Professional Documents
Culture Documents
รายงานการเคลื่นไหวเข้าจังหวะ
รายงานการเคลื่นไหวเข้าจังหวะ
จัดทาโดย
นางสาว ทักษวดี คุณวุฒิ
ระดับชั้นปี ที่ 3 สาขาวิชา เตรี ยมบริ หารธุรกิจ
เสนอ
อาจารย์ ศิรินภา ใจเมือง
คำนำ
รายงานฉบับนี้ เป็ นส่ วนหนึ่ง ของวิชาการเคลื่อนไหวเข้าจังหวะโดยมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาความรู ้ที่
ได้จากกีฬาลีลาศ ซึ่ งรายงานนี้ มีเนื้ อหาเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมาของกีฬาลีลาศในประเทศและต่างประเทศ
ประโยชน์กีฬาลีลาศ มารยาทผูเ้ ล่นและผูเ้ ข้าชมการแข่งขันกีฬาลีลาศ สมรรถภาพทางกาย ทักษะจังหวะบีกิน
จังหวะชะชะช่า และกฎ กติกาการแข่งขัน
ผูจ้ ดั ทาได้เลือกหัวข้อนี้ ในการทารายงาน เนื่ องมาจากเป็ นเรื่ องที่น่าสนใจ ผูจ้ ดั ทาหวังว่ารายงานฉบับนี้
จะให้ความรู ้ และเป็ นประโยชน์แก่ผอู ้ ่านทุกท่าน หากมีขอ้ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่น้ ีดว้ ย
สำรบัญ
เรื่ อง หน้ ำ
คำนำ ก
สำรบัญ ข
สำรบัญรู ปภำพ ค
ประวัติลลี ำศในต่ำงประเทศ 1
ประวัติลีลาศ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ 1
ประวัติลีลาศ ยุคโบราณ 1
ประวัติลีลาศ ยุคกลาง 2
ประวัติลีลาศ ยุคฟื้ นฟู 3
ประวัติลีลาศ ยุคโรแมนติค 5
ประวัติลีลาศ ยุคปัจจุบนั 6
ประวัติลลี ำศไทย ประวัติลลี ำศในประเทศไทย 8
ควำมหมำยของลีลำศ 11
ประโยชน์ ของลีลำศ 11
มำรยำทในกำรเต้นลีลำศ 12
การเตรี ยมตัว 12
ก่อนออกลีลาศ 12
ขณะเต้นลีลาศ 13
มำรยำทในกำรลีลำศของสุ ภำพบุรุษ 14
มำรยำทในกำรลีลำศของสุ ภำพสตรี 15
มำรยำทของผู้เข้ ำชมลีลำศ 15
สมรรถภำพทำงกำย 15
กำรเต้นลีลำศจังหวะบีกนิ ( Begin ) 16
ดนตรี และการนับจังหวะ 16
การจับคู่ 16
การก้าวเท้า 16
ทักษะการเต้นจังหวะบีกิน 16
ค
เรื่ อง หน้ ำ
ท่าที่ 1 20
ท่าที่ 2 22
ท่าที่ 3 24
ท่าที่ 4 26
ท่าที่ 5 28
กำรเต้นลีลำศจังหวะชะชะช่ ำ 31
ดนตรี และการนับจังหวะชะชาช่า 31
การจับคู่ 31
การก้าวเท้า 31
ทักษะการเต้นราจังหวะ ชะ ชะ ช่า 32
การหมุน 34
กฎกติกำของกีฬำลีลำศ 35
กำรให้ คะแนน 35
บรรณำนุกรม 36
ง
สำรบัญรูปภำพ
หน้ ำ
ภาพที่ 1 ภาพแสดงการเต้นรา ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ 1
ภาพที่ 2 ภาพการแสดงงานเต้นรา ในยุคโบราณ 2
ภาพที่ 3 ภาพแสดงงานเลี้ยงเต้นรา ในยุคกลาง 3
ภาพที่ 4 ภาพแสดงงานเลี้ยงเต้นรา ในยุคฟื้ นฟู 4
ภาพที่ 5 ภาพแสดงงานเลี้ยงเต้นรา ในยุคโรแมนติค 6
ภาพที่ 6 ภาพแสดงงานเลี้ยงเต้นรา ในยุคปัจจุบนั 8
ภาพที่ 7 ภาพแสดงการเต้นลลาศในประเทศไทย 9
ภาพที่ 8 จังหวะที่ 1-3 ท่าที่ 1 20
ภาพที่ 9 จังหวะที่ 4 ท่าที่ 1 21
ภาพที่ 10 จังหวะที่ 5 ท่าที่ 1 21
ภาพที่ 11 จังหวะที่ 6 ท่าที่ 1 21
ภาพที่ 12 จังหวะที่ 7 ท่าที่ 1 22
ภาพที่ 13 จังหวะที่ 8 ท่าที่ 1 22
ภาพที่ 14 จังหวะที่1-2 ท่าที่ 2 23
ภาพที่ 15 จังหวะที่ 3 ท่าที่ 2 23
ภาพที่ 16 จังหวะที่ 4 ท่าที่ 2 23
ภาพที่ 17 จังหวะที่ 7 ท่าที่ 2 24
ภาพที่ 18 จังหวะที่ 8 ท่าที่ 2 24
ภาพที่ 19 จังหวะที่ 1-3 ท่าที่ 3 25
ภาพที่ 20 จังหวะที่ 4 ท่าที่ 3 25
ภาพที่ 21 จังหวะที่ 5 ท่าที่ 3 25
ภาพที่ 22 จังหวะที่ 7 ท่าที่ 3 26
ภาพที่ 23 จังหวะที่ 8 ท่าที่ 3 26
ภาพที่ 24 จังหวะที่ 1-2 ท่าที่ 4 27
ภาพที่ 25 จังหวะที่ 3 ท่าที่ 4 27
ภาพที่ 26 จังหวะที่ 4 ท่าที่ 4 27
