culture Documents
Gov Report
Gov Report
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
หน้า
คานา ๑
๑. สภาพปัญหาก่อนเข้าบริหารประเทศ ๕
๒. สถานการณ์หลังการเข้าบริหารประเทศ ๕
๓. แนวนโยบายของรัฐบาล ๖
๔. การประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปคหรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ๗
๕. สรุปผลการดาเนินงานการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ๑๓
ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ไปสู่การประกาศเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง
๖. ผลการดาเนินงานที่สาคัญของรัฐบาลในช่วงปีที่ ๔ ๑๖
๗. ผลการดาเนินงานตามแนวนโยบายรัฐบาล
ผลการดาเนินงานตามนโยบายหลัก ๑๒ ด้าน
นโยบายหลัก ข้อ ๑ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ๒๗
นโยบายหลัก ข้อ ๒ การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ๓๓
และความสงบสุขของประเทศ
นโยบายหลัก ข้อ ๓ การทานุบารุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ๓๙
นโยบายหลัก ข้อ ๔ การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก ๔๒
นโยบายหลัก ข้อ ๕ การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย ๔๘
นโยบายหลัก ข้อ ๖ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ๖๔
นโยบายหลัก ข้อ ๗ การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งของฐานราก ๖๖
นโยบายหลัก ข้อ ๘ การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพ ๗๑
ของคนไทยทุกช่วงวัย
นโยบายหลัก ข้อ ๙ การพัฒนาระบบสาธารณสุข และหลักประกันทางสังคม ๘๒
นโยบายหลัก ข้อ ๑๐ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม ๘๖
เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นโยบายหลัก ข้อ ๑๑ การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ ๙๑
นโยบายหลัก ข้อ ๑๒ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ๙๗
และกระบวนการยุติธรรม
รายงานผลการดำำ
รายงานผลการด �เนิิาเนิ
นงานของรัั ฐบาล
นงานของรั ฐบาลพลเอก
พลเอกประยุุ
ประยุ ทธ์์ทธ์จัันจัทร์์นโทร์
อชา นายกรัั
โอชา ฐมนตรีี
นายกรั ฐมนตรีปีีที่่ปี� ๔ที่ ๔
(๒๕
(๒๕กรกฎาคม
กรกฎาคม- ๓๑
- ๓๑ธัันธัวาคม
นวาคม๒๕๖๕)
๒๕๖๕) ๓3
๘. ผลการดาเนินงานตามแนวนโยบายรัฐบาลเร่งด่วน ๑๒ เรื่อง
นโยบายเร่งด่วน ๑ การแก้ไขปัญหาในการดารงชีวิตของประชาชน ๙๙
นโยบายเร่งด่วน ๒ การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ๑๐๕
นโยบายเร่งด่วน ๓ มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ๑๐๘
นโยบายเร่งด่วน ๔ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม ๑๑๑
นโยบายเร่งด่วน ๕ การยกระดับศักยภาพของแรงงาน ๑๑๔
นโยบายเร่งด่วน ๖ การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต ๑๑๗
นโยบายเร่งด่วน ๗ การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ๑๑๙
นโยบายเร่งด่วน ๘ การแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ๑๒๑
ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจา
นโยบายเร่งด่วน ๙ การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ๑๒๓
นโยบายเร่งด่วน ๑๐ การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน ๑๒๕
นโยบายเร่งด่วน ๑๑ การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย ๑๒๘
นโยบายเร่งด่วน ๑๒ การสนับสนุนให้มีการศึกษา การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ๑๓๑
และการดาเนินการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ภาคผนวก
กฎหมายที่ประกาศราชกิจจานุเบกษา ระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๕ - มกราคม ๒๕๖๖ ๑๓๒
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๕5
รั ฐ บาลได้เร่ งดาเนิน มาตรการที่สาคัญ ต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบจากการชะลอตัว ทางเศรษฐกิจซึ่งเกิดจาก
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และวิกฤตราคาน้ามันที่มีผลจากสงครามระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและยูเครนที่เริ่มต้น
ในช่วงต้นปี ๒๕๖๕ และการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
๒๕๖๓ ต่ อ เนื่ อ งมาจนถึ งกลางปี ๒๕๖๕ ซึ่ ง รั ฐ บาลได้ ค วบคุ ม การแพร่ร ะบาด โดยได้ จั ด หาและฉี ด วัค ซี น ให้ กับ
ประชาชนอย่างครอบคลุ ม ทั่วถึง และรวดเร็ว เพื่อลดความเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ควบคู่ไปกับการดาเนิน
มาตรการทางการเงิน การคลัง และกึ่งการคลัง ทั้งในด้านมาตรการสินเชื่อ การพักชาระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้
การปรับลดภาระภาษี และเลื่อนการชาระภาษี เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจนาไปสู่การเปิดประเทศ
รับนักท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้
รั ฐ บาลยื น ยั น ถึงความมุ่งมั่น ที่จ ะน าพาประเทศให้ ร อดพ้นจากวิก ฤตครั้ง นี้ไปได้โ ดยเร็ว ที่สุ ด และพลิ กฟื้ น
ประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งภายใต้ “ชีวิตวิถีใหม่ ” โดยเฉพาะการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์
การสร้ า งความแข็ ง แกร่ ง ของเศรษฐกิ จ ในภาพรวมและฐานราก การดู แ ลสภาพแวดล้ อ มและการใช้ ท รั พ ยากร
อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการบริหารจัดการผลกระทบจากการพัฒนาเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ที่ทั่วโลกให้ความสาคัญ
รวมทั้งการลดภาวะโลกร้อน เพื่อวางรากฐานของประเทศไทยให้สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคตที่ยากจะคาดเดา
ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
๓. แนวนโยบายของรัฐบาล
รัฐบาลได้กาหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒
ประกอบด้วย นโยบายหลัก ๑๒ ด้าน ได้แก่ (๑) การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การสร้างความมั่นคง
และความปลอดภัย ของประเทศ และความสงบสุ ขของประเทศ (๓) การทานุบารุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
(๔) การสร้ า งบทบาทของไทยในเวที โ ลก (๕) การพั ฒ นาเศรษฐกิ จ และความสามารถในการแข่ ง ขั น ของไทย
(๖) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค (๗) การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก
(๘) การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย (๙) การพัฒนาระบบสาธารณสุข
และหลักประกันทางสังคม (๑๐) การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
(๑๑) การปฏิรูปการบริห ารจัดการภาครัฐ และ (๑๒) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิช อบ
และกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกัน ได้เสนอนโยบายเร่งด่วน ๑๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหาการดารงชีวิต
ของประชาชน (๒) การปรับปรุงระบบสวัส ดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน (๓) มาตรการเศรษฐกิจ
เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (๔) การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม (๕) การยกระดับ
ศักยภาพของแรงงาน (๖) การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต (๗) การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑
(๘) การแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจา (๙) การแก้ไขปัญหา
ยาเสพติ ด และสร้ า งความสงบสุ ข ในพื้ น ที่ ช ายแดนภาคใต้ (๑๐) การพั ฒ นาระบบการให้ บ ริ ก ารประชาชน
(๑๑) การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย และ (๑๒) การสนับสนุนให้มีการศึกษา การรับฟังความคิดเห็น
ของประชาชน และการดาเนินการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินนงานของรั
งานของรััฐบาล
ฐบาลพลเอก
พลเอกประยุ
ประยุุททธ์ธ์์ จัจัันนทร์
ทร์์โโอชา
อชา นายกรั
นายกรััฐฐมนตรี
มนตรีี ปีปีีทที่่ี่ � ๔๔
(๒๕กรกฎาคม
(๒๕ กรกฎาคม- -๓๑๓๑ธันธัันวาคม
วาคม๒๕๖๕)
๒๕๖๕) ๗ 7
ในการรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และสนับสนุน
การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ครอบคลุมบุคคลทุกกลุ่ม
๔.๒.๒ การหารือระหว่างผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษ จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส รวมทั้ง มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี
แห่ ง ราชอาณาจั ก รซาอุ ดี อ าระเบี ย เข้ า ร่ ว มในฐานะ
แขกพิเศษ แบ่งเป็น ๒ ช่วง ได้แก่ (๑) การหารืออย่างไม่เป็น
ทางการ หัวข้อ “การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่าง
เอเปคกับหุ้นส่วนด้านการค้า” และ (๒) การหารือในช่วง
อาหารกลางวัน หั ว ข้อ “การส่ งเสริ ม การเจริ ญ เติ บ โต
ที่ครอบคลุมในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตเงินเฟ้อ ”
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินนงานของรั
งานของรััฐบาล
ฐบาลพลเอก
พลเอกประยุ
ประยุุททธ์ ธ์์ จัจัันนทร์
ทร์์โโอชา
อชา นายกรั
นายกรััฐฐมนตรี
มนตรีี ปีปีีทที่่ี่ � ๔๔
(๒๕กรกฎาคม
(๒๕ กรกฎาคม- -๓๑๓๑ธันธัันวาคม
วาคม๒๕๖๕)
๒๕๖๕) ๙ 9
๔.๔ ความสาเร็จของการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๙ และการเป็นเจ้าภาพเอเปคปี ๒๕๖๕
ประเทศไทยได้ผลักดันให้เอเปค ๒๕๖๕ บรรลุผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ๓ ประการ ตามเป้าหมาย ดังนี้ (๑) เปิดกว้าง
สร้างสัมพันธ์ (Open) ริเริ่มการทบทวนการหารือเรื่องการขับเคลื่อนการเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก (Free
Trade Area of the Asia Pacific: FTAAP) ในบริบทหลังโควิด-๑๙ และบรรลุการจัดทาแผนงานขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง
หลายปีในเรื่องดังกล่าว (ค.ศ. ๒๐๒๓ - ๒๐๒๖) ภายใต้คณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการลงทุน (Committee on Trade
and Investment: CTI) ของเอเปค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกในการรับมือประเด็นการค้าการลงทุนใหม่ ๆ ในบริบท
ของโลกยุ คหลังโควิด -๑๙ เช่น การค้าและเศรษฐกิจดิจิทัล e-commerce การค้าและสิ่ งแวดล้อม ความเชื่อมโยง
ของห่ ว งโซ่อุป ทาน การตอบสนองต่อการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็น ต้น โดยเน้น การเสริมสร้างศักยภาพ
และลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ระหว่างกัน เพื่อเป้าหมายสูงสุด คือ การเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงโอกาส
ทางเศรษฐกิจจากการค้าการลงทุนที่เปิ ดกว้างและเสรีได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งประเทศไทยจะร่วมกับเขตเศรษฐกิจสมาชิก
ขับเคลื่อนการดาเนินการตามแผนงานดังกล่าว และติดตามผลผ่าน CTI และรายงานต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปคทุกปี
และในปลายปี ๒๕๖๙ CTI จะทบทวนรายละเอี ย ดและกรอบเวลาของแผนงานดั ง กล่ า วต่ อ ไป นอกจากนี้
หน่วยสนับสนุนด้านนโยบาย (Policy Support Unit: PSU) ของเอเปคจะประเมินความคืบหน้าการดาเนินการเรื่อง
FTAAP ทุก ๆ สองปี (๒) เชื่อมโยงกัน (Connect) นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ข้อจากัดหรืออุปสรรค
ของการเดิ น ทางข้ า มพรมแดนท าให้ เ อเปคเสี ย โอกาสทางการค้ า ไปถึ ง ประมาณ ๕ - ๗ แสนล้ า นดอลลาร์ ส หรัฐ
และสูญเสียกิจกรรมทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าประมาณ ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยสามารถผลั กดัน
การจัดตั้งคณะทางานเฉพาะกิจในเรื่องดังกล่าวและบรรลุข้อริเริ่มที่เป็นรูปธรรมหลายประการ เพื่ออานวยความสะดวก
และกระตุ้นการเดินทางและการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน เช่น การจัดทาระบบฐานข้อมูลที่รวบรวมระเบียบและข้อจากัด
การเดินทางในเอเปค การจัดทาหลักการเพื่อส่งเสริมการยอมรับใบรั บรองการฉีดวัคซีนระหว่างกัน การเสนอให้เอเปค
มีกลไกการทางานเพื่อรับมือกับวิกฤตในอนาคต การผลักดันการออกบัตรเดินทางนักธุรกิจเอเปค (APEC Business
Travel Card: ABTC) ให้ครอบคลุมนักธุรกิจรายย่อยมากขึ้น เป็นต้น โดยไทยจะดาเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อออกบัตร
ABTC ให้ครอบคลุมมากขึ้น และผลักดัน ให้เอเปคสานต่องานด้านการเดินทางที่ปลอดภัยในปี ๒๕๖๖ ที่สหรัฐอเมริกา
เป็นเจ้าภาพต่อไป และ (๓) สู่สมดุล (Balance) ประเทศไทยได้วางรากฐานให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย -แปซิฟิก
เติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุม ยั่งยืน โดยเฉพาะการรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพมหานครว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุน เวียน และเศรษฐกิจสีเ ขียว” เป็น เอกสารฉบับ แรกในประวัติศาสตร์ ของเอเปคที่ว างบรรทัดฐาน
และระบุ เ ป้ า หมายการท างานที่ ชั ด เจนอย่ า งเป็ น ระบบเพื่ อ ส่ ง เสริ ม การเติ บ โตที่ ค รอบคลุ ม และยั่ ง ยื น ซึ่ ง เป็ น
“ภาพจาแห่งความสาเร็จ” ของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปีนี้ โดยเน้นให้เอเปคมุ่งส่งเสริมการค้าและการลงทุน
ควบคู่ไปกับการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน ประเทศไทยจะขับเคลื่อนการดาเนินการตามเป้าหมายกรุงเทพมหานคร
ภายในประเทศให้เกิดความคืบหน้าผ่านความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะประสานงาน
กับคณะกรรมการบริห ารการพัฒ นาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green
Economy: BCG Model) เพื่อผลั กดัน การดาเนิ นการอย่างบูรณาการภายใต้กลไกจตุภาคี ซึ่ งประกอบด้ว ยภาครัฐ
ภาคเอกชน สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ เนิินนงานของรัั
งานของรัฐฐบาล
บาล พลเอก
พลเอก ประยุุ
ประยุททธ์์ธ์ จัันจันทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐมนตรีี
ฐมนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕
(๒๕ กรกฎาคม
กรกฎาคม -- ๓๑
๓๑ ธััธันนวาคม
วาคม ๒๕๖๕)
๒๕๖๕) ๑๑11
๔.๕.๔ สร้างความเชื่อมั่นให้โลกเห็นความพร้อมในการต้อนรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวกลับสู่
ประเทศไทยอีกครั้ง โดยได้ถ่ายทอดความโดดเด่นและศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จะนาไปสู่โอกาสการค้าและการลงทุน
ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งด้านอาหารและศิลปวัฒนธรรมสู่สายตาของผู้นา คณะผู้แทน และสื่อต่างชาติ ตลอดห่ วงสัปดาห์
การประชุมผู้นาเอเปค สื่อต่างชาตินาเสนอข่าวการไปชมมวยไทยที่สนามมวยราชดาเนิน การรับประทานอาหารที่เยาวราช
และการเยี่ ย มชมวั ด โพธิ์ ข องประธานาธิ บ ดี แ ห่ ง สาธารณรั ฐ ฝรั่ ง เศส การเข้ า เฝ้ า สมเด็ จ พระอริ ย วงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณ ายก และเยี่ยมชมตลาดสดองค์การตลาดเพื่อการเกษตรของนางคามาลา
แฮร์ ริ ส รองประธานาธิ บ ดี แ ห่ ง สหรั ฐ อเมริ ก า หรื อ การที่ น ายลี เซี ย นลุ ง นายกรั ฐ มนตรี สาธารณรั ฐ สิ ง คโปร์
ลงคลิปวิดีโอการเยือนประเทศไทยและภาพอาหารไทยในโซเชียลมีเดียของตนเอง ซึ่งภาคธุรกิจของไทยสามารถ
ต่อยอดจากกระแสความสนใจในห้วงการประชุมเอเปคที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างประโยชน์และโอกาสทางธุรกิจต่อไปได้
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
�เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๑๓13
รวมถึ ง การท าหั ต ถการอื่ น ๆ หอผู้ ป่ ว ยใน (หอผู้ ป่ ว ย สามั ญ ทั่ ว ไป หอผู้ ป่ ว ยพิ เ ศษ หอผู้ ป่ ว ย ICU) การส่ ง ต่ อ
และ Elective rotation ของนักศึกษาและบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างสถาบัน ซึ่งแต่ละสถานพยาบาลสามารถ
ปรับให้เหมาะสมตามศักยภาพและความพร้อมของทรัพยากร
๕.๔ การให้บริการภูมิคุ้มกันสาเร็จรูปหรือ Long Acting Antibody (LAAB) ป้องกันโรคโควิด-๑๙ สาหรับ
ผู้ป่วยภูมิคุ้มกัน ต่า เช่น ผู้ ป่ ว ยไตวายเรื้อรั งที่ได้รับการฟอกไต ผู้ปลู กถ่ายอวัยวะหรือไขกระดูกที่ได้รับยากดภูมิ
โดยประเทศไทยมีจานวนผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันร่างกายต่าประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ราย เป็นต้น โดยให้บริหารจัดการ
LAAB ให้เป็นไปด้วยความเสมอภาคและประโยชน์สู งสุ ดแก่ประชาชน รวมถึงสังเกตอาการภายหลั งได้รับ LAAB
ตามมาตรฐาน
๕.๕ การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและลดอัตราการป่วยตาย ประเทศไทยได้กาหนดเป้าหมาย
ให้ประชาชนต้องรับการฉีดวัคซีนให้ถึงร้ อยละ ๗๐ ของประชากรหรือประมาณ ๕๐ ล้านคน โดยให้บริการฉีดวั คซีน
โควิด-๑๙ สะสมจานวนทั้งสิ้น ๑๔๔,๒๘๒,๒๓๗ โดส จาแนกเป็น เข็มที่ ๑ จานวน ๕๗,๑๖๖,๒๖๓ โดส คิดเป็นร้อยละ
๘๒.๑๙ เข็มที่ ๒ จานวน ๕๓,๖๓๘,๖๒๕ โดส คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๑๒ และเข็มที่ ๓ จานวน ๓๓,๔๗๗,๓๔๙ โดส
คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๑๓ (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕) แม้ว่าการได้รับวัคซีนของประชาชนจะมีแนวโน้ม
ที่มากขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา แต่กระทรวงสาธารณสุขยังคงต้องดาเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีด
วั ค ซี น เข็ ม กระตุ้ น เพื่ อ เป็ น การป้ อ งกั น และลดระดั บ ความรุ น แรงของโรค โดยประชาชนสามารถเข้ า รั บ บริ ก าร
ตามโรงพยาบาลของรัฐ ได้ทั้งหมดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน
หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล (รพ.สต.)
๕.๖ ด้านการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-๑๙ ประชาชนทุกคนยังคงได้รับการรักษาฟรีตามสิทธิ ทั้งสิทธิบัตรทอง
สิทธิประกันสังคม และสิทธิข้าราชการและพนั กงานรัฐวิสาหกิจ ขณะที่ ผู้ป่วยอาการสีแดงที่เข้าข่ายวิกฤตฉุ กเฉิน
สามารถใช้สิทธิ UCEP เข้ารักษาแห่งใดก็ได้ ดังนี้
๑) ผู้มีสิทธิบัตรทองสามารถติดต่อเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น
หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล ตามนโยบาย ๓๐ บาท รักษาทุกที่ สถานพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้หรือ ร้านยา
ในโครงการ “เจอ แจก จบ”
๒) ผู้ มีสิ ทธิป ระกันสั งคม ส านั กงานประกัน สั งคมออกประกาศคณะกรรมการการแพทย์ พร้อ มดูแ ล
ผู้ ป ระกั น ตนติ ด เชื้ อ โควิ ด -๑๙ โดยผู้ ป ระกั น ตนที่ ป่ ว ยด้ ว ยโรคโควิ ด -๑๙ สามารถเข้ า รั บ บริ ก ารทางการแพทย์
ณ สถานพยาบาลตามสิ ทธิหรื อสถานพยาบาลอื่นในท้องที่เดียวกันกับสถานพยาบาลตามสิ ทธิห รือเข้ารับบริ การ
ต่ า งท้ อ งที่ กั บ สถานพยาบาลตามสิ ท ธิ ทั้ ง นี้ เป็ น ไปตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ ต ามพระราชบั ญ ญั ติ
ประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และจานวนเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
๓) ข้ า ราชการและพนั ก งานรั ฐ วิ ส าหกิ จ สามารถเข้ า รั บ การรั ก ษากั บ สถานพยาบาลของรั ฐ ทุ ก แห่ ง
หรือกรณีหน่วยงานใดมีสิทธิรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ก็รักษาตามสิทธิที่องค์กรกาหนด
๕.๗ เปิดสานักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่
(ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) การระบาดใหญ่
ของโรคโควิ ด -๑๙ ส่ ง ผลกระทบต่ อ ความมั่ น คงด้ า นสุ ข ภาพ ตลอดจนความเสี ย หายทางเศรษฐกิ จ และสั ง คม
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุุ
ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๑๕15
๖. ผลการดาเนินงานที่สาคัญของรัฐบาลในช่วงปีที่ ๔
ในช่วงปีที่ ๔ ของการบริหารราชการแผ่นดิน (วันที่ ๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕) รัฐบาลได้มุ่งมั่น
ทุ่มเท และระดมสรรพกาลังต่าง ๆ ในการดาเนินงานสาคัญต่าง ๆ ดังนี้
๖.๑ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
รัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสต่าง ๆ ประกอบด้ วย การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็ จพระเจ้ าอยู่ หั ว เนื่ องโอกาสวั น เฉลิ มพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ การจั ดนิ ทรรศการ
เฉลิ มพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิ ริ กิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ “ด้วยรักแห่งแผ่นดิน : With love for the Nation” เพื่อเผยแพร่
พระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงออกถึงความจงรั กภั กดี และสานึก
ในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย การจัดกิจกรรม
น้อมราลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ การดาเนินโครงการปลูกจิตสานึกและสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย
“ธงไตรรงค์ ธารงไทย” เพื่อน้อมราลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทาน
ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย การจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๕) โดยมีการจัดกิจกรรม
จิตอาสาบริการประชาชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสุขของประชาชน รวมทั้งจัดทาสารคดีโทรทัศน์เฉลิมพระเกียรติ
เนื่องในโอกาสวันส าคั ญที่ เกี่ ยวเนื่ องกั บสถาบั นพระมหากษัตริย์ นาเสนอเรื่ องราวเกี่ ยวกั บสถาบันพระมหากษั ตริ ย์
ที่ได้ทรงบาเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระกรณียกิจมาโดยตลอด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ต่อยอดการดาเนินการของหน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสาพระราชทาน
ตามแนวพระราชดาริ โดยดาเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทาความดี ด้วยหัวใจ” ปัจจุบันมีจิตอาสา
พระราชทานรวมทั้งสิ้น ๗,๐๐๔,๕๖๒ คน โดยมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาจาแนกตามประเภท ประกอบด้วย จิตอาสา
พัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ และจิตอาสาเฉพาะกิจ รวมการจัดกิจกรรมตั้ งเเต่เดือนกรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
จานวน ๓๘,๔๒๔ ครั้ง โดยมีจิตอาสาที่เข้าร่วมกิจกรรม จานวน ๒,๔๒๖,๐๑๖ คน
๖.๒ การบริหารจัดการการระบาดของโควิด-๑๙
๖.๒.๑ การยกเลิกระบบ Thailand Pass ซึ่งมีผลตั้งแต่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป โดยนับตั้งเเต่
เปิดประเทศ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย จานวน ๙,๐๗๓,๐๗๖ คน
และสร้างรายได้ ๒๔๗,๑๙๔.๑๖ ล้านบาท
นักท่องเที่ยว ปี ๒๕๖๕ รายได้ ปี ๒๕๖๕
2,500,000 2,241,195 80,000.00 67,429.15
2,000,000 1,748,366
1,475,430 60,000.00
1,500,000 1,124,227 1,174,743 1,309,115 40,383.40 40,828.72
40,000.00 31,687.82 32,047.21 34,817.86
1,000,000
500,000 20,000.00
0 0.00
กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
รายงานผลการดำำาเนิ
รายงานผลการด �เนิินนงานของรัั
งานของรัฐฐบาล
บาล พลเอก
พลเอก ประยุุ
ประยุททธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม
(๒๕ กรกฎาคม -- ๓๑
๓๑ ธััธันนวาคม
วาคม ๒๕๖๕)
๒๕๖๕) ๑๗17
(G-Wallet) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ดาเนินงานไปแล้ว
๕ ระยะ ได้แก่
ระยะที่ ๑ ประชาชนที่เข้าร่ว มโครงการไม่เกิน ๑๐ ล้ านคน ผู้ เข้าร่ว มได้รับสิ ทธิภ าครัฐ
ร่วมจ่ายไม่เกิน ๑๕๐ บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาทต่อคน ระยะเวลาการใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม -
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
ระยะที่ ๒ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการไม่เกิน ๑๕ ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการ
คนละครึ่ง ระยะที่ ๑ จานวน ๑๐ ล้านคน และผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๒ จานวน ๕ ล้านคน ผู้เข้าร่วม
ได้รับสิทธิภาครัฐ ร่วมจ่ายไม่เกิน ๑๕๐ บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน ๓,๕๐๐ บาทต่อคน (กรณีผู้ได้รับสิทธิระยะที่ ๑
ได้รับ ๕๐๐ บาท) ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ระยะที่ ๓ ประชาชนที่เข้าร่ว มโครงการไม่เกิน ๒๘ ล้ านคน ผู้ เข้าร่ว มได้รับสิ ทธิภ าครัฐ
ร่วมจ่ายไม่เกิน ๑๕๐ บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน ๔,๕๐๐ บาทต่อคน (๓ รอบ รอบละ ๑,๕๐๐ บาท) ตั้งแต่วันที่ ๑
กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
ระยะที่ ๔ ประชาชนที่เข้าร่ว มโครงการจากระยะที่ ๓ และลงทะเบี ยนใหม่ ๑ ล้ านคน
รวมไม่เกิน ๒๙ ล้านคน ผู้เข้าร่วมได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่ายไม่เกิน ๑๕๐ บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน ๑,๒๐๐ บาทต่อคน
ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ - ๓๐ เมษายน ๒๕๖๕
