Professional Documents
Culture Documents
กรณีศึกษา : บริษัทชุบแข็งตัวอย่ าง
เกรียงไกร ศรีเลิศ
เกรียงไกร ศรีเลิศ
บทคัดย่อ
(3)
Thesis Title The Defect Reduction for Uploading Work Piece in the Hardening
Process: A Case Study of an Example Hardening Company
Name – Surname Mr. Kriangkrai Srilert
Program Industrial Engineering
Thesis Advisor Associate Professor Natha Kuptasthien, Ph.D.
Academic Year 2015
ABSTRACT
This research aimed to reduce defects occurred when uploading work pieces in the
induction hardening process which was a crucial problem affecting the company’s operation.
Research methodology comprised of store the data of defect that occurred a root cause
analysis of the birth 7 qc tool cause and effect diagram the jig fixture design was used as an
intervention tool to turn the intermediate shaft production during the induction process. Likewise, the
tool was also designed to lessen the defects of intermediate shafts, which eventually reduced loss in
the induction hardening process.
It revealed that the jig fixture design helped reduce the loss in the induction process from
1,171 pieces per month (0.51% of all intermediate shaft production) to 108 pieces per month (0.07%).
Moreover, the specific loss in the induction hardening process was decreased from 1,459 pieces per
month (0.63%) to 284 pieces per month (0.17%) which indicated that the loss was reduced by 73%
Keywords : defect reduction, induction process, industrial engineering technique quality tool,
jig fixture design
(4)
กิตติกรรมประกาศ
(5)
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย……………………………………………………………………………......... (3)
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ………………………………………………………………….…………... (4)
กิตติกรรมประกาศ……………………………………………………………………………...….. (5)
สารบัญ……………………………………………………………………………………………... (6)
สารบัญตาราง……………………………………………………………………………….…….... (9)
สารบัญรู ป………...………………………………………………………………………….…….(10)
บทที่ 1 บทนา……………………….......………………………….……………………………......11
1.1 ความเป็ นมาและความสาคัญของปั ญหา………………………………………………...1 1
1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจยั ………………………………………………………….…….17
1.3 สมมติฐานการวิจยั …………………………………………………….…………………17
1.4 ขอบเขตของการวิจยั ………………………………………………………….….………17
1.5 ขั้นตอนการดาเนินการวิจยั ………………………………………………….……..…….17
1.6 ประโยชน์คาดว่าจะได้รับ………………………………………………….….......……..18
1.7 ข้อจากัดในการทาวิจยั …………………………………………………………………...18
บทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง………………………………………………………..……...19
2.1 ความสูญเสีย 7 ประการ (7 Wastes)...…………………………………………...………19
2.2 เครื่ องมือควบคุมคุณภาพ 7 แบบ (7 QC Tools).…..….…….................……………...... 24
2.3 การออกแบบเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน (Jig & Fixture Design) ...........…………………... 32
2.4 การให้ความร้อนแบบเหนี่ยวนา ..............……………………………………….……... 34
2.5 ทังสเตนคาร์ไบด์ (Wc) ……...................................................…………………….…….37
2.6 ระยะคืนทุน (Payback Period) …..........………………………………………………...38
2.7 การทบทวนวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ...................................................……...38
(6)
สารบัญ (ต่ อ)
หน้า
บทที่ 3 วิธีการดาเนินการวิจยั ………………………………………………………….………...…..41
3.1 ศึกษาขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน..............................……………………………...…………43
3.2 เก็บข้อมูลและการศึกษาวิเคราะห์สภาพปั ญหาก่อนการปรับปรุ ง………………………. 52
3.3 วิเคราะห์หาสาเหตุของปั ญหา ...............................……………………………………...55
3.4 เสนอแนวทางการปรับปรุ งต่อผูบ้ ริ หาร.........................................………………………57
3.5 ดาเนินการปรับปรุ ง .....................……………………………………………………… 58
3.6 เก็บข้อมูลหลังการปรับปรุ ง ..............................................................................................58
3.7 วิเคราะห์และประมวลผล .................................................................................................59
3.8 กาหนดเป็ นมาตรฐาน .......................................................................................................59
3.9 สรุ ปผลการดาเนินงานวิจยั ...............................................................................................59
บทที่ 4 ผลการดาเนินงานวิจยั ..……………………………....…………..………………………....60
4.1 ผลการวิเคราะห์หาสาเหตุของปั ญหา .....……………………………………………......61
4.2 ผลการเสนอแนวทางปรับปรุ งต่อผูบ้ ริ หาร ....……………………………………….......63
4.3 ผลการดาเนินการปรับปรุ ง …………......………………….....……………………........63
4.4 ผลการเก็บข้อมูลหลังการปรับปรุ ง ...................................................................................65
4.5 ผลการวิเคราะห์และประมวลผล ......................................................................................69
4.6 ผลการกาหนดเป็ นมาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึด ...................................................71
4.7 ระยะเวลาคืนทุน ...............................................................................................................71
4.8 ผลการสรุ ปผลการดาเนินการแก้ไข ..................................................................................72
บทที่ 5 สรุ ปผลการวิจยั การอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ …………………………..…………......73
5.1 สรุ ปผลการวิจยั ............………………………………………………………………….73
5.2 อภิปรายงานวิจยั …………………………………………………………………………74
5.3 ข้อเสนอแนะ………………….…………………………………………..…………......74
บรรณานุกรม ……………………………………………………………………….…….………....75
ภาคผนวก………………………............………………………………………………….………...78
ภาคผนวก ก มาตรฐานการใช้งานมาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึด (Jig Fixture) .............79
(7)
สารบัญ (ต่ อ)
หน้า
ภาคผนวก ข ผลงานตีพมิ พ์เผยแพร่ ...........…………………...…………….……..……......87
ประวัติผเู ้ ขียน…………………………………………………………………………...……….......98
(8)
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 1.1 ยอดความสูญเสียในขั้นตอนกระบวนการผลิต ..........................................................15
ตารางที่ 2.1 คุณสมบัติของทังสเตนคาร์ไบด์ ..................................................................………...38
ตารางที่ 3.1 ข้อมูลการใช้งานการเปลี่ยนเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานก่อนการปรับปรุ ง........................53
ตารางที่ 4.1 ยอดจานวนการผลิตกับยอดของเสียในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ หลังการ
ปรับปรุ ง.....................................................................................................................66
ตารางที่ 4.2 ยอดจานวนการผลิตกับยอดความสูญเสียในขั้นตอนการให้ความร้อน หลังการ
ปรับปรุ ง ....................................................................................................................68
ตารางที่ 4.3 ข้อมูลการใช้งานการเปลี่ยนเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานหลังการปรับปรุ ง.........................68
ตารางที่ 4.4 ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงาน ..................................................................................71
(9)
สารบัญรู ป
หน้า
รู ปที่ 1.1 รุ่ นผลิตภัณฑ์ที่ 1 ............................................................................................………….13
รู ปที่ 1.2 รุ่ นผลิตภัณฑ์ที่ 2 .............................................................................................…………13
รู ปที่ 1.3 รุ่ นผลิตภัณฑ์ที่ 3 .............................................................................................…………13
รู ปที่ 1.4 รุ่ นผลิตภัณฑ์ที่ 4 ............................................................................................………….13
รู ปที่ 1.5 รุ่ นผลิตภัณฑ์ที่ 5 ..............................................................................................………...13
รู ปที่ 1.6 รุ่ นผลิตภัณฑ์ที่ 6 ............................................................................................…..……...13
รู ปที่ 1.7 รุ่ นผลิตภัณฑ์ที่ 7 ............................................................................................…..……...13
รู ปที่ 1.8 แผนภูมิกระบวนการผลิตโดยสังเขป (Outline Process Chart) .............................……...14
รู ปที่ 1.9 สาเหตุความสูญเสียในขั้นตอนกระบวนการผลิต …………………………………........16
รู ปที่ 2.1 ตัวอย่างใบตรวจสอบ (Check Sheets) ………………………………………………….25
รู ปที่ 2.2 ตัวอย่างแผนภูมิพาเรโต (Pareto Diagram) ………………………………...…………...26
รู ปที่ 2.3 ตัวอย่างแผนผังสาเหตุ และผล (Cause and Effect Diagram)………….………………..28
รู ปที่ 2.4 ตัวอย่างกราฟประเภทต่างๆ …………………………………………………………....29
รู ปที่ 2.5 ตัวอย่างอิสโตแกรม ………………………...………………………………………….30
รู ปที่ 2.6 ตัวอย่างการกระจายของข้อมูล …………………………………………………….…...31
รู ปที่ 2.7 แผนภูมิควบคุม (Control Chart) ………………………………………………………..31
รู ปที่ 2.8 ความสัมพันธ์ของเครื่ องมือกับจิ๊ก ………..……….…………………………………....32
รู ปที่ 2.9 ความสัมพันธ์ของเครื่ องมือกับฟิ กซ์เจอร์ ……………………..………………………..33
รู ปที่ 2.10 ลักษณะการวางภาพฉาย ……………………………………………………………....34
รู ปที่ 2.11 การให้ความร้อนแบบเหนี่ยวนาอย่างง่าย …………………………………………..…35
รู ปที่ 2.12 วงจรกาลังไฟฟ้าของหม้อแปลง ( PF Power Supply ) ……………………………......36
รู ปที่ 3.1 ขั้นตอนการดาเนินงานวิจยั …………...………………………………………………..42
รู ปที่ 3.2 เพลาขับ (Intermediate Shaft) ผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง ……..…………………………….....43
รู ปที่ 3.3 ลักษณะชิ้นส่วนเพลาขับ ที่ผา่ นการตรวจสอบ และไม่ผา่ นการตรวจสอบ ………….....44
รู ปที่ 3.4 ขั้นตอนการให้ความร้อน ชิ้นส่วนเพลาขับ ……………………………………..….......45
รู ปที่ 3.5 ขั้นตอนกระบวนการล้าง ………………………....…………………………………....46
รู ปที่ 3.6 ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์หลังการชุบแข็งอินดักชัน่ …...…………........47
(10)
สารบัญรู ป (ต่ อ)
หน้า
รู ปที่ 3.7 ขั้นตอนกระบวนการอบชิ้นงาน ……………………………………......………..….....48
รู ปที่ 3.8 ขั้นตอนกระบวนการเป่ าเย็นชิ้นงาน ………..………………………………………….48
รู ปที่ 3.9 ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์หลังจากกระบวนการอบ ………...………….49
รู ปที่ 3.10 ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์และลงน้ ามันกันสนิมพร้อมบรรจุภาชนะ ....50
รู ปที่ 3.11 แผนผังองค์กรโรงงานตัวอย่าง …………………...…………………………………..51
รู ปที่ 3.12 เครื่ องมือจับยึดชิ้นงานช่วยในการขับหมุนแบบเดิม .....................................................52
รู ปที่ 3.13 ความสูญเสียในกระบวนการในการผลิต …………………………………………….54
รู ปที่ 3.14 แผนผังแสดงเหตุและผลปั ญหางานไม่หมุน …………….....……..……………….…55
รู ปที่ 3.15 แผนผังแสดงเหตุและผลปั ญหางานระยะชุบแข็งไม่ได้ ..……………....…….…….…56
รู ปที่ 3.16 แผนผังแสดงเหตุและผลปั ญหางานค่าความแข็งไม่ได้ ..……….....….........……….…56
รู ปที่ 3.17 แผนผังแสดงเหตุและผลปั ญหาชิ้นงานเสียรู ป....…......…...……....……………….…57
รู ปที่ 4.1 เปอร์เซ็นต์ความสูญเสียก่อนการปรับปรุ งและเป้าหมาย ................................................60
รู ปที่ 4.2 แบบเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานช่วยในการขับหมุน แบบใหม่ .............................................62
รู ปที่ 4.3 เครื่ องมือจับยึดชิ้นงานช่วยในการขับหมุนแบบใหม่ .....................................................63
รู ปที่ 4.4 เครื่ องมือจับยึดชิ้นงานช่วยในการขับหมุนแบบใหม่ .....................................................64
รู ปที่ 4.5 ลักษณะการจับยึดของเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานช่วยในการขับหมุนแบบใหม่ ..................64
รู ปที่ 4.6 รู ปเครื่ องจักรและเครื องมือจับยึดแบบใหม่ ในขณะขั้นตอนการให้ความร้อน ...............65
รู ปที่ 4.7 สาเหตุของเสียที่เกิดขึ้นที่เกิดขึ้นหลังทาการปรับแก้ไข...................................................67
รู ปที่ 4.8 ของเสียในขั้นตอนการให้ความร้อน หลังปรับปรุ งแก้ไข ...............................................67
รู ปที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์จานวนของเสีย ก่อนปรับปรุ งแก้ไข – หลังปรับปรุ งแก้ไข............................69
รู ปที่ 4.10 จานวนการผลิตและจานวนของเสีย ก่อนปรับปรุ งแก้ไข – หลังปรับปรุ งแก้ไข ...........70
รู ปที่ 4.11 เปอร์เซ็นต์จานวนของเสีย ก่อนปรับปรุ งแก้ไข – หลังปรับปรุ งแก้ไข .........................70
(11)
บทที่ 1
บทนำ
13
ชิ้นงานจากลูกค้า
1. รับงาน
2. ตรวจสอบชิ้นงาน
3. การให้ความร้อน ( Induction )
No
4. ล้างทาความสะอาดชิ้นงาน
Yes
No .