ค
หน้า
ภาพที่ 27 จังหวะที่ 7 ท่าที่ 4 29
ภาพที่ 28 จังหวะที่ 8 ท่าที่ 4 29
ภาพที่ 29 จังหวะที่ 1-2 ท่าที่ 5 29
ภาพที่ 32 จังหวะที่ 7 ท่าที่ 5 30
ภาพที่ 33 จังหวะที่ 8 ท่าที่ 5 30
ภาพที่ 34 การจับคู่ที่ถูกต้องของจังหวะชะชะช่า 31
1
ประวัติ กีฬาลีลาศ
1. ประวัติลลี าศในต่างประเทศ (ประวัติลลี าศ ยุคก่ อนประวัติศาสตร์ )
การเต้น ร าถื อ เป็ นศิ ล ปะอย่ า งหนึ่ งของการแสดงออกของบุ ค คล ศิ ล ปะการเต้น ร าในสมัย ก่ อ น
ประวัติศาสตร์ ได้ถูกค้นพบจากภาพวาดบนผนังถ้ า ในแอฟริ กาและยุโรปตอนใต้ ซึ่ งศิลปะในการเต้นราได้ถูก
วาดมาไม่นอ้ ยกว่า 20,000 ปี มาแล้ว อีกทั้งพิธีกรรมทางศาสนา จะรวมการเต้นรา การดนตรี และการแสดงละคร
ซึ่งเป็ นสิ่ งสาคัญในชีวิตความเป็ นอยูข่ องมนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็ นอย่างมาก พิธีกรรมเหล่านี้อาจเป็ น
การบวงสรวงเทพเจ้าเทพธิ ดา หรื อจากการฉลองที่ล่าสัตว์มาได้ หรื อการออกศึกสงคราม นอกจากนี้ อาจมีการ
เฉลิมฉลองการเต้นราด้วยเหตุอื่น ๆ เช่น ฉลองการเกิด การหายจากอาการเจ็บป่ วย หรื อการไว้ทุกข์ เป็ นต้น
ประวัติลลี าศ ยุคโบราณ
การเต้นราของพวกที่นบั ถือสิ่ งศักดิ์สิทธิ์ หรื อพวกที่ไม่มีศาสนาในสมัยโบราณนั้น ในเขตทะเลเมดิเตอร์ เร
เนี ยนและตะวันออกกลาง มีภาพวาด รู ปปั้ นแกะสลัก และบทประพันธ์ของชาวอียิปต์โบราณ แสดงให้เห็นถึง
การเต้นราได้ถูกจัดขึ้นในพิธีศพ ขบวนแห่ และพิธีกรรมทางศาสนา ชาวอียิปต์โบราณส่ วนใหญ่เป็ นเกษตรกร
ในทุก ๆ ปี แม่น้ าไนล์จะเพิ่มระดับสู งขึ้นและเมื่อน้ าลดลง จะมีการทาการเพาะปลูก และมีการเต้นราหรื อแสดง
ละคร เพื่อขอบคุณเทพเจ้าโอซิริส (God Osiris) ซึ่ งเป็ นเทพเจ้าแห่ งการเกษตร ตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น
นอกจากนี้ การเต้นรายังนามาใช้ในงานส่ วนตัว เช่น การเต้นราของพวกข้าทาส ซึ่ งจัดขึ้นเพื่อความสนุ กสนาน
และต้อนรับแขกที่มาเยือน ชาวกรี กโบราณเห็นว่า การเต้นราเป็ นสิ่ งจาเป็ นทั้งในการศึกษา การบวงสรวงเทพเจ้า
เทพธิ ดา และการแสดงละคร ปรั ช ญาเมธี พลาโตให้ความเห็ นว่า พลเมื องกรี กที่ดีต้องเรี ยนรู ้ การเต้นราเพื่อ
พัฒนาการบังคับร่ างกายของตนเอง เพื่อเสริ มสร้างทักษะในการต่อสู ้ ดังนั้น การร่ ายราด้วยอาวุธ จึงถูกนามาใช้
2
ในการศึ ก ษาทางทหารของเด็ ก ทั้ง ในรั ฐเอเธนส์ และสปาร์ ต้า นอกจากนี้ การเต้นรามี ค วามนิ ย มแพร่ หลาย
นามาใช้ในพิธีแต่งงาน ฤดูการเก็บเกี่ยวพืชผล และในโอกาสอื่น ๆ ด้วย
ประวัติลลี าศ ยุคโรแมนติค
ประวัติลี ล าศ ยุค โรแมนติ ค เป็ นยุค ที่ มี ก ารปฏิ รูปเรื่ องบัล เล่ย ์ ในยุค นี้ นัก เต้นรามี ค วามอิ ส ระในการ
เคลื่อนไหว และการแสดงออกของบุคคล สมัยก่อนการแสดงบัลเล่ย ์ มักจะแสดงเรื่ องที่เกี่ยวกับเทพเจ้าเทพธิ ดา
แต่ยคุ นี้มุ่งแสดงเกี่ยวกับชีวิตคนธรรมดาสามัญ เรื่ องทัว่ ๆ ไป รวมถึงใส่ จินตนาการ ลงไปในบางครั้งด้วย
ในสมัยที่มีการปฏิวตั ิในฝรั่งเศส (ค.ศ. 1789) ได้มีการกวาดล้างพวกกษัตริ ยแ์ ละพวกขุนนางไป ทาให้เกิด
ความรู ้ สึ ก ใหม่ คื อความมี อิส ระเสรี เท่ า เที ย มกัน และเกิ ดการเต้นวอลซ์ ซึ่ งรั บมาจากกรุ งเวีย นนา ประเทศ
ออสเตรี ย ซึ่งเชื่อกันว่ามีรากฐานมาจากการเต้น Landler การเต้นวอลทซ์ได้แพร่ หลายไปสู่ประเทศที่เจริ ญแล้วใน