ระยะที่ ๕ ประชาชนที่ใช้สิ ทธิโ ครงการจากระยะที่ ๔ และลงทะเบี ยนใหม่ รวมไม่เ กิ น
๒๖.๕ ล้านคน ผู้เข้าร่วมได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่ายไม่เกิน ๑๕๐ บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน ๘๐๐ บาทต่อคน ตั้งแต่
วันที่ ๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕
๖.๓.๒ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่าของสถาบันการเงินเฉพาะกิจสาหรับลูกค้ารายย่อย ประกอบด้วย
มาตรการสินเชื่อสู้ ภัยโควิด-๑๙ ส าหรั บผู้มีรายได้ประจา ผู้ ประกอบอาชีพอิส ระ และเกษตรกรรายย่อยหรือลู กจ้าง
ภาคการเกษตร วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท และมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สาหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ
ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ขับขี่รถสาธารณะ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน สาหรับ
ผู้ มีร ายได้ ป ระจ า ผู้ป ระกอบอาชีพอิส ระ และผู้ ประกอบการรายย่อยที่เข้าร่วมงานมหกรรมร่ว มใจแก้ห นี้ วงเงิน
๒,๐๐๐ ล้านบาท
๖.๓.๓ มาตรการภาษี เพื่ อ ช่ ว ยเหลื อ เยี ย วยา และบรรเทาผลกระทบ ประกอบด้ ว ย มาตรการ
ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสาหรับที่อยู่อาศัย โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจากร้อยละ ๒
ลงเหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าธรรมเนียมการจานองจากร้อยละ ๑ ลงเหลือร้อยละ ๐.๐๑ มีผลการโอนกรรมสิทธิ์
ตามมาตรการฯ สะสมถึง ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๕ จานวน ๕๒,๑๑๐ หน่วยต่อครัวเรือน มาตรการปรับลดอัตราภาษี
สรรพสามิ ตส าหรั บ น้ ามั น เชื้ อ เพลิ งเครื่ อ งบิ น ไอพ่ น ที่ น าไปใช้ เป็ น เชื้ อ เพลิ งส าหรั บ อากาศยานภายในประเทศ
โดยลดอัตราภาษีตามปริ มาณของน้ามันเชื้อเพลิงส าหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้บินในประเทศ จากลิตรละ ๔.๗๒๖ บาท
เหลือลิตรละ ๐.๒๐ บาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๖ มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม
การอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ สาหรับการต่ออายุใบอนุญาตของสถานประกอบการเดิมในปี ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๑๙19
(๒) จั ด ตั้ ง ศู น ย์ บ ริ ห ารสถานการณ์ ก ารแพร่ ร ะบาดของโรคติ ด เชื้ อ ไวรั ส โควิ ด -๑๙
และสายด่วน ๑๕๐๖ กด ๑ กด ๖ และกด ๗ เพื่อให้บริการสอบถามข้อมูล ประสาน และจัดหาสถานพยาบาล
ในการดูแล รักษา และการให้บริการฉีดวัคซีน โควิด-๑๙ (ตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ - ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕)
มีผู้ใช้บริการทั้งสิ้น ๑๘,๔๑๑,๘๐๓ ราย
๒) การช่วยเหลือเยียวยานายจ้าง ผู้ประกันตน
(๑) ลดอัตราเงินสมทบนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ ระหว่างเดือนตุลาคม
- ธันวาคม ๒๕๖๕ นายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ ลดจากอัตราร้อยละ ๕ เหลืออัตราร้อยละ ๓ และผู้ประกันตน
มาตรา ๓๙ ลดจากเดือนละ ๔๓๒ บาท เหลือเดือนละ ๒๔๐ บาท ทาให้นายจ้างและผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบลดลง
เพื่อบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อน ลดค่าใช้จ่ายและมีเงินนาไปใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเป็นเงินทั้งสิ้น
๑๗,๐๔๔ ล้านบาท
(๒) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน โดยสานักงานประกันสังคมร่วมกับธนาคาร
อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนจานองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น
และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับธนาคารเดิม รายละไม่เกิน ๒ ล้านบาท วงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยสามารถขอรับรหัส ผ่าน GHB Buddy ใน Line Application ได้ตั้ง แต่วัน ที่ ๒๐ ธัน วาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
โดย ณ วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖ มียอดผู้ประกันตนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว จานวน ๔๙,๐๕๑ ราย โดยยื่นขอ
สินเชื่อ จานวน ๒,๐๐๔ ราย เป็นจานวนเงิน ๒,๓๗๗ ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว จานวน
๑,๗๖๒ ราย รวมจานวนเงินทั้งสิ้น ๒,๐๖๑ ล้านบาท
๓) จ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน
(๑) จ่ า ยสิ ท ธิ ป ระโยชน์ ท ดแทนกรณี ว่ า งงานจากเหตุ สุ ด วิ สั ย ในอัต ราร้อ ยละ ๕๐
ของค่าจ้างที่ส่งเงินสมทบ (ตั้งแต่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป) โดยจ่ายให้เป็นเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน ตั้งแต่เดือน
กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๕ มีผู้ประกันตนใช้สิทธิ จานวน ๔,๒๘๑ ราย เป็นเงิน ๑๔.๐๘ ล้านบาท
(๒) จ่ า ยสิ ท ธิ ป ระโยชน์ ก รณี ว่ า งงาน เนื่ อ งจากถู ก เลิ ก จ้ า ง/ลาออก/สิ้ น สุ ด สั ญ ญาจ้ า ง
มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๒ ปี (ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๓ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) หลังจากนั้นให้กลับไปใช้อัตราเดิม
โดยกรณีเลิกจ้างได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ร้อยละ ๗๐ ของค่าจ้างรายวัน ให้ได้รับครั้งละไม่เกิน ๒๐๐ วัน (เดิมร้อยละ
๕๐ ของค่าจ้างไม่เกิน ๑๘๐ วัน) และกรณีลาออก/สิ้นสุดสัญญาจ้าง ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ร้อยละ ๔๕ ของค่าจ้าง
รายวัน ให้ได้รับครั้งละไม่เกิน ๙๐ วัน (เดิมร้อยละ ๓๐ ของค่าจ้างไม่เกิน ๙๐ วัน) ทั้งนี้ ผลการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๕ มีผู้ประกันตนใช้สิทธิ รวมจานวน ๓๙๑,๐๙๕ คน เป็นเงิน ๔,๖๘๘.๗๑ ล้านบาท
๖.๓.๖ การจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษแก่ผู้สูงอายุเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ในช่วงสถานการณ์
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ๖ เดือน (เดือนเมษายน - กันยายน ๒๕๖๕) จานวน
๑๐,๙๔๖,๖๔๖ ราย โดยมีอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษแก่ผู้สูงอายุ (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) ดังนี้
๑) ผู้ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ ๖๐๐ บาท ได้รับเงิน ๑๐๐ บาท
๒) ผู้ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ ๗๐๐ บาท ได้รับเงิน ๑๕๐ บาท
๓) ผู้ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ ๘๐๐ บาท ได้รับเงิน ๒๐๐ บาท
๔) ผู้ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ ๑,๐๐๐ บาท ได้รับเงิน ๒๕๐ บาท
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๒๑21
๖.๖.๒ การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ใน ๓๐ พื้นที่ ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพประมงเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน
ทากินให้กับเกษตรกรภายใต้ การจัดสรรที่ดินให้กับผู้ยากไร้ โดยคัดเลือกเกษตรกร จานวน ๑,๙๕๐ ราย เพื่อส่งเสริม
ความรู้และสนับสนุนปัจจัยการผลิต รวมทั้งพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม จานวน ๑,๙๕๐ ราย นอกจากนี้ ได้ส่งเสริม
และพัฒนาอาชีพให้แก่ผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทากินให้ชุมชนหรือที่อยู่อาศัย เช่น เทคโนโลยีการจัดการฟาร์ม การเพิ่ม
ผลผลิตและการตลาด จานวน ๙๐๐ ราย ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า จานวน ๑,๙๕๐ ราย
๖.๗ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย (ระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕)
ในห้ วงเดื อนกรกฎาคม - ตุ ลาคม ๒๕๖๕ ประเทศไทยได้ รั บอิ ทธิ พลจากร่ องมรสุ มและพายุ โซนร้ อน
“มู่หลาน” พายุโซนร้อน “หมาอ๊อน (MA-ON)” และพายุโซนร้อนกาลังแรง “โนรู (NORU)” ทาให้เกิดน้าท่วมฉับพลัน
น้าป่าไหลหลาก น้าล้นตลิ่ง และน้าท่วมขังในหลายจังหวัดทั่วประเทศ สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและบ้านเรือนประชาชน
รัฐบาลได้ดาเนินการ ดังนี้
มาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากอุทกภัยก่อนเกิดภัย โดยพัฒ นาระบบระบายน้าอาคาร
ควบคุ มและสิ่ งก่อสร้ างในการบริห ารจั ดการน้าในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่เขตเศรษฐกิจ และดาเนิ น การตาม
มาตรการรับมือฤดูฝน ปี ๒๕๖๕ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย ๑๓ มาตรการ
ได้จัดเตรียมพื้นที่อพยพและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุระดับต่าง ๆ ดาเนินการฝึกเตรียมความพร้อมของศูนย์บริหารจัดการน้า
ส่ วนหน้ าในพื้ นที่ เสี่ ยงอุ ทกภั ยในการรองรั บสถานการณ์ อุ ทกภั ยในฤดู ฝน และการเตรี ยมความพร้ อมด้ านบุ คลากร
ทรัพยากร สถานที่ และสิ่งอานวยความสะดวก ทบทวนและจัดทาแผนเผชิญเหตุภัยแล้ง/อุทกภัยของจังหวัดให้สอดคล้อง
และเหมาะสมกั บสถานการณ์ ในพื้ นที่ และวางแผนการบริ ห ารจั ด การทรั พ ยากรน้ า ตลอดจนมาตรการรองรั บ
สถานการณ์ภัยอุทกภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของ
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้
๑) สถานการณ์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในช่วงเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๕ มีสถานการณ์พื้นที่
ที่ประสบอุทกภัยได้รับผลกระทบ จานวน ๗๖ จังหวัด ๗๓๗ อาเภอ ๔,๔๗๐ ตาบล ๓๔,๐๒๙ หมู่บ้าน ๑๑๒ องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ๑,๑๓๙ ชุมชน (กรุงเทพมหานคร จานวน ๒๘ เขต ๕๐ แขวง) มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน
จานวน ๓,๑๗๓,๕๒๔ คน ๑,๔๙๘,๕๗๖ ครัวเรือน
๒) การดาเนินการก่อน ระหว่าง และหลังน้าท่วม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
ได้สั่งการให้กองอานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ดาเนินการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์
อุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕ โดยมีแนวทางในการดาเนินการ ดังนี้
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำ�าเนิ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๒๓23
อานวยความสะดวกแนะนาเส้นทางที่ปลอดภัย รวมทั้งจัดยานพาหนะที่เหมาะสม เช่น เรือ รถยกสูง เพื่อให้ความช่วยเหลือ
ประชาชน พร้อมทั้งเร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชารุด/ถูกตัดขาด เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
๒.๓) หลังสถานการณ์อุทกภัย
(๑) ให้กองอานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสารวจผลกระทบและความเสียหาย
จากอุทกภัย โดยบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกับอาเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสารวจข้อมูลผลกระทบ
ความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้จัดทาข้อมูลผลการสารวจตามแบบฟอร์มที่กาหนด
(๒) ดาเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติให้ครอบคลุมทุกมิติและทุกด้านให้ผู้ประสบภัยพิบัติ
ได้รั บ ความช่วยเหลื อโดยเร็ว และเมื่อจั งหวัดสารวจความเสียหายด้านใดเรียบร้อยแล้วให้ เร่งดาเนินการประชุม
คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอาเภอ และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบั ติ
จังหวัด โดยไม่ต้องรอการสารวจความเสียหายให้เสร็จสิ้นครบทุกด้าน และให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเคร่งครัด
๓) การช่วยเหลือเยียวยา ดาเนินการใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบ
กระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ กรณีอุทกภัย
(เดือนกรกฎาคม - ธัน วาคม ๒๕๖๕) ในประเภทวงเงิน เชิง ป้ องกัน ยับยั้ ง (๑๐ ล้ านบาทต่ อจังหวัด ) และวงเงิ น
เชิงบรรเทาความเดือดร้อน (๒๐ ล้านบาทต่อจังหวัด) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๔๑,๔๗๒,๖๔๘.๖๘ บาท
๔) การดาเนินงานเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งข้อมูลเปรียบเทียบ
ความเสียหายระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เสียหายมากกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้
๔.๑) ข้ อ มู ล ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ มี พื้ น ที่ ไ ด้ รั บ ความเสี ย หาย จ านวน ๗๑ จั ง หวั ด ๖๒๔ อ าเภอ
๓,๕๖๒ ตาบล ๒๕,๘๒๗ หมู่บ้าน ๖๖ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๖๔๘ ชุมชน ๙ เขต ๑๒ แขวง ประชาชนได้รับ
ความเดือดร้อน จานวน ๒,๒๔๕,๗๘๐ คน ๙๙๒,๕๖๓ ครัวเรือน เสียชีวิต ๕๔ คน บ้านพักอาศัยเสียหาย จานวน
๒๓๓,๘๙๓ หลัง สัตว์เลี้ยง จานวน ๑๐๒,๗๒๗ ตัว บ่อปลา/กุ้ง จานวน ๑๗,๔๓๑ บ่อ นาข้าว จานวน ๓,๑๐๔,๒๑๔ ไร่
พืชสวน/พืชไร่/พืชต้นทุนสูง จานวน ๑,๐๒๖,๖๗๗ ไร่ ถนน จานวน ๘,๗๕๐ สาย สะพาน/คอสะพาน จานวน ๔๘๑ แห่ง
ทานบ/ฝาย จานวน ๓๒๙ แห่ง วัด/มัสยิด จานวน ๓๒๕ แห่ง โรงเรียน จานวน ๕๓ แห่ง โรงพยาบาล จานวน ๙ แห่ง
สถานที่ราชการ จานวน ๑๑๒ แห่ง และท่อระบายน้า จานวน ๒๖๔ แห่ง
๔.๒) ข้อมูล ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ มีพื้นที่ได้รับความเสียหาย จานวน ๗๖ จังหวัด ๗๓๗ อาเภอ ๔,๔๗๐ ตาบล
๓๔,๐๒๙ หมู่ บ้ า น ๑๑๒ องค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น ๑,๑๓๙ ชุ ม ชน ๒๘ เขต ๕๐ แขวง มี ป ระชาชนได้ รั บ
ความเดือดร้อน จานวน ๓,๑๗๓,๕๒๔ คน ๑,๔๙๘,๕๗๖ ครัวเรือน เสียชีวิต ๖๒ คน บ้านพักอาศัยเสียหาย จานวน
๒๑๕,๑๒๘ หลัง สัตว์เลี้ยง จานวน ๓๓๙,๓๒๒ ตัว บ่อปลา/กุ้ง จานวน ๒๗,๖๓๐ บ่อ นาข้าว จานวน ๒,๙๒๕,๒๓๕ ไร่
พืชสวน/พืชไร่/พืชต้นทุนสูง จานวน ๑,๙๓๙,๖๑๙ ไร่ ถนน จานวน ๑๐,๑๒๐ สาย สะพาน/คอสะพาน จานวน ๗๕๑ แห่ง
ทานบ/ฝาย จานวน ๗๗๑ แห่ง วัด/มัสยิด จานวน ๒๔๔ แห่ง โรงเรียน จานวน ๒๐๘ แห่ง โรงพยาบาล จานวน ๒๐ แห่ง
สถานที่ราชการ จานวน ๑๐๓ แห่ง และท่อระบายน้า จานวน ๓๐๔ แห่ง
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๒๕25
๔) มิ ติ ปั จ จั ย ผลั ก ดั น การพลิ ก โฉมประเทศ ประกอบด้ว ย ๒ หมุดหมาย ได้แก่ หมุ ด หมายที่ ๑๒
ไทยมีกาลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต หมุดหมายที่ ๑๓ ไทยมีภาครัฐ
ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน
๖.๙ ผลการจัดอันดับประเทศไทยในเวทีโลก
๖.๙.๑ ประเทศไทยเป็น อัน ดับ ๑ ของโลก ด้ า นสถานบริ การเพื่อสุขภาพ (Wellness Retreats)
และอันดับที่ ๒ ประเทศที่มีกิจกรรมเชิงสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (Highest-rated wellness activities)
จากการจัดอันดับเว็บไซต์ Travel Daily News เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๕
๖.๙.๒ จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเลือกเป็นเมืองเทศกาลโลก World Festival and Event City ประจาปี
๒๐๒๒ เมื่อวัน ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๕ ซึ่ งจั ดโดยสมาคมงานเทศกาลนานาชาติ (International Festivals and
Events Association: IFEA)
๖.๙.๓ เกาะหมาก จังหวัดตราด ติดอันดับ Top 100 Green Destination ประจาปี ๒๐๒๒ เมื่อวันที่
๓๐ กัน ยายน ๒๕๖๕ ซึ่งเป็ น การจั ดอัน ดับ โดยหน่ว ยงานระดับ โลก Green Destinations Foundation ประเทศ
เนเธอร์แลนด์ ร่วมกับคณะผู้จัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก (Internation Tourism Borse: ITB) กรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนี
๖.๙.๔ ประเทศไทยได้คัดเลือกเป็นอันดับ ๓ “ประเทศระดับท็อปของโลก” (Top Countries in the
World) และกรุ ง เทพฯ ได้ อั น ดั บ ๔ “เมื อ งที่ ดี ที่ สุ ด ในโลก” รางวั ล Conde Nast Traveler Readers’ Choice
Awards 2022 จากรายงานผลการประกาศรางวัล Conde Nast Traveler Readers’ Choice Awards 2022 เมื่อวันที่
๖ ตุลาคม ๒๕๖๕
๖.๙.๕ ประเทศไทยติด อัน ดับ ๒ ของอาเซียน อัน ดั บ ๒๘ ของโลก ประเทศที่ดีที่สุดในปี ๒๐๒๒
เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ ซึ่งจัดโดย U.S. News & World Report Best Countries Rankings
๖.๙.๖ กรุงเทพฯ คว้ารางวัล Most Improved Award 2022 พัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์และท่องเที่ยว
อย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นการประกาศผลภายในงาน ICCA Annual Congress 2022 ซึ่งเป็นงานประชุมประจาปีของ
สมาคมอุตสาหกรรมการประชุมนานาชาติ หรือ International Congress and Convention Association ที่จัดขึ้น
เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ เมืองคราโคว ประเทศโปแลนด์
๖.๙.๗ กรุงเทพมหานครได้ อันดับ ๖ เมืองน่าอยู่ที่สุดในปี ๒๐๒๒ จาก InterNations เมื่อวันที่ ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๕
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชา นายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรี ปีีปีที่่ท� ี่ ๔๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๒๗27
(๓) กิ จ กรรมเฉลิม พระเกี ย รติพ ระบาทสมเด็จ พระเจ้ า อยู่ หั ว เนื่ อ งในโอกาสวั น เฉลิม
พระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ มีกิจกรรมทางศาสนามหามงคล ๕ ศาสนา และพิธีเจริญนวัคคหายุสมธัมม์
เฉลิมพระเกียรติฯ จัดกิจกรรม “แสงนาใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ ๘ เฉลิมพระเกียรติ ”
พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
และส่งเสริมการจัดกิจกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) มีผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรม จานวน ๑๓๖,๑๑๘ คน
และโครงการรั กษ์ค ลองคูเ มื อ งเดิ มเฉลิ ม พระเกีย รติ พระบาทสมเด็จ พระวชิ ร เกล้า เจ้า อยู่ หัว เนื่องในโอกาส
เฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ การจัดโครงการฯ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ในพื้นที่
กรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมที่สาคัญ เช่น ขุดลอกคลองคูเมืองเดิมด้วยเรือผลักดันโคลน ทาความสะอาดผนังคลองคู
เมืองเดิมและเก็บขยะในคลอง ตัดแต่งกิ่งไม้และจัดระเบียบต้นไม้ริมคลองคูเมืองเดิม และทาสีผนังคลองคูเมืองเดิม
(๔) กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ จัดพิธีทางศาสนา
มหามงคล ๕ ศาสนา ถวายพระราชกุศล ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู
และศาสนาซิ ก ข์ ในวั น ที่ ๑๒ สิ ง หาคม ๒๕๖๕ ณ ท้ อ งสนามหลวง และงาน “ภู ษ าศิ ล ป์ จากท้ อ งถิ่ น สู่ ส ากล”
เพื่ อ น้ อ มส านึ ก ในพระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ ของสมเด็ จ พระนางเจ้ า สิ ริ กิ ติ์ พระบรมร าชิ นี น าถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวงที่ทรงมีพระวิริยอุตสาหะ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการส่งเสริมเรื่อง “ผ้าไทย” เป็นที่ประจักษ์ยาวนาน
ตลอด ๗๐ ปี ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ วันที่ ๑๒ สิงหาคมของทุกปี เป็นวันผ้าไทย
แห่งชาติ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการ การเสวนา การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม และการแสดงแบบผ้าไทย การออกร้าน
และจาหน่ายผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้าแบบครบวงจร การเปิดเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ในอุตสาหกรรมผ้า
ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งดาเนิ น โครงการ ๙๙ ดวงตาเพื่อทหารกล้าถวายเป็ น พระราชกุศล เนื่ องในโอกาส
มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ โดยกระทรวงกลาโหมให้บริการเปลี่ยนดวงตาเทียม
ให้แก่ทหารผ่านศึกที่สูญเสียดวงตา โดยสามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ
ดวงตา ณ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก กรุงเทพมหานคร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับปรุงซ่อมแซมกาแพงรั้วรอบวัดชินวราราม
วรวิหารที่มีสภาพเก่าทรุดโทรมและชารุดให้มีสภาพมั่นคงและมีความปลอดภัย
เพื่อถวายเป็น พระราชกุศล ระหว่างวันที่ ๑๘ กรกฎาคม - ๔ สิงหาคม
๒๕๖๕ และทูลเกล้าฯ ถวายผ้าไทยลายอั ตลักษณ์ ๗๖ จังหวัด หนังสือ
“ภูษาศิลป์ จากท้องถิ่นสู่สากล”และวีดิทัศน์สรุปการจัดงาน “ภูษาศิลป์
จากท้องถิ่นสู่สากล” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินี เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๕ เนื่องในโอกาสมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๒๙29
(๔) โครงการแว่ น ตาผู้ สู ง วั ย ในสมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี
ให้ บ ริ ก ารแก่ ผู้ สู ง วั ย ด้ อ ยโอกาสที่ มี อ ายุ ตั้ ง แต่ ๔๕ ปี ให้ บ ริ ก ารความรู้ ด้ า นสวั ส ดิ ก ารสั ง คม การพั ฒ นาอาชี พ
และให้บริการสวัสดิการสังคม จานวน ๒,๓๖๐ คน และส่งเสริมความรู้และพัฒนาอาชีพรายได้ตามแนวทางหลั ก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ราษฎรในชุมชนพื้นที่สูง หมู่บ้านสหกรณ์ นิคมสร้างตนเอง โดยสร้างรายได้ระดับ
ครัวเรือน จานวน ๑,๙๙๖ ราย
(๕) โครงการพระราชดาริฝนหลวง โดยดาเนินการปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
ในระยะที่ ๒ จัดทาพิธีวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจาปี ๒๕๖๕ ในโอกาสครบปีที่ ๖๗ ณ ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน อาเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมราลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบิดาแห่งฝนหลวง และเผยแพร่โครงการพระราชดาริฝนหลวง
(๖) โครงการสนับสนุนการดาเนินงานโครงการทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรม
โอรสาธิ ร าชฯ สยามมกุ ฎ ราชกุ ม าร ภายใต้ มู ล นิ ธิ ทุ น การศึ ก ษาพระราชทานสมเด็ จ พระบรมโอรสาธิ ร าชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) คณะกรรมการ ม.ท.ศ. พิจารณาอนุมัติให้เป็นผู้เ ข้าเฝ้าฯ รับทุนพระราชทานระดับ
มัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว จานวน ๑๔ รุ่น รวม ๒,๒๔๐ คน ในปี ๒๕๖๔ มีนักเรียนทุนฯ รุ่น ๑-๗ จบการศึกษาระดับ
ปริญญาตรีตามระยะเวลาหลักสูตรกาหนดแล้ว จานวน ๗๖๗ ราย เข้าสู่การทางานทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว จานวน
๕๙๖ ราย คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๗ และคัดเลือกผู้รับทุนเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รุ่นที่ ๒
ประจาปี ๒๕๖๕ จานวน จานวน ๑๐ ราย
(๗) สนับสนุนการดาเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ แผนงานในปีงบประมาณ
๒๕๖๕ (วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) เพื่อให้ดาเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ
รวมทั้งสิ้น ๑๔๙ โครงการ ประกอบด้วย โครงการด้านพัฒนาแหล่งน้า จานวน ๓๘ โครงการ ด้านสิ่งแวดล้อม จานวน
๓๘ โครงการ ด้านคมนาคม/สื่อสาร จานวน ๓ โครงการ ด้านบูรณาการ/อื่น ๆ จานวน ๖๒ โครงการ ด้านส่งเสริม
อาชีพ จานวน ๓ โครงการ ด้านสาธารณสุข จานวน ๑ โครงการ ด้านเกษตร จานวน ๑ โครงการ และด้านการศึกษา
จานวน ๓ โครงการ สามารถดาเนินงานให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน จานวน ๔๓,๓๔๗ ครัวเรือน ๑๑๐,๕๒๖ คน
พื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่ากว่า ๘๖๒,๕๖๑ ไร่ ตลอดจนเป็นแหล่งศึกษาดูงานที่ประชาชนและเยาวชน สามารถ
นาแนวพระราชดาริไปปรับและประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมในการดารงชีวิต และประกอบอาชีพของตนเองได้
(๘) สืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชดารัสและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยได้คัดเลือกให้ “ดอนกอยโมเดล” ซึ่งเป็นกลุ่มผ้าทอ
ต้นแบบของอาเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ที่ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี
นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานแนวทางการพัฒนาครามและสีย้อมธรรมชาติสู่คอลเลคชันผ้าไทยร่วมสมัย มาร่วม
นาเสนอนิทรรศการและสาธิตในการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022) เมื่อวันที่ ๑๔ - ๑๘ พฤศจิกายน
๒๕๖๕ ณ ศู น ย์ ก ารประชุ ม แห่ ง ชาติ สิ ริ กิ ติ์ ซึ่ ง สร้ า งความภาคภู มิ ใ จให้ แ ก่ ก ลุ่ ม ผ้ า ทอ และสร้ า งรายได้ ม ากกว่ า
๑๔๓,๙๐๐ บาท
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๓๑31
๓) ถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยถ่ายทอดองค์ความรู้
พระอัจฉริยภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านการเกษตร ภูมิปัญญา นวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่