. Yes
5. ตรวจสอบความแข็งหลังการให้ความร้อน ( Induction )
.
6. อบคืนไฟ
7. เป่ าเย็น
No
. 8. ตรวจสอบความแข็งหลังอบคืนไฟ
Yes
.
9. ตรวจสอบชิ้นงานและลงน้ ามันกันสนิมพร้อมบรรจุภาชนะ
10. จัดเก็บรอส่งลูกค้า
14
รู ปที่ 1.8 ขั้นตอนกระบวนการผลิต (Flow Diagram) สามารถอธิบายได้ดงั นี้ การเคลื่อนที่ของการ
ปฏิบตั ิงานแรกเริ่ มจากการรับงานมาจากลูกค้าก่อนส่งมอบเข้าขั้นตอนการตรวจสอบมีการตรวจสอบด้วย
สายตา (Visual Control) ซึ่ งในกระบวนการขั้นตอนที่ 2 จะทาการตรวจสอบแบบสุ่ มโดยมีการตรวจสอบ
ลักษณะกายภาพ ชิ้ นงานไม่เป็ นสนิ ม ไม่ ยบุ ไม่ บิ่นไม่ มีเศษขี้เหล็กติดตามชิ้ นงาน เป็ นต้น เมื่ อ ผ่านการ
ตรวจสอบได้รับการยอมรับ (Accept) ชิ้นงานจะถูกส่ งไปยังกระบวนการขั้นตอนต่อไปขั้นตอนที่ 3 เป็ น
ขั้น ตอนการให้ค วามร้ อ นพร้ อ มส่ งไปขั้นตอนการตรวจสอบชิ้ น งานตามที่ลู ก ค้าก าหนดโดยทาการ
ตรวจสอบก่อ นทาการผลิ ต ชิ้ นงานไม่ผ่าน (No) ตามลูกค้าก าหนด ต้องกลับมาผลิ ตใหม่จนกว่าชิ้นงาน
ผ่านตามลูกค้ากาหนด (Yes) จึงจะทาการผลิตชิ้นงานทั้งหมด ซึ่งทาการศึกษาเก็บข้อมูลพบว่าขั้นตอนการ
ผลิตขั้นตอนที่ 3 มีปัญหาที่เกิดขึ้นมากที่สุดโดยขั้นตอนกระบวนการทางานขั้นตอนที่ 4 ถึง กระบวนการ
ทางานที่ 10 พบปั ญหาปริ มาณน้อยมาก เพราะขั้นตอนกระบวนการทางานที่ 3 เป็ นขั้นตอนการเปลี่ยน
โครงสร้างของเหล็กทางกายภาพและจุลภาคตามที่ลูกค้ากาหนด ของเสี ยที่เกิดขึ้นในขั้นตอนกระบวนชุบ
แข็งอินดักชัน่ สามารถอธิบายได้ ดังแสดงในตารางที่ 1.1
15
ซึ่งได้ทาการศึกษาปั ญหาความสูญเสียที่เกิดขึ้นตลอดของการผลิต ส่งผลให้บริ ษทั ต้องสู ญเสี ยเงิน
ที่ถูกลูกค้าทาการเคลม (Claim) ซึ่งสามารถปรับปรุ งขั้นตอนการทางานให้ได้คุณภาพมากขึ้นของเสียที่เกิด
จากกระบวนการผลิตน้อยลง ดังนั้นจึงได้เข้ามาศึกษาหาสาเหตุที่ทาให้เกิดปั ญหาที่ส่งผลให้เกิดการสูญเสี ย
ในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ จึงได้สรุ ปถึงสาเหตุทเี่ กิดขึ้นในกระบวนการได้ดงั แสดงในรู ปที่ 1.9
16
1.2 วัตถุประสงค์ ของกำรวิจัย
ลดของเสี ยจากกระบวนการผลิ ต ของการป้ อ นชิ้ น งานในกระบวนการชุ บแข็งอิ น ดักชั่นของ
ผลิตภัณฑ์รุ่นตัวอย่างในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ ลดลง 30% ต่อ จานวนการผลิตต่อเดือน ปั จจุบนั
ของเสี ย 0.63 % ของจานวนการผลิ ตของผลิ ตภัณฑ์รุ่นตัวอย่าง การลดของเสี ยโดยใช้หลักเทคนิ คของ
วิศวกรรมอุตสาหการมาใช้และการออกแบบเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน
1.3 สมมติฐำนกำรวิจยั
การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตและ การออกแบบเครื่ องมือใหม่ (Tools) ที่เหมาะสม พร้อมนา
หลักเทคนิ คของวิศวกรรมอุตสาหการมาใช้ ได้แก่ เครื่ องมือกลุ่มควบคุมคุณภาพ 7 Wastes, 7 QC Tools,
Jig & Fixture Design ให้ลดของเสียของผลิตภัณฑ์ในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ ลดลง 30 % ต่อจานวน
การผลิตต่อเดือนของกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ ในปั จจุบนั
1.4 ขอบเขตของกำรวิจัย
ทาการศึกษาขั้นตอนกระบวนการผลิต ของการป้อนชิ้นงานในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ ณ
โรงงานตัวอย่างเท่านั้น พร้อมศึกษาขั้นตอนการทางานเพือ่ ทาการลดผลิตภัณฑ์ที่สูญเสีย จากการเก็บข้อมูล
ปั จจุ บนั 0.63% ลดเหลื อ 0.44 % โดยเลื อ กศึ กษาเฉพาะกระบวนการชุ บ แข็ง อิ น ดักชั่นกลุ่ ม ผลิ ต ภัณ ฑ์
ตัวอย่างของบริ ษทั ตัวอย่างเท่านั้นโดยเริ่ ม ต้นเก็บข้อมูล เดือน มีนาคม พ.ศ. 2558-กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ทาการศึกษาวิจยั พร้อมทาการเก็บข้อมูลการปรับปรุ งแก้ไข ถึงเดือน เมษายน พ.ศ. 2559
1.5 ขั้นตอนกำรดำเนินกำรวิจยั
การดาเนินการวิจยั ประกอบด้วย 13 ขั้นตอนโดยแสดงมีรายละเอียดดาเนินการดังนี้
1.5.1 ศึกษาผลิตภัณฑ์และการผลิต
1.5.2 เก็บข้อมูลทาการศึกษาวิเคาะห์สภาพปั ญหาก่อนทาการปรับปรุ ง
1.5.3 การตั้งเป้าหมายและแผนการดาเนินงานวิจยั
1.5.4 การวิเคราะห์หาสาเหตุของปั ญหา
1.5.5 เสนอแนวทางการปรับปรุ งต่อผูบ้ ริ หาร
17
1.5.6 ดาเนินการปรับปรุ ง
1.5.7 เก็บข้อมูลหลังการปรับปรุ ง
1.5.8 วิเคราะห์และประมวลผลก่อนและหลังการปรับปรุ งกระบวนการผลิต
1.5.9 กาหนดเป็ นมาตรฐาน
1.5.10 สรุ ปผลการดาเนินงานและข้อเสนอแนะ
1.5.11 เผยแพร่ งานวิจยั
1.5.12 นางานวิจยั เสนอต่อคณะกรรมการ
1.5.13 จัดทา และพิมพ์รูปเล่มวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์
1.7 ข้ อจำกัดในกำรทำวิจยั
1.7.1 ต้องคงไว้ซ่ ึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตามที่ลูกค้ากาหนด
1.7.2 ไม่สามารถปรับเปลี่ยนลักษณะกายภาพของผลิตภัณฑ์ได้เพราะเป็ นผลิตภัณฑ์ลูกค้า
1.7.3 การศึก ษาข้อ มู ล เกี่ ยวกับลักษณะคุ ณ สมบัติ ของตัว ผลิ ตภัณฑ์มีข ้อ จากัด เนื่ อ งจากเป็ น
ชิ้นงานของลูกค้ากลุ่มยานยนต์
18
บทที่ 2
ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
20
ข. ต้นทุนมากเกิน ต้นทุนจม
ค. วัสดุเสื่อมคุณภาพจากการเก็บไว้นาน
ง. เกิดการซ้ าซ้อนในการสัง่ ซื้อ เพราะมีวสั ดุคงคลังมากเกินไป
จ. มีค่าใช้จ่ายค่าแรงงานมาก ในการจัดการวัสดุคงคลัง
2) การปรับปรุ งปั ญหาจากการเก็บวัสดุคงคลัง
ก. กาหนดปริ มาณในการสัง่ ซื้อ และการจัดเก็บให้ชดั เจน
ข. จัด การควบคุ ม ปริ ม าณของว้ส ดุ ค งคลัง ให้ ม องเห็ น ชัด เจน (Visual Control) ท าให้
สามารถสังเกตการเคลื่อนไหวได้ง่าย
ค. จัดระบบเข้าก่อน-ออกก่อน (First In First Out) ป้องการวัสดุคงคลังตกค้าง
ง. วิเคราะห์สรรหาวัสดุ ทดแทน (Value Engineering) การจัดการสั่งซื้ อได้ง่ายรวดเร็ วใช้
งานทดแทนได้ดี ลดปริ มาณการจัดเก็บ
2.1.3 ความสูญเสียจากการขนส่ ง (Transportation) การขนส่งเป็ นกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิม่ แก่
วัสดุ ดังนั้นจึงต้องควบคุมและลดระยะทางในการขนส่งลงให้เหลือเท่าที่จาเป็ นเท่านั้น
1) ปั ญหาจากการขนส่ง
ก. การขนส่งเกิดต้นทุน เช่น เชื้อเพลิงพลังงาน ค่าแรง