ยุโรปตะวันตก แต่เนื่ องจากการเต้นวอลซ์อนุ ญาตให้ชายจับมือ และ เอวของคู่เต้นราได้ จึงถูกคณะพระคริ ส
ประณามว่า ไม่เหมาะสมและไม่สุภาพเรี ยบร้อย
ในช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 การเต้นราใหม่ๆ ที่เป็ นที่นิยมกันมากในยุโรปและอเมริ กา จะเริ่ มต้นจากคน
ธรรมดาสามัญโดยการเต้นราพื้นเมือง พวกขุนนางเห็นเข้าก็นาไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับราชสานัก เช่น การ
เต้น โพลก้า วอลซ์ ซึ่งกลายเป็ นที่นิยมมากของชนชั้นกลางและชนชั้นสู ง
ในสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรี ย (The Victorian Era 1830 – 80) การไปงานราตรี สโมสรหนุ่มสาวจะไปเป็ น
คู่ๆ ต้องต่างคนต่างไป และฝ่ ายชายจะขอลีลาศกับหญิงคนเดิมมากกว่า 4 ครั้งไม่ได้ หญิงโสดก็จะต้องมีพี่เลี้ยงไป
ด้วย ฝ่ ายหญิงจะมีบตั รเล็กๆ สี ขาว จดบันทึกไว้วา่ เพลงใดมีชายขอจองลีลาศไว้บา้ ง
ในอเมริ การู ปแบบใหม่ในการเต้นราที่นิยมมากในหมู่ชนชั้นกรรมาชี พ พวกที่ยากจน และคนผิวดา คือ การ
เต้น Tap-Danced หรื อ ระบาย่าเท้า โดยรวมเอาการเต้นราพื้นเมื องในแอฟริ กา การเต้นแบบจิ๊ก ( jig) ของชาวไอริ ส
และการเต้นราแบบคล๊อก (Clog) ของชาวอังกฤษผสมเข้าด้วยกัน โดยคนผิวดามักจะเต้นไปตามถนนหนทางต่าง ๆ
ก่อนปี ค.ศ. 1870 การเต้นราได้ขยายไปสู่ เมืองต่างๆ ในอเมริ กา ผู ้หญิงที่ชอบร้องเพลงประสานเสี ยงจะ
เต้นระบาแคน-แคน (Can-Can) โดยใช้การเตะเท้าสู งๆ เพื่อเป็ นสิ่ งบันเทิงใจแก่พวกโคบาลที่ อยู่ตามชายแดน
อเมริ กา ระบาแคน-แคน มีจุดกาเนิดมาจากฝรั่งเศส
6
• ในราวปี ค.ศ. 1840 การเต้นราบางอย่างกลับมาเป็ นที่นิยมอีก อาทิ โพลก้า จากโบฮิเมีย ซึ่งเป็ นที่นิยมมากใน
เวียนนา ปารี ส และ ลอนดอน จังหวะมาเซอก้า (Mazuka) จากโปแลนด์ก็เป็ นที่นิยมมากในยุโรปตะวันตก
• ในราวกลางศตวรรที่ 19 การเต้นราใหม่ๆ ก็เกิ ดขึ้นอี กมาก อาทิ การเต้นมิ ลิทารี่ สก๊อตติ ช (Millitary
Schottische) การเต้นเค็กวอล์ค (Cakewalk) ซึ่งเป็ นการเต้นราแบบหนึ่งของพวกนิโกรในอเมริ กา การเต้น
ทูสเตป (Two-Step) การเต้นบอสตัน (Boston) และการเต้นเตอรกีทรอท (Turkey trot)
• ในศตวรรษที่ 20 (ค.ศ. 1910) จังหวะแทงโก้ จากอาร์ เจนตินา เริ่ มเผยแพร่ ที่ปารี ส เป็ นจังหวะที่แปลก
และเต้นสวยงามมาก
• ในระหว่า งปี ค.ศ. 1912 – 1914 Vemon และ lrene Castle ได้น ารู ป แบบการเต้น ร าแบบใหม่ ๆ จาก
อังกฤษมาเผยแพร่ ในอเมริ กาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้แก่ จังหวะฟอกซ์ทรอท และแทงโก้
• ปี ค.ศ. 1918 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษได้เลือกเฟ้นจังหวะเต้นราทั้งบอลล์รูม และละตินอเมริ กา
เรี ยบเรี ยงขึ้นเป็ นตารา วางหลักสู ตรของแต่ละจังหวะรัดกุม ในสมัยนี้ ประเภทบอลรู ม มีเพียง 4 จังหวะ
คือ วอลซ์ (Waltz) ควิกวอลซ์ (Quick Waltz) สโลว์ฟอกซ์ทรอท (Slow Fox-trot) และ แทงโก้ (Tango)
• ปี ค.ศ. 1920 ในอเมริ กาเริ่ มนิยมจังหวะ Paso-Doble (ปาโซโดเบล) และการเต้นราแบบก้าวเดียวสลับกัน
(One-step) ซึ่งเรี ยกกันว่า Fast fox-trot
7
• ปี ค.ศ. 1925 จังหวะชาร์ ลตัน (Charleston) เริ่ มเป็ นที่นิยม รู ปแบบการเต้นคล้ายทูสเตป และในปี เดียวกันนี้ Arthur
Murray ก็ได้ให้กาเนิ ดการเต้นราแบบสมัยใหม่ (Modem Dances) ขึ้น การเต้นราแบบสมัยใหม่น้ ี เป็ นการเต้นราที่