จัดนิทรรศการ “ในหลวงในความทรงจา” นิทรรศการหมุนเวียน “ในความทรงจานิรันดร์” นิทรรศการสัญจร ภายใต้
แนวคิด “๙ ทศวรรษ ใต้ร่ มพระบารมี สดุดีส ภานายิกาสภากาชาดไทย” และนิทรรศการ “พัฒ นาปรับ ปรุงฐาน
การเรียนรู้ ๑ ไร่ พอเพียง” นิทรรศการ “พัฒนาและปรับปรุงอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ๑๖ ไร่”
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๓๓33
ร่ ว มกั น ได้ อ ย่ า งสั น ติ สุ ข และเกิ ด การน าทุ น ทางวั ฒ นธรรมมาสร้ า งคุ ณ ค่ า และมู ล ค่ า เพิ่ ม ทางเศรษฐกิ จ โดยมี
การดาเนินงานที่สาคัญ ดังนี้
๑) กิจกรรมขับเคลื่อนพิพิธภัณฑ์เมืองนราธิวาสเพื่อการอยู่ร่ วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
โดยจัดแสดงนิทรรศการถาวร เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน รวมทั้งเด็ก เยาวชน
และประชาชน เช่น การจัดแสดงเรื่องความจงรักภักดีของชาวนราธิวาสที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย การจัดแสดง
เรื่องราวความหลากหลายทางชาติพัน ธุ์ ศาสนา ประเพณี และสถาปัตยกรรม ซึ่งแสดงให้ เห็ นถึงการอยู่ร่ว มกัน
อย่างมีความสุขของประชาชนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา ในสังคมพหุวัฒนธรรม
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินนงานของรั
งานของรััฐฐบาล
บาล พลเอก
พลเอก ประยุ
ประยุุททธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๓๕35
รวมทั้งมีโครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0 เพื่อใช้ในการควบคุมอาชญากรรมในเขตพื้น ที่
เซฟตี้โซน โดยพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุกโดยใช้นวั ตกรรมและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางตาม
แนวคิดเรื่ อง “เมืองอัจ ฉริ ย ะ” ซึ่งได้รั บ รางวัล The Best Experience in Community Policing ในด้าน Crime
Prevention จากการประชุมสุดยอดตารวจโลก World Police Summit 2022
๗.๒.๕ การแก้ ไ ขปั ญ หายาเสพติ ด อย่ า งจริ ง จั ง ทั้ ง ระบบ ได้ เ น้ น ย้ าให้ ทุ ก จั ง หวั ด และทุ ก อ าเภอ
วางระบบในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ โดยใช้กลไกทางสังคมและภาคีเครือข่ายทั้งหน่วยงาน
ความมั่ น คงและหน่ ว ยงานในพื้ น ที่ เพื่ อ เร่ ง ด าเนิ น การปราบปรามยาเสพติ ด อย่ า งเข้ ม ข้ น และจริ ง จั ง รวมทั้ ง
บาบัดรักษาและฟื้นฟูให้ผู้ติดยาเสพติดกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัว ชุมชนและสังคม ตลอดจนดาเนินการให้ความรู้
และความเข้ า ใจแก่ เ ด็ก และเยาวชนถึ งพิ ษ ภั ยของยาเสพติด จั ด กิ จ กรรมนั น ทนาการสร้ างพลั ง เชิง บวกในพื้นที่
สุ่ ม ตรวจ Re X-Ray พื้ น ที่ สุ่ ม เสี่ ย ง และวางระบบติ ด ตามผู้ ผ่ า นการบ าบั ด รั ก ษาให้ ห ลุ ด พ้ น จากวงจรยาเสพติ ด
อย่างแท้จริง โดยดาเนินการ ดังนี้
๑) มาตรการป้ องกั นยาเสพติ ด เช่น การป้องกันยาเสพติดในกลุ่ มประชากรและการป้ องกั น
ในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเสริมสร้างความรู้เท่าทัน พัฒนาหลักสูตรและส่งเสริมการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้ อง
ในสถานศึกษาทุกระดับ ขยายความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษา พัฒนาสื่อการเรียนรู้และกิจกรรมนอกหลักสูตร
การป้องกัน ในกลุ่มแรงงาน โดยสร้ างความร่ ว มมือกับ สถานประกอบการ จัดให้ มีร ะบบเฝ้ าระวั งตามมาตรฐาน
การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) โครงการโรงงานสีขาว ให้ผู้ผ่านการบาบัดรักษา
มีโอกาสกลับเข้าทางาน รวมถึงสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายป้องกันยาเสพติดในกลุ่มแรงงานนอกระบบ
สื่อการเรียนรู้ด้านการป้องกันยาเสพติด
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๓๗37
๖) มาตรการบริ หารจั ด การ เน้นการบริหารจัดการงานป้องกันปราบปรามและแก้ไขปั ญหา
ยาเสพติดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยให้เป็นเอกภาพในการบริหารจัดการ พัฒนา
กลไกระบบอานวยการ พัฒนาสนับสนุนการดาเนินงานให้มีการเชื่อมโยงประสานสอดคล้องในทุกระดับได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ให้เท่าทันขบวนการค้ายาเสพติด
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๓๙39
๗.๓.๒ ปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีทางด้านคุณธรรม จริยธรรม กตัญญู ความซื่อสัตย์ การมีวินัย
เคารพกฎหมาย มีจิตสาธารณะและมีส่วนร่วมทาประโยชน์ให้ประเทศและเป็นพลเมืองที่ดี ได้จัดกิจกรรมที่สาคัญ
เช่น ปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีทางด้านคุณธรรมและจริยธรรม และค่านิยมความเป็นไทย ผ่านโครงการ
เข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ อบรมผู้นาเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้
เยาวชนได้มีโอกาสทากิจกรรมร่วมกัน เข้าใจข้อปฏิบัติที่ต่างกัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จัดงาน “สมัชชา
คุณ ธรรมแห่งชาติ ครั้ งที่ ๑๒ ภายใต้ แ นวคิด Sustainable with Moral : อยู่ร อด อยู่ร่ วม สังคมไทยเป็น สุข
อย่ า งยั่ ง ยื น ” เพื่อเป็ น เวที กลางขององค์ กรเครื อ ข่า ยทางสั ง คมให้ เ กิ ด การแลกเปลี่ ยนเรี ยนรู้ “ชม แชร์ เชียร์ ”
การกาหนดแนวทางการส่งเสริมคุณธรรม ส่งเสริมเครือข่ายทางสังคมต่อต้านการทุจริตด้วยมิติทางวัฒนธรรม
และมิติด้านสังคม “MORAL FIGHT CORRUPTION” เพื่อพัฒนายกระดับกลไกเครือข่า ยทางสังคม มอบรางวัล
ผู้ทาคุณ ประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม รางวัล “วัฒนคุณ าธร” ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมี
ผลการคัดเลือก จานวน ๓๙๕ รางวัล ใน ๓ ประเภท ได้แก่ ประเภทเด็กและเยาวชน ประเภทบุคคล และประเภท
นิติบุคคลหรือคณะบุคคล และเปิดตัวสื่อสร้างสรรค์การ์ตูนแอนิเมชัน ชุดขบวนการแก้จน เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม
๒๕๖๕ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเด็กเยาวชนและผู้รับชมทั่วไปให้หันมาสนใจอาหารไทย
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๔๑41
๗.๔ นโยบายหลักที่ ๔ การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
รั ฐ บาลให้ ค วามส าคั ญ กั บ การสร้ า งบทบาทของประเทศไทยในเวที โ ลกให้ มี บ ทบาทในการพั ฒ นา
และสร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อนาไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีผลดาเนินการที่สาคัญ ดังนี้
๗.๔.๑ การสร้างบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในภูมิภาคและเวทีโลก ประเทศไทยได้ให้การต้อนรับ
และแลกเปลี่ยนการเยือนกับ ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งเป็นเจ้าภาพและเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศ
ทั้งในกรอบทวิภาคี พหุภาคี รวมถึงเข้าร่วมการประชุมทางไกล
กับผู้แทนระดับสูงของมิตรประเทศอย่างต่อเนื่อง นามาสู่ผลงาน
ที่สาคัญ เช่น เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปค
ครั้ ง ที่ ๒๙ (ระหว่ า งวั น ที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิ ก ายน ๒๕๖๕)
รวมถึงการเยือนประเทศไทยในช่วงดังกล่าวของประธานาธิบดี
แห่ งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ประธานาธิบ ดีแห่ งสาธารณรัฐ
ฝรั่งเศส และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
การเสด็จพระราชดาเนิน เยือนประเทศไทยอย่างเป็น ทางการ
ของเจ้ า ชายมุ ฮั ม มั ด บิ น ซั ล มาน บิ น อั บ ดุ ล อะซี ซ อาล
ซะอูด มกุฎ ราชกุมาร และนายกรัฐ มนตรี แห่ งราชอาณาจั ก ร
ซาอุ ดี อ าระเบี ย (เมื่ อ วั น ที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิ ก ายน ๒๕๖๕)
เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านการค้า
การลงทุ น และพลั ง งาน รวมถึ ง การจั ดตั้ งสภาความร่ วมมื อ
ซาอุดี - ไทย การขับเคลื่อนความร่วมมือตามแถลงการณ์ว่าด้วย
ความเป็ น พั น ธมิ ต รและหุ้ น ส่ ว นทางยุ ทธศาสตร์ ระหว่ า งไทย
และสหรั ฐ อเมริ ก า และบั น ทึ กความเข้ าใจระหว่ างรั ฐบาลไทย
กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการส่งเสริมความเข้มแข็งของห่วงโซ่
อุปทาน การลงนามร่ างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้ นส่ วน
และความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิก
(Thailand - EU Comprehensive Partnership and Cooperation
Agreement: Thai - EU PCA) แผนปฏิ บั ติ ก ารร่ ว มว่ า ด้ ว ย
ความเป็ น หุ้ น ส่วนทางยุ ทธศาสตร์ร ะหว่างไทยกับออสเตรเลีย
ค.ศ. ๒๐๒๒ - ๒๐๒๕ (Joint Plan of Action to Implement the
Thailand - Australia Strategic Partnership 2022 - 2025)
ถ้อยแถลงร่วมระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น เรื่องการยกระดับ
ความสั ม พั น ธ์ เ ป็ น หุ้ น ส่ ว นทางยุ ท ธศาสตร์ อ ย่ า งรอบด้ า น
แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - จีน
ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๙) แผนความร่วมมือไทย - จีน ว่าด้วย
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๔๓43
๗.๔.๒ การสร้ างความเป็นปึ กแผ่นของอาเซี ยน เช่น การประชุมสุ ดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๐ และ ๔๑
และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๐ - ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งจัดขึ้นในหัวข้อ “อาเซียน
เอ.ซี .ที : รั บ มื อ ความท้ า ทายร่ ว มกั น ” (ASEAN A.C.T.: Addressing Challenges Together) โดยไทยได้ ผ ลั ก ดั น
ประเด็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน การเติบโตสีเขียว การพัฒนาที่ยั่งยืน การเกษตรอัจฉริยะ
โมเดลเศรษฐกิจ BCG ตลอดจนการส่งเสริมบรรยากาศแห่งสันติภาพและความร่วมมือที่สร้างสรรค์ในภูมิภาค และการจัดทา
วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๕ การแก้ไข
ปัญหาสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและสันติภาพ
ของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ในเมียนมา โดยไทย
แสดงความพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย และให้ความสาคัญ
กับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา
รักษาการมีปฏิสัมพันธ์กับเมียนมา การจัดทาแผนการดาเนินงาน
ตามฉัน ทามติ ๕ ข้อ ของผู้ นาอาเซียน การหาจุ ดเชื่อมโยง
ระหว่างฉันทามติ ๕ ข้อของอาเซียนกับแผนงาน ๕ ข้อของเมียนมา (5-Point Roadmap) การส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วน
ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนในประชาคมอาเซียน โดยสนับสนุนการให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วน
ทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ของประเทศภาคีทุกประเทศ
เพื่อช่วยขยายโอกาสการค้าการลงทุนให้ผู้ประกอบการไทย และจัดกิจกรรมในกรอบอาเซียนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน
เ ช่ น ASEAN BCG Knowledge Sharing Series: Planting the Seeds for Sustainable Agriculture in ASEAN
ด้านพลังงานทดแทน เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕ และ Regional Pathways to the Global Goals: ASEAN’s
Approach towards SDGs Implementation and Sustainable Post-COVID-19 Recovery ในช่ ว งการประชุ ม
สมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๗ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๖๕ รวมทั้งเข้าร่วมการประชุมผู้นาสตรีอาเซียน
ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๕ ที่กรุงพนมเปญ เพื่อส่งเสริมบทบาทของสตรีในอาเซียนในการประกอบธุรกิจ
อย่างยั่งยืน และส่งเสริมบทบาทของผู้ประกอบการสตรีในการสนับสนุนเศรษฐกิจของอาเซียน
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชา นายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรี ปีีปีที่่ท� ี่ ๔๔
(๒๕ กรกฎาคม
(๒๕ กรกฎาคม -- ๓๑
๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๔๕45
การจั ด ประชุ มใหญ่ สหพั น ธ์ สภาบิ ชอปแห่ งเอเชี ย (Summit of the Federation of Asian
Bishops’ Conferences) เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี โดยสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นองค์การทางศาสนาในความอุปถัมภ์ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมใหญ่
สหพันธ์สภาบิชอปแห่งเอเชีย เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี (Summit of the Federation of Asian Bishops’ Conferences)
จัดการประชุมระหว่างวันที่ ๙ - ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากสมาชิกของสหพันธ์บิชอปแห่งเอเชีย
จานวน ๓๑ ประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุมในนามรัฐบาลไทย รวมทั้งสิ้น ๒๗๐ คน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ประกอบด้วย
๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การหารือเรื่องสถานการณ์ปัจจุบัน ของเอเชียในบริบ ททางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง
ศาสนาและวัฒ นธรรม (๒) การไตร่ต รองร่ว มกัน ถึง แนวทางการใช้คาสอนของศาสนจัก รให้ส อดคล้ อ งกั บ
สถานการณ์ ต่ า ง ๆ ในเอเชี ย และ (๓) ทบทวนหลั ก ธรรมเพื่ อ ก าหนดแนวทางการด าเนิ น งานของศาสนจั ก ร
ในช่วงศตวรรษต่อไป
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ เนิินนงานของรัั
งานของรัฐฐบาล
บาล พลเอก
พลเอก ประยุุ
ประยุททธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๔๗47
๗.๕ นโยบายหลักที่ ๕ การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
รั ฐ บาลได้รั กษาเสถียรภาพทางการคลั งของประเทศและเพิ่ มประสิ ทธิภ าพการบริห ารจัดการรายได้
และรายจ่ายภาครัฐ รักษาเสถียรภาพระบบการเงิน สร้างบรรยากาศส่งเสริมการลงทุนของภาคธุรกิจและการจับจ่าย
ใช้สอยของภาคครัวเรือน โดยมีผลการดาเนินงานที่สาคัญ ดังนี้
๗.๕.๑ เศรษฐกิจมหภาค การเงินและการคลัง
๑) ดาเนินนโยบายการเงินการคลัง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถตอบสนองต่อความผันผวน
ของเศรษฐกิจโลก เช่น ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โรคโควิด-๑๙ โดยสนับสนุนสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยเป็นธรรมให้แก่กลุ่มประชาชนฐานรากและผู้ประกอบการรายย่อย
ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ จานวน ๕.๘๒ ล้านราย เป็นเงิน ๗๕๕,๑๙๒ ล้านบาท ปรับลดโครงสร้างดอกเบี้ย/ลดภาระ
ดอกเบี้ยสินเชื่อ เช่น ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจานาทะเบียนรถในตลาด จากร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นร้อยละ ๑๖ - ๑๘ ต่อปี
มีผู้ได้รับสินเชื่อ จานวน ๑.๔๓ ล้านราย เป็นเงิน ๓๑,๖๐๑ ล้านบาท ดาเนินโครงการสินเชื่อต่าง ๆ เช่น (๑) โครงการ
ให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้พระราชกาหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลือ จานวน
๙๖๑ ราย วงเงิน ๒,๕๙๑.๔๘ ล้านบาท (๒) โครงการสินเชื่อ SMEs Re - Start มีผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลือ
จานวน ๑,๑๔๐ ราย วงเงิน ๒,๐๓๒.๖๖ ล้านบาท (๓) โครงการสินเชื่อธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (BCG Loan)
มีผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลือ จานวน ๒๖๙ ราย วงเงิน ๑,๖๗๐.๖๐ ล้านบาท
๒) กากับดูแลวินัยการเงินการคลัง รัฐบาลได้ดาเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง
ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และติดตามกากับดูแลการดาเนินการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เช่น จัดทารายงานความเสี่ยง
ทางการคลังประจาปีงบประมาณ จัดทาแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐)
๓) ปฏิรูปโครงสร้างรายได้ภาครัฐ เช่น จัดทาแผนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการ
ทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e-Service) เช่น พัฒนาระบบการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มทางอิเล็กทรอนิกส์
(VAT for Electronic Service: VES) มีผู้ประกอบการลงทะเบียนผ่านระบบฯ จานวน ๑๔๕ ราย ติดตามการเบิกจ่าย
งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ในปี ๒๕๖๕ รัฐวิสาหกิจมีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนมากกว่า ๓๒๕,๐๐๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
๙๓ ของกรอบลงทุนทั้งปี
๔) ปฏิรูประบบการออม เช่น โครงการส่งเสริมการออม
ผ่านการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ (Savings Bond) และเผยแพร่ความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับตราสารหนี้ภาครัฐแก่ประชาชนทั่วไป โดยจาหน่ายพันธบัตร
ออมทรัพย์ จานวน ๒ ครั้ง วงเงินรวม ๕๙,๑๗๕.๐๙๔ ล้านบาท การพัฒนา
แพลตฟอร์มสนับสนุน/ส่งเสริมการปลูกฝังการออม ให้ความรู้ทางการเงิน
และสร้างวินัยทางการเงิน ยกระดับสู่การออมเพื่อวัยเกษียณ หรือการวางแผน
การออมเพื่ อการเกษี ยณ ผ่ านเครื่ องมื อวางแผนทางการเงิ นบน Mobile
Application (โค้ชออม) มีผู้เข้าใช้งานสะสม จานวน ๖,๓๖๒ ราย โครงการ
เพิ่มสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ มีสมาชิกสะสม จานวน ๒.๕๑ ล้านราย
๒) พัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีหรือแนวโน้ม
การค้าโลก เช่น พัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมด้วยหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติและดิจิทัล โดยให้คาปรึกษาแนะนาเชิงลึก
ในการพัฒนาต้นแบบและการปรับปรุงประสิทธิภาพต้นแบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้แก่
ผู้ประกอบการ/สถานประกอบการ ดาเนินโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation
and Technology Assistance Program: ITAP) โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
ในประเทศไทย (Center of Robotic Excellence: CORE) โครงการอบรมหลั ก สู ต ร (๑) System Integrator (SI)
และผู้ใช้งาน (Users) รวมทั้งสิ้น ๒,๘๐๙ คน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) บ่มเพาะ Startup ที่เป็น System Integrator
(SI Startup) จานวน ๗๐ กิจการ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๓) และขึ้นทะเบียน System Integrator (SI) รวมจานวน
๑๒๐ กิจการ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๕) รวมทั้งดาเนินโครงการที่สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย เช่น การพัฒนา
Smart Mine การพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมพื้นฐานเข้าสู่อุตสาหกรรม ๔.๐
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๔๙49
ยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่า ๑๐๕,๓๗๑ ล้านบาท อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร มูลค่า ๘๑,๗๓๑ ล้านบาท
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มูลค่า ๕๙,๗๖๒ ล้านบาท และอุตสาหกรรมดิจิทัล มูลค่า ๔๙,๔๕๘ ล้านบาท
๔) สนับสนุน การลงทุน ในโครงสร้ า งพื้น ฐานสาหรั บอุ ต สาหกรรมดิ จิ ทัล โดยในปี ๒๕๖๕
(เดือนมกราคม - ธันวาคม ๒๕๖๕) คณะกรรมการส่ งเสริมการลงทุน (The Board of Investment of Thailand: BOI)
ได้ อ นุ มั ติ ใ ห้ ก ารส่ ง เสริ ม การลงทุ น กิ จ การ Data Center ในประเทศไทยของ Amazon Web Services (AWS)
ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนาของสหรัฐอเมริกา มูลค่าเงินลงทุน ๒๔,๘๑๐ ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนา Region
ในประเทศไทย ที่ชื่อว่า AWS Asia Pacific (Bangkok) ซึ่ง Region แห่งใหม่นี้จะประกอบด้วย Availability Zone
จานวน ๓ แห่ง เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๘๗ แห่งใน ๒๗ ภูมิภาคทั่วโลก ทั้งนี้ AWS วางแผนที่จะลงทุนในประเทศไทย
มากกว่ า ๕,๐๐๐ ล้ า นเหรี ย ญสหรั ฐ หรื อ ๑.๙ แสนล้ า นบาท ในระยะเวลา ๑๕ ปี นอกจากนี้ ยั ง ได้ อ นุ มั ติ
ให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการ Data Center อีก ๒ โครงการ รวมมูลค่าการลงทุน ๕,๕๒๕ ล้านบาท
๕) สร้างกลไกสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการรายใหม่ โดยพัฒนาระบบบริการ
ภาครัฐ เช่น ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐสาหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย (Micro, Small
and Medium Enterprise: MSME) ปรับปรุงและพัฒนาฐานข้อมูลให้ทันสมัยและมีประสิ ทธิภาพ อานวยความสะดวก
ในด้านการต่ออายุ ห นั งสื อรั บ รองการขึ้นทะเบี ย นให้ แก่ MSME ผ่ าน www.thaismegp.com โดยมีผู้ ล งทะเบียน
ในระบบฯ จานวนกว่า ๑๔๒,๐๐๐ ราย มีสินค้าและบริการ จานวนกว่า ๑.๑๐๗ ล้านรายการ มีผู้เข้าใช้บริการระบบ
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐสาหรับ MSME จานวนกว่า ๒.๐๔ ล้านครั้ง และมีผู้ประกอบการขอต่ออายุหนังสือรับรอง
การขึ้นทะเบียน จานวนกว่า ๕๑,๐๐๐ ราย ให้บริการคาปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาผ่านศูนย์ให้คาปรึกษา
ด้ า นทรั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญา (Intellectual Property Advisory Center: IPAC) มี ผู้ เ ข้ า รั บ บริ ก าร จ านวนกว่ า
๓,๖๐๐ ครั้ง
๖) พั ฒ นาระบบและกลไกภาครั ฐ และสภาพแวดล้ อ มให้ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพในการสนับสนุน
ผู้ประกอบการ เช่น ส่งเสริมและสนับสนุนการรับซื้อไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้จากอ้อย (ใบและยอดอ้อย) มาเป็น
พลังงานทางเลือกเป็นการเฉพาะเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า โดยไม่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติมประเภท/โครงการใหม่ในการจัดทา
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้กับโรงงานน้าตาลทรายและโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าชีวมวล
ซึ่งคณะกรรมการกากับกิจการพลังงานได้ให้ความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว
๗) ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
(๑) มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยแบ่งเป็น รถยนต์
จานวน ๑๘,๑๐๐ คัน ซึ่งจะได้รับเงินอุดหนุนคันละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท รถจักรยานยนต์ จานวน ๘,๘๐๐ คัน ซึ่งจะได้รับ
เงินอุดหนุนคันละ ๑๘,๐๐๐ บาท และเงินสาหรับโครงการออกแบบและพัฒนาระบบการบริหารจัดการตามมาตรการ
สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
(๒) คณะกรรมการส่ ง เสริ ม การลงทุ น (The Board of Investment of Thailand: BOI)
ได้อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว รวมทั้งสิ้น ๒๖ โครงการ (จาก ๑๗ บริษัท) มูลค่าเงินลงทุน
(ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) จานวน ๘๐,๑๖๒ ล้านบาท ดังนี้
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๕๑51
๒) พัฒนาองค์กรเกษตรกรและเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยพัฒนาเกษตรกรให้เป็น Young Smart
Farmer และพัฒนาให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) จานวน ๑,๐๓๙ ราย
๓) ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร เช่น ส่งเสริมเกษตรปลอดภัย โดยกาหนด
มาตรฐาน ตรวจสอบปัจจัยการผลิตและศัตรูพืช จานวน ๑๖,๙๕๕ ตัวอย่าง ออกใบรับรอง จานวน ๑,๔๕๑ ฉบับ
และตรวจปัจจัยการผลิตนาเข้าและสินค้าจากผู้จาหน่ายปุ๋ย วัตถุอันตราย เมล็ดพันธุ์ ๒๗,๗๙๖ ราย ตรวจรับรอง
มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) จานวน ๑๗,๗๐๓ แปลง ๑๔๔,๖๕๗ ไร่
ตรวจรับรองมาตรฐานหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice: GMP) จานวน ๔๘ โรงงาน
ตรวจประเมินแหล่งผลิตสัตว์น้า จานวน ๑,๗๘๙ แห่ง ตรวจประเมินฟาร์มและร้านค้าจาหน่ายสินค้าปศุสัตว์ จานวน
๑๓,๙๒๗ แห่ ง ๔๓,๔๒๙ ตั ว อย่ า ง ส่ ง เสริ ม เกษตรอิ น ทรี ย์ โดยตรวจรั บ รองแหล่ ง ผลิ ต พื ช และโรงงานแปรรูป
เพื่อรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จานวน ๑๑๑ แปลง ๑,๙๒๘.๖๔ ไร่ ถ่ายทอดความรู้เกษตรอินทรีย์ ด้านพืช
ประมง ปศุสัตว์ ๓๙๙ ราย ส่งเสริมเกษตรชีวภาพ โดยส่งเสริมการผลิตแมลงเศรษฐกิจ (จิ้งหรีด) การผลิตพืชและแปรรูป
พืช สมุน ไพร ส่งเสริ มเกษตรแปรรู ป โดยส่ งเสริมการแปรรูป ในสหกรณ์ กลุ่ มเกษตรกร วิส าหกิจชุมชน จานวน
๒๒ แห่ง พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าว ประมง และส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะ โดยจัดทาแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริ ยะ
จานวน ๕ แปลง ๑ โรงเรือน
๔) ดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในที่ดินทากิน แหล่งเงินทุน