ข. ใช้เวาลาในการขนส่งมากเกินไป
ค. ขนส่งไม่เหมาะสมเกิดความเสียหายกับชิ้นงาน
ง. เกิดความเสียหายกับชิ้นงานเมื่อเกิดอุบตั ิเหตุ ถ้าประมาทไม่ระมัดระวังในการขนส่ง
2) ปรับปรุ งปั ญหาจากการขนส่ง
ก. วางผังเครื่ องจักรให้มีการเคลื่อนที่ของแต่ละขั้นตอนกระบวนให้มีระยะให้สั่นเพื่อลด
ระยะทางในการขนส่ง
ข. วางแผนการขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพ
ค. เลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมเพือ่ ลดแรงงาน
ง. บริ หารจัดการปริ ม าณชิ้ นงานในการขนส่ งให้ไ ด้ม ากที่สุดในแต่ล ะครั้งในรอบการ
ขนส่ง
จ. เพือ่ ลดรอบในการจัดส่งและลดเวลารอชิ้นงานนาน
21
2.1.4 ความสู ญเสี ยจากการเคลื่อนไหว (Motion) ลักษณะท่าทางกายศาสตร์ ในการทางานไม่เหมาะ
เช่นต้องเดินไปหยิบชิ้นงาน การวางชิ้นงานเข้าออกไม่เหมาะกับผูป้ ฏิบตั ิงาน ทาให้เกิดความล้าต่อร่ างกาย
และทาให้เกิดความล่าช้าในการทางานอีกด้วย
1) ปั ญหาจากการเคลื่อนไหว
ก. เกิดความสูญเสียเวลามากเกินไป
ข. เกิดความแครี ยดความล้า
ค. อุบตั ิเหตุ
ง. ใช้แรงงานในการทางานมากเกินความจาเป็ น
2) การปรับปรุ งปั ญหาจากการเคลื่อนไหว
ก. ศึกษาการเคลื่อนไหว (Motion Study) เพือ่ ปรับปรุ งวิธีการทางานให้เกิดการเคลื่อนไหว
น้อยที่สุดและเหมาะสมที่สุดตามหลักกายศาสตร์ (Ergonomic)
ข. จัดสภาพการทางาน (Working Condition) ให้เหมาะสม
ค. ปรับปรุ งในการทางานให้มีเครื่ องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสมทาให้การเคลื่อนไหวให้
น้อยที่สุดและถูกต้องตามหลักกายกายศาสตร์ (Ergonomic) เพื่อทาให้การทางานได้อย่างรวดเร็ วและเกิด
ความล้าน้อยที่สุด
2.1.5 ความสู ญเสี ยจากกระบวนการผลิต (Processing) เกิดจากการทาในแบบซ้ าๆกันโดยไม่เกิดผล
จากการทา และมีข้ นั ตอนการทางานมากเกินไป ซึ่ งไม่มีความจาเป็ นสามารถตัดทิ้งหรื อไม่ทาก็ได้เพราะ
งานเหล่านั้นไม่ส่งผลต่อมูลค่าของผลิตภัณฑ์ เช่น กระบวนการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็ น
การทางานที่ไ ม่ เกิ ด มู ลค่าเพิ่มต่อ ผลิ ตภัณฑ์ ดังนั้นกระบวนการตรวจสอบคุ ณภาพควรเป็ นหน้าที่การ
ตรวจสอบคนเดียว กับคนควบคุมเครื่ องจักรโดยในขณะรอเครื่ องจักรทางาน
1) ปั ญหาจากกระบวนการผลิต
ก. ต้นทุนเกิดจากการทางานที่ไม่จาเป็ น
ข. สูญเสียพื้นที่การทางานสาหรับกระบวนการนั้นๆ
ค. ใช้เครื่ องจักรและแรงงานโดยไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิม่ แก่ผลิตภัณฑ์
2) การปรับปรุ งปั ญหาจากกระบวนการผลิต
ก. กระบวนการผลิตนาเอาหลักวิเคราะห์โดยใช้ Operation Process Chart
ข. วิเคราะห์ความจาเป็ นของแต่ละกระบวนการ โดยนาหลัก 5W1H มาใช้
22
ค. หากระบวนการทางานที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ของงานอย่างเดียงกันแล้วนากระบวนการมา
ทดแทน
2.1.6 ความสูญเสียจากการรอคอย (Delay) การรอคอยอาจเกิดขึ้นจากหลายปั จจัย เช่น เครื่ องจักร หรื อ
พนักงาน และวัตถุดิบ ที่ส่งผลต่อการต้อ งหยุดการทางานเพื่อรอคอยบางปั จจัยที่จาเป็ นต่อกระบวนการ
ผลิต การรอคอยเครื่ องจักรชารุ ด การรอคอยจากการจัดการผลิตแบบไม่สมดุล การรอคอยจากเปลี่ยนรุ่ น
การผลิต การรอคอยจากการปรับตั้งชิ้นงาน เป็ นต้น
1) ปั ญหาการรอคอย
ก. ค่าแรงงาน เครื่ องจักร และค่าโสหุย้ เป็ นต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิม่
ข. ต้นทุนจากการเสียโอกาส
ค. พบปั ญหาเรื่ องขวัญและกาลังใจ
2) การปรับปรุ งปั ญหาจากการรอคอย
ก. วางแผนการผลิต จัดการวัตถุดิบและลาดับการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ข. ทาการบารุ งรักษาเครื่ องจักรให้พร้อมการทางานอยูต่ ลอดเวลา
ค. จัดการผลิตให้การทางานให้มีความสมดุล
ง. ปรับปรุ งขั้นตอนการทางานกระบวนการผลิต จัดสรรกาลังคนให้เหมาะสม
จ. เตรี ยมความพร้อมของเครื่ องมือและอุปกรณ์ให้พร้อมในการทางานอยูต่ ลอด
ฉ. ปรับเปลี่ยนเครื่ องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทางานให้สะดวกรวดเร่ งในกระบวนการผลิต
2.1.7 ความสู ญเสี ยจากการผลิตของเสี ย (Defect) เมื่อของเสี ยถูกผลิตออกมาซึ่งผลิตภัณฑ์ไม่ได้ตาม
มาตรฐานตามที่ลูกค้าต้องการจะถูกนาออกไปทิง้ เป็ นของเสี ยที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงทาให้เกิดมีความสู ญเสี ย
เนื่องจากการผลิตของเสีย
1) ปั ญหาจากการผลิตของเสีย
ก. ค่าวัตถุดิบ เครื่ องจักร ค่าแรงงาน ต้นทุนต่างๆ ที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
ข. ต้นทุนค่าสถานที่ในการจัดเก็บของเสียที่เกิดขึ้น
ค. ต้องทางานซ้ าเพิม่ เติมเพือ่ ทดแทนของเสียที่เกิดขึ้น
ง. ต้นทุนเพิม่ ขึ้นในส่วนค่าเสียโอกาส
2) การปรับปรุ งปั ญหาจากการผลิตของเสีย
ก. มีมาตรฐานของงานและมาตรฐานของวัตถุดิบที่ถูกต้อง
23
ข. พนักงานต้องปฏิบตั ิงานให้ถูกต้องตามมาตรฐานตั้งแต่แรก
ค. ปรับปรุ งเครื่ องมืออุปกรณ์ที่ช่วยในการป้องกันของเสียที่เกิดขึ้นในการผลิต
ง. อบรมฝึ กสอนให้พนักงานมีจิตสานึกทางด้านคุณภาพ
จ. มีการตอบสนองข้อมู ล แก้ไ ขปั ญหาทางด้านคุ ณภาพอย่างรวดเร็ วในทุกขั้นตอนของ
กระบวนการผลิต (Quick Response System)
24
รู ปที่ 2.1 ตัวอย่างใบตรวจสอบ (Check Sheet) [7]
25
ใช้ช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาทาให้สามารถแก้ไขปั ญหาได้อย่างตรงตามเป้ าหมายและวัตถุประสงค์ ได้
อย่างรวดเร็ว [3,4-7]
แผนภูมิพาเรโต มีรูปแบบลักษณะเป็ นกราฟแท่งที่แยกข้อมูลจากมากไปหาน้อย ด้านซ้ายมือ
ไปหาด้านขวามือ โดยแกน y มี 2 แกนคือ แกนซ้ายมือ แทนค่าความถี่ และแกนขวามื อแทนเปอร์ เซ็ นต์
แกน x แทนสาเหตุ [5] ตัวอย่างแผนภูมิพาเรโต ดังแสดงในรู ปที่ 2.2
26
1) เมื่อต้องการค้นหาสาเหตุของปั ญหา
2) เมื่ อ งต้อ งการศึกษา ทาความเข้าใจ ทาความรู ้จกั กับกระบวนการอื่ นๆ เพราะส่ วนใหญ่
พนักงานจะทาความเข้าใจเฉพาะปั ญหาในพื้นที่ความรับผิดชอบของตัวเองเท่านั้น แต่เมื่ อ มีการทาผัง
ก้างปลาแล้ว จะทาให้สามารถเข้าใจกระบวนการทางานของส่วนอื่นได้ง่ายขึ้น