แสดงออกถึงจินตนาการของแต่ละบุคคล ไม่มีท่าเต้นที่แน่นอนตายตัว บางครั้งก็นาท่าบัลเล่ยม์ าผสมผสานด้วย
• ปี ค.ศ. 1929 จังหวะจิตเตอร์บกั (Jittebug) เริ่ มเป็ นที่นิยม รู ปแบบการเต้นต้องอาศัยยิมนาสติก การเบรก
และการก้าวเท้าย่าเร็ วๆ ในปี เดียวกันอิทธิ พลจากเพลงแจ๊สของอเมริ กา ทาให้เกิดจังหวะ ควิกสเตป
(Quickstep) ขึ้น เป็ นจังหวะที่ 5 ของบอลรู ม
• ปี ค.ศ. 1929 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการลีลาศ (Official Board of Ballroom Dancing) ขึ้นในประเทศ
อังกฤษ และ จัดการแข่งขันเต้นราในอังกฤษทุกปี
• ปี ค.ศ. 1930 การเต้นราของชาวคิวบา (Cuban Dance) ก็เป็ นที่นิยมมากในอเมริ กา คือจังหวะ คิวบันรัม
บ้า หรื อจังหวะรัมบ้า
• ปี ค.ศ. 1939 บรรดาครู ลีลาศ และผูท้ รงคุณวุติทางลีลาศในอังกฤษ ได้ร่วมกันวางกฏเกณฑ์ของลวดลาย
ต่างๆ ในลีลาศเพื่อให้เป็ นมาตราฐานเดียวกัน ในแต่ละจังหวะมีประมาณ 20 ลวดลาย
• ปี ค.ศ. 1940 การเต้นคองก้า และแซมบ้า จากบราซิล ก็เป็ นที่นิยมกันมาก
• ปี ค.ศ. 1950 ได้จดั ตั้งสภาการลีลาศระหว่างชาติ (International Council of Ballroom Dancing) โดยใช้
ชื่อย่อว่า I.C.B.D. และในปี เดียวกันนี้ มีจงั หวะใหม่ๆ เข้ามาเผยแพร่ อีก เช่น จังหวะแมมโบ้ จากคิวบา
จังหวะ ชา ชา ช่า จากโดมินิกนั และจังหวะ เมอเรงเก้ จากโดมินิกนั
• ปี ค.ศ. 1959 จัดแข่งขันลีลาศชิงแชมป์ เปี้ ยนโลก ขึ้นที่ประเทศอังกฤษ โดยจัดทั้งประเภทสมัครเล่น และ
อาชี พ ตามกฏเกณฑ์ที่ ส ภาการลี ล าศระหว่า งชาติ ก าหนด นอกจากนี้ ส ภาการลี ล าศระหว่า งชาติ ไ ด้
ก าหนดจัง หวะมาตรฐานไว้ 4 จัง หวะ คือ วอลซ์ ฟอกซ์ทรอท แทงโก้ และควิก สเตป ในช่ วงสมัย
สงครามโลกครั้งที่ 2 จังหวะที่มีการจัดการแข่งขันมี วอลซ์แบบอังกฤษ ฟอกซ์ทรอท แทงโก้ ควิกสเตป
และเวนิสวอลซ์ นอกจากนี้ อเมริ กาและอังกฤษ ได้แนะนา ร็ อคแอนด์โรค ให้ชาวโลกได้รู้จกั
• ปี ค.ศ. 1960 มีจงั หวะใหม่ๆ เกิดขึ้นในอเมริ กาโดยคนผิวดา คือ จังหวะทวิสต์ การเต้นจะใช้การบิดลาตัว
เข่าโค้งงอ การเต้นจะไม่แตะต้องตัวกับคู่เต้น คือ ต่างคนต่างเต้น นอกจากนี้ ยงั มีจงั หวะฮัสเซิ ล (Hustle)
และจังหวะบอสซาโนวา (Bossanova) ซึ่งดัดแปลงจากแซมบ้าของบราซิล
• ปี ค.ศ. 1970 นิยมการเต้นราที่เรี ยกว่า ดิสโก้ (Disco) ซึ่งเป็ นการเต้นที่ค่อนข้างอิสระมาก อย่างไรก็ดี ในปัจจุบนั นี้ มี
การเต้นราใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายแบบ เช่น แฟลชดานซ์ (Flash Dances) เบรกดานซ์ (Brake Dances) ซึ่ งมักจะเริ่ มจาก
8
ภาพที่ 7 ภาพแสดงการเต้นลลาศในประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2476 นักศึกษากลุ่มหนึ่ งเห็นว่า คาว่า เต้นรา เมื่อผวนแล้วจะฟั งไม่ไพเราะหู (สมาคมราเต้น)
ดังนั้น หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ จึงบัญญัติศพั ท์คาว่า ลีลาศ ขึ้นแทนคาว่า เต้นรา นับแต่บดั นี้เป็ นต้นมา
ต่อมาสมาคมสมัครเล่นเต้นราก็สลายตัวไป กลายเป็ น สมาคมครู ลีลาศแห่งประเทศไทย โดยมี นายหยิบ ณ นคร
10
ความหมายของลีลาศ
คาว่า ลีลาศ หรื อ เต้นรา มีความหมายเหมือนกัน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานปี พุทธศักราช 2525
ได้ให้ความหมายดังนี้ ลีลาศ เป็ นนาม แปลว่า ท่าทางอันงดงาม การเยื้องกราย เป็ นกิริยาแปลว่า เยื้องกรายเดิน