โครงสร้างพื้นฐาน และปัจจัยการผลิตต่าง ๆ เช่น จัดสรรที่ดินทากินให้แก่คนยากจนและกลุ่มเปราะบาง จานวน
๒๔๓ ราย พื้นที่ ๒๙๖ แปลง ๑,๔๖๓-๓-๓๒.๘๐ ไร่ และดาเนินโครงการสินเชื่อชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๐.๐๑ ต่อปี ระยะเวลา ๓ ปี มีการจ่ายสินเชื่อ จานวน ๑,๘๐๘ ราย เป็นเงิน ๗,๒๗๔.๖๙ ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕
กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕)
๕) ส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าเป็นพืชเศรษฐกิจ โดยดูแลบารุงรักษาพื้นที่ส่งเสริมปลูกไม้เศรษฐกิจ
ขององค์การอุตสาหกรรมป่ าไม้ แปลงปี ๒๕๖๓ จานวน ๒๒,๕๖๐ ไร่ และแปลงปี ๒๕๖๔ จานวน ๑๖,๐๐๐ ไร่
และกรมป่าไม้ แปลงปี ๒๕๖๓ จานวน ๒๐,๒๕๐ ไร่ และแปลงปี ๒๕๖๔ จานวน ๑๔,๗๓๐ ไร่
๖) ส่งเสริมการทาปศุสัตว์ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาอาชีพ
การผลิตพืชอาหารสัตว์ การเลี้ยงปศุสัตว์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินนงานของรั
งานของรััฐฐบาล
บาล พลเอก
พลเอก ประยุ
ประยุุททธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๕๓53
และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศทั้งสิ้น ๑๔,๖๙๒ ล้านบาท เทียบกับเป้าหมายที่ได้กาหนดไว้ ๙,๑๐๓ ล้านบาท
การแข่งขันกีฬากระดานโต้คลื่นในระดับนานาชาติรายการ PHUKET BEACH FESTIVAL 2022 ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๘
สิ งหาคม ๒๕๖๕ มีผู้ เข้าร่ ว มงานกว่า ๔๒,๔๘๔ คน สร้ างกระแสเงิน สดหมุน เวียนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า
๑๗๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท โครงการพัฒนาเมืองกีฬา (Sport City) โดยได้จัดตั้งเมืองกีฬา ทั้งสิ้น ๑๖ จังหวัด ส่งเสริม
การท่ อ งเที่ ย วเชิ ง สุ ข ภาพ (Wellness Tourism) เช่ น การเปิ ด ตั ว ๖ เส้ น ทางท่ อ งเที่ ย วกั ญ ชาเพื่ อ สุ ข ภาพ
การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (MEDICAL HUB) การแต่งตั้ง
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยวอันดามันอย่างยั่งยืน (ภูเก็ต พังงา กระบี่)
๓) พั ฒ นาคุ ณ ภาพ
และมาตรฐานธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับ
การท่ อ งเที่ ย ว เช่ น การตรวจประเมิ น
ผู้ประกอบการและชุมชนให้เข้าสู่มาตรฐาน
อาเซี ย น เช่ น ด้ า นที่ พั ก ด้ า นบริ ก าร
ท่ อ งเที่ ย ว ด้ า นกิ จ กรรมท่ อ งเที่ ย วชุ ม ชน
โฮมสเตย์ไทย จานวน ๑๒๗ แห่ง การพัฒนา
ห้ อ งน้ าสาธารณะตามเส้ น ทางท่ อ งเที่ ย ว
รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ ให้เป็นเส้นทาง
ต้นแบบ ๕ เส้นทาง
๔) ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด โดยได้ดาเนินการ เช่น โครงการส่งเสริม
อาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา ทาหน้าที่ให้การสนับสนุนภารกิจด้านการท่องเที่ยวและกีฬา และเสริมสร้างองค์ความรู้
ให้ มีมาตรฐานและมีการทางานในทิศทางเดียวกัน การจั ดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของ
นั ก ท่ อ งเที่ ย วชาวต่ า งชาติ โดยกองทุ น เพื่ อ ส่ ง เสริ ม การท่ อ งเที่ ย วไทย เพื่ อ ใช้ เ ป็ น ทุ น หมุ น เวี ย นในการพั ฒ นา
การท่องเที่ยว รวมทั้งการจัดให้มีการประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ
การเปิ ด ตั ว โครงการ “Tourist Police i lert u” Mobile Application ส าหรั บ นั ก ท่ อ งเที่ ย วที่ นั ก ท่ อ งเที่ ย ว
สามารถกดปุ่ม Alert ขอความช่วยเหลือจากตารวจท่องเที่ยวได้โดยตรงตลอด ๒๔ ชั่วโมง และจัดโครงการฝึกอบรม
พั ฒ นาศั ก ยภาพด้ า นเทคโนโลยี แ ละระบบสารสนเทศ (Crimes) โดยการน าเทคโนโลยี ม าใช้ ใ นงานสื บ สวน
ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
๕) ส่ ง เสริ ม ให้ เ กิ ด การกระจายรายได้ จ ากธุ ร กิ จ ท่ อ งเที่ ย วสู่ ชุ ม ชน โดยด าเนิ น การ เช่ น
การส่ ง เสริ ม และพั ฒ นาศั ก ยภาพที่ พั ก นั ก เดิ น ทาง (Home Lodge) เพื่ อ ยกระดั บ คุ ณ ภาพการให้ บ ริ ก ารของ
ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กรวมถึงชุมชน โครงการ Local X รวมพลังพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโต
แบบ Exponential ยกก าลั ง ทวี คู ณ โดยสรรหาพั น ธมิ ต รเพื่ อ ร่ ว มมื อ ในรู ป แบบ Collaboration เพื่ อ ยกระดั บ
การเปิดตลาดนักท่ องเที่ยวกลุ่มใหม่ มีผลิตภัณฑ์ชุมชนรูปแบบใหม่ และสร้างช่องทางรายได้ใหม่ (New Revenue
Model) โครงการพั ฒ นาเส้ น ทางท่ อ งเที่ ย วชุ ม ชนต้ น แบบ BCG & Happy Model เพื่อสร้างมูล ค่ าเพิ่ ม ให้ แ ก่
การท่ อ งเที่ ย วชุ ม ชน โดยได้ คั ด สรรชุ ม ชน ผลิ ต ภั ณ ฑ์ โ อทอป และสิ น ค้ า บ่ ง ชี้ ท างภู มิ ศ าสตร์ (Geographical
Indications: GI) ภายใต้แนวคิ ด BCG & Happy และนาไปต่ อยอดการตลาดร่ว มกับ พั นธมิต รส่ งเสริ ม การตลาด
๗.๕.๖ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
๑) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและสามารถรองรับ
การขนส่งและการเดินทางต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ ได้ดาเนินการ
(๑) พัฒนาโครงสร้างพื้น ฐานด้านคมนาคมทางบก เช่น พัฒนาศูนย์การขนส่งทางบก
๒ แห่ง ได้แก่ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย และโครงการศูนย์การขนส่ง
ชายแดนจั ง หวัด นครพนม (อยู่ ใ นขั้ น ตอนการคั ด เลื อ กเอกชน) พั ฒ นาระบบรถไฟฟ้ า เช่ น รถไฟฟ้ า สายสี ช มพู
ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง ๓๔.๕๐ กิโลเมตร และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สาโรง ระยะทาง ๓๐.๔๐ กิโลเมตร
ซึ่งงานก่อสร้างทั้งสองโครงการใกล้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี ๒๕๖๖ และเร่งรัด
โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก ๒ สาย ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วั ฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มี นบุรี
มีความคืบหน้างานโยธาร้อยละ ๙๘.๖๕ เปิดให้บริการ ๒๕๖๘ และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน -ราษฎร์บูรณะ
(วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง ๒๓.๖๐ กิโลเมตร มีความคืบหน้างานโยธาร้อยละ ๕.๔๕ เปิดให้บริการ ๒๕๗๐
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๕๕55
ความก้าวหน้าโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ ๑
สายตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ ช่ ว งมาบกะเบา-ชุ ม ทางถนนจิ ร ะ ร้ อ ยละ ๙๕.๒๒ สายเหนื อ ช่ ว งลพบุ รี - ปากน้ าโพ
ร้ อ ยละ ๗๘.๒๓ สายใต้ ช่ ว งนครปฐม-หั ว หิ น ร้ อ ยละ ๙๖.๑๖ ช่ ว งหั ว หิ น -ประจวบคี รี ขั น ธ์ ก่ อ สร้ า งแล้ ว เสร็จ
ช่วงประจวบคีรีขันธ์ -ชุมพร ร้ อยละ ๙๑.๙๗ โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไทย-จี น) สั ญญาที่ ๒-๑ ช่วงสี คิ้ว -กุดจิก
ร้อยละ ๙๖.๐๐ โดยรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงในช่วงระยะดังกล่าว คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๖
และโครงการรถไฟสายใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ๒ สาย ระยะทาง ๖๗๗ กิโลเมตร ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
และช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม เปิดให้บริการปี ๒๕๖๙
(๒) พัฒนาโครงสร้ า งพื้น ฐานด้า นคมนาคมทางน้า เช่น เปิดให้บริ การเดิน เรื อ RoRo
Ferry สาหรับขนส่งผู้โดยสาร รถยนต์ และรถบรรทุกสินค้า ได้ทดลองเปิดให้บริการเส้นทางสัตหีบ-เกาะสมุย จังหวัด
สุราษฎร์ธานี เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ และดาเนินโครงการก่อสร้างเสริมทรายหาดจอมเทียน (Beach Nourichment)
ระยะที่ ๑ อาเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ความยาวชายหาด ๓ กิโลเมตร เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ
ชายฝั่งทะเล พื้นฟูสภาพชายหาดเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
ท่าเรือสาทร ท่าเรือราชินี
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินนงานของรั
งานของรััฐฐบาล
บาล พลเอก
พลเอก ประยุ
ประยุุททธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๕๗57
(๒) พัฒนาระบบ Feeder เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนและแผนพัฒนาการเชื่อมต่อ
การเดินทาง เช่น จัดทาแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาการเดินทางทางน้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริ มณฑล
(พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๕) เพื่ อ มุ่ ง เน้ น ให้ เ กิ ด เส้ น ทางในการเดิน ทางทางน้า จ านวน ๑๐ เส้ น ทาง ระยะทางรวม
๑๙๖.๖ กิโลเมตร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทารายละเอียดของแต่ละเส้นทางเพื่อผลักดันแผนไปสู่การปฏิบัติ
และการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) โดยกาหนด (ปรับปรุง) เส้นทางรถโดยสารประจาทาง หมวด ๑
ในเขตกรุ งเทพมหานคร และจั งหวัดที่มีเส้น ทางต่อเนื่อง เชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสี แดง)
สถานีกลางบางซื่อ และแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ตามสถานีต่าง ๆ
(๓) พั ฒนาด้ านการบริ หารจั ดการจราจร เช่ น จั ดท าโมเดลการพั ฒนาระบบเทคโนโลยี
เพื่อการบริหารจัดการจราจรกรุงเทพมหานคร มีความก้าวหน้า ร้อยละ ๗๙
(๔) พัฒนาถนนเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด เช่น ดาเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ
ระหว่างเมืองหมายเลข ๘๒ สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง ๒๔.๗ กิโลเมตร โดยมีผลการดาเนินงาน
ด้านโยธา ช่วงที่ ๑ บางขุนเทียน-เอกชัย ร้อยละ ๗๙.๓๒ และช่วงที่ ๒ เอกชัย-บ้านแพ้ว ร้อยละ ๑๕.๘๒ โดยคณะรัฐมนตรี
ได้ อ นุ มั ติ ห ลั ก การร่ ว มลงทุ น แล้ ว จะด าเนิ น การคั ด เลื อ กเอกชนในปี ๒๕๖๖ คาดว่ าจะเปิ ดบริ การในปี ๒๕๖๘
และโครงการทางพิเศษ สายพระราม ๓-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวั นตก มีผ ลการดาเนิ นงานภาพรวม
ร้อยละ ๔๔.๔๘
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๕๙59
๗.๕.๗ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการมุ่งสู่การเป็นประเทศอัจฉริยะ
๑) รักษาคลื่นความถี่และสิทธิ์ในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติให้เกิด
ประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชน และลงทุนในอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ และเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายในระบบ 5G
เช่น โครงการเน็ตประชารัฐ ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแก่หมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกล จานวน ๒๔,๗๐๐ หมู่บ้าน
มีผู้ลงทะเบียนทั้งหมด จานวน ๑๑.๔๒ ล้านคน โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อน
เศรษฐกิจ ของประเทศ เพื่อเพิ่มประสิ ทธิภ าพโครงข่ายอิน เทอร์ เน็ ต
ระหว่างประเทศสู่การเป็น ASEAN Digital Hub โดยขยายความจุระบบ
เคเบิลใต้น้าในโครงการสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้า (ASIA Direct Cable :
ADC) ระหว่างประเทศเส้นใหม่ ร่วมกับภาคีสมาชิก ๖ ประเทศ ในภูมิภาค
เอเชีย แปซิฟิก โครงการติ ด ตั้ งเทคโนโลยี 5G สาหรั บระบบบริ หาร
จัดการเมืองอัจฉริยะ (โครงการบ้านฉาง 5G Smart City) ในพื้นที่เทศบาล
ต าบลบ้ า นฉาง จั ง หวั ด ระยอง โดยการใช้ ศั ก ยภาพของเทคโนโลยี
และสื่อสารโทรคมนาคมอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี 5G เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ในการให้ บ ริ ก ารแก่ ป ระชาชนและบริ ก ารสาธารณะ อี ก ทั้ ง ยั ง ท าให้
การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยได้ดาเนินการติดตั้งเสาอัจฉริยะ
(Smart Pole) การพัฒนา Smart City Mobile Application รวมทั้งระบบ
อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นพื้นที่เศรษฐกิจชั้นนาในอาเซียน
และเป็ น ศูน ย์ กลางเศรษฐกิจ ที่ส าคัญ ของประเทศ การน าร่ องการพั ฒนาย่า นเทคโนโลยี 5G ต้น แบบ ส าหรับ
ให้บริการประชาชน (5G District) จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วน Smart Health ซึ่งเป็นโครงการที่โรงพยาบาลมหาราช
นครเชียงใหม่ โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้น าร่องการพัฒ นาแนวทางและประยุกต์ใช้ ร ะบบ
เทคโนโลยี 5G ในการส่งเสริมการให้บริการทางการแพทย์ 5G Smart Ambulance สาหรับบริหารจัดการรถพยาบาล
แบบรวมศูน ย์ และระบบแพทย์ ทางไกล (Telemedicine) ส าหรับ โรงพยาบาลประจาอาเภอในจั งหวัดเชียงใหม่
และโรงพยาบาลในจังหวัดใกล้เคียงรวม ๒๐ แห่ง
ตลอดจนได้ดาเนินการในนามรัฐเพื่อให้ได้มาและรักษาไว้ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม
และดาเนินการให้มีการใช้สิทธิดังกล่าว โดยในปี ๒๕๖๕ ได้ดาเนินการสาคัญ อาทิ (๑) อนุญาตให้สถาบันวิจัยดาราศาสตร์
แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมขั้นต้น สาหรับข่ายงานดาวเทียม TSC-P
(NGSO) (๒) ดาเนินการจัดส่งชุดข้อมูลข่ายงานดาวเทียม (Satellite Network Filing) เพื่อแจ้งขอใช้งานข่ายงานดาวเทียม
ในนามประเทศไทยต่ อ สหภาพโทรคมนาคมระหว่ า งประเทศ (International Telecommunication Union: ITU)
ประกอบด้วย ชุดข้อมูลขั้น C (Request for coordination) สาหรับข่ายงานดาวเทียม THAISAT-142E ณ ตาแหน่งวงโคจร
๑๔๒ องศาตะวันออก เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕ และชุดข้อมูลขั้น A (Advance Publication Information) สาหรับ
ข่ายงานดาวเทียม TSC-P (NGSO) เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ และ (๓) ได้มีการประสานงานคลื่นความถี่ในกิจการ
ดาวเทียมกับหน่ วยงานภายในประเทศและประเทศสมาชิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International
Telecommunication Union: ITU) ตามขั้นตอน และกระบวนการประสานงานคลื่นความถี่ในกิจการดาวเทียมที่กาหนดไว้
ในข้อบังคับวิทยุ (Radio Regulations: RR) เพื่อให้ได้มาและรักษาไว้ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศไทย
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๖๑61
๗.๕.๘ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม
๑) พั ฒ นาสภาพแวดล้ อ มและระบบนิ เ วศที่ เ อื้ อ ต่ อ การส่ ง เสริ ม วิ ท ยาศาสตร์ เทคโนโลยี
การวิจั ย และพัฒนา และนวัต กรรม เช่น บริ หารจัดการพื้น ที่ใ ห้เ อื้อต่อการส่งเสริ มวิทยาศาสตร์ โดยพัฒ นา
เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) ในพื้นที่
วังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง และดาเนินโครงการต่าง ๆ
เช่น เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบ
อิเล็ กทรอนิ กส์ อัจฉริ ยะ (ARIPOLIS) โครงการสร้าง
เครื่องกาเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV
โครงการสร้างสนามทดสอบรถอัตโนมัติ ศูนย์ทดสอบ
มาตรฐานชิ้นส่วนอากาศยานและดาวเทียมแห่งชาติ
จัดทากรอบนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) พ.ศ. ๒๕๖๖ -
๒๕๗๐ จั ดตั้งเขตเศรษฐกิจ พิ เศษด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
๒) สร้ า งระบบจั ด การข้ อ มู ล เพื่ อ รองรั บ การบริ ห ารจั ด การงานวิ จั ย อย่ า งมี ป ระสิ ทธิ ภ าพ
โดยพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (National Research and Innovation Information
System: NRIIS) และการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (National Science
and Technology Information System: NSTIS) เพื่ อ เชื่ อ มโยงฐานข้ อ มู ล โครงสร้ า งพื้ น ฐานทางวิ ท ยาศาสตร์
และเทคโนโลยีและข้อมูลบุคลากรวิจัยของประเทศ
๓) เสริมสร้างการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น โครงการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์เป็นพื้นที่และสถานที่อานวยความสะดวก
สนับสนุนเอกชนทาวิจัยและพัฒนา มุ่ง เน้นขับเคลื่อนงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากโครงสร้าง
พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (National S&T Infrastructure: NSTI) ด้านความหลากหลาย
ทางชีวภาพ โดยมีการจัดตั้งธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ (National Biobank of Thailand: NBT) ศูนย์โอมิกส์
แห่ ง ชาติ (National Omics Center: NOC) ศู น ย์ ท รั พ ยากรคอมพิ ว เตอร์ เ พื่ อ การค านวณขั้ น สู ง ที่ ไ ด้ พั ฒ นา
“ระบบซูเปอร์คอมพิว เตอร์ LANTA” เป็นเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้ว ยน้า
ช่ว ยลดค่าใช้จ่ายด้านพลั งงานได้ในระยะยาว ส่งเสริ มการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาตรวิทยา ประยุกต์ใช้
วิทยาศาสตร์ทุกแขนงเพื่อให้สามารถทาการวัดได้อย่างแม่นยา ถูกต้อ ง เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น เครื่องมือวัด
ด้านมิติ การควบคุมคุณภาพ เครื่องมือวัด การสั่ นสะเทือน ระบบวัดสภาพน าความร้ อนของวัส ดุฉนวนความร้อน
ซึ่ ง จะเกิ ด การสร้ า งความรู้ แ ละเทคโนโลยี ที่ เ ป็ น ประโยชน์ กั บ บริ ก ารทางการแพทย์ แ ละสาธารณสุ ข รวมทั้ ง
เกิดอุตสาหกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
๔) สนับสนุนการพัฒนาโรงงาน ห้องปฏิบัติการต้นแบบที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรมในระดับต้นน้า เช่น พัฒนาศักยภาพและมาตรฐานด้านการผลิตและวิเคราะห์ทดสอบ
ผลิตภัณฑ์เครื่องสาอางในระดับอุตสาหกรรม
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๖๓63
๗.๖ นโยบายหลักที่ ๖ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค
๗.๖.๑ การส่งเสริมพื้นที่เศรษฐกิจเพื่อเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเอเชีย
๑) พัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) อย่างต่อเนื่อง
ตั้ ง แต่ ปี ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ มี ก ารลงทุ น ทั้ ง จากภาครั ฐ และภาคเอกชนประมาณ ๑.๙๓ ล้ า นล้ า นบาท ซึ่ ง เป็ น ไป
ตามเป้าหมาย ๑.๗ ล้านล้านบาท โดยเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๔ โครงการ มูลค่า ๖๕๕,๘๒๑ ล้านบาท
๒) ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้และการพัฒนาจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ เช่น พัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ มีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมแล้วเสร็จ
ในปี ๒๕๖๕ เช่น การขยายทางหลวงหมายเลข ๔ ช่วงชุมพร-ระนอง และโครงการที่จะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๖ เช่น
การพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งทะเล (Royal Coast) เชื่อมโยงจังหวัดสมุทรสงคราม-เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง
ระยะทางรวม ๖๕๘.๘๗ กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ ๔๗๕ กิโลเมตร
๓) เพิ่มพื้น ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งใหม่ในภูมิภาค เช่น ขับเคลื่อนกลไกการดาเนินงาน
พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ครอบคลุมทั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ๑๐ แห่ง และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
ใน ๔ ภาค ภายใต้ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งมีคณะกรรมการ
นโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ทาหน้าที่กาหนดนโยบายและขับเคลื่อนการพัฒนา
๔) เร่งขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการลงทุน
ของภาคเอกชนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (ปี ๒๕๕๘ - ธันวาคม ๒๕๖๕) มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ ๓๘,๘๙๕ ล้านบาท
และมีกิจการเป้าหมายที่ได้รับสิทธิประโยชน์ในระดับสูงสุดสาหรับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเป็น
๑๓ กลุ่มกิจการ ๘๙ ประเภทกิจการ รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการคมนาคมขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค/
สาธารณูปการ การพัฒนาด่านพรมแดน/ด่านศุลกากร การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้ างพื้นฐานด้านสังคม
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ๑๐ จังหวัด โดยมีแรงงานต่างด้าว
ได้รับอนุญาตให้ทางานในเขตพัฒนาฯ รวม ๕๓๒,๓๓๐ คน และมีแรงงานไทยได้รับการอบรมยกระดับทักษะแรงงาน
ในพื้นที่รองรับการลงทุนตามกลุ่มกิจการเป้าหมายของแต่ละจังหวัดในเขตพัฒนาฯ จานวน ๗,๕๙๔ คน
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๖๕65
๗.๗ นโยบายหลักที่ ๗ การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก
รัฐบาลให้ความสาคัญกับการพัฒนาให้ชุมชนเป็นกลไกหลักในการเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจฐานราก
ให้สามารถสร้างรายได้ กระจายรายได้สู่ชุมชน พัฒนาช่องทางการตลาดโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มาสนับสนุน เพื่อให้
ชุ ม ชน ซึ่ ง เป็ น รากฐานของประเทศมี ค วามเข้ ม แข็ ง และพึ่ ง พาตนเองได้ อ ย่ า งยั่ งยื น โดยมี ผ ลการด าเนิ น งาน
ที่สาคัญ ดังนี้
๗.๗.๑ การส่งเสริ มวิสาหกิจ ชุมชนและผลิตภัณ ฑ์ชุมชน ได้ดาเนิ น การสร้ างมูล ค่าเพิ่มธุร กิจชุมชน
ผ่านอัตลักษณ์ของพื้นที่ ได้เเก่
๑) พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ผู้ผลิต
ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์หนึ่งตาบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
มีผลการจาหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ในปี ๒๕๖๕ จานวน
๒๔๔,๑๘๙.๐๐๓ ล้ านบาท สร้ างมูล ค่าเพิ่มให้ แก่ผ ลิ ตภัณฑ์
ชุมชน จานวน ๓,๗๒๐ ผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมผู้ผลิต ผู้ประกอบการ
OTOP/ชุมชนท่องเที่ยว OTOP และบริการด้านการท่องเที่ยว
ของชุมชน รวมจานวน ๒๖,๐๕๖ ครั้ง
๒) พัฒนาธุรกิจฐานรากด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยสร้างและพัฒนา
นักการค้า “Smart Trader Online” เพื่อเป็นผู้ช่วยนาสินค้าชุมชนเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ จานวน ๗๑๒ ราย
ขยายช่องทางการตลาดสินค้า โดยลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพาณิชย์อิ เล็กทรอนิกส์ระหว่าง
กระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
(Geographical Indications: GI) ให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
๓) พัฒนาการท่องเที่ยวภูมิวัฒนธรรมบนพื้นที่สูง โดยพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวภูมิวัฒนธรรม
บนพื้นที่สูง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จานวน ๑๖ แห่ง ครอบคลุมราษฎรบนพื้นที่สูง ส่งเสริมให้ราษฎรบนพื้นที่สูง
เข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน โดยใช้ทุนทางสังคม ขนบธรรมเนียม ประเพณี อันเป็นอัตลักษณ์ สร้างโอกาสให้ราษฎรบนพื้นที่สูง
มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านกลไกสนับสนุนการท่องเที่ยวในชุมชน เกิดภาคีเครือข่าย จานวน ๒๒ หน่วยงาน จัดตั้งเป็น
กลุ่มอาชีพ จานวน ๕๓ แห่ง และเกิดกองทุนสวัสดิการชุมชน จานวน ๒๓ แห่ง
๔) ส่งเสริมอัตลักษณ์และภูมิปัญญาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน “งานอัตลักษณ์ลายผ้า สร้างศิลปะ
จิตราพัฒนาวิถีชน” ส่งเสริมอัตลักษณ์ วิถีชีวิตของชาวไทยบนพื้นที่สูงผ่านลายผ้า และเสริมพลังการขับเคลื่อนมรดก
วัฒ นธรรมและเศรษฐกิจ สู่ การเพิ่มมูล ค่า อีกทั้งเป็นการนา Soft Power เช่ น ลายผ้ าที่ได้รับรางวัล ที่บอกเล่ าถึ ง
อัตลักษณ์เรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์ ศิลปะที่กลุ่มราษฎรบนพื้นที่สูงสร้างสรรค์ พัฒนาและนามาเป็นกลไกขับเคลื่อน
เศรษฐกิจ เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนบนพื้นที่สูง
๕) พัฒนาเยาวชนชนเผ่าเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ร่วมกับ DTAC ยกระดับขีดความสามารถ
ของกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองสู่การเป็นผู้ประกอบการออนไลน์และผู้ประกอบการหน้าใหม่ จานวน ๓๑๐ คน เพื่อเสริมสร้าง
ทักษะทางดิจิทัลด้านการประกอบธุรกิจหรือวิสาหกิจชุมชน มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕ - ๕๐
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก
เนิินงานของรัั พลเอก ประยุุ
ประยุททธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕)
๒๕๖๕) ๖๗67
เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อสังคมและการถอดบทเรียน “จุดแข็ง อพม. สานต่อความยั่งยืน ” รวมทั้งสิ้น ๖๖๐ คน
จัดกิจกรรมการมอบรางวัลผู้เสียสละเพื่อสังคม เพื่อสร้างขวัญกาลังใจ และเสริมสร้างแรงจูงใจให้กับ “ผู้เสียสละ