3) เมื่อต้องการให้เป็ นแนวทางในการระดมสมอง (Brainstorm) ซึ่ งจะเป็ นแรงจูงใจให้ทุกคน
จะช่ วยให้ทุกๆคนให้ค วามสาคัญสนใจในปั ญ หา วิธีการสร้างแผนผังก้า งปลา สิ่ งที่สาคัญคือ จะต้อ ง
รวมกลุ่มทางานกันเป็ นทีมโดยอาศัยขั้นตอน 6 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ก. กาหนดประโยคปั ญหาที่หวั ปลา
ข. กาหนดกลุ่มปั จจัยที่จะทาให้เกิดปั ญหานั้นๆ
ค. ระดมสมองเพือ่ หาสาเหตุในแต่ละปั จจัย
ง. หาสาเหตุหลักของปั ญหา
จ. จัดลาดับความสาคัญของปั ญหา
ฉ. ใช้การปรับปรุ งแนวทางที่จาเป็ น
การกาหนดกลุ่มปั จจัยสามารถที่จะกาหนดปั จจัยอะไรก็ได้ แต่ตอ้ งมัน่ ใจว่ากลุ่มที่เรากาหนด
ไว้เป็ นปั จจัยที่สามารถช่วยให้แยกแยะหรื อกาหนดสาเหตุต่างๆได้อย่างมีระบบ และเป็ นเหตุเป็ นผล โดย
ส่วนมากมักจะใช้หลักการ 4M1E เป็ นกลุ่มปั จจัย (Factors) เพื่อนาไปสู่ การแยกแยะสาเหตุต่างๆซึ่ งปั จจัย
4M1E ประกอบด้วย
M - Man หมายถึง คนงาน หรื อพนักงาน หรื อบุคลากร
M - Machine หมายถึง เครื่ องจักรหรื ออุปกรณ์อานวยความสะดวก
M - Material หมายถึง วัตถุดิบหรื ออะไหล่ อุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการ
M - Method หมายถึง กระบวนการทางาน
E - Environment หมายถึง สถานที่ แสงสว่าง และบรรยากาศในการทางาน
การกาหนดของหัวข้อ ปั ญ หาควรก าหนดให้จดั เจนและมี ความเป็ นไปได้ ซึ่ งหากก าหนด
ประโยคของปั ญหาไม่ชดั เจนตั้งแต่แรก จะทาให้ใช้เวลามากในการค้นหาสาเหตุ และใช้เวลานานในการ
จัดทาแผนผังก้างปลา การกาหนดที่หวั ปลา เช่น อัตราของเสีย อัตราชัว่ โมงการทางานของคนทางานที่ไม่มี
ประสิ ทธิภาพ อัตราการเกิดอุบตั ิเหตุ อัตราต้นทุนต่อหน่ วยของสิ นค้า เป็ นต้น ซึ่ งการกาหนดสาเหตุของ
27
ปั ญหาจะสังเกตเห็นว่าเป็ นปั ญหาในเชิ งลบ จากนั้นค่อ ยเขียนปั จจัย และรายละเอียดในแต่ละก้างย่อยๆ
ตัวอย่าง แผนผังแสดงเหตุและผล (Cause and Effect Diagram) ดังแสดงในรู ปที่ 2.3
28
กราฟเส้น กราฟแท่ง
กราฟเรดาร์ กราฟวงกลม
รู ปที่ 2.4 ตัวอย่างกราฟประเภทต่างๆ [7]
29
ง. ตัวแบบของความผันแปรจะพิจารณาได้ง่าย หากสรุ ปข้อมูลให้อยูใ่ นรู ปของฮิสโตแกรมเป็ น
กราฟแท่ง ที่ใช้แสดงความถี่ ข องข้อ มู ล ที่ จดั เป็ นหมวดหมู่ โดยที่แ ท่งกราฟมี ความกว้า งเท่ ากัน และมี
ด้านข้างติดกัน ซึ่ งจัดตัวอย่างให้ศูนย์กลางของฮิสโตแกรมเป็ นค่าความถี่สูงสุ ด ส่ วนความถี่รองลงมาจะ
กระจายลดหลัน่ ไปตามลาดับ ดังแสดงในรู ปที่ 2.5
30
รู ปที่ 2.6 ตัวอย่างการกระจายของข้อมูล
31
2.3 การออกแบบเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน (Jig & Fixture Design)
2.3.1 จิ๊ก (Jig)
จิ๊กเป็ นเครื่ องมืออุปกรณ์ พเิ ศษที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยในการกาหนดจุดตาแหน่งที่จบั ยึดชิ้นงาน
และเป็ นเครื่ องมือนาทางของเครื่ องมือตัด (Cutting Tools) เช่น ในการเจาะรู หรื อคว้านรู จิ๊กจะมีปลอกนา
ทางอัดติด แน่ นอยู่เสมอปลอกนาทางนี้ ทาด้วยเหล็กพิเศษที่ ผ่านการทาชุ บแข็งมาแล้วจึงทาให้มี ความ
แข็งแรงเป็ นพิเศษ และจะเป็ นตัวที่ใช้สาหรับนาทางในการเจาะรู ของเครื่ องมือเจาะ หรื อเครื่ องมือตัด อื่นๆ
ความสัมพันธ์ของเครื่ องมือกับจิก๊ [3,4] ดังแสดงในรู ปที่ 2.8
32
รู ปที่ 2.9 ความสัมพันธ์ของเครื่ องมือกับฟิ กซ์เจอร์ [3,4]
33
ฉ. ออกแบบใช้วสั ดุที่ใช้ในการทาเครื่ องมือ เลือกใช้วสั ดุที่มีคุณภาพซึ่งจะมีอายุการใช้งานสู ง
หรื อเหมาะกับการผลิต
ช. ออกแบบเครื่ องมือในการใช้งานให้มีคความปลอดภัยในการทางานกับผูใ้ ช้งาน
2.3.5 หลักการทางานและตาแหน่งรองรับ
กาหนดให้ตาแหน่ งและตัวก าหนดตาแหน่ งจะมีระยะห่ างจากกันให้ม ากที่สุด โดยไม่ทาให้
ชิ้นงานไม่ผิดพลาดไป ซึ่ งสิ่ งนี้ จะทาให้มีการใช้ตวั กาหนดตาแหน่ งจานวนน้อยและมีความเที่ยงตรง ที่จะ
สัมผัสผิวด้านหน้าของชิ้นงาน สาหรับเศษโลหะและเศษอื่ นๆ อาจทาให้เกิ ดปั ญหาสาหรับตัวก าหนด
ตาแหน่งได้ ดังนั้น กาหนดตาแหน่ งจึงควรติดตั้งในที่ซ่ ึ งสามารถหลีกเลี่ยงการที่เศษโลหะจะเข้าไปติดอยู่
ได้ การวาดเส้น (Drawing) ระบบอังกฤษ การเขียนภาพฉายระบบเมตริ กที่ใช้ในอเมริ กามีลกั ษณะการวาด
การวางภาพฉาย [3] ดังแสดงในรู ปที่ 2.10
หน้า ด้านซ้าย
บน
34
สาเหตุมูลฐานทั้งสาม สามารถอธิบายการให้ความร้อนแบบเหนี่ ยวนาได้ดงั นี้ เมื่อป้อนไฟฟ้ากระแสสลับ
เข้าสู่ขดลวดสร้างสนามแม่เหล็กที่มีชิ้นงานอยูภ่ ายใน กระแสไฟฟ้าสลับเหนี่ยวนาทาให้เกิดสนามแม่เหล็ก
คล้อ งผ่านขดลวดสร้างสนามแม่เหล็ก ถ้าชิ้นงานเป็ นโลหะที่มีคุณสมบัติเป็ นแม่เหล็ก สนามแม่เหล็กที่
คล้องผ่านชิ้นงานจะเหนี่ยวนาทาให้มีกระแสไหล โดยกระแสส่วนมากจะไหลผ่านชิ้นงานในระดับความ
ลึกผิว (Skin Deep) กระแสที่ไหลวนรอบชิ้นงานเป็ นเส้นทางปิ ด จะทาให้เกิดความร้อนขึ้นที่บริ เวณผิวของ
ชิ้นงาน ความร้อนนี้ข้ ึนอยูก่ บั กระแสเหนี่ ยวนา และความต้านทานสมมูลย์ของเส้นทางที่กระแสไหลผ่าน
และความร้อนที่เกิดขึ้นจะถ่ายเทไปยังบริ เวณอื่น ๆ โดยการแผ่รังสีที่บริ เวณผิว การพาความร้อนและการ
นาความร้อนแสดงการให้ความร้อนแบบเหนี่ ยวนาอย่างง่าย ถ้าวางชิ้นงานไว้ในขดลวดหรื อใกล้ขดลวด
ชิ้นงานนั้นจะถูกเหนี่ ยวนาทาให้เกิ ดความร้อ นขึ้น พิจารณาทั้งระบบให้เป็ นหม้อแปลงหนึ่ งชุ ด ขดลวด
สร้างสนามแม่เหล็กจะเป็ นเสมือนขดปฐมภูมิของหม้อแปลงที่มีจานวนรอบเท่ากับจานวนรองของขดลวด
สร้างสนามแม่เหล็ก ส่ วนชิ้นงานนั้นจะเปรี ยบเสมือนขดทุติยภูมิของหม้อแปลงที่มีจานวนรอบหนึ่ งรอบ
และมี โหลดต่อ อยู่ในลักษณะเกื อ บลัดวงจรเพราะความต้านทานสมมู ล ย์ของโลหะที่เป็ นชนิ ด จะมี ค่า
ค่อนข้างต่าดัง [12,13] ดังแสดงในรู ปที่ 2.11
35
รู ปที่ 2.12 วงจรกาลังไฟฟ้าของหม้อแปลง ( PF Power Supply ) [12,13]
วงจรสมมูลย์ของหม้อแปลงทัว่ ไปวงจรสมมูลย์ของขดลวดเหนี่ ยวนาและชิ้นงาน จะเห็นว่าถ้า Ic
เป็ นกระแสที่ไหลในขดลวดสร้างสนามแม่เหล็ก ส่ วน Im เป็ นกระแสที่ไหลในชิ้นงาน กระแสทั้งสองจะมี
ความสัมพันธ์กนั โดยที่ Nc คือความต้านทานสมมูลย์ของชิ้นงานกาลังสูญเสียเป็ นความร้อนในชิ้นงานมีค่า