นวยนาด เต้นรา เป็ นกิริยาแปลว่า เคลื่อนที่ไปโดยมีระยะก้าวตามกาหนด ให้เข้ากับจังหวะดนตรี ซึ่ งเรี ยกว่า
ลีลาศ โดยปกติเต้นเป็ นคู่ชาย หญิง ราเท้าก็วา่ คนไทยนิยมเรี ยกการลีลาศว่า เต้นรา มานานแล้ว
คาว่าลีลาศตรงกับภาษาอังกฤษว่า Ballroom Dancing หมายถึง การเต้นราของคู่ชายหญิงตามจังหวะดนตรี
ที่มีแบบอย่างและลวดลายการเต้นเฉพาะตัว โดยมีระเบียบของการชุมนุม ณ สถานที่อนั จัดไว้ในสังคม ใช้ในงาน
ราตรี สโมสรต่างๆ และมิใช่การแสดงเพื่อให้คนดู นอกจากนี้ยงั มีคาอีกคาหนึ่งที่มกั จะได้ยินกันอยู่ เสมอคือคาว่า
Social Dance ส่วนใหญ่มกั จะนามาใช้ในความหมายเดียวกันกับคาว่า Ballroom Dancing
สหรัฐอเมริ กาคาว่า Social Dance หมายถึง การเต้นราทุกประเภทที่จดั ขึ้น โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อให้คนมาอยู่
ร่ วมกัน และได้มีส่วนร่ วมในกิจกรรมการเต้นราเป็ นหมู่คณะ เพื่อให้ได้ความสนุ กสานเพลิดเพลิน จึงกล่าวได้ว่า
Ballroom Dancing เป็ นส่วนหนึ่งของ Social Dance (ธงชัย เจริ ญทรัพย์มณี 2538)
อาจสรุ ปได้ว่า “ลีลาศ” คือกิจกรรมเข้าจังหวะประเภทหนึ่ ง เป็ นการเต้นราที่แสดงออกอย่างมีศิลปะ โดยใช้
เสี ยงเพลงและจังหวะดนตรี เป็ นสื่ อ เพื่ อให้เกิ ดความสนุ กสนามเพลิ ดเพลิ น มี ลวดลายการเต้น (Figure) เป็ นแบบ
เฉพาะตัว และมักนาลีลาศมาใช้ในงานสังคมทัว่ ๆ ไป
ประโยชน์ ของลีลาศ
จากสภาพความเป็ นอยูข่ องคนในสังคมปัจจุบนั ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วทาให้เกิดปัญหาที่สลับซับซ้อน
ไม่ว่าจะเป็ นปั ญหาทางด้านเศรษฐกิ จ สังคม และการเมือง สภาพการณ์เหล่านี้ เป็ นสาเหตุทาให้ประชาชนประสบกับ
ปัญหาต่างๆ ทั้งทางร่ างกายและจิตใจเพิ่มขึ้นเป็ นลาดับ ซึ่งจิตแพทย์ นักจิตวิทยา และนักการศึกษาต่างก็พยายามเน้นและ
ชี้นาให้เห็นถึงความจาเป็ น เกี่ยวกับการใช้เวลาว่างให้เป็ นประโยชน์ โดยการเข้าร่ วมกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถผ่อนคลาย
ความเครี ยด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียงิ่ ขึ้น ลีลาศจึงเป็ นกิจกรรมหนึ่ ง ซึ่ งนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครี ยดแล้ว
ยังช่วยพัฒนาทั้งทางด้านร่ างกายจิตใจ อารมณ์ และสังคมได้เป็ นอย่างดี ซึ่งพอจะสรุ ปประโยชน์ของการลีลาศได้ ดังนี้
1.ก่อให้เกิดความซาบซึ้งในจังหวะดนตรี
2.ก่อให้เกิดความสนุกสนาม เพลิดเพลิน
12
8.ไม่ควรเปลี่ยนคู่บนฟลอร์ลีลาศ
9.ควรลีลาศในรู ปแบบหรื อลวดลายที่ง่ายๆ ก่อน แล้วจึงเพิ่มรู ปแบบหรื อลวดลายที่ยากขึ้นตามความสามารถของคู่
ลีลาศเพราะจะทาให้คู่ลีลาศรู ้สึกเบื่อหน่าย และไม่ควรพลิกแพลงรู ปแบบการลีลาศมากเกินไปจนมองดูน่าเกลียด
10.ไม่ควรร้องเพลงหรื อแสดงออกอย่างอื่นในขณะลีลาศ หรื อลีลาศด้วยท่าทางแผลงๆ ด้วยความคึกคะนอง
11.ไม่ควรสอนลวดลายหรื อจังหวะใหม่ๆ บนฟลอร์ลีลาศ
12.ไม่ควรลีลาศด้วยลวดลายที่ใช้เนื้อที่มากเกินไป ในขณะที่มีคนอยูบ่ นฟลอร์เป็ นจานวนมาก
13.ในการลีลาศแบบสุภาพชน ไม่ควรแสดงความรักในขณะลีลาศ
14.การนาในการลีลาศเป็ นหน้าที่ข องสุ ภาพบุรุษ สุ ภาพสตรี ไม่ควรเป็ นฝ่ ายนา ยกเว้นเป็ นการช่วยในความ
ผิดพลาดของสุ ภาพบุรุษ เป็ นครั้งคราวเท่านั้น
15.การให้กาลังใจ การให้เกียรติ และการยกย่องชมเชยด้วยใจจริ ง จะช่วยให้คู่ลีลาศเกิดความรู ้สึกอบอุ่นและ
เชื่อมัน่ ในตนเองยิง่ ขึ้น คู่ลีลาศที่ดี จะต้องช่วยปกปิ ดความลับหรื อปั ญหาที่เกิดขึ้นและมองข้ามจุดอ่อนของคู่ลีลาศ