เพื่อสังคม” จานวน ๑๐ คน ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมของกระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่ น คงของมนุ ษ ย์ มอบรางวั ล “ประชาบดี ” แก่ ผู้ ท าคุ ณ ประโยชน์ ดี เ ด่ น ผู้ อ ยู่ ใ นสภาวะยากล าบาก
และผู้อยู่ในสภาวะยากลาบากที่ประพฤติตนดีเด่น เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ที่ดูแลช่วยเหลื อผู้อยู่ในสภาวะยากลาบาก
จานวน ๔๙ ราย ๔ ประเภท ได้แก่ ๑) ประเภทบุคคลผู้ทาคุณประโยชน์ จานวน ๑๐ ราย ๒) ประเภทองค์กรที่ทา
คุณประโยชน์ จานวน ๑๒ ราย ๓) ประเภทสื่อสร้างสรรค์ จานวน ๑๓ ราย และ ๔) ประเภทต้นแบบคนสู้ชีวิต จานวน
๑๔ ราย ทาให้ เกิดความร่ ว มมื อจากภาคส่ ว นต่า ง ๆ ในการสนับสนุ น และส่ งเสริ ม การพัฒ นาสั ง คม การพิ ทั ก ษ์
และคุ้มครองสิทธิประชาชน และมอบโล่ เข็ม และประกาศเกียรติคุณ ระดับภาค ให้แก่อาสาสมัครพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ดีเด่น ดีเด่นพิเศษ อาสาสมัครดีเด่น จานวน ๓๒ คน และองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคม
ดีเด่น จานวน ๑ องค์กร ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาสังคม จัดสวัสดิการ เฝ้าระวังเตือนภัย
และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม ตลอดจนประสานส่งต่อข้อมู ลให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทาให้
ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางได้รับสวัสดิการและบริการของรัฐอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เปิดศูนย์ช่วยเหลือ
สังคมชุมชน เพื่อให้บริการสวัสดิการสังคมในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมและครอบคลุมทุกมิติแบบองค์รวม ผ่านกลไก
การขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ในรูปแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการพัฒนา
คุณภาพชีวิตประชาชนทุกช่วงวัย สามารถได้รับการคุ้มครองทางสังคมได้อย่างทั่วถึง โดยดาเนินการเปิดศูนย์ช่วยเหลือ
สังคม ๔ พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร การสร้างเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง เช่น พัฒนากิจการสภาองค์กรชุมชน
โดยดาเนินการผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอันเป็นประชาธิปไตยชุมชนจากฐานราก มีสภาองค์กรชุมชน
ที่จัดตั้งแล้วมีคุณภาพเพิ่มขึ้น จานวน ๑๘๖ ตาบล เป็นกลไกกลางในการแก้ไขและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในตาบล
จากการจัดทาแผนพัฒนาชุมชนท้องถิ่นระดับตาบล พัฒนาศักยภาพองค์กรสาธารณประโยชน์และองค์กรสวัสดิการชุมชน
จานวน ๓๑๕ คน ให้มีองค์ความรู้ ความเข้าใจในการจัดสวัสดิการสังคม และเสริมสร้างความร่วมมือของภาคีเครือข่าย
องค์การสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นกลไกสาคัญในการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ตลอดจนขับเคลื่อนงานด้านการจัด
สวั ส ดิ ก ารสั ง คมในระดั บ พื้ น ที่ เพื่ อ เสริ ม สร้ า งให้ ชุ ม ชนมี ค วามเข้ ม แข็ ง และสามารถพึ่ ง พาตนเองได้ อ ย่ า งยั่ ง ยื น
ขับเคลื่อนการดาเนินภารกิจด้านการคุ้มครอง ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ทาการขอทาน โดยจัดทา (ร่าง)
แผนปฏิบัติการตามแผนขับเคลื่อนการควบคุมการขอทาน ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) และ (ร่าง) หลักสูตรการอบรม
พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ แบบออนไลน์ จัดตั้งทีมร่วมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กที่มีพฤติการณ์ขายสิ นค้า
หรือบริการที่มีความเสี่ยง การหาพื้นที่เอกชนและพื้นที่สาธารณะสาหรับผู้แสดงความสามารถในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
การคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ ให้ส่วนราชการดาเนินการ
ตามประกาศคณะกรรมการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่ว นท้องถิ่นด้านการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เพื่อให้
กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการสวัสดิการขั้นพื้นฐานและเป็นไปตามกรอบแนวทางกฎหมาย และการคุ้มครองต่าง ๆ โดยมี
กรอบแนวทางร่วมกัน การผลักดันตาแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขับเคลื่อน
แนวทางผลักดันตาแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ใน อปท. ร่วมกับสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ฯ กรมส่งเสริมการปกครอง
ท้องถิ่น สมาคมนักสังคมสงเคราะห์ฯ สถาบันการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนให้มีนักสั งคมสงเคราะห์ใน อปท. ทุกจังหวัด
ทาให้ประชาชนได้รับการส่งเสริม คุ้มครอง พิทักษ์สิทธิ และได้รับบริการสวัสดิการสังคมอย่างทั่วถึง การประชุมหารือ
๗.๗.๓ การส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจฐานราก
๑) อาสาสมัครส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (อสสว.) ภายใต้งานศูนย์ให้บริการ
SME แบบครบวงจร ทาหน้าที่ให้คาปรึ กษาและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ SME รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ
และจัดทาเว็บไซต์ www.อสสว.net เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน อสสว. โดยมี อสสว. ในฐานข้อมูล จานวน ๑,๘๒๓ ราย
๒) จัดทาร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ระยะที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) ทาให้เกิดแผนงานสาคัญ ๔ แผนงาน ซึ่งส่งผลให้องค์กรภาคประชาสังคมเกิดความเข้มแข็ง
และสามารถตอบสนองต่อปัญหาสังคมได้อย่างรวดเร็ว
๓) พัฒนาศักยภาพเพื่อเป็นผู้นาด้านการส่งเสริ มความรั บผิดชอบต่อสังคมของภาคธุ ร กิจ
(CSR Leader) จานวน ๖๐ คน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีองค์ความรู้ ความเข้าใจเกี่ ยวกับการส่งเสริมความรับผิดชอบ
ต่อสังคม
๔) พัฒนาสิทธิประโยชน์และผลักดันให้เกิดขึ้นจริงเพื่อการประกอบการ มีผู้ประกอบการ SME
ได้รับสิ ทธิป ระโยชน์ ร วม ๒,๓๔๒ ราย และสามารถขยายช่องทางการตลาดร่ ว มกับแพลตฟอร์ ม e-Commerce
จานวน ๒,๑๐๘ ร้านค้า เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม จานวน ๒๖๓.๑๕ ล้านบาท
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๖๙69
๕) กิจกรรมส่งเสริมช่องทางการตลาดเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมช่องทาง
การตลาดเครื อข่ายเกษตรปลอดภัยในพื้นที่ ๘ จั งหวัดภาคเหนื อตอนบน ได้แก่ จั งหวัดเชียงใหม่ ล าพูน ล าปาง
แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน โดยมีผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ จานวน ๘๐ กลุ่ม และเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ย วข้อง รวม ๒๘๘ คน และกิจกรรมส่ งเสริ มช่องทางการตลาดเครื อข่ายเกษตรปลอดภัย ในพื้นที่ ๙ จังหวัด
ภาคเหนื อตอนล่ าง ได้แก่ จั งหวัดพิษณุโ ลก ตาก อุตรดิตถ์ สุ โ ขทัย เพชรบู ร ณ์ นครสวรรค์ กาแพงเพชร พิจิต ร
และอุทัยธานี โดยมีผู้ประกอบการเกษตรปลอดภัย จานวน ๙๐ กลุ่ม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวม ๓๒๔ คน
๗.๗.๔ แก้ ไ ขปั ญ หาที่ อ ยู่ อ าศั ย ที่ ดิ น ท ากิ น สร้ า งชุ ม ชนที่ น่ า อยู่ โดยพั ฒ นาที่ อ ยู่ อ าศั ย ส าหรั บ
ผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองที่ได้ มาตรฐานในระดับราคาที่รับภาระได้ในรูปแบบอาคารชุดพักอาศัย
และอาคารแนวราบ เช่น บ้ านเดี่ย ว บ้ านแฝด ทาวน์ เฮ้าส์ ขึ้น อยู่ กับ ความเหมาะสมของแต่ล ะพื้น ที่ ซึ่งสามารถ
ด าเนิ น การพั ฒ นาที่ อ ยู่ อ าศั ย จ านวน ๑๐,๖๒๗ หน่ ว ย และประชาชนได้ รั บ ประโยชน์ป ระมาณ ๓๑,๘๘๑ คน
จั ด หาและส่ ง มอบที่ อ ยู่ อ าศั ย ในระดั บ ราคา/อั ต ราค่ า เช่ า ที่ ป ระชาชนรั บ ภาระได้ รวมจ านวน ๓๓,๑๓๕ หน่ ว ย
หรื อประชาชนได้รั บ ประโยชน์ ป ระมาณ ๙๙,๔๐๕ คน และการพัฒ นาโครงการบ้ านเช่าส าหรั บผู้ มีรายได้ น้ อ ย
“บ้านเคหะสุขประชา” แผนงานนาร่อง รวมจานวน ๕๗๒ หน่วย รวมทั้งได้ พัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย
ในชุมชนแออัด/ชุมชนบุกรุก จานวน ๔,๓๓๔ ครัวเรือน ส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อยมีความมั่นคงในการอยู่อาศัย มีคุณภาพชีวิต
และการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น สามารถแก้ปัญหาชุมชนแออัด ชุมชนบุกรุก สร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ของเมืองและชุมชน
และซ่อมแซม ปรับปรุง สร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้ด้อยโอกาส จานวน ๒,๓๑๒ ครัวเรือน
๗.๗.๕ สร้ า งเครื อ ข่ า ยชุ ม ชน พั ฒ นาชุ ม ชนต้ น แบบการพั ฒ นาที่ ยั่ ง ยื น (Smart Sustainable
Community: SSC) จานวน ๕ ชุมชน ประกอบด้ว ย โครงการบ้านเอื้ อ อาทร จังหวัดสมุทรปราการ (บางโฉลง)
และดาเนินการพัฒนาชุมชนต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน (SSC) อีก ๔ ชุมชน คือ โครงการบ้านเอื้ออาทรบางบั วทอง
โครงการบ้ า นเอื้ อ อาทรรั ง สิ ต โครงการบ้ า นเอื้ อ อาทรระยอง และโครงการบ้ า นเอื้ อ อาทรเมื อ งใหม่ บ างพลี
โดยประชาชนกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ครอบคลุมทั้ง ๓ มิติ ได้แก่ มิติที่ ๑ ด้านผู้นาชุมชนและการบริหาร
จัดการชุมชน มิติที่ ๒ ด้านเศรษฐกิจ มิติที่ ๓ ด้านคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม จานวน ๑๑ ชุมชน ๒,๕๗๐ ครัวเรือน
หรือประมาณ ๗,๗๑๐ คน
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๗๑71
๓.๕) ดาเนินการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลเพื่อพัฒนากลุ่มเป้าหมาย ส่งต่อข้อมูลแม่เลี้ยงเดี่ยว
และแม่วัยรุ่ นในโครงการฯ เพื่อต่อยอดการช่วยเหลื อคุ้มครองทางสั งคม โดยมีแม่เลี้ ยงเดี่ยว จานวน ๑๐๘,๙๒๒ คน
แม่วัยรุ่น (อายุต่ากว่า ๒๐ ปี) จานวน ๒๙๔,๙๗๙ คน และแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เป็นแม่วัยรุ่น จานวน ๑๗,๗๖๗ คน (ข้อมูล
ณ เดื อ นธั น วาคม ๒๕๖๕) ทั้ ง นี้ ได้ มี ก ารส่ ง ต่ อ ชุ ด ข้ อ มู ล ดั ง กล่ า วให้ แ ก่ ห น่ ว ยงานที่ เ กี่ ย วข้ อ งเพื่ อ ใช้ ป ระโยชน์
ในการให้บริการคลินิกแม่เลี้ยงเดี่ ยว การสร้างอาชีพ การคุ้มครอง การให้ช่วยเหลือ และจัดสวัสดิการที่เหมาะสม
สาหรับแม่วัยรุ่นในระดับพื้นที่
๓.๖) ผลักดันสวัสดิการแบบถ้วนหน้า โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสาคัญในการช่วยเหลือ
และจั ดสวัสดิการเงินอุดหนุ นฯ ให้ ครอบคลุ มเด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการกาหนดแนวทาง
การจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้าให้แก่เด็กแรกเกิด ถึง ๖ ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่าง
การพิจารณาเพื่อให้ ได้รู ป แบบและแนวทางการจัดสวัส ดิการฯ ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ และบริบทของประเทศ
๔) ดาเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัย
๔.๑) ส่งเสริมและพัฒนาสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสถานพัฒนา
เด็กปฐมวัยแห่งชาติ โดยในปีการศึกษา ๒๕๖๔ มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเข้ามาในระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ
การพัฒ นาเด็กปฐมวัย ตามมาตรฐานชาติ เพื่ อประเมิน ตนเอง จานวน ๔๐,๙๗๐ แห่ ง ผ่ านการประเมิน คุณ ภาพ
ตามมาตรฐาน จานวน ๓๙,๕๘๑ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๖๑) ต้องปรับปรุง จานวน ๑,๓๘๙ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ
๓.๓๙)
๔.๒) พัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติ งานด้ า นเด็ ก ปฐมวั ยส่ วนกลางและส่ว นภูมิภ าค เพื่อให้
ผู้ปฏิบัติงานด้านเด็กนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัยในสถานรับเลี้ยงเด็ก โดยมีผู้ปฏิบัติงาน
ด้านเด็กเข้าร่วมการอบรม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จานวน ๒,๙๕๘ คน
๔.๓) ส่งเสริมและสนับสนุนการดาเนินงานของสถานรับเลี้ยงเด็กที่ เก็บค่าบริการไม่เ กิน
๒,๐๐๐ บาทต่ อคนต่ อเดื อ น โดยมีเด็กได้รั บการสนั บ สนุน ด้านอาหารเสริ มและสื่อพัฒ นาการ ในปี งบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จานวน ๓๐,๓๙๑ คน เป็นเงิน ๙,๑๑๗,๓๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม -
ธันวาคม ๒๕๖๕) จานวน ๑๗๘ คน เป็นเงิน ๕๓,๔๐๐ บาท
๕) ปรั บ เพิ่ ม อั ต ราค่ า อาหารกลางวั น ของนั ก เรี ย น ตั้ ง แต่ ร ะดั บ ชั้ น อนุ บ าลปี ที่ ๑ จนถึ ง
ประถมศึกษาปีที่ ๖ ครอบคลุมนักเรียนจานวนทั้งสิ้น ๕,๗๙๒,๑๑๙ คน แบ่งออกเป็น ๔ กลุ่ม ดังนี้
ลาดับ ประเภทโรงเรียน จานวนเงินค่าอาหารกลางวันที่ได้รับ
๑. โรงเรียนที่มีจานวนนักเรียน ๑ - ๔๐ คน ๓๖ บาทต่อคนต่อวัน
๒. โรงเรียนที่มีจานวนนักเรียน ๔๑ - ๑๐๐ คน ๒๗ บาทต่อคนต่อวัน
๓. โรงเรียนที่มีจานวนนักเรียน ๑๐๑ - ๑๒๐ คน ๒๔ บาทต่อคนต่อวัน
๔. โรงเรียนที่มีจานวนนักเรียนตั้งแต่ ๑๒๑ คนขึ้นไป ๒๒ บาทต่อคนต่อวัน
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๗๓73
การพัฒนาสมรรถนะครูให้มีความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญเฉพาะ (Excellent Teacher) พัฒนาครูฝึกในสถานประกอบการ
จานวน ๗๓๗ คน
๓) พัฒนาหลักสูตรการเรี ยนการสอนตามกรอบคุณ วุฒิแ ห่งชาติ ในระดับ ประกาศนียบัตร
วิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาในการผลิตกาลังคน
ด้านอาชีวศึกษาทุกระดับ ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน มีสมรรถนะพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน ขับเคลื่อนการพัฒ นา
คุ ณ ภาพมาตรฐานการศึ ก ษาวิ ช าชี พ รองรั บ อุ ต สาหกรรมในอนาคต สนั บ สนุ น การขั บ เคลื่ อ นยุ ท ธศาสตร์ ช าติ
และการปรับโครงสร้างประเทศไทย ๔.๐
๔) พัฒนาอาชีวะและยกระดับแรงงานไทย ดาเนินการขับเคลื่อนศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิต
และพัฒนากาลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management: CVM) เพื่อผลิต
และพั ฒ นาก าลั ง คนให้ มี ทั ก ษะและความเชี่ ย วชาญเฉพาะทางสอดคล้ อ งกั บ การพั ฒ นาอุ ต สาหกรรมเป้ า หมาย
ของประเทศ ตลอดจนพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ พัฒนาครู พัฒนานักเรียนนักศึกษา และพัฒนาความร่วมมือกับ
สถานประกอบการในการจัดการอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ โดยมีสถานศึกษาที่เข้าร่วมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จานวน ๕๐ แห่ง แบ่งเป็นสถานศึกษาภาครัฐ ๔๕ แห่ง และภาคเอกชน ๕ แห่ง
๕) จัดทาโครงการยกระดับเพื่อเพิ่มศักยภาพฝีมือและสมรรถนะแรงงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพ
แรงงานใหม่ให้มีทักษะ องค์ความรู้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงานและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
และนวั ต กรรม และเพื่ อ Upskill และ Reskill แรงงาน ให้ ส ามารถท างานที่ ส อดคล้ อ งกั บ ความต้ อ งการของ
ตลาดแรงงาน เตรี ยมความพร้ อมรองรั บ การเปลี่ ยนแปลงเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรม/บริการ และรองรับ
การปรับเปลี่ยนอาชีพ
๖) จัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it center) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ดาเนินกิจกรรม
ได้แก่ (๑) บริการซ่อม (Repair) เครื่องมือ/เครื่องจักรกลการเกษตร ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า/เครื่องใช้ในครัวเรือน
และอื่น ๆ ให้คาแนะนาวิธีการใช้ การดูแลรักษา จานวน ๙๖,๐๖๑ รายการ (๒) บริการสร้าง (Build) อาชีพใหม่
หรือต่อยอดอาชีพ จานวน ๗๘๑ ราย
และ (๓) บริการพัฒนา (Top Up)
ผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยครูนานักเรียน
นักศึกษาไปศึก ษาเรี ย นรู้ และน า
เทคโนโลยี ห รื อ สร้ า งนวั ต กรรม
ร่ ว มกั บ ชุ ม ชน เพื่ อ เพิ่ ม มู ล ค่ า
และส่งเสริมการรับรองมาตรฐาน
คุณภาพ จานวน ๔๑๗ ราย
๗) ขั บ เคลื่ อ นโครงการอาชี ว ะสร้ า งโอกาสทางการศึ ก ษาให้ เ ยาวชน เพื่ อ ผลิ ต ก าลั ง คน
ของประเทศ ได้ดาเนินการโครงการอาชีวะอยู่ประจา เรียนฟรี มีอาชีพ โดยมีสถานศึกษาเข้าร่วม จานวน ๘๘ แห่ง
จัดกิจ กรรมพัฒ นาทักษะชีวิตที่ห ลากหลาย มีครู ห อพักดูแลความปลอดภัยตลอด ๒๔ ชั่ว โมง เพื่อรองรับเยาวชน
และนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั่วประเทศ จานวน ๔,๐๗๔ คน
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๗๕75
๗.๘.๔ การดึ ง ดู ด คนเก่ ง จากทั่ ว โลกเข้ า มาท างานกั บ คนไทยและส่ ง เสริ ม ผู้ มี ค วามสามารถสู ง
โดยอานวยความสะดวกแก่บุคลากรทักษะสูง ผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน ผู้บริหาร และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น
(Startup) ที่ประสงค์จะเข้ามาทางานหรือลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ (SMART
VISA) ภายใต้โครงการ Thailand Plus Package เป็นมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูง
และการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง ให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิประโยชน์ในการนาค่าใช้จ่ายในการอบรมไปหักภาษี
ได้ร้อยละ ๒๕๐ โดยมีผู้ขอรับรองคุณสมบัติรับรองหลักสูตร จานวน ๕๒๘ หลักสูตร จาก ๕๐ หน่วยฝึกอบรม และรับรอง
การจ้างงาน STEM จานวน ๑,๓๒๙ ตาแหน่งงาน จาก ๕๓ บริษัท ทั้งนี้ ดาเนินการขยายระยะเวลาให้สิทธิประโยชน์
ทางภาษีเป็นระยะเวลา ๓ ปี
๗.๘.๕ การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ โดยส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา
นวัตกรรมเพื่อขจัดความเหลื่อมล้าและความยากจนผ่านการผลักดันนวัตกรรมชุมชนเข้าสู่การทาแผนพัฒนาตาบล/
ท้องถิ่น ที่เชื่อมต่อกับแผนจังหวัด พัฒนาระบบข้อมูลครัวเรือนยากจนระดับพื้นที่ (Practical Poverty Platform-PPP
Connext) จนสามารถสร้ า งวิ ส าหกิ จ เชิ ง วั ฒ นธรรม จ านวน ๖,๐๐๐ ราย สร้ า งนวั ต กรรมพร้ อ มใช้ จ านวน
๗๖๓ นวัตกรรม พัฒนาให้เกิดธุรกิจชุมชน จานวน ๙๙๕ กลุ่ม และพัฒนาให้เกิดชุมชนนวัตกรรม จานวน ๕๔๖ ชุมชน
ใน ๔๘ จังหวัด ครอบคลุม ๒๗๖ อาเภอ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง
โดยขับเคลื่อนบัญชีนวัตกรรมไทย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีผู้ยื่นขอขึ้นบัญชีนวัตกรรม จานวน ๑๔๓ ผลงาน
ประกาศขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยแล้ว ๑๐๐ ผลงาน นอกจากนี้ ได้จัดตั้ง “ธัชวิทย์” วิทยสถานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย
(Thailand Academy of Sciences: TAS) เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการเชื่อมโยงเครือข่ายนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์
สถาบันวิจัยแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยมาทางานร่วมกัน
๗.๘.๖ การส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทุกช่วงวัย ดาเนินการ ดังนี้
๑) ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสถานศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เพื่อให้
เป็นสถานศึกษาเพื่อการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการและพัฒนาทักษะด้าน Coding, STEM, IoT และ AI และเป็นศูนย์กลาง
ในการผลิตบุคลากรดิจิทัล โดยมีเป้าหมายโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จานวน ๘๐ แห่ง สถานศึกษา
ระดับอาชีวะ จานวน ๙ แห่ง ครูและบุคลากรทางการศึกษา จานวน ๑๖๙ คน รวมถึงสร้างความตระหนัก ความรู้
ความเข้ า ใจการใช้ ไ ซเบอร์ ป ลอดภั ย และสร้ า งสรรค์ ใ ห้ แ ก่ ผู้ สู ง วั ย และผู้ ด้ อ ยโอกาสให้ มี ก ารปรั บ ตั ว ในการใช้
ไซเบอร์อย่างเหมาะสม ปลอดภัย และสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาทักษะให้ผู้สูงวัยสามารถเผยแพร่ความรู้
ด้านการค้าขายและการตลาดออนไลน์สู้ภัยไซเบอร์ และความรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล จานวน ๑,๖๙๐ คน
๒) โครงการพาน้องกลับมาเรียน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ สามารถติดตามและค้นหาเด็ก
ที่อยู่ในวัยการศึกษาภาคบังคับที่ตกหล่นและออกกลางคัน จานวน ๒๔,๗๗๓ ราย กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว
จานวน ๑๗,๔๐๙ ราย คิดเป็ นร้ อยละ ๗๐.๒๗ และติดตาม ค้น หา เด็กพ้น เกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ที่ตกหล่ น
และออกกลางคัน จานวน ๓,๓๖๑ ราย กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว จานวน ๒,๕๙๗ ราย คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๒๗
และสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใน ๕ รายการพื้นฐาน ได้แก่
ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพ
ผู้เรียนให้กับนักเรีย นทุกคน จานวน ๖,๖๒๗,๒๖๔ คน รวมงบประมาณทั้งสิ้น ๓๖,๕๔๗,๓๓๐,๙๐๐ บาท รวมทั้ง
ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายอุดหนุนรายหัว ตั้งแต่ระดับอนุบาล - ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิช าชีพ
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๗๗77
๗.๘.๘ การฝึกอบรมภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชน
มี ค วามรู้ พื้ น ฐานภาษาต่ า งประเทศเพื่ อ การสื่ อ สารด้ า นอาชีพ และสามารถน าไปประยุ ก ต์ ใ ช้ใ นการดาเนินชีวิต
โดยมี ก ารจั ด อบรมภาษาต่ า งประเทศเพื่ อ การสื่ อ สารด้ า นอาชี พ ให้ กั บ ประชาชนในพื้ น ที่ ร่ ว มกั บ ภาคี เ ครื อ ข่ า ย
ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีผู้ผ่านการอบรม จานวน ๑๔,๒๒๘ คน
๗.๘.๙ การส่งเสริมหลักคิดมีจิตสาธารณะ ส่งเสริมให้ลูกเสือและเนตรนารี มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง
กฎหมายจราจร และการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย มีทักษะการใช้สัญญาณมือ สัญญาณนกหวีด ในการปฏิบัติหน้าที่
การอานวยความสะดวกด้านการจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตารวจจราจร จานวน ๖๒ รุ่น มีลูกเสือและเนตรนารี เข้ารับ
การฝึ ก อบรมทั้ ง สิ้ น จ านวน ๔,๙๖๐ คน ตลอดจนพั ฒ นาแกนน าส่ ง เสริม ความประพฤติ นั ก เรีย นและนั ก ศึ กษา
มีนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ จานวน ๑,๗๒๗ คน นักเรียนที่เข้าร่วมขยายผล จานวน ๒,๖๒๑ คน รวมทั้งสิ้น ๔,๓๔๘ คน
รวมทั้งปลูกจิตสานึกในการอนุรักษ์และเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชน มีเจตคติ
และเกิดจิตสานึกที่ดี มีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จานวน ๑๐ รุ่น จานวน ๑,๒๘๔ คน
๗.๘.๑๐ การส่งเสริ มหลักคิดด้ า นความเสมอภาคระหว่า งเพศ จัดทาหลั กสู ตรและพัฒ นาหลักสูตร
“ธรรมาภิบาลกับการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศสาหรับผู้บริหาร” เพื่อส่งเสริมแนวคิดความเสมอภาคระหว่างเพศ
และความเชื่อมโยงของหลักการดังกล่าวกับหลักประชาธิปไตยและธรรมาภิบาลสาหรับผู้บริหาร โดยเฉพาะผู้บริหาร
ระดับ สู ง ให้ มีความรู้ ความเข้าใจประเด็น การส่ งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเปิดอบรมหลั กสูตรเรื่อง
“ธรรมาภิบาลกับการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศสาหรับผู้บริหาร” โดยมีผู้ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอบรม
หลักสูตรฯ จานวน ๖๐ คน
๗.๘.๑๑ พั ฒ นาทั ก ษะการอ่ า นและการเขี ย นภาษาไทยในจั ง หวั ด ชายแดนภาคใต้ อ ย่ า งยั่ ง ยื น
ผ่ านกิจ กรรม ๑) อบรมสร้ างประสบการณ์การสอน ฟัง พูด อ่าน เขียน ผ่ านประสบการณ์ตรง/สถานการณ์จริง
หลักสูตร “พัฒนาการอ่าน มุ่งสมรรถนะการสื่อสาร” ให้แก่ครูโรงเรียนเอกชนที่สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ - ๖
จานวน ๕๕๒ คน และ ๒) อบรมเชิงปฏิบั ติการส่ งเสริ ม พัฒ นาทั กษะภาษาไทย เพื่อการเรี ยนรู้ และการสื่ อ สาร
ในศูนย์การศึกษาอิสลามประจามัสยิด (ตาดีกา) หลักสูตร “พัฒนาทักษะการจัดการเรียนการสอน โดยใช้สื่อและภาษา
อย่างสร้างสรรค์” โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น ๗๖๑ คน
๗.๘.๑๒ พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิตตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงผู้สูงอายุ
๑) ส่งเสริมพัฒนาเด็กปฐมวัย ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาทางด้าน
ร่ า งกาย อารมณ์ จิ ต ใจ สั ง คมและสติ ปั ญ ญาอย่ า งเต็ ม ตามศั ก ยภาพ สร้ า งความเข้ ม แข็ ง ให้ กั บ โรงเรี ย นเอกชน
ที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัย โดยดาเนินการดังนี้ (๑) พัฒนาบุคลากรผู้ดูแลเด็กปฐมวัย โดยอบรมพี่เลี้ยงเด็กปฐมวัย
ในโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานครให้มีทักษะในการดูแลเด็กปฐมวัยได้อย่างเหมาะสม โดยมีผู้เข้ารับการอบรม