เท่ากับโดยที่ Rw คือความต้านทานสมมูลย์ของชิ้นงาน รู ปที่ 2.11 แสดงทิศทางการไหลของกระแสชิ้นงาน
จากปรากฎการณ์ผวิ ถ้าพิจารณาว่ากระแสไหลโดยส่วนมากจะไหลอยูใ่ นระดับความลึกผิวและจะสามารถ
หาความต้านทานสมมูลย์ของชิ้นงาน เมื่อทาการคลี่ชิ้นงานออก ความต้านทางของชิ้นงาน จะมีค่าความ
ต้านทานสมมูลย์จะมีค่าความสัมพันธ์กบั สภาพความต้านทานความลึกผิวและลักษณะทางเรขาคณิ ตของ
ชิ้นงานด้วยแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความหนาแน่ นกระแสกับระยะทางจากผิวของชิ้นงานจากภาพ
ปรากฎการณ์ผิวจะทาให้ความหนาแน่ นกระแสกับระยะทางจากผิวเป็ นฟั งก์ชนั เอกโพเนนเชียลที่ระดับ
ความลึกผิวความหนาแน่นของกระแสจะมีค่าเพียง 0.36 เท่าของความหนาแน่นของกระแสที่ผวิ ชิ้นงาน จึง
ประมาณว่า กระแสโดยส่ ว นมากจะไหลอยู่ใ นระดับ ความลึ ก ผิว ถ้า พิจ ารณาการให้ค วามร้ อ นแบบ
เหนี่ ยวนาจะพบว่าไม่มีการใช้แหล่งความร้อนจากภายนอก แต่ใช้ชิ้นงานเป็ นแหล่งความร้อนของตัวมัน
เอง อีกทั้งชิ้นงานก็ไม่จาเป็ นที่จะสัมผัสกับขดลวดสร้างสนามแม่เหล็ก การให้ความร้อนในลักษณะนี้ จึง
สามารถทาได้สะดวก นอกจากนี้ ยงั สามารถทาให้เกิดความร้อ นในเฉพาะบริ เวณที่ตอ้ งการทั้งสามารถ
ควบคุมระยะเวลาในการให้ความร้อนได้ [13,14] ดังแสดงในรู ปที่ 2.12
36
การชุบแข็งพื้นผิวเฉพาะจุดด้วยกระแสไฟฟ้าเหนี่ ยวนา ใช้กบั เหล็กที่มีคาร์บอนปานกลาง ( 0.4-
0.5 % C ) หรื อเหล็กผสม (Alloy Steel) ที่มีปริ มาณคาร์บอนปานกลางเหล็กประเภทนี้สามารถชุบแข็งด้วย
วิธีธรรมดาได้จะได้ความแข็งประมาณ 50-60 HRC บางกรณี อาจชุบแข็งที่ผวิ ด้วยวิธีน้ ี กลับที่มีคาร์บอนสู ง
(0.8-1.2 % C) ได้ การให้ความร้อนจัดเฉพาะบริ เวณผิว เหล็กจะมี อุ ณหภูมิวิกฤตประมาณ 780-960 °C
จนถึงจุดเปลี่ยนโครงสร้างเดิ ม Pearlite, Ferrite เป็ น Austenite ส่ วนเนื้ อ เหล็กที่อ ยูด่ ้านในใจกลางจะไม่
ร้อน หรื อร้อนบ้างแต่เนื้อเหล็กโครงสร้างไม่เป็ น Austenite ส่ วนที่เป็ น Austenite เฉพาะผิวไปชุบน้ าหรื อ
ทาให้เย็นอย่างรวดเร็ ว Austenite จะเปลี่ยนโครงสร้างเป็ น Martensite ผิวจะทนต่อการเสียดสี และทนต่อ
ความล้า (Fatigue) ได้ดีส่วนคุณสมบัติความเหนียวยังคงอยูเ่ กณฑ์สูง
37
ตารางที่ 2.1 ตารางคุณสมบัติของทังสเตนคาร์ไบด์ [15]
คุณสมบัติทางกายภาค ทังสเตนคาร์ไบด์
รู ปโครงสร้างจุลภาค
จุดหลอมเหลว 2800 °C
ความหนาแน่น 15.7 g / cm3
สัมประสิทธิ์การขยายตัวด้วยความร้อน 5 x 10 -6 °C
ความแข็ง 80 HRC
เงินลงทุนเริ่ มแรก
ระยะเวลาคืนทุน = (2.1)
กระแสเงินที่ได้รับแต่ละช่วง
38
เพื่อ ต้อ งการลดของเสี ย ที่ เ กิ ด ขึ้ น ในกระบวนการผลิ ต ในโรงงานอุ ต สาหกรรมตัว อย่าง โดยท าการ
ประยุกต์ใช้เครื่ องมือควบคุณภาพ 7 แบบ (7QC Tool) และการลดความสู ญเสีย 7 ประการโดยลดของเสี ย
จากกระบวนการ พร้อมทาการออกแบบเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน (Jig fixture) เพือ่ ทาการลดความสูญเสียใน
กระบวนการผลิต [3] ใช้แผนภูมิพาเรโตทาการเก็บข้อมูลความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชิ้นงานเพือ่ นามาทาการ
แก้ไ ข การลดความสู ญเสี ยในโรงงานอุ ตสาหกรรม ผูว้ ิจยั หลายท่านได้คิดวิธีการลดความสู ญเสี ยเพื่อ
ต้องการลดต้นทุนของโรงงานอุตสาหกรรม เช่น [6] นาเครื่ องมือควบคุมคุณภาพ (7QC Tool) เพื่อนามา
ประยุกต์ใช้ในการลดของเสี ยในกระบวนการผลิตขวด พีอีที โดยทาการประยุกต์ใช้เครื่ องมือด้านคุณภาพ
ลดเปอร์ เซ็นของเสี ยลดลงจากเดิ ม 4.5 ขวดต่อการผลิต 1,000 ขวด ลดเหลือ 1.4 ขวดต่อการผลิ ต 1,000
ขวด [9] การนาเครื่ องมื อควบคุ มคุ ณภาพ (7QC Tool) มาประยุก ต์ใช้เพื่อ ทาการลดความสู ญเสี ย การ
ศึกษาวิจยั ด้านการจัดการการผลิ ตเพื่อ เพิ่ม ประสิ ทธิ ภาพทางการผลิ ตและลดความสู ญเสี ย 7 ประการ :
กรณี ศึกษาสายการผลิต LEVER TILE สามารถเพิ่มปะสิ ทธิภาพการผลิตเพิม่ ได้จากเดิมเป็ นร้อยละ 84.11
[8] การลดความสู ญเปล่าจากการทางานโดยการการลดความสูญเปล่าในการชุบเคลือบด้วยสังกะสี แบบ
จุ่มร้อน : กรณี ศึกษาโรงงานชุบสังกะสี ผลจากการขจัดกระบวนการที่ไม่เกิดคุ ณค่าสามารถลดเวลาจาก
เดิม 421 นาทีเหลือ 325.5 นาที สามารถลดเวลาได้ 95.5 นาทีคิดเป็ น 22.68 % [4] การออกแบบเครื่ องมือ
อุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงาน เพื่อลดความสู ญเสี ยในกระบวนการตัดท่อยาง ในโรงงานผลิตชิ้นส่ วนรถยนต์โดย
นา เครื่ องควบคุมคุณภาพ 7 แบบ (7QC Tool) โดยใช้แผนผังพาเรโตในการคัดเลือกรุ่ นของผลิตภัณฑ์ที่จะ
ทาการศึกษาและการออกแบบเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน (Jig and fixture design) สามารถลดความสู ญเสี ยใน
กระบวนการตัดท่อยางสาหรับชิ้นส่วนยานยนต์ลงทั้งหมดร้อยละ 100 คิดเป็ นมูลค่าวัตถุดิบเฉลี่ย 221,870
บาทต่อเดือน และมีระยะเวลาคืนทุนของการสร้างเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน 1.2 วัน
จากการค้นคว้างานวิจยั ที่ กล่ าวมาข้างต้นจะเห็ นได้ว่า มี การนาเครื่ อ งมื อ ควบคุ ม คุ ณภาพ ที่
นามาใช้ในการลดความสู ญเสีย อย่างมากมาย แต่ยงั ไม่พบงานวิจยั ที่ได้นาเครื่ องมื อควบคุมคุณภาพมาใช้
ในการลดของเสียของการป้อนชิ้นงานในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ ดังนั้นจึงได้นาทฤษฎีที่ได้อา้ งอิง
นามาใช้ในงานวิจยั เพือ่ ลดของเสี ยของการป้ อนชิ้นงานในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ โดยนาเครื่ องมือ
ควบคุมคุ ณภาพมาประยุกต์ใช้ดังนี้ การรวบรวมข้อ มู ล เพื่อ การแก้ไขปั ญหาใช้หลักลดความสู ญเสี ย 7
ประการ (7 Wastes) และเครื่ องมือควบคุมคุณภาพ 7 แบบ (7QC Tool) เพื่อทาการลดของเสียของการป้อน
ชิ้นงานในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ และทาการเก็บข้อมูลเปรี ยบเทียบความสูญเสียของผลิตภัณฑ์โดย
การใช้แผนภูมิพาเรโต วิเคราะห์ปัจจัยโดยใช้แผนผังแสดงเหตุและผล (Cause and Effect Diagram) จาก
39
ปั ญหาด้านคุ ณภาพที่เ กิ ดความสู ญเสี ย ได้นาหลักการออกแบบ (Jig &Fixture) มาใช้ในการออกแบบ