16.ไม่ควรผละออกจากคู่ลีลาศโดยกะทันหัน หรื อก่อนเพลงจบ
มารยาทในการลีลาศของสุ ภาพบุรุษ
1.ไม่ควรยืนข้างฟลอร์เฉยๆ
2.ไม่ตดั คู่ขอลีลาศกับสุภาพสตรี ที่กาลังลีลาศอยู่ เมื่อยังมีสตรี อื่นไม่ได้ออกลีลาศ
3.ควรเดินนาหน้าเพื่อขอทาง โดยยืน่ มืออีกข้างให้สุภาพสตรี จบั ถ้าฟลอร์แน่น
4.เมื่อจบเพลงควรเดินตามไปส่ งให้ถึงที่นงั่ พร้อมกับกล่าวขอบคุณ
5.ไม่ควรนาลีลาศในลวดลายที่ยาก
6.ถ้าจะขอลีลาศกับสุ ภาพสตรี อื่น ต้องขออนุญาตคู่ลีลาศของเขาก่อนและให้สุภาพสตรี พอใจที่จะลีลาศด้วย
15
มารยาทในการลีลาศของสุ ภาพสตรี
1.พยายามเป็ นผูต้ าม
2.รับการขอลีลาศจากสุภาพบุรุษเสมอ
3.กล่าวรับคาขอบคุณของสุภาพบุรุษอย่างสุภาพ
4.เมื่อปฏิเสธการลีลาศจากสุ ภาพบุรุษคนหนึ่งแล้ว ไม่ควรออกลีลาศกับสุ ภาพบุรุษอื่นในจังหวะนั้น
มารยาทของผู้เข้าชมลีลาศ
1.แต่งกายให้สุถาพเรี ยบร้อยเป็ นการให้เกียรติแก่การแข่งขันนั้น ๆ
2.ให้เกียรติแก่นกั กีฬาทั้ง 2 ฝ่ าย ด้วยการปรบมือเมื่อมีการแนะนา คู่แข่งขัน
3.ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ และไม่เชียร์ฝ่ายใดฝ่ ายหนึ่งจนไม่น่าดู
4.ถ้าอยูใ่ นระหว่างการแข่งขันอยูไ่ ม่ควรรบกวนสมาธิของผูแ้ ข่งขัน หรื อผูช้ มคนอื่น ๆ
5.การนิ่งเงียบ ในขณะที่นกั กีฬากาลังเล่นถือว่าเป็ นมารยาทของผูช้ มที่ดี
6.ไม่แสดงออกด้วยกิริยาไม่ชอบตอนตัดสิ นของกรรมการขณะทา การแข่งขัน แม้วา่ จะมีขอ้ ผิดพลาด
7.เมื่อการแข่งขันสิ้ นสุ ดลงควรปรบมือเป็ นเกียรติแก่นกั กีฬาทั้ง 2 ฝ่ าย
สมรรถภาพทางกาย
ความสามารถของร่ างกายในการประกอบการงาน หรื อ กิจกรรมทางกาย อย่างใดอย่างหนึ่ งเป็ นอย่างดี
โดยไม่เหนื่ อยเร็ ว อย่างมีประสิ ทธิ ภาพและสามารถฟื้ นตัวกลับสู่ สภาวะปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ ว โดยจะทราบ
ได้ว่าตัวของเรานั้นมีสมรรถภาพทางกายในด้านใดมากหรื อน้อย จะทาทดสอบด้วยการทดสอบสมรรถภาพทาง
กาย โดยแบบทดสอบมาตรฐาน เมื่อมีสมรรถภาพทางกายในด้านใดน้อย ก็สามารถเสริ มสร้างขึ้นมาได้ดว้ ยการ
กาหนดการฝึ กหรื อออกกาลังกาย สมรรถภาพทางกายเป็ นส่ วนสาคัญในการพัฒนาการทางด้านร่ างกาย ของ
มนุ ษย์ สมรรถภาพทางกายของบุคคลทัว่ ไปจะเกิ ดขึ้นได้จากการเคลื่ อนไหวร่ างกาย หรื อออกกาลังกายอย่าง
สม่าเสมอ แต่ถา้ หยุดออกกาลังกายหรื อเคลื่อนไหวร่ างกายน้อยลงเมื่อใด สมรรถภาพทางกายจะลดลงทันที
(สาหรับวัยทางาน ระหว่าง 17-59 ปี )
16
จังหวะที่6 เดินเฉียงอีกเล็กน้อย
ท่าที่ 2
จังหวะที่ 1 ฝ่ ายชายเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินถอยหลัง 3 ก้าว
จังหวะที่ 2 ฝ่ ายชายเดินถอยหลัง 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินหน้า 3 ก้าว
23
จังหวะที่ 4 เปลี่ยนสลับทิศทางการเดินของแต่ละฝ่ าย
จังหวะที่ 5 เดินเหมือนกับท่าจังหวะที่ 3
จังหวะที่ 6 เดินเหมือนกับท่าจังหวะที่ 4
จังหวะที่ 7 ฝ่ ายหญิงหมุน โดยที่ฝ่ายชายย่า เท้าอยูก่ บั ที่
ท่าที่ 3
จังหวะที่ 1 ฝ่ ายชายเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินถอยหลัง 3 ก้าว
จังหวะที่ 2 ฝ่ ายชายเดินถอยหลัง 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินหน้า 3 ก้าว
จังหวะที่ 3 ฝ่ ายชายเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินถอยหลัง 3 ก้าว
25