จานวน ๒๑๕ คน และ (๒) พัฒนาสมรรถนะครูเพื่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมสาหรับเด็กปฐมวัย
โดยส่ ง เสริ ม ให้ ผู้ บ ริ ห ารและครู ส ามารถเป็ น ครู นั ก ออกแบบการเรี ย นรู้ สะท้ อ นห้ อ งเรี ย นสู่ ก ารเปลี่ ย นแปลง
(Classroom Reflection to Change: CRC) ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participatory Learning: PL)
โดยพัฒนาโรงเรียนนาร่องในหลักสูตร “สมรรถนะครูปฐมวัยหัวใจใหม่ (Holistic Teacher)” เพื่อให้มีความเข้าใจ
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชา นายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรี ปีีปีที่่ท� ี่ ๔๔
(๒๕ กรกฎาคม
(๒๕ กรกฎาคม -- ๓๑
๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๗๙79
ทรัพยากรและสิ่ งแวดล้ อ ม และมีร ายได้ เ พีย งพอต่ อ การครองชี พ สามารถลด ละ และเลิ กการปลู กฝิ่ น ในพื้ น ที่
โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาทักษะการฟัง - พูด - อ่านภาษาไทย และเข้าใจภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร จานวน
๑,๗๗๕ คน และกิจกรรมการพัฒนาทักษะชีวิตให้แก่ประชาชน จานวน ๑๓,๒๘๘ คน
๔) ส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนเอกชนในโครงการตามพระราชดาริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดย (๑) พัฒนาศักยภาพด้านวิชาการตามความพร้อม
และความต้องการของผู้เรียนทั้งด้านภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังมีการพัฒนาทักษะ
ทางด้านวิชาการ โดยมีการจัดแสดงผลงานของผู้เรียน จานวน ๑๒ ผลงาน มีครูและนักเรียนเข้าร่วมทั้งสิ้น ๓,๕๘๔ คน
และ (๒) ประชุมวิชาการ “การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุ รกันดารตามพระราชดาริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ” โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการด้านโภชนาการสุขอนามัย
เรื่อง อาหารดี มีสุขอนามัย ร่างกายปลอดภัย โดยโรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) จังหวัดตาก มีสถานศึกษา
เข้าร่วม จานวน ๒๐ แห่ง และผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรม ๔๕ คน
๗.๘.๑๔ พัฒนาคุณภาพสื่อการเรียนรู้ผ่านระบบดิจิทัลและแหล่งเรียนรู้ที่เข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต
๑) ส่งเสริ มการศึกษานอกระบบผ่า นทีวีสาธารณะ (ติวเข้มเต็มความรู้ ) เพื่อให้ นักเรียน
นักศึกษา ประชาชนที่อยู่ในและนอกระบบโรงเรียน ได้เรียนกับครูผู้ส อนที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิช าโดยตรง
ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ETV) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
และสถานีวิทยุโทรทัศน์อื่น ๆ โดยดาเนินการ (๑) ผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาที่ทันสมัยและสามารถตอบสนอง
ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จานวน ๖๓๗ รายการ ประกอบด้วย
รายการติ ว เข้ ม เติม เต็ ม ความรู้ จ านวน ๑๒๐ รายการ รายการสารคดี ส่ ง เสริม การศึ ก ษา จ านวน ๕๒ รายการ
เพื่อพัฒนาประชาชนตลอดช่วงวัย จานวน ๓๘๐ รายการ และรายการตามหลักสูตรขั้นพื้นฐานของสานักงานส่งเสริม
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จานวน ๘๕ รายการ และ (๒) จัดกิจกรรมติวเข้มเติมเต็มความรู้สัญจร
โดยมีนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับบริการติวเข้มเต็มความรู้ จานวน ๒,๗๒๓,๘๘๖ คน
๒) จั ด สร้ า งแหล่ ง การเรี ย นรู้ ใ นระดั บ ต าบล โดยการพั ฒ นาส านั ก งานส่ ง เสริม การศึ กษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยตาบล/แขวง และหน่วยงาน/สถานศึกษา ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และการจัด
กิ จกรรมการศึ ก ษานอกระบบและการศึ ก ษาตามอั ธ ยาศั ย ให้ ป ระชาชนได้ รั บ การศึ ก ษาตลอดชี วิ ต อย่ า งทั่ ว ถึ ง
และมีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการการศึกษาที่หลากหลาย สอดคล้องกับสภาพและความต้องการ
ของตนเองให้บริการกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ จานวน ๗,๔๓๒ แห่ง
๓) ศูน ย์ดิ จิ ทัลชุมชน เป็ นการพัฒ นาวิทยากรแกนน าและประชาชนทั่ว ไป มีทักษะการใช้
เทคโนโลยีดิจิทัลให้ เป็ นประโยชน์ ให้มีความตระหนักรู้ด้านดิจิทัล สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือด้านดิ จิทัล
สร้างโอกาสในการมีงานทาและช่องทางการหารายได้เสริมให้ กับตนเองได้ ผ่านกระบวนการ (๑) อบรมขยายผล
ในพื้นที่สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด (ครู ข และครู ค) จานวน ๘,๑๘๖ คน
ประกอบด้วย วิทยากรแกนนาระดับอาเภอ (ครู ข) จานวน ๑,๐๗๕ คน วิทยากรแกนนาระดับตาบล (ครู ค) จานวน
๗,๑๑๑ คน (๒) อบรมประชาชนในพื้นที่สานักงานส่งเสริ มการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยตาบล
จานวน ๙,๐๓๓ คน และ (๓) ติดตามและประเมินผลโครงการ โดยให้ประชาชนผู้เข้ารับการอบรมตอบแบบสอบถาม
ความพึงพอใจผ่านออนไลน์
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๘๑81
๗.๙ นโยบายหลักที่ ๙ การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม
รัฐบาลได้ให้ความสาคัญต่อสุขภาพและสุขภาวะของประชาชน โดยการจัดบริการสาธารณสุขและระบบ
ความคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม เพื่อนาไปสู่ความเสมอภาค มีผลการดาเนินงาน
สาคัญ ดังนี้
๗.๙.๑ การพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข แพทย์สมัยใหม่ และแพทย์แผนไทย นอกจากการรักษา
ทั่วไปแล้ว ยังมีการพัฒนาบริการที่ดีมากขึ้น ได้แก่
๑) พัฒนาระบบบริการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ (One Day Surgery) ด้วยนวัตกรรมการแพทย์
สมั ย ใหม่ มี ผู้ ป่ ว ยที่ เ ข้ า รั บ การผ่ า ตั ด แล้ ว จ านวน ๓๗,๒๓๙ คน สามารถลดค่ า ใช้ จ่ า ยภาคประชาชน จ านวน
๕๙,๕๘๐,๐๐๐ บาท
๒) เพิ่ มทางเลื อกในการให้ บริ การผู้ ป่ วยนอกด้ วยการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ ผสมผสาน
ที่มีพัฒนารูปแบบแนวทางการให้บริการ ขยายผลบูรณาการเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ มีผู้ใช้บริการกว่า ๒๗,๐๐๐,๐๐๐ ครั้ง
๓) พัฒนากลไกการดาเนินงานปฐมภูมิ จัดทาแผนปฏิบัติการด้านระบบสุขภาพปฐมภูมิ (พ.ศ. ๒๕๖๔
- ๒๕๗๓) โดยการจัดตั้งหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ๓,๑๙๑ ทีม
๔) คนไทยทุกครอบครัว มีห มอประจาตัว ๓ คน ปรับเปลี่ยนการดูแลให้ใกล้ชิดกับประชาชน
มากยิ่ ง ขึ้ น เน้ น การเสริ ม สร้ า งสุ ข ภาพ และความรู้
ด้ า นสุ ข ภาพ การดู แ ลสุ ข ภาพองค์ ร วม ทั้ ง ร่ า งกาย
จิตใจ สังคม ได้จัดทาทะเบียนแพทย์เวชศาสตร์ฯ คู่กับ
ประชาชน ร่ ว มกั บ ส านั ก งานหลั ก ประกั น สุ ข ภาพ
แห่ ง ชาติ ไ ด้ ด าเนิ น การเชื่ อ มโยงข้ อ มู ล ที ม หมอ
ครอบครั ว (PCU/NPCU) กั บ ระบบข้ อ มู ล ทะเบี ย น
หน่ ว ยบริ การ (Contracting Provider Profile: CPP)
โดยเชื่อมฐานข้อมูลแพทย์กับ ประชาชนที่รับผิ ดชอบ
ส่ ง ผลให้ ป ระชาชนคนไทยมี ห มอประจ าตั ว ๓ คน
จานวน ๓๓,๐๐๐,๐๐๐ คน
๕) พัฒนาคุณภาพมาตรฐานสถานบริการสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจต่อคุณภาพ
และความปลอดภัยของสถานบริการสุขภาพ จึงได้ขับเคลื่อนให้สถานพยาบาลผ่านกระบวนการรับรองระบบคุณภาพ
ของสถานพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป มีคุณภาพมาตรฐานผ่านการรับรอง
Hospital Accreditation (HA) ขั้น ๓ จานวน ๑๒๑ แห่ง จาก ๑๒๑ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ โรงพยาบาลสังกัด
กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค และกรมสุขภาพจิต มีคุณภาพมาตรฐานผ่านการรับรอง HA ขั้น ๓ จานวน ๔๘ แห่ง
จาก ๔๙ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๙ และโรงพยาบาลชุมชน มี คุณภาพมาตรฐานผ่านการรับรอง HA ขั้น ๓ จานวน
๖๗๓ แห่ง จาก ๗๕๑ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๖
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๘๓83
๗.๙.๔ การสร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมด้านการศึกษา สุขภาพ การมีงานทาที่เหมาะสม
กับประชากรทุกกลุ่ม
๑) เสริ ม สร้ า งหลั ก ประกั น สุ ข ภาพถ้ ว นหน้ า ประชากรไทยทั้ ง ประเทศผู้ มี สิ ท ธิ ใ นระบบ
หลั กประกัน สุ ขภาพถ้ว นหน้า จ านวน ๖๖,๙๘๑,๙๙๘ คน ลงทะเบียนสิ ทธิในระบบหลักประกัน สุ ขภาพ จ านวน
๖๖,๔๙๒,๐๕๕ คน คิ ด เป็ น ความครอบคลุ ม สิ ท ธิ ใ นระบบหลั ก ประกั น สุ ข ภาพถ้ ว นหน้ า ( Universal Health
Coverage: UHC) ร้อยละ ๙๙.๒๗ ประกอบด้วย ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จานวน ๔๖,๙๑๓,๔๑๑ คน
ผู้ มีสิ ทธิป ระกัน สั งคม จานวน ๑๒,๗๘๘,๓๑๗ คน และผู้ มีสิ ทธิส วัส ดิการข้าราชการ จานวน ๕,๒๗๖,๑๘๐ คน
สิทธิสวัสดิการพนักงานส่วนท้องถิ่น จานวน ๖๗๓,๓๘๙ คน สิทธิประกันตนคนพิการ จานวน ๑๒,๖๘๖ คน สิทธิครูเอกชน
จานวน ๗๔,๓๕๑ คน และบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ
จานวน ๗๕๓,๗๒๑ คน และยังได้ยกระดับระบบหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติ ๔ บริการ ดังนี้ (๑) ประชาชนที่เจ็บป่วย
ไปรับบริการกับหมอครอบครัว ในหน่วยบริการปฐมภูมิระบบ
บัตรทองที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ (OP anywhere) (๒) ผู้ป่วยใน
ไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวครอบคลุมหน่วยบริการทั่วประเทศ
(IP anywhere) (๓) โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ
(Cancer anywhere) และ (๔) ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ ๑๕ วัน
๒) เสริ ม สร้ า งสุ ข ภาพในกลุ่ ม วั ย แรงงาน ด าเนิ น การ อาทิ การตรวจแรงงานในระบบ
โดยตรวจสถานประกอบกิจการ จานวน ๖,๓๙๗ แห่ง ลูกจ้างได้รับการคุ้มครอง จานวน ๒๑๗,๒๖๑ คน โครงการ
ความปลอดภั ย และอาชี ว อนามั ย ของประเทศไทย (Safety Thailand) ในปี ง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ อั ต รา
การประสบอันตรายจากการทางานกรณีร้ายแรง สามารถคานวณได้ ๒.๒๒ ต่อลูกจ้าง ๑,๐๐๐ ราย ซึ่งลดลง ร้อยละ
๑.๗๗ เมื่ อ เที ย บกั บ ปี ง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ ค านวณได้ ๒.๒๖ ต่ อ ลู ก จ้ า ง ๑,๐๐๐ ราย โครงการส่ งเสริม
ความปลอดภัยให้แก่เครือข่ายแรงงานนอกระบบ จานวน ๑,๑๒๖ คน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสุขอนามัยในกลุ่ม
แรงงานนอกระบบอย่างยั่งยืน โครงการจัดสวัสดิการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานและครอบครัว ยกระดับคุณภาพ
ชีวิตแรงงานนอกระบบโดยจัดโครงการสร้างความเข้มแข็งชมรมแรงงานนอกระบบ จานวน ๗๗๐ คน โครงการบริหาร
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๘๕85
๗.๑๐ นโยบายหลักที่ ๑๐ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
รัฐบาลให้ความสาคัญต่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการรับมือ
กั บ ภั ย ธรรมชาติ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ไม่ ว่ า จะเป็ น ปั ญ หาอุ ท กภั ย หรื อ ภั ย แล้ ง เพื่ อ น าไปสู่ ก ารฟื้ น ฟู แ ละอนุ รั ก ษ์ ท รั พ ยากร
ซึ่งมีผลการดาเนินงานที่สาคัญ ดังนี้
๗.๑๐.๑ การปกป้องรักษา ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ดาเนินการป้องกันรักษาป่าและแก้ไ ข
ปัญหาไฟป่า โดยลดจุดความร้อนลง ร้อยละ ๒๐ จากค่าเฉลี่ย ๕ ปี ปลูกป่าฟื้นฟูโครงสร้างระบบนิเวศ จานวน ๑๑,๐๐๐ ไร่
และดาเนินโครงการป่าในเมือง “สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายใน
สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า วนอุทยาน และป่าอนุรักษ์อื่น ๆ ให้อยู่ในรูปแบบกิจกรรมโครงการ
ป่ า ในเมื อ ง จ านวน ๕๔ แห่ ง พื้ น ที่ ด าเนิ น การ จ านวน ๑๙๔,๔๙๙ ไร่ พร้ อ มทั้ ง ร่ ว มมื อ กั บ ท้ อ งถิ่ น /ชุ ม ชน
ในการด าเนิ น การเพิ่ ม พื้ น ที่ ป ลู ก ต้ น ไม้ ที่ ตั้ ง อยู่ ใ นเมื อ งหรื อ ใกล้ เ มื อ ง รวมทั้ ง ส่ ง เสริ ม ให้ ค นอยู่ กั บ ป่ า พึ่ ง พากั น
อย่ างมีความสุ ข โดยจั ดทาโครงการเสริ มรายได้ให้ กับ ประชาชนที่อยู่ในพื้น ที่ป่าและพื้น ที่ร อบป่า เช่น โครงการ
ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
นอกจากนี้ ได้ดาเนินคดีกับผู้กระทาผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ เช่น คดีบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์
จานวน ๖๒๕ คดี จับกุมผู้ต้องหา จานวน ๑๒๐ คน เนื้อที่ ๓,๔๖๑.๘๖ ไร่ หยุดยั้งการบุกรุกทาลายทรัพยากรป่าไม้
โดยจั บ กุ ม ด าเนิ น คดี กั บ ผู้ ก ระท าความผิ ด ส่ ง เสริ ม และผลั ก ดั น ให้ ก ารอนุ รั ก ษ์ ท รั พ ยากรธรรมชาติ ป่ า ไม้
และการอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยการเพาะพันธุ์และปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ จานวน ๓๓ ชนิด ๑,๙๑๕ ตัว ควบคุมประชากรลิง
เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับลิง จานวน ๔,๔๖๓ ตัว รวมทั้งแก้ไขปัญหาช้างป่าที่สร้างผลกระทบต่อราษฎร
โดยดาเนินการในพื้นที่ ๑๓ กลุ่มป่า ทั้งนี้ ได้นาเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เนื้อที่ ๒.๕๖ ล้านไร่ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์
ด้ า นทรั พ ยากรธรรมชาติ และเป็ น แหล่ ง ถิ่ น อาศั ย ที่ ส าคั ญ ของชนิ ด พั น ธุ์ สั ต ว์ ป่ า ที่ เ สี่ ย งสู ญ พั น ธุ์ แ ละถู ก คุ ก คาม
เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ ๓ ของประเทศไทย
๗.๑๐.๒ การส่งเสริมการบริหารจัดการน้าทั้งระบบ แหล่งน้าชุมชนและทะเล โดยขับเคลื่อนแผนแม่บท
การบริหารจัดการทรัพยากรน้า ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ได้ดาเนินการปรับปรุงกรอบแนวทาง และค่าเป้าหมาย
แผนแม่บทการบริ ห ารจั ด การทรั พยากรน้ า ๒๐ ปี โดยบูร ณาการหน่ว ยงานที่ เ กี่ยวข้ อ ง จานวน ๑๓ กระทรวง
๕๑ หน่วยงาน เพื่อร่วมกันกาหนดกรอบแนวทางการพัฒนาด้านทรัพยากรน้า ค่าเป้าหมาย ตัวชี้วัด กลยุทธ์ แผนงาน
ภายใต้ แ ผนแม่ บ ทการบริ ห ารจั ด การทรั พ ยากรน้ า ๒๐ ปี ซึ่ ง ได้ น าปั จ จั ย และสภาพแวดล้ อ มเพื่ อ การรองรั บ
การขับเคลื่อน ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การแก้ไขปัญหาโดยการปรับตัว
แบบอาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-Base Solution: NBS) เศรษฐกิจหมุนเวียน การนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยใน
การบริหารจัดการน้า และการลดความเสี่ ยงภายใต้กรอบการดาเนินงานเซนได เพื่อการลดความเสี่ยงจากภัย พิบัติ
พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๗๓ (Sendai Framework for Disaster Risk Reduction 2015 - 2030) เชื่ อ มโยงตั ว ชี้ วั ด
และเป้าหมายกับแผนระดับชาติ และนานาชาติ โดยคานึงถึงจุดสมดุลย์ระหว่างการอนุรักษ์และพัฒ นา พร้อมทั้ง
ได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ๒๒ ลุ่มน้า เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้า
องค์กรผู้ ใช้น้ า และภาคประชาชน ภายใต้กรอบแนวคิดแผนการจัดการน้าแบบพลวัต โดยประชาชนมีส่ ว นร่วม
ในการจัดการน้า (Water Resilience Management Plan with Citizen Co-Design) โดยมีกรอบการพัฒนา ๕ ด้าน
ได้แก่ (๑) การจั ดการน้ าอุป โภคบริ โ ภค (๒) การสร้ างความมั่น คงของน้าภาคการผลิ ต (เกษตร/อุต สาหกรรม)
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๘๗87
ดาเนินการสารวจประเมิน วิเคราะห์ จัดทาระบบฐานข้อมูลขยะทะเล และศึกษาผลกระทบของขยะทะเลต่อสัตว์ทะเล
หายาก และผลกระทบของขยะทะเลต่อระบบนิเวศแนวปะการัง
๗.๑๐.๔ การแก้ไ ขปัญหาก๊า ซเรื อนกระจกและผลกระทบจากการเปลี่ ยนแปลงสภาพภู มิ อากาศ
ดาเนินการจัดทายุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่าของประเทศไทย เพื่อเป้าหมาย
ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ (ค.ศ. ๒๐๕๐) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero GHG Emissions) ในปี พ.ศ. ๒๖๐๘ (ค.ศ. ๒๐๖๕) รวมถึงส่งเสริมโครงการลดก๊าซเรือนกระจก
ภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) โดยใน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ มีโครงการที่ได้การรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนเครดิต) จานวน
๖๗ โครงการ รวมปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ทั้งสิ้น จานวน ๕.๑๓๔ ล้านตัน นอกจากนี้ ยังได้ดาเนินกิจกรรม
และโครงการที่สนับสนุนด้านการปรับตัวเพื่อลดความสูญเสียและเสียหายจากภัยธรรมชาติและผลกระทบที่เกี่ยวข้อง
กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันเป็นผลมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งดาเนินการจัดทาข้อมูล
และแผนที่เสี่ยงธรณีพิบัติภัยครอบคลุมด้านดินถล่ม แผ่นดินไหว และหลุมยุบ เพื่อประเมินสถานภาพ กาหนดขอบเขต
พื้นที่เสี่ยงภัย และจัดทาแผน มาตรการ และแนวทางในการเตรียมความพร้อมป้องกันบรรเทาผลกระทบจากธรณีพิบัติภัย
ต่าง ๆ ทั้งนี้ ได้ดาเนินการเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงภัยให้แก่ประชาชน ภาคีเครือข่ายเฝ้าระวัง
ในพื้นที่เสี่ยงธรณีพิบัติภัย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จานวน ๗๘,๘๖๙ ครัวเรือน
๗.๑๐.๕ การพัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยขับเคลื่อน
BCG Economy Model ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG
พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ ซึ่งมีการเปิดตัวเครื่องหมายและระบบการรับรอง “คาร์บอนฟุตพรินท์ของผลิตภัณฑ์เศรษฐกิจ
หมุนเวียน” (Carbon Footprint of Circular Economy Product: CE-CFP) โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองเครื่องหมาย
รับรองคาร์บอนฟุตพรินท์ของผลิตภัณฑ์เศรษฐกิจหมุนเวียน จานวน ๔๗ ผลิตภัณฑ์
๗.๑๐.๖ การพัฒนากลไกแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ดาเนินการพิจารณา
รายงานการประเมิ น ผลกระทบสิ่ ง แวดล้ อ ม (Environmental Impact Assessment: EIA) รวม ๔๙๑ โครงการ
โดยได้พิจารณาและแจ้งผลการพิจารณารายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่ งแวดล้ อม จานวนทั้งสิ้ น ๔,๙๐๐ โครงการ คิดเป็น ร้อยละ ๖๙.๖๙
ของจานวนโครงการที่ส่งรายงาน นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทากฎหมายหลักและกฎหมายลาดับรอง จานวน ๘ ฉบับ
๗.๑๐.๗ การแก้ไขปัญหาการจัดการขยะและของเสียอย่างเป็นระบบ
๑) ดาเนินการจัดการขยะและของเสียอันตราย เช่น จัดทาแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะ
ของประเทศ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๗๐) เพื่อเป็นแผนหลักสาหรับบูรณาการและขับเคลื่อนการดาเนินงาน
การจัดการขยะของประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง ครอบคลุมการจัดการขยะพลาสติก ขยะบรรจุภัณฑ์ ขยะอาหาร
ขยะมูลฝอยชุมชน ของเสียอันตรายชุมชน ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มูลฝอยติดเชื้อ
และกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย รวมทั้งกาหนดกลไกการบริหารจัดการขยะมูลฝอย เช่น การจัดการฝึกอบรม
“การเสริมสร้างศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการสิ่งแวดล้อม” ใน ๔ ภูมิภาค การติดตามตรวจสอบ
และให้คาแนะนาการปรับปรุงสถานที่กาจัดขยะมูลฝอย การจัดลาดับพื้นที่ที่มี ความสาคัญเพื่อเสนอรูปแบบเทคโนโลยี
ที่เหมาะสมเพื่อยกระดับสถานที่กาจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้อง จานวน ๒,๐๒๑ แห่ง การกาหนดอัตราค่าบริการกาจัด
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๘๙89
๔) ด าเนิ น การแก้ ไ ขปั ญ หาบ่ อ ขยะที่ ไ ม่ ส ามารถขยายหรื อ จั ด หาพื้ น ที่ ใ หม่ ไ ด้ อี ก รวมทั้ ง
ข้อจากัดของงบประมาณ บุคลากร และการบริหารจัดการของท้องถิ่น ได้แก่ (๑) การรวมกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อลดจ านวนบ่ อขยะลง และใช้เ ทคโนโลยีในการกาจัดขยะให้ห มดไป โดยมีกลุ่ ม Clusters ทั้งหมด ๒๖๖ กลุ่ ม
โดยแบ่งเป็นกลุ่มขนาดเล็ก (S) ปริมาณขยะน้อยกว่าวันละ ๓๐๐ ตัน จานวน ๒๒๒ Clusters กลุ่มขนาดกลาง (M)
ปริมาณขยะ วันละ ๓๐๐ - ๕๐๐ ตัน จานวน ๒๔ Clusters และกลุ่มขนาดใหญ่ (L) ปริมาณขยะวันละ ๕๐๐ ตัน
จานวน ๒๐ Clusters และ (๒) สนับสนุนการมอบหมายให้เอกชนเข้ามาดาเนินการโรงกาจัดขยะระบบปิดหรือกาจัด
ขยะแปรสภาพเป็ น เชื้ อ เพลิ ง RDF หรื อ ผลิ ต พลั ง งานไฟฟ้ า เพื่ อ ลดภาระงบประมาณในการลงทุ น ของภาครั ฐ
และมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญในเรื่ องของเทคโนโลยีและการบริหารงานจากภาคเอกชน ทั้งนี้ ได้อนุมัติ แล้ว จานวน
๔๖ โครงการ และรอพิจารณา ๓๓ โครงการ โดยโครงการทั้งหมดจะสามารถกาจัดขยะให้หมดไป จานวน ๑๓ ล้านตันต่อปี
๗.๑๐.๘ การอนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรพันธุ์พืชที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ พืชหายากและพืชที่ถูกคุกคาม
เพื่อความมั่นคงของทรัพยากรพันธุ์พืช และความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ดาเนินการอนุรักษ์พันธุ์พืช
นอกถิ่ น ก าเนิ ด ไว้ ใ นสวนพฤกษศาสตร์ โดยรวบรวมพรรณไม้ แ ห้ ง เพื่ อ ใช้ เ ป็ น ตั ว อย่ า งอ้ า งอิ ง ทางพฤกษศาสตร์
ไว้ในหอพรรณไม้ สะสม ๓๓๖ วงศ์ ๓,๐๑๘ สกุล จานวน ๑๔,๗๗๑ ชนิด รวม ๑๓๓,๕๖๔ ตัวอย่าง และมีการรวบรวม
ตัวอย่างพันธุ์พืชที่มีชีวิต โดยรวบรวมและจัดปลูกไว้ใ นสวนพฤกษศาสตร์อย่างเป็นหมวดหมู่ รวมสะสม ๒๔๐ วงศ์
๑,๔๔๐ สกุล จานวน ๕,๔๖๙ ชนิด โดยนามาอนุรักษ์
ในสภาพปลอดเชื้อ จานวน ๔๒๖ ชนิด ประกอบด้วย
กล้วยไม้ ๓๔๐ ชนิด พืชวงศ์ขิงข่า จานวน ๗๐ ชนิด
พื ช ในบั ญ ชี Red List ของประเทศ ๙๗ ชนิ ด
และท าการขยายพั น ธุ์ พื ช ที่ เ สี่ ย งต่ อ การสู ญ พั น ธุ์
นากลับคืนถิ่นร่วมกับชุมชน เครือข่ายรวมจ านวน
๕๑ ชนิด
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๙๑91
การยื่ น ค าขอจดทะเบี ย นทรั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญาอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ (e-Filing) การยื่ น แบบเพื่ อ ช าระค่ า ธรรมเนี ย ม
บารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัด การเข้าใช้งานระบบทะเบียนประวัติข้าราชการแบบอิเล็กทรอนิกส์ การใช้เป็นเอกสาร
อิเล็ กทรอนิ กส์ แสดงตัว ตนส าหรั บ เที่ยวบิ นภายในประเทศ การยื่น แบบแสดงรายการภาษีเงิน ได้บุค คลธรรมดา
ผ่านอินเทอร์เน็ต (e-Filing) และระบบตรวจสอบค่าลดหย่อน (My Tax Account) เป็นต้น (๒) Application บริการ
ประชาชน“SMARTLAND” ที่ ใ ห้ บ ริ ก ารประชาชนด้ า นที่ ดิ น มากกว่ า ๑๘ งานบริ ก าร อาทิ e-QLands
การนั ด จดทะเบี ย นสิ ท ธิ แ ละนิ ติ ก รรม
แ ล ะ รั ง วั ด อ อ น ไ ล น์ LandsMaps
การค้นหาแผนที่รูปแปลงที่ดินด้วยระบบ
ภูมิสารสนเทศ e-LandsAnnouncement
ค้ นหาประกาศส านั ก งานที่ ดิ น ออนไลน์
สารานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบราคา
ประเมิ น ค านวณภาษี อ ากร สอบถาม
ขั้นตอนการทาธุรกรรมและที่ตั้งสานักงาน
ที่ดิน ร้องเรียนร้องทุกข์ และ Application
คู่คิด Line@teedin ติดต่อสานักงานที่ดินแบบสองทาง รวมทั้งประเมินความพึงพอใจผ่านระบบออนไลน์ เป็ นต้น
พัฒนาระบบการให้บริการจดทะเบียนออนไลน์ต่างสานั กงานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยได้นาร่องแล้วที่สานักงาน
ที่ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ จะเริ่มขยายพื้นที่ไปจังหวัดอุบลราชธานี เชียงใหม่ สงขลา
หนองคาย บึงกาฬ ขอนแก่น เพชรบุรี และสิงห์บุรี ประชาชนสามารถดาเนินการจดทะเบียนที่ดินต่ างสานักงานได้
โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสานักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่ (สานักงานที่ดินปลายทาง) เพียงแต่ไปติดต่อสานักงานที่ดินต้นทาง
ที่สามารถดาเนินการจดทะเบียนต่างสานักงานได้เช่นเดียวกัน ก็สามารถดาเนินการระหว่างสานักงานได้
๓) รั บรองมาตรฐานการให้ บริ การของศู นย์ ราชการสะดวก (Government Easy Contact
Center: GECC) ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้แก่หน่วยงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการของศูนย์ราชการ
สะดวก จานวน ๖๖๖ ศูนย์
๔) เร่งรัดการบริหารอัตราว่าง โดยให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการบริหาร
อัตราว่างที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๑ ปี เพื่อเพิ่มโอกาสในการทางานของประชาชน พร้อมทั้งให้ สานักงาน
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สานักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดาเนินการเกี่ยวกับการควบคุมอัตรากาลังบุคลากรและภาระงบประมาณค่าใช้จ่าย
ด้านบุคลากรภาครัฐอย่างบูรณาการ โดยการพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจและโครงสร้างองค์กรภาครัฐและกาหนด