เครื่ องมืออุปกรณ์สาหรับการจับยึดชิ้นงานในขั้นตอนการให้ความร้อน และในขั้นตอนสุ ดท้ายได้ทาการ
ทดสอบตามสมมติฐานเพือ่ ยืนยันผลการทดลอง โดยงานวิจยั นี้ได้จดั ทาขึ้นตรงตามหลักการทางวิศวกรรม
อุตสาหการ
40
บทที่3
วิธีการดาเนินงานวิจัย
เนื้ อ หาในบทนี้ จะกล่ า วถึ ง ล าดับบ ับ้น ออนในกาดดั าเน นงานว จบย ดวมถึ ง แนวทางในกาด
ดัาเนนงานวจบยเกี่ยวกบบกาดลดััองเสี ยัองกาดป้ อ นช้นงานในกดะบวนกาดชุบแั็งอนดับกชบน่ โดัยกาด
ดัาเนนงานวจบยนบ้นทากาดศึกษาับ้นออนกดะบวนกาดผลอและทากาดเก็บั้อ มู ล ัองความสู ญเสี ยัอง
ช้นงานที่กดะบวนกาดชุบแั็งอนดับกชบน่ หลบงจากนบ้นไดั้ทากาดศึกษาวเคดาะห์หาสาเหอุัองปบ ญหาก่อนทา
กาดปดบบปดุ งแก้ไ ัและหลบงทากาดปดบบปดุ งแก้ไ ั กาดอบ้ง เป้ าหมายและแผนกาดดัาเนนงานวจบย กาด
วเคดาะห์ หาสาเหอุัองปบ ญหาและนาเสนอแนวทางทากาดปดบบปดุ งแก้ไ ัอ่อ ผูบ้ ดหาด แล้วดัาเนนกาด
ปดบบปดุ งและทากาดเก็บั้อมูลหลบงกาดปดบบปดุ ง วเคดาะห์ปดะมวลผล กาหนดัเป็ นมาอดฐาน สดุ ปผลกาด
ดัาเนนงานวจบย ซึ่งแสดังไดั้เป็ นแผนผบงับ้นออนกาดดัาเนนงานไดั้ ดับงแสดังในดู ปที่ 3.1
ศึกษาผลอภบณฑ์และกดะบวนกาดผลอ
เก็บั้อมูลและศึกษาวเคดาะห์สภาพปบ ญหาก่อนทากาดปดบบปดุ ง
กาดอบ้งเป้าหมายและแผนกาดดัาเนนงานวจบย
วเคดาะห์หาสาเหอุัองปบ ญหา
นาเสนอแนวทางกาด ไม่อนุมอบ
อนุมอบ
ดัาเนนกาดปดบบปดุ ง
เก็บั้อมูลหลบงกาดปดบบปดุ ง
ไม่บดดลุวอบ ถุปดะสงค์
วเคดาะห์และ
ปดะมวลผล
บดดลุวอบ ถุปดะสงค์
กาหนดัเป็ นมาอดฐาน
สดุ ปผลกาดดัาเนนงานวจบย
42
3.1 ศึกษาขั้นตอนการปฏิบัติงาน
3.1.1 ั้อมูลผลอภบณฑ์
เพลาับบ ( Intermediate Shaft ) ผลอภบณฑ์อวบ อย่าง เป็ นส่ วนปดะกอบดถยนอ์ที่อดัอบ้งใน
ส่วนัองชุดัปดะกอบพวงมาลบย ทาหน้าที่เป็ นส่ วนกลางส่ งอ่อกาลบงกาดับบเคลื่อนชุดัพวงมาลบยดถยนอ์ ดับง
แสดังในดู ปที่ 3.2
43
3.1.2 กดะบวนกาดผลอชุบแั็งอนดับกชบน่
บด ษบท ที่ ใ ช้เ ป็ นกดณี ศึ ก ษาเป็ นบด ษบท ที่ ดบ บ ผล อช้ น ส่ ว นปดะเภทโลหะที่ ท ากาดชุ บ แั็ ง
อ นดับกชบ่น ผลอภบณ ฑ์อ บวอย่าง เพลาับบ ซึ่ งเป็ นส่ วนปดะกอบดถยนอ์ที่อ ดัอบ้ง ในส่ ว นัองชุ ดัปดะกอบ
พวงมาลบย ทาหน้า ที่เ ป็ นส่ ว นกลางส่ ง อ่อ ก าลบงกาดับบ เคลื่ อ นชุ ดั พวงมาลบย ดถยนอ์ ซึ่ งมี ั้ บน ออนกาด
ปฎบบองาน 10 ับ้นออน โดัยกดะบวนกาดผลอจะเด่ มอ้นจากกาดอดวจสอบดั้วยสายอา (Visual Control) เป็ น
กาดอดวจสอบช้นงานที่ส่งมาจากลูกค้าโดัยกาดสุมอดวจ 5% อ่อจานวนช้นงานโดัยลูกค้าส่ งช้นงานเั้ามา
ผลอปดะมาณ 10,554 ช้นอ่อวบน บดดจุเป็ นกดะบะๆละ 60 ช้น ทบ้งหมดั 176 กดะบะโดัยมีลาดับบับ้นออนใน
กาดปฏบบองาน สามาดถอธบายไดั้ดังบ นี้
1) ับ้นออนกาดดบบงานับ้นออนกาดดบบผลอภบณฑ์มาจากลูกค้าโดัยทากาดอดวจจานวน
ให้อดงอามใบสบ่งงาน ( Job Order ) ทากาดส่ งผลอภบณฑ์เั้าแผนก อนดับกชบน่ เพื่อ ดัาเนนกาดอามับ้นออน
กาดอดวจสอบช้นงาน
2) ับ้นออนกาด อดวจสอบ คุณภาพผลอภบณฑ์ ช้นงาน เป็ นกดะบวน กาดอดวจสอบ ดั้วย
สายอา (Visual control) โดัยวธีกาดสุ่ ม อบวอย่างจากแอ่ล ะดุ่ น ซึ่ งโดัยกาดสุ่ มอดวจ 5 % ในกาดสุ่ มช้ นงาน
ทบ้งหมดั กาดจาแนกลบกษณะ ัองเสียจะอดวจสอบ ลบกษณะช้นงาน ที่เป็ นดอยยุบ (Dent) และผดัดู ปทดงเป็ น
สนม ช้ นงานผ่านกาดอดวจสอบยอมดบ บ (Accept) จึงจะไหลเั้าสู่ กดะบวนกาดชุ บ แั็งอ นดับกชบ่น ส่ ว น
ช้นงานที่ไม่ผา่ นกาดยอมดบบ ดับงแสดังในดู ปที่ 3.3 จะถูกวางไว้พ้นื ที่ดอส่งคืนลูกค้าทบนที
44
3) ับ้นออน กาดให้ความด้อน ( Induction ) พนบกงานปดะจาเคดื่ องจบกด ที่ดบบผดัปฏบบอ
หน้าที่ นาช้ น งานเั้าเคดื่ อ งจบกดเพื่อ ทากาดชุ บแั็ง อนดับก ชบ่นโดัยจะน าช้ นงานเั้าจ๊ก (Jig Fixture) โดัย
เคดื่ องจบกดที่ทากาดชุบแั็งอนดับกชบน่ มีกาลบงไฟฟ้า 100 Kw 30 KHz จะมีกาดควบคุมกาดทางานอามับ้นออน
กาดทางานที่บนบ ทึกไว้อามโปดแกดม (Condition) โดัยมีออบ ดากาดเคลื่อนที่ 16 Sec./mm. ความเด็วดอบหมุน
220 RPM ัองช้นงานแอ่ละดุ่ น เคดื่ องจบกดจะทางานคดบ้งละ 2 ช้น อ่อดอบกาดทางาน 1 ดอบอามมาอดฐาน
กาหนดัไว้ ช้นงานที่ผา่ นกาดชุบแั็งอนดับกชบน่ แล้วพนบกงานจะหยบช้นงานนามาวางไว้ที่กดะบะั้างัาออก
ซึ่งคนละั้างกบบช้นงานที่ยงบ ไม่ผา่ นกดะบวนกาดชุบแั็ง ดับงแสดังในดู ปที่ 3.4
45
รู ปที่ 3.5 ับ้นออนกดะบวนกาดล้าง
46
รู ปที่ 3.6 ับ้นออนกาดอดวจสอบคุณภาพผลอภบณฑ์หลบงกาดชุบแั็งอนดับกชบน่
47
รู ปที่ 3.7 ับ้นออนกาดอบช้นงาน
48
8) ับ้นออนกาดอดวจสอบคุณภาพผลอภบณฑ์ หลบงกาดอบช้นงาน เป็ นกดะบวนกาดอดวจ
สอบดั้วยสายอา โดัยอดวจสอบช้นงานจานวน 2 ช้นัองแอ่ละใบสบ่งกาดผลอ (Job Order) จากอบวอย่างแอ่
ละดุ่ น ซึ่งอามมาอดฐานกาดอดวจสอบช้นงาน เพื่ออดวจสอบคุณภาพช้นงานโดัยมีกาดอดวจสอบความซึ ม
ลึ กดอยัองกาดชุ บแั็ง อ นดับกชบ่น พด้ อ มความแั็งัองช้ นงานก่ อ นส่ งเั้าไปที่ั้ บนออนกาดอดวจสอบ
ลบกษณะกายภาพ ัองผลอภบณฑ์และลงน้ ามบนกบนสนมโดัยแอ่ละดุ่ นมีความแั็งดับงนี้ ดุ่ นที่ 1. ค่าความแั็ง
550-800 HV ความลึก 0.5-2.5 mm. ดุ่ นที่ 2. ค่าความแั็ง 400-650 HV ความลึ ก 1.5-2.5 mm. ดุ่ นที่ 3. ค่า
ความแั็ง 550-800 HV ความลึก 0.5-2.5 mm. ดุ่ นที่ 4. ค่าความแั็ง 400-650 HV ความลึก 0.5-3.5 mm. ดุ่ น
ที่ 5. ค่าความแั็ง 550-800 HV ความลึก 0.5-2.5 mm. ดุ่ นที่ 6. ค่าความแั็ง 400-650 HV ความลึก 0.5-3.5
mm. ดุ่ นที่ 7. ค่าความแั็ง 550-800 HV ความลึก 0.5-2.5 mm. ดับงแสดังในดู ปที่ 3.9
49
9) ับ้นออนกาดอดวจเช็คคุณภาพผลอภบณฑ์ และลงน้ ามบนกบนสนม พด้อมบดดจุภาชนะ
เป็ นกดะบวนกาด อดวจสอบดั้วยสายอาโดัยกาดอดวจสอบ 100 % ัองแอ่ละดุ่ น ซึ่ งโดัยกาดอดวจสอบหา
ความผดัปกอช้นงานที่ไม่ไดั้อามมาอดฐานเพือ่ จาแนกลบกษณะัองเสีย จะอดวจสอบลบกษณะช้นงาน ที่เป็ น
ดอย (Dent) และอดวจสอบดะยะชุบอนดับกชบน่ และ เป็ นสนม ช้นงานเสียดู ป ช้นงานไม่หมุน ช้นงานที่ผ่าน
กาดยอมดบบ (Accept) จึงจะไหลเั้าสู่ กาดลงน้ ามบนกบนสนมพด้อ มบดดจุภาชนะเพื่อดอกาดจบดัส่ งให้ลูกค้า
ส่วนช้นงานเสียจะถูก ไว้พ้นื ที่งาน NG. ดอส่งคืน ส่งมอบให้ลูกค้า ดับงแสดังในดู ปที่ 3.10
ลบกษณะช้นงานไม่หมุน