จังหวะที่ 5 เปลี่ยนสลับทิศทางการเดินของแต่ละฝ่ าย
จังหวะที่ 6 ทาเหมือนกับท่าจังหวะที่ 4
จังหวะที่ 7 ฝ่ ายหญิงหมุน โดยที่ฝ่ายชายย่าเท้าอยูก่ บั ที่
ท่าที่ 4
จังหวะที่ 1 ฝ่ ายชายเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินถอยหลัง 3 ก้าว
จังหวะที่ 2 ฝ่ ายชายเดินถอยหลัง 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินหน้า 3 ก้าว
27
จังหวะที่ 4 เปลี่ยนสลับทิศทางการเดินของแต่ละฝ่ าย
จังหวะที่ 5 ทาเหมือนกับท่าจังหวะที่ 3
จังหวะที่6 ทาเหมือนกับท่าจังหวะที่ 4
จังหวะที่ 7 ฝ่ ายชายและฝ่ ายหญิงหมุนออกแล้วหันหน้าเข้าหากัน
ท่าที่ 5
จังหวะที่ 1 ฝ่ ายชายเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินถอยหลัง 3 ก้าว
จังหวะที่ 2 ฝ่ ายชายเดินถอยหลัง 3 ก้าว ฝ่ ายหญิงเดินหน้า 3 ก้าว
29
จังหวะที่ 4 เปลี่ยนสลับทิศทางการเดินของแต่ละฝ่ าย
จังหวะที่ 5 ทาเหมือนกับท่าจังหวะที่ 3
จังหวะที่ 6 ใช้ท่าเดียวกับจังหวะที่ 5 แต่เดินหน้าพร้อมกางแขนตลอดทั้งท่า
จังหวะที่ 7 ฝ่ ายชายและฝ่ ายหญิงหมุนออกแล้วหันหน้าเข้าหากัน
ดนตรีและการนับจังหวะชะชาช่ า
- ดนตรี ของจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า มีท่วงทานองที่สนุกสนานเร้าใจ และมีจงั หวะเน้นเด่นชัดดนตรี จะเป็ นแบบ
4/4 เหมือนกับจังหวะคิวบ้ารัมบ้า คือ ใน 1 ห้องมี 4 จังหวะ
- การนับจังหวะสามารถนับได้หลายวิธี เช่น หนึ่ง -- สอง – สามสี่ – ห้า หรื อ หนึ่ง – สอง ช่ะ ช่ะ ช่า หรื อนับก้าว
จนครบตามจานวนลวดลายพื้นฐาน หรื อนับตามหลักสากลคือ นับตามจังหวะของดนตรี คือ สอง – สาม – สี่ และ –
หนึ่ง โดยที่กา้ วแรกตรงกับจังหวะที่ 2 ของห้องเพลง
- ดนตรี ของจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า บรรเลงด้วยความเร็วมาตรฐาน 32 ห้องเพลงต่อนาที (30 – 40 ห้องเพลงต่อนาที)
การจับคู่
การจับคู่เต้นราในจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า เป็ นการจับคู่แบบละตินอเมริ กนั โดยทัว่ ไปคือแบบปิ ด (มือขวาของ
ชายวางบริ เวณสะบักของผูห้ ญิง) การจับคู่น้ ี ไม่ได้จบั อยู่เช่นนี้ ตลอดเวลาแต่จะเปลี่ยนไปตามท่าเต้นซึ่ งอาจจะ
ต้องจับกันด้วยมือข้างเดียว หรื ออาจปล่อยมือที่จบั กันอยูท่ ้ งั สองข้างก็ได้
ภาพที่ 34 การจับคู่ที่ถูกต้องของจังหวะชะชะช่า
การก้าวเท้า
การก้าวเท้าในจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า มีการใช้ฝ่าเท้ามากที่สุด ทั้งการก้าวเท้าไปข้างหน้าหรื อถอยหลัง จะต้องให้
ฝ่ าเท้าสัมผัสพื้นก่อนเสมอแล้วจึงราบลงเต็มเท้า และเมื่อมีการก้าวเท้าเข่าจะต้องงอเล็กน้อย หลังจากราบลงเต็มเท้า
แล้วเข่าจึงตึง ส่ วนเข่าอีกข้างก็จะงอเพื่อเตรี ยมก้าวต่อไป เมื่อน้ าหนักตัวอยูท่ ี่เท้าใดส้นเท้านั้นจะต้องลดลง ดังนั้น
32
ทักษะการเต้นราจังหวะ ชะ ชะ ช่ า
1. สแควร์ (Square)
2. การไขว้
3. การหมุน
สแควร์ (Square)
เป็ นการเต้นพื้นฐานที่ประกอบด้วยการเดิน 10 ก้าว แบ่งเป็ นเดิน หน้า 5 ก้าวและถอยหลัง 5 ก้าว ในการ
ฝึ กเดินสาหรับผูห้ ัดใหม่ควรเริ่ มเดินแบบเดินหน้าและถอยหลังตรง ๆ ก่อน แล้วจึงเริ่ มหมุนโดยการหมุนตัวไป
ทางซ้ายครั้งละ 1/8 รอบ หรื อ 1/4 รอบใน 5 ก้าวต่อไป
สแควร์ ของฝ่ ายชายประกอบด้วยการเดิน 10 ก้าวดังนี้
ท่าเริ่ มต้น : เริ่ มต้นด้วยการยืนจับคู่แบบปิ ด น้ าหนักตัวอยู่ที่เท้าขวา
การหมุน