กรอบอัตรากาลังที่เหมาะสม มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิ ทัล (Digital Government) ควบคู่กับการปรับ
รูปแบบและวิธีการทางานให้เหมาะสมกับลั กษณะงาน การโอนงานบางประเภทให้เอกชนดาเนิน การ การเร่งรั ด
การถ่ายโอนภารกิจที่สามารถมอบหรือกระจายอานาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดาเนินการ รวมทั้งมุ่งเน้น
ให้มีการใช้รูปแบบการจ้างงานที่หลากหลายเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐในระยะยาว
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) ๙๓93
๒) จัดทาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และพัฒนา
ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Service: GDCC) มีการดาเนินการให้บริการ
GDCC แก่หน่วยงานภาครัฐแล้ว จานวน ๒๒๖ กรม ๙๒๖ หน่วยงาน ๔๐,๗๖๕ ระบบงาน
๗.๑๑.๔ การเปิ ด เผยข้ อ มู ล ภาครั ฐ สู่ ส าธารณะ ส่ ง เสริ ม ความร่ ว มมื อ ในการเปิ ด ระบบราชการ
(Open Government Partnership: OGP) โดยเปิดช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการมีส่วนร่วม
ของภาคส่ ว นต่ า ง ๆ ตลอดจนรั บ ฟั ง ความคิ ด เห็ น ผ่ า น www.opengovernment.go.th และ Facebook Page:
Opengovthailand เพื่ อ สร้ า งการรั บ รู้ แ ละเปิ ด ให้ ป ระชาชนเข้ า มามี ส่ ว นร่ว มในการแสดงความคิ ด เห็ น เกี่ ยวกับ
การพัฒ นางานภาครั ฐ และมีการให้ บ ริ การศูน ย์กลางข้อมูล เปิดภาครัฐ (Open Data Platform) บน data.go.th
มีชุดข้อมูลเปิดภาครัฐ จานวน ๗,๖๗๘ ชุดข้อมูล
๗.๑๑.๕ การส่ ง เสริ ม ระบบธรรมาภิ บ าลในการบริ ห ารจั ด การภาครั ฐ ได้ ส่ ง เสริ ม และสนั บ สนุ น
ระบบธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐผ่านการมอบรางวัลเลิ ศรัฐ (Public Sector Excellence Awards:
PSEA) ให้หน่วยงานภาครัฐ รวม ๒๓๘ รางวัล มีหน่วยงานได้รับรางวัล เกียรติยศ ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นต้น แบบ
ที่สร้างคุณค่าและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน จานวน ๒ รางวัล ได้แก่ กรมควบคุมโรค และกรมสรรพากร และส่งเสริม
การเป็นระบบราชการ ๔.๐ ผ่านการบริหารจัดการภาครัฐ ๔.๐ (PMQA 4.0) โดยในปี ๒๕๖๕ มีหน่วยงานภาครัฐ
ผ่านเกณฑ์การประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ ๔.๐ และได้รางวัลคุณภาพการบริหาร
จัดการภาครัฐ ๔.๐ ซึ่งแสดงถึงความโดดเด่นในการนาหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมายกระดับ
การบริหารจัดการใน ๓ มิติ คือ การเปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการเป็นหน่วยงาน
ที่มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย จานวน ๒๗ หน่วยงาน
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๙๕95
๗.๑๑.๘ การกระจายอานาจ ความรับผิ ดชอบ และเพิ่มบทบาทการปกครองขององค์กรปกครอง
ส่ ว นท้ อ งถิ่ น และส่ ง เสริ ม บทบาทของเอกชนและชุ ม ชนในการให้ บ ริ ก ารสาธารณะพั ฒ นาประสิ ทธิ ภ าพ
ในการจัดบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น
๑) จัดทาบริการสาธารณะให้กับประชาชนในพื้นที่ตามแผนปฏิบัติการกาหนดขั้นตอน
การกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งกาหนดให้มีภารกิจที่ต้องถ่ายโอน
ทั้งสิ้น จานวน ๒๔๕ ภารกิจ ถ่ายโอนแล้ว จานวน ๑๘๖ ภารกิจ และแผนปฏิบัติการกาหนดขั้นตอนการกระจาย
อานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๑ มีภารกิจที่ต้องถ่ายโอนทั้งสิ้น จานวน ๔๕ ภารกิจ
รวม ๑๑๔ งาน/โครงการ/กิจกรรม มีการถ่ายโอนแล้ วหรือทยอยถ่ายโอน จานวน ๗๖ งาน/โครงการ/กิจกรรม
รวมภารกิจถ่ายโอนตามแผนปฏิบัติการฯ ทั้ง ๒ ฉบับ มีจานวนทั้งสิ้น ๓๕๙ ภารกิจ ถ่ายโอนแล้ว จานวน ๒๖๒ ภารกิจ
คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๙๘ สาหรับร่างแผนปฏิบัติการกาหนดขั้นตอนการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ฉบั บ ที่ ๓ พ.ศ. .... ได้กาหนดให้ มีการถ่ายโอนภารกิจ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านโครงสร้ างพื้น ฐาน (๒) ด้านสั งคม
และ (๓) ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
๒) ขั บ เคลื่ อ นการถ่ า ยโอนภารกิ จ ที่ ส าคั ญ อาทิ การถ่ า ยโอนภารกิ จ สถานี อ นามั ย
เฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา นวมินทราชินีและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
การแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกรณีการจัดสรรเงินอุดหนุนสาหรับภารกิจ
ป้องกันและควบคุมไฟป่า การกาหนดกิจการด้านการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งให้เป็นอานาจและหน้าที่ขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น การพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาการจัดสรรงบประมาณพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น การพิจารณาแนวทางการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสาหรับบุคลากรที่ถ่ายโอนไปยัง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกาหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
และการแก้ไขกฎหมายตามแผนการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกาหนด
ขั้นตอนการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
๓) แก้ไขและประกาศใช้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือ
ประชาชนตามอานาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้ผู้บริหารองค์กรปกครอง
ส่ ว นท้องถิ่น สามารถพิจารณาช่ว ยเหลื อประชาชนในกรณีที่มีความจาเป็ นเร่ งด่ว นได้ตามความจาเป็ น เหมาะสม
ซึ่งระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นมา
๔) คั ด เลื อ กและมอบรางวั ล องค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น ที่ มี ก ารบริ ห ารจั ดการที่ดี
ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลฯ ทั้งประเภทดีเลิศ ประเภทโดดเด่น
ประเภททั่วไป รวม ๒๗๑ รางวัล รวมทั้งได้มีการจัดเสวนาวิชาการ เพื่อเผยแพร่ผลงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อเป็นตัวอย่างต้นแบบของการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจ
ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ นาไปเป็นแบบอย่างและประยุกต์ใช้ต่อไป
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๙๗97
๑๒ ตอน และสรุปข้อมูลกฎหมายในรายการเสียงเผยแพร่ความรู้กฎหมายฯ สาหรับจัดทาสื่อ Infographic จานวน
๑๒ เรื่อง โดยเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ของสานักงานกิจการยุติธรรม ได้แก่ คลังความรู้ (justicechannel.org),
Youtube (Justice Channel.TV), Facebook Fanpage (สานักงานกิจการยุติธรรม)
๖) ผลักดันพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทาความผิดซ้าในความผิดเกี่ยวกับเพศ
หรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยปรับปรุงกฎหมายเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอาชญากรรมด้วยการแก้ไขฟื้นฟู
และเฝ้าระวัง และเพื่อทาให้สังคมรู้สึกปลอดภัยจากบุคคลอันตรายมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการปฏิรูปกระบวนการ
ยุติธรรมให้มีความทันสมัยตามหลักสากล โดยพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทาความผิดซ้าในความผิด
เกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกาศในราชกิจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ และมีผลใช้
บังคับในวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๖
๗) โครงการตรวจสารพันธุกรรมและจัดทาฐานข้อมูล เพื่อสนับสนุนกระบวนการยุติธรรม
เพื่อนาผลการตรวจสารพันธุกรรมมาเป็นหลักฐานประกอบการพิสูจน์สถานะบุคคลที่มีปัญ หาทางทะเบียนราษฎร
ให้ได้รับสิทธิสวัสดิการและเพื่อลดความเหลื่อมล้าในสังคม และดาเนินการจัดเก็บสารพั นธุกรรมของผู้ต้องขังสาหรับ
จัดทาฐานข้อมูลสนับสนุนการป้องปรามและปราบปรามการกระทาผิดซ้าของผู้ที่พ้นโทษ
๘) โครงการตรวจพิสูจน์สารเสพติดในเส้นผมผู้กระทาความผิด เพื่อสนับสนุนกระบวนการ
ยุติธรรม เป็นการตรวจติดตามการใช้สารเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนในความดูแลของกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก
และเยาวชนทั่วประเทศและกลุ่มผู้ถูกคุมประพฤติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ได้ รับการปล่อยตัวชั่วคราวและนาผล
ที่ ไ ด้ ไ ปบ าบั ด แก้ ไ ข เพื่ อ ลดการเสพซ้ าและให้ มี ฐ านข้ อ มู ล ส าหรั บ การวิ เ คราะห์ ป ระวั ติ ห รื อ แนวโน้ ม การใช้ ย า
หรือสารเสพติดของกลุ่มผู้ที่อยู่ในการคุมประพฤติ
๙) บูรณาการการติดตามคนหายและพิสูจน์ศพนิรนามของประเทศไทย ซึ่งเป็นการปฏิบัติการ
เชิงรุก โดยมีการลงพื้นที่เพื่อติดตามคนหายและพิสูจน์ศพนิรนามในรูปแบบของทีมบูรณาการ เพื่อให้การช่วยเหลือ
และบริ ก ารประชาชน ด าเนิ น โครงการพั ฒ นาศั ก ยภาพผู้ ป ฏิ บั ติ ง านด้ า นคนหาย คนนิ ร นามและศพนิ ร นาม
ของประเทศไทย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทราบแนวทางปฏิบัติการบันทึกข้อมูลในแบบฟอร์มกลาง และระบบฐานข้อมูลกลาง
ได้ถูกต้อง
https://citly.me/4rB7w
Qr Code เล่มรายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลอุปสงค์และอุปทานแรงงาน
ระดับจังหวัดและระดับประเทศปี ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕
๒) เปิดช่องทางให้บริการระบบการให้สิทธิและขอรับสิทธิ์สาหรับผู้พิการ ตามมาตรา ๓๕
ดาเนิ น การยกระดับการให้บ ริการประชาชนผ่านบริการอิเล็กทรอนิกส์ ภาครัฐรับบริบทสั งคมที่เปลี่ยนแปลงตาม
เทคโนโลยี Digital Platform โดยให้ผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการ สามารถเข้าถึงโอกาส มีงาน มีรายได้
พึ่ ง พาตนเองได้ ต ามศั ก ยภาพผ่ า นเว็ บ ไซต์ e-service.doe.go.th โดยนายจ้ า งหรื อ เจ้ า ของสถานประกอบการ
และคนพิการที่ประสงค์จะใช้สิทธิตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐
สามารถดาเนินการผ่านระบบออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
๘.๑.๒ การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการขนส่งทางถนน (Innovation and Transport Technology
Center) โดยการทางานของศูนย์นวัตกรรมฯ จะเป็นแบบเรียลไทม์ตลอด
๒๔ ชั่ ว โมง มี การตรวจสอบและควบคุ มการใช้ ความเร็ วของรถโดยสาร
สาธารณะและรถบรรทุ ก ซึ่ งจะสามารถส่ งข้ อ มู ล แจ้ งต าแหน่ ง ของรถ
เพื่อประสานสั่งการสานักงานขนส่งทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสานักงาน
ขนส่ งจังหวั ด ๗๖ แห่ งทั่ ว ประเทศ ซึ่ ง ถื อ เป็ น การเก็ บ ข้ อ มู ล ขนาดใหญ่
ที่เชื่อมโยงกันทั่วประเทศ
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) ๙๙99
๘.๑.๓ การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยในพื้นที่กรุ งเทพมหานคร โดยส่งเสริมให้แผงลอยที่จาหน่ าย
อาหารริมบาทวิถีได้รับ การพัฒ นาเกณฑ์มาตรฐานอาหารปลอดภัย ของกรุงเทพมหานคร และมีมาตรการป้ อ งกัน
โควิด-๑๙ ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข จานวน ๘๐๙ ราย ซึ่งในจานวนนี้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานฯ ระดับซี/
เกรด C จานวน ๘๐๙ รายคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ และมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน โควิด-๑๙ จานวน ๘๐๙ ราย
คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐
๘.๑.๔ การแก้ไขปัญหาหนี้ ดาเนินการ แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยลดภาระ
ดอกเบี้ ย ให้ ส มาชิ ก สหกรณ์ แ ละกลุ่ ม เกษตรกร จ านวน ๖๒๐ แห่ ง
๑๗๕,๗๐๑ ราย และส่งเสริมให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีหนี้ค้าง (NPL)
ได้รับการบริหารจัดการสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ดาเนินการอย่างจริงจัง
กั บ เจ้ า หนี้ น อกระบบที่ ผิ ด กฎหมาย จ านวน ๑๑,๗๒๑ ราย (ข้ อ มู ล
ณ เดื อ นตุ ล าคม ๒๕๕๙ - ตุ ล าคม ๒๕๖๕) เพิ่ ม ช่ อ งทางการเข้ า ถึง
สินเชื่อในระบบ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕
มีผู้ได้รับอนุญาตและเปิดดาเนินการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สะสมสุทธิ ๑,๐๙๑ ราย และข้อมูล ณ เดือนตุลาคม
๒๕๖๕ มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสมรวมทั้งสิ้น ๒.๕๗ ล้านบัญชี เป็นเงินรวม ๒๗,๔๕๒.๕๖ ล้านบาท แก้ไขปัญหาหนี้
กองทุ น เงิ น ให้ กู้ ยื ม เพื่ อ การศึ ก ษา (กยศ.) เช่ น (๑) ลดเบี้ ย ปรั บ หรื อ ค่ า ธรรมเนี ย มกรณี ผิ ด นั ด ช าระเงิ น คื น
ร้อยละ ๑๐๐ สาหรับผู้กู้ยืมทุกรายที่ชาระหนี้ปิดบัญชีในครั้งเดียว มีผู้กู้ยืมเงินเข้ามาใช้สิทธิ์ จานวน ๒๖,๗๒๓ ราย
รวมเงินรับชาระหนี้ ๑,๑๖๐.๗๗ ล้านบาท (๒) ลดเบี้ยปรับหรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชาระเงินคืนร้อยละ ๘๐
สาหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดาเนินคดีที่ชาระหนี้ค้างทั้ งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชาระ) มีผู้กู้ยืมเงินเข้ามาใช้สิทธิ์
จานวน ๒๒๐,๗๐๗ ราย รวมเงินรับชาระหนี้ ๑,๐๑๕.๑๙ ล้านบาท เป็นต้น พักชาระหนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
จานวน ๑๑,๑๐๑ กองทุน จานวนสมาชิก ๘๒๖,๗๔๓ ราย วงเงินกู้ที่พักชาระเป็นเงิน ๒๕,๗๗๖,๗๕๓,๓๓๒ บาท
และจัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ ๑ เพื่อช่วยเหลือแก้ไขหนี้ให้กับประชาชน
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 103
๑๐๓
จานวน ๒๐๐ คน ได้ความรู้และเข้าถึงสวัสดิการ เพื่อคนไร้บ้าน เช่น ที่พักอาศัยชั่วคราว “บ้านปันสุข” บริการให้
คาปรึกษาแนะนา การตรวจสุขภาพให้คนไร้บ้าน รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือคนไร้บ้าน และเก็บข้อมูล
ปัญหาและความต้องการของคนไร้บ้านนาไปวิเคราะห์ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้คนไร้บ้านเข้าถึง
สวัสดิการที่เหมาะสม
๘.๑.๑๓ การดาเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องทุกข์ผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ มีผลการดาเนินงาน
เรื่องราวร้องทุกข์ ระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มีประชาชนใช้บริการร้องทุกข์ จานวนทั้งสิ้น
๕,๔๗๙ เรื่อง สามารถดาเนินการจนได้ข้อยุติ จานวน ๕,๐๓๒ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๘๔ อยู่ระหว่างดาเนินการ
๔๔๗ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘.๑๖ รวมทั้งดาเนินโครงการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้ส่วนราชการ
ที่มีระบบสารสนเทศการจัดการเรื่องร้องทุกข์เป็นของตนเองและมีความพร้อมดาเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์
กับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ๑๑๑๑ ให้เป็นฐานข้อมูลเดียว (Big Data) ตลอดจนพัฒนาระบบการจัดการ
เรื่องราวร้องทุกข์ของสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี เพื่ออานวยความสะดวกให้กับประชาชนในการยื่นเรื่องร้องทุกข์
โดยมีการพัฒนาให้มีระบบ อาทิ ระบบการรายงานผล (Dashboard) ระบบติดตามผลเรื่องร้องทุกข์ (Tracking System)
การส ารวจความต้ องการจากสื่ อสั งคมออนไลน์ (Social Monitoring Tool) ระบบส ารวจความพึ งพอใจประชาชน
(Satisfaction Survey) และการรับเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านไลน์สร้างสุข (@PSC1111) เป็นช่องทางในการให้บริการประชาชน
ได้แจ้งร้องเรียน/ร้องทุกข์เสนอข้อคิดเห็น และติชมผ่านแอปพลิเคชันไลน์
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 105
๑๐๕
เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กาหนดไว้ จนจบระดับปริญญาตรี จานวน ๑๑๓ ราย การพัฒนาระบบ
แจ้งเหตุของ Line OA @savekidscovid19 และระบบสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองเด็ก (CPIS) โครงการพัฒนา
คุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน โดยบูรณาการความร่วมมือร่วมกับ ๑๒ กระทรวง ๑ หน่วยงาน ทั้งนี้
มีการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จานวน ๗๑๑,๑๑๓ ครัวเรือน และมีการบันทึกข้อมูลครัวเรือนเปราะบาง
ลงในระบบสมุ ด พกครอบครั ว อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ (MSO-Logbook) จ านวน ๕๖๐,๗๑๐ ครั ว เรื อ น และโครงการ
ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตาบล ได้ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคมตาบลทั่วประเทศ จานวน ๘,๐๑๒ ศูนย์
มีผู้ใช้บริการจากศูนย์ฯ จานวน ๑,๐๓๖,๙๙๒ ราย และมีการประเมินผลการดาเนินงานของศูนย์ช่วยเหลือสังคมตาบล
ทั้งนี้ มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคมชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (๕๐ เขต) ดาเนินการจัดตั้งแล้วทั้งสิ้นในพื้นที่
๘ เขต ๕๙ ศูนย์
๘.๒.๔ โครงการพั ฒ นาคุ ณ ภาพชี วิ ต กลุ่ ม เปราะบางรายครั ว เรื อ น โดยจั ด ให้ มี ส มุ ด พกครอบครัว
เป็นเครื่องมือในการวางแผนพัฒนาครัวเรือนทั้ง ๕ มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ การศึกษา รายได้ และการเข้าถึง
บริการรัฐ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มีการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จานวน ๗๑๑,๑๑๓ ครัวเรือน
และมีการบันทึกข้อมูลครัวเรือนเปราะบางลงในระบบสมุดพกครอบครัวอิเล็กทรอนิกส์ (MSO-Logbook) จานวน
๕๖๐,๗๑๐ ครัวเรือน
๘.๒.๕ โครงการศูนย์ช่วยเหลือสังคมตาบล ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคมตาบลทั่วประเทศ จานวน
๘,๐๑๒ ศูนย์ เพื่อยกระดับการทางานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ และให้บริการสวัสดิการสังคม ณ จุดเดียวเป็นองค์รวม
หรือการให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ซึ่งมีผู้ใช้บริการจากศูนย์ จานวน ๑,๐๓๖,๙๙๒ ราย
โดยมีศูนย์ที่มีการดาเนินการและจัดกิจกรรม จานวน ๕,๖๑๓ ศูนย์ และมีการจัดกิจกรรม จานวน ๒๑,๗๔๖ กิจกรรม
รวมทั้งมีการประเมินผลการดาเนินงานของศูนย์ช่วยเหลือสังคมตาบล ครบทั้ง ๘,๐๑๒ ศูนย์ นอกจากนั้นมีการจัดตั้ง
ศูนย์ช่วยเหลือสังคมชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (๕๐ เขต) ซึ่งได้ดาเนินการจัดตั้งแล้วทั้งสิ้น ๘ เขต ๕๙ ศูนย์
๘.๒.๖ การส่ ง เสริ ม การออกก าลั ง กาย และกี ฬ าขั้ น พื้ น ฐานให้ ก ลายเป็ น วิ ถี ชี วิ ต และส่ ง เสริ ม
ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการออกกาลังกาย กีฬาและนันทนาการ
๑) โครงการเด็กไทยว่ายน้าได้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีทักษะการว่ายน้าเบื้องต้นที่ถูกต้อง สามารถ
เอาชี วิ ต รอดจากการจมน้ า และรู้ ห ลั ก การใช้ อุ ป กรณ์ ใ นการช่ ว ยชี วิ ต ผู้ ป ระสบภั ย ทางน้ า โดยด าเนิ น การ
ในกรุ ง เทพมหานครและ ๓๗ จั ง หวั ด ทั้ ง นี้ มี เ ด็ ก และเยาวชนเข้ า ร่ ว มฝึ ก ทั ก ษะว่ า ยน้ าเพื่ อ ป้ อ งกั น การจมน้ า
ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จานวนทั้งสิ้น ๙,๓๑๑ คน
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) 107
๑๐๗
๘.๓ นโยบายเร่งด่วนที่ ๓ มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
๘.๓.๑ การเร่งรัดจัดทางบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อเป็นกลไกการพัฒนา
ประเทศและช่ว ยเหลื อผู้ ได้รั บผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ร ะบาดของโควิด -๑๙ ตลอดจนฟื้น ฟูเศรษฐกิจ
และสังคมให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยได้จัดทายุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้ ห น่ ว ยรั บ งบประมาณใช้ เป็ น แนวทางในการจั ดท างบประมาณให้ ส อดคล้ องและตอบสนอง
ต่ อ เป้ า หมายของยุ ท ธศาสตร์ ช าติ แผนการปฏิ รู ป ประเทศ (ฉบั บ ปรั บ ปรุ ง ) แผนแม่ บ ทภายใต้ ยุ ท ธศาสตร์ ช าติ
แผนพั ฒ นาเศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ ฉบั บ ที่ ๑๓ นโยบายและแผนระดั บ ชาติ ว่ า ด้ ว ยความมั่ น คงแห่ ง ชาติ
และนโยบายสาคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการสาคัญ ๔๐๖ โครงการ การจัดทางบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน
แบบพุ่งเป้า และการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ตลอดจนการให้
ความสาคัญกับผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งให้ความสาคัญกับ
การจัดทางบประมาณในลักษณะบูรณาการทั้ง ๓ มิติ ประกอบด้วย มิติกระทรวง/หน่วยงาน (Function) มิตินโยบาย
(Agenda) และมิติพื้นที่ (Area) ดังนี้ (๑) จัดทาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ จ านวน ๓,๑๘๕,๐๐๐ ล้ า นบาท ตามแนวทางและหลั ก เกณฑ์ ที่ไ ด้รั บความเห็ นชอบจากคณะรัฐ มนตรี
และอยู่ภายในกรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ (๒) จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยรับงบประมาณ จานวน ๑,๙๑๐,๖๘๙.๖๒๙๔ ล้านบาท หรือคิดเป็น
ร้อยละ ๕๙.๙๙ ของงบประมาณทั้งสิ้น ๓,๑๘๕,๐๐๐ ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๕) (๓) หน่วยรับ
งบประมาณสามารถด าเนิ น ภารกิ จ ได้ อย่ างต่ อเนื่ องภายใต้ กรอบระยะเวลา เพื่ อให้ บรรลุ เป้ าหมายตามตั วชี้ วั ด
ที่สอดคล้ องและตอบสนองต่ อยุ ทธศาสตร์ ชาติ แผนแม่บ ทภายใต้ยุทธศาสตร์ช าติ และนโยบายส าคัญของรัฐ บาล
และ (๔) จัดทารายงานผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้
ยุทธศาสตร์ชาติ
๘.๓.๒ มาตรการรองรับการกีดกันทางการค้าและมาตรการสนับสนุนเพื่อเพิ่มช่องทางการส่ง ออก
ได้ดาเนินการ (๑) เร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก โดยกาหนดกลยุทธ์การตลาดที่สอดคล้องกับตลาดเป้าหมาย เช่น
เจาะตลาดเชิงลึกเข้าสู่เมืองหลักและเมืองรองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ มีผู้ประกอบการไทยได้รับการส่งเสริม
จ านวน ๘๖๔ ราย สามารถสร้ า งมู ล ค่ า การค้ า จ านวน ๒,๙๓๘.๔๘ ล้ า นบาท ส่ ง เสริ ม ตลาดพาณิ ช ย์ ดิ จิ ทั ล
ผ่าน Thaitrade.com มีความต้องการซื้อผ่านระบบ Buying Request จานวน ๑๔๘ รายการ เกิดมูลค่าการซื้อขาย
ผ่านระบบ จานวน ๓๑๗.๖๐ ล้านบาท และมูลค่าการซื้อขายผ่าน Thaitrade.com และเครือข่ายพันธมิตรออนไลน์
จานวน ๙๕๑.๔๓ ล้านบาท (๒) ส่งเสริมอุตสาหกรรมรายคลัสเตอร์ เช่น สินค้าเกษตรและอาหาร ได้จัดกิจกรรมจับคู่
เจรจาธุรกิจสินค้าเกษตร/สินค้าผลไม้ และกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าผลไม้ในต่างประเทศ มีผู้ประกอบการไทย
ได้รับการส่งเสริม จานวน ๓,๑๕๒ ราย เกิดการจับคู่ธุรกิจ จานวน ๑,๑๐๐ คู่ สร้างมูลค่าการค้ารวม ๒๗,๑๘๘.๗๒
ล้านบาท และ (๓) ยกระดับผู้ประกอบการของไทยให้มีความพร้อมในการส่งออก และรับมือกับเศรษฐกิจยุคใหม่
ได้อย่างเป็นระบบและครบวงจร เช่น พัฒนาผู้ประกอบการสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ From Gen Z to be CEO การพัฒนา
ผู้ ส่ ง ออกรุ่ น ใหม่ Young Exporter from Local to Global (YELG) มี ผู้ ป ระกอบการได้ รั บ การพั ฒ นา จ านวน
๒๐,๒๔๔ ราย
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) 109
๑๐๙
เชื่อมโยงจากรุ่นสู่ รุ่น New Gen Connected Art and Culture Festival กิจกรรมส่งเสริม Soft Power ในระดับ
นานาชาติ ณ Songkhla Pavilion นครเวนิส สาธารณรัฐอิตาลี การพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ Treasure Thailand
รูปแบบของการให้บริการออนไลน์สาหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ
๘.๓.๔ การส่ ง เสริ ม ผู้ ป ระกอบการขนาดกลางและขนาดย่ อ ม ได้ ด าเนิ น การ เช่ น โครงการ SME
ปรับตัวรับมือ VUCA World เพื่อการยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการผ่านโปรแกรม
SME VUCA PROACTIVE โดยส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SME ภาคบริการในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร
การท่องเที่ยว การแพทย์วิถีใหม่ การดูแลผู้สูงอายุ และธุรกิจขนส่งให้เข้ารับการฝึกอบรม พร้อมทั้งมีที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ
เฉพาะด้าน ลงพื้นที่ให้คาปรึกษาเชิงลึก ณ สถานประกอบการ จานวน ๗๖ กิจการ ซึ่งมีผู้ประกอบการได้รับคัดเลือก
และเข้ารับรางวัลจากการประกวด SME VUCA World Award เป็นการค้นหา Role Model ต้นแบบ จานวน ๗ ราย
และส่งผลให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม ๘๖๕.๕๒ ล้านบาท
๘.๓.๕ การสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์ร วม ได้ดาเนินการ
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๕ (วันที่ ๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕) มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ จานวน
๙.๗๒ แสนราย ประชาชนเข้าร่วมโครงการ จานวน ๒๔.๐๒ ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม ๓๗,๐๕๘.๕๘ ล้านบาท