50
ในโดงงานอบวอย่างที่ใช้ในกาดศึกษาในคดบ้งนี้ปดะกอบดั้วย 8 แผนกหลบก ดับงแสดังในดู ปที่ 3.11
1. แผนกฝ่ ายบดหาด
2. แผนกกาดอลาดั 3. แผนกจบดัซื้อ
4. แผนกซ่อมบาดุ ง 5. แผนกบุคคล
51
แผนกที่ 7 แผนกอดวจสอบคุณภาพ (Quality Control Department) ทาหน้าที่อดวจสอบช้นงาน
อามที่มาอดฐานที่กาหนดัไว้โดัยลูกค้า
แผนกที่ 8 แผนกจบดัส่ง (Delivery Department) ทาหน้าที่ดบบช้นงานจากลูกค้าเพือ่ นามาผลอ
พด้อมจบดัส่งช้นงานที่ทากาดผลอเสด็จให้กบบ ลูกค้า
52
ตารางที่ 3.1 ั้อมูลกาดใช้งานกาดเปลี่ยนเคดื่ องมือจบบยึดัช้นงานก่อนกาดปดบบปดุ ง เดัือน มี.ค. พ.ศ. 2558-
ก.พ. พ.ศ. 2559
53
จานวน / ชิ้น ของเสี ยทีเ่ กิดในกระบวนการชุบแข็งอินดักชั่น
16000 14,049
14000
12000
10000
8000
6000
4000 1,002 1,954
2000 0 0 0 319 0 181 0
0
ขั้นตอนการผลิต
รู ปที่ 3.13 ัองเสียในับ้นออนกาดผลอ เดัือน มี.ค. พ.ศ. 2558 – ก.พ. พ.ศ. 2559
54
3.3 การวิเคราะห์ หาสาเหตุของปัญหา
งานวจบยนี้ไดั้นาเคดื่ องมือคุณภาพ 7 แบบ (7QC Tool) และมาใช้ในกาดวเคดาะห์ดังบ นี้
3.3.1 ใช้แผนภูมแท่งกาดจบดัลาดับบเพือ่ ใช้วเคดาะห์หาความถี่สะสมัองปบ ญหา ความสูญเสียัอง
ช้นงาน (Defect) ที่เกดััึ้นในกดะบวนกาดชุบแั็งอนดับกชบน่ แล้วเพือ่ แสดังให้เห็นถึงปบ ญหาไดั้อย่างชบดัเจน
3.3.2 วเคดาะห์ปบจจบยโดัยใช้แผนผบงแสดังเหอุและผล (Cause and Effect Diagram) จากปบ ญหา
ดั้านคุณภาพที่เกดััึ้น ความสูญเสียที่ไดั้จากกาดใช้แผนภูมแท่งกาดจบดัลาดับบ เพือ่ หาสาเหอุัองปบ ญหาที่เกดั
ให้ไดั้คดบทุกดั้าน คือ พนบกงาน (Man) เคดื่ องจบกด (Machine) วบอถุดับ (Material) วธีกาดทางาน (Method)
ซึ่งในแอ่ละสาเหอุหลบก ก็จะถูกแยกออกเป็ นสาเหอุยอ่ ยๆซึ่ งจะทาให้ไดั้สาเหอุที่เกดััองปบ ญหา ดับงแสดัง
ในดู ปที่ 3.14-3.17
55
รู ปที่ 3.15 ดู ปแสดังเหอุและผลปบ ญหาดะยะชุบแั็งไม่ไดั้
56
รู ปที่ 3.17 ดู ปแสดังเหอุและผลปบ ญหาช้นงานเสียดู ป
57
ผูป้ ฏบบองานในแผนกอนดับกชบน่ โดัยผูบ้ งบ คบบบบญชาจะอ้องทาความเั้าใจให้ทดาบถึงสาเหอุัองปบ ญหาที่เกดั
หากทุกฝ่ ายสามาดถดัาเนนกาดไดั้อามที่นาเสนอ ไดั้ดบบความเห็นชอบจากผูบ้ ดหาดดะดับบสู ง กดดมกาด
ผูจ้ ดับ กาดอนุ มอบ ให้สามาดถเด่ มปฏบบอไดั้ เพื่อลดััองเสี ยกบบช้นงานจากกาดป้อนช้นงานในกดะบวนกาดชุบ
แั็งอนดับกชบน่ ในับ้นออนกาดให้ความด้อน
3.5 ดาเนินการปรับปรุง
หลบง จากกดดมกาดผูจ้ บดั กาดอนุ ม บอ เห็ น ชอบให้ท ากาดแก้ไ ัปดบ บ ปดุ ง กดะบวนกาด ไดั้เ ด่ ม
ดัาเนนกาดปดบบปดุ งแก้ไ ัในทบนที โดัยลาดับบแดกทากาด สาดวจ สภาพปบ จจุบนบ ัองเสี ยที่เกดััึ้นเป็ น
อย่างได และมีแนวทางแก้ไัอย่างได โดัยทาเก็บั้อมูลัองปบ ญหาจากกาดทางานในับ้นออนกาดผลอ เพื่อ
ศึกษาหน้างานพบว่าสาเหอุัองปบ ญหาที่เก ดััึ้นนบ้นมาจากกาดับ้นออนกาดให้ความด้อน ปบ ญหาหลบกคือ
ช้นงานไม่หมุน ดะยะชุบแั็งไม่ไดั้อามที่กาหนดั ค่าความแั็งไม่ไดั้อามที่กาหนดั ช้นงานเสียดู ป ซึ่งเกดััึ้น
ทุกคดบ้งที่มีกาดผลอในแอ่ละ Lot กาดผลอโดัยไดั้หาวธีกาดปดบบปดุ งทาให้ัองเสียัองกาดป้อนช้นงานใน
กดะบวนกาดชุบแั็งับ้นออนกาดให้ความด้อนไม่ให้เกดัความสูญเสีย
58
3.7 วิเคราะห์ และประมวณผล
จากที่ดั าเน นกาดปดบ บ เปลี่ ยนอุ ป กดณ์ และดวบดวมั้อ มู ลหลบง จากกาดปดบ บ ปดุ ง โดัยทากาด
เปดี ย บเที ย บอบอ ดาัองเสี ย ก่ อ นท ากาดปดบบ ปดุ ง - หลบง ท ากาดปดบบ ปดุ ง โดัยหลบง กาดเปดี ย บเที ย บกบบ
วบอถุปดะสงค์ที่กาหนดัไว้ หากผลที่ไดั้ไม่เป็ นไปอามวบอถุปดะสงค์ให้ทากาดวเคดาะห์หาสาเหอุัองปบ ญหา
ใหม่
3.9 สรุปผลการดาเนินงานวิจยั
สดุ ปผลกาดวจบยทบ้งหมดัโดัยกาดเปดี ยบเทียบมูลค่าความสู ญเสียก่อนทากาดปดบบปดุ ง – หลบงทา
กาดปดบบปดุ ง วธี กาดดัาเนนกาดวจบยคดบ้ งนี้ นาเทคนคกาดออกแบบเคดื่ อ งมื อ จบบยึดัช้ นงาน และเทคนค
ทางดั้านวศวกดดมอุอสาหกาด มาใช้ในกาดปดบบปดุ งแก้ไั เพื่อทากาดลดััองเสี ยัองกาดป้ อนช้นงานใน
กดะบวนกาดชุบแั็งอนดับกชบน่ โดัยหบวั้อ ที่สดุ ปผลจะอ้อ งสอดัคล้องกบบวบอถุ ปดะสงค์ัองงานวจบยที่ไ ดั้
กาหนดัไว้ สดุ ปั้อเสนอแนะและปบ ญหาอ่างๆที่พบในงานวจบย เพือ่ เป็ นแนวทางในกาดปดบบปดุ งในกาดลดั
ัองเสียในกดะบวนกาดผลออ่อไป
59
บทที่4
ผลการดาเนินการวิจัย
61
รู ปที่ 4.2 แบบเครื่ องมืออุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงาน แบบใหม่
62
ลักษณะส่วนลาตัวของเครื่ องมืออุปกรณ์
จับยึด ชิ้นงาน ใช้เหล็ก S45C แบบใหม่
4.3 ผลการดาเนินการปรับปรุง
หลังจากที่มีการวิเคราะห์หาสาเหตุของปั ญหาพร้อมแนวทางแก้ไขของปั ญหาพบ สาเหตุของ
ปั ญหาที่เกิดขึ้น ได้ทาการออกแบบเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานแบบใหม่ แล้วทาการทดลองนาเครื่ องมือจับยึด
แบบใหม่ ที่มีลกั ษณะส่วนปลายของเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานใช้ทงั สเตนคาร์ไบด์ ทามุมขับ 60° ทั้ง 4 มุมทา
การประกอบเข้ากับเครื่ องจักรเพือ่ ทาการทดลองขับหมุนชิ้นงาน ดังแสดงในรู ปที่ 4.4,4.5,4.6
63
รู ปที่ 4.4 เครื่ องมืออุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงาน ช่วยในการขับหมุนแบบใหม่
64
รู ปที่ 4.6 เครื่ องจักรและเครื่ องมือจับยึดแบบใหม่ ในขณะขั้นตอนการให้ความร้อน
65
ตารางที่ 4.1 ยอดจานวนการผลิตกับยอดของเสียในกระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ หลังการปรับปรุ ง เดือน
มี.ค. พ.ศ. 2559-เม.ย. พ.ศ. 2559
66
จานวนของเสี ย/ชิ้น สาเหตุการสู ญเสี ยของผลิตภัณฑ์
700 100 100
600 90.78 90
80.26 80
500 70
400 68.94 60
300 216 51.44 50
40
200 30.99 135 110 62 44
30
20
100 0 10
0 0
จานวนของเสี ย/ชิ้น
ของเสี ยทีเ่ กิดในกระบวนการชุบแข็งอินดักชั่น
250 216
200 160
150 86
100 50 30
50 0 0 25 0 0
0
ขั้นตอนการผลิต
67
ตารางที่ 4.2 ยอดจานวนการผลิตกับยอดของเสียในขั้นตอนการให้ความร้อน หลังการปรับปรุ ง เดือน
มี.ค. พ.ศ. 2559-เม.ย. พ.ศ. 2559
68
ผลการเก็บข้อมูลการใช้งานการเปลี่ยนเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน เดือน มี.ค. พ.ศ. 2559- เม.ย. พ.ศ.