การหมุนเป็ นการเต้นราที่มีการปล่อยมือออกจากคู่หมุนตัวอยูก่ บั ที่ 1 รอบ ไปทางซ้ายหรื อขวาก็ได้ โดยใช้การหมุน
ตัว 2 ก้าวแล้วชิดเท้าไล่กนั อีก 3 ก้าว (แชสเซ่) ไปทางข้างๆ การหมุนจึงมีการเต้นอยู่ 2 แบบ คือ
หมุนตัวไปทางซ้าย ( SPOT TURN TO LEFT) หมุนตัวไปทางขวา ( SPOT TURN TO RIGHT) การหมุนนี้จะเต้น
พร้อมกันทั้งคู่ คือถ้าผูช้ ายหมุนตัวไปทางซ้าย ผูห้ ญิงก็คือหมุนตัวไปทางขวา(หมุนตัวตรงข้ามกัน) หรื อผลัดกันทาคนละ
ครั้งก็ได้ คือถ้าผูช้ ายหมุนตัวไปทางขวาในก้าวที่ 1 – 5 ผูห้ ญิงจะเต้นไทม์ สเต็ป โดยถอยเท้าขวาไปข้างหลังและผูช้ ายเต้น
ไทม์ สเต็ป ในก้าวที่ 6 – 10 ผูห้ ญิงจะต้องหมุนตัวไปทางขวาสลับกันไป การหมุนตัวไปทางซ้ายก็ปฏิบตั ิเช่นเดียวกัน
· การหมุนไปทางขวาประกอบด้วยการเดิน 5 ก้าว ดังนี้
· การหมุนไปทางซ้ายประกอบด้วยการเดิน 5 ก้าว ดังนี้
35
กฎกติกาของกีฬาลีลาศ
1. คาจากัดความของคู่แข่งขัน
- คู่แข่งขัน 1 คู่ จะประกอบด้วย ชาย 1 คน และคู่เต้นที่เป็ นหญิง 1 คน
2. คู่แข่งขันที่ต่างสัญชาติกนั
- 1.1 คู่แข่งขันที่เคยเป็ นตัวแทนประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่อนุญาตให้เป็ นตัวแทนของประเทศอื่นอีกจน
กว่าเวลาจะผ่านพ้นไป 12 เดือน
- 2.2 ในกรณี ที่ เ ป็ นการแข่ ง ขัน ที่ จัด โดยคณะกรรมการโอลิ ม ปิ คสากล ( International Olympic
Committee: IOC ) หรื อสมาคมเวิ ล ด์ เ กมส์ น านาชาติ (International World Games Association: IWGA ) ไม่
อนุญาตให้คู่แข่งขันที่ต่างสัญชาติกนั เข้าร่ วมทาการแข่งขัน เพื่อให้เป็ นไปตามกฎของคณะ กรรมการโอลิมปิ ค
สากล คู่แข่งขันที่เป็ นตัวแทนของชาติน้ นั นักแข่งขันแต่ละคน จะต้องมีหนังสื อเดินทางของชาติของตน ซึ่ งส่ ง
โดยสมาคมที่เป็ นสมาชิกของ สหพันธ์กีฬาลีลาศนานาชาติ
- 2.3 การแข่ ง ขัน ชิ ง ถ้ว ย Formation ของสหพัน ธ์ กี ฬ าลี ล าศนานาชาติ ( IDSF Championships / Cups
Formation ) อย่างน้อยต้องมีนกั กีฬาเข้าแข่งขันจานวน 12 คน ในหนึ่งทีม ที่จะต้องจัดส่งหนังสื อเดินทางของชาติ
ตนเอง โดยสมาคมที่เป็ นสมาชิกของสหพันธ์ฯ
การให้ คะแนน
-การเต้นให้ลงจังหวะกับดนตรี และ ดูพ้นื ฐานของการเต้นว่าถูกต้องหรื อไม่
-ดูการทรงตัวของลาตัว มีความสัมพันธกับคู่เต้น
-ดูการเคลื่อนไหวให้พริ้ วไหว สวยงาม
-การออกแบบการแสดง การเลือกดนตรี ประกอบ และการเปลี่ยนท่าในช่วงต่อจังหวะ
-การใช้เท้าในการเคลื่อนไหว จะต้องถูกต้องตามหลักเกณฑ์
-การใช้พ้นื ที่ฟลอร์ในการเต้น จะต้องหลบหลีกคู่เต้นอื่น และไม่ไปรบกวนการเต้นของผูอ้ ื่นด้วย
-ซึ่งส่วนประกอบต่าง ๆ ในการให้คะแนน มีสัดส่วนเท่ากัน
36
บรรณานุกรม
ประวัติ ในประเทศกับประโยชน์ https://www.educatepark.com/story/history-of-dancesport/
ประวัติต่างประเทศ https://www.educatepark.com/story/history-of-dancesport/
การเต้นจังหวะชะชะช่าและบีกิน https://paveen04.blogspot.com/2011/05/blog-post.html
มารยาทผูช้ ายและผูห้ ญิง https://www.slideshare.net/tepasoonsongnaa/ss-36645890
มารยาทในการเต้นลีลาศ https://peachername.blogspot.com/2012/06/blog-post_2341.html
ความหมายของลีลาศ https://www.educatepark.com/story/history-of-dancesport/
สมรรถภาพ file:///C:/Users/ASUS/Desktop/LARTS_63_01.pdf
กฎกติกา https://sites.google.com/site/biwlovedancing/kd-ktika-khxng-kila-lilas