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 111
๑๑๑
๘.๔.๔ การส่งเสริมการใช้ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหาสินค้ าเกษตรล้นตลาด ได้ดาเนินการ
ส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ เพื่อซ่อมแซมและปรับปรุงคันคลองชลประทาน มีปริมาณการใช้ยางข้น จานวน
๕๐๓.๖๓ ตัน มีการใช้ยางพาราในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น งานก่อสร้างและซ่อมบารุงโดยการทาผิวทาง
โดยกรมทางหลวง วงเงิน ๑๙,๒๖๕ ล้านบาท ปริมาณยางดิบ จานวน ๒๐,๗๓๔ ตัน และกรมทางหลวงชนบท วงเงิน
๙,๖๔๖.๖๐ ล้านบาท ปริมาณยางดิบ จานวน ๘,๒๐๐ ตัน รวมทั้งดาเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุน
หมุน เวีย นแก่ส ถาบั นเกษตรกรเพื่อรวมยางพารา มีส หกรณ์/ กลุ่ มเกษตรกรยื่น ขอกู้ จานวน ๓๙๑ แห่ ง เป็นเงิน
๗,๗๗๑.๕๙ ล้านบาท
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 113
๑๑๓
๘.๕ นโยบายเร่งด่วนที่ ๕ การยกระดับศักยภาพของแรงงาน
๘.๕.๑ การยกระดับ รายได้ห รือ ค่า แรงขั ้น ต่ าให้ส อดคล้อ งกับ การพัฒ นาทัก ษะฝีม ือ แรงงาน
ผ่านกลไกคณะกรรมการไตรภาคี คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่า
(ฉบั บ ที่ ๑๑) เมื่ อ วั น ที่ ๑ ๓ กั น ยายน ๒๕๖๕
และประกาศในราชกิ จ จานุ เ บกษา ลงวั น ที่ ๑๙
กันยายน ๒๕๖๕ โดยคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๒๑
ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม
๒๕๖๕ ได้มีมติให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่าเพิ่มขึ้นตั้งแต่
อัตราวันละ ๘ - ๒๒ บาท เป็นอัตราวันละ ๓๒๘ - ๓๕๔ บาท
โดยให้ มี ผ ลใช้ บั ง คั บ ตั้ ง แต่ วั น ที่ ๑ ตุ ล าคม ๒๕๖๕
เป็นต้นไป และให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง
เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่า (ฉบับที่ ๑๐)
๘.๕.๒ การสนั บ สนุ น การปรั บ เปลี่ ย นทั ก ษะและเปลี่ ย นสายอาชี พ ให้ ต รงกั บ ความต้ อ งการของ
ตลาดแรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมายและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
๑) โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์แปรรูปเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเตรียมความพร้อม
ในการพัฒนากลุ่ มเกษตรกร กลุ่ มผู้ มีผ ลิ ตภัณ ฑ์ท างการเกษตร แรงงานนอกระบบ และผู้ ที่ได้รับผลกระทบจาก
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ให้มีความรู้ มีอาชีพแห่งอนาคตรองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของ
ประเทศ โดยมีผู้ผ่านการฝึกอบรม จานวน ๒,๖๙๑ คน และมีงานทาคิดเป็นร้อยละ ๙๗.๒๐ มีรายได้เฉลี่ย ๑๑,๐๐๙ บาท
ต่อคนต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ๓๔๕.๕๕ ล้านบาทต่อปี
๒) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ/ผลิตภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบ
กิจการ SMEs หรือกลุ่ม OTOP หรือวิสาหกิจชุมชนผ่านกระบวนการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ผลักดันให้เกิดความคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์ เกิดนวัตกรรมใหม่ และการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อรองรับการพัฒนาสู่ SMEs 4.0 โดยมี
ผู้ผ่านการฝึกอบรม จานวน ๘,๓๓๔ คน และมีงานทา คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๘๘ มีรายได้เฉลี่ย ๑๒,๕๙๕ บาทต่อคนต่อเดือน
คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ๑,๒๓๒.๙๐ ล้านบาทต่อปี และได้ให้คาปรึกษาเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานแก่สถานประกอบกิจการ
SMEs กลุ่ม OTOP กลุ่มวิสาหกิจชุมชน จานวน ๑๑๔ แห่ง
๓) โครงการการด าเนิ นการขยายตลาดเชิ งรุ กเพื่ อการจ้ างแรงงานไทยในต่ างประเทศ ได้ เก่
สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักรสวีเดน
และประเทศญี่ ปุ่ น เพื่ อ ส่ ง เสริ ม ให้ ค นไทยได้ ไ ปท างาน
ในต่างประเทศ มีงานทา มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง นาความรู้
มาต่ อ ยอดในการประกอบอาชี พ มี คุ ณ ภาพชี วิ ตที่ ดี ขึ้ น
ทาให้แรงงานไทยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายการจ้างงาน
และได้ รั บ การจั ด สวั ส ดิ ก ารและสิ ท ธิ ป ระโยชน์ อั น พึ ง มี
อย่างเหมาะสมและเป็นไปตามกรอบกฎหมาย
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 115
๑๑๕
๖) การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาทักษะและการให้สิทธิประโยชน์
แก่ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารสาธารณะ (แท็กซี่) ผู้จัดส่งอาหาร และผู้จัดส่งพัสดุ เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และสานักงานประกันสังคม ร่วมกับบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย)
จากัด เพื่อพัฒ นาศักยภาพแรงงานให้ มี ความรู้ ความสามารถและทั ก ษะต่า ง ๆ ในการประกอบอาชี พ ส่ งเสริม
และแนะน าสิ ทธิป ระโยชน์ ด้ านประกันสั ง คมให้ แก่ แรงงานอิส ระบนแพลตฟอร์ม ดิจิ ทัล และยังเป็นการส่ ง เสริ ม
และสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) 117
๑๑๗
กลางน้ า ปลายน้ า ในธุร กิจ ภาคการเกษตรไปสู่ การแปรรูป พัฒนาเป็นอาหารพร้อมทานด้วยเทคโนโลยีที่ทั นสมั ย
เพื่อยกระดับคุณภาพสิ นค้าสู่ การส่ งออก และ (๒) คลั สเตอร์สมุนไพรเพื่อสุ ขภาพกัญชาและกัญชง โดยได้รวมกลุ่ ม
สร้างเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เชียงใหม่ นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร ซึ่งในกลุ่มเครือข่ายได้แบ่งปัน
ความรู้ ประสบการณ์ในการปลู กกัญชาทางการแพทย์ กระบวนการปลูก การสกัด เทคโนโลยี และข้อกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดและผลักดันสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 119
๑๑๙
๘.๗.๒ การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพ หลักสูตรออนไลน์ และความเชื่อมโยงระหว่างระบบการศึกษา
กับภาคธุรกิจ ดาเนินการ ดังนี้
๑) โครงการเรี ยนภาษาต่ า งประเทศ โดยใช้รู ป แบบการสื่ อสารสองทางจากครู ช าวต่างชาติ
(Native Speaker) และครู ไ ทยที่ มี วิ ธีก ารสอนเป็ นเลิ ศ ระดั บ มั ธ ยมศึ ก ษา ปี ก ารศึ ก ษา ๒๕๖๕ เพื่ อ สร้ า งโอกาส
ให้นักเรียนในโรงเรียนที่ไม่มีครูที่สอนภาษาต่างประเทศ ได้เรียนกับครูชาวต่างชาติและครูไทยที่มีวิธีการสอนเป็นเลิศ
ร่วมกับนักเรียนจากโรงเรียนขนาดใหญ่และสามารถเก็บผลการเรียนเข้าระบบ Credit Bank
๒) ขับเคลื่อนโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตาบล U2T for BCG ประตูสู่การเปิดตลาดใหม่ให้สินค้า
ท้ อ งถิ่ น ของชุ ม ชนทั่ ว ไทย เพื่ อ สนั บ สนุ น สิ น ค้ า ของชุ ม ชนทั่ ว ประเทศที่ ไ ด้ รั บ การสร้ า งสรรค์ พั ฒ นาคุ ณ ภาพ
จากนักศึกษาและศิษย์เก่าที่เข้าร่วมโครงการ U2T for BCG 2565 และสร้าง Community ใหม่ในการแลกเปลี่ยน
ความรู้ภูมิปัญญาต่อยอดการพัฒนาสินค้า
๓) โครงการพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลแก่ครูและเยาวชนในพื้นที่เขตพัฒนา
พิเศษภาคตะวันออก ได้จัดทาเนื้อหาและคู่มือที่เหมาะสมและสอดคล้องกับวิชาวิทยาการคานวณที่กาหนดโดยสถาบัน
ส่ ง เสริ ม การสอนวิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี (สสวท.) และจดทะเบี ย นหลั ก สู ต รเพื่ อ พั ฒ นาครู แ ละบุ ค ลากร
ทางการศึกษากับสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและจัดกิจกรรมอบรมความรู้และส่งมอบอุปกรณ์ให้ครู
ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับอาชีวศึกษาที่สังกัดโรงเรียนในเขตพื้นที่เขตพัฒ นาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern
Economic Corridor: EEC) โดยพั ฒ นาทั ก ษะด้ า นเทคโนโลยี ดิ จิทั ล ให้ แ ก่ ค รู ผ่ า นการจั ดอบรมและกิ จ กรรมแล้ ว
จ านวน ๑,๓๙๗ คน เช่ น การใช้ ง าน KidBright พื้ น ฐานผ่ า น Simulator (ครู ป ระถมศึ ก ษา) KidBright อุ ตุ น้ อ ย
(ครูมัธยมศึกษา) เป็นต้น
๔) โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อบ่มเพาะเยาวชนให้กับโรงเรียนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยจัดอบรมความรู้ให้แก่ครู คัดเลือก
ครูแกนนาและโรงเรียนที่จะเป็นต้นแบบในการขยายผลกิจกรรม จัดทาเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้เกิดขึ้นจริงในโรงเรียน
เน้นการทางานร่วมกับหน่วยงานสถาบันการศึกษาในพื้นที่เพื่อให้เกิดความยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาความรู้และทักษะ
ด้าน STEM Education ให้กับครูและนักเรียนแล้ว จานวน ๑,๔๘๗ คน
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) 121
๑๒๑
และมาตรฐานสากล รวมถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อพร้อมรับมือกับความเสี่ ยง
และภัยคุกคามจากอาชญากรรมการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธ
ที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง โดยยุทธศาสตร์ด้าน AML/CFT พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๗๐ เน้นให้ความสาคัญกับการดาเนินมาตรการ
เชิงป้ องกัน การทางานเชิงรุ ก และบู ร ณาการการทางานระหว่างหน่ว ยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการนานวัตกรรม
และเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนินงาน ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ด้าน AML/CFT ได้ผ่านความเห็นชอบ
จากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๕
๘.๘.๒ การปราบปรามและการดาเนินการตรวจสอบ สืบสวน สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน
เพื่อดาเนินการกับทรัพย์สินผู้กระทาความผิด เกี่ยวกับการฟอกเงิน
๑) ออกค าสั่ ง ยึ ด หรื อ อายั ด ทรั พ ย์ สิ น จ านวน ๔๒ ค าสั่ ง ๓๔ รายคดี มู ล ค่ า ทรั พ ย์ สิ น
๖,๐๓๑,๙๗๘,๓๕๗.๙๑ บาท คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย จานวน ๓๕ เรื่อง มูลค่าทรัพย์สิน ๑,๒๒๑,๗๑๙,๗๓๔.๓๘ บาท
และดาเนินการเกี่ย วข้องกับมูลฐานทุจริตต่อตาแหน่งหน้าที่ตามมาตรา ๓ (๕) แห่งพระราชบัญญัติฯ โดยออกคาสั่ง
มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สิน จานวน ๓๔ คาสั่ง และออกคาสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน
จานวน ๒ คาสั่ง ๑ รายคดี มูลค่าทรัพย์สิน ๗,๐๖๕,๕๗๙.๓๙ บาท
๒) น าส่งทรั พย์สิน ที่เ กี่ยวกับการกระทาความผิดเป็น ของแผ่น ดิน จานวน ๙๗๙ รายการ
มูลค่าทรัพย์สิน ๔,๑๒๙,๓๐๒,๖๖๘.๑๕ บาท
๓) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๕
ในส่วนของการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
การกาหนดการคุ้มครองสิทธิผู้มีส่วนได้เสีย ในทรัพย์สิน และการกาหนดกระบวนการดาเนินการบังคับคดีกับทรัพย์สิน
ที่เกี่ยวกับการกระทาความผิดซึ่งถูกรวมเข้ากับทรัพย์สินอื่น
๘.๘.๓ การน าเทคโนโลยี ส มั ย ใหม่ ม าใช้ ใ นการเฝ้ า ระวั ง การทุ จ ริ ต ประพฤติ มิ ช อบอย่ า งจริ ง จั ง
โดยพั ฒนาระบบเทคโนโลยี ส ารสนเทศเพื่ อ การปราบปรามการฟอกเงิ น เช่ น จั ด ท าระบบบริ ก ารบนเว็ บ ไซต์
เพื่อตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินและรายชื่อบุคคลที่ถูกกาหนด จานวน ๓๑ รายการ
พั ฒ นาระบบบู ร ณาการฐานข้ อ มู ล ประชาชนและการบริ ก ารภาครั ฐ ของส านั ก งาน ปปง. ( AMLink Center)
โดยเชื่อมโยงระบบบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ (Linkage Center) จานวน ๑๓ หน่วยงาน
๒๒ ฐานข้อมูล เพื่อลดการขอเอกสารจากประชาชนที่ซ้าซ้อน และพัฒนาระบบคุ้มครองสิทธิผู้ เสียหายเพื่อรองรับ
การดาเนินการยื่นคาร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทาความผิดมูลฐานของผู้เสียหาย โดยมีรายคดีที่เปิดรับคาร้อง
การคุ้มครองสิ ทธิผู้เสี ยหายผ่านระบบดังกล่าว จานวน ๑๐ รายคดี และมีผู้เสียหายยื่นคาร้องผ่านระบบ จานวน
๒๓,๖๗๑ ราย
๘.๘.๔ ดัชนีการรับรู้ก ารทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ประจาปี ๒๕๖๕ ที่จัดทา
โดยองค์ ก รเพื่ อ ความโปร่ ง ใสนานาชาติ (Transparency International: TI) มี ป ระเทศที่ ถู ก จั ด อั น ดั บ ทั้ ง สิ้ น
๑๘๐ ประเทศ โดยประเทศไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น ๓๖ คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ ๑๐๑ ของโลก ดีขึ้นจากปี ๒๕๖๔
ซึ่งมีประเทศที่ถูกจัดอันดับทั้งสิ้น ๑๘๐ ประเทศ โดยประเทศไทยได้คะแนน ๓๕ คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ ๑๑๐
ของโลก
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 123
๑๒๓
นอกจากนี้ ได้ดาเนินโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการบังคับคดี การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
และการลดความเหลื่อมล้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดาเนินกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ด้านกฎหมายให้แก่คู่ความ
ประชาชนทั่วไป ผู้นาชุมชน ผู้นาศาสนา และผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเน้นการเสริมสร้าง
ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจาวัน กฎหมายด้านการบังคับคดีแพ่ง การบังคับคดีล้มละลาย การไกล่เกลี่ย
ข้อพิพาทชั้น บั งคับ คดี การวางทรั พย์ และการฟื้น ฟูกิจการของลู กหนี้ ซึ่งภายหลั งการจัดโครงการฯ ประชาชน
มีความเชื่อมั่นในกระบวนการบังคับคดีที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนหรือผู้รับบริการ ร้อยละ ๘๕
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 125
๑๒๕
และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์และสภาพสังคมในปัจจุบัน
อาทิ แก้ไขปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ และการได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
๒) แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่ออานวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
(๑) พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่ออานวยความสะดวก
ให้แก่ประชาชน เอื้อต่อการนาวิธีการทางอิเล็คทรอนิกส์มาใช้อนุญาตการให้บริการ หรือการให้สวัสดิการแก่ประชาชน
ส่งเสริมให้การทางานและการให้บริการของภาครัฐสามารถใช้วิธีการทางอิเล็ กทรอนิ กส์เป็นหลักได้ ส่งผลให้ช่วย
ลดภาระและต้นทุนของประชาชนในการติดต่อกับภาครัฐ และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
และปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานและการบริการภาครัฐไปสู่ระบบดิจิทัล
ตรวจพิ จ ารณาร่ า งกฎหมายเพื่ อแก้ ไ ขปรั บปรุ ง กฎหมายเกี่ ย วกั บ การอนุ ญ าต
เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ จานวน ๑๗ ฉบับ โดยบางฉบับ
ได้เพิ่มเติมบทบัญญัติให้สามารถดาเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล
รั ษ ฎากรว่ า ด้ ว ยการยกเว้ น รั ษ ฎากร (ฉบั บ ที่ ๗๕๕) พ.ศ. ๒๕๖๕ [มาตรการภาษี เ พื่ อ สนั บ สนุ น การบริ จ าค
ด้านสาธารณสุข (เพิ่มเติม)] ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกาหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของ
เรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทาการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้า พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจ่ายเงิน
จากกองทุนให้แก่สมาชิก หรือบุคคลซึ่งสมาชิกผู้ตายได้แสดงเจตนาไว้หรือทายาท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นต้น
(๒) พระราชบั ญ ญั ติ ว่ า ด้ ว ยการปรั บ เป็ น พิ นั ย พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่ อ เป็ น กฎหมายกลาง
ในการพิจารณาและกาหนดมาตรการสาหรับผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ซึ่งเป็น
การปฏิรูปกฎหมายครั้งสาคัญที่จะช่วยส่งเสริมความเป็นธรรม ป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ลดความเหลื่อมล้า
ทางสังคมและเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย โดยกาหนดให้ใช้ “การปรับเป็นพินัย ” เป็นมาตรการใหม่
แทนโทษเดิมที่เป็นการปรับทางอาญาและโทษทางปกครอง โดยกาหนดให้ผู้กระทาความผิดต้องชาระค่าปรับอย่างเดียว
ไม่มีการจาคุกหรือกักขังแทนการปรับ และไม่มีการบันทึกลงในประวัติอาชญากรรม
๓) แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่ออานวยความยุติธรรม
๓.๑) พระราชบัญญัติกาหนดระยะเวลาการดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยให้มีการกาหนดระยะเวลาดาเนินงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับ
ความยุ ติ ธ รรมโดยไม่ ล่ า ช้ า เพื่ อ ให้ ผู้ มี ส่ ว นเกี่ ย วข้ อ งทราบได้ ว่ า หน่ ว ยงานในกระบวนการยุ ติ ธ รรมจะพิ จ ารณา
เรื่องที่อยู่ระหว่างการดาเนินงานเสร็จสิ้นเมื่อใด รวมทั้งตรวจสอบความคืบหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้ประชาชน
ได้รับความยุติธรรมโดยสะดวกและรวดเร็ว
๓.๒) พระราชบัญญัติป้องกันการกระทาความผิดซ้าในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้
ความรุนแรง พ.ศ. ๒๕๖๕ เนื่องจากผู้กระทาความผิดอาญาบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง เช่น
การข่มขืนกระทาชาเรา การกระทาความผิดทางเพศกับเด็ก การฆาตกรรม การทาร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การทาร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุ ให้รับอันตรายสาหัส รวมทั้งการนาตัวบุคคลไปเรียกค่าไถ่ เมื่อถูกจาคุกจนพ้นโทษ
และได้รับการปล่อยตัวสู่สังคมแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการติดตามจากเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจบ้างแต่ไม่มีสภาพ
บังคับเป็ นกฎหมายและไม่มีประสิ ทธิผลในการป้ องกันการกระทาความผิดซ้า ผู้กระทาความผิ ดเหล่านี้ส่ วนหนึ่ งยั งมี
แนวโน้มที่จะกระทาความผิดในรูปแบบเดียวกันหรือรูปแบบใกล้เคียงกันซ้าอีก จึงได้กาหนดมาตรการป้องกันการกระทา
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 127
๑๒๗
๘.๑๑ นโยบายเร่งด่วนที่ ๑๑ การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
๘.๑๑.๑ การดาเนินมาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากภัยแล้งและอุทกภัย ทั้ง “ก่อน”
เกิดภัย การให้ความช่วยเหลือ “ระหว่าง” และ “หลัง” เกิดภัย และการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
๑) การดาเนินมาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากภัยแล้งและอุทกภัยก่อนเกิดภัย
ได้ดาเนินการ ดังนี้ (๑) การจัดการงานชลประทาน ได้ดาเนินการบริหารจัดการน้าและงานชลประทาน ๕๑๘ รายการ
บริหารจัดการน้าในพื้นที่ชลประทานเดิม ๖.๗๔ ล้านไร่ (๒) การจัดการน้าท่วมและอุทกภัย โดยขุดคลองระบายน้า
สายใหม่ เพื่ อ ผั น น้ าเลี่ ย งตั ว เมื อ งนครศรี ธ รรมราชและบริ เ วณใกล้ เ คี ย ง ก่ อ สร้ า งคลองระบายน้ าหลาก
บางบาล-บางไทร ก่อสร้างคลองผันน้าลาปะทาว-สระเทวดา และขุดคลองเชื่อมลาปะทาว-ห้วยดินแดง พร้อมอาคาร
ประกอบ ก่อสร้างประตูระบายน้าพร้อมคลองผันน้าและอาคาร ปรับปรุงคลองยม-น่าน คลองหกบาท และก่อสร้าง
ประตูระบายน้าพร้อมอาคารประกอบ และพัฒนาระบบระบายน้าอาคารควบคุมและสิ่งก่อสร้างในการบริหารจัดการน้า
ในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่เขตเศรษฐกิจ (๓) โครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม
ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า เช่น การทาขั้นบันไดดิน การปลูกพืชคุลมดิน (๔) โครงการพัฒนาหนองหารด้านการประมง
ดาเนินการกาจัดวัชพืชลอยน้าในหนองหาร ระยะที่ ๒ ในพื้นที่ ๓๐ ไร่ (๕) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม
และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ ได้จัดเตรียมกาลังพล จานวน ๒,๖๐๐ คน รถบรรทุกช่วยรบขนาดใหญ่ จานวน
๕๗ คัน กระสอบทราย จานวน ๑๑๐,๐๐๐ กระสอบ และใช้ภาพถ่ายดาวเทียมวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้าท่วมและเส้นทางน้าไหล
ใช้ โ ดรนขนาดเล็ ก ลงพื้ น ที่ บั น ทึ ก ภาพเตรี ย มความพร้ อ มช่ ว ยเหลื อ รวมทั้ ง จั ด ก าลั ง พลร่ ว มกั บ ส่ ว นราชการ
และประชาชนจิ ตอาสา ดาเนิ น การป้ องกัน และแก้ไขปัญหาน้ าท่ว มกรุ งเทพมหานคร ด้ว ยการเก็บขยะสิ่ งปฏิกูล
และวั ช พื ช เพื่ อ เปิ ด ทางน้ าไหลลงสู่ แ ม่ น้ าเจ้ า พระยา กรอกกระสอบทรายเพื่ อ ป้ อ งกั น น้ าท่ ว มเข้ า สู่ พื้ น ที่ ชุ ม ชน
และเส้ น ทางคมนาคมต่ าง ๆ ขนย้ ายสิ่ งของของประชาชนไปยัง พื้ นที่ ป ลอดภัย อานวยความสะดวกการจราจร
และจัดรถบริการประชาชนในพื้นที่ ๑๖ เขต ของกรุงเทพมหานคร และจัง หวัดปริมณฑล และ (๖) ทบทวน/จัดทา
แผนเผชิญเหตุ และซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติ โดยจัดตั้งคณะทางานติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง/ศูนย์บัญชาการ
เหตุ ก ารณ์ จั ง หวั ด กรณี เ กิ ด อุ ท กภั ย /ศู น ย์ พั ก พิ ง ชั่ ว คราวในพื้ น ที่ เ สี่ ย งเตรี ย มความพร้ อ มก าลั ง เจ้ า หน้ า ที่
และเครื่องจักรกลสาธารณภัยและสร้างการรับรู้ให้ประชาชน รวมทั้งมีมาตรการรับมือฤดูฝน ปี ๒๕๖๕ เพื่อเตรียมความพร้อม
รับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันการณ์
รายงานผลการด
รายงานผลการดำำาเนิ
�เนิินงานของรั
งานของรััฐบาล พลเอก ประยุ
ประยุุทธ์ธ์์ จััจันนทร์์
ทร์โโอชา
อชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธัธัันวาคม ๒๕๖๕) 129
๑๒๙
ภัยแล้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดาริ จานวน ๑๕ โครงการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤตภัยแล้ง สามารถเพิ่มปริมาณ
น้าต้นทุนได้ จานวน ๙.๖๙๙๔ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี พื้นที่ได้รับประโยชน์ จานวน ๙,๐๐๐ ไร่ ประชาชนได้รับ
ประโยชน์ จานวน ๙๒,๑๐๓ ครัวเรือน
๔) จั ด ตั้ ง ศู น ย์ ป ฏิ บั ติ ก ารด้ า นการป้ อ งกั น และบรรเทาภาวะน้ าแล้ ง เช่ น จั ด ตั้ ง ศู น ย์
ปฏิบัติการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ด้านทรัพยากรน้า) เพื่อรายงานการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้า
และความช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาภาวะน้าแล้งและภาวะน้าท่วม ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ศูนย์อานวยการติดตาม
และแก้ไขปัญหาภาวะน้าแล้งและภาวะน้าท่วม เพื่อวางกรอบแนวทางวางแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้าในฤดูแล้ง
รายงานสถานการณ์น้า คาดการณ์ปริมาณน้าต้นทุน ณ ต้นฤดูแล้ง การคาดการณ์แผนการใช้น้าด้านต่าง ๆ ให้เพียงพอ
ต่อน้าต้นทุนฤดูแล้ง จัดทาแผนปฏิบัติการตามมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้า ฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๔/๖๕
ให้มีการรายงานให้กรมทรัพยากรน้า ตลอดจนรายงานผ่านการประชุมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการบริหาร
จัดการทรัพยากรน้า และจัดตั้งศูนย์อานวยการติดตามและแก้ไขปัญหาภาวะน้าแล้งส่วนหน้า เพื่อให้ความช่วยเหลือ
ในพื้น ๘ จั งหวัดภาคเหนื อตอนบน ซึ่งสามารถให้ ความช่ว ยเหลื อ และบรรเทาความเดือดร้ อนให้ แก่ป ระชาชน
จากภาวะน้าแล้ง จานวน ๒๙๙,๙๒๓ ครัวเรือน ๙๕๕,๕๖๐ ราย ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จานวน ๓,๑๐๐ ไร่
๕) การเพิ่ มประสิ ทธิ ภาพการเตื อนภั ยให้ ครอบคลุ มทุ กพื้ นที่ เสี่ ยงอุ ทกภั ยและช่ วยเหลื อ
ประชาชน ดาเนินโครงการติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning) สาหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยดินถล่มในพื้นที่
ลาดชั น และพื้ น ที่ ร าบเชิ ง เขาโดยได้ ติ ด ตั้ ง ระบบเตื อ นภั ย จ านวน ๑,๙๕๒ สถานี ครอบคลุ ม ๕,๗๔๗ หมู่ บ้ า น
โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ มีการแจ้งเตือนภัยทั้งสิ้น จานวน ๑,๐๖๙ ครั้ง ครอบคลุม ๓,๕๕๓ หมู่บ้านโดยเป็นการแจ้งข้อมูล
เตือนภัยที่ระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) จานวน ๕๑๖ ครั้ง ครอบคลุม ๑,๗๕๙ หมู่บ้าน ที่ระดับเตรียมพร้อม (สีเหลือง)
จานวน ๓๘๔ ครั้ง ครอบคลุม ๑,๓๐๖ หมู่บ้าน และที่ระดับเตือนภัยอพยพ (สีแดง) จานวน ๑๖๙ ครั้ง ครอบคลุม
๔๘๘ หมู่บ้าน
๘.๑๑.๒ การเพิ่มประสิทธิภาพปฏิบัติการฝนหลวง ได้เตรียมความพร้อมสาหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ
ปฏิบัติการฝนหลวงโดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจะเปิดปฏิบัติการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
รายงานผลการด�าเนิ
รายงานผลการดำำ งานของรัฐบาล พลเอก ประยุุ
เนิินงานของรัั ประยุทธ์์ธ์ จััจันนทร์์ทร์โอชา
โอชานายกรัั
นายกรัฐฐมนตรีี
มนตรีปีีปีที่่ท� ๔ี่ ๔
(๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธััธันวาคม ๒๕๖๕) 131
๑๓๑
กฎหมายที่ประกาศราชกิจจานุเบกษา
ระหว่างเดือน กรกฎาคม ๒๕๖๕ - มกราคม ๒๕๖๖ (๒๐ ฉบับ)