2559 หลังทาการปรับปรุ ง เครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน ทาการผลิตชิ้นงานทั้งหมด ทุกรุ่ นของผลิตภัณฑ์ 7 รุ่ น
จานวน 339,017 ชิ้น ยังไม่ได้ทาการเปลี่ยนเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน ดังแสดงในตารางที่ 4.3
0.6
0.51
0.5
0.4
0.3
0.2
0.1
0.07
0
ก่อนทาการปรับปรุ ง หลังทาการปรับปรุ ง
69
จานวนการผลิตกับจานวนของเสี ย
จานวน / ชิ้น
3,000,000 2,738,942
2,000,000
1,000,000 339,017
17,505 567
0
ก่อนการปรับปรุง หลังการปรับปรุง
0.4
0.17
0.2
0
ก่ อนการปรับปรุง หลังการปรับปรุง
70
4.6 ผลการกาหนดเป็ นมาตรฐานการใช้ งานเครื่ องมือจับยึด
หลังจากการวิเคราะห์เปรี ยบเทียบข้อ มูล ของเสี ยในขั้นตอนการให้ความร้อน ก่อนปรับปรุ ง -
หลังปรับปรุ ง ผลจากการทดลองพร้อมเก็บข้อมูลเป็ นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้งั ไว้ หลังจากนั้นกาหนดระบุ
เป็ นมาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานในขั้นตอนการให้ความร้อน โดยกาหนดเป็ นมาตรฐานใน
กระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ ดังแสดงในภาคผนวก ก ในการผลิตรุ่ นผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง จึงทาให้จานวน
ของเสียที่เกิดจากสาเหตุชิ้นงานไม่หมุน ลดน้อยลง ดังแสดงในตารางที่ 4.1,4.2
4.7 ผลการของระยะเวลาคืนทุน
การออกแบบดาเนิ นการจัดทาอุปกรณ์ช่วยในการจับยึดชิ้นงาน ช่วงเวลาที่ได้รับผลตอบแทนใน
รู ปกระแสเงินสดเข้าเท่ากับกระแสเงินสดจ่ายลงทุนกระแสเงินที่ได้รับแต่ละช่วงนั้น แทนด้วยของเสี ยที่
เกิ ดขึ้น ก่ อ นการปรับปรุ งสู ญเสี ย 53,034 บาท หลังการปรับปรุ ง สู ญเสี ย 10,142.5 บาท สามารถลดได้
42,891.50 บาท ต่อเดือน จานวนในการจัดทาเครื่ องมืออุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงานนั้นมีท้ งั หมด 10 ชิ้น ที่ใช้ใน
การผลิตชิ้นงานของรุ่ นตัวอย่างได้รวบรวมไว้ ดังแสดงในตาราง 4.4
เงินลงทุนเริ่ มแรก
ระยะเวลาคืนทุน = (4.1)
กระแสเงินที่ได้รับแต่ละช่วง
14,000 (บาท)
ระยะเวลาคืนทุน = 42,891.5 (บาทต่อเดือน) (4.2)
71
4.8 ผลการสรุปผลการดาเนินการแก้ไข
จากการค้นหาสาเหตุของปั ญหาที่เกิดขึ้นและหาแนวทางแก้ไขปั ญหาโดยนาเอาเทคนิควิศวกรรม
อุตสาหการเพือ่ นาไปใช้ในการแก้ไขปั ญหาในขั้นตอนการให้ความร้อนในการชุบแข็งอินดักชัน่ และได้นา
นาเอาการออกแบบเครื่ องมือจับยึด ช่วยในการขับหมุนชิ้นงานของการป้อนชิ้นงานในขณะทาการให้ความ
ร้ อ นชุ บ แข็ ง กับ ชิ้ น งานท าให้ ไ ม่ เ กิ ด ความสู ญ เสี ย กับ ชิ้ น งานเพลาขับ จึ ง ท าให้ล ดของเสี ย ที่ เ กิ ด ใน
กระบวนการชุบแข็งอินดักชัน่ ลดน้อยลงโดยเฉลี่ย 284 ชิ้นต่อเดือน พร้อมทั้งขั้นตอนการกระบวนการให้
ความร้อนลดน้อยลง โดยเฉลี่ย 108 ชิ้นต่อเดือน ในการแก้ไขปรับปรุ ง โดยการออกแบบเครื่ องมือจับยึด
นั้น สามารถแก้ไขปั ญหา ชิ้นงานไม่หมุน ระยะชุบไม่ได้ตามที่กาหนด ค่าความแข็งไม่ได้ตามที่กาหนด
ชิ้นงานเสียรู ป ลดน้อยลง และยังเพิม่ อายุการใช้งานของเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานได้มากขึ้น
72
บทที่ 5
สรุปผลการวิจัย การอภิปรายผล และข้ อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการวิจยั
จากการศึกษา ปรับปรุ งกระบวนการลดของเสียของการป้อนชิ้นงานในชุบแข็งอินดักชัน่ การเก็บ
ข้อ มู ลของเสี ย นามาวิเคราะห์สาเหตุของการเกิ ดของเสี ยด้วย เครื่ อ งมือ ควบคุ ม คุณภาพ 7 QC Tool ผัง
แสดงเหตุและผล และการออกแบบ เครื่ องมือจับยึด โดยปกติก่อนการปรับปรุ งแก้ไข ของเสียที่เกิดขึ้นกับ
ชิ้นงาน 0.63% เฉลี่ย 1,459 ชิ้นต่อเดือน ของจานวนการผลิต เฉลี่ย 228,245 ชิ้นต่อเดือน ลดลงเหลือร้อย
ละ 0.17 จานวนเฉลี่ย 284 ชิ้นต่อเดือน ของจานวนการผลิต เฉลี่ย 169,509 ชิ้นต่อเดือน ลดลงได้ถึง 73 %
และขั้นตอนการให้ความร้อน ลดน้อยลง จากเดิมของเสี ย คิดเป็ น 0.51% จานวนเฉลี่ย 1,171 ชิ้นต่อเดือน
ของจานวนชิ้นงานที่ผลิต ลดลงเหลือ 0.07 % ของจานวนการผลิต เหลือของเสี ย เฉลี่ย 108 ชิ้นต่อเดือน
และสามารถเพิม่ อายุการใช้งานเครื่ องมือจับยึดชิ้นงานในการป้ อนชิ้นงานในกระบวนชุบแข็งจากเดิมเฉลี่ย
152,163.44 ชิ้น สามารถเพิม่ ขึ้น จานวน 339,017 ชิ้น ยังไม่มีการเปลี่ยนเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน ซึ่ งเป็ นที่น่า
พอใจในการปรับปรุ งในครั้งนี้ ทาการแก้ไขเพื่อลดความสู ญเสี ยที่ส่งผลกระทบกับบริ ษทั ตัวอย่าง ที่ไ ด้
ทาการศึกษาและสามารถเพิม่ ศักยภาพในสายการผลิตให้มีประสิ ทธิภาพมากขึ้น หลังจากการปรับปรุ ง
กระบวนการผลิตแล้วพบว่าของเสี ยที่เกิดนั้น มาจากขั้นตอนกระบวนการให้ความร้อน ซึ่ งเป็ นขั้นตอน
หลักที่ทาให้เกิดของเสียมากสุด โดยปั ญหาการสูญเสียทั้งหมดสาเหตุมาจาก ชิ้นงานไม่หมุน
5.2 อภิปรายงานวิจยั
การดาเนิ นงานวิธีการวิจยั ได้แก่ การเก็บข้อมูลของเสี ย ใช้เทคนิคควบคุมคุณภาพ 7 QC Tool มา
วิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดปั ญหาของเสี ยและเก็บข้อมูลอายุการใช้งานของเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน ได้
นาการออกแบบ สร้างเครื่ องมืออุปกรณ์ ที่ช่วยในการจับยึดชิ้นงาน (Jig fixture) เพือ่ ช่วนในการลดของเสีย
ของการป้อนชิ้นงาน ในขั้นตอนกระบวนการให้ความร้อน ของกระบวนการชุบ แข็งอินดักชัน่ ได้ทาการ
เปรี ยบเทีย บผลที่ไ ด้รับ ก่ อ นท าการปรับ ปรุ ง แก้ไ ขและหลัง ทาการปรั บปรุ งแก้ไ ข จากการออกแบบ
เครื่ อ งมื ออุ ปกรณ์ จบั ยึด ชิ้ น งานใหม่ พบว่าสามารถเพิ่ม อายุการใช้ง าน ลดการเปลี่ ย นเครื่ อ งมื อ จับยึด
ชิ้นงานในการป้ อ นชิ้ นงานในกระบวนการชุ บแข็ง จากเดิ ม เฉลี่ ย 152,163.44 ชิ้ น หลังทาการปรับปรุ ง
สามารถทาการป้ อนชิ้นงานในกระบวนการชุบแข็งได้ปริ มาณจานวนมากขึ้น จานวน 339,017 ชิ้น ยังไม่มี
การเปลี่ ยนเครื่ องมือจับยึดชิ้นงาน และสามารถลดความสู ญเสี ยกับชิ้นงานที่เกิ ดขึ้น ในกระบวนการชุ บ
แข็งอินดักชัน่ ของผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง เพลาขับ (Intermediate Shaft) โดยการเก็บข้อมูลก่อนปรับปรุ งตั้งแต่
มีนาคม พ.ศ. 2558–กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 พบของเสี ยที่เกิดขึ้น เฉลี่ย 1,459 ชิ้นต่อเดือน ในขั้นตอนการให้
ความร้อน เฉลี่ย 1,171 ชิ้นต่อเดือน คิดเป็ น 0.51% หลังทาการปรับปรุ ง ตั้งแต่ มีนาคม พ.ศ. 2559-เมษายน
พ.ศ. 2559 ลดลงเหลื อ เฉลี่ย 284 ชิ้นต่อเดื อน ในขั้นตอนการให้ความร้อนลดลงเหลือ เฉลี่ย 108 ชิ้นต่อ
เดือน คิดเป็ น 0.07%
5.3 ข้ อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะพบว่าของเสี ยของการป้อนชิ้นงานในขั้นตอนการให้ความร้อน เป็ นขั้นตอนหลักที่
ทาให้เกิดความสู ญเสี ยมากสุ ดโดยปั ญหาการสู ญเสียทั้งหมดมาจากสาเหตุ ชิ้นงานไม่หมุน ดังนั้น การนา
งานวิจยั ฉบับนี้ ไปใช้น้ ันต้อ งคานึ งถึ ง เครื่ อ งมือ อุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงาน ที่เหมาะสมที่ช่วยในการขับหมุ น
ชิ้นงานให้มีประสิทธิภาพ หากนาไปใช้กบั งานประเภทอื่นๆนั้นต้องทาการออกแบบเครื่ องมืออุปกรณ์ที่
ใช้ในการจับยึดชิ้นงานให้เหมาะกับลักษณะของชิ้นงานประเภทนั้นๆ ควรนาหลักวิธีการหลักความคิดที่
ได้จากงานวิจยั เพือ่ ให้การใช้งานอย่างมีประสิ ทธิภาพ
74
บรรณานุกรม
75
บรรณานุกรม (ต่ อ)
76
บรรณานุกรม (ต่ อ)
[16] Miltenberg, J. and Wijingaard, J. 1994. The U- line balancing problem, Management Sciences,
40(10): 1378-1388.
[17] Sury, R. J. 1971. Aspects of assembly line balancing. International Journal of Production Research,
9: 8-14.
[18] Lowry, S.M., H. B. Maynard and G. J. Stegemerten. 1940. Time and Motion Study and Formulas
for Wage Incentives, 3rd ed., NY: McGraw-Hill.
[19] J. Choi and R. Edward Minchin. 2006. Workflow management and productivity control for
asphalt pavement operations, Canadian Journal of Civil Engineering vol33, 1039-1049
[20] Paul H.P Yeuw and Rabinda NathSen. 2006. Productivity and quality improvement revenue
increment and rejection cost reduction manual component insertion lines through the
application of ergonomic, International Journal of Industrial Ergonomics vol36, 367-377
[21] S. Gangopadhyay, I. Das, and G. Ghoshal. 2006. Work organization in sand core manufacturing
for health and productivity, International Journal of Industrial Ergonomics vol36, 915-920
[22] ผศ.ดร.วรรณรพี บานชื่นวิจิตร,การจัดการการเงิน, กรุ งเทพฯ:สานักพิมพ์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง,
2557. หน้า 117-125
77
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
มาตรฐานการใช้ งานเครื่ องมือจับยึด (Jig Fixture)
79
รู ปที่ ก.1 มาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดกับผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง รุ่ นที่1
80
รู ปที่ ก.2 มาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดกับผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง รุ่ นที่2
81
รู ปที่ ก.3 มาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดกับผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง รุ่ นที่3
82
รู ปที่ ก.4 มาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดกับผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง รุ่ นที่4
83
รู ปที่ ก.5 มาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดกับผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง รุ่ นที่5
84
รู ปที่ ก.6 มาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดกับผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง รุ่ นที่6
85
รู ปที่ ก.7 มาตรฐานการใช้งานเครื่ องมือจับยึดกับผลิตภัณฑ์ตวั อย่าง รุ่ นที่7
86
ภาคผนวก ข
ผลงานตีพมิ พ์เผยแพร่
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
ประวัติผ้ เู ขียน
98